You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! 211-217
บทที่ 211 โดนเล่นงานเข้าแล้ว!
ตงฮวงไป๋ลู่ยืนรอด้วยความสงบ
ทันใดนั้น! เสียงก้าวเท้าอันหนักหน่วงก็ดังขึ้น แน่นอนว่ามันเป็นเสียงที่ไม่มีวันลืมได้เลย เขากำลังลงมาด้านล่าง มาตามหมายเชิญของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเซไปมานิดหน่อย บางสิ่งบางอย่างมันผิดปกติ!
แต่เขาก็อยุ่ที่นี่ด้วย! เขาอยู่ที่นี่จริงๆ! ตงฮวงไป๋ลู่นั้นรู้สึกสับสนอยู่ข้างใน อะไรกันน่ะชายคนนี้? ความน่าหลงไหลที่แผ่ออกมาจากตัวเขานั้นไม่ได้ต่างไปจากปีที่แล้วเลย!
นัยน์ตาของเย่ฮั่วมองลึกกลับมาอยู่ไม่ไกล มันช่างเหมือนกับเมื่อปีที่แล้วจริงๆ!
หยิบบุหรี่มาจุดสูบ เย่ฮั่วไม่ได้แสดงท่าทางรีบร้อนที่จะเข้าไปพบ แต่กำลังกังวลเกี่ยวกับชิงหยา
เมื่อเทวทูตผู้นี่เปี่ยมไปด้วยความกลัวในจิตใจ เขาจะกลับเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องเข้าไปพบเธออยู่ดีไม่เร็วก็ช้า เพราะงั้นแล้วซ่อนไปก็คงไม่ได้อะไร
ตั้งแต่ตืนนั้นจนกระทั่งเธอให้กำเนิดลูกสาวออกมา ถึงมันจะยากที่จะยอมรับและแน่นอน เมื่อถึงเวลา ชิงหยาคงต้องพูดถึงมันแน่ๆ
เว่ยชางและเลี่ยกูรวมไปถึงสองพี่น้องเขียวแดงต่างก็แอบซ่อนอยู่ที่ด้านใดด้านหนึ่งด้วยหัวใจที่สั่นไหวราวกับว่ากำลังลุ้นว่าใครจะตายเป็นรายต่อไป
เย่ฮั่วเดินตรงไปนั่งพร้อมบุหรี่ ตรงหน้าหญิงสาวที่เขาเชิญเธอมา
เธอเปลี่ยนไป ดูมีวุฒิภาวะมากขึ้นกว่า 3 ปีที่แล้ว ทั้งยังดูจองหองขึ้นอีก…แต่ก็เป็นแบบที่เขาชอบนั่นแหละ ไม่งั้นครั้งหนึ่งเขาคงไมกล้าที่จะยอมรับเธอหรอก
ตงฮวงไป๋ลู่นั้นมองไปยังชายหนุ่มที่เธอไม่ได้เจอหน้ามากว่า 3 ปี เขาไม่เปลี่ยนไปเลย ทั้งใบหน้าที่ไร้อารมณ์ แล้วไหนจะมองทุกคนเป็นมดอีก แถมยัง…ติดบุหรี่ไม่เปลี่ยน
เขาคือคนที่ต้องการจะวันไนท์เธอ เป็นพวกบ้าที่ทำให้เธอไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน พอเพลียจะหลับก็ปลุกขึ้นมาอีก เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว พอเช้ามาก็ต่างคนต่างตื่นนอนโดยไม่ได้รู้สึกรักใดๆ แถมยังพูดอีกว่า เราจะไม่ได้เจอกันอีกในอนาคต แม้แต่ชื่อก็ไม่ยอมบอก
“อย่ามาทำไขสือน่า เย่ฮัว!” ตงฮวงไป๋ลู่พูดขึ้นมา
เย่ฮัวขมวดคิ้วขึ้นทันใด “ไปรู้ชื่อฉันมาจากไหน?”
ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ที่ร้านกะทะร้อนเมื่อครั้งนั้น นี่เธอแอบไปเช็คมาจากที่นั่นงั้นเหรอ? น่าจะเป็นแบบนั้นแน่ๆ อาหลี่เพิ่งไปเมื่อวาน และวันนี้เธอก็มา
สงสัยคงต้องเปลี่ยนพนักงานกันหน่อยแล้ว
ตงฮวงไป๋ลู่ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ฉันก็ไม่ได้อยากรู้ชื่อของนายหรอกนะ เพราะมันรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ได้ยิน”
ดูสิ ยัยนี่ไม่มีใครเคยสอนมารยาทหรือไงน่ะ? นี่เพิ่งเจอหน้ายังขนาดนี้ แม้แต่ชิงหยายังไม่ออกลายตั้งแต่ต้นเลยนะ!
แต่มันน่าจะเป็นเพราะเธอเป็นแม่คนแล้วนั่นแหละ การเดินทางบทเส้นทางที่แตกต่างกว่า 3 ปีนั้น คงจะต้องผ่านอะไรแย่ๆรวมถึงต้องทำงานหนักมากๆมาเป็นแน่ๆ เอาเป็นว่าจะไม่สั่งสอนตอนนี้ละกัน ไว้ทีหลัง เธอยังมีโอกาสนะ รีบๆเปลี่ยนตัวเองซะล่ะ
“พอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเธอที่มาที่นี่แล้ว” เย่ฮัวพูดอย่างแผ่วเบา
ตงฮวงไป๋ลู่ได้ฟังก็ส่งเสียงหัวเราะที่ชวนหลงไหลออกมา “จะคุยกันเรื่องเหตุผลที่ฉันมาที่นี่เหรอ?”
“ฉันรู้ว่าเธอกำลังตกทุกข์ได้ยาก และเมื่อเธอมาอยู่ที่นี่แล้ว นั่นหมายถึงเธอยังไม่ลืมฉัน เพราะงั้นเลิกระแวงแล้วมาเป็นผู้หญิงของฉันในอนาคตซะ”
ทั้ง 4 ที่ซ่อนตัวอยู่ต่างอยู่ในสภาพอ้าปากหวอ เอาจริงๆก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ถึงมันจะอยู่เหนือการคาดหมายก็ตามโดยเฉพาะไอ้ประโยคสุดท้ายนั่น…
มาเป็นผู้หญิงของฉันซะ!
เกิดคาดหมายไปแล้วโว้ยยยย! จะมาดแมนอะไรขนาดนี้! ไม่มีผู้หญิงคนไหนรอดไปได้จากประโยคนี้ซักคน!
เว่ยชางและพี่น้องเขียวแดงหยิบสมุดเล่มเล็กๆขึ้นมาและเขียนมันลงไป
“ฮะ…ฮะๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ!”
ตงฮวงไป๋ลู่หัวเราะออกมาเสียงดัง ดังจนรู้สึกว่าดังที่สุดในชีวิตเธอเลย เขายังคงไม่เลิกโยงทุกอย่างเข้าหาตัวเอง แถมยังกล้าพูดด้วยว่าเธอมาที่นี่ก็เพราะเขา! แล้วจะให้เธอรู้สึกมีเกียรติที่ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วยงั้นเหรอ? ปุปปัปไปหน่อยมั้ง หลงตัวเองไม่เปลี่ยน คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนเดียวที่เหลือบนโลกหรือไง?
แต่…
แต่ถ้านายพูดแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อตอนนั้น…ครอบครัวของเรา 3 คนคงไม่แตกแยกแบบนี้!
“เธอจะหัวเราะทำไม…” เย่ฮั่วขมวดคิ้ว
ตงฮวงไป๋ลู่ยกยิ้มและพูดด้วยเสียงเยือกเย็น “หัวเราะให้กับคนโง่อย่างนายไง!”
ทันใดนั้นเย่ฮั่วก็ปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที “อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงของฉันแล้วจะด่าฉันได้นะ!”
มันมีข้อแตกต่างระหว่างตงฮวงไป๋ลู่และชิงหยาอยู่นิดหน่อย ตรงที่ชิงหยาไม่เคยต่อต้านเขา แต่ตงฮวงไป๋ลู่นั้นถ้ามีมีดในมือเธออาจจะเสียบคอเขาไปแล้วก็ได้
ความสบายกายสบายใจถูกทำลายโดยตงฮวงไป๋ลู่ แรงกดดันมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากทั้งสองจนพัดที่นั่งรอบๆให้กระเด็นกระดอนออกไป
เก้าอี้พวกนั้นทำให้เว่ยชางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาถึงตายหรอก เดี๋ยวค่อยรักษาก็ได้
“ผู้หญิงของนาย? เย่ฮั่ว เลิกทำตัวใหญ่คับโลกได้แล้ว!!” ตงฮวงไป๋ลู่ตะโกนก้อง ต่างฝ่ายต่างประหลาดใจในความแข็งแกร่งของกันและกัน ซึ่งมันพอๆกันเลย!
เย่ฮั่วเองก็ประหลาดใจไม่น้อยที่ผู้หญิงตรงหน้าแข็งแกร่งไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่แปลกใจทำไมเธอกล้าที่จะหยิ่งยโสขนาดนี้ แต่แย่หน่อยนะที่ไม่มีอะไรที่จะมาแข็งแกร่งกว่าเทวทูตได้
“เธอยังคงหยิ่งผยองจองหองและโอหังเหมือนเดิมเลยนี่!”
“ทำอะไรอยู่น่ะ?”
เสียงหวานดังลงมาจากบันไดนั่นทำให้หัวใจเย่ฮัวร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตงฮวงไป๋ลู่เองก็มองย้อนขึ้นไปและเธอก็เห็นคนที่น่าจะเป็นหวานใจคนใหม่ของเขา น่าจะใช่แหละ…ใจเธอเชื่ออย่างนั้น
ชิงหยาได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่าง เธอเลยเดินลงมาดูแม้จีจี้จะพยายามขัดขวางก็เถอะ เธอเห็นเย่ฮั่วกำลังคุยกับผู้หญิงอีกคน ผู้หญิงที่กำลังมองมาที่เธอแบบไม่เต็มใจนัก
เธอจะมาไม่พอใจฉันทำไมน่ะ? ชิงหยาไม่เข้าใจถึงจุดนี้ แต่เธอตรงนั้นช่างสวยเหลือกัน…ไม่ใช่ว่าเย่ฮัวจะกลับไปหาเธอคนนั้นหรอกนะ!
ตาบ้าเอ้ย!
ทั้ง 4 ที่อยู่ในที่ซ่อนมองไปยังชิงหยาที่ลงบันไดมา ทันใดนั้นพวกเขาก็รีบกลั้นหายใจ เลี่กูเอามือปิดหูน้องเล็กแดงไว้และตัวน้องเล็กเองก็เอามือเกาะขาพี่ใหญ่ของเขาไว้แน่นเลยจนตัวปลิวเองเกิดเจ็บขึ้นมา
เอามือไปปิดปากตัวเองสิวะ!
เว่ยชางมองเหตุการณ์ตรงหน้าเข้าและพยายามคิดถึงเรื่องที่จะเกิดต่อไปนี้…
ทั้งสองคงไม่ลงรอยกันแน่ๆ และหลังจากนั้น…อ่า…ไม่คิดแล้ว…
ชิงหยามองไปยังสามีของเธอ
จะมองทำไมน่ะ…พวกเธอก็เมียฉันเหมือนกันทั้งหมด ลากตัวเองแล้วก็น้องสาวของเธอกลับไปนอนไป๊ ไม่อยากอยู่แล้วหรือไง…จะกลับไปดีๆหรือจะให้ตีก้นฮะ…
ดูท่าเสียงนั้นจะไปไม่ถึงชิงหยาเพราะเธอเดินไปนั่งและยิ้มให้กับตงฮวงไป๋ลู่ “ขอโทษด้วยนะคะ เขาเป็นพวกชอบก่อเรื่องวุ่นวาย อย่าไปใส่ใจเลย”
ตงฮวงไป๋ลู่มองไปยังเย่ฮั่วด้วยสายตาที่ไปพร้อมคำถาม ‘หล่อนไม่รู้ถึงการมีอยู่ของฉันหรือไง!?’
สถานการณ์ตอนนี้มันชัดเจนมากๆเลย นั่นทำให้เธอหัวเราะออกมาอีก ยิ้มด้วยความตำหนิตัวเองและหัวเราะให้ความงี่เง่าของเขา
เธอพูดกับชิงหยา “เธอโดนตานี่หลอกมาหรือเปล่า?”
ชิงหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและมองไปยังเย่ฮั่ว ใบหน้าของเขาดูไม่ดีนัก สับสนจังแฮะ
“เอ่อ เขาเป็นสามีของฉันน่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ชิงหยายังคงแสดงท่าทีสุภาพออกมา เธอกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่หรือเปล่านะ…
ตงฮวงไป๋ลู่ยิ้มและส่ายหน้าเล็กน้อย “แต่งงานกันแล้วเหรอ?”
“ใช่แล้วค่ะ” ชิงหยาเริ่มรู้สึกเป็นปรปักษ์กับเธอแล้ว ผู้หญิงคนนี้มันอะไรกันน่ะ อึดอัดจังเลย
จริงจังป่ะนิ? เหมาะสมกันตรงไหน? ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรกว่าฉันน่ะ? ทำไมถึงทิ้งฉันมาแล้วเลือกเธอ!
“ให้ฉันเดาดีกว่าว่าพวกเธอเจอกันได้ยังไง”
“พอได้แล้ว!” เย่ฮัวตะโกน
ชิงหยาเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมาแล้ว ดูท่ามันจะมีปัญหากันตรงนี้สินะ ดูจากที่เย่ฮั่วเริ่มอยู่ไม่สุขเนี่ยแสดงว่ามีอะไรไม่ถูกต้องแน่ๆ!
“เย่ฮั่ว ฉันอยากฟัง” ชิงหยาพูดอย่างสงบนิ่ง
เย่ฮั่วรับรู้ว่าเขาคงเลี่ยงเหตุการณ์นี้ไม่ได้แล้ว เพราะงั้นจึงดึงบุหรี่มาจุดสูบ โดยที่ตัวเขาเองกำลังโดนสองสาวนี้เผาไหม้อยู่ตลอดเวลา นี่ฉันกำลังพ่ายแพ้เหรอ? ควรจะทำหน้ายังไงดีนะ…
ตงฮวงไป๋ลู่เริ่มพูดต่อ “ถ้าเดาไม่ผิด พวกเธอเจอกันที่นี่สินะ?”
บทที่ 212 ไม่ยุติธรรมเลย!
“คุณรู้ได้ยังไงน่ะ?” ชิงหยาเริ่มจะประหลาดใจแล้ว เธอคนนี้ไม่เหมือนคนทั่วไปเลย
“ให้ฉันพูดให้จบก่อนสิ”
หลังจากที่โดนขัด ตงฮวงไป่ลู่ก็เริ่มพูดต่อ “อารมณ์ของเธอในวันนั้นคือไม่ดีสุดๆ ฉันพูดถูกไหม?”
ใบหน้าของชิงหยาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและพยักหน้ารับ
“จากนั้นตานั่นก็โผล่เข้ามา และเธอก็พูดอะไรบางอย่างผิดไป จากนั้นเธอต้องขึ้นด้านบนนั้นกับเขา และจากนั้นเธอและเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของชิงหยาก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาพลัน เธอรับหันไปมองเย่ฮัวราวกับจะพูดว่า ทำไมเธอคนนี้ถึงรู้เรื่องนั้น!!!
เย่ฮัวสูบบุหรี่ต่อไปโดยไม่ได้ตอบสนองอะไรเธอ แต่กระนั้นใบหน้าของเขาก็ไม่ได้ดูปกตินัก
ก็อยากจะต่อต้านอยู่หรอกแต่รู้สึกไร้พลังเหลือกัน นั่นเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง ยกเว้นเรื่องที่พูดอะไรผิดนั่นที่ไม่ใช่ นอกนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แถมคืนนั้นเธอยังสมัครใจอีกด้วย! เอ๊ะ หรือว่าจริงๆฉันโดนข่มขู่เหรอ? จำได้ว่าเย่ฮัวเอามีดมาจ่อคอเธอพร้อมเสนอว่า ถ้าไม่ทำตามเขาจะทำลายครอบครัวเธอทั้งหมด…
อ่า…ไม่ว่าจะหลอกตัวเองยังไง โดนพูดแบบนี้ไปก็เหมือนจะตอกย้ำตัวเองลงไปอีกแฮะ
มองเย่ฮัวที่ไม่ได้พูดอะไร ชิงหยาก็ถามกลับไปด้วยความใจเย็น “คุณรู้เรื่องนั้นได้ยังไงกันคะ?”
“นั่นก็เพราะ…ฉันก็เหมือนกันเธอ โดนหลอกให้ขึ้นไปชั้นบนเหมือนกัน!” ตงฮวงไป่ลู่พูดอย่างเคียดแค้นพร้อมทั้งจ้องเขม็งไปยังเย่ฮัว ยอดดวงใจที่ย่ำยีหัวใจของเธอจนถึงที่สุด
ชิงหยาหายใจสะดุดไปแว้บนึงเลย สมองเธอตอนนี้เปิดโล่งไปหมด รวมไปถึงรู้สึกได้ว่ามีแรงลมปะทะเข้าหน้าแรงมาก
หลังจากเงียบไปพักใหญ่เธอถึงจะหันไปทำปากมุบมิบถามเย่ฮัว “นี่มันเรื่องจริงเหรอ?”
เย่ฮัวพ่นควันบุหรี่ออกมาและพยักหน้า “คนนี้แหละที่ฉันบอกเธอไว้ว่าเป็นผู้หญิงคนแรก”
ชิงหยาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง เคยได้ยินเรื่องที่เย่ฮัวพูดถึงผู้หญิงที่มาก่อนเธอก็จริง แต่ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะเป็นคนนี้ เธอที่เข้ามาจนถึงที่นี่!
แต่ตัวเธอเองเป็นภรรยาแบบถูกต้องตามกฏหมายของเย่ฮัวนะ เธอน่ะก็แค่สาวที่หนุ่มของฉันไปนอนด้วยคืนนึงแค่นั้นแหละ!
แต่ถึงจะคิดอย่างงั้น ชิงหยาก็ยังไม่ได้รู้สึกสบายตัวขึ้นอยู่ดี
“เธอต้องการอะไรกันแน่!” ชิงหยาหันไปถามตรงๆกับตงฮวงไป่ลู่ ในเมื่อปัญหานี้มันเกี่ยวโยงกับเย่ฮัวด้วย ดังนั้นมันควรจะจบลงเสียที
ตงฮวงไป่ลู่นั้นใจเย็นยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ทั้งสองสามีภรรยานั้นเริ่มจะโกรธขึ้นมาแล้ว
“รอก่อน ยังพูดไม่เสร็จ”
นี่มันการเขม่นกันของสองสตรีที่ฉลาดเป็นกรดชัดๆ ถึงแม้ว่าชิงหยาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าอีกฝ่าย หากแต่ในเวลานี้ด้วยความที่เธอยอมอีกฝ่ายไม่ได้ มันทำให้เธอสูสีกับตงฮวงไป่ลู่อยู่ไม่น้อย ส่วนเย่ฮัวก็ไม่ได้เข้าไปขัดอะไรด้วย
“พูดมาเลย!” ก็อยากจะฟังให้หมดเหมือนกัน ว่าเธอมีอะไรจะฝอยอีก!
ตงฮวงไปลี่พูดต่อแบบไม่แยแสอะไร “ชิงหยา อย่าเพิ่งหงุดหงิด ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะเธอ แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ได้อยากจะมาที่นี่หรอก”
ชิงหยานั้นยิ่งสับสนขึ้นไปอีก เธอคนนี้เป็นใครกันแน่น ทำไมถึงพูดเหมือนรู้กิจวัตรประจำวันของเธอขนาดนี้ แล้วที่สำคัญ ทำไมหล่อนถึงรู้จักชื่อของเธอกันล่ะ!
“โอเค เย็นก่อน กลับมาเรื่องของเรา หลังจากคืนนั้น เธอกับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกจนกระทั่งเธอพบว่าตัวเองตั้งท้อง จากนั้นถึงมาหาเขา”
คำพูดของตงฮวงไป่ลู่นั้นทำให้ชิงหยาช็อคไปอีก ใบหน้านั้นแสดงออกถึงความไม่เชื่อขึ้นมา เธอรู้ทุกอย่างเลยงัน้เหรอ? นี่แอบตั้งกล้องไว้รึไงเนี่ย!?
“ท้ายสุดแล้ว ฉันอยากจะถามเธอหน่อย ว่าเธอต้องรอกี่วันก่อนที่เขาจะยอมลงมาด้านล่าง?” ตงฮวงไป่ลู่ปิดท้ายเรื่องของเธอด้วยคำถามที่ชวนให้สงสัย
ในตอนนี้ลูกสาวของเธอหายตัวไป และเธอค่อนข้างจะห่วงความปลอดภัยของลูกสาวของเธอมากๆ แต่นี่เป็นจุดประสงค์ที่เธอมาในครั้งนี้ หากไม่ได้ถามคงตายตาไม่หลับแน่ๆ
ชิงหยายังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าตงฮวงไป่ลู่ถามไปทำไม แต่ก็ยังตอบไป “3 วัน”
เมื่อได้ยินคำตอบที่เรียบง่ายเช่นนั้น ตงฮวงไป่ลู่ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง 3 วัน! เธอรอเขาแค่ 3 วันเท่านั้น!!
เย่ฮัว! ทำไมนายถึงไม่ทำแบบนี้กับฉันบ้าง! ทำไมถึงไปทำกับเธอ! ตงฮวงไป่ลู่ผู้นี้ไม่เหมาะสมตรงไหน!
“นี่จะขำเอาโล่เลยรึไงน่ะ?” เย่ฮัวพูดด้วยเสียงอันดังก้อง ยัยนี่อวดดีชะมัด ดูท่าทีนั่นสิ เป็นคนแบบไหนกัน!
ตงฮวงไป่ลู่ไม่ได้สนใจเย่ฮัวและจัดการเรื่องของเธอต่อ “ชิงหยา เธอรู้ไหมว่าเย่ฮัวให้ฉันรอกี่วัน?”
ชิงหยาส่ายหน้าด้วยความไม่รู้และยังคงรอฟังคำตอบเธออยู่
“ฉันรอเขามาครึ่งเดือน! ครึ่งเดือนเลยนะ! ฉันมาที่นี่ทุกๆคืน แต่เขาก็ยังนั่งอยู่ข้างบนแบบไม่สนใจฉัน เธอรู้ไหมว่าอารมณ์ตอนนั้นมันเป็นยังไง!? ใช่ ฉันอยากตายสุดๆเลยล่ะ!!”
ตงฮวงไป่ลู่ระเบิดควาทุกข์ที่เก็บไว้มานานออกมา กู่ร้องเสียงอันแสนเศร้าออกมาจากขั้วหัวใจ ในวินาทีนั้นเธอไม่ใช่ราชินี ไม่ใช่แม่คน เธอเป็นเพียงหญิงสาวที่ถูกทอดทิ้งจากพ่อหนุ่มคนดีที่เธอคิดว่าเขาต้องช่วยเธอนั่นแหละ!
สถานการณ์เช่นนี้นั้นมันเกิดคาดการณ์ที่ชิงหยาคิดไว้มากๆ นั่นเพราะว่าเธอไม่เคยได้ยินจากเย่ฮัวเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีชะตากรรมแบบนี้
เย่ฮัวเองก็ได้ฟังจากเว่ยชางว่าเธอคนนี้เข้ามาหาเขาด้วยอารมณ์ที่ไม่มั่นคงมากๆ และเธอก็ไม่ได้พบเขาเสียที
ฉันมองตงฮวงไป่ลู่ลุกขึ้นและชี้ไปทางเย่ฮัว “เย่ฮัว! ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ทำไมนายถึงยอมพบเธอคนนี้ทั้งๆที่เพิ่งผ่านไปแค่ 3 วันเท่านั้น! แต่ทำไมตอนฉันตั้งท้อง นายถึงไม่สนใจใยดีและทำตัวเป็นคนตาบอดใส่! ทำไม!!”
เย่ฮัวไม่ได้คิดเลยว่าเธอจะเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ แต่ในฐานะที่เธอเป็นผู้หญิงของเขา ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นอะไรที่พูดดีๆด้วยได้ยากมากๆ!
เย่ฮัวเริ่มจะเดือดดาลขึ้นมาบ้างแล้ว
“ช่วยพูดเบาๆหน่อยได้ไหม?” เขาเอ่ยถาม
“ไม่!” ตงฮวงไป่ลู่นั้นคือราชินี เธอได้รับความเคารพจากทุกคนในถิ่นของเธอ ใช่แล้ว เธอไม่ใช่พวกสามัญชนทั่วไป
ตอนนี้ชิงหยาหน้าชาสุดๆ เธอตั้งครรภ์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว? อย่าบอกนะว่าเด็กสาว 3 ขวบนั่นก็…!?
ณ เวลานั้น ชิงหยาไม่รู้จะทำอะไรต่อเลย
ทั้งสี่ที่แอบดูอยู่นั้นรู้สึกได้ว่าเหตุการณ์มันซับซ้อนไปหมดแล้วในตอนนี้
น้องเล็กแดงหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดจมูกเบาๆ “ช่างน่าสงสาร เป็นแม่เลี้ยงเดียวแถมยังดูยากจนอีก บอสเองก็ดูจะกังวลมากๆด้วย แถมอีกคนก็ดูไม่อยากที่จะเจอหน้าซึ่งกันและกัน”
พี่ใหญ่เขียวถอนหายใจ น้องเล็กของเขาเองก็เติบโตมาได้ด้วยการเลี้ยงดูของแม่ ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร กลายเป็นว่าต้องทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก
“แล้วเจ้าหล่อนจะมาพูดอะไรเอาตอนนี้ฟะ?” เลี่ยกูดึงเว่ยชางมาพูดด้วยความสงสัย
เว่ยชางตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ในตอนนั้น…ข้าเองก็ยังไม่มั่นคงในอารมณ์นัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เพราะงั้นข้าจึงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้ท่านผู้สูงส่งทราบ… ดังนั้นแล้วข้าจะรีบไสหัวไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติ”
“หา เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เจ้าบอกว่า ‘ตัวข้าไม่มั่นคงในอารมณ์ ณ เวลานั้น?’… ข้าคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว!”
เว่ยชางหันไปมองและถามกลับ “เจ้าคิดอะไรออก?”
“ย้อนกลับไปก่อนวันที่เจ้าพูดถึงนิดหน่อย ไอ้รายการพี่น้องน้ำเต้าช่วยคุณปู่ที่ดูกันนั่นน่ะ! คือว่าสายเคเบิลมันขาด ขาดแบบขาดมานานทำให้พวกเราไม่ได้ดูรายการนั้นกันอีก แล้วเจ้าก็เลยของขาดไปด้วย… เจ้าน่ะโกรธง่ายมากขึ้นเยอะเลยนะช่วงนั้น” เลี่ยกูพูดให้เว่ยชางนึกย้อนกลับไป ในวันที่พวกเขานั่งอยู่ด้วยกัน…อ่า…ความฝันมากมายหลั่งไหลออกมาเต็มไปหมดเลย ตอนนั้นมีอะไรต่อมิอะไรน่าอร่อยเต็มไปหมด
เว่ยชางจำได้แล้ว…แต่กระนั้นตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าเพราะสายเคเบิลขาดและทำให้เขาอดดูพี่น้องน้ำเต้าช่วยคุณปู่ในครั้งนั้นจะทำให้เกิดหายนะในวันนี้…ชิบหายแล้ว…
ตัดมาตรงชั้นบนบริเวณบันได้ ชิงยูตงและเย่จีจี้นั้นยังคงแอบฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านล่างอยู่ เย่จีจี้ดูจะเครียดมากๆ เพราะเธอไม่รู้จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เช่นนี้ยังไง ชิงยูตงเองก็ยังแอบกลัว ซึ่งเธอก็ไม่ได้อยากมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พี่เขยของเธอ ดันมีหญิงอื่นอยู่ด้วยซะงั้น!!
“พวกน้า…ทำอะไรกันอยู่เหรอคะ?” อาหลี่น้อยเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เธอหายไปนานเพราะกระโปรงที่สวมมันยากกว่าตัวทั่วไปอยู่หน่อย เป็นเพราะมันยาวกว่าปกติ
เมื่อเธอไม่ได้คำตอบจาก 2 น้าของเธอ นั่นทำให้เธอวิ่งแจ้นลงมาด้านล่างด้วยตัวเองเลย
ในตอนนั้นทั้งชิงยูตงและเย่จีจี้พยายามจะหันมาห้าม แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว
บทที่ 213 แรงปะทะจากจิตใจ คือค้อนศึกที่แท้จริง!
เมื่อได้ยินเสียงเพรียกจากเด็กสาว ทุกหัวใจก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เว่ยชางและเลี่ยกูนั้นหนาวสั่นไปทั้งตัวรวมไปถึงเหงื่อแตกพลั่กๆด้วย ในขณะที่สองพี่น้องเขียวแดงต่างมองเด็กสาวด้วยความรู้สึกที่ว่าเธอน่ารัก
ร่างกายของชิงหยามันเริ่มไม่มั่นคงแล้ว เธอมองไปยังเด็กสาวที่ชั้นบน ร่างทั้งร่างเหมือนเสียศูนย์ มันแทบจะลมลงไป ชิงยูตงนั้นลากเย่จีจี้ไปหลบแต่ท้ายสุดก็ต้องยอมเปิดเผยตัวตนออกมาและลงมาด้านล่าง ทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างรู้สึกไปต่อไม่ถูก ไหนจะกดดันอีก ก็ในเมื่อ 2 คนที่ซ่อนยอมเปิดเผยแล้ว พวกเขายังจำเป็นต้องซ่อนและฟังอยู่แบบนี้ต่อเหรอ?
เมื่อตงฮวงไป๋หลี่ได้ยินเสียงที่คุ้นหู น้ำเสียงร้อนรนก็เอ่ยเรียกออกไปในทันที “อาหลี่…”
“ท่านแม่~”
ถึงแม้ว่าอาหลี่จะอยู่กับแม่ของเธอมาตลอด แต่หลายวันที่ผ่านมานี้พวกเธอต้องไกลห่างกันมันทำให้เธอคิดถึงอ้อมกอดของแม่มากๆ
ทุกคนในที่นั้นมองอาหลี่ที่โผลเข้าใส่อ้อมแขนของผู้เป็นแม่พร้อมทั้งเสียงออดอ้อนตามประสาเด็ก “ท่านแม่~ อาหลี่คิดถึงท่านแม่จังเลยค่ะ”
เธอกอดร่างของลูกสาวเอาไว้พร้อมทั้งพูดด้วยความเป็นทุกข์ “อาหลี่ แม่ขอโทษ…”
“อาหลี่ไม่เป็นไร ไม่ร้องไห้นะคะท่านแม่” เด็กสาวตอบกลับด้วยเสียงหวานแล้วยกมือขึ้นพยายามปาดน้ำตาให้แม่ของเธอแต่ก็เอื้อมไม่ถึง
ในตอนนั้นชิงหยาก็หน้าซีดไปหมดราวกับวิญญาณของเธอมันออกจากร่างไปแล้ว ถ้าแม่ของอาหลี่ก็คือเธอคนนั้น
งั้นเย่ฮัวก็คือพ่อของอาหลี่!
ไม่ประหลาดใจเลยที่เขารีบกลับมา! ไม่ประหลาดใจด้วยที่เขาจะดูแลอาหลี่อย่างดี!
เพราะอาหลี่เป็นลูกของเขา!
หัวใจของชิงหยานั้นเหมือนโดนทำลายด้วยคำโกหกของเย่ฮัว ในตอนนี้แม้แต่ลมหายใจก็ควบคุมยาก สายตาที่มองไปยังเย่ฮัวตอนนี้มันแปลกออกไปยิ่งนัก!
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน ฉันถามนายไปแล้วว่ามีอะไรโกหกอยู่ไหม แต่นายกลับบอกว่าไม่!
แล้วตอนนี้คืออะไร!
เย่ฮัว! ฉันเองก็ยังเป็นคนๆหนึ่งนะ! ฉันนับถือในตัวนาย แล้วทำไมนายถึงมาหักหลังฉันแบบนี้!
อาหลี่ยังไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร เธอยังคงกอดแม่ของเธอไว้และยิ้มแป้น “ท่านแม่ นี่คือคุณป้าชิงหยา คุณป้าดีกับอาหลี่มากๆ ส่วนนี่ลุงเย่ วันนี้ลุงเย่ชวนอาหลี่กินอาหารมื้อใหญ่ด้วย แล้วนั้นก็ลุงเขียวกับลุงแดง”
สองพี่น้องเขียวแดงค่อยๆเบียดเสียดกันออกมาหลังโดนจับได้ เด็กน้อย ไม่น่าพูดอะไรออกมาตอนนี้เลย นี่เธอมองสถานการณ์ไม่ออกหรือไงกันน่ะ ไม่เห็นเหรอว่าผู้ใหญ่เขากำลังระแวงกันอยู่?
“อาหลี่ พวกเราจะกลับบ้านกันนะ” ตงฮวงไป๋หลี่(ลู่)) ณ ตอนนี้ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว เธอเพียงแค่อยากจะกลับบ้านกับลูกสาวของเธอเท่านั้น การที่ได้เห็นเด็กสาวโตขึ้นเธอก็สงบจิตสงบใจลงและยอมอยู่กับเด็กสาวดีๆ
อาหลี่ดูจะผิดหวังเล็กน้อย เธอกระซิบ “ท่านแม่คะ อาหลี่ยังอยากเล่นกับลุงเย่อยู่”
“ลุงเย่น่ะเป็นคนไม่ดี ถ้าไปเล่นด้วยหนูจะถูกเขาหลอกเอานะ” การที่ได้ยินว่าลูกสาวของเธอสนิทกับเย่ฮัวนั้นมันทำให้เธอกลับเกรี้ยวกราดใหม่อีกรอบ
ตอนนี้เธอแทบจะระเบิดเย่ฮัวให้เป็นผงได้เลย ฝ่ามือตบลงไปบนโต๊ะ ทันใดนั้นโต๊ะทั้งใบก็กลายเป็นฝุ่นและปลิวว่อนไป “นายทำอะไรลงไป…”
เย่ฮัวไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เด็กก็ยังเป็นเด็ก ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรอยู่แล้ว
อาหลี่รีบพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าแม่ของตนเริ่มจะเกรี้ยวกราดแล้ว “อะ หวาาาา ลุงเย่ ท่านแม่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ อ๊ะ นี่คือท่านแม่ ชื่อว่าไป่ ส่วน หลี่ เป็นนามสกุล”
“อาหลี่ หยุดพูด” ตงฮวงไป๋หลี่พูดขึ้น และนั่นทำให้เด็กสาวยอมพยักหน้าและเงียบปากไปด้วยความจำยอม
ตอนนี้เย่ฮัวรู้จักทุกคนหมดแล้ว
“มันก็เป็นตามที่อาหลี่พูดไม่ใช่หรือไง? เอาล่ะ เพราะงั้นในเมื่ออาหลี่เป็นลูกของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์จะพาไปไหนทั้งนั้น!” น้ำเสียงของเย่ฮัวนั้นหนักแน่น มันทำให้ทุกอย่างเงียบสงัดลงไปเลย
ไม่คาดฝันเลยว่าผู้ชายตรงหน้าจะเป็นพ่อของอาหลี่!
ตงฮวงไป๋หลี่ช็อคกับคำพูดของเขามากๆก่อนจะพูดออกไป “เย่ฮัว ถ้านายต้องการเธอคนนี้ล่ะก็ทำไมตอนนั้นถึงทำแบบนั้นเล่า! นายมีเหมาะสมที่จะเป็นพ่ออาหลี่ตรงไหน ฮะ!!”
“ถ้าฉันไม่เหมาะสมแล้วใครมันจะมาเหมาะ!” เย่ฮัวที่ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้ หากแต่ว่าตอนนี้เสียงของเขานั้นกำลังทำให้บาร์ทั้งหลังสั่นสะเทือน มันแสดงให้เห็นว่าจิตใจเขาหนักแน่นขนาดไหนในตอนนี้
อาหลี่ที่อยู่ในอ้อมกอดของตงฮวงไป๋หลี่รู้สึกสับสนไปหมด เธอยังสับสนอยู่ว่าสรุปแล้วลุงเย่คือพ่อของเธอหรือ
“ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าท่านพ่อตายไปแล้วเหรอคะ? เรื่องนี้มันยังไงกันแน่…” อาหลี่ถามแม่ของเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เย่ฮัวได้ยินแบบนั้นก็แทบพุ่งเข้าไปหา “ตงฮวงไป๋หลี่! นี่เธอกล้าที่จะแช่งให้ฉันตายงั้นเหรอ!”
“วินาทีที่นายทิ้งฉันไป นายก็ตายจากฉันไปแล้ว!!”
“เย้ กอด~ ” อาหลี่นั้นน่าจะเป็นอะไรที่หลุดจากสถานการณ์ตอนนี้ที่สุดแล้ว เธอไม่ได้เครียดหรือเศร้าเลย กลับกันเธอกำลังรู้สึกมีความสุขมากๆด้วยซ้ำ นั่นเพราะเธอชอบลุงเย่มากๆ ซึ่งการที่เด็กสาวพยายามจะเข้ามากอดนั้นทำเอาเย่ฮัวเองถึงกับเลิ่กลั่กเหมือนกัน ปกติแล้วก็เป็นแค่รักตัวเองอย่างเดียวแท้ๆ ตอนนี้เริ่มอยากจะรู้สึกอย่างนี้ไปจนกว่าจะตายเลย
อย่างไรก็ตาม ภาพตรงหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตงฮวงไป๋หลี่รู้สึกดีนัก เธอพูดด้วยเสียงเบาว่า “อาหลี่ ฟังคำแม่นะ ไปจากที่นี่กันเถอะ เดี๋ยวแม่จะอยู่กับหนูเอง ไม่ดีเหรอ?”
“ก็ดี…แต่อาหลี่อยากอยู่กับทุกคนนี่คะ” ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้สึกอึดอัดอยู่ภายในใจ ตงฮวงไป๋หลี่กระวนกระวายเป็นที่สุด แม้ว่าเธอจะยังกอดลูกสาวของเธอไว้ หากแต่มือของเด็กสาวนั้นกลับไขว่คว้าหาเย่ฮัว
พลังของสายเลือดนี่มันช่างแข็งแกร่งจริงๆ…
ฉันยืนด้วยลำแข้งตัวเองมากว่า 3 ปี เลี้ยงเธอมาด้วยความเหน็จเหนื่อย แต่นั่นกลับเทียบไม่ได้กับเย่ฮัวที่เพิ่งโผล่มาเพียงไม่กี่วัน! ไม่อยากจะคิดถึงเวลาที่อาหลี่ไม่เชื่อฟังเธอเลย
เธอยกมือขึ้นและตีไปที่ก้นเล็กๆของอาหลี่ด้วยความผิดหวัง
และนั่นทำให้เด็กสาวตัวเล็กร้องไห้ออกมาทันที
เย่ฮัวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา ณ ตอนนั้น นี่เธอกล้าทำร้ายลูกของเทวทูตงั้นเหรอ! ไม่เต็มใจสู้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สู้นะเฟ้ย!
สายตาที่โกรธเกรี้ยวของเขาจ้องมองไปยังตงฮวงไป๋หลี่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนทันควัน มือหนึ่งยกขึ้นและสร้างบาเรียร์สีทองขึ้นมาขวางระหว่างเธอและเขาไว้
เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว และเมื่อรู้สึกตัวอีกที เด็กสาวก็หายไปจากอ้อมกอดของเธอแล้ว
กว่าจะรู้ตัวอีกทีลูกสาวของเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเย่ฮัวแล้ว
ทำอะไรไม่ถูกเลยแฮะ…
บาร์เรียร์ทองคำของเธอนั้นแทบจะต้านเย่ฮัวไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ เพียงแค่เขาหายใจมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำลายทุกอย่างให้ราบคาบในไม่กี่นาที
ตงฮวงไป๋หลี่ตื่นตระหนกมากๆ เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดนี้
เย่ฮัวยกมือขึ้นอีกครั้ง และ…
ตู้ม!
ไม่มีใครต้านทานเขาได้
ผู้คนในบริเวณนั้นกระเด็นกระดอนกันออกไป แถมยังทำบาร์เป็นรอยลึกลงไปอีก
พวกเขาเหมือนถูกข่มด้วยพลังที่มหาศาล ณ ตอนนั้นเลย
ตัวเย่ฮัวเองยังถือคติไม่ทำร้ายผู้หญิง เพราะงั้นพลังแค่นี้ก็แค่เด็กเล่น! ถ้าขืนจริงจังไปได้อนาคตมืดมนกันหมดแน่
“ช่างเป็นคนที่กล้าดีอะไรแบบนี้นะ ฉันเองยังไม่อยากหือกับเมียเลย” สายตามองมานั้นค่อนข้างจะนับถือเย่ฮัวอยู่พอตัวเลย ในอนาคตพวกเขาเองก็อยากจะเรียนรู้เคล็ดลับพ่อบ้านใจกล้าไม่กลัวเมียแบบนี้บ้างแล้ว เราจะได้ขัดขืนอะไรได้บ้าง!
พี่ใหญ่เขียวกระซิบ “ใช่แล้ว ผู้ชายในหมู่บ้านของเราต่างก็กลัวเมียกันทั้งนั้น บอสนี่เจ๋งจริงๆ! นับถือเป็นไอดอลเลย”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่! ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะติดตามบอสไปเรื่อยๆ และในอนาคตฉันจะต้องปราบเมียของฉันให้ได้!”
“ดีมาก นายเข้าใจได้เร็วดีนี่!” พี่ใหญ่ตบไหล่น้องเขาไป 1 ที
ชิงยูตงและเย่จีจี้ที่อยู่ด้านข้างเองก็ตกใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะชิงยูตง มือทั้งสองข้างของเธอปิดปากตนเองเอาไว้ “นี่พี่เขยของฉันกล้าที่จะลงไม้ลงมือกับเมียงั้นเหรอ…น่ากลัวเกินไปแล้ว…”
“พี่ชายนี่ไม่มีอ่อนโยนเลยแฮะ…”
เย่ฮัวมองไปยังอาหลี่ก่อนจะรู้สึกเบาใจเมื่อเธอยังอยู่ในอ้อมกอด “อาหลี่ ไม่ต้องร้องไห้นะ”
“ไม่นะ อย่าทะเลาะกันนะ!~”
แรงปะทะจากภายในใจนั้นเปรียบเสมือนค้อนศึกที่ฟาดเข้ามา มันเจ็บปวดเป็นที่สุด!
มองไปยังเด็กน้อยที่เศร้าหงอย เย่ฮัวจึงรีบพูดขึ้น “โอเคๆ ไม่ทะเลาะกันแล้ว เธอก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว”
ตงฮวงไป๋หลี่นั้นรู้สึกเศร้าสุดๆและค่อยๆปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมาช้าๆ เธอไม่มีอะไรให้ทำอีกต่อไป เหมือนฝุ่นที่ไม่มีค่าอะไรกับที่แห่งนั้น
ในความจริงแล้ว คำพูดของเย่ฮัวก็ค่อนข้างจะมั่นคงอยู่แล้ว มันให้บทเรียนเธออยู่ไม่น้อย ถ้ายอมฟังดีๆล่ะก็มันคงจะจบง่ายๆไปแล้ว
“ส่งลูกสาวคืนมาให้ฉัน!!” เธอตะโกนเสียงอ่อนแต่กลับกัน มันก็ทำให้เธอดูเยือกเย็นมากขึ้น สายตาที่เปี่ยมด้วยความเกลียดชังเข้าปะทะกับเย่ฮัว ออร่าแห่งความเกรียงไกรพวยพุ่งขึ้นมาห่อหุ้มร่างของเธอไว้ นั่นทำให้เคลียร์บาร์เกิดการสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง
บทที่ 214 ดูให้ดีๆก่อน!
“ท่านแม่ อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ เลิกทำแบบนี้ไม่ได้เหรอคะ!”
ไม่มีการรีรอใดๆทั้งสิ้น ตงฮวงไป๋หลี่ยกมือขึ้นพร้อมที่จะจัดการต่อแล้ว นั่นทำให้อาหลี่ร้องไห้ออกมาเสียงดัง ซึ่งแม้แต่การมีอยู่ของเย่ฮัวก็ช่วยให้เธอหยุดร้องไม่ได้
“อาหลี่นี่เป็นตัวซวยจริงๆเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็มีแต่ทำให้คนอื่นทะเลาะกัน ไม่ก็ต้องมีคนเจ็บปวดเพราะอาหลี่”
เมื่อได้มองไปยังอาหลี่ที่ร้องไห้อยู่ราวกับทุกคนบนโลกเกลียดเธอแล้ว หัวใจมันก็เหมือนจะแตกสลาย
ตงฮวงไป๋หลี่ค่อยๆกลับเป็นปกติ สำหรับเธอ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกอีกแล้ว
เธอเตรียมตัวที่จะพาเด็กสาวกลับไปอยู่ด้วยกันเช่นเดิม แต่ทันใดนั้นร่างของอาหลี่ก็เกิดการแปรผันของสายเลือดขึ้นมา คงเป็นเพราะการร้องไห้เมื่อครู่ทำให้กระบวนการนี้มันถูกกระตุ้นแน่ๆ!
เย่ฮัวเองก็ตกใจไม่น้อย เขาไม่คาดคิดเลยว่าลูกสาวของเขาจะเกิดอาการที่ไม่สามารถควบคุมเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายได้ นั่นทำให้เขารีบจัดการสะกดพลังนั้นไว้ทันทีเพราะถ้ามันเกิดระเบิดออกมาล่ะก็ เมืองหลงอันได้กลายเป็นที่ดินเรียบๆแน่!
ในอนาคตคงต้องสอนให้เธอควบคุมพลังของสายเลือดนี่และกล่าวชมเธอให้มากกว่านี้เสียแล้ว มือหยาบปาดน้ำใสๆที่หางตาของเด็กสาวอย่างนุ่มนวล
“นายทำอะไรเธอน่ะ!?” ตงฮวงไป๋หลี่เข้าใจว่าเย่ฮัวทำอะไรไม่ดีกับลูกสาวของเธอ นั่นทำให้เธอเรียกดาบมาไว้ในมือของเธอ
ผู้หญิงคนนี้กล้าจะต่อกรกับเทวทูตงั้นเหรอ!
ฝ่ามือซ้ายยกขึ้นและแรงที่มองไม่เห็นก็ทำให้ตงฮวงไป๋หลี่ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ให้อารมณ์เหมือนโดนมือขนาดใหญ่บีบเอาไว้
เธอหน้าซีดขึ้นมาก่อนจะค่อยๆถูกวางลงบนพื้นอย่างสุภาพ ออร่าแห่งความเกรียงไกรของเธอมันถูกสะกดไปด้วยแล้ว!
เขาทำได้ยังไงกันน่ะ!
เย่ฮัวโอบร่างที่หลับไหลของอาหลี่เอาไว้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันยังเห็นเธอเป็นแม่เด็กนะ ครั้งนี้ถึงได้ช่วยชีวิตไว้! แต่ในอนาคตเธอต้องจัดการเรื่องนี้เอง หรือถ้าลืมไปแล้วฉันคงต้องสั่งสอนเธอใหม่!”
“ไอ้เวรเอ้ย!!” ตงฮวงไป๋หลี่ที่หน้าซีดเซียวและไร้กำลังนั้นกำหมัดแน่นก่อนจะพุ่งเข้าพร้อมต่อสู้กับเย่ฮัวอีกครั้ง
เพียงพริบตาเดียว ร่างของเธอก็กระดอนขึ้นไปบนอากาศและกระแทกลงไปบนโต๊ะ
ใบหน้าสวยของเธอนั้นขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวด
ชิงหยายืนขึ้น หากแต่เธอไม่ได้โวยวายหรือสร้างปัญหาอะไรเพียงแค่เดินกลับไปชั้นบนอย่างเดียว
ชิงยูตงนั้นรีบตามผู้เป็นพี่สาวของเธอไปอย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะว่ากลัวว่าเธอจะทำอะไรแบบโง่ๆอีก
มองไปยังชิงหยาที่เป็นแบบนั้น เย่ฮัวจึงไม่สามารถปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อไปต่อได้ เพราะงั้นจึงเอ่ยปากขึ้น
“เว่ยชาง! ชิงบาร์ปิดแล้ว!”
ด้วยพลังของเขาเอง แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาและปกคลุมทางเข้าของชิงบาร์ไว้ แน่นอนว่ามันเป็นแบบเดียวกับตอนที่ทำเพื่อจะจัดการกับชิงหยาเลย
เว่ยชางได้ยินดังนั้นเขาก็ตอบรับอย่างชัดเจน “ครับ นายท่าน!”
มองไปยังร่างของลูกสาวที่โดนพาขึ้นไปชั้นบนโดยเย่ฮัว ตงฮวงไป๋หลี่ก็เร่งตามไปเลย เธอวิ่งโดยไม่ห่วงอาการเจ็บปวดบนร่างกายเธอ “ถ้าไม่ฆ่าฉันให้ตายก็เอาลูกสาวฉันคืนมา!!”
ก่อนที่ร่างของเธอจะไปถึงตัวเย่ฮัว กำแพงลมที่มองไม่เห็นก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากพื้นและขวางเธอกับเขาไว้
เย่ฮัวหันกลับมาอีกครั้งและพูดกับเธอ “ตงฮวงไป๋หลี่ ที่ของเธอคืออยู่ตรงนี้สำหรับคืนนี้ คิดทบทวนให้ดีว่าแม่ที่ดีต้องทำตัวยังไง แล้วก็ช่วยคิดย้อนไปถึงการเป็นภรรยาที่ดีด้วย ฉันจะดูพฤติกรรมเธอตลอดคืนนี้ และถ้ามันไม่ดีขึ้น ก็ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก!”
เว่ยชางและลุงเขียวทำตามแผนที่วางไว้ การยึดถือคำพูดนั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เหนือทุกอย่าง! ต้องเป็นผู้ชายแบบนั้นให้ได้!
ตัวลุงเขยวเองก็ไม่เคยเจอผู้ชายที่ป่าเถื่อนและร้ายกาจขนาดนี้มาก่อน ขนาดที่ทำให้สาวสวยยังต้องยอมทบทวนตัวเอง ช่างเก่งกล้าสมเป็นบอสของเขาจริงๆ!
เย่จีจี้ยิ้มให้กับตงฮวงไป๋หลี่ ชีวิตแสนวิเศษของเธอได้เริ่มขึ้นแล้วนะ
“เย่ฮัว! นายมันแย่! คนทรยศ! เอาอาหลี่คืนฉันมาเดี๋ยวนี้นะ!” เธอยืนขึ้นอีกครั้งและพยายามวิ่งเข้าหาเย่ฮัวแต่ก็ได้ผลตามเดิม ไม่มีอะไรฝ่ากำแพงลมนี้ไปได้
ถึงแม้ว่าชิงบาร์นี้จะอยู่ใต้กฏอัยการศึก หากแต่เย่ฮัวก็ให้พื้นที่พิเศษแก่ตงฮวงไป๋หลี่แล้ว มันคือพื้นที่เล็กๆที่อยู่บริเวณโถงของบาร์นั่นแหละ
การพยายามทำลายกำแพงที่ไม่สามารถแม้แต่จะมองเห็นนั้นมันทำให้เธอเริ่มเหน็จเหนื่อย ร่างบางของหญิงสาวเลิกที่จะส่งเสียงและค่อยๆนั่งลงไปกับพื้นขณะที่ปากก็ยังบ่นงุบงิบ “เอาอาหลี่คืนมา…เอาอาหลี่คือมา…”
เว่ยชางและเลี่ยกูถอนหายใจ พวกเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้ ถ้าเป็นคุณเองก็คงไม่อยากจะเฉียดไปใกล้ความตายหรอกใช่มั้ย?
“ทางนี้ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะกลับก่อนละกัน” เลี่ยกูถอนหายใจ ครั้งนี้มันโชคดีแค่ไหนแล้วที่นายหญิงไม่ได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่งั้นงานนี้ไม่จบง่ายๆแบบนี้แน่
เว่ยชางนั้นกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางฝั่งนายหญิงของเขา เธอเล่นไม่พูดอะไรเลยซึ่งมันชัดเจนเลยว่าเธอกำลังรู้สึกไม่โอเคแน่ๆ ไม่โอเคขนาดที่ไม่อยากจะพูดอะไรเลย ราวกับเธอกำลังผิดพลาดมากๆในฐานะภรรยาของตนเอง
แต่จากมุมมองของความเคารพแล้ว มันไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องนี้
กว่าร้อยพันข้อผิดพลาดที่มนุษย์ได้กระทำขึ้น ต้องถูกสนองคืนกลับ
“แล้วพวกนายยังยืนรออะไรกันอีก? ยังมีงานบ้านที่ต้องทำอีกหรือไง?”
สองพี่น้องเขียวแดงรีบส่ายหน้า ใครจะกล้าทำอะไรตอนนี้
“ถ้างั้นก็กลับไปกับฉัน” เว่ยชางมองไปยังตงฮวงไป๋หลี่ที่นั่งอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าเย่ฮัวตั้งใจจะฝึกเธอในระยะยาวสินะ นี่คงไม่ใช่สิ่งที่ดีนักหรอก
พูดเสร็จเว่ยชางก็เดินออกไปพร้อมกับพี่น้องทั้งสองและกลับไปยังบ้านเช่าของเขา
ถังเว่ยนั้นแทบไม่กล้ากระโดดใส่เลย เอาจริงๆเพราะโอกาสกระโจนเข้าหามันน้อยลงต่างหาก เว่ยชางยังคงดูแลเจ้าพวกไฟจราจร 2 สีนั่น!
ลุงเว่ยยังอยากอยู่กับใครซักคนจริงๆมั้ยเนี่ย! ตาบ้า!
อีกฟากหนึ่ง
เย่ฮัวที่อุ้มร่างของอาหลี่ไว้ยังยืนอยู่หน้าห้องนอน เขากำลังสรรหาคำพูดเพื่อเอาไว้เกลี้ยกล่อมชิงหยา
เป็นไปได้ว่าถ้าเข้าไปอาจจะเจอเสื้อผ้าถูกแพ็คใส่กระเป๋าไว้แล้วด้วยก็ได้ หลังจากนั้นก็จะตามมาด้วยเสียงของความโกลาหลวุ่นวายยามค่ำคืน
“พี่เขย เสร็จแล้วเหรอ?” ชิงยูตงค่อยๆย่องออกมาอย่างเงียบๆ น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ดีนัก
“พี่สาวของเธอเป็นยังไงบ้าง?” เย่ฮัวกระซิบ
ชิงยูตงส่ายหน้า “แปลกมากๆ ฉันไม่เคยเห็นพี่สาวเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
“พี่เขย พี่ต้องทำมันด้วยตัวเองแล้วหล่ะ ฉันจะไปเล่นเกม“
“……”
หา? นี่หล่อนจะไปเล่นเกมโดยไม่ช่วยฉันคิดเรื่องนี้งั้นเหรอ!? เชื่อเค้าเลย!
เย่ฮัวสูดหายใจเข้าไปลึกๆ และตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้น
ความรู้สึกระแวงในสิ่งที่คิดมันอัดแน่นขึ้นมาทันที ทว่า…
ห้องนอนนั้นสะอาดและไม่มีกระเป๋าเดินทางใดๆถูกพบ มีเพียงแค่ห้องอาบน้ำที่ถูกใช้งานอยู่
ชิงหยายังอยู่ในมู้ดที่อาบน้ำได้ และดูเธอจะค่อนข้างสงบ
ทั้งที่ยังสาวแต่สามารถสงบได้ขนาดนี้ คงจะเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาจากเรื่องที่เคยเกิดแล้วสินะ ไม่เหมือนกับตงฮวงไป๋หลี่เลย เธอนั้นไม่หัดควบคุมอารมณ์ตัวเองซะบ้าง เธอยังต้องฝึกเรื่องนี้อีกเยอะนะ!
ตงฮวงไป๋หลี่ถูกขโมยลูกสาวไปทั้งคน ใครมันจะมาจัดการด้วยวิธีละม่อมได้กัน…
ถ้าเย่ฮัวได้เห็นตงฮวงไป๋หลี่สวมเสื้อคลุมสีม่วงรูปมังกรแล้วล่ะก็ เขาคงต้องตกหลุ่มรักผู้หญิงที่ดูจองหองแบบนี้แน่
ค่อยๆวางร่างของเด็กสาวลงไปบนเตียงอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงรอยยิ้มที่ผู้เป็นพ่อควรจะมี จมูกของเจ้าตัวเล็กนี่ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน
ปัง!
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก และเย่ฮัวก็รับหันกลับไปมองทันที
เขายิ้มให้เธอก่อนจะพูดว่า “ชิงหยา เธอวันนี้ทำฉันประทับใจอยู่นะเนี่ย”
เย่ฮัวพูดแล้วนั่งลงไปบนเตียง เขาดูจะประหลาดใจกับเธอไม่น้อยเลย
“เย่ฮัว” ชิงหยากระเถิบออกไปและพูดด้วยเสียงเบา
“ว่าไง?”
“นายมั่นใจได้เลยว่าฉันจะไม่ไปไหน” น้ำเสียงของชิงหยามันฟังดูอ่อนลงมากๆ และมันทำให้เย่ฮัวรู้สึกแย่
เย่ฮัวยกมือขึ้นและพูดช้าลง “แน่นอน เธอจะไม่ไปไหน”
ชิงหยาไม่ได้ไปไหนในครั้งนี้ก็จริง แต่เธอก็ยังพูดต่อ “เย่ฮัว นายยังจำข้อตกลงของเราได้ไหม?”
เย่ฮัวค่อยๆเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชิงหยา “พูดขึ้นมาแบบนี้หมายความว่าไง?”
“นายช่วยฉันให้ออกมาจากการดูตัวแต่งงาน ส่วนฉันก็ทำตามสัญญาของฉัน เพราะฉะนั้นแล้วเราต่างไม่เป็นหนี้ซึ่งกันและกัน”
เย่ฮัวลุกขึ้นยืนในทันที และพูดขึ้นเสียงดัง “เธอจะทำบ้าอะไรอีก! อะไรคือไม่เป็นหนี้!? นี่เธอยังคิดถึงไอ้การดูตัวเส็งเคร็งนั่นอีกเหรอ! ฉันแค่ต้องการเธอเท่านั้น!”
“แต่ฉันไม่ต้องการนายอีกต่อไปแล้ว”
บทที่ 215 3 ปีที่แล้ว
ในอกของเย่ฮัวมันสั่นคลอนไปหมด แม้แต่มือไม้ก็ยังอ่อนแรง เขากระซิบกับเธอไปเบาๆ “ไม่ต้องการอะไรกัน เธอจำเป็นต้องมีฉันนะ!”
“ฉันจะไปนอนที่ออฟฟิศ ไม่รบกวนการกลับมาของครอบครัวนายหรอก”
“ชิงหยา! มีเหตุผลหน่อย!”
ท่าทีของชิงหยานั้นดูจะไม่กล้าหันมามองเขาแล้ว “ฉันมีเหตุผลที่สุดแล้วตอนนี้ เพราะถ้าไม่มี…ป่านนี้คงเป็นบ้าอยู่”
เย่ฮัวพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่มองชิงหยาที่หอบเอาผ้าห่มและออกไปนอนที่ออฟฟิศ
ปัง!
เสียงปิดประตูนั้นเปี่ยมด้วยพละกำลัง ถ้าเธอรู้ว่ากำลังปิดประตูใส่เทวทูตอยู่ล่ะก็ เธอคงไม่กล้าทำแบบนี้แน่!
2 คนแล้ว! ไม่ว่าจะผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีใครช่วงปกป้องฉันเลย! ต่างเอาดีเอาเด่นกันเรื่องทำให้ฉันหงุดหงิดนัก!
นี่คือสิ่งที่พวกอยากได้รึไงกัน! ถึงเทวทูตจะถึกทนแต่ก็สามารถชัทดาวน์ตัวเองไปตลอดชีวิตได้นะ ฉันจะได้ไม่ต้องกลับมาคิดเรื่องนี้อีกตลอดไป!
เมื่อมองกลับมายังลูกสาวของเขาเองที่อยู่บนเตียง เย่ฮัวค่อยๆสัมผัสไปที่หน้าผากของอาหลี่เบาๆ…หรือจะมีแค่ลูกสาวที่เชื่อฟังเขา
ตู้ม! เคร้ง! โครมคราม!
เสียงดังกึกก้องดังมาจากข้างล่าง มันกลับเสียงกรนเบาๆของอาหลี่ซะมิดเลย ดูท่ายัยตัวที่อยู่ข้างล่างจะเริ่มบ้าอีกแล้วสินะ!
หยิบผ้าเช็ดหน้ามาและปิดหูเด็กสาวไว้ไม่ให้ตื่นด้วยสิ่งที่ยัยแม่เลือดร้อนของเธอกำลังทำอยู่
เขาออกจากห้อง หยิบบุหรี่มาจุดสูบและเดินลงไปด้านล่าง
ร่างสูงมองไปยังตงฮวงไป๋หลี่ถี่ถือเก้าอี้เดินไปเดินมา บริเวณที่ขังเธอไว้นั้นเละเทะหมดแล้ว นี่ถ้าให้ไฟแช็คไว้มีหวังได้เผาชิงบาร์ไปแล้วแน่ๆ
เย่ฮัวเดินผ่านมาดูตงฮวงไป๋หลี่ที่กำลังวุ่นวายพร้อมบุหรี่ในมือ เขารู้สึกไม่สบายใจนักเพราะงั้นเธอควรจะได้รับการระบายที่ถูกวิธี
“เห้ย นายน่ะ! เอามีดมาแทงฉันให้ตายไปเลยสิ!!” ตงฮวงไป๋หลี่มองเย่ฮัวที่เดินเข้ามา เธอยกเก้าอี้ขึ้นและวิ่งตรงมาทางเขาพร้อมทั้งตะโกนเสียงดังไปด้วย
แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม ร่างของเธอถูกหยุดไว้ด้วยกำแพงลงและเย่ฮัวเองก็คิดไว้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เขายืนอยู่ตรงหน้ากำแพงลมนั้นราวกับมาเยี่ยมนักโทษ
“นี่ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ดูเหมือนว่าความบ้าของเธอมันยังไม่ลดลงเลยนะ” เย่ฮัวพูดก่อนจะเดินไปยังบาร์และหยิบเอาแก้วไวน์ออกมา
“ต่อสิ ฉันจะนั่งดู” มือก็ถือแก้วไวน์ในขณะที่ปากก็บอกเธอไปด้วยเสียงอันเบา
ตงฮวงไป๋หลี่วางเก้าอี้ลงแล้วถามกลับด้วยเสียงอันดัง “นายต้องการอะไร!”
“ฉันพูดไปแล้ว และจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สองหรอกนะ”
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็น “ฉันทำมันไม่ได้…”
“ก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะทำมันได้ตอนนี้ ค่อยเป็นค่อยไป ฉันมีเวลา” เย่ฮัวพูดเบาๆแล้วก็เล่นกับแก้วไวน์ในมือต่อไป
นัยน์ตาของตงฮวงไป๋หลี่นั้นแดงขึ้นเมื่อได้มองหน้าเขา เธออยากจะเข้าไปจัดการเขาเสียจริงไอ้ท่าทีที่เหมือนคนแก่นั่นน่ะ
“ลูกสาวฉันล่ะ!”
“เย็นไว้ เธอนอนอยู่ข้างบน”
ตงฮวงไป๋หลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยๆเด็กสาวก็ยังอยู่ดี
เธอวางเก้าอี้ดีๆแล้วนั่งไปตรงข้ามกับเย่ฮัว ระยะห่างของทั้งสองถูกขั้นไว้ด้วยกำแพงลม แต่ท่าทีของเธอนั้นเหมือนจะอยากต่อรองแล้ว
“ทำยังไงนายถึงจะยอมปล่อยฉันและลูกสาวไปซักที” ตงฮวงไป๋หลี่ถาม
เย่ฮัวไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่เขาก็ถามกลบ “ทำไมอาหลี่ถึงออกจากบ้านมาคนเดียว?”
เธอเงียบไป
“ฉันถามเธออยู่!” เย่ฮัวทุบโต๊ะแล้วตะโกนเสียงดัง
ตงฮวงไป๋หลี่ที่ตกใจที่ตะโกนตอบ “แล้วนายจะมาสนใจทำไมเล่า!”
เย่ฮัวได้ฟังก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ขาดความรับผิดชอบขนาดนี้มาก่อนเลย
“เธอเป็นแม่คนนะ! ถ้าอาหลี่อยู่นอกบ้าน ไม่ว่าจะ 3 วันหรือเอาจริงๆแค่ 2 วันเธอก็ควรจะออกตามหาแล้ว! รู้ไว้นะว่าที่ฉันยังไม่ฆ่าเธอก็เพราะว่าพี่น้องเขียวแดงที่พาอาหลี่มาส่ง! ไม่งั้นป่านนี้จะถูกขายไปไหนแล้วก็ไม่รู้!” เย่ฮัวเริ่มที่จะตำหนิแทนการสั่งสอนแล้ว เขาตอนนี้เหมือนคนแก่ที่ขี้บ่นเลย
ตงฮวงไป๋หลี่เหมือนโดนตบหน้า เมื่อเธอได้ยินว่าลูกสาวเธอกำลังจะถูกขายเธอก็รีบถามรายละเอียดเลย “เกิดอะไรขึ้น! เกิดอะไรขึ้นกับอาหลี่น่ะ!!?”
“ตอนนี้โอเคแล้ว ฉันเพิ่งจะจัดการเรื่องนั้นไป แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ต้องคิดถึงผลพวงที่จะเกิดจากความชะล่าใจของเธอด้วย! จะเกลียดฉันก็เกลียดไป แต่จำไว้ว่าถ้าจะพาลูกไป ก็ต้องทำตัวเป็นแม่ที่ดีให้ได้ซะก่อน!”
ในความเป็นจริงแล้วที่เย่ฮัวพูดมันก็ทำให้เธอเถียงไม่ออก เพราะนั่นมันเป็นเรื่องจริง เธอนั้นไม่ได้เป็นแม่ที่ดีมากนักมาโดยตลอด เธอมักจะทำให้เด็กสาวต้องเกิดความไม่พอใจ และเมื่อได้คิดถึงมันก็เหมือนว่าตัวเธอเองกำลังทำลายตัวเองช้าๆ
“แล้วนายได้เป็นพ่อที่ดีเหมือนที่ว่าฉันหรือยังล่ะ ฮะ!”
“อย่างน้อยๆวันนี้ฉันก็เป็นแล้ว” เย่ฮัวตอบกลับทันควัน
“แล้วเป็นผู้ชายที่ดีได้หรือยัง!”
เย่ฮัวพ่นควันบุหรี่ออกมาและถามกลับเบาๆ “นี่เธอยังตอกย้ำฉันเรื่องที่ฉันไม่ยอมเจอหน้าเธอเมื่อ 3 ปีที่แล้วอยู่อีกเหรอ?”
ตงฮวงไป๋หลี่เริ่มที่จะพูดออกมาเรื่อยๆ “นายบอกว่านายจะไม่แตะต้องผู้หญิงคนเดิมๆซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง!”
“นายมันคนโกหก!”
โอเค ข้อนี้ยอมก็ได้ มันเป็นเรื่องจริง
มองเย่ฮัวที่ไม่ได้หืออืออะไรตงฮวงไป๋หลี่ก็พูดต่อ “ทำไม? ไม่อยากให้ฉันพูดเรื่องนี้หรือไง? อ๋อเพราะว่ามันไม่ดี? หรือว่าเพราะมันไม่เท่ล่ะ!”
“เย่ฮัว นายน่ะมันก็แค่คนลวงโลกที่จ้องจะหลอกคนอื่นไปทั่ว ประโยคพวกนั้นที่พูดไว้กับฉัน ฉันจำมันได้ดี!”
จริงๆเย่ฮัวเองก็อยากจะกลืนคำพูดพวกนั้นมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสซักทีเหมือนกัน
“นายน่ะ มันเป็นพวกขี้โกง ขี้โกงแบบที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลย! จำไว้ซะเย่ฮัว! ถ้านายยอมออกมาตอนนั้น นายกับฉันก็จะไม่มีปัญหากันในตอนนี้!” ตงฮวงไป๋หลี่พูดเชิงหัวเราะ
เย่ฮัวขึ้นเสียง “ขี้โกง ฉันเนี่ยนะ? แล้วที่เธอทำกับฉันนี่เรียกว่าอะไร? ไม่ใช่ว่าเพราะเพิ่งจำฉันได้หรอกเหรอ? ละอายใจบ้างมั้ยเวลาฉันพูดความจริงน่ะ? เอาล่ะ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ฉันเป็นคนดี และเธอควรจะเข้าใจความจริงนี้ซะ”
ตงฮวงไป๋หลี่ช็อคกับคำพูดของเขาและหยิบเก้าอี้ขึ้นมาหมายจะทุ่มใส่เขาเลย “ไปตายซะ! นายน่ะมันไอ้พวกหาตัวยาก! และฉันไม่ได้จะมาหานาย! ฉันมาหาลูกสาวของฉัน ไม่ใช่นายไอ้คนซื่อบื้อ!”
เย่ฮัวสูบบุหรี่เข้าไปอีกครั้งก่อนพูดด้วยเสียงเบาๆ “จำได้ไหมว่าคืนนั้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เธอเรียกฉันว่าอะไร?”
เธอเหลือบมองและคิดตาม คืนนั้น…
“เย่ฮัว! ฉันจะฆ่านาย! นายมันสารเลว!” คำพูดของเธอมันฟังดูดุร้ายกว่าเดิมอีก
เขายืนขึ้น สูบบุหรี่และเดินกลับไปยังชั้น 2 “เย็นไว้ เมื่อคิดออกแล้ว เมื่อนั้นจะปล่อยเธอไป”
“ไปตายไป!”
ได้ฟังถ้อยคำกร่นด่าของตงฮวงไป๋หลี่แล้ว เย่ฮัวก็รู้สึกว่าเธอนั้นคงต้องฝึกอะไรเพิ่มอีกเยอะ เพราะงั้นค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
ก่อนจะเข้าไปยังออฟฟิศ ลองดูว่าประตูมันล็อคไหม และแน่นอนว่ามันล็อค
ชิงหยา เธอน่ะยังห่างไกลจากเทวทูตยิ่งนัก
แคร๊ค
ล็อคนั้นถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เย่ฮัวผลักประตูเข้าไปด้านในและเห็นว่าชิงหยาขดตัวนอนอยู่บนโซฟา ไหล่เล็กๆนั้นดูสั่นเทา ท่าทางเหมือนจะร้องไห้เลย
ได้เห็นชิงหยาแบบนี้ หัวใจของเขาเองก็อยู่ไม่สุขเสียเท่าไหร่ เมื่อวานเธอยังอยู่ในอ้อมแขนเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้…
เขาเดินไปยังโซฟาและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ชิงหยา รู้นะว่าเศร้าแต่ทำแบบนี้ฉันเองก็ลำบากใจเหมือนกันนะ”
ชิงหยาไม่ได้พูดอะไร เธอหันหน้าหนีเย่ฮัว
“น่าๆ อย่าโกรธไปเลย กลับไปนอนดีๆที่ห้อง เธอจะนอนไม่หลับถ้าไม่มีอะไรกอดไม่ใช่เหรอ?” เขาลูบเบาๆไปที่ไหล่ของเธอที่โผล่ขึ้นมา
เธอยังคงไม่หันมาคุยดีๆแต่ก็มีเสียงกระแอมและพูดขึ้น “เย่ฮัว ขออะไรอย่างได้ไหม?”
เสียงนั้นฟังดูสุขใจดีจัง เพราะงั้นเขาจึงตอบอย่างว่องไว “ขอทำไมอย่างเดียว ว่ามาเป็นร้อยเลยก็ได้”
“เมื่อเด็กเกิดขึ้นมาแล้ว ฉันขอเจอกับเขาทุกๆเดือน สัญญาได้หรือเปล่า?” ชิงหยายังคงไม่หันกลับมามอง เธอดูเหมือนไม่อยากจะมองเย่ฮัวเสียเท่าไหร่ และน้ำเสียงของเธอดูอ่อนแอขึ้นไปอีก
เย่ฮัวที่นั่งเงียบฟังลุกขึ้นยืนช้าๆและเริ่มเปิดปากถาม “ชิงหยา เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย! อาหลี่ก็ลูกฉัน ส่วนตงฮวงไป๋หลี่ก็เป็นผู้หญิงของฉันคนหนึ่งเฉยๆ!”
“แบบนั้นแล้วก็หมายถึงครอบครัวนายกำลังกลับมารวมตัวกันไม่ใช่หรือไง? ฉันไม่อยู่รบกวนหรอกนะ”
บทที่ 216 ไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ
ได้ยินที่เธอพูดเย่ฮัวก็ลดค่าของเขาและพยายามเชิญชวนเธอใหม่
“พูดอะไรอย่างนั้น! ดูอย่างพวกผู้ชายในครอบครัวใหญ่สิ เสี่ยวยี่งี้ ถังวู่เชิงงี้! พวกนี้ต่างก็มีเมียมากมายเป็นโหลกันทั้งนั้น แต่ฉันมีแค่ 2 เองนะ!” เขาพยายามจะโน้มน้าวเธอ ในเมื่อคนอื่นยังมีหลายได้ แต่เทวทูตอย่างเขากลับมีแค่สองแล้วยังมาโดนเธอทำแบบนี้ใส่อีก
ชิงหยาหน้าแหย “แค่สอง? นี่นายยังคิดจะขยายพันธุ์เพิ่มอีกงั้นเหรอ?”
“บ้าเหรอ! ฉันพูดแบบนั้นตอนไหน? ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตฉันอยู่ดีนั่นแหละ!”
ชิงหยายังคงไม่หันกลับไปมองเขา “เย่ฮัว ฉันไม่อยากเชื่อนายอีกแล้ว เรื่องนี้ช่างมันไปเถอะ ยังไงซะมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเร็วๆนี้ ไปได้แล้วฉันจะพักผ่อน”
เย่ฮัวโกรธมากๆ ไม่คิดเลยว่าชิงหยาจะทำแบบนี้ใส่ ได้ ในเมื่อเธอต้องการแบบนี้เองนะ
“ก็ได้ชิงหยา แต่ฉันจะบอกเธออีกรอบนะ ว่าเธอเป็นฝ่ายที่อยากให้ฉันออกไปจากชีวิตเธอเองนะ!” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกไป
“เย่ฮัว! นายมันงี่เง่า! คนโกหก!”
อ่า…เจ้าตัวข้างล่างนี่ยังไม่หมดฤทธิ์อีกแฮะ
น้ำเสียงที่แว่วขึ้นมานั้นทั้งดังและแฝงไปด้วยความเจ็บปวด รู้สึกข้างล่างนี่จะเป็นแหล่งรวมเสียงรบกวนทุกอย่างเลยแฮะ เย่ฮัวถอนหายใจยาว คงต้องไปหาเสี่ยวยี่เพื่อเรียนรู้วิธีทำให้สองสาวรวมเป็นหนึ่งได้จากเขาแล้วมั้ย?ในคัมภีร์จะมีสอนไหมเนี่ย?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ลืมไปเลยว่าคนดีๆอย่างเทวทูตเช่นเขาเนี่ยต้องไปขอให้คนอื่นช่วยบ้างซะแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นทางออกเดียวที่เห็นแล้วคุ้มค่าที่สุด
เขาเดินไปยังห้องของชิงยูตงและเปิดประตูเข้าไปมองภายในนั้น
1 ร่างใหญ่และ 1 แผ่นหลังของร่างเล็กนั้นดูร้อนแรงไม่น้อยเลย และดูเหมือนว่าหลานตัวน้อยของเขาจะยังโอเคอยู่ ในเวลาแบบนี้เธอเองก็คงไม่อยากจะเล่นเกมหรอกจริงมั้ย?
“พี่เขย อยากจะเล่นเกมด้วยเหรอ?” ชิงยูตงตะโกนกลับมาถาม
เย่ฮัวที่อยู่ในอารมณ์ไม่ดีเดินเข้าห้องไปและปิดประตูก่อนจะเปิดเครื่องเกมขึ้นมา
ชิวยูตงยิ้มเยาะออกมา “พี่เขย ฉันรู้นะว่าพี่เขยไม่ได้เก่งเรื่องอะไรพวกนี้น่ะ”
“เฮ้ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่หย่านะ เจ้าหล่อนน่ะบอกจะเอาเด็กไปด้วยซ้ำ!” เย่ฮัวพูดเบาๆ
เย่จีจี้ยิ้ม “พี่ชาย พี่สะใภ้น่ะแค่หึงแหละค่ะ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
“จีจี้พูดถูกแล้ว พี่สาวฉันแค่ขี้หึงเอง ยิ่งไปกว่านั้นพวกพี่ก็แต่งงานกันแล้ว นี่เป็นอะไรที่พี่ภาคภูมิใจสุดๆเลยนะ”
ชิงยูตงเริ่มที่จะพูดถึงเส้นทางชีวิตของพี่สาวเธออีกครั้ง
“โอ้? ถ้ามันเป็นอย่างที่ยูตงพูดแสดงว่าถ้ามันได้ผลจริงๆ พี่ชายก็จะได้รางวัลสินะ!“
เมื่อได้ยินว่ามีการพูดถึงรางวัล ยูตงก็ขยี้เข้าไปอีก
“พี่เขย พี่ก็แค่ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปไยดีพี่สาวซัก 2-3 วัน หลังจากทำให้พี่หิวโหยแล้วพี่ก็หาโอกาสนี้เข้าไปตีก้นเธอซะเลย! แต่พี่ต้องทำให้ชัวร์ก่อนนะว่ามันได้ผลน่ะ!” ชิงยูตงรู้สึกว่าตนเองอยากจะผลักพี่สาวของเธอลงในหลุมที่เธอวางไว้บ้าง ความรู้สึกนี้มีไม่น้อยเลย เพราะในเมื่อเธอเองยังแพ้ให้กับเย่ฮัว พี่สาวก็ต้งแพ้ด้วย!
“ลูกในท้องก็คงอยากให้คุณอาทำแบบนี้ เพราะงั้นเชื่อพวกเราเถอะ…พวกเราน่ะ…เป็นผู้หญิงนะ~”
เย่ฮัวพยักหน้ารับ “เปิดเกมก่อนละกัน”
ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นเกมอยู่แต่ในหัวก็ยังพิจารณาเรื่องที่ทั้งสองพูดไปด้วย บางทีเขาควรจะลองทำตามดู แต่มันจะได้ผลจริงๆใช่มั้ยเนี่ย?
หลังจากเล่นเกมเสร็จเย่ฮัวก็กลับไปยังห้องนอนของเขาเอง มองไปยังเด็กสาวที่กำลังหลับอยู่บนที่นอนนั้น มีแค่อาหลี่เท่านั้นที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เขาก็รู้สึกเหมือนโดนห่อหุ้มด้วยแจ็คเก็ตสำลี มันสบายเนื้อสบายตัวมากๆส่วนคนอื่นๆนั้นอยู่ด้วยทีไรหงุดหงิดตลอด
เขาไปอาบน้ำและกลับมานอนกอดลูกสาวเอาไว้
ในฝันของอาหลี่เองก็ยังฝันว่าได้กอดพ่อของเธอ มุมปากน้อยๆนั้นมีรอยยิ้มเกิดขึ้นมา แล้วยิ่งไปกว่านั้นลิ้นเล็กๆของเธอยังออกมาเลียปากเบาๆด้วยเหมือนได้กินอะไรอร่อยๆมาเลย
ชิงหยานั้นสมบูรณ์แบบในด้านของความเป็นแม่ ส่วนตงฮวงไป่ลี่นั้น ถ้าเธอได้ซักครึ่งหนึ่งของชิงหยาล่ะก็…เธอคงจะมาร่วมเตียงนี้ได้
ไม่งั้นแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชวนเธอมาร่วมเตียง เปล่าประโยชน์ด้วยถ้าจะมาขอร้องเทวทูตเช่นเขา
เช้าวันต่อมา เช้าแบบเช้ามากๆ
“ป๊ป๋า~ ป๊ะป๋า~ ตื่นนนนน~”
เย่ฮัวที่กำลังหลับไหลได้ยินเสียงเรียกของลูกสาวก็ค่อยๆพะงาบๆปากออกมาแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอนอนต่ออีกหน่อยได้มั้ย?”
“นี่มันเช้าแล้วน้าา อาหลี่ต้องเรียนรู้ ป๊ะป๋าไม่อยากสอนอาหลี่เหรอ?”
เย่ฮัวอมยิ้ม “งั้นจะสอนออกกำลังกายทีหลังละกันนะ”
“เย่~ ดีเลย อาหลี่ชอบมันมากที่สุด” เธอดีใจพร้อมกับหอมเข้าไปที่แก้มของเย่ฮัวและหัวเราะออกมาเสียงดัง นี่สินะความรู้สึกของสายสัมพันธุ์ แม้แต่เทวทูตเช่นเขาเองก็ยังมีความสุขมากๆ!
“ไปกินแพนเค้กผลไม้กันดีกว่า!” เย่ฮัวอุ้มร่างเล็กขึ้นและลุกออกจากเตียงไป
อาหลี่สงสัยอย่างมาก “อะไรคือแพนเค้กผลไม้เหรอคะ?”
“ฮ่าๆๆ เธอจะรู้ก็ต่อเมื่อได้เห็นมันนะ แต่ว่าตอนนี้ขอล้างหน้าก่อน”
“ดีเลย อาหลี่ก็จะแปรงฟันแล้วก็ล้างหน้าด้วย! อ๊ะ เดี๋ยวอาหลี่บีบยาสีฟันให้ป๊ะป๋าเอง”
ในตอนนั้น หัวใจของเย่ฮัวหลุดออกจากความหนาวเหน็จแทบจะทันที
หลังจากที่พ่อลูกอาบน้ำเสร็จ พวกเขาก็หาเสื้อใส่และเดินออกจากประตูไป
“โอ้ อาหลี่ลืมถามไปเลย หม่าม๊าไปไหนเหรอคะ?” อาหลี่นั้นตื่นเต้นเล็กน้อยและตัวเขาเองก็เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ…
เย่ฮัวพูดด้วยเสียงค่อย “เธอไม่อยากนอนข้างบนน่ะ เลยลงมานอนข้างล่าง”
“อ๋าาาา ทำไมหม่าม๊าทำแบบนี้ล่า~? หม่าม๊าต้องไปนอนด้วยกันสิ”
อาหลี่ยังคงอ่อนไหวง่ายอยู่
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงชั้นล่าง เย่ฮัวก็มองบรรยากาศข้างล่างที่เละเทะไปหมด ไม่มีเก้าอี้ตัวไหนในโถงนั้นที่อยู่สภาพดี ภาพวาดทั้งหลายบนกำแพงทำฉีกจนเสียหายและลงมากองอยู่บนพื้น
ถ้าเว่ยชางมาเห็นภาพนี้คงได้ระเบิดลงแหงๆ เพราะภาพพวกนี้น่ะเจ้าตัวเก็บสะสมมาถึง 5 ปีเลยนะ
ร่างของตงฮวงไป่หลี่นั้นหลับไหลอยู่บนพื้น
อาหลี่ปล่อยมือจากเย่ฮัวและวิ่งเข้าหาแม่ของเธอที่นอนอยู่บนพื้น “หม่าม๊า~ตื่น~~”
เปลือกตาระบมของตงฮวงไป่ลี่ค่อยๆเปิดขึ้นมาพร้อมกับสอดสายตาไปมองภาพเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว “อาหลี่…”
“หม่าม๊า ทำไมถึงมานอนที่นี่ล่ะคะ ทำไมไม่ไปนอนกับปะป๊า?” อาหลี่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง มันทำให้ตงฮวงไป่กลี่เองก็คลายความกังวลด้วย
เธอมองไปยังลูกสาวของเธอและพูดเสียงอ่อน “เพราะว่าพ่อหนูไม่ชอบคนขี้หวงน่ะจ้ะ เพราะงั้นเราถึงนอนด้วยกันไม่ได้”
“ถ้าไม่นอนด้วยกันแล้วหม่าม๊ากับป๊ะป๊าให้กำเนิดหนูกันยังไงคะ?”
จริงๆมันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก… เพราะงั้นเลยทำให้เย่ฮัวหลุดหัวเราะออกมา แต่กลับกันตงฮวงไป๋หลี่เองที่เป็นฝ่ายหน้าบึ้ง
“อาหลี่ ต้องเรียกแม่ว่า ท่านแม่สิ เรียกหม่าม๊าไม่ได้นะ”
“ไม่ อาหลี่จะเรียก หม่าม๊า หม่าม๊านี่ดีนี่สุดแล้ว~” เมื่อได้ยินอาหลี่บอกแบบนั้น ตัวเธอเองก็ยังคงคิดว่ามันไม่เหมาะกับเธอ
เย่ฮัวก็เช่นกัน เพราะงั้นเขาจึงกระซิบเบาๆ “อาหลี่ ไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”
อาหลี่นั้นแทบจะลอยเข้าใส่เย่ฮัวเมื่อได้ยินแบบนั้น มันยิ่งทำให้ตงฮวงไป่หลี่รู้สึกไร้ค่าขึ้นไปอีก แม้แต่ลูกสาวของเธอเองก็ยังกลายเป็นศัตรูกับเธอไปแล้ว…
“หม่าม๊า ไปกินข้าวเช้ากันเถอะค่ะ!” อาหลี่ตะโกนเรียกผู้เป็นแม่
ตงฮวงไป่หลี่ไม่ได้ตอบอะไร นั่นเพราะรู้ว่ายังไงเย่ฮัวก็ไม่ให้เธอออกไปไหนอยู่แล้ว
“ก็ไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ” เย่ฮัวพูดเบาๆ
หลังจากนั้นเขาก็พาอาหลี่ไปก่อน ตงฮวงไป่ลี่รับรู้ได้ว่ากำแพงลมนั้นหายไปแล้ว เพราะงั้นตอนนี้เธอแค่ต้องพาตัวลูกสาวมาและหนีไปให้ได้
อย่างไรก็ตาม ถึงเธอจะหนีได้ แต่อีกไม่กี่ก้าวก็คงโดนจับได้อยู่ดี…
เพราะงั้นแล้วเธอจึงได้แต่ถอนหายใจและยอมตามทั้งสองออกไปในที่สุด
ณ ตอนนั้นเอง จากมุมมองหน้าต่างที่ชั้นสอง ชิงหยาไม่ได้นอนทั้งคืน เธอยืนอยู่ที่หน้าต่างและมองออกไปบนท้องนภากว้าง
และทันใดนั้น เมื่อได้เห็นทั้งสามที่ด้านล่าง น้ำตามันก็ไหลออกมา นายมันขี้โกหก! คนหลอกลวง! ฉันจะไม่มีวันให้อภัยนายไปตลอดชีวิต!
เย่ฮัวนั้นรู้อยู่แล้วว่าชิงหยาต้องมองอยู่บนนั้น นี่คือสิ่งที่เย่จีจี้พูด ทั้งหลานทั้งน้องสะใภ้ดูท่ามันจะได้ผลแฮะ!
แล้วถ้าเป็นอย่างงี้แล้ว ตงฮวงไป่ลี่จะทำยังไงต่อ? ขัดขืนเหรอ?
ดี กับผู้หญิงที่สวยแบบนี้ ก็คงแอบสงสัยสินะว่าเธอจะโดนบังคับให้ออกมา ณ จุดนี้เย่ฮัวแค่อยากจะยืนยันสิ่งนั้น เรื่องที่ว่าภายนอกของตงฮวงไป่หลี่นั้นยังคงดูหยิ่งยโสเหมือนเดิม มันมากกว่าที่ชิงหยามีอีก แต่ในทางกลับกัน เธอนั้นไม่มีความอ่อนโยนแบบชิงหยาเลย
บทที่ 217 ความเจ็บปวดของตงฮวงไป่หลี่
วันนี้ธุรกิจของของคุณน้าก็ยังดิบดีเหมือนเดิม เธอยังคงมีคนต่อคิวมากกว่า 10 คนเหมือนเดิม
และกว่า 10 คนที่ต่อคิวอยู่นั้นต่างก็หันมามองเย่ฮัวที่มาพร้อมกับลูกและสาวสวยจนแทบตาถลนออกมา
ตงฮวงไป่หลี่นั้นเดินนำลิ่วไปแล้ว
อาหลี่นั้นรู้สึกเขินอายต่อสายตาผู้คนมากๆ เพราะงั้นแล้วเธอถึงหดหัวเข้าไปในแขนของเย่ฮัว การเคลื่อนไหวของเด็กสาวตัวเล็กนั้นทำให้ทุกสายตาที่มองมาต่างรู้สึกเอ็นดู
เขาโอบร่างของเธอไว้ขณะที่ยืนอยู่ท้ายแถวของร้านแพนเค้กผลไม้ซึ่งต่างจากตงฮวงไป่หลี่ที่ตอนนี้กำลังเดินหาที่แทรก
เย่ฮัวยืนมองตงฮวงไป่หลี่ที่เดินหาที่แทรกด้วยความที่เธอนั้นถือตนเป็นราชินี และก่อนที่เธอจะเข้าแทรกได้เย่ฮัวก็ตะโกนขึ้น “ทำอะไรของเธอน่ะ!”
ตงฮวงไป่หลี่มองกลับไปยังต้นเสียงราวกับเธอจะถามว่าทำไมต้องไปยืนท้ายแถว?
“กลับมานี่!” เย่ฮัวพูดเบาๆ ยัยนี่ระดับมันสมองต่ำขนาดไหนกันนะ ขนาดเข้าไปแทรกแถว พอบอกให้ออกมายังทำหน้างงใส่อีก
ในความเป็นจริงเย่ฮัวเองก็แทรกแถวเหมือนกันในตอนแรกๆ เพราะคิดว่าตัวเขาเองเป็นผู้สูงส่งไม่จำเป็นต้องเข้าแถวร่วมกับมนุษย์หรอก
และด้วยเหตุผลนั้นแหละ มันเลยทำให้น้าเจ้าของร้านไม่ยอมทำแพนเค้กให้เลย แถมยังโกรธจัดอีกด้วย
ตอนนั้นน่ะ ถ้าไม่ติดว่าแพนเค้กอร่อยคงได้ทิ้งระเบิดกันไปแล้ว
อาหลี่เมื่อเห็นว่าพ่อของเธอพูดเช่นนั้น เธอก็ช่วยพูดด้วย “หม่าม๊า กลับมาก่อนนนนน อย่าไปแทรกแถวน้าาา~”
ตงฮวงไป่หลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนโดนดาเมจแบบคริติคอลไปเป็นแสนๆ นี่ต้องไม่ใช่สิ่งที่เย่ฮัวสอนแน่ๆ ไม่มีทางที่หมอนั่นจะสอนทักษะผู้ดีแบบนี้ให้เธอได้หรอก หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณที่บอกว่าลูกสาวเธอกำลังแปรพักตร์กันน่ะ…
คนที่ยืนต่อแถวส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกเด็กผู้ชายแล้วก็พวกที่ต้องรีบไปทำงานเพราะงั้นพวกเขาจึงแทบจะให้หญิงสาวหน้าตาสวยเพียงคนเดียวนั้นได้มีโอกาสแทรกแถวได้โดยง่าย
“คนสวย ดูท่าจะรีบ ถ้ายังไงมายืนตรงนี้ก็ได้นะ”
“ตรงนี้ก็ได้เหมือนกันนะ”
“พวกนายเนี่ย ละสายตาจากสาวสวยไม่ได้เลยนะ” เหล่าสาวๆบางคนในแถวบ่น ดูก็รู้ว่าพวกนี้ถ้าไม่ใช่คนสวยล่ะก็คงไม่ยอมทำถึงขนาดนี้หรอก
อาหลี่เริ่มรู้สึกละอายใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว “หม่าม๊า กลับมาเร็วๆ พวกเราต้องเข้าคิวนะคะ”
“ดูสิ แม้แต่อาหลี่ยังรู้เลย การแทรกแถวมันเป็นเรื่องที่แย่นะ มานี่” เย่ฮัวส่ายหน้าและแน่นอนว่าถ้าเป็นชิงหยาคงไม่ทำแบบนี้แน่
ตงฮวงไป่หลี่หน้าแดงและอับอายมากๆ
ถึงสีหน้าจะไม่แสดงอาการอายออกมา แต่ท่าทีของเธอนั้นก็เปลี่ยนจากราชินีกลายเป็นคนทั่วไปในทันที
มองตงฮวงไป่หลี่ที่กลับมาเข้าแถวดีๆเย่ฮัวก็ตัดสินใจที่จะสั่งสอนเธอนิดหน่อย
“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป เป็นคนประเภทไหนกันน่ะ” เย่ฮัวเริ่มที่จะต่อว่าเธอด้วยพื้นฐานของผู้ชายคนหนึ่ง
แน่นอนว่าอาหลี่ก็ไม่ยอมปล่อยให้แม่เธอโดนว่าแน่ๆ “อย่าว่าหม่าม๊า หม่าม๊าน่ะอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่ได้ออกไปไหนเลย เพราะงั้นหม่าม๊าไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก”
“…”
เย่ฮัวสัมผัสหน้าอาหลี่เบาๆ “อาหลี่น่ะอ่อนไหวมากๆเลยนะ แถมยังเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์ด้วย”
“ฮี่ๆ”
ไอ้นิสัยชอบตอกย้ำคนอื่นนี่ดูจะแพร่พันธุ์เร็วจริงเลยนะ ไม่ทันไรสองพ่อลูกนี่ก็พากันสุมหัวเหยียบย่ำเธอเสียแล้ว น่าโมโหสุดๆ!!
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอก ป่านนี้ตีกันไปแล้ว!
เย็นไว้ก่อน… อย่าเสียความเยือกเย็นในฐานะราชินีสิ…
หลังจากที่รอมากว่า 10 นาที ในที่สุดก็ถึงคิวของเย่ฮัวเสียที
ป้าคนขายนั้นมองเย่ฮัวแล้วแต่ก็ยังสงสัยว่าเด็กสาวที่มาด้วยกับผู้หญิงสวยๆที่ยืนด้วยกันนั้น…เหมือนกันจังเลยแฮะ
“แพนเค้กผลไม้ 6 ชิ้น 1 ในนั้นเพิ่มแฮมกับไข่ไปด้วย” เย่ฮัวยื่นหน้าเข้าไปสั่งกับลูกสาวของเขา
“เฮ้! อาหลี่ก็จะเอาแฮมกับไข่ด้วย!” อาหลี่ที่มองไปยังสิ่งที่เย่ฮัวสั่งมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่งแบบเดียวกับเขา
เย่ฮัวยิ้มน้อยๆ “จะกินด้วยเหรอ?”
อาหลี่ลูบพุงน้อยๆของเธอ “ใช่แล้ว อาหลี่น่ะสามารถเก็บของไว้ในพุงน้อยๆนี่ได้นะ!”
“งั้นเอาสองชิ้นเลย” เขาพูดกับป้าคนขาย
ป้าที่ทำแพนเค้กจู่ๆก็เอ่ยขึ้นมา “อ้อ ป้าจำได้แล้ว! เธอคือคนที่มายืนอยู่หน้าร้านทุกๆเช้าเมื่อสามปีที่แล้วนี่นา”
ตงฮวงไป่หลี่สะดุ้งเฮือกแล้วก็ขมวดคิ้วใส่ทันที
เย่ฮัวและอาหลี่เองก็พากันหันมองไปทางตงฮวงไป่หลี่เหมือนกัน
“หม่าม๊าเล่นซ่อนแอบเหรอคะ?” อาหลี่ถามด้วยความใสซื่อ
ฉึก!
เหมือนมีดแทงเข้ามากลางอกเลย…
“ไม่ต่ำกว่า 10 วันเลยนะ” ป้าขายแพนเค้กพูดเสริม
อาหลี่นั้นตกตะลึงมากกว่าเดิมอีก “ว้าวววว หม่าม๊านี่เป็นคนที่มีความลับซ่อนไว้จริงๆด้วย”
ฉึก!
อีกแผลแล้ว… ตอนนี้ตงฮวงไป่หลี่เริ่มจะเจ็บจี๊ดขึ้นมาในอกนิดๆแล้ว ชักจะโกรธขึ้นมาแล้วสิ…มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่!!
เย่ฮัวลูบหัวลูกสาวเบาๆก่อนจะพูดขึ้น “อาหลี่ หม่าม๊าก็ทำตัวแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ตาม น่าสนใจอยู่นะ เรื่องนี้”
“ใช่แล้ว ก็ป๊ะป๋าหล่อนี่นา เพราะงั้นหม่าม๊าเลยหลงเอาซะขนาดนี้”
ฉึก!
ฉึก!!
ตงฮวงไป่หลี่ตอนนี้พรุนไปหมดทั้งอกแล้ว นี่มันยิ่งกว่ามีดพันเล่มแทงเข้ามาที่ทรวงอีกนะ เพราะจะพูดอะไรก็ไม่ได้
“พ่อหนุ่ม นี่ลูกสาวเหรอ?” ป้าถามต่อแบบอยากรู้อยากเห็น
ระหว่างรอให้เย่ฮัวพูดอาหลี่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “สวัสดีค่ะคุณยาย หนูชื่ออาหลี่ ส่วนพี่สาวคนนี้คือหม่าม๊าของหนูเอง”
“เฮ้…พ่อหนุ่ม ใช้เงินฟุ่มเฟือยมันไม่ดีนะ” ป้าแพนเค้กเริ่มจะสอนเขาอีกแล้ว และดูเหมือนว่าป้าจะเป็นคนเดียวที่สอนแล้วเย่ฮัวยอมฟังด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นนะ…
นั่นก็เพราะว่าครั้งนี้เย่ฮัวไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิด เพราะงั้นเขาจึงพูดขึ้นมาทันที “ป้าหมายถึงซื้อดอกไม้ให้เธอเหรอ? ไม่จำเป็นหรอก นี่น่ะเมียใหม่ฉันเอง ส่วนอีกคนนอนอยู่ในบ้าน”
นี่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในใจซักหน่อย…
“ใครเป็นเมียใหม่นายไม่ทราบ พูดอะไรระวังปากหน่อย!” ตงฮวงไป่หลี่ที่ยืนฟังอยู่อดไม่ได้ที่จะขัดขึ้น เธอปฏิเสธมันสุดๆ
อาหลี่ที่ได้ฟังนั้นก็ดูจะตื่นเต้นมากๆ เธอดูกระโตกกระตากและพูดขึ้นมา “หม่าม๊าจะเป็นเจ้าสาวเหรอ!! อาหลี่มีความสุขที่สุดเลยยยย”
“อาหลี่ ไม่พูดน่า”
เด็กสาวมุดหลบเข้าไปในแขนของเย่ฮัวเมื่อเธอรู้สึกได้เหมือนจะโดนเคาะหัว มันเป็นภาพที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากๆ
ป้าถอนหายใจ “หนุ่มๆสาวๆอย่างพวกเธอเนี่ยต้องไม่ทำให้การเกิดมาของเด็กนี่เป็นเรื่องผิดพลาดนะ เพราะว่าเด็กก็คือความไร้เดียงสาหนึ่งเดียวที่โลกนี้มีนะ จำไว้ให้ดีล่ะ”
นี่ฟังดูมีเหตุผล เย่ฮัวและตงฮวงไป่หลี่ไม่ปฏิเสธมันเลย อาหลี่เองก็โผล่มายิ้มให้ป้าแพนเค้กก่อนจะหลบกลับไปเหมือนเดิม
หลังจากที่รอมานาน เย่ฮัวก็เดินกลับเข้าไปในร้านพร้อมกับแพนเค้กผลไม้ อาหลี่ไม่รอช้าที่จะรับมันไปและกินทันที
“เอาไป” เย่ฮัวยื่นถุงให้กับตงฮวงไป่หลี่
“ไม่เอา!”
“ในฐานะผู้หญิงของฉันก็ช่วยใช้กฏของฉันด้วย!” เย่ฮัวพูด ช่างเป็นคนที่ดื้ออะไรขนาดนี้เนี่ย
“โทษทีนะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนาย”
อาหลี่ได้ฟังก็เกิดสับสนขึ้นมา “หม่าม๊าไม่ใช่ผู้หญิงของป๊ะป๋า…ถ-ถ้างั้นหม่าม๊าเป็นใครคะ…”
“อาหลี่ หยุดพูด!”
เย่ฮัวในตอนนี้นั้นใจเย็นขึ้นมากๆ เขาพูดเสียงเบา “ตงฮวงไป่หลี่ ถ้าเธอเชื่อฟังอะไรง่ายๆจะดีกว่านี้นะ”
อาหลี่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเองก็พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
“ฝันไปเถอะ!”
เย่ฮัวไม่ได้ใส่ใจเธอ เขากลับไปที่บาร์และขังเธอไว้เช่นเดิมก่อนจะหิ้วเอาอาหารเช้าไปกินบนชั้น 2 สองสาวในห้องนั้นยังหลับปุ๋ยเพราะเล่นเกมกันดึกเพราะงั้นพวกเธอจึงยังไม่ตื่น เพราะงั้นเขาจึงไปยืนอยู่ที่หน้าประตูออฟฟิศแทน
เขาเปิดประตูเข้าไปในนั้นช้าๆ
ภาพที่เห็นคือชิงหยากำลังนอนขดตัวบนโซฟาเหมือนเมื่อคืน ดูน่าสงสารจัง
เย่ฮัวที่เห็นภาพนั้นก็รู้สึกเป็นทุกข์ไม่น้อยเลย
“ตื่นได้แล้ว นี่อาหารเช้า” เขาพูดเบาๆ
น้ำเสียงที่ตอบกลับของชิงหยานั้นยังคงเหมือนคนครวญครางอยู่ “ยังไม่หิว ออกไป”
“เธอเป็นอะไรของเธอ ถ้าอยากให้ออกไปก็ลุกขึ้นแล้วมาไล่เองเลยมั้ย?” เย่ฮัวถามด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น