You Cannot Afford To Offend My Woman 123-148

 บทที่ 123 มันน่าหงุดหงิดจริงๆนั่นแหละ


เฉกเช่นตอนนี้ ความเงียบคืบคลานเข้ามาทางฝั่งของฉัน ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรหรอก แต่ก็อึดอัดแหละ มันสบายจริงๆนะ ผมที่นุ่มสลวยนั่น ทำเอาฉันรู้สึกสบายทุกครั้งที่ได้สัมผัสเลยแล้วก็…รสชาติของริมฝีปากมันชวนให้ไม่ลืมจริงๆ อยากจะขอโทษแล้วก็จูบเธอซะ แต่ถ้าเริ่มต้นใหม่ คุณเองก็คงจะถูกมองเป็นพวกไร้ตัวตนแน่ๆ และผู้หญิงโง่คนนี้ก็จะไม่ยอมเริ่มใหม่แน่ๆด้วย นี่แหละปัญหา


“จะเอาอะไร?” ชิง หยา เอ่ยถามขณะที่ซบอกเย่ ฮั่วอยู่


เย่ ฮั่วตอบอย่างใส่ใจ “ไม่เอา”


“ฉันจะไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้เพื่อตรวจอะไรหน่อย” ชิงหยาพูดเสริม


เย่ ฮั่วขมวดคิ้วแน่น “อะไรหน่อยที่ว่านั่นคือตรวจอะไร?”


“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเรื่องเด็กน่ะสิ นี่นายเป็นพ่อประสาอะไรถึงไม่รู้เรื่องนี้เนี่ย?” ชิง หยากำหมัดเบาๆพร้อมทั้งหายใจฟึดฟัด


ไอ้เรื่องเด็กนั่น เย่ ฮั่วรู้ดีว่ามันไม่จำเป็นต้องไปตรวจถึงโรงพยาบาลก็ได้


“เด็กไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้”


“ฉันรู้ว่านายน่ะศึกษามาดี แต่ฉันไม่เชื่อหรอก” น้ำเสียงของชิงหยาฟังดูอ่อนลง เมื่อ 2 วันก่อนจากที่ติดต่อกับจักรพรรดิจากทิศตะวันออกมันทำให้เธอหันมาดูแลลูกที่กำลังจะเกิดมากขึ้นแถมยังอยากทำให้มั่นใจด้วยว่าลูกเธอจะไม่เป็นอันตรายใดๆ


“อะไรกันเนี่ย นี่ไม่เชื่อฉันเหรอ?”


“ฉันไม่เชื่อนาย ฉันแค่อยากจะหาอะไรมาทำให้มั่นใจเฉยๆ” ชิงหยาสัมผัสไปที่สะโพกแบนๆของเขาก่อนจะยิ้มน้อยๆออกมาที่มุมปาก แต่นั้นก็นับว่ายิ้มเยอะที่สุดในรอบหลายเดือนมาแล้ว


เย่ ฮั่วไม่ได้พูดอะไร เพราะท้ายสุดแล้วนั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของชิงหยา แน่นอน ฉันเชื่อในการแพทย์สมัยใหม่ ยังไงซะก็ช่วยทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นด้วยก็แล้วกัน


“เย่ ฮั่ว ถ่ายรูปงานแต่งของเราก่อนที่ท้องฉันจะป่องนะ” ชิงหยาพูดด้วยเสียงละมุน เหนือสิ่งอื่นใด การได้ใส่ชุดเจ้าสาวก็เป็นสิ่งที่สาวๆไฝ่ฝันล่ะนะ แม้แต่ชิงหยาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น


เย่ ฮั่วพูดอย่างใส่ใจอีก “ไม่เห็นว่าถ่ายรูปแล้วจะมีอะไรดีเลย น่าเบื่อ”


“อย่าพูดแบบนั้นสิ! พวกเราจัดพิธีแต่งงานกันไม่ได้ แต่ภาพแต่งงานน่ะจำเป็นต้องมีนะ!“ ชิงหยาอารมณ์แปลผันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และครั้งนี้ก็เพราะว่านายไม่อยากถ่ายรูปแต่งงานกับฉันยังไงล่ะ!


เย่ ฮั่วเงียบ


แต่ในสายตาของชิงหยา นี่คือการปฏิเสธแบบซ่อนๆ


ฉันเห็นชิงหยาลุกขึ้นไปนั่งและถามด้วยเสียงเยือกเย็น “เย่ฮัว ฉันจะถามนายอีกครั้งนึงนะ ว่านายยังใช้ฉันเป็นแค่เครื่องมือผลิตเด็กใช่ไหม!”


“ใช่” เย่ฮัวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกัน แต่คำตอบนี้ก็ทำให้ตัวเขาเองรู้สึกหงุดหงิดไปด้วย


นัยน์ตาสวยของชิงหยาแดงก่ำ เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เขาคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเมื่อถึงเวลานี้ แต่ไม่เลย เขานี่มันโง่จริงๆ!


หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ชิงหยา พูดอย่างไม่แยแส “หลังจากที่เด็กคนนี้เกิด เราจะหย่ากัน”


เมื่อพูดจบเธอก็เอนไปที่อีกข้างหนึ่ง แสงนวลผ่องจากดวงจันทร์กระทบบนใบหน้าสวยที่ปกคลุมด้วยหยาดน้ำตา


เย่ ฮั่วได้ยินคำว่าหย่าร้างมาหลายต่อหลายครั้ง เขาจึงพูดอย่างเย็นชาออกไป “เรื่องของเธอ!”


ได้ยินถ้อยคำที่แสนจะไร้เยื่อใยจากเย่ ฮั่ว ชิง หยาก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งไหล่กระตุกเบาๆ ถึงแม้ว่าเธอจะร้องไห้อยู่แต่เธอก็ไม่ได้ทำให้มันเกิดเสียงดังหรืออะไรทั้งสิน เธอ…จะไม่ยอมให้ชายคนนี้่แล้ว!


เย่ ฮั่วอารมณ์บูดมากๆ ณ ตอนนี้ แต่เขาก็ยังคงคิดตลอดว่าเธอนั้นเอาแต่ใจเกินไปแล้ว เพราะเขาปล่อยปะละเลยปล่อยให้เธอเหลิงมากเกินไปจนตอนนี้กล้าที่จะมาเสนอที่จะหย่าเสียแล้ว


จอมมารนั้นไม่เคยดีพอสำหรับผู้หญิง ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองไปก่อน แล้วก็คิดว่าเขาทำอะไรไปแล้วบ้างในวันนี้ เย่ ฮั่วรู้สึกได้เลยว่าเขานั้นใจดีเกินไป


ในเวลานี้มันทำให้นอนไม่หลับอีกต่อไปแล้ว เย่ฮั่วเองก็ลุกแล้วเดินออกไปจากห้องนอนนั้นด้วย


ทางฝั่งของชิง หยา เขาได้ยินเสียงของเย่ ฮั่ว และเมื่อประตูปิดเธอก็ไม่สามารถระงับความคับข้องใจในหัวใจของเธอได้ เธอร้องไห้ออกมา หมอนที่อยู่ด้านหลังถูกหยิบมาซุกไว้และมุดหน้าเพื่อร้องไห้อัด ใบหน้าสวยจมหายไปในหมอนซึ่งตอนนี้กำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาแห่งความอึดอัดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้


สำหรับเด็กแล้ว ฉันยังคงอยากที่จะก้าวไปพร้อมๆกับคุณ แต่คุณไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ หรือถึงแม้ว่าคุณจะจงใจใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือผลิตเด็กจริงๆ ฉันคงไม่อาจเจอคุณได้!


เมื่อเขาเดินเข้ามายังออฟฟิศ เย่ฮั่วหยิบเอาขวดวอดก้าและบุหรี่ออกมาก่อนจะไปนั่งที่ริมหน้าต่างเพื่อเชยชมแสงจันทร์


“เว่ยจาง เลี่ยกู!” เขาเรียกหา


แทบจะทันทีเว่ยจาง และเลี่ยกูก็ปราฏออกมา พวกเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับอะไรแบบนี้และคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที นั่นเพราะว่าน้ำเสียงของผู้สูงส่งตรงนี้ต่างไปจากเดิม ราวกับว่าเขาย้อนกลับไปยังอดีต ณ จุดที่ยังไม่มีความเป็นมนุษย์


เย่ ฮั่วเหลือบมองดวงจันทร์ก่อนจะพ่นควันออกมา “ไหนพวกเจ้าพูดมาซิ ว่าจอมมารอย่างข้านั้นมีเมตตามากเกินไปหรือไม่!”


เว่ยจางและเลี่ยกูหน้าซีดพร้อมสั่นกลัว นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมท่านผู้สูงส่งนี้จึงได้เปลี่ยนง่ายในเสี่ยววินาทีเช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังพูดอยู่เลยว่าจะพาทุกคนออกจากที่นี่ และตอนนี้ก็กลับกลอกเสียแล้ว


เลี่ยกูนิ่งชะงักไปเลย เว่ยจางก็เช่นกัน พวกเขาไม่สามารถพูดออกไปได้ เพราะงั้นหาเรื่องอื่นมาพูดดีกว่า


เว่ยจางในครานี้กล้าที่จะพูดมันออกไป สำหรับกรณีที่ถ้าพูดผิดหูล่ะก็ แน่นอนว่าท่านผู้สูงส่งตรงนี้คงได้จากไปแน่ๆ แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วแม่หนูถังจะยังคงมีชีวิตอยู่ได้หรือเปล่า? ชัดเจนแล้วว่าไม่


“พวกเขาไม่กล้าที่จะพยายามเข้าใจท่านครับ ท่านผู้สูงส่ง” เว่ยจางพูดออกไปด้วยความเคารพ นั่นก็เพื่อพยายามจะเข้าใจว่าทำไมท่านผู้สูงส่งตรงนี้ถึงเปลี่ยนไป จากนั้นค่อยให้ลดยา


“ดูเหมือนว่าถัง เว่ยจะเปลี่ยนเจ้าไปมากนะ!” เย่ ฮั่ว พูดอย่างไม่แยแสแต่แบบนั้นก็ยิ่งทำให้อุณหภูมิในอากาศลดต่ำลงไปอีก


เว่ย จางช็อคไปเลย “ท่านผู้สูงส่ง เจ้าหนูถังนั้นยังคงไร้เดียงสาครับ”


เย่ ฮั่วยืนขึ้นช้าๆก่อนจะเดินไปที่เว่ย จางและมองไปที่เขา ผู้ที่กำลังก้มหน้าลง “เจ้ากำลังพูดถึงมนุษย์ผู้หญิงอยู่นะ!”


เซนส์แห่งการกดขี่ของเว่ยจางทำงานแล้ว เขาหนาวสั่นไปทั้งตัวในขณะที่เหงื่อก็เริ่มแตกพลั่กๆแล้ว ท่านผู้สูงส่ง ท่านไปโด๊ปหรือเตะขอบโต๊ะมาหรือไงเนี่ย!


“ท่านผู้สูงส่ง เว่ย จางไม่ได้มีเจตนาจะหมายถึงแบบนั้นหรอกครับ และเขาหวังว่าท่านผู้สูงสูงส่งจะไว้ชีวิตเขาในครั้งนี้ด้วย” เลี่ย กูรีบตอบขึ้นมาทันที


เย่ ฮั่วมองและสูดหายใจเข้าลึกๆ “นานมาแล้ว ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์ผู้หญิงนั้นมีพลังที่จะทำให้ผู้คนสับสน ดูท่าว่าเจ้าสิ่งนั้นจะเป็นจริง!”


เว่ย จางและเลี่ยกูมองไปซึ่งกันและกัน รู้สึกเลยว่าท่านผู้สูงส่งนี่เปลี่ยนไปเพราะท่านผู้หญิงแน่ๆ!


แต่นายหญิงก็เป็นแค่มนุษย์ เหตุใดจึงทำให้ท่านผู้สูงส่งโกรธได้กันนะ?


เลี่ยกูสบตาเล็กน้อย และรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เว่ยจางเองก็คิดถึงภรรยาของเขาที่ค่อนข้างจะสุภาพมากๆ ไม่เหมือนผู้หญิงประเภทที่จะทำให้ผู้คนโกรธได้ง่ายๆเลย


เว่ย จางหยุดและพูด “ข้าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่า ท่านผู้สูงส่งนั้นใจดีและนอกจากนั้นก็ยังเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ด้วย นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนใจดีในหมู่มนุษย์ด้วยกันเองด้วย”


เย่ ฮั่วไม่ได้พูดอะไรนอกจากสูบบุหรี่ต่อไป


มองไปยังท่าทีของท่านผู้สูงส่ง เว่ยจางก็เริ่มผ่อนคลาย “ท่านผุ้สูงส่ง อาจจะบอกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังสับสนในคำพูดของท่านก็เป็นได้และพวกนางก็เข้าใจในมุมอื่นแทน”


“พูด” เย่ ฮั่วถามอย่างไม่แยแส


เว่ยจางเพียงแค่พูดไปเรื่อย ใครจะคิดว่าท่านผู้สูงส่งจะถามกัน แบบนี้ดีแล้วสินะ


ความเงียบดึงเลี่ยกูไว้ให้อยู่กับที่ เขาเลียมือของตัวเองขณะเปลี่ยนความคิด ราชันของพวกเขานั้นเพียงแค่รู้สึกว่าเขาดีสำหรับทุกๆมุมมองบนเตียง


สำหรับเลี่ยกูแล้ว ผู้หญิงก็ไม่ได้อะไรมากมาย ถ้าพูดถึงประสบการณ์ล่ะก็อาจจะตายได้เลยก็ได้!


หากจะพูดออกมาล่ะก็ ท่านผู้สูงส่งคงต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งนี้อีกเป็นแน่


เพราะงั้นรั้งปากไว้งาบกระดูกดีกว่า


“ท่านผู้สูงส่ง ถ้าหากท่านมองไปยังกลศาสตร์ที่น่าสับสนเช่นเดียวกับความรักนี่ ท่านอาจจะเข้าใจมัน”


“สามหาว!” เย่ ฮั่วตะโกนออกมาด้วยเสียงดัง


เว่ย จางมองไปยังเย่ ฮั่ว ทัศนคติของเขาเหมือนกับประธานธิบดีที่เอาแต่ใจที่เห็นได้ในทีวีซีรี่ย์เสียจริง มันเปิดเผยให้เห็นแล้วว่าท่านผู้สูงส่งเองดูท่าจะมีปัญหากับตัวเขาเอง และท้ายสุด นี่คือความสมดุลย์


“ให้ตายเถอะ!”


“ชิบหาย!”


เว่ย จางและเลี่ย กูรีบสารภาพบาปทันทีแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกผ่อนคลายอยู่ เพราะไอ้คำว่า “สามหาว”นั่น ชัดเจนเลยว่าเป็นความรู้สึกของมนุษย์


“ท่านผู้สูงส่ง รักนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดในบรรดาความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ถ้าท่านผู้สูงส่งสามารถทลายมันลงได้ ท่านก็จะเป็นอมตะได้” เว่ย จางพูดอย่างจริงจัง


บทที่ 124 แมงป่องตัวน้อยโกรธแล้ว!


เลี่ยกูรีบตามไอ้การโน้มน้าวนี้อย่างรวดเร็ว “ความเหมือนกันนี้นับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่แท้จริงครับ”


เย่ ฮั่วขมวดคิ้วและเดินออกมา เขากระสับกระส่าย


“พวกเจ้ารีรออะไรกันอยู่อีก ทำไมยังไม่กลับไป!”


เว่ย จางและเลี่ย กูดีใจเป็นอย่างมาก เพราะดูท่าว่าท่านผู้สูงส่งนี้จะหาทางออกได้แล้ว


“ในสถานการณ์แบบนี้”


“พวกที่หัวดีก็จะกลิ้งออกไปทันที”


เย่ ฮั่วเปิดคอมพิวเตอร์ ไป่ดู๋ให้คำนิยามของความรักไว้มากมาย และนี้คือสิ่งที่สรุปออกมาได้


รักเธอและทำร้ายเธอ


ข้าล่ะกลัวการที่จะต้องเข้าเว็บเถื่อนๆนี่จริงๆ


พระอาทิตย์แย้มรับวันใหม่แล้วและ เย่ ฮั่วก็ผลอยหลับไปบนเก้าอี้บอสนั่นแหละ


ชิงหยาเองที่อยู่ในห้องนอนก็ไม่ได้นอนทั้งคืน ความรู้สึกที่ทั้งเตียงนั้นมันมีแต่ความหนาวเหน็บ เธอลุกขึ้นมาจากเตียงและไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะเดินไปเปิดประตูออฟฟิศจึงได้พบว่าเย่ ฮั่วนั้นหลับอยู่บนเก้าอี้ ชิงหยาไม่ได้ทำเสียงดังโหวกเหวกอะไรก่อนจะปิดประตูและเดินออกไปเงียบๆ


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหนเย่ ฮั่วจึงได้ตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำคือหยิบบุหรี่มาจุดสูบ นัยน์ตาของเขามันแสดงออกถึงความหงุดหงิดแบบที่สุด


หลังจากที่ดูดบุหรี่ไปหมดแล้ว เย่ ฮั่วจึงเดินออกจากออฟฟิศและกลับไปยังห้องนอนที่ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย แถมเตียงยังเรียบร้อยผิดปกติด้วย


ยัยนั่นหนีออกจากบ้านงั้นเหรอ!


เขารีบเปิดตู้เสื้อผ้าและก็พบว่าเสื้อผ้าของชิงหยายังคงอยู่ในตู้เช่นเดิม แม้แต่รองเท้าเองก็ยังอยู่ด้วย ถ้าเธอกล้าที่จะหนีออกไป เธอก็คงไม่พลาดที่จะเอาของพวกนี้ไปด้วยหรอก


เมื่อเขาเข้าไปยังห้องของน้องสะใภ้ ก็พบว่าชิงหยาซ่อนตัวอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่เธอไม่ได้เล่นเกม กลับกันเธอกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของน้องสาวของเธอโดยที่ดวงตายังคงมีความชื้นจากการร้องไห้อยู่


มีชุดอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะ และตอนนี้มันว่างเปล่าไปแล้ว แต่ไม่ทั้งหมด ฉันตั้งใจจะหย่าด้วยตัวเอง เฮอะ เธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผู้สูงส่งอย่างฉัน! น่าขำ!


ความรักเนี่ย มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะจริงๆ!


และน้องสะใภ้นั้นเพียงแค่หันมามองใบหน้าของชายคนนี้เท่านั้น

แน่นอนว่าชิงยูตงยืนอยู่ฝ่ายพี่สาวของเธอแน่ๆ เช้านี้พี่ของเธอวิ่งเข้ามาพร้อมกับข้าวเช้าในมือ ความรู้สึกตอนนั้นค่อนข้างจะแปลกประหลาด นัยนต์ตาคู่สวยนั้นทั้งแดงและบวม นั่นคือสิ่งแรกที่เธอเห็นจากพี่สาวของเธอ


ไม่ต้องคิดมากให้เสียเวลา พี่เขยเธอต้องพูดจาไม่ดีใส่แน่ๆ!


ก่อนหน้านี้ทั้งสองก็ทะเลาะกันบ่อยๆอยู่แล้ว แต่เพียงไม่นานก็หาย แต่ครั้งนี้ดูท่าจะแย่ เพราะพี่สาวของเธอนั้นทิ้งตัวลงและนอนโดยไม่พูดอะไรเลย พอถามอะไรก็ไม่ตอบ มันช่างน่ากระอักกระอ่วมเสียนี่กระไร


ถึงแม้ว่าระบบจะคอยเอื้อให้พี่เขยตลอด แต่นี่มันไม่จำเป็น พี่สาวของเธอกำลังอึดอัดใจขนาดหนีมาหาเธอให้เป็นที่พึ่งแรก สิ่งนี้กระตุ้นหญิงสาวให้ออกมาปกป้องพี่สาวจากการหนีตามกันไป


พี่สาวที่น่าสงสารของฉัน ทั้งๆที่ท้องอยู่แท้ๆก็ยังต้องมาโดนเหยียบย่ำอีก น้องสาวคนนี้จะช่วยแก้แค้นให้เอง!


ความคิดของชิง ยูตงนั้นกำลังวนเวียนอยู่กับเรื่องที่พี่เขยทำร้ายพี่สาวของเธอ แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้!


เขาเห็นชิง ยูตงเดินฟึดฟัดออกมา ใบหน้าสวยนั้นดูเยือกเย็นเสียเหลือเกิน “นายน่ะ! มานี่!”


ความกล้าหาญของเธอนี่ไม่เบาเลยชิงยูคง รู้สึกเหมือนกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ


เย่ ฮั่วทำหน้าทำตาเย้ยหยั่น ไม่มีใครกล้าที่จะพูดขึ้นเสียงเช่นนี้กับเขา และแน่นอนชิง หยาเองก็ด้วย


ทั้งสองเดินออกมาห่างจากประตูและต่างพากันจ้องกันเอง ชิงยูตงนั้นดูไม่มีอะไรนอกจากมองเขาอยู่อย่างนั้น


สายตาทั้งจับจ้องไปยังพี่เขยของเธอนั้นไม่มีการกระพริบใดๆทั้งสิ้น นัยน์ตานั้นกำลังขุ่นเคือง


เขามองชิง ยูตงอยู่พักหนึ่งก่อนที่สถานการณ์จะเปลี่ยนไป เธอจับแขนเขาไว้แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงร่าเริง “พี่เขย ฉันเจอหนังดีๆด้วยล่ะ เรื่องนายอำเภอแมวดำกับโจรภาค 6~”


เย่ ฮั่วยิ้มเยาะในใจแต่ก็ยังคงดูและระมัดระวังการกระทำของน้องสะใภ้อยู่


“ถ้างั้นก็ไปดูซะสิ” เย่ ฮั่วพูดอย่างไม่แยแส


“อือหึ”


ชิง ยูตงลากเย่ ฮั่วลงไปยังออฟฟิสและทันใดนั้นก็ปรากฏมีดสั้นลายประณีตงดงามขึ้นในมือของเธอ กดเย่ ฮั่วลงไปบนโซฟาดุจสายฟ้าก่อนจะขึ้นคร่อมร่างนั้นไว้พร้อมกับจ่อปลายมีดเข้าไปที่ลำคอของเขาด้วย


ไม่มีใครคาดคิดที่จะได้เห็นฉากนี้ ถ้าเว่ยจาง กับ เลี่ยกูยังอยู่แถวนั้น พวกเขาเองก็คงจะเหวอไปเลยเหมือนกัน ไม่มีใครเคยทำกับท่านผู้สูงส่งเช่นนี้มาก่อนในชีวิต แล้วทำไมเธอถึงกล้าทำขนาดนี้!


เย่ ฮั่วไม่ได้แม้แต่จะคิดว่าน้องสะใภ้ของเขาจะใช้กลลวงหลอกล่อเขามาทำเช่นนี้ มันช่างน่าอายนิดหน่อยแต่ความกล้าหาญของเธอก็ไม่ได้แย่นักหรอก น่าประทับใจเสียด้วยซ้ำ


“พูดมา! ทำไมนายถึงต้องเหยียบย่ำจิตใจของพี่ฉัน!” ชิงยูตงเยือกเย็นและแสบแก้วหู ดูท่านี้จะไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว


ระบบพูดขึ้น… นายท่านผู้ไม่เต็มใจเรื่องเพศกำลังมาอีกครั้ง


นัยน์ตาของเย่ ฮั่วเรืองแสงอ่อนๆ “รู้มั้ยว่าแบบนี้ทำยังไง?”


“ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!” ในตาคู่สวยของเธอเองก็เปล่งประกายแสงอ่อนๆอยู่ลึกๆเช่นกัน จากเล็กจนโต พี่สาวเป็นคนที่อดทนอดกลั้น แม้จะไม่ใช่แม่ แต่ก็เป็นยิ่งกว่าครอบครัวทั้งหมด เมื่อเห็นพี่ต้องมาคับข้องใจและเศร้าสร้อย ฉันไม่สามารถรอที่จะหาตัวพี่เขยได้ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหน้าหลานตัวเล็กๆและท้ายสุดก็จะลืมมันไป


แต่ครั้งนี้เมื่อเห็นพี่เขยกลับเข้ามา ฉันไม่พูดอะไรทั้งสิ้น มันกลับมาแล้ว และในตอนนี้ฉันกำลังกดเขาลงไปกับโซฟา พร้อมด้วยมีดสั้นในมือที่กำลังจ่อคอของพี่เขยตัวเอง


“ชิง ยูตง เธอไม่เกรงกลัวในความตายสินะ!” เย่ ฮั่วถามด้วยเสียงเคร่งขึม


ชิงยูตงออกแรงกดคมมีดลงไปอีกหน่อยจนมีเลือดไหลซึมออกมาจากผิว “เพื่อพี่ของฉันแล้ว ฉันไม่กลัว!”


นิ้วของเย่ ฮั่วกลายเป็นสีดำและนุ่มลื่น เขาถามด้วยเสียงขรึมเช่นเดิม “พี่สาวของเธอสำคัญกับเธอขนาดไหน?”


“เธอคือทุกอย่างของฉัน!” ชิงยูตงตอบด้วยเสียงดัง อย่าคิดว่าชิงยูตงจะหมดประโยชน์ที่จะเล่นด้วยแล้ว ผิวหนังที่ตายแล้วถูกทิ้งไว้ที่นี่เพื่อดึงให้พี่เขยอยู่ตรงนี้ ชิง ยูตงเพียงแค่ต้องการจะปกป้องพี่สาวคนสำคัญของเธอเท่านั้น


เมื่อฉันยังเด็ก ฉันถูกปกป้องโดยพี่สาว หลังจากที่ชิง ยูตงตัดสินใจที่จะโตขึ้น เธอจึงเริ่มที่จะเป็นฝ่ายปกป้องบ้าง ถึงแม้จะไม่มีเย่ ฮั่ว ชิง ยูตงก็ตัดสินใจที่จะอยู่กับพี่ของเธอ ที่บ้านที่มีพี่สาวของเธออยู่ ใครก็ตามที่มีพี่สาวและไม่ถูกแบ่งแยก คนพวกนั้นต่างก็ถูกฆ่า


ช่างน่าประหลาดใจที่พี่สาวนั้นเจอผู้ชายที่โดนใจ หลังจากวันนั้น ฉันก็รู้สึกว่าพวกเขาค่อนข้างจะเหมาะสมกันดีเลยทีเดียว พี่เขยนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะจัดการได้ยาก ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะปกป้องพี่สาวแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันบ้างบางเวลา แต่ไม่นานก็จะคืนดีซึ่งกันและกัน


แต่วันนี้มันต่างออกไป ซึ่งนั่นจึงทำให้ชิง ยูตงโกรธเกรี้ยวมากๆ


เมื่อเขาได้ยินเสียงคำรามของเธอ เย่ ฮั่วก็บ่นพึมพัมก่อนที่หมอกสีดำบนนิ้วจะหายจนหมด


“พูดมาสิ ว่าทำไมนายถึงต้องเหยียบย่ำพี่สาวของฉันด้วย ทั้งๆที่พี่น่ะ เป็นคนใจดีขนาดนั้นแท้! นายกำลังเหยียบย่ำคนที่ไม่แม้แต่จะเหยียบมดอยู่นะ! พูดมาสิ!” ชิง ยูตงขาดการควบคุมและฟัดเหวี่ยงใส่เย่ฮั่ว


เย่ ฮั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ “พี่สาวของเธออยากหย่ากับฉัน”


“นั่นก็เพราะว่านายเหยียบย่ำเธอก่อนไง เธอถึงพูดแบบนั้น!”


“เพราะฉันไม่ยอมไปถ่ายรูปแต่งงานด้วย” เย่ ฮั่วพูดด้วยความไม่แยแสอีก


อ่าห์…


ชิง ยูตงมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย มันไม่เหมือนกับที่ฉันคิดไว้ พี่สาวไม่ได้วุ่นวายเพราะพี่เขย? พี่สาวเพียงแค่โกรธและพูดมันออกมา มองไปยังรอยเลือดที่คอของพี่เขย มันจบลงแล้ว…


นายท่าน ท่านคงจะมีความสุขมากเกินไป เลยต้องการจะหาที่ระบายใช่ไหม


ชิงยูตงหลบสายตา ฉันรู้สึกอายเล็กน้อยก่อนจะวางมีดลงไปพร้อมกับกระซิบ “พี่เขย…เข้าใจผิด พี่กำลังเข้าใจผิด ฉันลืมปิดคอมพิวเตอร์ ฉันจะไปปิดก่อน”


“กลับมาเดี๋ยวนี้เลย!” เย่ ฮั่วลุกขึ้นนั่งดีๆและเรียกด้วยเสียงอันดัง


เมื่อจับไปที่คอที่ซึ่งกำลังมีเลือดไหลอยู่ของเขา เย่ ฮั่วไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น นี่ร่างกายของเขาถูกทำลายโดยน้องสะใภ้งั้นเหรอ!!!


ชิงยูคงกลืนน้ำลายและพูด จบแล้ว มันจบลงแล้ว และพี่เขยกำลังเป็นกังวล


“พี่เขย พี่ไม่ต้องเชื่อคำพูดของพี่สาวก็ได้ โดยเฉพาะคำพูด ห้ามเชื่อเด็ดขาด ฉันยืนอยู่ข้างพี่นะ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมทีมกันแล้ว” ชิง ยูตงพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เมื่อครู่ยังเป็นศัตรูกันอยู่เลย


บทที่ 125 ยกโทษให้ด้วย พี่เขยของฉันเป็นพวกน่าละอายใจ


เย่ฮั่วพูดอย่างเยือกเย็น “มานี่!”


“พี่เขย ถ้าพี่อยากจะพูดอะไรก็พูดเลยนะ พวกเราเป็นคนดีและจะไม่ดีก็ต่อเมื่อเราหยิบมีดนะ” ชิงยูตงนั้นยังมีความสูงศักดิ์อยู่


เย่ฮั่ว ตัดสินใจที่จะสอนน้องสะใภ้เขาในวันนี้ เรื่องที่กล้าหันมีดใส่เขาพร้อมทั้งจะให้กินเนื้อมากกว่านี้!


“นายเหนือหัวของเธอ!” เย่ฮั่วมองไปยังขาของเธอก่อนจะตะโกน


ชิงยูตงสะดุ้ง ใบหน้าน้อยๆนั้นกำลังพยายามหาข้อแก้ตัว “พี่เขยยยย ยูตงรู้แล้วว่าผิด ถ-ถ้ายังไงจะเอาความลับในเงามืดของพี่สาวมาเล่าให้ฟัง เพราะงั้นช่วยลืมๆเรื่องนี้ด้วยนะ”


“นายเหนือหัวของเธอ!”


ชิงยูตงนั่งย่อลงไปบนขาของเย่ฮั่ว “พ-พี่เขย…เบานะๆ”


“ยกก้นขึ้น!”


ชิงยูตงยกสะโพกขึ้นสูง มันค่อนข้างแน่นเลย


ป้าป!


อ๊าาาาาา!


“เอามีดมาจ่อคอฉัน! แม้แต่ฉันเองยังไม่ทำเลย!” เย่ฮั่วพูดด้วยเสียงดัง ท่าทางน้องสะใภ้จะได้บนเรียนที่ดุเดือดแล้ว


“มันเจ็บนะพี่เขย…”


ป้าบ!


อ๊าาา!


“พี่เขย ให้อภัยฉันเถอะ ยูตงจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว!”


ป้าบ!


อ๊ากกกกก!


“พี่เขย! พี่เขยหยุดก่อนน! ป๊าาา! ป๊าให้อภัยหนูด้วยยย!” ชิงยูตงพูดไม่เป็นภาษาแล้วในตอนนี้ มันเจ็บมากจริงๆ


นั่นยิ่งทำให้เย่ฮั่วยิ่งรู้สึกตื่นเต้นขึ้นไปอีก


ในออฟฟิศ ทันทีที่เสียงป้าบๆๆดังขึ้น ซึ่งนั่นประกอบไปด้วยความเจ็บปวดแบบหาที่สุดไม่ได้ของชิงยูตง นี่มันการลงโทษประเภทไหนกันนะ นี่เป็นเพียงรางวัลที่ซ่อนอยู่เท่านั้น


“ยินดีด้วยนายท่าน ภารกิจแรกเสร็จสิ้นแล้ว”


ชิงยูตงผู้ที่กำลังถูกตีถึงกับเหวอไปเลย


“นายท่าน พี่เขยของท่านเพียงแค่เผลอสัมผัสโดนขาอ่อนของท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ”


ชิงยูตงมึนงงขึ้นไปอีก พี่เขยนั้นวางแผนไว้ดี ที่แอบกอนเต้าหู้เธอราวกับไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังคงทำแบบเดิมซ้ำๆ


เย่ฮั่วพูดว่า เขาแค่มือลื่น ผิวของยูตงนั้นลื่นอยู่แล้ว ความรู้สึกนั้นไม่เลวเลยแถมยังยืดหยุ่นได้ด้วย


ความขมขื่นของชิงยูตงเกี่ยวกับพี่เขยของเธอนั้นยังคงหนักหน่วง ความรู้สึกนั้นปกปิดไม่มิดแล้วบนก้นของน้องสะใภ้ พี่เขยช่างน่าละอายใจยิ่งนัก!


ใครคือ ชิงยูตง?


ดั้งเดิมแล้วเย่ฮั่วไม่อยู่ในอารมณ์ที่ดีนัก ภรรยาของเขาเองก็ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสู้ด้วย เพราะงั้นแล้วน้องสะใภ้ก็เหมือนถูกส่งมาเพื่อการนี้เลย? รู้สึกสบายใจขึ้นมากๆเลยแฮะ


“เมื่อไหร่เธอจะลุกเอามันไปเก็บ” เย่ฮั่วหยุดมานานแล้ว และน้องสะใภ้ของเขาก็ยังคงไม่ไหวติง


ใบหน้าสวยของชิงยูตงมองและเอ่ยกระซิบ “ฉันขยับไม่ได้”


“ทีหน้าทีหลังก็อย่ากล้าทำอะไรแบบนี้อีกล่ะ พี่สาวของเธอมาช่วยเธอไม่ได้นะบอกไว้ก่อน!”


“พี่เขย ยูตงรู้แล้วว่าผิด รับรองเลยว่าจะไม่มีครั้งต่อไป” ชิงยูตงลุกยืนอย่างฝืนๆ ตอนนี้ไม่ใช่แค่รู้สึกเจ็บที่ก้นแล้ว รู้สึกว่าต้องไปเปลี่ยนกางเกงด้วย


เย่ฮั่วโบกมือและชิงยูตงก็เดินกะเผลกออกไปจากออฟฟิศ พี่เขยนี่ไร้ยางอายอยู่ลึกๆจริงๆ ตีก้นน้องสะใภ้ไปแท้ๆยังไม่ขอโทษอีก มันเจ็บนะ… ก้นน้อยๆของฉันได้บวมแน่ๆเลย…


หลังจากนั่งมากพักใหญ่ เย่ฮั่วจึงเดินไปจัดการบาร์และในตอนนี้ท้องเขาก็เริ่มหิวขึ้นมาบ้างแล้ว ช่างโชคดีที่ร้านแพนเค้กผลไม้ยังไม่ปิด


“เพิ่มไข่กับแฮม” เย่ฮั่วเดินเข้าไปยังซุ้มและสั่ง


คุณลุงมองยังเย่ฮั่วและเริ่มทำให้เขาเลย ระหว่างที่ก้าวเดินไปทำนู่นนี่นั่น เขาก็พูดขึ้น “พ่อหนุ่ม เธอเองก็กินข้าวเช้าที่นี่มาหลายปีแล้วนี่ แล้วลุงเองก็คิดว่าเธอเองก็คงไม่ใช่คนไม่ดีอะไร”


เย่ฮั่วหน้ามึน เทวทูตไม่ใช่คนไม่ดีแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนไม่ดี! ไม่ใช่ทุกคนที่คิดว่าเวลาแบบนี้มันช่างดีเกินไปบ้างเหรอ!!


“แต่เธอเองก็พูดไม่ถูก เวลาเรียกภรรยาของเธอน่ะ” คุณลุงพูดเสริมมาหนึ่งประโยค


เย่ฮั่วเกือบจะไม่ได้อ้วกออกมาเป็นเลือดแล้ว นี่ตาของเจ้าเห็นข้าเล่นกับเมียงั้นเหรอ? ถ้ามันเกิดออกมาจากการนินทา เธอเป็นภรรยาของผู้สูงส่งเลยนะ นี่เจ้ากำลังพูดอยู่ต่อหน้าเทวทูตนะเฮ้ย!


เพียงแค่ต้องการอะไรมาหักล้าง ลุงนั่นก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เลย “เธอน่าจะจบปริญญาตรีมาได้หลายปีแล้ว มันยากมากที่จะหาสิ่งดีๆและชวนให้หวงแหน ภรรยาของลุงเหมาะกับการที่จะให้ความรัก ไม่ใช่ให้ความโกรธ ลุงผ่านมาเยอะแล้ว มันงดงามตั้งแต่เริ่มต้นเลย”


นี่เป็นคนอื่นไง มันสวยก็จริงแต่ลุงช่วยลดความอวยตัวเองลงหน่อยกับเพิ่มความจริงใจให้นิดนึงจะได้มั้ย?


และนั่นก็ด้วย สรุปพระเจ้ายังเป็นผู้หญิงอยู่เหรอ? ข้าไม่ค่อยรู้มากเกี่ยวกับผู้หญิงที่จะเขินอายด้วยการโบกมือเสียด้วย และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากจะเป็นแบบนี้!


“โอ้ ใช่เลย ภรรยาของเธอสั่งเค้กไว้ 2 ชิ้นเมื่อเช้า แต่ก็เอาไปชิ้นเดียว ลุงรู้เลยว่าเดี๋ยวเธอต้องมา” คุณลุงพูดพร้อมยิ้มอ่อนๆ


เย่ฮั่วหยิบแพนเค้กผลไม้ที่ร้อนเกินไป แอบใจหวิวเล็กน้อยเลย ชิงหยาซื้อนี่ไว้เผื่อเขางั้นเหรอ?


“พ่อหนุ่ม ภรรยาของเธอน่ะดีกับเธอมากจริงๆนะ เพราะงั้นก็ทำตัวดีๆกลับไปด้วยล่ะ” ลุงพูดก่อนจะหันไปดูแลลูกค้าคนอื่นต่อ กลับมาคิดใหม่ดีๆแล้ว วันนี้ได้สูญเสียอะไรเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง ถ้าลูกของคุณเกิดมาแล้วจะบอกยังไงกับเขา


ถือแพนเค้กร้อนๆกลับไปยังบาร์ของเขา นั่งโง่ๆลงไปที่นั่น ไม่ใช่ว่าเขารุนแรงกับชิงหยาหรือ?


ลืมมันไปซะ ผู้ใหญ่น่ะเขาไม่จดจำวายร้ายกันหรอก รอให้เธอมาขอโทษ แล้วค่อยยกโทษให้ดีกว่า


หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยก็เดินเข้ามาด้านหลัง ไม่ต้องคิดเลย นั่นคือเสียงของชิงหยาที่ลงมาจากด้านบนแล้ว และเย่ฮั่วก็ไม่พลาดที่จะเหลือบมอง


หัวใจของฉันมันคิดเบาๆ ถ้ารู้ตัวว่าผิดก็มาขอโทษซะสิ เทวทูตน่ะรอจะให้อภัยเธออยู่นะแล้วก็จะถือว่าเรื่องก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย


ตลอดเวลาที่เสียงฝีเท้านั้นก้าวเข้ามา เย่ฮั่วก็บรรจงใส่คำขอโทษลงไปในทุกๆฝีก้าวนั้นด้วย


กลิ่นน้ำหอมที่ระเบิดฟุ้งในอากาศลอยเข้าปะทะเขา มันทำเอาริมฝีปากของเย่ฮั่วกระตุกเล็กน้อย หญิงสาวเดินออกไปไกลมากขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีความคิดที่จะขอโทษเลย นี่ยังอยากจะขอโทษอยู่มั้ยเนี่ย! หรือว่ายังอยากให้ฉันขอโทษเธออยู่เหรอ ประสาทสิ!


เขาหยิบแก้วที่มั่นใจว่าอยู่ใกล้กับชิงหยามากที่สุด


เสียงแก้วแตกดังขึ้นแบบช่วยไม่ได้แต่ก็ทำให้เกิดความสนใจได้อยู่ และแน่นอนว่าชิงหยาหยุดก้าวลง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเสียงตะโกน ไม่มีปฏิกริยาอะไรเลย


ชิงหยาที่เป็นแบบนี้มันทำให้ เย่ฮั่วอึดอัดมากกว่าเดิมอีก เขาจึงถามด้วยเสียงขรึมออกไป “เธอจะไปไหน!”


ชิงหยาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการแสดงออกว่าเธอตอบเลย


“ฉันถามว่า เธอจะไปไหน!” เย่ฮั่วตะโกนซ้ำ


“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันน่ะ? นายเป็นใคร?” ชิงหยาพูดอย่างเยือกเย็น ไม่มีการสั่นไหวในน้ำสียงราวกับคุยกับคนแปลกหน้า


นี่มันทำให้เย่ฮั่วโกรธมากๆและอยากจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาสู้ไม่ได้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเอาไปสู้ ราวกับน้ำมันกับเกลือที่เข้ากันไม่ได้ ความดีของเธอมันช่างมากล้น!


“กลับมา!”


ชิงหยาไม่ได้ลังเลที่จะเดินต่อ ซึ่งนั่นกระตุ้นเย่ฮั่วเอาเสียมากๆ ด้วยมือหนาใหญ่นั้นมันทำให้ชิงหยาไม่สามารถเดินได้


มันยุ่งเหยิงขึ้นมาเพราะเวทย์มนต์ของเย่ฮั่ว และเช่นเดิม ชิงหยาก็ยังไม่ได้พูดอะไร ราวกับเขารู้ถึงจุดจบ


ทั้งสองต่างใช้มันเช่นกัน และกว่าครึ่งชั่วโมง เย่ฮั่วจึงเป็นฝ่ายหยุดก่อน เขาเดินไปหาชิงหยาและมองไปยังใบหน้าสวยที่ดูต่อต้านเขานั้นพร้อมถามด้วยเสียงเคร่ง “เธอตั้งใจจะทำอะไร!”


“นายจะมาสนใจกับความคิดของเครื่องมืออย่างฉันทำไม?” ชิงหยาถาม


ในความจริงแล้ว สถานการณ์แบบนี้มันง่ายมากที่จะแก้ ตราบใดที่เย่ฮั่วยอมก้มหัวและยอมรับมัน จากนั้นก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังจะทำให้ความรู้สึกของทั้งสองอบอุ่นขึ้นด้วย


แต่นี่ใคร นี่เย่ฮั่วเอง ผู้ที่ดีเลิศกว่าใครใดๆบนโลก จะให้เขาก้มหัวขอโทษมนุษย์ผู้หญิงงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้!


แต่ยั้งไว้ก่อน เย่ฮั่วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “มันเกือบจะดีแล้วนะ ไม่งั้นฉันจะโกรธเธอเดี๋ยวนี้เลย!”


“นายมีพลังที่จะปั่นป่วนฉันตลอดอยู่แล้วนี่!


“ดีเลย!”


เย่ฮั่วย่อตัวลงไป และตะโกนเสียงดัง ฝ่ามือที่เปล่งแสงสีฟ้าห่อหุ้มทั้งบาร์ไว้ทันที


ความขัดแย้งนี้ยังไม่ถูกแก้ไขแถมเขาดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิมอีก เย่ฮั่วปลดล็อคพันธนาการทุกอย่างของชิงหยาและหันขึ้นไป


พละกำลังของชิงหยาเหมือนจะถูกดูดออกไป เธอเดินไปยังประตูของชิงบาร์ช้าๆและยื่นมือออกไปสัมผัสมัน ทันใดนั้นเองละรอกคลื่นสีฟ้าสว่างวาบขึ้น


เขาสร้างบราเรียปิดตัวเอง!! เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกันน่ะ!!!


บทที่ 126 หลานตัวน้อยช่วยเอาไว้


 


เจ้าบ้านี่ไม่ใช่คนแล้ว!!!


 


วันนี้นายจะทำลายตัวเองนะ!


 


เขาเห็นชิงหยาวิ่งกลับไปในบาร์และหยิบเอาขวดมากมายออกมา เสียงแตกดังกระหน่ำภายในห้อง สายลมหนักอึ่งหวนหนักอยู่ในอากาศ


 


ด้านบน ชิงยูตงกำลังทายาที่ก้นน้อยๆของเธออยู่ และเมื่อเธอได้ยินเสียงดังมาจากด้านล่างก็เข้าใจว่าพี่สาวและพี่เขยกำลังเล่นกันอยู่จึงเลิกที่จะยุ่งกับก้นของเธอแล้วค่อยๆก้าวลงบันไดไป


 


ฉันไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นพี่สาวที่อยู่ในร้านค้า ต้องพูดกันเยอะเลย…


 


“พี่ อย่าทำให้กังวลสิ แก๊สหึ่งไปหมดแล้ว” ชิงยูตงรีบตรงเข้าไปห้าม ดูท่าสองคนนี้จะคืนดีกันมาซักพักแล้ว


 


ชิงหยาเปิดมือของน้องสาวและพูดด้วยความโกรธ “อย่าห้ามพี่ วันนี้พี่ต้องเผาเขาเพื่อหยุดเรื่องนี้!”


 


“พี่ อย่าตื่นเต้นเกินไป พี่กำลังท้อง พี่จะทำอะไรหนักๆแบบนี้ไม่ได้” ชิงยูตงหน้ายู่ที่จะต้องไปช่วยไกล่เกลี่ย แม้ว่าเขาจะไม่สนใจตัวเอง แต่เขาควรจะคิดเรื่องเด็กด้วย


 


ชิงหยาพยายามอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ชิงยูตงก้นกระแทกเข้ากับโต๊ะไวน์ ทันใดนั้นมันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาเลย ทุกอย่างมันจ้าไปหมด ความเจ็บปวดมหาศาลนี่…เจ็บโว้ยยยย


 


ชิงหยาที่โกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเธอมีท่าทีแปลกๆ จึงตะโกนออกไปด้วยความโกรธ “เด็ก! เขาใช้พี่เป็นแค่เครื่องมือผลิตเด็ก! ยูตง เธอรู้มั้ยว่าหัวใจของพี่มันเจ็บขนาดไหน…”


 


ชิงหยาไม่สามารถยืนได้อีก เธอกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บช้ำใจภายในอ้อมกอดของน้องสาวของเธอ


 


ชิงยูตงค่อยๆเอาใจพี่สาวของเธอ ฉันรู้สึกว่าต้องมีอะไรที่เข้าใจผิดกันแน่ๆระหว่างสองคนนี้ จิ๊ส์ พี่เขยเองวันนี้ก็ดูท่าจะแอบเจ็บอะไรอยู่ ทั้งสองคนนี้ทำร้ายกันและกัน จะเหลือก็แต่น้องสะใภ้อย่างฉันเนี่ยแหละที่จะไกล่เกลี่ย แต่ก่อนอื่นเลยนะ เจ็บก้น…


 


“พี่ อย่าลังเลที่จะพูดสิ! ฉันเพิ่งจะสั่งสอนพี่เขยพร้อมทั้งเอามีดตัดคอเขาไปเพื่อช่วยแก้แค้นให้พี่เลยนะ!” ชิงยูตงพูดราวกับนั่นเป็นชัยชนะของเธอ แต่ตอนนี้ก้นน้อยๆนั้นเริ่มจะบวมขึ้นมาแล้ว


 


ชิงหยาถึงกับอึ้งและสำลักในทันที “เธอจะมายุ่งเรื่องนี้ทำไมเนี่ย! ถ้าเกิดเขาตายขึ้นมาจะทำไง”


 


“จุ๊ๆๆ ไม่ได้จะทำให้พี่เขยตายซักหน่อย แล้วไหงจู่ๆก็เป็นห่วงเขาขึ้นมาได้ล่ะ” ชิงหยาเหมือนจะถือไพ่เหนือกว่า เป็นผู้หญิงที่เชื่อไม่ได้ซะจริง


 


“พี่กลัวเธอต่างหาก!” ชิงหยาพูดโดยปราศจากความโกรธ เธอปาดน้ำตาที่มุมตา


 


ชิงยูตงหยิบกระดาษทิชชู่และส่งมันให้พี่สาวของเธอ “ภายใต้คำขู่ของฉัน พี่เขยพูดอะไรบางอย่างออกมา”


 


“หา? พูดอะไร?” ชิงหยาหันหน้ามามองและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นลง ทั้งๆที่ดูเหมือนจะไม่กังวล แต่จริงๆแล้วฉันกังวลมากๆเลย


 


ชิงยูตงยังคงไม่รู้? ทั้งสองคนนี้เพียงแค่ต้องการเผชิญหน้ากัน ไม่ใช่ยอมรับ


 


“พี่เขยพูด…”


 


“พูดอะไร?”


 


“พูด…”


 


“ชิงยูตง! ห้ามพูดออกไปนะ!”


 


“ไม่ต้องกังวล รอฉันวัดอารมณ์และเข้าใจสถานะของพี่เขยก่อน”


 


ฉันเห็นชิงยูตงเริ่มเลียนแบบเย่ฮัว ท่าทีของเธอมันเริ่มคล้ายพร้อมด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “ฉันทำผิดพลาดเมื่อคืนนี้ และเมื่อฉันได้ยินว่าเธอจะขอหย่า ฉันก็โกรธขึ้นมา ทั้งหมดนั่นก็เพราะว่าฉันรักเธอ!”


 


ชิงยูตงชำเลืองมองและพบว่าพี่สาวของเธอกำลังช็อค มันเหมือนคนอกหัก


 


“เขาพูดแบบนั้นเหรอ?” หลังจากเงียบไปพักใหญ่ชิงหยาก็ถามออกมา


 


“ไม่อ่ะ ที่พี่ไม่เห็นว่าพี่เขยเสียใจนั่นก็เพราะว่าเขาไม่อยากแสดงให้เห็นต่อหน้าพี่ต่างหาก”


 


“ฮึ่ม! ยังไงก็ตาม พี่ไม่ยกโทษให้ง่ายๆแน่!” ชิงหยาหายใจฟึดฟัดและดูเหมือนจะใช้แก๊สมากกว่าครึ่งของตัวเธอเสียอีก


 


“ใช่ พวกเราไม่สามารถให้อภัยพี่เขยได้ง่ายๆในครั้งนี้”


 


ชิงหยาพยักหน้าเบาๆ


 


“เพราะงั้นพี่สาว พี่คิดเกี่ยวกับเจ้านี่ตรงนี้ ฉันจะขึ้นไปข้างบน”


 


ชิงยูตงขึ้นไปด้านบนและไปยังออฟฟิศของเย่ฮัวแล้วจึงพบว่าพี่เขยกำลังสูบบุหรี่อยู่


 


“พี่เขย! ข่าวดี!”ชิงยูตงเดินกะเผลกเข้าไปและยิ้มไปที่ขาอ่อน


 


เย่ฮัวสูบบุหรี่ต่อไปและไม่ได้หันกลับไปมอง เขาได้ยินเสียงจากด้านล่าง ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เสียใจกับกฏและความงดงามของธรรมชาติเลย!


 


“พูดมา!” เย่ฮัวพูดอย่างเยือกเย็น


 


ชิงยูตงไม่มีทางเลือกและพยักหน้า ฉันไม่รู้จริงๆว่าอะไรที่ทำให้พวกเขามาอยู่ด้วยกันได้ คนอื่นๆต่างก็พูดว่า น้ำแข็งนั้นไม่สามารถอยู่ได้นาน และพวกเขาก็เป็นน้ำแข็งสองชิ้น พวกเขาจะเย็นขึ้นก็ต่อเมื่ออยู่ด้วยกัน


 


ชิงยูตงไอเบาๆ “พี่สาวของฉันเพิ่งจะพูดความจริง”


 


เย่ฮัวเหลือบตามองอย่างเบาๆและหันมามอง “ความจริงอะไร?”


 


“ขอฉันจัดการความรู้สึกแปปนึงนะ” ชิงยูตงหยุดชั่วครู่ นัยน์ตาสวยเปลี่ยนเป็นสีแดงฉับพลันและเริ่มที่จะร้องไห้และถลาเข้าไปยังอ้อมกอดของเย่ฮัว


 


จากนั้นเธอก็ร้องไห้เสียงดังและตะโกน “ ยูตง เธอรู้มั้ยว่าพี่รักพี่เขยของเราขนาดไหน? พี่สาวน่ะสำหรับเขา ไม่ใช่เรื่องงาน เพื่อที่จะได้เล่นเกมกับเขา แต่เขาน่ะ ไม่ชอบพี่อีกแล้ว แถมยังบอกว่าพี่สาวเป็นแค่เครื่องมือสำหรับผลิตเด็กด้วย…”


 


หลังจากเสร็จสิ้น เธอก็ปาดน้ำตาและมองด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวก็เป็นแบบนี้”


 


“พี่สาวเธอพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ?“ เย่ฮัวถามด้วยเสียงหนักแน่น


 


“โอ้ ไม่หรอก พี่สาวน่ะนะ แต่การที่พี่รักพี่เขยน่ะมันก็ทำให้เธอไม่ตัดสินใจระหว่างความเป็นความตายเลยนะ ตอนนี้เพียงแค่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ฉัน…” ชิงยูตงลูบๆหน้าอก ฉันทั้งคู่ยังคงมีบุญ นายเองก็อยากจะสนุกด้วยกันมั้ยล่ะ?


 


เย่ฮัวหายใจรุนแรง ฉันจะอยู่ในอารมณ์ที่ดี แต่ปากก็พูดออไป “มองไปที่วิสัยทัศน์ของเธอหน่อย”


 


“ก็แค่นั้น พี่สาวสามารถแต่งงานกับพี่เขยได้ เป็นกำไรที่งดงามอะไรขนาดนี้นะ” ชิงยูตงพูดด้วยรอยยิ้ม เจ้าตัวเล็กผู้หยิ่งยโสนี่กำลังดูถูกอยู่นะ


 


ฉันเห็นขวดยาสีขาวอยู่ในมือของเย่ฮัว “ยานี่จะทำมาเพื่อรักษาก้นโดยเฉพาะ เพียงแค่รอหน่อย”


 


“ขอบคุณค่ะ พี่เขย~” ชิงยูตงรู้สึกว่านี่มันคือดราม่า นี่คือพี่เขย พระเจ้าก็คงต้องการที่จะทำตามระบบที่วางไว้นั่นแหละ


 


ส่วนระบบจริงๆนั้นกำลังร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ


 


เย่ฮัวหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อไย “ให้พี่สาวของเธอขึ้นมาและขอโทษซะ!”


 


“อ๊าาาาาา!!” ชิงยูตงไม่ได้คาดคิดเลยว่าพี่เขยจะกลายเป็นแบบนี้ นี่มันอึดอัดมากๆเลยนะ


 


“เธอกำลังทำอะไรน่ะ?”


 


ชิงยูตงคิดให้ง่วนไปหมด ถ้ามันพังทลายล่ะก็ ความสัมพันธุ์ของพวกเขาก็ต้องแย่ลงกว่านี้อีกแน่ๆ คิดสิคิด


 


“พี่เขย ต่อไปนี้จะเป็นขั้นต่อไป!” ชิงยูตงเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง คราวนี้จริงจังมาก


 


เย่ฮัวมองไปยังน้องสะใภ้ที่จริงจังเลยว่าเธอช่วยไม่ได้ ”ทำไม?”


 


“ขอโทษมันก็แค่รูปแบบ แต่มันสามารถเปลี่ยนทัศนคติของพี่สาวได้นะ!”


 


“ไปต่อเลย”


 


ชิงยูตงผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อย พี่เขย นี่มันเป็นการหลอกล่อที่ดีจริงๆ เขาเป็นคนซื่อ และทุกคนก็กำลังกลั่นแกล้งเขา~


 


“พี่สาว คือผู้หญิงสองอารมณ์”


 


เย่ฮัวพยักหน้าเบาๆหลังจากได้ฟัง


 


“เพราะงั้นถึงพี่เขยไม่สามารถให้อภัยพี่สาวได้โดยเร็ว รวมไปถึงไม่สามารถชินกับเธอได้ แต่อย่าได้กังวลและคิดถึงเรื่องเมื่อคืนเลย พอจะเข้าใจที่ฉันพูดไหม? ”


 


“สิ่งที่เธอจะสื่องั้นเหรอ ให้ฉันเย็นกับพี่ของเธอ แล้วก็ช่วยลบคมของพี่เธอด้วย?” เย่ฮัวพูดด้วยน้ำจริงจัง เขารู้สึกถึงเหตุผลเล็กๆน้อยๆขึ้นมา


 


“ก็ประมาณนั้นแหละ ยังไงก็ตาม พี่รู้ใช่ไหมว่าพี่สาวคิดยังไงกับพี่?”


 


“ฟังดูเป็นไปได้” เย่ฮัวเปิดปากนิดหน่อย ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะตกหลุ่มรักปิศาจได้ เชื่อเค้าเลย


 


ดวงตาของชิงยูตงเปล่งประกาย “พี่สาวอยู่ข้างล่างแล้ว”


 


เย่ฮัวจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พร้อมทั้งจัดผมดีๆ เปิดประตูและเดินลงไปข้างล่าง มองไปยังพี่ที่รักเทวทูต ตัวของเทพเองก็คงไม่ได้ลดตัวลงต่ำไปหาใครบางคนที่ระดับเท่าพี่หรอก.


 


หลังจากชิงยูตงผ่อนคลาย มันคือเพียงสิ่งเดียวที่ยังสามารถทำได้ ถ้าทั้งสองยังไม่คืนดีกัน ฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว


บทที่ 127 ภูเขามันน่ากลัวเกินไป


ชิงหยานั่งอยู่บนม้านั่งพร้อมกระดกน้ำอุ่นไปพลางๆ ในความจริงแล้วเธอคิดหลายเรื่องมากๆ ครั้งแรกที่เธอมานั่งที่นี่ก็คือตอนที่เธอได้พบกับเย่ฮัว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมาเส้นทางชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะเยือกเย็นแค่ไหน หัวเราะยากขนาดไหน แต่วันเหล่านั้นก็ดีกับฉันจริงๆ


น้องสาวบอกว่าเขาไม่มีเหตุผล คนอย่างเขาน่ะ ต้องตาย ไม่ใช่ โค้งให้ บางทีเขาอาจจะโกรธตัวเองเมื่อคืนก็ได้ ใช่ ต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว


แต่ถึงแม้ว่านายจะโกรธ นายก็ไม่ควรจะทำแบบนั้นนะ ไม่พูดไม่อธิบายอะไรเลย


ทันใดนั้น เสียงฝีเท้ามั่นคงก็ค่อยๆเดินลงมาจากด้านบน ชิงหยารีบจัดท่าทางของเธอให้ดูแข็งกร้าวเข้าไว้ ในครานี้ เขาคงจะไม่อ่อนโยนแน่ๆหรือไม่ก็คงจะไปเหยียบย่ำเธอทีหลัง


เย่ฮัวเดินช้าๆผ่านไปแล้วมองไปยังชิงหยาผู้หยิ่งยะโส เขาหัวเราะภายในใจ เจ้าคงจะยังไม่รู้สินะ ว่าน้องสาวของเจ้านั้น ขายเจ้าให้ฉันแล้ว ดูสิ ยังคงทำขึงขังอยู่อีกแน่ะ มันไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอกถ้าจะตกหลุมรักคนอย่างฉัน ท้ายสุดแล้ว เทวทูตนั้นคือสิ่งมีชีวิตที่ล้ำเลิศสุดๆในโลกนี้ ซึ่งเจ้าหาให้ตายก็หาอะไรที่ดีกว่าฉันไม่ได้หรอก


มองเย่ฮัวยืนเงียบๆ ชิงหยาก็เลียริมฝีปากเบาๆ มองเมื่อคุณสามารถมองได้ รักฉันแล้วก็พูดมันออกมา จะอายอะไรนักหนา ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกเลย ปัจจุบันจะได้สวยงามซักที แต่ตอนนี้เย่ฮัวกำลังลำบากใจ ชายผู้ที่ต้องการจะเผชิญหน้า ดูซิยังจะเก่งกล้าอยู่มั้ย!


เฮ้ ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง และรักของเจ้านั้นอยู่เหนือความเป็นความตาย เจ้าเพิ่งจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย และตอนนี้หัวใจของฉันก็กำลังผลิบาน นี่คือเวลาเก็บเกี่ยวของฉันแล้วสินะ!


ต้องใช้คนกว่า 10 คนเพื่อใช้เวลา 10 นาที และท้ายสุดแล้วฝ่ายชิงหยาเองก็รู้สึกว่ามันช่วยอะไรไม่ได้เลย


“ฉันจะไปโรงพยาบาล”


ปากของเย่ฮัวเผยอนิดหน่อย นี่มันดีมากๆเลยไม่ใช่เหรอ? ยังไม่ตกอยู่ในมนต์สะกดของเทวทูตเหมือนเดิมเลยนะ


ด้วยมือเพียงข้างเดียว บาเรียแสงสีฟ้าก็แตกไปเหมือนฟองอากาศ


ชิงยาเลียริมฝีปากเธอเองเบาๆ ไม่อึดอัดบ้างเหรอ? นี่ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมเสมอได้ นิ่งไว้ตัวฉัน รักฉันไม่ใช่แค่พูดมันออกมา ไม่ใช่แค่บอกฉันรักเธอ…


เมื่อหยิบกระเป๋าเสร็จ ชิงหยาก็เดินออกไปเลย แน่นอนว่าคราวนี้ เย่ฮัวเดินตามไปแทบจะติดๆ เมื่อเขาเดินไปถึงด้านหน้าก็หันมาตะโกนขึ้นไปข้างบน “ยูตง ลงมารักษาตัวข้างล่าง”


ด้านบน ชิงยูตงเกือบจะร้องไห้แล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะต้องเป็นเด็กดี แต่ยังต้องเป็นเด็กเสิร์ฟด้วยตอนพี่เขยในอารมณ์บูดๆ แล้วไหนจะเรื่องที่เกิดกับก้นน้อยๆนี่อีก นี่มัน น้องสะใภ้ที่โชคร้ายที่สุดในโลกแล้วนะ


ออดี้ A8 วิ่งลงถนน ชิงหยาเป็นคนขับ และ เย่ฮัว เป็นเจ้านาย


เมื่อเซ็ตเส้นทางเรียบร้อย ชิงหยาก็สตาร์ทรถแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเลย


ภายในรถ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น ในความจริงแล้ว พวกเขาก็แค่รอให้ใครซักคนเปิดปากที่จะพูดก่อน และเมื่อไม่มีใครพูด นี่จึงดูเป็นอะไรที่อึดอัดเอาเสียมากๆ


เอาเข้าจริง เย่ฮั่วก็ไม่ได้คาดคิดหรอกว่าคนอย่างชิงหยาจะมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ความคิดพวกนั้นก็อยู่แค่ในผู้หญิงโง่ๆเท่านั้นแหละ ทำไมถึงเกิดขึ้นกับคนขยันอย่างเธอได้นะ?


ชิงหยาเองก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกันว่าเย่ฮั่วจะเอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้องน้องสาวของเธอ นายมันพวกอารมณ์ร้อนแล้วก็ชอบคิดเองเออเอง ทำตัวอวดรู้!


ตลอดทางไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจนกระทั่งพวกเขาถึงโรงพยาบาล ชิงหยาเตรียมการไว้หมดทุกอย่างแล้วเพียงแค่รอการตรวจอย่างเดียว ส่วนเย่ฮัว แน่นอนว่าแค่มาเป็นเพื่อนยัยบื้อนี่เฉยๆ


ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจะมีผู้ชายซักกี่คนบนท้องถนนนี้ที่อิจฉาฉัน แต่พวกเจ้าคงไม่รู้หรอกว่ายัยนี่น่ะเพิ่งจะตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายเพื่อฉันเชียวนะ ในตอนนี้เย่ฮั่วทำหน้านิ่งแต่ใจจริงกำลังรู้สึกสนุกสุดๆอยู่


ทางฝั่งชิงหยาเองก็เห็นเหล่าสาวๆมองมายังเย่ฮัวอย่างกับเป็นบ้า เธออยากจะบอกสาวๆมากๆว่าอย่ามองที่หมอนี่ เขากำลังตกหลุมรักฉันอยู่ แต่ตัวเองก็ทึ่มเกินไปที่จะบอก


มองชิงหยาที่กำลังไปตรวจ เย่ฮัวไม่ได้ตามเข้าไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบโรงพยาบาลหรอก แค่กลิ่นมันไม่พึงประสงค์เฉยๆ


เขาเดินออกไปจากตึกด้วยท่าทีผ่อนคลาย หันมองไปรอบตัวด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้บูดอะไร


มีคนเฒ่าคนแก่มากมายอยู่ที่นี่ พวกนี้เนี่ย จะมองเป็นเพศได้หรือเปล่านะ…เพศคนแก่ไรงี้


“พ่อหนุ่มหล่อนี่ ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อหรือเปล่า หา? ยังไม่ไปอีก ชีวิตแต่งงานไม่ดีหรือไง? คาดหวังในอนาคตหน่อยสิ”


“น้องชาย ฉันมีชีวิตดีอยู่แล้วและฉันจะไม่เทลูกบอลที่นี่แล้วคืนนี้ฉันสัญญาว่าจะร้องเพลง ”


นี่คือการหลอกลวงของพวกมนุษญ์ที่น่าเบื่อ และพวกมันก็มักจะใช้วิธีแบบนี้เพื่อหลอกลวงเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองที่มีนิสัยแบบเดียวกัน


“ขายยา! ขายยา! พวกนี้คือยาแห่งจิตวิญญาณและยามหัศจรรย์! 5 หยวนต่อ 1 เม็ด กินเข้าไปแล้วจะอายุยืนยาว ถ้าไม่เห็นผลยินดีคืนเงินเลย ซื้อสองเม็ดแถมลูกอมฟรีด้วย เอ้า” ฉันเห็นเจ้าพระหัวโล้นนี่พูดเสียงดังและนั่นทำให้พวกแผงลอยรอบๆกว่าครึ่งพากันหมั่นไส้ แต่เจ้าพระนั่นก็ไม่ได้สนใจอะไร


เย่ฮัวคิดว่าพระน้อยนั้นน่าสนใจไม่น้อยเลย ยาที่อยู่บนเสื้อนั้นปล่อยกลิ่นออกมาและแน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ


“มาเร็วพี่สาว พระตัวเล็กสุดน่ารักอยู่นั่น!”


“เธอช้าไปแล้วนะ”


เด็กสาวน่ารักสองคนวิ่งมาจากหลังของเย่ฮัวและตรงไปยังซุ้มขายของของพระองคนั้น พระน้อยเมื่อเห็นสองสาววิ่งเข้าไป ดวงตาเล็กๆก็เปล่งแสงขึ้นมา


เย่ฮั่่วเดินอย่างช้าๆ และแน่นอนว่าไม่ได้เดินไปซุ้มนั้น ยาพวกนั้นไม่เพียงพอ แต่เหนือสิ่งอื่นใด นั่นเป็นหนทางเดียว


พระน้อยขมวดคิ้ว มองสองพี่น้องตรงห้นา ความรู้สึกของแววตาแห่งความบาปหนาของบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรมีมันแพร่กระจายออกมาชวนให้เย่ฮัวต้องเดินตรงเข้ามา กลิ่นของความชั่วร้ายจางๆถูกปล่อยออกมาจากชายคนนี้!


ไม่ได้คาดคิดหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อเจอปีศาจ ความโชคดีก็ไม่ได้ดีเสมอไป การเป็นนักล่าอสูรเป็นจุดมุ่งหมายของอาจารย์ และแน่นอน เป็นจุดมุ่งหมายของฉันด้วย


มาดูกันดีกว่าว่าฉันกำลังเห็นปีศาจอะไร!


นัยน์ตาของพระน้อยเปลี่ยนเป็นสีทอง และคนทั่วไปจะไม่เห็นอาการเหล่านี้


My X โชว์ให้เห็นถึงร่างกระดูกที่มีความผิดปกตินั้น! พ่อคนดี มีเลือดอยู่ในกระดูกพวกนั้น ราวกับว่าทั้งตัวไม่มีเลือด มีแค่ในกระดูก ไม่แน่ใจว่าในนั้นจะเป็นไขกระดูกหรือเปล่า


เย่ฮัวรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพระน้อยนั่น เขารู้สึกประหลาดใจมากๆที่ปีศาจพระตนนี้มีเวทย์มนต์ที่ลึกล้ำเช่นนี้ มันเอามาจากไหนกันน่ะ?


“กลับมา!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังเย่ฮัว และเมื่อเข้าหันกลับไปก็พบว่าชิงหยาเดินมาแล้ว ยัยทึ่มนี่ไม่ได้สนใจอะไรเลย


แต่ถึงอย่างงั้น พระน้อยที่เห็นชิงหยาก็กรีดร้องออกมาก่อนจะวิ่งหนีไป เหมือนโชคจะยังดีที่พวกเขาขี้เกียจไล่ตาม


“พี่สาว พระตัวเล็กที่น่ารักๆวิ่งหนีทำไมอ่ะ?”


“ใครจะไปรู้ บางทีเขาอาจจะเป็นนักต้มตุ๋นที่กลัวเราจับได้ก็ได้ ขอโทษที่ดึงมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นะ”


“งั้นเราไปกันดีกว่าพี่สาว”


พระตัวน้อยที่กำลังวิ่งอยู่นั้น หัวใจของเขากู่ร้องออกมา ภูเขานั้นน่ากลัวเกินไป หรือว่าจริงๆแล้วภูเขานั้นเป็นที่ปลอดภัย เมื่อเขากลับไป เหล่าสาวกคงจะได้รับรู้ถึงความลับอันยิ่งใหญ่


ดวงตาของพระน้อยมองเย่ฮั่วในตอนแรก แต่เมื่อชิงหยาตะโกน เป้าสายตาของเขาก็เปลี่ยนไป ความกลัวว่าดวงวิญญาณจะถูกทำลายมันโผล่ขึ้นมาทันที นั่นทำให้เขาวิ่งออกมาตั้งแต่ที่เห็น มีเพียงพระน้อยเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้


ใบหน้าของชิงหยานั้นเย็นชา เพียงแค่มาตรวจ ทั้งๆที่ยังไม่เคยเห็นเจ้าสิ่งนั้นด้วยซ้ำ เธอเอาแต่พูดว่าเด็กนั้นสำคัญ ส่วนคนที่วิ่งหนีไปเธอก็ไม่รู้ว่าไปไหน


แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไม ชิงหยาแค่รู้สึกว่าเย่ฮัวกำลังเดินเล่นอยู่ด้านนอกประตู และเมื่อเธอออกมาดูก็พบว่าเย่ฮัวอยู่จริงๆ


พวกเขาทั้งสองต่างเป็นพวกที่รับรู้ได้ด้วยตนเอง และดวงความรู้สึกแบบนี้เลยทำให้เกือบจะไปเปิดสำนักดูดวงบ่อยครั้งแล้ว


“ผลเป็นยังไงบ้าง?” เย่ฮัวถามแบบไม่แยแสนัก


“ปกติ” ชิงหยาก็เพียงแค่ตอบ ไม่รู้ว่าเพราะต่างคนต่างคิดว่าเกลียดกันอยู่หรือเปล่า


“บอกแล้วเมื่อคืน”


ชิงหยาไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านอีกครั้ง


บนถนนนั้น มีพระน้อยกำลังวิ่งอย่างสุดกำลังด้วยท่าทีที่เหมือนกลัวอะไรซักอย่างอยู่


บทที่ 128 ส่งตัวแทนไปก็ไม่มีปัญหาอะไร


หลังจากที่ทั้งสองกลับไปที่บาร์ชิง พวกเขายังคงไม่พูดกัน ทันใดนั้นเย่ฮัวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วสั่งกุ้งมาเลย ถ้าคุณมีความสามารถพอล่ะก็ อย่าแกะเปลือกมัน!


โชคร้ายตกเป็นของชิงยูตงวันนี้ ฉันเพิ่งจะเคลียร์ด้านล่างนี่จนปวดหลังไปเองนะ…


“พี่เขย เราจะกินอะไรกันดีสำหรับเที่ยงนี้?” เมื่อเห็นพี่เขยและพี่สาวกลับมา เธอก็รีบวิ่งเข้าไปถามเลยด้วยเจตนารมณ์ในรูปประโยคที่ชัดเจน


พี่เขย *ผู้คนต่างเฝ้ารอที่จะได้กินเนื้อนะ*


“กุ้ง!”


ชิงยูตงผิดหวังขึ้นมาทันที คิดถึงเนื้อง่า…รสชาติที่เติมเต็มช่องว่างในปากได้ ไหนจะกลิ่นที่สูดไปเต็มปอดก็ฉ่ำใจแล้ว น้ำหวานๆที่แทรกอยู่ตามชั้นเนื้อนั้นก็ยียวนชวนให้ดื่มกินให้หมดเสียจริง ถ้าได้กินล่ะก็จะชื่นใจมากๆเลยนะ!


ฉันไม่เคยได้กินเนื้อที่อเร็จอร่อยแต่เมื่อได้ลองแล้วก็ยากที่จะลืม ผิวพรรณมันเปล่งปลั่งและแน่นอน มันดีกว่ากุ้งนางเป็นไหนๆ!


โชคร้ายที่เนื้อกับเธอคงทำบุญร่วมกันน้อย เพราะงั้นจะเก็บความผิดหวังไว้เบื้องหลังละกัน


ทั้งสามนั่งรวมกันที่โต๊ะ เย่ฮัวและชิงหยาไม่ได้ขยับตะเกียบของพวกเขา ชิงยูตงที่เป็นผู้รับชมในครานี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร นี่มันก็ปกติไม่ใช่เหรอ?


“ถ้าพวกพี่ไม่กิน ฉันจะประเดิมแล้วนะ” พูดจบชิงยูตงก็สวมถุงมือเลย


แต่กินๆไปก็รู้สึกแหละว่าบรรยากาศมันไม่ใช่ แต่จะทำไงได้ หวังว่าจะไม่ทะเลาะกันอีกรอบนะ


“พี่เขย ช่วยกรุณากินกุ้งที่สั่งมาด้วยค่ะ”


“พี่สาวคะ ช่วยกรุณาช่วยกินกุ้งที่พี่เขยสั่งด้วยค่ะ”


“คุณปู่คะ กุ้งค่ะ ช่วยกินด้วยไม่งั้นหลานจะกลายเป็นกุ้งแทนแล้วนะคะ”


เธอสบถในใจว่าครั้งต่อไปเธอจะไม่ทำตัวให้มาอยู่ในปัญหาแบบนี้อีกแล้ว เพราะท้ายสุดคนที่เหนื่อยก็เป็นเธอนั่นแหละ!


เย่ฮัวหายใจช้าๆ ในตอนนี้แม้แต่เปลือกกุ้งก็ไม่แกะให้ รู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกันแฮะ ไว้ค่อยมากินตอนกลางคืนละกัน


ชิงหยาเองก็หายใจอย่างเยือกเย็น ไม่ว่าจะอยากแกะเปลือกกุ้งให้เขาแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ขอเพียงแค่เขาพูด ‘ที่รัก ฉันผิดไปแล้ว’ ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเลยนะ


กุ้งกว่าปอนด์ถูกแกะเปลือกกินโดยชิงยูตงเพียงคนเดียว รู้สึกเจ็บนิ้วแปล้บๆเลย “ไม่ต้องเรียกฉันมากินข้าวเย็นนะ เดี๋ยวหากินเอง”


พูดจบชิงยูตงก็กลับไปยังห้องนอนและไม่มากินข้าวเย็นกับพวกเขาตามที่พูดด้วย


เย่ฮัวเช็ดปากก่อนจะเดินกลับไปยังออฟฟิศ และชิงหยาเองก็กลับเข้าห้องนอนไป


วันนี้เขาจะนอนอยู่ที่ออฟฟิศ ฉันไม่มีกล่องวิเศษที่เอาไว้ดูว่าเธอไปนอนอย่างไร และฉันเองก็จะไม่คะยั้นคะยอพาตัวเองไปยังเตียงนอนด้วย เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…


เมื่อเห็นว่าเย่ฮัวตรงไปยังออฟฟิศจากการเหล่มองแล้ว ชิงหยาก็คิดขึ้นมาว่า ตัวของเธอนั้นคงโตเกินไปที่จะไปซื้อตุ๊กตาแล้ว เชื่อเลยว่าตัวเธอเองคงนอนไม่หลับแน่ถ้าไม่มีเขา


กลางคืนมาถึง ชิงยูตงตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แบบนี้ก็ไม่ต้องพึ่งใครด้วย


เย่ฮัวนั้นรอให้ชิงหยามาเพื่อที่จะได้พูดออกไป ในขณะที่ชิงหยาเองก็รอให้เย่ฮัวมาเพื่อจะได้พูดออกไปเช่นกัน


เรื่องของสองคนนี้ช่วยอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว การแอบกินบะหมี่ถ้วยเช่นนี้ก็เพื่อเติมเต็มไม่ให้หิวหรอก จำไว้นะเด็กๆ ต่อให้จะพยาบาทขนาดไหนก็ห้ามปล่อยให้ตัวเองหิวนะ!


เย่ฮัวเองก็กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเช่นกัน และเหมือนว่าเขาจะเข้าใจใน ”มัน” นิดหน่อย


สิ่งแรกคือต้องเปิดฝาบางๆนี่ก่อน จะนั้นก็เปิดชั้นบนสุดของมัน แกะซองเครื่องปรุงและโรยมันลงไป ตัดแฮมเป็นชิ้นเล็กๆและโรยมันลงด้านบน จากนั้นก็เทน้ำร้อนลงไปในถ้วย 3 นาทีนั้นยืนยาว แต่ชีวิตนั้นสั้น…ไม่สิ ชีวิตนั้นยืนยาว แต่ 3 นาทีนั้นสั้น อ่าห์…บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเย่ฮัวเสร็จสมบูรณ์แล้ว!


ใบหน้าเรียวได้รูปรู้สึกซึ้งใจกับสิ่งตรงหน้าอย่างมาก นี่มัน บะหมี่กึ่งสำเร็จเย่! ทุกคนซาบซึ้งกับข้าสิ! ในที่สุดก็เข้าใจมันแล้ว…หรือเปล่านะ?


ติ๊ง ต่อง!


เย่ฮัวที่กำลังจัดการบะหมี่ถ้วยอยู่ก็รีบซ่อนมันและปรับตัวอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าแสงเดินทางมาสู่โลกด้วยความเร็วเท่าไหร่ให้คูณ 8 เข้าไปอีกรอบแล้วจะได้ความเร็วในการเปลี่ยนสีของเย่ฮั่ว


อ่าห์ มาแล้วๆ ช่วยไม่ได้แฮะ พูดอะไรออกไปให้สมกับเป็นเทวทูตดีกว่า


“เข้ามา!” เย่ฮัวตะโกนออกไป


เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นเว่ยชางใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นผยองขึ้นมาทันที “ไป๊!”


เว่ยชางเพียงเข้ามาเพื่อจะคุย แต่พอได้ยินอีกฝ่ายตะโกนไล่แล้วก็ชะงักขึ้นมา นี่จะขู่เด็กให้กลัวหรือไงเนี่ย แต่ก่อนอื่นเลยนะ ทำไมออฟฟิศถึงมีกลิ่นของบะหมี่ถ้วยได้ล่ะ? ท่านเทพสูงสุดก็มีภรรยาอยู่แล้ว ยังต้องมากินบะหมี่ถ้วยอีกเหรอ? ถึงจะอดอยากขนาดไหนแต่เจ้าถังน้อยก็ทำอาหารให้ได้นะ


เลี่ยกูบอกเขามาว่า กำลังนอนแอ้งแม้งและได้รับการป้อนอาหารจากหญิงสาวอยู่


เย่ฮัวกล่าวเสริมว่า ทำไมถึงเป็นเด็กดีแบบนี้ นอกจากจะเชื่อฟังแล้วก็ยังไม่แปลงกลับไปเป็นร่างต้นด้วย!


เว่ยชางที่อยู่ด้านนอกมองแล้วจึงพูดกับจิวเย่ “นายท่านกำลังยุ่งอยู่ อย่าเพิ่งไปรบกวนเลย”


จิวเย่มาในวันนี้ก็เพื่อที่จะถามเย่ฮัวว่าตัดสินใจได้หรือยังว่าฝ่ายใต้จะจัดอีเวนท์อะไร เพราะทุกๆฝ่ายจะมารวมตัวกันเพื่อ “เทพบรรพกาล”…เพื่อป้องกันพวกจากแดนเหนือที่ตั้งใจจะมาฉกชิงไป


“คุณเว่ย นายท่านยังไม่ได้ไปไหน ช่วยซักหน่อยไม่ได้หรือ?” จิว เย่พูดพร้อมรอยยิ้ม


“มันไม่มีเวลา นายท่านมีนัดคืนนี้” เว่ยชางตอบแบบไร้เยื่อไย เจ้านายเป็นไงลูกน้องก็เป็นงั้นแหละ แต่จริงๆแล้วคืนนี้ก็มีนัดดูหนังรอบดึกกับเจ้าถังน้อยอยู่นะ นี่ถือเป็นอีเวนท์หลักได้หรือเปล่า?


จิวเย่รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเลย จะเจ้านายหรือลูกน้องก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนๆกันเลย ทั้งๆที่ตอนนี้เทพบรรพกาลพร้อมที่จะขับเคลื่อนแล้วแท้ๆ พวกแดนเหนือต้องซ่อนตัวอยู่แน่ๆ พวกนั้นคงพร้อมจะขโมยแล้ว และถ้ามันทำสำเร็จจะเอาหน้าของฝ่ายใต้ไปไว้ที่ไหนกัน


“คุณเว่ย เรื่องในครั้งนี้เกี่ยวพันกับชาวฝ่ายใต้ทั้งหมด ไม่เป็นปัญหาอะไรถ้าจะส่งตัวแทนไปนั่งรอใช่ไหม?” จิวเย่ไม่ลดละความพยายามที่จะดึงตัวเย่ฮั่วออกมาให้ได้


ในความเป็นจริง เย่ฮัวเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น ถ้าไม่ติดว่ามีเรื่องกับชิงหยาอยู่ก็คงจะให้ชิงหยาไปเป็นตัวแทนนั่นแหละ แต่โชคร้ายหน่อยที่ตอนนี้เย่ฮั่วและชิงหยานั้นทะเลาะกันอยู่ พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับใครดีๆสุดๆ


“นายรออยู่ข้างนอกนี่ ฉันจะไปตามซักคนมาให้”


“เยี่ยมเลย ขอบคุณมากคุณเว่ย” จิวเย่โล่งใจ ตราบใดก็ตามที่เจ้านายยังส่งใครซักคนมา


เขาเดินออกจากบาร์และนั่งบนรถคันหรูรออยู่ด้านนอก เว่ยชางหลบเข้าไปในห้องน้ำของชิงบาร์


เขากระซิบ “ผู้วิเศษแห่งความตาย…”


ภายใต้สะพานข้ามทะเลสาปแดนใต้ในเมืองหลงอัน ที่นี่คือบ้านของเหล่าคนจร หนึ่งในพวกเขานั้นยังมีชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำอยู่ เขานั่งอยู่บนเคียวยาว มือซ้ายถือโทรศัพท์มือถือส่วนมือขวาก็ชี้ไปที่แขนขวาของเขาเอง หน้าจอนั้นสั่นสะเทือนเป็นความถี่มากๆ


บางครั้งก็มีเสียงของเหรียญทองดังขึ้น แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เห็นนานนักหรอก


ยอดเงินไม่เพียงพอ กรุณาเติมเงินด้วยค่ะ


อ่า…เงินในบัตรเหมือนจะวิกฤตแล้ว


ใช่แล้ว นี่คือผู้วิเศษแห่งความตาย ผู้ที่เอาแต่พนัน พนัน แล้วก็พนัน! เมื่อหลายวันก่อน เขาอยู่ในแมนชั่นและดื่มเบียร์ ผลลัพธ์มันช่างเป็นบทเรียนเสียจริง เขาเสียครอบครัวไปโดยที่ไม่ได้นอกใจด้วยซ้ำ


ในกรณีนี้ เขาต้องไปหาเจ้ามือ และด้วยผลลัพธ์ดังกล่าวเจ้ามือก็โดดลงมาจากดาดฟ้า นั่นทำให้ผู้วิเศษแห่งความตายคนนี้วิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว


เขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบอลและการพนันอีกแล้วตลอดชีวิต!


เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อมีคนๆหนึ่งในกลุ่มแฟนๆสร้างโปรแกรมเล็กๆขึ้นมา ผู้วิเศษแห่งความตายตื่นเต้นมากและหลงไหลไปกับเจ้าสิ่งนี้ ในเที่ยงวันนั้น เขาใช้เงินที่เหลือทั้งหมดไปกับการสนับสนุนโปรแกรมดังกล่าว


ในมือตอนนี้คือทรัพย์สินที่เหลือทั้งหมด ผู้วิเศษแห่งความตายนี้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอยู่ลึกๆ ทำไมกัน…ทำไมมนุษย์ถึงหลอกให้เราเป็นเหยื่อได้เก่งขนาดนี้!


ทันใดนั้นเขาก็ถูกผู้เป็นนายอัญเชิญไป เขาจ้องมองไฟสีแดงวาบนั้น ถ้าส่งตัวแทนไปได้ก็ดี เขาจะได้เอาเวลามาสู้ชีวิตต่อได้


“เฮ้ ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเหรอ? อยู่ไหนกันเนี่ย?”


“ใครจะไปรู้ โอ้ ใช่เลย กำลังนั่งรอจะเล่นพนันตอนบ่าย แล้วก็ชาร์จพาวเวอร์แบงค์ไปพลางๆ”


“เอ๊ะ พาวเวอร์แบงค์? บัดซบ! พาวเวอร์แบงค์ฉันมันหายไปไหนแล้ว! ไอ้เจ้าบ้านั่นขโมยพาวเวอร์แบงค์ฉันไปด้วยเหรอ ไอ้บ้าเอ้ย!!”


เว่ยชางยังคงทำความสะอาดพื้นห้องน้ำบาร์


“เลิกบ่นได้แล้ว พื้นกำลังสกปรกเห็นมั้ย!” มองผู้วิเศษแห่งความตายโค้งให้ เว่ยชางก็หยุดทำความสะอาดไปทันที


เขาตอบกลับด้วยความเคารพ “ขอบคุณมากๆเลยเจ้านาย”


“ไปทำบางสิ่งบางอย่างให้ฉันคืนนี้”


บทที่ 129 เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ


“เจ้านาย ครั้งนี้ขึ้นเงินได้หรือเปล่า?” ผู้วิเศษแห่งความตายพูดราวกับว่าจะขึ้นราคาต่องาน และดูท่าว่าเขาจะขึ้นไม่น้อยเลย


“ไม่ นายแค่ไปนั่งเฉยๆ”


“เจ้านาย ไม่ได้ให้ไปฆ่าใครเหรอ?” เขาดูผิดหวังเมื่องานดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งฆ่า


“นายทำมันด้วยตัวเองได้น่า รถรออยู่ข้างนอกแล้ว ใส่หน้ากากไปด้วย ไม่ต้องทำตัวน่ากลัว” เว่ยชางกล่าว


ผู้วิเศษแห่งความตายรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “เจ้านาย…มันไม่ได้เงินอ่ะ”


เว่ยชางถอนหายใจหนักก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา ผู้วิเศษแห่งความตายที่จะตายเพราะไม่มีเงินตาลุกวาวราวกับไฟทางด่วน เจ้านายของเขาเป็นข้ารับใช้ของท่านผู้สูงส่งอีกทีหนึ่ง เพราะงั้นเขาต้องรวยมากแน่ๆ ถึงปากจะบอกว่าจนๆแต่ก็คงแค่หลอกเล่นแหละ


มองไปยังเงินในกระเป๋านั้น นอกจากเว่ยชางจะช่วยไม่ได้แล้วเขายังขมวดคิ้วแน่นด้วย 2 หยวน…10 หยวน…50 หยวน…รวมๆแล้วก็ประมาณ 62 หยวน… รายจ่ายกับแฟนสาวเขามันช่างเยอะเหลือเกิน และเขาเองก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ท่านผู้สูงส่งรู้ด้วย ถ้าถามถึงเงินล่ะก็ เจ้านั่นก็น่ายืมเงินเหมือนกัน ผู้หญิงของเจ้านั่นเป็นดาราดัง ดูยังไงๆก็ไม่น่าจะขัดสนเรื่องเงินหรอก


เว่ยชางต้องใช้ 10 หยวนสำหรับดูหนังคืนนี้ และอีก 52 หยวนที่เหลือก็น่าจะมีจุดจบที่ไม่ต่างกัน


มองไปยัง 10 หยวนที่ผู้เป็นนายหยิบออกมา ผู้วิเศษตกอับก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที อยากจะร้องไห้ นายของเขาช่างน่าอนาถยิ่งนัก 10 หยวนนั่นน่ะ…จะเอาอะไรมาพอฟะ?


“มัวรีรออะไรอีก รีบๆไปทำงานให้เสร็จเซ่!” เว่ยชางเร่งก่อนจะเก็บ 10 หยวนนั้นกลับไป เขาลืมเรื่องค่าแท็กซี่ตอนส่งเจ้าถังน้อยกลับเสียสนิทเลย


ผู้วิเศษแห่งความตายรีบออกไปเพื่อที่จะทำงานให้สำเร็จ เขาไม่คิดเลยว่าเจ้านายจะเรียกให้มาทำงานอีก รู้สึกดีนิดๆเหมือนกันนะเนี่ย…


นายดั้งเดิมเนี่ย ดูน่าอึดอัดใจจังนะ


เมื่อออกจากห้องน้ำ ผู้วิเศษก็ก้มหัวลงต่ำผ่านเคลียร์บาร์ไป โดยระหว่างทางเขาก็หยิบเอาหน้ากากตัวตลกไปด้วย ในความคิดคนอื่นคงเหมือนว่าเขากำลังคอสเพลย์อยู่ เคียวนี่ก็แค่พร็อบที่เหมือนจริงมากๆเฉยๆ


จิวเย่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นว่าเว่ยชางจะส่งใครมา มันจะตื่นเต้นเกินไปแล้วให้ตายเถอะ! เคลียร์บาร์แห่งนี้ก็เหมือนกับแดนเวทย์มนต์ ถ้าคุณไม่เข้าใจ มันคือถ้ำเสือ การพยายามทำความเข้าใจมันแม้เพียงน้อยนิดก็ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นแบบไม่รู้จบได้ (การเข้าใจทั้งหมดแบบละเอียดยิบนั้นเป็นสิ่งเหลือเชื่อมากๆ)


นำคิวบาซิการ์ออกมา กลิ่นของมันเตะจมูกเหลือเกิน อ่าห์ ไว้ก่อนละกัน น้องชายนั่งอยู่ข้างหน้าเปลวไฟพอดี อนาคตเขายังอีกไกล


จิวเย่นั่งกลืนอากาศไป สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาดำอยู่ภายในเคลียร์บาร์ เงานั้นถูกห่อหุ้มด้วยผ้าคลุมสีดำและหน้ากากตัวตลก


มองไปยังการแต่งตัวของเขา จิวเย่ก็ถึงกับลืมเรื่องซิการ์ไปเลย เขาลืมกระทั่งจะเปิดประตูให้ด้วย


นั่นน่ะ…หรือว่าจะเป็น ผ้าคลุมดำแห่งยุทธศาตร์ครั้งใหญ่ เสี่ยวยี่ เหรอ!!!


เว่ยชางเรียกเจ้าสิ่งที่ดุร้ายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน เขาทำได้ยังไง! ไอ้แม่เยอะ! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะ ได้โปรดอย่านั่งข้างฉันเลย อย่า…


อย่างไรก็ตาม ความกลัวที่ยังมีลมหายใจก็ได้คืบคลานเข้ามาแล้ว ผู้วิเศษแห่งความตายเปิดประตูด้วยตนเอง เคียวที่มือนั้นทะลุหลังคารถไปจนเป็นรู มันปล่อยไอเย็นออกมาตามด้ามจับ ยามที่เขานั่งเข้าไปในรถ ซิการ์ของจิวเย่ก็ถูกคมเคียวตัดเป็นสองส่วนด้วย


โรลส์-รอยส์ แฟนท่อมถูกตัดแล้ว…


ผู้วิเศษแห่งความตายถอยออกไป ในจังหวะที่หูของจิวเย่ได้ยินเสียงอันน่ากรีดหัวใจ มองไปยังหลังคารถซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นจอพาโนราม่าบนพื้นสีดำที่เห็นวิวด้านนอกชัดแจ๋วไปแล้ว


เคียวยักษ์เปลี่ยนสภาพเป็นไม้ค้ำยันและนั่นทำให้เขาเข้าไปนั่งได้สะดวกมากขึ้น จิวเย่พยายามที่จะนั่งคนละฝั่งกับเขา แต่ควรจะพูดยังไงกันน่ะ? อีกฝ่ายก็เป็นคนของเสี่ยวยี่ ฉันควรจะต้องทำยังไง? ส่งอีเมล์ไปบอกให้ไปนั่งอีกฝั่งได้มั้ย?


ตลอดทางที่นั่งอยู่ ผู้วิเศษแห่งความตายนั้นก็คิดเรื่องอื่นตลอด นักฆ่าแห่งความตายของเขาน่าจะไปเที่ยวกับบริษัทอยู่… สันนิษฐานเลยว่า หลง เอ้อเทียนต้องเป็นคนรวยแน่ๆ! เพราะฉะนั้นคืนนี้เขาจะต้องทำให้งานออกมาดีที่สุด!


หลง เอ้อเทียน คือผู้ที่ฝึกฝนตนด้วยความขยันหมั่นเพียร เขารับรู้ได้ถึงสายลมที่หนาวเย็นนี้และรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา


“ท่านจิวเย่ครับ ไปเลยไหม?” คนขับที่อยู่ด้านหน้าเองก็รู้สึกสั่นกลัวเช่นกัน แม้แต่ตอนถามก็ยังรู้สึกอยู่


“ไป..ไปเลย”


สายลมธรรมชาติพัดผ่าน จิวเย่รู้สึกอึดอัดมากๆ ตั้งแต่ที่ได้เจอนายท่านแล้ว มันทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองซักเท่าไหร่


“ควรเรียกคุณว่าอะไร?”


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลว่า “งี่เง่า”


ได้ยินชายชุดดำทำเสียงแปลกๆออกมา เสื้อกั๊กเขาก็หนาวไปหมด


“นี่เป็นซิการ์คิวบาร์ชั้นดี ซักหน่อยมั้ย?” จิวเย่ถามด้วยความกังวลเห็นได้ชัดจากที่มือเขาสั่นรัวๆ


ผู้วิเศษแห่งความตายเหลือบมองก่อนจะพยักหน้า


จิวเย่ผ่อนคลาย ตราบใดที่คนจากกลุ่มอื่นยอมรับมัน ความมั่นใจของเขาก็จะกลับคืนมา เขาแบ่งมันและยื่นให้ชายชุดดำ


ยิ่งไปกว่านั้น! มือนั่น! กับผมขาวๆนั่น!!


เมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีดำนั้น ดวงตาของจิวเย่ก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ไอ้แม่เยอะ! นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว! ข้างในมันกระดูกชัดๆ!


ฉันกำลังนั่งอยู่ข้างๆไอ้แม่เยอะที่เป็นกระดูกทั่งตัว! ฉันควรจะทำตัวยังไงเนี่ย ส่งอีเมลล์ไปคุยกับเขาเหรอ?!


จิวเย่ยืนไฟแช็คสีทองให้ เขาจุดไฟและครุ่นคิดว่าจะจัดการยังไงกับสิ่งนี้ดี


ผู้วิเศษแห่งความตายสูดหายใจเข้าไปลึกๆและรู้สึกได้ว่ามันไม่เลวเลย เจ้านี่น่ะมีกลิ่นที่เปี่ยมด้วยรสชาติอยู่ลึกๆ


แต่กระนั้นจิวเย่ก็ยังไม่ได้เย็นลง ชายชุดดำนี่ปล่อยควันออกมาจากทั้งตัว จะไม่แปลกใจเลยถ้าคนอื่นคิดว่ารถคันนี้ไฟไหม้


คุณสามารถสูบบุหรี่โดยไม่มีควันได้หรือเปล่า? กระดูกพวกนี้…เอ่อ..ถ้าดื่มเบียร์จะรั่วไหม?


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลว่า “ฉันต้องทำด้วยเหรอ”


จิวเย่ค่อนข้างมั่นใจเลยว่าไม่เข้าใจว่าชายชุดดำนี้กำลังพูดอะไร แต่นิ้วนั่นทะลุผ่านกล่องซิการ์ไป ถ้าจิวเย่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรจริงๆ มันควรจะเป็นสีขาว


“ถ้าชอบมันล่ะก็จะเอาไปอีกก็ได้นะ” จิวเย่ตัดสินใจจับต้นขาของชายชุดดำไว้ นายท่านนั้นเย็นชา แล้วก็ไม่รู้สึกดีเวลาพูดด้วยซักเท่าไหร่ เหมือนๆกับเว่ยชางเลย


ชายชุดดำนั้นแตกต่างออกไป นั่นเพราะเข้ามีจุดมุ่งหมาย


ผู้วิเศษชุดดำเหยียบแขนออกไปและลูบไหล่ของจิวเย่


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ”


แปลว่า “เจ้าเด็กนี่น่าสนใจ”


จิวเย่ยิ้มแบบห่างๆและมองไปยังมือกระดูกที่แตะเข้ามาที่ไหล่ของเขา เอาจริงๆใครๆก็กลัวตราบใดที่เจ้าของมือยังตัวโปร่งและกลวงเช่นนี้


ฉันเห็นผู้วิเศษแห่งความตายหยิบไอโฟน X ขึ้นมาและคิดราคาของมีค่า


เปิดหน้าเกมและกดรีชาร์จและกดปุ่มรีชาร์จจากนั้นก็ว่างไว้หน้าจิวเย่เลย


จิวเย่รู้สึกประหลาดใจก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณต้องการที่จะชาร์จมันหรือเปล่า?”


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ”


แปลว่า “เจ้าโง่ เจ้าไม่ได้เดียงษาทั้งหมดหรอกน่า!“


“ร้อยนึงพอมั้ย?”


แน่นอนว่าฉันต้องเผื่อมันไว้ด้วย


ผู้วิเศษแห่งความตายกดไปที่ 648


จิวเย่รับรู้ได้เลย “งั้นพวกเรามาแอดวีแชทกัน ฉันจะโอนให้คุณเลย”


มองไปยังรูปหน้าอวาตาร์ของชายชุดดำ จิวเย่ถึงกับพูดไม่ออก ไอ้สิ่งมีชีวิตน่ารักนี่ที่มีหัวเป็นกระดูกสดใส มันไม่ได้เหมือนกับตัวจริงเลยซักนิด


ผู้วิเศษแห่งความตายโปรดปรานที่จะเห็นกลุ่มอื่นแตะ 1000 หยวน ความเป็นมนุษย์นี่ช่างน่าจับตามอง


ปิ้ว ปิ้ว ปิวปิวปิว


จิวเย่ไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนเล่นเกมได้จริงจังขนาดนี้เล…ไม่สิ…ไอ้โครงกระดูกเนี่ย นับเป็นมนุษย์ไม่ได้…


สกิลของคนๆนี้มันระดับปรมาจารย์เลยนะ แต่จะเล่นเกมหน่อมแน้มนี่จริงเหรอเฮ้ย!


นี่มัน…ย่อยยับสุดๆ


รถโรลส์รอยส์แฟนท่อมที่ซึ่งเปิดประทุนได้(?)ขับออกจากเมืองไปด้วยควันที่โหมกระหน่ำตลอดทางและบรรยากาศแปลกๆที่ปกคลุมอยู่ร่ำไป


ที่นั่นมีโรงกลั่นไว์อยู่ทางตะวันตกของชานเมืองหลงอัน นายท่านอยู่ที่นี่ก็เพราะจิวเย่


จิวเย่เป็นเจ้าบ้าน มันค่อนข้างจำเป็นที่จะต้องต้อนรับเพื่อนของเจ้าของที่ให้ดีที่สุด


แต่จิวเย่ไม่มีความสุขเอาเสียมากๆ ดวงตานั้นแทบจะเหลือกหมดแล้ว นี่มันแย่จริงๆ


บทที่ 130 ฟ่าง


โรงงานผลิตไวน์แห่งนี้คือที่ๆจิวเย่ดูแลอยู่ เขาอาศัยอยู่ที่นี่ ชัดเจนเลยว่าเพราะมันมีค่ามากๆ เหนือสิ่งอื่นใด โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ห่างไกลจากความวุ่นวายและความแออัดในเมือง เปี่ยมไปด้วยความสงบประจบไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี


“เรามาถึงกันแล้วล่ะ” จิวเย่พูดขึ้นอย่างถ่อมตัวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า


ปิ้ว ปิ้วปิ้ว ปิ้วปิ้ว


ผุ้วิเศษแห่งความตายถือโทรศัพท์มือถือเล่นไปขณะที่ปากก็คาบซิการ์และไม้เท้าก็ประคองไว้ที่ใต้รักแร้


หน้ากากเหรอ?


ลืมมันไปแล้วล่ะ…


“อ๊ะ รอแปปนะ” ก่อนที่น้องชายจะไปเปิดประตู จิวเย่ก็รีบวิ่งออกไปเพื่อช่วย แต่ทว่าสายตาของผู้วิเศษแห่งความตายนั้นก็ไม่ได้ละออกจากโทรศัพท์เลย


ติ๊ง ติ๊ง


ฟังเสียงของเหรียญทอง ซิการ์ของผู้วิเศษแห่งความตายก็หลุดก่อนที่เขาจะใช้ทั้งร่างกายของเขานั้นสูดมันเข้าไป “เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “ชวง!”


จิวเย่คิดว่าตั้งแต่ที่ชายตรงหน้าเล่นไปบนรถเขาแล้ว ก็ดูเหมือนไม่คิดที่จะวางมือถือลงเลย เขานั่งพับเพียบอยู่ในนั้น และดูไม่เหมือนว่ากำลังถือโทรศัพท์อยู่ด้วย โอเค…


โดยเฉพาะเสียงปิ้วปิ้วปิ้วนั่น…เสียงของแอปเปิ้ล X ช่างดังเอาเสียมากๆ…หรือว่าเพราะทอง 8848 ของฉันมันดี


“ช่วยหยุดซักแปปนึงได้มั้ย?”


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลเป็นทางการว่า “มีปลามากมายขนาดนี้ นายจะจ่ายไหวเหรอ?”


จิวเย่นั้นเคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน และเขาสามารถจำแนกอารมณ์ของผู้วิเศษแห่งความตายได้ด้วยการแยกโทนเสียง และเขามั่นใจเลยว่าประโยคนั้นคือการตอบรับแน่ๆ!


ทั้งสองเข้าไปด้านในของโรงงานกลั่นไวน์ และในนั้น มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในห้องประชุมประจำโรงกลั่น ที่นั่นมีผู้ชายอยู่แล้ว 8 คนและผู้หญิงอีก 1 คนนั่งถัดจากพวกเขา ธีมชุดล้วนเป็นสูทและเสื้อคลุมเหมือนๆกัน จะมีก็แต่ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่ใส่ชุดดูจะเป็นนกยูงอยู่แล้ว เธอสวมผ้าซาตินสีมรกตที่มีลวดลายยาว กลิ่นหอมของยาสูบดอกไม้คละคลุ้งตลบอบอวลไปหมด ผ้าไหมบางสีเขียวทำให้เธอดูเหมือนนางฟ้า นางฟ้าที่บินไม่ได้หรือนางฟ้าตัวน้อยๆอย่างแฟร์รี่


คนๆนี้มาจากฝ่ายเมฆา เจ้าสำนัก ซุนฟาง!


“พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่กันแน่เนี่ย!” ชายวัยกลางคนตะโกนด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่น คนๆนั้นคือ เจ้าแห่งสัมพันธมิตรแห่งสันนิบาตฝ่ายใต้ ไฮ่ไตซี่ ลูบที่หัวโล้นของเขาทำให้ดูดุร้ายไม่น้อยเลย


เจ้าแห่งพาวิลเลี่ยนแต่งตัวแปลกนิดหน่อย เขาสวมเสื้อยืดกางเกงตัวใหญ่ ที่คอคล้องโซ่สีทอง สวมแว่นกันแดดและหมวกแบบฮิปฮอป ใช่แล้ว เขาคือพวกฮิปฮอป


สองมือขยับตามจังหวะก่อนจะเริ่มแร็ป “เฮ่ โย่ว เจ้าไหมสีสาหร่ายเป็นไงมั่ง นี่คืออะไรโย่ว~ ผู้อาวุโสตายแล้ว โญ่ เย่~ ดูเหมือนจะเป็นเวลาแก้แค้นของนายแล้วนะโย่~”


“เห้ยๆ ฉันถามแกอยู่นะเว้ย!!!” ไฮ่ไตซี่กระโดดขึ้นมาเร็วพลัน


“ดูเหมือนว่าเจ้าแห่งสัมพันธมิตรจะโวยวายแล้วนะ” พี่สาวแห่งปรมาจารญ์หยังเชาเอ่ย


หวังต้าเป่า ผู้ที่กำลังตัดเล็บอยู่ก็พูดเสริมด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ท่านจะวิตกอะไรเล่า ฝ่ายเซ็นไม่ได้เอาคนตายมาเป็นผู้อาวุโสคนต่อไปเสียหน่อย แล้วถ้าเป็นใครซักคนล่ะ?”


เจ้าแห่งรถ เจ้าสำนักแห่งเซ็นนั้นหน้าเย็นไปหมด “หวังต้าเป่า! นี่มันหายนะแล้วนะ! ถึงแม้แกจะมีผู้หญิงของแก แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี!”


เขามองชายผู้มีท่าทีสง่าพูด “หวังก็พูดถูกหมดนี่นา ความจริงก็คือความจริง ที่ว่าอาวุโสทั้งสองนั้นตายแล้ว และที่วันนี้ฉันยังมีอารมณ์ที่จะมานั่งที่นี่ก็เพราะว่านับถือหรอกนะ”


ไฮ่ไต่ซี่โกรธสุดเหวี่ยงกับท่าทีของผู้ร่วมโต๊ะประชุมครั้งนี้ “เช่าซินหลัง ปากไม่ดีก็อย่าชักศึกเข้าบ้านดีกว่าน่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามแต่ แต่พ่อของเจ้ากำลังจะทำลายตระกูลเช่าด้วยตัวเอง!”


“นี่ยอมเปิดเผยความหยิ่งในตัวเองออกมาแล้วเหรอ!” เช่าซินหลังยังคงยิ้ม แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก


“เอาล่ะๆ พูดนิดพูดหน่อยก็จะตีกันตายแล้ว” ชื่อของเขาคือ อันอันเซิ่ง ด้วยแว่นที่ดูจะเห็นได้ทั่วไปมากๆ ทำให้เขาดูไม่โดดเด่นแต่ก็ถือว่าดูดีและดูฉลาดมากๆ


อันที่จริง ตัวเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปขวางนักหรอก เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าความแข็งแกร่งของแต่ละคนนั้นก็ไม่ได้ต่างกันมาก ส่วนใหญ่ก็เอาแต่ทำตัวเล่นๆหรือไม่ก็ไม่สนใจอะไรเลย


เหนืออื่นใด การต่อสู้ไม่ใช่ผลประโยชน์ของชัยชนะ แล้วการต่อสู้คืออะไรกันล่ะ?


ไฮ่ไต่ซี่พูดด้วยความโกรธ “ถ้าแกอยากให้ฉันพูด เราก็ต้องมาช่วยกันประณามมัน!”


“เห้ยๆ ทะลึ่งแล้ว ข้ายังไม่ตาย ตาแก่” พาวิลเลี่ยนลอร์ดผู้ที่ไม่มีแขนยกมือขึ้นทำกากบาท


ไฮ่ไต่ซี่เกือบจะไม่ต้องไอเป็นเลือดแล้ว “ฉันจะฆ่าแกวันนี้เลย!”


“งั้นก็เข้ามาเลย”


พี่สาวแห่งปรมาจารญ์หยางเชาจับไฮ่ไต่ซี่ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเอาไว้ทัน “จงเยือกเย็นดั่งสมุทรกว้าง เจ้าแห่งสัมพันธมิตร อย่าตื่นตระหนก! เจ้าสำนักท่านนี้เองก็เศร้าอยู่เหมือนกัน ทำตัวให้ชินไว้จะดีกว่า”


ไฮ่ไต่ซี่หน้าเซ็ง


ฉันเห็นว่า หยางเชาไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนหมวกไปใส่แว่นกัดแดดได้ที่ไหน “ปัญหาแก้มโยโย่”


ไกเจิงตอบสนองทันที “เฮ้ พี่ชายนี่เจ๋งไปเลยแฮะ มีดเนี่ยไม่เลวเลย”


“ฉันจะฆ่าไอ้เวรพวกนี้วันนี้เลย ไอ้แม่เยอะ!!” พลังงานอันร้อนแรงปะทุขึ้นมาจากไฮ่ไต่ซี่


จะให้ไกเจิงและ หยางเชาไม่ทำตัวหยิ่งได้เหรอ? ถึงจะออกไปหาผู้อาวุโส แต่ทั้งสองก็ตายไม่ก็บาดเจ็บอยู่ดี แล้วดูพวกเราสิ ออกมาโดยไม่มีแผลอะไรเลย ถ้าให้พูดก็คง น้องชายน่ะน่ะไม่มีสมอง นายท่านคนนี้เองก็คงไม่ได้ดีเด่นไปกว่าตัวน้องเองซักเท่าไหร่หรอก


สำนักเซ็นที่แห้งเฉา เจ้าสำนัก คาร์ลอร์ด พูดด้วยความสงบเยือกเย็น “เชื่อฉันสิ!”


หวังต้าเป่า เช่าซินหลัง จี้อันเซิน และกวนเที่ยนโร้ด ผู้ที่ไม่เคยกรน มองไปยังพวกเขาถึง 4 ครั้งแต่ก็ยังไม่ได้แผนอะไร


สำหรับพวกเขา คนเหล่านี้สามารถนับเป็น โลกแห่งวัฒนธรรมก็ได้ ส่วนความสัมพันธ์นั้นก็แบ่งแยกกันออกไป


“พอ!” เจ้าสำนักหยุนพูดแล้วมองหาน้ำเย็น


งดงาม ใบหน้านี้ยังคงเหมาะสมอยู่เสมอ


เจ้าแห่งรถหายใจช้าๆ จิตสังหารค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ถ้านายยังไม่ยอมตามหาเจ้าสำนักมาอธิษฐานเผื่อนายล่ะก็นะ เจ้าสำนักนี้จะเปลี่ยนนายให้กลายเป็นน้ำเหลวๆวันนี้เลย!”


“ใช่! ตามที่เจ้าสำนักพูด เจ้าแห่งสัมพันธมิตรคนนี้ไม่ใช่ยากเกินไปสำหรับเด็กๆอย่างแกทั้ง 2 คน” ไฮไต่ซี่อารมณ์เปลี่ยน ถ้านี่เป็นแค่ชายร่างโตหัวรุนแรงเช่นนั้นนี่ก็คือเด็กที่อบอุ่น


ความงดงามแห่งฟากเหนือนั้นคือความบริสุทธิ์ดุจสีขาวและความสงสาร


สองความงามแห่งฟ่างฮั่วไม่ได้มาที่นี่


ไฮ่ไต่ซี่ และ เจ้อชี่ชวนเพียงแค่รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีหน้า


และไกเจิง กับ หยางเชาเองก็ดูงดงามแบบมีเล่ห์เหลี่ยม ความงามพวกนั้นต่างฝ่ายต่างดึงดูดแต่ละคนในทางเดียวกัน หรือจะโดนซุบซิบนินทา ก็รู้แหละว่าเจ้าสำนักนั้นปัจจุบันติดเพลงฮิปฮ็อปขนาดไหน ตั้งอกตั้งใจฟังเสียจริงนะ


“เรื่องที่จะคุยวันนี้ก็คือ เราจะปกป้องเทพบรรพกาลและจะให้เป็นเทพบรรพกาลต่อไปได้อย่างไร!” น้ำเสียงของฟ่างนั้นนุ่มนวลและฟังดูสบาย


เช่าซินหลังจับเส้นผม “ท่านเจ้าสำนักฟ่าง ผู้อาวุโสซิงของเธอ ยังโอเคหรือเปล่า?”


“ตระกูลเช่านี่ดูจะเป็นกังวลกันสำนักนี้จังเลยนะ” น้ำเสียงของฟ่างแสดงออกถึงความโกรธเล็กน้อย


เชี่ยนมองและกรอกตา “ฉันได้ยินมาว่าผู้อาวุโสซิงตายและกำลังถูกส่งกลับเมื่อวานนี้ ได้ยินข่าวนี้บ้างไหม?”


“ผู้อาวุโสซิงเสียสละตัวเองเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้าสำนักประจำสำนักที่น่ารังเกียจนี้ก็ยังรายงานตามธรรมชาติ” ฟ่างเริ่มโกรธขึ้นมานิดหน่อยแล้ว


“พูดได้ดี!”


“แก้แค้นและเกลียดชัง!”


ไฮ่ไต่ซี่และ จี่ชี่ซวนพูดพร้อมกัน


เช่าซินหลังหัวเราะเบาๆ “เมื่อพวกนายรอจิวเย่ เผื่อว่าเขาจะมากับใครซักคน ฉันก็มองไปยังการแก้แค้นของพวกนายแล้ว”


หวังต้าเป่าถอนรองเท้าออก ตามด้วยถุงเท้าและเริ่มตัดเล็บนิ้วโป้งต่อ เป็นการเคลื่อนไหวที่น่ากลัวยิ่งนัก!


“ท่านเจ้าสำนักฟ่าง เธอจะคิดแต่เรื่องแก้แค้นมากไปแล้วนะ ช่วยคิดทบทวนให้ดีเถอะว่าแบบนี้มันถูกแล้วหรือเปล่า” ไกรู้สึกว่าความเกลียดชังนี้จะไม่ส่งผลดีออกมาแน่ ผู้อาวุโสกลับมาเมื่อวาน และรายงานถึงสถานการณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ปัจจุบัน แต่เขาก็ฟังไปถึงเสียงในหัวใจ


จากในที่ที่กำลังพูดกันอยู่ เสียงเบาๆเล็กๆก็ดังเข้ามาในหูทุกคน


ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว


เขตก่อสร้างกำลังเคลื่อนอิฐ และมันน่าอึดอัดมาก…ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันมันกลายเป็นโพรงออกมาเลย


บทที่ 131 เมฆสีดำ


ประตูคู่เปิดอ้ากว้างโดยผู้วิเศษแห่งความตายและตามด้วยจิวเย่ที่เดินเข้ามาตามคำชักชวน บรรยากาศภายในนั้นมันช่างน่าอึดอัดเสียจริง


อาจจะเป็นเพราะประตูไม้ทั้งสองบานนั้นมันเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้กระแสความกดดันในห้องตีกลับไปทางผู้วิเศษแห่งความตายจนเสื้อคลุมสีดำของเขาเองก็ยังพริ้วไหวราวกับมีลมพัดเลย


ถ้าผู้วิเศษแห่งพนั—เอ้ย ผู้วิเศษแห่งความตายนี่สวมวิกแล้วตบปลายผมไปด้านหลัง นี่คือการต่อสู้ของเทพเจ้าแห่งการพนันแล้ว โดยเฉพาะซิการ์ในปากนั้น ไหนจะลมหายใจที่ยามได้หายใจออกเมื่อไหร่ควันได้คลุ้งทั่วร่างอีก แต่ถ้ามองดีๆแล้วมือที่ถือแอปเปิ้ล X นั่นกำลังมีเสียงเพลงที่ขัดกับบรรยากาศอยู่ มันสนุกสนานและร่าเริงสุดๆ และที่ก้นของมันก็ต่อสายชาร์จสีขาวเข้าไปในผ้าคลุมสีดำด้วย สันนิษฐานว่าน่าจะต่อเข้ากับพาวเวอร์แบงค์


เขามองไปยังความครึกโครมด้านหน้าและรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ใช่เล่นๆจากคนกลุ่มนั้น แต่ก็ยังน้อยกว่าเสี่ยวยี่


แต่ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ การพนันนัดนั้นสำคัญกว่า ราวกับว่ากำลังจะได้เป็นเจ้าของดราก้อนบอลทั้ง 7 ลูกเพื่อขอพรให้ทั้ง 10 คนนี้ ตัวเองหรือแม้แต่พ่อของพวกคุณก็ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ฉันต้องชนะ!!


เหล่าผู้เข้าร่วมประชุมทั้ง 9 ต่างพากันมองไปที่ผู้วิเศษแห่งความตายที่ซึ่งกำลังเดินเข้ามา และนั่ง และปิ้วปิ้วปิ้วปิ้วปิ้ว…


ด้วยความที่เป็นผู้นำของเหล่าสำนักและตระกูล แน่นอนว่าเรื่องการต่อสู้ระดับโลกเมื่อคืนนั้น ศึกระหว่างเสี่ยวยี่และเสื้อคลุมดำจบลงด้วยการใช้เทพบพกาลซัดใส่ซึ่งกันและกัน


อันที่จริงแล้วเสี่ยวยี่นั่นสวมเกราะที่เรียกได้ว่าขั้นสุดยอดของการป้องกันอยู่


ทุกคนต่างคาดเดา ใครคือคนที่ไปเช็คบิล และเขากับบาร์ของนายท่านมีความสัมพันธ์กันยังไง


ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่มีคำพูดใดๆที่จำเป็นต้องเอ่ย ตัวตนของคนๆนี้ถือเป็นความลับขั้นสุดในชิง ดังนั้นเจ้าสองคนเมื่อวานนี้ก็น่าจะเป็นน้องชาย ชัดเจนเลยว่านี่มันเสือหมอบมังกรซ่อนแน่ๆ!


ผู้วิเศษแห่งความตาย…ถ้าเจ้ารู้ความคิดของคนเหล่านี้ล่ะก็เจ้าคงจะต้องพูดแน่ๆ


แปลอย่างเป็นทางการว่า : “นายท่านกำลังยุ่งกับการเดท และท่านผู้สูงสุดจึงต้องทำงานที่น่าเบื่อนี่ด้วยตนเองแต่ไม่มีวันหรอกที่เขาจะทำ ดังนั้นแล้วพวกเจ้าคิดว่าข้าอยากจะทำจริงๆเหรอ? ให้คิดใหม่ได้นะ ถ้ายังไม่เปลี่ยนความคิดก็มาเอาน้ำมันไปหยอดสมองกันหน่อย”


เรื่องหน้าเหลือเชื่อนี่มันอะไรกัน ทุกคนไม่ใช่แค่พยายามคิดหาตัวตนของเจ้าผ้าคลุมดำนี่ หากแต่คิดถึงภาพของเขาที่อยู่ในผ้าคลุมนี่ไปด้วย


มันต้องเป็นปีศาจร้ายแน่ๆ!


เมื่อวิญญาณร้ายที่มีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่าเจ้าแมงป่องถูกปลดปล่อยออกมา พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึง นั่นเพราะว่าโดยปกติพวกเขาก็คอยปราบพวกอสูรกายและทลายรังปีศาจกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่เจ้ากระดูกนี่กลับมายืนจั้งก้าอยู่ตรงหน้าได้ ไม่น่าเชื่อ!


พวกเขาไม่รู้เลยว่าควรจะทำตัวอย่างไร


“ถ้ายังไง ฉันจะแนะนำตัวคนๆนี้ให้รู้จักละกันนะ นี่คือ ผ้าคลุมดำผู้โด่งดัง” จิวเย่ยิ้มและแนะนำเขาให้รู้จักราวกับเป็นของขวัญแด่ทุกคน


ผู้วิเศษแห่งความตายที่ได้กลายเป็นผีพนันสูบซิการ์เข้าไปและพ่นควันออกมา นิ้วกระดูกเล่านั้นยังแตะไปที่หน้าจอโทรศัพท์และมันก็มีเสียงเหรียญตกลงมาเรื่อยๆ กิ๊ง กิ๊ง


หวังต้าเป่าแสดงออกถึงท่าทีที่สับสนสุดๆ เจ้ากระดูกนี่มีความสัมพันธ์ยังไงกับท่านผู้นั้นนะ? ลูกจ้างเหรอ? หรือว่าเป็นแบบนาย-บ่าว? ไม่น่า ไอ้กระดูกที่ดูท่าจะเลเวลตันนี่นะจะอยู่ในความสัมพันธ์แบบนาย-บ่าว ไม่มีทาง


จ้างงานนี่ดูเป็นอะไรที่ปกติสุดแล้ว


ทันใดนั้น! หวังต้าเป่าก็รู้สึกว่า มันน่าจะเป็นไปได้ถ้าชายคนนั้นจะเป็นน้องชายของเจ้าผ้าคลุมดำนี่ และแบบนั้นจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าจะใช้บัญชีราวกับเป็นบอสเสียเอง


“ทุกคนอย่าเพิ่งเริ่ม!” จิวเย่หัวเราะ ผ้าคลุมดำไม่สามารถจัดการได้ นี่มันเป็นเทพเจ้าที่ดีจริงๆ


การวิเคราะห์ของเชี่ยน


เผ่าพันธุ์ : อันเดด


อายุขัย : 😕??


IQ : ???


ภูมิภาค : 😕??


งานอดิเรก : 😕??


แต่งงาน : ???


ระบบอ่านของเชี่ยนนั้นถูกล็อคไว้ แว่นบ้านี่เสียแล้วรึไง มีแต่ประโยคคำถามเต็มไปหมดเลย


ฉันเห็นว่าไฮ่ไต่ซี่ตีตัวเป็นผู้นำ “ก่อนจะเริ่มการประชุม อยากจะสอบถามความสมัครใจถ้าจะให้หวังต้าเป่าออกไป!”


หวังต้าเป่าวางรองเท้าลงและดมมือของเขาเอง “ทำไม?”


“คนที่เข้าตระกูล ไป่ ไปทำไมถึงยังอยู่ที่นี่เล่า!” เจ้อชี่ซวนตะโกนตาม


ไม่ต้องมองก็รู้ว่าหวังต้าเป่านั้นน่าสงสารขนาดไหน แถมทุกคนก็ยังรู้อีกว่าเขากลัวเมียเขาเองขนาดไหน เขานั้นถูกชักนำโดยตระกูลไป่! อย่างไรก็ตาม หวังต้าเป่าก็ยังเป็นผู้นำสูงสุดในเกาไห่ของฟากใต้ การที่หวังต้าเป่าไปมากับพวกเขานั้น มันต้องเป็นเพราะหวานใจของเขาแน่ๆ การแต่งงานนั่น ก็เพื่อจะควบคุมฟากใต้ทั้งหมด


เมียควบคุมฟากเหนือ ส่วนผัวควบคุมฟากใต้ ดังเช่นดาบทั้งสองที่รวมเข้าด้วยกัน


เช่าซิงหลังพูดแบบไม่แยแส “บ้านของหวังอยู่ในเกาไห่ ทำไมจึงกล้าพูดว่าเป็นเขาชาวเหนือกัน?”


“ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว…”


“แต่เขามีสตรีจากแดนเหนืออยู่นะ!” ไกเปลี่ยนแนวฮิปฮ็อป ทุบมือบนโต๊ะและตะโกน


“ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว…”


หวังต้าเป่ากุบขมับ “เมียของฉันอาศัยอยู่กับครอบครัวของเธออีกไม่กี่เดือนหรอกน่า เพราะงั้นฉันก็เหมือนกับพวกนายนั่นและ”


“ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว…”


ทุกคนเริ่มเหล่มองมาแล้ว


ผู้วิเศษแห่งความตายเท้าคางขณะที่ดวงตากลวงโบ๋จะเปล่งประกายแสงสีแดงขึ้นมา


“คำเตือน! คำเตือน! บอสกำลังมา!!!”


ฉันเห็นผู้วิเศษแห่งความตายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา


แป๊ก แป๊ก แป๊ก แป๊ก แป๊ก!!!


ทั้งห้องประชุมตอนนี้ เต็มไปด้วยเสียงกระดูกกระทบจอดังไปหมด


จิวเย่พยายามจะดึงให้เขากลับมาอยู่กับการประชุมก่อน หากแต่พอได้เห็นท่าทีที่ดูตื่นเต้นของผู้วิเศษติดพนันนั้นแล้วก็ลืมๆมันไปดีกว่า


ผู้วิเศษแห่งความตายค่อยๆวางโทรศัพท์ลงและปล่อยหมอกสีดำออกมาจากร่างกายใช้ข่มทุกคนเพื่อป้องกันตัว


เขามองไปยังเหรียญทองที่โดนเคลียร์ไปพร้อมด้วยแรงอาฆาตอันเหลือล้น! เพิ่งจะได้แตะเงินล้านเหรียญไปได้เฮือกเดียวเอง แต่พอเจ้ามนุษย์นั่นเข้ามาในห้อง เพียงแค่คลิกแล้วจากนั้นก็ฆ่าบอสเลย!!!


จะไม่ให้โกรธได้ไง! เจ้าพวกมนุษย์เจ้าเล่ห์! เจ้าพวกสารเลว!!


หมอกสีดำที่อยู่บนตัวของผู้วิเศษแห่งความตายค่อยๆกระจายออกไป กลายเป็นเมฆสีดำที่ลอยอยู่เหนือหัวของเขาแทน


โผล๊ะ!!


เมฆสีดำเคลื่อนตัวไปอยู่มุมห้องประชุม นั่นทำให้ทุกคนต่างหน้าซีดไปด้วยความกลัว พวกเขาไม่มั่นใจแล้วว่าเสื้อคลุมดำกำลังทำอะไร


ผู้วิเศษแห่งความตายรีบหยิบไม้เท้ามาอย่างรวดเร็วและเดินตรงไปด้านหน้าอย่างทุลักทุเล


กึ้ง!


ไม้เท้าถูกเสียบเข้าไปที่กำแพงก่อนจะค่อยๆเผยร่างที่แท้จริงออกมา และเมื่อทุกคนเห็นต่างก็พากันหายใจไม่ทั่วท้อง แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่านั้นอยู่ถัดจากนี้!


กำแพงมันมีเลือดไหลออกมา!


ชายที่สวมสูทสีดำค่อยๆปรากฏตัวออกมา ที่หน้าอกของเขามีรูขนาดใหญ่


“สำนักเร้นกายซ่วน!”


ทุกคนต่างตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความเซอร์ไพรส์


เสียงกู่ร้องของผีร้ายดังขึ้นในเมฆสีดำ ฉันมองเห็นกลุ่มเมฆนั้นดูเหมือนกำลังห่อหุ้มอะไรบางอย่างขึ้นไปในอากาศ


พวกเขารู้โดยที่ไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นใคร


แต่เดิมแล้ว ผู้วิเศษแห่งความมืดไม่ได้ต้องการจะควบคุมมันเลย แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้านายผู้ขยันขันแข็งของเขานั้นถูกปล้น เหมือนกับมนุษย์ที่พยายามจะซ่อนอยู่ในมุมมืดนี้


นี่ไม่ใช่การยิงปืนสองนัดแน่ๆ


ชายร่างใหญ่นั่งลงไป สีหน้าเขาดูไม่ดีซักเท่าไหร่ คนจากสำนักเร้นกายซ่วนแทรกซึมเข้ามาได้ แต่ไม่มีใครรู้เลย! ทั้งสองคนนี้ต้องเป็นพวกมือพระกาฬจากสำนักเร้นกายแน่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผ้าคลุมดำ เรื่องที่ประชุมกันในวันนี้ก็คงจะหลุดออกไปอีก ผลของการกระทำนี้มันช่างยากที่จะเชื่อเสียจริง!!!


มองไปยังชายที่อยู่ในเมฆสีดำที่ซึ่งกำลังตะโกนด้วยเสียงอันแผ่วเบา “พูดมาเซ่! พวกแกรู้อะไรบางอย่างล่ะสิ!”


ชายผู้ที่ถูกรัดด้วยเมฆสีดำส่งเสียงร้องที่น่ารักออกมา นั้นไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากจะพูด แต่เขาพูดไม่ได้มากกว่า!


นิ้วของผู้วิเศษแห่งความตายนั้นหมุนไปมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขานั่นแหละกำลังทรมาณพวกคนเหล่านี้


“ปล่อยเขาซักหน่อยได้ไหม ฉันมีเรื่องจะถาม” ซุนฟ่างพูดกับผู้วิเศษแห่งความตาย แม้น้ำเสียงเขาจะฟังดูสุภาพแต่ในใจนั้นโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ชายคนนี้…คือผู้ที่ฆ่าผู้อาวุโสของเขา!


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “ไม่”


ด้วยนิ้วที่ค้างไว้อยู่แบบนั้นของผู้วิเศษแห่งความตาย


เมฆสีดำเหล่านั้นก็กัดกร่อนชายที่อยู่ด้านในทันที มันเริ่มกัดกร่อนจนเหลือนิดหน่อยและท้ายสุดก็ไม่เหลืออะไรเลย


มองไปยังฟ่างที่กำลังกำผงพวกนั้นขึ้นมากำและตะโกนด้วยน้ำเสียงนุ่ม “ไม่เหลือใครอีกแล้ว!”


บทที่ 132 อาวุธนั้นเปล่าประโยชน์


ทั้งห้องประชุมนั้นเงียบสงัดไปหมด และฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน ที่จู่ๆเจ้าสำนักเมฆาก็พูดออกมาแบบนั้น


ทุกคนต่างตีความไปในความคิดของตัวเอง หากจะชนะพลังของฟ่างฟ่างได้จำเป็นต้องได้เปรียบมากกว่า 4 แต้ม แต่เมื่อตอนที่พวกเขาต้องโต้กลับลูกมือของเสี่ยวยี่ พวกเขาไม่เหลือความได้เปรียบอะไรเลย หรือผ้าคลุมดำนี่จะเป็นลูกมือของเสี่ยวยี่ด้วย? เล่นกับหมา แม้เสี่ยวยี่จะชนะแต่นี่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี


ในความเป็นจริง ทุกคนมองข้ามไปแล้วว่าผู้วิเศษแห่งความตายนั้นถูกสั่งมาและการที่ไม่ให้ฆ่าเสี่ยวยี่นั้นก็เป็น 1 ในคำสั่งด้วย เขาลอยขึ้นอีกครั้งก่อนจะกระแทกเข้าไป


ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมพวกผู้ประกอบการรายย่อยถึงอยากจะท้าทายเจ้าเสื้อคลุมดำนี่ ถ้าไม่ยอมจ่ายคืน ในกรณีท้ายสุดก็จะนำพามาซึ่งการล่มสลายเลยนะ


มองไปยังดวงตาที่สวยงามของฟ่าง เมื่อวันก่อนผู้อาวุโสของเธอตายโดยน้องชายของผู้วิเศษแห่งความตาย ความเกลียดชังนี้ต้องรายงานต่อเจ้าสำนัก ถ้าคุณปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้ จะให้บอกเหล่าลูกศิษย์ว่าอย่างไร? จะปล่อยให้พวกเขานิ่งนอนใจได้งั้นเหรอ!


ด้วยความที่ไม่คำนึงถึงการแตกหัก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย แต่จะอะไรก็ช่าง วันนี้คือวันที่จะล้างแค้นให้ท่านผู้อาวุโสซิง!


ฉันลองคิดตามสถานการณ์ มันช่วยไม่ได้เลยจริงๆ แต่ถ้าหากผู้อาวุโสซิงฟื้นกลับมาจริง ทั้งร่างก็คงจะเต็มไปด้วยเส้นเลือดและเส้นปราณ พวกอวัยวะภายในเองก็คงจะเหมือนเพิ่งจะออกมาจากเครื่องปั่นมา พูดกันตามตรง มีเหล่าลูกศิษย์ลูกหาคนไหนรู้บ้างว่าผู้อาวุโสซิงกับเหล่านักเรียนม.ต้นนั่นไปสู้ด้วยกันมา


ในตอนนี้ ฉันเห็นอะไรบางอย่างมันแตกต่างออกไป มันต้องเป็นบางสิ่งบางอย่างที่พวกนั้นคิดอยู่ลับๆแน่ๆ!


ตลกน่า!


คนธรรมดาจะประมือกับเลี่ยกูได้อย่างไรโดยที่ต้านทานพลังนั้นไหว แม้จะเป็นพวกมือมีดก็ตาม


ผู้คนจากโลกแห่งการฝึกตนต่างเต็มไปด้วยความกังวล แต่กระนั้นผู้อาวุโสของฝั่งหวังต้าเป่าก็ยังคงพูดให้เขาไม่ต้องกังวล มันแค่การเล่น


นัยน์ตากลวงโบ๋ของผู้วิเศษแห่งความตายนั้นมองไปยังฟ่าง แม้ระยะหลังเธอจะไม่ค่อยกลัวก็ตาม


แต่การกระทำเช่นนั้นของผู้วิเศษแห่งความตายนั่นก็เพราะว่าเขายังไม่รู้พลังที่แท้จริงของคนเหล่านี้เฉยๆ


มนุษย์ผู้หญิงในเขตเองก็ควรจะท้าทายตัวเองเสียบ้าง เพราะตัวผู้วิเศษแห่งความตายนั้นก็ลังเลที่จะฆ่าอยู่ หรือไม่ก็…


ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้สูงสุดกำลังฝึกความเป็นมนุษย์อยู่ ณ ตอนนี้ แม้แต่ตัวเจ้านายเองก็ยังฝึกฝน นั่นชัดเจนเลยว่าความเป็นมนุษย์นั้นสำคัญไฉน มองย้อนกลับไป เขาเองก็ยังฝึกความเป็นมนุษย์อยู่ด้วยเช่นกัน


เมื่อคิดถึงการพนัน ผู้วิเศษแห่งความตายก็ตัดสินใจที่จะเดิมพันในครั้งนี้!


เขาหยิบโทรศัพท์มาและพิมพ์ป๊อกแป้กอย่างรวดเร็ว!


ฉันเห็นอักษรหลายสีปรากฏขึ้นบนจอโทรศัพท์นั้น


“มาพนันกัน”


ฟ่าง เจี่ยว เหลาตะโกน “พนันกับจุบจบของแกก็เข้ามาเลย!”


ผู้วิเศษแห่งความตายพิมพ์อะไรเพิ่มอีก


“ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องเป็นทาสสาวของข้านะ”


ทุกคนที่เห็นต่างพากันละอายใจอยู่ลึกๆ เจ้านี่หวังจะชนะจริงๆจังๆเลยนี่หว่า แถมยังจะจับสตรีผู้สูงศักดิ์แห่งฟากใต้เป็นทาสสาวอีก นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!


ต่อให้จะเป็นหนี้ขนาดไหนก็ไม่จำเป็นต้องมีทาสเป็นผู้ชาย ถูกไหมล่ะ?


มองท่าทีที่หอมหวานของเจ้าสำนักเมฆา เมื่อถูกดูถูกโดยคนอื่น วันนี้ถ้าความอัปยศนี่ไม่ได้ถูกขจัดออก ก็ไม่รู้จะมองโลกนี้อย่างไรแล้ว!


“ดี! ถ้านายแพ้ ฉันจะสับ สับ สับ สับนายเป็นพันครั้ง ด้วยพันคมดาบของฉัน!”


ผู้วิเศษแห่งความตายพยักหน้า และตราบใดที่เกมยังไม่มีผู้ชนะ เขาสามารถหยุดเกมนั้นได้ตลอด


จิวเย่นวดขมับ การประชุมยังไม่เริ่มเลยแท้ๆ นี่มันน่าปวดหัวสุดๆ


ผู้วิเศษแห่งความตายยืดแขนที่เป็นกระดูกออกไป และนั่นทำให้เล็บที่จับอยู่ที่กำแพง กลับมายังมือของเขา ทางฝั่งฟ่างเองก็เรียกดาบสีม่วงออกมาบนมือเช่นกัน


เมื่อทุกคนมายังสวนขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของโรงกลั่นไวน์ พวกเขาต่างพากันพูดว่าบรรยากาศของชานเมืองนี่ยังสดชื่น แถมที่นั่นยังมีดอกไม้และพืชพรรณมากมายรอบๆตัวเขาด้วย ลมโชยอ่อนเช่นนี้ทำให้กลิ่นหอมรัญจวนของมวลผกามาศซึมซาบเข้าในโพรงจมูกได้โดยง่าย


กลิ่นหอมเช่นนี้เหมาะมากสำหรับการมาเดท ทิ้งตัวนั่งลงไปบนผืนหญ้าและมองไปยัง พี่สาวของหญิงสาวเพื่อจะมองหมู่ดาว แถมนี่ยังสามารถขยับแขนขาได้อย่างอิสระอีกด้วย ดูท่าว่าจิวเย่จะไม่ได้อยู่ที่นี่เฉยๆเสียแล้ว


“เอ่อ…อยากจะเปลี่ยนที่ต่อสู้กันหน่อยไหม?” จิวเย่พูดอย่างแผ่วเบา สวนแห่งนี้ถูกสร้างและดูแลโดยตัวเขาเองอย่างดีมาตลอด


คำถามของจิวเย่นั้นไม่มีใครตอบแม้แต่คนเดียว และตอนนี้ทั้งผู้วิเศษแห่งความตายทั้งซุนฟ่างต่างก็ยืนกันอยู่ที่บริเวณกลางลานแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้เดิมพันอยู่บนความตายแท้ๆ เหล่าองค์กรนิรโทษกรรมของโลกแห่งวัฒณธรรมพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้คนแล้ว


ผู้วิเศษแห่งความตายแปะมือลงไปบนพื้นดินและปล่อยนิ้วของเขากระจัดกระจายออกไป


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “สาวน้อย สั่นกลัวต่อหน้าเถรวาทผู้นี้สิ..”


ฉันไม่รู้ว่าเจ้าผ้าคลุมดำตรงหน้านี้จะทำอะไร แต่รู้สึกไม่ดีเอาเสียมากๆ


ดาบของเธอถูกยกขึ้นมาทันใด


เพียงแค่ตั้งแนวดาบอย่างทันที คลื่นปะทะก็กรีดร้องก้องออกมาทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครทำอะไรได้นอกจากรู้สึกเหนือความคาดหมาย พลังของเจ้าสำนักคนนี้ เหนือกว่าคำล่ำลือเสียอีก


นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไร้สาระแล้ว มีใครรู้กลเม็ดของสิ่งที่เกิดขึ้นนี้บ้างหรือเปล่าไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ใช้ทริคอะไรเลย


ผู้วิเศษแห่งความตายยืดนิ้วชี้และนิ้วกลางออกไป และนั่นก็ทำให้ทุกคนงงงวยด้วย


แต่เมื่อคุณเห็นผู้วิเศษแห่งความตายเก็บนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมา หัวใจของคุณจะต้องเต้นแรงขึ้น และเต้นแรงสุดขีด ลมหายใจเย็นยะเยือกจะถูกสูดเข้าไปเมื่อคุณและคนอื่นๆเพิ่งจะลืมสิ่งสำคัญบางอย่างไป


นั่นคือ แม้ว่าเขาจะไม่มีอาวุธ แต่เขาก็ยังมีนิ้วมือ


นั่นก็เพียงพอแล้ว นี่คือความสามารถพิเศษเฉพาะตัว


ใบหน้าของฟ่างดุจกุหลาบแดง ลมปราณจากทั่วทั้งร่างระเบิดกระจายออกมาจนดอกไม้รอบๆตัวฟุ้งกระจายขึ้นไปบนท้องฟ้า


แสงสีเงินสาดพาดจนร่างของคนทั้งคนกลายเป็นเพียงเงา


สายตาทุกคู่ที่จับตามองการต่อสู้นั้นต่างรู้สึกกลัว ความแข็งแกร่งของผู้บุกเบิกอย่างฟ่างนั้นเป็นของจริง!


มองไปที่ฟ่างที่ซึ่งกำลังเย้ยหยั่นผ้าคลุมดำ คำเยาะเย้ยดังขึ้นในใจของเธอ ช่างเป็นเจ้าสำนักที่ชอบการกดขี่เสียจริง ให้เป็นทาสของนายงั้นเหรอ เหอะ ประสาทสิ!


ผู้วิเศษแห่งความตายไม่ต้องการอาวุธใดๆทั้งสิ้น มันไม่มีประโยชน์


เขาขยายกระดูกขาวๆเพรียวบางพวกนั้นให้ใหญ่ขึ้นก่อนจะจับมัน


เขาจับมือขวาของฟ่าง ฟ่างจับดาบอยู่ไว้อย่างมั่นคง ในขณะที่มือที่ว่างก็จับไปที่เอวบางระหงของเธอไปด้วย


ไฮ่ไต่ซี่จังงังไปเลย ไอ้การต่อสู้ว้อทเดอะฟัคนี่มันอาหารหมาชั้นยอดชัดๆ!


ซ่วนกำหมัดแน่น เทพีประจำใจเขากำลังถูกฉุดรั้งโดยเจ้ากระดูกนั่น อำมหิต!!


ทั้งไกเจิง และหยางเชาต่างพากันถอยกรูด เทพธิดากำลังหมองหม่นด้วยเจ้ากระดูก…


หวังต้าเป่านั้นรู้สึกอึดอัดมากๆ ณ ตอนนี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเจ้ากระดูกนี่จะกล้าแตะตัวคนอย่างพี่สาว


ทั้งสองที่อยู่บนสนามนั้นเหมือนว่าอยู่ในโดมเต้นรำที่ดูแล้วค่อนข้างจะปั่นประสาทไม่น้อยเลย


ผู้บุกเบิก ฟ่าง ยิ่งรู้สึกอนาถไปกว่าเดิมเสียอีก กระดูกที่จับข้อมือเธอนั้นราวกับเป็นคีมเหล็กกล้าไม่ต่างกับมือที่จับสะโพกเธอเลย นั่นทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้!


มองลึกไปยังหัวกะโหลกในระยะที่ใกล้มากๆ ลึกลงไปยังนัยน์ตาโพลงที่มีแสงสีแดงอยู่ด้านใน ฟ่างมองเห็นอะไรได้ไม่ชัดมากนักแต่กระนั้นเองลมปราณของเธอระเบิดออกมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะทำให้บาดเจ็บได้ก็ตาม แต่ไม่ใช่กับร่างกระดูกนี้…


ปัง!


คลื่นอากาศกระจายออกจากทั้งสองจนตอนนี้ดอกไม้มันกระจายเต็มฟ้าไปหมดแล้ว ผู้วิเศษแห่งความตายคว้ามันเอาไว้ คว้ากุหลาบสีสวยก่อนจะเผยให้เห็นกระดูกสีขาว และกัดมัน!


I X!!!


ทุกคนรู้สึกได้เลยว่าทั้งสามที่กำลังสนใจเทพธิดาแห่งฟากใต้นั้นได้แตกสลายไปแล้ว…ในแง่ของจิตใจ


“อย่ารั้งฉัน! ฉันจะไปจัดการเจ้ากระดูกนั้น ขนาดฉันเองยังไม่กล้าที่จะทำกับเทพธิดาขนาดนั้นเลย!” ไฮ่ไต่ซี่ไม่สามารถยืนเฉยๆได้ และดูท่าว่าไม่มีใครจะหยุดเขาเลย


มองไปยังมุมปากที่มีเลือดไหล อันเกิดจากการใช้พลังไปแบบฟรีๆ และความปั่นป่วนจากภายในร่างกาย


เจ้าผ้าคลุมดำนี่…น่ากลัวชะมัด


นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับบาดเจ็บ และถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่ ฉันจะต้องแพ้แน่ๆ!


แต่ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้จะต้องตาย ก็ไม่ยอมให้เจ้ากระดูกนี่ดูถูกแน่ๆ!!


ทันใดนั้นฟ่างก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นขึ้นมาที่แผ่นหลัง เธอตัดสินใจใช้ดาบของเธอโจมตีด้วยมือที่ยังไม่ถูกล็อคทันที


แต่ช่างโชคร้าย มันช้าเกินไปและนั่นทำให้แขนอีกข้างของเธอถูกจับไว้ด้วย ตอนนี้ทั้งตัวของเธอถูกล่ามไว้ด้วยเจ้าผ้าคลุมดำแล้ว มองไปยังร่างกายที่เป็นกระดูก และมองกลับไปยังฟ่างที่กำลังจะตาย


บทที่ 133 จูบแรก!


“ปล่อยเทพธิดาของฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เจ้อชี่ซวนปล่อยลมปราณเข้าโจมตีผู้วิเศษแห่งความตาย


กระดูกของผู้วิเศษแห่งความตายปล่อยหมอกสีดำออกมา และทันใดนั้นมันก็ทำให้การโจมตีด้วยลมปราณไร้ผล เรียกได้ว่าร่ายไม่สำเร็จด้วยซ้ำ แต่กระนั้นความดุร้ายนั่นก็ไปปะทะเข้ากับซ่วนแทน แต่เดิมแล้วสำนักเซ็นคือหน่วยแพทย์ เพราะงั้นพลังทั้งหมดก็จะไม่ได้สูงมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ขัดกับเจ้าสำนักอย่างซ่วนมากๆ เพราะเขาค่อนข้างทรงพลังเลยทีเดียว


แต่ระหว่างผู้คนในกลุ่มนี้เอง การดำรงอยู่ของเขานั้นคือระดับล่างสุด และสำหรับหมอกดำแล้ว ไม่มีทางเลยที่เจ้อซี่จะโค่นเขาได้


เขาลอยและกระแทกเข้ากับตัวตึกราวกับลูกปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกไป จิวเย่นั้นดูจะทุกข์กว่าใครทั้งสิ้น


ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แม้แต่เจ้อซี่ซ่วนเองก็ตาม ตอนนี้มันถูกแบ่งชัดเจนแล้วว่าเจ้าสำนักอยู่อีกฝั่งและตัวผ้าคลุมดำเองก็อยู่ในสภาพลอยอยู่คนละฝั่งกัน ความแข็งแกร่งของเขามันน่ากลัวมากๆ ณ จุดนี้


ไฮ่ไต่ซี่พร้อมที่จะยิงแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นเจ้อซี่ เขาก็หยุดคิดขึ้นมาอีกหน่อย


เทพธิดาจะยังคงอยู่ตลอดไปแต่ชีวิตนั้นไม่…ทำไมถึงเป็นเรื่องที่ตรึงกำลังขนาดนี้นะ!


ผู้วิเศษแห่งความตายนำดอกกุหลาบที่อยู่ในปากไปวางไว้บนผมของฟ่างฟ่างอันสูงศักดิ์ การกระทำเช่นนี้ทำทุกคนสั่นไปหมด ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้!


มองไปยังร่างของกระดูกที่อยู่เบื้องหน้าแสงสว่างจ้า ไม่มีการอ้อนวอนให้เมตตา และไม่มีความกลัวอีกต่อไป


“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ฆ่าฉันเลยสิ! ถ้าจะให้ฉันไปเป็นทาสของนายล่ะก็ อย่าหวัง!”


มองไปยังหญิงงามในมือของตน ผู้วิเศษแห่งความตายก็ยิ้มออกมา


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “ถ้าจะตายนั้นง่ายนิดเดียว”


ฉันมองเห็นผู้วิเศษแห่งความตายพยักหน้าช้าๆ


ฟ่างเองก็หันหน้าไปหาด้วย


ในจังหวะนั้นทุกคนต่างตกตะลึง


ฉากต่อไปนี้มันทำให้ทุกคนขนลุกไปหมด


มันคือจูบ!!!


เพียงชั่วครู่เท่านั้น ผู้วิเศษแห่งความตายก็ยกหน้าขึ้นมา ริมฝีปากของมนุษย์นั้นนิ่มเสียจริง จูบแรกของเธอถูกพรากไปแล้ว และดูเหมือนว่ามนุษย์ผู้หญิงคนนี้จะหมดสติไปแล้ว เขาโอบเธอไว้ก่อนจะไปหยิบเคียวและหายแว้บไปต่อหน้าต่อตาคนอื่นเลย


เหล่าชายหนุ่มทั้งหมดต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันจบแล้ว! สตรีแห่งฟากใต้มีมลทินแล้วโดยเจ้ากระดูก!


ผู้วิเศษแห่งความตายปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ณ ภูเขา เขาวางร่างของหญิงสาวลงบนผืนหญ้า จุดซิการ์และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อจะกอบโกยเงินที่เหลือ


เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง


ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว ปิ้ว …


“มาสเตอร์!” เงาสีดำปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้วิเศษแห่งความตาย เขาตะโกนด้วยเสียงที่ให้ความเคารพ


คนๆนั้นคือ นักฆ่าแห่งความตาย ผู้ที่คอยคุ้มกันหลงเอ้อเทียน


“หลงเอ้อเทียนเป็นยังไงบ้าง?” เขาถามผ่านโทรศัพท์มือถือ


ในความจริงแล้วผู้วิเศษแห่งความตายน่าจะเรียกเงินจากจิวเย่ แต่เขารู้สึกว่าถ้าถามอะไรที่มันเป็นมนุษย์เช่นนั้น และถ้าอีกฝ่ายเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป ถ้ามันเป็นหน้าของเบ็นฟ่า แล้วถ้ามันถูกรู้โดยเจ้านายและท่านผู้สูงสุด ถ้าเป็นงั้นแล้วก็อย่างหวังจะได้เงยหัวเลย เอาจริงๆแม้แต่หัวก็น่าจะไม่อยู่แล้ว ณ เวลานั้น


“กลับไปหาเจ้านายครับ หลงเอ้อเทียนอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆช่วงนี้ เขายังไม่ปรากฏตัว” นักฆ่าแห่งความตายพยายามทำตัวให้ปกติ และท้ายสุดก็ปกติ


“กำลังมองหาโอกาสทางการเงิน เงินทุนตอนนี้มันไม่พอแล้ว”


“เจ้านาย เขาอยู่นี่!”


“โอ้? ไป รีบไปได้แล้ว รีบๆหาเงินทุนมาเติมตอนนี้เลย!”


“ครับ เจ้านาย!”


ร่างของนักฆ่าผู้ซื่อสัตย์หายไปในทันที หายไปโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอย ในขณะที่ผู้วิเศษแห่งความตายก็ยังคง ปิวปิ้วปิ้วปิ้ว…ต่อ มันยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต


อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆก็คิดว่าฟ่างฟ่างผู้เรียนรู้คงต้องกำลังถูกเจ้ากระดูกนั่นข่มเหงอยู่แน่ๆ ข่าวนั้นแพร่กระจายไปทั้งเขตแทบจะทันที แม้แต่จะเป็นฟากเหนือเองก็มีข่าวนี้แพร่สะพรัดไปด้วย!


ตอนนี้ เมื่อมองไปยังฟ่าง เธอไม่สามารถกลับไปได้แล้วเพราะทุกคนจะถ่มน้ำลายใส่เธอ!


ในกระท่อมเล็กๆ หลงเอ้อเทียนสวมชุดมอมแมม และหิ้วสาวน้อยน่ารักที่กำลังคุยเรื่องความรักมาด้วย


“เหมงเหมง ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงถ้าไม่มีชีวิตกลับมาในวันนี้” หลงเอ้อเทียนถอนหายด้วยเสียงนุ่ม


เหมงเหมงเองก็เอ่ยสวนขึ้นมาขณะที่ซบอกคนรักของเธออยู่ “พี่หลง ถ้าชีวิตพี่ตกอับล่ะก็ เหมงเหมงก็จะยังอยู่กับพี่นะ”


หลงเอ้อเทียนสูดให้ใจลึก นี่มันบทพระเอกชัดๆ ครุ่นคิดระหว่างความเป็นความตาย ฉัน และพ่อของเธอที่เอาชนะผ้าคลุมดำได้ โลกทั้งใบก็จะเป็นของฉัน! โลกที่งดงามที่ถูกแต่งเติมโดยหลงเอ้อเทียน! แต่…


“เหมงเหมง ไว้ใจฉันได้เลยนะ ถ้าเมื่อไหร่พี่หลงไปทำงานข้างนอกแล้วล่ะก็ จะกลับมารับเธออย่างแน่นอน” หลงเอ้อเทียนพูดอย่างห่วงใย


เหมงเหมงตอบกลับด้วยเสียงเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องหรอก พี่น่ะทำงานหนักอยู่แล้ว เหมงเหมงจะรอพี่อยู่ที่นี่”


“เหมงเหมง เธอมัน…คนดีที่หนึ่งเลย”


“พี่หลง พี่พกขวดยานี่ไป 1 แคปซูลต่อวัน หรือไม่ก็ตามแต่สถานการณ์ที่พี่ทนไม่ไหว”


“เหมงเหมง ชีวิตนี้มีแค่เธอเท่านั้น หลงเอ้อเทียนผู้นี้อยากจะขอบคุณพระเจ้า” น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา นี่ใช่ความสัมพันธ์นั้นหรือเปล่า? แม้จะเริ่มใหม่ครั้งต่อไป ชีวิตของหลงเอ้อเทียนเองก็คงจะขมขึ้นนิดหน่อย


“พี่หลง เหมงเหมงเป็นของพี่ทั้งชีวิตแล้วนะ”


“เหมง เหมง~” หลงเอ้อเทียนร้องไห้


หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลงเอ้อเทียนก็พูดด้วยความสุขุมว่า “เหมงเหมง ฉันต้องไปแล้วนะ“


“พี่หลง สัญญานะว่าพี่จะกลับมา!”


ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า หลงเอ้อเทียนเดินออกจากกระท่อมเล็กๆและรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย…


เมื่อเดินออกไปไกลแล้ว หลงเอ้อเทียนก็ตะโกนเสียงดัง “ออกมา! ฉันและพ่อของมังกรเทพของนายฝึกฝนถึงขั้น 2 แล้ว! มาดูกันว่าฉันจะแก้แค่นยังไงวันนี้! เจ้าบ้าเอ้ย! ฉันจะต้องใช้มันเพื่อหนี! ฉันถูกส่งไปยังสถานที่ที่นกยังไม่วางไข่เลย!”


“ทำให้ปราสาทฮาเร็มในฝันของฉันพังๆไปซะ และฉันจะไม่ชิงชังนาย!”


เพียงแค่หลงเอ้อเทียนตะโกน นักฆ่าแห่งผู้วางวายก็ปรากฏตัวขึ้น หลงเอ้อเทียนช็อคไปเลย ความอหังกาเมื่อครู่นั้นหายไปแล้ว และตอนนี้เขากำลังหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้


บ้าชิบ! มังกรสวรรค์ถูกหลอมไปที่ขั้น 2 แล้ว เขาเริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมาแล้วนะ


ค่อยๆออกมาจากต้นไม้ หลงเอ้อเทียนชี้ไปยังนักฆ่าแห่งความตายและตะโกน “อย่าทำตัวหยิ่งน่า! วันนี้จะมาไม้ไหนอีก! เล่นมันออกมาเลย เพียงแค่ทริคเดียวเท่านั้น ใครจะพ่ายแพ้เดี๋ยวได้รู้แน่!”


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ”


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “ไม่มีปัญหา”


หลงเอ้อเทียนยิ้มแห้งๆออกมา นัยน์ตาดุจพยัคฆ์จ้องมองไปยังนักฆ่าแห่งความตายและทันใดนั้น ความมั่นใจอันมหาศาลของเขาก็กลับมา นัยน์ตาคู่นั้นค่อยๆกลายเป็นสีทอง


“เข้ามาเลย!” หลงเอ้อเทียนตะโกนไปในอากาศ


นักฆ่าแห่งผู้วางวายถือมีดสั้นไว้ ก่อนจะหาทริคมาเล่น


ค่ำคืนนี้เหมือนจะเป็นใจให้หลงเอ้อเทียน เขาไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้เลย ดูท่าว่าเขาคงจะบรรลุมังกรสวรรค์ขั้นที่ 2 ได้แล้ว และเมื่อสังเกตุดีๆก็จะยังรู้สึกได้ว่ามีใครกำลังเคลื่อนไหวอยู่!


ความคิดในหัวนั้นค่อนข้างจะลำเอียง และผ้าไหมสีฟ้าก็ค่อยๆร่อนลงมาบนพื้นด้วย


หลงเอ้อเทียนรับรู้ถึงมัน และไม่ได้คิดจะหนีกลลวงใดๆของอีกฝ่ายเลย!


รอยโค้งมุมปากยกขึ้น มันใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและเมื่อนั้นฉันก็อ้าแขนแล้วหัวเราะออกมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หลงเอ้อเทียนผู้นี้ท้ายสุดก็หลบได้แล้ว ความอัปยศของวันนี้ ถูกชำระล้างหมดแล้ว! ฮ่าๆๆ!!”


หลงเอ้อเทียนตื่นเต้นไปหมด ในหัวใจของเขา นักฆ่าแห่งความตายนั้นกลายมาเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาตั้งแต่ต้นแล้ว มันไม่มีทางที่จะโต้ตอบเลย แต่ตอนนี้จะสามารถหนีออกจากทริคได้ ทำไมสถานการณ์เช่นนี้ถึงไม่มีความสูขและไม่ตื่นเต้นนะ


“ฉันเป็นตัวของตัวเองแล้ว ฉันคือ หลงเอ้อเทียน! จากนี้ไปอีก 1 เดือน อีกแค่ 1 เดือนเท่านั้นที่ฉันจะฝึกกับนาย ถ้าเสร็จแล้วก็บ๊ายบาย!”


หลังจากที่เขาเสร็จสิ้นกับตรงนี้แล้ว หลงเอ้อเทียนก็วิ่งออกไปทันที


บทที่ 134 หรือผ้าคลุมดำจะเป็นบอส!?


จะมีเหรอที่นักฆ่าแห่งความตายจะปล่อยให้เขาหนีไปเช่นนี้? ชัดเจนเลยว่าไม่!


ร่างของเขาพุ่งไปราวกับแสงฟ้าก่อนจะไปดักหน้าหลงเอ้อเทียนไว้


“นาย…นายจะทำอะไรอีก! ไหนบอกว่ามีทริคเดียวไง! จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้งั้นเหรอ!?” หลงเอ้อเทียนหมวดระแวง นี่เป็นการพยายามด้วยตนเองในรอบหลายปีเลยนะ เมื่อเกิดอาการแล้ว


นักฆ่าแห่งความตายยกนิ้วโป้งและนิ้วชี้ขึ้นเหมือนปืนก่อนจะจิ้มไปที่หน้าของหลงเอ้อเทียน


มองกลับไปยังกระดูกขาวราวกับหยกขาว หลงเอ้อเทียนนั้นกลัวที่จะถอยกลับไปเล็กน้อย เขารับรู้ได้ว่าความต้องการในการฆ่าของอีกฝ่ายนั้นราวกับไม่ใช่คนเลย!


เอาเงินมากกว่านี้!!


สมรรถภาพทางความคิดของเขา มันสั่งให้เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาแล้วพูดต่อ “อันที่จริง ฉันก็มีไม่มากซักเท่าไหร่ โครงเรื่องมันยังอยู่ในขั้นพัฒนา รู้ใช่มั้ยว่างานพวกนี้ถ้ายังไม่เสร็จจะไม่ได้เงินทั้งหมดน่ะ น่าจะมีซักพันนึงในบัตรแล้วก็เศษเงินสดนิดหน่อยล่ะมั้ง”


นักฆ่าแห่งความตายโฉบกระเป๋าเงินและหายตัววับไปในทันที ปล่อยให้หลงเอ้อเทียนยืนอึ้งอยู่เช่นนั้น


“ฉันยังไม่ได้บอกรหัสเลยนะ…” เขาบ่น


หลังจากที่เจรจาเสร็จสิ้น เขาก็รีบวิ่งกลับไปทันที


“พี่หลง? ทำไมถึงกลับมาล่ะ?” เมื่อเห็นหลงเอ้อเทียนวิ่งกลับมาด้วยรอยยิ้ม เหมงเหมงก็รู้สึกมีความสุข


หลงเอ้อเทียนจับไหล่ของเธอและพูดกับเธอด้วยความรัก “เหมงเหมง พี่ชายคนนี้ จะไม่ให้เธอไปไหน และตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”


เหมงเหมงตกตลึงไปเลย และเพียงไม่นานเธอก็น้ำตาไหลออกมา “พี่หลง พี่ดีกับเหมงเหมงมากจริงๆ”


คนอื่นน่ะ ช่างมันเถอะ ฉันจะไม่เล่นด้วยแล้ว แม้ว่าชีวิตหลังจากนี้ของหลงจะต้องตกระกำลำบากมากขึ้นก็ช่างมัน


หลังจากปาดน้ำตาแล้ว เหมงเหมงก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “พี่หลง ฉันจะติดตามพี่ตลอดไปเลย”


“โอเค งั้นใส่ซอสเพิ่มนะ”


“พี่หลงงง น่าเกลียด~~”


อีกฟากหนึ่ง นักฆ่าแห่งความตายทำภารกิจเสร็จสิ้น เขายื่นกระเป๋าเงินให้กับผู้เป็นนายอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยมือทั้งสอง


ผู้วิเศษแห่งความตายนั้นเก็บไปแค่เพียงไม่กี่ร้อยรวมถึงกระเป๋าเงินทั้งหมดด้วย “ข้าจะไปฝากเงิน ส่วนเจ้าก็ไปคอยจับตาดูหลงเอ้อเทียนต่อละกัน”


“ขอรับ!”


มองไปยังผู้เป็นนายที่ดูเหมือนจะไม่ยอมพูดถึงผู้หญิงที่พามาด้วย เพราะงั้นเขาจึงเปิดปากถามขึ้นมาเอง


“เจ้านาย สตรีผู้นี้คือ?”


ผู้วิเศษแห่งความตายมองไปยังฟ่างที่กำลังสลบสไลอยู่ ถ้ายึดตามเกมเมื่อครู่ที่พนันกัน เธอคนนี้คือทาสสาวส่วนตัวของเขา แต่การที่จะมีทาสเป็นสาวติดตามแบบนี้ ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งมากขึ้น เพราะเธอต้องกิน ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ เครื่องสำอางค์ ผ้าอนามัย…คิดๆดูแล้วไม่รู้ว่าใครจะเป็นทาสใครกันแน่


ลืมไปซะ อย่าแม้แต่จะคิด…


ปล่อยเธอไว้ที่นี่แหละ” พูดจบเขาก็ตรงไปยังตู้ ATM เพื่อฝากเงินทันที


นักฆ่าแห่งความตายมองไปยังร่างที่นอนอยู่นั้นก่อนจะหายวับไป


สตรีแห่งฟากใต้ ถูกยกย่องเป็นตัวแทนของเทพธิดาแห่งโลกอารยธรรม แต่…แต่ตอนนี้กำลังถูกเมินโดยไอ้กระดูกเส็งเคร็ง 2 ตัว….


เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว “เธอยากที่จะดูแล”


ผู้วิเศษแห่งความตายยอมไม่จับเธอเป็นทาสตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว


ฉันไม่รู้ว่าผ่านมาเท่าไหร่แล้วกว่าฉันจะฟื้นขึ้นมา


นัยน์ตาสวยมองไปรอบๆจากนั้นก็รีบวกกลับมาเช็คร่างกายของตนเองและพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีรอยแผล ไม่มีร่องรอยของอะไรแปลกๆ แต่กระนั้นเธอก็คิดถึงใบหน้าของเจ้ากระดูกขึ้นมา และทันใดนั้นเธอก็พบมัน! มือของเธอกำหมัดแน่นและปณิธานว่าจะต้องจัดการมันด้วยชีวิตทั้งหมดของเธอ!


ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ทางฝั่งจิวเย่ก็ออกมาจากโรงงานกลั่นไวน์แล้ว ในตอนนี้เขากำลังตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองหลงอัน และมุ่งตรงเข้าไปที่โซนวีดีโอเกมเลย


“จิวเย่ เจ้าของกำลังรอการมาของคุณอยู่เลย!” ชายที่พูดนั้นเป็นผู้จัดการของโซนนี้ และประโยคที่เขาพูดออกมาลึกๆแล้วเหมือนเป็นคำเตือนเสียมากกว่า


จิวเย่พูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ดีเหมือนการจราจรบนท้องถนนเลยแฮะ”


ชายคนนั้นดูจะดุร้ายอยู่หน่อยๆก่อนจะหันกลับไปเพื่อนำทางจิวเย่เข้าสู่โซนวีดีโอเกม


ฉันเห็นผู้ชายที่สวมชุดสีดำนั่งอยู่ด้านหน้าตู้เกมและกำลังเล่นมันอย่างเป็นจริงเป็นจังสุดๆ


“ฉันมันโง่…ฉันมันโง่…ฉันมันโง่…”


พวกเขาทั้งสองไม่กล้าที่จะยืนอยู่ใกล้ๆเลย


“โฮวากิ โฮวช่า อ๊ะ…”


อย่างไรก็ตาม ไม่มีไข่จะให้ใช้แล้ว หายไปหมดเลย


“จิวเย่น้อย มานี่แล้วเล่นกัน” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้หันมามอง


จิวเย่กลืนลมหายใจเข้าไปลึกๆก่อนจะเอ่ยต่อ “ใจกล้าหน่อย”


“นั่ง” เขาพูดและตบๆไปที่ม้านั่ง


จิวเย่รู้ได้ทันทีว่า เขาไม่ควรหลบอีกแล้ว การออกไปครั้งแรกนั้นคือความเคารพ แต่ครั้งที่สองนั้นจะนับว่าโง่มาก


นั่งลงไปข้างๆเขาคนนั้น จิวเย่ตัวสั่นไปด้วยความกลัว สถานการณ์เช่นนี้เหมือนกับตอนต้องไปยืนอยู่ตรงหน้าบอสที่เดอะเคลียร์เลย


ชายคนนั้นยัดเหรียญทองแดงเข้าไปและเลือก


“สถานการณ์คืนนี้เป็นยังไงบ้าง?” เขาถามผู้ที่เขาเลือกขึ้นมา


“เจ้านาย มันมีอุบัติเหตุนิดหน่อย”


มือหยาบกร้านตบบ่าของจิวเย่ “ไม่ต้องกระวนกระวาย ไม่ฆ่าหรอก”


จิวเย่คิดในใจว่าเจ้านี้ต้องกำลังเล่นตลกอะไรแน่ๆ


“คนพวกนั้นยังไม่ตายหรือ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น


จิวเย่คิด ทำไมคุณถึงยังควบคุมตัวละครข้างในได้ และพูดออกไปด้วยความจริงจัง “คลีนบอส ช่วยอย่าขยับไปไหน แต่ก็เคยไปพบผ้าคลุมดำของเสี่ยวยี่อยู่”


“ไม่มีอะไร ฉันหวังว่าจะเคลียร์มันได้ บอสเพิ่งจะให้ปืนมา” เขาถอนหายใจ


ชายที่หยุดพูดนั้นถามต่อ “เจ้าผ้าคลุมดำนั่นแข็งแกร่งขนาดไหน?”


“มาก”


“เปรียบเทียบกับบอสชิง”


“ถ้าไม่มากกว่าก็เสมอ” จิวเย่คิด จะไปรู้ได้ไงฟะ


ชายคนนั้นลุกขึ้นพร้อมกับหยิบบุหรี่มา ผู้จัดการคนเดิมก็เข้ามาจุดไฟให้ทันที “เสี่ยวเจี่ย ความสามารถด้านนี้ของแกช่างต่ำมากๆเลย”


“มันบัดซบมาก เจ้านายนั้นดีที่สุด” จิวเย่คุกเข่าลงไปกับพื้นทันทีและขอร้องถึงความเมตตา


“มาฟังกันดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นคืนนี้”


จิวเย่ตัดสินใจจะก้าวผ่านครั้งนี้ให้ได้


ชายหนุ่มฟังด้วยความเย้ยหยั่น ใบหน้าเย็นชาแสดงออกมาทันใด “ปล่อยลมมันพัดไป! เอาชื่อเสียงเรียงนามของผู้หญิงคนนี้มาให้ดูหน่อย! ถ้าหากไม่ใช่สตรีผอมเพรียวล่ะก็ นายคงจะต้องไปขอให้หน่วยอื่นแทรกแซงให้แล้วล่ะนะ!”


จิวเย่ควรจะไปขอหน่วยอื่นแทนหรือเปล่านะ


“การตรวจสอบชิงบาร์เป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามอีกครั้ง


จิวเย่ไม่กล้าที่จะใส่ใจกับสิ่งนั้น แต่ก็ตอบไปอย่างจริงจัง “จากปัจจุบันที่ปรากฏ ถ้าผ้าคลุมดำเป็นของชิงบาร์ นั่นหมายถึงเขาแข็งแกร่งที่สุด น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วก็เป็นวัยรุ่นเลือดร้อนที่เพิ่งโผล่มา แต่กระนั้นก็ไม่ควรประเมินไว้ต่ำไป สำหรับบอส มันคือปีศาจ ดูเหมือนว่าทักษะการอัญเชิญของเขาจะสร้างความหวาดกลัวให้กับโครงสร้างของสำนักเมฆาไม่น้อยเลยจากครั้งที่แล้ว”


“ฮึ่ม! การทำให้ผู้ดูแลสำนักเมฆาตัวน้อยมันยากยังไง มีอะไรอีกหรือเปล่า?” เขาถามย้ำ


“ฉันยังไม่เห็นเขาออกมาเลย เพราะงั้นมันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะประเมินพลังของเขา”


ชายหนุ่มนิ่งเงียบและคิดในใจ เคลียร์บอสนั้นดูเหมาะจะเป็นบอส หากแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็นับว่าอ่อนแอที่สุด เจ้าผ้าคลุมดำนั่นซ่อนตัวจากหูตาเขางั้นหรือ? ในความจริง หรือว่าเจ้าผ้าคลุมดำนั่นต่างหากที่เป็นบอสแห่งชิงบาร์


นี่มันน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด! ถ้าได้พลังของเทพบรรพกาลมา มันก็จะง่ายที่จะฆ่าผ้าคลุมดำ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันซับซ้อนและยากที่จะเห็นต่าง


แต่เดิมแล้วฉันกะจะใช้เย็นนี้ในการทดสอบความรู้ของบอสหน่อย ถ้าพวกชั้นสูงเพิ่งจะฆ่าคนเหล่านั้นไป ฉันก็จะร่วมสนุกไปกับผลประโยชน์นี้ด้วยแบบชาวประมง ไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะไป


ผิดแล้ว! เขาไม่ได้อยากจะไป แต่เพราะผ้าคลุมดำไม่ได้อยากให้เขาไปต่างหาก ในความมืด ผ้าคลุมดำนั้นคือบอส!


“จิวเย่น้อย จับตาดูผ้าคลุมดำนี่ไว้!” ชายคนเดิมตะโกนด้วยเสียงอันดังก้อง


“ครับ เจ้านาย!”


“ยานี่สำหรับนาย”


“ขอบคุณ ขอบคุณมากๆเลยเจ้านาย” จิวเย่ดีใจมากๆและรีบขอบคุณในทันที


“ไปแล้วทำงานนั้นซะ”


“ครับ!”


หลังจากที่จิวเย่ออกไป เขาก็พึมพัมกับกำปั้นของเขาก่อนจะพูดขึ้น ”เราเล่นเกมนี้กันมา 5 ปีแล้ว และเราจะแพ้ในช่วงเวลาสำคัญนี้ไม่ได้ ใครก็ตามที่อาจหาญมาขัดขวาง ฆ่ามันให้หมด!”


“นายท่านโชคดีราวกับสวรรค์โปรดเลย” ผู้จัดการรีบสรรเสริญโดยไว


อสูรร้ายนั้นถอนตัวไปกว่า 5 ปีแล้ว! เร็วๆนี้ โลกจะถูกแสดงให้เห็นถึงพลังของอสูรอีกครั้ง และพลังนั้นจะเป็นสิ่งที่ประจักษ์ต่อคนทั่วไป!


บทที่ 135 ฉันไว้ใจเธอได้!


หลังจากทำความสะอาดเสร็จ


ห้องด้านล่างนั้นดูสะอาดเอี่ยมพร้อมทั้งปิดเพื่อไม่ให้ใครเข้ามาเรียบร้อย ปกติแล้วเว่ยชางไม่ได้สวมชุดเกราะตลอดเวลา แต่ครั้งนี้เขาติดตัวไว้ด้วย


“ลุงเว่ย~” ถังเว่ยวิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่สดใสสุดๆและควงแขนของเว่ยชางไว้


“ลุงเว่ยกำลังจะไปเดทเพราะงั้นที่นี่ปล่อยไว้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง”


“ใช่แล้ว ลุงเว่ยต้องไปปกป้องดอกไม้ประจำร้านนี้”


เสมียนประจำร้านตะโกนขึ้นมา


เว่ยชางลูบหัวถังเว่ยเบาๆและเอ่ยขึ้น “ไปกันเถอะ”


“เย้~” ถังเว่ยเอียงหัวซบไปที่ไหล่ของเว่ยชางใกล้กับหัวใจของเขา มันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอและเขาจะไม่แยกจากกันอีก ตัวเธอเองก็แค่อยากจะเหนื่อยไปทั้งวันกับลุงเว่ยเฉยๆ


เว่ยชางนั้นกำลังจะได้เหนื่อยในขณะที่เย่ฮั่วนั้นกำลังหงุดหงิดสุดๆ !


เย่ฮั่วนั่งลงไปบนโซฟาของออฟฟิศ ห้องทั้งห้องประดุจไฟป่าออสเตรเลีย ควันบุหรี่คลุ้งไปหมด และที่เขี่ยบุหรี่เองก็เต็มไปด้วยก้นบุหรี่อีกหลายชีวิต


มองไปยังนาฬิกา นี่มันก็เที่ยงแล้ว!


แต่กระนั้นยัยผู้หญิงนั่นก็ยังคงทำตัวงอนอยู่!


ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะไม่แม้กระทั่งเข้ามาตะโกนเรียกด้วย นี่เธอกล้าหลับโดยที่ไม่มีแผงอกอันงดงามของฉันงั้นเหรอ?


นาฬิกายังเดินเรื่อยๆ และเย่ฮั่วก็ยังสูบบุหรี่เหมือนกินควันเป็นอาหารอย่างไม่หยุดยั้ง


ท้ายสุดแล้วฉันก็นั่งต่ออีกนิดหน่อย


ได้! ไม่มาใช่มั้ย! ได้เลยชิงหยา! เธอจะกล้าหาญมากเกินไปซะแล้ว! ฉันจะกลับไปนอนในห้องบ้าง!


ขั้นแรกเลย ไปหาผ้าห่มก่อน


เย่ฮั่วลุกขึ้นและเปิดประตูออฟฟิศ ควันบุหรี่ที่อัดแน่นอยู่นั้นต่างฟุ้งออกราวกับพนักงานดับเพลิงมาฉีดไล่


ณ ที่หน้าประตูห้องนอน เย่ฮั่วพร้อมที่จะเปิดและพุ่งเข้าไปแล้ว แต่ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่าประตูนั้นล็อค มัน…ล็อคจากข้างใน!


โฮ่ะ โฮ่ นี่เธอคิดจะต่อต้านผืนฟ้าท้าทายสวรรค์งั้นเหรอ ถึงกับต้องขับไล่เทวทูตออกไปนี่เป็นภรรยาแบบไหนกัน!


อยากจะยกเท้าถีบประตูแต่ก็ยังเกรงใจ เมื่อแอบมองเข้าไปในห้องนั้นก็พบว่าชิงหยากำลังกอดตุ๊กตาตัวใหญ่อยู่ ใบหน้าสวยนั้นหลับปุ๋ยพร้อมรอยยิ้ม


นี่หล่อนหลับปุ๋ยพร้อมรอยยิ้มขณะที่ปล่อยให้เทวทูตนอนไม่หลับงั้นเหรอ!!


ถ้าฉันไม่ได้นอน เธอก็ไม่ได้นอน!


เย่ฮั่วเคาะประตูห้องจากนั้นก็กลับไปยังออฟฟิศ


ชิงหยาที่กำลังหลับสบายค่อยๆลืมตาตื่นและลุกออกจากเตียงอย่างงัวเงีย ใครจะไปรู้ว่าด้านนอกนั้นไม่มีใครอยู่


“คงจะเป็นผู้ฝึกตนหรือไม่ก็เด็กเล็กๆมั้ง… ฮ้าว~” ชิงหยาปิดประตูแล้วกลับไปนอนตามเดิม


ถ้านายเก่งมากนักก็นอนที่ออฟฟิศไปสิ


เย่ฮั่วหายใจฟึดฟัดอยู่ในออฟฟิศ หวังว่าวันหนึ่งเธอจะเป็นฝ่ายถามผู้สูงส่งอย่างเขาเองว่าจะกลับไปนอนเตียงไหม เมื่อนั้นล่ะก็ จะลงโทษให้เข็ดเลย! ช่างเป็นผู้หญิงที่หยิ่งยโสอะไรขนาดนี้!


เย่ฮั่วตัดสินใจจะไม่นอนเย็นนี้ และจะทำการใหญ่เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง!


เปิดทีวีและดูพี่น้องน้ำเต้าช่วยคุณปู่ เป็นอะไรที่ดูแล้วมีความสุขดีจริงๆ เจ้าหมาป่าสีเทานั่นก็ดูอึดอัดจัง ถ้าโลกใบนี้ต้องการให้เทวทูตจัดการหมาป่าสีแดงด้วยการตบ 2 ที เราก็จะได้เฉิดฉายในแบบที่ควรเป็นแน่ๆ


เมื่อการตัดสินใจถูกเลือกแล้ว เย่ฮั่วก็เตรียมพริกไทยดำ ถั่วเผ็ด สไปรท์ ควัน ไวน์ แล้วก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป


เจ๋ง!


เวลานั้นเดินผ่านไปอย่างช้าๆ ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มสาดแสงสีขาวเอง และเมื่อประตูเปิด จิตวิญญาณของเย่ฮั่วก็กลับเข้าร่างในทันที แต่กระนั้นตาก็ยังอยู่กับทีวีอยู่


โดยปกติแล้วน้องสะใภ้เขาค่อนข้างจะขี้เกียจ บางครั้งแล้วเที่ยงก็ยังไม่ตื่น เพราะงั้นนี่น่ะ เป็นชิงหยาแน่ๆ!


เย่ฮั่วได้ยิงเสียงของชิงหยาเดินลงบันได เขาออกไปยืนที่หน้าต่างและมองออกไปยังระเบียง


ชัวร์เลยว่าชิงหยาต้องกำลังไปซื้อข้าวเช้าแน่ๆ ดวงตาของเย่ฮั่วเป็นประกายเมื่อได้เห็นเช่นนั้น


เขากลับเข้าไปยังห้องนอน แล้วก็มองไปยังไอ้สิ่งที่มาแทนที่เขา จากนั้นก็เผามันด้วยความโกรธเกรี้ยว!


หยิบตุ๊กตาตัวใหญ่ขึ้นมาจากบนเตียง ฉีกมันอย่างรุนแรงจากนั้นก็โยนมันไปเหนือหัว


“ในวันต่อไป!”


“แกหมดประโยชน์แล้ว!”


“แกมันปีศาจ!”


“แสงสุริยันจะแผดเผาผืนนภา!”


“พระศาสดาจะลุกไหม้!”


มองจากนอกหน้าต่าง ห้องนอนนั้นมีแสงแว้บๆเหหมือนเปิดผับอย่างไรอย่างนั้นเลย


เย่ฮั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอกและบ่นพึมพัม “แกมันก็แค่ตัวแทนของฉัน” จากนั้นเขาจึงเปิดประตูแล้วเดินออกไป


ตุ๊กตาเพิ่งจะถูกเผาไปนั้นไม่เหลือซากอะไรทั้งสิ้น ไม่เหลือแม้กระทั่งเปลวไฟที่เผาไหม้มัน


ตุ๊กตา : อิหยังนิ นี่แค้นกันมาแต่ชาติปางไหนป่ะเนี่ย?


กลับไปยังออฟฟิศ เย่ฮั่วยืนอยู่ที่หน้าต่างและคอยสังเกตุการณ์การเคลื่อนไหวของชิงหยาตลอด และหลังจากนั้นกว่า 10 นาที เธอก็กลับมาพร้อมอาหารเช้า


เย่ฮั่วดับบุหรี่และรอให้ชิงหยาเดินขึ้นบันไดมา


ฟังเสียงฝีเท้าที่คุ้นหู เย่ฮั่วขมวดคิ้วและสูดหายใจลึก แต่เสียงนั้นกลับหยุดอยู่ที่หน้าประตู


เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ร่างกายของเย่ฮั่วหายวับและไปโผล่ที่โซฟา ขณะที่ผ้าห่มเองก็ตกอยู่บนพื้นห้องตอนประตูเปิด


ชิงหยาเปิดประตูเข้ามาและขมวดคิ้วกับสภาพที่เห็น มันเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่และบะหมี่ เธอมองไปยังชายที่อยู่บนโซฟาและถอนหายใจออกมา


เสียงฝีเท้าก้าวเบาเดินเข้าไปหยิบผ้าห่มจากพื้นและค่อยๆบรรจงห่มให้เขา ก่อนจะวางอาหารเช้าบนโต๊ะกาแฟ เปิดหน้าต่างให้มีอากาศหายใจบ้าง และเมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วจึงออกจากออฟฟิศไป


เมื่อประตูปิด เย่ฮั่วก็ค่อยๆแอบลืมตามา เขามองไปยังผ้าห่มบนตัวเขาเฉกเช่นที่มองแพนเค้กผลไม้บนโต๊ะกาแฟ เขาค่อยๆหายใจ “ฉันไว้ใจเธอได้สินะ”


หยิบแพนเค้กผลไม้ขึ้นมาและมองไปที่ไส้ เหมือนว่ามันจะโดนเพิ่มไข่และแฮมเข้ามาไว้แล้ว


เมื่อกัดลงไป รับรู้ได้ว่ามันมีกลิ่นหอมรุนแรงกว่าที่ซื้อเองอยู่นิดหน่อย


กลับเข้าไปยังห้องนอน ชิงหยาหยุดกึก นั่นเพราะว่าตุ๊กตาที่อยู่บนเตียงนั้นหายไป ก่อนหน้านี้เพียงแค่ 10 นาทีมันยังอยู่ เป็นไปได้เหรอว่าจะหายไปเองแบบอัตโนมัติ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากหมอนั่นจะเข้ามาในนี้ เจ้าคนเห็นแก่ตัว!


คิดว่าทำลายตุ๊กตาฉันไปแล้ว ฉันจะไปอ้อนวอนให้นายกลับมานอนด้วยงั้นสินะ? ฝันไปเถอะ คิดเหรอว่าไม่เคยเผื่อว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นเอาไว้น่ะ?


เปิดตู้เสื้อผ้าออกและในนั้นยังมีตุ๊กตาตัวใหญ่อีก 3 ตัวที่ถูกกองผ้าทับไว้


“เย่ฮั่ว~ ดูเหมือนนายจะนอนที่ออฟฟิศมาหลายวันแล้วสินะ”


เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วชิงหยาก็ยิ้มและหัวเราะออกมาบนเตียง เย่ฮั่วนั้นก็มีมุมน่ารักๆเหมือนกันนะ ถึงจะเป็นพวกขี้หวง แต่ถ้าเธอกลับมาพอดิบพอดีกับตอนที่เขากำลังทำลายตุ๊กตาของเธอ อยากรู้จังว่าจะทำสีหน้าแบบไหนออกมา


นี่มันก็จะเที่ยงแล้ว เย่ฮั่วออกจากห้องไปยังห้องนอนโดยไม่ระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยถามชิงหยาที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง “เที่ยงแล้วจะกินอะไร?”


“อะไรก็ได้” ชิงหยาตอบกลับด้วยเสียงเอื่อยเฉื่อย


มองไปยังท่าทางของเธอ มันดูน่าสูบฉีดเสียจริง สมรรถณตอนเช้าเช่นนี้ไม่เลวร้ายซะทีเดียว แต่ไว้เย็นๆดีกว่า


“ฉันเตรียมเนื้อไว้ เหมือนกับเมื่อตอนนั้น” เย่ฮั่วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าของเขามองไปที่อื่นราวกับไม่ได้แคร์อะไร


ชิงหยาช่วยอะไรไม่ได้แต่ก็เผลอหลุดหัวเราะดังออกมา ชายคนนี้บางครั้งเขาก็ดูตื่นกับตัวเอง บางครั้งก็ดูเงียบสงบ ดูตอนนี้สิ กลายเป็นพวกที่ไม่แคร์อะไรไปแล้ว


“ดี” ชิงหยาตอบเสียงอ่อน


เย่ฮั่วมองไปยังแพนเค้กผลไม้ที่เป็นมื้อเช้าของเขา ไม่งั้นล่ะก็คงไม่ยอมทำให้กินหรอก


“ชิงยูตง! ถ้าไม่ออกมาจะไม่มีข้าวกินนะ!” เย่ฮั่วตะโกนอยู่หน้าประตูห้องของน้องสะใภ้


เธอไม่ยอมออกมาแต่ก็ส่งเสียงตอบแบบนุ่มนวล “ไม่ต้องมาเรียกหนูตอนจะกิน ปล่อยหนูไว้แบบนี้”


“กลางวันนี้มีเนื้อ” เย่ฮั่วพูดเสริม


ภายในห้องนั้นเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมขึ้นทันใด และประตูก็เปิดแทบจะทันทีด้วย อีกฟากนึงนั้นพบชิงยูตงที่ดูจะตื่นเต้นสุดๆ “พี่เขย จริงเหรอ!?”


เย่ฮั่วยักคิ้ว


ชิงยูตงดีใจราวกับเป็นหมีโคอาล่าก่อนจะกระโดดเกาะเย่ฮั่วไว้


“ออกไป!”


“งุ่มมมมมมมม”


“ฉันคันก้น!”


ชิงยูตงรีบปล่อยทันที “พี่เขย อยากให้หนูช่วยอะไรมั้ย? หนูล้างผักเก่งนะ!”


“ให้ว่องเลย!”


“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้น่า~”


ในตอนกลางวันนั้นเอง เย่ฮั่วก็จัดเตรียมงานเลี้ยงร้างที่ดีที่สุด ชิงหยานั้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูเอื่อยเฉื่อย ง่วงเพลียและหัวใจของฉันกำลังเบ่งบาน


ชิงยูตงนั้นไม่ได้เรื่องมาก ตราบใดที่ตรงหน้าเป็นเนื้อสดพร้อมกับใครจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเธอแล้ว เนื้อนี่มันอร่อยสุดๆ ทั้งนุ่มแล้วก็ฉ่ำไปหมด


บทที่ 136 เตนท์ 3 หลังก็เพียงพอ


ในแววตาของเขา เย่ฮั่วรอให้ชิงหยาตะโกนเหมือนเมื่อวาน วันนี้เธอไม่มีตุ๊กตาแล้ว ดูซิว่าจะนอนยังไง!


เขารอจนกระทั่งตี 1 เย่ฮั่วตัดสินใจที่จะไปแอบดูที่ห้องนอนว่าเป็นอย่างไรบ้าง


ขณะที่ยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าของเขาก็มืดสนิท…ตุ๊กตานั่น…มายังไงฟะ? ไม่ใช่ว่าเผาไปแล้วเหรอ? วันนี้ชิงหยาก็ไม่ได้ออกจากห้องมาอีกแล้ว แถมไม่ส่งผู้ส่งสารมาด้วย ไม่คิดจะบอกกล่าวอะไรกันหน่อยเรอะ!!!


ไม่สนแล้วโว้ย!!


แม่ผู้สูงส่งคนนี้ ในเมื่อเธอกล้าที่จะหลับ ฉันจะทำลายเช้าที่สดในของเธอเอง!


เย่ฮั่วตัดสินใจที่จะรอจนข้ามคืน รอให้ชิงหยาตื่นและไปซื้ออาหารเช้าเหมือนกับเมื่อวาน แต่วันนี้มันต่างไปนิดหน่อย ร่างที่ท้วมๆนั้นขยับไม่ค่อยสะดวกเลย


“เยียวยาจิตใจ”


ฉันร่ายมนต์ให้ตัวเองและนั่นทำให้ฉันกลับมากระปี้กระเป่าได้ ตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วว่าจะจัดการมันด้วยกำปั้น!


ค่ำคืืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า เย่ฮั่วที่รอให้ชิงหยาออกไปซื้ออาหารเช้ายืนอยู่ที่หน้าต่างและมองชิงหยาออกไป และทันใดนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในห้องทันที


ใช่ว่าเย่ฮั่วเองจะแผนสูง ชิงหยาเองก็แผนสูงเช่นกัน เธอทำเหมือนจะออกไปซื้อข้าวเช้าหากแต่พอคิดว่าเย่ฮั่วน่าจะกลับไปที่ห้องนอนแล้ว เธอก็ย่องกลับมายังบาร์เลย ฝีเท้าก้าวเบาหวังจะจับให้ได้คาหนังคาเขาเพื่อดูปฏิกริยา วันนี้แหละ ต้องจับให้ได้!


เย่ฮั่วเข้าไปในห้องนอนและมองไปบนเตียง ตุ๊กตาตัวใหญ่ตกเป็นเป้าหมายอีกครั้ง


“เพลิงแห่งอรุณรุ่ง x2!”


“้เพลิงคลั่ง x2!!”


“วิญญาณร้ายจงดับสิ้นx2!!!”


“เพลิงกัลป์แห่งวันสิ้นโลก x2!!!!”


“เพลิงแห่งองค์พระศาสดาx2 !!!!!”


ตุ๊กตาทำได้เพียงตะโกนก้องในใจ “แล้วจะ x2 หาสวรรค์วิมาณอะไรฟะ! x1 ก็เป็นผงธุลีหมดแล้วโว้ย!!”


เสียงฝีเท้าก้าวขึ้นมาใกล้ ร่างของเย่ฮั่วก็ค่อยๆจางหายไปในขณะที่ชิงหยาเปิดประตูเข้ามา


เธอมองหาตุ๊กตาที่อยู่บนเตียงก็พบว่ามันหายไปแล้ว ชิงหยายิ้มก่อนจะพูดขึ้น “เปรี้ยวเหลือเกินนะพ่อคุณ ได้เลย เดี๋ยวจะโดนดี”


อย่างไรก็ตาม เย่ฮั่วนั่นเริ่มอ่านเกมออก เขารู้ว่าชิงหยาต้องซื้อตุ๊กตาบ้านี่ไว้หลายตัวแน่ๆ เพราะงั้นเขาจึงวิ่งแบบเงียบๆเข้าไปในห้องนอนตอนกลางวัน และนั่นก็ทำให้พบว่าในตู้เสื้อผ้ายังมีอีกตัวหนึ่งซ่อนอยู่ เจ้าตุ๊กตาตัวร้ายที่ซ่อนอยู่ในตู้เพื่อรอจะได้นอนกับหญิงสาว!


“เพลิงแห่งอรุณรุ่ง x10!”


“้เพลิงคลั่ง x10!!”


“วิญญาณร้ายจงดับสิ้น x10!!!”


“เพลิงกัลป์แห่งวันสิ้นโลก x10!!!!”


“เพลิงแห่งองค์พระศาสดา x10 !!!!!”


ตุ๊กตา : ….


แต่ถึงกระนั้น เมื่อยามเย็นมาถึง ชิงหยาก็ยังไม่ไปอ้อนวอนเขาเสียที เย่ฮั่วนั้นเริ่มจะเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายแล้ว ในตอนนี้เขาอยากจะเผาตุ๊กตาให้หมดทั้งโลกเลย


แต่เมื่อเขาเข้าไปยังห้องนอน ก็พบว่าไม่ใช่แค่ชิงหยาที่นอนอยู่ในนั้น ไม่!!!


เธอกำลังนอนกอดน้องสาวของเธออยู่! เกือบจะได้เผาน้องสะใภ้แทนตุ๊กตาแล้วมั้ยล่ะ!


ฉันไม่สามารถทำอะไรได้แน่ๆแบบนี้ ชิงหยา ฉันไม่ยอมหรอก!!


กลับไปที่ออฟฟิศ เย่ฮ่วเรียกเว่ยชางและเลี่ยกูให้เข้ามา


“ท่านผู้สูงส่ง!”


“ท่านผู้สูงส่ง!”


เย่ฮั่วนั่งลงไปบนโซฟาและหยิบบุหรี่มาจุดสูบ “ไปข้างนอกกับฉันซะ!”


เว่ยชางและเลี่ยกูเหลือบมองกันในทันใดก่อนจะพูด “รับบัญชาท่านผู้สูงส่ง”


“พวกนายสองคนไปเตรียมการเรื่องนี้”


เว่ยชางรู้ว่างานนี้น่าจะต้องให้ตัวเขาทำเอง เพราะงั้นจึงพูดด้วยเสียงอันเบาดุจกระซิบ “นายท่าน เราจะไปไหนกัน ข้าจะได้จองโรงแรม”


“ใครบอกนายว่าเราจะไปพักในโรงแรม? เราจะไปตั้งแคมป์กัน! เพราะงั้นไปหาเต๊นท์ซะ!” เย่ฮั่วตะโกนด้วยเสียงอันดัง นั่นทำให้ทั้งสองสมองกลับตาลปัตรนึกย้อนไปในอดีต ถ้าเกิดพักในโรงแรม ที่นั่นจะมีห้องเยอะ และนั่นทำให้เขาไม่ได้นอนกับชิงหยา


เลี่ยกูรู้สึกละอายใจมากๆ เหมือนนอนไปบนปากกระบอกปืนโดยที่ไม่สามารถพูดอะไรได้


“ข้าเข้าใจที่ท่านจะสื่อแล้วนายท่าน”


“เว่ยชางนั้นโง่เง่า ข้าขออภัยสำหรับสิ่งที่เกิดเมื่อครู่ด้วย”


“อะไรล่ะนั่น?”


เว่ยชางกลืนน้ำลายก่อนจะพูด “ท่านผู้สูงส่ง เด็กดีแถวๆนี้เพิ่งจะมีแฟน และค่าใช้จ่ายของแฟนสาวเขานั้นเรียกได้ว่ามากขึ้นๆเรื่อยเลย และตอนนี้ก็เหมือนจอบที่ขุดหลุมให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเพื่อฝังตัวเองไม่มีผิด”


เลี่ยกูเหมือนโดนดูถูก สองสิ่งนั้นไม่เห็นจะเหมือนกันตรงไหน ราวกับราชา หญิงสาวระดับ 3 ดาวนี้กำลังเติบโต ช่างเป็นวันที่งดงามอะไรเช่นนี้ ดังนั้นบอกไปเลยว่าเขาหาผู้หญิงเพื่อเงิน จากนั้นก็จะใช้ชีวิตเยี่ยงคุณหนู ชู่ ตัน


มองไปยังท่านผู้สูงส่งที่กำลังมองหาเงิน ในสถานการณ์ที่กุ้งยังเริ่มต้นที่ราคา 10 ปอนด์ แกกล้าดียังไงถึงทำตัวฟุ่มเฟื่อยเช่นนี้! มองกลับไปยังเว่ยชาง เลี่ยกูถอนหายใจ


“จริงเหรอเลี่ยกู?” เย่ฮั่วพูดด้วยเสียงเยือกเย็น


ใบหน้าของเลี่ยกูเหมือนถูกทุบในทันทีก่อนจะพูด “ท่านผู้สูงส่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านช่างยากจน…”


ฟังที่เลี่ยกูพูด เย่ฮั่วและเว่ยชางต่างช่วยไม่ได้แต่ก็คิดตาม ทุกๆครั้งที่ต้องการให้เลี่ยกูจ่ายอะไรให้ เขาก็มักจะถามแบบนี้ แต่เพราะว่าเลี่ยกูมีเงินกองทับถมเป็นภูเขาหรอกถึงได้ขอ และก็เพราะแบบนั้นแหละพอได้ยินว่า ‘เขาช่างยากจน’ แล้วมันน่านัก!


รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบนตัวท่านผู้สูงส่ง เลี่ยกูก็รีบเปลี่ยนคำพูด “ต-แต่ข้าว่ามันก็น่าจะยังมีนิดหน่อยแหละครับ…”


“เว่ยชาง ติดตามการใช้เงินของเจ้าหมานี่ไว้ในอนาคต นี่ไม่ใช่วันที่จะมาสะสาง มันมีอย่างอื่นที่จะต้องทำอีก” เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แยแส


เว่ยจางเอ่ยถาม “แล้วท่านหญิงล่ะครับ?”


เมื่อบทสนทนาวกกลับมาเรื่องชิงหยา เย่ฮั่วก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย เขาตะโกนเบาๆ “ข้าไม่อยากใช้เงินของนั่งเบ๊อะนั่นหรอก! หึ! ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดด้วยสมองตัวเองไม่ได้ ฮะ!”


“เขาโง่…”


“ใช่แล้ว เขาโง่…”


เย่ฮั่วชะงักก่อนจะย้ำเตือน “พวกนายมีคนที่จะเอาไปด้วยพรุ่งนี้หรือเปล่า?”


“ด้วยความกรุณา จะพาถังน้อยไปด้วยครับ”


“สาวสามดาวที่มักจะมีคนรออยู่ด้านนอกครับ”


เว่ยชางมองเลี่ยกูอย่างไม่น่าเชื่อ นี่ต้องเป็นงานหนักแน่ๆ ไม่เลว!


“ถังน้อยเป็นเด็กเสิร์ฟ เธอน่าจะทำมันได้” เว่ยชางเอ่ยเสริม


เย่ฮั่วพยักหน้า “มีหวานใจกันก็ดีแล้ว เว่ยชาง นายต้องจำเอาไว้ ไม่ต้องซื้อเต้นท์เพิ่ม แค่ 3 ก็พอแล้ว!”


เว่ยชางเซอร์ไพรส์สุดๆ 3 หลังเหรอ!?


ท่านผู้สูงส่งและท่านหญิงอยู่เต้นท์เดียวกันแน่ๆ เล่ยกูกับดาราสาวนั่น แล้วก็เขาและถังน้อย…


ช่างเป็นนายท่านที่ฉลาดเสียนี่กะไร! คิดเผื่อลูกน้องเช่นนี้ด้วย อยากจะร้องไห้เสียจริง…


“ตามบัญชา ท่านผู้สูงส่ง” เว่ยชางตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในน้ำเสียงนั้นมีอาการสั่นเบาๆอยู่


เย่ฮั่วโบกมือ “กลับไปได้แล้ว”


“ครับ!”


“ครับ!”


เมื่อผู้ติดตามทั้งสองออกไปแล้ว เย่ฮั่วก็ทิ้งตัวลงไปบนโซฟาและห่มคลุมร่างด้วยผ้าห่ม…ทำไมถึงรู้สึกไม่ดีเลยนะ


รอก่อนเถอะ ชิงหยา!


สำหรับชิงยูตงแล้ว เย่ฮั่วตัดสินใจจะไม่เอาไปด้วย เพราะถ้าไปด้วยกัน ชิงหยาก็ต้องนอนกับชิงยูตงอยู่แล้ว แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจะเสียเวลาวางแผนทำไมกัน?


ฉันต้องทำให้ชิงยูตงไม่มาขัดขวางแผนการณ์นี้เสียก่อน เนื้อเท่านั้นคือทางออก…ยัยนั้นจะต้องสัญญาอย่างเหี้ยนกระหายเป็นแน่ ล่อนางออกมาด้วยเนื้อและปล่อยนางกินขณะตั้งข้อสัญญากัน


เมื่อกินมื้อเย็นด้วยกัน ชิงยูตงพูดขณะที่ส่งสายตามาที่เขาด้วย “เอ้อ พี่จ๋า พรุ่งนี้ฉันไม่ได้ด้วยนะ ปวดหัวนิดหน่อย”


“เป็นอะไรไปน่ะ?” ชิงหยาถาม


“คงจะเป็นหวัดแหละ”


“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเล่นเกมเยอะ ไม่ยอมฟังกันเลย!” เมื่อคุณคิดจะคุยกับชิงหยา ก็อย่าลืมพกยาไว้ด้วยละกัน อันที่จริงก็ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก


ชิงยูตงส่งไม้ต่อให้เย่ฮั่วด้วยนัยน์ตาเปล่งประกาย เย่หัวเองก็แค่พยักหน้ารับเบาๆ แสดงออกให้เห็นว่าไม่เลว นี่ไม่ได้จะปิดบังอะไรเลยนะ


ถ้าเธอไม่ได้ป่วยจริงและต้องกินยา มันคงยากแน่ๆสำหรับชิงยูตง


“พี่ไว้ใจฉันได้เลย ฉันจะเฝ้าบ้านเอง!” ชิงยูคงพูดด้วยน้ำเสียงบอบบาง เหมือนกำลังจะตาย


เย่ฮั่วเองก็คิดว่ามันเกินไปนิดหน่อย…


แน่นอนว่าชิงหยามองไปยังน้องสาวของเธอและพูดขึ้นต่อ “งั้นพี่ก็อยู่บ้านด้วย จะได้ดูแลเราได้”


หัวใจของเย่ฮั่วไหลลงไปเป็นสายน้ำ


ชิงยูตงคิดไว้แล้วว่าพี่ต้องพูดแบบนี้


เสียงของเธอเปลี่ยนไปนิดหน่อยก่อนจะพูดเสริม “พี่จ๋า ถ้าได้พักผ่อนเพียงพอก็จะเริ่มงานวิทยุกระจายเสียงในอาทิตย์ถัดไปแล้ว ขอให้น้องได้ฝึกเถอะ”


ชิงหยาไม่ได้แตะหน้าผากของน้องสาวเธอเพื่อตรวจดูว่าป่วยจริงหรือเปล่า


“งั้นดูสถานการณ์พรุ่งนี้เช้าอีกทีละกัน”


ถึงแม้ว่าเธอจะร่วมมือกับพี่เขยเพื่อจะหลอกล่อพี่สาวให้ไปตามแผนก็เถอะ แต่นัยน์ตาของผู้เป็นพี่สาวนั้นก็ทำให้ชิงยูตงรู้สึกอุ่นใจจริงๆ


ฉันมองชิงยูตงกอดชิงหยาและพูดด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “พี่จ๋า พี่นั้นแสนดีจริงๆ”


ชิงหยาหัวเราะและลูบไปที่ผมของน้องสาวที่รักก่อนจะมองเย่ฮั่วผู้ที่กินเงียบๆมาตลอด เธอค้นพบว่าตั้งแต่เย่ฮั่วโผล่เข้ามาในชีวิต ความสัมพันธ์ของเธอและน้องสาวก็เพิ่มมากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน


“ไปพักผ่อนเถอะ” เย่ฮั่วพูดแบบไม่แยแสก่อนจะเดินกลับไปที่ออฟฟิศ


ชิงหยาหายใจช้าๆ


ชิงยูตงเองก็ถอนหายใจแบบโล่งอก ชัดเจนเลยว่าสองคนนี้มีความคิดที่สุดติ่งกันจริงๆ แต่กระนั้นก็ไม่ยอมปล่อยให้ใครจากไปเสียที ทำไมทำตัวน่าหงุดหงิดขนาดนี้นะ?


เย่ฮั่วนอนลงไปบนโซฟาด้วยอารมณ์ที่ดีหลังจากได้เห็นท่าทีของชิงหยาที่เหมือนจะยอมแพ้นั้น จากนั้นเดี๋ยวชิงหยาก็ต้องเข้ามาอ้อนวอนเขาด้วยสารพัดวิธีด้วย เพียงแค่คิดก็อดขำไม่ได้แล้ว


ตุ่ง ตุง ตุ้ง


“เข้ามา”


ฉันเห็นเว่ยชางเข้ามาด้วยท่าทีแปลกๆ


“เกิดอะไรขึ้น?”


“ท่านผู้สูงสุด มีผู้หญิงอยู่ที่ด้านล่าง กำลังรอท่านอยู่ครับ รอมาจะคืนนึงแล้ว”


บทที่ 137 มันพรากความบริสุทธิ์ของฉันไป


เย่ฮั่วนึกคิดด้วยความหนักแน่น “ผู้หญิงกำลังรอฉันอยู่?”


“ใช่แล้วครับ อารมณ์ของเธอไม่ค่อยแน่นอนด้วย” เว่ยชางเองก็อยู่ในอาการสับสน ท่านผู้สูงส่งไปทำอะไรไว้ด้านนอกหรือไง? ถ้าเขารู้จักคนๆนี้ล่ะก็ได้…ใช่ เขาต้องรู้จัก ควรจะเป็นแบบนั้น


เย่ฮั่วหายใจช้าๆ ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย “จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง? เรื่องนี้จำเป็นต้องถึงมือฉันด้วยเหรอ?”


“นี่มันต่างออกไปน่ะครับ” เว่ยชางกระซิบกระซาบ


“ต่างยังไง?” เย่ฮั่วถามด้วยเสียงขรึม


เว่ยชางพูดอย่างจริงจัง “ท่านผู้สูงส่ง ท่านควรจะไปตรวจสอบด้วยตนเอง”


เย่ฮั่วถอนหายใจอย่างผ่อนคลายและเหลือบมองไปยังเว่ยชาง “สิ่งเล็กที่ไม่สามารถจัดการให้เสร็จสรรพได้ นี่ไม่ได้กำลังจะพูดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆหรือเรื่องโง่ๆใช่ไหม?”


เว่ยชางไม่กล้าที่จะพูดอะไรทั้งนั้น มันไม่ใช่เรื่องรักๆใคร่ๆ แต่นี่เป็นปัญหาของท่านเลย ท่านผู้สูงส่ง


เย่ฮั่วลงบันไดไป มันไม่มีใครอยู่ ณ บาร์ด้านล่างแล้ว รวมถึงพนักงานด้วย มีเพียงเงาหนึ่งๆที่นั่งอยู่ ผมยาวสีดำนั้นงามสลวยแม้ในความมืด เพียงแค่ได้เห็นด้านหลังเย่ฮั่วก็ให้คะแนนเต็มสิบแล้ว แต่สาวคนนั้นกลับถือดาบยาวที่มือขวาซะนี่


เธอดื่มไวน์เป็นปริมาณมาก ดูท่าเนี่ยแหละปัญหา


ถ้าหากเป็นเย่ฮั่วคนเก่า เขาคงจะจัดการหิ้วเธอขึ้นไปแล้วก็รื่นเริ่งกับคืนแสนสุขไปแล้ว


เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่ฮั่วก็นึกถึงเหตุการณ์เก่าๆขึ้นมา เพราะดูแล้วเธอเองก็อยู่ในสภาพนั้นด้วย


เย่ฮั่วส่งสัญญาณก่อนที่เว่ยชางจะพยักหน้ารับและเดินนำเข้าไป “สาวน้อย นายท่านของพวกเราอยู่ที่นี่แล้ว!”


สาวสวยผู้ดื่มหนักค่อยๆหันมามองยังเย่ฮั่วก่อนจะดื่มต่อ แต่กระนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วย “นี่ไม่ใช่เจ้านายของพวกนาย เจ้านั่นน่ะมันคือร่างกระดูก!”


เย่ฮั่วช็อคไปในบันดล ยัยผู้หญิงนี่เห็นร่างของเขาแล้วงั้นเหรอ!?


เว่ยชางกลับมาและกระซิบถาม “ท่านผู้สูงส่ง หรือว่าจะเป็นปีศาจ?”


เย่ฮั่วพยักหน้า ดูเหมือนว่าคนๆนั้นต้องไม่ใช่คนดีแน่ ขั้นแรกเลย คงต้องถามก่อนว่าทำไมถึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นร่างกระดูก


อ่า พอได้มองชัดๆแล้วยัยนี่มันฟ่างนี่หว่า!


เมื่อย้อนกลับไปคืนก่อนๆ จริงๆมันมีเรื่องเล่ามากมาย หลายรูปแบบ และในวันถัดมา ทั้งโลกก็รู้แล้วว่าเธอคนนี้ถูกพรากความบริสุทธิ์ไปโดยเจ้าร่างกระดูกนั่น


สำหรับเจ้าสำนักเมฆาเช่นนี้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่สะดวกนักถ้าจะถูกฆ่าได้โดยร่างกระดูก


เมื่อวาน ข่าวลือที่โหมดั่งพายุใหญ่นั่นทำให้เธออับอายมากขึ้นไปอีก รวมไปถึงเหล่าผู้อาวุโสท่านอื่นในสำนักเมฆาก็ไม่สามารถนั่งเฉยได้ พวกเขาขอให้ฟ่างถอนตัวออกจากการเป็นเจ้าสำนักไม่งั้นล่ะก็สำนักเมฆาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจะต้องกลายเป็นเรื่องตลกให้กับคนอื่นไปแน่ๆ


ฟ่างนั้นจริงจังกับเหตุการณ์นี้มาก เธอไม่ได้โทษเหล่าผู้อาวุโส เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าสำนักต้องมาก่อน


เธอได้จากบ้านที่หวงหามานาน จิตใจของเธอมันได้ตายจากไปแล้ว เธอครุ่นคิดถึงถึงการจะสละกายหยาบไปด้วยหลังจากการตายของหมิงซี


ฟ่างยังไม่สามารถทำได้ นั่นก็เพราะถ้าเธอจะตาย เธอก็จะลากเอาเจ้าร่างกระดูกนั่นตายไปด้วย !


ชื่อเสียงของเธอนั้นถูกทำลายไปหมดแล้วด้วยเงื้อมมือของเขา สิ่งเดียวที่ยังทำได้ในชีวิตนี้ก็คือการฆ่าเจ้ากระดูกนั่นเท่านั้น!


เว่ยชางจัดการม้านั่งและเย่ฮั่วก็นั่งลงไปตรงข้ามกับฟ่างฟ่างและพบว่าหญิงสาวคนนี้สวยจริงๆนั่นแหละ นัยน์ตานั่นเหมือนจะเพิ่งโดนเรื่องหนักหนาสาหัสมา


“รู้ได้ไงว่าเจ้านายเป็นร่างกระดูก?” เย่ฮั่วถามอย่างเข้มขรึมโดยลืมเรื่องที่จะเปิดเผยตัวตนไปแล้ว


มองไปยังฟ่างที่พยักหน้าทั้งที่เริ่มมึนเมา ฟังถ้อยคำแปลกๆที่ออกมาจากชายรูปร่างหล่อตรงหน้าเธอก่อนจะพูด “ก็เพราะว่าฉันเห็นน่ะสิ มันเป็นกระดูกทั้งตัวเลย…ฉันจะฆ่ามัน!!!”


เย่ฮั่วและเว่ยชางมึนงงไม่ต่างกัน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ทำไมมันก้าวกระโดดไปมาแบบนี้


“แล้วทำไมถึงอยากจะฆ่าเจ้ากระดูกล่ะ?” เย่ฮั่วถามอย่างลุกรี้ลุกรน


มองกลับไปยังนัยน์ตาสวยนั้น ความดุร้ายก็ค่อยๆฟุ้งออกมาเหมือนออร่า “ก็เพราะว่ามันพรากความบริสุทธิ์ของฉันไป! สิ่งเดียวที่ฉันหวังตลอดชีวิตนี้ก็คือฆ่ามันให้ได้!!”


ร่างกระดูกพรากพรหมจรรย์หญิงสาว?


เย่ฮั่วช่วยอะไรไม่ได้นอกจากเผลอหลุดสบถออกมา “อิหยังนิ”


เว่ยชางเองก็อึ้งหนักกว่าเดิม เขาถามอย่างเร่งเร้า “ขอเจ๊าะแจ๊ะหน่อยนะสาวน้อย เจ้ากระดูกนั่น…ทำยังไงถึงพรากความบริสุทธิ์เธอไปได้กัน?”


เฮ้!


แสงสีเงินแว้บผ่านห้วงอากาศไปไปจ่อที่คอของเว่ยชางอย่างรวดเร็ว


“ถ้ายังกล้าที่จะถามมากกว่านี้ ฉันก็กล้าที่จะสะบั้นดาบลงไปนะ” นักล่าผู้จมอยู่กับเครื่องดื่มมึนเมาเหล่านี้ไม่ได้เสียสติและความว่องไวไปทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นดาบที่จ่อคอของเว่ยชางอยู่ก็มีอาการสั่นเทาบ้างเล็กน้อย


เย่ฮั่วมองหน้าเว่ยชางแล้วพยักหน้าให้เขา เว่ยชางเองก็เข้าใจได้ทันทีว่าท่านผู้สูงส่งจะทำอะไร


ในสายพันธุ์ของอันเดด มีพวกเลวๆอยู่มากมาย เอาจริงๆก็อยู่กันเป็นครอบครัวเลย เย่ฮั่วตัดสินใจจะปิดเรื่องนี้ให้เสร็จๆ เธอคนนี้ดูน่าสงสารเอาเสียมากๆ และเขาจะได้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีเสียที


“เธอพอจะจำรูปร่างหน้าตาของเจ้าร่างกระดูกได้หรือเปล่า? อย่างเช่นอาวุธ หรือชุดที่ใส่?” เย่ฮั่วถาม


ฟ่างนึกย้อนกลับไปด้วยความมึนเมา ก่อนจะพูดออกมาแบบไม่สม่ำเสมอ “มัน…มัน…เอ่อ..ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ…ปิ้วปิ้วปิ้ว อะไรซักอย่าง………………….”


เย่ฮั่วได้ฟังก็รู้สึกสับสน หากแต่เว่ยชางนั้นแทบจะระเบิดเป็นก้อนเนื้อแล้ว ไอ้แม่เยอะนั่นไม่ใช่ว่าเป็นผู้วิเศษแห่งความตายเหรอ!?


วิญญาณร้ายที่ออกมาจากการอัญเชิญ พรากเอาความบริสุทธิ์ของมนุษย์ผู้หญิงไป!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย! ถ้ามันเป็นผู้วิเศษแห่งความตายจริงๆ มันทำได้ยังไง!!


“ท่านผู้สูงส่ง ผมมีเรื่องที่ต้องรายงาน” เว่ยชางกระซิบ


เย่ฮั่วพยักหน้านิ่งๆและเรียกเลี่ยกูออกมาด้วย เจ้ากระดูกสารเลวนั่นต้องถูกจับซะแล้ว


“ท่านผู้สูงส่ง เจ้าร่างกระดูกที่ผู้หญิงคนนี้พูดถึง… อยู่ใต้คำสั่งของผม…” ท้ายสุดเขาก็พูดออกไป เมื่อมันถูกพูดไปแล้ว รู้สึกได้เลยว่าร่างกายมันเบาไปหมด


เย่ฮั่วและเลี่ยกูต่างพากันช็อค


“มันคือวิญญาณร้ายที่ผมเรียกมันออกมาให้ทำงานให้…” เว่ยชางพูดต่อ


หลังจากที่ตกอกตกใจกันไปพักใหญ่ เย่ฮั่วก็พูดโดยไม่แยแสขึ้นมา “ในเมื่อมันเป็นคนของนาย เพราะงั้นก็ลืมมันไปซะ แต่ถ้านายอยากจะทำให้เรื่องนี้มันชัดเจน ถ้านายกำลังรอที่จะวิ่งเข้าไป ถ้านายคิดจะใช้กำลังเพื่อจบเรื่องนี้ ให้จำคำนี้ไว้ ‘นี่คือการรับผิดชอบ’ ทำให้เทวทูตอย่างฉันต้องมีปัญหา คิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย!”


“ท่านผู้สูงส่งพูดถูกแล้วครับ ผมจะเรียกมันออกมา เพื่อให้เผชิญหน้ากับเธอคนนี้โดยตรง” ความคิดของเว่ยชางนั้นไม่ต่างกับเย่ฮั่วซักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ยังมีเรื่องให้คิดอยู่นั่นแหละ ว่าเจ้ากระดูกนั่นพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปได้ยังไงกันน่ะ


เลี่ยกูกระซิบ “เจ๋งเป้ง! ทำไมวิญญาณร้ายอะไรนั่นที่เจ้าเรียกออกมาถึงได้ห้าวเป้งแบบนี้ฟะ? กับเธอคนนั้นข้ายังได้แค่คิดเองนะ”


“เลี่ยกู เจ้าพอจะไม่วุ่นวายซักเรื่องจะได้ไหม? คิดซะว่าเป็นผู้หญิงของน้องชายข้าละกัน”


“ขำๆน่า ดูเจ้าร้อนรน ติดนิสัยมาจากนายเจ้าหรือไง?”

เว่ยชางหัวเราะเบาๆ นายข้ากับนายเจ้าก็คนเดียวกันแหละ


ทุกคนเคลื่อนที่ไปยังห้องน้ำ และเว่ยชางก็เริ่มร่ายเวทย์เพื่ออัญเชิญ “ผู้วิเศษแห่งความตาย!”


ภายใต้สะพาน เขายังคงอยู่ในท่าเดิม ผ้าคลุมดำผู้นั่งอยู่บนจุดสูงสุดของความตาย สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปนั่นก็คือโทรศัพท์ของเขา


จากเครื่องละล้านกลายเป็นเครื่องละพันหยวนเท่านั้น ถึงเมื่อคืนก่อนจะเพิ่งผ่านการต่อสู้มา แต่ก็ยัง


ปิ้ว…ปิ้วปิ้ว….ปิ้ว


รอบๆหูนั้นถูกอุดด้วยสำลี


แต่ทันใดนั้นผู้วิเศษแห่งความตายก็หยุดและหายแว้บไปเลย


จู่ๆไอ้สำลีที่อยู่ที่หูก็เหมือนว่ามันจะหลุดออกไป ทั้งหมดถอนหายใจและอยู่ในความสงบ


ไปล้างห้องน้ำซะ


“นี่เลือกที่อื่นที่มันสะอาดกว่านี้เพื่อจะอัญเชิญไม่ได้หรือไง?” เย่ฮั่วพูดด้วยความไม่พอใจ


เว่ยชางพูดด้วยความสงบ “ท่านผู้สูงส่ง ผมทำความสะอาดที่นี่แล้ว”


“ทำได้เหรอ?” เลี่ยกูพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย


แต่ทันใดนั้น เงาดำก็โผล่พรวดขึ้นมา


ผู้วิเศษแห่งความตายตะลึงกับภาพตรงหน้า เขาไม่เคยคาดคิดถึงสถานการณ์แบบนี้เลย นั่นทำให้เขารีบคุกเข่าลงไป


“ท่านผู้สูงส่ง!”


“ลุกขึ้น! พื้นมันสกปรก!!” เย่ฮั่วขมวดคิ้ว


บทที่ 138 ความไม่สมดุลย์


ผู้วิเศษแห่งความตายสั่นกลัวไปด้วยความกลัวขณะที่ยืนอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเขาเองได้เห็นใบหน้าของผู้สูงส่ง โชคดีจริงๆ! ตื่นเต้นเกินไปแล้ว! ถึงจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันแต่ก็ห่างไกลกันเกินไป เป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะเทียบ


เลี่ยกูยิ้มเยาะ “ไม่เลวนี่เจ้ากระดูกน้อย แต่หยานฟูไม่ได้ตื้นนักหรอก”


เขาก้มหัวต่ำและไม่กล้าที่จะขยับอะไร เข้าไม่กล้าที่จะพูดอะไรด้วยซ้ำ


เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แยแส “ออกไปดูซะ!”


ทุกคนต่างพากันออกจากห้องน้ำ


“นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” เย่ฮั่วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง


ผู้วิเศษแห่งความตายไม่กล้าแม้จะพูดจาโอ้อวดอะไร “ข้าแด่ท่านผู้สูงส่ง รู้จักขอรับ…”


“เธอพูดว่านายพรากความบริสุทธิ์เธอไป ได้ทำหรือเปล่า?” เย่ฮั่วยิงคำถามต่อ


สายตาของเขาเหลือบมองผู้วิเศษแห่งความตาย พรากความบริสุทธิ์ผู้หญิง?…ทำได้ไงวะ…นิ้วเหรอ?


“ท่านผู้สูงส่ง ข้าเป็นผู้รับใช้เบื้องล่างอย่างแท้จริง ข้าเพียงหวังว่าท่านผู้สูงส่งนั้นเองก็ยังบริสุทธิ์ด้วย และข้าน้อยเองก็เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีวันที่จะทำลายสาวน้อยคนนั้นได้หรอกขอรับ!” ผู้วิเศษแห่งความตายโค้งหัวในทันที ผู้หญิงคนนั้นช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก แม้แต่ต่อหน้าท่านผู้สูงส่งก็ยังพูดเหมือนเธอเป็นทาสสาวของเขางั้นเหรอ! เรื่องมันถึงหูท่านผู้สูงส่งหมดแล้ว! นังมนุษย์ร้ายกาจ! ถ้าข้ารู้ก่อนล่ะก็! เจ้าได้เสียอีกครั้งแน่…


เย่ฮั่วดึงบุหรี่ขึ้นมาและจุดสูบในขณะที่เลี่ยกูยื่นไฟมาจุดให้


เขาพ่นควันออกมา “กล้าทำก็กล้ารับซะ!”


“ไม่กล้าขอรับ!” ผู้วิเศษแห่งความตายพูดด้วยเสียงแข็ง


“งั้นเหรอ พวกฉันจะเป็นพยานให้นะ แต่ถ้าแกกล้าที่จะปั่นหัวเทวทูตล่ะก็ คงรู้จุดจบสินะ?” เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แยแส คำพูดของเขานั้นค่อนข้างกดดันไปด้วยความยิ่งใหญ่ นั่นก็เพื่อให้ผู้วิเศษแห่งความตายกล้าที่จะรับผิดโดยไม่ตุกติกนั่นแหละ


“ข้าแด่ผู้สูงส่ง เข้าใจว่านี่จะเป็นการตั้งตนเป็นศัตรูกับผู้หญิงคนนั้นน่ะขอรับ!”


ผู้วิเศษแห่งความตายโกรธมากๆ เขาอุตส่าห์ไม่ฆ่าเธอแล้ว แต่ยัยผู้หญิงนั่นกลับวิ่งแจ้นมาฟ้องท่านผู้สูงส่ง แต่โชคยังดีที่ท่านผู้สูงส่งก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือมันจะเป็นการยากเกินไปถ้าจะต้องบ่นเขาเป็นหมื่นๆครั้งกันนะ…


“บ้าเอ้ย เจ้าทำได้น่า ทำดีได้ดีนะเฟ้ย!” เลี่ยกูกระซิบละครลิงครั้งนี้คุ้มค่าแน่


เว่ยชางถอนหายใจ ทำไมถึงต้องมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตเขาด้วยนะ? ไม่อยากจะเชื่อเลย


เขามองผู้วิเศษแห่งความตายเดินเข้าไปยังที่ที่ฟ่างอยู่โดยทิ้งระยะไว้ประมาณเมตรหนึ่ง และฟ่างก็หันมามองยังเขาด้วย ทั้งสองสบตากัน


“ยืนยันด้วยสายตา เหมือนข้าจะพาตัวมาถูกสินะ~” เลี่ยกูมองสายตาที่ทั้งสองส่งให้กัน ถึงจะช่วยไม่ได้แต่ก็ร้องเพลงประกอบฉากละกัน รสชาติของความรักเหมือนจะทำให้เธอหวนคืนถึงเรื่องนั้น


ฟ่างที่วิงเวียนศรีษะจากอาการเมาอยู่เมื่อได้เห็นหน้าผู้วิเศษแห่งความตาย นัยน์ตาแห่งการทารุณกรรมก็พวยพุ่งออกมาราวกับออร่าที่ออกจากร่างกาย ดาบของเธอพุ่งเข้าโจมตีโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น


และสำหรับผู้ที่ดื่มจนเมาเรียบร้อยแล้ว สมองก็จะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่นทำให้ร่างกายของเธอทำงานได้ไม่เต็มที่นัก ผลของมันทำให้ร่างของฟ่างลอยลิ่วเข้าไปในอ้อมแขนของผู้วิเศษแห่งความตายโดยปริยาย


เว่ยชางโผล่ขึ้นมาและปิดตาเลี่ยกูไว้ “เด็กเล็กห้ามดู หมาโง่ก็ห้าม”


เลี่ยกูตบตูและโวยวาย “อะไรอีก! เพราะเจ้าจะดูฉากดีๆแบบนี้คนเดียวล่ะสิ! ในกรณีนี้ยัยผู้หญิงนั่นต้องแก้ผ้าแล้ว!”


“แน่นอน นี่มันเป็นโชว์ที่ดี…” เย่ฮั่วพึมพัม


ผู้วิเศษแห่งความตายสั่นด้วยความกลัว ความรู้สึกนี้ไม่ได้มาจากผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน หากแต่เป็นท่านผู้สูงส่งต่างหาก!


ด้วยความวิงเวียนศรีษะ ดาบยาวในมือของเธอก็ตกลงสู่พื้น หมัดเล็กๆนัดต่อยเข้าที่หน้าอกของผู้วิเศษแห่งความตายเบาๆ


เย่ฮั่วและพ่อหนุ่มทั้งสองมองและต่างก็รู้สึก ทำไมเป็นการโจมตีที่กระต่ายถีบเช่นนี้นะ คุ้นจังเลย…


“ฉันจะฆ่านาย! ฉันอยากจะฆ่านายให้ตายไปเลยเจ้ากระดูก! แม้จะแค่จูบ แต่นั่นก็ทำลายฉันไปทั้งกายแล้ว! เพราะงั้นฉันจะฆ่านาย!” น้ำเสียงนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่ดุร้าย แต่มันออกไปทางเหมือนว่าจะอ่อยมากกว่า


ตัวอย่างเช่น เย่ฮั่วสามารถเข้าใจชิงหยาได้เมื่อเธอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นความจริง


เว่ยชางที่อยู่ตรงนั้นก็เข้าใจ ความรู้สึกที่ลูกน้องของเขาไปจูบใครซักคน และกลุ่มอื่นมองว่าเธอคนนั้นบรุสุทธิ์ดุจแสงแห่งชีวิต เขาหันกลับไปมองนายเหนือหัวอีกครั้ง


“ฉันจะฆ่านาย…” ฟ่างพูดด้วยเสียงมึนเมา วันนี้มันเหนื่อยมากเกินไปจริงๆสำหรับเธอ


เย่ฮั่วเดินเข้าไปพร้อมเว่ยชางและเลี่ยกู “รู้ความผิดของตัวเองแล้วหรือยัง!”


ผู้วิเศษแห่งความตายตกตะลึงไปในทันที “ท่านผู้สูงส่ง! น-นี่มัน เอ่อ…เป็นการคุกคามชีวิต ข้าน้อยขอรับผิด ข้าน้อยไม่เถียง หากแต่ข้าไม่ได้ทำลายความบริสุทธิ์ของเธอนะขอรับ…”


“ตอนนายจูบเธอน่ะ มีใครอนุญาตหรือเปล่า?” เย่ฮั่วถามด้วยความกดดัน


ผู้วิเศษแห่งความตายเหงื่อแตกพลั่กดุจพระลักษณ์มองหอกที่กำลังจะแทงอก เขาถอนหายใจได้ครึ่งเดียวก็รีบตอบกลับ “ข-ข้ารู้แล้วว่าข้าทำอะไรผิด!”


เย่ฮั่วหายใจยาวในขณะที่เว่ยชางและเลี่ยกูยืนประกบด้วยความซื่อสัตย์


“ฉันบอกนายก่อนแล้วใช่มั้ย! พวกเรามาเพื่อฝึกตนให้เป็นมนุษย์ ธรรมชาติของมนุษย์น่ะรู้จักหรือเปล่า! พวกเราต้องทำตามสิ่งที่มนุษย์ทำ มองในมุมของมนุษย์! แล้วนี่อะไร? ทำไมเจ้าถึงได้ไปจูบคนอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม? โชคดีที่เจ้าอยู่ภายใต้ความดูแลของข้า เจ้าลิ่วล้อเอ๋ย ไม่งั้นเจ้าได้กลายเป็นผงกระดูกเตรียมลอยอังคารไปแล้ว!” เย่ฮั่วใช้ถ้อยคำรุนแรงกร่นด่า ถ้าเรื่องแบบนี้หลุดออกไปล่ะ? น้องชายของน้องชายยังต้องการที่จะจูบกับมนุษย์อยู่ และเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็วิ่งเข้าหาเขาและคิดเหมือนกัน


ผู้วิเศษแห่งความตายเอ่ยอย่างใจหายว้าบ “ขอบพระคุณขอรับ ท่านผู้สูงส่ง!”


“ข้าจะพูดเรื่องนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เลี่ยกู ไปเอาเบียร์กับถั่วมา” เย่ฮั่วนั่งและสั่ง


เว่ยชางพูดเสริม “อย่าเอามาแต่เปลือกนะ เอามาทั้งเมล็ดในเปลือก”


ผู้วิเศษแห่งความตายนั้นยืนอยู่นิ่งๆและอยากจะโยนยัยผู้หญิงในอ้อมแขนนี่ออกไปใจจะขาด หากแต่การกระทำนั้นก็ถูกระงับไว้ด้วยสายตาของท่านผู้สูงส่ง


เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แยแสเช่นเดิม “ในฐานะของเผ่าพันธุ์อันเดด นายต้องกล้าที่จะรับผิด ในเมื่อกล้าที่จะชิงจูบแรกมาแล้ว จงรู้ไว้ซะว่าฉันไม่ได้โปรดปรานใครเป็นพิเศษ เพราะงั้นแล้วนายต้องดูแลเธอต่อในอนาคต”


“ท่านผู้สูงส่ง…” ผู้วิเศษแห่งความตายอยากจะร้องออกมาดังๆ ทำไมเขาต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ แค่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดยังต้องมาดูแลผู้หญิงคนนี้อีก


“จะขัดคำสั่งเหรอ!”


“ไม่ขอรับ!”


เลี่ยกูถือเบียร์และเมล็ดถั่วเข้ามา เย่ฮั่วจึงพูดขึ้น “ฉันจะพูดเรื่องนี้อีกครั้งเดียวนะ“


ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้วิเศษแห่งความตายก็ได้เริ่มแสดงธาตุแท้ออกมา โดยเฉพาะเมื่อถึงจุดไคลแม็กส์ มันทำให้เขาหลุดจากการควบคุมได้ง่ายมากๆ


“ท่านผู้สูงส่ง~ ผู้หญิงคนนี้ไม่ละอายใจตัวเองเลย เธอมักจะมองคนอื่นต่ำเสมอแถมยังแย่งความเด่นไปจากข้าน้อยด้วย หลังจากนั้นเธอก็มาท้าข้าว่าจะยอมเป็นคนติดตามที่ชนะเธอได้ ตอนนี้มันยิ่งกว่าปัญหาเสียอีกขอรับ ท่านผู้สูงส่ง ข้ารบกวนเวลานอนท่าน ภายใต้ความน่าละอายนี่ ข้าหวังว่าท่านผู้สูงส่งจะได้ฟื้นฟูร่างกาย ยัยนี่คงไม่สามารถมาป่วนได้แล้ว”


หลังจากนั้น ผู้วิเศษแห่งความตายก็โค้งหัวลงต่ำเพื่อขอโอกาสสุดท้าย ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องเอาชีวิตเข้าว่าแล้ว


เย่ฮั่วไม่ได้พูดอะไร แต่สำหรับปัญหาอื่นๆที่จะตามมาล่ะก็…นั่นก็เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไป เธอเป็นถึงเจ้าสำนักเมฆา!


สันนิษฐานว่า มันต้องมีซักที่ที่จะต้องเอาไว้ใช้ในอนาคต ดั่งที่ผู้หญิงคนนี้ได้พูดไว้ว่าจะเป็นข้ารับใช้ให้เจ้ากระดูกนี่ มันจึงยากสำหรับเขาถ้าจะใช้หนุ่มหล่อคนอื่นมาแทน


“พวกแกคิดว่าไง?” เย่ฮั่วหันไปถามเว่ยชางและเลี่ยกู


ทั้งสองใจหายวาบเหมือนโดนสั่งให้ทำข้อสอบทั้งที่ลืมวิธีวาดวงกลมไปแล้ว!!


หลังจากผ่านมาพักใหญ่ๆ เว่ยชางก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “ท่านผู้สูงส่ง ผู้ที่เชื่อในวัดจะไม่ถูกทำลาย ดังนั้นถ้าเจ้าสำนักเมฆาจะช่วยดูแลลูกน้องกระผมได้ นั่นคงเป็นเกียรติและความสุขของกระผมแล้ว”


ได้ฟังเว่ยชางพูด เลี่ยกูก็ตามเป็นประกาย “ท่านผู้สูงส่ง สิ่งที่เจ้าโลภนี่พูดถึงคือรักข้ามเผ่าพันธุ์นะขอรับ!”


อย่างไรก็ตาม เมื่อประโยคนั้นหลุดออกมา ทั้งสามก็สตั้นท์กันไปเลยก่อนจะต่างพากันมองหน้าผู้วิเศษแห่งความตายสลับกับฟ่างในอ้อมแขน


การจะได้ผลลัพธ์เช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ร่างจริงเพื่อที่จะทำให้มนุษย์ผู้หญิงหลงไหล แถมคนๆนั้นยังเป็นแสนสวยประจำสำนักเมฆาอีกด้วย เธอนั้นแตกต่างและโดดเด่นในเวลาเดียวกัน


ถ้าเกิดเย่ฮั่วและคนอื่นๆเปิดเผยตัวตนล่ะก็ เดาได้เลยว่าอีกหลายคนคงจะรู้สึกจังงังกันเป็นแน่แท้ และเราก็ต้องกลับมาคุยกันใหม่ว่า “รักมันคืออะไรกันแน่วะเนี่ย”


เย่ฮั่วไอเบาๆ เขาไม่อยากจะสอนผู้ติดตามทั้งสองจึงรีบชิงตัดบทก่อน “เวลานี้มันไม่เร็วไปหรอก สิ่งๆนี้มันถูกวางไว้แล้ว ต่างฝ่ายต่างย่อมผิดหวัง”


เมื่อพูดจบ ฉันมองลงไปบนพื้น คิดถึงว่าถ้าน้องชายของผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้ามาที่ประตูเพื่อหาเธอ พวกเขาจะต้องรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์นี้เป็นแน่ เหมือนกับผู้หญิงของเทวทูตอย่างฉัน…สมดุลย์ดันตรงไหนเนี่ย


ถ้าคุณดื่มมามากพอ คุณจะได้ยินบทสนทนาตอนนี้ และเมื่อคุณได้ยิน คุณต้องอยากวิ่งเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำแน่ๆ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่โดนเพ่งเล็งโดยคนกว่าพันคน เหมือนรูปประโยคที่ประธานเป็นสาวสวยแต่งี่เง่าและกรรมก็เป็นพ่อหนุ่มโครงกระดูก รูปประโยคชวนน่ามึนหัวนี่ตายซะก็ยังดีกว่า…


บทที่ 139 นายท่าน และภรรยาของนายท่าน


ผู้วิเศษแห่งความตายหิ้วปีกหญิงสาวในอ้อมแขนเขาไว้ อยากตายเสียเหลือเกิน เขากระซิบกับผู้เป็นนาย “นายท่าน…”


“ท่านผู้สูงส่งพูดไปแล้ว เจ้าต้องดูแลมนุษย์คนนี้” เว่ยชางพูดก่อนจะหายไปในความมืด


เลี่ยกูยิ้มและตบไหล่ของผู้วิเศษแห่งความตาย “อย่ายกมาให้ข้าล่ะ”


เขายืดมือทั้งสองออกและโอบร่างของเธอให้กระชับขึ้น


ส่วนที่ยืดออกมานั้นทำให้เลี่ยกูประหลาดใจนิดหน่อย ท่านผู้สูงส่งเองก็เป็นเผ่าพันธุ์อันเดดเหมือนกัน ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ประหลาดกันจริงๆนั่นแหละ


“เด็กน้อย เจ้าต้องรับผิดชอบตัวเองด้วยตัวเจ้าเอง ” เลี่ยกูหายตัวไปหลังจากนั้นนิดหน่อย โดยปล่อยให้ผู้วิเศษแห่งความตายมองอยู่แบบนั้น


มองดูหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเอง ดวงตาของเธอยังคงชุ่มชื้นอยู่ ถึงจะเพิ่งดื่มหนักจนเมาเป็นหมาแบบนี้แต่ขนตาก็ยังเนี้ยบอยู่อีกนะ


ผู้วิเศษแห่งความตายถอนหายใจหนัก “ก็คิดไว้อยู่แล้วแหละว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ไม่ควรจะเอาฉายาทาสสาวออกจากเธอจริงๆ ได้ฟังท่านผู้สูงส่งพูดแล้ว ข้าคงต้องดูแลเธอดีๆ…ทำไมตอนนั้นข้าถึงเอาเธอมาเป็นเดิมพันนะ นี่มันเรื่องตลกชัด…”


ผู้วิเศษแห่งความตายค่อยๆหายตัวไปจากเคลียร์บาร์ และสำหรับที่ๆเขาจะไป ก็คือใต้สะพานที่เดิม


ต่างจากเดิมคือครั้งนี้เขาหิ้วสาวสวยขณะเล่นพนันไปด้วย คนไร้บ้านรอบๆดูน่าอนาถไปเลย


วันต่อมา เย่ฮั่วตื่นเช้ามากๆ ไปดูสภาพอากาศด้านนอก ลมและแดดที่ไม่โหดร้ายเกินไปนั้นช่างเหมาะแก่การไปเที่ยวเสียจริง และพอคิดถึงแผนการที่วางไว้ เขาก็เผลอยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว


หลังจากอาบน้ำเสร็จ เย่ฮั่วก็ไปเรียกชิงหยา ผู้ที่ซึ่งนอนอยู่กับน้องสะใภ้ในห้อง และชิงยูตงเองก็ดูท่าจะเป็นเด็กดีให้ชิงหยาสามารถไว้วางใจได้


ชิงหยานั้นเตรียมพร้อมสำหรับบางชุดอยู่แล้ว เธอสวมหมวกปีกใหญ่ไว้บังแดด มองรวมๆแล้วช่างดูสบายๆเหลือเกิน ตอนนี้ แม้แต่ชุดที่ไม่ได้แพงล้ำมันก็สามารถโชว์ความโอ่อ่าของเธอออกมาได้ เย่ฮั่วรู้สึกดีไม่น้อยที่ชิงหยาดูเปลี่ยนไปขนาดนี้ สมกับเป็นคุณหญิงผู้สูงส่งเสียจริง ก็คงมาจากนิสัยด้วยล่ะนะ


“เย่ ฮั่ว เราจะไปไหนกันน่ะ?” ชิงหยาพูดเรื่อยเปื่อย โทนเสียงนั้นยังเหมือนเดิม ไม่อบอุ่นเลย


เย่ฮั่วตอบ “ถึงก็รู้เองแหละ”


ผู้ชายคนนี้ คงจะอยากเซอร์ไพรส์ล่ะสิถึงได้ทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้ นี่ยังแคร์เรื่องนี้อยู่อีกเหรอ ไม่เห็นรู้เลย? ดูท่าว่าน้องสาวของฉันจะขายฉันให้นายแล้วสินะ


ในครั้งนี้ เว่ยชางและเลี่ยกูนั้นยืนรออยู่ด้านล่าง และถัดจากพวกเขาก็มีสี่สาวในชุดเมดยืนต้อนรับอยู่ ดูท่าพวกเธอจะเป็นสาวเสิร์ฟประจำทริปนี้ ประกอบด้วย ถังเหว่ย แฟนสาวของเว่ยชางและ 3 สาวของเลี่ยกูที่มีดีกรีระดับดาราไม่ว่าจะเป็นอาเซี่ยหรือไป๋ เสี่ยวเฉิน!


ไม่อยากจะพูดเลยว่าทั้งเว่ยชางและเลี่ยกูนั้นมีสายตาที่ดีมากในการเลือกสาวๆ พวกเธอทั้งสีจัดว่าเป็นชนชั้นที่หาตัวจับได้ยากมากๆ โดยเฉพาะหลังจากได้กินกระเรียนทอง นอกจากนั้นหน้าตาก็จัดว่าสวยงามหาได้ยากตามท้องถนนกันหมด


มองไปยังสาวบ้านนอกข้างๆเขา เย่ฮั่วไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากพยักหน้าและเปิดประตูออกไป ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้าหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับปรังปรุงตัวของพวกเขาแล้ว


ชิงหยามองไปยังสาวๆเหล่านี้ก็เกิดความเคอะเขินขึ้นมานิดหน่อย ทั้งหมดสวมชุดเมดที่เป็นผ้าไหมสีดำประดับด้วยชายลายลูกไม้ พวกเธอดูเร้าอารมณ์ไม่น้อยเลยถึงแม้จะทำไปด้วยความเคารพก็ตาม ยังไงก็ไม่สามารถทำให้เธอหายรู้สึกแปลกได้หรอก… แม้แต่ถังน้อยเองก็อยู่ในก๊วนนี้ด้วย แล้วทั้งสามสาวนั่น ทำไมด้วยสวยขนาดนี้…


“นายท่าน และภรรยาของนายท่าน” ทั้งสามสาวเอ่ยพร้อมกัน


เย่ฮั่วยอมรับการโดนเรียกแบบนั้นด้วยความรู้สึกปิติล้น ถึงแม้ชิงหยาจะตื่นเต้นอยู่นิดหน่อยแต่ก็ยอมรับเหมือนกัน


“ทั้งสามเป็นผู้หญิงของพวกลูกน้อยฉันเอง” เย่ฮั่วพูดเสริม ดูท่าจะสุขใจเหลือเกินนะพ่อคุณ


ชิงหยาถอนหายใจอย่างนุ่มนวล


“วันนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเราไม่ได้ไปด้วยกันมานานแล้ว เพราะงั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเธอถึงได้ถูกพามาด้วย พวกเขาเองก็มีเดตเหมือนกัน” เย่ฮั่วพูดแบบไม่ได้สนใจ


ชิงหยาไม่เชื่อในสิ่งนั้น “เรื่องจริงเหรอผู้ฝึกฝนตนของนายออกมาด้วยนะ?”


“เธอคิดว่าพวกเขาจะเป็นไฟส่องสว่างหรือไง? ถ้าต้องการจะพาไปโลกที่มีแต่คู่รักสุดหวานก็ได้นะ” เย่ฮั่วกระซิบข้างหูชิงหยา


เธอทั้งตบตีทั้งหยิกผิวเย่ฮั่วด้วยความเกรี้ยวกราดก่อนจะหันหนีไปทางอื่น


เย่ฮั่วยิ้มเยาะขณะคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างหยิ่งเสียจริง


ทั้ง 4 สาวที่ปัจจุบันเป็นเมดอยู่รีบนำกล่องเล็กๆในมือของชิงหยาไปและแสดงออกถึงความเคารพ


เย่ฮั่ว เว่ยชาง และเลี่ยกูเองก็เดินตามอยู่ด้านหลัง


“ผู้หญิงพวกนี้ไม่ธรรมดาเลยนี่” เย่ฮั่วถามแบบไม่ใส่ใจ


“ท่านผู้สูงส่ง โปรดจงวางใจว่าพวกเธอสามารถสู้กับพลังงานลบที่ถูกปล่อยออกมาได้” เลี่ยกูพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


เว่ยชางหัวเราะเบาๆ “ถังน้อยยังไม่ขนาดที่สามารถควบคุมพลังได้ แต่เธอก็พยายามฝึกอยู่เพื่อให้เป็นผู้เก่งกาจในอนาคต”


“พวกนายทำได้ไม่เลว แน่นอนเลยว่าในอนาคตต้องมีคนพึ่งพาพลังนี้แน่ เพราะฉะนั้นก็ฝึกฝนให้ดีล่ะ”


“ขอรับ!”


รถคาเยนรุ่นท็อป 2 คันจอดอยู่ด้านนอก แน่นอนว่าชิงหยาไม่ได้เป็นคนขับ เธอนั่งอยู่ด้านหลังกับเย่ฮั่ว เว่ยชางเป็นคนขับส่วนเลี่ยกูเป็นผู้ช่วยอีกที และเมดสาวทั้งส 4 คนนั้นอยู่ที่รถคันแรก เป็นการแบ่งงานกันที่พอจะยอมรับได้ล่ะมั้ง


เลี่ยกูส่งข้อความไปหาสาวๆของเขาหลังจากที่ขึ้นรถกันหมดแล้ว เพื่อให้พวกเธอไปถึงก่อนและทำความสะอาดที่พักซะ งานนี้จะต้องไม่ทำให้ท่านผู้สูงส่งเกิดความวุ่นวายเด็ดขาด


หลังจากที่ได้รับข้อความ พวกเธอก็บอกต่อกันเอง “โบนโบนบอกให้พวกเราไปก่อนแล้วก็ฝากจัดการพื้นที่ให้ด้วยน่ะ”


ฮาเซี่ยนั้นคือผู้หญิงผมสั้นคนเดียวในหมู่สาวๆทั้ง 4 นี้ เธอดูเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณที่กล้าหาญ และนั่นทำให้เธอดูหล่อเหลา เธอนับเป็นผู้หญิงหล่อที่มีร่างกายสุดฮ็อตเลยก็ว่าได้ เลี่ยกูนี่ดีจริงๆ ที่สามารถหาผู้หญิงเช่นนี้ได้


นั่งอยู่ด้านหลังของเชียวเซี่ยคือ ไป๋เสี่ยวเฉิน สตรีผู้เป็นหนึ่งเรื่องความน่ารักและความงาม ใบหน้าทรงไข่หงดูแล้วสบายตาสุดๆ ท่าทีที่เหมือนเขินอายหน่อยๆตลอดเวลาของเธอทำให้คนหลงไหล ถ้าเทียบกับถังเว่ยแล้วไม่ต้องพูดเลย เธอนั้นยังเป็นสาวบริสุทธิ์ อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้ก็ได้ การที่ได้เห็น 3 ดาราดังเข้ามามันเลยทำให้เธอเกิดอาการประหม่าเล็กน้อย


“ทำความสะอาดพื้นที่เหรอ!” อาเซี่ยขึ้นเสียงก่อนที่เท้าจะบรรเหยียบคันแร่งลงไป คาเยนคันแรกพุ่งตัวออกไปราวกับหัวศรที่มีจุดหมาย


ถังเว่ยรีบหาที่จับในทันที เธอรู้สึกหวาดกลัวเพราะคนเหล่านี้ไม่เห็นเหมือนในทีวีเลย…


ในตอนแรกเธอนั้นกังวลมากๆ ลุงเว่ยบอกให้เธอไปเป็นเด็กเสิร์ฟให้นายท่าน แต่กระนั้นเธอก็ยังแฝงด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข ถึงจะต้องโดดเดี่ยวนิดหน่อย นั่นทำให้เธอเกิดกังวล กังวลว่าจะทำอะไรผิดพลาด


หลังจากได้ยินว่าจะมีมาอีก 3 คนมันก็ทำให้เธอคลายกังวลได้นิดหน่อย แต่เมื่อเจอทั้ง 3 คนเมื่อเช้านี้แล้ว ถังเว่ยนั้นเซอร์ไพรส์สุดๆเลย นี่มันไม่ธรรมดาแล้วค๊าาาาาา!


ฉันแอบถามลุงเว่ยไว้ ว่าทั้งสามเป็นใคร และคำตอบก็คือ ทั้งสามเป็นเพื่อนของเพื่อนลุงเว่ยอีกที ฟังดูน่าปวดหัวจริงๆ


แต่ดูท่าทีของทั้งสามแล้ว ดูท่าว่าพวกเธอจะหงุดหงิดตัวเองมากกว่าที่เธอเป็นซะอีก…


“สวัสดี ฉันชื่อ ไป๋ เสี่ยวเฉิน ยินดีที่ได้รู้จักนะจ้ะ”


เมื่อกำลังคิดจะแนะนำตัว ไป๋ เสี่ยวเฉินที่อยู่รอบตัวก็เป็นฝ่ายชิงทักทายก่อนด้วยความเขินอายน้อยๆบนใบหน้าของเธอ


ถังเว่ยร้องออกมาด้วยความเซอร์ไพรส์และรีบตอบรับไป๋ในทันที “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อถังเว่ย”


“โบนนี่บอกว่าเธอเป็นแฟนของลุงเว่ยสินะ?” ไป๋ เสี่ยวเฉินพูดด้วยโทนต่ำลงนิดหน่อย ถึงแม้จะพูดกับเด็กสาว เธอก็ยังพูดด้วยความเขินอายและโค้งหัวให้ตลอด


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะวงการบันเทิงนั้นแหละ มีคนมากมายนับไม่ถ้วน เมื่อต้องพบกับแฟนคลับผู้ชาย เธอต้องแสดงให้เห็นถึงด้านที่ดูน่ารักน่ากอด เพื่อที่จะให้เขายอมเททั้งเงินทั้งใจให้เธอในทันที


เลี่ยกูเองก็ชอบแบบนี้เช่นกัน ถึงตายก็ยอม


บทที่ 140 การเคลียร์พื้นที่คือการฆ่า!


“ค-คุณก็รู้เหรอคะ…” ถังเว่ยเกิดอายขึ้นมาเล็กน้อย ความร้อนขึ้นสูงจากคอขึ้นมายังใบหน้าจนเห็นได้ชัดเลย


ขณะที่กำลังขับรถอยู่ อาเซี่ยก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจียว เซี่ย”


ถังเว่ยเองก็ตอบรับอย่างทันควัน “สวัสดีค่ะ!”


ยี่หรานมองกลับไปด้านหลังและยิ้มให้ “ยินดีที่ได้รู้จัก ถังเว่ย ฉัน ยี่หราน”


“สวัสดีค่ะ!” ถังเว่ยรู้สึกชื่นชมพวกเธออยู่เล็กน้อยนั่นก็เพราะว่าพวกเธอนั้นดูเข้าถึงง่ายกว่าที่คิด


เราคิดมากเกินไปเอง คงไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นผู้หญิงของลุงเว่ยหรอกนะ…


ยี่หรานยิ้มน้อยๆ “ถังน้อย พวกเราจะเป็นเพื่อนกันในอนาคต เพราะงั้นต้องไปด้วยกันนะจ้ะ”


“อ๊ะ พี่ยี่หรานพูดได้ถูกต้องเลยค่ะ!” ถังเว่ยนั้นตัวเล็กสุดในบรรดาสาวๆทั้งสี่ เป็นธรรมดาที่เธอจะเรียกคนที่โตกว่า ไม่ว่าจะด้วยทางชีวภาพหรือกายภาพก็ตามว่า “พี่”


ไป๋ เสี่ยวเฉินพูดด้วยเสียงนุ่มนวลและบอบบาง “ถังเว่ย เธอพร้อมหรือเปล่า? ยังไงก็ช่วยรอจนกว่าเกมจะจบด้วยนะจ้ะ”


“หมายถึงเตรียมตัวที่จะทำความสะอาดน่ะเหรอคะ?” ถังเว่ยถามด้วยความใสซื่อ


อาเซี่ยตอบอย่างเยือกเย็น “ทำความสะอาดก็คือการฆ่า!”


ถังเว่ยสตั้นท์ไปเลย ไป๋ เสี่ยวเฉินเองก็ทำหน้าละอายใจด้วย แต่กระตั้งนัยน์ตาคู่สวยของเธอก็ยังเปล่งประกายอยู่น้อยๆ


ไม่คิดว่าเพียงแค่ทำตามประสงค์ของเย่ฮั่วที่อยากจะเข้าใกล้ชิงหยาจะทำให้เลี่ยกูเองก็พลอยเป็นตามไปด้วย ดูท่าเขาจะล้างสมองพวกเธอได้สำเร็จเลย ช่างเป็นการฝึกน่าสงสารเสียจริง


อย่างไรก็ตาม นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะดึงเอาสาวๆทั้งหมดมาฝึกอีกครั้งหากพวกเธอเห็นผลที่จะเกิดตามมาก่อน


เว่ยชางตั้งใจจะหมายถึงแบบนั้น ถังเว่ยนั้นยังดีงามเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งดีเลย ไม่ต่างอะไรกับบังคับให้เธอฝึกตาม


เย่ฮั่วนั่งอยู่บนรถที่ไม่ได้ขับเร็วอะไรนัก ชิงหยาเองก็เห็นคันที่วิ่งไปก่อนหน้าตะโกนโวยวายไปเรื่อยด้วย เธอถามด้วยความสงสัย “พวกเขาดูอันตรายจังเลยนะ”


เลี่ยกูหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านหญิงโปรดวางใจ พวกเธอนั้นเป็นเด็กดีในใจข้าน้อยเสมอ”


“เหมือนว่าพวกเธอกำลังจะรีบไปทำอะไรซักอย่างหรือเปล่า?” เธอถามกลับ


“พวกเขาไปเตรียมตัวให้ก่อนน่ะ” เลี่ยกูอิบายอย่างใส่ใจ ปราศจากอารมณ์บูดเบี้ยว


เย่ฮั่วพูดแบบไม่ได้ใส่ใจ “ดูจะมีปัญหาเยอะซะเหลือเกินนะ”


ชิงหยาหายใจแผ่วเบา ถึงจะตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ยังกับคุณตาที่ชอบที่จะไปเที่ยวในทุกๆที่เลย ความรู้สึกของเธอมันบอกว่างั้น


เร็วๆนั้นเองจู่ๆรถก็ขับเร็วขึ้น ชิงหยาอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน แต่กระนั้นพอนั่งรถนานๆก็ทำให้เธอง่วงและคล้อยหลับไปในที่สุด


เย่ฮั่วเหลือบมองและมีเพียงชิงหยาคนเดียวเท่านั้นที่หลับแล้วน่าสงสารมากๆในสายตาเขา


ร่างของชิงหยาที่ค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้กระจกรถมากขึ้นเรื่อยๆทำให้เย่ฮั่วรีบใช้มือโอบและรองหัวเธอไว้ก่อนจะกระแทก จากนั้นจึงค่อยๆดึงให้เธอกลับมาซบไหล่เขาแทน ชิงหยาลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆด้วยความมึนงง เธอทำหน้ามุ่ยก่อนจะจับแขนเย่ฮั่วเอาไว้ เพราะเธอมักจะรู้สึกโหวงเหวงหากไม่ได้จับอะไรไว้


“ลุยเลย” เย่ฮั่วพูดแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร


เว่ยชางพยักหน้ารับก่อนจะเร่งสปีดไปที่ 100


นี่มันก็หลายวันมาแล้ว ที่เขาพยายามจะแตะตัวชิงหยา และในท้ายสุด เธอก็ยอมให้เขาแตะตัวได้ ช่างเป็นวันที่ดีเสียจริง


2 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็ออกจากเมืองหลวงและเข้าสู่ถนนของเมืองเล็กๆ จากนั้นก็เข้าถนนตัดเขา สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ และถ้าจะมีใครซักคนอยู่แถวนั้น พวกเขาก็คงจะได้เห็นรถลอยได้เป็นแน่แท้


มันไม่ได้ใช้เวลานานมากนัก ในที่สุดพวกเขาก็ถึงที่หมาย ที่นั่นมีน้ำตกเล็กๆ อยู่ หยดน้ำน้อยๆสาดกระเซ็นจนทำให้เกิดเป็นสายรุ้งขึ้นมา ละอองน้ำและไอน้ำลอยขึ้นสูงจนเหมือนหมอก มันทำให้ภูเขาลูกนั้นเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยผ้าผืนบางๆเลย


น้ำที่ไหลจากน้ำตกนั้นใส ใสชนิดที่ว่าไม่สามารเปรียบเทียบกับในเมืองได้ และถ้าได้มองชัดๆแล้วล่ะก็ คุณก็จะเห็นว่ามันมีปลาแหวกว่ายอยู่ภายในด้วยล่ะ เดาได้เลยว่าต้องอร่อยแน่ๆ!~


เมดทั้งสี่นั้นถึงเรียบร้อยแล้ว และของอำนวยความสะดวกต่างๆก็ถูกจัดไว้แล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเตนท์ เก้าอี้ โต๊ะสำหรับอาหารเย็น ภาชนะปรุงอาหาร แล้วก็อาหารรวมไปถึงอย่างอื่นด้วย และในตอนนี้พวกเธอก็ยืนเป็นแถวเรียงเพื่อรอต้อนรับ


ของพวกนี้ เพิ่งจะถูกจัดไว้เมื่อชั่วโมงก่อนเท่านั้นเอง เพราะก่อนหน้านี้น่ะ ที่นี่ไม่ได้เงียบสงบนักหรอก…


ชั่วโมงก่อน…


“พี่เซี่ย พวกเราหลงเหรอคะ?” ถังเว่ยถามด้วยความตระหนัก


ยี่หรานเปิดโทรศัพท์และมองดูก่อนจะพูด “ไม่หรอก โบนนี่ก็ไม่ได้บอกอะไรนี่นา”


“มาเถอะน่า” อาเซี่ยพูดอย่างใจเย็นและบังคับพวกมาลัยไปจนถึงปลายทาง


ถังเว่ยมองก่อนจะตะโกนออกมาในทันที “พี่เซี่ย มีน้ำตกอยู่ด้านหน้า หยุดรถเร็วค่ะ!”


ภายใต้เสียงกรีดร้องของถังเว่ย รถคาเยนคันสวยก็ลอยลิ่วออกจากปลายผาของน้ำตกราวกับกำลังโผลบิน ทั้งหมดนั้นต่างพากันตื่นเต้นยกเว้นถังเว่ยไว้คนนึง


ตู้ม!


รถทั้งคันตกลงมาด้านล่างตามหลักเหตุผลของมันเองในขณะที่ถังเว่ยนั้นสติหลุดลอยไปแล้ว


ยี่หรานหัวเราะ “ทุกคน เตรียมตัวให้พร้อมที่จะสู้เพื่อนายท่าน มาจัดการกันโดยไม่ต้องยุ่งยากดีกว่า!”


“ไม่เลวเลยนี่ยี่หราน! ถึงมันจะเป็นการเที่ยวแบบทั่วๆไป แต่โบนนี่ก็เป็น 1 ในบททดสอบของนายท่านนะ!” อาเซี่ยปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วส่องกระจกเพื่อเช็คว่าใบหน้าตนมีอะไรแปลกๆหรือเปล่า ยังไงซะก็ไม่มีใครอยากใช้หน้าสดตอนเจอหนุ่มๆหรอกใช่ม้า ยิ่งต่อหน้านายท่านด้วย


ถังเหว่ยรู้สึกตกใจและเลิ่กลั่กมากๆ และเธอไม่เข้าใจเลยว่าทั้งหมดนี้กำลังพูดเรื่องอะไรกัน


“กำลังพูดเรื่องอะไรกันเหรอคะ? ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลย” ถังเว่ยถามด้วยความตระหนก


ไป๋ เสี่ยวเฉินพูดด้วยเสียงอ่อน “ถังเว่ย เธอจะเข้าใจก็ต่อเมื่อลงมาจากรถนะจ้ะ”


ด้วยความสงสัย ถังเว่ยจึงลงมาจากรถพร้อมพวกเธออีก 3 คน


มองไปยังรอบๆ ความรู้สึกที่ส่งผ่านเข้ามานั้นไม่แย่เลยจริงๆ นี่มันเป็นที่ที่ดีที่จะได้แคมป์ปิ้งสุดๆ


สำหรับสาวสวยทั้งหลายที่จู่ๆก็โผล่มากลางป่าเขาแบบนี้ ไหนจะยังสวมชุดที่ล่อตาล่อใจอีก ชุดเมดสีดำสนิท ขาเรียวสวยสวมถุงน่องตาข่ายสีดำที่ช่วยอวดความงามของผิวพรรณ ไหนจะส้นสูงที่ช่วยให้ดูสง่าเวลายืนหรือเดินนั่นอีก


แต่กระนั้นมันก็มีเสียงโครมครามที่นับได้ไม่ถ้วนดังขึ้นรอบๆตัว


ตู้มต้าม!


ตู้มมมม!



ในตอนนั้นเอง มีเงามากมายโผล่ขึ้นมารอบๆ พวกเขาล้อมกรอบเข้ามาพร้อมทั้งกระทืบเท้าจนพื้นสะเทือนด้วย มันทำให้เธอเกิดความตกใจขึ้นแบบสุดๆ ทรงพลังอะไรขนาดนั้น


การปรากฏตัวของเหล่าผู้คนมากมายมันทำให้ถังเว่ยเกิดอาการกลัวนิดหน่อยและเดินขยับเข้าไปใกล้กับสามสาวที่เหลือ


คนร่วมๆร้อยที่ห้อมล้อมพวกเธอไว้นั้นแต่งตัวแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นแบบเก่าๆเก๋าๆ แบบใหม่ๆ หรือแม้แต่ใส่กางเกงขาบานเดินไปเดินมาก็มี


แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันน่าจะเป็นสายตาที่จ้องมองมานั่นแหละ และพวกเขาก็ดูท่าจะอดใจที่จะกลืนกินสาวๆตรงหน้าไม่ไหวแล้ว


ฉันเห็นหนุ่มหล่อเลียปืนของเขาและกระทืบเท้าเสียงดัง “ใครจะได้เป็นผีเฝ้าป่าคนต่อไปนะ ลูกพี่ซุนเหว่ย”


“พวกนาย…เป็นใครกันเหรอคะ?” ยี่หรานแสดงออกถึงความอ่อนโยนในทันใด เธอกอดแขนอาเซี่ยเอาไว้ การกระทำดังกล่าวนั้นไม่ได้สร้างความน่าสงสารให้พวกเธอเลย กลับกันมันกลายเป็นว่าพวกเขาหัวเราะเสียงดังพร้อมทั้งแสดงออกถึงความดุร้ายด้วย


“คนสวย พวกเราจองที่นี้ไว้นานแล้วนะจ้ะ”


“ใช้ร่วมๆกันก็ได้นี่คะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” ดาราก็ยังเป็นดาราวันยันค่ำ ถึงบทนี้จะเล่นยากในสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม


ซุนเว่ยหยุดพวกเธอไว้ในทันที “คนสวย อย่าทำแบบนี้ ฉันก็แค่อยากจะมายื่นข้อเสนอความปรองดอง ฉันจะบอกว่าพวกเธอนี่ไม่เลวเลย หรือถ้าพูดตรงๆก็อยากได้พวกเธอมาเป็นแฟนน่ะ”


หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปใกล้และพยายามจับใบหน้าสวยของยี่หราน อย่างไรก็ตาม ทั้งๆที่ใบหน้าของเธอยังไม่ได้ถูกสัมผัส แต่ร่างของเขาก็กระเด็นไปไกลเหมือนลูกปืนใหญ่เสียแล้ว มันไม่ใช่เพียงกระเด็น แต่ยังลอยสูงขึ้นเรื่อยๆด้วย จนกระทั่งกลายเป็นแสงเลย


ไป๋ เสี่ยวเฉินพูดอย่างเขินอาย “ ฉ-ฉันก็แค่อยากจะเตะเขาน่ะ…ไม่ได้จะให้เป็นแบบนี้เลย…”


ชายรอบๆต่างกลืนน้ำลายกับภาพที่เห็น พวกเขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที ผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นี้ สามารถเตะผู้ชายร่างใหญ่คนนึงได้ แถมยังไม่ใช่เตะธรรมดาด้วยแต่เป็นเตะให้หายไปบนท้องฟ้าจนตอนนี้ยังไม่กลับลงมาเลย!


สองขาเรียวที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีนั้น มีพลังที่น่ากลัวแบบมหาศาลซ่อนอยู่ มันเป็นไปได้ยังไงกันน่ะ!!!


GG: บทที่ 141 – วันนี้ฉันจะไว้หน้าเขาสักครั้ง‼


 


ใบหน้าของผู้อ่อนยังคงสับเปลี่ยนมาเรื่อย ๆ แล้วพูดขึ้น “มีอีกคนอยู่ตรงนั้น  เร็วเข้าบอสกำลังมา รีบหน่อย”


 


อาเซี่ยและไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้า ขณะที่ถังเว่ยยังคงอยู่ในความหวาดกลัว


 


ฉันเห็นว่าร่างที่ดูสวยงามน่ารักนั้นมีแสงประกายออกมา และเมื่อมันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ขาเรียวงามทั้งคู่นั้นยืนอยู่บนหน้าผากของผู้ชายคนหนึ่งร้องเท้าสั้นสูงที่สวมอยู่ได้เจาะลงไปทีกะโหลกของผู้ชายคนนั้น   เลือดก็ไหลออกมาจากส้นของรองเท้า


 


ผู้ชายคนนั้นยังคงจ้องดูอย่างรู้สึกหวาดกลัว   แต่ก็อดที่จะเหลียวมองดูพื้นไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่พึงพอใจแม้ว่าจะสวมกางเกงที่สามารถป้องกันไว้แล้วก็ตาม!


 


ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น หุบเขาเล็ก ๆก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า น้ำใสก็กลับกลายเป็นสีแดงสด


 


ถังเว่ยมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า   เขาตบหน้าผู้ชายคนนั้นไปหนึ่งครั้ง ทำให้เขาเสียหลักร่างเอนไปกระทบเข้ากับประตู


 


“ตาย!” ผู้ชายคนนั้นยกมืดแล่เนื้อสัตว์ขึ้น ซึ่งมีดเล่มนั้นสามารถที่จะชำแหละเนื้อออกเป็นสองชิ้นได้อย่างสวยงาม


 


ถังเว่ยกระวนกระวายอย่างมากกับเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า  เธอก็ต่อต้านด้วยการคว้าแขนของเขาไว้!


 


แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากเย็น  แขนของเขาถูกฉีกขาดมองเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากท่อนแขน  มีแสงส่องสีดำส่องประกายคล้อยหมอกปกคลุมดวงตาคู่สวยของหญิงสาว ใบหน้าสวยงามหมดจดของเธอได้จางหายเป็นเหลือแต่เพียงสีหน้าของความบ้าคลั่งไว้แทน!


 


“ฆ่า!”


เมื่อหลังชนฝาไม่มีทางใดให้หนี   และก็ไม่มีใครยอมปล่อยให้หนีไปได้ด้วยเช่นกัน  การกระทำที่โหดร้ายและป่าเถื่อน ถึงแม้ว่าพระเจ้าจะยกเอาเมฆมาปกคลุมเอาไว้ก็มิอาจสามารถปกคลุมก็ไม่สามารถปกปิดความจริงไว้ได้!


 


ไม่กี่นาทีต่อมา ผู้คนเป็นร้อยๆ คนได้ถูกสังหารลง   เริ่มต้นก็คือน้องชายของเขาเอง ผู้ซึ่งกล่าวอ้างมาตลอดว่าตนเองมีความแข็งแกร่งและมีผู้มีอิทธิพลคอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง  และเรียนรู้วิธีแห่งคนพาลทุกประเภทอย่างไม่น่าเชื่อ


 


ในท้ายที่สุด สิ่งที่ยังไม่ได้เริ่ม  แต่สิ่งนั้นกลับเชื่อมโยงพวกเขาไว้ด้วยกัน  ภาพเหตุการณ์นี้สามารถมองเห็นได้จากรายการโทรทัศน์เท่านั้น


 


“มานี่สิ ผู้ชายผู้ซื่อสัตย์อยู่ที่นี่ มาตรงนี้แล้วจัดการเขาซะ” ไป๋เสี่ยวเฉิน โบกสะบัดมือขาวและเนื้อตัวที่สะอาดของเธอ ไม่ยอมปล่อยให้เลือดที่เหนียวเหนอะหนะเปรอะเปื้อนร่างกายของเธอ


 


อาเซี่ยและถังเว่ยเดินเข้ามาหา


 


ผู้ชายคนนั้นหวาดกลัวจนฉี่รดกางเกง แล้วล้มลงกับพื้น “ฉันยอมรับว่าพวกเรามาจากทางเหนือ  และมาที่นี้เพื่อที่จะดักซุ่มโจมตี ผมได้บอกสิ่งที่คุณอยากรู้แล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าผม”


 


ยังคงเดินมาที่ชายคนนั้นซึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างช้า ๆ “ไม่ว่าจะฆ่าแกหรือไม่  ยังไงแกก็ต้องพูดความจริงกับบอส!”


 


“บอส‼”  ชายคนนั้นค่อยมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา   พวกเขามีเจ้านาย ฆ่าตนตั้งมาหมายเพื่อที่จะสืบหาความจริงให้แก่นายของพวกเขา  ใครคือเจ้านายของพวกเขา!‼


 


ชายคนนั้นรู้สึกคันที่ต้นคอของเขา  เมื่อเขาหันหลังกลับไปมองพบว่าเขาพบว่าร่างของตัวเองนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นในสภาพที่ไร้หัว หัวของฉันไปไหน ๆ ไม่! ฉันยังไม่อยากตาย!


หลังจากที่จัดการกับคนสุดท้ายลงแล้ว เปิดหีบขนาดใหญ่ขึ้นมา  “แยกย้ายกันทำงาน อย่าปล่อยให้รกหูรกตาบอสได้”


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้


 


“ลุกขึ้น” เย่ฮัวกระซิบ


“โอ้”


เย่ฮัวถอนหายใจอย่างเหลืออด  แต่ชิงหยารู้สึกตัวขึ้น


“พวกเราอยู่ที่ไหนกัน?” ชิงหยาเปิดตาคู่สวยของเธอ แล้วพบว่าตัวเธอเองกอดเย่ฮัวอยู่  เธอจึงขอให้เขาวางเธอลง


 


เย่ฮัวตะคอกอย่างเยือกเย็น “ทำไม ถ้าคุณกอดผมไว้  ไม่ยอมห่าง?”


“ฉัน…ฉันไม่ได้ต้องการจะกอดคุณ” ชิงหยกระซิบ แล้วก้าวลงจากรสในทันที ไม่เหลือโอกาสให้เย่ฮัว


เย่ฮัวอยู่ในรถเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา


“ผู้สูงส่ง ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นไม่สามารถรอดพ้นเหงื่อมือคุณ” เว่ยชางหันกลับมาแล้วพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ


เย่ฮัวถอนหายใจเบา ๆ “ถ้าหากฉันยังมีชีวิตอยู่เธอไม่สามารถที่จะหนีฉันพ้น!”


 


เลี่ยกูหยิบหนังสือเล่มเล็กอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วจดบันทึกคำพูดของผู้อาวุโส  เอาไว้พูดกับผู้หญิงของเขา แล้วเขาจะไม่แตะต้องเธออีกจนตาย ทั้งหมดนี้มันคือหน้าที่ของการรับใช้  คิดแค่นั้นและความตาย


 


เมื่อเย่ฮัวก้าวลงจากรถ เขาได้กลิ่นที่คุ้นเคยมันเป็นกลิ่นเลือด เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ มันฉันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก!


“บอส” ผู้หญิงทั้งสี่คนตะโกนขึ้นด้วยความอ่อนโยน


เย่ฮัวพยักหนาแล้วพึงพอใจ แล้วพูดขึ้น “ ทำได้ไม่เลว”


“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะบอส”  ผู้หญิงทั้งสี่คนส่ายหัว เมื่อเห็นชิงหยาขว้างหินอยู่ไกลๆ  อย่างไม่สนใจใยดี แต่เย่ฮัวสังเกตเห็นอยู่เป็นครั้งคราว


 


เมื่อเย่ฮัวเห็นชิงหยากำลังจะเดินออกไปเขาจึงตัดสินใจเดินตามออกไป


“บอส กล่าวชมเธอว่าไม่เลวเลย” เลี่ยกูเดินไปที่ ไป๋เสี่ยวเฉินแล้วจับคางของเธอขึ้นมา แต่ไป๋เสี่ยวเฉินก้มหน้าหน้าลงด้วยความรู้สึกอับอาย


 


“บอกช่วงเวลาที่ดีทีดีสุดให้ปู่ได้รู้หน่อย” เลี่ยกูเยาะเย้ย ช่างเถอะมันเปลี่ยนแปลงได้


ฉันถูกถามถึงช่วงเวลาที่ดีในขณะที่ฉันดูย่ำแย่ “บ้าที่สุด”


“ฮ่าฮ่า”


 


เมื่อเว่ยชางมาถึง  ถังเว่ยโผเข้ากอดเว่ยชางในทันที


เว่ยชางปลอบโยนหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนโยนแล้วถามขึ้น “ยังคงใช้ได้อยู่มั้ย?”


“ดีค่ะ” ถังเว่ยเปลี่ยนจากผู้ที่มีจิตใจดี  เด็กสาวในโรงเรียน มาสู่เทพแห่งความตายหญิง ทั้งสามสิ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่สำหรับวันนี้พวกเขาไม่กล้าจะคิดถึงมันเลย


 


โรงเรียนฝึกอบรมคนชั่ว ถูกแล้วใช่มั้ย? ชิงหยาบ่นพึมพำ


เย่ฮัวเดินเข้ามาหาชิงหยาแล้วพูดกับหล่อนคำพูดที่ “ คุณพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว”


 


ชิงหยาชำเลืองมองผ่านไหล่ของเย่ฮัว  ไม่มีอะไรนอกจากคำหลอกลวง!


“ไม่ต้องมองแล้ว  มันผ่านไปแล้ว”


“ฮึ่ม‼”


“ดูแลภาพลักษณ์ของคุณด้วย   ผู้คนมองดูคุณอยู่ ทำตัวให้เป็นผู้หญิงหน่อย”  เย่ฮัวพูดขึ้นก่อนที่จะเดินไปยังเว่ยชางและคนอื่น


 


ชิงหยากระทืบเท้าแล้วคว้างหินก้อนเล็กๆ  “ เขาเริ่มที่จะสั่งสอนฉันอีกแล้ว ฉันไม่รู้เลยว่าพวกกำลังทำสงครามเย็นกันหรือไม่?”


 


ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของเย่ฮัว  ในฐานะผู้หญิง เธอจะต้องเป็นผู้หญิง อย่าให้เขามาดูถูกเธอได้อีก


 


วันนี้ฉันจะไว้หน้าเขา


ชิงหยาค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตอย่างช้า ๆ


เย่ฮัวพูดกับเว่ยชางและเลี่ยกู “มองหาเทพที่จำเป็นจะต้องใช้ เพียงแค่สรรหาวิธีการเล็กน้อย ๆ  ชิงหยายังคงไม่ยอมแพ้”


“น่าเลื่อมใสนักที่ผู้สูงส่งสามารถรับมือได้!”  เว่ยชางเกรงผู้ผู้สูงส่งจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการยั่วยุอารมณ์


“ผู้สูงส่งคือผู้ยิ่งใหญ่” เลี่ยกูรู้สึกเลื่อมใน เนื่องจากผู้สูงส่งฉลาดมากขึ้นและไม่อ่อนโยนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน


 


เพื่อให้เห็นถึงอำนาจแห่งความเป็นราชาของเขาเย่ฮัวเดินไปที่ชิงหยาแล้วโบกมือเรียก


ชิงหยาพ่นลมแล้วทำได้แค่เพียงเดินมาหาเย่ฮัว


 


เย่ฮัวรู้สึกยินดีอยู่ภายในใจ นี่มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น


 


แน่นอนที่สุดการตั้งแคมป์ไม่สามารถขาดอาหารปิ้งย่างได้  ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว วันนี้หญิงรับใช้สี่คนจะทำหน้าที่ดูแลอาหารให้กับทุกคน


 


เย่ฮัวนำตกปลาที่ริมแม่น้ำ  และแน่นอนที่สุดติดตามไปด้วยเว่ยชางและเลี่ยกู


 


สำหรับเว่ยชางคงไม่เป็นไรแต่เลี่ยกูนั้นดูเหมือนว่าเขาจะขาดความอดทน เนื่องจากปลาไม่ติดเบ็ด แล้วเขาก็ระเบิดอารมณ์ฉุนเฉียว


 


ชิงหยาพักผ่อนอยู่ที่ม้านั่ง  ขณะที่ปอกเปลือกผลไม้ให้เย่ฮัวไปด้วย เป็นการให้เกียรติเขา  ยอมปล่อยให้เขาแสดงความต้องการแบบเด็ก ๆสักวัน


“การตกปลาตกคือความเงียบ” เย่ฮัวพูดขึ้นแล้วหันไปมองที่เลี่ยกู


คุณต้องการทำเสียงดังอีกมั้ย? มันคือปัญหา


บทที่ 142 ดูซิว่าฉันจะจัดการเธอคืนนี้อย่างไรดี!


 


เลี่ยกูเหวี่ยงเบ็ดอีกครั้ง “นายท่าน ไม่เห็นจะได้ปลาเลย ไม่ใช่ว่าเจ้าเหยื่อนี่หมดอายุแล้วเหรอ?”


 


“เจ้านั่นแหละหมดอายุ” เว่ยชางเล่นมุก


 


ถึงแม้ว่าชิงหยาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ฟังตลอด เธอรู้สึกว่าบางครั้งคนเหล่านี้ก็เหมือนเจ้านายกับลูกน้อง แต่บางครั้งก็เหมือนเพื่อนโดยที่มีเย่ฮั่วดำรงค์ตำแหน่งหัวหน้าตลอด รู้สึกเหมือนคนๆนี้มีความลับเยอะ และความลับพวกนั้น…ยังไม่ได้บอกเธอ


 


บุคคลที่เหมือนจะเข้าใจง่ายคนนี้เปิดประตูด้วยรีโมท และเหล่าลูกน้องก็คอยเป็นบอร์ดี้การ์ดให้ชิงบาร์ จริงๆนี่มันก็เหมือนหมาประหลาดๆมาตั้งแต่ต้นแล้วนะ ตอนนี้ฉันไม่รู้หรอกว่าจะไปไหนด้วย แต่เดาได้เลยว่าฉันต้องกำลังโดนหลอกทำอะไรซักอย่างอยู่แน่ๆ แต่…พวกนี้ก็แปลกจริงๆนั่นแหละ


 


หรือว่าเย่ฮั่วกำลังซ่อนตัวจากศัตรู?


 


แต่ไม่ว่าจะเป็นทีวีหรือนิยายต่างก็พูดว่าโลกแห่งวัฒนธรรมนี้ ผู้อ่อนแอจะขอพรให้ตนแข็งแรง ถ้าเย่ฮั่วกำลังหลบหนีจากศัตรูจริง อะไรคือสิ่งที่ควรทำล่ะ? ถ้าไม่ไปด้วยกัน ก็จะไปรังแห่งขุนเขาไม่ได้ และศัตรูของเขาเองก็น่าจะตามไปไม่ได้ด้วย


 


ชิงหยาคิดไปถึงแผนถนน N ในทันที จากอารมณ์ดีๆก็กลายเป็นเปี่ยมด้วยความทุกข์ระทมทันที


 


มองไปยังเย่ฮั่วที่มีเสน่ห์ดึงดูดทั้งๆที่ไม่มีอะไรแปลก อะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายจริงๆกันแน่? ตาบ้านี่เคยแยแสอะไรด้วยเหรอ? คิดไม่ออกเลยว่าถ้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผู้ชายคนนี้จะนำพาปัญหาอะไรมาให้ฉันอีกนะ!


 


ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีพลังพิเศษ แต่ฉันก็มีสมองมากพอ ในตอนนี้เขาก็ยังนับว่ารวยมากๆ การรับบริจาคจากถนนนั้นยังเหลือเยอะมากพอและแน่นอนเลยว่านั่นก็เพราะพวกเขายังไม่หิวเงินกัน


 


เย่ฮั่วยื่นมือออกไป


 


ชิงหยาไม่ได้หยิบส้มและวางมันลงบนมือของเขา ก่อนจะต่างฝ่ายต่างหันมองซึ่งกันและกัน


 


“นายท่าน ดูจากสถานการณ์ ข้าเกรงว่าคืนนี้จะเริ่มไม่ดีแล้วนะ” เว่ยชางวางปลาที่จับได้ลงในตะกร้าและกระซิบ


 


เย่ฮั่วพยักหน้าและไม่ได้ใส่ใจเธอมากนัก


 


เลี่ยกูเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับปลา เขากระซิบ “นายท่าน ให้ข้าทำสิ่งนั้นเถอะ นี่มันน่าเบื่อนะ ไข่ข้าอยากจะลั้ลล้าวู้ฮู้มากๆเลยตอนนี้”


 


“งั้นฉันจะไปหาผู้หญิงของนายตอนที่ไข่นายมีปัญหาละกัน” เย่ฮั่วตอบอย่างแน่นิ่งและจุดบุหรี่


 


“ตามข้อเสนอนั้นเลย!”


 


เลี่ยกูล้มเลิกการตกปลาไปในทันที เขาหันไปและตรงเข้าหาเหล่าสาวๆของเขาก่อนจะพาพวกเธอเข้าไปในป่าด้วยความเคอะเขิน


 


ถังเว่ยผู้ที่กำลังหั่นผักอยู่ก็อยากรู้อยากเห็นแหละแต่เธอก็ไม่เข้าใจอะไรเลย


 


ชิงหยาถอนหายใจหนักกว่าเดิม นี่มันเป็นเจ้านายประเภทไหนกันน่ะ อยู่เพื่อสืบพันธุ์รึไง… เจ้านายที่ไปไหนก็ไม่มีอะไรดี นึกถึงตอนที่เจอเย่ฮั่วใหม่ๆเลย นึกว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่ดีแล้วจะเจอผู้ชายดีๆซะอีก


 


“นายท่าน เราจะไม่ทำอะไรในตอนนี้จริงๆงั้นหรือ?” เว่ยชางถามแบบตื่นอกตื่นใจ


 


เย่ฮั่วถือบุหรี่ไว้ก่อนจะมองไปยังผืนน้ำ “จำคำถามที่ถามเมื่อวานได้หรือเปล่า?”


 


“ปัญหาหรือ?”


 


“ผู้ติดตามของนาย” เย่ฮั่วย้ำเตือน


 


เว่ยชางจำได้แล้วแต่กระนั้นก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของท่านผู้สูงส่งนี่อยู่


 


“มันน่าเบื่อ”


 


ต้องลดตัวมาเล่นกับฝุ่นแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา เย่ฮั่พูดอย่างใจเย็น “ในเงื่อนไขการเป็นมนุษย์ พวกเราไม่ได้อยู่ในวัฎจักรเหล่านั้น แต่ตอนนีมันต่างออกไป เรามีคนของเรา”


 


“นายท่านหมายถึงผู้หญิงเหล่านั้นหรือ?” เว่ยชางดูสดใสขึ้นมาเลย


 


“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอเหล่านั้น วันนี้พวกนายก็แค่มาวิ่งเล่นกัน แต่เพราะฉันเปลี่ยนใจแล้ว”


 


เว่ยชางยังคงหลงเหลือความไม่เข้าใจอยู่ มันค่อนข้างสับสนมากๆ


 


เย่ฮั่วพูดต่อ “มนุษย์นั้นบางเวลาก็ไม่เลือกกรรมวิธีสำหรับเป้าหมายหรอกนะ แม้มันจะต้องแลกมาด้วยความใสซื่อของหญิงสาวก็ตาม เพราะงั้นถึงพวกเธอจะไม่ได้ดีเทียบเท่าการตาย แต่ถ้าพวกเธอถูกใช้งานด้วยเทวทูต ให้พวกเธอหยิบมีดหยิบเขียงขึ้นมาและใช้งานมันในแบบของเธอ มันเป็นอะไรที่สนุกมากเลยนะ”


 


เว่ยชางเข้าใจในสิ่งนี้ รับทราบด้วยความจงรักภักดี “นายท่านนี่ฉลาดจริงๆ”


 


“จงจำไว้ว่า มีมนุษย์กี่คนที่ถูกทอดทิ้งโดยบริษัทของพวกเขา และถ้าพวกเหล่าเทวทูตเข้าไปช่วยในจังหวะนั้นของชีวิต เขาก็จะกลายเป็นดาบให้เรา โชคร้ายหน่อยที่เวลานั้นมันช่างโง่เง่ามากๆนั่นก็เพราะมันทำลายตำแหน่งสำคัญๆออกไป” เย่ฮั่วพูดด้วยเสียงต่ำ ณ ตอนนี้


 


“ท่านผู้สูงส่ง! ข้ากระทำการผิดพลาดมาโดยตลอด ช่วยอย่าผลักดันความรับผิดชอบนั้นออกไปจากข้าน้อยเลย!”


 


“ในฐานะเป็นเจ้านายของพวกแก มันไม่ใช่ภาพรวมทั้งหมด นี่คือความล้มเหลว!” เย่ฮั่วถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ผ่านมา 5 ปี เขาเข้าใจแล้วว่าภาพรวมคืออะไร เขาคิดทุกๆสิ่งก่อนจะรู้สึกว่าเหมือนเด็กเล็กๆเลย มันเด็กมากๆ


 


มีการฆ่าฟันนับไม่ถ้วน ไร้ซึ่งความสงบ!


 


เหล่าผู้ที่ดีงามต่างก็ให้บทเรียนแก่พวกเขาแล้ว


 


“เว่ยชาง โลกใบนี้นั้นไม่ง่ายนักหรอก จงเป็นผู้ฝึกตนเสมอ และต่อสู้กับโลกใบนี้ไปเรื่อยๆในอนาคตกันเถอะ!”


 


“รับทราบครับ!” เว่ยชางตาเปล่งประกายแห่งความกระหายเลือด เขาเริ่มจินตนาการภาพสุดล้ำขึ้นมาในหัวทันที


 


ท่านผู้สูงส่งยืนอยู่ในตำแหน่ง C ด้านหลังเป็นบาปทั้ง 7 และใต้เท้าเป็นกองกระดูกมนุษย์!


 


“ให้เจ้ากระดูกเตรียมพร้อมซะ สตรีจากสำนักเมฆาจะสามารถมองเห็นเขาได้ก็ต่อเมื่อเขาพิชิตเธอได้” เย่ฮั่วดีดก้นบุหรี่ในอากาศ มันโค้งเป็นวิถีสวยงามก่อนจะตกลงไปในน้ำ


 


“ครับ!”


 


ชิงหยาเลียริมฝีปากแสนเซ็กซี่นั้นเบาๆ ทั้งสองคนนี้เหมือนว่ากำลังจะกระซิบกระซาบอะไรกันซักอย่าง แน่นอนว่าไม่น่าไว้ใจสุดๆ!


 


อะไรก็ตามที่ไม่สามารถพูดกับคุณภรรยาได้ มันทำให้คุณภรรยาอย่างฉันแทบจะเป็นบ้าแล้วนะ!


 


“นายท่าน เนื้ออบเสร็จแล้วค่ะ” ถังเว่ยตะโกน


 


“ชิงหยา ไปเอาเนื้อมา” เย่ฮั่วเรียก


 


“ไม่ไป!”


 


เฮ้ ดูซิว่าฉันจะจัดการเธอยังไงดีคืนนี้!


 


ไม่คาดคิด ชิงหยาวิ่งพรวดเข้าไปในเต้นท์ในขณะที่เย่ฮั่วยืนมองและตัดสินใจไม่รอจนถึงตอนเย็นแล้ว ในเมื่อเธอเข้าไปยังพื้นที่การเรียนรู้เอง เพราะงั้นก็จะเข้าไปสั่งสอนเธอเลยละกัน ว่าภรรยาที่ดีเขาเป็นยังไง!


 


เมดทั้งสามมองไปยังภรรยาของนายท่านที่วิ่งเข้าเต้นท์ไปก่อน ก่อนจะเห็นนายท่านตามเข้าไป ในจังหวะนั้นพวกเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าสวยเริ่มออกอาการแดงระเรื่อขึ้นมา นายท่านและภรรยาของนายท่าน…


 


ถังเว่ยเหลือบมองไปยังลุงเว่ย และก็พบว่าลุงเว่ยเองก็มองเธออยู่ เขาย่อตัวลงมา วันนี้มันทั้งหมด 3 เตนท์ และนั่น หมายความว่าเธอต้องอยู่กับลุงเว่ย เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจดวงน้อยของถังเว่ยก็เต้นแรงราวกับจะโดดออกมาเต้นด้านนอกเลย


 


มองไปยังท่าทีที่เขินอายสุดๆของถังน้อยและชุดที่สวมใส่ในวันนี้ เว่ยชางเองก็ใจเต้นแรงไม่น้อยหน้า บาดแผลในจิตใจนั้นถูกเยียวยาแล้ว แต่ก่อนจะถึงช่วงนั้น เขาต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้เสร็จเสียก่อน


 


“ผู้วิเศษแห่งความตาย!” เว่ยชางไม่ได้อัญเชิญ แต่เป็นการเรียกจากระยะไกล


 


“ผู้วิเศษแห่งความตาย!” เว่ยชางเรียกอีกครั้ง ทำไมถึงไม่มีการตอบกลับนะ?


 


“ไอ้คุณผู้วิเศษติดพนัน!!!”


 


“แค่ก! แค่ก! ค่อกแค่ก! นายท่าน–เดี๋ยวก่อนสิเห้ย! เจ้าอย่าเพิ่งเข้ามาเส่ะ! นายท่าน รอซักครู่นะขอรับ” น้ำเสียงของผู้วิเศษแห่งความตายนั้นดูยุ่งเหยิงมากๆ


 


แต่นั่นก็ทำให้เว่ยชางโล่งอกขึ้นหน่อย


 


หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้วิเศษแห่งความตายก็ตอบกลับ “นายท่าน ข้าทำให้นางสลบไปแล้ว ไม่มีใครรบกวนแล้วขอรับ”


 


“ดี! อ๊ะ? เดี๋ยวสิ เจ้าไปทำใครสลบนะ!!!” เว่ยชางมึนงงก่อนจะช็อคต่อในทันใด


 


“นายท่าน? ข้า…”


 


“ท่านผู้สูงส่งมอบภารกิจใหม่ให้เจ้า!” เว่ยชางพูดด้วยเสียงจริงจัง


 


ผู้วิเศษแห่งความตายเปล่งประกายในตาสีแดง ในที่สุดท่านผู้สูงส่งก็เห็นประโยชน์ของข้าแล้ว! มันต้องเป็นงานหักกระดูกกระชากไส้ให้เลือดไหลเต็มผืนดินแน่ๆ!


 


“จะไม่มีใครตายทั้งนั้น!”


 


“คำสั่งของท่านผู้สูงส่งคือ เจ้าต้องทำให้มนุษย์ผู้หญิงคนนั้นตกหลุมรักเจ้าให้ได้!” เว่ยชางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับตัวเองเป็นเจ้าของคำสั่ง


 


“….” ผู้วิเศษแห่งความตายพูดอะไรไม่ออก


บทที่ 143 คนขี้โกง


“ในเมื่อเจ้าไม่พูด ข้าก็จะเลือกทางออกที่ดีที่สุดให้เองก็แล้วกัน วันนี้เป็นโอกาสของเจ้าแล้ว ทำให้เต็มที่ซะ!” หลังจากที่พูดจบ เว่ยชางก็ตัดสายทิ้งเลย


ทางฝั่งของผู้วิเศษแห่งความตายที่ดูไม่หือไม่อืออะไรนั้นเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่เพิ่งถูกทำให้สลบไป …จะให้ทำให้ยัยนี่ตกหลุมรักข้างั้นเหรอ…


บางทีถ้าเปลี่ยนเธอเป็นร่างกระดูกด้วยอาจจะง่ายกว่า หลังจากนั้นเธอก็จะน่าเกลียดขึ้นนิดหน่อย เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่ร่างกระดูก เพราะงั้นเธอจึงไม่สบายตัว นั่นก็เพราะเนื้อพวกนั้นทำให้เธออ้วนยังไงล่ะ! เอาเถอะๆ ก็ไม่ได้ยากเกินไปหรอกนะ


ภายในเตนท์


มองดูเย่ฮั่วที่เดินเข้ามา ชิงหยาพูดอย่างเยือกเย็น “ห้ามเข้ามานะ ออกไป”


เย่ฮั่วนั่งลงตรงทางเข้าและพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ทำไมฉันต้องออกจากเตนท์ของฉันเองด้วย?”


ท่าทีแบบนั้นทำให้ชิงหยาอยากจะรีบออกไป แต่เย่ฮั่วก็เขยิบมาดัก “อีก 2 เตนท์เป็นเว่ยชางกับเลี่ยกู”


“นาย! นายมันน่าสมเพช!!” ชิงหยาตะโกนและปล่อยหมัดเล็กๆออกไป


เย่ฮั่วจับหมัดได้ไว้อย่างแม่นยำ “อยู่ที่นี่ เธอห้ามไปไหนทั้งนั้น”


“ฉันจะกลับบ้าน!”


“กลับบ้าน? ถนนแห่งนี้ตัดป่าเข้ามา ฉันกลัวว่าเธอจะหลงทางอยู่ในความมืดแล้วหาทางออกไม่ได้นะ แถมในป่าเวลานี้สัตว์ป่าก็พร้อมจะออกหากินแล้วด้วย”


ชิงหยามองไปยังนัยน์ตาสวยก่อนจะพูดขึ้นอีก “นายวางแผนจะเอาชนะฉันอยู่แล้วสินะ!”


เย่ฮั่วไม่ได้พูดอะไรก่อนจะทิ้งตัวลงนอนช้าๆ


ชิงหยาเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทิ้งตัวลงนอนในฝั่งของเธอ


หลังจากพักหนึ่งเย่ฮั่วก็เอ่ยขึ้นแบบไม่ค่อยใส่ใจว่า “ฉันอนุญาตให้เธอมาทางนี้ได้นะ”


เขายังคงทำให้ชิงหยาหัวเราะได้เสมอ และการอนุญาตครั้งนี้ มันทำให้เห็นชัดว่าเขานั้นหลงตัวเอง


“จะไม่มาเหรอ? ลืมไปเลยว่ามีผู้หญิงอีกมากมายที่อยากจะมานอนตรงนี้”


“หนอยแน่!” ชิงหยานั่งและจ้องเขม็งราวกับเสือร้ายที่มองไปยังเย่ฮั่วที่กำลังแสดงตนเหมือนพวกคนอ่อนแอ และในตอนนั้นที่บริเวณปากของเขาก็แสดงออกถึงรอยยิ้มน้อยๆออกมา


ชิงหยารู้สึกได้ทันทีว่าเขานั้นมันงี่เง่า ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่ได้ดีเลิศขนาดไหน


“ฮึ่ม~ นอนกับของๆนายไปเลย!”


เย่ฮั่วขยับตัวเข้าหาชิงหยาอย่างง่ายได้ และเมื่อเขาได้ตัวเธอ เธอก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเย่ฮั่วแล้ว


“นายจะทำอะไรน่ะ!!”


“เธอพูดเองนี่ว่าให้นอนกับของๆฉัน”


“น-น่าละอาย! น่าละอายที่สุด!!” ชิงหยาหน้าแดงขึ้นมาทันที ข้างนอกนั้นยังมีคนอยู่อีกตั้งเยอะแน่ะ!!


เย่ฮั่วหายใจช้าๆ “ไม่ได้เจอหน้าเทวทูตซะนานเลยนะ!”


“ฉันยังคงศรัธาในเทวทูตเสมอ เทวทูตที่ชอบทำตัวอวดรู้ต่อหน้าฉัน…” ชิงหยาตอบกลับ ในความเป็นจริงแล้วหัวใจของเธอมันเต้นแรงมากๆ และท้ายสุดแล้วเหมือนว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ตั้งใจมาหาความสงบแน่ๆ


เพี๊ยะ!


เย่ฮั่วตีก้นของเธอเบาๆ


“นาย! ตีก้นฉันเหรอ!”


“ก็เธอไม่เชื่อฟัง!” เย่ฮั่วพูดแบบเย็นชา นี่เป็นเวลาของการลงโทษแล้ว


ใครจะไปรู้ว่าชิงหยานั้นไม่ได้แตกตื่น เธอยกมือขึ้นและตีไปที่ก้นของเย่ฮั่วเช่นกัน


นี่หล่อนหวงตูดขนาดนั้นเลยเหรอ…


การที่ชิงหยามองเย่ฮั่วแบบนั้นมันทำให้เขาเองประหลาดใจจนทำตัวแข็งใส่ไม่ลง


“รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป!” เย่ฮั่วพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม


ชิงหยาก้มหัวแล้วกระซิบ “ไม่รู้~”


“ไม่ยอมรับผิดงั้นเหรอ! ได้เลย ฉันจะตีให้ก้นช้ำเลย!” เย่ฮั่วพูดอย่างดุร้าย เขายกมือสูงหมายจะฟาดไปเต็มเหนี่ยว


ชิงหยาตกใจมากๆเลยต้องรีบอ้อนวอน “ฉันผิดเอง ฉันผิดเอง! ทำไมขี้เหนียวขนาดนี้เนี่ย มันไม่ใช่ว่าฉันตีก้นนายบ่อยซักหน่อย นายตีฉันตั้งหลายครั้ง…”


หัวใจของเย่ฮั่วกำลังยิ้มร่าแต่ก็ยังมีอาการเกรงกลัวนิดหน่อย นั่นเพราะชิงหยานั้นเป็นศัตรูกับเทวทูต!


เย่ฮั่วพูดอย่างไม่แคร์ “คิดว่าสวรรค์จะรู้หรือเปล่าว่าเธอผิดอะไรน่ะ?”


“ฮึ่ม!”


เขายกมือขึ้นสูงอีก


“ฉันผิด…”


เย่ฮั่วรู้สึกพึงพอใจมากๆ “ครั้งหน้าอย่าทำอีก”


ชิงหยากัดริมฝีปากตนเองแต่ก็ไม่ได้แรงมาก มิเช่นนั้นก้นเธอคงโดนตีจนบวมแน่ๆ รอให้ถึงเวลาของฉันก่อนเถอะ ตอนนี้ปล่อยให้ได้ใจไปก่อน


“ไม่กล้าแล้ว” ชิงหยาพูดแบบน่าสงสาร


ชั่วขณะหนึ่ง เย่ฮั่วถามขึ้นมาอย่างจริงจัง “ตุ๊กตานั่นมายังไง!”


“ไปได้ตุ๊กตาฉันมาจากไหนน่ะ?” เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ชิงหยาก็ส่งกล่องเล็กๆให้


“เผา!”


ตุ๊กตา : ถ้านายเผาฉันอีก นี่จะเป็นตัวที่พันแล้วนะ


ชิงหยาพูดต่ออย่างไม่ได้โกรธอะไร “จะทำอะไรน่ะ ไม่เห็นค่าของเงินหรือไง มันน่ารักจะตาย”


“มันเป็นปีศาจ! เพราะมันจ้องจะนอนกับผู้หญิงของฉัน!”


“เอาไปไว้กับนายเลย” ชิงหยาแกล้งหยอกเขา ดูเหมือนหวาเขาจะกลายเป็นราชาตัวแสบแห่งโลกของอารยธรรมไปซะแล้ว


อย่างไรก็ตาม ชิงหยาเองก็ชอบเย่ฮั่วที่เป็นแบบนี้ นิสัยที่ชอบเอาแต่ใจ เหมือนกับประธานธิบดีขี้หวงในหนังสือไม่มีผิด


“จะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วใช่มั้ย?” เย่ฮั่วถาม


“ไม่แล้ว”


“แล้วถ้าเธอทะเลาะล่ะ?”


“นั่นเป็นความผิดของฉัน”


“แล้วถ้าครั้งนั้นฉันเป็นคนผิด?”


“นั่นก็ต้องเป็นความผิดฉันก่อน”


เย่ฮั่วอยากจะบันทึกเสียงข้อความพวกนี้ไว้เสียจริง เพื่อจะได้เอามาเปิดให้ฟังอีกว่าพูดอะไรไว้ เพื่อที่จะให้เห็นว่าเทวทูตจะฝึกฝนหญิงสาวได้อย่างไร พวกนายเองคงไม่รู้จักชายผู้ไม่กลัวเมียแน่ๆ


ไม่จำเป็นต้องง่ายเหมือนพาย ชิงหยาก็ยอมแพ้เแล้ว


อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของชิงหยา เย่ฮั่วนั้นถูกยอมรับนานแล้ว เธอมองหน้าเขาและปล่อยให้ขั้นตอนถูกกระทำต่อไป


ทันใดนั้น!


เย่ฮั่วก็กดชิงหยาลงไปเบื้องล่าง


เธอสับสนและสบตากลับมายังเขา


และเย่ฮั่วไม่ได้คลายข้อสงสัยนั้นหากแต่เขาก็บรรจงจูบเธอลงไปแทนคำตอบที่เธอสงสัยมานาน ผู้หญิงคนนี้กำลังดูน่าเย้ายวนมากขึ้นเรื่อยๆ


ครู่ใหญ่ๆ จึงค่อยๆละปากออก ชิงหยานั้นยังอยู่ในอาการหน้ามุ่ยอยู่เลย “นาย! นายขี้โกง!”


“ขี้โกงตรงไหน?”


“ทั้งหมดนั่นแหละ! ใครก็ไม่รู้บอกว่าจะไม่จับหรือแตะต้องผู้หญิงคนอื่นเป็นครั้งที่สองแล้ว!“ ชิงหยารับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของเย่ฮั่วนั้นเปลี่ยนไปนิดหน่อย


เย่ฮั่วสบตาและพูดด้วยความไม่ได้ใส่ใจอะไร “ใคร? ไอ้คนๆนั้นมันเป็นใคร!”


“หน้าไม่อาย! ไม่หนักแน่นเลย! ขี้โกง! บุ่ยยยยยยยย”


อย่างไรก็ตาม เย่ฮั่วนั้นไม่ได้เคลิ้มไปกับการจูบแล้ว เขายกตัวขึ้นมาให้สูงขึ้นหน่อย


ซึ่งนั่นทำให้ชิงหยาผลักเขาและวิ่งออกมาด้วยใบหน้าแดงกล่ำได้


มองไปยังชิงหยาที่ออกไปคนเดียว เย่ฮั่วเลียริมฝีปาก “พวกผู้เฒ่าผู้แก่ เมียเก่า ยังคงขี้อาย…”


ผู้คนด้านนอกที่เห็นภรรยาของเขาวิ่งออกมาด้วยใบหน้าแดงนั้นต่างพากันรู้สึกดี


เว่ยชางกล่าวชื่นชมผู้เป็นนายที่สามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง


แต่ทางด้านเลี่ยกูนั้นก็ยังไม่กลับมา


ในขณะเดียวกัน ยังคงมีหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นบ้า


ในย่านเก่าๆของเมืองหลงอัน มันเป็นพื้นที่ปล่อยเช่าทั่วๆไป ซึ่งอยู่ถัดจากทางลงเขา พวกเขา..อาศัยอยู่ที่นี่


ในตอนนั้น ฟ่างฟ่างนั่งอยู่บนโซฟา มือก็ถือดาบยาวไว้และมองเกมที่ผู้วิเศษแห่งความตายกำลังเล่นอยู่ไปด้วย เสียงหอบนั่น ถ้าเข้าใจไม่ผิด เหมือนว่ากำลังเหนื่อย


ฉันยังจำได้ว่าเมื่อตอนตื่นเช้ามา ฉันมองเห็นหน้าเพียงแว้บเดียวเท่านั้น ฉันรับรู้ได้ว่าลมปราณของฉันถูกผนึกไว้ แต่ทั้งๆที่นายบอกว่าไม่ได้โกรธเนี่ยนะ!


ในกรณีที่จะล้างแค้น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ไปตามใคร การลอบสังหารทั้งหมด แมลงสาปทุกชนิดแม้แต่สารส้ม ทุกอย่างที่พยายามจะกระทำใส่เจ้าร่างกระดูกนี้ เป็นตัวยืนยันแล้วว่าร่างกายของเขาต้านทานพิษกว่าร้อยชนิด เขาตายยากมากๆ เธอห่อไหล่


และเช่นเดิมในกรณีที่จะล้างแค้น ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่ ยังไงก็ดีกว่าต้องไปอยู่ใต้สะพานเหมือนที่เขาชอบทำนั่นแหละ!


แม้แต่ในกรณีที่จะไม่เปิดโอกาศให้เขาแก้แค้น นอกจากจะต้องให้เงินเขาเล่นเกมแล้วยังต้องให้เงินซื้อซิการ์อีก!!!


ศัตรูคราวนี้ดูท่าจะตรึงมือ เขาไม่ยอมเอาเครื่องมาชาร์จแล้ว และแน่นอน เขากำลังโกรธชัดๆ!!!


ปิ้วปิ้วปิ้ว….


ฟังเสียงที่คุ้นเคยนั้นแล้วกลับไปมองฟ่างที่ไร้พลังที่นอนแผละอยู่บนโซฟา ศัตรูของเขาคงเกือบจะทำอะไรไม่ได้แล้ว จะเอาฆ่าร่างกระดูกได้ยังไงฮะ! ไม่รู้จักการเอาไปทำอาหารหรือไง? ถ้ายัยนี่เปิดเว็บหาเป็นป่านนี้เขากลายเป็นกระดูกป่นไปแล้ว


ผู้วิเศษแห่งความตายนั้นเพียงแค่ใช้เกมเพื่อยกระดับจิตใจให้ว่างเปล่า ทำไมท่านผู้สูงส่งถึงอยากให้ยัยผู้หญิงน่าเกลียดเธอตกหลุมรักเขานักนะ ถึงแม้ว่าเขาจะหล่อเหลาแม้อยู่ในร่างกระดูกก็ตาม แต่เขาไม่สามารถรับเธอไว้ได้ ถ้าเป็นโครงกระดูกผู้หญิงคงจะน่าพิจารณาอยู่หรอก


บทที่ 144 แม้แต่ความตายก็ยังจะเอารัดเอาเปรียบฉันงั้นเหรอ!


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “เจ้าต้องชดใช้กับสิ่งนี้”


ผู้วิเศษแห่งความตายหยิบมือถือขึ้นมาและแตะไปที่จอ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเงินในบัญชีนั้นไม่พอแล้ว


ฟ่างผู้ที่ถูกจับตัวมานั้นให้เงินเขาไป 500 ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงก่อน ไอ้ผีกินเงินอย่างแกน่ะ รีบๆตายไปซักที!


ในเวลานี้ฉันทิ้งสำนักและไม่ได้พกเงินมาเลย นั่นเพราะเคียดแค้น แต่ก็ยังดีที่มีติดตัวมาบ้างนิดหน่อย


เขามองหญิงสาวบนโซฟาที่ไม่ได้ตอบสนองอะไรจึงพิมพ์ลงไปในมือถือ


“ข้าไม่ไปไหนถ้าไม่มีเงิน”


นี่มันภัยคุกคามระดับร้ายแรงแล้วนะ!


เธอปฏิเสธผู้มีความสามารถหนุ่มมากๆ หนำซ้ำยังไม่แคร์พวกเขาเสียด้วยซ้ำ แต่นี่เธอต้องขอร้องให้เจ้ากระดูกนี่อยู่กับเธอ นี่มันผลกรรมอะไรเนี่ย!


เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะและตะโกนอย่างเยือกเย็น “ให้เร็วเลย!”


ผู้วิเศษแห่งความตายนั้นไม่ใช่คนสุภาพมาตั้งแต่ต้นแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์มาจัดการโอนเงินด้วยตนเอง จากนั้นก็ทำท่าเหมือนจะไป แต่ไม่ไป และไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ฟ่างนั้นโกรธจัดมากๆ เธอหยิบดาบของตนและพุ่งเข้าโจมตีที่หัวของผู้วิเศษแห่งความตายจังๆ ถึงมันจะมีกระอักเลือดออกมานิดหน่อยหากแต่ไม่มีอะไรถูกตัดขาดทั้งสิ้น แม้แต่ผ้าคลุมดำด้วย


เขาส่งโทรศัพท์กลับมาให้เธอ


และเมื่อเธอเช็คเงินที่เหลือในบัตรก็พบว่ามันเหลือเพียงแค่ 1 ในเวลาอันรวดเร็ว!!


ฟ่างหยิบโทรศัพท์ของผู้วิเศษแห่งความตายขึ้นมาทันทีและเห็นเหรียญทอง 1 โหลเท่านั้น เร็วอะไรขนาดนี้เนี่ย!!


ฟ่างดันหน้าผากของเขาไว้ไม่ให้นั่งที่โซฟาก่อนจะฟาดดาบลงไปไม่ยั้งเลย “เจ้าบ้า! ยัยแก่นี่มันแฮ็คข้อมูลของนายอยู่ นี่เอาเงินฉันไปเล่นแล้วยังหมดขนาดนี้อีก! ถึงนายจะไม่ต้องกินแต่ฉันต้องกินต้องอยู่นะ!! ไปตายซะ ฮ้ากกกกกกกกกกกกก!!”


ปิ้วปิ้วปิ้ว…


ฟ่าง “…”


มองซิการ์ที่อยู่บนโต๊ะด้วยหางตา เธอหยิบ 1 อันแล้วเดินเข้าไปในตัว จากนั้นก็หยิบเอาขวดสีฟ้าออกมาจากกระเป๋าหลัง


ปิติสุดๆ!!


นี่คือยาพิษในรูปแบบผง มันสามารถใส่ลงไปในน้ำดื่มหรือไม่ก็เผาให้เกิดเป็นควันในอาการ เป็นสิ่งที่ควรมีเวลาจะใช้ฆ่าคน มันเป็นความภาคภูมิใจขั้นสูงสุด ไม่ใช่สิ่งที่สูญเปล่าสำหรับเธอจริงๆ และไม่มีวันเป็นด้วย!!!


เธอใส่มันเข้าไปในซิการ์


ดูดมันให้ชุ่มปอดเน่าๆไปเลยเจ้าโง่!!!


หลังจากเสร็จแล้วเธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินออกจากห้องครัว


ภาพตรงหน้าของเธอคือผู้วิเศษแห่งความตายที่กำลังเล่นเกมอยู่ เธอเดินเข้าไปช้าๆและยื่นซิการ์ให้


เขาไม่ได้มองและหยิบเอาซิการ์จากมือของเธอไป


ผู้วิเศษแห่งความตายทำท่าเหมือนจะหาไฟจุดนั่นทำให้ฟ่างถอนหายใจอย่างโล่งอกและใจเย็นลง


เธอหยิบไฟแช็คและจุดให้เขา


หญิงแห่งฟากใต้คนนี้แหละจะเผาร่างกระดูกของแกเอง! ในเมื่อฉันจะตาย ฉันก็จะต้องตายให้ได้ และแกก็จะต้องตายด้วย!!!


ผู้วิเศษแห่งความตายสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด


ไม่มีควันใดๆออกมาจากปากเพราะมันออกมาจากลำตัวหมดแล้ว


สายตามองควันที่ลอยขึ้นสูง ฟ่างก็คิดอะไรได้ก่อนจะปิดจมูกแล้ววิ่งไปที่หน้าต่าง เธอเปิดหน้าต่างออกกว้างและสูดหายใจเข้าลึกๆและนั่นทำให้เขาแปลกใจนิดหน่อย


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “กลิ่นหอมที่แท้จริง”


แค่ก แค่ก แค่ก!! ฟ่างที่อยู่บริเวณหน้าต่างนั้นรับผลของพิษไปบ้างแล้ว เธอรีบหันกลับมามองไปยังเขา


ร่างกระดูกนั้นดูไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น เขายังคงนั่งเล่นเกมอยู่แต่กลับกันคนที่เป็นกลับเป็นเธอ


ลืมคิดไปเลยว่าอีกฝ่ายเป็นกระดูกทั้งร่าง… ผลลัพธ์นั้นคือเธอกำลังจะตายต่อหน้าศัตรูของเธอ พิษนั้นแรงขึ้นเรื่อยๆแล้ว เธอ…วางยาพิษตนเอง!!!


พระเจ้า นี่ฉันทำอะไรผิดพลาดอีกเนี่ย ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดกับฉันนะ


ผู้วิเศาแห่งความตายเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บริเวณหน้าต่างก่อนจะคิดว่าทำไมเธอช่างขี้เหนียวขนาดนี้ ใช้เงินนิดใช้เงินหน่อยก็จะขู่ฆ่าตัวตายแล้วเหรอ


ฟ่างนั้นกำลังจะตายจริงๆขณะที่ได้แต่มองเขา และต่อให้เธอตาย เธอก็จะต้องฆ่าเขาให้ได้แม้จะเป็นผีก็ตาม!!


เขาหายใจอย่างไร้พลังก่อนที่จะยิงหมอกสีดำเข้าไปยังร่างนั้น


ฟ่างเยาะเย้ยด้วยนัยน์ตาเย้ยหยั่น ไม่ต้องทำแบบนี้ฉันก็ตาย! จำไว้ซะว่าคนอย่างฉัน ต่อให้ตัวตายแต่วิญญาณจะไม่ปล่อยนายไปแน่!!


ในจังหวะที่เธอคิดว่าต้องตายไปแล้ว ฟ่างรู้สึกได้ว่าเธอหายใจง่ายขึ้น เท้าก็ไม่ได้ชาแล้ว มือก็กลับมาปกติ ทุกๆอย่างกลับมาเป็นปกติ


ทำไม!


ทำไมแม้แต่ความตายก็ยังเอาเปรียบฉัน!!


ฟ่างกระโจนขึ้นไปบนโซฟาพร้อมทั้งร้องไห้ออกมา มันดูน่าสงสารและช่วยอะไรไม่ได้เลย


ปิ้วปิ้วปิ้ว…


ดูท่าว่าสำหรับเขา บนโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการพนันนี่แล้ว


มุมหนึ่งของน้ำตก


เลี่ยกูก็ยังไม่กลับมา


ชิงหยาที่หน้าแดงนั้นนั่งโยนหินลงน้ำอยู่อย่างนั้น ซึ่งมันทำให้ปลาน้อยใหญ่ต่างพากันตกใจ ยัยตัวปัญหานี่…


ความจริงแล้วเธอมักจะมองเย่ฮั่วตลอด หัวใจของเธอมันเต้นแรง เจ้าบ้านั่นชอบที่จะใช้คำพูดหลอกลวง ตอนนี้ก็ด้วย สาบานเลย!


อ๊ะ! จริงสิ ทำไมไม่ถามเจ้าตัวไปเลยล่ะ…ไม่ ฉันต้องถามให้ชัดเจน ฉันจะวิ่งหนีไม่ได้


ชิงหยาที่หน้าแดงนั้นเดินกลับไปและดึงเย่ฮั่วกลับไปใกล้ๆเต้นท์


ผู้คนที่มองอยู่ด้านนอกนั้นต่างพากันงุนงง ดูท่าภรรยาบอสจะไม่ดีเอาซะแล้ว


เย่ฮั่วดูชิงหยาที่เหมือนจะเร่งเร้ามากๆ เขาค่อยๆคลี่ยิ้มอ่อนๆออกมา “เป็นอะไรไป? รอถึงตอนเย็นก่อนไม่ได้รึไง?”


“อยากจะถามอะไรหน่อย” ชิงหยาพูดอย่างจริงจัง


“เข้ามาในอ้อมแขนนี่ก่อน”


“จริงจังหน่อยสิ!”


“อยากจะกอดความรู้สึกของเธอไว้”


ชิงหยาไม่ได้เปิดใจให้ชายคนนี้ ณ ตอนนี้ เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าอะไรทำให้มีความสุข


แต่พอได้ยินเย่ฮั่วพูดแบบนั้น ชิงหยาก็รู้สึกดีขึ้นมา เธอเคลื่อนตัวเข้าไปซบเขาในอ้อมกอดนั้น


และเย่ฮั่วเองก็จับพิรุธหญิงสาวในอ้อมแขนได้นิดหน่อยก่อนจะลูบผมเธอเบาๆจากโคนจรดปลาย ช่างนุ่มสบายเหลือเกิน


“ไม่อยากถ่ายรูปแต่งงานแล้วเหรอ? เลือกวันมา” เย่ฮั่วพูดแบบไม่ใส่ใจ


ชิงหยายิ้มและเป็นยิ้มที่สวยเป็นพิเศษด้วย เธอพูดเสียงหวาน “แล้วก็อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ”


“หน้าฉันเหมือนคนที่จะเสียใจกับอะไรแบบนี้เหรอ?”


“อวดเก่งอีกแล้ว”


เย่ฮั่วดีดหน้าผากชิงหยาไปทีนึง


“แล้วจะแกล้งฉันทำไมอีกเนี่ย?”


“ชอบ”


ชิงหยาลูบหน้าผากตัวเองเบาๆก่อนจะถามจริงจังอีก “ถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”


“พูดมา”


“นายกำลังหนีอะไรอยู่หรือเปล่า?” ชิงหยาถามด้วยความกังวลขณะมองหน้าเย่ฮั่ว


เย่ฮั่วที่ถูกถามคำถามโดยชิงหยาก็เกิดขำขึ้นมาในใจ เทวทูตถูกตามล่า? ตลกไปใหญ่แล้ว


แต่ดูชิงหยากังวลเขาก็ตัดสินใจแกล้งเธอเสียหน่อย


ทันใดนั้นเย่ฮั่วก็มองต่ำลง ชิงหยารับรู้ได้ว่าความรู้สึกของเย่ฮั่วนั้นเปลี่ยนไป อ่า ท่าทางเธอจะคิดถูกสินะ


“เย่ฮั่ว อย่าทำให้ฉันกลัวสิ”


เย่ฮั่วถอนหายใจหนัก “ชิงหยา ยังมีเวลาที่จะหนีนะ”


เมื่อได้ยินเย่ฮั่วพูดแบบนั้น นัยน์ตางามของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงโดยพลัด เธอกอดเอวของเขาไว้ “ฉันไม่ไป”


เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ… เทวทูตรู้ว่าหัวใจของเธอน่ะอ่อนไหวต่อวิธีการแบบนี้


“ให้กำเนิดเด็ก” เย่ฮั่วพูดย้ำ


ชิงหยานั้นเริ่มร้องไห้แล้ว “เย่ฮัว หนีกันเถอะ ฉันจะขายบริษัท จากนั้นเราน่าจะมีเงินมากพอที่จะใช้ด้วยกันนะ”


เย่ฮั่วตกตลึงมากเพราะเขารู้ว่าบริษัทของชิงหยานั้นสำคัญต่อเธอขนาดไหน แล้วตอนนี้เธอบอกจะขายเพื่อเขาเนี่ยนะ!


เขากอดเธอไว้และพูดอย่างไม่แคร์ “แล้วพวกเราจะไปไหน?”


“ที่ไหนก็ได้ที่นายไป”


“ศัตรูของฉันคงยากที่จะรับมือ และพวกมันจะเจอเราในไม่ช้านะ” เย่ฮั่วยังคงไม่หายตกตะลึง เป็นผู้หญิงที่บ้าบิ่นจริงๆนั่นแหละ


บทที่ 145 สงครามกำลังย่างกรายเข้ามา!


ชิงหยานั้นดูกังวลมากๆ “แล้วจะทำยังไง! แจ้งตำรวจเถอะ ไม่งั้นมันจะเปล่าประโยชน์นะ!”


มองไปยังท่าทีที่ออกมาของชิงหยา เย่ฮั่วก็ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้


ชิงหยานิ่งไปพักหนึ่งเลยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความดุร้าย “นายแกล้งฉันอีกแล้วเหรอ!”


“นั่นมันเพราะเธอโง่เองต่างหาก เธอคิดว่าใครจะกล้าตามล่าฉัน ห้ะ!”


“หนอยแน่!! ฉันอุตส่าห์เป็นห่วงนายมากๆแท้ๆ! แต่นายก็ยังกล้าแกล้งฉัน! เย่ฮั่ว ฉันจะตีนายให้ตายเลย!!”


“ดี เข้ามาเลย!!”


ทันใดนั้นเตนท์ทั้งหลังก็สั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว


ผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างช็อค นี่จะจู๋จี๋กันแรงไปหรือเปล่า…


แต่กระนั้นเลี่ยกูก็ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม


ในตอนนั้นเอง 10 กิโลเมตรห่างจากน้ำตก สถานที่ๆล้อมรอบไปด้วยแมกไม้และมวลนกกา ดอกไม้และกลิ่นหอมซึ่งนับเป็นสรวงสวรรค์ที่ไม่เลวร้ายเลย ณ สถานที่ที่ไร้ซึ่งผู้คนเช่นนี้


ถึงแม้ว่ามันดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ หากแต่ถ้าเงี่ยหูฟังดีๆแล้ว ก็จะรู้สึกและรับรู้ได้ว่าผู้คนที่อยู่รอบๆนี้เพียงแค่สวมชุดดำเฉยๆ พวกเขาซ่อนตัวด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อทำอะไรบางอย่าง


ภายในถ้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก ที่นั่นมีเหล่าชายฉกรรจ์หลายคนกำลังล้อมวงกนอยู่และกำลังถกเถียงกันถึงบางสิ่ง


ใช่ คนเหล่านั้นคือคนจากฟากเหนือ เวลานี้คือเวลาที่พวกเขาต้องจับเจ้าสิ่งนั้นแล้ว!


หนึ่งในนั้นคือหน้าที่คุ้นเคย ถังหวูฉั่ว!


สังเกตุได้ว่าเบื้องหน้าของถัง หวูฉั่วนั้นยังมีหนุ่มหล่ออยู่อีก 1 คนที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็คือหล่อ เป็นคนที่ถ้าพูดถึงคำว่าหล่อก็จะคิดถึงหน้าเขาก่อน ผู้ที่ซึ่งกำลังหายใจอย่างสุขุมนุ่มลึกเหมาะแก่การเป็นผู้นำ


เขาคือผู้สืบเชื้อสายชนชั้นสูงในฟากเหนือ เย่เสี่ยว!


ผู้คนต่างพากันให้ความเคารพยกย่องและไม่มีใครกล้าหือ


ส่วนอีก 3 คนที่เหลือนั้นต่างก็เป็นสำนักที่มีพลังแตกต่างกันไป


เจ้าสำนักจียี่ : เหอเฟิง


ผู้ยิ่งใหญ่แห่งจตุรัสสุมิฟ่าง : ชูเจินไห่


เจ้าสำนักเฟิง หวัง โหล่ว : มังไค


ถึงแม้ว่ากำลังจะไม่แกร่งมากนัก แต่เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็เปรียบเสมือนดาบที่พร้อมทิ่มแทงหัวใจของศัตรูให้ราบคาบไป!


“ท่านเจ้าแห่งตระกูลเย่ เวลานี้ท่านกลับมาได้ ดูท่าความพยายามกว่าครึ่งของผมจะไม่สูญเปล่าสินะ” เหอเฟิง เจ้าสำนักจียี่พูดด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นคนที่ผอมและดูเป็นภาระสุดๆเลย


เย่เสี่ยวเหลือบมองไปยังความวุ่นวายนั้นก่อนจะพูด “ฉันมาอยู่ที่นี่ก็เพราะถังเชิญมา“


ภายในประโยคเดียวพวกเขาก็พากันชะงักไป เจ้ามนุษย์ชนชั้นสูงนี่โอ้อวดชะมัด มันไม่ใช่ว่าเขาอยากกลืนกินพลังของเทพบรรพกาลหรอกเหรอถึงต้องรู้สึกกดดันที่จะต้องออกมาด้านนอก ถ้าเจ้านี่ให้คนจากตระกูลชั้นสูงอื่นๆรู้ พวกเขาคงจะปลุกระดมให้ประชาชนโกรธเคืองและเข้าโจมตีแน่ๆ


“พี่เย่ น้องๆกลัวหมดแล้วนะ” ถังหวูฉั่วโค้งให้ด้วยรอยยิ้ม ขนาดพาเย่เสี่ยวมาได้นี่นับว่าเขามีความพยายามมากๆ คงพ่วงค่าใช้จ่ายมาด้วยแน่ๆ!


แต่ ตราบใดก็ตามที่คุณได้ครอบครองพลังของเทพบรรพกาล ใครจะสนเรื่องที่จะตามมากันล่ะ?


เย่เสี่ยวลูบไหลถังหวูฉั่ว “หัวหน้ากลุ่มอื่นจะให้มันกับฉันเมื่อถึงเวลา เทพบรรพกาลจะต้องมาอยู่ในกำมือพวกเรา! จะไม่ปล่อยให้พวกฟากใต้ได้มันไปแน่ๆ!”


“พี่เย่ ขอจงไว้ใจ น้องชายของพี่จะทำให้ดีที่สุด!”


ผู้ยิ่งใหญ่แห่งจตุรัสสุมิฟ่าง ชู่เจินไห่ เขาเป็นคนอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าของเขานั้นเงาวับและดูคล้ายหมู นี่คงเป็นคำอธิบายที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดแล้ว


“ในกรณีที่อยากได้ความปลอดภัยในชีวิต เดี๋ยวเจ้าของจตุรัสผู้นี้จะเรียกกำลังเสริมให้” ชูเจินไห่ลูบมือ


ฉันมองเห็นเงาดำยืนอยู่ด้านนอกถ้ำ ความรู้สึกกดดันมันพลั่งพรูออกมา มันโจมตีประสาทการรับรู้จะทื่อไปหมด เย่เสี่ยวไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากขมวดคิ้ว 1 คำ 2 พยางค์ลอยเข้ามาในหัว


อาจารย์!


ชายคนนี้สวมผ้าคลุมดำและใช่เขาคือชายที่อยู่ในห้องโถงที่เล่นเกมกันตอนนั้น !


มังไคพูดด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม “ระมัดระวังตัวเหลือเกินนะ”


เย่เสี่ยวก้มหน้าลงต่ำ


“ฉันจะแนะนำเอง” ชูเจินไห่เขย่าแก้มนุ่มๆของตนและมองทุกคนด้วยสายตาสดใส


ชายผ้าคลุมหายใจช้า “ไม่ต้อง ฉันคือ จักรพรรดิฉาง”


“น้ำเสียงอะไรกันนี่!” นัยน์ตาของเย่เสี่ยวถึงกับตะลึง เขาไม่ค่อยชอบคนแบบนี้ คนที่ชอบใช้พลังข่มเหงไปทั่ว เขากล้าที่จะมาข่มตนต่อหน้าเขาผู้นี้ โดยเฉาะชื่อที่มีคำว่าจักรพรรดิอยู่นั่น!


นัยน์ตาสีดำของจักรพรรดิฉางมองไปทางเย่เสี่ยวในทันใด ถ้าอยากจะเล่นล่ะก็ เชิญเล่นได้เลย!


มองไปยังคนอื่นๆ…


ไม่เข้าใจการสบตาแบบนี้จริงๆ สายตาที่มองเฉพาะเจาะจงเพราะมันทำให้อีกสองคนปล่อยแรงกดดันออกมาด้วย ฝั่งที่อดทนไหวก็จะเปิดฉากมองไปที่อื่นอีกที


อย่างไรก็ตาม นาทีต่อจากนั้น ทั้งสองก็ดูเหมือนจะเดินมาอยู่ในระยะที่ใกล้กัน ถ้าเปรียบเทียบต่อไป มันจะต้องปั่นป่วนแน่ๆเพราะไม่มีอะไรดีให้ค้นหา


จักรพรรดิฉางไม่ได้คาดหวังว่าคนเหล่านี้จะเชิญความช่วยเหลือจากต่างประเทศมา ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่เลวเลย แต่พวกเขาต้องหยุดแผนนั้นซะ


“ถัง ถ้ายังฉันไปก่อนนะ” เย่เสี่ยวพูดเบาๆก่อนจะออกไป


ในความจริงมันดูเหมือนจะเป็นปัญหาตั้งแต่มาที่นี่แล้ว ถ้าเกิดตระกูลอื่นรู้ล่ะก็ผลที่ตามมาไม่อยากจะคาดเดาเลย ตอนนี้ทำได้แค่ขอตัวก่อน แต่เขาไม่มีกำลังของตระกูลถังเลย ยังไงก็ตาม ถ้าเทียบกับผลโหวดของถัง ตระกูลเย่ยังไงก็สำคัญกว่า!


“พี่เย่!” ถังหวูฉั่วไม่ต้องการให้เสี่ยวเย่ไปแบบนี้ อย่างน้อยๆถ้ามีเขา ถังก็จะยังมีโอกาสได้ครอบครองพลังของเทพบรรพกาลด้วย และถ้าไม่มีมัน…


เย่เสี่ยวมุ่งมั่นที่จะไปแล้ว และไม่มีใครที่นั่งอยู่สามารถอยู่ได้


อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มในดวงตาของชูเจินไห่นั้นหายไป เย่เสี่ยวไปแล้ว เพราะงั้นงานนี้ก็จะง่ายขึ้น


ใบหน้าของถังหวูฉั่วนั้นค่อนข้างรันทด เขาจะไม่ให้พวกเขาแม้แต่ชุดแต่งงาน ลมหายใจอ่อนๆหายไป


นี่มันยังไม่เริ่มต้นขึ้น ฟากเหนือนั้นได้ 2 แม่ทัพใหญ่มา ผู้ที่ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ร้ายกว่าเยี่ยงจอมอสูร หรือว่านั่นเป็นเพราะการกลับมาของจักรพรรดิหรือเปล่า?


“ทุกคน มาคุยเรื่องแผนกันต่อ” จักรพรรดิมองไปยังทั้ง 3 คนตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมา


มองเผินๆ เขาถูกเชิญมาโดยชูเจินไห่ แต่จริงๆแล้วเพราะเขาต้องการมาแสดงความเห็นด้วยกับเหอเฟิงและมังไค แต่พวกเขาไม่รู้ โดยเฉพาะเจ้าอ้วนนี่ 2 คนนั้นดูฉลาดกว่าเจ้าเสียอีก


คังไห่ยิ้มร่าแล้วพูดด้วยเสียงจริงจัง “ครานี้เราจะเคลื่อนผู้คนในฟากเหนือ จะไม่มีใครต้องโดนกำจัด หลังจากนั้น ทัพของฟากใต้น่าจะอยู่ที่นั่น หากพวกชนชั้นสูงของฟากใต้ไม่ได้ถูกคุ้มกัน มันคงจะอยู่ซักที่ในฟากใต้แหละ อยู่กันแบบลึกลับ”


“ครั้งสุดท้ายฉันให้เสี่ยวยี่ต่อราคาครั้งใหญ่ ตอนนี้ฉันถามเขาแล้วแต่เขาปิด” ชูเจินไห่ถอนหายใจ


และเหอเฟิงก็ส่ายแขนไปมา “เขามีดาบชวนหยวน ถ้านายยังพยายามจะจับเขา มันคงจะจบไม่สวย“


จักรพรรดิฉางไม่ได้พูดขัดอะไร เขาเพียงหลับตาและฟังเรื่องพวกนั้น


หลังจากผ่านมาพักใหญ่ๆจึงค่อยๆพูดขึ้นมา “เมื่อเราค้นพบเทพบรรพกาล ฟากใต้ต้องดิ่งไปขโมยก่อนแน่ ฉันจะนั่งรอทัพและสนุกสนานไปกับฉกชิงราวกับตกปลาเอง!”


ชูเจินไห่หัวเราะ “ที่จักรพรรดิพูดก็ไม่ได้แย่นะ นี่เป็นเวลาที่ดีที่จะได้แย่งเทพบรรพกาลมาเลย!”


เหอเฟิงและมังไคเองก็หัวเราะโดยไม่ได้พูดอะไร นายยังคงนับเงินหลังจากที่เพิ่งถูกขายไป


มองไปยังเจ้าโง่ทั้งสาม จักรพรรดิก็หลุดยิ้มออกมา


หนังสือพิมพ์!!


ฉันเห็นลูกศิษย์ของสำนักจียี่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “ท่านเจ้าสำนัก! ไม่สามารถติดต่อกับกลุ่มที่ห่างออกไป 10 ไมล์ได้ครับ!”


“ฉันจะรีบไปดู!” เหอเฟิงพูด


“ช้าก่อน!” จักรพรรดิฉางสั่ง


เหอเฟิงหันมามองเขาด้วยความสงสัย


“เมื่อสงครามย่างกรายเข้ามา อย่าทำให้เกิดการสูญเสียมากขึ้น ถ้านายถูกจับไปมันคงจะไม่ดี ส่งคนอื่นไปดูแทนซะ”


เหอเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็ให้คนอื่นไปแทน เขาเริ่มหวาดกลัวหลังจากที่คิดได้ ถ้าหากเขารีบเกินไป เขาอาจจะถูกฆ่าโดยศัตรูก็ได้


ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเหอเฟิงคิดอะไร แต่เหมือนว่าคำพูดของจักรพรรดิจะช่วยชีวิตเขาไว้แล้ว


บทที่ 146 เทพบรรพกาลปรากฏแล้ว!


ณ ด้านของน้ำตก


เลี่ยกูก็ยังไม่กลับมา…


เย่ฮั่วและชิงหยานั้นต่างคนต่างหน้าแดง ทั้งคู่พากันเดินออกจากเต้นท์ ชิงหยามองไปยังเหล่าใบหน้าสวยๆของเขาแล้วก็ต้องตกใจ


เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนี้นะ?


“ร่างกายนี่มันแย่ขึ้นเรื่อยๆเลยแฮะ” เย่ฮั่วพูดพร้อมรอยยิ้มก่อนจะตรงไปตกปลา


ชิงหยาคิดจะแกล้งเย่ฮั่ว เธออาจจะต้องตกน้ำก็ได้แต่ก็หวังว่าพระเจ้าคงจะบั่นทอนกำลังเขาไว้บ้าง เพราะงั้นแหละ จะเตะก้นให้รู้แล้วรู้รอดเลยว่าฉันเองก็แข็งแกร่งนะ!


มองไปยังท่านผู้สูงส่ง เว่ยชางเองก็มีความสุขมากๆ นั่นก็เพราะว่าท่านผู้สูงส่งนั้นเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆแล้ว


“ท่านผู้สูงส่ง ได้ใจเธอแล้วสินะครับ”


“ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่” เย่ฮั่วหยิบเบ็ดยกปลาขึ้นมาแล้วพูดแนวๆว่าชิงหยาก็ไม่ได้ยากอะไร


“อะไรไม่ยากนะ?” ชิงหยาเอ่ยถาม เว่ยชางหันหน้ากลับไปส่ายหน้าไปมาพลางบอกว่าตนไม่รู้เรื่อง


เย่ฮั่วที่กำลังง่วนกับการจัดการเบ็ดตกปลาก็เอ่ยขึ้นอย่างเบาๆ “ตกปลาเนี่ย ไม่ยาก”


ชิงหยาเหลือบมองไปยังถังใส่ปลาข้างๆเย่ฮั่ว “ไม่ยากจริงเหรอ?”


แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าไม่มีปลาติดเบ็ดมาเลย!


ไม่ใช่เพียงเลี่ยกูที่จับอะไรไม่ได้ แต่เย่ฮั่วผู้เป็นนายเหนือหัวเองก็จับอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน สมแล้วที่เป็นลูกน้อง ยังดีที่เว่ยชางดูจะไว้ใจได้บาง เขามีปลาเยอะจนนับไม่ถ้วนแล้วก็ยังมีปลาใหญ่อยู่บ้างให้เห็นประปราย


“เอาปลามานี่” ชิงหยากล่าว


เย่ฮั่วยังคงง่วนกับการตกปลาอยู่ เขาตรวจดูเบ็ดอีกครั้ง


ทักษะการห้อยเหยื่อนั้นต่อให้ปลาตาบอดก็ยังรู้ว่ามันเป็นเหยื่อ


“ดูซิว่าฉันเห็นอะไร พ่อหนุ่มที่ไม่เคยตกปลา” ชิงหยาหรี่ตามองเย่ฮั่ว


“หนักหัวเธอรึไง?”


“สู้ป่ะล่ะ มาพนันกันเลย!” ชิงหยานั้นมั่นใจในตัวเองมากๆ


“พูดแล้วนะ”


“ใช่! ใครก็ตามที่แพ้ จะต้องซื้ออาหารเช้าให้ 1 อาทิตย์!” ชิงหยาตั้งข้อตกลงและยิ้มแก้มปริ ความมั่นใจล้นไปหมด


“ย่อมได้!”


ยัยโง่นี่คงคิดว่าจะชนะสินะ หึ ไม่รู้ซะแล้วว่าถ้าเทวทูตอยากจะชนะบ้าง มันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่ขยับมือและเท้านิดหน่อยก็พอ


เว่ยชางอ้าปากเหวอ ท่านผู้สูงส่งต้องกำลังพยายามจะโกงนายหญิงแน่ๆ และเขาคงจะชนะแน่นอน เพราะงั้นแล้วก็รู้เลยว่าใครจะต้องเป็นคนซื้ออาหารเช้า


ท่านผู้สูงส่งช่างชาญฉลาด ทุกการกระทำย่อมโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองได้มากมายไปหมด ทุกประโยคที่พูดไปนั้นมีหลักการและเหตุผลสุดๆ ดูท่าจะแกร่งขึ้นอีกแล้วสินะครับ!


หลังจากผ่านไปพักใหญ่


“ไม่ได้ปลาเลย! นายโกงฉัน!!” ชิงหยาหันมาโวยวาย


“ถ้าเธอแพ้ก็คือเธอแพ้” เย่ฮั่วพูดแบบไม่ใส่ใจ


ดูท่าทีเขาแล้วชิงหยาก็พูดแบบไม่ได้โกรธอะไร “ก็ไม่อยากจะชี้โพรงให้กระรอกหรอกนะ แต่ถ้าจะโกงครั้งต่อไปก็ช่วยหัดดูความพอดิบพอดีบ้างได้มั้ย!”


“พอดิบพอดี?”


“เออสิยะ! แหกตาดูถังของนายด้วย เช้านี้ยังตกไม่ได้อะไรแท้ๆ แล้วนี่พอฉักตกปลามาซักครึ่งชั่วโมงก็มีปลามาซะงั้น! จะโกงชัดเจนไปแล้วนะ ควบคุมจำนวนด้วย ถ้านายโกงแค่นิดๆหน่อยๆให้จำนวนมันต่างกันเล็กน้อยก็ไม่มีใครจับได้หรอก ตาทึ่ม!” ชิงหยายกมือเขกหน้าผากเย่ฮั่วแรง


เย่ฮั่วเริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว นั่นเพราะว่าปัญหานี้เคยเกิดมาตั้งแต่ยุคของพวก 7 บาปแล้ว แต่ก็คิดแก้ไม่ตก แต่มันกลับโดนมองออกและชี้ทางแก้ได้โดยชิงหยา


นี่มันนับเป็นพฤติกรรมของพวกขี้ขลาดที่คนฉลาดไม่ควรจะทำอีก


เขายื่นมือออกไปและหยิกแก้มน้อยๆของชิงหยา “ก็ได้ เดี๋ยวฉันเป็นฝ่ายซื้อให้”


“หืม…โอ้ แล้วก็นี่ด้วย คลายเวทย์มนต์ซะ ฉันต้องตกปลา” ชิงหยาฮัมเพลงด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกว่าอย่างน้อยๆเย่ฮั่วก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว


หลังจากผ่านมาอีกพักใหญ่ๆ เย่ฮั่วค่อยเอ่ยขึ้นอีก “บางทีความพยายามก็ไม่ได้ทำให้ผลมันเปลี่ยนไปจากเดิมหรอกนะ”


“นาย! นายโกงฉันอีกแล้วใช่มั้ย!!”


“ขอเหตุผลด้วย” เย่ฮั่วจุดบุหรี่สูบแบบไม่แคร์


ชิงหยาค่อยๆหายใจ “นายกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ฮะ”


“ไม่ได้เบื่อจะเล่นตลกอะไร”


เย่ฮั่วชี้นิ้วลงไปที่น้ำก่อนจะขยับนิดหน่อยเจ้าปลาน้อยใหญ่ก็พากันว่ายน้ำต่อ


โอเค เย่ฮั่วของฉัน ฉันล่ะเบื่อนายจริงๆ


เว่ยชางผู้ดูอยู่ข้างๆตลอด เขาจดจำทุกการกระทำของท่านผู้สูงส่งไว้ทั้งหมด เขาอยากจะเซอร์ไพรส์และเข้าใจมนุษย์ให้มากขึ้น รู้สึกได้เลยว่าถ้าทำตามท่านผู้สูงส่ง เขาและถังน้อยจะต้องประพฤติตนในทางที่ถูกต้องแน่ๆ


“นายท่าน ข้ากลับมาแล้ว~”


เลี่ยกูเดินออกมาจากป่าพร้อมกับอาเซี่ยที่ไม่ได้สติก่อนจะพาเธอไปในเตนท์และวิ่งออกมาหาปลา


หลังจากนั่งอยู่พักใหญ่ เลี่ยกูก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบๆตัวมันแปลกไปจึงได้ถามออกมา “เกิดอะไรขึ้นอ่ะ?”


“เจ้าหายไปอยู่ไหนมาหลายชั่วโมง?” เว่ยชางเอ่ยถาม


“ก้ไม่ได้ไปนานนี่ ไม่กี่ชั่วโมงเอง” เลี่ยกูตอบอย่างไม่สนใจอะไรราวกับหายไปแปปเดียวจริงๆ


เย่ฮั่วหันไปมองทางชิงหยาและชิงหยาเองก็เหมือนจะรู้ว่าเย่ฮั่วคิดอะไร เธอกำหมัดแน่นและต่อยเข้าไปทันที


ไป๋ เสี่ยวเฉินตามเข้าไปในเตนท์และดูอาการบาดเจ็บของอาเซี่ย ในขณะที่ยี่หรานส่งสายตาให้ถังเว่ย


“ถังน้อย ดูนี่ไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมา” ยี่หรานพูดอย่างหนักแน่น


“โอเคค่ะพี่ยี่หราน”


ยี่หรานหายไปตามที่เธอพูด นั่นก็เพราะว่ารู้สึกว่ามีปลาบางตัวที่กำลังรบกวนการพักผ่อนของนายท่านอยู่


หลังจากผ่านไปไม่นานยี่หรานก็กลับมาและผมของเธอก็ดูแปลกตาไปนิดหน่อย


เย่ฮั่วและคนอื่นๆส่งรู้สึกถึงเลี่ยกูและเว่ยชาง “ทำออกมาได้แย่เอาการเลยนะ”


“ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ”


“ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ”


ชิงหยารู้สึกสับสน เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดอะไร กระซิบอยู่เหรอ?


ท้องฟ้าค่อยๆย่างเข้าสู่ยามเย็น ทุกคนต่างพากันนั่งและเริ่มรับประทานอาหารของตนก่อนที่เย่ฮั่วจะยืนขึ้นและยกแก้วขึ้นตาม


ไม่มีใครกล้าที่จะเมินเฉย ทันใดนั้นพวกเขาก็ลุกแน่นอนว่ารวมถึง 4 เมดส์สาวด้วย โดยเฉพาะอาเซี่ยที่ดูจะอายๆอยู่ไม่น้อย ใบหน้าแดงๆนั้นดูชัดเจนดีจังเลย


เย่ฮั่วพูดแบบเรื่อยเปื่อย “ฉันไม่ได้ออกมาข้างนอกนานแล้ว และฉันมีความสุขมากๆในตอนนี้ เชียร์!”


“ความสุขของนายท่านคือความสุขของพวกเรา!” นอกจากชิงหยาแล้วทุกคนก็ตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน


ฉันทำให้ชิงหยารู้สึกเป็นคนนอกหรือเปล่านะ


หลังจากที่นั่งลง เย่ฮั่วก็พูดกับชิงหยา “เธอไม่กระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าโลกแห่งวัฒนธรรมหน่อยเหรอ? แสดงออกมาให้เห็นหน่อยซี่”


ระหว่างรอชิงหยาตอบ เย่ฮั่วก็โบกมือก่อนจะเกิดแสงสีฟ้าขึ้นมาเหนือโต๊ะ มันเป็นภาพเหมือนโฮโลแกรม ที่ซึ่งมีผู้คนมากมายอยู่ในนั้น คนเหล่านั้นล้วนอยู่ในท่าทีตื่นเต้น


เย่ฮั่วพูด “ทุกคน กินแล้วก็ดูไปด้วย”


ชิงหยามองไปที่สิ่งนั้นจนลืมกินไปเลย


เย่ฮั่วเองก็ไม่ได้หยุดมัน นี่คือช่วงเวลาที่ชิงหยาจะได้เรียนรู้ แต่เหมือนจะมาช้าไปหรือเปล่า กลัวว่าเธอจะยอมรับไม่ได้จังเลย


แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากชิงหยาแล้วทั้งถังเว่ยเองก็ดูจะให้ความสนใจมันอยู่ อีก 3 สาวเองก็ด้วย พวกเธอกินไปดูไปโดยไม่ขัดข้องเลย


ทั้งสามหน่อ เย่ฮั่ว เว่ยชาง และเลี่ยกูนั้นไม่ได้กังวลอยู่แล้ว บางทีเจ้ากระดูกทั้งสามนี่อาจจะปรากฏตัวเพื่อให้ทั้งสามคนนี้ได้ดูมันก็ได้


ไกลจากที่ๆพวกเขาอยู่กว่า 20 กิโลเมตร จุดที่ภูเขานั้นราบเรียบ มันเต็มไปด้วยการขุดค้นมากมาย และหลุมที่ใหญ่ที่สุดก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 20 เมตร มันถูกขุดทิ้งไว้อยู่ตรงกลาง บนพื้นดินนั้นเตรียมเครื่องมือสำหรับลงจอดเต็มไปหมด มีสมบัติมากมายถูกแพ็คขึ้นมาจากด้านล่าง


เหล่าผู้ที่ยืนอยู่รอบๆปากหลุมขนาดใหญ่นั้นประกอบด้วย หวังต้าเป่า , โจว ซิงหราน, เซี่ยนเซิน, กวนเทียนโรด ส่วนคนอื่นๆก็มีไฮ ไต้ซี่, เจ้อชี่ซวน, หยางเชา, ไกเจิง, และเจ้าสำนักเมฆาคนใหม่ น้องสาวผู้ตามหาพี่สาวนั่นเอง


พวกเขาทั้งหมดต่างต้องการพลังของเทพบรรพกาล และไม่ได้สนใจสมบัติเหล่านั้นซักเท่าไหร่


“ออกมาๆ ออกมาเร็ว!”


เหล่าคนในถ้ำต่างได้แต่เชียร์ หัวใจของพวกเขาทุกคนต่างเบิกบานและตื่นเต้นพร้อมๆกันในเวลานี้ เทพบรรพกาลคราวนี้จะเป็นอะไรนะ! ดาบเหรอ? หรือว่าเกราะ? หรือว่าจะเป็นอุปกรณ์เวทย์มนต์?


เมื่อพวกเขาเห็นหยกสีขาวที่ถูกผนึกไว้ ทุกคนต่างพากันกังวลเพราะมันทรงพลังมาก ลมปราณมันซัดรุนแรงอยู่ภายในนั้น แน่นอนว่าเทพบรรพกาลต้องอยู่ด้านในแน่ๆ!


บทที่ 147 ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจ!


 


นักธุรกิจผู้ร่ำรวยแห่งหลงอัน หยูหยูซี่ พูด “ท่านเจ้าแห่งท้องทะเล ท่านเห็นมันหรือเปล่า?”


 


“หยู่ซี่ นายเอาสมบัติพวกนี้ไปก่อนเถอะ” ไฮ่ไต่ซี่มองไปยังหยกสีขาวราวกับเขาได้เทพบรรพกาลชิ้นนี้มาครอบครองแล้ว โลกแห่งพลังนั้นยังไงก็ยังต้องยำเกรงโลกแห่งวัฒนธรรมอยู่ดีนั่นแหละ!


 


ไฮ่ไต่ซี่ดูเหมือนว่าตั้งใจจะเป็นใหญ่ในโลกแห่งพลัง


 


และ หยู่หยู่ซี่ก็รีบออกไปพร้อมกับเหล่านักธุรกิจที่ร่ำรวยคนอื่นอีกนิดหน่อย ที่นี่นั้นมีไว้เพื่อต่อสู้และคนธรรมดาควรรีบออกไปแต่โดยเร็ว


 


พวกเขาควรรีบที่จะยอมแพ้และหนีแต่ในเวลานี้มันมีคนจำวนมากไม่ว่าจะเป็นบนพื้นหรือในอากาศ พวกเขายืนอยู่ด้านหลังเจ้านายของพวกเขาเอง และยังมีคนอีกนับหมื่นที่ล้อมรอบหยกขาวนั้นไว้ ดูท่าว่าสงครามเริ่มจะประทุขึ้นมาทุกทีแล้ว!


 


หวังต้าเป่ายืนมองด้วยรอยยิ้ม “เราจะแบ่งพลังของเทพบรรพกาลชิ้นนี้ยังไงดีล่ะ?”


 


“แน่นอนว่าฉันตัดมันไม่ได้นะ” โจวทิ้งความหวังโดยไม่แคร์อะไร


 


เจ้าแห่งพาวิลเลี่ยนหัวเราะเสียงดัง “ถ้าจะไม่ใช้กรรไกรตัดหินพวกนายก็ต้องไปวิจัยเพิ่มแล้วล่ะ”


 


“หึๆ ทำตัวเป็นเด็กน่า ฉันเข้าใจวิธีเล่นแลนลอร์ดแล้ว ซึ่งมันจะทำให้เราได้มาซึ่งชัยชนะง่ายๆเลย แต่เกรงว่าจะต้องเสียเลือดกันลงแม่น้ำเปล่าๆเนี่ยซี้” เจ้อซวนตะโกน


 


เจ้าสำนักเมฆาคนใหม่รีบปราม “อย่าใจร้อนน่า เป็นถึงเจ้าสำนักก็ควรจะรู้อยู่แล้วว่าเทพบรรพกาลน่ะเลือกผู้ใช้เอง เพราะงั้นแล้วคนที่ไม่มีสิทธิ์ก็คือไม่มีสิทธิ์นั่นแหละ”


 


เหล่าผู้สนับสนุนที่ยืนอยู่ตามพงหญ้าเยาะเย้ย “แล้วผู้หญิงที่หลับนอนกับผู้อาวุโสแทบทุกคนนี่มีคุณค่าขนาดไหนกันนะ”


 


ซินจ่าวหันไปหาพวกเขาและปรามอีก “สงบปากสงบคำเสียบ้าง!”


 


ผู้อาวุโสแห่งกวงเจี่ย กวนเทียนหลู่ พูดแบบไม่ใส่ใจ “ไม่มีเตียงของผู้อาวุโสแล้วก็ยังตื่นเช้าได้อีกเหรอ? เก่งจริงๆนะ”


 


“หยาบคาย! ท่านเจ้าสำนักท่านนี้ใช่ว่าจะพูดจาลามกใส่ได้นะ!“ เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเมฆาต่างพากันตะโกนและชักดาบ


 


ซินจ่าวยี่ชูเผยร้อยยิ้มน้อยๆ “หากเป็นเมื่อ 2 เดือนก่อนคงพูดอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหล่าสำนักเมฆาเองก็มีความคิดเป็นของตนเองแล้วเหมือนกัน ทุกคนต่างไว้วางใจฉันแล้ว!”


 


หวังตาเป่าสะบัดมือ “มานี่ โจมตีตรงนี้ครั้งหนึ่ง ถ้าสำเร็จสิ่งนี้ก็เป็นของเธอ”


 


เธอพยักหน้าก่อนจะโจมตีเข้าไปที่หยกสีขาวนั่นเพื่อจะได้มาซึ่งพลังของเทพบรรพกาล หากแต่มันก็ยังไม่แตกออกมา!


 


เมื่อเห็นดังนั้นกลุ่มอื่นก็เตรียมพร้อมที่จะเป็นฝ่ายเริ่มเกมบ้างเลย แต่ทันใดนั้นจู่ๆตรงพื้นที่ดังกล่าวก็เกิดมวลความมืดอันดำสนิทขึ้นมาก่อนที่จะปรากฏร่างของผู้วิเศษแห่งความตายขึ้นมา เขามาพร้อมเคียวและซิการ์ในปากพร้อมๆกับหญิงสาวที่กำลังเกาะอยู่บนตัวเขา


 


คนที่เห็นภาพนั้นต่างพากันตกใจและช็อคไปตามๆกัน


 


เธอที่พยายามจะฆ่าเขาให้ได้นั้นดูจะรุกรี้รุกรนมากๆเลย


 


1 นาทีก่อนหน้า


 


ณ ห้องเช่า


 


ผู้วิเศษแห่งความตายชาร์จโทรศัพท์เต็มแล้ว ในกรณีนี้ชาร์จให้ตายก็เต็มได้แค่แบตแต่เงินก็ยังร่อยหรอเหมือนเดิม ซิการ์พร้อมแล้ว อยู่ไปก็ไม่ได้อะไร ได้เวลาไปแล้ว!


 


แต่ก่อนจะไป คงต้องหาคำตอบก่อนว่าจะทำยังไงให้ยัยผู้หญิงบ้าคนนี้ตกหลุ่มร่างโครงกระดูกเดินไปเดินมาแบบนี้กันน่ะ


 


แต่ยังไงก็เถอะ…


 


ยังไม่ได้ลองหาด้วยตัวเองเลยแฮะ…


 


ไอ้วิธีที่จะเปลี่ยนร่างกระดูกนี่ให้กลายเป็นมนุษย์น่ะ…


 


อ่า นั่นคงไม่พอหรอก ยังมีอีกหลายปัญหาให้คิด และผู้วิเศษแห่งความตายก็ไม่ได้คิดว่ามันเหมาะกับเขาเสียเท่าไหร่ที่จะต้องมีเนื้อหนังนั่น


 


ฮีโร่ที่ช่วยสาวงามงั้นเหรอ? ไม่หรอก เธอน่าเกลียดเกินไป…


 


ไม่ต้องตััดสินใจให้ยุ่งยากเลย


 


“เคี๊ยะ เคี๊ยะ เคี๊ยะ…”


 


แปลอย่างเป็นทางการได้ว่า “ยัยผู้หญิงน่าเกลียด ลากสังขารขึ้นมาทำตัวหยิ่งยโสแบบปกติได้แล้ว”


 


ฟ่างที่ร้องไห้จนหลับไปลืมตาแดงตื่นขึ้นและลุกพรวดเข้าโจมตีเขาทันที


 


ผู้ใช้ลมปราณไม่ใช่ศัตรูของผู้วิเศษแห่งความตาย เพราะงั้นปล่อยไปดีกว่า


 


เขาไม่สนใจเธอและเรียกความมืดออกมาปกคลุมตนทันที


 


นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนาทีก่อน


 


สาวงามแห่งฟากใต้กำลังนอนอยู่บนตัวของโครงกระดูกปากกล้า และมือของเธอยังทุบอกเขาอยู่ด้วย ภาพแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไงนะ


 


เหล่าคนทั้งพันที่อยู่ในพื้นที่ต่างพากันซุบซิบทันที


 


“ซิบๆๆๆ นั่นมันเจ้าสำนักเมฆาคนก่อนนี่ ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงอยู่ไม่ใช่รึไง ล้มลงไปนอนบนตัวเจ้าโครงกระดูกนั่นด้วยล่ะ”


 


“นั่นเหรอเจ้ากระดูก? ดูผู้หญิงที่กำลังร้องไห้นั่นสิ”


 


“อ๋า เจ้ใหญ่โดนเจ้ากระดูกเปิดฉากไปแล้วเหรอเนี่ย แถมน้องเล็กก็ยังโดนพวกผู้อาวุโสจัดการอีก สำนักเมฆาที่รังตัณหาหรือไงกันน่ะ”


 


“ใช่ๆ นั่นแหละเจ้าสำนักคนก่อน ได้ยินว่าถูกเผาไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”


 


“ฮึ่ม นายรู้อะไรหรือเปล่า นี่น่ะเรียกว่า ผอมจนเหลือแต่กระดูกของจริงเลยนะ รู้มั้ยว่าเจ้าผ้าคลุมดำนั่นเป็นใคร? เจ้านั่นน่ะ คนที่อยู่ในศึกเสี่ยวเย่เลยนะ คิดเหรอว่าฟ่างจะคณามือมันน่ะ!”


 


“บ้าเอ้ย ถ้าเป็นเจ้านั่นล่ะก็ ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรไม่ได้หรอก จะให้เป็นนักแสวงบุญสาวต่อไปก็คงไม่ได้ด้วย ซุบซิบซุบซิบ”


 


ใบหน้าสวยของฟ่างจากที่แก้มแดงระเรื่อค่อยๆจางลงกลายเป็นซีด แม้พวกเขาจะพูดเบาๆแต่เสียงก็ยังเข้าหูของฟ่างได้อยู่ดี


 


ยี่ซูเดินเข้าไปหาผู้เป็นพี่ด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ ทำไมถึงปรากฏตัวได้กัน เกิดอะไรขึ้น? ทั้งๆที่ไม่น่าเป็นไปได้แล้วแน่ๆ นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”


 


คู่หูร่างใหญ่ที่แอบรักฟ่างอยู่นั้นได้ตายจากไปแล้วหลังจากฉากนั้น เทพธิดาแห่งฟากใต้ถูกเจ้าร่างกระดูกนั้นยึดไปแล้ว


 


เฮ้! เดี๋ยวนะ นี่มันมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า!


 


ยี่ซูพูดอย่างจริงจัง “พี่ฟ่าง พวกเจ้าสำนักต้องเข้าใจผิดเกี่ยวกับพี่แน่ๆ ฉันไม่คิดหรอกว่าพี่จะไปเป็นทาสของเจ้ากระดูกนั่นน่ะ!”


 


เจ้าสำนักเซน พูดอย่างไม่แคร์ “ ‘ฟ่างฟ่างไม่ได้มองหาผู้ชาย’ ที่แท้ก็มองหาเจ้ากระดูกเดินได้นั่นอยู่นี่เอง”


 


เมื่อเขาพูดออกมาคนนับพันก็พากันหัวเราะร่า


 


ฟ่างรู้สึกสับสนมากๆ เธอผลักผู้วิเศษแห่งความตายออกเลยก้าวออกไปด้านหน้านิดหน่อย


 


“พวกนายเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ” ฟ่างตะโกนเสียงดัง ทำไมทุกคนถึงเข้าใจผิดเกี่ยวกับเธอได้ ทำไมต้องเป็นกับเจ้าโครงกระดูกนี่ ทั้งๆที่เธอพยายามจะแก้แค้น


 


เหล่าผู้คนรอบๆต่างพูดอย่างไม่ใยดีเธอ “ฟ่าง เธอทำให้ฉันตกต่ำ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบนั้น ในฐานะที่เป็นคนจากโลกแห่งอารยธรรมแล้วฉันเสียหน้ามากๆเลย!”


 


“เจ้าสำนักฟ่าง กลับไปยังอ้อมกอดของโครงกระดูกที่เธอชอบซะ”


 


“นิ้วของเจ้ากระดูกนั่นก็ยาวนะแต่ผอมไป เธออยากจะลองของฉันไหม?”


 


เหล่าลูกศิษย์ต่างพากันทับถมเธอกันแทบทั้งสิ้น ฟ่างกำหมัดแน่นและเป็นจังหวะที่ผู้วิเศษแห่งความตายคลายผนึกพลังของฟ่างออกพอดี


 


ตู้ม!


 


แสงสว่างกระจายตัวออกจากร่างที่น่าทะนุถนอมนั้น ลำแสงเหล่านั้นกระจายตัวไปทั่วพื้นที่โดยรอบ


 


ทุกคนต่างพากันตกตะลึงก่อนจะแตกตื่นกันในเวลาต่อมา!


 


ดาบสีม่วงพุ่งทยานเข้ามาในมือเพรียว และทันใดนั้นมันก็ส่องแสง


 


“ทำไมพวกนายถึงไม่เชื่อฉัน! ทำไม!” ฟ่างคำรามพร้อมกับตวัดดาบในมืออย่างรุนแรง


 


ดาบเสี้ยวพระจันทร์สีม่วงปล่อยปราณออกมาพร้อมกับซักคลื่นการโจมตีระลอกแรกเข้าใส่ฝูงชน ปราณของดาบนั้นสร้างรอนบากลึกลงไปบนผืนดิน แถมมันยังแพร่กระจายไปยังเหล่าคนที่เพิ่งจะหัวเราเยาะเธอไปด้วย


 


ผู้วิเศษแห่งความตายเปล่งประกายตาสีแดงขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านผู้สูงส่งถึงบอกให้ทำให้เธอตกหลุมรัก พวกเราสามารถใช้เธอได้ ท่านผู้สูงส่งช่างวิเศษจริงๆ!


 


ยี่ซูตกใจมากๆและตะโกนเสียงดัง “ท่านพี่กลายเป็นส่วนหนึ่งของปีศาจไปแล้ว ฆ่าเธอซะ!”


 


แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นน้องสาวของฟ่าง เหล่าสาวกของสำนักเมฆาก็เข้าโจมตีเจ้าสำนักคนก่อนอย่างฟ่างทันที


 


ฟ่างค่อยๆปล่อยตัวปล่อยใจ เธอทิ้งดาบลงไปและหลับตาลง นัยน์ตาสวยมองเห็นเพียงความว่างเปล่า สำหรับเธอแล้วความตายคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด


 


หลังจากที่รอมาเนิ่นนาน ความตายที่หวนหาก็ไม่บังเกิดเสียที เธอจึงลืมตาขึ้นมาใหม่ ภาพตรงหน้าคือผ้าคลุมสีดำที่โบกสะบัดอยู่ บนมือของเขามีเคียวแหลมคมและผู้คนที่เคยจะวิ่งเข้ามาหาเธอต่างชะงักไป


 


ทำไม! ทำไมศัตรูถึงเข้ามาช่วยเธอในตอนนี้! วันรวมญาติรึไงฮะ!


 


ผู้วิเศษแห่งความตายไม่มีเวลาคิดมากนัก เขาจับเธอและหายไปในความมืด เพราะหลังจากที่ใช้เวทย์แล้ว คงจะถูกไม่พอใจในทีหลังแน่ๆ นี่น่ะ พลังแบบกองโจรเลยนะ…


บทที่ 148 เจดีย์ 9 อสูร


ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าผ้าคลุมดำจะหายไปง่ายๆแบบนั้นเลย พวกเขาเอาแต่คิดจะจัดการฟ่างให้ได้เท่านั้น


โจวซินหรานนั้นไม่โอเคมากๆ เพราะฟ่างนั้นหันดาบใส่คนของเขา ทั้งๆที่ควรแก้แค้นแต่เธอก็ดันหายไป น่าโมโหชะมัด!


หวังต้าเป่าหัวเราะเบาๆ “โอเค งั้นมาเปิดเจ้านี่กันก่อน”


“ได้! มาดูกันว่าข้างในนั้นคืออะไร มันยังไม่สายที่จะจับเจ้านี่ไว้!” ไฮ่ไต่ซี่ยิ้มกว้าง


อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างพยายามสงบสติอารมณ์ไว้ เทพบรรพกาลตรงหน้านี่จะเป็นอะไรกันนะ!


เจ้าสำนักเมฆาส่งลูกศิษย์ออกไป 4 คน เพื่อเปิด พวกเขานั้นต่างกังวลกันเอาเสียมากๆ เมื่อภาพตรงหน้ามันคือโลงศพ ! ซึ่งนั่นหมายความว่าด้านในต้องมีใครซักคนอยู่แน่ๆ!


เทพบรรพกาลนั้นอยู่ในโลงศพ บางทีอาจจะเป็นของคนที่คอยปกป้องเทพบรรพกาลชิ้นนี้ก็ได้… มันค่อยๆเปิดออกแล้ว!


เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเมฆาไม่กล้าที่จะตั้งข้อสงสัย พวกเขายืนอยู่ที่มุมทั้ง 4 ของโลงศพ หายใจเข้าลึกๆและพยายามเข้าไปดู


คิก คิก คิก!!


หยกสีขาวกรีดร้องเสียงแหลมจนทุกคนต่างใจล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม


เมื่อฝาโลงถูกเปิดออก ทั้ง 4 ก็แทบจะหยุดหายใจ


ภายในนั้นมีเด็กสาวอายุราวๆ 7-8 ขวบอยู่ เธอมาพร้อมกับผมทรงทวินเทลและเดรสราวกับเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่รอวันตื่น ใบหน้าละมุนยามหลับนั้นชวนให้อยากจะเอามือไปหยิกแก้มยิ่งนัก


แต่ไม่ว่าจะพราวเสน่ห์ขนาดไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่เราจะลืมไม่ได้ นั่นก็คือสิ่งที่อยู่ในมือของเด็กคนนี้!


เทพบรรพกาล!


ลูกศิษย์ของสำนักเมฆานั้นดูหลงไหลและจมดิ่งไปแล้ว


ไฮ่ไต่ซี่ถอนหายใจ และทันใดนั้นเขาก็ใช้เวทย์ลมซัดทั้ง 4 ให้ลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนจะลอยหายไปกลายเป็นประกายดาว 4 ดวงเลย


“เป็นแผนที่ดีนี่ยี่ซู” เขาหลับตาลงเพื่อระงับความโกรธ


ยี่ซูเองพยายามไม่สนใจเจ้าพวกนั้นและพูดด้วยรอยยิ้ม “หึ สำนักนี้อาจจะเต็มไปด้วยทรราชแล้วก็ได้”


อีกฟากหนึ่งทางด้านหวัง ต้าเป่า ที่ซึ่งอยู่กับผู้อาวุโสอีก 3 คน พวกเขากำลังปรึกษากัน ไม่ว่าอย่างไร เจ้าสิ่งที่อยู่ในโลงนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องดีแน่ๆ

จี้เจ้อซ่วนเตรียมตั้งรับเมื่อฝาโลงมันเปิดออก


มองไปยังคนและสิ่งของที่อยู่ด้านใน ทุกคนต่างหายใจติดขัดกัน บรรยากาศมันเย็นลง แม้ตรงหน้าจะเป็นสาวน้อยน่ารัก แต่ความน่ารักนั้นก็เทียบไม่ได้กับไอ้สิ่งที่อยู่ในมือของเธอหรอก


“นี่มัน…เจดีย์ปีศาจทั้ง 9 ไม่ใช่เหรอ!” จี้เจ้อซวนบ่นพึมพัมในปาก


ทุกคนรวมไปถึงหวัง ต้าเป่ารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก


“นี่น่ะเหรอ เจดีย์ปีศาจทั้งเก้านั่นน่ะ!” โจว ซิงหรานมองไปยังหอคอยเล็กๆในมือของเธอ


สมบัติลำค่าในมือเธอนั้นคือหอคอยขนาดเล็กที่ถ้าเทียบแล้วก็ประมาณฝ่ามือผู้ใหญ่คนนึง มันแบ่งเป็น 9 ชั้น หอคอยสีดำสนิทซึ่งถ้ามองดีๆแล้วมันเกิดจากการที่แต่ละชั้นปล่อยหมอกสีดำออกมาจนปกคลุมทุกชั้นไปหมด


หยางเชามองไปยังอสูรน้อยก่อนจะพูดขึ้น “มีเทพบรรพกาลมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ในมือของเทพรวมไปถึงบางอย่างก็อยู่ในมือของปีศาจเมื่อครั้นมหาสงครามนั้น แต่เทพบรรกาลที่ปรากฏมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้น ร้อยทั้งร้อยเป็นตัวแทนของความถูกต้องและยุติธรรม มีครั้งนี้นี่แหละที่ต่างออกไป มันคือความชั่วร้าย! การที่เจดีย์ปีศาจมาปรากฏในที่แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้!! ”


“ใช่ที่บอกว่าเป็นหอคอยที่จะคอยหลั่งเลือดลงแม่น้ำหรือเปล่า?” เกราะกำบังถูกยกสูงขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่พูดกันไปมาที่ซึ่งเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว คิดสภาพไม่ออกเลยถ้าโดนเจดีย์นี่จะเป็นยังไง


เสียงหายใจที่เบาบางดังขึ้น “จะเป็นปีศาจหรือเทพ ตราบใดที่มันเป็นเทพบรรพกาล ก็ไม่มีใครหยุดฉันได้ทั้งนั้น!”


หลังจากพูดจบร่างบางก็กระโจนเข้าไปโดยหมายจะขโมยเจ้าสิ่งนั้นออกมา


ไฮ่ไต่ซี่แสยะยิ้มอย่างดูถูกก่อนจะสร้างลูกบอลไฟขนาดใหญ่ขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว เขาไม่รอช้าที่จะขว้างมันออกไปใส่เธอ


ยี่ซูชักดาบของเธอขึ้นมา “เคล็ดวิชา คมเขี้ยวจุลชีพ!”


ดาบของเธอสามารถตัดผ่านลูกไฟได้อย่างง่ายดาย แต่ในเวลานี้ลูกไฟไม่ใช่สิ่งที่หมายจะทำร้ายยี่ซู หากแต่เป็นหยางเชาที่โผล่มาจากสีข้างของเธอต่างหาก ยี่ซูรีบตั้งการ์ดแต่หยางเชาก็เตะตัดเข้าไปที่ช่วงเอวของเธอแล้ว โชคยังดีที่เธอไม่ได้บาดเจ็บหรือเสียโฉมอะไมาก


“หยางเชา! นายกล้าโจมตีฉันงั้นเหรอ!” ยี่ซูหรี่ตาและตะโกนถาม


ไฮ่ไต่ซี่และหยางเชาค่อยๆเดินไปตรงกลางอย่างช้าๆ ทั้งคู่พยักหน้าพร้อมกันและพูดขึ้นมา “สิ่งนี้คือสิ่งที่เรายังไม่รู้ว่าคืออะไร มันถูกฝังมานานแล้วและนี่คือทางที่ดีที่สุด!”


กวานเทียนตะโกนเสียงดัง “เจ้าแห่งพันธมิตรโพ้นทะเล! เจ้าสำนักหยาง! รีบๆฝังมันได้แล้ว ไม่งั้นจะถูกกินเอานะ!”


หยางเชาตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงซีเรียส “ทุกท่าน! เจดีย์ปีศาจนี้จะทำให้เราสับสน และแม้แต่เทพเองก็ถูกโน้มน้าวได้!”


“ใช่แล้ว! เจดีย์เก้าอสูรนั้นกักเก็บพลังของอสูรโบราณเอาไว้ ยิ่งชั้นสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น! มันไม่ใช่ว่าเราจะควบคุมมันได้ แต่เป็นมันต่างหากที่ควบคุมเรา!” เลขาของเขาตะโกนเริม


อย่างไรก็ตาม คำเชื้อเชิญบอกกล่าวนั้นไม่ได้แค่ทำให้ทุกคนตื่นกลัว แต่ก็ทำให้พวกเขาอยากได้เจดีย์นี่ด้วย


หวังต้าเป่าเอ่ยถามด้วยเสียงดัง “ทำไมพวกนายถึงรู้เยอะกันจังเลยล่ะ หืม?“


“หืม ที่นี่ถูกปิดเป็นความลับ แล้วทำไมคนนอกอย่างนายถึงต้องรู้กันล่ะ?” หยางเชาพูดแบบดูถูก


โจวซิงหรานบิดคอไปมา “พวกนายก็แค่จะเก็บมันไว้เองไม่ใช่เหรอ!”


เมื่อสิ้นคำโจวซิงหรานก็เรียกเกราะของเขาลงมา มือขวาถือดาบยาวที่เปล่งลำแสงสีฟ้าออกมา ยามเมื่อสวมเกราะเสร็จสิ้น มันก็ระเบิดลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวออกมา


ไม่เพียงแค่โจวซิงหราน หวังต้าเป่าเองก็เรียกอาวุธของเขาลงมาด้วย


เจี้ยนนั้นไม่ได้ใส่เกราะเต็มที่หากแต่ก็หยิบหนังสือขึ้นมา ร่ายมนต์เบาๆในปากและทันใดนั้นก็เกิดอสูรกายแห่งไฟขนาดใหญ่ขึ้นมา


“ลุยเลย!” ยักษ์ไฟคำรามก้องจนสะท้านทั้งสวรรค์และบาดาล ช่างเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งนัก


กวงเที่ยนหยิบไพ่ขึ้นมา 3 ใบก่อนจะโยนออกไป


การ์ดทั้งสามนั้นเปล่งแสงสีขาวและปล่อยหมาป่าน้ำแข็งออกมา ทุกฝีก้าวของมันที่ย่ำลงไปเกิดเป็นไฟสีฟ้าขึ้น ช่างเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก!


เป็นอะไรที่หาชมได้ยากนักเมื่อเหล่าเจ้าสำนักทั้ง 4 ออกมาสู้ด้วยตนเองเช่นนี้ มันทำให้ผู้คนในโลกแห่งอารยธรรมตื่นเต้นไม่น้อยเลย


แม้ในกรณีนี้ขณะที่ทั้งสองฝั่งกำลังตะโกนใส่กัน แต่นั่นกลับไม่มีใครกล้าที่จะเปิดก่อน ราวกับว่าศึกครั้งนี้จะต้องหลั่งเลือดลงแม่น้ำเป็นแน่แท้!


ในขณะที่พวกเขากำลังลังเล เจดีย์ 9 อสูรในโลงศพก็ลอยขึ้นไปบนอากาศทันใด


สายตาที่จับจ้องนั้นแทบจะพุ่งออกมาจากเบ้าตาของพวกเขาเอง


ทันใดนั้น!


เจดีย์ 9 อสูรก็พุ่งเข้าไปหายี่ซู ซึ่งนั่นทำให้เธอดีใจมากๆและประกาศกร้าวออกไป “เทพบรรกาลชิ้นนี้เป็นของฉัน!”


หวังต้าเป่าตะโกนในทันควัน “ฆ่าเธอซะ!”


“ฆ่าเลย!”


“ฆ่ามัน!!”


ฉากตรงหน้านั้นกลายเป็นอะไรที่ดูรุนแรงขึ้นมาทันที การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น!


ไม่ไกลนัก ฉางตี้มองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย ฆ่ากันเลย หึ หึ หึ แล้วเจดีย์ 9 อสูรก็จะตกเป็นของฉัน!


ในการต่อสู้นี้ ลูกศิษย์ของทั้งสองฝ่ายต่างคุยกันเอง ดูท่าการต่อสู้นี้จะหยุดไม่ได้แล้ว ซึ่งถ้าเกิดพวกเขาสู้กันขึ้นมา คนที่ตายก็น่าจะเป็นลูกศิษย์เนี่ยแหละ เพราะงั้นจะให้สู้ไม่ได้เด็ดขาด


“ไม่รู้สึกแปลกบ้างเหรอ?”


“อะไรแปลก? ซื่อตรงต่อความรู้สึกหน่อย มีแค่จิตสังหารนิดหน่อยเองน่า ที่เหลือก็ไม่มีอะไร”


“ไม่ ดูที่เจ้าตัวเล็กในโลงศพนั่นสิ เทพบรรพกาลน่ะ ถูกฝังมาเป็นพันปีแล้วนะ พันๆปีเลยนะ!”


“แล้วยังไง?”


“ก็เธอคนนี้น่ะ ใส่ชุดกระโปรงปักลายลูกไม้ แถมที่เท้ายังใส่เพชรอีก ไม่คิดว่าไอ้คนที่อยู่ในโลงมาเป็นหมื่นปีจะเร่าร้อนได้ขนาดนี้เป็นเรื่องแปลกบ้างเหรอ?”


“น่าแปลกที่นายรู้สึกถึงเรื่องนี้มากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าแปลกแหละ”


ณ ฝั่งของน้ำตก


เว่ยชางและเลี่ยกูมองหน้ากันด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในขณะที่เย่ฮั่วนั้นดูเปล่งปลั่งเสียเหลือเกิน


“เด็กสาวในนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน เธอตายตั้งแต่ยังเด็กเลย” ชิงหยาไม่สามารถอดที่จะพูดได้ เธอรู้แล้วว่าไม่มีสิ่งใดโกหกบนทีวี เพื่อทรัพย์สมบัติแล้ว พวกเขาสามารถฆ่าใครก็ได้


“น่าสงสาร?” เย่ฮั่วยิ้มเยาะ มองไปยังหญิงสาวในนั้น และพยายามคิดว่าเธอนั้นน่าสงสาร

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม