(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ 240-247

 ตอนที่ 240 เรียกคนมาเก็บศพ 


 


 


           เมื่อครู่เจียงมู่เฉินยังอวดดีมาก แต่ตอนนี้หวาดกลัวลงในทันใด เขาเห็นสีหน้าซือเหยี่ยนที่ดำจนทมิฬแล้วมุมปากกระตุกขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยต่อ “ถ้าฉันบอกว่าเมื่อกี้ฉันแค่จูบไปเล่นๆ นายจะเชื่อไหม” 


 


 


           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “คุณคิดว่าผมควรจะเชื่อไหมล่ะ” 


 


 


           ไป๋จิ่งเล่นตามน้ำ เอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อย “นายจูบไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ทั้งกอดทั้งจูบ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่ไป๋จิ่งทันที แกมันผู้ชายกากเดน แทงข้างหลังเขาก็ช่างเถอะ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าเขายังจะมาทำตัวเป็นบ่างช่างยุอีก 


 


 


           “อะไรกัน เมื่อกี้นายยังกอดมั่วไป๋ของฉันแล้วยังจูบไปจูบมาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่มีฉันขวางเอาไว้ ไม่แน่ว่านายคงถอดเสื้อผ้ามั่วไป๋ออกแล้ว” 


 


 


           “…” เจียงมู่เฉินรู้สึกว่า เจ้าผู้ชายกากเดนนี่วันนี้มาขุดหลุมฝังศพเขาสินะ 


 


 


           “มือฉันเป็นตะคริว นายเชื่อไหม” 


 


 


           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ เดินเข้าไปช้อนอุ้มร่างเจียงมู่เฉินขึ้นมา หมุนตัวมุ่งหน้าจะเดินออกไปข้างนอก 


 


 


           เจียงมู่เฉินจับบานประตูเอาไว้ “ไป๋ไป๋ ถ้านายยังไม่มาช่วยฉันอีก ฉันคงจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้วนะ” 


 


 


           มั่วไป๋เลิกคิ้ว “ถ้าฉันไปช่วยนาย แม้แต่พระอาทิตย์ตกในวันนี้ นายก็จะไม่เห็นเลยนะ” เขากวาดสายตามองเจียงมู่เฉินด้วยท่าทีเรียบเฉย “ดังนั้น…นายยังอยากให้ฉันช่วยนายอยู่อีกเหรอ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองใบหน้าของซือเหยี่ยน มือไม้ก็อ่อนลงเฉียบพลันแล้วก็โดนอุ้มออกไปทั้งอย่างนี้ เขาขดตัวอยู่ในอ้อมอกของซือเหยี่ยน เอ่ยถามเสียงอ่อน “นายทำใจตีฉันให้ตายไม่ลงหรอกใช่ไหม” 


 


 


           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ “เฉินเฉิน คุณว่าไงล่ะ” 


 


 


           ในใจเจียงมู่เฉินเอ่ยอย่างไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย “นายควรจะทำใจไม่ลงใช่ไหม” 


 


 


           เสียงพูดเขาเพิ่งจะหยุดลง ตัวคนก็โดนจับยัดเข้าไปในรถ แล้วปิดประตู เขาฟุบลงไปกับประตูคิดอย่างอ่อนแรง รู้สึกว่าครั้งนี้เกรงว่าตัวเองจะเป็นอิสระไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว 


 


 


           เขาส่งข้อความหามั่วไป๋ ซือเหยี่ยนที่เข้ามาในรถก็ดันเห็นเข้าพอดีพลางเอ่ยถามเสียงต่ำ “หาคนฟ้องเหรอ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินสีหน้าเศร้าสลด “ฉันหาคนมาช่วยฉันเก็บศพต่างหากเล่า” 


 


 


           ซือเหยี่ยน “…” 


 


 


           …… 


 


 


           บนตึก หลังจากที่ไป๋จิ่งเห็นเจียงมู่เฉินถูกจับยัดในรถแล้วออกไปก็อดจะยักคิ้วด้วยความลำพองใจไม่ได้ เขาสู้ไม่ชนะเจียงมู่เฉิน แล้วยังจะหาคนมาจัดการแทนไม่ได้เชียวเหรอ 


 


 


           ‘ดูสิ นี่แก้ปัญหาไปได้สบายๆ เลยไม่ใช่เหรอ’ 


 


 


           เขาหันกลับมา มั่วไป๋ก็ไม่อยู่แล้ว ไป๋จิ่งสะดุ้งตกใจคิดว่ามั่วไป๋พุ่งตัวไปช่วยเจียงมู่เฉินแล้ว แต่คิดดูแล้วคงไม่หรอก เมื่อกี้ไม่ลงมือ ตอนนี้จะลงมือเหรอ 


 


 


           เขาหมุนตัวเดินไปยังห้องนอน ก็เห็นมั่วไป๋กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ เขามองแผ่นหลังขาวผ่องแล้วกลืนน้ำลายลงคอ “กลางวันแสกๆ คุณจะถอดเสื้อผ้าทำไม” 


 


 


           “เสื้อผ้าถูกพวกนายดึงไปดึงมาจนยับแล้ว ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะไปเจอหน้าคนยังไง” 


 


 


           ไป๋จิ่งลูบปลายจมูกด้วยความรู้สึกผิดแก่ใจ เหมือนว่าเมื่อกี้ที่เขากอดมั่วไป๋…จะออกแรงเยอะไปหน่อยแฮะ  


 


 


           รอจนมั่วไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ไป๋จิ่งก็เริ่มจ้องมองเขาอีก “คุณเตรียมตัวจะไปไหน ผมส่งคุณไหม” 


 


 


           มั่วไป๋กวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “นายไม่ต้องกลับบริษัทเหรอ ซือเหยี่ยนคงไม่มีอารมณ์กลับบริษัทหรอก” 


 


 


           ไป๋จิ่งรีบพูด “ส่งคุณสำคัญกว่า ช่างบริษัทสิ” 


 


 


           มั่วไป๋กุมขมับแล้ว “นายปากหวานวันนี้ก็ยังเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงไม่ได้หรอก”  


 


 


           ไป๋จิ่งผู้สิ้นหวังในการเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงอีกครั้งถอนหายใจอย่างเงียบๆ เขาดึงชายเสื้อของมั่วไป๋ “ตรวจงานมาตั้งกี่วันแล้ว ยังเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงไม่ได้เหรอ” 


 


 


           มั่วไป๋มองเขาแล้วยิ้มหัวเราะเบาๆ “รออีกหนึ่งสัปดาห์ค่อยว่ากันเถอะ” 


 


 


           …ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ รู้สึกว่าหนทางการเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงยังอีกยาวไกลพอควร เขายังคิดว่าในเร็วๆ นี้จะได้เลื่อนขั้นเป็นตัวจริง จะขอรางวัลปูนบำเหน็จกับมั่วไป๋อย่างเปิดเผยสักหน่อย มีหรือจะเหมือนตอนนี้ที่เขาทำได้แค่กอดๆ จูบๆ ไม่กล้าทำเรื่องอย่างอื่น 


 


 


           …… 


 


 


           ซือเหยี่ยนขับรถกลับไปที่คอนโดมิเนียม เจียงมู่เฉินนั่งเป็นอัมพาตอยู่บนที่นั่งในรถ ยอมแพ้ไม่ดิ้นสู้แล้ว คิดเสมอว่าวันนี้เขาคงจะไม่มีชีวิตอยู่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว 


 


 


           ซือเหยี่ยนจอดรถเข้าที่เรียบร้อยแล้ว กวาดสายตามองเจียงมู่เฉินผู้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดทั้งสิ้น “ยังไง อยากอยู่บนรถเหรอ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินรีบตะเกียกตะกายขึ้นมา “อย่าๆๆ ฉันไม่อยาก” 


 


 


           ตายในรถไม่สมฐานะอันมีเกียรติสูงส่งของเขา ต่อให้คลานก็ต้องคลานให้ถึงข้างในคอนโดมิเนียม ถึงจะตายได้ 


 


 


           ซือเหยี่ยนพาตัวเจียงมู่เฉินเข้าลิฟต์ไป ออกมาจากลิฟต์อีกที จนมายืนอยู่หน้าประตูคอนโดมิเนียม เจียงมู่เฉินถอนหายใจเล็กน้อย ดูท่าว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่พึ่งพาของเขาในวันข้างหน้านี้แล้ว 


 


 


           เขามองดูซือเหยี่ยนที่เปิดประตูอยู่ข้างๆ ก่อนเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ในวันข้างหน้า นายต้องดูบ้านหลังนี้ให้ดีนะ” 


 


 


           ซือเหยี่ยนมุมปากกระตุก ใช้มือดึงลากคนเข้าไปข้างในทันที 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 241 สิบห้าครั้งที่ติดหนี้ไว้ 


 


 


           เจียงมู่เฉินมองประตูที่ถูกปิดลงทั้งแบบนี้ด้วยสีหน้าอนาถใจตัวเอง เขาจับประตูไว้อยากร้องไห้ ซือเหยี่ยนเองก็ไม่สนใจ เพียงมองเขาอยู่แบบนั้น 


 


 


           เจียงมู่เฉินยืนสงบนิ่งไว้อาลัยอยู่ตั้งนานกว่าจะหันกลับมาก็เห็นซือเหยี่ยนยืนกอดอกอยู่ข้างๆ เขา สีหน้าดำทมิฬ 


 


 


           เขากำชายเสื้อไว้ด้วยท่าทางอ่อนแอดูน่าสงสารจับใจ 


 


 


           “เล่นละครพอหรือยัง” ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่รู้ว่าช่วงนี้เจียงมู่เฉินไปเรียนจากใครมา แสดงเก่งตัวพ่อขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่เห็นจะรู้สึกเลย 


 


 


           เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนตัดสินใจจะขุดหลุมฝังศพให้ไป๋จิ่ง ใครใช้ให้เมื่อกี้พลิกกลับมาแทงข้างหลังเขา 


 


 


           “ฉันเล่นละครก็เรียนมาจากไป๋จิ่งทั้งนั้น เขาน่ะไม่ปกติ ต่อไปนายต้องเจอเขาให้น้อยลงนะ” เจียงมู่เฉินเอ่ยอย่างหนักแน่นจากใจจริง “ฉันก็รู้ว่าคืนนี้ฉันคงจะหลบไม่พ้น ต่อไปกับไป๋จิ่งก็ไม่มีอะไรจะยุ่งเกี่ยวกันแล้ว…พอเป็นนาย ฉันไม่วางใจเลย ถ้าเขาทำให้นายกลายเป็นแบบนี้ ฉันจะทำยังไงล่ะ” 


 


 


           ซือเหยี่ยนกุมขมับ หิ้วปีกเจียงมู่เฉินมานั่งลงโซฟาดีๆ “คุณอย่าเพิ่งเป็นกังวลขนาดนั้นไปก่อน คุณคิดก่อนว่าจะอธิบายกับผมยังไง เรื่องที่คุณจูบมั่วไป๋” 


 


 


            เจียงมู่เฉินหัวใจบีบแน่น ลังเลอยู่สักพักถึงได้เอ่ยปากขึ้น “ฉันกับมั่วไป๋เป็นเพื่อนกันไง จูบสักหน่อยก็ไม่เป็นไรมั้ง” 


 


 


           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “ตามที่คุณพูดมาขนาดนี้ ผมก็จะไปจูบซูเตอร์ ถึงยังไงผมกับเขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ก็ไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม”  


 


 


           เจียงมู่เฉินเด้งตัวขึ้นในทันใด “ไม่ได้ นายอย่าเอะอะอะไรก็เอาซูเตอร์มาขู่ฉันนะ” 


 


 


           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง เจียงมู่เฉินหวาดกลัวขึ้นเฉียบพลัน รีบกลับไปนั่ง ท่านั่งราวกับเด็กประถมเป็นระเบียบเรียบร้อยเหลือเกิน 


 


 


           ซือเหยี่ยนพยักหน้าด้วยความพอใจ “ได้ คุณคิดดูอีกทีอย่างละเอียดๆ คุณจูบมั่วไป๋ไปกี่ครั้ง” 


 


 


           เจียงมู่เฉินหวนคิดย้อนกลับไปครู่หนึ่ง “ก็ที่นายเพิ่งจะเข้ามาครั้งนั้นครั้งเดียว” 


 


 


           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “คิดอย่างจริงจังหน่อย” 


 


 


           เจียงมู่เฉินผู้น่าสงสารมองซือเหยี่ยน จินตนาการภาพซือเหยี่ยนถือแส้หนังยืนต่อหน้าเขายิ้มเยาะไปด้วย พลางโบกมือไปมาด้วย นึกแล้วก็อดจะหนาวสั่นสะท้านไม่ได้ 


 


 


           “สอง สองครั้ง” 


 


 


           ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “สองครั้งจริงๆ เหรอ” 


 


 


           “ฉันสาบาน แค่สองครั้ง” 


 


 


           ซือเหยี่ยนเงียบสักพัก สายตาจับจ้องมาที่เจียงมู่เฉิน พินิจมองอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาไม่พูดจาอะไรสักคำ  


 


 


           เจียงมู่เฉินเห็นแบบนี้ หัวใจดวงน้อยกำลังสั่นเทา ซือเหยี่ยนนี่หมายความว่ายังไงกันแน่ ไม่พูดไม่จาเอาแต่มองเขาแบบนี้ ทำให้ตกใจกลัวมากเลยนะ 


 


 


           “นายอย่าเงียบสิ จะตีจะด่าจะฆ่าจะแทง นายก็บอกฉันมาตรงๆ สิ” 


 


 


           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “เจียงมู่เฉิน” 


 


 


           ‘เขาไม่เรียกว่าเฉินเฉินแล้ว จบแล้ว เขาจะคิดบัญชีกับตัวเองจริงๆ แล้ว’ 


 


 


           “คุณยังจำได้หรือเปล่า ที่อเมริกาคุณยังติดหนี้ผมสิบห้าครั้ง” 


 


 


           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “สิบห้าครั้งอะไร ทำไมเป็นสิบห้าครั้งแล้วล่ะ” เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะติดหนี้ซือเหยี่ยนสิบห้าครั้งได้ 


 


 


           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะอย่างอ่อนโยน “จำไม่ได้แล้วเหรอ ไม่เป็นไร ผมจะค่อยๆ ทบทวนความจำให้คุณเอง” 


 


 


           “ตอนนั้นมีคนโหยหากล้ามท้องของผม แต่ติดหนี้สิบห้าครั้งไว้ ตอนนั้นผมยังไม่ได้ทวงคืน ฝากเก็บไว้ที่คุณมาตลอด ตอนนี้ผมนึกขึ้นมาได้กะทันหัน โอกาสทวงคืนมาถึงแล้ว” 


 


 


           สมองเจียงมู่เฉินแล่นด้วยความเร็วสูง เขาลงนามในสัญญาที่ไม่เท่าเทียมแบบนี้ไปได้ยังไงนะ เขาลูบกล้ามท้องซือเหยี่ยนไปสิบห้าครั้ง ตอนนี้พลิกกลับมาจะโดนซือเหยี่ยนจับกดสิบห้าครั้ง นี่มันไม่เท่าเทียมกันเกินไปไหม 


 


 


           “ไม่ทำๆ ฉันไม่เห็นด้วยเด็ดขาด” 


 


 


           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “ถ้างั้นตอนนี้คุณคิดอยากจะเปลี่ยนใจใช่ไหม” 


 


 


           เจียงมู่เฉินมองเขาแวบเดียวก็หวาดกลัวทันที “ไม่ใช่เปลี่ยนใจ ก็สัญญาฉบับนี้ของนายไม่เท่าเทียมกันขนาดนี้ ฉันก็ต้องทวงสิทธิ์แทนตัวเองสักหน่อยสิ” 


ตอนที่ 242 นี่คืออยากทำให้เขาตายสินะ 


 


 


           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “ตอนนั้นเป็นคุณที่โหยหาต้องการจะลูบให้ได้ อย่างผมนี้เรียกว่าตอบสนองด้วยมารยาทที่ดีต่างหาก” 


 


 


           เจียงมู่เฉินเงยหน้าโต้ตอบอย่างหนักแน่น “ใช่สิ ฉันลูบนายไปสิบห้าครั้ง อย่างมากก็แค่ให้นายลูบกลับคืนก็ได้แล้ว” 


 


 


           “อ้อ ถ้าลูบกลับคืนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ “เพียงแต่ว่าตอนนั้นที่คุณลูบคือกล้ามท้องของผม บนตัวคุณมีสิ่งนี้หรือเปล่าล่ะ” 


 


 


           เจียงมู่เฉิน “…” 


 


 


           ‘นี่เขาถูกหยามกันแล้วใช่ไหม ไม่มีกล้ามท้องแล้วจะทำไม เขาก็เป็นสไตล์หนุ่มรูปงามหน้าหล่อ ผิวขาวเนียน สูงยาวเข่าดีไงล่ะ’ 


 


 


           “เฉินเฉิน คุณอย่าดิ้นรนอีกเลย” ซือเหยี่ยนยื่นมือไปเกลี่ยผมเขา “บวกกับที่คุณจูบมั่วไป๋ไปสองครั้ง ผมเองก็คิดคุณไม่เยอะหรอก รวมเป็นยี่สิบครั้งถ้วน เสร็จเมื่อไหร่ ผมก็จะปล่อยคุณเมื่อนั้น” 


 


 


           “…” เจียงมู่เฉินล้มลงบนโซฟา 


 


 


           ‘ยี่สิบครั้ง?’ 


 


 


           ‘ซือเหยี่ยนอยากจะทำให้เขาตายจริงๆ สินะ ยี่สิบครั้งเขายังจะมีทางรอดอยู่ไหม’ 


 


 


           “ผมช่วยคุณคำนวณดูแล้วก็วันละเจ็ดครั้ง มากสุดสามวันคุณก็ออกข้างนอกได้แล้ว” สีหน้าท่าทางอ่อนโยน “แน่นอน ถ้าคุณรู้สึกว่าอ่อนแรงจนรับไม่ไหว พวกเราก็ทำวันละห้าครั้งได้ ขอแค่สี่วันพอ…เฉินเฉิน สามสี่วันผ่านไปไวมากนะ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ รู้สึกว่าให้ซือเหยี่ยนเด็ดหัวเขาออกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยยังจะดีกว่า 


 


 


           ซือเหยี่ยนเห็นเขาดูสิ้นหวัง ไม่มีท่าทางขัดขืนอะไรก็พยักหน้าอย่างพอใจ ช้อนร่างอุ้มเขาขึ้นมา “งั้นพวกเราก็ประหยัดเวลากันหน่อยดีกว่า เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน จะได้เสร็จไวขึ้นถูกไหม” 


 


 


           ขณะที่เจียงมู่เฉินโดนอุ้มเข้าในห้องนอน ก็อดจะขบกรามไม่ได้ ไป๋จิ่งเจ้าคนระยำนั่น ถ้าวันหนึ่งมีจุดอ่อนอะไรในมือเขา เขาจะต้องค่อยๆ คิดบัญชีกับไป๋จิ่งทีละนิดๆ แน่นอน 


 


 


           รับประกันว่าจะร้ายแรงกว่าที่ขุดหลุมฝังศพเขารอบนี้อีก 


 


 


           ยามโดนซือเหยี่ยนจับกดวาดลวดลายลีลา เจียงมู่เฉินใกล้จะร้องไห้จริงๆ แล้ว ยี่สิบครั้งเลยนะ เยอะขนาดนี้เขาจะคืนยังไง เขาจะโดนซือเหยี่ยนทำจนตายเลยไหม 


 


 


           ‘เขายังไม่ได้แก้แค้นไป๋จิ่งเลย จะตายไม่ได้เด็ดขาด’ 


 


 


           …… 


 


 


           สามวันครึ่งติดต่อกัน สามวันครึ่งเต็มๆ เลยนะ แม้แต่ประตูคอนโดมิเนียมก็ยังไม่ได้ออกไป นอกจากกินข้าวก็โดนซือเหยี่ยนจับกดอยู่อย่างนี้ 


 


 


           แม้แต่ห้องครัวกับห้องรับแขกก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน… 


 


 


           เจียงมู่เฉินราวกับปลาตายที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาขาวโพลน ยังดีที่เมื่อก่อนไม่ได้รับปากตกลงเรื่องที่ไม่เท่าเทียมกันกับซือเหยี่ยนมากเกินไป 


 


 


           ‘ไม่อย่างนั้นตอนนี้จะชดใช้คืนต้องถึงชีวิตจริงๆ แล้ว’ 


 


 


           ซือเหยี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวา สวมใส่ชุดสูทกิริยาท่าทางเหมือนคน สัญชาตญาณดิบของสัตว์เมื่อไม่กี่วันมานี้ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อย 


 


 


           เจียงมู่เฉินขบกราม เหนื่อยกันมาสามวันครึ่งชัดๆ ทำไมซือเหยี่ยนถึงดูสดชื่นมีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้ 


 


 


           ส่วนเขาก็เหมือนกับปลาตายดีๆ นี่เอง 


 


 


           ซือเหยี่ยนที่สวมเสื้อเสร็จเรียบร้อยจึงโน้มใบหน้าลงมาจูบเขา “เด็กดี นอนชดเชยดีๆ ตอนเที่ยงผมจะกลับมาป้อนคุณจนอิ่มเลย” 


 


 


           เจียงมู่เฉินมือไม้อ่อนคว้าหมอนใกล้ตัวโยนใส่เขา “ป้อนกับน้องสาวนายจนอิ่มสิ” 


 


 


           ซือเหยี่ยนลูบจมูกซื่อๆ “ทำอาหารให้คุณกินไง ตอนเที่ยงคุณไม่กิน ไม่หิวเหรอ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินโมโหจนคร้านจะสนใจเขา ใช้มือดึงผ้าห่มมาปิดคลุมตัวเองไว้ ไม่อยากจะเห็นเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ 


 


 


           ซือเหยี่ยนขำจนยกยิ้มมุมปากขึ้น ก้มหัวโน้มตัวลงมาแนบชิดกับผ้าห่ม แล้วกกกอดไว้ในอ้อมอก จากนั้นออกแรงจูบลงไปหนักๆ 


 


 


           หลังจากนั้นสักครู่หนึ่งถึงได้ออกจากคอนโดมิเนียมอย่างสุขใจ 


 


 


           เจียงมู่เฉินได้ยินเสียงปิดประตูก็ดึงผ้าห่มลง มองดูฝ้าเพดาน เขาตัดสินใจแล้วเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ‘การสลับเป็นรุก’ ยังต้องสลับเป็นรุก ต้องสลับเป็นรุกให้ได้! 


 


 


           ‘จะโดนเขาจับกดไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด’ 


 


 


           สีหน้าเจียงมู่เฉินเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะต้องสลับเป็นรุกให้สำเร็จ ทำให้ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ได้ลิ้มรสผลข้างเคียงจากอาการเอวเคล็ด หลังยอก ขาเป็นตะคริวให้ได้ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 243 สลัดนายทิ้งไปนานแล้ว 


 


 


           ซือเหยี่ยนไปบริษัทอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวา ทั่วทั้งใบหน้าที่ได้เติมเต็มความต้องการแผ่ซ่านความสบายออกใจมาอย่างสงบนิ่ง 


 


 


           ไป๋จิ่งเห็นสีหน้าท่าทางแบบนั้นของเขา ทั้งยังคิดถึงว่าสามวันมานี้ซือเหยี่ยนไม่ได้มาปรากฏตัวที่บริษัทเลย จึงอดจะเข้าไปถามไม่ได้ “สามวันมานี้นายกับคุณชายน้อยเจียงทำอะไรกัน” 


 


 


           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ทำเรื่องที่ควรจะทำ” 


 


 


           ไป๋จิ่งมองเขาด้วยสายตาหยอกล้อ “หลังจากวันนั้นที่นายพาคุณชายเจียงของนายกลับไป ลงโทษเขายังไงกัน ลงโทษทีก็ลงโทษสามวันเชียว” 


 


 


           “นายตามเมียนายกลับมาแล้วหรือยัง” 


 


 


           ไป๋จิ่งชะงักงัน ซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินขึ้นเตียงกันสามวันแล้ว ส่วนเขาความคืบหน้าสักนิดก็ไม่มี แม้กระทั่งหน้ามั่วไป๋ก็ยังไม่ได้เจอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเลื่อนขั้นเป็นตัวจริง 


 


 


           เมื่อเปรียบเทียบกันขนาดนี้ก็ช่างน่าเวทนาจริงๆ 


 


 


           ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ รู้สึกปลงอนิจจังโลกใบนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเสียเลย 


 


 


           ซือเหยี่ยนเห็นใบหน้าขมขื่นของเขา ก็เข้าใจได้ในทันที เขามองไป๋จิ่งด้วยสายตาเย็นชา “เมียตัวเองก็จัดการไม่ได้ ยังมานินทาฉันในใจอีก ถ้าฉันเป็นมั่วไป๋ ฉันสลัดนายทิ้งไปนานแล้ว” 


 


 


           หัวใจของไป๋จิ่งโดนโจมตีในชั่วพริบตา นี่…คำพูดนี้ถึงจะพูดกันขนาดนี้ แต่ก็จะทำร้ายกันขนาดนี้ไม่ได้หรือเปล่า 


 


 


           ‘ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไว้หน้าอะไรกันบ้างสักหน่อยก็ได้’ 


 


 


           “ยังไม่ไปอีกเหรอ” ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ชีวิตด้านความรักไม่รุ่ง ตอนนี้การงานก็ไม่อยากจะทำแล้วใช่ไหม” 


 


 


           ไป๋จิ่งน้ำตาตกใน ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่สุขกายสบายใจตั้งสามวัน คิดไม่ถึงว่าจะยังมาระบายอารมณ์ลงที่เขาอีก 


 


 


           “นายนี่มันทำคุณบูชาโทษ ฉันหวังดีบอกนาย นายดันกลับมาเหน็บแนมเย้ยหยันฉัน ทั้งโลกก็มีแค่นายที่คิดไม่ซื่อที่สุดแล้ว” 


 


 


           พูดถึงตรงนี้ ซือเหยี่ยนก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “นายยังไม่กระดากใจมาขอความดีความชอบจากฉันอีก เมียตัวเองก็คุมไม่อยู่ โดนคนอื่นจูบต่อหน้านาย นายยังจนปัญญา มิน่าล่ะจนถึงตอนนี้แล้วถึงจีบใครไม่ติดสักที” 


 


 


           ‘เชี่ย…แม่ง…’ 


 


 


           ไป๋จิ่งขบกราม เมื่อก่อนซือเหยี่ยนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ ทำไมพอคบกับเจียงมู่เฉินแล้ว ปากถึงอาบยาพิษได้ถึงเพียงนี้ 


 


 


           ต้องเป็นเพราะเจียงมู่เฉินแน่นอน ต้องเป็นเขาที่พาซือเหยี่ยนเสียคนแน่นอน 


 


 


           ‘เลิก’ ต้องรีบทำให้พวกเขาเลิกกัน ไม่อย่างนั้นซือเหยี่ยนจะเรียนรู้ซึมซับกับเจียงมู่เฉินมากเกินไป ถึงเวลานั้นก็ไม่มียาใดจะรักษาได้แล้ว 


 


 


           ไป๋จิ่งเดินฟึดฟัดฮึดฮัดจากไป ขืนอยู่กับซือเหยี่ยนที่นี่ต่อไป เกรงว่าเขาจะโดนซือเหยี่ยนเหน็บแนมเย้ยหยันจนไม่เหลือแม้แต่หน้าแล้ว 


 


 


           หลังจากไป๋จิ่งออกไป ซือเหยี่ยนกุมขมับ สามวันไม่มาปรากฏตัว ไม่รู้ว่าซูเตอร์ทางนั้น สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง 


 


 


           เขาเปิดอีเมลดูคร่าวๆ ในสามวันนี้นอกจากเมลเรื่องงาน เมลส่วนตัวน้อยมาก และในนั้นก็มีเมลจากไมเคิลสองฉบับ 


 


 


           เขาเปิดอ่านดูคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว ซือเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ไม่กี่นาทีก็วิดีโอคอลหาไมเคิล 


 


 


           ไมเคิลทางนั้นกำลังเป็นช่วงกลางคืน เหมือนว่าเขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จออกมานั่งหน้าโต๊ะหนังสือ 


 


 


           “เห็นเมลแล้วใช่ไหม” 


 


 


           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “เพิ่งจะเห็น” 


 


 


           “เพราะว่าแก๊งมังกรครามกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านตำแหน่ง ดังนั้นตอนนี้ภายในค่อนข้างยุ่งเหยิง อีกอย่างซูเตอร์เจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ในแก๊งตอนนี้ที่นี่ มีคนอยู่ไม่น้อยที่อยากจะฉวยโอกาสก่อนที่ซูเตอร์จะกลับมา ก่อการเปลี่ยนผู้นำ… ฉันทำตามที่นายต้องการ เข้าใกล้ซูเวลล์น้องชายของซูแวน เหมือนกับที่นายบอก เขามีความคิดอยากจะแย่งชิงตำแหน่งจริงๆ อีกอย่างหลายปีมานี้เขาเองก็แอบกระทำการลับแม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่ว่าตอนนี้ติดที่ซูแวนยังไม่สละตำแหน่ง ยังไม่มีคลื่นใหญ่อะไรซัดมา” 


 


 


           “ซูแวนทางนั้นสองวันมานี้มีท่าทีตอบสนองอะไรไหม” ซือเหยี่ยนหยุดสักพัก “หรือว่าคนในสังกัดแต่เดิมของซูเตอร์มีความเคลื่อนไหวอะไรไหม” 


 


 


           ไมเคิลขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว ซูเตอร์อยู่ถานโจวไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเฝ้าระวังทิศทางความเคลื่อนไหวของเขาด้วย” 


 


 


           “ถานโจวทางนี้เกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันคิดว่าซูเตอร์จะติดต่อแก๊งมังกรครามเรียกคนของเขาเข้ามา” 


 


 


           “ไม่มี ไม่กี่วันนี้ฉันติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่พบความผิดปกติอะไร” 


ตอนที่ 244 นอนอยู่โดนลอบโจมตี 


 


 


           ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าซูเตอร์มีความเคลื่อนไหว นั่นถึงจะใช่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด คนอย่างซูเตอร์ขาดทุนกับเจียงมู่เฉินถึงขนาดนี้แล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ทวงคืนกลับไปแต่รั้งทัพรอจังหวะบุกโจมตีแทน 


 


 


           “เป็นไรไป นายคิดถึงอะไรอยู่ใช่ไหม” 


 


 


           ซือเหยี่ยนหยุดสักพัก “เอางี้ นายช่วยเฝ้าระวังทิศทางความเคลื่อนไหวของแก๊งมังกรคราม มีเรื่องอะไรก็รีบบอกฉันทันที ส่วนซูเตอร์ทางนี้ฉันจะจัดการปัญหาเอง” 


 


 


           ไมเคิลพยักหน้า “โอเค นายวางใจเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” 


 


 


           หลังจากซือเหยี่ยนสิ้นสุดวิดีโอคอลแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยครุ่นคิด ตลอดสามวันมานี้เขาจงใจไม่ติดต่ออะไรกับซูเตอร์ ก็เพื่ออยากจะรอดูว่าตกลงอีกฝ่ายคิดจะจัดการปัญหาอย่างไร 


 


 


           แต่เวลาสามวันกว่าๆ แล้ว คิดไม่ถึงว่าซูเตอร์จะไม่กระทำการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว 


 


 


           นี่ก็เหมือนกับความสงบนิ่งก่อนพายุฝนจะโหมกระหน่ำอย่างแรง ซูเตอร์ไม่มีทางจะเป็นลูกไก่ในกำมือของเจียงมู่เฉินแบบนี้ได้หรอก ถ้าตอนนี้เขายังไม่มีท่าทีอะไร ก็มีนัยว่าเป็นไปได้สูงที่ซูเตอร์จะเตรียมการที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ 


 


 


           คิดถึงตรงนี้ สีหน้าซือเหยี่ยนดำดิ่งในอารมณ์ ความกังวลใจฉายสะท้อนในแววตา 


 


 


           …… 


 


 


           กลับไปตอนเที่ยง เจียงมู่เฉินยังไม่ตื่นขึ้นมา ซือเหยี่ยนเดินย่องเข้าไปยังห้องนอนก็เห็นเขานอนฟุบอยู่บนเตียง 


 


 


           ซือเหยี่ยนมองดูรอยบนร่างกายเขาที่ตัวเองทิ้งไว้ เพียงรู้สึกว่าหายใจหนักเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปพลิกร่างคนบนเตียงกลับมากอดไว้ 


 


 


           เจียงมู่เฉินถูกรบกวนจนขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ ซือเหยี่ยนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ขำจนยกยิ้มมุมปากขึ้น ใช้ฟันกัดเข้าที่ใบหน้าเขาเบาๆ คำหนึ่ง 


 


 


           เจียงมู่เฉินที่โดนกัดเข้าก็หงุดหงิด ง้างมือตบเข้าไปโดนหน้าของซือเหยี่ยนพอดี ซือเหยี่ยนตะลึงงันไม่ค่อยกล้าจะเชื่อว่าตัวเองจะโดนเจียงมู่เฉินสะบัดฝ่ามือใส่อย่างไร้คำอธิบายโดยไม่คาดคิดขนาดนี้ 


 


 


           ‘สะบัดกลับไปหรือว่ากัดกลับมา?’ 


 


 


           ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงประกบริมฝีปากเขาอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ เคี้ยว ค่อยๆ กัดอย่างช้าๆ แม้แต่มุมปากก็ไม่ปล่อยผ่าน 


 


 


           สะบัดฝ่ามือใส่เจียงมู่เฉิน ต้องตัดใจทำไม่ลงเป็นธรรมดา แต่ว่า…ใช้ฟันกัดงับเขา ตัวเองยังเต็มใจมากอยู่ 


 


 


           เจียงมู่เฉินผู้หลับใหลท่ามกลางความฝันเพียงครู่เดียวก็หายใจติดขัด ใบหน้าเล็กที่อึดอัดแดงจัด อาการหายใจไม่ออกกำเริบ เขารีบลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าที่แนบชิดอยู่ต่อหน้าของตัวเอง และสัมผัสแปลกประหลาดที่อยู่ในปาก 


 


 


           เจียงมู่เฉินโกรธจนน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตา นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นถลึงตาค้างใส่ซือเหยี่ยน เพิ่งจะตื่นนอนแขนขาไร้เรี่ยวแรงดิ้นรนสู้ไม่ไหวอยู่แล้ว ทำได้เพียงปล่อยให้เขาจูบได้ตามอำเภอใจ 


 


 


           กว่าจะปล่อยไม่ใช่ง่ายๆ เจียงมู่เฉินผลักซือเหยี่ยนออกไป หายใจหอบอย่างรุนแรง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงผ่อนคลายลง เมื่อฟื้นคืนสภาพเดิมกลับมาได้ก็เปิดปากด่าชุดใหญ่ทันที “นายแม่งฉวยโอกาสตอนฉันหลับลอบโจมตีฉัน ไม่ละอายใจหรือไง” 


 


 


           ซือเหยี่ยนทำไม่รู้ไม่ชี้ “ใครใช้ให้คุณยั่วยวนผมก่อนล่ะ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินโมโหจนหน้ามืดตามัว เขานอนอยู่ดีๆ ก็ยังยั่วยวนอีกเหรอ 


 


 


           “คุณชายนอนก็หาเรื่องนายแล้วใช่ไหม” 


 


 


           ซือเหยี่ยนลูบจมูก “คุณนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ไม่ใช่ว่ายั่วยวนผมเหรอ” เห็นเรียวขายาวนั่นเต็มตา เขาจะไม่ฮึกเหิมได้ยังไงไหว 


 


 


           เจียงมู่เฉินฉุนเฉียวจนอยากจะชูนิ้วกลางใส่เขา ยังไม่ทันได้ชูออกมา ท้องก็ร้องขึ้นมา เขาถึงเพิ่งได้รู้ตัวว่าตัวเองหิวจนอกติดแผ่นหลังแล้ว 


 


 


           เขายกเท้าถีบซือเหยี่ยน “อุ้มฉันไปอาบน้ำ แล้วฉันจะกินข้าว” 


 


 


           พอซือเหยี่ยนได้ยินก็รีบอุ้มเขาขึ้นมา มุ่งหน้าไปทางห้องน้ำ ถึงยังไงดูเฉินเฉินอาบน้ำ เขาก็ชอบที่สุดแล้ว 


 


 


           อาบน้ำทีก็ใกล้จะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว กว่าจะออกมาอีกที เจียงมู่เฉินแม้แต่ด่าคนก็ยังด่าไม่ไหวแล้ว ปล่อยให้ซือเหยี่ยนอุ้มเขาออกไปที่โต๊ะอาหาร 


 


 


           “คุณรอผมไม่กี่นาทีนะ เดี๋ยวผมไปอุ่นอาหารแป๊บนึง” 


 


 


           เขาถืออาหารเข้าไปในครัว ทั้งยังหยิบผ้าขนหนูให้เจียงมู่เฉิน “ผมยังมีน้ำหยดลงมาอยู่ เช็ดผมให้แห้งก่อนนะ” 


 


 


           เจียงมู่เฉินมือไม้อ่อนเช็ดผมอย่างเกียจคร้าน เขานั่งพิงเก้าอี้มองดูซือเหยี่ยนที่อยู่ในครัว สวมเสื้อผ้าในมาดของคน ถอดออกแล้ว…ก็คือสัตว์ดีๆ นี่ล่ะ 


 


 


            


 


 


ตอนที่ 245 ขาดทุนแล้ว 


 


 


           เมื่อเจียงมู่เฉินนึกถึงภาพที่เขาถอดเสื้อผ้าออกแล้วหัวรู้สึกชาๆ ถึงอย่างไรซือเหยี่ยนที่ถอดเสื้อผ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว 


 


 


           ซือเหยี่ยนที่อยู่ในห้องครัวไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองถูกเจียงมู่เฉินหมายหัวขีดฆ่าว่าเป็นคนไม่ดีแล้ว เขาอารมณ์ดี เอาอาหารที่ซื้อกลับมาออกมาอุ่นร้อนครั้งหนึ่งแล้วจัดใส่จานอย่างดีวางลงต่อหน้าเจียงมู่เฉิน 


 


 


           เจียงมู่เฉินหิวจนไม่ไหวแล้ว ไม่กี่วันมานี้โดนซือเหยี่ยนตักตวงขูดรีดกันดุเดือดเกินไป รู้สึกว่าถ้าเขาไปชั่งน้ำหนักตอนนี้ต้องผอมลงไปเป็นกิโลแน่นอน 


 


 


           เขาพิจารณาไตร่ตรองดูว่าถ้าตอนนี้ไปฟ้องร้องซือเหยี่ยนในข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัว จะมีโอกาสชนะคดีบ้างหรือเปล่า 


 


 


           ซือเหยี่ยนถือถ้วยเข้ามา ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน ถึงแม้ว่าเจียงมู่เฉินจะหิว แต่กิริยาท่าทางการกินอาหารของเขายังคงเป็นสไตล์ตามความเคยชินของเขา เชื่องช้าเหมือนแมวขี้เกียจอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


           ซือเหยี่ยนเห็นเขานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ กินไปหาวไป คอเสื้อเลื่อนตกลงไปถึงครึ่งแล้วก็ยังไม่รู้ตัว 


 


 


           สายตาเขาจับจ้องมาที่ไหล่ขาวผ่องของเจียงมู่เฉิน มองไปมองมาสุดท้ายสายตามาหยุดลงตรงกระดูกไหปลาร้าอันได้รูปของเขา ซือเหยี่ยนขบกรามแล้วขบกรามอีก อยากโผตัวเข้าใส่แล้วกัดสักคำสองคำ 


 


 


           แต่พอเห็นสภาพเจียงมู่เฉินเป็นแบบนี้ ขืนเขากล้ากัดจริงๆ เจียงมู่เฉินต้องระเบิดลงจริงๆ แล้ว 


 


 


           ซือเหยี่ยนตักน้ำแกงไก่ใส่ถ้วยให้เขา “กินซุปหน่อย” 


 


 


           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “ทำไม รู้สึกว่าฉันขาดทุนเลยอยากจะชดเชยให้ฉันเหรอ” 


 


 


           ซือเหยี่ยนกะพริบตาปริบๆ ตักน้ำแกงให้ตัวเองถ้วยหนึ่งเช่นกัน “พูดแบบนี้ ผมเองก็ต้องการชดเชยเหมือนกัน” 


 


 


           เจียงมู่เฉิน “…” วันนี้หมดหนทางจะผ่านไปได้แล้ว 


 


 


           หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ซือเหยี่ยนเองก็ไม่รีบไปทำงาน เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยถามนิ่งๆ “บริษัทของนายจะเจ๊งแล้วเหรอ” 


 


 


           “อะไรกัน คุณหวังไว้มากว่าบริษัทผมจะเจ๊งเหรอ” 


 


 


           “เงินของนายไม่ใช่เงินของฉีนสักหน่อย จะเจ๊งไม่เจ๊งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” 


 


 


           “งั้นผมเอาเงินให้คุณ? แบบนี้ก็จะเกี่ยวกับคุณได้แล้วใช่หรือเปล่า” จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวทีเดียว 


 


 


           ขมับเจียงมู่เฉินกระตุกทันที รีบเอ่ยห้าม “อย่า คุณชายอย่างฉันเองมีเงิน ไม่อยากได้เงินของนายหรอก” 


 


 


           ‘เงินของเขามีมหาศาล ตัวเองยังใช้ได้ไม่หมดเลย ถ้าบวกเงินของซือเหยี่ยนเข้าไปอีก…’ 


 


 


           ความฝันของเขาเองก็ไม่ใช่มานอนนับเงินบนกองเงินกองทอง อยากได้เงินเยอะขนาดนั้นไปเพื่ออะไร 


 


 


           “เงินของคุณมารวมกับเงินของผม ถ้าเอาให้คุณทั้งหมด เฉินเฉินคุณอาจจะเป็นคนที่รวยที่สุดในถานโจวแล้ว” 


 


 


           เจียงมู่เฉินสมองกระตุก “ฉันไม่ได้อยากกลายเป็นคนที่รวยที่สุดอะไรสักหน่อย” 


 


 


           เขายื่นมือไปสะกิดซือเหยี่ยน “ซูเตอร์ทางนั้นตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง สามวันมานี้จะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเชียวเหรอ” 


 


 


           สามวันมานี้เขาตัวติดกันซือเหยี่ยนตลอด ไม่มีเวลาคิดทบทวนอะไรเลย ตอนนี้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้กะทันหัน 


 


 


           “ไม่มีความเคลื่อนไหว” ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงจูบเขา “อาจจะยอมศิโรราบให้กับความห้าวหาญของคุณ ถึงได้ไม่กล้ามีความเคลื่อนไหวอะไรมั้ง” 


 


 


           เจียงมู่เฉินมองบนใส่ มองเขาเป็นเด็กอายุสามขวบหรือไง ยังจะเชื่อคำโกหกที่ไม่มีชั้นเชิงขนาดนี้ได้อยู่เหรอ 


 


 


           เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดจะคิดว่าคำพูดในวันนั้นจะทำให้ซูเตอร์รู้ถึงความยากลำบากแล้วจะยอมถอนตัวได้จริงๆ 


 


 


           ตอนนี้เขาไม่มีความเคลื่อนไหว เป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นเพราะกำลังวางแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ถ้าซูเตอร์ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร เขาถึงรู้สึกแปลกประหลาด ถ้าเป็นแบบนั้นจะคู่ควรกับตำแหน่งผู้สืบทอดของแก๊งมังกรครามได้อย่างไร 


 


 


           ดวงตาเจียงมู่เฉินจมดิ่งลงเล็กน้อย นัยน์ตาฉายความหยั่งลึกในอารมณ์ แต่เมื่อมองไปยังซือเหยี่ยนกลับสลายหายไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


           เขาเงยหน้ามองซือเหยี่ยน “นายได้ไปหาเขาหรือยัง” 


 


 


           ซือเหยี่ยนส่ายหัว “คุณไม่เห็นด้วย มีหรือผมจะกล้าไป” 


 


 


           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะมองเขา “โอ้ ประธานซือว่าง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เมื่อก่อนประธานซือไม่เคยจะถามความคิดเห็นอะไรของฉันเลย” 


 


 


           ซือเหยี่ยนเห็นแววตาเล็กๆ นั่นของเขาแล้ว จิตใจพลันหวั่นไหว โน้มตัวเข้าใกล้ไปกัดเขา เจียงมู่เฉินผลักอีกฝ่ายออก “พูดจากันก็พูดจากันสิ อย่าเอาแต่ขยับมือขยับปาก” 


ตอนที่ 246 สืบเรื่องแก๊งมังกรคราม


 


 


           ‘เอะอะก็กัดเขา เขาเป็นเนื้อหมูเหรอ’


 


 


           ซือเหยี่ยนยกเท้าขึ้นมาถูขาของเจียงมู่เฉิน “ขยับมือขยับปากไม่ได้ ขยับเท้าได้อยู่ใช่ไหมล่ะ”


 


 


           เจียงมู่เฉิน “…” แบบนี้ก็ยังได้อีกเหรอ


 


 


           ที่แท้เรื่องหน้าไม่อายแบบนี้ ไม่มีขีดจำกัดต่ำสุดเลยสักนิด


 


 


           เพื่อที่จะระงับเหตุป้องกันตัวเองที่ไม่รู้ว่าไปแหย่โดนจุดแปลกประหลาดไหนของซือเหยี่ยน ถึงได้ทำให้สัญชาตญาณดิบของสัตว์เติบโต เขารีบยันกายขึ้นมานั่งอีกฝั่ง ถอยห่างออกไปไกลๆ


 


 


           เจียงมู่เฉินถูกซือเหยี่ยนย่ำยีมาหลายวัน ถ้าเขาอดกลั้นไม่อยู่ทำอะไรแบบนั้นกับตัวเองอีก ชีวิตน้อยๆ นี้ก็จะไม่เหลือแล้วจริงๆ


 


 


           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางหวาดระแวงแบบนั้นของเขาก็ตัดสินใจไม่แกล้งแหย่เขาแล้ว เจ้าตัวลุกยืนขึ้น “ผมจะกลับไปบริษัทก่อนแล้ว คุณนอนหลับดีๆ นะ”


 


 


           เจียงมู่เฉินหรี่ตามองเขา “อืม ไสหัวไปเถอะ”


 


 


           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ เวลานี้เองถึงได้ออกจากที่นี่ ทันทีเขาออกไป เจียงมู่เฉินรีบเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอก


 


 


           เขาขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่ซูเตอร์พักรักษาตัวอยู่ก่อนหน้านี้ กว่าเขาจะถึงห้องพักผู้ป่วย ซูเตอร์ก็ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว


 


 


           เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง ออกจากโรงพยาบาลตั้งนานแล้วยังไม่มาคิดบัญชีกับเขา ครั้งนี้ซูเตอร์คิดจะทำอะไรอีก


 


 


           เขาขับรถออกจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปหามั่วไป๋ เขามีบางเรื่องจำเป็นต้องให้มั่วไป๋ช่วยเขาหาข้อมูล


 


 


           ……


 


 


           “นายอยากจะสืบเรื่องแก๊งมังกรคราม?” มั่วไป๋ขมวดคิ้ว


 


 


           “อืม แก๊งมังกรครามที่นายรู้จักแก๊งนั้นแหละ” เจียงมู่เฉินค่อยๆ จิบกาแฟไป


 


 


           “นายไม่มีอะไรแล้วจะสืบเรื่องแก๊งมังกรครามไปทำไม” เมื่อก่อนก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงมู่เฉินถึงคิดจะสืบเรื่องนี้ได้


 


 


           “ไม่กี่วันมานี้ฉันลงไม้ลงมือกับผู้สืบทอดของพวกเขาจนบาดเจ็บ ตามแนวทางปฏิบัติของพวกเขาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มาหาเรื่องฉัน ดังนั้นฉันคิดว่าก่อนที่พวกเขาจะลงมือ ก็ทำความเข้าใจพวกเขาซะก่อน ถึงเวลาจะได้พอรับมือได้บ้าง”


 


 


           “ทำไมจู่ๆ นายถึงไปมีเรื่องกับแก๊งมังกรครามได้” ถึงแม้เจียงมู่เฉินจะเป็นที่รู้จักไปทั่วถานโจว แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ควรมีก็ไม่ได้น้อย จะไปแตกหักกับแก๊งมังกรครามแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ยได้อย่างไร


 


 


           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ “เรื่องนี้จะพูดกันก็ยาว ฉันไม่พูดได้ไหม”


 


 


           มั่วไป๋เลิกคิ้ว “ไม่ได้อยู่ทนโท่ ถ้านายอยากให้ฉันช่วย ต้องบอกฉันทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นฉันก็ช่วยนายไม่ได้”


 


 


           “ซูเตอร์คนของแก๊งมังกรครามวางยาซือเหยี่ยน ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยซือเหยี่ยน สุดท้ายไปยั่วโมโหซูเตอร์เข้า” เจียงมู่เฉินสีหน้าไร้ความผิด “นายว่าคนเขายั่วโมโหฉันขนาดนี้ ฉันลงมือก็เป็นเรื่องปกติมากใช่หรือเปล่า”


 


 


           มั่วไป๋ยิ้มเยาะ “นายคิดว่าฉันเชื่อเหรอ”


 


 


           เจียงมู่เฉินลูบจมูกปอยๆ “เอาเถอะ วันที่สองฉันก็ถือโอกาสไปโรงพยาบาล ไปประกาศศักดาครองอำนาจสิทธิ์ขาดของตัวเอง”


 


 


           มั่วไป๋จ้องเขาเขม็ง เจียงมู่เฉินรีบโบกมือ “ฉันทำถึงแค่ตรงนี้จริงๆ ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย”


 


 


           ‘แน่นอนว่าท่าทีที่เขาทำจะรุนแรงไปหน่อย พูดเอาเรื่องไปหน่อย ตอนลงมือก็หนักไปหน่อย แต่อะไรอย่างอื่นก็ดีหมดเลยนะ’


 


 


           มั่วไป๋ถอนหายใจ เจียงมู่เฉินทำในสิ่งที่เขาไม่อยากให้ทำจริงๆ


 


 


           แต่ว่าเขาทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ก็ไม่แปลก ถ้าเขาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ทำอะไรสักอย่าง แบบนั้นต่างหากถึงจะรู้สึกว่าแปลก


 


 


           “ดังนั้น วันนี้นายมาหาฉัน อยากให้ฉันหาข้อมูลอะไร”


 


 


           “ซูเวลล์”


 


 


           เขาเคยสืบหาข้อมูลแก๊งมังกรคราม รู้ว่านอกจากซูแวนพ่อของซูเตอร์แล้ว ตอนนี้ก็มีแค่ซูเวลล์น้องชายต่างแม่ของเขา ซูเวลล์คนนี้ถึงแม้จะเป็นพี่น้องของซูแวน แต่ใจนี้ไม่เคยจะอยู่บนเส้นทางเดียวกัน


 


 


           เขาคนนี้ถึงรูปลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือนพวกพูดจาดี เป็นเสือยิ้มกว้าง ในความเป็นจริงนั้นใจโหดมือเ**้ยม มีแค่ใจเดียวที่อยากครอบครองแก๊งมังกรครามไว้ในมือของตัวเอง


 


 


           “ซูเวลล์? นายคิดจะลงมือจากฝั่งเขาเหรอ”


 


 


           


 


 


      ตอนที่ 247 ยืมมือคนอื่นฆ่าคน


 


 


           เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “ซูเวลล์อยากจะได้ตำแหน่งของแก๊งมังกรคราม แล้วซูเตอร์ก็คือหัวหน้าแก๊งคนต่อไป นายว่าถ้าซูเวลล์รู้ว่าซูเตอร์มาถานโจวคนเดียว เขาคิดจะทำอะไรลงไปได้บ้าง”


 


 


           ในที่สุดมั่วไป๋ก็เข้าใจแล้ว “นายคิดจะยืมมือคนอื่นฆ่าคนเหรอ”


 


 


           เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น “จะมาว่าฉันยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ยังไง นี่เป็นความขัดแย้งภายในแก๊งของพวกเขา ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรด้วยเลย ฉันก็แค่อยากให้นายบอกซูเวลล์ถึงตำแหน่งของซูเตอร์ ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา พวกเราไม่น่าเอี่ยวด้วยอยู่แล้ว”


 


 


           มั่วไป๋ถอนหายใจ “นายทำแบบนี้ซือเหยี่ยนรู้ไหม”


 


 


           “เขาเหรอ เขาจำเป็นต้องรู้เหรอ” เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง “นายวางใจเถอะ ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่ทำเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมได้หรอก ขอเพียงแต่ซูเตอร์ไม่มาระรานฉัน ฉันก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายทำร้ายเขา”


 


 


           “อืม” มั่วไป๋ขานรับ “รู้แล้ว เรื่องนี้ฉันจัดการเอง เพียงแต่ว่านายแน่ใจเหรอว่าซูเวลล์จะมาได้”


 


 


           เจียงมู่เฉินยักไหล่ “ไม่รู้สิ ฉันแค่รับผิดชอบแจ้งข่าว ที่เหลือก็ดูพวกเขาเองแล้ว” เขามองมั่วไป๋กะพริบตาปริบๆ “คนเราต้องสร้างบุญ ทำเรื่องไม่ดีไม่ได้ ฉันไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดีตัดอายุตัวเองหรอก”


 


 


           มั่วไป๋ขำจนยกยิ้มมุมปากขึ้น “ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้ว นายไม่ได้อยากจะให้ซูเวลล์ฆ่าซูเตอร์มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่อยากให้ซูเวลล์คุมตัวซูเตอร์เอาไว้ แบบนี้จะได้ไม่มีเวลามาพัวพันนายกับซือเหยี่ยน”


 


 


           เจียงมู่เฉินกะพริบตาปริบๆ “สมกับเป็นไป๋ไป๋ของฉัน เป็นอย่างที่คิดไว้…ฉลาดเหมือนกันกับฉัน”


 


 


           “ดังนั้นสาเหตุที่นายไม่คิดจะบอกซือเหยี่ยน ก็เพราะนายรู้ว่าถึงนายจะพูดกับซือเหยี่ยน เขาเองก็คัดค้านไม่ได้ ถูกไหม”


 


 


           เจียงมู่เฉินเผลอยิ้มออกมา “ไป๋ไป๋ นายก็รู้อยู่แล้วว่าฉันระวังมากขนาดนี้ มีวันไหนกันจะโดนฆ่าปิดปากได้”


 


 


           มั่วไป๋เลิกคิ้วมองเขา “นายทำกันลงคอเหรอ”


 


 


           “ทำไม่ลงอยู่แล้ว ไป๋ไป๋ของฉันดีขนาดนี้ มีหรือจะฆ่านายปิดปากได้ลงคอ” เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ท่าทางอยากจะจูบอีกคน “มา ให้คุณชายจูบที”


 


 


           มั่วไป๋กวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา “ครั้งก่อนนายจูบฉันก็โดนซือเหยี่ยนกักตัวไว้สามวันเต็มๆ ครั้งนี้ยังกล้าจูบอีกเหรอ นี่เตรียมจะโดนเขากักตัวไว้สัปดาห์หนึ่งเลยใช่ไหม”


 


 


           เจียงมู่เฉินระเบิดลง “นายรู้ได้ยังไงว่าฉันโดนซือเหยี่ยนกักตัวไว้สามวัน”


 


 


           มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะเล็กน้อยขายไป๋จิ่งโดยไม่ลังเลเลยสักนิด เขายกมือถือขึ้น “เมื่อกี้มีคนคาบข่าวมาบอก”


 


 


           เจียงมู่เฉินตาค้าง


 


 


           ‘ไป๋จิ่งเจ้าหมอนี่ไม่อยากจะมีชีวิตแล้วใช่ไหม’ ครั้งก่อนเรื่องที่ขายเขาไปยังไม่ได้คิดบัญชีดีๆ กัน ครั้งนี้ยิ่งเล่นหนักกว่าเดิม ยังบอกมั่วไป๋ว่าเขาโดนซือเหยี่ยนกักตัวไว้สามวันอีกเหรอ


 


 


           ‘เชี่ยแม่ง นี่ไม่ใช่ว่ากล้าบอกพวกเขาว่าคุณชายโดนซือเหยี่ยนจับกดสามวันเต็มๆ กันโจ่งแจ้งเลยใช่ไหม’


 


 


           เจียงมู่เฉินเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟา คิดบัญชี ต้องคิดบัญชีกับไป๋จิ่ง ใครจะรู้ว่าเจ้าหมอนั่นจะไปบอกคนอื่นอีกหรือเปล่า ถึงตอนนั้นถ้าเรื่องแพร่ออกไป เขาก็เสียหน้าสิ


 


 


           “ไปไหน” มั่วไป๋มองเขาพุ่งตัวไปข้างนอกด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย


 


 


           เจียงมู่เฉินขบกราม “วันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของไป๋จิ่ง นายในฐานะแฟนช่วงทดลองใช้ของเขาจำไว้ว่าต้องปัดกวาดหลุมศพด้วย”


 


 


           หลังจากมั่วไป๋ได้ยินก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดีมากทีเดียว “งั้นนายก็พูดกับเขาด้วย ว่าฉันจะตั้งป้ายหลุมศพให้เขา พร้อมส่งดอกกุหลาบให้เขาด้วย”


 


 


           เจียงมู่เฉินฟังจบก็สะบัดประตูออกไปทันที


 


 


           มั่วไป๋กุมขมับค่อนข้างปวดหัว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไป๋จิ่งนับวันยิ่งเกินกว่าแผนที่เขาวางไว้ บางทีไม่ต้องใช้เวลานาน เขาก็จะสะสางบัญชีกับไป๋จิ่งให้ถึงที่สุดได้


 


 


           ในที่สุดก็ใกล้จะถึงวันนี้จนได้ วันที่ความจริงทั้งหมดเปิดเผย ตอนที่เขาได้เหยียบย่ำซ้ำเติมหัวใจของไป๋จิ่งจนแหลกอยู่ใต้เท้าเขา เมื่อให้ไป๋จิ่งได้รู้ว่าเขาคือหลินฝานในตอนนั้น คนที่ไม่เคยสนใจอะไรอย่างไป๋จิ่งจะแสดงสีหน้าอารมณ์อะไรออกมาได้บ้าง


 


 


           มั่วไป๋หลับตาลง เขาควรจะดีใจถึงจะถูกต้องอยู่ชัดๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอคิดถึงขึ้นมากลับไม่ได้ดีใจขนาดนั้นอย่างที่คิดไว้เลย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม