(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ 224-231
ตอนที่ 224 เมื่อคว้ามาครองไม่ได้ก็ทำลายทิ้ง
“คุณวางยาที่แก้วใช่ไหม” จนถึงตอนนี้มีเพียงแค่แก้วใบนั้นเท่านั้นที่เขาใช้อยู่คนเดียว ถ้าไม่อยู่ในไวน์ ก็ต้องอยู่ในแก้ว
เขาคิดไม่ถึงว่าซูเตอร์จะใจกล้าหน้าด้านวางยาเขาแบบนี้
“พี่เหยี่ยน ตอนนี้นายรู้ก็สายเกินไปแล้วล่ะ” ซูเตอร์ยื่นมือไปประคองเขาไว้ “นายก็อย่าเสียแรงเปล่าเลย นี่คือสิ่งที่ฉันตั้งใจเอากลับมาเป็นพิเศษ ไร้สีไร้กลิ่นไร้ยาแก้”
เขายิ้มหัวเราะเข้าประชิดซือเหยี่ยน “ใช่แล้ว อีกอย่างฤทธิ์ยาตัวนี้แรงมากนะ”
ซูเตอร์ยื่นมือไปกอดเอวซือเหยี่ยนเอาไว้ ยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ว่านายวางใจได้ มีฉันอยู่ ฉันอยู่กับนายค่อยๆ ช่วยนายแก้ได้” เขาเข้าใกล้พร้อมเป่าลมเบาๆ ใส่ที่ข้างหูของซือเหยี่ยน “พวกเรายังมีเวลากันทั้งคืน”
อารมณ์โกรธถึงขีดสุดลุกโชนขึ้นมาในแววตา ไม่นึกเลยว่าเขาเองจะลืมว่าคนอย่างซูเตอร์ทำได้ทุกอย่าง คิดไม่ถึงว่าจะไม่ได้เตรียมป้องกันที่เขาจะวางยาในไวน์ไว้ด้วย
เขาลองขยับตัว แต่ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงทั้งร่างกายถูกคนกระชากออกไปอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้แค่คิดจะผลักซูเตอร์ออกก็ยังทำไม่ไหว
“พี่เหยี่ยนอย่าพยายามดิ้นรนเลย ยานี้เป็นยาที่ฉันให้หมอส่วนตัวของฉันทำขึ้นมาเป็นพิเศษ คนที่คุมสติตัวเองได้แล้วยังแข็งแกร่งอีกยังต้านทานไม่ไหว ถึงยังไงฉันเสียแรงตั้งมากตั้งมายกว่าจะหาร่องรอยของนายเจอ ถ้าไม่ได้เตรียมอะไรมาบ้าง ฉันจะมาปรากฏตัวได้ยังไงล่ะ”
ซูเตอร์ใช้มือประคองร่างอีกคนหมุนตัวเปลี่ยนทางขึ้นบนตึกไป เขาเตรียมการทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว แค่รอให้ซือเหยี่ยนเข้ามาตามแผน
ซูเตอร์พยุงร่างซือเหยี่ยนไป พลางยกมุมปากขึ้นอย่างลำพองใจ ต่อสู้กับเขาเหรอ ก็แค่เจียงมู่เฉินคนตัวเล็กๆ จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ยังไง
‘พรุ่งนี้เจอกันตอนเช้าใช่ไหม’
เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่าผ่านคืนนี้ไปแล้ว เจียงมู่เฉินจะยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้อย่างไร
เขาโตมาในแก๊งมาเฟีย คำสอนของพ่อเขาคือถ้าชอบแล้ว ไม่ว่าจะ ‘ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล’ มากมายขนาดไหน ก็ต้องคว้ามาให้ได้ ครั้งแรกที่เขาเจอซือเหยี่ยน เขาก็ชอบอีกฝ่ายเข้าแล้ว
แต่ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ซือเหยี่ยนก็เอาแต่ ‘งานก็คืองาน’ มาตลอด
ดังนั้นเขาจึงเสแสร้งแกล้งทำให้ตัวเองกลายเป็นคุณชายน้อยผู้อ่อนแอที่มีคนมุ่งร้ายอยากจะสังหารเขา มาแทนที่เขา
ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ ซือเหยี่ยนก็จะยืนอยู่ตรงนั้นคอยช่วยเหลือเขา ยืดอกเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ บาดเจ็บสาหัสเพื่อเขาก็ตั้งหลายครั้ง
ทุ่มเททั้งกายทั้งใจปกป้องเขาขนาดนี้ ซือเหยี่ยนของเขาจะไม่ชอบเขาได้อย่างไรกัน
ขอเพียงแต่กำจัดคนข้างกายซือเหยี่ยนออกไปทีละคนจนหมด ซือเหยี่ยนก็เป็นของเขาไปโดยปริยายแล้ว เหมือนกับที่พ่อเขาพูดเอาไว้เมื่อตอนนั้นไม่มีผิด ถ้าชอบก็ต้องคว้ามาครองให้ได้ เมื่อคว้ามาครองไม่ได้ก็สู้ทำลายทิ้งเสียดีกว่า
ตอนนี้เขายังไม่อยากทำลายซือเหยี่ยนทิ้ง ดังนั้นก็มีเพียงแค่ต้องได้เขามาครองเท่านั้น
“พี่เหยี่ยน ผ่านคืนนี้ไป นายก็เป็นได้แค่ของฉันคนเดียวแล้ว” ความดื้อรั้นปรากฏในแววตา “นายก็รู้ว่าฉันชอบนายมานานหลายปีแล้ว”
ซือเหยี่ยนยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาพยายามเก็บกดอาการกระสับกระส่ายในร่างกาย เอ่ยเสียงกดต่ำในลำคอ “ซูเตอร์ คุณทำแบบนี้มีแต่ทำให้ผมยิ่งเกลียดคุณ”
“ก็ช่างสิ นายเกลียดฉันก็ถูกแล้ว ยังไงซะนายก็ไม่ชอบฉันอยู่แล้ว” เขาหัวเราะเบาๆ “ไม่ชอบกับเกลียดสำหรับฉันแล้วมันเหมือนกันหมด ยังไงซะขอเพียงนายอยู่ข้างกายฉันก็พอแล้ว”
พูดจบ ซูเตอร์ก็พาซือเหยี่ยนเข้าลิฟต์ไป
……
เจียงมู่เฉินเอารถมาจอดหน้าทางเข้า แล้วพุ่งตรงเข้าไปข้างในทันที เขามองดูที่โถงใหญ่ก็ไม่เห็นเงาของซือเหยี่ยน
เขาหรี่ตาลง พวกเขาไม่มีทางจะออกไปได้เร็วขนาดนี้
“ช่วยฉันหาที มีคนชื่อซือเหยี่ยนมาหรือเปล่า” เจียงมู่เฉินเข้าไปถามคนที่อยู่เคาน์เตอร์ต้อนรับลูกค้าตรงๆ
“คุณคะ ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ทางเราเปิดเผยข้อมูลโดยพลการไม่ได้ค่ะ”
เจียงมู่เฉินสีหน้าบูดบึ้ง บ่งสัญญาณว่าคนอื่นไม่ควรจะเข้าไปหาเรื่องด้วย “จะหาหรือไม่หา ถ้าไม่หาพรุ่งนี้พวกเธอไม่ต้องมาทำงาน”
“ขออภัยค่ะ คุณ…”
ตอนที่ 225 คุณชายเจียงคลั่ง
เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง “เรียกผู้จัดการของพวกเธอมา เดี๋ยวนี้!”
ไม่กี่คนเห็นถึงสัญญาณของเขาว่าคนอื่นไม่ควรจะเข้าไปหาเรื่องด้วย ก็รีบไปตามผู้จัดการของกะนี้มา เจียงมู่เฉินยืนวางท่าอยู่ตรงนั้น
ผู้จัดการของกะนี้เห็นใบหน้าเจียงมู่เฉินก็หวาดกลัวในพริบตา ทำไมถึงได้ไปกระตุกหนวดเสือของคุณชายน้อยผู้นี้ได้
“คุณชายเจียง ทำไมมาที่นี่กะทันหันครับ”
“รีบช่วยฉันหาว่าซือเหยี่ยนอยู่ที่นี่ไหม” เจียงมู่เฉินไม่มีอารมณ์จะมาไร้สาระกับพวกเขา
“คุณชายเจียง ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะช่วยคุณหา…”
“ฉันจะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าวันนี้พวกเธอไม่หา พรุ่งนี้ทุกคนก็ออกกันไปให้หมด”
พอผู้จัดการได้ยินก็พูดกับคนข้างๆ ทันที “ไม่ได้ยินที่คุณชายเจียงพูดหรือไง รีบไปหาสิ”
หญิงสาวที่อยู่เคาท์เตอร์ต้อนรับมือไม้อ่อนลนลานรีบหาข้อมูล “ขออภัยค่ะ ไม่มีข้อมูลของคุณซือเหยี่ยน”
เจียงมู่เฉินกุมขมับ “ซูเตอร์ ดูสิว่ามีเขาไหม”
ครั้งหาออกมาได้อย่างรวดเร็ว “มีค่ะ บนตึกห้องแปดศูนย์เจ็ด”
“เอาคีย์การ์ดให้ฉัน” เจียงมู่เฉินสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณชายเจียง ไม่ดีมั้งครับ”
“จะให้ไหม” เจียงมู่เฉินกดเก็บอารมณ์โมโหรุนแรงไว้ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ
ผู้จัดการรีบพูด “ให้ครับให้ รีบเอาคีย์การ์ดให้คุณชายเจียงเร็ว”
หญิงสาวรีบส่งคีย์การ์ดต่อให้ผู้จัดการ ผู้จัดการส่งคีย์การ์ดให้เขาด้วยท่าทางเคารพนบนอบ แล้วยังไม่ลืมเอ่ยกำชับ “ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นที่สาธารณะ คุณชายเจียงต้องระวังรอบคอบด้วยนะครับ”
เจียงมู่เฉินหยิบคีย์การ์ดจากมือเขาแล้วมุ่งตรงไปเข้าลิฟต์ เขาหยิบคีย์การ์ดถูไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า หวังว่าตอนตัวเองเข้าไปจะยังทันเวลาอยู่
……
ในห้องพักบนตึก ซูเตอร์วางซือเหยี่ยนลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เขานอนคว่ำลงข้างกายซือเหยี่ยน หรี่ตามองเขา
“เหยี่ยน แบบนี้นายดูดีจริงๆ” ปลายนิ้วกรีดกรายสัมผัสผ่านใบหน้าของซือเหยี่ยน “นายรู้ไหม ครั้งแรกที่ฉันเห็นนายก็รู้สึกว่านายดูดีมากจริงๆ”
ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย พยายามกดปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย ทั้งที่เอาออกไม่ได้และเอากลับคืนไม่ได้
ซูเตอร์เห็นเหงื่อบนหน้าผากเขา ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “นายทรมานมากใช่ไหม อย่าร้อนใจไป ฉันจะรีบช่วยนายเดี๋ยวนี้เลยดีไหม”
ขณะที่เขาพูดอยู่ก็เตรียมจะลงมือกับเสื้อเชิ้ตของซือเหยี่ยนด้วย
ซือเหยี่ยนยื่นมือไปกุมมือเขาไว้แน่น “ซูเตอร์ ตอนนี้คุณเปลี่ยนใจยังทัน ผมจะไม่ติดใจเอาความกับคุณ”
ซูเตอร์หัวเราะเบาๆ “เหยี่ยน ฉันทำมาขนาดนี้แล้ว ยังจะกลัวนายติดใจเอาความฉันอยู่เหรอ นายคิดจะถ่วงเวลาฉันใช่ไหม…นายอย่าเสียแรงเปล่าเลย ฤทธิ์ยา ถ้าไม่ทำก็ไม่มีทางจะแก้ได้ ที่นี่นอกจากนายก็มีแค่ฉัน นายไม่ทำกับฉัน แล้วยังมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ…อีกอย่าง นายก็ไม่ต้องคิดว่าจะมีใครมาช่วยนายได้ เรื่องที่นายอยู่กับฉันที่นี่ นอกจากฉัน ไม่มีคนอื่นที่รู้ ดังนั้นนายก็วางใจเถอะ จะไม่มีใครมารบกวนพวกเราได้หรอก”
ซูเตอร์ก้มหน้าลงเบาๆ อยากจะจูบซือเหยี่ยนสักหน่อย แต่เมื่อใกล้จะโดนริมฝีปากเขา ซือเหยี่ยนก็ออกแรงเบือนหน้าหนี ริมฝีปากตกกระทบบนใบหน้าของซือเหยี่ยนแทน
ซูเตอร์เห็นเขาทำแบบนี้ก็ไม่โกรธ มองเป็นเรื่องสนุกแทน ถึงอย่างไรเวลาของพวกเขายังมีอีกนาน ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็ได้
สายตาของซูเตอร์จับจ้องมาที่เสื้อผ้าของซือเหยี่ยน ค่อยๆ ปลดกระดุมบนตัวของเขาอีกทีละเม็ด ทำอย่างรวดเร็วและตรงจุด เพียงชั่วครู่เดียวเสื้อเชิ้ตบนตัวของซือเหยี่ยนก็เปิดออกทั้งหมด
ซูเตอร์มองร่างกายกำยำอันสมบูรณ์แบบของเขาแล้วยิ้มด้วยความพอใจ ซือเหยี่ยนเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ทั้งคนทั้งรูปร่างมีดีเหมือนกัน สุดยอดเหลือเกิน
ซูเตอร์พินิจมองมัดกล้ามแน่นกระชับของเขาก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นรัว ในใจเริ่มร้อนรนนิดหนึ่งแล้ว แทบอยากจะถอดเสื้อผ้าซือเหยี่ยนออกให้หมด มือของเขาเลื่อนลงมาถึงที่เอวของซือเหยี่ยน
ตอนที่ 226 คนของคุณชาย นายก็กล้าแย่ง
เจียงมู่เฉินยืนอยู่ประตูห้องแปดศูนย์เจ็ด เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ รีบรูดคีย์การ์ดเปิดประตูห้อง เสียงประตูถูกเปิดออก เขาถีบประตูเข้าไปทันที
ฉากที่เห็นชัดๆ เต็มสองลูกตา ม่านตาเจียงมู่เฉินหดตัวลงฉับพลัน
เลือดขึ้นหน้าในพริบตา แม้กระทั่งเส้นเลือดบนหน้าผากก็แทบจะระเบิดออกมาแล้ว
ขณะที่ซูเตอร์กำลังถอดกางเกงของซือเหยี่ยนอยู่ เจียงมู่เฉินก็เดินเข้าไปดึงกระชากตัวซูเตอร์ออกแล้วเหวี่ยงลงไปด้านข้างโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
“นาย! นายเข้าได้ยังไง” เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงมู่เฉินจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้
ซือเหยี่ยนเอียงหน้าเห็นเจียงมู่เฉิน ก็โล่งใจบ้างไปเปราะหนึ่ง
ยามที่เจียงมู่เฉินเดือดดาลถึงขีดสุด ไม่ตอบกลับไปสักคำ แต่ถีบใส่อีกฝ่ายเต็มๆ ถึงอย่างไรซูเตอร์ก็เป็นผู้สืบทอดของแก๊งมังกรคราม หลายปีมานี้ถึงแม้จะไม่ได้เก่งมากมาย แต่คนทั่วไปก็ทำให้เขาเจ็บตัวไม่ได้
เขาหลบเท้าของเจียงมู่เฉินอย่างรวดเร็ว เอียงตัวพุ่งไปอัดเจียงมู่เฉิน
ดวงตาเจียงมู่เฉินแดงก่ำ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รับเท้าของซูเตอร์ไว้แล้วจับบิดทันที ได้ยินแค่เสียงกระดูกลั่น ซูเตอร์เจ็บจนร้องกรีดร้องโหยหวน
ราวกับความทรงจำในร่างกายพรั่งพรูออกมาอย่างช้าๆ หลายๆ ท่าทางเขาแทบจะไม่ต้องคิด จิตใต้สำนึกสั่งร่างกายให้มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาได้ ภายใต้สถานการณ์ที่เดือดดาลเช่นนี้ ซูเตอร์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงมู่เฉินมาตั้งแต่แรกแล้ว
โดนเขาจัดการไม่พอ แม้แต่โอกาสจะตอบโต้ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ
เขาโยนซูเตอร์ทิ้งลงด้านข้าง “คนของคุณชาย นายก็กล้าแย่งเหรอ”
ซูเตอร์ถลึงตาใส่เขา “เจียงมู่เฉิน วันนี้นายกล้าทำกับฉันแบบนี้ วันหลังฉันจะตามไปเอาคืนนายแน่!”
เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ ค่อยๆ เดินเข้าไปหาแล้วเหยียบเขาไว้ “คุณชายอย่างฉันเดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่[1]นายมีความสามารถก็มาหาฉันเลย”
เมื่อเห็นว่าซูเตอร์แม้จะยืนก็ยืนไม่ขึ้นแล้ว เขาถึงเพิ่งได้หันกลับมาพร้อมเดินเข้าไปหาซือเหยี่ยน พอเห็นซือเหยี่ยนในสภาพที่ไม่ปกติ ก็รีบประคองร่างอีกฝ่ายขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้าง ยังเดินได้ไหม”
ซือเหยี่ยนส่ายหัวไปมา เขาฝืนยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปาก “ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณยุ่งยากกว่าเดิม”
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง ไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นกับเขา สอดแขนกอดประคองร่างของซือเหยี่ยนเดินออกจากห้องไป
ร่างกายของซือเหยี่ยนร้อนจัดจนน่าตกใจ เจียงมู่เฉินกดหน้าลง ไม่พูดจาตลอดทางที่เดินจากมา เขาพยุงร่างอีกคนพาเข้ารถไป แล้วขับรถออกจากที่นั่นทันที
เขาลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้ซือเหยี่ยนสบายตัวขึ้นมาหน่อย
เขาขับรถไปด้วย เอ่ยถามไปพลาง “เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ดีขึ้นบ้างไหม”
ซือเหยี่ยนกัดฟันสู้ระดับความร้อนในร่างกาย ฤทธิ์ยาตัวนี้แรงเกินไปแล้ว เขาอดทนอดกลั้นมาได้จนถึงตอนนี้ก็เก่งมากแล้ว เขาค่อยๆ ยื่นมือไปจับมือเจียงมู่เฉินอย่างช้าๆ
เจียงมู่เฉินรู้สึกถึงแค่ความร้อนจัดที่หลังมือพร้อมกับได้ยินเสียงซือเหยี่ยนพูด “เหมือนผมจะอดทนไม่ค่อยไหวแล้ว”
เจียงมู่เฉินชะงักงัน อีกครึ่งทางนี้อดทนไม่ไหวแล้วต้องทำยังไง…
เขาเอียงหน้ากำลังจะเตรียมพูดกับซือเหยี่ยนให้ทนต่ออีกสักหน่อย แต่พอเห็นเส้นเลือดบนหน้าผากเขาปูดขึ้นมาก็เข้าใจได้ในพริบตาเดียว
เจียงมู่เฉินมองดูข้างทาง บริเวณใกล้เคียงนี้ก็ไม่มีโรงแรม เขากัดฟันจอดรถข้างทางในซอย
ที่นั่นไม่มีใครสักคน เวลาปกติก็ไม่มีใครเดินผ่านมาได้ ยังถือว่าปิดบังอำพรางได้อยู่
เจียงมู่เฉินหาสถานที่ที่ลับตาคนมาจอดรถเอาไว้ หลังจากถึงได้ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วมองซือเหยี่ยน เขายื่นมือไปตบเรียกซือเหยี่ยนเบาๆ “ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ยังไหวไหม”
ซือเหยี่ยนพยายามดิ้นรนมองไปทางเจียงมู่เฉิน เปลวไฟแผดเผาในดวงตาสีดำขลับราวกับเก็บกดเอาไว้ต่อไปไม่อยู่แล้ว เขาพลิกร่างมาคร่อมทับเจียงมู่เฉินไว้
พื้นที่ในรถเล็กเกินไป บวกกับที่รถของเจียงมู่เฉินเป็นรถสปอร์ต พื้นที่ข้างในจึงยิ่งเล็กลงไปอีก
ขยับตัวไม่ค่อยถนัดเลยสักนิด
เจียงมู่เฉินเอนพิงพนักที่นั่งโดนเขาจูบจนเจ็บขึ้นมานิดหน่อย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยอยากให้ซือเหยี่ยนควบคุมการกระทำของตัวเองสักหน่อย
ซือเหยี่ยนที่อดทนอดกลั้นอย่างขื่นขมให้ตัวเองยังเหลือสติอยู่นิดหนึ่งต่อหน้าซูเตอร์เมื่อครู่นี้ พอมาเผชิญหน้ากับเจียงมู่เฉินก็เหมือนกับสิงโตที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาจากกรงขังไม่มีผิด ปฏิกิริยาอะไรก็ไม่ตอบสนองกลับมาแล้ว
ในใจมีแค่เพียงความคิดเดียว คือจะต้องกลืนกินเจียงมู่เฉินทีละนิดทีละน้อยจนเกลี้ยงอย่างไม่ให้ต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น
[1] เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ เป็นสำนวนเปรียบเปรย คนจริงทำอะไรก็ไม่กลัวว่าใครจะรู้จักหรือจำได้
ตอนที่ 227 เจ็บปวดใจทีเดียว
เจียงมู่เฉินพยายามผ่อนคลาย ตอนนี้จะให้ซือเหยี่ยนรู้จักหนักเบา ไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว สุดท้ายก็มีแค่เขาที่ต้องพยายามเอง ทำให้ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด
เขายื่นมือไปปรับพนักที่นั่งให้เอนไปข้างหลัง ทำให้พื้นที่เดิมที่คับแคบกว้างขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง
ในซอยที่เงียบวังเวง ในรถสปอร์ตคันสีแดงร้อนแรงดุจดั่งไฟแผดเผา ผ่านไปนานแสนนาน อุณหภูมิข้างในถึงค่อยๆ ผ่อนลงเรื่อยๆ
เจียงมู่เฉินเป็นอัมพาตนอนอยู่บนเบาะที่นั่งขยับตัวไม่ได้ เรี่ยวแรงสักนิดก็ไม่มีแล้ว
หลังจากกำจัดฤทธิ์ยาออกไปได้ ในดวงตาแดงฉานก็ค่อยๆ สว่างชัดเจนมากขึ้น เขามองเจียงมู่เฉินแล้วก็เจ็บปวดใจทีเดียว
เขาก้มลงจูบอีกฝ่าย “ขอโทษนะ”
เจียงมู่เฉินยกมุมปากอย่างไร้เรี่ยวแรง “อย่าพูดอะไรพวกนี้เลย กลับบ้านกันก่อน ฉันเจ็บไปทั้งตัวแล้ว”
ซือเหยี่ยนได้ยินก็รีบย้ายเจียงมู่เฉินมาวางลงบนที่นั่งข้างคนขับอย่างระมัดระวัง ทั้งยังหยิบเสื้อผ้ามาคลุมห่มร่างกายของเขาด้วยท่าทีอ่อนโยน สุดท้ายก็จูบหน้าผากเขาอยู่ครู่หนึ่ง เสียงต่ำถึงเพิ่งเอ่ยต่อ “ผมจะพาคุณกลับเดี๋ยวนี้”
เจียงมู่เฉินรู้สึกเขินนิดหน่อยอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ มาได้รับการดูแลที่อ่อนโยนขนาดนี้ก็ชักจะเขินๆ แม้แต่ใบหูก็แดงระเรื่อขึ้นมา
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ ราวกับว่าซือเหยี่ยนอยากให้เจียงมู่เฉินได้นั่งสบายๆ ขึ้น ตั้งใจขับช้าเป็นพิเศษ
เขามุ่งหน้าไปยังคอนโดมิเนียมอย่างค่อยเป็นค่อยไป เจียงมู่เฉินพิงอยู่ตรงนั้นไปพร้อมกับร่างกายที่โรยแรง เขาเงียบไม่พูดจาสักพัก เสียงต่ำถึงได้เอ่ยขึ้น “เปิดกระจกลงหน่อยสิ”
ซือเหยี่ยนเอียงหัวมองเขา
ใบหูเจียงมู่เฉินขึ้นสี “ข้างในกลิ่นแรงไปหน่อย”
ซือเหยี่ยนเปิดหน้าต่างรถที่ข้างตัว ทั้งยังดึงเสื้อผ้าที่ให้เจียงมู่เฉินไว้ขึ้นสูงอีก ให้แน่ใจว่าลมจะไม่พัดเข้าไปใส่แล้ว ถึงได้ขับรถต่อ
เจียงมู่เฉินอิงแอบอยู่ตรงนั้น หลังจากผ่านกิจกรรมอันดุเดือดมา เขาไม่มีแรงอะไรเหลือแล้วจริงๆ
ตั้งแต่ออกเดินทางตามหาซือเหยี่ยน ไหนจะต่อสู้กับซูเตอร์ แล้วตอนนี้ยังมาโดนซือเหยี่ยนจับกดอยู่ในรถอย่างเอาแต่ใจตัวเองราวกับกำลังจี่ขนมเปี๊ยะไปกับกระทะ
เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้ต่างอะไรกับปลาตายตัวหนึ่งเลย
ในรถเงียบสงัด เจียงมู่เฉินอิงแอบอยู่ตรงนั้นเพียงไม่นานก็หรี่ตาลงแล้วผล็อยหลับไป
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจอดใต้ตึกคอนโดมีเนียม ซือเหยี่ยนจอดรถสนิทดีแล้ว เจียงมู่เฉินก็ยังไม่ตื่น ใต้แสงไฟในรถ ซือเหยี่ยนสอดแขนช้อนตัวอุ้มเขาออกมาจากรถอย่างระมัดระวังแล้วเดินขึ้นตึกไป
คงเพราะเหนื่อยเกินไป เจียงมู่เฉินจึงหลับลึกเป็นพิเศษ แม้กระทั่งโดนซือเหยี่ยนอุ้มขึ้นคอนโดมีเนียมแบบนี้ตลอดทางก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่น
เขาบรรจงวางร่างของเจียงมู่เฉินลงบนเตียง แต่เจ้าตัวกลับขยับตัวไปมาอย่างไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก คิ้วขมวดผูกปมขึ้นมา
ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากมองเขาอย่างขำๆ ไอ้หมอนี่นอนหลับอยู่ก็ยังไม่ลืมนิสัยรักสะอาดของตัวเอง ผ่านกิจกรรมมาจนเหนื่อยกลายเป็นสภาพแบบนี้แล้ว ยังจำได้อีกว่าถ้าตัวเองไม่ได้อาบน้ำก็จะไม่ยอมนอน
เขาจึงจำเป็นต้องอุ้มอีกคนเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำล้างตัวให้เขาอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยแล้ว ถึงได้วางร่างนี้ลงบนเตียง
ครั้งนี้เจียงมู่เฉินนอนยืดเหยียดแขนเหยียดขาอย่างสบายๆ ขึ้นมากกว่าในตอนแรก ราวกับได้นอนเอ้อระเหยบนเตียง หลับฝันหวานอยู่อย่างนั้น
ซือเหยี่ยนเห็นเขายิ้มเบาๆ แบบนี้ ก็อดจะเข้าไปใช้ปากงับเข้าที่มุมปากคนตรงหน้าไม่ได้ พะเน้าพะนออยู่นานสองนาน ถึงได้ห่มผ้าห่มให้เขาเสียที ซือเหยี่ยนหมุนตัวเดินเข้าห้องหนังสือไป
……
ณ ห้องหนังสือ ซือเหยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า ในนั้นคือไมเคิลที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน
“รีบร้อนขนาดนี้ หาฉันมีเรื่องอะไร”
“ฉันคิดจะกวาดล้างแก๊งมังกรครามสิ้นซาก”
ไมเคิลตกใจจนสะดุ้งตัวโหยง “เชี่ยแม่ง! นายไม่มีปัญหาใช่ไหม ตัวนายอยู่ถานโจว นายจะจัดการอะไรแก๊งมังกรคราม”
“วันนี้ฉันไม่จัดการเขา วันหลังเขาก็จะมาจัดการฉัน”
ไมเคิลขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันตัดสินใจแล้ว พอดีกับที่เมื่อก่อนฉันรวบรวมจัดการหลักฐานเกี่ยวกับแก๊งมังกรครามอยู่ไม่น้อย ตอนนี้จะลงมือทำก็ไม่ยากขนาดนั้นหรอก”
“ฉันรู้สึกว่านายจะผิดหวังกับเขาบ้างแล้วล่ะ นั่นเป็นที่นายจัดการเมื่อหลายปีก่อน ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า อีกอย่าง แก๊งมังกรครามก็จะเปลี่ยนคนแล้ว อีกไม่นานซูเตอร์ก็ต้องรับช่วงต่อแล้ว”
“งั้นฉันจะกวาดล้างแก๊งมังกรครามให้สิ้นซากก่อนที่ซูเตอร์จะได้รับช่วงต่อ”
ตอนที่ 228 กวาดล้างแก๊งมังกรคราม
ไมเคิลขมวดคิ้วมองเขา “ครั้งนี้นายทำแบบนี้เพื่อใครอีก” เขาถอนหายใจ “ให้ฉันเดา เจียงมู่เฉินใช่ไหม ครั้งนี้นายก็ทำเพื่อเจียงมู่เฉินอีกสินะ”
ซือเหยี่ยนกดหน้าลงไม่พูดจา
“ฉันจะบอกนายให้นะ เมื่อก่อนที่นายแอบแฝงตัวเป็นสายลับเข้าไปในแก๊งมังกรครามก็ดีทีเดียว เพราะความสัมพันธ์ระหว่างนายกับซูเตอร์ ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็ดึงเอาของจากข้างในแม้แต่รากออกมาได้ แต่นายอยู่ช่วงวิกฤตร้ายแรง เพราะเจียงมู่เฉินบอกจะไปก็ไป…นายไปแล้วก็ไปลับ ตอนนี้ก็เพราะเรื่องนี้ นายยังคิดอยากกวาดล้างแก๊งมังกรครามอีก นายเคยคิดบ้างหรือเปล่า ว่าครั้งนี้ยากมากแค่ไหน”
ซือเหยี่ยนกุมขมับ “ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ฉันก็จะต้องทำ”
“แบบนี้มันคุ้มค่าเหรอ”
ซือเหยี่ยนตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด “คุ้มค่า”
หลังจากเรื่องคืนนี้ผ่านไป ทางซูเตอร์จะต้องเล่นงานเจียงมู่เฉินอย่างแน่นอน ตอนนี้เขารีบต้องตัดเนื้อร้ายทั้งหมดของแก๊งมังกรครามออกมาจนไม่มีเหลือให้ทัน ก่อนที่ซูเตอร์จะลงมือ
แบบนี้ก็จะแก้ไขปัญหาเรื่องซูเตอร์ได้สักที
“งั้นตอนนี้นายคิดจะทำยังไง”
“ฉันอาจจำเป็นต้องไปอเมริกา รีบแก้ปัญหาเรื่องแก๊งมังกรครามให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ได้ ถ้านายเข้ามา จำเป็นต้องการอะไรก็รีบบอกฉันทันที”
“โอเค งั้นฉันวางสายก่อนนะ”
หลังจากตัดสายโทรวิดีโอไป ซือเหยี่ยนก็ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเดินกลับมายังห้องนอน ในห้องเจียงมู่เฉินหลับใหลไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าซือเหยี่ยนเพิ่งจะตัดสินใจทำอะไรลงไป
เขามองใบหน้าของเจียงมู่เฉิน พลางถอนหายใจ เรื่องที่ตัวเองต้องไปอเมริกา เขายังไม่รู้เลยว่าจะบอกเจียงมู่เฉินอย่างไร
เขาครุ่นคิดไปจนสุดท้ายไม่พูดอะไรสักคำ สวมกอดอีกคนไว้ฝังอก แล้วนอนหลับลงไป
……
เช้าวันต่อมา เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกคนจับฉีกออกแล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่อย่างไรอย่างนั้น เจ็บไปทั้งร่างกายจนไม่ไหว
เขาขบกรามแล้วขบกรามอีก ถ้าไม่ใช่เพราะซือเหยี่ยนแอบหนีไปเจอหน้าซูเตอร์ จะถูกคนเขาวางยาได้เหรอ
‘ผลของการโดนวางยาสุดท้ายหวยมาออกที่เขาไม่ใช่หรือไง’
เจียงมู่เฉินโกรธจนอยากจะกอดซือเหยี่ยนไว้แล้วกัดเข้าไปสักคำ ‘แม่งเอ๊ย’ เจ้าคนระยำถ้าต่อไปยังกล้าทำแบบนี้อีก เขาต้องยกโทษให้อีกฝ่ายไม่ได้แน่
เจียงมู่เฉินพยายามดิ้นรนลงจากเตียงมา กว่าจะเดินออกจากห้องนอนมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ รู้สึกว่าแรงที่มีทั้งร่างใช้ไปหมดแล้ว ยังดีที่เมื่อวานซือเหยี่ยนยังรู้จักช่วยอาบน้ำให้เขา ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาก็คงจะไม่มีแรงจะตะเกียกตะกายเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำได้
เจียงมู่เฉินค่อยๆ เคลื่อนย้ายตัวเองมาถึงห้องนั่งเล่น ในห้องไม่มีใครสักคน สำหรับพฤติกรรมกินเสร็จแล้วหนีของซือเหยี่ยนแล้วนั้น เขาโมโหจนเจ็บท้องไปหมดแล้วจริงๆ
ในใจคุณชายเจียงขุ่นเคือง โทรหาซือเหยี่ยน ให้เขากลับมาปรนนิบัติตัวเอง
เพิ่งจะกดโทรออกไป มือถือของซือเหยี่ยนก็ดังขึ้นมาจากในห้องครัว เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วกดตัดสายไป “เกิดอะไรขึ้น ลืมเอามือถือไปเหรอ”
เจียงมู่เฉินเห็นมือถืออยู่ตั้งไกล ไม่อยากจะดิ้นรนไปหยิบเลยสักนิด ด้วยเหตุนี้จึงนั่งขี้เกียจอยู่ตรงนั้น
ผ่านไปประมาณห้านาที ประตูคอนโดมิเนียมก็ถูกเปิดจากข้างนอกเข้ามา
ซือเหยี่ยนหิ้วถุงของกินเดินเข้ามา เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วมองเขา “นี่นายกลับเข้ามาเอามือถือเหรอ”
“ก็เห็นกันอยู่ ผมซื้ออาหารเช้ากลับมาให้คุณ”
“เช้าขนาดนี้นายไม่ไปบริษัท ไม่คิดเลยว่าจะไปซื้ออาหารเช้ามาให้ฉัน” เจียงมู่เฉินค่อนข้างประหลาดใจ
“ถ้าผมไปบริษัท คุณจะไม่โกรธจนอยากจะฆ่าผมตายเหรอ”
เจียงมู่เฉินขบกรามอย่างจริงจัง “ตอนนี้ฉันก็ยังอยากจะฆ่านายอยู่นะ”
ซือเหยี่ยนเข้าไปงับเขาเบาๆ “วางใจเถอะ คุณทำไม่ลงหรอก”
เจียงมู่เฉินถอนหายใจอย่างหมดหนทาง ซือเหยี่ยนบีบจุดสามนิ้ว[1]ของเขาไว้ ต่อหน้าซือเหยี่ยนพื้นที่ให้เหลือโต้ตอบไม่มีเลย ทำได้เพียงยอมปล่อยให้เขาทำแบบนี้
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “เรื่องเมื่อคืนฉันไม่หวังว่าจะเห็นอีกเป็นครั้งที่สองนะ”
[1] สามนิ้ว มาจากสำนวนจีนว่า ตีงูต้องตีให้แม่นในตำแหน่งที่หลังหัว 3 นิ้วจีน ซึ่งเป็นช่วงกระดูกสันหลังของงูที่ตีให้หักง่ายที่สุด เมื่อตีให้หักแล้ว อวัยวะส่วนต่อมาก็จะเสียหายไปด้วย งูถึงจะสยบทันที คนตีงูก็ย่อมพ้นอันตรายอย่างสำเร็จ
ตอนที่ 229 โดนวางแผนอีกแล้ว
ซือเหยี่ยนหยุดการกระทำในมือลง มองมายังเจียงมู่เฉิน “เมื่อคืนคุณไปที่นั่นได้ยังไง”
เจียงมู่เฉินโมโหจนขบกรามแน่น “อะไรกัน นายยังคิดว่าฉันไปรบกวนเรื่องดีๆ ของนายใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนสีหน้าเคร่งเครียดมองเขา ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับกำลังคิดว่าเจียงมู่เฉินได้รบกวนเรื่องดีๆ เรื่องนี้ของเขาหรือเปล่า
เจียงมู่เฉินโกรธจนกระทืบเท้าใส่ ร้าวไปถึงด้านหลังพอดี เจ็บจนเกือบหยุดหายใจ เจียงมู่เฉินทั้งเจ็บทั้งโมโห เอ่ยปากด่าชุดใหญ่ทันที “นายแม่งยังกล้าคิดจริงๆ เหรอ แม่งเอ๊ย ถ้าเมื่อคืนฉันไม่ปรากฏตัว นายก็จะได้ไปมีชู้ไปลองกับคนอื่นเลยใช่ไหม”
“ฉันจะบอกนายให้นะ ขอเพียงแต่ฉันยังเป็นแฟนของนายอยู่วันยังค่ำ ถ้านายแม่งกล้าจับปลาสองมือ ฉันจะลงทัณฑ์นายแน่”
ซือเหยี่ยนยืนข้างๆ มองเจียงมู่เฉินระเบิดลงอย่างบันเทิงเริงใจ นานเกินไปแล้วที่ไม่ได้เห็นเขาเป็นแบบนี้ คิดถึงอยู่บ้างจริงๆ
เจียงมู่เฉินเห็นเขาทำหน้าตาระรื่น ก็โกรธจนเจ็บท้อง หันหลังใส่ไม่อยากจะสนใจเขา ไม่อย่างนั้นไม่ช้าก็เร็วสักวันต้องอกแตกตายเพราะเขาแน่
พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ เจียงมู่เฉินก็รู้สึกเดือดดาลจนหัวร้อนไปหมด ถ้าเขาไม่โทรหาซือเหยี่ยน ถ้าซูเตอร์ไม่ยั่วยุเขา ถ้าเขาไม่รู้สึกถึงความไม่ผิดปกติแล้วรีบตามเข้าไป
‘ซือเหยี่ยนก็คงจะมีอะไรกันกับซูเตอร์จริงๆ ใช่ไหม’
คิดถึงตรงนี้ เจียงมู่เฉินก็อยากจะกระทืบใส่ซือเหยี่ยนอีกสักทีสองที เรื่องที่แอบไปเจอซูเตอร์หลับลังเขา เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับซือเหยี่ยนเลยนะ
ซือเหยี่ยนเห็นว่าทำให้เขาโกรธจริงๆ แล้ว ก็รีบเข้าไปง้อ “ผมไม่ได้คิดอยากจะลองกับใคร…เมื่อวานเป็นเหตุสุดวิสัย ครั้งหน้าผมจะระวังแน่ จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
เจียงมู่เฉินเงียบไม่พูดจาอยู่พักใหญ่ ทันใดนั้นก็หันกลับไปมองซือเหยี่ยน “ตกลงนายคิดจะทำอะไรกันแน่ หรือจะว่านายกำลังทำแผนอะไรบางอย่างที่ฉันไม่รู้”
ซือเหยี่ยนโดนเขามองจู่โจมกะทันหันด้วยท่าทีจริงจังขนาดนี้ หัวใจเหมือนโดนบีบคั้น เพียงชั่วขณะเขากำมือ ยิ้มหัวเราะเบาๆ “เปล่า ผมไม่ได้จะทำอะไรสักอย่าง”
เจียงมู่เฉินไม่เชื่อ “ถ้านายไม่ได้จะทำอะไรสักอย่าง แล้วทำไมเมื่อวานนายถึงไปหาซูเตอร์ นายก็อยู่เต็มอกว่าเขาคิดไม่ซื่อกับนาย ทำไมนายยังอยากนัดเขาอีก” เขากุมขมับแล้ว “ขนาดจะบอกฉันสักคำยังไม่มีเลย…
ซือเหยี่ยน ถ้าจะบอกว่านายไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าจริงๆ ฉันก็ไม่เชื่อจริงๆ เหมือนกัน”
เรื่องเมื่อคืน ตอนนั้นแค่รู้สึกโมโหสุดๆ จนไม่ได้คิดอะไรมากมาย ตอนนี้พอใจเย็นลงแล้ว ถึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
ซือเหยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “หาแฟนได้ฉลาดขนาดนี้ ตกลงแล้วดีหรือไม่ดีกันแน่”
เขารู้ว่าปิดเจียงมู่เฉินไม่ได้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้
“ทุกอย่างเมื่อวานนี้เป็นแผนที่นายวางไว้ล่วงหน้าอย่างดีแล้วใช่ไหม จงใจไม่บอกฉัน จะได้ให้ฉันโทรหานาย แล้วยังไม่เอามือถือไปด้วย เพื่อให้ซูเตอร์เห็น นายรู้ว่าขอเพียงแต่ซูเตอร์เห็นก็จะต้องมายั่วยุฉันแน่ๆ…แล้วตามนิสัยของฉัน ไม่มีทางจะมานั่งดูเฉยๆ อยู่แล้ว” เจียงมู่เฉินกดหน้าลง “นายทำทุกอย่างที่เตรียมการไว้เสร็จก็รอให้พวกเราค่อยๆ มาติดเบ็ดถูกต้องไหม”
ซือเหยี่ยนไม่คาดคิดว่าในเวลาอันสั้นเจียงมู่เฉินจะมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้
“นายรู้ว่าฉันจะตามมาได้ ไหนจะเรื่องโรงแรมนายก็เตรียมการไว้ล่วงหน้าด้วยใช่ไหม ฉันถึงได้ทำได้อย่างราบรื่นขนาดนั้น”
ซือเหยี่ยนกุมขมับ “จุดนี้ไม่ได้อยู่ในแผนของผม ผมอยากจะยั่วโมโหซูเตอร์จริงๆ จะได้ให้เขาเผยพิรุธออกมา แต่ผมนึกไม่ถึงว่าคุณจะตามมาได้”
เจียงมู่เฉินหรี่ตาลง “นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้คิดเอาไว้”
“เฉินเฉิน เรื่องนี้ผมไม่ได้คิดจะให้คุณเข้ามาเอี่ยวด้วย แผนยั่วโมโหซูเตอร์เป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผมจะเสียสละครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อคุณได้ ส่วนเรื่องที่คุณตามมาช่วยผมทัน มันเกินกว่าแผนที่ผมวางเอาไว้แล้ว”
ตอนที่ 230 ไม่อยากเดินไปถึงขั้นนั้น
“โอเค งั้นถ้าเมื่อคืนฉันไม่ได้ตามไปช่วย แล้วนายจะทำยังไง ทำตามที่ซูเตอร์ต้องการเหรอ”
“ผมกล้าเข้าไปเหยียบกับดักของซูเตอร์แล้วก็ต้องเตรียมการทุกอย่างไว้อย่างดีเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ตามแผนของผม เมื่อคืนถ้าคุณไม่ได้มา ก็ยังมีคนอื่นมาปรากฏตัวได้” ซือเหยี่ยนมองเขา “คุณวางใจเถอะ นอกจากคุณแล้ว ผมไม่มีทางจะไปหลับนอนกับคนอื่น”
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา “นายอย่ามาพูดไปเรื่อยกับฉันที่นี่”
“เมื่อคืนเป็นที่คิดไม่รอบคอบเอง ผมควรที่จะบอกคุณล่วงหน้าถึงจะถูก ไม่ควรจะทำให้คุณที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเป็นห่วงผม”
ซือเหยี่ยนจับมือเจียงมู่เฉินไว้ “ผมรับรองจะไม่มีครั้งต่อไปอีก”
เจียงมู่เฉินเงียบไม่พูดจาครู่หนึ่ง ชักมือออกจากมือของซือเหยี่ยน สายตาเย็นชามองมาที่ซือเหยี่ยน
“ซือเหยี่ยน…สำหรับนายแล้ว ฉันเป็นอะไรกันแน่”
เขาเป็นแฟนของซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนก็ควรจะก้าวพร้อมกับเขาไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังถึงจะถูก ไม่ใช่มาวางแผน มาอ้างเหตุผลสารพัดเรื่องของตัวเอง เพื่อมาปกป้องเขาอยู่ข้างหลังตลอดไปแบบนี้
“คนรัก” ซือเหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ลังเล
เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น “ซือเหยี่ยน ฉันเหนื่อยแล้ว เรื่องเมื่อคืนก็พอแค่นี้เถอะ ฉันเองก็ไม่อยากจะพูดต่อแล้ว”
เขาลุกขึ้นมาจากโซฟา “ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย นายไม่ต้องติดต่อฉันชั่วคราวนะ”
ซือเหยี่ยนใจกระตุบวูบ รีบคว้าตัวเจียงมู่เฉินเอาไว้
เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ ดึงมือของซือเหยี่ยนออกอย่างเด็ดเดี่ยว “ฉันขอตัวก่อน”
เขาพูดจบก็เดินผ่านข้างตัวซือเหยี่ยนไป ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ออกจากคอนโดมิเนียมไปทั้งอย่างนั้น
เจียงมู่เฉินขับรถออกไป เขาขับวนไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมาย และก็ไม่มีที่ที่อยากไป เขาเอารถมาจอดตรงพื้นที่ว่างเปล่าอย่างแล้วแต่จะจอด เขาเอนพิงพนักที่นั่งแล้วหลับลง
เขารู้ว่าซือเหยี่ยนไม่มีทางจะทรยศตัวเอง ดังนั้นเมื่อวานตอนที่พบว่าซือเหยี่ยนเปลือยกายนอนอยู่บนเตียงกับซูเตอร์ ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกคือจะต้องดึงตัวซูเตอร์ให้พ้นทางให้ได้ แต่ไม่ใช่มารู้สึกว่าซือเหยี่ยนจะทำอะไรกับซูเตอร์ได้แบบนั้น
ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างแรกก็คือจะตัดสินลงโทษซูเตอร์ ดังนั้นถึงได้อัดคนจนอ่วมไปชุดใหญ่ แล้วพาซือเหยี่ยนออกมา
เขาไม่โทษที่ซือเหยี่ยนวางแผนใส่เขา เขาก็แค่รู้สึกว่าซือเหยี่ยนไม่จำเป็นต้องยกเขาวางไว้ในตำแหน่งที่ทำได้แค่รับการปกป้องจากซือเหยี่ยนเท่านั้น
ก็เหมือนกับเรื่องนั้นที่เขาพูดไปเมื่อคืน เขาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าซูเตอร์จะเป็นผู้สืบทอดของแก๊งมังกรครามอะไร หรือมีอำนาจใหญ่อะไรหนุนหลัง
ดังนั้นหลังจากที่คิดตกผลึกเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ถึงได้รู้สึกท้อแท้ใจอยู่ไม่เบา
เจียงมู่เฉินถอนหายใจ ไม่ค่อยจะรู้แล้วว่าจะจัดการเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับซือเหยี่ยนอย่างไรดี ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วสักวันระหว่างพวกเขาอาจจะจุดระเบิดปัญหาที่ใหญ่ยิ่งกว่านี้ขึ้นมาได้
เขาไม่อยากเดินไปกับซือเหยี่ยนจนถึงขั้นนั้น
เจียงมู่เฉินหยุดสักพัก จากนั้นถึงค่อยขับรถออกไป
……
หลังจากเจียงมู่เฉินจากไป ซือเหยี่ยนยืนนิ่งอยู่หน้าโซฟา มือไร้กำลังดิ่งลงข้างตัว อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆ เปลี่ยนจากร้อนเป็นเย็นจนไม่เหลือแม้อุณหภูมิความร้อนเลยสักนิด จนอาหารทั้งหมดเย็นชืดแล้วก็ยังไม่มีใครแตะต้อง
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ซือเหยี่ยนถึงได้ขยับเขยื้อนร่างกายที่แข็งทื่อของเขา ออกจากห้องไปบริษัท
ไป๋จิ่งทำงานอยู่ที่บริษัทตลอดเวลา พอเห็นซือเหยี่ยน ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหา “เมื่อคืนนายทำอะไรลงไป ซูเตอร์เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว”
“ตอนนี้ทางนั้นเขาว่ายังไงบ้าง”
“ทางอเมริกายังไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดชั่วคราว แต่ตอนนี้ซูเตอร์เข้าโรงพยาบาลไปแบบนี้ จะต้องสะเทือนแก๊งมังกรครามแน่นอน ถึงตอนนั้นรอพวกเขาเข้ามา เรื่องนี้จะจัดการไม่ได้ง่ายแล้วนะ”
“เขาบาดเจ็บหนักเหรอ”
เมื่อคืนถึงแม้เจียงมู่เฉินจะลงมือไม่ได้เบาๆ แต่ซูเตอร์เองก็ไม่ใช่ลูกพลับอ่อนที่จะยอมปล่อยให้เจียงมู่เฉินอัดอยู่ฝ่ายเดียว เขาไม่ควรจะบาดเจ็บสาหัสได้
“ยังดีบาดเจ็บไม่เท่าไหร่ ไม่ได้มีอะไรสาหัส ก็แค่บาดเจ็บภายนอก” ไป๋จิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา “นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าตกลงนายคิดจะทำยังไง”
ซือเหยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานครุ่นคิดอยู่สักพัก “ช่วยฉันสักเรื่อง”
ตอนที่ 231 นายชอบอะไรในตัวซือเหยี่ยน
ตอนนี้เขาจำเป็นต้องดึงเจียงมู่เฉินออกมาจากโคลนตมนี้ ก่อนที่ซูเตอร์จะลงมือโต้ตอบอะไร
“นายต้องการจะทำอะไรอีก”
“เปิดเผยเรื่องของฉันกับเจียงมู่เฉินให้พ่อแม่ทั้งสองตระกูลรู้” ซือเหยี่ยนหยุดสักพัก “นอกจากพวกท่าน ฉันไม่หวังว่าจะยังมีคนอื่นรู้อีก”
ไป๋จิ่งถลึงตาใส่เขา “นายเสียสติไปแล้วหรือไง เวลานี้จะมาเปิดตัวว่าชอบผู้ชาย เจียงมู่เฉินก็เห็นด้วยเหรอ”
“เขาไม่รู้ และก็ไม่จำเป็นต้องรู้”
“นายคิดจะปิดบังเขาเหรอ” ไป๋จิ่งไม่สนับสนุน “ฉันไม่เห็นด้วย นายทำแบบนี้ ถ้าเจียงมู่เฉินรู้เข้า ตามนิสัยเขาแล้ว เป็นไปได้สูงมากที่พวกนายสองคนจะจบกันไปทั้งแบบนี้”
ซือเหยี่ยนกุมขมับ “ตอนนี้ฉันไม่มีวิธีอื่นแล้ว” เขาถอนหายใจเบาๆ รอจนเคลียร์เรื่องทุกอย่างเสร็จ ค่อยกลับไปหาเจียงมู่เฉินขอให้ยกโทษให้ก็แล้วกัน
“เหตุผลที่นายทำแบบนี้คืออะไร นายอย่าบอกฉันนะว่านายคิดจะเลิกกับเจียงมู่เฉิน”
สีหน้าซือเหยี่ยนดำดิ่งลงเล็กน้อย “ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ”
ไป๋จิ่งตะลึงงัน “นายบ้าไปแล้วเหรอ พวกนายดีๆ กันอยู่ จู่ๆ จะมาเลิกอะไรกัน สองวันก่อนยังจะเป็นจะตายไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพื่อไปตามหาเขากลับมาไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ยังอยากจะเลิกอีกเหรอ”
“เรื่องนี้นายไม่ต้องสนใจมาก ฉันมีแผนของฉัน”
ไป๋จิ่งยอมใจเขาจริงๆ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าแต่เช้าจรดเย็น นายกำลังคิดอะไรอยู่…ถึงยังไงเรื่องของนายกับเจียงมู่เฉิน นายรอบคอบระมัดระวังจะดีที่สุด ถ้าเจียงมู่เฉินรู้เข้า ตามนิสัยเขา เกรงว่าทั้งชีวิตนี้นายจะตามกลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
แววตาซือเหยี่ยนประกายความดำดิ่งหยั่งลึกลงไปในความรู้สึก เขาหลับตาลงเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันคิดอย่างชัดเจนมากแล้ว นายไปทำตามที่ฉันบอก”
ไป๋จิ่งถอนหายใจอย่างหมดหนทาง อยากจะพูดโน้มน้าวใจซือเหยี่ยนอีกครั้ง แต่พอเห็นท่าทางซือเหยี่ยนแบบนั้นก็คงจะไม่มีทางจะหันกลับไปเดินได้แล้ว จึงจำใจต้องเดินจากไป
หลังจากไป๋จิ่งออกไปแล้ว ซือเหยี่ยนหลับตาลง เดินมาถึงขั้นนี้ได้ก็เกินกว่าสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
……
เจียงมู่เฉินขับรถวนอยู่ข้างนอกอย่างเคว้งคว้างไปรอบหนึ่ง ถึงกลับมาที่คอนโดมีเนียม ผลักประตูเข้าไปก็พบว่าซือเหยี่ยนไม่ได้อยู่ข้างในแล้ว เหลือเพียงแค่อาหารเช้าที่เย็นไปเรียบร้อยแล้วอยู่บนโต๊ะ
เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปหยิบขึ้นมา อาหารเช้านี้ไม่มีไอร้อนเลยสักนิด
เขาส่งมือไปหยิบเสี่ยวหลงเปาของร้านฝูจี้ที่ซือเหยี่ยนตั้งใจไปย่านเฉิงซีในถานโจวซื้อมาให้เขา กัดเข้าไปหนึ่งคำ เพราะความเย็นในเสี่ยวหลงเปาทำให้รสชาติไม่ค่อยเหมือนรสชาติในความทรงจำของเขาเท่าไหร่
หลังจากเจียงมู่เฉินกัดเข้าไปสองคำก็กินเสี่ยวหลงเปาในมือหมดแล้ว ถึงเพิ่งหยิบถุงขึ้นมาคิดจะโยนลงถังขยะ แต่พอเห็นถังขยะแล้ว เจียงมู่เฉินก็โยนทิ้งไม่ลง สุดท้ายถือของทั้งหมดไปวางในครัวแทน
เขาขับรถออกจากคอนโดมีเนียมไปอีกครั้ง
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจียงมู่เฉินก็มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล เขาสืบข่าวได้เรื่องมาว่าซูเตอร์ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ด้วยเหตุนี้จึงตั้งใจเขามาเยี่ยมเป็นพิเศษ
หลังจากเจียงมู่เฉินสืบไปจนรู้ห้องพักผู้ป่วยของซูเตอร์แล้ว ก็หิ้วของขวัญเดินเข้าไป
เขายืนอยู่หน้าประตูมองป้ายชื่อหน้าห้องแล้ว แน่ใจว่าเป็นห้องพักผู้ป่วยของซูเตอร์แล้ว ถึงได้เข้าไปในทันใด
ซูเตอร์นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ใบหน้าที่ดูดีมีรอยฟกช้ำอยู่ประมาณหนึ่ง
“นายมาที่นี่ทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย”
เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “ที่นายบาดเจ็บถึงยังไงก็เป็นฝีมือฉันทำ เข้ามาเยี่ยมหานายก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
ซูเตอร์ถลึงตาใส่เขา ตัวเองยังไม่ทันได้ไปตามคิดบัญชีกับเขา เขากลับเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เอง
“เรื่องเมื่อคืนฉันไม่มีทางจะปล่อยไปเฉยๆ ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก ไม่ช้าก็เร็วสักวันฉันจะมาทวงคืนทบต้นทบดอกแน่นอน”
ได้ยินเขาพูดมาขนาดนี้ เจียงมู่เฉินเองก็ไม่รีบร้อนอะไร เขาลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือ มานั่งวางท่าอยู่ข้างเตียงซูเตอร์
“นายชอบอะไรในตัวซือเหยี่ยน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น