(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 203-211 (จบบริบูรณ์)
ตอนที่ 203 ยินดีปรีดากันถ้วนหน้า
ชิวจือเว่ยและหลานเซียวไปยังห้องลับ หลานชิงนอนอยู่ที่นั่น แม้เขาน่าจะไม่รู้จักพวกเขาทั้งสอง
หลานชิงนอนอยู่กลางห้องลับ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยหัวใจแห่งฟ้าดิน พลังวิญญาณดั้งเดิมที่หลานเยี่ยให้เขาไปสามส่วนในตอนแรกทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตอนนี้ตราหยกประมุขตระกูลถูกทำลาย ขีดจำกัดของพลังวิญญาณดั้งเดิมก็ถูกทำลายลงเช่นเดียวกัน บนร่างของหลานชิงปรากฏสถานการณ์เดียวกันกับหลานเยี่ย
ชิวจือเว่ยและหลานเซียวไม่ได้พาเขากลับไปยังสวนชิงหรง แต่พาเขากลับไปที่หอเย่ว์เยี่ย ภายในหอเย่ว์เยี่ยมีห้องรับแขกทั้งหมดสามห้อง แล้วยังเป็นเพราะหลานเม่ยสร้างเพิ่มทีหลัง ครานี้ถูกจับจองกันจนเต็มทั้งหมด ทำให้หอเย่ว์เยี่ยที่เย็นเยียบมาตลอดกลายเป็นครึกครื้นขึ้นมาแล้ว!
“ผู้คนมากมายเช่นนี้ ช่างวุ่นวายเสียจริง” เมื่อเสร็จธุระชิวจือเว่ยก็พูดตัดพ้อออกมา
“เจ้าอย่าได้ตัดพ้อ ขอเพียงพวกเขาไม่ตัดพ้อ พวกเราก็โชคดีแล้ว” หลานเซียวกลอกตาใส่เขา
“เซียวเซียว พวกเราออกไปเดินเล่นเถิด วันนี้เหนื่อยเสียจริง” ชิวจือเว่ยดึงชายเสื้อหลานเซียวทำทีออดอ้อน ทำให้หลานเซียวรู้สึกจนปัญญา
ทั้งสองคนไปยังเขาหลานวั่ง หลังจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ไม่ได้จัดการ ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่ได้จากไปในที่ห่างไกลเท่าไรนัก รอพวกเขาฟื้นขึ้นมาก็จะยินดีปรีดากันถ้วนหน้าแล้ว
พวกเขาออกไปเดินเล่นอยู่ทางนั่น ส่วนคนที่เหลือก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง
“อวี่มั่ว ทุกอย่างจบลงแล้ว อย่าลืมชดเชยขบวนสินสอดหนึ่งร้อยลี้ให้ข้าเล่า” เทียนซีพูดเย้าอวี่มั่ว อวี่มั่วไม่เคยเห็นเทียนซีที่เป็นเช่นนี้มาก่อน รู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยด้วย!
“จะลืมได้อย่างไร! ขอเพียงเจ้าชอบ ข้ายินยอมจัดการให้ถนนทุกสายในใต้หล้าปูด้วยพรมแดง ทำให้ทุกคนได้รับรู้ความรักของพวกเรา” อวี่มั่วตอบเทียนซี
“จริงหรือ ข้ารอคอยบ้างแล้ว” เทียนซีวางคางลงบนโต๊ะ มองไปยังอวี่มั่ว
“จะรอคอยอยู่บ้างได้อย่างไร! เจ้าจะต้องรอคอยอย่างแรงกล้า เพราะเป็นงานแต่งที่ข้าจัดขึ้นเพื่อเจ้านะ!” อวี่มั่วใช้ลักษณะท่าทางเดียวกันมองเขา
“เจ้าว่าคนอื่นจะเป็นเช่นไร”
“ใครจะไปรู้เล่า ขอเพียงพวกเราอยู่ดีก็พอแล้ว”
ภายในห้องอีกห้องหนึ่ง
“หรูเอ๋อร์ รอพวกเขาตื่นขึ้นมา แต่งงานกับข้าดีหรือไม่” หลานเม่ยขออวิ๋นหรูแต่งงาน อวิ๋นหรูเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
“รอพวกเราแต่งงานกัน ข้าไปเขาเทียนปี้กับเจ้า พวกเราดูแลเขาเทียนปี้ด้วยกัน ทำให้เขาเทียนปี้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง”
“ได้” อวิ๋นหรูรับปากหลานเม่ย หลานเม่ยจับมือนางไว้ ยิ้มพลางกอดนางไว้ในอ้อมกอด
ทิวทัศน์เขาหลานวั่งในวันนี้ดีเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้เรื่องราวดีๆ ทั้งหมดนี้ด้วยหรือไม่ ดอกไม้ออกดอกสีสดใสเป็นพิเศษ กระต่ายตัวน้อยก็วิ่งออกมาเล่นกันอย่างรื่นเริง
“ทะเลภูเขาที่กว้างใหญ่เช่นนี้ หากถูกทำลายเพราะการศึกสงครามจะต้องน่าเสียดายเป็นแน่” ชิวจือเว่ยพูดทอดถอน
“จือเว่ย ตอนนี้ตระกูลเยี่ยถูกทำลายลงแล้ว เจ้าจะยังกลับไปหรือไม่ หากเจ้ากลับไป ข้าจะกลับไปพร้อมเจ้าด้วย” หลานเซียวหยุดลงถามชิวจือเว่ยออกมา
ชิวจือเว่ยหัวเราะ
“ตอนนี้ไม่มีตระกูลเยี่ยอะไรอีกแล้ว และไม่มีราชสำนัก หรือตระกูลหลานอีกต่อไป มีเพียงใต้หล้า ข้าเชื่อว่าหลานเยี่ยเองก็คงจะทำเช่นนี้ ใต้หล้าใหญ่เพียงนี้ทุกที่ล้วนเป็นบ้านของข้า สถานที่ที่มีข้าก็คือบ้านของเจ้า ใต้หล้ากว้างใหญ่เพียงนี้ เจ้ายินยอมใช้ชีวิตอยู่กับข้าจนกว่าจะหมดสิ้นหรือไม่” ชิวจือเว่ยยื่นมือทั้งสองข้างไปหาหลานเซียว
หลานเซียวมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆ จับมือทั้งสองข้างที่ยื่นออกมาของชิวจือเว่ย
“ข้ายินยอม ชีวิตนี้ แม้จะมีเพียงสิบกว่าปี แต่วันเวลาที่มีเจ้าคงจะไม่เลวร้ายเกินไป”
“ขบวนสินสอดร้อยปีที่ข้าสัญญาต่อเจ้าเมื่อพันปีก่อน จะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
“อืม”
กระแสลมพัดมา ใบไม้เสียดสีเสียงดัง เหมือนกับบทเพลงลมตะวันออกบทหนึ่ง บรรเลงออกมาเป็นเสียงสวรรค์ ดังกังวานไปทั่วทั้งตระกูลหลาน ทั่วทั้งใต้หล้า
ชีวิตนี้ วันเวลาที่มีเจ้าคงจะไม่เลวร้ายเกินไป
ตอนที่ 204 มั่นใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลานเยี่ยลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบาก นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว นับไม่ถ้วนแล้ว หลานเยี่ยคิดถึงเรื่องสุดท้ายขึ้นมา จับลูบบริเวณหัวใจของตนเอง แล้วก็พบว่าไม่มีบาดแผลอีกแล้ว แม้แต่พลังวิญญาณก็กลับมาแล้ว
หลานเยี่ยเบนหน้ามองหลานเฟิง หลานเฟิงยังไม่ตื่น แต่ก็น่าจะอีกไม่นานแล้ว ความดีใจความโทมนัสได้ผ่านพ้นไปแล้ว ด่านเคราะห์สุดท้ายก็ผ่านไปแล้วเช่นกัน ครั้งนี้สิ้นสุดแล้วจริงๆ
ดูท่าผู้เฒ่าผู้นั้นได้พูดเรื่องราวทั้งหมดออกมาแล้ว ขีดจำกัดพลังวิญญาณดั้งเดิมของตระกูลหลานก็ถูกทำลายลงแล้ว ตอนนี้คนตระกูลหลานไม่มีพลังวิญญาณดั้งเดิมแล้ว เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว
หลานเยี่ยเขยิบไปทางหลานเฟิง วางศีรษะลงไปบนหน้าอกหลานเฟิง ฟังเสียงหัวใจเต้นของหลานเฟิงอยู่นิ่งๆ ร้อนแรงและมีกำลัง
ไม่นานหลานเฟิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เห็นหลานเยี่ยที่นอนราบอยู่บนแผ่นอกของตน หลานเฟิงก็หลับตาลงอีกครั้ง จากนั้นก็สัมผัสกับความนิ่งสงบในช่วงเวลานี้อย่างเงียบๆ
หลานเยี่ยนอนพิงอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองหลานเฟิง พบว่าหลานเฟิงกำลังลืมตามองเขาอยู่
“ตื่นแล้วหรือ”
“อืม”
จากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก แต่ไหนแต่ไรมาใช้ชีวิตซับซ้อนจนเกินไป ฉะนั้นตอนนี้ใช้ชีวิตเรียบง่ายเสียหน่อยดีหรือไม่
อวี่มั่วและเทียนซีเดินเข้ามาจากด้านนอก เห็นทั้งสองคนตื่นขึ้นแล้ว
“เหอๆ” อวี่มั่วไอออกมาสองรอบ หลานเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขาจากบนหน้าอกของหลานเฟิงอยู่เช่นนั้น
“ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมา ขาดแค่เจ้าสองคนแล้ว พวกเจ้าทั้งสองชักช้าเสียจริง” อวี่มั่วพูดกับทั้งสองคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เทียนซีกลับปิดปากหัวเราะอยู่อีกข้าง
“พวกเราสองคน? พวกเจ้าเฝ้าพวกเราอยู่ตลอดอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยไม่เข้าใจสถานการณ์
“ไม่ เป็นเจ้าเจียงหลิงคอยเฝ้าพวกเจ้าอยู่ตลอด เมื่อคืนวานนี้ไม่ว่าจะเป็นจะตายอย่างไรก็ไม่ยอมออกห่างจากที่นี่ ต้องให้ข้าตีให้สลบส่งกลับไป พวกเจ้ารีบลุกขึ้นมาเถิด รอพวกเจ้ากันทั้งหมด” น้ำเสียงเรียบนิ่ง เหมือนว่ามาปลุกพวกเขาทั้งสองคนให้ลุกจากเตียงแบบปกติทั่วไป
พูดจบอวี่มั่วและเทียนซีก็เดินออกไป เหลือเพียงหลานเฟิงและหลานเยี่ยสองคนอยู่ภายในห้อง
หลานเยี่ยจะสวมเสื้อผ้าแต่กลับถูกหลานเฟิงห้ามเอาไว้ จากนั้นหลานเยี่ยก็เห็นว่าหลานเฟิงหยิบชุดสีแดงสดออกมาจากภายในตู้เสื้อผ้า
“ที่จริงเจ้าใส่สีแดงสดแล้วงามที่สุด แต่ว่าเพราะงามมากเกินไป ก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจทำใจให้คนอื่นได้เห็น”
“เช่นนั้นตอนนี้ไม่กลัวแล้วหรือ”
“อืม ไม่กลัวแล้ว เพราะตอนนี้ไม่มีใครมาแย่งเจ้าไปได้อีกแล้ว” หลานเฟิงพูดออกมาอย่างจริงใจไม่มีที่เปรียบ
หลานเยี่ยลุกขึ้น หลานเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา ชุดสีแดงสด บนคอมีจี้หล่านเย่ว์ห้อยอยู่ ผมที่ถูกปล่อยสยายตามสบาย ทำให้ทั่วทั้งร่างหลานเยี่ยดูแตกต่างออกไปไม่เหมือนเดิมอีก
แม้หลานเฟิงจะเคยจินตนาการถึงภาพหลานเยี่ยสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่เคยรู้ว่าเมื่อสวมใส่ขึ้นมาแล้วจริงๆ จะน่าตื่นตะลึงถึงเพียงนี้
ผู้สูงส่งเป็นสุภาพชน ได้ปราศรัยได้ความรู้ ฝึกวินัยนิสัยดีงาม ลักษณะเคร่งขรึม จิตใจกว้างขวาง สถานภาพทรงอำนาจน่าเกรงขาม ผู้สูงส่งเป็นสุภาพชน เห็นเพียงครั้งเดียวสลักซึ้งตรึงใจไม่ลืมเลือน มองลำนำฉีสุ่ย ริมตลิ่งเต็มไปด้วยป่าไผ่เขียวขจีเป็นแถบ ผู้สูงส่งเป็นสุภาพชน หยกงามห้อยคล้อยข้างหู อัญมณีที่ฝังเป็นประกายดุจดาว
หลานเฟิงจับมือหลานเยี่ยไปยังโถงหลักหอเย่ว์เยี่ย ในโถงหลักมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินมา สายตาทั้งหมดก็พุ่งไปยังกายหลานเยี่ย
ชุดแดงปลิวไสว สะกดสายตาผู้คนทั้งห้อง
เห็นหลานชิงที่นั่งอยู่ตรงเบื้องหน้ามองแล้วยิ้มให้เขา หลานเยี่ยก็รีบวิ่งไปในทันใด
“ท่านพ่อ ท่านฟื้นแล้ว” ไม่ได้พบเจอกันนาน หลานเยี่ยเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งมานานแล้ว แต่ยังคงหวังว่าข้างหลังยังมีคนคอยดู ไม่ว่ากายจะอยู่ที่ใด กลับมาก็ยังมีคนรอเจ้าอยู่
“ข้าฟื้นแล้ว หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว เยี่ยเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นแล้วจริงๆ หรงเอ๋อร์เห็นแล้วจะต้องดีใจเป็นแน่”
“ท่านลุงเขย รอเลือกวันที่เหมาะสมก็ไปรับท่านป้ากลับมาเถิดเจ้าค่ะ” อวิ๋นหรูเอ่ยปากขึ้นจากอีกด้าน
“ดี รับกลับมา ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า” หลานเยี่ยจับมือหลานชิงพูดออกมาด้วยความดีใจ
ตอนที่ 205 แนะนำอย่างเป็นทางการเสียหน่อย
หลานเฟิงเห็นฉากนี้ก็รู้สึกรำลึกถึงเช่นกัน หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้เห็นภาพที่น่าอบอุ่นเช่นนี้
หลานเยี่ยเดินเข้ามาดึงหลานเฟิงให้คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหลานชิง ทั้งสองคนคุกเข่าอยู่หน้าหลานชิง หลานเยี่ยเอ่ยปาก
“ท่านพ่อ ลูกได้ค้นพบคนที่จะรักกันไปตลอดชีวิต ท่านพ่อทำให้สมหวังได้หรือไม่” วินาทีนี้เวลานี้ นอกจากชิวจือเว่ยและหลานเซียวแล้ว คนที่เหลือล้วนมาคุกเข่าเบื้องหน้าหลานชิง
หลานเม่ยดึงอวิ๋นหรู ชิวลั่วดึงมู่หลี มองดูทั้งสามคู่ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า หลานชิงยิ้มพลางประคองพวกเขาให้ลุกขึ้นมา
“เด็กๆ โตกันหมดแล้ว ข้าเองก็แก่แล้ว เช่นนี้ช่างดีเสียจริง ดีเสียจริง” หลานชิงพูดด้วยความตื้นตัน
“ขอบพระคุณท่านพ่อ (ท่านประมุข) ขอรับ”
คนทั้งหลายพูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่งก็พากันกลับไป เหลือเพียงหลานเยี่ย หลานเฟิง และหลานชิงที่อยู่ที่นี่
“ท่านพ่อ ข้าอยากปรึกษาท่านเรื่องหนึ่ง” หลานเยี่ยนั่งลงข้างหลานชิงพูดกับเขา
“เอาซิ เรื่องอะไร”
“ใต้หล้าในตอนนี้ก็เป็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ฉะนั้นข้าคิดว่าใต้หล้าน่าจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ไม่มีความแตกต่างของชาติตระกูล ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง เหมือนกับเรื่องที่ชิวจือเว่ยและหลานเซียวทำในตอนนั้น แต่เพียงว่าใต้หล้าในตอนนี้สงบสุขอย่างมาก อบอุ่นอย่างมาก
หลานเยี่ยพูดจบ หลานชิงก็ลูบผมเขาอย่างพึงพอใจ
“ตอนนี้ตระกูลหลานเจ้าจะพูดอะไรก็ว่าตามนั้น ฉะนั้นตัวเจ้าตัดสินใจก็พอแล้ว”
“ขอรับ ขอบพระคุณท่านพ่อ”
“ตระกูลเยี่ยก็เช่นกัน เฟิงเอ๋อร์ตอนนี้เจ้าเองก็ควรกลับไปดูเสียหน่อย แม้ว่าจะมีความทรงจำที่ไม่มีความสุขมากมาย แต่อย่างไรที่นั่นก็มีพ่อแม่ของเจ้า เคยเป็นบ้านของเจ้า”
“ขอบพระคุณท่านประมุขขอรับ” หลานเฟิงเอ่ยขอบคุณหลานชิง หลานชิงยิ้มรับ หลานเยี่ยถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง
“ขอบพระคุณ…ท่านพ่อ”
“เฮ้อ ดี”
หลานเยี่ยและหลานเฟิงไปตระกูลเยี่ย ตอนนี้ยังคงเป็นหลานอวี่คอยดูแลทางนั้น เมื่อเห็นพวกเขามาก็จัดการข้าวของทั้งหมดมอบให้พวกเขา
หลานเฟิงซ่อมแซมบ้านเรือนที่พังทลายลงเพราะไฟศึก จัดการที่อยู่ของประชาชนธรรมดาที่ได้รับบาดเจ็บ แยกย้ายทหารพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมดออกไป ประชาชนเหล่านั้นให้หลานเฟิงกลับมาเป็นประมุขตระกูลของตระกูลเยี่ยต่อไป หลานเฟิงเพียงแค่ยิ้มแย้ม ไม่ได้พูดอะไร
หลังจากกลับมาถึงตระกูลหลานแล้ว หลานเยี่ยไปยังเขาหลานวั่ง ถอนเขตม่านพลังบนเขาหลานวั่งออก เขาเทียนปี้ซ่อมแซมไปพอสมควรแล้ว ประชาชนที่มาพักอาศัยอยู่บริเวณตีนเขาหลานวั่งในช่วงเวลาหนึ่งก็สามารถกลับได้แล้ว
เขตม่านพลังบนเขาหลานวั่งถูกถอนออก อวิ๋นหรูและหลานเม่ยนำประชาชนอพยพบริเวณตีนเขาขึ้นไปเยี่ยมชม เขาหลานวั่งมีเสียงหัวเราะยิ้มแย้มเพิ่มมากขึ้น ตอนที่ด้านนอกเต็มไปด้วยไฟศึก มีเพียงผืนดินนี้เท่านั้นที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบ
รอจนจัดการเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว หลานเยี่ยและหลานเฟิงก็ไปต้อนรับอวิ๋นหรงกลับมา จากนั้นก็ไปยังตระกูลเยี่ย กราบบูชาบิดามารดาของหลานเฟิง หลานเยี่ยเองก็ถือว่านับเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
จบลงแล้วหรือ แน่นอนว่าไม่ใช่ หลังจากนี้ถึงจะเป็นละครฉากสำคัญ
วันนี้หลานเยี่ยนั่งอยู่ภายในห้องกลัดกลุ้มกับเทียบเชิญกองหนึ่ง หลานเฟิงนั่งฝนหมึกอยู่อีกข้าง
“อยากจะเชิญทุกคนมาจังเลย”
“เช่นนั้นก็เรียกมา”
“เช่นนั้นเทียบเชิญนี่ต้องเขียนกันสักพักเลย”
ตอนที่กำลังตัดพ้ออยู่นั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก คนที่เข้ามาคือหลานเม่ย หลานเม่ยส่งเทียบเชิญใบหนึ่งให้หลานเยี่ย หลานเยี่ยเปิดออกดู จากนั้นก็หัวเราะออกมา เวลานี้เหมือนกับของตนเองเลย
รออีกครู่ตอนที่มู่หลีมาส่งเทียบเชิญ หลานเยี่ยก็เริ่มสงสัยแล้วว่าพวกเขาปรึกษากันมาแล้วใช่หรือไม่ ล้วนเลือกวันเดียวกันทั้งหมด คาดว่าอีกครู่หนึ่งหากอวี่มั่วส่งมาเหมือนกันก็คงจะเป็นวันเดียวกัน
เป็นไปตามที่คาดไว้ อวี่มัวให้หลานอวี่มาส่งเทียบเชิญ จากนั้นก็ยังมีของชิวจือเว่ยและหลานเซียว ชังหลานและหลานเจ๋อ
ในวันนั้นตอนที่ชังหลานตื่นขึ้นมาก็พาหลานเจ๋อไปยังที่พักของเขา อย่างแรกเพราะอยากตามหาความรู้สึกที่คุ้นเคย อย่างที่สองเพราะไม่อยากให้พบหน้ากับกลุ่มคนรุ่นหลัง พวกหลานเยี่ยยังดี แต่ต้องเผชิญหน้ากับหลานชิงนั้นไม่เหมือนกัน
หลังจากนั้นมาหลานเจ๋อยังเย้าแหย่ว่าเขาเอาแต่ใจ
ทั้งสองคนเมื่อพันปีก่อนหน้านี้เคยจัดพิธีแบบง่ายๆ มาแล้ว ดูท่ากลับมาทำซ้ำอีกครั้ง คงคิดจะจัดให้ยิ่งใหญ่เสียหน่อย
คิดได้ว่าวันเวลานี้ตอนแรกหลานเฟิงเป็นคนกำหนด หลานเยี่ยก็คิดสงสัย
“พวกเจ้าปรึกษากันมาแล้วใช่หรือไม่”
“ใครจะรู้เล่า”
ตอนที่ 206 ขบวนสินสอดร้อยลี้ (หนึ่ง)
เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงวันจัดงานแต่ง หลานเยี่ยตื่นขึ้นจากความฝัน เมื่อเห็นเครื่องประดับที่อยู่รอบข้าง ท่าทางง่วงงุนตาปรือแต่เดิมนั้นก็ตื่นขึ้นในฉับพลัน
ที่นี่คือที่ใด หลานเยี่ยลุกขึ้นเดินไปรอบด้านครั้งหนึ่ง พบว่าตนเองอยู่ในเรือนหรงอี้ หลานเยี่ยคิดว่าจะต้องเป็นหลานเฟิงอุ้มเขามาไว้ที่นี่ตอนกลางดึกเป็นแน่
เรื่องงานแต่งหลานเฟิงบอกว่าเขาไม่ต้องวุ่นวายใจ ถึงเวลาขอแค่มาถึงงานก็พอแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้กำลังจะเล่นอะไรกันแน่
หลานเยี่ยเดินบิดขี้เกียจออกมาจากห้อง ทันใดนั้นก็ต้องอึ้งตกใจไป ตรงนั้นมีมู่หลี เทียนซี หลานเซียว และหลานเจ๋อล้วนอยู่กันพร้อม นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
หลานเยี่ยสอบถามสถานการณ์ในตอนนี้กับพวกเขา พวกเขาเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน หลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้านี้ก็เป็นเช่นนี้แล้ว
หลานเยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองดูกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า นี่…ล้วนอยู่ข้างล่างทั้งหมดอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ ยังขาดอวิ๋นหรู หรือเพราะเป็นปัญหาเรื่องเพศอย่างนั้น แต่ทำไมจะต้องมายังเขาเทียนปี้ด้วย หรือว่ารู้สึกว่าระยะทางตระกูลหลานใกล้เกินไป
หลานเยี่ยพิจารณาตัดสินใจออกไปเดินดู เพิ่งจะผลักประตูใหญ่เรือนหรงอี้ออก ดวงตาของหลานเยี่ยก็เต็มไปด้วยสีแดงสด ทุกที่ถูกแขวนไปด้วยโคมไฟสีแดง ผ้าสีแดง แม้แต่ชุดของสาวรับใช้ก็ยังเป็นสีแดงสดปลอดทั้งตัว แดงจนทำให้คนรู้สึกตั้งตัวรับไม่ทัน
หลานเยี่ยและคนอื่นเดินชมรอบด้าน ในที่สุดก็ได้พบเงาของหลานเม่ยภายในห้องแห่งหนึ่ง หลานเม่ยเองก็สวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสดเช่นเดียวกัน แต่รูปแบบนั้นเป็นรูปแบบของเจ้าบ่าว
หลานเม่ยหันกลับมาเจอพรรคพวกหลานเยี่ย
“พวกเจ้าตื่นแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มกันเลยเถิด”
“???”
หลานเม่ยปัดมือ ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้หญิงที่สวมเสื้อผ้าสีแดงสดเหมือนกันทั้งหมดสี่คนเดินเข้ามา ในมือของทุกคนยังมีถาดใบหนึ่ง บนนั้นเป็นเสื้อผ้าชุดหนึ่ง และเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง
“รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด พวกเขาอีกครู่ก็น่าจะออกเดินทางแล้ว”
“???”
ก็เป็นเช่นนี้ กลุ่มผู้คนถูกบ่าวรับใช้หญิงไล่กลับห้อง จากนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้อะไรเลยก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากที่หลานเยี่ยแต่งกายเสร็จแล้ว บ่าวรับใช้หญิงก็มัดผมของเขาขึ้นมา
หลานเยี่ยน้อยครั้งที่จะมัดผม พอทำเช่นนี้มองตนเองที่อยู่ในกระจก ยังรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นบ่าวรับใช้หญิงยังผัดแป้งบางๆ ให้หลานเยี่ย
“???”
ไม่ได้สนใจอาการไม่พอใจและคำปฏิเสธของหลานเยี่ย บ่าวรับใช้หญิงคนนั้นลงมือกับเขาโดยตรง แต่เพียงแค่ผัดแบบบางๆ หนึ่งชั้นเท่านั้น พอใช้เสร็จแล้วก็ไม่ได้มีความอ้อนแอ้นเฉกเช่นสตรี เสน่ห์ของบุรุษยังคงแสดงออกมาเป็นอย่างดี
ไม่นานหลานเยี่ยก็เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า ไม่ได้มีการปฏิเสธอะไรอีก ในเมื่อพวกเขาจัดการมาแล้ว เช่นนั้นก็ทำตามที่พวกเขาพูดก็แล้วกัน
หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว หลานเยี่ยมองไปรอบด้าน ผ่อนลมหายใจออกมา โชคดีที่ไม่ได้คลุมผ้าแดงให้เขา
“ตอนนี้ข้าต้องทำอะไร” หลานเยี่ยถามบ่าวหญิงคนนั้น
“ท่านไม่ต้องทำอะไรเจ้าค่ะ รออยู่ที่นี่ก็พอแล้ว คาดว่าอีกครู่พวกเขาก็น่าจะมาแล้ว หากท่านรู้สึกอึดอัดเบื่อหน่าย เช่นนั้นก็ออกไปเดินเล่นในสวนเสียหน่อยเจ้าค่ะ อย่าออกไปจากเรือนหรงอี้นะเจ้าคะ” บ่าวหญิงผู้นั้นยิ้มพลางพูดออกมา
บ่าวหญิงออกไป หลานเยี่ยเปิดประตูออกไปดู เรือนหรงอี้ที่แต่เดิมไม่ได้มีการประดับตกแต่งอะไร แต่ในเมื่อครู่นี้ก็ถูกจัดแต่งเต็มไปด้วยโคมไฟแดงและผ้าไหมแดง ผลลัพธ์นี้ช่างรวดเร็วเสียจริง
เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ ก็จัดการกันเรียบร้อยแล้ว หลานยี่ยพบว่าบนร่างของพวกเขาที่สวมใส่ แม้จะเป็นชุดของเจ้าบ่าว แต่รูปแบบกลับไม่ได้มีสิ่งที่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย ดูท่าคนพวกนั้นก็น่าจะลงแรงไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนที่ 207 ขบวนสินสอดร้อยลี้ (สอง)
เวลาผ่านไปไม่นาน หลานเยี่ยก็ได้ยินเสียงดนตรีที่ดังมาจากข้างนอก บรรดาบ่าวหญิงเปิดประตูใหญ่เรือนหรงอี้ออก ทำให้กลุ่มพวกเขาได้เห็นสถานการณ์ข้างนอก
พวกเขาที่เป็นบุรุษ แม้จะไม่ต้องการงานแต่งงานที่ยุ่งเหยิงเหมือนกับสตรี แต่ก็ไม่อาจละเลยเสียหน้า อีกทั้งจะต้องจัดอย่างใหญ่โต
หลานเม่ยจัดการด้านนอกเสร็จสรรพ ด้านข้างมีเกี้ยวอยู่หลังหนึ่ง มีคนแบกเกี้ยวสี่นาย ล้วนเป็นทหารพลังที่มีกำลังภายในฝีมือเยี่ยม ซึ่งสวมใส่ชุดสีแดงสดทั้งตัวเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว อวิ๋นไหวที่อยู่ด้านข้างตะโกนให้ยกเกี้ยว หลานเม่ยเดินตามอยู่ข้างเกี้ยว ทั้งสี่คนขับพลังวิญญาณ ลอยขึ้นกลางอากาศ เกี้ยวหนึ่งหลัง คนแบกเกี้ยวสี่นาย เจ้าบ่าวหนึ่งคน ทุกอย่างเข้าที่แล้ว
ในนาทีนี้เวลานี้หลังจากที่หลานเม่ยออกเดินทางไม่นาน ก็เริ่มเห็นรูปร่างเกี้ยวอื่นอีกสี่หลัง เกี้ยวหนึ่งหลังประกอบไปด้วยคนแบกเกี้ยวสี่นาย ด้านข้างมีเจ้าบ่าวดินตาม ทำให้ท่ามกลางท้องฟ้ากลายเป็นเส้นสายทิวทัศน์ที่สวยงามเส้นหนึ่ง
เกี้ยวสี่หลังอยู่บนเส้นตรง ลอยอยู่บนท้องฟ้า เมื่อเกี้ยวของหลานเม่ยได้พบกับพวกเขานั้นทุกคนก็ต่างพูดแสดงความยินดี จากนั้นเกี้ยวทั้งสี่หลังก็เดินทางต่อไปยังทิศเหนือ เกี้ยวหนึ่งหลังไปยังทิศใต้
จากนั้นกลุ่มพลทหารและม้าก็เริ่มออกเดินทาง ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเกี้ยวสีแดง เกี้ยวหนึ่งขบวนบินผ่านไปไม่ขาด ขนสินสอด
ในวันนี้ทุกคนล้วนได้เห็นขบวนเกี้ยวสีแดงบนท้องฟ้า งานแต่งงานที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งใต้หล้า ได้ถูกเปิดม่านละครขึ้นแล้ว
พวกหลานเยี่ยนั่งอยู่ภายในสวน ได้เห็นเหตุการณ์น่าประทับใจนี้เช่นเดียวกัน รอจนเกี้ยวมาถึงบ่าวหญิงก็เข้ามา ให้พวกเขาเข้าไปในห้องทั้งหมด หลังจากพวกเขาเข้าไปในห้องแล้วยังรู้สึกตื่นเต้นและดีใจไปกับฉากเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครู่นี้
หลานเฟิง อวี่มั่ว ชังหลานและชิวลั่วทั้งสี่คนเข้ามายังเรือนหรงอี้ บ่าวหญิงทั้งสี่กลับขวางพวกเขาไว้ให้อยู่หน้าประตูของแต่ละห้อง
หลานเยี่ยพวกเขาอยู่ในห้องรู้สึกร้อนใจ แต่บ่าวหญิงกลับไม่ให้พวกเขาเข้ามา ในที่สุดหลังจากที่ทั้งสี่คนด้านนอกก็พูดคำมงคลจนหมด และมอบเงินพิธีจนมากพอให้กับบ่าวหญิงแล้วนั้นถึงได้ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา
เมื่อเห็นหลานเยี่ยที่นั่งอยู่นิ่งๆ ภายในห้อง หลานเฟิงก็ยิ้มออกมา ผัดแป้งบางๆ ยิ่งทำให้งดงามมากขึ้น เดินเข้าไปอุ้มหลานเยี่ยขึ้นมา จากนั้นก็ออกไปขึ้นเกี้ยว
เจ้าบ่าวทั้งสี่คนล้วนประจำที่แล้ว หลานเยี่ยถึงได้เห็นสถานการณ์ข้างนอก เกี้ยวหลังหนึ่งอยู่ข้างหน้า ด้านหลังมีเกี้ยวอีกมากมายนับไม่ถ้วน เหมือนว่ามีความยาวร้อยลี้จริงๆ
พวกหลานเฟิงทั้งสี่คนไม่ได้เดินตามนอกเกี้ยว แต่นั่งอยู่ภายในเกี้ยวหลังหนึ่งด้วยกัน หลังจากขบวนเกี้ยวยกขึ้น พวกเขาก็ออกเดินทาง
ภายในเกี้ยวหลานเฟิงกุมมือหลานเยี่ยเอาไว้ แม้ทั้งสองคนจะกลายเป็นคู่สามีสามีที่ครองคู่กันมานานแล้ว แต่หลานเยี่ยก็ยังคงตื่นเต้น ผ่านไปไม่นานหลานเยี่ยก็สงบลง หลานเฟิงเปิดม่านเกี้ยวออก
หลานเยี่ยถึงได้เห็นว่าแท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้มุ่งหน้าทิศใต้ไปยังตระกูลหลาน แต่มุ่งหน้าไปทิศเหนือ นี่ต้องการเดินทางจากเขาเทียนปี้ไปยังราชสำนัก แล้วไปถึงตระกูลเยี่ย สุดท้ายก็กลับไปยังตระกูลหลาน เช่นนี้ก็ไปทั่วทั้งใต้หล้าแล้ว
เกี้ยวสี่หลังที่แต่เดิมอยู่ข้างหลัง กลายเป็นสามหลัง แท้จริงแล้วเป็นอวี่มั่วพาเทียนซีมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ ครบรอบเช่นเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้น หลานเยี่ยยังเห็น นอกจากขบวนสินสอดร้อยลี้บนฟ้าแล้ว ทั่วทั้งใต้หล้าทุกบริเวณที่ต้องผ่านก็เต็มไปด้วยสีแดงเฉลิมฉลองทั้งสิ้น ทั่วทั้งใต้หล้าล้วนเป็นพยานงานแต่งของพวกเขา
ล้วนเป็นคนแบกเกี้ยวยอดฝีมือ ฉะนั้นในเวลาหนึ่งวันก็มาถึงตระกูลหลานแล้ว หลังจากมาถึงตระกูลหลาน หลานเม่ยก็กลับไปแล้ว ตอนที่อยู่ระหว่างทางยังเห็นเกี้ยวของเขา เขาไม่ได้นั่งอยู่ภายในเกี้ยว แต่เดินตามอยู่ข้างนอก
ตอนที่ 208 ขบวนสินสอดร้อยลี้ (สาม)
เมื่อมาถึงตระกูลหลาน นอกจากหลานเฟิงพาหลานเยี่ยไปยังเขาหลานวั่งแล้วนั้น คนที่เหลือล้วนไปยังสถานที่ของแต่ละคน พวกเขาล้วนมีบ้านของตนเอง ล้วนมีรังเล็กอันแสนมีความสุขของตน
เมื่อมาถึงที่หลานเยี่ยปล่อยหลานเยี่ยลง จากนั้นก็ดึงมือของเขาไปยังเรือนชิงหรง หลานชิงกำลังนั่งรอพวกเขาที่โถงหลักมานาน
เมื่อมาถึงแล้ว หลานเยี่ยก็รู้แล้วว่าต่อจากนี้จะต้องทำอย่างไร ทั้งสองคนคุกเข่าหันไปยังหลานชิง ด้านข้างมีเจียงหลิงคอยดำเนินพิธี หลังจากน้อมคำรับหลานชิงสามครั้งแล้ว หลานชิงก็ประคองให้พวกเขาลุกขึ้น
“นับแต่จากนี้ไป พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” หลานชิงพูด สำหรับเรื่องที่หลานเฟิงเป็นผู้ชาย เขาไม่เคยเก็บมาคิดใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่ตอนนั้นที่ทำเพื่อหลานเยี่ยที่หลุดการควบคุมเขาก็รู้ว่าจะต้องมีเช่นนี้สักวัน
เขาเองก็เริ่มคอยคาดหวัง หวังว่าให้วันนี้มาถึงโดยเร็ว เมื่อวันนี้มาถึงแล้วหลานชิงถึงได้สัมผัสความยินดีอย่างไม่มีที่เปรียบได้อย่างแท้จริง ออกมาจากในใจ
หลังจากกราบสามครั้งคำนับเก้าครั้งสิ้นสุดลงแล้ว หลานเฟิงพาหลานเยี่ยไปยังหอเย่ว์เยี่ย สิ่งที่หลานเยี่ยเห็นในหอเย่ว์เยี่ยนอกจากสีแดงเฉลิมฉลองแล้ว การตกแต่งจัดวางก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย กลายเป็นเหมือนบ้านมากยิ่งขึ้น บ้านที่ถือเป็นของเขาและหลานเฟิง
หลังจากไปรอบใต้หล้าหนึ่งรอบก็เป็นเวลาหัวค่ำแล้ว ทั่วทั้งเขาหลานวั่งล้วนครึกครื้นสนุกสนาน คนทั้งตระกูลล้วนออกมาเฉลิมฉลองด้วยกันทั้งสิ้น ทุกบริเวณในตระกูลหลานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกบ้านเต็มไปด้วยอาหารอร่อยเต็มโต๊ะ เหล้าดีเต็มโต๊ะ ฉลองเรื่องมงคลในตระกูลหลาน ฉลองเรื่องมงคลในใต้หล้า
หลานเฟิงพาหลานเยี่ยไปยังห้องนอน ขาดพิธีเปิดผ้าคลุมหน้าไปหนึ่งขั้นตอน แต่ก็ไม่ขาดอย่างอื่นอีก ภายในห้องเป็นสีแดงสด ยิ่งทำให้หลานเยี่ยมีความสุขมากขึ้น
บนโต๊ะมีอาหารอยู่สองสามจาน เหล้าสองแก้ว หลานเฟิงให้หลานเยี่ยนั่งลงข้างโต๊ะ ส่งเหล้าให้เขาแก้วหนึ่ง จากนั้นตนเองก็หยิบอีกแก้วขึ้นมา ทั้งสองคนชนแก้ว จากนั้นแขนก็คล้องประสานกัน ดื่มเหล้าแลกแก้วสุรา
“หลานเยี่ย เวลาทั้งชีวิต เจ้ายินยอมใช้ไปกับข้าหรือไม่”
“หลานเฟิง ข้าเองก็มีทั้งชีวิต อยากจะมีเจ้าในทุกวัน”
ทั้งสองคนยิ้มออกมา แล้วค่อยๆ จุมพิตกัน ครู่หนึ่งก็แยกออก
“พวกเราออกไปทานข้าว ค่อยกลับมาต่อดีหรือไม่” หลานเฟิงพูดกับหลานเยี่ย
“ดี”
ทั้งสองคนเดินจับมือออกไป คนที่กินข้าวอยู่หลีกทางให้สองที่กับพวกเขาโดยทันที
“มาๆๆ เจ้าสองคนนั่งตรงนี่” เจียงหลิงดึงให้พวกเขานั่งลงบนโต๊ะอย่างกระตือรือร้นอย่างไม่มีที่เปรียบ จากนั้นก็รินเหล้าให้พวกเขาทั้งสอง
“วันนี้พวกเจ้าทั้งสองจะต้องดื่มให้สนุก ถ้าดื่มแล้วยังไม่พอใจ ก็จะไม่ให้พวกเจ้ากลับไป” เจียงหลิงพูด
“ใช่ ไม่ให้กลับไป” คนอื่นๆ ก็เริ่มร่วมวงด้วย
“นี่ไม่ถูกแล้ว ไม่ให้กลับไป ทั้งสองคนจะสนิทสนมกันได้อย่างไรใช่หรือไม่” หลานอีวันนี้ก็มาร่วมวงสนุกด้วย
“เจ้าเป็นหญิงสาวยังไม่ออกเรือนยังรู้เรื่องสนิทสนม อายบ้างหรือไม่ เจ้าเองก็หาคนมาแต่งงานได้แล้ว” คนด้านล่างเอ่ยแซวหลานอี
“วันนี้ข้าไม่ใช่ตัวเอก พวกเจ้ารีบให้พวกเขาทั้งสองดื่มเร็ว”
วันนี้ไม่มีความแตกต่างทางชนชั้น แต่เดิมเรื่องพวกนี้ในตระกูลหลานก็ไม่ได้สำคัญ วันนี้ทุกคนล้วนดื่มเหล้าด้วยความยินดี หลานเฟิงช่วยปัดเหล้าให้หลานเยี่ยไม่น้อย
ดื่มกันค่อนคืน คนทั้งห้องล้วนนอนราบลง หลานเฟิงเองก็เริ่มเมาเล็กน้อย หลานเยี่ยพาเขากลับห้อง
เจียงหลิงยังคงพูดพึมพำดื่มเหล้าต่อไป ฤทธิ์เหล้าแรงอย่างมาก ทำให้เมื่อหลานเฟิงโดนเข้าไป เมื่อกลับไปแล้วก็จับหลานเยี่ยทุ่มล้มลงไป
ตอนที่ 209 จบสิ้น
หลานเม่ยต้อนรับอวิ๋นหรูไปยังเขาเทียนปี้ อวี่มั่วนำเทียนซีกลับไปยังราชสำนัก ชิวลั่วนำมู่หลีกลับไปยังจิ่วหลิว ชิวจือเว่ยนำหลานเซียวไปซีเชวีย ชังหลานนำหลานเจ๋อไปเหวินเย่ว์
ทุกคนล้วนมีชีวิตที่มั่นคงของตนเอง ใต้หล้าเองก็มั่นคงแล้ว วันรุ่งขึ้นหลานเยี่ยนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน ลงมาจากเตียงไม่ไหว หลานเฟิงดูแลเขาอย่างเอาใจใส่
ต่อมาหลานเม่ยมอบสิทธิ์อำนาจเขาเทียนปี้ให้กับหลานเยี่ย ตอนนี้ในมือของหลานเยี่ยมีทุกที่นอกจากราชสำนัก แต่เขากลับไม่ใช่คนที่สามารถนั่งนิ่งอยู่เฉยคอยดูแลจัดการเรื่องราวใต้หล้าที่ตระกูลหลานได้
“เจ้าว่าอวี่มั่วจะมีปฏิกิริยาเช่นไร”
“คงจะระเบิดเลยกระมัง” หลังจากที่หลานเฟิงและหลานเยี่ยจัดการเรื่องทุกอย่างจนเสร็จสิ้น ให้เจียงหลิงและหลานอีเป็นจู่จื๋อซือ โดยแบ่งออกเป็นเชียนจื๋อซือและเซ่าจื๋อซือ แต่คาดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้ว เพียงแค่ดูแลตระกูลหลานเท่านั้นเอง
จากนั้นหลานเยี่ยก็ให้คนเอาสิทธฺอำนาจของตระกูลหลาน เขาเทียนปี้และตระกูลเยี่ยรวมถึงสิ่งยุ่งเหยิงวุ่นวายบางอย่างมอบให้อวี่มั่ว จากนั้นพวกเขาสองคนก็ออกท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้า
“เจ้าเด็กนี้ได้คืบจะเอาศอก เอาเรื่องเลอะเทอะทั้งหมดมาให้ข้า รอดูซิว่าข้าจะไม่กำจัดเขา” ตอนนี้อวี่มั่วใกล้จะระเบิดแล้วจริง หลังจากได้รับสิ่งของที่หลานเยี่ยส่งคนมามอบให้เขาแล้ว อวี่มั่วก็แทบจะทำลายราชวังลง
“เสี่ยวซี เจ้าอย่าห้ามข้า ข้าจะไปจัดการเจ้าเด็กนั่น” แต่เทียนซีเพียงแค่นั่งอยู่อีกด้านอมยิ้มมองเขาอยู่ ในมือก็ถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง
“เสี่ยวซี เจ้าไม่ห้ามข้าเลยหรือ”
“ไม่ห้าม อย่างไรเจ้าก็ไม่ไป”
“เสี่ยวซีเจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ ข้ารักเจ้าที่สุดแล้ว” อวี่มั่ววิ่งมาหาเทียนซีพลางงัดวิทยายุทธ์สิบแปดประเภทออกมา
“ข้ายังอยากจะอัดเจ้าอยู่เลย! เจ้าพูดซิว่า ที่เจ้าให้ลูกสาวของหลานอวี่แต่งงานกับหลิวฮั่นหลินหมายความว่าอะไร”เทียนซีกระแทกปิดหนังสือในมือพลางตีไปยังศีรษะของอวี่มั่ว
“ข้าทำไปไม่ใช่เพราะว่าพวกเขามีใจต้องกันเช่นนั้นหรือ”
“เขาให้หลิวฮั่นหลินส่งจดหมายให้กับคนผู้หนึ่งในสำนักฮั่นหลิน เจ้ากลับดี เจ้าลองบอกซิว่าเจ้าสร้างเรื่องวุ่นวายให้ข้ามากเพียงใด วังหลังตอนนี้มีคนใหม่กว่าสองร้อยคู่ เจ้าจับคู่มั่วซั่วไม่น้อยกว่าร้อยคู่ ทุกครั้งล้วนเป็นข้าต้องมาเก็บกวาด เจ้าทำให้ข้าสบายใจเสียหน่อยได้หรือไม่เล่า”
“เสี่ยวซี ข้าผิดไปแล้ว ฮือๆๆ”
“ฮือๆๆ”
“ตอนนี้ตระกูลหลาน เขาเทียนปี้และตระกูลเยี่ยก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เจ้าก็รับไปเถิด รอวันใดเจ้าสามารถสู้กับหลานเฟิงได้ ค่อยไปจัดการหลานเยี่ยก็ยังไม่สาย เจ้าว่าใช่หรือไม่” เทียนซีลูบผมอวี่มั่ว
“แต่ข้าสู้เขาไม่ได้” อวี่มั่วพูดตัดพ้อ
“สู้ไม่ได้ก็ไปจัดการเรื่องฎีกาซะ อย่าสร้างเรื่องวุ่นวายให้ข้า เชื่อฟัง” เทียนซีจุมพิตหน้าผากอวี่มั่วทีหนึ่งเป็นการให้กำลังใจ
“ฮือๆๆ”
“…”
สิ่งเหล่านี้ หลานเฟิงและหลานเยี่ยไม่อาจมีโอกาสรับรู้ได้อีกแล้ว เพราะตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนเที่ยวไปทั่วใต้หล้า นับรวมๆ กันแล้วก็เป็นเวลากว่าครึ่งปี ทั้งสองคนก็ไปมาหลายที่เช่นกัน
ทุกที่ที่ไปถึงหลานเยี่ยจะไปที่โรงเหล้าในที่แห่งนั้นก่อน กินอย่างอิ่มหนำสำราญมื้อหนึ่ง หาของอร่อยของพื้นที่กินให้ครบ ตอนนี้หลานเฟิงยังรู้สึกว่าเมื่อลูบหลานเยี่ยแล้วยิ่งให้สัมผัสที่ดีขึ้น
วันนี้ทั้งสองคนมาถึงสถานที่แห่งใหม่ ที่นี่ถือเป็นชุมชนเล็กแห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีความรู้สึกเหมือนดินแดนสุขาวดี ที่แห่งนี้แม้จะมีครอบครัวไม่เยอะ แต่สภาพแวดล้อมกลับงดงามอย่างมาก เขาสวยน้ำใส ต้นไม้เขียวขจี ทำให้หลานเยี่ยรู้สึกเสียดายมากที่พวกเขาไม่พบที่แห่งนี้ให้เร็วกว่านี้
ณ ที่แห่งนี้พวกเขาได้พบสองคนที่คาดคิดไม่ถึง
ตอนที่ 210 คนที่คาดคิดไม่ถึง
“หลานเฟิง ข้ากระหายแล้ว” หลานเยี่ยที่กำลังเดินอยู่ จู่ๆ ก็พูดกับหลานเฟิง
“ข้างหน้ามีอยู่ครอบครัวหนึ่ง พวกเราไปขอน้ำดื่มเสียหน่อย”
ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กแสนธรรมดา เงียบสงบและสวยงาม สมุนไพรและอุปกรณ์บดยาหลากหลายประเภทที่อยู่ในสวนดึงดูดความสนใจของหลานเยี่ย
“มีคนหรือไม่ พวกข้าเดินผ่านที่แห่งนี้ อยากจะขอน้ำดื่มเสียหน่อย” หลานเยี่ยตะโกนอยู่ด้านนอก ไม่นานก็มีชายผู้หนึ่งเดินออกมา กลับทำให้หลานเยี่ยตกใจไป
“มี เชิญเข้ามาเถิด” คนที่ออกมาคือชิวอวี้ เขายิ้มและต้อนรับทักทายพวกเขา เหมือนไม่รู้จักพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
“ชิวอวี้”
“ข้ามีนามว่าชิวอวี้ ท่านรู้ได้อย่างไร” ชิวอวี้ยิ้มถามหลานเยี่ย
“ชิวอวี้ ใครหรือ” เสียงของผู้ชายอีกคนดังมาจากข้างใน ไม่นานฉีเย่ว์ก็ออกมา
“เข้ามานั่งก่อนเถิด” เมื่อเห็นว่าเป็นพวกหลานเยี่ย ฉีเย่ว์ต้อนรับดูแลพวกเขา
หลานเยี่ยและหลานเฟิงเข้าไป ภายในห้องเรียบง่ายอย่างมาก แต่กลับอบอุ่นเป็นอย่างมาก จากทุกที่สามารถเห็นได้ว่าฉีเย่ว์ใช้ใจในการตกแต่งให้อบอุ่นและสบายอย่างมาก
“นั่งเถิด อวี้เอ๋อร์ ไปเอาของว่างมาให้แขกซิ” ฉีเย่ว์ตะโกนบอกชิวอวี้
“รับทราบ”
“ฉีเย่ว์?” หลานเยี่ยถามออกมาด้วยความไม่มั่นใจ ฉีเย่ว์หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ข้ายังจำพวกเจ้าได้ ไม่ต้องสงสัยขนาดนี้” ฉีเย่ว์เอ่ยปากขจัดความกังวลของหลานเยี่ย
“ชิวอวี้เขา?” หลานเฟิงเอ่ยปาก
“เขาให้ข้าลบความทรงจำของเขา ตอนนี้เขามีความสุขอย่างมาก สิ่งที่ขาดไปตั้งแต่เกิดและปัญหาด้านจิตใจก็ใกล้จะรักษาหายแล้ว เขาใกล้จะเป็นเหมือนคนธรรมดาแล้ว”
“ดีแล้ว”
หลานเฟิงเอ่ยปาก หลังจากที่นั่งพักสักครู่หนึ่ง พวกเขาก็ออกเดินทาง
ก่อนที่จะไป ฉีเย่ว์ยังตั้งใจเอ่ยขอบคุณพวกเขา
“ขอบคุณพวกเจ้าที่ไม่ฆ่าเสด็จพ่อ”
“เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิด สำหรับเสด็จแม่ของเจ้า ข้าขอโทษยิ่งนัก มีเวลาก็กลับไปเยี่ยมหน่อยเถิด” หลานเยี่ยเอ่ย
“ไม่ต้องแล้ว เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว”
“หวังว่ายังมีโอกาสได้เจอกันอีก”
“หวังว่ายังมีโอกาสได้เจอกันอีก”
หลังจากพวกหลานเยี่ยจากไป ฉีเย่ว์และชิวอวี้ก็ไปเก็บสมุนไพรในสวน
“เหตุใดถึงไม่พูดคุยกับพวกเขาเล่า” ฉีเย่ว์ถามชิวอวี้
“แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเช่นนี้ที่จริงก็ดีแล้ว” ความทรงจำของชิวอวี้ไม่ได้ถูกลบ การที่แสร้งทำเป็นไม่รู้จัก สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้วถือว่าดียิ่งนัก
เช่นนี้เขาก็จะกลายเป็นคนที่หลบหนีคนนั้น แต่เป็นการทำให้ทั้งสี่คนสมหวัง
“รอเจ้ารักษาจนหายดีแล้ว จะออกไปดูเสียหน่อยหรือไม่ ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาลถึงเพียงนี้ คงจะต้องมีที่ที่เจ้าอยากไป”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย” ชิวอวี้ไม่ได้ตอบคำถามของเขา พูดขัดเขาขึ้นมา
“เช่นนั้นเจ้าพูด” ฉีเย่ว์มองชิวอวี้ด้วยความเอ็นดู
“รออาการป่วยของข้าดีแล้ว เจ้าคิดจะร่วมหอกับข้าหรือไม่ พวกเราไหว้ฟ้าดินกันมาแล้ว”
ฉีเย่ว์หัวเราะ
“อวี้เอ๋อร์รอไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่ รอเจ้าหายดีแล้ว จะต้องทำตามความตั้งใจเจ้าเป็นแน่” ฉีเย่ว์ลูบใบหน้าชิวอวี้
หลานเฟิงและหลานเยี่ยสองคนที่กำลังเดินเล่นอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ ก็ถูกจดหมายฉบับหนึ่งเรียกตัวกลับมา มองดูนกพิราบส่งสารที่คุ้นเคยในมือ หลานเยี่ยก็ทอดถอนออกมา
“เขาเองก็ถึงเวลาต้องเกษียณแล้ว”
“ยังคิดจะกินมันหรือไม่” หลานเฟิงพูดเย้าหลานเยี่ย
“ไม่ได้นะ ตอนนี้เขากลายเป็นครอบครัวของเราแล้ว”
“ชาติหน้ากลับมาเกิด ไม่แน่ว่ามันอาจกลายเป็นน้องชายของเจ้า”
“แล้วเจ้าเล่า” หลานเยี่ยเงยหน้าถามหลานเฟิง
“พ่อเจ้า”
“ดีนี่ เจ้าเอาเปรียบข้า เชื่อหรือไม่ว่าชาติหน้ากลับไปเกิดให้เจ้ากลายเป็นนกพิราบส่งสาร” หลานเยี่ยหยอกเย้าตีหน้าอกหลานเฟิง
ทุกภพทุกชาติยาวเกินไป แค่ชีวิตนี้ก็พอแล้ว ขอเพียงมีเจ้า ก็เป็นทุกภพทุกชาติแล้ว
ตอนที่ 211 จบบริบูรณ์
“โอ๊ยยย” ภายในห้องมีสตรีนางหนึ่งตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด ด้านนอกห้องมีหลายคนเดินกลับไปกลับมาและบางคนที่แข็งทื่อเป็นท่อนไม้
หลังจากพวกเขาแต่งงานได้สามเดือนอวิ๋นหรูก็ตั้งครรภ์ บัดนี้กำลังให้กำเนิดด้วยความลำบาก ผู้คนทั้งหลายที่ตอนนั้นได้จัดงานแต่งพร้อมกัน วันนี้ที่มาถึงมีอวี่มั่ว เทียนซี มู่หลีและชิวลั่วพวกเขาที่เป็นคนรุ่นหลังสองสามคน
“หลานเยี่ยเจ้าอย่าเดินอีกเลยดีหรือไม่ เดินไปมาจนข้าปวดหัวแล้ว เหตุใดจึงร้อนใจกว่าลูกเจ้าเองอีก” อวี่มั่วอยากให้หลานเยี่ยหยุดเดินไปมาเสียที
“ใช่แล้ว เจ้าดูซิว่าหลานเม่ยยังไม่ร้อนใจเท่าเจ้าเลย” หลานเม่ยที่อยู่อีกฝั่งนั่งแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่บนเก้าอี้ หลานเยี่ยประหลาดใจเล็กน้อย เดินไปจิ้มหลานเม่ยทีหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าเจ้าคนนี้จะล้มลงไปโดยไม่มีลางสังหรณ์มาก่อน
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” หลานเยี่ยหัวเราะอย่างหนัก เสียงหัวเราะดังของหลานเยี่ยถึงทำให้หลานเม่ยถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริง หลานเม่ยรีบปีนขึ้นมาจากพื้น ปัดเศษฝุ่นเศษดินบนตัว
“ใครบอกว่าเขาไม่ตื่นเต้น เจ้าดูซิว่าเขาตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก ฮ่าๆๆๆๆ” หลานเยี่ยหัวเราะจนสำลัก หลานเฟิงเดินเข้าตบหลังเขา ในที่สุดหลานเยี่ยก็สงบลง
ตอนที่หลานเม่ยสีหน้าร้อนรน ร้อนใจอย่างไม่มีที่เปรียบ ภายในห้องก็มีเสียงเด็กทารกร้องดังออกมา หลานเม่ยรีบเดินไปที่ประตูห้อง หมอตำแยเปิดประตูให้หลานเม่ยเข้าไป ด้านนอกลมแรง ไม่เหมาะที่จะอุ้มเด็กออกมา
หลานเม่ยเข้าไปแล้ว คนที่เหลือรออยู่ข้างนอก รอไม่นานหลานเม่ยก็เปิดประตูออกมาให้พวกเขาเข้าไป
ผู้ชายร่างใหญ่หลายคนล้อมรอบเด็กทารกคนหนึ่งเอาไว้ หลานเม่ยดูมือไม้พันกันอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นคุณชายนี่!” เทียนซีเอ่ยปาก มองดูแล้วชอบเด็กมากยิ่งนัก
“ท่านประมุข ท่านตั้งชื่อให้เถิด” หลานเม่ยพูดกับหลานเยี่ย
“ห๋า ให้ข้าตั้งหรือ เจ้าตั้งเองเถิด ข้าตั้งแล้วรู้สึกเกรงใจจัง” เป็นครั้งแรกที่หลานเยี่ยแสดงท่าทำอะไรไม่ถูกออกมา มองหลานเฟิงขอความช่วยเหลือ
“รอพวกเรามีลูกคนที่สอง ค่อยตั้ง ท่านประมุขไม่ต้องถ่อมตนไป” หลานเม่ยเอ่ยเร่งหลานเยี่ย
“เช่นนั้นก็ช่างเถิด ข้าคิดเสียหน่อย” หลานเยี่ยเอ่ยปาก คิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เช่นนั้นก็ชื่อว่าหลานจิ่นเหอก็แล้วกัน ใต้หล้าที่สงบสุขรุ่งเรือง เด็กรุ่นใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว” หลานเยี่ยเอ่ยวิเคราะห์
“ดี เรียกว่าจิ่นเหอแล้วกัน”
เดินผ่านไปมา ไปมาหาสู่ วันเวลาผ่านไปเรื่อยทุกวัน คนครองคู่ใหม่หลายคู่เช่นพวกเขาเองก็มักจะคิดถึงเรื่องวันเวลาที่ไม่สงบสุขในตอนนั้น
ไม่สนรสชาติของชีวิต ไม่สนการฟันฝ่าขวากหนาม สถานการณ์ในใต้หล้ารักษาสภาพความเป็นหนึ่งเดียวไว้ ไม่มีแล้วซึ่งการแย่งชิง ไม่มีแล้วซึ่งความเจ็บปวด ต่อให้นี่เป็นใต้หล้าที่อยู่ในอุดมคติ หลานเยี่ยเองก็เชื่อว่าใต้หล้าที่เขารู้จักนั้นก็เป็นเช่นนี้
ตอนที่พวกเขาเข้าสู่วัยชรา ไม่ได้วิ่งวนไปทั่วใต้หล้าอีก หลานเฟิงและหลานเยี่ยกลับไปยังหอเฟิงเยี่ย หลานเยี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมืออุ้มลูกกระต่ายที่เพิ่งคลอดออกมา
หลานเฟิงอยู่ภายในห้องเตรียมทำอาหาร
อากาศแจ่มใสอย่างมาก แสงอาทิตย์ส่องสว่าง มีบางครั้งที่ยังคงรำพันถึงตนเองยามอายุน้อยวัยใส ชีวิตยามแก่เฒ่าที่หลานเยี่ยเคยคาดฝันในตอนนั้น ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นความจริงแล้ว สิ่งที่งดงามที่สุดก็ไม่อาจสู้สิ่งนี้ได้
“ท่านพ่อบุญธรรม พวกข้ามาแล้ว” หลานจิ่นเหอนำลูกของตนเองมาหาหลานเยี่ยและหลานเฟิง
“มาแล้ว เสี่ยวจิ้งชูเองก็มาด้วย ให้ปู่อุ้มหน่อยซิ ตาเฒ่า อาหารเตรียมพร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้ว รีบเข้ามากินเร็วเข้า” หลานเฟิงออกมาพูดกับพวกเขา
“ไป ไปกินข้าวกัน”
ลมฝนทำให้พวกเขามีร่องรอยของลมฝน พวกเขาเองก็มีผมขาว มีรอยย่น แต่จิตใจที่รักอีกฝ่ายอย่างลึกล้ำกลับไม่เปลี่ยนแปลง
-จบบริบูรณ์-
ขอให้คนที่มีความรักบนโลกนี้ได้ครองคู่สมหวัง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น