(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 195-202

 ตอนที่ 195 สถานที่บริสุทธิ์


 


 


มู่หลีกลับไปจิ่วหลิวพร้อมชิวลั่ว เคลื่อนย้ายสายลับทั้งหมดไปจัดการกวาดล้างผู้สอดแนมของตระกูลเยี่ย รายชื่อถูกต้องแม่นยำ ฉะนั้นทหารทั้งหมดแบ่งออกเป็นสามทาง ไปจัดการตัดขาดการส่งข่าวระหว่างพวกเขาก่อน จากนั้นค่อยเขาโจมตีทีละฝ่าย


 


 


เริ่มออกเดินทางตั้งแต่เที่ยงคืน มู่หลีและชิวลั่วเมื่อไปถึงที่ใด ก็จะกำจัดที่แห่งนั้น ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้นก็จัดการได้มากพอสมควรแล้ว ชีวิตผู้สอดแนมเหล่านี้พวกเขาได้ตัดสินความเป็นความตายจากเรื่องที่พวกเขาทำมาก่อนหน้านี้


 


 


เมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงวัน ทุกพื้นที่ก็ถูกจัดการจนหมด มู่หลีตบมือ บิดขี้เกียจ


 


 


“คราวนี้จิ่วหลิวก็เป็นสถานที่บริสุทธิ์อย่างมากแล้ว รอการศึกจบลง ข้าจะปล่อยกระจายแหล่งข่าวออกไป ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ไม่มีการป้องกันภัยต่างๆ มี ช่างดีเหลือเกิน” มู่หลีพูด


 


 


“ที่เจ้าพูดนั้นดีจริง เหมือนกับเป็นสถานที่ไร้ผู้คน ไม่มีคน ก็ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี ก็ไม่มีการป้องกันภัยต่างๆ” ชิวลั่วพูดเยาะอยู่อีกข้าง


 


 


“ไว้หน้ากันหน่อยได้หรือไม่” มู่หลีซัดเขาเข้าไปฝ่ามือหนึ่ง แต่มือกลับถูกชิวลั่วจับเอาไว้


 


 


“ปล่อย”


 


 


“ไม่ปล่อย”


 


 


“เจ้าจะปล่อยหรือไม่” มู่หลีเห็นว่าแค่มือสู้ไม่ได้ ก็เริ่มใช้เท้าเตะเขา พอดีกับที่ชิวลั่วออกแรง อุ้มเขาขึ้นมา


 


 


“เจ้าทำอะไร ปล่อยข้าลง”


 


 


“ข้าไม่ปล่อย”


 


 


“ข้าจะบอกเจ้าให้ฟังชิวลั่ว อยู่บนเตียงเจ้าอยู่ข้างบนไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ยังจะมาเอาเปรียบข้า” มู่หลีพองขนแล้ว


 


 


“บนเตียงเพราะเจ้าสู้เอาชนะข้าไม่ได้ ตอนนี้เพราะเจ้าเป็นภรรยาของข้า อุ้มภรรยาตนเองมีความผิดอะไรหรือ”


 


 


“ใครเป็นภรรยาเจ้า รีบปล่อยข้าลง ข้ายังต้องแจ้งหลานเยี่ยอีก! ชักช้าไปจะไม่ดี”


 


 


“ข้าแจ้งแล้ว ไม่ต้องกังวลใจ”


 


 


“เจ้า…เจ้าชอบอุ้มก็อุ้มไปเลย อย่ามาบ่นว่าข้าหนักก็พอ” มู่หลียอมลง ชิวลั่วสีหน้าได้ใจอุ้มมู่หลีกลับไปยังตระกูลเยี่ย


 


 


มู่เยี่ยและมู่ฮวาได้ทำการตัดสินแผนการทำศึกใหม่อีกครั้งที่ตระกูลเยี่ย ขับไล่คนตระกูลเยี่ยไปยังขอบทิศตะวันตก ตรงนั้นที่สถานที่อยู่อาศัยของคนธรรมดาตระกูลเยี่ย หากมีอะไรขึ้นมาแต่น้อยก็จะพาลกระทบไปถึงคนที่ไม่รู้เรื่องราว


 


 


หลานเยี่ยและหลานเฟิงมาถึงพื้นที่สุดขอบเหวินเย่ว์ จุดที่ใกล้กับตระกูลเยี่ย ตอนนี้ตระกูลเยี่ยถูกบีบบังคับให้ไปอยู่ทิศตะวันตกโดยสมบูรณ์แล้ว สำหรับพื้นที่บริเวณสุดขอบทิศตะวันตกนั้นกลับเป็นมหาสมุทรแห่งใหญ่ ไม่มีที่สิ้นสุด คนที่เคยออกไป ไม่เคยได้กลับมา


 


 


ตอนนี้คนตระกูลเยี่ยรวมกลุ่มอาศัยอยู่สุดขอบทิศตะวันตก ทหารพลังของราชสำนักอยู่ทิศเหนือ ทหารพลังของจิ่วหลิวอยู่ทิศตะวันออก ทหารพลังของซีเชวียอยู่ทิศใต้ กลายเป็นวงล้อมหนึ่งวง ล้อมรอบคนตระกูลเยี่ยเอาไว้ภายใน ไม่อาจขยับเคลื่อนไหว


 


 


“หากตอนนี้เปิดศึก คนธรรมดาตระกูลเยี่ยจะทำเช่นไร” หลานเยี่ยถามหลานเฟิง


 


 


“เจ็บตายไปกว่าครึ่ง” หลานเฟิงตอบ


 


 


“ตระกูลเยี่ยคงจะไม่ทำให้ประชาชนราษฎรของพวกเขาได้รับบาดเจ็บหรอกกระมัง” หลานเยี่ยพูดอีกประโยค


 


 


“ตัวชิวฉือจะรักษาชีวิตตัวเองยังยาก ไม่อาจมาสนใจประชาชนธรรมดาได้อีกแล้ว” หลานเฟิงพูดออกมาโดยไร้ซึ่งความรู้สึก เมื่อเทียบกันแล้ว หลานเยี่ยแลดูกังวลใจกว่านัก


 


 


“เจ้าจะไปทำอะไร” หลานเฟิงเห็นหลานเยี่ยเดินขึ้นที่สูง ก็ห้ามเขาเอาไว้


 


 


“ข้าจะไปตะโกนสักครั้ง เช่นนี้ก็จะไม่ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวตายแล้ว”


 


 


“อันตรายมาก” หลานเยี่ยมองสายตาเป็นกังวลของหลานเฟิง ก็ยอมวางความคิดนี้ลงไป


 


 


หลังจากหลานเฟิงห้ามหลานเยี่ยแล้ว ตนเองกลับขึ้นไปข้างบนแทน


 


 


“เจ้าไม่ให้ข้าขึ้นไปมิใช่หรือ เหตุใดเจ้าจึงไปเล่า” หลานเยี่ยรีบวิ่งตามขึ้นมา


 


 


“เจ้าอย่าขึ้นมา ข้าไม่เป็นอะไร” หลานเฟิงกั้นเขตม่านพลังเอาไว้บนร่างตนชั้นหนึ่ง ทำให้ทุกสิ่งรวมถึงหลานเยี่ยถูกตัดขาด


 


 


“ประชาชนขาวตระกูลเยี่ยฟังให้ดี ที่นี่ใกล้จะเปิดศึก รีบออกไป มิเช่นนั้นคนที่ไม่เกี่ยวจะได้รับบาดเจ็บ” หลานเฟิงให้พลังวิญญาณทำให้เสียงกระจายดังจนสามารถได้ยินทั่วทั้งทิศตะวันตก


 


 


ที่ต้องเผชิญหน้ารับมือเป็นธนูดอกหนึ่ง ถูกเขตม่านพลังกันเอาไว้ หลังจากหลานเฟิงลงมาแล้วก็เห็นประชาชนจำนวนไม่น้อยวิ่งออกมาด้านนอก แต่กลับถูกคนตระกูลเยี่ยขวางทางไว้


 


 


หลานเยี่ยส่ายหน้า เช่นนี้ก็โทษเขาไม่ได้แล้ว


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 196 โจมตีกลับอย่างถึงที่สุดแล้วเป็นอย่างไร


 


 


เวลามาถึงแล้ว หลานเยี่ยส่งสัญญาณออกไป มู่หลีนำทหารพลังของจิ่วหลิว หลานอวี่นำทหารพลังของราชสำนัก เจียงหลิงนำทหารพลังของซีเชวีย ออกโจมตีพร้อมกัน


 


 


การศึกดุเดือดอย่างมาก ทหารพลังตระกูลเยี่ยนอกจากจิ้งจอกราตรีแล้วมีไม่ถึงพอสองในสามของเวลาปกติ ในตอนนี้ยังโจมตีจากสามทางพร้อมกัน ไม่มีกำลังจะสู้กลับได้


 


 


หลานเยี่ยมองสถานการณ์เบื้องหน้า ไร้ซึ่งคลื่นใหญ่ทางอารมณ์ใดๆ นี่เกรงว่าคงเป็นศึกสุดท้ายแล้ว พลางคิดถึงคำพูดของผู้เฒ่าคนนั้นที่บอกว่าเคราะห์กรรมด่านสุดท้าย ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร ในใจของหลานเยี่ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย


 


 


ความรู้สึกถูกส่งถ่ายไปยังหลานเฟิง หลานเฟิงจับมือของเขาเอาไว้แน่น หลานเยี่ยยิ้มออกมา เขาลืมไปเลยว่ามุกหลิววั่งกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง ความเป็นความตายของเขาและหลานเฟิงเชื่อมต่อกันอีกครั้ง


 


 


ทางด้านตระกูลเยี่ยส่งพลทหารธรรมดาอยู่ข้างหน้า ทหารพลังอยู่ตรงกลาง จิ้งจอกราตรีอยู่สุดท้าย พลทหารธรรมดาปกติแล้วจะไม่ได้เข้าสนามรบ ขึ้นมาก็เพียงสละชีวิตไปโดยเสียเปล่าเท่านั้นเอง ดูท่าตระกูลเยี่ยไม่สนใจความเป็นความตายของทุกคนแล้ว


 


 


การโจมตีครั้งแรกเริ่มต้น ด้านหน้ามีคนปะทะกัน พลทหารตระกูลเยี่ยล้วนไร้ค่าสละชีวิตไปเปล่าๆ เท่านั้นตามที่คิดไว้ เวลายังไม่ทันผ่านไปนานเท่าไร พลทหารตระกูลเยี่ยทั้งหมดล้วนล้มลงไป การศึกครั้งนี้ที่จริงแล้วสิ่งที่หลานเยี่ยต้องการก็คือกำจัดสลายกำลังทหารตระกูลเยี่ยทั้งหมด เรื่องทั้งหมดควรจะจบลงไปได้แล้ว


 


 


รอจนโจมตีครั้งที่สอง ราชสำนักและซีเชวียก็สูญเสียคนไปจำนวนหนึ่ง แต่ทหารพลังตระกูลเยี่ยยังคงถูกกำจัดไปทั้งหมด


 


 


บนพื้นมีคนตระกูลเยี่ยเป็นจำนวนมาก ที่ตายไปแล้ว ยังไม่ตายก็ลุกไม่ขึ้น จะตายมิตายแหล่ หลายกลุ่มติดต่อกันไป ทหารพลังทั้งหมดในตอนนี้ล้วนพุ่งขึ้นมรับมือกับกลุ่มจิ้งจอกราตรีที่อยู่ท้ายสุด


 


 


สำหรับคนที่ต้องใช้สิบคนในการรับมือคนผู้หนึ่ง จริงๆ แล้วก็ไม่มีวิธีอะไรดีๆ ทำได้เพียงใช้คนจำนวนมากเอาชนะเท่านั้น จำนวนจิ้งจอกราตรีในตอนนี้มีเพียงหนึ่งในร้อยของฝ่ายศัตรูเท่านั้น และด้านหลังจิ้งจอกราตรีที่ยืนอยู่คือชิวฉือ


 


 


ตอนที่กำลังจะเริ่มโจมตีนั่นเอง พลทหารธรรมดาที่ล้มนอนอยู่บนพื้นจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งยังมีพลังวิญญาณ แม้จะไม่มาก แต่ก็สามารถกลายเป็นอาวุธได้


 


 


“ตระกูลเยี่ยให้พลทหารเหล่านี้กินยา บังคับให้พวกเขามีพลังวิญญาณ” หลานเยี่ยพูดทอดถอนใจ


 


 


“แต่ไม่มั่นคง คนที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อนไม่มีทางบังคับให้ดีได้” หลานเฟิงรับพูดต่อ


 


 


มองดูทหารพลังของราชสำนัก ซีเชวียและจิ่วหลิวที่ตอนนี้ถูกบีบโจมตีทั้งหน้าและหลัง หลานเยี่ยกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย สถานการณ์เช่นนี้เขาคำนึงถึงมานานแล้ว


 


 


จิ้งจอกราตรีเริ่มโจมตีกลับอย่างถึงที่สุด หลังจากกินยาที่ทำให้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นจนระเบิดแล้วนั้น ในช่วงเวลาที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ก็โจมตีศัตรูที่อยู่ข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง


 


 


ทหารพลังสามฝ่ายล้มลงไปเป็นแถบ สถานการณ์แม้จะเสียเปรียบอยู่เล็กน้อย แต่ยังคงแสดงสถานการณ์ล้มลงไปแทบหนึ่งให้เห็นอยู่


 


 


ผ่านไปนานจำนวนจิ้งจอกราตรีก็เหลือน้อยลงมากแล้ว พลทหารที่มีพลังวิญญาณเหล่านั้นก็แทบจะไม่เหลือ ต่อให้พวกเขาไม่ถูกฆ่าตาย เมื่อกินยาเข้าไปแล้วก็ห่างจากความตายไม่มากเท่าไรนัก


 


 


สีท้องฟ้าเริ่มมืดลง แสงอาทิตย์ยามใกล้ตกดินเป็นสีแดงเลือด ดวงตาของคนก็เป็นสีแดงเลือดเช่นเดียวกัน การศึกนั้นส่งผลกระทบไปถึงประชาชนคนธรรมดามากกว่าทหารพลังอยู่เยอะ


 


 


การโจมตีอย่างถึงที่สุดของจิ้งจอกราตรีนั้นล้มเหลว ทั้งสนามรบเหลือเพียงชิวฉือคนเดียวเท่านั้น ชิวฉือค่อยๆ ชักกระบี่ออกมา ชี้ไปยังศัตรูที่อยู่ตรงหน้า


 


 


“ยอมแพ้เถิด เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว” หลานเยี่ยเอ่ยปาก


 


 


“ข้าจะตาย ก็ต้องตายบนสนามรบ ท่านประมุขมอบตระกูลเยี่ยให้ข้า ข้าไม่อาจทำให้ตระกูลเยี่ยสลายลงไปบนมือข้า”​ชิวฉือพูดออกมาอย่างเต็มไปด้วยคุณธรรม


 


 


“ประมุขของพวกเจ้าไม่ต้องการตระกูลเยี่ยแล้ว เจ้ายังจะมายืนหยัดอยู่ที่นี่เพราะเหตุใด เจ้าคิดว่าหลังจากเจ้าสู้ตายไปแล้วประชาชนตระกูลเยี่ยจะจำชื่อเจ้าได้หรืออย่างไร


 


 


อย่ามาล้อเล่นเลย ขอแค่แพ้การศึก ไม่ว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย ปากของประชาชนที่พูดถึงเจ้าล้วนดูถูกทั้งสิ้น เจ้ามีชีวิตอยู่ เจ้าแสดงความพยายามและเสียสละอย่างมาก อย่างไรก็ยังคงกลายเป็นนักโทษในสายตาของประชาชน จะเป็นหรือตายก็เหมือนกัน เหตุใดถึงไม่ตรงไปตรงมาเสียหน่อยเล่า”


 


 


มือของชิวฉือที่ถือกระบี่สั่นเล็กน้อย หลานเยี่ยพูดไม่ผิด ไม่ว่าอย่างไรขอแค่สู้ศึกแพ้ก็คือนักโทษทั้งสิ้น


 


 


ชิวฉือหัวเราะเสียงดัง ชักกระบี่ฆ่าตัวตาย


 


 


หลานเยี่ยมองร่างของเขา ถอนหายใจออกมา


ตอนที่ 197 แต่เดิมคิดว่าจบ


 


 


ขอบฟ้ามีเมฆแดงให้เห็น หลานเยี่ยเงยหน้าขึ้นมองฟ้า หลังจากจบลงสีของท้องฟ้าและพื้นดินก็เปลี่ยนกลับมาแล้ว แต่เมฆแดงกลุ่มนั้นที่แลดูไม่เข้าพวก เหมือนกำลังบอกว่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น


 


 


ทหารพลังในสนามรบทั้งหมดถอยออกไปแล้ว เหลือเพียงหลานเยี่ย หลานเฟิง มู่หลีและชิวลั่ว นี่เป็นความรู้สึกเช่นไรกัน หลานเยี่ยไม่รู้ ว่างเปล่าเล็กน้อย มีความรู้สึกล่องลอยเล็กน้อย


 


 


เหมือนว่าทำการใหญ่เรื่องหนึ่งสำเร็จลุล่วง ทำให้ความกล้าในใจนั้นวางลง แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผู้เฒ่าผู้นั้นเคยพูดว่าเมื่อเวลามาถึง เขาจะปรากฏตัวให้เห็นเอง ดูท่าทางตอนนี้คงยังไม่ถึงเวลา


 


 


เจียงหลิงเข้ามาปรึกษาเรื่องราวหลังจากนี้ทั้งหมดกับหลานเฟิง หลานเยี่ยยืนเหม่ออยู่อีกข้าง ชิวลั่วมองตระกูลเยี่ยที่แตกสลาย มองร่างของชิวฉือบนพื้น ทอดถอนใจเล็กน้อย มู่หลียืนมองเขาอยู่ห่างๆ


 


 


หลานเยี่ยหมุนตัว จู่ๆ ก็เหมือนจะเข้าใจเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมา คำตอบที่เขาไล่ล่าตามหาอย่างยากลำบาก เรื่องที่เคยคิดอยากจะเข้าใจ เหมือนว่ามีบางครั้งที่ไม่ต้องการรู้คำตอบ มีบางครั้งที่ไม่ต้องการคิดเข้าใจ จะใช่หรือไม่ ก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้น


 


 


ห่างออกไปไกลเหมือนมีอะไรบางอย่างขยับเขยื้อน หลานเยี่ยเงยหน้าเหลือบมองทีหนึ่ง ท่าทางใจลอย แต่กลับบีบให้เขารีบมีสติขึ้นมา


 


 


จิ้งจอกราตรีผู้หนึ่งอยู่ด้านหลังมู่หลี ลากร่างที่พิการของตน ใช้พลังชีวิตเฮือกสุดท้ายที่มีโจมตีอย่างโหดร้ายต่อมู่หลีที่อยู่ใกล้ที่สุด


 


 


“มู่หลี” หลานเยี่ยเสมือนตื่นจากความฝัน รีบวิ่งไปผลักเขาออก แม้ทั้งสองคนจะหลบการโจมตีของจิ้งจอกราตรีผู้นั้นได้ แต่เหตุใดบริเวณหัวใจยังมีเลือดไหลออกมา วิชาอันเป็นเอกลักษณ์ของจิ้งจอกราตรี บูชาชีวิต ขอเพียงยังมีลมหายใจก็สามารถใช้ชีวิตเดินไปสู่ความตายพร้อมกับศัตรู


 


 


หลานเฟิงได้ยินเสียงจึงหันไปมองหลานเยี่ย สมองยังไม่ทันมีปฏิกิริยา จิ้งจอกราตรีนายหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหลานเยี่ยและมู่หลีก็มอบดาบที่ถึงแก่ชีวิตให้กับพวกเขาทั้งสองคน


 


 


“เสี่ยวเยี่ย”


 


 


หลานเยี่ยและมู่หลีล้มลงบนพื้น หลานเฟิงวิ่งไปประคองหลานเยี่ยไว้ ชิวลั่วมองมู่หลีที่ใกล้จะไม่ไหวแล้วอย่างไม่คิดเชื่อ


 


 


“อาหลี เจ้าเป็นอย่างไร อาหลี” เสียงของชิวลั่วสั่นสะท้านอย่างกลั้นไม่อยู่ แล้วยังมีเสียงสะอื้นอย่างลึกล้ำ มู่หลีสำรอกออกมาเป็นเลือดไม่หยุด เขายื่นมือขึ้นมาอยากยากลำบากหมายจะจับชิวลั่วไว้


 


 


“ชิว…ลั่ว…ข้า…” ยังไม่ทันพูดจบ มู่หลีก็ไอออกมาอย่างรุนแรง ชิวลั่วตบหลังให้เขาไม่หยุด ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร


 


 


“อาหลี เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาหมอเซียน”


 


 


“ขอ…โทษ ข้า…ไม่ไหวแล้ว หาก…มีชาติหน้า จะต้อง…แต่งกับเจ้า เสี่ยวเยี่ย…” สุดท้ายมู่หลีกันไปมองทางหลานเยี่ยทีหนึ่ง จากนั้นก็ไร้ซึ่งลมหายใจ


 


 


หลานเยี่ยกุมหัวใจเอาไว้ หลานเฟิงเองก็ใช้มือกุมไปที่หัวใจของหลานเยี่ยไม่หยุด แต่เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด หากเมื่อครู่เขาไม่ไปสนใจมู่หลี บางทีตอนนี้อาจจะไม่เป็นอะไร แต่หากย้อนกลับได้อีกครั้งหนึ่ง เขาก็ยังคงทำเช่นเดิม


 


 


นี่เกรงว่าคงเป็นด่านเคราะห์สุดท้ายแล้วกระมัง หลานเฟิงข้าขอโทษ จำต้องเหนื่อยเจ้าแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้เฒ่าผู้นั้นก็ควรจะปรากฏตัวออกมาได้แล้วกระมัง แต่พวกเราสองคนอาจไม่ได้เห็นวันนั้นแล้ว


 


 


“เสี่ยวเยี่ยๆ เจ้าอดทนไว้”


 


 


“นี่…กรงว่าคงเป็นด่านเคราะห์สุดท้ายแล้วกระมัง แต่เดิมข้า…คิดจะช่วยมู่หลี คิดไม่ถึงว่า…เหนื่อยเจ้าแล้ว” ทุกประโยคที่หลานเยี่ยพูด เลือดก็ยิ่งไหลเร็วมากขึ้น


 


 


“เสี่ยวเยี่ย เจ้าอย่าเพิ่งพูด แหล่งพลังวิญญาณเดิม รีบใช้แหล่งพลังวิญญาณเดิมเร็วเข้า ข้าขอร้องเจ้าอย่าตาย ตระกูลเยี่ยเพิ่งจะล่มสลาย ความหวังของพวกเรายังไม่สำเร็จทั้งหมดเลย!” หลานเฟิงมองหลานเยี่ยที่เป็นเช่นนี้ โศกเศร้าจนน้ำตาไหลลงมา


 


 


“อย่าร้องไห้ ข้าใช้ ใช้…เดี๋ยวนี้” หลานเยี่ยยกมือขึ้น เช็ดน้ำตาให้หลานเฟิง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 198 ด่านเคราะห์สุดท้าย


 


 


หลานเฟิงประคองหลานเยี่ย ให้หลานเยี่ยสามารถขับย้ายพลังวิญญาณเดิมได้ การขับย้ายครั้งนี้ทำให้ในอนาคตไม่อาจใช้พลังวิญญาณได้อีก มิเช่นนั้นจะเป็นเหมือนหลานชิง ใช้พลังวิญญาณดั้งเดิมจนหมด หลังจากที่ใช้พลังวิญญาณธรรมดาจนหมดไปอีก ก็เป็นเพียงคนตายหนึ่งคนเท่านั้น


 


 


พลังวิญญาณสีฟ้าเข้มค่อยๆ เข้าครอบคลุมหัวใจของหลานเยี่ยเอาไว้ เลือดเริ่มไหลข้าลง หลานเยี่ยเองก็ดีขึ้นมา พลังวิญญาณดั้งเดิมหยดสุดท้ายถูกใช้จนหมด หัวใจของหลานเยี่ยไม่มีเลือดไหลออกมาแล้ว แต่เพราะใช้พลังวิญญาณดั้งเดิม แล้วยังบาดเจ็บ ในช่วงเวลาสั้นๆ หลานเยี่ยไม่อาจลุกขึ้นได้


 


 


หลานเยี่ยนอนอยู่ในอ้อมกอดหลานเฟิง เห็นใบหน้าของหลานเฟิงถูกตนเองทำให้เปื้อนด้วยรอยเลือด เหมือนกับแมวลาย หลานเยี่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


 


 


“ข้าไม่เป็นไร หลานเฟิงเจ้าอย่า…” ตอนที่พวกเขาคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้วนั้น จู่ๆ หลานเยี่ยก็ผลักหลานเฟิงออก หลานเฟิงยังคงหลงอยู่ในภวังค์เรื่องเมื่อครู่นี้ ก็เห็นว่าเขตม่านพลังเบื้องหน้าหลานเยี่ยถูกทำลายลง ร่างกายที่แต่เดิมดีขึ้นมาแล้วของหลานเยี่ยล้มลงไปโดยสมบูรณ์


 


 


ตรงข้ามคือชิวฉือที่ยกมือขึ้นมา เขาได้เปลี่ยนตนเองให้เป็นจิ้งจอกราตรีนายหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ในเสี้ยวนาทีสุดท้ายคิดจะตายไปพร้อมกับหลานเฟิง แต่คิดไม่ถึงว่าหลานเยี่ยจะออกมารับแทนเขา


 


 


หลานเยี่ยใช้พลังวิญญาณสุดท้ายในการตั้งเขตม่านพลังข้างหน้าภายในพริบตา แต่กลับถูกชิวฉือทำลายลง การบูชายัญจบลง ชิวฉือล้มไปแล้ว หลานเยี่ยเองก็ล้มลง แววตาสุดท้าย ในดวงตาของหลานเยี่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด มองดูหลานเฟิงที่ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร


 


 


หลานเยี่ยตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด พลังวิญญาณหมดสิ้น ตอนที่หลานเยี่ยสูญสิ้นลมหายใจ หลานเฟิงกุมหน้าอกของเขาเอาไว้ มุกหลิววั่งวิ่งออกมานอกร่างกาย ช่องทางที่สิ้นหวังระหว่างพวกเขาทั้งสองคน


 


 


หลานเฟิงกลั้นลมหายใจสุดท้ายเอาไว้ คลานไปถึงข้างกายหลานเยี่ย


 


 


“เสี่ยวเยี่ย อย่ากลัว ข้ามา…หาเจ้าแล้ว” พูดจบก็ล้มลงไป คนทั้งสองที่รักกันกอดกันไว้แน่น เสมือนเสี้ยวนาที เสมือนนิจนิรันดร์


 


 


ชิวลั่วมองดูมู่หลีที่นิ่งเงียบไร้ลมหายใจในอ้อมอก ไม่มีคำพูดใดๆ เจียงหลิงมองดูภาพที่เหมือนกับละครวุ่นวายอยู่อีกทางหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรต้องทำเช่นไร ใครบอกเขาได้หรือไม่ว่าเขาควรทำเช่นไร


 


 


เจียงหลิงวิ่งไปดูคนสองคนที่กอดกันแน่นอยู่บนพื้น


 


 


“ท่านประมุขๆ ท่านตื่นขึ้นมาเถิด ท่านหัวหน้าแม่ทัพ ท่านตื่นเถิด พวกท่านไปหมดแล้ว ตระกูลหลานจะทำเช่นไร ประชาชนตระกูลหลานควรทำเช่นไร พวกท่านรีบตื่นขึ้นมาเถิด”


 


 


เจียงหลิงเขย่าร่างทั้งสองคนด้วยอาการสั่นสะท้าน พูดจาวกวนไปมา ไม่ได้หันไปสนใจอีกทางหนึ่ง ชิวลั่วที่ยกกระบี่ขึ้นปาดคอของตนเอง หยดเลือดสาดกระเซ็นไปโดนใบหน้าของเจียงหลิง เจียงหลิงยกมือขึ้นลูบสิ่งที่อยู่บนหน้าตัวเอง


 


 


จากนั้นบนมือก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ทางนั้นชิวลั่วฆ่าตัวตายไปแล้ว ไปยังดินแดนอีกฝั่งหนึ่งพร้อมหลี


 


 


การกระตุ้นอย่างรุนแรงทำให้เจียงหลิงไม่มีสติ สุดท้ายก็บ้าคลั่งไป ความทรงจำย้อนกลับไหลริน เขาหยิ่งผยองทะนงตนจนถูกตระกูลเยี่ยจับไป จากนั้นก็ถูกปล่อยออกมา และยังถูกแจ้งว่าเป็นหลานเฟิงที่ช่วยเขาไว้


 


 


แต่เดิมคิดจะสามารถโตขึ้นได้อีกหน่อย มั่นคงได้อีกหน่อย เพื่อตอบแทนคนที่มีบุญคุณต่อตนเองทั้งหมด แต่ตอนนี้ ตายแล้ว ตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงคนไร้ประโยชน์ ให้ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย


 


 


เจียงหลิงกุมหัววิ่งหนีออกไปไกล วิ่งไปพลางหัวเราะเสียงดังไปพลาง เป็นความยินดีหรือโศกเศร้ากันแน่?


 


 


ห่างออกไปไกลคนชุดขาวค่อยๆ เดินเข้ามา มองดูคนสี่คนที่นอนอยู่บนพื้น ถอนหายใจออกมา


 


 


หลานอวี่มาดูเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รีบไปแจ้งอวี่มั่วและเทียนซี ทั้งสองคนที่รีบเร่งมาเห็นว่าชังหลานปรากฏตัวขึ้นที่นั่น คลุมผ้าขาวให้ทั้งสี่คน


 


 


“ท่านชังหลาน ท่านมีวิธีช่วยพวกเขาใช่หรือไม่” เทียนซีถามออกมาอย่างไม่มั่นใจ ชังหลานมองเขาทีหนึ่งแล้วจากไป


ตอนที่ 199 หลานเคอ


 


 


ชังหลานไปยังสถานที่ในจดหมายที่หลานเยี่ยบอกเขาไว้ก่อนนี้ หนึ่งพันปีผ่านมาแล้ว จิตใจของเขากลายเป็นสงบนิ่งอย่างมาก ไม่ได้รู้สึกดีใจจนสุดหรือเสียใจจนสุด ไม่ขึ้นและไม่ลง เขาเชื่อว่า หากหลานเจ๋อได้พบเขาอีกครั้งก็คงเป็นเช่นนี้เหมือนกัน


 


 


เข้าสู่เหวินเย่ว์ เข้าสู่ป่าไผ่ กลับไม่มีเขตม่านพลังแล้ว เบื้องหน้ามีชายหนุ่มวัยกำหนัดผู้หนึ่งกำลังรอเขาอยู่ ต้อนรับเขาเข้าไป


 


 


หลังจากเข้าไปแล้ว กลับไม่พบผู้เฒ่าที่หลานเยี่ยพูดถึง เมื่อสำรวจอย่างง่ายๆ แล้วรอบหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นถึงพบว่าเขากำลังตามหา


 


 


“บิดาได้จากไปสู่สวรรค์ในวันที่ประมุขหลานมาถึง ข้าอาจเป็นคนสุดท้ายที่ส่งข่าวต่อแล้วขอรับ” ชายหนุ่มพูดออกมาเช่นนี้


 


 


“เจ้าคือหลานเคอ? หรือจะบอกว่าความทรงจำของเจ้าคือหลานเคอเล่า” ชังหลานเอ่ยปาก


 


 


“ขอรับ”


 


 


“ครั้งนี้ ถึงแก่เวลาแล้วหรือ” ชังหลานถามขึ้นอีกครั้ง ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจเล็กน้อยแฝงอยู่


 


 


“นายท่านชังหลาน ท่านไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องใต้หล้านี้ ท่านเป็นคนที่อยู่นอกลิขิตสวรรค์ หากไม่มีท่านประมุขหลานเจ๋อ ท่านคงบรรลุไปนานแล้ว”


 


 


หลานเคอไม่ตอบ แต่กลับพูดออกมาเช่นนี้


 


 


“นี่ก็เป็นสิ่งที่หลานเจ๋อให้เจ้าบอกข้าอย่างนั้นหรือ”


 


 


“ไม่ใช่ แต่ท่านประมุขหลานเจ๋อกลับเคยมีความคิดเช่นนี้มาก่อน พันปีมานี้เป็นตัวเลือกที่มอบให้ท่าน”


 


 


“เจ้าคิดว่าข้าในตอนนี้ยังมีโอกาสบรรลุอีกหรือ ที่นี่ ไม่ใช่ทางเดินแห่งความยุติธรรมมานานแล้ว แต่เป็นมนุษย์ผู้หนึ่งอาศัยอยู่มานานพันปี” ชังหลานชี้ไปที่หัวใจของตัวเอง


 


 


หลานเคอมองเขาทีหนึ่ง ส่ายหัวไปมา


 


 


“ไม่ว่าหลานเจ๋อจะคิดเช่นไร และไม่ว่าเขาจะพูดเช่นไร ทางเลือกของข้าข้าตัดสินด้วยตนเอง พันปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”


 


 


ได้ยินคำพูดนี้แล้วนั้นหลานเคอก็หัวเราะออกมา เมื่อเห็นรอยยิ้มของหลานเคอ ชังหลานก็เข้าใจในทันใด


 


 


แม้ชังหลานจะเป็นสัตว์ประหลาดชราพันปีเช่นกัน แต่ช่วงเวลาพันปีมานี้อยู่แต่ในตระกูลหลาน แทบจะไม่ได้เคยออกไปไหนมาก่อน ไฉนเลยจะสามารถเทียบได้กับสัตว์ประหลาดที่มีความทรงจำกว่าพันปีตัวนี้ได้เล่า


 


 


“ทดสอบจบแล้ว ก็บอกข้าได้แล้วกระมัง” ชังหลานเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย


 


 


“สิ่งนั้นที่ท่านประมุขหลานเจ๋อพูดก็คือตราหยกของประมุขตระกูลหลาน” หลานเคอพูดออกมาประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้ชังหลานไม่อาจนิ่งสงบได้อีก ตราหยกที่อยู่ข้างหายตนมานานกว่าพันปีอย่างนั้นหรือ อย่ามาล้อเล่นกันเลย


 


 


“เหตุใดข้าถึงไม่เคยรู้สึกถึงลมหายใจของหลานเจ๋อบนของสิ่งนั้นมาก่อนเลยเล่า”


 


 


“เพราะท่านประมุขหลานเจ๋อพกติดตัวไว้เป็นเวลานาน ตอนแรกเริ่มเหตุเพราะมีลมหายใจของเขาไม่พอ ท่านจึงไม่สงสัย หลังจากนั้นเมื่อถูกลมหายใจของท่านประมุขท่านอื่นกลบเข้าก็ยิ่งทำให้สัมผัสไม่ได้ อีกทั้งท่านประมุขหลานเจ๋อยังตั้งใจเพิ่มผนึกพลังเข้าไปอีกชั้นหนึ่งด้วย”


 


 


“ผนึกพลังเจ้าเป็นคนเพิ่มเข้าไปกระมัง”


 


 


“ขอรับ” หลานเคอยิ้มพลางตอบออกมา ใช่แล้ว หากว่าท่านประมุขหลานเจ๋อเป็นคนใส่เข้าไปก็ยังคงมีลมหายใจอยู่


 


 


“ตรงนี้คือเรื่องทั้งหมด” หลานเคอชี้ไปยังบนเขาปลอมนอกห้อง หลานเคอยกมือขึ้น สลายเขตม่านพลังออกไป ตัวหนังสือปรากฏขึ้นมา


 


 


บนนั้นคือความเป็นมาของมุกหลิววั่ง ความเป็นมาของตราหยกประมุขตระกูลหลาน เส้นทางเดินแห่งความยุติธรรมที่ตนและหลานเจ๋อศึกษาออกมาในตอนแรก รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน ปรากฏการณ์ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนทำให้ชังหลานฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก


 


 


แต่เดิมคิดว่าตนเองไม่มีความรู้สึกสั่นสะเทือนเท่าไรนัก แต่คิดไม่ถึงว่าเมฆดำมืดใหญ่เช่นนี้จะทำให้ชังหลานเกิดความคิดอยากจะขุดร่างหลานเจ๋อขึ้นมาจากหลุม


 


 


หมุนตัวจากไป ชังหลานรู้วิธีการเปิดตราหยกประมุขตระกูลแล้ว รอจนหลานเจ๋อออกมาแล้ว เขาจะต้องถามเขาให้ดีเป็นแน่ คาดคะเนเรื่องในอนาคตพันปีได้อย่างไร รวมถึงผู้ใดจะตายเมื่อไรล้วนคำนวณมาหมดแล้ว


 


 


ชังหลานถือความรู้สึกโศกเศร้าอย่างไม่มีที่เปรียบกลับไปยังตระกูลหลาน อวี่มั่วและเทียนซีน่าจะนำร่างของทั้งสี่คนกลับไปตระกูลหลานแล้ว


 


 


‘ทั้งสี่คนนั้นก็ควรจะลุกขึ้นมาจัดการหลานเจ๋อได้แล้ว ทั้งสี่คนที่ถูกหลอกให้วุ่นวายไปมา เฮ้อออ’


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 200 จิ้งจอกอารมณ์ร้อน


 


 


เมื่อกลับมาถึงตระกูลหลาน ชังหลานพบว่าหลานเฟิง หลานเยี่ย มู่หลี ชิวลั่ว เทียนซี และอวี่มั่วล้วนอยู่กันพร้อมหน้า อีกทั้งยังมีชิวจือเว่ยและหลานเซียวที่กลับมา หลานเม่ย และอวิ๋นหรูก็อยู่ด้วยเช่นกัน


 


 


ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแลดูโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ทำให้สีหน้าที่ต้องการฆ่าคนของชังหลานนั้นดูไม่เข้าพวกเป็นอย่างหนัก


 


 


เมื่อเห็นว่าชังหลานกลับมาแล้ว ชิวจือเว่ยและหลานเซียวเพียงแค่เหลือบตามองเขาทีหนึ่ง พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหลานเฟิงและหลานเยี่ยถึงได้กลับมา และเมื่อกลับมาถึงแล้วถึงได้พบเห็นสถานการณ์นี้


 


 


มู่หลีถูกฆ่า ชิวลั่วฆ่าตัวตาย พลังวิญญาณของหลานเยี่ยถูกใช้จนหมด และเพราะมุกหลิววั่งหลานเฟิงจึงล้มไปด้วย ในใจของชิวจือเว่ยและหลานเซียวไม่รู้ว่าคิดเช่นไร ซับซ้อนมากเกินไป ทำให้ผู้อื่นไม่อาจเข้าใจได้


 


 


หนึ่งพันปีก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองคนก่อให้เกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วยน้ำมือของตน รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย รู้สึกสำนึกตน และยัง…รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก


 


 


“ล้อมรอบกันอยู่ที่นี่ทำอะไร แยกย้ายๆ เร็วเข้า” ตอนนี้ชังหลานอารมณ์ร้อนอย่างมาก


 


 


ชิวจือเว่ยและหลานเซียวมองเขาด้วยความไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก แม้พวกเขาจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาพันปีมานี้ รู้ถึงเหตุและผลทั้งหลายแหล่ของเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งรู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งหมด


 


 


แต่กลับไร้ซึ่งความสามารถกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ขอเพียงหลานเยี่ยตายแล้ว หลานเฟิงก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ ขอเพียงหลานเยี่ยฟื้นขึ้นมา ทุกเรื่องก็จะกลายเป็นโชคดี แต่ความเลวร้ายในช่วงพันปีมานี้จะทำลายลงไปได้อย่างไร


 


 


“ชิวจือเว่ย หลานเซียว พวกเจ้าสองคนตามข้ามา” ชังหลานเรียกพวกเขาสองคนออกไป แม้พวกเขาทั้งสองจะไม่เข้าใจว่าชังหลานถูกกระตุ้นจากอะไรมา แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้วก็น่าจะมีวิธี ดังนั้นจึงเดินตามเขาออกไป


 


 


เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู จู่ๆ ชังหลานก็หยุดลง หันกลับมาพูดกับผู้คนทั้งสี่ที่อยู่ในห้องด้วยท่าทีโศกเศร้าประโยคหนึ่ง


 


 


“พวกเจ้าอย่าคิดเพียงแต่เสียใจ นั่งลงดื่มชาก่อนเถิด ทั้งสี่คนนี้ตายไม่ได้ หลานเม่ยรับแขกเสียหน่อย” เขาพูดจบก็เดินจากไป เหลือเพียงผู้คนในห้องที่ตกตะลึง


 


 


เมื่อได้ยินเช่นนี้ทั้งสี่คนก็ดีใจอย่างมาก ตาถลึงโตแทบจะถลนออกมา วันนี้นายท่านชังหลานเป็นอะไรไป ภาพลักษณ์แตกสลายลงหมดแล้ว ได้รับแรงกระตุ้นอะไรอย่างนั้นหรือ แต่ไม่ว่าจะสับสนอย่างไรก็ไม่อาจเทียบได้กับข่าวดีเมื่อครู่นี้


 


 


หลานเม่ยมองอวี่มั่วและเทียนซี พูดสิ่งที่รับกับสถานการณ์ตอนนี้ออกมาประโยคหนึ่ง


 


 


“ไม่เช่นนั้น ก็รับแขกดีหรือไม่”


 


 


“อืม รับแขกๆ เอาชามา” อวี่มั่วเอ่ยปาก


 


 


“เอาขนมอบสับปะรดมาอีกจาน” เทียนซีรับคำต่อ


 


 


“ทำให้ท่านพี่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าขนมอบสับปะรดที่อยู่ในจานเหลือเพียงครึ่งชิ้น” อวิ๋นหรูรับคำต่อ


 


 


เมื่อทราบว่าผู้คนเหล่านี้จะไม่เป็นอะไร คนที่ยืนอยู่ก็เริ่มพูดเย้าหยอกทั้งสี่คนที่นอนอยู่ ตามหลักการแล้วอย่างไรก็เป็นมนุษย์ตอนนี้นอนอยู่ น่าจะเสียใจเล็กน้อยถึงจะถูก แต่พวกเขาทั้งหลายเชื่อถือคำพูดของชังหลานอย่างมาก สบายใจอย่างไม่มีเหตุผล


 


 


แม้ว่าผ้าขาวที่ชังหลานคลุมให้พวกเขาทั้งสี่คนจะมีรอยเลือดอยู่เล็กน้อย แต่พวกเขาทั้งสี่คนกลับเหมือนนอนหลับไปอย่างนั้น เหมือนว่ายังมีลมหายใจอยู่อ่อนๆ


 


 


หลานเม่ยไปชงชาด้วยตนเอง อวิ๋นหรูยกของทานเล่นมาให้สองสามจาย หลังจากเข้าไปในเรือนแล้ว ก็สังเกตเห็นเจียงหลิงที่ยืนพิงอยู่หน้าประตู ในมือถือไหเหล้าอยู่ไหหนึ่ง ผมเผ้ายุ่งกระเซิง โซเซไปมา


 


 


“ท่านแม่ทัพ ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง” อวิ๋นหรูไม่เข้าใจเหตุการณ์ ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ในตอนนี้เจียงหลิงได้สติครบถ้วนแล้ว นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าประตูหอเย่ว์เยี่ย


 


 


“ตายหมดแล้ว ตายหมดแล้ว” เจียงหลิงพูดซ้ำไปมา


 


 


“ตายแล้ว ใครกัน หากเป็นท่านพี่และหลานเฟิงละก็ยังไม่ตายนะ”


 


 


 “ไม่ต้องปลอบข้า ข้ารับรู้ความเป็นจริง”


 


 


“ข้าพูดจริง ท่านชังหลานสามารถช่วยพวกเขาได้” อวิ๋นหรูพูดจบ ดวงตาที่เหม่อลอยของเจียงหลิงก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง


 


 


“จริงหรือ” เจียงหลิงถาม


 


 


“จริง” ชังหลานที่รีบกลับมาพอดีตอบเขากลับ


ตอนที่ 201 มุกหลิววั่งที่แตกสลาย


 


 


“ฉะนั้นจะบอกว่าเจ้าคือใครหรือ” เจียงหลิงมองชังหลานครู่หนึ่ง พูดประโยคที่ทำให้ชังหลานเจ็บปวดออกมา


 


 


แต่ก็ไม่อาจโทษเขาได้ นอกจากประมุขตระกูลและจื๋อซือทั้งสาม ในใจของคนที่เหลือชังหลานเป็นสัญลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหาง ชังหลานกลับไม่ได้ด่าเขาจนเจ็บปวดไปยกหนึ่ง ขับเคลื่อนพลังวิญญาณออกมา หางทั้งเก้าส่ายสะบัดอยู่หลังกาย ทำให้เจียงหลิงตกใจจนทรุดคุกเข่าลงไป


 


 


“ข้าน้อยตาไม่มีแวว ไม่เคยพบท่านผู้เป็นใหญ่ มองท่านผู้คุ้มกันตระกูลหลานไม่ออก ขอให้ท่านลงโทษด้วยเถิด”


 


 


“ลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้ก็โทษเจ้าไม่ได้ อย่างไรในสายตาของคนบนโลกนี้ข้าก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์เย็นชาอยู่”


 


 


“…”


 


 


“เจ้าไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ อีกครู่รอหลานเฟิงหลานเยี่ยออกมาจัดการเจ้า เจ้าก็จะเชื่อเอง”


 


 


พูดจบชังหลานและชิวจือเว่ยทั้งสองคนก็เดินจากไป เหลือเพียงเจียงหลิงที่ยืนสภาพดูไม่ได้อยู่กลางลม


 


 


เมื่อมาถึงในห้องพวกอวี่มั่วกำลังนั่งดื่มชาอยู่หน้าโต๊ะอย่างสงบนิ่ง


 


 


“…ชาดี…” หลังจากอวี่มั่วดื่มลงไปอึกหนึ่งก็แสดงความชื่นชมของตนออกมา


 


 


“ชาดีอะไรของเจ้า รีบออกไปให้หมด” ชังหลานเข้ามาจัดการเขกศีรษะอวี่มั่วเข้าไปอย่างจังทีหนึ่ง


 


 


“ยังไม่ทันดื่มชานี่หมดเลย!” อวี่มั่วกุมศีรษะตะโกนร้องออกมา


 


 


“รออีกครู่ให้หลานเยี่ยตื่นขึ้นมาชงชาให้เจ้าด้วยตนเอง ออกไป”


 


 


พูดจบอวี่มั่วก็เดินตามพวกหลานเม่ยออกไปช้าๆ ก่อนที่จะออกไปนั้นก็ปิดประตูให้ คิดจะแอบดูอยู่หน้าประตู แต่กลับถูกเขตม่านพลังเขตหนึ่งกั้นเอาไว้


 


 


ภายในห้องคนสามคนยืนอยู่ สี่คนนอนอยู่ เป็นภาพที่ไม่น่ามองเท่าไรนัก พวกเขาทั้งสามคนยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ความรู้สึกเหมือนเป็นหมูบนเขียงอย่างไรอย่างนั้น


 


 


ชิวจือเว่ยและหลานเซียวลงมือ นำเอามุกหลิววั่งออกมาจากหน้าอกของหลานเยี่ยและหลานเฟิง มุกหลิววั่งในตอนนี้มีเพียงพลังวิญญาณบริสุทธิ์แต่เดิมเท่านั้น แสงประกายที่พาดผ่านของเจ้านายนั้นไม่มีให้เห็นแล้ว


 


 


ชิวจือเว่ยและหลานเซียวเป็นนายเดิมของมุกหลิววั่ง และเป็นคนที่สามารถควบคุมมุหลิววั่งได้อย่างแท้จริง ตอนนี้เมื่อขับมุกหลิววั่งออกมา ไม่มีความสัมพันธ์กับหลานเยี่ยและหลานเฟิงยิ่งทำให้ชำนาญคล่องแคล่วกว่าเดิม


 


 


มุกหลิววั่งเป็นภาชนะชิ้นหนึ่ง ภายในอาจจะเป็นวิญญาณ หรืออาจเป็นพลังวิญญาณ แต่ในปัจจุบันนี้ไม่มีวิญญาณอีกแล้ว เหลือเพียงพลังวิญญาณ


 


 


ชิวจือเว่ยและหลานเซียวยกมือยกขึ้นชี้นำทางให้มุกหลิววั่ง มุกหลิววั่งค่อยๆ ขยายโตขึ้น ผ่านไปไม่นาน ช่องว่างขนาดเล็กช่องหนึ่งค่อยๆ เปิดออก ภายในมีพลังวิญญาณสีฟ้าและสีม่วงสองชนิดไหลออกมา อีกทั้งยังสว่างเป็นอย่างมาก


 


 


แต่เดิมที่อยู่ในร่างกายของหลานเยี่ยและหลานเฟิงมีประโยชน์เพียงช่วยเหลือเท่านั้น พลังวิญญาณเป็นรูปแบบไหลเวียน ไม่ได้ถูกใช้จนหมดในความเป็นจริง และในวันนี้สิ่งที่ต้องทำคือใช้พวกมันให้หมดเพื่อช่วยพวกเขาทั้งสอง


 


 


พลังวิญญาณสองสายค่อยๆ ไหลเวียน ทางฝั่งพวกชิวจือเว่ยทั้งสองคนชักนำพลังไปยังร่างมู่หลีและชิวลั่ว บนร่างของชิวลั่วเต็มไปด้วยพลังวิญญาณสีฟ้า บนร่างมู่หลีก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณสีม่วง


 


 


วิชาลับที่ถูกทำลายลงไปเมื่อพันปีก่อนที่จริงแล้วยังมีวิธีการใช้อีกวิธีหนึ่ง ใช้พลังวิญญาณของคนต่างตระกูลมอบให้กับอีกคนหนึ่ง หลังจากที่พลังวิญญาณถึงระดับที่กำหนดแล้วก็จะก่อให้เกิดการแปลงสภาพที่ระดับหนึ่ง


 


 


พลังวิญญาณที่แปลงสภาพจะทำการไหลย้อนกลับของชีวิตต่อมนุษย์ ชิวจือเว่ยในตอนนั้นเพราะเพิ่มพลังวิญญาณของคนที่สามเข้าไป ฉะนั้นถึงได้ทำให้การไหลย้อนล้มเหลว ไม่ใช่เพราะปัญหาจากยา


 


 


พลังวิญญาณค่อยๆ เปลี่ยนสี สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นสีที่คาดคิดไม่ถึงอย่างสีขาว ร่างกายของชิวลั่วและมู่หลีเกิดการเปลี่ยนแปลง บาดแผลทั้งหมดสมานตัวกัน ไม่นานพลังวิญญาณทั้งหมดในมุกหลิววั่งก็ถูกใช้จนหมด เสียงดัง ปัง เกิดขึ้น มุกหลิววั่งสลายกลายเป็นผุยผงในเสี้ยววินาที


 


 


เมื่อมองดูร่างกายของมู่หลีและชิวลั่ว หน้าตาเช่นนี้น่าจะอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปีเท่านั้น อายุน้อยกว่าในชีวิตจริงกว่าห้าปี


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 202 ตราหยกประมุขตระกูล


 


 


“เอาล่ะ จบลงแล้ว ตามจากที่เจ้าพูด ทั้งสองคนหลังจากนี้หนึ่งวันจะฟื้นขึ้นมา” ชิวจือเว่ยพูดกับชังหลาน


 


 


“อืม ต่อจากนี้ก็อีกสองคน” ชังหลานพูดขึ้น ชิวจือเว่ยและหลานเซียวไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปอย่างรู้ตัวพลางปิดประตูลง ยืนอยู่หน้าประตูรอทุกอย่างจบ เพราะเรื่องราวต่อจากนี้ชังหลานต้องทำให้สำเร็จเพียงลำพัง


 


 


ชังหลานปลดเอาตราหยกประมุขตระกูลลงมาจากกายหลานเยี่ย วางไว้บนโต๊ะ มองอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ยกมือกดลงไปบยนั้น จากนั้นก็ค่อยๆ ใส่พลังวิญญาณที่ถือเป็นของเขาเองลงไปช้าๆ เชื่อมต่อพลังวิญญาณระหว่างเขาและหลานเจ๋อ


 


 


ความทรงจำบางส่วนค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา ชังหลานกระตุกริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว


 


 


“อาหลาน หลังจากนี้ข้าแก่ตัวลง เจ้าจะประคองข้าไปดูพระอาทิตย์ตกหรือไม่”


 


 


“ข้าจะทำให้เจ้าลงจากเตียงไม่ได้เลยทั้งวัน”


 


 


“อาหลาน ใช้ใจหน่อยได้หรือไม่ บรรยากาศที่ข้าสร้างขึ้นมาเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว”


 


 


“อาหลาน เจ้าดูซิข้ามีผมขาวแล้ว ทำเช่นไรดี จะแก่ชราแล้ว แต่เจ้ายังคงเป็นเช่นเดิม”


 


 


“ไม่ต้องเป็นกังวล เจ้าดูซิว่าตอนนี้ข้าเองก็มีผมขาวแล้วใช่หรือไม่”


 


 


“เจ้าทำให้ตัวเองแก่ชราเสียแล้ว ฮ่าๆๆ เจ้าผมขาวน่ารักเสียจริง”


 


 


“อาหลาน รอข้าตายไป อย่าได้ตามหาข้า หลังจากนี้หนึ่งพันปี ข้าจะปรากฏตัวเอง”


 


 


“อาหลาน ข้าขอโทษ”


 


 


การแทรกซึมของพลังวิญญาณทำให้ตราหยกประมุขตระกูลปรากฏเขตม่านพลังหนึ่งชั้น น้ำตาของชังหลานก็ไหลลงมาเพราะความทรงจำที่ถูกปิดผนึกมากว่าพันปี


 


 


เขตม่านพลังอบอุ่นอย่างมาก ไม่ได้ไปจัดการอย่างไรก็เปิดออก หรืออาจจะพูดว่าหลอมละลายลงเพราะพลังวิญญาณของชังหลาน ความรู้สึกที่คุ้นเคยพัดเข้ามาในทันใด ชังหลานสัมผัสได้ถึงหลานเจ๋อ


 


 


ชังหลานปลดเอาเชือกแดงบนตราหยกประมุขตระกูลออกมา แบ่งออกเป็นครึ่งจากบนลงล่าง ภายในเป็นโลกขนาดเล็ก เช่นเดียวกับมุกหลิววั่ง ของทั้งสองอย่างเป็นผลพวงจากก้อนหินหนึ่งหนึ่งก้อน


 


 


วิญญาณของหลานเจ๋อค่อยๆ กลายเป็นรูปร่าง ยังคงมีสภาพมึนงง เห็นหลานเจ๋อที่มีสภาพเช่นนี้ ชังหลานเช็ดน้ำตาจนแห้ง ตั้งใจดำเนินพิธีการต่อไป


 


 


ตั้งแต่ตอนที่ตราหยกประมุขตระกูลถูกเปิดออก ตอนนี้วิญญาณของหลานเยี่ยออกมา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับหลานเยี่ยแล้ว แต่เดิมพลังวิญญาณธรรมดาที่ไม่เหลือแล้วปรากฏขึ้นมาบนร่าง ไหลเวียนไปมาไม่หยุด


 


 


ชังหลานมองหลานเจ๋อที่อยู่เบื้องหน้า มือทั้งสองข้างขับเคลื่อนพลังวิญญาณ รวมถึงตบะบำเพ็ญทั้งหมดที่มีเพื่อกายหยาบของหลานเจ๋อ พันปีก่อนหน้านี้หลานเซียวพูดไว้ไม่ผิด ชังหลานมีความสามารถทำให้หลานเยี่ยมีกายหยาบ ซึ่งนั่นคือตบะบำเพ็ญทั้งหมดและพลังวิญญาณทั้งหมด


 


 


ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเป็นการละทิ้งสถานะจิ้งจอกเก้าหาง กลายเป็นมนุษย์ที่มีช่วงชีวิตได้เพียงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น แต่ชังหลานกลับไม่ลังเลแม้แต่น้อย ดำเนินการต่อไป


 


 


สุดท้ายแล้วหลานเจ๋อก็มีร่างกายที่สมบูรณ์เต็มร่าง แต่ยังคงไม่ฟื้นได้สติ หลังจากที่ดำเนินพิธีการเสร็จสิ้นแล้วชังหลานก็ล้มลงไป ระหว่างช่วงการเปลี่ยนแปลงนั้นเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อเห็นว่าหลานเจ๋อไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ชังหลานก็หลับตาลง


 


 


เมื่อได้ยินว่าข้างในไม่มีเสียงแล้ว ชิวจือเว่ยและหลานเซียวก็เข้าไป พาชังหลานและหลานเจ๋อเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง จากนั้นก็พามู่หลีและชิวลั่วเข้าไปอีกห้อง


 


 


หลังจากที่จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็เรียกพวกคนที่แต่เดิมถูกไล่ออกไปให้กลับมา แบ่งให้เฝ้ายามเป็นสามคู่ เจียงหลิงยืนหยัดอย่างแรงกล้าที่จะไปดูหลานเฟิงและหลานเยี่ย ฉะนั้นอวี่มั่วและเทียนซีจึงเข้าไปในห้องหลานมู่และชิวลั่ว หลานเม่ยและอวิ๋นหรูเข้าไปในห้องชังหลานและหลานเจ๋อ


 


 


ชิวจือเว่ยและหลานเซียวกลับไปห้องลับ ตราหยกประมุขตระกูลถูกเปิดออกแล้ว เขตม่านพลังในห้องลับนั้นก็น่าจะหายไปแล้วเช่นกัน หลานชิงควรจะออกมาดื่มเหล้ามงคลได้แล้ว น่ายินดีปรีดายิ่งนัก

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม