(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 179-186

 ตอนที่ 179 กองกำลังเก่า


 


 


“นายน้อย” คนชุดดำผู้หนึ่งมายังอิ้งฮวาเว่ย พูดกับหลานเฟิง


 


 


“ไม่มีคนตามมาใช่หรือไม่ จิ่วหลิวซับซ้อนจนเกินไป”


 


 


“ไม่มีขอรับ ล้วนจัดการหมดแล้ว ทางด้านตระกูลเยี่ยล้วนเตรียมพร้อมเสร็จแล้วขอรับ”


 


 


“เข้าใจแล้ว”


 


 


คนชุดดำจากไป หลานเฟิงมองดูหลานเยี่ยที่ยังคงหลับใหล นำแผนที่ในมือวางในอ้อมอก


 


 


……


 


 


“นายท่าน เตรียมพร้อมหมดแล้วขอรับ”


 


 


“เริ่มเถิด” คำพูดจบลง บริเวณด้านหน้าตระกูลเยี่ยก็เกิดเสียงดังต่างๆ นานาขึ้น


 


 


ไม่นาน สิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่งก็ติดไฟ แสงไฟพุ่งอาบทั่วท้องฟ้า ส่องแสงสว่างแทนความมืดมิด ผู้คนจำนวนมากหลบหนีไม่ทัน ถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บ


 


 


เชียนเยี่ยซือชิวฉือเคลื่อนทัพทหารไปต่อสู้กับคนที่ก่อการกบฏในทันใด เพราะไม่มีการเตรียมพร้อมไว้ก่อน ฉะนั้นตอนแรกเริ่มจึงสูญเสียคนไปไม่น้อย แต่เมื่อรอจนกลุ่มจิ้งจอกราตรีปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็ไม่เหลือความเป็นไปได้ที่จะชนะอีก


 


 


พื้นที่หลายบริเวณที่ถูกกำหนดไว้โดนไฟเผาไปแล้ว คนในกองกำลังเก่าแอบซ่อนอยู่นานเช่นนี้ จากวันนี้ไปก็จบลงโดยสมบูรณ์แล้ว


 


 


ตอนที่กระแสพลังวิญญาณปลิวว่อนนั้น กองกำลังเก่าเตรียมพร้อมทำการจู่โจมครั้งสุดท้าย คนที่เหลืออยู่ของพวกเขามีไม่เยอะแล้ว การก่อกบฏครั้งนี้พวกเขาไม่มีแผนการที่จะมีชีวิตรอด สำหรับพวกเขาแล้วได้ช่วยหลานเยี่ยก็ถือว่าพอแล้ว


 


 


ตอนแรกบิดาของหลานเฟิงมีบุญคุณต่อพวกเขา พวกเขาเองก็ถือว่าตอบแทนบุญคุณแล้ว


 


 


กลางดึกวันนี้ ตระกูลเยี่ยเกิดเหตุวุ่นวาย สิ่งปลูกสร้างที่ถูกเผาไหม้มีไม่น้อยกว่าสิบแห่ง กองกำลังเก่าตระกูลเยี่ยที่ตามหลานเฟิงมาถูกกำจัดสลายไปทั้งกองกำลัง มีเพียงผู้เดียวที่หนีออกมาได้


 


 


เมื่อมาถึงจิ่วหลิว ได้ลอบพบกับหลานเฟิง ณ ที่เป็นความลับแห่งหนึ่ง มอบแผนที่ให้กับเขา แผนที่ฉบับก่อนหน้านั้นแม้จะชัดเจน แต่หากจะจู่โจมก็อาจจะหลงทิศหลงทางได้เพราะพื้นที่แวดล้อมที่ซับซ้อนวุ่นวาย


 


 


สิ่งปลูกสร้างที่ถูกเผาคืนนี้พอดีว่าเป็นบริเวณสะดุดตา เช่นนี้สามารถถือเป็นจุดสังเกต จะไม่มึนงงเช่นนั้นอีก


 


 


“นายท่าน นี่คือแผนที่ขอรับ” คนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังไม่ได้พูดประโยคที่สองก็ล้มลงไป เขาอดทนกลั้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายมาพบหลานเฟิง


 


 


“เจ้าลำบากแล้ว” หลานเฟิงคลุมเสื้อตัวหนึ่งไว้บนร่างของเขา


 


 


รอบข้างปรากฏกลุ่มจิ้งจอกราตรีจำนวนหนึ่ง หลานเฟิงลงมือกำจัด เมื่อครู่ตอนที่สัมผัสกับคนที่มาส่งจดหมายนั้นหลานเฟิงพบว่าเขาถูกวางยา สิ่งที่โดนนั้นเป็นพิษเดียวกันกับที่ตนโดนตอนแรก ค่อยๆ สูญเสียพลังกระแสวิญญาณไปช้าๆ ไม่ต้องสู้ก็แพ้ ยาพิษชนิดนี้ช่างน่าวุ่นวายเสียจริง


 


 


เช้าวันรุ่งขึ้น รอจนหลานเยี่ยตื่นขึ้นมา เห็นว่าหลานเฟิงนอนกอดเขาอย่างมีความสุขจึงไม่ได้รบกวนเขา นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ท้องร้องดังสองสามที หลานเยี่ยมองหลานเฟิง เตรียมจะลุกไปหาของกิน


 


 


คิดไม่ถึงว่าจะดิ้นหนีจากมือหลานเฟิงไม่ได้


 


 


“ตื่นแล้วทำไมไม่พูด” หลานเยี่ยพูดกับหลานเฟิง


 


 


“อย่าเพิ่งพูด อีกครู่หนึ่งเท่านั้น” หลานเยี่ยนอนลง หลานเฟิงนอนกอดเขาอยู่เช่นนั้น สงบนิ่งไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง


 


 


“ภูมิประเทศตระกูลเยี่ยถูกมองจนปรุโปร่งแล้ว ภายในสามวัน จะต้องกำจัดให้แล้วเสร็จ”


 


 


“อืม” หลานเยี่ยตอบกลับ ย่อมต้องเป็นกลางดึกเมื่อวาน หลานเฟิงไปจัดการ ไม่ต้องสงสัย


 


 


“คิดจะทำเช่นไร”


 


 


“เตรียมกลับตระกูลหลาน จากนั้นก็โจมตีตระกูลเยี่ยเริ่มจากซีเชวีย จิ่วหลิว และราชสำนัก สามที่นี้”


 


 


“ดี”


 


 


“ยังมีอะไรอีกเล่า”


 


 


“หิวแล้ว อยากกินข้าว”


 


 


“ได้”


 


 


รอจนพวกเขากินข้าวเสร็จแล้ว หลานเยี่ยเขียนจดหมายให้ราชสำนักฉบับหนึ่ง ที่หลานเฟิงให้เขายังคงเป็นนกพิราบตัวนั้น ทำให้หลานเยี่ยมีความรู้สึกว่านกพิราบทั่วโลกล้วนตายไปหมดแล้ว


 


 


“ทหารพลังในจิ่วหลิวพวกเจ้าถือครองไว้หรือไม่” หลานเยี่ยถามหลานเฟิง


 


 


“สามารถ”


 


 


“ดี”


 


 


รอจนเรื่องราวในพื้นที่จิ่วหลิวถูกจัดการไปพอสมควรแล้ว หลานเยี่ยและหลานเฟิงก็กลับไปยังตระกูลหลาน


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 180 เตรียมพร้อม


 


 


อวี่มั่วที่อยู่อีกอีกทางหลังจากได้รับจดหมายของหลานเยี่ยแล้วก็ไปแบ่งกำลังทหาร แม้นายทหารของราชสำนักจะไม่มีพลังกระแสวิญญาณ แต่ภายในมือของขุนนางที่ตอนแรกยอมศิโรราบเหล่านั้นยังพอมีทหารพลังอยู่


 


 


ตอนแรกเพราะว่าเวลาฉุกละหุกเกินไปถึงได้รับชัยชนะมาโดยง่าย ได้รับราชบัลลังก์ การกำจัดครั้งใหญ่คราวนี้ถือเป็นการสร้างกองกำลังทหารพลังที่ไม่เลวกลุ่มหนึ่งขึ้นมา


 


 


ทางหลานเยี่ยกลับมาถึงตระกูลหลาน ไปหาหลานเม่ย หลานเม่ยไม่อยู่ หลานเยี่ยตามหลานเฟิงไปยังตีนเขาหลานวั่ง ตามที่คิดไว้เขาได้พบหลานเม่ยที่นั่น อวิ๋นหรูไม่ได้อยู่ คิดว่าหลานเม่ยเพียงมาดูประชาชนเขาเทียนปี้ที่อยู่ที่นี่


 


 


“ท่านประมุข ท่านมาแล้ว” หลานเม่ยเห็นหลานเยี่ยมา เอ่ยทักทายเขา


 


 


“เวลาผ่านไปไม่เลวเลย” หลานเยี่ยพูดหยอกล้อเขา


 


 


“เรื่องในตระกูลหลานไม่มาก จึงมาดูที่นี่”


 


 


“ก็ดี กลับไปตระกูลหลานกับข้าสักรอบ พวกเรามาปรึกษากันเรื่องหนึ่ง”


 


 


“ดี”


 


 


กลับมายังตระกูลหลาน หลานเยี่ยและหลานเฟิงมายังโถงประชุม หลานเยี่ยยังคงนั่งอยู่ด้านบน หลานเฟิงนั่งอยู่ข้างเขา หลานอีนั่งอยู่อีกฝั่ง


 


 


“ทุกท่าน ข้าเตรียมพร้อมส่งทหารโจมตีตระกูลเยี่ยอย่างเป็นทางการ ประชาชนตระกูลหลานมอบให้พวกเจ้าแล้ว ในช่วงเวลานี้ความปลอดภัยของตระกูลหลานต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว”


 


 


คนในสถานการณ์ไม่มีใครพูด ข่าวคราวมากะทันหันเกินไป ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัว ประมุขตระกูลคนนี้ไม่อยู่ในตระกูลเป็นเวลานาน เมื่อกลับมาก็พูดว่าจะโจมตีตระกูลเยี่ย แลดูไม่ค่อยจริงจังสักเท่าไร แม้จะพูดว่าโจมตีตระกูลเยี่ยอย่างเป็นทางการ


 


 


“ท่านประมุขเตรียมพร้อมแล้วหรือ” หลานเม่ยถาม


 


 


“เตรียมพร้อมแล้ว”


 


 


“ดี ข้าไม่มีปัญหา คนอื่นก็น่าจะไม่มีปัญหา” หลานเม่ยตอบ คนอื่นต่อให้มีปัญหาอะไรก็ไม่กล้าพูดออกมา


 


 


หลานเยี่ยตกใจอย่างมากที่หลานเม่ยยอมรับอย่างง่ายดาย แต่เดิมเขาคิดว่าหลานเม่ยน่าจะเป็นคนหนึ่งที่ต่อต้านอย่างรุนแรงที่สุด คิดไม่ถึงว่าจะยอมรับอย่างง่ายดายเช่นนี้ ดูท่าในช่วงระยะเวลานี้เกิดเรื่องไม่น้อยเลยทีเดียว


 


 


การประชุมจบลง หลานเยี่ย หลานอีและหลานเฟิงมาศึกษาแผนที่ที่ได้รับมาแผ่นนั้นด้วยกัน สองสามตำแหน่งที่ถูกทำสัญลักษณ์เอาไว้ล้วนเป็นพื้นที่ที่โดนไฟเผา


 


 


แม้แผนที่จะชัดเจน แต่ยังคงตื่นตาเป็นอย่างมากกับการวางแผนผังของตระกูลเยี่ย


 


 


“ว้าว ตระกูลเยี่ยซับซ้อนถึงเพียงนี้ สุดยอดเหลือเกิน มิน่าเล่าถึงไม่มีใครโจมตีได้สำเร็จ!” หลานอีทอดถอนใจไปพลาง หลานเยี่ยมองหลานเฟิงพลางแอบหัวเราะ


 


 


“เท่านี้ก็กลัวแล้วหรือ” หลานเยี่ยหยอกเย้าหลานอี


 


 


“ไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแค่รู้สึกว่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้ จะสิ้นเปลืองทรัพย์สินสูญเสียชีวิตเกินไปหรือไม่”


 


 


“เป็นเพียงวิธีป้องกันตนเองแบบหนึ่งก็เท่านั้น เหมือนกับเขตม่านพลังเขาหลานวั่ง”


 


 


บทสนทนาที่สั้นและเรียบง่ายได้จบลง จู่ๆ หลานเยี่ยก็คิดอะไรขึ้นมาได้


 


 


“เจียงหลิงได้พาทหารไปโจมตีเหวินเย่ว์ใช่หรือไม่”


 


 


“ใช่”


 


 


“ครั้งนี้พวกเราเริ่มลงมือจากเหวินเย่ว์เป็นอย่างไร”


 


 


“ได้ สำหรับสถานที่สำคัญของตระกูลเยี่ยเหวินเย่ว์ถือว่าเป็นพื้นที่ค่อนข้างง่ายต่อการโจมตี”


 


 


“ดี พวกเราเริ่มโจมตีจากที่นี่” พวกเขาสามคนปรึกษาเส้นทางการเดินทัพโดยเจาะจง และวิธีการซ่อนแอบ สุดท้ายก็จัดออกมาเป็นแผนการที่เป็นรูปธรรม


 


 


หลานเยี่ยเขียนจดหมายให้อวี่มั่วและจิ่วหลิวอย่างละฉบับ สั่งการเรื่องบางอย่าง เตรียมพร้อมวันพรุ่งนี้เริ่มต้นดำเนินการ แต่เขารู้ว่าหลานเฟิงจะต้องเริ่มลงมือตั้งแต่คืนวันนี้เป็นแน่


 


 


“ส่วนภายในตระกูลเยี่ยก่อกบฏ ตามความสามารถของชิวฉือแล้ว จะต้องสังเกตพบเห็นในทุกด้านเป็นแน่ เหวินเย่ว์แม้ตอนนี้อาจไม่มีอะไรน่าจับตามอง แต่จะต้องเตรียมพร้อมไว้นานแล้วเป็นแน่” หลังจากหลานอีจากไป หลานเฟิงก็พูดกับหลานเยี่ย


 


 


“ปล่อยวางเสียหน่อย เชื่อมั่นหลานอี และเชื่อมั่นเจียงหลิง เจียงหลิงพบความล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีทางซ้ำรอยเดิมอีก คืนนี้นอนหลับอย่างสบายใจ พวกหลานอีพรุ่งนี้ก็น่าจะถึงสถานที่เป้าหมายแล้ว กว่าจะได้กลับมาตระกูลหลานครั้งหนึ่งนั้นไม่ง่าย เพลิดเพลินให้ดีเสียหน่อย” หลานเยี่ยมอบจุมพิตให้หลานเฟิงทีหนึ่ง ให้เขาสบายใจ


 


 


หลังจากทั้งสองคนผ่านประสบการณ์ลมฝนกรรโชกแล้วทีหนึ่ง ก็พากันหลับลึก


ตอนที่ 181 โลกไร้ซึ่งความเมตตา


 


 


“ไม่ ปล่อยข้า ปล่อยข้า…” หลานเยี่ยที่หลงอยู่ในความฝันจู่ๆ ก็พูดละเมอเพ้อพกขึ้นมา น้ำตาไหลออกอย่างห้ามไม่ได้ มือทั้งสองข้างพยายามปกป้องร่างกายตนเองเอาไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้


 


 


หลานเฟิงตื่นขึ้น เห็นหลานเยี่ยมีท่าทีเช่นนี้ ก็เกิดรู้สึกเรื่องแย่แล้วขึ้นมาในทันใด


 


 


“เสี่ยวเยี่ยๆ ตื่นๆ เสี่ยวเยี่ย” หลานเฟิงเขย่าตัวหลานเยี่ย หลานเยี่ยลืมตาขึ้น เห็นหลานเฟิงอยู่เบื้องหน้า ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงดัง หลานเยี่ยเขยิบตัวขึ้นไปกอดหลานเฟิงแน่น


 


 


“ชิวเย่ว์ อย่าจากข้าไป ชิวเย่ว์ เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้” หลานเยี่ยพูดจาเพ้อพก หลังจากหลานเฟิงได้ยินสรรพนามนี้แล้วก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำการคาดเดาของตนเอง


 


 


“เสี่ยวเยี่ย ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” หลานเฟิงตบหลังหลานเยี่ยเบาๆ พยายามทำให้เขาใจเย็นลง


 


 


“อย่าจากข้าไปๆ” ได้ยินคำพูดของหลานเฟิง หลานเยี่ยไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ยังคงหวาดกลัวอยู่เหมือนเดิม ร้องไห้อยู่เหมือนเดิม


 


 


หลานเฟิงนั่งลง สองมือประคองใบหน้าของหลานเยี่ยเอาไว้ ให้เขามองตนเอง ใบหน้าของหลานเยี่ยเปรอะเปื้อนด้วยหยาดน้ำตา ยังคงร่ำไห้ไม่หยุด


 


 


“เสี่ยวเยี่ย มองข้า มองข้า!” ตอนแรกหลานเยี่ยยังคงไม่ฟัง หลังจากหลานเฟิงพูดเสียงดังไปทีหนึ่งหลานเยี่ยถึงหยุดและมองหลานเฟิง


 


 


“เสี่ยวเยี่ย ฟังข้าพูด ข้ารู้ว่าเจ้าจำเรื่องในอดีตช่วงนั้นขึ้นมาได้ ช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิตของเจ้า เป็นเพราะโลกไร้ซึ่งความเมตตา ทำให้เจ้าต้องเผชิญครั้งหนึ่งแล้ว กลับยังต้องมาประสบพบพานอีกสองครั้ง และเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ดี ทำให้เจ้าต้องมาพบเจอกับความทรงจำเหล่านี้ที่แต่เดิมสมควรถูกปิดผนึกไปแล้วอยู่สองครั้งสองครา


 


 


แต่เสี่ยวเยี่ย เจ้าจำเอาไว้ เรื่องเหล่านั้นล้วนผ่านไปแล้ว ความเจ็บปวดบนร่างกายและจิตวิญญาณที่คนผู้นั้นนำมาล้วนกลายเป็นความยึดมั่นที่แข็งแกร่งของเจ้า ทำให้เจ้ากล้าหาญมากกว่าเดิม


 


 


เจ้าเข้มแข็งมากพอที่จะยอมรับอดีตช่วงนั้น แต่เมื่อถูกพลิกกลับมาอีกครั้งหนึ่งยิ่งทำให้ชัดเจนอย่างไม่มีที่เปรียบ ทำให้เจ้าอดนึกคิดผิดไปว่าเจ้ายังไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้า


 


 


หากเจ้าคิดถึงเรื่องต่อจากนั้นขึ้นมาได้ คิดถึงชีวิตสวยงามที่เขาหลานวั่งของพวกเรา เจ้าจะแจ่มใสขึ้นมาโดยมิต้องลังเล เรื่องหลังจากนั้นถึงเป็นสิ่งสำคัญ ชีวิตที่สวยงามถึงจะสำคัญ


 


 


หลังจากนี้ ข้าจะอยู่ข้างกายเจ้า เกิดไม่พร้อมกันตายพร้อมกัน เชื่อมั่นในตนเอง และเชื่อมั่นในตัวข้า เพื่ออนาคตของพวกเรา เพื่อตระกูลหลาน เพื่อคนที่สำคัญที่สุดของเจ้า สงบลงเถิด หลานเยี่ย!”


 


 


หลานเฟิงพูดจบ ผ่านไปนานหลานเยี่ยยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่น้ำตาค่อยๆ หยุดไหลลง ไม่ได้สูญสิ้นสัมปชัญญะเหมือนแต่ก่อนอีก


 


 


“หลานเฟิง ข้าเชื่อเจ้าได้ใช่หรือไม่” หลานเยี่ยดวงตาแดงก่ำ ถามหลานเฟิงออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้ใจของหลานเฟิงเจ็บปวดอย่างมาก


 


 


“ได้ ข้าจะกลายเป็นคนที่ทำให้เจ้าเชื่อมั่น ฉะนั้นขอให้เชื่อข้า” หลานเฟิงประคองใบหน้าหลานเยี่ย จ้องดวงตาของเขา พูดออกมาอย่างหนักแน่น


 


 


“หลานเฟิง ท่านแม่ ท่านพ่อ ข้าคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน” หลานเยี่ยเอนพิงหน้าอกหลานเฟิง กลั้นน้ำตา


 


 


“รอเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเราก็ไปหาพวกเขา ดีหรือไม่”


 


 


“อืม” หลานเยี่ยพยักหน้า


 


 


“หลังจากนี้ชีวิตของพวกเราจะเติมเต็มไปด้วยอีกฝ่าย หลานเฟิง ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น แม้สิ่งที่จำขึ้นมาได้จะไม่เยอะ แต่ก็มากพอที่จะสนับสนุนให้ข้าเดินได้ไกลกว่าเดิม เดินไปแข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่สับสน ยึดมั่นในความคิด”


 


 


“อืม ไม่สับสน ยึดมั่นในความคิด นอนเถิด พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย”


 


 


หลานเฟิงกล่อมหลานเยี่ยให้นานหลับลง หางตาของหลานเยี่ยยังคงมีคราบน้ำตาให้ได้เห็น เช็ดออกให้เขาเบาๆ หลานเฟิงสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย มองท้องฟ้าด้านนอก เป็นเวลาเที่ยงยามพอดี


 


 


หลานเฟิงอุ้มหลานเยี่ยขึ้นมา สวมชุดให้เขาชุดหนึ่ง จากนั้นก็อุ้มเขาไว้พุ่งตรงไปยังทิศซีเชวีย


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 182 ปลายทางก็เป็นจุดเริ่มต้น


 


 


อากาศเริ่มเย็นลง ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เส้นทางไปซีเชวียแม้จะยาวไกล แต่เพื่อที่จะไม่รบกวนปลุกหลานเยี่ยให้ตื่น หลานเฟิงจึงอุ้มเขาไว้ใช้พลังกระแสวิญญาณในการเดินทาง อีกทั้งยังใช้พลังกระแสวิญญาณในการกีดกั้นเสียงลมจากรอบข้าง


 


 


กำลังแขนของหลานเฟิงมั่นคงเป็นอย่างมาก ต่อให้กำลังเร่งเดินทาง หลานเยี่ยเองก็ไม่ได้มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา คำพูดของหลานเฟิงน่าจะเป็นการให้ยาสงบใจเม็ดหนึ่งแก่หลานเยี่ย ในความฝันบางทียังคงต่อสู้ แต่ก็น่าจะกำชัยชนะแล้ว


 


 


มีบางครั้งที่ไม่ได้ฝันเป็นเรื่องโศกสลด สร้างรังกระต่ายน้อยหนึ่งรังไว้ที่เขาหลานวั่งกับหลานเฟิง ทุกวันยามพระอาทิตย์ขึ้นจะนำหญ้าเขียวไปวางไว้หนึ่งกำ ยามอาทิตย์ตกนำเอาหญ้าแห้งไปวางไว้หนึ่งกำ ตกดึกก็ไม่หนาวเย็นจนเกินไป


 


 


หลานเฟิงก้มมองหลานเยี่ยที่อยู่ในอ้อมกอด ดวงตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต้นเฟิงสองข้างทางกลายเป็นสีแดงหมดแล้ว หากหลานเยี่ยตื่นขึ้นมาจะต้องเอ่ยชื่นชมเป็นอย่างแน่ หลังจากนี้ไปจะต้องดูเจ้าสวมใส่เสื้อผ้าสีแดง เหยียบย่ำเดินกรายอยู่ท่ามกลางป่าต้นเฟิง เพลิดเพลินไปกับสายลมและแสงอาทิตย์ในทุกๆ วันเป็นแน่


 


 


ยามที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างหลานเฟิงพาหลานเยี่ยมาถึงขอบชายแดนซีเชวีย


 


 


ทหารพลังบริเวณชายขอบเห็นหลานเฟิงมาถึงก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ไปเรียกเจียงหลิง ตอนแรกที่เจียงหลิงถูกจับไปเป็นเชลย หลานเฟิงถูกกักบริเวณ หลานเยี่ยหายสาบสูญ สิทธิ์สั่งการล้วนอยู่ในมือของหลานเม่ยและหลานอี แต่เจียงหลิงรู้สำนึกผิดจากใจจริง จึงไม่ได้เอาเรื่องลงโทษเขา ให้เขาเฝ้าดูชายขอบซีเชวียอยู่เช่นเดิม


 


 


เจียงหลิงได้ยินคำรายงานของลูกน้องก็รีบเร่งมาพบหลานเฟิง หลานเฟิงเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าจุดพักพอดี เห็นหลานเยี่ยที่อยู่ในอ้อมกอดของหลานเฟิง เจียงหลิงเพียงทำความเคารพ ไม่ได้ส่งเสียงดัง จากนั้นก็พาพวกเขาไปยังจุดพื้นที่พักผ่อน


 


 


หลานเฟิงวางหลานเยี่ยลงบนเตียง จากนั้นก็ออกไปปรึกษาหารือกับเจียงหลิงข้างนอก ไม่นึกคิดว่ามือของหลานเยี่ยจะจับอกเสื้อของหลานเฟิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


 


 


“มีข้าอยู่ ไม่ต้องกลัว อีกครู่ข้าจะกลับมา” หลานเฟิงกระซิบเบาๆ ข้างหูหลานเยี่ย มือของหลานเยี่ยถึงได้ปล่อยออก เจียงหลิงมองเห็นภาพนี้ในดวงตามีความอิจฉาสะท้อนอยู่


 


 


รอจนหลานเฟิงมั่นใจว่าหลานเยี่ยหลับแล้ว ถึงได้ออกไปพูดคุยกับเจียงหลิง


 


 


“นายท่าน เตรียมพร้อมหมดแล้วขอรับ”


 


 


“ดี นี่คือแผนการ”​ หลานเฟิงมอบม้วนหนังหนึ่งม้วนให้เขา เจียงหลิงเปิดออกดู ตื่นตะลึงไปกับแผนการที่สมบูรณ์และมีกำลังคุกคามอย่างเต็มที่


 


 


“หลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม บุกโจมตี”


 


 


“ขอรับ”


 


 


ตอนนี้เจียงหลิงลดความหยิ่งทะนงและใจร้อนลงไปมาก มีความสุขุมเพิ่มขึ้น มีท่าทางกระทำการใหญ่สำเร็จ ทำให้หลานเฟิงวางใจเป็นอย่างมาก


 


 


หลานเฟิงกลับเข้ามาในห้อง มองดูหลานเยี่ย ไม่นานก็ออกจากห้องไปอีกครั้ง ตอนที่กลับมาในมือมีกล่องใส่อาหารเพิ่มขึ้นสองสามอย่าง แล้วยังมีขนมอบสับปะรดอีกหนึ่งจาน บริเวณชายแดนขาดแคลนวัตถุดิบทำขนมอบสับปะรด หลานเฟิงนั้นเตรียมติดตัวมาโดยตลอด เพราะหลานเยี่ยชอบกิน ฉะนั้นไม่เวลาเมื่อไรก็ไม่อาจขาดได้


 


 


ประสบพบพานเรื่องมากมายเช่นนี้ หลานเฟิงเองก็เติบโตขึ้น ทำให้เขายิ่งมีความต้องการที่จะปกป้องหลานเยี่ยให้ดี ความใจร้อนคึกคะนองก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถูกย่อยสลายกลายเป็นความรักที่มีต่อหลานเยี่ยและท่าทางสุขุมนุ่มลึก และพละกำลังที่พลิกฟื้นกลับคืนมา


 


 


“เสี่ยวเยี่ย ตื่นได้แล้ว” หลานเฟิงนำขนมอบสับปะรดวางไว้หัวเตียง หลานเยี่ยที่ได้กลิ่นหอมค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ดวงตายังคงบวมแดง หลานเฟิงหยิบผ้าเปียกผืนหนึ่งขึ้นมา ช่วยประคบให้หลานเยี่ย


 


 


“หลานเฟิง” หลานเยี่ยลุกขึ้นกอดหลานเฟิงไว้ ความรู้สึกที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจดี ทำให้รู้สึกหลงใหลยิ่งนัก


 


 


“หลานเฟิง อ้อมกอดของเจ้ามักทำให้สบายใจนัก”


 


 


“เช่นนั้นก็อย่าได้ออกมาตลอดชีวิต” หลานเฟิงหัวเราะพลางพูด


 


 


“เอาเถิด ชีวิตนี้เจ้าไม่อนุญาตให้ปล่อยข้า แม้เกิดไม่พร้อมกันแต่ตายหลุมเดียวกัน รับปากข้าซิ”


 


 


“อืม ไม่ปล่อยไปตลอดชีวิต”


 


 


เมื่อปล่อยหลานเฟิง หลานเยี่ยกวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบข้างทีหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ ให้หลานเฟิง


 


 


ที่นี่ปลายทางก็เป็นจุดเริ่มต้น 


ตอนที่ 183 ออกศึก


 


 


หลังจากถึงเวลาเจียงหลิงนำคนเดินทางมุ่งไปข้างหน้า หลานเฟิงและหลานเยี่ยตามไปในพื้นที่ลับตา ชายแดนซีเชวีย ซึ่งก็เป็นชายแดนเหวินเย่ว์ ตรงกลางมีที่ราบว่างเปล่าผืนหนึ่งกั้นกลางไว้ ไม่ได้สั้นมาก ประมาณสามลี้ ใครผ่านตรงนั้นไปก่อน ฝ่ายตรงข้ามก็จะโจมตีเขา


 


 


ไม่ผิดจากที่คาดไว้ กองทัพทหารที่เจียงหลิงนำไปเพิ่งจะเข้าไปในพื้นที่โล่งผืนนั้น อีกฝ่ายก็มีการเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว เริ่มขยับเขยื้อนขึ้นมา


 


 


ฝุ่นควันตลบอบอวลเป็นพื้นที่กว้าง ไม่มีพระอาทิตย์ที่ร้อนแรง มีเพียงฝุ่นควันเต็มท้องฟ้า เสียงเกือกม้าดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ทุกคนล้วนใช้พละกำลังทั้งหมดในการรับมือข้าศึก


 


 


ทหารพลังอยู่ข้างหน้า ใช้พลังกระแสวิญญาณที่เข้มข้นที่สุดในการฆ่ากำจัดศัตรู เลือดกระจายว่อนไปทั่ว ผืนดินสีเหลืองกลายเป็นสีแดง


 


 


หลานเฟิงและหลานเยี่ยกำลังวิเคราะห์สถานการณ์อยู่ในบริเวณที่มองไม่เห็น มองดูสองฝ่ายประมือต่อสู้ คนตระกูลเยี่ยมีการเตรียมพร้อมไว้นานแล้ว ฉะนั้นเมื่อต้องรับมือจึงไม่ได้กินแรงมากเท่าไรนัก


 


 


แต่ทางด้านตระกูลหลานยิ่งหาญกล้าเพิ่มมากขึ้น จู่ๆ ก็มีลมกระแสหนึ่งพัดมาจากทางตระกูลเยี่ย หลานเฟิงเห็นแล้วไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร แม้ลมกระแสนั้นจะดูเหมือนมีพิษ


 


 


ทหารพลังตระกูลหลานที่อยู่ข้างหน้าค่อยๆ สูญสิ้นเรี่ยวแรง พากันล้มลงไป ทหารพลังด้านหลังไม่ได้ถูกผลกระทบเร็วขนาดนั้น ฉะนั้นยังพอมีกำลังที่จะไปต่อสู้กับทหารพลังตระกูลเยี่ย


 


 


ตระกูลเยี่ยรีบพุ่งโจมตีด้านหน้า ไม่ได้สนใจทหารพลังตระกูลหลานที่ล้มอยู่บนพื้น เหมือนว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาอยากจบการต่อสู้สนามนี้ด้วยเร็ว


 


 


หลานเฟิงมองดูสถานการณ์จริงจากที่ลับตาพอสมควร นำขลุ่ยของหลานเยี่ยถือขึ้นมา วางไว้ข้างปาก เป่าออกมาเป็นทำนองเสียงสูง


 


 


ทหารพลังตระกูลหลานที่แต่เดิมล้มลงไป จู่ๆ ก็ปีนขึ้นมาจากพื้น หันกลับไปโจมตีทหารพลังตระกูลเยี่ยข้างหลัง เช่นนี้ทหารพลังตระกูลเยี่ยก็ถูกทหารพลังตระกูลหลานบีบโจมตีจากทั้งข้างหน้าและข้างหลัง


 


 


ทหารพลังตระกูลเยี่ยแม้จะอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ แต่เมื่อเผชิญอันตรายกลับไม่วุ่นวาย แบ่งออกเป็นสองส่วน แบ่งไว้รับมือป้องกันทหารพลังตระกูลหลานทั้งสองฝั่ง เพื่อที่จะสามารถรักษาชีวิตไว้ ทหารพลังตระกูลเยี่ยนำเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากแผ่นอกใส่เข้าไปในปาก


 


 


หลานเฟิงดวงตาเป็นประกาย แต่ไม่นานก็ผ่อนคลายลง ทหารพลังตระกูลหลานเร่งโจมตีตระกูลเยี่ยมากขึ้น ชนะไปทีละกลุ่ม


 


 


ทหารพลังตระกูลเยี่ยกินยาเพิ่มพลังกระแสวิญญาณระยะสั้นเข้าไป ฉะนั้นทหารพลังตระกูลหลานจำต้องทำให้พวกเขาแพ้ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์


 


 


แต่ไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงขลุ่ยดังขึ้น ทหารพลังตระกูลหลานทั้งหมดพากันแย่งออกเป็นสองทาง วิ่งหนีไป ทหารพลังตระกูลเยี่ยตามโจมตีอยู่ด้านล่างไม่ขาด แต่รอจนมาถึงบริเวณพื้นที่แห่งหนึ่งแล้วกลับหยุดลง ด้านหน้าคือซีเชวีย พวกเขาสงสัยว่ามีกับดัก


 


 


ทหารพลังตระกูลหลานเป็นว่าพวกเขาไม่ก้าวต่อ ฉะนั้นจึงพุ่งเข้าไปโจมตีพวกเขาอีกครั้ง โจมตีเป็นระลอก วิ่งหนีอีกเป็นระลอก ทำให้ตระกูลเยี่ยยิ่งมั่นใจความคิดว่าตรงนั้นมีกับดัก


 


 


ทหารพลังตระกูลหลานโจมตีอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้กลับไม่วิ่งหนี ในเวลานี้พลังกระแสวิญญาณของทหารพลังตระกูลเยี่ยแทบจะฟื้นกลับมาเป็นสภาวะเดิมแล้ว หากยาหมดฤทธิ์เมื่อใด ผลข้างเคียงของยาก็จะออกฤทธิ์


 


 


ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ทหารพลังตระกูลเยี่ยก็เริ่มแสดงอาการข้างเคียง คนบางส่วนที่ไม่ได้โดนโจมตีก็ล้มลงไป คนตระกูลเยี่ยไม่ปล่อยพวกเขา ฆ่ากวาดล้างทุกคน


 


 


มีทหารพลังตระกูลเยี่ยบางคนที่ไม่ได้กินยายังพอมีพลังเหลืออยู่บ้าง แต่คนตระกูลเยี่ยมีจำนวนมาก ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็แพ้พ่ายลง


 


 


รอจนเวลาผ่านไปสองชั่วยาม ตระกูลหลานได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ หลานเฟิงเป่าขลุ่ยเก็บกำลัง


 


 


“นี่เพียงแค่ทหารพลังของเหวินเย่ว์ซีเชวียเท่านั้น ภายในยังมีทหารพลังอีกหรือไม่” หลานเยี่ยถามหลานเฟิง ทั้งสถานการณ์ล้วนเป็นหลานเฟิงที่เตรียมพร้อม เขาเพียงแค่คิดแผนการเท่านั้น


 


 


“มี แต่ไม่เยอะ ไม่มากพอเป็นปัญหา”


 


 


“ไม่รู้ว่าทางราชสำนักและจิ่วหลิวจะเป็นเช่นไร”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 184 การศึกแสนลำบาก


 


 


เพราะทหารพลังในพื้นที่จิ่วหลิวล้วนเป็นขั้นทหารพลีชีพ ฉะนั้นจึงเริ่มบุกโจมตีอย่างเป็นทางการกับตระกูลเยี่ยจากพื้นที่เชื่อมต่อของจิ่วหลิวและตระกูลเยี่ย แม้จำนวนคนจะไม่ถือว่าเยอะมาก มีเพียงหนึ่งในสามของทหารพลังตระกูลเยี่ยเท่านั้น


 


 


แต่ตอนที่ยังไม่ออกจากพื้นที่จิ่วหลิว ก็ถูกฐานอำนาจตระกูลเยี่ยในพื้นที่จิ่วหลิวล้อมเอาไว้ ทหารพลังตระกูลเยี่ยคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่ทหารพลังตระกูลหลานก็รู้ว่าพวกเขาจะถูกล้อมกำลัง


 


 


คนนำทหารพลังตระกูลหลานคือมู่เยี่ย อีกฝั่งคือน้องชายของเขามู่ฮว่า ทั้งสองออกเสียงสั่ง ทุกคนก็วิ่งไปล้อมรอบทหารพลังตระกูลเยี่ยเอาไว้ ทหารพลังตระกูลเยี่ยกลับไม่ตอบโต้


 


 


สำหรับการต่อสู้ระหว่างพวกเขา การล้อมรอบศัตรูไม่ได้มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย แต่ทหารพลังตระกูลหลานหลังจากวิ่งไปล้อมรอบพวกเขาไว้กลับไม่โจมตีพวกเขา แต่พากันปักกระบี่ลงบนพื้น ถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไป


 


 


รอจนทหารพลังตระกูลเยี่ยพบว่าสถานการณ์ผิดปกติก็สายเกินไปแล้ว แท้จริงแล้วทหารพลังตระกูลหลานทำการเปลี่ยนแปลงพื้นดินตอนที่ไม่มีใครสังเกตเห็น


 


 


หลังจากที่ทหารพลังตระกูลหลานทำลายพื้นดินจนเสียหายแล้วนั้น ทหารพลังตระกูลเยี่ยก็พากันตกลงไป พื้นดินปรากฏเป็นหลุมขนาดใหญ่ ฝังพวกเขาลงไป ทหารพลังตระกูลเยี่ยคิดจะใช้พลังวิญญาณบินขึ้นมาจากด้านล่าง แต่กลับถูกทหารพลังตระกูลหลานกดเอาไว้อย่างแรงจากด้านบน


 


 


ทหารพลังตระกูลหลานแบ่งออกเป็นสองทาง ส่วนหนึ่งใช้พลังวิญญาณต้านทานทหารพลังที่คิดจะขึ้นมา อีกส่วนหนึ่งใช้ก้อนหินและดินทรายฝังคนที่อยู่ข้างล่างเอาไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นทุกคนก็รวมกำลังสร้างม่านพลังขึ้นมา ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาไม่ต้องคิดว่าจะได้ขึ้นมา ต่อให้เขตม่านพลังพังทลายลง ถ้าไม่ใช่คนส่วนใหญ่ก็ขาดอากาศหายใจตายไปแล้ว หรือไม่พวกเขาก็บุกโจมตีตระกูลเยี่ยใกล้สำเร็จแล้ว


 


 


หลังจากจัดการทหารพลังตระกูลเยี่ยทางนี้เสร็จเรียบร้อย มู่เยี่ยและมู่ฮว่าก็นำทหารพลังตระกูลหลานบุกเข้าตระกูลเยี่ย พอผ่านเข้าประตูหลักไป ภายในนั้นมีค่ายกลถูกวางไว้ทั่ว รอการมาถึงของพวกเขา


 


 


มู่ฮว่าและมู่เยี่ยมองดูค่ายกลและทหารพลังจำนวนมากข้างด้าน จึงค่อยๆ ชักกระบี่ประจำกายออกมา กระบี่หลุดออกจากฝัก ปลายชี้ท้องฟ้า ทหารพลังตระกูลหลานที่อยู่ด้านหลังทั้งหมดพากันชักกระบี่ประจำกายออกมา ชี้ขึ้นไปบนฟ้าเหมือนที่มู่ฮว่าและมู่เยี่ยทำ


 


 


ทุกคนพุ่งตรงไปข้างหน้า พุ่งเข้าไปยังวงล้อมที่ตระกูลเยี่ยจงใจวางเอาไว้ ตระกูลเยี่ยหลอกให้พวกเขาเข้ามา ทหารพลังตระกูลหลานกลับเข้าไปโดยไม่ลังเล ตอนที่เข้าไปแล้วครึ่งหนึ่งทหารพลังตระกูลหลานที่เข้าไปแล้วก็เริ่มต่อสู้ฟาดฟันกับพวกเขา


 


 


ทหารพลังตระกูลหลานที่ยังไม่หลุดเข้าไปในวงล้อมหยุดการเขยิบไปข้างหน้า ทุกคนเข้าแถวยืนเป็นสามแถว ถ่ายทอดพลังวิญญาณไปข้างหน้าอย่างเป็นระเบียบ คนที่อยู่ข้างหน้าสุดผลักพลังวิญญาณออกไป ทำให้วงล้อมโดนทะลวงกลายเป็นช่องว่างช่องหนึ่งในพริบตา


 


 


ทหารพลังตระกูลเยี่ยโซเซล้มลง ชิวฉือเห็นท่าไม่ดี จึงใช้วิธีเดียวกันกับที่เหวินเย่ว์ ผงยาพิษถูกโปรยไปทั่วฟ้า แต่ทหารพลังตระกูลหลานกลับไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ยังคงพุ่งตรงไปข้างหน้าเช่นเดิม


 


 


ทหารพลังตระกูลเยี่ยเริ่มถอยหลังลงแล้ว ทหารพลังที่ตอนแรกยืนเป็นสามแถวเปลี่ยนทิศทาง บุกเข้าไปข้างหลังทหารพลังตระกูลเยี่ยจากอีกทางหนึ่งภายใต้การนำของมู่ฮว่า อุดทางถอยหนีของพวกเขา


 


 


ชิวฉือเห็นว่าไม่มีทางหลบหนี จึงส่งสัญญาณออกไป แต่ยังคงเคลื่อนย้ายไปข้างหน้า มู่ฮว่าไม่ทันระวังตัวถูกทหารพลังตระกูลเยี่ยที่พลังวิญญาณระเบิดออกแทงเข้าที่ไหล่จนได้รับบาดเจ็บ เมื่อมู่เยี่ยเห็นเช่นนั้นดวงตาก็แดงก่ำทันใด หลังจากสลัดทหารพลังข้างกายหลุดแล้วก็รีบรุดไปข้างกายมู่ฮว่า จากนั้นจัดการฆ่าทหารพลังที่ทำให้มู่ฮว่าได้รับบาดเจ็บ


 


 


“ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ ฮว่าเอ๋อร์” มู่เยี่ยถามอย่างร้อนรน ระมัดระวังรอบข้างไปพลาง พันบาดแผลมู่ฮว่าไปพลาง


 


 


“ท่านพี่ ข้าไม่เป็นไร การศึกจะไม่มีเลือดได้อย่างไร ทางด้านท่านประมุขย่อมไม่มีปัญหา แต่ไม่รู้ว่าทางราชสำนักจะเป็นเช่นไรบ้าง” มู่ฮว่าเอ่ยปาก


ตอนที่ 185 ร่วมรบ


 


 


ทางราชสำนักเพราะอำนาจทางทหารถูกมอบให้หลานอวี่เป็นการชั่วคราว ฉะนั้นการออกศึกครั้งนี้หลานอวี่จึงเป็นคนนำทัพ หลานอวี่เป็นคนตระกูลหลาน อีกทั้งพลังวิญญาณยังไม่อาจมองข้ามได้


 


 


ราชสำนักก่อนหน้านี้ออกทัพก่อกบฏ ทางตระกูลเยี่ยมีความคิดจะมอบบทเรียนให้กับราชสำนักมานานแล้ว ฉะนั้นตอนที่ราชสำนักส่งทหารออกศึกจึงปล่อยทหารพลังจำนวนมาก คิดจะโจมตีราชสำนักอย่างหนัก ทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่อาจสู้ได้


 


 


แต่เดิมพวกเขาคิดว่าราชสำนักไม่มีทหารพลัง มีเพียงทหารปกติธรรมดากลุ่มหนึ่งเท่านั้นไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ แต่เมื่อมาถึงสนามรบพวกเขาถึงพบว่าครั้งนี้ที่ราชสำนักนำมาล้วนเป็นทหารพลังทั้งสิ้น พลังวิญญาณสีต่างๆ ล้วนมีให้เห็น รวมกันกลายเป็นทหารพลังของราชสำนักกลุ่มหนึ่ง


 


 


พลังวิญญาณสามสีบินว่อนไปมา มีคนล้มลงไป มีคนหลบหนี คนตระกูลเยี่ยรับมือกับทหารพลังราชสำนัก ไม่อาจสนใจเรื่องอื่นได้ ความแข็งแกร่งของกองทัพราชสำนักกลุ่มนี้ ไกลห่างจากความคิดของพวกเขายิ่งนัก


 


 


ผู้นำทัพคือหลานอวี่ แม้ก่อนหน้านี้เขาน้อยครั้งที่จะนำทัพ แต่แผนที่และแผนการที่หลานเยี่ยมอบให้ทำให้เขามีความมั่นใจในตนเอง หากครั้งนี้สำเร็จเช่นนั้นทิศเหนือของตระกูลเยี่ยจะถูกพวกเขาครอบครอง


 


 


ตอนที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดนั่นเอง ทหารธรรมดากลุ่มหนึ่งของราชสำนัก ในมือถือคันธนู มุ่งโจมตีไปที่ทหารพลังตระกูลเยี่ย มีทหารพลังจำนวนมากที่หลบไม่ทันเมื่อโดนธนูยิงเข้าใส่ก็ตายไปในทันใด


 


 


คนตระกูลเยี่ยจำนวนหนึ่งไม่อาจปลีกตัวได้ อีกจำนวนหนึ่งใช้พลังวิญญาณโจมตีไปยังทหารธรรมดาเหล่านั้นที่อยู่ห่างออกไป แต่หลังจากพลังวิญญาณพุ่งเข้าไปแล้ว เขตม่านพลังสีฟ้าสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพลทหารธรรมดาเหล่านั้น ด้านหลังมีหลานอวี่และอีกคนหนึ่งนั่งอยู่คนละฝั่ง ใช้พลังวิญญาณค้ำเขตม่านพลังไว้


 


 


สถานการณ์สำหรับตระกูลเยี่ยถือว่ายิ่งเสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ คนนำทัพของทหารพลังตระกูลเยี่ยก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง


 


 


“ใช้ยา” ในพริบตาเดียวทหารพลังตระกูลเยี่ยที่อยู่ในสนามรบทั้งหมดพากันควักห่อกระดาษออกมาจากหน้าอก เทกระจายไปทั่วฟ้า แต่ต่อให้ทหารพลังของราชสำนักได้ยินว่าเป็นยาก็ไม่ได้ถอยหนี


 


 


คนที่นำทัพสีหน้าได้ใจมองทหารพลังของราชสำนัก เหมือนว่าในเสี้ยววินาทีถัดไปทหารพลังของราชสำนักจะถูกจัดการล้มลงไปทั้งหมด


 


 


แต่รออยู่นานทหารพลังของราชสำนักล้วนไม่มีวี่แววจะแพ้พ่าย และยิ่งไม่มีวี่แววว่าสูญเสียพลัง คนนำทัพรู้สึกหวาดกลัว รีบเรียกทหารพลังตระกูลเยี่ยทั้งหมดให้ถอยหนี


 


 


“ถอยทัพ” แต่หลานอวี่ไม่คิดปล่อยพวกเขาไป ทหารพลังราชสำนักไล่ตามไม่ยอมปล่อย สุดท้ายก็บีบพวกเขาไปถึงด้านหลังหน้าผา สำหรับทหารพลังแล้วหน้าผาถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ใช้พลังวิญญาณก็สามารถทำให้ตนเองมีชีวิตรอดได้ แต่ทหารพลังของราชสำนักกลับขวางทางรอบข้างหน้าผาเอาไว้


 


 


หลานอวี่ก้าวขึ้นมาข้างหน้า มองดูทหารพลังตระกูลเยี่ยที่หนีตายอย่างน่าอนาถ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด


 


 


“ตกใจมากใช่หรือไม่ว่าเหตุใดยาของพวกเจ้าถึงไม่มีผล ตกใจมากใช่หรือไม่ว่าทำไมพวกเราถึงได้คุ้นเคยกับภูมิประเทศของตระกูลเยี่ยเช่นนี้”


 


 


“พวกเจ้าทำอะไร”


 


 


“ไม่ได้ทำอะไร อยากรู้ก็ไปถามยมบาลเอา ฆ่า”


 


 


ทหารพลังของราชสำนักลงมือ ทหารพลังตระกูลเยี่ยทำการรับมือครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผ่านไปครึ่งชั่วยาม รอบข้างหน้าผาก็เหลือเพียงทหารพลังราชสำนักที่ยืนอยู่และร่างไร้ชีวิตที่นอนอยู่บนพื้น


 


 


หลานอวี่มีความสงสัยเล็กน้อย เหตุใดตระกูลเยี่ยจึงไม่ใช่กลุ่มจิ้งจอกราตรี แม้จะบอกว่าจำนวนจิ้งจอกราตรีมีจำกัด แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่บริเวณชายขอบจะไม่มีเลย หลานอวี่มองศพที่วางเรี่ยราดอยู่บนพื้นพลางครุ่นคิด


 


 


ทัพทหารตระกูลเยี่ยถูกกำจัดจนหมดสิ้น ทิศเหนือของตระกูลเยี่ยถูกราชสำนักครอบครอง เหวินเย่ว์ถูกตระกูลหลานครอบครอง มีเพียงพื้นที่สำคัญฝั่งตะวันออกของตระกูลเยี่ย ทหารพลังในพื้นที่จิ่วหลิวที่ยังต่อสู้กับตระกูลเยี่ยอยู่อย่างดุเดือด


 


 


คนตระกูลเยี่ยทางนั้นถอยห่างออกไปไกล แต่ทหารพลังตระกูลหลานเริ่มไม่สามารถเขยิบไปข้างหน้าเหมือนแต่ก่อนได้อีก ตระกูลเยี่ยใช้กลุ่มจิ้งจอกราตรี ทหารพลังตระกูลหลานหยุดลงชั่วคราว จัดระเบียบใหม่อีกครั้ง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 186 มิอาจแยกร่าง


 


 


โจมตีตระกูลเยี่ยสามทิศทางพร้อมกัน ตระกูลเยี่ยมิอาจแยกร่างได้


 


 


“ทางราชสำนักส่งข่าวมา เข้าครอบครองพื้นที่ทิศเหนือของตระกูลเยี่ยสำเร็จ พื้นที่สำคัญของตระกูลเยี่ยใช้กลุ่มจิ้งจอกราตรี พวกเขาไม่อาจตีได้ แต่ก็ยังบีบให้ตระกูลเยี่ยถอยห่างออกไประยะหนึ่ง”​ หลานเฟิงพูดกับหลานเยี่ย แต่หลานเยี่ยกลับหาวอ้าปากกว้าง


 


 


หลานเฟิงเห็นดวงตาของหลานเยี่ยเริ่มมีเส้นเลือดฝอย พาลคิดถึงท่าเดินไร้เรี่ยวแรงเมื่อครู่ของหลานเยี่ย ก็เข้าใจทันทีว่าพวกเขาสองคนมีความต้องการมากเกินไป หลานเฟิงไม่รู้สึกอะไร กลับเป็นหลานเยี่ยที่แลดูอ่อนล้า


 


 


สิ่งแรที่กหลานเฟิงนึกถึงคือการบำรุงหลานเยี่ย ไม่ใช่การที่จะลดจำนวนเรื่องพายุฝนนี้ลงไป


 


 


“ทางราชสำนักนั้นอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว จิ่วหลิวเองก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว กลุ่มจิ้งจอกราตรีนั้นไม่ง่าย ตอนนี้มีเพียงแข็งข้อโจมตีเส้นทางนี้ ตอนนี้ตระกูลเยี่ยแตกกระจัดกระจาย ทิศเหนือมีคนของราชสำนัก ทิศใต้มีคนของพวกเรา ทิศตะวันออกมีทหารพลังของจิ่วหลิว ที่เหลือมีเพียงทิศตะวันตกแล้ว


 


 


วันนี้หลังจากพักผ่อนพอแล้ว ก็ไปทำให้เหวินเย่ว์กลายเป็นของตระกูลหลานโดยสมบูรณ์ ประชาชนก็รดี ทหารพลังที่พิการก็ดี”


 


 


“ตอนนี้ตระกูลเยี่ยมิอาจแยกร่างได้ จะต้องรีบจัดการพวกเขาก่อนที่ตระกูลเยี่ยจะฟื้นฟูกลับมา”


 


 


“คราวนี้โชคดีที่มีเทียนซี ถ้าไม่ใช่เพราะเขาให้ยาพิษกับพวกเรา พวกเราเองก็คงจะไม่แผนซ้อนแผนจนได้รับชัยชนะ”


 


 


“พวกเราลืมเรื่องอะไรไปหรือไม่” จู่ๆ หลานเยี่ยก็ถามหลานเฟิงขึ้นมา


 


 


“อะไรหรือ” หลานเฟิงเองก็มึนงง ไม่เข้าใจว่าหลานเยี่ยกำลังคิดอะไร หรือคิดถึงเรื่องไหนขึ้นมา


 


 


“รู้สึกอยู่ตลอดว่าลืมเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างไป เจ้ารู้สึกเช่นนี้หรือไม่”


 


 


“ในใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น”


 


 


“พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อน” หลานเยี่ยกลอกตามองเขาทีหนึ่ง


 


 


เจียงหลิงพาคนไปจัดการเรื่องเหวินเย่ว์ ทหารพลังบางส่วนที่แตกกระจายอยู่ภายในเหวินเย่ว์ถูกพวกเจียงหลิงจัดการ จากนั้นก็เดินไปต่อจนถึงพื้นที่รุ่งเรือง ที่นี่คือสถานที่พักอาศัยของประชาชนธรรมดาของเหวินเย่ว์


 


 


สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำพวกเขา ขอแค่พวกเขามีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ว่าเบื้องบนจะเป็นใคร พวกเขาก็ไม่สนใจ


 


 


เจียงหลิงนำคนไปสอบถามว่ายังมีทหารพลังตกหล่นอีกหรือไม่ แต่กลับหลงเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ


 


 


ด้านนอกที่แห่งนั้นเป็นป่าไผ่แห่งหนึ่ง แต่เมื่อเดินตรงไปข้างหน้าผ่านป่าไผ่ไปจะกลายเป็นพื้นหญ้ากว้างใหญ่ แม้นี่จะเป็นเรื่องปกติ แต่เจียงหลิงถือเป็นคนที่มีพลังวิญญาณ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเขตม่านพลังของที่นี่โดยทันที อีกทั้งคนที่ตั้งเขตท่านพลังยังมีตบะบำเพ็ญไม่เลว อาจถึงขั้นที่ทัดเทียมกับหลานเยี่ยได้เลยด้วยซ้ำไป


 


 


เจียงหลิงยกมือขึ้น คิดจะหาทางเข้าของพลังวิญญาณ แต่หลังจากลองไปแล้วหลายครั้ง กลับต้องพบว่าหาเบาะแสไม่เจอแม้แต่น้อย คิดจะทำลายเขตม่านพลัง ก็ยังหาที่ลงมือทำลายไม่ได้ด้วยซ้ำไป


 


 


เจียงหลิงยอมแพ้ ที่นี่ไม่ใช่เขตม่านพลังที่คนระดับเขาสามารถจัดการได้ ดังนั้นเจียงหลิงจึงรีบกลับไปหาหลานเยี่ยและหลานเฟิง


 


 


“หลานเฟิง วันนี้เจ้าเย็นชาจังเลยยย” หลานเยี่ยหยอกเย้าหลานเฟิง แต่หลานเฟิงไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย


 


 


“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าวันนี้ฝีเท้าของตนดูเบาโหวง อีกทั้งยังง่วงงุนอย่างมาก” หลานเฟิงเอ่ยปาก หลานเยี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงด้วย


 


 


“เล็กน้อย ทำไมหรือ” หลานเยี่ยมองหลานเฟิงอย่างไม่เข้าใจ หลานเฟิงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดออกมา


 


 


“ความต้องการมากเกินเหตุ”


 


 


เจียงหลิงที่เร่งเดินทางมาเห็นฉากหลานเยี่ยนอนอยู่บนขาหลานเฟิงพอดี ทั้งสองคนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง อีกทั้งยังได้ยินคำพูดสุดท้ายนั่นพอดี


 


 


เจียงหลิงกระแอมไอด้วยความอึดอัดทีหนึ่ง หลานเฟิงไม่ได้เงยหน้ามามอง เขารู้นานแล้วว่าเจียงหลิงว่า


 


 


“ท่านประมุข พวกเราค้นพบเขตม่านพลังแห่งหนึ่งที่เหวินเย่ว์ ความสามารถของข้าไม่อาจเปิดออกได้ ฉะนั้นขอเชิญท่านไปดูเถิดขอรับ”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม