(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล 175-178
ตอนที่ 175 ฮองเฮา
หลังจากอวี่มั่วจากไป เทียนซีก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แม้จะไม่ได้ออกไปภาพเหตุการณ์ขึ้นครองราชย์ของอวี่มั่ว แต่เขาก็สามารถจินตนาการได้ อวี่มั่วทรงอำนาจมากเพียงใด แล้วทำให้คนไม่อาจโยกย้ายสายตาได้อย่างไร
รอจนเวลาผ่านไปสักพักใหญ่แล้ว หน้าประตูมีเสียงดังขึ้น เทียนซีคิดว่าอวี่มั่วกลับมาแล้ว จึงออกไปต้อนรับ กลับพบว่าไม่ใช่
ผู้ที่เข้ามาเป็นข้ารับใช้หญิงหลายคน มีคนนำหนึ่งคน เหมือนว่าเป็นนางกำนัลหญิงนางหนึ่ง ยิ้มแย้มแจ่มใสมองเทียนซีและทำความเคารพ จากนั้นก็เรียกบ่าวหญิงสองสามคนด้านหลังให้นำสิ่งของเข้ามา
“นี่คือ?” เทียนซีไม่เข้าใจ
“บ่าวเข้าเฝ้าองค์ฮองเฮาเพคะ” หลังจากที่กลุ่มคนวางของลงแล้ว ก็ทำความเคารพขนานใหญ่แก่เทียนซีทีหนึ่ง ทำให้เทียนซีตกใจเป็นอย่างมาก
“นี่เกิดอะไรขึ้น รีบลุกขึ้นมา”
“ฮองเฮาเหนียงเหนียง ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์แล้วเพคะ ก่อนที่จะจากไป สั่งให้บ่าวเตรียมสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ ให้ฉลองรับองค์ฮองเฮาเหนียงเหนียงเมื่อถึงเวลาอันสมควรเพคะ”
“หา?” เทียนซีจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่บรรดาบ่าวรับใช้ทั้งหลายได้เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เทียนซีแล้ว
“พวกเจ้าทำอะไร” เทียนซีหลบไม่ทัน รีบเขยิบตัวหนี
“นี่คือเรื่องที่ฮ่องเต้รับสั่งไว้เพคะ ให้พวกเราจำต้องพาฮองเฮาเหนียงเหนียงไปเพคะ” นางกำนัลหญิงกล่าว
มองดูเครื่องแต่งกายและเครื่องหัวของฮองเฮาที่อยู่บนโต๊ะ เทียนซีกลืนน้ำลายลงคอ ขยับมือพลิกเล็กหน่อย เห็นว่าเป็นชุดผู้ชายถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ข้าใส่เอง พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด”
“เกรงว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ทราบว่าต้องสวมใส่อย่างไร ให้บ่าวปรนนิบัติพระองค์เถิดเพคะ”
“ไม่เป็นไร ข้าใส่เองก็พอ พวกเจ้าออกไปเถิด” เทียนซีหน้าแดงก่ำ ให้พวกเขาออกไป นางกำนัลหญิงผู้นั้นเห็นเทียนซีมีท่าทีเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา ดูท่าฮ่องเต้จะตรัสเอาไว้ไม่ผิด ฮองเฮาเหนียงเหนียงช่างขี้อายเสียจริง
“เช่นนี้ หลังจากที่เหนียงเหนียงเปลี่ยนชุดชั้นกลางแล้วก็ตะโกนเรียกพวกบ่าวนะเพคะ ชุดหลังจากนี้พวกบ่าวจะมาเปลี่ยนให้พระองค์อีกครั้งเพคะ”
“ได้ ข้าจะเรียกพวกเจ้า พวกเจ้าออกไปเถิด” หลังจากบรรดาบ่าวรับใช้ออกไป ภายในห้องก็เหลือเพียงเทียนซีคนเดียว มองดูเสื้อผ้าที่อยู่บนโต๊ะ เทียนซีหัวเราะออกมา อวี่มั่ว ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต
หลังจากเทียนซีสวมชุดเสร็จแล้ว หยิบเสื้อผ้าที่เหลือขึ้นมา มองไปมองมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่รู้ต้องสวมใส่เช่นไร จำต้องเปิดประตูให้บรรดาบ่าวรับใช้เข้ามาด้วยความจนปัญญา
บรรดาบ่าวรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เทียนซีเสร็จแล้ว เห็นการปรนนิบัติที่ซับซ้อนนี้ เทียนซีดูแล้วปวดหัวยิ่งนัก ซับซ้อนเช่นนี้ อีกทั้งยังมีเครื่องประดับมากมายเช่นนี้ หนักเสียจริง
เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเรียบร้อย นางกำนัลหญิงให้เทียนซีนั่งลงหน้ากระจก เพื่อที่จะมัดผมให้เขา หลังจากทำผมเสร็จแล้ว ตบแต่งเครื่องประดับสองสามชิ้น ทำให้นางกำนัลหญิงที่มองดูต้องตะลึงไป
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงพระองค์ช่างงามเหลือเกินเพคะ ทำให้บ่าวรู้สึกละอายใจยิ่งนัก!”
เทียนซีมองตนเองที่อยู่ในกระจก เครื่องประดับเป็นกลางสองสามชิ้นประดับอยู่บนศีรษะ ทำให้เทียนซีไม่เพียงดูอ่อนโยนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังดูบุคลิกดีเป็นอย่างมาก เหมือนเดินออกมาจากภาพวาด เทียนซีเองยังรู้สึกอึ้งไป
“ฮ่องเต้ช่างสายตาแหลมคมนักเพคะ สิ่งของเหล่านี้ฮ่องเต้ล้วนเตรียมด้วยตนเองทั้งนั้นเพคะ! แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีฮองเฮาชายมาก่อน ฮ่องเต้ทุ่มเทใส่ใจไม่น้อยเลยเพคะ!” นางกำนัลหญิงเอ่ยชื่นชมอวี่มั่วและเทียนซีอยู่ด้านข้าง หลังจากเทียนซีได้ยินก็ยิ้มออกมาน้อยๆ สวยมากกว่าเดิมอีก
“เหนียงเหนียงเพคะ พวกเราไปกันเถิด เกี้ยวเตรียมพร้อมแล้วเพคะ”
“ดี”
เทียนซีลุกขึ้น ทันใดนั้นก็รู้สึกหนักไปทั้งตัว แต่เมื่อคิดถึงอวี่มั่วก็ไม่มีซึ่งความรู้สึกนั้นแม้แต่นิดเดียว หลังจากเดินออกไปสายตาที่ทิ่มแทงเล็กน้อยทำให้เทียนซีอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
เกี้ยวถูกวางรออยู่ด้านนอกประตูแล้ว เทียนซีถูกนางกำนัลประคองขึ้นเกี้ยวไป ไม่ใช่ว่าตนเองขึ้นไม่ได้ แต่เพราะสิ่งของบนร่างกายยุ่งยากมากเกินไป ทำให้เขาไม่ทันระวังจนโดนบาดเอา
ตอนที่ 176 แผ่นดินกว้างใหญ่จะสู้เจ้าได้อย่างไร
หลังจากพวกเขามาถึงอวี่มั่ว อวี่มั่วก็พูดเรื่องแต่งตั้งฮองเฮาเสร็จพอดี เทียนซีถูกประคองมาด้วยนางกำนัลหญิง ค่อยๆ เดินขึ้นมาบนบันได ทีละก้าวๆ อวี่มั่วยืนอมยิ้มมองเขาจากด้านบน
เดินมาถึงชั้นบนสุด รับมือของเทียนซีไปจับไว้ให้มายืนอยู่จุดที่สูงที่สุดกับเขา ขุนนางบุ๋นบู๊นับร้อยนายด้านล่างพากันคุกเข่าทำความเคารพในทันใด
อวี่มั่วรับตราประทับพญาหงส์มาจากมือคนข้างกาย มอบให้เทียนซี
“นับแต่นี้ใต้หล้าแห่งนี้ข้าและเจ้ามองดูอยู่ด้วยกัน พิธีการออกจะรีบเร่งเกินไป หลังจากนี้จะต้องมีขบวนสินสอดร้อยลี้ ชดเชยให้แก่เจ้า” ตอนที่ทุกคนคุกเข่าทำความเคารพอยู่ด้านล่างอวี่มั่วได้พูดกับเทียนซี
“เท่านี้ก็พอแล้ว เท่านี้ก็พอ” เทียนซีพูดออกมาด้วยความตื้นตัน มือที่ถูกอวี่มั่วจับเอาไว้สั่นอย่างไม่รู้ตัว ในดวงตามีประกายน้ำตาคลอ
“มีความสุขเสียจริง หลานเฟิง มีวันหนึ่งพวกเราเองจะเป็นเช่นนี้หรือไม่” หลานเยี่ยที่อยู่อีกฟากส่งเสียงทอดถอนใจออกมา
“หากเจ้าชอบ ทำเช่นนี้ทุกวันก็ย่อมได้”
“ครั้งเดียวก็พอแล้ว ขอเพียงครั้งเดียวก็พอ หลานเฟิง ข้ารักเจ้าเหลือเกิน” มองดูอวี่มั่วและเทียนซีด้านบน หลานเยี่ยสารภาพรักกับหลานเฟิงอย่างไม่อาจควบคุม
สายตาคลุมเครือของหลานเฟิงไม่อาจควบคุมได้ กอดหลานเยี่ยเอาไว้แน่น
“หลานเฟิง พวกเรากลับกันเถิด ข้าต้องการเจ้า” หลานเยี่ยกอดหลานเฟิง พูดเสียงเบา
“ได้” หลานเฟิงอุ้มหลานเยี่ย ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดกลับไป
แผ่นดินกว้างใหญ่จะสู้เจ้าได้อย่างไร
รอจนทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว อวี่มั่วและเทียนซีก็กลับไปพักผ่อนชั่วครู่ จากนั้นก็ไปจัดการเรื่องราวต่างๆ ต่อ
“เสี่ยวซี หลังจากนี้เจ้าสามารถออกว่าราชการพร้อมข้าได้หรือไม่” อวี่มั่วนั่งอยู่ข้างหน้าเทียนซีจับมือของเขาไว้
“วังหลังไม่อาจยุ่งเกี่ยวเรื่องราชการ” เทียนซียิ้มพูดกับเขา
“ฮองเฮาของข้า เจ้าคือฮองเฮาของข้า แต่ วังหลังของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว เจ้าออกว่าราชการพร้อมข้า ย่อมไม่มีใครกล้าพูดอะไร”
“ข้าไม่ไปออกราชการ ข้าคอยอยู่ข้างหลังเป็นอย่างไร”
“ได้”
“เสี่ยวซี ข้าปรึกษาเจ้าเรื่องหนึ่ง วันนั้นข้าไปเดินรอบวังหลังมารอบหนึ่ง พบว่าใหญ่เกินไป มีเพียงพวกเราสองคนจะแลดูใหญ่โตมากเกินไป ข้าอยากให้คนที่หอต้วนอวิ๋นมาที่นี่ทั้งหมดดีหรือไม่
“ได้ ล้วนฟังเจ้า ถึงตาข้าแล้ว” เทียนซียิ้ม พูดพลางมองอวี่มั่ว
“เปลี่ยนแปลงระบบภายในวัง ภายในวังกำจัดระบบขันที และกำจัดระบบที่เคร่งครัดมากจนเกินไป หากมีสองคนที่มีใจสมัครรักใคร่ก็ทำให้พวกเขาสมหวัง และให้พวกเขามาพักอาศัยในวังหลัง เจ้าว่าอย่างไร”
“เสี่ยวซี เจ้าสุดยอดมาก แต่พวกเราจะต้องพูดกล่อมบรรดาขุนนางใหญ่เสียก่อน พยายามไปด้วยกันเถิด”
“อืม พยายามไปด้วยกัน”
อวี่มั่วออกว่าราชการ เทียนซีนั่งฟังอยู่ด้านหลัง หลังจากที่อวี่มั่วพูดความคิดของเขาและเทียนซีออกมา บางครั้งที่มีคนสองคนออกมาต่อต้าน รู้สึกไม่เหมาะสม แต่ล้วนถูกหลานอวี่กดลงไป
รอจนหลังเรื่องราวเหล่านี้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว อวี่มั่วก็เอ่ยปากพูดเรื่องสำคัญ
“เรื่องแรกของการขึ้นครองราชย์ ทุกคนคงรู้แล้วกระมัง” อวี่มั่วถาม ด้านล่างกลับไม่มีคนตอบรับ
“เหตุใดจึงไม่พูดจา” อวี่มั่วถามขึ้น หลานอวี่เงยหน้าขึ้นมองอวี่มั่วทีหนึ่ง ยืนขึ้นมา
“เรื่องแรก ย่อมเป็นการกำจัดพรรคพวกตระกูลเยี่ย ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม จากนั้นก็อบรมฝึกซ้อมพลทหาร ป้องกันการบุกรุกจากตระกูลเยี่ยพ่ะย่ะค่ะ”
“ดี คนที่รู้ใจข้า ท่านที่ปรึกษา ทุกท่านด้านล่าง ยังมีพรรคพวกตระกูลเยี่ยอยู่หรือ” อวี่มั่วเงยหน้าขึ้นถาม
มีหลายคนที่เกิดไม่สบายใจขึ้นมาในฉับพลัน อวี่มั่วถือครองข้อมูลของทุกคนไว้แล้ว ฉะนั้นใครเป็นผู้ปกป้องตระกูลเยี่ย ไม่จำเป็นต้องให้เขาตรวจสอบอีก
“ทุกคนไม่ต้องกังวลใจ หากเจ้าคิดได้แล้ว ราชสำนักย่อมต้องรับเจ้าเหมือนเดิม แต่หากเจ้ายังหลงผิดอย่างกู่ไม่กลับก็อย่าได้มาโทษข้า”
คำพูดของอวี่มั่วเพิ่งจบลง ก็มีคนสองสามคนยืนขึ้นมา คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยอาการตัวสั่นสะท้าน
“หม่อมฉันยินยอมกลับเข้าราชสำนัก มีใจมุ่งมั่นต่อราชสำนัก นับแต่นี้ถอนความสัมพันธ์กับตระกูลเยี่ย”
“ดีมาก คนอื่นเหล่า” อวี่มั่วกวาดตามองด้านล่าง ไม่มีความเคลื่อนไหว จากนั้นอวี่มั่วตบมือเรียกองครักษ์สองสามนายเข้ามา
ตอนที่ 177 กวาดล้างพรรคพวก
“จับไป” อวี่มั่วออกคำสั่ง ทันใดนั้นมีคนจำนวนหนึ่งถูกองครักษ์จับไป หลายคนในนั้นเห็นชัดว่ามีพลังกระแสวิญญาณ เป็นคนตระกูลเยี่ย คิดจะขับพลังออกมาต่อต้าน แต่กลับไม่เกิดผล
“ไม่สามารถใช้พลังกระแสวิญญาณได้ใช่หรือไม่” อวี่มั่วพูดออกมาเรียบๆ หนึ่งประโยค ทำให้สีหน้าของคนเหล่านั้นเปลี่ยนไปในทันใด
“ตอนที่พวกเจ้าเข้าว่าราชกิจ รู้สึกความผิดปกติบ้างหรือไม่ ในราชสำนักนี้ถูกปกคลุมไปด้วยยา ทำให้พลังกระแสวิญญาณของพวกเจ้าถูกควบคุม ไม่สามารถกระทำการขัดขืนได้อีก”
หลายคนถือเป็นพวกจงรักภักดีไม่ยินยอม แต่มีคนบางจำพวกที่เพียงหลงเหลือความรู้สึกโชคดี คิดว่าอวี่มั่วไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนตระกูลเยี่ย
“ฮ่องเต้ หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้ ปล่อยข้าพเจ้าไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้” ช่างบาดหูเสียจริง เสียงร้องดันน่าเวทนานี้
“ต่อไปท่านที่ปรึกษาแคว้นจะประกาศอำนาจของตระกูลเยี่ยทั้งหมดในราชสำนัก จากนั้นกวาดล้างให้หมด” หลานอวี่อ่านชื่อออกมาทีละชื่ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เทียนซีนั่งฟังอยู่ข้างหลัง มือจับอกเสื้อเอาไว้แน่น ตระกูลเทียน คงจะปรากฏอยู่ในรายชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อรายชื่อถูกอ่านจนจบ ก็ยังไม่ปรากฏชื่อตระกูลเทียน ในขณะเดียวกันที่เทียนซีผ่อนลมหายใจออกมา ก็รู้สึกสงสัยความเป็นจริงของรายชื่อ
“ควรทำเช่นไร ทุกท่านคงรู้ดีอยู่แล้วกระมัง ไม่ต้องให้ข้าจัดการทีละอย่างกระมัง ไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ก็เลิกว่าราชกิจเถิด”
“เลิกว่าราชกิจ” พร้อมกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของขันที อวี่มั่วลุกขึ้นไปด้านหลัง คนอื่นก็พากันแยกจากไป
เห็นเทียนซีที่นั่งอยู่ข้างหลัง อวี่มั่วก้าวขึ้นไปลูบไล้ใบหน้าของเขา
“เป็นอะไรไปหรือเสี่ยวซี เหตุใดจึงไม่มีความสุข” อวี่มั่วสีหน้าเอ็นดูมองเทียนซี
“พวกเรากลับกันเถิด”
“ดี หลังจากนี้ ข้าจะต้องอาศัยอยู่ภายในวังฮองเฮาของข้าแล้ว อย่าได้หน่ายหนีข้านะ” ได้ยินสรรพนามแทนตัวเองของอวี่มั่ว เทียนซีก็ยิ้มอย่างรู้ใจ
กางแขนทั้งสองข้างออก อวี่มั่วอุ้มเทียนซีขึ้นมาด้วยความรู้ใจ ทั้งสองคนกลับไปยังวังเฟิ่งอวี่
เมื่อมาถึงหน้าประตู อวี่มั่วมองป้ายเหนือประตูด้านบน พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง หันหลังไปพูดกับขันทีน้อยที่ตามมา
“เปลี่ยนป้ายนี้ซะ เปลี่ยนเป็นวังซีมั่ว พวกเจ้าก็ไม่ต้องตามมาแล้ว ถอยออกไปเถิด จะทำอะไรก็ไปทำ”
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่บ่าวควรจะทำคืออยู่ข้างกายพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
“…”
“เจ้าไปดูดอกไม้ก็ดี จะไปทำอย่างอื่นก็ดี อย่ามาตามข้าเลย”
“บ่าวรับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
อวี่มั่วอุ้มเทียนซีเข้าไป จู่ๆ ก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“เสี่ยวซี เจ้าว่าฮองเฮาคนก่อนควรจัดการเช่นไร”
“ฟังเจ้า”
“เช่นนั้นก็ให้เสด็จพ่อตัดสินใจแล้วกัน แต่เสด็จพ่อย่อมไม่ชอบนางเหมือนกัน ยากเหลือเกิน มิเช่นนั้นให้นางไปเฝ้าสุสานหลวงดีหรือไม่ หากนางยังมัวเมาหลงผิดก็ให้จัดการไปพร้อมกับขุนนางเหล่านั้น” อวี่มั่วอุ้มเทียนซีเข้ามาภายในห้อง วางเทียนซีไว้บนเตียง
“รายชื่อเมื่อครู่ที่เจ้าให้หลานอวี่อ่าน เป็นจริงหรือ” เทียนซีถามสิ่งที่สงสัยออกไป
“เป็นเรื่องจริง แต่เพิ่มเข้าไปบางส่วน นอกจากกำลังของตระกูลเยี่ยแล้ว ยังมีอำนาจที่ต่อต้านข้า อำนาจที่ปกป้ององค์ชายอื่น หรือที่สนับสนุนฮ่องเต้องค์เก่าบางส่วน
“แล้วตระกูลเทียน…”
“วางใจเถิด เสี่ยวซี ตระกูลเทียนข้าไม่มีทางยุ่ง หลานเยี่ยได้เจรจากับตระกูลเทียนแล้ว หากไม่สำเร็จข้าเองก็ไม่ทำอะไร ข้าจะต้องพยายามปกป้องความปลอดภัยของตระกูลเทียน ปกป้องเจ้า”
“อวี่มั่ว” เทียนซีดึงอวี่มั่วไปบนเตียง กอดเขาไว้แน่น อวี่มั่วรู้สึกยากที่จะปฏิเสธ จึงพูดประโยคที่น่าโดนตีออกมา แต่เทียนซีกลับไม่ได้ตีเขา
“เสี่ยวซี ข้าสามารถทำเรื่องที่อยากทำได้หรือไม่” อวี่มั่วพูดจบ เทียนซีก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคนบางคน จากนั้นเทียนซีก็กดศีรษะอวี่มั่วไว้ มอบจุมพิตให้แก่เขา
“ย่อมได้เป็นแน่นอน”
ตอนที่ 178 จบลงไป
เช้าวันรุ่งขึ้น หลานเยี่ยมาถึงวังซีมั่ว คิดจะมาบอกลาอวี่มั่ว เหตุใดจึงมาวังซีมั่ว หลานเยี่ยไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อย อวี่มั่วต้องอยู่ที่นี่เป็นแน่
อวี่มั่วลุกขึ้นมาแล้ว นั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านฎีกา เทียนซียังคงหลับอยู่ ได้ยินว่ามีคนเจ้ามา อวี่มั่วไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น เหมือนกับหลานเยี่ย คิดยังไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นหลานเยี่ย
“เจ้ามาเพราะเหตุใด”
“ทำไมหรือ เป็นฮ่องเต้แล้ว ก็วางท่าแล้วหรืออย่างไร”
“รีบกลิ้งออกไปซะ มีธุระก็พูดมา เสี่ยวซียังไม่ตื่น” อวี่มั่วเหลือบมองข้างในทีหนึ่ง หลังจากมั่นใจแล้วว่าเทียนซียังไม่ตื่น ก็หันมาพูดกับหลานเยี่ยอีกครั้ง
“เมื่อคืนนี้คงทรมานไม่น้อยกระมัง” หลานเยี่ยนั่งลงพลางยิ้มพูดกับอวี่มั่ว อวี่มั่วเบนตามองเขาทีหนึ่ง
“ลำบากเจ้าที่วันนี้ยังตื่นขึ้นมาได้” ประโยคเดียวทำให้หลานเยี่ยรู้สึกได้ว่าด้านหลังยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย
“พูดเรื่องสำคัญ เจ้าจัดการเป็นอย่างไรบ้าง”
“เมื่อคืนนี้จัดการหมดแล้ว ควรทำเช่นไรก็ทำเช่นนั้น หลังจากนี้ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการลงโทษ”
“ฮองเฮาเล่า”
“นอนอยู่ข้างใน”
“…”
“ฮองเฮาคนเดิมเล่า”
“ประหารชีวิตแล้ว”
“เช่นนั้นน่าเสียดายเสียจริง คนงามผู้หนึ่งเลย” หลานเยี่ยพูดหาเรื่อง อวี่มั่วเงยหน้าขึ้นมองด้านนอกทีหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
“วันนี้เจ้ามาด้วยเหตุอันใด ไม่ได้มาคุยเล่นกับข้ากระมัง”
“ข้ามาบอกลาเจ้า”
“อ้อ”
“…”
“ยังมีเรื่องอื่นหรือไม่”
“…”
“นำความลับของราชสำนักมาให้ข้าดู”
“ไม่มี” อวี่มั่วพูดจบ เงยหน้าเห็นหลานเยี่ยที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยกำลังมองตนอยู่
“ไม่ได้จะทะเลาะกับเจ้า ไม่มีจริงๆ ข้าเองก็หาแล้ว และขอกับฮ่องเต้องค์ก่อนแล้ว ไม่มีจริงๆ ต่อให้มีก็อยู่ที่ตระกูลเยี่ย”
“…”
“จะเอาเจ้าไปทำไม” หลานเยี่ยทอดถอนใจ
“เจ้าหาเรื่องใช่หรือไม่”
“เจ้าตีข้าซิ”
“…”
“รีบไปๆ อย่ามาหาเรื่องข้า”
“อย่าทำเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเราดีเช่นนี้ เจ้าออกจากตระกูลเยี่ย จะยอมศิโรราบต่อตระกูลหลานหรือไม่”
“ก่อนอื่น ความสัมพันธ์ของพวกเราก็เท่านั้น อีกอย่างยอมศิโรราบต่อตระกูลหลาน คิดยังไม่ต้องคิด”
“เช่นนั้นข้าไปแล้ว” หลานเยี่ยลุกขึ้นเดิน เหลือเพียงแผ่นหลังที่สง่างามให้อวี่มั่ว
“หากมีเรื่องลำบาก ยังสามารถมาหาข้าให้ช่วยเหลือได้” อวี่มั่วทิ้งประโยคเช่นนี้เอาไว้ให้หลานเยี่ย ทำให้หลานเยี่ยต้องหันกลับมาส่งยิ้มชั่วร้ายให้เขา
“คนของเจ้าผู้นั้นอยู่ด้านนอก รีบไปซะ อย่ายิ้มน่าสะอิดสะเอียนเช่นนั้น”
“ได้ ข้าไปแล้ว”
หลานเยี่ยและหลานเฟิงออกจากราชสำนัก ไปยังจิ่วหลิว พักอาศัยที่อิ้งฮวาเว่ย
“เช่นนั้นก็ถือว่าจบลงไปแล้ว” หลานเยี่ยพูดขึ้น
“อืม จบลงไปแล้ว”
“หลังจากนี้ จะต้องยุ่งแล้ว เฮ้อ หลานเฟิง เจ้าคิดว่าเรื่องที่พวกเราทำตอนนี้ผิดพลาดหรือไม่”
“ไม่คิดเช่นนั้น”
“เพราะเหตุใด”
“เพราะการตัดสินใจของเจ้าล้วนถูกทั้งสิ้น”
“ช่างปากหวานนัก” หลานเยี่ยหัวเราะพูดเย้าออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้หลานเฟิงเกือบจะจับเขาทุ่มลง
“หลังจากนี้คิดจะทำเช่นไร”
“ตระกูลเยี่ยเป็นกระดูกชิ้นโต ไม่ง่ายจะกัดกิน เจ้ามีวิธีอะไรหรือไม่”
“เจ้ารู้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ” หลานเฟิงเงยหน้าขึ้นมองหลานเยี่ย
“ฮ่าๆ” หลานเยี่ยหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง หลานเฟิงไม่รู้ว่าเขากำลังหัวเราะอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งหลานเยี่ยก็สงบลง
“กองกำลังเก่าตระกูลเยี่ย ลำบากพวกเขาแล้ว”
“หากครั้งนี้สำเร็จ เช่นนั้นก็ง่าย หากไม่สำเร็จ เช่นนั้นไม่มีทาง ทำได้เพียงหาช่องทางใหม่แล้ว”
“ขอเพียงจับทิศทางภูมิประเทศตระกูลเยี่ยได้ชัดเจนก็พอแล้ว เจ้าเคยไปตระกูลเยี่ยมาก่อนใช่หรือไม่ รู้แจ้งหรือไม่”
“ภูมิประเทศตระกูลเยี่ยผ่านไปไม่กี่วันก็จะเปลี่ยน จำเป็นต้องรีบจัดการให้จบภายในสองสามวัน มิเช่นนั้นจะยากขึ้น”
“ลงมือเต็มที่ อย่างไรก็เพื่ออนาคตของพวกเรา”
“วันนี้พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้เริ่มปฏิบัติ”
“ดี ไม่อนุญาตให้ลงไม่ลงมือกับข้า”
“นอนอย่างสบายใจเถิด เจ้าเองก็เหนื่อยแล้ว” หลานเฟิงลูบศีรษะหลานเยี่ย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น