Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 409-415
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.409 – เทพสวรรค์และหญิงสาว
กู่ฉิงซานนั่งอยู่บนหลังช้างยักษ์
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาบินกลับมาหาเขา
เขาคว้าจับดาบ ขณะเดียวกันก็ยกคทาแห่งกษัตริย์อาชูร่า ชูขึ้นเหนือหัว
อาชูร่าทุกตนตลอดทั้งวิสัยทัศน์ต่างจับจ้องเขาด้วยความตื่นเต้น
อาชูร่าจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงและส่งเสียงเฮลั่น
ราชาเผ่าทั้งสี่นอนนิ่งอยู่บนพื้น จะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วก็ช่างมัน
เพราะทั้งสี่ได้ท้าสู้ชิงราชบัลลังก์ แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวที่จะโค่นกษัตริย์อาชูร่าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
กษัตริย์ได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของตนอีกครั้ง
“ยังมีใครต้องการที่จะท้าทายข้าอีกหรือไม่?”
กษัตริย์อาชูร่าตะโกนถาม
และเหล่าอาชูร่าทั้งหมดก็หุบปากลงทันที ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดๆ
เงียบสนิท
กู่ฉิงซานเฝ้ารออยู่ชั่วขณะหนึ่ง จึงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีมาก”
สิ้นเสียง เขาก็ค่อยๆลดมือลง และชี้คทาไปยังทิศทางเบื้องหน้า
“เช่นนั้นทั้งหมด มุ่งหน้าต่อไปยังเมืองเทวะ”
“รับทราบ!”
เหล่าอาชูร่าขานรับเสียงดัง
แล้วกองทัพก็เริ่มเคลื่อนขบวนอีกครา
คราวนี้ไม่มีใครกล้าออกมาขวางทางเขาอีกเลย
กองทัพได้ยกพลต่อไปอย่างรวดเร็ว
แต่ทันใดนั้นเอง กองทัพอาชูร่าทั้งหมดก็หายไป
ช้างยักษ์และคทาแห่งกษัตริย์อาชูร่าก็หายไปเช่นกัน
กู่ฉิงซานพบว่าตนเองกำลังนั่งอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า
ขณะที่กษัตริย์อาชูร่าปรากฏตัวขึ้นตรงข้ามเขา
กษัตริย์อาชูร่าเอาแต่ก้มหน้าลงและไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอยู่เนิ่นนาน
“ข้าสามารถไปเลยได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ
“เหตุใดเจ้าจึงคิดที่จะสละราชบัลลังก์?” กษัตริย์อาชูร่าเอ่ยปากออกมาเป็นครั้งแรก
“ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ขณะที่ตัวข้านั้นอ่อนแอ ฉะนั้นอันดับแรกเราเลยต้องถอยก่อน เพื่อที่จะได้จัดวางกลยุทธ์”
“แต่เจ้าผิดคำพูด เจ้ามิได้สละราชบัลลังก์”
“พอพวกเขาทั้งหมดได้ตายลง ก็ไม่มีใครกล้าที่จะขึ้นมาท้าสู้ใหม่ สิ่งที่ข้ากระทำ ส่งผลให้ข้ายังคงได้เป็นกษัตริย์ต่อไป” กู่ฉิงซานกล่าว
กษัตริย์อาชูร่าพอได้ฟังก็หัวเราะออกมาทันใด
“เป็นข้าที่พลาดเอง มันคือความผิดพลาดของข้า”
ขณะกล่าว ร่างเขาก็ค่อยๆจางหายไป
อากาศโดยรอบบังเกิดการกระเพื่อมไหว ก่อนจะเริ่มก่อรูปไพ่ทรงสี่เหลี่ยมแห่งกษัตริย์อาชูร่า
ไพ่ใบนี้ลอยมาอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน
บนหน้าไพ่ เห็นแค่เพียงกษัตริย์อาชูร่ากำลังถือคทาแห่งกษัตริย์ และนั่งอยู่บนหลังช้างเผือกขนาดยักษ์
ขณะเดียวกันภายในไพ่ก็มีอาชูร่าในชุดเกราะสี่ตนยืนอยู่
อาชูร่าในชุดเกราะก้าวไปตามทิศทางเบื้องหน้าภายใต้คำสั่งของกษัตริย์อาชูร่า
ไม่กี่บรรทัดตัวอักษรเล็กๆปรากฏขึ้นในส่วนล่างของไพ่
“นักรบที่ทรงพลังที่สุดในอาณาจักรอาชูร่า หนึ่งในสี่ผู้นำของกองทัพพันธมิตร และเป็นสหายที่ดีของราชาภูติ”
“เนื่องเพราะในช่วงปลายของสงครามเขาจำต้องต่อกรกับราชาทั้งสี่เผ่า หมดสิ้นแล้วซึ่งเรี่ยวแรง จึงไม่สามารถเร่งรุดไปช่วยราชาภูติที่อยู่ในเมืองเทวะได้ทันการ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่อาจให้อภัยตนเองได้ แปรเปลี่ยนตนเป็นไพ่ และเฝ้ารอมานานกว่า 10000 ปี”
“กษัตริย์อาชูร่า ไพ่ศาสตร์มนตราจากสำรับแห่งการแก้แค้น เมื่อไหร่ก็ตามที่ไพ่ใบนี้ถูกเปิดใช้งาน คำมั่นสาบานที่ทั้งสี่อาณาจักรได้ให้ไว้เมื่อ 10000 ปีก่อน จะก่อร่างพันธนาการขึ้นอีกครั้ง”
“คำสาบานของทั้งสี่อาณาจักร : เทพสวรรค์ , ผีร้าย , อาชูร่า และจ้าวอสูร จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่หักหลังกันและกัน ดั่งเช่นที่สี่ผู้นำแต่ละอาณาจักรได้เคยปฏิญาณเอาไว้”
เมื่อกู่ฉิงซานอ่านบรรทัดนี้จบ กษัตริย์อาชูร่าก็มองเขาจากภายในไพ่
“เจ้าจะต้องทำได้ดีกว่าข้า หากตัวข้าในอดีตเยือกเย็นเหมือนดั่งเช่นเจ้าแล้วล่ะก็ … ”
กษัตริย์อาชูร่าถอนหายใจ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปสู่ความฝันถัดไป”
“ขอบพระคุณท่าน”
กู่ฉิงซานรับเอาไพ่มา
ทันใดนั้นอากาศที่ว่างเปล่าก็บังเกิดรอยแตกร้าว กลายเป็นอนุภาคขนาดเล็กนับไม่ถ้วนและหายไปโดยสมบูรณ์
กู่ฉิงซานค้นพบว่าตัวเองได้อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่
แสงอันเงียบสงบสาดส่องไปทั่วทุกสถานที่
อาคารสูงตระหง่านที่ดูเคร่งขรึม ก่อขึ้นจากอิฐขาวบริสุทธิ์
นี่คือห้องโถงที่กว้างขวางและสว่างไสว
ขณะที่ใจกลางห้องโถง มีคนมากมายกำลังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่
จ้าวอสูร , ผีร้าย และผู้ที่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีแดง คนๆนี้ดูเหมือนจะเป็นเฉินยี่(ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ)
พวกเขาต่างจับจ้องมายังใจกลางห้องโถงอย่างใกล้ชิด .. จ้องมาข้างกู่ฉิงซาน
หือ?
ทำไมฉันถึงเคลื่อนไหวไม่ได้ล่ะ?
แล้วอะไรกันที่อยู่ข้างๆฉัน
กู่ฉิงซานรู้สึกฉงน
ทว่าเขาเพียงนึกคิด เสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นจากข้างกายเขา
“ ข้าเพียงต้องการที่จะทำงานวิจัยที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครในนรก ไม่มีความคิดที่จะรุกล้ำผลประโยชน์ของพวกเจ้า ดังนั้น ต่อจากนี้ไปได้โปรดอย่ามายุ่งกับข้าอีก”
กู่ฉิงซานไม่สามารถหันหัวเขาไปมองได้เลย ตนจึงปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไปตรวจสอบแทน
เห็นแค่เพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมแว่นกรอบใหญ่สีดำ และกำลังถือหนังสือในมือของเธอยืนอยู่ข้างๆเขา
ผู้หญิงแม้ดูจะบอบบาง ทว่าเธอกลับมีกลิ่นอายที่มิอาจอธิบายได้ มันพรั่งพรูออกมาจนทำให้ทุกคนถูกกดดันแทบทนไม่ไหว
และเมื่อครู่คือเสียงพูดของเธอ
ตรงกันข้ามกับเธอ คือสามกษัตริย์ที่กำลังนั่งอยู่
มีกษัตริย์จ้าวอสูร , กษัตริย์ผีร้าย และชายชราในเสื้อคลุมแดงที่ดูหรูหรางดงาม
เห็นได้ชัดว่ากษัตริย์จ้าวอสูรและผีร้าย ที่นั่งอยู่มีชายชราเสื้อคลุมแดงเป็นผู้นำ
เมื่อหญิงสาวเอ่ยจบ ทุกคนก็นิ่งเงียบไป ไม่เอ่ยปากกล่าวไปครู่หนึ่ง
“เอาล่ะ ต่อจากนี้ไปทุกคนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบร่วมกัน ลาก่อน”
หญิงสาวขยับกรอบแว่น และลุกขึ้นยืน
เธอถือหนังสือไว้ในมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างคว้าจับกู่ฉิงซาน
ช้าก่อน!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ในใจของกู่ฉิงซานร่ำร้องอย่างลับๆ
แล้วทันทีหลังจากนั้น กู่ฉิงซานก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็นๆของมือเล็กๆ
เธอกำลังจับตัวเขา?
กู่ฉิงซานรีบกวาดจิตสัมผัสเทวะออกมาสำรวจตนเองอย่างรวดเร็ว
ไม้เท้าสีดำ ตรงส่วนหัวฝังกะโหลกเขาแหลม ขณะที่ตามตัวปลดปล่อยหมอกทมิฬอันน่าเกรงขามออกมา
ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ!
คราวนี้ตัวเขาได้กลายเป็นไม้แท้าแห่งการจองจำ!
-งั้นผู้หญิงคนนี้ก็เป็นราชาภูติจากนรกน่ะสิใช่ไหม?
คงใช่แล้ว เพราะไม่มีคำอธิบายอื่นใดอีก
มีเพียงราชาภูติเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองไม้เท้านี้ได้
กู่ฉิงซานกลายเป็นโง่งม
เมื่อค้นพบถึงความจริงอันน่าอัศจรรย์ใจนี้ สติตนก็ล่องลอยไป มิอาจเรียกกลับคืนได้ชั่วเวลาหนึ่ง
หญิงสาวถือเขา และเตรียมที่จะจากไป
“ช้าก่อน!”
หญิงสาวหันกลับมา และพบว่ามันเป็นเสียงของชายชราชุดคลุมแดง
“ยังมีอะไรอีก?” หญิงสาวเอ่ยถาม
“เจ้ากล่าวว่ากำลังทำการวิจัยในนรก ข้าต้องการที่จะทราบว่าแท้จริงแล้วเจ้ากำลังศึกษาเรื่องอันใดอยู่?” ชายชราชุดคลุมแดงเอ่ยถาม
“โอ้ ดูเจ้าจะเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวให้ความสนใจกับคำถามนี้มาก
“จริงๆแล้วข้ากำลังศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของภูเขาล้อมเหล็กน่ะ”
“สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของภูเขาล้อมเหล็ก? เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังหลอกลวงผู้ใดกัน! ที่นั่นนอกจากสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอยู่อีกเลย!” ชายชราขึ้นเสียง
“อ้อ เจ้าเรียกมันว่าสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลสินะ? ใช่ นั่นแหละ ข้ากำลังศึกษามันอยู่”
ชายชรากล่าวเตือน “มันสามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่ง เหตุใดเจ้าจึงได้สนใจมัน?”
“ในหลากหลายโลก มิได้มีสายลมอันน่าสะพรึงนี้ปรากฏออกมา อีกอย่างข้าก็บังเอิญได้ค้นพบส่วนหนึ่งของบันทึกเกี่ยวกับมันจากเอกสารล้ำค่าอีกด้วย”
หญิงสาวพูดด้วยควาวมกระตือรือร้น
“ก็อย่างที่บอกไปว่าในหลายๆโลกน่ะมันไม่มีสายลมนี้ แต่ยามเมื่อข้าได้มายังโลกของเจ้า ข้าก็ได้ค้นพบถึงการดำรงอยู่ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเมื่อค้นพบสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหล อำนาจของมันเกรี้ยวกราดอย่างหาที่ใดเปรียบ จึงเป็นธรรมดาที่ข้าต้องการจะศึกษามัน”
ชายชราชุดคลุมแดงจ้องมองหญิงสาว เอ่ยปากกล่าวอย่างลึกซึ้ง “แต่เจ้าไม่คิดหรือว่า หากเจ้าทำสิ่งใดผิดพลั้งไปในระหว่างการศึกษา แล้วสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลเล็ดลอดเข้าสู่โลกปรภพ ยามนั้นกระทั่งทั้งหกโลกก็จะดับสูญลงโดยสายลมนี้”
“และพวกเราทุกคนที่นี่ก็จะต้องตาย และไม่มีโอกาสได้กลับมาเกิดใหม่อีกเลย”
หญิงสาวพอได้ฟังก็โบกมือ และกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าได้ทำการวิจัยทดลองมาหลายปีแล้ว และยังคงยึดมั่นในกฏหนึ่งเสมอ”
“กฏอันใด?”
“ปลอดภัยไว้ก่อน”
ขณะกล่าว ราวกับรู้สึกได้ว่าคำพูดของตนมันไม่มีความเชื่อถือมากพอที่จะโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายได้ ตนจึงเปิดหนังสือและจั่วไพ้ใบหนึ่งออกมาแสดงต่อหน้าผู้คนทั้งหมด
บนหน้าไพ่ เป็นภาพของลูกตาขนาดใหญ่
หมอกสีขาวลอยฟุ้งและหนาแน่นขึ้นในดวงตาใหญ่ ก่อให้เกิดกระแสหมุนวนอันคมชัด
“ดูนี่สิ นี่คือไพ่พยากรณ์แห่งโชคชะตาที่หาได้ยากยิ่ง ในช่วงที่ข้าทำการวิจัย ข้ามักจะเก็บมันไว้ข้างกายเสมอ และมักจะมองมันก่อนเริ่มดำเนินการวิจัยในแต่ละขั้น”
“มันสามารถทำนายผลแห่งการกระทำของข้าได้ทุกครั้ง ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น”
หญิงสาวยิ้มอย่างภาคภูมิ
“ข้าสามารถได้รับการแจ้งเตือนจากไพ่นี้ และผ่านพ้นการตรากตรำมานับครั้งไม่ถ้วน”
แต่แล้วจู่ๆเธอก็ตื่นตระหนกในฉับพลัน
เพราะไพ่ในมือได้สาดม่านแสงมืดหม่นออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่มันเป็นสัญญาณของลางร้าย!
หญิงสาวรีบพลิกไพ่อย่างรวดเร็ว เพื่อมองดูสถานการณ์ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตน
บนหน้าไพ่ หมอกสีขาวในดวงตาใหญ่ได้สลายหายไปโดยสิ้นเชิง
และมีเพียงศพๆหนึ่งที่ล้มตัวลง นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องโถงใหญ่
เป็นศพของเธอเอง
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.410 – ตัดขาดเวลา
เมื่อหญิงสาวได้จั่วไพ่พยากรณ์โชคชะตาออกมา
ชายชราชุดคลุมแดงก็เริ่มเคลื่อนไหว
เขาก้าวไปข้างหน้าและกดมือวางลงบนลวดลายบางส่วนที่สลักอยู่บนพื้น
พริบตานั้นบังเกิดรังสีแสงสาดออกมาจากลวดลาย และว่ายผ่านไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว
เกือบจะในทันที ทุกลวดลายที่สลักอยู่บนพื้นก็พลันสว่างไปด้วยแสงไสว
หลังจากนั้น หญิงสาวก็เห็นศพตัวเองอยู่ภายในไพ่
ตลอดทั้งห้องโถงเริ่มสั่นสะเทือน
แสงส่องไสวเดือดพล่าน พวกมันไหลย้อนกลับ ผ่านทุกผู้คนไป
แสงไสวว่ายย้อนกลับไปรวมตัวกันใจกลางห้องโถง และเริ่มก่อรูปเป็นร่างเงารูปแบบหนึ่ง
มันเป็นร่างเงาที่บางเบาของชายที่มีปีกคู่หนึ่ง
แม้ชายคนดังกล่าวจะเพียงยืนอยู่ที่นั่น แต่เขากลับสามารถระเบิดพลังอันใหญ่ยิ่งออกมา จนทุกคนในห้องโถงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
“ท่านบรรพชน เร่งใช้สกิลเทวะ เอาชีวิตของคนพวกนี้เร็วเข้า!” ชายชราชุดคลุมแดงเร่งเร้าอย่างกระวนกระวาย
ร่างเงาบางเบาพยักหน้า และค่อยๆเผยอปากเล็กน้อย
ทันใดนนั้นเอง ทั่วทั้งห้องโถงก็พลันถูกปกคลุมไปด้วยกระแสลมแรงกระพือว่อน
“เทพสวรรค์!”
“นั่นเจ้าคิดจะทำอะไร?”
“เจ้าจะกำจัดพวกเราไปด้วยอย่างงั้นหรือ? บัดซบ! เจ้าทรยศต่อพันธสัญญา!”
“สารเลวหลอกลวง!”
ผู้นำของสี่กองทัพพันธมิตรต่างอุทานด้วยความโกรธ
ทว่าพวกเขากลับไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะยกมือขึ้น ตลอดทั้งเนื้อทั้งตัวเริ่มที่จะดับสูญไป
ในไม่ช้า ผู้นำพันธมิตรเหล่านี้ก็กลายเป็นโครงกระดูกที่มีรูปทรงแตกต่างกันออกไปและร่วงตกลงกับพื้น
ขณะที่ทางด้านหญิงสาว เธอเหวี่ยงไพ่สองใบออกไปอย่างทันท่วงที พวกมันเปลี่ยนเป็นกระแสแสงทั้งน้ำเงินและแดง หลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นโล่ยักษ์ ปกปักษ์กายเธอและเบื้องหน้าไปพร้อมๆกัน
ลมแรงพัดกระทบกับโล่ บังเกิดเสียงหนักทึบเล็กน้อย ฟังแลคล้ายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างโลหะ
ตลอดทั้งห้องโถง บัดนี้เหลือเพียงชายชราชุดคลุมแดงและหญิงสาวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
บนใบหน้าของหญิงสาวเผยถึงความประหลาดใจ เธออุทานออกมา “นั่นมันเทพวิญญาณที่แท้จริง! แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้พลังอำนาจได้แค่เพียงเฉพาะในห้องโถงเท่านั้น งั้นตราบใดที่ข้าออกจากที่นี่-”
เธอจั่วไพ่ออกมาอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ในเวลาเดียวกัน ชายร่างบางก็ดูดพลังจากเหล่าผู้นำพันธมิตรมาได้เพียงพอแล้ว!
พริบตานั้นทุกสิ่งพลันล่มสลาย แตกกระจายเป็นจุดแสงดาว
และทุกจุดของแสงดาว ทั้งหมดล้วนหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
หญิงสาวคว้าไพ่ในมือ และกำลังจะเหวี่ยงมันในเสี้ยววินาทีถัดไป
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง ราวกับเธอตกอยู่ในสภาวะเร่งรีบและไม่อยากจะเชื่อ
เธอหยุดนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเช่นเดียวกันกับเหล่าจุดแสงดาว
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้า หรือการเคลื่อนไหวของเธอ ทั้งหมดล้วนหยุดนิ่ง
ทุกสิ่งอย่างตลอดทั้งห้องโถง แน่นิ่งไม่ไหวติง
มีเพียงชายชราในชุดคลุมแดงเท่านั้นที่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้
ชายชราในชุดคลุมแดงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากเขา ถอนบรรเทาลมหายใจออกมา
เขาก้าวเข้าไปหาหญิงสาวและดูไพ่ในมือของฝ่ายตรงข้าม
ไพ่ใบนั้นเกือบจะหลุดออกจากมือของหญิงสาวอยู่รอมร่อแล้ว
“อันตราย อันตรายจริงๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่ในที่สุดก็แผนนี้ก็ประสบผลสำเร็จ”
บนหน้าของชายชราได้เผยถึงคำใบ้ของความหวาดกลัว
เขาเตะตัดขาหญิงสาวจนทั้งคนทั้งร่างของเธอล้มลง และเรียกขวานสองคม ออกมา
“เพียงเท่านี้ ปัญหาของโลกทั้งสี่ก็จะถูกแก้ไขเสียที”
“ผู้ที่จะปกครองทั้งหกโลก สมควรที่จะเป็นข้าแต่เพียงผู้เดียว มิใช่ตัวน่ารำคานอย่างเจ้า!”
.
เขายกขวานสองคมขึ้น และฟันฉับ! ตัดลงบนคอของหญิงสาว
แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะถูกตัดหัว และระยะของคมขวานห่างจากลำคอไม่ถึงหนึ่งนิ้ว เวลานั้นเอง ก็บังเกิดเสียงดังขึ้นทันใด
เคร้ง!
มันคือเสียงที่เกิดจากดาบยาวที่มีใบดาบเรียวบาง
ช่วงเวลาที่ดาบปรากฏกายขึ้น มันก็ได้สกัดขวานหินของชายชราชุดแดงเอาไว้
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ชายชราในชุดคลุมแดงอุทานออกมา
ในพริบตาต่อไป
ขณะที่ชายชราชุดแดงกำลังจะโบกอาวุธขวานสองคมของเขาเข้าสู้ต่อไป
ทว่ารังสีดาบที่พลุ่งพล่าน ดันระเบิดออกมาจากตัวดาบเสียก่อน
รังสีดาบเหล่านี้กวาดออกไปเป็นแนวนอน เปรียบเสมือนดั่งกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากที่ไหลผ่านทั้งสวรรค์และโลก ทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง กระทั่งตัวอาคารที่อยู่เบื้องหน้า
รังสีดาบอันกว้างใหญ่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ชายชราในชุดคลุมแดงได้ถูกกระแสรังสีท่วมใส่ และจมหายไปไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว
อาคารเบื้องหน้าทั้งหมดได้ถูกกวาดหายไปโดยรังสีดาบโดยสมบูรณ์ เหลือทิ้งไว้เพียงเถ้าควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
เทคนิคลับแห่งดาบ กระแสธารอันยิ่งใหญ่!
มันคือสกิลดาบของกู่ฉิงซาน และฉานนู่เป็นผู้ใช้มันออกมา
หลังจากนั้นไม่นานนัก ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
หญิงสาวในฐานะราชาภูติยืนขึ้น อย่างไรก็ตาม เธอกลับมิได้มองไปยังดาบขุนเขาเทวะหกโลกา
แต่เธอกำลังมองดูไม้เท้าแห่งการจองจำ ด้วยสีหน้าที่เริ่มฉงนมากขึ้น
การแสดงออกของเธอ ราวกับว่าได้เห็นถึงฉากที่ไม่อยากจะเชื่อ
“หลังจากที่ผ่านพ้นมากว่า 10000 ปี ในที่สุดแสงแห่งความหวังก็ปรากฏ …”
หญิงสาวพึมพำ และทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลริน
ไพ่ในหนังสือลอยออกมา และถูกคว้าจับไว้ในมือเธอ
เธอวางไพ่ใบนั้นลงบนไม้เท้าแห่งการจองจำ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขจัดพันธนาการ”
ทันใดนั้นภาพทั้งหมด แม้กระทั่งหญิงสาวก็หายไป
กู่ฉิงซานได้รับการปลดปล่อย สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในที่สุด
ขณะเดียวกัน ไม้เท้าแห่งการจองจำก็ลอยออกมาจากตัวเขา และหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ
บังเกิดระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นในอากาศ
ระลอกคลื่นเหล่านี้รายล้อมรอบไม้เท้าแห่งการจองจำ และค่อยๆปรากฏเป็นกรอบของไพ่
ภาพไพ่ไม้เท้าแห่งการจองจำยังคงลอยเด่นอยู่กลางเวหา
ขณะที่ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา บินกลับไปข้างๆกู่ฉิงซาน
ฉานนู่ปรากฏรูปร่างออกมา และหันไปมองรอบๆอย่างระมัดระวัง
“เมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ชายชราดูเหมืนจะใช้เทคนิคลับบูชายัญ เพื่อเปิดใช้งานสกิลเฉพาะบางอย่าง แต่หลังจากนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“นั่นคือเทพที่แท้จริง เขาได้สำแดงสกิลเทวะ : ‘ตัดขาดเวลา’ ออกมา” ฉานนู่เอ่ยตอบ
“ตัดขาดเวลา?”
“ใช่ เทพที่แท้จริงได้แยกช่วงเวลาหนึ่งออกจากกระแสแห่งเวลา ทำให้ช่วงเวลาของสิ่งมีชีวิตในห้องโถงจะไม่สามารถเลื่อนไปข้างหน้า หรือถอยไปข้างหลังได้ กล่าวคือจะเป็นการรักษาสภาพเดิม นิ่งงันไม่อาจเคลื่อนไหวได้”
“แล้วต่อจากนั้นล่ะ”
“ก็พอขบคิดถึงจุดประสงค์ที่พวกเรามาที่นี่ ข้าก็อดไม่ได้ที่จะลงมือช่วยเหลือราชาภูติน่ะสิ”
“ในเมื่อเวลาถูกหยุดนิ่ง แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังเคลื่อนไหวได้?”
“นายน้อย ท่านลืมไปแล้วหรือ ว่ากฏเกณฑ์ทั้งหลายมิอาจส่งผลกระทบต่อข้าได้”
แล้วกู่ฉิงซานก็นึกขึ้นได้ ว่าฉานนู่จริงๆแล้วมีพลังศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘แหกกฏ’ อยู่
หากเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คงไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่สามารถพันธนาการฉานนู่ได้
–พลังศักดิ์สิทธิ์ ‘แหกกฏ’ ช่างน่าเกรงขามอย่างแท้จริง
“วิเศษจริงๆ โชคดีเหลือเกินที่มีเจ้า บอกตามตรงตัวข้าเองก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะมีคนอื่นใดอีกแล้วที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์เมื่อครู่ได้” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ตัดขาดเวลา
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นระดับเดียวกันกับกฏเกณฑ์แห่งโลกเช่นนั้น กล่าวได้เลยว่าเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะยับยั้งมัน
ฉานนู่หัวเราะ “เป็นเทคนิคดาบของนายน้อยต่างหากเล่าที่วิเศษ แต่ละกระบวนท่าล้วนทรงพลังยิ่ง มิฉะนั้นแล้วหากข้าลงมือเพียงลำพัง ย่อมมิอาจสำแดงพลังได้ถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานเริ่มสนใจ เขาเอ่ยถามออกไปว่า “เช่นนั้นจากในบรรดาเทคนิคดาบของข้า กระบวนท่าใดกันที่เจ้าชมชอบมากที่สุด?”
ฉานนู่กล่าวอย่างลังเล “ข้าชอบเจ็ดดารา มังกรแหวกธารา แต่ขณะเดียวกันก็เกรงว่าตัวเองจะสำแดงมันออกมาไม่ดี”
“มีสิ่งใดจะต้องกลัวอีกเล่า ในเมื่อเจ้ามีทักษะและประสบการณ์ทั้งหมดของข้า ครั้งต่อไปก็ลองใช้ดูแล้วกันนะ” กู่ฉิงซานปลอบประโลม
เขาเงยหน้าขึ้น และมองไปยังไม้เท้าแห่งการจองจำที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
“ไว้ค่อยคุยกัน ข้าขอตัวไปเอามันลงมาก่อน”
ว่าแล้วเขาก็กระโดดสูงขึ้นไปคว้าจับไม้เท้า
ขณะที่ฉานนู่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และไม่ได้มองตามเขา
ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ความเย็นชาที่ปกติมักจะแขวนอยู่บนใบหน้าของฉานนู่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ และถูกการแสดงออกที่กระตือรือร้นเข้ามาแทนที่
ได้ยินเพียงเสียงอันแผ่วเบาของฉานนู่ที่เอ่ยออกมาอย่างลังเล “เจ็ดดาบเพื่อเรียกมังกร แล้วช่วงเวลาที่มังกรทะยาน … คงต้องลองดู ว่ามันจะรู้สึกอย่างไร … ”
กลางเวหา กู่ฉิงซานสามารถคว้าจับไพ่ที่ผนึกไม้เท้าแห่งการจองจำไว้ได้ในที่สุด
แล้วไพ่ก็เริ่มถูกเปิดใช้งาน ฉากต่างๆโดยรอบได้จางหายไป
ในวิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานพร่าเบลอ เจ้าตัวสติหาดห้วงไปชั่วพริบตาหนึ่ง
วินาทีต่อมา เขาก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่หน้าบาร์เหมือนในตอนแรก
ชายชุดดำกำลังเผชิญหน้ากับเขา และยังคงยกถือไพ่สงครามขนาดใหญ่เอาไว้
กู่ฉิงซานถอนมือออกจากไพ่สงคราม
“เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?” เขาเอ่ยถาม
“สามวินาที” ชายชุดดำเอ่ยตอบ
“สงครามนี้เกิดขึ้นเมื่อใด?”
“ 10000 ปีก่อน”
กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็สูดหายใจลึก
“ดูเหมือนว่าข้าจะผ่านแล้วสินะ” เขากล่าว
“ใช่ เจ้าได้รับสิทธิ์ที่จะใช้ไม้เท้าแห่งการจองจำ และนางได้อนุญาตเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว”
“นาง?”
“ก็คนที่เจ้าเอ่ยปากเรียกว่าราชาภูติอย่างไรเล่า”
ชายชุดดำไตร่ตรองเล็กน้อยและกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว ดังนั้นเจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ชื่อของเรา”
“นางชื่อว่า ‘ชิงหยิน’ ส่วนข้าชื่อว่า ‘หลาน’ ”
ชายชุดดำที่ชื่อว่าหลานเอ่ยปากออกมาว่า “หากจะให้ข้าอธิบายล่ะก็ … ชิงหยินน่ะชอบศึกษาในสิ่งที่ไม่รู้จัก ดังนั้นนางจึงได้เลือกเดินทางมายังหกโลกของพวกเจ้า”
“อ้อจริงสิ พวกเรารู้จักกันน่ะ เดิมทีแล้วนางกับข้าจะติดต่อกันนานๆครั้ง”
“แต่แล้ววันหนึ่ง ข้าก็ได้รับไพ่ขอความช่วยเหลือจากนางถึงสามใบ”
“ไพ่ขอความช่วยเหลือ?”
“ไพ่นายพลภูติ , ไพ่กษัตริย์อาชูร่า และไพ่ไม้เท้าแห่งการจองจำ”
“บางทีเจ้าอาจจะไม่เข้าใจ แต่นี่เป็นเทคนิคอันลึกล้ำที่สุดของผู้ใช้ไพ่ แปลงพันธมิตรที่น่าเชื่อถือได้เป็นไพ่ และส่งมันผ่านมิติที่ว่างเปล่าเพื่อมาแจ้งข่าวให้ข้าทราบ”
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.411 – เฝ้ารอคอยกว่า 10000 ปี
ชายชุดดำที่ชื่อหลานถอนหายใจ “เป็นชิงหยินเองที่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีร่างเงาของเทพที่แท้จริงเก็บรักษาเอาไว้ นั่นคือสาเหตุที่เธอต้องจบลงแบบนั้น”
“ตั้งแต่เมื่อ 10000 ปีก่อนเชียวหรือ … ท่านควรจะช่วยเธอ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ข้ากำลังทำอยู่ แต่มันยังไม่ประสบความสำเร็จ”
สีหน้าของหลานแลดูเศร้าสร้อย
“ไพ่ขอความช่วยเหลือทั้งสามนี้ ล้วนมาพร้อมกับปัญหาของชิงหยินที่จะต้องแก้ไข”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?”
“เพราะเธอเชื่อว่ามีเพียงการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เท่านั้น จึงจะมีโอกาสที่จะช่วยชีวิตเธอได้”
กู่ฉิงซานขบคิดและกล่าวว่า “แต่มันก็ตั้ง 10000 ปีมาแล้ว ท่านน่าจะแก้ไขปัญหาของไพ่ทั้งสามนี้ได้ตั้งนานแล้วสิ”
“หากให้ข้าเป็นผู้แก้ไขมันด้วยตัวเองน่ะ มันก็จะไร้ประโยชน์”
“ทำไมกัน? ท่านมิใช่ผู้ใช้ไพ่หรอกหรือ?”
“เรื่องมันยาวน่ะ”
“และหูข้าจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากได้รับฟัง”
หลานชี้แจงอย่างจริงจัง “ก็โลกของพวกเจ้าน่ะ มันเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งในหกวิถีแห่งสังสารวัฏ”
“ในทุกๆโครงสร้างของโลกทั้งหมด ในแต่ละหกโลก … ล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์ พวกมันล้วนอยู่ภายใต้ทัณฑ์โกลาหล แต่ก็มีความมั่นคง มีเสถียรภาพเป็นอย่างมาก”
“สรุปง่ายๆว่าทั้งหกโลกของพวกเจ้าน่ะได้ก่อร่างห่วงโซ่ที่สมบูรณ์แบบขึ้น พร้อมกับอุปสรรคกีดขวางทางธรรมชาติที่ทรงพลังที่สุดและนั่นคือการปกป้องจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์”
“แล้วเจ้าสิ่งนี้มีผลกระทบต่อการที่ท่านจะช่วยชีวิตคนอย่างไร?”
“ก็ข้าน่ะเป็นคนจากภายนอกโลกทั้งหกอย่างไรเล่า ดังนั้น พริบตาที่ข้าออกไปปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรสววรค์ เหล่าผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพก็จะรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของข้าทันที”
“พวกมันจะใช้จิตวิญญาณของชิงหยินข่มขู่ข้าให้ทำสิ่งต่างๆแก่พวกมัน ขณะที่ชิงหยินจะไม่ถูกช่วยเหลือ”
“ท่านไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้อย่างงั้นหรือ?”
“หากต่อสู้ตรงๆกับผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพข้าเองก็ไม่แน่ใจถึงผลลัพธ์หเมือนกัน นับประสาอะไรกับการที่พวกมันมีจิตวิญญาณของชิงหยินอยู่ในมือ”
“มีจิตวิญญาณอยู่ในมือ? ท่านกำลังจะกล่าวว่าจิตวิญญาณของนางยังไม่ดับสูญ?”
“ใช่ พวกมันไม่กล้าที่จะจัดการกับจิตวิญญาณของนาง เพราะหากทำเช่นนั้น ชิงหยินจะต้องพังทลายและเกิดการระเบิดแผดเผาทำลายล้างขึ้นอย่างแน่นอน”
“ที่ว่านั่นหมายความว่ายังไง?”
“ก็ชิงหยินน่ะเป็นผู้ใช้ไพ่ที่ทรงพลานุภาพ ไม่เพียงจะทรงพลังมหาศาลในก่อนที่นางจะตาย แต่นางจะร้ายกาจยิ่งกว่าเมื่อยามที่นางสิ้นใจลง – นางได้เปิดจิตวิญญาณของตัวเองเพื่อสร้างคำสั่งพิเศษบางอย่างขึ้นมา”
“และเหล่าเทพสวรรค์ก็หวาดกลัวสถานการณ์ที่ว่านั่น พวกเขาจึงทำได้เพียงผนึกเธอเท่านั้น”
“กล่าวคือ นางได้สร้างสถานการณ์ที่ส่งผลให้ไม่มีใครสามารถทำลายได้ให้กับตนเอง”
ชายชุดดำถอนหายใจ “ข้าได้คำนวณสถานกาณ์ทั้งหมดนี้มาแล้วเป็นสิบๆล้านครั้ง แต่ก็ยังไม่ค้นพบวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์นี้เลย”
กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าวว่า “ข้าต้องขออภัยจริงๆ ยังมีหลายอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ – ที่ท่านเรียกว่าผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพนั้นมันคือสิ่งใดกัน?”
“ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพก็คือลูกหลานของเทพวิญญาณ”
“เนิ่นนานมาแล้ว เทพวิญญาณทั้งหมดไม่ตายจากก็หายสาบสูญไป หลงเหลือเพียงลูกหลานของพวกเขาที่ยังมีชีวิตอยู่”
“ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพเหล่านี้จะเป็นมืออาชีพตั้งแต่กำเนิด เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้เติบใหญ่ สกิลเทวะก็จะถูกปลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพยังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะและความมั่งคั่งมากมายที่เทพวิญญาณได้เหลือทิ้งเอาไว้ให้พวกเขา”
“นั่นฟังดูยากที่จะรับมือจริงๆ”
“ใช่ พวกเขาน่าสะพรึงกลัวยิ่ง กระทั่งผู้ใช้ไพ่อย่างชิงหยิน ที่มีความรู้ความเข้าใจในสกิลเทวะอย่างถ่องแท้ ก็ยังต้องติดอยู่ภายใต้ ‘ตัดขาดเวลา’ ที่เทพวิญญาณจากยุคโบราณได้เหลือทิ้งเอาไว้”
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “เช่นนั้น นับตั้งแต่เมื่อหมื่นปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่าผู้ที่คอยควบคุมปรภพก็คือผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ? กระทั่งอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังเป็นผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพที่กำลังปกครองอยู่ ใช่หรือไม่?”
“ใช่”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ “ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพทรงพลังยิ่ง หากต้องการจะช่วยเหลือจิตวิญญาณออกจากเงื้อมมือของพวกเขา มันย่อมเป็นเรื่องยากอย่างแท้จริง”
“ใช่ ดังนั้นทุกอย่างที่ข้าพอจะทำได้ในแต่ละวันก็คือเฝ้ารอให้คำพยากรณ์แง้มข้อมูลบางอย่างออกมา เปิดเผยมันแก่ข้า” หลานถอนหายใจออกมา
“ข้าขอเดาว่า–ท่านคงต้องการให้ข้าทำอะไรบางอย่างสินะ?” กู่ฉิงซานกล่าว
ชายชุดดำยิ้ม
เขาเปิดขวดสุราด้วยตนเอง และเติมมันให้แก่กู่ฉิงซาน
“ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพมีความระแวดระวังผู้คนจากโลกภายนอกมาก แต่พวกเขากลับเลิ่นล่อต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวลภายในหกโลก”
“จิตวิญญาณของชิงหยินถูกผนึกโดยพวกเขาไว้ในอาณาจักรสวรรค์ และมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือนางได้”
“หากอิงตามที่ท่านอธิบายถึงผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ ความแข็งแกร่งของข้านับว่าน้อยยิ่ง คงมิแกร่งพอที่จะทำภารกิจนี้ได้” กู่ฉิงซานกล่าว
ชายชุดดำ “เจ้ามิต้องทำสิ่งใดเป็นพิเศษเลย ข้าก็แค่มาแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อให้เจ้าทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ท่านกำลังหมายถึงอะไร?”
“ข้าได้ใช้ไพ่พยากรณ์เพื่อพยากรณ์หาวิธีแก้ไขปัญหานี้มาเนิ่นนานแล้วตั้งแต่เมื่อ 9500 ปีก่อน มันบอกข้าว่าจนกระทั่งถึงขณะนี้ โอกาสที่จะช่วยเหลือชิงหยินได้น่ะ มีน้อยนิดยิ่ง”
เขาหยิบเอาไพ่ทั้งหมดที่ตนมีออกมาวางเรียงๆกันบนโต๊ะบาร์
มีทั้งสิ้น 54 ไพ่
ขณะที่ด้านหลังของไพ่เหล่านี้ มีลวดลายและรูปแบบพื้นหลังที่สม่ำเสมอกัน
มันคือรูปของแสงศักดิ์สิทธิ์ที่หมุนวนรอบทูตสวรรค์ที่กำลังปิดตาลงและประกบสองมือสวดอ้อนวอนอธิษฐาน
“ไพ่สำรับนี้ ถูกสร้างขึ้นตามความปรารถนาของผู้ใช้ไพ่”
“สำรับไพ่ของข้าน่ะค่อนข้างพิเศษ ข้าไม่สามารถยกเลิกหรือจัดเรียงมันใหม่ได้ ข้าเลยจำต้องแบ่งจิตวิญญาณออกมา เพื่อที่จะใช้จิตวิญญาณที่สองที่แบ่งออก สร้างสำรับไพ่ใหม่”
“มันฟังดูยากเย็นจัง”
“และข้าก็ริเริ่มทำมันมาตั้งแต่เมื่อ 9000 ปีก่อน ช่วงเวลาที่ยาวนานนั้น ข้าค่อยๆสร้างสำรับไพ่ใหม่ขึ้นมาทีละน้อย ทีละน้อย”
ชายชุดดำชี้ไปที่ไพ่และกล่าวว่า “ชุดไพ่เหล่านี้ ทั้งหมดถูกใช้เพื่อช่วยเหลือชิงหยิน”
กู่ฉิซานมองไปที่ไพ่ทูตสวรรค์ทั้ง 54 ใบ แล้วเอ่ยถาม “ไพ่เหล่านี้ ทั้งหมดจะถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือนางงั้นหรอ?”
“ใช่ มันคือ 36 ไพ่ไถ่บาป , 16 ไพ่ต่อสู้ , หนึ่งไพ่พยากรณ์ และหนึ่งไพ่ระบุตำแหน่งมิติและเวลา”
“แยกวิญญาณ … ” กู่ฉิงซานงึมงำ ลังเลที่จะกล่าว “การกระทำเช่นนั้น ดูเหมือนจะเป็นความเจ็บปวดที่ยากจะทานทนไหว แถมยังส่งผลกระทบต่อกฏเกณฑ์แห่งจิตวิญญาณอีกด้วย”
“ใช่ นับตั้งแต่ 9000 ปีก่อน ข้าก็ได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดโดยอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณทุกวี่วัน”
ทว่าภายในแววตาของหลานกลับเผยให้เห็นถึงความมั่นคงและแน่วแน่ “แต่ยังไงก็ตาม ข้าก็จะต้องช่วยนางให้จงได้!”
กู่ฉิงซานขบคิดอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะยกแก้วขึ้น
“แยกจิตวิญญาณ และเฝ้ารอมายาวนานกว่า 10000 ปี ข้าชื่นชมในตัวท่านอย่างแท้จริง” เขากล่าว
หลานเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาก็ยกแก้วขึ้น
ทั้งสองชนแก้วกัน
“ส่วนข้า หากจะให้กล่าวถึงความปรารถนา ก็คงจะไม่พ้นการกลายเป็นราชาภูติและช่วยเหลือโลกมนุษย์” กู่ฉิงซานกล่าว
“และข้าก็เห็นด้วยกับสิ่งนั้น หลังจากที่เจ้าออกจากห้องลับนี้ เจ้าก็จงไปทำในสิ่งที่เจ้าต้องการจะทำเถอะ”
“แล้วเรื่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือของท่านล่ะ?”
“อาณาจักรสววรค์มีกฏเกณฑ์หลากประเภทที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งอยู่ ข้าจะต้องหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เฝ้ารอจนกระทั่งโอกาสเล็กๆน้อยๆที่กำลังจะปรากฏขึ้นในเร็วๆนี้”
“ที่กำลังจะบอกก็คือ ให้ข้าออกไปทำหน้าที่ของตนเองเสียสินะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ใช่ ตามคำพยากรณ์ได้แสดงให้เห็นว่าเจ้าจะนำโอกาสนั่นมาให้แก่ข้า – และข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้ารอช่วงเวลานั้น”
“ท่านจะสามารถหาข้าเจอได้ตลอดเวลาหรือไม่?”
หลานจั่วไพ่สามใบออกจากอ้อมแขนของเขาและวางมันลงบนโต๊ะ
ไพ่นายพลภูติ , ไพ่กษัตริย์อาชูร่า , ไพ่ไม้เท้าแห่งการจองจำ
“นายพลภูติยินดีที่จะต่อสู้ , กษัตริย์อาชูร่ามีคำมั่นสัญญาเดิมแห่งกองทัพพันธมิตร ส่วนไม้เท้าแห่งการจองจำก็เช่นเดียวกัน แม้จิตอาร์ติแฟคของมันจะตายไปแล้ว แต่ชิงหยินก็ได้เปลี่ยนพลังในการควบคุมมันให้อยู่ในรูปแบบของไพ่”
“จงรับไพ่ขอความช่วยเหลือทั้งสามใบนี้ไปซะ และจงรับรู้ไว้ด้วยว่า ไพ่สองใบแรก กำลังเฝ้ารอคอยโอกาสสำแดงเดชของตนเองอยู่”
“ยังไงก็ตาม ไพ่ไม้เท้าแห่งการจองจำใบนี้ คือรางวัลแด่เจ้า”
หลานได้เคาะเบาๆลงบนไม้เท้าแห่งการจองจำ
ไพ่ได้กลายเป็นจุดแสงสว่างไสว และกระจายเข้าไปในร่างกายของกู่ฉิงซาน
“รางวัลของเจ้าได้ถูกมอบให้ล่วงหน้าแล้ว นับจากนี้ไป ไม้เท้าแห่งการจองจำจะเป็นของเจ้า”
“ข้าพอใจกับรางวัลนี้เป็นอย่างยิ่ง” กู่ฉิงซานพยักหน้าและกล่าว
“ยังไงก็ตาม คนที่พ่ายแพ้การแข่งขันท้าทายในครั้งนี้ จะถูกลบความทรงจำในความฝันของข้า ฉะนั้น เจ้าจะต้องต่อสู้กับพวกเขาเพื่อปกปิดการพบปะกันระหว่างข้ากับเจ้า”
“ก็ถ้าขอแบบนั้นมา ย่อมจะจัดให้”
กู่ฉิงซานหงายคอไปข้างหลัง กระดกเหล้าในแก้วรวดเดียวจนหมด
“ขอบคุณสำหรับสุราดี” เขากล่าว
“ด้วยความยินดี และขอให้เจ้าโชคดี” หลานตอบกลับ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง และข้าก็หวังว่าท่านกับข้าจะโชคดีเช่นกัน”
กู่ฉิงซานวางแก้วเหล้าลง ผุดลุกขึ้น และก้าวเดินออกจากบาร์ไป
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.412 – ราชาภูติ
กู่ฉิงซานเดินออกจากบาร์
และทันทีที่ประตูบาร์ปิดกระแทกตามหลังเขา
ตลอดทั้งบาร์ก็เปลี่ยนสภาพเป็นไพ่ใบใหญ่และค่อยๆจางหายไป
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นและพบว่าตนเองได้กลับมาอยู่บนดาดฟ้าของเรือใหญ่อีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน 17 ไพ่ที่ลอยอยู่เบื้องหน้าทุกคนในที่นี้ก็หายไป
พร้อมกับ 16 ตัวตนสุดแกร่งจากแต่ละนรกที่เหลือลืมตาขึ้นด้วยกัน
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย? กฏการแข่งขันง่ายๆแค่นี้เหตุใดจึงต้องกล่าวอธิบายด้วยวิธีแปลกๆเช่นนี้ด้วย”
“นั่นสิ”
“บางที มันอาจจะเกิดจากความผิดปกติของไม้เท้าแห่งการจองจำก็ได้กระมัง?”
พวกเขาบ่นเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ลอบหยิบอาวุธมาไว้ในมือตนอย่างลับๆ
ไพ่ได้ส่งข้อมูลและอธิบายถึงกฏการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งราชาภูติอย่างชัดเจน
—ตกเรือจะถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ ขณะที่หากตายจะถือว่าถูกกำจัดออกไป
คนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่บนเรือใหญ่จะเป็นผู้ชนะ
และคนผู้นั้นก็จะได้ครอบครองไม้เท้าแห่งการจองจำ!
ณ ขณะนี้ ทุกคนยังมีเวลาเหลืออีกสิบลมหายใจเพื่อเตรียมความพร้อม
17ตัวตนสุดแกร่งทั้งหมดต่างหันไปมองรอบๆและสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายก็กำลังพยายามรับรู้ถึงตนเองอยู่เช่นเดียวกัน
ยักษ์ , มนุษย์ , มนุษย์ปีศาจ , จ้าวอสูร , อาชูร่า , สิ่งมีชีวิตจากยุคโกลาหล
-แต่ละตัวตนอันหลากหลายประเภท
ไม่ว่าจะเป็นรูปกายหรือเค้าโครงหน้า ทั้งหมดล้วนแตกต่างกันออกไป
เวลานี้ ในวิสัยทัศน์ของพวกเขาล้วนมืดบอด ท้องฟ้ามิสาดแสง ความมืดปกคลุมทุกสิ่งอย่าง
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายทำได้เพียงรู้สึกถึงกันและกันเท่านั้น
แต่ไม่มีใครสามารถมองเห็นคนอื่นๆได้เลย
ฉะนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆเหมือนกัน ทุกคนจึงคลายใจและปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป
เหนือหัวของคนตายทั้งหมด ไม้เท้าแห่งการจองจำยังคงลอยเด่นอยู่กลางเวหา เฝ้ารอคอยเจ้านายคนใหม่ของมัน
ตัวตนสุดแกร่งคนหนึ่งได้ถูกตัดสิทธิ์ออกไปก่อนแล้ว ฉะนั้นจึงเหลือคนตายอีก 17 คน ที่จะต้องแย่งชิงตำแหน่งราชาภูติกัน
และราชาภูติก็จะได้ครอบครองไม้เท้าแห่งการจองจำ สามารถสั่งการนรกทั้งหมด!
เทพแห่งปรภพได้ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้นราชาภูติจึงนับได้ว่าเป็นผู้ปกครองปรภพคนใหม่!
ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้และไม่มีใครผ่อนคลายลง
เหล่าตัวตนสุดแกร่งเริ่มเว้นระยะห่างจากกันและกัน
ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง 17 คนตายก็สามารถมองเห็นกันและกันได้ในที่สุด
และไม้เท้าแห่งการจองจำก็ได้ส่งข้อมูลแนะนำออกไป
‘การต่อสู้ขั้นแตกหัก เริ่มต้นได้ ณ บัดนี้!’
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะเริ่มกันได้ซักทีสินะ” ตัวตนสุดแกร่งคนหนึ่งกล่าว
เขาหันไปมองผู้คุมนรกทั้งเจ็ดโดยไม่ปิดบังถึงเจตนาร้าย ปากเอ่ยกล่าวว่า “ 9 ต่อ 7 เจ้าเข้าใจถึงความหมายของตัวเลขนี้หรือไม่?”
อีกหนึ่งสุดแกร่งหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นหมายความว่าพวกเราจะทุบตีพวกเจ้า! โค่นพวกเจ้าลงได้ง่ายๆราวกับเหยียบมดแมลงอย่างไรเล่า! ฉะนั้นจงกระโดดลงจากเรือไปซะ! หากทำแบบนั้นมันคงจะช่วยลดความเจ็บปวดของพวกเจ้าลงไปได้นิดๆหน่อยๆ”
“ไม่! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ง่ายๆสิ ช่วยกันสังหารพวกมันก่อน! แล้วจากนั้นค่อยมาคัดเลือกราชาจากในหมู่พวกเราอีกที!” มนุษย์ปีศาจหญิงกระตุ้นเตือน
9 ตัวตนสุดแกร่งหัวเราะลั่น
ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้คุมนรกทั้งเจ็ดกำลังเกาะกลุ่มกัน กุมอาวุธในมือด้วยสีหน้าขึงขัง
กู่ฉิงซานก้าวถอยหลังกลับไป รวมตัวกับกลุ่มพวกเขา
“ผิดแล้ว ตอนนี้มันคือ 8 ต่อ 9 ต่างหาก” อาชูร่าหญิงยืดอกขึ้นและกล่าว
มนุษย์ปีศาจหญิงสาดสายตาใส่กู่ฉิงซาน กัดฟันกรอด “เจ้าหนู ข้าจดจำทุกคำที่เจ้าเอ่ยกับข้าก่อนหน้านี้ได้นะ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคำกล่าวของข้าให้มันมากนักหรอก” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
“ทำไม? หรือว่าเจ้าเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว?” มนุษย์ปีศาจหญิงรู้สึกสนใจ
“เปล่า แต่เป็นเพราะเจ้ากำลังจะตายต่างหาก”
พริบตานั้นร่างของเธอก็หายวับไปจากกลุ่ม9ตัวตนสุดแกร่ง และปรากฏกายขึ้นใจกลางผู้คุมนรกทั้ง 7
“อะไรกั-”
มนุษย์ปีศาจหญิงตกอยู่ในความสับสน ทว่ายังมิทันได้เปล่งเสียงจนจบประโยค เหล่าผู้คุมทั้ง 7 ก็เริ่มลงมือซะก่อน!
อาวุธกว่า 7 ชนิดระเบิดอำนาจของพวกมันออกมาอย่างเต็มกำลัง! บ้างสับ จ้วง เสียบ สะบั้นเข้าใส่เป้าหมายอย่างไร้ความปราณี!
มนุษย์ปีศาจหญิงตกตายลงทันที
อาชูร่าหญิงที่เป็นผู้ลงมือตัดศีรษะเธอ กล่าวอย่างภาคภูมิว่า “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าจะฆ่าเจ้า!”
อีกด้านหนึ่ง
กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นแทนที่มนุษย์ปีศาจหญิงกลางดงตัวตนสุดแกร่งทั้ง 8 ตนที่เหลือ
ร่างเงาดาบสีดำระเบิดเบ่งบานออกไปรอบกายเขา
และในวินาทีต่อไป-
กู่ฉิงซานก็สะบัดดาบในมือของเขา
พร้อมกับร่างเงาดาบทั้งหมดได้หายไป
เขาได้ยกเลิกกระบวนท่าดาบวาดเงา!
“เกิดอะไรขึ้นกระนั้นหรือ!?” ฉานนู่เร่งเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ … จู่ๆข้าก็คิดขึ้นมาได้ว่าจะเล่นใหญ่ทำไม ในเมื่อปัญหาตรงหน้านี้มันเป็นเพียงเรื่องขี้ประติ๋ว”
กู่ฉิงซานเอียงศีรษะกล่าว ขณะเดียวกันก็วางดาบขุนเขาเทวะหกโลกพาดลงบนไหล่ของเขา
ประสบการณ์การต่อสู้ตลอดทั้งชีวิตของกษัตริย์อาชูร่า ได้หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับทักษะการต่อสู้ทั้งหมดของเขา
ส่งผลให้วิสัยทัศน์และทักษะของเขาในวันนี้ เหนือล้ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
“จงตายเสีย! เจ้าเด็กเหลือขอ!”
อีก 8 ตัวตนสุดแกร่งเริ่มตอบสนองแล้ว
หลากการโจมตีดุร้าย รวดเร็ว และรุนแรง จู่โจมเข้ามาจากทุกทิศทาง บังเกิดสายลมเย็นสดชื่นกระพือว่อน
ขณะเดียวกัน หนึ่งดาบบนบ่าก็ถูกวาดออกไป
หลากภาพติดตาของคมดาบกระพริบไหว และวูบหายไป
เคร้ง!
บังเกิดเสียงกระทบของอาวุธดังขึ้น
แม้ว่าแรงกระทบจากอาวุธของแต่ละคนจะมิได้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ทว่าช่างน่าฉงนนัก ที่ตัวตนสุดแกร่งทั้งแปดดันชักฝีเท้า ก้าวถอยกลับด้วยกันโดยพร้อมเพรียง
กู่ฉิงซานเกร็งร่าง โค้งกายเล็กน้อย ขณะที่ดาบยาวถูกซ่อนเอาไว้เบื้องหลังเขา
“พอได้ลองใช้ดาบเล่มเดียวดู มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสองดาบมาก-”
เขาเอ่ยไม่ทันจบคำ ทั้งคนทั้งร่างก็วูบไหวหายวับไป
บังเกิดกระแสลมแรงกรรโชกขึ้นบนเรือใหญ่
ก่อนที่พวกมันจะกระจายหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงสายลมจางๆที่แฝงไว้ซึ่งไอเย็นทำให้รู้สึกสบายตัวเล็กน้อย
รู้ใช่ไหม ว่าหากต้องเผชิญหน้ากับสายลมแล้ว มันย่อมเป็นไปมิได้ที่จะหลบเลี่ยง!
ร่างของกู่ฉิงซานปรากฏขึ้นท่ามกลางสายลม
ดาบยาวสะบัดเหวี่ยงเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะเจอปัญหาบางอย่าง ดูได้จากคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
“หลังจากที่ใช้สองดาบมานาน จู่ๆก็เปลี่ยนกลับมาใช้ดาบเดียว ข้าก็เลยรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันนิดหน่อย”
เขากล่าว
ขณะเดียวกัน ฉานนู่ก็ตอบรับด้วยการแสดงออกที่ดูมีความสุข “แต่ข้ากลับไม่เห็นว่าเจ้าจะดูไม่คุ้นเคยกับมันเลยแม้แต่น้อย”
ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆรอบตัวพวกเขา
ฝีปากของ 8 ตัวตนสุดแกร่งยังคงเงียบ ทั้งเนื้อทั้งตัวแข็งค้าง
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา หัวของพวกมันทั้งหมดก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม ร่วงหล่นจากลำตัว ตกกระทบลงกับพื้นดาดฟ้า กลิ้งหลุนๆไปมาสองสามตลบ
ตูม!
ตามด้วยเสียงของ 8 ร่างใหญ่ที่ล้มลง
บนดาดฟ้าเรือ ทั้งหมดค่อยๆถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม
8 ตัวตนสุดแกร่งได้ถูกสังหารลงโดยกู่ฉิงซาน และหวนกลับคืนสู่นรกของพวกตน
ในระหว่างหลากหลายยุคสมัย มีทั้งสิ้นสี่อารยธรรมที่เกิดขึ้น
ทว่าในแต่ละการปะทะกันระหว่างอารยธรรมทั้งสี่เหล่านั้น ไม่มีอารยธรรมใดเลย ที่เทียบเปรียบได้กับอารยธรรมแห่งการฝึกยุทธ!
ย้ำอีกครั้ง กู่ฉิงซานคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลาย
แม้แต่ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ พื้นฐานวรยุทธเช่นนี้ ก็ยังนับว่าคือตัวตนทรงพลังที่เป็นรองเพียงนักปราชญ์เท่านั้น!
นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้ดาบที่มีไว้ใช้สังหารและต่อสู้ , มีประสบการณ์จากสองช่วงชีวิต , เสริมเข้าไปอีกด้วยด้วยประสบการณ์ต่อสู้ตลอดทั้งชีวิตของกษัตริย์อาชูร่า
เขาเป็นนักดาบนิรันดร์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร
มนุษย์ปีศาจ ยักษ์ มนุษย์ ตัวตนสุดแกร่งและสิ่งมีชีวิตจากยุคโกลาหล ทั้งหมดล้วนพ่ายแพ้! มิอาจยืนหยัดต้านทานคมดาบของเขาได้โดยสิ้นเชิง
แม้กระทั่งการดำรงอยู่อย่างจ้าวอสูร และอาชูร่าก็ยังต้องยำเกรงกับคมดาบนี้
ฉานนู่งงเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความสงสัย “กระบวนท่าดาบของเจ้าไม่มีปัญหาหรอก แต่ข้ามักจะรู้สึกว่าเหมือนกับเจ้ากำลังกระวนกระวาย เร่งร้อนอยู่เสมอ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ “กายมนุษย์ของข้ายังอยู่ในโลก บางทีอาจจะมีศัตรูบางส่วนบุกเข้าไปจัดการกับร่างมนุษย์ของข้าแล้วก็ได้”
“ฉะนั้นข้าจึงเร่งร้อน”
ขณะเขากำลังกล่าว ทันใดนั้นก็จำต้องหันไปมองอีกด้านหนึ่งอย่างฉับพลัน
เห็นแค่เพียงฝั่งตรงข้าม เจ็ดผู้คุมนรกต่างกำลังปรบมือให้เขาเพื่อแสดงความยินดี
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าตัวตนดั่งเช่นเจ้าจะปรากฏขึ้นในเผ่ามนุษย์” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้า-ไม่มี-อะไร-จะพูด-ขอตัว-ลงจาก-เรือ-ก่อนละ” ยักษ์ใหญ่กล่าวอย่างช้าๆ
ตนแล้วตนเล่าเดินผ่านร่างของกู่ฉิงซานไป และพากันกระโดดลงจากดาดฟ้าเรือ
แต่พอมาถึงตาของอาชูร่าหญิง จู่ๆฝีเท้าของเธอก็หยุดชะงักลงข้างกายของกู่ฉิงซาน
“มีอะไรหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“น้ำทะเล … มันเย็นเกินไปน่ะ” ชูร่าหญิงมองเขาและเอ่ยอย่างเงียบๆ
“แต่เจ้าเป็นอาชูร่านะ นี่เจ้ากลัวน้ำทะเลอย่างงั้นหรอ?” กู่ฉิงซานหัวเราะ
ชูร่าหญิงค่อยๆเผยอปากออกอย่างช้าๆ แลบลิ้นออกมา โลมเลียไปรอบริมฝีปากตนอย่างแผ่วเบา
“อันที่จริงแล้วข้าไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก แต่หากเจ้าจะให้ข้ายอมลงไป ก็ต้องแลกเปลี่ยนโดยการทำให้กายข้ารู้สึกอบอุ่นเสียก่อน”
เธอเอ่ยออกมาด้วยเสียงหวาน
“ต้องขออภัยจริงๆ พอดีว่าข้ามีคนรักอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“งั้นหรือ? ช่างน่าเสียดายจริงๆ เช่นนั้นเอาเป็นว่าพวกเราค่อยมาประลองกันอีกในภายหลังได้หรือไม่?”
“หากเป็นเรื่องนั้นย่อมไม่ปฏิเสธ”
ชูร่าหญิงพยักหน้า และเดินไปที่ขอบดาดฟ้าเรือด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะกระโจนลง
ขณะนี้บนเรือใหญ่ หลงเหลือแค่กู่ฉิงซานเพียงลำพัง
ไม้เท้าแห่งการจองจำลดระดับลงมา ลอยอยู่เบื้องหน้ากู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานลังเลที่จะยื่นมือออกไป เขาเอ่ยถาม “เหตุใดมันจึงไม่พูด?”
ฉานนู่ชี้แจง “จิตอาร์ติแฟคของมันถูกสังหารลงโดยทวยเทพตั้งแต่ยุคโบราณ ดังนั้นมันจึงต้องปฏิบัติตามกฏที่ถูกกำหนดไว้โดยราชาภูติ”
“ ‘เลือกเฟ้นหาราชาภูติ , เอ่ยคำประกาสิทธิ์สั่งการนรกทั้ง 18 ขุม นี่แหละคือกฏของมัน’”
ความตึงเครียดในจิตใจของกู่ฉิงซานค่อยคลายลง
เขาเอื้อมมือออกไปจับไม้เท้าแห่งการจองจำ
เห็นแค่เพียงบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงตัวอักษรเด้งเตือนออกมาทันใด
“คุณได้รับหนึ่งในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะ : ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ”
“คุณได้กลายเป็นเจ้าของไม้เท้าแห่งการจองจำ”
“คุณได้กลายเป็นราชาภูติผู้คุมนรก”
“นับตั้งแต่ช่วงเวลานี้ไป คนตายทั้งหมดจากนรกทั้ง 18 ขุม จักต้องก้มหัวด้วยความภักดีให้แก่คุณ!”
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.413 – ฟังวาจาข้า
“จิตอาร์ติแฟคของสิ่งประดิษฐ์เทวะนี้ได้ดับสูญลงไปแล้ว แต่ราชาภูติรุ่นก่อนได้ทิ้ง ‘ไพ่ประทับ’เอาไว้ และคุณก็มีมันอยู่ในครอบครอง ดังนั้นคุณจึงสามารถเปิดใช้งานเทคนิคลับที่สิ่งประดิษฐ์เทวะนี้ครอบครองอยู่ได้”
“ร้องขอให้ผู้เล่นโปรดอย่าปล่อยมือเพื่อทำการรับสืบทอดไพ่ประทับ และปลุกสิ่งประดิษฐ์เทวะนี้”
มองไปยังคำอธิบายบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็ตระหนักได้อย่างชัดเจน
ในบรรดาไพ่สามใบที่ได้รับจากหลาน เขาจำได้ว่าไพ่ที่สามน่ะมีรูปของไม้เท้าแห่งการจองจำอยู่
และตอนนี้ มันก็ถึงเวลาแล้วที่จะใช้ไพ่ใบนั้น เพื่อปลุกไม้เท้าให้ตื่นขึ้น!
มือของกู่ฉิงซานที่กำลังคว้าจับไม้เท้าแห่งการจองจำ เริ่มจะสัมผัสได้ถึงถึงพลังอำนาจที่กำลังเผาไหม้
ตามตัวไม้เท้าเริ่มกลายเป็นสีแดงและเริ่มสั่นไหวไม่หยุด
ดูเหมือนว่ามันจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยพลังบางอย่างที่ออกมาจากร่างกายของกู่ฉิงซาน
เมื่อดำเนินต่อไปถึงจุดหนึ่ง ไม้เท้าก็กลับมาสงบดังเดิม
รอยแดงจากตลอดทั้งตัวไม้เท้าค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
ไม้เท้าสีดำ ยังคงถูกกุมอยู่ในมือของกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยขนาดเล็กได้ปรากฏขึ้นตามมาอย่างรวดเร็ว
“ไม้เท้าแห่งการจองจำ”
“จิตอาร์ติแฟคของไม้เท้าได้ดับสูญลงแล้ว ฉะนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของมันจึงหายไปโดยสมบูรณ์”
“เนื่องเพราะในขณะนี้คุณได้รับสิทธิ์ในการควบคุมไม้เท้าโดยสมบูรณ์ จึงย่อมเป็นธรรมดาที่คุณจะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่มีอยู่ในตัวไม้เท้า”
“เทคนิคลับแห่งไม้เท้า : สงครามหกวิถี”
“คำอธิบาย : คุณจะได้เรียนรู้การใช้พลังแห่งกรรม เพื่อแยกนรกและปรภพออกจากกัน นำพวกมันมุ่งหน้าไปยังโลกอื่นๆ”
“เทคนิคลับแห่งไม้เท้า : คุกล่มสลาย”
“คำอธิบาย : ราชาภูติที่กำลังถือครองไม้เท้านี้จะสามารถเข้าใจถึงเทคนิคลับนี้ได้โดยอัตโนมัติ โดยเขาจะสามารถเปิดนรกทั้ง 18 ขุม และปลดปล่อยคนตายทั้งหมดออกมาในเวลาใดก็ได้”
“เทคนิคลับแห่งไม้เท้า : ต้นกำเนิดแห่งความตาย”
“คำอธิบาย : ราชาภูติสามารถเดินทางไปยังนรกในแต่ละชั้นได้ และสามารถสื่อสารผ่านทางอากาศกับคนตายทั้งหมด นอกจากนี้ยังสามารถปลุกคนตายที่กำลังจมอยู่ในการหลับไหลให้ฟื้นตื่น คืนสติขึ้นมาได้ในทันทีอีกด้วย”
“เทคนิคลับแห่งไม้เท้า : กระจายวิญญาณ”
“คำอธิบาย : ราชาภูติสามารถใช้อำนาจของไม้เท้า สังหารคนตายคนใดก็ตามที่ไม่เชื่อฟัง และวิญญาณของคนตายที่ถูกสังหารก็จะกระจายตัวออก แปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน หนุนเสริมอำนาจให้แก่ตัวไม้เท้า”
“ผู้ที่ถือไม้เท้านี้คือราชาภูติ และนรกทั้ง 18 ขุมจะต้องหมอบคลานแทบเท้าเขา”
“และเสียงของคุณ จะสามารถส่งผ่านไปยังนรกทั้งหมดได้”
กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านบรรทัดเส้นแสงที่เด้งแจ้งเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากอ่านจบ เขาก็มิอาจเอ่ยออกมาได้แม้เพียงครึ่งคำ
นี่คือในกรณีที่จิตอาร์ติแฟคดับสูญลงแล้วนะ! แต่ไม้เท้าแห่งการจองจำกลับยังคงมีเทคนิคลับมากมายถึงเพียงนี้!
ไม้เท้าด้ามนี้ นับว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะที่น่าสะพรึงอย่างแท้จริง ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมตะขอเกี่ยววิญญาณถึงกล่าวว่า เป็นไม้เท้าแห่งการจองจำนี่แหละ ที่ทรงพลานุภาพมากที่สุดในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะ!
ดาบจากปรภพค่อยๆส่ายไปมาเบาๆ ตามด้วยร่างของฉานนู่ที่ปรากฏออกมา
เธอมองไปยังกู่ฉิงซาน ก่อนจะสลับไปมองไม้เท้าแห่งการจองจำในมือของเขา เนิ่นนานไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
“ว่าไง มีอะไรงั้นหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ฉานนู่ถอนหายใจออกมา “ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ที่ ‘คนเป็น’ ได้กลายมาเป็นราชาภูติของทั้ง 18 ขุมนรก … ”
คนเป็นแต่กลับสามารถเข้ามาในโลกปรภพได้ แถมยังออกอุบายหลอกใช้งานหอกหลากสีให้สังหารเผ่ามารและอสูรกายนับไม่ถ้วนที่ได้ทำการยึดครองปรภพ
จนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่มีเผ่ามารตนใดเลย ที่กล้าย่างกรายเข้าสู่นรกอีกครา
ชายที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้นี้ ได้ปลอมตัวเป็นคนตาย แล้วจู่ๆก็ดันได้กลายมาเป็นเจ้าของไม้เท้าแห่งการจองจำ!
ตั้งแต่เมื่อใดกันหนอ ที่ทางปรภพมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น?
ฉานนู่ยังคงสงสัยว่าบางทีเธออาจจะกำลังฝันไป
“หากเป็นไปได้ข้าก็ไม่อยากจะใช้วิธีนี้หรอกนะ ก็ข้าน่ะยังมีชีวิตอยู่ และไม่อยากกลายเป็นคนตายนี่นา” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
เขากำไม้เท้าแห่งการจองจำ นึกคิดในจิตใจ และทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆแม้กระทั่งสายลมที่พัดผ่านยอดหญ้าของนรกทั้ง 18 ขุม
ภายในนรก สิ่งมีชีวิตนับล้านๆที่กำลังทุกข์ทรมาน ทั้งหมดได้เข้ามาอยู่ในจิตใจของกู่ฉิงซาน
ในเวลานี้ ทุกคนตายในนรกต่างสัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมองมาของราชาภูติ
นี่คือพลังอำนาจของเทคนิคลับ ‘ต้นกำเนิดแห่งความตาย’
“คนตายทั้งหลายจงฟัง ข้าคือราชาภูติ” กู่ฉิงซานกล่าว
ในตลอดทั้ง 18 ขุมนรก คนตายนับล้านๆคนกำลังรับฟังเขาอย่างเงียบๆ
“ในฐานะที่ข้าเป็นราชาภูติ คำสั่งแรกของข้าก็คือ นรกทั้งหลายที่บุกไปยังโลกจงหยุดมือ และกลับมายังภูเขาล้อมเหล็กเสีย”
“พวกเจ้าได้สังหารคนเป็นมากเกินไปแล้ว กระทำความผิดบาปอันลึกล้ำ ฉะนั้นจงกลับมาชดใช้กรรมเสีย”
กู่ฉิงซานกล่าว
“พวกเราขอปฏิเสธ!” เสียงมากมายนับไม่ถ้วนดังขึ้น
กู่ฉิงซานปล่อยจิตสัมผัสเทวะลงไป แต่กลับค้นพบว่ามันคือเสียงจากในนรกขย้ำ
ในบรรดาหลายยุคสมัย มนุษย์ปีศาจ นับว่ามีบุคลิกโหดเหี้ยมมากที่สุด
แม้จะไม่ทราบถึงเหตุผลดังกล่าว แต่ตราบใดที่พวกมันเห็นสิ่งมีชีวิตอยู่เบื้องหน้า เหล่ามนุษย์ปีศาจก็จะก้าวออกไปและสังหารพวกเขาทันที!
ดังนั้น ในนรกแห่งนี้ จึงมีมนุษย์ปีศาจอยู่เป็นจำนวนมาก
เวลานี้ พวกมันได้จัดตั้งเมืองของตนเองขึ้นในหลายๆส่วนของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
หลังจากพระสันตะปาปาเสียชีวิตลง จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีใครสามารถต้านทานการรุกรานของมนุษย์ปีศาจได้อีกเลย
ดังนั้นตอนนี้ จึงกล่าวได้ว่าสำหรับมนุษย์ปีศาจแล้ว บนโลกมนุษย์จึงเปรียบดั่งสรวงสวรรค์ มีอาหารอันโอชะให้ดื่มกิน แถมยังเป็นพื้นที่ล่าไว้คอยออกไล่สังหารเพื่อเติมเต็มความกระหายเลือดของตนเองอีกด้วย
ต้องไม่ลืมนะว่า เมื่อได้รับความทุกข์ทรมานจากนรก ทันทีที่ได้กินคนเป็นอาหาร เหล่าคนตายก็จะสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดทั้งหมดได้
นี่นับว่าเป็นความเพลิดเพลินราวกับอยู่ในแดนสวรรค์
แต่ตอนนี้มีเพียงเศษเสี้ยวของนรกขย้ำเท่านั้นที่หลุดออกไป ทั้งหมดยังมิได้แยกตัวออกจากนรกโดยสมบูรณ์ ดังนั้นมนุษย์ปีศาจที่ปรากฏตัวขึ้นในโลกจึงมีเพียงส่วนเดียวเท่านั้น
นั่นนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าสะพรึงอย่างแท้จริง
และหากเหตุการณ์ที่นรกขย้ำทั้งหมดหลุดออกไป โลกมนุษย์ก็จะเปรียบดั่งดินแดนในอุดมคติของพวกมัน
ดังนั้น มนุษย์ปีศาจจึงย่อมไม่เต็มใจที่จะกลับไปยังโลกปรภพ!
“จงฟังข้า ข้าคือราชาภูติ หากยังมิคิดเชื่อฟัง จุดจบย่อมไม่ดีเป็นแน่” กู่ฉิงซานเอ่ยเตือน
ผู้นำของเหล่ามนุษย์ปีศาจเปล่งเสียงตะโกนลั่น “ต่อให้เจ้าเป็นราชาภูติ แต่เจ้าก็ไม่อาจจะหยุดพวกเราจากการยึดครองโลกได้! นี่มันเป็นเรื่องของพวกเรา มิใช่กงการอะไรของเจ้า!”
“ถูกต้อง!”
“นี่มันเป็นเรื่องของมนุษย์ปีศาจ!”
เหล่ามนุษย์ปีศาจต่างตะโกนออกมา ตนแล้วตนเล่าแสดงออกชัดเจนถึงความไม่ยินยอมของตนเอง
มนุษย์ปีศาจอีกตนกล่าวว่า “แม้ลำพังเจ้าจะทรงพลังก็จริง แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของนรกทะเลเลือดของเจ้าน่ะ มันด้อยยิ่งกว่านรกขย้ำของพวกเราอยู่มากโข!”
“มันจะดีกว่าไหม หากพวกเราสองนรกเข้าห้ำหั่นกันด้วยกำลังรบทั้งหมดที่แต่ละฝ่ายมี หากผู้ใดชนะ ก็จะได้รับตำแหน่งราชาภูติไป!”
“ใช่! นั่นต่างหากคือสิ่งที่ควรจะเป็น!”
“ห้ำหั่นกันระหว่างนรก!”
มนุษย์ปีศาจต่างส่งคลื่นความคิดของตนออกมาอย่างต่อเนื่อง
การสื่อสารระหว่างโลกถูกสร้างขึ้นโดยไม้เท้าแห่งการจองจำ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดของเขา หรือของมนุษย์ปีศาจ ทุกสิ่งมีชีวิตอื่นๆในนรกก็ล้วนได้ยิน และรับรู้กันแทบทั้งสิ้น
และการสื่อสารดังกล่าวจะมิถูกขัดขวาง เว้นเสียแต่ว่าราชาภูติจะจำกัดการรับฟังเอาไว้
การประท้วงอันดุเดือของมนุษย์ปีศาจ ได้ดึงดูดความสนใจจากเหล่าคนตายตลอดทั้ง 18 ขุมนรก
เหล่าคนตายทั้งหมด กำลังเฝ้ารอดูว่าราชาภูติจะตอบสนองอย่างไร
“นายน้อย … ”ฉานนู่เริ่มกระวนกระวาย เธอต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง
แต่กู่ฉิงซานก็ยกมือขึ้นมา ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องกังวล
เขาส่ายหัวและถอนหายใจออกมา
“เจ้าคิดว่าหลังจากที่ข้าได้ขึ้นเป็นราชาภูติ ข้าจะบัญชาเหล่าคนตายด้วยจิตเมตตากระนั้นหรือ?”
เขาแพร่จิตสัมผัสเทวะลงไปยังไม้เท้าแห่งการจองจำ
ทันใดนนั้นเอง ในดวงตาลึกโบ๋ของกะโหลกเขาแหลมตรงส่วนหัวของไม้เท้า ก็พลันเรืองส่องสว่างสีแดงขึ้น
เทคนิคลับที่ร้ายกาจที่สุดในไม้เท้า – ‘กระจายวิญญาณ’ ได้ถูกเปิดใช้งานโดยเขา
“คำอธิบาย : ราชาภูติสามารถใช้อำนาจของไม้เท้า สังหารคนตายคนใดก็ตามที่ไม่เชื่อฟัง และวิญญาณของคนตายที่ถูกสังหารก็จะกระจายตัวออก แปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน หนุนเสริมอำนาจให้แก่ตัวไม้เท้า”
แล้วจู่ๆภูเขาล้อมเหล็กก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างกระทันหัน
ในนรกขย้ำ ปากใหญ่ที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวหุบลง
มนุษย์ปีศาจทั้งหมดแตกกระเจิง วิ่งหนีอลหม่านออกไปทุกทิศทาง
ทว่าภายใต้พลังอำนาจของราชาภูติ พวกมันจะหลบหนีไปได้อย่างไร?
นับพันล้านวิญญาณที่อยู่ในนรกขย้ำ ต่างพากันเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
มนุษย์ปีศาจตนแล้วตนเล่า ร่างกายแตกสลาย แปรเปลี่ยนเป็นจุดแสง และหายวับไปจากนรก!
พวกเขาก็ได้กระจายออกไปโดยสมบูรณ์
หลังจากนั้น ช่วงเวลาต่อมา จิตวิญญาณของพวกเขาก็มิได้คงอยู่อีกต่อไป และนั่นหมายความว่ามันมิอาจฟื้นตื่นจากการหลับไหลได้อีกตลอดกาล!
พันล้านจุดแสงได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน แปรเปลี่ยนเป็นธารแสง ลอยข้ามผ่านกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างนรก และตกลงไปในไม้เท้าแห่งการจองจำ
นี่คือรางวัลไม้เท้าแห่งการจองจำ – คือที่มาของแหล่งพลังงานของมัน
ไม้เท้าแห่งการจองจำส่งเสียงตะกละตะกรามอย่างมีชีวิตชีวาเล็กน้อย
นั่นเพราะ นี่ก็ตั้ง 10000 ปีมาแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรตกถึงท้องของมันเลย
มันดูดซับพลังงานของเหล่าวิญญาณ และเติมเต็มอำนาจของตนเองอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานกระแทกปลายไม้เท้าลงกับพื้นข้างกาย แล้วยกมือขึ้นลูบหัวกะโหลกแหลมด้วยความทะนุถนอมอย่างแผ่วเบา
ตลอดทั้งนรก 18 ขุมพลันตกอยู่ในความเงียบงัน
ราชาภูติแห่งนรก .. เพียงโบกมือครั้งเดียว ทว่ากลับสามารถสังหารวิญญาณนับพันตายให้ตายตกลงในคราเดียว!
“เจ้า … ” ฉานนู่ต้องการจะเอ่ยบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไป
ในนรกขย้ำ บัดนี้หลงเหลือคนตายอยู่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น และพวกเขาล้วนเป็นคนที่เมื่อครู่เลือกที่จะอยู่เงียบๆ มิได้กล่าวประท้วงออกไป
“ยอมรับ! พวกเรายอมรับการตัดสินใจของราชาภูติ!”
ยักษ์ที่เหลืออยู่ตะโกนออกมาราวกับคนบ้า
—ถึงแม้ว่าพวกมันจะกลับลงมาทุกข์ทรมานต่อในนรกอีกครั้ง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว สุดท้ายตนก็ยังสามารถที่จะไปเกิดใหม่ได้
ทว่าหากต้องถูกทำให้หายไปโดยสมบูรณ์แบบเมื่อครู่ ตนก็คงมิอาจไปเกิดใหม่ หรือทำสิ่งใดได้อีกเลย!
ต้องกระจายเหือดหายไปเนี่ยนะ! ไม่เอาด้วยหรอก!
คนตายอีก 17 ขุมนรกยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงดัง
แม้ว่าหลังจากนี้จะต้องได้เผชิญกับการลงโทษอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีคนตายคนใดกล้าเอ่ยค้านออกมาอยู่ดี
ราชาภูติกระแอมไอเบาๆและกล่าวว่า “พวกเจ้าทุกคนเห็นหรือไม่ ว่ามนุษย์ปีศาจเหล่านั้นพยายามที่จะต่อต้านข้า?”
และเขาก็ยกระดับเสียงขึ้นทันใด ปากเอ่ยตะโกน “พวกเจ้าเห็นผลลัพธ์ของไอ้สารเลวพวกนั้นหรือไม่! จงพยักหน้าบอกข้า!”
ตลอดทั้ง 18 นรกภูมิ คนตายนับล้านล้านบัดนี้มิแตกต่างจากคนบ้า ทั้งหมดต่างพยักหน้าหงึกๆครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงของกู่ฉิงซานได้ลดระดับลง และกล่าวอย่างช้าๆ “เช่นนั้น เพื่อหยุดยั้งพวกเจ้าทุกตนจากบาปอันล้ำลึก ข้าขอสั่งอีกครั้ง พวกเจ้าทุกตนจะต้องถอนตัวออกจากโลกมนุษย์เสีย!”
เขาโบกไม้เท้าแห่งการจองจำอีกครา ปากเอ่ยอย่างแผ่วเบา “นี่คือบัญชาแห่งข้า และพวกเจ้าก็จงเอ่ยมา ว่าเห็นด้วยหรือยังมีผู้ใดคิดต่อต้านอีกหรือไม่!?”
หนึ่งลมหายใจผ่านไปอย่างเงียบๆ
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง ดังกึกก้องต่อเนื่อง
“พวกเราเห็นด้วย!”
“ใช่! พวกเราเห็นด้วยกับท่านราชาภูติ!”
“พวกเราจะเร่งถอนตัวกลับทันที!”
“พวกเรานรกเยือกแข็งจะหวนคืนสู่ปรภพ!”
“นรกของพวกเราด้วย! จะถอนตัวกลับไปบัดเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
อีกสามคนตายจากขุมนรกอื่นๆที่บุกไปยังโลกมนุษย์ได้แสดงเจตจำนงเดียวกันออกมา
“ทัศนคติของพวกเจ้าไม่เลวนี่ เช่นนั้นข้าจะให้เวลา 10 นาที หากมาถึงได้ทันเวลา วิญญาณของพวกเจ้าก็จะไม่ต้องสลายไป” กู่ฉิงซานกล่าวจบ เขาก็ตัดการสื่อสารกับนรกทั้งหลาย
ฉานนู่จ้องมองดูเขา และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “พันล้านจิตวิญญาณได้ถูกสังหารหมู่ไปโดยเจ้า .. นี่มันจะไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรือ?”
“ไม่หรอก สถานการณ์ในโลกมนุษย์น่ะอยู่ในช่วงวิกฤติยิ่ง และทุกวินาที คนบริสุทธิ์หลายคนก็ได้ตกตายลงภายใต้น้ำมือของพวกมัน”
กู่ฉิงซานยกไม้เท้าแห่งการจองจำขึ้นและกล่าวว่า “อันที่จริงแล้วข้าต้องการที่จะสังหารพวกมัน สังหารเหล่าคนบาปจากนรกทั้งสี่จนสิ้น แต่เนื่องจากพวกมันยังมีไหวพริบที่ดี ข้าเลยเปลี่ยนใจเก็บมันไว้”
“คิดเสียว่านี่เป็นโอกาสสำหรับพวกมันที่จะได้เปลี่ยนแปลงตนเอง”
ฉานนู่มองไปที่เขาด้วยสีหน้าเงียบสงบ ปากอ้าถอนหายใจออกมา “แม้ว่าเจ้าคือคนเป็น แต่ก็นับว่าเหมาะสมกับตำแหน่งราชาภูติอย่างแท้จริง”
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.414 – ความคิดบ้าๆ
“ราชาภูติ? ไม่ใช่หรอก ข้าน่ะเป็นผู้ฝึกดาบตะหาก”
กู่ฉิงซานตอบกลับ
แล้วในขณะนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นความผันผวนที่เกิดขึ้นใต้ฝ่าเท้าของตน
เรือใหญ่ทั้งลำเริ่มที่จะปฏิเสธเขา
และในวินาทีต่อมา ฉากเรือใหญ่ก็เริ่มบิดเบือน ก่อนจะกลายเป็นเพียงระลอกคลื่นพัดหายไป
กู่ฉิงซานพบว่าตนเองได้กลับมายืนอยู่บนแท่นสังเวียนสูงของนรกทะเลเลือด
เมื่อคนตายจากนรกทะเลเลือดเห็นว่าเขาปรากฏตัวขึ้น ทั้งหมดก็จ้องมองเขาอย่างระมัดระวังและไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา
กู่ฉิงซานโบกไม้เท้าแห่งการจองจำ ใช้พลังนำพาตนเองออกจากนรกทะเลเลือด
เมื่อมาถึงปากถ้ำทางเข้าสู่ปรภพ เขาก็ลดระดับลง และก้าวเดินออกไปอย่างช้าๆ
อาวุธแห่งปรภพมากมายกำลังรวมตัวกันอยู่ด้านนอก
และเมื่อเห็นเขา เหล่าสรรพวุธก็ระเบิดเสียงเฮดังลั่น!
“มันได้ผล!”
“เจ้าได้เป็นราชาภูติจริงๆ!”
“ท่านราชาภูติ! ท่านช่างร้ายกาจและสง่างามยิ่งนัก!”
พอได้ยินคำสรรเสริญ กู่ฉิงซานเผยรอยยิ้มแย้มบนใบหน้าออกมา
วิหคขาวบินมาวนรอบกายเขา เปล่งเสียงตะโกน “ใครจะไปคิดกันว่าเจ้าจะได้กลายเป็นราชาภูติ! โอ้สวรรค์ ข้าก็ต้องการที่จะเป็นราชาภูติด้วย!”
“อย่าทะนงตนไป เจ้าเป็นแค่กระบี่เท่านั้น” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวเตือน
“ไม่นะ ข้าเป็นนกต่างหาก” วิหคขาวจ้องอีกฝ่ายและกล่าว
“เอาล่ะๆ แม้ว่าเจ้าจะเป็นนก แต่ราชาภูติคือการดำรงอยู่ที่ทรงอำนาจของตลอดทั้งปรภพ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีรูปร่างอ่อนแอ หรือเป็นอะไรดั่งเช่นนกอย่างเจ้า” โล่พูดด้วยน้ำเสียงห้าวลึก
โล่ราวกับว่าตระหนักได้ถึงบางสิ่ง มันหันไปกล่าวกับกู่ฉิงซาน “ต้องขออภัยด้วย ที่ว่ามานั้นข้ามิได้อ้างอิงถึงเจ้าเลยนะ”
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ” กู่ฉิงซานตอบอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วในเวลานั้นเอง ดาบภิพและเช่าหยินก็ปรากฏกายขึ้นจากความว่างเปล่า เวียนว่ายรอบกายเขา
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงมิให้ถูกตัดสิทธิ์จากการเข้าชิงตำแหน่งราชาภูติ ดาบทั้งสองจึงมิได้ตามเขาเข้าไปสู่นรกภูมิ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?”
เสียงหนักแน่นจริงใจของดาบพิภพดังขึ้น
“แน่นอน โชคดีจริงๆที่มีฉานนู่คอยช่วยเหลือข้า” กู่ฉิงซานกล่าว
เช่าหยินเปล่งเสียงฉวัดเฉวียนคำหนึ่ง
“ใช่ๆ ข้าสบายดี” กู่ฉิงซานยิ้มให้เช่าหยิน
ด้วยการถอนกำลังจากโลกของทั้งสี่นรก ทำให้หัวใจที่ดิ่งลงหุบเหวของกู่ฉิงซานค่อยๆฟื้นคืนกลับมามั่นคงอย่างช้าๆ
ในที่สุด วิกฤตของโลกมนุษย์ก็จบลงเสียที
ภัยพิบัติจากนรกเยือกแข็งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในชีวิตก่อนหน้า – ได้รับการแก้ไขโดยเขาแล้วในชีวิตนี้
อสูรกายและเผ่ามารในนรกก็ได้ถูกล้างบางไปจนสิ้น
ปัญหาเดียวที่เหลือก็คือหอกหลากสีที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงที่มาของมัน
เมื่อคิดถึงเรื่องของหอกหลากสี กู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น
ยันต์ทองคำที่คอยปราบปรามมันได้ถูกตัวหอกทำลายสิ้นแล้ว และหอกอันน่าสะพรึงนี้ ย่อมไม่ยินยอมที่จะถูกพันธนาการอีกคราอย่างแน่นอน
อ่า ….
เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ปล่อยให้มันอยู่บนภูเขาล้อมเหล็กไปเสียล่ะ?
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “ฉานนู่ ทำไมเราไม่ปล่อยหอกหลากสีทิ้งไว้เลยล่ะ มันจะได้ช่วยป้องกันการรุกรานของเผ่ามารไง เราสามารถทำเป็นไม่สนใจมันได้หรือไม่?”
ฉานนู่พอได้ฟัง ก็เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
เธอเอ่ยอย่างเร่งร้อนว่า “นั่นไม่ดีหรอก หากปล่อยให้มันอาละวาดต่อไป โลกปรภพ โลกมนุษย์ และโลกอื่นๆทั้งหกโลกก็จะถูกทำลายลงในไม่ช้า”
“ถูกทำลายลง!? เพราะเหตุใดกัน?” กู่ฉิงซานตกใจ
ฉานนู่พูดตอบ “เพราะปรภพ คือสถานที่ๆคอยรับคนตายจากทั้งหกโลก เรื่องนี้เจ้าไม่มีอะไรสงสัยใช่หรือไม่”
“ก็ไม่นะ” กู่ฉิงซานพยักหน้า
“เช่นนั้นหากหอกหลากสียังคงอยู่ แล้วเมื่อวิญญาณจากโลกทั้งห้าที่เหลือถูกส่งมายังปรภพ พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าสู่สายธารแห่งการหลงเลือนได้ ฉะนั้นการที่พวกเขาจะได้เข้าสู่นรกคงมิต้องกล่าวถึง”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าพวกเขาจะถูกจัดการโดยหอกหลากสีเสียก่อนอย่างงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง”
“งั้นมันก็ไม่ควรจะเป็นปัญหานี่ เพราะยังไงซะ ถ้าคนตายถูกฆ่า พวกเขาก็แค่กลับไปหลับไหลในนรก แล้วสุดท้ายก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งอยู่ดี”
“พวกเขายังไม่ได้เข้าสู่นรก ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่ายังมิได้รับการยอมรับจากนรก ดังนั้นกฏเกณฑ์แห่งนรกจึงไม่สามารถใช้ได้กับพวกเขา”
“นั่นหมายความว่า หากพวกเขาถูกฆ่าลง ก็จะไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้ใช่ไหม?”
“ใช่ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ในระยะยาว วิญญาณของทุกคนที่เสียชีวิตลงก็จะถูกสังหารโดยหอกหลากสี วัฏจักรแห่งชีวิตและความตายของหกวิถีก็จะถูกทำลายลง และโลกทั้งหกก็จะค่อยๆล่มสลายไปอย่างช้าๆ”
กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นปัญหาถึงเพียงนี้ ดูท่าแล้วข้าคงได้กระทำการผิดพลั้งไปสินะ”
“ในช่วงเวลาก่อนหน้า การกระทำของเจ้านับว่าเป็นแผนการที่ดีที่สุดแล้ว การที่มันจะจบลงแบบนี้ล้วนเป็นเรื่องของโชคชะตาทั้งสิ้น” ดาบพิภพแสดงความคิดเห็น
กู่ฉิงซานก้มหน้าลง มิได้สนใจกับคำกล่าวของดาบพิภพ
“เราต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหานี้ มิเช่นนั้นโลกปรภพนี่แหละ ที่จะเป็นโลกแรกที่ล่มสลายลง” ฉานนู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นปัญหาจริงๆ ขอข้าลองไตร่ตรองก่อนสักครู่นะ” กู่ฉิงซานงึมงำ
บังเกิดความเงียบขึ้นในบริเวณโดยรอบ
เหล่าสรรพวุธยังคงเงียบ เพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนความคิดของเขา
หลังจากนั้นไม่นาน
กู่ฉิงซานก็ถอนหายใจยาวออกมา
“หอกหลากสีสามารถสังหารเทพได้ และอสูรกายก็เช่นกัน ดังนั้นข้าจึงวางอุบายใช้มันต่อกรกับเผ่ามาร แต่บอกตามตรงว่าข้าเองก็คิดไม่ออกเลยจริงๆถึงวิธีที่จะกำจัดมัน” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช่วยไม่ได้
ฉานนู่กลายเป็นร้อนรนแล้ว
“นายน้อย โปรดพยายามขบคิดหาหนทางด้วยเถอะ ท่านจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน”
เธอกัดฟันกล่าว “ในความเป็นจริงแล้ว จุดสำคัญที่สุดและปัญหาสุดท้ายของเรื่องราวทั้งหมด ก็คือการจัดการกับหอกหลากสีนี่แหละ ได้โปรดช่วยเหลือโลกปรภพด้วย!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะลองคิดดูนะว่ามันจะมีหนทางใดบ้าง”
กู่ฉิงซานเอ่ยรับคำ
นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดที่เกี่ยวข้องกับหกโลก ดังนั้นเขาจึงมิกล้าที่จะละความสนใจ
เขานั่งอยู่บนขอบปากทางเข้าถ้ำนรก ริเริ่มขบคิดอย่างจริงจัง
แต่หอกหลากสีเป็นอาวุธที่แสนจะทรงพลานุภาพ เป็นพลังอำนาจที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
นอกเหนือไปจากภูเขาล้อมเหล็กแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานมันได้อีกเลย
แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายลี้ แต่หอกก็สามารถสังหารอสูรกายได้ในกระบวนท่าเดียว
แล้วอาวุธเช่นนั้น เขาจะสามารถหาวิธีใดมารับมือกับมันได้อย่างไรกัน!
ผ่านไปนาน
กู่ฉิงซานตริตรอง ขบคิดถึงทุกสิ่งที่เขาพอจะทำได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของทางออก
แม้ว่าไม้เท้าแห่งการจองจำจะครอบครองพลังอันน่าสะพรึง แต่ด้วยอำนาจของมันที่มุ่งเป้าอยู่แต่กับนรก ดังนั้นจึงไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆต่อตัวหอกหลากสีได้
ตำแหน่งของหอกหลากสีวางอยู่บนยอดของภูเขาล้อมเหล็ก
ภูเขาล้อมเหล็ก …
กู่ฉิงซานจู่ๆก็ย้อนระลึกได้ถึงคำอธิบายของดาบขุนเขาเทวะหกโลกาได้ในทันใด
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา มีสี่พลังศักดิ์สิทธิ์ : อมตะ แหกกฏ ทรงปัญญา และสุดท้าย ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกา
อมตะ แหกกฏ และทรงปัญญา เขาได้รับรู้ถึงความสามารถของพวกมันไปแล้ว
ขณะที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกา – ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี่คงจะหมายถึงภูเขาล้อมเหล็กแน่ๆ
เช่นนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์นี้มีความสามารถใดกัน?
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ฉานนู่ เจ้าสามารถควบคุมภูเขาล้อมเหล็กได้หรือไม่?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้ ภูเขาล้อมเหล็กจะไม่สามารถูกควบคุมโดยพลังอำนาจใดๆ เพราะมันจักต้องคอยต้านทานลมแห่งทัณฑ์โกลาหลจากภายนอก”
กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็รู้สึกสงสัยเป็นพิเศษ
หากในกรณีนั้น แล้วเจ้า ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกา’ นี่มันมีประโยชน์อะไร?
ความสัมพันธุ์ระหว่างเขาและฉานนู่ยังคงซับซ้อน มิได้เป็นเจ้าของกันและกันโดยสมบูรณ์ แต่ละฝ่ายยังคงอยู่ในช่วงทำความคุ้นเคยกันและกันอยู่
หากตนเองบุ่มบามที่จะเอ่ยถามถึงความสามารถของอีกฝ่าย มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะทำลายความไว้ใจซึ่งกันและกันที่พึ่งก่อร่างขึ้นมา
มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเป็นอย่างมาก ที่จะเอ่ยทวงถามถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตอาร์ติแฟคของอีกฝ่าย
ขณะที่กู่ฉิงซานไม่รู้ว่าสมควรจะต้องทำสิ่งใด ฉานนู่ก็ริเริ่มเอ่ยออกมาด้วยตนเอง “ในเมื่อเจ้าถามถึงจุดนี้ เช่นนั้นข้าจะอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน”
“ตัวข้าเกิดมาจากกฏเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็ก และมีเพียงแค่เฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น ที่ข้าจะสามารถควบคุมภูเขาล้อมเหล็กได้”
“แล้วบางช่วงเฉพาะที่ว่านั่นคือเวลาใด?”
“เมื่อตลอดทั้งโลกปรภพถูกทำลาย , ปรภพถือกำเนิดขึ้นใหม่ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญ”
“ยุคแห่งการถือกำเนิดใหม่ของโลกปรภพได้ผ่านพ้นไปแล้ว(ช่วงยุคอุตสาหกรรมเครื่องจักรปรภพ) ดังนั้นเราจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อีกต่อไป”
เพื่อที่จะที่ทำให้มันชัดเจน ฉานนู่จึงพยายามอธิบายอย่างอดทนในเวลานี้ “และในคำที่ว่าโลกปรภพทั้งหมดถูกทำลาย ภูเขานี้ก็จยกตัวขึ้นจากพื้นดิน ละทิ้งโลกปรภพและไปยังโลกอื่นๆอีกห้าโลกในหกวิถี เพื่อคอยปกปักษ์พวกเขาจากสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลต่อไป”
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “เช่นนั้นก็เหลือเพียงการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์แห่งโลกปรภพอย่างมีนัยสำคัญสินะ มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ก็ถ้าตลอดทั้งโลกปรภพเกิดการเปลี่ยนแปลง เจ้าก็จะมีโอกาสใช้ข้าให้เปลี่ยนแปลงภูเขาล้อมเหล็กได้”
“ตลอดทั้งโลกปรภพเกิดการเปลี่ยนแปลง?”
“ใช่ แต่ไม่ใช่การถือกำเนิดใหม่ มิใช่การทำลาย และข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่ามันจะเป็นไปในรูปแบบใด”
พร้อมกับคำอธิบายของฉานนู่ ในอากาศที่ว่างเปล่าภายใต้วิสัยทัศน์เบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน หลากหลายเส้นแสงหิ่งห้อยที่ร้อยเรียงไปด้วยตัวอักษรเล็กๆก็เด้งเตือนขึ้นมาทันใด
“คุณได้เรียนรู้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่สี่ของดาบขุนเขาเทวะหกโลกา : ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกา”
“คุณได้เรียนรู้คุณสมบัติของดาบขุนเขาเทวะหกโลกาโดยสมบูรณ์”
“ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา ดาบที่โลกต้องสักการะ ว่ากันว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะจากปรภพ”
“ดาบเล่มนี้ คือดาบที่แสดงให้เห็นถึงกฏเกณฑ์อันยิ่งใหญ่ของภูเขาล้อมเหล็กแห่งปรภพ”
สี่พลังศักสิทธิ์ของดาบขุนเขาเทวะหกโลกา อมตะ แหกกฏ ทรงปัญญา และภูเขาสักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกาได้ปรากฏสู่สายตาของกู่ฉิงซาน
“ ‘อมตะ’ : ทุกกฏเกณฑ์ในโลกทั้งสิบ ทุกๆพลังอำนาจจะมิอาจทำลายดาบเล่มนี้ลงได้”
“ ‘แหกกฏ’ : ทุกกฏเกณฑ์จากตลอดทั้งหมื่นโลกาจะไม่อาจส่งผลกระทบต่อดาบเล่มนี้”
“ ‘ทรงปัญญา’ : ด้วยการอนุญาตของคุณ ฉานนู่จะสามารถเรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ต่อสู้ทั้งหมดของคุณได้ และเธอจะสามารถใช้ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาเพื่อต่อสู้ให้คุณ หรือต่อสู้เคียงข้างกันกับคุณ”
“ ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกา’ : ยามเมื่อสามช่วงเวลาสำคัญแห่งปรภพ – ถือกำเนิดใหม่ , เกิดการเปลี่ยนแปลง และถูกทำลาย ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาจะสามารถควบคุมภูเขาล้อมเหล็กได้”
กู่ฉิงซานจ้องมองดูบรรทัดสุดท้าย ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกา’ อย่างเงียบๆ
เขาดูราวกับกำลังลังเล และไม่มั่นใจเล็กน้อย
พอฉานนู่เห็นว่าเขามิได้เอ่ยสิ่งใดอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามออกมา “เจ้าคิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่?”
“ข้าต้องการที่จะรู้สักหนึ่งคำถาม หากหอกหลากสียังคงอยู่บนภูเขาล้อมเหล็ก หกโลกก็จะถูกทำลายลงอย่างช้าๆ เรื่องนี้แน่ใจจริงๆหรือไม่?”
“จริงสิ ตะขอเกี่ยววิญญาณ เจ้าเล่าคิดเห็นเช่นไร?” ฉานนู่เอ่ยถาม
ตะขอเกี่ยววิญญาณตอบว่า “หอกหลากสีทรงพลังเกินไป มันจะหยุดทุกชีวิตที่จะเข้าสู่สังสารวัฏ และสังสารวัฏก็คือกฏเกณฑ์สำคัญของหกวิถี”
มันกล่าวเสริมว่า “เมื่อกฏสำคัญแห่งสังสารวัฏพังทลาย ทั้งหกโลกก็จะค่อยๆล่มสลายลงอย่างช้าๆ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานพยักหน้า
เขาก้มหัวลงและจมลงสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง
เหล่าจิตอาร์ติแฟคต่างหันไปมองกันและกัน ก่อนจะสลับมามองกู่ฉิงซานที่ก้มหน้าลง หลับตาทั้งสองข้าง ทั้งคนทั้งร่างจมหายไปอยู่ในห้วงความคิด
ผ่านไปนาน
ได้ยินแค่เพียงเสียงของกู่ฉิงซานที่เอ่ยพึมพำออกมาอย่างนุ่มนวล “ปรภพไม่ได้มีเทพวิญญาณ หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ช้าก็เร็วต่อจากนี้มันก็จะถูกเผ่ามารกลับมาทำลายลงอีกครั้ง”
“หากปรภพถูกทำลายลงอีกครั้ง คราวนี้มันจะเป็นปัญหาใหญ่”
ฉานนู่เอ่ยเสริม “มันมิใช่เพียงเท่านั้นน่ะซี เนื่องจากมันสามารถนำหอกหลากสีมายังที่นี่ได้ เช่นนั้นหากปล่อยให้พวกมันมีเวลาเตรียมการมากพอ บางทีพวกมันอาจจะมีวิธีพิเศษบางอย่างที่จะสามารนำหอกหลากสีกลับมาใช้งานได้อีกครั้งก็ได้”
จริงด้วยสิ บางที เผ่ามารอาจจะมีวิธีกู้คืนอาวุธอันน่าสะพรึงกลัวนี้ก็ได้
แล้วถ้าหากหอกหลากสีถูกโยนลงไปในโลกมนุษย์ล่ะก็ …
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นทั้งคนทั้งร่างของกู่ฉิงซานก็รู้สึกไม่สบายใจ กระสับกระส่ายอย่างฉับพลัน
เขาพยายามอย่างดีที่สุดในการขบคิดอย่างหนัก และเป็นเวลานาน จนในที่สุด ความคิดบ้าบิ่นก็ผุดเข้ามาในหัวใจของเขา
“หากเป็นในกรณีนั้น มันคงจะดีกว่า … ”
จู่ๆเขาก็ถอนหายใจออกมา และยกมือขึ้นกุมหน้าผากตนเอง
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” ฉานนู่เร่งเอ่ยถาม
กู่ฉิงซานตอบ “เปล่าหรอก แต่ข้ามีความคิดบางอย่างขึ้นมาแล้วน่ะซี ทว่ามันบ้ามากจริงๆ”
“ความคิดอะไร? ตราบใดที่มันสามารถรับมือกับหอกหลากสีได้ แน่นอนว่าข้าย่อมจะช่วยเหลือเจ้าอย่างเต็มกำลัง” ฉานนู่กล่าวอย่างเฉียบขาด
“เช่นนั่นโปรดบอกข้ามา ว่า ‘แหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้า’ของโลกปรภพอยู่ที่ใด”
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.415 – อยู่เคียงข้างกัน
“แหล่งกำเนิดของธาตุไฟและทองน่ะ อยู่ภายในนรก 18 ขุม”
“ขณะที่แหล่งกำเนิดธาตุไม้อยู่ในภูเขาล้อมเหล็ก”
“ส่วนแหล่งกำเนิดธาตุน้ำ แน่นอนว่าย่อมต้องอยู่ในสายธารแห่งการหลงเลือน”
“สำหรับแหล่งกำเนิดธาตุดิน จะอยู่ในส่วนของวิหารแห่งวัฏจักร มันคือสถานที่ๆเทพปรภพคอยดูแล จัดการให้เหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในนรกกลับไปเกิดใหม่”
“สถานที่แห่งนั้นอยู่บริเวณตีนเขาของภูเขาล้อมเหล็ก ซึ่งเป็นระยะโจมตีของหอกหลากสี ไม่อาจผ่านเข้าไปได้”
เหล่าสรรพวุธหลากหลายประเภท ทยอยกันพูดออกมา
หลังจากที่กู่ฉิงซานสามารถวางอุบายหอกหลากสี หลอกใช้มันสังหารหมู่เผ่ามารนับสิบนับ นับร้อยล้านตนไป พวกอาวุธก็ได้ยอมรับในความสามารถของเขา
แต่ตอนนี้ ยิ่งพอเขาได้กลายเป็นราชาภูติ และขจัดปัญหาใหญ่ของนรกไปอีกเปราะ
เหล่าสรรพวุธก็ยิ่งเคารพ และเชื่อถือในตัวเขามากยิ่งขึ้น
“แล้ววิหารแห่งวัฏจักร มันอยู่ไกลจากสายธารแห่งการหลงเลือนมากหรือไม่?”
“ไม่ไกลหรอก กล่าวได้ว่ามันอยู่ในขอบชายฝั่งของสายธารเลยล่ะ”
กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็เบาใจลงเล็กน้อย
แหล่งกำเนิดธาตุดินอยู่บริเวณตีนเขา ขณะที่อีกหนึ่งอยู่ภายในภูเขาล้อมเหล็ก อย่างไรก็ตาม สถานที่ของทั้งสองแหล่งกำเนิดนี้ล้วนถูกปกคลุมอยู่ในระยะโจมตีของหอกหลากสีทั้งสิ้น
ดูเหมือนจะมีบางเรื่องเหมือนกัน ที่ไม่ง่ายจะจัดการ
“ทำไมหรือ? หรือว่าเจ้าจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้?” ฉานนู่เอ่ยถาม
“ใช่ อันดับแรก เราต้องรวมรวบธาตุทั้งห้าให้ได้เสียก่อน”
“แหล่งกำเนิดของธาตุทั้งห้าจะสามารถจัดการกับหอกหลากสีได้กระนั้นรึ?”
“ข้าคิดว่าข้ามีวิธีที่สามารถจัดการกับมันได้”
เห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของอีกฝ่าย ฉานนู่ก็มิคิดเอ่ยถามสิ่งใดอีก
เพราะตลอดมา ตราบใดที่กู่ฉิงซานบอกว่ามีวิธีการ เขาก็ไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลย
“ธาตุไฟกับธาตุทองอยู่ในขุมนรก เจ้าสามารถใช้ไม้เท้าแห่งการจองจำไปหาพวกมันได้ทันที” เธอกล่าว
“ส่วนแหล่งกำเนิดธาตุน้ำที่อยู่ในสายธารแห่งการหลงเลือน ข้าได้ค้นพบมันตั้งนานแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นข้านี่แหละ ที่นำมันมาใช้รักษาตัว”
กู่ฉิงซาน “เช่นนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปรวบรวมมันมาเถอะ จากนั้นค่อยไปเจอกันที่นรกทะเลเลือด”
“เข้าใจแล้ว”
ฉานนู่คว้าดาบขุนเขาเทวะหกโลกาทะยานตัวออกไป
ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ‘ทรงปัญญา’ ทำให้เธอสามารถเรียนรู้วิธีการบินจากกู่ฉิงซานได้
ขณะเดียวกัน กู่ฉิงซานก็กำไม้เท้าแห่งการจองจำในมือ และหลับตาทั้งสองข้างลงเพื่อที่จะรับรู้ถึงตำแหน่งของเป้าหมาย
และเกือบจะในทันที เขาก็สามารถค้นพบแหล่งกำเนิดธาตุทองจากในนรกถลกหนัง และธาตุไฟจากในนรกกระทะทองแดง
กู่ฉิงซานวาดไม้เท้าแห่งการจองจำออกไป ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างจะหายไปในสถานที่เดียวกัน
แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ไหนสักแห่งหนึ่งในนรก
ในนรกแห่งนั้น มีปากใหญ่มากมายผุดขึ้นมาจากดิน มันมีหน้าที่คอยกัดกิน ถลกเนื้อหนังของคนตายทุกผู้คนที่ตกลงมายังที่นี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเห็นกู่ฉิงซาน มันก็หุบปากลงอย่างแน่นหนาในทันที
กู่ฉิงซานก้มหน้าลง มองไปยังกลุ่มก้อนแสงสีเหลืองทองอันคลุมเครือที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเขา
นี่คือแหล่งกำเนิดของธาตุทอง
และในความเป็นจริงแล้ว มันยังเป็นหนึ่งในสมบัติที่หาได้ยากยิ่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในนรกมิได้มีวิธีการที่จะใช้หลอมกลั่นมัน ดังนั้นเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้หลอมกลั่นย่อมมิต้องกล่าวถึง
ในปรภพ สมบัติส่วนใหญ่นั่นจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือไม่ก็เป็นอาวุธเทวะที่เกิดจากการรวมตัวกันของกฏเกณฑ์
ดังนั้นต้นกำเนิดของธาตุทั้งห้าจึงไม่ได้รับการใส่ใจใดๆจากเหล่าคนตาย
กู่ฉิงซานเก็บเอาแหล่งกำเนิดธาตุทองออกมา
แล้วเขาก็มุ่งหน้าต่อไปยังนรกกระทะทองแดง
สถานที่ซึ่งแหล่งกำเนิดของธาตุไฟ อยู่ลึกลงไปในนรกแห่งนั้น
เมื่อมาถึง เขาก็พบว่ามันเป็นกระทะทอดที่เดือดไปด้วยอุณหภูมิสูง มีแอ่งโค้งลึกลงไปหลายร้อยเมตร เพื่อไว้ใช้ทอดคนตายโดยเฉพาะ
กู่ฉิงซานเรียกคนตายที่ทรงพลังกว่าหลายหมื่นคนมาแล้วสั่งให้พวกเขาดำลึกลงไปยังตำแหน่งที่ซึ่งมีสิ่งของที่ต้องการอยู่
ไม่นานนัก ธาตุไฟก็ถูกค้นพบและนำมามอบมันให้แก่เขา
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากของเจ้า”
กู่ฉิงซานรับเอาแหล่งกำเนิดธาตุไฟมา และกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
“มิกล้า การได้รับใช้ราชาภูติ นับว่าเป็นเกียรติของพวกเราแล้ว”
“ขอเพียงท่านราชาภูติเอ่ยสั่ง พวกเราทุกตนล้วนยินดีเชื่อฟัง”
“และทำตามคำสั่งของราชาภูติ”
เหล่าคนตายตอบอย่างระมัดระวัง
กู่ฉิงซานพยักหน้าและเดินจากไป
เฝ้ามองตัวตนที่ราวกับเทพสังหารเดินจากไปด้วยความพึงพอใจ เหล่าคนตายในนรกกระทะทองแดงก็ต่างพากันถอนหายใจผ่อนคลายลง
กู่ฉิงซานกลับไปยังนรกทะเลเลือด และพบว่าฉานนู่กำลังรอเขาอยู่
“เอ้านี่”
กลุ่มก้อนแสงที่เปล่งประกายและมีกลิ่นอายเย็นชื้นถูกโยนไปทางกู่ฉิงซานโดยฉานนู่
ด้วยเหตุนี้ แหล่งกำเนิดของธาตุทั้งห้าก็ได้ถูกรวบรวมมาได้ 3 ประเภทแล้ว!
ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นแหล่งกำเนิดธาตุดิน และแหล่งกำเนิดธาตุไม้
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็มาถึงปัญหาที่ยากจะแก้แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าคงจะหมายถึง วิหารแห่งวัฏจักรอย่างงั้นสินะ?” ฉานนู่เอ่ยถาม
“ใช่ ตำแหน่งของมันตั้งอยู่ใกล้กับตีนเขาของภูเขาล้อมเหล็ก และสามารถถูกหอกหลากสีโจมตีใส่ได้ตลอดเวลา หากมันคิดจะโจมตี” กู่ฉิงซานกล่าว
“เมื่อครู่ข้าพึ่งได้ไปดูมา ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวว่า มีเฉดเงาหลากสีถูกปลดปล่อยออกมาบ้างเป็นครั้งคราวก็จริง แต่มันมิได้ปกคลุมไปตลอดทั้งภูเขาล้อมเหล็กเหมือนดั่งตอนที่หอกหลากสีทำการล้างบางเผ่ามารอีกแล้ว”
“หากอ้างอิงตามตรรกกะนี้ ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าหอกหลากสีมิได้โจมตีมั่วซั่วอีกต่อไป” วิหคขาวร้องออกมา
“ไม่หรอก ข้าคิดว่าคงจะเป็นเพราะในส่วนพื้นดินเบื้องบนของโลกปรภพน่ะไม่มีอะไรที่มันจะสังหารได้แล้วต่างหาก ดังนั้นมันจึงสงบลง” กู่ฉิงซานกล่าว
สรรพวุธมากมายตกอยู่ในความเงียบ
ใช่แล้วล่ะ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้หรอกว่าหอกหลากสีจะตอบสนองอย่างไร หากมันค้นพบว่ามีคนพยายามที่จะเข้าสู่วิหารแห่งวัฏจักร
หากคิดจะสังหารพวกเขา หอกหลากสีก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยการปลดปล่อยเฉดเงาหอกออกมาจัดการ
กู่ฉิงซานไตร่ตรองสักพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นทันใด “เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคล เจ้าได้ยินข้าไหม?”
แล้วบนศีรษะของเขา ก็ปรากฏตัวเลข ‘0000’ ขึ้นในทันใด
“นายต้องการที่จะปรึกษากระผมเกี่ยวกับเรื่องบาปบุญอย่างงั้นหรือ?” เครื่องจักรคำนวณบุญกล่าว
“ใช่ ข้าอยากจะทราบว่าหลังจากที่ช่วยโลกปรภพแล้ว จะได้รับจำนวนบุญมากมายแค่ไหนกัน”
เสียงของเครื่องคำนวณบุญกลับกลายเป็นร้ายแรง “การช่วยเหลือโลกปรภพจากการล่มสลาย นั่นเทียบเท่ากับการได้ช่วยเหลือทั้งหกวิถีแห่งสังสารวัฏ! เทียบเท่ากับการช่วยทั้งหกโลกและสิ่งมีชีวิตมากมาย! ดังนั้นจำนวนบุญที่จะได้รับจากการช่วยเหลือปรภพ ก็จะมีจำนวนมากพอๆกับเม็ดทรายที่กระจายอยู่ตลอดทั้งสายธารแห่งการหลงเลือน!”
“จำนวนบุญที่จะได้รับจากการกระทำในครั้งนี้ค่อนข้างซับซ้อน กล่าวได้ว่ามันช่างยิ่งใหญ่ และมิอาจประเมินค่าได้”
กู่ฉิงซานเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วถ้าหากเหล่าคนตายที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่ในนรกมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ พวกเขาจะสามารถได้รับบุญหรือไม่?”
“บุญจะได้รับตามผลงานของพวกมัน”
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”
“งั้นกระผมขอตัว”
แล้วเสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญก็หายไป
พอมันหายไป ตัวเลข 0000 บนหัวของกู่ฉิงซานก็สาดแสงและหายวับตามไปเช่นกัน
กู่ฉิงซานขบคิดอยู่พักหนึ่ง
เขายกไม้เท้าแห่งการจองจำขึ้น และเริ่มทำการเชื่อมต่อกับนรกทั้ง 18 ขุม
ทันใดนั้นคนตายก็รู้สึกได้ถึงความสนใจที่เพ่งมองมาของราชาภูติ
พวกเขาหยุดทุกการกระทำและเคลื่อนไหว
กู่ฉิงซานกลั้วคอเพื่อจะได้พูดให้มันชัดๆและเปล่งวาจาลั่น “เหล่าคนบาปทั้งหลายจงฟัง”
คนตายจากทั้ง 18 ขุมนรกเริ่มแสดงท่าทีฟังอย่างตั้งใจ
และกู่ฉิงซานก็เริ่มกล่าวกับนรกทั้งหมด
“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำในตอนนี้”
“และสิ่งนั้นจะช่วยให้พวกเจ้าสามารถขจัดทุกชนิดของความทุกข์ระทม หรือบางทีมันอาจจะช่วยให้สั่งสมบุญได้มากพอ ที่จะใช้กลับไปเกิดใหม่ในโลกอื่นเลยก็ยังได้”
“พวกเจ้าต้องการหรือไม่?”
เหล่าคนตายลังเลไปสักพัก ก่อนที่บางตนจะค่อยๆเริ่มตอบสนอง
“ต้องการ!”
“พวกเราจะเชื่อฟังราชาภูติ”
“วาจาของท่านราชาภูติถือเป็นคำตัดสินสูงสุด!”
คำตอบเหล่านี้แม้จะบางเบาและกระจัดกระจาย แต่คนตายทั้งหมดก็ได้แสดงทัศนคติของพวกเขาออกมาแล้ว
จะอะไรก็ช่าง อย่างน้อยขอแค่พวกตนไม่ต้องไปยั่วยุฆาตกรฆาตกรแสนโหดร้ายที่สังหารคนตายนับพันล้านในคราเดียวคนนี้ก็พอแล้ว
ทุกคนกำลังคิดเช่นนั้น
จู่ๆกู่ฉิงซานก็วาดไม้เท้าออกไปอีกครั้ง ส่งผลให้เหล่าคนตายได้สติกลับคืน และเริ่มแสดงท่าทีของความหวาดกลัวออกมา
“งั้นก็ดี” เขากล่าว
“ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าอาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทุกคนก็รู้ถึงสิ่งหนึ่งอยู่แล้วใช่ไหม นั่นก็คือ … เอาเป็นว่าข้าจะมอบหน้าที่อธิบายให้แก่เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลก็แล้วกัน”
กู่ฉิงซานเรียกเครื่องจักรคำนวณบุญออกมา
“เครื่องจักรเอ๋ย ข้าใคร่ขอเอ่ยถามหน่อยจะได้หรือไม่ ว่าคนตายจะต้องได้รับบุญเท่าไหร่กัน จึงจะสามารถหลุดพ้นจากมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทมนี้และไปเกิดใหม่ในโลกอื่นๆได้”
เครื่องจักรคำนวณบุญกล่าว “คนตายที่เข้าสู่นรก ย่อมแน่นอนว่าบุญของมันจะเป็น – (ลบ) ด้วยเหตุเพราะทำชั่วมามากเกินไปในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่”
“ยิ่งทำความชั่วร้ายมากเพียงใด ตัวเลขที่เป็น – (ลบ) ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
“แต่เมื่อได้มาทนทุกข์ทรมานในนรกแห่งนี้ ตัวเลขบุญที่เป็น – ก็จะค่อยๆลดหลั่นลง และเมื่อบุญเหลือ 0 หรือเป็น + คนตายในนรกจึงจะสามารถไปเกิดใหม่ได้”
เครื่องจักรคำนวณบุญกำลังชี้แจงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
นี่คือสามัญสำนึกที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันในนรก และคนตายทุกคนต่างก็ล่วงรู้เรื่องนี้
ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขามักจะเงยหน้าขึ้นมองเลขบุญอยู่บ่อยๆ เพื่อดูว่าพวกเขาจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากในนรกไปอีกนานแค่ไหนกัน
กู่ฉิงซานเอ่ยถามอีกครั้ง “ดังนั้น ตอนนี้ข้าเลยมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะให้พวกเขาทำ”
เขาเอ่ยถามอีกครั้งเกี่ยวกับการช่วยเหลือโลกปรภพ
เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลก็เอ่ยคำตอบเช่นเดียวกันกับคราก่อน
เหล่าคนตายพอได้ฟัง ในแววตาของพวกมันก็เกิดประกายขึ้นทันใด
เครื่องจักรคำนวณบุญจะไม่มีทางโกหก
นี่มันเป็นเรื่องจริง!
หากว่าการลงมือทำเจ้าสิ่งที่ราชาภูติว่ามาได้รับผลประโยชน์มหาศาลขนาดนี้จริงๆแล้วล่ะก็ ไม่ต้องให้ราชาภูติเอ่ยสั่งหรอก เหล่าคนตายก็ล้วนเต็มใจที่จะทำอยู่แล้ว
คนตายน่ะ คิดจะหนีออกจากนรกอยู่ทุกช่วงเวลา พวกเขาปรารถนาที่จะเป็นอิสระจากทุกชนิดของการถูกลงโทษ!
“ดีมาก ข้าได้เอ่ยถึงข้อสงสัยของตนเองแล้ว เจ้าสามารถไปได้” กู่ฉิงซานกล่าว
แล้วเสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลก็หายไป
กู่ฉิงซานหันมาเผชิญหน้ากับนรกทั้งหมดอีกครั้ง และกล่าวออกมาว่า “ข้าจะต้องเข้าร่วมการช่วยเหลือโลกปรภพอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีคนให้ความร่วมมือหรือไม่ก็ตาม ทว่า หากพวกเจ้าเองก็คิดจะร่วมมือด้วย ข้าก็ขอรับประกันว่าผลบุญที่พวกเจ้าจะได้รับ มันย่อมมากพอที่จะให้พวกเจ้าได้หลุดพ้นจากนรกอย่างแน่นอน หากไม่เชื่อคำข้า พวกเจ้าก็สามารถตรวจสอบดูเลขบุญของตนเองได้ตลอดเวลา”
“ดังนั้น ข้าจะขอถามย้ำอีกรอบ พวกเจ้ายินดีที่จะทำตามคำสั่งของข้าในเรื่องนี้หรือไม่?”
“ยินดี!”
“แน่นอนว่าย่อมยินดี!”
“เชื่อฟังราชาภูติ! ปฏิบัติตามคำสั่งราชาภูติ!”
“ได้ออกจากมหาสมุทรแห่งความขมขื่นนี้ ไม่มีผู้ใดหรอกที่ไม่ต้องการ!”
“ข้ายินดีและต้องการที่จะทำมัน ขอท่านราชาภูติโปรดเอ่ยบัญชาด้วย”
กู่ฉิงซานวาดไม้เท้าแห่งการจองจำออกไป ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ
“ข้าขอประกาศล่วงหน้านะ ว่าถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นอมตะ แต่การเข้าร่วมการช่วยเหลือโลกปรภพในครั้งนี้มันจักทำให้พวกเจ้าต้องตกตายลงซ้ำๆนับครั้งไม่ถ้วน”
“เจ้าจะถูกสังหารหลายครั้งหลายคราโดยสิ่งประดิษฐ์เทวะที่แสนร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง”
เขากำลังกล่าวถึงหอกหลากสี
ทันใดนั้นเอง หนึ่งในคนตายก็ร้องตะโกนออกมา “หากต้องถูกสังหารลงทันที โดยแค่เจ็บปวดเพียงครั้งเดียว เมื่อเทียบเปรียบกับที่ต้องทนทุกข์ทรมานในนรกที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นใจลงเมื่อใด นั่นมันนับว่าเป็นความสุขยิ่ง! ท่านราชาภูติ โปรดทรงบอกมาเถิด แล้วพวกเราจะเร่งทำตามคำท่านโดยไม่คิดรีรอใดๆ”
“ใช่ พวกเราน่ะคือคนตาย และได้รับความเจ็บปวดจากการโดนลงโทษด้วยความทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ต่อให้พวกเราจะต้องตายซ้ำๆ มันก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด”
“หากข้าสามารถสั่งสมบุญจนกระทั่งได้ไปกำเนิดใหม่แล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องตาายอีกหลายร้อยครั้ง ข้าก็ไม่หวาดเกรง!”
“โปรดสั่งข้ามาโดยเร็วเถิด”
“พวกเรายินดีจะฟังคำท่านราชาภูติ”
เสียงตอบสนองเริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ
ในท้ายที่สุด ตลอดนรกทั้ง 18 ขุม เหล่าคนตายทั้งหมดหมดก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ขอทรงบัญชา!”
“ขอทรงบัญชา!”
“ขอทรงบัญชา!”
กู่ฉิงซานที่รู้สึกได้ถึงฉากนี้ผ่านไม้เท้าแห่งการจองจำก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี งั้นโปรดรอสักครู่ ประเดี๋ยวพวกเราจะมาเริ่มดำเนินแผนการขั้นต่อไปกัน”
ว่าจบ เขาก็ตัดการเชื่อมต่อกับคนตายชั่วคราว
ฉานนู่ที่เฝ้ามองกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้น หันไปกล่าวกับเขาด้วยความงงงวย “นายน้อย ข้าไม่กระจ่างนัก”
“ไม่กระจ่างในสิ่งใด?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนหน้านี้ที่มนุษย์ปีศาจมิได้ฟังคำเจ้า เจ้ากลับถึงขั้นวาดไม้เท้า ใช้ออกด้วยเทคนิคลับสังหารหมู่มนุษย์ปีศาจในนรกขย้ำไปนับพันล้านจิตวิญญาณ ”
“อ่าฮะ”
“แต่พอเป็นยามนี้ ทั้งๆที่เจ้าได้เชือดไก่ให้ลิงดูไปแล้ว สามารถข่มขู่คนตายและเอ่ยบัญชาทั้ง 18 นรกให้เชื่อฟังได้โดยง่าย แล้วเหตุใดจึงไม่ทำเช่นนั้น?”
“อันที่จริงจะทำแบบนั้นก็ได้”
“เพราะเหตุใดกันเจ้าถึงต้องใช้เวลามากมายมาอธิบายเรื่องราวพวกนี้ให้พวกเขาฟัง แถมยังส่งบุญให้พวกเขาอีก?”
กู่ฉิงซาน “คนตายทั้ง 18 ขุมนรกน่ะมีความคิดฝังหัวว่าพวกเขาเป็นอมตะ ดังนั้นข้าจึงเสนอความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น เพื่อให้พวกเขาทำงานบางอย่าง”
“และเมื่อพวกเขาบรรลุตามแผนการที่ข้าวางเอาไว้ พวกเขาก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดี และการที่พวกเขาได้ไปเกิดใหม่ นั่นก็เป็นเป้าหมายของข้าเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงยุติธรรม”
ฉานนู่ตระหนักถึงความหมายของฝ่ายตรงข้าม เธอจึงเอ่ยถามออกไปว่า “เจ้ากำลังจะทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“เจ้ามีอำนาจที่สามารถกุมชีวืตและความตายของพวกเขาอยู่ในกำมือ และสามารถเอ่ยบัญชาพวกเขาได้อย่างชัดเจน”
“ฉานนู่เอ๋ย ที่เจ้าว่ามานั่นมิใช่คำสั่ง แต่มันคือการข่มขู่”
“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าก็ได้สังหารมนุษย์ปีศาจทั้งหมดในนรกขย้ำ ..”
“นั่นเพราะพวกเขาไม่สำนึกกลับใจ และยังคงคิดแสวงหาความสุขจากการสังหารคน กระทำบาปร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง – ข้าจึงต้องสังหารพวกเขา”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ขณะที่นรกอีกสามขุมหยุดมือ ฉะนั้นข้าจึงให้โอกาสพวกเขากลับใจ”
“แต่เมื่อครู่นี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า -”
“ครานี้กับคราก่อนมันแตกต่างกัน” กู่ฉิงซานขัดจังหวะเธอและเอ่ยอธิบายอย่างอดทน “ทุกสิ่งอย่างล้วนมีเหตุและผลในตัวมันเอง ละไว้แต่เพียงสิ่งชั่วร้าย การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมนี้ก็เช่นกัน กฏเกณธ์แห่งมันตรงกันกับเจตจำนงแห่งผู้ฝึกดาบ”
เขาลูบหัวไม้เท้าแห่งการจองจำเบาๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “การข่มขู่ผู้อ่อนแอด้วยชีวิตน่ะ อาจจะมีหลายผู้คนที่กระทำเช่นนั้น ทว่าสำหรับเจตจำนงของผู้ฝึกดาบแล้ว ย่อมไม่อาจยอมรับสิ่งนั้นได้”
“นี่มันเป็นสิ่งที่ขัดกับมโนธรรมในจิตใจของตนเอง”
ขณะที่กำลังฟัง สายตาของฉานนู่ก็ค่อยๆเคลื่อนไปยังร่างกายของกู่ฉิงซานอย่างช้าๆ บังเกิดความรู้สึกลึกล้ำขึ้นในจิตใจของเธอ
แต่เดิม …. แท้จริงแล้วกลับกลายว่าเป็นเช่นนี้ …
ทันใดนั้นเธอก็โค้งกายคารวะลง
“พอได้ยินและได้เห็นถึงทัศนคติเช่นนี้จากนายน้อยข้าก็วางใจ นับจากนี้ไปในอนาคต ข้า-ฉานนู่ ยินดีที่จะอยู่เคียงข้าง ร่วมทุกข์สุขไปด้วยกันกับท่าน!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น