Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 395-401

 หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.395 – ฉากนรก


 


เหงื่อเย็นเยียบหยดย้อยลงมาจากแผ่นหลังของกู่ฉิงซานขณะกำลังตั้งใจฟัง


 


ใครจะไปคิดกันล่ะว่า เผ่ามารจะวางแผนที่สั่นสะเทือนโลกหล้าได้ขนาดนี้!


 


โลกปรภพกับโลกมนุษย์กำลังจะถูกทำลาย


 


และเผ่ามารก็ใกล้จะทำสำเร็จแล้ว!


 


กู่ฉิงซานที่ยืนอยู่เบื้องล่างของสายธารนิ่งงันไป มิอาจเปล่งวาจาได้อยู่เนิ่นนาน


 


กระทั่งผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง เขาจึงเอ่ยปากถามออกมาว่า “แล้วทวยเทพแห่งประภพล่ะ? ตายกันหมดแล้ว? ไม่มีหลงเหลือเลยหรอ?”


 


“อันที่จริงก็ไม่ใช่แบบนั้น” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว


 


พอได้ยิน หัวใจของกู่ฉิงซานก็เต้นครึกโครม


 


“งั้นหมายความว่าทวยเทพยังมีชีวิตอยู่น่ะสิ?” เขาเร่งเอ่ยถาม


 


“ไม่ได้มีชีวิตอยู่ แต่หายตัวไป แปดเทพวิญญาณที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกปรภพได้หายตัวไป ก่อนที่เรื่องราวนี้มันจะเกิดขึ้น”


 


“แล้วพวกเขาหายไปที่ใด?”


 


“ไม่รู้เหมือนกัน”


 


ลืมมันเถอะ ดูเหมือนว่ากู่ฉิงซานจะไม่อาจคาดหวังกับเทพพวกนี้ได้ บางทีพวกเขาอาจจะหนีไปนานแล้วก็ได้


 


กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่สักพัก จึงเอ่ยถาม “แล้วหอกหลากสีนั่นสามารถสังหารเจ้าได้หรือไม่?”


 


“ตามปกติแล้วมันจะเพ่งเล็งเทพกับอสูรกายเป็นอันดับแรก กล่าวได้ว่าตราบใดที่พวกเราเหล่าอาวุธมิได้ไปหาเรื่องมัน มันก็จะไม่สนใจพวกเรา”


 


วิหคขาวเอ่ยขัด “ครั้งหนึ่งข้าเคยเอ่ยขอให้ผู้คุมนรกทั้งเจ็ดไปยังยอดเขา เพื่อหมายจะริบหอกหลากสีมาไว้ในกำมือ ทว่าทันทีที่พวกเขาสัมผัสกับมัน พวกเขาก็ถูกสังหารตายเป็นกองเลือดในพริบตา”


 


“แต่เพราะคนตายจะมิอาจตายได้อีก ดังนั้นพอสิ้นใจลง ทั้งหมดจึงถูกส่งกลับไปหลับไหลในนรกของตนเองทันที”


 


“แล้วหอกหลากสีนั่นล่ะ?”


 


“มันยังคงตั้งอยู่บนยอดเขาล้อมเหล็ก – เพราะเขาล้อมเหล็กสามารถทานทนต่อลมแห่งทัณฑ์โกลาหลได้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่หอกต้องถูกวางคู่ไว้กับมัน


 


“อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งอย่างบนยอดเขาล้อมเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นตึกรามหรือสิ่งมีชีวิต ทั้งหมดล้วนถูกทำลายล้างสิ้นโดยมัน”


 


วิหคขาวกล่าว มันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างหดหู่


 


และภาพเคลื่อนไหวจากตะขอเกี่ยววิญญาณก็ผ่านไป


 


หอกหลากสียังคงตั้งอิงผนังหินอยู่บนยอดสุดของภูเขาล้อมเหล็ก


 


ยันต์สีทองยังคงแปะติดอยู่บนตัวหอก เพื่อทำการผนึกมันไว้ชั่วคราว


 


กู่ฉิงซานมองมายังฉากนี้แล้วส่ายหัว


 


พลานุภาพของเจ้าหอกนี่มันร้ายกาจเกินไป ไม่มีวิธีที่จะรับมือกับมันได้เลย


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว “เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้ดี อย่ามุ่งไปยังยอดเขา มิฉะนั้นแล้ว เจ้าจะตกตายลงที่นั่น”


 


กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “ข้าคงไม่คิดจะไปที่หรอกหากไม่มีแผนรับมือดีๆ ว่าแต่ทางฝั่งนรกเล่า หลังจากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น พวกมันเป็นอย่างไรบ้าง?”


 


แล้วภาพเคลื่อนไหวก็เปลี่ยนแปลงไปอีกที


 


ณ ใต้ดิน ลึกลงไปของภูเขาล้อมเหล็ก


 


นรกทั้งหมดได้หลุดจากการควบคุม


 


แม้ว่าคนตายจะยังคงทุกข์ทรมานจากนรกที่พวกมันรับกรรมอยู่ แต่พวกมันก็อดทนพยายามที่จะหนีออกจากปรภพและมุ่งหน้าเข้าสู่โลกมนุษย์


 


นรกชั้นแรก ‘นรกทะเลเลือด’


 


คนตายจะถูกแช่อยู่ในน้ำเลือดที่เดือดพล่าน ถูกทรมานด้วยการต้ม


 


นอกจากนี้ ภายในน้ำเลือดยังมีสัตว์ประหลาดอยู่มากมาย และพวกมันก็รับหน้าที่คอยกัดกินร่างของเหล่าคนตายอยู่ตลอดเวลา


 


หากเบนสายตาข้ามผ่านนรกคุกทะเลเลือดไป ก็จะมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำเลือด


 


บริเวณที่ว่านี้ค่อนข้างลาดชัน


 


น้ำเลือดทั้งหมดได้หลั่งไหล่ลงไปตามทางลาดที่ว่านี้


 


บางครั้งก็มีคนตายสามารถเข้ามาถึงที่นี่ได้


 


นี่คือทางเข้าสู่ ‘นรกถลกหนัง’


 


คนตายจะกลิ้งลงไปตามทางลาดชัน ด้วยความเร็วที่ค่อยๆทวีขึ้น และเร็วยิ่งขึ้น


 


อย่างไรก็ตาม นี่มิใช่การปล่อยลงไปเปล่าๆ ระหว่างทาง พวกมันก็จะถูกใบมีดอันแหลมคมที่ถูกแทรกไว้ตามทางลาดชัน เชือดเฉือนร่างออกเป็นชิ้นๆ


 


และหลังจากคนตายสิ้นใจลง พวกมันก็จะจมลงสู่การหลับไหลในจุดนั้น และก็ตื่นขึ้นมาในตำแหน่งเดิม


 


เมื่อฟื้นคืนสติ พวกมันก็จักเริ่มกลิ้งลงไปตามเนินลาดชันที่เต็มไปด้วยคมมีดอีกครา และถูกแล่ถลกทั้งเลือดเนื้อและหนังออกโดยสมบูรณ์อีกครั้ง


 


ฟื้นคืนชีวิตกลับมา – กลิ้งไปถูกใบมีด – ฟื้นมาอีก – ถูกหั่นอีก – เป็นวงจรทารุณเช่นนี้ต่อไปกว่า 693.81 ล้านลี้!


 


นี่คือหนทางเดียวที่จะข้ามผ่านนรกชั้นสอง


 


และบริเวณเบื้องล่างสุดทางลาดชัน ก็จะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อเข้าสู่นรกชั้นสาม ‘นรกเยือกแข็ง’


 


ซึ่งขณะนี้ดินแดนของนรกเยือกแย็งได้หลงเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อีกครึ่งได้หายไปแล้ว หลงเหลือทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า


 


เห็นได้ชัดว่านรกชั้นนี้ คือนรกที่ไปปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์


 


กู่ฉิงซานเฝ้ามองสังเกตนรกนี้อย่างรอบคอบ แล้วเขาก็พบกับ-


 


-15 คนตายที่ดูแข็งแกร่งที่สุดในนรกขุมนี้ กำลังยืนอยู่ใจกลางนรกเยือกแข็ง และกำลังร่วมกันสำแดงพลังมนตราของไม้เท้าแห่งการจองจำของราชันภูติ เพื่อกระตุ้นให้นรกเยือกแข็งแยกตัวออกจากปรภพอยู่


 


แล้วสายตาของกู่ฉิงซานก็เลื่อนไปเห็นคนคุ้นเคย-


 


-โครงกระดูกในชุดคลุมดำ


 


“แล้วพวกเขาไปได้วิธีปลดปล่อยนรกนี้ออกจากปรภพได้อย่างไร?” กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม


 


“วิธีแยกนรกออกจากปรภพน่ะคือเทคนิคลับที่อยู่ในไม้เท้าแห่งการจองจำ  มันถูกสร้างขึ้นโดยราชาภูติรุ่นแรกเพื่อใช้รุกรานโลกอื่น” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว


 


“ดังนั้น ตราบใดที่คนตายแตะต้องไม้เท้าแห่งการจองจำ พวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้และใช้งานเทคนิคลับที่ว่านั่นได้”


 


“พวกเขาจะตระหนักถึงวิธีที่จะปลดปล่อยนรก ให้สามารถแยกตัวออกจากโลกปรภพได้ทันที”


 


มองไปยังนรกเยือกแข็งอันเย็นเยียบ และเหล่าคนตายที่ดูแข็งแกร่งที่สุดกำลังลอยตัวอยู่


 


ทั้งหมดต่างก็วางมือลงบนไม้เท้าแห่งการจองจำ


 


บนไม้เท้าบังเกิดแสงสีดำสาดขึ้น


 


และไม่นานนัก สีหน้าของพวกคนตายที่แตะต้องมันก็พลันแสดงท่าทีตระหนักรู้


 


พวกเขาได้ร่วมมือกับกองกำลังอื่นๆของคนตาย และเริ่มที่จะร่ายมนตราเพื่อเร่งความเร็วในการปลดปล่อยนรกเยือกแข็ง


 


ในเวลานั้นเอง ไม้เท้าแห่งการจองจำก็สั่นไหว และหายวับไป


 


“มันได้จากไป และเข้าสู่นรกขุมถัดไปเพื่อทำการสอนสั่งเทคนิคลับที่ว่านั่นแด่ผู้แข็งแกร่งในนรกแห่งนั้นอีกครั้ง” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว


 


“การที่มันกระทำเช่นนี้ ก็พอจะบ่งบอกได้ว่าไม้เท้าแห่งการจองจำมีสตินึกคิดใช่หรือไม่?”


 


“ไม่หรอก นับตั้งแต่ยุคโบราณอันไกลโพ้น สติของมันได้ถูกสังหารลงไปแล้วโดยเทพวิญญาณ”


 


“ก็ถ้าหากเป็นเช่นนั้น แล้วมันยังสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?”


 


“เมื่อผนึกของไม้เท้าแห่งการจองจำถูกยกเลิก มันจึงหลุดพ้น และก้าวเข้าสู่นรกแต่ละขุม เพื่อทำการสอนสั่งเทคนิคลับนี้ให้กับเหล่าพวกคนตาย นี่คือหนึ่งในภารกิจที่ราชาภูติรุ่นแรกได้มอบให้กับไม้เท้า”


 


กู่ฉิงซานลังเล ก่อนจะกล่าวว่า “ว่าแต่เทคเทคนิคลับที่อยู่ในไม้เท้าแห่งการจองจำนี่มันอะไรบ้างล่ะ?”


 


“เทคนิคที่ว่านั่นมีเพียงคนตายเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้”


 


“ยามเมื่อราชาภูติถือไม้เท้า เขาจะสามารถใช้เทคนิคลับของตลอดทั้ง 18 ขุมนรก และสามามรถสั่งให้คนตายทุกคนในปรภพปรากฏตัวขึ้นได้”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวต่อว่า “และเนื่องจากกฏเกณฑ์ของปรภพน่ะมันน่าเกรงขามเกินไป ดังนั้นไม้เท้าแห่งการจองจำจึงต้องออกเฟ้นหาราชาภูติที่ทรงพลังมากตามไปด้วย ส่วนเทคนิคของมันมีอะไรบ้างนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบ” เขากล่าว


 


ภาพในมุมมองสายตาเปลี่ยนไปอีกครา


 


และไม้เท้าแห่งการจองจำก็ปรากฏขึ้นใน ‘นรกขย้ำ’


 


มันเป็นนรกที่คนตายกำลังเดินอยู่บนแผ่นดินแห้งแล้ง และมีบ้างเป็นครั้งคราวที่สุนัขเหล็กกับสิงโตเหล็กจะปรากฏกายขึ้น และวิ่งไล่ล่าพวกเขา ฉีกกัดและกินพวกเขาเป็นอาหาร


 


เมื่อเห็นฉากนี้ หลากหลายคนตายที่ทรงพลังพรวดก็เข้ามาข้างหน้า และคว้าจับไม้เท้าแห่งการจองจำเอาไว้ จากนั้นก็เริ่มรับการสืบทอดเทคนิคลับ


 


หลังจากนั้นนรกขย้ำต่อมาก็เป็น นรกกัดกร่อน


 


คนตายในชั้นนี้ ร่างกายของพวกเขาจะค่อยๆถูกกัดกร่อนโดยน้ำกรด และในที่สุดก็จะหลงเหลืออยู่แค่เพียงกระดูกและสิ้นใจลงโดยสมบูรณ์


 


ยิ่งคุณลงไปด้านล่างลึกเท่าไหร่ ความทุกข์ทรมานจากในนรกก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น


 


นรกยิงเป้า


 


นรกศิลาบด


 


นรกหุบเขาใบมีด


 


นรกแผดเผา


 


นรกจอมเสียบ


 


นรกนึ่ง


 


นรกถลกหนัง


 


นรกควักหัวใจ


 


นรกคว้านท้อง


 


นรกอาบพิษ


 


นรกกระทะทองแดง


 


นรกเลื่อย


 


นรกแท่นประทับ


 


นรกเหล่านี้จะแบ่งออกเป็นนรกขนาดเล็ก นรกขนาดใหญ่ ตามแต่ระดับของความทุกข์ทรมาน


 


แม้ว่าคนตายจะได้อยู่ในนรกขนาดเล็ก แต่พวกเขาก็ยังได้รับความทุกข์ทรมานมากมายในเวลาอันสั้นอยู่ดี


 


แม้คนตายจะประสบพบเจอกับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสในระยะเวลาอันสั้น เต็มไปด้วยทุกรูปแบบของความเจ็บปวด ทว่าหลังจากผ่านไปสักระยะ พวกเขาก็จะได้กลับคืนสู่สังสารวัฏ ไปเกิดใหม่ในที่สุด


 


ส่วในนรกขนาดใหญ่ คนตายจะต้องทนทรมานเป็นเวลากว่า 500 ปี ก่อนที่พวกเขาจะสามารถพักผ่อนได้เป็นเวลาหนึ่งวัน จนกว่าความผิดบาปของพวกเขาจะลดน้อยลง จึงจะถูกถ่ายโอนไปยังนรกขนาดเล็ก ทรมานต่ออีกระลอก แล้วจึงถูกส่งไปเกิดใหม่


 


ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ‘นรกไร้สิ้นสุด’ ทุกตัวตนของคนตายที่อยู่ที่นี่จะต้องทนทรมานไปตลอดกาล หากไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น คนตายในนรกขุมนี้จะไม่มีวันได้ออกมาโดยเด็ดขาด


 


ในวิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซาน เขาเห็นแค่เพียงนรกที่เต็มไปด้วยคนตาย ทว่ากลับมิได้เห็นถึงเทพวิญญาณที่กุมบังเหียนของนรกเลย


 


ในแต่ละชั้นของนรก เหล่าคนตายที่ทรงพลังต่างร่วมมือกันใช้งานเทคนิคลับของไม้เท้าแห่งการจองจำ เพื่อกระตุ้นการแยกตัวออกของนรก


 


พวกมันต้องการที่จะแยกนรกออกจากปรภพ มุ่งหมายที่จะไปยังโลก!


 


เพราะท้ายที่สุดนี้ ตราบใดที่มันได้กินเนื้อดื่มเลือดมนุษย์ ความเจ็บปวดการทุกข์ทรมานจากนรกก็จะบรรเทาลง … แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามที


 


นอกจากนี้ ถ้าหากว่าพวกมันได้กินวิญญาณของมนุษย์แล้วล่ะก็ ตนก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!


 


“เมื่อครู่เป็นภาพของเมื่อวานนี้ ในวันนี้ไม้เท้าแห่งการจองจำจะบรรลุภารกิจที่สองของมัน”


 


“ภารกิจที่สองของมันคืออะไร?”


 


“แน่นอนว่าย่อมเป็นการเลือกราชาภูติ”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณถอนหายใจ “หลังจากที่ราชาภูติถือกำเนิดขึ้น เขาก็จะได้ถือครองไม้เท้าแห่งการจองจำ และปกครองนรกทั้งสิบแปดขุมโดยสมบูรณ์ จากนั้นก็จะเปิดตัวรุกรานโลกอย่างเต็มรูปแบบ”


 


“ดูสิ นี่คือภาพของวันนี้”


 


แล้วภาพก็เปลี่ยนไป


 


เหล่าคนตายที่แข็งแกร่งทั้งหลายของนรกอาบพิษได้ก้าวเดินออกมา


 


แล้วพวกเขาก็ห้ำหั่นกันเบื้องหน้าไม้เท้าแห่งการจองจำ


 


ผู้ชนะคนสุดท้ายจะถูกเลื่อนให้เข้าสู่รอบต่อไป


 


นรกทั้ง 18 ขุม กำลังคัดเลือกหนึ่งในคนตายที่แข็งแกร่งที่สุดในไม่ช้า


 


และคนที่แข็งแกร่งที่สุด ก็จะได้ขึ้นเป็นราชาภูติองค์ใหม่!


 


ราชาที่จะมีสิทธิ์ถือครองไม้เท้าแห่งการจองจำ ผู้ที่เพียงเอ่ยสั่งด้วยวาจา ตลอดทั้งนรกและคนตายทั้งหมด ก็จะรุกเข้าสู่โลก!



หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.396 – ทำก่อนค่อยพูดทีหลัง


 


นี่คือสิ่งที่โลกกำลังจะเป็นไป


 


แต่ตรงกันข้าม เมื่อเห็นถึงฉากนี้ กู่ฉิงซานกลับสงบลงแทน


 


เขาเอ่ยต่อว่า “แล้วพวกเผ่ามารกำลังทำอะไรกันอยู่?”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว “พวกมันได้ทำการปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดที่สามารถเข้าสู่โลกปรภพ ปิดกั้นเส้นทางเข้าสู่โลก”


 


“ในเมื่อทุกอย่างพร้อมถึงขนาดนี้แล้ว เหตุใดพวกมันจึงยังระแวดระวังตัวถึงเพียงนี้อยู่อีกเล่า?”


 


“เพราะพวกเราเหล่าจิตอาร์ติแฟคจากปรภพบางส่วน กำลังพยายามหาวิธีสื่อสารกับหอกหลากสีอยู่ ขณะที่อีกส่วนแยกตัวออกไปขัดขวางไม่ให้ราชาภูติถือกำเนิดขึ้นน่ะสิ”


 


แล้วภาพก็เปลี่ยนไป


 


ณ จุดยอดของภูเขาล้อมเหล็ก


 


หอกหลากสีวางอยู่บนยอดเขา


 


ขณะเดียวกันก็มี 5-6 กระแสแสงบินวนรอบตัวหอก และเปล่งเสียงออกมาอยู่บ่อยครั้ง


 


นั่นคืออาวุธโบราณของปรภพ


 


พวกเขากำลังพยายามที่จะสื่อสารกับหอกหลากสีอยู่


 


แล้วภาพก็สลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง


 


ในนรก เหล่าคนตายที่ทรงพลังกำลังเข่นฆ่าห้ำกันกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง


 


แล้วในท้ายที่สุด คนตายคนอื่นๆก็ถูกสังหารไปจนหมด หลงเหลืออยู่แค่เพียงสองตนเท่านั้น


 


ขณะนี้ ร่างของทั้งสองเต็มไปด้วยรอยบาดแผล


 


พวกเขาพยายามโจมตีอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง เพื่อคว้าชัยชนะในก้าวสุดท้ายนี้


 


แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีกระบี่ยาวผุดออกมา ซึ่งไม่มีใครรู้เหมือนกันว่ามันมาจากที่ใด ทว่ามันได้ฉวยโอกาสนั้น พุ่งวาบบบ! เฉือนผ่านร่างของคนตายทั้งสองไป


 


แล้วกระบี่ยาวกระพริบไหว หายไปในอากาศ


 


คนตายทั้งสองสิ้นใจลง แล้วจมลงสู่การหลับไหลอีกครั้ง


 


การแข่งขันในครั้งนี้จบลง และยังไม่อาจถือกำเนิดคนตายที่แกร่งที่สุดได้


 


เมื่อคนตายทุกคนตื่นขึ้นมา พวกเขาก็จะต้องทำการต่อสู้กันอีกครั้ง!


 


หากมองในแง่ของเวลาแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่อย่างน้อยสิ่งที่เหล่าอาวุธโบราณทำ ก็ช่วยให้การถือกำเนิดของราชาภูติก็จะล่าช้าออกไปพอสมควรเลย


 


กู่ฉิงซานจ้องมองฉากนี้อย่างครุ่นคิด


 


นรกหลายขุมได้ปรากฏตัวขึ้นแล้วบนโลก ทว่าพวกมันกลับยังไม่ยอมทำการกวาดล้างโลกจริงๆซักที


 


เขาเกรงว่าสาเหตุคงจะเป็นเพราะเหล่าคนตายทรงพลังที่เป็นผู้คุมนรกขุมต่างๆ กำลังวุ่นอยู่กับการยื้อยุทธกันและกัน ทุ่มเทกับการแข่งขันเพื่อคว้าตำแหน่งราชาภูติที่ว่านี่อยู่เป็นแน่


 


“ข้าเป็นร่างจิตวิญญาณ แต่ข้าพอจะสามารถเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อคว้าตำแหน่งราชาภูติได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามในทันใด


 


“มิได้ แม้เจ้าจะเป็นเหมือนคนตาย แต่ว่าไม่ได้ตายจริงๆ”


 


“นี่ … ”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณตะโกนขึ้นอย่างกระทันหัน “อ๊ะ บ้าจริง!”


 


“เกิดอะไรขึ้น?” กู่ฉิงซานเร่งเอ่ยถาม


 


“การแข่งขันเมื่อครู่จบลง นรกแต่ละแห่งจึงเริ่มคัดเลือกคนตายที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นไปต่อสู้กันอีกแล้ว! เวลานี้มีนรก 15 ขุม ที่คัดเลือกตัวแทนของพวกมันคนใหม่เรียบร้อยแล้ว!”


 


“เมื่อนรกทั้ง 18 ขุมทำการเลือกคนตายที่แกร่งที่สุด การต่อสู้เพื่อคว้าตำแหน่งราชาภูติก็จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง”


 


“ตอนนี้ปรภพไร้ซึ่งเทพวิญญาณ ดังนั้นวาจาของราชาภูติจะเป็นดั่งประกาสิทธิ์ ชี้นิ้วสั่งทุกผู้คนได้ และนั่นคือสิ่งที่เราจะต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น!”


 


กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “แล้วเผ่ามารเล่า พวกมันอยู่ที่ไหน?”


 


“พวกมันกระจายกำลังไปทั่วทั้งปรภพ แต่ไม่สามารถเข้าสู่นรกได้”


 


“แต่เมื่อไหร่ที่ราชาภูติทำลายโลกมนุษย์ลงอย่างสมบูรณ์ เมื่อนั้นอุปสรรถที่คอยขวางกั้นทั้งหกโลกก็จะหายไป ยามเมื่อช่วงเวลาดังกล่าวมาถึง เผ่ามารก็จะกรีฑาทัพ บุกเข้าสู่ทุกอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย!”


 


“เช่นนั้น เรามิอาจหยุดเรื่องนี้ได้เลยหรือ?”


 


“ใช่”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวด้วยความหดหู่ ทิ้งตัวลงบนพื้น นอนนิ่งไม่ไหวติง


 


กู่ฉิงซานจ้องมองมันอย่างว่างเปล่า ในสมองเขาอื้ออึงไปหมด


 


นี่ตนอุตส่าดั้นด้นมาถึงปรภพ ทว่าสุดท้ายแล้วกลับต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่ามันจะปรากฏขึ้นมาก่อน


 


เผ่ามารเริ่มเปิดฉากโจมตีโลกปรภพ จากนั้นก็กรีฑาทัพไปทั้งหกโลก หมายจะยึดครองทั้งหมดเป็นของตนเอง


 


เรื่องราวเช่นนี้ ตัวเขาไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลยในชีวิตก่อนหน้า


 


และนอกจากนี้ ยังมีเรื่องของอาวุธที่โคตรทรงพลานุภาพอย่างหอกหลากสีอีก หอกที่สามารถสังหารทั้งเทพและอสูรกายได้อย่างง่ายดาย


 


เผ่ามารนี่ช่างเป็นมะเร็งร้ายที่คอยกัดกินความสงบสุขโดยแท้!!


 


“มันไม่มีทางที่จะแก้ไขได้เลยหรือ … ” เขาบ่นงึมงำ


 


ทันใดนั้นเอง ตะขอเกี่ยววิญญาณก็ผุดลุกขึ้นทันใด ร้องตะโกนออกมา “ดูนั่นเร็วเข้า!”


 


กู่ฉิงซานคว้าจับมันทันทีอีกครั้ง และแช่จิตสัมผัสเทวะลงไป


 


เห็นแค่เพียงบนยอดเขาล้อมเหล็ก บังเกิดแสงและเงาบินหลุดออกมาจากหอกหลากสี


 


ด้ามจับหอกถูกล้อมรอบไปด้วยแสงและเงานี้


 


ทันใดนั้นเอง เหล่าอาวุธแห่งปรภพที่เวียนว่ายคอยส่งเสียงก่อกวนอยู่รอบกายมัน – ทั้งหมดก็ถูกสับเป็นชิ้นๆ!


 


อาวุธเหล่านี้ ทุกชิ้นล้วนเป็นอาวุธจากยุคโบราณที่เปี่ยมไปด้วยกฏเกณฑ์แห่งปรภพ ทว่าพวกมันกลับมิอาจต้านทานการโจมตีจากหอกหลากสีได้เลย!


 


อีกด้านหนึ่ง ยืดยาวไกลออกไปสุดปลายเขา


 


เผ่ามารนับไม่ถ้วนที่กำลังเฝ้ามองดูฉากนี้ ต่างเปล่งเสียงเย้ยหยันหัวเราะก๊ากด้วยความสมเพชออกมา


 


กระทั่งอสูรกายหลายตนที่มีรูปร่างใหญ่โตมืดฟ้ามัวดิน ก็ยังอดไม่ได้ต้องหัวเราะออกมา


 


ตั้งแต่ต้นจนจบ แน่นอนว่าพวกมันย่อมเห็นอาวุธโบราณเหล่านั้นอยู่แล้ว ทว่าเผ่ามารก็ทำแค่เพียงเลือกที่จะหลบซ่อนตัวเองห่างออกไปยังอีกด้านหนึ่งของภูเขา และเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ


 


พวกมันรับรู้ถึงอำนาจของหอกหลากสีดี และกำลังเฝ้ารอให้ฉากนี้ปรากฏขึ้น


 


“จบแล้ว มันจบแล้ว … ” กระแสเสียงของตะขอเกี่ยววิญญาณเต็มไปด้วยความเศร้าสลด


 


“ยังหรอก เฝ้าดูต่อไปเถอะ” กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก


 


ในขณะนั้นเอง หลากหลายสิบจุดแสงที่พรั่งพราวดั่งดาราก็กระพริบไหว พุ่งฉีกอากาศลอยไปบนท้องฟ้าเหนือภูเขาล้อมเหล็ก


 


พวกมันทะยานสูงขึ้นไปในอากาศเบื้องบน แล้วจึงค่อยๆหมุนวนโคจรอย่างช้าๆ


 


“นั่นมันอาวุธโบรารณอีก 36 ชิ้นนี่!” ตะขอเกี่ยววิญญาณร่ำร้องออกมา


 


“พวกเขากำลังจัดตั้งมหาค่ายกลผนึกมารจากยุคโบราณ!”


 


เสียงของตะขอเกี่ยววิญญาณเริ่มจะสั่นไหว


 


“ค่ายกลนี่มันทรงพลังมากเชียวหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม


 


“ตามตำนานในสมัยโบราณกล่าวเอาไว้ว่า สุดยอดอสูรกายที่แสนน่าสะพรึงได้ปรากฏตัวขึ้น และเทพวิญญาณทั้งแปดองค์มิอาจต่อกรกับมันได้ ในตอนท้ายพวกเขาจึงทำได้เพียงล่อมันเข้าไปติดกับดักของมหาค่ายกลผนึกมาร แล้วจากนั้นก็จับมันโยนเข้าไปในรอยแยกมิติ ส่งมันเข้าไปในมิติอันเชี่ยวกราดให้หายไปตลอดกาล” ตะขอเกี่ยววิญญาณอธิบาย


 


“เจ้ากำลังหมายความว่า อาวุธเหล่านั้นต้องการจะทำเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?”


 


“ใช่แล้ว ทว่านี่เป็นค่ายกลที่จัดวางได้ยากยิ่ง มิเช่นนั้นมันจะถูกเรียกว่าตำนานได้อย่างไร? ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะทำสำเร็จไหม”


 


กู่ฉิงซานจดจ้องไปยังทิศทางยอดเขาล้อมเหล็ก


 


หอกหลากสียังคงอิงผนังอยู่อย่างเงียบๆ ขณะเดียวกันยันต์สีทองก็ยังคงปิดผนึกมันอยู่


 


มันมิได้ลงมือจู่โจมออกมา คาดว่าคงเป็นเพราะเกี่ยวพันธ์กับยันต์ที่ว่านี่


 


กู่ฉิงซานมองไปที่หอก แล้วเอ่ยถามขึ้นทันใด “ไม่มีอะไรที่สามารถหยุดหอกนี้ได้จริงๆหรือ?”


 


“ใช่”


 


“กระทั่งสหายเจ้าที่สามารถสำแดงพลังของภูเขาล้อมเหล็กได้ก็ไม่ไหวหรือ?”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณถอนหายใจและกล่าว “การดำรงอยู่ของอาวุธที่สามารถสำแดงพลังของภูเขาล้อมเหล็กได้ คือหนึ่งในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะของปรภพ แต่ในช่วงเวลานั้นมันทำได้เพียงปัดป้องหอกหลากสีเท่านั้น”


 


“เพราะอย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเริ่มแรก หมายถึงก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะ มันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว”


 


“แล้วหลังจากที่สงครามเริ่มขึ้นได้ไม่นาน มันก็เข้าปัดป้องการโจมตีจากหอกหลากสีอยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายก็ถูกพัดปลิวหายไป”


 


“แล้วสิ่งที่สามารถทำได้เพียงปัดป้องหอกหลากสีมันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน? ตอนนี้ทวยเทพได้ตกตายลงกันหมดแล้ว ต่อให้มันสามารถฟื้นฟูความเสียหายกลับมาเป็นปกติได้โดยสมบูรณ์อีกครั้ง มันก็ไม่สามารถป้องกันการถือกำเนิดของราชาภูติได้อยู่ดี!”


 


“สถานการณ์ได้มาถึงจุดนี้แล้ว มันและข้าก็ล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะ แต่กลับไม่สามารถหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณพร่ำบ่นด้วยห้วงอารมณ์ที่ดิ่งลึก


 


กู่ฉิงซานกุมขมับ เขาอดไม่ได้ที่จะสิ้นหวัง


 


เวลานี้ 36 อาวุธจากยุคโบรารณกำลังจัดเรียงมหาค่ายกลผนึกมารอย่างช้าๆ


 


‘สถานการณ์สิ้นหวังนี่มันจะไม่อาจแก้ไขใดๆได้เลยหรือ ..’


 


กู่ฉิงซานครุ่นคิด


 


เขาหันไปมองกระบี่ภูติตัดกระดูกและตะขอเกี่ยววิญญาณว่า “ขอเวลาให้ข้าได้ใคร่ครวญเกี่ยวกับมันสักเล็กน้อย”


 


ว่าแล้วเขาเดินปลีกตัวไกลออกมา ก่อนจะยกสองแขนขึ้นกอดอกอย่างเงียบๆ


 


“นั่นเขากำลังทำอะไรอยู่น่ะ นี่มันเป็นเรื่องเร่งด่วนนะ” วิหคขาวบ่น


 


มันกำลังจะโผบินออกไปหา


 


ฟึบบบบ!


 


แต่แล้วดาบเล่มหนึ่งก็ผุดออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า และขวางวิหคขาวเอาไว้


 


“อย่าไป” ดาบพิภพกล่าวเสียงกระซิบ


 


“อะไร? นี่เจ้าเป็นอาวุธของเขาหรือ? เช่นนั้นก็บอกเขา–” วิหคขาวกำลังกล่าว


 


“ชู่ววว … อย่าได้ส่งเสียงดังไป เวลานี้เขาต้องการพื้นที่ๆจะอยู่คนเดียว” ดาบพิภพกล่าว


 


“กระบี่ภูติ กลับมาเถอะ” ตะขอเกี่ยววิญญาณเรียก “บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาได้รับรู้ถึงความจริงมากเกินไป ห้วงอารมณ์ของเขาจึงสิ้นหวัง เลยจำต้องใช้เวลาค่อยๆสยบข่มมันอย่างช้าๆน่ะ”


 


“เป็นเช่นนี้นี่เอง” วิหคขาวกล่าว


 


ดาบพิภพเอ่ยสวนทันควัน “มิใช่เช่นนั้น เขาเพียงแค่จำเป็นต้องขบคิดไตร่ตรอง ดังนั้นโปรดเงียบลงสักครู่”


 


ขณะนี้ดาบเช่าหยินก็ผุดออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าเช่นกัน มันเปล่งเสียงกล่าวอะไรบางอย่างออกมา


 


แล้วอาวุธที่เหลืออีกสามก็จมลงสู่ความเงียบ


 


ใต้สายธารแห่งการหลงเลือนกลับคืนสู่ความสงบ


 


กระแสน้ำเชี่ยวเหลือคณา เวียนว่ายอย่างไร้ที่สิ้นสุดแล่นผ่านหัวกู่ฉิงซานไป


 


กู่ฉิงซานยังคงนิ่งงัน ไม่ขยับไหว


 


มีหนทางใดหรือไม่?


 


หากนี่คือสงคราม เช่นนั้นสมควรกระทำสิ่งใด?


 


หลังจากนั้นไม่นาน แววตาของเขาก็ค่อยๆเปล่งประกายขึ้น


 


ทว่ากู่ฉิงซานยังคงขบคิดต่อไป ในขณะที่เดียวกันก็เดินกลับมา


 


“เป็นอย่างไร เจ้ามีความคิดอะไรดีๆบ้าง?”ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยถาม


 


กู่ฉิงซานกล่าว “เวลามีไม่มากนัก แม้ปัญหานี้มันจะค่อนข้างยุ่งยาก แต่มันก็มิได้สิ้นหวังโดยสมบูรณ์”


 


“อะไร? ยังไม่สิ้นหวังโดยสมบูรณ์? เจ้ากำลังจะบอกว่าพวกเรายังมีหวังอยู่กระนั้นหรือ?” วิหคขาวเริ่มตื่นเต้น


 


“สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ในหมู่มนุษย์เรามีคำสอนเก่าแก่ที่ตรงกับมันอยู่”


 


“คำสอนใด?”


 


“อย่ามัวแต่คิด! ลงมือทำซะ! ค่อยว่ากันทีหลัง!!”



หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.397 – สามสิ่งประดิษฐ์เทวะ


 


เหล่าอาวุธนิ่งงันไป


 


“นั่นหมายความว่าอย่างไร?” วิหคขาวเอ่ยถามดาบพิภพอย่างเงียบๆ


 


“ข้าก็ไม่ค่อยจะกระจ่างเช่นกัน” ดาบพิภพตอบ


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวอย่างจริงจังว่า “ท้ายที่สุดแล้วพวกเราน่ะคืออาวุธ ดังนั้นจึงมิอาจเข้าใจในบางบริบทของมนุษย์ได้ เจ้าโปรดกล่าวออกมาตรงๆเถอะ”


 


กู่ฉิงซาน “ในเมื่อทุกอย่างถูกสร้างขึ้นโดยเผ่ามาร ถ้าอย่างงั้นเราก็ต้องหาทางจัดการเผ่ามารก่อนเป็นอันดับแรก”


 


วิหคขาวถาม “จัดการเผ่ามาร? แล้วเรื่อง 18 ขุมนรกที่กำลังแย่งชิงตำแหน่งราชาภูติเล่า?”


 


“ปัญหานี้ต้องแก้ทีละข้อ อันดับแรกเราจะทิ้งเรื่องราชาภูติเอาไว้ก่อน”


 


“ทว่าทั่วทั้งโลกปรภพน่ะเต็มไปด้วยเผ่ามาร แถมยังมีมารแมงมุมเขมือบวิญญาณอีก เจ้ามั่นใจแค่ไหนกันเชียว?”


 


กู่ฉิงซาน “ข้าเองก็ไม่มั่นใจหรอก แต่บางทีข้าสมควรจะลงมือทำก่อน แล้วค่อยมาว่ากันทีหลัง”


 


“งั้นก็บอกข้ามา ว่าจะต้องทำอย่างไร”


 


“ข้าอาจจำเป็นต้องการความช่วยเหลือจากอาวุธที่สามารถสำแดงกฏเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็ก – ที่สามารถป้องกันการโจมตีจากหอกหลากสีได้”


 


“เข้าใจแล้ว แต่ยามนี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วก็อาจจะไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไปแล้วก็ได้นะ”


 


“ข้าจะไม่ให้มันฝืนตัวเกินไปนักหรอก แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ตอนนี้เราต้องค้นหามันให้เจอเสียก่อน”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว “หากเป็นเรื่องนี้ย่อมง่ายที่จะทำ พวกเรา 66 อาวุธโบราณน่ะเป็นร่างสมบูรณ์ของกฏเกณฑ์แห่งปรภพ ดังนั้น ตราบใดที่มี 7-8 อาวุธกวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปพร้อมกัน พวกเราก็จะรับรู้ถึงตัวตนของมันได้ว่าอยู่ที่ไหน”


 


กู่ฉิงซานกล่าว “งั้นดูเหมือนว่าเราจะต้องกลับไปที่วิหารสักการะสิ่งประดิษฐ์เทวะ”


 


……..


 


มารแมงมุมเขมือบวิญญาณกำลังยืนอยู่เหนือสุดของตัววิหาร


 


เนื่องจากตอนนี้มันถูกค้นพบแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่คิดหลบซ่อนอีกต่อไป


 


มารแมงมุมไม่ปกปิดตัวตน สายตาเอาแต่จดจ้องไปยังสายธารแห่งการหลงเลือนชนิดหัวชนฝา


 


เมื่อครู่ ตนพึ่งถูกยั่วยุมา


 


สำหรับมารแมงมุมแล้ว นี่คือความอัปยศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


 


‘หากเจ้ามนุษย์นั่นกล้าที่จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล-’


 


ขณะที่มันกำลังคิดอยู่นั้นเอง ตนก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งอย่างกระทันหัน


 


มารแมงมุมยืดตัวตรง และก้มจดจ้องลงไปทางสายธารแห่งการหลงเลือน


 


ก๊าซซซ!


 


มารแมงมุมแผดเสียงข่มด้วยความโกรธแค้น


 


เจ้ามนุษย์คนนั้นมันกลับมาแล้วจริงๆ!


 


กู่ฉิงซานยืนอยู่เหนือผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน หันไปมองรอบๆเพื่อกะระยะหลบเลี่ยงมัน


 


เขามองไปที่มารแมงมุม และมารแมงมุมก็กำลังมองมาที่เขา


 


ระยะห่างระหว่างทั้งสอง สามารถเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน


 


และระยะห่างที่ไกลเช่นนี้แล กู่ฉิงซานจึงรู้สึกโล่งใจ


 


ดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายเขา


 


ดาบพิภพ


 


กู่ฉิงซานเปล่งเสียงกล่าว “ทำตามแผนส่วนแรก”


 


“น้อมรับคำสั่ง” ดาบพิภพตอบสนอง


 


บังเกิดแสงกระพริบไหว


 


ดาบพิภพพรวดไปยังหน้าอกของมารแมงมุม จี้แทงลงตรงเข้าหัวใจของอีกฝ่าย


 


เคร้ง!


 


มารแมงมุมยกแขนขึ้น และฟาดกระแทกดาบพิภพด้วยฝ่ามือเดียวจนปลิวออกไป


 


ทว่าดาบพิภพก็บินกลับมาอีกครั้ง และสับลงบนมารแมงมมุมอีกที


 


แล้วมารแมงมุมก็เพียงแค่โบกมือออกไป


 


เคร้ง!


 


ดาบพิภพถูกตบคว่ำอีกครั้ง


 


มารแมงมุมตรวจสอบร่างกายตนเองเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าไม่ปรากฏร่องรอยใดๆบนผิวหนังของตน


 


“มนุษย์ เจ้ามันอ่อนแอเกินไป การโจมตีนี่ไม่อาจทำให้ข้ารู้สึกคันด้วยซ้ำ” มารแมงมุมเขมือบวิญญาณเยาะหยัน


 


แต่กู่ฉิงซานไม่กล่าวสวนกลับไปสักคำ


 


แล้วดาบพิภพก็ลงมืออีกที


 


มารแมงมุมป้องกันอีกครั้ง


 


ดาบพิภพถูกฟาดตบอีกครา ทว่าไม่นานมันก็ย้อนกลับมา


 


เวลานี้มารแมงมุมเริ่มจะทนไม่ไหว


 


“โง่เง่า การโจมตีเพียงผิวเผินของเจ้าน่ะมันไร้ประโยชน์ มิอาจสร้างความเจ็บปวดแก่ข้าได้!” มันตะโกน


 


อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานดูจะไม่แยแสถึงคำกล่าวของมัน เขาเพียงควบคุมดาบต่อไป และพยายามที่จะตัดสับลงบนตัวมันอย่างไม่หยุดยั้ง


 


มารแมงมุมปัดป้องนิดๆหน่อยไปร้อยกว่าครั้ง แล้วทันใดนั้นมันก็ไม่คิดปัดป้องอีกต่อไป


 


ดาบพิภพตัดลงบนตัวของมัน  และแน่นอนว่ามิอาจเจาะทำลายผิวหนังได้


 


กู่ฉิงซานทำการเปลี่ยนสมญาเทพสงครามไปเป็น ‘นายพลชั้นโหยวจี’ ในทันใด


 


ความว่องไวในการโจมตีเพิ่มขึ้น 15%!


 


หนึ่งดาบฟาดฟันออกไป


 


สองดาบฟาดฟัน


 


สามดาบ


 


…….


 


กระทั่งครบเจ็ดดาบ


 


แล้วร่างของกู่ฉิงซานก็จมลงไปยังเบื้องล่างของกระแสธาร ปากเอ่ยตะคอกรุนแรง “ตอนนี้ล่ะ ทุ่มเต็มกำลังเลย!”


 


ดาบพิภพเปล่งเสียงฮึมฮัมออกมา ร่ำร้องเป็นฟืนเป็นไฟ


 


เทคนิคลับแห่งดาบ เจ็ดดารา มังกรแหวกธารา!


 


มังกรสายฟ้าขนาดยักษ์ที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนปรากฏตัวขึ้น


 


ตั้งแต่ที่กู่ฉิงซานยกระดับขึ้นเป็นขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นกลาง นี่นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เขาเปิดใช้งานเทคนิคลับนี้


 


มังกรสายฟ้าอ้าปากงับลงบนร่างมารแมงมุม แล้วกระชากมันออกจากยอดสุดของตัววิหาร


 


พลังของเล่ยเดี๋ยนส่งผลกระทบให้มารแมงมุมรู้สึกอึดอัดทรมานเป็นอย่างมาก


 


“ไสหัวออกไปจากตัวข้าซะ!” มารแมงมุมตะโกนด้วยความโกรธ


 


มันคว้าจับบริเวณปากของมังกรสายฟ้า แล้วรีดพละกำลังแหวกออกอย่างแรง


 


แล้วตลอดทั้งหัวของมังกรสายฟ้าก็ถูกฉีกออกเป็นสองซีก กลายเป็นเส้นกระแสไฟฟ้าแตกกระเซ็นออกไปทุกทิศทางแลคล้ายงูที่กำลังเลื้อยหนีไปทั่วชั้นอากาศ


 


แล้วมารแมงมุมก็ก้มลง


 


มันพบว่าบัดนี้ตนเองกำลังยืนอยู่ใกล้กับขอบชายฝั่งของสายธารแห่งการหลงเลือน


 


ทันใดนั้นเอง มารแมงมุมก็สัมผัสได้ในทันใดว่าจิตสัมผัสเทวะกำลังโอบเข้าปกคลุมตัวมันเอง


 


-เมื่ออยู่ต่อหน้าตน จู่ๆอีกฝ่ายก็ปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกมาอย่างกระทันหัน!


 


มันบังเกิดความสุขขึ้นในทันใด  และคิดเริ่มใช้งานพลังศักดิ์สิทธิ์ของตน ปะปนเข้ากับจิตสัมผัสเทวะของอีกฝ่ายเพื่อสร้างความสับสน


 


อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว


 


กู่ฉิงซานตามรังควาน ยั่วยุมันมานาน จากนั้นก็ใช้เจ็ดดารามังกรแหวกธาราจู่โจมออกไปเพื่อดึงดูดความสนใจของมารแมงมุม การกระทำทั้งหมด – ก็เพื่อหมายมั่นที่จะคว้าโอกาสเสี้ยวพริบตานี้!


 


ระหว่างกระบวนการอันดุเดือด จู่ๆทุกอย่างพลันแปรเปลี่ยนกลับกลาย!


 


กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นในตำแหน่งของมารแมงมุม


 


ขณะเดียวกันตัวมารแมงมุมก็ปรากฏขึ้นในสายธารแห่งการหลงเลือน


 


สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!


 


การกระทำทั้งหมดนี้ของกู่ฉิงซาน ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะของอีกฝ่าย และฉวยโอกาสทีเผลอปล่อยจิตสัมผัสเทวะตนครอบคลุมมารแมงมุม จากนั้นก็สลับตำแหน่งด้วยร่างเงาแทนที่


 


มารแมงมุมที่อยู่บนผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนเริ่มตอบสนอง มันพยายามที่จะดิ้นรนขัดขืน


 


“ไม่นะ! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!”


 


มันคำรามด้วยความอลหม่านสยองเกล้า “ข้า–”


 


แล้วเสียงก็ขาดหายไป


 


พร้อมกับร่างของมารแมงมุมที่จมลง


 


หลังจากผ่านพ้นไปอีก 2-3 ลมหายใจ ศพของมารแมงมุมก็ลอยผุดขึ้นมาอีกครั้ง


 


ศพมารแมงมุมลอยผลุบๆโผล่ๆ แต่ในไม่ช้ามันก็ไหลไปตามกระแสน้ำเชี่ยวของสายธารแห่งการหลงเลือนอย่างรวดเร็ว


 


และไม่มีใครรู้ว่าศพของมันจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปที่ใด


 


แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้อย่างแน่นอน นั่นก็คือ –


 


จิตวิญญาณของมันไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว


 


กู่ฉิงซานยืนอยู่ริมขอบชายฝั่ง ผุดรอยยิ้มน้อยๆออกมา


 


แต่น่าเสียดายจริงๆที่ –


 


บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏบรรทัดแสงหิ่งห้อยเด้งออกมา


 


“เนื่องเพราะผู้ที่สังหารมารแมงมุมเขมือบวิญญาณแท้จริงแล้วคือสายธารแห่งการหลงเลือน ดังนั้นผู้เล่นจะไม่สามารถได้รับแต้มพลังวิญญาณ”


 


กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความเสียดาย


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณลอยตามมา ปากเอ่ยชื่นชม “ช่างเป็นการลงมือที่งดงามนัก”


 


วิหคขาวก็บินตามเข้ามาเช่นกัน มันวนไปมารอบกู่ฉิงซานถึงสองรอบเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่านี่มันเรื่องจริงใช่ไหม


 


จากนั้นทั้งหมดก็เข้าไปในวิหารสักการะสิ่งประดิษฐ์เทวะ และเริ่มทำการปลุกอาวุธที่หลับไหล


 


ในความเป็นจริง อาวุธจำนวนมากได้ตื่นขึ้นมาก่อนแล้ว


 


นั่นคือ 36 อาวุธที่ทะยานขึ้นไปเหนือฟากฟ้าก่อนหน้านี้


 


กู่ฉิงซานมาถึงเบื้องหน้าของอาวุธจำนวนมาก แล้วเริ่มร่ายคาถาปลุกจิตอาร์ติแฟคทีละตน ทีละตน


 


อาวุธที่เหลือทยอยกันตื่นขึ้น และพบกับกู่ฉิงซาน


 


“ผู้น้อยกู่ฉิงซาน” กู่ฉิงซานประสานสองกำปั้นไปทางอีกฝ่าย


 


“ข้ากระบี่ทำลายวิญญาณ”


 


“ตัวข้าธนูทำลายเทพ”


 


“ผู้น้อยหอกเพลิงผลาญวิญญาณ”


 


“ข้าตาข่ายกักร้อยวิญญาณ ปรากฏกายแล้ว”


 


……


 


เหล่าอาวุธทั้งหมดกล่าวทักทายด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป


 


เมื่อมีตะขอเกี่ยววิญญาณช่วยพูดอยู่ข้างกายกู่ฉิงซาน อาวุธโบราณเหล่านั้นก็ทำความคุ้นเคยกับกู่ฉิงซานได้อย่างรวดเร็ว


 


กู่ฉิงซานลองนับดู พบว่ามีอาวุธถึง 11 ประเภท


 


(อาวุธชิ้นอื่นๆได้แยกตัวออกไปยังนรก เพื่อขัดขวางการถือกำเนิดของราชาภูติให้ล่าช้าออกไป)


 


นี่นับว่าเพียงพอแล้ว!


 


ทีนี้ เขาก็สามารถตามหาอาวุธที่ใช้พลังของภูเขาล้อมเหล็กได้แล้ว!


 


และมันเป็นอาวุธเดียวเท่านั้นที่สามารถทานทนต่อการโจมตีของหอกหลากสีได้!


 


เขาเพียงหวังว่าอาการบาดเจ็บของมันจะไม่ร้ายแรงเกินไปนัก


 


เพราะมันคือส่วนที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์นี้!


 


ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังนึกคิด กลับพบว่าท้องฟ้าจู่ๆก็ส่องสว่างขึ้นทันใด


 


เหนือขึ้นไปท่ามกลางท้องฟ้าสีเหลืองอ่อน 36 อาวุธโบราณได้จัดตั้งมหาค่ายกลแห่งปรภพ ‘ผนึกมาร’ ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!


 


มหาค่ายกลค่อยๆทิ้งตัวลงมาจากชั้นอากาศเบื้องบนอย่างช้าๆ


 


และหอกหลากสีก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง มันจึงสาดแสงออกมาทันใด


 


แสงเรืองรองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พุ่งปะทะเข้าด้วยกันกับแสงสีเหลืองจางๆที่ถาโถมลงมา


 


แสงเรืองรองค่อยๆชะลอความเร็วลง


 


ขณะที่ตลอดทั้งค่ายกลผนึกมารเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง


 


และตั้งแต่ที่กระแทกเข้าใส่กันในคราแรก ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน!


 


อีกด้านหนึ่ง


 


มารแมงมุมเขมือบวิญญาณอีกตนได้เร่งนำเผ่ามารจำนวนนับไม่ถ้วนข้ามเนินเขา มุ่งตรงกลับไปยังวิหาร


 


การที่มารแมงมุมเขมือบวิญญาณตาย นี่นับว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง!


 


สำหรับเผ่ามารแล้ว นี่คือเรื่องใหญ่ และส่งผลให้พวกมันตื่นตระหนก!


 


“เร็วเข้า รีบเก็บกวาดมันเหมือนที่เจ้าพึ่งทำไปเมื่อครู่นี้สิ!” วิหคขาวกล่าว


 


กู่ฉิงซานส่ายหัว “เวลามีจำกัด พวกเราไม่อาจถูกหยุดอยู่ที่นี่ได้ พวกเราจะต้องเริ่มดำเนินแผนขั้นต่อไปทันที”


 


“งั้นมาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังสายธารแห่งการหลงเลือนเอง!”


 


…….


 


ภายในสายธารแห่งการหลงเลือน


 


เหล่าอาวุธกำลังทำการตรวจจับตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็นำกู่ฉิงซานตรงไปข้างหน้า


 


หลังจากผ่านพ้นไปกว่าหนึ่งชั่วยาม


 


เบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือน


 


บริเวณพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหินสีเทาขาว


 


ที่นี่อยู่ห่างไกลจากภูเขาล้อมเหล็ก และไม่ใกล้ไม่ไกลจากถ้ำมืด


 


ทันใดนั้นอาวุธทั้งหมดก็พร้อมใจกันหยุดนิ่ง


 


“น่าแปลกใจนัก มันสมควรที่จะอยู่แถวๆนี้สิ” วิหคขาวกล่าว


 


ขณะเดียวกันเหล่าอาวุธอื่นๆก็หันไปมองทุกสถานที่


 


ทว่านอกจากโคลน และกระแสน้ำที่ไหลผ่าน ก็ไม่มีสิ่งใดอีกเลย


 


“มันอาจจะหลบซ่อนอยู่ใต้ดินหรือไม่?” ตะขอเกี่ยววิญญาณเปล่งเสียงออกมา


 


อาวุธมากมายพยายามฟาดทุบดู แต่ก็ไม่สามารถทำลายหินได้


 


“เบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือนก็คือส่วนหนึ่งของภูเขาล้อมเหล็ก ไม่มีใครสามารถทำลายมันได้หรอก” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง


 


“เช่นนั้นมันจะดีกว่าไหม หากพวกเราออกไปตามหารอบๆบริเวณนี้” กู่ฉิงซานกล่าว


 


ดังนั้น เหล่าอาวุธกับกู่ฉิงซานก็เริ่มออกค้นหาอีกที โดยกินเวลาเพิ่มไปอีกหนึ่งชั่วยาม


 


“แบบนี้ไม่ดีแล้ว เหตุใดมันจึงไม่มี นี่มันน่าแปลกจริงๆ” โล่หนึ่งได้กล่าวขึ้น


 


“บางทีมันอาจจะอยู่ในอาการสิ้นสติ ดังนั้นจึงไม่สามารถแสดงตัวให้เราพบได้” วิหคขาวกล่าว


 


หากอีกฝ่ายอยู่ในสภาวะหมดสติ ไม่ว่าคุณจะมองหามันเพียงใดก็ไร้ค่า เพราะมันจะไม่มีความคิดริเริ่มที่จะปรากฏตัวขึ้นเองอย่างแน่นอน


 


“หากเป็นเช่นนี้ งั้นก็คงมาถึงทางตันแล้ว” ธนูกล่าวอย่างเศร้าสร้อย


 


“ไม่ได้ เราจะต้องหามันให้พบ มันคือกฏเกณฑ์ชั้นยอดของภูเขาล้อมเหล็ก และมีเพียงมันเท่านั้นจึงจะสามารถต้านทานหอกหลากสีและทำให้แผนการของพวกเราสมบูรณ์ได้!” กู่ฉิงซานยืนยันหนักแน่น


 


“ครั้งสุดท้ายที่มันเผชิญหน้ากับหอกหลากสี มันสามารถหยุดอีกฝ่ายได้ครู่หนึ่งก็จริง ทว่าสุดท้ายก็ก็ถูกปะทะปลิวออกไปอยู่ดี” ไม้เท้ากล่าว


 


“และในเวลานั้น มันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว” โล่เอ่ยเสริม


 


“แต่เพียงเท่านั้นก็นับว่ามันแข็งแกร่งจริงๆ” กระบี่ยาวถอนหายใจ


 


“แม้จะเป็นอาวุธชนิดเดียวกัน แต่ข้ายังมิกล้าเฉียดเข้าไปใกล้มันเลย” หอกกล่าวเสียงกระซิบ


 


“น่ายกย่องยิ่งนัก”


 


“ใช่ สมแล้วที่เป็นหนึ่งในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะ คงจะมีเพียงมันคนเดียวนั่นแลที่กล้าจะเผชิญหน้ากับหอกหลากสี”


 


อาวุธทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญ


 


“โปรดช่วยกันมองหาอีกครั้งเถิด เจ้าสิ่งนี้มันสำคัญยิ่ง แผนการของพวกเราจะสำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับมันเท่านั้น” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงใจ


 


“เห็นแก่ที่เจ้าสังหารมารแมงมุมเขมือบวิญญาณลงได้ พวกเราจะลองค้นหาอีกครั้งก็แล้วกัน” ไม้เท้ากล่าว


 


และอาวุธทั้งหลายก็พยักหน้า


 


อย่างรวดเร็ว อาวุธทั้งหมดเริ่มส่งรังสีเหลืองอ่อนแผ่กระจายออกมา


 


รังสีนี้เชื่อมต่อเข้าหากัน และกระพริบริบหรี่ด้วยช่วงจังหวะอันแปลกประหลาด


 


ไม่นานนัก รังสีแสงก็ค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆ


 


“มันอยู่บริเวณนี้จริงๆ ทว่ามันมิตอบสนองต่อการเรียกขานของพวกเรา” ตะขอเกี่ยววิญญาณตอบโต้


 


“ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางอื่นแล้ว” โล่ถอนหายใจ


 


“มันจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไปเป็นแน่ เพราะกระทั่งตอบสนองต่อการเรียกขานของพวกเรา ก็ยังไม่อาจทำได้” หอกกล่าว


 


“จะทำอย่างไรดี หากแม้กระทั่งแสดงตัวมันก็ไม่สามารถกระทำได้ ข้าชักจะกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของมันซะแล้วซี” วิหคขาวกล่าว


 


เหล่าอาวุธแต่ละคนต่างเอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ


 


กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างเงียบๆ


 


มิอาจหาพบได้?


 


หากไม่มีอาวุธชิ้นนี้ แผนการของเขาก็ไปต่อไม่ได้น่ะสิ!


 


ทุกอย่างที่ทำ .. มันจะต้องจบลงแล้วจริงๆหรือ?


 


ในชีวิตก่อนหน้า เขาเผชิญกับภัยพิบัตินับไม่ถ้วน และเขายังเป็นมนุษย์ที่อยู่รอดจนถึงช่วงวินาทีสุดท้าย


 


เขาคือผู้บัญชาการสงคราม – คือนักดาบนิรันดร์


 


หลังจากจุติใหม่ ไม่ว่าช่วงเวลาใด กระทั่งสี่นรกมาเยือนโลก เขาก็ยังไม่ยอมแพ้! และออกมุ่งเฟ้นหาหนทางออก


 


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มาถึงปรภพ ตนกลับพบว่าคนตายจากหนึ่งใน 18 นรกภูมิกำลังจะขึ้นเป็นราชาภูติในเร็วๆนี้


 


แล้วราชาภูติก็จะนำนรกออกไปทำลายล้างโลก!


 


เผ่ามารก็จะครอบครองปรภพทั้งหมด!!


 


แม้กระทั่งทวยเทพ ก็ยังมิใช่คู่ต่อกรของหอกหลากสี คนแล้วคนเล่าร่วงหล่นตกตายลง


 


แต่สำหรับกู่ฉิงซาน เขาเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตก้าวสู่เทพเท่านั้น แล้วในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ เขาจะไม่อาจหาผู้ช่วยที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงๆน่ะหรือ


 


สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกสิ้นหวังก็เข้ากัดกินเขาในที่สุด


 


ในตอนนั้นเอง จู่ๆตะขอเกี่ยววิญญาณก็เอ่ยขึ้นมาว่า “นั่น – หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ทดลองดูบ้างเล่า?”


 


“ข้า? ข้าน่ะหรือทดลองดู?” กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยความฉงน


 


สมองของเขาเวลานี้ราวกับไม่ยอมทำงาน ส่งผลให้ไม่อาจตระหนักถึงความหมายของอีกฝ่ายได้


 


“อ้าว นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?” ตะขอเกี่ยววิญญาณโต้กลับ


 


วิหคขาวเร่งกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านตะขอเกี่ยววิญญาณ เรายังไม่อาจระบุถึงสถานะของกำลังเสริมเผ่ามนุษย์ผู้นี้ ท่านกำลังจะบอก -”


 


“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ยังต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพรรค์นั้นอีกหรือ” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวอย่างไร้หนทาง


 


อาวุธอื่นๆหันมามองกัน และพยักหน้า


 


“เจ้าก็ทดลองค้นหาดูสิ ก็บนร่างเจ้ามีกลิ่นอายของมัน ดังนั้นจึงสมควรที่จะสัมผัสถึงมันได้นะ” โล่กระตุ้นเตือน


 


กู่ฉิงซานจ้องมองเหล่าอาวุธ ทั้งเนื้อทั้งตัวแข็งค้างตะลึงงัน


 


กลิ่นอาย?


 


—อย่าบอกนะว่าคือกลิ่นอายสีฟ้านั่น!?


 


เขาบังเกิดปฏิกริยาตอบสนองฉับพลัน


 


“ประเดี๋ยวก่อน เจ้ากำลังจะบอกว่า อาวุธที่พวกเรากำลังตามหา – จิตอาร์ติแฟคของมันมีชื่อเรียกว่าฉานนู่ใช่หรือไม่?”


 


“ถูกต้อง มันคือเธอ” โล่กล่าว


 


“ ‘ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา’ , ‘ตะขอเกี่ยววิญญาณแห่งสายธารแห่งการหลงเลือน’ , ‘ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูติ’ นี่คือสามสิ่งประดิษฐ์เทวะในโลกปรภพของพวกเรา” กระบี่ยาวอีกเล่มหนึ่งกล่าว


 


กู่ฉิงซานหลับตาลง บรรเทาลมหายใจออกมา


 


ปรากฏว่าหญิงในชุดคลุมฟ้า เดิมทีแล้วคือจิตอาร์ติแฟคของดาบขุนเขาหกโลกา!


 


ไม่น่าแปลกใจเลย …


 


ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดเขาจึงมีความรู้สึกประทับใจที่ดีต่อเธอ มันไม่ใช้เพราะความรู้สึกระหว่างชายหญิง


 


ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดเขาจึงยินยอมมอบสมบัติล้ำค่าทั้งสามสิ่งให้แด่เธอ!


 


เพราะเดิมทีแล้วเธอก็คือดาบ!


 


ดาบน่ะเอง!!


 


ผู้ฝึกดาบน่ะ จะไปปฏิเสธดาบได้อย่างไร!!!



หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.398 – เดิมพันด้วยชีวิตเจ้า!


 


กู่ฉิงซานค่อยๆนึกคิดในจิตใจ ไม่นานนัก กลุ่มก้อนกลิ่นอายสีฟ้าก็เริ่มแยกตัวออกมาจากร่างกายของเขา


 


เขาคว้าจับกลุ่มก้อนกลิ่นอายที่ว่านี้ และรู้สึกถึงถึงความเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากมัน


 


ไม่น่าแปลกใจเลย กระแสไอเย็นนี่มันคือปราณดาบมิใช่หรือ?


 


เขาถอนหายใจอย่างเงียบๆ


 


จิตแห่งดาบของดาบได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทว่าตนเองที่เป็นถึงนักดาบนิรันดร์ดันไม่รับรู้ถึงมัน


 


นี่นับว่าเป็นเรื่องน่าอายเกินกว่าจะกล่าว


 


อย่างไรก็ตาม ตรงส่วนนี้จะตำหนิกู่ฉิงซานทั้งหมดเลยก็คงจะไม่ได้


 


อย่างแรกเลย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับจิตอาร์ติแฟคที่ปรากฏกายในรูปร่างของมนุษย์


 


—แถมยังเป็นหญิงที่มีลักษณะโดดเดี่ยวเย็นชา และงดงามเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย แล้วเขาจะไปทันตรัสรู้ว่าเธอคือจิตแห่งดาบได้อย่างไร?


 


กู่ฉิงซานค่อยๆถ่ายเทจิตสัมผัสเทวะลงไปในกลุ่มก้อนกลิ่นอายสีฟ้า


 


กลิ่นอายสีฟ้ากระชากออก ดูราวกับว่ามันจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง


 


ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังออกมาจากกลุ่มก้อนกลิ่นอายนี้


 


“ข้าเห็นเจ้าแล้ว”


 


กู่ฉิงซานแสดงท่าทีปิติและกล่าวออกมา “เช่นนั้นได้โปรดออกมาพบกับพวกเราด้วยเถอะ”


 


“ขอเวลาประเดี๋ยว ข้าได้มาถึงช่วงเวลาสำคัญในการซ่อมแซมแล้ว และกำลังจะกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมในไม่ช้า”


 


“เข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานตอบ


 


ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดนางจึงไม่ปรากฏตัวออกมา กลับกลายเป็นว่านางกำลังวุ่นอยู่กับการซ่อมแซม – รักษาอาการบาดเจ็บของตนอยู่นี่เอง


 


เมื่อคิดไปถึงก่อนหน้านี้ที่นางขอสมบัติล้ำค่าทั้งสามอย่าง จริงๆแล้วพวกมันก็ได้ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเร่งให้จิตอาร์ติแฟคฟื้นตัวได้เร็วขึ้นนี่เอง


 


ปมอันน่าฉงนทั้งหลายได้คลี่คลายลงแล้ว


 


จากนั้น กู่ฉิงซานก็ถ่ายทอดคำกล่าวของฉานนู่ให้กับกลุ่มอาวุธ


 


“ว่าไงนะ! นางบาดเจ็บสาหัสมิใช่หรอกหรือ แล้วเพราะเหตุใดกันจึงสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นนี้?” วิหคขาวร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ


 


“นางเป็นกฏเกณฑ์ที่มาจากภูเขาล้อมเหล็ก บางทีนั่นอาจเป็นส่วนที่ทำให้นางสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วก็ได้นะ” โล่ครุ่นคิดและกล่าว


 


กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “แล้วรายละเอียดเบื้องลึกที่นางได้รับบาดเจ็บเล่าเป็นอย่างไร?”


 


กลุ่มอาวุธต่างพากันส่ายหัวพร้อมกัน


 


ทุกตนเบนสายตาไปทางตะขอเกี่ยววิญญาณ


 


“นี่มันช่างน่าแปลกจริงๆ ในช่วงเวลานั้นตลอดทั้งปรภพได้ถูกปิดกั้นด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้ข้าเองก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว


 


พอได้ยินแบบนั้น กู่ฉิงซานกับเหล่าอาวุธเทวะในที่นี้ก็นิ่งงันไป และเลือกที่จะเฝ้ารออย่างเงียบๆ


 


หลังจากนั้นอีกสักพัก


 


บนกระแสน้ำของสายธารเหนือหัวขึ้นไป จู่ๆก็มีรังสีแสงสวรรค์ที่ดูแข็งกร้าวสาดทะลุลงมา


 


“ดูเหมือนว่าข้างบนจะเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นนะ” กระบี่ภูติตัดกระดูกเอ่ยอย่างกระสับกระส่าย


 


“เช่นนั้นพวกเราก็ไปดูกันเถอะ” กู่ฉิงซานเสนอ


 


แล้วเขาก็นำเหล่าอาวุธเทวะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ มองไปรอบๆเพื่อค้นหาถึงสิ่งผิดปกติ


 


แล้วก็พบกับความผันผวนที่ผิดปกติ จากทิศทางของภูเขาล้อมเหล็ก


 


มองไกลๆจากบนผิวน้ำของสายธาร จะเห็นแค่เพียงบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาราสว่างสดใส


 


จุดแสงดั่งดวงดาราทั้ง 36 ที่ส่องสว่างอยู่เบื้องบน พวกมันทั้งหมดเชื่อมโยงเข้าหากันและกัน สาดรังสีแสงปกคลุมไปทั่วทั้งยอดเขา


 


“นั่นมันมหาค่ายกลแห่งปรภพ ‘ผนึกมาร’ นี่! พวกเขาทำได้สำเร็จจริงๆด้วย!” วิหคขาวอุทานออกมาด้วยความสุข


 


“ไม่ได้เป็นนั้นซะทีเดียว ค่ายกลจักสำแดงฤทธิ์โดยสมบูรณ์ก็ต่อมันถูกเป้าหมายแล้ว ทว่าพวกเขากับหอกหลากสีกำลังอยู่ในช่วงจังหวะหยุดชะงัก แต่ละฝ่ายกำลังยื้อยุทธกันและกัน  – นี่เปรียบดั่งการวัดพลังกันอย่างลึกล้ำ” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยออกมาอย่างกังวล


 


ทันใดนั้นเอง เสียงผู้หญิงก็กังวานขึ้นตามมา “พวกเขาสามารถทำได้แค่เพียงตรึงหอกหลากสีแค่ชั่วคราว และเมื่อไหร่ที่พวกเขาใช้กำลังออกไปจนหมดสิ้นแล้ว มหาค่ายกลก็จะถูกทำลายลงโดยหอกหลากสี”


 


หนึ่งกลุ่มก้อนแสงสีฟ้าที่ลุกไหม้ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน


 


และกลุ่มแสงก็กระจายตัวออกเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงร่างของหญิงสาวในชุดโบราณ


 


ชุดคลุมฟ้าที่มีสีสัน ร่างกายบอบบาง ผิวเปล่งปลั่งราวกับหยก  ริมฝีปากสีชาด คิ้วราวกับถูกปักร้อยเรียงโดยขนของนกหงสา ทว่าการแสดงออกทางสีหน้าโดยรวมแล้วยังคงดูเย็นชา


 


แน่นอนว่าเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากดาบขุนเขาเทวะหกโลกา , สิ่งประดิษฐ์เทวะ – จิตอาร์ติแฟคฉานนู่


 


เหล่าสรรพวุธตนแล้วตนเล่าเอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ “ยินดีที่ได้พบ ฉานนู่”


 


หญิงชุดคลุมฟ้าพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณบินเข้ามา แล้วอนุญาตให้หญิงชุดคลุมฟ้าถือตนเอง


 


“ข้าจะให้เจ้าได้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเมื่อเร็วๆนี้”ตะขอกล่าว


 


หญิงชุดคลุมฟ้ากำตะขอเกี่ยววิญญาณ และหลับตาลงเล็กน้อย


 


ชั่วขณะหนึ่ง ตะขอเกี่ยววิญญาณก็ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวทุกอย่างไปจนหมดสิ้น


 


หญิงชุดคลุมฟ้าลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


เธอหันไปมองกู่ฉิงซาน พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนสีหน้าเย็นชาของเธอ


 


“หลังจากที่เจ้าสังหารอสูรกาย เจ้าก็ยังสามารถสังหารแมงมุมเขมือบวิญญาณไปได้อีกหนึ่งตน นั่นนับว่าช่างน่าทึ่งโดยแท้”


 


“เพียงเท่านั้นไม่นับว่าเป็นสิ่งใดหรอก” กู่ฉิงซานตอบกลับ


 


หญิงในชุดโบราณโค้งกายคารวะและเริ่มเอ่ยปากว่า “ข้าต้องขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้มิได้เอยปากขอบคุณเจ้าสำหรับเรื่องของสมบัติล้ำค่าให้มันเป็นเรื่องเป็นราว แต่เพราะพวกมัน ในที่สุดตอนนี้ข้าจึงหายดีแล้ว”


 


“เอาเถอะ หายดีก็ดีแล้ว บอกตรงๆว่าตอนนั้นข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเจ้าจะเป็นอาวุธเทวะที่อัดแน่นไปด้วยกฏเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็ก” กู่ฉิงซานถอนหายใจ


 


“ใช่ ข้าคือดาบขุนเขาเทวะหกโลกา”


 


“งั้นก็เข้าเรื่องกันเลย ตัวข้า-กู่ฉิงซานได้มาหาเจ้าในครั้งนี้ เพราะต้องการที่จะอาศัยความแข็งแกร่งของเจ้าในการช่วยโลกปรภพและโลกมนุษย์”


 


“ว่าไงนะ!” ฝูงสรรพวุธเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ


 


ถึงแม้อำนาจของดาบขุนเขาเทวะจะน่าเกรงขาม แต่ลำพังมันก็คงไม่มีความสามารถมากพอถึงขั้นที่จะช่วยเหลือทั้งสองโลกได้หรอก


 


หากมันทรงพลานุภาพถึงเพียงนั้นจริงๆ เผ่ามารก็คงจะไม่กล้าบุกมาแล้ว


 


สีหน้าของหญิงชุดคลุมฟ้าดูจะหมองลงเล็กน้อยและกล่าวว่า “เกรงว่าเจ้าคงต้องผิดหวังเสียแล้วล่ะ ข้ามิได้ทรงอำนาจถึงเพียงนั้นหรอก ยามนั้นข้าเองก็แทบจะไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆได้เลย ข้าเพียงทำได้แค่ทานรับการโจมตีจากหอกหลากสีเท่านั้น และเพียงโดนมันโจมตีเข้าใส่ไม่กี่ครั้ง ตัวข้าก็ถูกแรงฟาดอัดปลิวไปไกลแล้ว ”


 


“ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าต้านทานมันมากครั้งจนเกินไปหรอก แต่ขอแค่ทำตามแผนที่ข้าวางไว้ก็พอ แล้วพวกเราก็จะช่วยโลกปรภพได้อย่างแน่นอน”


 


คำพูดของกู่ฉิงซานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน


 


หญิงในชุดคลุมฟ้าขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า “ทั้งปรภพ ทั้งเทพวิญญาณ และสรรพวุธมากมายนับไม่ถ้วน ก็ยังไม่อาจรับมือกับหอกหลากสีได้”


 


“แถมเพื่อที่จะเอาชนะเทพแห่งปรภพ เผ่ามารยังถึงขั้นสูญเสียอสูรกายที่ครอบครองพลังอำนาจชนิดอยู่ยงคงกระพันไปกว่า 100 ตน เพียงเพื่อใช้งานหอกหลากสี”


 


“แล้ววิธีใดของเจ้ากัน ที่มันจะสามารถข้ามหน้าข้ามตาตัวตนที่ทรงพลานุภาพเหล่านั้นได้? ช่วยเหลือปรภพกระนั้นหรือ? หากมิใช่ว่าเจ้าเป็นผู้ที่ช่วยเหลือข้าและสังหารอสูรกายมาก่อนแล้วล่ะก็ ตอนนี้ข้าคงคิดว่าเจ้ากำลังอวดดีโม้เหม็นเปล่งวาจาไร้สาระไปแล้ว”


 


เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา


 


แต่กู่ฉิงซานกลับแค่ยิ้มออกมา


 


แล้วกล่าวว่า “หอกหลากสีแน่นอนว่าย่อมทรงอำนาจอย่างแท้จริง มันดุร้ายและแข็งกร้าวอย่างหาที่ใดเปรียบ และเผ่ามารก็ไม่ได้ทำผิดพลาดใดๆเลย … จนกระทั่งการต่อสูจบลง”


 


“จนกระทั่งการต่อสูจบลง? นั่นเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ตะขอเกี่ยววิญญาณทนไม่ไหวจำต้องเอ่ยแทรก


 


“พวกมันไม่ควรที่จะวางหอกหลากสีไว้บนภูเขาล้อมเหล็ก”


 


“เผ่ามารทำแบบนั้น ก็เพราะต้องการที่จะแยกตัวหอกให้อยู่ห่างออกไป แล้วทำการยึดครองไปตลอดทั้งปรภพ  นั่นเจ้าไม่เข้าใจหรือ?” หญิงชุดโบราณสีฟ้ามองเขาวูบหนึ่งและกล่าว


 


เธอเอ่ยต่อว่า “และด้วยพลังอำนาจที่สามารถกดดันทั้งปรภพได้อย่างแท้จริงเช่นนี้ กล่าวได้เลยว่ากระทั่งเทพวิญญาณจากอาณาจักรสวรรค์ก็ยังมิกล้าเผชิญหน้ากับมัน”


 


“ด้วยพลังอำนาจที่ว่านั่น ต่อให้อาณาจักรสวรรค์ก็ยังมิใช่คู่ต่อกรของมัน ตรงจุดนี้เจ้ายังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”


 


กู่ฉิงซานหันไปมองเธอและกล่าวว่า “เผ่ามารมิได้ทำถูกต้องไปซะทุกขั้นตอน อย่างไรเสียพวกมันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิต และยังคงมีบางจุดในแผนการที่พลาดพลั้งไปบ้าง และข้าก็จะใช้ช่องโหว่จากความพลาดพลั้งที่ว่านั่นหาได้เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์สงครามในครั้งนี้”


 


หญิงชุดคลุมฟ้ากลอกตามองบน และกล่าว “เจ้าเนี่ยนะ? หากเจ้าไม่อาศัยสายธารแห่งการหลงเลือน ด้วยความแข็งแกร่งอย่างเจ้าน่ะไม่มีทางรับมือกับพลังของอสูรกายได้หรอก”


 


กู่ฉิงซานยังคงกล่าวต่อ “หากเจ้ายินดีที่จะช่วยข้า พวกเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงสงครามทั้งหมดได้! นี่เป็นโอกาสเดียวของเราเท่านั้น!”


 


“โอกาส?”


 


“ใช่ จงให้โอกาสข้า แล้วข้าจะใช้โอกาสที่เจ้ามอบให้ เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ พลิกกระดานให้ฝ่ายเรากลับมาชนะเอง!”


 


หญิงชุดคลุมฟ้าไม่ตอบ


 


เธอเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


แล้วพบว่ารังสีแสงสวรรค์ค่อยๆจะมืดดับลง จางหายไปอย่างช้าๆ


 


36 อาวุธแห่งปรภพต่างพากันส่งเสียงร่ำไห้ครวญครางออกมาเป็นระยะๆ


 


กำลังที่พวกเขามี มันเริ่มจะสูญไปจนแทบสิ้นแล้ว!


 


ปรากฏร่องรอยของความโศกเศร้าขึ้นในแววตาของหญิงชุดคลุมฟ้า


 


เธอโบกมือเบาๆ


 


ต่อมา เบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือน หินสีเทาที่มิอาจทำลายได้ค่อยๆเริ่มแยกออกจากกันเป็นสองฟากฝั่ง


 


ตามด้วยดาบที่เจิดจรัส สาดประกายอันละเอียดอ่อนบินออกจากรอยแยก


 


ส่วนอัดลักษณ์ของดาบ สำหรับความกว้าง มันบางและแคบกว่าดาบเล่มอื่นๆเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสำหรับความยาว มันกลับยาวมากกว่าดาบทั่วไปๆไประดับหนึ่ง


 


บนใบดาบสาดประกายแสงเย็นเยียบ มันคมกล้าอย่างหาที่ใดเปรียบ แต่กลับมีความสว่างไสวราวกับหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง แฝงไว้ซึ่งความงดงามที่รู้สึกลึกล้ำและเป็นเอกลักษณ์


 


ดาบยาวแทรกผ่านระหว่างกระแสภายในสายธารแห่งการหลงเลือน ก่อนจะทะลุขึ้นมาบนผิวน้ำ และลอยมาตกลงข้างกายของหญิงชุดคลุมฟ้า


 


เธอยื่นมือออกไปคว้าจับดาบยาว


 


กู่ฉิงซานมองไปที่ฉากนี้ด้วยความตกใจ


 


จิตแห่งดาบ … กำลังกุมดาบอยู่?


 


อย่าบอกนะว่านางก็สามารถใช้ดาบได้เหมือนกับผู้ฝึกดาบเช่นกัน?


 


กู่ฉิงซานเพียงแค่คิด แต่หญิงชุดคลุมฟ้ากลับเป็นคนเอ่ยปากออกมาด้วยตนเอง


 


“ข้าทราบดีว่าเจ้าน่ะเป็นผู้ฝึกดาบ ดังนั้นข้าจึงหวาดเกรง .. หวาดเกรงว่าเจ้ากำลังจะหลอกลวงข้า”


 


“หลอกลวง?”


 


“ถูกต้อง หากข้ายินยอมให้เจ้าใช้สอย แล้วเกิดในกรณีที่เจ้ามีความคิดหมายจะนำข้าออกจากปรภพขึ้นมา แล้วบังเอิญทำได้สำเร็จ โลกปรภพก็จะถึงคราล่มสลาย”


 


เธอเอ่ยต่อว่า “หากจะให้ข้าร่วมมือ ก็จงพิสูจน์สิ พิสูจน์ว่าเจ้าต้องการใช้ข้าเพื่อที่จะช่วยเหลือโลกปรภพ”


 


“จะให้ข้าพิสูจน์มันอย่างไร?”


 


“จงเดิมพันด้วยชีวิตของเจ้า ปฏิญาณสาบานตนว่าจะช่วยโลกปรภพ แล้วทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง มิฉะนั้นร่างเจ้าจะตกตาย จิตแห่งเต๋าจะสลายไป ขณะที่จิตวิญญาณจะจมลงสู่ขุมนรกไร้สิ้นสุด มิอาจออกมาได้อีกเลย”


 


เหล่าสรรพวุธเมื่อฟังจนถึงตอนนี้ ในที่สุดพวกมันก็อดไม่ไหวอีกต่อไป


 


“ฉานนู่ มิจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย เจ้าก็รู้นี่ว่าหากปฏิญาณสาบานในปรภพ สิ่งนั้นย่อมจะสำฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยขัดออกมาก่อน


 


“ใช่แล้วล่ะ เจ้าอย่าบังคับให้เขาทำเช่นนั้นเลย แค่นี้เขาก็ช่วยพวกเรามากพอแล้ว” วิหคขาวกล่าว


 


“แต่ข้าคิดว่าจริงๆแล้วการที่ฉานนู่จะกังวลก็นับว่าถูกต้องอยู่นะ” โล่กล่าว


 


“ข้าเห็นด้วยนะ หากไม่มีคำสาบานเป็นข้อผูกมัด แล้วถ้าเจ้าเผ่ามนุษย์ที่ขโมยดาบแล้วหนีไปล่ะจะว่ายังไง?” หอกยาวกล่าว


 


“ทว่าคำสาบานนี้มันโหดร้ายเกินไป” ค้อนดาวตกถอนหายใจออกมา


 


พวกเขาเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด


 


หญิงชุดคลุมฟ้าวาดดาบยาวออกไปปราม


 


แล้วอาวุธทั้งหมดก็หุบปากลงทันที


 


บนสายธารแห่งการหลงเลือนพลันจมลงสู่ความเงียบ และสามารถได้ยินกระทั่งเสียงลมเบาๆที่พัดผ่านไป


 


“เจ้ากล้าที่จะปฏิญาณสาบานตนหรือไม่?” หญิงชุดคลุมฟ้าสบตากับกู่ฉิงซาน เอ่ยถามเสียงเย็น


 


กู่ฉิงซานเงียบ


 


แล้วทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ง่ายๆแค่นั้นเองหรือ?”



หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.399 – ขั้นตอนแรก


 


ต่อหน้าเหล่าอาวุธทั้งหลาย กู่ฉิงซานได้เอ่ยปากสาบานออกมา


 


“ขอเดิมพันด้วยชีวิตข้า ว่าข้าจะต้องช่วยโลกปรภพให้จงได้ มิฉะนั้นแล้วขอให้กายข้าถูกทำลาย แลจิตวิญญาณตกลงสู่ขุมนรก”


 


สิ้นเสียง สายลมที่มองไม่เห็นก็ลอยเข้ามาเวียนวนรอบร่างจิตของกู่ฉิงซาน เนิ่นนานจึงจะหายไป


 


สวรรค์และโลกเป็นพยาน บ่งบอกว่าคำปฏิญาณได้บรรลุกระบวนการแล้ว


 


ฉานนู่มองไปยังฉากนี้ ด้วยสีหน้าค่อนข้างซับซ้อน


 


“เจ้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร? เพื่อปรภพ? หรือว่าเพื่อโลกกันแน่?”


 


“หรือจะเป็นเพราะแรงดลใจจากเหตุก่อนหน้า ที่ทำให้เจ้าพาลคิดไปว่าตนเองนั้นเป็นผู้กอบกู้แห่งโชคชะตา ดังนั้นจึงกล้าที่จะเดิมพันชีวิตในครั้งนี้?”


 


เธอเอ่ยถามด้วยความฉงน


 


“จะอะไรก็ช่าง แต่ข้าก็ได้ให้คำมั่นไปแล้ว” กู่ฉิงซานสวนกลับ


 


ฉานนู่ชะงักราวกับถูกแทงลึกเข้าไปในหัวใจ


 


กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ตั้งแต่วินาทีที่ข้าได้มาถึงโลกปรภพ ข้าก็เดิมพันด้วยชีวิต – สาบานว่าจักต้อง ‘เปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมด’ ให้จงได้อยู่แล้ว”


 


ว่าจบ สายตาของเขาก็มองไปตามสายธารที่ทอดยาวออกไปไร้ที่สิ้นสุด


 


กระแสน้ำกำลังไหลผ่านไปอย่างเงียบๆ


 


ขวดไวน์เก่าๆและศพของอสูรกายได้ลอยหายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย


 


“วางใจเถอะเหล่าสหาย ข้าจะต้องชนะให้จงได้” เขาเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


 


สมองของอาวุธต่างๆว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง เพราะไม่รู้ว่ามนุษย์ตรงหน้ากำลังพูดอยู่กับใคร


 


ฉานนู่ไตร่ตรองเกี่ยวกับมันสักพัก ก่อนจะกล่าวว่า “งั้นก็ดี ในเมื่อเจ้าสาบานแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะให้ความร่วมมือกับเจ้าอย่างเต็มที่”


 


เธอเปลี่ยนร่างเป็นกลุ่มก้อนหมอกสีขาว แล้วผลุบหายเข้าไปในดาบขุนเขาเทวะหกโลกา


 


กู่ฉิงซานคว้าจับดาบเล่มนั้น


 


ขณะเดียวกัน บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยก็เด้งเตือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


 


“คุณได้รับอนุญาตในการใช้ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาเป็นการชั่วคราว”


 


“ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา คือดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาในโลกนี้ กล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะของปรภพ”


 


“ไม่อาจทราบคุณสมบัติของดาบเล่มนี้ได้”


 


ราวกับรู้ว่ากู่ฉิงซานต้องการจะถามสิ่งใด เส้นแสงตัวอักษรจำนวนมากได้ปรากฏขึ้นมาบนหน้าต่างทันที


 


“ดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ยิมรับคุณเป็นเจ้านายของเธอ ดังนั้นคุณจึงไม่อาจทราบรายละเอียดคุณสมบัติของดาบเล่มนี้ได้”


 


“ตามการวิเคราะห์จากการรวบรวมข้อมูล ดาบเล่มนี้มีอย่างน้อยหนึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์ : ‘อมตะ’ ”


 


“ ‘อมตะ’ : ทุกกฏเกณฑ์ในโลกทั้งสิบ ทุกๆพลังอำนาจจะมิอาจทำลายดาบเล่มนี้ลงได้”


 


ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม เขาอดไม่ได้ที่จะใช้จิตสัมผัสเทวะถามออกไป : ‘นางจะเป็นอมตะได้อย่างไร? ในเมื่อก่อนหน้านี้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างชัดเจน’


 


“ที่ได้รับบาดเจ็บคือจิตอาร์ติแฟค ส่วนตัวดาบยาวเองมิได้รับความเสียหายใดๆ”


 


“จิตอาร์ติแฟคได้รับบาดเจ็บ และดาบไม่อาจลงมือด้วยตนเองได้ แต่ก็ยังสามารถนำมาให้ผู้อื่นใช้ได้”


 


“หากจิตอาร์ติแฟคของดาบเล่มนี้ตกตายลง ตัวดาบยาวจะยังคงอยู่ ทว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะสูญสิ้นไป”


 


ระบบตอบกลับ


 


“ข้าเข้าใจแล้ว นี่สินะความหมายของคำว่า ‘อมตะ’ ” กู่ฉิงซานกล่าว


 


เขาวาดดาบยาวในมือออกไป และเอ่ยในใจอย่างเงียบๆ “จะเห็นถึงรายละเอียดคุณสมบัติของมันหรือไม่ก็หาได้สำคัญไม่ เพราะตราบใดที่ดาบเล่มนี้เป็นอมตะ มันก็จะสามารถปัดป้องหอกหลากสีเพื่อข้าได้ … ”


 


ในเวลานั้นเอง ตะขอเกี่ยววิญญาณก็ได้เปล่งเสียงออกมา “ในเมื่อพวกเจ้าตกลงจะร่วมมือกันแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ข้าสมควรจะทำสิ่งใดดี?”


 


กู่ฉิงซานกล่าว “เราจะไปยังปากทางเข้านรก – ข้าจดจำได้ว่านรกซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ภูเขาล้อมเหล็ก เบื้องล่างของสายธาร ถูกต้องหรือไม่?”


 


“ถูกต้องตามนั้น” ตะขอตอบ


 


“เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด”


 


……


 


ทั้งหมดบินไปตลอดเส้นทางในเบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือน


 


ภายใต้สายธารที่อยู่ใกล้กับฝั่งของภูเขาล้อมเหล็ก กู่ฉิงซานได้ค้นพบถ้ำที่ซ่อนอยู่เบื้องล่างของมัน


 


ที่นี่อยู่ใต้สายธารตลอดทั้งปี และจำต้องดำดิ่งลงไปเพื่อที่จะพบกับปากทางเข้าสู่นรก


 


กู่ฉิงซานกำอาวุธในมือ แหวกว่ายผ่านถ้ำใต้น้ำที่ยาวออกไปหลายสิบลี้ แล้วเขาก็เข้าสู่ภายในใจกลางที่กล่าวได้ว่าเป็นส่วนท้องของภูเขาล้อมเหล็กได้ในที่สุด


 


ในใจกลางของภูเขาล้อมเหล็ก ไม่มีน้ำจากสายธาร เป็นเพียงพื้นที่เปิดโล่ง


 


เวลานี้ ปรากฏถ้ำขนาดใหญ่สูงกว่าร้อยเมตรขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน


 


นี่คือทางเข้าสู่ขุมนรก


 


กู่ฉิงซานมองเข้าไปในถ้ำ


 


และเห็นแค่เพียงชั้นแสงสีดำที่คอยปกคลุมตรงทางเข้าถ้ำเอาไว้


 


เมื่อเขาลองเดินเข้าไปใกล้ทางเข้าถ้ำ กลับพบว่าตนถูกผลักกลับมาด้วยแรงที่มองไม่เห็น และไม่อาจต้านทานได้


 


“มีเพียงคนตายเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปข้างในได้ ทว่าเจ้าเป็นเพียงจิตวิญญาณ จึงไม่สามารถเข้าสู่นรกภูมิได้” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว


 


กู่ฉิงซานพยักหน้า และเอ่ยถาม “เช่นนั้นเผ่ามารก็ไม่สามารถเข้าสู่นรกได้เหมือนกัน ใช่หรือไม่?”


 


“ใช่”


 


ในขณะนั้นเอง เสียงของผู้หญิงชุดคลุมฟ้าก็ดังออกมาจากดาบ “เจ้าวางแผนที่จะทำอะไร?”


 


“เริ่มจากแผนขั้นแรก ‘กำจัดมารสะบั้นหัวอสูร’ ” กู่ฉิงซานตอบกลับ


 


—–


 


ณ ภูเขาล้อมเหล็ก


 


ตรงยอดเขา


 


หอกหลากสีที่ถูกผนึกโดยยันต์ทองคำ ก็ยังคงปลดปล่อยแสงและเงาสีสันสดใสออกมาอย่างไม่มีหยุดยั้ง


 


แสงและเงาของหอกพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


ขณะเดียวกันบนท้องฟ้า 36 อาวุธแห่งปรภพก็กำลังปลดปล่อยรังสีแสงสวรรค์ออกมาเช่นกัน


 


ทั้งหมดเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน สร้างมหาค่ายกลผนึกมารออกไปต้านทานแสงและเงาของหอกนี้


 


และยามเมื่อสองมหาพลังอำนาจปะทะกัน


 


ดั่งแสงสว่างและความมืดถือกำเนิดขึ้นและดับสูญลงนับครั้งไม่ถ้วน


 


36 อาวุธต่างร่ำร้องคร่ำครวญออกมาด้วยปวดร้าวอย่างต่อเนื่อง


 


พวกเขาเกือบจะไม่อาจต้านทานได้อยู่แล้ว


 


การเผชิญหน้าใกล้จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า


 


เหล่าอาวุธโบราณกำลังจะพ่ายแพ้และถูกทำลายลงโดยหอกหลากสีซึ่งมีเพียงลำพัง


 


แต่แล้วทันใดนั้นเอง ท่ามกลางสายธารแห่งการหลงเลือนก็บังเกิดรังสีสีเหลืองอ่อนพุ่งทะยานขึ้นมา


 


และรังสีแสงที่ว่าก็พรวดขึ้นไปบนอากาศ มุ่งตรงมายัง 36 อาวุธโบราณอย่างรวดเร็ว


 


ตะขอยาวเผยร่างของตนออกมา


 


“พวกเจ้าทุกคนถอยออกมาก่อน”ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว


 


“ทว่าหากพวกเราถอย ก็จะไม่มีใครสามารถรับมือกับมันได้อีกแล้วนะ” หนึ่งในอาวุธกล่าว


 


“ถอยออกมา ตอนนี้เจ้าจะต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน เดี๋ยวจะมีคนอื่นมารับมือกับหอกเอง!” ตะขอเร่งเตือน


 


มันคือหนึ่งในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะจากปรภพ ดังนั้นคำพูดของมันจึงค่อนข้างน่าเชื่อถือเป็นธรรมดาสำหรับเหล่าอาวุธ


 


36 อาวุธโบราณล่าถอยทันที


 


พวกมันยังคงรักษามหาค่ายกล และขณะเดียวกันก็ล่าถอยกลับไปบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ


 


–พวกมันไม่กล้าจริงๆที่จะยกเลิกมหาค่ายกลนี้ในทันที


 


เพราะในกรณีนั้น บางทีหอกหลากสีอาจจะสังหารพวกมันทันทีเลยก็ได้


 


หลังจากที่สรรพวุธล่าถอยไป


 


หอกหลากสีก็กลับคืนสู่ความสงบบอีกครั้ง


 


เผ่ามารและอสูรกายนับไม่ถ้วนที่คอยสังเกตการณ์อยู่ต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง


 


พวกมันแผดเสียงหัวเราะ ชูไม้ชูมืออย่างภาคภูมิเพื่อแสดงถึงชัยชนะอีกครั้ง


 


เว้นไว้แต่เพียงบนยอดของเขาล้อมเหล็ก ในสถานที่อื่นๆ ทั้งหมดได้ถูกครอบครองจนสิ้นแล้วโดยเผ่ามาร


 


หากไม่นับนรกเบื้องล่าง ก็กล่าวได้ว่าในความเป็นจริงพวกมันได้ครองโลกใบนี้ทั้งใบไปแล้ว!


 


ณ ขณะนั้นเอง ภายในสายธารแห่งการหลงเลือน พลันปรากฏร่างๆหนึ่งบินขึ้นมา


 


และร่างที่ว่านั่นคือกู่ฉิงซาน!


 


ในมือของเขาถือดาบขุนเขาเทวะหกโลกา มุ่งหน้าไปยังยอดเขา


 


เขาพุ่งเข้าใส่หอกหลากสีอย่างเต็มกำลัง


 


อีกด้านหนึ่งไกลออกไป เผ่ามารเริ่มส่งเสียงโห่ร้องอีกครั้ง


 


พวกมันเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างใกล้ชิด และแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นหอกหลากสีเก็บเกี่ยวเจ้าสิ่งมีชีวิตที่มุทะลุนี้!


 


กู่ฉิงซานบินตรงไปยังเนินเขาที่ว่างเปล่า


 


หอกหลากสีดูเหมือนจะเกียจคร้านเล็กน้อย แม้จะสัมผัสได้ถึงกู่ฉิงซานแล้วก็ตามที ทว่ามันก็ไม่สนใจและไม่เกิดปฏิกริยาตอบสนองใดๆไปสักพักหนึ่ง


 


จนกระทั่งกู่ฉิงซานบินมาได้ครึ่งทาง-


 


-แสงและเงาก็เร่มเปล่งประกายออกมาจากหอกหลากสี และจ้วง! เข้าตัดกู่ฉิงซาน


 


แสงและเงาของหอกนี้ มีระยะโจมตีกว่าหลายร้อยเมตร และพริบตาเดียวมันก็มาถึงกู่ฉิงซาน


 


ความตาย … ใกล้เข้ามาแล้ว!


 


และในพริบตานั้นเอง ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังจะถูกสังหารลงโดยเงาหอก


 


มองไปยังสีหน้าของกู่ฉิงซานที่ไม่เปลี่ยนแปลง ร่างของเขากระพริบไหว หายไปจากเป้าโจมตีของเงาหอก


 


สกิลเทวะ ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!


 


กู่ฉิงซานทำการเปลี่ยทิศทาง เขาวาบบบบ! ข้ามผ่านเงาของหอกหลากสี และยังคงพุ่งตรงไปยังยอดเขา


 


และในระหว่างทาง เขาก็ใช้ออกด้วยย่นระยะอีกที


 


ระยะทางที่ยาวได้สั้นลงในฉับพลัน


 


เขาเกือบที่จะไปถึงบนยอดเขาอยู่แล้ว!


 


อีกฝ่ายสามารถใกล้เข้ามาได้อย่างง่ายดายแถมยังเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ! หอกหลากสีดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อย


 


คราวนี้มันปลดปล่อยสามเงาหอกออกไปพร้อมกันเพื่อจ้วงตัดร่างกู่ฉิงซาน


 


และการโจมตีดังกล่าวนี้ กระทั่ง 36 อาวุธแห่งปรภพก็ยังมิอาจต้านทานได้!


 


สามเงาหอกเชื่อมต่อกันและกัน ครอบคลุมตลอดทั้งยอดเขาล้อมเหล็กโดยสมบูรณ์


 


แล้วกู่ฉิงซานก็ทำการล็อคจิตสัมผัสเทวะลงในเงาหอกที่สาม ซึ่งอยู่หลังสุด


 


สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!


 


ในพริบตา เขาและเงาหอกเงาหลังสุดก็สลับตำแหน่งกัน


 


กู่ฉิงซานสามารถมาถึงบนยอดเขาได้แล้ว!


 


ทีนี้ก็ถึงเวลาเปิดม่านการแสดงแล้ว!


 


กู่ฉิงซานวูบกายไปยังหอกหลากสี


 


และในเสี้ยววินาที ประกายแสงก็ระเบิดพุ่งออกมาจากหอกหลากสีอย่างรวดเร็ว


 


มันได้ปลดปล่อยเงาหอกหลากเฉดสีออกมาอีกครั้ง แถมยังมากกว่าเก่าเสียด้วย


 


และนี่ก็นับเป็นครั้งแรกเลยที่กู่ฉิงซานใช้ดาบเข้าสู้!


 


ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาถูกยกสูงขึ้นพร้อมกับรังสีดาบที่ดูบิดเบือนระเบิดออกมา


 


หอกหลากสีไม่น้อยหน้า มันเร่งยิงเงาหอกออกไปตัดมหารังสีดาบนี้ออกเป็นชิ้นๆ!


 


ช่วงพริบตาถัดไป


 


เงาหอกที่สอง


 


เงาหอกที่สาม


 


เงาหอกที่สี่


 


เงาหอกที่ห้า


 


แสงและเงาค่อยๆซ้อนทับกัน สาดกระจายออกไปทั่วบริเวณ


 


ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดนี้ กู่ฉิงซานไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเริ่มต้นใช้ออกด้วยสกิลเทวะ เขาจึงสามารถทำได้เพียงหมุนดาบขุนเขาในมือเป็นแนวนอน แล้วใช้มันต้านทานร่างกายจากเบื้องหน้าเท่านั้น


 


ในช่วงเวลาเดียวกัน


 


ตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน


 


ตรงหอกหลากสี


 


ก็ได้บังเกิดรังสีดาบปรากฏขึ้นจากอีกด้านหนึ่งบนร่างของมันอย่างกระทันหัน


 


เทคนิคลับแห่งดาบ กลืนกินหวนกลับ!


 


กะเวลาได้เหมาะเหม็ง!


 


เห็นแค่เพียงรังสีดาบที่ตัดเข้าด้านข้างของหอกหลากสี


 


ราวกับช่วงเวลาหยุดนิ่ง รังสีดาบค่อยๆตัดเฉือนลงบนหอกอย่างแผ่วเบา


 


และยันต์ทองคำที่ถูกแปะเอาไว้ก็หลุดลอยออกไป


 


หอกหลากสีชะงักงัน เห็นได้ชัดว่านี่มิใช่สิ่งที่มันทันคาดคิด


 


ในพริบตานั้น หอกหลากสีก็ไม่ได้ปลดปล่อยเงาออกมาโจมตีกู่ฉิงซานอีกต่อไป


 


กู่ฉิงซานหมุนควงดาบขุนเขาที่กำลังใช้ป้องกันตัวอยู่ และระเบิดรังสีดาบออกไป


 


“จังหวะนี้ล่ะ!”


 


ปงงงง!!


 


บังเกิดเสียงอึกทึก แผดก้องไปทั่วฟ้า


 


ดาบขุนเขาปัดป้องแสงและเงาของหอกหลากสีได้สำเร็จ!


 


นี่แหละคือพลังของ ‘อมตะ’ ล่ะ!


 


ด้วยคมดาบนี้ ส่งผลให้พลังตีกลับมายังกู่ฉิงซาน


 


เขาถูกกระแทกกระเด็นออกมาในพริบตาด้วยผลกระทบจากพลังอำนาจของเงาหอก


 


แล้วเนื่องจากถูกกระแทกใส่ในระยะประชิดด้วยพลังอำนาจอันไร้คู่เปรียบนี้ ทั้งคนทั้งดาบจึงพุ่งฟิ้ว! ปลิวลอยไปไกลจากยอดเขา ร่วงตกไปสู่สายธารแห่งการหลงเลือนราวกับดาวหางก็มิปาน


 


และสายธารแห่งการหลงเลือนก็แยกออกทันทีเพื่อเปิดทางให้เขาเข้าไป


 


แต่กู่ฉิงซานก็ยังไม่หยุด เมื่อตกลงสู่สายธารแล้ว เขาก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป แหวกสายธารตรงไปยังทิศทางปากถ้ำเข้าสู่นรก


 


เขาบินเข้าไปภายในส่วนท้องของภูเขาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับดาบขุนเขา เลี้ยวลดคดเคี้ยวกว่า7-8ครั้งในระหว่างทาง และสุดท้ายก็มาถึงถ้ำปากทางเข้านรกได้ในที่สุด


 


เขาทิ้งตัวกลิ้งลงไปกับพื้นในบริเวณพื้นที่เปิดโล่ง ก่อนจะหยุดลงนอนแผ่แขนขาไปคนละทิศทาง ปากอ้าหอบหายใจหนักหน่วง


 


พลังอำนาจของหอกหลากสีเพียงพอที่จะสังหารเทพและอสูรกายลงได้ ตราบใดที่เขาพลาดพลั้งแม้เพียงน้อยร่างจิตของตนก็จะถูกทำลายลงในจุดนั้นทันที!


 


กระบวนการต่อสู้ทั้งหมดเมื่อครู่ แม้จะดูธรรมดา ทว่าความเป็นจริงแล้วในทุกๆการกระทำมันเชื่อมโยงถึงกันหมดด้วยประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ของกู่ฉิงซาน


 


จนถึงตอนนี้ กล่าวได้ว่านี่คือการต่อสู้ที่สาหัสสุดๆแล้วที่เคยwfhพบเจอสำหรับเขา!


 


ยามเมื่อสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย ร่างที่เขม็งเกร็งของกู่ฉิงซานก็คลายลง จนทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย


 


เหล่าอาวุธเข้ามารายล้อมรอบตัวเขา


 


–มิใช่แค่เหล่าอาวุธกลุ่มเดิมในทีแรก แต่ยังรวมไปถึง 36 อาวุธที่ล่าถอยออกมาก่อนหน้านี้ และพึ่งได้ฟื้นฟูกำลังของตนอีกด้วย


 


ร่างของหญิงชุดคลุมฟ้าปรากฏขึ้น และเตรียมจะเอ่ยถามออกมาไม่กี่คำว่า


 


‘เหตุใดเมื่อครู่เจ้าจึงกระทำเช่นนั้น?’


 


ทว่าไม่รีรอให้เธอเอ่ยถาม ตะขอเกี่ยววิญญาณก็พลันเปล่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้นซะก่อน


 


“มาดูนี่เร็วเข้า!”


 


มันตะโกนลั่น


 


“ทุกท่านจงเชื่อมต่อกับข้าเร็ว มีสิ่งที่น่าสยองเกล้าบังเกิดขึ้นแล้วในภายนอก!”


 


กระแสเสียงในตอนนี้ของมันแทบจะเผยถึงความคลั่งเล็กน้อย


 


เหล่าสรรพวุธแตะลงบนตะขอเกี่ยววิญญาณทันที


 


กู่ฉิงซานเองก็เหยียดมือไปวางลงไปบนมัน


 


แล้วสถานการ์ภายนอกก็ปรากฏขึ้นในจิตสัมผัสเทวะของพวกเขา


 


—-


 


ณ จุดสูงสุดบนยอดเขา


 


เมื่อไม่มียันต์ทองคำคอยยับยั้งพลังอำนาจของหอกหลากสี สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปรไปอย่างฉับพลัน


 


เมื่อกู่ฉิงซานจากไป หอกหลากสีก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจที่จะไล่ตามไปจัดการกับเขาเลย


 


ทว่ามันกลับเลือกที่จะส่งเงาหอกหลากเฉดสีออกมา และตัดยันต์ทองคำที่ลอยล่องอยู่ในอากาศเป็นชิ้นๆ !


 


แต่ถึงกระนั้น การกระทำนี้ก็ยังมิอาจปัดเป่าความโกรธเกลียดของมันออกไปได้ – เงาหอกหลากเฉดสีนับร้อยพันปะทุออกจากตัวหอก และพุ่งเข้าตัดเศษซากยันต์จนเป็นผุยผง!


 


ฟุบๆๆๆๆๆ!


 


จนกระทั่งฝุ่นผงของยันต์ทองคำมิมีหลงเหลือ หอกหลากสีจึงค่อยเปล่งเสียงฮึมฮำด้วยความสุขออกมา


 


และวินาทีต่อไป


 


เฉดเงานับพันหมื่นก็พรั่งพรูออกมาจากหอกหลากสี แพร่กระจายกวาดออกไปตลอดทั้งส่วนพื้นดินของภูเขาล้อมเหล็ก


 


“แบบนี้โลกปรภพก็คงจะจบสิ้นลงแล้ว” ฉานนู่มองไปยังกู่ฉิงซานและกล่าว


 


“ดูต่อไปเถอะ” กู่ฉิงซานสวนกลับ


 


“ดูนั่น! เห็นหรือไม่!” ตะขอเกี่ยววิญญาณร้องกระตุ้นเตือน


 


ฉานนู่จึงหันสมาธิไปแช่จิตสัมผัสเทวะของเธอลงในตะขอเกี่ยววิญญาณต่อ


 


เดิมทีกองทัพเผ่ามารได้ยึดครองทั่วทั้งพื้นดินในส่วนบนภูเขาล้อมเหล็ก ทว่ามีเพียงส่วนเดียวที่มิได้ยึดครอง นั่นคือบริเวณที่ใกล้เคียงกับหอกหลากสี


 


ทว่าตอนนี้ ยันต์ทองคำหลุดออกไปแล้ว ดังนั้นพลังอำนาจทั้งหมดของหอกหลากสีจึงได้ถูกปลดปล่อยออกมาโดยสมบูรณ์!


 


เห็นแค่เพียงในสวรรค์และโลก ทุกๆสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ล้วนถูกบดบังด้วยเฉดเงาเหล่านี้


 


เงาหอกกระจายออกจากยอดเขาอย่างฉับไว และพวกเผ่ามารบนภูเขาในระยะไกลก็ตกตายลงทันที


 


โดยปราศจากซึ่งการต่อต้านใดๆ กองทัพมารหลายสิบล้านตน! หลายสิบล้านตนก็ถูกสังหารลงในพริบตาโดยเฉดเงาหลากสีนี้!


 


ตลอดทั้งภูเขาล้อมเหล็ก บัดนี้เอ่อท่วมไปด้วยเลือดสดๆ พวกมันไหลนองเป็นคลื่น ม้วนลงรวมกับกระแสน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน


 


มีเพียงอสูรกายที่ทรงพลังที่สุดไม่กี่ตนเท่านั้นที่รอดมาได้จากการกวาดโจมตีในคราแรกนี้ พวกมันร้องโหยหวนและเริ่มวิ่งหนีเอาชีวิตรอด


 


อย่างไรก็ตามที่นี่คือปรภพ และนอกเหนือไปจากภูเขาล้อมเหล็กก็มีเพียงสายธารแห่งการหลงเลือนและนรกเบื้องล่างเท่านั้น แต่ทว่า-


 


-นรกเบื้องล่าง อสูรกายมิอาจย่างกรายเข้าไปได้


 


สำหรับสายธารแห่งการหลงเลือน คงมิต้องกล่าวถึง


 


อสูรกายที่ทรงอำนาจมากที่สุดกระจุกรวมตัวกัน อสูรกายที่เพียงหนึ่งตนก็สามารถสั่นสะเทือนทั้งโลกหล้า บัดนี้จำใจต้องร่วมมือกันต้านทานพลังของหอกหลากสี


 


แต่ก็ไร้ประโยชน์


 


ด้วยการกระทำที่คิดหมายจะต้านทานดังกล่าวนี้ ยิ่งกระตุ้นให้ตัวหอกหลากสีปลดปล่อยจำนวนเฉดเงาโถมเข้ากดอีกฝ่ายมากขึ้น


 


เฉดเงาหอกมากมายระเบิดโจมตีออกมา ส่งผลให้บังเกิดลมกรรโชกแรงราวกับพายุคลั่ง!


 


ร่วมมือกันได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ อสูรกายร่างใหญ่ก็สิ้นใจล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น


 


พวกมันเป็นอสูรกายที่ทรงพลังอำนาจที่สุด ที่สามารถปกป้องโลกปรภพ หรือกระทั่งยึดครองโลกมนุษย์โดยลำพังตนเดียวเลยก็ยังได้


 


อย่างไรก็ตาม บัดนี้ พวกมันมิแตกต่างไปจากมดปลวก ที่ถูกบี้แบนจนตายลงอย่างง่ายดายโดยหอกหลากสี


 


เพียงสิบลมหายใจ


 


หลังจากสิบลมหายใจ เผ่ามารทั้งหมด กระทั่งอสูรกายก็ตกตายลงจนสิ้น!


 


“จบซักที” กู่ฉิงซานบรรเทาลมหายใจอย่างแผ่วเบา



หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.400 – ขั้นตอนที่สอง


 


“แต่หากทำเช่นนี้ มันจะก่อให้เกิดปัญหาที่มิอาจแก้ไขได้ตามมานะ หอกหลากสีได้ยึดครองเบื้องบนของภูเขาล้อมเหล็กเอาไว้ นั่นหมายความว่าตลอดทั้งปรภพคงไม่มีผู้ใดกล้าเฉียดกายขึ้นไปปรากฏตัวบนพื้นดินอีกแล้ว” วิหคขาวกล่าวอย่างหมดหวัง


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น “แม้ว่าพวกเราจะสูญเสียอาณาเขตเบื้องบนไปในระยะเวลาสั้นๆ แต่แลกกับการที่เผ่ามารทั้งหมดที่เข้ายึดครองปรภพได้ตกตายลง นี่นับว่าคุ้มค่ามากเลยนะ”


 


กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ในเมื่อเทพวิญญาณแห่งปรภพทุกคนได้ตายลงไปแล้ว เพราะแบบนั้น เราจึงสามารถใช้ออกด้วยกลยุทธ์นี้ได้อย่างสบายใจ”


 


ฉานนู่เผยยิ้มออกมาและกล่าว “และด้วยเหตุนี้ ยังเป็นประโยชน์กับในสถานการณ์ในช่วงเวลานี้อีกด้วย เพราะอาณาจักรสวรรค์ยังไม่กล้าที่จะส่งกำลังเสริมใหม่มา ขณะเดียวกันเผ่ามารก็ไม่กล้าที่จะส่งกำลังรบเข้ามาแทรกแซงปรภพอีกครั้งเช่นกัน”


 


เธอหันไปมองกู่ฉิงซาน และค่อยๆโค้งกายคารวะลงเล็กน้อย


 


“ต้องขออภัยด้วยที่ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะค้นพบทางออกที่ถูกต้องได้จริงๆ แถมยังกล้าที่จะออกหน้ารับมือกับหอกหลากสีด้วยตนเองอีกด้วย”


 


“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร” กู่ฉิงซานกล่าวซ้ำๆ


 


หลังจากนอนแผ่อยู่บนพื้นมานาน ในที่สุดพละกำลังเขาก็ค่อยฟื้นคืนกลับมา


 


“แล้วสิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร?” ฉานนู่เอ่ยถาม


 


กู่ฉิงซานยืนขึ้นและกล่าว “เบื้องบนมีหอกหลากสีคอยป้องกันอยู่ นี่พอจะรับประกันได้ว่าเผ่ามารคงจะไม่กล้าย่างกรายเข้ามาอย่างน้อยก็ชั่วคราว”


 


“ซึ่งในกรณีนี้ เราก็จะสามารถเบนสมาธิมาแก้ไขปัญหาทางฝั่งนรกเบื้องล่างได้อย่างสบายใจ”


 


เขามองเข้าไปในถ้ำปากทางเข้านรก


 


ซึ่งยังคงมีชั้นแสงสีดำสะท้อนปกคลุมอยู่


 


นรกทั้ง 18 ขุมอยู่ภายในนั้น


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณถอนหายใจยาว “ข้าต้องบอกว่ากลยุทธ์ของเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ทว่ามันก็ไม่อาจกู้สถานการณ์ของนรกคืนมาได้อย่างสมบูรณ์อยู่ดี”


 


ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มหนักอึ้ง เขาเร่งเอ่ยถาม “นรกทั้ง 18 ขุม ตอนนี้ได้ มี17ขุมที่สามารถคัดเลือกตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดมาเป็นตัวแทนได้แล้ว แต่ยังคงเหลือที่นั่งสุดท้ายจากนรกทะเลเลือดที่ยังว่างอยู่ใช่หรือไม่?”


 


“หากนรกทะเลเลือดสามารถคัดสรรค์คนตายที่แข็งแกร่งที่สุดได้ ไม้เท้าแห่งการจองจำก็จะจัดตั้งพื้นที่สำหรับให้คนตายที่ทรงพลังทั้ง 18 คนมาต่อสู้แข่งขันกันทันที”


 


“และในที่สุด คนตายที่ยังรอดอยู่เป็นคนสุดท้ายก็จะได้ขึ้นเป็นราชาภูติ มีวาจาสิทธิ์สามารถสั่งการนรกทั้ง 18 ขุมได้”


 


“แล้วนรกทั้งหมดก็จะถูกแยกออกจากปรภพ มุ่งหน้าตรงเข้าสู่โลกมนุษย์”


 


เหล่าสรรพวุธได่แค่ฟัง มิกล้าเอ่ยคำใด


 


ฉานนู่มองไปยังกู่ฉิงซานด้วยความหวัง “นรกทั้ง 18 ขุมจะแยกตัวออกจากปรภพ จากนั้นปรภพก็จะค่อยๆล่มสลายลง มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือโลกมนุษย์จะต้องพิชิตพวกมันให้ได้โดยสมบูรณ์ในระยะเวลาอันสั้น  หากทำเช่นนั้นได้ นรกก็จะกลับคืนสู่ปรภพดังเดิม”


 


กู่ฉิงซานยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ขนาดนรกขุมเดียวโลกมนุษย์ก็ยังไม่สามารถหยุดได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับนรกตั้ง 18 ขุม”


 


ฉานนู่กลายเป็นโง่งม


 


หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว


 


กู่ฉิงซานพูดออกมา “แต่ก็นั่นแหละที่เป็นเหตุผลที่ข้ามายังที่นี่ หนึ่งคือเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากหอกหลากสี และสองคือลงไปในนรก”


 


ฉานนู่หันขวับไปมองรอบๆ


 


และพบว่าอาวุธโบราณแห่งปรภพเกือบทั้งหมดได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว


 


เธอเอ่ยถามออกมา “เจ้าต้องการที่จะให้เราทุกตนออกไปสังหารพวกคนตายที่กำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดใช่หรือไม่?”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว “แบบนั้นมันเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ ตอนนี้การถือกำเนิดของราชาภูติใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่าเราจะฆ่าคนตายพวกนั้นลง ไม้เท้าก็จะเลือกหนึ่งในคนตายคนสุดท้ายที่แข็งแกร่งที่สุดในนรกทะเลเลือดออกมาอยู่ดี”


 


อีกความหมายนึงก็คือ มันไม่มีอะไรเลยที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้


 


เหล่าสรรพวุธถอนหายใจอย่างเงียบๆ


 


“ใครบอกกันว่าจะให้พวกเจ้าเป็นผู้สังหารคนตายเหล่านั้น” กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าวต่อว่า “เวทีต่อไป – ข้านี่แหละที่จะเป็นผู้ขึ้นแสดงเอง!”


 


“เจ้าน่ะหรือ?” ฉานนู่เบิกตากว้าง เอ่ยปากอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้ากำลังจะบอกว่า ต้องการที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแข่งขันชิงตำแหน่งราชาภูติ?”


 


“ใช่”


 


กู่ฉิงซานพยักหน้าและกล่าวยืนยัน


 


“ชักจะหลงระเริงจินตนาการมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง เจ้าน่ะคือจิตวิญญาณของ‘คนเป็น’นะ ไม้เท้าแห่งการจองจำน่ะไม่มีทางยอมรับตัวตนของเจ้าหรอก” ฉานนู่กล่าว


 


กู่ฉิงซานหันไปทางวิหคขาว “ในเจ็ดผู้คุมนรกทางฝั่งเรา มีใครบ้างที่อยู่ในนรกทะเลเลือด?”


 


“ไม่มีใครเลย ทุกคนล้วนมาจากนรกในชั้นอื่นๆทั้งสิ้น” วิหคขาวกล่าว


 


“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปล่าสังหารคนตายที่แข็งแกร่งอีกต่อไป ขอเพียงแค่จับคนตายเผ่ามนุษย์มาให้ข้าสักคนก็นับว่าช่วยได้มากแล้ว – เร่งมือเร็วเข้า!”


 


ก่อนหน้านี้กู่ฉิงซานกล้าที่จะเผชิญหน้ากับหอกหลากสีตรงๆ ส่งผลให้เขามีชื่อเสียงและได้รับความเชื่อถือจากเหล่าสรรพวุธไปไม่น้อย


 


ดังนั้นทันทีที่เขาเอ่ยสั่ง เหล่าสรรพวุธก็ตะโกนขานรับทันที


 


ตนแล้วตนเล่าบินหายเข้าไปในถ้ำนรก มุ่งหน้าสู่นรกทะเลเลือดในชั้นแรก


 


ณ ภายในนรกทะเลเลือด


 


จู่ๆหลายสิบอาวุธก็พรวดเข้ามา และเริ่มแพร่กระจายกลิ่นอายของปรภพออกไป


 


ทันใดนั้นเอง พวกเราก็รับรู้ได้ถึงคนตายที่เป็นเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ และพากันบินเข้าไปล็อคตัวเป้าหมายไว้อย่างแน่นหนา


 


“อ้าวเฮ้ย! พวกแก .. พวกแกคิดจะทำอะไรน่ะ!?” คนตายเผ่ามนุษย์ร้องโวยวายด้วยความหวาดกลัว


 


เขาเป็นเพียงคนตายธรรมดาๆ และไม่เคยคาดคิดเลยว่าจู่ๆตนจะถูกลักพาตัวโดยอาวุธปรภพมากมายเช่นนี้อย่างกระทันหัน!


 


“หยุดกล่าววาจาไร้สาระแล้วมากับพวกเราซะดีๆ!” วิหคขาวร้องเตือน


 


หนุ่มเผ่ามนุษย์ถูกล็อคตัวโดยเหล่าอาวุธ และโดนลากขึ้นจากนรกทะเลเลือด


 


ณ พื้นที่เปิดโล่ง เบื้องหน้าถ้ำทางเข้าสู่นรก


 


“อย่ากลัวไปเลย จริงๆแล้วนายกำลังจะได้เป็นผู้กอบกู้โลกเลยนะรู้ไหม เอาล่ะ ขอยืมชิ้นส่วนร่างกายของนายหน่อยนะ ”กู่ฉิงซานกล่าวปลอบประโลมแล้ว ใช้ดาบตัดแขนของอีกฝ่าย


 


“ไม่- เอ๋? แค่นี้เองหรอ” หนุ่มคนตายเอ่ยถามกล้าๆกลัวๆ เหงื่อเย็นท่วมเต็มหลังเขา


 


อีกฝ่ายแค่กำลังมึนงง ทว่าไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดใดๆออกมา


 


มันดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความทุกข์ทรมานเกินไปในนรก ความอดทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดของหนุ่มคนตายจึงเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน


 


“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว นายไปได้”  กู่ฉิงซานกล่าว


 


หนุ่มคนตายกรีดร้องออกมาทันทีที่ถูกปล่อยตัว และรีบวิ่งกลับเข้าไปยังทางเข้านรก


 


เขาไม่อยากจะพบเจอกับอะไรแบบนี้อีกแล้ว!


 


“ขอบคุณนะ แต่ด้วยความร่วมมือของนายในครั้งนี้ ฉันเดาว่านายน่าได้รับบุญเป็นการตอบแทนไม่น้อยเลยล่ะ!” กู่ฉิงซานตะโกนจากเบื้องหลังเขา


 


หนุ่มคนตายพอได้ฟังก็หยุดกึกอย่างกระทันหัน


 


เขาเอ่ยคำหนึ่ง “เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคล”


 


เห็นแค่เพียงไม่กี่ตัวเลขที่กำลังเรืองแสงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา


 


“0012”


 


ไม่ใช่เลข -(ลบ) … แต่มันเป็นเลข + !


 


หากเลขบุญเป็น + นั่นหมายความว่าบาปกรรมของเขาได้หมดสิ้นลงแล้ว!


 


นับจากช่วงเวลานี้ไป เขาจะไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรกอีก แต่จะสามารถกลับไปเกิดใหม่ได้เลย!


 


หนุ่มคนตายจ้องมองมัน ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนร้องไชโยออกมาราวกับคนบ้า


 


แล้วทันทีหลังจากนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงวิ่งกลับมาทางฝั่งกู่ฉิงซานอีกครั้ง


 


“ว่าไง? มีอะไรงั้นหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย


 


หนุ่มคนตายกล่าวด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง “ฉันยังเหลือแขนอีกข้างนึง นายเอามันไปแล้วช่วยเพิ่มบุญให้ฉันอีกได้ไหม?”


 


กู่ฉิงซานพอได้ฟังก็ถอนหายใจออกมา และกล่าวอย่างสงบ “พาตัวเขาออกไป”


 


เหล่าอาวุธรับคำ พวกมันล็อคตัวหนุ่มคนตาย แล้วลากตัวอีกฝ่ายจนหายลับตาไปในพริบตา


 


กู่ฉิงซานส่ายหัว เขาคว้าแขนข้างหนึ่งที่ตัดมา และเริ่มใช้ออกด้วยความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต


 


บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หลากหลายเส้นแสงตัวอักษรจำนวนหนึ่งวิ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว


 


“กำลังทำการวิเคราะห์ความลี้ลับขององค์ประกอบแขนจาก ‘คนตาย’ ”


 


“คุณจำเป็นต้องจ่าย 1000 แต้มพลังวิญญาณ เพื่อเข้าใจถึงกฏเกณฑ์และองค์ประกอบของคนตาย แล้วจากนั้นจึงจะสามารถแปลงกายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกฏเกณฑ์เดียวกันกับการดำรงอยู่ของคนตายได้”


 


หลังจากที่อ่านเสร็จ กู่ฉิงซานก็หันไปมองแต้มพลังวิญญาณของตนเองอีกครั้ง


 


เขาได้ใช้ออกไป 1000 แต้มพลังวิญญาณสำหรับการกลายร่างเป็นมารกระดูก และให้เช่าหยินหลอมกลั่นหยดน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือนไปอีก 1000 แต้มพลังวิญญาณ , ไม่นานมานี้ก็ได้ใช้ ‘ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทม’ ในสายธารแห่งการหลงเลือนไปอีกมาโข ทำให้ในตอนนี้-


 


“-แต้มพลังวิญญาณคงเหลือ 1003/300”


 


นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้เปิดใช้งานความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต!


 


กู่ฉิงซานควรจะเริ่มต้นได้แล้ว!


 


อย่างรวดเร็ว อาศัยเพียงความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต ส่งผลให้ในเวลานี้ตัวเขาได้กลายเป็น ‘คนตาย’!


 


“อืม ขนาดรูปร่างนี้มันเกือบจะเหมือนกันกับฉันเลย”


 


กู่ฉิงซานลองนั่งๆยืนๆ เดินวนไปรอบๆ พลางเหวี่ยงแขนไปมา ปากเอ่ยพึมพำ “นี่แหละคือแผนการขั้นที่สอง”


กู่ฉิงซานก้มลงร่างกายตนแล้วเอ่ยพึมพำ “นี่แหละคือแผนการขั้นที่สอง ‘พิราบยึดรัง’!”*


 


*(เป็นสำนวนจีนแปลว่า : บุกเข้าไปยึดครองอาณาเขตผู้อื่น)


 


เหล่าสรรพวุธมองฉากนี้อย่างโง่งม


 


“เขาตายไปแล้ว! จู่ๆก็กลายเป็น ‘คนตาย’ ไปซะเฉยๆเลย!” วิหคขาวร้องเสียงหลง


 


“เจ้าจะโวยวาย ตายเตยอะไรของเจ้ากัน?” ฉานนู่เอ่ยถามอย่างงงงวย


 


“คือเขา – ตายแล้ว!”


 


“ไม่ใช่หรอก เขาแค่ใช้วิชาลี้ลับประเภทหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนสถานะ กฏเกณฑ์ และองค์ประกอบของตนเองได้น่ะ” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยชื่นชม


 


กู่ฉิงซานไม่ได้กล่าวอะไรออกมา


 


แต่เขารู้สึกได้ถึงเสียงเรียกอันน่าพิศวง


 


หลังจากช่วงเวลาที่เงียบไปครู่หนึ่ง กู่ฉิงซานก็เข้าใจถึงเสียงเรียกนี้ที่ถูกส่งเข้ามา


 


นี้คือเสียงเรียกของไม้เท้าแห่งการจองจำ มันกำลังระดมคนที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้ง 18 ขุมนรก เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งราชาภูติ!


 


จิตใจที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศของกู่ฉิงซานผ่อนคลายลงไปหลายส่วน


 


นี่พอจะบ่งบอกได้แล้วว่า ไม้เท้าแห่งการจองจำได้ยอมรับตนว่าอยู่ในสถานะคนตายแล้ว!


 


ยังมีความหวังอยู่!


 


ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว ทะยานตัวไปยังทิศทางปากถ้ำนรก


 


“ช้าก่อน!” ฉานนู่ตะโกนหยุดเขา


 


“มีเรื่องอะไร? ข้าจำเป็นต้องรีบแล้ว ตำแหน่งชิงราชาภูติเหลืออยู่แค่ในนรกทะเลเลือดที่เดียวเท่านั้นแล้วนะ” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม


 


“เจ้าแน่ใจนะว่าจะลงแข่งขันชิงตำแหน่งราชาภูติ เจ้าอาจจะถูกสังหารได้นะหากประมาท” ฉานนู่เอ่ยถาม


 


กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อารยธรรมโลกมนุษย์น่ะดำรงอยู่มานานหลายพันหลายหมื่นปีแล้ว แถมในโลกข้ายังมียุคสมัยอันเจิดจรัสอยู่ถึง 4 ยุคสมัยอีก นอกจากนี้ยังมีเหล่าการดำรงอยู่จากโลกหกวิถี – บอกตามตรงเลยว่าตอนนี้ ข้าอยากจะเข้าไปดูจนแทบจะอดใจไม่ไหวแล้วว่ายังมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอยู่อีกบ้างไหม”


 


แววตาของฉานนู่ดูจะค่อนข้างซับซ้อน เธอโค้งกายคำนับและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะสามารถคิดหาทางออกจนมาได้ถึงขนาดนี้”


 


“ทว่ามันยังมีปัญหาที่เจ้ายังไม่ทราบอยู่”


 


กู่ฉิงซานชะงักไป ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “ปัญหาอะไร?”


 


“เจ้าเป็นผู้ฝึกดาบใช่หรือไม่?”


 


“ใช่”


 


“เช่นนั้นดาบของเจ้าเล่า?”


 


กู่ฉิงซานเพียงนึกคิด


 


ดาบพิภพกับเช่าหยินก็ผุดออกมานอากาศที่ว่างเปล่า


 


เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าอาวุธมากมายจากปรภพ พวกมันก็บินวนไปรอบกายกู่ฉิงซานอย่างภาคภูมิใจ


 


“เป็นดาบที่ดี!”


 


“ดาบอีกเล่มก็ดูดีไม่เลว!”


 


“ … ”


 


เหล่าสรรพวุธต่างพากันร้องชื่นชมออกมา


 


ทว่าตะขอเกี่ยววิญญาณกลับถอนหายใจ


 


ขณะที่ฉานนู่เอาแต่สายหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า


 


กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยความสงสัย “อะไร? พวกมันมีสิ่งใดผิดปกติกระนั้นหรือ?”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณ “นรกที่เจ้ากำลังจะไปน่ะมีแต่คนตาย นอกจากนี้ที่นั่นยังเป็นสถานที่ๆมีไว้สำหรับพวกเขา”


 


“อ๋า? ก็แล้วมันทำไมหรือ?”


 


ฉานนู่กล่าวต่อ “คนตายจักต้องค้นหาวัสดุในนรก แล้วทำการสร้างอาวุธของตนขึ้นมาด้วยตัวเอง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาถูกยอมรับโดยกฏเกณฑ์แห่งปรภพ รวมไปถึงไม้เท้าแห่งการจองจำได้”


 


“แต่หากเจ้าใช้อาวุธที่มาจากนอกนรก เจ้าจะถูกตัดสิทธิ์ทันที”


 


ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวว่า “พวกคนตายน่ะในนรกน่ะ ได้ใช้เวลานานหกว่าหลายร้อยปีเพื่อที่จะสร้างอาวุธของตนเองขึ้นมา เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะมีอำนาจในการปกครองนรก”


 


“ยังไงก็ตาม อาวุธของเจ้ามันไม่สามารถนำเข้าไปในนรกได้ ขณะเดียวกันหากจะสร้างใหม่มันก็มีเวลาไม่เพียงพอ” ฉานนู่ถอนหายใจ


 


“เช่นนั้นปัญหาที่ว่าก็คือ ข้าจะไม่สามารถใช้ดาบได้อย่างงั้นหรือนี่”กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว


 


ผู้ฝึกดาบที่ไม่สามารถใช้ดาบแล้ว แล้วเขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?


 


กู่ฉิงซานชำเลืองมองเหล่าสรรพวุธและเอ่ยถามว่า “ข้าสามารถใช้พวกเจ้าได้หรือไม่?”


 


อาวุธตนแล้วตนเล่าพากันส่ายหัวและกล่าว “แม้ว่าเราจะเป็นอาวุธแห่งปรภพ ทว่ามิได้ถูกสร้างขึ้นในนรก ฉะนั้นจึงไม่สามารถ”


 


ฉานนู่กล่าวขึ้น “แต่เจ้าใช้ข้าได้นะ”


 


ยามเมื่อเธอกล่าวคำนี้ออกมา เหล่าสรรพวุธทั้งหลายต่างก็หุบปากลง


 


บริเวณโดยรอบบังเกิดความเงียบงันขึ้น


 


ได้ยินแค่เพียงเสียงกระจ่างใสของฉานนู่กล่าวขึ้นว่า “นรกเป็นก็เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาล้อมเหล็ก ดังนั้นกฏเกณฑ์แห่งมันจึงแฝงอยู่ภายในตัวข้า”


 


“กล่าวได้ว่า ข้าก็เป็นดาบที่พอจะถูกพิจารณาได้ว่ามาจากนรกทั้ง 18 ขุมเช่นกัน”


 


“ความหมายที่ข้าจะสื่อคือ หากเจ้าใช้ข้า เจ้าจะไม่ถูกตัดสิทธิ์”


 


ขณะกล่าว ร่างของเธอก็กระพริบไหว ผลุบเข้าไปในดาบขุนเขาเทวะหกโลกา


 


ดาบขุนเขาสั่นไหว และลอยมาตกลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน


 


เสียงของฉานนู่ดังออกมาจากดาบยาว


 


“ก่อนหน้านี้เจ้าได้มอบสมบัติเพื่อช่วยซ่อมแซมข้า ข้ายังมิได้ตอบแทนคืน แถมยังให้เจ้าเอ่ยสัตย์สาบานที่ร้ายแรงถึงเพียงนั้นออกมาอีก การกระทำเหล่านี้ ช่างผิดวิสัยของข้าเสียจริงๆ”


 


“ฉะนั้น ในเวลานี้ ข้าจึงอยากที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า เพื่อแสดงถึงคำขอโทษของข้า”


 


ฉานนู่กล่าวออกมาอย่างช้าๆ


 


กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็คว้าจับลงบนด้ามดาบขุนเขาเทวะหกโลกา


 


นี่มันแตกต่างจากคราวก่อน เวลาที่ได้จับมันในทีแรก เขารู้สึกได้ถึงเพียงความเย็นชาจากตัวดาบเท่านั้น แต่บัดนี้ เขากลับสามารถกวัดแกว่งมันได้อย่างอิสระ สะดวกสบาย ราวกับว่ามันเป็นแขนขาของตนเอง


 


นี่คือเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าจิตแห่งดาบได้ยอมรับเขาแล้ว!


 


บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยหลายบรรทัดได้ปรากฏขึ้น


 


“คุณได้รับการยอมรับโดยจิตอาร์แฟค”


 


“คุณสามารถเรียนรู้คุณสมบัติของสิ่งประดิษฐ์เทวะได้แล้ว”


 


“ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา คือดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาในโลกนี้ กล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะของปรภพ”


 


“ดาบเล่มนี้คือดาบที่สามารถสำแดงกฏเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็กได้”


 


“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ : อมตะ ”


 


“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ : ทรงปัญญา”


 


“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ : แหกกฏ”


 


“ดาบเล่มนี้มีจิตอาร์ติแฟค พลังศักดิ์สิทธิ์ : ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักษ์โลกา”



หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.401 – เถื่อนยิ่งกว่าพวกมัน


 


มองไปยังรายการคำอธิบายยาวเหยียดเกี่ยวกับดาบขุนเขาเทวะหกโลกา เล่นเอาตาของกู่ฉิงซานพร่าไปเล็กน้อย


 


ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าตรงล่างสุดของเส้นแสงตัวอักษร ยังมีอีกประโยคหนึ่งเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา


 


“คุณไม่สามารถล่วงรู้คุณสมบัติของสกิลศักดิ์สิทธิ์ได้ นอกเสียจากว่าสิ่งประดิษฐ์เทวะจะเป็นคนบอกคุณด้วยตนเอง”


 


เอาเหอะ นี่มันก็คล้ายๆกันกับดาบพิภพและเช่าหยินนั่นแหละ


 


กู่ฉิงซานไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว จะช้าหรือเร็วเขาก็จะได้รู้อยู่ดี


 


คำถามสำคัญปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา


 


ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะเพียงอย่างเดียวที่สามารถต้านทานหอกหลากสีได้


 


แล้วสิ่งประดิษฐ์เทวะที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร?


 


“ฉานนู่”


 


“หืม?”


 


“ข้าอยากจะถามว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?”


 


“ข้าก็ไม่กระจ่างนัก ในช่วงเวลานั้นภัยพิบัติยังมิได้เกิดขึ้น และข้าก็กำลังอยู่จมอยู่ในการหลับไหล” ฉานนู่เผยท่าทีสับสนออกมา


 


“ใช่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ทำร้ายร่างดาบของเจ้าหรือไม่?”


 


“ไม่หรอก ร่างดาบข้าถูกสร้างขึ้นจากกฏเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็กที่ไม่หวาดเกรงกระทั่งสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหล ดังนั้นไม่น่าจะมีใครสามารถทำร้ายร่างดาบได้”


 


ด้วยคำพูดประโยคนี้ ส่งผลให้บรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามทันที


 


“คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตอาร์ติแฟคในดาบขุนเขาเทวะหกโลกา : อมตะ ”


 


“ ‘อมตะ’ : ทุกกฏเกณฑ์ในโลกทั้งสิบ ทุกๆพลังอำนาจจะมิอาจทำลายดาบเล่มนี้ลงได้”


 


กู่ฉิงซานอ่านมันอย่างเงียบๆ


 


ขณะเดียวกันก็ตั้งใจฟังฉานนู่กล่าวต่อไป “ฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะรู้ว่าร่างดาบข้ามิอาจถูกทำลายได้ พวกเขาจึงเล็งเป้ามาที่จิตอาร์ติแฟคของข้า แล้วใช้เทคนิคลับบางอย่างทำให้อำนาจของข้าถดถอยลง จากนั้นก็โจมตีข้าอย่างรุนแรง”


 


เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ฉานนู่ก็ดูจะเศร้าๆไปเล็กน้อย


 


“หากข้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และฝ่ายเรามีเทพวิญญาณที่สามารถใช้สอยข้า บางทีเราก็อาจจะต่อกรกับหอกหลากสีได้ก็ได้”


 


“หรือไม่อย่างน้อยที่สุด ก็น่าจะพอช่วยให้สถานการณ์ของเทพวิญญาณคนอื่นๆไม่เลวร้ายถึงเพียงนี้”


 


“แต่ผลสุดท้ายข้าก็ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป พลังศักดิ์สิทธิ์ถดถอยมิอาจสำแดงเดช จึงถูกทำร้ายโดยหอกหลากสี”


 


“ตั้งแต่นั้นมา เทพวิญญาณก็จนปัญญา ไม่อาจทำอะไรได้ และทยอยกันตกตายลงไป”


 


กู่ฉิงซานที่กำลังฟังอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดไตร่ตรอง


 


ก่อนที่ภัยพิบัติจะปะทุขึ้น ใครกันที่จะวางอุบายใส่สิ่งประดิษฐ์เทวะ ใครกันที่สามารถกระทำเช่นนี้ได้?


 


บางที อาจจะมีเผ่ามารแฝงตัวอยู่ในปรภพมานานแล้ว และเฝ้ารอจนกระทั่งสงครามใกล้จะปะทุขึ้นจึงเริ่มลอบลงมือใช่หรือไม่?


 


คนๆนั้นได้วางแผนที่จะลดอำนาจของสิ่งประดิษฐ์เทวะ เพื่อที่จะได้่สังหารเทพวิญญาณ เพื่อที่จะได้ยึดครองปรภพ ลวงเหล่าคนตายในนรกให้ไปยังโลก และหลังจากที่โลกดับสูญ กำแพงอุปสรรคของทั้งหกโลกก็จะพังทลายลง


 


กู่ฉิงซานเพียงแค่คิด ก็บังเกิดความเย็นเยียบขึ้นในจิตใจ


 


เล่ห์เหลี่ยมของเผ่ามาร ยามเมื่อจับแต่ละขั้น แต่ละตอนเข้ามาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันกัน จะพบว่าทุกสิ่งช่างสมบูรณ์แบบ!


 


นี่มันชักจะน่ากลัวเกินไปหน่อยแล้วสิ


 


แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของฉานนู่ อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เขาเอ่ยถาม “แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? สบายดีหรือไม่? มีอาการบาดเจ็บภายในหรือเปล่า?”


 


“ไม่เป็นอะไรหรอก ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะได้พบกับเจ้า และหลังจากที่เจ้ามอบสามสมบัติให้แก่ข้า ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงหายดีแล้ว”


 


กู่ฉิงซานยกดาบขุนเขา ชูขึ้นมาเบื้องหน้าตนเอง


 


ใบดาบราวกับหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง และปลดปล่อยไอเย็นจางๆที่ทำให้รู้สึกสบายออกมา


 


“ก่อนอื่น ก็อย่าพึ่งคิดถึงเกี่ยวกับมันเลย ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ – อนาคตของปรภพขึ้นอยู่กับพวกเราแล้วนะ … ” กู่ฉิงซานกล่าว


 


ฉานนู่เอ่ยตอบทันควัน “นายน้อยโปรดวางใจ ยามนี้ตัวข้าอยู่ในสภาพเบ่งบาน พร้อมรบเต็มที่ ฉะนั้นข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”


 


เธอเอ่ยถามกลับ “แล้วเจ้าเล่า? ยามเมื่อจะต้องเผชิญหน้ากับคนตายที่ทรงพลังจากในนรกทั้ง 18 ขุม เจ้าหาญกล้า พร้อมที่จะเข้าห้ำหั่นกับพวกมันแล้วหรือไม่?”


 


กู่ฉิงซานยิ้ม


 


“ไปกันเถิด เราไปต่อสู้เพื่อตำแหน่งราชาภูติกัน” เขากล่าวออกมา


 


“ตามพระประสงค์ของท่านราชา!” ฉานนู่เอ่ยสรรเสริญล่วงหน้า


 


…….


 


ณ นรกทะเลเลือด


 


นี่คือหนึ่งในนรกที่โหดร้ายที่สุด


 


คนตายที่ถูกโยนเข้าไปในนรกนี้ ส่วนใหญ่แล้วในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิต พวกเขาได้ทำการทารุณกรรมอย่างโหดร้าย ข่มเหงรังแกผู้อื่นอย่างร้ายกาจจนไม่อาจจินตนาการได้


 


ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาตกตายลง จึงได้ถูกโยนลงมาทุกข์ทรมานในนรกแห่งนี้


 


ภายในทะเลเลือด เต็มไปด้วยมอนสเตอร์มากมายที่ซ่อนตัวอยู่ และพวกมันมักจะว่ายเข้าไปฉีกกัดร่างคนตายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนี่เป็นความทุกข์ทรมานอันยากจะพรรณนา


 


แต่เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ไม้เท้าแห่งการจองจำปรากฏกายขึ้น ตลอดทั้งนรกทะเลเลือดก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!


 


หากเข้าร่วมการแข่งขันท้าทายเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง ในระหว่างกระบวนการต่อสู้ คนตายในนรกจะสามารถก้าวออกจากทะเลเลือด ขึ้นมาพักหายใจบนขั้นบันไดที่จะนำไปสู่ลานสังเวียนต่อสู้ได้


 


ตราบใดที่อยู่บนบันไดที่จะมุ่งหน้าสู่สังเวียน คนตายก็จะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากทะเลเลือด!


 


และใครก็ตามที่ชนะ ก็จะได้รับโอกาสเข้าร่วมแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งราชาภูติกับตัวแทนจากนรกอื่นๆ!


 


แล้วเรื่องที่มีแต่ได้กับได้เช่นนี้ เหล่าคนตายที่ทรงพลังทั้งหลายจะไม่ยินดีเข้าร่วมได้อย่างไร?


 


ขณะนี้ เวลาก็ได้ผ่านเลยไปมากแล้ว


 


นรกอื่นๆทั้ง 17 ชั้นได้ทำการคัดเลือกตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นที่เรียบร้อย


 


ดังนั้นที่ว่างตำแหน่งเดียวในนรก จึงอยู่ในช่วงการต่อสู้อันเข้มข้นรุนแรง


 


ตรงใจกลางทะเลเลือด มีแท่นเวทีทรงสี่เหลี่ยมสูงตระหง่านตั้งอยู่


 


และตลอดทั้งแท่นสี่เหลี่ยม ก็จะมีทางขึ้นซึ่งเป็นชั้นบันไดกว่า 1800 ขั้น ทอดยาวจากทะเลเลือดเบื้องล่าง ขึ้นไปยังสังเวียนเบื้องบน


 


และขณะนี้กู่ฉิงซานก็กำลังยืนอยู่หน้าบันไดขั้นแรก


 


เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางข้างบน


 


เห็นแค่เพียงบนบันไดกว่า 1800 ขั้น ที่ในแต่ละทุกๆขั้นล้วนเต็มไปด้วยเสียงเจ็บปวดครวญครางอยู่ทุกสถานที่


 


คนตายทุกคนที่ถูกกำจัดออกจากการแข่งขันท้าทาย จะถูกจับโยนลงมาโดยตัวตนที่แข็งแกร่งคนอื่นๆ ร่วงตกลงร้องครวญครางอยู่ตามบันไดแต่ละขั้น


 


บางคนตายก็ได้สิ้นใจลง ขณะที่ร่างกายของพวกเขาก็ค่อยๆหายไป


 


ขณะเดียวกันคนตายส่วนมากที่ยังไม่สิ้นใจลง-


 


-พวกเขาทั้งหมดต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างการต่อสู้ และนอนโอดโอยอยู่บนแต่ละขั้นบันไดด้วยความทุกข์ทรมานจากการพ่ายแพ้


 


ทว่าเมื่อกู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นบนขั้นบันได


 


ทันใดนั้นเขาก็ถูกพบเจอโดยเหล่าคนตายนับไม่ถ้วนที่ตกอยู่ในอาการสาหัส


 


“ดูนั่นสิ เจ้าหมอนั่นยังปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย” คนตายคนหนึ่งร้องตะโกนออกมา


 


“บัดซบ! นี่มันไม่คิดแสดงตัวออกมาจนกระทั่งพวกเราพ่ายแพ้สินะ ไอ้หมอนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ!”


 


“ข้าจะฆ่ามันเอง!” อีกหนึ่งคนตายอุทานขึ้น


 


ร่างของมันเริ่มวูบไหว


 


แล้วฝูงคนตายในสภาพไม่สมประกอบก็พากันแห่มา ล็อคเท้าทั้งสองข้างของกู่ฉิงซานเอาไว้


 


“ระวังตัวด้วย เจ้าพวกขี้แพ้เหล่านี้ต้องการที่จะหยุดเจ้าไม่ให้ขึ้นไปบนสังเวียน‘ ฉานนู่กล่าวเตือน


 


กู่ฉิงซานกำดาบในมือ และโบกมัน ฟันออกไปส่งๆทางคนตายเบื้องหน้าที่อยู่ใกล้ที่สุด


 


แต่ราวกับแดดิ้นไปหนึ่ง งอกเพิ่มขึ้นมาอีกสอง คนตายกลับวิ่งเข้ามาหาเขามากขึ้นเรื่อยๆ


 


พวกมันใช้ทั้งมือทั้งเท้า คืบคลานไต่ลดระดับลงมาในแต่ละขั้นบันไดสูง เพื่อขวางทางไม่ให้คู่แข่งคนใหม่ผ่านไป


 


ขณะเดียวกันดาบยาวก็เริ่มร่ายระบำเพื่อเปิดหนทาง


 


พร้อมด้วยรังสีดาบนับไม่ถ้วนที่แผดออกมา สังหารคนตายคนแล้วคนเล่าราวกับเครื่องบดเนื้อ!


 


ทว่าคนตายในนรกน่ะมันมีมากเกินไป และกู่ฉิงซานก็ไม่มีเวลามากพอที่จะไล่ฆ่าพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว


 


และเนื่องจากคนที่ตายไปแล้วน่ะ หากถูกสังหารลง ก็เพียงแค่กลับไปหลับไหล


 


ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงกล้าที่จะวิ่งมาข้างหน้าอย่างไม่ลังเลและไม่หวาดกลัวความตาย ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อหยุดไม่ให้กู่ฉิงซานก้าวขึ้นไปยังบันไดต่อไป


 


ถัดออกไปอีกหลายๆขั้นบันได เหล่าคนตายจำนวนมากขึ้น กำลังวิ่งลงมา


 


“อย่าหวังว่าจะได้ขึ้นไปเลย!” หนึ่งในคนตายหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง


 


กู่ฉิงซานวาดดาบของเขาออกไปทักทายศัตรู


 


คนตายที่กล้าเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย ควบคู่ไปกับจำนวนที่มากมาย ส่งผลให้ตอนนี้กู่ฉิงซานต้องตกอยู่ในสภาวะไม่อาจก้าวเดิน ฝีเท้าหยุดนิ่งชั่วคราว


 


ฉานนู่กล่าว “แบบนี้ไม่ดีแน่ พวกมันกระจ่างใจดีว่าตนไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ ดังนั้นจึงอาศัยคนหมู่มากเพื่อกดดันไม่ให้เจ้าขึ้นไปบนสังเวียน”


 


กู่ฉิงซานไม่ตอบกลับ แต่เขาทำแค่เพียงควงดาบแล้ววาดมันออกไป


 


แต่แล้วจู่ๆก็บังเกิดเสียงหวีดร้องลงมาจากบนจุดสูงสุดของสังเวียน


 


คู่แข่งอีกรายหนึ่งได้ถูกสังหารลงไปอีกแล้ว


 


ผู้ชนะของนรกทะเลเลือด กำลังจะถือกำเนิดขึ้นในไม่ช้า!


 


แต่เวลานี้ กู่ฉิงซานยังคงยืนอยู่บนบันไดขั้นแรก และเอาแต่สังหารคนตายที่ลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน


 


เขายังไม่ได้ก้าวไต่ระดับขึ้นไปข้างหน้าเลย


 


กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำกับตัวเองในทันใด “ดูเหมือนฉันจะประมาทเกินไป ลืมไปเลยว่าคนตายพวกนี้มันเป็นวายร้ายจากทุกยุคสมัย แถมตอนนี้พวกมันคงจะลืมไปแล้วว่านี่คือการแข่งขันเพื่อคัดเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนรก เช่นนั้นล่ะก็ …”


 


“เจ้ากำลังจะสื่ออะไร?” ฉานนู่เอ่ยถาม


 


“ที่ข้ากำลังจะสื่อก็คือ ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว มันไม่พอที่จะข่มขวัญพวกตัวร้ายเหล่านี้ลงอย่างแท้จริงน่ะสิ”


 


“เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องการจะทำอย่างไร?” ฉานนู่รู้สึกกังวลมากขึ้น


 


แต่แล้วกระบวนท่าดาบที่ฟันออกของกู่ฉิงซานก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป


 


เจตนาฆ่าได้สลายไปจากตัวเขา


 


ทว่าบัดนี้ ทั้งคนทั้งร่างของตนกลับบังเกิดแรงกดดันอันลึกลับที่ไม่อาจเอ่ยอธิบายได้ออกมา


 


“คงต้องเล่นบทเถื่อนยิ่งกว่าพวกมัน” เขากล่าว


 


ปงงงง!


 


บังเกิดร่างเงาดาบเหลือคณาเบ่งบานขึ้น มันราวกับใบไม้ที่ถูกพัดเป่าไปตามกระแสลม ลอยล่องขึ้นไปตามขั้นบันไดเบื้องบนแต่ละขั้น


 


ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนที่ดังขึ้น


 


ทว่าช่างน่าฉงนยิ่งนัก เพราะกลับไม่มีคนตายสักตนเลยที่สิ้นใจลง!?


 


แต่ทั้งหมดที่ถูกร่างเงาดาบวาดผ่าน พวกมันล้วนถูกตัดมือตัดเท้า และนอนแผ่ราวกับท่อนไม้อยู่ตามขั้นบันไดเสียอย่างนั้น!


 


เสียงโอดครวญก้องขึ้น สะท้อนไปยังเบื้องบน


 


ท่ามกลางสายตาจองคนตายนับไม่ถ้วนที่แสดงออกถึงความโกรธแค้น กู่ฉิงซานได้เตะร่างท่อนไม้ตนหนึ่งลงจากขั้นบันไดที่อยู่ใกล้ที่สุด


 


และคนตายที่ว่าก็ถูกเตะลงกลับไปแช่ในทะเลเลือด


 


และในทันทีที่มันตกลงไป เงาวูบไหวจากเบื้องล่างก็ว่ายตามมาทันที และเริ่มกัด! แทะ! คนตายเหล่านั้น!!


 


นรกทะเลเลือดน่ะโหดร้าย! เพราะมันจะคอยเลี้ยงไข้ ไม่ให้คนตายสิ้นใจลงง่ายๆ เพื่อยืดเวลาให้พวกคนตายได้รับความทุกข์ทรมานต่อไปให้ยาวนานยิ่งขึ้น!


 


“อ๊า อ๊า อ๊าา อย่า! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่สมควรที่จะหยุดเจ้า ได้โปรดปลดปล่อยข้า! สังหารข้าให้สิ้นใจไปอย่างสงบเถอะ!”


 


ร่างท่อนไม้ที่ตกลงไปโวยวายลั่น ร่ำร้องทั้งน้ำตา


 


บนขั้นบันไดเบื้องบน เหล่าคนตายนับไม่ถ้วนที่เห็นฉากนี้ ทั้งตนทั้งร่างต่างแข็งค้าง


 


กู่ฉิงซานเอ่ยปากกล่าวอย่างช้าๆ “พวกเจ้าจะหลีกทางให้ข้าดีๆ แล้วค่อยกลับมาเพลิดเพลินอยู่บนขั้นบันไดต่อไปในสภาพสมบูรณ์ หรือจะขวางทางแล้วลงไปนอนแช่ออนเซ็นเลือดในสภาพถูกตัดแขนขา?”


 


เขายืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยรอยยิ้มเย็นที่แขวนไว้บนใบหน้าของเขา


 


“หากข้ายังไม่สามารถขึ้นไปบนสังเวียนได้ นับตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าจะเปลี่ยนทุกคนที่ขวางหน้าให้กลายเป็นท่อนไม้ และจับพวกมันโยนลงไปในทะเลเลือด!”


 


“ถูกกัดแทะโดยมอนสเตอร์ทั้งๆที่ไม่มีมือและเท้า  ความสุขสมเช่นนี้ข้าว่าพวกเจ้าคงยังไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน”


 


ว่าแล้วเขาก็เตะร่างท่อนไม้ตนที่สองที่ขวางมือขวางตีนลงไปในทะเลเลือดอีกหนึ่ง


 


แล้วคนตายตนที่สองก็เริ่มประสานเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดร่วมกับคนตายคนแรกที่ตกลงไป


 


เหล่าคนตายที่ยืนอยู่เหนือขึ้นไปชั้นบนต่างเฝ้ามองฉากนี้อย่างเงียบๆ


 


ในนรก ความตายน่ะหมายถึงการหลับไหล และขณะเดียวกันมันก็หมายถึงการอำลาความเจ็บปวดทรมานในระยะเวลาสั้นๆอีกด้วย


 


แต่กู่ฉิงซานกลับไม่ได้ทำให้พวกเขาตายลง ทว่าดันตัดมือตัดเท้าเพื่อให้พวกเขาไม่มีแรงที่จะต่อต้าน-


 


-ไม่มีแรงที่จะต่อต้านการกัดแทะของมอนสเตอร์ในทะเลเลือด!


 


นี่มันเป็นการทรมานอย่างแท้จริง!


 


“เจ้ามันปีศาจ!” คนตายคนหนึ่งตะโกนขึ้น


 


ถึงปากจะด่าแบบนั้น แต่มันกลับค่อยๆคืบคลานหนีห่างออกไปจากตรงหน้าของกู่ฉิงซาน


 


“ปีศาจชั่วร้าย!”


 


“ปีศาจโรคจิต!”


 


“ไปเถอะ อย่างไม่ยุ่งกับมันเลย”


 


เหล่าคนตายส่งเสียงกระซิบกระซาบให้กันและกัน


 


แต่เมื่อกู่ฉิงซานเตะร่างท่อนไม้ตนที่สามลงไป เหล่าคนตายที่อยู่เบื้องบนก็ขวัญกระเจิง มิอาจฝืนยืนอยู่ได้อีกต่อไป! พวกมันต่างพากันฝืนใจยอมกระโดดลงไปในทะเลเลือด เพราะอย่างน้อยก็อยู่ในสภาพครบสามสิบสอง …


 


บัดนี้อุปสรรคเบื้องหน้าเขาได้ถูกเปิดออก เส้นทางสู่สังเวียนได้ปรากฏขึ้นสู่สายตาอีกครั้ง


 


และระหว่างทาง … บัดนี้โล่งโจ้ง ไม่มีคนตายคนใดอยู่อีกเลย!!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม