World of Warcraft ราชันต่างภพ 567-573

ตอนที่ 567

 

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


รุ่งเช้าของวันถัดมา ดวงตะวันเริ่มทอแสงส่งสัญญาณของเช้าวันใหม่ เซียวอวี๋สั่งให้ทหารเป่าแตรปลุกทุกคนขึ้นมา หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จสิ้นเซียวอวี๋ก็นำทุกคนมุ่งไปยังวิหารอัลคีราฟ ในช่วงตลอดคืนที่ผ่านมา จ้าวมนตราทั้งสามเอาแต่เก็บตัวทำความเข้าใจกลิ่นอายของมังกรบรรพกาล เซียวอวี๋ลองสังเกตอย่างละเอียดก็พบว่าทั้งสามมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดูเหมือนมานาของพวกเขาจะดูลึกล้ำและทรงพลังขึ้น

นี่คล้ายกับไอน้ำควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำ จากนั้นจึงค่อยๆกลายไปเป็นน้ำแข็ง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หากพวกเขาสามารถเข้าถึงความลึกล้ำของมานาได้ พวกเขาก็อาจจะบรรลุขั้นที่เจ็ด

ในใจของเซียวอวี๋มีความสุขมาก หากว่าทั้งสามสามารถบรรลุขอบเขตขั้นที่เจ็ดได้จริงๆ นี่จึงเป็นประโยชน์ในการต่อกรกับขุมกำลังลึกลับอย่างมาก

สถานการณ์ทั่วทวีปตอนนี้เรียกได้ว่าวุ่นวายอย่างมาก ไฟสงครามได้ลุกลามไปทุกหนแห่ง

ตึงตึงตึง……..

พวกทหารเริ่มย่ำกลอง เซียวอวี๋ขี่มังกรน้อยบินนำหน้าเปิดทาง ได้ยินเสียงกลอง พวกเซิกจำนวนมากก็กรูกันออกจากรูและพุ่งเข้าหากองทัพมนุษย์ แต่ต่อหน้าเซียวอวี๋กับมังกรน้อยแล้วนี่ก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย วันนี้เซียวอวี่มุ่งมั่นจะบุกเข้าไปในวิหารให้จงได้

อย่างไรก็ตาม พวกนักผจญภัยและกองกำลังอื่นๆนั้นลงมืออย่างเอื่อเฉื่อยไร้ชีวิตชีวายิ่ง

ครั้งนี้ตระกูลของนิโคลัสได้ส่งยอดฝีมือจำนวนมากมาสมทบ เพียงแค่ยอดฝีมือขั้นที่หกก็มีนับสิบแล้ว ทางด้านตระกูลช็อค ตระกูลเคเนดี้และตระกูลอื่นๆเองก็พายอดฝีมือติดตามมา พวกเขาตระเตรียมมากอบโกยสมบัติเต็มที่

อัลคีราฟเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทวีป ว่ากันว่าเมื่อครั้งอดีตอันไกลโพ้น พวกเซิกเคยออกรุนรากไปทั่วทวีป ทั้งยังขนสมบัตินับไม่ถ้วนมาเก็บซ่อนไว้ในวิหารเพื่อเป็นการบวงสรวงเทพเจ้าของพวกมัน คฑูน

หากพวกเขาสามารถครอบครองสมบัติเหล่านี้ได้ล่ะก็ ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ดูอย่างเจ้าเซียวอวี๋สิ ที่เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะสมบัติจากยุคโบราณ

พวกเขาต่างก็อิจฉาเซียวอวี๋กันมาก พวกเขาต่างก็ต้องการสับเซียวอวี๋เป็นชิ้นๆ ทว่าโชคร้ายที่เซียวอวี๋มีกำลังกล้าแข็งเกินไป

ดังนั้น โอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ปรากฏขึ้นแล้ว และพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไป พวกเขาจะทำให้ตระกุลของพวกเขาขึ้นเป็นใหญ่ในใต้หล้า

“เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าคิดว่าวันนี้จะบุกเข้าไปได้หรือไม่?” นิโคลัสถามเซียวอวี๋

“แน่นอน เจ้าดูสิ วิหารก็อยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ที่นั่นคงเป็นศึกหนัก หลังจากจบศึกนั้นได้พวกเราแน่นอนว่าย่อมได้ครอบสมบัติมหาศาล ฮ่าฮ่าฮ่า แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว” เซียวอวี๋กล่าวด้วยสายตาเป็นประกายราวกับเสาะพบหญิงงามที่เบื้องหน้า

นิโคลัสเองคุ้นชินกับนิสัยของเซียวอวี๋แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าเองก็ลงทุนลงแรงไปมาก เมื่อถึงตอนนั้น…..”

“วางใจเถอะ ข้าไม่เคยเอาเปรียบสหายอยู่แล้ว” เซียวอวี๋กล่าวขัดพลางหัวเราะ

“เหอะ ใครเป็นสหายเจ้ากัน” นิโคลัสกลอกตา

“อา….ที่อยู่ตรงหน้านั่นมันอะไรกัน? อานูบีสตัวใหญ่?” ในเวลานั้นเอง เสียงร้องตะโกนก็ดังมาจากด้านหน้า

เซียวอวี๋ตกตะลึง “นั่นมันออสซิเดี้ยนไร้ต้าน กำจัดมันซะ หากจัดการมันได้พวกเราก็เข้าวิหารได้แล้ว!”

“ออสซิเดี้ยนไร้ต้าน? มันคือ?” ได้ยินเซียวอวี๋โพล่งออกมา นิโคลัสก็รีบถาม

“เป็นพงศ์พันธุ์อานูบีสที่แข็งแกร่งมาก หลังจากได้รับพลังจากเทพโบราณ พวกมันก็แข็งแกร่งกว่าอานูบีสปกติ ไปกันเถอะ เจ้าพวกนี้จัดการไม่ง่ายเลย” เซียวอวี๋ตอบฉะฉาน ไม่ทราบว่าในอดีตเขาสังหารมันไปกี่ตัวแล้ว

ยามเมื่อพวกมันใกล้เข้ามา เซียวอวี๋ก็เห็นว่าอานูบีสที่สูงใหญ่กว่าอานูบีสทั่วไปกำลังเข่นฆ่าพวกนักผจญภัยอย่างโหดเหี้ยม ใกล้ๆกับมันนั้นก้มีเสาผนึกหลายต้นตั้งอยู่

“กระจายกันออกไป อย่าได้รวมตัว! มิเช่นนั้นมีแต่สูญเสียมากขึ้น!” เห็นหลายคนทำอะไรไม่ถูก เซียวอวี๋ก็ตะโกนเสียงดังพลางบังคับมังกรน้อยบินขึ้นฟ้า

“ให้ทุกคนเข้าไปอยู่ใกล้ๆเสาผนึกเหล่านั้น หากเจ้านี่เข้าไปใกล้ผนึกก็โจมตีผนึกให้แตก จากนั้นก็ไปหาเสาผนึกอันใหม่ อย่าได้เข้าไปใกล้ พลังของเจ้านี่มาจากผนึกเหล่านั้นเอง พวกเจ้าต้องดูให้ดี อย่าโจมตีเร็วไป จะโจมตีได้ก็ต่อเมื่อเจ้านี่เข้าไปใกล้ มิเช่นั้นฝ่ายที่โชคร้ายจะเป็นพวกเจ้าเอง!” เซียวอวี๋ตะโกนอธิบาย

ได้ยินคำของเซียวอวี๋ พวกเขาก็รีบวิ่งไปใกล้เสาผนึก

ร่างกายของออสซิเดี้ยนไร้ต้านมีชั้นพลังงานป้องกันอยู่ นี่เป็นเกราะป้องกันที่แทบจะไร้เทียมทาน หากว่าเอาแต่โจมตีมัน ไม่รู้ต้องมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องตายเปล่า มีเพียงการล่ออานูบีสนี้เข้าไปใกล้เสาผนึกแล้วจัดการเท่านั้นที่จะได้ผล ขอเพียงจัดการเสาผนึกพวกนั้นได้ ออสซิเดี้ยนไร้ต้านนี่ก็จะยิ่งอ่อนแอลง

ครืน……..

เสาผนึกค่อยๆถูกจัดการทีละต้นทีละต้น เกราะพลังงานรอบกายออสซิเดี้ยนไร้ต้านยิ่งมายิ่งอ่อนโทรมลง

“ผู้ใช้ไฟจงใช้เวทไฟโจมตีมันซะ ตอนนี้พลังป้องกันธาตุไฟของมันอ่อนแอที่สุด นี่จะทำให้มันบาดเจ็บสาหัส!” เซียวอวี๋สั่งการพวกผู้ใช้มนตราทันที

นี่เป็นช่วงเวลาที่มันแพ้ไฟมากที่สุด

“น้ำแข็ง! ตอนนี้มันแพ้น้ำแข็ง จัดการเลย!”

ฉึก ฉึก ฉึก!

หลินมู่เสวี่ยและแอนโทนีดอาสลงมือก่อน แท่งน้ำแข็งแท่งใหญ่จำนวนมากพุ่งเข้าเสียบร่างของออสซิเดี้ยนไร้ต้านจนมันกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เกราะพลังของมันไหววูบราวกับเปลวเทียนต้องลม

ตอนนี้หลินมู่เสวี่ยยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน แม้ตอนนี้จะยังเทียบชั้นสามจ้าวมนตราไม่ได้ แต่จอมมนตราขั้นที่หกทั่วไปย่อมไม่ใช่คู่มือของนาง

มรดกจากเอกวินน์ย่อมไม่ใช่ที่มรดกทั่วไปจะเทียบได้ นี่นับเป็นสมบัติชิ้นใหญ่อย่างแท้จริง แทบจะไม่ด้อยไปกว่ามรดกที่มังกรน้อยได้รับเลย

เซียวอวี๋งุนงง ชีวิตเขาก็ไม่ได้แย่ ได้รับบางสิ่งมาบ้างเล็กน้อย ทั้งยังอยู่ในขั้นปรจารย์แล้ว แต่ถึงจะมีสิ่งในครอบครองอยู่มากมาย ความต้องการจะครอบครองของเขาก็ดูจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ครั้งนี้สามจ้าวมนตราไม่ได้ลงมือ ในเมื่อเซียวอวี๋มีวิธีจัดการแล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจและกลับไปศึกษาพลังต่อ เวลาที่ต้องการใช้พวกเขาคงเป็นตอนที่เผชิญกับเทพโบราณคฑูนกระมัง

ถึงตอนนั้นสามจ้าวมนตราคงต้องลงมือสุดกำลัง กระทั่งว่าต่อใ้ใช้เวทต้องห้ามออกมาก็ไม่แน่ว่าจะจัดการเทพโบราณตนนั้นได้

อย่างไรเสีย อีกฝ่ายก็เป็นถึงเทพปีศาจจากยุคโบราณ เป็นหนึ่งในผู้ที่ครองพลังมากที่สุดในมิติ แน่นอนว่าเทพในยุคโบราณย่อมมีพลังเหนือล่้ำกว่าขั้นที่เจ็ดมาก ไม่รู้ว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน

ถึงตอนนั้นคงต้องพึ่งเวทมนตร์ต้องห้ามของจ้าวมนตราทั้งสามแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากต้องการจะกำจัดพวกเซิกโดยสมบูรณ์ พวกเขาจะต้องกำจัดคฑูน นอกจากนั้น เซียวอวี๋ยังหมายเอาวัตถุดิบจากคฑูน ไม่รู้ว่าหากนำกลับไปให้ฮิกกิ้นศึกษาหลอมปรุงออกมาจะได้ของที่ทรงพลังอะไรออกมา……..

 

 

 


ตอนที่ 568

 

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


ภายใต้ฝีมือสั่งการของเซียวอวี๋ ออสซิเดี้ยนไร้ต้านก็ยิ่งมายิ่งอ่อนแอ จนสุดท้ายร่างกายของมันก็เผยโฉมออกมา


แม้ทางฝั่งกองทัพมนุษย์จะกล่าวได้ว่าสูญเสียอย่างหนัก หลายคนตกตายโดยไม่ทันตั้งตัว กระนั้นการสังหารออสซิเดี้ยนไร้ต้านลงได้ก็นับว่าคุ้มค่า


เพราะศพของออสซิเดี้ยนไร้ต้านนั้นมีประโยชน์มหาศาล สามารถนำไปใช้หลอมสร้างได้หลายสิ่ง


เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของออสซิเดี้ยนไร้ต้านแย่ลงเรื่อยๆ เซียวอวี๋ก็บังคับมังกรน้อยบินโฉบลงต่ำ ขวานพรากวิญญาณในมือยกขึ้นฟันออกไป ในมือที่ถือทอนฟาของมังกรน้อยก็ฟาดตามออกไปเช่นกัน หนึ่งคนหนึ่งมังกรบินวนฟาดซ้ำไปซ้ำมาจนออสซิเดี้ยนไร้ต้านร้องโหยหวน


หลังจากมาถึงขั้นที่ห้า มังกรน้อยก็แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าอานูบีสแล้ว เพียงแต่ออสซิเดี้ยนไร้ต้านนี้มีเกราะพลังงานห่อหุ้มร่าง ปราศจากเกราะพลังงานนี้ แน่นอนว่าออสซิเดี้ยนไร้ต้านตนนี้คงเละไปแล้ว


ตอนนี้ออสซิเดี้ยนไร้ต้านมีสภาพร่อแร่เต็มทน มังกรน้อยโจมตีออกไปอีกครั้ง ออสซิเดี้ยนไร้ต้านพยายามจะฝืนป้องกันหากแต่มันไม่หลงเรี่ยวแรงอีกแล้ว มังกรน้อยตื่นเต้นยิ่ง หลังจากมาถึงขั้นที่ห้า เจ้าตัวยักษ์นี่จะเป็นเหยื่อรายแรกของมัน!


เมื่อเห็นมังกรน้อยเปวี่ยงทอนฟาเข้าหาร่างที่โงนเงนของออสซิเดี้ยนไร้ต้าน ทุกคนก็อ้าปากค้าง


เจ้านี่ใช่มังกรหรือ? หรือเดี๋ยวนี้พวกมังกรหันมาใช้อาวุธกันแล้ว? ทั้งอาวุธนี้ยังแปลกประหลาดมากและทรงพลังมากด้วย


เปรี้ยง!


ทอนฟาฟาดเข้าใส่ออสซิเดี้ยนไร้ต้านอย่างจังจนร่างของอันสูงใหญ่ของมันล้มคว่ำลงสนั่นพื้น


ทุกคนเฮลั่น ต่างคนต่างเตรียมวิ่งเข้าไปแบ่งชิ้นส่วนของออสซิเดี้ยนไร้ต้าน อย่างไรก็ตาม มังกรน้อยยกเท้าขึ้นเหยียบร่างของออสซิเดี้ยนไร้ต้านเอาไว้ ผู้ใดยังจะเข้าไปได้?


“ทุกคนหยุดอยู่ตรงนั้น!” เซียวอวี๋ที่พาดขวานไว้บนบ่าตะโกนลงมาจากหลังมังกรน้อย


หลังบรรลุขอบเขตขั้นที่หก เซียวอวี๋ก็มีกลิ่นอายแข็งแกร่งแผ่ออกจากร่าง ดังนั้นทุกคนจึงหยุดเท้าทันทีที่ได้ยิน


“ข้าจะเป็นคนแบ่งสรรศพของเจ้านี่เอง มีผู้ใดคัดค้านหรือไม่?” เซียวอวี๋วางท่านักเลงโตพลางกวาดมองฝูงชนอย่างเฉื่อยชา


ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากัน จู่ๆก็มีเสียงตะโกนออกมาจากฝูงชน “นี่จะได้อย่างไร?”


เซียวอวี๋แค่นเสียงเย็นก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ด้วยขวานในมือข้าและทอนฟาในมือมังกรของข้า หากผู้ใดไม่เห็นด้วยก็ก้าวออกมาสู้กับมังกรของข้า หากชนะก็ให้คนผู้นั้นเป็นคนจัดสรร”


ได้ฟังวาจาอันไร้เหตุผลของเซียวอวี๋ แม้จะมีบางคนไม่พอใจ แต่เมื่อแววตาดุร้ายของมังกรน้อยกวาดมองมาพวกเขาก็สั่นสะท้านไปถึงวิญญาณจนต้องรีบก้มหน้าลงต่ำ


มีบางคนที่เคยปะทะกับพวกเซียวอวี๋เมื่อครั้งอยู่ในวิหารดำมาก่อน คนเหล่านี้ทราบว่าเซียวอวี๋นั้นแจกจ่ายอย่างยุติธรรมยิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ส่งเสียงคัดค้านใดๆ


เมื่อเห็นว่าไม่มีใครค้าน เขาก็กล่าวต่อ “ร่างกายของเจ้านี่เป็นวัตถุดิบในการหลอมสร้างสิ่งของอย่างดี ทว่านั่นก็ต้องการอาจารย์แปรธาตุฝีมือดีด้วย เอาล่ะ มาเริ่มประมูลเถอะ ผู้ใดให้ราคาสูงที่สุดก็จะได้ของไป เงินที่ได้ก็เอามาแบ่งกัน”


“แล้วจะแบ่งเงินกันอย่างไร?” มีบางคนตะโกนถามขึ้นมา


เซียวอวี๋ตอบเสียงเรียบ “ข้าจะแบ่งให้ตามผลงานที่ข้าได้เห็นจากบนฟ้า หากว่าเจ้าไม่พอใจก็เข้ามาสู้กับมังกรของข้า ถ้าเจ้าชนะก็เอาของไปได้เลย”


การตอบกลับของเซียวอวี๋ทำให้ทุกคนต่างปิดปากเงียบ ในใจของทุกคนต่างก่นด่าพฤติกรรมวางตัวเป็นใหญ่ แต่พวกเขาก็ได้แต่ด่า หากไม่กล้าตอแย


ครั้งนี้พวกเขาได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนแล้ว


เซียวอวี๋กวาดมองฝูงชนด้วยความพอใจ เมื่อทุกคนต่างหลบตา เขาก็กล่าวว่า “เริ่มประมูลที่หนึ่งล้านเหรียญทอง! การประมูลสามารถใช้ทั้งเงินสดและสิ่งของมีค่า เช่น ม้วนคัมภีร์เวท เวทอาวุธต่างๆได้”


หลังจากนั้นพักหนึ่ง การประมูลก็เริ่มต้นขึ้น ผู้ประมูลรายแรกก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นศัตรูเก่าของเขาอย่างร็อบจากตระกูลเคเนดี้


เวลานี้ร็อบมีท่าทีเคร่งขรึม หากแต่ก็แฝงไว้ด้วยความทะนง


จากนั้นคนอื่นๆก็ประมูลตาม ผู้คนที่มาอัลคีราฟครั้งนี้มีมากกว่าครั้งไหนๆ กระนั้นราคาที่สู้ไหวกลับไม่สูงมาก พวกเขาต่างรู้ดีว่าของพวกนี้เป็นเพียงวัตถุดิบที่ไม่สามารถนำไปใช้ได้โดยตรง หากไม่มีช่างหลอมช่างแปรธาตุจัดการให้ ถึงได้ไปก็กลายเป็นไร้ประโยชน์


การประมูลค่อยๆดำเนินไปจนกระทั่งเซียวอวี๋ลงประมูลที่ราคาสิบล้านเหรียญทองจึงค่อยจบลง เห็นราคาที่สิบล้านแล้ว ทุกคนต่างก็เงียบเสียงพลางหันไปมองหน้ากัน


มากกว่าสิบล้านเหรียญทองถึงได้ไปก็ไม่คุ้มค่าแล้ว


สุดท้ายสิ่งของจึงตกเป็นของเซียวอวี๋ เซียวอวี๋มีเหรียญทองจำนวนมากจากการเก็บค่าผ่านทางก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงจ่ายด้วยเงินสดทั้งหมด


เซียวอวี๋ค่อยๆแบ่งเงินให้กับทุกคนตามผลงานที่เขาได้เห็น แม้ว่าการแบ่งเช่นนี้จะไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าใด หากแต่ทุกคนก็ยอมรับได้


กระทั่งถึงตอนที่ต้องแบ่งให้ตระกูลเคเนดี้ เซียวอวี๋ก็ไม่ได้หักเงินอะไร สิ่งใดควรจ่ายก็จ่าย นี่คือคุณสมบัติของผู้นำ


เมื่อแบ่งเงินเสร็จสิ้น เซียวอวี๋ก็เก็บร่างของอานูบีสคลั่งสงครามไป เขาตระเตรียมว่าหลังเสร็จเรื่องนี้แล้ว ก็จะนำร่างของมันกลับไปให้ฮิกกิ้นศึกษา บางทีเขาอาจจะสามารถสร้างของที่สุดยอดออกมาก็เป็นได้


ได้รับเงินกันแล้วทุกคนก็พึงพอใจ วิหารอัลคีราฟอยู่ข้างหน้าไม่ไกลแล้ว เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือขุมทรัพย์ในวิหารอัลคีราฟนี้เอง……

 

 

 


ตอนที่ 569

 

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“ในที่สุดก็มาถึงเสียที มาดูกันว่าด้านในมีอะไรอยู่ จบจากที่นี่ก็ค่อยไปช่วยโถวปาหงจัดการโถวปากุ้ย หากปล่อยให้เกิดผีดิบออกเพ่นพ่านไปทั่ว ทวีปคงประสบหายนะ จงระวังทุกฝีก้าว นี่จึงเป็นเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ”


เซียวอวี๋พึมพำขณะที่นำกองทัพใหญ่เคลื่อนกำลังเข้าสู่วิหารอัลคีราฟ ตอนนี้พวกเซิกแมลงด้านนอกต่างถูกกวาดล้างไปแล้ว เหลือเพียงพวกที่อยู่ภายในวิหารเท่านั้น


ชั่วขณะที่เซียวอวี๋เหยียบย่างเข้าสู่เขตวิหาร จู่ๆก็บังเกิดเสียงถอนหายใจดังขึ้น เสียงถอนหายใจนี้ราวกับเป็นเสียงจากต่างมิติที่ส่งผ่านข้ามห้วงมิติและเวลา ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกอึดอัดคับข้อง


สามจ้าวมนตราเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจนี้ก็รู้สึกตื่นตระหนก


“นี่เป็นพลังขอบเขตขั้นที่เจ็ด! ทั้งยังเป็นระดับสุดยอดของขั้นที่เจ็ด! นี่เป็นพลังที่ไม่สมควรมีอยู่บนโลกนี้ หากแต่พลังของพระเจ้า” ชัคคุนพึมพำ ขณะที่เกิดประกายซับซ้อนขึ้นในแววตา


ดูท่าศึกนี้ แม้พวกเขาทั้งสามจะใช้ออกสุดกำลังก็ยังคงยากจัดการเทพโบราณตนหนึ่ง หากแต่ในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งสามอันดับแรกของทวีปแล้ว พวกเขามีแต่ต้องต่อสู้ มิเช่นนั้นทวีปผืนนี้คงถึงคราวอวสานแล้ว


หวังว่าเทพโบราณตนนี้คงไม่ฟื้นกลับมาโดยสมบูรณ์


หากเกิดอะไรขึ้นกับสามจ้าวมนตราแล้วล่ะก็ เรื่องคงเลวร้ายอย่างยิ่ง


ดังนั้นครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรต้องจัดการภัยร้ายนี้ให้ได้


เซียวอวี๋ย่อมทราบถึงความร้ายกาจของอีกฝ่าย และยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล คฑูนเป็นเทพโบราณของพวกเซิก และแน่นอนว่าเป้าหมายของมันคือการทำลายแผ่นดินของมนุษย์ ไม่ว่าหนีไปที่ใดก็หนีพ้น ดังนั้นมีแต่ต้องกำจัดมันให้ได้เท่านั้น


ตอนนี้นับเป็นโอกาสอันดี เพราะหากมันกลับมาจริง มันก็คงฟื้นกำลังมาได้ไม่เท่าไร แต่หากปล่อยไว้พักหนึ่งคงยุ่งยากแล้ว


คิดได้ดังนี้แล้ว เซียวอวี๋ก็กวาดสายตาสำรวจโดยรอบ วิหารอัลคีราฟนี้กว้างใหญ่มาก เมื่อผ่านเข้ามา ทุกคนก็เริ่มที่จะแยกตัวออกไป พวกเขาคิดต่างจากเซียวอวี๋ พวกเขามาที่นี่เพื่อสมบัติของหายาก ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงต่างคนต่างแยกกันไปแสวงหาโชค


ครั้งนี้เซียวอวี๋ไม่รู้สึกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ที่นี่เปลี่ยนแปลงสภาพไปมากจากครั้งอดีตจนยากจะจำแนกเส้นทาง


ดังนั้นเซียวอวี๋จึงทำได้เพียงนำผู้คนเดินทางเปะปะอย่างช้าๆ


ระหว่างทางปรากฏพวกเซิกเข้าโจมตีอยู่หลายครั้ง แต่แน่นอนว่าย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเซียวอวี๋ แมลงเหล่านี้ล้วนแต่อ่อนแอยิ่ง


เวลานี้ขุมกำลังของเซียวอวี๋แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งพลังของตัวเขาเองยังสูงส่ง


กระทั่งแพนด้าเฉินก็เลื่อนระดับจนมีพลังเทียบเท่าขั้นที่ห้าแล้ว พลังต่อสู้ของเขาจึงสูงขึ้นมากจนแทบไม่ด้อยกว่าฮีโร่คนอื่นๆ หากเผชิญหน้าในระดับเดียวกันแล้ว ฮีโร่คนอื่นๆเองก็ยากจะจัดการกับแพนด้าเฉิน


แพนด้าเฉินคือยอดฝีมือระยะประชิด เป็นนักสู้ที่แข้งแกร่งที่สุด


นอกจากนั้นทักษะจิตวิญญาณอัคคีของเขายังทรงพลังมาก เหมาะต่อการกวาดล้างพวกเซิกเป็นกลุ่ม การโจมตีด้วยไฟเป็นดาวข่มของพวกเซิกอย่างแท้จริง


เซียวอวี๋คาดไม่ถึงว่าแพนด้าเฉินจะมีทักษะที่ทรงพลังถึงเพียงนี้


หลังจากสำรวจอยู่เป็นนาน ในที่สุดพวกเขาก็พบอุโมงค์ขนาดใหญ่


เซียวอวี๋กวาดตามองแล้วก็รู้สึกคุ้นตาขึ้นมา ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงแตกหักดังมาจากพื้นดินก่อนที่จะมีแมลงสามตัวโผล่ออกมา พวกมันล้วนแต่มีสีสันแตกต่างจากพวกแมลงปกติ


“มารดามันเถอะ!” เซียวอวี๋ทราบแล้วว่าพวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไร


“พวกมันคือ?” นิโคลัสถามขณะมองไปยังแมลงสามตัวที่เบื้องหน้า เขาขมวดคิ้วพลางรู้สึกถึงลางร้าย แมลงสามตัวนี้ดูแข็งแกร่งอย่างมาก


“ก็แค่แมลงสามตัว ทุกคนเตรียมพร้อม! คาสโซ่เจ้าพยายามดึงความสนใจของเจ้านั่นไว้ ไม่ต้องสนใจอีกสองตัว” เซียวอวี๋หันไปบอกคาสโซ่


คาสโซ่พลันดึงเอาโล่ออกมาเตรียมพร้อมรับมือ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจัง สำหรับเขาแล้ว เกียรติสูงสุดคือการปกป้องเหล่าสหายด้วยชีวิต


“อาจารย์อ้าวปา ท่านช่วยรั้งแมลงตัวนั้น อย่าปล่อยให้พวกมันโจมตีเราได้” เซียวอวี๋มอบหมายแมลงอีกตัวให้อ้าวปาจัดการ


ด้วยความแข็งแกร่งของอ้าวปาแล้ว ศัตรูระดับนี้ยังไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา


อ้าวปาเพียงผงกศีรษะไม่เอ่ยวาจา


เซียวอวี๋เหลือบมองดูดาบในมืออ้าวปา ดาบเล่มนี้เดิมไม่ใช่ของอ้าวปา


ดาบเล่มนี้เป็นดาบที่เซียวอวี๋พกติดตัวเอาไว้มานาน ตอนอยู่ในมือของเขายังไม่เท่าไร หากแต่เมื่ออยู่ในมืออ้าวปากลับดูเหมาะสมอย่างยิ่ง


หลังจากแบ่งหน้าที่จัดการแมลงทั้งสามแล้ว เซียวอวี๋ก็เตรียมจัดการแมลงตัวที่เหลือ


อันที่จริง ตราบใดที่ไม่ได้เผชิญหน้ากับคฑูนหรือทูตของคฑูนแล้วล่ะก็ เซียวอวี๋ก็ไม่ได้กังวลมากนัก


หากจ้าวมนตราทั้งสามลงมือ แมลงทั้งสามนี้ย่อมจัดการได้ไม่ยาก แต่เซียวอวี่ต้องการให้ทั้งสามอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดสำหรับรับมือกับคฑูน


ตู้มมมม


มังกรน้อยพุ่งออกตัว ตรงเข้าหาแมลงตัวสุดท้าย ในใจของมันกู่ร้องด้วยความยินดี คู่ต่อสู้ขนาดใหญ่ที่เบื้องหน้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ดูสมน้ำสมเนื้อกับมันอย่างมาก


หากเซียวอวี๋ไม่เอ่ยปากคัดค้านแล้วล่ะก็ มันคงพุ่งเข้าไปลุยเดี่ยวกับอีกฝ่ายตั้งแต่แรก ตอนนี้มังกรน้อยเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในกำลังของมัน มันเชื่อว่าเวลานี้ตนยากจะหาคู่มือที่มีพลังทัดเทียมได้อีก


หลังจากใช้ออกด้วยการฟาดทอนฟา พ่นไฟ ตามด้วยกรงเล็บและหางแล้ว มังกรน้อยก็ชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบ


เวลานี้เอง เวทมนตร์ของหลินมู่เสวี่ย แอนโทนีดาส และคาเอลก็พุ่งเข้าซ้ำจนบังเกิดเสียงดังสนั่น แม้มันจะพยายามปล่อยพิษเหล็กในจากหางตอบโต้ แต่นั่นก็เปล่าประโยชน์ มันถูกกดดันจนไร้หนทางตอบโต้อย่างสิ้นเชิง


เซียวอวี๋รู้สึกว่านี่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่รังแกเด็กกลุ่มหนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่าแมลงสามตัวนี้แข็งแกร่งเสียจนยากจะจัดการ นี่สมควรเป็นการต่อสู้อันหนักหน่วง ดังนั้นเซียวอวี๋จึงแบ่งหน้าที่อย่างรัดกุม ทว่าเขากลับคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะถึงกับสู้ไม่ได้เลยเช่นนี้


เขาประเมินขุมกำลังของฝั่วตนต่ำไป มังกรน้อยกล่าวถูกต้อง อาศัยพวกเขาหนึ่งคนต่อหนึ่งตัวก็เพียงพอแล้ว ยิ่งเมื่อมีกำลังเสริมอย่างอ้าวปาอยู่ด้วย การต่อสู้ครั้งนี้จึงจบลงอย่างรวดเร็ว นี่เท่ากับว่าเขาขบคิดแผนการอย่างเสียเปล่า


ฟุ่บ ฟุ่บ


กรอมและอิลิดันลงมือเป็นกลุ่มที่สาม ดาบของพวกเขาฟันใส่แมลงเหล็กในจนมันกรีดร้องโหยหวน มันหวาดกลัวและพยายามจะหลบหนี หากแต่ทิศทางที่มันมุ่งไปมีคาร์นพุ่งเข้ามาใช้ขวานจามซ้ำอีกคำรบ…


หลังจากอลอนบรรลุขั้นที่หก พลังของคบเพลิงต้องสาปก้ถูกดึงออกมาใช้ได้มากกว่าเดิม เขาที่พุ่งตามหลังคาร์นมาจึงซ้ำเข้าไปอีกดาบ


เซียวอวี๋ที่เดิมยืนกระชับขวานเตรียมออกลุยพลันตะโกนขึ้นว่า


“เตรียมถอยออกมา เมื่อเจ้านี่ตายลงก็จะปลดปล่อยหมอกพิษออกมาด้วย ระวังอย่าถูกเข้าล่ะ”


แม้ว่าหมอกพิษนี้อาจจะไม่ส่งผลต่อพวกเขาในยามนี้นัก แต่ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า


ได้ยินเสียงเตือนของเซียวอวี๋ พวกที่ต่อสู้ระยะประชิดต่างก็ถอยออกมา นากาที่คอยท่าอยู่ก่อนแล้วจึงลงมือปิดฉาก ลูกธนูของนากาพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะปักใส่แมลงเหล็กในจนร่างของมันถูกตรึงไว้กับพื้น


“ท่านย่ามันเถอะ นากาบรรลุขั้นที่หกแล้ว!” เซียวอวี๋ตื่นเต้นยินดี เขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะเรียบง่ายถึงเพียงนี้


หลังแมลงเหล็กในตาย หมอกพิษสีเขียวก็ค่อยๆลอยออกมาจากศพของมัน หากสัมผัสถูกพิษนี้แล้วล่ะก็ผลลัพธ์คงยากจะเอ่ย


“จัดการตัวนั้นต่อเลย!” เซียวอวี๋ออกคำสั่ง เป้าหมายคือแมลงที่กำลังต่อสู้อยู่กับคาสโซ่ อาศัยคาสโซ่เพียงคนเดียวย่อมยากจะจัดการอีกฝ่าย ส่วนสถานการณ์ทางด้านของอ้าวปานั้นกลับผ่อนคลายยิ่ง อ้าวปาตวัดดาบอย่างเรียบง่ายไม่กี่ดาบก็กดดันแมลงตัวนั้นต้องถอยแล้วถอยอีก แม้เซียวอวี๋ไม่เข้าไปช่วย แต่แมลงตัวนั้นคงยากจะมีชีวิตรอดแล้ว


ราชครูแห่งเมฆานับว่าแข็งแกร่งจนน่ากลัวจริงๆ


ภายใต้การสั่งการของเซียวอวี๋ แมลงคู่ต่อสู้ของคาสโซ่ก็ถูกรุมจนสิ้นสภาพ


แมลงตัวนี้เป็นแมลงนางพญา กระนั้นมันกลับได้แสดงฝีมือได้เพียงไม่กี่ท่าก็ถูกรุมสับสังหารอย่างโหดร้าย


หลังแมลงนางพญาตายลงก็มีแมลงตัวเล็กๆวิ่งออกมาจากร่างกายของมัน ทว่าแมลงพวกนั้นเมื่อออกมาต่างก็รีบแยกย้ายกันหลบหนีอย่างหวาดกลัวทันที


ตอนนี้เหลือเพียงแมลงทางฝั่งของอ้าวปาแล้ว ทุกคนต่างพุ่งเข้าใส่แมลงผู้โชคร้ายทันที


แมลงสีสันประหลาดสามตัวนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถูกกำจัดไป ทุกอย่างช่างเรียบง่าย ยามต่อสู้กับออสซิเดี้ยนไร้ต้านยังลำบากกว่า


นับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ คนของนิโคลัสยังไม่ได้ลงมือเลย พวกเขาทำได้เพียงยืนดูอยู่ด้านข้าง


“เหอเหอ น่าเสียดายซะจริง เดิมข้าคิดจะใช้ขุมกำลังของเจ้าเสียหน่อย ไม่คิดว่าแมลงพวกนี้จะอ่อนแอยิ่ง” เซียวอวี๋ยิ้มกล่าวกับนิโคลัส


“เหอะ เจ้าแค่กลัวว่าข้าจะแย่งชิงของจากศพพวกมัน” นิโคลัสแค่นเสียง


“โอ้ นิโคลัสสหายข้าช่างแสนรู้จริงๆ” เซียวอวี๋ยิ้มกว้าง


“เอาล่ะ ข้างหน้ายังมีอีกหลายที่ แมลงทั่วไปย่อมไม่เป็นปัญหา ถือเสียว่าไปกวาดทรัพย์ก็แล้วกัน” เซียวอวี๋ยกขวานขึ้นพาดบ่ามีท่าทางคล้ายขุนโจรผู้หนึ่งกำลังจะนำสมุนออกปล้นชิง


ด้วยเหตุนี้กองกำลังของพวกเขาจึงเดินหน้ากวาดสมบัติอย่างต่อเนื่อง


ยามเมื่อพบคนกลุ่มอื่น เขาก็จะขี่มังกรน้อยขึ้นหน้าก่อนจะ ‘เจรจา’ อย่างสุภาพกับอีกฝ่ายด้วยการท้าอีกฝ่ายสู้กับมังกรน้อย


คนเหล่านี้ย่อมเดือดดาล แต่ภายใต้กฏผู้ใดกำปั้นใหญ่กว่าผู้นั้นได้ครอบครองแล้ว พวกเขาก็ได้แต่นิ่งเงียบก่อนจะจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


เซียวอวี๋นำกองทัพวิ่งไปทั่ว เมื่อพบเจอศัตรูที่แข็งแกร่งหน่อย เขาก็โบกมือให้ลูกน้องรุมโจมตีก่อนจะเดินหน้าหาสมบัติต่อไป


หากกำจัดคฑูนและจับมันแยกส่วนได้แล้ว เขาก็จะได้กลับไปช่วยโถวปาหงเสียที


พวกเซียวอวี๋เดินทางได้พักใหญ่ จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางเบื้องหน้า เป็นเสียงตะโกนของคน “หนี! หนีเร็ว เจ้านี่แข็งแกร่งเกินไป อ๊ากก……”

 

 

 


ตอนที่ 570

 

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“เกิดอะไรขึ้น?” เซียวอวี๋เอ่ยถามพวกที่วิ่งหนีมาจากทางด้านหน้า


“มีมนุษย์แมลงสองตัวกำลังเข่นฆ่าพวกเรา! ไม่มีผู้ใดต่อต้านได้เลย” หนึ่งในคนที่วิ่งหนีมาตะโกนตอบ


“บัดซบ เป็นจักรพรรดิคู่” เซียวอวี๋โพล่งออกมา


ศัตรูครานี้นับว่าไม่ง่ายเลย


“ไปกันเถอะ” คิดถึงศัตรูที่เบื้องหน้าแล้ว เซียวอวี๋ก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา จักรพรรดิคู่นับเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งแห่งโลกวอคราฟ


เซียวอวี๋นำทั้งหมดค่อยๆเดินตรงไป


หลายคนที่เดิมทีกำลังหลบหนี เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่คือพวกเซียวอวี๋ก็พลันเปลี่ยนใจติดตามอยู่ด้านหลัง


ขุมกำลังของเซียวอวี๋นับว่าเข้มแข็งที่สุดในนี้ อีกทั้งยังมีจ้าวมนตราทั้งสามอยู่ในขบวน พวกเขาทราบว่าพวกเซียวอวี๋เตรียมจะปะทะแตกหักแล้ว


เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็เลือกที่จะติดตามไปชมดูความสนุกสนาน แม้จะไม่ได้รับผลประโยชน์ใด กระนั้นพวกเขาก็ยังได้เปิดหูเปิดตา ทั้งยังมีเรื่องราวกลับไปเล่าในวงเหล้า


เมื่อเซียวอวี๋มาถึงห้องโถงที่จักรพรรดิคู่เฝ้ารักษา พวกเขาก็พบว่าที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายกำลังโอบล้อมห้องโถงเอาไว้อยู่


ในกลุ่มคนเหล่านี้ก็มีลีโอนาโดและร็อบอยู่ด้วย พวกเขากำลังเฝ้าดูอยุ่ด้านข้าง หากไม่ยอมลงมือ จักรพรรดิคู่แข็งแกร่งยิ่ง พวกมันเข่นฆ่าจนกองกำลังมนุษย์ล้มตายดุจใบไม้ร่วง


เมื่อเซียวอวี๋ได้เห็นจักรพรรดิคู่ เขาก็เงียบไป จักรพรรดิคู่ในตอนนี้นับว่าแตกต่างจากครั้งอดีตมาก จักรพรรดิคู่ในตอนนี้มีร่างกายใหญ่โต ตัวหนึ่งถือดาบตัวหนึ่งถือคทา ร่างกายล้วนเป็นสีทองทั้งร่างราวกับเทพเกราะทองเฝ้าทวารบาล


ดาบในมือของมันใหญ่เสียจนราวกับสามารถสับมังกรน้อยได้ในดาบเดียว


แต่แน่นอนว่าเป็นมังกรน้อยตัวก่อน เวลานี้มังกรน้อยได้พัฒนาไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง


ความแข็งแกร่งของมังกรน้อยได้บรรุลถึงขีดขั้นใหม่ แม้ว่าอาจจะเอาชนะพวกมันไม่ได้ แต่พวกมันเองก็จัดการมังกรน้อยไม่ได้เช่นกัน


การเติบโตของมังกรน้อยนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ขุมกำลังของเซียวอวี๋เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หากไม่มีการพัฒนาของมังกรน้อย ต่อให้ฮีโร่คนอื่นๆบรรลุขอบเขตขั้นที่หกกันหมด นั่นก็ยังไม่ให้ผลเท่ากับมังกรน้อยพัฒนาขึ้นเพียงตัวเดียว


มังกรน้อยนับว่าแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆอย่างสุดขั้ว


“จะจัดการเจ้าสองตัวนั่นได้อย่างไร?” นิโคลัสมองดูจักรพรรดิคู่ ในใจของเขาทราบว่าอีกฝ่ายนั้นยากจะจัดการ


เซียวอวี๋พึมพำอย่างไร้หนทาง “ปะทะตรงๆ แต่อย่างไรเสียพวกมันก็มีเพียงสอง พวกเราได้เปรียบด้านจำนวน”


นิโคลัสกลอกตา สำหรับศึกอันโหดหิน เลี่ยงได้ก็ดี เลี่ยงไม่ได้ก็มีแต่ต้องลุยเข้าไปตรงๆ


“ทุกคนฟังให้ดี! ตอนนี้พวกเราต้องช่วยกันจัดการเจ้าสองตัวนั้น ใครที่ร่วมมือกับพวกข้าก็สามารถแบ่งผลประโยชน์ไป หากไม่ช่วยก็เพียงดูอยู่ด้านข้าง อย่าได้เข้ามาวุ่นวาย มิเ่ชนนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคาย แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนว่า ในกลุ่มของข้ามีจ้าวมนตราผู้ยิ่งใหญ่สามท่านสถิตย์อยู่ ทั้งสามคือ ท่านธีโอดอร์ ท่านชัคคุน และท่านเฟอร์กูสัน หากว่าพวกเจ้าสร้างปัญหา ผู้อาวุโสทั้งสามคงไม่พอใจอย่างมาก แล้วจะเกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ? ผลที่ออกมาคงเลวร้ายเกินดูชม!”


เซียวอวี๋ตะโกนไปทางฝูงชนที่ปิดล้อมที่นี่อยู่ ขณะที่สั่งให้กองทัพของเขาเตรียมตัว


ได้ยินวาจาของเซียวอวี๋ ฝูงชนก็หันไปแลกเปลี่ยนสายตากัน ครั้งนี้อาจเป็นได้ทั้งโอกาสร่ำรวยหรือหายนะของพวกเขา แต่หากตกตายที่นี่ก็ไม่คุ้มแล้ว ไม่สู้ไปหาเล็กหาน้อยเอาข้างหน้า


“ข้าขอร่วมด้วย!”


“ข้าด้วย!”


มีบางคนรีบตะโกนขอเข้าร่วม ขระที่หลายคนกำลังต่อสู้กับความขัดแย้งในใจ


เซียวอวี๋กวาดมองกลุ่มคนที่ขอเข้าร่วมด้วยก่อนจะพยักหน้า “ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะตายหรือรอด ข้าก็จะจ่ายส่วนให้พวกเจ้าหรือครอบครัวของพวกเจ้า หากข้าผิดคำพูด พวกเจ้าสามารถไปก่นด่าข้าที่ดินแดนไลอ้อนได้เลย!”


เซียวอวี๋กล่าวมอบหลักประกันแก่ผู้เข้าร่วม ให้พวกเขาได้ต่อสู้โดยปราศจากความกังวล


เมื่อเซียวอวี๋กล่าวเช่นนี้ก็มีผู้คนเข้าร่วมมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าสองตระกูลใหญ่อย่างลีโอนาโดและร็อบย่อมไม่ยอมอยู่ใต้คำสั่งของเซียวอวี๋


พวกเขาเกลียดชังเซียวอวี๋เข้ากระดูกดำ ย่อมไม่ให้ความร่วมมือ


แน่นอนว่าเซียวอวี๋ย่อมทราบความคิดของพวกเขา ดังนั้นจึงหันไปกล่าวกับธีโอดอร์ที่อยู่ด้านข้างอยู่หลายคำ


ธีโอดอร์พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นกวาดมองโดยรอบ “ทุกคน ขอบคุณสำหรับการมีส่วนร่วมปกป้องทวีปแห่งนี้ พวกเราฟันฝ่าเข่นฆ่าพวกแมลงจนมาถึงที่นี่ สำหรับเจ้าสองตัวข้างหน้า ผู้ที่มีส่วนร่วมจึงจะสามารถร่วมแบ่งปันผลประโยชน์ หากผู้ใดคัดค้านไม่เข้าร่วมแล้วยังสร้างปัญหา ถึงตอนนั้นก็ยังได้ตำหนิเราสามผู้เฒ่าลงมือโหดเหี้ยม พวกข้าจะให้คนเหล่านั้นสำนึกเสียใจไปชั่วชีวิต”


คำกล่าวนี้เห็นได้ชัดว่ามุ่งเน้นไปที่ลีโอนาโดและร็อบ ได้ยินวาจาของธีโอดอร์ แววตาของลีโอนาโดและร็อบก็ปรากฏความโกระแค้นขึ้นวูบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่กล้าเป็นศัตรูกับสามจ้าวมนตราพร้อมกัน


พลังอำนาจที่อาวุโสทั้งสามสำแดงใส่พวกเซิกก่อนหน้าได้ประทับแน่นในใจของคนทั้งหมด พวกเขาทราบดี หากว่าไปตอแยกับจ้าวมนตราทั้งสามแล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงวันพรุ่ง


“เอาล่ะ เช่นนั้นก็มาเริ่มกันเถอะ ให้ข้าบอกวิธีจัดการกับพวกมันก่อน ข้อแรก ห้ามให้พวกมันได้อยู่ใกล้กัน เพราะเมื่อพวกมันทั้งสองอยู่ใกล้กันแล้วล่ะก็ พวกมันจะสามารถฟื้นฟูพลังให้กันและกันได้ ข้อที่สอง พวกมันตัวหนึ่งมีความสามารถต้านทานเวทมตร์ ขณะที่อีกตัวต้านทานกายภาพ และผ่านไประยะหนึ่งความสามารถของพวกมันจะสลับกัน ข้าขอย้ำว่าศึกนี้มีพวกเจ้ามีแต่ต้องลุยเข้าไป ที่เหลือข้าจัดการเอง เข้าใจแล้วหรือไม่?”


เซียวอวี๋อธิบายความสามารถของจักรพรรดิคู่เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียให้ได้มากที่สุด หากไม่ทราบแม้กระทั่งความสามารถของศัตรู เช่นนั้นยามต่อสู้กันขึ้นมาคงเลวร้ายยิ่ง


ได้ยินคำกล่าวของเซียวอวี๋ ทุกคนก็ตะโกนขานรับ พวกเขาวางใจให้เซียวอวี๋บัญชาการ อย่างน้อยผู้บัญชาการคนอื่นๆก็ไม่ทราบความสามารถจักรพรรดิคู่เช่นเขา


“เอาล่ะ ทุกคนมาตรงนี้ ข้าจะแบ่งหน้าที่ให้” เซียวอวี๋เรียกกลุ่มคนที่เข้าร่วมมาใกล้ๆก่อนจะเริ่มจัดสรรหน้าที่


แน่นอนว่าพวกร็อบและลีโอนาโดย่อมไม่มา


อันที่จริง การจัดการจักรพรรดิคู่นั้นไม่ได้ยากเย็นดังที่ทุกคนคิด เพียงแบ่งสรรหน้าที่กันให้ดีก็พอแล้ว


เวลานี้ในมือของเซียวอวี๋มีกำลังคนเพิ่มขึ้นมาก นั่นยังไม่รวมยอดฝีมือของนิโคลัสและกลุ่มอื่นๆ ยังไม่เอ่ยถึงว่าในห้วงเวลาสำคัญ สามจ้าวมนตรายังปลดปล่อยเวทช่วยได้


หลังแบ่งสรรหน้าที่กันเสร็จเรียบร้อย เซียวอวี๋ก็รีบนำคนมุ่งหน้าเข้าหาจักรพรรดิคู่ไม่ให้เสียเวลา มังกรน้อยบินไปรวมกับเหล่าฮีโร่ มังกรน้อยมีความต้านทานเวทมนตร์สูง จักรพรรดิย่อมทำอะไรมันไม่ได้มาก ส่วนทางด้านจักรพรรดิดาบ อ้าวปาและนักรบระดับสูงคนอื่นๆรับไปจัดการ


“พวกเจ้ากล้าบุกรุกวิหารอัลคีราฟ พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เมื่อเห็นพวกเซียวอวี๋กรูกันเข้ามา จักรพรรดิคู่ก็คำรามอย่างเดือดดาล


‘มารดามันเถอะ ประโยคเดิมตลอด พวกมันไม่รู้จักพูดประโยคอื่นบ้างเลยหรือ’ เซียวอวี๋ฟังประโยคนี้จนเบื่อ


คิดว่ากล่าวประโยคนี้แล้วจะดูน่าเกรงขาม? กล่าวแล้วผู้อื่นจะหวาดกลัวแล้วหลบหนีไปหรือ?


เคร้งงงง


เมื่อทอนฟาของมังกรน้อยถูกฟาดออก การศึกก็ปะทุขึ้น


ทุกอย่างแตกต่างจากที่เซียวอวี๋คิด เขาพบว่ากองกำลังของเขากำลังบุกโจมตีอย่างดดุดันจนจักรพรรดิคู่ต้องคำรามอย่างเจ็บปวด พวกมันได้แต่ตั้งรับอยู่ฝ่ายเดียว


“ท่านย่ามันเถอะ ทำไมคนเหล่านี้แข็งแกร่งขนาดนี้ ต่อสู้กับบอสแข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิคู่กลับกดดันจนพวกมันแทบไร้หนทางตอบโต้”


เซียวอวี๋เลียริมฝีปากขณะมองดูสนามรบทั้งสองแห่ง ความกดดันก่อนหน้าพลันสลายหายไปจนสิ้น เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นานก็กำจัดจักรพรรดิคู่ลงได้แล้ว


“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไฉนพวกมันจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้? ข้าคิดว่าพวกมันจะโหดกว่านี้ซะอีก” เซียวอวี๋พึมพำขณะมองดูจักรพรรดิคู่ที่มีสภาพย่ำแย่ลงเรื่อยๆจนแทบไม่เหลือมาดบอสจักรพรรดิคู่สุดโหดจากในเกม


‘ตอนนั้นเอาชนะพวกมันได้โดยบังเอิญ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกล้มเหลว’ เซียวอวี๋รู้สึกหดหู่จนพูดไม่ออก

 

 

 


ตอนที่ 571

 

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“ผู้อาวุโสทั้งสาม พวกท่านอย่าได้ประมาทเด็ดขาด แม้ที่ผ่านมาจะฝ่ายศัตรูจะดูเหมือนอ่อนแอมาก แต่หลังประตูบานนี้ไปจึงจะเป็นของจริง” เซียวอวี๋กล่าวกับสามจ้าวมนตรา


จ้าวมนตราทั้งสามพยักหน้า แม้ว่าบอสสองตัวด้านหน้าจะอ่อนแอกว่าที่คาด แต่ตัวที่อยู่ด้านหลังบานประตูไปคงไม่อ่อนแอเช่นนี้อีก


แม้จักรพรรดิคู่จะพยายามตีฝ่าวงล้อมอยู่หลายครั้ง แต่พวกมันก็ถูกบีบกลับเข้าวงอย่างรวดเร็ว ยังมีสามจ้าวมนตราที่ใช้เวทหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมัน ดังนั้นการจะตีฝ่าวงล้อมไปจึงยากเย็นดุจปีนป่ายขึ้นสวรรค์


สามจ้าวมนตราหลังจากใช้เวทไปสองสามบทก็พลันมีสีหน้ายินดี


“ข้ารู้สึกว่าข้าเข้าใกล้ไปอีกก้าวแล้ว” เฟอร์กูสันกล่าวอย่างตื่นเต้น


“ใช่ ข้าก็ด้วย เหมือนว่าหลังจบเรื่องที่นี่ บางทีข้าอาจจะบรรลุขอบเขตขั้นที่เจ็ด!”


“ขอบเขตขั้นที่เจ็ด….ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้”


มือของทั้งสามสั่นด้วยความตื่นเต้น ใช้เวทไปไม่กี่บทก็เห็นความเปลี่ยนแปลงแล้ว แม้ภายนอกจะดูไม่มีอะไรต่างจากของเดิม หากแต่ภายในแทบจะไม่หลงเหลือเค้าเดิมแล้ว ทั้งอานุภาพของเวทยังรุนแรงขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว


เวทบทเดิม แต่พลังเพิ่มขึ้น นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความก้าวหน้า!


ตู้มมมมมม


เมื่อสามจ้าวมนตราลงมือ จักรพรรดิเวทที่ต้านทานกายภาพก็จบสิ้น


หากพวกมันตัวใดตัวหนึ่งถูกเล่นงาน อีกตัวก็สามารถรักษาให้กันได้จนแทบจะไร้เทียมทาน


ทว่าตอนนี้พวกมันตายไปตัวหนึ่ง ตัวที่เหลือก็ง่ายแล้ว ฝ่ายเซียวอวี๋ใช้เวลาไม่นานก็ส่งจักรพรรดิดาบตามพี่น้องของมันไป


เมื่อจักรรพรรดิล้มคว่ำลง เสียงตะโกนด้วยความยินดีก็ดังขึ้นทั่วบริเวณ


“ท่านย่ามัน ง่ายดายราวกับมาพร้อมปาร์ตี้เลเวลแปดสิบ นี่มันผู้ใหญ่รังแกเด็กชัดๆ โดยเฉพาะกับตาแก่สามคนนั่น น่าจะราวเลเวลเก้าสิบได้ ปรมาจารย์อ้าวปาก็ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียง ทว่าคฑูนคงไม่ง่ายเช่นนี้แน่”


เซียวอวี๋ไม่คิดว่าการจัดการบอสทั้งสองตัวจะราบรื่นเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงจริงๆ


ดาบและคทาเวทที่ไร้เจ้าของร่วงตกลงพื้นก่อนที่ขนาดของมันจะค่อยๆหดเล็กลง


เจ้าของเดิมของพวกมันมีร่างกายใหญ่โต ดังนั้นทั้งดาบและคทาเวทจึงมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย แต่เมื่อเจ้าของทั้งสองตกตาย อาวุธวิเศษทั้งสองก็ปรับขนาดให้เข้ากับผู้ที่สังหารนายเก่าของพวกมันได้


เซียวอวี๋เดินเข้าไปหยิบดาบขึ้นส่องดู จิตพยาบาทของคาริมดอร์ คือชื่อของดาบเล่มนี้ แน่นอนว่าดาบเล่มนี้เป็นดาบสองมือชั้นยอดแห่งยุค มีดาบเล่มนี้อยู่ย่อมเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ผู้ใช้ได้อย่างมหาศาล


“เอาล่ะ ถึงเวลาแบ่งของกันแล้ว ทุกคนเริ่มเสนอราคาได้!” เซียวอวี๋หันไปตะโกนบอกฝูงชน


หลังจากผ่านการต่อสู้เมื่อครู่ ทุกคนก็ได้รับทราบความร้ายกาจของดาบเล่มนี้ไปแล้ว พวกเขาต่างจับจ้องดาบในมือเซียวอวี๋แน่นิ่ง ไฟปรารถนาในใจพลันลุกโชน เหล่านักรบต่างก็หวังจะครอบครองดาบวิเศษเล่มนี้


หลายฝ่ายเริ่มเสนอราคากันทันที ไม่ช้าราคาก็สุงเทียมฟ้า แต่ทุกคนต่างก็ทราบว่าดาบเล่มนี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าในอนาคต ดังนั้นต่างฝ่ายต่างก็ทุ่มเงินออกมาอย่างไม่มีใครยอมใคร


เวลานั้นเอง ลีโอนาโดก็เสนอราคาขึ้นไปอีกช่วงใหญ่


เซียวอวี๋หันไปมองกลุ่มของลีโอนาโดก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ผู้ที่ไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ย่อมไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล”


“เจ้า!….” ลีโอนาโดเดือดดาล แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของจ้าวมนตราทั้งสามที่จ้องมองมา เขาก็เลือกที่จะเงียบเสียงลง


ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น เซียวอวี๋ได้ประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว เมื่อมีสามจ้าวมนตราทั้งสามเป็นพยาน เขาย่อมไม่กังวลว่าจะมีคนก่อความวุ่นวายขึ้น


“ตอนนี้สามสิบล้านเหรียญทองแล้ว ข้าขอเสนอราคาที่สี่สิบล้านเหรียญทอง!” เซียวอวี๋ตะโกนด้วยเสียงอันดัง


เมื่อได้ยินราคาประมูลของเซียวอวี๋ บ้างก็หันไปมองหน้ากัน บ้างก็เงียบเสียงลง พวกเขาต่างทราบดีว่าที่นี่เซียวอวี๋ถือเป็นเศรษฐีใหญ่ ไม่ว่าผู้ใดก็เทียบความร่ำรวยกับเขาตอนนี้ได้


แต่อย่างไรเสีย รับเงินจำนวนมากก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี เป้าหมายของการผจญภัยไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งหรอกหรือ?


เซียวอวี๋ยิ้มพลางนำดาบจิตพยาบาทของคาริมดอร์เก็บเข้าแหวนมิติ ในที่สุดขวานพรากวิญญาณก็จะได้ปลดประจำการแล้ว เซียวอวี๋ตอนนี้อยู่ในขั้นที่หก ดาบสองมือเล่มนี้จึงเหมาะกับเขามาก


หลังจบการประมูลของดาบสองมือแล้ว คทาเวทก็เป็นของประมูลชิ้นที่สอง และคทาด้ามนี้เซียวอวี๋ก็คิดจะครอบครองให้ได้เช่นกัน ตอนนี้ภรรยาของเขาหลินมู่เสวี่ยก็อยู่ในขั้นที่หกแล้ว หากแต่ยังไม่มีคทาเวทดีๆไว้ใช้


เมื่อได้ยินว่าจะประมูลคทาเวท สามจ้าวมนตราก็พลันลุกขึ้นก่อนจะกล่าวพร้อมกันว่า “เซียวอวี๋ คทาด้ามนี้ พวกเราทั้งสามก็ต้องการประมูลเช่นกัน”


“เพ้ย! ผู้อาวุโสเช่นพวกท่านกลับคิดลงมาปล้นชิงกับพวกเราเหล่าผู้เยาว์หรือ?” เซียวอวี๋โวยวาย หากสามคนลงมาประมูล เช่นนั้นแล้วใครยังจะกล้าเสนอราคาแย่งกับพวกเขาอีกเล่า?


“ไร้สาระ เจ้าคิดว่าของสิ่งนี้คืออะไร? คทาดีๆเช่นนี้แม้แต่พวกเราก็ยากจะครอบครอง อีกทั้งเวลานี้พวกเรายังใกล้จะตัดผ่านขอบเขตขั้นที่เจ็ด คทาเวทด้ามนี้จึงเหมาะกับพวกเรายิ่ง”


ธีโอดอร์กล่าวเสียงเรียบ


สิ่งที่ธีโอดอร์กล่าวนั้นเป็นความจริง แม้ว่าด้วยฐานะของพวกเขาจะไม่ขาดแคลนสิ่งของดีๆ ทว่าสถานที่เช่นวิหารอัลคีราฟนี้ไม่ใช่ว่าจะพบเจอง่ายๆ บางทีนี่อาจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ได้พบสถานที่และของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ แล้วมีหรือที่พวกเขาจะอดใจไหว?


“ให้ตายเถอะ พวกท่านทั้งสามกลับไม่เห็นค่าพวกเราเหล่ารุ่นเยาว์เลย ในยุคของพวกเรารุ่นเยาว์ พวกท่านเหล่าผู้อาวุโสกลับลงมาแย่งชิงกับพวกเรา นอกจากนั้น หากพวกท่านได้มันไปครอบครอง พวกท่านจะไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ? ภรรยาของข้า ศิษย์ของพวกท่านมู่เสวี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าตั้งใจจะมอบมันให้กับนาง แต่พวกท่านกลับไร้ยางอายลงมือแย่งชิงสิ่งของจากศิษย์ของพวกท่านไปหรือ? อีกทั้งตอนนี้มู่เสวี่ยยังได้รับสืบทอดมรดกจากท่านเอกวินน์ นางเปรียบได้กับอาจารย์ของพวกท่าน นี่หมายความพวกท่านกล้ากระทั่งแย่งชิงของของอาจารย์เลยนะ….”


เซียวอวี๋พูดน้ำไหลไฟดับจนจ้าวมนตราทั้งสามนิ่งอึ้งไป


จ้าวมนตราทั้งสามนิ่งอึ้ง ฝูงชนก็นิ่งอึ้ง นี่มันวาจาผีสางอันใด? กระทั่งกับจ้าวมนตราก็กล้ากล่าวเช่นนี้หรือ? หรือเจ้าไม่รู้ว่าทั้งสามมีฐานะใดในทวีป? ทั้งสามเปรียบได้กับเทพเจ้าเลยนะ! แต่เจ้าหนูนี่กลับกล้าจาบจ้วงเทพเจ้า….


“เจ้า!….เฮ้อ เอาเถอะ พวกเราไม่แย่งชิงกับเจ้าแล้ว….” ธีโอดอร์ทนรับฟังคำตำหนิจากเซียวอวี๋ไม่ไหวแล้ว แต่ที่เซียวอวี๋กล่าวมาก็ถูก พวกเขาสมควรแย่งชิงสิ่งของจากศิษย์หรือ?


หลินมู่เสวี่ยที่รับสืบทอดพลังของเอกวินน์มาก็เปรียบได้กับร่างจุติใหม่ของเอกวินน์ พวกเขาย่อมไม่อาจแย่งชิงกับนาง


ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงได้ปิดปากเงียบอย่างปวดใจ


เซียวอวี๋ที่หน้านิ่วคิ้วขมวดพลันฉีกยิ้มก่อนจะกล่าวว่า “ข้าทราบอยุ่แล้วว่าผู้อาวุโสทั้งสามย่อมไม่ลงมาแย่งชิงสิ่งของกับผู้เยาว์ เอาล่ะ ข้าขอบอกต่อทุกคนว่า ผู้อาวุโสทั้งสามได้ยกคทาด้ามนี้ให้ข้าแล้ว! พวกเรามีผู้ใดมีความเห็นหรือไม่? พวกเจ้ายังต้องการอีกหรือไม่? ข้ายังมีเงินเหลืออีกสี่สิบล้านเหรียญทอง ดังนั้นข้าเสนอราคาเดียวกับดาบเมื่อครู่”


ได้ยินวาจาของเซียวอวี๋ ทุกคนก็หันไปมองหน้ากัน พิจารณาขุมกำลังของเซียวอวี๋แล้ว พวกเขาก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่เอ่ยวาจา กระทั่งแม้ว่าเซียวอวี๋จะเก็บคทาเข้ากระเป๋าไปโดยไม่บอกพวกเขา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี


ตอนนี้ เซียวอวี๋มีขุมกำลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร เขาเองยังอยู่ในขั้นที่หกและมีสามจ้าวมนตราคอยหนุนหลัง เช่นนี้แล้วยังจะมีผู้ใดกล้ามีความเห็นคัดค้านได้อีก?


ด้วยเหตุนี้ เซียวอวี๋จึงจ่ายอีกสี่สิบล้านเหรียญเพื่อซื้อคทา อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องแจกจ่ายเงิน เซียวอวี๋ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน เพราะอย่างไรน่ะหรือ? เพราะการกำจัดศัตรูครั้งนี้ พวกเซียวอวี๋ลงแรงมากที่สุด! กล่าวได้ว่าผลงานการสังหารกว่าครึ่งล้วนมาจากพวกเซียวอวี๋ และเมื่ออิงตามสัดส่วนนี้ เซียวอวี๋ย่อมได้เงินไปครึ่งหนึ่ง และสุดท้ายแล้ว เซียวจึงจ่ายออกไปเพียงยี่สิบล้านเหรียญทอง


ทุกคนต่างก็ไม่มีความเห็นอื่น อย่างไรเสียพวกเซียวอวี๋ก็มีผลงานมากที่สุดจริงๆ หากปราศจากพวกเซียวอวี๋ ไม่ทราบว่าจะมีผู้คนตกตายมากเพียงใดในศึกนี้ และบางทีพวกเขาอาจจะกำจัดจักรพรรดิคู่ไม่สำเร็จอีกด้วย


เซียวอวี๋ยิ้มอย่างเบิกบานก่อนจะเริ่มเปิดประมูลสิ่งของชิ้นอื่นๆ หลังจากแบ่งสรรเงินกันได้แล้ว เขาก็เดินไปหาหลินมู่เสวี่ยก่อนจะส่งคทาเวทให้นาง


หลินมู่เสวี่ยพลันหน้าแดง เซียวอวี๋กล่าวตำหนิผู้อาวุโสทั้งสามยกใหญ่เพื่อนำคทานี้มาให้นาง ในใจของนางย่อมสัมผัสได้ถึงความรักที่เซียวอวี๋มอบให้


หลังจากจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้น ทุกคนต่างก็พอใจในผลลัพธ์ เซียวอวี๋กระทำตามคำที่กล่าวไว้ ไม่ได้เอาเปรียบผู้คน


ทุกคนเริ่มค้นบริเวณนี้อีกครั้ง ในใจหวังจะพบสมบัติอีกสักชิ้น


หลังจากค้นไปถึงห้องด้านหลัง พวกเขาก็พบกองสมบัติ!


กลับกลายเป็นว่าพวกเซิกมีนิสัยชอบสะสม ครั้งนี้เซียวอวี๋ก็ก้าวออกมาประกาศต่อหน้าฝุงชนอีกครั้ง “แบ่งตามความแข็งแกร่ง!”


เซียวอวี๋เก็บไว้หนึ่งส่วนสาม อีกส่วนให้นิโคลัส ขณะที่ส่วนสุดท้ายให้นักผจญภัยไปแบ่งกันเอง


นิโคลัสกรอกตาเมื่อเห็นการแบ่งของเซียวอวี๋ แต่เขาก็บ่นอะไรไม่ได้ เพราะเซียวอวี๋มีสามจ้าวมนตราหนุนหลังอยู่


เซียวอวี๋เมินเสียงโอดครวญจากพวกนักผจญภัยอย่างสิ้นเชิง ขณะที่พวกลีโอนาโดและร็อบก็ไม่ได้อะไรอีกเช่นเคย พวกเขาทำได้ก่นด่าสาปแช่งเซียวอวี๋อยู่ในใจ


ตอนนี้พวกเขาแตะต้องเซียวอวี๋ไม่ได้ เป็นศัตรูกับเซียวอวี๋ตอนนี้ก็เท่ากับเป็นศัตรูของสามจ้าวมนตรา


กระนั้นพวกนักผจญภัยก็ยังพอใจที่ได้ส่วนแบ่ง หากเซียวอวี๋โหดเหี้ยมกว่านี้ พวกเขาคงไม่ได้อะไรเลย


หลังจากแบ่งของเสร็จสิ้น ทุกคนก็เดินทางต่อ เซียวอวี๋ชื่นชอบดาบเล่มใหม่มากจนเอาขึ้นมาพาดบ่าอวดสายตาผู้คนบ่อยครั้ง ท่าทีนี้ต่างทำให้ผู้คนรู้สึกไร้คำพูด


นี่มันไม่ต่างอะไรจากเด็กได้ของเล่นใหม่!


เซียวอวี๋ไม่สนใจท่าทีของผู้คน ยิ่งกว่านั้นยังจงใจยกดาบขึ้นลูบบ่อยขึ้น


หลังจากเดินทางอยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็เข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่ที่มีดวงตายักษ์อยู่กึ่งกลางถ้ำ!

 

 

 


ตอนที่ 572

 

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


WOW : ราชันย์ต่างภพ ตอนที่ 572

“มารดามันเถอะ! เป็นเทพโบราณที่หน้าตาอัปลักษณ์จริงๆ” เซียวอวี๋สบถขณะมองไปยังดวงตาขนาดใหญ่ที่เบื้องหน้า ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้เสียที

“เอาล่ะ พวกเรายังใช้กฏเดิม การแบ่งของจะแบ่งตามผลงาน!” เซียวอวี๋หันไปตะโกนบอกกลุ่มด้านหลัง

หลังจากเหตุการณ์จัดการจักรพรรดิคู่ ทุกคนก็ไม่มีความเห็นคัดค้านเรื่องที่เซียวอวี๋จะเป็นผู้นำในการต่อสู้อีก

สามจ้าวมนตรายืนอยู่ฝ่ายเซียวอวี๋ ตัวเซียวอวี๋เองยังมีทั้งความแข็งแกร่งและความยุติธรรมในการแบ่งของ ดังนั้นเซียวอวี๋จึงเหมาะในการเป็นผู้สั่งการมากที่สุด

โฮก……..

ขณะที่เซียวอวี๋กำลังกวาดมองการตอบสนองของทุกคนด้วยความพึงพอใจนั้นเอง เสียงคำรามอันทรงพลังก็ดังมาจากทิศทางที่ดวงตาของคฑูนอยู่

คลื่นพลังที่มองไม่เห็นแผ่พุ่งออกมาจนพื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น

นอกจากเสียงคำรามแล้วยังมีลำแสงทรงพลังพุ่งตามติดคลื่นพลังตรงเข้าใส่กลุ่มของเซียวอวี๋อย่างรวดเร็ว

“บัดซบ! หลบเร็ว!” เซียวอวี๋ตะโกนพลางพุ่งหลบไปด้านข้าง

กระนั้นหลายก็คนก็ตอบสนองได้ช้าเกินไป คนที่หลบไม่ทันต่างถูกลำแสงกลืนกินก่อนจะหายไปจนไม่เหลือแม้แต่ซาก

“มารดามันเถอะ เจ้าหาเรื่องเองนะ!” เซียวอวี๋พลันโมโหเมื่อเห็นกำลังฝ่ายตนตกตายไปมากมายในชั่วพริบตา

เทพโบราณตนนี้แข็งแกร่งเสียจริง

“ระวังอย่าโดนแสงนั่น! หากโดนเข้าไป ต่อให้เป็นขั้นที่เจ็ดก็ไม่รอด!” เซียวอวี๋ตะโกนเตือนเสียงดังก่อนจะเรียกดาบคาริมดอร์ออกมาพุ่งเข้าใส่ดวงตายักษ์

“ถึงตรงนี้ไม่มีอะไรให้ข้าอธิบายอีกแล้ว พวกเราเพียงต้องสู้! ระวังหนวดรอบๆร่างของมันด้วย นักรบคอยปกป้องนักธนู ให้ต่อสู้ตามสถานการณ์ ที่สำคัญคืออย่าถูกแสง!”

การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพร่ำอธิบายเรื่องราวของศัตรูอีก มีเพียงต้องสู้จึงจะรอด

ศัตรูครั้งนี้ไม่ง่ายแน่นอน ความแข็งแกร่งของเทพจากยุคโบราณไม่อาจประเมินโดยบรรทัดฐานของยุคปัจจุบัน ลำแสงที่มันปล่อยออกมาสามารถฆ่าทุกชีวิต โชคยังดีที่มันไม่อาจเคลื่อนที่ ไม่เช่นนั้นคงเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่

ก่อนที่ลำแสงทำลายล้างจะถูกปล่อยมาจะมีสัญญาณบอกล่วงหน้า ลำแสงนี้ทั้งเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงและเชื่องช้า หากสังเกตให้ดีก็สามารถหลบหลีกได้

ตูม…….

พร้อมกับเสียงตะโกนของเซียวอวี๋ เวทมนตร์ระลอกแรกจากสามจ้าวมนตราก็พุ่งเข้าหาดวงตาของคฑูนและเกิดการระเบิดราวกับดอกไม้ไฟ

หลังจากได้เห็นลำแสงทำลายล้างของคฑูน จ้าวมนตราทั้งสามก็รู้สึกถึงภัยคุกคามจนขนลุก หากประมาทเลินเล่อกระทั่งพวกเขาก็คงหายไปตลอดกาล

แม้จะได้ยินเสียงตะโกนของเซียวอวี๋ บางคนก็ยังนิ่งตะลึงอยู่กับที่ เป็นเพราะลำแสงทำลายล้างเขย่าขวัญผู้คนเกินไป โดนเข้าเพียงเล็กน้อยก็จะไม่หลงเหลือแม้เพียงซาก สิ่งนี้ได้ทำลายขวัญกำลังใจของพวกเขาจนแทบหมดสิ้น

พลังที่เหนือจินตนาการ เป็นพลังที่อยู่คนละชั้นกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง…..

“อย่าตื่นตระหนก! แม้เจ้านี่จะดูไร้เทียมทานแต่ที่จริงแล้วกลับไม่ได้น่ากลัวดังที่พวกเจ้าคิด ลำแสงของมันเคลื่อนที่ช้ายิ่ง ขอเพียงไม่ใช่หอยทากย่อมสามารถหลบได้!” เซียวอวี๋กล่าวสัพยอกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศอันตึงเครียด

ตึง ตึง ตึง….

ตอนนั้นเอง หนวดจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากพื้นก่อนจะรัดพันผู้คนที่ตอบสนองไม่ทันยกขึ้นกลางอากาศ

หนวดเหล่านี้ไม่ได้รวดเร็วนัก นักรบที่มีปฏิกริยาตอบสนองเร็วต่างก็หลบได้ทัน

“หนวดพวกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว เพียงใช้โล่กันและถอยออกมาก็ได้แล้ว!” เซียวอวี๋ตะโกนขึ้นอีกครั้ง

โฮกกกกกก….

คฑูนส่งเสียงคำรามก่อนที่ลาวาจากใต้ดินจะปะทุขึ้นมา

ครืน…….

ทั่วทั้งถ้ำเกิดการสั่นสะเทือนราวกับจะถล่มลงมา

ฟุ่บ ฟุ่บ….

หนวดที่อยู่รอบข้างคฑูนพลันพุ่งออกไปตบฟาดนักรบฝ่ายมนุษย์จนลอยขึ้นฟ้า

“รีบโจมตีอย่าให้มันเติบโต! ขอเพียงจัดการหนวดขนาดเล็กเหล่านั้นโดยเร็วพวกมันก็จะถูกกำจัดไป! ผู้ที่แข็งแกร่งจงโจมตีที่โคนของมัน มีแต่ทำลายโคนของมันเท่านั้นจึงจะกำจัดมันได้!” เซียวอวี๋ตะโกนก่อนจะพุ่งเข้าจัดการหนวดไปหลายเส้น

อันที่จริง ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้สามจ้าวมนตราก็ปลดปล่อยเวทไปแล้วหลายบท พยายามทำลายดวงตาขนาดยักษ์ที่อยู่กลางห้องโถง และความเสียหายส่วนใหญ่ก็มาจากพวกเขาเอง ขณะที่การโจมตีจากคนอื่นๆทำความเสียหายได้อย่างจำกัด

ความแข็งแกร่งของคฑูนมีมากเกินไป ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขั้นที่หกแทบจะทำอะไรมันไม่ได้เลย แต่โชคยังดีที่ฝ่ายมนุษย์ยังมีตัวตนขั้นที่หกอยู่หลายคน ซึ่งทุกคนต่างก็มีบทบาทสำคัญ

ครั้งนี้เซียวอวี๋ได้ขนฮีโร่มาแทบทั้งหมด เป็นเพราะเขาทราบว่าหากสังหารบอสใหญ่ของที่นี่ได้ ค่าประสบการณ์ที่บอสมอบให้ย่อมต้องมหาศาล ดังนั้น ขอเพียงสังหารมันได้พวกเขาย่อมต้องเลื่อนระดับกันถ้วนหน้า

และนั่นจะทำให้ทอร์ลและอูเธอร์เลื่อนระดับไปขั้นที่หก

ทอร์ลและอูเธอร์นับว่ามาถูกที่ถูกเวลามาก ผลจากบัฟของทั้งอูเธอร์และทอร์ลส่งผลต่อความสามารถโดยรวมของทั้งกองทัพ

ในเวลานี้อูเธอร์ไม่สนใจแล้วว่าเขากำลังมอบบัฟให้กับผู้ใด ขอเพียงคนผู้นั้นมีศักยาภาพในการต่อสู้ เขาล้วนมอบบัฟให้แบบจัดเต็ม ยอดฝีมือขั้นที่ห้าที่ได้รับบัฟจากเขาต่างก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว

วี๊ด….ฟุ่บ

จู่ๆแสงก็สว่างวาบขึ้นก่อนคนที่อยู่ในเส้นทางผ่านของแสงจะกลายเป็นกองขี้เถ้าในพริบตา

“บัดซบ! แสงจากหางตา ให้ทุกคนถอยห่างจากคนที่ถูกลำแสงนี้เล็งทันที! ยิ่งลำแสงพุ่งไปไกลเท่าใดพลังทำลายก็ยิ่งมากขึ้น” เซียวอวี๋รีบตะโกนเตือน

ได้ยินเสียงเตือนจากเซียวอวี๋ ทุกคนก็สังเกตตาม แม้กระนั้นในใจของทุกคนก็ยังหวาดกลัวลำแสงและรู้สึกว่ามันยากจะหลบได้อยู่ดี บางคนกระทั่งขาสั่นจนขยับกายไม่ได้

“เหล่าดรูอิดฟังคำสั่งข้า หากใครถูกดวงตาจับจ้องก็ให้ใช้พายุพัดคนผู้นั้นมาทางข้า” เมื่อเห็นคนส่วนใหญ่ไม่อาจปรับตัวรับมือกับลำแสงจากดวงตาได้ เซียวอวี๋ก็ทำได้เพียงหาวิธีอื่น

“คนที่ถูกดวงตาจับจ้องอย่าได้วิ่งใส่คนอื่น และเมื่อถูกพายุพัดก็อย่าได้ต่อต้านขัดขืน มิเช่นนั้นจะเป็นการฆ่าคนอื่นๆ และเจ้าก็จะไม่ได้ส่วนแบ่งใดๆ!” เซียวอวี๋หยิบยกหลักการการแบ่งของขึ้นมา หากผู้ใดสร้างข้อผิดพลาดจนนำไปสู่หายนะของกลุ่มจะไม่ได้รับส่วนแบ่งใดๆ

คำกล่าวของเซียวอวี๋ทำให้ทุกคนรีบให้ความร่วมมือ แม้จะหวาดกลัว กระนั้นผู้ที่ตกเป็นเป้าของดวงตาก็ยอมให้พวกดรูอิดพัดร่างอย่างเชื่อฟัง

“ทุกคน! ขอเพียงฆ่าเจ้านี่ได้พวกเราก็จะร่ำรวยกันแล้ว! และเมื่อกลับไปถึงดินแดนไลอ้อน ข้าจะจัดงานเลี้ยงให้พวกเจ้าอย่างยิ่งใหญ่!” เซียวอวี๋ออกคำสั่งพลางกระตุ้นขวัญกำลังใจของพวกนักรบ

เขารู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนมาที่นี่เพราะผลประโยชน์ หากบอกให้พวกเขาไปปกป้องทวีป พวกเขาคงนิ่งเฉย แต่หากสัญญาญว่าพวกเขาจะได้ผลประโยชน์ เช่นนั้นพวกเขาย่อมยินดีกระทำ

และมันก็ได้ผล เมื่อฟังว่าเซียวอวี๋จะให้ผลประโยชน์มากมาย พวกนักรบเหล่านั้นก็พลันกระตือรือร้นและโห่ร้องอย่างยินดี พวกเขาต่างพุ่งเข้าใส่หนวดเล็กๆและสับพวกมันเป็นชิ้นๆ….

 

 

 


ตอนที่ 573

 

ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“ระวัง! เป็นแสงทำลายล้างอีกแล้ว ทำตามที่ข้าบอก ลำแสงนี้ช้ายิ่งกว่าช้า ขอเพียงพวกเจ้าไม่ใช่หอยทาก มันย่อมไม่โดนเจ้า แล้วก็อย่าวิ่งไปทั่ว” เซียวอวี๋จ้องดวงตายักษ์ที่กำลังจะยิงแสงออกมาพลางตะโกน


ครืน…..


เวลานี้เอง ลำแสงทำลายล้างก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หากแต่คราวนี้ปรากฏในรูปแบบตัววี (/)


“บัดซบ! เปลี่ยนรูปแบบแล้ว คราวนี้เป็นสองสาย แต่อย่าตระหนก เพียงเพิ่มมาอีกสายเท่านั้น มันยังช้าเช่นเดิม” กล่าวจบลำแสงก็พุ่งเฉียดเซียวอวี๋ไป


“ผู้อาวุโสทั้งสาม หากไม่มีเวลาหลบก็ใช้เทเลพอตได้เลย ลำแสงพวกนี้ไม่มีผลกับเวทมิติ” เซียวอวี๋หันไปเตือนกลุ่มของจ้าวมนตรา


ทั้งสามผงกศีรษะเป็นเชิงรับรู้ขณะหลบหลีกลำแสงที่พุ่งเข้าใกล้ ขณะเดียวกันก็ยังไม่หยุดร่ายเวทโจมตีใส่คฑูน


“ธีโอดอร์ คงต้องใช้สิ่งนั้นแล้ว หากยังไม่ใช้สิ่งนั้นก็ยากจะทำอะไรเจ้านี่ได้” เฟอร์กูสันหันไปกล่าวกับธีโอดอร์


ธีโอดอร์พยักหน้าตอบ “ตกลง ขณะสู้กับพวกเรา มันก็ฟื้นฟูตัวเองไปด้วย เกรงว่าคงมีแต่เวทต้องห้ามที่จะจัดการมันได้”


“ผู้ใดจะลงมือก่อน?” ชัคคุนที่ฟังทั้งสองอยู่ก็กล่าวถาม อย่างไรก็ตาม การใช้เวทต้องห้ามเป็นเรื่องสำคัญ ลำดับการใช้ก็เช่นกัน


“ในพวกเราทั้งสามข้าอายุมากที่สุด ข้าเองก็แล้วกัน อย่างไรเสียข้าก็คงอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก เหอเหอ…” ธีโอดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่สายตาจ้องมองลำแสงทำลายล้างที่หมดฤทธิ์และจางหายไป เขายืดหลังตรงก่อนจะนำม้วนคัมภีร์ออกมาท่องคาถา


“ทั้งหมดปกป้องท่านธีโอดอร์ ถ่วงเวลาเอาไว้!” เซียวอวี๋รีบตะโกนสั่งการ


ในตอนนี้เอง คฑูนก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากม้วนคัมภีร์ในมือของธีโอดอร์ มันรีบส่งหนวดจำนวนมากพุ่งเข้าโจมตีเพื่อขัดขวางทันที


อย่างไรก็ตาม เซียวอวี๋ มังกรน้อย กรอมและเหล่ายอดฝีมือขั้นที่หกรวมถึงอ้าวปาก็พุ่งเข้ารับมือกลุ่มหนวดที่โจมตีเข้ามา


เฟอร์กูสันและชัคคุนก็ไม่ได้อยู่ว่าง ทั้งสองร่ายเวทโจมตีเข้าใส่คฑูนอย่างต่อเนื่อง


จู่ๆทุกคนต่างก็รู้สัมผัสได้ถึงความผันผวนของเวทย์มนตร์อันรุนแรงราวกับสายน้ำอันเชี่ยวกรากลอยวนอยู่รอบกายของธีโอดอร์


แม้จะใช้ม้วนคัมภีร์เป็นสื่อนำ กระนั้นธีโอดอร์ก็ยังต้องใช้เวลาเระยะหนึ่งเพื่อปลดปล่อยเวทมนตร์ต้องห้าม


เมื่อเห็นว่าธีโอดอร์กำลังจะปลดปล่อยเวทมนตร์อันน่าพรั่นพรึง ชัคคุนก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง “ทุกคนรีบถอยออกไปให้ห่างจากเจ้าดวงตายักษ์!”


ได้ยินเสียงเตือนของชัคคุน ทุกคนต่างก็รีบถอยไปยังขอบถ้ำทันที


คฑูนที่รู้สึกได้ถึงอันตรายก็ยิ่งร้อนใจและส่งหนวดโจมตีธีโอดอร์มากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เวทมนตร์ที่ธีโอดอร์ก็ก่อร่างจนเสร็จสมบูรณ์ในเวลานี้เอง…


ตูม…………


บอลพลังงานที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายสิบเมตรพลันพุ่งไปทางคฑูนดุจกระสุนปืน อานุภาพที่มันปลดปล่อยออกมาระหว่างทางนั้นราวกับจะถล่มถล่มสวรรค์ทลายปฐพี


“ท่านย่ามันเถอะ! นี่มันระเบิดปรมาณูชัดๆ!” เซียวอวี๋หมอบร่างลงกับพื้นขณะที่ยกสองมือขึ้นกุมหัวไว้


ภาพที่ได้เห็นทำให้ทุกคนสั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ


เวมนตร์ต้องห้ามบทนี้เป็นเวทมนตร์โจมตีเดี่ยว ไม่ใช่กลุ่ม ดังนั้นมันจึงมีเป้าหมายอยู่ที่คฑูนเพียงเป้าเดียว กระนั้นทุกคนก็ยังสามารถรับรู้ถึงระลอกพลังที่มันปลดปล่อยออกมาจนรู้สึกหน้ามืดตาลาย


หากโดนเวทนี้เข้าไปจะเป็นอย่างไร? เกรงว่าผู้โดนคงไม่ทันได้รู้สึกอะไรก่อนจะหายไปไม่เหลือฝุ่นน่ะสิ!


เวทมนตร์ต้องห้าม อานุภาพเช่นนี้ก็สมควรแล้วที่จะต้องควบคุมการใช้มัน


เมื่อบอลพลังงานพุ่งใส่คฑูนแล้วก็บังเกิดแสงสีขาวสว่างจ้าสิบวินาทีเต็ม และเมื่อทุกคนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาก็ก็เห้นว่าดวงตายักษ์ที่กลางห้องถูกระเบิดจนกระจุย ตำแหน่งเดิมของมันตอนนี้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้นแทนที่


“มารดามันเถอะ แค่เวทบทเดียวก็เป่าคฑูนเป็นจุณแล้ว!?” เซียวอวี๋ตาแทบถลนออกจากเบ้า แม้จะรู้ว่าเวทต้องห้ามนั้นรุนแรงมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะฆ่าคฑูนได้


เพราะอย่างไรเสียคฑูนก็เป็นถึงเทพโบราณ


ขณะที่เซียวอวี๋ยังสมองว่างเปล่า จู่ๆหนวดขนาดใหญ่หลายเส้นก็พุ่งทะลวงพื้นดินขึ้นมา


โฮก…………


คฑูนที่ยังมีชีวิตคำรามอย่างเดือดดาล เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้มันโมโหมาก เวทมนตร์ต้องห้ามรุนแรงมาก ร่างกายส่วนบนของมันถูกทำลายแทบจะไม่หลงเหลือ


“มารดามันเถอะ มันยังมีก๊อกสอง สหายทั้งหลาย! จัดการไอ้หนวดยุบยับนั่นให้สิ้นซาก!” เซียวอวี่ตะโกน


สิ้นเสียงของเซียวอวี๋ ดวงตายักษ์ก็ค่อยๆงอกขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งมีมีดวงตาขนาดเล็กจำนวนมากผุดขึ้นมาล้อมรอบตาดวงใหญ่ด้วย ลำแสงทำลายล้างหลายสิบเส้นพลันยิงเข้าถล่มกองทัพฝ่ายมนุษย์


“ระวัง หลบเร็ว!” ทั้งสนามรบกลายเป็นปั่นป่วนวุ่นวาย นักรบฝ่ายมนุษย์เริ่มล้มตายอย่างรวดเร็ว


“อดทนไว้! พวกเราต้องทนให้ได้! มารดามันเถอะ มันเพียงแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย ที่นี่มีผู้อาวุโสทั้งสามท่านอยู่ ขอเพียงพวกเราถ่วงเวลาอีกหน่อย พวกเขาต้องฆ่าเจ้าอัปลักษณ์นี่ได้แน่!” เซียวอวี๋ตะโกนปลุกใจ


เสียงของเซียวอวี๋ที่ย้ำว่าสามจ้าวมนตรายังอยู่กับพวกเขาที่นี่ทำให้พวกเขาเยือกเย็นลง ยิ่งเมื่อคิดถึงอานุภาพของเวทต้องห้ามเมื่อครู่ด้วยแล้วก็ยิ่งมีกำลังใจ


เมื่อมีเวทมนตร์ต้องห้ามอยู่ ต่อให้ศัตรูจะแข็งแกร่งกว่านี้ หากโดนเวทแบบเมื่อครู่อีกสักสองสามบทก็ต้องตายเป็นแน่


พวกเขายังไม่ทราบว่าการร่ายเวทต้องห้ามต้องจ่ายด้วยสิ่งใดบ้าง ทั้งยังร่ายได้อย่างจำกัด หากนำออกมาใช้หลายครั้ง ตัวผู้ร่ายเองคงทนไม่ไหวเสียก่อน


หลังจากที่ธีโอดอร์ร่ายเวทต้องห้ามออกไป เขาจำเป็นต้องพักฟื้นฟูอย่างน้อยหนึ่งเดือน มิเช่นนั้นร่างกายของเขาคงรับพลังอำนาจของมันไม่ไหวและตกตายในที่สุด


อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆไม่รู้เรื่องนี้ ในมุมมองของพวกเขาแล้ว เวทต้องห้ามก็คือเวทไม้ตายเฉพาะตัวของผู้แข็งแกร่งที่ใช้ออกได้ตามใจนึก


นักรบทุกคนต่างโจมตีหนวดรยางค์ที่พุ่งเข้าใส่ เทียบกันแล้วทางฝั่งกองทัพมนุษย์นั้นได้เปรียบในด้านจำนวน และเหล่ายอดฝีมือก็นับว่ามีบทบาทในการกำจัดหนวดเส้นที่มีขนาดใหญ่


ด้วยการช่วยเหลือของเหล่านักรบ จ้าวมนตราทั้งสามก็ออมแรงลงไปมาก


ในตอนนั้นเอง เฟอร์กูสันก็เริ่มเตรียมเวทต้องห้ามของตน ในเวลาเช่นนี้ไม่มีตัวเลือกอื่นอีกแล้ว มีเพียงเวทมนตร์ต้องห้ามเท่านั้นที่จะฆ่าคฑูนได้


เสียงร่ายเวทพลันดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องโถง……..

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม