Virtual World – Peerless White Emperor 360-373

ตอนที่ 360

 

“หลินหลี่รีบใส่เสื้อผ้าซะ!” ThornyRose มองไปที่ภาพโมเสคที่ปกคลุมหลินหลี่ไว้ และตะโกนบอกเขา

หลินหลี่ไม่สนใจ เขายังไม่รีบร้อนใส่กางเกง ThornyRose ถอนหายใจและมองการเปลี่ยนแปลงค่าสถานะของตัวละครนักรบดาบยักษ์ เมื่อเธอเห็นความเร็วของเขา เธอก็อ้าปากค้าง จากเดิมความเร็วมันอยู่แค่ระดับ C- แต่ตอนนี้มันกลายเป็นระดับ S! และค่า Strength ของเขากลายเป็นระดับ SSS !? ทำให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก อย่างไรก็ตาม พลังป้องกันของเขานั้นเป็นศูนย์ จากนั้นเธอมองดู Limit Break Ultimate ของเขา [Nude – Walking Catastrophe] เธอต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง มันมีเอฟเฟคเพิ่มความเร็วและปฏิกิริยาการตอบสนองขึ้นอีก 100% และเพิ่มทุกๆค่าสถานะขึ้นเป็นสองเท่าเป็นเวลา 1 นาที มันมีคูลดาวน์เพียง 4 นาทีเท่านั้น เธอนึกถึงชุดเกราะหนักๆที่นักรบดาบยักษ์เคยสวม และเมื่อเปรียบเทียบกับตอนนี้แล้ว เขาไม่ได้สวมใส่อะไรเลยจนต้องใช้ภาพโมเสคเบลอ เขาเหมือนเป็นตัวหนอนที่กำลังแตกออกจากรังไหมจนกลายเป็นผีเสื้อ ThornyRose อดที่จะคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อมองไปยังนักรบดาบยักษ์ที่เปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์

SpyingBlade เห็นความเร็วระดับ S ของนักรบดาบยักษ์ ตัวละครตัวนี้น่ากลัวจริงๆ! มันเปรียบเสมือนเป็นปืนใหญ่แก้ว ที่มีพลังทำลายล้างสูง แต่ก็เปราะบางและถูกทำลายได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน ตัวละครนี้ลดค่าพลังป้องกันลงจนเหลือศูนย์และไปทุ่มทั้งหมดไว้ที่พลังโจมตี เขาอดพูดด้วยความรู้สึกแปลกๆไม่ได้ “เฮ้ เขาจะไปต่อสู้ในสภาพทั้งๆอย่างนั้นนี่น่ะ…”

“หลินหลี่เร็วๆหน่อย เพียงแค่ใส่กางเกงแบบสุ่มๆอันไหนไปก็ได้” ThornyRose กล่าวอย่างหยาบโลน หลินหลี่จึงสวมกางเกงขาสั้น เสื้อยืดสีขาวและรองเท้าวิ่ง

ThornyRose มองไปที่การแต่งกายของนักรบดาบยักษ์ ไม่ว่าเธอจะมองดูยังไง มันดูไม่เหมือนใครจริงๆ ด้วยดาบขนาดใหญ่นั้นไม่สามารถเข้ากันได้กับชุดแบบนี้ เขาดูราวกับว่ากำลังเดินทางไปแคมป์ปิ้ง แต่นำดาบขนาดใหญ่ที่ยาว 4 เมตรติดตัวไปด้วย เธอคิดในแง่ดีว่า เขาอาจทำให้ศัตรูสับสนด้วยการแต่งตัวแบบนี้ก็ได้!

“ฉันค้นพบบางสิ่งที่น่าสนใจแล้ว เป็นไปได้ไหมว่ารางวัลจากการเลื่อนระดับเป็นแร็งค์ SS ไม่ได้ถูกกำหนดตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำและความเข้าใจของคนที่ทำการทดสอบ …” SpyingBlade คิดย้อนกลับไปที่การทดสอบ

“ใช่แล้ว เพราะตอนทดสอบนั้น หลินหลี่ถอดชุดเกราะออกเพื่อต่อสู้ และรางวัลสุดท้ายก็ตรงกับที่เขาได้รับในตอนนี้ …” FrozenBlood พยักหน้าและคิดถึงฉากนั้น จริงๆแล้วเขาไม่ได้ถือว่าเปลือยกายล้อนจ้อน เพราะเขายังคงสวมกางเกงในและเสื้อกล้ามอยู่ แต่นอกเหนือจากนั้น เขายังต่อสู้ได้ดีมากๆทั้งๆที่เปลือยกายอยู่

ThornyRose ก็คิดเช่นนั้น แต่พวกเขาจะรู้แน่ชัดขึ้น เมื่อพวกเขาได้เห็นการทดสอบของเจ้าหมียักษ์ในวันพรุ่งนี้ เย่ฉางหาวและพากลุ่มของเขาล็อคออฟออกไป

ThornyRose ได้ทดลองใช้นักรบดาบยักษ์ของหลินหลี่ เธอค้นพบว่ามันควบคุมง่ายกว่าเดิมเยอะ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าความเร็วของมันจะเพิ่มขึ้นมามาก แต่เธอก็ไม่คุ้นเคยกับการใช้อาวุธมหึมาแบบนี้มาก่อนอยู่ดี วิธีการออกแรงนั้นมีความแตกต่างกัน หลินหลี่ทำได้อย่างไร? เขาสามารถใช้ดาบเดียวมือ ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งต่อสู้ในรูปแบบของ Grappler ได้ แม้ว่าในตอนนี้มันจะใช้งานได้ง่ายกว่า แต่ในก่อนหน้านั้นนักรบดาบยักษ์ใช้งานยากมากจริงๆ

การแข่งขันในคืนนั้น

มีผู้ชมมากขึ้นกว่าเดิมสิบเท่าของเมื่อตอนที่ทีม Thorns and Roses ลงแข่งในนัดที่ผ่านมา ทุกคนต่างสงสัยกันว่าตัวละครนักรบดาบยักษ์แร็งค์ SS จะเป็นอย่างไร! มันจะเปลี่ยนไปอย่างไรภายใต้อิทธิพลการควบคุมของปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่ง? ThornyRose ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ทั้งหมด เธอทุ่มสมาธิทั้งหมดไปที่การแข่งเท่านั้น เพราะการแข่งในวันนี้มีความสำคัญมาก ถ้าพวกเธอชนะ พวกเธอจะเข้าสู่ท็อป 16!

“ThornyRose เป็นเวลานานแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน ฉันแทบจะรอที่จะเจอนักรบดาบยักษ์แร็งค์ SS ไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ …” หัวหน้าทีม Heavenly Oath ที่ชื่อว่า BlackForestMoon พูดอย่างสุภาพ ในขณะที่ประเมินกลุ่มสามพี่น้อง

“โปรดชี้แนะด้วย …” ThornyRose ไม่พูดอะไรมาก เธอมองไปที่ BlackForestMoon ซึ่งมีท่าทางสุภาพเรียบร้อย แต่เธอรู้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ใช่คนดีเหมือนอย่างที่เห็น

“ชี้แนะอะไรกัน เราเพียงแค่โชว์การเล่นที่ดีให้ผู้ชมดูก็พอ …” BlackForestMoon กล่าวเบาๆ

“แน่นอน …” ThornyRose ตอบอย่างห้วนๆ ทั้งสองคนไม่ได้จับมือกัน ก่อนที่จะหันหลังแยกจากกันไปพร้อมกับการยิ้มเยาะเย้ย

“ในการแข่งขันในวันนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับมันอย่างจริงจัง ราวกับว่าเรากำลังต่อสู้กับหนึ่งในสี่กิลด์ใหญ่ กลุ่มสามพี่น้องอาจจะยังมือใหม่ก็จริง แต่พวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงด้วยเหตุผลอื่นๆที่นอกจากฝีมือของพวกเขา พวกคุณเคยเห็นวิดีโอการแข่งขันของพวกเขามาแล้ว เราคงต้องเลือกยอมแพ้การประลองเดี่ยวในโหมดอารีน่า เอาล่ะ! BlackPhoenix, GatherSand, Akai พวกคุณทั้งสามคนขึ้นไปแข่งและเลือกยอมแพ้ซะ…” BlackForestMoon พูดอย่างจริงจัง เขารู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะการประลองเดี่ยวได้ และในฐานะที่เขาเล่นตัวละครอาชีพ Arcanist เขาจึงไม่แข็งแกร่งในประลองเดี่ยวแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาสามารถเลือกที่จะไม่แข่งเลย แต่พวกเขายังคงต้องเอาใจฝูงชน พวกเขาจึงต้องฝืนขึ้นไปประลองด้วยการแสร้งทำ

ThornyRose มองรอยยิ้มของ BlackForstmoon ซึ่งทำให้เธอกระวนกระวายใจยังไงชอบกล ‘ผู้ชายคนนี้กำลังวางแผนอะไร?’ เธอได้แต่ถอนหายใจ “รอบแรก …”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ หลินหลี่ก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีแล้ว เขาสวมชุดที่ดูผ่อนคลายและถือดาบยักษ์ที่ยาวกว่า 4 เมตร ทุกคนต่างตกตะลึง ‘นี่คือนักรบดาบยักษ์แร็งค์ SS? แล้วชุดเกราะทั้งหมดหายไปไหน? การปรับปรุงเพียงอย่างเดียวคือดาบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเขาก็ใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดนี่นะ! บ้าไปแล้ว! นักรบดาบยักษ์ที่โหดเหี้ยมและบ้าคลั่งคนเก่า กลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน!?’

ThornyRose ตัวสั่นหงึกๆ ‘หลินหลี่ … นายจะกรุณาฟังฉันสักเพียงครั้งเดียวได้ไหม!’ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจลึกๆ ตอนนี้ตัวละครของเขาอยู่ในแร็งค์ SS เหมือนกับ SpyingBlade ทั้งหมดที่เหลือมีเพียงแค่รอการอนุมัติอย่างเป็นทางการเท่านั้น

“นักรบดาบยักษ์นี้ รู้สึก … มีบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม …” ซูหยี่ยี่พูดอย่างงุ่มง่าม

“มีบางอย่างแตกต่างไปจากเดิมที่ไหนกัน!? นี่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย! ก่อนอื่นเกราะหนัก! มันหายไปแล้ว! และเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาที่สวมอยู่ให้ค่าสถานะที่น้อยมากๆ ส่วนดาบเล่มนั้นก็มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ฉันเดาว่าเขาต้องมีพลังการทำลายที่สูงมากแน่ๆ…” พี่ใหญ่เฉาแทบพูดไม่ออก เสียงของเขานั้นแหบพร่ามาก

“ตาเฒ่าเฉาพูดถูกแล้ว เนื่องจากมันเป็นตัวละครแร็งค์ SS เราจะตัดสินด้วยการมองจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ ไม่มีตัวละครแร็งค์ SS ตัวไหนที่จะกระจอกๆอยู่แล้ว อีกทั้งเขาสามารถผ่านการทดสอบการเลื่อนระดับแร็งค์มาได้ นี่จึงเป็นหลักฐานเพียงพอแล้ว ที่ศักยภาพของเขาจะอยู่ระดับเดียวกับพวกราชันสวรรค์ ฝีมือของเขาไม่ควรจะด้อยไปกว่า SpyingBlade เลยทีเดียว เราลองมาดูความสามารถของตัวละครแร็งค์ SS ตัวใหม่นี้กันเถอะ” พี่ใหญ่จงอธิบาย พร้อมหยิบเอาสายยางรัดผมทองของเขาไว้ เขาดูตื่นเต้นมาก มันเป็นเรื่องยากมาที่ใครจะได้เห็นการเปิดตัวของละครแร็งค์ SS แบบนี้

“คนแรกของทีม Heavenly Oath คือ GatherSand ผู้เล่นที่ใช้ตัวละครประเภทนักดาบพลังโจมตีสูง ลองมาดูกันว่าเขาจะสามารถสู้กับตัวละครแร็งค์ SS ตัวนี้ ที่ยังไม่รู้จักสกิลอะไรเลยได้ยังไง …” พี่ใหญ่จงอธิบายต่อ

หลินหลี่พุ่งเขาไปและหลบการโจมตีสามครั้งที่พุ่งเข้ามาหาเขา จากนั้นเขาจับ GatherSand ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วก็จับคางมากระแทกกับเข่าของเขา ตามด้วยหมัดอัปเปอร์คัตส่งเขาบินขึ้นไปในอากาศ แล้วเหวี่ยงดาบยักษ์ตัดเขาออกเป็นสองส่วนทันที

ThornyRose ขมวดคิ้ว ‘ความแข็งแกร่งของ GatherSand ควรจะมีมากกว่านี้สิ เขาควรจะสามารถรับมือหลินหลี่ได้อย่างน้อย 10 การโจมตีสิ! เมื่อตอนที่เธอต่อสู้กับเขา กว่าเธอจะเอาชนะเขาได้ เธอต้องระดมการโจมตีใส่เขาถึง 100 การโจมตี เขาเป็นผู้เล่นที่มีความสมดุลและโดดเด่นมาก และเขาเกือบจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสโมสร Thorns and Roses แล้ว แต่มันเป็นความผิดทั้งหมดของหัวหน้าสโมสรคนก่อนหน้านี้ ในวันนั้นเป็นวันที่หัวหน้าสโมสรคนเก่าสูญเสียเงินจากการเล่นล็อตเตอรี่ไป เขาจึงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีและไม่ได้มีส่วนร่วมในการชมการประลอง’ ThornyRose รู้สึกสงสัยอะไรบางอย่าง แต่พลังทำลายล้างของหลินหลี่ก็ทรงพลังมากเกินไปจริงๆ ถ้าเป็นตัวเธอเองได้ทำผิดพลาดในขณะต่อสู้กับหลินหลี่แล้วล่ะก็ เธอก็อาจจะตายใน 2 การโจมตี ไม่ใช่สิ! อาจตายใน 1 การโจมตีก็ได้

ในตอนนี้ ทุกคนตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย BlackForestMoon ยิ้มอย่างขมขื่น นี่แน่ใจนะว่าเป็นนักรบดาบยักษ์! ความเร็วของเขาเปรียบได้กับแอสซาซินแร็งค์ S เลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ต้องสวมเกราะใช่หรือไม่? 

 

 


ตอนที่ 361

 

“เขาไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือ!? …” ผู้ชมทั้งหมดถอนหายใจ การผสมผสานกันระหว่างพลังโจมตีที่มากมหาศาลของผู้ใช้อาวุธหนักกับความเร็วของแอสซาซิน

BlackForestMoon โบกมือให้ BlackPhoenix ขึ้นไปประลองต่อ แต่การต่อสู้ครั้งนี้จบลงเพียงแค่ 1 การโจมตีเท่านั้น! คนสุดท้ายคือ Akai ในขณะที่เขาก้าวเข้าสู่เวทีประลอง เขาก็รีบลงจากเวทีและเลือกที่จะยอมแพ้ นี่ทำให้หลินหลี่พึงพอใจอย่างมาก “ฮ่าฮ่า! ผมช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้! ฮ่าฮ่า!”

รอบต่อไปคือการประลองประเภททีม เย่ฉางพูดขึ้นมาว่า เขาเป็นเอซของทีมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้คนอื่นๆควรจะมีโอกาสได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์บ้าง เขาจึงมองไปที่ DyedLily และผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดก็ต่างจ้องมองเขา ‘เชี่ย! นายนั่นแหละเป็นคนใหม่ที่นี่!’

“ฉันก็ไม่แข่งนะ เพราะฉันกำลังยุ่งอยู่กับการแชท…” SpyingBlade ยังประกาศว่า เขาจะไม่ลงแข่งด้วยเช่นกัน

ThornyRose ถอนหายใจ ‘พวกผู้ชายเหล่านี้ยากที่จะควบคุมจริงๆ พวกเขาทั้งหมดก็แค่อยากโชว์ออฟ’ เธอปล่อยให้จางเจิ้งเฉียงเป็นคนที่ 6 ส่วนตัวหลักก็คือ ตัวเธอเอง, FrozenBlood, ElegantFragrance, หลินหลี่ และเย่เทียน

ในขณะที่พวกเธอเข้าสู่เวที หลินหลี่ก็เริ่มโชว์ออฟ เขาพุ่งเข้าใส่ทีมศัตรูและตะโกนว่า “ตาย!!”

“หลินหลี่อย่าเพิ่ง!” ThornyRose ตะโกนเรียก เธอเฝ้าดูขณะที่หลินหลี่เปิดใช้งาน Limit Break Ultimate พุ่งเข้าใส่ศัตรูด้วยความเร็วเต็มรูปแบบ ทิ้งเงาเลือนลางของเขาไว้เบื้องหลัง เธอเริ่มมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง เย่เทียนกระพริบตา “ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้แล้ว เมื่อหลินหลี่เข้าโหมดหัวร้อนแบบนี้ ไม่มีใครนอกจากพ่อที่จะสามารถหยุดเขาได้ …”

BlackForestMoon ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินและยิ้มเยาะ เขาส่งสัญญาณมือและเผชิญหน้ากับ หลินหลี่ที่พุ่งเข้ามา เขาเปิดใช้ Limit Break Ultimate ของเขา [Arcane Seal – Banishing Cross – Divide]! หลินหลี่ถูกขังอยู่ในอากาศด้วยรูปดาวห้าแฉก ใต้เท้าของเขาเป็นไม้กางเขน ส่งผลให้เอฟเฟคจาก [Nude – Walking Catastrophe] ของหลินหลี่หายไป ทันใดนั้น คนที่อยู่รอบข้างทั้งสี่คน ก็รีบกระโจนออกไปฆ่าหลินหลี่ในทันที ThornyRose ขมวดคิ้ว ถึงแม้นักรบดาบยักษ์จะมีทั้งพลังการโจมตีและความเร็วที่สูงแค่ไหน และมีพลังชีวิตที่มากมายเท่าไหร่ก็ตาม แต่พลังป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ของเขาแทบไม่มีเลย มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่นักรบดาบยักษ์จะรอดชีวิตจากการถูกตรึงแบบนั้นได้ แถมยังอยู่ในท่ามกลางฝูงศัตรูอีกด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถึงแม้ว่านักรบดาบยักษ์จะมีความเร็วที่ช้า แต่ด้วยการที่สวมเกราะหนัก ทำให้เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวที่สามารถแท้งค์ได้แม้จะไม่มีโล่ก็ตาม อีกอย่างก็คือหลินหลี่ประมาทเกินไป จึงเปิดใช้งานท่าไม้ตายของนักรบดาบยักษ์แร็งค์ SS ไม่ทัน มันเป็นสกิลที่สร้างโล่ป้องกันคอยดูดซับดาเมจได้ การต่อสู้ครั้งนี้คงจะยากลำบาก จนกว่าพวกเธอจะสามารถนำจางเจิ้งเฉียงเข้าสู่สนามรบได้ ความรู้สึกฮึกเหิมจากการประลองรอบแรกสลายหายไปทันที เธออยากจะเขกหัวหลินหลี่ซักทีจริงๆ เขาทำให้อารมของเธอพลิกไปมาระหว่างความสุขและความโกรธ เขาเป็นตัวละครแร็งค์ SS คนแรกของสโมสร Thorns and Roses เชียวนะ เขาทำให้สโมสรรู้สึกมีเกียรติมาก แต่การตายอย่างโง่ๆของเขาในครั้งนี้ ก็ทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออก

“เขา…เขา สมกับเป็นปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งจริงๆ ฉันไม่เข้าใจเขาเลย …” พี่ใหญ่เฉาหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เมื่อมองนักรบดาบยักษ์ที่ค่อยๆถูกฆ่าตายด้วยความเศร้าโศก

“……” ผู้ชมทั้งหมดพูดอะไรไม่ออก

“ชั่วช้าเกินไปแล้ว! พวกเขากล้าที่จะลอบแอบโจมตีปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งได้ยังไงกัน! ช่างไร้ยางอายกันจริงๆ!” กลุ่มแฟนคลับของสามพี่น้องเริ่มสาปแช่ง

“เฮ้ พวกนาย นี่ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น มันเป็นแค่ …”

“พี่น้องลากเขาออกไป! เขาเป็นสุนัขของทีม Heavenly Oath!”

ในตอนจบ แม้จะมีการตีโต้จาก ThornyRose แต่เธอก็ไม่สามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย 4 vs 5 และฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าตัวเธอเองเลย พวกเธอถูก BlackForestMoon ควบคุมเกมไว้ได้ทั้งหมด จนพวกเธอไม่สามารถเรียกจางเจิ้งเฉียงลงมาช่วยได้พลิกเกมได้ และแล้วพวกเธอก็ตายลงไปทีล่ะคนๆ

“พวกคุณนี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ พวกคุณนี่นะ พอไม่มีผมแล้วทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เฮ้อ!…” หลินหลี่กอดอกและถอนหายใจด้วยความผิดหวัง นี่เป็นสิ่งแรกที่ ThornyRose และคนอื่นได้ยินเมื่อพวกเธอกลับมาที่ห้องพัก

“มันก็ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อเอซของพวกเธอไม่ได้ลงแข่งด้วย…” เย่ฉางยักไหล่

“คุณพ่อ หนูทำได้ดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างมันเป็นความผิดของ …” เย่เทียนกำลังจะพูดว่าเป็นความผิดของหลินหลี่ แต่เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายของเขา เธอก็ชี้ไปที่ ElegantFragrance อย่างรวดเร็ว “มันเป็นความผิดพลาดของพวกเธอ”

“เชี่ย! นรกเถอะ! เธอ เธอ …” ThornyRose มองไปที่กลุ่มเย่ฉางและ SpyingBlade เธอไม่สามารถหาคำพูดที่สมเหตุสมผลได้ หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอมองไปที่หลินหลี่และเย่เทียน

“ถ้าคุณจะข่มขู่ผม ผมจะบอกพี่สาวใหญ่นะ(แม่ของโรส) เธอบอกกับผมว่า ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิดก็ตาม ตราบเท่าที่คุณข่มขู่ผมและเย่เทียน เราก็สามารถบอกเธอได้ …” หลินหลี่พูดพร้อมทำหน้าโศกเศร้า ส่วนเย่เทียนค่อยๆเดินถอยออกมา

ThornyRose ต้องการทุบพวกเขาด้วยรถ เธอได้แต่โห่ร้องในใจ ‘ฉันอยากจะบ้าตาย! นี่ฉันเป็นหัวหน้าสโมสรแบบไหนนี่!? เขากล้าเอาแม่ฉันมาข่มขู่ฉันนี่นะ! แต่แย่ที่สุดคือ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย!’ เธอบังคับตัวเองให้ฝืนยิ้มออกมา “หลินหลี่ ต่อไปก็อย่าลืมฟังคำสั่งด้วยล่ะ…”

“อืม ผมเป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งมากที่สุดอยู่แล้ว” หลินหลี่พยักหน้าอย่างไร้เดียงสา ElegantFragrance มองไปที่ความชั่วร้ายที่อยู่ภายในหลินหลี่และหน้าแดง

ในอีกสถานที่หนึ่ง ซงซินกำลังเฝ้าดูการแข่งขันอยู่หน้าภาพโฮโลแกรม เธอยิ้มเมื่อเห็นว่าหลินหลี่กลายเป็นคนดัง เมื่อเห็นว่าเขามีความสุขมาก ก็ทำให้หัวใจเธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ‘อ่า มันนานมากแล้วตั้งแต่ที่ฉันได้เจอเขา นับตั้งแต่ที่ฉันได้เป็นศัตรูกับตระกูลซุน ฉันก็ยุ่งมากมาโดยตลอด ฉันต้องเดินทางไปทั่วโลกเพื่อทำธุรกิจตลอดทั้งปี แม้แต่ตระกูลของฉันก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างฉัน พวกเขาหยุดให้เงินแก่ฉัน แต่นั่นไม่เพียงพอที่จะหยุดฉันได้ เมื่อเทียบกับเงินแล้ว หลินหลี่นั้นสำคัญกว่ามาก เขาใช้ชีวิตน้อยๆของเขาเพื่อสนับสนุนฉัน ดังนั้นฉันยังต้องการที่จะชดใช้ให้เขา สำหรับเวลาที่ถูกขังอยู่ใต้ดินเป็นเวลาหนึ่งเดือน’

ซงซินเอนหลังพิงหมอนบนเครื่องบินส่วนตัวของเธอ และเริ่มรำลึกถึงช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตของเธอตลอดไป

ซงซินเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลซง เธอเป็นหญิงสาวผู้มีชื่อเสียงในจีน เธอมีบุคลิกที่เด็ดเดี่ยวและไม่ชอบที่จะพึ่งพาคนอื่นๆ แต่เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลซง เธอก็ยังตกลงที่จะหมั้นหมายกับซุนเฉาลูกชายของตระกูลซุน ครั้งแรกที่เธอได้พบเขา เธอพบว่าเขาเป็นคนง่ายๆ, ขี้อายและอ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากคุณชายจากตระกูลที่ร่ำรวยคนอื่นๆ พวกเขาคบกันเพียงไม่กี่เดือน ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน แต่หนึ่งเดือนก่อนงานแต่งงานนั้น พวกเขาไปเที่ยวที่เมืองซินหยุน ในช่วงเวลานั้นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ซงซินให้การสนับสนุนอยู่ มีการจัดงานการกุศลขึ้น เธอกับซุนเฉาจึงไปเป็นประธานเปิดงาน นั่นคือครั้งแรกที่ซงซินได้พบกับหลินหลี่ เขาเป็นเด็กที่ถูกรังแกบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เคยตอบโต้กลับและไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง

เมื่อซงซินนึกถึงตอนนี้ น้ำตาก็เจือนองในดวงตาของเธอ เธอเฝ้ามองขณะที่หลินหลี่คลานขึ้นมาหลังจากที่ถูกรังแก เขาเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนที่จะยื่นภาพวาดดินสอสีที่วาดได้แย่ยิ่งกว่าเด็กประถมวาดเสียอีกให้แก่เธอ เขายิ้มอย่างไร้เดียงสามาก ถึงแม้จะมีใบหน้าปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกก็ตาม และเขาพูดกับเธอว่า “ขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณได้ทำเพื่อทุกคน คุณเป็นฮีโร่ของผมเลย …”

ซงซินรับภาพจากเขาแล้วพยักหน้าขอบคุณ เธอตัดสินใจที่จะส่งเงินสนับสนุนเพิ่มขึ้นเพื่อสำหรับเด็กคนนี้ เธอมองไปยังเด็กที่ดูเหมือนจะมีจิตใจที่อ่อนแอมาก “ขอบคุณนะ เธอมีชื่อว่าอะไร?”

“ผมชื่อหลินหลี่ หลินหมายถึงป่า ส่วนหลี่คือความสุข …” หลินหลี่ยิ้มด้วยใบหน้าสกปรก

ซงซินรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับเด็กนักเรียนชั้นประถม และไม่สามารถหุบยิ้มได้ เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้หลินหลี่ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปชั้นบน 

 

 


ตอนที่ 362

 

ซงซินเริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น โลกสั่นสะเทือนเนื่องจากแผ่นดินไหวที่รุนแรง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับรู้ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นอย่างไร เธอได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เราอ่อนแอมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับธรรมชาติ แม้แต่ผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ที่สามารถใช้พลังซี่ได้ก็ยังคงไร้ประโยชน์อยู่ดี ตึกอาคารสั่นสะเทือน และเธอรู้สึกได้ว่าซุนเฉาได้ปล่อยมือไปจากเธอ “ขอโทษนะ ไม่ใช่ว่าฉันรักเธอ แต่ฉันจะยังคงต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป โดยการที่ต้องทิ้งเธอไว้ข้างหลัง… เธอคงได้แต่ต้องกล่าวโทษโชคชะตาฟ้าลิขิตแล้วล่ะ”

หัวใจของซงซินดำดิ่งไปสู่ความสิ้นหวัง เธอมองไปยังใบหน้าที่กำลังแสดงรอยยิ้มด้วยความขอโทษ น้ำตาเธอตกลงมาเหมือนสายฝน ราวกับว่าชีวิตของเธอกำลังยืนอยู่ที่ก้นบึ้งอเวจี และทำได้แค่เพียงมองดูดวงอาทิตย์จางหายไปจากระยะไกลเท่านั้น ในที่สุดเธอก็ติดอยู่ใต้ดิน ขาของเธอได้รับบาดเจ็บหนักจากเศษก้อนหินที่ร่วงหล่น ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เพียงร้องไห้ออกมาเท่านั้น จู่ๆเธอได้ยินเสียงบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เธอ หัวใจของเธอบีบรัดแน่น เธอกลัวว่ามันจะเป็นสัตว์บางชนิดที่กำลังเคลื่อนที่มาใกล้เธอ

หลินหลี่ที่ดูสกปรกมอมแมมปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าซงซิน เขาเปิดไฟฉายส่องหน้าตัวเอง แสดงให้เธอเห็นถึงการแสดงออกแบบเด็กๆโดยการบุ้ยปาก “ผมเห็นคุณร่วงตกลงมา ดังนั้นผมจึงออกมาจากหลุมหลบภัยเพื่อมาช่วยคุณ แต่ก็ดูเหมือนว่าหลุมหลบภัยก็ถูกปิดกั้นด้วยเช่นกัน”

“……” ซงซินแข็งค้าง นี่เป็นเด็กกำพร้าที่เธอได้พบในช่วงบ่ายที่ชื่อว่าหลินหลี่ คนที่มอบภาพวาดดินสอสีให้แก่เธอ เมื่อซงซินที่เพิ่งถูกละทิ้ง เห็นว่าหลินหลี่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อมาช่วยเธอ น้ำตาของเธอจึงไหลรินออกมาอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เธอเพียงแค่บริจาคให้กับสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อภาพลักษณ์ของบริษัทเพียงเท่านั้น เธอไม่คิดเลยว่าคนเดียวที่จะมาที่นี่เพื่อช่วยเธอจะเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าที่ได้รับเงินบริจาคจากเธอไปเท่านั้น เธอเอื้อมมือออกไป และดึงหลินหลี่เข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเธอ

“อืม ไม่ต้องร้องนะ เดี๋ยวคุณจะไม่มีน้ำในตัวเหลือนะ ให้ผมเก็บน้ำตาของคุณเถอะนะ เพราะคุณอาจจะต้องดื่มมันกลับไปในภายหลัง หยุดสิ้นเปลืองได้แล้ว…” คำพูดที่ดูจริงจังของหลินหลี่ทำให้ซงซินหัวเราะ เธอหยุดร้องไห้ สิ่งที่เขาพูดทำให้เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่าง มันไม่มีการบอกเกี่ยวกับเวลาที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะมาถึง ดังนั้นเพื่อที่จะให้มีชีวิตรอดได้นานมากขึ้นกว่านี้ การหยุดร้องไห้ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน

ในขณะที่ซงซินคิดย้อนกลับไปในตอนนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเจ็บปวด แต่มันก็เป็นความทรงจำอันล้ำค่าที่สุดสำหรับเธอเช่นกัน ตอนแรกเธอกลัวแผ่นดินไหว แต่ตอนนี้เธอกลับขอบคุณชะตาฟ้าลิขิตทั้งหลายที่ทำให้เธอมาพบกับเขา

วันที่ 1 หลินหลี่ออกไปรอบๆทั่วสถานที่เพื่อหาผ้าผันแผล หรืออะไรซักอย่างที่คล้ายๆกัน เพื่อจะนำมาพันแผลให้กับเธอ “เธอควรจะรู้ไว้นะว่า ผมเป็นคนที่ปฐมพยาบาลได้เก่งมาก! ถึงแม้ว่าเฉินน้อยจะเป็นคนที่โหดร้ายมาก แต่เขามักจะถูกทุบตีเหมือนกับผม ดังนั้นผมจึงได้เรียนรู้การแพทย์จีนและการปฐมพยาบาลมาด้วยแหละ! ผมรู้จักสมุนไพรทางการแพทย์จีนที่อยู่บนภูเขาด้านหลัง! แต่เฉินน้อยก็ถูกทุบตีจนตายด้วยแท่งเหล็กไปซะก่อน ผมต้องการช่วยเขา แต่ผมก็ไม่มีโอกาสเลย นี่คือเห็ดเหม็น มันเป็นพิษและกินไม่ได้ แต่มันให้ผลดีถ้าคุณบดมันให้ละเอียด และใส่ลงไปบนบาดแผลของคุณ ที่ผมรู้สรรพคุณของมัน เป็นเพราะเมื่อตอนผมถูกผลักตกไปในท่อระบายน้ำ ผมเห็นหนูกำลังถูตัวกับเห็ดนี้ มันเป็นสุดยอดความลับในการรักษาของผมเลยนะ คุณห้ามไปบอกใครเชียว!…”

“……” ซงซินมองไปที่หลินหลี่ ด้วยไอคิวของนักเรียนระดับประถมศึกษา ที่บอกว่าเขารู้เกี่ยวกับแพทย์จีนและการปฐมพยาบาล สิ่งนี้มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว!

วันที่ 2 ซงซินค้นพบว่าบาดแผลของเธอกำลังได้รับการรักษา และดีขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนผิดปกติ สิ่งสำคัญที่สุดคือมันไม่ได้ติดเชื้อ ดูเหมือนว่าเห็ดเหม็นนี้ต้องเติบโตในเมืองซินหยุนทีเดียว และผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ดูเหมือนจะคิดว่าเห็ดเหม็นนี่เป็นพิษและน่ากลัวมาก…

วันที่ 3

ซงซินกินบิสกิตที่หลินหลี่มอบให้กับเธอ หลังจากที่อยู่ด้วยกันเป็นเวลาสองวัน ซงซินได้เชื่อใจหลินหลี่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน สิ่งที่ทำให้เธอขมวดคิ้วก็คือ ครั้งแรกที่พวกเขาเริ่มกินบิสกิต บิสกิตพวกนี้ยังคงกรอบ แต่ตอนนี้บิสกิตมันเปียกชื้น นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย บิสกิตพวกนี้ถูกห่อด้วยพลาสติก “บิสกิตพวกนี้เปียกชื้นได้ยังไงกัน…”

“มันเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ ที่บิสกิตพวกนี้เปียกชื้น เพราะบิสกิตพวกนี้คือสิ่งที่ผมเก็บออมเอาไว้ในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า พวกเราได้รับบิสกิตพวกนี้เพียงแค่ทุกๆ 1 สัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นบิสกิตเหล่านี้คือสิ่งผมเก็บมาตลอดระยะเวลา 1 เดือน เพื่อที่จะเก็บไว้กินได้ครั้งละเยอะๆ แต่ผมก็ไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น…” หลินหลี่บุ้ยปาก ซงซินรู้สึกว่าจมูกของเธอกำลังเปียกชื้น เธอสามารถบอกได้เลยว่า หลินหลี่รักขนมบิสกิตเหล่านี้จริงๆ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่เป็นไร มันก็ยังอร่อยดีเมื่อมันชื้น ขอบคุณมากนะหลินหลี่…”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะคุณเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราทุกคน!” หลินหลี่ตอบกลับไปอย่างจริงจังด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์

วันที่ 4

หลินหลี่ได้ช่วยประคับประคองซงซิน และพวกเขาก็ได้ค้นพบสถานที่ที่ดีที่จะรอการช่วยชีวิต จากที่ตรงนี้ พวกเขาสามารถมองเห็นแสงแดดที่สาดส่องลงมาได้ บางทีมันอาจจะสาดส่องมาจากด้านบนที่อยู่เหนือพวกเขาหลายสิบเมตร แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ซงซินมีความหวัง แสงแดดที่สาดส่องลงมาค่อยๆจางหาย และแปรเปลี่ยนเป็นแสงจันทร์สาดส่องลงมา “หลินหลี่ นายจำเกี่ยวกับพ่อแม่ของนายได้บ้างไหม?”

“ผมจำไม่ได้เลย คุณปู่หวังบอกว่า ผมถูกหยิบขึ้นมาจากหน้าประตูของสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า…” หลินหลี่ส่ายหัวไปมา

ซงซินถอนหายใจ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่หายากสำหรับผู้คนที่จะทิ้งลูกเพียงเพราะพวกเขามีข้อบกพร่องบางอย่าง แต่คนประเภทนี้ก็ยังคงมีอยู่ไม่ขาดหาย พ่อแม่เหล่านี้ไม่สมควรที่จะมีลูกที่เป็นคนซื่อสัตย์และสุภาพเหมือนกับหลินหลี่เลยจริงๆ มันก็กินเวลาประมาณ 4 วันแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขาร่วงลงมาอยู่ใต้ดิน แต่เขาก็ยังคงดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีอยู่เสมอ เขาจะให้น้ำที่สะอาดที่สุดและบิสกิตให้กับเธอ ในขณะที่เธอไม่เคยเห็นเขากินอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว…

วันที่ 5

เนื่องจากข้อสงสัยของเธอ ซงซินจึงแอบเดินตามหลินหลี่ไปอย่างเงียบๆเพื่อเฝ้าดูเขา เธอเห็นเขาหยิบขนมบิสกิตที่เปียกชื้นและหักบิสกิตออก จากนั้นเขาก็เก็บไว้เพียงหนึ่งในห้าสำหรับตัวเองเท่านั้น เธอเฝ้ามองขณะที่เขากินบิสกิตชิ้นเล็กๆที่เขาหักไว้ และดื่มน้ำสกปรกก่อนที่จะวิ่งไปหาเธอ ขณะที่เธอเฝ้ามอง เธอไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้เลย

หลินหลี่เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ออกมาอีกครั้งแล้ว เขาจึงรีบหยิบขวดออกมา “พี่สาวตัวน้อย ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าร้องไห้อีก มันเป็นการสูญเสียน้ำโดยไม่จำเป็นนะ…”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหลี่ ซงซินก็คว้าเขามากอดไว้อย่างแน่นหนาอีกครั้ง และร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น สำหรับหลินหลี่ เขาพยายามบิดตัวออกจากอ้อมกอดของเธอ และพยายามอย่างสุดความสามารถในการเก็บน้ำตา พร้อมกับปลอบโยนเธอ “อย่าร้องนะ อย่าร้อง ต่อจากนี้ผมจะออกไปดูว่าจะสามารถจับหนูมาได้ไหม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่มันก็ยังคงดีถ้าเราได้กินเนื้อสัตว์บางอย่างลงไปบ้าง…”

วันที่ 6

ซงซินต้องคอยยืนยันว่าหลินหลี่ต้องกินไปครึ่งหนึ่ง หลินหลี่กินครึ่งหนึ่งต่อหน้าเธอ จากนั้นเขาก็เดินออกไปถ่มออกมา เขาเอาสิ่งที่ถ่มออกมาวางไว้ก่อน จากนั้นเขาก็ออกไปล่าหนู แต่อย่างไรก็ตาม ฝูงหนูได้อพยพออกไปหมดแล้วหลังจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ

วันที่ 10

เมื่อไม่มีอาหารหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว ซงซินก็ยอมรับชะตามกรรมของเธอ เธอมองไปยังหลินหลี่ที่กำลังอ่อนแอ แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดีตามแบบฉบับของหลินหลี่ จนเธออดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาเป็นเหมือนกับชื่อของเขา ‘มีความสุข’ หลินหลี่ลุกขึ้นยืน “เรายังคงมีน้ำอยู่อีกเล็กน้อย ผมจะออกไปหาอาหารและน้ำดูอีกสักหน่อยแล้วกัน…”

เป็นเวลานานหลังจากนั้น หลินหลี่ก็เดินกลับมา “เราโชคดีมากจริงๆ ผมพบหนู! นอกจากนี้ยังมีน้ำสกปรกอีกด้วย มันมีกลิ่นเหม็นอยู่เล็กน้อย แต่มันน่าจะพอให้เราอยู่รอด! ทีมกู้ภัยจะต้องมาอย่างแน่นอน!”

หลินหลี่เริ่มก่อกองไฟ กลิ่นของการปรุงเนื้อหนูฟุ้งกระจายออกมา ซงซินไม่สามารถอดทนต่อกลิ่นนี้ได้ เธอกินไปนิดหน่อยแล้วหลินหลี่ก็เอาส่วนที่เหลือมาแกล้งทำเป็นว่ากินก่อนที่จะวางมันทิ้งไป จากนั้นเขาก็ส่งน้ำที่เหนียวและมีกลิ่นคาวให้เธอดื่ม เขาแกล้งทำเป็นดื่มหลังจากที่เธอดื่มลงไปแล้ว แต่จริงๆแล้วเขาไม่ได้ดื่มอะไรเลย 

 

 


ตอนที่ 363

 

วันที่ 15

ซงซินได้ดึงหลินหลี่ที่ใกล้จะตายมาไว้ในอ้อมแขนของเธอ เมื่อเธอมองดูใบหน้าอันไร้เรี่ยวแรงที่กำลังพยายามหายใจในอ้อมกอดของเธอ ทำให้น้ำตาของเธอไหลรินลงไปที่แก้มของเธออีกครั้ง ‘แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยฉันก็ได้ใช้ช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของฉันอยู่กับหลินหลี่ ฉันได้เดินทางไปทั่วโลก และเมื่อเทียบกับคนที่เรียกตัวเองว่าคนชอบธรรมอย่างไอ้สารเลวนั้น ผู้ชายที่โง่เง่าคนนี้คือคนที่สมควรจะถูกเรียกว่าลูกผู้ชายที่แท้จริงมากกว่า’ “นายเสียใจไหม? ถ้านายเก็บน้ำและอาหารให้กับตัวเอง นายอาจจะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่านี้…”

“คุณได้ช่วยเหลือโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้า และสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงแม้ว่าผมจะถูกรังแกและไม่ได้รับเสื้อผ้าที่ดีหรืออาหารที่ดี แต่ผมก็ยังมีช่วงเวลาแห่งความสุขที่นั่น เช่นเดียวกับเมื่อพวกเขามอบบิสกิตให้กับผม เช่นเดียวกับที่ผมสามารถเอาชนะพวกเขาในเกมได้” หลินหลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง

ซงซินไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลรินออกมาได้ “พวกเขาชนะนายและรังแกนาย แล้วทำไมนายถึงไม่เกลียดพวกเขาล่ะ?”

หลินหลี่ส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “พวกเราทุกคนเป็นเด็กกำพร้า พวกเขาก็กำลังทุกข์ทรมานที่ถูกพ่อแม่เอามาทิ้งไว้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่นเฉินน้อย ภายนอกเขามีความก้าวร้าวเป็นอย่างมาก แต่จริงๆแล้ว เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นแน่วแน่เป็นอย่างมาก เขามักจะกอดหมอนนอนร้องไห้ในตอนกลางคืน และร่ำร้องเรียกชื่อแม่ของเขาเสมอ ส่วนไทน้อย เขามีความโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก แต่เขาปฏิบัติกับน้องสาวของเขาด้วยความอ่อนโยน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่เคยเกลียดพวกเขา หากการกลั่นแกล้งผมจะสามารถช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นมาได้ ถ้าเช่นนั้นมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก…”

ซงซินพยายามที่จะหยุดตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา นี้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของพวกเขา “หลินหลี่ นายควรรู้นะว่านายก็เป็นเหมือนกับพวกเขา…”

“ผมไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ผมแค่ผลัดหลงกับพวกเขาไปเมื่อตอนเกิดมาเท่านั้น แม่และพ่อจะต้องมาหาผมอย่างแน่นอน…”

ซงซินรู้สึกสะเทือนใจ จนเธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เธอกอดหลินหลี่ไวอย่างเหนียวแน่น “อื้อ พวกเขาจะต้องมาหาเธออย่างแน่นอน…”

“ผมไม่ต้องการให้คุณบอกผมแบบนั้น ผมคงไม่มีโอกาสได้เจอพวกเขาแล้ว เพราะผมกำลังจะตาย ถ้าคุณรอด คุณช่วยผมตามหาพวกเขาด้วยนะ และบอกพวกเขาด้วยว่า ผมคิดถึงพวกเขามาก…” บางทีหลินหลี่อาจกำลังมาถึงช่วงสุดท้ายในชีวิตของเขา เพราะการมองโลกในแง่ดีของเขา ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดหวังและดูโศกเศร้ามาก

“ไม่ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ มันคงจะดีกว่านี้ถ้านายไม่ได้มาช่วยฉัน ทำไมกันนะ… ทำไมกัน…” ซงซินกัดฟันของเธอ และมองไปที่หลินหลี่ที่มีลมหายใจอ่อนแอ และค่อยๆอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ น้ำตาของเธอหยดลงไปบนแก้มที่สกปรกมอมแมมของเขา แสงจันทร์สาดส่องลงในช่วงเวลานี้เพื่อจุดประกายความเศร้าสลดใจของหลินหลี่ “ผมบอกคุณแล้ว เพราะว่าคุณได้ช่วยเหลือครอบครัวของผมในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ และชีวิตของคุณมีค่ามากกว่าชีวิตของผมเสียอีก ถึงแม้ว่าผมจะเกลียดเมื่อมีคนเรียกผมว่าคนโง่ แต่ผมก็รู้ดีว่าผมก็โง่เหมือนอย่างที่พวกเขาเรียกกันจริงๆ ผมไม่สามารถทำอะไรได้ดีนอกจากการเล่นลูโด แต่คุณเป็นคนที่แตกต่างจากผม คุณเป็นคนฉลาดและสวยงามมาก คุณสามารถช่วยเด็กคนอื่นๆ และเด็กกำพร้าได้อีกมากมาย สำหรับผมแล้วคุณเป็นฮีโร่ ผมได้คิดทบทวนมาเป็นอย่างดีแล้ว ถ้าผมพยายามอย่างหนัก บางทีหลังจากนี้อีก 50 ปี หรือเมื่อผมมีอายุมากกว่า 60 ปี ผมคงสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ ผมได้ยินว่ามีสิ่งใหม่ๆหลายอย่างอยู่ที่นั่น เฉินน้อยเคยพูดไว้เสมอว่า มันเป็นสรวงสวรรค์สำหรับนักผจญภัย, เด็กเนิร์ด, โอตาคุ และพวกหัวกะทิ…”

“แน่นอน แน่นอน แน่นอนว่านายจะ…” ซงซินพูดซ้ำไปซ้ำมา

“ฮี่ฮี่… ผะ ผม… สามารถปกป้องคุณได้…จนถึงตอนนี้… ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ… ลา… ก…” หลินหลี่กระซิบด้วยความยากลำบาก ในที่สุดเขาก็เอื้อมมือออกไปเพื่อต้องการสัมผัสแก้มของซงซิน แต่มือของเขาก็หมดแรงลงก่อนที่มันจะไปถึงแก้มของเธอ ซงซินคว้าจับไปที่มือของหลินหลี่อย่างรวดเร็ว และยกมือของหลินหลี่ขึ้นแนบกับแก้มของเธอ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเธอกดลงไปที่หน้าอกของหลินหลี่ และไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใดๆ เธอรู้สึกราวกับว่าหัวใจเธอถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ “ไม่นะ อย่าจากฉันไป! หลินหลี่! หลินหลี่! อ๊าา! อ๊ากกกกก!!!”

ในตอนนั้นเอง ห้องที่พวกเขาอยู่ก็พลันสว่างขึ้นมา ทีมกู้ภัยมาถึงแล้ว! พวกเขามองอย่างเศร้าใจไปยังเด็กคนหนึ่งที่กำลังนอนอย่างไร้ชีวิตชีวาภายในอ้อมกอดของหญิงสาวที่กำลังเศร้าโศกคนหนึ่ง ซงซินคิดกับตัวเอง ‘ทำไมฉันถึงได้ถูกช่วย แต่หลินหลี่กลับต้องมาตาย! เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ควรจะมีชีวิตอยู่ ฉันไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นอย่างที่เขาคิด ฉันแค่บริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพราะชื่อเสียงเพียงเท่านั้น…’

เจ้าหน้าที่กู้ภัยมองไปที่ร่างของหลินหลี่และร้องไห้ออกมา “เขาตัดเส้นเลือดที่มือซ้ายของเขา และพันผ้าปกปิดเอาไว้ เขายังตัดบางส่วนของต้นขาของตัวเองด้วยบางสิ่งบางอย่าง และฆ่าเชื้อบาดแผลตรงต้นขาของเขา หัวใจของเขาหยุดเต้นไปแล้ว สาเหตุของการตายเกิดจากการอ่อนแอโดยการขาดอาหารและการสูญเสียเลือด เด็กคนนี้ไม่ได้กินอาหารมาตั้ง 7 วัน…”

จู่ๆโลกดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวและสีดำ เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกดทับไปที่หัวใจของเธอ ซงซินได้แน่นิ่งไปอย่างสมบูรณ์ เธอนึกไปถึงตอนที่หลินหลี่บอกว่าเขาพบหนูและน้ำสกปรก ‘นั่นเป็นเนื้อและเลือดของเขา!?’ เธอมองไปที่หลินหลี่ที่แน่นิ่ง จนรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอได้หยุดนิ่ง ‘เพื่อฉันแล้ว เขา…’ เธอคิดย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน หลินหลี่บอกว่าโชคของพวกเขาดีมากด้วยรอยยิ้ม ‘ฉันควรจะสงสัยเมื่อเขาบอกว่าเขาพบเนื้อสัตว์และน้ำ!’ เธอกำหมัดของเธอไว้อย่างแน่นหนา จนเล็บของเธอทิ่มแทงไปที่ฝ่ามือจนมีเลือดไหลออกมา เธอได้ร้องไห้จนน้ำตาของเธอแห้งเหือดไปหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงสามารถทำได้แค่เพียงมองไปยังร่างกายของหลินหลี่ ที่กำลังถูกใส่เข้าไปในถุงใส่ศพอย่างช้าๆ ‘ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ!’ ซงซินทำได้แค่เพียงพูดคำเหล่านี้กับตัวเองซ้ำๆเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ เธอก็จะแลกชีวิตของเธอกับเขา เธอละเลยความเจ็บปวดที่ขาของเธอ และคุกเข่าลงบนพื้น “ฉันขอร้องคุณ! ได้โปรดช่วยเขาด้วย! ได้โปรด! ฉันขอร้อง! ได้โปรดเถอะ!”

“คุณผู้หญิง เด็กคนนี้ได้ตายไปแล้ว…” พนักงานกู้ภัยมองไปที่เธอ ก่อนที่เขาจะพูดจบ พยาบาลก็ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ “หัวใจของเด็กคนนี้ยังคงเต้นอยู่”

“เร็วเข้า! รีบส่งเขาไปที่ห้องฉุกเฉิน!” เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำหลินหลี่เข้าไปในรถ ซงซินเต็มไปด้วยความยินดี และพบว่าเธอไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แม้ว่าขาของเธอจะไม่รู้สึกใดๆ แต่ขาของเธอก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้ามาช่วย เขาบอกว่าเธอโชคดีมากที่เธอได้ฆ่าเชื้อที่บาดแผลไปก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องตัดขาของเธอทิ้ง

ซงซินนึกไปถึงเห็ดเหม็นของหลินหลี่ ตั้งแต่ต้นจนจบเขาเป็นคนที่คอยปกป้องเธออยู่เสมอ เธอกัดฟันและสะบัดหัวไปมา เธอผลักรถเข็นของเธอไปหาหลินหลี่ที่ห้องฉุกเฉิน และรอฟังอาการของหลินหลี่จากหมอ ในที่สุดเมื่อเธอได้ยินว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว เธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความปิติยินดี เธอผลักรถเข้าไปในห้องของเขา และเฝ้าดูลมหายใจที่แผ่วเบาภายใต้หน้ากากออกซิเจน มีรอยกรีดข้อมือของเขาอยู่หลายรอย และต้นขาของเขาก็เริ่มถูกรักษาด้วยการบำบัดฟื้นฟู ซงซินมองบาดแผลเหล่านี้ค่อยๆงอกเงยเนื้อใหม่ขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถตัดเนื้อตัวของตัวเองได้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำมันได้อย่างไร การให้ใครสักคนกินเนื้อของเขา และดื่มเลือดของเขา เพียงเพื่อให้พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ เธอกุมมือของเขาและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอยู่ข้างๆเขา เมื่อซุนเฉาเดินเข้ามา เธอก็ระเบิดอารมณ์โกรธทั้งหมดที่มีไปที่เขา และยกเลิกการแต่งงานอย่างจริงจัง ครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วยในการที่เธอทำเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงถูกยกเลิกสิทธิ์ในการรับมรดกของเธอ และถูกโอนมอบสิทธิ์ให้กับเหล่าพี่น้องของเธอแทน เธอเพียงแค่อยากอยู่ใกล้กับคนที่กำลังอ่อนแอที่กำลังขาดเลือด และหมดสติอย่างหลินหลี่ เธอต้องการดูแลเขาไม่ว่าจะเป็นเวลากี่เดือนก็ตาม จนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมา

ซงซินนึกถึงตอนที่เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าเขาไม่ตาย เขาสัมผัสไปทั่วทั้งตัวของเขา เพื่อที่จะแน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป เมื่อเขาเห็นเธออยู่ที่ประตู เธอฟังเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “อ่า ผมยังไม่ตายใช่ไหม!?”

ซงซินเข้าไปกอดหลินหลี่ไว้อย่างเหนียวแน่น เธอยังคงดูแลเขาในขณะที่เขาต้องใช้เวลาฟื้นตัว ซุนเฉากลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่เธอละเลยและไม่สนใจเขา และเธอยังได้บอกกับหลินหลี่ว่าเธออยากแต่งงานกับเขา

ซงซินมองไปที่หลินหลี่ ในขณะที่เขาพยายามจะปกปิดความรู้สึกของความต่ำต้อย “ผมไม่มีเงิน และผมเป็นเด็กกำพร้า ผมถูกรังแกโดยคนอื่นๆ ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผม เพราะพวกเธอคิดว่าผมมาจากท่อระบายน้ำ ผมตัวเหม็น และผมก็กินขนมปังนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นไปหนึ่งครั้ง แต่… แต่ผมหิวมากจริงๆ ผมรู้ว่าผมจะทำให้ชีวิตของคุณยุ่งวุ่นวาย เพราะผมเป็นตัวซวย…”

เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลินหลี่ น้ำตาของซงซินก็ไหลรินออกมา เธอยิ้มในขณะที่เธอกอดเขาแนบที่หน้าอกของเธอ แม้จะมีคำพูดนับหมื่นนับพันคำ แต่มันก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกที่อยู่ภายในหัวใจของเธอออกมาได้ เธอพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “นายจะเป็นคู่หมั้นของฉัน และเมื่อนายโตขึ้น พวกเราจะแต่งงานกันนะ…”

จากนั้นเธอก็ทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้หลินหลี่ได้เข้ามหาวิทยาลัยหลินไห่ แม้ว่าเขาจะเข้าได้โดยวิธี ‘ประตูหลัง’ ถ้าเธอรอให้เขาใช้ความพยายามของตัวเองจริงๆ เธออาจต้องรอจนกว่าเขาจะมีอายุถึง 60 ปี ตอนนี้หลินหลี่ยังคงมีปัญหาในการตอบรับความรักของซงซิน เพราะว่าเขารู้สึกว่าเขาไม่ดีพอสำหรับเธอ…

 

 

 


ตอนที่ 364

 

“หลินหลี่ มันเป็นฉันมากกว่าที่ไม่คู่ควรกับนาย ทั้งหมดที่ฉันสามารถให้นายได้ก็คือขนมปังก้อนเดียว ในขณะที่นายเป็นเหมือนเรือที่ให้ฉันได้พักพิงอย่างปลอดภัย แม้จะอยู่ท่ามกลางลมมรสุมก็ตาม ..” ซงซินหยิบเอาภาพวาดดินสอสีที่เธอพกติดตัวไว้ตลอดเวลาขึ้นมาดู แววตาของเธอดูอ่อนโยน แม้ว่ารูปวาดนั้นจะย่นและฉีกขาดบางส่วน แต่เธอก็เก็บมันไว้ในกระเป๋าสตางค์ของเธอเป็นอย่างดี เมื่อเธอไปที่ไหน เธอจะนำภาพวาดของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่คดเคี้ยวไว้กับตัวอยู่เสมอ

ณ.สนามแข่งขัน

ThornyRose ถอนหายใจ เธอจนปัญญาแล้วที่พยายามจะจัดการกับพวกผู้ชายเหล่านี้ เธอเริ่มวางแผนสำหรับโหมดฮีโร่อย่างจริงจัง ด้วยฝีมือที่ทรงพลังของ BlackForestMoon ที่เล่นตัวนักเวทลี้ลับแล้ว ตัวซุ่มยิงอย่าง ElegantFragrance จำเป็นต้องมีอยู่ในทีม ความสามารถในการต่อสู้ตัวต่อตัวของนักดาบปีศาจนั้น มีความแข็งแกร่งพอที่จะชนะตัวละครแร็งค์ SS ได้ แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในการต่อสู้ประเภททีมดี ทีมศัตรูมีตัวละครแร็งค์ SS ตั้งสองตัว นอกจาก BlackForestMoon แล้ว ยังมีสมาชิกคนที่ 6 ที่มีตัวละครแร็งค์ SS เขาคือ ผู้ทำนาย – BrilliantZhuge แม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกคนที่ 6 แต่เขาก็เป็นถึงรองหัวหน้าของทีม เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ในครั้งก่อน แต่เมื่อไหร่ที่เขาออกมาต่อสู้ร่วมกับ BlackForestMoon พวกเขาทั้งสองคนจะเป็นตัวปัญหามาก นักเวทลี้ลับและผู้ทำนาย! ***(Arcanist=นักเวทลี้ลับ)***

ThornyRose รวบรวมผู้เล่นตัวจริงที่ทรงพลังมากที่สุดในแต่ละเลนได้แก่ เย่ฉาง / SpyingBlade, หลินหลี่, จางเจิ้งเฉียง, ElegantFragrance, FrozenBlood / SpyingBlade และตัวเธอเอง การที่เธอไม่เลือกตัวซับพอร์ทลงก็เพราะมันดูไร้ความหมาย เมื่อต้องต่อสู้กับทีม Heavenly Oath ความสามารถในการทำดาเมจของพวกผู้ใช้เวทฝ่ายศัตรูมีมากเกินไป สุดท้ายแล้วเธอไม่ได้เลือก SpyingBlade ลงแข่งด้วย มันเป็นความจริงที่พวกเขาไม่ควรที่จะแสดงพลังออกไปทั้งหมดก่อนที่จะเข้าสู่ท็อป 16

“ผมขอเลนบน …” หลินหลี่พูดพร้อมกับเชิดคางขึ้น จากนั้นเขาก็วิ่งไปยังเลนบนทันที

“งั้นฉันจะอยู่เลนกลางอีกครั้ง” จางเจิ้งเฉียงวิ่งไปเลนกลาง

“เฮ้อ! ช่วยไม่ได้ งั้นฉันจะเอาเลนล่าง …” เย่ฉางถอนหายใจและกำลังจะมุ่งหน้าไปยังเลนล่างแต่ถูก ThornyRose ดึงเขาเอาไว้เสียก่อน “นายไปฟาร์มป่าซะ ถ้าฉันเดาไม่ผิด เลนกลางควรจะเป็นคู่คอมโบของนักเวทลี้ลับและผู้ทำนาย ElegantFragrance ไปเลนกลางและดูว่าเธอจะสามารถรับมือพวกเขาได้หรือไม่ ฉันไม่คาดหวังว่าเธอจะกดดันพวกเขาได้ แต่อย่างน้อยให้รักษาป้อมตรงกลางไว้ก่อน เพื่อถ่วงเวลาให้หลินหลี่โหดก่อน …”

“ฉันเป็นเอซนะ ชัยชนะของทีมควรขึ้นอยู่กับฉันสิ …” เย่ฉางพูดอย่างไม่แยแส

“นายรีบเข้าป่าไปๆซะที…” ThornyRose พาเธอคู่หูทองคำของเธอ Frozenblood ไปที่เลนล่าง

เย่ฉางเห็นว่าเลนทั้งหมดถูกจับจองไปหมดแล้ว เขาจึงได้แต่ถอนหายใจ เขาทำได้เพียงแต่เดินเข้าไปในป่าเท่านั้น

ทางด้านทีม Heavenly Oath นั้น BlackForestMoon มองไปที่ BrilliantZhuge จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองทุกคน “แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้เกี่ยวกับการคอมโบของนักเวทลี้ลับและผู้ทำนายแต่เราจะยึดตามแผนนี้ต่อไป เพราะในการต่อสู้ตัวต่อตัวนั้น พวกเขามีความแข็งแกร่งมากเกินไป และความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นอาจอยู่ในระดับสูงสุดของสหพันธ์ พวกสามพี่น้องมีความสามารถที่จะผ่านการทดสอบเลื่อนขั้นและได้รับตัวละครแร็งค์ SS ส่วน SpyingBlade ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก แม้แต่ MistyVeil แห่งสี่ราชันสวรรค์ก็ยังถูกฆ่าโดยเขา ในช่วงต้นเกม ให้ทุกคนเน้นปลอดภัยไว้ก่อน พวกเราอย่าไปสู้กับพวกเขาล่ะ เราจะรอจนกว่าจะถึงช่วงกลางเกม จากนั้นเราค่อยบุกอย่างเต็มพลัง…”

“รับทราบ” ทุกคนตอบ

“ดูเหมือนทีม Heavenly Oath ตั้งใจเลือกที่จะเน้นป้องกัน และรอโอกาสเหมาะๆในการใช้คอมโบของนักเวทลี้ลับและผู้ทำนาย สไตล์ที่เน้นปลอดภัยและมั่นคงแบบนี้เหมาะกับพวกเขามาก ในการเจอกับศัตรูที่แตกต่างกัน พวกเขามักจะใช้ยุทธศาสตร์ที่ไว้ใจได้มากที่สุด และเล่นอย่างสม่ำเสมอที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ …” พี่ใหญ่เฉามองไปที่กิริยาท่าทางของสมาชิกทีม Heavenly Oath

“นั่นเป็นเหตุผลที่ทีม Heavenly Oath วางตัวผู้เล่นและรูปแบบแบบนั้นใช่ไหม? ไม่เลวเลย …” พี่ใหญ่จงพูด มันน่าเสียดายที่สไตล์ที่เน้นปลอดภัยและมั่นคงแบบนี้ ไม่เหมาะกับคุณสมบัติในการเป็นราชา ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาอาจเป็นได้แค่ขุนนางชั้นสูงแต่ไม่ใช่ราชา เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับสี่กิลด์ใหญ่แล้ว พวกเขาแทบไม่มีโอกาสที่จะชนะเลย กลยุทธ์ของพวกเขาไม่ฉลาดเท่ากับ MistyVeil เลย, พวกเขาไม่กล้าหาญเหมือน Mad War, พวกเขาไม่มีความสมดุลเหมือน Freedom Alliance สำหรับ Flame Dragon Union พวกเขาไม่สามารถเปรียบเทียบได้แม่แต่เพียงเสี้ยวเดียว …

“ในเลนกลางเป็น BlackForestMoon และ BrilliantZhuge ซึ่งเป็นคู่หูสายเวทคอมโบ พวกเขาต้องเจอกับจ้าวแห่งเพชรและ ElegantFragrance ซึ่งแทบจะไม่สามารถบุกไปข้างหน้าได้เลย จอมหมัดเหล็กเป็นตัวละครสายประชิดตัว ในการเจอกับคอมโบของสองผู้ใช้เวทแบบนี้ ฉันเกรงว่าเขาคงจะลำบากมาก หากไม่มี ElegantFragrance คอยช่วยเหลือ…” ซูหยี่ยี่มองไปยังครีปที่เข้ามาใกล้และพูดขึ้น

จางเจิ้งเฉียงมีอารมณ์บึ้งตึง เขาไม่สามารถเข้าไปใกล้พวกเขาได้เลย ขณะที่เขาพยายามเข้าใกล้ พวกเขาจะถอยกลับไปและคอยโจมตีใส่เขาด้วยระยะโจมตีที่ไกลกว่า หากไม่มีการยิงสนับสนุนของ ElegantFragrance แล้วล่ะก็ เขาอาจมีปัญหาแม้กระทั่งการได้รับดวงวิญญาณจากครีป ‘เชี่ย! รอจนกว่าเพื่อนฉันจะมาก่อนเถอะ จากนั้นเราจะจับพวกตุ๊ดนี้ยัดลงถังขยะแล้วส่งกลับบ้านเกิด’

เย่ฉางมองพวกก็อบลินที่กำลังเต้นอยู่หน้ากองไฟและพูดพึมพำว่า “ถึงแม้จะไม่มีข้อข้องใจใดๆระหว่างเรา แต่ในฐานะที่ฉันเป็นเอซของทีม ฉันต้องการดวงวิญญาณและประสบการณ์จากพวกนาย …” ราวกับว่าเขาไม่สามารถทนมองต่อไปได้ เขาลงมือฆ่าพวกมันและหันหลังกลับทันที “ลาก่อน …”

“……” พวกผู้ชมต่างเหงื่อเย็นออกมา มีความจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องบิ้วอารมณ์ก่อนการฆ่าครีปป่า!

เมื่อเย่ฉางมีเลเวล 2 แล้ว เขาตรวจสอบสถานการณ์ในเลนต่างๆ พวกเขาทั้งหมดยังคงเลเวล 1 กันอยู่ เขามีความคิดที่จะเข้าไปเก้ง แต่พวกเขาอาจจะเลเวลอัพในช่วงเวลาที่เขากำลังเดินทางไปหาก็ได้ เขาจึงยกเลิกความคิดนี้ไปซะ เขาใช้ดวงวิญญาณที่มีทั้งหมดอัพเกรดอาวุธของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มไปยังป่าอื่นๆอย่างรวดเร็ว

ThornyRose มีเลเวล 2 และครีปฝั่งของเธอกำลังดันขึ้นไปที่ป้อมของศัตรู FrozenBlood ปล่อยให้เธอเป็นคนลาสครีปเพื่อเก็บดวงวิญญาณทั้งหมด ซึ่ง ThornyRose ใช้อัพเกรดเกราะของเธอ ทำให้ตอนนี้เธอไม่กลัวการโจมตีของนักธนูฝ่ายตรงข้าม การรับมือกับพวกนักธนูเป็นหนึ่งในความพิเศษของเธอ ในความเป็นจริง นักธนูหลายคนจะมีปัญหาในการปะทะกับตัวละครของเธอ

“ต้องการที่จะฆ่าพวกเขาไหม? ทั้งสองคนมีพลังชีวิตเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวแล้ว …” FrozenBlood ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ

“อย่าเสี่ยงเกินไปจะดีกว่า พวกเขาต้องการจะล่อลวงให้เราโจมตีในป้อม ถึงแม้ว่าเราจะฆ่าพวกเขาตาย แต่เราก็อาจไม่รอด …” ThornyRose พูดไม่ทันจบ เธอได้เห็นสัญญาณมือบางอย่างจากพุ่มหญ้าด้านหลังศัตรู ThornyRose พูดอย่างเงียบๆว่า “ FrozenBlood เตรียมโจมตี …”

“ในขณะที่เราคอยระวังอยู่ใต้ป้อมแบบนี้ พวกเขาไม่กล้าโจมตีเราหรอก แต่สมกับเป็นคู่หูทองคำจริงๆ เราถูกกดดันจนได้รับดวงวิญญาณแค่เพียงครึ่งเดียว …” Akai เพิ่งถอนหายใจ จู่ๆก็เห็นว่า ThornyRose พุ่งเข้าใส่พวกเขา “พวกเขากำลังจะโจมตีเรา! ระวังตัวด้วย! รอฆ่าพวกเขาอยู่ภายในป้อมนี่กันเถอะ!”

คนที่อยู่ข้างๆ Akai คือ BlackPhoenix ซึ่งกำลังเตรียมที่จะใช้สกิลการควบคุม จู่ๆเธอก็รู้สึกเสียวสันหลัง มีดาบเจาะทะลุผ่านตัวเธอไป Akai มองไปที่ยังดาบที่ทะลุออกมาจากหน้าอกของ BlackPhoenix ‘เป็นเขา!’

เย่ฉางถูกป้อมยิงใส่ และสามารถฆ่า BlackPhoenix ด้วยการคอมโบใส่ในขณะที่เธอหันกลับมาบล็อคการโจมตีจากเขา และเย่ฉางยังถูก Akai ยิงลูกศรใส่อีกด้วย เขาไม่สามารถวิ่งหนีออกจากระยะการโจมตีของป้อมได้ทัน แต่ในขณะที่ลำแสงจากป้อมกำลังเตรียมพร้อมที่จะยิงใส่เขาอีกครั้ง เขาก็เปิดใช้สกิล [Blade Edge Blink] กับครีปฝั่งตัวเอง และพุ่งออกพ้นระยะการโจมตีของป้อมอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ขั้นตอน ThornyRose ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ป้อมยิงเย่ฉางอยู่ร่วมมือกับ FrozenBlood ฆ่า Akai ตายลงไป จากนั้น ThornyRose ก็รีบวิ่งหนีออกจากป้อม เธอถูกป้อมยิงเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น

“Akai พวกคุณทั้งสองต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น คุณควรใส่ใจกับสภาพแวดล้อมให้มากขึ้นกว่านี้อีก ฉันกลัวว่านักดาบปีศาจคนนี้จะเก้งได้เก่งกว่า FrozenBlood เสียอีก นี่เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก …” BlackForestMoon ไม่คิดว่าสัญชาตญาณของเย่ฉางในการเก้งจะดีมากขนาดนี้ เขาแทบไม่ได้สังเกตเห็นเย่ฉางเดินเข้าไปในป่าของพวกเขาและเก้งจากด้านหลังแบบนี้เลย

“ในอนาคต ฉันจะให้เจ้าบ้าคนนี้เป็นตัวป่าประจำไปเลย เรามีการแข่งขันในเลนต่างๆมากเกินไปแล้ว ในขณะที่นักดาบปีศาจมีการโจมตีแบบเซอร์ไพรส์ที่ดีกว่าในช่วงต้นเกมแบบนี้ มันจะน่าเสียดายถ้าเราไม่ใช้ประโยชน์จากมัน เขาสามารถฆ่าศัตรูได้ทันที ถึงแม้จะเหลือพลังชีวิตเพียงแค่ครึ่งเดียวก็เถอะ แถมยังหลบหนีออกมาจากป้อมด้วยการใช้สกิล [Blade Edge Blink] แม้กระทั่งใช้เอฟเฟคจากสกิลนี้บล็อคลูกศรที่พุ่งใส่เขาได้อีกด้วย …” ThornyRose พูดขึ้นมา

“เขาสามารถเล่นโซโล่เลนหรือตัวป่าก็ได้ ความสามารถในการฆ่าของหัวหน้าทีมในโซโล่เลนนั้นอยู่ในระดับแนวหน้า …” FrozenBlood เริ่มพูดคุยกันภายในพุ่มหญ้า

 

 

 


ตอนที่ 365

 

หลังจากฆ่าศัตรูเสร็จแล้ว เย่ฉางได้อัพเกรดอาวุธของเขาอีกครั้ง และเริ่มเดินไปทางเลนกลาง เขาซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับครีปป่าบางชนิด เย่ฉางย่อตัวนั่งลงรอเหยื่อเข้ามาใกล้เหมือนพวกนักล่า

HundredGain มองไปที่ต้นไม้ต้นนั้นอย่างระมัดระวัง เขาไม่สามารถมองเห็นเย่ฉางได้ แต่เขาคิดว่านักดาบปีศาจเพิ่งฆ่าฝั่งเขาไปเมื่อเร็วๆนี้ ตอนนี้ควรจะมุ่งหน้ากลับไปฟื้นฟูพลังชีวิตที่ฐานตัวเอง เขาต้องการที่จะไปถึงเลเวล 3 ให้ไวที่สุด เย่ฉางที่กำลังซ่อนตัวอยู่กระชับดาบยาวแน่นเมื่อเขาเห็น HundredGain เข้ามาฟาร์มครีปป่าใกล้ๆต้นไม้ เย่ฉางใช้สกิล [Blade Edge Sprint] พุ่งเข้าไปหาเขาทันที ด้วยอาวุธขั้น 3 ของเขาสามารถเจาะทะลุผ่านทั้งกากอยและ HundredGain จากนั้นเขาเริ่มทำการคอมโบ ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นและยังช่วยลดเวลาคูลดาวน์สกิลของเขาอีกด้วย และแล้ว HundredGain ก็โดนฆ่าไปอีกคน

“รอบนี้เรากำลังจะพ่ายแพ้ เราไม่สามารถหยุดยั้งนักดาบปีศาจคนนี้ได้เลย…” BrilliantZhuge พูด

“ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ThornyRose พบตัวประหลาดที่น่ากลัวจริงๆ ขอแค่เราสู้ให้ดีที่สุดก็พอ” BlackForestMoon ยิ้มและยักไหล่

หลินหลี่ส่งเสียงคำราม เขาหลบการลอบโจมตีของ HundredGain จากนั้นก็หันกลับไปและเบี่ยงตัวหลบดาบยาวของ GatherSand เขาฉวยโอกาสนี้ใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวกับพื้น และส่งแรงหมุนตัวเตะส่ง HundredGain บินลอยออกไป ส่วนเท้าอีกข้างหนึ่งก็เหวี่ยงไปที่หน้าของ GatherSand แต่ถูกบล็อคโดยดาบยาวของเขา แต่ด้วยพละพลังที่มากมายมหาศาลของหลินหลี่ GatherSand ถูกแรงปะทะผลักกระเด็นถอยหลังออกไปหลายเมตร เมื่อหลินหลี่หมุนตัวร่อนลงพื้นเสร็จ เขารีบคว้าดาบยักษ์และเปิดใช้สกิล [Giant Heavy Strike] เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านั้น การฟันในครั้งนี้เร็วมากจนดูเหมือนเป็นภาพเบลอ มันเป็นการยากที่จะจินตนาการได้ว่า การโจมตีในครั้งนี้เป็นการโจมตีของนักรบดาบยักษ์ แทนที่จะเป็นนักดาบประเภทความเร็วมากกว่า ดาบยักษ์ได้ตัดร่าง HundredGain ออกเป็นสองส่วน โดยไม่หยุดชะงักหลินหลี่ใช้สกิล [Giant Assault] และทุบใส่ครีปที่อยู่ด้านหน้า GatherSand ครีปกระเด็นไปชนเขาอย่างแรงและทำให้เขาติดสตั้น ตามมาด้วยแสงแฟลชที่พุ่งผ่านเขาและมีเลือดพ่นออกมา ขณะที่เขาถูกตัดออกเป็นสองส่วน มันเป็นฉากที่เต็มไปด้วยเลือดจำนวนมาก

“สุดยอด! นักดาบปีศาจผู้ซึ่งฆ่าศัตรูด้วยการฟันนับพันดาบ และตอนนี้ยังมีนักรบดาบยักษ์ที่ใช้หนึ่งการโจมตีหนึ่งศพ ฉันรู้สึกเหมือนว่ากำลังเฝ้าดูสไตล์การหลบและการฆ่าของ Angelite เลย”

“อ่าา! Angelite ยังคงแข็งแกร่งมากกว่านี้ ภายใต้ค้อนสงครามของเขา แม้แต่ราชันสวรรค์ก็อยากที่จะต้านทานได้…”

“อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกเหมือนว่าปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งมีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นเทพแห่งอาวุธหนักได้ บางทีอาจจะแข็งแกร่งพอๆกับ Angelite เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ฉันว่าสไตล์การต่อสู้ของเขานั้นแตกต่างไปจาก Angelite นะ”

“อ่า! จากสิ่งที่ฉันเห็นในตอนนี้ แม้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ แต่คุณไม่ได้คิดอะไรมากเกินไปหน่อยหรือ!? …”

“ในสมัยก่อน เมื่อจักรพรรดิดอกเบญจมาศปรากฏตัวครั้งแรก ไม่ใช่ว่าเขาก็เคยโดนดูถูกแบบนี้หรอกหรือ? แต่เขาก็ใช้การเคลื่อนไหวที่เลื่อนไหล ความแข็งแกร่ง ความอหังการ เสน่ห์และความโชคดีจนประสบความสำเร็จสูงสุดในเกมได้ …”

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้เลย จักรพรรดิดอกเบญจมาศเป็นใครกัน เขาเป็นคนเหนือคนที่ทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือนมาแล้ว … เมื่ออายุแค่ 13 ปี เขาก็กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งในโลกจริงและโลกเสมือนแล้ว มีข่าวลือว่าเขานำยุคทองออกจากระบบสุริยะไป บางทีในตอนนี้เขายังคงเฉิดฉายอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ …”

“มันเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว จักรพรรดิดอกเบญจมาศควรจะตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ก้านดอกเบญจมาศมันน่ากลัวอย่างแท้จริง พวกมหาวิทยาลัยทั้งห้าใช้มันในการทำโทษพวกเหล่านักศึกษาที่ทำผิดกฏร้ายแรง…”

“ฉันเคยโดนมันตีและแทงมาก่อน …”

“นายทำผิดอะไรมา…”

“แอบมองผู้หญิงอาบน้ำ …”

“เดี๋ยวก่อน! นายถูกแทงโดยผู้ชายหรือผู้หญิง?”

“ผู้หญิง …”

“โอ้วว! มันต้องรู้สึกดีมากๆเลยใช่ไหม!?”

“……”

ที่ไหนสักแห่ง

“ฮ่าๆ พี่ใหญ่! นี่คือสมุนไพรที่ผมและน้องสาวเก็บมาได้! นี่สำหรับที่พี่ชอบพูดใส่ร้ายผมต่อหน้าอาจารย์!…”

“หลินน้อย อาจารย์ขอตัวไปทำธุระก่อนนะ …”

“อาจารย์! รอเดี๋ยว! นี่คือการเอาคืนที่อาจารย์คอยเอาแต่เชื่อคำพูดของพี่ใหญ่! และชอบใช้ให้ผมทำแต่ … เอ่อ! ขอคิดดูก่อนนะ … ช่างเถอะ! ผมจำไม่ได้แล้ว! แต่ยังไงนี่ก็เป็นความผิดของอาจารย์ทั้งหมด!”

“อ๊ากก !! อ๊ากก!”

หญิงสาวหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ขณะที่เธอเฝ้าดูเด็กหนุ่มตัวเล็กๆคนหนึ่งเอาไม้คทาไล่แทงใส่ก้นพี่ใหญ่และอาจารย์ของเธอ เสียงกรีดร้องที่โศกเศร้ามากดังก้องไปทั่ว ทำให้เธอไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป ‘พี่ใหญ่และอาจารย์ไปสู่ที่ชอบๆเถอะนะ…

กลับมาที่การแข่งขันอีกครั้ง

หลินหลี่มีเลเวล 4 และอาวุธของเขาได้รับการอัพเกรดเป็นขั้น 3 เนื่องจากเขาไม่มีอุปกรณ์อื่นๆในการอัพเกรดนอกเหนือจากอาวุธของเขาแล้ว สิ่งอื่นที่เขาสามารถอัพเกรดได้ก็คือพลังซี่ เขามีดวงวิญญาณมากพอที่จะอัพเกรดพลังซี่ของเขาเป็นขั้น 2 ทำให้ค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้นและทำให้เขาได้รับสกิลติดตัวใหม่คือ [Qi Blade] (เพิ่มดาเมจ)

“ดูเหมือนทีม Heavenly Oath จะพ่ายแพ้ในรอบนี้ พวกเขาพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นท่าเลยทีเดียว” พี่ใหญ่เฉาถอนหายใจ ความสามารถในบุกโจมตีของ ThornyRose มีพลังมากเกินไป และพวกสามพี่น้องก็กล้าหาญและกล้าได้กล้าเสียมากๆ

“มีเพียงแค่เลนกลางที่พวกเขายังคงมีข้อได้เปรียบเล็กๆน้อยๆอยู่ ในเลนบนนั้นโดนปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งกำราบซะจนอยู่หมัด ด้วยความเร็วของแอสซาซินและความแข็งแกร่งของนักรบดาบยักษ์ ทำให้เขาเหมือนเป็นสัตว์เดรัจฉาน เขายังมีสกิลติดตัวที่ทำให้เขาสามารถเพิ่มค่าสถานะได้จากการฆ่าฝ่ายตรงข้าม ความสามารถและทุกสกิลของตัวละครนี้ สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในโหมดใดก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่โหมดความบันเทิง แม้กระทั่งในสงครามคริสมาสต์ที่ยิ่งใหญ่ ตัวละครตัวนี้สามารถจัดการได้เกือบทุกสถานการณ์ มองไปที่นั่นสิ ขนาดเขาโดนป้อมยิงใส่ แต่พลังชีวิตของเขาแทบจะไม่ลดลงเลย สกิลที่สร้างบาเรียพลังซี่ของเขาคือสกิลการป้องกันที่น่าประทับใจมากๆ ความตายครั้งแรกของเขาก่อนหน้านี้ ต้องเป็นเพราะว่าเขารู้สึกตื่นเต้นและลืมที่จะใช้มัน ถ้าฉันเดาไม่ผิด ความสามารถนี้จะช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงหนึ่งเอฟเฟคดีบัฟได้อีกด้วย …” พี่ใหญ่จงวิเคราะห์

“คุณจะไม่ไปดูการแข่งขันของทีม Flame Dragon Union กันบ้างหรือ?” ซูหยี่ยี่รู้ว่าทีม Flame Dragon Union กำลังมีการแข่งขันอยู่ในขณะนี้

“มันไม่ใช่แมตช์ที่สำคัญมากนัก พวกเขาต่อสู้กับทีม Night Flower ซึ่งจะเป็นชัยชนะอยู่ฝ่ายเดียว มันไม่เป็นที่น่าสนใจเหมือนเช่นที่นี่ ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรนะ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกสามพี่น้องลงแข่ง มันมีบางสิ่งบางอย่างในตัวพวกเขาที่ทำให้ผู้ชมอยากดู พวกเขาทำให้ผู้ชมต่างลุ้นระทึกไปกับสิ่งแปลกๆที่พวกเขาจะทำ” พี่ใหญ่เฉากล่าว

“ถูกแล้ว ความแข็งแกร่งของทีม Night Flower มีค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย และเมื่อมาเจอกับทีม Flame Dragon Union แล้ว มันก็เหมือนเป็นเพียงการจัดนิทรรศการโชว์เท่านั้น ไม่มีอะไรให้ชม เว้นเสียแต่ว่า Flame Emperor ก็ตัดสินใจที่จะออกมาแข่งด้วยตัวเอง แต่ที่นี่เรามีพวกสามพี่น้องที่ชอบทำในสิ่งที่น่าสนใจอยู่เสมอ …” พี่ใหญ่จงพยักหน้า

หลินหลี่แบกดาบยักษ์พาดบ่าเดินผ่านแม่น้ำไปยังเลนกลาง จางเจิ้งเฉียงกำลังเดือดพล่านด้วยความโกรธ เมื่อเขาสังเกตเห็นเย่ฉางซุ่มพร้อมรอที่จะโจมตีอยู่ด้านหลังป้อม และเห็นหลินหลี่เดินมาถึงเลนกลาง ElegantFragnance จางเจิ้งเฉียง และหลินหลี่รวมพลังกันดันครีปเข้าไปในป้อม แต่ด้วยการคอมโบที่ทรงพลังของนักเวทลี้ลับและผู้ทำนาย แม้แต่หลินหลี่ก็ประสบปัญหาในการที่จะเข้าไปปะทะได้…

“บ้าเอ้ย! หลินหลี่นายไปจัดการป้อมซะ ฉันและเพื่อนจะฆ่าทั้งสองคนนั้นเอง …” จางเจิ้งเฉียงพูดด้วยเสียงต่ำ หลินหลี่พยักหน้า “ได้เลยพี่ใหญ่เฉียง”

ElegantFragnance ขมวดคิ้ว มันอันตรายเกินไป! ฝ่ายตรงข้ามเป็นนักเวทลี้ลับและผู้ทำนาย ซึ่งมีสกิลการควบคุมสนามรบมากมาย การโจมตีพวกเขาภายใต้ป้อมแบบนี้มันมีอันตรายมากเกินไป เธอกำลังจะหยุดพวกเขา แต่หลินหลี่ควงดาบยักษ์ผลักดันครีปฝั่งตัวเองขึ้นไปที่ป้อมจางเจิ้งเฉียงชาร์ตพลังซี่และเดินตามไป เย่ฉางขมวดคิ้ว กำลังเสริมของฝั่งศัตรูกำลังใกล้มาถึงแล้ว พวกเขาไม่มีเวลาลังเลใจ! เขาจึงตัดสินใจใช้สกิล [Blade Edge Sprint] พุ่งเข้าไปอยู่ตรงหน้าไม้เท้าของ BrilliantZhuge จู่ๆร่างของเย่ฉางถูกหยุดยั้งไว้และเริ่มกระเด็นลอยถอยหลังไปสองสามเมตร ราวกับว่าเขาชนเข้ากับกำแพงอย่างจังและเด้งออกมา

ในขณะที่เย่ฉางลอยตัวไปข้างหลัง เขาพลิกตัวกลางอากาศและใช้เท้าเตะพื้นพุ่งเข้าไปอีกครั้ง BlackForestMoon ทำสัญลักษณ์มือส่งลูกบอลพลังงานสามลูกลอยออกมา พวกมันมีสีแดง, สีเขียวและสีฟ้า ElegantFragrance ยิงลูกศรทำลายลูกบอลพลังงานสีฟ้าที่ดูอันตรายมากที่สุดไป “หลินหลี่ระมัดระวังตัวด้วย ลูกบอลพลังงานสีแดงกำลังเข้ามาใกล้แล้ว! ลูกบอลพลังงานสีเขียวเป็นสารพิษที่ทำให้เป็นอัมพาต!”

 

 

 


ตอนที่ 366

 

BlackForestMoon ส่งลูกบอลพลังงานสีแดงบินไปยังหลินหลี่ และลูกบอลพลังงานสีเขียวบินไปทางจางเจิ้งเฉียง หลินหลี่ม้วนตัวหลบลงไปบนพื้นและยืนขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการม้วนตัวของเขาจะดูง่ายและหยาบไปบ้าง แต่ก็มีประสิทธิภาพในการหลบลูกบอลพลังงานสีแดงได้เป็นอย่างดี จางเจิ้งเฉียงปกคลุมมือทั้งสองข้างด้วยพลังซี่ ริมฝีปากของเขายกขึ้นมาเล็กน้อย และส่งคลื่นพลังซี่ออกไป “[Ice Lotus]!”

ดอกบัวผลึกน้ำแข็งที่เบ่งบานได้พัวพันและบดขยี้ลูกบอลพลังงานสีเขียวจนไม่เหลือซาก BlackForestMoon กำหนดเป้าหมายอีกครั้ง “[Break – Elemental Collapse]”

ดอกบัวผลึกน้ำแข็งแตกกระจายกลายเป็นคริสตัลที่กระพือปีกอย่างสวยงามของน้ำแข็ง หลินหลี่ใช้ความสามารถในการป้องกันจากพลังซี่ของเขา เพื่อบล็อคการโจมตีจากป้อมและได้รับบาเรียพลังซี่เท่ากับความเสียหายที่ป้อมโจมตีมาที่เขา ช่วยให้เขายื้อเวลาไปได้อีกเล็กน้อย! หลินหลี่กระโจนไปยังทิศทางของทั้งสองคน ส่วนจางเจิ้งเฉียงพุ่งเข้าไปโดยที่มือขวามีพลังไฟ และมือซ้ายมีพลังน้ำแข็ง

เย่ฉางเห็นไม้เท้าของ BrillantZhuge เปล่งแสงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ‘ครั้งนี้คืออะไร?’ เขาเห็นแสงสว่างปรากฏใต้ฝ่าเท้าและเข้าพัวพันเขาเหมือนเถาวัลย์ เย่ฉางยังคงวิ่งต่อไป แต่เห็นเถาวัลย์แห่งแสงกำลังจะตะครุบเข้ามา เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี และเลือกที่จะหยุดอยู่กับที่โดยทันที โดยการปักดาบลงไปที่พื้น และเกือบที่จะหยุดตัวเองเกือบไม่ทันในเวลานั้น

“สัญชาตญาณของพ่อเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก เมื่อได้รับผลกระทบจากสกิลนี้แล้ว คุณไม่สามารถเดินหนีไปได้ไกลกว่า 3 เมตร ไม่อย่างนั้นคุณจะกลายเป็นอัมพาต และติดใบ้เป็นเวลา 5 วินาที” เย่เทียนแสดงความคิดเห็นด้วยการสังเกตการณ์จากภายนอกสนาม

“การรับรู้เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่การที่เขาสามารถหยุดตัวเองได้ทันทีภายในระยะที่เกือบจะพ้นจากระยะ 3 เมตร ในขณะที่เขาวิ่งด้วยความเร็วดังกล่าว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้จริงๆ อย่างน้อยก็มีฉันคนหนึ่งแหละที่ไม่สามารถทำได้ ฉันไม่ได้มีปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็วแบบเขา…”

เย่ฉางเห็นแสงที่พัวพันอยู่กับเท้าของเขาเริ่มจางลงและหายไปในที่สุด จากนั้นเขาก็ยังคงพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วเต็มพิกัด BrilliantZhuge ถอนหายใจ ‘นี่เป็นปฏิกิริยาการตอบสนองบ้าอะไรกัน?’ เขารู้ว่าเย่ฉางทำทั้งหมดนี่โดยไม่รู้ถึงผลเอฟเฟคของสกิลมาก่อน “[Celestial Magic – Barrier of Lights]”

เส้นแสงนับสีแสกทักทอเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นตาข่าย ตาข่ายของสกิลนี้ดูเหมือนกับตาข่ายเลเซอร์ในภาพยนตร์สายลับต่างๆ ซึ่งถ้าคุณแตะต้องมัน คุณจะต้องถูกยิงตายด้วยปืนกลอัตโนมัติอย่างแน่นอน และผลกระทบของสกิลนี้ก็ไม่แตกต่างจากภาพยนตร์มากนัก การโดนแสงของตาข่ายนี้จะทำให้คุณติดสตั้น 1.5 วินาที และสร้างความเสียหาย 50 หน่วยต่อเส้นแสงที่ทักทอ สกิลนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสกิลการป้องกันของเกมที่ดีที่สุดในช่วงต้นเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใช้ป้องกันโดยที่ตัวเองอยู่ใกล้กับป้อม แต่ในวินาทีถัดมา เหล่าผู้ชมก็จ้องมองไปที่ยังการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนเหมือนกับเป็นการโกงของเย่ฉาง เขาไม่ได้แสดงการชะลอตัวใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่สุดยอดสายลับที่ดีที่สุดในโลกนี้ ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับความเร็วของเย่ฉางที่เคลื่อนที่ผ่านเลเซอร์เหล่านี้ได้เลย เขาไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของอารมณ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตาข่ายเลเซอร์ เขาเพียงแค่เอนตัว, กระโดด, หมุนตัว และก้าว การเคลื่อนไหวของเขาทั้งหมดลื่นไหลเป็นอย่างมาก ไม่มีท่วงท่าไหนที่ทำให้เขาหยุดชะงักเลยแม้แต่นิดเดียว ในทันใดนั้น เขาก็ผ่านตาข่ายแสงออกไปได้ เขาวิ่งออกไปที่ด้านอื่นๆ และวิ่งเร็วที่สุดเพื่อพุ่งออกไป

BrillantZhuge หลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมา เพื่อที่จะผ่านตาข่ายเลเซอร์มาได้เช่นนี้ อาจจะมีเพียงแค่ Flame Emperor และ CloudDragon เท่านั้นที่สามารถทำได้

แม้ว่าทุกคนจะทึ่ง แต่เมื่อพวกเขาทั้งหมดนึกย้อนไปถึงการเต้นรำของเย่ฉาง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แปลกใจมากนัก

ซูหยี่ยี่เก็บบันทึกการเคลื่อนไหวของเย่ฉางเอาไว้ และวางแผนที่จะใช้บันทึกเหล่านี้ในการฝึกซ้อมและปรับปรุงตัวเอง หรือแม้แต่จะใช้ความสามารถในการเคลื่อนไหวเหล่านี้ในการต่อสู้ด้วยเช่นกัน

“ต้องบอกว่าพี่ใหญ่วีรีบุรุษ ไม่ได้เป็นพี่ใหญ่สุดของสามพี่น้องเพียงแค่ชื่อเท่านั้น นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าอีกสองคนเคารพเขา และเรียกเขาว่าพี่ชายและเพื่อน เพียงแค่ความแข็งแกร่งอย่างไม่มีข้อโต้แย้งของเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเหมาะที่กับตำแหน่งพี่ใหญ่สุดของสามพี่น้องจริงๆ ผู้เล่นคนอื่นๆจะต้องหยุดชะงักเมื่อเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของตาข่ายแสงนี้ บางทีผู้เล่นที่โดดเด่นคงเลือกที่จะผ่านตาข่ายแสงนี้อย่างรอบคอบ โดยการใช้ปฏิริริยาการตอบสนองและการฝึกฝนของพวกเขา แต่เมื่อตาข่ายแสงนี้ปรากฏต่อหน้าพี่ใหญ่วีรบุรุษ มันไม่มีค่าเพียงพอแม้แต่จะทำให้เขากระพริบตาเลยด้วยซ้ำ…” พี่ใหญ่เฉาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ใบหน้าของเย่ฉางที่อยู่ในรีเพลย์ซ้ำๆ “เพื่อที่จะสามารถผ่านตาข่ายแสงจำนวนมากไปได้ โดยไม่มีอะไรที่กีดขวางความสามารถในการมองเห็น และการตัดสินใจของเขาได้ ดังนั้นเขาน่าจะเป็นคนที่รวดเร็วที่สุดในบรรดาสามพี่น้อง…”

“ตาแก่เฉา นั่นเป็นเพียงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งเท่านั้น อีกประการหนึ่งขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณของเขาด้วย เช่นเดียวกับเมื่อมีบางคนเห็นบางสิ่งบางอย่างบินมาที่พวกเขา พวกเขาจะหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว ผมเชื่อว่าการกระทำของเขาน่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน การรวมกันของความสามารถในการมองเห็นชั้นยอด, ปฏิกิริยาตอบสนอง และสัญชาตญาณเฉียบพลันทางร่างกายของเขา รวมกันเป็นความแข็งแกร่งของพี่ใหญ่วีรบุรุษ นี่สิถึงจะเป็นผู้เล่นที่กล้าเผชิญหน้ากับ BrilliantZhuge…” พี่ใหญ่จงพูดเพิ่มเติม

“ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่การต่อสู้ครั้งนี้ของ Thorns and Roses ก็ยังคงดูไม่ดีเท่าไหร่…” พี่ใหญ่เฉาขมวดคิ้ว

หมัดที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟของจางเจิ้งเฉียงซัดกระแทกไปที่ปลายคางของ BlackForestMoon แต่การปะทะกันครั้งนี้รู้สึกไม่ถูกต้องเท่าไหร่ มันเป็นตัวปลอมของ BlackForestMoon! มือซ้ายของจางเจิ้งเฉียงส่งบอลน้ำแข็งไปทางขวาล่าง จนทำให้ BlackForestMoon ตื่นตระหนก ‘เขาสามารถตอบสนองต่อสิ่งนี้ได้!? ทำไมเขาถึงเป็นคนที่แปลกประหลาดแบบนี้!?’ BlackForestMoon โดนโจมตีที่หน้าอกด้วยหมัดน้ำแข็งของจางเจิ้งเฉียง และเริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง ในขณะเดียวกับที่จางเจิ้งเฉียงติดสถานะอัมพาตโดยตัวปลอมของ BlackForestMoon ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หลินหลี่ฉวยโอกาสนี้ยกดาบยักษ์ฟันใส่ BlackForestMoon ที่กลายเป็นน้ำแข็งอยู่ เมื่อ BrilliantZhuge เห็น เขาจึงเอื้อมมือชักดาบสั้นสีดำแทงใส่หลินหลี่ ElegantFragrance รีบยิงลูกศรออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกศรพุ่งผ่านอากาศ และกระไปแทกดาบสั้นสีดำหลุดมือหล่นลงไป ทำให้ BlackForestMoon ถูกฆ่าโดยหลินหลี่ทันที ขณะที่ดาบสั้นสีดำตกกระแทกไปที่พื้น เย่ฉางก็มาปรากฏตัวต่อหน้า และไม่มีอะไรมาป้องกัน BrilliantZhuge จากดาบยาวของเย่ฉางได้ เขาแทงทะลุหน้าอกของ BrilliantZhuge อย่างรวดเร็วโดยไม่ดึงกลับมา ทันใดนั้นก็มีเสียงกริ๊กดังขึ้นมา และดาบคู่ของเขาฟันออกไป 4 ครั้งติดต่อกัน จากนั้นเขาก็ใช้ดาบสั้นบนไหล่แทงไปที่คอ BrilliantZhuge ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเพียงเท่านั้น ตัวละครของเย่ฉางเป็นตัวละครเชิงกลยุทธ์เช่นเดียวกับตัวละครของเขาเอง ขณะที่เย่ฉางสามารถเข้ามาประชิดตัวเขาได้ เขาต้องตายลงอย่างแน่นอน เขาไม่มีความสามารถที่จะต้านทานการโจมตีในระยะประชิดได้ และการตอบสนองของเขาก็ไม่สามารถตามเย่ฉางได้ทัน การปล่อยให้คนที่เชี่ยวชาญด้านความเร็วมาเล่นนักดาบปีศาจมันช่างน่ากลัวมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นตัวละครที่มีความยากในการเล่นก็ตาม…”

ถึงแม้ว่าคู่หูคอมโบนักเวทลี้ลับและผู้ทำนายจะตายลงไปแล้ว แต่หลินหลี่ก็ยังไม่สามารถหลบหนีการโจมตีของป้อมได้ และแล้วเขาก็โดนป้องยิงใส่จนตาย ElegantFragrance เห็นจำนวนดวงวิญญาณลอยออกมาในขณะที่หลินหลี่ตาย ดวงวิญญาณของเขาเพียงคนเดียวเท่ากับศัตรูทั้งสองที่เสียชีวิตไปแล้ว และการซ้อนทับของบัฟจากการฆ่าของนักรบดาบยักษ์ก็ถูกลบล้างลงไปด้วย ตั้งแต่ที่หลินหลี่โดนป้อมโจมตีตาย ดวงวิญญาณจากการเสียชีวิตของหลินหลี่ถูกแจกจ่ายอย่างเท่าเทียมให้กับ BlackForestMoon และ BrilliantZhuge ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลการต่อสู้ แต่คนที่สูญเสียโดยรวมก็คือพวกเขาอยู่ดี โชคดีที่เจ้าหมียักษ์หนีออกมาจากป้อมได้โดยเหลือพลังชีวิตอยู่เพียง 5% เท่านั้น ถ้าเขาถูกฆ่าตาย มันจะเป็นการได้ที่ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย

ในเลนล่าง ThornyRose ถอนหายใจ ‘พวกสามพี่น้องที่โง่เง่า มันเป็นการได้ที่ไม่คุ้มค่าอย่างแท้จริง การซ้อนทับของเอฟเฟคการฆ่าของหลินหลี่ถูกลบล้างไปแล้ว และเขาก็ยังให้ดวงวิญญาณกับฝ่ายตรงข้ามเป็นจำนวนมากอีกด้วย ยังดีที่เราไม่ได้สูญเสียมากเกินไป มันยังพอยอมรับได้อยู่’ เธอตำหนิพวกเขา “เล่นเซฟๆกันหน่อยนึง โดยเฉพาะหลินหลี่! กลับไปฟาร์มที่เลนบนของนายได้แล้ว เราจำเป็นต้องยื้อไปถึงเลทเกม! นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่เราจะสามารถเอาชนะได้ในช่วงต้นเกม การคอมโบเวทมนตร์ของนักเวทลี้ลับและผู้ทำนาย ยังมีอีกมากมายที่นายยังไม่ได้เห็น…”

หลินหลี่บุ้ยปาก เขาใช้ดวงวิญญาณของเขาเพื่ออัพเกรดพลังซี่ (เมื่อใช้สกิลทุกครั้งการโจมตีครั้งต่อไปจะได้รับระยะการโจมตี +3 และพลังโจมตี + 25%) จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่เลนบน GatherSand ยิ้มอย่างขมขื่นที่เลนบน เขามองไปยังหลินหลี่ที่ถือดาบยักษ์ไว้ในมือขวา ในขณะที่เขาใช้มือซ้ายโจมตีด้วยกำปั้นและฝ่ามือ หลินหลี่ไม่จำเป็นต้องใช้สกิล หรืออาวุธของเขาเลยในการฟาร์มเลน จนทำให้ GatherSand ยิ้มอย่างขมขื่นมากยิ่งขึ้น มันไม่มีโอกาสที่เขาจะทำอะไรได้ ถ้าเขาต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เขาจะตายอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะเรียก HundredGain มาช่วยแก้ง ก็ยังมีแนวโน้มว่าพวกเขาทั้งสองคนจะเสียชีวิตอีกต่างหาก เขาทำได้แค่เพียงกันป้อมเท่านั้น โชคดีที่หลินหลี่ได้ออกจากเลนก่อนหน้านี้และเสียชีวิตไป ดังนั้นเขาจึงมีเวลาฟาร์มจนได้รับดวงวิญญาณมากพอที่จะอัพเกรดอาวุธและชุดเกราะของเขาได้


ตอนที่ 367

 

หลินหลี่และเย่ฉางเป็นสองคนแรกที่มีเลเวล 6 หลินหลี่เลือกอัพสกิลท่าไม้ตายด้วยความลังเล ในตอนต้นเกม เขาสามารถเลือกได้เพียงสกิล [Giant Beheader] หรือ [Double-Cross] เพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้เขามีทางเลือกเพิ่มขึ้นมาอย่างสกิล [Earth Splitter] เขาจึงทดลองเลือกอัพสกิลใหม่นี้ดู

Earth Splitter: รวบรวมพลังงาน 4 วินาที จากนั้นใช้ค่าพลังความโกรธและพลังซี่ทั้งหมดของคุณเพื่อสร้างคลื่นกระแทกออกมา สร้างความเสียหายโดยตรง 250% ในขณะที่แรงจากคลื่นกระแทกจะสร้างความเสียหาย 200% ทำให้เป้าหมายติดสถานะอัมพาตและสตั้นเป็นเวลา 3 วินาที สำหรับทุกค่าพลังความโกรธและพลังซี่ที่ใช้ไป จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้น 1% สูงสุดถึง 100% คูลดาวน์ 2 นาที 30 วินาที

หลินหลี่มองไปที่ GatherSand และเห็น HundredGain เข้ามาช่วยที่เลนบน พวกเขาทั้งสองคนยืนเกาะป้อมแน่นและพยายามเก็บดวงวิญญาณ หลินหลี่ยิ้มอย่างซุกซนแล้วเดินเข้าไปในพุ่มไม้ตรงด้านข้างป้อมบน เขามีค่าความโกรธอยู่ 75 หน่วย และพลังซี่เต็มเปี่ยม เขาเริ่มรวบรวมพลังงานเพื่อปลดปล่อยสกิล [Earth Splitter]! GatherSand และ HundredGain เห็นหลินหลี่เข้าไปในพุ่มไม้ และมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง หรือจะมีใครบางคนมาดักแก้งพวกเขางั้นหรือ? พวกเขาทั้งสองยืนเกาะป้อมด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ทันใดนั้น คลื่นกระแทกพลังซี่ที่รุนแรงได้ระเบิดออกมาจากตัวของหลินหลี่ และพุ่งออกไปข้างหน้าเกือบ 10 เมตร ผ่านป้อมที่ทั้งสองคนยืนอยู่

[ผู้เล่น HappyAndCheerful ได้สังหารผู้เล่น GatherSand และ HundredGain! Double kill!!…]

“นี่คือสกิลท่าไม้ตายที่เพิ่มขึ้นมาหลังจากที่นักรบดาบยักษ์เป็นตัวละครแร็งค์ SS ใครจะคาดคิดกันว่าสกิลนี้อาจจะมีพลังเทียบเท่ากับสกิลท่าไม้ตายตอนที่เลเวล 11 เลยก็ได้ มันเป็นสกิลที่ครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง และยังมีระยะสกิลที่ยาวมากอีกด้วย จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือการรวบรวมพลังงานนานถึง 4 วินาที ด้วยการที่จำเป็นจะต้องรวบรวมพลังงานนานถึง 4 วินาที นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถหลบหนีได้อย่างง่ายด้วยสกิลการเคลื่อนไหวของพวกเขา” พี่ใหญ่เฉาแสดงความคิดเห็น

“อย่างไรก็ตาม สำหรับสกิลท่าไม้ตายเลเวล 6 แล้ว มันก็รุนแรงสมกับเป็นตัวละครแร็งค์ SS มากจริงๆนั่นแหละ…” พี่ใหญ่จงยิ้ม

“นักรบดาบยักษ์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 10% แล้ว! เมื่อเทียบกับตอนที่ฉันซื้อมาครั้งแรก ราคาของมันพุ่งขึ้นมาถึง 73 เท่า!” ซูหยี่ยี่พูดอย่างตื่นเต้น ในขณะที่เธอมองไปยังตัวเลขหุ้นบนแท็บเล็ตของเธอ

ตัดกลับมาที่สนามรบ คลื่นกระแทกพลังซี่ของหลินหลี่ฆ่าครีปไป 10 ตัว และฆ่าผู้เล่นไป 2 คน เขาอัพเกรดพลังซี่ของเขาอีกครั้ง และได้รับสกิล [Qi Protection] (หลังจากใช้สกิล ความเสียหายที่ได้รับครั้งต่อไปจะลดลง 30% นอกจากนี้ยังสร้างบาเรียพลังซี่โดยอัตโนมัติ เพื่อดูดซับความเสียหายอีก 30% หรือเปลี่ยนเป็นการโจมตีวงกว้าง 10%)

หลินหลี่ทำลายป้อมแรกตรงเลนบนไป แสดงให้เห็นถึงความสามารถในทำลายสิ่งก่อสร้างที่มีคุณภาพสูงสุดของเขาด้วยสกิลติดตัวอย่าง [Giant Slayer] เนื่องจากเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดันป้อมอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงย่างกรายเข้าไปในป่าอย่างสนุกสนาน

[ผู้เล่น PaleSnow, FrozenBlood, และ HappyAndCheerful ได้สังหาร Titan Alligator สมาชิกทีม Thorns and Roses ได้รับ 150 ดวงวิญญาณ และพลังโจมตี +10%]

BlackForestMoon ถอนหายใจ

“มันไร้ประโยชน์ที่จะมาถอนหายใจ ด้วยนักรบดาบยักษ์รูปแบบใหม่นี้ ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปลาสช็อตเพื่อแย่งบอสต่างๆได้เลย…” BrilliantZhuge ส่ายหัวของเขา “ให้ GatherSand และ HundredGain รีบฟาร์ม พร้อมกับคอยดูและป้องกันไม่ให้พวกเขาไปเอาบอสงูด้วย…”

แม้แต่หลังจากที่พวกเขาฆ่าบอส พวกเขาก็ยังคงป้องกันเลนกลางเป็นอย่างดี มันกลายเป็นมั่นคงมากขึ้นหลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนมีเลเวล 6 จางเจิ้งเฉียงเริ่มรู้สึกถึงช่องว่างระหว่างตัวละครแร็งค์ S กับตัวละครแร็งค์ SS แล้ว ถึงแม้ว่าการเลื่อนระดับจะเสริมจุดแข็งให้กับตัวละครเดิม แต่ถ้าเขาสามารถคว้าจับไปที่มือของตัวละครแร็งค์ SS ได้แล้ว เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการตัวละครแร็งค์ SS เหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ‘บ้าจริง หลังจากนี้ฉันต้องไปเลื่อนระดับตัวละครของฉันให้กลายเป็นแร็งค์ SS บ้างแล้ว จอมหมัดเหล็กเป็นตัวละครขยะจริงๆ ไม่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับนักเวทในการโจมตีระกลาง และไม่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับนักสู้ในระยะประชิดอีกด้วย มันเป็นเพียงตัวละครนักสู้สายพลังธาตุ ถึงแม้ว่าตัวละครนี้จะเป็นตัวละครสไตล์กึ่งเวทกึ่งนักสู้ และอาจมีประโยชน์ในการแข่งขันประเภทอื่นๆ แต่กับการแข่งขันประเภทนี้ มันมีแต่ปัญหา ในความเป็นจริง ตัวละครแร็งค์ A ที่ฉันใช้ก่อนหน้านี้ยังดีกว่าซะอีก ที่ฉันไม่สามารถใช้ได้เพราะมันเป็นแค่ตัวละครแร็งค์ A และค่าสถานะของมันก็ไม่สูงมากพอ’ เขาถอนหายใจและถามขึ้นมาว่า “พี่สาว ElegantFragrance เราสามารถอัพเกรดตัวละครแร็งค์ A ไปเป็นแร็งค์ SS ได้ไหม?”

“ได้สิ แต่นายต้องผ่านการเลื่อนระดับจากแร็งค์ A ไปแร็งค์ S ซะก่อน ตัวละครของฉันก็ได้รับการเลื่อนอันดับจากแร็งค์ A มาด้วยวิธีนี้เหมือนกัน…” ElegantFragrance พยักหน้า

จางเจิ้งเฉียงคลึงคอของเขา “เยี่ยมมาก…”

ElegantFragrance เลิกคิ้วขึ้น ‘เขาหมายถึงอะไร!?… เขาจะทำการสอบทีเดียว 2 ระดับงั้นหรือ? บ้าเอ้ย! ฉันต้องรีบไปซื้อหุ้นตัวละครนี้มาเก็บไว้ก่อนซะแล้ว แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นตัวละครนักสู้ข้างถนนที่เขาเคยใช้ เพราะเจ้าหมียักษ์มีความแข็งแกร่งมาก เขาสามารถใช้นักสู้ธาตุได้อย่างดีเยี่ยม แต่เขาต้องคิดว่ามันไม่เหมาะกับเขาอยู่แน่ๆ’ ElegantFragrance ยังคิดว่าตัวละครนี้มันช่างไม่เหมาะกับกลิ่นอายที่โหดร้ายของเขาเอาซะเลย เธอได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น คนอื่นๆกำลังมีปัญหาในการได้รับตัวละครแร็งค์ S แต่เขาต้องการที่จะทำให้ตัวละครแร็งค์ A กลายเป็นแร็งค์ SS ในการทดสอบเลื่อนระดับ 2 ครั้งติด นี่มันบ้าชัดๆ…

การโจมตีด้วยความเซอร์ไพร์ของเย่ฉางทำให้ BlackPhoenix และคู่หูของเธอถูกฆ่าตาย แต่ตอนนี้ การต่อสู้เพิ่งเข้าสู่ช่วงกลางเกมเท่านั้น เย่ฉางมีเลเวล 12 แล้ว และเขาได้อัพสกิลท่าไม้ตายของเลเวล 11 เป็นสกิล [Blade Edge Devastation] ถึงแม้ว่าสกิลนี้จะเป็นเพียงสกิลติดตัว แต่มันก็เป็นสกิลที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในการทำคำคอมโบแบบไม่จำกัด

“มารวมกลุ่มกันได้แล้ว” ThornyRose ที่เลเวล 11 และได้อัพสกิล [Angel’s Descent] มาแล้ว ทุกคนมองไปที่สมาชิก 6 คนของทีม Heavenly Oath ที่รวมตัวกันอยู่ตรงเลนกลาง หลินหลี่ตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังลั่น “จงยอมแพ้ซะ! ผมสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเฉลยศึก!!”

“……” เหล่าผู้ชมและสมาชิกทีม Oath Heavenly แข็งค้าง ‘คำพูดเหล่านี้ของนายไม่เคยเชื่อถือได้เลยซักครั้ง…’

ThornyRose ยกโล่ของเธอขึ้น และมีแสงสาดส่องลงมาจากฟากฟ้ามาที่ร่างของเธอ ปีกที่เป็นประกายของแสงที่คลี่ออกมา ข้างหลังเธอนั้นเป็นภาพร่างทูตสวรรค์ที่ถือโล่คอยปกป้องเธอ “ฉันจะเป็นคนเข้าไปแท้งค์ให้เอง! ไป! ทุกคนพุ่งเข้าไป!”

หลินหลี่เริ่มรวบพลังงานเพื่อใช้สกิล [Earth Splitter] แต่ BlackForestMoon รีบยกมือทำสัญลักษณ์ทั้ง 3 อย่างรวดเร็ว “[Break – Qi Collapse]!”

การรวบรวมพลังงานของหลินหลี่ถูกขัดจังหวะทันที ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก และพุ่งตัวออกไปตามหลัง ThornyRose

“[Barrier of Lights – Ten Thousand]!” BrilliantZhuge ได้ใช้สกิลของเขาไปยังทีมฝ่ายตรงข้ามที่กำลังพุ่งเข้ามา เมื่อเทียบกับสกิล [Barrier of Lights] ครั้งสุดท้ายแล้ว ลำแสงในตอนนี้ทักทอเป็นตาข่ายมีความเข้มข้นและหนาขึ้นมาก พร้อมกับเปลี่ยนจากการทักทอนับสิบเส้นสาย เป็นหลายร้อยหลายพันแทน ดังนั้นตาข่ายเลเซอร์ครั้งนี้ จึงมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเป็นอย่างมาก เย่ฉางยิ้มอย่างแผ่วเบา “ตามฉันมา!”

เย่ฉางพุ่งผ่านตาข่ายโดยไม่ชะลอตัวลงเลยแม้แต่น้อย ทุกคนพยายามเลียนแบบการกระทำ และทำตามตัวอย่างของเย่ฉาง นอกจากจางเจิ้งเฉียงแล้ว ก็มีเพียงแต่หลินหลี่เท่านั้นที่สามารถติดตามเขาไปได้ ThornyRose รีบเปิดใช้งานสกิลท่าไม้ตายของเธอ เพราะเธอไม่สามารถเสียเวลาตามติดเขาต่อไปได้ “[Illusion – Break]!”

เส้นแสงทั้งหมดถูกตัดออกด้วยดาบแสง แต่สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาหลังจากผ่านตาข่ายแสงไปได้คือลูกบอลพลังงานสีแดง, เขียว และฟ้านับสิบๆลูกที่กำลังบินเข้ามา แต่ ElegantFragranced ยังคงก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง “[Hundred Flowers Withering]!”

ภายใต้สายฝนจากลูกศรธาตุต่างๆ ทำให้ลูกบอลพลังงานมากมายได้ถูกทำลายไป ส่วนลูกบอลพลังงานที่เหลืออยู่ภายใน เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถจัดการได้ ThornyRose รู้สึกอยากจะบ้าตาย ตามที่คาดไว้ นี่สมกับเป็นการผสมผสานคอมโบเวทมนตร์ของนักเวทลี้ลับกับผู้ทำนายจริงๆ ElegantFragrance แยกร่างตัวเองออกเป็นหลายๆร่างทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงสกิล [Eagle Eye Shot] ของ Akai ความสามารถในการซุ่มโจมตีด้วยสกิล [Eagle Eye Shot] ของเขามีชื่อเสียงมาก

“อย่าโจมตี ThornyRose ในร่างทูตสวรรค์แบบนี้! ให้เน้นโจมตีไปที่สามพี่น้อง และ FrozenBlood! Akai ระวังตัวด้วย!” BlackForestMoon ตะโกนออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะบอกให้เน้นโจมตีไปที่สามพี่น้องก็ตาม แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ การฆ่าพวกเขาทั้งสามคนนี้แหละ ถ้าพวกเขาถูกแยกออกจากกัน มันก็พอเป็นไปได้ แต่ตอนที่พวกเขาทั้งสามคนเป็นปัญหามากที่สุด ก็คือตอนที่พวกเขาทั้งสามคนอยู่รวมกันนี่แหละ ทีมเวิร์คของพวกเขาประสานงานกันได้เป็นอย่างดีมากจนเกินไป

 

 

 


ตอนที่ 368

 

“[Limit Break Ultimate – Banishing Cross – Divide]!” BlackForestMoon ร่ายเวททันที

BrilliantZhuge ก็ร่ายเวทตามมาติดๆ “[Celestial Magic – Descend]!”

มีลำแสงส่องลงมาจะโจมตีใส่เย่ฉาง เย่ฉางมองไปที่ลำแสงที่พุ่งเข้ามาและยิ้มเยาะ เขาเปิดใช้งานสกิล [Blade Edge Blink] พุ่งเข้าไปอยู่หน้าดาบยักษ์ของหลินหลี่ที่กำลังฟาดใส่ GatherSand และบล็อคการโจมตีของหลินหลี่ไว้ จากนั้นเย่ฉางหันเข้าหา GatherSand และปลดปล่อยการโจมตีสวนกลับใส่เขาทันที การคอมโบเริ่มต้นขึ้นแล้ว! การโจมตีนับไม่ถ้วนได้ถูกปลดปล่อยออกมาในชั่วพริบตา หลินหลี่ฟาดดาบยักษ์ใส่เย่ฉางอีกครั้ง เพื่อช่วยให้การคอมโบของเย่ฉางเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย และแล้ว GatherSand ก็ถูกเย่ฉางตัดออกเป็นสองส่วน

ลำแสงทั้งหมดยังไม่จางหายไป แต่มันเริ่มขยับเข้าไปหาจางเจิ้งเฉียง ElegantFragrance กำลังจะเตือนเขา แต่มือทั้งสองของจางเจิ้งเฉียงก็ระเบิดพลังซี่ออกมา “[Qi – Elemental Mimicry – Wall of Ice]!”

แทนที่จะเรียกว่ามันเป็นกำแพงน้ำแข็ง แต่จะพูดให้ถูกต้องก็คือ มันเป็นเหมือนกระจกสะท้อนแสงเสียมากกว่า พี่ใหญ่เฉาปรบมือให้ยกใหญ่ “จ้าวแห่งเพชรสามารถควบคุมพลังซี่และพลังงานจากธาตุได้เป็นอย่างดี จนถึงจุดที่เขาสามารถสร้างสิ่งที่ละเอียดอ่อนอย่างนี้ขึ้นมาได้! การสร้างกระจกเงา! สิ่งนี้ … หรือว่าจะใช้เพื่อสะท้อนลำแสง!”

จางเจิ้งเฉียงปรับมุมของกระจก เมื่อลำแสงมาตกกระทบกับกระจก มันสะท้อนพุ่งเข้าไปหา BlackPhoenix ซึ่งทำให้เธอทำอะไรไม่ถูก เย่ฉางฉวยโอกาสนี้ใช้สกิล [Blade Edge Sprint] ดาบของเขากระพริบขึ้นและเขาพุ่งเข้าไปตัดคอของเธอทันที FrozenBlood ก็สามารถปราบปราม HundredGain ได้อย่างอยู่หมัด BlackForestMoon ถอนหายใจ ‘นี่มันเหมือนกับพวกนักวิชาการต่อสู้กับพวกทหารเลย! พวกเรายากจะรับมือกับพวกสามพี่น้องได้เลยจริงๆ’

“นี่จะเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของเรา [Celestial Magic – Starfall]!” BrilliantZhuge โบกไม้เท้าของเขาและเริ่มร่ายเวท ดวงดาวหลายร้อยดวงเริ่มระยิบระยับเต็มท้องฟ้า!

“ถูกต้อง! [Arcane End]!” BlackForestMoon ทำสัญลักษณ์มือ จากนั้นดวงดาวที่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ก็เริ่มพุ่งกระหน่ำลงมาเหมือนกับเลเซอร์ เย่ฉางพุ่งเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคนทันที เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคอยหลบเลี่ยงเลเซอร์นับไม่ถ้วนที่ยิงลงมาด้วย FrozenBlood และ HundredGain ตายทันทีภายใต้ห่าฝนเลเซอร์นี้ หลินหลี่เปิดใช้งานบาเรียพลังซี่ของเขา ThornyRose คำรามและเปิดใช้ท่าไม้ตายของเธอซึ่งเป็นสกิลการป้องกัน [Angel Sanctum]! แสงสีทองแผ่กระจายไปคุ้มกัน ElegantFragrance กับจางเจิ้งเฉียงไว้ แต่ก็ปกป้องพวกเขาได้แค่เพียงไม่กี่เลเซอร์เท่านั้น แต่นี่ก็เพียงพอเพื่อให้พวกเขามีเวลาในการรับมือกับฝูงเลเซอร์

BrilliantZhuge มองดาบยาวที่แทงเข้าไปในอกของเขาและถอนหายใจ เลือดพ่นออกมาในขณะที่เขาถูกฟันด้วยดาบจำนวนนับไม่ถ้วน สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือบางสิ่งบางอย่างที่พัดผ่านเขาไปเหมือนสายลม และมุมมองของเขาก็เริ่มค่อยๆแคบลง เขาถูกตัดศีรษะ? เขาเพียงแต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เมื่อจิตสำนึกของเขาจางหายไป ในตอนนี้ BlackForestMoon ถูกประกบข้างโดยเย่ฉางและหลินหลี่ และแล้วเขาจึงถูกแยกส่วนโดยไม่มีอำนาจใดๆที่จะต่อต้านได้ ในที่สุดทั้งสามคนก็ไม่ทำให้พวกผู้ชมผิดหวัง พวกเขาเริ่มแคมป์ปิ้งที่จุดเกิดอีกครั้ง แม้แต่ ElegantFragrance ก็ยังเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย เธอถูกวางในตำเหน่งตัวซุ่มยิงของหน่วยแคมป์ปิ้ง

ThornyRose ถอนหายใจ จากนั้นเธอร่วมกับ FrozenBlood ช่วยกันทำลายฐานศัตรู

“มันเป็นการต่อสู้ที่มหัศจรรย์จริงๆ แม้ว่าทีม Heavenly Oath จะพ่ายแพ้ไป แต่ก็อาจเป็นเพราะความโชคร้ายที่พวกเขาได้มาพบกับพวกสามพี่น้อง ที่ไม่ปฏิบัติตามสามัญสำนึกใดๆทั้งสิ้นโดยเฉพาะพี่ใหญ่วีรบุรุษ การต่อสู้ของเขาช่างน่าทึ่งมาก ถัดไปคือโหมดความบันเทิง … นี่ควรเป็นจุดแข็งของทีม Heavenly Oath ถ้าพวกเขาสามารถชนะจนได้สองคะแนนมา พวกเขาก็จะแพ้ไปเพียงแค่สองคะแนนเท่านั้น…” พี่ใหญ่เฉายิ้ม

“เรามาดูกันเถอะว่าจะได้เกมอะไร …” พี่ใหญ่จงพยักหน้า เขาหันมาเห็นซูหยี่ยี่จ้องมองที่แท็บเล็ตและขมวดคิ้ว เขาจึงกระซิบถามเธอ “มีอะไรเหรอ?”

“มีคนซื้อหุ้นมูลค่า 10 ล้านหุ้นของตัวละครอันดับที่สองของทีม Thorns and Roses ตอนแรกฉันลังเลที่จะซื้อมัน …” ซูหยี่ยี่กล่าวอย่างไม่แน่ใจ

“ตัวละครอะไร?” พี่ใหญ่เฉาถามอย่างซีเรียส

“นักสู้ข้างถนน” ซูหยี่ยี่ชี้ไปที่แท็บเล็ตของเธอ

“ให้ฉันดูก่อนนะ นี่เป็นตัวละครอันดับที่สองที่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งกว่าแร็งค์ A ทั่วๆไป” พี่ใหญ่เฉาเรียกดูข้อมูลและตั้งข้อสังเกต

“งั้นฉันก็จะซื้อ 10 ล้านหุ้น …” พี่ใหญ่จงพูดขึ้นมา ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่

ทั้งสองคนชะงักงัน จากนั้นพวกเขาก็รีบซื้อ 10 ล้านหุ้นเช่นกัน พี่ใหญ่เฉาเห็นรอยยิ้มของพี่จงและก็เข้าใจ “นี่มันเป็นตัวละครอันดับที่สองของจ้าวแห่งเพชร แม้ว่าฉันไม่เข้าใจก็ตาม แต่ฉันมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง งั้นฉันจะซื้ออีก 5 ล้านหุ้น!”

“คุณรู้อะไรบางอย่างใช่ไหม? ถ้าฉันเดาไม่ผิด ตัวละครตัวนี้ก็น่าจะได้รับการอัพเกรดในเร็วๆนี้ …” พี่ใหญ่จงกล่าวอย่างจริงจัง ขณะที่เขาพูด เขาก็รีบซื้ออีก 5 ล้านหุ้น ซูหยี่ยี่กัดฟันและซื้ออีก 5 ล้านหุ้น แม้ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในดาราชั้นนำของจีน แต่ปีที่แล้วเธอเกือบจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปจากการเดิมพันทีม Flame Dragon Union เมื่อมองไปที่ตลาดซื้อขายหุ้นของตัวละคร การเดิมพันครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่างเปล่ามาก

“ดีแล้ว แม้ว่าราคาของมันจะไม่ขึ้น แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรตก นั้นก็หมายความว่าเราจะไม่ได้สูญเสียมากนัก” พี่ใหญ่จงยักไหล่เบาๆ

“โหมดความบันเทิงทำการสุ่มเลือกเกมเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเกมการแข่งขันทางคณิตศาสตร์ ดูเหมือนว่าทีม Thorns and Roses กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ BlackForestMoon และ BrilliantZhuge เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์, หมากรุก, ดนตรี, ศิลปะการเขียนตัวอักษรและอะไรที่เกี่ยวกับการศึกษาทั้งหมด …” พี่ใหญ่เฉาส่ายหัว ทุกคนต่างก็ถอนหายใจ

ซูหยี่ยี่เริ่มหัวเราะอย่างจริงจัง “มันก็ไม่แน่หรอกนะ…”

คำพูดของซูหยี่ยี่ทำให้ผู้เฒ่าทั้งสองคนอยากรู้อยากเห็นมาก จากนั้นพวกเขาเห็นว่าทีม Thorns and Roses ส่งเด็กผู้หญิงที่เล่นตัวซับพอร์ท ซึ่งเธอมีบทบาทในทีมน้อยมาก ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นน้องสาวของพี่ใหญ่วีรบุรุษ ชื่อ NightSky? เกมการแข่งขันทางคณิตศาสตร์คือการคำนวณตัวเลข 20 หลัก คูณด้วยตัวเลขอีก 20 หลัก ทีม Heavenly Oath ส่ง BrilliantZhuge ลงแข่ง ขณะที่คำถามโพล่ขึ้นมาได้เพียงแค่เสี้ยววิ เย่เทียนก็ได้เขียนคำตอบทันที แล้วก็เดินกลับไปที่ห้องพัก ทิ้ง BrilliantZhuge ไว้เบื้องหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่เขายืนตกตะลึงอยู่แบบนั้น พวกผู้ชมตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายทันที

พี่ใหญ่เฉาและพี่ใหญ่จงอ้าปากค้าง ‘มันเป็นการคำนวณแบบไหนกันนี่?! เหมือนเธอฆ่า BrilliantZhuge ฉับเดียวตาย!’

“นี่ก็บ่งบอกแล้วว่า ไอคิวของเธอน่าอยู่สูงกว่า 230 …” ซูหยี่ยี่มองไปที่ทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

“สมแล้วที่เป็นน้องสาวพี่ใหญ่วีรบุรุษ …” ทั้งสองพูดพึมพำ

ThornyRose และคนอื่นๆก็ยิ้มเจื่อนๆ พวกเธอรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยเมื่อเทียบกับไอคิวของเด็กสาวตัวน้อยคนนี้ FrozenBlood ถอนหายใจ “คุณป้าพูดถูกจริงๆ มันจะดีมาก ถ้าเธอฉลาดเพียงแค่ครึ่งของเด็กสาวคนนี้ เธอก็เห็นแล้วนี่ว่า แค่เธอช่วยคุณป้าเพียงเล็กน้อย ก็สามารถแก้ไขปัญหาการเงินของบริษัทได้ แต่สำหรับเธอนั้น …เฮ้อ! … เธอมันก็แค่ลูกสาวที่ไม่ได้เรื่องคนหนึ่ง ขยะจริงๆเลยนะเธอนี่…”

‘ยัยบ้านี่! ถ้าเธอไม่ดูถูกฉันสักครั้ง เธอจะตายให้ได้เลยหรือไง!? เธอไม่เคยพลาดโอกาสที่จะเยาะเย้ยฉัน!’ ThornyRose มองไปที่ ElegantFragrance ผู้ซึ่งกำลังส่งข่าวไปให้แม่ของเธออยู่ แม่ของเธอได้วิดีโอคอลเป็นภาพโฮลีแกรมมาแสดงความยินดีกับเย่เทียน จากนั้นก็มองไปที่เธอและถอนหายใจก่อนที่จะวางสายไป จิตใจของเธอยุ่งเหยิงทันที ‘นี่เป็นแม่ของฉันจริงๆเหรอ? ฉันเป็นลูกสาวจริงๆหรือเปล่า??’ หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้น ขณะที่เธอข่มความโกรธของเธอไว้ เธอพยายามสงบจิตใจให้เย็นลง จากนั้นเธอมองไปที่เย่เทียน ‘ถ้าเราปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณให้กับเธอ มันเป็นไปไม่ได้ที่ทีมเราจะพ่ายแพ้เลย’

บนเครื่องบินเหนือเกาะแคงการู

ซงซินมองเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่เธอใช้ซื้อหุ้นของนักรบดาบยักษ์ของหลินหลี่ ซึ่งมันมีถึง 70 ล้านหุ้น ในตอนนี้มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 80 เท่าแล้ว นี่เทียบเท่ากับสิ่งที่เธอจะทำใน 5 ปีเลยทีเดียว สิ่งนี้ช่วยแก้ปัญหาการเงินในปัจจุบันของบริษัทของเธอได้เลยทีเดียว มันเป็นเหมือนว่าเขาช่วยเธอทางอ้อม เธอคิดย้อนกลับไป เมื่อเธอถามถึงเรื่องพ่อแม่ของหลินหลี่ แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ เธอไม่สามารถหาข้อมูลพ่อแม่หลินหลี่ได้เลย มันเหมือนกับหลินหลี่โผล่ออกมาจากหิน เธอยิ้มอย่างแห้งๆ ‘หลินหลี่ ฉันจะช่วยคุณหาพ่อกับแม่ให้พบ ไม่ว่าท่านจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วก็ตาม ฉันอยากเห็นว่าคนใจร้ายคนไหนกัน ที่ทอดทิ้งคุณไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันได้พบคุณก็ตาม …’

 

 

 


ตอนที่ 369

 

MistyVeil รู้สึกทึ่งกับความสามารถในการคำนวณของเย่เทียน ‘เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนพิเศษ’ เธอมองสีหน้าที่ไม่แยแสของทั้งเย่ฉางและเย่เทียน ‘สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ …’

“เย่เทียน ทำได้ดีมาก…” เย่ฉางหัวเราะเบาๆและยิ้มให้เธอ

“ค่ะ!” เย่เทียนพยักหน้าอย่างมีความสุขมาก

ในตอนจบ ทีม Thorns and Roses ก็เอาชนะทีม Heavenly Oath ไปด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 และการแข่งรอบนี้ก็จบลงด้วยการที่หัวหน้าทีมทั้งสองคนจับมือกัน

BrilliantZhuge มองไปที่เย่เทียนและยื่นมือออกมา “ความสามารถในการคำนวณของเธอน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง ผมนับถือจริงๆ…”

เย่เทียนพยักหน้าอย่างสุภาพและจับมือของเขาสักครู่ ก่อนที่จะเดินจากไป

“เธอได้พบพวกสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง เธอโชคดีมากๆเลย …” BlackForestMoon มอง ThornyRose และยิ้มให้

“อืม แต่มันมีปัญหาตรงที่พวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังฉันเลยนี่สิ …” ThornyRose ถอนหายใจ ทั้งสองคนยิ้มให้กันและกัน

สมาชิกทีม Thorns and Roses กลับมาที่ห้องพักของพวกเขา และรอรายชื่อท็อป 16 ถูกประกาศออกมา และแล้วทีม Thorns and Roses ก็ติดอันดับที่ 7 และ 6 อันดับที่เหนือกว่าพวกเขาคือ 6 สโมสรชั้นนำที่มีชัยชนะทุกการแข่งขันได้แก่ทีม Flame Dragon Union, Mad War, Freedom Alliance, Lord’s Reign, Mist Rain House และ Heavenly Dragon Pavilion …

“ในปีนี้ทีม Heavenly Dragon Pavilion ดูโดดเด่นมาก พวกเขายังมีรุกกี้หลายคนที่มีประสิทธิภาพมาก พวกเขาไม่เคยประมาทคู่ต่อสู้เลยสักครั้ง จนสามารถเข้ามาสู่ท็อป 16 ได้” พี่ใหญ่จงมองข้อมูลและพูดขึ้นมา

“อืม การประเมินผลโดยรวมของสโมสร Heavenly Dragon Pavilion ในปีนี้ อาจทำให้พวกเขาเทียบเท่าได้กับสี่กิลด์ใหญ่เลยทีเดียว พวกเขาเป็นม้ามืดของปีนี้จริงๆ เดิมทีนั้นสโมสร Heavenly Dragon Pavilion นั้นก็มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว พวกเขาก่อตั้งขึ้นในเวลาเดียวกับสโมสร Flame Dragon Union ทั้งสองสโมสรต่างเป็นปรปักษ์ต่อกัน พวกเขามักจะต่อสู้แข่งขันกันอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าสโมสร Flame Dragon Union จะเป็นฝ่ายชนะอยู่บ่อยๆก็ตาม แต่เมื่อสโมสร Heavenly Dragon Pavilion ได้กลายมาเป็นพันธมิตรกับสโมสร Mad War แล้ว พวกเขาก็ไม่กลัวสโมสร Flame Dragon Union อีกต่อไป จนกระทั่งองค์จักรพรรดิเบญจมาศได้นำยุคทองจากไป จู่ๆความสัมพันธ์ระหว่างสองสโมสรก็ดีขึ้นอย่างมาก พวกเขาเชื่อมความสัมพันธ์กันด้วยการแต่งงาน ทำให้ทั้งสองสโมสรเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน พวกเขายังใช้ตึกสำนักงานร่วมกันคือตึกมังกรคู่ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ประธานคนปัจจุบันของสโมสร Flame Dragon Union – Flame Emperor และประธานของสโมสร Heavenly Dragon Pavilion – AzureSky ทั้งคู่นั้นมาจากตึกมังกรคู่…” พี่ใหญ่จงเริ่มอธิบายประวัติศาสตร์ของทั้งสองสโมสรนี้

ซูหยี่ยี่พยักหน้า เธอรู้เรื่องเหล่านี้ดี สโมสร Heavenly Dragon Pavilion เป็นตัวแทนของตระกูลเจียงแห่งเมืองหลวง พวกเขาเป็น 1 ใน 10 ตะกูลเก่าแก่ของจีน (ลี, ชิ, ฉิน, นาลัน, ซุน, กงซุน, โจว, ฮง, เฉา, เจียง) ตระกูลของเธอเองก็ได้รับการพิจารณาว่าเป็นตระกูลอันดับสอง ( ซู, เซียว, หยิน, ซง ) แม้ว่าตระกูลเหล่านี้จะเป็นตระกูลอันดับสอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเกรงกลัวต่อตระกูลเก่าแก่เหล่านี้เลย เนื่องจากทั้ง 4 ตระกูลนี้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉิน หนึ่งในสามนิกายใหญ่ (ประตูปีศาจ- เฉิน, ดาบสวรรค์ – หลิน, ร้อยบุปผา – หยู)

“พวกเขาเริ่มทำการแบ่งสายแล้ว…” ซูหยี่ยี่เห็นว่าระบบเริ่มจับคู่

“ทีม Thorns and Roses อยู่ในสาย C และคู่ต่อสู้รอบแรกจะเป็นทีม League of Tyrants หากไม่มีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเขาจะเจอกับทีม Lord’s Reign ในรอบที่สอง มันน่าจะสนุกมากๆ คู่ต่อสู้ทั้งสองทีมนั้นทรงพลังมาก โดยเฉพาะทีม Lord’s Reign พวกเขาได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่า แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าสี่กิลด์ใหญ่เลยทีเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประธานสโมสร LordAsked นั้นแข็งแกร่งจริงๆ …” พี่ใหญ่เฉามองตารางการแข่งขันและพูดขึ้นมา “ฮ่าๆ ทีม Beauties at the Crossfire ช่างดวงซวยจริงๆเลย พวกเธอต้องเจอกับทีม Flame Dragon Union ในรอบแรก…”

ที่นั่งของทีม Beauties at the Crossfire

BornFlirty เลียริมฝีปากของเธอ ดูเหมือนว่าเส้นทางของพวกเธอต้องจบลงในรอบแรกนี้แล้ว ทำไมพวกเธอต้องมาเจอกับทีมอันดับหนึ่งของท็อป 16 ในรอบแรกแบบนี้ด้วย! … เธอมองไปที่ทีม Thorns and Roses ‘เธอโชคดีจริงๆ เธอได้พวกสามพี่น้องและเพชฌฆาตเงามาร่วมทีม เธออาจมีโอกาสชนะทีม League of Tyrants ก็ได้’ เธอเริ่มที่จะกัดเล็บของเธอ เมื่อเธอเห็น ThornyRose ทำท่าทางดีใจในความโชคร้ายของเธอ ‘ยัยผู้หญิงบ้านั่น …’

ที่นั่งของทีม Thorns and Roses

หลังจากที่ ThornyRose ยิ้มเยาะในความโชคร้ายของ BornFlirty แล้ว เธอก็หันกลับมาและทำหน้าจริงจัง “คู่แข่งรอบแรกของเราคือทีม League of Tyrants ซึ่งจะเริ่มแข่งในวันพุธถัดไป ในช่วงเวลานี้ ฉันต้องการให้ทุกคนฝึกฝนกันอย่างหนัก สไตล์การต่อสู้ของพวกเขาดุร้ายเหมือนสัตว์ป่าและก็มี …”

“ผมเกลียดคนประเภทนี้มากที่สุด …” ThornyRose ยังพูดไม่จบ หลินหลี่ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที เย่ฉางและจางเจิ้งเฉียงกอดอกและพยักหน้าเห็นด้วย

ThornyRose และคนอื่นๆต่างพูดไม่ออก ‘พวกนายทั้งสามคนดุร้ายเหมือนสัตว์ป่ามากกว่าพวกเขาเสียอีก พวกนายมันชั่วร้ายเหมือนปีศาจ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสองคน!’

“เอาล่ะ เราจะหยุดพักกันก่อน เจ้าหมียักษ์อย่าลืมเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบเลื่อนขั้นในวันพรุ่งนี้ด้วยล่ะ” ThornyRose รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดในการรับมือกับพวกเขา เธอเฝ้ามองขณะที่สมาชิกของ Happy Firmament ล็อคเอ๊าออกไป ElegantFragrance นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ “โอ้! นี่โรส เจ้าหมียักษ์ไม่ได้จะใช้ตัวละครจอมหมัดเหล็กเลื่อนขั้นนะ แต่เขาต้องการใช้ตัวละครนักสู้ข้างถนนเลื่อนขั้นไปเป็นแร็งค์ S และ SS …”

“บางทีอาจจะมีแค่เพียงผู้ชายที่ผิดปกติอย่างเขาเท่านั้น ที่สามารถมีความมั่นใจแบบนี้ได้ แต่ความจริงที่ว่ารูปแบบของจอมหมัดเหล็กเน้นไปทางด้านความละเอียดอ่อน ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยเหมาะกับตัวเขาซะเท่าไหร่ …” ThornyRose พยักหน้า

เช้าวันรุ่งขึ้น

ณ.สโมสร Thorns and Roses

จางเจิ้งเฉียงเลือกตัวละครนักสู้ข้างถนนในการทดสอบการเลื่อนระดับจากแร็งค์ A ไป S ภายใต้การดูแลของสหพันธุ์เกมเมอร์ ThornyRose และคนอื่นๆเฝ้าดูในขณะที่จางเจิ้งเฉียงใช้ตัวละครนักสู้ข้างถนนเพื่อเอาชนะตัวละครแร็งค์ S ผู้มีชื่อเสียงอย่าง Cyclone Girl ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำจำนวนมาก ElegantFragrance ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “บ้าเอ้ย เมื่อตอนฉันเลื่อนระดับเป็นแร็งค์ S ฉันต้องต่อสู้อย่างเลือดตาแทบกระเด็น แต่ผู้ชายคนนี้กลับใช้ตัวละครแร็งค์ A เอาชนะตัวละครแร็งค์ S ได้อย่างง่ายดาย…”

ตัวละครนักสู้ข้างถนนของจางเจิ้งเฉียงประสบความสำเร็จในขั้นสูง และได้รับสกิลท่าไม้ตายและสกิลการเคลื่อนไหวใหม่ ค่าสถานะของตัวละครถูกยกระดับขึ้นมา รวมไปถึงความสามารถในด้านการต่อสู้และการใช้พลังซี่ ก็ถูกยกระดับขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน

“ตอนนี้ก็เลื่อนเป็นแร็งค์ S ได้แล้ว ตอนนี้เป็นการทดสอบการเลื่อนระดับเป็นแร็งค์ SS ลองมาดูกันว่าเขาจะทำได้ไหม …” ThornyRose ส่ายหัว

เย่ฉางอ้าปากหาว จากนั้นเขาก็เห็นผู้ชายที่มีจมูกงองุ้มคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นในสนามประลองเขาเป็นชายชราที่มีผมยาวสีเทาและเครายาวสีเทา เขาสวมเสื้อคลุมยาวแบบโบราณ และบนเสื้อคลุมของเขาเป็นหมวกลัทธิเต๋า ดวงตาของเขาคมกริบ

“นี่คือตัวละครของหอเกียรติยศของประเทศจีน! Slapping Taoist! เขามีความเกี่ยวข้องกับสโมสร Mad War เขาเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในเกม ‘Martial Doctrine’ และเป็นหนึ่งในบุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีชื่อเสียงพุ่งพรวดมากที่สุด ตอนนี้ผู้ใช้ตัวละครนี้เป็นชายวัย 30 ปีที่ชื่อฟางอวี่ ซึ่งเขาทำงานให้กับบริษัทประกันภัย นอกจากนี้แล้ว เขายังหัวล้านอีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเป็นคุณพ่อลูกสอง อย่างไรก็ตาม เขาเป็นชายวัยกลางคนธรรมดามากที่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวเท่านั้น เพราะเขาทำงานให้กับบริษัทประกันภัย เขามักจะต้องสวมรอยยิ้มจอมปลอมอยู่เสมอ ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ นี่คือเหตุผลที่เขาฆ่าทุกคนที่เขาพบในเกม ไม่ว่าใครเป็นใครก็ตาม เขาไม่เคยฟังคำพูดใดๆเลย และไม่เคยทำงานร่วมทีมกับใคร เขาทำตามหลักการเพียงอย่างเดียวคือ การฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า นี่จึงเป็นสาเหตุของการเกิดเหตุการณ์สำคัญบนภูเขาสวรรค์ เขาถูกล้อมโดยพวก 10 นิกายใหญ่ และเขาได้ฆ่าหัวหน้าทั้ง 10 นิกายใหญ่ก่อนที่จะตายไป หลังจากนั้นสโมสร Mad War ก็ส่งคำเชิญอย่างจริงใจให้กับเขา และเขาก็ตกลงเข้าร่วมสโมสร Mad War มีอยู่วันหนึ่ง แม้กระทั่งท็อป 10 หญิงงามก็ถูกเขาฆ่าตายไปมากกว่า 20 ครั้ง ในการพยายามที่จะตีสนิทเขา ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวว่าภรรยาจะหึงหวง เขาจึงเลือกฆ่าสาวงามคนนี้แทน จากนั้นเขาก็พาประเทศจีนไปสู่ชัยชนะ 5 ครั้งติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากภรรยาของเขาตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง เขาจึงเลือกที่จะเกษียณตัวเองเพื่อมาช่วยเธอเลี้ยงดูลูกๆ ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกเสียดายและเสียใจมาก เขาเป็นนักกีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของสโมสร Mad War คำขวัญประจำใจของเขาคือ ‘ฉันจะตบแกให้ตาย’ นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่ศัตรูของเขาจะได้ยิน ก่อนที่เขาจะฆ่าพวกเขาตายไป ดังนั้นนี่จึงเป็นที่มาของฉายา Slapping Taoist …” FrozenCloud ยอมรับเขาในฐานะนักต่อสู้คนหนึ่ง เธอคุ้นเคยกับตำนานนักสู้คนนี้ดี 

 

 


ตอนที่ 370

 

“แต่ Slapping Taoist เป็นตัวละครอัศวินมือเปล่าที่อยู่ในระดับแร็งค์ SSS ไม่ใช่หรือ…?” GreenDew ถามอย่างไม่แน่ใจ

“นี่คือ Slapping Taoist ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นสู่แร็งค์ SSS กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นตอนที่เขาได้ต่อสู้ภายในภูเขาสวรรค์ นั่นยังไม่ใช่ตอนที่เขาอยู่ในจุดสูงสุดของเขาในการแข่งลีค นี่จึงเป็นเพียงตัวละครแร็งค์ SS เท่านั้น…” เย่เทียนอธิบายอย่างเงียบสงบ

ThornyRose ยิ้มอย่างขมขื่น ‘เธอรู้แม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ นี่มันวิกิพีเดียเดินได้ชัดๆ…’

จางเจิ้งเฉียงจ้องมอง Slapping Taoist – HeavenDestroyer ที่เดินเข้ามาอย่างเนิบนาบ ผ้าคลุมของเขาปลิวสไวไปมาในขณะที่เขากำลังเดิน ทันใดนั้น เมื่อจางเจิ้งเฉียงกระพริบตา เขาก็หายตัวไปทันที จนจางเจิ้งเฉียงรู้สึกเสียวสันหลัง จางเจิ้งเฉียงกระทุ้งศอกไปด้านหลังทันที HeavenDestroyer ขวางข้อศอกด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาตบลงไปที่หัวของจางเจิ้งเฉียง “ฉันจะตบแกให้ตาย!”

มืออีกข้างของจางเจิ้งเฉียงก็ถูกปัดป้อง ในขณะที่เขากำลังสลายความแรงจากการตบ เขาก็กระแทกข้อศอกออกไปเพื่อผลักดันตัวของเขาออกมา ลมจากการตบพัดผ่านหูของเขา จนมือที่สลายความแรงจากการตบของเขารู้สึกด้านชา ‘Slapping Taoist! คนนี้แข็งแกร่งมากจริง!’ จางเจิ้งเฉียงรีบคว้าไปที่เสื้อของ HeavenDestroyer และพยายามที่จะโยนเขาออกไป แต่ก็พบว่าตนเองตกอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก

“มันปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว! [The Sleeve of Heaven and Earth]!” FrozenCloud อุทานออกมา

HeavenDestroyer เริ่มที่จะทำท่าทาง ‘คาเม-ฮาเม-ฮ่า’ (ท่าปล่อยพลังคลื่นเต่า) จากนั้นฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาก็พุ่งไปข้างหน้า ในขณะที่จางเจิ้งเฉียงรู้สึกถึงสภาพไร้น้ำหนักของตัวเองจนลอยอยู่กลางอากาศ แต่จางเจิ้งเฉียงก็ฝืนบังคับตัวเองให้กระแทกไปที่พื้น และใช้แรงกระแทกที่เกิดขึ้นพลิกตัวหลบพลังที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เขากำลังพลิกตัวหลบ เข่าของเขาพุ่งโจมตีไปที่ไหล่ HeavenDestroyer แต่ก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวเหมือนกับการตีศอกในก่อนหน้านี้ เขาไม่สามารถโจมตีได้สำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

การพลิกตัวของจางเจิ้งเฉียงถูกหยุดไว้ แต่ด้วยแรงผลักดันของเขา เขาจึงใช้หมัดต่อยไปที่หัวของ HeavenDestroyer

“[Empty Palm – Speed Burst]!” HeavenDestroyer ตะโกนออกมา มือที่กำลังจับเข่าของจางเจิ้งเฉียงได้ระเบิดพลังซี่ออกมา จนส่งให้จางเจิ้งเฉียงลอยกระเด็นออกไป จากนั้นเขาก็ย่อตัวลง และพุ่งตัวออกไปปะทะกับจางเจิ้งเฉียงที่ลอยอยู่กลางอากาศ ฝ่ามือขวาของเขาเหมือนกับใบมีดที่คมกริบแหวกพุ่งสายลม

“มันจบแล้ว…” ThornyRose เห็นเจ้าหมียักษ์กำลังตกลงมา ถ้าเป็นเธอ เธอคงตายไปนานแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับ Slapping Taoist ไม่ใช่สกิลของเขา แต่เป็นความสามารถในการทำให้ศัตรูลอยขึ้น และเทคนิคของเขา สกิล [Sleave of Heaven and Earth] เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่จะถูกโจมตีหลังจากที่ถูกสกิล [Sleave of Heaven and Earth] จากนั้นพวกเขาจะถูกฆ่าโดยทันที

หัวใจของจางเจิ้งเฉียงสั่นสะท้าน ‘นี่ไม่ดีแล้ว!’ จางเจิ้งเฉียงรีบเปิดใช้สกิลที่ทำตัวเองติดสถานะซุปเปอร์อาเมอร์! ขณะที่อยู่กลางอากาศ จางเจิ้งเฉียงพยายามเต็มที่ในการบิดตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีที่อาจถึงตายได้ ต้องขอบคุณสถานะซุปเปอร์อาเมอร์ที่ทำให้เขาไม่โดนกระแทกลอยขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง จางเจิ้งเฉียงคว้าจับไปที่ฝ่ามือที่โจมตีเข้ามาตรงเอวด้านขวา จากนั้นเขาก็ใช้สกิล [Sudden Burst – One Inch Knee] ออกไปทันที เขาใช้เข่ากระแทกไปที่อกของ HeavenDestroyer อย่างรุนแรง ทำให้ HeavenDestroyer หยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง! ในขณะที่เขาหยุดชะงัก จางเจิ้งเฉียงก็เปิดใช้สกิล [Drop – Backdrop Crush]! เขาติดสตั้น! ตามมาด้วยสกิล [Throw – Sun Shot]! เขาโยน HeavenDestroyer ขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นก็ใช้ขากระแทกพื้นกระโดดตามขึ้นไปพร้อมกับเปิดใช้สกิลท่าไม้ตาย [Meteor Piledriver]! เขาเป็นเหมือนกับดาวตก เขาจับตัว HeavenDestroyer หมุนควงสว่านก่อนจะเอาหัวของ HeavenDestroyer กระแทกไปที่พื้น จนเกิดเสียงดัง และมีหลุมขนาดใหญ่ซึ่งมีรอยแตกกว้างโผล่ขึ้นมา จางเจิ้งเฉียงคำรามออกมา “ไม่! มันยังไม่จบ! สกิลท่าไม้ตาย [Dark Crescent Slice]!” ฝ่ามือที่กดอยู่ตรงด้านหลังของ HeavenDestroyer ได้ปล่อยคลื่นพลังซี่ที่เกรี้ยวกราดและโกลาหลออกมาออกมา ราวกับภูเขาไฟได้ระเบิดเปลวเพลิงสีม่วงที่เกรี้ยวกราดออกมา

[ผู้เล่นจางเจิ้งเฉียงได้เอาชนะการเลียนแบบที่สมบูรณ์ของตัวละคร HeavenDestroyer (แร็งค์ SS) และได้รับการเลื่อนระดับตัวละครนักสู้ข้างถนนเป็นแร็งค์ SS…]

มีแสงได้สาดส่องลงมาเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ นักสู้ข้างถนนของจางเจิ้งเฉียงเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบกำปั้น เริ่มกลายเป็นเหล็กอเนกประสงค์แทน ถุงมือกลได้ห่อหุ้มแขนจนยาวเยียบเหนือข้อศอก ไอน้ำและกระแสไฟฟ้าเปล่งออกมาจากช่องว่างของถุงมือกล ทุกคนได้แต่รู้สึกหวาดกลัวกำปั้นเหล็กที่ยิ่งใหญ่คู่นั้น มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากโดนโจมตีด้วยกำปั้นเหล็กคู่นั้น

จางเจิ้งเฉียงมองดูค่าสถานะของเขา ค่า Strength อยู่ที่ระดับ SS, Constitution อยู่ที่ระดับ S+, ความเร็วอยู่ที่ระดับ S ทั้งความต้านทานต่อการโดนกระแทกลอย และพลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มา สกิลท่าไม้ตายใหม่ของเขาคือ [Crescent Slash] ในขณะที่ Limit Break Ultimate ของเขาคือสกิล [Limit Break Ultimate – Extreme Overlord Fist] (ชาร์จพลังงานในท่ากำหมัดเป็นเวลา 3 วินาที จากนั้นจะทำการปลดปล่อยแรงแม่เหล็กไฟฟ้าที่ถูกบีบอัดออกไป สร้างความเสียหาย 300% (เป้าหมายหลักจะโดนความเสียหาย 350%) ทำให้เกิดสถานะสตั้น, อัมพาต, และกระเด็นถอยหลัง หากเป้าหมายติดสถานะเหล่านี้ จะสามารถทำคอมโบท่าโยนที่แน่นอนได้ 100%)

ด้วยความก้าวหน้าของจางเจิ้งเฉียง เธอสามารถพูดได้ว่า มันเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับหลินหลี่ อย่างไรก็ตาม มันไม่มีโชคหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกันกับการชนะในครั้งนี้ เพื่อที่จะสามารถหลีกเลี่ยงฝ่ามือที่เปรียบเสมือนกับใบมีดในสถานการณ์เช่นนั้นได้ และแม้กระทั่งการเปิดใช้งานซุปเปอร์อาเมอร์ เพื่อให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสที่จะพลิกกลับมาโจมตีได้อย่างรวดเร็ว และทำการโจมตีคอมโบ HeavenDestroyer จนตาย… อย่างเดียวที่ต้องยอมรับเลยก็คือ เจ้าหมียักษ์มีศักยภาพที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก มันเป็นการแข่งขันที่แท้จริงของความสามารถระหว่างนักสู้ประชิดตัว…

โลกเสมือนจริงตกอยู่ในความสับสนอลหม่านอีกครั้ง อีกหนึ่งคนในสามพี่น้องได้รับการเลื่อนระดับ! นี่มันจะบ้าเกินไปแล้ว! พวกเขาติดอยู่ในช่วงการสอบเลื่อนระดับของสโมสรอยู่งั้นหรือ?! นี่มัน 2 วันติดต่อกันแล้ว จ้าวแห่งเพชรใชตัวละครแร็งค์ A และทำการสอบเลื่อนระดับ 2 ครั้งติดต่อกัน!

MistyVeil ยิ้มอย่างขมขื่น “แน่นอนว่าคนต่อไปจะต้องเป็นพี่ใหญ่สุดแห่งกลุ่มสามพี่น้อง!”

มูลค่าของนักสู้ข้างถนนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซูหยี่ยี่กำลังฉีกยิ้มกว้างจนเกือบจะถึงหู ในขณะที่เธอแบ่งครึ่งผลกำไรกับเย่เทียน เพียงแค่มูลค่าครึ่งเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ อีกครึ่งหนึ่งสำหรับการจ่ายค่าเล่าเรียนและสิ่งจิปาถะเล็กน้อย

คนที่ตกใจกับข่าวนี้ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ประเทศจีน แม้แต่ประเทศที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ ก็เริ่มให้ความสนใจ Thorns and Roses? เป็นสโมสรที่ไม่มีใครเคยรู้จัก แม้จะเคยได้ยินมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งขีดชื่อสโมสรนี้ลงในรายการของสโมสรที่ต้องจับตาดู การที่พวกเขาเลื่อนระดับตัวละครแร็งค์ SS 2 ตัวได้ภายใน 2 วัน นี่เป็นข่าวที่ใหญ่มากจริงๆ นี่เป็นมากกว่าตัวละครอันดับแร็งค์ SS ที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้น ตัวละครแร็งค์ SS มีค่าเล็กน้อยในหมู่สโมสรใหญ่ๆ แต่การทดสอบในการเลื่อนระดับแรงค์ S คือสิ่งที่ผู้คนจำนวนน้อยมากที่จะสามารถเอาชนะได้ หรืออาจจะมีเพียงแค่ 4 ราชันสวรรค์เท่านั้นที่ทำได้ก็ได้

ถ้าตัวละครนั้นไม่ได้รับการควบคุมที่ ‘สมบูรณ์แบบ’ จากระบบ แต่เป็นผู้เล่นตัวจริงที่ควบคุมตัวละครนั้น ฉันจะต้องเป็นคนที่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามถ้าใช้ตัวละครในปัจจุบันของฉัน ฉันก็ไม่กลัวเขาเลยแม้แต่นิดเดียว…” จางเจิ้งเฉียงพูดอย่างสุภาพขณะที่เขาเดินออกจากเวทีทดสอบ

‘คำพูดของ ‘ปีศาจ’ ย่อมแน่นอนว่าต้องแตกต่างจากคำพูดของคนธรรมดา’ ThornyRose และคนอื่นๆ ได้แต่ฝืนยิ้มอย่างกระดากกระเดื้องใจเท่านั้น ‘Slapping Taoist เป็นแชมป์โลก 5 ครั้งติดต่อกัน และเขายังได้บดขยี้ราชันสวรรค์ไปอีกด้วย พ่อของฉันอาจถูกมองว่าเป็นหลานชายของเขา เพราะลูกสาวของเขาแต่งงานกับตระกูลฉิน แม้ว่าเขาจะคัดค้านอย่างรุนแรงก็ตามที… เฮ้อ นั่นเป็นวิธีที่ตระกูลรองของเรามักจะใช้วิธีนี้เกี่ยวดองกับตระกูลหลัก’ เธอถอนหายใจ และเริ่มมองสกิลและสิ่งต่างๆของตัวละครแร็งค์ SS ตัวละครนี้ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจางเจิ้งเฉียงเพียงเท่านั้น สกิลทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการต่อสู้, จับโยน, เหวี่ยง, ทุ่ม ทำให้ลักษณะการต่อสู้ของตัวละครนี้อยู่ในลักษณะที่ป่าเถื่อนและรุนแรง เธอตัดสินใจที่จะปล่อยให้ FrozenCloud ใช้จอมหมัดเหล็กที่ถูกทอดทิ้งในตอนนี้…

“วันพรุ่งนี้ก็ถึงคิวของฉันแล้วสินะ แต่ตอนนี้ฉันหิวแล้ว เราจะกินอะไรกันดี?” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย

“พี่ใหญ่ขาว เราไปกินราเม็งที่ร้านเถ้าแก่หลี่กันเถอะ ผมอยากกินราเม็งมากๆเลยตอนนี้…” หลินหลี่เสนอขึ้นมา

เย่ฉางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “งั้นเราไปกินราเม็งที่ร้านเถ้าแก่หวังกันเถอะ หยี่ยี่, ฟางชิ และ SpyingBlade อดไปเพราะพวกเขาไม่อยู่”

“บอกฉันหน่อยสิว่าทำไม SpyingBlade ถึงไม่ได้อยู่ที่นี่?” ThornyRose หลุดออกมาจากความงุนงงของเธอ และตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้เห็น SpyingBlade เลยวันนี้

“อ่อ เขาติดธุระหนะ…” เย่ฉางยักไหล่

ณ.บ้านพักริมทะเล

SpyingBlade และฟางชิกำลังอยู่ในการประชุมของ 10 บทบัญญัติ คืนนี้พวกเขาจะต้องติดตาม Cold Moon เพื่อไปฝึกภาคสนาม เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันก็ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัวแล้ว แต่ตามที่ Cold Moon ได้บอกกับพวกเขา สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการเฝ้าดูเท่านั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เพราะความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่ถึงขั้น

SpyingBlade ได้เรียนรู้จากฟางชิว่า เร็วๆนี้ทั้งสองคนจะได้รับการฝึกพิเศษจากเย่ฉาง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขาอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

 

 


ตอนที่ 371

 

ร้านราเม็งเถ้าแก่หลี่ในตลาดนัดกลางคืน

ซูหยี่ยี่ถอนหายใจเมื่อเธอตระหนักว่าน้ำซุปในชามของเธอหายไปหมดแล้ว นี่เป็นราเม็งที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา มันอร่อยยิ่งกว่าพวกร้านที่มีชื่อเสียงในประเทศเสียอีก SpyingBlade ยังอดถอนหายใจกับความอร่อยไม่ได้เลย แม้แต่ถงน้อยก็กำลังดื่มน้ำซุปโดยไม่มีเหลือเลยซักหยดเดียว เถ้าแก่หลี่เห็นว่าทุกคนกำลังกินกันอย่างมีความสุข สิ่งนี้ทำให้เขาพอใจและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

คืนนั้น เย่ฉางกลับไปที่ทะเลสาบจันทร์ครึ่งเสี้ยว และสอนซูหยี่ยี่เต้นรำ พร้อมกับดูเฉาเฉียงหยูฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ไปด้วย

ปัจจุบันเฉาเฉียงหยูแทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวด้วยพลังซี่ได้มากกว่า 2 ครั้ง อย่างไรก็ตามเธอก็ยังเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ เธอจะจบลงด้วยการกรีดร้องขอชีวิตภายใต้การโจมตีของจางเจิ้งเฉียงเสมอ…

ทุกครั้งที่ซูหยี่ยี่มองไปทิศทางนั้น เธอจะรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก โชคดีที่เธอไม่ได้ขอเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ เธอก้าวลงไปที่ทะเลสาบและค่อยๆเดินไปบนผิวน้ำ จากนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้าและหมุนตัว จ๋อม… เป็นอีกครั้งที่เธอตกลงไปในน้ำ โชคดีที่เธอฉลาดและสวมใส่ชุดว่ายน้ำเอาไว้ด้านใน

ที่ด้านอื่นๆ SpyingBlade และฟางชิอยู่บนขบวนรถไฟที่กำลังเดินทางไปที่เมืองจักรพรรดิ พวกเขาได้พบกับ Cold Moon ที่สถานี และในที่สุดก็เห็นว่า Cold Moon ในโลกความเป็นจริงมีหน้าตาและลักษณะรูปร่างเป็นอย่างไร เธอไม่ได้อายุมากไปกว่าฟางชิเลย แต่บรรยากาศที่แสนเย็นชารอบๆตัวเธอ แทบจะไม่ได้แตกต่างจากโลกเสมือนจริงมากเท่าไหร่ ในความเป็นจริง เธอเย็นชากว่าภายในโลกเสมือนเสียอีก ข้างๆเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่ายี่สิบปีที่น่ารักและมีผมสั้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนสามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายอย่างมากจากเธอได้ ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงรอยยิ้มที่น่าหลงไหลอยู่เสมอก็ตามที

ทั้งสี่คนย้ายไปขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปยังรัสเซีย ด้วยการแนะนำของ Cold Moon ทั้งสองคนจึงได้รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นผู้ช่วยของเธอเอง เธอมีโค้ทเนมว่า Bones

Cold Moon หลับตาลงเพื่อพักผ่อน Bones อธิบายกับทั้งสองคนว่า ภารกิจของพวกเขาคือการทำลายฐานทัพที่เป็นศูนย์วิจัยการกลายพันธุ์บางแห่งในไซบีเรีย แต่เดิมภารกิจนี้มันอยู่ภายใต้อำนาจของ Cold Moon และมันเป็นปฏิบัติการที่แสนง่ายดาย โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเองด้วยซ้ำไป แต่เหตุผลเดียวที่เธอออกเดินทางในครั้งนี้นั้นก็คือ เพื่อให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Bones มอบอาวุธมาตรฐานของ 10 บทบัญญัติให้กับพวกเขาทั้งสองคน เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองแล้ว เธอจึงมอบปืนสีเงินที่มีขนาดใหญ่ และกระสุนปืนที่ดูแปลกประหลาดให้กับทั้งสองคน วัสดุที่สร้างอุปกรณ์เหล่านี้ได้รับการวิจัยเป็นพิเศษ ทำให้มันมีประสิทธิภาพการทำลายต่อรูปแบบของพวกมีชีวิตเทียม และพวกกลายพันธุ์เป็นอย่างมาก แต่ก็ยังสามารถใช้กับบุคคลธรรมดาทั่วไปได้ด้วยเช่นกัน

ภายในขบวนรถไฟทั้ง SpyingBlade และฟางชิรู้สึกกังวลใจและอยากรู้อยากเห็นมาก ภารกิจนี้จะเป็นอย่างไร? พวกเขาทั้งสองรู้ว่ามันน่าจะเป็นการสังหารหมู่ Bones ก็มองทั้งสองคนด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน ‘ทั้งสองคนนี้เป็นคนที่หัวหน้าใหญ่ Silver Devil กำลังฝึกอยู่จริงๆงั้นหรือ? พวกเขาดูไม่เห็นจะแข็งแกร่งเท่าไหร่เลย’ เธอส่ายหัวของเธอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถตัดสินได้ หลังจากที่หัวหน้า Cold Moon และหัวหน้า Hunting Flame ได้รับการฝึกฝนจากหัวหน้าใหญ่ Silver Devil แล้ว ทุกคนในองค์กรล้วนหวาดกลัวพลังอำนาจและอิทธิพลของเขา

“ตั้งแต่ที่หัวหน้าคาดหวังกับพวกนายทั้งสองคนไว้มาก ดังนั้นฉันจะรับประกันความปลอดภัยของพวกนายเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลมากจนเกินไปนัก…” Cold Moon พูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ แต่ทั้งสองคนกลับรู้สึกอารมณ์มั่นคงมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ในไซบีเรียก็ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ SpyingBlade และฟางชิทั้งคู่สวมเสื้อกันหนาวแบบหนา พวกเขามองไปที่ Cold Moon ที่ยังคงสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีขาวตามปกติ เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าของฐานทัพ พวกเขาเห็นทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่จำนวนมากที่ถือปืนเดินลาดตระเวนอยู่ด้านนอก ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคิดหาวิธีที่จะเข้าไป ผู้หญิงทั้งสองคนก็เดินตรงเข้าไปอย่างดื้อๆซะงั้น ทั้งสองคนจึงรีบหยิบปืนออกมา พวกเขามองเห็นกระสุนนับไม่ถ้วนยิงมาที่พวกเขา ทั้งสองคนจึงรีบก้มหลบไปบนพื้นดิน แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงกระสุนปืนดังขึ้นอีกเลยแม้แต่นัดเดียว ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นและเห็น Bones ยิ้มออกมา ในขณะที่มือของเธอเอื้อมออกไป กระสุนปืนและขีปนาวุธนำวิถีทั้งหมดถูกบล็อคโดยกำแพงไร้รูปร่าง ทหารทั้งหมดติดอยู่ในกำแพง และไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ เมื่อกระสุนปืนยิงเข้าไปตรงกำแพงไร้รูปร่าง มันเกิดเป็นรอยคลื่นกระทบเล็กๆ เหมือนกับหยดน้ำตกลงไปในแม่น้ำ แต่ก็ไม่สามารถทะลุผ่านกำแพงไร้รูปร่างเข้าไปได้ Bones ดีดนิ้วของเธอ กระสุนปืนและขีปนาวุธนับไม่ถ้วนก็กระเด็นกลับไป สิ่งที่เหลืออยู่หน้าฐานทัพก็คือเศษกระดูก เศษเนื้อ และเศษหินเต็มไปทั่วทุกพื้นที่

เมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งสองคนไม่สามารถอดนึกไปถึงโค้ทเนมของเธอได้ Bones…

หากผู้ช่วยของ Cold Moon ยังมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้น Cold Moon จะแข็งแกร่งมากขนาดไหนกัน? ทั้งสองคนเริ่มนึกถึงความชิบหายวายป่วงในสมองของพวกเขา SpyingBlade มองไปยังซากศพที่นับไม่ถ้วนและถอนหายใจ ‘ฉันเป็นคนใจอ่อนงั้นหรือ?’

เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูโลหะขนาดใหญ่ SpyingBlade ยืดตัวขึ้น “ฉันเก่งในเรื่องการถอดรหัส…”

“ไม่จำเป็น…” Cold Moon พูดออกมา จากนั้นมือของเธอก็มีประกายความเย็นยะเยือกโผล่ขึ้นมา จากนั้นเธอก็ผลักไปที่ประตู จู่ๆประตูโลหะก็กลายเป็นเศษเหล็กนับไม่ถ้วน ทำให้เธอสามารถเดินเข้าไปในฐานทัพได้โดยตรง

ทั้งสองคนเอื้อมมือออกไปสัมผัสกับเศษโลหะ SpyingBlade ขมวดคิ้ว ‘นี่เป็นโลหะอัลลอยที่มีความทนทานเป็นอย่างมาก! ภายหลังประตูนี้แม้แต่ขีปนาวุธนิวเคลียร์ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ แต่มันกลับถูกตัดออกเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดายโดย Cold Moon, Cold Moon นั่นคือความหมายของโค้ทเนมของเธอหรือไม่? มันเหมือนกับดวงจันทร์ที่เย็นยะเยือก’ เขานึกถึงตอนที่ประกายความหนาวเย็นของเธอโผล่ขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ความเย็นยะเยือกในหัวใจของเขายิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางชิได้เห็นว่าช่วงเวลาที่มนุษย์ได้เปลี่ยนร่างจนเป็นพวกกลายพันธุ์ แต่ทันใดนั้นก็มีประกายแสงพุ่งออกไป จากนั้นพวกกลายพันธุ์ก็กลายเป็นกองเนื้อเน่าๆกองหนึ่ง SpyingBlade เห็นว่ามันไม่ได้มีแต่ร่างกายที่กลายเป็นกองเนื้อเพียงร่างเดียว แต่พวกมันกลับกลายเป็นกองเนื้อเน่าๆหลายกอง นี่มันเป็นเหมือนกับฉากที่หลุดมาจากนรกเลยก็ว่าได้ นี่คือสิ่งที่เราไม่เคยเห็นทางทีวี ทุกๆที่ถูกปกคลุมด้วยเลือด, เนื้อ และเศษอวัยวะต่างๆ จนทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ จากนั้นเขาก็หันไป และเห็นการแสดงออกที่ไม่แยแสของฟางชิ “นาย…”

“ผมชินกับฉากเหล่านี้จากเกมมาก่อน แต่ฉากที่เห็นอยู่ตอนนี้มันมากกว่าตอนที่ผมแข่งขันเกมซะอีก…” ฟางชิยิ้มอย่างขมขื่น

“เกม?” SpyingBlade ถามด้วยความงุนงง

“ผมจะบอกอีกทีเมื่อเรากลับไป ตอนนี้เราต้องมุ่งเน้นไปที่ภารกิจกันก่อน” ฟางชิถอนหายใจ

พวกเขาเดินเข้าไปในฐานทัพและเข้าไปในห้องแล็บ ทั้งสองคนเห็นว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหลอดทดลองที่แปลกประหลาด ในหลอดทดลอง มันมีทุกชนิดของตัวอ่อนที่ได้รับการผสมกับสิ่งมีชีวิตประเภทต่างๆ พวกมันอยู่ในสถานะของการพัฒนา บางตนยังเป็นเด็กทารก และบางตนก็เติบโตเต็มวัยแล้ว

“Bones ไปรวบรวมข้อมูลซะ…” Cold Moon จัดการนักวิจัยที่อยู่ในห้องให้กลายเป็นซากศพทันที แล้วจึงออกคำสั่ง Bones พยักหน้า และเริ่มรวบรวมข้อมูลการวิจัย

มือของ Cold Moon ยังจับดาบอยู่อย่างเงียบๆ เธอหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้น ทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เย็นยะเยือกทันที SpyingBlade และฟางชิรู้สึกราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนผ่านพวกเขาไปแล้ว มันเป็นคลื่นรังสีที่บริสุทธิ์ แต่ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว พวกเขาก็เห็นว่าหลอดทดลองทั้งหมดถูกทำลายลงไปแล้ว และสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในกลายเป็นเพียงเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย

SpyingBlade และฟางชิมีความรู้สึกที่ซับซ้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะ SpyingBlade เขาเฝ้ามองพวกกลายพันธุ์ที่อยู่ในหลอดทดลองกลายเป็นเพียงเศษเนื้อ นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ งั้นหรือ? ฆ่าพวกเขาง่ายๆอย่างนี้เลยหรือ? ฟางชิมองตาของ SpyingBlade ซึ่งเต็มไปด้วยความสงสาร “คุณไม่เคยประสบกับความหายนะในเมืองเฉียงซานมาก่อน ดังนั้นคุณจึงไม่รู้ว่าพวกเขาน่ากลัวมากแค่ไหน พ่อแม่ของผมถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์พวกนี้ พวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงอาวุธทำลายล้างเท่านั้น…”

SpyingBlade ถอนหายใจ บางทีเขาอาจจะไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ ผู้คนนับล้านเสียชีวิตในเหตุการณ์หายนะของเมืองเฉียงซาน มันเป็นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขามองไปที่มุมๆหนึ่ง และเห็นเด็กคนหนึ่งที่กลายพันธุ์แล้ว เด็กคนนั้นมีหัวเป็นหัวจระเข้ ซึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาอำมหิต เขาตกอยู่ในอาการตกใจ ทำให้การป้องกันของเขาลดลง หัวใจของเขาทนไม่ไหว ทันใดนั้นใบดาบก็แทงทะลุศีรษะของเด็ก ตรงระหว่างคิ้วจนเลือดสาดกระเด็นไปทั่วทั้งตัวของเขา

SpyingBlade เฝ้าดู Cold Moon ดึงดาบของเธอ และเช็ดเลือดของเด็กออกจากดาบ อวัยวะต่างๆได้ติดกับดาบออกมา ซึ่งมันแตกต่างจากที่มนุษย์เรามี “อย่าใจอ่อน ไม่อยากนั้นนายจะมีชีวิตรอดได้เพียงไม่นาน นายควรจะรู้เอาไว้ด้วยว่า มันได้ล็อคเป้าหมายไว้ที่นาย และเตรียมจะพ่นกรดออกมาแล้ว ถ้านายโดยกรดของมัน นายจะตกอยู่ในความเจ็บปวดอย่างร้ายแรงและยากที่จะรักษาได้…”

 

 

 


ตอนที่ 372

 

SpyingBlade มองไปที่ปากของเด็กคนนั้นและเห็นว่ามีกรดกำลังจะถูกพ่นออกมา เขากระชับปืนแน่น เกิดความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ในใจของเขา ฟางชิตบไหล่เขาเบาๆ “คุณควรจะขอบคุณเธอ …”

“ขอบคุณ …” SpyingBlade พูดใส่หลัง Cold Moon

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เพียงแค่อย่าทำให้หัวหน้าผิดหวังก็พอ …” Cold Moon ตอบโดยไม่หันหลังกลับมามอง

หลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว เธอจึงหันไปมองทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”

บนรถไฟขากลับ SpyingBlade นึกถึงประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เขามองไปที่ Cold Moon ผู้ซึ่งกำลังนั่งหลับตาอยู่ ‘ประสบการณ์แบบไหนกันที่เธอได้เผชิญมา จนทำให้เธอกลายเป็นคนเลือดเย็นแบบนี้ได้ ฉันจะสามารถโหดเหี้ยมเลือดเย็นได้เหมือนเธอหรือไม่? ก่อนหน้านี้ฉันเกือบจะเสียชีวิตอย่างน่าสมเพชไปแล้ว บางทีฉันอาจจะอยู่แต่ในโลกที่สงบสุขมากจนเกินไป ในตอนนี้ ฉันได้เห็นด้านมืดของโลกที่สงบสุขนี้แล้ว ฉันตระหนักได้ว่าฉันนั้นโง่เง่าเกินไป แม้แต่ฟางชิที่อายุน้อยกว่าฉันมากหลายปี ก็ยังใจแข็งและเด็ดเดี่ยวมากกว่าฉัน’

ฟางชิเก็บปืนสีเงิน “ก่อนที่จะเข้าเล่นเกม ผมเป็นคนธรรมดามากๆ ผมเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลายที่เก่งคนหนึ่งเท่านั้น”

“เกมคืออะไร?” SpyingBlade นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฟางชิ

“หลังผ่านเหตุการณ์หายนะของเมืองเฉียงซานมาได้ ผมและน้องสาวได้ถูกส่งตัวไปยังเมืองหลินไห่ แต่ถงน้อยได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ถงน้อยคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมเหลืออยู่ในโลกใบนี้ ก่อนที่แม่ของผมจะเสียชีวิตลง เธอได้คอยย้ำบอกกับผมเสมอว่า ให้ผมดูแลน้องสาวให้ดีๆ ผมจึงพยายามทำทุกทาง เพื่อจะหาทางรักษาอาการป่วยของน้องสาวผม จู่ๆผมก็บังเอิญรู้จักการแข่งขันในโลกใต้ดิน ซึ่งมันเรียกว่า เกม ผู้จัดการแข่งขันเป็นบอสของโลกใต้ดินคนหนึ่งที่มีชื่อว่า เกมเมอร์ เกมคือการที่ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะต้องเข่นฆ่ากันเอง แล้วผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจะสามารถเติมเต็มความฝันของพวกเขาให้เป็นจริงได้ ความจริงจะบอกว่ารางวัลเป็นเพียงแค่เงินและสถานะบางอย่างเท่านั้นก็ได้ ผมจึงตัดสินใจเข้าร่วมเล่นเกมนี้ โดยการใช้ชีวิตของผมเป็นเดิมพัน ผมฆ่าผู้คนไปเป็นจำนวนมาก แต่ทุกครั้งที่ผมฆ่าคนไป ผมก็จะรู้สึกผิดทุกครั้ง แต่ผมต้องแบกรับความรู้สึกผิดนี้ไว้ให้ได้ ผมคอยบอกกับตัวเองว่า ทุกอย่างนี้ก็เพื่อที่จะช่วยน้องสาวของผม ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ช่วงเวลาที่คุณทำตัวไร้เดียงสา หรือเชื่อถือใครสักคนหนึ่งนั้น มันก็คือช่วงเวลาที่คุณจะตายโดยไม่มีงานศพ ในที่สุดก็เหลือเพียงแค่ผมและเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เธอเป็นเหมือนผม เธอมาที่นี่เพื่อช่วยแม่ของเธอ … และครอบครัวของเธอ ผมคิดกับตัวเองว่า ถ้าเด็กหญิงคนนี้เป็นน้องสาวของผม และเธอก็เข้ามาในเกมโดยโยนความไร้เดียงสาของเธอทิ้งไป และยอมแพ้ความเป็นมนุษย์ของเธอ เธอต้องตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญขนาดไหน และแล้วในที่สุดผมก็ไม่สามารถฆ่าเธอได้ เธอขอร้องให้ผมใช้เงินส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือแม่ของเธอด้วย ในช่วงเวลานั้น ผมจึงถามเธอว่า ถ้าเกิดว่าเป็นเธอที่ชนะ เธอจะใช้เงินจำนวนเล็กน้อยเพื่อช่วยน้องสาวของผมหรือไม่? เธอพยักหน้าและสัญญาอย่างจริงจัง ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย เพราะผมรู้ดีว่า ถ้าผมฆ่าเธอมันก็เหมือนว่าผมได้ฆ่าถงน้อยนั่นเอง …” คำพูดของฟางชิทำให้ SpyingBlade ครุ่นคิดเป็นเวลานาน เขาจะสามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้หรือไม่? เขาคิดว่าฟางชิสามารถรักษาความเป็นมนุษย์ของเขาได้ ในขณะที่ยังช่วยให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถช่วยชีวิตครอบครัวของเธอไว้ได้อีกด้วย บางทีเขาอาจไม่เหมาะกับภารกิจการฆ่าทำลายล้างแบบนี้ ตอนนี้เขาเข้าใจความหมายของเย่ฉางแล้ว นี่คือเหตุผลที่พวกเขาได้รับเลือก? เขาถอนหายใจแต่ก็ยิ้มจางๆ ‘ผู้ชายคนนั้นช่างเป็นคนลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ’

ณ.บ้านพักริมทะเล

ซูหยี่ยี่ได้ใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก และด้วยการอนุมัติของอูนา จึงมีห้องน้ำขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นมา ตอนนี้ผู้หญิงทั้งสามคนพร้อมกับเย่เทียนและถงน้อยต่างอาบน้ำอยู่ข้างในนั้น และกำลังคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา สำหรับกลุ่มของเย่ฉาง ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและกำลังดูบันทึกการแข่งขัน โดยแต่ละคนต่างชมว่าตัวเองน่ากลัวขนาดไหน

“ในวันพรุ่งนี้ เฉียงหยูจะเข้าร่วมการแข่งขันดาบ เราควรจะสอนการเคลื่อนที่ในการฆ่าให้เธอหรือไม่” จางเจิ้งเฉียงถามขณะที่ดูทีวี

“การเคลื่อนที่ในการฆ่า … ให้ฉันคิดก่อนนะ ถ้าเราสามารถปล่อยให้เธอลองใช้ ‘การบิดเกลียว’ แต่แน่นอนว่ามันจะอันตรายมากที่จะใช้การบิดเกลียวในการแข่งขันแบบนี้ งั้นอย่าเลยดีกว่า ให้เธอฝึกช่วงการสร้างรากฐานเสร็จก่อน สำหรับในตอนนี้ การพุ่ง การแทง และการฟันของเธอก็เพียงพอแล้ว ที่จะจัดการกับสถานการณ์ต่างๆได้ โดยที่เธอไม่ต้องใช้พลังแฝงการมองเห็นอนาคตของเธอเลยด้วยซ้ำ …” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย

จางเจิ้งเฉียงยักไหล่ พลังแฝงการมองเห็นอนาคต! มันเป็นความสามารถที่ดีมากๆ ส่วนความสามารถของตัวเขาเองคือ ลางสังหรณ์ ซึ่งแตกต่างจากทักษะด้านการใช้สายตา มันเป็นทักษะที่ไม่ใช้งานผ่านสายตา แต่อาศัยประสาทสัมผัสทำให้เขาได้รับรู้คำเตือนในอีก 0.3 วินาทีล่วงหน้า นอกจากประสาทสัมผัสของเขาแล้ว เขายังสามารถกระตุ้นทักษะนี้ในเส้นประสาทสมอง เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

“อาเฉียง นายได้ปลดล็อคยีนตัวที่สามของนายไปแล้ว นายจึงสามารถผ่อนและเร่งพลังได้ตามที่ใจต้องการ ยีนที่เป็นตัวล็อคที่สี่น่าจะเกี่ยวกับสไตล์การต่อสู้ของนาย ดังนั้นมันจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง …” เย่ฉางอธิบาย หลินหลี่นั้นก็รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน แต่เนื่องจากมันต้องมีปัญหาบางอย่าง เย่ฉางจึงไม่ได้ช่วยปลดล็อคยีนให้เขา เขาถอนหายใจและถามขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ขาว ผมยังต้องการที่จะปลดล็อคยีนเหมือนกันนะ!”

“เอาล่ะ หลินหลี่รออีกสักสองสามวันนะ รอให้ SpyingBlade และฟางชิกลับมากันก่อน แล้วฉันจะช่วยปลดล็อคยีนแรกให้นายเอง…” เย่ฉางบอกพร้อมกับลูบหัวหลินหลี่เบาๆ ในอดีตเขาคิดว่าหลินหลี่ไม่มีพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สอนหลินหลี่ แต่เมื่อตอนอยู่ในตระกูลฉิน หลินหลี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเลียนแบบที่น่ากลัว และเมื่อเร็วๆนี้เขาได้รู้ว่าร่างกายของหลินหลี่ไม่อ่อนแอเท่าที่เขาคิดไว้ การควบแน่นและการควบคุมพลังซี่ของเขานั้นดีมากๆ สิ่งเดียวที่เขายังสงสัยก็คือ ทำไมเลือดของเขาไม่ได้มีผลใดๆต่อหลินหลี่เลย ‘เมื่อตอนฉันได้ใช้เลือดรักษาเขา ทำไมเขาถึงไม่มีผลข้างเคียงใดๆ … บางทีหลังจากการปลดล็อคยีนแรกให้เขาแล้ว มันน่าจะมีคำตอบ’

“อืม!” ปอยผมของหลินหลี่ตั้งขึ้นและขยับไปมาอย่างมีความสุข ในขณะที่เขายังดูทีวีต่อไป

วันถัดมา

SpyingBlade และฟางชิได้กลับมาถึงบ้านพัก พวกเขาเดินตรงไปที่ห้องของตัวเองและล้มลงนอนบนเตียง พวกเขาต่างตกอยู่ในห้วงของความคิด พวกเขานึกถึงฉากเมื่อคืนที่ผ่านมา ความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายเกิดขึ้นภายในใจของพวกเขา …

สโมสร Thorns and Roses

เย่ฉางตัดสินใจไปทดสอบก่อนเย่เทียน เขาเขกหัวเย่เทียนเบาๆ “เป็นเด็กก็ควรหัดรู้จักตามหลังผู้ใหญ่…”

เย่เทียนพยักหน้า ตอนแรกเธอควรจะเป็นคนที่สาม แต่ถ้าพ่อของเธอต้องการจะทดสอบก่อนมันก็ไม่เป็นไร มันไม่สำคัญว่าเธอต้องรอไปอีกวัน ตราบเท่าที่พ่อของเธอนั้นมีความสุข เธอก็ยินดีเสมอ เธอยิ้มเหมือนเด็กน้อย

ThornyRose ปลดล็อคแผนที่ แผนที่ถูกสุ่มได้ทะเลป่าไผ่ ต้นไผ่สีเขียวมรกตนับหมื่นนับพันต้น โผล่ขึ้นมาในสายลมเหมือนคลื่นทะเล

เย่ฉางเลือกใช้ตัวละครนักรบปีศาจ และยืนอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งของสะพานไม้ไผ่ที่แกว่งไปแกว่งมา ส่วนอีกด้านหนึ่งของสะพานคือนักรบชุดเกราะสีดำที่ถือคาตานะยาว เขามีผมสีดำยาวและผูกเป็นหางม้าลากยาวลงไปถึงเอว เขามีใบหน้าแหลมคมและดวงตาดุจนกอินทรี คาตานะยาว 2 เมตรถูกแขวนไว้ในแนวนอนหลังเอวของเขา ภายใต้ชุดเกราะสีดำคือชุดนินจาที่ตึงกระชับ เขามองมาที่นักรบปีศาจและยิ้มเยาะ “คนจีน! ให้ฉันดูวิถีดาบของนาย …”

“นี่คือวิถีดาบของฉัน เข้ามาเลยพวกชาวเกาะ(ญี่ปุ่น) …” เย่ฉางพูดพร้อมกับใช้มือซ้ายจับดาบยาว ส่วนมือขวาจับดาบตรง

“การทดสอบทั้งสามครั้งนั้นยากลำบากมาก Lightless Blade, Slapping Taoist และตอนนี้ยังเป็น Instant Killer – Makuramaru เขายังเป็นแชมป์ 3 สมัย และความแข็งแกร่งของเขาก็ไร้ที่ติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงจังหวะการฆ่าฉับพลันของเขา เขาเป็นหัวหน้าของ Cut of Heaven เขามีทั้งคุณธรรมและความแข็งแกร่ง เขามีชื่อเสียงอยู่ในระดับโลก ไอคนชั้นต่ำอาจจะมีการต่อสู้ที่ยากลำบาก เพื่ออธิบายให้เข้าใจถึงวิถีดาบของ Makuramaru คำพูดที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็น รวดเร็วและรุนแรง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฆ่าอย่างฉับพลัน…” ThornyRose มองไปที่ฝ่ายตรงข้ามและเริ่มอธิบาย

“เพื่อนของฉันจะไม่แพ้พวกชาวเกาะคนไหนทั้งนั้น …” จางเจิ้งเฉียงยิ้มกว้าง

“ถูกแล้ว!” หลินหลี่และเย่เทียนตอบพร้อมกัน ซึ่งนี่เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น

 

 

 


ตอนที่ 373

 

“มันเริ่มแล้ว …” จู่ๆ CloudDragon ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ThornyRose หลั่งเหงื่อเย็นออกมา ในฐานะที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสร Thorns and Roses ร่วมกับเธอด้วย ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าออกสโมสรได้ … แต่โดยปกติแล้วเขาจะไม่มาที่สโมสรนี้เลย

“นายนั่นเอง…” จางเจิ้งเฉียงมอง CloudDragon และยิ้มใส่ จากนั้นก็หันกลับไปมองการดวลดาบของเย่ฉางและ Makuramaru

ทุกคนมองการดวลดาบกันของพวกเขา ดาบที่ปะทะกันสร้างประกายไฟไปทั่ว พวกเขาทั้งสอง หลบการโจมตีโดยเฉียดแค่ปลายผมเท่านั้น ถ้าใครคนไหนเกิดความผิดพลาดขึ้นแม้แต่เพียงนิดเดียวล่ะก็ ก็อาจนำพาเขาไปสู่ความตายได้เลย

“Makuramaru กำลังจะเปิดการใช้งาน Limit Break Ultimate แล้ว” CloudDragon ยกคิ้วขึ้น

“Limit Break Ultimate ของเขา …” ThornyRose เริ่มขมวดคิ้ว Limit Break Ultimate ของ Makuramaru คือสุดยอดศิลปะลับการฆ่าฉับพลันที่โจมตีทีเดียว แต่เหมือนโจมตีด้วย 7 ดาบพร้อมกัน ผู้เล่นนับไม่ถ้วนได้เสียชีวิตด้วยสกิลนี้

การแสดงออกของเย่ฉางกลายเป็นจริงจังและเขาก็ขมวดคิ้ว วิถีการโจมตีครั้งต่อไปมี 7 เส้นทาง เขาพ่นลมออกจมูก [Blade Edge Blink]! เขาปรากฏตัวและล็อคด้ามจับคาตานะไว้โดยไม่ให้โอกาส Makuramaru เปิดใช้สกิลนี้ได้ … รวมทั้งเริ่มต้นคอมโบของเขาทันที!

“ช่างเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วอะไรเช่นนี้ เขาสามารถหยุด Limit Break Ultimate ของ Makuramaru ได้ด้วยวิธีนี้!” CloudDragon ตบมือ

“คงจะรู้ผลแพ้ชนะในอีกไม่ช้าแล้ว …” จางเจิ้งเฉียงเฝ้ามองขณะที่ทั้งสองคนแยกตัวออกจากกัน หลังจากการที่แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด ‘เพื่อนไม่สามารถหลบ 7 ดาบใน 1 การโจมตีนี้ได้นานอีกต่อไปแล้ว นายจะต้องรีบจบศึกนี้ให้เร็วที่สุด’

แคร้ง แคร้ง แคร้ง! ในขณะที่เย่ฉางกำลังถูกคมดาบทั้งเจ็ดฟันใส่ เขาตัดสินใจพุ่งเข้าไปใช้ดาบยาวแทงใส่หน้าอกของ Makuramaru ในขณะที่เขารับสี่ดาบไปเต็มๆ แต่เขาเลือกบล็อคสามการโจมตีสำคัญที่เล็งไปที่หัวใจ คอและหัวของเขาด้วยดาบสั้น ไหล่ขวาและร่างกายส่วนล่างของเขาถูกตัดขาดไป

[ผู้เล่น PaleSnow ได้สังหารผู้เล่น Makuramaru …]

ThornyRose รู้สึกทึ่งมาก เป็นชัยชนะที่รวดเร็วจริงๆ ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำ ชัยชนะของเย่ฉางอาจได้รับการพิจารณาว่าเป็นการต่อสู้ที่รวดเร็วที่สุด

“เขาคำนวณทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาตัดสินใจพุ่งเข้าไปและเลือกป้องกันในจุดสำคัญของร่างกาย แล้ววางเดิมพันทุกอย่างในการโจมตีเดียว ช่างเป็นคู่แข่งที่ดี …” CloudDragon ยิ้ม

“ฮึ่ม คู่แข่งของนายคือฉัน …” จางเจิ้งเฉียงหันมาหาเขาและหัวเราะเยาะใส่

“นายนี่นะ …นายมีคุณสมบัติพอหรือไม่?” CloudDragon ถาม การแสดงออกของเขาเย็นชามาก

“ลองดูก็รู้…” จางเจิ้งเฉียงแผ่กลิ่นอายที่โหดเหี้ยมออกมา ในขณะที่เขายืดคอไปมาพร้อมกับมอง CloudDragon อย่างยั่วยุ

พวกเขาพร้อมระเบิดเข้าสู่สงครามได้ทุกเมื่อ ThornyRose ก้าวออกมาอย่างรวดเร็วและยืนคั้นกลางระหว่างสองคนไว้ “เอาล่ะ เอาล่ะ พี่ชายไว้เจอกันในการแข่งขันนะ”

FrozenBlood, ElegantFragrance และคนอื่นๆทั้งหมดต่างถอนหายใจ ฝีมือจางเจิ้งเฉียงไม่ต่ำต้อยไปกว่า CloudDragon เลย อย่างน้อยที่สุดก็ในแง่ของกลิ่นอาย กลิ่นอายที่โหดเหี้ยมของเขา ทำให้เขามีความรู้สึกที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Thorns and Roses ไม่เคยมีมาก่อน ความสามารถของประธานคนก่อนก็พอๆกับ ThornyRose คือมีความสามารถรอบด้าน แต่ไม่โดดเด่นด้านไหนเลย เธอไม่ได้มีบารมีแบบจางเจิ้งเฉียง ที่อาจดึงดูดความสนใจของผู้เล่นระดับราชันสวรรค์ได้ นี่เป็นสโมสรที่เต็มไปด้วยผู้หญิง จึงมีความน่ารักมากกว่าความป่าเถื่อน

“ตัวละครนักดาบปีศาจทำการเลื่อนระดับแล้ว …” เย่เทียนเตือนทั้งสองคนที่จ้องมองกันอยู่

ดาบที่อยู่บนไหล่ หลังและเอวของนักดาบปีศาจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ดาบยาวสีขาวพร้อมกับที่กั้นมือที่มีรูปร่างเป็นเกลียวดอกไม้ ความกว้างของดาบกว้างเพียงแค่นิ้วหัวแม่มือเท่านั้น ดาบยาวประมาณ 170 เซนติเมตร เกราะเบาอันเดิมถูกสลายไปกลายเป็นเกราะเบาสีเงิน พร้อมกับมีเสื้อแขนกุดสีดำอยู่ด้านใน บนแขนของเขาสวมปลอกแขนสีเงิน พร้อมสวมถุงมือกุดสีดำและสีเขียว ส่วนช่วงล่างของเขาเป็นกางเกงสีดำและรัดด้วยเข็มขัดโลหะ เขาสวมสนับแข้งและสวมรองเท้าสีเงิน แม้แต่ตัวป้องกันตรงหน้าผากสีเงินอันเดิมก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้เส้นผมสีขาวของเขาพริ้วไหวไปมาได้อย่างอิสระ

เย่ฉางเก็บดาบไว้ในฝักดาบสีขาวที่มีลวดลายงดงาม

“นั่นยังคงเป็นนักดาบปีศาจอยู่ไหม!…” ThornyRose หลั่งเหงื่อเย็นออกมา ดาบจำนวนมากของเขาได้กลายเป็นดาบบางๆเพียงเล่มเดียวเท่านั้น เธอมองการเปลี่ยนแปลงของค่าสถานะของเขา Strength ระดับ S, Speed ระดับ SSS+, Constitution ระดับ A เธออ้าปากค้าง ‘Speed ระดับ SSS+!? นี่คือตัวละครแร็งค์ SS ที่เร็วที่สุด! ไม่นะ! บางทีมันอาจจะเร็วมากกว่าตัวละครแร็งค์ SSS เสียอีก! ส่วนสกิลก็สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ในตอนแรกจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนอาวุธเพื่อเพิ่มความเร็ว แต่ในตอนนี้สามารถทำได้ด้วยอาวุธเพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น แต่มีผลเอฟเฟคลดลง และมีท่าไม้ตายอันใหม่คือ [Thrust Flurry] และ Limit Break Ultimate คือ [Flash of Life]

[Flash of Life] : ทำการพุ่งแทงดาบใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว หากประสบความสำเร็จ จะสามารถฆ่าเป้าหมายได้ทันที (การจะประสบความสำเร็จได้ จะต้องโจมตีที่คอ, หัวหรือหัวใจเท่านั้น) หากล้มเหลวจะสร้างความเสียหาย 250% และทำให้เป้าหมายเป็นอัมพาต 3 วินาที คูลดาวน์ 2 นาที 30 วินาที หากสกิลนี้ประสบความสำเร็จในการฆ่าเป้าหมายได้อย่างทันทีแล้ว คูลดาวน์จะได้รับการรีเฟรชทันที

ThornyRose อ้าปากค้างอีกครั้ง ช่างเป็นสกิลการฆ่าทันทีที่ทรงพลังมากๆ แต่มันก็ต้องใช้ให้ดี ถ้ามันไม่โดนจุดที่ถูกต้อง มันจะไม่เกิดผลการฆ่าทันที ระยะของสกิลก็มีขนาดเล็กมากและมันต้องใช้การพุ่งตัวเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดเล็ก นอกจากนี้ความสามารถในการฆ่าทันทีแบบนี้ ไม่ได้ผลดีกับพวกตัวแท้งค์ ดังนั้นบทบาทของเขาจึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เขามีหน้าที่พุ่งไปใช้สกิลนี้กับพวกแนวหลังเพื่อฆ่าหนึ่งคนให้ตายไป จากนั้นสกิลก็จะรีเฟรชทันที และเขาก็จะสามารถใช้มันได้อีกครั้งเพื่อฆ่าอีกคนหนึ่ง

เย่ฉางเดินออกไปอย่างสบายๆและมองไปที่ CloudDragon เขาเอื้อมมือออกไปและยิ้มอย่างไม่แยแส “อ้าว! นี่ไม่ใช่พี่ชาย CloudDragon หรอกหรือ? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…”

“ขอแสดงความยินดีด้วย มันเป็นการโจมตีที่ยอดเยี่ยมมาก …” CloudDragon จับมือเย่ฉาง

“มันไม่มีอะไรมากหรอก พี่ชายก็พูดเกินไป ในฐานะที่ฉันเป็นเอซ ฉันต้องทำเต็มที่อยู่แล้ว” เย่ฉางโบกมือและแกล้งทำเป็นเจียมเนื้อเจียมตัว จากนั้นเขาก็ผูกผมสีขาวและสวมเสื้อคลุมสีดำทำให้เขาดูเท่มาก

“……” CloudDragon พูดไม่ออก ‘ผู้ชายคนนี้ นับตั้งแต่ฉันได้พบเขาครั้งแรก เขาก็ไร้ยางอายแบบนี้เหมือนเดิม แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าเขาสมควรได้รับตำเหน่งเอซของทีม’ ริมฝีปากของเขาเผยอขึ้น เขาเหลือบมองไปที่ทั้งสามพี่น้องแล้วเดินจากไป “ฉันจะรอเจอนายในรอบลึกๆ อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ …”

“เชอะ ช่างอวดดีเหลือเกิน …” จางเจิ้งเฉียงมองไป CloudDragon และเดาะลิ้นใส่

“ใช่ๆ อวดดีมากๆ ควรเป็นผมที่จะพูดคำนั้นมากกว่า” หลินหลี่กอดอกและพยักหน้า

เย่ฉางยิ้มโดยไม่พูดอะไร ThornyRose มองทั้งสามคนและถอนหายใจ ‘ยังกับว่าพวกนายสามคนไม่เคยอวดดีงั้นแหละ และยังจะมีสิทธิที่จะไปว่าคนอื่นอีก’ จากนั้นเธอมองไปที่นักดาบปีศาจของเย่ฉาง ชื่อนี้ไม่เหมาะสำหรับลักษณะของตัวละครในตอนนี้เลย เธอคงต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้สหพันธุ์เกมเมอร์เปลี่ยนชื่อตัวละครตัวนี้ใหม่เสียแล้ว “ชื่อตัวละครของนาย ทางสโมสรจะจ่ายเงินเพื่อให้สามารถเปลี่ยนชื่อได้ นายมีชื่ออะไรอยู่ในใจบ้าง? …”

“ชื่ออะไรก็ได้ เช่นเทพดาบไร้ผู้ต้าน หรืออะไรบางอย่างประมาณนี้แหละ …” เย่ฉางยักไหล่และแสดงความไม่สนใจ

‘เชื่ย! นายบอกว่าอะไรก็ได้งั้นหรือ!? ตกลงนายจะทำตัวอวดดีให้ได้เลยใช่ไหม??’ ThornyRose เอามือก่ายหน้าผาก

“ผมด้วย ผมด้วย ผมก็จะเอาชื่อประมาณนี้เหมือนกัน งั้นพี่ใหญ่ขาวจะใช้ชื่อว่าเทพดาบไร้ผู้ต้านคนที่หนึ่ง ผมจะใช้ชื่อว่าเทพดาบไร้ผู้ต้านคนที่สอง ส่วนพี่ใหญ่เฉียงจะใช้ชื่อว่าเทพดาบไร้ผู้ต้านคนที่สาม และพวกเราจะเป็นสามเทพดาบไร้ผู้ต้าน …” หลินหลี่พูดอย่างตื่นเต้น

“ความคิดดี …” จางเจิ้งเฉียงพยักหน้า หน้าอก ThornyRose กระเพื่อมขึ้น ‘นักสู้อย่างนาย มันไม่ได้ใช้ดาบ แล้วจะเอาชื่อเกี่ยวกับดาบไปทำห่าเหวอะไรกัน!!’

“มันเข้าท่าเหมือนกันแฮะ เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ตกลงตามนี้แหละ … “ เย่ฉางแทบไม่ต้องคิดและตอบตกลงทันที

“ตื่นๆกันได้แล้ว ฉันจะเป็นคนตั้งชื่อให้เอง ตอนนี้พวกนายเพียงแค่ไปทำสิ่งที่พวกนายอยากทำ …” ThornyRose โมโหจนทนไม่ไหว เธอต้องรีบไล่พวกเขาไปให้พ้นๆ เธอไม่มีทางที่จะสื่อสารกับทั้งสามคนได้อย่างเข้าใจเลย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม