Virtual World – Peerless White Emperor 388-394

ตอนที่ 388

 

ฉินซานมองเย่ฉาง ‘เขาเป็นคนของกลุ่มมังกร และแถมยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสอบปากคำด้วยใช่ไหม?’ เขาจึงถามขึ้นมาเพื่อความแน่ใจ “ลูกเขย นายแน่ใจหรือไม่ว่าจะทำให้เขาพูดได้?”

“ผมไม่แน่ใจ แต่ยังไม่มีใครที่ผมไม่สามารถรีดเค้นข้อมูลได้ …” เย่ฉางพูด

MistyVeil พยักหน้า ถ้าพวกเขาสามารถสอบสวนนักฆ่าได้เร็วขึ้น มันก็จะเป็นผลดีกับเธอ “งั้นขอความกรุณาด้วย”

“เอาล่ะ! อาเฉียง นายไปรอฉันอยู่ข้างนอกก่อน ฉันจะไปทำธุระบางอย่างในห้องใต้ดินก่อน …” เย่ฉางพูด ในขณะที่เขาทำการรักษากระดูกของนักฆ่า ทำให้เขากรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ‘นี่ควรจะเพียงพอแล้ว’ จากนั้นเขาลากนักฆ่ามุ่งหน้าไปยังชั้นใต้ดิน

“ลูกเขย ฉันจะไปกับนายด้วย” ฉินซานเดินตามเขาไป MistyVeil และ ThornyRose ก็จะตามมาด้วยเช่นกัน

“ผู้หญิงทั้งสองคนไม่ควรมา ถ้าเป็นไปได้ คุณลุงก็ไม่ควรมาเช่นกัน” เย่ฉางมองไปที่ทั้งสามคนและพูดอย่างจริงจัง

“ยังไงซะ ฉันก็จะไปกับนาย…” ฉินซานจะตามลงไปให้ได้ ทำให้ ThornyRose และ MistyVeil ต้องรออยู่ข้างนอก

ฉินซานเดินตามเย่ฉางลงไปที่ชั้นใต้ดิน เขาเฝ้ามองขณะที่เย่ฉางจับนักฆ่าวางลงบนเก้าอี้และพูดอย่างจริงจังว่า “บอกฉันมาว่าใครเป็นคนบงการ…”

เย่ฉางเอาเชือกมัดนักฆ่าติดกับเก้าอี้ และพันยางไว้รอบๆฟันของนักฆ่า เพื่อมั่นใจว่าเขาจะไม่สามารถกัดลิ้นตัวเองได้ แต่ก็ยังสามารถพูดได้อยู่ เมื่อเห็นว่านักฆ่ากำลังวางแผนที่จะนิ่งเงียบ เย่ฉางจึงถามว่า “ลุงฉินมีเครื่องกระตุ้นประสาทสัมผัส หรือพวกยาอะไรบ้างไหมครับ?”

ฉินซานพยักหน้า มันเป็นสารเคมีที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกของคนๆหนึ่ง เขาเอาเข็มฉีดยายื่นให้เย่ฉาง เย่ฉางฉีดยาใส่นักฆ่าและเอามือจับไหล่ของเขาไว้แน่น ร่างของนักฆ่าเริ่มสั่นกระตุกอย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วชั้นใต้ดิน มันดังมากจนแม้แต่คนที่อยู่ข้างนอกยังได้ยินเสียง

ด้วยการรับรู้ความรู้สึกของเขาที่เพิ่มขึ้น ทำให้หัวใจของเขาแทบทนรับความบาดเจ็บจากบาดแผลไม่ไหว แต่เขาก็ยังฝืนทนไว้ได้อยู่ แต่เข็มฉีดยาอีกอันหนึ่งบดขยี้ความหวังของเขาทิ้งไป จากนั้นเย่ฉางค่อยๆบดกระดูกทั้งหมดในร่างกายของเขา “จะบอกหรือไม่?”

ไม่มีการตอบสนองใดๆ นักฆ่าหมดสติลงไปทันที เย่ฉางยิ้มและเอามือจับไหล่เขาไว้ จากนั้นใช้มืออีกข้างหนึ่งกรีดผิวหนังที่ไหล่ของเขา เลือดสาดออกมาขณะที่เย่ฉางเริ่มที่จะถลกหนังออกด้วยมือเปล่า จนในที่สุด ผิวหนังตั้งแต่หัวไหล่ขวาลงมาจนไปถึงแขนและล่ามไปถึงนิ้วมือของเขาถูกดึงออกไปจนหมด เหมือนเขากำลังปลอกเปลือกส้มอยู่ยังไงยังงั้น เลือดสดๆหลั่งออกมาจากทั้งแขนของเขา จากนั้นเย่ฉางก็ราดเหล้าลงที่ไหล่ของเขาและปล่อยให้แขนของเขาห้อยลง “ยังไม่ยอมบอกมาอีก? ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น …”

นอกจากเสียงกรีดร้องแล้ว ยังไม่มีการตอบสนองอื่นๆเลย เย่ฉางเอื้อมมือออกไปจับที่แขนที่ไร้ผิวหนัง จากนั้นเขาเริ่มหั่นชิ้นเนื้อที่แขนทีละชิ้นๆ เสียงร้องอย่างโหยหวนดังออกมามากขึ้น ฉินซานขมวดคิ้วขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนักฆ่าคนนี้ถึงทนวิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้ได้ โดยที่ไม่ยอมปริปากอะไรเลย ในที่สุดทั่วทั้งตัวของนักฆ่าก็ถูกถลกหนังออกจนหมด พร้อมทั้งถูกควักลูกตาออกไปอีกด้วย ร่างที่ชุ่มเลือดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเหล้า จากนั้นนิ้วมือของเขาก็กระตุกในที่สุดเย่ฉางก็ได้ยินในสิ่งที่เขาต้องการ

“มันเป็นองค์กรหมื่นวิญญาณ” เย่ฉางพึมพำ จากนั้นก็แทงมือเสียบหัวใจของนักฆ่า เลือดสาดกระจายไปทุกหนทุกแห่ง

ฉินซานทำหน้าบึ้งตึง ‘องค์กรหมื่นวิญญาณ? ตระกูลลั่วไปเป็นศัตรูกับองค์กรศาสนาขนาดใหญ่เช่นพวกเขาได้อย่างไรกัน?’ เขามองไปที่เย่ฉางผู้เป็นเหมือนอาชูร่า ผมขาว, ใบหน้าและชุดสูทตะวันตกของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือด แต่เขายังมีท่าทางที่ไม่หวาดกลัวอะไรเลย ‘เด็กขนาดนี้ แต่มีท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มามากแล้ว การลงมือของเขาทั้งเด็ดขาดและไร้ความปราณีจริงๆ สมกับเป็นคนที่ได้รับคำแนะนำจากหัวหน้ากลุ่มมังกร’

MistyVeil เห็นฉินซานและเย่ฉางเดินออกมาจากห้องใต้ดิน เมื่อเธอเห็นเย่ฉางที่ปกคลุมไปด้วยเลือด ร่างของเธอเริ่มสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอเห็นดวงตาสีเงินที่หนาวเย็นของเขา ThornyRose ตกใจกลัวกับการปรากฏตัวของเย่ฉางด้วยเช่นกัน

“เขาถูกสั่งโดยใครบางคนจากองค์กรหมื่นวิญญาณ นั่นคือทั้งหมดที่เขารู้ …” เย่ฉางเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเลือดบนมือและใบหน้าของเขา

“องค์กรหมื่นวิญญาณ! เป็นพวกมันนี่เอง …” MistyVeil ขมวดคิ้ว

“มีอะไรไหม?” ฉินซานถาม เพราะเขารู้สึกว่า MistyVeil ต้องรู้อะไรบางอย่าง

“ตระกูลลั่วของเราเพิ่งประสบความสำเร็จในวงการเภสัชภัณฑ์ เราสามารถสกัดยีนออกซิโทซินใหม่ได้ แต่เรายังคงอยู่ในขั้นตอนการวิจัย ถ้ามันประสบความสำเร็จ มันจะเป็นผู้นำในการรักษากล้ามเนื้อและฟื้นฟูกระดูก” MistyVeil ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะอธิบายต่อคร่าวๆว่า “องค์การหมื่นวิญญาณได้มาพูดคุยกับคุณพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็ล้มเหลวในการเจรจา นี่ต้องเป็นการแก้แค้นของพวกเขาอย่างแน่นอน …”

“องค์กรหมื่นวิญญาณนี่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ …” ฉินซานแย้ง

“ใช่ แต่ตระกูลลั่วของเราไม่กลัวพวกเขา แต่ยังไงซะ พวกเขาก็ยังคงเป็นองค์กรก่อการร้ายขนาดใหญ่ ถ้าเกิดเราต้องต่อสู้กับพวกเขาจริงๆ มันไม่สามารคาดเดาการสูญเสียได้เลย สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือการร่วมมือกับกลุ่มมังกร …” MistyVeil มองไปที่เย่ฉาง

“อย่ามองมาที่ฉันแบบนั้นสิ ฉันไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มมังกร ฉันเป็นแค่สมาชิกกิตติมศักดิ์ …” เย่ฉางคิดกับตัวเอง บางทีเขาอาจจะพาคนในหน่วยของเขาไปสั่งสอนพวกนั้นเอง มันน่าจะดีกว่าที่จะมอบหมายให้ SpyingBlade เป็นคนทำหน้าที่นี้ เพื่อที่เขาจะได้สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลลั่ว และ SpyingBlade จะได้โชว์ความสามารถในรูปแบบของเขา

SpyingBlade เข้าใจได้ทันที ถ้าเขาสามารถอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ได้แล้ว เขาจะได้สิทธิ์ในการพูดในที่ประชุม เขาถอนหายใจ เพราะรู้สึกว่าตำเหน่งเขาในองค์กรไม่ดีไปกว่าพนักงานขายเลย ถ้าเขาต้องการที่จะเลื่อนอันดับ เขาต้องออกไปหาลูกค้าให้มากขึ้น หรือเป็นเหมือน Cold Moon สุดยอดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขายืนขึ้นและมองไปที่ MistyVeil “ถ้าเป็นเรื่องขององค์การหมื่นวิญญาณ บางทีฉัน …”

MistyVeil มอง SpyingBlade ‘เขา?’ เธอหรี่ตาลง “บางทีอะไร?”

“มันไม่สะดวกที่จะพูดคุยที่นี่” SpyingBlade ยิ้ม

ฉินซานมองไปที่ SpyingBlade ‘เขาคือใคร?’ เขาไม่ค่อยให้ความสนใจกับชายคนนี้มาก่อน แต่เขาก็รู้ว่าเป็นลูกน้องคนหนึ่งของลูกเขยที่พามาเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขามองไปยังเย่ฉางอย่างกระตือรือร้น

“อำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเขาเป็นศัตรูกับองค์กรหมื่นวิญญาณ และเป็นศัตรูที่องค์กรหมื่นวิญญาณหวาดกลัวมากที่สุด …” เย่ฉางระซิบกับเขา

“อย่าบอกนะว่า …” นายฉินรู้ได้ทันที ‘มันเป็นพวกเขานี่เอง พวก 10 บทบัญญัติ พวกเขามีความเหมาะสมมากกว่ากลุ่มมังกรในต่อต้านองค์กรหมื่นวิญญาณเสียอีก พวกเขาเป็นองค์กรปราบปรามพวกก่อร้ายขนานแท้! ตระกูลลั่วเหมือนตกบ่อทองที่ร่วมมือทั้งกลุ่มมังกรและพวก 10 บทบัญญัติ’ ใครจะคาดคิดว่าลูกเขยของเขารู้จักใครบางคนใน 10 บทบัญญัติ เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว จริงๆแล้วกลุ่มมังกรมักจะมีการติดต่อกับ 10 บทบัญญัติตลอดเวลาอยู่แล้ว เขายิ้มอย่างเงียบๆ

MistyVeil นำ SpyingBlade ไปยังอาคารใกล้เคียง ฉินซานและคนอื่นๆไม่ได้ตามไป

ก่อนที่ MistyVeil จะเปิดปากพูด SpyingBlade ก็ชิงพูดก่อน “ฉันมาจาก 10 บทบัญญัติ”

MistyVeil กลายเป็นคนโง่งมทันที คนจริงไม่สามารถตัดสินได้จากที่เห็นภายนอก SpyingBlade เป็นคนที่มาจาก 10 บทบัญญัติ ซึ่งเป็นองค์กรที่ลึกลับที่สุดองค์กรหนึ่ง “นายสังกัดหน่วยไหน?”

“หน่วยที่ 7” SpyingBlade ตอบ

MistyVeil พยักหน้าและตัดสินใจที่จะเจรจากับเขาทันที แต่นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นเธอจึงต้องได้รับการอนุมัติจากผู้อาวุโสในตระกูลเสียก่อน ส่วนอีกด้านหนึ่ง อาจต้องเรียกหัวหน้าหน่วยของเขามาคุย

ThornyRose และ FrozenBlood อยากรู้อยากเห็นมาก และอยากจะเข้าไปดูในห้องใต้ดิน NalanPureSoul ผู้ซึ่งเพิ่งขึ้นมาจากที่นั่น ก็เอื้อมมือออกไปเพื่อหยุดพวกเธอไว้ เขาส่ายหัวและพูดขึ้นมา “มันจะดีที่สุดที่พวกเธอจะไม่ลงไป พี่ชายเย่ฉางไม่ต้องการให้พวกเธอเห็นสิ่งที่น่ากลัว และ … ทุกอย่างที่ฉันบอกเป็นเรื่องจริง”

เมื่อเขาพูดมาถึงตรงนี้ เขามองผู้หญิงสองคนแล้วส่ายหน้า จากนั้นเขาหันกลับไปมองเห็นเย่ฉางเดินออกไปล้างหน้าล้างตัว ‘ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีความลับมากมาย ฉากในห้องใต้ดินอาจอธิบายได้ว่าเป็นนรกบนโลก … คุณเป็นใครกัน?’ NalanPureSoul เริ่มหน้าแดง

 

 

 


ตอนที่ 389

 

MistyVeil ขอบคุณฉินซานอีกครั้ง แล้วรีบกลับไปตระกูลลั่วอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพา SpyingBlade ไปพร้อมกับเธอด้วย NalanPureSoul ไม่มีธุระไปไหนต่อและตัดสินใจที่จะยอมรับคำเชิญของฉินซานที่จะค้างคืนที่นี่

ห้องอาบน้ำ

เย่ฉางฮัมเพลงเบาๆอย่างสบายใจ ขณะที่เขาล้างเลือดบนร่างของเขา แล้วก็เริ่มที่จะล้างหน้าล้างตาพร้อมกับเลือดที่ติดผมขาวของเขา เมื่อเขาสะอาดพอแล้ว เขาก็เดินเข้าไปแช่ในบ่ออาบน้ำขนาดใหญ่ และเปิดหลังคากระจกเพื่อจ้องมองดวงดาวและดวงจันทร์ในยามค่ำคืน

เสียงฝีเท้าดังขึ้นมา ทำให้เย่ฉางต้องหันกลับไปมอง เขาหลั่งเหงื่อเย็นออกมาทันที เมื่อเขาเห็น NalanPureSoul นุ่งผ้าเช็ดตัวเหมือนเช่นผู้หญิง เขาคลุมทุกอย่างไว้ใต้กระดูกไหปลาร้าของเขา ‘เฮ้ย! นายเป็นผู้ชายแต่ก็ยังคลุมผ้าเหมือนกับผู้หญิงเลย’ NalanPureSoul เดินเข้ามาและพูดว่า “พี่ชายเย่ฉางช่างมีจิตใจที่หนักแน่นจริงๆ โชกเลือดขนาดนั้นแล้ว ยังมีสีหน้าตอนล้างเลือดออกอย่างสบายๆเลย แถมยังมานั่งแช่น้ำชื่นชมดวงจันทร์อย่างสบายใจอีก …”

“นายล้อฉันมากเกินไปแล้ว” เย่ฉางตอบอย่างเฉยเมย “ลงมาแช่น้ำเถอะ ผู้ชายอย่างเราไม่จำเป็นต้องปกปิดต่อกัน …”

“ฉันไม่ชอบที่จะเปลือยกาย …” NalanPureSoul กล่าวขณะที่เขาพิงก้อนหินข้างๆเย่ฉางและยิ้ม

จู่ๆเย่ฉางก็ลุกขึ้นยืนเผยให้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่า เขาเงยหน้าขึ้นและยืดอกอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับโชว์ช้างน้อยของเขา “ผู้ชายที่แท้จริงควรจะเป็นเหมือนดาบ ไม่ว่าจะเป็นดาบยาว 3 นิ้ว หรือดาบของจักรพรรดิ มาเถิด มาไขว้ดาบของพวกเรากัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าดาบของพวกเราเป็นดาบอันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ”

“……” NalanPureSoul เช็ดเหงื่อเย็นของเขา และเริ่มรู้สึกเสียใจที่เข้ามาอาบน้ำร่วมกับเย่ฉาง เขามองดาบของเย่ฉางที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งตัวเจ้าของดาบกำลังยืนเงยหน้าขึ้น 45 องศาเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าอยู่ “พี่ชายเย่ฉางลืมเรื่องดาบหรืออะไรนั้นไปก่อนได้ไหม? คนบางคนอาจได้รับบาดเจ็บเพราะมัน…”

“ฉัน, หลินหลี่และอาเฉียงมักจะไขว้ดาบกันเมื่อตอนเราอาบน้ำ ช้างยักษ์แอฟริกาของหลินหลี่, หอกสามฟุตของฉัน และปืนใหญ่อาร์มสตรองของอาเฉียงผ่านการต่อสู้อย่างหนักมามากมาย! น้องชาย PureSoul ให้ฉันดูดาบของนายหน่อย!” เย่ฉางยืนตัวตรงพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างเท้าเอวและตะโกนบอก เขาดูเหมือนนายพลที่กล้าหาญและทรงพลัง

NalanPureSoul มองเขาด้วยความขวยเขิน ‘ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว’ เขาไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมที่แปลกประหลาดของเย่ฉางได้ เขาจึงลุกขึ้นและวางแผนที่จะเดินออกไป แต่เย่ฉางเอื้อมมือมาจับผ้าเช็ดตัวของเขาไว้ “นายไม่มีทางหนีไปได้หรอก!”

NalanPureSoul ฟาดฝ่ามือใส่มือของเย่ฉาง เย่ฉ่างหัวเราะและปล่อยมือจากผ้าเช็ดตัวเพื่อมาจับข้อมือของเขา จากนั้นก็ยื่นส่วนมืออีกข้างออกมาจับที่ผ้าเช็ดตัวของเขาอย่างรวดเร็ว NalanPureSoul ตื่นตกใจ ‘เร็วมาก!’ จู่ๆเขาก็กลายเป็นภาพเงาเลือนลางเหมือนภาพบนทีวีที่ชำรุด ทันใดนั้น เขาก็ปรากฏตัวที่หน้าประตูด้วยมือที่จับผ้าเช็ดตัวตรงหน้าอกไว้ “พี่ชายเย่ฉางน้องชายคนนี้หมดธุระแล้ว ฉันขอตัวก่อน…”

เย่ฉางนั่งลงและมองไปบนท้องฟ้าพร้อมกับถอนหายใจ นิ้วของเขายังคงเล่นกับแหวนที่คล้องคอ เมื่อเขาจ้องมองดวงจันทร์

ThornyRose กำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวเพื่อที่จะไปอาบน้ำ จู่ๆเธอก็เห็น NalanPureSoul หลบหนีออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าสีแดงสนิท เธอสั่นสะท้านแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำและถามเย่ฉางว่า “นายทำอะไรกับ NalanPureSoul …”

“ไม่มีอะไรหรอก น้องชาย PureSoul แค่ขี้อายจนเกินไป ฉันแค่เพียงเชิญให้เขามาไขว้ดาบกัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำมันได้ เขาจึงหลบหนีไปก็เท่านั้น…” เย่ฉางถอนหายใจ

ThornyRose พยักหน้าและลงมาแช่น้ำ “ไขว้ดาบคืออะไร?”

“โอ้ว มันเป็นเกมที่มีมายาวนานแล้วและสนุกมากๆ ส่วนวิธีเล่นก็ง่ายๆ แค่แต่ล่ะคนเอาดาบของตัวเองมาไขว้กัน และเปรียบเทียบพลังการต่อสู้กัน …” เย่ฉางยิ้ม

“เชี่ย! มันไม่มีเกมแบบนี้!!” ThornyRose โห่ร้อง เมื่อเธอตระหนักรู้ว่าดาบคืออะไร ไม่น่าแปลกใจเลยที่ NalanPureSoul จะวิ่งหนีไปแบบนั้น คนปกติที่ไหนจะเล่นเกมลามกจกเปรตแบบนี้! ยิ่งเป็น NalanPureSoul ด้วยแล้วไม่มีทางเป็นไปได้เลย เธอเริ่มอยากรู้อยากเห็นบางอย่าง “แล้ว NalanPureSoul มีดาบไหม!?”

“ฉันไม่รู้ เขาวิ่งออกไปก่อนที่ฉันจะดึงผ้าเช็ดตัวของเขา …” เย่ฉางยักไหล่ ‘เขาเป็นพวกมีพลังพิเศษ ฉันกลัวว่าความแข็งแกร่งของน้องชาย PureSoul จะไม่ใช่ธรรมดาๆเลย บางทีแม้แต่อาเฉียงอาจเอาชนะเขาได้อย่างยากลำบาก’

“วันนี้ … นาย” ThornyRose ผ่อนคลายลง

“ก่อนที่ฉันจะมาเป็นสมาชิกของกลุ่มมังกร ฉันเชี่ยวชาญด้านการสอบปากคำ…” เย่ฉางพูดด้วยรอยยิ้มที่เงียบสงบ ‘ฉันยังคงมีบุคลิคต่อต้านสังคมในยีนเหล่านั้นอยู่ แต่ฉันต้องยอมรับในส่วนที่โหดร้ายของตัวเองให้ได้ ถ้าส่วนนั้นกลายเป็นบุคลิกที่หลุดการควบคุมไป ฉันไม่อาจคาดเดาผลลัพธ์ของมันได้ มันจึงดีกว่าที่จะยอมรับมัน และปล่อยให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของฉัน …’

ThornyRose พยักหน้าอย่างเงียบๆ

ตอนดึกดื่น

เย่ฉางนั่งตรงระเบียงหน้าต่างขณะที่มองทิวทัศน์ยามค่ำคืน เขาขบคิดบางสิ่งบางอย่างและพูดพึมพำ “อาเฉียงและทุกคนกำลังมีความสุขมากขึ้น ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่อาเฉียงแต่งงานแล้ว มันจะเป็นวันที่ฉันต้องจากพวกเขาไป …”

เย่ฉางขมวดคิ้ว ขณะที่เขาหยิบแหวนที่คล้องคออยู่ออกมาเล่น ลางสังหรณ์ของเขาแทบไม่เคยผิดพลาด เขาส่ายหัว มันไร้ประโยชน์ที่จะคิดเกี่ยวกับมัน เขากำแหวนไว้แน่นและเก็บไว้ที่เดิม

ณ.นรกอเวจี

“เหล่าทวยเทพและเทพธิดาทั้งหลาย นี่คือคนที่ขโมยหนังสือแห่งความหวังไป ในตอนนี้เขาได้บรรลุความเป็นอมตะแล้ว สถานที่แห่งนี้อาจไม่สามารถกักขังเขาไว้ได้นานมากนัก เมื่อไหร่ที่เขาหลบหนีจากนรกอเวจีแห่งนี้ไปได้ มันจะกลายเป็นภัยพิบัติสวรรค์” ชายชราคนหนึ่งที่มีเครายาวพูดขึ้นมา

“ฉันยังคงรู้สึกว่า มันจะดีกว่าที่เราจะปล่อยให้เขาออกไป …” ผู้หญิงคนหนึ่งพูด

“เทพธิดา คุณก็รู้ว่าเขาได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ที่นี้มานานแค่ไหนแล้ว คิดว่าเขาจะไม่มีความเกลียดชังต่อพวกเราหรือไง? ฉันหวังว่าเทพแห่งไฟจะใช้เปลวไฟแรกกำเนิดเผาจิตวิญญาณของเขา จากนั้นเราจะใช้พันธนาการแห่งเทพยึดเขาเอาไว้!” ชายผมสีน้ำตาลพูดขึ้นมาบ้าง

“เราไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว เราไม่สามารถปล่อยให้เขาหลบหนีออกไปจากนรกอเวจีแห่งนี้ได้ …” เทพแห่งไฟลูบเคราสีแดงเข้มของเขา จากนั้นก็ใช้เปลวไฟแรกกำเนิดเผาชายผิวขาว ซึ่งแขนและขาของเขาถูกล่ามด้วยโซ่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ไหล่ของเขาถูกตรึงด้วยโซ่ศักดิ์สิทธิ์ คนที่ถือหอกสีดำเดินออกไปท่ามกลางเหล่าทวยเทพ เขาแทงหอกใส่หลังทะลุหัวใจของชายผิวขาวและตรึงเขาไว้ที่พื้น จากนั้นคนอื่นๆก็เดินเข้ามาใช้พันธนาการแห่งเทพไว้บนโซ่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกข้อมือและข้อเท้าของเขา แม้แต่ใบหน้าของเขาก็มีหน้ากากที่น่าสะพรึงกลัวครอบอยู่ หน้ากากอันนี้สร้างขึ้นจากเหล็กเหลวศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกสร้างโดยเทพแห่งการสรรค์สร้าง เทพธิดาคนนั้นไม่สามารถทนดูชายผิวขาวถูกเผาไหม้ต่อไปได้ เมื่อก่อนเขาโดนทั้ง ถูกดึงแยกส่วน, ถูกถลกหนัง, ถูกตัดเป็นชิ้นๆ, ถูกทำให้ร่างกายบิดเบี้ยว, แต่ร่างกายของเขายังคงฟื้นกลับคืนมาได้ แต่ในตอนนี้มีแม้แต่การเจาะหัวใจ, การเผาจิตวิญญาณ และการทรมานที่เป็นอันตรายอย่างอื่นๆอีก เช่นใส่พวกผีหิวโซไว้ภายในอวัยวะภายในของเขา อย่างไรก็ตาม ผู้ชายผิวขาวคนนี้ยังคงมองไปข้างหน้าเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เธอถอนหายใจลึกๆ ‘ก่อนหน้านั้นยังพอมีโอกาสที่จะปล่อยเขาไป แต่ในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว หวังว่านี่จะไม่ใช่สาเหตุของการทำลายดาวดวงนี้ เมื่อถึงเวลาที่เขาได้รับอิสระจากการลงโทษที่นิรันดร์นี้ไปแล้ว …’

ผ่านไปสักพักทุกคนก็จากไป

เทพธิดาคนหนึ่งที่ปกคลุมใบหน้าไว้เดินเข้ามาใกล้ๆชายผิวขาว เธอมองไปที่หน้ากากเหล็ก เธอมองผ่านดวงตาที่ไม่มีชีวิตชีวาและไร้ซึ่งความเจ็บปวดของเขา “ทำไมคุณถึงไม่เคยกรีดร้องเลยสักครั้ง คุณสามารถทนทุกข์ทรมานขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”

เธอคิดว่าเธอคงไม่ได้รับคำตอบ แต่จู่ๆก็มีเสียงที่เงียบขรึมดังออกมา “เมื่อเทียบกับการสูญเสียความรักที่แท้จริงแล้ว ความเจ็บปวดเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงหรอก ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะไม่ทำลายพวกคุณหรือดาวดวงนี้ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรต่อฉัน ดังนั้นฉันจึงยินดีที่จะยอมรับการลงโทษเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ฉันก็แค่อยากให้เธอคนนั้นฟื้นขึ้นมาเท่านั้นเอง ถ้าฉันล้มเหลว ฉันก็จะค่อยๆหายไปพร้อมกับเธอ อยู่และตายไปด้วยกัน …” ดวงตาภายใต้หน้ากากเหล็กนั้นเริ่มอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น มันขัดกับรูปลักษณ์ที่โดนทรมานอย่างสาหัสแบบนี้ สิ่งนี้ทำให้เธอตกใจมากๆ..

เทพธิดาแสดงสีหน้าประหลาดใจ เธอเหมือนมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้บางอย่างอยู่ภายในใจ ‘เมื่อเทียบกับการสูญเสียความรักที่แท้จริงแล้ว ความเจ็บปวดเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงหรอก…’ เธอสูดหายใจลึกๆ “อยู่และตายไปด้วยกัน มันคืออะไร?”

“ฉันไม่ใช่คนที่เกิดมาจากความรัก แต่ฉันยินดีที่จะตายเพื่อความรัก! คุณไม่เข้าใจหรอก เพราะคุณไม่เคยมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง และไม่เคยรักใครอย่างแท้จริง …” ชายผิวขาวที่สวมหน้ากากเหล็กยิ้มอย่างอ่อนโยน

“นั่นมันก็ถูก แล้วทำไมคุณถึงไม่ใช้หนังสือแห่งความหวังในตอนนี้เลยล่ะ …” เทพธิดามองเขาอย่างไม่แน่ใจ

“สัญญาของฉันที่ไว้ให้กับเธอ ยังคงมีอย่างใดอย่างหนึ่งที่ไม่ยังเสร็จสมบูรณ์อยู่ แต่มันก็คงอีกไม่นานหรอก …” การแสดงออกของเขาภายใต้หน้ากากเหล็กค่อยๆผ่อนคลายลง ‘อาเฉียงรีบๆแต่งงานซะ’

“สัญญา!?” เทพธิดาพึมพำ เธอมองไปที่ชายซึ่งมีความรักอย่างแท้จริง ที่ยอมรับความทุกข์ทรมานอันเป็นนิรันดร์ และอดที่จะนับถือเขาขึ้นมาไม่ได้ เธอเริ่มที่จะมีความคิดว่า สิ่งที่พวกเธอทำมานั้นมันผิดทั้งหมด

 

 

 


ตอนที่ 390

 

เช้าตรู่

เย่ฉางเฝ้าดูจางเจิ้งเฉียง และหลินหลี่ที่ลานบ้าน แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองออกไปไกล เขามองเห็นอาคารหลายหลังในมหาวิทยาลัย เขาจึงตัดสินใจที่จะออกไปเดินเล่น

มหาวิทยาลัย เขตวิหคเพลิง

เย่ฉางมีชื่อเสียงมากแม้แต่ในเมืองหลวง ที่ร้านขายของริมถนน เขาซื้อไอติมด้วยความตั้งใจที่จะได้รับรางวัล แต่เขากลับได้รับแผ่นกระดาษที่เขียนเอาไว้ว่า ‘โปรดบริจาคอีก 5 เหรียญเพื่อการกุศล’

“……”

เย่ฉางหันหลังกลับ และเห็นว่าในบริเวณไม่ไกลนัก มีนักศึกษาหลายคนกำลังเดินเข้าไปในอาคารเรียน เขามองไปที่ป้าย ‘มันเป็นคลาสเรียนสาธารณะ ลองไปดูกันดีกว่าว่าอาจารย์ผู้มีคุณวุฒิในเมืองหลวงเป็นอย่างไรกัน’ ด้านในเป็นอาคารที่สวยงาม เย่ฉางเดินขึ้นไปหาคนแปลกหน้าในแถวแรก และยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส ผู้ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และเสนอที่นั่งของเขาให้กับเย่ฉางทันที

เย่ฉางเอื้อมมือออกไปแตะบ่าของเขา “นักศึกษาของเมืองหลวงช่างเป็นคนที่ใจดีมากจริงๆ…”

“ไม่เป็นไรครับ…” ผู้ชายคนนั้นมีความสุขมากที่ได้รับลายเซ็นจากเย่ฉาง จากนั้นเขาก็หันไปรอบๆ และโยนนักศึกษาบางคนออกจากแถวนั่งที่สอง จากนั้นเขาก็นั่งลงแทนที่คนที่เขาโยนออกไป

เย่ฉางสงสัยว่าทำไมการบรรยายสาธารณะจึงมีผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ จนทำให้พวกเขาแก่งแย่งกันเพื่อที่นั่ง แต่เมื่อเขาเห็นอาจารย์กำลังเดินขึ้นไปบนเวที ไอติมที่เขากำลังกินอยู่เก็ได้ตกลงไปที่พื้น สิ่งแรกที่เข้าตาของเขาคือ หน้าอกขนาดมหึมาที่เหมือนกับลินดาภายในเกม จนทำให้เขารู้สึกเหมือนกับโดนคลื่นสึนามิถาโถมใส่ ขณะที่เธอค่อยๆเดินขึ้นไปบนเวที เขาจึงได้เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ และมีใบหน้าที่สวยงามมาก รูปร่างของเธอกลมกลึงดีมาก และช่วยเพิ่มความงดงามของเธอ จนยิ่งทำให้เธอดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เย่ฉางเห็นว่ามีผู้ชายบางคนในแถวนั่งที่สองได้หยิบเอากระดาษทิชชูบางส่วนออกมาอย่างใจเย็น และวางไว้ที่ด้านข้างของเขา ราวกับว่าเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับพิธีชั่วร้ายบางอย่าง แต่สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความจริงใจอย่างมาก ราวกับดวงตาของพระพุทธรูป

เย่ฉางหันไปหาคนหยาบคายที่นั่งอยู่ข้างเขา “นายได้ลงคลาสเรียนของเธอไปกี่ตัว”

“ทุกๆตัวที่ฉันสามารถลงเรียนได้…” ผู้ชายคนนั้นตอบอย่างภาคภูมิใจ

“แล้วเธอสอนเกี่ยวกับอะไร?” เย่ฉางยังคงถามต่อ

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่สิ่งที่เธอสอนไม่สำคัญหรอก…” ผู้ชายคนนั้นยังคงตอบกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ

เย่ฉางมองไปที่คลื่นหน้าอกที่กำลังกระเพื่อมคู่นั้น และพยักหน้าเห็นด้วย “มีเหตุผล…”

“ทำไมคลาสเรียนของฉันถึงมีแต่นักศึกษาผู้ชายกันนะ…” อาจารย์ผู้หญิงคนนั้นยักไหล่ ทำให้คลื่นของหน้าอกกลายเป็นทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เสียงที่เหมือนกับเด็กวิตกกังวลของเธอทำให้เย่ฉางรู้สึกเสียวซ่าน จนเขาอดคิดกับตัวเองไม่ได้ ‘ฉันควรย้ายมาเรียนที่นี่ดีไหม…’

เมื่อชั้นเรียนเริ่มต้นขึ้น ผู้ชายทุกคนก็จ้องไปที่ระลอกคลื่นของหน้าอกราวกับกำลังดูหนัง เย่ฉางจึงจ้องตามประเพณีของที่นี่ด้วยเช่นกัน ขณะที่ระลอกคลื่นหน้าอกไปทางซ้าย เขาก็หันไปทางซ้าย หรือขณะที่ระลอกคลื่นหน้าอกไปทางขวา เขาก็ค่อยๆหันไปทางขวาด้วยเช่นกัน ป้ายชื่อของอาจารย์ถูกติดอยู่ระหว่างคลื่นของหน้าอกคู่นั้น ป้ายชื่อของเธอคือ รั่วหงเย่…

ตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนราวกับจมไปในน้ำ และฟังเพลงใต้น้ำของไซเรน รั่วหงเย่มองเห็นชุดของเย่ฉาง ‘เขาไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัยของฉันนี่ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นนายพลของสงครามศักดิ์สิทธิ์ – สุภาพบุรุษปีศาจงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าคลาสเรียนสาธารณะของฉันไม่เพียงมีดี แต่ยังเป็นที่นิยมมากเช่นกัน จนแม้แต่ผู้ทรงอิทธิพลมากในเมืองหลินไห่ก็ยังมาเข้าร่วมฟังการบรรยายของฉัน’ เมื่อเธอนึกไปถึงการเต้นเพลงวอลทซ์ที่โดดเดี่ยวของเขา… เธอก็เริ่มมีความคิดที่ดีต่อเย่ฉางขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อสิ้นสุดคลาสเรียน ผู้ชายทั้งหมดทุกคนปรบมือ รั่วหงเย่โค้งคำนับและน้ำตาไหลออกมา “อย่าลืมมาเจอกันอาทิตย์หน้า! มาพบกับอาจารย์หงเย่อีกครั้ง!”

เย่ฉางค่อยๆลุกขึ้น และเฝ้ามองดูเธอจากไป เขายืนกอดอก และลูบคางของเขาพร้อมกับใช้ความคิด ‘นั่นเป็นก้นที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย แม้แต่คุณป้ากระชับก็ยังไม่มีก้นที่งดงามมากเท่านี้ แต่ก้นของทั้งคู่ก็มีพลานุภาพที่แตกต่างกัน ก้นของเธอดูกลมกลึงและไม่เหี่ยว นี่จัดว่าเป็นอาวุธหนักที่มีพลังทำลายสูงได้เลยทีเดียว แต่สำหรับก้นของคุณป้ากระชับ ก้นของเธอเป็นความคลาสสิกซึ่งยากที่จะเอาไปเทียบกันได้ ด้วยความคลาสสิกนี้ ทำให้ก้นของคุณป้ากระชับได้รับความนิยมมากกว่านิดนึง แต่มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าให้พวกเธอเข้ามาพร้อมกัน และให้ฉันจับก้นทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน เฮ้อ ลืมมันไปดีกว่า คุณป้าก้นกระชับอาจจะไม่ยอมให้ฉันจับก้นของเธออีกต่อไปแล้วก็ได้’ เย่ฉางพึมพำ “ตามที่คาดไว้ เธอสมกับอาจารย์ผู้มีคุณวุฒิของเมืองหลวงมากจริงๆ…”

เย่ฉางเดินออกจากอาคารเรียนด้วยความรู้สึกค่อนข้างผิดหวัง เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ทำไมมหาวิทยาลัยหลินไห่ถึงไม่มีอาจารย์แบบนี้บ้างนะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเราถึงไม่เคยเป็นผู้ชนะในการแข่งขันมหาวิทยาลัยทั้งห้าได้เลย เพราะพวกเราขาดแคลนสิ่งเหล่านี้ยังไงล่ะ เฮ้อ…”

ขณะที่เขาพูดจบและวางแผนที่จะออกไป ทันใดนั้น เสียงที่ทำให้ผู้ชายที่ฟังรู้สึกอ่อนแอ และพร้อมที่จะคุกเข่าให้กับเธอได้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา “นักศึกษาเย่ฉาง…”

เย่ฉางพลันหันกลับมา และเห็นอาวุธทำลายล้างคู่นั้นกำลังกระเพื่อมวิ่งมาหาเขา ‘ไม่ดีแล้ว!’ เขารีบก้าวถอยหลัง และมองไปที่อาจารย์รั่วหงเย่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา “อาจารย์ มีอะไรรึเปล่าครับ…?”

“ฉันของลายเซ็นของนายหน่อยได้ไหม? การเต้นของนายมันน่าอัศจรรย์เกินไป มันน่าเสียดายที่ฉันไม่มีพรสวรรค์ในการเต้น…” รั่วหงเย่หยิบปากกาขึ้นมา และยื่นไปให้กับเย่ฉาง

เย่ฉางมองไปที่คลื่นกระเพื่อม และใช้เวลาสักครู่เพื่อพูดออกมา “ให้ผมเซ็นตรงไหนครับอาจารย์…”

“ฉันลืมหยิบกระดาษออกมาด้วย งั้นเซ็นลงไปที่เสื้อของฉันแล้วกัน” รั่วหงเย่หัวเราะออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

เย่ฉางตกใจ ‘ผู้หญิงคนนี้เธอวางแผนมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียว! แต่นี่มันก็ดีสำหรับฉันเช่นกัน! ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาจะถูกทำลายล้างจนกลายเป็นขี้เถ้าด้วยอาวุธคู่นี้ของเธอไปแล้ว’ เขาคว้าปากกาจากมือของเธอ และหมุนวนไปรอบๆตัวเธออย่างรวดเร็วเพื่อเซ้นชื่อลงบนหน้าอกขนาดมหึมาของเธอ เขาเซ็นชื่อลงไปว่า ‘เย่ฉาง <3’

เย่ฉางเฝ้ามองขณะที่เธอเดินจากไปอย่างมีความสุข ‘ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสะพรึงกลัวมากจริงๆ…’

เย่ฉางเดินทางกลับไปที่ตระกูลฉิน พร้อมกับโชว์ให้จางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่เห็นภาพบันทึกการสอนของเธอที่เย่ฉางได้อัดเอาไว้ เมื่อได้เห็นภาพบันทึกการสอนครั้งนี้ พวกเขาได้พูดออกมาอย่างพร้อมเพียงกัน “เราไปโอนย้ายมหาวิทยาลัยกันเถอะ…”

“เมืองหลวงมีอาจารย์ผู้มีคุณวุฒิเป็นจำนวนมากจริงๆ…” จางเจิ้งเฉียงกอดอกและพูดออกมา

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ใหญ่มากจริงๆ เฮ้ย! เยอะมากจริงๆ…” หลินหลี่พูดด้วยปากที่อ้ากว้างของเขา

FrozenCloud เอามือก่ายหน้าผากอยู่ข้างๆ ‘นี่เป็นอาจารย์หงเย่ที่สอนคลาสเรียนสาธารณะแน่ๆ ตราบเท่าที่มีเหล่าโอตาคุ คลาสเรียนของเธอจะเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากอย่างแน่นอน เธอเป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขตวิหคเพลิง’ เธอถอนหายใจ “หัวหน้าทีมคะ ฉันเพิ่งย้ายจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไปมหาวิทยาหลินไห่เองนะคะ”

“เธอมันเป็นพวกสายตาไม่กว้างไกลจริงๆ…” เย่ฉางถอนหายใจ

“เธอเพิ่งทอดทิ้งอนาคตอันสดใสของเธอไป…” จางเจิ้งเฉียงพูดอย่างเศร้าโศก

“ใช่แล้ว! ถูกเผงเลย!” หลินหลี่เดินเข้ามา

ThornyRose มองไปที่กลุ่มของเย่ฉางอย่างกระตือรือร้น เมื่อเธอได้ยินว่าเป็นเรื่องของรั่วหงเย่ “พวกนายกำลังพูดถึงยัยโคนม ยัยโคนมเป็นคนดี แต่เธอก็เป็นคนที่โง่เง่าอยู่เล็กน้อย สมองของเธอทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก ย้อนกลับไปตอนที่เธอเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เธอเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุดในชั้นเรียนของพวกเรา แต่เกรดของเธอต่ำ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เพียงเปิดสอนคลาสเรียนสาธารณะเท่านั้น…”

“อาเฉียง หลินหลี่รีบกลับไปฝึกซะ! โรส ลูกอย่าไปรบกวนพวกเขาสิ!!” ฉินซานตะโกนออกมา ในขณะที่เขากำลังเดินเข้ามา เย่ฉางเห็นหมวกที่เขาถืออยู่ในมือดูคุ้นๆ จากนั้นเย่ฉางก็ย้อนกลับวีดีโอดู ‘ไม่ใช่ว่านี่คือหมวกแบบเดียวกันกับผู้ชายที่แต่งตัวประหลาดที่นั่งอยู่ตรงด้านขวาสุดของแถวหน้า ในคลาสเรียนของรั่วหวงเย่งั้นหรือ?’ เย่ฉางหันกลับไปมองฉินซานอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มีความหมายบางอย่าง ThornyRose ก็สังเกตเห็นเช่นกัน ทุกคนหันกลับไปมองฉินซาน ผู้ที่เพิ่งกลับมาด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายบางอย่าง “พ่อ พ่อคิดว่าแม่จะทำยังไงถ้าแม่ได้เห็นสิ่งนี้…”

“ฮ่าฮ่า เซียงน้อย พ่อรักลูกจะตาย ที่พ่อพูดออกไปก่อนหน้านี้ พ่อก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง!!” ฉินซานเปลี่ยนการแสดงออกอย่างทันที เย่ฉางอดรู้สึกประทับใจออกมาไม่ได้ การแสดงออกของเขาคล้ายคลึงกับวลีหนึ่งที่ว่า ‘ลูกผู้ชายตัวจริงสามารถยืดหยุ่นได้’

ThornyRose ได้เงินที่เธอต้องการและเดินจากไป สำหรับฉินซาน เขาทำได้แค่เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น

“คลื่นสึนามิเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด…” เย่ฉางพึมพำ

ฉินซานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างโศกเศร้า

“……” FrozenCloud พูดไม่ออก ‘พวกผู้ชายนี่ก็นะ…’

 

 

 


ตอนที่ 391

 

“งั้นเจอกันในคลาสเรียนอาทิตย์หน้า!” เย่ฉางโบกมือ

ฉินซานโบกมือกลับไปให้เย่ฉาง

ไม่กี่วันต่อมา ที่สนามแข่งขัน

“วันนี้เป็นวันที่สโมสร Thorns and Roses ต้องมาต่อสู้กับสโมสร Misty Rain พวกเรากำลังคาดหวังถึงสิ่งที่โรสและกลุ่มสามพี่น้องจะแสดงให้เราเห็นในวันนี้…” พี่ใหญ่เฉายิ้ม

“มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะมาคิดเกี่ยวกับการแข่งขันในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแค่เฝ้ารอดูเท่านั้น…” พี่ใหญ่จงส่ายหัวไปมา เขาหันกลับไปมองซูหยี่ยี่ที่กำลังมองดูการเติบโตของหุ้นด้วยแววตาที่บ้าคลั่ง ‘เธอเสพติดการเล่นหุ้นไปซะแล้ว เฮ้อ นี่มันคุ้มค่ากับความอดทนของเธอไหมนะ?’

พี่ใหญ่เฉามองดูพี่ใหญ่จงถอนหายใจ ขณะที่เขากำลังมองดูซูหยี่ยี่ ในขณะที่เธอรีบหันไปซื้อหุ้นตัวละครนักดาบประกายเงินที่เพิ่งมีการขายออกไป ‘เฮ้ พวกคุณทั้งสองคน…’

MistyVeil มองไปที่เย่ฉางและยิ้มออกมา “ถึงแม้ว่านายจะเป็นผู้ช่วยชีวิตของฉัน แต่ฉันจะไม่โยนเกมเพื่อให้นายชนะหรอกนะ…”

เย่ฉางถอนหายใจ “แต่ฉันจะปฏิบัติตามคำสัญญาที่ฉันจะแทงคุณอย่างน้อยสองครั้งนะ คุณป้ากระชับ…”

เหล่าผู้ชมและพี่ใหญ่เฉาต่างตกอยู่ในความสับสน คุณป้ากระชับหมายถึงอะไร? คุณป้าหมายถึงผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า แต่กระชับล่ะ? คำว่ากระชับของเขาหมายถึงอะไร? พวกเขาจ้องมองลงไปตามสายตาของเย่ฉาง จนพวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่ก้นของเธอ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เกิดการรู้แจ้งระเบิดขึ้นอย่างฉับพลัน พวกเขาทั้งหมดยกนิ้วโป้งให้กับเย่ฉาง ‘นี่คือเหตุผลของเรื่องราวทั้งหมดสินะ…’

เกี่ยวกับชื่อเล่นคุณป้ากระชับนี้ MistyVeil ทำได้แค่เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถสื่อสารกับพวกเขาเหล่านั้นได้ เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วที่เธอพยายามจะแก้ไขให้เรื่องราวที่เกี่ยวกับชื่อเล่นของเธอให้ถูกต้อง แต่มันก็ไม่มีประโยขน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเริ่มกลายเป็นคนบ้าขึ้นไปทุกวัน แต่เนื่องจากเขาช่วยชีวิตเธอไว้ เธอจึงทำได้แต่กัดฟันอดทนต่อไปเท่านั้น น้องสาวของเธอลั่วหยาน อารมณ์ของเธอก็เริ่มที่จะลุกเป็นไฟขึ้นเช่นเดียวกัน แต่คำว่า ‘ผู้ช่วยชีวิต’ ยังคอยยับยั้งอารมณ์ของเธอเอาไว้อยู่ จนทำให้เธอรู้สึกท้อแท้ เธอรู้สึกขอบคุณเย่ฉาง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคาแร็กเตอร์ของเขาช่างเป็นคนเลวทรามบัดซบมากจริงๆ

“ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว พยายามโยนเกมไปให้ปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่ง…” MistyVeil พูดอย่างเงียบๆ “จากนั้นเราก็ค่อยคว้าชัยชนะกลับคืนมาในการต่อสู้แบบทีมด้วยกลยุทธ์ของพวกเรา…”

ฝั่งเย่ฉาง หลินหลี่กระโดดขึ้นไปเบนเวทีทันที ThornyRose มองไปที่ MistyVeil ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเวที ‘เธอกำลังวางแผนอะไรอยู่?’ เธอเฝ้าดูหลินหลี่จัดการลั่วหยานออกไป เขาจัดการผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไป 2 คนแล้ว ‘หลินหลี่อาจจะโง่ แต่เขาก็ไม่ได้รับความเดือดร้อนจากกลยุทธ์นี้นี่หน่า พวกเขาจะใช้มันอีกครั้งงั้นหรือ!? หืมม’ เมื่อหลินหลี่ได้จัดการผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามคนที่ 3 และยอมรับการยกยอบูชาจากพวกเขา จนคางของเขาเกือบที่จะยืดชี้ไปบนฟ้าแล้ว ฉากนี้ทำให้ ThornyRose ตกอยู่ในความสับสนทันที ‘นี่มันเป็นการต่อสู้ที่เป็นไปได้ด้วยดีเกินคาด หรือบางทีวันนี้หลินหลี่อาจจะท็อปฟอร์ม…’

ขณะที่การต่อสู้แบบทีมเริ่มต้นขึ้น หลินหลี่ไม่รอให้ทีมฝั่งตรงข้ามเข้ามาก่อน เขาพุ่งเข้าไปหาศัตรูทันที เขาวางแผนที่จะต่อสู้กับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามพร้อมกันหลายคน แต่แล้วเขาก็ถูกควบคุมตัวและถูกสังหารไปทันที ก่อนที่เขาจะตาย เขาก็ยังไม่ลืมที่จะมองไปยัง ThornyRose, FrozenBlood, เย่ฉาง, จางเจิ้งเฉียง และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ “ผมขอตัวไปก่อน ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับพวกพี่แล้ว…”

“……” หัวใจของ ThornyRose จมดิ่งลง ถึงแม้ว่าเย่ฉางจะสามารถฆ่า MistyVeil ได้ แต่เขาก็ถูกการประสานงานของลั่วหยานและ MoonGaze ฆ่าตาย สิ่งที่ทำให้ ThornyRose ถอนหายใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เย่ฉางไม่รู้จักเกี่ยวกับสกิลฝ่ายตรงข้ามเลย เธอมองดู MistyVeil ฟื้นขึ้นจากความตาย นี่คือสกิล [Limit Break Ultimate – Dead Reincarnation] ของ MoonGaze ถึงแม้ว่าสกิลนี้จะใช้เวลาในการร่ายเวทถึง 2 นาที แต่มันก็เพียงพอที่จะสามารถตัดสินการแข่งขันครั้งนี้ได้เลยทีเดียว ในตอนสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะมีผลงานที่น่าทึ่งของจางเจิ้งเฉียงที่ลงมือฆ่าศัตรูไปถึง 3 คน ด้วยการช่วยเหลือจาก ThornyRose และ FrozenBlood แต่ถึงอย่างนั้น ธงของพวกเขาก็ถูกขโมยไปอยู่ดี ฝ่ายตรงข้ามได้เรียกสมาชิกคนที่ 6 ของพวกเขาออกมา และจบการต่อสู้ครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่สำคัญที่สุดก็คือโหมดฮีโร่

การจัดทีมครั้งนี้ทำให้เหล่าผู้ชมตกใจเพราะ ThornyRose และ FrozenBlood ไม่เข้าแข่งขัน ในการแข่งขันครั้งนี้มีสมาชิกคือ กลุ่มสามพี่น้อง, SpyingBlade, NightSky และ ElelgantFragrance

“ทีมนี้มีความสมดุลมาก มีทั้งการโจมตีระยะประชิด และการโจมตีระยะไกล แถมยังมีข้อได้เปรียบมากภายในป่า พี่ใหญ่วีรบุรุษ และเพชรฆาตเงาสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งป่าและเค้าเตอร์ป่าอีกด้วย…” พี่ใหญ่เฉาพูดขึ้น ในขณะที่เขามองดูสมาชิกภายในทีมของเย่ฉางทั้ง 6 คน

“นั่นไม่น่าจะใช่ทั้งหมด ฉันรู้สึกเหมือนเธอยังคงมีไพ่ลับซ่อนเอาไว้อยู่…” พี่ใหญ่จงเลิกคิ้วขึ้น

“คุณหมายถึงสาวน้อยคนนั่นหรือ…” พี่ใหญ่เฉาจ้องมองไปยังเย่เทียน

พี่ใหญ่จงส่ายหัวไปมา “ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน…”

การต่อสู้ทางยุทธศาสตร์ที่ทุกคนกำลังคาดหวังจะให้เกิดขึ้น แต่ทีม Misty Rain กลับถูกทำร้ายจนไม่สามารถตอบโต้ได้ ไม่มีใครสักคนที่คาดหวังว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่มีใครสามารถเชื่อสายตาของพวกเขาได้ MistyVeil ขมวดคิ้ว ทุกกลยุทธ์ของเธอถูกศัตรูมองออก และทุกรูปแบบของเธอได้รับการคลี่คลาย แม้แต่การโจมตีที่แสนเซอไพร์ของเธอก็ได้จบลงด้วยการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ทีมศัตรูทั้งหมดได้ปรากฏตัวขึ้น นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยคาดหวัง เธอรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับภาพสะท้อนของตัวเธอเอง

MistyVeil ยืนอยู่บนพื้นที่สูง เธอเฝ้าดูเย่เทียนออกคำสั่งกับทีมของตัวเอง ในท้ายที่สุดแล้ว เธอได้ประเมินเด็กผู้หญิงคนนี้ต่ำเกินไป

ThornyRose หัวเราะเยาะ ถึงแม้ว่าเย่เทียนจะไม่ค่อยวางแผนในการต่อสู้ให้กับทีมสักเท่าไหร่ แต่เธอโดดเด่นมากในการต่อต้านกลยุทธ์และแผนการของคนอื่นๆ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยที่สุด ก็ไม่สามารถหนีพ้นจากเธอไปได้ เธอเป็นนักยุทธศาสตร์ประเภทเคาน์เตอร์ที่ดีที่สุดในโลก

“เด็กสาวตัวน้อยคนนี้น่าอัศจรรย์มากจริงๆ เธอโต้ตอบกลยุทธ์ของทีม Misty Rain เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอช่างปกปิดตัวเองเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม…” พี่ใหญ่เฉาปรบมือ

“ไม่ใช่ว่าเธอปกปิดตัวเองหรอก แต่เป็นเพราะเธอเป็นนักยุทธศาสตร์ประเภทเคาน์เตอร์ เธอสามารถใช้การวิเคราะห์อย่างรวดเร็วของเธอเพื่อดูแผนการของฝ่ายตรงข้าม เธอสามารถที่จะหาวิธีการโจมตีศัตรูได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการซุ่มโจมตีหรือการหลบหนีก็ตาม คุณสังเกตเห็นไหมว่า ถ้าการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมของเธอมาช้าเกินไป เธอจะนำพา ElegantFragrance ถอยหนีทันที เธอไม่เปิดโอกาสให้ทีม Misty Rain เลยแม้แต่นิดเดียว” พี่ใหญ่จงส่ายหัวของเขาไปมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าสโมสร Thorns and Roses จะมีนักยุทธศาสตร์เช่นนี้ภายในทีมอยู่ด้วย “แต่เธอก็ยังคงมีจุดอ่อนอยู่อีกมากมายเช่นกัน…”

“หืม?” ซูหยี่ยี่แสดงออกด้วยความสับสน

“อย่างแรก สิ่งที่พี่ใหญ่วีรบุรุษพูดไม่ว่าอะไรก็ตาม เธอจะเชื่อฟังเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทำเทคนิเคิลฟาวล์ก็ตาม จนเกือบจะนำทีมไปสู่ความพ่ายแพ้ตรงเลนกลางของการแข่งขัน โชคดีที่สถานการณ์ดังกล่าว ได้รับการช่วยเหลือจากนักสู้ข้างถนนของพี่ใหญ่จ้าวแห่งเพชร อย่างที่สอง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยถูกโฉลกกับปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งสักเท่าไหร่ เธอถูกเขาฆ่าไปถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกอาจจะเป็นการบังเอิญ แต่ 3 ครั้งนี้คงไม่ … เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองคนมีความขุ่นเคืองใจกันบางอย่าง อย่างที่สาม เธอไม่ได้ฟังคำแนะนำของโรสเลย…” พี่ใหญ่จงวิเคราะห์ ซูหยี่ยี่คิดย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่บ้านพักริมทะเล มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอนึกไปถึง ‘แบบฟอร์มใบสมัครกลุ่มพันธมิตรแอนตี้หลินหลี่’ ที่เธอได้รับตอนอยู่บนเรือ

“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชนะในโหมดฮีโร่ แต่สโมสร Thorns and Roses ก็ยังคงต้องการแต้มในโหมดความบันเทิงอยู่ดี ไม่งั้นพวกเขาก็ชนะห่างแค่ 2 แต้ม …” พี่ใหญ่เฉาเห็นว่าเกมโหมดบันเทิงได้ถูกตัดสินออกมาแล้ว มันคือเกมลูโด

“พวกเราชนะแล้ว…” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย

“พวกเขาช่างเป็นคนที่โชคร้ายมากจริงๆ…” จางเจิ้งเฉียงถอนหายใจ

เย่เทียนไม่ต้องการที่จะยอมรับมัน แต่ลูโดของหลินหลี่ไม่เคยพ่ายแพ้ใครเลย…

พี่ใหญ่เฉา, MistyVeil และคนอื่นๆได้เฝ้าดูหลินหลี่เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างองอาจราวกับว่าตัวเขาเป็นจักรพรรดิ กลิ่นอายที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เหล่าผู้คนทั้งหมดเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ สมาชิกทั้งหมดของทีม Misty Rain ได้แต่พากันหลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมา “เพียงแค่ยอมแพ้ ผม… ไม่ต้องการที่จะกลั่นแกล้งคนอื่นในการแข่งลูโด…”

“หืมม เราจะรู้ได้อย่างไร ถ้าเราไม่พยายาม…” ลั่วหยานตะโกนออกมา MistyVeil เฝ้ามอง MoonGaze ผู้ที่ไม่เคยได้สัมผัสลูกเต๋าเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอถูกบดขยี้โดยหลินหลี่ที่อยู่ในโหมดจักรพรรดิลูโด โดยขณะที่เขาเป็นคนทอยเต๋าคนเดียวจนจบเกม ในกลุ่มผู้ชม เหล่าสมาชิกชมรมลูโดทุกคนยืนขึ้น และโค้งคำนับให้กับเขา “เขาคือจักรพรรดิลูโด!!”

“วะฮ่าฮ่าฮ่า!” หลินหลี่เปล่งเสียงทางจมูก จากนั้นเขาก็แหงนหน้าขึ้นไปหัวเราะกับท้องฟ้า ภาพเงาของเขาดูเหมือนจะสูงใหญ่เป็นพิเศษ ราวกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิที่กลับชาติมาเกิด

“……” ThornyRose, พี่ใหญ่เฉาและคนอื่นๆได้แต่หลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมา ‘เฮ้ นายจำเป็นที่จะต้องแสดงออกเช่นนี้ในการแข่งขันเกมลูโดเลยงั้นหรือ?’ ThornyRose ตื่นเต้นมาก ในที่สุดเธอก็ได้รับการรับรองให้เข้าไปแข่งในรอบรองชนะเลิศแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 392

 

“ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นจุดจบสำหรับทีมอื่นๆในปีนี้ การมาของสามพี่น้องสามแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะนั้น ทำให้เราประหลาดใจอย่างไม่คาดคิดมาก่อน” พี่ใหญ่เฉาคิดขณะที่เขามองไปยังสามราชันสวรรค์ที่เหลือ พวกเขาคือ Flame Dragon Union, Mad War และ Lord’s Reign เมื่อพิจารณาตารางการแข่งขันรอบรองชนะเลิศของสงครามคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนที่ 11

ซูหยี่ยี่เหลือบมองตารางการแข่งขัน “ Mad War vs Thorns and Roses, Flame Dragon Union vs Lord’s Reign”

LordAsked จ้องไปที่ตารางคะแนนของทีม Flame Dragon Union และตะโกนใส่ “ตั้งแต่ที่ชายคนนั้นออกจากทีมของนายไป มันก็ถึงเวลาที่นายต้องร่วงหล่นลงมาจากฟ้าแล้ว ฉันคนนี้นี่แหละจะเป็นคนกระชากนายลงมาเอง! FlameEmperor นายอย่าคิดว่าจะไม่มีคนเอาชนะนายได้!”

“ฉันหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่นายพูด …” FlameEmperor หัวเราะอย่างไม่มีสาเหตุ

จางเจิ้งเฉียงมองไปยัง CloudDragon ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา และทำท่าทางเฉือนคอตัวเองใส่เขา “CloudDragon นายเตรียมล้างคอรอไว้เลย”

“โอ้ จริงเหรอ?” CloudDragon มองไปที่จางเจิ้งเฉียงอย่างเคร่งเครียด เพื่อตอบสนองต่อการยั่วยุของเขา จากนั้นเขาเหลือบมอง SpyingBlade ที่ยังคงจ้องมองเขาอยู่อย่างเงียบๆและคิดในใจว่า ‘ฉันหวังว่ามันจะเป็นการแข่งที่ดี อย่าทำให้ฉันผิดหวังละ พวก Happy Firmaments …’

เย่ฉางยิ้มและกระพริบตาใส่ VastSea “นายวางแผนที่จะตายแบบไหนแล้วหรือยัง? 3 เดือนควรจะมีเวลาเพียงพอสำหรับนายที่จะคิดวิธีออก”

“เหอะๆ อีก 3 เดือนฉันจะให้คำตอบนายก็แล้วกัน พี่ใหญ่วีรบุรุษ …” VastSea พูด ขณะที่เขายิ้มและลูบคางของเขา

หลินหลี่มองสำรวจสมาชิกในทีม Mad War อย่างละเอียด CloudDragon และ VastSea ได้ถูกหมายหัวโดยพี่ใหญ่เฉียงและพี่ใหญ่ขาวไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครพอที่จะมีความสามารถเป็นคู่แข่งของเขาได้ เขาคิดว่าสักครู่เมื่อจ้องมองไปที่ BlackIce “ทำไมเธอถึงดูคุ้นเคยจัง? ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอเธอมาก่อนหรือเปล่า!?” หลินหลี่พึมพำ แต่จู่ๆสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่ YellowSpring เขาจึงตัดสินใจและตะโกนออกมาดังๆว่า “เอาล่ะ! ผมตัดสินใจแล้ว! ผมจะเลือกนายเป็นคู่ต่อสู้แล้วกัน เพราะนายมีรอยยิ้มที่ชั่วร้าย! เพียงแค่รอให้ผมจบชีวิตของนายซะ!”

BlackIce กัดฟันของเธอและสั่นไปทั่วทั้งตัว แม้ว่าเธอต้องการที่จะฆ่าปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งขนาดไหน แต่เธอต้องยับยั้งตัวเองไว้ก่อน

“รอยยิ้มของฉันดูชั่วร้ายจริงๆเหรอ?” YellowSpring ถาม BlackIce ด้วยเสียงหดหู่

“นิดหน่อย…” BlackIce ตอบกลับด้วยท่าทางลังเลใจเล็กน้อย

MistyVeil ดูการยั่วยุของเอซจากทั้งสองทีม เธอเห็นว่า ThornyRose ไม่สามารถขัดจังหวะได้ เนื่องจากกลิ่นอายของเธออ่อนแอเกินไป ภายใต้อิทธิพลกลิ่นอายของ CloudDragon กับจางเจิ้งเฉียง ‘ด้วยการมีจ้าวแห่งเพชรอยู่ภายในทีมของเธอ ช่วยทำให้กลิ่นอายความแข็งแกร่งของสโมสร Thorns and Roses ยกระดับขึ้นมา ถ้าฉันมีพวกสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ ฉันคงจะไม่ต้องห่วงเรื่องสงครามคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่’ MistyVeil ถอนหายใจ

“พี่ชาย CloudDragon สิ่งที่เพื่อนของฉันพูดนั้นถูกต้องแล้ว พี่ควรล้างคอของพี่รอไว้เลย เมื่อไม่นานมานี้ คุณป้ากระชับที่เป็นหนึ่งในราชันสวรรค์ ก็ยังโดนพวกเราฆ่าตายมาแล้วเลย ถึงแม้ฉันจะรู้สึกว่า เธอเหมือนเป็นราชันสวรรค์ปลอมๆก็เถอะ” เย่ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่แยแส ThornyRose รู้สึกว่าเธอไม่สามารถมีส่วนร่วมในการยั่วยุใดๆ และสามารถทำได้แต่เพียงมองดูเท่านั้น ขณะที่หน้าอกของ MistyVeil กระเพื่อมขึ้นและลงด้วยความโกรธ เธอโดนเขาพูดเยาะเย้ยใส่ และแถมยังมีการดูถูกอีกด้วย

“เธอก็เป็นราชันสวรรค์ปลอมมาตั้งแต่ในตอนแรกๆแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องพูดถึง” CloudDragon กล่าว ขณะที่เขายักไหล่ใส่อย่างไม่แยแส

“…” ThornyRose, พวกผู้ชมและผู้บรรยายปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น ‘เฮ้ เฮ้ เธอยังคงอยู่ที่นี่นะ และอยู่ระหว่างพวกนายทั้งสอง! แต่พวกนายยังกล้าที่จะนินทาเธออีก!’

“พวกนายก็เหมือนกัน …” ลั่วหยานยังพูดไม่ทันจบประโยค ในขณะที่เธอถูกหยุดโดย MistyVeil

“ไปกันเถอะ” MistyVeil ถอนหายใจ ‘แน่นอนว่าฉันจะต้องแก้แค้นพวกนายในปีหน้า! ฉันคนนี้จะฉีกกระชากหน้ากากที่จอมปลอมของพวกนายเอง!’ เมื่อมองไปที่ท่าทางการดื่มชาแบบเงียบๆของเย่เทียนแล้ว เธอจึงลงบันทึกไว้ว่า เย่เทียนเป็นดาวข่มและตัวหายนะของทีม Misty Rain

“ThornyRose เราจะพบกันอีกครั้งบนเวทีประลองครั้งหน้า ” CloudDragon พูดขณะที่มองไปยัง ThornyRose และเดินจากไป

เย่ฉางส่งสัญญาณให้คนอื่นๆโพสท่าอำลา ทั้งห้าคนตีก้นของพวกเขา ในขณะที่หันไปทางทีม Mad War

SpyingBlade รู้สึกอายมากเกินไปที่จะทำแบบนี้ และด้วยเหตุนี้เขาจึงยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับมีเหงื่อเย็นเต็มหลัง

“น้องสาวของเธอถูกพวกเขาล้างสมองไปแล้วจริงๆ …” ThornyRose พูด ขณะที่เธอมองไปที่ FrozenCloud

“เธอก็ด้วย …” FrozenBlood พึมพำ

“การยั่วยุกันระหว่างสามพี่น้องสามแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ และทีม Mad War นั้นรุนแรงมาก มันทำให้ฉันรู้ตื่นเต้นและมีความคาดหวังว่าการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง มันจะต้องดุเดือดเผ็ดมันแน่ๆ” พี่ใหญ่เฉาหัวเราะ

ในที่สุด ซูหยี่ยี่ก็ออกมาขอบคุณผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคน จากนั้นเธอก็เต้นอย่างสง่างามทำให้จบรอบการคัดเลือกไปอย่างสวยงาม

ThornyRose ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเท่านั้น พวกเธอต้องต่อสู้กับทีม MadWar ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ราชันสวรรค์ ในการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง แต่เมื่อคิดดูอีกทีแล้ว อีกสองทีมที่เหลือก็เป็นพวกสัตว์ประหลาดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ FlameEmperor ผู้ชายคนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง เธอถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม มันดีแค่ไหนที่ทีมของเธอฝ่าฟันเข้ามาถึงในรอบนี้ เธอหายใจเข้าลึกๆและมีความรู้สึกที่ไม่อาจพูดออกมาได้ เมื่อเธอมองไปที่เย่ฉางและพรรคพวกของเขา เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่า เส้นทางการครองตั๋วสำหรับสงครามคริสตมาสที่ยิ่งใหญ่ต้องเสร็จสิ้นลงแล้ว จากนั้นเธอและเย่ฉางอาจไม่ได้พบกันบ่อยๆอีก… FrozenBlood ตบไหล่ ThornyRose เบาๆและพูดขอบคุณเธออย่างสุดซึ้ง “ลูกศรทั้งสองดอกที่ยิงปักก้นเธอ มันคุ้มค่าจริงๆ! ฉันขอขอบคุณที่เธอเสียสละตัวเอง เพื่อสิ่งที่ดียิ่งขึ้นของสโมสรเรา”

‘ยัยเพื่อนคนนี้!’ ThornyRose กัดฟันแน่น ขณะที่เธอมอง FrozenBlood ที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งอย่างจริงจัง

เย่ฉางและพรรคพวกใช้เวลาที่เหลือ 3 สัปดาห์กว่าเกมจะเปิดให้เล่นอย่างคุ้มค่า พวกเขามาที่ศูนย์กีฬาเพื่อดูการแข่งขันประลองดาบของเฉาเฉียงหยู คู่แข่งของเธอเป็นนักศึกษาที่ย้ายมาจากประเทศเกาหลี เมื่อการประลองเริ่มขึ้น เฉาเฉียงหยูได้พุ่งโจมตีใส่คู่แข่งทันที คู่แข่งของเธอยกดาบเพื่อจะบล็อคการโจมตี แต่เนื่องจากดาบที่เร็วจนเกินไป ทำให้เธอบล็อคไว้ไม่ทัน จากนั้นเธอก็กระเด็นออกนอกเวทีไป และบนเกราะของเธอก็มีรอยบุบเล็กน้อย

“นี่คือทักษะดาบของโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ของจีนงั้นหรือ?” Bang Rae ถามอย่างแปลกใจ (นักดาบโดโจสายธารสวรรค์ของเกาหลี)

อาจารย์ซ่งปิงจากสมาพันธ์การต่อสู้เจียงชางส่ายหัวและพูดว่า “นี่ไม่ใช่ทักษะดาบของโดโจเรา ฉันจำได้ว่าเด็กคนนี้เคยใช้วิชาดาบที่มีชีวิตชีวาในการแข่งขันซ้อมก่อนหน้านั้น แต่ในช่วงเวลานี้ ดาบของเธอทั้งเร็วขึ้น, แม่นยำมากขึ้น, ลื่นไหลและไม่มีรูปแบบที่ซับซ้อน เธอโจมตีศัตรูด้วยการพุ่งฟันที่มีประสิทธิภาพมาก มิสเตอร์อิชิโระ ยูมิมูระ คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ …” อิชิโระ ยูมิมูระจากประเทศญี่ปุ่นเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เขามั่นใจว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เฉาเฉียงหยูคงได้รับการฝึกพิเศษและได้รับคำแนะนำบางอย่างจากโดโจลึกลับ “ฉันไม่ทราบว่าทักษะดาบแบบนี้มาจากโดโจไหน เพราะมันไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นตัวบ่งชี้ ทั้งหมดที่ฉันรู้ก็คือ มันมีรูปแบบที่เรียบง่ายอย่างเช่นการพุ่งและการฟันหรือแทง อย่างไรก็ตาม มันเป็นวิชาดาบที่ทรงพลังและรวดเร็วมาก เพื่อให้การเคลื่อนไหวทุกครั้งเป็นอันตรายร้ายแรงถึงตายได้! ฉันไม่คิดว่าทักษะดาบแบบนี้ ถูกสอนมาจากโดโจสมัยใหม่ แต่มันมีแนวโน้มที่จะถูกสอนโดยคนๆหนึ่ง ซึ่งคนๆนั้นต้องเชี่ยวชาญด้านความเร็ว, ความแม่นยำและเด็ดขาด ซึ่งมันเป็นทักษะของพวกนักฆ่า”

“พูดได้ดี การใช้ดาบของเธอมีความก้าวหน้าอย่างมาก และวิธีการที่เธอใช้พลังงานในร่างกายของเธอ มันมีรูปแบบที่พิเศษจริงๆ แต่การใช้พลังงานแบบนี้ มันจะสร้างภาระต่อร่างกายของเธออย่างมาก โดยเฉพาะขาของเธอ เทคนิคนี้เหมาะกับพวกนักฆ่าจริงๆ โดยเน้นใช้พลังทั้งหมดในการฆ่าอย่างฉับพลัน ฉันไม่คิดว่าเธอจะสามารถใช้การโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้ได้บ่อยๆในระยะเวลาสั้นๆนี้” ยาซูกิ ริวอิจิซึ่งเป็นปรมาจารย์ของโรงเรียนคาราเต้ได้พูดเสริมขึ้นมา

ริมฝีปากของเย่ฉางฉีกยิ้มเล็กน้อย ขณะที่เขาเฝ้าดูเฉาเฉียงหยูเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของเธอในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที และรู้สึกว่าความพยายามของเขาในการสอนเธอนั้นไม่เสียแรงเปล่า จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างไม่แยแสและคิดในใจว่า ‘เธอได้เผยท่าไม้ตายไปในช่วงต้นการประลองแบบนี้ ต่อไปมันจะทำให้คู่แข่งของเธอระวังตัวมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเธอใช้การเคลื่อนไหวแบบนี้หลายครั้ง ขาของเธอก็จะหมดแรงลง และความพยายามทั้งหมดในก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า’ จากนั้นเขาตัดสินใจที่จะใช้พลังพิเศษของเขา ในการถ่ายทอดเสียงของเขาให้แก่เธอ “ถ้าเป็นไปได้ อย่าใช้การทักษะนี้อีก เธอควรเก็บไว้ใช้กับคู่แข่งที่ทรงพลังมากๆจริงๆเท่านั้น และเธอต้องให้แน่ใจว่า ขาของเธอจะสามารถทนไปถึงรอบชิงได้ เพื่อให้เป็นไปตามนั้น เธอควรจะใช้รูปแบบการโจมตีที่ไม่ใช้แรงมาก”

‘เสียงนี้มัน! เสียงท่านอาจารย์! เขากำลังดูฉันอยู่!!’ เฉาเฉียงหยูรู้สึกประหลาดใจมาก เธอพยักหน้าอย่างหนักหน่วงและคิดในใจ ‘ฉันไม่สามารถแพ้ได้! ฉันไม่สามารถทำให้อาจารย์ผิดหวังได้’ แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธอถูกอาจารย์ลุงทุบตีอย่างยับเยิน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ เธอมั่นใจว่าอาจารย์ลุงหน้ากากเสือต้องเกลียดเธอมากแน่ๆ!

 

 

 


ตอนที่ 393

 

เย่ฉางลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินออกไป เขาเดินลงจากที่นั่งชมไปยังห้องโถงด้วยมือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง เสียงเชียร์ค่อยๆเบาลงเมื่อเขาเดินห่างออกไปไกลมากขึ้น ในมุมหนึ่งมีชายในชุดนักศึกษาและสวมแว่นตาปรากฏตัวขึ้น ข้างหลังเขามีนักศึกษาบางคนเดินตามเขามาด้วย นี่คือประธานสภานักศึกษาของหลินไห่ – เฉินเทียนยี่ เมื่อเห็นเย่ฉางเดินลงมาที่ห้องโถง เขาจึงขมวดคิ้วขึ้น

เย่ฉางเพียงเหลือบมองไปที่เขา ก่อนที่จะเดินผ่านไปตรงๆ เขาไม่ได้สนใจอะไรเลย ที่สำคัญกว่าคือเขาไม่ได้รู้จักเฉินเทียนยี่มาก่อน มันจึงไม่ได้เป็นเรื่องจำเป็นที่เขาต้องเข้าไปทักทาย

“นายพลที่ดี…” เฉินเทียนยี่หยุดเดินและพูดพึมพำ

“ฮึ่ม นั่นแหละคือเขา …” ประธานสภานักศึกษาเขตเหนือ – โจวเม้งขมวดคิ้วและพูดว่า “ผมจะไปสั่งสอนเขาให้หัดเคารพผู้ใหญ่บ้าง …”

“อย่าเอาตัวเองไปสร้างความอับอายเลย นายไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอก …” เฉินเทียนยี่ส่ายหัวและเดินเข้าไปในที่ห้องประชุม

“ผมก็ต้องการจะดูว่าเขามีความสามารถอย่างนั้นไหม!” โจวเม้งพูด แต่จู่ๆมือที่ละเอียดอ่อนของโจวหนิงชิคว้าเขาเอาไว้ “ลูกพี่ลูกน้องอย่าใจร้อนไปนักสิ ตั้งแต่ท่านประธานใหญ่ได้พูดไปแล้ว มันจะดีกว่าที่นายจะไม่เข้าไปยุ่งกับเขา ตอนนี้เขตตะวันออกก็ยังไม่มั่นคง …”

โจวเม้งสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเดินเข้าไปในห้องประชุมด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฮงหยุนคนเดียว เขาทำลายชื่อเสียงของสภานักศึกษาของเรา!”

ณ.ชายหาดแห่งหนึ่ง

เย่ฉางมองชายคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้แสงไฟถนนและยิ้มให้ “Hunting Flame …”

“หัวหน้า ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ …” Hunting Flame เริ่มเดินมาหาเขาอย่างช้าๆ

“นายมาหาฉันเพราะเรื่องอะไร? …” เย่ฉางเดินไปกับเขา

“ผมก็แค่ผ่านมาแถวนี้พอดี จึงแวะมาดูสักหน่อย … ทั้งสองคนที่คุณพามานั้นมีศักยภาพมาก แต่ผมกลัวว่า Thousand Spirits จะร่วมมือกับ Black Tortoise และ Sky Burial เพื่อคอยขัดขวางเรา” Hunting Flame พูดอย่างใจเย็น

“นายกลัว?” เย่ฉางยิ้มใส่

Hunting Flame ส่ายหัว “ผมไม่กังวลเลย เพราะหมายเลข 1 กำลังเฝ้ามองพวกเขาอยู่เงียบๆ”

“หมายเลข 1 ยังเกรงกลัวนาย, ฉันและ Cold Moon เลย นับประสาอะไรกับพวกระดับสูงเหล่านั้น เขาจับตามองอยู่ก็จริง … แต่เขาไม่ต้องการที่จะกำจัดพวกนั้นทิ้งไปหรอก ยังไงฉันว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรที่เด็ดขาด เขาเพียงแค่เฝ้ารอและเฝ้ามองเท่านั้นเอง ความแข็งแกร่งของนายและ Cold Moon ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เพื่อเขาจะรักษาเก้าอี้ของตัวเองไว้ เขาไม่ต้องการเห็นเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้แน่ๆ สถานการณ์ทางฝั่ง Thousand Spirits ก็เช่นเดียวกัน ความช่วยเหลือชั่วคราวที่เขาให้แก่พวกนั้นก็คือ กรณีที่ฉันยึดอำนาจจากเขาและทรยศ …” เย่ฉางพูดอย่างช้าๆ

“หัวหน้า ไม่ใช่ว่าคุณต้องการตำแหน่งของเขาหรอกหรือ?” Hunting Flame ถอนหายใจ เขารู้เรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว สำหรับ 10 บทบัญญัติที่จะเติบโตมาได้ขนาดนี้ในปัจจุบัน การมีส่วนร่วมของหัวหน้าของเขานั้นมีมากมายนัก เขาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องภายนอกทั้งหมด ขณะที่หมายเลข 1 เป็นคนรับผิดชอบดูแลเรื่องการบริหารภายใน

“นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของฉันนะ ฉันคิดว่านายควรจะเข้าควบคุมองค์กรนี้ซะ ความเกลียดชังของ Cold Moon และ Bloodthirst มีมากเกินไป นอกจากเราสามคนแล้ว นายเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ฉันหวังว่า 10 บทบัญญัติจะเป็นนายและ Cold Moon เป็นผู้ดูแล หน้าที่ต่างๆของฉันสามารถดำเนินการได้โดยนาย และเมื่อไหร่ที่เขาโจมตีนาย ฉันจะยืนอยู่เคียงข้างนายและ Cold Moon เอง…” เย่ฉางตบไหล่ Hunting Flame เบาๆ เขาเป็นผู้รอดชีวิตคนหนึ่งจากการทดลองขององค์กรนิพพาน เขาต้องดูพ่อแม่และพี่น้องของเขาถูกฉีดด้วยยีนสัตว์ป่า เขามีความมุ่งมั่นและฉลาดมาก เย่ฉางนึกถึงช่วงเวลาที่เขาขอร้องให้จัดการกับครอบครัวของเขา ที่กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้ว … การทำลายล้างที่ผิดธรรมชาติขององค์กรนิพพาน ทำให้เย่ฉางต้องถอนหายใจ

“ฉันรู้เกี่ยวกับพวกแพนโดร่า และเราได้รับข้อเสนอที่ดี” Hunting Flame กล่าว

เย่ฉางขมวดคิ้ว “แพนโดร่า …”

แพนโดร่าเป็นองค์กรใหญ่ที่สุดในโลกใต้ดินซึ่งเป็นกลาง ยา, อาวุธ, การลักพาตัว, ยาเสพติด, สิ่งดีและไม่ดีทั้งหลาย พวกเขาทำทุกอย่าง ยาหลอนประสาท, อาวุธใหม่ล่าสุด, ยาพิษ ทุกๆอย่างที่มีขายในตลาดมืด เกือบทั้งหมดถูกสร้างขึ้นโดยแพนโดร่า พวกเขาเป็นเหมือนมาเฟียโลก คุณไม่สามารถฆ่าหรือกวาดล้างพวกเขาได้ พวกเขาแพร่กระจายไปทั่วทุกที่และท่าทางของสหพันธรัฐที่มีต่อพวกเขาก็ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ด้านหนึ่งพวกเขาห้ามแพนโดร่าผลิตยาเสพติด อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็แอบร่วมมือกันเพื่อค้นคว้าวิจัยยาตัวใหม่ แม้แต่ 10 บทบัญญัติก็ตั้งพวกเขาเป็นองค์กรสีเหลือง คือจะไม่ปราบปรามและไม่ช่วยเหลือ จนถึงขณะนี้ สมาชิกของพวกเขาแต่ละคนต่างมีธุรกิจของตัวเอง

“ใครเป็นคนเจรจา?” เย่ฉางถาม

“หมายเลข 4 – Sky Burial …” Hunting Flame ตอบ

“อืม ฉันกำลังจะร่วมมือกับบริษัทตระกูลลั่วและให้เขาแฝงตัวในแพนโดร่า …” เย่ฉางเงยหน้าขึ้นนึกอะไรบางอย่างและหัวเราะเยาะ “อย่างไรก็ตามแต่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่ใช่ความผิดของเรา Hunting Flame นายช่วยหาตำแหน่งในองค์กรให้ตระกูลลั่วหน่อยนะ เพื่อให้พวกเขายืนอยู่ข้างเรา เรื่องการเจรจาและลงทุนในเมืองหลวง ฉันจะปล่อยให้นายเป็นคนจัดการทั้งหมด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ห่วงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีใครเข้าร่วมกับ 10 บทบัญญัติได้อย่างง่ายๆ ตรวจสอบพวกเขาสักหน่อยนะ …”

“ผมวางแผนที่จะไปทางเหนือ แต่ผมไม่ได้แจ้งให้ Ardent Wind รู้ …” Hunting Flame พูดด้วยเสียงหัวเราะที่เย็นชา

“อืม มันไม่เหมาะที่จะบอก Ardent Wind เมื่อนายไปถึงที่นั่น ฝากทักทายยัยทอมบอยและเจ้าโล้นให้ฉันด้วยล่ะ แม้ว่าเราอาจจะพ่ายแพ้ใน 10 บทบัญญัติ แต่เราก็ยังคงมีกลุ่มมังกรที่จะให้เราลี้ภัยได้ ต่อให้หมายเลข 1 จะเป็นคนออกโรงเองก็เถอะ เมื่อเร็วๆนี้ เราได้รับจิ๊กซอร์ที่จะเชื่อมต่อแผนการของเรามาแล้ว แต่มันเป็นจิ๊กซอร์ชิ้นเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเส้นทางของเราจะไม่ชัดเจนอีกต่อไป นายไม่จำเป็นต้องให้ฉันเป็นคนลงมือเอง ถูกต้องไหม?” คำพูดของเย่ฉางทำให้ Hunting Flame รู้สึกผ่อนคลาย ตอนนี้เขาสามารถจัดการทุกอย่างที่หัวหน้าเห็นชอบได้แล้ว เขาจะเป็นคนเล่นกับ Thousand Spirits และพวกนั้นเอง “ไม่จำเป็นต้องให้หัวหน้าลงมือเองหรอก ผมจะเป็นคนทำเอง…”

ตระกูลลั่วในเมืองหลวง

“คุณพ่อคะ 10 บทบัญญัติมาถึงแล้ว ลุงเร็นลองก็อยู่ที่นี่ด้วย …” MistyVeil พูดกับชายวัยกลางคนที่ดูสมาร์ทและมีผิวเหมือนหยก นี่เป็นผู้นำตระกูลลั่ว – ลั่วเฟิงเฉียง “รู่วหยาน ลูกผิดหวังกับการตัดสินใจของพ่อไหม?”

“การที่เราไม่ทำงานร่วมกับองค์กรหมื่นวิญญาณเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วคะ ถ้าตระกูลฉินหรือตระกูลลีพบว่าพวกเราเข้าร่วมกับองค์กรหมื่นวิญญาณ เราจะไม่มีหลักประกันตัวเองอีกต่อไป” MistyVeil ส่ายหัว “เพื่อนของหนูบอกว่า คนที่กำลังมาคือหมายเลข 5 ของ 10 บทบัญญัติ ชื่อว่า Hunting Flame …”

“เอาล่ะ ไปพบเขากันเถอะ …” ลั่วเฟิงเฉียงค่อยๆลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องนั่งเล่น

Hunting Flame และ SpyingBlade เพิ่งพบกันในโลกจริงครั้งแรก Hunting Flame ขมวดคิ้ว ‘เขาแข็งแกร่งมาก บางทีอาจแข็งแกร่งพอๆกับฉัน’ ในทำนองเดียวกัน ลั่วเฟิงเฉียงก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก หมายเลข 5 ของ 10 บทบัญญัติที่อยู่ตรงหน้าเขา อย่างมากที่สุดน่าจะมีอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น! แต่เขาก็มีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าตัวเอง มันนึกภาพไม่ออกจริงๆว่าหัวหน้าของ 10 บทบัญญัติจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน! “เป็นเกียรติสำหรับฉันจริงๆที่ได้พบคุณ เชิญนั่งลงก่อน…”

“ขอบคุณ … ผู้นำลั่ว” Hunting Flame รีบนั่งลง จากนั้นเขาก็มองไปยังสามผู้อาวุโสที่กำลังเดินเข้ามาจากด้านหลัง คนเหล่านี้คือผู้อาวุโส 2, 3 และ 4 ของตระกูลลั่ว – ลั่วเทียนเซียง, ลั่วเทียนหยู และลั่วเทียนฟาง พวกเขาทั้งหมดมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามมาก สมกับเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของจีนจริงๆ แต่ในห้องนี้ปราศจากอาวุโสใหญ่ – ลั่วเทียนป้า Hunting Flame เหลือบมองไปที่ SpyingBlade เพื่อส่งสัญญาณให้เขาแสดงข้อมูลให้กับลั่วเฟิงเฉียง ด้วยความช่วยเหลือของ SpyingBlade การเจรจาจึงเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อการเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นมากขึ้น Hunting Flame จึงร่างสนธิสัญญาลงนามร่วมกัน ในเวลาเดียวกัน เร็นลองก็ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มมังกรในการยอมรับข้อตกลงร่วมกันนี้ จากนั้นไม่นาน เร็นลองก็ขอตัวกลับไปยังกลุ่มมังกรก่อน ในตอนนี้เหลือเพียงแต่ MistyVeil, ลั่วเฟิงเฉียงและสามอาวุโสที่ถูกทิ้งไว้กับแขกสองคนจาก 10 บทบัญญัติ

“ฉันได้ยินมาว่า 10 บทบัญญัติมีปีศาจสีเงินและ Cold Moon ทั้งสองคนสามารถโจมตีและสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อองค์กรหมื่นวิญญาณและองค์กรนิพพาน ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาเป็นอย่างไร?” อาวุโสสามแห่งตระกลูลั่ว – ลั่วเทียนหยู ถามขึ้นมา

“Cold Moon แข็งแกร่งพอๆกับผม ส่วนปีศาจสีเงินนั้น ผมกลัวว่าไม่มีใครที่สามารถหลบหนีความตายไปต่อหน้าเขาได้ …” Hunting Flame พูดอย่างใจเย็น

“เจ้าหนุ่มพูดเกินจริงไปหรือเปล่า!” ลั่วเทียนหยูหัวเราะอย่างเย็นชา

“หรือว่าตระกูลลั่วอยากจะเป็นเหมือนกับตระกูลเอนอส?” Hunting Flame ยิ้มอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับ SpyingBlade ทิ้งให้คนเบื้องหลังทำหน้าตื่นตระหนก MistyVeil เฝ้าดูเขาเดินจากไป ตระกูลเอนอสเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีความแข็งแกร่งพอๆกับตระกูลลั่ว แต่ในคืนๆหนึ่ง พวกเขาก็หายไปโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่พบซากศพเลยแม้แต่ศพเดียว มันก่อให้เกิดความสยดสยองในหมู่องค์กรใต้ดิน และมันก็เป็นผลงานทั้งหมดของ 10 บทบัญญัติ อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังของตระกูลเอนอสเป็นสมาชิกระดับสูงขององค์กรนิพพาน พวกเขาไม่เพียงแต่มีไพ่ลับอยู่ในองค์กรนิพพานเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็น่าเกรงขามมาก

เมื่อ Hunting Flame เดินออกมาตระกูลลั่วแล้ว เขาก็หันกลับไปมองข้างหลัง ก่อนหน้านั้นเขาพูดเกินจริงไปสักหน่อย อันที่จริงแล้วการทำลายล้างตระกูลเอนอสนั้น เป็นฝีมือของหัวหน้าของเขาและ Red Dragoness แต่หัวหน้าก็สามารถทำคนเดียวได้ แต่มันอาจจะยากขึ้นนิดหน่อย

 

 

 


ตอนที่ 394

 

“ตระกูลเอนอส…” ลั่วเฟิงเฉียงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ความหมายของ Hunting Flame ยิ่งกลายเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาต้องการให้ตระกูลลั่วเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้ จากความเข้าใจของเขา กลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้คือคมเขี้ยวของ 10 บทบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่ในการรับผิดชอบในการกำจัด, การลอบสังหาร และการทำลายล้าง พวกเขาเป็นพวกที่มีความแข็งแกร่งมากใน 10 บทบัญญัติ แต่พวกเขาทั้งสามคนก็ถือได้ว่าเป็นตัวอันตรายมากด้วยเช่นกัน หัวหน้าที่ลึกลับของพวกเขาคือปีศาจสีเงิน มีคนได้พูดเอาไว้ว่า เขาตั้งใจที่จะเกษียณอายุ และกำลังพัฒนาพวกสายเลือดใหม่ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอำนาจมากมายใน 10 บทบัญญัติอยู่ดี Cold Moon เป็นชื่อที่ได้ยินบ่อยมากที่สุด จากบรรดาหนึ่งในสามคนของกลุ่มหัวรุนแรง เธอเป็นคนที่มีคะแนนความอันตรายสูงมาก สำหรับ Hunting Flame เขามีหน้าที่รับผิดชอบในการลอบสังหารจากเงามืด… ลั่วเฟิงเฉียงหรี่ตาลง การสร้างความสัมพันธ์กับ 10 บทบัญญัติเป็นเรื่องที่ดี มันขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ความสัมพันธ์นี้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร “รู่วหยาน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ 10 บทบัญญัติ พ่อจะปล่อยให้ลูกเป็นคนจัดการก็แล้วกัน และลูกต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้เพียงลำพังนะ…”

“หนูเข้าใจแล้วค่ะ” MistyVeil พยักหน้า เธอไม่สามารถประมาทได้เลย ถ้าองค์กรหมื่นวิญญาณเป็นหมาบ้า งั้นกลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้ก็เป็นราวดั่งสิงโตคลั่ง หรือไม่พวกเขาก็เกินกว่าระดับของสัตว์ร้ายไปแล้ว

ณ.บ้านพักริมทะเล

เย่ฉางย่อตัวลงและนอนบนหลังคา เสื้อผ้าสีขาวกระพือตามลมที่พัดผ่านจากผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขา เย่ฉางยิ้มอย่างแผ่วเบา “เธอรู้งั้นหรือ?”

“อื้อ…” Cold Moon พยักหน้า ขณะที่ยืนอยู่ใต้ดวงจันทร์ ฉากของผมที่ยาวสลวยของเธอถูกพัดผ่านอย่างอิสระ ทำให้ภาพฉากนี้ช่างสบายตาดีเหลือเกิน

“การจัดการกับศัตรูภายนอกเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากพอแล้ว…” Cold Moon พูดขึ้นมาโดยไม่มีความโกรธเกรี้ยวแม้แต่เล็กน้อย

“มันช่วยไม่ได้จริงๆนี่ เธอ, ฉัน และ Hunting Flame เป็นดาบที่คมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่ในขณะที่เราหันดาบไปหาเขา เราจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นทิ้งเรื่องนี้เอาไว้ให้กับ Hunting Flame เถอะ…” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย

“ฉันรู้ ปล่อยให้เขาคิดว่ามันถูกต้องไปเถอะ อีกไม่นานก็จะมีการแสดงโชว์ที่ดีเกิดขึ้นแล้ว…” คำพูดของ Cold Moon น่าจะเป็นคำที่ควรจะได้รับการจัดว่าเป็นคำเยาะเย้ยเลยก็ว่าได้ แต่เธอพูดด้วยความรู้สึกธรรมดามาก และไม่มีอารมณ์ร่วมปนอยู่ในน้ำเสียงของเธอเลย นี่คือสิ่งที่ทำให้คนที่เกี่ยวข้องกับ Cold Moon เช่น SpyingBlade และฟางชิปวดหัวมากที่สุด…

ทั้งสองคนจ้องมองดวงจันทร์โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

ไม่กี่วันต่อมา เย่ฉางและทุกคนในบ้านมักจะออกไปตกปลากัน ซูหยี่ยี่เริ่มใกล้ชิดกับทุกคนมากขึ้นแล้ว เมื่อเธอรู้ว่าซงซินเป็นแฟนของหลินหลี่ ปากของเธอก็แทบจะอ้าค้างไปเลยทีเดียว อูนาและ FrozenCloud ทั้งสองคนตบไปที่ไหล่ของเธอ และพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ‘เราเข้าใจดี เราเข้าใจดี’

ตอนกลางคืน เย่ฉางอยู่ที่ทะเลสาบจันทร์ครึ่งเสี้ยวเพื่อสั่งสอนลูกศิษย์ทั้งสองคน เขานั่งลงบนก้อนหินและเฝ้าดูละครในโทรศัพท์ของเขา เมื่อเฉาเฉียงหยูมีการเคลื่อนไหวใดๆที่ผิดแปลกออกไป เขาจะปรากฏตัวออกมา และใช้แส้ที่เป็นเถาวัลย์หวดใส่เธอ มันเจ็บมากพอที่จะทำให้เธอหอบพะงาบพะงาบได้เลย ในคืนนี้ เธอถูกแส้หวดไปถึง 180 ครั้ง จนซูหยี่ยี่คิดกับตัวเองด้วยความสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ‘ดีนะที่ฉันไม่ได้เรียนศิลปะการต่อสู้ ในยุคปัจจุบันนี้ การฝึกอบรมประเภทนี้เป็นการละเมิดสิทธิอย่างชัดเจน’

“ท่านอาจารย์คะ ทำไมพี่สาวถึงไม่โดนแส้หวดบ้างคะ!?” ในที่สุดเฉาเฉียงหยูก็แสดงความไม่พอใจของเธอออกมา

“เพราะเธอจ่ายค่าเล่าเรียนเพิ่มมากขึ้นยังไงล่ะ…” เย่ฉางเงยหน้าขึ้น และคิดในเวลาไม่ถึงวินาทีก่อนที่จะตอบกลับไป เฉาเฉียงหยูรู้สึกแน่นหน้าอก เพราะเธอจ่ายค่าเล่าเรียนเพิ่มมากขึ้น! เธอเป็นดาราซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรวยอยู่แล้ว! เฉาเฉียงหยูทำได้แค่เพียงถอนหายใจออกมา

“อย่างไรก็ตาม อันที่จริงเมื่อเธอพูดถึงมันออกมาแล้ว ในฐานะที่ฉันเป็นอาจารย์ที่ชอบธรรม ฉันจะต้องปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน…” เย่ฉางหันไปทางซูหยี่ยี่ที่กำลังฝึกเดินอยู่บนทะเลสาบอย่างยากลำบาก และปั้นรอยยิ้มที่แสนดีออกมา

หน้าอกของซูหยี่ยี่เหมือนถูกบีบรัด ‘ทำไมเธอต้องลากฉันไปกับเธอด้วย!’ เธอมองไปยังเฉาเฉียงหยูที่กำลังรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย และกัดฟันของเธอแน่น เธอรู้สึกปวดร้าวที่ขาของเธอ และเธอก็ได้สูญเสียการควบคุมพลังของเธอทันที จนเธอตกลงไปในน้ำ

ความไม่พอใจที่อัดอั้นอยู่ในใจของเฉาเฉียงหยูถูกระบายออกมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงกลับไปฝึกซ้อมและทำท่าฟันออกไป ในขณะที่เธอฮัมเพลงออกมาเบาๆ

“อืม ท่านอาจารย์คะ ฉันเป็นดารานะคะ หากมีการแสดงเกิดขึ้น ฉันไม่สามารถขึ้นไปแสดงพร้อมกับรอยฟกช้ำได้นะคะ…” ซูหยี่ยี่พูดอย่างจริงจังเมื่อเธอก้าวเดินออกมาจากน้ำ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของเธอ มันเป็นเรื่องยากในการเรียนรู้ที่จะเต้นรำไปบนผิวน้ำ แถมตอนนี้เธอต้องถูกขัดจังหวะโดยแส้ที่หวดเข้ามาอีก

“มันไม่เป็นไร ฉันเก่งในเรื่องการขจัดรอยฟกช้ำ ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน เธอสามารถถามน้องสาวที่ฝึกซ้อมอยู่ตรงนั้นได้ การบาดเจ็บของเธอได้รับการเยียวยาจากฝีมือของฉันทั้งหมด…” เย่ฉางยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส

เฉาเฉียงหยูพยักหน้า ‘การรักษาอาการบาดเจ็บของท่านอาจารย์มีความชำนาญมากจริงๆ! แต่มันก็เจ็บมากอีกด้วย!’

ซูหยี่ยี่มองไปที่เฉาเฉียงหยูที่กำลังพยักหน้ารัวๆ ราวกับไก่จิกเมล็ดข้าว ‘ยัยปลาเค็มเอ๊ย!’

หลังจากล้มลงไปในน้ำถึงสองสามครั้ง ซูหยี่ยี่ก็ได้กรีดร้องออกมาในขณะที่เย่ฉางกำลังเยียวยารักษาเธอ เมื่อปากของเธอถูกปิดด้วยมือของเฉาเฉียงหยู เธอก็รู้ได้ทันทีว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นจึงพยักหน้ารัวๆแบบนั้น ‘บ้าเอ๊ย! มันเจ็บเหมือนกับตกนรกเลย! ฉันมาที่นี่เพื่อเรียนรู้การเต้น! ไม่ได้มาเพื่อที่จะได้เจ็บตัวแบบนี้!’

‘ยัยน้องตัวแสบ! ถ้าเธอต้องการเล่นแบบนี้กับฉันล่ะก็ ฉันจะต้องเอาคืนเธอกลับอย่างแน่นอน เวรเอ๊ย!’ ซูหยี่ยี่กัดฟันของเธอแน่น เธอลุกขึ้นยืนและจ้องเขม็งไปที่เฉาเฉียงหยู “อาจารย์ค่ะ ไม่ใช่ว่าอาจารย์ลุงหน้ากากเสือ กำลังคิดถึงน้องสาวตัวน้อยคนนี้อยู่หรอค่ะ…”

“เอาล่ะ งั้นเอาเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน แต่ตอนนี้เฉาเฉียงหยูจะต้องฝึกกับฉันไปก่อน ฉันสังเกตเห็นว่าทักษะและร่างกายของเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยวิธีนี้…” เย่ฉางขบคิดไม่ถึงวินาที ก่อนที่จะตอบกลับไปอย่างจริงจัง

“นั่นมัน…” เฉาเฉียงหยูเริ่มสั่นสะท้าน ซูหยี่ยี่หัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ ‘ยัยน้องตัวแสบ! นี่คือผลของการที่เธอไปยุ่งเรื่องของคนอื่นยังไงล่ะ!’

เฉาเฉียงหยูกัดเล็บของเธอ และจ้องเขม็งไปที่ซูหยี่ยี่ด้วยความเกลียดชัง ซูหยี่ยี่เคยเป็นดาราที่เธอชื่นชอบ แต่ตอนนี้พวกเธอทั้งสองคนได้กลายเป็นคนแปลกหน้า จนแปรเปลี่ยนไปเป็นศัตรูกันไปแล้ว…

เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไป เกมก็กำลังจะเปิดให้ผู้เล่นเข้าไปเล่นอีกครั้ง ผู้เล่นหลายคนเตรียมความพร้อมด้วยความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับแร็งค์ A , แร็งค์ B และการแข่งขันมือสมัครเล่น ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของพวกเขา ทุกคนที่รักโลกเสมือนมีความฝัน เพื่อที่จะมีส่วนร่วมในการแข่งขันสงครามคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่, การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลจักรพรรดิดอกเบญจมาศ, การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลแห่งเงา…

เช้าตรู่ วันเปิดเกม

“เพื่อน เกมเปิดวันนี้ตอนเที่ยงนะ ฉันลืมไปแล้วว่าเราทำอะไรก่อนที่มันจะปิด…” จางเจิ้งเฉียงพูดขึ้นมาในขณะที่เขากำลังดื่มซุปมิโซะที่อูนาเป็นคนทำ และกัดกินปลาทอด

“จะอะไรก็ช่างมันเถอะ…” เย่ฉางไม่ได้คิดแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่เขาจะยักไหล่และกินอาหารต่อไป

ส่วนหลินหลี่และเย่เทียนนั้น พวกเขากำลังต่อสู้เพื่อแย่งเค้กข้าวกันอยู่ ทั้งสองคนเป็นเหมือนไฟและน้ำ อุบายและข้อโต้แย้งของพวกเขาทำให้อูนารู้สึกหมดสิ้นหนทาง…

“พวกเรากำลังจะไปช่วยพี่สาวโรสสืบหาเบาะแสของเควส…” FrozenCloud ตอบ

อูนาถอนหายใจ และรู้สึกปวดใจอยู่เล็กน้อย…

เวลาเที่ยงวัน เมื่อพวกเขากินอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาก็กลับเข้าไปในเกม เย่ฉางลูบขนนกของเจ้าฟ้าน้อย เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้มารวมตัวกันแล้ว เขาจึงโบกเสื้อคลุมเสือโคร่ง และพาพวกเขากลับไปที่เมืองบาลเพื่อไปพบกับ ThornyRose

เย่ฉางมีความตั้งใจที่จะทำอาหารมื้อใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่เข้าเกมในครั้งนี้ ไม่มีใครเลยสักคนที่จะสามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้ เมื่อมองไปที่กระบวนการการทำอาหารแห่งความมืดที่อยู่ต่อหน้าของพวกเขาแล้ว ทำให้ ThornyRose หลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมาทันที พวกเขาเพียงแยกกันอยู่พักหนึ่ง แต่การทำอาหารของเขาก็วิวัฒนาการไปไกลอีกครั้งแล้ว เมื่อเธอเห็นอูนาจ้องมองมา เธอจึงยื่นมือออกไปทักทาย “เธอคืออูนาใช่ไหม!? สวัสดี…”

อูนาไม่ได้จับมือของเธอ หลังจากที่ได้รับการจ้องมองจากอูนา ThonryRose ก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ‘เธอเป็น…’ FrozenCloud และ SpyingBlade ดูกังวลเล็กน้อย ‘นี่จะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีงั้นหรือ?’ ในที่สุดอูนาก็ถอนหายใจออกมา เธอได้กลับไปเป็นเธอคนเดิม คนที่มีรอยยิ้มที่คุ้นเคยและน่ารัก จากนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไป “สวัสดี พี่สาวโรส…”

“โอ้! ฉันได้กลิ่นรักสามเศร้าด้วยแหละ…” ElegantFragrance ลูบคาง และพูดออกมาอย่างเงียบๆ

ที่ด้านข้าง FrozenBlood มองไปที่ ThornyRose และอูนาด้วยความสนใจ “ดูเหมือนว่ากำลังจะมีความสนุกสนานบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วสิ…”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม