Virtual World – Peerless White Emperor 321-334

 321 หัวใจของ SpyingBlade


อาซูและคนอื่นๆจ้องมองนิตยสารแฟชั่นทุกสำพักพิมพ์และทุกช่องข่าวดารา ที่เต็มไปด้วยภาพของคนอื่นๆที่ไม่ใช่พวกเธอ ‘พวกเราเป็นเจ้าของงานไม่ใช่หรือ!?’


กลุ่มเย่ฉางเดินไปที่ตลาดนัดกลางคืนเพื่อกินราเม็ง จากนั้นก็กลับไปเล่นเกมด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างมาก


เมื่อ SpyingBlade เห็นว่าเย่ฉางและคนอื่นๆออนไลน์ เขาจึงถามขึ้น “ได้ลายเซ็นไหม?”


“ได้แล้ว อยู่ที่บ้านของฉัน” เย่ฉางตอบอย่างมีความสุข


“ถ้ามีโอกาสฉันจะไปแวะไปเอา ขอที่อยู่ด้วย?” SpyingBlade พยักหน้า เย่ฉางให้ที่อยู่บ้านพักริมชายทะเลของเขาโดยไม่ต้องมีข้อสงสัยใดๆ หลังจาก SpyingBlade ได้ที่อยู่ไป เขาก็พูดว่า “เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ … เออ! ฉันเห็นการออกอากาศก่อนหน้านี้ ลุงฟรอสเลอร์และลุงแพนตี้มีชื่อเสียงในเมืองหลินไห่มากจริงๆ…”


FrozenCloud เช็ดเหงื่อเย็นของเธอ ‘นายเอาตาไปไว้ที่ไหน!? แน่นอนว่าลุงแพนตี้นั้นหล่อมากๆ จนฉันยังไม่กล้ามองหน้าตรงๆเลย จะหาลุงที่หล่อขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีก?’


ขณะที่อูนารู้สึกกดดันมาก เพราะเร็วๆนี้ก็จะเป็นการแสดงคอนเสิร์ตของเธอ โดยเธอตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องมีแฟนคลับเกิน 10,000 คน! แต่ตอนนี้เย่ฉางกลับมีแฟนคลับเกิน 500,000 คนไปแล้ว และเขายังมีท่าทางไม่แยแสกับเรื่องนี้อีก


ตอนนี้มันเป็นเวลากลางคืน และภูเขาดูเหมือนจะอันตรายเป็นพิเศษ มันมักจะมีสัตว์ร้ายประเภทหมาป่าที่ชอบออกล่าเป็นฝูง แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับปาร์ตี้ของเย่ฉางที่มีอาวุธระดับ Dark Gold กันแทบทั้งหมด ซึ่งมันมีพลังโจมตีที่สูงมาก และสามารถฝ่าพลังป้องกันของพวกหมาป่าได้อย่าง่ายดาย ทำให้ฝูงหมาป่าพวกนี้เหมือนเป็นค่า Exp เดินได้


หอกของเย่ฉางแทงทะลุผ่านร่างของหมาป่าภูเขา เขาเริ่มใช้ [Flame Blade] แล้วตามด้วย [Flame Lotus] จากนั้นเขาก็ใช้ [Multiple Straight Thrust] ทิ่มแทงหมาป่าภูเขาอย่างรวดเร็ว 4 ครั้ง สามการโจมตีแรกทำให้เกิดบัวเพลิง 3 ดอกระเบิดออกมา ส่วนการโจมตีสุดท้ายเกิดผลทะลุเกราะ จากนั้นเขาก็หมุนตัว 180 องศาพร้อมกับดึงคันธนูออกมาและยิงออกไป ฟางชิมองเขาด้วยความตื่นตระหนก เขานั้นรู้จักอาชีพแรนเจอร์ดี อาชีพนี้ใช้เวทมนตร์สู้นักเวทไม่ได้ การต่อสู้ระยะประชิดก็สู้พวกไฟท์เตอร์ไม่ได้ ส่วนการโจมตีระยะไกลก็ยังแพ้พวกฮันเตอร์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หัวหน้าทีมใช้เวทมนตร์ได้ดีกว่านักเวทอย่างมาก อีกทั้งยังมีพลังโจมตีที่รุนแรงกว่าอีกด้วย SpyingBlade ผู้ซึ่งตระหนักรู้ความสามารถของเย่ฉางมาตั้งนานก็ยังอดพยักหน้าชื่นชมไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีระยะประชิดที่สุดยอด ที่สำคัญคือฝีมือการยิงธนูของเขานั้นล้ำเลิศอย่างมาก มันเหมือนว่าเขานั้นเป็นยอดฝีมือด้านธนูตัวฉกาจคนหนึ่ง ความยากลำบากในการยิงธนูนั้นสูงมาก กว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ขนาดนี้ เขาต้องทนฝึกฝนมาเป็นเวลานานแค่ไหนกัน มันยากจะบอกได้ว่าเขาอายุแค่ไหนแต่กลับมีฝีมือการยิงธนูร้ายกาจมาก


ฟางชิใช้แคโรไลน์บาลี่ร่ายเวทความกลัวใส่พวกหมาป่าและสั่งเธอให้ฆ่าพวกมัน เขายังสั่งให้เธอร่ายเวทคำสาปที่เป็นการโจมตีวงกว้างใส่พวกหมาป่าอีกด้วย แม้แต่ SpyingBlade ยังต้องยอมรับว่าคำสาปของพวกเนโครแมนเซอร์มีประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าบอสอาจไม่ได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่ แต่เมื่อเทียบกับมอนเตอร์ทั่วไปเหล่านี้แล้ว เวทคำสาปสามารถสร้างความเสียหายแบบวงกว้างได้เป็นอย่างดี สำหรับจางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่ พวกเขาต่างดูแคลนพวกหมาป่าเหล่านี้ ด้วยพลังป้องกันที่สูงของจางเจิ้งเฉียง ทำให้เขาสามารถรับมือกับหมาป่า 5 ตัวได้อย่างสบายๆ ในขณะที่หลินหลี่เหวี่ยงดาบสับพวกมันเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายๆ


FrozenCloud แทงกรงเล็บใส่หมาป่าจนตายลงไป เธอสังเกตเห็นว่าพลังชีวิตของเธอแทบจะไม่ลดลงเลย เพราะมีลำแสงแห่งการรักษาไหลผ่านเธอไปยังเจ้าหมียักษ์ การสนับสนุนของเย่เทียนเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เธอได้ใช้ประโยชน์จากข้อดีในฐานะพาลาดิน และความเข้าใจในจังหวะเวลาของเธอก็ไร้ที่ติ


หลังจากการต่อสู้จบลงแล้ว เย่ฉางกลายเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลคอยทำความสะอาดสนามรบที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด ฉากนี้ทำให้ทุกคนขนลุกมาก


หลังจากการเดินทางที่ยาวนาน แม้แต่ SpyingBlade ก็เริ่มที่จะเบื่อหน่ายกับภูเขานี้แล้ว พวกเขาปีนขึ้นไปบนยอดเขาอีกครั้งและมองไปที่ดวงจันทร์ขนาดมหึมา หลินหลี่จึงเสนอขึ้นว่าให้ทุกคนถ่ายรูปหมู่ด้วยกัน ทุกคนยืนชิดกันแล้วหันหลังให้กับดวงจันทร์พร้อมกับโพสท่าทาง SpyingBlade ไม่สามารถหุบยิ้มได้ ‘ถ่ายรูป เฮ้อ!?’ เขานึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ในทะเลสาบแห่งหนึ่ง มีภาพของชายและหญิงกอดกันในน้ำ เขาหันหน้ามามองดวงจันทร์ นี่มันก็ผ่านมานานแล้ว ชีวิตมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและดราม่า และเขาก็เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด เขาเริ่มคิด ‘มันเหมือนกับ CloudDragon พูดไว้ไม่มีผิด ฉันมันเป็นแค่คนขี้ขลาด แต่ฉันยอมตายได้ถ้าผู้หญิงที่ฉันรักนั้นจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และฉันหวังว่าเธอจะลืมฉันได้ ฉันมันก็เหมือนคนที่ได้เหยียบขาข้างหนึ่งเข้าสู่ประตูแห่งความตายไปแล้ว’


ทุกคนออกเกมเพื่อมาพักผ่อนอีกครั้ง


ณ.มหาวิทยาลัยเมืองหลวง เขตราชินีในเมืองหลวง


ผู้ชายผมสั้นที่มีใบหน้าซีดเซียว เขาดูเหมือนผู้ชายทั่วๆไป กำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่งบนริมชายหาดเขาเฝ้ามองขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นจากขอบทะเล จากนั้นเขาก็มีการเคลื่อนไหวที่แปลกๆ เขาเดินโซซัดโซเซไปที่เครื่องขายน้ำอัตโนมัติและซื้อขวดน้ำแร่ เขาถือขวดน้ำด้วยมือซ้ายและใช้มือขวาเปิดฝาขวด แต่เขาไม่สามารถเปิดฝาได้ น้ำกระเซ็นรอบๆฝาขวดเนื่องจากความพยายามของเขาที่จะเปิดมัน แต่เขาก็ไม่สามารถเปิดมันได้อยู่ดี ในที่สุดเขาใช้ปากกัดฝาและเปิดมันด้วยความยากลำบาก เขายกน้ำดื่มและมองไปที่ดวงอาทิตย์ด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ “มือขวาฉันเริ่มใช้การไม่ได้แล้ว? ถัดไปก็ควรจะเป็นขาของฉัน”


ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก มีหยดน้ำอุ่นๆไหลลงบนแก้มเขา เขายื่นมือไปข้างหน้าราวกับคว้าจับแสงไว้ แต่เขาแทบไม่สามารถจะกำมือได้ เขามองดูแสงพระอาทิตย์ที่พุ่งผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขา “ฉันเหลือเวลาอีกแค่ไหน!”


ดวงอาทิตย์ยามเช้าเป็นตัวแทนของความหวังและตัวแทนของวันพรุ่งนี้ แต่ชายที่นั่งอยู่บนม้านั่งอยู่ในสภาพนี้ เขาเอนหลังอย่างเงียบๆเหมือนคนชรา เขามองท้องทะเลอย่างเหม่อลอย ในที่สุดเขาก็ยิ้มขึ้น แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยน้ำตา “ขอโทษนะ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการทำร้ายคุณ ฉันขอโทษจริงๆ…”



นี่คือ SpyingBlade ในโลกแห่งความเป็นจริง เขาเป็นคนธรรมดามากๆ ทั้งรูปร่าง หน้าตา การศึกษา ทั้งหมดอยู่ในระดับกลางๆทั่วไป เขาเติบโตในครอบครัวที่ธรรมดามากๆ เขาไม่มีความปรารถนาใดๆ เขาเพียงแค่ต้องการที่จะหาผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่งงานและก็มีลูกด้วยกัน ชื่อจริงเขาคือโจวยี่เฟิง ตอนแรกเขามีความตั้งใจที่จะมีชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วๆไป แต่ในปีแรกเขาก็ได้รับข่าวร้ายว่าป่วยเป็นโรค ALS2 ซึ่งมันเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายได้ เขาเพียงแต่ยิ้มรับกับชะตากรรมที่โหดร้ายนี้ โรคนี้จะทำให้เขาค่อยๆสูญเสียความแข็งแกร่งของร่างกายไป กล้ามเนื้อของเขาจะค่อยๆเหี่ยวแห้งลง แขนขาทั้งสี่ของเขาจะค่อยๆสูญเสียเรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนไหว แม้กระทั่งการหายใจก็ยังยากลำบาก และในที่สุดสมองของเขาจะฝ่อ เขาจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และเมื่อเขาสูญเสียความสามารถในการหายใจ มันก็เท่ากับว่าเขารอวันตายเพียงอย่างเดียว แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่ายินดีก็คือ ช่วงเวลาจนกว่าที่โรคนี้จะกลายเป็นอันตรายถึงชีวิต ถือว่ายาวนานพอสมควร ตามที่แพทย์บอกมันยังคงมีเวลาอยู่ได้ถึง 4-5 ปี ดังนั้นในห้องมืดๆที่เขารักษาอยู่ โจวยี่เฟิงหรือ SpyingBlade หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ และตัดสินใจว่าในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิต เขาจะต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ธรรมดาอีกต่อไป


SpyingBlade คิดย้อนกลับไปเมื่อตอนเขาอายุตั้งแต่ 20 เขามีหนี้แค้นหรือติดหนี้บุญคุณกับใครหรือไม่? แล้วพ่อแม่ของเขาล่ะ เขาได้ตอบแทนพระคุณหรือยัง? แน่นอนว่าเขาต้องตอบแทนพระคุณท่าน นอกเหนือจากนั้น ก็ไม่มีอะไรที่น่าจดจำ ตอนนี้เขาได้ป่วยเป็นโรคนี้แล้ว เมื่อนึกถึงชีวิตปกติธรรมดาที่ผ่านมาของเขา ทำให้เขารู้สึกสมเพชตัวเอง เขาไม่มีแม้แต่ความทรงจำที่มีค่า, ไม่ได้มีมิตรภาพที่น่าจดจำหรือศัตรูคู่แค้นใดๆเลย


จู่ๆเขาก็นึกถึงความทรงจำหนึ่งเดียวที่ยังตราตรึงอยู่ในจิตใจลึกๆของเขา มันเป็นสิ่งที่เขาหลงลืมไปเกือบหมดแล้ว ตอนนั้นเขาอยู่ชั้นปีหนึ่ง มีสาวที่สวยที่สุดในชั้นเรียนซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง เธอมีใบหน้าที่สวยงามและดูเหมือนจะมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ครั้งหนึ่งเขาได้สารภาพรักกับเธอ แต่เธอกลับเพียงกรอกตาไปมาและหัวเราะเยาะ “นายคิดว่าคู่ควรกับฉันงั้นหรือ? ถ้านายจริงใจกับฉันมากขนาดนั้น ก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นว่านายมีความมุ่งมั่นที่จะไล่ตามฉัน …”


ด้วยคำพูดนั้นของเธอ ทำให้เขาได้สติขึ้นมาและเข้าใจความแตกต่างระหว่างพวกเขา แม้น้ำเสียงที่ถากถางและแฝงไปด้วยการเยาะเย้ยของเธอจะทำให้เขาเจ็บ แต่เขารู้ตัวเองดีว่า เขาเป็นเพียงคนธรรมดาจริงๆ ในขณะที่เธอเป็นคนที่แสนจะเฟอร์เฟคและอยู่ในตระกูลที่มีอิทธิพล ชีวิตของเขาและเธอแตกต่างกันสุดขั้ว พอคิดได้เช่นนี้ เขาก็เลิกชอบเธอและหันกลับไปใช้ชีวิตอย่างธรรมดาในแต่ล่ะวัน ในขณะที่เขานึกถึงเรื่องนี้ในห้องมืด SpyingBlade เปล่งรอยยิ้มที่ดูหนักแน่น “ฉันจะทำให้เธอเป็นของฉัน แล้วจากนั้นฉันจะทิ้งเธอไป! นี่เป็นความปรารถนาครั้งสุดท้ายของฉัน …”


จากนั้น SpyingBlade ก็นึกถึงข้อมูลที่เขาได้รู้มา ในอดีตเธอเป็นเทพธิดาของมหาวิทยาลัย และตอนนี้เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดกิลด์ Falling Star Pavilion จากนั้นเธอได้จ้างผู้เล่นมืออาชีพให้ทำงานเพื่อเธอ ดังนั้นเขาจึงสมัครเข้ากิลด์ของเธอ และเขาก็ค่อยๆได้รับการยอมรับจากเธอ SpyingBlade เริ่มเข้าใกล้เธอซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเทพธิดาของเขา เขาเดิมพันทุกอย่างด้วยชีวิตของเขา เขาพยายามดิ้นรนและกระเสือกกระสนอย่างหนักเพื่อพิชิตหัวใจของ CompassionateStar และแล้วเธอก็ตกหลุมรักเขา แต่แล้ว SpyingBlade ที่ตอนแรกตั้งใจจะมาแก้แค้น เขากลับหลงรักเธออย่างจริงจัง เพราะเขาได้รับรู้ถึงความอ่อนโยนของเธอ และเคยได้ยินจากปากของเธอว่า ในมหาวิทยาลัยเธอมีประทับใจและรู้สึกชอบพอกับผู้ชายคนแรกที่กล้าสารภาพรักกับเธอ เขาคนนั้นเป็นแค่คนที่แสนธรรมดาๆ แม้ว่าเขาจะเป็นคนธรรมดา แต่เขาก็กล้าสารภาพรักกับเธอ เขายังได้กระทำบางอย่างที่ไม่ธรรมดาและกล้าหาญ SpyingBlade ตกตะลึง ในเวลานั้นเธอไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธเขา แต่เธอกำลังทดสอบความตั้งใจจริงของเขามากกว่า


ในคืนแรกของพวกเขา SpyingBlade ได้เฝ้าดู CompassionateStar ถอดเสื้อผ้าของเธอ เธอนอนรอเขาอยู่บนเตียง และพร้อมยอมมอบกายให้เขาด้วยความรัก เขามองตัวเองในกระจกด้วยความตกใจและเป็นกังวลใจ เขาเหลือเวลาอีกเท่าไหร่กันนะ? 2 ปี? บางทีอาจ 3 ปี? นิ้วมือ 3 นิ้วข้างซ้ายของเขามีปัญหาในการเคลื่อนไหว ร่างกายของเขาก็ค่อยๆสูญเสียความสมดุลไปด้วย ถ้าเขานอนกับเธอในตอนนี้ เขาจะมอบอะไรให้เธอได้? สิ่งนี้จะกลายเป็นแผลเป็นที่ติดตัวเธอไปตลอดและจะคอยหลอกหลอนเธอ? เมื่อคิดถึงความอ่อนโยนของเธอ และความรู้สึกที่เธอยอมรับที่เขาเป็นแค่คนธรรมดา หัวใจของเขาก็ปวดร้าวขึ้นมา เขาเดินมาที่เตียงและเยาะเย้ยเธออย่างไร้ความปราณี “ฮ่าฮ่า ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จแล้ว! เธอคิดว่าฉันอยากจะนอนกับเธอจริงๆหรือ? ฝันไปเถอะ เธอเป็นเพียงแค่ของเล่นของฉันเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ! ฉันโจวยี่เฟิงคนนี้ คนที่สารภาพกับเธอในปีนั้น คนที่ถูกเธอปฏิเสธ อ่า ~~ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย เมื่อเห็นร่างกายสกปรกของเธอ ฮ่าๆๆ การแก้แค้นมันช่างดีเช่นนี้เอง! ฮ่าๆๆ!”


“DarkBlade นายอย่ามาล้อเล่นนะ เรากำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้าแล้ว ถ้าขืนนายยังคงพูดเล่นอยู่ ฉันจะโกรธนายจริงๆด้วย …” CompassionateStar ตกตะลึงแต่ก็ยิ้มให้เขา เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเธอ เธอมองไปที่ SpyingBlade และพบว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ท่าทางของ CompassionateStar ค่อยๆกลายเป็นกังวล “อย่ามาล้อเล่นกับฉัน! ฉัน … ฉัน …”


SpyingBlade ไม่ได้พูดอะไรสักคำ หัวใจของเขาปวดร้าวเหมือนโดนมีดกรีดนับพันนับหมื่นแผล และเขาก็ขอโทษเธออย่างจริงจังในใจของเขา เมื่อมองเห็นความสิ้นหวัง, ความอัปยศน่าอับอาย และความเกลียดชังของ CompassionateStar เขาฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาและกัดฟันพูด “ล้อเล่น? ช่างน่าเบื่อเสียจริง ฉันหมดความสนใจในตัวเธอแล้ว และแทบไม่รู้สึกอยากนอนกับเธอเลย หัวหน้ากิลด์ที่ไร้เดียงสา ลาก่อน!!”


SpyingBlade ใส่เสื้อผ้าและเดินไปตามท้องถนนเหมือนซากศพ ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยน้ำตา แต่เขาก็ยิ้มอย่างเศร้าๆ สำหรับ CompassionateStar เธอกอดร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอและร้องไห้อย่างขมขื่น การแสดงออกของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเศร้าโศก


322 Cyan Eyed Falcon


SpyingBlade พยายามเอื้อมมือจะจับขวดน้ำเพื่อปาออกไป แต่มันหลุดออกจากมือของเขา เขาอยากจะจับมัน แต่ก็ไม่สามารถจับมันได้ เขาเฝ้ามองดูขวดที่กลิ้งไปมาและถอนหายใจ

เขาเดินออกไปหยิบมันขึ้นมา และทิ้งมันลงในถังขยะ จากนั้นเขาก็หันตัวกลับไป และค่อยๆหายไปจากใต้ดวงอาทิตย์ในยามเช้า


เทือกเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือในแบล็กพีค


เย่ฉางและคนอื่นๆยังคงเดินทางสำรวจลึกเข้าไป แผนที่โฮโลแกรมของเย่เทียนได้ขยายออกไป และถูกเติมเต็มไปด้วยพื้นที่ที่เคยสำรวจไว้หลายแห่งหน SpyingBlade ลูบคางของเขา

เมื่อแผนที่ครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ เขาวางแผนที่จะขอให้เธออัปเดตแผนที่ให้กับเขา


เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง พวกเขาสังเกตเห็นหนึ่งในหอสังเกตการณ์ของเมืองแบล็กร็อค ถึงแม้จะเรียกว่าหอสังเกตการณ์ แต่มันเป็นเหมือนเป็นป้อมปราการที่เต็มไปด้วยนักล่าชาวพื้นเมืองมากกว่า

ในทุกๆปี พวกเขาจะส่งของบรรณการเพื่อแลกกับความช่วยเหลือในการเฝ้าดูพื้นที่สำหรับการติดต่อซื้อขายอย่างปลอดภัยมากขึ้น ตัวอย่างเช่นนักเดินทางหรือคาราวานที่มาจากทะเลทราย


ทุกคนเข้าไปรวบรวมหาข้อมูลภายในป้อมปราการ และสอบถามเกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบ จากจำนวนประชากรของนักล่าในภูเขา พวกเขาได้รับเบาะแสที่น่าเชื่อถือหลายอย่าง มีสามเทือกเขาทางทิศใต้

มีสถานที่ที่ชาวบ้านเรียกว่าโกสพีค มันถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกเกือบตลอดทั้งปี และมีเพียงบางช่วงเวลาที่พื้นที่ของโกสพีคจะปลอดโปร่ง บางครั้งพวกเขาก็เห็นอาคารบางแห่ง แต่ไม่มีใครกล้าที่จะขึ้นไป

เพราะในเวลากลางคืน บริเวณตรงนั้นจะน่ากลัวมากเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะมีพวกหมาป่าที่ทรงพลัง แต่ยังมีสัตว์ปีศาจที่น่ากลัวปรากฏตัวอีกด้วย และยังมีสัตว์หลายชนิดที่เป็นพวกอันเดท


เมื่อทุกคนเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อย พวกเขาจึงออกเดินทางไปยังทิศใต้ เมื่อพวกเขาเดินผ่านสองเทือกเขา และไปยังจุดสูงสุดของเทือกเขาที่สาม พวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เรียกกันว่าโกสพีคได้

มันดูคล้ายกับปล่องที่ยื่นขึ้นสูงสู่ท้องฟ้า โดยการประมาณของเย่เทียน ปล่องที่ยื่นขึ้นไปมีความสูงประมาณ 1200 เมตร และด้านบนมีเมฆล้อมรอบ แต่บางครั้งพวกเขาก็เห็นอาคารที่ถูกทำลาย

ระหว่างตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขา และโกสพีคยังคงมีพื้นที่เป็นป่าที่ราบเรียบ


หลินหลี่ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เย่ฉางมองไปยังทิศทางที่หลินหลี่ชี้ออกไป ห่างจากหน้าผาประมาณสิบเมตรนั้น มีรังของนกอินทรีอยู่ อย่างไรก็ตาม ไข่ที่อยู่ลึกสุดภายในรังตรงนั้นแตกต่างจาก

ไข่นกอินทรีใบอื่นๆ พวกเขาเดินทางไปยังรังนกอินทรี และขโมยไข่นกอินทรีที่เป็นไข่ปกติหลายฟองออกมาจากรังหลายรัง จนทำให้นกอินทรีขนาดยักษ์หลายสิบตัวเต็มไปด้วยความเดือดดาล

พวกมันพุ่งผ่านสายลมเพื่อลงมาฆ่าพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหนีกันอย่างขมขื่น และค้นหาถ้ำเพื่อหลบซ่อนตัว แต่ไข่ที่พวกเขาต้องการคือไข่สีฟ้าที่มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของนกอินทรีขนาดยักษ์

และมีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางยาวเป็นเมตร


เย่ฉางมองไปรอบๆด้วยสกิล [Eagle Eyes] และไม่พบอะไรที่ผิดปกติ เขาจึงหยิบเอาเชือกออกมาอย่างตื่นเต้น และผูกไว้กับต้นไม้อย่างเหนียวแน่น “ถ้าเราเปลี่ยนไปใช้ไข่ใบนี้แทนไข่ใบเดิม

ซุปของเราต้องรสชาติอร่อยมากอย่างแน่นอน”


“อืม หัวหน้าทีมคะ เมื่อหัวหน้าพบไข่ที่พิเศษมาก สิ่งแรกที่หัวหน้าควรคิดถึงก็คือ เราจะฟักไข่ใบนี้ให้เป็นสัตว์เลี้ยงของเราสิคะ โดยเฉพาะกับหัวหน้าทีมที่มีสกิลการฝึกสัตว์” FrozenCloud พูดอย่างกังวล


“ใช่เลย…” อูนาค่อนข้างพูดไม่ออก


เย่ฉางคิดนิดหน่อยแล้วก็ยักไหล่ “เอาที่สบายใจเลยแล้วกัน…”


เมื่อเขาพูดจบ เขาก็คว้าเชือกและค่อยๆกระโดดลงจนไปถึงรังนกอินทรี เขาพยายามระบุไข่สีฟ้าฟองนั้น


Cyan Eyed Falcon Egg: ไข่ของเหยี่ยวสีฟ้าขนาดใหญ่ที่มีความดุร้ายเป็นอย่างมาก และเป็นธาตุลม เหยี่ยวเป็นนกที่ชื่นชอบการล่าเหยื่อ เหยี่ยวชนิดนี้มีช่วงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

และยังเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าเหยี่ยวปกติเป็นอย่างมาก เป็นนกที่พบเห็นได้ยาก และมีคุณค่าทางอาหารที่สูงมาก หลังจากรับประทานไข่เหยี่ยวสีฟ้าจะเพิ่ม +3% ความเร็วในการเคลื่อนที่อย่างถาวร

และมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้สกิลธาตุลมของนกชนิดนี้


เย่ฉางเก็บไข่ฟองนี้ใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นก็เริ่มปีนกลับขึ้นไป ทันใดนั้น ก็มีเสียงนกที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้นมา SpyingBlade เห็นเหยี่ยวสีขาวบริสุทธิ์กำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็วเหนือ

เทือกเขาโกสพีค ร่างของมันมีขนาดเกือบ 10 เมตร และขนนกที่ยื่นยาวออกมาจากหัวจนถึงปลายหาง 3 ขน ขนนก 2 ขนเป็นสีขาว ส่วนสีที่อยู่ตรงกลางเป็นขนนกสีฟ้า มันดูสง่างามและมีดวงตาที่เฉียบคมเป็น

อย่างมาก


เย่ฉางเห็นเหยี่ยวตัวนั้นบินอยู่เหนือเทือกเขา เขายังคงห้อยอยู่ตรงกลางทางและไม่สามารถใช้ [Shadow Step] ได้ เพราะเขามองไม่เห็นด้านบน เขารีบเพิ่มความเร็วในการปีนกลับขึ้นไป

แต่เขาก็สังเกตเห็นว่าคงไม่ทันแน่ๆ เหยี่ยวสีขาวได้กางกรงเล็บทั้งสองของมันออก และขณะที่ทุกคนคิดว่าเขากำลังจะถูกจับกุมโดยกรงเล็บทั้งสองของมันนั้น เขาได้ใช้สกิลโจมตีสวนกลับไปด้วยการสั่งให้หอก

โจมตีโดยอัตโนมัติไปที่เหยี่ยวสีขาว 6 ครั้ง จนมันต้องล่าถอยกลับไป จากนั้นเขาก็กระโดดกลับขึ้นไปบนหน้าผา เมื่อขึ้นมาข้างบนและมองเห็นเงาของหลินหลี่ เขาจึงเปิดใช้งาน [Shadow Step] ทันที

เขาสามารถหนีออกมาจากสถานการณ์ที่เลวร้ายได้โดยไม่บาดเจ็บใดๆเลยสักนิด “เตรียมตัวต่อสู้! นกใหญ่ตัวนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว มันช่างเป็นนกที่อุบาทว์มากจริงๆ มันพยายามที่จะแอบโจมตีฉันโดยที่ฉันยัง

ไม่พร้อม… แกตายแน่! ไอ้นกเวรตะไล!…”


‘เฮ้! นายไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดแบบนั้นได้เลย! นายไม่ได้ขโมยไข่ของมันเมื่อมันไม่ได้อยู่รอบ ๆงั้นหรือ?!’ SpyingBlade และคนอื่นๆต่างก็คำรามคำเหล่านี้ขึ้นมาภายในใจ


“นั่นซิ นกตัวใหญ่ตัวนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว มันกล้าที่จะแอบโจมตีพี่ใหญ่ขาว และยังต้องการขโมยไข่ไปจากเราอีก! นี่มันไม่ต่างไปจากพวกโจรเลยนะ!!” หลินหลี่เต็มไปด้วยความโกรธอันชอบธรรม

ทุกคนรู้สึกว่าแข้งขาของพวกเขาอ่อนแรงลง ‘นายหยุดเป็นคนที่ไร้เหตุผลมากๆสักทีจะได้ไหม!? ไข่นั้นเป็นครอบครัวของมัน! นายนั่นแหละที่เป็นโจร!!’


“แต่นกเหยี่ยวตัวนี้จะอร่อยกว่านกยักษ์ที่เราเคยกินกันไหมนะ…?” จางเจิ้งเฉียงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุด พวกเขาได้กินเนื้อนกยักษ์กันไปหมดแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่สามารถกินได้

พวกเขาผ่านคืนวันอันโหดร้ายโดยที่ไม่มีมันมาได้อย่างไรกัน…


การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว ทุกคนหรี่ตาลงและเห็นนกเหยี่ยวบินขึ้นมาจากหน้าผา เพียงแค่ลมที่เกิดจากปีกของมัน ก็ทำให้เกิดอาการหนาวเย็นแล้ว เย่เทียนขมวดคิ้ว “ระวังตัวด้วย! มันอาจจะเป็นบอสนกที่มีธาตุ

เป็นน้ำแข็ง/ลม”


SpyingBlade รู้สึกหมดหนทาง ขณะนี้การต่อสู้ที่ยากที่สุดคือการต่อสู้กับบอสที่สามารถบินได้ เนื่องจากอาชีพโจมตีระยะประชิดส่วนใหญ่ยังไม่มีวิธีที่ใช้ในการโจมตีระยะไกลได้ ดังนั้นเมื่อเจอกรณีแบบนี้

พวกเขาจะกระโดดดำลงไปในน้ำ และรอให้พวกมันจากไปเท่านั้น การสร้างความเสียหายให้กับมอนเตอร์ประเภทที่บินได้ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับอาชีพโจมตีระยะไกลซะมากกว่า


โดยไม่พูดอะไร เย่ฉางยิงฝนลูกศรขนาดเล็กไปทางนั้น เหยี่ยวสีขาวกระพือปีกของมัน ก่อให้เกิดสายลมที่รุนแรงพัดลูกศรกระเด็นออกไปมากกว่าครึ่ง แม้แต่ลูกศรที่ยิงไม่ถูกตัวของมันก็ปลิวกระเด็นออกไป

โดยแรงลมจากปีกของมัน เมื่อป้องกันห่าฝนลูกศรของเย่ฉางได้ มันก็กระพือปีกอีกครั้งส่งใบมีดสายลมนับสิบลงมา ทุกคนพยายามที่จะหลีกเลี่ยงใบมีดสายลมพวกนี้ จางเจิ้งเฉียงพยายามวิ่งเข้าไปรับใบมีดสายลม

อันหนึ่ง จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “อย่าไปโดนมัน! ความเสียหายของใบมีดสายลมพวกนี้สูงมาก! แม้แต่ฉันยังเสียไปถึง 50HP!”


“พื้นที่ตรงนี้เปิดกว้างมากเกินไป มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับเรา! วิ่งเข้าไปในป่ากันก่อน! เร็วเข้า!” หัวใจของ SpyingBlade ดิ่งลง ‘แม้กระทั่งเจ้าหมียักษ์ยังได้รับความเสียหายตั้ง 50 หน่วย จากหนึ่งใน

ใบมีดสายลมเหล่านั้น ถ้าอย่างนั้นอาชีพที่ใช้เกราะบางจะตายภายใน 2 ใบมีด’ เขาหันกลับไป และวิ่งเข้าไปในป่าตรงระหว่างทางลงภูเขา ฟางชิร่ายเวทมนตร์ลวงตาที่ทำให้เป้าหมายเกิดความสับสนบางอย่าง

แต่มันถูกเจาะทะลุโดยการจ้องมองที่คมกริบของเหยี่ยวสีขาว FrozenCloud พูดเตือน “สัตว์ประเภทเหยี่ยวมีความต้านทานต่อภาพลวงตาสูงมาก! สายตาของพวกมันมีโอกาสสูงที่จะมองผ่านภาพลวงตาได้

อย่างแม่นยำ”


ฟางชิพยักหน้าและหนีเข้าไปในป่า เหยี่ยวสีขาวบินกลับขึ้นไปบนฟากฟ้า เพื่อมองดูสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวท่ามกลางต้นไม้ มันบินวนไปมาอยู่เหนือหัวของพวกเขา ทันใดนั้น ปีกทั้งสองข้างของมันก็ปลดปล่อย

ใบมีดสายลมออกมา SpyingBlade รีบหันกลับ และซ่อนตัวอยู่ใต้โขดหิน ต้นไม้เล็กๆรอบตัวเขาถูกใบมีดสายลมตัดผ่านอย่างหมดจด ทุกคนหลบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงใบมีดสายลมเหล่านั้น


เมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันไร้ผล มันจึงหันกลับไปมองอย่างไม่เปลี่ยนแปลงยังจุดที่ทุกคนกำลังหลบซ่อนอยู่ เย่ฉางที่พิงต้นไม้ใหญ่ เดินก้าวออกมาและใช้สกิล [Triple Shot] ยิงไปที่เหยี่ยวสีขาวทันที

และสร้างความเสียหายให้กับเหยี่ยวสีขาวเล็กน้อย ขนนกและหยดเลือดของมันได้หยดลงมาจากฟากฟ้า


เหยี่ยวสีขาวพบตำแหน่งของเย่ฉาง และบินโฉบลงมาอย่างรวดเร็ว ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เขาใช้ซ่อนตัวถูกตัดขาดด้วยปีกของมัน ทำให้เย่ฉางถึงกับกลืนน้ำลาย เขารีบใช้ [Shadow Step] ย้ายไปในคูน้ำที่เขา

เคยเห็นก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว เขาโดดลงไปซ่อนตัวในน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย เขารู้สึกว่ามีขนสีขาวลอยอยู่เหนือหัว เขาจึงหยิบหอกออกมา และใช้สกิล [Multiple Straight Thrusts]

หลังจากแทงออกไป เขาก็หันกลับไปมองข้างบน และเห็นมันบินวนอยู่กลางอากาศ เขารีบปีนออกจากคูน้ำ และเปิดใช้งานสกิลจากรองเท้า พร้อมกับสกิล [Shadow Step] จนหายไปจากสายตาของมันทันที

และไปปรากฏตัวอยู่ภายใต้ร่มเงาของก้อนหินขนาดใหญ่ที่ปกปิดตัวเขาไว้ SpyingBlade ที่ซ่อนตัวอยู่อีกฟากหนึ่งของก้อนหินตะโกนเตือน “อย่าสุ่มโจมตีมัน! เพียงแค่รอโอกาสที่เราจะสร้างความเสียหายให้กับ

มันชุดใหญ่ และต้องไม่ปล่อยให้มันบินกลับขึ้นไปบนฟ้าได้อีก!”


เย่ฉางพยักหน้า แล้วดึงบาลิสต้าของเขาออกมา เขาเอนตัวลงใกล้ก้อนหิน และรอโอกาสของเขา ถ้าเขาเคลื่อนที่ เขาจะถูกพบทันที ความเร็วของมันรวดเร็วมาก การโจมตีกลางอากาศก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น…


ฟางชิและเย่เทียนกำลังซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ที่พวกเขาสงสัยว่าเป็นถ้ำของหมูป่า บางครั้งพวกเขาก็แอบยื่นหัวออกไปเพื่อตรวจสอบบนท้องฟ้า แต่ก็รีบหดหัวกลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนเต่า


FrozenCloud และจางเจิ้งเฉียงไม่กังวลมากนัก สถานที่ที่พวกเขายืนอยู่ไม่ได้ถูกปกปิดไว้มากนัก แต่ก็มีอุปสรรคและสิ่งอื่นๆมากมายที่สามารถใช้ป้องกันตัวจากการบินโฉบลงมา ถ้ามันบินโฉบลงมาจริงๆ

พวกเขาทั้งสองคนก็จะใช้พลังของพวกเขาทั้งหมดทำให้มันตกลงมาที่พื้น


สำหรับหลินหลี่ เขาเรียกรถเข็นออกมา และไปซ่อนตัวอยู่หลังหินที่ยื่นออกมา เขาแอบคิดว่าตราบใดที่มันกล้าที่จะมาหาเขา เขาจะตีมันจนตายด้วยรถเข็นของเขา! ส่วนเร็นน้อยยืนสแตนบายอยู่ข้างๆเขา


เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ไม่มีใครกระวนกระวายเลยสักคน พวกเขากำลังรอโอกาสกันอย่างอดทน เหยี่ยวสีขาวก็ไม่รีบร้อนโจมตีเข้ามา มันได้บินลงมาเกาะบนต้นไม้สูง 10 เมตร และจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ

ไปที่เย่ฉางและพื้นที่อื่นๆ


เย่ฉางถอนหายใจ การรอเช่นนี้คงไม่เวิคร์เท่าไหร่ เขาจึงตะโกนออกมา “ฉันจะเป็นคนไปล่อมันเอง ทุกคนเตรียมตัวเอาไว้ด้วย อาเฉียง, FrozenCloud, หลินหลี่ พวกนายต้องขยับเข้าไปใกล้ๆกันให้มากกว่านี้

จากนั้นฉันจะวิ่งไปยังตรงระหว่างพวกนายทั้งสามคน และล่อมันลงมาโดยให้มันตีตัวปลอมของฉัน ถ้าเป็นไปได้ รีบทำให้มันตกลงมาอย่างรวดเร็วด้วยแล้วกัน จากนั้นทุกคนก็ระดมสกิลระเบิดให้มันตายตรงนั้น

เข้าใจแล้วใช่ไหม?”


ไม่มีใครคัดค้าน เย่ฉางรอสักสองสามนาที แล้วกระโดดออกมาจากข้างหลังก้อนหิน เขาจับไข่ไว้ในมือข้างเดียว และวิ่งไปตรงกลางของรูปแบบสามเหลี่ยมของพวกเขา ดวงตาสีฟ้าของเหยี่ยวกลายแปรเปลี่ยนไป

เป็นสีแดงก่ำ มันโผบินขึ้นไปบนฟากฟ้า จากนั้นก็โฉบลงมาอย่างรวดเร็ว


เมื่อเหลือระยะทาง 100 เมตรระหว่างพวกเขากับเหยี่ยว เขาจึงเปิดใช้งานสกิล [Mirror Image] ความเร็วในการบินโฉบลงมาของมันรวดเร็วเกินไป ระยะทาง 100 เมตรได้หายไปในพริบตา

เหยี่ยวโจมตีไปที่เย่ฉางด้วยกรงเล็บทั้งสองข้างที่มีพลังของละอองธาตุลมติดอยู่ ทันใดนั้นเมื่อกรงเล็บของมันเจาะผ่านเข้าไปในร่างกายของเย่ฉาง มันจึงพบว่าร่างของเขาเป็นน้ำ!


ตู๊ม! ร่างโคลนน้ำได้ระเบิดออก ก่อนที่มันจะทำให้ร่างกายของมันมั่นคงได้ มันก็ถูกระเบิดน้ำโขลกมันลงไปที่พื้น ขณะที่มันกำลังจะลุกขึ้นยืน จางเจิ้งเฉียงก็ใช้ [Barbaric Tackle] พุ่งออกมาจากด้านข้าง

ทำให้มันเสียงสมดุลไปอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ใช้ [Holy Judgement]! FrozenCloud ที่วิ่งตามมาใช้สกิล [Wyvern Kick] เตะไปที่หัวของมัน และเปิดใช้สกิล [Wolverine Strike], [Triple Strike],

[Collapsing Palm]! ทำให้มันติดสตั้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ หลินหลี่กระโดดขึ้นพร้อมกับควงรถเข็นกลางอากาศทุบไปที่หัวของมัน ทันใดนั้นเสียงร้องที่โหยหวยของเหยี่ยวก็ดังออกมา ดาบสีเงินขนาดยักษ์ถูกเงื้องขึ้นไปกลางอากาศ

[Execute]! จากนั้นเขาก็ใช้ประโยชน์จากการสับเปลี่ยนอาวุธ โดยการใช้สกิล [Sword Drawing Art – Flash]! [Returning Dragon]! [Surging Dragon]! [Rising Slash] [Whirlwind Strike]! [Armed Destruction]!


SpyingBlade และเย่ฉางก็ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ มันจึงถูกทักทายอย่างต่อเนื่องโดยหอก และดาบยาว อูนาใช้ [Ice Spear] เจาะเข้าไปที่ลำตัวของมัน ลูกศรน้ำแข็งจากภูติน้ำและการโจมตีด้วยจิตวิญญาณของแคโรไลน์บาลี่

ก็พุ่งโจมตีไปที่เหยี่ยวสีขาวอย่างต่อเนื่อง


ในขณะนี้ มีลมที่เหมือนกับพายุเฮอริเคนเกิดขึ้นมา สร้างความเสียหายให้กับทุกคนอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลังชีวิตของทุกคนลดลงอย่างรวดเร็วราวกับน้ำรั่ว จางเจิ้งเฉียงรีบเปิดใช้งานสกิล [Desperate Prayer] อย่างรวดเร็ว และใช้สกิล

[Desperate Prayer] อีกครั้งจากแหวนของเขา แต่ก็ยังคงไม่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตคืนได้มากเท่ากับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคน พวกเขาถูกบังคับให้ถอยห่างจากร่างของเหยี่ยวสีขาว ทีละคน… ทีละคน…


323 เจ้าฟ้าน้อย

เย่ฉางมองไปยังเหยี่ยวขาวที่กำลังลุกขึ้น การโจมตีทางเวทมนตร์ถูกป้องกันโดยพายุเฮอริเคน ตอนนี้พวกเขาต้องการการโจมตีที่มีพลังทะลุทะลวงมากยิ่งขึ้น เขาดึงบาลิสต้าออกมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันเขาก็เรียกเงาที่ถือหน้าไม้หนักออกมา ลูกศรเหล็กในราชินีและราชาได้ถูกเตรียมพร้อมแล้ว


เย่ฉางชาร์จพลังงานเพื่อยิง [Meteor Shot]! เหยี่ยวลุกขึ้นยืนได้ แต่จู่ๆก็มีสองลูกศรพิษขนาดยักษ์พุ่งผ่านพายุเฮอริเคนเจาะแทงเข้าไปที่ลำตัวของมัน ความเสียหายที่เกิดจากพิษได้สะสมขึ้นไปเรื่อยๆ จนระเบิดออกมาทั้งหมดในครั้งเดียว เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้าของเหยี่ยวได้ดังสะท้อนไปทั่วทั้งเทือกเขา กำแพงพายุเฮอริเคนได้แตกกระจายสลายหายไป


เย่ฉางเก็บบาลิสต้าของเขา และค้นพบว่าความต้านทานต่อพิษของมันไม่สูงมากนัก จากนั้นเขาก็ดึงธนูออกมาและใช้ลูกศรเหล็กในที่อาบยาพิษยิงไปที่เป้าหมายทันที จากนั้นเขาก็ใช้สกิล [Acid Spray] ยิงออกไปจากมือของเขาไปที่ใบหน้าของเหยี่ยว ทำให้ใบหน้าของมันมีควันลอยฟุ้งออกมา


ทุกคนยังคงโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง เหยี่ยวสีขาวกวัดแกว่งปีกไปมาอย่างสับสน ส่งลมหนาวพัดไปทุกทิศทาง อูนาเฝ้ามองอย่างหมดอาลัยตายอยาก ลมหนาวที่พัดสุ่มออกมาจากปีกเป็นหนึ่งในเวทมนตร์หลักของเธอ [Chilling Wind]! มันเป็นสกิลโจมตีวงกว้างที่ลดการเคลื่อนที่ของเป้าหมาย แม้ว่าความเสียหายของมันจะไม่สูงมากนัก แต่สิ่งที่สำคัญของสกิลนี้คือ มันใช้เวลาร่ายที่สั้น สามารถโจมตีบริเวณกว้าง และยังลดความเร็วในการเคลื่อนที่อีกด้วย สกิลนี้เป็นเวทมนตร์หลักที่ผู้เล่นนักเวทน้ำแข็งทุกคนควรจะมี


FrozenCloud กลายเป็นภาพเงาที่ว่องไวอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเปิดใช้งานคอมโบเพื่อปิดฉาก [Mountain-Cat Strike]! ด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายของสกิลนี้ทำให้เหยี่ยวขาวติดอัมพาต มันติดสถานะอัมพาตได้อย่างง่ายดายเพราะเหยี่ยวขาวได้เข้าสู่ภาวะที่อ่อนแอแล้ว เมื่อสถานะอัมพาตจากสกิล [Mountain-Cat Strike] สิ้นสุดลง ผลกระทบของสกิล [Acid String] ของเย่ฉางก็ทำให้เหยี่ยวขาวติดอัมพาตอีกครั้ง ในที่สุดเหยี่ยวขาวก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างไม่ยินยอม


[ขอแสดงความยินดี คุณได้กำจัดมอนเตอร์ที่หาพบได้ยาก Cyan Eyed Falcon ได้รับ 3025Exp]


“ฉันจะค้นศพมั…” ก่อนที่เย่ฉางจะพูดจบ หลินหลี่ก็ได้ค้นศพของบอสเสร็จเรียบร้อยแล้ว “พี่ใหญ่ขาว เราได้รับไอเทมมา 3 ชิ้น”


SpyingBlade ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองไปที่หลินหลี่ด้วยความซึ้งใจ พวกเขาได้หลีกเลี่ยงความวิปลาสอย่างสมบูรณ์ และปกป้องงานที่ทุกคนทำกันอย่างหนักหน่วงเอาไว้ได้


“หลินหลี่…” เย่ฉางกัดฟันของเขา เมื่อปอยผมของหลินหลี่ชี้ตั้ง เขาจึงรีบหันกลับไป และชี้ไปยังเย่เทียน “พี่ใหญ่ขาว นี่ไม่ใช่ความผิดของผมนะ! เย่เทียนบอกให้ผมเป็นคนไปค้นศพ!”


“แก… พ่อคะ หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ หลินหลี่วางแผนที่จะใส่ร้ายหนูค่ะพ่อ…” เย่เทียนเห็นเย่ฉางกำลังมองมาที่เธอ เธอจึงรีบชี้แจงอย่างรวดเร็ว


“พี่ใหญ่ขาว เธอกำลังโกหก ดูเธอสิ เธอกำลังตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่โกหกพี่ใหญ่ขาวหรอกครับ!” ปอยผมที่ชี้ตั้งของหลินหลี่กวัดแกว่งไปมา ในขณะที่เขากำลังพูดอย่างจริงจัง FrozenCloud อ้าปากเหวอ หลินหลี่มีพรสวรรค์มากในการพูดจาใส่ร้ายคนอื่น เมื่อนึกถึงความพ่ายแพ้ของเธอ เมื่อตอนที่พวกเขาไปล่าปลาในทะเลกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลักษณะนิสัยที่ดูไม่เป็นอันตรายของเขา ‘อะไรที่นายหมายถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างกับปลาของฉัน และนายจะช่วยดูให้ฉันกัน? ถ้านายคิดจะขโมยมัน เพียงแค่หยิบมันไปก็พอ แต่นายยังชี้ไปที่ฉัน ละล้อเลียนฉันอีกด้วย …’


เย่ฉางมองไปที่เย่เทียนและถอนหายใจ ดวงตาของเขามีร่องรอยของความผิดหวังและการให้อภัย สิ่งนี้ทำให้เย่เทียนรู้สึกหดหู่มากยิ่งขึ้น เธอหันไปจ้องมองหลินหลี่ ‘ไอระยำหลินหลี่! ไอคนหักหลังบัดซบ! แกใส่ร้ายฉันตลอด! ชอบปากบอนเอาเรื่องของฉันไปบอกกับพ่อเสมอ!’ เธอชี้นิ้วอย่างสั่นเทาไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อเย่ฉางมองไปทางอื่น หลินหลี่รีบทำหน้าตาล้อเลียนเธออย่างรวดเร็ว ความโกรธของเย่เทียนได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว เธอยืนอยู่ที่นั่นจ้องมองเขาโดยที่ไม่พูดอะไรเลย


“……” ทุกคนเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จากด้านข้าง และหลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมา


“แค่ก แค่ก เราได้ไอเทมอะไรมาบ้าง?” SpyingBlade ได้ทำลายความยุ่งยากใจ และมองไปยัง‘ผู้ปกครอง’ที่หันหลังให้กับ‘เด็กๆ’


“หนังสิอสกิลธาตุลม – Razor Wind, ผ้าคลุมขนนกสีขาว และแหวนหนึ่งวง” เย่ฉางพูดพร้อมกับแชร์ค่าสถานะของอุปกรณ์ให้คนอื่นดู


Razor Wind: ร่าย 1 วลี(ทันที) เพื่อสร้าง 3 ใบมีดสายลมออกไปโจมตีเป้าหมาย ใบมีดสายลมแต่ละอัน จะสร้างความเสียหาย 25 หน่วย คูลดาวน์ 3 นาที


Cyan Eyed Falcon Feather Cape (Gold – Uncommon)


ประเภท: ผ้าคลุม


ความต้องการ: 80 Intelligence, 65 Wisdom


+10 พลังป้องกัน


+15 Intelligence


+12 Wisdom


+10% พลังโจมตีธาตุลม


+9 พลังโจมตีเวทมนตร์


ฟื้นฟู 1 มานา ทุก 10 วินาที


Cyan Eye Ring (Gold – Uncommon)


ประเภท: แหวน


ความต้องการ: ไม่มี


+22 Dexterity


+5% ความเร็วในการเคลื่อนที่


+6 พลังโจมตี


+25 เจาะเกราะ


+15 Will


Cyan Eye Ring (ติดตัว): เมื่อโจมตีจะไม่สนใจเกราะของเป้าหมาย 10%


SpyingBlade เห็นว่าอุปกรณ์ทั้งสามชิ้นเป็นไอเทมที่มีคุณภาพระดับสูง และมันเป็นอุปกรณ์ระดับ Gold ถึงสองชิ้น! ความเสียหายจากธาตุลมเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็น และคนเดียวที่เหมาะกับผ้าคลุมชิ้นนี้ก็คือนานะ สำหรับแหวน เขาจะต้องได้รับมันมาอย่างแน่นอน แหวนวงนี้เพิ่มค่าสถานะถึง +22 Dexterity! ทั้งยังเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่, พลังโจมตี และเจาะเกราะอีกด้วย สกิลติดตัวของแหวนวงนี้ทำให้เขายิ่งไม่เต็มใจที่จะเสียมันไป ค่าสถานะของแหวนวงนี้เอนเอียงมาที่เขามาก ดังนั้นคนที่เหมาะจะใช้แหวนวงนี้มากที่สุดคือตัวเขาเอง และไอ้บัดซบผมขาวคนนั้น


“หนังสือสกิลกับผ้าคลุมเราจะให้นานะ ไม่มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม?” เย่ฉางมองไปที่ทุกคนเพื่อดูว่ามีคนคัดค้านหรือไม่ เมื่อไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา เขาก็มอบไอเทมทั้งสองอย่างให้กับอูนา อูนาเรียนรู้สกิลนี้อย่างรวดเร็ว และสวมใส่ผ้าคลุมขนนกไว้บนไหล่ของเธอ ตอนนี้เธอได้รับการพิจารณาว่าเป็นสมาชิกที่ทรงพลังในปาร์ตี้ของพวกเขาแล้ว! ไม้เท้าระดับ Dark Gold! ผ้าคลุมระดับ Gold! เธอคิดอย่างมีความสุข แม้แต่ The Temptress ยังใช้เพียงแค่อาวุธระดับ Gold เท่านั้นเอง แม้ว่าอาวุธระดับ Gold ของเขาจะไม่ได้เลวร้ายไปกว่าอาวุธระดับ Dark Gold ของเธอสักเท่าไหร่ เพราะอาวุธของเขาได้มาจากบอสดูลโดซาที่มาจากนรก มันเป็นอาวุธท็อปของระดับ Gold ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างของอุปกรณ์ แต่ถ้าเธอต้องขึ้นไปต่อสู้กับ The Temptress เธออาจจะถูกน็อคเอาท์ในสองท่า! เมื่อนึกถึงตอนที่เย่ฉาง และ The Temptress ได้จ้องมองตาของกันและกันแล้ว ทำให้หัวใจของเธอรู้สึกปวดร้าวขึ้นมาอีกครั้ง


“แหวน… แหวนวงนี้ฉันจะเอามันไปเอง ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม!?” เย่ฉางพูดพร้อมกับสวมแหวนไปที่นิ้วของเขา SpyingBlade รีบคว้ามือของเขา และพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันต้องการแหวนวงนี้เหมือนกัน…”


“จริงๆแล้วพี่ชายควรจะพูดให้เร็วกว่านี้สิ ฉันได้แจกจ่ายอุปกรณ์ไปหมดแล้ว แล้วตอนนี้พี่เพิ่งจะมาบอกฉันเนี่ยนะ? งั้นเราจะมาตัดสินด้วยการเป่ายิ้งฉุบ โอเคไหม?” เย่ฉางถอนหายใจ และแสดงท่าทีด้วยความรังเกียจ ทำให้ SpyingBlade รู้สึกหงุดหงิด เขาพยายามสงบสติอารมณ์ และสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาเป็นคนที่มีความสามารถในการควบคุมตัวเองสูงมาก “เป่ายิ้งฉุบก็ดีเหมือนกัน…”


“ยัน ยิง เยา ปั๊กกะเป้า ยิ้งงงงงงงงง…” เย่ฉางเยาะเย้ยพร้อมกับเอามือซ่อนไว้ด้านหลังของเขา SpyingBlade หรี่ตาพร้อมกับมือเอาไว้ด้านหลังของเขาด้วยเช่นกัน เมื่อพยางค์สุดท้ายถูกพูดออกมา พวกเขาทั้งสองจึงเหวี่ยงมือออกไป SpyingBlade เห็นว่ามือของเย่ฉางเป็นกรรไกร แต่เขาก็ยังไม่ไว้วางใจอยู่ดี เขาสามารถเปลี่ยนแปลงมือของเขาเป็นกระดาษในตอนไหนก็ได้ หรืออาจหดสองนิ้วจนกลายเป็นค้อน เขาเองก็กำมือของเขาเป็นค้อน เขาสามารถเปลี่ยนเป็นกรรไกร หรือกระดาษได้ตลอดเวลาเช่นกัน ‘ถ้าศัตรูไม่เคลื่อนไหวฉันก็จะไม่เคลื่อนที่ เมื่อศัตรูเริ่มลงมือฉันก็จะตอบสนองทันที…’


เย่ฉางตระหนักว่า SpyingBlade ได้เรียนรู้ส่วนที่สำคัญของการเป่ายิ้งฉุบที่ขึ้นอยู่กับการสังเกตการณ์และการตัดสินใจ สำหรับคนปกติก็อาจจะขึ้นอยู่กับโชคและการตัดสินใจ แต่สำหรับคนในระดับของพวกเขา พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงมือของพวกเขาในช่วงเวลาที่เร็วพอที่คนอื่นจะมองไม่เห็น เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนเลวอย่าง SpyingBlade จะรับรู้ได้ เขากำลังแสดงมือเป็นค้อน แต่ทางเลือกสุดท้ายของเขาคืออะไร? เขาตัดสินใจที่จะทดสอบ SpyingBlade ในเวลาสั้นๆ เพียง 0.1 วินาทีก่อนตัดสินเท่านั้น เย่ฉางเปลี่ยนจากกรรไกรเป็นค้อน และเฝ้าดู SpyingBlade เปิดมือของเขาเป็นกระดาษ เย่ฉางเปลี่ยนเป็นกรรไกรอีกครั้ง และ SpyingBlade ก็ตอบสนองได้ทัน ในท้ายที่สุดพวกเขาก็จบลงด้วยค้อนกับค้อน เย่ฉางประเมิน SpyingBlade ‘ไม่เลวเลยทีเดียว เขาเลือกที่จะเปลี่ยนโดยใช้การเปลี่ยนแปลงที่ง่ายที่สุดคือค้อน’


SpyingBlade ขมวดคิ้ว เขาเกือบถูกหลอกแล้ว การเป่ายิ้งฉุุบของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่การเล่มเกมตามปกติจริงๆ ด้วยความเจ้าเล่ห์, การตอบสนอง, การตัดสินใจทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเกมนี้ จากนั้นเขาก็มองไปที่คนโง่เขลาอย่างหลินหลี่ เขาทำมันได้อย่างไรกัน? ถ้าหลินหลี่จะตอบคำถามนี้ เขาคงจะตอบอย่างจริงจังว่า ‘ฉันไม่รู้เหมือนกัน’ หรือไม่เขาก็จะชี้ไปที่ปอยผมของเขาและตอบว่า ‘ฉันมีเรดาร์’ หรืออะไรทำนองนี้อีกมากมาย…


FrozenCloud หลั่งเหงื่อออกมา พวกเขาเปลี่ยนแปลงเกมการเป่ายิ้งฉุบที่แสนง่ายดายให้เป็นเกมที่ซับซ้อนไปซะแล้ว การตอบสนองเหล่านั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอเลย เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงมือในชั่วพริบตาต่อการตอบสนองของฝ่ายตรงข้าม การตอบสนองและการสังเกตการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จำเป็นต้องใช้


เย่ฉางโยนแหวนให้กับ SpyingBlade “พี่ชายเอาไปก่อนเลย อันต่อไปมันเป็นของฉัน”


SpyingBlade ลังเลใจ จากนั้นเขาก็สวมใส่แหวนและพยักหน้า “ตกลง…”


SpyingBlade คิดเกี่ยวกับมัน แหวนวงนี้มีค่าสถานะไม่แตกต่างกันมากนักกับแหวนระดับ Dark Gold แต่แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับแหวนระดับ Dark Gold แล้ว มันมีค่าสถานะที่น้อยกว่า แต่ค่าสถานะที่เหมาะกับเขาของแหวนวงนี้ ก็ทำให้เขาพึงพอใจมากเช่นกัน ตั้งแต่เย่ฉางได้ยกมันให้กับเขา การปล่อยให้เขาได้ไอเทมชิ้นต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่สักเท่าไหร่ ผลประโยชน์ร่วมกันคือสิ่งที่ทำให้ทีมอยู่ด้วยกันได้


เย่ฉางแยกร่างของเหยี่ยวสีขาวออกได้อย่างสมบูรณ์ SpyingBlade ถอนหายใจขณะที่เย่ฉางทำการตัดเนื้อเหยี่ยวโดยไม่ได้ปกปิดความสามารถของเขา จางเจิ้งเฉียงคิดถึงคำพูดที่อธิบายถึงความสามารถของเย่ฉาง ความสามารถในการฆ่าหั่นศพและผู้คน – The Butcher!


“หัวหน้าทีมคะ ไม่ใช่ว่าพวกเรามีไข่อยู่หรอคะ? ลองใช้สกิลการฝึกสัตว์ของหัวหน้าทีมดูสิคะ…” FrozenCloud สนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถฝึกสัตว์ให้เชื่องได้ภายในเกม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการก็ตาม เขาชื่นชอบในการฆ่า แยกชิ้นส่วน แล้วปรุงอาหารให้กลายเป็นอาวุธชีวภาพมากกว่าที่จะมาสนใจการฝึกสัตว์


“ฝึกสัตว์? ฉันยังคงเสียดายที่เราไม่ได้กินเจ้าอาหารฉุกเฉินอยุ่เลย ครั้งนี้เรามาลองใช้ไข่ใบนี้มาทำเป็นซุปกันเถอะ…” คำพูดที่ส่อถึงเจตนาร้ายของเย่ฉางทำให้อูนาเดินไปหาเขา และบังคับให้เขาเริ่มฝึกสัตว์ เย่ฉางหยิบคริสตัลเวทมนตร์ออกมา และใช้สกิลฝึกสัตว์ของเขา ไข่สีฟ้าเริ่มเรืองแสงขึ้นและเริ่มสั่น แสงสีฟ้าของคริสตัลเวทมนตร์ถูกดูดซับไปโดยไข่ จนในที่สุดเปลือกไข่ก็เริ่มแตกร้าว มีลูกเจี๊ยบสีขาวโผล่ออกมาจากเปลือกไข่ และส่งเสียงร้องไปมา ลูกเจี๊ยบเป็นสัตว์แรกเกิด ดังนั้นสามขนนกบนหน้าผากของมันก็เริ่มมองเห็นได้อย่างเลือนลาง รอยด้านนอกทั้งสองเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ในขณะที่ตรงกลางเป็นสีฟ้าอ่อน ลูกเจี๊ยบถูกเฝ้าดูโดยทุกคน ขณะที่มันกัดกินเปลือกไข่ จนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นนกหนุ่ม ตอนนี้ขนนกตรงหน้าผากของมันยาวสวยงามและสง่างามเป็นอย่างมาก


แม้กระทั่งเย่ฉางก็พบว่ามันดูดีมาก เขาหันกลับไปมองเหยี่ยวน้อยที่ค่อยเชียร์พวกเขาสู้กับมอนสเตอร์อยู่ห่างๆ เมื่อการต่อสู้จบลง มันก็ได้รับค่าประสบการณ์ ทำให้ตอนนี้มันมีเลเวล 10 แล้ว แต่มันก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เขาต้องการสัตว์เลี้ยงที่มีความสามารถมาก และเหยี่ยวตัวนี้ก็ป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยทีเดียว เขารีบทำให้มันเป็นของตัวเอง ในช่วงขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์กันอยู่ เขาวางมันลงบนไหล่ของเขาและลูบหัวมันเบาๆ “เจ้าฟ้าน้อย”


“นายไม่ได้บอกว่านายจะใส่ไข่ลงไปในซุปงั้นหรอ?” อูนายิ้มเมื่อเห็นเย่ฉางแสดงออกถึงความรัก


“ใช่แล้ว หัวหน้าทีม การกระทำของหัวหน้าไม่ตรงกับคำพูดเลยนะ” FrozenCloud ล้อเลียน


“เจ้าฟ้าน้อย จำใบหน้าทั้งสองคนนี่เอาไว้นะ คนทั้งสองนี้เป็นคนเลว..” เย่ฉางพูดอย่างจริงจังกับนกตัวน้อย


“คนเลว คนเลว!” เหยี่ยวตัวน้อยพูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกับนกแก้ว


“……” ทุกคนแข็งค้าง ‘นี่เป็นเหยี่ยวจริงๆหรือ? นายแน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่นกแก้ว?’


เย่ฉางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ‘สมกับเป็นนกที่ฉันเลี้ยงมาเองจริงๆ’


324 แต้มคะแนนสะสม

“แสดงค่าสถานะของลูกเหยี่ยวให้ทุกคนดูหน่อย …” FrozenCloud เรียกร้อง


เย่ฉางมองไปที่ค่าสถานะของเจ้าฟ้าน้อย มันเกรด A + และมีความสามารถพิเศษคือ Child of the Wind (มีพรสวรรค์ในการใช้ความสามารถธาตุลมมากๆ) และ Cycon Falcon Eye (มีโอกาสมองเห็นภาพลวงตาได้และมีช่วงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมากๆ) เนื่องจากมันยังเป็นลูกนกแรกเกิดอยู่ มันอาจจะยังไม่สามารถทำอะไรได้ชั่วคราว


ทุกคนยังคงเดินหน้าต่อไป พวกเขาลงไปที่ภูเขาและมาถึงพื้นที่ป่าราบ เย่ฉางเดินไปข้างลำธารที่ใสสะอาดเพื่อเก็บน้ำไว้ในรถเข็น เมื่อดื่มเข้าไปมันจะให้เอฟเฟคที่ทำให้รู้สึกสงบและมีรสหวานเล็กน้อย พวกเขาเฝ้าดูเย่ฉางเก็บน้ำอย่างกระตือรือร้น ‘เฮ้อ! ช่างน่าเสียดายที่มันจะถูกทำลายโดยผู้ชายคนนี้’


เย่ฉางได้มองดูใบไม้ที่ไหลลอยอยู่ตามลำธาร เมืองหลินไห่ไม่มีเทือกเขามากนัก ดังนั้นป่าทึบแบบนี้จึงไม่ค่อยได้เห็น เขารู้สึกอยากหยุดพักที่นี่ เพื่อหาก้อนหินขนาดใหญ่และนอนพิงมันมองขึ้นไปบนฟ้า พวกเขาเดินทางกันมาหลายวันแล้ว และหลินหลี่อาจใช้เวลาพักนี้ในการตกปลาด้วย “พักที่นี่สักพักเถอะ หลินหลี่ไปตกปลาซะ ส่วนคนอื่นๆพักกันตามอัธยาศัย…”


หลินหลี่เอาคันเบ็ดออกมาและหาจุดที่เขาสามารถนั่งพิงหลับได้ เขาปรับท่าทางของเขาและเริ่มเข้าไปในโหมดตกปลาในความฝัน


“ฉันจะไปสำรวจดูรอบๆก่อน”SpyingBlade กล่าวพร้อมกับเดินไปทางปลายน้ำ จางเจิ้งเฉียงไปหาที่ขุดแร่ ทุกคนต่างก็ออกไปทำในส่วนของตัวเอง เย่ฉางกระโดดลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ เขาหาวและนอนลงไป


อูนานั่งอยู่ข้างๆหลินหลี่และเฝ้าดูขณะที่เขากำลังกรนพร้อมกับกำลังตกปลาไปด้วย ประสิทธิภาพการตกปลาของเขานั้นสูงมาก ขณะที่ปลากินเหยื่อ การต่อสู้ระหว่างคนและปลาก็จะจบลงอย่างรวดเร็ว และปลาใหญ่ก็จะถูกโยนลงไปในรถเข็น พร้อมกับใช้เหยื่อชุดใหม่เกี่ยวลงในตะขอเบ็ด แล้วก็จะถูกเหวี่ยงลงน้ำอีกครั้ง โหมดตกปลาในความฝันจะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ เธอหลั่งเหงื่อเย็น ‘แบบนี้ก็ได้หรอ!?’


เจ้าฟ้าอ่อนบินมาเกาะตรงฮู๊ดหมาป่าของเย่ฉางที่เขาถอดออก มันนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสบายและก็หลับไป


ฉากเปลี่ยนไปเป็นด้านฝั่งของ ThornyRose


“นี่โรส อันเดทพวกนี้จัดการยากจนเกินไป เรากลับไปรวบรวมอาชีพสายศักดิ์สิทธิ์และค่อยมาจัดการมันอีกครั้งดีไหม? มิฉะนั้นการอยู่ที่นี่จะไม่ดีสำหรับสถานการณ์โดยรวม ยกเว้นกรณีที่เธอต้องการเรียกคู่หมั้นของเธอมาช่วย” ElegantFragrance นึกถึงการต่อสู้กับบอสปีศาจโครงกระดูกในหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ มันแข็งแกร่งมากเกินไป มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าบอสคู่เสียอีก เพราะด้วยที่มันเป็นวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเธอแทบไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่บอสได้เลย และผู้เล่นชั้นสูงในกิลด์ของเธอที่มีอาชีพศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังไม่พัฒนามากพอที่จะใช้ประโยชน์ได้ มีอาชีพศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่แข็งแกร่งพอ ที่จะนำทีมต่อสู้กับบอสได้นั้นคือเจ้าหมียักษ์


“เราคงต้องขอความช่วยเหลือจากเขาเท่านั้น” ThornyRose ถอนหายใจ และติดต่อเย่ฉางทันที


เย่ฉางที่กำลังจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปบนท้องฟ้า ตอบรับสายพร้อมกับหาว “มีธุระอะไร?”


ThornyRose อธิบายสถานการณ์กับเขาและถามว่า “เมื่อไหร่ที่พวกนายจะกลับมากัน?”


“ไม่ทราบ …” เย่ฉางยังไม่แน่ใจว่า จะใช้เวลานานเท่าไรในการสำรวจโกสพีค


“เมื่อนายกลับไปที่เมืองบาลแล้ว โทรหาฉันด้วยนะ และสถานที่ที่นายพูดถึง รองนากยกเทศมนตรีแฟร์ได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว”ThornyRose ตอบ


“ฉันรู้แล้ว …” เย่ฉางกดวางสาย เขาเสยผมขาวของเขาและจ้องมองอย่างว่างเปล่าต่อไป


ทุกคนกลับมาจากการสำรวจของแต่ล่ะคน เย่ฉางยืดตัวขึ้นและกระโดดลงจากก้อนหิน พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะเดินทางต่อไปแล้ว หลินหลี่ก็ตื่นขึ้นมาจากโหมดตกปลาในฝัน FrozenCloud มองเข้าไปในรถเข็น ‘ทักษะการตกปลาของหลินหลี่ช่างสุดยอดจริงๆ หือ!! เขายังได้รับหีบสมบัติ!’


“ผมนอนหลับสบายมากๆเลย เอ่อ! ทักษะการตกปลาเลเวลอัพแล้วตั้งแต่ตอนไหนนี่?” หลินหลี่ลูบศีรษะของเขาอย่างงงงวย หัวใจ SpyingBlade บีบรัดแน่น ‘เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก’ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือออกมาจับมือเย่ฉางที่ต้องการจะปล้นหีบสมบัติ FrozenCloud รีบมอบมันให้กับหลินหลี่เป็นคนเปิด


อย่างไรก็ตามไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกอัญมณีที่มีค่า SpyingBlade ไม่สามารถอดสงสัยได้ว่า พวกเย่ฉางจะมีพวกอัญมณีเหล่านี้มากแค่ไหน เย่ฉางมอบทุกอย่างให้แก่เหรัญญิกเย่เทียน หลังจากมองปลาที่ได้รับมาใหม่แล้ว เย่ฉางก็เริ่มคิดสูตรอาหารใหม่ๆ


“พ่อคะ หนูมีข้อเสนอค่ะ” คำพูดของเย่เทียนทำให้ทุกคนต้องมองมาที่เธอ เย่ฉางยักไหล่ “เธอสามารถตัดสินใจทุกอย่างได้เลย”


“เอาล่ะ มันเป็นแบบนี้นะคะ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนเกิดการเท่าเทียมกัน หนูจึงเสนอการใช้ระบบแต้มคะแนนผลงาน วิธีการได้รับคะแนนสะสมจะเป็นไปตามกิจกรรมของแต่ล่ะคนที่ได้ทำ ทุกครั้งที่เราได้รับบางสิ่งบางอย่างจากบอส ทุกคนสามารถใช้คะแนนสะสมนี้ เพื่อแลกกับสิ่งของต่างๆได้ และผู้ที่นำเสนอมากที่สุดก็จะได้รับมัน ผู้ที่มีคะแนนสะสมเท่ากันสามารถพูดคุยตกลงกันได้ ด้วยวิธีนี้ จะทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นจำนวนมากได้ ทุกคนคิดเห็นยังไงบ้างคะ?” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเย่เทียน นี่เป็นความคิดที่ดีมากๆ หลายๆกิลด์ก็ใช้ระบบคะแนนสะสมนี้กันหมด แน่นอนว่าคะแนนสะสมในหลายๆกิลด์ สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงสามารถมั่นใจได้ว่า หัวหน้ากิลด์สามารถได้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุด SpyingBlade ขมวดคิ้ว “สามารถซื้อคะแนนสะสมด้วยเงินได้หรือไม่? กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การบริจาคเงินนั่นเอง …”


“ไม่ได้ มันต้องมาจากการมีส่วนร่วมในปาร์ตี้เท่านั้น” เย่เทียนรู้ดีว่า SpyingBlade กำลังคิดอะไรอยู่ ปาร์ตี้ของพวกเธอเป็นคนกันเองทั้งนั้นยกเว้นแค่เขา “จริงๆแล้ว การแบ่งไอเทมส่วนใหญ่ก็จะยังคงเป็นเหมือนดิม เราจะใช้ระบบนี้เฉพาะตอนที่มีความต้องการไอเทมชนิดเดียวกันหลายๆคน ด้วยวิธีนี้จะเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุด แน่นอนว่า สิ่งนี้ไม่เพียงแค่นำไปใช้กับปาร์ตี้ของเราเท่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยให้สมาชิกใหม่ของ Firmaments Happy ของเรามีสิทธิ์ในการแข่งขันอีกด้วย ในขณะที่ไม่อนุญาตให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากเรา มีหลายปาร์ตี้ที่ทะเลาะและแตกคอกัน เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งไอเทม ถ้าคุณเห็นด้วย ดังนั้นขอให้ใช้ระบบแต้มคะแนนผลงานที่หนูออกแบบมา”


“ฉันเห็นด้วย…” SpyingBlade พยักหน้ายอมรับ เขามองระบบที่เธอให้มา และเห็นว่าเขามีเพียง 150 คะแนนเท่านั้น เขามองไปที่เย่ฉางและถามว่า “นายมีกี่แต้ม?”


“190” เย่ฉางบอกโดยที่ไม่รู้ว่าเขาได้แต้มคะแนนมากที่สุด SpyingBlade ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในฐานะที่เขาเป็นทั้งหัวหน้ากิลด์และหัวหน้าปาร์ตี้ การมีคะแนนเพิ่มขึ้น 40 คะแนนไม่ใช่เหตุผลที่เกินไปนัก หลินหลี่และจางเจิ้งเฉียงมี 180 คะแนน FrozenCloud 150, ฟางชิ 30, OldWangFromNextDoor 50, เย่เทียนมี 100 และอูนามี 60 คะแนน


“นับจากนี้เป็นต้นไป เมื่อใดก็ตามที่ทุกคนทำภารกิจร่วมกันหรือฆ่าบอส ทุกคนก็จะได้รับคะแนนสะสมเท่ากัน สำหรับวิธีการอื่นๆที่จะได้คะแนนสะสมเช่นการบริจาคเงิน หนูจะยังขอเก็บไปคิดดูอีกทีแล้วกัน” เย่เทียนกล่าวอย่างใจเย็น


“เทียนน้อย ระบบของเธอมีข้อบกพร่อง คะแนนสะสมของฉันมันขาดเลข 0 ไปตัวหนึ่ง” หลินหลี่ยกมือขึ้นและแสดงความไม่พอใจ


FrozenCloud มองคะแนนสะสมของหลินหลี่ ‘180 คะแนน แต่เลข 0 หายไปตัวหนึ่ง!? 1800 !? นายคิดว่ามันจะเป็นไปได้งั้นหรือ!?’


“ฉันก็เหมือนกัน” เย่ฉางพูดอย่างใจเย็นพร้อมกับยกมือขึ้น เขาแสดงท่าทางเหมือนคนที่เป็นเหยื่อของปัญหาจากระบบเช่นกัน


“อ่า … ฉันด้วย” SpyingBlade พูดพร้อมกับเกาหัว ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นประท้วง


“หยุดสร้างปัญหากันได้แล้ว พวกนายนี่จริงๆเลย …” อูนาพูดด้วยความโกรธและไปดึงมือของพวกเขาลง จากนั้นเธอจ้องมองเย่เทียนและยิ้ม “ฉันมีเพียง 60 คะแนนเอง มีวิธีการไหนไหมที่จะเพิ่มคะแนนให้ฉันอีกสักหน่อย? หนึ่งหรือสองพันก็ดี … 80,000 หรือ 100,000 ก็คงไม่มากเกินไปมั้ง”


OldWangFromNextDoor หลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘เธอนั้นแหละที่สร้างปัญหามากกว่าคนอื่นเลย’


ฟางชิเต็มใจยอมรับ 30 คะแนนที่เขาได้รับมา เขามองไปที่สิ่งต่างๆในรถเข็น อาวุธระดับ Distinguished ต้องใช้ 10 คะแนนในการแลก ส่วนอุปกรณ์ป้องกันระดับ Distinguished ต้องใช้ 7 คะแนน ทางด้านวัตถุดิบนั้นมีราคาแตกต่างกันออกไป เช่นขนของบอสเหยี่ยวที่เพิ่งได้รับมามีราคาตั้ง 20 คะแนน


พวกเขายังคงสำรวจกันต่อไป ในตอนนี้พวกเขามีประสบการณ์ในการโจมตีพวกฝูงหมาป่ามากขึ้น ความเข้าใจและความคิดของพวกเขาเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นอันตรายจึงถูกพัฒนาขึ้นมามาก ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับฝูงหมาป่าได้อย่างชำนาญ แต่อย่าลืมว่าพวกเขามีเย่ฉางและหลินหลี่ ด้วยความเสียหายที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา สกิล [Light Strike Array] ของเย่ฉางสามารถสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก และยังทำให้ฝูงหมาป่าในระยะติดสตั้นอีกด้วย และด้วยการระดมยิงธนูอย่างรวดเร็วของเขา สามารถฆ่าครึ่งหนึ่งของฝูงหมาป่าลงไปได้ หลินหลี่, จางเจิงเฉียงและเร็นน้อย พุ่งเข้าไปฆ่าฝูงหมาป่าที่เหลือ ส่วนพวกหมาป่าที่อยู่นอกระยะ ก็ถูกจัดการโดย FrozenCloud และภูติน้ำ ทำให้อูนาและฟางชิสามารถร่ายเวทได้โดยไม่ต้องกังวลเลย ด้วยคลื่นน้ำยักษ์และสกิล [Tactic-Rapid Pursuit] ของเย่ฉาง ทำให้การต่อสู้นี้จึงกลายเป็นการสังหารเพียงฝ่ายเดียว


เย่ฉางทำการเคลียร์สนามรบอีกครั้ง ในขณะที่เขาพูดพึมพำว่า “เรามีเนื้อหมาป่าภูเขาตั้งมากมาย เมื่อไหร่เราจะกินมันหมด?”


ปาร์ตี้ได้เดินมาถึงตีนเขาโกสพีคอย่างรวดเร็ว เย่ฉางพูดเตือนด้วยความตื่นเต้นว่า “ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องชื่นชมกับอาหารกันก่อน ก่อนหน้านี้เราเพิ่งได้รับปลาสดๆเป็นจำนวนมาก”


ทุกครั้งที่ถึงเวลาจะกินอาหารเพื่อรับบัฟ ทุกคนจะร่วมวงและเริ่มพูดคุยกันว่า พวกเขาควรจะออกจากปาร์ตี้, ออกจากเกม หรือปฏิเสธเสียงแข็งด้วยชีวิตเป็นเดิมพันจะดีไหม SpyingBlade คิดถึงคนที่มีปัญหาในการแยกความแตกต่างระหว่างโลกเสมือนกับโลกจริง ถ้าพวกเขากินอาหารแบบนี้ทุกวัน พวกเขาก็คงจะต้องไปทำการรักษาแล้ว อาหารของเขาสามารถทำให้คนที่ติดยาเสพติดเลิกเสพยาได้เลย และยังได้ผลดีกับพวกที่มีอาการเบื่ออาหารอีกด้วย FrozenCloud ถอนหายใจและคิดว่า นับตั้งแต่ที่เธอเริ่มรับกินอาหารของหัวหน้าทีม แม้แต่อาหารราคาถูก 50 ดอลลาร์ที่ซื้อมาจากโรงอาหารของรัฐบาลกลาง เธอก็กินมันด้วยน้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเลย


เย่ฉางทำอาหารชุดเนื้อเซ้ทใหม่โดยใช้เนื้อหมาป่าภูเขาและปลาสดหั่นเป็นชิ้นบางๆ พร้อมกับผักป่าบางชนิด จนกลายมาเป็นซาซิมิ และเขายังได้นำวัตถุดิบที่ได้มาจากตอนอยู่หมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะได้แก่ ปลาปิรันย่า, ปลาหมู, เนื้อหมาป่า, เนื้อมนุษย์หมาป่า และเนื้อมนุษย์ปลา มาผสมรวมด้วยกันอีกด้วย ทำให้อาหารชุดเนื้อนี้ดูหรูหรามาก ในท้ายที่สุด มันได้รับการประเมินจากระบบให้เป็นอาหารระดับสูง สิ่งที่ทำให้ทุกคนแปลกประหลาดใจก็คือว่า มันดูไม่น่าขยะแขยงเลย พวกเขาจึงเลือกที่จะกินอาหารชุดเนื้อนี้แทนราเม็งปีศาจโครงกระดูก เพราะมันให้บัฟที่สูงกว่ามาก อีกทั้งยังดูน่าอร่อยอีกด้วย


อูนามองดูเอฟเฟคต่างๆและเลือกอาหารที่เหมาะกับเธอ เธอคว้าเนื้อ 6 ชนิดที่แตกต่างกันลงในชามของเธอ และยัดเข้าไปในปากของเธออย่างรวดเร็ว SpyingBlade กำลังจะเตือนเธอว่า “ก่อนรับประทานอาหารนี้ เธอควรใช้ไวน์ชนิดพิเศษในการเพิ่มรสชาติอาหารเสียก่อน มิฉะนั้นแล้ว …”


ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็เห็นดวงตาสองข้างของอูนากลายเป็นสีขาว และเธอก็ล้มลงไปกับพื้น “เชี่ย … นาย … ควรจะ… พูด …ให้เร็ว…กว่…” คอของเธอพับลงและเธอก็ชักกระตุกพร้อมกับหมดสติไป


SpyingBlade เช็ดเหงื่อของเขา และจบคำพูดของเขาว่า “… มิฉะนั้นแล้ว เธอจะพบกับความตายอันน่าสยดสยอง …”


SpyingBlade เดินไปข้างเย่ฉางและขอไวน์ชนิดพิเศษ หวังและฟางชิเลียนแบบเขา พวกเขาต่างจ้องมองไปที่อาหารข้างหน้า พวกเขาได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แม้แต่ SpyingBlade ก็ยังไม่กล้าที่จะทานเป็นคนแรก เนื่องจากมีสิ่งใหม่ๆเพิ่มเข้ามามากมาย มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่า ไวน์นี้จะยังมีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่


เย่ฉางเห็นว่าไม่มีใครวางแผนจะกินก่อน เขาจึงใช้ไวน์ชนิดพิเศษเทใส่อาหาร แล้วเพิ่มสมุนไพรที่เป็นพิษบางอย่างเข้าไป และกินมันเข้าด้วยกัน มันมีรสชาติที่อร่อยมาก เมื่อเห็นว่า เย่ฉางกินอาหารไปแล้ว ทุกคนต่างก็เข้าร่วมกินด้วย แต่ก็นึกถึงการกระทำที่เสแสร้งของ NalanPureSoul ขึ้นมา พวกเขาจึงไม่อาจประมาทได้ หลังจากรออีกไม่กี่วินาที เย่ฉางก็ยังกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีอะไรผิดปกติ ทุกคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเริ่มลงมือกิน หลังจากกัดไปคำแรก น้ำตาก็เออนองในดวงตาของ FrozenCloud มันช่างแตกต่างจากอาหารก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง รสชาติของมันเหมือนอาหารปกติทั่วๆไปแล้ว ถ้าคะแนนเต็ม 100 อาหารนี้ก็ควรจะได้ 70 คะแนน เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า การทำอาหารของหัวหน้าทีมดีขึ้นถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าในอนาคตอันใกล้ พวกเขาจะไม่ต้องล้มลงกระแทกพื้นดินอีกแล้ว


“เพื่อน ทำอาหารแบบนี้ให้เรากินทุกวันเลยนะ” แม้แต่จางเจิ้งเฉียงก็ยังอดที่จะตื้นตันไม่ได้


“เป็นอย่างไรล่ะ? ฉันบอกแล้วว่ามันต้องอร่อย นี่แหละคือเส้นทางการทำอาหารของฉัน! มันเกี่ยวกับการเปิดมุมมองใหม่ๆ และบางครั้งเราต้องแหกวิธีการทำอาหารแบบเก่าๆบ้าง กินมันเป็นครั้งคราวก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันทำให้ได้ แต่เป้าหมายของฉันคือการทำอาหาร ที่แม้แต่พระเจ้ายังต้องยอมสยบ! นั้นแหละถึงจะเรียกว่าจุดสูงสุดของการทำอาหาร!” เย่ฉางตะโกนอย่างภาคภูมิใจ


ทุกคนถอนหายใจ ‘เราจะต้องถูกวางยาพิษจนตายกี่ครั้งกัน … นอกเหนือจากเส้นทางที่นายเดินอยู่นั้น ชัดเจนว่ามันเป็นเส้นทางแห่งอาวุธชีวภาพ…’


325 

อูนาตื่นขึ้นมาคว้าคอเย่ฉางและตะคอกใส่ “ทำไมนายถึงไม่บอกฉันก่อน! ทำไม!!”

“เออ เพื่อทดสอบรสชาติของอาหารโดยที่ไม่มีไวน์ และมันจะทำให้ทุกคนเห็นคุณค่ามากยิ่งขึ้น” เย่ฉางพูดแก้ตัว ทุกคนรู้สึกเหมือนอูนากำลังจะบีบคอเขาให้ตาย

ขณะที่ทุกคนเดินขึ้นไปบนโกสพีค พวกเขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา แม้ว่าบางส่วนจะเป็นเพราะระดับความสูง แต่ความหนาวส่วนใหญ่กิดจากอากาศที่อยู่รอบๆ ในหมอกยังมีเสียงดังและเสียงพึมพำที่คุ้นเคย SpyingBlade ชักดาบออกมา “พวกโครงกระดูก …”

ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ พวกเขาเฝ้ามองเงาลางๆในหมอกที่กำลังเดินเข้ามาใกล้และมันค่อยๆชัดเจนขึ้น มีพวกโครงกระดูกที่สวมชุดเกราะและถืออาวุธในมือพุ่งเข้ามาหาพวกเขา เย่เทียนร่าย [Chain Heal] ยิงใส่พวกมันสามตัว จนพวกมันถูกเผาเป็นควันเขียวผสมรวมเข้ากับหมอก เย่ฉางได้ร่าย [Light Strike Array] เตรียมไว้แล้ว เปลวไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากพื้นดิน และพัดพาหมอกรอบๆออกไป โครงกระดูกนับสิบตกอยู่ในเปลวเพลิง จากนั้นทุกคนพุ่งเข้าไปเพื่อจบการต่อสู้ เย่เทียนมองหินที่อยู่ใกล้ๆและเช็ดทำความสะอาดมัน เธอเห็นว่ามีข้อความเขียนอยู่ “นี่ควรเป็นส่วนหนึ่งของซากปรักหักพังที่เรากำลังมองหา ศาล เทพธิดาแห่งแห่งภูเขาและการล่าสัตว์ – อันย่า”

“ผู้หญิงบ้าคนนั้นอาจจะประสบปัญหาบางอย่าง มิฉะนั้นแล้วเธอจะไม่ขอให้ฉันกลับไปแบบนี้ เรารีบทำเควสนี้ให้เสร็จเร็วๆกันเถอะ” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย ThornyRose นั้นแตกต่างจากอูนาอย่างมาก กับนานะเขามีมิตรภาพอันยาวนานต่อกัน แต่กับ ThornyRose นั้นกล้าที่จะรักและเกลียดชัง เธอนั้นเป็นเหมือนหมูป่า ถึงแม้ว่ามันจะแตกต่างจากมิตรภาพ แต่เขาก็ยังรู้ดีว่าควรจะเก็บความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาไม่สามารถกลายเป็นเครื่องจักรสังหารได้อย่างสมบูรณ์

“ผู้หญิงบ้า?” อูนาไม่เข้าใจที่เขาพูดจริงๆ FrozenCloud รู้สึกประหลาดใจ “เธอไม่รู้หรือว่าเขากำลังพูดถึงหัวหน้ากิลด์ที่ชื่อ ThornyRose?”

“หัวหน้ากิลด์ ThornyRose แห่ง Thorns and Roses นะหรือ?” อูนาถามอย่างสงสัย

“ใช่แล้ว ที่หมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ หัวหน้าทีมและพี่สาวโรสได้ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ และตอนนี้หัวหน้าทีมยังเป็นคู่หมั้นของพี่สาวโรสอีกด้วยนะ” FrozenCloud กระซิบบอก

“คู่หมั้น!!” เสียงของอูนาดังเพิ่มขึ้น 200 เฮิรตซ์

“ฉันแค่ช่วยเธอเท่านั้นเอง มันคล้ายกับแฟนหนุ่มปลอมๆในละครศึกพิศวาสสองพี่น้องตอนที่…” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย

“ตอนที่ 36!” เย่เทียนและหลินหลี่ขัดจังหวะขึ้นมา

“เรื่องที่สำคัญขนาดนี้ นายก็ยังไม่ได้บอกฉัน !!” อูนาร้องไห้

“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนิ ฉันแค่ไปช่วยเธอเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเธอเป็นคนดีมาก หลินหลี่และอาเฉียงกำลังเรียนศิลปะการต่อสู้อยู่ที่นั่นด้วย” เย่ฉางอธิบายด้วยท่าทางที่ยังคงนิ่งเงียบ

“ใช่แล้ว พี่สาวโรสดีต่อหนูมาก เธอยังให้ฉันเป็นผู้ถือหุ้น 5% ในบริษัทอีกด้วย” คำพูดของเย่เทียนเปรียบเสมือนแทงมีดลงในหัวใจของอูนา

“ปู่ฉินยังพาฉันไปกินไอศครีม ในสมัยที่เขาเคยกินตอนวัยเด็กอีกด้วย มันเป็นแบบทำด้วยมือด้วยแหละ มันยอดเยี่ยมมาก” หลินหลี่พูดด้วยท่าทางที่ยิ้มแย้มแจ่มใส

หัวใจของอูนารู้สึกอึดอัดอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ‘พวกเขาดูแลต้อนรับอาฉางอย่างดีในฐานะลูกเขย แล้วฉันจะไปแข่งขันกับเธอได้ยังไง?’ คราบน้ำตาค่อยๆเออนองในดวงตาของเธอ

เย่ฉางหัวเราะเบาๆ เขาเอื้อมมือออกไปลูบหัวอูนา “ไม่มีอะไรระหว่างฉันกับเธอจริงๆ แน่นอนว่าฉันไม่รู้เกี่ยวกับอนาคตว่าจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยในตอนนี้ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลยจริงๆ” เขายังพูดเสริมอยู่ในใจว่า ‘นานะ ฉันรู้ว่าเธอนั้นชอบฉัน แต่ฉันไม่ดีพอสำหรับเธอหรอก ก่อนหน้านั้นฉันยังมีอารมณ์ความรู้สึกระหว่างชายและหญิง แต่หลังจากที่ซินหยู่ตายไป…’

“จริงๆเหรอ … แต่นี่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่ เจ้าบ้าเย่ฉาง…” อูนาถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเธอก็ยังพอมีโอกาส! ‘มันจะไม่ง่ายสำหรับเธอที่จะได้ใจเขาไปหรอก ขนาดฉันยังเฝ้ารอเขาเป็นเวลาสองปีแล้ว’

อูนากลัวการสูญเสียเย่ฉางมาก แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับมัน แต่เย่ฉางคือเหตุผลที่เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เมื่อเธออยู่ตามลำพังโดยที่ไม่มีใคร ก็จะมีเขาคอยอยู่ข้างๆเธอเสมอ เมื่อเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาก็มาช่วยเธอทุกครั้ง พวกเขาอยู่ด้วยกันมาสองปีแล้ว เขาสนับสนุนให้เธอเริ่มตั้งวงดนตรี แม้กระทั่งเมื่อตอนเธอถูกลักพาตัว เขาก็มาช่วยเธอเอาไว้ แม้ว่าเย่ฉางจะเต็มไปด้วยเลือดและดูน่ากลัว แต่รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและคำพูดว่า ‘นานะ ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว’ มันทำให้อูนาไม่สามารถที่จะออกห่างจากเขาไปได้ แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว คนที่เขารักจะไม่ใช่เธอก็ตาม แต่เธอก็อยากจะอยู่เคียงข้างเขา และแอบรักเขาอยู่ในใจตลอดไป อูนารู้ดีว่าเขาจะไม่ละทิ้งเธอ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

FrozenBlood รู้ว่าอูนาชอบหัวหน้าทีมอย่างแน่นอน เธอจึงอยากจะช่วยอูนา แต่เมื่อคิดถึงว่าหัวหน้าทีมจะเลือกใครระหว่างอูนากับพี่สาวโรส? ถ้าเป็นไปได้ FrozenCloud ไม่ต้องการเห็นอูนาที่แสนใจดีต้องอกหัก แน่นอนว่าเธอก็ไม่อยากเห็นพี่สาวโรสอกหักด้วยเช่นกัน เธอรู้ว่าพี่สาวโรสชอบหัวหน้าทีมจริงๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกและไม่ยอมรับมัน แต่เธอก็ยังใช้ข้อแก้ตัวบางอย่างเพื่อกลบเกลื่อน แต่พวกคนในกิลด์ทุกคนต่างรู้ดีว่าว่า เธอนั้นแตกต่างจากในอดีตไปมาก

SpyingBlade ยิ้มเศร้าๆ เขามองเย่ฉางอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าเขาจะรู้สึกได้นานแล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้ชัดเจนแล้ว ‘เจ้าบัดซบคนนี้ เป็นพวกจับปลาสองมือจริงๆ’ ท่าทางของเขากลายเป็นรังเกียจเย่ฉางขึ้นมาทันที OldWangFromNextDoor ลูบคางของเขา “หัวหน้าทีมและคุณโรสอยู่ด้วยกันจริงๆ และเขายังอยู่กับพี่สาวนานะอีก พระเจ้า! เมื่อไหร่ฉันถึงจะมีแบบนี้บ้าง!?”

เย่ฉางหลั่งเหงื่อเย็นออกมาขณะที่เขามองไปที่หวัง อูนาไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอตบหลังหัวของหวัง “พระเจ้าได้ลิขิตให้นายอยู่คนเดียว โดยที่มือซ้ายและขวาเป็นแฟนของนาย”

เย่ฉางมองทุกคนขณะที่ค่อยๆเดินหน้าต่อไป จางเจิ้งเฉียงหยุดและยืนอยู่ข้างๆเขา “เพื่อน นายจะไม่เลือกทั้งนานะและพี่สาวโรสจริงๆหรือ? แต่ไม่ว่ายังไง ฉันจะสนับสนุนการตัดสินใจของนาย นายทนมามากพอแล้ว ฉัน…”

“ฉันมีเหตุผลของฉัน อาเฉียง! นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก นอกจากนี้ ถ้านายสามารถหาแฟนได้สักคน ฉันจะดีใจมากๆ ที่จริงแล้วน้องเล็กไดโนก็ไม่แย่สักเท่าไหร่นะ แม้ว่าลูกของนายที่เกิดมาจะมีลักษณะคล้ายพิคโกโร่ก็ตาม” เย่ฉางหัวเราะเบาๆ

“เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น … มันมีความเสี่ยงที่มากเกินไป เพื่อน! ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องของนายแล้ว” จางเจิ้งเฉียงเช็ดเหงื่อของเขา เขายังจำภาพของ FrozenCloud ก่อนการทำศัลยกรรมได้ ถ้าจะใช้คำพูดเพื่ออธิบายให้เห็นชัดเจน มันก็คงจะถูกต้องที่จะกล่าวว่า เธอนั้นเทียบได้กับการทดลองอาวุธชีวภาพของเย่ฉางเลยทีเดียว

เมื่อพูดจบจางเจิ้งเฉียงก็รีบวิ่งไปหาทุกคนทันที เย่ฉางเฝ้ามองดูทุกคนจากด้านหลัง มีรอยยิ้มลึกลับเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาลูบเจ้าฟ้าน้อยเบาๆ “เจ้าฟ้าน้อย นายคิดว่าฉันควรทำอย่างไรดี?”

“คนเลว! คนไม่ดี!” คำพูดของเจ้าฟ้าน้อยทำให้เย่ฉางหัวเราะ

ขณะที่พวกเขาเดินขึ้นไปบนโกสพีคเรื่อยๆ พวกเขาไม่ค่อยพบสัตว์ปีศาจใดๆเลย มีแค่เพียงพวกอันเดทเท่านั้น ตอนนี้พวกเขามาถึงยอดเขาแล้ว มีกำแพงอยู่ข้างหน้าซึ่งล้อมรอบไปด้วยเถาวัลย์สีเขียวมรกต ในอีกด้านหนึ่งเป็นพวกวิญญาณและโครงกระดูก พวกเขาจึงทำการกำจัดศัตรูทั้งหมด และค้นหาอาคารใกล้เคียง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย นอกจากบันทึกโบราณบางอย่างเท่านั้น พวกเขาทำการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาจนเต็ม จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในพระราชวัง ข้างในนั้นมืดมากจนไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย จู่ๆก็มีดวงตาสีฟ้าเรืองแสงขึ้นมา ดวงตาเหล่านั้นมีจำนวนมากกว่าร้อยคู่ เย่ฉางตรวจสอบด้วยความสามารถที่มองเห็นได้ในตอนกลางคืนของเขา และพบว่าด้านในนี้เต็มไปด้วยโครงกระดูกที่ถือธนูอยู่ พวกมันดึงคันธนูขึ้นมาและเล็งมาทางพวกเขา หัวลูกศรค่อยๆเรืองแสงสีฟ้าอ่อน มันเป็นลูกศรวิญญาณ! ลูกศรวิญญาณมากกว่าหนึ่งร้อยดอกมุ่งเป้ามาทางพวกเขา

“ทุกคนหลบ! พวกมันเป็นนักธนูทั้งหมด!” เย่ฉางตะโกนเตือน ทุกคนจึงรีบพุ่งออกจากประตูและหลบด้านหลังกำแพง ฟางชิอยู่ท้ายสุด เขาจึงโดนลูกศรพุ่งปักที่ส้นเท้าของเขา และในไม่ช้า ห่าฝนลูกศรก็พุ่งออกจากประตูมา หลังของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น ถ้าเขาช้าไปอีกนิดเดียว หลังของเขาคงเต็มไปด้วยลูกศรแน่ๆ หลังจากที่ลูกศรหมดลง เย่ฉางร่ายเวทและบอกให้จางเจิ้งเฉียงเตรียมคุ้มกันเขา

จางเจิ้งเฉียงกระโดดออกมาและยืนคุ้มกันด้านหน้าเย่ฉาง ขณะที่เย่ฉางยิง [Light Strike Array] ออกไป จางเจิ้งเฉียงโดนลูกศรยิงไม่กี่ดอก แต่เขาก็ยังพอต้านทานไหวอยู่

“ถอยก่อน!” เย่ฉางตะโกน จางเจิ้งเฉียงย้ายไปด้านข้าง ไฟลุกโชนออกมาจากพื้นพระราชวังจากนั้นทุกคนก็พุ่งเข้าไปจัดการกับพวกโครงกระดูกธนู เย่ฉางใช้โอกาสนี้ดึงธนูออกมา และยิงลูกศรไฟไปเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางห่าฝนลูกศรที่เขายิงไป มีโครงกระดูกธนูตัวหนึ่งหลบลูกศรของเขาได้ มันหลบฝนลูกศรได้อย่างง่ายดายพร้อมกับยิงธนูตอบโต้มาได้อีกด้วย เขารู้สึกถึงกลิ่นไม่ดีบางอย่าง ลูกศรของมันเร็วมาก! เขารีบใช้ [Shadow Step] โผล่ออกจากเงาด้านหลังจางเจิ้งเฉียงและตะโกนเตือน “ระวัง! มีบอสอยู่ด้วย! มันยิงธนูได้เร็วมากๆ!”

เขาเพิ่งพูดจบ หัวของฟางชิก็ถูกลูกศรเจาะเข้าไปแล้ว แน่นอนว่าเขาตายทันที นี่ขนาดมีออร่าจากจางเจิ้งเฉียงแล้วนะ! SpyingBlade รีบหลบหลังเสา คนที่เหลือจึงรีบไปหลบหลังเสาที่อยู่ใกล้ๆทันที

SpyingBlade สังเกตเห็นความเร็วของลูกศรได้อย่างชัดเจน มันแทบไม่สามารถหลบได้จริงๆ โชคดีที่เขามีสกิลการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน มิฉะนั้นแล้วเขาคงต้องตายไปแล้ว

FrozenCloud กระชับกรงเล็บแน่น แต่เธอไม่กล้าที่จะโผล่หน้าออกจากเสา ด้วยความเร็วและความแม่นยำในการยิงธนูของบอส หัวของเธอจะระเบิดขึ้นทันที ในขณะที่เธอโผล่หัวออกไป นอกจากนี้ มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า บอสยังมีสกิลอะไรอยู่อีก!

เย่ฉางได้ใช้ทักษะตรวจสอบบอสในก่อนหน้านี้แล้ว

Phantom Shooter Skeleton – Renoir (Boss – Nightmare – Undead – Divine Archer) : อาจารย์สอนยิงธนูของพระราชวังเทพธิดาอันย่า เป็นสมาชิกของสมาคมนักธนูเงา โครงกระดูกแบบนี้ไม่สมควรมาทำอาหาร

“ฉันมีข้อมูลของบอสแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอาจารย์สอนยิงธนูของสถานที่แห่งนี้ และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกสมาคมนักธนูเงา” เย่ฉางพูดเบาๆ

เย่เทียนที่อยู่เสาข้างๆเขาตอบขึ้นมาว่า “สมาคมนักธนูเงาและสมาคมตากระทิง เป็นสององค์กรอาชีพโจมตีระยะไกลที่มีชื่อเสียงในทวีปนี้ สมาคมนักธนูเงาเต็มไปด้วยความลึกลับมากมาย สมาชิกส่วนใหญ่เป็นนักธนูที่ชอบอาศัยอยู่ในป่า สมาคมตากระทิงเปิดกว้างสำหรับทุกคน จึงทำให้มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก”

“มาคิดถึงวิธีการฆ่ามันก่อน” SpyingBlade พูดเตือน


326

SpyingBlade โผล่หน้าออกมา และเห็นลูกศรพุ่งมาที่ด้านขวาก่อนที่จะถึงดวงตาของเขา เขาเบี่ยงหัวหลบและถอยกลับมา จึงมีรอยขีดข่วนของลูกศรทิ้งไว้ที่วิหารด้านหลัง หัวใจของเขารู้สึกสั่นสะท้าน ความรวดเร็วนี้คืออะไรกัน!? ไม่ว่าจะเป็นการเล็งด้วยความรวดเร็ว ยิงด้วยความรวดเร็ว การโผล่ออกไปเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ความตายได้อย่างง่ายดาย เขาอยู่ไกลเกินกว่าที่เทเลพอตร์ออกไปได้ SpyingBlade เห็นเย่ฉางกำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่มีความคิดอะไรบางอย่าง

เย่ฉางรีบวิ่งออกมาจากหลังเสา ขณะที่เขาหลบออกมาจากที่ซ่อน เขาก็เปิดใช้งาน [Mirror Image] ทันที พร้อมกับย่อตัวลง และพุ่งเข้ามาในระยะใกล้ กระดูกขากรรไกรของเรนอร์ส่งเสียงกระทบกันดังลั่น เย่ฉางเห็นลูกศรพุ่งมาที่ใบหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง เขาจึงเปิดใช้งาน [Shadow Step] ไปปรากฏตัวอยู่ด้านข้างของ SpyingBlade

“อันเดทตัวนี้รู็สึกถึงเราได้ผ่านกลิ่น พวกมันสามารถดมกลิ่นสิ่งมีชีวิตต่างๆ และระบุถึงตำแหน่งได้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะสามารถใช้สายตามองเห็นพวกเราได้ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นการหายตัวที่เรียบง่ายธรรมดาได้เช่นกัน” SpyingBlade มองดูการแสดงออกที่ยุ่งเหยิงของเย่ฉาง และอธิบายอย่างเงียบๆ

“เพื่อน ฉันยังไม่สามารถออกจากที่ซ่อนตัวได้ หนึ่งลูกศรของมันลดค่า HP ของฉันไปครึ่งหนึ่ง…” คำพูดของจางเจิ้งเฉียงทำให้ทุกคนถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก เชี่ยเอ๊ย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการยิงหนึ่งครั้งฆ่าได้หนึ่งคนหรอกหรือ? สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องมีใครสักคนที่ออกไปเผชิญหน้ากับมันในระยะประชิด ไม่อย่างนั้นอัตราความสำเร็จของพวกเราจะต่ำเกินไป แถมพวกมันยังเหลือโครงกระดูกนักธนูที่ไม่ได้ถูกฆ่าในก่อนหน้านี้ยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวมันด้วยเช่นกัน หลินหลี่ยังไม่กล้าโผล่หัวออกไป เขาหยิบขวดระเบิดเพลิงระดับสูงออกมา และกำลังจะโยนมันออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ทันใดนั้นก็มีลูกศรได้พุ่งเจาะผ่านระเบิดเพลิงของเขา ทำให้มือของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิง

“พ่อคะ เราต้องพุ่งเข้าไปหามันพร้อมกันเท่านั้น ลูกศรของมันยากเกินไปที่จะหลบเลี่ยงได้ เราสามารถพึ่งพาพ่อ และพี่ชาย SpyingBlade เพื่อเข้าใกล้มันด้วยสกิลเทเลพอตร์ของเขา ส่วนคนที่เหลือให้รีบกำจัดโครงกระดูกนักธนูบริเวณรอบๆอย่างรวดเร็ว” เย่เทียนกระซิบ

“สิ่งที่เย่เทียนพูดนั้นถูกต้องแล้ว ฉันจะนับ 3 อาเฉียงกับน้องเล็กไดโน พวกนายทั้งสองคนจะพุ่งเข้าไปก่อน และดึงการโจมตีครั้งแรกของมันเอาไว้ พวกนายทั้งสองคนน่าจะสามารถอยู่รอดจากลูกศรได้หนึ่งครั้ง SpyingBlade และฉันจะตามติดพวกนายไปที่ด้านหลัง! จากนั้นหลินหลี่ต้องออกมาช่วยพวกเราอย่างรวดเร็วเท่าที่นายจะทำได้ ส่วนนักเวทที่เหลือ เตรียมการร่ายเวทมนตร์ของเอาไว้ด้วย…” เย่ฉางอธิบายแผนการณ์ ทุกคนพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ “3, 2, 1! ไป!!”

จางเจิ้งเฉียงรีบกระโดดออกไป เขาปิดกั้นหัวของเขาด้วยสนับแขน และถูกลูกศรพุ่งกระแทกทันทีที่ปิดกั้น แรงกระแทกผลักเขาถอยกลับไปสองสามก้าว แต่การบล็อกก็ประสบความสำเร็จ เขาสูญเสีย HP ไป ⅓ ทันที เขารีบฮีลตัวเองอย่างรวดเร็ว และยังคงพุ่งเข้าไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง FrozenCloud ใช้พลังซี่ของเธอในการป้องกัน ทำให้เธอสามารถดูดซับแรงกระแทกของลูกศรเอาไว้ได้ แต่เธอก็เหลือ HP เพียง ⅓ เท่านั้น ถ้าเธอไม่ได้ใช้พลังซี่ เธออาจจะตายทันทีที่โดนลูกศร

ในเวลา 1 วินาทีที่บอสต้องดึงลูกศรเตรียมยิง เย่ฉางก็ประสบความสำเร็จในการพุ่งเข้ามาหามัน เชาใช้สกิล [Straight Thrust] แทงหอกไปยังมือที่ถือลูกศรของเรนอร์ ไม่นานหลังจากนั้น SpyingBlade ก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเรนอร์ เขาเหวี่ยงดาบธาตุแสงเพื่อโจมตีไปยังมือที่ถือคันธนูของเรนอร์

การเคลื่อนไหวของเรนอร์เปลี่ยนไป มันรีบปล่อยคันธนูและลูกศร และหลบการโจมตีของทั้งสอง ในชั่วพริบตานั้น เรนอร์ได้ดึงดาบยาวและดาบสั้นที่เอวออกมาต่อสู้กับทั้งสองคน การใช้ดาบของเรนอร์ทำให้ SpyingBlade ตกใจ ถึงแม้ความสามารถโจมตีระยะไกลที่แข็งแกร่งของมันถูกปิดกั้นไปแล้ว แต่ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของบอสตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าการโจมตีระยะไกลของมันซะอีก! ดาบทั้งสองของ SpyingBlade ป้องกันการโจมตีที่พุ่งเขามาตรงลำคอของเขา จากนั้นเขาก็ฟันเฉือนกลับไปที่หัวกระโหลกของเรนอร์ เย่ฉางแทงหอกของเขาออกไปด้วยสกิล [Multiple Straight Thrust] แต่มันกลับหักล้างการโจมตีของเขาได้ทั้งหมด และสามารถโจมตีสวนกลับมาได้ ‘บ้าเอ๊ย! ทำไมบอสตัวนี้ถึงแข็งแกร่งอย่างงี้!?’

จางเจิ้งเฉียงตีลูกศรที่พุ่งมาหาเขาอย่างต่อเนื่อง เขาพุ่งเข้าใส่ฝูงโครงกระดูกนักธนู และเริ่มสร้างความหายนะให้แก่พวกมัน อูนาได้ขว้าง [Ice Spear] ไปที่เรนอร์ แต่มันสามารถกระโดดถอย และหลบเวทมนตร์ของเธอได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงแต่หลบเท่านั้น มันยังคว้าคันธนูโครงกระดูกขึ้นมา และยิงออกไปตอนกระโดดถอยกลับอีกด้วย ตอนแรกเธอคิดที่จะหลบ แต่รู้ว่ามันคงไร้ประโยชน์ เธอจึงเปิดใช้งาน [Frost Armor] แทน แต่ลูกศรได้พุ่งเข้ามาตรงกลางระหว่างคิ้วของเธอ ทำให้ HP ของเธอลดลงเหลือ 0HP และตายทันที

SpyingBlade เห็นความเร็วในการยิง และปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็วที่น่าสะพรึงกลัวของบอส เพียงแค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ มันสามารถโจมตีระยะไกลและฆ่าอูนาได้สำเร็จ “อย่าให้มันใช้ธนู! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันหมด!”

เย่ฉางพุ่งเข้าไปโดยใช้สกิล [Dashing Straight Thrust] เรนอร์ยกคันธนูขึ้นมาปัดป้องเพื่อเบี่ยงเบนทิศทางการแทงของเย่ฉาง และเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา “แก… ไม่เลวเลยทีเดียว แต่… ก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี”

ในขณะที่มันพูดออกมา เย่ฉางเปิดใช้ [Flame Blade] และ [Flame Lotus] โจมตีออกไปพร้อมกับเกิดการระเบิดที่รุนแรง เรนอร์กระโดดพลิกตัวหลีกเหลี่ยงการโจมตีที่เข้ามา เมื่อพลิกตัวอยู่กลางอากาศ มันก็ดึงธนูออกมาอีกครั้ง มันลงพื้นด้วยท่าคุกเข่าข้างหนึ่ง และยิงลูกศรออกไป การกระทำของมันลื่นไหลอย่างราบรื่นจนไม่สามารถหยุดยั้งได้ แกนหลักของภูติน้ำของหวังถูกลูกศรโจมตีจนแตกสลายไปในพริบตา เนื่องจากการตายของอูนา หวังจึงไม่กล้ายื่นหน้าออกไปมองจากที่ซ่อนของเขา เขาซ่อนตัวอยู่หลังเสาหิน และเริ่มเรียกภูติน้ำออกมาอีกครั้ง

เรนอร์ลุกขึ้นและพุ่งไปหา SpyingBlade มันปล่อยลูกศรออกจากธนูในระยะประชิด SpyingBlade พลิกไหล่ของเขาอย่างผาดโผน และบิดตัวของเขาอย่างแปลกประหลาดเพื่อหลีกเลี่ยงมัน “เปิดใช้งานสกิล [Tactics] อะไรนั้นของนายเร็วเข้า”

เย่ฉางโบกมือ และตะโกนออกมา “[Tactics – Rapid Pursuit]!”

หลังจากนั้น เขาก็ยกหอกของเขาขึ้นมา และโจมตีไปข้างหน้าพร้อมกับสกิล [Flame Lotus] อีกครั้ง เรนอร์แสดงท่าทางเยาะเย้ย มันกระโดดถอยหลังกลับเพื่อหลบดอกบัวเพลิง แต่ทันใดนั้น มันก็ต้องตื่นตระหนก เรนอร์บังคับร่างของมันให้ตกลงไปบนพื้น และเคลื่อนไหวเหมือนกับเปลวไฟที่วูบไหวไปมา ด้วยการเคลื่อนไหวนี้ ทำให้มันสามารถหลบเลี่ยงหลินหลี่ที่กระโดดขึ้นไป และโจมตีด้วยสกิล [Sword Draw – Flash] ได้ ร่างกายของมันยังคงหมุนวนไปมา และเตะหลินหลี่ลอยกลับขึ้นไปกลางอากาศ มันดึงคันธนูออกมา และวางแผนที่จะยิงหลินหลี่ให้ตาย แต่เมื่อมีร่างที่ปราดเปรียวพุ่งโจมตีเข้ามาจากด้านข้าง ทำให้มันต้องหยุดชะงักจนรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก มันเลือกยิงไปที่เร็นน้อยเพื่อป้องกันการพุ่งเข้ามาตะครุบของเร็นน้อย SpyingBlade และเย่ฉางกลับมาล้อมรอบมันอีกครั้ง เรนอร์ปล่อนคันธนูลงอีกครั้ง ดาบทั้งสองเล่มของมันสามารถจัดการกับการโจมตีของทั้งสามได้อย่างง่ายดาย ในความเป็นจริง ก็คือเย่ฉางและคนอื่นๆไม่กล้าที่จะประมาท หากพวกเขาถูกโจมตีครั้งหนึ่ง สิ่งที่ตามมาคือการโจมตีที่แสนรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพวกเขาตาย แสงและเงาของดาบได้ปกคลุมไปทั่วบริเวณนี้

SpyingBlade หดหัวของเขา เพื่อหลีกเลี่ยงการกวาดล้างระยะกว้างของหลินหลี่ และโจมตีตามไปติดๆด้วยการโจมตีคอมโบ 5 ครั้ง การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขาติดสกิลกระแทกของดาบ ทำให้เรนอร์กระเด็นถอยหลังกลับไป ทำให้ร่างกายของมันแข็งทื่อไปชั่วครู่ เย่ฉางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็มีช่องว่างในการป้องกันของมัน เขาแทงหอกออกไปด้วยสกิล [Straight Thrust] แต่เห็นร่างที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเขาหายตัวไป “แย่แล้ว! มันสามารถเทเลพอตร์ได้!”

ทุกคนหันกลับไปมอง และเห็นเรนอร์ปรากฏตัวอยู่ตรงเสาหินที่ห่างออกไป 20 เมตร มันกำลังง้างคันธนูขึ้น ทุกคนจึงวางแผนที่จะกระจายตัวกันออกไป เย่ฉางเห็นว่าสกิล [Shadow Step] ของเขาคูลดาวน์พร้อมแล้ว! เขารีบใช้ [Shadow Step] เคลื่อนย้ายไปที่เงาของเรนอร์ และแทงหอกของเขาไปที่ลูกศรจนมันหัก SpyingBlade ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วงคูลดาวน์ของสกิล [Shadow Step] ไม่นานเกินไป ถ้าการโจมตีของบอสไม่ได้รับการสกัดกั้น สิ่งที่เหลืออยู่คงจะเลวร้ายยิ่งกว่าสมาชิกในทีมตายลงไปคนหนึ่งซะอีก บางทีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพวกเขาจะต้องตาย บอสตัวนี้มันผิดปกติมากเกินไป มันทั้งฉลาด และรู้ว่าควรจัดการกับพวกนักเวทลงก่อน เย่เทียนไม่กล้าโผล่หน้าของเธอออกมา เธอกำลังรอคอยโอกาสนี้อยู่ตลอดเวลา

จางเจิ้งเฉียงเอนหลังพิงเสาหลังจากจัดการโครงกระดูกนักธนูไปจนหมดแล้ว เขารีบพุ่งเข้าไปช่วยสนับสนุนเย่ฉางที่กำลังต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับบอส เมื่อมีจางเจิ้งเฉียงเข้าร่วมต่อสู้ ความกดดันตลอดช่วงเวลาที่พวกเขาได้รับก็ลดลงมาพอสมควร จางเจิ้งเฉียง และเย่ฉางร่วมมือกันเป็นทีมได้สมบูรณ์แบบมากกว่าตอนที่เย่ฉางจับคู่กับ SpyingBlade อย่างมากมาย เมื่อหลินหลี่เข้าไปร่วมวงด้วย พวกเขาทั้งสามสร้างความกดดันให้กับบอสจนสามารถกำราบมันได้อย่างอยู่หมัด SpyingBlade อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เมื่อได้เห็นความเข้าใจซึ่งกันและกันของพวกเขาทั้งสามคน การแกว่งดาบของหลินหลี่ที่เปรียบเสมือนการโจมตีเพื่อนร่วมทีม แต่สำหรับพวกเขาอีกสองคนก็เหมือนกับว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องเลี่ยงการโจมตีของหลินหลี่เลย การโจมตีของทั้งสามคน ราวกับเป็นการโจมตีที่เอกลักษณ์เดียวกัน นี่คือสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ… ช่างเหมาะสมกับชื่อเสียงจริงๆ เมื่อเขาเข้าร่วมการต่อสู้ เย่เทียนสามารถใช้เวทมนตร์ทำให้บอสอ่อนแอลงได้ เธอคิดว่าคงดีกว่านี้ถ้าซื้อหนังสือสกิลการชุบชีวิตให้กับพี่ใหญ่เฉียง เพราะถ้าเธอตายจะไม่มีใครชุบชีวิตเธอได้เลย เมื่อเธอเห็นบอสคว้าไปที่คันธนูอีกครั้ง เธอรีบซ่อนตัวอยู่หลังเสาหินอย่างรวดเร็ว

ทุกคนรีบพุ่งเข้าไปต่อสู้กับบอสในระยะประชิด ทำให้บอสไม่สามารถใช้ธนูของมันได้ จางเจิ้งเฉียง และเย่เทียนใช้เวทมนตร์ทำให้บอสอ่อนแอลงในบางครั้ง บอสถูกฆ่าตายในขณะที่ถือดาบสองเล่ม หอกของเย่ฉางแทงผ่านกะโหลกศีรษะระหว่างดวงตาของมัน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ พวกเขาต้องทุ่มเทความสนใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจิตใจของพวกเขาทั้งหมดจึงอ่อนล้ามาก พวกเขาไม่กล้าที่จะผ่อนคลายได้แม้แต่สักวินาที การถูกคุกคามจากการยิงธนูครั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวมากจริงๆ เมื่อคิดย้อนกลับไป ถ้าเหลือเพียงแค่สองหรือสามคน คงไม่สามารถจัดการกับบอสได้ ขนาดคนจำนวนมากโจมตีล้อมรอบตัวมัน ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะฆ่ามันได้อยู่ดี

“ขอบคุณ…” จิตวิญญาณในดวงตาทั้งสองข้างของเรนอร์ค่อยๆจางหายไป

[ขอแสดงความยินดี คุณได้กำจัด Phantom Shooter Skeleton – Renoir ได้รับ 3500 Exp]

“บอสตัวนี้ ฉันจะ…” เย่ฉางเอื้อมมือออกไป แต่ SpyingBlade ได้เตือนเขาว่า “นี่คือบอสนักธนู บอสนักธนูเลยนะ! ถ้าหลินหลี่เป็นคนค้นศพ นายอาจจะได้คันธนูที่ยอดเยี่ยมมากก็ได้ และอาจจะได้บางสกิลมาอีกด้วย ตอนนี้นายแน่ใจแล้วหรือว่า นายต้องการพนันกับดวงของนาย!?”

“ใช่แล้ว ถ้ามันลืมที่จะหยิบอุปกรณ์ของมันมาอีกล่ะ แต่ไม่ว่ามันจะหยิบอุปกรณ์มาหรือไม่ มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉัน ตราบเท่าที่ฉันมีหัตถ์พระเจ้า! แน่นอนว่าฉันจะได้รับคันธนูระดับพระเจ้า พร้อมกับสกิลที่สามารถฆ่าบอสได้ทันที! หรือสิ่งต่างๆที่คล้ายแบบที่ฉันพูดออกไป!” นี่เป็นความฝันที่ไร้ซึ่งความหวังของเย่ฉาง เขายังคงเอื้อมมือออกไป แต่หลินหลี่ได้เข้าไปค้นศพก่อนแล้ว “พี่ใหญ่เขา เราได้…”

มือที่เอื้อมออกไปอย่างอ้อยอิ่งของเย่ฉางได้ตบไปที่หัวของหลินหลี่ “นายขโมยบอสของฉัน ตอนที่ฉันกำลังอธิบายความสามารถของหัตถ์พระเจ้าของฉันอีกแล้วนะ เฮ้อ! ฉันควรจะได้รับคันธนูระดับพระเจ้า กับสกิลที่ฆ่าบอสได้ทันทีสิ… ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้กันนะ…”

“มันไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก…” SpyingBlade และคนอื่นๆก็พากันหลั่งเหงื่อเย็นออกมา

เย่เทียนเห็นว่าหลินหลี่กำลังชี้มาที่เธอ! เขากำลังจะใส่ร้ายเธออีกครั้ง! เธอจึงรีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของ FrozenCloud

หลินหลี่ลังเลเล็กน้อย แต่เขาไม่สนใจ ต่อให้เย่เทียนได้หายไป แต่เขาก็ยังมีน้องเล็กไดโนอยู่ “น้องเล็กไดโนสั่งให้ผมทำแบบนี้…”

FrozenCloud กรอกตาของเธอไปมา ‘สมกับเป็นหลินหลี่จริงๆ…’

เย่ฉางถอนหายใจ และมองไปที่ไอเทมที่ดร็อปออกมา มีไอเทมทั้งหมด 3 อย่าง: คันธนูระดับ Gold, รองเท้าระดับ Gold และหนังสือสกิล

Renoir’s Composite Heavy Bow (Gold – Nightmare – Uncommon)

ประเภท: ธนูหนัก

ความต้องการ: 90 Strength, 85 Dexterity

พลังโจมตี: 27 – 30

+15 Strength

+14 Dexterity

+30 เจาะเกราะ

+50 ระยะการโจมตี

Precise Speed – Composite Heavy Bow: +15% ความรวดเร็วในการยิง, +8% ความแม่นยำ

Renoir’s Eyes: ทุกการยิงครั้งที่สองจะเพิ่ม 100 ระยะการโจมตีและติดคริ 100 % คูลดาวน์ 30 นาที

รองเท้าที่เพิ่มความเร็วถูกมอบให้กับหลินหลี่ SpyingBlade ก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตามหลินหลี่ก็ยังไม่ได้ใช้มัน ชุดเซ้ทของหลินหลี่จะถูกแทนที่อย่างช้าๆด้วยอุปกรณ์ระดับ Gold หรือ Dark Gold แต่ตอนนี้เขายังจะไม่สวมใส่อุปกรณ์ที่ได้รับมาจนกว่าจะได้รับอุปกรณ์ส่วนอื่นๆเพิ่มเติม

สำหรับหนังสือสกิล มันเป็นหนังสือสกิลที่เกี่ยวข้องกับธนู ดังนั้นมันจึงถูกมอบให้กับเย่ฉางโดยที่ไม่มีใครคัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว SpyingBlade รู้สึกประหลาดใจ หนังสือสกิลเล่มนี้เป็นสกิลระดับ Epic

Phantom Shooter’s Mobile Shooting (Epic – Beginner Level – Passive): ลดความยากในยิงธนูทุกท่วงท่า และเพิ่มความแม่นยำ

เย่ฉางเลียนแบบท่ากลิ้งยิงของเรนอร์ เขาสามารถทำมันได้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย มันเหมือนกับการปลดผนึกพันธุกรรม แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับสกิลดูอีกครั้ง เขารู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์ เพราะส่วนใหญ่เขาจะใช้หอกเข้าไปโจมตีในระยะประชิดมากกว่า ฉะนั้นทำไมเขาถึงต้องมีสกิลการยิงที่ดูเป็นตัวตลกหลากหลายท่ากันด้วยล่ะ? อย่างไรก็ตาม สกิลนี้ก็ยังสามารถใช้สำหรับสถานการณ์บางอย่างได้ เหมือนกับบอสที่หลบ [Ice Spear] ของนานะ เขาคว้าธนูของเขา และกระโดดยิงกลางอากาศ…


327

SpyingBlade คิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับสกิลนี้ สกิลนี้สำหรับคนปกติแล้วดูไร้ค่าทันที ถ้าใช้ได้ไม่ดีก็จะติดพันจนนำไปสู่ความตายได้อย่างง่ายดาย อาชีพนักธนูเป็นอาชีพที่เล่นได้ยากมาก แม้แต่สกิลเริ่มต้นก็ยังยากที่จะใช้ได้อย่างแม่นยำ การยิงธนูในเกมและในชีวิตจริง ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก การยิงธนูในเกมอาจจะง่ายกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่านักธนูระดับสูงสามารถใช้สกิลนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่นเรนอร์ที่กระโดดถอยหลังและยิงลูกศรออกมาได้ เขาไม่เพียงแต่หลบการโจมตี แต่ยังล็อคเป้าหมาย และโจมตีไปที่นักเวทได้อีกด้วย เกมเสมือนจริงหลายเกมที่ผ่านมา สกิลนี้ประเภทนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับอาชีพนักธนูระดับสูง เมื่อมองไปที่เย่ฉางที่ดูเหมือนไม่ต้องการสกิลนี้แล้ว แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในนักธนูที่ดีที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา ความแม่นยำ และความรวดเร็วในการยิงธนูของเขาเป็นที่ยอมรับของทุกคน สำหรับเคล็ดลับในการยิง เขาอาจจะเป็นเหนือกว่าคนปกติ คือโจมตีอย่างรัดกุมโดยไม่สูญเสียการเคลื่อนไหวที่เปล่าประโยชน์ เนื่องจาก SpyingBlade จัดระดับของเย่ฉางไว้ที่ระดับเดียวกับ CloudDragon ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องมีบางครั้งที่พวกเขาเคลื่อนไหวเกินความจำเป็นไปบ้างแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่การเคลื่อนไหวของผู้ชายคนนี้นั้นสมบูรณ์แบบ จนไม่สามารถปรับให้สมบูรณ์ไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ต้องทนฝึกซ้อมจนเบื่อไปมากขนาดไหน ถึงจะควบคุมการเคลื่อนไหวเช่นนี้ได้?

เย่ฉางทดสอบเคล็ดลับการยิงบางอย่าง ตัวอย่างเช่นการพลิกตัวยิง, ไต่กำแพงยิง และยิงในขณะที่หลบหลีกหินที่หลินหลี่โยนเข้ามา การยิงทั้งสามครั้งของเขาเล็งไปยังเป้าที่เสาโดยเฉพาะ “อืม! ไม่เลวเลย ช่วยประหยัดเวลา และใช้ท่วงท่าได้อย่างหลากหลาย และยังช่วยเพิ่มความแม่นยำขึ้นมาอีกด้วย”

เย่เทียนชุบชีวิตให้กับอูนาและฟางชิ ทั้งสองคนมองไปที่อาหารซึ่งเย่ฉางได้ทำทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนแรก จนทำให้พวกเขาหลั่งเหงื่อออกมา ขอบคุณพระเจ้าที่มันเป็นซาซิมิ พวกเขาขอไวน์เพิ่มเพื่อความปลอดภัย ในขณะที่คนอื่นๆกำลังค้นหาบริเวณรอบๆ

เย่เทียนอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว และสรุปเนื้อหาทั้งหมดออกมา “สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากสถานที่สุดท้าย สถานที่แห่งนี้ถูกโจมตีจากลัทธิชั่วร้าย ในหนังสือเขียนเอาไว้ว่า พวกเขาได้ค้นพบสมาชิกของ‘หายนะสวรรค์’ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางคนของตัวเอง และดูเหมือนว่ามันจะจบได้ไม่ดีเท่าไหร่…”

“เราลองไปดูที่ด้านหลังกันดีกว่า” เย่ฉางพาทุกคนเดินไปรอบๆพระราชวัง ที่ด้านหลังนั้นเป็นทะเลสาบ มีท่าเรือที่สร้างด้วยหินอยู่ด้านข้าง และตรงกลางของทะเลสาบเป็นเกาะๆหนึ่ง ทุกคนสามารถมองเห็นรูปปั้นภายใต้แสงจันทร์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดได้ เย่ฉางเป็นคนนำทุกคนกระโดดลงไปที่ทะเลสาบ และแหวกว่ายไปบนน้ำราวกับปลา แม้ว่าคนอื่นๆจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า เขาน่ากลัวมากเวลาอยู่ในน้ำ แต่พวกเขาก็ยังต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นความเร็วในการว่ายน้ำของเย่ฉาง ในขณะเดียวกันฟางชิก็เช็ดเหงื่อของเขา เย่ฉางว่ายน้ำเร็วกว่าพวกมนุษย์ปลาซะอีก! พวกเขาทั้งหมดว่ายตามเขาไป แต่ความเร็วของพวกเขาไม่ได้เร็วไปกว่ามนุษย์ทั่วไปมากนัก

เมื่อเย่ฉางมาถึงตรงรูปปั้นก่อน เขาหยิบหอกออกมาและทำเป็นไม้ถูพื้นอีกครั้ง เขาเริ่มทำความสะอาดทุกที่ที่หัวใจปรารถนา – ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของร่างกายส่วนล่าง ทันใดนั้น OldWangFormNextDoor ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา FrozenCloud จึงรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว เขาได้จมอยู่ใต้น้ำอย่างสมบูรณ์ เมื่อมองไปที่หว่างขาของเขา เธอเห็นปลาที่มีฟันแหลมคมกัดอยู่ตรงนั้น เธอว่ายน้ำไปหาเขา และโจมตีไปตรงนั้นอย่างไร้ความปราณี เธอใช้แม้กระทั่งสกิล [Collapsing Palm] พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่าสยดสยองของหวังดังขึ้นมาอีกครั้ง ฟางชิจินตนาการไปถึงไข่และไส้กรอกที่แตกหัก จนถึงกับต้องหนีบหว่างขาของเขาเอาไว้แน่น เขารีบอัญเชิญแคโรไลน์บาลี่ออกมา จางเจิ้งเฉียงสั่นสะท้าน มือซ้ายของเขาเลื่อนไปปิดหว่างขา ขณะที่ขาทั้งสองข้างของเขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้เขาลอยตัวขึ้นมา

SpyingBlade อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดมาก ‘บ้าเอ๊ย! ฉันถูกปลากัด!’ เขาเห็นหลินหลี่ยกดาบใหญ่ของเขาออกมา และเข้าสู่โหมดกระทิงคลั่ง “พี่ SpyingBlade! ไม่ต้องกังวล! ผมจะสับมันออกให้! ปลาที่กัดไส้กรอกมันชั่วร้ายเกินไปแล้ว!!”

“อยู่ให้ห่างจากฉันเลยนะ!!” SpyingBlade ตะโกนด้วยความตกใจ เมื่อยู่ภายในน้ำเขาไม่สามารถใช้งานความคล่องตัวได้ ถ้าดาบยักษ์นั้นโจมตีมาที่เขา ‘โอ้ พระเจ้าช่วย! ฉันไม่อยากจะคิดถึงมันเลย!’ ไม่เพียงแค่ปลาที่จะตาย แต่เขาคงจะรู้สึกแย่ยิ่งกว่าหวังซะอีก! เขาเลือกที่จะว่ายน้ำออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว เขาว่ายน้ำด้วยความรวดเร็วที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด หลินหลี่ว่ายน้ำไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละ และตะโกนออกมา “หยุดเดี๋ยวนี้! ผมจะช่วยกำจัดมันเอง!!”

‘เชี่ยเอ๊ย! นายแม่งต้องการจะกำจัดทุกอย่างของฉันไปด้วย! ไปกำจัดของพ่อแกโน้นไป!’ SpyingBlade เข้าใจสามพี่น้องเหล่านี้ดีเกินไป ไม่มีใครในหมู่พวกเขาเป็นคนดีสักคนเลย หลินหลี่อาจจะดูซื่อๆและไร้เดียงสา แต่เขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย! พลังชีวิตของ SpyingBlade ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เขาจำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานกับเป้าของเขา เขากัดฟันทน และไม่ลดการป้องกันของเขา ไม่อยากนั้นเขาจะโดนโจมตีได้ ถ้าเขาลดการป้องกันลงมาแม้เพียงนิดเดียว หลินหลี่หัวเราะอย่างซุกซน เขากระโดดขึ้นพ้นจากน้ำ และกระโจนไปหาเขาด้วยความรวดเร็ว [Sword Draw – Flash]! SpyingBlade ได้แต่สาปแช่งหลินหลี่อยู่ในใจ ‘นรกมึงเถอะ!! วิธีนี้เรียกว่าช่วยงั้นหรอวะ! มีใครในโลกที่โจมตีจากด้านบนเพื่อโจมตีไปที่ด้านล่างกันบ้าง แม่ง! นายต้องการที่ตัดฉันก่อนที่จะตัดปลาไปซะอีก! ระยะนี้ก็เพียงพอแล้ว!’ เงาของเขาปรากฏตัวขึ้นข้างหลังของเย่ฉาง ฉากนี้ทำให้ทั้งสองคนนั้นตกเป็นเหยื่อที่ดูเร้าอารมณ์กันอยู่ เย่ฉางกำลังยื่นก้นของเขาออกมา พร้อมกับ SpyingBlade ที่ปรากฏตัวออกมาในท่าทางที่ยื่นเป้าของเขาไปที่ก้นของเย่ฉางพร้อมกับปลาตัวหนึ่ง

เย่ฉางหันไปดูรอบๆอย่างเฉยเมย เขายื่นมือออกไปและจับไปที่ปลา เขามอง SpyingBlade ที่ค่อนกระอักกระอ่วน และยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อมกับใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดฉีกมันออก… ในชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนคิดว่าพวกเขาได้เห็นน้ำพุเลือดสาดกระจายจากที่นั่น

“พี่ชาย SpyingBlade พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม…” เย่ฉางจับปลาด้วยความเป็นห่วง ปัจจุบัน SpyingBlade อยู่บนพื้น และพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ ‘นั่นคือกระเจี๋ยวของฉันเลยนะ ไอคนบัดซบ!! มีใครบ้างวะที่จะรู้สึกดีเมื่อโดนคนอื่นฉีกมันออกแบบนั้น!! ไอระยำ แกทำมันโดยตั้งใจชัดๆ!!’ อย่างไรก็ตาม จู่ๆก็มีอาการปวดอีกครี่งหนึ่งก็กำเริบออกมา ‘แม่มันเถอะ! ไม่ช้าก็เร็ว ฉันต้องฆ่าไอระยำคนนี้อย่างแน่นอน!’

“ผมเจ็บปวดใจมากเลยรู้ไหม ผมบอกแล้วว่าให้ผมเป็นคนช่วยพี่เองดีกว่า…” หลินหลี่พึมพำ

‘ให้ตายเถอะ! เรื่องทั้งหมดนี่เป็นความผิดของใครกันล่ะ!?’ SpyingBlade จ้องเขม็งไปที่หลินหลี่ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นไปมา และเริ่มที่จะเช็ดก้นของรูปปั้นเทพธิดาด้วยผ้าเช็ดหน้าของเขา

เร็วๆนี้ทุกคนก็ตามมาถึงฝั่ง และเริ่มทำความสะอาดรูปปั้นเทพธิดากันแล้ว การกระทำของพวกเขาดูหยาบคายมากในสายตาของผู้หญิงสองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไข่และไส้กรอกแตกหักอย่าง OldWangFromNextDoor เขานั่งลงบนหน้าอกของเทพธิดา และคอยทำความสะอาดอย่างละเมียดละไม พร้อมกับพึมพำออกมาอย่างต่อเนื่อง “ไข่ของฉัน… กระเจี๋ยวของฉัน…”

รูปปั้นเริ่มเรืองแสงสีเขียวมรกตออกมา

“ไอพวกทะลึ่ง! พวกคุณกล้าที่จะแกล้งฉัน!” ทุกคนได้ยินเสียงผู้หญิงที่สง่าและองอาจดังออกมา

อูนาและ FrozenCloud อ้าปากค้าง ต้องแบบนี่สิถึงจะเป็นเทพธิดาที่ควรจะเป็น! พวกเขากังวลว่าจะได้รับการลงโทษจากเทพธิดาหรือไม่

เย่ฉางเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเยาะเย้ย และเริ่มเช็ดด้วยความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

“อ๊าา~~ นักรบผู้กล้าหาญที่มาพร้อมกับหอกคู่ใจ กรุณานุ่มนวลกว่านี้ด้วยเถิด ตรงนั้นเป็นส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของฉันนะ…” เทพธิดาพูดออกมา อูนาและ FrozenCloud รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของเทพธิดาที่เธอคิดไว้ ได้ถูกทำให้ป่นปี้ไปหมดแล้ว

เย่ฉางและคนอื่นๆก็หยุดทำความสะอาด

“แค่ก แค่ก นักรับที่กล้าหาญ คุณได้ปลดปล่อยพี่สาวของฉันแมลโล และซากปรักหักพังทั้งสองแห่งในแบล็กพีค นี่เป็นคำอวยพรสำหรับคุณเหล่าวีรบุรุษ และวีรสตรีทั้งหลาย”

[ขอแสดงความยินดี คุณได้รับ Anya’s Blessing of the Hunt: +4 ความชำนาญการใช้อาวุธอย่างถาวร สร้างความเสียหายต่อมอนเตอร์ประเภทสัตว์เพิ่มขึ้น +5% อย่างถาวร มีโอกาสในการเรียนรู้สกิลการล่า หรือสกิลที่เกี่ยวข้องกับธาตุดิน]

[ขอแสดงความยินดี คุณได้เรียนรู้สกิลการล่า – Hunter Imprint]

Hunter Imprint: ได้รับตราประทับทุก 3 ชั่วโมง สามารถจัดเก็บได้ 2 ครั้ง สามารถเลือกบริโภคได้หนึ่งครั้ง และเลือกว่าจะใช้โจมตีหรือปกปิด ถ้าเลือกโจมตี การโจมตีจะใช้ค่า Dexterity ครึ่งหนึ่งของคุณ เป็นค่าความเสียหายในการโจมตีครั้งต่อไปของคุณ ถ้าเลือกปกปิด การปกปิดจะเข้าสู่สถานะหายตัวเป็นเวลา 10 วินาที และเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 15%

นอกเหนือจากเย่ฉางc]h; หลินหลี่ยังได้เรียนรู้สกิลติดตัวที่เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ เพราะหลินหลี่ไม่มีสกิลที่เพิ่มความรวดเร็ว ด้วยสกิลติดตัวสกิลนี้จะทำให้เขามีความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น

“เหล่านักรบที่กล้าหาญ ฉันขอฝากพวกคุณไปช่วยแจมด้วย…” แสงสีเขียวมรกตค่อยๆจางหายไป

“กลับไปที่เมืองบาลกันเถอะ เราจำเป็นต้องไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ThornyRose ก่อน แล้วค่อยไปที่ซากปรักหักพังvyoสุดท้าย …” เย่ฉางจัดแจงวัตถุดิบบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ แล้วพูดขึ้นมา

ทุกคนกลับมาที่ชายฝั่งอีกครั้ง เนื่องจากการบาดเจ็บของพวกเขา SpyingBlade และหวังรู้สึกกังวลเล็กน้อย SpyingBlade ขมวดคิ้ว และทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ประมาทอีกครั้ง หวังยังคงตื่นตระหนกและระมัดระวังอย่างมาก พวกเขากระโดดลงไปในน้ำทีละคน คราวนี้คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อคือ FrozenCloud หวังมองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มหยาบคาย และพุ่งเข้าไป แต่เขาถูกส่งให้ลอยกระเด็นออกไปอีกครั้งด้วย [Collapsing Palm] และ [Ice Spear] ของอูนา เขาถูกทิ้งอย่างน่าสมเพช และเอามือกุมเป้าของเขาในความเจ็บปวด

อีกหนึ่งคนที่โชคร้ายคือฟางชิ ทุกคนเฝ้าดูขณะที่แคโรไลน์บาลี่ช่วยโจมตีปลาที่กัดไส้กรอกของเขาโดยการกัดไปที่มัน พวกเขาไม่สามารถทนมองต่อไปได้ เมื่อเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ แคโรไลน์บาลี่จะแตกต่างไปจากโสเภณีที่กำลังบ๊วบให้เขาได้อย่างไรกัน หวังผู้ที่กำลังกุมเป้าที่หว่างขาของเขาอยู่ เขารู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อมองไปที่ฟางชิด้วยความอิจฉาริษยา ‘จะดีมากแค่ไหนกันนะ ถ้าฉันมีซัมมอนแบบแคโรไลน์บาลี่ เธอเป็นเหมือนภรรยาที่เข้าใจสามีจริงๆ อ่า… ฉันอยากได้ซัมมอนแบบนั้นบ้างชิบหายเลย’ เขาหันกลับไปมองซัมมอนธาตุน้ำของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรูปร่างของผู้หญิง แต่เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลย…

เมื่อไต่ขึ้นอีกฝั่ง เย่ฉางดูไม่ค่อยสนใจกับฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหลังเขา เขามองไปที่หวังผู้ที่ถูกส่งลอยกระเด็นขึ้นมาบนฝั่ง และยังมีปลาอีกตัวหนึ่งอยู่ที่เป้าของเขา เขาเอื้อมมือออกไปคว้าปลา แล้วดึงปลาออกมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ปรากฏน้ำพุเลือดอีกครั้งหนึ่ง และเสียงกรีดร้องโหยหวนที่เศร้าสร้อยของหวังได้ดังก้องไปทั่วทั้งคืน

เย่ฉางโทรไปหา ThornyRose “ฉันจัดการที่นี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมจะกลับไปที่เมืองบาลแล้ว”

“อืม ฉันจะโทรหานายเมื่อฉันไปถึงที่นั่น” ThornyRose ตอบกลับสั้นๆ ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่ต้องการขอความช่วยเหลือจากเขา เธอถอนหายใจ วันหยุดใกล้จะมาถึงแล้ว ดูเหมือนว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ พวกเขาจะมาที่เมืองหลวง และจัดงานเลี้ยงเล็กๆขึ้น

เย่ฉางสิ้นสุดการโทร และเริ่มค้นหาวัตถุดิบรอบข้าง เขาประหลาดใจที่ได้พบวัตถุดิบระดับ Uncommon หลายชิ้น เช่นดอกไม้เลือดปีศาจ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเล่นแร่แปรธาตุ, ผสมยา และนำไปทำอาหารได้ สิ่งที่เย่ฉางเป็นกังวลมากที่สุดคือธุรกิจการฝังคริสตัล พวกเขามีคริสตัลมากเกินไป แต่มีคนน้อยมากที่สามารถจ่ายค่าฝังคริสตัลได้ บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้โฆษณาอย่างเปิดเผย ครั้งต่อไปที่พวกเขากลับไปที่เมืองแบล็กร็อค พวกเขาควรพยายามกำจัดคริสตัลที่มีคุณภาพระดับกลางและต่ำออกไปให้หมด การเก็บมันไว้ในโกดังเป็นเพียงการใช้พื้นที่โดยเปล่าประโยชน์

“พ่อคะ พ่อไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจการฝังคริสตัลหรอกค่ะ Lord’s Reign เป็นตลาดใหญ่ที่เราสามารถเข้าถึงได้ เราสามารถให้พี่สาวโรสแนะนำเรากับพวกเขาได้” เย่เทียนพูดเตือน

“Lord’s Reign คือ?” เย่ฉางที่ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากละคร กำลังแสดงออกด้วยความสับสน

“Lord’s Reign คือกิลด์ใหญ่กิลด์หนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นหนึ่งในสี่กิลด์ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าสี่กิลด์ใหญ่มากเท่าไหร่นัก อันที่จริงแล้วกิลด์ Lord’s Reign แข็งแกร่งกว่ากิลด์ Misty Rain House และ Freedom Alliance อยู่นิดหน่อย เหตุผลที่พวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสี่กิลด์ใหญ่ เป็นเพราะหัวหน้ากิลด์รุ่นถัดไปทุกรุ่น ยืนยันที่จะไม่คลุกคลีกับสี่กิลด์ใหญ่ต่างหาก หัวหน้ากิลด์ตอนนี้คือ 1 ใน 4 ราชันสวรรค์ ที่มีฉายาว่า Tyrant – LordAsked CloudDragon, FlameEmperor, MistyVeil และ NalanPureSoul เคยได้รับความพ่ายแพ้จากเขามาก่อน แต่ภาวะทางอารมณ์ของเขาค่อนข้างแย่ แม้ว่าเขาจะแพ้ให้กับ FlameEmperor แต่มันก็เป็นเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น เมื่อต่อสู้กับ CloudDragon เขามีอัตราการชนะถึง 40% อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะชน ถ้าเขาดวลกับ CloudDragon หนึ่งต่อหนึ่ง อัตราการชนะของเขาจะสูงขึ้นถึง 50%” FrozenCloud พูดเสริม


328

มีการแจ้งเตือนจากระบบเกี่ยวกับวันหยุดยาวขึ้นมา เย่ฉางทำหน้างวยงง ‘นี่มันปิดภาคฤดูร้อนรึไงกัน? ทำไมมันถึงนานนัก? หยุดตั้งเกือบ 40 วันเชียว! มันเกิดอะไรขึ้น?’

“ลีคกำลังจะเริ่มต้นฤดูกาลขึ้นแล้ว มันเป็นเช่นนี้ทุกปี อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนกลายเป็นคนติดเกม แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ เนื่องจากลีคกำลังเปิดฉากขึ้นแล้ว ทั้งลีคอาชีพระดับ B, A และ S เช่นเดียวกับลีคของมือสมัครเล่นจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ นายควรให้ความสนใจข้อมูลเหล่านี้มากยิ่งขึ้น” SpyingBlade เห็นความรู้สึกสับสนของเย่ฉางและถอนหายใจ

“โอ้! เป็นยังนี้นี่เอง อืมๆ ทุกคนมาเจอกันอีกครั้งหลังจากวันหยุดฤดูร้อนจบลง” เย่ฉางพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

“หัวหน้าทีม คุณเข้าร่วมแข่งขันในลีคหรือไม่?” หวังถามอย่างรวดเร็ว

“อืม เราอยู่กับ … เราเป็นนักกีฬาของสโมสร Thorns and Roses” เย่ฉางพยักหน้า อูนาตกตะลึง ‘ไม่น่าเชื่อ! คนเหล่านี้เป็นสมาชิกหลักของ Thorns and Roses?’

“เมื่อถึงตอนแข่ง ผมจะมาเชียร์พวกคุณ หัวหน้าทีมอย่าลืมใช้อำนาจของคุณ เพื่อให้ผมเข้าไปในพื้นที่นั่งชมของสมาชิก Thorns and Roses ด้วยล่ะ” หวังกล่าวอย่างจริงจัง

FrozenCloud และอูนาต่างมองหวังอย่างดูแคลน ‘นายเพียงแค่ต้องการที่จะไปเชียร์ หรือต้องการถูกล้อมรอบไปด้วยพวกสาวงามกันแน่’

SpyingBlade มองไปที่เย่ฉาง, จางเจิ้งเฉียง, หลินหลี่ และเย่เทียน ‘ความสามารถที่พวกเขาแสดงในสโมสรเป็นอย่างไร?’ เขาเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นมาก เขายังไม่ตอบรับคำเชิญของ ThornyRose แต่ตอนนี้เขาคิดจะตอบตกลงแล้ว ‘มันน่าสนใจที่จะได้ร่วมทีมกับคนเหล่านี้ที่นั่น’

เย่ฉางให้สิทธิ์ที่นั่งชมแก่หวัง ขณะเดียวกันเขาก็มอบให้กับฟางชิด้วย “จำไว้ด้วยว่าต้องเชียร์อย่างเต็มที่ด้วยนะ เพราะมันจะทำให้พวกเรามีความกระตือรือร้นมากขึ้น…”

“อย่ากังวลเลยครับ! ผมเป็นมืออาชีพพอ …” หวังพูดด้วยท่าทางจริงจัง

“……” FrozenCloud เอามือก่ายหน้าผากของเธอ ‘เขาให้มันจริงๆด้วย’

ณ.บ้านพักริมชายทะเล

เย่ฉางและคนอื่นๆต่างเตรียมเสื้อผ้าของพวกเขา พวกเขาแต่งตัวตามสบายๆ โดยใส่กางเกงที่ดูเรียบร้อย ส่วนด้านบนเป็นเสื้อกั๊กภายในเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่พับแขนเสื้อขึ้นไปถึงข้อศอก เดิมที FrozenCloud ต้องการสวมชุดเดรส แต่เย่ฉางและหลินหลี่บอกว่ามันไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงถูกบังคับให้ใส่ชุดเหมือนกับคนอื่นๆ จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง อูนาโบกมืออำลาพวกเขา “อีกสามวันข้างหน้า อย่าลืมกลับมาชมคอนเสิร์ตของฉันนะ!”

“ฉันรู้แล้ว …” เย่ฉางและคนอื่นๆค่อยๆหายไปในระยะไกลๆ

อูนาถอนหายใจและยิ้มเศร้าๆ ถ้าเขามีความสุข เธอนั้นยอมทำได้ทุกอย่าง ตราบเท่าที่เธอสามารถอยู่เคียงข้างเขาได้ เธอก็พอใจแล้ว ‘ฉันต้องการแค่นี้จริงๆ’

ตระกูลฉินในเมืองหลวง

พวกของเย่ฉางเป็นคนคุ้นเคยของบ้านหลังนี้แล้ว เมื่อพวกยามหน้าประตูเห็นว่าเป็นพวกเขาทุกคนจึงได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม ThornyRose มองพวกเขาจากบนระเบียง พวกเขาทั้งหมดแต่งกายที่ดูเป็นทางการพอสมควร พวกเขาสวมเสื้อผ้าแบบตะวันตก หลินหลี่ดูเหมือนเด็กที่ไม่มีประสบการณ์อะไร จางเจิ้งเฉียงดูเหมือนพวกนักเลงรับจ้าง สำหรับ FrozenCloud เธอมีเสน่ห์เป็นพิเศษ แล้วเจ้าคนประหลาดคนนั้น ไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากผมขาวของเขา

พวกเขาเดินเข้าห้องจัดเลี้ยง คุณนายฉินเดินเข้ามากอดเย่เทียนราวกับเป็นลูกสาวของเธอ ฉินซานพาเย่ฉาง, จางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่ไปแนะนำให้เพื่อนเก่าของเขา พ่อของ FrozenCloud มองลูกสาวของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างหลังเย่ฉาง ‘ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสุขดี ว่าแต่ทำไมเธอถึงแต่งตัวแบบนี้? แม้ว่ามันจะดูดี แต่มันก็เป็นเสื้อผ้าของผู้ชาย หรือว่าจริงๆแล้วเธอชอบแต่งตัวแบบนี้กัน? เฮ้อ! ลูกสาวคนโตก็เป็นเลสเบี้ยนไปแล้ว ลูกสาวคนเล็กยังมาเป็นทอมอีก?’ เขาถอนหายใจหนักหน่วง

หลินหลี่และจางเจิ้งเฉียงขอตัวไปกินอาหาร

“ลูกเขย สงครามศักดิ์สิทธิ์ที่นายเป็นคนจุดชนวนขึ้นมา มันไม่ใช่เหตุการณ์เล็กๆเลยนะ” ฉินซานยิ้ม

“ผมเพียงต้องการรักษาความยุติธรรมไว้เท่านั้นเอง” เย่ฉางพูดว่าไม่แยแส ฉินซานไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ เขารู้ดีว่าชายหนุ่มที่ชอบตีสองหน้าคนนี้เป็นคนเช่นไร

“แล้วปู่ฉินอยู่ที่ไหนครับ?” เย่ฉางถาม

“เขากำลังประชุมกับพวกเพื่อนๆของเขาอยู่อีกที่หนึ่ง” ฉินซานตอบพร้อมกับจิบไวน์ของเขา “นายรู้จักเร็นลองใช่มั้ย?”

“คนหัวโล้นนั้นนะ?” เย่ฉางถาม

“……” ฉินซานกระอักกระอ่วน แต่คำอธิบายนั้นถูกต้องจริงๆ “ใช่แล้ว คนหัวโล้นๆนั้นแหละ”

“รู้จักครับ ผมเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ในกลุ่มมังกรของเขา” เย่ฉางไม่ได้หลีกเลี่ยงหัวข้อนี้

ฉินซานพยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก ทั้งสองคนดื่มและพูดคุยกันอย่างมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อฉินซานเริ่มเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของ ThornyRose จนเย่ฉางอดไม่ได้ต้องหันไปมองเธอด้วยรอยยิ้ม

เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง

ฉินซานเริ่มให้คำแนะนำแก่ลูกศิษย์สองคนของเขา เพื่อขจัดความไม่เข้าใจในวิชาที่พวกเขาฝึกอยู่ เย่เทียนอยู่กับคุณนายฉินและพูดคุยถึงความลับทางการค้า สำหรับ ThornyRose เธอเดินมาหาเย่ฉางซึ่งกำลังดูทีวีอยู่ “รอบคัดเลือกจะมีขึ้นในเร็วๆนี้แล้ว เมื่อมีกำหนดการออกมา ให้พวกนายมาที่สโมสรทันที”

เย่ฉางพยักหน้าโดยไม่ละสายตาจากละคร

“หันมาคุยกันก่อน” ThornyRose รู้สึกว่าเธอควรสื่อสารกับเขามากขึ้น

“ไม่ …” เย่ฉางตอบกลับทันที แต่ยังคงไม่ละสายตาจากทีวี “คุยกับเธอ มันน่าเบื่อ…”

‘เชี่ย! นายหาว่าฉันน่าเบื่อ!?’ หน้าอกของเธอบีบรัดขึ้น ‘ฉันคนนี้ต้องการคุยกับนาย และนายยังมาพูดว่าฉันน่าเบื่อ!? คนที่กำลังดูละครน้ำเน่าอย่างนาย ดีพอที่จะเรียกคนอื่นว่าน่าเบื่อหรือไง!?’ เธอบังคับตัวเองให้สงบลง “นายได้อะไรจากการสำรวจซากปรักหักพังหรือไม่”

“ลองเดาดู …” เย่ฉางยักไหล่

“นายต้องได้รับอุปกรณ์และหนังสือสกิลที่ดีมากๆอย่างแน่นอน แล้วนายคิดหรือยังว่าจะทำอะไรต่อไป?” ThornyRose ถามต่อ

“ไม่บอก …” เย่ฉางส่ายหัวในขณะที่ยังดูทีวี

ThornyRose กำหมัดและกัดฟันแน่น เธอต้องการฉีกกระชากใบหน้าของเขา แต่เธอได้แต่ปลอบตัวเองอยู่ในใจ ‘โรส เธอต้องอดทน ลีคกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แม้แต่ SpyingBlade ยังได้แสดงความสนใจในการเซ็นสัญญาชั่วคราวแล้ว’ เธอจึงต้องสินใจใช้ท่าไม้ตายโดยออดอ้อนเหมือนเด็กน้อยที่น่ารัก “บอกฉานนหน่อยน๊าา~”

“มาดามอย่าทำอย่างนี้ เธอไม่ใช่เด็กๆอีกต่อไปแล้วนะ” เย่ฉางถอนหายใจ

ThornyRose แข็งค้าง ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียวและรีบกระโจนใส่เขา เย่ฉางเบี่ยงตัวหลบและออกจากห้องไปด้วยความรวดเร็ว ขณะที่พูดว่า “ฉันจะไปเดินเล่นก่อน ไว้ค่อยพบกันใหม่นะ~”

“อ่า! ไอ้คนบ้า!” ThornyRose เฝ้ามองขณะที่เย่ฉางหายตัวไปเหมือนหมอกควัน FrozenCloud ผ่านมาและเห็น ThornyRose กำลังโกรธอยู่ “พี่สาวโรส หัวหน้าทีมทำอะไรพี่อีก?”

“อย่าพูดถึงเขาให้ฉันได้ยิน!” ThornyRose ตะโกนพร้อมกับเดินกลับไปที่ห้องของเธอ

“……” FrozenCloud รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ‘ในชาติที่แล้ว พวกคุณมีความแค้นต่อกันแบบไหนกันนี่’

เย่ฉางเรียกรถแท็กซี่และไปที่ตลาดกลางคืนแห่งหนึ่งของเขตวิหคเพลิง เขาตั้งใจจะมากินอาหารว่างบางอย่างที่นี่ ช่วงเวลาสามทุ่มเช่นนี้ เป็นช่วงเวลาที่มีชีวิตชีวามากที่สุดของตลาดตอนกลางคืน เย่ฉางมองไปที่ร้านแผงลอยหนึ่ง ซึ่งมีลูกค้าอยู่เต็มร้าน เขาจึงเดินเข้าไปสั่งซุปหอยและเนื้อแกะผัดเผ็ด ขณะที่เขานั่งลง เขาก็เห็นคนรู้จักคนหนึ่ง เป็นคนที่สวมแว่นตากันแดดที่พวกเขาได้สั่งสอนบทเรียนบนรถไฟ มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่กับเขาด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะสวมหมวกและแว่นตากันแดด แต่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าเธอเป็นคนสวยคนหนึ่ง

“เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กอยู่ ฉันได้มาเที่ยวเล่นแถวนี้ และเผอิญได้มากินหอยนางรมที่ร้านนี่ ตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งที่ฉันมาที่นี่ ฉันจะสั่งมันมากินทุกครั้ง มันอร่อยมากขึ้นแทบทุกครั้ง ฝีมือเจ้าร้านเป็นของจริง” ผู้ชายสวมแว่นกันแดดพูดขึ้น

ผู้หญิงยิ้มอย่างเงียบๆ เย่ฉางคิดนิดหน่อยและตัดสินใจเข้าไปทักทาย MistyVeil มองไปที่ชายผิวขาวที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ‘ฉันรู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นเขามาก่อน โอ้! ฉันจำได้แล้ว เขาเป็นคู่หมั้นของฉินเซียง แล้วเขาเข้ามาหาฉันเพื่ออะไร? เขาไม่ควรรู้จักฉันสิ’

เย่ฉางเอื้อมมือไปกดไหล่ของผู้ชายสวมแว่นตากันแดด “โย่! ไม่เจอกันนานเลยนะ …”

ชายสวมแว่นตากันแดดพบว่าเสียงนั้นช่างคุ้นเคยนัก เขาหันไปและเห็นรอยยิ้มไม่แยแสของเย่ฉาง หนังศีรษะของเขาด้านชาขึ้นทันที และเขาก็นึกถึงช่วงเวลาบนรถไฟขึ้นมาได้

“หลินหลี่ นายคิดว่าเราควรจะจัดการกับคนที่ทำให้เราแพ้ยังไงดี …”

“ถอดเสื้อผ้าของเขา! จากนั้นก็เขียนถ้อยคำขอโทษบนตัวเขา…”

“แผนดีมาก! อาเฉียงจับตัวเขาไว้ …”

“เฮ้! เดี๋ยวก่อน! ฉันไม่กลัวพวกนายหรอก!”

“ไม่! อย่านะ เจ้าพวกคนเถื่อน!!!”

“ชิเซียว นายรู้จักเขาหรือ?” MistyVeil ถามอย่างสงสัย

ชายที่สวมแว่นตากันแดดที่ชื่อว่าชิเซียวรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว จู่ๆรอยยิ้มไม่แยแสของเย่ฉางกลายเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น “ฉันรู้สึกเศร้าจริงๆ ที่นายไม่คิดว่าฉันเป็นเพื่อน”

ชิเซียวไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นของเย่ฉางแล้ว มันทำให้ใจเขาสั่นกลัว เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่ถูกบังคับว่า “เขาเป็นเพื่อนที่ฉันพบในระหว่างทางมาเมืองหลวง …”

“……” MistyVeil นึกถึงวันนั้นขึ้นมาทันที ‘ผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ เขามีความกล้าที่จะข่มแหงลูกชายของตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งในประเทศจีน ตระกูลชิทรงพลังไม่แพ้ตระกูลลีเลยทีเดียว ตระกูลชิเป็นตระกูลใหญ่ที่มีประวัติมาเป็นเวลายาวนาน ถือว่าเป็นตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดก็ว่าได้ ฉันได้ยินจากลุงฉินบอกว่า ผู้ชายผิวขาวคนนี้เป็นสมาชิกภายนอกของกลุ่มมังกรที่ประจำการอยู่ที่หลินไห่ เดี๋ยวก่อนนะ … ผมขาวเช่นนี้ น่าจะเป็นพี่ใหญ่วีรษุรุษแห่งสามพี่น้องหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ ที่สโมสรของ ThornyRose เพิ่งเซ็นสัญญามาแน่ๆ’ เธอถอนหายใจ “ทำไมไม่มานั่งด้วยกันกับเราล่ะ”

“ตกลง ฉันกำลังเบื่อๆอยู่พอดีเลย เป็นเรื่องดีที่ได้มาพบกับเพื่อนเก่าที่นี่” เย่ฉางพูดพร้อมกับตบไหล่ชิเซียวเบาๆและนั่งลง

‘ใครเป็นเพื่อนของนาย! เราเป็นศัตรูกัน!!’ เขาค่อยๆมองไปรอบๆ ‘ดูเหมือนว่าชายตัวใหญ่และตัวเล็กๆไม่ได้มากับเขา ฮ่าๆๆ มาดูกันว่าครั้งนี้นายจะทำตัวหยิ่งได้อีกไหม!’ เขากำลังจะโจมตีใส่เย่ฉาง แต่เห็นการแสดงออกของเย่ฉางที่เหมือนไม่ได้กลัวอะไรเลย ชิเซียวจึงนึกขึ้นมาได้ว่าชายตัวใหญ่คนนั้นเรียกเขาว่าเพื่อน และยังเรียกด้วยความเคารพอย่างมากอีกด้วย นั่นหมายความว่า ผู้ชายคนนี้อาจจะแข็งแรงกว่าชายตัวใหญ่อีก เขาหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ในขณะที่เขาหัวเราะกลบเกลื่อน “ฮ่าๆๆๆ”

“คุณควรจะเป็นหัวหน้าของสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ พี่ใหญ่วีรษุรุษใช่ไหม … ?” MistyVeil เริ่มการสนทนา

“โอ้ ~? คุณรู้จักฉัน? แล้วคุณเป็นใคร?” เย่ฉางมองอย่างสงสัย จากนั้นเขาก็ถามทันทีว่า “เป็นแฟนคลับฉันหรือ!?”

“ฉันชื่อ MistyVeil …” MistyVeil หัวเราะเบาๆ

เย่ฉางตกตะลึง จากนั้นก็ชี้ไปที่ MistyVeil พร้อมกับปากที่อ้าค้างอยู่ MistyVeil เห็นปฏิกิริยาของเย่ฉางและยิ้ม

ในวินาทีต่อมา เย่ฉางหยุดชี้และลูบคางของเขา เขาดูเหมือนจะอยู่ในความคิดลึก ซึ่งทำให้ MistyVeil ค่อนข้างสับสน อีกหนึ่งวินาทีผ่านไป เธอก็ได้ยินเสียงเย่ฉางพูดพึมพำว่า “บ้าเอ้ย!ฉันรู้สึกว่าเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่งนะ แต่ฉันไม่สามารถจำได้ ถ้าฉันไม่ได้ติดเชื้อความจำเสื่อมจากหลินหลี่ มันต้องเป็นเพราะชื่อของเธอนั้น มันยากที่จะจำ อย่างไรก็ตาม …” จากนั้นเขาก็มองไป MistyVeil และพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดี …”

“…”


 

 

 


ตอนที่ 329

 

ชิเซี่ยวหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘จริงอ่ะ!? นี่นายแกล้งทำหรือเปล่าเนี่ย! ไม่มีใครในโลกเสมือนจริงที่จะไม่รู้จักชื่อ MistyVeil หรอกนะ แต่ไม่น่าแปลกใจที่ฉันพบว่าพวกเขาคุ้นเคยมาก ที่แท้พวกเขาก็เป็นสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะนั่นเอง ในการต่อสู้กับพวกมนุษย์หมาป่า ฉันอยู่ในปาร์ตี้ของพวกเขาด้วย แต่เราไม่เคยได้พูดคุยทักทายกันเลย’ จากนั้นเขาก็นึกถึงหม้อสตูว์ที่เย่ฉางทำให้กินและปิดปาก ‘แย่แล้ว! ฉันจะอ้วก!’

“พี่ใหญ่วีรษุรุษ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเล่นมุขแบบนี้ …” ความประทับใจของ MistyVeil ลดลง ‘เขาบอกว่าไม่รู้จักฉัน! หรือว่าการเรียงลำดับความจำในสมองของเขา เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากเกินไป’ เธอได้แต่วิเคราะห์อยู่ในใจ

“ฉันไม่ได้พูดเล่น ฉันมีความรู้สึกว่าเคยเจอคุณ แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญหรอก” เย่ฉางพูดอย่างจริงจังแล้วก็โบกมือให้เธอ

MistyVeil หัวเราะและไม่ได้พูดอะไรต่อ

อาหารที่เย่ฉางสั่งมาเสริฟที่โต๊ะแล้ว ทั้งสองคนเฝ้ามองขณะที่เขากินและดื่มอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็สั่งจานอื่นๆอีกมากมายและเบียร์ราคาถูก ในที่สุด MistyVeil เริ่มให้ความสำคัญกับเขามากขึ้น ‘คิ้วและขนตาสีขาว ดวงตาเป็นสีชมพู ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าเขาอาจจะป่วยเป็นโรคผิวเผือก!?’

หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว เย่ฉางตบไหล่ชิเซียวและพยักหน้า “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้”

ทั้งสองคนเฝ้ามองเย่ฉางจากไป และพวกเขาก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘นายแค่มากินอาหารฟรีนี่นะ!’

“เขาเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ …” MistyVeil ยิ้ม

“น่าสนใจ!?” ชิเซียวเช็ดหน้าผากของเขา

“เขาไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันเห็นได้จากสายตาของเขา ความเป็นคนง่ายๆของเขานั้นดูน่ากลัวมาก ฉันไม่สามารถมองเขาออกได้เลย …” MistyVeil หรี่ดวงตาของเธอ

“เฮ้! พี่สาว คุณคิดมากเกินไปแล้ว เขาก็แค่คนที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง” ชิเซียวกลอกตาขึ้น

ในท่ามกลางฝูงชน เย่ฉางมองไปที่ด้านหลังพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง และดวงตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชาขึ้น เฉาหยินรุ่ยที่กำลังเดินอยู่ในตลาดกลางคืนเช่นกัน เธอเห็นผมขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเย่ฉาง ‘นั่นชายที่มาจากหลินไห่นี่?? เขากำลังทำอะไรอยู่? ตามไปดูดีกว่า’

เธอเดินตามเย่ฉางที่กำลังเข้าไปในตึกอย่างเงียบๆ

เย่ฉางนวดคอของเขา เขาสังเกตเห็นนานแล้วว่า มีใครบางคนติดตามเขาเข้ามา เขายิ้มรำไรและเลือกที่จะไม่สนใจ ก่อนอื่นเขาจะต้องจัดการกับสาวกองค์กรนิพพานพวกนี้เสียก่อน เขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสี่ของตึก เขาคาดว่ามีมนุษย์อยู่ประมาณ 10 คน นอกนั้นฟังจากเสียงหายใจแล้ว เขาสามารถบอกได้ว่าพวกมันมาจากองค์กรหมื่นวิญญาณ ‘โอ้! มีคนรู้จักอยู่ด้วย ผู้หญิงคนนั้นจากกลุ่มมังกร? เธอชื่อว่าอะไรนะ … ชิงหยุน?’

“นั่นใคร!?” ชายหัวหมาป่าที่มีดวงตาเรืองแสงตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ มือของเย่ฉางได้เจาะหัวใจเขาไปแล้ว เย่ฉางดึงมันออกมา จากนั้นเขาก็ระเบิดหัวหมาป่าเป็นชิ้นๆ เขาเหวี่ยงมือไปตักแขนของอีกคนที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขา ทันใดนั้นเขากลายเป็นเหมือนหมอกที่คอยเข่นฆ่าพวกมันทั้งหมด ชิงหยุนเฝ้าดูพวกองค์กรหมื่นวิญญาณและองค์กรนิพพาน ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นฝนเลือดและชิ้นเนื้อ แขนขาที่ถูกตัด, ชิ้นเนื้อและอวัยวะภายในที่เกลื่อนกราดอยู่เต็มพื้น เมื่อเทียบกับพวกครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่ดูน่ากลัวเหล่านั้นแล้ว สมาชิกกิตติมศักดิ์ขององค์กรของเธอคนนี้ น่ากลัวมากกว่าพวกมันหลายเท่า เธอไม่กล้าที่จะขยับไปไหน หลังจากที่ได้เห็นความหนาวเย็นในสายตาของเขา เฉาหยินรุ่ยมาถึงที่ชั้นสี่และรู้สึกว่ามีของเหลวบางอย่างสาดโดนใบหน้าและลำตัวของเธอ และสิ่งที่เธอเห็นข้างหน้าก็คือ กลุ่มคนที่ถูกตัดชำแหละเป็นชิ้นๆ มีลำไส้ของใครก็ไม่รู้ลอยตกลงมาบนไหล่ของเธอ มันยังอุ่นๆอยู่เลย แข้งขาของเธออ่อนปวกเปียกไปหมด เธอปิดปากขณะที่มองเห็นฉากจากขุมนรกข้างหน้า

ชิงหยุนได้แทรกซึมเข้ามาในองค์กรหมื่นวิญญาณเพื่อรวบรวมข้อมูลบางอย่าง แต่หลังจากที่ได้รับข้อมูลที่เธอต้องการแล้ว เธอก็ถูกพวกมันพบตัวเข้า พวกมันจำนวนมากวิ่งเข้ามาล้อมรอบตัวเธอไว้ แต่เมื่อเธอกำลังจะเรียกกำลังเสริม เธอก็เห็นมือสีขาวแทงผ่านหัวใจของชายหัวหมาป่าที่อยู่ข้างหน้าเธอและระเบิดหัวของเขา น้ำผลไม้ของสมองพังทลายลงมา ‘เขาไม่สามารถฆ่าด้วยวิธีที่น่ากลัวน้อยกว่านี้หรือไงกัน?’

เย่ฉางสลัดเลือดออกจากมือและมองชิงหยุน “มีผ้าเช็ดหน้าไหม?”

ชิงหยุนพูดไม่ออก เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าให้เขา เย่ฉางเช็ดมือแล้วมองเลือดบนร่างกายของเขาและถอนหายใจ “มีกระเป๋าสตางค์ไหม?”

‘เขาต้องการอะไร?’ เธอส่งกระเป๋าสตางค์ให้เขาอย่างไม่เต็มใจ เย่ฉางมองมัน ‘ตามที่คาดคิดไว้จริงๆ คนขององค์กรลับของประเทศพวกนี้ช่างร่ำรวยมาก มีเงินทั้งหมดตั้ง 50 ล้านดอลล่าร์แหนะ’ เขาหยิบตั๋วเงินฉบับล่ะ 1 ล้านดอลล่าร์เงินออกมาทั้งหมด และยัดลงในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง “เธอไปเอาเงินจากเจ้าหัวโล้นได้เลย และบอกเขาด้วยว่าฉันจะใช้เงินก้อนนี้เพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วเธออย่าลืมทำความสะอาดที่นี่ด้วยล่ะ ฉันขอตัวไปก่อน”

เย่ฉางคืนกระเป๋าสตางค์ที่ว่างเปล่าให้เธอ ชิงหยุนกัดฟันแน่น เธอต้องการเอาเงินที่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเธอคืน แต่เธอก็ไม่กล้า มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบว่า ถ้าเธอขืนพูดไปแล้ว เขาอาจจะโกรธและดึงหัวใจของเธอออกมา เช่นเดียวกับหัวของผู้ชายหัวหมาป่าคนนั้น แค่เพียงชั่วเวลานิดเดียว เขาฆ่าไปเกือบ 20 ศพ ซึ่งแต่ล่ะศพต่างถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เขาแข็งแกร่งกว่ารองหัวหน้ากลุ่มเสียอีก บางทีอาจจะแข็งแกร่งพอๆกับบอสเลยทีเดียว มิฉะนั้นแล้ว เขาคงไม่กล้าเรียกบอสว่าเจ้าหัวโล้นหรอก

“จะไม่ขอบคุณฉันเลยหรือไงกัน? ฉันช่วยเธอจัดการกับพวกคนเหล่านี้นะ” เย่ฉางกอดอกและพูดด้วยรอยยิ้มไม่แยแส

“ขอบคุณคะ ทิ้งสถานที่นี้ไว้ให้กับฉันเอง” ชิงหยุนรู้สึกว่ามันตลกและน่าอาย แต่ยิ่งไปกว่านั้นมันก็น่ากลัวมากกว่า เธอไม่เคยกลัวพวกกลายพันธุ์ครึ่งคนครึ่งสัตว์หรือพวกคนชั่วร้ายเหล่านี้เลย มีเพียงแค่ผู้ชายคนนี้ที่ทำให้เธอกลัวมาก … เขาช่างน่ากลัวเกินไปจริงๆ

“ดีมาก ในฐานะที่ฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอ ฉันขอบใจเธอมาก ~” เย่ฉางยิ้ม จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองเฉาหยินรุ่ยที่ยืนอยู่ในบ่อเลือด ซึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยความตกใจ เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ เฉาหยินรุ่ยเริ่มตกใจกลัวมากยิ่งขึ้น ในชีวิตของเธอก็เคยเห็นฉากการฆ่าฟันมาบ้าง แต่การฆ่าของผู้ชายผมขาวคนนี้ ทำให้ผมของเธอชี้ตั้งขึ้น เธอเฝ้ามองขณะที่เขายื่นมือเข้ามาหาเธอ เธออยากจะหลบ แต่ก็ไม่กล้าที่หลบมือที่น่ากลัวซึ่งกำลังพุ่งเข้ามา จู่ๆเธอรู้สึกว่า เขาไม่ได้ทำอันตรายแก่เธอ เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกจากใบหน้าของเธอ เขาพูดด้วยความรู้สึกไม่แยแสว่า “ฉันจำคุณได้ คุณมาจากสภานักศึกษาใช่ไหม? คุณควรจะกลับบ้านได้แล้ว … และเก็บสิ่งที่คุณเห็นในวันนี้เป็นความลับด้วยล่ะ หลังจากนั้นรัฐบาลจะจัดทุกอย่างเอง ~”

เมื่อเห็นว่าเย่ฉางช่วยเช็ดเลือดบนหน้าให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ชิงหยุนรู้สึกหนาวสั่นทันที

“ทำความสะอาดตัวเองซะ” เย่ฉางปัดลำไส้ออกจากไหล่ของเธอ แล้วเดินลงบันไดไป

เมื่อชิงหยุนเห็นว่าเย่ฉางหายตัวไปแล้ว เธอยิ้มอย่างขมขื่นและมองเฉาหยินรุ่ยที่ยืนแข็งทื่ออยู่ “สาวน้อยตระกูลเฉา เธอควรกลับบ้านไปซะ และแกล้งทำเป็นว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยล่ะ เพราะนี่เป็นเรื่องของกลุ่มมังกร”

เฉาหยินรุ่ยหลุดออกจากความมึนงงของเธอ ร่างกายของเธอรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงและแข้งขาของเธอรู้สึกอ่อนปวกเปียก “เขาเป็นคนของกลุ่มมังกร?”

ชิงหยุนพยักหน้า เฉาหยินรุ่ยจึงเดินออกจากตึกไปด้วยความคิดมากมาย

ชิงหยุนมองไปรอบๆที่เกิดเหตุและสั่นสะท้าน หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เร็นลองก็ได้มาถึงและมองไปรอบๆอย่างน่าสงสัย “ผมขาวมาที่นี่?”

“อืม …” ชิงหยุนพยักหน้า

“ว่าแล้วเชียว นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครสามารถทำเละขนาดนี้ได้ …” เร็นลองยิ้ม

“บอสคะ เขาเอาเงินของฉันไป 15 ล้านดอลล่าร์ และเงินขององค์กรไปอีก 35 ล้านดอลล่าร์ เขายังบอกให้ฉันขอเงินคืนที่คุณอีกด้วย” ชิงหยุนบอกเรื่องเงินของเธอ

“บ้าชิบ ครั้งล่าสุดเขาก็ทำแบบนี้เช่นกัน! เจ้าตัวขูดรีดเอ้ย! เธอต้องรับผิดชอบคนเดียว มันมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ในองค์กรเราว่า อย่าแสดงความมั่งคั่งให้กับผมขาวเห็น มิฉะนั้นเธอจะถูกปล้นไปทั้งหมด จัดการกับผลที่ตามมาเองด้วยล่ะ!” เร็นลองพูดอย่างเศร้าๆ

“……” หัวใจของชิงหยุนทรุดลง ‘ทำไมถึงไม่บอกมาก่อนว่า มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แบบนี้อยู่ด้วย’

เย่ฉางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ๆ เขาร้องเพลงขณะที่กลับมายังบ้านตระกูลฉิน

สำหรับเฉาหยินรุ่ย เธอรู้สึกกลัวมาก เธอเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอน เธอห่อตัวด้วยผ้าห่มแต่ก็ยังคงรู้สึกหนาวเหน็บจากฉากนั้นอยู่ เมื่อเธอหลับตาลง เธอก็จะเห็นฝนเลือดและชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า และคนแปลกหน้าคนนั้นที่สามารถยิ้มแย้มในนรกแบบนี้ได้ แม้กระทั่งการกระทำที่แปลกประหลาด เช่นการเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเธอ เธอจำได้ว่าสำหรับการแข่งขันมหาวิทยาลัยทั้งห้านั้น เขาจะเข้าร่วมทีมของหลินไห่ แม้กระทั่งซุนหรุ่ย, ลีไค่ และอัจฉริยะที่ผิดปกติทั้งหลาย ก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้…

ณ.สโมสร Thorns and Roses

สมาชิกสโมสรต่างก็มาชุมนุมกันทั้งหมด สิ่งที่ทำให้เย่ฉางแปลกใจก็คือ มีสมาชิกใหม่เข้ามาและเขาก็เป็นคนรู้จักเก่าแก่อีกด้วย เขาคือ SpyingBlade นั่นเอง ThornyRose ที่ก่อนหน้านั้นอารมณ์เสียจากเย่ฉางอยู่ ตอนนี้เธอยิ้มแป้นเลยทีเดียว เพราะ SpyingBlade ได้นำตัวละครเพชฌฆาตเงาซึ่งเป็นตัวละครแร็งค์ S ที่มีประสิทธิภาพมากมาด้วย มันเป็นแอสซาซินที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสโมสรต่างๆพยายามที่จะซื้อมัน แต่กลับถูกเขาปฏิเสธทั้งหมด

“สัปดาห์หน้าลีคระดับ A จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินหาผู้เข้าร่วมการแข่งขันในลีคระดับ S และสิทธิ์การเข้าร่วมสงครามคริสต์มาสครั้งยิ่งใหญ่ ตอนนี้ฉันจะประกาศผู้เล่นตัวจริงของเราในโหมดอารีน่าได้แก่: ฉัน, SpyingBlade, PaleSnow, ElegantFragrance, HappyAndCheerful, HeavenShakingMight, DemonSpirit, FrozenBlood และ NightSky ซึ่งจะเลือกลงตามสถานการณ์อีกที ส่วนตัวสำรองได้แก่: PassingBreeze, FrozenCloud, DyedLily, GreenDew, KittyKat, LittleJade” ThornyRose ประกาศรายชื่อสมาชิกสำหรับการแข่งขันในโหมดอารีน่า

“ส่วนโหมดฮีโร่ ทั้งตัวจริงและตัวสำรองก็ยังคงเหมือนโหมดอารีน่าอยู่”

“โหมดความบันเทิงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งทุกคนจะต้องระบุจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของแต่ล่ะคนให้ฉันรู้ด้วย ตัวอย่างเช่นถ้าโหมดความบันเทิงเป็นบาสเก็ตบอล ผู้ที่เล่นบาสเก่งที่สุดก็จะได้รับเลือกให้ไปลงแข่งได้ ElegantFragrance จะรับผิดชอบเกมหมากรุกเอง เพราะเธอเก่งมาก”

เย่ฉางและหลินหลี่รู้สึกสับสนอย่างสิ้นเชิง ThornyRose ถอนหายใจ พวกเขาอาจไม่เข้าใจระบบลีคเลย ดังนั้นเธอจึงเริ่มอธิบาย “มันมีทั้งหมด 3 โหมดคือ อารีน่า, ฮีโร่ และความบันเทิง โหมดอารีน่าถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือ การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งและการต่อสู้แบบกลุ่มบนเวทีประลอง การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งผู้ชนะจะได้ 2 คะแนน และการต่อสู้แบบกลุ่มจะได้ 3 คะแนน โหมดฮีโร่ก็มี 5 คะแนนด้วยเช่นกัน (คล้ายๆกับการทำสงครามยุทธศาสตร์โดยการจำลองแผนที่ขึ้นมา) และโหมดความบันเทิงมี 2 คะแนน รวมทั้งสามโหมดจะมี 12 คะแนน ทุกคนเพียงแค่ต้องต่อสู้ในส่วนที่คิดว่าจะสามารถเอาชนะได้ ในลีคระดับ A มีสี่สโมสรระดับสูงได้แก่ Lord’s Reign, Slaughterhouse, Falling Star, Heavenly Dragon เป็นฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดที่เราจะพบหลังจากการลงทะเบียน ปีนี้ฉันหวังว่าจะแก้แค้นสโมสร Falling Star ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เราต้องโฟกัสที่ไปคู่ต่อสู้คนแรกของเราก่อน นั่นคือสโมสรที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาจากลีคระดับ B ซึ่งก็คือสโมสร Broken Halberd นั่นเอง แต่ก็ไม่ควรจะยากเกินไปที่เราจะเอาชนะได้”

ThornyRose เห็นว่าเย่ฉางและหลินหลี่ยังคงดูงงงวยอยู่ เธอได้แต่ถอนหายใจ “ลืมมันไปเถอะ ถึงอธิบายแค่ไหน นายทั้งสองคนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เอาเป็นว่าเมื่อถึงตอนแข่งขัน เพียงคิดถึงเรื่องชนะก็พอ”

ในที่สุดเย่ฉางและหลินหลี่ก็เข้าใจและพยักหน้า ThornyRose ถอนหายใจลึกๆอีกครั้ง เธอไม่สามารถสื่อสารกับคนทั้งสองนี้ให้เข้าใจได้เลยจริงๆ

“สำหรับโหมดอารีน่าและฮีโร่ พวกนายฝึกฝนมาแล้วหลายครั้งแล้ว งั้นวันนี้เราจะลองโหมดความบันเทิงกัน นี่คือโหมดที่ทุกสโมสรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง บางสโมสรยังมีผู้เล่นที่เชี่ยวชาญในโหมดนี้โดยเฉพาะอีกด้วย อย่าดูถูก 2 คะแนนเหล่านี้เด็ดขาด ในตอนท้ายฤดูกาลของปีที่แล้ว Flame Dragon Union ได้แพ้ในโหมดความบันเทิง ทำให้สูญเสีย 2 คะแนนนี้ไป ส่งผลให้แต้มรวมของพวกเขาแพ้ Knights of the Round Table ไปเพียงแค่ 1 คะแนน ทุกๆปีชัยชนะและความปราชัยหลายอย่าง ถูกกำหนดโดยโหมดความบันเทิง” ThornyRose กล่าว

 

 

 


ตอนที่ 330

 

“โหมดความบันเทิงคืออะไร?” เย่ฉางงงงวย

“มันเป็นการเล่นเกมแบบสุ่ม บางเกมก็ต้องการผู้เล่นจำนวนมากเช่น บาสเก็ตบอล, ฟุตบอล หรือเกมอื่นๆ เช่นหมากรุก, การพนัน… มีทั้งเกมที่กำหนดระยะเวลาการเล่นสั้นๆ และระยะการเล่นที่ยาวนาน และเกมอื่นๆที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมาก” ThornyRose กรอกตาไปมา “นายลองดูก่อนสิ”

เกมที่พวกเขาสุ่มได้คือ ‘Fight the Landlord’ (https://en.wikipedia.org/wiki/Dou_dizhu) เย่ฉางได้ถูกตั้งให้เป็นเจ้าของพื้นที่ เขาจึงเลือกหลินหลี่ให้เป็นตัวแทนของเขา ThornyRose ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามเลือก ElegantFragrance และตัวเธอเองเป็นเกษตรกร เมื่อหลินหลี่จั่วไพ่ขึ้นมา เขารีบโยนมันลงบนโต๊ะ ไพ่ที่เขาโยนลงไปคือ 4 2s, 4 As, 4 Ks, 4 Qs, และ 4 Js “ใครมีคู่โจ๊กเกอร์บ้าง? ถ้าไม่มีพวกเธอก็แพ้แล้ว”

ThornyRose มองไปที่ไพ่ของตัวเอง เธอมีโจ๊กเกอร์สีแดงใบเดียว ในขณะที่ ElegantFragrance มีโจ๊กเกอร์สีดำและสีขาว พวกเธอได้แต่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ‘แม่งเอ๊ย! ทำไมไพ่ของเขามันดีขนาดนี้กัน? เขาน็อคพวกเราด้วยไพ่ระเบิดทั้ง 5 ใบ!!’

ThornyRose สุ่มเกมใหม่อีกครั้ง เธอสุ่มได้เกมลูโด เย่ฉางให้หลินหลี่เป็นตัวแทนออกมาเล่นอีกครั้ง ThornyRose เลือก SpyingBlade จากนั้น SpyingBlade ก็พ่ายแพ้โดยที่เขาไม่ได้สัมผัสกับลูกเต๋าเลยแม้แต่ครั้งเดียว

หน้าอกของ ThornyRose กระเพื่อม เธอแทบไม่อยากจะเชื่อ ‘มาลองดูอีกครั้ง!’ เธอสุ่มได้เกมบาสเก็ตบอล!! เธอถูกทำลายอย่างย่อยยับอีกครั้งจากการดั้งค์ของจางเจิ้งเฉียง และการชู้ต 3 แต้ม ที่มีความแม่นยำ 100% ของเย่ฉางจน จากนั้นเธอก็สุ่มเกมอีกครั้ง ‘ฮ่าฮ่า ว่ายน้ำ!! นี่คือความสามารถพิเศษของฉันเลยก็ว่าได้!’ เธอเฝ้ามองขณะที่หลินหลี่ และเย่ฉางเอาชนะทั้งตัวเธอเองและ FrozenBlood จากนั้นพวกเขาก็เดินจากไปอย่างหยิ่งผยอง เย่ฉางไม่ลืมที่จะยกนิ้วโป้งให้เธอ ‘อ๊ากก! ฉันอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ชิบหายเลยโว้ย! จะมีใครที่กวนประสาทฉันได้มากขนาดนี้เท่าเขาอีก!’ เธอลองอีกครั้ง!! เกมกระโดดน้ำ! นี่ก็เป็นหนึ่งในความสามารถพิเศษของเธออีกเช่นกัน มันเกี่ยวข้องกับการประสานงานของร่างกายทุกส่วน เธอเฝ้ามองขณะที่เย่เทียนหยิบปากกาขึ้นมา และเริ่มทำการคำนวณ หลังจากคำนวณแรงกระโดดและความเร็วแล้ว เธอกระโดดท่ายาก ด้วยการใช้ความเร็ว, แรงเหวี่ยง และการหมุน ก่อนที่จะตกลงไปในน้ำ นี่เป็นการชนะอย่างเพอร์เฟคมาก!!

“อ่า เราถูกทำลายจนย่อยยับแล้ว พวกเขาเหล่านี้เป็นคนที่เอาเรื่องมากจริงๆ…” ElegantFragrance พูดอย่างเฉื่อยชา

“ฉันต้องชนะพวกเขาได้สักเกมอย่างแน่นอน!” ThornyRose กัดฟันของเธอแน่น เย่ฉางยิ้มอย่างเฉยเมย ราวกับว่าเขากำลังยิ้มให้กับเพื่อนรัก มาเล่นอีกครั้ง!

เกมนี้คือเกมทำอาหาร ถึงแม้จะมีทุกคนที่ให้คำแนะนำ แต่คำแนะนำเหล่านั้น ก็ไม่สามารถฉุดรั้งเย่ฉางให้ขึ้นไปบนเวทีได้ ThornyRose เลือกคนที่ทำอาหารได้ดีที่สุดในหมู่พวกเธอซึ่งได้แก่ KittyKat ในตอนท้ายของการแข่ง มีอาหารสีดำที่กองพะเนินอยู่บนจานที่สวยงาม หลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย การแสดงออกของเย่ฉางก็แปรเปลี่ยนการแสดงออกของผู้ชนะ ซึ่งทำให้ ThornyRose งงงวยในท่าทางของเขา เขาไปเอาความมั่นใจของเขามาจากไหนกัน!? อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่อาหารของ KittyKat มันดีกว่ามาก!!

“การประเมินอาหารทีมสีฟ้า -185 คะแนน การประเมินอาหารทีมสีแดง 95 คะแนน ทีมสีแดงเป็นฝ่ายชนะ…”

“ทำไมผลลัพธ์มันถึงออกมาเป็นอย่างนี้ไปได้! ทักษะการทำอาหารของฉันดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด!” เย่ฉางพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“……” ทุกคนแข็งค้าง

‘ตรงไหนกันที่นายเห็นว่าทักษะการทำอาหารของนายดีกว่า! ความมั่นใจที่ไม่เป็นจริงของนายมาจากไหนกัน!?’ ThornyRose ก่ายหน้าผาก และส่งเสียงคำรามอยู่ภายในใจ เธอเกือบจะถูกหลอกโดยการแสดงออกอย่างมั่นใจของเขา เธอถอนหายใจ ถ้าสุ่มเกมได้เกมทำอาหาร แล้วเขาเป็นคนออกไปทำอาหาร เขาไม่มีวันชนะทีมของเธอได้เลย เว้นเสียแต่ว่าเป็นการประกวดความน่ารังเกียจของการทำหารเท่านั้น!!

“ฉันต้องการประท้วงการตัดสินนี้! การตัดสินครั้งนี้ลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด ต้องมีการติดสินบนแน่ๆ! เป็นการคอรัปชั่นอย่างแน่นอน!” เย่ฉางประท้วง

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน” ThornyRose ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย

เย่ฉางและคนอื่นๆ อาศัยอยู่กับตระกูลฉินเพียงไม่กี่วัน จากนั้นพวกเขาก็กลับไปที่หลินไห่เพื่อชมการแสดงคอนเสิร์ตของอูนา ที่จัดขึ้นในลานตลาดกลางคืน ขณะที่พวกเขามาถึง และสแกนรหัสเพื่อเข้าไปข้างในนั้น อูนาก็ส่งเสียงร้องไห้เพื่อขอความช่วยเหลือ พวกเขาเดินเข้าไปที่ด้านหลังเวที และพบว่าตรงนั้นมีเพียงอูนาและนักกีตาร์เค

“ตาแก่เจป่วย ส่วนบีก็อยู่ในคุกข้อหาขับรถเร็วเกินกำหนด มิสเอ็กซ์ก็เพิ่งรู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ และเกิดการแท้งลูกด้วยอุบัติเหตุ เมื่อวานนี้มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับกลุ่มแดนเซอร์ ทำให้พวกเธอไม่สามารถมาได้ ฉันควรจะทำอย่างไรดี!? เฮ้อ! ฉันคงจะเป็นได้แค่ศิลปินที่ล้มเหลวงั้นสินะ!? ฉันหมดโอกาสที่จะได้เดบิวต์แล้วใช่ไหม!?” อูนากำลังพูดอย่างรวดเร็ว และขยี้ผมของเธอจนยุ่งเหยิง พวกเธอเหลือเพียงแค่ 2 คน! เย่ฉางเดินเข้าไปตบที่ไหล่ของเธอเบาๆ “นานะ สงบสติอารมณ์ก่อน อย่าเพิ่งฉุนเฉียวเกินไป น้องเล็กไดโนสามารถช่วยเธอได้ใช่ไหม?”

“ได้คะ ฉันสามารถเป็นดีเจ เล่นเครื่องเป่า หรือเล่นกีตาร์ก็ได้” FrozenCloud ให้ความช่วยเหลือของเธอ

“แค่ก แค่ก นานะ ฉันบอกแล้วว่าฉันจะมาเชียร์เธอ ฉันจะเป็นคนเปลือยกายเล่นเบสให้กับเธอเอง!!” ลุงฟรอสเลอร์ปรากฏตัวพร้อมกับเสื้อโค้ทของเขา และตะโกนออกมา

“ตั้งแต่ตอนที่เธอขึ้นไปบนเวที ฉันจะเป็นคนที่ช่วยให้เธอได้ฉายแสงอย่างแน่นอน! เธอควรจะรู้ว่าฉันก็เป็นมือกลองที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง…” ลุงแพนตี้ก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับหมวกของเขาอย่างสง่างา เขาโผล่มาจากตรงไหนก็ไม่มีใครรู้ได้

“พี่สาวนานะ หนูจะเป็นคนรับผิดชอบการควบคุมห้องเครื่องเอง หนูจะช่วยพี่เปลี่ยน CG และควบคุมเสียงต่างๆให้กับพี่เองค่ะ…” เย่เทียนยกมือขึ้นแสดงว่าเธอต้องการจะช่วย

“น้องเล็กไดโน, ลุงฟรอสเลอร์ และลุงแพนตี้… ขอบคุณทุกคนมากค่ะ… ฮือฮือ…” อูนาซับน้ำตา เมื่อเธออยู่ในช่วงเวลาที่หมดหนทางมากที่สุด พวกเขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเธอ ถึงแม้ว่าลุงฟรอสเลอร์, ลุงแพนตี้ และน้องเล็กไดโนที่ควรจะเป็นแขกรับเชิญ หรือแม้แต่เย่เทียนก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอ พวกเขาช่วยให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น พวกเขาทั้งหมดได้ฉุดเธอขึ้นมาจากหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง ชายคนหนึ่งที่ชื่อเคได้ลุกขึ้นยืนเพื่อคำนับให้กับทุกคน

“เรายังคงต้องการแดนเซอร์…” อูนาพูดขึ้นพร้อมคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันน่าจะดีกว่าไหม ถ้าเราเล่นคอนเสิร์ตโดยที่ไม่ต้องมีแดนเซอร์ก็ได้? แต่ถ้าเป็นไปได้ การมีแดนเซอร์มันก็ดีกว่ามากจริงๆ

“เพื่อน นายทำได้ นายเป็นนักเต้นที่ดีที่สุดที่อยู่ตรงนี้แล้ว” จางเจิ้งเฉียงยิ้ม

สิ่งที่จางเจิ้งเฉียงพูด ทำให้อูนาและคนอื่นๆตกตะลึง ‘เขาเต้นได้ด้วยหรือ!? ถึงขนาดที่ดีสุดของคนที่อยู่ตรงนี้ด้วย!? เอาจริงดิ!?’

“ฉันไม่ได้เต้นมานานมากแล้ว” เย่ฉางพูดพร้อมกับส่ายมือไปมา

“ครั้งสุดท้ายที่ผมนอนไม่หลับ ผมเห็นพี่ใหญ่ขาวเต้นอยู่คนเดียวในโรงละครที่ใกล้กับอพาร์ทเม้น การเต้นของพี่ใหญ่ขาวน่าทึ่งมากจริงๆเลยนะ” หลินหลี่พูดเสริม

“ทำอะไรก็ตามที่นายทำมันได้ก็พอแล้ว ทุกคนรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกคุณได้แล้ว เสื้อผ้าพวกนี้ได้รับการออกแบบมาแล้ว พวกเราคือพังค์! อิสระ! เย้!!” อูนาตะโกนออกมาอย่างเร่าร้อน FrozenCloud ก่ายหน้าผากของเธอ อูนาเปลี่ยนเป็นคนละคน เมื่อเธอพูดถึงเกี่ยวกับพังค์!

เย่ฉางสวมเสื้อผ้าของเขาจากงานปาร์ตี้ และรับหมวกพิเศษของลุงแพนตี้ขึ้นมาใส่ เมื่อเห็นแบบนั้น FrozenCloud ถึงกับแข็งค้าง หมวกนั่นเขาเอาออกมาจากตรงไหนกัน? เธอมองไปที่ใบหน้าที่ไม่มีอะไรปิดบังของลุงแพนตี้ และได้รับอิทธิพลจากเสน่ห์ของเขา ‘หล่อโครตๆๆ…’

ลุงแพนตี้เผชิญหน้ากับ FrozenCloud และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ทำให้ FrozenCloud รีบวิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และกรีดร้องออกมา “ฮ่าฮ่า! ใช่แล้ว! ฉันได้ A+!!”

อูนาค่อนข้างอิจฉา กางเกงในระดับ A + มีมูลค่ามาก เธอจึงหันหน้าหลับไปมองลุงแพนตี้อย่างอ้อนวอน

“ในฐานะผู้เชี่ยวชาญกางเกงในระดับมืออาชีพ ฉันไม่สามารถมีความลำเอียงได้ กระผมต้องขอภัยด้วย ดมัวแซลนานะ…” คำพูดของลุงแพนตี้ทำให้อูนาหน้าแดงด้วยความเขินอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพูดว่า ดมัวแซลนานะ! ถึงแม้ว่าคำพูดนี้ มันจะน่าขยะแขยงเมื่อออกมาจากปากเจ้าหมียักษ์ แต่เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของลุงแพนตี้ มันราวกับเสียงเรียกของสรวงสวรรค์เลยก็ว่าได้

“ผมอยากเป็นพิธีกร!” หลินหลี่ขออาสา อูนายิ้มอย่างแผ่วเบา มันเป็นเรื่องดีที่จะปล่อยให้หลินหลี่ได้เล่นสักหน่อย “ก็ได้ นายสามารถรเป็นพิธีกรได้! แต่อย่าพูดอะไรที่มันเลอะเทอะเกินไปล่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็… ค่าเบี้ยเลี้ยงจะลดลงครึ่งหนึ่ง”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหน่า ปล่อยให้ฉันจัดการเอง” หลินหลี่รีบตอบกลับไปอย่างจริงจัง

เดิมที่ตรงที่นั่งทั้ง 1000 ที่ คนยังไม่เต็ม แต่ในเวลานี้การประกาศการแสดงคอนเสิรต์ที่ลานตลาดกลางคืนย่านตะวันออก ทำให้ทุกคนอยากมาชมมาก

“T-105! ลุงฟรอสเลอร์! ลุงแพนตี้! ร่วมมือกับวง Falling Sand เพื่อให้ทุกคนได้พบกับเทศกาลดนตรีเฟียสต้าที่ยิ่งใหญ่!!!”

ภาพโฮโลแกรมสามมิติเริ่มฉายไปที่กลุ่มของเย่ฉาง ลุงฟรอสเลอร์ ลุงแพนตี้ อูนา และเค! คนที่ไม่สนใจในตอนแรกทั้งหมด เริ่มแห่กันเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ อูนาโผล่ออกมาข้างนอก และแข็งค้างด้วยความหวาดกลัว ข้างนอกนั่นมีผู้คนมากกว่า 100,000 คน พื้นที่ตรงลานกว้างสามารถรองรับผู้คนได้เพียงแค่ 2,000 คนเท่านั้น แต่! พวกเขาได้เบียดเสียดแออัดจนไปถึงด้านนอก! มันดูเป็นฉากที่น่าประทับใจอย่างมาก เธอเริ่มหอบหายใจอย่างถี่รัว และกังวลใจ นายเคที่มีทรงผมโมฮอกก็ยื่นหน้ามองออกไป และแข็งค้างด้วยเช่นกัน

“นี่ นี่ คำนี้ผมควรอ่านว่ายังไง? เฟียสต้า!? งั้นหรือ!?” เสียงที่น่ารักของหลินหลี่ประกาศออกมา

“นั่นเป็นเสียงของนักยุทธศาสตร์ที่โง่เขลาหลินหลี่! หัวหน้ากองกำลังกลุ่มผู้สนับสนุนสงครามศักดิ์สิทธิ์!!!”

“เสียงของเขาฟังดูน่ารักจัง! พี่ใหญ่หลี่! ฉันต้องการที่จะนั่งบนเห็ดของคุณ!!”

“เฟีย… หรืออะไรก็ตามคอนเสิร์ตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ. บัดนี้! โปรดจำไว้ว่าอย่าลืมประโคมข่าวกันเข้าไป เมื่อทุกคนได้เห็นการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้! และถ้าคุณไม่ชอบผม ก็อย่าให้ผมหาตัวคุณพบก็แล้วกัน!”

“ฮ่าฮ่า!” ทุกคนที่อยู่ตรงลานตลาดกลางคืนเริ่มหัวเราะกันอย่างครึกครื้น

หลังจากนั้น อูนาและเคได้เดินออกมาจากข้างหลังเวทีภายใต้เสียงปรบมืออย่างเงียบสงบ เพลงแรกที่เธอร้องก็คือ เพลงแรกที่เธอได้แต่งขึ้นมา เพลงนี้มีชื่อว่า ‘ข้าราชการเฮงซวยไปตายซะ’ เพลงเริ่มต้นด้วยเสียงฟู่ จากนั้นเบสก็เริ่มเล่น จางเจิ้งเฉียงรีบฉายสปอตร์ไลท์อย่างรวดเร็ว เสียงเบสของลุงฟรอสเลอร์ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมือ และเสียงเชียร์ของทุกคน ถึงแม้ไม่จะไม่มีการร้องคอรัส แต่การร้องเพลงก็ยังเป็นไปได้ด้วยดี อูนาเริ่มร้องเพลง “การยิงครั้งนี้ไม่เพียงแค่ฆ่าชีวิตที่บ้าคลั่ง แต่การยิงครั้งนี้หมายถึงความอยุติธรรมของการบังคับใช้กฎหมาย ในขณะที่พวกมันยิงไปที่มือและเท้าของคุณ! ทำไมคุณต้องถูกกำนวดชีวิตด้วยเครื่องมือแห่งความตาย! ข้าราชการระยำ! ข้าราชการบัดซบ! การหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบคือชื่อของพวกแก! การยิงของแกได้คร่าชีวิตของหมาบ้าตัวหนึ่งต่อหน้าเด็ก แต่นั่นกลับไม่ใช่ความทุกข์ทรมานของเด็ก แต่ผู้บังคับบัญชาการของแกก็ให้ได้แค่เพียงคำตอบที่แสนว่างเปล่า! แกดีกว่าคนอื่นมากแค่ไหนกัน? แม้ว่าคนอื่นจะเรียกแกว่าวีรบุรุษ แต่ฉันเพียงแค่จะบอกกับพวกระยำแบบแกว่า ฉันเย..ลูกของแกแล้วไอลูกกระหรี่ ฉันเย..ลูกของแกแล้วไอลูกกระหรี่! ฉันเย..ลูกแกพร้อมกับทุกคน! จนถึงกับต้องยกนิ้วกลางให้!”

ด้วยการร้องเพลงซึ่งเริ่มต้นด้วยคำว่า ‘ข้าราชการ’ แสงสปอตไลท์ได้ส่องแสงไปทางลุงแพนตี้ ในขณะที่เขากำลังตีกลองเป็นจังหวะ ราวกับสายฝนที่กำลังซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นลุงฟรอสเลอร์ก็เปิดเสื้อโค้ทของเขาออก! เสียงเบสที่บ้าคลั่งของเขาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจู่โจมไปยังผู้หญิง! เสียงแหบแห้งของอูนาจากเดิมที่เบาบาง ได้ดังขึ้นไปเป็นเสียงตะโกนของการประณาม ซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน

การเต้นของเย่ฉางเริ่มต้นขึ้น จังหวะการเต้นของเย่ฉางบางครั้งก็เบา บางครั้งก็ดุดัน บางครั้งก็เร็ว เขาเล่นบทบาทของหมาบ้าที่โศกเศร้า หลินหลี่กระโดดเข้าร่วมพร้อมกับถือปืนพกด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ารัก ที่หน้าอกของเขามีตัวหนังสือที่เขียนคำว่า ‘ตำรวจ’ เย่ฉางกระโดดเพื่อหลบหนี และหลินหลี่ก็ยิงปืนไปที่เขา เย่ฉางพลิกตัวกลับ และล้มลงไปบนพื้น เขามองไปยังเด็กทารกที่เป็นของเล่นที่หลินหลี่วางไว้ แล้วเบิกตากว้างขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจในขณะที่เขาเสียชีวิต

ทุกคนลุกขึ้นและปรบมือ พวกเขาไม่สามารถอดปรบมือให้กับวงที่ไม่รู้จักวงนี้ได้ การแสดงที่น่าตกตะลึงแบบนั้น จี้ไปที่จุดของใครหลายคนจริงๆ เพลงแรกได้ให้ความสำคัญกับการเล่นเบสที่เปลือยเปล่าของลุงฟรอสเลอร์ การกระหน่ำตีกลองที่รุนแรงของลุงแพนตี้ พร้อมกับการเต้นที่งดงาม และการแสดงที่ชี้ชัดถึงเป้าหมายของอาชูร่าขาว ผู้คนได้ล้นตลาดกลางคืนในเมืองหลินไห่ทันที ในฐานะที่เป็นนักร้องหลัก เสียงร้องของอูนาได้ฝังเข้าไปยังท่ามกลามฝูงชนนับแสนคน แต่เธอก็ยังคงไม่รู้เรื่องนี้

ฝูงชนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาชูนิ้วมือกลาง และตะโกนคำหยาบคายออกมา จนเกิดความไม่พอใจในหัวใจของพวกเขา อูนาร้องเพลงที่เต็มไปด้วยคำหยาบคาย และแม้แต่ชื่อของอวัยวะเพศก็ถูกร้องออกมาเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่สามารถเขียนเพลงที่ซอฟท์ลงกว่านี้ได้ แต่เธอเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนสามารถระบายความแค้นที่อัดอั้นอยู่ภายในใจของพวกเขาได้ เธอรู้ว่ามันเจ็บปวดมากขนาดไหน ในการเก็บงำความรู้สึกที่เหมือนกับถูกคุมขังเหล่านั้นอยู่ภายใจ ผู้คนที่ฟังอยู่มากกว่า 100,000 คนพร้อมใจกันตะโกนขึ้นมา “ฉันเย..ลูกของแกแล้วไอลูกกระหรี่!” เธอตกใจมาก เธอทำได้แค่เพียงยกแขนขึ้นมา ด้วยรอยยิ้มปกคลุมไปด้วยน้ำตา ชูนิ้วกลางทั้ง 2 ข้างขึ้นไปบนฟ้า “ฉันเย..ลูกของแกแล้วไอลูกกระหรี่!”

 

 

 


ตอนที่ 331

 

การแสดงยังคงดำเนินต่อไป เพลงของอูนาได้พูดถึงพวกหน้าซื่อใจคด ความอยุติธรรมของสังคม และความไร้ประสิทธิภาพของพรรคการเมือง ทำให้อารมณ์ของฝูงชนเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่อูนายังร้องเพลงอย่างมีความสุข ทุกคนต่างฟังเพลงที่เธอแต่งขึ้นมาเอง ตอนจบเป็นเพลงบัลลาดที่มีสัมผัสของความเศร้าและความสูญเสีย ชื่อเพลงว่า ‘ใครบอกฉันได้บ้าง’

“ไกลออกไป มีดวงดาราที่ส่องแสงลงมา แต่เรายังคงติดอยู่ใต้ท้องฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด เส้นทางของเราอยู่ที่ไหน? ใครบอกฉันได้บ้าง? ว่าฉันควรเดินไปบนเส้นทางไหน? ใครบอกฉันได้บ้าง? ว่าแสงอรุณของวันพรุ่งนี้จะทำให้วันของฉันสดใสขึ้นอีกครั้ง หรือมันจะเผยให้เห็นขวากหนามที่ถูกซ่อนอยู่กันแน่ ฉันจะสามารถใช้ช่วงชีวิตที่เหลือกับคุณได้ไหม? ฉันอาจจะจมอยู่กับบาดแผลในอดีต จนฉันอาจจะไม่สามารถไปไหนต่อไปได้ แต่… ฉันต้องการที่จะตามหาคุณ คนที่จะช่วยให้ฉันเป็นอิสระจากพันธนาการ แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่ 1 นาที แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงวินาทีก็ตาม ตราบเท่าที่ฉันสามารถหาคุณเจอได้ ฉันก็ไม่หวาดหวั่นต่ออะไรทั้งนั้น” อูนาค่อยๆเคาะกีตาร์ของเธอ เสียงอึมครึมจากเบสของลุงฟรอสเลอร์ ลุงแพนตี้ก้ค่อยๆลดจังหวะการตีกลองลงอย่างช้าๆ แม้แต่แสงไฟบนเวทีก็ดูมืดสลัว ให้ความรู้สึกถึงความอ้างว้างที่หนาวเหน็บแสนเกินจะทน

บทเพลงนี้แตกต่างจากบทเพลงที่ผ่านมาในก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ความแตกต่างนี้ทำให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความชื่นชม เย่ฉางเริ่มเต้นเพลงวอลทซ์จนทำให้ทุกคนรู้สึกสงสารเวทนาใจ เห็นได้ชัดว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่เต้น แต่พวกเขาเหมือนจะเห็นภาพของคนสองคนเต้นหมุนวนกันตรงเวที ราวกับว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา และเต้นรำไปกับเขา พวกเขาตกใจกับความเศร้าโศกที่เขาแสดงออกมา จนทำให้ฝูงชนต่างพากันหลั่งน้ำตาออกมา ตาของทุกคนงองุ้มและมีใบหน้าโศกเศร้า เย่ฉางเต้นเพลงวอลทซ์เป็นจังหวะ ราวกับว่าเขากำลังเต้นอยู่บนทะเลสาบอันเงียบสงบ เขาเต้นอยู่คนเดียวด้วยการโอบอุ้มสายลม และแสดงออกด้วยท่าทีที่ไม่แยแสของเขา แต่ก็ยังคงมีร่องรอยแห่งความสุขอยู่บนใบหน้าของเขาอย่างเลือนลางเช่นกัน ในท้ายที่สุด เขาก็เอามือข้างหนึ่งจับไปตรงหัวใจของเขา และโค้งคำนับ หลังจากที่เขาคำนับแล้ว บรรยากาศก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นอ้างว้างเดียวดาย จนหญิงสาวนับไม่ถ้วนต่างพากันหลั่งน้ำตาและร้องไห้อยู่เงียบๆ แม้แต่อูนาก็ยังรู้สึกสะอึกสะอื้นเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้เต้นเก่งมาก คนหนึ่งเต้นเป็นสองคน จากนั้นก็จบลงด้วยเสียงเพลงวอลทซ์ที่โดดเดี่ยว

จางเจิ้งเฉียงแข็งค้างอยู่เบื้องหลังที่ฉายไฟเวที

“อาฉาง การเต้นของนายดูสง่างามมากเลย! สอนฉันเต้นบ้างสิ ตกลงไหม?”

“ไม่…”

“สอนฉันเต้นหน่อยน๊า~”

“ก็ได้ การเต้นแบบนี้เรียกว่าวอลทซ์ ขั้นตอนและจังหวะเป็นแบบนี้ ก้าวขึ้นไปบนเท้าของฉันอีกครั้ง!”

“นายเป็นผู้นำที่ไม่ดีเลย!”

“แย่มาก เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เธอไม่มีเซนส์ในการรับรู้จังหวะเอาซะเลย!”

“อาเฉียง นายมาเรียนเต้นด้วยกันสิ นายอาจจะต้องใช้มันเพื่อหาน้องสะใภ้มาให้ฉันก็ได้…”

“ใช้หาแฟนได้จริงดิ? งั้นผมจะเรียนเต้นด้วย”

“อาหยู่ดูสิ แม้แต่การเต้นของอาเฉียงยังดีกว่าเธอเลย เฮ้อ! อาหยู่มานี่มา มาลองดูอีกครั้ง!”

“ไปให้พ้นเลย! นายเป็นผู้นำที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย!”

“อาฉาง สัปดาห์หน้าแถวบ้านเรามีการประกวดเต้นรำ ผู้ชนะอันดับหนึ่งจะได้รับบัตรกำนัลช้อปปิ้ง 20,000 ดอลล่าร์! ไปเข้าร่วมกันเถอะ!”

“เต้นคู่กับเธอ? เฮ้อ ก็ได้ ก็ได้… อย่าเหยียบเท้าฉันละ แทนที่จะเป็นสัปดาห์หน้า ฉันมีเซอร์ไพร์ให้เธอในสัปดาห์นี้ ฉันจะมอบของขวัญให้กับเธอ!”

“จริงงั้นหรือ!? อาฉาง ฉันแก่กว่านายมาก จริงๆเลยนะนายเนี่ย…”

“ฉัน, นาย, อาเฉียง และภรรยาอาเฉียงในอนาคต เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

จางเจิ้งเฉียงสังเกตเห็นแหวนที่เย่ฉางสวมซึ่งได้ถูกเปิดเผยในขณะที่เขาเต้น แหวนวงนี้เป็นของขวัญที่เขาไม่สามารถมอบให้กับเธอได้

“อ่า~ อืมม ฉันคิดว่าการแสดงครั้งนี้จบแล้ว! ไว้เจอกันครั้งต่อไปนะทุกคน! อย่าลืมกดไลค์ให้หลินหลี่กันด้วยนะ! คุณต้องจำเอาไว้ว่า~ ถ้าคุณไม่กดไลค์ให้หลินหลี่ หลินหลี่จะโมโหมาก! หลินหลี่จะโมโหจริงๆ! ผมไม่ได้หลอกลวงพวกคุณน๊า~! จริงๆ น๊า~~!” การแสดงที่ดูเหมือนกับเด็กของหลินหลี่ทำให้ผู้ชมหัวเราะออกมาเบาๆ

“เป็นการเต้นที่สุดยอดมาก เป็นการแสดงที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาตลอดทั้งปี! การเล่นเบสของลุงฟรอสเลอร์ การตีกลองของแพนตี้ การเต้นรำที่สง่างามของอาชูร่าชาว ฉันรู้สึกว่ามันถูกมากสำหรับค่าเข้าชมเพียง 200 ดอลลาร์ และฉันยังได้โอนเงิน 2000 ดอลลาร์ให้กับทีม T-105, ลุงแพนตี้ และลุงฟรอสเลอร์ด้วยล่ะ พวกเขาทั้งหมดเป็นความภาคภูมิใจของเมืองหลินไห่จริงๆ!”

“2000? สำหรับการแสดงที่ดีที่สุดขนาดนี้ และนายยังโอนเงินไปให้แค่ 2000? ยากจนนัก! ฉันโอนเงินไปตั้ง 200,000 ดอลลาร์แล้ว”

“ทุกคนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับนายนิ ไม่ว่าจำนวนเงินจะมากน้อยเท่าไหร่ ขอแค่ทุกคนโอนเงินไปให้พวกเขาด้วยความเต็มใจก็พอแล้ว สำหรับฉัน ฉันโอนเงินจำนวน 500,000 ดอลลาร์ให้กับทีม T-105, ลุงฟรอสเลอร์ และลุงแพนตี้เท่าที่ฉันเต็มใจจะให้…”

“นี่คือการรายงายข่าวของเมืองหลินไห่ในเขตตะวันออก ดิฉันชานตงตงเป็นผู้รายงายค่ะ! หลังจากการออกอากาศสดของสงครามศักดิ์สิทธิ์ ดิฉันได้นำทุกท่านมาพบกับเบื้องหลังของการแสดงครั้งนี้ค่ะ!” ชานตงตงสวมผ้าคาดหัวที่มีรูปหัวใจและมีชื่อเย่ฉางสลักไว้ เธอสามารถเข้าไปที่หลังเวทีได้ด้วยการอนุมัติของเย่ฉาง

เย่ฉางสวมชุดสูทสีดำ และหมวกของเขา ทำให้ตอนนี้เขาดูเหมือนกับสุภาพบุรุษปีศาจ และในที่สุดเขาอยู่อยู่อันดับที่ 1 ในตารางจัดอันดับบุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมหาวิทยาลัย ด้วยการเต็นวอลทซ์และสีหน้าท่าทางของเขาบนเวที ทำให้ความนิยมของเขาท่วมท้นอย่างมาก แม้กระทั่งหลินหลี่ที่ยังไม่ได้ออกมาแสดงหน้าเวที อันดับของเขายังขยับมาอยู่อันดับที่ 6 เลย และด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขามีแฟนคลับเป็นพวกโอตาคุผู้หญิงเยอะขึ้น

“ท่านนายพล!! ลุงฟรอสเลอร์ ลุงแพนตี้ ครั้งนี้การแสดงของพวกคุณอาจกล่าวได้ว่าเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองหลินไห่เลยก็ว่าได้ จนดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นอย่างมาก มีหลายคนที่ไม่สามารถเข้าไปชมคอนเสิรต์ได้ พวกเขาจึงได้แสดงความไม่พอใจออกมากันเป็นจำนวนมาก และได้ฝากดิฉันมาถามว่า พวกคุณมีแผนที่จะไปแสดงที่จตุรัสเซียงหยู่ของเมืองหลินไห่กันบ้างไหมคะ!?” คำพูดของชานตงตงทำให้อูนามีความสุขมาก ‘เฮ้! แล้วฉันล่ะ!? แล้ววง Falling Sand ล่ะ!? เธอไม่สนใจฉันเลยใช่ไหม?’ เธอมองไปที่แฟนคลับนับไม่ถ้วน และเห็นว่าเย่ฉางได้รับการโหวตไปเป็นล้าน ในขณะที่เธอเพิ่งได้รับเพียงแค่ 10,000 เอง แม้แต่หลินหลี่ก็ได้รับการโหวตจากกลุ่มแฟนคลับไปมากกว่า 600,000 คนแล้ว ‘บ้าไปแล้ว! ฉันเป็นคนจัดงานนะ! ฉันเป็นนักร้องนำเชียวนะ!’

“การแสดงครั้งนี้เป็นเพียงการให้กำลังใจเพื่อนที่ดีของเราเท่านั้น พวกเราไม่มีแผนที่จะไปแสดงที่อื่นอีก…” ลุงแพนตี้พูดอย่างสุภาพ

“ถึงแม้ว่าฉันจะต้องการพ่นน้ำใส่เธอ แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้องแล้ว” ลุงฟรอสเลอร์พูดขึ้นมาในท่ากอดอก

สำหรับเย่ฉาง เขาทำเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

“ท่านนายพล หลังจากจบเพลงวอลทซ์ มีนักเต้นนับไม่ถ้วนกำลังบูชาท่านราวกับว่าท่านเป็นเทพเจ้าแห่งการเต้นรำของเมืองหลินไห่ ท่านมีอะไรที่จะพูดกับพวกเขาบ้างไหมคะ?” ชานตงคงยังคงสัมภาษณ์อย่างต่อเนื่อง อูนาต้องการเดินขึ้นไป และแทงเธอที่ด้านหลัง ‘บ้าเอ๊ย! แม่ง! ทุกคนได้บอกไปแล้วว่า การแสดงครั้งนี้เป็นการให้กำลังใจเพื่อนที่ดีเท่านั้น แต่เธอไม่คิดที่จะทำตามกระแส และสัมภาษณ์ฉัน!? ฉันเป็นคนนำนะ! ฉันเป็นนักร้องนำของการแสดงคอนเสิรต์ครั้งนี้เชียวนะ!!’

“สำหรับความชื่นชอบของทุกคน ผมสามารถตอบรับได้เพียงสิ่งนี้เท่านั้น สำหรับชื่อเสียงเทพเจ้าแห่งการเต้นรำ มันดูมากเกินไปสำหรับผม ผมแค่เพียงรู้จักการเต้นรำเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง…” ถึงแม้ว่าเย่ฉางจะพูดออกมาอย่างสุภาพ แต่เขาก็ยังคงเล่นกับหมวกของเขาด้วยรอยยิ้มที่เฉยเมย

“ทำไมเธอถึงไม่ถามหลินหลี่บ้างล่ะ!” หลินหลี่กระโดดออกมาแสดงความไม่พอใจ

“แค่ก แค่ก พี่ใหญ่หลี่ คุณมีชื่อเสียงอยู่แล้ว คุณได้รับการโหวตเป็นบุคคลอันดับ 1 ที่พวกโอตาคุผู้หญิงนับไม่ถ้วนอยากกินเลยนะคะ ฉันเห็นสิ่งนี้ด้วยสายตาของฉันเอง ขนาดเพื่อนร่วมห้องของฉันยัง ‘ชิม’ ภาพโฮโลแกรมของพี่ด้วยเลยนะ…” ชานตงตงหลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมา คำพูดที่เธอพูดไม่ได้เป็นคำชมเชย แต่มันเป็นความจริงล้วนๆ พวกสาวๆโอตาคุหลายคนที่ไม่เคยชอบใครง่ายๆ กำลังบูชาเขาราวกับเป็นพระเจ้าเลยทีเดียว ถึงขนาดที่บางคนเพียงแค่ได้ยินเสียงแปลกๆของเขา ก็มีอารมณ์และแสดงท่าทางแปลกๆกันแล้ว

“คาดว่าน่าจะเป็นเพราะนิสัยใจคอของพี่ใหญ่หลี่คนนี้ จึงทำให้พวกเธอชอบผม” หลินหลี่ก้าวไปด้านข้างด้วยความพึงพอใจ

จางเจิ้งเฉียงที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังคิดออกมาอย่างขมขื่น ‘ทำไมฉันถึงไม่เรียนรู้ทักษะที่เกี่ยวกับศิลปะการแสดงกันนะ! ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะเรียนรู้การเล่นแซ็กโซโฟน!!’

ในตอนแรก เธอมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการสวมใส่ผ้าคาดหัวที่เย่ฉางมอบให้กับเธอ แต่ตอนนี้เมื่อเธอเห็นสูทสีดำ หมวกสีดำ และถุงมือสีขาว ที่ดูเหมือนกับสุภาพบุรุษปีศาจของเย่ฉาง ทำให้เธอชื่นชมเขาจากใจจริง การที่ชอบทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากราวกับว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษปีศาจที่ท่องราตรีไปในยามค่ำคืน

อูนาอยากจะทุบกีตาร์ไฟฟ้าไปที่หัวของชานตงตง ‘ตาฉัน!! เมื่อไหร่จะถึงตาฉันซะที!!’

ในที่สุดชานตงตงก็หันมา และเริ่มสัมภาษณ์อูนา “เกี่ยวกับทีม T-105, ลุงฟรอสเลอร์ และลุงแพนตี้ที่ให้ความช่วยเหลือคุณเป็นอย่างมากนั้น คุณมีอะไรที่ต้องการจะพูดกับพวกเขาบ้างไหมคะ?”

“ฉันรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งที่พวกเขาได้ช่วยเหลือฉัน ฉัน…” อูนายังพูดไม่ทันจบก่อนที่ชานตงตงจะขัดจังหวะเธอ “เอาล่ะ! การสัมภาษณ์ของเราก็สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้นะคะ พบกันอีกครั้งในข่าวใหม่ครั้งต่อไปนะคะ ตอนนี้ชานตงตงต้องไปก่อนแล้วนะคะ! บ๊ายบายค่ะ~!”

อูนาระเบิดความโกรธ และคว้ากีตาร์ไฟฟ้าของเธอ ‘แม่งเอ๊ย! นี่คือโชว์ของฉันนะ! ฉันเป็นผู้จัดงาน! ฉันเป็นผู้จัดงานนะโว้ย!!!’ FrozenCloud รีบเข้าไปรั้งเธอไว้

ชานตงตงได้รับลายเซ็นของเย่ฉาง, หลินหลี่, ลุงฟรอสเลอร์ และลุงแพนตี้ จากนั้นเธอก็ถ่ายภาพกลุ่มร่วมกับพวกเขา และเต็มไปด้วยความพึงพอใจอย่างมาก อูนาจ้องมองไปที่หลังเธอด้วยความเกลียดชัง

เย่ฉางนำทุกคนไปที่ร้านของเถ้าแก่หวังเพื่อเฉลิมฉลอง อูนาถอนหายใจ การแสดงของเธอถูกขโมยไปโดยพวกเขาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะให้การแสดงเป็นไปได้อย่างราบรื่น และด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ดี อย่างน้อยมันก็คุ้มค่ามาก! ทุกคนได้รับขนมปังปิ้ง ลุงฟรอสเลอร์ และลุงแพนตี้แข่งขันกันดื่มเหล้า แต่จบลงด้วยการเมาทั้งคู่

อูนามองพวกเขายืนเคียงบ่าเคียงไหล่กัน เดินเอนเอียงส่ายไปมาในขณะที่พวกเขาทั้งคู่เดินจากไป “พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ…”

“การเผชิญหน้ากันระหว่างฟรอสเลอร์กับแพนตี้ ล้วนเกิดขึ้นมานานเกือบ 20 ปีแล้ว พวกเขาไม่มีมิตรภาพต่อกันหรอก แต่อาจจะเป็นการเห็นใจซึ่งกันและกัน ฟรอสเลอร์เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของฉัน เหตุผลที่ทำให้เขากลายเป็นแบบนี้อาจไม่ใช่แบบที่พวกเธอคิดกันอยู่ ความรักครั้งแรกของเขาคือหญิงเหล็กไป๋หลี่ซิ่ว เธอเป็นหัวหน้าคณะกรรมการวินัย แม้ว่าเธอจะสวย แต่ทุกคนนั้นเกลียดเธอมาก ไม่เว้นแม้แต่เด็กผู้ชาย เพราะเธอเป็นคนที่รุนแรงมากเกินไป เธอไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลย แต่เธอกลับมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับฟรอสเลอร์ ในเวลานั้นฟรอสเลอร์เป็นขโมยที่มีชื่อเสียงมาก แม้แต่หัวหน้าแก๊งค์ยังต้องเคารพเขา เพราะชื่อเล่นของเขาคือ‘แมวภูเขา’ เขาเป็นเหมือนกับชื่อของเขา ที่แม้แต่เสือโคร่งหรือสิงโต ก็ยังอาจถูกกัดตายจากแมวภูเขาได้ แน่นอนว่าชื่อเรียกจักรพรรดิพระเจ้าเป็นชื่อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ชื่อแมวภูเขาเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดถึงฟรอสเลอร์ในช่วงเวลานั้น ไป๋หลี่ซิ่วมักจะตามตื้อเขาทุกๆวัน และพยายามที่จะทำให้เขาเลิกเป็นขโมย เธอจะคอยตรวจสอบเขาเพื่อให้เขาทำการบ้านทุกครั้ง เธอเป็นคนที่รุนแรง ส่วนฟรอสเลอร์ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความอดทนสักเท่าไหร่ จนถึงกับไปข่มขู่เธอ” เถ้าแก่หวังนั่งลงระลึกถึงอดีต ทุกคนตั้งใจฟังด้วยความสนใจกันอย่างมาก

“แต่ไป๋หลี่ซิ่วก็ไม่เคยยอมแพ้ ที่จริงฉันสามารถบอกได้เลยว่า ในช่วงเวลานั้นฟรอสเลอร์มีความสุขเป็นอย่างมาก เขานั้นเกิดมาในครอบครัวที่แตกระแหง แม่ของเขาเป็นคนที่ดื่มเหล้าหนักมาก เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นพ่อของเขา ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับความติดหนึบของ ไป๋หลี่ซิ่ว เขาเลยต้องการที่จะทิ้งอิทธิพลที่ไม่ดีไว้ ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงคิดว่าแมวภูเขาได้ตกต่ำลงไปแล้ว ในเวลานั้นสิงโตและเสือก็เริ่มที่จะผงาดขึ้น ในตอนสุดท้าย ที่ประตูหน้าโรงเรียนมัธยมกลางที่ 8 ไป๋หลี่ซิ่วได้เผชิญหน้ากับคนหลายร้อยคน และตำหนิพวกเขาไม่ให้ลากฟรอสเลอร์เดินไปในเส้นทางที่ไม่ดีกับพวกเขาด้วย ฉันจำเรื่องราวทั้งหมดได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เธอเป็นคนตรงไปตรงมาและเด็ดเดี่ยวมากจริงๆ จนท้ายที่สุด เธอก็ถูกทำร้ายจนตายโดยพวกเขาเหล่านั้น เมื่อฟรอสเลอร์เห็นร่างที่แน่นิ่งของไป๋หลี่ซิ่ว เขาโกรธมาก สัญชาตญาณของแมวภูเขาที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายได้ระเบิดออกมา เมื่อเขาหลุดออกจากความบ้าคลั่ง เขาจึงค้นพบว่าตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล และใต้เท้าของเขามีคนของแก๊งค์หลายร้อยคนกำลังส่งเสียงกรีดร้อง ฉันจำได้ว่าเห็นเขาหันหน้าเข้าหาศพไป๋หลี่ซิ่ว เขาร้องไห้จนน้ำตากลายเป็นสายเลือด ในท้ายที่สุดก็กลายเป็นว่า ไป๋หลี่ซิ่วไม่ได้ตายจริง แต่เธอตกอยู่ในอาการโคม่า ในทุกๆวัน ฟรอสเลอร์จะถอดกางเกงของเขาออก และแสดงให้เธอเห็นถึงช้างน้อยของเขา สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนี่ก็เพื่อจะพยายามปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาต่อว่าเขา จนเขาค่อยๆย้ายไปจู่โจมคนอื่นๆ และกลายเป็นหนึ่งในศิลปินแหกคอกของหลินไห่ เขายังคงปรับปรุงวิธีการที่บิดเบือนเงอะงะของเขามาตลอด แต่มันก็ผ่านมา 30 ปีแล้ว และไป๋หลี่ซิ่วก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย…” เมื่อเถ้าแก่หวังพูดจบ เขาถอนหายใจออกมา และมองไปที่ด้านหลังของลุงฟรอสเลอร์และลุงแพนตี้

 

 

 


ตอนที่ 332

 

“ฉันสัมผัสถึงมันได้ แต่ฉันไม่ได้คาดคิดว่าลุงฟรอสเลอร์จะเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวขนาดนี้” FrozenCloud เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้า อูนานึกถึงตอนที่เธอยังเด็กอยู่และกำลังเดินอยู่ในซอยคนเดียว เขาทำให้เธอหวาดด้วยช้างน้อยของเขา จนเธอร้องไห้ขี้มูกโป่ง

“ลุงฟรอสเลอร์ …” หลินหลี่มองไปที่หลังของเขาที่ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ และผมที่ชี้ตั้งเหมือนเรดาร์ของเขาก็ห้อยลงด้วยความเศร้าโศก

เย่ฉางได้แต่ถอนหายใจเท่านั้น

ณ.โรงพยาบาลฮงหยู ในเขตตะวันออกของเมืองหลินไห่

ลุงฟรอสเลอร์เดินเข้าไปในวอร์ดพร้อมกับยกขวดเหล้าขึ้นมาดื่ม เขาเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ซึ่งมีผู้หญิงวัยกลางคนนอนอยู่บนเตียงที่ขาวสะอาด เธอนอนแน่นิ่งมาก ลุงฟรอสเลอร์เปิดเสื้อโค้ทของเขาและเริ่มที่จะแผดเสียงเพื่อทำให้เธอตกใจ แต่เขาก็ค่อยๆหยุดการกระทำลง เขาถอนหายใจหนักหน่วงและกำหมัดแน่น “นี่ก็ผ่านมาตั้ง 34 ปีแล้ว คุณควรรีบตื่นขึ้นมาได้แล้ว คุณไม่เห็นฉันทำตัวลามกจกเปรตแบบนี้หรือไง? คุณจะไม่ลุกขึ้นมาลงโทษฉันบ้างหรือ!?”

น้ำตาหยดลงบนช้างน้อยของเขา ลุงฟรอสเลอร์เช็ดน้ำตาและยิ้มให้ เขานั่งลงข้างเตียงและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างเงียบๆเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เช้าวันรุ่งขึ้น

กลุ่มของเย่ฉางกำลังรับประทานอาหารเช้าในขณะที่ดูข่าวกันอยู่ ซึ่งแต่ละช่องมีรายการพิเศษมากมาย คอยรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตเมื่อคืนนี้ อูนากัดเล็บ เธอไม่สามารถหยุดเสียงคำรามในหัวใจได้ ‘ทำไมถึงไม่มีภาพของฉันบ้าง! ฉันเป็นนักร้องนำนะ! ทำไมถึงมีเพียงแค่ลุงฟรอสเลอร์ ลุงแพนตี้ และเจ้าบ้าเย่ฉางเท่านั้น และช่องข่าวเหล่านั้นก็พาดหัวข่าวว่าทีม T-105, ลุงฟรอสเลอร์ ลุงแพนตี้ และอื่นๆ … และอื่นๆน้องสาวพวกคุณสิ! สิ่งที่พวกคุณหมายถึงอื่นๆนั้น เป็นชื่อวงดนตรีของฉันนะ พวกคุณกำลังมุ่งความสนใจไปที่อะไรกัน มันยุติธรรมดีแล้วหรือ ที่จะละเลยนักร้องนำคนสำคัญที่สุดในคอนเสิร์ตนี้!?’

“บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ที่สุดของเมืองหลินไห่คือเซียงหยูเอนเตอร์เทนเม้นท์ ได้เสนอราคาสูงมาก เพื่อให้ลุงฟรอสเลอร์และลุงแพนตี้เซ็นสัญญาทำอัลบั้มเพลงในสังกัดของพวกเขา ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็กำลังมองหาคนอีกสองคนเพื่อก่อตั้งวงฟรอสเลอร์แพนตี้ขึ้นมา โดยขั้นตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา”

“นี่คือช่องหลินไห่แฟชั่น ที่จะช่วยวิเคราะห์แฟชั่นยอดนิยมในตอนนี้ให้คุณผู้ชมฟัง! เมื่อคืนที่ผ่านมาในย่านตลาดกลางคืนของเขตตะวันออก สิ่งที่เกิดขึ้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของปีนี้เลยก็ว่าได้ ตอนนี้แมรี่จะอธิบายให้ทุกคนรู้ว่า ทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นสุดฮิตของหลินไห่กัน!”

“ดิฉันรายงานจากโรงเรียนสอนเต้นรำที่ใหญ่ที่สุดในเขตตะวันตก เนื่องจากเหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมา ทำให้โรงเรียนแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลกันเข้ามาเรียนอย่างคับคั่ง ทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้-จางเหมยลี่ มีทั้งความสุขและความท้อแท้ มีความสุขเพราะทุกคนอยากจะเรียนรู้การเต้นวอลทซ์ แต่ที่รู้สึกท้อแท้ก็เป็นเพราะทุกคนอยากจะเรียนรู้การเต้นที่น่าหลงใหลแบบอาชูร่าขาว ซึ่งทำให้เธอหมดหนทาง เอาล่ะ! เรามาฟังนักเต้นที่ดีที่สุดของหลินไห่ได้พูดถึงการเต้นครั้งนี้กัน”

“ในบรรดาการเต้นรำ เพลงวอลทซ์อาจถือได้ว่าเป็นเพลงที่ง่ายที่สุด ส่วนใหญ่เป็นการเต้นที่ต้องหมุนไปรอบๆ แต่การเต้นรำแบบนี้ต้องใช้คนสองคนเพื่อที่จะหมุนควงเช่นนั้นได้ แต่สุภาพบุรุษปีศาจสามารถทำท่าประสานร่วมกันของสองคนได้ด้วยตัวเอง ประการแรก ความสามารถของเขานั้นสูงมาก ขั้นตอนของเขาอาจถือว่าสมบูรณ์แบบ แม้รูปแบบและท่าทางของเขาก็ยังทำให้ดูเหมือนว่า มีใครบางคนอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเต้นรำไปพร้อมกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นคืออารมณ์ที่เขาสื่อออกมา การแสดงออกที่ดูเศร้าโศก เหมือนกับว่าเขาได้เต้นรำกับคนรักเป็นครั้งสุดท้าย ทำให้มันดูเป็นมากกว่าการเต้น แต่เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าและดูหดหู่มากกว่า เมื่อการเต้นรำมีอารมณ์ความรู้สึกที่จริงใจมันจะกลายเป็นศิลปะ นั่นเป็นเหตุผลที่การเต้นวอลทซ์ด้วยตัวคนเดียวของเขาคนนี้ เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ มันสามารถเรียกได้ว่าเป็นเพลงวอลทซ์อันแสนเศร้าได้ สุภาพบุรุษปีศาจสมควรได้รับสมญานามว่านักเต้นจิตวิญญาณ ว่าแต่เขามีแฟนแล้วหรือยัง?”

“……” อูนาเห็นว่าการประเมินผลการเต้นของเย่ฉางนั้นสูงมาก แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาจะพูดถึงเธอบ้าง?

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลุงฟรอสเลอร์ ลุงแพนตี้และการแสดงของอาชูร่าขาวจะทำให้ผู้ชมตื่นหูตื่นตามาก แต่เรายังต้องขอบคุณวง Falling Sand อีกด้วย ขอบคุณพวกเขาในการเป็นแบล็คกราวน์ที่ดี ทุกคนมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพอใจ และสามารถทำให้พวกเขาระบายอารมณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่”

อูนาหักตะเกียบด้วยมือเปล่าและตะโกนว่า “ฉันเป็นนักร้องนำ! ฉันไม่ใช่แบล็คกราวน์! การแสดงครั้งนี้พวกเราเป็นคนจัดขึ้นมา! เฮ้อ! มีที่ไหนในโลกที่มีนักร้องนำเป็นแบล็คกราวน์กัน! มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!”

“มันเป็นเรื่องปกติ มันก็เหมือตอนที่เธอไปกินอาหารรสเลิศในร้านที่หรูหรา ทุกๆคนไม่ได้ทานอาหารจานหลักเสมอไปหรอก แต่อาหารจานข้างเคียงมากกว่า ตัวอย่างเช่นซุปเนื้อเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องกินเนื้อใช่ไหม แต่ทำไมมันฝรั่งที่อยู่ในนั้นกลับเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนมากกว่าล่ะ!?” เย่ฉางปลอบโยนเธออย่างสงบ FrozenCloud แข็งค้าง แต่เธอรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลมาก

อูนาไม่เข้าใจที่เย่ฉางต้องการสื่อให้ฟัง เธอจ้องที่จำนวนแฟนคลับของเธอที่มีอยู่แค่ 20000 เอง แต่ของเย่ฉางกลับมีตั้ง 2 ล้านคนแล้ว และทีม T-105 มีตั้ง 4 ล้านคน ‘ในครั้งต่อไป ฉันจะต้องกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากกว่านี้ให้ได้!’ เธอมองอย่างขุนเคืองไปยังเย่ฉาง ที่ถูกเรียกว่าสุภาพบุรุษปีศาจ จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปบนห้องสตูดิโอของเธอ

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมนานะถึงดูหงุดหงิดจัง เธอเป็นตัวเอกของงาน แต่กลับถูกคุณขโมยความสนใจไปทั้งหมด …” FrozenCloud เฝ้าดูอูนาเดินขึ้นบันไดอย่างฉุนเฉียวและถอนหายใจ

“โอกาสข้างหน้ายังมีอีกเยอะ …” เย่ฉางยิ้ม

ในอีกสองสามวันต่อมา ทุกคนเล่นบนชายหาดอย่างมีความสุข พวกเขาเพลิดเพลินไปกับวันหยุดฤดูร้อนของตัวเอง

ณ.เมืองหลี่เฟิงในโลกเสมือน การแข่งขันลีคระดับ A กำลังจะจัดขึ้นที่จัตุรัสหลี่เฟิง

จัตุรัสหลี่เฟิงเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันลีคระดับ A ประจำปีนี้ ThornyRose จึงพาทุกคนจาก Thorns and Roses ไปที่จุดตรวจสอบความปลอดภัย หลังจากตรวจสอบตัวตนของผู้เข้าร่วมแข่งเสร็จแล้ว ทุกคนก็เดินเข้าไป

ThornyRose นำเย่ฉางและคนอื่นๆที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ไปยังห้องพักของสโมสร สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเย่ฉางคือ พวกเขาอยู่ใกล้กับห้องพักของสโมสร Freedom Alliance ซึ่งยิ่งใหญ่และงดงามกว่าห้องพักของพวกเขามาก เมื่อเทียบกันแล้ว ห้องพักของ Thorns and Roses ดูเป็นห้องยิมเสียมากกว่า

หลินหลี่มอง ThornyRose และถามว่าทำไมห้องพักของพวกเขา ถึงเหมือนเป็นพระราชวัง ในขณะที่ของพวกเรารู้สึกเหมือนเป็นห้องน้ำสาธารณะ …

ElegantFragrance หัวเราะเบาๆ “หึหึ คำอธิบายของนายนั้นเหมาะสมจริงๆ มันเป็นเพราะหัวหน้าสโมสรของเราไม่มั่งคั่งเหมือนคนอื่นๆ …

“เรามาที่นี่เพื่อแข่งขันไม่ได้มาเพื่อพักผ่อน ทำไมต้องจู้จี้จุกจิกด้วย จริงๆแล้วในตอนนี้ก็ถือว่าดีกว่าอดีตอย่างมากแล้ว ในตอนนั้นเรามีหนี้มาก หัวหน้าสโมสรคนเก่าจึงแทบขายสิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งหมดทิ้งไป ทิ้งไว้เพียงสิ่งจำเป็นจริงๆเท่านั้น” ThornyRose พูดอย่างไม่สบายใจ

NalanPureSoul และคนของสโมสร Freedom Alliance เดินเข้ามาทักจากด้านข้าง “พี่ชาย Pale Snow …”

เย่ฉางมองไปที่ NalanPureSoul และยิ้ม “โอ้ว! น้องชาย PureSoul นี่เอง”

ทั้งสองเริ่มจ้องกันเป็นเวลานาน ThornyRose รู้สึกสับสนเล็กน้อย ‘ทำไมพวกเขาถึงต้องสบตากันนานแบบนี้ด้วย? อย่าบอกนะว่ามันเป็น…?’

NalanMoon พูดไม่ออก ‘พวกนายต้องสบตาอย่างมีความสุขมากแบบนี้ ในทุกครั้งที่เจอกันเชียวหรือ??’ เธอมองไปที่ ThornyRose และล้อเลียนว่า “เธอเหมาะกับการอยู่ห้องแบบนี้จริงๆเธอช่างเป็นหัวหน้าสโมสรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ…”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย มันก็แค่ห้องพักที่ไว้พักตอนรอแข่งเฉยๆ พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ” ThornyRose เร่งทุกคนให้เข้าห้อง เธอตัดสินใจแล้วว่า คราวหน้าเธอจะแก้ไขปัญหานี้อย่างแน่นอน เพราะของประดับตกแต่งในห้องพักนั้น มันก็เหมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศของสโมสร แต่ตอนนี้เธอแค่ขาดเงินเท่านั้นเอง แม้ว่าจะยังคงเป็นไปไม่ได้ ที่จะหรูหร่าเหมือนห้องพักของ Freedom Alliance ก็ตามที

ทั้งสองทีมแยกกันและเข้าห้องพักของตนเพื่อรอการแข่งขัน ElegantFragrance และ FrozenBlood ซึ่งเป็นสองคนสุดท้ายที่กำลังจะเข้าห้องไป ได้เห็นพรรคของเย่ฉางเดินตาม NalanPureSoul เข้าไปยังห้องพักสุดหรู พวกเธอสองคนคิดสักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามพวกเย่ฉางไป

ThornyRose มองเมนูการตั้งค่าของห้องพัก ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดสามารถซื้อได้ที่นี่ เธอหันกลับมาและตกใจ ‘ทุกคนอยู่ที่ไหนกัน? ทำไมถึงมีคนจำนวนมากหายไป? หรือว่าพวกเขายังคงยืนอยู่ข้างนอกห้อง?’

“พี่สาวโรส ฉันเห็นหัวหน้าทีม พี่สาว ElegantFragrance และ FrozenBlood ไม่ได้เดินตามพวกเราเข้ามา พวกเขาเข้าไปในห้องของ NalanPureSoul …” KittyKat พูดอย่างหมดเรี่ยวแรง

“เจ้าพวกบ้า! ไอ้คนชั้นต่ำ, เด็กสาวเจ้าเล่ห์, พวกซุบซิบ …” ThornyRose กัดฟันแน่น จากนั้นมีเสียงเตือนข้อความดังขึ้นมา เธอได้รับข้อความและภาพจาก FrozenBlood เธอสงสัยจึงเปิดมันดู

“เราอยู่ที่นี่สบายใจกว่า อย่าตามหาพวกเราเลย เราจะไปพบเธอที่จัตุรัสในภายหลังเอง จุ๊บๆ…”

มันเป็นภาพของคนไม่กี่คนที่กำลังดื่มไวน์ ซึ่งเป็นของอันล้ำค่าแห่งโลกเสมือนจริง พวกเขาเพลิดเพลินไปกับความฟุ่มเฟือยและหรูหราเหล่านั้น ในขณะที่พวกเขาคุยกับศัตรูอย่างมีความสุข ThornyRose เริ่มสั่น ‘ทำไมฉันถึงมีเพื่อนและเพื่อนร่วมทีมแบบนี้กัน!’

DyedLily ตบไหล่ของ ThornyRose เบาๆ “ใจเย็นๆก่อน อย่าโกรธไปเลย ปรับอารมณ์ของเธอให้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดก่อนการแข่งขันจะเริ่มซะ ส่วนฉันขอตัวออกไปเดินเล่นก่อน …”

ThornyRose เอื้อมมือออกไปคว้า DyedLily ไว้อย่างแน่นหนาในอารมณ์ที่ไม่ดี “เธออย่าคิดจะทิ้งฉันไปเหมือนกับพวกนั้น คุณสาวๆทั้งหลายด้วย ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไปทั้งนั้น …”

DyedLily และหญิงสาวคนอื่นๆถอนหายใจ และนั่งลงเล่นเกมกระดานด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

ณ.ห้องพักของ Freedom Alliance

“หัวหน้าทีม คุณคิดว่า Thorns and Roses ของเราจะไปไกลได้แค่ไหน และคุณมีความคิดอะไรดีๆบ้างไหม!? ” NalanMoon ถามขณะที่กินผลไม้

“ฉันไม่มีคิดอะไรดีๆเลย แต่ฉันคิดว่าพวกเราอาจจะได้แชมป์ SpyingBlade พี่คิดยังไง?” เย่ฉางยักไหล่และพูดอย่างไม่แยแส

“การเป็นแชมป์อาจจะไกลเกินไป เพราะยังมี Flame Dragon Union อยู่ แต่การได้สิทธิ์เข้าร่วมสงครามคริสต์มาสครั้งยิ่งใหญ่น่าจะเป็นไปได้” SpyingBlade ที่นั่งบนเก้าอี้นวมตอบขึ้นมา

“คุณขาดความทะเยอทะยานเกินไป! ถ้าพี่ใหญ่ขาวพูดว่าจะได้แชมป์ เราก็ต้องได้แชมป์!” หลินหลี่พูดแทรก

NalanMoon และ NalanMight รู้สึกเยาะเย้ยอยู่ในใจ ‘พวกเขาหวังสูงเสียจริงๆ พวกเขาพูดเหมือนกับว่าอีกสามสโมสรใหญ่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย? อย่างไรก็ตามความหยิ่งของ SpyingBlade เป็นที่รู้จักกันดี ความพ่ายแพ้ของ Misty Rain House ที่แพ้ให้กับ Falling Star Pavilion นั้นเป็นเพราะพวกเขาประเมินผู้ชายคนนี้ต่ำไป สาเหตุเพราะว่าเขาเป็นมือใหม่ และด้วยการที่เขาไม่ใส่ใจในการฝึกซ้อม ทำให้ข้อมูลของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ระดับกลางๆเท่านั้นเอง ทำให้คิดว่าเขาไม่สามารถสร้างความแตกต่างในการแข่งได้ ด้วยเหตุนี้ MistyVeil จึงถูกลอบสังหารโดยเขาคนเดียว และเขากลายเป็นวีรบุรุษของ Falling Star Pavilion ไป นับตั้งแต่นั้นมา สโมสรทั้งหมดต่างเฝ้าระวังเขา อย่างไรก็ตาม NalanMoon เธอนั้นกังวลเกี่ยวกับตัวละครคลาส S -จ้าวแห่งหมัดของจางเจิ้งเฉียงมากกว่า สำหรับหลินหลี่นั้น NalanMoon ไม่สามารถพูดได้เต็มปากจริงๆ เธอไม่สามารถให้การประเมินผู้ชายคนนี้ได้เลย

“มันขนาดนั้นเลย? แล้วเราจะรอดู …” NalanPureSoul ยิ้มอย่างสง่างาม

FrozenBlood หรี่ตามองไปที่ NalanMoon อย่างมีเลศนัย ส่วน ElegantFragrance ดูเหมือนจะไม่สนใจใคร เธอเพียงลูบกรงเล็บของเธออย่างสงบ แต่สิ่งที่ทำให้ FrozenBlood และคนอื่นๆรู้สึกแปลกๆก็คือ ประกายไฟที่เกิดขึ้นระหว่างหัวหน้าทีมและ PureSoul มันมีบางส่วนที่ดูคลุมเครือ

“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ!” NalanBeauty เตือนขึ้น ทำให้บรรยากาศหมดไป พวกเขาออกจากห้องพักและมาถึงจัตุรัส เย่ฉางมองไปที่ทีมยักษ์ใหญ่ทั้งหมดและเดินตาม FrozenBlood เพื่อไปหาทีมของพวกเขา พวกเขาได้รับการทักทายโดย ThornyRose ที่กำลังกัดฟันแน่น เย่ฉางจึงพูดอย่าเฉยเมยว่า “อันที่จริงแล้ว ห้องนั้นก็ไม่ได้หรูหรามากนัก ฉันแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้นเอง …”

“ฉันด้วย …” FrozenBlood กล่าว

“เช่นกัน …” ElegantFragrance ยักไหล่

“พวกเธอ …” ThornyRose หายใจเข้าลึกๆ ‘ตอนนี้เป็นพิธีเปิดการแข่งขัน ฉันไม่สามารถระเบิดอารมณ์ขึ้นมาได้ ใจเย็นๆเข้าไว้ รักษาภาพลักษณ์ที่ดีเข้าไว้’

 

 

 


ตอนที่ 333

 

พิธีเปิดงานเริ่มต้นขึ้น นักแสดงชั้นนำของจีนต่างขึ้นมาโชว์การร้องเพลงและการแสดงต่างๆบนเวที คนสุดท้ายที่จะขึ้นเวทีคือ ผู้หญิงผมยาว มีใบหน้ารูปไข่และหน้าตาสะสวยงดงามราวกับเทพธิดา แม้แต่เย่ฉางยังรู้จักคนๆนี้เลย เธอเป็นหนึ่งในดาราที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน – ซูหยี่ยี่ เธอได้รับการโหวตให้เป็นราชินีแห่งวงการภาพยนต์ถึงสองครั้ง นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมสามครั้ง และนักร้องหญิงยอดเยี่ยมสามครั้ง แม้กระทั่งเย่ฉางยังได้ดูละครเรื่อง ‘การป้องกันที่ยิ่งใหญ่ของชาวนา’ ที่เธอแสดงอีกด้วย

“อันที่จริงแล้วพิธีกรในปีนี้คือน้องสาวหลี่ ฉันคิดว่าทุกคนคงต้องรู้จักเธอดี แต่ตอนนี้เธออยู่ในช่วงฮันนีมูน ดังนั้นวันนี้ฉันจึงมารับทำหน้าที่แทนเธอ โปรดยกโทษให้ฉันด้วย ถ้าฉันทำอะไรผิดพลาดไป ~” ซูหยี่ยี่ยิ้ม

ข้างๆเธอเป็นผู้บรรยายที่เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและผู้คนต่างเรียกว่า พี่ใหญ่เฉา-เฉาหยิงปิง การแสดงออกของเขาดูจริงจังมาก ในขณะที่เขาสวมชุดนอนและหมวกนอนซึ่งเป็นเครื่องหมายทางการค้าของเขา “ผู้บรรยายปีนี้ยังคงเป็นผมกับพี่ใหญ่จงเหมือนเดิม ในปีที่แล้วทีม Flame Dragon Union ได้ทำผิดพลาดในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ และ VastSea ก็น่ากลัวเกินไป ด้วยเหตุนี้ ผมจึงแพ้พนันต่อพี่ใหญ่จง โดยการที่ผมต้องไม่เสนอหน้ามาให้เขาเห็นอีกเป็นเวลาถึงครึ่งปี แต่ในปีนี้ผมก็ยังคงคาดการณ์ว่า Flame Dragon Union จะคว้ามงกุฎแชมป์!”

“โอ้ว! ฟังจากคำพูดของคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะมั่นใจมาก ฉันจำได้ว่า ถ้า Flame Dragon Union ไม่สามารถคว้าแชมป์ในปีนี้ได้ จะมีเกมการลงโทษเกิดขึ้น!” พี่ใหญ่จงซึ่งเป็นผู้บรรยายอีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อคลุมลายดอก แต่ผมของเขาเป็นสีทองที่ดูมีสีสัน

“เทพธิดาหยี่ยี่ ทีมไหนที่คุณมองว่าจะเป็นผู้ชนะในปีนี้? ทุกคนรู้ดีว่า คุณเป็นนักพนันตัวยงเลยทีเดียว แต่ปีที่แล้วคุณพนันแพ้ไป ทำให้คุณสูญเสียเงินไปตั้ง 1 พันล้านดอลล่าห์นิ” คำพูดของพี่ใหญ่จงทำให้ซูหยี่ยี่อับอาย “ปีนี้ฉันยังคงเดิมพันข้างทีม Flame Dragon Union จะดีร้ายยังไง ฉันก็ยังคงเป็นแฟนฮาร์ดคอร์ของทีม Flame Dragon Union …”

“คู่แรกเป็นการแข่งขันระหว่างทีม Thorns and Roses vs Broken Halberd! อัตราเดิมพันคือ 1: 2! วางเดิมพันของคุณได้เลย!” พี่ใหญ่เฉาตะโกนแทรกขึ้นมา

“ฉันวางเดิมพันข้าง Thorns and Roses 30 ล้าน!” คิ้วของซูหยี่ยี่ยกขึ้น แต่เมื่อเห็นผู้บรรยายสองคนข้างๆจ้องมองเธอขึ้นมา เธอได้แต่กระแอมอย่างกระอักกระอ่วน “เอาล่ะ! ในตอนนี้การแข่งขันลีคระดับ A ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วค๊าา!”

“มันเริ่มต้นขึ้นแล้ว ศัตรูทีมแรกของเราคือทีม Broken Halberd หลังจากนั้นพวกเราก็คงไปเจอกับทีม Violent Sand, Sad Wind หรือไม่ก็ทีม Autumn Autumn เอาล่ะ! ขอให้ทุกคนทุ่มแสดงฝีมือออกมาอย่างเต็มที่” ThornyRose ตบมือของเธอ

“อย่าดูถูกทีม Broken Halberd มากจนเกินไป มีคนบอกว่าในปีนี้ทีม Broken Halberd ได้รับผู้เล่นใหม่ที่มีฝีมือโดดเด่นมาก …” ผู้เชี่ยวชาญด้านการซุบซิบ ElegantFragrance กล่าว

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มันก็คงจะน่าสนุกที่เราจะทำลายความเชื่อมั่นของพวกเขา” FrozenBlood ยิ้ม

เย่ฉางมองฉากรอบๆตัว ‘นี่คือสิ่งที่เรียกว่าลีคอาชีพสินะ มันช่างน่าตื่นเต้นมากจริงๆ’

“เอาล่ะครับคุณผู้ชม การแข่งขันรอบแรกของทุกทีมได้รับการประกบคู่เสร็จหมดแล้ว คู่แรกจะเป็นศึกระหว่างทีม Thorns and Roses vs Broken Halberd เอาล่ะ! เราจะมาลองวิเคราะห์ก่อนเกมการต่อสู้กัน ในปีนี้ทั้งสองทีมต่างมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา แต่ทีม Thorns and Roses มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก พวกเขารับสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะเข้ามาร่วมทีม … ถึงแม้ว่าทั้งสามพี่น้องจะมีผลงานและมีชื่อเสียงในเกมมากแค่ไหน แต่กับการแข่งขันลีคสโมสรแบบนี้ เราต้องมองความจริงว่า พวกเขาก็ยังคงเป็นได้แค่มือใหม่อยู่ดี มาดูกันสิว่าการตัดสินใจของ ThornyRose จะเฉียบคมแค่ไหน? ส่วนผู้เล่นมือใหม่ของทีม Broken Halberd ในปีนี้นั้น เป็นผู้เล่นที่ได้อันดับสามในการแข่งขันมือใหม่แห่งปี ดังนั้นเธอจึงมีประสบการณ์มากกว่า และเมื่อเปรียบเทียบผู้เล่นทั้งสองทีมแล้ว นอกเหนือจากสามพี่น้องที่ไม่รู้ว่าจะมีฝีไม้ลายมือมากแค่ไหน ทีม Thorns and Roses ก็ยังมี Miss Rose – ThornyRose, Night Empress – FrozenBlood และ The Hundred Flower Archer – ElegantFragrance ทั้งสามคนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีตัวละครแร็งค์ S แค่พวกเธอสามคนนี้ ก็เพียงพอที่จะนำทีมไปถึง 8 อันดับแรกได้ แม้ว่าจะไม่ได้พบกับทีมที่แข็งแกร่งมากก็ตามที” พี่ใหญ่เฉาพูดพร้อมกับถูหมวกนอนของเขา

ThornyRose กัดฟันแน่น นี่คือจุดอ่อนของ Thorns and Rose จริงๆ ในปีที่แล้วถึงแม้ว่าพวกเธอจะสามารถเข้าสู่ท็อป 8 ได้ แต่ก็เป็นดั่งเช่นผู้บรรยายพูดไว้จริงๆ ปีนั้นพวกเธอไม่ได้เจอกับทีมที่แข็งแกร่งเลย และขณะที่พวกเธอได้พบกับทีมที่แข็งแกร่งอย่างทีม Slaughterhouse พวกเธอก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ นั่นทำให้เธอตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างอุดมคติและความเป็นจริงได้

“อย่าดูถูกทีม Thorns and Rose มากจนเกินไปนัก ThornyRose, FrozenBlood และ ElegantFragrance เป็นผู้เล่นชั้นยอดก็จริง แต่ส่วนที่เหลือของสโมสรนั้น อ่อนแอมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หัวหน้าสโมสรคนก่อนปลดประจำการไป แต่อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็เร็วนี่แหละ ดอกไม้ทั้งสามดอกจะบานสะพรั่งขึ้นมาอีกครั้ง …” พี่ใหญ่จงยิ้ม

“โดยแท้จริงแล้ว บรรดาผู้เล่นหญิงคือ ThornyRose และ FrozenBlood เป็นที่รู้จักกันในชื่อคู่หูทองคำ พวกเธอไม่เคยออกจากกันและกัน ความรักที่พวกเธอมีต่อกันนั้น แข็งแกร่งยิ่งกว่าทองคำเสียอีก ซึ่งเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของเหล่าเลสเบี้ยน …” ซูหยี่ยี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เฮ้! เทพธิดาหยี่ยี่ ข้อมูลที่เธอพูดไป มันล้าหลังไปมากแล้ว? ในตอนนี้ ThornyRose มีคู่หมั้นอยู่แล้ว ซึ่งก็คือพี่ใหญ่วีรษุรุษแห่งสามพี่น้องหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ เธอได้ทอดทิ้ง FrozenBlood ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว …” พี่ใหญ่จงช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอ

“อะไรนะ!? มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ฉันยุ่งอยู่เมื่อสองเดือนที่แล้วกัน!? ฉันเป็นแฟนคลับของคู่เลสเบี้ยนนี้! ฉันผิดหวังมากๆเลย ฉันจะต่อต้านแฟนใหม่ของเธอให้ถึงที่สุด …” ซูหยี่ยี่ร้องไห้

บนสนาม ThornyRose พูดอะไรไม่ออก ‘คุณหมายถึงอะไร เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของเหล่าเลสเบี้ยน! ฉันไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ! ใครกระจายข่าวลือนี้! อย่าให้ฉันจับตัวได้เชียวนะ!’

ElegantFragrance จามขึ้นมา ‘สงสัยจะมีคนคิดถึงฉันอยู่แน่ๆ?’

ThornyRose มองหัวหน้าทีม Broken Halberd – HalberdInSand ซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถมาก เขานำทีมที่อยู่ในลีคระดับ B จนขึ้นมาอยู่ในระดับ A ได้ แม้แต่ผู้เล่นมือใหม่ที่ได้อันดับสามก็ยังอยากที่จะเข้าร่วมทีมด้วย สายตาของเธอจ้องมองไปที่มือใหม่ที่เล่นตัวนักเวทธาตุ เธอมีชื่อว่า CapableLiu เห็นได้ชัดว่าทั้งทีม Misty Rain และ Freedom Alliance ต่างก็ต้องการจะเชิญเธอ แต่เธอก็ยังยืนยันว่าจะเข้าร่วมทีมระดับ B เท่านั้น มันไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ หรือว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับอาชีพการงานของเธอ?

“ใครจะคาดคิดว่า เราจะพบกับทีมระดับสูงในรอบแรกเช่นนี้ … โปรดออมมือให้เราด้วย …” ชายหัวโล้นที่ชื่อว่า HarberdInSand โอบกอด CapableLiu และพูดด้วยรอยยิ้ม

“พวกเขามีความสัมพันธ์แบบนี้ …” ThornyRose ตกตะลึง จากนั้นเธอก็พูดอย่างเงียบๆว่า “คุณก็เช่นกัน …”

รอบแรก ThornyRose กะจะให้ FrozenBlood หรือ SpyingBlade ขึ้นไปประลองก่อนเพื่อเป็นการแสดงพลังข่มขวัญคู่ต่อสู้ แต่ก่อนที่เธอจะออกคำสั่ง จางเจิ้งเฉียงเริ่มเดินไปที่เวทีประลองแล้ว “ได้เวลาที่ฉันจะเจิดจรัสแล้ว…”

ThornyRose หัวเราะเจื่อนๆ มันก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก เจ้าหมียักษ์ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเปิดตัวการประลองรอบแรกแบบนี้ แม้แต่ FrozenBlood ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย การพูดว่าเขามีพรสวรรค์ระดับราชันสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่พูดเกินจริงนัก

“พี่ใหญ่เฉียง พี่ใหญ่เฉียง! ถ้าพี่ใหญ่ขาวไม่ได้ขึ้นไปเป็นคนแรก พี่ปล่อยให้ผมขึ้นไปเป็นคนแรกได้ไหม! น่านะๆๆ ให้ผมเป็นคนแรกนะ~!” คำพูดของหลินหลี่ทำให้จางเจิ้งเฉียงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “ให้ตายสิ ฉันปฏิเสธนายไม่ได้สักครั้งเลยจริงๆ เอาล่ะ! นายขึ้นไปได้แล้ว แล้วคนต่อไปจะเป็นฉัน”

หลินหลี่รีบวิ่งขึ้นไปบนเวทีประลอง

“เฮ้!!” ThornyRose อยากจะหยุดเขาไว้ แต่ไม่สามารถไปหยุดยั้งเขาได้ทัน เธอจึงจำใจปล่อยให้หลินหลี่ขึ้นไปประลองบนเวที!? ตัวละครทั้งมือระเบิดและนักรบดาบยักษ์ไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ตัวต่อตัวแบบนี้ แต่เธอเห็นว่าระบบได้รับการอนุมัติแล้ว เธอเพียงยิ้มอย่างหมดหนทาง ‘ดีนะที่รอบสองเป็นเจ้าหมียักษ์ ส่วนฉันจะเป็นคนที่สาม’

หลินหลี่เลือกตัวละครนักรบดาบยักษ์ เขาสวมเกราะหนักและดาบขนาดใหญ่ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม

“ฮ่าๆๆ ทีม Thorns and Roses จบสิ้นแล้ว สามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ อาจจะมีโชคมากมายในเกมนี้ แต่ความโชคดีมันใช้ไม่ได้กับการแข่งขันระดับสโมสร! พวกเขาคงคิดจริงๆว่าพวกเขาสามารถทำตัวอวดเก่งเหย่อหยิ่งได้ เพียงเพราะพวกเขามีชื่อเสียง? พวกเขาเลือกตัวละครนักรบดาบยักษ์!? มันเป็นตัวละครที่ถูกลืมเลือนไปแล้ว? มันไม่ถูกเลือกใช้มาตั้งพันปีแล้ว! สมกับเป็นปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งจริงๆที่เลือกตัวละครนี้ เขาเป็นได้แค่คนโง่เง่า!”

“พ่อนายสิ! นายคิดว่าพี่ใหญ่หลี่คือคนที่นายสามารถดูถูกได้งั้นหรือ!? พี่ใหญ่หลี่ต้องเลือกตัวละครตัวนี้ เพื่อการก้าวขึ้นเป็นระดับแนวหน้าด้วยเหตุผลบางอย่างแน่ๆ แต่ถึงแม้ว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ตามที แต่กลุ่มแฟนคลับของเราจะสนับสนุนสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะอย่างถึงที่สุด! พี่ใหญ่หลี่ไม่ใช่คนโง่เง่า นายนั่นแหละมีตากลับหามีแววไม่ พี่ใหญ่หลี่เพียงแค่จะทำให้ตัวละครนี้กลับมาเป็นตัวละครยอดนิยมอีกครั้ง ไปตายซะไอคนปากเสีย! เฮ้! เหล่าพี่น้องทั้งหลาย มาชูนิ้วกลางให้แก่ผู้ชายคนนี้กันเถอะ!”

“ฮ่าฮ่า ตัวละครนักรบดาบยักษ์! สหพันธ์ยังไม่ได้ลบข้อมูลตัวละครนี้อีกหรือ!?… พี่ใหญ่จง คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับการเลือกของทีม Thorns and Roses ที่ใช้ตัวละครนี้เป็นทัพหน้า” พี่ใหญ่เฉาอดที่จะหัวเราะเยาะไม่ได้

“จริงๆแล้วฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตัวละครนักรบดาบยักษ์นั้น ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันเป็นทีม แต่ในการการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งแบบนี้นั้น มันจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เว้นเสียแต่ว่าเขาจะสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้จริงๆ และได้รับผลประโยชน์ของบัฟที่ได้จากการฆ่า บัฟนั้นมันจะเพิ่มทั้งค่าสถานะและความเร็วขึ้นมาใช่ไหม? แต่ด้วยพื้นฐานของตัวละครนี้ มันมีความเร็วที่ช้ามาก และมีเพียงหนึ่งสกิลการเคลื่อนไหวที่ไม่ใช่การเทเลเพอร์ทอีกด้วย แต่จุดเด่นของมันคือมีพลังทำลายล้างที่สูง และยังมีความสามารถเจาะเกราะได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เรามีเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้นั้นมีไม่มากนัก …” พี่ใหญ่จงยกคิ้วขึ้นและรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“ฉันประหลาดใจมากจริงๆ ที่จะได้เห็นมีคนใช้ตัวละครนักรบดาบยักษ์ … ฉันเคยแต่ได้ยินเรื่องราวตำนานของมันมาก่อน แต่ฉันไม่เคยเห็นใครใช้ตัวละครนี้เลยจริงๆสักครั้ง …” ซูหยี่ยี่พูดด้วยความตื่นเต้น

“ผู้คนส่วนใหญ่ก็คิดเช่นเดียวกับคุณ อาจจะประมาณ 100% เลยด้วยซ้ำ” พี่ใหญ่เฉาอดที่จะพูดให้ดูตลกออกมาไม่ได้ นักรบดาบยักษ์เคยปรากฏตัวเพียงครั้งเดียว และก็ไม่ได้รับการวิจารณ์ที่ดีมากนัก ไม่มีใครแม้แต่จะใส่ใจในการวิจัยจุดอ่อนของมันเลย จนทำให้มันเป็นหนึ่งเดียวจากตัวละครแร็งค์ S ทั้งหมด ที่เสี่ยงต่อการถูกลบทิ้ง

“ฝั่งตรงข้ามได้เลือกแอสซาซินที่มีความรวดเร็วสูงมาก – BitterBuckwheatNoodles เฮ้อ! การต่อสู้รอบนี้รู้ผลแล้วล่ะ” พี่ใหญ่เฉาถอนหายใจ

หลินหลี่มองไปที่แอสซาซิน เขายืนนิ่งอยู่กับที่และลากดาบยักษ์ไว้ข้างหลังเขา แอสซาซินพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงมาก แต่หลินหลี่รู้สึกราวกับว่า เขาไม่ได้ให้ความสนใจความเร็วระดับนี้ของแอสซาซินเลย

“ไม่เลวเลย เขาไม่ได้เลือกบุ่มบ่ามที่จะเข้าปะทะดื้อๆ เมื่อต้องต่อสู้กับศัตรูที่มีความเร็วมากเช่นนี้แล้ว ตัวละครประเภทอาวุญหนักถ้าขืนยังคงบุ่มบ่ามเข้าไป มีเพียงแต่ความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว มีเพียงแต่ Angelite คนเดียวเท่านั้นที่รับมือกับศัตรูที่มีความเร็วมากขนาดนี้ได้ เขาคนนี้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้หรอก” พี่ใหญ่เฉาพูดเยาะเย้ย

“นี่มัน!” ซูหยี่ยี่เฝ้าดูการจู่โจมอย่างฉับพลันของแอสซาซิน แต่เธอเห็นหลินหลี่ฟาดดาบยักษ์อย่างรุนแรงใส่แอสซาซิน

“มันยังใช้ไม่ได้ แน่นอนว่าแอสซาซินจะหลบดาบนี้ และสามารถเข้าไปประชิดตัวเขาได้” พี่ใหญ่เฉาประเมิน

ช่วงเวลาที่หลินหลี่ฟาดดาบยักษ์ใส่แอสซาซิน เขาก็ปล่อยมือจากดาบทันที BitterBuckwheatNoodles หลบดาบที่กำลังพุ่งเข้ามา เขาชักสีหน้าเยาะเย้ยใส่และพุ่งเข้าไปในระยะประชิด หลินหลี่เล็งโอกาสนี้คว้าหัว BitterBuckwheatNoodles ทุบลงบนพื้น ตู้ม!! จากนั้นเขาก็รีบดึงมีดจากด้านหลังของเขา จ้วงแทงใส่แอสซาซินไม่ยั้งไปสามครั้งรวด

“ผู้เล่น HappyAndCheerful ได้สังหารผู้เล่น BitterBuckwheatNoodles”

ทุกคนตกตะลึง พวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่า นักรบดาบยักษ์เป็นตัวละครที่ใช้อาวุธหนัก แต่พวกเขาลืมไปว่า ตัวละครนี้ยังมีมีดที่อยู่บนหลังอีกด้วย

“ดูเหมือนว่า คุณไม่ควรพูดจาดูถูกเขามากเกินไป …” พี่ใหญ่จงมองไปที่พี่ใหญ่เฉาและหัวเราะเยาะ

“นักรบดาบยักษ์ได้สังหารแอสซาซินที่มีความรวดเร็วสูงมาก!! นี่มันไม่น่าเชื่อเกินไปแล้ว! แอสซาซินยังไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเลย!” พี่ใหญ่เฉาตบโต๊ะและกรีดร้องอย่างไม่เชื่อ

“เขาแพ้เพราะไม่ระวังเอง เขามั่นใจเกินไปว่าสามารถเอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ถูกจับตัวได้อย่างไม่คาดคิด ก่อนที่เขาจะสามารถใช้ท่าไม้ตาย เขาก็ถูกฆ่าตายลงแล้ว สิ่งที่น่าหัวเราะที่สุดคือ การที่เขาถูกสังหารโดยนักรบดาบยักษ์ที่ใช้มีด!!!” ซูหยี่ยี่พูดด้วยความรู้สึกประหลาดใจมาก เธอลืมมีดที่ดูคล้ายกับของประดับตกแต่งของนักรบดาบยักษ์ไปจริงๆ ตัวละครประเภทความเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอสซาซินมีข้อด้อยอย่างใหญ่หลวง นั่นคือมีพลังชีวิตที่น้อยมาก และที่สำคัญดูเหมือนว่าทุกคนได้ประเมินนักรบดาบยักษ์คนนี้ไว้ต่ำเกินไปจริงๆ

 

 

 


ตอนที่ 334

 

ผู้ชมและผู้เล่นคนอื่นๆต่างตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย Mad War เป็นทีมระดับ S ที่มีเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยมอยู่ภายในทีม ดังนั้น CloudDragon จึงต้องพาสมาชิกในทีมมาดูการแข่งขันครั้งนี้ และเขาได้เห็นหลินหลี่ฆ่าผู้เล่นแอสซาซินด้วยตัวละครนักรบดาบยักษ์ในรอบแรกไป เขายิ้มออกมา “ถ้าฉันจำไม่ผิด ในโหมดอารีน่า ทุกครั้งที่นักรบดาบยักษ์ได้ฆ่าใครสักคนไป ค่าสถานะของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอีก 50% รวมไปถึงความรวดเร็วอีกด้วย ถ้าผู้เล่นรอบที่สองถูกสังหาร คนที่สามก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีกต่อไป”

ฝั่ง ThornyRose ก็หมดคำพูดเช่นกัน นักรบดาบยักษ์ได้ฆ่าแอสซาซินที่เป็นอาชีพประเภทความเร็วได้อย่างง่ายดาย แอสซาซินถูกฆ่าตายทันทีด้วยมีดของเขา นี่คือหลินหลี่สินะ…

“เชี่ยเอ๊ย! ใครบอกกันวะว่านักรบดาบยักษ์ไม่ควรก้าวขึ้นไปบนเวทีกัน! มานี่เลยมา มาพูดต่อหน้าฉันสิ! ปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งโครตน่ากลัวเลยโว้ย!!!”

“ยังคงมีรอบที่สองอยู่ อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป!!”

“นักรบดาบยักษ์จำเป็นต้องฆ่าคนอื่นเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วรอบที่สองจะยิ่งง่ายขึ้นมาก ถ้าเขาได้ฆ่าผู้เล่นรอบที่สองลงอีกครั้ง คนที่ขึ้นไปต่อสู้ในรอบที่สามอาจจะยกมือยอมแพ้เลยก็ได้ ด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เขาจะมีความรวดเร็วเพิ่มขึ้น 100% และยังฟื้นฟู 1%HP ต่อวินาทีอีกด้วย นอกจากนายจะสามารถฆ่าเขาได้ทันที ไม่อย่างนั้นนายก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีกต่อไป เพราะเมื่อถึงตอนนั้น นักรบดาบยักษ์จะมีความรวดเร็วเท่ากับแอสซาซินเลยทีเดียว”

ที่ฝั่งทีม Broken Halberd ทุกคนกลายเป็นโง่งมทันที BitterBuckwheatNoodles พูดออกมาว่า “ขอโทษครับหัวหน้า”

“การพ่ายแพ้ครั้งนี้… เฮ้อ! ช่างมันเถอะยังไงแพ้ก็คือแพ้ เอาล่ะ ลืมมันไปเถอะ ตอนนี้เราควรจะคิดถึงวิธีจัดการนักรบดาบยักษ์ที่ได้รับบัฟเพิ่มขึ้นมา 50% กันก่อนดีกว่า รอบที่สอง InstantNoodles นายเป็นคนขึ้นไปต่อสู้ก็แล้วกัน!”

หลินหลี่มองไปยังฝ่ายตรงข้ามคนที่สองของเขา มันเป็นนักดาบชายที่มีผมสั้น เมื่อเห็นเขาถือดาบขนาดเล็กขึ้น ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงจะเป็นตัวละครประเภทความเร็วอีกคนเช่นกัน หลินหลี่โบกดาบไปรอบๆ เขารู้สึกว่ามันเบามาก และเร็วกว่าตอนแรกพอสมควร เขาย่อตัวลงมาและเตรียมตั้งท่าโจมตี พร้อมกับจ้องมองไปที่ยังฝ่ายตรงข้ามของเขา “มาสิ…”

“[Storm Flurry]!” ฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นเงา 10 ร่าง และเคลื่อนที่ไปรอบๆ ส่งประกายคมดาบออกมาอยู่ตลอดเวลา จนดูเหมือนกับว่าเขาอยู่ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง หลินหลี่ได้รับการโจมตีติดต่อกัน 5 ครั้งอย่างรวดเร็ว ความเสียหายที่เขาได้รับไม่มากเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงสูญเสีย HP ไปถึง ⅓ อยู่ดี และความรุนแรงของการโจมตีครั้งนี้ก็ยังคงไม่สิ้นสุด

หลินหลี่เผชิญหน้ากับทิศทางของประกายคมดาบที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน และกวัดแกว่งดาบของเขาออกไปทันที “[Giant Beheader]!”

ดาบขนาดใหญ่ที่ยาว 2.5 เมตร ได้ควบแน่นพลังซี่จนยืดขยายออกไปไกลถึง 4 เมตร โจมตีไปที่ร่างเงาทั้งหมดจนกลายเป็นกลุ่มควันไปทันที

“ขอแสดงความยินดี ผู้เล่น HappyAndCheerful ได้สังหารผู้เล่น InstantNoodles”

ทุกคนได้ตกอยู่ในความตะลึงอีกครั้ง มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันวะ? ฝูงชนหลายคนได้หันกลับไปมองดูรีเพลย์ มีเพียงแค่ CloudDragon และเย่ฉางเท่านั้นที่มีเพียงรอยยิ้มที่เงียบสงบ เพราะพวกเขาทั้งคู่เคยเห็นการโจมตีของหลินหลี่มาก่อน ดาบของเขาได้ฟันไปที่ตัวจริงอย่างแม่นยำจนแยกร่างเขาออกเป็นสองส่วนและตายลงทันที

สมาชิกทีม Broken Halberd ไม่สามารถเชื่อสายตาของพวกเขาได้ เขาโจมตีไปที่ InstantNoodles ที่กำลังใช้ [Storm Flurry] ได้อย่างไรกัน? CapableLiu ขมวดคิ้ว “มันน่าจะเป็นเพราะสัญชาตญาณของเขา เราไม่จำเป็นต้องขึ้นไปสู้กับเขาในรอบต่อไปอีกแล้ว แม้ว่าการยอมแพ้จะส่งผลต่อขวัญกำลังใจของทีม แต่ก็ยังดีกว่าการถูกกดขี่อย่างสมบูรณ์ เพราะตอนนี้นักรบดาบยักษ์ได้รับบัฟเกินกว่าที่พวกเราจะเอาชนะเขาได้แล้ว และเราก็ไม่มีตัวละครที่สามารถจัดการกับนักรบดาบยักษ์ที่ได้รับบัฟถึงสองครั้งอีกด้วย…”

“เราขอยอมแพ้ในการแข่งรอบที่สาม” HalberdInSand ถอนหายใจ ThornyRose พยักหน้าเบาๆ มันเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล มันเป็นเรื่องยากในการจัดการกับนักรบดาบยักษ์ที่ได้รับบัฟถึงสองครั้ง เธอกำลังจะเรียกหลินหลี่กลับมา แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นเขายกดาบขึ้น และตะโกนออกมา “ฉันขอปฏิเสธ! ถ้านายเป็นลูกผู้ชายพอก็ขึ้นมาตรงนี้ซะ!!”

ผู้ตัดสินมองไปที่ทีม Broken Halberd “เขาปฏิเสธ ถ้าคุณยังต้องการที่จะยอมแพ้ ฉันจะประกาศมันออกไป”

“ลูกผู้ชาย? ไม่มีใครพูดคำนี้กับฉันมานานเท่าไหร่แล้วนะ…” HalberdInSand เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ CapableLiu มองหลังของเขาและยิ้มออกมา กลุ่มแฟนๆของทีม Broken Halberd เริ่มส่งเสียงร้องตะโกนเชียร์กันขึ้นมา มันเป็นฉากที่น่าชื่นชมมาก หลินหลี่มองไปข้างหน้า และยิ้มแบบคนใจดีออกมา FrozenCloud เช็ดเหงื่อที่เย็นเยียบของเธอ ‘ผู้ชายคนนี้ต้องไม่มีความตั้งใจที่ดีอย่างแน่นอน ทุกครั้งที่เขาและหัวหน้าทีมแสดงรอยยิ้มแบบนั้น จะต้องมีบางคนที่ต้องพบกับภัยพิบัติอย่างแน่นอน’

ในรอบสุดท้าย ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีหัวใจดั่งเหล็กกล้าอย่าง HalberdInSand ถูกทุบตีอย่างทารุณกรรมจนเหนื่อยล้า และตาลีตาเหลือกพยายามคลานหนีออกจากเวที การโจมตีด้วยดาบ และท่าไม้ตายของเขา ทำได้เพียงลดเลือดของหลินหลี่ไปได้แค่ ¼ เท่านั้น และด้วยการฟื้นฟู 1%HP ของนักรบดาบยักษ์ ทำให้ HP ของหลินหลี่ถูกฟื้นฟููจนเต็มเปี่ยมอีกครั้ง หลินหลี่จงใจกลั่นแกล้ง และไล่ตามเขาไปทั่วเวที ดาบยักษ์ของเขาได้ถูกกวัดแกว่งไปทั่วทุกหนแห่ง ราวกับว่าเขาเป็นแมวซุกซนที่กำลังไล่จับหนู ในที่สุดการโจมตีหนึ่งครั้งของหลินหลี่ก็ได้อัดกระแทกส่งเขาลอยกระเด็นไปที่ขอบเวที HalberdInSand ได้กระเด้งกระดอนไปมา และถูกคว้าจับด้วยมือเพียงข้างเดียวของหลินหลี่ จากนั้นเขาก็ถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อตกลงมาเขาถูกโจมตีด้วยดาบยักษ์ที่ตั้งท่าราวกับจะตีเบสบอล “Giant Homerun!!”

ซูหยี่ยี่มองไปที่ HalberdInSand ที่ถูกตีลอยออกไปเหมือนกับก้อนเนื้อ ปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งได้จงใจใช้ด้านที่แบนเรียบของดาบยักษ์ทรมานเขา จนเวทีประลองต้องถูกทำความสะอาดหลังจากนั้น การต่อสู้ครั้งนี้มันช่างน่ากลัวมากเกินไป

“พี่ใหญ่จง คุณประเมินปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งคนนี้ยังไงบ้าง…” พี่ใหญ่เฉาไม่สามารถทนดูต่อไปได้

“อืม เขาเป็นคนที่มีจิตใจดี แต่บ้างครั้งก็ดูโง่ ดูดุร้ายแต่น่ารัก…” การประเมินของพี่ใหญ่จงได้รับการตอบรับจากทุกคนที่เฝ้าดูการแข่งขันนี้ โดยเฉพาะส่วนที่ดูดุร้ายแต่น่ารัก

“ใครจะคิดกันล่ะว่าทีม Thorn and Roses จะใช้นักรบดาบยักษ์เป็นทัพหน้าและคว้าชัยชนะทั้งหมดเอาไว้” ซูหยี่ยี่พูดขึ้นมาขณะที่จ้องมองไปที่แท็บเล็ตเสมือนจริงของเธอ

“อืม เป็นเรื่องจริง เนื่องจากเทพธิดาหยี่ยี่ประเมินทีม Thorn and Roses ไว้สูงมาก งั้นเราก็มาดูกันต่อเถอะ” พี่ใหญ่เฉาก็ยังให้ความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน

“เรามาดูการแข่งกันต่อเถอะ” พี่ใหญ่จงพูดเตือนทั้งสองคน แล้วหันไปมองซูหยี่ยี่ “เธอเสียเดิมพันไปเท่าไหร่?…”

“แค่ก แค่ก ไม่… เดิมพงเดิมพันอะไรกัน… ฉันมาที่เพื่อตรวจสอบเฉยๆ” ซูหยี่ยี่เห็นทั้งสองจ้องมองมาที่เธอ ‘เขารู้ได้ยังไงนะ?’ ด้วยความกระอักกระอ่วน เธอขยับตัวเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงน่ารัก “ฉันเพียงแค่เดิมพันเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง”

“ฉันรู้…” พี่ใหญ่เฉาอดยิ้มออกมาไม่ได้ เขาเห็นทั้งสองทีมกำลังยืนยันผู้เข้าร่วมการแข่งขัน “ทีม Thorn and Roses จะส่ง ThornyRose ที่เป็นผู้บัญชาการ, นักยุทธศาสตร์, ผู้เล่นPvP และผู้เล่นที่มีความสามารถรอบด้านออกไป นี่น่าจะเป็นตัวเลือกแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจน ตัวเลือกที่สองคือ HeavenShakingMight หรือที่รู้จักกันในชื่อจ้าวแห่งเพชร ตัวละครของเขาคือ จอมหมัดเหล็ก มันเป็นตัวละครที่ยุ่งยากในการควบคุมแบบเฉียบพลันมากกว่าการใช้พลังซี่ ตัวเลือกที่สามคือ PaleSnow ด้วยนักดาบปีศาจของเขา มันเป็นตัวละครที่ควบคุมยากมาก โดยเฉพาะการที่เขาต้องทำคอมโบอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ตัวเลือกที่สี่คือ The Hundred Flower Archer – ElegantFragrance และตัวเลือกที่ห้าน่าจะเป็น NightSky มั้งนะ? นี่ดูเหมือนจะเป็นคนที่อยู่กับสามพี่น้องของหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ ตัวละครของเธอคือตัวละครจากสโมสร Thorn and Roses -อัศวินสายรุ้ง มันเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เราไม่ได้เห็นอัศวินสายรุ้ง ”

“มันก็ผ่านมานานหลายปีแล้วเช่นกันที่ทีม Thorns and Roses ไม่มีผู้เล่นประเภทสนับสนุนชั้นยอดพอที่จะเล่นตัวละครนี้ได้ จนได้มาพบเห็นในวันนี้นี่แหละ…” ซูหยี่ยี่ยิ้มออกมา

“นักรบดาบยักษ์, นักดาบปีศาจ, จอมหมัดเหล็ก, อัศวินสายรุ้ง ฮ่าฮ่า ทีม Thorns and Roses คงหมดหวังในปีนี้แล้วล่ะ จากตัวละครที่นั่งบนบัลลังก์มานับพันปี ไปจนถึงตัวละครที่เต็มไปด้วยฝุ่นเหล่านี้ ตัวละครของพวกเขาจะต้องถูกกำจัดออกไปทั้งหมดอย่างแน่นอน พวกเขาตั้งใจที่จะก้าวไปสู่ชัยชนะหรือไม่?” พี่ใหญ่จงมองไปที่ผู้เล่นตัวจริง และอดยิ้มออกมาไม่ได้ ในที่สุดเขาก็มองไปที่สมาชิกคนที่หก “ผู้เล่นสำรองคือ FrozenBlood, SpyingBlade และปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งที่เพิ่งออกไปโชว์ออฟมาไม่นานนี้เอง SpyingBlade คือใคร? เดี๋ยวก่อนนะ! ตัวละครของเขาคือเพชฌฆาตเงา! เขาคือ DarkBlade งั้นหรือ!? สุดยอดซุปเปอร์รุกกี้มือใหม่ของฤดูกาลที่แล้ว! ราชาแห่งแอสซาซิน!”

“เยี่ยม! เยี่ยมมาก! HeavenBlessed ต้องมองไปข้างหน้าเพื่อดูการแข่งขันของพวกเขา! CloudDragon ก็เช่นกัน การต่อสู้ของทั้งสองคนยังไม่เคยเกิดขึ้นอย่างจริงจังมาก่อน นอกจากนี้ยังมีพี่ใหญ่วีรีบุรุษของกลุ่มสามพี่น้องจากหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะ หลังจากที่ได้เห็นปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่งเอาชนะ 3 ครั้งรวดในกลุ่มของฉัน ฉันต้องเฝ้าดูการต่อสู้ของนักดาบปีศาจอย่างจริงจังซะแล้ว คอมโบที่เร็วที่สุดของตัวละครตัวนี้ถูกจัดขึ้นโดยผู้เล่น Akari ด้วยการคอมโบ 41 ครั้งประกอบด้วยการโจมตี 25 ครั้งและมีดาบ 16 ตัว เกิดขึ้นด้วยการโจมตีปกติ 25 ครั้ง และการใช้ดาบฟาดฟันศัตรูอีก 16 ครั้ง…” พี่ใหญ่เฉาพูดขึ้นพร้อมกับขยับหมวกของเขาเล็กน้อย

“ในขณะที่ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามคือ HalberdInSand, BitterBuckwheatNoodles, InstantNoodles, CapableLiu, WiseSea, และ Kate ที่เป็นตัวสำรอง อันที่จริงควรจะบอกว่าจะการที่ไต่ระดับขึ้นจากระดับ B ไปเป็นระดับ A เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามในการแข่งขันระดับ A นั้น พวกเขายังต้องพบเจอกันเส้นทางอันยากลำบากที่แสนยาวไกล ประการแรกคือ ตัวสำรองของพวกเขาอ่อนแอมากเกินไป แน่นอนว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทีม Thorn and Roses ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขา ฉันคงต้องมองไปข้างหน้าเพื่อเฝ้าดูการพัฒนาในอนาคตของพวกเขา” พี่ใหญ่ฉงวิเคราะห์

เนื่องจาก DarkBlade ที่หายไปได้ปรากฏตัวขึ้นในการแข่งขันครั้งนี้ ทำให้ฝูงชนตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย อีกด้านหนึ่งของเวที หญิงสาวที่มีใบหน้าซีดเซียว และเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังดูสวยงามกำลังจ้องมองที่ SpyingBlade “โจวยี่เฟิง…”

SpyingBlade สามารถรู้สึกถึงความเป็นปฏิปักษ์จากทิศทางของทีม Falling Star ได้ แต่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างไม่สนใจ เขาเอนตัวลงบนโซฟา และเล่นบอร์ดเกมกับหลินหลี่ และ FrozenBlood

“อืมม ไม่ใช่ว่าพวกนายต้องให้ความสนใจกับการแข่งขันครั้งนี้หรอกหรือ? ตัวสำรองอาจจะต้องถูกเปลี่ยนตัวไปฝ่าวงล้อมได้ตลอดเวลานะ…” DyedLily มองไปที่พวกเขาอย่างพูดไม่ออก

“ฉันคิดว่าฉันเป็นแค่ตัวสำรองหรืออะไรก็ตาม แต่อะไรคือการฝ่าวงล้อม? หลินหลี่ไม่เข้าใจ…” หลินหลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับลังเลว่าจะเล่นไพ่ใบไหนดี

“ในการต่อสู้แบบกลุ่มรอบนี้ ถ้ามีใครบางคนได้รับธงไป พวกเขาจะสามารถเรียกสมาชิกคนที่ 6 เข้ามาร่วมต่อสู้ได้ ทั้งสองทีมมีธงที่สามารถเรียกออกมาได้ แต่ธงจะปรากฏเฉพาะหลังจากเริ่มการแข่งขันไปแล้ว 10 นาที ดังนั้นโดยปกติแล้ว เฉพาะในกรณีที่การต่อสู้เข้าสู่การช่วงเวลาหมดหนทาง พวกเขาจะเรียกสมาชิกคนที่ 6 เข้าร่วมการต่อสู้…” DyedLily อธิบาย แต่หลินหลี่ก็ยังคงยุ่งอยู่กับการเลือกว่าจะเล่นไพ่ใบไหนดี

DyedLily มองไปดูทั้งสามคนที่ทำตัวสบายๆ และถอนหายใจออกมา เธอหันกลับไปดูที่เวทีการต่อสู้อย่างจริงจัง

มือของเย่ฉางจับไปที่ดาบตรงเอวของเขา และดึงมันออกมาจากฝักดาบ และเก็บลงไป และดึงมันออกมา และเก็บมันลงไปอีกครั้ง และอีกครั้ง เสียงกริ๊กกริ๊กของโลหะดังขึ้นมาเรื่อยๆ นักดาบปีศาจมีดาบทั้งหมด 5 เล่ม ห้อยอยู่ตรงเอวมี 2 เล่ม ด้านหลังมีดาบยาวขนาดณ 2 เมตร บนไหล่แต่ละข้างมีดาบสั้นแขวนติดอยู่

ThornyRose มองไปที่เย่ฉาง ผู้ที่กำลังยืนตัวตรงอย่างสมบูรณ์แบบ เขาดูเหมือนกำลังชักดาบที่เอวของเขาเป็นจังหวะ ใช้นิ้วหัวแม่มือเพื่อดันขึ้นและลง จนเธอรู้สึกค่อนข้างพูดไม่ออก ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขากำลังเล่นกับดาบเหมือนกับกำลังเล่นไฟแช็ก “ฉันจะไม่พูดมากเกินไป เน้นโจมตีไปที่ CapableLiu โดยเร็วที่สุด ElegantFragrance ฉันจะเธอเป็นคนจัดการ และสอนให้เด็กใหม่สุภาพมากขึ้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโส…”

“ผ่อนคลายหน่อย…” ElegantFragrance หัวเราะอย่างแผ่วเบา

“เจ้าหมียักษ์, ไอคนชั้นต่ำ นายทั้งสองคนต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการต่อสู้ในระยะประชิด ฉันคิดว่าในตอนนี้ นายน่าจะมีการตัดสินใจของตัวเองอยู่แล้วว่าจะจัดการใครเป็นคนแรก เย่เทียนถ้ามีอะไรเกิดขึ้น และฉันไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เธอต้องเป็นคนบอกฉันให้เร็วที่สุดนะ” ThornyRose ต้องยอมการสังเกตการณ์อย่างชาญฉลาดของเย่เทียน เด็กสาวตัวน้อยคนนี้เป็นคนที่เชื่อถือได้มากที่สุด

ไม่มีใครคัดค้าน เย่ฉางมองไปที่ด้านอื่นๆพอสังเขป และนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างของเขายังคงเล่นกับดาบที่เอวของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเสียงที่ดังกริ๊กกริ๊กเป็นจังหวะ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม