The Strongest Hokage 225-231
ตอนที่ 225
ที่จริงแล้วเมื่อพูดถึงโหมดเซียน ไนโตะ ก็คิดเรื่องนี้มานานแล้ว เขาเชื่อว่าหลังจากที่เขาสามารถเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ได้ เขาก็จำเป็นต้องเรียนรู้วิชาเซียนก่อน เขาจึงจะสามารถเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 ได้ต่อไป
ตอนนี้จำนวนจักระของเขายังไม่เพียงพอสำหรับการฝึกโหมดเซียน
แต่ถึงอย่างนั้น ไนโตะ ก็ไม่คิดว่า โอโรจิมารุ จะศึกษาเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนนี้
“พลังงานธรรมชาติ…โหมดเซียน” ไนโตะ พูด
ประโยคง่าย ๆ นี้ ทำให้ โอโรจิมารุ เบิกตากว้างและเผยให้เห็นการแสดงออกที่ตกใจในทันที
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงประโยคง่ายๆ แต่มันก็ทำให้ โอโรจิมารุ รู้ว่า ไนโตะ รู้เรื่องนี้มากกว่าเขา!
แต่เขารู้สึกว่าเขาต้องทดสอบ ไนโตะ ก่อน
“ดูเหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเลยนะ ไนโตะ” หลังจากที่ โอโรจิมารุ ยักไหล่ เขาก็หันหลังกลับมาและผายมือออกแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันขออธิบายเพิ่มเติมมากกว่านี้”
“นี่คือการทดลองที่ฉันสนใจมากที่สุด แม้ว่าร่างกายจะสามารถฝึกฝนโหมดเซียนได้ แม้ว่าร่างกายจะสามารถดึงพลังงานธรรมาชติมาใช้ได้ แต่ร่างกายก็ยังคงมีอายุไขและตายในที่สุด แต่ไม่ใช่สำหรับจิตวิญญาณ จิตวิญญาณของมนุษย์นั้นเป็นอมตะ”
“อย่างไรก็ตามวิญญาณเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ มันจำเป็นต้องมีภาชนะเสมอ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมุ่งเน้นไปที่การศึกษารากฐานและการเชื่อมต่อระหว่างจิตวิญญาณกับภาชนะ”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ โอโรจิมารถ ก็หยุดพูดแล้วหันไปสังเกตการต่อบสนองของ ไนโตะ
สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือการแสดงออกของ ไนโตะ ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย แม้ว่าเขาจะพูดคำว่า อายุไข และ อมตะ ไนโตะ ก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆออกมาเลย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไนโตะ ค่อนข้างประหลาดใจอยู่พอสมควร
เขาไม่แปลกใจกับข้อมูลที่ โอโรจิมารุ บอกเขา เพราะเขา รู้อยู่แล้วว่า โอโรจิมารุ จะพัฒนาวิชานี้
แต่สิ่งที่ทำให้ ไนโตะ ประหลาดใจก็คือ ความจริงที่ว่า โอโรจิมารุ แบ่งปันข้อมูลนี้กับเขา
อย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็คิดว่า โอโรจิมารุ น่าจะเพิ่งเริ่มศึกษาวิชานี้ และ ไนโตะ ก็ไม่สนใจที่จะเปลี่ยนร่างกาย
เพราะจริง ๆ แล้วมีเพียงแค่ร่างกายของ โอซึซึกิ คางูยะ ร่างเดียวเท่านั้นที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
“คุณหมายความว่า ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ในที่สุดมันก็สลายไป เหลือเพียงวิญญาณเท่านั้นที่แข็งแกร่งพอที่จะอยู่ต่อไป ใช่ไหม?”
ไนโตะ มองไปที่ โอโรจิมารุ และพูดต่อว่า “นั้นก็คือ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณ มีความสำคัญมากกว่าความแข็งแกร่งของร่างกาย”
“มันก็ไม่ใช่สะทีเดียว” โอโรจิมารุ พยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า “พลังแห่งจิตวิญญาณมีความสำคัญก็จริง แต่แม้ว่าพลังแห่งจิตวิญญาณจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ไม่สามารถอยู่ได้เพียงลำพัง”
“แต่…”
เมื่อพูดประโยคนี้ โอโรจิมารุ ก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ และยิ้ม ในขณะที่มองไปที่ ไนโตะ
“ไนโตะ รู้สึกว่าเธอจะสนใจเรื่องของวิญญาณเป็นอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว วิญญาณก็เป็นสิ่งจำเป็น”
“ใช่”
ไนโตะ พยักหน้า แต่เขาก็ไม่แสดงความคิดเห็นของเขาออกไป
หลังจากทั้งหมด โอโรจิมารุ ก็เป็นคนที่ฉลาด เขาไม่มีทางไม่รู้ว่า ไนโตะ ได้ไปขอความช่วยเหลือจาก คาโต้ ดัน เพื่อสอนให้ ไนโตะ รู้วิธีการใช้พลังวิญญาณ
และเนื่องจาก ไนโตะ ไม่ต้องการใช้วิชานั้นในการโจมตี ดังนั้น โอโรจิมารุ จึงสามารถสรุปได้ว่า ไนโตะ ฝึกวิชานั้นเพื่อเสริมสร้างพลังวิญญาณเท่านั้น
“หึหึหึ…ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่สนใจความเป็นอมตะ ความคิดของเธอคือการเข้าใจในปัจจุบันและสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยตัวเธอเอง”
โอโรจิมารุ ยิ้มแล้วมองไปที่ ไนโตะ
“แต่นับว่าเธอโชคดี การเสริมสร้างพลังวิญญาณเป็นหนึ่งในหัวข้อการศึกษาหลักของฉัน…อืม…แต่จะพูดยังไงดีละ การศึกษาเรื่องนี้ทำให้ฉันเสียเวลาและฉันก็ใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก”
“คุณต้องการอะไรแลกเปลี่ยน?!”
ไนโตะ มองไปที่ โอโรจิมารุ อย่างสงบ
“ความร่วมมือ”
โอโรจิมารุ เดินเข้าไปหา ไนโตะ ใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “เห็นไหมละ ฉันกำลังยุ่งอยู่กับการทำการทดลองเหล่านี้ มันกำลังเอาเวลาทั้งหมดของฉันไป แต่บางครั้งฉันต้องหยุดทำมันเพื่อรับสิ่งพิเศษที่เข้ามา”
“หลังจากนี้ เธอจะต้องเอาของเหล่านี้มาให้ฉัน”
เมื่อฟังที่ โอโรจิมารุ พูด ไนโตะ ก็ยิ้มแล้วหัวเราะออกมา
โอโรจิมารุ…คุณไปเองความมั่นใจทั้งหมดนี้มาจากไหนกัน”
ฟึ๊บ!!
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็หายตัวไปและไปปรากฏอยู่ด้านหลังของ โอโรจิมารุ ในขณะที่เขาถือดาบไว้ในมือ
ความเร็วของการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ดวงตาของ โอโรจิมารุ เบิกกว้าง และเม็ดเหงื่อก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา
เร็วมาก!!
“ผมกับคุณ…เราจะร่วมมือกันได้จริง ๆ งั้นเหรอ?”
ไนโตะ ถือ ดาบคุซานางิ ไว้ในมือและจี้ไปที่หลังของ โอโรจิมารุ และใช้มืออีกข้างหนึ่งจับไหล่ของ โอโรจิมารุ ไว้เบา ๆ ในขณะที่ โอโรจิมารุ ยืนนิ่ง ๆ โดยไม่เคลื่อนไหว
หาก โอโรจิมารุ แข็งแกร่งเหมือนในการ์ตูน ไนโตะ จะยอมร่วมมือกับเขา
แต่ตอนนี้ โอโรจิมารุ ยังอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับ ไนโตะ!
หากช่องว่างระหว่างทั้ง 2 คนใหญ่เกินไป คำว่า ความร่วมมือ ก็คงจะเป็นไปได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้น โอโรจิมารุ ก็เห็นแก่ตัวเกินไป และในที่สุดเขาก็จะพยายามควบคุมทุกอย่าง
“ฉันมีสิ่งที่เธอต้องการ”
โอโรจิมารุ ค่อย ๆ หันหน้าไปหา ไนโตะ ช้า ๆ ในขณะที่น้ำเสียงของเขาดูสงบนิ่ง
แต่ ไนโตะ ก็สามารถบอกได้จากการแสดงออกของ โอโรจิมารุ ว่า เขายังคงตกตะลึงกับความเร็วของ ไนโตะ อยู่ ด้วยความเร็วแบบนี้เขาจะไม่สามารถใช้คาถานินจาได้ทัน!
ตอนนี้ ไนโตะ ดูเหมือนกับตำนานอย่าง อุจิฮะ มาดาระ และ เซนจู ฮาชิรามะ มากขึ้นเรื่อย ๆ!
ไนโตะ ยังไม่ดึงดาบของเขากลับมา เขายังคงจี้มันไปที่หลังของ โอโรจิมารุ
“และถึงเธอจะหามันมาให้ฉันได้”
“แต่มันก็ยังไม่ครบ แม้ว่าเธอจะเอามันมาให้ฉัน มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไรนัก”
เมื่อฟัง โอโรจิมารุ พูด ไนโตะ ก็จ้องมองเขาอยู่พักหนึ่ง แล้ว ไนโตะ ก็ดึงดาบกลับคืนมา
ในที่สุด โอโรจิมารุ ก็รู้สึกโล่งใจ
เขาค้นพบในเวลานี้ว่าความคิดของเขาเกี่ยวกับ ไนโตะ นั้นผิดอย่างสิ้นเชิง
ไนโต ไม่ใช่คนแบบที่จะให้คนอื่นมาออกคำสั่งกับเขา เขาก็เขาเป็นคนที่อันตราย และยิ่งอันตรายกว่า ดันโซ และ ซารุโทบิ!
เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เพื่อการทดลอง โอโรจิมารุ คิดว่าเขาสามารถเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้ แต่ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ไนโตะ เขารู้สึกว่าต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก!
“ผมจะให้ของที่คุณต้องการ 2 อย่าง”
หลังจาก ไนโตะ ผนึก ดาบคุซานางิ ของเขากลับไป เขาก็มองกลับไปที่ โอโรจิมารุ อย่างใจเย็น
“2 อย่าง?”
โอโรจิมารุ ดูประหลาดใจนิดหน่อย และเมื่อตัดสินจากน้ำเสียงของ ไนโตะ แล้ว โอโรจิมารุ ก็รู้สึกว่า ไนโตะ จะต้องการอะไรมากกว่านั้น!
“นอกจากวิชาที่คุณศึกษาเกี่ยวกับวิญญาณแล้ว ผมยังต้องการรู้วิชาคาถาดิน วิชาเพิ่มน้ำหนักหิน ถ้าคุณสามารถหามันมาให้ผมได้ ผมจะให้ของที่คุณต้องการ 2 อย่าง”
ไนโตะ มองไปที่ โอโรจิมารุ อย่างสงบ ในขณะที่เขาเสนอการแลกเปลี่ยนอย่างง่าย ๆ
ตราบใดที่ โอโรจิมารุ ไม่ได้ดูหมิ่นและยังเคารพ ไนโตะ อยู่ เขาก็จะปฏิบัติต่อ โอโรจิมารุ ด้วยความเคารพเช่นกัน นั้นคือกฎของ ไนโตะ
“วิชาเพิ่มน้ำหนักหิน? พอดีเลย ถ้าเธอต้องการ วิชาลดน้ำหนักหิน ฉันคงจะไม่มีให้ แต่โชคดีที่ฉันเคยศึกษาวิชานั้นมาก่อน…ดังนั้น ฉันมีให้เธอ”
โอโรจิมารุ อยากรู้ว่าทำไม ไนโตะ ถึงต้องการคาถานี้ แต่เขาก็ไม่ได้ถามออกไป และมอบมันให้ ไนโตะ
หลังจากนั้น โอโรจิมารุ ก็ไม่ได้บอกสิ่งที่เขาต้องการกับ ไนโตะ ไป บางทีเขาอาจไม่ต้องการอะไรเลยในตอนนี้
ดันนั้น ไนโตะ จึงหันหลังและเดินออกไป
ตอนที่ 226
หลังจากที่ ไนโตะ ได้รับ คัมภีร์วิชาเพิ่มน้ำหนักหิน มาจาก โอโรจิมารุ เขาก็กลับออกมาจากฐานลับและเริ่มฝึกฝนวิชาคาถาดินนี้ในทันที
โดยทั่วไปแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะสามารเรียนรู้คุณสมบัติจักระได้ครบทุกธาตุ เหมือนกับ ซารุโทบิ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 ที่สามารถควบคุมคุณสมบัติจักระได้ทั้ง 5 ธาตุ ดังนั้นเขาจึงสมควรที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์
มันอาจดูเหมือนง่าย แต่มันต้องใช้เวลานานมากกว่าที่จะสามารถควบคุมพวกมันได้ทั้งหมด
โชคดีที่ ไนโตะ สามารถควบคุมจักระได้เป็นอย่างดี
พรสวรรค์นี้ของ ไนโตะ ทำให้เขาสามารถใช้คาถานินจาได้แข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งนั้นเป็นข้อดีที่ได้จากการใช้ กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังทั้ง 8 แบบย้อนกลับ
แต่ก็น่าเสียดายที่แม้ว่า ไนโตะ จะพยายามช่วยสอน ซึนาเดะ ในการใช้วิชา กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังทั้ง 8 แบบย้อนกลับ แต่เธอก็ล้มเหลว
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ไม่มี คาถาแผ่นดินไหว ก็จะไม่สามารถทำมันได้สำเร็จต่อให้เห็น ซึนาเดะ ก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นหาก ซึนาเดะ ยังไม่สำเร็จ วิชาเบียคุโก เธอก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้วจากการพยายามเปิดประตูด่านพลังแบบย้อนกลับ
หลังจากฝึกอย่างหนักไปได้ 1 สัปดาห์ ไนโตะ ก็สามารถใช้คาถาดินได้สำเร็จ หลังจากนั้น เขาก็ใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ในการฝึกมันจนชำนาญ
หากเป็นคนอื่น พวกเขาจะไม่มีทางทำสิ่งนี้ได้ในเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน และแม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาฝึกถึงครึ่งปี พวกเขาก็จะไม่สามารถใช้คาถาที่ไม่ใช่คุณสมบัติจักระของตนเองได้
แต่สำหรับ ไนโตะ เขายังรู้สึกว่าวิธีนี้ช้าเกินไป
แม้ว่าในช่วงระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา ไนโตะ จะไม่ลืมที่จะฝึกร่างกายควบคู่ไปกับการฝึกคุณสมบัติจักระใหม่ของเขา แต่ผลที่ได้ก็เกือบจะเป็น 0
สิ่งนี้ทำให้ ไนโตะ ตัดสินใจได้ว่า เขาควรมุ่งเน้นไปที่การฝึกวิชา เพิ่มน้ำหนักหิน ก่อนที่จะฝึกร่างกายต่อไป แม้ว่ามันจะใช้เวลากว่าครึ่งปี หรือ 1 ปีก็ตาม มันก็คุ้มค่าที่จะทำ
ไม่เช่นนั้น การฝึกทางกายภาพอย่างต่อเนื่องของเขาจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย แม้ว่าเขาจะทำมันทุกวันนานเป็นเวลาเป็นเดือนเป็นปีก็ตาม
การฝึกวิชา เพิ่มน้ำหนักหิน ได้ช่วงชิงเวลาส่วนใหญ่ของ ไนโตะ ไป!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาฝึกฝนวิชานี้ได้สำเร็จ ผลลัพธ์ก็ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ
“คาถาดิน : เพิ่มน้ำหนักหิน!”
ตู้ม!!
ทันใดนั้นร่างกายของ ไนโตะ ที่ยืนอยู่บนกำแพงหินก็ทรุดตัวลงอย่างกระทันหันและน้ำหนักของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที เขาใช้วิชานี้กับตัวเองทำให้กำแพงหินที่อยู่ใต้เท้าของเขาเริ่มเกิดรอยแตก!
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเพิ่มน้ำหนักแล้ว ไนโตะ ก็ยังไม่รู้สึกอึดอัดเลย แต่เขาก็ลองขยับร่างหายและพบว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เหมือนก่อน จากนั้นเขาก็เริ่มแตะและต่อยหมัดง่าย ๆ ออกไป
วิชานี้เป็นการเพิ่มแรงโน้มถ่วงโดยตรงกับวัตถุ ซึ่งดีกว่าการยกน้ำหนักหรือถ่วงน้ำหนัก
การถ่วงน้ำหนักจะไม่สมดุลกับร่างกาย แต่แรงโน้มถ่วงที่ใช้โดยวิชานี้ทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลมากและสามารถปรับน้ำหนักได้ตามปริมาณจักระของผู้ใช้
ราวกับว่าคุณมีแรงโน้มถ่วงเป็นของตัวเอง!
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีใครในโลกที่ใช้วิชานี้เพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวเองเพื่อใช้ในการฝึกฝนร่างกายของตัวเอง
แน่นอนว่ามีคนไม่มากที่สามารถทนต่อการฝึกฝนเช่นนี้ได้ มีแค่คนอย่าง ไมโตะ ได เท่านั้นที่ทำได้!
โดยไม่ต้องพูดถึงว่า คนส่วนใหญ่ที่เชี่ยวชาญในวิชากระบวนท่า มักไม่ถนัดในการใช้วิชาคาถา เพราะคนเหล่านั้นมีจักระที่จำกัด และมักจะมีปัญหาในการควบคุมมัน
ยกตัวอย่างชัด ๆ ก็อย่างเช่น ไมโตะ ได เขามีจักระเพียงน้อยนิดและไม่สามารถควบคุมจักระได้ ดังนั้นการใช้วิธีเพิ่มน้ำหนักด้วยคาถาเช่นเดียวกับ ไนโตะ นี้ จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับเขา
ด้วยวิชานี้ ความก้าวหน้าของ ไนโตะ ก็เป็นไปอย่างรวดเร็วอีกครั้งและเนื่องจากสามารถปรับแรงโน้มถ่วงได้ความแข็งแรงของร่างกายของ ไนโตะ จึงแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน!
เมื่อใดก็ตามที่ ไนโตะ ต้องการเพิ่มระดับแรงโน้มถ่วง เขาก็แค่เพิ่มปริมาณจักระเข้าไป เพียงเท่านี้น้ำหนักของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น
ด้วยวิธีนี้ เส้นทางของ ไนโตะ ในการก้าวไปสู้การ เปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ก็กำลังจะสิ้นสุดลง
………..
โคโนฮะ
คฤหาสน์ ตระกูลอุจิฮะ
เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่การสิ้นสุดลงของ มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 ความขัดแย้งต่าง ๆ ได้ถูกขจัดออกไป ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าสงครามครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้วอย่างแท้จริง
มีเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ บางแห่งอย่าง หมู่บ้านอาเมะ เท่านั้นที่ยังคงมีปัญหาอยู่
“สถานการณ์สงบลงในที่สุด…”
อุจิฮะ คาเงยาม่า เดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก
ฝนกำลังตกลงมา เมฆฝนบดบังท้องฟ้าจนมิด ทำให้บรรยากาศดูน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
“น่าแปลกที่จู่ ๆ โฮคาเงะ เลิกก่อกวนพวกเรา” คาเงยาม่า กระซิบคำเหล่านี้ขณะที่มีนินจาคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังของเขา
เขาเป็นนินจาชั้นยอดของ ตระกูลอุจิฮะ และเป็นสมาชิกของกองกำลังตำรวจโคโนฮะ
“บางทีพวกเขาอาจจะกำลังคิดที่จะใช้เราเพื่อสร้างความสมดุลให้กับสถานการณ์ หลังจากการกลับมาของ ไนโตะ ยังไงส่ะ ไนโตะ ก็เป็นปัญหามากกว่าพวกเรา”
นินจายืนขึ้นและตอบ คาเงยาม่า
คาเงยาม่า พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็ยิ้มเยาะออกมาแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้เราต้องทำให้พวกเขาเห็นว่าพวกเราสำคัญต่อพวกเขาขนาดไหน”
“แต่ยังไงก็ช่าง แค่คิดว่าพวกเขาต้องการให้เราช่วยเหลือเรื่อง ไนโตะ…แค่นี้ก็สนุกแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลังจากได้ยินประโยคที่ คาเงยาม่า พูด นินจาคนนั้นก็ดูสับสน จากนั้นเขาก็พูดว่า “แล้วเราจะทำตามคำสั่งไหม?”
คาเงยาม่า ค่อย ๆ เดินไปที่โต๊ะทำงานของเขา จากนั้นเขาก็หยิบกล่องสีดำขึ้นมาในขณะที่เขามีสีหน้าแปลก
“ไม่ คำสั่งของ โคโนฮะ ก็คงจะเป็นการจับตัว ไนโตะ…แต่เราจะไม่ทำแบบนั้น ตอนนี้สงครามได้จบลงแล้ว เราต้องทำอะไรสักอย่างกับเขา ไม่มีใครอยากเห็นเขาเติบโตไปมากกว่านี้อีกแล้ว!”
เมื่อพูดจบ คาเงยาม่า ก็ยื่นกล่องสีดำในมือให้นินจาคนนั้น แล้วพูดกับเขาว่า “นี้สำหรับเธอ…ใช้มันเพื่อฆ่า ไนโตะ…โคโนฮะ จะไม่มีทางสืบมาถึงเราได้”
“ฆ่า ไนโตะ?!”
นินจาคนนั้น ตกตะลึงแม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกของ ตระกูลอุจิฮะ และเป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมของกองกำลังตำรวจโคโนฮะ เขาก็ยังรู้สึกตกใจกับประโยคนี้
คุณคิดว่า ไนโตะ เป็นใคร?
เขาเป็นคนที่ฆ่า ไรคาเงะ รุ่นที่ 3 คนที่ได้ชื่อว่าเป็นอมตะ!
แล้วจะฆ่าคนที่ฆ่า ไรคาเงะ ได้ยังไง?!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาเปิดกล่อง เขาก็ตกตะลึงแล้วสีหน้าของเขาก็แสดงถึงความกลัวอย่างชัดเจน
ตอนที่ 227
“นี่…นี่มัน…”
“ใช่แล้ว”
คาเงยาม่า นั่งลงบนเก้าอี้ของเขาแล้วหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบ แล้วพูดว่า “หนึ่งในมรดกไม่กี่ชิ้นของตระกูลเรา ดังนั้นอย่าทำให้ฉันผิดหวัง”
“รับทราบครับ!”
อุจิฮะ ริน พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น เขาโค้งคำนับ คาเงยาม่า ด้วยความเคารพนับถือ จากนั้นเขาก็เดินเลี้ยวออกจากห้องไป
คาเงยาม่า เฝ้าดูเขาเดินออกไป แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็มองขึ้นไปบนเพดาน
“ถึงแม้ว่ามันจะเป็นมรดกตกทอด แต่พวกเราก็ต้องแลกมันมาด้วยเลือดเนื้อจนนับไม่ถ้วน…ริน การมีชีวิตอยู่ของเธอหลังจากนี้ จะส่งผลต่อคุณสมบัติของ ฟูกาคุ (พ่อของ อิทาจิ และ ซาสึเกะ) ในการเป็นหัวหน้าตระกูลต่อไป”
“อย่างไรก็ตาม หากเธอสังหาร ไนโตะ ได้ เธอก็จะกลายเป็นวีรบุรุษของ ตระกูลอุจิฮะ ไปตลอดชีวิต”
เมื่อพูดจบ คาเงยาม่า ก็ยืนขึ้นและยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
นี่เป็นความรู้สึกของผู้ที่มองเห็นความรุ่งโรจน์ของตระกูล!
……..
อีกวันที่สงบ
โคโนฮะ เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอยู่เสมอ และถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีนินจากระโดดผ่านหลังคาบ้านไปบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ผู้คนก็เคยชินกับสิ่งนี้
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ไนโตะ ก็เดินออกจากบ้านไป
“อย่าลืมกลับมากินข้าวกลางวันละ! ไม่งั้น ฉันจะไปหานายเอง!”
คุชินะ ยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และโบกมือให้ ไนโตะ ขณะที่ ไนโตะ กำลังเดินไป หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมาพยักหน้าให้เธอ และเขาก็แวบหายตัวไป
อีกครั้งที่ ไนโตะ มาที่เนินเขาด้านหลัง หมู่บ้านโคโนฮะ โดยปกติที่นี่จะเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีใครคิดจะมาที่นี่ และแม้ว่าจะมีใครมาที่นี่แต่เมื่อพวกเขาเห็น ไนโตะ ฝึกอยู่ พวกเขาก็จะออกไปทันที
ผู้คนให้ความเคารพต่อคนที่ขยันอย่างเช่น ไนโตะ
ตอนนี้ ไนโตะ แข็งแกร่งมากแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเกียจคร้าน เขายังคนฝึกฝนอย่างหนักเหมือนเมื่อก่อน
แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้เหตุผลที่ ไนโตะ ยังคงฝึกฝนอย่างหนักอยู่แบบนี้
มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 จะไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายใด ๆ แก่โลก แต่ มาดาระ จะดำเนินแผนการของเขาในช่วง มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 นี้
แม้ว่า มาดาระ จะยังไม่มีพลังมากเหมือนในการ์ตูน แต่ ไนโตะ ก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของเขาได้
ตู้ม! ตู้ม!!
พื้นที่ใต้ผ่าเท้าของ ไนโตะ มีรอยแตกเต็มไปหมด และตัวของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่กลางสายฝน กล้ามเนื้อของเขาสั่นและทุกเซลล์ในร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยแรงโน้มถ่วงที่มหาศาล ซึ่งนั่นก็หมายความว่าร่างกายของเขากำลังแข็งแกร่งขึ้น
“อ้า!!!”
ในที่สุด ไนโตะ ก็คลาย วิชา เพิ่มน้ำหนักหิน และเขาก็มองกูท้องฟ้า
เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงวันโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ได้เวลากลับบ้านไปกินข้าวแล้วสินะ”
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็เห็น คุชินะ กำลังเดินมาหาเขาด้วยท่าทางโกรธ และในมือของเธอก็ถือกล่องข้าวมาด้วย
เมื่อเขาเห็นเธอ ไนโตะ กูรู้สึกแปลก ๆ
แววตาของเขาแสดงออกถึงความสับสนอย่างชัดเจน
ทันทีที่เธอเดินมาถึงเขา เขาก็ทำท่าเหมือนจะคว้ามือเธอไว้ แต่ทันใดนั้น เขาก็ปลดผนึกดาบของเขาออกมา และเขาก็ฟันไปที่ร่างของเธอ
คุชินะ ยิ้มออกมาเมื่อเลือดของเธอสาดไปทั่วพื้น แล้วทันใดนั้นร่างของเธอก็กลายเป็นเงาและหายไปต่อหน้าต่อตาเขา
เมื่อเห็นแบบนั้น ไนโตะ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาไม่สามารถสัมผัสถึง คุชินะ ได้ด้วยสัมผัสพิเศษของเขา!
เขาสามารถมองเห็นเธอได้ด้วยตา แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงเธอได้…นี้คือคาถาลวงตางั้นเหรอ?!
ใครกำลังใช้มันอยู่?!
ไนโตะ ขมวดคิ้ว มันแปลกมากจริง ๆ ที่มีคนสามารถขังเขาไว้ใน คาถาลวงตา ได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว
ไนโตะ มองไปรอบ ๆ ตัวเขา จากนั้นเขาก็เริ่มใช้ พลังสั่นสะเทือน กับร่างกายของเขาเพื่อคลาย คาถาลวงตา
เมื่อเห็นว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับ ไนโตะ คนคนหนึ่งก็เดินออกมาอยู่ด้านหน้าของ ไนโตะ
“ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ เป็นเรื่องจริงสินะ ที่คาถาลวงตาใช้ไม่ได้กับคุณ…”
อุจิฮะ ริน มองไปที่ ไนโตะ ด้วยความสงบ ดวงตาของเขาก็เป็นสีดำเพราะเขายังไม่ได้ใช้เนตรวงแหวน
ไนโตะ ขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเขา
แม้ว่าเขาจะขมวดคิ้ว แต่ ไนโตะ ก็ไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็ถาม ริน ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “คุณเป็นใคร คุณต้องการอะไรกันแน่?”
สมาชิกของกองกำลังตำรวจโคโนฮะ ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่ ไนโตะ ก็สามารถจำเขาได้เพราะเขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าทีมของกองกำลังตำรวจโคโนฮะ ซึ่งเป็นคนของ ตระกูลอุจิฮะ และนั่นทำให้ ไนโตะ รู้สึกโกรธมาก
ที่จริงแล้ว ไนโตะ ไม่สนใจ ตระกูลอุจิฮะ เลย เขาขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องของพวกเขา
“มันจำเป็นจริง ๆ ที่ฉันต้องสอนบทเรียนให้กับคุณ เพื่อคุณจะได้ไม่มารบกวนฉันอีกต่อไป” ไนโตะ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หัวใจของรินกำลังสั่นคลอนจากความกลัว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่งและมองไปที่ ไนโตะ อย่างไม่แยแส จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉันคือ อุจิฮะ ริน และฉันมาที่นี่เพื่อฆ่าคุณ”
“ฆ่าฉันงั้นเหรอ?”
หลังจากถอนหายใจเล็กน้อย ไนโตะ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นี้ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า?!
น่าหัวเราะ!!
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็ตวัดดาบในมือของเขา และ ริน ที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขาก็ถูกฟันจนขาดครึ่งทันที
อย่างไรก็ตาม ร่างกายทั้ง 2 ส่วนของ ริน ที่ถูกตัดออก ก็เปลี่ยนรูปร่างและกลายเป็นร่างของริน 2 ร่าง
ร่างที่เหมือนกันทั้ง 2 มองไปที่ ไนโตะ พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยและสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ราวกับว่าพวกเขาเหนือกว่า ไนโตะ และทั้ง 2 ร่างก็พูดออกมาพร้อมกัน
“แปลกใจหรือเปล่า? สงสัยไหม? คุณคงคิดว่าคุณไม่ได้ตกอยู่ใน คาถาลวงตา สินะ? แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ละ?”
“แปลกใจหรือเปล่า? สงสัยไหม? คุณคงคิดว่าคุณไม่ได้ตกอยู่ใน คาถาลวงตา สินะ? แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ละ?”
ทั้ง 2 ร่างมองหน้ากันและกัน จากนั้นก็ต้องมองไปที่ ไนโตะ ด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“คุณเด็กเกินกว่าที่จะมองเห็นความยิ่งใหญ่ของ ตระกูลอุจิฮะ ได้ แม้แต่คุณในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ตระกูลอุจิฮะ คุณก็เป็นเพียงแค่มดเท่านั้น”
“คุณเด็กเกินกว่าที่จะมองเห็นความยิ่งใหญ่ของ ตระกูลอุจิฮะ ได้ แม้แต่คุณในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ตระกูลอุจิฮะ คุณก็เป็นเพียงแค่มดเท่านั้น”
ไนโตะ มองไปที่ทั้ง 2 ร่างที่ยืนอยู่หน้าเขาด้วยความสงบ ในขณะที่เขาพยามาหาคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
เห็นได้ชัดว่าเขามีภูมิคุ้มกันต่อ คาถาลวงตา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มั่นใจว่า ชายจากอุจิฮะ คนนี้ ไม่ได้ใช้คาถาเงาแยกร่าง
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็น คุชินะ เขาสามารถมองเห็นเธอได้ด้วยตาเปล่า แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถสัมผัสถึงเธอได้จากสัมผัสพิเศษของเขา
ฟึ๊บ!!
ทันใดนั้น ริน ทั้ง 2 ร่าง ก็วิ่งเข้าหา ไนโตะ อย่างรวดเร็ว และทั้ง 2 ร่าง ก็ดึงดาบออกมาแล้วฟันไปที่ ไนโตะ พร้อมกัน
ไนโตะ ยังคงยืนนิ่งอยู่และปล่อยให้ดาบทั้ง 2 เล่มกระทบร่างกายของเขา แต่เมื่อดาบทั้ง 2 เล่มโดนตัวเขา เขากลับไม่มีบาดแผลใด ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ถูกโจมตีตั้งแต่แรก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นเพียงเงาเท่านั้น
“คุณคิดว่านี้เป็นแค่ภาพลวงตาสินะ…แต่มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก…”
“คุณคิดว่านี้เป็นแค่ภาพลวงตาสินะ…แต่มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก…”
ในเวลาเดียวกันร่างทั้ง 2 ก็หันมามองที่ ไนโตะ และดาบของพวกเขาก็หันไปหา ไนโตะ อีกครั้ง
คราวนี้มันแตกต่างจากการโจมตีแรกโดยสิ้นเชิง คราวนี้พวกเขาเปิดเผยจิตสังหารออกมาอย่างชัดเจน!
ตอนที่ 228
เมื่อคมดาบทั้ง 2 เล่มพุ่งตรงเข้าหา ไนโตะ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขายื่นมือออกมาและ ดาบคุซานางิ ก็ปรากฏออกมาจากควัน จากนั้นเขาก็ฟันดาบออกไปในแนวนอน
เป้ง!!
ในเวลานี้เป็นการเผชิญหน้าตาต่อตาฟันต่อฟัน
ไนโตะ สามารถบอกได้ว่าการโจมตีในครั้งนี้เป็นของจริง เพราะจากการไหลของจักระในดาบ 2 เล่มนั้น ซึ่งทำให้เขาต้องป้องกันการโจมตีด้วยดาบของเขา
และถ้าเขาสามารถป้องกันการโจมตีได้ เขาก็สามารถโจมตีกลับได้เช่นกัน
ฉับ!
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็โบกดาบของเขาและกวาดมันไปตัดร่างทั้ง 2 ร่างของ ริน
แต่ทว่า ร่างทั้ง 2 ร่างที่ถูกตัดขาด ก็กลายเป็น 4 ร่าง
“คุณ…”
“ยังไม่…”
“เข้าใจ…”
“…สินะ?”
1 ใน 4 ร่างของ ริน มองไปที่ ไนโตะ และพูดว่า “นี่ไม่ใช่คาถาลวงตา มันสามารถโจมตีได้จริง ๆ แม้ว่าคุณจะแข็งแกร่งพอที่จะฆ่า ไรคาเงะ ได้…”
ร่างที่เหลือมองมาที่ ไนโตะ และพูดต่อว่า “แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าฉัน คุณก็จะต้องตาย”
เมื่อ ไนโตะ ฟังสิ่งที่ ร่างทั้ง 4 ของ ริน พูดจบ เขาก็ไม่ตอบสนองใด ๆ และเริ่มนึกถึงคำอธิบายของเรื่องนี้
ไนโตะ แน่ใจว่าร่างเหล่านี้ไม่ใช่ร่างแยกเงา และเนื่องจากเขาไม่สามารถสัมผัสมันได้ด้วยสัมผัสพิเศษของเขา ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะเป็น คาถาลวงตา
นอกจากนั้น รินก็ไม่ได้ใช้ เนตรวงแหวน ของเขา
อย่างไรก็ตาม มันเป็นหนึ่งในความสามารถของ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา อย่างไม่ต้องสงสัย
คาถาลวงตางั้นเหรอ?!
ไม่…ไม่ใช่ คาถาลวงตา แน่นอน
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็พุ่งเข้าไปหา ริน
ตู้ม!!
ภายใต้พลังอันน่าสะพรึงกลัวของ พลังสั่นสะเทือน ของ ไนโตะ ร่างทั้ง 4 ก็แหลกเป็นชิ้น ๆ นับไม่ถ้วน
แต่อย่างไรก็ตาม ชิ้นส่วนเหล่านั้นก็กลายเป็นร่างจำนวนนับไม่ถ้วนในทันที ในขณะนี้ มีร่างของ ริน อยู่เต็มพื้นที่ทั้งหมด
ภาพนี้ดูเหมือนฉากหนึ่งในการ์ตูน ในตอนที่ นารูโตะ ใช้คาถาแยกเงาพันร่าง
พวกเขาทุกคนมีสีหน้าเยาะเย้ย ในขณะที่พวกเขาวิ่งเข้าหา ไนโตะ
เมื่อเห็นภาพนี้ ไนโตะ ก็ส่ายหัว ในขณะที่เขายังคงยื่นนิ่งอยู่กับที่
ฟึ๊ม!!
โดยไม่แม้แต่ขยับนิ้ว ทันใดนั้น ไนโตะ ก็ส่ง คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ ออกไปทั่วทุกทิศทาง โดยที่เขาไม่ขยับแม้แต่ปลายนิ้ว
ราวกับว่ามียมทูตกำลังเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของพวกเขา ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาแตกสบายเป็นผุยผงที่ละร่าง ๆ
ในสถานที่ที่ห่างออกไป หลังต้นไม้ใหญ่ อุจิฮะ ริน ยืนอยู่ที่นั่น ในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เขาใช้วิชาอะไรในการโจมตีกันแน่…แต่ด้วยดวงตาเหล่านี้ ฉันยังสามารถ… “
“อ้ากกกก…!!!”
ทันใดนั้น ริน ก็เอามือจับที่หน้าผากของเขาและร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ตาข้างซ้ายของเขามีเลือดไหลออกมา แต่ดวงตานี้ไม่ได้มีจุดหยดน้ำ 3 จุดเหมือน เนตรวงแหวน แต่จริง ๆ แล้วมันมีลักษณะเหมือนกับ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา!
“นี่คือผลข้างเคียงของการใช้ดวงตาของคนอื่นสินะ…”
ริน กัดฟันและพยายามที่จะอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ในขณะที่เขาดูเหมือนจะรู้ถึงผลลัพธ์ของสิ่งที่เขากำลังทำอ แต่ตอนนี้เขาไม่มีการย้อนกลับไปได้อีกแล้ว และเขาต้องทำในสิ่งที่เริ่มให้จบเท่านั้น
ห่างออกไป ไนโตะ สามารถทำลายร่างของ ริน ได้ทั้งหมด ในขณะที่ คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ ยังคงแพร่กระจายออกไปเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็ไม่สามารถหาตัว ริน ได้เจอ เพราะ ริน ซ่อนตัวอยู่ไกลมาก
หึ!!
ในวินาทีต่อมา ไนโตะ ก็ตัดสินใจมุ่งเป้าไปที่ ริน ร่างต้น
ทันใดนั้น โลกรอบตัวของ ไนโตะ ก็กลายเป็นความมืด และเขาก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของ ริน ดังมาจากความมืด แต่เขาก็ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของ ริน ได้
“คุณควรยอมแพ้ไปสะตอนนี้ นี่ไม่ใช่คาถาลวงตา ฉันไม่ได้ควบคุมการมองเห็นของคุณ”
“แต่ฉันควบคุมสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณได้ ความสามารถของฉัน ทำให้ฉันสามารถควบคุมแสงและสร้างภาพลวงตาที่เหมือนจริงขึ้นมาได้ แม้ว่าคุณจะรู้ว่ามันเป็นของปลอม แต่คุณก็ไม่สามารถทำลายมันได้”
“เพราะฉันสามารถควบคุมแสงให้รวมตัวกันจนกลายเป็นการโจมตีที่แท้จริงได้”
เสียงของ ริน ดังมาจากหลายทิศทาง แม้แต่ ไนโตะ ก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งของเขาได้ด้วยการได้ยินแค่เสียง
อย่างไรก็ตาม สัมผัสพิเศษ ของ ไนโตะ ก็ไม่ได้จำกัด อยู่เพียงแค่การมองเห็นและการได้ยินเท่านั้น
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่อยู่ห่างออกไป 1 จุด!
แต่ ไนโตะ ก็รู้สึกถึงมันแค่วินาทีเดียวเท่านั้น แล้วมันก็หายไป!
แต่ 1 วินาทีก็เกินพอสำหรับ ไนโตะ ทันใดนั้นเขาก็เคลื่อนที่ความเร็วสูงและหายตัวไปเช่นกัน
ฟึ๊บ!!
ทันใดนั้นวิชาของ ริน ก็คลายออก ริน มองไปที่หน้าอกของเขาที่มีดาบของ ไนโตะ เสียบทะลุตัวเขาอยู่
“ทำไม?!”
ไนโตะ ปล่อยมือออกจากดาบอย่างช้า ๆ
ริน ดูตะลึงราวกับว่าเขายังไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผล ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่เขารู้สึก ขณะที่เลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่อยากเชื่ออย่างชัดเจน
“เป็นไปไม่ได้! นี่ฉันกำลังจะ…”
“คุณกำลังควบคุมแสงได้ แล้วคิดว่าฉันจะไม่เห็นอะไรเลยงั้นเหรอ?”
ไนโตะ มองไปที่เขาอย่างใจเย็นและพูดคำเหล่านี้ออกมา
การมองเห็น? การได้ยิน?!
สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญกับ ไนโตะ!
ด้วยสัมผัสพิเศษของเขา เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ บางทีวิชาของ ริน อาจมีผลกับคนที่มี เนตรวงแหวน แต่กับ ไนโตะ แล้ว มันไร้ค่าโดยสิ้นเชิง!
“คุณไม่น่าจะลำบากใช้วิชาแบบนั้น เพราะการฆ่าคุณใช้เวลาแค่แป๊บเดียว”
ไนโตะ มองตรงเข้าไปในดวงตาของ ริน เขาไม่สนใจว่า ริน จะมี เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา หรือไม่ เพราะถึงยังไงนี่ก็คือจุดจบของ ริน
ริน ไม่สามารถยืนอยู่ได้อีกต่อไป เขาล้มลงบนพื้นในขณะที่ดวงตาแสดงถึงความว่างเปล่า
ไนโตะ…เขาเป็นนินจาตรวจจับด้วยงั้นเหรอ?!
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนแรก ริน ก็อยู่ไกลจาก ไนโตะ มาก แล้ว ไนโตะ จะสัมผัสเจอเขาได้ยังไง!
ริน ยื่นมือออกมาหา ไนโตะ ราวกับว่าเขาต้องการจคว้าอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุด ร่างกายของเขาก็จมลงในกองเลือด
ก่อนที่เขาจะตาย หัวใจของ ริน ก็ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
มีผู้คนมากมายที่แข็งแกร่งกว่าเขาในโลกนี้ แต่มีเพียง ไนโตะ เท่านั้น ที่ทำให้เขาความรู้สึกแบบนี้!
แผนทุกอย่างของ ริน ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณต้องการที่จะฆ่าชายคนนี้ คุณก็จะต้องเป็นสัตว์ร้ายเหมือนเขาเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ก็อย่าหวัง!
เมื่อมองไปที่ศพของ ริน ที่นอนอยู่ด้านหน้าของเขา ไนโตะ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับ ริน
เขาดึงดาบออกมาร่างของ ริน แล้วมองไปที่ศพเล็กน้อย
“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียง ปกติแล้วคนที่สามารถปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ได้ ก็น่าจะมีชื่อเสียงสิ แต่ทำไมผู้ชายคนนี้กลับไม่เป็นที่รู้จักเลย…รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เฮ๊ะ”
ตอนที่ 229
แม้ว่า อุจิฮะ ริน จะน่าผิดหวัง แต่บางคนก็รู้จักเขา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ ไนโตะ เกิดความเคารพในตัวเขาเลย
หลังจากที่ ไนโตะ นึกถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก เขาก็เข้าใจในที่สุด จากนั้นเขาก็หันไปมองศพของ ริน อย่างรวดเร็ว
ดวงตาคู่นี้…ไม่ใช่ของ ริน
ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สามารถหยุดการโจมตีของ ไนโตะ ได้ทัน ผลข้างเคียงของการใช้ตาของคนอื่นอาจสูงกว่าปกติ แต่เรื่องนี้ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีใครบางคนมอบมันให้เขาอย่างแน่นอน มันเป็นดวงตาที่พิเศษ แม้แต่คนของ ตระกูลอุจิฮะ เอง ก็ยังได้รับผลข้างเคียงในการใช้มัน
“นี่คือดวงตาของ อุจิฮะ ที่สามารถถอดรหัส ศิลาของตระกูลอุจิฮะ ได้ แต่พวกเขาก็ไม่น่าเอามันมาแพ้แบบนี้ พวกเขาคงไม่โง่ขนาดนั้น…”
ไนโตะ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มเข้าใจ
ตระกูลอุจิฮะ ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่มาได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ก็มีเพียงแค่คนอย่าง อุจิฮะ มาดาระ กับ อิซึนะ เท่านั้นที่สามารถปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ให้ตื่นขึ้นมาได้
แม้ว่าหลังจาก มาดาระ ก็ไม่มีใครสามารถปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์ ขึ้นมาได้อีก แต่สมาชิกตระกูลที่เคยปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ขึ้นมาได้ เมื่อเขาตาย เนตรนั้นก็จะไม่ได้ตายไปกับเขา
สมาชิกตระกูลอุจิฮะ ที่ไม่สูญเสียดวงตาก่อนตาย ตระกูลของพวกเขาจะนำมันออกมาและเก็บมันเอาไว้เพื่อที่พวกเขาจะได้ปลูกถ่ายมันให้กับสมาชิกอาวุโสของตระกูลในภายหลัง แต่เนื่องจากมันไม่ใช่ดวงตาเดิมของพวกเขา จึงไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะได้รับผลข้างเคียงจากการใช้มัน!
อย่างไรก็ตาม การใช้ดวงตาเหล่านี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นจะมอบความสามารถมหาศาลให้กับผู้ใช้ พวกเขาสามารถสร้างนินจาระดับ คาเงะ ได้โดยการใช้เพียงแค่ดวงตาพวกนั้น บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขากล้าหักหลัง โคโนฮะ ตามเรื่องราวในการ์ตูน
“น่าสนใจ ตระกูลอุจิฮะ เต็มใจที่จะเสียสละดวงตาคู่นี้เพื่อฆ่าฉัน…”
ไนโตะ ก้มลงไปควักดวงตาของ ริน ออกมา จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและผนึกพวกมันไว้ในม้วนกระดาษที่เขาถืออยู่
ไนโตะ ไม่คิดที่จะปลูกถ่ายในให้กับตัวเขาเอง เพราะแม้แต่คนของ ตระกูลอุจิฮะ เองก็ยังได้รับผลข้างเคียงที่อันตรายจากการใช้มัน และความสามารถของ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ก็ไม่มีความสำคัญมากพอที่จะต้องเสี่ยง
การควบคุมแสงและการสร้างภาพลวงตา…ไนโตะ ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้!
อาจเป็นเพราะ ริน ไม่มีความสามารถมากพอที่จะใช้ดวงตาคู่นี้ ถ้าพวกเขาให้ดวงตาคู่นี้กับคนอื่น เขาก็อาจจะสามารถใช้มันได้ดีกว่า
อาจเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าด้วยดวงตาคู่นั้น นินจาของพวกเขาจะมีพลังเทียบเท่า คาเงะ ซึ่งทำให้สามารถต่อสู้กับ ซารุโทบิ ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าพวกเขามีโอกาสที่จะฆ่า ไนโตะ ได้
“ฉันพยายามไม่สนใจพวกคุณ แต่พวกคุณก็เรียกร้องหาความตายเอง”
ไนโต เคลื่อนที่ชั่วพริบตา และมาอยู่บนยอดเขา จากนั้นเขาก็จ้องมองจากระยะไกลเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อหาเขตพื้นที่ของ ตระกูลอุจิฮะ
หลังจากที่ ไนโตะ บิดขี้เกียจ เขาก็ส่ายหัวเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ก่อนที่จะไปคุยกับ ตระกูลอุจิฮะ
ที่จริงแล้วเขายังไม่จำเป็นต้องเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ในตอนนี้ เพราะมันอยู่ห่างออกไปเพียงเพียงขั้นเดียว แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไปตอนนี้
……..
ในเขตของตระกูลอุจิฮะ
ในช่วงเวลานี้ บรรยากาศในตระกูลดูสงบมาก แต่มันเป็นเพียงความสงบก่อนที่พายุจะเข้าเท่านั้น
เนื่องจากลูกชายของ คาเงยาม่า , อุจิฮะ ฟูกาคุ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็น โจนิน และมันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้นำตระกูล
ในห้องทำงานของ คาเงยาม่า
ฟูกาคุ ยืนอยู่หน้า คาเงยาม่า ด้วยสีหน้ารุนแรงขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ฉันทำทุกสิ่งที่จำเป็นต้องทำ”
คาเงยาม่า มองไปที่ลูกชายของเขาและถอนหายใจ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ในอนาคต ลูกจะกลายเป็นผู้นำตระกูลของเรา และชะตากรรมของตระกูลจะตกอยู่ในมือของลูก”
อันที่จริงตอนนี้ คาเงยาม่า อายุ 50 ปีแล้ว แม้ว่าความแข็งแกร่งของร่างกายจะเริ่มลดลงเมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็ไม่มากสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ว่า ซารุโทบิ และ จิไรยะ กำลังเตรียมตัว มินาโตะ สำหรับการเข้ารับตำแหน่ง โฮคาเงะ รุ่นต่อไป
คาเงยาม่า มีอายุเท่ากับ ซารุโทบิ แต่ลูกชายของเขา ฟูกาคุ มีอายุมากกว่า มินาโตะ อยู่หลายปี
แต่ถึงอย่างนั้น ลูกชายคนที่ 2 ของ ฟูกาคุ , ซาสึเกะ ก็มีอายุเท่ากับ นารูโตะ
“ท่านพ่อ…ท่านไม่จำเป็นต้อง…”
แม้ว่า ฟูกาคุ จะเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับส่งที่พ่อของเขาทำ
คาเงยาม่า โบกมือและขัดจังหวะ ฟูกาคุ
“การลาออกจากตำแหน่ง ผู้บังคับการของกองกำลังตำรวจโคโนฮะ ของพ่อ จะเท่ากับคำแถลงต่อหมู่บ้านว่า ลูกคือผู้นำตระกูลคนต่อไป”
“ฟูกาคุ ทุกอย่างที่หมู่บ้านอยากเห็นก็คือความตายของ ไนโตะ พ่อจะเตรียมทุกอย่างให้ลูกได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล แต่ลูกต้องพร้อมสำหรับทุกอย่างก่อน”
การได้ยินคำพูดเหล่านี้ ทำให้ ฟูกาคุ ขมวดคิ้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับ คาเงยาม่า แล้ว ฟูกาคุ อายุน้อยกว่ามาก แต่ ฟูกาคุ ก็เป็นคนที่ฉลาด เขาจึงพูดออกไปว่า “ท่านพ่อแน่ใจหรือว่า ท่านจะฆ่า ไนโตะ ได้?”
“ฮาฮาฮา พ่อไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ความสามารถของดวงตาเหล่านี้ยอดเยี่ยมมาก…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ คาเงยาม่า ก็หยุดพูดและลดเสียงให้เบาลง แล้วพูดต่อว่า “…นี่เป็นโอกาสของเรา”
“ความสามารถของดวงตาเหล่านั้น มีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหาร มันถูกปลุกขึ้นโดยวีรบุรุษของตระกูลเรา และตั้งแต่นั้นมามันก็ถูกเก็บรักษาไว้ในตระกูลมานานหลาย 10 ปี รอโอกาส…ที่จะใช้ในสถานการณ์เช่นนี้”
ฟูกาคุ จะเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปของ ตระกูลอุจิฮะ และโดยทั่วไปแล้ว เขาจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงข้อมูลและรู้ความลับต่าง ๆ ของตระกูล
เมื่อฟังคำพูดพ่อของเขาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าแค่ดวงตาเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ แต่ความมั่นใจของพ่อทำให้เขาเชื่อ
ก๊อก ๆ !
ในวินาทีต่อมา นินจาคนหนึ่งก็เคาะประตูและขอให้เข้าไป
คาเงยาม่า ชำเลืองไปที่ประตูจากนั้นเขาก็พูดว่า “เข้ามา”
“ท่านคาเงาม่า มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นครับ เราพบศพของ ริน ที่เนินเขา และ เนตรวงแหวน ของเขาก็ถูกชิงไปด้วยครับ!”
“อะไรนะ?!”
ตอนที่ 230
คาเงยาม่า ลุกขึ้นจากเก้าอีกโดยไม่รู้ตัวและถ้วยชาในมือของเขาก็ตกลงบนโต๊ะทันที
เก๊ง!
ถ้วยชากลิ้งไป 2 – 3 ครั้ง จากนั้นมันก็หยุด น้ำชาไหลกระจายไปทั่วโต๊ะและไหลหยดลงบนพื้น ในขณะที่ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ฟูกาคุ ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะก็ลุกขึ้นเช่นกัน มีชากระเด็นมาโดนรองเท้าของเขาแต่เขาก็ตกใจจนไม่ทันสังเกต
“ผู้บังคับการ! ผมได้ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้วครับ ยกโทษให้ไม่ได้ พวกมันไม่ได้แค่ฆ่า ริน แต่มันยังชิงดวงตาของเขาไปด้วย!”
นินจาคนที่มารายงานข่าว เขาดูโกรธมาก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภารกิจลอบสังหารในครั้งนี้ มีเพียงแค่ ฟูกาคุ , ริน และ คาเงยาม่า เท่านั้นที่รู้
นินจาที่รายงานเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าดวงตาที่ถูกชิงไปนั้นไม่ใช่ดวงตาที่เป็น เนตรวงแหวน ธรรมดา แต่มันเป็นดวงตาที่ได้ปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา!
หลังจาก คาเงยาม่า ได้ฟังสิ่งที่นินจาคนนั้นรายงาน เขาก็ไม่ได้พูดออกไรกลับไปและเงียบอยู่สักพัก
คาเงยาม่า ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อึดอัดใจเล็กน้อย
“แล้ว ไนโตะ ล่ะ?”
“ไนโตะ?!”
นินจาดูสับสนมากเมื่อได้ยิน คาเงยาม่า พูดถึง ไนโตะ จากนั้นเขาพูดว่า “ท่านหมายถึงว่า ไนโตะ อยู่เบื้องหลังการสังหาร ริน และชิงเนตรของเขาไปงั้นเหรอครับ?! มันกล้าดียังไง…”
“ใช่แล้ว!”
หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ คาเงยาม่า ก็พูดขัดจังหวะนินจาคนนั้น ขณะที่สีหน้าของ คาเงยาม่า ไม่สามารถอธิบายได้เป็นคำพูดได้
“สั่งคำสั่งไปที่ผู้สอบสวน เราไม่จำเป็นต้องตรวจสอบในเรื่องนี้”
คาเงยาม่า ยืนและออกคำสั่งนี้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อได้รับคำสั่งจาก คาเงยาม่า นินจาคนนั้นก็ถึงกลับต้องมองหน้า คาเงยาม่า และงงอยู่สักพัก
ท่านล้อเล่นใช่ไหม?!
“เร็วเข้าสิ ทำตามคำสั่งของผู้บังคับการส่ะ”
ในที่สุด ฟูกาคุ ก็ดึงสตินินจาคนนั้นกลับมาด้วยคำพูดของเขา
แม้ว่านินจาคนนั้นจะยังดูสับสนอยู่ แต่เขาก็พยักหน้าและออกจากห้องไปทันที
ทันทีที่นินจาคนนั้นออกไปและปิดประตู การแสดงออกบนใบหน้าขแง ฟูกาคุ และ คาเงยาม่า ก็เปลี่ยนไปและกลายเป็นความเกลียดชังในทันที
………….
ดวงอาทิตย์ขึ้นสาดแสงสะท้อนโดนหน้าผาหินที่มีใบหน้าของ โฮคาเงะ ทั้ง 3 สลักอยู่ จนดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่
หากมองข้ามหน้าผา โฮคาเงะ ไปทางด้านหลังหมู่บ้าน คุณก็จะพบภูเขาที่มีชาวบ้านบางคนกำลังเดินเล่นอยู่ และก็มีนินจาบางคนไปฝึกอยู่ที่นั้นด้วย
แม้ว่าโลกจะเข้าสู่ช่วงเวลาสงบสุขหลังจากจบ มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 นินจาบางคนก็ยังไม่ลืมที่จะฝึกฝนอยู่ทุกวัน
นอกจากนี้ยังมีนินจาหนุ่มสาวอีกหลายคนที่เพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนนินจา และจิตใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวังและความทะเยอทะยาน
ไนโตะ ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน แต่ที่นั่นก็เต็มไปด้วย นินจาโคโนฮะ ที่ฝึกอยู่ และ ไนโตะ ก็ไม่ต้องการไปรบกวนพวกเขา
โชคดีที่วันนี้ ไนโตะ ไม่ได้ไปที่นั่นเพื่อฝึก แต่เขาไปที่นั่นเพื่อพยายามปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งใหม่
ในที่สุด ไนโตะ ก็เปิดมันได้สำเร็จ…ประตูด่านพลังบานที่ 5 ของ กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังทั้ง 8 แบบย้อนกลับ!
เขาใช้ความพยายามเกือบ 4 ปี ในการเปิดประตูนี้
ในวันนี้ เป็นวันที่ ไนโตะ ก้าวข้ามอายุ 15 ปี และเขาก็อายุ 16 ปีแล้ว
ความพยายามในการเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 นั้น เกินกว่าจินตนาการของเขา เขาจำเป็นต้องควบคุม อาภรณ์สายฟ้าขั้นที่ 3 และเรียนรู้คุณสมบัติจักระใหม่ทั้งหมด เพื่อฝึกฝน วิชาเพิ่มน้ำหนักหิน…
ด้วยวิชาลับมากมายที่จะช่วยเขาในการฝึก รวมกับการฝึกอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุด ไนโตะ ก็สามารถเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ได้สำเร็จ
ในการ์ตูนตอนท้ายเรื่อง นารูโตะ แข็งแกร่งมาก ในตอนแรก เขาเรียนรู้พลังธรรมาชาติและสามารถเข้าสู่โหมดเซียนได้ จากนั้นเขาก็เรียนรู้วิธีควบคุมจักระของ 9 หาง ต่อมาในช่วงมหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 นารูโตะ ก็รู้ว่า 9 หาง มีชื่อว่า คุรามะ แล้วจักระและจิตใจของทั้งคู่ก็ประสานกันจนทำให้ นารูโตะ สามารถเข้าสู่ โหมดสัตว์หาง ได้อย่างสมบูรณ์
แต่นี่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด ในตอนท้ายสุด ฮาโกโรโมะ ก็ได้ให้พลังแก่ นารูโตะ ทำให้เขาสามารถใช้ โหมดเซียน 6 วิถี ได้! ในขณะที่ นารูโตะ อายุแค่ 17 ปีเท่านั้น!
ด้วยอัตราการพัฒนาของ ไนโตะ เมื่อเขาอายุได้ 17 ปี การเติบโตของเขาจะเร็วพอที่จะทำให้เขาเป็นอัจฉริยะอย่างเช่น อุจิฮะ อิทาจิ ได้ หรือแม้กระทั่งเป็นแบบเดียวกับ มาดาระ และ ฮาชิรามะ ได้
แต่เขาจะไม่เป็นเหมือน นารูโตะ
ดังนั้น ไนโตะ จึงต้องเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 เพื่อให้เขาสามารถตาม นารูโตะ ได้ทัน เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่เปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจเท่าไร
“ร่างกายเกือบจะปรับสมดุลได้แล้ว และจักระก็เกือบจะเข้าที่แล้ว”
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็ลืมตาขึ้นและกำหมัด มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่หลั่งไหลอยู่ภายในตัวเขา
ไนโตะ รู้สึกได้ในขณะนั้นว่าเขาสามารถทุบทั้งหมู่บ้านได้ด้วยหมัดเดียว!
“ด้วยพลังขนาดนี้ ข่ายเทพพิชิตฟ้า ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป!”
ไนโตะ ยืนขึ้นและหัวเราะออกมาเล็กน้อย
หากใช้ เนตรสีขาว มอง ไนโตะ ก็จะเห็นได้ถึงระบบการไหลเวียนจักระของ ไนโตะ และเห็นจุดแสงเหมือนดวงดาว 5 ดวง เชื่อมต่อกันอยู่!
นี่คือ 5 ใน 8 ของ ประตูด่านพลัง ในระบบการไหลจักระ
ในปัจจุบันจำนวนจักระของ ไนโตะ เติบโตจนถึงระดับ คาเงะ หรือมากกว่านั้น!
เพราะ ระบบการไหลจักระ ของ ไนโตะ ทำให้การฟื้นจักระของเขาทำได้เร็วมากและการเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ก็ยิ่งทำให้มันเร็วขึ้นไปอีก
หากเขาสามารถเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 ได้ จักระของเขาก็อาจจะเท่ากับ 1 หาง เลยก็เป็นได้!
มนุษย์ที่มีจำนวนจักระมากกว่า สัตว์หาง!
ตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม 2 คนที่สามารถไปถึงระดับนั้นได้ก็คือ มาดาระ และ ฮาชิรามะ
แม้แต่ ไรคาเงะ รุ่นที่ 3 ก็ยังไม่ถึงระดับนั้น
ท้ายที่สุดแล้ว ทั้ง อุจิฮะ มาดาระ และ เซนจู ฮาชิรามะ ก็เป็นผู้สืบทอดของ อินดรา และ อาชูร่า
แน่นอนว่าการเพิ่มขึ้นของจักระของ ไนโตะ ไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่เขาได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักทั้งร่างกายและจักระในตลอดเวลาที่ผ่านมา
การพัฒนาที่แท้จริงก็คือ พลังสั่นสะเทือน ของเขามาถึงขั้นที่ 5 แล้ว!
พลังสั่นสะเทือน ของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก ถ้าเขาได้เผชิญหน้ากับ ไรคาเงะ รุ่นที่ 3 อีกครั้ง ไนโตะ มันใจว่าเขาจะไม่ต้องใช้พลังหมัดสูงสุดอีกต่อไป เขาจะฆ่า ไรคาเงะ ได้ด้วยการต่อยแบบธรรมดา ๆ เท่านั้น!
ตอนที่ 231
ไนโตะ ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถรับมือกับ เทพวายุ (ซูซาโนะโอะ) ร่างสมบูรณ์ ได้หรือไม่
แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาสามารถทำลาย ซูซาโนะโอะ ร่าง 3 ของ ซาสึเกะ ได้!
แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยเผชิญหน้ากับคนของ ตระกูลอุจิฮะ ที่สามารถใช้ ซูซาโนะโอะ ได้ แต่เขาก็เชื่อว่าเขาจะทำได้!
ความแข็งแกร่งของ ไนโตะ เพียงคนเดียวก็พอแล้วที่จะทำลาย ตระกูลอุจิฮะ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าพวกเขาจะมี เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา กี่คู่ก็ตาม
แม้ว่ามันจะเป็นวิชาที่เหมือนกับเทพเจ้า แต่ ไนโตะ ก็มั่นใจว่าเขาสามารถต่อสู้กับมันได้
ใช่แล้ว เขาพร้อมสำหรับทุกสิ่ง!
เหมือนที่ อุจิฮะ อิทาจิ เคยพูดเอาไว้ในการ์ตูนว่า “จะแกร่งสักแค่ไหน ก็ต้องมีจุดอ่อนกันทั้งนั้นแหละ” (พูดไว้ใน นารูโตะ นินจาจอมคาถา ตอนที่ 83)
มันเป็นสัจธรรม!
ตระกูลอุจิฮะ เป็นปัญหาและ ไนโตะ ต้องจัดการกับพวกเขา
พวกเขาจะทำตามเจตนารมณ์ของเทพเจ้าของพวกเขา นั่นก็คือ มาดาระ แม้ว่าในการ์ตูนคนของตระกูลอุจิฮะ จะไม่เคยเรียกเขาว่าเทพเจ้าเลยก็ตาม พวกเขามั่นใจว่า มาดาระ คือผู้ที่ทรงอำนาจที่สุด และการที่เขาถูกฆ่าก็ไม่ได้ทำให้ ตระกูลอุจิฮะ เปลี่ยนความคิดที่มีต่อ มาดาระ ไปได้
ยิ่ง มาดาระ มีอิทธิพลต่อพวกเขามากเท่าไร
ความมุ่งมั่นของพวกเขาที่จะเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดก็จะมากขึ้นเท่านั้
แต่มันก็เป็นความมุ่งมั่นที่สูญเปล่า…
เพราะความแข็งแกร่งของ ไนโตะ เพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะพิชิตได้ทั้งโลก!
หลังจากที่เขาเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5 ได้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ
เมื่อเขาพบว่าความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นด้วยเช่นกัน
มันอาจเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขา ยิ่งร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร พลังวิญญาณก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันทำให้ พลังสั่นสะเทือนวิญญาณ ของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปด้วย
แต่การพัฒนาของ ไนโตะ นั้นก็ไม่ได้หมดเพียงเท่านี้
นอกเหนือจากทั้งหมดที่กล่าวไปแล้ว ไนโตะ ก็ยังมีความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย!
ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ใช้ เหยียบเวหา เขาก็มีความเร็วที่เร็วกว่า ไรคาเงะ รุ่นที่ 3!
ความเร็วธรรมดาของ ไนโตะ ในตอนนี้ มีความเร็วเท่ากับ เหยียบเวหา ก่อนหน้านี้
เหยียบเวหา ของเขาในตอนนี้ เร็วมาก!
นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนนี้เขาเรียกมันว่า เหยียบเวหาขั้นสูง!
เมื่อเขาใช้ เหยียบเวหาขั้นสูง การเคลื่อนไหวของ ไรคาเงะ รุ่นที่ 3 ก็จะไม่เรียกว่าเร็วอีกต่อไป แม้แต่ ไรคาเงะ รุ่นที่ 4 ก็ไม่สามารถตามความเร็วของ ไนโตะ ได้ทัน
อาจกล่าวได้ว่า แม้ว่า ไนโตะ จะไม่มี พลังสั่นสะเทือน แต่ด้วยความเร็วของเขาเพียงอย่างเดียว เขาก็จะสามารถเป็นนินจาที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้
จักระ , ความแข็งแกร่งทางวิญญาณ และความเร็ว
นี่คือ 3 อย่างที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเปิดประตูด่านพลังบานที่ 5
แต่ก็ยังมีอีกอย่าง!
ระยะในการจับสัมผัสด้วย สัมผัสพิเศษ!
ก่อนหน้านี้ ไนโตะ จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนภายในระยะ 1 ไมล์ จากนั้นเขาก็จะเห็นเป็นภาพเบลอ ๆ ไปจนถึงระยะ 3 ไมล์ หากไกลกว่านั้นภาพจะมืดสนิทจนไม่สามารถเห็นอะไรได้
แต่ตอนนี้ ไนโตะ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้จะไกลกว่า 3 ไมล์ และภาพจะไม่มืดลงจนกว่าจะเกินกว่า 10 ไมล์
ถ้าเขาสามารถสัมผัสได้ไกลขนาดนี้ตั้งแต่ตอนที่เขาเจอกับ อุจิฮะ ริน เขาจะสามารถหา ริน ที่ซ่อนตัวอยู่ได้อย่างง่ายดาย
จักระ , คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ , ความเร็ว และสัมผัสพิเศษ…การพัฒนาความสามารถทั้ง 4 นี้ ทำให้ ไนโตะ เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อย ๆ!
ไนโตะ มองขึ้นไปบนฟ้า ท้องฟ้าโปร่งใสและเป็นสีฟ้าสดชัดเจน มันดูสวยงามเป็นอย่างมาก แต่ดวงตาของ ไนโตะ ก็ดูมุ่งมั่น ราวกับว่าเขากำลังจ้องมองไปที่ประตูสวรรค์
ในเวลานี้ ไนโตะ มีเพียงความคิดเดียวในใจของเขา
เมื่อเขาเปิดประตูด่านพลังได้ครบทั้งหมด เขาจะสมบูรณ์แบบหรือเปล่า?
………
ไนโตะ ยังคงอยู่ในเนินเขาด้านหลังของหมู่บ้าน หลังจากที่เขาปรับสมดุลร่างกายให้เข้ากับพลังใหม่ได้อย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็ยืนอยู่เฉย ๆ ตลอดทั้งวันเพื่อคิดว่าจะฝึกอะไรต่อไปดี
แต่ ไนโตะ ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เขายืนอยู่เฉย ๆ และคิดเรื่องอนาคต…
เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือ การเปิดประตูด่านพลังบานที 6 แต่เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ไนโตะ มีคำตอบเดียวสำหรับคำถามนี้ คือการฝึกต่อไป แต่มันก็ไม่ง่ายเลย
นอกจากนี้ ไนโตะ ก็กำลังคิดเกี่ยวกับ ดาบคุซานางิ เล่มที่ 3 และเขาไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับมันได้เลย
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะถึงเวลาแล้วที่ อุจิฮะ อิทาจิ จะเกิดขึ้นมา!
ไม่มีข่าวใด ๆ จาก แคว้นแห่งฝน ไม่รู้ว่า โคนัน และ ยาฮิโกะ ได้เจอกับ นางาโตะ อีกหรือไม่?
ไนโตะ นึกถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในวันนี้
เมื่อถึงตอนสาย ๆ ไนโตะ ก็กลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน เขาได้รับข้อความที่ทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย
ไม่มีใครมาบอกข่าวนี้กับเขา แต่เขารับรู้ข่าวนี้ได้จากสัมผัสพิเศษของเขา
วันพรุ่งนี้…เป็นวันที่ อุจิฮะ ฟูกาคุ จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้นำตระกูลอุจิฮะ คนต่อไป!
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลลับสุดยอด การแต่งตั้งในครั้งนี้ยังไม่ได้มีการประกาศออกไปและพวกเขาก็ไม่ได้เชิญใครนอกจากคนในตระกูลของพวกเขา
แต่การไม่ได้รับเชิญ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไปไม่ได้ โดยเฉพาะคนอย่าง…ไนโตะ
“ทำไมเร็วจัง? มันอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บางทีในที่สุด…พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะทำลายความเงียบสงบก็ได้”
ในเวลานั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของ ไนโตะ
การลอบสังหารที่พวกเขาได้วางแผนไว้ก่อนหน้านั้น เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะลืมมันไปได้ง่าย ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพยายามฆ่า ไนโตะ!
คราวนี้ พวกเขากล้ากลบข่าวการตายของสมาชิกตระกูล ด้วยข่าวการแต่งตั้งผู้นำตระกูลคนใหม่
พวกเขาคิดว่า ไนโตะ จะไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังผู้ใช้ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา คู่นั้นงั้นเหรอ?
ไนโตะ ไม่รู้ว่า คาเงยาม่า และ ฟูกาคุ กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่อยากรู้และไม่สนใจมันด้วยซ้ำ
เขารู้เพียงอย่างเดียวว่า ในวันพรุ่งนี้พวกเขาจะมีผู้นำตระกูลคนใหม่
“นายคิดอะไรอยู่นะ? ท่าทางดูแปลก”
คนที่นั่งถัดจาก ไนโตะ ไปก็คือ คุชินะ เธออดไม่ได้ที่จะถาม ไนโตะ เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา
ทันใดนั้น ไนโตะ ก็มองเธอและยิ้ม เธอค่อนข้างสับสน แต่ทันใดนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามาแล้วจูบอย่างแรง
“ทำอะไรนะ?!” หลังจากที่เธอหลุดเป็นอิสระ แก้มของเธอกลายเป็นสีแดง จากนั้นเธอก็มองไปที่เขาแล้วพูดว่า“กินข้าวไปเลย!”
“ฮาฮาฮา”
ไนโตะ ยิ้มอย่างมีความสุข แต่รอยยิ้มนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป และการแสดงออกของเขาก็จริงจังขึ้นและเขาก็กระซิบกับเธอว่า “ คุชินะ บางสิ่งบางอย่างอาจเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้…อืม…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอพยายามอยู่ห่าง ๆ เอาไว้นะ”
ฮื้ม?
คุชินะ มองไปที่ ไนโตะ เธอดูสับสนมากและเธอต้องการถามเขาว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ ไนโตะ ก็ยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็ถามเธอว่า
“ถ้าวันนึง…ฉันตัดสินใจออกจาก โคโนฮะ…เธอจะไปกันฉันไหม?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น