The Strongest Hokage 190-196
ตอนที่ 190
สำนักงานโฮคาเงะ
ห้องทำงานของโฮคาเงะ
คุณสามารถมองเห็นทั้งหมู่บ้านได้โดยมองจากห้องห้องนี้
ในตอนนี้มีคน 2 คนอยู่ในห้องนั้น
คนหนึ่งคือ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 และอีกคนหนึ่งคืออ ดันโซ
สีหน้าของ ซารุโทบิ ไม่ได้ดูสงบเหมือนเช่นเคย แต่มันเป็นสีหน้าที่จริงจังมาก
“ฉันไม่คิดเลยว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่สามารถควบคุมได้จริง ๆ อย่างที่ท่านพูด”
ดวงตาของ ซารุโทบิ มีความกังกล เมื่อมองออกไปยังฝูงชนที่กำลังต้อนรับวีรบุรุษอยู่ที่ประตูหลักของหมู่บ้าน
ดันโซ ทำสีหน้าเยาะเย้ยลำพูดว่า “ฉันเคยบอกท่านแล้วว่าให้ส่งเขาให้ฉัน แต่ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่ง แต่เพราะชื่อเสียงของเขา มันทำให้กลายเป็นเรื่องยากที่ท่านจะจัดการกับเขา”
ซารุโทบิ เงียบ
ด้วยความโด่งดังของ ไนโตะ ในหมู่บ้านเขากลายเป็นวีรบุรุษของโคโนฮะ ซึ่งทำให้การจัดการสิ่งต่าง ๆ ยิ่ง ซารุโทบิ ทำได้ยากขึ้น เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับ ไนโตะ มันจะทำให้หมู่บ้านไม่มีเสถียรภาพ
การจัดการที่ว่านั้นไม่ใช่การงัดข้อกับ ไนโตะ แต่มันเป็นแค่การควบคุมเขาเท่านั้น
เพราะการที่ ไนโตะ อยู่ข้างเดียวกับพวกเขา จะทำให้ โคโนฮะ ได้เปรียบในสนามรบ และเหนือกว่าหมู่บ้านอื่น ๆ
แต่พวกเขาจะทำอย่างไร ถ้า ไนโตะ ตัดสินใจที่จะไม่เชื่อฟังพวกเขาอีกต่อไป?
พวกเขาไม่สามารถประเมินอำนาจของ ไนโตะ ต่ำเกินไปได้ วันได้เมื่อเขาตัดสินใจว่าจะไม่เชื่อฟัง พวกเขาจะไม่มีทางบังคับเขาได้อีกต่อไป!
หลังจากเงียบไปนาน ซารุโทบิ ก็พูดขึ้นว่า “เราจะต้องรอดูต่อไป ตอนนี้เขายังเป็นของ โคโนฮะ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาให้ความสำคัญกับ ซึนาเดะ และ คุชินะ มากเป็นพิเศษ”
“ท่านคิดตื่น ๆ !”
ด้วยสายตาที่เย็นชา ดันโซ ตะโกนออกมาเสียงดัง
ในความคิดของเขา โฮคาเงะ ควรจะมีอำนาจเด็ดขาดในหมู่บ้านของเขา
โฮคาเงะ ที่ไม่สามารถควบคุมหมู่บ้านได้ ก็ไม่ควรเป็น โฮคาเงะ!
“ไนโตะ จะต้องเป็น…”
“ถึงท่านจะมีแผนอื่น แต่ท่านแน่ใจหรือว่าแผนของท่านจะสำเร็จ! แล้วถ้าแผนของท่านล้มเหลวล่ะ มันก็จะกลายเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงกับ ไนโตะ และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรากำลังมองหา!”
ซารุโทบิ หันมามอง ดันโซ และพูดขัดจังหวะเขา
“การมีเขาอยู่ทำให้เราได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ สำหรับเราแล้วแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อฟังเรา แต่การมีเขาอยู่จะทำให้เป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับหมู่บ้านอื่น ๆ ทำให้เหมือนเรามี สัตว์หาง อีกตัวหนึ่งอยู่ในครอบครอง!”
ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของ ซารุโทบิ ทำให้แสดงออกของ ดันโซ เริ่มหมดหวัง
“ซารุโทบิ ท่านควรจำไว้ว่าท่านคือ โฮคาเงะ ท่านคือผู้นำของ โคโนฮะ”
หลังจากเงียบไปนาน ดันโซ ก็พูดประโยคนั้นออกมา จากนั้นเขาลุกขึ้นหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไปด้วยดวงตาที่แสดงถึงความเย็นชา
ซารุโทบิ มองไปที่ ดันโซ แล้วก็ส่ายหัว จากนั้นเขาก็มองกลับไปที่หน้าต่าง ขณะที่สีหน้าของเขาดูซับซ้อนเล็กน้อย
สิ่งต่าง ๆ ช่างซับซ้อนจริง ๆ
ถ้า ไนโตะ ไม่ได้มาจากนอกโคโนฮะ ถ้าเขาเป็นหนึ่งในตระกูลของโคโนฮะ ความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เป็นปัญหา เขาอาจจะได้เป็น โฮคาเงะ รุ่นที่ 4 ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็ไม่ได้เกิดใน โคโนฮะ
แม้ว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านนี้ แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะได้เป็น โฮคาเงะ!
ซารุโทบิ เชื่อใจ ไนโตะ มาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่คิดว่า ไนโตะ จะเติบโตได้รวดเร็วขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้น และตอนนี้พลังของ ไนโตะ ก็อาจจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อหมู่บ้านเช่นเดียวกับ อุจิฮะ
แต่ที่น่าเป็นกังกลไปกว่านั้นก็คือ การเติบโตของ ไนโตะ ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่สิ้นสุด และมันก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มก่อปัญหาให้กับทุกคนรอบตัวเขา
แน่นอนว่า ซารุโทบิ รู้ว่าตอนนี้เขาก็ไม่สามารถควบคุม ไนโตะ ได้ดั่งใจเขาแล้ว แม้ว่า ไนโตะ จะจัดการสังหาร คาเสะคาเงะ รุ่นที่ 3 และเอาชนะ 1 หางมาได้
ซารุโทบิ แข็งแกร่งกว่าทั้ง คาเสะคาเงะ รุ่นที่ 3 และ 1 หาง รวมกันเสียอีก เขาไม่ได้เป็นแค่คนแก่ที่สามารถผนึกมือทั้ง 2 ข้างของ โอโรจิมารุ ได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็ยังอายุน้อยกว่าในการ์ตูน และเขาก็แข็งแกร่งกว่าในการ์ตูนมาก เขาเป็นนินจาที่เชี่ยวชาญคาถาและวิชาทุกอย่างใน โคโนฮะ
ซารุโทบิ แข็งแกร่งมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
เขาเป็นคนที่มีจักระที่ไม่เหมือนใคร เขาสามารถใช้คุณสมบัติจักระได้ทั้ง 5 ธาตุ และสิ่งนี้ก็ทำให้เขาเชี่ยวชาญในทุกแขนงวิชาคาถานินจา
ปริมาณจักระของ ซารุโทบิ นั้นสูงมาก
แม้ว่าพลังของเขาจะอยู่ในระดับ คาเงะ แต่ปริมาณจักระของเขาก็มากกว่าระดับนั้นมาก
เหตุผลที่ ดันโซ ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของ ซารุโทบิ ไม่ใช่แค่เพราะตำแหน่ง แต่ยังเพราะ ซารุโทบิ แข็งแกร่งกว่าเขามาก
…………
บนถนนของ โคโนฮะ
ไนโตะ และ คุชินะ เดินไปเรื่อย ๆ บนถนนในหมู่บ้าน
หลังจากที่ ไนโตะ กลับมาถึงหมู่บ้าน เขาก็เลิกคิดเรื่อง ดาบคุซานางิ และ อาภรณ์สายฟ้าขั้นที่ 3 ไปชั่วคราว เขาต้องการพักผ่อนที่หมู่บ้านสักพักหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นเขาก็ค่อยไปหาข้อมูลอื่น ๆ จากคลังข้อมูลของ โคโนฮะ ทีหลัง
ไนโตะ สามารถไปเอาข้อมูลได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้
ก่อนที่เขาจะกลับมาถึง โคโนฮะ เขาได้รับข้อมูลบางอย่างจาก ยาฮิโกะ และ โคนัน
นางาโตะ ยังคงไม่ปรากฏตัวออกมา ส่วน โคนัน และ ยาฮิโกะ ก็เริ่มทำงานอยู่ใน แคว้นแห่งฝน แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีข่าวเรื่อง แสงอุษา และดูเหมือนว่า ยาฮิโกะ จะยังไม่ได้คิดที่จะก่อตั้งมันขึ้นมา
ไนโตะ โยนความคิดเหล่านั้นไว้ข้างหลัง สิ่งเดียวที่เขาคิดตอนนี้ก็คือ เขากำลังอยู่กับ คุชินะ
ไนโตะ ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้มากแค่ไหน แต่เขามั่นใจว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงบางสิ่งได้
ไนโตะ รู้ว่าแม้ว่า คุชินะ และ มินาโตะ จะตาย แต่ นารูโตะ ก็จะได้เกิดมาเพื่อกอบกู้โลกใบนี้อยู่ดี
และเขาก็รู้ว่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอาชนะ มาดาระ แต่ นารูโตะ และ ซาสึเกะ ก็จะสามารถทำได้
แต่เขาจะไม่รอพึ่งพาคนอื่น เขาจะพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
“ไนโตะคุง ลองกินนี่สิ”
คุชินะ ซื้อขนมมา 2 ชิ้นจากร้านค้าแล้วยื่นให้ ไนโตะ อันนึง
ไนโตะ หยุดคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้และยิ้มให้ คุชินะ
ไนโตะ เกือบจะอายุได้ 13 ปีแล้ว
คุชินะ ก็อายุประมาณนั้นด้วยเช่นกัน และเธอก็ไม่ได้ดูเหมือนเด็กผู้หญิงอีกต่อไป เธอกลายเป็นเด็กสาวที่สวยงาม
ไนโตะ ต้องการลืมเรื่อง มาดาระ และแผนการทั้งหมดของเขา เมื่ออยู่กับเธอ
แต่เพื่อปกป้องเธอ ไนโตะ จำเป็นต้องจากเธอไปและต้องแข็งแกร่งขึ้นอีก
ตอนที่ 191
ในตอนนี้ คุชินะ ได้กลายเป็น พลังสถิตร่าง ของ 9 หาง เหมือนดังในการ์ตูนและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผนึกอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งที่สุด 9 หาง ก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้ และ คุชินะ ก็ไม่สามารถใช้พลังของ 9 หาง ได้
ไนโตะ คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ อุซึมากิ เมอิ จะสามารถแทนที่ คุชินะ ในการเป็น พลังสถิตร่าง คนต่อไปได้ แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่เขาคิดไว้
นี่ทำให้ ไนโตะ สงสัยเรื่องในอนาคตของ เมอิ
“เอ้อแล้วเธออยู่กับ เมอิ ใช่ไหม?”
ไนโตะ กินขนมที่ คุชินะ ให้ จากนั้นเขาก็ถามเธอออกไปอย่างไม่ตั้งใจ
คุชินะ ยักไหล่และพูดว่า “อื้ม เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมาก ถึงเธอจะอยู่กับฉัน แต่เธอก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่”
“ถ้าอย่างงั้นก็ช่างมัน ไปต่อกันเถอะ”
หลังจากนั้นจู่ ๆ คุชินะ ก็ยิ้มออกมา ขณะที่มองไปที่ ไนโตะ
เมื่อ ไนโตะ มองเธอกลับไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แต่ทันใดนั้นเธอก็ยื่นมือออกมาแล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดปาก ไนโตะ
มีครีมติดที่ปลายนิ้วของเธอ
มันเป็นครีมของขนมที่เขากิน
ไนโตะ มองดูเธอ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา และเขาก็จับนิ้วเธอขึ้นมาจากนั้นก็กินครีมที่ติดที่นิ้วของเธอ
การกระทำนี้ทำให้ คุชินะ แก้มแดง
ทั้ง 2 ยังคงเดินต่อไป ในไม่ช้าพวกเขาก็เดินออกจากถนนและเข้ามาใกล้กับสถานที่ที่หนึ่งที่คุ้นเคย นั้นก็คือ โรงเรียนนินจา
ไนโตะ รู้สึกคิดถึงเล็กน้อยเมื่อเขาไปถึงที่นั่น
ไนโตะ จำความทุกข์ที่เขาต้องเผชิญในสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
การที่เขาฝึกหนักและพยายามดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะเขาไม่ต้องการเป็นกระสอบทรายให้คนอื่น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะฝึกหนักแค่ไหน เขาก็ยังใช้คาถานินจาไม่ได้อยู่ดี
แต่โชคดีที่ ไนโตะ ไม่เคยยอมแพ้ เขารู้ว่ายังมีอีกวิธีหนึ่งในการเอาชีวิตรอดในโลกแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มฝึกฝนวิชากระบวนท่ามาอย่างต่อเนื่องในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ ฝึกคาถานินจา และ ไนโตะ ก็ต้องฝึกหนักเป็น 2 เท่าของพวกเขา
ในเวลานั้น ไนโตะ ก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเย็นชาของผู้คน แม้กระทั่งอาจารย์ประจำชั้นก็ยังเกลียดเขา แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อมีผลปีศาจตกลงมาตรงหน้าเขา
ไนโตะ อดยิ้มไม่ได้เมื่อเขาคิดถึงเรื่องพวกนี้
ใช้แล้ว ทุก ๆ อย่างที่เป็นแบบนี้ก็ต้องขอบคุณผลปีศาจ ถ้าไม่มีพลังของมัน ไนโตะ ก็จะไม่สามารถแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้ แม้ว่าเขาจะฝึกหนักกว่านี้เป็น 100 เท่าก็ตาม
“ไนโตะ เข้าไปข้างในกันเถอะ!”
เมื่อ คุชินะ เห็นโรงเรียนนินจา เธอก็รู้สึกคิดถึงและรีบดึงแขนของ ไนโตะ อย่างกระตือรือร้น
“โอเค ๆ ”
ไนโตะ พยักหน้า แล้วพวกเขาก็เข้าในโรงเรียนนินจาทันที
……..
“เฮ้ ทุกคนดูนั่นสิ นั่นวีรบุรุษของเรา!”
อาจารย์คนหนึ่งในกลุ่มอาจารย์พูดออกมา เมื่อเห็นพวกเขาทั้ง 2
และหนึ่งในนั้นก็มีอาจารย์ของ ไนโตะ อยู่ด้วย นั้นก็คือ อาจารย์นาคาโมโต้
นาคาโมโต้ ยังคงเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนนินจา เพราะเขายังไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็น จูนิน และเขาก็ไม่ได้แข็งแรงเช่นนั้น ดังนั้นเขาจึงเป็นได้แค่อาจารย์สอนเด็ก ๆ
“ไปทักทายพวกเขาสิ ทั้งคู่เคยเป็นนักเรียนของคุณนี่น่า ช่างน่าเป็นเกียรติจริง ๆ!” อาจารย์คนอื่นพูดขึ้นมา
นาคาโมโต้ มองไปยังอาจารย์คนนั้นด้วยสายตาที่เยือกเย็น จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เออ”
คำตอบของ นาคาโมโต้ ช่างเยือกเย็นมาก หลังจากเขาพูดคำนี้ออกมาเขาก็เดินออกไปจากอาจารย์คนนั้น
อาจารย์คนอื่น ๆ ไม่เข้าใจเหตุผลของพฤติกรรมของเขา
นาคาโมโต้ เดินไปอย่างไม่มีจุดหมาย ในขณะที่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เขากำลังสาปแช่งความโง่ของเขา ถ้าเขาคิดได้ว่า ไนโตะ มีพรสวรรค์มากถึงขนาดนี้ ชื่อเสียงของเขาอาจเพิ่มขึ้นในฐานะที่เขาเป็นอาจารย์ของ ไนโตะ
แต่ นาคาโมโต้ จะรู้ได้อย่างไร เพราะตอนนั้น ไนโตะ อ่อนแอมาก ไนโตะ เป็นคนที่มีความสามารถต่ำที่สุดในชั้นเรียน เขาใช้คาถานินจาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่จู่ ๆ เขาก็แข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นในเวลาแค่ไม่กี่ปี!
หัวใจของ นาคาโมโต้ เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความโกรธ และในขณะที่เขากำลังเดินอย่างไร้จุดหมายอยู่นั้น เขาก็เกือบจะเดินชนใครบางคน แต่เขาก็ได้สติขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย
“เธอ…”
นาคาโมโต้ เงยหน้าขึ้นและเห็นร่างคน 2 คนที่คุ้นเคย และทันใดนั้นเขาก็ตกใจ
นาคาโมโต้ จำคนคนนี้ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เคยเป็น 1 ในนักเรียนของเขา คนคนนั้นก็คือ ไนโตะ ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ!
“ดีใจที่ได้พบคุณอีกครั้ง อาจารย์นาคาโมโต้”
“ชะ…ใช่แล้ว…นานแล้วสินะ…”
หน้าผากของ นาคาโมโต้ เต็มไปด้วยเหงื่อและหัวใจของเขาสั่นด้วยความกลัว เขาไม่คิดว่า ไนโตะ จะทักเขาแบบนี้ เพราะเขารู้ว่า ไนโตะ ไม่ชอบเขา
เพราะ นาคาโมโต้ ก็เคยทำร้าย ไนโตะ และถึงขั้นพยายามฆ่าเขา!
แต่ตอนนี้ระดับของทั้งคู่ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แค่เพียงการจ้องมองของ ไนโตะ ก็ทำให้ นาคาโมโต้ ตัวสั่นไปทั้งตัว
คุชินะ ยืนอยู่ข้าง ๆ ไนโตะ เธอรู้ว่าทั้งคู่เคยมีปัญหากันมาก่อนในตอนที่ ไนโตะ ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนนินจา
อย่างไรก็ตาม การที่เธอเห็น นาคาโมโต้ ยืนตัวสั่นต่อหน้าเธอ ก็ทำให้เธอรู้สึกสะใจเล็กน้อย
ที่จริงแล้ว นาคาโมโต้ ก็ไม่ใช่คนเลว เขาเก่งมากในการสอนเด็ก ๆ เพียงแค่เขาเกลียดคนจากนอกหมู่บ้านเท่านั้น
คุชินะ มองไปที่ ไนโตะ เธอกลัวว่า ไนโตะ จะทำอะไร นาคาโมโต้ ไปมากกว่านี้
แต่ ไนโตะ ก็ไม่ได้ทำอะไร จากนั้นเขาก็จับมือเล็ก ๆ ของเธอเบา ๆ แล้วเดินต่อไป
“ไปกันเถอะ”
“อื้ม”
คุชินะ พยักหน้าและเดินตาม ไนโตะ ไป
เมื่อทั้ง 2 เดินผ่านไป นาคาโมโต้ ก็รู้สึกโล่งใจในทันที แค่การเผชิญหน้าเป็นเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ไนโตะ ไม่ได้สนใจเขาเลย เขาเดินผ่าน นาคาโมโต้ ไปขณะที่ นาคาโมโต้ กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว ตอนนี้ นาคาโมโต้ รู้สึกอับอายมาก
ถึงอย่างนั้น แม้ว่าดวงตาของเขาจะแสดงออกถึงความเสียใจ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ และทิ้งทุกอย่างอยู่ในความเงียบ
ตอนที่ 192
หลังจากพวกเขาเดินเล่นในโรงเรียนนินจา ไนโตะ และ คุชินินะ ก็ออกจากที่นั่นไปและมุ่งหน้ากลับสู่ถนนอีกครั้ง
ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง เมื่อเห็นดังนั้น ไนโตะ จึงพา คุชินะ กลับบ้าน
มือของ คุชินะ นิ่มมากและ ไนโตะ ก็ชอบจับมือเธอมากเช่นกัน
เมื่อมาส่ง คุชินะ ถึงบ้านแล้ว ไนโตะ ก็กำลังจะเดินกลับไป แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ
ทันใดนั้น คุชินกะ ก็รู้สึกอายขึ้นมาและปล่อยมือจาก ไนโตะ จากนั้นเธอก็มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและพูดว่า “กลับช้าจริง ๆ เธอออกไปไหนของเธอได้ทุกวี่ทุกวันเนี่ย!”
“เธอก็เพิ่งกลับมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
อุซึมากิ เมอิ ตอบ คุชินะ แล้วเธอก็มองไปที่ ไนโตะ แล้วถามด้วยความประหลาดใน “นาย…นายคือ ไนโตะ ใช่ไหม?”
“ใช่!”
คุชินะ มองไปที่ เมอิ และทำท่าทางหึงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เดินออกมายืนอยู่หน้า ไนโตะ พร้อมกับใบหน้าที่ดุดันของเธอ แล้วพูดกับ เมอิ ว่า “แล้วเธอจะถามทำไม?!”
เมอิ ก็แสดงออกอย่างไร้หนทางและพูดว่า “ก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะอยากรู้จักกับคนที่มีชื่อเสียงอย่าง ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ”
“ไม่จำเป็น!”
คุชินะ ดูจริงจังมาก
เมื่อมองไปที่พวกเธอทั้งคู่ ไนโตะ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่ของ คุชินะ แล้วพูดว่า “พวกเธอเข้าบ้านไปเถอะ ฉันต้องกลับแล้วละ”
“พรุ่งนี้อย่าลืมมาหาฉันละ…ถ้าไม่งั้น ฉันจะไปหานายเอง”
คุชินะ พยักหน้าเขาเบา ๆ จากนั้นเธอก็มองไปที่ ไนโตะ ขณะที่เขากำลังเดินจากไป
จากนั้นการแสดงออกของเธอก็ค่อนข้างน่ากลัว ทันทีเธอก็มองไปที่ เมอิ แล้วถามเธอว่า “เธอไปไหนมาทั้งวัน? ทำไมต้องทำตัวลับลมคมในอยู่เรื่อย เธอกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่รึเปล่า!”
“ไม่ ไม่มีอะไร”
ดวงตาของ เมอิ หลบตาเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ยิ้มและตะคอกออกมาว่า “ว่าแต่ เธอเป็นห่วงเธอเองก่อนดีกว่ามั้ง”
“เธอหมายถึงอะไร!”
เมอิ หัวเราะแล้วเธอก็เดินเข้าไปในบ้าน จากนั้น คุชินะ ก็เดินจามเธอเข้าไป
…….
เมื่อ ไนโตะ กลับมาถึงบ้าน เขาก็เริ่มทำความสะอาดบ้านของเขาทันที เพราะเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่
มีฝุ่นอยู่เต็มห้อง แต่เรื่องการทำความสะอาดนั้นก็ง่ายมากสำหรับนินจา
แม้ว่า ไนโตะ จะไม่ได้ฝึกฝนคุณสมบัติจักระธาตุอื่น ๆ แต่เขาก็สามารถใช้มันได้ในระดับหนึ่ง
“คาถาลม : สายลมปั่นป่วน!”
ไนโตะ ใช้คาถาลมง่าย ๆ แล้วเขาก็ใช้ลมหอบเอาฝุ่นทั้งหมดในห้องออกไป
หลังจากทำความสะอาดแล้ว ไนโตะ ก็ยังไม่ได้พักผ่อน แต่เขาก็เดินไปนั่งที่มุมห้องเหมือนกับว่าเขากำลังรออะไรอยู่
ในไม่กี่นาทีต่อมา หน่วยลับ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ต่อหน้าของ ไนโตะ
อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นที่นับถือของนินจาส่วนใหญ่
“ท่านไนโตะ ช่วยตามผมไปที่ สำนักงานโฮคาเงะ ได้ไหมครับ”
แม้แต่วิธีการพูดกับเขาก็เปลี่ยนไป ปกติแล้วพวกเขามักจะพูดว่า โฮคาเงะ เรียกตัวคุณ
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป
“ในที่สุด”
ไนโตะ คิดขึ้นมาในใจ จากนั้นเขาก็พยักหน้าและลุกขึ้นยืน แล้วเดินตามหน่วยลับคนนั้นไปยัง สำนักงานโฮคาเงะ
อีกครั้งที่ ไนโตะ มาอยู่ใน สำนักงานโฮคาเงะ แต่ความรู้สึกที่เขามีในครั้งนี้แตกต่างออกไป
คราวนี้ ไนโตะ ใช้สัมผัสพิเศษของเขาเพื่อสำรวจตัวอาคารทั้งหมดและผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าอัศจรรย์
อาคารทั้งหลังถูกปกคลุมด้วยม่านพลัง!
มันเป็นม่านพลังแบบเดียวกับที่ครอบคลุมทั้งหมู่บ้านเอาไว้ แต่เนื่องจากมันมีขนาดเล็กกว่ามันจึงแข็งแกร่งกว่ามาก
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแอบเข้าไปใน สำนักงานโฮคาเงะ
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าคุณจะลักลอบเข้าไปได้ แต่ก็ยังมี หน่วยลับ และ นินจา คอยดูแลอาคารหลังนี้ทั้งหมดจากทุกทิศทาง
และยังมี หน่วยลับ ที่ซ่อนตัวอยู่ภายนอกอาคารเพื่อสังเกตุการณ์อยู่รอบ ๆ
นอกจากนี้ ไนโตะ ก็ยังรู้สึกถึงตำแหน่งของ ม้วนคัมภีร์ลับ ที่ถูกเก็บไว้ในระบบความปลอดภัยสูงสุด ที่มีนินจาจำนวนมากคอยปกป้อง และห้องนั้นก็อยู่ติดกับ ห้องทำงานโฮคาเงะ
มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขโมย ม้วนคัมภีร์ลับ ออกมาได้โดยไม่มีใครสังเกต
มันดูง่ายมากเมื่อ นารูโตะ ขโมยมันออกไปได้ตามในการ์ตูน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาใช้เคล็ดลับบางอย่างเพื่อขโมยมัน
ไนโตะ ไม่สามารถรับรู้ได้แบบนี้มาก่อน แต่ด้วยสัมผัสพิเศษของเขา ทำให้ดวงตาของเขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งได้!
ในไม่ช้า ไนโตะ ก็มาถึง ห้องทำงานโฮคาเงะ
มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องนั้นแต่เขาไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานตามปกติ แต่เขากำลังนั่งอยู่บนพื้นที่มีโต๊ะตัวเล็กอยู่ด้านหน้าของเขา
หลังจากที่เขาเห็น ไนโตะ เดินเข้ามา เขาก็บอกให้ ไนโตะ มานั่งข้าง ๆ เขา “ ไนโตะ มานี่สิ”
ขณะที่เขาพูดคำเหล่านี้ ซารุโทบิ ก็รินน้ำชาให้ ไนโตะ
ไนโตะ มองดู ซารุโทบิ อย่างเงียบ ๆ จากนั้นเขาก็นั่งลงโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นว่า ไนโตะ สงบและผ่อนคลาย ซารุโทบิ จึงเริ่มพูดคุยกับเขา “สถานการณ์ในสนามรบดีขึ้นมาก ต้องขอบคุณเธอจริง ๆ”
ประโยคนี้ทำให้ดวงตาของ ไนโตะ สั่นไหวเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงและวิธีการพูดของ ซารุโทบิ ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ทั้งคู่เคยคุยกัน มันเหมือนกับน้ำเสียงที่ 2 คาเงะ กำลังพูดคุยกัน
ไนโตะ ฆ่า คาเสะคาเงะ รุ่นที่ 3 และถึงแม้ว่านี่จะไม่ได้ทำให้เขาเป็น คาเงะ แต่ โฮคาเงะ ก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ
“มันเป็นหน้าที่ของผมที่มีต่อหมู้บ้าน ถ้าไม่ใช่เพราะ โคโนฮะ ผมคงไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว”
ไนโตะ พูดคำเหล่านี้ จากนั้นเขาก็หยิบชาขึ้นมาจากโต๊ะแล้วจิบ
ซารุโทบิ เฝ้าดู ไนโตะ เพื่อคอยสังเกตปฏิกิริยาและน้ำเสียงของ ไนโตะ
และหลังจากที่ ไนโตะ พูดคำเหล่านั้นออกมา ซารุโทบิ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เป็นธรรมชาติมากขึ้น
นี่เป็นเรื่องจริง เพราะหากไม่ได้ความช่วยเหลือจาก โคโนฮะ ไนโตะ ก็อาจตายไปแล้ว เหมือนกับ ตระกูลคุซานางิ คนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ไนโตะ ทำเพื่อ โคโนฮะ ในสนามรบ ก็คือสิ่งที่เขาจะตอบแทนให้หมู่บ้านได้
เพราะถึงไม่มี ไนโตะ หมู่บ้านก็ยังสามารถชนะได้ แต่การบาดเจ็บล้มตายก็จะเพิ่มอีก 10 เท่าเท่านั้นเอง!
ตอนที่ 193
เนื่องจากการปรากฏตัวของ ไนโตะ ใน มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 ทำให้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปอย่างมากมาย
ในการ์ตูน หมู่บ้านคุโมะ และ หมู่บ้านซึนะ จะต้องต่อสู้กัน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นว่า หมู่บ้านคุโมะ มาต่อสู้กับ หมู่บ้านอิวะ แทน และ หมู่บ้านอิวะ ก็แพ้ไปในที่สุด (โคโนฮะ สู้กับ ซึนะ และ โคโนฮะ ชนะ)
กองทัพอิวะ แตกพ่ายไปแล้ว พวกเขาบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในสงครามครั้งที่ผ่านมา
หมู่บ้านคิริ ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ ดังนั้นหมู่บ้านที่ยังคงอยู่ในสงครามครั้งนี้ก็เหลือเพียง โคโนฮะ และ คุโมะ เท่านั้น
แคว้นแห่งไฟ ได้รับทรัพยากรจำนวนมากจากการเข้ายึด แคว้นแห่งลม
โคโนฮะ เป็นหมู่บ้านที่ได้รับชัยชนะสูงสุดในสงครามครั้งนี้ และพวกเขาก็ต้องขอบคุณ ไนโตะ
ไนโตะ จิบชาในแก้วของเขาอีกครั้งแล้วมองไปที่ ซารุโทบิ
“ท่านโฮคาเงะ ผมเกลียดความยุ่งยาก ผมอยู่ว่าง ๆ ถ้าท่านจะเสนอตำแหน่งให้ผม มันก็จะมีเรื่องต่าง ๆ ตามมามากมาย และผมไม่อยากทำเรื่องพวกนั้น”
ไนโตะ พูดออกมาอย่างชัดเจนมากในประโยคเดียว เขาไม่ต้องการตำแหน่งใด ๆ เขาไม่ได้อยากเป็น ผู้บัญชาการหน่วยลับ ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่ง โฮคาเงะ หรือแม้แต่ผู้ช่วยโฮคาเงะ ก็ตาม
คำพูดเหล่านี้ทำให้หัวใจของ ซารุโทยิ สั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง
หาก ไนโตะ ไม่สนใจสถานะหรือตำแหน่งจริง ๆ หากเขาพูดความจริง ซารุโทบิ ก็ไม่ควรกลัว ไนโตะ หรือกลัวว่าจะถูกคุกคามอีกต่อไป
คนที่ไม่มีความทะเยอทะยานแบบนั้น จะไม่มีทางเป็นภัยคุกคามอย่างแน่นอน
แต่ ซารุโทบิ ก็ไม่แน่ใจว่า ไนโตะ พูดความจริงหรือไม่ และแม้ว่า ไนโตะ จะไม่มีความทะเยอทะยานที่จะเป็น โฮคาเงะ แต่นั้นก็ทำให้เห็นได้ชัดว่า ไนโตะ ต้องการเป็นอิสระ
ไนโตะ ไม่ต้องการผูกมัดกับอะไรทั้งสิ้น เขาแค่ต้องการปกป้องคนที่เขาใส่ใจ
“ผมขอถามอะไรอย่างสิครับ…”
ไนโตะ เหลือบมองรอบ ๆ ตัวเขา เขากำลังอยู่ใน ห้องทำงานโฮคาเงะ และเขาก็ต้องพูดอย่างระมัดระวังไม่ให้ใช้คำพูดที่ไม่ดีออกไป…แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จำเป็นต้องถาม
“อุซึมากิ คุชินะ เธอกลายเป็น…”
“ใช่”
ซารุโทบิ ขัดจังหวะ ไนโตะ เพราะเขารู้ว่า ไนโตะ จะถามว่า คุชินะ กลายเป็น พลังสถิตร่าง แล้วหรือยัง และเขาก็ไม่ประหลาดใจที่ ไนโตะ รู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็จัดว่าเป็นข้อมูลลับสุดยอด แม้แต่ 3 นินจาในตำนาน ก็ไม่รู้เรื่องนี้
ท้ายที่สุดแล้ว คุชินะ ก็ยังเป็นเด็กและอ่อนแอ ดังนั้นเธอจึงต้องได้รับการปกป้อง
แม้ว่า ไนโตะ จะรู้อยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องการยืนยันให้แน่ใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”
ไนโตะ ยักไหล่ จากนั้นเขาก็หยิบแก้วชาขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า “มีอีกเรื่องหนึ่ง คือผมสนใจวิชานินจาบางอย่างใน ม้วนคัมภีร์ลับ”
ไม่ว่า ซารุโทบิ จะว่ายังไง แต่ ไนโตะ ก็ต้องบอกออกไปตรง ๆ
หลังจากที่ ซารุโทบิ ฟังสิ่งที่ ไนโตะ ต้องการ ดวงตาของเขาก็เบิกกว่าขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมจะไม่ได้ละ”
อะไรน่ะ?
ไนโตะ รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย มีบางอย่างผิดปกติ
ไนโตะ บอก ซารุโทบิ ว่าเขาไม่ต้องการตำแหน่งใด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแข็งแกร่งมากจนอาจเป็นภัยคุกคามได้ แต่ทำไม ซารุโทบิ ถึงยังไว้ใจเขาอยู่ละ!
พวกเขาไม่สามารถควบคุม ไนโตะ ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ดันโซ จึงไม่ยอมรับการมีอยู่ของเขา
และตอนนี้ ไนโตะ ก็ต้องการเห็น ม้วนคัมภีร์ลับ
ม้วนคัมภีร์ลับ เป็นม้วนคัมภีร์ที่บันทึกทุกวิชาคาถานินจาของ โคโนฮะ ตั่งแต่เริ่มก่อตั้งหมู่บ้าน ไม่เว้นแม้แต่วิชาลับหรือวิชาต้องห้าม วิชาที่สำคัญที่สุดใน ม้วนคัมภีร์ลับ ก็คือวิชาของ โฮคาเงะ รุ่นที่ 2 ซึ่งแต่ละวิชาล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ก็ยากที่จะเรียนรู้
ม้วนคัมภีร์ลับ มีรายละเอียดแม้แต่เรื่องของการศึกษาวิชา คาถาสัมภเวสีคืนชีพ ของ โฮคาเงะ รุ่นที่ 2 ถ้าหากไม่มีข้อมูลเหล่านั้น โอโรจิมารุ ก็คงจะไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ
หาก ไนโตะ ได้ ม้วนคัมภีร์ลับ มา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมาก!
เป็นไปได้ไหมที่ ซารุโทบิ อยากให้ ไนโตะ แข็งแกร่งขึ้น?
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็คิดว่า ซารุโทบิ คงจะไม่มีทางเลือกและต้องยอมตกลง
เพราะเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธคำขอของ ไนโตะ เพราะมันจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลงกว่าเดิม
โดยไม่ลืมว่า ซารุโทบิ ไม่ได้คิดจะควบคุม ไนโตะ เหมือนกับ ดันโซ หรือว่าเขาต้องการผลักดัน ไนโตะ ให้ไปถึงที่สุด
“มากับฉัน”
ซารุโทบิ ยืนขึ้นและเดินนำ ไนโตะ ออกไปยังห้อง ๆ หนึ่งที่ใช้เก็บ ม้วนคัมภีร์ลับ
ม้วนคัมภีร์ลับ ไม่ได้ถูกป้องกันโดยนินจาหลายทีมเพียงเท่านั้น แต่ยังมีผนึกปิดปั้นอยู่อีกหลายชั้น
หลังจากที่ ซารุโทบิ คลายผนึก แล้วเขาก็นำ ม้วนคัมภีร์ลับ มอบให้ ไนโตะ
ในขณะนั้นการแสดงออกของ ซารุโทบิ ก็ดูจริงจังมาก
“เธอเอามันไปได้ แต่เธอต้องเอามาคืนภายใน 3 วัน”
“และจงจำไว้ว่า วิชาคาถาต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้น จะต้องไม่รั่วไหลออกมาได้เด็ดขาด!”
เมื่อมองไปที่ ม้วนคัมภีร์ลับ ในมือของเขา ไนโตะพ ก็ยังยังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เขาไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้
ไนโตะ คิดว่าถ้าเขาไม่ได้มันมาเขาก็จะยอมแพ้ เพราะเขาก็พร้อมที่จะออกเดินทางอีกครั้งเพื่อตามหาวิธีฝึก อาภรณ์สายฟ้าขั้น 3
แต่ตอนนี้ หลังจากที่เขาได้รับ ม้วนคัมภีร์ลับ มา มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะให้ความสำคัญกับมัน และวิชาลับภายในนั้น
หลังจากที่เขาพยักหน้าเบา ๆ ให้ ซาคุโทบิ เขาก็เดินออกจาก สำนักงานโฮคาเงะ พร้อมกับ ม้วนคัมภีร์ลับ
ในขณะที่ ซารุโทบิ กำลังมองดู ไนโตะ เดินจากไป เขาก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยและแววตาของเขาก็มีความลึกลับบางอย่างอยู่
หลังจากที่ ไนโตะ กลับถึงบ้าน เขาก็ใช้สัมผัสพิเศษของเขาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามเขามา
ท้ายที่สุดแล้ว ม้วนคัมภีร์ลับ ต้องอยู่ในความคุ้มคลองเพื่อให้มันปลอดภัยอยู่เสมอ ดังนั้นก็ควรจะมี หน่วยลับ ติดตามเขามาเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ถูกขโมย แต่กลับไม่มีใครตามมาเลยแม้แต่คนเดียว
นี่ทำให้ ไนโตะ รู้สึกแปลกและเขาก็สงสัยทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้ว
แต่หลังจากที่ ไนโตะ เปิดมันออก เขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็น เทพอัสนีเวหา , คาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร , คาถาสัมภเวสีคืนชีพ หรือวิชาต้องห้ามอื่น ๆ พวกมันทั้งหมดหายไปจาก ม้วนคัมภีร์ลับ นี้ เหลือแต่เพียงแค่วิชาพื้นฐานอย่าง คาถาแยกเงา เท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นของปลอม!
ตอนที่ 194
ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ ไนโตะ เขาจะไม่รู้เลยว่านี่เป็น ม้วนคัมภีร์ลับ ของปลอม แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ไนโตะ รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ ม้วนคัมภีร์ลับ
“ซารุโทบิ ท่านกำลังเล่นอะไรกับผม?”
หลังจากที่เขาส่ายหัว ไนโตะ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาไม่ได้สนใจ คาถาสัมภเวสีคืนชีพ หรือ คาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร
เขาต้องการแค่เพียงวิชา เทพอัสนีเวหา เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วิชานี้ก็ไม่ได้ฝึกกันได้ง่าย ๆ ไม่เช่นนั้น มินาโตะ และ โทบิรามะ ก็คงจะไม่ใช่เพียง 2 คนที่ใช้วิชานี้ได้
ไนโตะ อ่าน ม้วนคัมภีร์ลับ ต่อไปเรื่อย ๆ
“คาถาเงาแยกร่าง , กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังทั้ง 8 , ระเบิดหมัดพลังช้างสาร…”
ไนโตะ อ่านไปพูดกับตัวเองไปถึงวิชาที่เขาเชี่ยวชาญอยู่แล้ว และวิชาอื่น ๆ ก็ไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น
อันที่จริงแล้วใน ม้วนคัมภีร์ลับ ยังมีวิชาต้องห้ามอีกมาก ทั้ง คาถาดิน และ คาถาน้ำ หรือ คาถาลวงตา แต่ก็ไม่มีอะไรที่เหมาะกับรูปแบบการต่อสู้ของ ไนโตะ เลย
ล้อเล่นกันใช้ไหม!
การแสดงออกบนใบหน้าของ ไนโตะ นั้นเจ็บปวดมาก ดูเหมือนว่า ซารุโทบิ ได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำให้มันดูเหมือนจริงที่สุด
เขาจ้องมอง ม้วนคัมภีร์ลับ ด้วยสายตาที่เย็นชา
“ถ้าเป็นแบบนี้ ท่านก็โทษผมไม่ได้นะ ถ้าผมจะไปเอาของจริงมาด้วยตัวเอง”
ในขณะที่เขากำลังคิดแผนที่จะไปเอา ม้วนคัมภีร์ลับ ของจริง ไนโตะ ก็เปิดม้วนคัมภีร์ออกเรื่อย ๆ แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เขาแค่คิดที่จะเปิดมันให้จบ ๆ ไป แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าจะเจอวิชาที่น่าสนใจแบบนี้
คาถาแปลงวิญญาณ!
มันคือวิชาต้องห้ามที่ คาโต้ ดัน เคยใช้ในการ์ตูน วิชานี้จะทำให้ผู้ใช้วิชาสามารถถอดดวงวิญญาณออกจากร่างและส่งดวงวิญญาณไปที่ไหนก็ได้ วิชานี้ช่วยให้ ดัน สามารถฆ่าศัตรูได้มากมาย เพราะผู้ใช้วิชาจะสามารถควบคุมร่างกายศัตรูได้โดยที่ผู้ใช้วิชาจะไม่ได้รับบาดเจ็บในขณะที่เขาอยู่ในโลกแห่งวิญญาณ!
วิชานี้คล้ายกับ คาถาจิตย้ายร่าง แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างกันอยู่มาก
“มันเป็นหนึ่งในวิชาควบคุมจิต แต่มันไม่เหมือนกับวิชาควบคุมจิตอื่น ๆ…จริง ๆ แล้วมันเหมือนกับวิชาควบคุมวิญญาณมากกว่า”
วิชานินจาถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ คาถานินจา , วิชากระบวนท่า และ คาถาลวงตา
มันเหมือนกับ คาถาสัมภเวสีคืนชีพ ที่ถูกจัดอยู่ในทั้ง 3 ประเภท
อย่างไรก็ตามในมุมมองของ ไนโตะ แล้ว คาถาแปลงวิญญาณ มันไม่ควรอยู่ในทั้ง 3 ประเภทนี้ มันควรจะแยกออกไปเป็นวิชานินจาประเภท วิชาควบคุมวิญญาณ
ก็เหมือนกับ คาถาสะกด ปิดผนึกซากอสูร ที่ไม่ถูกจัดอยู่ในประเภทใด ๆ เลย
ดูเหมือนว่า คาถาแปลงวิญญาณ จะเป็นพื้นฐานของ คาถาสัมภเวสีคืนชีพ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังต้องค้นคว้าอีกมากกว่าจะบรรลุความลับของมัน
แม้แต่วิชาของ โอโรจิมารุ ที่ทำให้เขาสามารถย้ายจิตใจไปในร่างของคนอื่นได้ ก็ยังมีความเกี่ยวข้องกับวิชานี้
“คงเป็นเพราะเขาคิดว่าวิชานี้ธรรมดาเกินไป”
ไนโตะ รู้สึกแปลก ๆ ที่คิดว่า ซารุโทบิ ไม่สนใจเรื่องนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ซารุโทบิ คิดว่า ไนโตะ จะไม่สนใจวิชานี้ เพราะแค่พลังของเขาก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถฆ่าใครก็ได้ตามที่เขาต้องการ โดยที่ไม่ต้องอาศัย คาถาแปลงวิญญาณ
ซารุโทบิ ประมาทเกินกว่าที่จะเห็นประโยชน์ของวิชานี้!
โฮคาเงะ รุ่นที่ 2 มีวิชาที่แข็งแกร่งมากมาย
“ชายผู้นี้เป็นอัจฉริยะจริง ๆ ไม่มีใครเทียบเขาได้ เราไม่รู้ว่าเขาศึกษามานานแค่ไหนกว่าจะได้วิชาที่ทรงพลังทั้งหลายเหล่านี้มา”
ไนโตะ ศึกษา คาถาแปลงวิญญาณ ตั้งแต่เริ่มต้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเขาเข้าใจทั้งหมด จากนั้นเขาก็ปิด ม้วนคัมภีร์
ไนโตะ ต้องการเรียนรู้วิชานี้
พลังสั่นสะเทือน ของเขา ทำให้เขารอดพ้นจากทั้ง คาถานินจา และ คาถาลวงตา สิ่งเดียวที่เป็นภัยคุกคามต่อเขาก็คือ วิชาที่ควบคุมไปถึงระดับวิญญาณ
ไม่ว่าคุณจะเป็นศพ หรือแม้แต่เทพเจ้า วิชาแขนงนี้ก็จะเป็นภัยคุกคามเสมอ
หากเขาสามารถเข้าใจและเชี่ยวชาญ วิชาควบคุมวิญญาณ เขาก็อาจมีภูมิคุ้มกันต่อทุกสิ่งอย่างแท้จริง และเขาจะสมบูรณ์แบบ!
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วย วิชากระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังทั้ง 8 แบบย้อนกลับ ทำให้ ไนโตะ รู้สึกว่าอาจจะได้ประโยชน์อื่น ๆ จากการฝึกวิชานี้ เพราะการไหลของจักระของเขานั้นตรงข้ามกับคนปกติ
มันอาจเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณและสิ่งที่เหนือการควบคุม
……
3 วันต่อมา
ใน ห้องทำงานโฮคาเงะ
ไนโตะ ส่งคืน ม้วนคัมภีร์ลับ ให้กับ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 เขารู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเมื่อ โฮคาเงะ รุ่นที่ 3 บอกเขาว่าถ้าต้องการอะไรอีกก็บอก
แต่ ไนโตะ ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะหาเรื่อง เพราะเขามีความสุขที่ได้รับ คาถาแปลงวิญญาณ เขาต้องไปฝึกฝนมันมากขึ้นและศึกษาความลับของมัน
แต่มันก็ทำให้เขามีความรู้เกี่ยวกับ วิชาควบคุมวิญญาณ
“ด้วยความแข็งแกร่งของผมในตอนนี้ แม้แต่วิชาต้องห้ามก็ไม่ค่อยจะมีประโยชน์สำหรับผมเท่าไร ผมคิดว่าผมควรมุ่งไปที่ขีดจำกัดสายเลือดของผมมากกว่า”
ไนโตะ พูดกับ ซารุโทบิ
เมื่อฟังคำพูดของ ไนโตะ ดวงตาของ ซารุโทบิ ก็กระพริบเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงถึงนัยแห่งความเวทนาและน่าสงสาร แล้วเขาก็พูดว่า “น่าเสียดาย ถ้ามีวิชาต้องห้ามที่เหมาะกับเธอ เธอก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก บางทีอาจจะมากกว่าฉันอีก”
เมื่อ ไนโตะ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็กัดฟันแน่นและต้องการจะโยน ม้วนคัมภีร์ลับ ลงตรงหน้าของ ซารุโทบิ ในทันที
อย่างไรก็ตาม เพราะ ไนโตะ ได้รู้ถึงวิชา คาถาแปลงวิญญาณ เขาจึงไม่สนใจคำพูดของ ซารุโทบิ
เมื่อคิดถึงสิ่งที่ ซารุโทบิ พูด การที่ ไนโตะ มีสัมผัสพิเศษ ทำให้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้อื่น และในครั้งนี้ ไนโตะ ก็รู้สึกได้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่า ซารุโทบิ
ตอนที่ 195
แม้ว่า ซารุโทบิ จะอยู่ในระดับสูงสุดของระดับ คาเงะ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เรียนรู้วิชา คาถาสะกดปิดผนึกซากอสูร หรือแม้แต่ได้ยินชื่อของวิชานี้ก็ไม่เคย ซารุโทบิ ไม่ใช่คนแก่ที่อ่อนแอ เขาอยู่ที่จุดสูงสุดของพลังของเขา
ถึงอย่างนั้น ไนโตะ ก็สามารถจัดการเขาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะทำมัน หลังจากที่เขาออกมาจาก สำนักงานโฮคาเงะ เขาก็พร้อมที่จะเริ่มฝึกวิชาใหม่ของเขาทันที
เพราะ คาถาแปลงวิญญาณ ทำให้ ไนโตะ เลื่อนการเดินทางไปที่ หมู่บ้านคุโมะ ออกไป แม้ว่าเขาจะไม่กลัว ไรคาเงะ รุ่นที่ 3 แต่เขาก็ยังต้องแข็งแกร่งขึ้นและก้าวต่อไป
การที่จะไปเอาความลับของวิชา อาภรณ์สายฟ้าขั้นที่ 3 มานั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันยากกว่าการเอา ดาบคุซานางิ มาจาก หมู่บ้านซึนะ และเพราะวิชาใหม่ที่เขาได้มา ตอนนี้จึงยังไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงไปที่ หมู่บ้านคุโมะ
ไนโตะ เดินไปตามถนนของ โคโนฮะ
ถนนเส้นนี้มีชีวิตชีวาและคึกคักมากเพราะตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้าน
ขณะที่ ไนโตะ กำลังเดินไปตามถนนอยู่นั้น เขาก็เห็นร่างที่คุ้นเคย
ไนโตะ เจอ ไมโตะ ได อย่างไม่คาดคิด เขากำลังถือตะกร้าและเดินซื้ออาหารอยู่
เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดที่ได้มาเจอ ไมโตะ ได เดินซื้ออาหารอย่างสบายใจ ในขณะที่ตารางการฝึกของเขาแน่นเอี๊ยด
“โอ้ นั่น ไนโตะ นี้”
เมื่อ ไมโตะ ได เห็น ไนโตะ เขาก็ดูประหลาดใจมาก แต่เขาก็ยิ้มออกมาและทักทาย ไนโตะ “พอดีตอนนั้นฉันทำภารกิจอยู่ ฉันเลยไม่ได้ไปต้อนรับเธอกลับมาที่หน้าหมู่บ้าน”
“เธอกลายเป็นวีรบุรุษตัวน้อยแล้วสิน่ะ ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ ที่มีชื่อเสียง”
ไนโตะ ยิ้มออกมาเมื่อฟังคำพูดของ ได เป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ การออกมาเดินบนถนนของ โคโนฮะ นั้นแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ไนโตะ เป็นคนดัง
ในอดีต สิ่งที่เขาได้รับตอนมาเดินบนถนนก็คือ การจ้องมองที่เย็นชา แม้กระทั่งเด็กผู้หญิงก็ไม่อยากจะมองเขา
แต่ตอนนี้ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป ผู้หญิงทุกคนต่างอิจฉา คุชินะ ที่สนิทสนมกับ ไนโตะ
เมื่อมองดูตะกร้าในมือของ ได ไนโตะ ก็ยิ่งสงสัยและถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ทำไมคุณถึงมีเวลามาเดินซื้ออาหารละครับ?”
“โอ้ ก็…”
ได แสดงรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ จากนั้นเขาก็คว้าแขน ไนโตะ และพูดว่า “ไปบ้านฉันสิ วันนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอเอง”
ไนโตะ ต้องการกลับบ้านของเขาและเริ่มฝึกวิชาใหม่ แต่เขาก็ไม่อยากปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงตาม ได ไปที่บ้านของ ได
ในที่สุด พวกเขาก็เดินมาถึงบ้านของ ได
ตอนนี้ลูกชายของ ได เกิดมาแล้ว เขามีชื่อว่า ไก
ใช่แล้ว เขาคืออาจารย์ของ ลี และเป็นคนที่เปิดประตูด่านพลังบานได้ถึงบานที่ 8 และเกือบฆ่า มาดาระ ได้
แต่ตอนนี้ เขายังเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็ก ๆ
อย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็ต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อเขาเห็นเด็กทารกตัวเล็กที่มีคิ้วหนา มันน่าตลกมาก!!
เห็นได้ชัดว่า ได มีความสุขมาก
“ในอนาคต เด็กชายคนนี้จะเติบโตเป็นนินจาผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน และชื่อของเขาจะต้องดังก้องไปทั่วโลก”
ไนโตะ มองดู ได ที่กำลังอุ้ม ไก ไว้ในแขน และพูดคำเหล่านี้กับเขา
ดูราวกับว่า ไนโตะ เป็นพระที่กำลังให้พร อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดก็คือความจริง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป ชื่อของ ไก จะดังก้องไปทั่วโลกอย่างแน่นอน
ได รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เพราะมันออกมาจากปากของ ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ
“ใช่แล้ว ลูกชายของฉันจะเป็นนินจาที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน และอาจแข็งแกร่งกว่าคุณด้วยน่ะ”
ได ยิ้มให้ ไนโตะ จากนั้นก็พูดอย่าง เก้ ๆ กัง ๆ ว่า “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ฉันฝากดูแล ไก น้อยด้วยน่ะ
“แน่นอน”
ไนโตะ พยักหน้าเบา ๆ เขาจะไม่มีวันลืมบุญคุณของคนที่สอนเขา เพราะเขาจะไม่มีทางใช้ กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังทั้ง 8 ได้ หาก ได ไม่สอนเขา และแน่นอนว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อ ได และเพื่อ ไก
แม้ว่า ไก จะไม่ได้แข็งแกร่งและเป็นอัจฉริยะเหมือน คาคาชิ แต่ ไนโตะ ก็รู้ว่า ไก จะเติบโตได้เป็นอย่างดีและจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๆ ปี
หลังจากที่ ไนโตะ รับประทานอาหารและอยู่จนดึก จากนั้น ไนโตะ ก็ขอตัวกลับบ้าน
ถึงแม้ว่า ไนโตะ จะขอดื่ม แต่ ได ก็ไม่ยอมให้ เพราะเขายังเป็นวัยรุ่นอยู่ ไนโตะ ก็เข้าใจและได้แต่ยิ้มออกมา
ไนโตะ ไม่รู้สึกอบอุ่นในเวลานาน
น่าเสียดายที่ความอบอุ่นนี้ดำเนินไปได้แค่เพียงชั่วครู่ เพราะสงครามจะยังไม่หยุด และ ไนโตะ ก็จำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับมัน
หลังจากที่ ไนโตะ กลับถึงบ้าน เขาก็นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน
ไนโตะ ตื่นขึ้นมาในเช้าวันถัดไปและเริ่มฝึก คาถาแปลงวิญญาณ ทันที
ในความเป็นจริง ไม่กี่วันที่ผ่านมา ไนโตะ ก็เริ่มฝึกไปบ้างแล้ว
จักระเป็นพลังงานที่สกัดมาจากเซลล์ของมนุษย์รวมกับพลังวิญญาณของมนุษย์
พลังวิญญาณของมนุษย์นั้น ถูกดึงออกมาจากจิตใจมนุษย์ มันขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ยิ่งจิตใจมนุษย์มีความมุ่งมั่นมากเท่าไหร่ จักระก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
นี่คือเหตุผลที่คนจำนวนมากสามารถฮึดสู้และพลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้ แม้ว่าพวกเขาจะเสียเปรียบอยู่
มันคือต้นกำเนิดของพลัง
พลังวิญญาณสามารถระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา ก่อให้เกิดเป็นกระแสจักระที่มีพลังมาก
อีกนัยหนึ่ง จักระก็คือการเชื่อมโยงระหว่างพลังร่างกายและพลังวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม จักระของ ไนโตะ นั้นค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น ๆ
ไนโตะ ได้จักระมาจากการเปิดประตูด่านพลัง
มันทำให้ พลังวิญญาณของเขาไม่สามารถผสานเข้ากับพลังร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
คาถาแปลงวิญญาณ ทำได้ยากมาก ไม่ต้องพูดว่า ไนโตะ แตกต่างจากคนปกติ และเขาต้องการหาวิธีอื่นในการเชื่อมโยงจักระของเขาเข้ากับพลังวิญญาณ เพื่อเข้าถึงคาถาระดับวิญญาณต่อไป แต่เขาก็ไม่สามารถคิดวิธีใด ๆ ได้เลย
ตอนที่ 196
“น่าแปลก”
ไนโตะ ลืมตากว่าขณะที่เอามือจับคางและเผยให้เห็นร่องรอยของความสงสัย
จักระนั้นเป็นแหล่งกำเนิดของชีวิต การที่จะแปลงมันเป็นพลังอีกแบบหนึ่งอย่างเช่น พลังวิญญาณ นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
“สัมผัสพิเศษของเราจะสัมผัสถึง พลังวิญญาณ ได้หรือเปล่าน่ะ?”
หลังจากที่ความคิดเหล่านี้เข้ามาในหัวของ ไนโตะ เขาก็หลับตาลง และปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเขา เพื่อให้เขาสามารถใช้สัมผัสพิเศษได้อย่างเต็มที่
ในที่สุด ไนโตะ ก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของ พลังวิญญาณ
ไนโตะ ไม่สนใจจักระทั้งหมดที่ไหลผ่านร่างกายของเขา และมุ่งไปที่ พลังวิญญาณ ของเขา
“พลังวิญญาณ ยิ่งใหญ่มากจริง ๆ…ดูเหมือนว่ามันจะเกี่ยวข้องกับ แรงดันจักระ ความมุ่งมั่น และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้”
หลังจากค่อย ๆ สัมผัสถึงมัน ไนโตะ ก็เริ่มสัมผัสลึกลงไปเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม จักระของ ไนโตะ ก็ยังคงคอยแทรกเข้ามา ทำให้เขาไม่สามารถจับทิศทางของ คาถาแปลงวิญญาณ และรวมพลังวิญญาณเข้ากับพลังร่างกายได้
ไนโตะ เริ่มเชื่อมโยง แรงดันจักระ ความมุ่งมั่นและสิ่งต่าง ๆ เข้ากับพลังวิญญาณของเขา แต่วิธีการนี้ดูเหมือนจะทำได้ยาก
ไม่ใช่ว่ามันไม่ยอมทำงาน แต่เมื่อเขาพยายามรวมพวกมันทั้งหมดเข้าด้วยกัน พวกมันจะระเบิดออก ทำให้เกิดผลกระทบด้านวิญญาณโดยที่มองไม่เห็น
การระเบิดจากการหลอมรวมของพวกมันทั้งหมด จะก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงกับพลังวิญญาณ
มันเหมือนกับเป็นภาพลวงตา แต่การระเบิดนี้มีระยะที่กว้างและแตกต่างจาก พลังสั่นสะเทือน มาก
ในระหว่างการทดลอง ระเบิดที่มองไม่เห็นนั้น ทำให้ผู้คนและนินจาคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอกพากันตกใจยกใหญ่ มันทำให้ทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย พวกเขาคิดว่ามีคนพยายามบุกเข้าหมู่บ้านแห่งนี้
แม้แต่ อุจิฮะ ก็ยังได้รับผลจาก คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ นี้จนทำให้พวกเขาบางคนถึงกับทรุดตัวลง
“เราคงไม่สามารถเรียนรู้ คาถาแปลงวิญญาณ ได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนว่า เราจะสร้าง คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ ขึ้นมาแทน…”
เนื่องจากการฝึกวิชานี้ ทำให้เกิดความวุ่นวานในหมู่บ้าน ดังนั้น ไนโตะ จึงมุ่งหน้าไปยังเนินเขาที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน
นอกเหนือจาก คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ แล้ว ไนโตะ ก็ยังสามารถใช้แรงสั่นสะเทือนเพื่อกำหนดเป้าหมายทุกทิศทางได้อีกด้วย มันคล้ายกับ ข่ายเทพพิชิตฟ้า แต่ก็ยังแตกต่างกันมาก
จากนั้น ไนโตะ ก็ลองฝึกอีกครั้ง เพื่อดูว่าเขาจะสามารถผสมผสาน คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ และ พลังสั่นสะเทือน ได้หรือไม่
แม้ว่าความรุนแรงอาจไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่การเพิ่มประสิทธิภาพของ พลังสั่นสะเทือน ของเขาเพียงเล็กน้อยจะมีประโยชน์และอาจไปได้ดีหากสามารถทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นได้ในภายหลัง
หลังจากลองทำอยู่ 2 – 3 ครั้ง ไนโตะ ก็ไม่สามารถทำมันได้ พลังสั่นสะเทือน นั้นแข็งแกร่งเกินไปมากแล้ว ดังนั้นมันจึงทำลาย พลังวิญญาณ ในทันทีที่พวกมันสัมผัสกัน
และ พลังวิญญาณ เพียงอย่างเดียวนั้น ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะไปถึงระดับ คาเงะ
เพื่อต้องการเพิ่มพลัง คลื่นสั่นสะเทือนวิญญาณ จำเป็นต้องมีแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง และในทางกลับกัน จะดีกว่าถ้าเขาเริ่มต้นจากพื้นฐานของมุมมองทางจิตวิญญาณนั่นคือหาวิธีที่จะเข้าถึงและเสริมสร้างจิตวิญญาณของเขา
ทุกสิ่งที่พลังวิญญาณต้องการเป็นสิ่งที่ ไนโตะ ต้องการเสมอ หากเขาสามารถเสริมกำลังได้เขาจะได้รับภูมิต้านทานที่แท้จริงและอื่น ๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม โลกนี้มีก็ยังมี วิชาสายคาถาวิญญาณ อยู่มากมาย และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ศึกษาเรื่องนี้
“เราคงต้องกลับไปเริ่มใหม่ ทางเดียวที่เราจะทำได้ก็คือกลับไปฝึก คาถาแปลงวิญญาณ และหาทางอื่นในการเข้าถึงพลังระดับจิตวิญญาณผ่านทางจักระของเรา”
“เมื่อเราทำแบบนั้นได้แล้ว เราค่อยหาวิธีเสริมกำลังให้พลังวิญญาณที่หลัง ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเวลาเปล่า ๆ”
หลังจากที่ ไนโตะ นั่งลงบนก้อนหิน เขาก็ก้มหัวลง และเริ่มนั่งสมาธิ ในที่สุดหลังจากผ่านไป 2 – 3 ชั่วโมง เขาก็หยุดฝึกและพร้อมที่จะกลับไปที่หมู่บ้าน
ไนโตะ เริ่มมองหาความช่วยเหลือ และคนแรกที่เขาคิดก็ไม่ใช่ใครนอกจาก คาโต้ ดัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้คาถานี้
เมื่อเขากำลังคิดหาวิธีที่จะพบตัว ดัน เขาก็เห็นร่างหนึ่งเดินมาไกล ๆ
“ไนโตะ นายฝึกเสร็จหรือยัง?”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนคนนี้ก็คือ คุชินะ เธอหา ไนโตะ ไม่เจอในหมู่บ้าน ดังนั้นเธอจึงออกมาข้างนอกเพื่อตามหาเขา
หลังจากที่เธอทำอย่างนั้นมาหลายปี มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะหา ไนโตะ เจอได้
“เอาล่ะ ไปกินข้าวกันเถอะ”
ไนโตะ ยืนขึ้นและพุ่งลงมาจากภูเขา และปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้า คุชินะ
ไนโตะ มองใบหน้าที่น่ารักของเธอและอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มเธอ
“มันจะมืดแล้วน่ะ รีบไปกันเถอะ!!”
แก้มของ คุชินะ แดงเล็กน้อย จากนั้นเธอก็จับแขน ไนโตะ แล้วเริ่มวิ่งไปที่หมู่บ้าน
ไนโตะ มองดูเธอแล้วยิ้ม จากนั้นก็ตามเธอไป
มันน่าแปลกที่ไม่มีหน่วยลับตามเธอมาเลย
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุชินะ ก็เคยถูกจับตัวไปในการ์ตูน มันค่อนข้างแปลกที่พวกเขาสามารถพาเธอออกจากหมู่บ้านได้
ไนโตะ รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยและเขาก็ส่ายหัวทันที เขาไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีไหนในการพา คุชินะ ออกไปจากหมู่บ้าน แต่เขาคิดว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เหมือนเดิม
หลังจากเดินไปครู่หนึ่ง ตึกราบ้านช่องก็เริ่มปรากฏให้เห็น
ทันใดนั้น คุชินะ ก็หันหน้ามาหา ไนโตะ และใบหน้าของเธอก็ดูลึกลับ จากนั้นเธอก็กระซิบกับเขาว่า “ ไนโตะ นายรู้ไหม เมื่อวันก่อนฉันแอบตาม เมอิ ไป แล้วฉันก็เห็นสิ่งที่เธอทำอยู่ทุกวี่ทุกวัน”
“หืม?”
ไนโตะ รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คิดว่า คุชินะ จะทำเรื่องแบบนี้
“เหมือนเธอกำลังแอบดูใครบางคนอยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร”
“อืม…เธออาจกำลังทำภารกิจอยู่”
ถึง ไนโตะ จะพูดแบบนั้น แต่เขาก็รู้สึกว่าว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตัวละครนี้ไม่เคยถูกพูดถึงในการ์ตูนมาก่อน การมีอยู่ของเธอนั้นน่าแปลก เพราะเธอไม่ใช่ พลังสถิตร่าง และเธอก็ไม่แข็งแกร่งพอแม้แต่จะเป็นนินจาเลยด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น