The Novel’s Extra 482-486

 บทที่ 482 เริ่มต้น (4)


 


แชนายอน ผลักการ์ดออกไป จินเซยอน ทำหน้ามุ่ยแล้วใส่การ์ดกลับเข้าไปในกระเป๋าของเธอ


 


“เธอจะเรียกใคร เธอบอกชื่อผู้เล่นของเขากับพวกเราได้ไหม”


 


จินเซยอนหรี่ดวงตาของเธอและมองไปที่แชนายอน ยีจินยูนจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง


แน่นอน ยีจิยูน รู้อยู่แล้วว่าใครที่ แชนายอน ต้องการที่จะเรียกมา ต้องเป็น คิมฮาจิน อย่างแน่นอน


 


“ในทางเทคนิคฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร…อ้า พวกคุณอาจจะรู้เขาเป็น


อาจารย์ของฉัน”


 


แชนายอน ล้างลำคอของเธอแล้วบอกชื่อออกมา


 


“ Extra7 …คุณเคยได้ยินชื่อเขาไหม”


 


“ อืม…ชื่อเขาฟังดูคุ้น ๆ ….”


 


จินเซยอน ขมวดคิ้วของเธอและคิด แชนายอน มุ่งความสนใจของเธอไปที่ จินเซยอน โดยหวังว่าจะได้คำตอบ เพราะยังไง จินเซยอน ก็เป็นถึง


ผู้ติดอันดับที่มีชื่อเสียงใน Tower of Wish จินเซยอน และ แชนายอน ไม่สนใจ ยีจิยูน เลยแม้แต่น้อย


 


แต่…….อย่างไรก็ตาม …


 


“… ?!”


 


ยีจิยูน พบคำตอบอย่างง่ายดาย เธอเจอคำใบ้ขนาดใหญ่ ชื่อเล่น ‘Extra7’ และสิ่งที่ คิมฮาจิน พูดกับเธออย่างลับๆเมื่อเขามาเพื่อรักษา


คำสาปแช่งของ แชนายอน


 


– บอกเธอว่า Extra7 มาช่วยเธอ


 


“ … อึก”


 


คำถามที่ค้างอยู่ในใจของเธอนับตั้งแต่วันนั้นก็มีตอบในที่สุด


‘นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึงสินะ Extra7 …’ ยีจินยุนกลืนน้ำลายอย่างหนัก


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษที ฉันไม่แน่ใจ ฉันจะลองค้นหาดูนะ”


 


จินเซยอนเกาหัวเธอและหัวเราะ


 


“อ่า ไม่เป็นไรๆ เขาชอบรักษาความเป็นตัวตนของเขาไว้เป็นความลับ


ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก”


 


แชนายอน โบกมือของเธอ


 


“… .”


 


ยีจินยูนจ้องมองพวกเธอด้วยรอยยิ้มก่อนออกจากค่ายทหาร


 


– เอ๊ะ ทำไมเธอไม่เรียกเขามาตอนนี้เลยล่ะ?


 


– เอ้? อ่าาาา ไม่เป็นไรๆ…ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันก็อยากอยู่ละนะ แต่พวกเรากำลังอยู่ในภารกิจลับสุดยอด


 


– ฉันล้อเล่นๆ แต่เธอจะพูดอะไรกับเขาถ้าเธอเจอเขา


 


– ไม่มีอะไรมาก. ฉันมีคำถาม 2-3 ข้อที่จะถามเขา แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือฉันอยากจะขอบคุณเขา เขาช่วยชีวิตฉันเอาไว้


 


ยีจิยูน มองเห็น ชินจงฮัก ที่เหมือนอยู่แอบฟัง แชนายอน และ จินเซยอน


*************************************************************************


[อังกฤษ, พระราชวังบักกิ้งแฮม]


 


เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นจากทางตะวันออกผู้ชมหลายคนรวมตัวกันรอบ ๆ


‘คุกลวงตา’ ที่ขังโทจิเอาไว้ นายกรัฐมนตรี รองรัฐมนตรี เลขานุการเจ้าหญิงเรเชล,ยูยอนฮา และ………ทุกคนยกเว้น แชจูชึล ในที่สุด


เฮย์เนค ก็ปรากฏตัวเพราะ เฮย์เนค ประกาศว่าเขาจะฆ่า โทจิ


 


“เฮ้ เด็กคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเธอไม่ตอบฉัน”


 


ยูยอนฮา ผลักเรเชลที่ยืนอยู่ข้างเธอ แต่เรเชลยังคงหน้าหนาและตอบอย่างไร้ยางอาย


 


“เธอหมายถึงอะไร”


 


“…หมายถึงอะไร นั่นคือทั้งหมดที่เธออยากพูดเหรอ? เธอล้อเล่นใช่มั้ย”


 


“ฮะ?”


 


ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเรเชลทำให้ ยูยอนฮา ตกตะลึงมากยิ่งขึ้น


 


“ว้าว ดูสิเธอ…เธอจำไม่ได้เหรอ?”


 


อันที่จริงแล้วเรเชลไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะจัดการกับ ยูยอนฮา ได้เธอกำลังปวดหัวจาก ‘ซินยอฮวา’ ที่ทำรังในห้องนอนของเธอ


 


“คือออ…ฉันไม่แน่ใจว่าเธอหมายถึง….”


 


“ขอโทษนะ! เธอไม่อยากสร้างพันธมิตรเหรอ!”


 


“อาาา! ท่าน เฮย์เนค กำลังจะมาแล้ว!”


 


เรเชลรีบชี้ไปอีกทางอย่างรวดเร็ว


 


ต๊อก,ต๊อก


 


อย่างที่เธอพูด เฮย์เนค กำลังเข้าใกล้ฝูงชน ยูยอนฮา ตัดสินใจหยุดความสงสัยและวิ่งไปที่ เฮย์เนค


 


“คุณ เฮ…เฮย์เนคฉันชื่อยูยอนฮา เมื่อวานนี้ฉันแนะนำตัวเองกับคุณแล้ว วันนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”


 


ยูยอนฮา พูดภาษาเยอรมัน เฮย์เนค รู้สึกมีความสุขคิ้วของเขาขยับอย่างรวดเร็ว


 


“เธอคือลูกสาวของ ยูจินวอง สินะ ฉันสบายดี.ภาษาเยอรมันของเธอยอดเยี่ยมไปเลยนะ”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่ ฉันสนุกกับวัฒนธรรมเยอรมันมากเลยคะ”


 


“โอ้ เธอรู้เรื่องที่นั้นด้วยเหรอ?”


 


“ใช่คะ เบียร์เยอรมันดีที่สุดในโลกเลยละ”


 


“อืมมมมมมมมม~”


 


ยูยอนฮา แสดงออกถึงความสามารถด้านภาษาเยอรมันที่เธอพยายามเรียนรู้เมื่อคืนที่ผ่านมา เฮย์เนค พูดคุยกับเธอด้วยความพึงพอใจขณะที่เขาเดินไปที่คุกลวงตา


 


“ถึงเวลาทำธุระแล้ว แล้วค่อยคุยกันทีหลัง”


 


เฮย์เนค หยุดการสนทนาของพวกเขาเอาไว้


 


“คะ ขอบคุณมาก.”


 


เมื่อพอใจกับผลที่ได้รับ ยูยอนฮา ก็ถอยออกมา


 


กร๊อบๆ


 


เฮย์เนค คลายกล้ามเนื้อคอและหัวไหล่


 


“ตอนนี้…มาทำสิ่งนี้กันเถอะ”


 


“ท่าน เฮย์เนค พวกเราจอมเวทย์พร้อมแล้ว”


 


“นั่นไม่จำเป็นเลย”


 


นายกรัฐมนตรีแนะนำอย่างรวดเร็วเรื่องการใช้จอมเวทย์แต่ เฮย์เนค ปฏิเสธและหยิบดาบเหล็กของเขาออกมา เขาเตรียมการเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่เหมือนตอนหนุ่มๆ แต่เขาก็ฟื้นความฟิตของตัวเองเมื่อคืนนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาแล้ว


 


วิ้งงงงงงงงง


 


เฮย์เนค เหวี่ยงดาบของเขาและปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเขาในเวลาเดียวกัน คุกลวงตาแตกสลาย พลังเวทมนต์แผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทางและก่อตัวเป็นคุกแห่งใหม่


 


“…อะไรกัน?”


 


โทจิผู้ที่หลับอยู่ตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เขาสังเกตเห็นว่าสภาพแวดล้อมของเขาเปลี่ยนไป


 


“อะ …”


 


โทจิตื่นขึ้นมาและรู้สึกสงสัย เฮย์เนค เหวี่ยงดาบของเขาแล้วแทงหน้าอกของโทจิ


 


“อักกก”


 


โทจิกรีดร้องและก้าวถอยหลัง เขาขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่ เฮย์เนค


โทจีโกรธมาก


 


“แกตายยยยย”


 


ก้อนหินร่วงลงมาจากร่างของโทจิจากนั้นก็พุ่งไปหา เฮย์เนค แต่หินไม่สามารถสัมผัสตัวเฮย์เนคได้ ในแง่ของความเข้ากันได้เฮย์เนคเป็นเหล็ก และแสดงถึงความเหนือชั้นอย่างแน่นอนเมื่อเทียบกับ ‘ดิน’ ของ โทจิ


 


“แก! ตายยยยยยยย!”


 


เมื่อเห็นว่าการโจมตีระยะไกลนั้นไม่ได้ผลโทจิก็เริ่มเหวี่ยงหมัด


 


เปรี้ยงงงง! เปรี้ยงงงง! เปรี้ยงงงง!


 


แต่ เฮย์เนค หลีกเลี่ยงการโจมตีที่ไม่มีประสบการณ์ของ โทจิ ได้อย่างง่ายดายและตอบโต้ในเวลาที่เหมาะสม บาดแผลเริ่มปรากฏบนร่างของโทจิ


 


“ฉันไม่มีความเจ็บปวดหรอกนะ”


 


ถึงอย่างนั้นโทจิก็ยืนนิ่งเงียบ เขาลืมความเจ็บปวดมานานแล้ว เขาเชื่อว่าร่างกายของเขาสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้อยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและไม่มีความกลัว


 


อย่างไรก็ตาม …


 


“… ?”


 


ไม่ช้าโทจิก็ตระหนักว่าร่างกายของเขาไม่เคลื่อนไหวตามที่เขาต้องการ


แขนของเขารู้สึกหนักและหน้าอกของเขาอุดตัน ราวกับว่าดินที่ทำขึ้นเป็นร่างกายของเขานั้นแข็งตัว โทจิไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุดการโจมตี


 


“อะไรกัน?”


 


“เด็กน้อย เจ้าเพิ่งจะรู้ตัวเหรอ?”


 


เฮย์เนค ยิ้ม


 


“ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้?”


 


“การแปรรูปเป็นเหล็ก นั่นคือสิ่งที่เจ้ากำลังเจอ ฉันฉีดพลังเวทมนต์ใส่ในหัวใจของเจ้าแล้ว”


 


ร่างกายของโทจินั้นทำจากดินและเหล็กชนะดิน มันไม่ยากเลยสำหรับ เฮย์เนค ที่จะฉีดพลังเวทมนต์ของเขาเข้าไปในร่างของโทจิ


 


“แกจะฆ่าฉันงั้นเหรอ”


 


พลังเวทมนต์ของเหล็กไหลกลืนกินร่างกายของโทจิและการเปลี่ยนรูปเป็นเหล็กก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


“นี้มัน….”


 


โทจิไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป เขาจ้องไปที่ร่างของเขาซึ่งแข็งตัวและกลายเป็นเหล็ก


 


“…การสิ้นสุดของร่างอมตะงั้นเหรอ”


 


เฮย์เนค รู้สึกว่าช่วงเวลาสุดท้ายของโทจินั้นไม่ต่างไปจากของตัวเขาเอง เขารู้ว่าเขาจะพบกับจุดจบแบบเดียวกันในสักวันหนึ่ง


 


“มันยากที่จะเห็นอะไรแบบนี้”


 


เฮย์เนค ยกดาบขึ้น เหมือนตุ๊กตาลมที่หยุดทำงานโทจิยืนนิ่ง


 


“…เฮ้ออออออ”


 


หลังจากถอนหายใจดาบเหล็กไหลของ เฮย์เนค ก็เหวี่ยงลง


*************************************************************************


[แอฟริกา – ดินแดนของ ออร์เดน]


 


บ่ายแก่ๆของต้นฤดูหนาวในทวีปแอฟริกาที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ผมมาถึงดินแดนของ ออร์เดน พร้อมกับ สปาร์ตัน


 


“ดอกบัวดำ. มาถึงแล้ว.”


 


มันคือภารกิจลับที่กำหนดโดยสมาคมฮีโร่ให้กับ Chameleon Troupe ‘Spy Retrieval’


 


– รับทราบ ยืนยันแล้ว


 


ผู้บัญชาการของภารกิจ อีกงมยอง ตอบจากวิทยุ


เขาเป็นตัวละครที่ผมสร้างขึ้นอัจฉริยะในเรื่องสงครามด้านยุทธวิธีและกลยุทธ์ดังนั้นผมจึงมั่นใจในความสามารถของเขา


 


– ฉันจะส่งสัญญาณให้พวกสายลับเอง


 


ผมไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่เขาส่งสายลับมาในดินแดนของ ออร์เดน และ Chameleon Troupe ได้รับมอบหมายให้นำตัวพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย รางวัลเป็นไปตามที่คาดไว้จำนวนเงินมันสูงทะลุฟ้าไม่มีเหตุผลที่จะไม่ยอมรับ


 


“จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้?”


 


– คุณไปที่ป้อมปราการที่พวกเราเตรียมไว้ใต้ดินได้เลย


 


“…ป้อม?”


 


ป้อมปราการใต้ดิน คำๆนี้ที่ไม่คาดคิดทำให้ผมประหลาดใจ


 


– ใช่ พวกเราได้เตรียมป้อมปราการไว้ใช้เป็นฐานทัพของพวกเรา มันถูกจัดทำขึ้นเป็นความลับดังนั้นฉันจึงกลัวว่าฉันจะไม่สามารถบอกคุณได้มากเท่าไร


 


“… .”


 


ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมจะไม่แปลกใจถ้า แอตแลนติส มีอยู่จริง


 


“เข้าใจแล้ว ติดต่อฉันมาหลังจากส่งสัญญาณให้สายลับของคุณแล้ว”


 


– เข้าใจแล้ว


 


ทันทีที่การสื่อสารถูกตัดสัญญาณ เสียง บี๊บ ก็ดังขึ้น มันเป็นรหัสมอร์สส่งที่อยู่พิกัดเป้าหมาย


บทที่ 483 เริ่มต้น (5)


 


ปี๊บ – ปี๊บ –


 


ภารกิจสายลับลอบสังการออร์เดน สมาคมต้องการสมาชิกที่แข็งแกร่งและคนที่แข็งแกร่งที่สุดของ Chameleon Troupe สำหรับภารกิจนี้


พวกเขาตั้งชื่อว่า ‘ซันไรส์’ แน่นอนว่าบอสเป็นสมาชิกที่เหมาะสมที่สุด แต่เหตุผลที่ผมสมัครเป็นสมาชิกแทนเธอนั้นง่ายมาก ไม่ใช่เพราะผมสามารถย้อนเวลาได้และบอสทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะผมเป็นห่วงเธอ


มันเป็นความรู้สึกที่แปลกๆแต่ผมไม่อยากเห็นเธอต้องเจ็บตัวไม่รู้ทำไม


 


ปี๊บ – ปี๊บ –


 


หัวหน้า เองก็คิดในสิ่งเดียวกัน ก่อนที่ผมจะมาที่นี่พวกเราทะเลาะกัน


เล็กน้อยว่าใครจะเข้าร่วมในภารกิจนี้ ในที่สุดผมก็ชนะ แต่…บอสคงจะกำลังเฝ้าดูผมจากที่ไหนสักแห่งในตอนนี้


 


ปี๊บ – ปี๊บ –


 


ผมนำ [แว่นขยายลึกลับ] ออกมาอีกครั้งซึ่งทำให้ผมสามารถระบุอารมณ์และจุดอ่อนของคนอื่นได้ อารมณ์ของบอสที่ผมเห็นเมื่อวันก่อนยังคงอยู่ในความคิดของผม


 


“เฮ้อออออออออออ….”


 


ผมถอนหายใจ ทันใดนั้นผมก็จำได้ว่า 8 ปีแล้วตั้งแต่ที่ผมตื่นขึ้นมาในโลกนี้ นั่นเป็นเวลามากพอที่จะสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมใหม่อีกครั้งและผมใช้เวลาครึ่งปีที่ผ่านมาของผมกับบอส…..


 


ปี๊บ – ปี๊บ –


 


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากเสียงหัวเราะทั้งหมดที่พวกเราแบ่งปันกันนั้นทำให้เธอเปลี่ยนผมและผมเปลี่ยนเธอ เธอสนิทกับผมมากเกิดกว่าที่ผมจะรู้ตัว


 


“…ยี บยอล”


 


ผมพึมพำชื่อเธอ ตอนนั้นผมแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจแต่ตอนนี้


‘บี บยอล เข้ามาในหัวใจของเราก่อนที่เราจะรู้ตัว’


 


ปี๊บ – ปี๊บ


 


ความคิดของผมหายไปเมื่อรหัสมอร์สหยุดลง ผมหยุดคิดแล้วหันความสนใจไปที่หน้าจอซึ่งแสดงตัวเลข 1 ชุด


 


[7.273853, 20.141379]


 


แปลงเป็นละติจูดและลองจิจูดผลลัพธ์คือ:


 


[7º16’25.9” N 20º08’29.0” E]


 


พิกัดเหล่านี้ตามแผนที่ … อยู่กลางวังของ ออร์เดน


 


“…อะไรนะ”


 


พิกัดชี้ไปยังศูนย์กลางของพระราชวัง ออร์เดน เพื่อความเป็นธรรมภารกิจนี้คงไม่ได้มาพร้อมกับรางวัลใหญ่มากมาย ถ้ามันเป็นเรื่องง่าย


ผมหยิบวิทยุขึ้นมาแล้วบอกไปว่า “ฉันได้รับพิกัดแล้ว”


 


– รับทราบ. ติดต่อพวกเราหลังจากช่วยชีวิตตัวแทนของพวกเราได้แล้ว นอกจากนี้โปรดสวมใส่กล้องที่พวกเรามอบให้คุณ หลังจากพวกเรายืนยันว่าตัวแทนของพวกเราปลอดภัยแล้วพวกเราจะแจ้งให้คุณทราบถึงที่ตั้งของป้อมปราการใต้ดิน


 


วิทยุหยุดลงและผมหยิบ [หนังสือแห่งความสัจธรรม] ออกมาเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่กับดัก


 


คำถามของฉัน: ‘ภารกิจนี้เป็นจุดจบของ Chameleon Troupe หรือไม่’


คำตอบ: ‘ไม่’


 


“บ้าจริง”


 


แม้ว่ามันจะฟังดูง่าย แต่คำถามกินพลังรอยสักถึง 2 เส้นเพราะมันจำเป็นต้องมีความเข้าใจในจิตวิทยาของมนุษย์และโครงสร้างของมัน โชคดีที่ผมมี ลูกแก้วฟื้นฟู ซึ่งใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงในการเติมพลังให้กับรอยสัก


 


“อืม~”


 


ผมยืดตัวก่อนที่จะเริ่มภารกิจ ผมใส่เสื้อเกราะและอุปกรณ์อื่นๆที่ผมนำมาด้วย อย่างแรกคือชุดเกราะที่สร้างด้วยเวทมนต์และแร่หายาก


 


– [ชุดดอกบัวดำ]


 


===


[ชุดดอกบัวสีดำ] [ผลงานชิ้นเอก] [คุณสมบัติ สมบูรณ์แบบ]


ผลงานชิ้นเอกที่เกิดจากความชำนาญที่ยอดเยี่ยม เมื่อคุณมองดูชุดนี้คุณได้แต่ต้องชื่นชมฝีมือของคนแคระซึ่งเป็น ‘เผ่าพันธุ์แห่งการสร้าง’


 


「พลังป้องกัน – 7/10 」


「การดูดซับแรงกระแทกระดับสูง」


「การไหลเวียนของพลังเวทย์มนตร์ระดับสูง」


「การเพิ่มความแข็งแรงทางกายภาพระดับสูง」


「การเสริมพลังเวทย์ระดับสูง」


「การเร่งความเร็วสูงสุดระดับสูง」


===


 


แม้ว่าชุดนี้จะมีน้ำหนักเบาเหมือนเสื้อยืด แต่ก็มีความทนทานเหมือนของรถถัง ผมใช้ความพยายามเพิ่มพลังเข้าไปในตัวเลือกสุดท้าย


「การเร่งความเร็วสูงสุดระดับเกิดขีดจำกัด」


 


“ลองดูวันนี้เลยดีกว่า”


 


เมื่อไม่นานมานี้บอสได้ตัดปีกข้างหนึ่งของคุรุุคุรุ ผมบดให้เป็นผงและใช้เป็นวัสดุสำหรับ พลัง 4 ธาตุ เป็นผลให้ผมสามารถใช่ความเร็วของคุรุคุรุได้แม้เพียงชั่วครู่


 


หลังจาก [ชุดดอกบัวดำ] คือ [เสื้อคลุมดอกบัวดำ] ซึ่งผมตั้งใจจะใส่ทับชุดเลย ความคิดสร้างสรรค์ของผมถึงมีจำกัดดังนั้นผมจึงตั้งชื่ออุปกรณ์ทั้งหมดของผมว่า ‘ดอกบัวดำ’ ชื่อทำให้พวกมันดูหรูหรามากขึ้น


 


===


[เสื้อคลุมดอกบัวดำ] [ผลงานชิ้นเอก] [คุณสมบัติหลายธาตุ]


ชิ้นเอกที่เกิดจากความชำนาญที่ยอดเยี่ยม เมื่อคุณมองไปที่เสื้อคลุมนี้คุณจะได้แต่ชื่นชมฝีมือของคนแคระซึ่งเป็น ‘เผ่าพันธุ์แห่งการสร้าง’


 


「พลังป้องกัน – 5/10 」


「การดูดซับแรงกระแทกระดับสูง」


「การปกปิดตัวตนระดับสูง」


「การแรงต่อต้านเวทมนต์ระดับสูง」


===


 


ไม่เพียง แต่เสื้อคลุมมาพร้อมกับฟังก์ชั่นล่องหน แต่ยังติดตั้งฟังก์ชั่น


‘พลังป้องกันเวทมนต์’ ทำให้ผมมีภูมิคุ้มกันต่อเวทมนต์เกือบทั้งหมด


 


นอกจากนี้ผมยังมี [รองเท้าดอกบัวดำ] ซึ่งเพิ่มความเร็วของผมและ


[ที่ป้องกันข้อมือดอกบัวดำ] ซึ่งเพิ่มพลังของลูกธนูของผม


 


คลิก – คลิก –


 


ตอนนี้ผมแต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าในชุดที่สมบูรณ์แบบของ ‘ดอกบัวดำ’


สุดท้ายผมสวมเสื้อคลุมล่องหนกับ สปาร์ตัน ที่กำลังนั่งอยู่บนไหล่ของผม


 


“นายพร้อมไหม?”


 


– ปี้ๆๆ


 


ตอนนี้โตเต็มที่แล้วสปาร์ตันใหญ่พอๆกับแขนของผม


 


“ไปช่วยสายลับพวกนั้นกันเถอะ”


 


– ปี้ๆๆๆๆ


 


สปาร์ตันได้รับรู้ถึงพิกัดแล้ว มันหลับตาแล้วเริ่มตัวสั่น


ในไม่ช้าพลังของสปาร์ตัน ‘เคลื่อนย้ายระยะไกล’ ซึ่งทำให้วาร์ปได้ทันที ก็เปิดใช้งาน


 


เมื่อผมลืมตาขึ้นอีกครั้งผมก็อยู่ต่อหน้าพระราชวังออร์เดน


 


“โอเค สปาร์ตัน นายควรกลับไปก่อน”


 


– ปี้ๆๆๆๆ?


 


สปาร์ตันส่ายหัว แต่สถานที่นี้อันตรายเกินไปสำหรับมัน พลาดแค่นิดเดียวมันได้กลับบ้านเก่าอย่างแน่นอน ผมไม่อยากเสี่ยงสูญเสียสปาร์ตันไป ดังนั้นผมจึงส่งมันกลับ


 


หลังจากตรวจสอบให้แน่ใจว่าสปาร์ตันจากไปแล้วผมก็เปิดกล้องที่ผมได้รับจากสมาคมซึ่งแขวนอยู่ที่ปลายสร้อยคอรอบคอของผม


 


“นี่คือดอกบัวดำ ฉันเปิดกล้องแล้ว พวกคุณมองเห็นไหม?”


 


– โอเค ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ. โปรดยึดครองพระราชวังให้ได้มากที่สุด….


*************************************************************************


ในขณะเดียวกันไอลีนก็สร้างเกาะของตนเองขึ้นมาภายในเต็นท์ของ


ผู้บัญชาการป้อมปราการใต้ดิน เธอสร้างกำแพงพร้อมกล่องของว่างจากทั่วโลกและวางตุ๊กตาสัตว์น่ารักๆไว้ที่นี่และที่นั่นเพื่อการตกแต่ง


 


“อาาาาา~ว้าวววววววว~”


 


การรวมตัวกันของตุ๊กตาเพนกวินและตุ๊กตาฉลามนั้นช่างน่ารักเหลือเกิน


 


“นี้มันน่ารักที่สุดไปเลยยยย~?”


 


บางคนอาจวิพากษ์วิจารณ์ไอลีนเพราะกำลังปฏิบัติภารกิจร้ายแรง แต่นี่คือสิ่งที่เธอเป็น


 


ไอลีนไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับความกลัวอย่างแท้จริงเพราะเธอมีพลังอย่างเหลือเชื่อตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เธอเป็นที่เคารพนับถือของทุกคนหลายคนคาดหวังให้เธอเป็นฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์


 


อย่างไรก็ตามเมื่อไอลีนแข็งแกร่งขึ้นเธอก็กลายเป็นคนขี้เหงา สำหรับ


ไอลีนซึ่งกลายเป็นฮีโร่ระดับสูงเมื่ออายุ 13 ปี ‘เพื่อน’ ไม่มีอะไรมากไปกว่าตุ๊กตาแฟนตาซี ไอลีน หันไปหาตุ๊กตาสัตว์เหล่านี้เพื่อบรรเทาความเหงาของเธอ


 


เพนกวินพร้อมแว่นตาและฉลามที่กำลังร้องเพลง


 


“ฮุฮูฮุ… .”


 


เธอถอยกลับไป 1 ครั้งเพื่อตรวจสอบห้องที่เธอตกแต่ง ยิ่งเธอเห็นมันนานเท่าไรเธอก็ยิ่งพอใจ ‘ตอนนี้มันช่างคุ้มค่าที่จะช่วยโลกใบนี้ไว้’


ไอลีนพยักหน้าขณะกำลังพอใจและจู่ๆ…


 


ต๊อก ต๊อก—


 


มีคนเคาะประตูของเธอ เอลีนรีบโบกมือ


 


“พวกเธอไปซ่อนตัวก่อนนะ”


 


ไอลีน กระซิบด้วยวาจาสิทธิของเธอทันที


 


ซ่าาาาา…


 


วาจาสิทธิ ลงมาจากเพดานเหมือนผงและซ่อนสัตว์จากสายตาของผู้คน


 


“ โอเคเข้ามาสิ”


 


เมื่อประตูเปิดออกไอลีนก็กลับไปที่เก้าอี้แล้วหยิบแล็ปท็อปออกมา เธอเริ่มพิมพ์เพื่อแสร้งทำว่าเธอกำลังทำงานอยู่


 


“โอ้ นี้มันอะไรเหรอ? มีของว่างเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ขอหน่อยสิ”


 


ไอลีน จดจำเสียงแขกได้ทันที เป็น จินเซยอน


 


“ฉันไม่ได้ให้เธอนะ ถอยไปเลย…?”


 


ไอลีน ปฏิเสธคำขอของ จินเซยอน ทันที แต่จินเซยอนไม่ได้มาคนเดียว เธอมากับแชนายอน


 


แชนายอน เกาหลังคอของเธออย่างเขินอายและโค้งคำนับ


 


“ฮ่าๆ…กัปตันไอลีนเป็นยังไงบ้าง ฉันเอง แชนายอน”


 


“เธอเป็นใคร? หัวหน้าทีมของเธออยู่ที่ไหน ยุนซึงอา ทำอะไรอยู่ตอนนี้?”


 


“เธอกำลังฝึกกับ คิมซูโฮ”


 


“…ยัยนั้น จีบผู้ชายในระหว่างการปฏิบัติภารกิจร้ายแรงงั้นเหรอ”


 


ซ่าาา – ซ่าา


 


ช่วงเวลาที่ไอลีนขมวดคิ้ว วิทยุก็เริ่มสั่นอีกครั้ง คราวนี้หน้าต่างโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอแล็ปท็อปของเธอ มันเป็นวิดีโอคอล


 


– ฉันได้รับแจ้งว่าพวกคุณได้ตั้งป้อมเรียบร้อยแล้วงั้นเหรอ


 


ใบหน้าของ อีกงมยอง ปรากฎบนหน้าจอ


 


“ใช่ พวกเราทำแล้วให้ทำอะไรต่อไปละ?”


 


– ขณะนี้พวกเรามีผู้ช่วยอยู่เคียงข้างเราแล้วพวกเราเป็นคนจ้างเขามา ในไม่ช้าเขาคนนี้จะไปช่วยสายลับของพวกเราจาก ออร์เดน


———————–2———————


บทที่ 484 เริ่มต้น (6)


 


สมาคมส่งสายลับไปยังดินแดนของ ออร์เดน เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน


 


“…จ้าง?”


 


– ใช่. เขามีทักษะมากพอที่จะทำลายทุกอย่างได้โดยไม่มีใครสังเกต


 


ไอลีนไม่มั่นใจ สมาคมได้ทำการสอดแนมสายลับหลายครั้ง แต่ออร์เดนก็ค้นพบพวกเขาทั้งหมด


 


“เดี๋ยวก่อนคุณแน่ใจนะว่าสายลับเชื่อถือได้? ถ้าเขาทรยศพวกเราล่ะ?”


 


– เธอสามารถเชื่อใจเขาได้เลย


 


ปัญหาคือ ‘ปฏิญาณ’ ที่สายลับทั้งหมดใช้ คำมั่นสัญญานี้ทำหน้าที่เป็นตาข่ายความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้สายลับเปิดเผยอะไรความลับของสมาคม อย่างไรก็ตามออร์เดนมีความสามารถในการมองเห็นความแตกต่างในพลังเวทมนต์ที่เกิดจากคำสาบานดังกล่าว ดังนั้นสายลับในครั้งนี้จึงถูกส่งมาโดยไม่ต้องสาบานหรือแม้แต่ตราประทับ


 


“…ดี ฉันเดาว่าฉันไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อใจเขา ภารกิจเป็นยังไง?”


 


– เขาช่วยเหลือได้ทั้งหมดหลังจากลงมือเมื่อไม่นานมานี้


 


“แล้วเขาเป็นใครกันแน่”


 


– เป็นคนที่เธอรู้จักดี


 


แม้ว่าเสียงของ อีกงมยอง จะเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่คำตอบของเขาก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ ไอลีน พึงพอใจ ไอลีน หน้านิ่ว


 


“เขาชื่ออะไร?”


 


เธอถามอีกครั้งและครั้งนี้ อีกงมยอง ตอบอย่างตรงไปตรงมา


 


‘ดอกบัวดำ’.


 


“…อะไรนะ?! ดอกบัวดำ?”


 


“อะไรนะ? จริงๆเหรอ?”


 


ไม่เพียงแค่ไอลีน แต่ยังรวมถึงจินเซยอนและแชแนยอนด้วยที่ตกใจ


 


– ใช่ พวกเรามอบหมายให้ดอกบัวดำ ทำภารกิจช่วยเหลือสายลับ


 


“อะไรนะ ที่พูดจริงงั้นเหรอ”


 


– ทำไมฉันต้องโกหกละ?


 


“เอ่อ…อะแฮ่ม ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนแก่ๆในสมาคมจะมั่นใจขนาดนี้”


 


ยียุกโฮ ประธานสมาคมคนปัจจุบัน ไอลีนพบเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับภารกิจในปัจจุบัน ตาแต่หัวล้านนั้นบอกกับเธอว่าไม่ต้องกังวล


 


“ดอกบัวดำดูเหมือนจะเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดตราบใดที่เขาไม่ได้ทรยศพวกเรา”


 


แม้ว่าเธอจะฟังดูใจเย็น แต่ไอลีนก็ค่อนข้างประหลาดใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าสมาคมจะจ้างดอกบัวดำ เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้เธอนึกถึงภารกิจสำคัญของพวกเขาอีกครั้ง


 


– ใช่. ดอกบัวดำกำลังมุ่งหน้าไปสู่….อ่าเขาเปิดกล้องแล้ว


 


“กล้อง? ให้พวกเราดูหน่อย!”


 


จินเซยอน ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจและพลัก แชนายอน ออกไปเพื่อมองไปที่หน้าจอแล็ปท็อป


 


“เอ่อ ถอยออกไปเลยนะ พวกเธอ! เฮ้เธอรู้ไหมว่าดอกบัวดำเป็นใคร”


 


ไอลีนวางมือบนแก้มของ แชนายอน แล้วผลักเธอออกไป


 


“แน่นอนฉันรู้แม้ว่าฉันจะไม่เคยเจอเขาด้วยตนเองมาก่อน”


 


“งั้นเธอก็ยังไม่รู้จักเขาจริงๆ ถอยไป!”


 


– ฉันจะแบ่งมุมมองกล้องของ ดอกบัวดำ ให้กับพวกเธอ


 


อีกงมยอง เปิดมุมมองที่เชื่อมต่อกับกล้องของ ดอกบัวดำ


 


วิ้ง! หน้าจอเปลี่ยนเป็นมุมมองของพระราชวัง ออร์เดน


 


– นี่คือมุมมองของ ดอกบัวดำ พิกัดกำลังปรับปรุงในแบบเรียลไทม์


ดังนั้นโปรดช่วยเขาหากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย


 


“ตกลง ตกลง.”


 


ไอลีน, แชนายอน และ จินเซยอน รวมตัวกันรอบหน้าจอ ตอนแรกดอกบัวดำดูเหมือนจะเดินไปรอบๆพระราชวังอย่างไร้จุดหมาย


ทันใดนั้นเขาก็รีบไปที่ประตูด้วยความเร็วแสง


 


“ว้าว! โอ้ ว้าววว เขาเร็วมาก เอ่อฉันหมายความว่า…เขาเร็วจริงๆ”


 


แชนายอน ประทับใจกับความเร็วของ ดอกบัวดำ อย่างมาก แต่ก็ได้ตระหนักว่าภาษาของเธอไม่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้แชนายอน


ตบปากด้วยมือของเธอเพราะความอับอาย


 


“เธอพูดถูกเขาเร็วมาก เขา…ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”


 


จินเซยอน พึมพำ เธอไม่รู้เลยว่าการเพิ่มความเร็วของดอกบัวดำนั้นเกิดจากอุปกรณ์ที่เขามี ไอลีนเองก็พยักหน้าเช่นกัน


 


“เขาเคลื่อนไหวได้เร็วเหมือนสายฟ้า”


 


“…มันเหมือน…เหมือนว่าเขาไม่มีขีดจำกัดสำหรับนักธนูเลย”


 


ทันใดนั้นพวกเธอก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคย


 


– ฉันเข้ามาในวังของ ออร์เดน แล้ว


 


มันมาจากแล็ปท็อป มันเป็นเสียงของดอกบัวดำ!!!


 


ในขณะนั้นเองมุมมองของ ดอกบัวดำ เขาเจอมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์


มอนสเตอร์ดูเหมือนจะเป็นยามลาดตระเวน ดอกบัวดำ ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงอย่างรวดเร็ว


 


“… !”


 


“ดูนั้น!”


 


ทั้ง 3 คนสะดุ้งตกใจ


 


– มอนสเตอร์กำลังมาทางนี้ ฉันจะกำจัดมัน


 


แต่ดอกบัวดำใจเย็น เขาหยิบคันธนูออกมาแล้วดึงลูกธนูและในช่วงเวลาต่อมามีบางสิ่งลึกลับเกิดขึ้น


 


เพี้ยวววววว


 


มอนสเตอร์ยืนอยู่ที่มุมด้านขวาอย่างแน่นอน แต่ดอกบัวดำกลับเล็งธนูไปข้างหน้า ลูกศรบินเป็นเส้นตรงก่อนที่จะพุ่งไปทางขวาในทันที


 


ฉึกกก!


 


มันเป็นการโจมตีที่เป็นไปไม่ได้จากจุดบอด มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์


ล้มลงไปที่พื้นหลังจากที่ลูกธนูเจาะคอของเขา


 


“ลูกศรนั่นโค้งได้เอง ฉันเคยเห็นเขาทำแบบนั้นมาก่อนเหมือนกัน”


ไอลีพึมพำและชี้ไปที่หน้าจอ


 


“โอ้ คุณพูดถูก มันไม่ได้เป็นลูกศรเวทมนตร์ น่าสนใจจริงๆ…”


แชนายอน เองก็พูดออกมาแต่ก็หยุดเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงเดจาวู


 


‘ลูกศรที่โค้งได้เองงั้นเหรอ ฉันเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนี้น่า…’


 


“ความสามารถของเขาเกือบจะเหมือนพระเจ้าไปแล้ว”


 


จินเซยอน รู้สึกทึ่งกับทักษะของ ดอกบัวดำ เช่นกันและแล้ว…..


 


“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”


 


ประตูเปิดออกและยุนซึงอาก็เข้ามาในเต็นท์ และเธอไม่ได้มาคนเดียว คิมซูโฮ ผู้ฝึกซ้อมกับเธอมากับเธอเช่นกัน


 


“ชู่ๆๆๆ เงียบๆ พวกเรากำลังดูดอกบัวดำอยู่ในตอนนี้”


 


ยุนซึงอา ดวงตาเบิกกว้างจากคำพูดของไอลีน คิมซูโฮ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกด้วยความตกใจ


 


“อะไรนะ ดอกบัวดำ?”


 


“ใช่ พวกเราคัดเลือกเขามาทำภารกิจ ตอนนี้เขาอยู่ข้างพวกเราแล้ว? เป็นไงบ้างเส้นสายของพวกเราค่อนข้างน่าทึ่งใช่มั้ย”


 


ไอลีน ยิ้มเยาะในฐานะที่เป็นศัตรูกันดอกบัวดำก็น่ากลัว แต่ในฐานะเพื่อนเขาเชื่อถือได้มากกว่าใคร


ไอลีนรู้ดีว่าดอกบัวดำน่ารำคาญขนาดไหนตั้งแต่ครั้งที่เขาปิดกั้นสะพานบนชั้น 8 ของ Tower of Wish แต่คราวนี้เขาอยู่ข้างเธอไม่มีอะไรน่ากลัว


 


“โอ้…ให้ฉันดูหน่อย ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน”


 


ยุนซึงอา และ คิมซูโฮ เข้าร่วมกับทั้ง 3 คน แม้ว่าเต็นท์จะกลายเป็นพื้นที่แคบ แต่ก็มีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกคน


 


“อะไรนะ? ดอกบัวดำ?”


 


อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่จุดจบ ทันใดนั้นป้อมปราการทั้งหมดก็เริ่มส่งเสียงพึมพำบางทีอาจเป็นเพราะการที่คิมซูโฮตะโกนออกมา


 


“ที่ไหน ~?”


 


“นายเพิ่งพูดว่าดอกบัวดำงั้นเหรอ”


 


ผู้คนจำนวนมากเริ่มหลั่งไหลเข้ามาและในไม่ช้าเต็นท์ของ ไอลีน ก็เต็มไปหมด


 


“บ้าจริง ฉันมองไม่เห็น! พวกนายทุกคนถอยออกไปนะ!”


 


ผู้บัญชาการตัวเล็ก ไอลีนตะโกนด้วยความรำคาญ


แต่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเธอ พวกเขาผลัก ไอลีน ออกไปและไปจุกอยู่ด้านหน้าของหน้าจอ


 


“เฮ้~ นี่เป็นมุมมองของดอกบัวดำเหรอ? จริงๆแล้วฉันอยากรู้เกี่ยวกับเขาจริงๆนะ ฉันจะดูว่าเขาสู้ยังไง~”


 


นิโคลัสจากวิหารแห่งความยุติธรรมดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ นี่เป็นเพราะการแข่งขันที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ระหว่างวิหารแห่งความยุติธรรมและ


Chameleon Troupe หลังจากที่อีกฝ่ายเริ่มได้รับการยอมรับในหมู่ประชาชน


 


– ฉันเชื่อว่าสายลับอยู่ในอาคารต่างๆ


 


ในขณะนั้นดอกบัวดำก็พูดอีกครั้ง เขาเพิ่งเข้าไปในวัง ภายในกว้างขวางมากและเต็มไปด้วยอาคารหลายแห่ง


 


– ฉันจะไปที่นั่นเดียวนี้ละ


 


ดอกบัวดำรีบไปในอาคารที่นึงแต่ฉากที่ปรากฏบนหน้าจอถัดไปนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัว


 


“หาา…นั่นมัน…มอนสเตอร์มากมาย….เยอะอะไรขนาดนั้น” จินเซยอนพูดพึมพำ


 


อย่างที่เธอพูดอาคารนั้นเต็มไปด้วยมอนสเตอร์แม้จะมองจากระยะไกล


มีมอนสเตอร์อย่างน้อย 1000 ตัวบนบกและ 100 ตัวบนท้องฟ้า


 


– นายจะทำยังไง?


 


อีกงมยอง ถาม ดอกบัวดำ เขาเป็นกังวลเพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมียามมากมายขนาดนี้


 


– …


 


มีเสียงเงียบสั้นๆตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ


 


– หึ ของง่ายๆ


 


หน้าจอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดอกบัวดำเร็วเหมือนสายฟ้าผ่า แต่เงียบเหมือนสายลม ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีดอกบัวดำก็ได้ย้ายไปตำแหน่งอื่นอย่างรวดเร็ว


 


“โอ้~ ดูเขาสิ….”


 


นิโคลัสเลียริมฝีปากด้วยรอยยิ้ม


 


“เขาเร็วจริงๆ เร็วมากจริงๆ”


 


“และเขาไม่ส่งเสียงใดๆเลย เมื่อเขาเคลื่อนไหว”


 


ยุนซึงอาและคิมซูโฮก็แสดงความคิดเห็นเช่นกัน ผู้ชม (?) รวมตัวกันในเต็นท์ของผู้บัญชาการต่างก็ชื่นชมทุกการเคลื่อนไหวของ ดอกบัวดำ


 


ภารกิจแรกเริ่มต้นขึ้นในที่สุด


บทที่ 485 เริ่มต้น (7)


 


ราชวังของ ออร์เดน ดูหรูหรามากด้านนอก ผมไม่รู้ว่า ออร์เดน เรียนรู้ที่จะสร้างอาคารแบบนี้ได้อย่างไร แต่ผมก็รู้สึกประทับใจ


 


– นายจะทำยังไงต่อ?


 


เสียงกังวลไหลออกมาจากวิทยุขณะที่ผมตรวจสอบราชวัง


 


“ของง่ายๆ”


 


ผมเปิดใช้งาน [การเร่งความเร็วระดับเกิดขีดจำกัด] ที่ติดกับชุดของผม


 


“… !”


 


ร่างกายผมเคลื่อนไหวเร็วกว่าที่คาดไว้มากด้วยความเร็วที่เหนือเสียงทำให้ผมรู้ว่าผมไม่สามารถควบคุมความเร็วนี้ได้เหมือนปกติ ดังนั้นผมจึงเปิดใช้งาน [bullet time] ทันใดนั้นโลกรอบตัวผมก็ชะลอตัวลง


ผมเคลื่อนไหวเหมือนสายลมและทำให้ภายในราชวังเล็กลงไปในทันที


 


– …ยืนยันการแทรกซึมประสบความสำเร็จ


 


‘ว้าว น่าประหลาดใจมาก เป็นความเร็วที่บ้าคลั่งจริงๆ’


 


ผมพยายามใจเย็นและมองไปรอบๆกำแพงโปร่งใสผม เห็นราชวังทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว จำนวนมนุษย์ในอาคารนี้คือ…33 ทั้งหมดรวมทั้ง ปาร์คฮันโฮ อดีตสมาชิกของ วิหารแห่งความยุติธรรม และลูกสาวที่ฟื้นขึ้นมา ปาร์คฮันโฮอ่านหนังสือกับลูกสาว มันเป็นฉากที่เงียบสงบและน่าประหลาดใจซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่จะพูดว่าว่าทั้ง 2 ยังคงเป็นมนุษย์


 


‘ที่สำคัญกว่านั้นคือสายลับอยู่ที่ไหน?’


 


ผมหันหัวของผมช้าๆเพื่อค้นหาสายลับ เมื่อผมตรวจสอบห้องไปเรื่อยๆผมก็พบคนที่น่าจะเป็นสายลับในห้องพักบนชั้น 5


 


เป็นผู้หญิง ดวงตาของเธอก็ยังคงกระวนกระวาย มีเครื่องจักรที่ใช้ส่งรหัสมอร์สที่ปลายเตียงของเธอ


 


“ฉันคิดว่าฉันเจอสายลับแล้ว กรุณายืนยัน.”


 


ผมใช้ [การเร่งความเร็วระดับเกินขีดจำกัด] อีกครั้ง แต่ละชั้นผ่านเหล่า มอนสเตอร์มากมาย แต่ผมมั่นใจก็ว่าพวกเขาจะจำผมไม่ได้แม้ในขณะที่ผมเดินผ่านพวกเขาเช่นเดียวกับที่ผมไม่รู้ว่ามีคุรุคุรุอยู่ในอดีต


 


– เพี้ยวววววววว


 


ผมมาถึงห้องพักแขกบนชั้น 5 ด้วยความเร็วแสง ผมดูเหมือนสายลมเลยทีเดียว


 


“…อา!”


 


ผู้หญิงคนนั้นตัวสั่นอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นผมที่ทางเข้าผมสีบลอนด์ และแขน ขา ยาวอันโดดเด่น เธอกลืนน้ำลายเมื่อเธอมองมาที่ผม


 


“… .”


 


ผมรอรับการยืนยันอย่างเงียบๆ


 


– ใช่ เธอเป็นหนึ่งในนั้น


 


“…สวัสดี.”


 


ในขณะนั้นเองผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมา


 


“ฉันชื่อรูมิ”


 


เธอดูเหมือนจะใจเย็นลงแล้ว เธอก็ยื่นมือให้ ผมตรวจสอบผู้หญิงคนนี้


เหมือนไม่รู้ทำไมผมรู้สึกเหมือนผมเห็นเธอมาก่อน….


 


– คุณสามารถใช้ [ม้วนคัมภีร์ ย้อนกลับ] ให้เธอได้เลย


 


แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่คิดเรื่องนั้น


 


“คุณมีข้าวของอะไรบ้าง”


 


รูมิพยักหน้า


 


“ฉันเตรียมตัวฉันแล้ว ฉันเอา ‘คลังของฉัน’ มาจากหอคอย”


 


“ถ้าคุณว่างั้น.”


 


ผมนำ [ม้วนคัมภีร์ ย้อนกลับ] ออกมา


จากนั้นขณะที่ผมกำลังจะฉีกมัน…


 


“สวัสดี~”


 


ทันใดนั้นเสียงเยือกเย็นที่ไม่คุ้นเคยก็ลอยมาหาผมเหมือนใบมีด


ผมฉีกม้วนกระดาษโดยไม่ได้มองไปข้างหลัง


 


แกว้ก!


 


เสียงแหลมของกระดาษฉีกขาดดังขึ้น


 


“หุหุ คุณคิดว่าคุณกำลังจะไปที่ไหน”


 


อย่างไรก็ตามการฉีกคัมภีร์ล้มเหลวเนื่องจากพลังเวทมนต์ขัดขวาง


ผมหันกลับมาพร้อมกับถอนหายใจ มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนนกยูงยักษ์ยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาผม


 


“จากลางสังหรณ์ของฉัน~♪ ฉันรู้ว่านายเป็นคนทรยศ~♪”


 


จากรูปลักษณ์ของเธอและน้ำเสียง ผมบอกได้เลยว่ามอนสเตอร์ตัวนี้เป็นผู้หญิง


ผมขมวดคิ้ว


 


“…เธอคือใคร?”


 


“อืม….…นั่นไม่ใช่ธุรกิจของนายเลย~”


 


ทันใดนั้นมอนสเตอร์ร่างมนุษย์ก็เริ่มร้องเพลง


 


“นี่คือความลึกลับที่หลบหนีไม่พ้น….”


 


เสียงของเธอชวนให้หลงใหลและจังหวะของเธอสมบูรณ์แบบ เพลงของเธอกระจายพลังเวทมนต์ที่ผิดปกติไปรอบๆ พลังเวทมนต์ละลายห้องและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของพวกเราเป็นสิ่งที่ดูเหมือนคอนเสิร์ต


ทุกอย่างมืดมนและเงียบสงบ เวทีและที่นั่งแยกออกจากกันและลำแสงสปอตไลท์สีส้มส่องไปที่กลางเวที ผมรู้สึกราวกับว่าดนตรีคลาสสิกจะเริ่มเล่น ผมมองไปรอบๆ พื้นที่แปลกๆไป


 


‘พวกเราอยู่ที่ไหนและนี่มันเป็นความสามารถแบบไหนกันแน่?”


 


“…เธอเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ยอดเยี่ยมของออร์เดน ชื่อของเธอคือ


โดโลเรนและเธอสามารถร้องเพลงของเธอด้วยพลังเวทมนต์ มันคล้ายกับ วาจาสิทธิ์ แต่ต่างกัน พวกเราอยู่ในบาเรียของ โดโลเรน แล้ว”


รูมิ อธิบายอย่างรวดเร็ว


 


“อ้อออออ”


 


‘นั่นคือ โดโรเรน 1 ใน 4 มอนสเตอร์ในเนื้อเรื่องใหม่ เธอมีขนเพราะเธอเป็นนกงั้นเหรอ? เธอแตกต่างจากที่เราเห็นในทีวี…’


 


“พวกเรา…ควรจะออกไปจากที่นี่ก่อนที่เธอจะสร้างบาเรีย มันสายเกินไปแล้ว”


 


เสียงของรูมิแต่งแต้มด้วยความสิ้นหวัง เธอกัดริมฝีปากของเธออย่างหนักจนเริ่มมีเลือดออกมา ดูเหมือนว่าเธอยอมแพ้แล้ว


 


ผมถามออกมา “ก็แค่บาเรีย ทำไมเธอกลัวจัง”


 


“มันไม่ใช่แค่บาเรียง่ายๆคุณไม่สามารถหนีจากบบาเรียของโดโลเรนได้ และแทนที่จะเป็นบาเรียมันเป็นโลกของตัวเองมากกว่า”


 


ไม่แปลกใจเลยที่ รูมิ รู้รายละเอียดเกี่ยวกับ โดโลเรน เธอเป็นสายลับจริงๆสินะ


 


“มีสมาชิกผู้ชมเพียง 2 คนเท่านั้นสินะ แต่ก็เพียงพอแล้ว” โดโลเรน พึมพำเมื่อเธอปีนขึ้นไปบนเวที


 


เธอยืนอยู่บนแท่นเหมือนตัวแสดงนำและมองดูพวกเรา ใบหน้าของรูมิเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยความหวาดกลัว แต่ผมมั่นใจว่าผมสามารถเอา


ตัวรอดจากสถานการณ์ปัจจุบันได้


 


“แต่โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเพียงบาเรียใช่มั้ย”


 


“…อะไรนะ?”


 


ผมดึงรูมิเข้ามาในอ้อมแขนแล้วหยิบ [กุญแจลึกลับ] ออกมา


 


===


[กุญแจลึกลับ] [คุณสมบัติ เวทมนต์]


– เป็นกุญแจลึกลับ


 


○ ไอเท็มที่กำลังวิวัฒนาการ – EXP 「 90000/100000 」


○ ปลดล็อค Lv.8


※ถูกแปลงเป็นไอเท็มผ่านการ์ด 8 ดาว [การแปลงเป็นการ์ด]


===


 


ผมอัพเกรด กุญแจลึกลับใช้ [การแปลงเป็นการ์ด] แม้แต่บาเรียที่แข็งแกร่งที่สุดก็ควรจะไร้พลังเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน


 


“อะแฮ่ม … .”


 


โดโลเรน เริ่มร้องเพลัง เธอสบายใจมากอาจเป็นเพราะเธอได้ข้อสรุปแล้วว่าพวกเราไม่สามารถหนีไปจากบาเรียของเธอได้


 


ผมกดกุญแจไปที่พิ้น ปลายของมันจมลงไปในพื้นและคลิก


 


– มันไขได้!! มันเป็นบาเรียอย่างแน่นอน


 


วิ้งงงงงงงง…


 


ผมบังคับพลังเวทย์ของรอยสักให้เป็นกุญแจ ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


จากนั้นผมก็บิดกุญแจไปทางขวาด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของผม


 


ก๊อกกกกกกกกกกกก!


 


มันฟังดูเหมือนว่ามีคนกดลงบนปุ่มต่ำสุดทั้งหมดบนเปียโนในครั้งเดียว


ห้องโถงคอนเสิร์ตของ โดโลเรน กลายเป็นซากแตกสลาย


 


“…อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น? คอนเสิร์ตของฉัน หายไปไหน”


 


เธอมองไปรอบๆด้วยความสับสน


 


“ วิ่งกันเถอะ”


 


“ขอโทษนะ? คุณเป็น กรี้ดดดดดดด!”


 


ผมอุ้มรูมิขึ้นมาและเริ่มวิ่ง


 


นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่ผมใช้ [การเร่งความเร็วระดับเกิดขีดจำกัด] ในวันนี้ แต่ผมก็เร็วพอๆกับที่ผมใช้เป็นครั้งแรก ผมสามารถใช้พลังนี้ได้โดยไม่มี


ขีดจำกัด ตราบใดที่ผมมี ลูกแก้วพื้นฟู ก็ไม่มีปัญหา


*************************************************************************


 


ในขณะเดียวกันเมื่อกลับมาที่ป้อมปราการใต้ดินทุกคนก็ออกจากเต็นท์ของพวกเขาแล้วและรอให้ดอกบัวดำกลับมาอย่างกระตือรือร้น พวกเขาทุกคนเห็นชัยชนะของดอกบัวดำจากกล้องรอบคอของเขา หัวใจของพวกเขาดิ่งลงเมื่อ โดโลเรน เนื่องจากพวกเขารู้จักกันดีว่ามีพลังเทียบเท่ากับฮีโร่ระดับปรมจารย์ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อดอกบัวดำเอาชนะเธอได้อย่างง่ายดายและหลบหนีมาพร้อมกับสายลับ


 


ใบหน้าของพวกเขาค้างไปด้วยความรู้สึกต่างๆ


 


“ฉันรู้ว่าเขาต้องทำได้”


 


ไอลีนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ วันนี้เธอได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของดอกบัวดำแล้ว


 


“ใช่ๆ และฉันอยากรู้จริงๆว่าเขาทำลายบาเรียนั้นได้ยังไง คุณคิดว่าไง บาเรียนั้นไม่มีจุดอ่อนที่สังเกตเห็นได้เลย มอนสเตอร์ตัวนั้นเองดูสับสน เหมือนกัน”


 


นิโคลัส เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็น


 


“เฮ้ แชนายอน เธอคิดว่าเขาจะเต็มใจถ่ายรูปกับฉันไหม? ฉันคิดว่าฉันจะได้รับ 300 ล้านไลค์ถ้าฉันโพสต์ลงไปในเน็ต”


 


คำพูดสุดท้ายนั้นคือของยีจินยูน ฮีโร่คนอื่นๆก็ตั้งตารอที่จะได้พบกับดอกบัวดำ พวกเขาไม่ได้คาดหวังให้เขาตอบคำถามทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบกับดอกบัวดำด้วยตนเอง


 


“อ่า เขาอยู่ที่นี่แล้ว!”


—————————2——————–


บทที่ 486 เริ่มต้น (8)


ด้วยสายตาที่ไม่ธรรมดาของเธอจินเซยอนเป็นคนแรกที่ชี้ไปที่อีกด้านหนึ่งของอุโมงค์ ทุกคนหันไปทางที่เธอชี้และในไม่ช้าเงา 2 เงาก็ปรากฏขึ้นที่อีกด้านหนึ่ง เป็นดอกบัวดำกับสายลับรูมิ แทนที่จะรอให้ทั้ง 2 มาถึงฮีโร่ต่างก็ออกไปทักทายพวกเขา ไอลีนในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด


ยืนอยู่หน้าดอกบัวดำ


 


“เฮ้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ไอลีนทักทาย


 


ดอกบัวดำ ยังคงนิ่งเงียบ เขาส่ง รูมิ ไปที่ ปาร์มา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม


‘เซนต์’ รูมิเป็นลมไปหลังจากทนความเร็วเหนือเสียงของดอกบัวดำ


 


“…เฮ้ นายไม่รู้จักฉันเหรอ”


 


ไอลีน ขมวดคิ้วโดยคิดว่าดอกบัวดำไม่สนใจเธอ


 


แต่คำตอบของดอกบัวดำนั้นสั้นๆ


 


“ฉันรู้แล้ว.”


 


“แล้วทำไมนายไม่สนใจฉันอย่างนั้นล่ะ”


 


“ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะดูแลเธอ”


 


“…”


 


ใบหน้าของไอลีนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะอู้อี้อยู่ข้างหลังเธอ


 


“ฉันไม่เคยขอให้นายมาช่วยดูแลฉัน! สุภาพหน่อยเถอะ!”


 


“… .”


 


ดอกบัวดำมองข้ามไอลีน เขามองไปไปยังคิมซูโฮ นิโคลัส ยุนซึงอา


ชินจงฮัก จินเซยอน จากนั้น แชนายอน สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่ แชนายอน อยู่นานและเมื่อสังเกตเห็นแบบนั้นแชนายนอก็เงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน


 


“ฉันจะไปแล้ว แต่ต้องบอกข้อมูลที่สายลับค้นพบให้ฉันด้วยละ”


 


ดอกบัวดำ หันกลับแต่เสียงแหลมสูงของไอลีนก็หยุดเขา


 


“คุณมีธุระที่อื่นที่ต้องไปทำงั้นเหรอ”


 


ในฐานะพันธมิตรดอกบัวดำพึ่งได้มากกว่าใคร เมื่อเห็นว่าดอกบัวดำและออร์เดนเป็นศัตรูกัน ไอลีนเองก็ต้องการให้ดอกบัวดำอยู่ข้างเธออย่างน้อยก็จนกว่าพวกเธอจะเอาชนะออร์เดน ดอกบัวดำสามารถรักษาความปลอดภัยด้านหลังของพวกเธอ โจมตีด้านหน้าหรือแม้แต่ช่วยเหลือฮีโร่คนอื่นๆจากทางด้านหลัง เขาจะเป็นส่วนเสริมที่สมบูรณ์แบบให้กับทีม


 


“…”


 


อย่างไรก็ตามดอกบัวดำไม่ได้หันกลับมาและไม่ได้พูดอะไร


ทันใดนั้นนกอินทรีก็บินมาจากระยะไกลและลงมาบนไหล่ของเขา


 


“เฮ้! ตอบฉันก่อนไปสิ!”


 


ดอกบัวดำตอบไอลีนด้วยเสียงที่ไม่สนใจ


 


“ติดต่อ Chameleon Troupe หากเธอต้องการให้ฉันทำอะไร”


 


และนั่นคือทั้งหมดที่เขาต้องพูด


 


“ขอโทษนะคะ ก่อนที่คุณจะไป คุณช่วยถ่ายภาพกับ หะ…..!”


 


แชนายอน และ คิมซูโฮ พยายามหยุด ยีจินยูน ก่อนที่เธอจะพูดจบ


หลังจากนั้น ดอกบัวดำก็กลายเป็นฝุ่นและหายไปในอากาศบางๆ


 


ความเงียบปรากฏในป้อมปราการ


 


ฮีโร่ทุกคนจ้องมองไปจุดที่ดอกบัวดำเพิ่งยืน


 


ชายคนนั้นมาและออกไปเหมือนลมอย่างแท้จริง ดอกบัวดำน่าจะเป็นศัตรูของฮีโร่ แต่ความสำนึกคุณได้เติมเต็มหัวใจของพวกเขา


 


คิมซูโฮ และ ชินจงฮัก ยีจินยูน และ จินเซยอน แชนายอน และ ยุนซึงอา …สมาชิกแต่ละคนของทีม 1 จริงๆแล้วทุกคนรู้จักดอกบัวดำเป็นอย่างดี


 


การพบเจอกันครั้งนี้จะทำให้เรื่องราวของพวกเขาแพร่กระจายไปทั่วโลกในรูปแบบของข่าวลือ


*************************************************************************


[โลกแห่งความปรารถนา, ชั้น 8 Crevon]


 


ในคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวใน Crevon โทเมอร์กำลังดื่มน้ำชากับแขกในห้องรับรองของราชวังของเธอ บรรยากาศค่อนข้างเงียบงัน มองไปที่เมฆมืดมิดที่อยู่นอกหน้าต่างโทเมอร์ก็พึมพำพร้อมกับถอนหายใจ


 


“มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่ชั้น 30 ร่วงลงมา”


 


เมื่อคิมซูโฮพิชิตชั้นสุดท้ายของหอคอย Crevon ก็อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน


ลัทธิประกาศจุดสิ้นสุดของ Crevon หลังจากนั้นที่อื่นกพยายามล้มล้างระบอบการปกครองปัจจุบัน


 


อย่างไรก็ตามช่วงเวลาแห่งความสับสนอลหม่านครั้งนี้ทำให้ Crevon ได้รวมกันเป็นหนึ่ง อราฮา เจ้าหญิงองค์ที่ 5 แห่ง Crevon ประกาศตัวเป็นกษัตริย์และปลดปล่อยความทะเยอทะยานทั้งหมดที่พยายามอย่างหนักเพื่อซ่อนความลับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอเปิดตัวด้วยนโยบายที่เป็นนวัตกรรมและความรุนแรงเพื่อตอบสนองความกังวลของผู้คน


 


อราฮา ยังคัดเลือกผู้เล่นที่มีทักษะจำนวนหนึ่งและส่งพวกเขาไปประจำการยังชั้น 9 ครึ่งหนึ่งของชั้นที่ 9 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของมอนสเตอร์ในตำนานได้ถูกกำจัดออกไปแล้วและนั่นก็เป็นชัยชนะของเธออย่างชัดเจน


 


“คุณคิดว่ายังไง?”


 


โทเมอร์ ถามแขกขณะจิบชา การเปลี่ยนแปลงล่าสุดทำให้เธออยู่ในสถานการณ์ทางการเมืองที่ค่อนข้างยุ่งยาก


 


“…ข้าเป็นห่วง”


 


เสียงของเหล็กดังก้องไปทั่วห้องพร้อมกับเสียงแหลมต่ำ


แขกยักษ์คนหนึ่งจ้องมองที่ถ้วยซึ่งมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือของเขาก่อนที่เขาจะหยิบมันขึ้นมาและวางมันบนฝ่ามือของเขา โทเมอร์ ยิ้มเล็กน้อย


 


“งั้นเหรอ แม้แต่คุณก็กลัว ลิโป้?”


 


“…”


 


ลิโป้ไม่ตอบ เขาจับ ง้าวกรีดนภา ของเขาด้วยมือที่ไม่ได้ถือถ้วยอย่างไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามไม่นานเขาก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและจ้องมองไปที่


โทเมอร์


 


“ข้าได้ยินมาว่าโลกจะกลายเป็นอาณาจักรปีศาจ”


 


“…ใช่นั่นคือคำพยากรณ์”


 


ผู้บริหารระดับสูงของ Tower of Wish และนักบุญคนอื่นๆได้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์กันไปแล้ว พวกเขาทิ้งคำทำนายเดียวไว้ก่อนที่จะจากไป


 


[พลังปีศาจจะรุกรานโลกสีฟ้า พวกเราหวังว่าพวกคุณจะทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะอุปสรรคนี้]


 


“แต่…คำพยากรณ์นี้ใช้ได้กับโลกภายนอกเท่านั้น” โทเมอร์ พึมพำและมอง ลิโป้ เพื่อคาดการณ์คำตอบของเขา


 


โลกภายนอก โทเมอร์ เริ่มที่จะอ้างถึงโลกว่าเป็นโลกภายนอก เธอจำได้ว่าพ่อแม่ของเธอเกิดที่นั้น โลกไม่เหลืออะไรนอกจากรอยแผลเป็นบนครอบครัวโทเมอร์ นี่คือเหตุผลที่เธอไม่ต้องการออกจาก Crevon


โทเมอร์ ชอบชีวิตที่สงบสุขของเธอที่นี่


 


“คุณต้องการที่จะสืบเชื้อสายลงไปเหมือนกันใช่ไหม แม่ทัพ ลิโป้?”


 


แต่ละคนจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไม่เพียงแต่ผู้ดูแลระบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ลิโป้,แลนสล็อตและทุกคนที่มีต้นกำเนิดมาจากบนโลกก็ต้องการสืบเชื้อสายลงไปสู่โลกภายนอก ลิโป้ หันหัวของเขาอย่างช้าๆ และจ้องมองไปที่ โทเมอร์


 


“ข้า ต้องติดตามนายของข้า”


 


“ใช่แล้วนายของคุณอยู่ที่นี่ใน Crevon แต่คุณเป็นห่วงโลกภายนอก”


 


“… .”


 


ลิโป้ กัดฟันของเขาซึ่งทำให้เขาดูเป็นอันตรายยิ่งขึ้น โทเมอร์ จ้องมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว ในขณะที่บรรยากาศระหว่างคนทั้ง 2 เริ่มกลายเป็นศัตรู….


 


ครื่นนนนนนน …


 


ทันใดนั้นการสั่นสะเทือนแปลกๆก็สั่นสะเทือนรอบตัว โทเมอร์ และลิโป้ หยุดและมองไปรอบๆด้วยความสับสน


 


ไม่นานก่อนที่จะมีหน้าต่างข้อความโผล่ขึ้นมาหน้า โทเมอร์


 


[มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อระบบ]


 


มีเพียง โทเมอร์ เท่านั้นที่เห็นข้อความนี้เพราะเธอเป็น NPC และผู้เล่นไปพร้อมๆกัน ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเธออ่าน


*************************************************************************


 


ท้องฟ้ามืดมิดโดยไม่มีแสงสว่าง


ผมกลับไปที่ เพนเดอร์​โมเนียม หลังจากอาบน้ำอย่างรวดเร็วผมก็ตรงไปที่ห้องทำงานของบอสเพื่อรายงานภารกิจให้เธอรู้


 


“นายกลับมาแล้วเหรอ”


 


บอสทักทายผมด้วยท่าทางที่ไม่เมินเฉยของเธอ


 


“ฉันได้รับข่าวแล้วว่านายทำสำเร็จ”


 


“คุณได้รับรางวัลไหม”


 


“ใช่. Chameleon Troupe ได้รับการอภัยโทษอย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่าฉันจะไม่แน่ใจว่าพวกเราสามารถจัดการเรื่องนี้ได้นานแค่ไหน….”


 


เมื่อหัวเราะเบาๆเสร็จ บอสก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอแล้วก็มาหาผม


 


“นายทำได้ดีมาก”


 


บอสจ้องมาที่ผม จากนั้นเธอก็เอนกายลงและแขวนอะไรบางอย่างไว้รอบคอของผม มันเป็นสร้อยคอ


 


“สิ่งนี้ดีกว่าที่ฉันมอบให้นายเมื่อนายเข้าร่วมครั้งแรก ฉันได้รับสิ่งนี้จากสมาคมเพื่อแลกกับการยอมรับคำขอล่าสุดของพวกเขา ดังนั้นนายเก็บมันเอาไว้เถอะ”


 


[สร้อยคอของเฮมดัล] เป็นชื่อของมัน คุณสามารถบอกได้เลยจากชื่อว่าสร้อยคอนี้มีค่าเพียงใด


 


“นี่คือ….”


 


ผมรู้สึกประหลาดใจที่บอสและทุกคนเลือกที่จะมอบสิ่งนี้ให้ผม ผมรู้จากเนื้อเรื่องที่ผมแต่งว่าเธอเป็นคนรักเครื่องประดับตัวยง ผมขอบคุณและถือสร้อยขึ้นเพื่อตรวจสอบรายละเอียด และแล้ว


 


ครื่นนนนนนนนนน…


 


ผมรู้สึกว่าการสั่นสะเทือนขนาดใหญ่สะท้อนออกมาจากผนัง ในขณะเดียวกันมีหลายหน้าต่างโผล่ขึ้นมาปิดกั้นมุมมองของผม


 


[โครงร่าง – เนื้อเรื่องทันเรื่องราวต้นฉบับแล้ว เนื้อเรื่องต่อไปนี้จงเสพให้อย่างเต็มที่]


[ปัญหา – โค้งสุดท้ายของเนื้อเรื่องเดิมน่าเบื่อเกินไป]


[การเปลี่ยนแปลง – ‘ระบบ’ ได้รวมเข้ากับเรื่องราวเพื่อลดความน่าเบื่อ]


[สิทธิ์ผู้แต่งเดิม – ดวงตาของคุณสามารถมองเห็นพลังชีวิตของคนอื่นพร้อม ‘ค่าสถานะ’ ….]

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม