The Novel’s Extra 468-474
บทที่ 468 ความหมายของอารมณ์ (4)
[เกาหลี, โซล]
บ้านสไตล์ดั้งเดิมที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจีแชจูชึลและยูยอนฮานั่งในขณะที่หันหน้าเข้าหากัน หญิงสาวในวัย 20 อย่างเธอปกติไม่มียืนอย่างมั่นคงต่อหน้าผู้เป็นอมตะได้ จิตใจของเธอแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
“ขอบคุณที่สละเวลามาเพื่อพบกับฉันนะคะ”
ยูยอนฮา พูด
“ฉันไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ”
แชจูชึลใคร่ครวญเรื่องนี้และพบว่าไม่มีเหตุผลที่จะไม่มา จริงๆแล้วนั้นแชจูชึลก็เบื่อ 9 ดาราคนอื่นๆกำลังรวมตัวกันคุยเรื่องตัวแทนความจริงหรือไปสนุกสนานด้วยกัน แต่แชจูชึลก็แตกต่างออกไป
ยูยอนฮา เริ่มการสนทนาอย่างระมัดระวัง
“ฉันมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณ อย่างที่ฉันพูดในจดหมายของฉัน -”
“เธอต้องการพบ 9 ดารา”
“…ใช่คะ.”
ยูยอนฮา พยักหน้าอย่างแน่วแน่ ปัจจุบันเธออยู่ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ พลังเวทมนต์ของ แชจูชึล ถูกปล่อยออกมาโดยไม่รู้ตัวมันไม่ใช่พลังที่ฮีโร่ทั่วไปจะทนไหว
“9 ดาราช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรนอกจากเป็นแค่พลเมืองอาวุโสที่เกษียณแล้ว ทำไมเธอคิดว่าพวกเขาถึงนิ่งเฉยอยู่? พวกเขาทั้งหมดซ่อนตัวเพราะกลัวว่าผลข้างเคียงของพวกเขาจะทำให้ต้องทนทุกข์ยิ่งไปกว่าเดิม”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่อยากจะคุยกับ-”
“เธอมีวิธีรักษาผลข้างเคียงงั้นเหรอ?”
ยูยอนฮา กลืนน้ำลายของเธอตามคำถามของ แชจูชึล
วิธีการรักษาผลข้างเคียงของพรสวรรค์
ถ้าให้การสนทนาไปต่อเธอต้องไม่ปิดบัง เธอเชื่อว่าคิมฮาจินทำได้จริงๆ
“…ใช่ หนูทำได้”
มันเป็นการพนันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของ ยูยอนฮา อันเนื่องมาจากความไว้วางใจที่เธอมีต่อ คิมฮาจิน ทันทีที่เธอพูดคำ 3 คำนี้ออกมา
คิ้วของแชจูชึลก็สั่นไหว เขาจ้องมอง ยูยอนฮา ด้วยท่าทางที่ดูเงียบๆ
“เธอสามารถรับน้ำหนักของคำเหล่านั้นได้หรือไม่”
“ใช่ หนูทำได้…หนูหมายถึง….”
ลิ้นของ ยูยอนฮา เหมือนถูกผูกกันไว้ในเสี้ยววินาที เธอทำผิดพลาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเนื่องจากความกังวลใจ เธอรู้สึกอับอายมากเนื่องจากการขาดปฏิกิริยาตอบสนองของ แชจูชึล
“…ใช่ หนูทำได้.”
และแล้ว
– ปี้ดดดดดดดด
เสียงเตือนดังๆขึ้นจาก Smartwatch ของ แชจูชึล และ ยูยอนฮา
ยูยอนฮา รู้สึกประหลาดใจ แต่เธอมองแชจูชึลอย่างใจเย็น
“ …เอาเลย”
“คะ.”
เมื่อได้รับอนุญาตจาก แชจูชึล แล้ว ยูยอนฮา มองดู smartwatch ของเธอ จากนั้นดวงตาของเธอก็เปิดออก สัญญาณเตือนภัยพิบัติส่งสัญญาณการโจมตีทั่วโลก
*************************************************************************
[จีน, เซี่ยงไฮ้]
ราชาปีศาจพูด
‘ให้โลกได้เห็นความแข็งแกร่งของเจ้า’
ตามคำสั่งของเขา มอนสเตอร์คล้ายมนุษย์เสือแทรกซึมเข้าไปในเมืองเซี่ยงไฮ้ ชื่อของเขาคือไทกริส
เขาเคยเป็นทรราชภูเขาที่ใหญ่ที่สุดของเทือกเขาหิมาลัย ตอนนี้ในร่างมนุษย์ของเขายืนอยู่กลางถนนในเซี่ยงไฮ้พร้อมกับเสื้อกันหนาว ในขณะนี้ไม่มีพลเรือนคนใดอยู่รอบตัวเขารู้ถึงตัวตนของเขา
ไทกริสสังเกตสภาพแวดล้อมของเขาอย่างระมัดระวังจากนั้นก็ถอดเสื้อกันหนาวออก จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาเต็มปอด
“ข้ามาแล้ว! ข้าเห็นแล้ว! ข้าปราบพิชิต!”
เสียงคำรามของเขาเหมือนเปล่งคลื่นคลื่นรอบทิศทางและระเบิดสมองของพลเรือนที่เดินเข้ามาใกล้ๆ เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อตึกถล่ม ไทกริสก็เริ่มกินมนุษย์ที่รอดชีวิต
เมืองนั้นตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายในพริบตา
แม้ว่าการโจมตีจะเกิดขึ้นทันทีแต่ฮีโร่ของจีนก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“แกเป็นใคร!?”
“เปิดเผยตัวตนของแกออกมา!”
ฮีโร่ชี้อาวุธของพวกเขาไปที่ไทกริส แต่ไทกริสไม่ขยับนิ้ว เพื่อความแม่นยำ เขาไม่จำเป็นต้องถอย เขายืนอยู่สูงเหมือนต้นไม้และเหวี่ยงหมัดออกไป
ตู้มมมมมมมมมมมมม! ตู้มมมมมมมมมมมมม!
เสียงดังสนั่นดังขึ้นและไม่ช้าหัวของเหล่าฮีโร่ก็ระเบิดออกจากกัน
ไทกริสได้ฆ่าฮีโร่ที่อยู่ห่างออกไป 300 เมตรโดยใช้หมัดง่ายๆ แม้ว่ามันจะไร้สาระแต่การโจมตีของไทกริสนั้นห่างไกลจากสามัญสำนึกมากจริงๆ พวกมันไม่สนใจข้อถูกผูกมัดจากระยะทาง
‘หมัดระเบิดพยัคฆ์’
ไทกริสเกิดมาพร้อมกับพลังที่จะทำลายทุกสิ่งที่อยู่ในสายตาของเขา เขาเรียกพลังนี้ว่า [หมัดระเบิดพยัคฆ์]
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! อ่อนแอ พวกเจ้ามันอ่อนแอเกินไปแล้ว!”
ไทกริสระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความตื่นเต้น
“ข้าชื่อไทกริส! ข้าคือเผด็จการที่จะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด!”
*************************************************************************
[ฝรั่งเศส, ปารีส]
‘โดโลเรน’ เดินผ่านปารีสในขณะที่ผิวปากและฮัมเพลง เสียงของเธอช่างงดงามและน่าหลงใหลเหมือนนกไนติงเกล
“พวกเธอจะถูกชุบชีวิตหลังจากพักผ่อนไปสักพัก….”
เสียงของเธอไหลไปที่หูของพลเรือนทำลายสมองของพวกเขา พลเรือน
ผู้ตายที่ตายไปก็ฟื้นคืนชีพในฐานะซอมบี้ที่ทำตามเธอทุกคำสั่ง
“ศพของพวกเจ้าจะถูกชุบชีวิต….”
ซอมบี้กัดมนุษย์คนอื่น เมื่อเห็นอย่างนี้ โดโลเรนก็ยิ้มออกมา
“ผู้คนที่เรียกร้องหาเจ้าจะนำเจ้าไปสู่ชีวิตอมตะ…!”
ฮีโร่ของปารีสมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์ แต่พวกเขาไม่สามารถหยุดการร้องเพลงของเธอได้ จริงๆแล้วพวกเขาหลงใหลในเสียงของเธอและกลายเป็นซอมบี้ที่แข็งแกร่งกว่าปกติ การร้องเพลงของ โดโลเรน ดำเนินต่อไปจนกระทั่งความตายคืบคลานไปทั้งเมือง
*************************************************************************
[อังกฤษ, ลอนดอน]
‘โทจิ’ มาถึงลอนดอน เขาดูไม่ต่างไปจากมนุษย์นอกเหนือจากมือทั้งสองของเขาซึ่งทำจากหิน ตรงหน้าเขาคือพระราชวังบักกิ้งแฮม
ทำลายพระราชวังบักกิ้งแฮมและฆ่าเรเชล นั่นคือสิ่งที่กษัตริย์ต้องการ
โทจิได้รับคำสั่งพิเศษจากแลนแคสเตอร์ หน้าที่ของเขาคือทำลาย
พระราชวังบักกิ้งแฮมและราชวงศ์อังกฤษ
“นี่มันคือ ราชวังบักกิ้งแฮม”
ขณะที่เขาเดิน เสียงสั่นสะเทือนจากพื้นดินแปลกๆก็ดังขึ้นทุกย่างก้าว
“หยุด-”
“ใครกั-“
โทจิฆ่าทุกคนที่ยืนขวางทางเขา ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้มากกว่า
2 คำต่อหน้าเขา โทจิฆ่ามนุษย์อย่างง่ายดายเพียงแค่เหวี่ยงหมัดของเขาเท่านั้น
“… .”
แต่ไม่ช้าเขาก็ถูกบังคับให้หยุดใกล้ทางเข้าของพระราชวังบักกิ้งแฮม หมาป่าตัวใหญ่ขวางทางเขาเอาไว้
“ฮะ?”
โทจิเงยหัวของเขาขึ้นมา หมาป่าแต่มันเป็นตัวใหญ่เกินกว่าที่จะเทียบกับหมาป่าที่เขารู้จัก
“…แก. ตาย.”
แต่ความอยากรู้ของเขาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที โทจิเหวี่ยงกำปั้นของเขาอีกครั้ง แผ่นดินพุ่งออกไปเหมือนแส้แล้วลอยไปหาหมาป่า
กร๊อบ-!
อย่างไรก็ตามหมาป่าบดขยี้หินด้วยฟันของมัน
“…หา?”
ดวงตาของโทจิเบิกกว้าง 3 วินาทีหลังจากนั้นเขาก็พูดออกมา
“แกไม่ใช่สัตว์เหรอ?”
โกรกกกกก
หมาป่ายิ้มเยาะ หมาป่าตัวนี้ชื่อ เฟนรีน ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่
อีเวนเดล สร้างขึ้นมาความแข็งแกร่งของมันเป็นของจริง
“ข้าเข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า.”
โทจิพยักหน้า แม้ว่าเขาจะเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบสนองแตกต่างกัน เขาเหวี่ยงกำปั้นอีกครั้ง รอยแตกปรากฏขึ้นและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในขณะเดียวกันก็เกิดรอยแยกขนาดใหญ่
– ตู้มมมมมมมมมมมม
แผ่ดินแยกเป็น 2 ส่วน แต่หมาป่าใช้ดินที่แตกเป็นชิ้นเพื่อตั้งหลักในการหลบหลีก
โทจิไม่นิ่งเฉย เขาถ่ายทอดเจตจำนงของเขาไปยังผืนดินที่หมาป่าก้าวไปมา
จากนั้นมีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ร่างเดิมของโทจิก็ร่วงลงไปในดินและ
ชิ้นส่วนของแผ่นดินที่หมาป่ากำลังยืนอยู่ก็กลายร่างเป็นโทจิพร้อมคว้าหลังของมันเอาไว้
“ข้าโทจิ แผ่นดินก็คือข้าและข้าก็คือแผ่นดิน”
โทจิยิ้มและหักหลังหมาป่าทันที
“กร๊อบ”
บทที่ 469 สาบาน (1)
กร๊อบ
โทจิ บีบแขนของเขาทำให้รอบๆตัว เฟนรีล เกิดแผ่นดินไหวและบดขยี้หลังของเฟนรีลจากนั้นโทจิก็โยนเฟนรีลทิ้งไป เฟนรีล กลิ้งไปจนกระทั่งเขากระแทกกำแพงอาคาร
“…ฉันแข็งแกร่งขึ้น”
โทจิยิ้มอย่างพึ่งพอใจ เขามุ่งความสนใจกลับไปสู่เป้าหมายดั้งเดิมของเขาการทำลายล้างของราชวงศ์
โกรกกกกกกก
แต่เสียงคำรามของสัตว์ต่างก็หยุดเขา โทจิหันกลับมาอย่างช้าๆ
คราวนี้เสือขนาดเท่าบ้านกำลังขวางทางของเขา
“นี่มันสวนสัตว์หรือไง…?”
ทันใดนั้นโทจิก็ตระหนักว่าเขาถูกล้อม เสือไม่ใช่สัตว์ขนาดใหญ่เพียง
ตัวเดียวที่เหลืออยู่ มีนกและม้าแปลกๆ ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าด้านบนและเขารู้สึกแปลกประหลาดอยู่ใต้ดิน แม้จะมีความรู้สึกที่น่าเบื่อในใจแต่โทจิก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีนัก
…ซ่าาาาาาาาา
เฟนรีลยืนขึ้นอีกครั้ง แม้ว่ากระดูกของมันจะถูกบดขยี้และอวัยวะจะถูกทำลาย แต่ความสามารถของมันทำให้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของมันได้อย่างรวดเร็ว
“…อะไรกัน.”
ความสับสนของโทจิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โบ๊ววววววววว…
ทันใดนั้นพลังเวทมนต์ก็ระเบิดขึ้นมาในอากาศอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พลังเวทมนต์เป็นสื่อกลางในการเรียกสัตว์ลึกลับมาสู่อังกฤษ
“เต่า.”
โทจิพูดพึมพำในขณะที่เขาเห็นสัตว์ร้ายที่ถูกอัญเชิญออกมา เต่าสีดำที่เป็นผู้พิทักษ์ของทิศทั้ง 4 ปรากฏตัวเองอีกครั้ง ยืนอยู่ด้านหลังของมัน
ผู้อัญเชิญมันมาก็คือ จอมเวทระดับ 8 ดาว ชื่อ อาแฮอิน
อาแฮอิน มองดู โทจิ จากบนกระดองเต่า
“แกเป็นคนใหม่ใช่มั้ย” อาฮะอินพูด
โทจิมองข้ามไปมาระหว่างเต่ากับเด็กที่ยืนอยู่เหนือมัน เขาค่อยๆคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เขาต้องเจอ สัตว์ร้ายที่อยู่รอบตัวเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
โฮกกกกกกกก!
โบ๊วววววววว!
เสือและหมาป่าพุ่งเข้าหาโทจิและหยุดแขนขาของเขาเอาไว้ นกยิงพลังเวทมนต์ใส่เขาจากบนท้องฟ้า
“…ฮิฮิ.”
อย่างไรก็ตามโทจิไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย เขาเปลี่ยนร่างของเขาเป็นทรายทำให้ลดความเสียหายจากการโจมตีลงอย่างสิ้นเชิง
“ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความเจ็บปวด…งั้นเหรอ?”
แต่ในไม่ช้าโทจิก็ตระหนักว่าพลังเวทย์ของเขากำลังถูกดูดซับ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่เงยหน้าขึ้นเพื่อค้นหาสิ่งที่ดูดพลังเวทย์มนตร์ของเขาออกไป ผีตัวเมีย 6 ตัวที่ลอยอยู่รอบๆเต่าคะนองและกำลังดูดซับพลังเวทย์ของโทจิ
อาแฮอินยิ้มกว้าง
“สำเร็จ การดูดซับพลังเวทมนต์เป็นพลังพิเศษของพวกเขา”
“…ไม่ให้ทำได้หรอก!”
โทจิ เหวี่ยงแขนของเขา แขนของเขากลายเป็นแส้พุ่งไปหาพวกวิญญาณทันที
เต่าคะนองสร้างบาเรียอย่างรวดเร็ว ในบรรดาผู้พิทักษ์ทั้ง 4 เต่าคะนองมีความเชี่ยวชาญในการป้องกันที่สุด
ตู้มมมม!
การโจมตีของโทจิไม่สามารถเจาะ [กระดอง] ของ เต่าคะนองได้เลย
อันที่จริงแล้ว อาแฮอิน ไม่เห็นกระดองเต่าถูกทำลายมาก่อน
ตู้มมมม! ตู้มมมม!
ถึงอย่างนั้นโทจิก็ยังคงโจมตีต่อไป มันส้รางความประหลาดใจให้กับ
อาแฮอิน รอยแตกเริ่มปรากฏบนกระดองเต่าคะนอง
“…หืม เจ้านี้น่าทึ่งมาก”
แต่ อาแฮอิน ยังไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม แม้เธอจะยอมรับความแข็งแกร่งและความดื้อรั้นของโทจิ แต่เธอก็รู้ว่าพลังเวทมนต์ของเขาถูกดูดออกไปมากแล้วขณะนี้
ตู้มมมม! ตู้มมมม! ตู้มมมม!
เมื่อโทจิโจมตีเต่าคะนองอย่างไม่หยุดหย่อนเขารู้สึกว่าเขาง่วงนอน สัญชาตญาณของเขาบอกให้เขาหนีและการที่เขาจะหนีนั้นเป็นเรื่องง่าย มาก เขาเพียงแค่ทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นทรายและกระจายกันออกไป
อย่างไรก็ตามกรงแห่งพลังเวทมนต์ก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา กับดักนี้ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้
“…อะไรกัน?”
โทจิ ตกใจ แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เท่าไร แต่นี่ไม่ใช่พลังเวทมนต์คาถา แต่เป็นการ ‘เปลี่ยนแปลง’ ความเป็นจริง
ตู้มมมม!
โทจิทุบกำปั้นใส่กรง แต่กรงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“นี่มันอะไรกัน?”
ตู้มมมม! ตู้มมมม!
กรงไม่ขยับเขยื่อนไม่ว่าจะโดนโจมตีกี่ครั้งก็ตาม แต่น่าแปลกที่การโจมตีจากนอกกรงสามารถเข้ามาได้ วิญญาณสาวยังคงดูดพลังเวทย์ของเขาต่อไป
ตู้มมมม! ตู้มมมม! ตู้มมมม!
“อย่าทำอะไรงี่เง่านักเลย”
เมื่อโทจิเริ่มทุบอย่างบ้าคลั่งเสียงแหลมๆก็ดังขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ แน่นอนเธอคือ จินซาฮยอค
“… ?”
โทจิหยุดและจ้องมองที่ผู้หญิงคนนั้น
“แกหนีไม่พ้นหรอก”
จินซาฮยอค กล่าว กรงสีน้ำเงินถูกสร้างขึ้นโดยใช้พลังเปลี่ยนแปลงความจริงที่ชื่อว่า การจัดการความจริงของเธอ เนื่องจากภายในกรงถูกแยกออกจากความเป็นจริง ความตายจึงเป็นสิ่งเดียวที่รอโทจิอยู่
“…จริงๆเหรอ? …หาวววววววววววววววว”
โทจิกลับหาวอย่างใจเย็น อาจเป็นเพราะพลังเวทมนต์ของเขาถูกดูดซึมทำให้เขาง่วงนอน เมื่อเขาหลับนั่นหมายถึงจุดจบของเขา โทจิเริ่มหลับในจนกระทั่งในที่สุดเขาก็หลับลงไป
“…เขากำลังหลับอยู่?”
จินซาฮยอค บ่นอย่างตะลึงงัน
“ว้าว…เธอแข็งแกร่งมากเลย อัศวินชินจาฮยอค”
เรเชลปรากฏตัวและชมเชยจินซาฮยอค
“ก็…แค่เรื่องง่ายๆ”
จินซาฮยอค ได้มาเยี่ยมเรเชลเพื่อขอลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการอัศวินแห่งราชวงศ์ในหอคอย ตอนนั้นเองที่โทจิโจมตีดังนั้นเธอจึงเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายของเธอ
“ฉันเพิ่งจะผ่านการรู้แจ้งน่ะ”
หลังจากเรื่องในอดีต จินซาฮยอค ก็สามารถใช้ การจัดการความจริง
ของเธอ ได้ง่ายขึ้น
อาแฮอิน มาหา จินซาฮยอค จากบน เต่าคะนอง
“ถ้างั้น ชินจาฮยอค เธอวางแผนรับมือกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นยังไง”
“ฮะ? เธอหมายถึงอะไร ให้ฉันฆ่าเขาใช่ไหม?”
อาแฮอิน และ จินซาฮยอค เคยทำงานร่วมกันมาก่อนใน Crevon
พวกเธอสนิทกันมาก อาแฮอิน ส่ายหัวของเธอ
“ไม่ เขาอาจจะไม่ตาย”
“…เธอหมายถึงอะไร”
จินซาฮยอค เงยศีรษะของเธอแล้วพุ่งหอกไปยังจุดหมายที่กำลังหลับ
อย่างไรก็ตามหอกของเธอไม่สามารถทำลายร่างของโทจิที่ม้วนงอได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย
“บ้าน่า?”
จินซาฮยอค ขมวดคิ้ว อาแฮอิน ไขว้แขนเธอและพึมพำอย่างจริงจัง
“เต่าคะนองมีความสามารถในการประเมินความแข็งแกร่ง…”
จากเต่าคะนองความแข็งแก่รงของร่างกาย โทจิคือ 9.9 จาก 10
“…พวกเราสามารถจับเขาได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขา”
9.9 เป็นค่าที่ ‘มีอยู่จริง’ และมันไม่สามารถทำลายได้
“ดูเหมือนว่าออร์เดนจะสร้างสัตว์ประหลาดที่ไร้สาระขึ้นมาแล้วสินะ”
*************************************************************************
[อินเดีย เทือกเขาหิมาลัย]
ผมมาถึงเชิงเขาหิมาลัยเพื่อพบกับสมาชิกของ 9 ดารา, เฮย์เนค
การเดินทางครั้งนี้ไม่เหนื่อยมากเพราะผมมาที่นี่ด้วยการ เทเลพอร์ท
“.. อืม.”
ผมจ้องมองไปที่โรงแรมของ เฮย์เนค มันแขวนอยู่บนหน้าผาและ
ดูเหมือนว่ามันจะตกลงมาเพียงแค่สายลมพัดผ่าน ผมมองไปที่ป้ายที่อ่านว่า ‘หิมาลัยเดย์เบรค’ จากนั้นก็รวบรวมความกล้าที่จะเปิดประตู
เอี๊ยดดดดดดดดดด
เสียงดังลั่นและคนที่อยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ที่กำลังฟังวิทยุก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมยาวสีขาวผูกติดกับใบหน้าที่หล่อเหล่าพร้อมแผลเป็นรอบดวงตาซ้ายของเขา อย่างเดียวกับที่ผมอธิบายเขาในนิยายของผมคำว่า ‘ตรงไปตรงมา’ เหมาะกับ เฮย์เนค
“เป็นแกงั้นเหรอ?”
เฮย์เนค พูดก่อนที่ผมจะเข้าไปในโรงแรม เนื่องจากมันไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดว่าจะได้ยินจากเขาผมจึงต้องหยุดลงและคิดว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เมื่อเห็นว่าผมสับสนเฮย์คก็ขมวดคิ้ว
“แกเป็นคนที่ฆ่าพี่ชายของศิษย์รักแสนล้ำค่าของฉันสินะ”
“…ศิษย์รักแสนล้ำค่า?”
ตอนแรกผมรู้สึกตะลึงงัน ถ้า ศิษย์รักเขาเป็น แชนายอน มันก็เข้าใจได้แต่ เฮย์เนค จริงๆแล้วไม่เกี่ยวข้องกับ แชนายอน ในนิยายดั้งเดิม และเขาก็ไม่ควรใช้เวลากับเธอในโลกนี้มากนัก
“แกจะยืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน? เข้ามาได้แล้วไอ้กระจอก”
“… กระจอก?”
หากมีสิ่งใดที่ดูเหมือน แชนายอน ก็คงเป็นวิธีพูดของเขา
“อะไรกันแกไม่อยากเข้ามาหรือไง”
“…ไม่ๆ.”
ผมเดินเข้าไปในโรงแรม เมื่อพิจารณาถึงตอนนี้แล้วมันชัดเจนว่า
เฮย์เนค จดจำผมได้ ในฐานะที่เขามีฉายาว่า ‘จ้าวแห่งเหล็กไหล’
เครื่องมือของ เฮย์เนค ต่างก็มีสติปัญญาเมื่อต่อสู้กับมนุษย์และพวกมันก็แบ่งปัน ‘จิตใจ’ กับเขาด้วยเช่นกัน
————————-2———————-
บทที่ 470 สาบาน (2)
“ถ้าคุณรู้จักผมการพูดก็คงจะง่ายขึ้น”
ผมนั่งถัดจาก เฮย์เนค อย่างมั่นใจ
“ผมมาขอความช่วยเหลือจากคุณ”
ทันใดนั้นวิทยุก็ถูกรายงานถึงสาเหตุที่ผมมาที่นี่
– อสูรกายมนุษย์ชั้นยอดของออร์เดนได้รุกรานหลายประเทศ
สัตว์ประหลาดเสือตัวหนึ่งที่ชื่อ ‘ไทกริส’ โจมตีเซี่ยงไฮ้และมีรายงานว่า
‘ซอมบี้อาละวาด’ ที่ปารีสและ –
เฮย์เนค ปิดวิทยุแล้วมองดูผม ความสูงและรูปร่างเหมือนหอคอยของเขาทำให้เขายิ่งใหญ่จนเหมือนการข่มขู่เล็กน้อย
“…ทำไม แกต้องมาขอเรื่องอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้ในการเจอกันครั้งแรกของพวกเรา แกเป็นเหมือนศิษย์ของฉันในเรื่องนั้น”
ซ่าาาา
เฮย์เนค หยิบแก้วที่ทำจากไม้ออกมาแล้วเทวอดก้าลงในแก้ว
“ฉันจะพูดสิ่งเดียวกันกับลูกศิษย์ของฉัน ร่างกายของฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อสู้กับใคร”
“ถ้า 9 ดารา ไม่ออกมาต่อสู้ผู้คนจะ…..”
“ 9 ดารา ไม่มีแล้วมันเป็นเรื่องเมื่อ 50 ปีก่อน”
เฮย์เนค ตัดบทผมและมอบวอดก้าให้ผม ฉันมองไปมาระหว่างแก้วและ เฮย์เนค จากนั้นกระดกวอดก้าไปในคราวเดียวกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนไฟเล็กๆลุกภายในตัวผม
“แค่ก…หากคุณกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง ผมสามารถช่วยคุณได้”
ผลข้างเคียงของความสามารถของ เฮย์เนค คือ ‘แปลงร่างเป็นเหล็ก’
ในฐานะจ้าวแห่งเหล็กร่างของเขาจะเปลี่ยนเป็นเหล็กกล้า พูดง่ายๆก็คืออวัยวะภายในกระดูกสันหลังและตาซ้ายจะกลายเป็น
‘เหล็กที่เคลื่อนไหวตามความประสงค์ของเขา’ อย่างไรก็ตามเมื่อจนถึงจุดหนึ่งพลังของ เฮย์เนค ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้นแต่มันเริ่มอาละวาด
เวลาผ่านไปร่างกายของเขาก็กลายเป็นเหล็กมากขึ้นเรื่อยๆรวมถึงสมองและเลือด เขาถูกลิขิตให้กลายเป็นก้อนเหล็กและตายลงไปในที่สุด
อย่างไรก็ตามผมมีสมุนไพรที่สามารถพบได้ใน Tower of Wish เท่านั้น โดยการผสมพวกมันและใช้พลังของการแทรกแซงการตั้งค่าของผม
ผมน่าจะสามารถสร้างยาเพื่อยกเลิกผลข้างเคียงนี้ได้
“ผมรู้วิธีรักษาผลข้างเคียงที่คุณทรมานอยู่ในตอนนี้”
9 ดารา เกลียดเมื่อมีคนพูดถึงผลข้างเคียงของพวกเขา ดังนั้นตอนนี้ผมจึงกำลังทำเรื่องเสี่ยงชีวิตอยู่
“… .”
เฮย์เนค มองมาที่ผมอย่างเงียบๆ ตาซ้ายของเขาเปลี่ยนเป็นสีเทาก่อนที่ผมจะรู้ตัว ดวงตาแห่งเหล็ก ของเขาก็ได้สัมผัสโลกด้วยความเร็วกว่าปกติ 1 ล้านเท่าและมันมีความเชี่ยวชาญในการตรวจจับความจริง
เฮย์เนค จ้องมาที่ผมแล้วพูดว่า
“Es ist wahr.”
มันเป็นภาษาเยอรมัน แต่ผมแปลมันโดยใช้แล็ปท็อปในหัวของผม
เขาถามผมว่ามันจริงหรือไม่
“แน่นอน”
เมื่อผมตอบแบบนั้นคิ้วของ เฮย์เนค ก็กระตุก ผมยืนอย่างประหม่าแต่สิ่งที่เขาพูดหลังจากนั้นทำให้ผมประหลาดใจ
“แกเรียนภาษาเยอรมันด้วยเหรอ?”
“…อะไรนะ?”
“ฉันถามว่าแกเรียนภาษาเยอรมันด้วยงั้นเหรอ”
“อ๊ะ…ใช่เลย ก็นิดหน่อย”
ในขณะนั้นดวงตาซ้ายของ เฮย์เนค ก็กลับเป็นสีปกติ เห็นได้ชัดว่าเขาระมัดระวังน้อยลงกว่าเดิม เขายิ้มเบาๆ
“ทำไมแกถึงเรียนรู้สิ่งนั้น? นี้มันไม่ใช่ยุค 80 อีกต่อไปแล้วนะ”
“ฮะ? อ้อ อืม….”
โลกนี้แตกต่างจากโลกที่ผมจากมา ง่ายๆก็เกาหลีกลายเป็นมหาอำนาจ หนึ่งเดียวของโลกใบนี้
เนื่องจากเกาหลีเป็นภาษาที่ใช้ร่วมกันทั่วโลกจึงไม่มีล่ามหรือนักแปลจำนวนมาก และเนื่องจากเอกสารทางวิชาการและเอกสารทางการ
ส่วนใหญ่เขียนด้วยภาษาเกาหลีชาวเกาหลีจึงไม่มีเหตุผลที่จะเรียนภาษาต่างประเทศ
“…ผมเรียนรู้ตั้งแต่ผมรู้ว่าคุณเป็นคนเยอรมัน”
“อืม อย่างนั้นเหรอ? แกมีมารยาทจริงๆนะ แกเรียนรู้มันมามากแค่ไหนแล้ว”
“ผมควรจะบอกว่าสามารถสื่อสารได้ตามปกติ”
“โอ้ จริงเหรอ?”
เฮย์เนค หัวเราะอย่างเต็มที่ ผมจำไม่ได้ว่าสร้างบรรยากาศแบบนี้ให้แก่เขา แต่เขาเป็นผู้รักชาติที่ใหญ่กว่าที่ผมคิด
“แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
เฮย์เนค แสดงใบหน้าที่จริงจังออกมาอีกครั้ง
“น่าเสียดายที่ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะรักษาผลข้างเคียงของฉัน”
“…หาาาาาาาา?”
ผมตกใจมากถู ผลข้างเคียงของ เฮย์เนค น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในบรรดา 9 ดารา แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะรักษา
เฮย์เนค กล่าวต่อ“ ตอนที่ฉันยังหนุ่มฉันกลัวที่จะตาย นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันหนีมาที่นี่ แต่ตอนนี้มันแตกต่างกันแล้ว หากคนที่อายุเท่าฉันยังกลัวความตาย นั้นก็บ้าแล้ว”
“…จริงๆเหรอ?”
“จริงสิ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องการจากแก”
โชคดีที่มีบางสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ผมพยักหน้าอย่างรวดเร็วและ
เฮย์เนคก็พูดด้วยรอยยิ้มซุกซน
“จงรับผิดชอบลูกศิษย์ของฉันซะ”
ผมเงียบลงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“…หาาาาาาา?”
“มันไม่สำคัญหรอก แค่ทำสิ่งต่างๆที่ควรจะทำกับเธอ”
รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาโผล่ขึ้นมาบนใบหน้าของเฮย์เนค
“ …คุณหมายถึงผมกับแชนายอน?”
“ถูกต้อง.”
มันไม่ใช่ข้อเสนอที่ผมสามารถยอมรับได้โดยง่าย ผมไม่รู้ว่า เฮย์เนค
รู้อะไรแต่ความสัมพันธ์ของผมกับ แชนายอน ไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ใน 2-3 ประโยค
“…คือ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ”
“ลูกศิษย์ของฉันและฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแก แชนายอน รู้ความจริงเบื้องหลังการตายของ แชจินยุน แล้วว่าทำไมนายถึงฆ่า แชจินยุน และสิ่งที่เขามีอยู่ในนั้น”
“…ผมก็รู้แล้วเหมือนกัน”
ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้จาก ยูยอนฮา
“นั่นเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ทำไมแกถึงลังเล ฉันไม่เข้าใจ”
เฮย์เนค ไขว้แขนเหมือนเขามองคนโง่
“… .”
ถ้า แชนายอน อยู่ที่นี่ผมจะรู้สึกว่าเธอจะพูดอย่างนี้ขึ้นมา
‘นั่นไม่ใช่เรื่องของคุณ’ แต่ผมไม่ใช่แชนายอน หลังจากคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพูดไปครู่หนึ่งผมก็ตรวจสอบศักยภาพของเขาอย่างลับๆ
[เฮย์เนค]
[9.75 / 9.6]
ความสามารถ 9.75
ศักยภาพ 9.6
ค่าพลังมันไม่สมเหตุสมผลเลย
“… อ่า.”
แต่ผมก็เข้าใจหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฮย์เนค เป็นกรณีพิเศษความสามารถของเขาสูงกว่าศักยภาพของเขา เพราะผลข้างเคียงของ [ร่างเหล็กไหล] ของเขาทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเขาใกล้จะตาย
“ว่าไง? คำตอบของแกคืออะไร”
“… .”
ผมจ้องมองที่ เฮย์เนค อย่างเงียบๆ ด้วยความสามารถ 9.75 เขามีความสามารถที่จะต่อสู้กับ ออร์เดน มากกว่าที่ผมคิด ผมไม่มีทางเลือกนอกจากฟังคำขอของเขา
“ก็ได้ ผมจะทำ”
ใบหน้าของ เฮย์เนค ปรากฏรอยยิ้มขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันที เขาผงกหัวแล้วก็มีดก็พุ่งออกมา
“ถ้างั้นให้กินเลือดของแกมีดนี้ซะและทำตามคำปฏิญาณ”
“…คำสัญญา งั้นเหรอ”
“มีดสั้นเล่มนี้มี ‘พินัยกรรมแห่งกติกา’ ของฉัน หากแกไม่ทำตาม
คำปฏิญาณของแก มีดนี้จะเจาะหัวใจแกซะ”
“… .”
ผมมองไปที่มีด
===
[มีดแห่งกฏ] [ผลงานของผู้มีอำนาจ] [คุณสมบัติ เหล็ก]
– มีดที่บรรจุเจตจำนงของวิญญาณเหล็กไหลของ เฮย์เนค
「กติกา」
– เมื่อให้เลือดกับมีดนี้และทำตามคำปฏิญาณ คำสาบานนั้นจะต้องถูกเก็บไว้
– หากไม่ได้ทำตามคำปฏิญาณ มีดนี้จะเจาะหัวใจของคนที่ไม่ปฏิญาณ
บุคคลที่หัวใจถูกแทงด้วยมีดสั้นเล่มนี้จะต้องตาย
===
คำอธิบายไอเท็มมีความสำคัญอย่างมากและความสามารถของมีด
มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของ เฮย์เนค แถมในโลกใบนี้คนที่เคยเอาชนะเขาได้มีเพียง ชินมยองชุล เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ฉันเป็นคนใจกว้าง จากสิ่งที่ฉันได้ยินจากลูกศิษย์ฉันคิดว่าแกเป็น
มังกรในหมู่มวลมนุษย์”
เฮย์เนค ส่งมีดมาให้ผม
“ถ้าทำตามคำปฏิญาณ ฉันเฮย์เนคเองก็จะทำเช่นเดียวกัน ฉันจะฆ่า
ไอ้เจ้า ออร์เดน นี้ที่แกพูดถึง”
“… .”
ผมลังเลเล็กน้อย แต่คำตอบนั้นชัดเจน มันเป็นราคาถูกมากถ้าทำให้สมาชิกของ 9 ดารา เป็นพันธมิตรของผม นอกจากนี้ไม่ว่ายังไงในที่สุดผมก็ต้องพบกับ แชนายอน
“…ก็ได้. ผมจะยอมรับมัน”
ผมรวบรวมความกล้าหาญและพยักหน้า
บทที่ 471 สาบาน (3)
แม้จะมีการปะทะกับอย่างไม่คาดคิดแต่ ยูยอนฮา ก็ได้เจอกับ แชจูชึล ตามที่วางแผนเอาไว้ เธอบรรลุเป้าหมายเริ่มต้นด้วยการโน้มน้าวจิตใจอย่างต่อเนื่อง แชจูชึล สัญญาว่าจะแนะนำ ยูยอนฮา กับ ‘โอ แจจิน’ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม 9 ดารา
ตอนนี้การพูดคุยของพวกเขาจบลงแล้ว ยูยอนฮา เดินกลับไปที่รถลีมูซีนของเธอ
“คุณรู้สึกโอเคไหม”
จินเซชาน เลขานุการของ ยูยอนฮา ถามเมื่อเธอเข้าไปมาในรถ
ยูยอนฮา ส่ายหัวของเธอ เธอรู้สึกเวียนหัวและรู้สึกคลื่นไส้เมื่อสัมผัสกับพลังเวทมนต์ของ แชจูชึล
“กลับบ้าน. ฉันอยากนอนแล้ว.”
“ได้เลย”
จินเซชาน เป็นเลขานุการที่มีความสามารถ เขาปรับอุณหภูมิภายในของรถลีมูซีนเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมและติดตั้งหินพลังเวทให้มันทำความสะอาดอากาศและจากนั้นปรับระดับเสียงของลำโพงเพื่อให้หัวหน้าของเขาได้ยินรายงานจากสมาชิกของกิลด์ บุบพาร่วงโรย
– จีน กิลด์ทั้ง 4 แห่งที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์
– ฝรั่งเศส ปารีสถูกปิดผนึก
– อังกฤษปราบปรามได้สำเร็จ
– แคนาดาเสียชีวิตอย่างกะทันหันบ่อยครั้ง มีพยานหลายคนรายงานการพบเห็นผี
ยูยอนฮา ฟังรายงานโดยที่เธอหลับตา ประเทศต่างๆถูกทำลายและพลเรือนถูกสังหาร แต่ยูยอนฮาไม่รู้สึกไม่เห็นใจเลนแม้แต่น้อย กลับกันเธอเริ่มคำนวณผลกำไรที่กิลด์ของเธอจะได้รับจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
“…พวกเราถูกขอความช่วยเหลือมาหรือไม่”
“แน่นอน. ประเทศต่างๆได้ถามหาฮีโร่และยาของพวกเรา พวกเขาต้องการที่จะหารือเกี่ยวกับราคาในภายหลังและ…”
“ปฏิเสธคำขอฮีโร่ แต่บอกพวกเขาว่าพวกเราจะจัดหายาให้ ไปแจ้งให้กับ [Essence of Recovery] และ [Essence of Bravery] ได้เลย”
เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์มันจะเป็นเรื่องโง่เขลาที่เธอจะส่งฮีโร่ของเธอไปสู้กับความตาย แต่ยานั้นไม่มีความเสี่ยง ‘Essence Pharmacy’ เพิ่งพัฒนายาใหม่สองรายการ เนื่องจากผู้บริโภคไม่เต็มใจที่จะซื้ออะไรใหม่ๆการจัดหายาฟรีให้ประเทศอื่นๆเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ดี
“ส่งยาไปยัง 3 ประเทศโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”
“รับทราบ”
ผู้ที่มีความต้องการยานั้นไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะเลือกมาก คนขอทานไม่สามารถเป็นผู้เลือกได้ นี่เป็นโอกาสของเธอในการปรับปรุงภาพลักษณ์ของ บริษัท และเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของเธอในเวลาเดียวกัน
“ตอนนี้ทิ้งฉันให้อยู่ตัวคนเดียวก่อนเถอะ”
ยูยอนฮา เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง
“รับทราบ”
จินเซชาน ขับรถอย่างระมัดระวังเพื่อให้หัวหน้าของเขาได้รับความสะดวกสบาย เขามองที่ ยูยอนฮา ผ่านกระจกมองหลัง
ยูยอนฮา ดูงดงามโดยเฉพาะตอนที่เธอหลับอยู่
เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ในหัวใจของเขา แม้ว่าเขาจะบอกตัวเองหลายพันครั้งว่าความรักของเขาไม่อาจเป็นจริงได้
แต่มันก็ไม่เคยจางหาย จินเซชาน พยายามรักษาความสงบ เขาพยายามโน้มน้าวจิตใจตัวเองว่าเขายังสามารถรักเธอได้โดยไม่ต้องให้เธอมารักเขาตอบ
– เราจะมอบเธอให้กับเจ้า
แต่ทำไมข้อเสนอจาก ออร์เดน ถึงรู้ถึงเรื่องนี้นะ?
“… .”
จินเซชาน จับมือรอบพวงมาลัยแน่นและต่อว่าความปรารถนาที่โง่เขลาของเขา
*************************************************************************
หลังจากที่ผมผปฏิญาณต่อ เฮย์เนค ผมก็มุ่งหน้าไปที่ [World of Wish]
แต่เดิมมันเรียกว่า Tower of Wish มันถูกเปลี่ยนชื่อหลังจาก คิมซูโฮ ทำลายเปลือกนอกของ หอคอย สโลแกนของมันก็เปลี่ยนจาก
‘หอคอยที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของมนุษยชาติ’ เป็น
‘โลกแห่งความปรารถนาของมนุษยชาติที่เป็นจริง’
ไม่ว่ายังไงผมก็กลับมาที่ชั้น 15 ในเรือของ Genkelope ผมมาที่นี่เพื่อปล่อยตัวผู้บริหารของ วิคเก็ช ตามที่ผมสัญญาไว้
“…คุณแน่ใจไหม?”
ที่ด้านหน้าของ [Genekelope Prison] สิ่งอำนวยความสะดวกที่โด่งดังที่สุดบนชั้นที่ 15 โฮเนอร์ ถามผมด้วยความกังวล ความกังวลของเขาเป็นพื้นฐานที่ดี ผมเห็นใจเขาเพราะเขาบอกผมว่าคนเหล่านั้นทำอะไรก่อนที่ตัวเองจะถูกขัง
“ไม่ต้องกังวล เข้าไปข้างในกันเถอะ.”
“… โอเค.”
ผมเข้าไปในคุกและแต่งตัวเหมือนดอกบัวดำ
“… หืม?”
สภาพเรือนจำนั้นดีอย่างน่าประหลาดใจ ห้องพักส่วนใหญ่มีเตียงและทีวีห้องน้ำแยกต่างหากและที่สำคัญที่สุดอาหารก็ดี
“สถานที่นี้ดีมาก”
“แต่ทุกคนก็ยังต้องการออกไป ผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นผู้เล่น จาก
310 ใน 317 มันเป็นจำนวนที่ชัดเจน ชีวิตในคุกไม่ง่ายเลย….”
ผมฟังโฮเนอร์อธิบายขณะที่พวกเราไปที่คุก
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเราเดินไปเรื่อยๆผมสังเกตเห็นว่าโถงทางเดินมืดลงและสิ่งอำนวยความสะดวกก็เริ่มแย่ลงอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน.”
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงจุดสิ้นสุดของชั้นใต้ดิน
“… .”
ผมสูญเสียคำพูดเมื่อผมเห็นสภาพที่ไร้มนุษยธรรมของเซลล์ซึ่งเป็น
ผู้บริหารของ วิคเก็ช ที่ถูกจับเอาไว้
แม้แต่เตียงก็ไม่มี ทีวีก็ไม่มี ห้องน้ำรวม พื้นและผนังถูกปกคลุมด้วยความสกปรก เซลล์ จิตใจว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ เมื่อจากไม่มีอะไรให้พวกเขาทำเพื่อพัฒนาจิตใจ
ผมมองเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง ในห้องขังที่คับแคบผู้บริหาร 6 คนนอนเงียบๆ
“ปลุกพวกเขา”
ตามคำสั่งของโฮเนอร์เจ้าหน้าที่คุมขังก็เขย่ากรง
ปัง, ปัง, ปัง!
“ฮาาาาษ!”
ผู้บริหารตกใจและลุกขึ้นมามองที่โฮเนอร์กับผม ดวงตาที่เปื้อนเลือดของพวกเขาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว ผมมองพวกเขาซักครู่แล้วถามว่า “พวกคุณคนไหนเป็น คิริคิน?”
“ทะ-ทำไมคุณถาม….”
ผู้บริหารสั่น นี่คือผู้บริหารของ วิคเก็ช ซึ่งหมายความว่าอย่างน้อย
พวกเขาก็แข็งแกร่งเท่ากับฮีโร่ระดับสูง มันแปลกที่ผมเห็นพวกเขากลัว
ผมเดาว่าการเสื่อมสภาพทางร่างกายของพวกเขายังนำไปสู่การเสื่อมสภาพในด้านจิตใจ
“อย่าให้ฉันต้องถาม 2 ครั้ง” ฉันพูดอย่างเฉยเมยจนในที่สุกปีศาจก็ยกมือที่สั่นด้วยความกลัว
“ฉัน – ฉันเอง”
คิริคิน เป็นมือขวาของ วิคเก็ช แต่ตอนนี้ความรุ่งโรจน์ในอดีตของเขาถูกทำให้สกปรกโดยรอยฟกช้ำบนร่างกายของเขา
“เข้ามาใกล้ๆ.”
คิริคินทำตามที่ผมบอกทุกอย่างและตัวสั่นด้วยความกลัว การเชื่อฟังของเขาดูเหมือนจะเป็นผลมาจากการปฏิบัติที่โหดร้ายมาเป็นเวลานาน
“เปิดประตู.”
“ครับท่าน.”
ผู้คุมเรือนไขประตูและ คิริคิน ก็ก้าวออกจากห้องขังโดยก้มหน้าลง
“คิริคิน นายจำฉันได้ไหม” ผมถามออกมา
“… ?”
คิริคิน ค่อยๆยกศีรษะของเขาขึ้น ร่างกายและใบหน้าของผมถูกซ่อนอยู่ใต้หน้ากากและเสื้อคลุม แต่สัญลักษณ์ดอกบัวสีดำบนเสื้อคลุมของผมเป็นที่จดจำได้แม้จะอยู่ไกลหลายไมล์ คิริคิน ดวงตากว้างและพยักหน้า
“ดะ-ดอกบัวดำ….”
“ใช่. ฉันมาที่นี่ในนามของเจ้านายของพวกนาย เธอขอให้ฉันปล่อยพวกนายไป”
“…อะไรนะ”
ดวงตาของ คิริคิน ส่องประกายระยิบระยับด้วยความหวัง เขาถามพร้อมกลืนน้ำลาย
“ดะ-นั้น นั่นหมายความว่า…?”
ผมแลกเปลี่ยนสายตากับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ถัดจากผม ผู้คุมในคุกตอบเขาแทนผม
“ผู้ต้องขัง คิริคิน คุณจะได้รับ ‘การนิรโทษกรรม’ ต้องขอบคุณท่านดอกบัวดำ ด้วยละ”
*************************************************************************
[วิหารวิคเก็ช]
…4 เดือนผ่านไปหลังตั้งแต่ ‘เหตุการณ์’ นั้น วิคเก็ชแม้เธอจะประสบความสำเร็จเมื่อ 2-3 เดือนก่อน แต่ก็ไม่สามารถก้าวเท้าออกนอกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอได้ ทุกคนรู้ว่าผู้บริหารของเธอหายไปซึ่งทำให้เธอเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับการลอบสังหาร
“…เฮ้ออออออออออออออ!”
วิคเก็ชตื่นจากฝันร้ายผิวนุ่มๆของเธอเพิ่มแห้งและดวงตาของเธอที่แวววับด้วยความมั่นใจตอนนี้เหมือนปลาตาย เธอถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
“เฮ้อออออออ….”
เธอหายใจเข้าออกพยายามทำให้ตัวเองสงบลง ขณะที่เธอนั่งลงอย่างช้าๆน้ำตาก็เริ่มไหลมารวมกันในดวงตาของเธอ
“…ฉันลงเอยแบบนี้ได้ยังไง”
ความล่มสลายของเธอมันกระทันหัน ไม่นานมานี้เธอได้ควบคุมเวทีแห่งการต่อสู้และประกาศตัวอย่างโอ่อ่าว่าจะโค่นออร์เดนลง เธอคิดย้อนกลับไปว่าเธอมีโลกทั้งโลกอยู่ใต้เท้าของเธอ เธอจำใบหน้าของผู้บริหารของเธอได้ เธอได้สร้างความทรงจำอันมีค่ามากมายกับพวกเขา
‘ทำไมพวกแกต้องทำให้ตัวเองถูกขัง? พวกแกควรช่วยฉันให้เป็นเจ้าแห่งปีศาจทั้งหมด…. ‘
ดิ้งงงงงงงงงง~
ในขณะที่เสียใจเธอก็ได้รับข้อความ
[คิริคิน ถูกปล่อยตัวแล้ว – ดอกบัวดำ]
มันมาจากดอกบัวดำ เธอจ้องมองไปที่ข้อความสักครู่ก่อนที่จะกระโดดขึ้นมา
ทันทีที่ประตูของวิหารเปิดขึ้นอย่างช้าๆวิชเก็ชก็เงยหน้าขึ้นมา
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่รักซึ่งเธอไม่เห็นมานานร้องให้สะอื้นอยู่ที่นั่น
————–2———
บทที่ 472 สาบาน (4)
“… คิริคิน!”
วิคเก็ชตะโกนชื่อผู้บริหารของเธอขณะที่เธอรีบไปหาเขา
“เจ้านาย….”
คิริคิน ทักทายเจ้านายของเขาพร้อมน้ำตาคลอ มันเป็นการรวมตัวที่น่าประทับใจอย่างมากชนิดที่คุณสามารถรับชมได้พร้อมน้ำตา
“คิริคิน นายหนีมาได้ยังไง!”
“ดอกบัวดำ เขาช่วยผมไว้” คิริคิน ตอบด้วยเสียงครวญคราง
“ดอกบัวดำทำได้งั้นเหรอ แต่ยังไงละ”
“มีสิ่งที่เรียกว่า ‘Ranker Amnesty’”
คิริคิน อธิบายว่าดอกบัวดำใช้ ‘Ranker’s Amnesty’ ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่มอบให้เฉพาะกับ ‘อันดับแรกของผู้ที่ช่วย Genkelope ฟรี – เพื่อช่วยเหลือ คิริคิน แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่โฮเนอร์ทำขึ้นทีหลัง
“ขอบคุณ ดอกบัวดำ….”
“ขอบคุณพระเจ้า….”
วิคเก็ช ถามอีกครั้งเมื่อเธอตบหลัง คิริคิน
“คนอื่นเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ดีเลย เรือนจำนั้นสกปรกพวกเราถูกบังคับให้ทำงานหนักและยังมีการทรมาน….”
ในที่สุด คิริคิน ก็ร้องไห้ออกมา วิคเก็ชปลอบโยนคิริคินที่กลั้นน้ำตาไว้
พวกเขาลืมเกี่ยวกับอาชญากรรมทั้งหมดที่พวกเขาได้กระทำไปแล้ว
ปีศาจไม่มีความละอายและไม่มีมโนธรรมตามธรรมชาติ
“…ไม่เป็นไรอย่าร้องไห้ ฉัน…ฉันจะคุยกับดอกบัวดำอีกครั้งและฉันจะพยายามทำให้ทุกคนออกมาแน่นอน….”
นั่นคือเรื่องที่เธอต้องทำและเมื่อพวกเขาทั้ง 2 สนุกกับการเจอกับอีกครั้งในอ้อมแขนของกันและกัน วิคเก็ช ก็ถูกผูกมัดไว้กับกลุ่ม Chameleon เรียบร้อย
…ในขณะเดียวกัน.
ชั้น 21 อาณาจักรแห่งการ์ด
“คุณจะซื้อทุกอย่างเหรอ?”
“ใช่ พวกมันทั้งหมด”
“คุณมี TP มากขนาดนั้นจริงเหรอ?”
“ถ้าไม่มี ฉันจะทำได้ยังไงละ?”
“…ฉันหมายถึง -”
คิมฮาจินกวาดกล่องสุ่มทั้งหมด เขาวางแผนที่จะใช้โชคของเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา…. ทันใดนั้นมีข้อความปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาก่อนที่เขาจะเปิดกล่อง
[โชคชะตาของคุณทำงาน]
[ศัตรูที่คุกคามได้กลายเป็นพันธมิตรชั่วคราว]
[โชคชะตาทำหน้าที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นพิเศษเสมอ!]
[Narrow Escape from Death (5/9) – ค่าสถานะพิเศษ ‘การสะสมโชค’ เปิดใช้งานบางส่วนแล้ว!]
คิมฮาจินไม่รู้ว่าข้อความเหล่านี้มีความหมายว่ายังไง
*************************************************************************
[เกาหลีบังเกอร์ใต้ดินที่ใดที่หนึ่งใน คังวอนโด]
2 สัปดาห์ผ่านไปตั้งแต่เริ่มต้นค่ายฝึกร่วมสำหรับ ‘หน่วยเฉพาะกิจแห่งชาติ’
หลังจากการฝึกซ้อมจำนวนมาก 177 ฮีโร่ของกองกำลังพิเศษถูกมอบหมายให้เป็น 13 ทีมที่แตกต่างกัน หัวหน้าทีม 3 ยุนซึงอา ได้ร่วมทีมกับ คิมซูโฮ, แชนายอน, ชินจงฮัก, ยีจินยูน, โยเฮ และ เซินหยวน
“ภารกิจของพวกเราคือต่อสู้กับ ออร์เดน ฉันคิดว่าผู้บริหารเชื่อใจนายจริงๆ ซูโฮ”
ทีมที่ 3 เข้าสู่การบรรยายสรุปภารกิจภายในหอพัก ทั้ง 13 ทีมมีภารกิจแตกต่างกัน ทีมที่ 3 ได้รับมอบหมายภารกิจที่ยากที่สุดจากทั้งหมด
: เผชิญหน้ากับออร์เดน นอกจากนั้นมีข่าวลือว่าทีมที่ 1 ของ ไอลีน เองก็ได้รับมอบหมายภารกิจเดียวกัน
“แล้ว…นายไม่เป็นไรใช่ไหม”
“แน่นอน ฉันสบายดี”
คิมซูโฮตอบด้วยความมั่นใจตามที่คาดไว้ของคนที่เอาชนะราชาปีศาจ
“เขาไม่จำเป็นต้องกังวลด้วยซ้ำ ฉันจะจัดการมันเอง”
แชนายอน ขัดจังหวะด้วยรอยยิ้ม คิมซูโฮมองไปที่เพื่อนของเขาแล้วก็ส่ายหัว
“โอเค แต่ก่อนอื่นมาดูพิมพ์เขียวนี้ มาจาก ‘หน่วยงานแห่งความจริง’”
หัวหน้าทีม ยุนซึงอา ดึงความสนใจของทุกคนด้วยแผนที่ขนาดใหญ่
“โว้ว! หน่วยงานแห่งความจริง?!”
“ถูกตัอง.”
ยีจินยูน ดวงตาเบิกกว้าง ทุกวันนี้ หน่วยงานแห่งความจริง พูดอะไรก็คือความจริงทั้งหมด มันไม่ได้เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กอีกต่อไปแล้วมีเพียงไม่กี่คนที่ไม่รู้ ยีจินยูนปรบมือด้วยความตื่นเต้นและถามออกมา
“ฉันได้ยินมาว่าคุณต้องการเงินจำนวนมากรวมทั้งพรอันศักดิ์สิทธิ์บางอย่างเพื่อฟังจากพวกเขา! คุณจ่ายไปเท่าไหร่ ไม่สิคุณเป็นเพื่อนกับหน่วยงานแห่งความจริงเหรอ?!”
“…ฉันไม่ได้ใช้เงินรัฐบาลและเราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน ฉันไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างหน่วยงานแห่งความจริง”
“อ้า…เป็นงั้นไป”
ยุนซึงอาพยายามเพิกเฉยต่อคำพูดสุดท้าย
‘ยัยเด็กเหลือขอ ฉันเลือกเธอเพียงเพราะมีคนบอกว่าเธอเป็นผู้สนับสนุนที่ดี แต่เธอหยาบคายมากจริงๆ’
“…ยังไงก็ตามถึงเวลาต้องกลับฝึกแล้ว เตรียมพร้อม.”
กิจวัตรการฝึกฝนของพวกเขานั้นเรียบง่าย
แปะๆ
ทันทีที่ ยุนซึงอา ปรบมือเธอโฮโลแกรมที่ซับซ้อนก็โผล่ขึ้นมา โฮโลแกรมสร้างพื้นที่ใหม่โดยใช้พิมพ์เขียวของ หน่วยงานแห่งความจริง เป็นข้อมูลอ้างอิง
“บอสไม่ใช่ ออร์เดน แต่พื้นที่การฝึกจะคล้ายคลึงกับของจริงดังนั้น
พวกเราจะต้องชินกับมัน”
นี่คืองานของ ‘แบบจำลอง’ ที่พวกเขานำกลับมาจาก Tower of Wish
การฝึกฝนของพวกเขาคือการต่อสู้กับมิโนเทารัส LV.50 ที่พระราชวัง ออร์เดน
*************************************************************************
[Pandemonium Arena]
ในขณะเดียวกันบอสก็กำลังเยี่ยมชมเวทีต่อสู้ซึ่งปัจจุบันเป็นของ
Chameleon Troupe
“กรุณานั่งที่นี่บอส”
“… แน่นอน.”
เมื่อมองลงไปที่เวทีจากที่นั่ง VIP บอสรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย เธอเคยเป็นผู้ลงแข่งในอดีตอันไกลโพ้นและผู้ชมเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตอนนี้เวทีนี้เป็นของเธอ….
– ยินดีต้อนรับสู่ Pandemonium Arena! การแข่งขันครั้งใหญ่ในวันนี้คือ ‘บิ๊กบูน’ vs ‘เรน’!
บิ๊กบูนกับเรน ปีศาจอ้วนและปีศาจผอมๆเข้ามาบนเวที ผู้ชมโห่ร้องและบอสรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นบนผิวของเธอ
– เริ่มได้!
เจ้าภาพตะโกนและการต่อสู้เริ่มขึ้น บิ๊กบูนพยายามครอบงำ เรน ด้วยร่างกายของเขา แต่เรนหลบอย่างรวดเร็วและโจมตีคู่ต่อสู้ของเขาด้วยการแทงเบาๆในระยะสั้นๆมันเป็นการต่อสู้ระหว่างความเร็วและความอึด
“อืม.”
บอสดูการต่อสู้ด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นมีบางคนปรากฏตัวในแท่น VIP
“… ?”
การเคลื่อนไหวของเธอไม่มีปิดบัง บอสหันไปเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“สวัสดี.”
บอสจำได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มาพร้อมกับเบลล์เสมอ หากเธอจำไม่ผิดชื่อของเธอคือ… ‘จินซาฮยอค’
“เธอสบายดีไหม”
จินซาฮยอค ยิ้มเยาะ เสียงของเธอฟังดูค่อนข้างหยิ่งบอสมองไปรอบ ๆ ขณะที่เจนแจ้งให้เธอทราบ แต่เธอไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของเบลล์เลยแม้แต่น้อย
“……….เบลล์อยู่ที่ไหน”
“ฉันจะรู้ได้ยังไง? ฉันมาคนเดียว”
จินซาฮยอค ยักไหล่พร้อมรอยยิ้ม บอสจ้องมองที่จินซาฮยอค สายตาของเธอแหลมคมเหมือนมีด ถึงกระนั้นจินซาฮยอค ก็ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
“นี่เป็นการเจอกับครั้งที่ 2 ของพวกเราหรือเปล่า”
“ฉันจะถามคุณอีกครั้ง เบลล์อยู่ที่ไหน”
เสียงของบอสเต็มไปด้วยความดูถูก อย่างไรก็ตามจินซาฮยอค ยิ้มสบายๆ
“ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเบลล์ แต่เธอไม่จำเป็นต้องอยากฆ่าเขาเสียขนาดนั้นก็ได้นี้น่า”
ใบหน้าของจินซาฮยอคเย็นชาเธอยังคงกระซิบเสียงต่ำว่า
“ฉันจะเป็นคนที่ฆ่าไอ้บ้านั้นเอง”
– เอ๊ะ นั่นคือท่าไม้ตายของบิ๊กบูน! มันออกมาแล้ว!
หมัดของบิ๊กบูนชกไปที่ท้องของเรน เรนถูกอัดจนสุดมุมเวทีส่วนตอนนี้ร่างกายของบอสดำมืดไปแล้ว มันคือการแปลงร่างอสูร
“เธอมาที่นี่เพื่อฆ่าตัวตายใช่ไหม”
บอสลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอ ทั้งเบลล์และผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะมีความสามารถพิเศษที่ทำให้เธอไม่พอใจ
“ไม่ ฉันมาที่นี่ด้วยเหตุผลอื่น และฉันจะบอกเรื่องนี้กับเธอให้ชัดเจน”
จินซาฮยอค และ บอส มองหน้ากันจนเหมือนมีไฟลุกออกมาจากในดวงตาของพวกเธอ จินซาฮยอค กล่าวต่อว่า “…ฉันจะจบเรื่องนี้ลงด้วยการฆ่าเบลล์เอง”
– ‘บิ๊ก บูน’ เป็นผู้ชนะ!
เสียงปรบมือตามประกาศของพิธีกร แม้ว่าจะมีเสียงรบกวนแต่บอสก็ได้ยินเสียงของจินซาฮยอคอย่างชัดเจน
“แต่ฉันขอตัวคิมฮาจินไปได้ไหม เธอแค่ลากเขาเข้ามาเป็นเครื่องมือฆ่าเบลล์ไม่ใช่หรือไง”
นี้เป็นการยั่วยุอย่างร้ายแรงที่สุดสำหรับบอสในตอนนี้
(ยิ่งกว่าตบหน้าก็คือ…มาขอผู้ชายกับแบบนี้ =0=)
บทที่ 473 สาบาน (5)
สายตาของหญิงสาวดูเหมือนจะทะลุจิตใจของเธอ มันเป็นครั้งแรกในที่ จินซาฮยอค ได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขามขนาดนี้แต่ จินซาฮยอค ก็ไม่ถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ
จินซาฮยอค เป็นคนที่ไม่แน่นอน เธออาจยอมแพ้ในบางช่วงเวลาแต่เรื่องนี้เธอไม่มีทางยอม จินซาฮยอค ใช้เวลาคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงดี แต่เธอก็ตัดสินใจว่าเธอจะไม่มีทางยอมแพ้เรื่อง คิมฮาจิน
“อย่ามาบ้าไปหน่อยเลย เขาเป็นของฉัน”
เธอไม่แน่ใจว่าความสามารถที่แท้จริงของเขาคืออะไร แต่เธอรู้ว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับพลังเวทมนต์ของ คิมฮาจิน จากสิ่งที่เธอเห็นใน อคทรีน่า เธอกล้าพูดเพราะเธอไวต่อพลังเวทมนต์เป็นพิเศษเพื่อการสร้าง
อคทรีน่า ขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องใช้พลังของเขา
“…ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
บอสพูดออกมา พลังเวทมนต์อันร้อนแรงอันเกิดจากความโกรธเกรี้ยวและจิตสังหารที่พุ่งขึ้นมาราวกับทอร์นาโด จินซาฮยอค รีบป้องกัน
ตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยบาเรีย
“และ…..ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอรอดไปจากที่นี่เด็ดขาด”
เงาย้อมร่างกายของหญิงสาว จิตสังหารพุ่งอย่างมาอย่างที่ไม่เคยมีก่อนความกระหายเลือดของ 2 สาวเติมบรรยากาศ จินซาฮยอค รู้สึกว่านี้จะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดของเธอ
“…ถ้าอยากสู้ก็เข้ามาเลย”
จินซาฮยอค ไม่มีแผนที่จะปฏิเสธการต่อสู้ แม้ว่าเธอจะไม่มั่นใจที่จะชนะแต่เธอก็รู้สึกว่าเธอแพ้ไม่ได้เหมือนกัน ยิ่งกว่านั้นจินซาฮยอค อยากประเมินความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่เธอมาที่นี่ เธออยากรู้ว่าผู้หญิงที่อยู่กับคิมฮาจินมันจะเก่งขนาดไหนกัน
“ถ้างั้นก็จัดให้”
เมื่อหญิงสาวพูดจบเงาก็ลุกขึ้นมาจากเท้าของเธอและล้อมรอบบริเวณนั้นเอาไว้มันคือ ‘เงาบาเรีย’ ที่ปิดเส้นทางหลบหนีของจินซาฮยอคเอาไว้
“ชิ.”
จินซาฮยอค ยิ้มเยาะและปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอออมา…นอกจากนั้นออร่าสีแดงเข้มและอาวุธหลายร้อยชิ้นก็ถูกสร้างขึ้นมาในอากาศ
สนามรบที่ดุเดือดและอันตรายยิ่งกว่า Pandemonium Arena เริ่มขึ้น
หญิงสาว 2 คนจ้องมองกันและกันก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้แห่งความตาย
แต่ว่า…
“…ฮะ? บอส?”
เสียงดังออกมาเหมือนเทน้ำเย็นๆลงบนร่างกายที่ตึงเครียด บอสและ
จินซาฮยอค ทั้งคู่หันไปหาที่มาของเสียง
“การลงโทษของฉันจบลงแล้วเหรอ?”
มันคือ ชอคจุนกยอง ที่ถูกคุมขังใน ‘เงาบาเรีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพราะไปสังหาร ปีศาจ ของ เทอร์โรว์ เพราะพวกเขาเลือกต่อสู้กับเขา
แต่จินซาฮยอค ดูไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เธอเชื่อว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนประเภทที่จะให้คนอื่นเข้าร่วมในการต่อสู้แบบ 1: 1
บอสพูด “…ใช่แล้ว, การลงโทษของนายจบลงแล้ว”
“โอ้ว~ ขอบคุณพระเจ้า โอ้ ใช่บาเรียของคุณน่าสนใจมาก แม้ฉันจะเห็นมันมาหลายครั้งแล้วก็ตาม”
บอส ‘เงาบาเรีย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนพื้นที่โดยรอบ แต่เก็บสิ่งมีชีวิตดข้าไปในนั้นได้ นี่คือเหตุผลที่จินซาฮยอดและบอสเจอ ชอคจุนกยอง ในสถานที่แห่งนี้’
“…กยอง.”
“ฮะ?”
ในขณะที่บอสและ ชอคจุนกยอง กำลังคุยกันจินซาฮยอคคลายกล้ามเนื้อของเธอด้วยการยืดกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
“จัดการเธอซะ”
“โว้วววว?”
“…อะไรนะ?”
ดวงตาของ ชอคจุนกยอง และ จินซาฮยอค เบิกกว้าง พวกเขาแปลกใจด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน
“สะ-สอง ต่อหนึ่งไม่ยุติธรรม!”
จินซาฮยอค ชี้นิ้วของเธอไปที่บอสและตะโกนออกมา แต่ ชอคจุนกยอง ไม่สนใจเธอ เขาถูกคุมประพฤติเป็นเวลา 2 สัปดาห์เขาไม่ได้ต่อสู้กับใครมานาน เขารู้สึกดีใจที่มีคู่ต่อสู้ที่มีค่าอยู่ต่อหน้าเขา
“คุฮาฮาฮาฮา!”
ชอคจุนกยอง พุ่งไปข้างหน้าเหมือนสัตว์ป่า
“เจ้ากรรม!”
จินซาฮยอค เปิดใช้งาน [การจัดการความเป็นจริง] อย่างรวดเร็วเพื่อพยายามหลบหนีจากเงาบาเรีย แต่บอสและชอคจุนกยอง ไม่ยอมให้เธอทำตามใจตัวเอง
วิ้งงงงงงงงงงงงงงง!
ระเบิดพลัง ของ ชอคจุนกยอง ทำลายเส้นทางที่สร้างโดย จินซาฮยอค
“อย่าหนีนะ!”
ชอคจุนกยอง ตะโกนอย่างมีความสุขและชกกำปั้นของเขาไปทางใบหน้าของจินซาฮยอค
*************************************************************************
[พระราชวัง ออร์เดน]
ไม่รวมโทจิมอนสเตอร์มนุษย์อีกสามตัวคือไทกริส, ซิฟิลิสและโดโลเรน
กลับไปยังวังของออร์เดน พวกเขาทำตามคำสั่งของ ออร์เดน เรียบร้อยและประสบความสำเร็จในการสร้างความเสียหายในบางประเทศ
“อ้า น่าเบื่อ”
แต่ไทกริสไม่พอใจ มอนสเตอร์ร่างมนุษย์อีก 2 ตัวเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน พวกเขาต้องการที่จะฆ่ามนุษย์อย่างสนุกสนานแสดงความแข็งแกร่งจนให้ความรู้สึกที่เหนือกว่า
“วังมันน่าเบื่อ”
ออร์เดนสั่งให้พวกเขากลับมาก่อนที่พวกเขาจะสามารถบรรลุความต้องการได้ครึ่งหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกรำคาญ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามคำสั่งของกษัตริย์
“เกิดอะไรขึ้นกับโทจิ?”
โดโรเรน บ่นขณะที่เธอเล่นกับศีรษะมนุษย์ที่เธอรับมาเป็นของที่ระลึก หัวเป็นของฮีโร่ขั้นสูง ระดับ 2
“งี่เง่าน่า ฉันแน่ใจว่าเขาตกหลุมพราง และเขาจะหาทางกลับมาได้”
“นั้นสิ? โทจิไม่ตายง่ายๆหรอกด้วยร่างกายที่แข็งแก่รงนั้น”
“เขาแข็งแกร่งและยากที่จะฆ่า”
พวกเขาคุยกันและพวกเขาเดินไปที่วังพวกเขายืนอยู่หน้าประตูใหญ่และเจอตั๊กแตนตำข้าว เป็นคุรุคุรุที่มีปีกและแขนข้างหนึ่งหัก
“…เอ๊ะใช่เลย มันทำให้คิดทุกครั้งที่เห็นเขา ทำไมเขาถึงเป็นอย่างนั้น?”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะถามพอดี”
โดโรเรน ขมวดคิ้วขณะที่เธอจ้องมองที่คุรุคุรุ ไทกริสเดินเข้ามาใกล้คุรุคุรุ
คุรุคุรุ พึมพำขณะที่เขาจ้องมองพวกเขา
“คุรุคุรุ, คุรุคุรุ….”
“เขากำลังพูดอะไร เขาพูดไม่ได้งั้นเหรอ”
“คุรุคุรุ.”
โดโรเรน แปลคำของ คุรุคุรุ
“ทำไมพวกเจ้ามาช้า พวกเจ้าน่าจะมาทันทีที่ราชาสั่งนั่นคือสิ่งที่เขาพูด”
“… ชิ.”
ไทกริสเยาะเย้ย
“ตั๊กแตนตำข้าวเพียง เจ้าไม่สมควร”
ไทกริสยกมือใหญ่ขึ้นและตบคุรุคุรุ
พัวะ!
คุรุคุรุลอยไปด้านข้างและกลิ้งไปบนพื้น.
“ตั๊กแตนตำข้าวที่อ่อนแอและชั้นต่ำซึ่งพูดไม่ได้ -ไม่คู่ควรมาสั่งพวกข้า”
ไทกริสตะโกนและเดินเข้าไปในราชสำนัก โดโรเรน จ้องที่ คุรุคุรุ ด้วยรอยยิ้มเล็กๆก่อนจะตามไทกริสเข้าไปข้างใน
“…คุรุคุรุ.”
“ ท่านคุรุคุรุ!”
มอนสเตอร์ร่างมนุษย์มาช่วย คุรุคุรุ หลังจากเดินโซเซ คุรุคุรุก็จ้องมอง
มอนสเตอร์ทั้ง 3 ที่ยืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ของเขา กษัตริย์ของเขาทักทาย มอนสเตอร์ผู้หยิ่งผยองที่มาสายด้วยรอยยิ้ม
“คุรุคุรุ… .”
คุรุคุรุ กัดฟันของเขาจนกรามของเขาบวมเป้ง
*************************************************************************
[คังวอนโด, บังเกอร์ใต้ดิน]
การฝึกฝนสำหรับภารกิจลอบสังหาร ออร์เดน สิ้นสุดลง ในวังของ
ออร์เดน ทีม 3 เอาชนะมิโนเทารัสได้สำเร็จ
แต่การทำงานเป็นทีมของพวกเขาไม่สามารถเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เซินหยวน และ ยีจิยูน ถูกฆ่าตายก่อนที่พวกเขาจะมาถึงบอสที่เป็น
‘มิโนทอร์’ และ คิมซูโฮ ก็เอาชนะบอสลงด้วยตัวเอง
“ทำไม มันถึงแข็งแก่รงขนาดนี้นะ….”
ยีจิยูน ถอนหายใจและนวดกล้ามเนื้อเจ็บของเธอ ในขณะเดียวกัน
ชินจงฮัคจ้องมองที่ แชนายอน เธอกำลังจดบันทึกบางอย่างลงบนสมุดบันทึกของเธอ
“เฮ้! ทำไรอยู่น่ะ?”
เมื่อได้ยินชินจงฮัคพูดทั้งยีจินยูนและคิมซูโฮก็หันกลับมา
“…ฮะ?”
แชนายอน หยุดเขียนและยิ้มเล็กๆ
“ฉันกำลังคุยกับอาจารย์น่ะ”
“…อาจารย์?”
“ใช่สมุดบันทึกนี้ทำงานได้เหมือนจดหมายสื่อสารของหอคอย”
แชนายอน ใช้สมุดบันทึกเพื่อสื่อสารกับชายชราผู้ซึ่งได้เป็นอาจารย์ของเธอก่อนที่เธอจะสังเกตเห็น แม้ว่าพวกเขามักจะพูดคุยกันและก็มีหลายครั้งที่เธอได้รับคำแนะนำที่มีค่ามาเช่นกัน
“… โอ้? ใครคือคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งเหรอ?”
คิ้วของยีจินยูนเต้นอย่างสนุกสนาน
“ฉันบอกเธอแล้วเขาเป็นอาจารย์ของฉัน”
“อาจารย์? ฮีโร่ ยูชีฮยอก?”
“ไม่นะ ไม่ใช่เขา”
แชนายอน สงสัยว่าพวกเขาจะตอบสนองอย่างไรหากพวกเขาพบว่าอาจารย์ของเธอคือ เฮย์เนค แต่เธอก็ไม่บอก เธอยักไหล่แล้ววางสมุดลง
“โอเคแล้ว ฉันต้องติดต่อฮาจิน…อ๊ะ”
คำพูดต่อไปของคิมซูโฮทำให้หัวใจของ แชนายอน หยุดเต้น คิมซูโฮผู้ซึ่งพึมพำกับตัวเองรู้สึกตัวทันทีหลังจากที่ตระหนักถึงสิ่งที่เขาพูด
“…อ้ออออ~? แล้วคิมฮาจินล่ะ?”
ยีจินยูน ยิ้มอย่างลึกลับและเข้าไปหา คิมซูโฮ
“เอ่อ…ไม่มีอะไร”
คิมซูโฮปล่อยเสียงไอแห้งๆออกมาและให้คำตอบแบบเลี่ยงๆ
เขาต้องการขอบคุณฮาจินสำหรับความช่วยเหลือทั้งหมดที่เขาได้รับ
แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เจอกันพบกันเลยตั้งแต่ที่อยู่กับยุนซึงอา
“คุคุคุคุ…”
เขาหันไปหา แชนายอน ที่กำลังจ้องมองเขาอย่างตั้งใจ
“แชนายอน อย่าปล่อยให้หัวหน้าเจอสมุดบันทึกนั้น เธอบอกว่าห้ามใช่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และนั่นก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยนะ”
“… .”
แชนายอน พยักหน้าอย่างแข็งๆ
“มันก็ไม่ต่างไปจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์น่ะนะ”
ทันใดนั้น ‘หัวหน้า’ ของพวกเขาก็ปรากฏตัว แชนายอน และทีมที่เหลืออีก 3 คนแข็งตัวและก่อนที่พวกเขาจะตอบสนองยุนซึงอาปล่อยพลังเวทของเธอเพื่อแย่งสมุดบันทึกของ แชนายอน มา
บทที่ 474 สาบาน (6)
“อะ-อาาาาา! เอามามันนะ!”
แน่นอนว่า แชนายอน ประท้วงอย่างรุนแรง
“เงียบ. ของต้องห้ามจะถูกยึดเมื่อถูกค้นพบ”
ยุนซึงอาปราบปรามทุกคนที่ไม่เห็นด้วยอย่างง่ายดายและเริ่มอ่านสมุดบันทึกด้วยรอยยิ้ม
“มาดูกันว่าใครคือคนที่ นายอน ของเราคบอยู่กัน~”
แต่รอยยิ้มของยุนซึงอาก็หายไปอย่างรวดเร็วเพราะมีชื่อหนึ่งเขียนไว้ในสมุดบันทึก
ซ่าา – ซ่าาา –
เธอพลิไป 2-3 หน้าก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นและพึมพำอย่างงุนงง
“เฮ้…เฮ้ … นี่ใช่…คุณเฮย์เนค ที่ฉันรู้จักจริงๆเหรอ”
*************************************************************************
[ชั้น 21 – ราชอาณาจักรแห่งการ์ด]
ผมใช้ 150,000 TP เพื่อสุ่มการ์ด 8 ดาว 3 ใบและการ์ด 9 ดาว 1 ใบ
เนื่องจากการตั้งค่าที่ ‘บัตร 8 ดาวและ 9 ดาวถูกจำกัด’ ผมเลยได้มาแค่นี้แม้ผมจะมีโชคชะตาอยู่ข้างผม แน่นอนผมไม่ได้บ่นอะไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพวกมันเป็นของที่มีประสิทธิภาพทั้งหมด
“ [สมุดเช็คอะไรก็ได้] …”
ผมเดินไปตามถนนในขณะที่อ่านคำอธิบายของการ์ดที่ฉันดึง
===
[สมุดเช็คอะไรก็ได้] [8 ดาว] * ผลดี *
– สมุดเช็คที่สามารถจ่ายได้ทุกอย่าง ผู้รับเช็คนี้จะได้ของตามที่จ่ายไป
===
อย่างแรกคือ [สมุดเช็คอะไรก็ได้] ระดับ 8 ดาว สมุดเช็คส่วนใหญ่เป็น
‘เงิน’ แต่สมุดเช็คอันมหัศจรรย์นี้แตกต่างกัน สมุดเช็คเล่มนี้ไม่เพียง แต่จัดการ ‘TP’ และ ‘พลังเวทมนต์’ เท่านั้น แต่ยังช่วยจัดการความเชื่อมั่นและความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่อาจประเมินได้
‘เราจะใช้อะไรกับ…?’
ผมครุ่นคิด …
“โอ้ววววววววว~ ใครกันคนนี้ ~?”
มีคนวิ่งมาหาผมในขณะที่แสดงความตื่นเต้น
“ถ้า….ถ้าไม่ใช่ช่างฝีมือที่รักของฉัน~”
ด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบาน เมเดีย ปรากฏขึ้นพร้อมเสียงแปลกๆ
“ยอดเยี่ยม ~ ช่วงเป็นเวลาที่สมบูรณ์แบบ ~”
เมเดีย ทำหน้าที่เหมือนการเจอกับของพวกเรานั้นเป็นเรื่องบังเอิญแต่มันไม่ใช้อย่างแน่นอน
“อ๊ะ ใช่แล้ว”
ผมดู เมเดีย อย่างว่องไว เมื่อเห็นว่าเธอเข้าสู่ชั้น 21 ด้วยสถานะของเธอในฐานะผู้ดูแลระบบดูเหมือนว่า ‘การสืบเชื้อสาย’ ของเธอใน Phenomenon กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“…เธอต้องการอะไร?”
“เอ๊ะ~? ไม่ๆ~ มันไม่ใช่ว่าฉันต้องการอะไร~”
เมเดีย ยิ้มอย่างสดใสและยื่นเอกสารให้ผม
“นี่เอานี่ไปสิ ฉันจะรอจนกว่านายจะกลับมา”
“… ?”
ผมมองเอกสาร คำว่า [หนังสือมอบอำนาจ Prestige] ถูกเขียนเอาไว้ดวงตาของผมเกือบจะถล่นออกมา ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“นี่มันอะไรน่ะ?”
“ฉันเอามาให้นาย ฉันไม่ต้องการ Prestige อีกต่อไปแล้ว”
“ …เธอจะทำอะไรกันแน่”
“อ๋อ ~! ฮ่าฮ่าฮ่า, ฮุฮุฮุฮู”
เมเดีย หัวเราะราวกับว่าเธอบ้าไปแล้ว เธอหมุนตัวเหมือนนักเต้นบัลเล่ต์
“ดังนั้นเพื่อจบการสืบเชื้อสายของฉัน ฉันสงสัยว่าถ้านายสามารถทำให้ฉันเป็นจอมเวท นายจะทำชุดให้ฉันไหม~”
“… .”
“ฉันจะเตรียมของที่นายต้องการให้ทุกอย่างเลย~”
เมเดีย ดูมีความสุขเกินไป ผมจ้องที่เธอและครุ่นคิดในการสร้างเสื้อคลุมและชุดที่เธอจะพึงพอใจผมผจะต้องอุทิศเวลาของผม 2-3 ชั่วโมงทุกวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน แน่นอนว่านั่นไม่ใช่งานยาก เมเดีย ยังสามารถเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังต่อมนุษยชาติได้เมื่อเธอสืบเชื้อสาย
ปัญหาไม่ใช่เวลา แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกถ้าเธอสืบเชื้อสายลงไป
“นายจะทำใช่มั้ย~?”
เมเดีย เรียกร้องให้ผมตอบและผมก็สรุปความคิดของผม
“…ฉันทำได้.”
“ว้าวววววววววววว~”
เมเดีย หมุนและหัวเราะคิกคักเหมือนเด็กน้อย สมองของเธอดูเหมือนมี ปัญหา
“แต่ฉันต้องการให้เธอทำสัญญา”
“ฉันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ~ มีชีวิต ~ มีชีวิต~”
“…เฮ้อออออออออ?”
“เยสสสสสสสสสส~?”
ผมนำ ‘มีดแห่งพันธสัญญา’ ที่ เฮย์เนค ทิ้งไว้กับผมออกมาดวงตาของ เมเดีย ดวงตาเบิกกว้าง
“เอ๊ะ มีดนี้มันอะไรเหรอ?”
“เพื่อแลกกับเสื้อคลุมและชุดฉันต้องการให้เธอทำสัญญา”
ผมปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมา
“เครื่องถ่ายเอกสารพลังวิญญาณ”
[ผมเปิดใช้งาน ‘เวทมนต์ – เครื่องถ่ายเอกสารพลังวิญญาณ’]
ออร่าสีเหลืองควบแน่นต่อหน้าผมและสร้างรูปร่างของเครื่องถ่ายเอกสาร
[สรุป – เครื่องถ่ายเอกสารที่สามารถคัดลอกอะไรก็ได้]
[เงื่อนไขการเปิดใช้งาน – เปิดเผยชื่อของทักษะ]
[ปริมาณการใช้ – ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ถูกคัดลอก]
[ผลกระทบ – คัดลอกบางสิ่งที่มีพลังวิญญาณ (ถ้าจะคัดลอกสิ่งมีชีวิต คุณต้องใส่สิ่งมีชีวิตลงในเครื่องถ่ายเอกสาร)]
“…นั่นอะไรน่ะ?”
เมเดีย ขมวดคิ้วของเธอ
“ไม่มีอะไรมาก ดังนั้นอย่ากังวลเกินไปเลย”
ผมใส่มีดของ เฮย์เนค ลงในเครื่องถ่ายเอกสาร
[ความพยายามที่จะคัดลอก ‘มีดแห่งพันธสัญญา’ … ]
[เกิดปัญหา! คุณไม่สามารถคัดลอกไอเท็มนี้ด้วยพลังวิญญาณของคุณ]
[ใช้ ทะลายขีดจำกับของรอยสัก หรือแก้ไขด้วยการแทรกแซงการตั้งค่า]
“แทรงแซงการตั้งค่า”
“…นายกำลังพูดกับตัวเอง นายรู้ไหมมมม~”
ผมเพิ่มบทลงโทษให้มีดแห่งพันธสัญญา
อย่างแรกสามารถใช้ได้กับ เมเดีย และ คิมฮาจิน เท่านั้น
ประการที่ 2 ต้องมี 4 รอยสักยืนยัน
ประการที่ 3 ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีให้น้ำหนักเท่ากัน
[มีดแห่งพันธสัญญาแบบไม่สมบูรณ์]
“อืมม พวกเราเพียงแค่ต้องให้เลือดของเราและทำคำมั่นสัญญา”
ใบหน้าของ เมเดีย กลับไปสู่สิ่งที่เคยเป็นในอดีต มันเป็นใบหน้าที่เธอมีตอนที่เธอรำคาญผม
“คำสัญญาอะไร?”
“ ง่ายมาก”
นี่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่า เมเดีย จะกลายเป็นพันธมิตร หากไม่มีสิ่งที่จะมัดเธอผมไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรเมื่อเธอสืบเชื้อสายมาบนโลก ด้วยธรรมชาติที่ไม่แน่นอนและแปลกประหลาดของเธอ เธออาจทดลองกับมนุษย์และมอนสเตอร์เพื่อประกอบธุรกิจเพ้อฝัน
“คำมั่นสัญญาของฉันคือ: ‘ฉันจะทำชุดที่สวยที่สุดให้ เมเดีย ‘
“…สวยที่สุด ~?”
ความรำคาญหายไปจากสายตาของ เมเดีย
“ใช่แล้วส่วนเธอ ‘ฉันจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติถ้าฉันลงมา’”
ผมส่งมีดแห่งพันธสัญญาให้ เมเดีย
*************************************************************************
ในอีกทางหนึ่งในพื้นที่มืดมิดของสถานที่ที่ไม่รู้จัก
“…อาาา.”
จินซาฮยอค ส่งเสียงพึมพัมขณะที่เธอกลิ้งอยู่บนพื้น ความพยายามครั้งสุดท้ายของเธอในการหลบหนีดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จเนื่องจากเธอไม่รู้สึกถึงตัวตนอื่นๆอยู่
“แฮก…แฮก…แฮก”
เธอรวบรวมลมหายใจของเธอและตรวจสอบสภาพร่างกายของเธอ
กระดูกที่แตกร้าวซี่โครงหักฟันแตกและเลือดไหล…ดวงตาของเธอเองก็ บาดเจ็บจนมองแทบไม่เห็นแต่โชคดีที่การบาดเจ็บของเธอไม่ถึงชีวิต
“ไอ้พวกขี้ขลาด….”
เธอถ่มน้ำลายออกมาและสาปแช่งพวกมันก่อนที่จะเริ่มรักษาร่างกายของเธอ ก่อนอื่นเธอฟื้นฟูดวงตาของเธอด้วยพลัง ‘การจัดการความเป็นจริง’ ขณะที่เธอมองเห็นสภาพแวดล้อมของเธอได้ชัดเจนเสียงที่แหบแห้งก็เข้ามาในหูของเธอ
“ขี้ขลาด? เธอมันงี่เง่า”
นี้ไม่ใช่เสียงที่เธอจำได้ จินซาฮยอค ลืมตาของเธอแล้วหันไปทางเสียง
เจน ยิ้มอย่างสดใสและจ้องมอง จินซาฮยอค
“…เธอคือใคร?”
“ฉัน? เธอรู้จักฉัน. เจน.”
“…เจน?”
“อ๋อ ฉันเดาว่าหน้าของฉันแตกต่างจากปกติสินะ แน่นอนชื่อจริงของฉันคือความลับ”
ผู้หญิงคนนี้คือใคร? จินซาฮยอค สงสัยว่าเธอจำอะไรขึ้นมาได้ ผู้หญิงที่แนะนำตัวเองว่าเจนเคยมาเยี่ยมเบลล์เมื่อนานมาแล้ว
“เธอรู้ไหมว่ามันยากเหลือเกินกว่าที่ฉันจะทำให้เธอรอดชีวิตมาได้~? ฉันต้องโน้มน้าวพวกเขาโดยบอกว่าเธอจะเป็นเหยื่อที่สมบูรณ์แบบในการลากเบลล์ออกจากที่ซ่อน~”
“…อะไร? เบลล์? เหยื่อ?”
จินซาฮยอค บังคับตัวเองให้ลุกขึ้นมา
กร๊อบ กร๊อบ
เสียงกระดูกหักเธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เพราะทนไม่ไหว
“อ๋อ เธอต้องมีชีวิตอยู่เพื่อหลอกล่อและฆ่าเบลล์ … อย่างไรก็ตามเธอรักษาตัวเองแล้วหรือยัง?”
“… .”
จินซาฮยอค พยักหน้าอย่างเงียบๆ เจน ยิ้มอย่างสดใสจากนั้นก็รีบขยับข้อมือของ จินซาฮยอค กลับมาอย่างรวดเร็ว
“อะไรกัน…!”
จากนั้นเธอวาง [อุปกรณ์ต้านพลังเวทย์] ไว้บนข้อมือและข้อเท้าของเธอ
“แก ยัยสารเลว! แกทำอะไร!?”
“โอ้~? ฉันแค่ทำให้เธอกลายเป็นเหยื่อจริงๆไง~ เหยื่ออะไรจะได้รับอนุญาตให้ใช้พลังเวทมนต์~?”
“ยัยชั่ว ยัยบ้า!”
จินซาฮยอค เริ่มต่อสู้อย่างรุนแรง แต่เจนก็ล้มเธออย่างง่ายดายโดย
ขัดเท้าของเธอ
โครม!
จินซาฮยอค ล้มลงไปที่พื้น อย่างไรก็ตามเธอปฏิเสธที่จะยอมจำนนและดิ้นไปมา เธอเกือบจะดูเหมือนกุ้งที่อยู่บนพื้นดินแห้งๆ
“ปล่อยฉันนะ!”
“พวกแกมันขี้ขลาด 2 ต่อ 1 ยังไม่พอ!”
เจน ดูถูกและยิ้มให้กับ จินซาฮยอค ที่ทำตัวเหมือนเธอเป็นเหยื่อล่อ จากนั้นเธอก็พูดกับบอสที่เธอเชื่อว่ากำลังดูจากที่อื่น
“บอสฉันเตรียมพร้อมสำหรับคุณแล้ว”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น