The Novel’s Extra 439-446

 บทที่ 439 ตอนใหม่ (1)


 


[ห้องนั่งเล่นของออร์เดน]


 


ลึกเข้าไปในใจกลางอาณาจักรของออร์เดน ออร์เดนนั่งบนบัลลังก์ต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีของเขา


 


“ผู้บุกรุกเข้าไปใน บาเรียแห่งกาลเวลาแล้ว” ผู้รับใช้ที่คุกเข่าต่อหน้าราชารายงาน


 


“เท่ากับตอนนี้แมลงวันเข้าไปติดกับดักเรียบร้อยแล้ว”


 


“ไม่ ผู้บุกรุกดูเหมือนจะรู้ว่า บาเรียเวลา ทำงานยังไง ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่แน่ว่าพวกมันจะหลบหนีออกมาได้ พวกเราจะต้องทำอะไรบางอย่าง”


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้ราชาก็มองผู้รับใช้คุกเข่าต่อหน้าเขา คุรุคุรุ,ลาคอส,


เวริทาส์,การิมโต้…ถ้าเขาต้องการเขาก็สามารถสั่งให้ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเขาไปฆ่าผู้บุกรุกที่เย่อหยิ่งพวกนั้นได้


 


“…ฉันจะจัดการกับพวกมันเอง”


 


แต่ก่อนที่ราชาจะพูดอะไรได้มนุษย์ก็พูดออกมาคนรับใช้ของราชาจ้องมองมนุษย์ด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตามมนุษย์ไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวใดๆในความเป็นจริงมนุษย์ตะคอกและพูดออกมาอีกครั้งอย่างมั่นใจ


 


“ฉันจะตบสั่งสอนพวกมันเอง” คำพูดของจินซาฮยอค ทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของออร์เดน


 


“เธอจะไปเองเหรอ” ออร์เดนถาม


 


จินซาฮยอค พยักหน้าด้วยความมั่นใจ “แน่นอน”


 


หลังจากต่อสู้กับเบลล์ เธอได้เข้าร่วมออร์เดน แน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเธอวางแผนจะร่วมมือกับเขาจริงๆ เธอต้องยอมรับเรื่องนี้เพื่อหลีกเลี่ยงจากอุปสรรคของเบลล์


 


“ฉันจะทำให้พวกมันหายไปจากสายตาของนายเอง”


 


เธอไม่ได้โกหก เธอวางแผนที่จะพาคิมฮาจินกลับสู่อดีตของ อคทรีน่า ดังนั้นเขาจะหายไปจากสายตาของมอนสเตอร์ แม้ว่าโอกาสจะมาเร็วกว่าที่เธอคาดไว้ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอต้องการที่จะหนีจากที่นี่ให้เร็วที่สุด


 


“ดีแล้ว เธอทำได้แน่ๆ”


 


ออร์เดนให้การอนุมัติและจินซาฮยอค ปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอพร้อมรอยยิ้ม พรสวรรค์ใหม่ของเธอ [การจัดการความจริง] สร้างประตูขึ้นมา


 


“ฉันจะไปละนะ ไอ้พวกกระจอก”


 


เธอด่าพวกมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์และหายเข้าไปใน Portal ทันทีสร้างความโกรธให้กับเหล่าลูกน้องของราชาทันที


 


“…ราชาของข้า ทำไมท่านถึงยอมรับมนุษย์ที่หยิ่งยโสนั้นเข้ามาในกลุ่มของพวกเรา”


 


“ฆ่า…มัน….นัง…เลว….นั้น”


 


“คุรุรุ,คุรุรุรุ….”


 


ออร์เดนปล่อยพลังเวทมนต์ของเขาออกมาเพื่อทำให้ผู้รับใช้ของเขาใจเย็นลง


*************************************************************************


[84 วันเท่ากับ 12 ชั่วโมงในโลกแห่งความจริง]


 


ปาร์ตี้ของไอลีนเดินไปข้างหน้าไปยังปราสาทที่ห่างไกล 1 ชั่วโมง


2 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง 8 ชั่วโมง…หลังจากเดินเป็นเวลานานพวกเขาตระหนักว่าสภาพแวดล้อมของพวกเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย


 


“มีอะไรผิดปกติ…”


 


“หืม…ทำไมพวกเราไม่แยกออกเป็น 2 ทีม เรามีวิธีการสื่อสารดังนั้นมันน่าจะดี”


 


ทีมได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามคำแนะนำของ จินเซยอน ไอลีน,


จินเซยอน และ ชินจงฮัก ก่อตั้งทีมแรกในขณะที่ อียองฮา และ ซอยองจี สร้างเป็นทีมที่ 2 พวกเขาตัดสินใจติดต่อกันทันทีที่พบเจออะไร


 


เวลาผ่านไป


 


1 วัน 2 วัน 3 วัน 4 วัน…… 10 วัน…และในที่สุด 84 วัน ปัญหาคืออาหารไม่เหลือแล้ว ของที่พวกเขาเตรียมไว้ไม่เพียงพอที่จะอยู่ได้นานถึง 3 เดือน การขาดน้ำเป็นอันตรายอย่างยิ่ง


 


วันที่ 6 พวกเขาตัดสินใจยอมแพ้และกลับไปโดยใช้ม้วนคัมภีร์ย้อนกลับ


 


“ทะ-ทำไมมันไม่ทำงาน…?”


 


แน่นอนว่า ม้วนคัมภีร์ย้อนกลับ ไม่ทำงานภายใน บาเรียแห่งห้วงเวลา เมื่อความหวังสุดท้ายของพวกเขาสิ้นสุดลง ไอลีน,จินเซยอน และ


ชินจงฮัก ล้มลงกับพื้นด้วยความหงุดหงิด


 


ถ้าเปรียบเทียบแล้วแม้แต่ เฟรารี่ ก็ไม่สามารถใช้ได้ถ้าปราศจากน้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ที่ดีนั้นก็ต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีด้วยเช่นกัน เมื่อไม่มีเวทมนต์แล้ว ยอดมนุษย์ก็ไม่แตกต่างอะไรจากคนธรรมดา


 


ถึงกระนั้นความตายจากการขาดน้ำและความอดอยากก็เป็นสิ่งที่


พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะพบจุดจบด้วยความหิวมากกว่าการต่อสู้…เมื่อเวลาผ่านไปและความสิ้นหวังที่ยิ่งใหญ่ก็ก่อตัวในจิตใจของพวกเขา


 


…และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่พวกเขากำลังจะยอมรับความตายพวกเขาก็รู้สึกว่ามีคนที่ไม่รู้จักเข้ามาใกล้พวกเขา พวกเขาหันหน้าไปมองทิศทางนั้น


 


จากนั้นพวกเขาก็ได้ความหวังกลับคืนมา


 


คนที่ดูเหมือนสายลมสวมเสื้อเกราะที่ส่องสว่างกว่าที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน


 


“ฮะ…?”


 


“นั่นอะไรน่ะ?”


 


เป็น คิมฮาจิน เมื่อมองหน้าเขาทั้ง 3 คนก็กระพริบตาเบาๆ พวกเขาแทบจะไม่พูดอะไร


 


คิมฮาจินเดินไปหาพวกเขาและพูดพร้อมกับส่งขวดน้ำให้พวกเขา


 


“ดื่มสิ.”


 


คำ 2 คำนี้อาจเป็นคำที่เจ๋งที่สุด ไอลีน จินเซยอนและชินจงฮัก เคยได้ยินในชีวิตของพวกเขา


 


*************************************************************************


 


ผมให้น้ำพวกเขาก่อน


 


อึก – อึก –


 


หลังจากดูพวกเขาดื่มน้ำผมก็เริ่มทำอาหาร เพราะพวกเขากำลังหิวโหยเป็นเวลานานผมจึงทำซุป แม้แต่ ยอดมนุษย์ ก็มีปัญหาในการย่อยอาหารถ้าอยู่ในสถานะเช่นนี้


 


ไม่กี่นาทีต่อมาคนอดอยาก 3 คนก็เดินมาหาผม


 


“………อะ”


 


“‘‘จ๊อกๆๆๆ.’’”


 


ก่อนอื่นผมมอบชามให้กับชินจงฮัค ความหล่อเหลาตามปกติของเขาหายไปแทนที่ด้วยรูปลักษณ์ของกุ๊ยข้างถนน


 


“… .”


 


แต่ชินจงฮัคมองมาที่ผมโดยไม่รับซุปในชาม เขากัดริมฝีปากแน่น ดูเหมือนเขาอายเกินกว่าที่จะรับมันเอาไว้


 


“นายกำลังรออะไรอยู่? หากนายไม่ต้องการก็ถอยออกไป”


 


เมื่อไอลีนพยายามผลักเขาออกไปในที่สุดเขาก็หยิบชาม จากนั้นผมก็มอบชามให้ ไอลีน และ จินเซยอน 3 นาทีต่อมาพวกเขาก็คืนชามเปล่ามาให้ผม


 


“อ๊ะ…อะแฮ่ม นายรู้ได้ยังไงว่าต้องมาช่วยพวกเรา”


 


ไอลีนที่เลียทุกอย่างออกจากชามมองมาที่ผมด้วยความเสียใจ ผมบอกเธอถึงข้อแก้ตัวที่ผมเตรียมไว้ล่วงหน้า


 


“ฉันอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว”


 


“โอ้ …”


 


“อย่างที่คิดสมเป็น เฟนริล ผู้มีชื่อเสียง ฉันขอชื่นชมคุณผู้อาวุโส”


 


ไอลีน และ จินเซยอน ตอบและพวกเธอส่งสัญญาณให้ผมเติมชามของพวกเธอ


 


“…ผู้อาวุโส?”


 


“นายไม่ได้บอกว่านายมาช่วยพวกเราเหรอ? นั่นทำให้นายเป็นผู้อาวุโสของพวกเรา ขอบคุณนะ ผู้อาวุโส ขอบคุณจริงๆ”


 


ดวงตาของจินเซยอนนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ เธอดูเหมือนพร้อมที่จะรับฟังทุกอย่างและจูบเท้าของผม ดูเหมือนว่าพวกเธอจะอาการหนักกว่าที่ผมคิด ผมมองดู ชินจงฮัก เพื่อดูว่าเขาอยากเอาอีกชามด้วยหรือไม่


 


“แพลบ, แพลบ… ”


 


เขาเลียชามของเขา เขาหันหลังให้กับผม แต่ผมสามารถบอกได้ด้วยเสียงที่เขาทำและไหล่ของเขาที่ขึ้นและลง


ผมคว้าชามออกจากมือของเขา


 


“อะ-อาาาา! นะ-นายต้องการอะไร! ส่งมันคืนมานะ!”


 


“นายกินหมดแล้วไงล่ะ นายเติมได้อีกนะ”


 


ผมเติมให้ทั้ง 3 ชามแล้วส่งคืน


 


“…ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนาย”


 


แต่ชินจงฮัคดื้อรั้น ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ชามซุป แต่ปากเขาปฏิเสธ


 


หวือหวา


 


ผมพยายามสั่นชามต่อหน้าเขา ดวงตาของชินจงฮัคมองตามชามราวกับว่าเขาหลงใหลอะไรบางอย่าง


 


“…อึก,อึก”


 


“นายแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการมัน? ฉันเห็นนายน้ำลายไหลด้วยนะ”


 


เมื่อผมถามอีกครั้งและชินจงฮัคก็บ่นอย่างเงียบๆ


 


– …วันนี้เพียงแค่วันนี้เท่านั้น ฉันอยากให้นายมาเป็นพ่อครัวของฉัน


 


ผมยิ้มและส่งชามให้เขา หลังจากนั้นผมปรุงเนื้อสัตว์และเตรียมยาให้พวกเขาเพื่อเพิ่มพลัง


 


“อ้า…นายช่วยพวกเราไว้ ว่าแต่..นายมีของหวานมั้ย ~? ฉัน…แค่รู้สึกเวียนหัว…อ่าฉันจะเป็นลม…ฉัน….ฉันคิดว่า…ฉันต้องใช้ช็อคโกแลตเพื่อรักษาอาการนี้…ฉัน….”


 


“ขอบคุณมากนะค่ะ ฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณ….”


 


“…นายรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วนายจะออกไปยังไง”


 


ไอลีน, จินเซยอน และ ชินจงฮัก กล่าวตามลำดับ พวกเขามีบุคลิกที่ไม่เหมือนใคร ผมมอบช็อคโกแลตให้กับไอลีนก่อนเป็นอย่างแรก


 


“ขอบคุณ…งับๆๆ”


 


เมื่อเห็นช็อคโกแลตไอลีนก็เขินอายแต่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส


 


ผมตอบทุกคนว่า “พวกนายตกหลุมพรางในขณะตอนที่พวกนายมาถึงไงละ”


 


ใบหน้าของไอลีนบิดเบี้ยว “ฉันไม่รู้ ฉันสงสัยแบบนั้นเหมือนกัน ฉันแค่เคลื่อนย้ายไปยังพิกัดที่ฉันได้รับจากคนที่ระดับสูงกว่า”


 


พิกัดจากคนระดับที่สูงกว่า ผมรู้สึกได้ว่าปัญหาอยู่ที่ตรงนั้น


 


“…ใครที่เป็นคนให้แผนที่ล่ะ”


 


“หืม? อ้อ หัวหน้าของพวกเรา เป็นคนพูดคุยเรื่องต่างๆกับสมาคมเพื่อการวางแผน”


 


“หัวหน้า?”


 


“ใช่เขาชื่อปาร์คฮันโฮ นายก็เคยได้ยินชื่อเขาใช่ไหม เขาเป็นประธานของวิหารแห่งความยุติธรรมนายคงเห็นชื่อของเขาในหนังสือแบบเรียน”


 


ผมรู้แล้วว่าใครเป็นคนทรยศ


ปาร์คฮันโฮ ชื่อของเขาถูกกล่าวถึงในเนื้อเรื่องเดิมและแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีบทบาทสำคัญ แต่เขาไม่ใช่ประธานของวิหารแห่งความยุติธรรม


ใน [เส้นเนื้อเรื่อง] ผมสร้างเขาขึ้นเพื่อสร้างระดับพลังของตัวละคร ปาร์คฮันโฮ อยู่ที่ …


 


[ปาร์คฮันโฮ 9.45 / 9.45]


 


คะแนนที่เป็นไปได้สูงสุด


 


ตัวเลขนี้สูงกว่าระดับ [9.4 / 9.55] ที่ผมให้แก่ ไอลีน เล็กน้อย


 


“… .”


 


ใบหน้าของผมแข็งทื่อ เมื่อเห็นอย่างนี้อีก 3 คนก็สามารถคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


 


“นายหมายถึง….ปาร์คฮันโฮทรยศพวกเรา?” ไอลีนถาม


 


ผมพยักหน้าอย่างใจเย็น “ถ้าคนที่ทำตามแผนไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดก็ต้องเป็นคนวางแผนที่ทำ”


 


“แต่ปาร์คฮันโฮไม่มีแรงจูงใจ ฉันรู้จักเขาดีและเขา-”


 


“ไม่”


 


ไอลีน ขัดจังหวะ จินเซยอน ใบหน้าของเธอจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม


 


“ตอนนี้พอฉันมาคิดเรื่องนี้แล้ว…ตาแก่นั้น ลูกสาวของเขาเสียชีวิตลงเมื่อเร็ว ๆ นี้”


 


“อะไรนะ?”


 


“ฉันเองก็พอรู้มาบ้างเช่นกัน”


 


ไอลีนบอกว่าปาร์คฮันโฮไปคุยกับกลุ่มระดับสูงของสมาคม เขาตะโกนใส่อีกฝ่ายโดยบอกว่าลูกสาวของเขาต้องการพลังแห่งการรักษา แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงไม่อยากให้ทำแบบนั้น ปาร์คฮันโฮมีใบหน้าที่น่ากลัวเมื่อเขาวางหูและลูกสาวของเขาก็เสียชีวิตลงใน 1 เดือนหลังจากนั้นเนื่องจากอาการเจ็บป่วย


บทที่ 440 ตอนใหม่ (2)


 


“เขาบอกว่าออร์เดนโผล่มาที่จุดนี้ ลูกสาวของเขาเสียชีวิตลงดังนั้น…แรงจูงใจของเขาก็ชัดเจน”


 


“…เขาเข้าร่วม ออร์เดน เพื่อฟื้นคืนชีพคนตายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง? ช่างโง่เหลือเกิน” ชินจงฮัคแสดงความคิดเห็นอย่างเย็นชา


 


ผมไม่เห็นด้วยกับเขา


 


“ยังไงก็ตาม…” ผมส่งกระเป๋าซึ่งเต็มไปด้วยอาหารให้พวกเขา


 


“อยู่ที่นี่จนกว่าพวกเราจะรู้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น การออกไปข้างนอกอาจเป็นอันตรายได้”


 


ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผู้ต้องสงสัยคือใครผมสามารถขอให้ [หนังสือแห่งความจริง] ยืนยันได้ [คนทรยศคือใคร] มันเป็นคำถามที่กว้างเกินไปที่จนรอยสักแค่ 5 สายไม่พอแต่ถ้าแค่ถามว่าปาร์คฮันโฮเข้าร่วมกับ


ออร์เดนหรือไม่นั้นง่ายมาก


 


ไอลีน บ่นอย่างไม่มีความสุข “มันไม่ใช่ว่าพวกเรามีทางเลือก ที่แห่งนี้ไม่มีทางออก “


 


“ไม่เป็นไร. ฉันจะทำให้บาเรียนี้อ่อนลงเอง”


ทีมลอบสังหารแรกถูกกำหนดให้ล้มเหลว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการค้นหาว่าใครเป็นคนทรยศ


 


“อ่อนลง? ได้ยังไง?”


 


“ฉันจะบอกพวกเธอเกี่ยวกับเรื่องนั้นในภายหลัง สำหรับตอนนี้พวกเราต้องหา คุณ อียองฮา และ คุณ ซอยองจี ก่อน”


 


และแล้ว


 


ตู้มมมมมมมมม


 


พลังเวทย์มนตร์ดังจากระยะไกล พวกเราลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว


 


ในอากาศที่ว่างเปล่าพลังเวทมนต์ก็รวมตัวกันและก่อตัวเป็นรูปวงรี


ในไม่ช้าก็มีคนคนหนึ่งเดินออกมา


 


ไม่ใช่แค่คนๆหนึ่งแค่เป็น 1 คน แบกอีก 2 คน บุคคลนั้นคือ จินซาฮยอค และคน 2 คนที่อยู่ในมือเธอคือ ซอยองจี และ อียองฮา


 


“…!”


 


ดวงตาของพวกเราเบิกกว้าง จินซาฮยอค ยิ้มเยาะขณะที่เธอจับ


อียองฮาและซอยองจี


 


“โย่”.


 


“….”


 


“กะ- แกนังบัา! ปล่อยพวกเขาซะ!”


 


“เธอคือใคร!? เปิดเผยตัวตนของเธอออกมา!”


 


ผมยังคงนิ่งเงียบ แต่ ไอลีน และ จินเซยอน ตอบโต้อย่างรุนแรง


ดูเหมือนว่าพวกเธอพร้อมที่จะจัดการ จินซาฮยอค ได้ทุกเวลา


 


“ฉันจะฆ่าพวกเขาถ้าพวกเธอเข้ามาใกล้ โดยเฉพาะเธอ ยัยสาวแคระ ฉันจะฆ่าพวกเขาทันทีที่เธออ้าปาก”


 


แต่จินซาฮยอค หยุดพวกเธอด้วยประโยคเดียว เธอสร้างดาบขึ้นด้วยพลังเวทมนต์ของเธอแล้วชี้ไปที่ อียองฮา และ ซอยองจี


 


“แก……….นังสารเลว…เรียกใครว่า………คนแคระ…”


 


“ฉันไม่มีธุระกับคนโง่เขลา ว่าไง คิมฮาจิน”


 


จินซาฮยอค เรียกผมขึ้นมาผมจ้องมองเธออย่างเงียบๆ ผมใช้พลังเวทย์ของรอยสักในการจ้องมองของดวงตาพันไมล์


 


“อะ.” จินซาฮยอค สั่นไหว ในขณะเดียวกันเหงื่อเย็นๆก็ไหลลงบน


หน้าผากของเธอ ผมรู้สึกถึงการบาดเจ็บภายในตัวเธอ ถ้าผมทำต่อไปอีกสักพักเธอก็อาจจะเป็นลมไปเอง


 


“ อ๊ะ…!”


 


เธอเหมือนจะเติบโตขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ตัวงั้นเหรอ? จินซาฮยอค ปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอออกมาและเอาชนะสายตาของผม


 


“แกไอ้สวะ ถ้าแกไม่อยากให้ 2 คนนี้ตายให้หยุดจ้องมองแบบนั่นซะ-!”


 


นั่นคือสิ่งที่ จินซาฮยอค พูด แต่ผมรู้ว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะฆ่าตัวประกัน ชัยชนะที่ขี้ขลาดนั้นขัดกับหลักการของเธอ


 


ผมยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “เธอจับตัวประกันอยู่งั้นเหรอ? เธอนี้มันดื้นจริงๆ ฉันคิดว่าเธอเป็นคนดี ไม่งั้นฉันคิดว่าฉันน่าจะฆ่าเธอไปแล้ว “


 


ทันใดนั้นเส้นเลือดก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของจินซาฮยอค เธอโกรธอย่างแท้จริง เธอจ้องมองมาที่ผมที่เย้ยหยันหลักการของเธอ


 


แน่นอนความเป็นปรปักษ์ของเธอไม่ได้ทำอะไรเพื่อทำให้ผมกลัว


 


“หุบปากแล้วมาที่นี่ก่อน ก่อนที่ฉันจะฆ่าพวกเขา”


 


“ทำไมเธอฆ่าฉันไม่ได้งั้นเหรอ”


 


“…หุบปากก่อนที่ฉันจะฉีกปากของแกออกมา”


 


“เอาล่ะฉันจะไปก็แล้วกัน”


 


ผมเดินไปหาเธออย่างผ่อนคลายทุกครั้งที่เตรียมพร้อมที่จะเปิดใช้งานทักษะพิเศษของผมได้ทุกเมื่อ 1 ก้าว 2 ก้าว 3 ก้าว…เหลืออีกเพียงแค่


3 ก้าวระหว่างผมกับจินซาฮยอคเธอก็หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเธอ ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นระเบิด


 


“อะไรน่ะ…!”


 


ผมเปิดใช้งาน [โชคชะตา] ทันทีอย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอหยิบออกมาไม่ใช่ลูกระเบิด แต่เป็นแสงสีน้ำเงินที่เปล่งประกาย ดวงตาของผมซึ่งตอนนี้มีคุณสมบัติแล็ปท็อปแสดงให้ผมเห็นรายละเอียดของไอเท็ม


 


===


[พื้นทวีป]


– คุณสามารถใช้ชิ้นส่วนของนี้เพื่อกลับสู่แผ่นดินที่บันทึกเอาไว้ อคทรีน่า ในช่วงเวลาของปี 555.


===


 


“อ๊ะ รอเดี๋ยวก่อน-”


 


ผมพยายามหยุดเธอ แต่มันก็สายเกินไป จินซาฮยอค ผสมผสานพลังเวทมนต์ของเธอเข้ากับคริสตัลสีน้ำเงินและคริสตัลก็ระเบิดออกมา


 


ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม-!


 


พลังเวทมนต์ควบแน่นภายในคริสตัล กระแสน้ำเชี่ยวกรากทำให้


จินซาฮยอค และ ผมรวมไปถึงคนอื่นๆในพื้นที่ต่างก็สบสน


*************************************************************************


“อา….”


 


จินซาฮยอค ลืมตา เธอรู้สึกหน้ามืดและค่อนข้างมึนงง เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่คุ้นเคย ดวงจันทร์ 2 ดวงและดวงดาวคล้ายอัญมณีถูกวางไว้อย่างสวยงามบนผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า


 


“พวกเราอยู่ที่ไหน…?”


 


“ไม่ชัดเจนพอเหรอ?”


 


เสียงตอบของผม ทำให้เธอตกใจมาก ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆ


 


“ในอดีตที่ถูกบันทึกไว้”


 


ข้างในความมืดดวงตาที่ค่อนข้างเศร้าของเขาเงยขึ้นมองท้องฟ้า


 


“พื้นทวีป ปี 555, 8 มีนาคม”


 


คิมฮาจินหันกลับมามอง ดวงตาของเขาย้อมด้วยพลังเวทมนต์มีประกายราวกับอัญมณี รูปร่างของจินซาฮยอค สะท้อนถึงดวงตาสีฟ้าของเขา


 


“มันคืออาณาจักรของเธอ”


 


“… .”


 


คำพูดของเขาทำให้ความคิดของจินซาฮยอคสับสนวุ่นวาย ทันที เธอมองขึ้นไปบนดวงจันทร์ 2 ดวงและดวงดาวนับไม่ถ้วนพร้อมเสาน้ำแข็งที่แขวนอยู่บนต้นไม้ทุกต้น สถานที่นี้ไม่ต้องสงสัยเลย….


 


“…อคทรีน่า” จินซาฮยอค บ่นอย่างงุนงง


 


บ้านที่เธออยากกลับไป ความทรงจำเกี่ยวกับเวลาที่เธอปกครอง


พัลซาร์ ในฐานะราชาปรากฏในความคิดของเธอ


 


“ถ้าเธอจำได้ก็จงลุกขึ้นมา” คิมฮาจินถอนหายใจและลุกขึ้น เขาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับโลกนี้จริงๆ


 


“…อะไร?”


 


“ฉันบอกให้ลุกขึ้น”


 


ดูเหมือนว่าเขาจะมีปลายทางอยู่ในใจและจินซาฮยอค ก็จ้องมองไปที่เขา


 


“คิมฮาจิน นี่ไม่ใช่เวลาที่นายควรจะเปิดเผยตัวตนที่แม้จริงของนาย-“


 


“หุบปากแล้วตามฉันมา”


 


“…อะไรนะ?”


 


“เออน่า ตามมา”


 


คิมฮาจินเกาคอของเขา แม้ว่าเขาจะใกล้กับคริสตัลที่ระเบิดในมือของจินซาฮยอค แต่เขาก็สามารถตื่นขึ้นมาได้ก่อนหน้านี้ด้วย ลูกแก้วพื้นฟูที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋าของเขา จินซาฮยอค ไม่รู้ว่าคิมฮาจินตื่นขึ้นมาถึง 3 ชั่วโมงแล้ว


 


“…พวกเราต้องเคลียร์ภารกิจ”


 


“อะ-นายกำลังพูดถึงอะไร?”


 


“สิ่งที่เธอทำลายคือคริสตัลหออคอย ก่อนที่พวกเราจะเคลียร์ภารกิจ


เราไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้”


 


คิมฮาจินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยท่าทางเคร่งเคลียด มันดูซับซ้อน


 


===


[พบเจอปัญหา]


– อคทรีน่า โลกของจินซาฮยอค และบ้านของ คิมซูโฮ ยังไม่เพียงพอ


[การเปลี่ยนแปลง]


– เสริมพลังของชิ้นส่วนของพื้นทวีปให้แข็งแกร่งกว่าเดิม


– เพิ่มตอนใหม่ของ อคทรีน่า แต่งเติมเนื้อเรื่องอย่างเร่งด่วน


– รางวัลเพิ่มตอนใหม่


[รายชื่อรางวัล]


– ไอเท็มที่สามารถพบได้โดยผ่านเรื่องราว


แว่นขยายลึกลับ

ปากกาวิเศษทุกหนทุกแห่ง

คริสตัลบริสุทธิ์

???

[ความล้มเหลว – การเสียชีวิตของจินซาฮยอค]


===


 


เสียงของ จินซาฮยอค ทำลายความคิดของ คิมฮาจิน


 


“นายกำลังพูดถึงอะไร”


 


“… .”


 


แต่คิมฮาจินไม่สนใจเธอ เขาเข้าไปในทุ่งนาทางขวาของจินซาฮยอค แววตาของเขาดูว่างเปล่า


 


“เจ้าบ้านี้….”


 


คิมฮาจินเดินไปข้างหน้าราวกับว่าเขารู้ว่าเขากำลังจะไปไหน เขาไม่สับสนแม้แต่น้อย เขาเดินไปตามทางเหมือนกำลังเดินเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้านของเขา


 


เมื่อเห็นอย่างนี้จินซาฮยอคก็มั่นใจในความสงสัยของเธอ


 


โดยไม่ต้องคิดแล้วว่าเขาเป็นใคร คิมฮาจิน ต้องมาจากพัลซาร์ กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาเป็นของเธอเพราะเธอเป็นราชาของพัลซาร์เมื่อเธอคิดถึงสิ่งนี้ใบหน้าของเธอก็แข็งทื่อ


 


…อย่างไรก็ตามความคิดของ คิมฮาจิน นั้นแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย


 


[หนังสือแห่งความจริง – แผนที่ทวีป อคทรีน่า]


 


“อืม.”


 


เขาสร้างแผนที่โดยใช้หนังสือแห่งความจริง แผนที่นี้น่าเชื่อถือมากกว่าแผนที่ที่ อคทรีน่า มี


 


“อะแฮ่ม.”


 


จินซาฮยอค ไล่ตาม คิมฮาจิน ไป


 


ทั้ง 2 เดินเป็นเวลานานอย่างเงียบๆ จินซาฮยอค กลายเป็นคนขี้น้อยใจ


และรู้สึกเศร้าเมื่อรู้ว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา


 


ทั้ง 2 เดินผ่านทุ่งนาอย่างเงียบ ๆ


 


คิมฮาจินเดินอย่างไม่ลังเลว่าเขาจะไปที่ใดและจินซาฮยอคก็ติดตามเขาด้วยความสับสน


 


“…อ๊ะ นั้น-! ‘


 


ไม่ช้าพวกเขาก็พบปราสาท จินซาฮยอค ตะโกนด้วยความประหลาดใจ


 


“พระราชวัง!”


 


คิมฮาจินหยุดและจ้องมองที่นั้น ไม่ช้าเขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา


 


“พระราชวัง ตูดเธอสิ”


 


“…อะไรน่ะ?”


 


“นั่นคือปราสาท ชูเบิร์ท พวกเราอยู่ไกลจากพระราชวังมาก”


 


“… ฮะ?”


 


จินซาฮยอค ขมวดคิ้วและมองปราสาทอีกครั้ง


จริงๆแล้วมันต่างจากวังในความทรงจำของเธอ มันมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกันดีๆ


 


“…อะแฮ่ม.”


 


จินซาฮยอค ปิดปากและตามหลังคิมฮาจิน ไหล่เล็กๆของเขาดูกว้างใหญ่ขึ้นมาในวันนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง


 


‘เฮ้อออ…’ จินซาฮยอค ถอนหายใจและครุ่นคิด ‘ฉันคิดถูก คิมฮาจิน เป็นพลเมืองของ พัลซาร์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนใจดีอะไร แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนของฉัน…. ‘


 


ในขณะนั้นคิมฮาจินก็หันหลังกลับมาและมองหน้าจินซาฮยอค


จินซาฮยอค แข็งตัวอย่างตกใจ


 


คิมฮาจินพูดออกมา “เร็วๆเข้า อย่ามางี่เง่า หยุดทำตัวน่ารำคาญได้แล้ว ชิ ไร้ประโยชน์จริงๆ”


 


“เอ่อ…หาาาาาา?”


 


การบ่นของ คิมฮาจิน ดังขึ้นในหัวใจของ จินซาฮยอค


บทที่ 441 ตอนใหม่ (3)


 


Vast Expanse กระทืบเท้าลงบนพื้น เขาไม่จำเป็นต้องขยับตัวพลังของเขาแทรกซึมลงไปในพื้นดิน แผ่นดินก็พุ่งเข้าหาศัตรูของเขา บางครั้งมันก็แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้าเหมือนร่ม พรสวรรค์ของเขาสมบูรณ์แบบสำหรับการโจมตีและการป้องกัน Vast Expanse กลายเป็นหนึ่งเดียวกับโลกและต่อสู้กับ Chameleon Troupe


 


แต่ความแข็งแกร่งที่รวมกันของ Chameleon Troupe นั้นมีพลังที่ไม่ต่างกับพรสวรรค์ของ Vast Expanse เท่าไร ชอคจุนกยอง ทุบกำแพงดินของ Vast Expanse ด้วยความแข็งแกร่งและพลังของเขา บอสเผาดินด้วยเงาที่กลายเป็นเพลิงนรกของเธอ ฮิราโนะ อาราชิ โจมตีด้วยเวทมนตร์แห่งการทำลายล้าง สายเลือดของ เกอิต้า, หอกของ


จินโยฮานและมีดสั้นของเซนต์​ริน ต่างก็ฌจมตีเข้าใส่ Vast Expanse


 


การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป พลังเวทมนต์ประทะกันทำให้โลกและ


แผ่นดินต้องลุกเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่จากระยะไกลมันดูราวกับว่ามีการจุดประทัดหลายสิบจุดติดกัน


 


“…ทำไมพวกเราไม่หยุดลงที่นี่”


 


พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เมื่อการต่อสู้หยุดลงบอสขอให้ Vast Expanse หยุดก่อนที่จะเปิดทักษะขั้นสูงสุดของเธอออกมา


 


“พวกเราจะต้องหันไปใช้วิธีอื่นถ้าคุณยังขัดขวางพวกเราอยู่”


 


“….” Vast Expanse มองบอสอย่างเงียบๆทันใดนั้นเขาก็ยิ้มเบาๆ


“งั้นเองเหรอเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆยียอนจุนโตขึ้นมากขนาดนี้แล้วเหรอ”


 


ยียอนจุน ชื่อของอดีตบอส บอสกำกำปั้นของเธอแน่นเพราะชื่อของเขามันทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยิน


 


“เด็กน้อยทำไมเธอถึงต้องการเด็กหญิงคนนั้น?”


 


Vast Expanse ชี้ไปที่ยียูริที่อยู่ไม่ไกล


 


“พวกเราต้องการปกป้องเธอ”


 


“ปกป้อง?” ใบหน้าของ Vast Expanse เปลี่ยนไปเล็กน้อย


 


“ตอนนี้เธอกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับบุคคลทางการเมือง เธอจะต้องถูกใช่ประโยชน์แบบนี้ต่อไปจนกว่าเธอจะตาย พวกเราอยากที่จะปกป้องเธอจากสิ่งนั้น”


 


“…และใครเป็นคนบอกเธอเรื่องนี้? ใช่เด็กที่เธอเรียกว่า ดอกบัวดำ หรือเปล่า?”


 


บอสพยักหน้า“ ใช่”


 


“ทำไมเขาถึงบอกเรื่องแบบนี้?”


 


“ฉันไม่รู้.”


 


“…เธอไม่รู้ทั้งแรงจูงใจและจุดประสงค์ของเขา แต่เธอก็ยังเต็มใจที่ทำตามคำขอของเขา” Vast Expanse ยิ้มอย่างดูหมิ่น


 


“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสอน ยียอนจุน”


 


“…ฉันรู้” บอสส่ายหัวเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างอดีตบอส – ยียองจุน – กับ Vast Expanse นั้นคือ ลูกศิษย์และอาจารย์


Vast Expanse สอน Vast Expanse เรื่องเกี่ยวกับความคิดของทหารรับจ้างซึ่งต่อมาได้ถูกส่งต่อให้กับบอส


 


“อย่างไรก็ตามนี่เป็นคำขอจากคนที่ฉันเป็นหนี้เขาไปตลอดชีวิต”


 


คำขอของคนที่มีค่าต่อเธอ ทุกคนมาที่นี่ในวันนี้มาด้วยเหตุผลเดียวกัน บอสไม่ได้บังคับให้พวกเขามีส่วนร่วมในภารกิจนี้ สมาชิกทุกคนมาด้วยความสมัครใจ ก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัวคิมฮาจินก็ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของ Chameleon Troupe


 


“ฉันจะทำตามคำขอของเขา เพราะฉันไม่ใช่ Vast Expanse”


 


ใบหน้าของ Vast Expanse แข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดของบอส เขาหาร่องรอยของศิษย์เก่าเขาบนใบหน้าของบอส ใบหน้าของเธอมีความมุ่งมั่นที่คล้ายกัน แต่ก็แตกต่างกัน ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มกว้างๆ


 


“…จุนวู วางดาบของเธอลงเถอะ”


 


คิมจุนวูวางดาบลง พลังเวทย์ของ Vast Expanse ก็ลดลงเช่นกัน


Vast Expanse วางแผนที่จะปล่อยให้ Chameleon Troupe จากไปและ Chameleon Troupe เองก็ไม่ปฏิเสธความเมตตาของเขา


 


“ขอบคุณ.”


 


“เธอไม่ต้องขอบคุณฉัน ฉันถอยเพียงเพราะเป้าหมายของพวกเราอยู่ในแนวทางเดียวกัน” Vast Expanse กล่าวขณะที่เขาหันหลังกลับ


“ฉันจะไปเยี่ยมเธอไม่นานนี้หรอกเพราะงั้นรักษาเด็กให้ปลอดภัยจนกว่าจะถึงวันนั้น”


 


เขาค่อยๆเดินจากไปจาก! และเขาหายไปจากสายตาของทุกคน


 


*************************************************************************


[บันทึกของ อคทรีน่า]


 


ทวีป อคทรีน่า นั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับ ‘โลกแฟนตาซี’ ที่พบในนิยายต่างๆเหนือท้องฟ้าเป็นดาวบริวารที่เหมือนดวงจันทร์ 2 ดวงและดวงดาวนับไม่ถ้วน ความกว้างใหญ่มันที่ส่องทสว่างบนท้องฟ้าที่มืดมิด ผมเดินท่ามกลางทิวทัศน์ที่แปลกประหลาดแต่สวยงาม


 


[เป้าหมายแรก – ไปถึงเมืองหลวง พัลซาร์]


 


หน้าต่างป๊อปอัปที่ปรากฏต่อหน้าผมประกาศเป้าหมายแรกของพวกเรา


ผมเดินต่อไปโดยมีหน้าต่างนี้อยู่ที่มุมขวาบนของผม


 


พวกเราเดินต่อไปประมาณครึ่งวันโดยตามหนังสือแห่งสัจธรรม


 


“…อืมมมมม.”


 


วันใหม่เริ่มขึ้นและดวงอาทิตย์ก็อยู่เหนือหัวพวกเราแล้ว พวกเรามองเห็นกำแพงได้จากในระยะไกล แต่มันได้รับความเสียหายอย่างน่ากลัวและไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ผมตรวจสอบข้อมูลแล้ว


 


===


[กำแพงด้านนอกแห่งพัลซาร์]


– กำแพงด้านนอกของ ‘พัลซาร์’ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ พัลซาร์ มันถูกทำลายในสงคราม


===


 


“นี่คือผนังด้านนอกของ พัลซาร์”


 


ผมอ่านข้อมูลให้กับ จินซาฮยอค ที่ติดตามผมจากด้านหลัง ดวงตาเธอเบิกกว้างแล้วตรวจสอบกำแพง


 


“…นายพูดถูก.”


 


พวกเราหยุดอยู่ตรงหน้ากำแพง พวกเราเห็นซากปรักหักพังเหนือกำแพงที่ถูกทำลาย คราบเลือดย้อมเป็นสีแดงปนดำและกลิ่นที่น่ารังเกียจของซากศพสะท้อนออกมา มันดูน่ากลัวอย่างแท้จริง


 


“ภายในปี 555 ทั้งทวีปอยู่ในซากปรักหักพัง สงครามจำนวนมาก


พัดผ่านทวีปราวกับพายุและมอนสเตอร์ก็บุกเข้ามาก่อนที่พวกเราจะฟื้นตัวหลังจากสงคราม ในปี 555 สถานที่แห่งเดียวใน พัลซาร์ ที่ยังคงไม่พังทลายคืออาณาเขตของ เคาร์ชูเบิร์ท ซึ่งพวกเราเพิ่งผ่านไปและ


ที่นั้นกับเมืองหลวงกำลังขัดแย้งกัน”


 


จินซาฮยอค อธิบายให้ผมฟังถึงเหตุผลเบื้องหลังการมุมมองเห็นที่


น่าเบื่อนี้ ตอนนี้เธอแตกต่างอย่างชัดเจนจากที่โลก บางที


‘ตราประทับแห่งความทรงจำ’ ของเธออาจอ่อนแอลง


 


“เอาล่ะไปกันเถอะ”


 


“… .”


 


พวกเราเดินผ่านกำแพงที่แตกสลาย ไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตภายในมีเพียงบ้านเท่านั้นที่ถูกทำลายและร่างของผู้อยู่อาศัยกับทหารที่ปกป้องเมืองจนตัวตาย


 


“ดูเหมือนว่ากำแพงจะพังทลายลงมาเร็วๆนี้ละ”


 


ตัดสินจากรูปการ์ณที่นี่ผ่านมาไม่ถึง 1 สัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่เกิดเหตุจินซาฮยอค พยักหน้าในเรื่องนี้


 


“น่าจะเป็นแบบนั้น. ต้องมีการต่อสู้เมื่อไม่นานมานี้ …เฮ้ นายวางแผนจะทำอะไรที่นี่?”


 


ผมรู้สึกตะลึงคำถามของจินซาฮยอค ‘เธอไม่เข้าใจสถานการณ์งั้นเหรอ’ แทนที่จะโกรธผมก็ถอนหายใจแล้ววางมือลงบนไหล่ของจินซาฮยอค


 


“ทำไมเธอถึงถามฉันแบบนั้น? เธอคือคนที่ลากฉันมาที่นี่นะ”


 


“… .”


 


ใบหน้าของ จินซาฮยอค เหยเก เธอมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่แหลมคม


 


“มันถึงเวลาที่นายจะแสดงตัวได้แล้ว”


 


“อะไรนะ? เธอพูดบ้าอะไร”


 


ในเวลานั้น ตึก,ตึก เสียงควบสัตว์ดังขึ้น แม้เสียงจะมาจากม้าหลายตัว แต่มันก็ฟังดูอ่อนกำลังด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมหันไปยังทิศทางของเสียง


 


กองทัพทหารม้าประมาณ 300 คนกำลังเข้ามาใกล้พวกเราพร้อมธงชาติ แต่ม้าของกองทัพอยู่ในสภาพแย่มาก ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว….แน่นอนมันเข้าใจได้ง่ายๆ สุดท้ายแล้วสิ่งมีชีวิตในทวีป อคทรีน่า ก็ใกล้จะสูญพันธุ์เพราะสภาพความเป็นอยู่ของมันก็แทบจะเป็นสันทราย


 


“… เจ้าวายร้าย!”


 


ด้วยเสียงโห่ร้องขนาดใหญ่กองทัพก็มาถึงหน้าพวกเรา แต่ทันทีที่


พวกเขาเห็นเสื้อผ้าที่ผิดปกติของพวกเรา พวกเขาก็งุนงง ในขณะเดียวกันจินซาฮยอค พยายามพูดราวกับว่าเธอเป็นกษัตริย์ของพวกเขา


 


“หืมม เจ้าพวกโง่เขลา พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าพูดอยู่กับใคร”


 


“เงียบๆซะ เธอไม่ใช่ราชาในตอนนี้”


 


“… .”


 


จินซาฮยอค เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าผมหมายถึงอะไร เธอมองพวกเขาพร้อมดวงตาที่เปิดกว้าง


 


ท่ามกลางทหารมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆในชุดเกราะหลวมๆ เธอดูอายุไม่เกิน 10 ปี เธอตัวเล็กที่สุด แต่เธอขี่ม้าที่สูงที่สุด


 


“ …โอ้โห โอ้โห”


 


หญิงสาวเดินมาข้างหน้าอย่างช้าๆบนม้าของเธอ พวกเราจ้องมองไปที่เด็กคนนั้น


 


ที่จริงแล้วเธอดูเหมือนจินซาฮยอคที่อายุลง 15 ปี ในเวลานี้พวกเธอดูแตกต่างกันนิดหน่อยเพราะผู้หญิงคนนี้ผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า


 


“พวกเจ้าเป็นใคร?” เด็กหญิงสาวผู้น่ารักเหมือนตุ๊กตาถามขณะที่เธอพยายามรักษาความสงบของเธอ ผมเห็นประกายไฟและความดื้อรั้นในสายตาของเธอแม้จะอยู่ไกลๆ


 


ผมมองไปที่ จินซาฮยอค เธอมองผู้ปกครองของ พัลซาร์ ด้วยความงุนงง


การเผชิญหน้ากับอดีตเป็นยังไง แน่นอนว่าผมเองก็ไม่รู้


 


“ตอบฉัน. ถ้าพวกเจ้าไม่ -!”


 


ม้ากระโดดเหมือนกษัตริย์ตัวน้อยที่กำลังจะตะโกน


 


“ว้า…..ว้าย เป็นอะไรไป….”


 


อัศวินลงจากหลังม้าเพื่อกุมบังเหียนของเธอ จากนั้นกษัตริย์ตัวน้อยก็มองพวกเราอีกครั้ง


 


“เปิดเผยตัวตนของพวกเจ้าออกมา ชูเบิร์ทส่งพวกเจ้ามาหรือเปล่า และอธิบายชุดของพวกเจ้าด้วย”


 


“ไม่ พวกเราเป็น….”


 


ผมจ้องมองจินซาฮยอค อย่างไรก็ตามเธอพูดไม่ได้


 


“พวกเรามาจากพระวิหาร”


 


“วิหาร?”


 


“ใช่.”


 


เป็นธรรมดาที่ อัศวิน จะไม่เชื่อผม


 


“พวกโง่! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเจ้ากำลังโกหกใครอยู่…?”


 


การกระทำดีกว่าคำพูด ผมแสดงหลักฐานให้พวกเขาเห็น การรวมตัวของพลังศักดิ์สิทธิ์โดยใช้รอยสัก อัศวินจ้องมองไปที่ก้อนพลังสีขาวที่พุ่งขึ้นมาจากฝ่ามือของผม จากนั้นแสงก็บินไปที่ทหารเผื่อรักษาอาการบาดเจ็บในทันที


 


“อะ-อา บาดแผลของฉันหายไปแล้ว!”


 


“เพียงพอหรือไม่”


 


ผมพูดกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ ทันใดนั้นเสียงแห่งความสุขก็ดังขึ้นจากเด็กน้อย จินซาฮยอค


 


“งั้นวิหารก็ไม่ได้ถูกทำลาย”


 


ผมมองดู หนู จินซาฮยอค รอยยิ้มและดวงตาของเธอปรากฏว่าไม่มีประสบการณ์สำหรับการเป็นราชา


 


*************************************************************************


 


พวกเราเดินเข้าไปในผนังด้านในของเมืองภายใต้ขบวนทหารอัศวิน อย่างไรก็ตามเมืองไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี กำแพงสึกกร่อนและผู้คนอดอยาก พวกเขาให้ความสนใจเพียงเล็กน้อยต่อพระราชาที่ผ่านไป


 


“…ในปี 555 ความหวังได้ผ่านพ้นไปแล้ว”


 


ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องพักที่วัง พัลซาร์


 


“ฉันสูญเสียบางสิ่งที่ฉันรักท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองและ


ผู้รับใช้ที่ทำให้อาหารและของมีค่าวิ่งหนีไป เงินกองทุนและร้านค้าของรัฐกำลังว่างเปล่าคนใช้ของฉันก็หายไปทีละคน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาหักหลัง วันหนึ่งฉันตื่นขึ้นมาและพบว่าสิ่งที่ได้จากฉันไปคืออัศวินผู้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อฉัน”


 


ในห้องที่มีระเบียบเรียบร้อยและมีเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียง จินซาฮยอค พูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์


 


“และ 2 ปีต่อมาในปี 557 ฉันเสียชีวิตขณะวิ่งหนีจากมอนสเตอร์และ


ชูเบิร์ท”


 


“ส่วนอัศวินคนสุดท้ายที่เธฮอยู่ด้วยคือคิมซูโฮ?”


 


จินซาฮยอค ปล่อยเสียง หึ ออกมา


 


“เขาไม่ใช่อัศวินของฉัน พวกเขาทั้งหมดตายและเขาเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาจริงๆแล้วคิมซูโฮก็ต้องมาที่นี่ด้วย”


 


“…อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้น.”


 


ผมนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ตอนใหม่เริ่มขึ้นแล้ว ผมไม่ควรมองข้าม ตอนนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด


 


หนึ่งในรางวัลสำหรับตอนนี้คือ [คริสตัลบริสุทธิ์] เหลือเวลาอีกไม่นานก่อนที่โลกจะเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นอาณาจักรอสูร ผมไม่ได้บอกใบ้ถึงวิธีที่จะหยุดการเปลี่ยนแปลงนี้ในเนื้อเรื่องเดิมและตอนนี้ผู้สร้างก็เสนอทางออกให้ฉัน ‘คริสตัลบริสุทธิ์’ อาจเป็นไอเท็มที่สามารถชำระล้างและหยุดการเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรแห่งอสูรลงได้


บทที่ 442 ตอนใหม่ (4)


ดิ้งๆๆๆๆๆ


 


ในขณะนั้นเองก็มีอีกหน้าต่างโผล่ขึ้นมาข้างหน้าผม


 


[เป้าหมายที่ 2 – รับ 6 ‘ชิ้นส่วนแผ่นดินใหญ่’ และกู้พัลซาร์คืนบางส่วน]


 


“เฮ้ เศษผลึกอยู่ที่ไหน”


 


ผมถาม จินซาฮยอค ทันที


 


“นายกำลังพูดเรื่องอะไร”


 


“ชิ้นส่วนที่เธอเอาออกมาจากกระเป๋า ขอตรวจหน่อย”


 


“นายทำอะไรบ้าอะไร เฮ้ นายบ้าไปแล้วเหรอ!”


 


“ฉันพูดแล้วว่าจะตรวจกระเป๋าของเธอ”


 


เคาะๆ


 


ผมได้ยินเสียงเคาะขณะที่ผมกำลังจะคุ้ยกระเป๋าของ จินซาฮยอค


 


เข้าไปนะ


 


ในเวลาเดียวกันผมได้ยินเสียงเล็ก


 


“ฉันไม่มี แกไอ้บ้า!”


 


“…ทำไมเธอไม่มีละ น่ารำคาญจริงๆ เธอมันไร้ประโยชน์ที่สุด… ”


 


ผมเปิดประตูหลังจากผมแน่ใจว่าจินซาฮยอค ไม่มีชิ้นส่วนของคริสตัล ด้านนอกมีอัศวินหนุ่มมองดูพวกเราด้วยความไม่พอใจ


 


“ราชาเตรียมอาหารเย็นให้พวกเจ้าอย่างไม่เห็นแก่ตัวตามข้ามา”


 


พวกเราติดตามไปอัศวินโดยไม่มีการต่อสู้ อัศวินพาพวกเราไปที่ห้องรับประทานอาหาร


 


มีโต๊ะยาวอยู่กลางห้องอาหารขนาดใหญ่ อัศวินยืนเป็นเส้นตรงทั้ง


2 ด้านของห้อง จินซาฮยอค ‘ตัวน้อย’ นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ


 


เธอทักทายพวกเราด้วยสีหน้าที่เฉยเมย


 


“ฉันเตรียมอาหารเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของฉันแล้ว”


 


หมูรมควัน ชามซุปสลัดและขนมปังสีน้ำตาล 1 ก้อนวางอยู่บนโต๊ะ


ดูเหมือนว่าแผ่นโลหะนั้นถูกขโมยไปแล้วเนื่องจากมีดทำจากไม้ทั้งหมด


พวกเรานั่งลงบนที่นั่ง


 


“ขอบคุณ.”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ที่สำคัญกว่านั้นจริงเหรอที่วิหารยังไม่บุบสลาย?”


 


ผมพยักหน้าและพยายามไม่ให้เธอรู้ตัว ผมรู้สึกเหมือนกำลังเล่นสร้างบ้านกับเธอ


 


“ใช่แล้ววิหารหวังว่า พัลซาร์ จะได้รับเกียรติเหมือนในอดีต”


 


เด็กน้อย ไม่สามารถกลั่นยิ้มได้อีกต่อไป


 


“อะแฮ่ม นั้นก็คุยกันพอแล้ว กินกันก่อนเถอะ”


 


“ขอบคุณนะ.”


 


แม้ว่าเด็กน้อยจะดูพึงพอใจ แต่อัศวินรอบตัวพวกเราไม่เป็นแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าอาหารมื้อนี้หรูหรามาก หรูหรามากจนอัศวินทุกคนต้อง


อดตายเพื่อแลกกับอาหารมื้อนี้ เด็กน้อยถามเมื่อเธอกินซุป


 


“…แล้วฉันควรเรียกพวกคุณว่า ‘นักบวช? ไหม”


 


“ใช่ โปรดเรียกผมว่านักบวชคิม”


 


“อืม นักบวชคิม แล้วถัดจากคุณเป็นใคร”


 


“อ้อ เธอเป็นคนรับใช้ของฉันเอง”


 


“อะไรนะ…รอเดี๋ยวก่อน. อะไรนะ? หาาาาาาาา?”


 


จินซาฮยอค ผู้ที่กำลังมองหมูร้องคร่ำครวญออกมา แต่มีหลายคน


ไม่พอใจกับคำตอบของจินซาฮยอค เด็กน้อยมองตัวเองในอนาคตด้วยความไม่พอใจ และมันไม่ใช่แค่ เด็กน้อย


 


– เหลือเชื่อ.


 


– เป็นไปได้ยังไงที่ผู้รับใช้คนนี้ได้รับประทานอาหารกับกษัตริย์?


 


ผมแค่พยายามแหย่จินซาฮยอค แต่ผมก็กลายเป็นอัศวินที่น่ารังเกียจ พวกเขาอาจอารมณ์เสียที่ผู้รับใช้ได้กินอะไรบางอย่างแต่พวกเขาไม่ได้กิน


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันขอโทษ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้น คนนี้เป็นนักบวชเช่นกัน


เธอมีพลังจิตที่พิเศษมาก”


 


“อ้อ เข้าใจแล้ว. พลังวิญญาณ สินะ….”


 


อย่างไรก็ตามอาหารยังคงดำเนินต่อไป เสียงกระทบกันดังขึ้น ผมมองไปรอบๆขณะที่ฉันขยับช้อน


 


– พวกอัศวินจับพวกหมูตัวนั้นมา


 


– ฉันอดทดหิวมาตั้งนานนะ


 


– ช่วยไม่ได้ พวกเขามาจากวิหาร


 


– นั่นคือเหตุผลที่เป็นปัญหา วิหารพังทลายลงไปแล้ว พวกดูแล้วไม่น่าช่วยพวกเราได้ พวกเขาจะกินอาหารทั้งหมดของพวกเราโดยอ้างว่า


พวกเขาเป็นนักบวชศักดิ์สิทธิ์


 


ผมไม่ได้กินอะไรมาก ผมไม่หิวและเนื่องจากผมมีอาหารที่ผมเตรียมไว้ผมจึงคิดว่าผมจะให้พวกเขากิน


 


ผมหันไปตรวจสอบ เด็กน้อย แทน เธอกำลังกัดเนื้อหมูรมควันด้วย


มือเล็กๆของเธอ ดูเหมือนเธอจะสนุกกับมันมาก เหตุผลที่อัศวินไม่แสดงความไม่พอใจต่อหน้ากษัตริย์อาจเป็นเพราะใบหน้าแบบนี้


 


“… .”


 


และจินซาฮยอค กำลังมองดูตัวตนในอดีตของเธอโดยไม่แม้แต่วางนิ้วลงบนอาหารของเธอ


 


– อย่างน้อยพวกเขาก็มีไหวพริบ


 


– ราชาไม่กินอะไรมากมายดังนั้นพวกเราทุกคนน่าจะได้กินกัน 1-2 คน


 


– 2 คน


 


– ดีแล้ว. อึก


 


อาหารเย็นดำเนินต่อไปและราชาสาวก็เริ่มอิ่ม


 


ปัง-!


 


ทันใดนั้นประตูห้องอาหารก็เปิดออกและทหารก็รีบเข้ามา


 


“มีข้อความด่วน! ทหารของ ชูเบิร์ท บุกเข้ามาในกำแพงด้านในแล้ว”


 


“อะไรนะ?!”


 


เด็กน้อย ตะโกนออกมา ริมฝีปากเชอร์รี่ของเธอมันเยิ้มไปด้วยน้ำมันหมู


 


“ท่าน ชูเบิร์ท อ้างว่าเขาจับสายลับที่ส่งมาจากฝ่าบาทได้….”


 


“ท่านแขกผู้มีเกียรติอยู่ที่นี่ พวกเราไปกันเถอะ-!”


 


ราชาและอัศวินของเธอออกจากห้องไปทันที ที่นี่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ทันใดนั้นความคิดก็เข้ามาในหัวของผม


 


“สายลับงั้นเหรอ?”


 


ในการพบกันครั้งแรก เด็กน้อย ถามพวกเราว่า ‘ชูเบิร์ท ส่งพวกเจ้ามาหรือเปล่า’


 


ซึ่งหมายความว่า ชูเบิร์ท น่าจะเป็น ….


 


ผมรู้สึกตัวทันที


 


“เฮ้มากับฉัน ฉันคิดว่าอาจมีคนอื่นนอกจากพวกเราที่นี่”


 


“อา ฉันจะไปด้วย”


 


จินซาฮยอค พร้อมที่จะใช้พลังเวทมนต์ของเธอไม่นาน พวกเราก็ติดตามราชาและอัศวินของเธอไป พวกเราผ่านพลเมืองที่หวาดกลัวและปีนขึ้นไปบนกำแพง


 


“ราชา! ข้าได้นำสายลับที่ท่านส่งมาให้ข้า!”


 


ด้านล่างกำแพงเป็นกองทัพอันยิ่งใหญ่ของ ชูเบิร์ท ซึ่งจริงๆแล้วก็แค่ทหารเพียง 3,000 นายเท่านั้น แต่มันก็ยังใหญ่เมื่อเทียบกับกองทัพของราชาตัวน้อย


 


“ฉันบอกว่าฉันไม่ใช่สายลับ!”


 


เสียงแหลมสูงมาจากด้านล่าง


 


ผมยิ้มให้พวกเขา


 


ด้านล่างเป็น จินเซยอน และ ไอลีน ถูกขังอยู่ในห้องขัง มือและเท้าของพวกเธอถูกมัดเข้าด้วยกันกับเครื่องพันธนาการ อย่างที่คิดไว้พวกเธอก็ถูกโยนมาเพราะการระเบิดเช่นกัน


 


===


[กุญแจมือเวทย์มนตร์] – ยับยั้งการใช้พลังเวทย์ของผู้สวมใส่


===


 


‘ว้าวเป็นไอเท็มที่ยอดไปเลย’ ผมคิดและ เด็กน้อย ก็ตะโกนออกมา


 


“เจ้าโง่! เจ้ากล้าท้าทายฉันได้ยังไงในเมื่อเจ้ามีชีวิตอยู่ได้ด้วยความเมตตาของอดีตกษัตริย์?”


 


ดวงตาแดงก่ำและร่างกายเธอสั่นเทาด้วยความโกรธ เด็กน้อย โมโหและชี้ไปยังชายผู้ที่มองเธอจากใต้กำแพง – ‘เคานต์ ชูเบิร์ท’


 


“ฮ่าฮ่าๆ ราชาตัวน้อยแม้ตอนนี้เจ้าก็ได้แค่อ้างอดีตราชา! น่าสงสารมาก นั่นคือเหตุผลที่ผู้ชายของเจ้าทิ้งเจ้าไป!”


 


– ฮ่าฮ่าฮ่า! ราชาที่โง่เขลา! มันไร้สาระที่เด็กๆจะมาแสดงความหยิ่งที่นี่


 


ทหารด้านล่างเองก็หัวเราะออกมา เด็กน้อย กัดริมฝีปากของเธอและอัศวินก็ซ่อนเธอไว้ข้างหลังพวกเขา


 


“ไอ้สวะนั่น …. มันต้องตาย”


 


จินซาฮยอค ก้าวไปข้างหน้าพร้อมระบายความโกรธของเธอออกมา


 


“ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้พวกเราจะกลับละนะ!


 


แต่ดูเหมือนว่าศัตรูไม่ต้องการที่จะต่อสู้ พวกเขาเริ่มเตรียมตัวเดินทางกลับไปพร้อม ไอลีน และ จินเซยอน


 


เคานต์ ชูเบิร์ท กล่าว “ราชาข้าค่อนข้างประทับใจกับแผนการของท่านที่จะล่อมอนสเตอร์ด้วยความช่วยเหลือของสายลับ อย่างไรก็ตาม”


 


ในขณะนั้นมีบางอย่างที่มืดมิดพุ่งมาจากขอบฟ้าไกลๆ การเคลื่อนไหวของมันนั้นดูประหลาดเกินไปสำหรับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ


 


“…ฮะ.”


 


ผมเคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน นั่นคือฝูงมอนสเตอร์ กองทัพของ


มอนสเตอร์เข้ามาใกล้ทางนี้


 


“เจ้าโง่เกินไป อ่อนแอเกินไปและชั่วช้าเกินไป ยอมรับความจริงได้แล้ว พัลซาร์ มันจบลงแล้ว”


 


“ชูเบิร์ท!”


 


เด็กน้อย ส่งเสียงตะโกนโดยไม่สนใจความสง่าราศีอีกต่อไป


 


“ฮ่าฮ่าๆ แทนที่จะกรีดร้องเจ้าควรคิดถึงวิธีขับไล่มอนสเตอร์เหล่านั้น


เสียก่อนเถอะ”


 


เคานต์ ชูเบิร์ท หันหลังกลับพร้อมพวกทหาร อัศวินเองก็ไม่สามารถหยุดศัตรูจากการถอยกลับไปได้


 


“จำนวนของมอนสเตอร์….”


 


ตอนนี้พวกเขาเริ่มเห็นมอนสเตอร์ที่กำลังจะมาจากใต้ขอบฟ้าอย่างช้าๆ


จินซาฮยอค ถาม “เฮ้ย นายสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ไหม?”


 


“อาจจะ.”


 


ผมดึงกล่องเหล็กเล็กๆออกจากรอยสัก กล่องทำโดยใช้


‘การตั้งค่าการแทรกแซง’ และมีกระสุนประมาณ 10,000 นัดในนั้น


 


“เธอถอยไป พวกเราจะหยุดพวกมันเอง”


 


“หะ พวกเจ้าบอกว่าพวกเจ้ามาจากวิหาร ได้โปรดนำราชาไปที่ที่ปลอดภัย พวกเราไม่สามารถหยุดมอนสเตอร์เหล่านั้นได้”


 


“หาก วิหารไม่เป็นอะไรไป พวกเราเชื่อว่าพวกท่านสามารถหาวิธีได้


แต่ตอนนี้ต้องล่าถอยเพื่ออนาคต พาราชาหนีไปก่อนเถอะ!”


 


อัศวินแต่ละคนพูดกับพวกเรา 2 คน แต่กษัตริย์กลับนิ่งเงียบ เธอเริ่ม


ซึมเศร้าอย่างสมบูรณ์ในความเศร้าโศกและความโกรธแค้น เธอสะอื้นอย่างเงียบๆเธอไม่สามารถระงับความรู้สึกขุ่นเคืองในตัวเธอได้


จินซาฮยอค จ้องมองไปที่ ราชาตัวน้อย


 


“ไม่ พวกเราสามารถหยุดพวกมันได้”


 


ผมยืด เอเธอร์ ออกแล้วพันไว้รอบๆ จินเซยอน และ ไอลีน จากนั้นดึงพวกเธอขึ้นมาบนกำแพง


 


กรี้ดดดดดดดดด เสียงกรีดร้องแปลกๆพวกเธอดังขึ้น


 


“วิธีเดียวที่พวกเราสามารถอยู่รอดได้คือการเอาชนะพวกมัน”


 


ผมเอา Desert Eagle ออกมา ประกายแสงพุ่งออกมาจากปืน อัศวินมองมาที่ผมด้วยความสับสน แต่ผมไม่สนใจ ผมเล็งปืนไปที่มอนสเตอร์ด้านล่าง


 


*************************************************************************


 


ในขณะเดียวกันที่คฤหาสน์ของ ยูยอนฮา ในกรุงโซล


 


“เฮ้อออออออออออ… .”


 


ยูยอนฮา ประมวลผลเอกสารทั้งหมดที่เธอวางบนโต๊ะทำงานแล้วฝังตัวลงบนเก้าอี้ของเธอ ภาระงานของเธอเพิ่มขึ้นเนื่องจากเหตุการณ์


ออร์เดน แต่ในที่สุดเมื่อเธอก็ทำเสร็จ แล้วเธอก็วางแผนที่จะพักในวันพรุ่งนี้


 


“หาวววววววววววววว… .”


 


เธอหาวและเปิดทีวี รายกายที่น่าสนใจเพิ่งจะออกอากาศ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักต้องห้ามระหว่างฮีโร่ระดับต่ำกับฮีโร่ระดับปรมจารย์


 


– ไม่สำคัญว่านายเป็นฮีโร่ระดับต่ำ สิ่งที่สำคัญก็คือว่าฉันรักนาย……


 


ซ่าาาาาาาาา……ข่าวด่วน


 


หน้าจอเปลี่ยนไปและมีข่าวเข้ามา


 


– นี่คือรายงานข่าวด่วน ออร์เดนอ้างว่าเขาจับกุมฮีโร่หลายคนที่บุกเข้าไปในดินแดนของเขาเป็นตัวประกัน


 


“…อะไรนะ?”


 


ยูยอนฮา กระโดดขึ้นมาและจ้องหน้าจอทีวี


 


– แม้ว่าจะยังไม่มีการยืนยันใดๆแต่ ‘ไอลีน’, ‘อียองอา’, ‘ปาร์คฮันโฮ’ จาก วิหารแห่งความยุติธรรม นอกเหนือจากนั้นยังมีฮีโร่ระดับสูง


‘จินเซยอน’, ฮีโร่รุ่นใหม่ ‘ซอยองจี’ ‘ชินจงฮัค’ และทหารรับจ้างระดับ S


‘เฟนรีล’ ถูกจับเป็นเชลยตามที่ออร์เดนแจ้งมา ออร์เดนเรียกร้องสมาคมและรัฐบาลเกาหลีให้ …


 


ในขณะนั้นเองใบหน้าของ ยูยอนฮา ก็แข็งค้าง ไม่ใช่แค่ชินจงฮัค แต่ยังเป็น คิมฮาจิน ด้วยงั้นเหรอ?


เธอเงยหน้าขึ้นมาโดยสงสัยว่าเธอทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ


 


ดิ้งๆๆๆๆๆๆๆ


 


แต่ในเวลานั้นเอง smartwatch ของเธอก็ดังขึ้น มันเป็นข้อมูลความมั่นคงจากสมาคมและรัฐบาล


 


[เรียกประชุมฉุกเฉิน ออร์เดนกำลังจับกุมฮีโร่เป็นตัวประกันพร้อมทหารรับจ้าง]


 


ในข้อความนั้นมีชื่อชินจงฮัคและคิมฮาจินอย่างชัดเจน


บทที่ 443 ตอนใหม่ (5)


 


กระสุนปืนพุ่งออกมา หอกและดาบที่สร้างจากพลังเวทมนต์หล่นลงมาจากท้องฟ้าและลูกศรเวทมนตร์ก็ตกลงมา สายฟ้าที่เกิดจากคำพูดฟาดลงมาและดาบเวทมนต์ของอัศวินก็ยิงออกมา


 


…นั่นคือคำอธิบายของการต่อสู้ทั้งหมด


 


มีมอนสเตอร์อย่างน้อย 1 หมื่นตัวที่เป็นฝั่งตรงข้าม แต่พวกเราทุกคนต่างก็มั่นใจในการต่อสู้ พวกเรา 4 คนพร้อมด้วยความช่วยเหลือจากอัศวินทั้ง 300 หรือมากกว่านั้นได้ทำลายล้างกองทัพทั้งหมดของ


มอนสเตอร์อย่างง่ายดาย อัศวินที่ยังมีชีวิตอยู่ ณ จุดนี้เป็นทหารผ่านศึกทุกคน


 


“…เฮ้อออออออ.”


 


หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลงผมก็ถอนหายใจและเก็บปืนลง วันนี้ผมใช้กระสุนถึง 3,000 นัดแม้กระทั่งไอลีนและจินซาฮยอคผู้ซึ่งเป็นเหมือนมอนสเตอร์ด้านพลังเวทมนต์ก็ยังมีอาการอ่อนแรงไม่น้อย


 


ลมหายใอันรุนแรงของอัศวินดังออกมา เมื่อผมหันหลังกลับไปดวงตาคู่หนึ่งก็กำลังจ้องมองพวกเรา ดวงตาของเด็กน้อยจินซาฮยอคเต็มไปด้วยความชื่นชมผมสงสัยว่าเด็กน่ารักคนนี้สามารถเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงมันไม่สมเหตุสมผล


 


“เฮ้เฮ้เฮ้เฮ้” ในทันใดนั้นไอลีนก็เรียกผม “ฉันต่อสู้เพราะไม่มีทางเลือกมากนัก แต่ตอนนี้มันจบลงแล้วนายรู้ไหมว่าพวกเราอยู่ที่ไหน?”


 


“ใช่แล้วที่นี่ไม่เหมือนโลก…นี่ก็เป็นกับดักของ ออร์เดน อีกงั้นเหรอ”


จินเซยอน เพิ่ม


 


ดูเหมือนว่าพวกเธอจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผมเองก็ว่าพวกเธอไม่ได้เพราะมันยากที่ใครจะเชื่อว่าพวกเขาถูกส่งไปยังอีกโลกหนึ่ง


 


“ไม่มันไม่ใช่กับดัก มันซับซ้อนนิดหน่อย แต่…คือพวกเราอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เธอก็รู้จักสินะนิยายต่างโลก”


 


“ต่างโลก? หาอะไรละนั้น”


 


“ฉันจะบอกรายละเอียดในภายหลัง ยังไงก็ตามพวกเธอ 2 คนถูกจับได้ยังไง”


 


เมื่อได้ยินแบบนี้ไอลีนก็พูดออกมา “ฉันไม่รู้ ฉันเป็นลมและถูกใส่กุญแจมือตอนที่ฉันตื่นขึ้นมา”


 


“อ้อแล้วมอนสเตอร์พวกนั้นล่ะ?”


 


“ไม่รู้สิพวกมันไล่ตามพวกเรามาเรื่อยๆ”


 


“ฮะ? ทำไมพวกมัน….”


 


ในขณะนั้นเอวผมก็ค้นพบบางอย่างในเส้นผมของ ไอลีน มันส่องแสง


ดังนั้นมันจึงค่อนข้างเห็นได้ชัดเจนด้วยสายตาของผม


 


“…อาาา!”


 


จากการตรวจสอบผมก็รู้ว่ามันเป็นเพียงส่วนเล็กๆของคริสตัล ผมรีบหยิบมันจากเส้นผมของไอลีน


===


[ชิ้นส่วนแบบคอนติเนนตัล]


– คริสตัลที่เก็บรักษาอดีตเอาไว้


– เพิ่มเติม ส่งกลิ่นที่ดึงดูดมอนสเตอร์


===


 


“ฮะ? นั่นอะไร?”


 


“ดูเหมือนคริสตัลนี้จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดมอนสเตอร์มาน่ะ”


 


ผมได้คริสตัลมาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เนื่องจากหน้าต่างการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าบอกว่ามีคริสตัล 6 ชิ้นผมจึงต้องค้นหาอีกแค่ 5 ชิ้นเท่านั้น


 


“ยังไงก็ตามเฟนรีล คุณช่วยอธิบายเรื่องนี้กับคนที่อยู่ข้างหลังพวกเราได้ไหม?”


 


จินเซยอน ชี้ไปที่คนที่อยู่ข้างหลังผมมีอัศวินและทหารทั้งหมด 600 นายที่จ้องมองพวกเราด้วยความเคารพและชื่นชม


 


“อ้อ…ฮ่าๆ 2 คนนี้เป็นนักบวชของพวกเราเช่นกัน อย่างที่ฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้พวกเรามีพลังอันสูงส่งเป็นพิเศษ”


 


พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกับคำอธิบายของผม พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เชื่อ ผมเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว


 


“พวกเขานำปศุสัตว์มามอบให้กับ พัลซาร์”


 


พวกเขาตอบสนองทันที ปศุสัตว์ = อาหาร ทันใดพวกเขาก็ตื่นตัว


 


“ปศุสัตว์?”


 


“นั่นมัน มันใช่สิ่งที่ฉันคิดจริงๆหรือเปล่า”


 


“จริงหรอ?”


 


ขณะที่ผมกำลังจะตอบพวกเขาก็มีมือเล็กๆยื่นออกมาและคว้าแขนเสื้อ


มันเป็น เด็กน้อย


 


“จริงไหมที่คุณนำปศุสัตว์มา”


 


ดวงตาของเด็กน้อยสั่นคลอนด้วยความคาดหวัง ผมรู้สึกประทับใจเล็กๆที่เห็นเธอดึงแขนเสื้อด้วยความคาดหวัง


 


ผมก้มลงเล็กน้อยและพยักหน้า


 


“ใช่แน่นอน ก่อนอื่นให้พวกเรากลับไปที่วังกันก่อน”


 


*************************************************************************


 


พวกเราไปที่พระราชวัง จากนั้นผมบอกคนอื่นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่พวกเราเจอ


 


“ดังนั้นพวกเราต้องรวบรวมเศษคริสตัลทั้งหมดก่อนพวกเราถึงจะกลับไปได้”


 


“ใช่.”


 


“แล้วพวกเรามาที่นี่เพราะยัยคนงี่เง่านี้เหรอ”


 


ไอลีน ชี้ไปที่ จินซาฮยอค


 


“โง่? เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?


 


จินซาฮยอค ขมวดคิ้วเพราะคำพูดหยาบคายของไอลีน แต่ไอลีนเป็น


คนที่ไม่หวั่นไหวแม้แชจูชึลจะอยู่ต่อหน้าเธอ เธอจ้องมอง จินซาฮยอค อย่างไม่ถอย


 


“ใช่แล้วยัยคนงี่เง่า”


 


“หาาา พูดอีกครั้งเจ้าหนูตัวน้อย-”


 


“หุบปาก.”


 


“… .”


 


ปากของจินซาฮยอค ถูกบังคับให้ปิด เธอไม่สามารถพูดในสิ่งที่เธอต้องการได้ จินซาฮยอค พุ่งตัวไปชี้นิ้วที่ ไอลีน เธอทำท่าทางเกี่ยวกับความสูงของไอลีนว่า ‘ตัวเท่านี้เองเหรอ’


 


“คนโง่ก็คือคนโง่จริงๆ”


 


ไอลีนปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอออกมาอย่างจริงจังแน่นอนว่า


จินซาฮยอค เองก็ไม่ใช่ประเภทที่จะลงไปโดยไม่ต้องต่อสู้ เธอปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอและพยายามที่จะลบล้างข้อจำกัดที่วางอยู่บนร่างของเธอ


 


“เฮ้ออออออออ พอได้แล้ว”


 


แต่ผมหยุดพวกเธอเอาไว้


 


“… .”


 


จินซาฮยอค หยุดและจ้องมาที่ผม ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความขุ่นเคือง เธอยากให้ผมทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?


จินซาฮยอค ถอนหายใจด้วยความเย็นชาแล้วก็วิ่งออกไปข้างนอก


 


“…อ้อ ใช่พวกเราทำอะไรกับปศุสัตว์ ฉันไม่มีอะไรแบบนั้นนะ” ไอลีนพูด


 


“โอ้ นั่น? ไม่ต้องห่วง ฉันสามารถสร้างมันขึ้นมาได้”


 


“ …สร้างมันขึ้นมางั้นเหรอ?”


 


“ช่ายยยย.”


 


โลกใบนี้เป็นโลกที่เกิดขึ้นจากพลังของ ทาวเวอร์คริสตัล แม้ว่ากฎของมันจะเป็นไปตามโลกแห่งความเป็นจริง แต่ ทาวเวอร์คริสตัล สามารถใช้เป็นพลังอันทรงอำนาจได้และในมือของผมมีชิ้นส่วนของคริสตัลอยู่


 


“นายจะสร้างไก่งั้นเหรอ? นายบ้าไปแล้ว?”


 


“คุณ ไอลีนพูดถูก การสร้างสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นไปไม่ได้และมันเป็นเรื่องต้องห้าม”


 


ไอลีน และ จินเซยอน คัดค้านทันทีผมได้แต่ยิ้ม


 


“ฉันบอกพวกเธอแล้วว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนโลกแห่งความจริง”


 


ผมใช้พลังเวทย์ของรอยสักในชิ้นส่วนคริสตัล เพราะมันมีขนาดเล็กเกินไปด้วย รอยสักแถวเดียวของผม ผมทำได้แค่ทำไก่ตัวเดียว


 


กระต๊าก, กระต๊าก!


 


“โว้ว!”


 


“ เกิดอะไรขึ้น!”


 


ไก่โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ทำให้ไอลีนและจินเซยอนกระโดดขึ้นมาด้วยความตกใจ


 


“นี่คือพลังของ ทาวเวอร์คริสตัล”


 


“ว้าวมันน่าสนใจ ฉันก็ทำได้งั้นเหรอ?”


 


ด้วยความอยากรู้อยากเห็นไอลีนเอื้อมมือไปที่ชิ้นส่วนคริสตัล อย่างไรก็ตามผมไม่ให้เธอเด็ดขาด


 


“ไม่”


 


“อย่าตระหนี่ขี้เหนียวไปเลย มันเป็นของฉันแต่แรกนะ”


 


“ไอลีนไม่สามารถทำได้ ฉันเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้”


 


“อะไรนะ? ทำไม?”


 


ไอลีนอาจเปลี่ยนภูมิทัศน์หรือสิ่งของได้อย่างง่ายดาย แต่การสร้างสิ่งมทีชีวิตนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย คริสตัลเป็นแหล่งกำเนิดพลังของโลกนี้และพลังเวทมนต์ของรอยสักสามารถกลายเป็นอะไรก็ได้เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ ผมสามารถสร้างชีวิตได้โดยการรวม 2 สิ่งนี้เข้าด้วยกัน


 


“…เธอจะไม่เข้าใจแม้ว่าฉันจะอธิบาย เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นอันดับ 1 ของโลกในด้านทฤษฎี เธอต้องคำนวณหลายอย่างในหัวสร้างมันขึ้นมา”


 


ผมสร้างคำแก้ตัวที่น่าเชื่อหรือเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหักล้างได้


 


“…ว้าว นายน่าทึ่งมาก ~ ไม่สิเท่ไปเลย”


 


“อย่าประชดประชันสิ คุณไอลีน”


 


ความจริงจังอย่างฉับพลันของ จินเซยอน ทำให้ไอลีนขมวดคิ้ว


 


“เธอว่าใคร จะบอกว่าฉันเหน็บแนมหรือไง?”


 


“เขาช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้นะ”


 


“… อืมมม.”


 


ผมใช้ชิ้นส่วนหอคอยเพื่อสร้างหมู ไก่ตัวผู้และไก่ตัวเมีย ผมรู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากใช้ รอยสัก ทั้ง 5 เส้น แต่ยาแก้ปวดที่ทรงพลังของ [Medicinal Memory Physique] ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย


 


“…เฮ้อออออออออ”


 


ผมถอนหายใจจากความเจ็บปวดเบาๆที่เหลืออยู่และตรวจดูปศุสัตว์


 


===


[หมู]


– หมูอ้วน ดูเหมือนน่าอร่อย


[ไก่ตัวเมีย]


– ไก่ตัวเมียที่วางไข่จำนวนมาก


[ไก่ชาย]


– ไก่ตัวผู้ที่ดี


===


 


โชคดีที่ไม่มีอะไรผิดปกติกับพวกเขา


 


“ทีนี้มาดู….”


 


ผมหยิบ [ลูกเต๋าแบบบสุ่ม] ออกมา การฟื้นฟู พัลซาร์ เป็นเป้าหมายที่


2 ผมทอยลูกเต๋าขณะที่คิดถึงสิ่งของที่สามารถช่วยสถานการณ์อดอยากอาหารของพวกเขาได้


 


[ข้าวที่เติบโตเร็ว]


[ข้าวสาลีที่เติบโตเร็ว]


[ข้าวโพดแสนโอชะ]


[มันฝรั่งเค็ม]


[ปูนซีเมนต์ประสิทธิภาพสูง]


 


เนื่องจากพวกเราไม่ได้อยู่ใน หอคอยแห่งความปรารถนา ผมเลนไม่ได้รับไอเท็มแฟนตาซีๆ แต่สิ่งที่ผมได้รับนั้นมากเกินพอที่จะช่วยสถานการณ์ปัจจุบันของ พัลซาร์


 


“นายมีทักษะแปลกๆมากมายจริงๆ” เอลีนกล่างชื่นชม


 


“เอาละไปกันเถอะ”


 


ผมมองผ่านประตู หลังจากได้ยินว่าพวกเรากำลังเตรียมที่จะเลี้ยงปศุสัตว์ อัศวินนับไม่ถ้วนก็กำลังรออย่างกระตือรือร้นอยู่นอกห้อง


ผมจับไก่หนึ่งตัวแล้วจินเซยอนกับไอลีนก็จับหมูและไก่ที่เหลืออยู่


 


ทันทีที่พวกเราเปิดประตูอัศวินผู้รออยู่ข้างนอกก็เข้ามาหาพวกเรา เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่อยู่ในมือพวกเราทุกคนต่างก็ประหลาดใจ


 


“พระ-พระเจ้า! ไก่! มีไก่!”


 


“มะ-มีหมูด้วย”


 


“พะ-พวกคุณมีของเหล่านี้ได้ยังไง”


 


ปฏิกิริยาอันน่าหลงใหลของพวกเขาทำให้ไอลีนตกใจ เธอเดินมาหาฉันแล้วกระซิบ“ ทำไมคนพวกนี้ถึงมีความสุขจัง”


 


ผมอธิบายอย่างเงียบ ๆ “เพราะการเปลี่ยนแปลงดินแดนปีศาจแหล่งอาหารของโลกส่วนใหญ่กลายเป็นของหายากและสิ่งที่ไม่ได้รับผลกระทบจึงถูกขโมยโดย ชูเบิร์ท”


 


เมื่อปศุสัตว์เหยียบลงบนพื้นดินของปีศาจมันก็เปลี่ยนเป็นอมนุษย์ เช่นเดียวกันสำหรับพืช ต้นข้าวที่ดีเลิศก็กลายมาเป็นมอนสเตอร์ที่มนุษย์ไม่สามารถกินได้


บทที่ 444 ตอนใหม่ (6)


 


“อืม…ฉันเข้าใจแล้วนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพระราชวังถึงมีสภาพนี้”


 


พวกเราให้ปศุสัตว์แก่อัศวิน


 


“พวกคุณสามารถกินหมูได้เลยในวันนี้ สำหรับไก่ให้ตั้งฟาร์มเพื่อเก็บไข่”


 


“แน่นอนฮ่าฮ่าแน่นอน! ก่อนอื่นเราจะต้องรายงานต่อราชา!”


 


อัศวินหัวเราะอย่างมีความสุขและพาเราออกไป เด็กน้อย อยู่ไม่ไกล ดูเหมือนว่าเธอต้องการเห็นปศุสัตว์โดยเร็วที่สุด


 


“…โอ้! หมู! ไก่! มีทั้งเพศผู้และเพศเมียเลย!”


 


อัศวินหนุ่มกระโดดขึ้นและลงด้วยความตื่นเต้น อัศวิน 2-3 คนยิ้มและบางคนก็ปล่อยน้ำตาแห่งความสุขออกมา


 


“ฝ่าบาทเราไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป!”


 


“เป็นเพียงเรื่องของเวลาไก่ 2 ตัวนี้จะกลายเป็นร้อยแล้วก็นับพัน…!”


 


พวกเราดูพวกเขาเฉลิมฉลอง ไม่ช้าราชาก็ทรงเข้าหาพวกเราและแสดงความขอบคุณ


 


“ขอบคุณ. ฉันไม่รู้ว่าฉันจะตอบแทนพวกคุณได้ยังไง”


 


“ฮ่าฮ่า…ยังมีอีกหลายสิ่งที่เธอจะต้องขอบคุณ”


 


“หืม?”


 


ผมให้ข้าวสาลี,ข้าวโพดและมันฝรั่งแก่เธอ ดวงตาของเธอเบิกกว้าง


 


“นี่คือ….”


 


“พวกมันคือเมล็ดพันธุ์ หาย้ายอาสาสมัครไปที่บ้านต่างๆเพื่อแบ่งปันและใช้พื้นที่ที่เหลือเพื่อปลูกเมล็ดเหล่านี้”


 


เด็กน้อย จ้องมองที่เมล็ดอย่างว่างเปล่า จากนั้นเธอก็หยิบเมล็ดด้วยความงุนงง เธอเหลือบมองมาที่ผมซักครู่แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว


 


หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมแว่นขยายในมือของเธอ


 


===


[แว่นขยายลึกลับ] [ไอเท็มมหัศจรรย์ระดับพินนาเคิล]


▷ระบุความความอ่อนแอ


– ใช้พลังเวทย์มนตร์เพื่อระบุจุดอ่อนของเป้าหมาย


▷การระบุอารมณ์


– ใช้พลังเวทมนต์ในการระบุความรู้สึกของเป้าหมายที่มีต่อคุณ


* เมื่อพลังเวทมนต์ของผู้ใช้ต่ำลงจุดอ่อนและอารมณ์ที่ระบุก็อาจไม่ถูกต้อง


===


 


“โอ้?”


 


แว่นขยายลึกลับ มันเป็นหนึ่งใน 4 รางวัลที่หาได้จาก อคทรีน่า Episode: แว่นขยายลึกลับ, ปากกาเวทมนต์, คริสตัลบริสุทธิ์ และ ???


 


“มันเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของฉัน แว่นขยายนี้สามารถระบุอารมณ์ของเป้าหมายได้ เนื่องจากคุณมาจากพระวิหารฉันแน่ใจว่าคุณสามารถใช้มันได้ดีกว่าฉัน”


 


“อ้า ขอบคุณนะ”


 


ผมรับมันด้วยความขอบคุณ มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมอยากได้มานาน


 


“อย่างที่ฉันคิด ฮุฮุ ของที่มีค่าคู่ควรกับเจ้าของที่รู้ค่าของมัน”


 


เด็กน้อยซ่อนความสุขของเธอไม่ได้เพราะผมชอบของขวัญของเธอ


*************************************************************************


[เกาหลี, โซล]


 


ยูยอนฮา จ้องมองผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ


 


“… .”


 


‘เถื่อน’ เป็นคำที่เธอจะใช้อธิบายอีกฝ่าย ผมของเธอยุ่งเหมือนแผงคอสิงโตและมีบาดแผลลึกบนไหปลาร้า เมื่อรวมกับดาบยาวและเสื้อคลุม


สีดำข้างหลังของเธอ เธอดูแตกต่างจากครั้งที่แล้วที่เธอเจอเธอมากเกินไป


 


“…นายอนเกิดอะไรขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา…?”


 


เมื่อเห็นว่า แชนายอน หันมา ยูยอนฮา ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แชนายอน ตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ


 


“ไม่เป็นไรฉันได้ยินว่าคิมฮาจินถูกลักพาตัว”


 


“ไม่หรอก ออร์เดน มันน่าจะโกหก”


 


“ฉันวางแผนที่จะเดินทางไปที่นั้นและทำลายทุกอย่างให้…ฮะ?”


 


ดวงตาของแชแนายอนเบิกกว้าง


 


“จริงๆเหรอ? เธอรู้ได้ยังไง?”


 


ยูยอนฮา ยิ้มและหยิบนาฬิกาออกมา


 


“ไอเท็มมหัศจรรย์นี้ถูกซิงโครไนซ์กับสมาร์ตวอทช์ของคิมฮาจิน


ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรมันจะแสดงให้เห็นสภาพของเขา”


 


ไอเท็มนี้เป็นวิธีการป้องกันไม่ให้เธอเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงอีกครั้งจาก ยูยอนฮา มันไม่สามารถสอดแนมคิมฮาจินได้ แต่แค่บอกถึงระดับความอันตรายที่คิมฮาจินเจอ


 


“ดูนี่เธอสามารถเห็นพลังของเขาและประสาทหรือความเครียดของเขา ทุกอย่างเป็นปกติดังนั้น ออร์เดน จึงโกหก เขาแค่พยายามทำให้พวกเรากลัว”


 


“…แล้วฮีโร่คนอื่นๆล่ะ?”


 


“พวกเขาน่าจะอยู่กับคิมฮาจิน คุณไอลีนเป็นคนเสนอชื่อคิมฮาจินไปด้วยและพิกัด GPS ของพวกเขาก็ทับซ้อนกันเมื่อครู่”


 


ยูยอนฮา ตอบกลัอย่างใจเย็น เมื่อเห็นแบบนี้แชนายอนก็ทำหน้างุนงง ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของเธอ ‘ถ้าอย่างนั้นฉันต้องกลับไปที่เทือกเขาหิมาลัย … หรือเปล่า? ฉันกลับมาเพื่ออะไร ทำไมฉันคิดอะไรไม่ออก’


 


ในขณะนั้นเอง ยูยอนฮา ก็ถามว่า “…นายอน ฉันรู้ว่านี่อาจไม่ใช่เวลาที่จะถามคำถามนี้… แต่เธอพร้อมที่จะเจอเขาแล้วหรือยัง”


 


แชนายอน ยิ้มให้กับคำถามของเธอ “แน่นอน มันขึ้นอยู่กับเวลา. เธอไม่ต้องกังวล”


 


เมื่อเห็น แชนายอน พูดแบบนี้ ยูยอนฮา ก็ยิ้มอย่างขมขื่น จะเกิดอะไรขึ้นถ้า แชนายอน และ คิมฮาจิน มาเจอกันโดยใช้โอกาสนี้…? มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ ยูยอนฮา รู้สึกว่าหัวใจของเธอเจ็บปวดเพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอไม่อยากให้พวกเขาเจอกัน


 


“…ฉันเข้าใจแล้ว ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น”


 


ยูยอนฮา ฉลาดและวิเคราะห์ได้ เธอรู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้


 


ยูยอนฮา คิดว่า คิมฮาจิน รู้เรื่องความลับที่น่าอับอายของเธอยังไงละ!!


 


ราเมนและแฮมเบอร์เกอร์


จิเก และ ซุปข้าว


โค้กและสไปรท์


 


พวกมันล้วนมีรสนิยมที่ไม่เหมือนใครซึ่งเธอจะไม่มีวันเปิดเผยให้ใครเห็น แต่คิมฮาจินรู้เกี่ยวกับพวกมัน ระบุว่าเขาเป็นผู้หวนคืน…ยูยอนฮา ทำได้เพียงเดาว่าพวกเราในอนาคตคงเป็นคู่รักหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับคำว่าคู่รัก


 


งั้นในกรณีนี้ คิมฮาจิน มีความสัมพันธ์กับแชนายอน ยังไงก่อนที่เขาจะกลับมายุคนี้? เขาสนิทกับเธอมากกว่าฉันหรือเปล่า หรือว่าเขาเป็นคนใกล้ชิดกับเธอก่อนหน้าฉัน..แล้วใครมาก่อนมาหลัง…..?


 


ความคิดของ ยูยอนฮา วนอยู่นาน


 


วิ้งงงงงงงงง-!


 


ประกายไฟขนาดใหญ่ที่ส่องประกายบนท้องฟ้า ทำให้ ยูยอนฮา และ แชนายอน มองออกไปนอกหน้าต่าง


 


วิ้งงงงงงงงงงงง-!


 


แสงกะพริบต่อเนื่องกัน มันรุนแรงกว่าปกติมาก


 


วิ้งงงงงงงงงงงงง-!


 


แสงแฟลชดวงที่สามส่องทั่วทั้งโลก คราวนี้แสงยังคงอยู่ต่อไปอีกนานราวกับว่าดวงอาทิตย์อีกดวงถูกสร้างขึ้นบนท้องฟ้า


 


“เฮ้ ยอนฮา นั่นคือ….”


 


“ใช่มันเป็นหอคอยแห่งความปรารถนา”


 


ยูยอนฮา และ แชนายอน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและตระหนักว่ามันอีกไม่นาน …จะถึงบทสรุปของ หอคอยแห่งความปรารถนา แล้ว


 


*************************************************************************


[ทวีป อคทรีน่า]


 


วันที่ 2


 


ทหารม้าของราชาออกไปตามหา อียองอา ชินจงฮัคและซอยอนจี


 


วันที่ 3.


เด็กน้อย ดูหวงไก่เหมือนของที่มีค่ามากที่สุดในขณะนั้นในราชสำนักนั่นมีแต่เล้าไก่ เธอยิ้มดูและมองดูไก่กำลังวางไข่ เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งข้างๆเพื่อฟังเสียงร้องของไก่


 


วันที่ 4


 


เมล็ดถูกปลูกในพื้นที่เพาะปลูกที่นำโดยจินเซยอน แม้ว่าพืชจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่คนใจร้อนหลายคนก็แอบขุดต้นไม้และกินมันทำให้เกิดความปั่นป่วนเล็กน้อยในเมืองหลวง


 


วันที่ 5


 


พลังเวทมนต์และปูนซีเมนต์ช่วยเสริมกำแพงปราสาท


 


… กึกๆ


 


และกลางดึกในวันที่ 6


 


จินซาฮยอค แทรกซึมเข้าไปในห้องสมุดลับของพระราชวังเช่นเดียวกับที่เธอทำเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันคือการจดจำใบหน้าของคนรับใช้ที่เธอเคยมี


 


“น่าจะอยู่ที่นี่….”


 


กว่า 10 ปีผ่านไปนับแต่นั้นมาแม้ว่า จินซาฮยอค จะลืมรูปลักษณ์ของเขาภายใต้ตราประทับและเวลาในความทรงจำของเธอ แต่เธอจำชื่อของเขาได้อย่างชัดเจน เธอรู้ว่าห้องสมุดมีบันทึกและภาพเหมือนของอัศวินทุกคน


 


“ปีที่ 550, 3 กรกฎาคม….”


 


เธอตรวจสอบทุกปีที่ผ่านมา 547~549 ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาและตอนนี้เป็นผ่านไปกว่า 550 ปีทุกคนที่เข้ามาในวังจะต้องได้รับการบันทึกหน้าอย่างน้อย 1 ครั้ง


 


“ราชาต่างฤดู, ราชาต่างฤดู …เอ๊ะเอ้ย”


 


‘มี 50,000 หน้า?’ จินซาฮยอค บ่นและถอนหายใจ แต่เธอก็ยังอ่านหน้าต่อไป แรงงานทาสเป็นสิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดในโลก แต่เธอก็พบว่ามันมีความสำคัญสูงสุดในขณะนี้


 


ผ่านไป 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงผ่านไป


 


จนกระทั่งตี 4 เมื่ออัศวินผู้ลาดตระเวนเข้ามาในห้องสมุดจินซาฮยอคก็ยังคงดูประวัติต่อไป


 


แตะ แตะ


 


ในขณะนั้นเองเธอรู้สึกว่ามีคนเดินผ่านโถงทางเดินด้านนอก อัศวินผู้ขยันขันแข็งกำลังมองรอบตัวเขา


 


“… !”


 


จากนั้นเมื่ออัศวินกำลังจะเข้าห้องสมุดจินซาฮยอคก็ค้นพบชื่อของ


ข้ารับใช้ เธอรู้สึกหัวใจเต้นเร็วขึ้นเมื่อเธอตรวจสอบชื่อ


 


[ราชาต่างฤดู ฤดูหนาว]


 


คนรับใช้คนแรกของเจ้าหญิงที่เป็น ‘เด็กน้อย’, ราชาต่างฤดู ฤดูหนาว เมื่อเห็นชื่อนี้ความทรงจำเก่าๆก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเธอ


 


อันที่จริง ราชาต่างฤดู ไม่มีนามสกุลเพราะเขามีภูมิหลังที่เหมือนไม่มี


จินซาฮยอค เป็นคนที่ตั้งชื่อเขาว่า ‘ฤดูหนาว’ เพราะเขาเป็นนักดาบที่มีคุณสมบัติน้ำแข็ง …


 


“อ่า … .”


 


จินซาฮยอค ดูภาพเหมือนของ ราชาต่างฤดู ข้ารับใช้ที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเธอ ชื่อที่อยู่ในจิตใจของเธอพร้อมด้วยความโศกเศร้าและเสียใจ ข้ารับใช้ที่รัก สิ่งที่ฝังอยู่ในจิตใจของเธอพุ่งขึ้นมาเหมือนภูเขาไฟระเบิด!!!


บทที่ 445 ตอนใหม่ (7)


 


จินซาฮยอค จ้องมองภาพคนรับใช้ของเธออย่างว่างเปล่า หัวใจของเธอเริ่มเต้นเสียงดัง มือของเธอที่ถือหน้านั้นสั่น เธอเริ่มหน้ามืดและเหงื่อเย็นไหลลงเธอกลับ


 


“………………………”


 


แม้ว่าเธอเคยพิจารณาความเป็นไปได้นี้มาก่อน แต่ความตกใจก็ยังเกินจินตนาการของเธอ ตอนนี้จินซาฮยอค คิดไม่ถูก เธอสั่นเทาเท่านั้น คลื่นความสั่นสะเทือนปกคลุมทั่วร่างกายของเธอจากด้านใน


 


[ไคด์สปริง วินเทอร์]


 


รูปข้ารับใช้ของเธอมีความคล้ายคลึงกับคิมฮาจินจนน่ากลัว ยกเว้นสีผมและเคราเป็นพวกเขาที่ไม่เหมือนกันเช่นเดียวกับตัวเธอและเด็กน้อย


 


ดังนั้นในที่สุดมันก็เป็นจริง


 


คิมฮาจินเป็นคนใจดีและดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้อง


แค้นเธอ เพราะทุกอย่างเป็นความผิดของเธอตั้งแต่เริ่ม….


 


“…เอ่อ” เธอมึนงง เธอได้แต่ก้มหัวลงบนโต๊ะพร้อมคลื่นไส้เต็มลำคอของเธอ ตราประทับความทรงจำของเธอถูกกัดกร่อนตอนนี้เธอกำลังทุกข์ทรมานจากความทรงจำเก่าๆและสำนึกเสียใจ


 


ในขณะนั้นเอง ต๊อก ต๊อก — มีคนแตะไหล่ จินซาฮยอค แต่เธอไม่ตอบ


 


ต๊อก ต๊อก—


 


คราวนี้อีกฝ่ายเขย่าไหล่ของเธอจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน ท่าทางเล็กๆ ของเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวจนเธอเงยหน้าขึ้นมาข้างๆ


 


“…เธอมาทำอะไรที่นี่?”


 


ตรงหน้าเธอคือจินซาฮยอคตอนเด็ก


 


“แม้แต่นักบวชก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องสมุดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันหรอกนะ”


 


จินซาฮยอค จ้องมองใบหน้าของราชาอย่างเงียบๆ เด็กคนนี้เป็นตัวตนในอดีตของเธอ จินซาฮยอค เคยเป็นผู้ปกครอง พัลซาร์ ที่โง่เขลาและ


น่าสงสาร แม้จะมีทุกอย่างแล้ว จินซาฮยอค ก็ยังรู้สึกไม่พอใจต่อราชาน้อยคนนี้


 


จินซาฮยอค ปัดผมที่มีเหงื่อไหลจากหน้าผากของเธอ จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่รูปบุคคลที่อยู่ในสมุดบันทึก


 


“ราชา เธอรู้จักคนนี้ไหม”


 


“….” สีหน้าของเด็กน้อยหยุดลงทันที


 


จินซาฮยอค จ้องมอง เด็กน้อย ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยพลังเวทมนต์ เธอเร่งรีบให้ เด็กน้อย ตอบเธอด้วยความเย็นชา


 


“ถ้าเธอรู้จักเขา จงตอบฉัน”


 


ถึงกระนั้น เด็กน้อย ก็ยังคงนิ่งเงียบ เธอจ้องมองไปที่รูปของ ‘ไคด์สปริง’ โดยไม่พูดอะไร เธอไม่ตอบแต่ดวงตาของเธอตอบ พวกมันเต็มไปด้วยความเสียใจที่สิ้นหวังและถูกกลืนหายไปอย่างช้าๆด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้เหมือนไฟที่กลายเป็นเถ้าถ่าน


 


ความโศกเศร้าภายใน จินซาฮยอค


 


ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงตะโกนดังออกมาข้างนอก


 


– ทหารม้ามาถึงแล้ว! พวกเขาเจอนักบวชคนอื่นๆด้วย!


 


*************************************************************************


เช้าตรู่ทหารม้าก็กลับมาพร้อมข่าวดี


 


“…พวกเราเกือบตายแล้วจริงๆ”


 


พวกเขาเอา ซอยอนจี กับ อียองอา กลับมาที่วัง 2 คนนั้นตัวสกปรกมาก เหมือนว่าตายไปหนึ่งครึ่งแล้ว พวกเขาอยู่รอดได้ด้วยการกินหญ้าและดื่มน้ำฝน


 


“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ ยองจี ที่ฉันรอดชีวิตมาได้” เมื่อนั่งอยู่ท่ามกลางหญ้าและดอกไม้ในสวนที่เหี่ยวเฉาอียองอาพูดกับซอยองจิ


 


“เหมือนกันที่ฉันรอดชีวิตมาได้เพราะยองอา ฉันได้เรียนรู้เป็นครั้งแรกว่าหญ้าก็รสชาติดีเหมือนกัน”


 


หลังจากอยู่ด้วยกันเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์พวกเขาก็สนิทกันมากขึ้น ทั้ง 2 มองหน้ากันอย่างสนิทสนม จากนั้นด้วยท่าทางไม่พอใจ ไอลีน ก็ดึงหูของ อียองอา


 


“อาา, อาาา! อะไรกัน?”


 


“พวกนายมีความสัมพันธ์ไหม”


 


“…ไม่มีทาง. เธอก็รู้ว่าภรรยาของฉัน เป็นคนที่สำคัญที่สุด”


 


ตอนนี้ทุกคนยกเว้น ชินจงฮัก ได้รวบรวมกันผมตัดสินใจที่จะถาม


พวกเขาตาม ‘ลำดับความสำคัญ’


 


“ขอโทษนะ แต่พวกคุณเห็นคริสตัลที่มีลักษณะแบบนี้ไหม”


 


“คริสตัล?”


 


“ใช่.”


 


ผมหยิบชิ้นส่วนของ Tower Crystal ออกจากภาชนะทรงกระบอก


 


“ไม่ เราไม่เจอ”


 


“พวกเรายุ่งเกินกว่าที่จะสนใจอะไรนอกจากหาของกิน….”


 


แต่ทั้งคู่ก็ส่ายหัว ไม่น่าแปลกใจพวกเขาอาจไม่ได้กลับมาที่นี่หากพวกเขามีคริสตัลอยู่ด้วย ผมนำคริสตัลกลับมาที่เดิมและถามพวกเขาเกี่ยวกับลำดับความสำคัญที่ 2 ของพวกเรา


 


“แล้วชินจงฮัคล่ะ?”


 


ครั้งนี้ อียองฮาและซอยองจี ทั้งคู่ถอนหายใจพร้อมกัน


 


“…พวกเราไม่เคยเห็น ชินจงฮัก เลย”


 


“ฉันก็กังวลเหมือนกัน แต่เขาแข็งแกร่งดังนั้นเขาน่าจะมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งใช่มั้ย…?”


 


“หืมมม โอเคเข้าใจแล้ว” ผมพยักหน้าอย่างลังเลใจ


 


ทำไมชินจงฮัคถึงแยกออกจากพวกที่เหลือ? ทุกคนเข้ามาในโลกนี้เป็นคู่ …ผมเริ่มไตร่ตรองเรื่องนี้ แต่จู่ๆ…


 


“เป็นการดีที่ได้เห็นผู้คนมากมายจากวิหาร!”


 


เสียงเหมือนเด็กดังขึ้น ผมหันหน้าไปดู เด็กน้อย และ จินซาฮยอค ที่ยืนเคียงข้างกัน


 


แต่มีบางอย่างผิดปกติกับ จินซาฮยอค ท่าทางหยิ่งผยองของเธอตามปกติหายไปและเธอมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่ดูเศร้าโศกเสียใจ


 


เมื่อสายตาของพวกเราสบกันจินซาฮยอคก็ถอนหายใจท่าทางการเดินที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเธอหายไป


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเราทานอาหารร่วมกันตอนนี้มีไข่ 63 ฟองอาจจะไม่สมบูรณ์แบบแต่พวกเราก็จะมีอาหารดีๆกันกัน” จินซาฮยอคน้อยพูดพร้อมรอยยิ้มที่สดใส


 


รอยยิ้มของเธอน่ารักมากจนผมต้องตอบกลับเธอไปด้วยรอยยิ้มของผม


 


“ใช่ ฟังดูดีนะ ฉันจะทำอาหารเอง”


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 30 ปราสาทราชาปีศาจ]


 


ราชาปีศาจเหวี่ยงดาบปีศาจของเขา คิมซูโฮตอบโต้ด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ของเขา


 


ตู้มมมมมมมมมม-!


 


พลังเวทมนต์ระเบิด ณ จุดปะทะกัน ดาบปีศาจนั้นหนัก ในอดีตคิมซูโฮคิดว่าเขาจะไม่สามารถทนน้ำหนักนี้ได้ แต่ตอนนี้เขาสามารถป้องกันได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก


 


ตู้มมมมมมมมมมมม-!


 


ราชาปีศาจเหวี่ยงดาบของเขาอีกครั้ง ในระหว่างการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ราคาพูดออกมาว่า “…ดาบของเจ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ”


 


ตู้มมมมมมมมมมมมม-!


 


คิมซูโฮตอบกลับพร้อมโต้ตอบ “…ฉันตระหนักถึงพลังที่ฉันมีอยู่ข้างใน”


 


ตู้มมมมมมมมมมมมมม-!


 


ดาบปีศาจและดาบศักดิ์สิทธิ์ปะทะกัน คิมซูโฮ ไม่ยอมแพ้แม้แต่กับก้าวเดียวต่อหน้าราชาปีศาจ เขาเรียนรู้ที่จะยืนหยัด เขารับรู้ถึงน้ำหนักของพรสวรรค์ ดาบศักดิ์สิทธิ์ ของเขาอีกครั้งและความหมายของความสามารถที่เรียกว่า ‘ตัดอะไรก็ได้’


 


ตู้มมมมมมมมมมมมมม!


 


คิมซูโฮตัดความสงสัยทั้งหมดในใจของเขา เขาตัดความกลัวออกไป


สิ่งเดียวที่เขาทิ้งไว้ในตัวเขาคือ ‘ชัยชนะ’


 


“วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย”


 


คิมซูโฮเชื่อมั่นในตัวเอง เขาเชื่อในเพื่อนๆของเขาที่เชื่อในตัวเขา ดังนั้น ดาบศักดิ์สิทธิ์ จะชนะเหนือราชาปีศาจในการต่อสู้ครั้งนี้


 


ตู้มมมมมมมมมมมมม!


 


ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบปีศาจปะทะกันอีกครั้ง ดาบศักดิ์สิทธิ์ละลายพลังงานอสูรของดาบปีศาจ สิ่งที่ คิมซูโฮ ต้องการตัดคือวิญญาณของราชาปีศาจไม่ใช่ดาบของเขา


 


‘ดาบศักดิ์สิทธิ์จะสมบูรณ์เมื่อมันเผชิญหน้ากับหัวใจแทนที่จะเป็นดาบ’


 


คิมซูโฮ เข้าสุ่การรู้แจ้ง เขาใส่ทุกอย่างไปในการแกว่งดาบ มันแสดงความปรารถนาที่อยากจะชนะออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ


 


“…ความมุ่งมั่นของเจ้า น่าสนใจ”


 


การปิดกั้นการโจมตีจาก ดาบศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ ราชาปีศาจ หัวเราะ


คิมซูโฮยิ้มเบาๆ เขาสนุกกับการต่อสู้ครั้งนี้จากใจจริง เขามุ่งมั่นในการต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายเปรียบเทียบสถานะการดำรงอยู่ของดาบทั้ง 2


 


“-!!!!”


 


เขาเหวี้ยงดาบของเขาอย่างรุนแรง เสียงระเบิดสีทองแพร่ออกมาจากดาบศักดิ์สิทธิ์พุ่งไปหาราชาปีศาจ ราชาปีศาจปกป้องตัวเองจากการโจมตีของคิมซูโฮด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา


 


ทันทีที่เขาป้องกันการระเบิด 1 ครั้ง…คิมซูโฮ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าราชาปีศาจ ความเร็วของคิมซูโฮเท่ากับการโจมตีของเขา ราชาปีศาจนั้นประทับใจในการเคลื่อนไหวของคิมซูโฮและหัวเราะออกมาดังๆ


 


“ฮ่าๆๆๆ….”


 


ดาบทั้ง 2 ปะทะกันขณะเผชิญหน้ากับรอยยิ้มของกันและกัน


 


ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาสิ้นสุดหอคอยแห่งความปรารถนาแล้ว


บทที่ 446 ตอนใหม่ (8)


 


[ทวีป อคทรีน่า]


 


… 5 สัปดาห์สู่การเอาชีวิตรอดใน อคทรีน่า


 


ในช่วงเวลานี้เมืองหลวงของ พัลซาร์ ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อย


การฟื้นฟูดำเนินไปอย่างราบรื่นและการก่อสร้างที่พักพิงส่วนกลางสำหรับประชาชน 8,633 คนนั้นเสร็จสมบูรณ์ วัสดุก่อสร้างถูกจัดหาโดย [ลูกเต๋าแบบสุ่ม] การก่อสร้างนั้นใช้พลังเวทมนต์ของ ไอลีน และไฟของ อียองอา


 


ผมสร้างปศุสัตว์ใหม่เกือบทุกวัน พวกเรามีไก่ทั้งหมด 53 ตัวหมู 12 ตัวและวัว 6 ตัว ยุ้งข้าวใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อชาวบ้าน เสียงร้องดังอย่างต่อเนื่องจากไก่เต็มเล้าที่อัศวินเฝ้ายามทั้งกลางวันและกลางคืน ผมจะมีความสุขที่ได้ทำมากขึ้น แต่เนื่องจากพลังในชิ้นส่วนคริสตัลมีจำกัด


ผมจึงไม่สามารถสร้างไก่ออกมาได้เยอะๆด้วย รอยสัก 5 เส้นในตอนนี้


 


เห็นได้ชัดว่าจินเซยอนมีความกระตือรือร้นอย่างมากเกี่ยวกับงานอาสาสมัคร ซอยองจี ช่วยเธอ พวกเขา 2 คนพร้อมกับผู้คนทำงานในทุ่งนาและขุดบ่อน้ำอย่างใจดี ต้องขอบคุณการทำงานหนักของพวกเขาทำให้การขโมยของหายไปและมันฝรั่งกับข้าวโพดก็โตเต็มที่ใน 4 สัปดาห์และแจกจ่ายให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


 


นอกจากนี้จินซาฮยอค ก็มีความหลงใหลในการศึกษาของเด็กน้อยมาก ผมไม่แน่ใจว่าเธอกำลังจะทำอะไร แต่จินซาฮยอคสอนเด็กน้อยเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้พลังเวทมนต์ขั้นพื้นฐานและทรมานเธอด้วยการยัดไส้ทฤษฎีการปกครองของมาเชเวลลิในสมองของเธอ


 


แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จินซาฮยอค ไม่ได้คุยกับผมเลย เธอคอยหลีกเลี่ยงผมโดยไม่แม้แต่จะสบตากับผม


 


ตอนนี้ที่ผมคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็ไม่ได้หลบผม เธอมองสายตาผมอย่างเงียบๆหรือตามผมมาจากระยะไกล จากนั้นเมื่อใดก็ตามที่สายตาของพวกเราสบกันเธอก็จะวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว


 


ตอนแรกผมคิดว่าเธอพยายามจะฆ่าผม แต่วันเวลาผ่านไปโดยที่เธอไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นปรปักษ์แม้แต่น้อย ความสับสนของผมก็เพิ่มขึ้นทุกวัน


 


“…ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้องไปหาเศษคริสตันแล้ว”


 


พวกเราจะอยู่บนกำแพงปราสาทที่ซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แบบ ผมก็แนะนำให้ทุกคนมองไปดูด้านล่าง


 


“ฉันรู้สึกเหมือนสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นหากพวกเราจากไป” ไอลีน


กล่าว ดูเหมือนว่าเธอจะชอบ อคทรีน่า มากขึ้นไม่น้อย


 


“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันวางแผนจะไปคนเดียว”


 


“นั่นมันไม่อันตรายเกินไปเหรอ? พวกเราไม่มีเงื่อนงำเวลานี้น่า”


จินเซยอน พูดอย่างกังวล


 


ผมส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรเศษคริสตัลที่ผมมีจะตอบสนองเมื่อมีเศษอื่นๆอยู่ใกล้ๆมันอาจใช้เวลาไม่นานในการรวบรวมพวกมันทั้งหมด”


 


“อย่าดูถูกโลกภายนอก”


 


คราวนี้อัศวินแห่งหนึ่งของเด็กน้อยซึ่งยืนเฝ้าอยู่ที่กำแพงก็ออกมาข้างหน้า ชื่อของเขาคือ ลีโอ อัศวินผู้ชายที่ถืออาวุธเคลย์มอร์หนัก


 


“ไม่ใช่แค่ ชูเบิร์ท และมอนสเตอร์แต่รวมถึง ‘ศาลเตี้ย’ ภายนอกด้วย”


 


“ศาลเตี้ย?”


 


“ใช่ เขาโผล่ขึ้นมาเมื่อ 2-3 ปีก่อนที่สิ่งต่างๆเริ่มแย่ลลงพวกเขามีส่วนร่วมในสงครามกองโจรระหว่างปราสาทของชูเบิร์ทและปราสาทของพวกเราพร้อมขโมยอาหาร ม้าและอาวุธไป”


 


“อ่า…งั้นเหรอ”


 


ผมปล่อยให้คำพูดของเขาผ่านไปและพยักหน้า ผมค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของผม


 


“ฉันแค่จะไปลาดตระเวนในพื้นก่อน” ผมพูดสั้นๆก่อนกระโดดลงกำแพง


 


ตู้ม


 


หลังจากลงมาแล้วผมก็รู้ว่าจินซาฮยอค กำลังพิงกำแพงไว้ข้างหลังผม เธอจ้องมองมาที่ผม


 


“อะไร?”


 


“…ฉันจะไปกับนาย” จินซาฮยอค พูดและยืนข้างผม


 


ผมสงสัยว่าทำไมเธอหลีกเลี่ยงผมตลอดเวลา ผมปล่อยให้เธอตายไปด้วยมีบางอย่างที่ผมอยากจะพูดกับเธอ


 


“ทำตามที่เธอพอใจ.”


 


ผมก็เลยเดินทางไปกับจินซาฮยอค


 


[เศษคริสตัลสะท้อนแสงเมื่ออยู่ใกล้กัน]


 


เมื่อเดินผ่านป่าบางครั้งผมตรวจสอบคริสตัลในมือของผม ผมพูดหลังจากเงียบอยู่นาน


 


“ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังตะลุยคุกใต้ดินและห้องสมุดหลวง…”


 


“…”


 


ผมได้ยินมาจากอัศวินว่า จินซาฮยอค ใช้เวลามากมายในคุกใต้ดินและห้องสมุดของราชวงศ์ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมองหาใครบางคน


 


“เป็นใครกัน คิมซูโฮ หรือ พูฮาเรน?”


 


ในบันทึกโลกใบนี้ คิมซูโฮ ไม่มีอยู่ในโลกนี้อาจเป็นเพราะเขาไม่ธรรมดาเกินกว่าจะสร้างโดยพลังของคริสตัลหอคอยได้ จินซาฮยอค ส่ายหัวคำถามของผม


 


“ไม่ใช่”.


 


“…จริงๆเหรอ?”


 


จากรูปลักษณ์บนใบหน้าผมสามารถบอกได้ว่าเธอพบอะไรบางอย่าง ผมเหลือบมองไปที่ใบหน้าของเธออย่างสงสัย


 


“เป็น พูฮาเรน ใช่ไหม? เพราะเธอรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลายเป็นปีศาจ”


 


“ฉันบอกนายแล้ว ฉันไม่ได้ตายหาพูฮาเรน”


 


จินซาฮยอค หยุดและจ้องมองที่ใบหน้าของผมราวกับพยายามหาบางอย่างในตัวฉัน หลังจากนั้นไม่นานจินซาฮยอค ก็เปล่งเสียงเพี้ยนๆออกมา


 


“ …นายกำลังทดสอบฉันงั้นเหรอ”


 


ด้วยเหตุผลบางอย่างคำพูดของเธอฟังดูน่าตกใจ ผมมองเธอด้วยความสับสนอย่างสมบูรณ์และใบหน้าของจินซาฮยอคก็บิดเบี้ยว ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเธอเศร้าหรือโกรธ


 


“เธอหมายถึง….”


 


จินซาฮยอค พูดด้วยเสียงสั่น และแล้ว


 


วิ้งงงงงงงงงงงง…


 


ทันใดนั้นคริสตัลก็เริ่มสั่นสะเทือน ผมเอามือปิดปากจินซาฮยอค


 


“…อุ๊บบ!”


 


“เงียบ มีคนอยู่ที่นี่”


 


– ไม่จำเป็น


 


อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไป เสียงหนักแทงผ่านหูของผม


 


ไม่ช้ากลุ่มอัศวินก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังพุ่มไม้ เนื่องจากผมไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของพวกเขา ผมจึงสันนิษฐานว่ามีศัตรูเพียงคนเดียวในตอนแรก


 


“บ้าจริงมีมากขนาดนี้เลยเหรอ”


 


แต่สิ่งที่ปรากฏจากด้านหลังพุ่มไม้…อย่างน้อยอัศวิน 1 กอง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปหมดมากจนแม้แต่จินซาฮยอค ก็ต้องถอยออกไป


 


“ดูเหมือนว่า พวกเจ้า 2 คนมาจากปราสาทหลวง”


 


หัวหน้าของพวกเขายิ้มและก้าวมาข้างหน้า ชุดเกราะของเขาช่างน่าทึ่ง แต่ผมก็จดจ่อกับดาบในมือของเขามากกว่า


 


มีคริสตัลสีน้ำเงินฝังอยู่ตรงกลางด้ามจับ มันเป็นชิ้นส่วนของแผ่นดิน


 


ชายคนนั้นมองผมและจินซาฮยอค


 


“พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อลาดตระเวนงั้นเหรอ? ช่างโชคร้ายที่พวกเจ้าต้องมาเจอกับพวกข้า”


 


เสียงของเขาฟังลื่นไหลราวกับว่ามันถูกทาเนย ผมจะคิดแผนการก่อน


ผมมีแผนที่จะขโมยคริสตัลและหนีไปจากที่นี่ อย่างไรก็ตามจินซาฮยอค จู่ๆก็โกรธขึ้นมา


 


“เรแลน ไอ้ลูกหมา อยากเจอแกอยู่พอดี”


 


“…ฮ่าๆๆๆ งั้นเหรอเจ้ารู้จักข้า ไม่น่าแปลกใจเลยมี ปรมจารย์ดาบ เพียงหยิบมือเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้”


 


“ปรมจารย์ดาบ?”


 


ในขณะนั้นใบหน้าของผมก็แข็งค้าง


 


“ถูกตัอง. ชื่อของฉันคือ เรแลน, ปรมจารย์ดาบแห่ง ชูเบิร์ท”


 


ผมไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเราเป็น ‘ ปรมจารย์ดาบ’ ตัวจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเขาเป็น ถ้างั้นพวกเราก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายจริงๆ  ปรมจารย์ดาบไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่พบได้ทั่วไปในเนื้อเรื่องของผม


 


ปรมจารย์ดาบ ก็ตามชื่อของมันเป็นนัยยะว่า ‘เทพแห่งดาบ’


 


‘ปรมจารย์ดาบ’ เป็นขอบเขตที่ คิมซูโฮ สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเอาชนะราชาปีศาจ ดังนั้นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเราในตอนนี้อย่างน้อยก็แข็งแกร่งเท่ากับคิมซูโฮหรือแย่กว่านั้นก็คือแข็งแกร่งกว่า


 


“แล้ว เจ้าเป็นคนรับใช้ของราชาที่ท่านเคานต์พูดถึงใช่ไหม”


 


เรแลน ถามขณะที่ยกดาบของเขาขึ้นมา อัศวินที่อยู่ข้างหลังเขาดึงดาบของพวกเขาด้วยเช่นกัน


 


ซ่าาาาาาาาาา…


 


พลังเวทมนต์จำนวนมหาศาลแผ่กระจายไปทั่วป่า พลังเวทมนต์ของอัศวิน 1 กองก่อให้เกิดวังวนขนาดเล็ก


 


“จินซาฮยอค เตรียมพร้อมที่จะวิ่ง”


 


“…นายหนีไป. ฉันมีหน้าที่ฆ่าไอ้ลูกหมานี้แม้ว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน นายเองก็ควรรู้ว่าไอ้สวะนี้ก็เป็นคนทรยศด้วยเช่นกัน”


 


จินซาฮยอค จ้องมองไปที่ เรแลน และปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอ


ออกมา พลังเวทมนต์ของเธอลอยขึ้นไปในอากาศกลายเป็นหอกและดาบ


 


“-!!!!”


 


จินซาฮยอค ยิงพวกมันไปหา เรแลน ทันที แต่เรแลนเหวี่ยงดาบของเขาออกมา พวกเราเสียเปรียบที่นี่ มันยากที่จะจัดการกับ  ปรมจารย์ดาบแม้จะแค่ 1 คน แต่นี้มันมีอัศวินอีก 100 นาย


 


“ไม่…..ไม่ต้องดื้อเลย…?”


 


ตอนนั้นผมหยุดพูดและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เงาขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นดินที่พวกเรายืนอยู่ คนอื่นๆก็มองดูตามสัญชาตญาณเช่นกัน


 


“อะไรกัน….”


 


หอกหลายร้อยด้ามกำลังตกลงมาจากมุมมองที่ห่างไกลบนท้องฟ้าซึ่งครอบคลุมทั้งดวงอาทิตย์ หอกเหล่านี้ไม่ได้เป็นของ จินซาฮยอค


พวกมันเป็นของบุคคลที่สาม


 


ทันใดนั้นอัศวินก็ตะโกน


 


“เป็นศาลเตี้ย!”


 


“ทุกคนเตรียมพร้อมต่อสู้!”


 


“ไอ้พวกหมาป่า พวกนั้นกลับมาอีกแล้ว!”


 


หอกร่อนลงบนพื้นทันที อัศวินเองก็เตรียมพร้อมโจมตี พวกมันก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ หอกหลายร้อยพุ่งเข้ามาและระเบิดทั่วทั้งบริเวณรอบตัวพวกเรา


 


ตู้มมมมมมมมมมมมมมม!


 


ควันเป็นฟองออกมาจากการระเบิด วิสัยทัศน์ของผมถูกปิดกั้นโดยควัน แต่ผมปลอดภัยต้องขอบคุณ เอเธอร์ ที่ล้อมรอบเป็นโล่ให้ผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองว่าหอกมาจากไหน


 


ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของศาลเตี้ยยืนอยู่ที่นั่น น่าแปลกที่เขาดูคุ้นๆ


 


เคราหนา ดวงตาบวมคล้ำ เสื้อคลุมโทรม ลอยไปในอากาศ…. แม้ว่า


รูปร่าง หน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างมากจากที่ผมจำได้ แต่ผมก็สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นใคร


 


เขาคือ ชินจงฮัค อย่างไม่ต้องสงสัยเลย


 


สถานการณ์ทั้งหมดนี้ค่อนข้างเหมือนเดจาวู ทันทีที่ผมเห็นเขาผมจำได้ทันทีจาก ‘เนื้อเรื่องที่ผ่านมา’ ที่ผมเคยไปในอดีตเมื่อมานานแล้ว การย้อนเวลาที่มีผมเพียงคนเดียวที่ตกหล่นไปในอดีตในช่วงเวลาอื่น


 


จะเป็นยังไงถ้าเกิดเรื่องนั้นกับ ชินจงฮัก เขาอยู่ในเวลาที่แตกต่างกัน…?


 


“ชินจงฮัค?”


 


ชินจงฮัคหันมามองผม ตอนแรกผมคิดว่าเขารู้สึกโล่งใจที่เห็นผม


 


“… 3 ปี”


 


แต่มันใช้เวลาไม่นานที่ผมจะรู้ว่าผมคิดผิด


 


“ฉันรอมาที่นี่ 3 ปีแล้วนะ แกไอ้คนไม่ได้เรื่อง!”


 


ชินจงฮัคชี้หอกสีแดงเข้มของเขามาที่ผมเพื่อระบายความโกรธ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม