The Novel’s Extra 427-433

 บทที่ 427 การเริ่มต้นใหม่ (5)


 


ยูยอนฮา หมดสติเมื่อเธอเห็นคิมฮาจิน แน่นอนว่าคิมฮาจินไม่รู้ว่าทำไมและเขารวบรวมพลังเวทมนต์ของรอยสักใส่ในตัว ยูยอนฮา อีกครั้ง


ยูยอนฮาตื่นขึ้นมาเห็นคิมฮาจินจากนั้นก็หมดสติอีกครั้ง คิมฮาจินก็เติมพลังเวทมนต์ของรอยสักทำให้ตื่นขึ้นมาเธออีกครั้ง….


 


หลังจากทำซ้ำไปซ้ำมาประมาณ 5 ครั้ง


 


“… .”


 


ในที่สุด ยูยอนฮา ก็ตื่นขึ้นมา เธอยังคงงงงวย แต่เธอก็ไม่หมดสติลงเมื่อเธอเห็นคิมฮาจิน ‘ฉันน่าจะคุยกับเธอได้แล้วตอนนี้’ คิมฮาจินคิด


 


“เกิดอะไรขึ้นกันเธอ?”


 


“… .”


 


อย่างไรก็ตาม ยูยอนฮา ไม่ได้พูดอะไร เธอยังคงนิ่งเงียบและมองที่เขาด้วยสายตาที่เปียกคราบน้ำตา


 


“…ว่าไง?”


 


หลังจากนิ่งอยู่นาน ยูยอนฮา ก็เธอพุ่งเข้าใส่อ้อมกอดของคิมฮาจิน


 


“เฮ้ เฮ้ เธอเป็นอะไรไปน่ะ”


 


แขนของเธอบีบ คิมฮาจินและใบหน้าของเธอฝังอยู่ในหน้าอกของเขา เธอช่างดูน่าสงสารพลังทำลายของมันมากพอที่จะทำลายโลกทั้งใบ


 


“ฉันขอโทษ……ฉันขอโทษ….”


 


ในขณะที่คิมฮาจินยืนเฉยๆ ยูยอนฮา เอาแต่ขอโทษเขาเธอยังคงคิดว่าเธอกำลังฝัน คิมฮาจินเป็นเพียงภาพหลอนและเธอถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิด


 


“ใจเย็นๆ เธอจะขอโทษอะไรเหรอ?”


 


“ฉัน…ฉัน….”


 


ยูยอนฮา อยากสารภาพทุกอย่างแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ในฝันของเธอ แม้ว่ามันจะสายเกินไป แม้ว่าเขาจะไม่สามารถให้อภัยเธอได้อีกต่อไป แต่เธอก็อยากจะบอกทุกอย่างกับคิมฮาจิน นั่นคือสิ่งที่เธอต้องทำ


สิ่งที่เธอซ่อนไว้จากเขา มันเจ็บปวดกับเธอมากแค่ไหนและเธอเสียใจมากแค่ไหน ทุกอย่างมันน่าเจ็บปวดเกินไป


 


“ขอโทษนะ มันเป็นความผิดของฉันเอง….”


 


ยูยอนฮา พูดขณะที่เธอสะอื้น


 


“ดังนั้นคุณสามารถออกจากตอนนี้ ฉันจะจำคุณได้ตลอดชีวิตของฉัน”


 


“….”


 


คิมฮาจินจ้องมองที่เธออย่างว่างเปล่า เขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ตลกขบขันนี้ ดังนั้นเขาจึงมอง ยูยอนฮา ทำแปลกๆเป็นเวลา 2~3 นาทีจากนั้น …


 


– เพี๊ยบ


 


เขาตบแก้มเธอเบาๆ


 


“โอ้ย อะไรน่ะ”


 


ยูยอนฮา พูดออกมา 2-3 คำหลังจากถูกตบ เมื่อพิจารณาว่าเธอกำลังถามว่าทำไมเธอก็ถูกตบอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เป็นบ้าไปอย่างสมบูรณ์สินะ


 


“นายทำอะไร?”


 


“…ไม่เป็นไรแล้วหรอ?”


 


“ฉันพูดแล้วนายน่ะกำลังทำอะไรอยู่”


 


“… .”


 


ตอนนั้นเองในที่สุด ยูยอนฮา ก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอยังคงนิ่งเฉยและพยายามคำนวณวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ทั้งหมดแล้ว…ก็


 


เพี๊ยบ เธอตบหน้าเธอเองอย่างรุนแรง


 


เธอมีความแข็งแรงพอที่จะเขย่าทั้งห้องคิ้วเธอกระตุกด้วยความเจ็บปวด


 


“อาาาาาาา มันเจ็บ….”


 


เมื่อเห็นอย่างนี้คิมฮาจินก็พูดออกมาอย่างชัดเจน


 


“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันยังไม่ตาย”


 


“… .”


 


“แต่ขอบคุณที่บอกให้ฉันรู้”


 


นั่นคือการระเบิดครั้งสุดท้าย


 


ใบหน้าของ ยูยอนฮา เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม


 


*************************************************************************


 


2 ชั่วโมงต่อมา


 


ผมนั่งคุยกับยูยอนฮา ใบหน้าของเธอยังแดงช่าด้วยความอับอาย


ผมน่าจะทอดไข่บนใบหน้าของเธอได้เลย…


 


อึกอึก –


 


ยูยอนฮา กลืนน้ำลงไปถึง 1 แก้วได้แล้วก็เปิดปากของเธอขึ้นมา


 


“นะ-นาย นายมีทักษะแบบนั้นด้วยเหรอ….”


 


“ในทางเทคนิคฉันตายไปแล้ว มันเจ็บมาก”


 


“…ฮะ, ตะ-แต่…นายยังมีชีวิตอยู่”


 


หลังจากพูดอย่างนั้น ยูยอนฮา ก็กระแทกหัวเธอลงบนโต๊ะ ไอน้ำสีขาวลอยขึ้นมาจากหัวของเธอ ผมไม่ได้พูดเกินจริง มันเป็นไอน้ำจริงๆพิสูจน์ได้ว่า ยูยอนฮา ใช้ทักษะอยุ่


 


“แล้วแบบนี้ ฉันจะบอกอะไรกับนายอน….”


 


“ …โอ้ ใช่เกิดอะไรขึ้นกับแชนายอน”


 


ก่อนที่ผมจะสังเกต แชนายอนก็ค้นพบความจริง ผมเป็นห่วงจิตใจที่เปราะบางของเธอ


ยูยอนฮา ลุกขึ้นมาและส่งสายตาที่แวววาวมาให้ผม


 


“นายอน…กลับไปที่เทือกเขาหิมาลัย”


 


“ทำไม?”


 


“ก็…ไปแก้แค้น”


 


“แก้แค้น?”


 


“ใช่แล้วเธอบอกว่าเธอจะแก้แค้นมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์และทำให้


ปู่ของเธอต้องชดใช้บาปของเขา เธอจากไปก่อนที่ฉันจะห้ามเอาไว้”


 


“…..ฉันเข้าใจ.”


 


ผมคิดไม่ตก สถานการณ์ดูค่อนข้างจริงจัง ‘เราจะไปพบเธอเพื่อแสดง ให้เห็นว่าเรายังมีชีวิตอยู่ดีไหมนะ’ เมื่อเห็นว่าผมกำลังใคร่ครวญสิ่งที่ต้องทำ ยูยอนฮา ก็ถามออกมาดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดแปลกๆ


 


“ …นายยังคงชอบนายอนมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”


 


“ฮะ?”


 


ผมจ้องมอง ยูยอนฮา พร้อมสับสนกับคำถามที่ฉับพลัน เธอยิ้มอย่างขมขื่นบนใบหน้าของเธอ


 


“ฉันไม่ได้เป็นคนโรแมนติกอะไร แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนายอนแข็งแกร่งมากกว่าที่นายคิด”


 


“ …เธอหยุดพูดเรื่องแปลกๆได้ไหม? เธอเข้าใจผิดแล้ว”


 


ยูยอนฮา ยิ้มอย่างเขินอายและพยักหน้า


 


“โอเค…ฉันอยากขอโทษอีกครั้งเกี่ยวเรื่องความลับนั้น”


 


เธอกำลังพูดถึงความจริงที่ยูจินวอนอยู่เบื้องด้านหลังอุบัติการณ์ควังโอ มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเนื่องจากการประสานกับ ชุนดง แต่ผมไม่ได้โกรธหรืออะไร


 


“ฉันไม่สามารถพูดได้ว่าฉันไม่ได้โกรธ แต่…เฮ้ออ…”


 


ผมไม่สามารถตอบสนองอะไรที่แตกต่างไปจากที่คิมชุนดงได้เพราะมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ มันส่วนหนึ่งจากจิตสำนึกของผม แต่เหตุผลหลักคือ ‘การซิงโครไนซ์’ จำนวนแปลกๆนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยทุกครั้งที่ผมทำบางสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคิมชุนตง แต่มันมีน้อยมากดังนั้นผมจึงไม่ต้องกังวลเท่าไร


 


“ฉันมีชีวิตอยู่เพราะพ่อของเธอ แม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เป็นเพราะเขาและแม้ว่าเขาจะทำอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ”


 


เมื่อถึงตอนนั้นผมก็ตื่นตัว Smart Watch ใหม่บนข้อมือของผม


‘Essential Smartwatch Code Black’ มันเป็นนาฬิกาหรูมูลค่า 1700 ล้านวอนที่ทำจากไทเทเนียมและเพชรโลหิต


 


“ฉันได้นาฬิกาที่ฉันต้องการแล้ว ฉันต้องไปก่อน อ้อฉันทำอาหารให้เธอแล้วนะ”


 


ในขณะที่ยูยอนฮาใจเย็นลงและรวบรวมความคิดของเธอผมก็ทำอาหารกับข้าวและกิมจิให้เธอ เนื่องจากเธอมีวัตถุดิบคุณภาพสูงในตู้เย็นของเธอ ผมจึงสามารถรับประกันรสชาติของพวกมันได้เลย


 


“…รอเดี๋ยว.”


 


แต่เมื่อผมกำลังจะจากไป ยูยอนฮา ก็หยุดผมเอาไว้


 


“อา? อะไรเหรอ?”


 


“ทำไมนายถึงสวมสูท?”


 


“อ้อ นี่เหรอ?”


 


‘เพราะฉันกำลังจะไปที่พระราชวังบักกิ้งแฮมน่ะ…’ ผมกำลังเลือกคำพูดของผมแต่ยูยอนฮาก็เดินเข้ามาหาผม


 


“เนคไทของนายหลวม”


 


เธอยืนอยู่ข้างหน้าและวางมือเธอบนเน็คไทของผม เธอปลดมันแล้วผูกมันอีกครั้ง


 


“… .”


 


ในขณะเดียวกันผมก็หยุดนิ่ง กลิ่นผมของเธอทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ


ในขณะที่ความสัมพันธ์ค่อยๆก่อตัวเป็นปม …


 


ตุบ


 


มีบางสิ่งที่หนักอึ้งอยู่บนหน้าอก ผมมองลงไป ยูยอนฮา วางหน้าผากของเธอบนหน้าอกของผมในระหว่างที่ผูกเน็คไท ไม่ช้าผมก็ได้ยินเสียงจากปากของเธอ


 


“… อยู่.”


 


“…หา?”


 


“อยู่ต่อ”.


 


สักพักด้วยคำพูดนี้ของเธอ เธอก็เริ่มเขย่าผมไปมา


 


“อยู่, อยู่, อยู่, อยู่ต่อเถอะ…!”


 


หัวของผมสั่นไหว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถูกตัว แน่นอนไม่นานยูยอนฮาเอา มือของเธอจับไว้ที่คอของผมเพื่อโอบกอด


 


“อย่า…อย่างได้ขาดการติดต่อ นายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเรา”


 


“… .”


 


เสียงของเธอดังขึ้นอย่างน่ารัก ผมเขินอายเลยได้แต่เกาที่หลังคอ แม้ว่าผมจะยุ่ง แต่มันก็เป็นความจริงที่ผมไม่ได้ติดต่อเธอประมาณ 3 เดือน ไม่น่าแปลกที่เธอคิดว่าผมตายไปแล้ว


 


“ …ถ้าฉันมีเวลา”


 


“…อย่ามาแก้ตัว.”


 


ยูยอนฮา ปล่อยคอของผมและพูกเน็คไทของผมให้จนเสร็จ


 


“นี้.”


 


เธอตบไหล่ผม 2-3 ครั้งแล้วถอยออกมา เธอมองดูเน็คไทที่เธอผูกและยิ้มอย่างพอใจ


 


“…อ้อ ….ใช่!”


 


ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนราวกับว่าเธอเพิ่งจะจำสิ่งที่สำคัญขึ้นมาได้


 


“เมื่อนายกลับไปที่หอคอย อย่าอ่านข้อความที่ฉันส่งถึงนาย! ถ้านายทำความสัมพันธ์ของพวกเราถือว่า จบกันโอเคไหม-”


 


– ข่าวฉุกเฉิน! มอนสเตอร์ทางแอฟริกากำลังเดินไปทางเหนือ


มอนสเตอร์ในทวีปอื่นๆเองก็บุกรุกดินแดนของมนุษย์ด้วยเช่นกัน! พลเรือนควรอยู่ภายในบ้านในขณะที่ …


 


ในตอนนั้นเองคำเตือนเรื่องภัยพิบัติก็โผล่ขึ้นมาใน smartwatch ใหม่ของผม smartwatch ของผมไม่ใช่อุปกรณ์เดียวที่ได้รับรู้เรื่องนี้


 


smartwatch ของ ยูยอนฮา และ smartwatches ของผู้คนบนท้องถนนนอกหน้าต่างล้วนแต่ส่งเสียงบี๊บพร้อมเตือนภัยพิบัติ


 


“… .”


 


ผมจ้อง ยูยอนฮา เธอเองก็มองมาที่ผมเช่นกัน


 


*********************************2***************************************


บทที่ 428 การเริ่มต้นใหม่ (6)


 


[ชั้น 21 – อาณาจักรแห่งการ์ด]


 


“… ในที่สุด.”


 


ในขณะเดียวกัน ชินจงฮัก กำลังดูการ์ดที่เขาได้รับบนชั้นที่ 21


 


===


[การสั่นสะเทือนของแสง] [เอฟเฟ็กต์] [7 ดาว] * ประสิทธิผลดี *


○ใช้เอฟเฟกต์ ‘การสั่นสะเทือนของแสง’ กับอาวุธเป้าหมาย


○เสียงสะท้อนของแสง


– การโจมตีด้วยเสียงสะท้อน: การโจมตีจากอาวุธที่ได้รับผลกระทบจะสะท้อนเหมือนเสียงสะท้อน


– คุณสมบัติผสม: เพิ่มคุณสมบัติแสงให้กับการโจมตีขั้นพื้นฐานและ


การโจมตีแบบกลุ่ม


===


 


การ์ดระดับ 7 ดาวที่เป็นคุณสมบัติธาตุแสงกับอาวุธที่เลือก นอกจากนี้ยังทำให้อาวุธมีการโจมตีเพิ่มเติมผ่านเสียงสะท้อน แน่นอนว่ามันคุ้มค่ากับราคาของมัน


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า หุหุหุ… .”


 


ชินจงฮักยิ้มขณะที่ถือไพ่ในมือ เขาคิดย้อนกลับไปถึงงานทั้งหมดที่เขาทำเพื่อให้ได้แหล่งกำเนิดธาตุแสง เขาใช้ TP ทั้งหมดของเขาเพื่อตามหาคุณสมบัติธาตุแสงหรือของที่ส่องแสงได้และเขารู้ว่า TP ไม่พอเขาเลยโอนเงินทุนจากนอกหอคอยเข้ามาเพื่อตามหามัน


 


“โอ้! นั้นมันคือ [การสั่นสะเทือนของแสง]! ฉันเห็นสิ่งนั้นในสารานุกรมการ์ด มันหายากสุดๆใช่ไหม?” ยียองฮานผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขาใจแตก


 


ชินจงฮักจ้องมองเขาก่อนที่จะวางไพ่


 


ยียอนฮาน พูดอีกครั้ง “ถ้านายโจมตีจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงใช่มั้ย”


 


“หุบปาก.”


 


“…นายมีอาวุธที่จะใช้หรือยัง? นายต้องมีอาวุธระดับ 8 เป็นอย่างน้อยถ้านายอยากใช้มันให้เต็มศักยภาพ”


 


“ฉันหามาได้แล้วเพราะงั้นหุบปาก”


 


ชินจงฮัก รีบมองสภาพแวดล้อมของเขาอย่างระมัดระวัง โชคดีที่เขาไม่เห็นใครที่เป็นขโมย เนื่องจาก [อาณาจักรการ์ด] เต็มไปด้วยมือล้วงกระเป๋าที่เชี่ยวชาญแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถป้องกันได้


 


“นายจะกลับไปที่ชั้น 26 งั้นเหรอ”


 


ยียอนฮาน มีคำถามมากมาย ชินจงฮักรำคาญสายตาที่จ้องมองเขา แต่ยียอนฮาน มองไปที่ชินจงฮักไม่ย่อท้อ ชินจงฮักไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอนหายใจและยอมรับสถานการณ์ของเขา


 


“…ใช่….ฉันจะกลับไปทันที”


 


“โอ้~ อย่างที่คิด สมเป็นหัวหน้าของ Desolate Moon!”


 


ระดับของกิลด์ในหอคอยนั้นเหมือนกับในโลก Essence of the Strait เป็นอันดับ 1 ในขณะที่ Frost Sanctuary และ Desolate Moon ตามมาอย่างใกล้ชิด ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือราชสำนักอังกฤษและ


ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์ กลับมีอิทธิพลในหอคอยโดยความสำเร็จของ


คิมซูโฮ และ เรเชล


 


“แต่ถึงแม้ว่านายจะขึ้นไป นายก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยไม่ใช่เหรอ? ราชาปีศาจกำลังต่อสู้กับคิมซูโฮ”


 


“…เขาอาจจะไม่ชนะเจ้านั้น”


 


“อืม…แล้วนายจะท้าทายราชาปีศาจต่องั้นเหรอ”


 


“ถูกต้องเพราะฉันแข็งแกร่งกว่าคิมซูโฮมาก”


 


ชินจงฮักพยักหน้าด้วยความมั่นใจ


 


“อย่างที่คิดเป็นความมั่นใจจากสายเลือดงั้นเหรอ”


 


ในขณะนั้นเองเสียงเบาก็ดังข้างหูของทั้ง 2 มีชินจงฮักก้มหัวให้ทันที


 


“ยินดีที่ได้เจอนายนะ จงฮัก”


 


ที่นั่นชินจงฮักเห็นจินเซยอนด้วยยิ้มอย่างสดใสเช่นเคย ชินจองฮักมีความสุขที่ได้เจอเธอ แต่เขาพยักหน้าโดยไม่เปิดเผยความรู้สึกของเขาออกมา


 


“ใช่แล้ว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


 


ตู้มมมมมมมมมม-!


 


ในขณะนั้นเองแสงก็วูบวาบขึ้นบนท้องฟ้าอันห่างไกล ฮีโร่ทั้ง 3 เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน


 


“ …ซูโฮ กำลังต่อสู้” จินเซยอน พึมพำ


 


“คุณคิดว่าเขาสามารถเอาชนะได้ไหม” ยียอนฮา ถาม


 


“มันยากมาก” ชินจงฮักตอบ


 


จินเซยอน หัวเราะด้วยความซึนที่น่ารักของ ชินจงฮัก


 


ตู้มมมมมมมมม-!


 


แสงไฟอีกหนึ่งดวงกระจายบนท้องฟ้าเหมือนใยแมงมุม


 


มันรุนแรงมาก


 


– พลังดาบที่ปรากฏออกมา


– พลังเวทมนต์ของพวกเขามาถึงที่นี่ได้ยังไง?


– จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคิมซูโฮชนะ?


– นั่นจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นไม่ต้องกังวลไปหรอก


 


ไม่ใช่แค่ชินจงฮัก,ยียองฮาน,และจินเซยอนมองขึ้นไปบนฟ้า ทุกคนในอาณาจักรการ์ดเองก็เหมือนกัน


 


ชั้น 30 ชั้นสุดท้ายของ Tower of Wish


 


คิมซูโฮ ต่อสู้กับราชาปีศาจได้ยังไงไม่สิเขาจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ไหมนะ


 


ทุกคนทั้งในและนอกหอคอยสงสัยในสิ่งเดียวกัน


 


*************************************************************************


 


คิมซูโฮค่อยๆลืมตา แรงกดทับและความเจ็บปวดกดลงบนร่างกาย


เขาพยายามเอาชนะความเจ็บปวดแต่ร่างกายของเขาไม่ยอมขยับ


สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในขณะนี้คือการอดทนต่อความเจ็บปวด


 


“คุณแพ้อีกแล้ว”


 


เสียงนุ่มนวนดังขึ้นจากใกล้ๆ คิมซูโฮหันหัวของเขาไปในทิศทางนั้น แม่มดยืนอยู่ที่นั่น ถัดจากเธอคืออุปกรณ์ที่เขามีก่อนหน้านี้พร้อมกับ มิสเทลทีน


 


“ราชาใช้พลัง 50% ของเขาและเอาชนะขณะที่เหลือพลังอีก 73% แต่คุณกลับต้องใช้พลังทั้งหมดแต่ก็ยังพ่ายแพ้”


 


แม่มดรายงานผลลัพธ์ราวกับแจ้งผู้เล่นในผลการแข่งขัน


 


“อุปกรณ์ของคุณได้รับการซ่อมแซม ตอนนี้คุณมี 2 ทางเลือก


คุณสามารถยอมแพ้หรือลองอีกครั้ง -”


 


“อีกครั้ง.”


 


คิมซูโฮ พูดออกมาคำเดียวแต่เมื่อเขาทำเช่นนั้นคลื่นความเจ็บปวดก็พัดเข้ามาในร่างกายของเขา คิมซูโฮกระอักเลือดและพูดต่อ


 


“ฉันจะพยายาม…อีกครั้ง”


 


การต่อสู้กับราชาปีศาจจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเขาอย่างสมบูรณ์ เขาท้าทายอีกฝ่าย 3 ครั้งและแพ้ทั้ง 3 ครั้งราชาปีศาจนั้นแข็งแกร่ง


จุดแข็งของเขาคือสิ่งที่ คิมซูโฮ ไม่เคยจินตนาการหรือเคยเจอมาก่อนในชีวิตขแต่เรื่องทำให้ความเชื่อมั่นของคิมซูโฮเปล่งประกายหากเขาไม่สามารถเอาชนะราชาปีศาจได้ เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหยุดหายนะที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและปกป้องบ้านใหม่ของเขา ความมุ่งมั่นของเขาในฐานะอัศวินยังคงลุกไหม้อยู่ข้างในตัวเขา


 


“… .”


 


แม่มดจ้องมองอัศวินอย่างเงียบๆหลังจากจ้องมองเขาเป็นเวลานานเธอก็ก้มศีรษะลงและพูดพึมพำเบา ๆ


 


“ …ฉันจะให้เวลา 4 วันในการฟื้นฟู”


 


จากนั้นแม่มดก็จากไป คิมซูโฮ ไม่สิ้นหวังแม้ในขณะที่กำลังเจ็บปวด เขาไม่กลัวความแตกต่างระหว่างเขากับราชาปีศาจ เขายังคงมีโอกาสมากมาย เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้


 


“-!!!!”


 


กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด อย่างไรก็ตามคิมซูโฮก็กลืนเสียงร้องของเขาและลุกขึ้นมา เขาพยายามฟื้นฟูร่างกายที่ทรุดโทรมของเขา ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับมันมากกว่าใคร วิญญาณของเขาผ่านความตายมาแล้ว ความเชื่อมั่นของเขาแข็งแกร่งเหมือนดาบที่ไม่มีวันแตกสลาย…


 


“…แฮ่ก, แฮ่ก”


 


ในที่สุดคิมซูโฮก็บังคับตัวเองให้หายใจเข้าออกอย่างรุนแรงขณะที่มีเลือดและเหงื่อไหลออกมา เมื่อเขาหันกลับไปเพราะรู้สึกมีคนจ้องมองเขาอยู่…


 


“อะ-อะแฮ่ม.”


 


เขาเห็นแม่มดจ้องมองมาที่เขา


 


*************************************************************************


 


[โซล, เกาหลี, ดาดฟ้าของอาคารนิรนาม]


 


– รายงานฉุกเฉิน! มอนสเตอร์แอฟริกากำลังเดินไปทางเหนือ


– พวกมันมีอย่างน้อย 30,000,000 แต่นั่นเป็นค่าประมาณที่น้อยที่สุด


– นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ออร์เดน ผู้ซึ่งอ้างตัวว่าเป็น ‘ราชาแห่งมอนสเตอร์’ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อปรากฏการณ์ดังกล่าวซึ่งทำให้ประชาชนตกใจ …


 


“โอ้โห.”


 


จินซาฮยอค ส่ายหัวและปิด Smart Watch ของเธอ เธอกลับมาสู่โลกหลังจากใช้เวลานานในหอคอย แต่โลกก็ยังอยู่ในความสับสนวุ่นวายไม่มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นและผู้คนกำลังพูดถึงแต่มอนสเตอร์


 


“ออร์เดน… .”


 


เธอจำได้ว่าเบลล์พูดถึงใครบางคนที่ชื่อนั้น มอนสเตอร์ในแอฟริกานั้นมีความปรารถนาอย่างยิ่งใหญ่ในการพิชิตโลกทั้งหมด


 


“… อืม.”


 


แต่ จินซาฮยอค ไม่สนใจเรื่องมอนสเตอร์ เธอเป็นห่วงเพียงแค่สิ่งที่เธอได้ยินจากเรเชลในวันนี้


 


– ฮาจิน บอกว่า พูฮาเรน ราชาที่ถูกจองจำ เขาบอกว่ามันมาจากภาพยนตร์…มันชื่ออะไรเหรอ?


 


การเคี้ยวใบไม้เหมือนการสูบบุหรี่ จินซาฮยอคคร่ำครวญถึงคำที่


เรเชลบอกเธอ


 


คิมฮาจิน รู้จัก พูฮาเรน คนที่เขาไม่ควรรู้ นั่นคือเหตุผลที่จินซาฮยอค ออกจากหอคอย เธอไม่สามารถอยู่ใน Crevon ได้ มันทำให้เธอโมโหมาก


 


“เฮ้ออออ… .”


 


จินซาฮยอค เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันไกลโพ้นและถอนหายใจ จากนั้นเธอพึมพำราวกับว่าเธอกำลังพูดกับอากาศบางๆ


 


“…ออกมา”


 


คำพูดของเธอคลุมเครือเหลือเกิน แต่เธอกำลังพูดกับใครบางคนอย่างชัดเจนและไม่นานหลังจากนั้นจู่ๆก็มีคนเปิดเผยตัวเองออกมา


 


– ชิ


 


เสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากด้านบนหรือด้านล่าง


จินซาฮยอค จ้องไปในทิศทางนั้น กระต่ายเหมือนมนุษย์ยืนอยู่ที่นั่น


 


“…นายเป็นกระต่ายหรือมนุษย์?”


 


เสียงของจินซาฮยอคดังขึ้น เป็นกาโต้ กาโต้จ้องมองที่จินซาฮยอค และถามเธอด้วยคำถามอื่น


 


“มนุษย์ ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้าแข็งแกร่ง เจ้าเป็นดอกบัวดำงั้นหรือ”


 


“… หา.”


 


จินซาฮยอค เยาะเย้ย มอนสเตอร์งี่เง่าพวกนี้ไม่สามารถแยกเพศได้งั้นเหรอ? มันมากไปหรือเปล่าที่เรียกคนอื่นว่า ‘มนุษย์’


 


“นายไม่รู้หรือว่าดอกบัวดำเป็นผู้ชาย?”


 


“…ข้าได้ยินมาว่าเขาสีดำสนิท”


 


“ผมของฉันเป็นสีกรมท่า มันมันดูมืดกว่าปกติเพราะเป็นกลางคืน”


 


เมื่อได้ยินเรื่องนี้กระต่ายก็ปล่อยพลังเวทมนต์ออกมา เขาเปรียบเทียบ ดอกบัวดำ กับ จินซาฮยอค เมื่อผลลัพธ์ออกมากาโต้ก็พยักหน้า


 


“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่มีธุระกับเจ้า เป้าหมายของข้าคือ ดอกบัวดำ”


 


เมื่อนั้นกาโต้ก็หันหลังกลับ มอนสเตอร์กระต่ายไม่ได้วางแผนที่จะต่อสู้ ในฐานะมอนสเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อสู้ แต่เขาได้รับคำสั่งให้ทำตาม


: การปกป้องพันธมิตรของราชาและฆ่าดอกบัวดำ


 


“โอ้?”


 


จินซาฮยอค ยิ้มเยาะในขณะที่มองไปที่กาโต้ …ลมแรงพัดผ่านมาและรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หายไป


 


“เฮ้ย  กระต่าย”


 


เธอหยุดกาโต้ เธอยกร่างขึ้นปัดฝุ่นออกจากมือของเธอ กาโต้หันกลับมาอย่างเงียบๆ เธอจ้องมองที่กาโต้และทำรอยยิ้มบิดเบี้ยว พลังเวทมนต์แห่งความมืดกำลังลุกโชนรอบตัวเธอ


 


“ใครอนุญาตให้แกตามหาไอ้บ้านั้น?”


 


เธอพูดอย่างผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามพลังเวทมนต์ของเธอไม่สามารถเรียกได้ว่าผ่อนคลาย แต่กาโต้ไม่มีเหตุผลที่จะต่อสู้ เขาต้องการที่จะหนีจากที่นี่ การทำภารกิจให้สำเร็จคือเป้าหมายแรกและสำคัญที่สุด


แต่เขาก็ต้องตกใจเขาไม่สามารถหลบหนีจากเธอคนนี้ได้ บาเรียของเธอไม่ให้ทำเช่นนั้น


 


“…?”


 


กาโต้ก้าวไปข้างหลังและสงสัยว่าทำไม ปัจจุบันเขาถูกขังอยู่ใน


‘กำแพงที่ 3’ สิ่งที่ไม่ไม่เหมือนบาเรียหรือเวทมนต์ ความสามารถที่แปลกประหลาดนี้เป็นส่วนหนึ่งจากพรสวรรค์ใหม่ของเธอ จินซาฮยอค ปลุกมันขึ้นมาและเรียกมันว่า [การจัดการความจริง]


 


“พี่ชาย มาตอนที่ฉันกำลังรู้สึกไม่ดีพอดีเลยนะวันนี้”


 


จินซาฮยอค หัวเราะเบาๆและมองไปที่ กาโต้ กาโต้รับรู้โดยสัญชาตญาณว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้ แต่เขาจะไม่ทำให้ราชาต้องเสื่อมเสียเกียรติโดยเด็ดขาด


 


“แล้วทำไมพวกเราไม่สู้กันจนกว่าเราจะตายกันไปข้างเลยละ”


บทที่ 429 อนาคตที่ไม่รู้จัก (1)


 


จินซาฮยอค สังเกตการเคลื่อนไหวของกระต่าย พลังงานปีศาจสีดำพุ่งออกมาจากตัวเธอเหมือนไอน้ำ ในขณะเดียวกันขนของกระต่ายซึ่งเดิมเป็นสีเทาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงตาสีแดงเข้มของเขาโดดเด่นขึ้นมาอย่างเด่นชัดเมื่อเทียบกับร่างกายที่ดำคล้ำของเขา เขามองตรงไปที่


จินซาฮยอค


 


จินซาฮยอค เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของมอนสเตอร์ในขณะที่เธอขยายขอบเขตของเธออย่างเงียบๆ กำแพงที่ 3 ซึ่งหยุดไม่ให้กาโต้หนีออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วได้ขยายตัวยิ่งขึ้นเพื่อล้อมรอบพื้นที่รอบๆ


 


“…นี่มันอะไรกัน?”


 


ปรากฏการณ์มหัศจรรย์นี้ทำให้กาโต้ตกใจ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จินซาฮยอค ยิ้มเย้ยหยันแทนคำตอบ เมื่อขอบเขตของเธอก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ เธอมั่นใจว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ไม่มีทางต่อกรเธอได้เลย


 


“อย่าเอะอะไปยังไงก็ต้องตาย!!!”


 


จินซาฮยอค พูดพร้อมกอดอก กาโต้เริ่มโกรธแค้นเพราะน้ำเสียงที่หยิ่งผยองของเธอ สิ่งเดียวที่ได้รับอนุญาตให้แสดงความหยิ่งต่อหน้ากาโต้คือ ‘ราชา’


 


เปรี้ยงงงง…


 


พลังปีศาจของกาโต้หมุนเหมือนพายุทิ้งรอยแผลบางๆ ไว้บนแก้มของจินซาฮยอค


 


“นี้สำหรับราชาของข้า!”


 


กาโต้ตะโกนใส่จินซาฮยอค อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาโจมตีอย่างหนักหน่วงแต่เขาก็ไม่สามารถเข้าถึงเธอได้ ระยะห่างระหว่างคนทั้ง 2 ไม่ได้ลดลงไม่ว่าเขาจะพยายามวิ่งแค่ไหนก็ตาม


 


เมื่อมองกาโต้ที่กำลังวิ่งมาหาเธอจากระยะที่ไม่สามารถเข้าถึงได้


จินซาฮยอค ก็ประกาศตัวออกมาว่า “…ฉันเองก็เป็นราชาเหมือนกัน”


 


พื้นที่นั้นตอบสนองต่อเสียงที่สูงส่งของเธอ แท่งเหล็กพุ่งขึ้นมาจากพื้นที่กาโต้ยืนอยู่ เขากระโดดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงพวกมันแต่ทันใดนั้นมีกลุ่มโซ่ปรากฏขึ้นและพุ่งไปหาเขา กาโต้หมุนตัวเพื่อสลัดโซ่ออก จากนั้นเขาก็พุ่งไปหา จินซาฮยอค อีกครั้ง


 


“ดังนั้นให้พิจารณาตัวเองซะว่า โชคดีขนาดไหน”


 


หลังจากนั่นไม่นานจินซาฮยอค ก็ตบมือพลังเวทมนต์รวมตัวกันรอบมือที่อิสระในขณะนี้ของเธอ พลังเวทมนต์ที่เข้มข้นไม่ได้พุ่งออกไปด้านนอก แต่ทำหน้าที่ปรับโครงสร้าง ‘ขอบเขต’ ของเธอแทน ‘ราชาแห่งขอบเขต’ เปลี่ยนรูปร่างไปตามความต้องการของราชา พื้นดินถูกแยกออกจากกันแล้วยกสูงขึ้นเป็นรูปเศษส่วนจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบมีดที่คมแล้วพุ่งไปที่กาโต้


 


ตู้ม!


 


อย่างไรก็ตามคมมีดของเธอไม่สามารถเจาะบาเรียของกาโต้ลงได้ กาโต้ยิ้มเยาะ น่าประหลาดใจที่ จินซาฮยอค เองก็เช่นกันก่อนที่กาโต้จะเริ่มคิดเกี่ยวกับความหมายที่อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มของเธอ เศษมีดที่เกาะติดกับร่างของกาโต้ก็ระเบิด ใบมีดแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกาโต้ก็ได้แต่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดท่ามกลางความร้อนและควันไฟ


 


“-!!!!”


 


ด้วยโกรธแค้นเขาปล่อยพลังปีศาจออกมาการหมุนของพลังปีศาจนั้นทำให้เศษส่วนหลอมละลายและทำให้ควันร้อนขึ้น กาโต้ผลักตัวเองขึ้นไปในอากาศร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังปีศาจออกมาที่เป็นลางไม่ดี เส้นเลือดในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังปีศาจ


 


“…เข้ามา.”


 


กาโต้ตะโกนออกมาขณะพุ่งไปข้างหน้าคลื่นกระแทกจากเท้าของเขาก้องกังวานไปทุกทิศทุกทาง ในครั้งนี้แม้แต่ ‘ขอบเขตแห่งราชา’ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดเขาได้ ทันใดนั้นกาโต้ก็มาถึงตรงหน้าจินซาฮยอค แล้วเหวี่ยงกำปั้นใส่เธอ


 


“กร๊อบ!”


 


จินซาฮยอค ใช้แขนของเธอเพื่อป้องกันตัวเองจากหมัดของเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากกระดูกของเธอนั้นอ่อนแอกว่า กาโต้มากแขนของเธอจึงหักครึ่งอย่างง่ายดายเหมือนกับ ป๊อกกี้ ในทันใดนั้นเองลูกเตะของกาโต้ก็กระแทกครึ่งล่างของจินซาฮยอค


 


“อักกกก!”


 


ความรู้สึกราวกับมีระเบิดปรมาณูระเบิดเข้ามาในร่างกายของเธอ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจและเลือดก็พุ่งออกมาจากปากเธอทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงโดยการปล่อยให้กระต่ายเข้าใกล้ตัวเธอ เธอไม่ควรปล่อยให้มอนสเตอร์ตัวนี้โจมตีเธอในระยะใกล้ แต่ทำไมกระต่ายตัวหนึ่งถึงมีพลังมากมายขนาดนี้…?


 


แต่มันก็สายเกินไปที่จะไตร่ตรองคำถามดังกล่าว


 


กาโต้วางมือของเขาบนคอของจินซาฮยอคอย่างบ้าคลั่ง!…มันฉีกหัวเธอออกร่างกายที่ไม่มีหัวเดินกะเผลกและล้มลงกับพื้น ไม่มีเสียงกรี๊ดร้องไม่มีการต่อต้าน กาโต้ยิ้มอย่างพึงพอใจต่อหัวของจินซาฮยอคในมือของเขา


 


‘มันจบแล้ว.”


 


กาโต้คิด อย่างไรก็ตาม


 


“…สัตว์ร้ายเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากตัวตลกในขอบเขตของฉัน”


 


เสียงดังออกมาจากด้านบน ด้วยความตกใจกาโต้รีบจ้องมองไปที่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จินซาฮยอค ยืนอยู่ที่นั่นมองลงไปที่กาโต้ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง


 


“นั่นเป็นแค่การแสดงที่น่าสนใจของตัวตลก”


 


“แก- เจ้าคนหลอกลวง!”


 


กาโต้ระเบิดพลังเวทมนต์ของเขาด้วยความโกรธ


 


ตู้มมมมมมมมมม-!


 


ดูเหมือนว่าจินซาฮยอคจะไม่สนใจว่าการระเบิดครั้งนี้ทำให้ร่างกายของเธอเสียหาย


 


วิ้งงงง…


 


ประกายแสงขึ้นมาจากศพของจินซาฮยอคที่กาโต้บดขยี้เป็นชิ้นๆเมื่อ


กาโต้หันกลับไปประกายไฟก็กลายเป็นโซ่และพันรอบคอของเขา


ในเวลาเดียวกันหอก ดาบ ลูกศรและขวานก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า อาวุธทั้งหมดชี้ไปที่กาโต้


 


“ถึงเวลาที่จะลงโทษแล้ว”


 


จินซาฮยอค โบกมือของเธอเบาๆทหารของเธอตอบสนองทันทีต่อคำสั่งของเธอ อาวุธเทลงไปที่กาโต้เหมือนลูกเห็บ เมื่อโดนมอนสเตอร์พวกมันก็มอบความตายให้กับเขาอย่างง่ายดาย การระเบิด การทะลวง


การแช่แข็ง การระเบิดชิ้นเนื้อ และ หยุดลมหายใจ ทำให้อัมพาต


ตัดแขนขา …


 


“… .”


 


ไม่นานนักกระต่ายก็ล้มลงบนพื้น บาดแผลชนิดต่างๆเต็มร่างกาย


ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมและกาโต้ก็หายใจไม่ออก จินซาฮยอค เดินไปหาเขาอย่างช้าๆ


 


“…ฉันเป็นคนที่จะฆ่าดอกบัวดำ”


 


เธอพูดพร้อมคมดาบในมือของเธอ


 


“ไปบอกราชาของแกด้วยละ…”


 


รอยยิ้มแพร่กระจายไปทั่วใบหน้าของเธอเมื่อเห็นศัตรูที่จ้องมองไปที่เท้าของเธอ


 


“…เพื่อไม่เป็นการรบกวน”


 


ฉึกกกกกกก!


 


คมดาบทะลุหัวใจของกาโต้ กาโต้อ้าปากค้างไม่กี่ครั้งก่อนที่จะถึงจุดจบ


 


“…เฮ้อออ”


 


ในขณะนั้นเองใบหน้าของ จินซาฮยอค ก็แข็งทื่อ ‘ขอบเขตของราชา’ ของเธอถูกปล่อยและจินซาฮยอคก็ล้มลงกับพื้น


 


‘มันจบแล้วสินะ.’ เธอคิดในใจ.


 


ตอนนี้เธอไม่มีแรงเหลือแล้วนี่คือสภาพหมดสิ้นพลังเวทมนต์ เธอเคยคิดว่ามอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์จะอ่อนแอ…แต่พวกมันแข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้มาก เธอหลับตาและถอนหายใจ ใบหน้าของใครบางคนโผล่ขึ้นมาใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทของเธอมันช่างน่าหงุดหงิด จินซาฮยอค ลืมตาขึ้นอีกครั้ง


 


“…บ้าจริง”


 


คิมฮาจิน คิมฮาจิน คิมฮาจิน เธอหยุดคิดถึงชื่อของเขาไม่ได้เลย


 


“หมอนั้นรู้ได้ยังไง?”


 


จินซาฮยอค อยากถาม เธออยากรู้แทบตาย เขารู้จัก ‘พูฮาเรน’ ได้ยังไง เธอไม่พอใจที่ไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาตรงๆได้


 


“เฮ้อออออ… .”


 


เมื่อไม่นานมานี้เขาเกือบจะฆ่าเธอ เธอขอร้องให้เขาไว้ชีวิต ทุกครั้งที่เธอนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดนี้ร่างกายของเธอก็สั่นไหวอย่างรุนแรง


เธอโกรธตัวเองเพราะกลัวคิมฮาจิน เธอหลับตาด้วยความละอาย


 


จินซาฮยอค ปิดไฟ คราวนี้คิมฮาจินไม่ปรากฏ


 


*************************************************************************


มอนสเตอร์ทั่วโลกเริ่มบ้าครั้งทำให้เกิดความรุนแรงและก้าวร้าวมากขึ้น


มันไม่ใช่แค่กองทัพอสุรกายที่แข็งแกร่งกว่า 30 ล้านตัวที่เดินขบวนจากแอฟริกาเหนือ


 


ตอนนี้ผมไม่มีอะไรที่สามารถเผชิญหน้ากับพวกมันได้ ผมต้องรีบไปที่เวิร์คช็อปใต้ดินของ Essential Dynamics ที่สร้างที่ไหนสักแห่งใกล้ทะเลทางใต้พร้อมกับ ยูยอนฮา


 


“ทำทุกสิ่งที่นายต้องการ”


 


เวิร์กช็อปนั้นเต็มไปด้วยเครื่องจักรที่น่าทึ่งรวมถึงโดรนมูลค่าหลายร้อยล้านวอนต่อลำ เครื่องบินล่องหนกับ F-22 รถถังขนาดเล็กและแม้แต่


ชุดบอดี้ที่มีเทคโนโลยีสูงพบได้ในภาพยนตร์เท่านั้น สิ่งที่อยู่ต่อหน้าผมคือข้อสรุปที่ดีที่สุดของคำว่า วิทยาศาสตร์และเวทมนตร์มาบรรจบกัน


 


“…สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไอเท็มของเธอใช่ไหม”


 


“ใช่. พวกเราพัฒนาพวกมันขึ้นมาแต่ไม่เคยประกาศให้สาธารณชนทราบ ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังตามรอยพวกเราและพวกเขาอยากขอสิทธิบัตรของพวกเรา พวกเราไม่อยากให้ใครได้มันไปตอนนี้ฉันจึงคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่จะซ่อนพวกมันเอาไว้”


 


สายตาของผมเปลี่ยนไปมองอาวุธและเครื่องบินล่องหน ผมสามารถใช้ประโยชน์จากพวกมันทั้ง 2 ยูยอนฮา สังเกตว่าผมสนใจก็พูดออกมา


 


“ชื่อรหัสสำหรับโดรนนี้คือ ESX-039 มันมาพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเวทมนต์ขยายพื้นที่ดังนั้นมันจึงสามารถเก็บกระสุนเวทมนตร์ได้มากถึง 5,000 นัด AI ยังยิงกระสุนให้อัตโนมัติอีกด้วย”


 


“อืม…จริงๆเหรอ?”


 


ผมสามารถปรับปรุงเครื่องจักรที่ผมเป็นเจ้าของได้ถึง 4 ต่อ อันดับแรกกับ [เชื่อมโยงอุปกรณ์] จากนั้น [ระบบเสริมความแข็งแกร่งแบบสุ่ม] จากนั้น [เอเธอร์] และสุดท้าย [อัลกอริทึม] ด้วยสิ่งเหล่านี้แม้แต่ปืนที่ธรรมดาที่สุดก็อาจมีพลังเทียบเท่ากับไอเท็มได้ง่ายๆ


 


“ฉันจะเอาโดรนพวกนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”


 


ลูกกระจ๊อกเหล่านี้อาจกลายเป็นส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมของทีม จากนั้นผมก็วางมือบนโดรน 4 ตัวจากนั้นผมเปิดใช้งาน [เชื่อมโยงอุปกรณ์] มันเป็น 1 ในฟังก์ชั่นที่แล็ปท็อปของผมได้รับมาจากการอัปเดตในวันนั้น


 


===


[เชื่อมโยงอุปกรณ์]


– ค้นหาเครื่องที่ ‘คิมฮาจิน’ เป็นเจ้าของ (สูงสุด: 7)


– เครื่องที่เชื่อมโยงสามารถควบคุมได้โดยเจ้าของเท่านั้น เจ้าของจะได้รับสิทธิ์ในการควบคุมเครื่องที่เชื่อมโยงเอาไว้


– ผลลัพธ์ของเครื่องที่เชื่อมโยงจะเพิ่มขึ้น 15%


===


 


ผมเชื่อมโยงตัวเองกับโดรนทั้ง 4 แม้จะไม่มีแหล่งจ่ายไฟลูกกระจ๊อกพวกนี้ก็ยังขยับตามที่ผมสั่ง


 


“…โอ้ว้าว. พรสวรรค์ของนายก้าวหน้าไปอีกระดับแล้วเหรอ? ไม่ใช่แค่ปืนที่ตอบสนองนายแล้วในตอนนี้”


 


ผมมอบ [การ์ด รถของคนแคระ] ให้กับ ยูยอนฮา ที่ประหลาดใจ


 


“นี่มันอะไรน่ะ?”


 


“ฉันจะให้เธอยืมเพื่อแลกกับโดรน”


 


“…อะไรนะ?”


 


ผมปลดล็อคการ์ดส่วนตัวสำหรับ ยูยอนฮา ที่กำลังสับสนอย่างชัดเจน รถปรากฏตัวขึ้นในอากาศ


 


“โอ้?”


 


“เรียนรู้ที่จะขี่มัน ด้วยวิธีนี้เธอสามารถไปจากปูซานถึงโซลได้ภายใน


10 นาที มันสามารถบินข้ามท้องฟ้าได้”


 


“…นายอยากให้ฉันขี่อะไรที่โดดเด่นแบบนี้จริงๆเหรอ?”


 


“มันสบายดีในเวลากลางคืน”


 


ผมใส่พลังเวทมนต์ของผมลงในรถ ด้วยคุณสมบัติมนต์อันน่าหลงไหล


รถเลื่อนของคนแคระจึงมีโปร่งใสและผสมผสานเข้ากับความมืด


 


“ในตอนกลางคืนมันจะไม่น่าถูกสังเกต แถมมันก็ดูธรรมดาๆ”


 


“ฉันจะไม่พูดว่ามันธรรมดา เพราะว่าของดีๆจากหอคอยล้วนแล้วแต่แพงๆทั้งนั้น…อย่างไรก็ตามขอบคุณนะ ฉันจะใช้มันให้ดีที่สุดเลย”


 


ดวงตาของ ยูยอนฮา แวววาวในขณะที่เธอนั่งลงบนที่นั่งคนขับของ


รถเลื่อนของคนแคระ เธอเรียนรู้วิธีขับรถในหอคอยแล้วดังนั้นเธอน่าจะควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย ผมเลิกสนใจเธอออกแล้วเปิด


Smart Watch ของผมใหม่


 


มอนสเตอร์ 30,000,000 ตัวมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในยุโรปตะวันตกต่างก็พยายามอพยพออกจากพื้นที่….


 


– มอนสเตอร์กำลังอาละวาดทั่วโลกไม่เพียงแต่ในแอฟริกาเท่านั้น รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน…


 


เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวได้เข้าสู่ บทแห่งออร์เดนราชาแห่งมอนสเตอร์


จากเหตุการณ์นี้มนุษยชาติจะสูญเสียดินแดน ‘อย่างน้อย’ แอฟริกาและตะวันออกกลางรวมถึงคาบสมุทรไอบีเรีย,กรีซ,อิตาลีและประเทศอื่น ๆ ใกล้กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนพร้อมด้วยไอร์แลนด์และสกอตแลนด์


แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น


 


“เอาไงดี….”


 


ผมมองย้อนกลับไป


 


— บรืนนนนน — บรืนนนนน


 


ยูยอนฮา กำลังบินอยู่ในอากาศบน รถเลื่อนของคนแคระ


 


“…เกิดอะไรขึ้นกับ Essence Barrier?”


 


“อา.”


 


ยูยอนฮา รีบลงมา


 


“พวกเราส่งพวกมันไปยังประเทศอื่นๆแล้ว ฉันไม่ได้รีบผลิตมากเท่าไรแต่ตอนนี้ฉันคิดว่าไม่ใช่เวลาที่จะเรื่องมากแล้ว ฉันส่งไปประเทศอังกฤษนานแล้วเหมือนกันนะ”


 


“ดี. ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ อย่าตามฉันมาละ”


 


“โอเค.”


 


ผมก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับโดรนข้างๆผม ยูยอนฮามองมาที่ผมแล้ว


พูดว่า: “อ้อ แล้วฉันจะเคลียร์กับนายอนให้นะ”


 


“…ยังไง”


 


“ฉันคิดจะบอกเธอว่านายได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่จู่ๆก็หายอย่างน่าอัศจรรย์”


 


ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของ ยูยอนฮา ปรากฏบนช่องว่างประตูลิฟต์ แต่ว่าประตูปิดก่อนที่ผมจะตอบเธอ


 


ตอนนี้ผมกำลังขึ้นเหนือพร้อมกับโดรน สปาร์ตันเกาะติดกับผม


มุมมองของมหาสมุทรเข้ามาในดวงตาของผมทันที


 


“… อืมมม.”


 


ผมเริ่มไตร่ตรองโดยที่สายตาของผมจ้องมองไปความมืดภายในดินแดนเหนือทะเลทางใต้ ส่วนสุดท้ายของเนื้อเรื่องกำลังจะเริ่มขึ้น อีกไม่นานมนุษยชาติก็จะรวมตัวกันเป็น ‘คณะสำรวจ’ เพื่อต่อต้านออร์เดนและหลังจากนั้นไม่นานโลกก็จะเริ่มแปรสภาพเป็นอาณาจักรปีศาจ การปะปนจะเริ่มจากทั้ง 2 ขั้ว และหลังจากนั้น…เป็นอนาคตที่ผมไม่รู้แล้ว


—————–2——————


บทที่ 430 อนาคตที่ไม่รู้จัก (2)


แน่นอนผมมีความคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการจบเนื้อเรื่อง ในเนื้อเรื่องช่วงโค้งสุดท้าย จินซาฮยอคจะทำข้อตกลงกับปีศาจมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม เธอจะได้รับสันติสุขสำหรับบ้านเกิดของเธอ แคทรีนา เพื่อแลกกับการเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นอาณาจักรปีศาจ จินซาฮยอค จะพยายามทำลายโลกโดยใช้พลังปีศาจก่อนที่จะพ่ายแพ้โดย คิมซูโฮ และเสียชีวิตลงในที่สุด….


 


“จินซาฮยอค”


 


แต่แน่นอนว่ามันไม่จบลงง่ายๆแบบนั้น…สุดท้าย จินซาฮยอคก็จะเป็นคนที่ถือกุญแจสำคัญที่สุดในเรื่องนี้


 


“เฮ้อออออ… .”


 


ผมถอนหายใจลึกๆเมื่อผมเริ่มคิดถึงจินซาฮยอค เจ้าหญิงที่ได้รับ


บาดเจ็บจากการขึ้นครองบัลลังก์แห่งราชอาณาจักรที่ตกสู่บาปสุดท้ายเธอก็พบกับความตายอันเจ็บปวดด้วยความสิ้นหวัง


 


ผมต้องไปเจอเธอซักวันและตัดสินใจว่าจะฆ่าเธอหรือไม่


 


ในความมืดผมหยิบ [จดหมายการสื่อสาร] ออกมา 2 ฉบับ จดหมาย 2 ฉบับนี้เป็นไอเท็มดีๆ ที่ผมเอากลับมาจากหอคอยเอาไว้ใช้สื่อสารไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พวกมันยังสามารถนำมารีไซเคิลได้โดยการลบหรือเขียนซ้ำผมอาจส่งมอบให้กับจินซาฮยอคได้ถ้าถามเรเชล


 


“เฮ้ โดรนส่งให้กับเรเชลในอังกฤษ”


 


ผมส่ง [จดหมายการสื่อสาร] ไปยังโดรน 1 อันมันส่งเสียงหึ่งๆและหายไปอย่างรวดเร็วในท้องฟ้า


 


*************************************************************************


[สมาคมฮีโร่, วิหารแห่งความยุติธรรม]


 


แผนกที่มีอิทธิพลมากที่สุดของสมาคมฮีโร่ – ‘วิหารแห่งความยุติธรรม’


ขณะนี้มีการประชุมเกิดขึ้นในสำนักงานฮีโร่เป็นครั้งแรกที่สมาชิกทั้ง


12 คนของวิหารแห่งความยุติธรรมมารวมตัวกัน


 


“พวกเจอเครื่องประดับที่น่าตกใจจำนวนมากในห้องนิรภัยส่วนตัวของ


ยุนยองฮวา ผู้ซึ่งถูกดอกบัวดำลงมือ…เตือน”


 


ประธานปาร์คซังโฮหยิบสิ่งแรกมาเป็นวาระการประชุม เดิมทีนี่เป็นหัวข้อที่สำคัญที่สุดของการสนทนาก่อนที่จะมีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้น


 


“ก่อนอื่นก็คือ ดอกบัวดำ”


 


รูปลักษณ์โดยรวมของดอกบัวดำ ลูกศรของเขาและโน้ตที่เขาทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุดูเหมือนเป็นโฮโลแกรม 3 มิติ


 


“โน้ตเขียนไว้ว่า [ฉันมาเพื่อเตือนเหล่าสุนัขรับใช้ของราชามอนสเตอร์]”


 


ฮีโร่หลายคนแสดงความสนใจในลายมือของดอกบัวดำ มันสวยมาก


อียองอาและนิโคลัสไม่สามารถกลั้นความประหลาดใจของพวกเขาเอาไว้ได้


 


“ราชามอนสเตอร์ น่าจะหมายถึง ออร์เดน ดอกบัวดำกำลังพูดว่า


ยุนยอนฮวา รับสินบนจากเขา”


 


ปาร์คซังโฮ ดึงคลิปวิดีโอการซักถามของยุนยองฮวาขึ้นมาทันที


 


“…นายได้เพชรทั้งหมดนี้มาจากไหน?”


– ฉันไม่รู้


 


“…ถึงแม้มันจะเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณงั้นเหรอ?”


 


– ฉันไม่รู้ ทำไมนายถึงมาซักถามฉัน ฉันเป็นเหยื่อนายได้ยินฉันไหม


ฉันตกเป็นเหยื่อของการถูกโจมตี! ฉันมาที่นี่เพียงเพราะพวกแกสัญญาว่าจะรักษาร่างกายของฉัน ฉันไม่ได้มาเพื่อให้ถูกปฏิบัติแบบนี้….


 


“ช่างเป็นตาแก่ที่น่ารำคาญ” ไอลีนพูดโดยเตะโต๊ะของเธอ


 


“เห็นได้ชัดว่าเขารับสินบนจากออร์เดน เพชรโลหิตไม่มีเลขประจำตัวและ…มันเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ”


 


ปาร์คซังโฮพูดแทน “หน้ากากเวทมนตร์”


 


“ใช่แล้ว มันเป็นไอเท็มที่พบได้เฉพาะในแอฟริกา ใช้ในการร่ายคาถาสะกดจิตและโด๊บยา ตาแก่นั้นต้องการอะไรกันแน่?”


 


“ไม่ว่ายังไงนี้ก็เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย การกระทำของดอกบัวดำยังคงเป็นปัญหาแม้ว่าเขาจะเป็นฮีโร่ก็ตาม พวกเราจะต้องปรับค่าหัวของเขา”


 


“แล้ว…จากนั้นละ”


 


‘ทำไมพวกเราถึงต้องประชุม ในเมื่อเขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ’


ไอลีน บ่นในขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้


 


“ทำสิ่งที่นายต้องการไปเถอะฉันไม่สนใจ~”


 


“… .”


 


คำพูดของเธอทำให้ปาร์คซังโฮมองไปที่สมาชิกคนอื่นๆดูเหมือนจะไม่มีใครคัดค้าน


 


“ตกลงกันแล้วนะ….”


 


[รางวัลค่าหัวอันกับ 1 ดอกบัวดำ – อาชญากรที่ต้องการ: ‘ดอกบัวดำ’]


 


ดอกบัวดำ ค่าหัวเพิ่มขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมายเนื่องแต่ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้อีกแล้ว วัตถุประสงค์ของการประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนวิธีแก้ไขปัญหาเท่านั้นเพราะอีกฝ่ายแกร่งเกินไป


“ต่อไปในวาระการประชุมคือ ‘ทีมลอบสังหารออร์เดน’ นี่คือหัวข้อที่สำคัญที่สุดของวันนี้”


 


พวกเขาย้ายไปยังหัวข้อถัดไปในวาระการประชุมคราวนี้หัวข้อคือ


‘ทีมลอบสังหาร’


 


“ในการเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้กลุ่มต่างๆแนะนำว่า


พวกเราควรจัดตั้งทีมต่อต้านออร์เดน พวกเราวางแผนที่จะจัดตั้งอย่างน้อย 2 ทีม….”


 


ปาร์คซังโฮมองไปรอบๆห้อง


 


“พวกคุณมีฮีโร่ที่อยากจะแนะนำสำหรับงานนี้ไหม? แน่นอนว่าหากไม่มีทีมที่แข็งแกร่งพอ พวกเราก็แค่จัดตั้งทีมของพวกเราขึ้นมา”


 


ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีเรื่อง 1-2 เรื่องที่จะพูดในครั้งนี้ ในห้องประชุม


เริ่มแนะนำทั้ง ธีโร่หรือประณามตัวเลือกของคนอื่น ทุกคนยกเว้นไอลีนต่างก็จริงจัง ไอลีนนั่งนิ่งและหาวพร้อมปิดริมฝีปากของเธอด้วยความเบื่อหน่อย


 


“… ไอลีน?”


 


ประธานปาร์คซังโฮหันไปหาไอลีน


 


“ห๊ะ?”


 


“แล้วความคิดเห็นของเธอเป็นยังไง”


 


“…ก็ดี.”


 


ลูบคางของเธอขณะที่เธอไตร่ตรอง 1 นาทีผ่านไปและทันใดนั้นเธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอคิดถึงใครบางคน ความสนใจของทุกคนเปลี่ยนไปเพราะ ไอลีน


 


“อะไรกัน? เธอนึกถึงใครได้บางแล้วเหรอ”


 


“ฮะ? อ่าก็นั่นไง คือ….”


 


ไอลีนบิดร่างกายของเธอด้วยความเขินอาย เหล่าสมาชิกของ


วิหารแห่งความยุติธรรมไม่เคยเห็นปฏิกิริยานี้จากไอลีน อยากรู้อยากเห็นพวกเขาจดจ่อกับสิ่งที่เธอพูดมากขึ้น ในที่สุด ไอลีน ก็พูดออกมา


 


“…ฟะ-เฟนรีล~?”


 


แก้มของเธอแดงเล็กน้อย


 


“ ….”


 


“ ….”


 


“ ….”


 


ไม่มีใครตอบกลับ ไม่มีสัญญาณของการสนับสนุนหรือการต่อต้าน


ทุกคนจ้องมองไปที่ ไอลีน อย่างเงียบๆ เฟนรีล ทหารรับจ้างที่ใช้ปืน


ฉายาที่โด่งดังที่สุดของเขา ได้แก่ ‘ผู้สังหารดอกบัวดำ’ ‘หมาป่าปีศาจ’ ฯลฯ …


 


“ฉัน……ฉันล้อเล่น มันก็แค่มุขตลก! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”


 


ไอลีน หัวเราะเพื่อป้องกันความเขินอายของเธอ แต่มันกลับทำให้สถานการณ์แย่ลงสมาชิกก็จ้องเขม็งหรือถอนหายใจอย่างน่าสงสาร


ดังนั้น ไอลีน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้ความโกรธปิดบัง


 


“บ้าหรือไง คิดว่าฉันพูดเล่นหรือไง ฉันจะกวักลูกตาของพวกแกออกมา


เฮ้ แกกำลังมองอะไรอยู่ หาา? แกคิดว่าแกกำลังมองหาอะไรอยู่!


หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ….”


 


ไอลีนเริ่มทำเอะอะ แม้แต่วิหารแห่งความยุติธรรมก็ไม่สามารถทนต่อความโกรธเกรี้ยวของเธอได้


 


“ที่ฉันพูดมันไร้สาระหรือไง ฮะ?!”


 


เธอเป็นคนเอาที่ชนะได้แม้กระทั่ง ชอคจุนกยอง ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาต่อสู้บนชั้น 21 ของหอคอย พลังเวทมนต์ของเธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าในอดีตและพลังจิตวิญญาณของเธอก็เริ่มสั่นทั้งห้อง…จนกระทั่งในที่สุดการประชุมก็มาถึงข้อสรุป ด้วยคำแนะนำที่แข็งแกร่งของไอลีนชื่อ


‘เฟนรีล’ จึงถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆของรายชื่อรับสมัครสำหรับ……


 


ทีมลอบสังหารออร์เดน


 


*************************************************************************


[ชั้น 8 – Crevon]


 


ในขณะเดียวกัน 4 วันหลังจาก ‘เหตุการณ์ออร์เดน’


 


“จดหมาย? สำหรับฉันงั้นเหรอ?” จินซาฮยอค มองเรเชลพร้อมขมวดคิ้ว


 


“ชะ…ใช่” เรเชลตอบ


 


“ใครกันกล้าส่งจดหมายถึงฉัน มันมาจากผู้ชายงั้นเหรอ?”


 


‘เธอมายังสำนักงานผู้บัญชาการเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับจดหมายงั้นเหรอ?’ จินซาฮยอค แสดงออกอย่างโกรธเกรี้ยว


 


“ใช่แล้วก็ทางเทคนิคน่ะนะ”


 


“…ฉันไม่สนใจเรื่องของคนโง่ที่เขียนนี้มาจดหมาย”


 


“มันมาจาก….เฟนรีล…นะ”


 


“… ?”


 


จินซาฮยอค จ้องมองเรเชลอย่างเงียบๆ เธอไม่เข้าใจความหมายของคำที่เพิ่งออกมาจากปากของเรเชลได้ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดออกมา


 


“จริงเหรอ?”


 


“ใช่.”


 


“คิมฮาจิน?”


 


“…ใช่.”


 


“ทำไมเป็นคิมฮาจิน ฉันหมายถึงเฟนรีลส่งจดหมายถึงฉันละ”


 


“ฉันไม่รู้”


 


เรเชลเพียงส่งซองจดหมายให้กับจินซาฮยอค


 


“…เอาไปเถอะ ฉันต้องจากแล้วเพราะเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้”


 


จินซาฮยอค แกล้งไม่พอใจและมองดูที่ซองจดหมายก่อนที่จะหยิบมันมาจากมือของเรเชล


 


“ดีละถ้าอย่างนั้น.”


 


เธอเปิดซองจดหมายอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจสอบเนื้อหา


 


“…อืม?”


 


จินซาฮยอค อ่านจดหมายทั้งหมด


 


“อะไรกัน”


 


แต่ไม่มีอะไรเขียนในจดหมาย เธอพลิกจดหมายและตรวจสอบภายในซอง แต่ความพยายามของเธอก็ไร้ผล


 


“มันเขียนว่าอะไรกันแน่เหรอ?”


 


เสียงดังขึ้นข้างหูของเธอ จนเธอตกใจและยกหัวของเธอขึ้นมา


 


“ฮะ…?”


 


เรเชลกำลังจ้องมองเธอ จินซาฮยอค คิดว่าเรเชลได้จากไปแล้วตั้งแต่เธอบอกว่าเธอไม่ว่าง


 


“เอ่อ……..อืมม.”


 


จินซาฮยอค ไม่สามารถบอกเรเชลว่าจดหมายนั้นว่างเปล่าดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อ


 


“ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่? ฉันคิดว่าเธอกำลังรีบ”


 


“อะ…ขอโทษนะ? คือ…มันเกี่ยวกับหนังเหรอ?”


 


“อะไรนะ?”


 


จินซาฮยอค พบถามตอบของเธอค่อนข้างแปลกๆ


 


“เดี๋ยวก่อนนะ…เธออิจฉาเหรอ?”


 


“…”


 


เรเชลสั่นเล็กน้อย แต่ไม่ช้าก็ยิ้มเหมือนปกติ


 


“ ไม่แน่นอน”


 


“แล้วทำไมเธอถึงอยากรู้แบบนั้นละ”


 


“… .”


 


ความจริงแล้วมันอาจเป็นความหึงหวงจริงๆ มันไม่สนุกเลยที่ถ้าแนะนำเพื่อน 2 คนให้รู้จักกันและเห็นพวกเขาเข้าใกล้ชิดกันมากกว่าตัวเอง


เรเชลไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของเธอเป็นคำพูดได้ แต่เธอรีบหันหลังและจับลูกบิดประตู


 


“…งั้น ฉันไปก่อนนะ”


 


เรเชลหายตัวไป


 


“อะไรละนั้น?”


 


จินซาฮยอค มองเรเชลจากไปเธออย่างไม่สนใจและมองไปที่จดหมายอีกครั้ง เธอตระหนักถึงบางสิ่งในทันที


 


“…นี่คือจดหมายตอบรับ”


 


จดหมายทำหน้าที่เหมือนนกพิราบ ตัวอักษรจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันดังนั้นข้อความใดๆบนตัวอักษร 1 ตัวจะปรากฏขึ้นในอีกที่ 1


 


“ไอ้บ้านั่น”


 


‘แต่ทำไมเขาถึงส่งจดหมายเปล่ามาให้ฉัน เขาอายเกินกว่าจะเขียนก่อน งั้นเหรอ ดังนั้นเขาจึงทิ้งมันไว้กับฉัน หยิ่งผยองเหมือนเดิมเลยนะ


 


จินซาฮยอค ขยี้จดหมายเป็นลูกบอลและโยนมันลงในถังขยะ


 


“… .”


 


ต๊อก,ต๊อก,ต๊อก…จินซาฮยอค เคาะนิ้วและผิวปากของเธอ สายตาของเธอเปลี่ยนไปทางถังขยะ


 


‘ต่อต้านมันเอาไว้ จะต้องต่อต้าน ไม่ว่าฉันจะอยากถามเขาแค่ไหนก็.’


 


“บ้าเอ้ย.”


แต่เธอก็ไม่สามารถทนได้แม้จะแค่ 10 วินาที จินซาฮยอค หยิบจดหมายจากถังขยะขึ้นมา


บทที่ 431 อนาคตที่ไม่รู้จัก (3)


 


อังกฤษพระราชวังบักกิ้งแฮม เรเชลถอนหายใจขณะที่เธอมอง


ดูมหาสมุทรจากชายฝั่งของอังกฤษ เมื่อไม่นานมานี้มีการห้ามเข้าชายหาดเนื่องจากการรุกรานของฝูงมอนสเตอร์ที่เข้ามาในอังกฤษจากน่านน้ำ แม้ว่าจะมี ‘Essence Barrier’ ช่วยป้องกันการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน แต่สถานการณ์ยังไม่สงบ อันที่จริงมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น


 


[เรียน เจ้าหญิงผู้มีค่าของฉัน]


 


เรเชลจ้องมองที่จดหมายในมือของเธอแล้วกัดฟันแน่น มันมาจากศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษ แลนแคสเตอร์


 


“ว่าไง? เธอดูไม่ดีเลยนะ”


 


อาแฮอิน เดินเข้ามาหาเธอแล้วถาม เรเชลรีบซ่อนจดหมายและหันกลับไปหา อาแฮอินอย่างเมินเฉย


 


“…อืมมม ไม่มีอะไรหรอก… อีเวนเดล ทำได้ดีไหม?”


 


“เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องนั้น ฉันไม่ให้เธอทำอะไรเกิดตัวหรอก”


 


“จริงๆเหรอ? แต่จำนวนของ อีเวนเดล ตอนนี้มัน”


 


“ไม่ต้องห่วง”


 


กองทัพของ อีเวนเดล ซึ่งตอนนี้มีจำนวนใกล้เคียงกับ 3,000 ตัวกระจายไปทั่วยุโรปเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ ผลที่ได้คือสัตว์ของ อีเวนเดล ถูกเรียกว่า ‘สัตว์ลึกลับ’ ซึ่งหมายถึงสัตว์ที่ช่วยมนุษย์


 


“ฉันให้ อีเวนเดล สร้างสายการบังคับบัญชาในกองทัพของเธอมันจะช่วยให้เธอควบคุมพวกมันได้ง่ายขึ้น”


 


“…อ่า….ฉันได้ยินมาว่าล่าสุดเธอสร้างลิงขึ้นมา”


 


“แค่ลิงไม่พอหรอก”


 


อาแฮอิน ยิ้มเบา


 


“เธอจึงสร้างยูนิคอร์นขึ้นมา”


 


“…อะไรนะ?”


 


ยูนิคอน บางทีมันอาจเป็นสัตว์ลึกลับที่โด่งดังที่สุดในโลกมันเป็นม้าที่มีเขาสีขาว


 


“ยูนิคอร์นของ อีเวนเดล เป็นผู้บัญชาการกองทัพของเธอ ดังนั้นเธอ


ไม่ต้องกังวล อีเวนเดล สนุกตามแบบของตัวเองโดยไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องที่ซับซ้อนอะไร”


 


อาแฮอิน มองเรเชลที่กำลังดูลูกบอลคริสตัลที่มี อีเวนเดล วิ่งไปรอบๆ อย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าเธอจะเล่นไล่จับกับฮายังอยู่ เรเชลยิ้มเมื่อเธอเห็น อีเวนเดล ทันใดนั้นเธอก็จำสิ่งที่สำคัญขึ้นมาได้


 


“คุณ อาแฮแฮ สมาคมส่งข้อความถึงพวกเราเพื่อขอแหล่งที่มาของ


สัตว์ลึกลับ ฉันอยากขอคำแนะนำจากคุณ…”


 


“อย่าไว้ใจสมาคม”


 


อาแฮอิน ตอบทันที เมื่อเรเชลเงยหน้าขึ้นมา อาแฮอินก็ทำสีหน้าที่จริงจังและเคร่งเครียด


 


“สายลับของ ออร์เดน อาจอยู่ในหมู่พวกเขา”


 


“…อะไรนะ?”


 


ขณะที่เรเชลกำลังสับสน อาแฮอิน ก็พูดต่ออย่างจริงจัง


 


“ปีศาจเป็นเรื่องง่ายที่จะมองเห็น แต่มนุษย์ถูกชักชวนโดยราชาแห่ง


มอนสเตอร์ ราชามอนสเตอร์โน้มน้าวใจให้หลายคนจากสมาคมไปเข้าร่วมกับเขา”


 


“…เป็นไปได้ยังไง สมาคมดำเนินการตามเจตจำนงของฮีโร่ในตำนาน คุณ ชินมยองชุล มันยากที่จะเชื่อว่า….”


 


“ผู้รับใช้ของราชาปีศาจมาหาฉันด้วยตัวเอง”


 


อาแฮอิน เผชิญหน้ากับ เรเชล


 


“เขารู้ว่าสิ่งที่ฉันต้องการคือสิ่งที่ฉันไม่มี เขาบอกว่าเขาจะมอบมันกับฉัน”


 


“…คุณหมายถึงอะไร”


 


“เขาบอกว่าเขาจะให้ร่างกายฉันทำให้สามารถให้กำเนิดลูกได้ ฉันไม่สามารถมีลูกได้เพราะผลข้างเคียงของเวทมนตร์ “


 


เรเชลไม่รู้วิธีจะตอบยังไงดังนั้นเธอจึงเงียบ อาแฮอิน เห็นแบบนี้ก็ยิ้มเบาๆ


 


“แต่พวกเขาไม่รู้จักฉันดีพอ แม้ว่าฉันจะมีลูกได้แต่มันจะเป็นยังไงถ้า


โลกกลายเป็นของมอนสเตอร์”


 


“….”


 


เรเชลพยักหน้า เธอชื่นชม อาแฮอิน ขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินแบบนี้และในเวลาเดียวกันเธอก็จับตาดู อีเวนเดล ภายในลูกบอลคริสตัล


 


อาแฮอิน พูดอีกครั้งว่า “รู้จุดอ่อนภายในหัวใจของเป้าหมาย นั่นต้องเป็นพรสวรรค์ของ ออร์เดน แน่ๆ”


 


“…พรสวรรค์?”


 


“ใช่ ใครบอกว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีพรสวรรค์? …,อา,มันถึงเวลาแล้วสำหรับการถ่ายทอดข่าว”


 


อาแฮอิน เปิดทีวีและข่าวช่วง 18:00 ก็มา


 


– อาณาจักรของออร์เดนถูกพบในแอฟริกา ในขณะที่มันอยู่ใต้ดินมาตลอดเวลามันย้ายตัวเองขึ้นมาบนพื้นภายในคืนเดียว ผู้เชี่ยวชาญ…


ซ่าาาาาาา


 


แต่ก่อนที่นักข่าวจะทำข่าวเสร็จหน้าจอก็จะกะพริบ หน้าจอกลายเป็น


สีเทาและดำ ในขณะที่เรเชลและอาแฮอินกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นภาพก็โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ


 


– …สวัสดีพวกมนุษย์ ฉันคือออร์เดน ราชามอนสเตอร์


 


ใบหน้าของ เรเชล และ อาแฮอิน แข็งทื่อทันที บนหน้าจอยักษ์ใหญ่มีชายกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ รูปร่างภายนอกของเขาคล้ายกับมนุษย์


แต่เขาตัวใหญ่กว่ามากและใบหน้าของเขาเป็นทั้งมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ ดวงตาขนาดใหญ่ของเขาส่องประกายเหมือนใบมีดที่แหลมคม


 


– วันนี้ฉันตั้งใจจะให้คำเตือนและข้อเสนอแก่มนุษยชาติ


 


ออร์เดนแย่งชิงสัญญาณออกอากาศได้อย่างง่ายดาย ช่องทั้งหมดในอังกฤษแสดงหน้าจอเดียวกัน


 


– ตอนนี้…ซ่าาาาาาาาา


 


อย่างไรก็ตามวิดีโอถูกตัดหลังจากนั้นไม่นาน


 


ซ่าาาาาาาาา…


 


เสียงยังคงดังขึ้นและเรเชลกับอาแฮอินก็ขมวดคิ้ว พวกเธออยากรู้ว่า


ราชามอนสเตอร์ กำลังวางแผนอะไรอยู่พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่หน้าจอ


 


“… ?”


 


อย่างไรก็ตามเสียงของ ออร์เดน หยุดทำงานและมีสัญลักษณ์แปลก ๆ ปรากฎบนหน้าจอสีเทา สำหรับผู้เล่นของ Tower of Wish สัญลักษณ์นี้มันช่างดูคุ้นเคยเหมือนเกิน อาแฮอิน ลุกขึ้นทันทีด้วยความตกใจ


 


“…เรเชลสัญลักษณ์มันนี้”


 


“ใช่ อย่างที่คุณคิด.”


 


เรเชลพยักหน้า ดอกบัวดำ เป็นลายปักที่สวยงาม


 


“เป็น ดอกบัวดำ”


 


ทันทีที่เรเชลพูดอย่างนั้นคำบรรยายใต้สัญลักษณ์ก็ปรากฏ


 


[มนุษยชาติจะไม่ฟังคำพูดของมอนสเตอร์อย่างเด็ดขาด]


[มอนสเตอร์ที่กล้าที่จะประกาศตัวเป็นกษัตริย์และเหล่าลูกน้องที่แสน


โง่เขลาของมัน]


[และสุนัขล่าเนื้อโง่ของมัน]


[ฉันจะฆ่าให้หมดทุกคน.]


 


หลังจากที่ประโยคทั้ง 4 โผล่ขึ้นมาหน้าจอก็มืดมัว เรเชล และ อาแฮอิน ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พวกเธอตัวสั่น พวกเธอเข้าใจชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น


 


– ฮึ่ม…บ้าอะไรละนั่น? ออร์เดนกับดอกบัวดำเพิ่งจะ…


 


ไม่ช้าข่าวต้นฉบับก็กลับมาอีกครั้ง


นักข่าวตกอยู่ในอาการงุนงงในการออกอากาศระหว่างการต่อสู้ของราชาปีศาจกับดอกบัวดำ


 


– ฮะ? พวกเรากลับมาแล้ว?


 


นักข่าวที่ตกใจแก้ไขท่าทางของเขาและนั่งตัวตรง


 


– อะ-อะแฮ่ม การออกอากาศของพวกเราดูเหมือนจะถูกแย่งไปเมื่อครู่…


 


เมื่อเห็นอย่างนี้ อาแฮอิน ก็ยิ้มเล็กน้อย


 


“ดูเหมือนว่าดอกบัวดำ และ ราชามอนสเตอร์ จะไม่ถูกกันนะ”


 


เรเชลพยักหน้าทันที ต้องรีบเข้าไปในอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว


 


“ดูเหมือนว่าอังกฤษจะไม่ใช่ประเทศเดียวที่เห็นเช่นนั้น”


*************************************************************************


[Pandemonium – ที่ซ่อนตัวของ Chameleon Troupe]


 


“ว้าว นายแฮ็คเข้าไปสู่รายการได้โดยไม่ขยับนิ้วได้ยังไง”


 


ผมยิ้มให้กับคำถามของเจน การแย่งการออกอากาศของ ออร์เดน เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องเดิมซึ่งผมเพิ่งหยุดโดยใช้ความสามารถในการแฮ็คไป


 


“เขาไม่ควรพยายามเจาะเข้าการออกอากาศอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ได้ผล”


 


ออร์เดน พยายามส่งข้อความไปทั่วโลก แต่ผมปิดเขาไปอย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าเขาไม่ยอมแพ้ แต่ผมอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่าในกรณีนี้เนื่องจากผมสามารถตอบโต้การแฮ็คได้อยู่ดี


 


มีเหตุผลที่ดีที่ผมจะหยุดเขา ออร์เดนเป็นหนึ่งในตัวละครไม่กี่ตัวที่สามารถใส่พลังเวทมนต์ลงไปในคำพูดของเขา แม้ว่าคำพูดของเขาจะไม่ทรงพลังเท่ากับของ ไอลีน แต่ก็ยังคงมีประสิทธิภาพต่อพลเรือนที่ไม่มีพลังต่อต้าน


 


“นายได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเลยนะ ฮาจิน~ ดูสิชื่อของนายกำลังได้รับความนิยมอีกครั้งแล้ว~”


 


เจน ประสานมือของเธอเข้าด้วยกันและแสดงแผนภูมิแนวโน้มสื่อสังคมออนไลน์ให้ฉันดู


[1 ดอกบัวดำ]


[2. ออร์เดน]


[3. ดอกบัวดำ vs ออร์เดน]


 


ดอกบัวดำ และชื่อของ ออร์เดน กำลังเต็มกราฟแนวโน้ม ผมเหลือบดู SP ของผมมันเพิ่มขึ้น 407 แต้ม


 


“…ยังไงก็ตาม เจน”


 


“พวกเราไม่มีไอเท็มที่ดีกว่านี้เหรอ”


 


“หืม? อา~ สิ่งที่อยู่ที่นี่เป็นเพียงของเล่นหรือจะให้ฉันพูดก็คือ~ “


 


ชั้นที่พวกผมอยู่เต็มไปด้วยไอเท็ม พวกมันทั้งหมดถูกมอบให้โดยปีศาจของ Pandemonium


 


“ไม่มีอะไรที่มีประโยชน์เป็นพิเศษ…ปกติแล้วมันก็เป็นแบบนี้ไม่ใชเหรอ”


 


“อ๋อ~”


 


และแล้ว


 


ดิ้ง-!


 


ลิฟต์หยุดที่ชั้นของพวกเราและสมาชิกของ Chameleon Troupe ปรากฏตัวขึ้น


 


“โอ้~ เฮ้ อาราชิ~”


 


ฮิราโนะ อาราชิ เจ้าของที่นั่งสีน้ำตาล อาราชิเป็นผู้หญิงที่มีผมยาว


ชอบสวมเสื้อคลุมไหม เธอเดินผ่านเจนไปโดยไม่พูดอะไร ผมมองเธอและหันไปจ้องมองยักษ์ที่มากับเธอ


 


“ชอคจุนกยอง ฉันได้ยินมาว่านายแพ้ ไอลีน มาเหรอ”


 


“อะ-อะไรนะ!?”


 


ชอคจุนกยอง ส่งเสียงคำรามออกมาทันที อาคารสั่นเล็กน้อยและเจนดึงก็ขมวดคิ้วของเธอ


 


“นายบ้าไปแล้วหรือไง….”


 


“แพ้!? อะไรนะ! ใครแพ้! ใครบอกเธอว่าฉันแพ้!?”


 


“… โอเคๆ.”


 


ชอคจุนกยอง เริ่มแก้ตัว


 


“ฉันกำลังจะชนะ ขอแค่ฉันได้ต่อยเธอครั้งสุดท้าย ฉันจะทำได้อยู่แล้ว แต่เธอเหมือนเด็กมากเกินไป! ใครจะไปเชื่อว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ฉันอย่างแน่นอน ฉันพลาดไปในช่วงเวลาที่จะโจมตีเธอเพราะเรื่องนี้และ


ผู้หญิงคนนั้นก็ใช้ช่องว่างนี้เพื่อ….”


 


ผมเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาและหันไปหาเจน


 


“แล้วพวกเราไม่มีไอเท็มที่ดีกว่านี้เหรอ? พวกเราต้องไปเจอกับพวกคนชั่วแล้วนะ”


 


สมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดใน 9 ปีศาจ ขอพบกับ Chameleon Troupe


เป้าหมายของการประชุมคือเพื่อหารือเกี่ยวกับการลอบสังหารออร์เดน ตอนนี้แม้แต่ปีศาจก็วางแผนที่จะจัดตั้งทีมลอบสังหารขึ้นมา


 


สำหรับภารกิจเฉพาะนี้ปีศาจน่าเชื่อถือมากกว่าฮีโร่ เพราะการชักชวนของ ออร์เดน ไม่ได้ทำงานกับปีศาจที่ขายวิญญาณให้กับปีศาจอยู่แล้ว


 


“อืม…บอส เก็บของที่ดีๆทั้งหมดไว้กับตัวเองน่ะสิ~”


 


“อ้อ เข้าใจแล้ว.”


 


“เธอไม่ต้องการให้พวกมันกับฉัน ดังนั้นนายควรไปถามเธอเอง~”


 


“โอเค ฉันจะไปเอามาจากเธอแล้วมอบให้เธอบ้างก็แล้วกัน”


 


เพื่อใช้ทักษะพิเศษของผมอย่างมีประสิทธิภาพ [พลัง 4 ธาตุ] ผมต้องการไอเท็มระดับสุดยอด ผมจะได้ใช้ไอเท็มที่ผมสร้างขึ้นมาได้


 


“โอเค~ โชคดี~ ฉันจะส่งกำลังใจเชียร์นายเอง~”


 


ผมเริ่มเดินไปที่ห้องของบอส


บทที่ 432 อนาคตที่ไม่รู้จัก (4)


 


[Pandemonium – ห้องพักของนักสู้ที่ตกชั้น)


 


ในทางตรงกันข้าม จินซาฮยอค กลับบ้านของเธอ มันไม่ใช่บ้านของเธอในทางเทคนิค แต่เป็นเวทีต่อสู้ของ Pandemonium เนื่องจากเธอไม่เคยซื้อบ้านเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น


 


“ท่านจินซาฮยอค ท่านจินซาฮยอค ท่านจะเริ่มต่อสู้ในเวทีอีกครั้งไหม”


 


พนักงานของเวทีต่อสู้ตามหลังเธอมา จินซาฮยอค ไม่ตอบอะไรเขา


เธอไม่ได้พกอะไรมาด้วย แต่เธอมีไอเท็มมีค่าที่เธอนำมาจากในหอคอย


 


“ท่านจินซาฮยอค พวกเราสามารถกำหนดเวลาการต่อสู้เพื่อท่าน…?”


 


เกราะหนังส่องแสงสีน้ำเงินเข้มที่เยือกเย็นและเสื้อโค้ทที่ทำจากผ้าแบบพิเศษที่มีมนต์เสน่ห์ อุปกรณ์สองชิ้นคือ


[Lv.8 Deep Dark Leather Armor (J – RedOrder)] และ


[Lv.8 Battle Armor Coat (J – RedOrder)] ตามลำดับ


เธอไม่มีได้สนใจคำในวงเล็บ แต่ไอเท็มพวกนี้คือ Lv.8 เป็นไอเท็มระดับสูงสุดที่ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนเป็นสินค้าทำให้พวกมันเป็นหนึ่งในไอเท็มที่ดีที่สุดที่นำมานอกหอคอย เธอใช้เวลา 3 เดือนในการเก็บเงินซื้อจากบ้านประมูลในหอคอย


 


“คือ…ท่าน ซาฮยอค?”


 


“อ่า.”


 


จินซาฮยอค จ้องมองพนักงานก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้า


 


“หยุดรบกวนฉันได้แล้ว. แกอยากตายหรือไง”


 


“ไม่….แน่นอน ท่าน”


 


“ชิ.”


 


จินซาฮยอค ขมวดคิ้วและไล่เขาออกไป


 


“เอาล่ะทำอะไรก็ได้ที่แกต้องการ ถ้าฝ่ายตรงข้ามน่าสนใจละนะ”


 


“รับทราบ ขอบคุณมากครับ!”


 


จากนั้นพนักงานก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา


 


“เจ้าพวกเหล่านี้”


 


จากรูปการธุรกิจการต่อสู้ในสนามเองก็ไม่ดีนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Pandemonium ถูกแยกออกเป็นสองอย่างระหว่างซาตานและ


Chameleon Troupe จินซาฮยอค ไม่พอใจกับงานอดิเรกของเธอที่ถูกรบกวน


 


จินซาฮยอค ถอดเสื้อผ้าและเปลี่ยนเป็นชุดเกราะ เมื่อใส่ชุดเกราะหนังกับเสื้อโค้ตมันน่าพอใจมาก จินซาฮยอค ยิ้มและพยักหน้า


 


– ก๊อก ก๊อก.


 


ในขณะนั้นเองก็มีคนมาเคาะประตู ‘… ตั้งแต่เมื่อไรที่ห้องพักมีคนมา


รบกวนบ่อยขนาดนี้?’ จินซาฮยอค รู้สึกเดือดจากความรำคาญขณะที่เธอเปิดประตู


 


ปัง-!


 


“…แกเป็นใครกันแน่?”


 


เหนือประตูเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูประหลาด มันเป็นโครงกระดูกสวมเสื้อคลุมเพื่อปกปิดรูปร่างที่ไม่ใช่มนุษย์ เขาดูเหมือนจะเป็นลิช จินซาฮยอค จ้อง มองขณะดวงตาเปล่งประกายและยิ้มเยาะออกมา


 


“แกมาที่นี่เพื่อแก้แค้นงั้นเหรอ”


 


– ไม่..ไม่ใช่เลย.


 


เสียงของ ลิช ดังก้องเหมือนอยู่ในถ้ำ


 


“แล้วแกมาที่นี่ทำไม แกอยากมาตายด้วยหรือไง?”


 


– ฉันมาที่นี่เพื่อส่งต่อข้อความของราชา ท่านประสงค์ที่จะทำการค้ากับเจ้า


 


“การค้า”


 


– ใช่.


 


ทันใดนั้นจินซาฮยอคก็ หัวเราะเสียงดัง


 


“ฮะฮ่าฮ่า! น่าสนใจมาก ฉันไม่ได้บอกเหรอว่าฉันไม่อยากคุยกับพวก


สัตว์ร้ายหรอกเหรอ?”


 


ลิช ไม่ได้แสดงสัญญาณท่าทางไม่พอใจในการยั่วยุของจินซาฮยอค


ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทำได้ตั้งแต่แรก ลิซ พูดอย่างต่อเนื่อง


 


– ข้อความของราชามีดังนี้ ‘ข้าจะให้เจ้ากลับไปยังโลกบ้านเกิดของเจ้า’


 


“…อะไรนะ?”


 


ในทันทีนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป พลังเวทย์พุ่งทะยานออกมาจากร่างของจินซาฮยอค จินซาฮยอค คว้าคอลิชและโยนเขาเข้าไปในห้อง


 


กี็-!


 


ลิช ส่งเสียงกรี๊ดแปลกๆขณะที่เขาลอยไปกระแทกกำแพงห้อง


จินซาฮยอค ไปที่ ลิชและเหยียบคอของเขาเอาไว้


 


“…แกรู้จักเรื่องนี้ได้ยังไง”


 


– อย่า…ประมาท…ความทรงจำของมอนสเตอร์ มีมอนสเตอร์…ที่จดจำโลกของเจ้าได้


 


“…อะไรนะ?”


 


– มอนสเตอร์ … ไม่ใช่ศัตรูของมนุษยชาติ กษัตริย์ต้องการเปิดดวงตาของผู้คน…. มนุษย์ควรร่วมมือกับพวกเราเพื่อทำการกำจัดปีศาจ …


 


จินซาฮยอค คลายความแข็งแกร่งที่ขาของเธอ ดูเหมือนว่ามันคุ้มค่าที่จะได้ยินเขาพูด


 


– แอฟริกามีส่วนหนึ่งของทวีปที่เธอเคยอาศัยอยู่นอกจากนี้มอนสเตอร์บางส่วนที่ได้รับสติปัญญามาจากทวีปนั้น


 


“… .”


 


– ราชาปรารถนาที่จะอยู่กับเจ้า


 


ลิช ดึงคริสตัลเล็กๆออกมาจากกระเป๋าของเขา มันเป็นคริสตัลสีน้ำเงินที่ดูเหมือนคริสตัลในหอคอย


 


– นี่คือสัญญาณของความปรารถนาดีของเขา


 


“…ความปรารถนาดี?”


 


จินซาฮยอค จ้องมองไอเท็มที่เขาเอาออกมาในฐานะคนที่เกลียดการถูกหลอกลวงเธอได้เรียนรู้ทักษะ [การประเมินค่า] จาก Tower of Wish


 


===


[พื้นทวีป]


– คุณสามารถใช้ชิ้นส่วนนี้เพื่อกลับไปยังสถานที่ของมัน


– อคทรีน่า ในช่วงเวลา ปี 555


===


 


“…อะ-อะไรนะ? ฉันสามารถกลับไปที่ อคทรีน่า ได้งั้นเหรอ”


 


เสียงของ จินซาฮยอค สั่นไหวด้วยความหวัง


 


– ใช่ แต่เธออยู่ที่นั้นตลอดไปไม่ได้ นี่เป็นเพียง ‘บันทึกที่ผ่านมา’


การเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้เปลี่ยนอนาคต เจ้าจะได้สัมผัสกับโลกอดีต


 


ลิช อธิบายและความตื่นเต้นของจินซาฮยอค ก็ลดลง


 


“แล้วมันใช้ประโยชน์อะไร? ฉันไม่ต้องการมัน”


 


จินซาฮยอค เดาะลิ้นของเธอแล้วขว้างคริสตัลออกไป ไม่เธอพยายามโยนมัน อย่างไรก็ตามมือของเธอปฏิเสธที่จะปล่อยมันออกไป


 


– …เจ้าไม่ต้องการมันจริงๆเหรอ?


 


ลิช จ้องมองที่ จินซาฮยอค ด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวล


 


– เจ้าสามารถเอามันไปได้. มันเป็นพรสวรรค์จากราชา ไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเลยและเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรของพวกเราเช่นกัน


มันเป็นเพียงสัญลักษณ์ของความปรารถนาดีของพวกเรา


 


“… .”


 


คริสตัลสีฟ้าเรืองแสงด้วยแสงสีเงิน กลับมาที่ อคทรีน่า … จินซาฮยอค จ้องมองที่คริสตัลเป็นเวลานานก่อนที่จะจับมือเธอไว้แน่น


 


– เป็นตัดสินใจที่ดี


 


ลิซ ลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม


 


– ถ้างั้นข้าจะกลับแล้ว ได้โปรดมาเยี่ยมพวกเราหากเธอเปลี่ยนใจ


 


ลิชค่อยๆ ถอยออกจากห้อง อย่างไรก็ตามจินซาฮยอค ยังคงมีคำถามหนึ่งถามเขา


 


“เฮ้ย รอก่อน”


 


– หา?


 


“…นี่จะพาคนอื่นไปกับฉันได้ไหม”


 


ลิซ พยักหน้าทันที


 


– ถ้าเจ้าต้องการ พลังของคริสตัลนั้นไร้ขอบเขต


 


“อืมเป็นอย่างนั้นเหรอ?”


 


จินซาฮยอค ยิ้ม


 


“ดีแล้ว.”


 


จากนั้นไม่นาน…


 


– … !


 


พลังเวทมนต์พุ่งออกมาจากมือของเธอไปยังลิช จากนั้นมันก็กระจายออกไปเหมือนใยแมงมุมโดยแยกออกเป็น 5 ส่วน


*************************************************************************


คำคืนที่มืดมิด


 


ผมกลับบ้านเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน ตอนนี้ อีเวนเดล หลับไปแล้วผมกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและคิดเกี่ยวกับพรสวรรค์ต่อไปของผม


 


“อืม … .”


 


===


[Buster Call (บัสเตอร์คอร์)]


– ใช้พลังเวทมนต์ของรอยสักเรียกจากข้าราชบริพารแห่งหอคอยที่ต้องการสาบานตนภักดีต่อคิมฮาจินหรือทรัพย์สมบัติของเขา


===


 


Buster Call


ผมได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูนที่ผมเคยอ่านผมได้รับไอเท็มนี้มาเพื่อเรียกผู้ช่วยและ [Genkelope’s Vessel] จาก Tower of Wish


ด้วยสิ่งนี้ผมจะสามารถปรับใช้ NPC ของชั้น 16 ที่เป็นเรือรบอันยิ่งใหญ่ของผม…แต่ปัญหามีเพียงเรื่องเดียว


 


[คุณมี SP ไม่เพียงพอ คุณต้องมีทั้งหมด 30,000 SP]


 


SP ที่ผมมีอยู่ไม่เพียงพอ เหมือนว่าจะมีข้อจำกัดไม่เพียงพอ


 


“น่าจะทำได้ตอนที่ซูโฮพิชิตหอคอย”


 


ผมสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะ Tower of Wish ไม่ได้ลดลงเมื่อคิมซูโฮฆ่าราชาปีศาจเปลือกนอกของหอคอยก็จะตกลงมาและหอคอยก็จะรวมกันกับโลกภายนอก SP ที่ต้องการก็น่าจะลดลงอย่างมาก


 


แน่นอนผมคาดการณ์แล้วว่าผมจะต้องการอีกอย่างน้อย 5,000 SP


แม้ว่าเปลือกชั้นนอกของหอคอยจะร่วงลงมาบนโลกทั้งภายในและภายนอกหอคอยนั้นแตกต่างกันอย่างมากมาย ในการทำให้บางสิ่งบางอย่างเป็นรูปธรรมจาก Tower จะต้องใช้พลังงานจำนวนมาก


 


“อ่า…จะทำยังไงดี…จะทำยังไง….”


 


ผมควรลงไปกับพรสวรรค์อื่นๆที่ผมคิดไว้ก่อนหน้านี้งั้นเหรอหรือผมควรจะรออีกหน่อยและลงไปที่ [Buster Call]? ขณะที่ผมใคร่ครวญ …


 


ซ่าาาา, ซ่าาาา


 


เสียงดังขึ้น ผมหันหน้าไปทางด้านข้างและเห็นคำที่เขียนในจดหมายการสื่อสารที่ผมมอบให้กับจินซาฮยอค


 


“… โอ้?”


 


ผมไม่คิดว่าเธอจะเขียนกลับมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ ผมดูสิ่งที่เธอเขียน


 


[ฉันอยากมีส่วนร่วมในทีมลอบสังหาร ออร์เดน ของ Pandemonium]


[มาเจอกันและจัดการกับเรื่องนี้ให้จบๆไปซะ]


บทที่ 433 เป้าหมายเดียวกันแต่เส้นทางต่างกัน (1)


 


[ชั้น 16 – เรือ Genkelope]


 


นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่เรือแห่งนี้หลังจากไม่ได้มาอยู่นาน ผมมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประชุมกับ วิคเก็ช สำหรับทีมที่จัดโดย ปีศาจเพื่อลอบสังหาร ออร์เดน แน่นอนว่า Tower of Wish เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทั้ง 2 ฝ่ายที่จัดการประชุมขึ้นมาเพราะที่นี่ทุกคนฟื้นคืนชีพหลังจากความตายได้


 


“ที่นี่มีผู้คนมากมายเลยนะ”


 


“ใช่.”


 


หลายสิ่งเปลี่ยนไปใน 6 เดือนที่ผมไม่ได้มาเยี่ยม สำหรับเบื้อต้น


การตรวจสอบทางเข้าเข้มงวดมากขึ้นและมีเทคโนโลยีสูงกว่าสนามบินส่วนใหญ่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชุดเกราะอย่างน้อย 16 คน


 


“มันเปลี่ยนไปมาก มันเป็นของเราก็จริงแต่ไม่รู้สึกแบบนั้นเลย”


 


ความโลภที่อยู่ภายในเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผมสามารถนำเรือลำนี้ออกไปข้างนอกได้ถ้ามีพรสวรรค์ใหม่….


 


“นายถูก. มีการเปลี่ยนแปลงมากมายตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ตอนนี้ฉันหลงทางได้เลยนะ”


 


ดวงตาของบอส มองไปตามฝูงชน อย่างน้อยก็มีผู้เล่น 200 คนที่รอเข้าประตู ผมมองใบหน้าของพวกเขากับบอส


 


– พวกเราจะทำอะไรเพื่อขึ้นไปชั้น 17


– มีเรือขนส่งแยกต่างหาก นายแค่ต้องจ่าย TP เพื่อขึ้นไป และอย่าคิดทำอะไรโง่ๆที่ชั้น 16 มีการห้าม PK ที่นี่และห้ามทำการต่อสู้ทุกชนิด โรงแรมและร้านอาหารมีความเข้มข้นมากๆลองไปที่นั่นดู


– ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณ.


– และถ้านายอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นไปที่สนามกีฬาและดันเจี้ยน


นายสามารถฝึกซ้อมกับ NPC ในสนามและดันเจี้ยนที่ระดับต่ำสุดถึงสูงสุด


 


‘คิมยองจิน’ หัวหน้าใน Tower of Wish และกลุ่มหน้าใหม่ของพวกเขาจับตามองมาที่ผม อันที่จริงแล้วมันอาจผิดถ้าจะเรียกผู้เล่นที่ปีนขึ้นมาถึงชั้น 16 ว่า ‘มือใหม่’


อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขามองผม ผมก็เดินผ่านแถวยาวของผู้เล่นที่รอเช็คอิน


 


“ดูสิพวกเขากำลังแซกแถว!”


 


“อะไรนะ ไม่เข้าแถวงั้นเหรอ!”


 


“เฮ้! นายจะทำอะไรกันแน่?”


 


“เอาล่ะๆ ได้โปรดเงียบๆลงเถอะ”


 


มีผู้เล่นไม่กี่คนที่มาหาพวกเรา แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็หยุดเอาไว้ พวกเขาเป็นทหารรักษาพระองค์


 


“อย่างไรก็ตาม ฮาจิน ฉันได้ยินมาว่าสมาคมฮีโร่พยายามต่อรองกับนายด้วยงั้นเหรอ”


 


บอสพูดขณะที่พวกเราเข้าไปในพื้นที่ด้านในของเรือ


 


“ใช่แล้วมันเกิดขึ้นเหรอ”


 


ผมไม่แน่ใจว่าใครแนะนำผม แต่สมาคมฮีโร่พยายามเชิญชวนผม


แน่นอนว่าผมไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกับพวกเขา แต่ผมวางแผนที่จะแทรกซึมเข้าไปใน ‘หอคอยแห่งฮีโร่’ ซึ่งเป็นบ้านของสมาคมในขณะที่พวกเขากำลังหมกมุ่นอยู่กับออร์เดนเพื่อช่วยเด็กน้อยที่ถูกเอา


รัดเอาเปรียบอยู่นั่น


 


“ที่สำคัญกว่านั้นบอสคุณคิดอย่างไรกับแผนของผม”


 


เด็กเล็กที่มี ‘ผู้มีอำนาจรักษา’ ซึ่งกำลังถูกทารุณกรรมในหอคอยแห่งฮีโร่เด็กอายุ 7-8 ขวบบเมื่อ 8 ปีที่แล้วดังนั้นตอนนี้เธออาจเป็นวัยรุ่นไปแล้ว


 


“น่าจะเป็นเรื่องยาก”


 


พวกเราต้องช่วยผู้หญิงคนนั้น เมื่อ 8 ปีที่แล้วกลุ่มระดับสูงของสมาคมยังคงมีสุขภาพที่ดีและพวกเขาเลี้ยงดูเด็กด้วยความเอาใจใส่อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆมีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้พวกเขาใช้ประโยชน์จากเด็กเพียงเพื่อสนองความต้องการอันเห็นแก่ตัวของพวกเขา


 


“แต่เจน ชอคจุนกยอง และ จินโยฮาน ดูเหมือนจะต้องการทำเช่นนั้น”


 


“ …แล้วคุณล่ะบอส?”


 


งานนี้ต้องทำ เด็กผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในช่วงครึ่งหลังของเนื้อเรื่อง แต่ตอนนี้ความโลภของผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าในเนื้อเรื่องเดิมมันเป็นไปได้สูงที่เด็กจะไม่รอดจนกว่าจะถึงตอนนั้นถ้าพวกเรายังยอมให้เธอถูกเอาเปรียบแบบนี้


 


“ฉัน….”


 


บอสจ้องมองมาที่ผมด้วยความเงียบงัน


 


“…ฉันจะทำตามที่นายต้องการ”


 


ผมยิ้มอย่างโล่งอก


 


“ขอบคุณ.”


 


“…ไม่เป็นไร”


 


พวกเรายิ้มให้กันอย่างอบอุ่น จากนั้นพวกเราก็เดินไปตามถนนพร้อมมองทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน


 


ไม่ช้าพวกเราก็มาถึงที่ประชุม มันเป็นห้องขนาดใหญ่ในโรงแรมที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน มันดูเหมือนโรงแรมที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผมหลักฐานมาจากชื่อของมันคือ [HAJ HOTEL] โต๊ะกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง พวกเรานั่งที่เก้าอี้และรอให้ปีศาจมาถึง


 


“ฮาจิน นายอยู่เงียบๆนะ”


 


“ฮะ? ตกลง.”


 


บอสและผมนั่งลงเงียบๆ บอสเหลือบมาที่ผมแต่สายตาของเธอจ้องมอง กลางอากาศก่อนที่จะกลอกตาขึ้นและลง เธอกำลังอ่าน ‘เว็บนิยาย’ แน่ๆ


 


ผมสงสัยเรื่องต่างทันใดนั้นก็มีคำถามปรากฏขึ้นในจิตใจของผม


‘แชนายอนกำลังทำอะไรอยู่นะตอนนี้?’ ผมได้ตระหนักว่ามันยังไม่สายเกินไป ‘ถ้าเราอยากรู้เรื่องของคนอื่นเราต้องรู้เรื่องของตัวเองก่อน’


 


ผมส่งความคิดไปที่ สปาร์ตัน ให้ไปหา แชนายอน ในเทือกเขาหิมาลัย จากนั้นแบ่งปันวิสัยทัศน์ของผมกับเขา


 


…ทันทีที่ผมหลับตาวิวภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็อยู่ตรงหน้าผม


 


แชนายอน อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางภูเขา น้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่เธออ่านจดหมายอยู่ในมือ


 


– ขอบคุณพระเจ้า ฉันดีใจ….ฉันดีใจจริงๆ….


 


ดูเหมือนว่าจดหมายมาจาก ยูยอนฮา จะมาถึงแล้ว แชนายอน ถือจดหมายไว้ในอ้อมแขนของเธอพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณนับไม่ถ้วน


ผมเข้าใจเนื้อหาของจดหมายโดยประมาณได้ แม้ว่าเธอจะดูผอมลงแต่ ตอนนี้เธอดูมีความสุขอย่างแท้จริง การได้เห็นเธอเป็นแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอเป็นคนแรกในโลกนี้ที่แสดงความรู้สึกของเธอกับผม ผมไม่เคยลืมความรักอันแสนอบอุ่นที่เธอมอบให้ผม


ผมยังไม่รู้ว่าเธอเห็นอะไรในตัวผู้ชายอย่างผม


 


– แชนายอน เธอกำลังทำอะไรอยู่..นั่น…. เดี๋ยวก่อนเธอร้องไห้เหรอ


 


ในขณะนั้นเองก็มีคนมาหาแชนายอน ผมไม่คาดคิดว่าจะเจอเขาที่นั่น


1 ใน 9 ดารา เฮย์เน่และ…ยูชีฮยอก


 


– ฉัน….ฉันไม่ได้ร้องไห้ คุณหมายถึงอะไรฉันไม่ได้ร้องไห้ ที่สำคัญคุณจะไม่กลับไปที่ ภูเขา เพ็กตู งั้นเหรอ อาจารย์?


 


‘หมาป่าแห่งสวรรค์’ ฮีโร่ระดับปรมจารย์ ยูชีฮยอก เขาขมวดคิ้วและมองไปที่แชนายอน


 


– ฉันจะไปได้ยังไงในเมื่อตาแก่นี้กำลังพยายามขโมยลูกศิษย์ของฉันไป


 


– ยูชีฮยอก เรียกฉันว่าคนแก่ได้ยังไง


 


…ผมเฝ้าดูเหตุการณ์ที่น่าสนใจพร้อมคิดว่าจะทำยังไงดี


 


“สวัสดี-!”


 


ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกและเสียงก็ขึ้น พวกเราทั้งคู่หยุดทำสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ทันที ‘วิคเก็ช’ คนที่เพิ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของลำดับชั้นในหมู่ 9 ปีศาจ มาถึงแล้ว เขาเข้าหาพวกเราอย่างมั่นใจ


 


“ยินดีที่ได้รู้จัก. ฉัน วิคเก็ช ‘ฮายอนฮี’ ‘


 


แม้ว่าชื่อและรูปร่างหน้าตาของเธอจะยังดูเด็กเกินไปที่จะถูกเรียกว่า


วิคเก็ช แต่บอสและผมก็เตรียมพร้อมทันที ลูกน้องของ วิคเก็ช รีบเข้ามาและยืนอยู่ทั้ง 2 ข้างของห้อง


 


“ตอนนี้ให้พวกเรามาเริ่มการประชุมกันเถอะ! ฮ่าฮ่าฮ่า!”


 


วิคเก็ช หัวเราะอย่างกล้าหาญอีกครั้ง


*************************************************************************


 


[ถ้ำกว้างใหญ่]


 


ในขณะเดียวกันในถ้ำของ Vast Expanse สำหรับนักล่าอย่างพวกเขา


ที่นี่คือความผาสุกที่เหนือกว่า ‘เมือง’ ผู้นำของทั้ง 2 กลุ่มกำลังสนทนากัน


 


“ฉัน?”


 


“ใช่. สมาคมต้องการให้คุณเข้าร่วมทีมลอบสังหารออร์เดน”


 


ยุนกวางวอนแห่ง Vast Expanse ยูจินวอนแห่ง Essence of the Strait


ยูจินวอง มองเข้าไปในดวงตาของ Vast Expanse อย่างใจเย็น


ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยพลังเวทมนต์สีฟ้าส่องแสงจากระยะไกล


เคราหนาของเขาช่างน่าทึ่งเหลือเกินและผมยาวของเขาทำให้เขาดูเหมือนนักปราชญ์หรือฤาษี Vast Expanse ดูน่าเกรงขามจริงๆ


 


“…หากนายอยากให้ฉันไป นายต้องมีอย่างน้อยหลายหมื่นล้าน”


 


“นั่นคือราคาถูกมากเพราะเราคาดเตรียมไว้หลายแสนล้าน”


 


ยูจินวอง ตอบด้วยความใจเย็น


 


“นอกจากนี้เงินจะมีค่าอะไร หากสูญเสียดินแดนให้กับมอนสเตอร์?”


 


คำพูดของ ยูจินวอง ทำให้ Vast Expanse ยิ้ม


 


“บอกฉันว่านายคิดยังไง? ทำไมนายถึงคิดว่าสมาคมยินดีจ่ายให้ฉันในราคาสูงเช่นนี้”


 


“ …นั่นเป็นคำถามที่แปลก นายไม่ใช่ Vast Expanse ที่แข็งแกร่งอย่างล้นเหลือเหรอ?”


 


Vast Expanse ส่ายหัวช้าๆ


 


“ไม่ ฉันเห็นตัวเองเป็นแค่ตาแก่เท่านั้น แปลกมาก ยูชีฮยอก อายุน้อยกว่าฉันเพียง 8 ปี แต่เขาก็ยังเด็กกว่าฉันมาก”


 


ความรู้สึกถูกฝังอยู่ในเสียงของเขา หากไม่มีคำพูดใดๆ ยูจินวอง ก็รอให้ Vast Expanse พูดต่อ


 


“นั่นอาจเป็นอัตราปกติของมนุษย์เหนือธรรมชาติผู้ซึ่งควบคุมวิถีแห่งพลังเวทมนต์อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะอายุ 70”


 


Vast Expanse ลูบเคราของเขา มือที่ลูบเคราเริ่มสั่นไหว


 


“แต่นั้นไม่ใช่สำหรับฉัน ผลข้างเคียงของฉันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”


 


ผลข้างเคียงของพรสวรรค์ แน่นอนว่าพวกมันหายากมากในทุกวันนี้โดยฮีโร่ทุกคนจะได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่ฮีโร่ในอดีตที่ต้องต่อสู้ทุกวันโดยไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ยูจินวอง พยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากรอยย่นบนใบหน้าของ Vast Expanse


 


“แล้วคุณต้องการอะไร?”


 


“ฉันได้ยินมาว่าสมาคมได้ดูแลเด็กที่มีอำนาจรักษาเอาไว้”


 


“…ใช่ ถูกต้อง.”


 


ยูจินวอง พยักหน้า มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็น ‘ผู้มีอำนาจรักษา’ ที่หอคอยแห่งฮีโร่ ผู้ที่มีพลังแบบเธอสามารถรักษาความเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บได้ทั้งหมดยกเว้นความตาย แต่การใช้พลังในทางที่ผิดของเธอตั้งแต่อายุยังน้อยอาจเพิ่มผลข้างเคียงได้เป็นสองเท่า ดังนั้นสมาคมจึงสาบานที่จะปกป้องเด็กและสัญญากับเธอว่าจะมีวัยเด็กที่สงบสุข อย่างไรก็ตาม…ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาคมได้เริ่มใช้ประโยชน์จากเด็ก เธอถูกใช้เป็นเครื่องมือในการยืดอายุขัยของพวกเขา


 


“ฉันได้ยินมาว่าเธอสามารถย้อนวัยชราได้” Vast Expanse พูดพร้อมความคาดหวังในดวงตา


 


“การย้อนวัย ในอีกบางแง่มุมก็คือทำให้ตายเร็วขึ้นได้เลยนะ”


 


“ฉันรู้ แต่ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับการยืดอายุของพวกนักการเมืองหลายคนเลยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้สิ่งที่ถูกต้องคืออะไร?”


 


ยูจินวอง ไม่ตอบ เมื่อไม่นานมานี้เด็กได้ใช้พลังของเธอเพื่อรักษา


รอยแผลเป็นที่เหลืออยู่บนร่างของแชจูชึลโดยมารแต่ทุกคนเข้าใจว่าการรักษาแชจูชึลนั้นเพื่อสาธารณประโยชน์


 


“แกไม่รู้หรือว่าสมาคมกำลังเน่าเหม็น? ฉันขอรับรองกับแกว่าฮีโร่ที่จะเปลี่ยนข้างตามตามข้อเสนอของ ออร์เดน ออร์เดนมาหาฉันแล้ว เขาบอกว่าเขาจะมอบเด็กให้ฉัน แต่ฉันก็ปฏิเสธไป”


 


Vast Expanse ดวงตาโค้งเป็นรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มเป็นส่วนผสมของความภาคภูมิใจในตนเองที่ไม่เหมือนใครสำหรับคนที่เชื่อใน


ตัวเองและความรังเกียจที่ยอมให้คนอื่นชักจูง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม