The Novel’s Extra 420-426

 บทที่ 420 จุดจบของหอคอย (8)


 


[มังกรแดงแห่งบาฮามาส] เช่นเดียวกับ [โรงน้ำชาแห่งปาฏิหาริย์] นี่เป็นหนึ่งในการ์ดระดับ 8 ดาวที่ผมซื้อในอาณาจักรแห่งการ์ดบนชั้นที่ 21


ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเอามาใช้แบบนี้


 


“นั่นอะไรน่ะ?”


 


คิมซูโฮถามอย่างบริสุทธิ์ใจ ผมตอบสั้นๆ


 


“พันธมิตรของนายที่จะช่วยฝึกฝน ในขณะที่ฉันสร้างอุปกรณ์ของนายนายจะต้องต่อสู้กับเจ้านี้จนกว่าจะตาย’”


 


วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘คิมซูโฮที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น’


 


*************************************************************************


 


[ถ้ำแห่งหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัย]


 


แชนายอน จ้องมองที่ คิมจุงโฮ อย่างเงียบๆเขานอนอยู่บนเตียงของเขา คิมจุงโฮ นอนหลับและใบหน้าของเขาเต็มไปหนวนและเคราขน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มั่นใจด้วยสัญชาตญาณว่านี่คือ คิมจุงโฮ แน่นอน


 


แชนายอน สงสัยว่าเธอจะพูดกับเขายังไงดี


 


‘ฉันควรจะทำยังไงดี? ฉันควรถามหรือเรียกร้องอะไรจากเขา’


 


…อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะตัดสินใจ คิมจุงโฮ ก็ตื่นขึ้นมา แชนายอน สะดุ้งและถอยกลับไป 1 ก้าว


 


“… !”


 


แววตกของ คิมจุงโฮ มองมาที่ แชนายอน เห็นได้ชัดว่าเขากลัวแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา


 


“ไง….สะ…สวัสดี”


 


แชนายอน พยายามพูดเบาๆเมื่อได้ยินเสียงของเธอความกลัวของ


คิมจุงโฮ ก็ลดน้อยลง ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักเธอ


 


“ฉันคือแชนายอน พวกเราเคยพบกันมาก่อน…ถ้าฉันจำไม่ผิด”


 


พวกเขาเริ่มจากเรื่องในอดีต ที่งานศพของแม่เธอและที่งานศพของ


พี่ชายของเธอ


 


“….”


 


คิมจุงโฮ มองที่ แชนายอน อย่างเงียบๆแชนายอน จ้องมองไปในดวงตาของเขาอย่างไร้ซึ่งความหวังและส่ายหัวอย่างแรง


 


“ฉัน……..ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำร้ายคุณ”


 


“…”


 


“แค่มีรายงานแปลกๆเกี่ยวกับคุณ….”


 


‘เฮ้อออออออออ’ เสียงถอนหายใจออกมาจากปากของคิมจุงโฮ


เขายกร่างกายส่วนบนของเขาขึ้นมา


 


“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”


 


เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เป็นหลักฐานว่าเขาทนทุกข์ทรมานมานาน


 


“ฉัน…ใช้สิ่งนี้”


 


แชนายอน เอาเข็มทิศของ เฮย์เนค ออกมาอย่างระมัดระวัง คิมจุงโฮ มองไปที่เธอและเข็มทิศ เข็มทิศพิสูจน์ว่าเธอได้รับความเคารพจาก


เฮย์เนค เขาถอนหายใจอีกครั้งลุกขึ้นจากเตียงของเขา


 


“อย่างน้อยให้ฉันเสิร์ฟชาให้เธอ ฉันจะได้สบายใจ”


 


คิมจุงโฮ ชี้ไปที่โต๊ะและเก้าอี้ถัดจากเตียง แชนายอน ที่กำลังนั่งบนเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง ข่าวห้องจัดเลี้ยงสีม่วงอยู่บนโต๊ะ พาดหัวข่าวหน้าแรก


: [แชจูชึลผู้กำจัดมาร] จิตใจของ แชนายอน สั่นไหว


 


“รอแปบนะ”


 


คิมจุงโฮ หายตัวไปในถ้ำและกลับมาพร้อมกับน้ำชาข้าวบาร์เลย์พร้อมถ้วย 2 ใบ ไอน้ำลอยขึ้นมาจากชาอุ่นๆ


 


เขาเทชาลงในถ้วย 2 ใบ แชนายอน นั่งนิ่งจ้องมองที่ผิวชา ไอน้ำอุ่นกระจายอยู่ใกล้กับจมูกของเธอ ในขณะนั้นคิมจุงโฮก็พูดขึ้นมา


 


“เธอมาที่นี่เพื่อรับร่างของ แชจินยุน งั้นเหรอ”


 


“…อะไรนะคะ?”


 


ทันใดนั้นความคิดเก่าๆก็ปรากฏขึ้นในใจของ แชนายอน


 


‘คิมจุงโฮ บอกว่าเขาเป็นเจ้าของซากศพของมาร’


‘คิมจุงโฮ เปลี่ยนร่างของ แชจินยุน เป็นศพคนอื่นแล้วก็หายตัวไป’


 


แชนายอน กัดฟันของเธอและกำกำปั้นของเธอแน่น คิมจุงโฮ จ้องมองที่ แชนายอน อย่างเงียบๆ


 


“เธอคงมีความคิดอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”


 


ลมหายใจของ แชนายอน หยุดลงจากคำพูดอย่างฉับพลันของ คิมจุงโฮ หัวใจของเธอเต้นแรงและใบหน้าเธอเริ่มแดง แต่เธอก็บังคับตัวเองให้ใจเย็นๆเธอต้องรักษาสัญญาที่ทำกับเฮย์เนคและตัวเธอเอง แชนายอน กัดฟันของเธอแล้วมองตรงเข้าไปในดวงตาของ คิมจุงโฮ


 


“…คุณเก็บรักษาร่างกายของพี่ชายฉันเอาไว้สินะ”


 


เธอแทบจะไม่รู้ว่าควรถามยังไงดี คิมจุงโฮ พยักหน้า


 


“ใช่. นั่นคือเหตุผลที่ฉันหนีมาที่นี่”


 


น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ แชนายอน เช็ดพวกมันออกขณะที่เธอแสร้งทำปัดผม มีอีก 1 สิ่งที่เธอต้องการยืนยัน เธอต้องการหลักฐานทางกายภาพเพื่อให้สามารถยอมรับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ เธออยากเห็นพี่ชายของเธอด้วยตาของเธอเอง


 


“คุณ…แสดงให้ฉัน…เห็นหน่อยว่า…ว่า….”


 


มันเป็นประโยคที่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ คิมจุงโฮ มอง แชนายอน และตอบกลับ


 


“ฉันสามารถให้เธอดูได้. ความจริงที่ว่าเธอมาจนถึงที่นี่บอกฉันแล้วว่าเธอตั้งใจแน่วแน่แค่ไหน แต่…”


 


คิมจุงโฮ หยุดพูดทำให้ถ้ำเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ความเห็นอกเห็นใจปรากฏขึ้นในดวงตาของ คิมจุงโฮ ตอนนี้เธอดูไม่มั่นคงและร่างกายสั่นไหว


 


“เธอสามารถทนรับได้จริงๆเหรอ?”


 


ถึงกระนั้นแชนายอนก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล


 


“…ใช่. สะ-แสดงให้ฉันเห็น”


 


เธอจำเป็นต้องรู้


 


ความจริงคืออะไร?


 


คำโกหกคืออะไร?


 


“ตอนนี้…ฉันอยากรู้”


 


*************************************************************************


 


2 สัปดาห์ต่อมาปราสาทปีศาจราชา


 


“อืม … .”


 


ผมกำลังตรวจสอบ คิมซูโฮ พร้อมเสื้อผ้าใหม่ของเขาอย่างจริงจัง


เสื้อผ้าที่ผมทำใน 2 สัปดาห์โดยใช้ความพยายามอย่างที่สุดของผมในตอนนี้ส่องประกายต่อหน้าเจ้าของที่สมบูรณ์แบบของมัน


 


“อืม … .”


 


เกราะหนังสีขาวส่องประกายสดใสภายใต้เสื้อโค้ทสีเบจและสนับแข้งที่ทำเพื่อปกป้องน่องของเขานั้นกลมกลืนกับรองเท้าที่สวมใส่สบายและใหม่ของเขา นอกจากนั้นคิมซูโฮยังติดตั้งอุปกรณ์ๆและไอเท็มที่ขโมยมาจาก ฟิริเนล เสื้อผ้าที่เขาใส่ตอนนี้โดยทั่วไปมีมูลค่าสูงมากจริงๆ


 


“ดีมาก.”


 


ผมพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ


 


“ไปทั้งแบบนี้ละ”


 


“…เฮ้….นี่มันไม่มากไปใช่มั้ย”


 


“เงียบไปเลย.”


 


ผมตั้งใจจะไม่สนใจการคัดค้านของคิมซูโฮ ในที่สุดเขาก็เอาชนะมังกรแดงแห่งบาฮามุทเมื่อ 3 วันก่อน มังกรนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งดังนั้นเขาจึงต้องใช้ทักษะขั้นสูงสุดของเขาออกมา


 


“ฉันทำทุกอย่างให้นาย ดังนั้นนายต้องชนะ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด.”


 


“แน่นอน.”


 


วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมสามารถช่วยเขาได้ ความท้าทายของ คิมซูโฮ น่าจะอยู่ได้นาน ในเนื้อเรื่องเดิมเขาใช้เวลาประมาณ 1 เดือนกว่าจะชนะ แต่ตอนนี้มีสิ่งต่างๆมากมาย แน่นอนว่า คิมซูโฮ นั้นแข็งแกร่งขึ้นและอุปกรณ์ของเขาก็ดีขึ้นมาก แต่นั่นหมายถึงของราชาปีศาจเช่นกัน


 


“อย่างไรก็ตาม…อืม ฮาจิน ขอบคุณมาก นายช่วยฉันเสมอจริงๆ”


 


คิมซูโฮ ยื่นมือของเขาออกมา


 


“นายจำสิ่งที่ฉันบอกนายได้ใช่ไหม ว่านายควรปฏิบัติต่อฉันอย่างดี


ถ้านายรู้สึกขอบคุณฉัน”


 


ผมยิ้มและจับมือเขา ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะแตกต่างจากตอนนี้ขนาดไหน


แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้แน่นอน: คิมซูโฮ จะไม่ตัดสินใจแบบเดียวกันกับที่เขาทำในะเนื้อเรื่องเดิม หอคอยแห่งความปรารถนา จะไม่พังพินาศกลับกันมันจะเปล่งประกายอย่างสวยงามจนกลมกลืนไปกับโลก


 


“…เฮ้….ฉันคิดว่าพวกเรายังเหลืออีกครึ่งวัน”


 


‘ไม่ต้องรีบไปกับต่อสู้ที่ยังไม่เริ่มเลย’ ผมคิดแล้วชี้ไปที่ลูกแก้วคริสตัล


 


“นายอยากมองไปรอบๆไหม?”


 


“แน่นอน.”


 


คิมซูโฮพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอันยิ่งใหญ่ ดวงตาของเขาโค้งได้สมบูรณ์แบบและปากของเขาก็เปิดในมุมที่เหมาะสม ปัจจัยทั้ง 2 รวมกันเพื่อสร้างเป็นรอยยิ้มไร้ที่ติ


 


“เริ่มจากชั้น 2 กันเถอะ”


 


ผมเปิดลูกแก้วคริสตัลและเริ่มค้นหาแต่ละชั้นตามลำดับ


 


… ชั้น 2 ชั้นแห่งการเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยนักล่ามือใหม่และผู้เล่นที่เข้ามาในหอคอยเป็นครั้งแรกพร้อมความฝันอันยิ่งใหญ่ในหัวใจของพวกเขา


 


…ชั้น 3 พื้นที่อยู่อาศัยแห่งแรกใน Prestige ที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความหวังของ NPC และผู้เล่นที่ต่างก็ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเมืองที่ดีขึ้น


 


….ชั้น 7 Game Center เป็นบ้านของนักพนันและผู้ติดอันดับที่มาสนุกกันในวันหยุดพักผ่อนของพวกเขา คิมซูโฮ เจอ จินซาฮยอค ที่นั่งอยู่หน้าสล็อตแมชชีนและกำลังขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


… ชั้น 13 ฉาวโฉ่เป็นที่รู้จักกันในการลงโทษผู้เล่นที่ยอมจำนนให้กับหลับฝันร้าย ถึงตอนนี้ผู้เล่นจำนวนมากต้องหลั่งน้ำตาที่นี่


 


…ชั้น 15 เรือของ Genkelope ซึ่งตอนนี้ผมเป็นเจ้าของได้กลายเป็นมหานครแห่งอนาคต เรือทำหน้าที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับผู้เล่นระดับกลาง


 


ด้วยการใช้ลูกแก้วคริสตัลพวกเราเห็นหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกัน


สายตาของพวกเราสะท้อนให้เห็นถึงผู้คนมากมายที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในหอคอย


 


“… ฮาจิน.”


 


ทันใดนั้น คิมซูโฮ ก็เรียกชื่อผม


 


“อืม?”


 


ผมหันหน้าไปหาคิมซูโฮ เขาจ้องมองลูกแก้วคริสตัลด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขา


 


“…นายรู้,”


 


เสียงของเขาฟังดูเคร่งขรึม ไม่ช้ารอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้าของเขาซึ่งตอนนี้แข็งตัวด้วยความกังวลใจ เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลออกมาจากปากของเขา


 


“มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากบอกนายก่อนออกเดินทาง”


 


คิมซูโฮหันมามองมาที่ผม สายตาของพวกเราสบกัน ในขณะที่พวกเรานิ่งเงียบ


 


…ความเงียบดำเนินไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง


 


ดูเหมือนว่าคิมซูโฮจะต้องใช้เวลาในการรวบรวมคำพูดของเขาดังนั้น


ฉันจึงรอเขา คิดได้ไม่ยาก สำหรับพระเอกที่ต้องใช้เวลานานในการพูดนั่นหมายความว่าสิ่งที่เขาวางแผนจะพูดต่อไปนั้นสำคัญมาก


 


…ความเงียบขยายออกไปเรื่อยๆ


 


ผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมรอคิมซูโฮ ในที่สุดเขาก็พูดออกมา


 


“นายจะเชื่อฉันไหมถ้าฉันบอกว่าฉันมาจากต่างโลก”


 


คำพูดของเขาเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง


 


*************************************************************************


 


[โซล, เกาหลีใต้]


 


ปัจจุบันฝนตกในกรุงโซล ราวกับว่ามันมีรูทะลุท้องฟ้า ยูยอนฮา จ้องมองที่นอกหน้าต่างแล้วหยิบ Smart Watch ของเธอขึ้นมา


 


[นายอน ฉันคิดว่าเธอควรหยุด]


[นายอน ?]


[นายอน เธอยุ่งไหม?]


[นายอน ได้โปรดตอบกลับด้วย]


 


ยูยอนฮา ส่งข้อความไปหา แชนายอน หลังจากเธอบอกเธอว่ากำลังจะได้พบกับ คิมจุงโฮ แต่ไม่มีคำตอบใดๆจาก แชนายอน นั่นหมายความว่าเธอยังอยู่ที่นั่นโดยกำลังตามหา คิมจุงโฮ หรือแย่กว่านั้นเธออาจพบเขาแล้ว บางทีเธอรู้ความจริงจากเขาและตอนนี้ก็เจ็บปวดทรมาน


 


“โธ่ ….”


 


ยูยอนฮา รู้สึกเสียใจแม้ว่า แชนายอน จะรู้ความจริงแล้วว่าคิมฮาจินเป็นคนเดียวที่เธอต้องขอโทษแต่เขาก็ไม่อยู่แล้ว เธอจะได้แต่เจ็บปวดมากกว่าเดิม….ยูยอนฮาปิดใบหน้าด้วยมือของเธอแล้วร้องไห้ออกมา


เรื่องราวของพวกเขามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง เธอรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ นั่นทำให้ทุกอย่างน่าสังเวชและเจ็บปวดมากขึ้น เสียงฝนตกข้างนอกทำให้ดูเหมือนว่าโลกกำลังร้องไห้กับเธอ


 


– ดิงดอง


 


ทันใดนั้นออดก็ดังขึ้น ยูยอนฮา ไม่ขยับ เธอไม่สามารถแกล้งทำเป็นมีความสุขให้แขกของเธอเห็นได้ในขณะนี้


 


– ดิงดอง – ดิงดอง – ดิงดอง – ดิงดอง


 


แต่กริ่งประตูยังคงดังก้องและ ยูยอนฮา ก็ลุกออกจากเตียงของเธอ


 


“ตอนนี้แล้ว เป็นใครกันนะ….”


 


เธอหงุดหงิดและมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นพร้อมมองไปที่อินเตอร์คอม


เธอวางแผนที่จะโทรหาพนักงานรักษาความปลอดภัยและเตะใครก็ตามที่ส่งเสียงกริ่งอยู่ตอนนี้ออกไป


 


“…ฮะ?”


 


อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่เธอจับจ้องที่อินเตอร์คอมร่างกายและสมองของเธอก็แข็งตัว ผู้หญิงที่ไม่มีร่มกำลังยืนอยู่ที่ประตูด้านหน้าของคฤหาสน์ของเธอ ตัวเปียกโชกแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูทรุดโทรม แต่


ยูยอนฮา รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอรู้ดีเลยละ


 


เป็น แชนายอน


บทที่ 421จุดจบของหอคอย (9)


 


นายอน พ่อของเธอกลัวว่าเธอจะค้นพบความลับของแชจินยุน นั่นเป็นเหตุผลที่เขาซ่อนศพของเขาจากเธอ


 


คิมจุงโฮ แสดงศพของ แชจินยุน ต่อ แชนายอน ศพถูกเก็บไว้ในโลงน้ำแข็งซึ่ง คิมจุงโฮ บอกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ใช้ในการรักษาศพ ถึงแม้ว่าศพจะไม่ได้มีหัว แต่แชนายอนกก็บอกได้ว่าเป็ร แชจินยุน


 


เมื่อมองไปที่ศพของ แชจินยุน นั้น แชนายอน ก็จับหน้าอกเธอเอาไว้ เธอสั่นไหวจากส่วนลึกของหัวใจ


 


– จินยุน จมอยู่ในความชั่วร้ายครั้งใหญ่แล้ว แขนขวาของเขาพิสูจน์ได้


 


คิมจุงโฮ ชี้ไปที่แขนขวาของ แชจินยุน ซึ่งตอนนี้เป็นสีดำสนิท พลังปีศาจในแขนขวาของเขาไม่ได้ลดลงแม้หลังจากการตายของเขาและยังคงปล่อยพลังอันเป็นลางร้อายออกมาจากในโลงน้ำแข็ง


 


– …


 


แชนายอน พูดอะไรไม่ออกเลย แชจินยุน พี่ชายอันเป็นที่รักของเธอเป็นปีศาจใช่ไหม ใครจะเชื่อเรื่องไร้สาระเช่นนี้ เมื่อเผชิญกับความจริงที่ไม่สามารถทนทานได้แชนายอนก็เจ็บปวดอย่างมาก หัวของเธอเจ็บเหมือนมีคนทุบด้วยค้อน


 


คิมจุงโฮ รอเป็นเวลานานก่อนที่ที่จะสงบลง


 


– …ถ้าเช่นนั้นเกิดอะไรขึ้น


 


แชนายอน ร้องไห้ออกมานานและในที่สุดก็รวบรวมความกล้าที่จะถาม คิมจุงโฮ คิดหนัก เธอจะสามารถจัดการกับความจริงนี้ได้ไหมนะ?


 


– บอกฉันมา.


 


อย่างไรก็ตามเสียงของ แชนายอน มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า


เธอได้ผ่านภูเขาที่ยากลำบากเอาชนะมอนสเตอร์ที่ดุร้ายและท้าทาย


9 ดาวด้วยหัวใจเหล็กกล้ากว่าจะมาถึงสถานที่แห่งนี้ ทั้งหมดก็เพื่อความจริง


 


– …เข้าใจแล้ว


 


คิมจุงโฮ พยักหน้า เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรซ่อนอะไรจากผู้หญิงที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว


 


– …ฉันไม่รู้ว่าใครฆ่า จินยุน แต่คนนั้นจะต้องรู้ว่ามารอยู่ในร่างของ


จินยุน เพราะเขาเตรียมอาวุธที่เหมาะสมเพื่อฆ่ามารเอาไว้แล้ว


 


แชนายอน ฟัง คิมจุงโฮ ด้วยความงุนงง เสียงที่ชัดเจนของเขาดังขึ้นในหูของเธอ


 


– และ…จินยุนเองก็ยอมรับความตายของเขาด้วยเช่นกัน


 


แต่ แชนายอน ไม่สามารถยอมรับได้ เธอจ้องที่ คิมจุงโฮ และตะโกนออกมา


 


– คะ…..คุณรู้ได้ยังไง!


 


พี่ พี่สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไปเขาสาบานว่าเขาจะไม่มีวันจากฉันไปไหน เขาจะมีชีวิตต่อไปหลังจากการตายของแม่…


 


– เขา….ทุกคนทำแบบนี้ได้ยังไง…


 


แชนายอน ถามขณะที่ร้องไห้


 


– …


 


คิมจุงโฮ ไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเห็นอกเห็นใจกับ แชนายอน ในฐานะพ่อที่สูญเสียภรรยาและลูกสาวอันเป็นที่รักและในฐานะนักนิติเวชที่มีความภาคภูมิใจในงานของเขา คิมจุงโฮ ชี้ไปที่ไหล่ขวาของ แชนายอน


 


– มีคำพูดที่ว่าคนตายไม่พูด นั่นเป็นเท็จ ศพมีเรื่องราวเล่าออกมาได้มากกว่าที่เธอคิด


 


ดวงตาของ แชนายอน ก็ตกลงบนร่างของ แชจินยุน กล้ามเนื้อบริเวณไหล่ที่เชื่อมต่อกับแขนขวาของเขานั้นตายไปแล้ว


 


– หัวไหล่ของเขาหักและกล้ามเนื้อถูกทำลายอย่างทั่วถึง นี่คือการ


บาดเจ็บที่เกิดจากเจตจำนงของ แชจินยุน ความพยายามที่จะหยุดแขนขวาของเขาจากการเคลื่อนไหว


 


คิมจุงโฮ พูดต่อไปอย่างเคร่งขรึม


 


– ฉันสามารถจินตนาการได้เลยถึงพลังใจอันยิ่งใหญ่ที่ จินยุน มีอยู่ในตัว เขาไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วร้ายและต่อต้านมันจนกว่าจะถึงจุดจบ…นั่นคือสิ่งที่เขาเป็น


 


… แชนายอน ล้มลงบนพื้นเธอยื่นมือออกไปที่ศพของ แชจินยุน ในขณะที่ร้องไห้ แต่โลงศพน้ำแข็งทำให้เธอไม่สามารถแตะต้องเขาได้ ความเย็นของน้ำแข็งทำให้เธอยิ่งร้องไห้ดังขึ้น


 


– นี่ยังแสดงให้เห็นว่าใครก็ตามที่ฆ่าจินยุนเองก็ลังเลอย่างมาก อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าจินยุน แต่ถ้าเขาไม่ลังเล


จินยุนคงจะไม่ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้


 


เห็นแบบนี้ คิมจุงโฮ จึงใส่แจ็คเก็ตทับตัวแชนายอน แม้ว่าเขาจะถูกบังคับให้ต้องซ่อนตัวอยู่ในภูเขานี้เพราะแชจูชึล แต่เขาไม่ได้เกลียดหลานสาวของแชจูชึลแน่นอน


 


– แชจินยุนและคนที่ฆ่าเขา ฉันว่าพวกเขาเองก็เจ็บปวดอย่างแน่นอน


 


แชนายอน ร้องไห้ขณะกอด แชจินยุน ไว้ในอ้อมแขนของเธอ น้ำตาของเธอหล่นลงบนโลงศพน้ำแข็ง ความเสียใจความแค้นและความโศกเศร้าทั้งหมดมารวมกันก่อตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง


*************************************************************************


 


“…นายอน, นายอน! เธอสบายดีไหม?”


 


ยูยอนฮา รีบวิ่งไปที่ทางเข้าด้านหน้าของคฤหาสน์ แชนายอน ยืนอยู่ใต้สายฝนที่ตกลงมา ยูยอนฮา พยายามที่ปล่อยให้เธอเข้ามา


 


“เธอรู้แล้วใช่ไหม”


 


อย่างไรก็ตาม แชนายอน ไม่ขยับเธอถามขณะจ้องมองไปที่ ยูยอนฮา ผมเปียกๆและไม่เรียบร้อยของเธอ ปิดบังดวงตาของเธอ ยูยอนฮา ตกใจ แต่เธอก็ใจเย็นอย่างรวดเร็วและจับข้อมือของ แชนายอน เอาไว้


 


“ก่อนอื่น เข้ามาก่อนเถอะ”


 


“ไม่”


 


แชนายอน คว้าข้อมือของเธอเอาไว้


 


“บอกฉันมาก่อน ยอนฮา…เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหม”


 


“….”


 


เสียงที่สั่นไหวของ แชนายอน ทำให้หัวใจของ ยูยอนฮา ปวดร้าวตอนนี้


ยูยอนฮา จ้องมองที่ แชนายอน ด้วยสายตาที่เฉื่อยชา แชนายอน ร้องไห้น้ำตาของเธอไหลลงมาพร้อมสายฝน


 


“…ใช่.”


 


ยูยอนฮา พยักหน้า เธออยากแกล้งทำเป็นไม่รู้ มีข้อแก้ตัวมากมายโผล่ขึ้นมาในหัวของเธอ แต่เธอก็ทิ้งมันไปทั้งหมด เธอไม่อยากทำผิดแบบเดียวกับที่เธอทำกับคิมฮาจิน เธออยากยอมรับความจริงเอาไว้ไม่ใช่มาแก้ตัวใดๆ


 


“ถ้าเธอรู้ทำไม…..ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยละ”


 


“… นายอน.”


 


ร่างกายของ แชนายอน ตัวเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ยูยอนฮา สร้างร่มด้วย


พลังเวทมนต์ของเธอและหยุดฝนที่ตกลงมา แชนายอน ฝังใบหน้าของเธอไว้ในอกของ ยูยอนฮา


 


“ทำไมเธอไม่บอกฉัน ทำไม? ฉัน…ฉันรู้สึกเหมือนฉันกำลังจะตาย….”


 


“… นายอน.”


 


ยูยอนฮา ตบหลังของ แชนายอน เธอเองก็เสียใจไม่แพ้กัน


 


“ฉันขอโทษ…ฉันจะ…อธิบายทุกอย่าง….”


 


ตั้งแต่นายอนรวบรวมความกล้าเพื่อค้นหาความจริงมันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะบอกเธอทุกอย่าง ความจริงที่ว่าคิมฮาจินเป็นผู้เหลือรอดจากอุบัติการณ์ควังโอและคนๆนั้นตายยังไง


 


“ก่อนอื่น…เข้ามาข้างในก่อน”


 


ยูยอนฮา พา แชนายอน เข้าไปในคฤหาสน์อย่างอ่อนโยน


 


*************************************************************************


 


…ในโลกที่ห่างไกลและที่แตกต่างจากโลก


 


ทวีป อคทรีน่า เป็นที่ตั้งของ 9 ประเทศ : 4 อาณาจักร 2 เขตและ 3 รัฐ


คิมซูโฮ เกิดที่ชานเมืองพัลซาร์ ประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในบรรดาพวกเขา ไม่สิบางทีเขาอาจเกิดในประเทศอื่น ต้นกำเนิดที่แท้จริงของเขา


ไม่เป็นที่รู้จักเพราะในขณะที่เขายังเป็นเด็กเขาถูกทอดทิ้งโดยพ่อแม่แท้ๆ


 


ผู้ปกครองที่ไม่มีชื่อและไร้รูปร่าง ทอดทิ้งลูกของพวกเขาในวิหารอันห่างไกลแห่งราชอาณาจักรพัลซาร์ในวิหารชนบทที่ยากจนแห่งนี้เด็กเติบโตขึ้นมาโดยมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข


 


ภายใต้คำพูดที่ไพเราะและคำสอนที่น่ารักของนักบวชของวิหารเด็กคนนี้สามารถปลุก ดาบศักดิ์สิทธิ์ มาเป็นพรสวรรค์ของเขาได้


 


เมื่อเขาอายุ 4 ขวบเขาเรียนรู้การฟันดาบขั้นพื้นฐานเป็นที่รู้จักกันไปทั่วและเมื่อเขาอายุ 5 ขวบเขาก็เอาชนะ โจร 3 คนที่แอบเข้าไปในวิหารด้วยมือเดียว


 


นักบวชไม่ต้องการให้เด็กมีพรสวรรค์เช่นนี้เน่าอยู่ในวิหารชนบท


พวกเขารวบรวมเงินเพียงเล็กน้อยส่งเขาไปยังเมืองหลวงของอาณาจักร ด้วยความช่วยเหลือของพวกเขา เด็กสามารถกลายเป็นอัศวินฝึกหัดตั้งแต่อายุ 6 ขวบ


 


อย่างไรก็ตามเรื่องราวของเด็กก็จบลงที่นั่นเพราะชีวิตในทวีป อคทรีน่า สูญพันธุ์ไปเพียง 4 ปีต่อมา


 


“……อ่า.”


 


คิมซูโฮลืมตามองจากในความคิดถึง ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปหลังจากส่งคิมฮาจินกลับไป ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ฝันถึงบ้านเกิดของเขา


วัยเด็กที่มีความสุขที่เขาใช้ในวิหารและพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่เขาเห็นต่อหน้าต่อตา


 


“เฮ้ออออออออออ….”


 


เสียงถอนหายใจออกจากปากของเขา วันนี้เขาได้พูดคุยกับคิมฮาจินเกี่ยวกับอดีตของเขา โลกที่เขาเคยอาศัยอยู่ความหายนะที่เรียกว่า


‘การเปลี่ยนแปลงอาณาจักรปีศาจ’ ซึ่งสืบเชื้อสายในโลกของเขาความตายที่เขาเผชิญเมื่อตอนเขาอายุเพียง 11 ปีและตื่นขึ้นมาเป็น ‘คิมซูโฮ’ ในดาวที่เรียกว่า โลก


 


คิมฮาจินเชื่อว่าเรื่องแบบนี้เรียกได้ว่า แฟนตาซี


 


“ฉันไม่ควรบอกเขา…”


 


คิมซูโฮรู้สึกสดชื่นแต่ก็รู้สึกเสียใจ เขาไม่เคยคิดที่จะใช้ชีวิตโดยไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาอยากที่จะเป็นลูกชายที่ดีสำหรับพ่อแม่ในปัจจุบันของเขา คิมซูโฮ คนก่อนเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยและวิญญาณของ คิมซูโฮ ในปัจจุบันก็ได้เข้าครอบครองร่างของเขา แน่นอนว่าพ่อแม่ของเขาไม่รู้เรื่องนี้ แต่ คิมซูโฮ รู้สึกขอบคุณสำหรับความรักที่เขาได้รับจากพวกเขา


 


คิมซูโฮกำกำปั้นและเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ‘การเปลี่ยนแปลงอาณาจักรปีศาจ’ โศกนาฏกรรมที่เกิดจากภัยพิบัตินี้ปรากฏตัวบนเพดานสีขาว


 


การเปลี่ยนแปลงอาณาจักรปีศาจเริ่มต้นขึ้นในภาคกลางของทวีป


ทำให้แผ่นดินเสียหายฆ่าปศุสัตว์และทำให้น้ำสกปรกเพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์มีชีวิตรอด’ปีศาจ’ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ 5 ใน 9 ประเทศนั้นเกิดเหตุทุรกันดาร อาหารไม่มีเหลือและอีก 4 ประเทศที่เหลือทำสงครามกันเพื่อขโมยอาหาร


 


มันเป็นสงครามที่โหดร้ายและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปทำให้เร่งการล่มสลายของทวีปขึ้นอย่างน้อย 50 ปี


 


“…นายตื่นแล้วเหรอ”


 


ในขณะนั้นเองเสียงเย็นชาก็ปลุกเขาขึ้นมา คิมซูโฮหันกลับมาและเห็นแม่มดหันหน้ามาหาเขา คิมซูโฮถามเธอ


 


“ราชาปีศาจอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”


 


แม่มดพยักหน้าอย่างเงียบๆ คิมซูโฮลุกขึ้นมาและเติมพลังเวทมนต์ลงไป ในอุปกรณ์ที่คิมฮาจินสร้างขึ้นมาเพื่อเขา อุปกรณ์พวกนี้มีพลังเวทมนต์ติดอยู่กับร่างกายของเขา แม้แต่แม่มดก็ตกใจกับอุปกรณ์การต่อสู้ที่ประดับประดา คิมซูโฮ


 


“ตามฉันมา”


 


“ใช่.”


 


คิมซูโฮเดินตามแม่มดเข้าไปในห้องโถง ในขณะที่เดินผ่านเส้นทางที่ยาวนาน เขาก็เริ่มถามคำถามที่เขามีในใจ


 


“…ฉันมีคำถามที่ฉันอยากถาม”


 


“ว่ามา”


 


แม่มดตอบทันที


 


“เธอเคยได้ยินเรื่องการเปลี่ยนแปลงอาณาจักรปีศาจไหม”


 


“มันเป็นปรากฏการณ์ที่อาณาเขตมนุษย์เปลี่ยนไปเป็นอาณาจักรปีศาจ การเปลี่ยนแปลงอาณาจักรปีศาจของราชาจะไปยังชั้น 16 หากไม่มี


ผู้ท้าทายรายใดที่สมควร เขาก็วางแผนที่จะขยายขอบเขตนี้ต่อไป”


 


“…ถ้างั้น ฉันเดาว่าฉันจะชนะอย่างแน่นอน”


 


แม่มดไม่ตอบคำพูดที่กล้าหาญของ คิมซูโฮ แต่อย่างใด


 


“อะแฮ่ม มีคำถามอื่นอีกที่ผมอยากถาม”


 


“…เอาเลย”


 


แม่มดหรี่ตาของเธอแคบลง คิมซูโฮเดินไปข้างหน้าพร้อมกับถาม


 


“การเปลี่ยนแปลงอาณาจักรปีศาจ…จะเกิดขึ้นบนโลกไหม?”


 


“ใช่.”


 


แม่มดตอบเงียบๆ เธอพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุด คิมซูโฮกัดฟันของเขาแน่น คำตอบของแม่มดคือสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในหอคอยสุดท้าย หอคอยและดันเจี้ยนก็เป็นผู้ล่อลวงเข้ามาเพื่อที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาจักรปีศาจ มันก็เหมือนกันกับบ้านเกิดของเขา อคทรีน่า คิมซูโฮพยักหน้าอย่างใจเย็น


 


“ฉันเข้าใจ.”


 


“….”


 


แม่มดมองไปที่คิมซูโฮและถามออกมา


 


“นายวางแผนจะหยุดมันใช่ไหม”


 


เมื่อถูกถามคำถามที่มีคำตอบที่ชัดเจนคิมซูโฮก็หัวเราะออกมา คำตอบนั้นตายตัว


 


“แน่นอน.”


 


คำตอบนี้ไม่ได้มาจากความรู้สึกที่เย่อหยิ่งในหน้าที่ที่มี มันไม่เหมือนว่า มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถหยุดยั้งจุดจบของโลกได้ เขาแค่ต้องการปกป้องผู้คนที่มีค่าต่อเขา โลกที่เขาเติบโตขึ้นมาและคนที่เขารัก เขาแค่หวังว่าโลกสีฟ้าที่งดงามนี้จะไม่เหมือนบ้านเกิดของเขา เขาจะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องมัน


 


“… .”


 


แม่มดไม่ตอบอะไร เธอหยุดเดินหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขามาถึงหน้าประตูใหญ่


 


คิมซูโฮยืนอยู่ข้างหลังแม่มด แม่มดหันกลับมามองจ้องที่ผู้กล้า ผู้กล้าเองก็จ้องมองที่แม่มดด้วยเช่นกัน


 


“…เข้าไปเถอะค่ะ ฉันจะคอยดูว่าคุณจะอยู่ได้นานแค่ไหน”


 


“โอเค คุณรอได้เลย”


 


คิมซูโฮยิ้มอย่างสดใส แม่มดมองที่เขาเป็นเวลานานก่อนที่จะพยักหน้า


 


…สำหรับบันทึกในเนื้อเรื่องเดิมที่คิมฮาจินเขียนแม่มดนั้นหลงรักคิมซูโฮ


 


**********************************2**************************************


บทที่ 422 จุดจบของหอคอย (10)


 


[เอเชียกลาง – ฐานของ Chameleon Troupe]


 


ในขณะเดียวกันผมกลับไปที่ฐานปฏิบัติการของ Chameleon Troupe สถานที่ดูน่ากลัวกว่าที่ผมจำได้ แน่นอนใน Pandemonium อาคารที่ดูสวยงามทำให้ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีดังนั้นที่หลบภัยจึงตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน


 


“มี 5 ชั้นใต้พื้นดินงั้นเหรอ”


 


“อืมม~ นี่คือห้องของนาย การตกแต่งภายในเป็นอย่างไร?”


 


เจนถามพร้อมรอยยิ้มที่เบ่งบาน ขณะที่พวกเราอยู่ในห้องที่มีชื่อว่า


‘สำนักงานสีดำ’ พูดง่ายๆก็คือสำนักงานของดอกบัวดำ


 


“เยี่ยมมาก ให้ฉันเอาแผ่นศิลา ก็อบลิน มาจากถ้ำด้วยไหม?”


 


“ไม่ปล่อยก๊อบลินอยู่ที่นั่น พวกเราจะใช้ถ้ำนั้นเป็นฐานสำรอง”


 


“โอเค.”


 


ครืดดดดดด


 


ในขณะนั้นเองประตูก็เปิดออก เมื่อมองไปด้านข้างผมเห็นดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองพวกเราจากด้านหลังประตู เห็นได้ชัดว่าดวงตากลมสีดำเป็นของบอส


 


“… .”


 


เธอกำลังจ้องมองมาที่ผมในขณะที่ซ่อนตัว จากนั้นเธอก็เริ่มที่จะกลอกตาราวกับกำลังมองหาผมที่อยู่ในห้อง ผมยิ้มแล้วเดินไปเปิดประตู


 


“อา!”


 


บอสกระโดดด้วยความตกใจ เธอกระพริบตาแล้วปล่อยเสียงไอแห้งๆก่อนที่จะเข้าไปในห้องอย่างเมินเฉย ผมมีความสุขที่ได้เห็นบอสหลังไม่ได้เจอกันนาน


 


“นานแล้วที่ไม่ได้เจอกันสินะ บอส”


 


“…ใช่. นายออกไปนานเกินไป”


 


“ผมมีบางอย่างที่ต้องทำในหอคอย”


 


“ …นายเหลือจดหมายไว้เพียงฉบับเดียว”


 


ผมยิ้มให้บอสที่กำลังบ่น


 


“มานั่งลงเถอะ”


 


ผมไม่รู้ว่าห้องนี้มีไว้เพื่ออะไร แต่มีเก้าอี้และโต๊ะ ผมพาบอสไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง บอสเห็นเจนเตะเก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่


 


“จริงสิ เธอมาที่นี่คนเดียวโดยไม่บอกฉันทำไม”


 


“คุณบอกว่าอย่าปลุกคุณตอนที่คุณหลับ ~”


 


“… .”


 


บอสนั่งลงโดยไม่พูดอะไรตอบ ผมนั่งถัดจากเธอ อาจเป็นเพราะพวกเราไม่ได้เจอกันมานานบอสค่อยๆนั่งข้างๆผมอย่างเชื่องช้า ผมเริ่มสนทนาเพื่อแก้ไขความอึดอัดใจ


 


“เมื่อเร็ว ๆ นี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม?”


 


“นายหมายถึงอะไร”


 


“เกี่ยวกับมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์”


 


“อ้อ นั่น -”


 


“อ้า~ นั่นเอง~?”


 


บอสพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่เจนขัดจังหวะเธอ


 


“มีนิดหน่อย ดูเหมือนพวกเขาจะส่งทูตไปยังกลุ่มส่วนใหญ่ของปีศาจรวมถึง สังคมปีศาจ และ 7 บาปของซาตาน”


 


“…อืม.”


 


จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรใหม่ ราชามอนสเตอร์ ออร์เดน ต้องการพิชิตโลกทั้งหมดดังนั้นเขาจึงส่งทูตไปทั้งฝ่ายมนุษย์และปีศาจแน่นอนว่ามนุษย์ไม่สามารถยอมรับข้อเสนอของ ออร์เดน ได้


 


“นอกจากนี้ ฮาจิน”


 


บอสมองมาที่ผมแล้วพูดออกมา


 


“ว่า?”


 


“การแก้แค้นของนาย ตอนนี้กำลังทำอยู่”


 


“แก้แค้น…เอ่อมันเหรอ?”


 


“ใช่ ไอ้แมลงนั่น”


 


บอสพึมพำในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ในความเป็นจริงผมเองก็เป็นห่วงคุรุรุคุเช่นกัน มันแข็งแกร่งมากจริงๆ


 


“แต่อย่าผลักฝืนมากเกินไปละ”


 


ผมส่ายหัว คุรุคุรุ เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากแม้แต่กับบอส จริงๆแล้วมีไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย


 


“แทนที่จะแก้แค้นมัน จะเป็นการดีกว่าถ้าบอสปลอดภัย”


 


ผมมองบอสด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ผมทำมันโดยไม่คิดมากเพราะผมไม่ได้เจอเธอซักพักแล้ว


 


“…ใช่แล้ว…โอ-โอเค”


 


แต่ดวงตาของบอสเริ่มสั่นคลอน ผิวสีขาวของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงปฏิกิริยาของเธอทำให้ผมคิดว่า …


 


“อย่ากังวลมากไปเลย ฮาจิน~”


 


เจนขัดจังหวะความคิดของผม


 


“พวกเราสาปแช่งมันน่ะ”


 


“คำสาป?”


 


“อ๋อ จำแขนบอสได้จากมันหรือเปล่า?”


 


“… อา ~”


 


ผมจำได้ แขนขวาของคุรุคุรุหรือแขนซ้ายนะ? ไม่ว่ายังไงผมกำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนมันให้เป็นอาวุธ


 


“มันอาจจะตายในขณะที่พวกเราพูดอยู่ อย่างน้อยที่สุดเขาจะไม่รวดเร็วอย่างที่เคยเป็นแน่นอน”


 


“อืม…….ก็ดีที่รู้แบบนี้”


 


แม้กระนั้นภัยคุกคามที่ ออร์เดน ครอบครองก็ไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่เล็ก ออร์เดน เป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุด


 


ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ประหลาดทั่วไป ออร์เดน ไม่พยายามที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยกำลัง อาวุธของเขาคือสติปัญญาและความเจ้าเล่ห์และแน่นอนรวมถึงทรัพยากร


 


ออร์เดนครอบครองทรัพยากรทั้งหมดในแอฟริกา เขาเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและเขาจะใช้สิ่งนี้เพื่อขัดขวางรัฐบาล บริษัท และเหล่าฮีโร่


 


“อ้อ ตอนนี้ฉันต้องไปแล้ว”


 


ผมลุกขึ้นอย่างช้าๆ ผมเพิ่งกลับมาสู่โลกดังนั้นผมจึงมีเรื่องให้ทำมากมาย ผมดูที่ข้อมือซ้ายของผมจนติดเป็นนิสัย แต่ ตอนนี้ผมไม่ได้ใส่ Smart Watch อยู่


 


“…โอ้ ใช่.”


 


‘Smart Watch ของเราหายไปตอนที่เราได้รับ รอยสักที่ 5 รู้สึกแปลกๆที่ไม่มีมันอยู่กับตัว’


 


“ตอนนี้นายจะไปไหน? นายเพิ่งกลับมา”


 


บอส ดึงแขนเสื้อของผมเอาไว้


 


“อ้อ ผมมีงานต้องทำ”


 


ผมไม่มีเวลาให้เสียเปล่า ถ้าออร์เดนส่งทูตไปหานักการเมืองที่ทุจริต


จะมีคนเป็นเหยื่อของเขา ผมเริ่มสวมชุดของ ดอกบัวดำและบอสก็ถามอีกครั้ง


 


“งาน?”


 


“ใช่ ทำงาน”


 


ผมวางแผนที่จะค้นหาคนที่ทรยศของมนุษยชาติด้วยหนังสือแห่งความจริงและฆ่าพวกเขาซะ ผมควรเริ่มจากนักการเมืองในเกาหลีที่ยอมรับการติดสินบนของออร์เดน ถ้าทิ้งไว้ตามลำพังผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกับคิมซูโฮผู้ซึ่งจะพิชิต Tower of Wish หรือ ยูยอนฮา ซึ่งเป็นผู้นำของ Essence of the Strait


 


หลังจากกำจัดขยะออกไปมันจะเป็นเวลาของ อีเวนเดล ที่จะเปล่งประกาย


 


‘แต่ก่อนหน้านั้น…เราควรไปหา ยูยอนฮา และเอา smartwatch อันใหม่ให้ตัวเอง”


 


ผมวางแผนการลงมือครั้งต่อไปของผม


 


“…ฉันก็ไปด้วยเหมือนกัน”


 


บอสยืนขึ้นมา


 


“คุณอยู่ที่นี่เถอะบอส”


 


“ไม่ ใครจะรู้ว่าตั๊กแตนบ้านั้นจะปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อไหร่”


 


“… .”


 


“ตั๊กแตนตำข้าว ฉันจะฆ่ามันถ้ามันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง….” บอสบ่นอย่างจริงจัง


 


เมื่อมองดูใบหน้าของบอสผมก็คิดว่า ‘…เอาละอย่างน้อยก็ดีที่ได้อยู่กับบอส’


 


ผมตอบ “แน่นอน ตามสบาย”


บทที่ 423 การเริ่มต้นใหม่ (1)


 


ยูยอนฮา พยายามคุยกับ แชนายอน แต่ แชนายอน ไม่มีพลังพอที่จะรักษาสติของเธอ เมื่อ ยูยอนฮา วางมือลงบนหน้าผากของ แชนายอน เธอตกใจมาก ร่างกายของ แชนายอน เหมือนถูกไฟไหม้อุณหภูมินั้นสูงจนทนไม่ได้ถ้า ยูยอนฮา เป็นมนุษย์ธรรมดาคงแย่ไปแล้ว


 


แชนายอน ยืนกรานที่จะถามเธอ แต่ ยูยอนฮา บังคับให้เธอเข้านอน


ในฐานะธีโร่แชนายอนแข็งแกร่งกว่า ยูยอนฮา หลายเท่าแต่ ยูยอนฮา สามารถลากเธอเข้าไปนอนได้อย่างง่ายดาย แชนายอน เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ


 


ยูยอนฮา มอบยาให้กับ แชนายอน และให้นอนบนเตียงที่ทำจากมือของ คิมฮาจิน เธอกอด แชนายอน แน่นและในไม่ช้าเธอก็หลับไป


 


เมื่อเห็นแชนอยอนหลับสนิทแล้วยูยอนฮาก็คิดถึงวิธีอธิบายทุกอย่าง สกิล ‘ระดมสมอง’ ของเธอถูกใช้อย่างเต็มกำลัง


 


แต่วิธีแก้ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้เธอคิดไม่ออก ทางเดียวที่เธอคิดได้ก็คือ บอกกันตรงๆ


 


ในเวลานั้นเองแสงจันทร์ส่องเข้ามาในห้องจากหน้าต่าง แสงจันทร์ส่องประกายราวกับอัญมณี ยูยอนฮา ลูบตาของเธออย่างน่าประหลาดใจเมื่อเห็นภาพนี้ นิ้วของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา


 


‘ฉันคิดว่าต่อมน้ำตาของฉันแห้งไปแล้ว แต่ฉันยังร้องไห้อยู่สินะ”


ยูยอนฮา ถอนหายใจขณะที่รวบผมขึ้น


 


“เฮ้อออออออออ… .”


 


เธอนั่งถัดจาก แชนายอน และรอ เธอจัดระเบียบทุกสิ่งที่เธออยากจะพูดในหัวของเธอ


 


เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ


 


รุ่งเช้าฝนก็หยุดตก โลกเปล่งประกายราวกับว่าฝนพัดฝุ่นละอองจนหมดยูยอนฮา รู้สึกถึงสายตาจ้องมองเธอเธอ มองไปที่เตียงก็เห็นแชนายอน  จ้องมองเธออยู่


 


“…นอนลงเถอะ” ยูยอนฮาพูดเบา ๆ


 


แน่นอนว่า แชนายอน ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพักผ่อนได้ง่ายๆ เธอยกร่างกายส่วนบนของเธอขึ้นมา เป็นเพราะเตียงหรือเพราะพลังฟื้นฟูตัวเองที่ไม่เหมือนใครของ แชนายอน กันนะ? เธออยู่ในสภาพดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย


 


“ …เธอดีขึ้นไหม?” ยูยอนฮา ถาม แชนายอน


 


แชนายอน พยักหน้าอย่างเงียบๆจากนั้นพึมพำ “…บอกทุกอย่างที่เธอรู้ มาได้เลย ฉันรับได้ ฉันยอมรับได้ทุกอย่าง สิ่งที่เธอรู้เป็นเรื่องที่ฉันไม่รู้อย่างแน่นอน”


 


เสียงของเธอเต็มไปด้วยความตั้งใจจริง อย่างไรก็ตาม ยูยอนฮา ไม่เชื่อเธอ ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนไม่น่าไว้วางใจแต่มันเป็นเพราะ แชนายอน หลงลืมหลายสิ่งหลายอย่าง เธอไม่รู้เกี่ยวกับอุบัติการณ์ควังโอ ว่าเป็นครอบครัวเธอที่ทำต้องคิมฮาจินต้องโดดเดี่ยว


 


ถ้าเธอรู้เธอจะสามารถทนได้งั้นเหรอ


 


“…เธอสามารถทนรับได้จริงๆเหรอ?” ยูยอนฮา ถามอย่างกังวล


 


แชนายอน ยิ้มอย่างมั่นใจ “เธอคิดว่าฉันเป็นใคร ตอนนี้ฉันจริงจังมากๆฉันอาจทุบตีเธอก็ได้ ถ้าเธอยังไม่พูด”


 


เมื่อได้ยินคำพูดตลกๆของ แชนายอน ยูยอนฮา ด็ยิ้มอย่างขมขื่น เธอเริ่มพูดอย่างระมัดระวัง


 


“ศพนั้น…มีหลักฐานไหม”


 


“มะ…มี” แชนายอน ตอบอย่างยากลำบาก แขนขวาของ แชจินยูน นั้นกลายเป็น ‘มาร’


 


“…ฉันเข้าใจ” ยูยอนฮา พยักหน้า ถ้าเป็นแบบนี้เธอก็สามารถพูดต่อไปได้ แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องการเวลาในการเตรียมใจ


 


“เฮ้ออออ….” ยูยอนฮา ปล่อยลมหายใจออกมา จากนั้นมองไปที่


แชนายอน


 


“ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนหน้านี้”


 


ดูจากที่ แชนายอน ที่ถามเรื่องนี้ … ยูยอนฮา ก็จะได้เริ่มอธิบายว่าทำไม คิมฮาจิน ถึงฆ่า แชจินยูน และทำไมเขาถึงรู้เรื่องนี้


 


“เขานั้นไม่ยอมบอกให้ฉันบอกอะไร”


 


“…เขา? คิมฮาจิน บอกงั้นเหรอ?”


 


“ใช่ นั่นคือสิ่งที่เขาพูด เธอในเวลานั้นไม่สามารถจัดการความจริงได้ เขาไม่อยากให้จิตใจเธอแตกสลายดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะอดทนรับมันไว้เพียงคนเดียว”


 


– อย่าบอก แชนายอน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ฉันเป็นคนที่ฆ่า


แชจินยูน จริงๆ


 


ยูยอนฮา จำได้อย่างชัดเจนว่าคิมฮาจินพูดแบบนี้พร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ บนใบหน้าของเขา


 


“…ฉันรับความจริงไม่ได้งั้นเหรอ?”


 


แชนายอน กัดฟันของเธอ ‘ฉันจะเป็นคนตัดสินใจว่าจะยอมรับความจริงได้ไหม นายมาตัดสินใจให้ฉัน…ได้ยังไง’ เธอเย้ยหยันความคิดแบบนี้


 


ในขณะเดียวกัน ยูยอนฮา ก็กล่าวต่อว่า “ใช่นั่นคือสิ่งเขาคนนั้นคิดและเขาพูดถูก เขาสามารถจัดการกับมันได้แต่เธฮทำไม่ได้”


 


ยูยอนฮา พูดด้วยความมั่นใจ เขามีความกล้าหาญที่จะถูกเกลียดชังและความกล้าหาญของเขานั้นมีรากฐานมาจากความเชื่อมั่นในจิตใจของเขา


 


“เพราะเขาเป็น ผู้หวนคืน”


 


“…อะไรนะ?”


 


แชนายอน ขมวดคิ้วมันเป็นปฏิกิริยาที่ ยูยอนฮา คาดเอาไว้แล้วดังนั้นเธอจึงเริ่มอธิบายเพิ่มเติม มันอาจยากที่จะเชื่อแต่ทุกอย่างมันตรงล็อก


เขาเริ่มเปลี่ยนจากดาบเป็นปืน ช่วยแชนายอน เรเชลและแม้แต่ตัวเธอจากปีศาจ เกลี้ยกล่อมให้แชนายอนเปลี่ยนเป็นดาบและรู้ว่าแชจินยูนมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ภายในร่างกายของเขา…การเสียสละทุกอย่างที่เขาทำไม่สามารถอธิบายได้หากเขาไม่ใช่ผู้หวนคืน


 


“…ในไทม์ไลน์ที่จากมา จิตใจเธอคงพังทลายเพราะแชจินยูนกลายเป็นปีศาจ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาปิดบังความจริงจากเธอและฆ่าแชจินยูนด้วยตัวคนเดียว”


 


ยูยอนฮา จับมือของ แชนายอน อย่างไรก็ตาม แชนายอน ส่ายหัวของเธออย่างดุเดือด


 


“ธะ-เธอ เธอคิดว่านั่น…เรื่องจริงเหรอ”


 


แชนายอน ไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าจะมีปาฏิหาริย์มากมายเกิดขึ้นในโลกแต่การย้อนเวลามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด แต่ในทางกลับกันภาพลักษณ์ของคิมฮาจินก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเธอ วิธีที่เขามั่นใจเสมอในการกระทำและคำพูดของเขา ทำให้ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในใจของเธอ


 


“ฉัน-มะ..มันไม่สมเหตุสมผล เขาจะเป็น….” ได้ยังไง แชนายอน ยังกล่าวประโยคของเธอไม่จบ


 


เมื่อเห็นอย่างนี้ ยูยอนฮา ก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆจากนั้นเธอหยิบสมุดบันทึกออกมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานของเธอ


 


“ …นายอนมีบางอย่างอื่นที่เธอต้องรู้”


 


ยูยอนฮา เอาสมุดบันทึกมาและนั่งข้างๆ แชนายอน


ถึงเวลาเปิดเผยความจริงแล้ว แต่น้ำตาเริ่มไหลลงมาจากดวงตาของ


ยูยอนฮา เธอไม่รู้ว่าทำไม


 


“เธอเคยได้ยิน อุบัติการณ์ควังโอ?”


 


เรื่องราวนี้ต้องนึกย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้ว แชนายอน พยักหน้า โศกนาฏกรรมที่พลเรือนหลายสิบคนและธีโร่เสียชีวิตประมาณ 10 คน เธอเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ยูยอนฮา เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ในรายละเอียดเพิ่มเติม ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศว่าเหตุการณ์นี้เกิดจาก มอนสเตอร์ แต่จริงแล้วมันเป็นการฆาตกรรมที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า


 


“…คิมฮาจินเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของ เหตุการณ์ที่กวางโอ”


 


ในขณะนั้นเองดวงตาของแชแนยอนก็เบิกกว้าง อดีตของคิมฮาจินเป็นสิ่งที่เธอไม่รู้อะไรเลย


 


“และนี่….”


 


ยูยอนฮา ส่งไดอารี่ให้เธออย่างเงียบๆมันเป็นไดอารี่ที่เธอขอมาจาก


ยูจินวอน ความจริงของวันนั้นเขียนอยู่ในไดอารี่เล่มนี้


แชนายอน จ้องมองด้วยความงุนงงแล้วจับมันด้วย 2 มือ จากนั้นเธอก็เปิดมันอย่างช้าๆ


 


“… .”


 


อย่างที่ ยูยอนฮา ทำเมื่อเธออ่านไดอารี่เป็นครั้งแรกมือของ แชนายอน หยุดหลังจากที่พลิกไปยังหน้าบางหน้า จากนั้นเธอก็อ่านไดอารี่อย่างเงียบๆ ไม่ช้ามือของเธอก็เริ่มสั่นไหว


 


“อะไรกัน…เรื่องนี้มัน….อะไรกัน”


 


แชนายอน เงยหน้าขึ้นมาใบหน้าของเธอว่างเปล่า ดวงตาของเธอแดงจากน้ำตาที่หลั่งออกมา


 


“เฮ้อออออ… .”


 


เสียงถอนหายใจออกจากปากของ ยูยอนฮา เธอพยายามพูดคุยเกี่ยวกับผู้อยู่เบื้องหลังของ เหตุการณ์กวางโอ


 


“…คนที่สั่งให้ ฆ่าพ่อแม่ของคิมฮาจินคือแชจูชึล…และยูจินวอน”


 


ยูยอนฮาไม่พยายามปกปิดบาปของพ่อเธอ เธอสารภาพอย่างจริงใจและมองเข้าไปในดวงตาของแชนายอนที่สั่นไหว


 


แชนายอน คงรู้สึกถึงอารมณ์แบบเดียวกับที่เธอเคยเจอ ยูยอนฮา หวังว่า แชนายอน จะไม่พังทลายลงเพราะอารมณ์ในตอนนี้และด้วยความหวังนั้นเธอกล่าวต่อ


 


“ใช่แล้ว พวกเขาคือ….ปู่ของเธอและพ่อของฉัน”


 


*************************************************************************


 


[เกาหลี – โซล]


 


ผมกลับไปที่โซล ถึงแม้จะดึกแต่แสงสีของเมืองก็ทำให้ทิวทัศน์สดใสเหมือนตอนกลางวัน เมืองที่ไม่มีบนคาบสมุทรเล็กๆในเอเชียตะวันออกซึ่งเป็นมหาอำนาจในโลกของผม ผมมองดูสิ่งที่ผมสร้างขึ้นอย่างงุนงง


 


ไฟบนถนนที่ขับเคลื่อนด้วยเวทมนตร์นั้นทำให้ถนนสว่างไสว ร้านอาหารและบาร์ก็คึกคักไปด้วยผู้คน ‘การโจมตีของมอนสเตอร์’ เป็นสิ่งสุดท้ายที่อยู่ในใจของชาวกรุงโซล


 


“ฉันได้ยินว่า ประชากรของโซลมากถึง 20 ล้านคน”


 


บอสผู้ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนพูด อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ในอาคารสูง ลมเลยพัดรุนแรงกว่าปกติ


 


“ทุกวันนี้ผู้คนกำลังย้ายไปที่ คยองกีโด เนื่องจากบาเรียที่กิลด์ Essence of the Strait สร้างขึ้น”


 


เมื่อเร็วๆนี้ศูนย์วิจัยสำคัญอันดับ 1 ของ Essence of the Strait ‘Essential Dynamics’ ได้ประกาศปฏิวัติเทคโนโลยี ชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ ‘Essence Barrier’ แม้ว่าปกติแล้วมันจะไร้รูปร่าง


แต่ก็สามารถตรวจจับการปรากฏตัวของมอนสเตอร์ด้วยเซ็นเซอร์และสร้างบาเรีย หากมอนสเตอร์เหล่านั้นอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าขั้น กลาง ระดับ 7 Essence Barrier สามารถโจมตีพวกมันได้ มันก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากกว่าในเนื้อเรื่องเดิม ผมต้องขอบคุณ ยูยอนฮา ที่ทำตามคำแนะนำของผม


 


ไม่ว่าในกรณีใดกำแพงนี้ก็ถูกติดตั้งในเนินเขาใกล้ๆกับกรุงโซลเพื่อทำการทดสอบ หลังจากได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้วมันก็ขยายไปถึงเกือบทุกเมืองในเกาหลีอย่างรวดเร็ว


 


“ผมได้ยินมาแล้ว มันเป็นหัวข้อข่าวในห้องจัดเลี้ยงสีม่วงประเทศอื่นๆเองก็กำลังสนใจเรื่องนี้อยู่เช่นกัน”


 


“ชะ-ใช่.”


 


เทคโนโลยีทางทหารมักจะขายให้ผู้รับเหมาแต่นี่ไม่ใช่กรณีของ Essential Dynamics จีน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกาและประเทศอื่นๆกำลังขอร้องให้ Essential Dynamics ทำแบบนี้ให้พวกเขาบ้าง


 


“การโจมตีของมอนสเตอร์นั้นเป็นเรื่องปกติมากดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้”


 


Essence Barrier เป็นไอเท็มที่ปฏิวัติวงการทั้งโลกให้มีความแข็งแกร่งเพื่อทนต่อภัยพิบัติในอนาคต สำหรับเรื่องนี้เป็นข้อมูลที่รู้จักกันดีสำหรับสมาชิกห้องจัดเลี้ยงสีม่วงเพราะหอคอยแห่งความปรารถนา


ห้องจัดเลี้ยงสีม่วงเริ่มขายบางสิ่งที่เรียกว่า ข่าวครอบคลุมเหตุการณ์สำคัญส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนโลกดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้เล่นในการติดตามทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก


 


“อืม………….มันดีนะที่ฉันฟังนายก่อน”


 


ในขณะนั้นบอสก็พูดถึงบางสิ่งที่แปลก


 


“…ฟังก่อน?”


 


ผมเอียงศีรษะ ผมบอกอะไรเธอ ในขณะที่ผมสงสัยบอสก็ตอบผม


 


“นายบอกให้ฉันซื้อ หุ้น Essence of the Strait”


 


“อ้อ~”


 


ผมยิ้ม  Essence of the Strait มูลค่าหุ้นนั้นสูงจนแตะต้องได้ยากมันห่างจากกิลด์อื่นๆและบริษัทอื่นๆมากถ้าผมจำไม่ผิดธุรกิจ 15 จาก 50 อันดับแรกเป็นบริษัทในเครือของ Essence of the Strait ทั้งหมด


 


ด้วยเหตุนี้ยูยอนฮาจึงเริ่มที่จะได้รับฉายาว่า ‘ราชินีแห่งกรุงโซล’ มันเป็นชื่อที่สมบูรณ์แบบสำหรับ ยูยอนฮา ในอีกปี 1 เทคโนโลยีบาเรีย Essence of the Strait จะครอบคลุมทั่วกรุงโซลและ ยูยอนฮา จะครองตำแหน่งสูงสุดในฐานะราชินีแห่งกรุงโซล


 


“ตอนนี้อย่างที่ผมเคยบอกหุ้นของผมมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านวอน”


 


“…อะไรนะ?  3…ล้านล้าน?”


บทที่ 424 การเริ่มต้นใหม่ (2)


 


“ใช่ ประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์”


 


บอส ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ


 


“อานั่นเป็นเพียงทรัพย์สินของผมบนโลก ถ้ารวมหอด้วยจะต้อง…


10 ล้านล้านวอน ได้มั้ง?”


 


“อะ-อะไรนะ?!”


 


ดวงตาของบอสเบิกกว้างด้วยความตกใจ 10 ล้านล้าน มันเหมือนตัวเลขทางดาราศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้เป็นคำพูดเกินจริง เพราะผมมีหุ้น Essence of the Strait และหุ้นบริษัทย่อยจำนวนมากและในหอคอย ผมเป็นเจ้าของ Prestige ครึ่งหนึ่งและ Genkelope Vessel ทั้งหมด แน่นอนว่าผมไม่ใช่นักธุรกิจแต่ผมก็อยู่ไม่ไกลจากคำว่าคนที่รวยที่สุดในโลก


 


“ตอนนี้ ผมกำลังคิดที่จะทำให้ทรัพย์สินของผมมีค่ากว่านี้”


 


มูลค่าของเงินวอนเกาหลีนั้นสำคัญยิ่งกว่าที่เคยมีมา ผมต้องเริ่มสร้างกองทุนของผมเอง


 


“นายควรเริ่มขายหุ้นของนายด้วย มันอาจจะขึ้นก็จริงแต่สิ่งสำคัญก็คือต้องมีเงินสดในมือ”


 


“ …ผมเข้าใจแล้ว”


 


บอสยังคงอยู่ในอาการตกใจ เธอเอาแต่พูดพึมพำว่า ’10 ล้านล้าน,


10 ล้านล้าน…’ ดูเหมือนว่าผมจะทำให้เธอตกใจเกินไปแฮะ


 


และแล้ว ชายคนหนึ่งปรากฏตัวในเพนต์เฮาส์ที่ผมจ้องมองมาพักหนึ่ง


 


“…เขาอยู่ที่นี่”


 


ใบหน้าของบอสแข็งทื่อ ผมบอกเธอว่าพวกเราต้องทำอะไรที่นี่ในวันนี้


 


“บอส คุณเห็นเขาใช่มั้ย นั่นคือยุนยูนฮวา สมาชิกที่ 4 ของสมัชชาแห่งชาติ”


 


ยุนยุนฮวา เขาเป็นมะเร็งของสังคม นั่นคือสิ่งที่ผมเขียนให้เขาเป็น


ผมจำได้ว่าทำให้เขาเสียหายมากที่สุดในนิยายของผม เขามาขัดขวางคิมซูโฮและยูยอนฮาตลอดเวลาขณะที่ทรยศต่อประเทศของเขา


 


“เขารับสินบนจาก ออร์เดน ดังนั้นวันนี้พวกเราจะฆ่าเขา”


 


ออร์เดนมอบของขวัญที่น่าทึ่งให้กับยุนยูนฮวานั้นคือบัตรผ่านประตู Tower of Wish และทองคำผสมพลังเวทมนต์ จากหนังสือแห่งความจริง ราคาของทั้งหมดที่เขาได้รับมีมากกว่า 5 พันล้านวอน


 


“…งั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของการแก้แค้นต่อตั๊กแตนตำข้าวตัวนั้นสินะ”


 


“อะรไรนะ? อ้อ…ใช่แล้วๆ”


 


ผมไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น แต่ที่จริงแล้วการตายครั้งล่าสุดทำให้ผมโกรธมาก 1 สัปดาห์หลังจากการฟื้นคืนชีพ ผมถูกรบกวนด้วยความคิดที่ซับซ้อนกันอย่างต่อเนื่องราวกับว่าผมยังเป็นตัวฉันอยู่หรือเปล่านะ


 


“แต่ทำไมนายไม่รอช้าล่ะ? ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์และออร์เดนนะ”


 


“ออร์เดนเป็นประเภทที่ทำงานในเงามืด พวกเรากำลังทำแบบนี้เพื่อดึงเขาขึ้นสู่ผิวน้ำ”


 


ผมคว้าคันธนูที่ผมพูดไป แต่ในขณะนั้นพวกเราก็ถูกลอบโจมตีโดยไม่คาดคิด ก่อนที่ผมจะยิงธนูมอนสเตอร์หลาย 10 ตัวปรากฏบนหลังคาอาคาร อสูรที่เหมือนหมาในนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ


 


“-”


 


บอสก้าวออกมาและกวาดล้างพวกเขาทันที ในสถานะร่างของ อสูร


ใบมีดเงาของบอสแยกชิ้นส่วนของมอนสเตอร์อย่างไร้ความปราณี ตัดสินโดยเสียงร้องคล้ายมนุษย์ของมอนสเตอร์ทำให้ผมคิดว่าพวกเขาอาจเป็นมอนสเตอร์ของออร์เดน


 


อักกกก!


 


อักกกก!


 


การฆ่าพวกมันไม่ใช่ปัญหา แต่การจัดการผลที่ตามมาคือ


 


“อ่า ยิงสิ”


 


ยุนยุนฮวาไม่อยู่ในเพนต์เฮาส์อีกต่อไป เขาอาจใช้เวทมนต์เพื่อ


เทเลพอร์ตออกไปในขณะที่พวกเราถูกรบกวนโดยมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์


 


ผมไม่คิดว่าเขาจะมีมอนสเตอร์เป็นยามอยู่แล้ว….


 


“นายโอเคไหม?”


 


“ไม่เป็นไร.”


 


ดูเหมือนว่าผมประเมินค่าออร์เดนต่ำไป ผมดังปล่อยให้เป้าหมายไปได้ แต่ก็ไม่มีปัญหา ผมมี นาฬิกาแห่งโชคชะตา อยู่


 


…ผมเปิดใช้งานทักษะพิเศษของผมทันทีและโลกก็เริ่มย้อนกลับ แขนขาที่แยกส่วนของมอนสเตอร์กลับมารวมตัวกันอีกครั้งยุนยุนฮวาปรากฏตัวในห้องอีกครั้งและบอสกับผมก็ขยับมาจนถึงจุดเดียวกับที่พวกเรายืนเมื่อ 3 นาทีก่อน


 


“…งั้นนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของการแก้แค้นเจ้าตั๊กแตนตัวนั้นสินะ”


 


ผมหยิบธนูขึ้นมาทันทีและจับ [ลูกศรทมิฬ 5 ดอก] จากนั้นผมได้ลองผสมผสานพลังเวทมนต์ของรอยสักลงในเอเธอร์เพื่อค้นหาเป้าหมายของฉันน่ะสิ


 


“อืม.”


 


…เอเธอร์ตรวจพบอย่างน้อยมอนสเตอร์ 200 ตัวผมประหลาดใจที่


มอนสเตอร์มีจำนวนมากสามารถพอดีพื้นแบบนี้


 


“บอส อาคารนั้นเป็นป้อมปราการ”


 


“หืม?”


 


พลังเวทมนต์นั้นสร้างสิ่งกีดขวางรอบตัวอาคารและมอนสเตอร์กำลังลาดตระเวนในความมืดเพื่อส่งสัญญาณอันตรายใดๆด้วยเหตุผลบางอย่างมอนสเตอร์เหล่านี้ไม่เปิดเผยแม้แต่ร่างของพวกเขาหรือออร่า


 


“ …บอสหลีกทางสักหน่อย”


 


ผมผสม รอยสัก 3.5 เส้นลงในลูกศรทั้ง 5 แขนของผมร้อนขึ้นจนถึงระดับที่เจ็บปวด แต่ผมสามารถทนได้ด้วยการเพิ่มขึ้นของสถานะทางกายภาพของผม


 


ย้าาาาาาา …


 


คันธนูเริ่มเปล่งประกายสีขาวและลูกศทมิฬดังก้องด้วยพลังเวทย์มนตร์


 


ผมเล็กเป้าหมายไปที่มอนสเตอร์ทั้ง 200 ตัวรวมถึง ยุนยูนฮวา ด้วย


ลูกศรทั้ง 5 นี้ผมวางแผนจะสังหารพวกมันทั้งหมด


 


เมื่อผมปล่อยลูกศรออกไปลูกศรก็พุ่งไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้า ในพริบตาเดียว ลูกศรที่มีความเร็วเหนือเสียงก็กำจัดมอนสเตอร์ไปอย่างเงียบๆ ในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดลูกศรเคลื่อนไหวราวกับว่าพวกมันมีจิตใจเป็นของตัวเอง


 


3 วินาทีต่อมามอนสเตอร์ทั้งหมดถูกสังหารและลูกธนูก็เจาะเอวของ


ยุนยูนฮวา เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าเขาถูกโจมตีมานาน


 


“… อืมมมมมมมมม.”


 


ผมวางแผนฆ่ายุนยุนฮวา แต่ตัดสินใจเป็นอย่างอื่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่บอสพูด มันเป็นความจริงที่ผมยังไม่ฆ่าเขาในตอนนี้


 


– อักกกกกกกกกกกกกกก!


 


ยุนยุนฮวาเริ่มดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากผมเจาะเอวของเขาร่างกายส่วนล่างของเขาจึงไม่สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ในขณะนี้


 


“นายไม่ฆ่าเขาเหรอ?” บอสถาม


 


“ …ใช่ ผมคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าผมฆ่าเขาในภายหลัง”


 


ผมตัดสินใจที่จะทิ้งเขาไว้เป็นคำเตือนจาก ‘ดอกบัวดำ’ เป็นการเตือน


ฝ่ายออร์เดนและเตือนฝั่งออร์เดนเองด้วย


 


– เกิดอะไรขึ้น!


 


– ฉันไม่รู้สิ! พลังเวทมนต์แบบนี้… –


 


อะไรกัน..มอนสเตอร์? พวกมันทั้งหมดตายแล้ว! ทำไมถึงมีหลายตัวจัง?


 


ฮีโร่รู้สึกถึงพลังเวทมนต์ของผม และเริ่มที่จะมาถึง


พวกเขาค้นพบซากศพของมอนสเตอร์จากนั้นก็เข้าไปในอาคารและเห็นยุนยุนฮวา ไม่ยุนยุนฮวาเห็นพวกเขาก่อน


 


– เอ๊ะเฮ้! ค..ย! ตรงนั้น! ฉันจะตายอย่แล้ว! ช่วยฉันก่อน!


 


อย่างที่คิดสมาชิกสภาผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นฮีโร่อย่างเขาไม่ตายง่ายๆแน่ๆ


 


“สปาร์ตัน.”


 


ผมเรียกสปาร์ตัน


 


พูๆๆๆ


 


มันบินมาอย่างเงียบๆและร่อนลงบนไหล่ของผม ผมมอบหมายให้มันทำภารกิจเดียว


 


“เปิดเผยหลักฐานทั้งหมดที่ยุนยูนฮวามีในบ้านของเขา”


 


สปาร์ตันพยักหน้าและแทรกซึมเข้าไปในบ้างอย่างรวดเร็ว เขาพบ


ตู้นิรภัยที่เก็บสินบนแล้วโยนทิ้งไว้บนพื้น


 


– ปัง!


 


ประตูเพนต์เฮาส์เปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮีโร่ที่ส่งเสียงร้องของ


ยุนยองฮวา ออกมา


 


– …นี่มันอะไรกัน?


 


– เอ๊ะเดี๋ยวก่อนนั่นมันเป็นเพชรงั้นเหรอ?


 


ห้องของเขาเกลื่อนไปด้วยขุมทรัพย์แห่งต้นกำเนิดที่ไม่รู้จัก สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ก็ชัดเจน สำหรับรายการเรื่องเพชรเลือดหายากมากเพราะแต่ละคนต้องมี ‘หมายเลขทะเบียน’ แน่นอนว่าเพชรได้มาจากการรับสินบนไม่มีสิ่งนั้น


 


“เฮ้ออออออออ… .”


 


ผมถอนหายใจ หัวของผมเจ็บปวดเล็กน้อยและผมก็เหนื่อยมาก แต่ความเจ็บปวดที่แท้จริงยังไม่เกิดขึ้น


 


“ เฮ้ออออออออออออออ….”


 


ผมหายใจเข้าลึกๆและเริ่มนับถอยหลัง 30, 29, 28 …


 


“ไปกันเถอะฮาจิน”


 


“ครับ บอส. แต่…”


 


ตู้มมมม-!


 


เมื่อเครื่องหมาย 3 นาทีผ่านไปผลข้างเคียงของ การย้อนเวลา มาถึง หัวใจของผมเต้นแรงและเหมือนผมโดนทุบหน้าอกของผมอย่างแรง


ผมโซเซและล้มลง บอสจับผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะกระแทกพื้น


 


“ฮาจิน! เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”


 


“อ่า เป็นไร…มันเป็นผลข้างเคียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง”


 


ในขณะนั้นเอง แสงก็วูบวาบในท้องฟ้ายามค่ำคืน มันไม่ได้เป็นอะไรที่น่ากังวลเท่าไร


 


“… !”


 


แต่บอสก็สะดุ้งตกใจและปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอพร้อมสร้างเป็นบาเรียรอบตัวพวกเรา เปลวไฟนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล มันจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่านี้เนื่องจากมันเป็นเครื่องหมายของการต่อสู้ระหว่างคิมซูโฮและราชาปีศาจ


 


“…อ๊ะ…นั้น….ฮะฮะ บอสพาผมกลับเถอะ ผมง่วง….แล้ว”


 


4 เส้นรอยสักและการย้อนเวลาในครั้งเดียว ผมใช้พลังมากเกินไปในคราวเดียว ผมหลับตาลงในขณะที่เอนหลังพิงบอสและบอสก็ค่อยๆลูบหลังของผม


 


“สบายดีไหม”


 


บอสปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอออกมา เธอประสบความสำเร็จในการเคลื่อนไหวความเร็วสูงโดยใช้พลังเวทมนต์ของเธอและทักษะต่างๆที่เธอเรียนรู้ในหอคอย


 


…วันถัดมา การทุจริตของสมาชิกสภา ยุนยูนฮวาและการโจมตีของ


ดอกบัวดำก็กลายเป็นพาดหัวข้อข่าวใหญ่ในวันนั้น!!!


บทที่ 425 การเริ่มต้นใหม่ (3)


 


[แอฟริกากลางอาณาจักรใต้ดินของ ออร์เดน]


 


อาณาจักรที่มืดมิดในแอฟริกาตอนกลางเหล่ามอนสเตอร์อาศัยอยู่ที่นี่ ราชามอนสเตอร์ ออร์เดน ได้รับรายงานของข้ารับใช้ของเขา


 


– …เป็นอย่างนั้นเหรอ?


 


– ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไร


 


ไม่เหมือนกับข้ารับใช้ของเขา ราชาดูสงบ เขาดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับสถานการณ์นี้


 


– พวกเราส่งมอนสเตอร์ไปเพื่อปกป้องยุนฮวา แต่พวกมันก็ยังไม่พอ


 


– นายไม่จำเป็นต้องกังวล ใครบ้างที่จะรู้ว่าดอกบัวดำนี้จะรบกวนการทำงานของเรา พวกเราต้องเตรียมบอดี้การ์ดให้แกร่งกว่านี้ในครั้งต่อไป


 


ราชาพูดและทำท่าทางด้วยมือของเขา ทันใดนั้นกระต่าย 2 เท้าก็โผล่ออกมาจากความมืดด้านหลังบัลลังก์ มอนสเตอร์มีร่างกายเป็นมนุษย์และหัวของกระต่าย


 


– อีกไม่นานก็จะถึงเวลาที่นายต้องแสดงฝีมือแล้วนะ


 


กระต่ายชื่อกาโต้พยักหน้าอย่างไร้คำพูด เขาเป็นผลงานชิ้นเอกชิ้นที่ 2 ของ ออร์เดน ช้ากว่า คุริคุริ แต่ก็แข็งแกร่ง


 


– ปกป้องพันธมิตรของพวกเราและบดขยี้ดอกบัวดำ


 


ดวงตาของกาโต้เปล่งประกายสีแดงตามคำสั่งของราชา ดวงตาของเขากระหายเลือดและเต็มไปด้วยความตาย กาโต้ก้มลงหนึ่งครั้งและหายไป เขาเร็วเหมือนสายลม


 


– …ข้าต้องขอโทษอีกครั้ง


 


ข้ารับใช้มอนสเตอร์ผู้เฝ้าดูฉากทั้งหมดจากด้านหลังโค้งคำนับที่ด้านหน้าของออร์เดน ออร์เดน มองข้ารับใช้และสั่งการของเขาต่อไป


 


– พวกเราต้องวางแครอทไว้ข้างๆแล้วเดินไปที่กิ่งไม้ นำมอนสเตอร์ของแอฟริกาไปทางเหนือ ฉันจะประกาศให้มนุษยชาติที่ไม่เชื่อฟังได้เห็นว่าภัยพิบัติครั้งแรกของพวกมันเป็นยังไง


 


– รับบัญชา พะยะค่ะฝ่าบาท!


 


– เจ้าไปได้แล้ว


 


ข้ารับใช้หายตัวไปโดยไม่ต้องให้เขาบอกอีกครั้ง ราชามอนสเตอร์


ออร์เดน หลับตาลงอย่างช้าๆ ความหายนะที่ผู้รับใช้ของเขาจะทำอยู่ในหัวของเขานี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของ


ออร์เดน


 


*************************************************************************


 


– …….พวกเราต้องแน่วแน่ต่อไป


 


นี่เป็นความทรงจำจากอดีตอันไกลโพ้น ในโลกที่ 4 ฤดูไม่มีอยู่จริงเหลือ เพียงฤดูหนาวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ข้ารับใช้เก่าขอให้ฉันตัดสินใจท่ามกลางความหนาวเย็นที่คุ้นเคย ฉันมองดูเขาจากบัลลังก์


 


– …ท่านต้องลงโทษผู้ทำผิดและผู้ทรยศที่ชั่วร้าย


 


ข้ารับใช้เก่าใช้ประโยชน์จากความเงียบของฉันเพื่อพูดต่อ แน่นอนว่า


ข้ารับใช้คนอื่นๆเองก็เห็นด้วย น้ำเสียงของพวกเขาดังก้องในสภา


 


– …ไคด์สพริง เป็นคนไร้สาระไม่รู้สึกถึงความสำคัญอะไรก่อนอะไรหลังซึ่งตอนนี้พวกเราไม่สามารถสนใจเรื่องอื่นเนื่องจากความรู้สึกส่วนตัวได้


 


เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนนี้ ไคด์สพริง เป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ เขาซื่อสัตย์และมีคุณธรรมแม้อนาคตของทวีปจะแขวนอยู่บนเส้นด้ายเขาก็ต้องการลงโทษอัศวินผู้สูงศักดิ์เพื่อปกป้องประชาชนของเขา


 


แต่อัศวินคนนี้คือ ‘ปรมจารย์ดาบ’ ซึ่งกำหนดให้เป็นสมบัติสำคัญในการทำสงครามในขณะที่ ไคด์สพริง ไม่ใช่


 


– …เรแลน ไม่เพียงแต่ต้องการลงโทษ ไคด์สพริง เท่านั้น เขายังเป็นอัศวินจงรักภักดีต่อราชวงศ์


 


ตอนนั้นฉันอายุ 13 แม้อายุของฉันจะอ่อนเยาว์แต่ฉันเป็น ‘ราชินี’ ไม่ใช่


เจ้าหญิงน้อยและฉันก็มีความรับผิดชอบในการปกครองอาณาจักรและการควบคุมทัพนำสงคราม


 


ฉันจำใบหน้าของคนรับใช้คนแรกของฉันได้ คำมั่นสัญญาของเขาในเรื่องความภักดีชั่วนิรันดร์และการยอมรับต่อคำมั่นสัญญาของเขากระแทกจิตใจของฉัน


 


– …ฝ่าพระบาท ได้โปรดลงโทษเขา ผู้ทรยศที่ชั่วร้าย


 


ในเวลานั้นฉันคิดว่าฉันไม่มีทางเลือกอื่น แต่นั่นเป็นเรื่องจริงเหรอ?


ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆเหรอ นอกจากเสียสละผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดแล้วฉันทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ


 


ไม่นั่นไม่ใช่ความจริง


 


ในฐานะราชินี ฉันไม่อยากทิ้งเขาไป? ฉันไม่ได้สนใจเขาเพียงเพราะเขาไม่สามารถแข็งแกร่งได้งั้นเหรอ?


 


-…ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะลงโทษ ไคด์สพริง ณ วันนี้ จับกุมเขาทันที


 


“… !”


 


จินซาฮยอค ที่ไม่ได้เป็นราชินีแห่ง พัลซาร์ อีกต่อไปตื่นขึ้นมาบนเตียง


จินซาฮยอค อ้าปากค้างและพยายามหายใจขณะที่เธอจับหน้าอกของเธอ หัวใจของเธอเต้นแรง เธอพักอยู่บนเตียงพยายามที่จะกลั้นหายใจก่อนที่จะยกตัวส่วนบนขึ้นมา


 


“…แฮ่กๆๆ.”


 


ฝันเห็นอดีตอีกแล้ว ผนึกความทรงจำของเธออ่อนแอลงงั้นเหรอ?


หรือบางทีเธออาจจะถูกสั่นคลอนโดยคิมฮาจินที่สมควรตายมากเกินไป ความทรงจำที่เธอฝังไว้ใต้จิตสำนึกของเธอกำลังรั่วไหลราวกับทราย


 


“ บ้าไปแล้ว”


 


เธอถอนหายใจอีกครั้ง เธอรู้ว่าร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอโยนชุดนอนที่น่ารำคาญของเธอออกมาแล้วฉีดพลังเวทมนต์บางส่วนของเธอเข้าไปในหัว แต่หลังจากที่เธอปิดผนึกหน่วยความจำไม่ได้เธอก็คลานออกมาจากเตียงของเธอ


 


“… .”


 


มันเป็นตอนเช้า จินซาฮยอค กำลังเปลี่ยนเป็นชุดของเธอและเมื่อเธอมองตัวเองในกระจก


ในกระจกมีผู้หญิงบางคนที่คล้ายกับเจ้าหญิง แต่ในเวลาเดียวกันเธอดูไม่เหมือนเธอ ความรู้สึกแปลกแยกของจินซาฮยอค เริ่มครอบงำจิตใจ


 


“ …ทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ไอ้เจ้า คิมฮาจิน”


 


ความสับสนของเธอเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างง่ายดาย จินซาฮยอค สาปแช่งคิมฮาจินอย่างต่อเนื่อง แค่คิดเกี่ยวกับเขาก็ทำให้เธออยากอ้วก เธอสัญญากับตัวเองว่าจะจบชีวิตของเขาด้วยมือของเธอเอง….


 


จินซาฮยอค คว้าชุดของเธอแล้วเธอวางมันลงอย่างไม่ระวังพร้อมก้าวออกนอกคฤหาสน์ของเธอ สิ่งแรกที่เธอเห็นคือสวนที่สะดวกสบายและสวยงาม ไม่ช้าเธอก็เห็นอัศวินฝูงหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้ๆ


 


“…พวกเรา มาทักทายด้วยความเคารพผู้บัญชาการ จินซาฮยอค!”


 


อัศวินทุกคนสวมใส่ [Lv.7 ชุดเกราะอราธอส] ซึ่งมอบให้แต่เหล่าอัศวินพวกเขามาที่นี่เพื่อทักทายผู้บัญชาการของพวกเขา เรเชลผู้พิทักษ์ของเจ้าหญิงอารฮาก็อยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วยเช่นกัน เรเชลเมื่อเห็น


จินซาฮยอค ก็ยิ้มให้ทันที


 


“สวัสดีตอนเช้า”


 


“ …อัศวินของเจ้าหญิงมาทำอะไรที่นี่?”


 


จินซาฮยอค ตอบอย่างค่อนข้างหงุดหงิด ถึงกระนั้นเรเชลก็ไม่ปรากฏท่าทางขุ่นเคืองและพูดเสียงเบาๆ


 


“อืม…..เฟนรีลจะมาที่ปราสาท”


 


“…?”


 


ใบหน้าของ จินซาฮยอค เหยเก ‘เฟนรีลเธอคงหมายถึงคิมฮาจิน แต่เธอจะมาบอกฉันทำไม…เธอยังคิดอยู่หรือเปล่าว่าฉันเป็นแฟนคลับเขา?


 


“เธออยากจะไปด้วยกันไหม? เธอไปได้นะถ้าเธอต้องการ”


 


“…มะ-ไม่ ไม่เป็นไร”


 


จินซาฮยอค ส่ายหัวของเธอ เธอไม่มีเหตุผลที่จะไปเจอเขาและเธอก็ไม่อยากเจอเขา มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาขู่ให้เธอกลัวเรื่อง ‘อย่ามาปรากฏตัวต่อต่อหน้าฉันอีก’ มันก็แค่…เธอไม่อยากเห็นเขาก็เท่านั้น


 


“ไม่ละ ฉันจะต้องออกไปพิชิตชั้น 9 น่ะ”


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้เรเชลก็แสดงท่าทางเสียใจ


 


“แล้วเธออยากให้ฉันส่งข้อความถึงเขาในนามของเธอไหม”


 


“ข้อความ?”


 


แม้แต่ จินซาฮยอค ก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้


 


‘ข้อความ … .’


 


จินซาฮยอค ดูไปที่ เรเชล


 


“ถามเขาว่าเขาเคยได้ยินชื่อ ไคด์สพริง หรือไม่ก็… ‘พริออส’”


 


“พริออส?”


 


“ใช่.”


 


การพูดถึงพี่น้องในครอบครัวมันดูเหมือนจะชัดเจนเกินไป เธอเลือกที่จะใส่ชื่อใครก็ตามที่เคยได้รับพรจากสีเขียวของ พัลซาร์ พริออส เป็นชื่อพ่อของเธอเอง


 


“อ๊ะ รอก่อน ไม่นะ ไม่ใช่….”


 


แต่ในความคิดที่ 2 ดูเหมือนจะไม่เป็นทางเลือกที่ดีนัก ถ้าเธอใช้ชื่อของคนที่ทุกคนรู้เธอก็ไม่สามารถจำกัดผู้ต้องสงสัยให้แคบลงได้


 


‘มีคนรู้จักชื่อคนเพียงไม่กี่และต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับงั้นเหรอ?’ จินซาฮยอค ครุ่นคิด ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็สะดุ้งอย่างรุนแรง


‘ฉันได้พบกับ ไคด์สพริง เมื่อฉันยังเด็กและเขารู้ความลับทั้งหมดของฉัน นั่นหมายความว่า….’


 


“พูฮาเรน.”


 


“ … พูฮาเรน คุณพูดหรอ?”


 


“ใช่.”


 


จินซาฮยอค พยักหน้าอย่างใจเย็น


 


“โอ้ เธออยู่ที่นี่เอง~”


 


ทันใดนั้นเสียงร่าเริงก็เรียกพวกเธอ จินซาฮยอค และ เรเชล หันไปทางเสียงที่มาจาก เจ้าหญิงแห่งตะวันตก ‘โทเมอร์’ อยู่ที่นั่น


 


“ไม่ได้เจอตั้งนานผู้บัญชาการอัศวินกับเรเชล”


 


“… .”


 


“ใช่เป็นเรื่องดีมากที่ได้เจอเธอ”


 


ตรงกันข้ามกับจินซาฮยอค โทเมอร์มองด้วยสายจาไม่พอใจจินซาฮยอค แต่กลับ ยิ้มในเรเชลแต่ไกล ในตอนแรกเรเชลก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็น โทเมอร์ ที่นี่เช่นกัน ศิษย์เก่าของ Cube ปรากฏตัวโดยไม่คาดคิดและแนะนำตัวเองในฐานะเจ้าหญิงแห่งตะวันตก แต่คำอธิบายของ


โทเมอร์ กำจัดความสับสนของเรเชลได้อย่างง่ายดายและเมื่อเร็วๆนี้ทั้ง 2 สนิทกันมากขึ้นสุดท้ายโทเมอร์เป็นคนแรกที่บอกเรเชลว่าคิมฮาจินชอบเธอในช่วงเวลาที่เธออยู่ใน Cube


 


โทเมอร์ ตรวจสอบอัศวินอย่างรวดเร็ว


 


“ทุกคนรู้ว่าพวกเราจะไปที่ชั้น 9 วันพรุ่งนี้แล้วเหรอ?”


 


“แน่นอน!”


 


อัศวินตอบอย่างมีชีวิตชีวา จินซาฮยอค ไม่ชอบที่พวกเขาดูเหมือนจะชอบ โทเมอร์ มากกว่าเธอ โทเมอร์ มองไปที่ จินซาฮยอค และยิ้มให้เธอ


 


“ถ้าอย่างนั้นฉันไปละ ฉันมีนัดพบกับใครบางคน”


 


เรเชลใช้ตั๋วเดินทางกลับไปพร้อมรอยยิ้ม


 


…เมื่อเรเชลหายไปบรรยากาศการแข่งขันระหว่าง โทเมอร์ กับ


จินซาฮยอค ก็ปรากฏขึ้นมาทันที


***********************************2*************************************


บทที่ 426 การเริ่มต้นใหม่ (4)


 


ผมออกจากเกาหลีและมาถึงอังกฤษ แน่นอนว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อ


พักผ่อน แต่มาเพื่อพบกับ อีเวนเดล


 


“…คำเชิญ?”


 


“ใช่. ทุกคนที่ไม่ใช่กษัตริย์ต้องมีคำเชิญเพื่อเข้าร่วม”


 


แต่เมื่อผมพยายามเข้าสู่พระราชวังบักกิ้งแฮม ‘อัศวิน’ ก็หยุดผมเอาไว้


อังกฤษเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ยอมรับอาชีพที่เรียกว่า ‘อัศวิน’


อัศวินมีความคล้ายคลึงกับฮีโร่ แต่ต่างกันตรงที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ดาบและปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อ ‘ราชวงศ์’ แทนที่จะเป็นสมาคมหรือกิลด์


 


“ฉันไม่มีอะไรแบบนั้น ขอโทษที ขอเวลาหน่อยนะ”


 


ผมจำได้ว่าผมสามารถเข้าไปในวังได้โดยไม่จำกัดในอดีตตอนที่ผมทำงานเป็น เฟนรีล เมื่อไม่นานมานี้ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะผมยุ่งอยู่กับการปีนหอคอย ไม่แปลกใจที่พวกเขาลืมผม


 


ผมหยิบบัตรประจำตัว 2 ใบออกมาจากกระเป๋าของผม หนึ่งยืนยันถึงตัวตนของผมในฐานะ เฟนรีล ของ Jeronimo Mercenary และอีก 1 เป็น ‘ที่ปรึกษาทางเทคนิคของ Essential Dynamics’


 


“ได้ไหม”


 


“…”


 


อัศวิน มองบัตรของผมอย่างเคร่งขรึม


 


[ที่ปรึกษาทางเทคนิคของ Essential Dynamics – คิมฮาจิน]


 


แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง


 


“อ๊ะ ฉันติดต่อเรเชลเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณสามารถถามเธอได้”


 


ผมได้ส่งข้อความถึง อีเวนเดล ซึ่งน่าจะบอกเรเชลแล้ว


 


อึก


 


อัศวินกลืนน้ำลายของเขาและถามผมอย่างระมัดระวัง


 


“ เรเชล คุณหมายถึง…?”


 


“คุณรู้จักใช่ไหมก็เจ้าหญิงไง”


 


อัศวิน โทรออกทันที


 


หลังจากการโทรซึ่งกินเวลานานที่สุดประมาณ 3 วินาทีอัศวินผู้นั้นก็ก้าวออกมา


 


“ขออภัยครับท่าน ข้าขอโทษจริงที่ไม่รู้จักท่าน!”


 


“ไม่เป็นไร การออกเสียงภาษาเกาหลีของคุณยอดเยี่ยมมาก คุณพูดภาษาเกาหลีมานานเท่าไหร่แล้ว”


 


“ผมเรียนภาษาเกาหลีที่โรงเรียนเกาหลีมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ”


 


“อ่า…มีอะไรแบบนั้นด้วยสินะ”


 


‘เกาหลีก็มีโรงเรียนภาษาอังกฤษด้วยนี้น่า’


 


ผมตบไหล่ของเขา 2-3 ครั้งแล้วเข้าพระราชวังบักกิ้งแฮม ผมสันนิษฐานว่าพระราชวังจะเต็มไปด้วยคนรับใช้และแม่บ้าน แต่ส่วนใหญ่มันว่างเปล่าทำให้ผมประหลาดใจ


 


แท่น แทนนดาดาด้า


ผมได้ยินเสียงของใครบางคนวิ่งเข้ามาหาผม พร้อมยิ้มกว้างผมหันไปทางด้านข้าง แน่นอนว่าเสียงจาก อีเวนเดล


 


“ฮาจินนนนนน~”


 


ผมอุ้ม อีเวนเดล ขึ้นมาจากพื้นดิน ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเธอเบาราวกับขนนกในอ้อมแขนของผม ผมก็ถูแก้มของเธอกับผม


 


“หนูคิดถึงคุณ ~”


 


“ขอโทษนะ ฉันมาช้าไปหน่อย”


 


ผมเดินไปที่ห้องรับรองพร้อม อีเวนเดล ในอ้อมแขนของผม น่าแปลกที่ห้องรับรองแขกแน่นไปด้วยแขก ไม่เพียงแต่ อาแฮอิน และ ฮายัง เท่านั้น แต่ แฮยอน และ ยุนซึงอา ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ผมเข้ามาพวกเธอก็สับสนเล็กน้อย


 


“โอ้ ฮาจิน สวัสดี ~”


 


“สวัสดี.”


 


ยุนซึงอา และ อาแฮอิน ทักทายผมตามลำดับ ผมพยักหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างเปล่า


 


“อืม ฉันเข้าใจว่าทำไมอาจารย์อาแฮอินถึงมาที่นี่ แต่ทำไมเธอถึงมาที่นี่ละ ยุนซึงอา…?”


 


ผมเอียงศีรษะของผมอย่างสงสัยและถาม ยุนซึงอาเกาหลังคอของเธอด้วยความเขินอาย


 


“อ้อ เพราะฉันนอนไม่หลับ ซูโฮกำลังต่อสู้กับราชาปีศาจบนชั้น 30”


 


“อ้อ จริงสิ”


 


ทุกวันนี้ข่าวที่ว่า คิมซูโฮ กำลังพิชิต Tower of Wish โด่งดังไปทั่ว


การเดินทางของเขาใช้เวลาประมาณ 3 ปีหรือพูดเป๊ะๆคือ 2 ปีครึ่ง


สื่อต่างๆก็กำลังพูดถึง คิมซูโฮ และตอนนี้มีการวางเดิมพันว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการเอาชนะราชาปีศาจหรือไม่


 


ความตื่นเต้นในปัจจุบันของคิมซูโฮนั้นคล้ายคลึงกับฟุตบอลโลกจากโลกที่ผมจากมา กล่าวอีกนัยหนึ่ง คิมซูโฮเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั่วโลกไปแล้วในขณะนี้


 


“ราคาหุ้นของเราพุ่งสูงขึ้นและการลงทุนก็ได้กลับมาอีกครั้ง ต้องขอบคุณเขา แต่สิ่งที่ฉันทำให้เขาได้ก็แค่การอธิษฐาน”


 


หยุนซึงอากล่าวพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น


 


“ฮาจิน ~ ฮาจิน ~ คุณกลิ่นหอมจัง~”


 


อีเวนเดล เริ่มดมกลิ่นผม ในขณะนั้นเองประตูเลื่อนก็เปิดออกมีผู้หญิงที่ผมไม่เคยเจอมานานปรากฏตัวขึ้น เรเชลเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับยิ้มบนใบหน้าของเธอ


 


“นายมาแล้วเหรอ?”


 


“ฉันมาได้สักพักหนึ่งแล้วละ.”


 


ผมยืนขึ้นและต้อนรับเรเชล เธอยิ้มอย่างมีความสุขและทักทายผมเช่นกัน


นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน พวกเรามีความสุขกับน้ำชาในห้องรับรอง หัวข้อหลักของการสนทนาของพวกเราคือ อีเวนเดล อาแฮอิน พูดถึงความสำเร็จของ อีเวนเดล ในแง่ของปริมาณ อีเวนเดล นั้นเท่ากับ อาแฮอิน แล้วและในแง่ของคุณภาพ อีเวนเดล นั้นอยู่ใกล้กับระดับ 7 ดาวมากขึ้นเรื่อยๆ


 


น่าแปลกใจที่พวกเราต่างก็เอาแต่ชม อีเวนเดล กันอย่างเดียว


 


“ใช่แล้ว ฮาจิน นายรู้จัก จินซาฮยอค ไหม?


 


เรเชลถามราวกับว่าคำถามนั้นจู่ๆก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ


 


“ จินซาฮยอค? ฉันรู้จักเธอ ทำไมเหรอ?”


 


“เอ่อ ไม่มีอะไรเลย เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับของนาย”


 


“ …แฟนคลับของฉัน”


 


นั่นเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดที่ผมเคยได้ยิน ในขณะที่ผมพูดไม่ออกเรเชลก็พูดต่อ


 


“มีบางสิ่งที่เธออยากให้ฉันถามนาย”


 


“เรื่องอะไร?”


 


“เธอถามว่านายรู้จัก ‘พูฮาเรน’ ไหม?”


 


แต่ทุกอย่างเริ่มทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีที่ผมได้ยินคำถามนั้นผมพยักหน้าและพยายามที่จะระงับเสียงหัวเราะของผม จินซาฮยอค คิดอะไรมาใช้เรเชลถามผม


 


“แล้วนายรู้หรือไม่ว่าใครคือพูฮาเรน”


 


“ฮะ? อืม.”


 


ผมเริ่มคิด นี่คงเป็นการทดสอบอะไรสักอย่าง….


 


“ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินชื่อนั้นในภาพยนตร์ เขาเป็นราชาที่ถูกจองจำถ้าฉันจำไม่ผิด”


 


ในฐานะนักเขียนผมรู้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ เบื้องหลัง ของ จินซาฮยอค เธอเป็นเจ้าชายแบบไหนไม่ได้ สิ่งที่เธอทำเพื่อกลายเป็นราชินี และเธอพบจุดจบยังไง


 


พูฮาเรนเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ที่ถูกจองจำโดยจินซาฮยอค


เจ้าชายองค์ที่ 5 – ไม่ใช่เจ้าหญิง อย่างไรก็ตามเนื่องจาก พูฮาเรน


แบกเมล็ดพันธุ์ปีศาจเอาไว้ เธอเลยกลายเป็นเหตุผลที่ จินซาฮยอค ตกหลุมรัก


 


แม้ว่าในความจริง พัลซาร์ ยังไงก็ต้องล้มลงแม้จะไม่มีพูฮาเรน


[พัลซาร์ ถูกกำหนดให้พังทลายในวันที่ จินซาฮยอค กลายเป็น


ผู้ปกครอง] หลังจากนั่นคือเนื้อเรื่องอย่างเป็นทางการของผม


อาณาจักรที่ปกครองโดยราชินีสาวผู้รับคำสั่งจากขุนนางของเธออย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าจุดจบของมันไม่ใช่เรื่องดี เรเชลเงยศีรษะของเธอแล้วถาม


 


“ราชาที่ถูกจองจำ?”


 


“ใช่ เธอควรบอกเธอคนนั้นแค่นี้ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าไร”


 


ผมเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว


 


“เธอไม่ได้บอกว่าเธออยากติดตั้ง Essence Barrier งั้นเหรอ”


 


ผมเปลี่ยนหัวข้อเป็น Essence Barrier นี่คือเหตุผลที่ต่างประเทศได้ส่งทูตนักการทูตไปยังประเทศเกาหลีเมื่อเร็วๆนี้


 


“ใช่…ไม่เพียงแค่นั้น แต่มีอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆด้วย”


 


ใบหน้าของเรเชลดูน่ากลัว ดูเหมือนว่าอังกฤษจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นแม้จะเล็กน้อยถ้ามีการรักษาความปลอดภัยจากอุปกรณ์ป้องกันพวกนั้น


 


“พวกเราพยายามอย่างดีที่สุด แต่การติดต่อของเราไม่ได้ไปไกลมากนัก จีนและสหรัฐอเมริกานั้นก้าวร้าวมาก จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี….พวกเราน่าจะได้เป็นอันดับที่ 5 ด้วยซ้ำ”


 


“เป็นอย่างนั้นเหรอ?”


 


“ใช่. แต่ก็ไม่เป็นไร พวกเขามีความสนใจใน Tower of Wish ที่เราสามารถใช้ในการเจรจาได้….” เรเชลพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง


 


ผมไม่แปลกใจเลยที่การลงทุนของ ราชวงค์อังกฤษใน Tower of Wish นั้นมีค่ามากกว่าบาเรียแต่เธอไม่สามารถเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนและความกังวลใจของประชาชนของเธอได้ จำนวนการโจมตีของมอนสเตอร์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆเธอมีทางเลือกน้อยมาก


 


“ไม่นะ เธอไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนั้น”


 


ผมยิ้มอย่างมั่นใจ จริงๆแล้ว Essence of Strait มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอในการผลิต Barrier จำนวนมาก ยูยอนฮา แค่ล้อเล่นอย่างหนักเพื่อดึงดูดผู้คนให้ทำตามเธอและขยายฐานอำนาจ


 


“ไม่ต้องห่วง”


 


แต่อังกฤษจำเป็นต้องมี Essence Barrier


 


“ฉันจะ …”


 


ผมคิมฮาจินจะใช้สิทธิ์ในฐานะ ‘ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของ Essence of the Strait” ทันใดนั้นเมื่อของประตูห้องต้อนรับก็เปิดออก


 


ปัง


ผู้ชายหลายคนในชุดสูทเข้ามาราวกับน้ำป่า


 


“พะ-พ่อ?”


 


“อะไรนะ? พ่องั้นเหรอ?”


 


“ฉัน…..ฉันหมายถึงพ่อ….”


 


แม้แต่พ่อของเรเชลก็อยู่ที่นั่น ท่ามกลางความสับสนของพวกเราผู้ชายในชุดสูทก็เริ่มแนะนำตัวเองอย่างสุภาพและให้เกียรติ ทั้งกลุ่มที่เข้ามาประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆและรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมาชิกสภาขุนนาง ฯลฯ การแนะนำตัวของพวกเขาต่างก็ถูกส่งมาให้ผมและผมก็ตระหนักถึงความตั้งใจของ


พวกเขาในไม่ช้า


 


“ในฐานะตัวแทนของประเทศนี้พวกเรายินดีต้อนรับท่าน ‘ฮาจุนคิม’


ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของ Essence of the Strait พวกเรามีความจริงใจที่อยากจะขอร้องท่าน ปัจจุบันพลเมืองของประเทศอังกฤษกำลังทุกข์ทรมานจากการโจมตีของมอนสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์


ในตอนนี้จำนวนของมอนสเตอร์ระดับต่ำเพิ่มขึ้นอย่างมากในเขตเมืองและ….”


 


ตามที่คาดไว้พวกเขาขอให้ผมช่วยให้พวกเขาเรื่อง Essence Barrier ให้ติดตั้งทั่วอังกฤษ (หมายเหตุด้าน ‘ฮาจุนคิม’ เป็นนามแฝงของฉันเอง)


 


“…ขอโทษนะ, ฮาจิน? เกิดอะไรขึ้น?”


 


‘ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของ Essence of the Strait’ ไม่เพียง แต่เรเชลเท่านั้น แต่ยังรวมถึง อาแฮอิน และ ยุนซึงอา ที่ไม่รู้ตำแหน่งของผม


ทั้ง 3 คนมองมาที่ผมด้วยความงุนงงและผมได้แต่ยิ้มออกอย่าง


เขอะเขิน


 


*************************************************************************


[4 ชั่วโมงต่อมา โซล เกาหลีใต้ – คฤหาสน์ของ ยูยอนฮา]


 


…เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาคลี่ในหัวของฉันอีกครั้ง


 


– ตาย? เธอหมายถึงอะไร


 


แชนายอน กรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาณและฉันไม่พูดอะไรเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่สิ้นหวังของเธอ


 


– ตะ-ตายแล้ว งั้นเหรอ? เขาตายไม่ได้ เขาตายไม่ได้! ไม่-เป็นไปไม่ได้! เขาแข็งแกร่งมากๆเลยนะ!


 


ฉันให้เธอดูวิดีโอ คิมฮาจินอยู่ในนั้นแน่นอน ร่างของเขาถูกผ่าครึ่งโดยการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ตรวจจับไม่ได้ ดวงตาของเขาไร้ร่องรอยแห่งชีวิตและจางหายไปเป็นสีเทาสีเทา มันคือความตายอย่างไม่ต้องสงสัย


 


– ไม่จริงทำไม คิมฮาจินเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง….


 


ตอนนี้ แชนายอน สูญเสียสติของตัวเองไปแล้ว เธอฉีกผมของเธอเหมือนเด็กๆและทุบกำปั้นลงบนพื้นเธอรู้สึกเจ็บปวดกับความตายที่


ไร้ประโยชน์ของเขา


 


– ทำไม ทำไม ทำไม…. ทำไม…!


 


ในระหว่างที่เขาเสียชีวิต แชนายอน รู้สึกเสียใจกับทุกสิ่งที่เธอเคยทำ


 


“ฉันไม่ควรพูดกับเขาแบบนั้นตอนที่เจอกัน เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น……….ถ้าฉันฉลาดกว่า ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด….” เธอร่ำไห้อย่างน่าสังเวช


 


เมื่อมองดู แชนายอน ด้วยความเจ็บปวด ฉัน…ฉันเองก็….


 


“เฮ้ ตื่นได้แล้ว.”


 


ผมพูดขึ้นมา ‘เฮ้ ตื่นขึ้นมา’


 


…ไม่นะ.


 


มันไม่ถูกต้อง


 


“สุดยอด….นอนหลับลึกมาก”


 


หน้านิ่วคิ้วขมวดแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของ ยูยอนฮา ท่ามกลางฝันร้าย ปลายจมูกของเธอและช่องว่างระหว่างคิ้วของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอยังอยู่ในฝันร้าย


 


“…ตื่นได้แล้ว.”


 


อย่างไรก็ตามคิมฮาจินไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์อีกต่อไป


เขาเคาะหน้าผากของ ยูยอนฮา เบาๆ ยูยอนฮา ส่ายหัวของเธออีกหนึ่งฝันร้ายที่ดูเหมือนจะครอบงำเธอ


 


คิมฮาจิน ไม่มีทางเลือกนอกจากผสมพลังเวทมนต์เข้าไปในหัวของ


ยูยอนฮา


 


“เฮ้อออออออออ… .”


 


เสียงครางแปลกๆไหลออกมาจากปากของ ยูยอนฮา รอยสักช่วย


ปลดปล่อยเธอจากฝันร้ายและในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นมา แต่สายตาของเธอยังคงถูกตรึงอยู่ในความว่างเปล่า


 


“ในที่สุดเธอก็ตื่น”


 


คิมฮาจินพูดพร้อมรอยยิ้ม


 


“… ?”


 


ยูยอนฮา หันศีรษะของเธอไปด้านข้างและมองหน้าผู้ชายที่พูดกับเธอ


 


“…ฮะ?”


 


เธอโพล่งออกมาด้วยความตกใจเพียงคำเดียว คิมฮาจินอยู่ต่อหน้าเธอ คิมฮาจิน คนที่ตายไปแล้วยิ้มเหมือนแสงจากดวงอาทิตย์ ‘นี่เองก็คงเป็นความฝันด้วยเช่นกันสินะ’ เธอคิด


 


“ปกติ เธอไม่ชอบนอนกลางวันนี้น่า”


 


คิมฮาจินซึ่งดูเหมือนจริงเกินไปพึมพำ


 


…ยังอยู่อีกเหรอ ยูยอนฮา ไม่พูดอะไร


 


“เฮ้ออออ-”


 


ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็ม้วนกลับและเธอก็หมดสติลงไปอีกครั้ง


ตอนนี้เธอขาดพลังใจที่จะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม