The Novel’s Extra 413-419

 บทที่ 413 จุดจบของหอคอย (1)


 


ทันทีที่ผมเปิดใช้งานการ์ด 8 ดาวโรงน้ำชาก็ปรากฏขึ้นที่ด้านขวาของพุ่มไม้ โรงน้ำชาขนาดเล็กสร้างขึ้นจากอิฐสีสันสดใส ทุกคนจ้องมองด้วยความประหลาดใจ


 


“นั่นมันอะไรน่ะ?”


 


ดวงตาของไอลีน หมุนติ้ว


 


“มันเรียกว่าโรงน้ำชาแห่งปาฏิหาริย์ เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า”


 


ผมพูดแล้วมองไปที่ด้านข้างของผม คิมซูโฮ และ จินเซยอน ทั้งคู่ต่างก็ประหลาดใจเหมือนกัน อียองอา ยังคงถ่ายภาพโรงน้ำชาราวกับว่าเขาเป็นช่างภาพมืออาชีพ จินเซยอน เป็นคนแรกที่ถามผม


 


“คุณ เฟนรีล คุณใช้การ์ด 8 ดาวเลยเหรอ? พวกเรารู้สึกขอบคุณมากๆแต่…ฉันคิดว่าการ์ด 8 ดาวมันมีค่ามากเกินไป”


 


“ฮะ? …อ้อ~”


 


ความกังวลของเธอไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเมื่อพิจารณาว่าไอเท็มที่ได้รับความนิยมสูงสุดของบ้านประมูลนั้นคือการ์ดจาก [อาณาจักรแห่งการ์ด] ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นจะคุยโม้ในโซเชี่ยวเกี่ยวกับการ์ด 6 ดาวของพวกเขาและการ์ด 7 ดาวที่หาได้ยากยิ่งแม้ว่าจะไม่มีใครมีการ์ด 8 ดาวหรือสูงกว่าเลยก็ตาม


 


“ไม่เป็นไรจะใช้มันตอนไหนได้ถ้าไม่ใช้ตอนนี้”


 


แน่นอนว่าการ์ดไม่ใช่ของธรรมดาสำหรับผมเช่นกัน แต่ผมสามารถใช้มันได้ถึง 3 ครั้งและนี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเราจะสามารถกู้คืนความแข็งแกร่งของพวกเราในดินแดนของราชาปีศาจ


 


“ทุกคนอย่ายืนอยู่ที่นั่นเลย ไปกันเถอะ เฮ้ไปกันเถอะ”


 


ผมจับไหล่ของ คิมซูโฮ


 


“ฮะ? อ้อ ใช่.”


 


คิมซูโฮพยักหน้าพวกเราเข้าไปในโรงน้ำชาด้วยกัน


 


“… 8 ดาว.”


 


“คุณ เซยอน คุณจำได้ไหมว่ามีการ์ด 7 ดาวขายเท่าไหร่?”


 


“ฉันจำไม่ได้ แต่ฉันรู้ว่าแพงมาก”


 


คิมซูโฮ ขัดจังหวะการสนทนาของ อียองอา และ จินเซยอน


 


“ผมไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่ฮาจินมอบการ์ด 8 ดาวให้ผมเป็นของขวัญด้วยละ”


 


“…นายแน่ใจนะว่านั้นไม่ได้โม้”


 


จากนั้นทั้ง 3 คนก็คุยกันอย่างมีความสุขขณะที่พวกเขาตามผมมา อย่างไรก็ตามไอลีนเดินช้าอย่างผิดปกติ มีบางอย่างผิดปกติ ผมศึกษาไอลีนอย่างระมัดระวังจากนั้น…ผมก็คว้าข้อมือของเธอขึ้นมา


 


“ว้ายยย! นะ-นายทำอะไร! เกิดอะไรขึ้น?!”


 


ไอลีน ดูตกใจมากเมื่อผมสัมผัสร่างกายของเธอ


 


“นายอยากตายหรือไง?”


 


ไอลีน พยายามจับมือผมอย่างรุนแรง แต่ผมจับแขนเสื้อของเธออย่างดื้อรั้น ความต้านทานของไอลีนเบาลงสาเหตุของการโกหกที่อยู่ใต้แขนเสื้อของเธอ รอยช้ำสีดำวิ่งผ่านแขนที่เบาะบางและขาวซีดของเธอ


มันเป็นผลมาจาก ‘พิษพลังปีศาจ’ ซึ่งพลังปีศาจจะเน่าเปื่อยในแผลเมื่อเวลาผ่านไป


 


“นี่มันอะไรกัน คุณไอลีน!”


 


“คุณเจ็บเมื่อไหร่ คุณ ไอลีน?”


 


ทั้ง 3 คนมีปฏิกิริยาแตกต่างกัน จินเซยอนร้องออกมาและตรวจดูรอยช้ำอียองอากังวลมากและรีบถ่ายภาพรอยแผลเอาไว้ส่วนคิมซูโฮหยิบสมุนไพรออกมา


 


“เอ่อ นี่มันน่าอายมาก….”


 


เมื่อรอยช้ำของเธอเปิดออก ไอลีน จับมือผมแน่น น้ำตาน้อยๆของเธอเริ่มไหลมารวมกันในดวงตาของเธอ


 


“มันเพิ่งเป็นน่ะ นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนที่ใช้พิษ? แม้แต่วาจาสิทธิ์ก็ไม่ทำงาน ฉันคิดว่ามันเป็นคำสาปหรืออะไรบางอย่าง”


 


คำสาปนี้อาจมาจากอสูรที่ได้รับพรโดย ‘พลัง’ ของราชาปีศาจ เนื่องจาก ‘พลัง’ แข็งแกร่งกว่า ‘พรสวรรค์’ จึงไม่มีสิ่งใดที่เธอจะทำได้ วาจาสิทธิ์แม้จะแข็งแกร่งแต่ก็เป็นเพียงพลังพรสวรรค์


 


“ไม่มีอะไรน่าอาย มันแสดงให้เห็นว่าคุณพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องทุกคน เอาละ พวกเราไม่ต้องการสมุนไพรพวกนั้นหรอก”


 


ผมหยุด คิมซูโฮ จากการบดสมุนไพรและเตรียมให้ไอลีน


 


“พวกเราสามารถล้างพิษภายในโรงน้ำชาได้”


 


ผมพูดในขณะที่ดึงลูกบิดประตูของโรงน้ำชา  – ประตูเปิดออกมาพร้อมกับเสียงระฆัง สิ่งแรกที่ฉันรู้สึกคือสายลมเย็น


 


“ทุกคนด้วยวิธีนี้”


 


พวกเราเข้าโรงน้ำชาด้วยกัน ข้างในนั้นใหญ่กว่าที่ปรากฏภายนอกและการตกแต่งภายในก็น่าทึ่ง หญ้าแกว่งไปมาบนพื้นดินเบื้องล่างและต้นไม้ใหญ่ยืนอยู่กลางร้าน


ผมยังสามารถได้ยินเสียงของลมจากระยะไกล ผมรู้สึกราวกับว่าผมได้ก้าวเข้าสู่ใจกลางของธรรมชาติ


 


“…ว้าว สถานที่นี้มันคืออะไรกัน?”


 


ไอลีนเป็นคนสุดท้ายที่เข้าโรงน้ำชาดูเหมือนเธอจะลืมความเจ็บปวดและความเขินอายของเธอไปจนหมด


 


“อย่างที่คิดเลยการ์ด 8 ดาว….สุดยอดจริงๆ”


 


“นายได้การ์ดใบนี้มาจากที่ไหนเหรอ ฮาจิน”


 


ผมตอบคำถามของคิมซูโฮด้วยรอยยิ้ม


 


“ฉันโชคดีมากจริงๆ”


 


ผมตัดบทสนทนาและเข้าไปที่เคาน์เตอร์ เจ้าของร้านกำลังงีบหลับอยู่บนเก้าอี้


ผมยาวและผิวนุ่มเนียน ตาโตและขนตายาว คมจมูกและริมฝีปากเหมือนเชอร์รี่


เจ้าของดูเหมือนจะเป็นผู้หญิง แต่อาจจะเป็นผู้ชายก็ได้ ไม่สิเผ่าพันธุ์ของพวกเขาสามารถเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทั้งสองมีความงามที่สมบูรณ์แบบราวกับว่าพวกเขาเป็นภาพตัดแปะของความงามในอุดมคติ


 


“…เอลฟ์? เฮ้อ เอลฟ์จริงๆเหรอ?”


 


ไอลีน กล่าวอย่างประหลาดใจ เจ้าของร้านเป็นเอลฟ์อย่างแน่นอนเช่นเดียวกับที่เธอพูด หลักฐานที่ใหญ่ที่สุดก็คือหูแหลมของเอลฟ์ พวกเราทุกคนจ้องมองไปที่เอลฟ์ด้วยความหวาดกลัวในที่สุดเอลฟ์ก็ลืมตาขึ้น


 


“…อ้า~ ลูกค้ามาแล้ว~?”


 


เอลฟ์ยิ้ม เสียงที่มีเสน่ห์ของเธอสะท้อนอยู่ในหูของผม ครู่หนึ่งผมมีอาการประสาทหลอนโลกสว่างขึ้นมาในทันใด ทุกคนที่นี่เองก็เป็นแบบเดียวกัน


 


ในเนื้อเรื่องของผม เมื่อตกหลุมรักใครเอลฟ์จะให้ความสำคัญกับภายในมากกว่า


รูปลักษณ์ภายนอกและพวกเขาก็ตัดสินใจเลือกเพศตามความชอบของคู่ครอง


 


“คุณเป็นลูกค้าใช่มั้ย”


 


“อะ? อ้อ ใช่พวกเราเป็นลูกค้า”


 


ผมไม่เคยจินตนาการว่าเจ้าของร้านจะเป็นเอลฟ์ ผมพยายามสงบสติอารมณ์และไม่ถาม อะไร


 


“ที่นี่ อะแฮ่ม ชาแบบไหนที่คุณมี?”


 


“เรามีให้เลือกมากมาย นี้เมนู”


 


เอลฟ์ชี้ไปที่เมนูที่แขวนอยู่บนผนัง


 


[ลมสีฟ้าคราม]


[ความหวานสีเขียว]


[พลังแห่งธรรมชาติ]


[การสู้รบอันโศรเศร้า…]


 


“ชาสำหรับชำระล้างพิษของพลังปีศาจเท่าไหร่”


 


“ฉันไม่รับเงิน แต่….”


 


ทันใดนั้นเอลฟ์ก็หยุดและมองดูไอลีนตัวเล็กๆข้างๆผม ดูเหมือนเอลฟ์จะตรวจพบออร่าของพลังปีศาจบนไอลีน


 


“อืม ฉันเห็นเธอตกอยู่ภายใต้คำสาป”


 


“อ้อ ใช่แล้ว”


 


“แล้วเธอเป็นคนแคระงั้นเหรอ?”


 


…ทันใดนั้น. ไอลีนมองไปรอบๆ ร้านและฮัมเพลงแกล้งไม่สนใจอะไร ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนมะเขือเทศ เธอก้มหัวลงและเริ่มสั่นด้วยความโกรธ


 


“….เธอ”


 


ทันใดนั้นไอลีนก็สูงขึ้นมา เธอกำลังเขย่ง


 


“นายพูดอะไรนะ?”


 


“อ้อ ใช่ฉันขอโทษที มีพลังเวทมนต์มากมายในร่างเล็กๆ นั่นคือลักษณะของคนแคระ”


 


“อะไรนะ? ลักษณะของคนแคระ? แกจงใจพูดแบบนี้ใช่ไหม เฮ้ ไปกันเถอะ ปล่อยฉันนะ.”


 


จินเซยอน เข้ามาหยุด ไอลีน ก่อนที่จะเริ่มก่อเหตุ ไอลีน แขนทั้ง 2 ข้างของเธอและขาสั้นๆของเธอเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนักเมื่อเทียบกับ


จินเซยอน


 


“คนแคระอย่างโกรธไปเลย ฉันเรียกเธอว่าคนแคระทำให้เธอคงมีความสุขมากๆเพราะเธอสูงและสวย สำหรับพวกของเธอเอง-!”


 


“ไอลีน ใจเย็นลงก่อน”


 


“ฉันจะใจเย็นได้ยังไง เธอเพิ่งเรียกฉันว่าคนแคระ -!”


 


การโวยวายเล็กๆเริ่มขึ้น ทันใดนั้นสายตาของเอลฟ์ก็ตกอยู่ที่ คิมซูโฮ คิมซูโฮมองไปที่เอลฟ์อย่างสงสัย พวกเอลฟ์พูดออกมา


 


“งดงามมาก.”


 


“…อะไรนะครับ?”


 


เอลฟ์คงจะพูดถึงคุณสมบัติภายในของคิมซูโฮ คิมซูโฮขอบคุณเอลฟ์ด้วยความงุนงงและพยักหน้า


 


“เนื่องจากหนึ่งในพวกคุณต้องการถอนพิษ ฉันจะให้ดื่มชาครั้งแรกฟรี”


 


“…ขอบคุณ.”


 


พวกเอลฟ์เริ่มชงชา ผมดูการเคลื่อนไหวในของมือของเขา มันใกล้พอทีผมจะเรียนรู้สูตรชาได้โดยง่าย


 


“ โฮ่…”


 


มีส่วนผสมมากเกินไปสำหรับหนึ่งชาแก้วเดียว ผมสามารถนับได้อย่างน้อย 179 ส่วนผสมและนั่นก็ไม่นับพลังเวทมนต์ของเอลฟ์ ผมอาจเลียนแบบพลังเวทมนต์ของพวกเขาได้โดยรอยสัก…แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะรวบรวมส่วนผสมทั้งหมด


 


“เสร็จเรียบร้อย.”


 


พวกเอลฟ์มอบถ้วยชาให้ ไอลีน ไอลีนยังคงบูดบึ้งและจ้องมองเอลฟ์และคว้าถ้วยออกจากมือของพวกเขา


 


“นี่คงจะดีนะ….”


 


สูดดดดด


 


คนแคระได้ดมกลิ่นชาและในทันใดนั้นความโกรธของเธอก็หายไปในอากาศ คนแคระจิบชาราวกับว่าเธอถูกคาถา


 


“ว้าว….”


 


นี่คือคนแคระที่หลงเสน่ห์โดยชาของเอลฟ์ ผมไอแห้งและมองไปที่เอลฟ์


 


“ขอบคุณ.”


 


“ยินดีต้อนรับ”


 


ผมพูดขึ้น


 


“พวกคุณมีไม้ไหม”


 


“ไม้?”


 


“ใช่.”


 


ผมรู้แล้วว่าเอลฟ์ชอบอะไร เอลฟ์ที่รักต้นไม้และมีความสามารถในการหายใจเข้าสู่ต้นไม้รัก ตุ๊กตาไม้ที่น่ารัก


 


“ผมเก่งในเรื่องการทำตุ๊กตาไม้”


 


***********************************************************************


 


…หลังจากนั้นพวกเราก็ใช้เวลาทั้งวันที่โรงน้ำชา ไอลีนชอบที่นี่มากกว่าคนอื่นๆ แม้ว่าเธอจะคลั่งกับคำว่า ‘คนแคระ’ เป็นครั้งคราว แต่เธอก็หลงรักเค้กที่เอลฟ์ทำเพื่อเธอ


 


“…วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำธุรกิจ”


 


อย่างไรก็ตามถึงเวลาแล้วที่ต้องกล่าวคำอำลา พวกเอลฟ์มองดูพวกเราด้วยสีหน้าเศร้าๆ


 


ผมผิดหวังที่มากที่ผมไม่ใช้ ‘Medicinal Memory Physique’ ของผมอย่างเต็มที่ถึงอย่างนั้นผมก็เรียนรู้ที่จะชงชาเกือบทุกชนิด ด้วยส่วนผสมที่ถูกต้องผมสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่บนโลกได้อย่างง่ายดาย


 


“ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่พวกคุณทำให้กับเรา”


 


จินเซยอนโค้งคำนับ อียองอา และ ไอลีน คิมซูโฮยื่นจดหมายให้เอลฟ์ซึ่งเขาพยายามอย่างหนักเพื่อเขียนมันขึ้นมา


 


“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง.”


 


“โอ้ ซูโฮ”


 


เอลฟ์ได้รับจดหมายของเขา เมื่อเห็นแบบนี้ผมก็รู้อีกครั้งว่าคิมซูโฮเป็นพระเอกตัวจริง


 


“และนี่คือจากฉัน”


 


น้ำตากำลังรวมตัวกันในสายตาของเอลฟ์ซึ่งดูเหมือนจะใกล้จะเลือกเพศของพวกเขาในฐานะผู้หญิงเมื่อผมมอบตุ๊กตาไม้ตัวสุดท้าย มันเป็นลูกสุนัขที่น่ารัก เอลฟ์มีความสุขกับตุ๊กตาไม้ที่มีพลังเวทมนต์ ตุ๊กตามีชีวิตชีวาและเริ่มเดินเตาะแตะด้วยขาทั้งสี่ของมัน


 


“ขอบคุณ.”


 


“ได้โปรดดูแลมันด้วยนะ”


 


“ฉันจะถ่ายรูป 1 ภาพเพื่อระลึกถึงความทรงจำนี้”


 


“บาย. ขอบคุณสำหรับเค้กและช็อคโกแลต ฉันชอบมากเลยละ”


 


จินเซยอน, คิมซูโฮ, อียองอา และ ไอลีน ต่างก็กล่าวคำอำลาตามลำดับ


 


——————–2—————-


บทที่ 414 จุดจบของหอคอย (2)


 


“ใช่ ลาก่อน ฉันเองก็สนุกมากเลยละในช่วง 3 วันที่ผ่านมา”


 


เอลฟ์มองพวกเราด้วยสายตาที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยน้ำตา


 


เพี้ยววววววว…


 


ไม่ช้าโรงน้ำชาก็เริ่มสั่นและเราก็ก้าวออกไปข้างนอก ผมก้าวไปสู่ทิวทัศน์อันน่าเศร้าของอาณาจักรปีศาจและเมื่อผมมองย้อนกลับไปโรงน้ำชาก็หายไปแล้ว


 


“พวกเรา พักผ่อนกันดีใช่มั้ย”


 


ผมพูดกับทุกคนที่ดูเหมือนไร้ความหวังเล็กน้อย แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะรู้สึกเหงา


 


“เริ่มกันเลย ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”


 


**


 


[วลาดิวอสต็อก, รัสเซีย – สำนักงานใหญ่ของ สังคมปีศาจ]


 


วันหนึ่งในที่มืดมิดการไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของ สังคมปีศาจ เขาแนะนำตัวเองในฐานะผู้ส่งสารถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปีศาจก็ตาม


 


“….”


 


คนที่ลุกขึ้นสู่จุดสูงสุดของสมาคมแห่งความชั่วร้ายหลังจากหอคอยแห่งความปรารถนา – คิมฮักเคียว – ทักทายสัตว์ประหลาด


รูปร่างของสัตว์ประหลาดนั้นคล้ายกับมนุษย์ยกเว้นร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยขนและหัวของเขาคล้ายกับหมาป่า ฉลาก ‘มนุษย์หมาป่า’ จะพอดีกับสัตว์ประหลาดอย่างสมบูรณ์แบบ


 


“ …แกคือผู้ส่งสารใช่ไหม”


 


ใช่.


 


จากลำคอของสัตว์ประหลาดมีเสียงออกมาเป็นรอยโลหะแปลก ๆ คิมฮักเปียว ไม่อยากยินมันอีกเลย เขาถามด้วยหน้านิ่งๆ


 


“ฉันเข้าใจแล้ว. แล้วธุระของแกคือออะไร?”


 


มันเป็นหนึ่งใน ‘สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์’ ที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน จริงๆแล้วมันค่อนข้างน่ารำคาญที่จะจัดการกับพวกมัน คิมฮักเปียวไม่สามารถไล่พวกมันออกไปได้เมื่อพิจารณาสถานการณ์ใน Pandemonium ‘คิดว่าอย่างน้อยเราควรฟังสิ่งที่พวกมันพูด’ เขาคิด


 


– ราชาของพวกเรา ออร์เดอร์ ต้องการความภักดีจากแก


 


“…?”


 


แต่คิมฮักเปรวยก็ตกใจทันทีกับคำพูดอวดดีของมัน


 


“อะไรนะ? ฉันได้ยินไม่ผิด ใช่มั้ย…? พูดอีกครั้งสิ ความภักดี?”


 


– ใช่ถูกต้องแล้ว


 


คิมฮักเปียวไม่พูดอะไร มนุษย์หมาป่าจ้องมองที่คิมฮักเปียวอย่างนิ่งเงียบ ความเงียบงันเต็มช่องว่างระหว่างคนทั้งสอง


 


…ผ่านไปซักพักเงียบ ๆ


 


ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ออกมาจากปากของคิมฮักเปียว เสียงหัวเราะของเขาทำให้โลกสั่นสะเทือน


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า-!”


 


ผู้แทนของราชาใช้เสียงหัวเราะของเขาเป็นคำตอบในเชิงบวก มนุษย์หมาป่ายิ้มเบาๆ


 


– ราชาของพวกเราจะปกครองโลก แต่เขาก็ใจดีพอที่จะแบ่งปันบางส่วนให้กับปีศาจ …


 


“ แก ไอ้สวะ!”


 


คิมฮักเปโยก็ตะโกนจนเกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้ง เสียงโห่ร้องที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์เข้าไปในหูของมนุษย์หมาป่าและส่ายหัวกะโหลกของมันจากด้านใน


 


“เจ้าสัตว์ร้าย อย่าอยู่เลย?”


 


คิมฮักเปโยตะโกนและทุบหมัดของเขาลงไป


 


ตู้มมมมมมมมมมมม-!


 


เสียงคำรามดังกึกก้องเต็มอากาศ ในขณะเดียวกันพลังเวทมนต์ก็ลอยขึ้นไปในอากาศและกระจายออกไปในคลื่นกระแทกขนาดใหญ่


 


“แกคิดว่าแกกำลังพูดกับใคร -!”


 


คิมฮักเปโยตะโกนและจับมนุษย์หมาป่าที่กำลังสับสนอย่างชัดเจน


 


แกว๊ก …


เขาฉีกแขนของหมาป่าออกก่อนที่หมาป่าจะพูดอะไรสักอย่าง เขาคว้าหัวของหมาป่าและกระแทกลงกับพื้น


 


“แก ไอ้สวะ แกคิดว่าฉันเป็นใคร อะไรนะราชา ราชา งั้นเหรอ-?!”


 


คิมฮักเปียวกระทืบหัวชองมนุษย์หมาป่าซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อปลดปล่อยความโกรธออกมา


 


ตู้ม— ตู้ม— ตู้ม—!


 


เสียงของการกระทืบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้ามนุษย์หมาป่าก็ทรุดลงไปกองกับพื้นและแทบไม่เหลือแรงหายใจ


 


“แฮก ….แฮก “


 


คิมฮักเปียวถอนหายใจและก้มตัวคุกเข่าลฝข้างหนึ่ง จากนั้นเขาก็จับหัวมนุษย์หมาป่าและดึงขึ้นมาเพื่อสบตากับเขา


 


“ฟัง ฉันนะ เจ้าหมาป่า”


 


ดวงตาของคิมฮักเปียวนั้นจ้องมองอย่างเดือดดาน ดวงตาสีแดงของเขาซึ่งเป็นลักษณะของปีศาจจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเหลืองสดใสของมนุษย์หมาป่า


 


“ฉันไม่รู้และไม่สนใจที่จะรู้ว่าราชาของแกเป็นใคร แต่….”


 


คิมฮักเปียว อ้าปากกว้าง มีหมอกหนาของพลังปีศาจไหลออกมาจากปากของเขาและกลืนร่างของเขาไปทั้งหมด คิมฮักเปียวเปียกชุ่มไปด้วยพลังปีศาจเปลี่ยนเป็น


‘สิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์’ เป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดและเป็นอันตรายมากกว่ามนุษย์ มันเป็นความมุ่งมั่นที่สมบูรณ์แบบ


 


– ไปบอกมันว่าฉันจะฆ่ามันทันทีที่ฉันเจอมัน


 


เสียงของปีศาจเดือดดานด้วยความโกรธแค้น


 


**


 


[ชั้น 28 – กำแพงปราสาทปีศาจราชา]


 


หลังจากเดินทาง 3 วันในที่สดุพวกเราก็มาถึงปราสาทของราชาปีศาจ ปราสาทที่ล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกหดหู่เศร้าโศกและกลิ่นอายของความแข็งแกร่ง


 


“ก่อนอื่นฉันคิดว่ามันจะเป็นการดีที่สุดที่จะเดินทางใต้ดินเข้าไปในปราสาท”


 


พวกเราซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆและเริ่มประชุมกลยุทธ์ของเรา แน่นอนหัวหน้าของการประชุมคือผม ผมเป็นคนเดียวที่รู้เกี่ยวกับโครงสร้างและจุดบอดของปราสาท


 


“พวกเราจะเข้าไปตัวปราสาทจากใต้ดินได้ยัไง”


 


งับ งับ ไอลีน ถามขณะที่เธอส่งเสียงเคี้ยวช็อคโกแลต


 


“ กำแพงด้านตะวันออกและกำแพงด้านเหนือมีรอยแตกที่นำไปสู่ข้างในได้”


 


“…งับ แล้วนายรู้ได้ยังไงช?”


 


“สายตาของฉันดีมากๆ คุณรู้เกี่ยวกับมุมมองดาวเทียมใช่มั้ย”


 


ไอลีนพยักหน้า


 


“ฉันเห็นปราสาททั้งหลังได้ในแบบนั้น วิสัยทัศน์ของผมไม่ได้เป็นแนวนอน แต่เป็นแนวตั้ง มันง่ายที่จะมองเห็นช่องว่างถ้าคุณมองลงมาจากข้างบน”


 


“อ๊ะ…นี้เป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์ของนายใช่ไหม? หรือว่าเป็นทักษะงั้นเหรอ”


 


“เอาล่ะสมมติว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์ของฉันก็แล้วกัน”


 


ผมยิ้มเล็กน้อย  จินเซยอน ก้าวออกมาช


 


“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามี 5 คนใช่ไหมพวกเราควรแบ่งออกเป็นทีมก่อน ทีม 1 2 คนอีกทีม 2 อีก 3 คน”


 


“ใช่ เป็นความคิดที่ดี”


 


ผมเห็นด้วยกับเธอ หากพวกเรา 5 คนไปด้วยกันไม่เพียงแต่จะมีโอกาสที่จะถูกจับ แต่มันก็ยากที่จะหาเส้นทางหลบหนีหากพวกเราพ่ายแพ้ด้วยเหตุผลบางอย่าง


 


“งั้นฮาจินและฉันจะ….”


 


“ฮะ? ฮาจินต้องไปกับผม”


 


แต่มีความขัดแย้งทางความคิดเห็นเกี่ยวกับการแบ่งทีม ดูเหมือนว่าทั้ง จินเซยอน และ คิมซูโฮ อยากที่จะจัดตั้งทีมกับผม


 


“ซูโฮ? เกิดอะไรขึ้น”


 


จินเซยอนเอียงศีรษะของเธออย่างสงสัยพร้อมถามคิมซูโฮ


 


“เธอไม่เคยคัดค้านฉันจนถึงตอนนี้….”


 


“ก็แค่การมี 2 นักแม่นปืนในทีมเดียวกันมันไม่สมเหตุสมผล”


 


“ไม่ ฮาจิน จะเรียกว่าเป็นนักสู้ระยะใกล้ก็ได้จำสิ่งที่เขาพูดครั้งสุดท้ายได้ไหม ปืนนั่นดีกว่าสำหรับการต่อสู้ในระยะใกล้?”


 


“เป็นก็จริง แต่ในแง่ของการทำงานเป็นทีมฮาจินและผมอยู่ด้วยกันดีกว่า เพราะยังไงคุณก็พึ่งเจอเขาแค่ไม่กี่ครั้ง”


 


“ไม่ลพวกเราควรพิจารณาจากประสิทธิภาพจะเกิดอะไรขึ้นถ้านักแม่นปืน 2 คนรวมกันเป็นทีม? พวกเราจะไม่ถูกจับแน่นอน เนื่องจากพวกเราเป็นทั้งนักแม่นปืนที่เก่งในการเดินทางอย่างลับๆในที่มืด….”


 


การทะเลาะกันเกิดขึ้น การทะเลาะกันเวลา 5 นาที 10 นาทีจากนั้น 15 นาที….


 


‘คิมซูโฮ กับ จินเซยอน งั้นเหรอ’


 


ทันใดนั้นความคิดก็เข้ามาในจิตใจของผม


 


จินเซยอน ถามผมเกี่ยวกับอุบัติการณ์ควังโอ ในขณะที่ผมเป็น ดอกบัวดำ ในกรณีนี้คือ


จินเซยอน รู้แล้วงั้นเหรอ?


 


“พอแล้ว. นายมากับฉัน.”


 


ไม่อยากฟังการทะเลาะของ คิมซูโฮ และ จินเซยอน อีกต่อไป ไอลีน ดึงแขนของผมออกมา ..


 


“ทำไม? ทำไมคุณต้องแทรงเข้ามา ไอลีน?”


 


“เธอพูดถูก คุณไม่เหมาะกับเขา”


 


“อ้อ เหรอ หุบปากไปเลยนะ ก่อนที่ฉันจะใช้วาจาสิทธิ์”


 


ไอลีนจับ (?) ผมอย่างแรงและในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกทีมสำเร็จ


ทีมที่ 1 – ไอลีน และ คิมฮาจิน


ทีมที่ 2 – คิมซูโฮ, จินเซยอน และ อียองอา


เรียกได้ว่าเป็นการรวมกันที่สมดุลที่สุด


 


“พวกเราสร้างทีมเสร็จแล้ว ดังนั้น คิมฮาจิน? บอกแผนให้เราฟัง”


 


“แน่นอน แผนก็ตามนี้: มีรอยแตกลับ 2 ทาง ทางตะวันออกและทางเหนือ พวกเราจะใช้ช่องเหล่านี้เพื่อ….”


 


**


 


หลังจากการบรรยายสรุปไอลีนและผมเข้าไปในปราสาทผ่านช่องทางทิศเหนือ ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างพวกเรา แม้แต่เสียงฝีเท้าก็สามารถทำให้เกิดอันตรายได้


 


แต่ยิ่งพวกเราก้าวต่อไปในปราสาทมากเท่าไหร่พลังปีศาจก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญเล็ก ๆ จาก ไอลีน


 


“…ไอลีน, มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”


 


“อามันเป็นแค่…บาดแผลจากก่อนหน้านี้ รอแป๊บมันจะดีขึ้นเอง”


 


ไอลีน สร้างหน้ากากโดยใช้ วาจาสิทธิ์ แล้วสวมมัน


 


“ฉันพร้อมแล้ว ไปกันเถอะ.”


 


เป็นการแก้ปัญหาเป็นเพียงชั่วคราว แต่เราไม่มีทางเลือกอื่น พวกเราเดินหน้าต่อไป


ปราสาทมืดมิดและพวกเรามองไม่เห็นอะไรเลย แต่พวกเราทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าทันทีที่พวกเราเจออะไรนั้นคือศัตรูจะปรากฏตัวทันที


 


ซ่าาาาา …


 


และเวลานั้นก็มาถึงอย่างรวดเร็ว พวกเราได้ยินเสียงประกายไฟ เลยเงยหน้าขึ้นมอง


 


โคมระย้าขนาดใหญ่ห้อยลงมาจากเพดานของปราสาท เหนือแสงนั้นแสงบางๆปรากฏขึ้นเหมือนหมอก


 


“ …มันเป็นศัตรูใช่มั้ย”


 


“…ใช่. หัวหน้าระดับกลางเลยละ”


 


ไอลีน มองไม่เห็นในความมืดที่ทำให้ไม่เห็น แต่ผมทำได้ ด้านบนของโคมระย้าเป็นหัวหน้าปีศาจระดับกลางของปราสาทปีศาจยืนอยู่


 


– ข้ามีความสุขที่ได้พบพวกเจ้า….


 


เสียงเพรียวบางของมันทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนว่าถูกงูเลีย จนถึงตอนนี้เนื้อเรื่อง


ค่อนข้างโบราณ ‘พรรคพวกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มและในขณะที่สหายกำลังต่อสู้กับหัวหน้าปีศาจระดับกลาง ก็ต้องผ่านไปเจอหัวหน้าใหญ่’


 


‘แต่นั่นมันก็คือเรื่องจริง….’


 


ผมเหลือบไปที่ ไอลีน ที่ถัดจากผม ไอลีนดูเศร้าสร้อย สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนัก


 


– ชื่อของข้าคือ ไกเอน นักเชิดหุ่นที่รอให้พวกเจ้ามาถึง….


 


เสียงร้องแนะนำตัวเอง


 


ตู้ม, ตู้ม


 


ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดัง ๆ ดังขึ้นในหูของผม แต่นี่ไม่ใช่การรับรู้ของผมเอง มันเป็นความ


รู้สึกที่สปาร์ตันแบ่งปันกับผม ผมยิ้มเบาๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล


 


‘…เฮ้ นายแน่ใจเหรอว่านี่เป็นทางที่ถูกต้องแล้ว?’


 


นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดใน โกคูรยอ ทหารเทพที่กวาดล้างประเทศด้วยดาบเพียงเล่มเดียว


สปาร์ตันพาชายที่ชื่อ ชอคจุนกยอง ผู้ทิ้งความประทับใจตลอดกาลไว้ในประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรเกาหลีกำลังใกล้เข้ามาแล้ว


บทที่ 415 จุดจบของหอคอย (3)


 


ไกเอน นักเชิดหุ่น


 


ในนิยายของผม ผมเขียนให้เขาคลุมเครือมาก ไกเอน เป็นตัวละครที่ไม่ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำอธิบายที่ผมใช้อธิบายเขาคือ [เชิดหุ่น],


[ปลิ้นปล้อน], [ไร้อารมณ์] และ [เหี้ยมโหด] เนื่องจากเขาไม่ได้เป็น


ตัวละครสำคัญผมจึงไม่ได้เขียนอะไรลงไปมาก แม้ว่า คิมซูโฮ จะตัดเขาในเนื้อเรื่องเดิมได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเราก็ต้องระวังเพราะผู้เขียนร่วมเปลี่ยนอะไรไปหลายๆอย่าง


 


– …การพบเจอมีความสวยงามอยู่เสมอ การพบเจอกันของพวกเราเองก็เช่นกันโดยเฉพาะ…………


 


ไกเอน ยังคงพูดต่อไปในขณะที่ผมกำลังคิด ผมรู้สึกเหมือนผมถูกเลียด้วยเสียงที่ลื่นไหลของเขา


 


“ไอ้บ้านั่นกำลังพูดอะไร…”


 


ไอลีน ขมวดคิ้วขณะที่เธอเปิดใช้ทักษะของเธอ


วิ้งงงงงงงงงง…


 


รัศมีออร่าสีน้ำเงินลุกโชนขึ้นจากพื้นดินและซึมเข้าไปในร่างกายของเธอ เธอใช้ทักษะพิเศษที่เรียกว่า [ขยายพลังเวทมนต์]


 


“อาาา”


 


แต่ในขณะนั้นไอลีนก็จับหัวใจเธอและคุกเข่าลงบนพื้น


 


“ไอลีน!”


 


“ฉันไม่เป็นไร”


 


เธอลุกขึ้นก่อนผมจะพูดอะไรจบ


 


“นี่ ….”


 


เหงื่อเย็นๆก่อตัวขึ้นบนหน้าผากของเธอ แต่เธอไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยล้าจากภายนอกและจ้องมองไปที่ ไกเอน ที่กำลังเต้นรำอยู่บนโคมระย้า


 


– เต้นเหมือนหุ่นยิ้มอย่างเงียบๆ


 


เสียงของ ไกเอน เข้ามาหาผมอย่างน่ากลัว ไอลีน ชี้นิ้วของเธอไปที่เขา


 


“แกลงมา”


 


พลังเวทมนต์ซึมเข้าไปในคำ 3 คำนี้


 


“วาจาสิทธิ์ งั้นเหรอมันไม่ได้ผลหรอก”


 


ผมหยุดเธอเพราะรู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ อย่างที่ผมได้พูดไปราชาปีศาจได้รับการคุ้มครองโดยหน่วยของเขา แน่นอนว่าเราสามารถเอาชนะได้ถ้ามีพลังเวทมนตร์ที่เพียงพอ แต่นั่นจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังเวทย์ในตอนนี้


 


“….ยังหรอกน่า”


 


ที่สำคัญกว่านั้น วาจาสิทธิ์ ของ ไอลีน นั้นทรงพลังแม้ว่าเธอจะไม่ได้บังคับใครก็ตาม ไอลีน ปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอขึ้นในอากาศและก่อตัวเป็นหอก


 


“หอกนี้จะทะลุหัวใจของแก”


 


คำพูดของเธอทำให้หอกพุ่งไปข้างหน้า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหอกนี้เพราะ วาจาสิทธิ์ ได้กำหนดผลลัพธ์ที่แน่นอนเอาไว้ หอกแทงหัวใจของ ไกเอน แต่สิ่งพอโจมตีไปแล้ว กลับทำให้ไอลีนรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก


 


“อัก…กลายเป็นแสงสว่าง”


 


เธอพูดต่อแม้ว่าจะร้องครวญคราง หอกแทงหัวใจของ ไกเอน และเปลี่ยนเป็นแสงพร้อมระเบิดออกมา แสงไฟโคมระย้าล้มลงพร้อมกับไกเอน ร่างของเขากระจัดกระจายไปเป็นฝุ่นโดยไม่ต้องสัมผัสกับพื้น


 


“อะไรกันเขาแค่ลูกกระจ๊อกงั้นเหรอ?”


 


การต่อสู้จบลงอย่างง่ายดาย ไอลีนขมวดคิ้วของเธอ แต่ผมส่ายหัว


 


มันยังไม่จบ


 


“ไม่หรอก เขาอาจจะ-”


 


ราวกับว่าเขากำลังรอให้ผมพูดดนตรีออร์แกนก็เริ่มบรรเลงจากความมืดมันเป็นความต่อเนื่องของการต่อสู้


 


– เพลงและดอกไม้…เพลง….


 


เสียงของ ไกเอน ดังขึ้นพร้อมเสียงของอวัยวะที่น่ากลัว ไม่ใช่แค่เสียงเดียว เสียงหลายคนกำลังร้องเพลงราวกับว่าเป็นนักร้อง


 


– เจ้ามนุษย์สกปรก แต่พวกเจ้ามีสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่ง….


 


ปัง


 


ทันใดนั้นเสียงทั้งหมดก็ถูกตัดออก ไอลีน สะดุ้งในความเงียบอย่าง


ฉับพลัน


 


ทันในนั้นแสงสปอตไลต์ก็สว่างขึ้นกลางห้อง


 


– ฮ่าฮ่าฮ่า การแยกอวัยวะ … ดอกไม้ที่เกิดจากความตาย …


 


ไกเอน หลายร้อยคนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา


ไม่มีความแตกต่างระหว่างร่างกายและร่างโคลน เมื่อไกเคนสร้างหุ่นโดยใช้หัวใจเป็นวัสดุ หุ่นแต่ละตัวมีค่าเทียบเท่ากับตัวตนที่แท้จริง


 


– พลังสีเลือด!


 


หุ่นยิงพลังเวทย์มนตร์สีเลือดออกมา คลื่นพลังเวทย์มนตร์พุ่งเข้าใส่


พวกเราพร้อมการเต้นรำราวกับว่ามันอยู่บนเวที ไอลีนตะโกนอย่างมั่นใจ


 


“แกไม่สามารถเจาะบาเรียของฉัน -!”


 


ไอลีน สร้างบาเรียรอบตัวพวกเราทั้ง 2 ป้องกันพลังเวทมนต์ที่ยิงออกมา อย่างไรก็ตามการโจมตีของหุ่นนั้นไม่มีที่สิ้นสุด มีหลายอย่างที่เหมือนอาวุธ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเจาะบาเรียของ ไอลีน แต่การอยู่ในบาเรียอย่างเดียวก็ไม่อาจทำให้เราชนะ


 


ผมมองที่ไอลีน


 


“โอ้ยยยย… .”


 


เธอ กำลังตกอยู่ในความเจ็บปวดเพียงแค่รักษา บาเรีย ของเธอ แม้ว่าคำสาปของเธอจะหายเป็นปกติแล้ว แต่รอยแผลเป็นยังเหลืออยู่เมื่อมันตอบสนองต่อพลังปีศาจของราชาปีศาจ ถ้าผมคิดไม่ผิดตอนนี้ ไอลีน มาถึงขีดสุดแล้ว


 


“รอแปบนะ”


 


ผมเอา Desert Eagle ออกมาก ไกเอน เป็นคู่ต่อสู้สำหรับผม แม้ว่ามันจะมีความสามารถพิเศษแต่ผมสามารถต่อสู้กับหลายๆคนได้พร้อมกัน แต่ผมก็มีรอยสักจำกัดซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องใช้เพื่อฆ่า ไกเอน


 


ผมสามารถฆ่าปีศาจ 6 ตัวได้อย่างง่ายดายด้วย


[การลงโทษและระเบียบวินัย] แต่หุ่นของ ไกเอน ทุกคนถือว่าเป็นปีศาจแต่ละตัว เมื่อมีหลายร้อยตัว พลังนี้ก็มีประโยชน์น้อยมาก


 


“ไปกันเถอะ.”


 


ผมเปลี่ยนปืนเป็นปืนไรเฟิลจู่โจม ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร ผมแค่ต้องซื้อเวลาจนกว่า ชอคจุนกยอง จะมาถึงที่นี่


 


ผมมีกระสุนประมาณ 1000 นัด นั่นมันมากเกินพอแล้ว


 


ผมเริ่มยิงจากใน บาเรียของไอลีน การโจมตีของกระสุนทั้งหมดพุ่งไปยังจุดสำคัญของหุ่นแต่ละตัว ตามข้อต่อของพวกมัน ผมใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาทีและหุ่นที่ไม่มีแขนขาก็ล้มลงกับพื้น


 


หุ่นพยายามหลบกระสุนของผม แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีทางที่กระสุนของผมจะพลาดเป้า ผมยิงไปตามที่สัญชาตญาณบอกให้ผมยิง ตามที่คาดไว้จากความแม่นยำของผมนั้นมาถึงขีดสุดแล้ว


 


หวด-!


 


จากนั้นทันใดนั้นหุ่นตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ บาเรีย ของ ไอลีน ร่างกายของหุ่นเชิดนั้นเริ่มใหญ่ขึ้น มันใช้การโจมตีที่ได้ผลที่สุดเพื่อทำลายบาเรีย


นั้นคือ การทำลายตนเอง


 


“พายุจะผลักแกออกไป!”


 


ไอลีพึมพำอย่างรวดเร็ว หุ่นกระบอกที่จุดชนวนระเบิดตัวเองนั้นถูกส่งลอยไประเบิดอย่างรวดเร็ว แม้ว่าความเสียหายจะลดลง แต่ บาเรีย ของ ไอลีน ก็อ่อนแรงลงเช่นกัน


 


“จักการให้ดีกว่านี้ จะได้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก”


 


“…โอเค.”


 


ผมเปิดใช้งาน Bullet Time และเริ่มโฟกัสไปที่การยิงหุ่นกระบอกที่อยู่ใกล้ที่สุด ผมใช้ Reinforced Bullet ซึ่งเป็นพรสวรรค์ใหม่ที่ผมได้รับเมื่อ ปรมจารย์นักแม่นปืน เลื่อนระดับเป็นระดับ 2 พลังที่มอบให้กับกระสุนแต่ละนัดโดยพรสวรรค์นี้เพียงพอที่จะกำจัดหุ่นทุกตัว


 


– งดงาม โศกนาฏกรรมมาพร้อมการต่อสู้ที่สิ้นหวัง …


 


ผมโจมตีในขณะที่ ไอลีน ป้องกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปไอลีนก็เริ่ม


อ่อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ


 


“… ฮ่าฮ่าฮ่า”


 


ลมหายใจของเธอเริ่มเบาลงในขณะที่ บาเรีย กำลังเล็กลงเรื่อยๆ แต่นี่ก็เพียงพอแล้ว ผมกระซิบกับ ไอลีน


 


“เธอสามารถพักผ่อนได้แล้วละ”


 


“อย่าพูดเรื่องแปลกๆ ฉันยังสบายดี “


 


ทันทีที่เธอพูดแบบนั้นหุ่นก็บินไปที่ บาเรีย แล้วระเบิดตัวเองอีกครั้ง


 


ตู้มมมมมมมมมมม!


 


แผ่นดินโลกสั่นสะเทือน แต่ บาเรีย ของ ไอลีน นั้นปกติดี ถึงกระนั้น


ไอลีนถูกกระแทกด้วยแรงระเบิดจนทำให้เธอคุกเข่าลงด้วยความเจ็บปวด


 


“แต่…เธอดูไม่ดีเลยนะ”


 


“…ฉันยังไหว ไปซะในขณะที่ฉันยังคงสามารถรักษาบาเรียนี้เอาไว้ได้ แล้วเจอกัน”


 


“โอ …”


 


ผมสัมผัสได้ถึงความกล้าหาญ แต่ผมจะไม่มีแผนหลบหนี ขณะนั้นเอง ไกเอนก็พึมพำอย่างเย่อหยิ่ง


 


– สิ่งที่ฉันต้องการคืองานเลี้ยงแห่งความตาย มันไม่เลวสำหรับคนแคระและมนุษย์ที่จะต้องตายด้วยกัน …


 


…ดูเหมือนว่ายังไงไอลีนก็เป็นคนแคระสินะ


 


“กะ- แกไอ้สารเลว”


 


ไอลีนตอบสนองไวต่อคำว่า ‘คนแคระ’ มาก ผมถอดเสื้ออย่างเงียบๆ จากนั้นผมก็วางมันลงบนไหล่ที่สั่นเทาของ ไอลีน


 


“…นี่อะไรน่ะ?”


 


“พักผ่อนได้แล้ว”


 


ผมวางมือบนหัวของไอลีน


 


“เอ๊ะ?”


 


“ฉันจะจัดการให้เสร็จเอง”


 


“แกบ้าหรือเปล่า? แกคิดว่ากำลังจับหัวของใคร…ฮา…?”


 


ฉันปล่อยพลังเวทย์มนตร์ของสติกมาส่งเข้าไปในร่างกายของไอลีน


 


“อ๊ะ…เฮ้ แกทำอะไร…ฉันรู้สึก…ง่วง……”


 


นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเธอ กำแพงป้องกันเราหายไป แต่ฉันไม่ต้องการอีกต่อไป เหตุผลนั้นง่ายมาก


 


เป็นเพราะพันธมิตรที่เชื่อถือได้มากที่สุดในโลกมาถึงแล้ว


 


“เฮ้ย.”


 


เสียงที่ดังกึกก้องอยู่ข้างหลังฉัน ฉันเลือกไอลีนแล้วก็ถอยกลับ


ชอคจุนกยอง ขมวดคิ้ว


 


“ทำไมเด็กเหลือขอคนนั้นถึงเป็นแบบนี้”


 


“มันเป็นแบบนี้เพราะ ศัตรูอยู่ตรงหน้าพวกเรา นายเห็นเขาใช่ไหม”


 


“แน่นอน พวกมันมากมายไม่น้อย”


 


ความไม่พอใจของเขาที่เห็นไอลีนล้มลมไปมีเพียงชั่วครู่หนึ่งขณะที่


รอยยิ้มกว้างๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขามีความสุขมากที่ได้ต่อสู้ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ทำให้เขาตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น


 


– นักแสดงหน้าใหม่เข้าร่วมการต่อสู้งั้นเหรอ


 


“เกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้นเหรอ? พวกมันทั้งหมดดูเหมือนกันเลยนะ”


 


ชอคจุนกยอง ถามในขณะที่เขาแตกนิ้ว


 


“ผู้ชายคนนั้นเป็นนักเชิดหุ่น โอ้ใช่และเป็นโรคจิตด้วย”


 


“โอ้.”


 


ผมไม่จำเป็นต้องอธิบาย ชอคจุนกยอง เขาพยักหน้าแล้วเริ่มยืดเส้นยืดสาย


 


“งั้นฉันต้องฆ่าพวกมันทั้งหมดงั้นสินะ?”


 


“…ใช่.”


 


กร็อบๆๆๆ


 


ทันทีที่ ชอคจุนกยอง ยืดตัวเสร็จ เสียงของ ไกเอน ก็ดังขึ้น


 


– ฉันคือผู้รักในศิลปะ …


 


“จริงเหรอ?”


 


ชอคจุนกยอง เปิดใช้งาน [พลังลับกล้ามเนื้อ] ร่างกายที่เหมือนเหล็กของเขากลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม


 


“เยี่ยมมาก”


 


ชอคจุนกยอง เปิดใช้งานทักษะอื่นๆ


 


ทักษะที่ไม่เหมือนใคร – [พลังเวทมนต์ไร้ขีดจำกัด]


 


สกิลที่มอบพลังเวทมนต์ให้แก่ผู้ใช้ เมื่อทักษะนี้ถูกเปิดใช้งาน


ชอคจุนกยอง จะไร้เทียมทาน


 


“ฉันก็เหมือนกัน”


 


โอ้ววววววววววววววววววววว…


 


ออร่าสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากร่างของ ชอคจุนกยอง


 


– ฉันเองก็มีความเป็นนักแสดงอยู่เหมือนกัน…


 


ชอคจุนกยอง พุ่งไปข้างหน้าเหมือนสัตว์ร้ายก่อนที่ ไกเอน จะพูดจบ


ลูกบอลพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวเต็มมืออันใหญ่โตของเขา


 


“—!”


 


เขาส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายและกระโดดไปในทะเลหุ่นกระบอก แม้ว่าหุ่นจะเริ่มโต้กลับทันทีแต่การโจมตีของพวกมันทั้งหมดทำให้เกิดรอยขีดข่วนในอากาศ


 


– …ยิง.


 


เสียงของ ไกเอน ดังขึ้น


 


“คุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”


 


เสียงหัวเราะของ ชอคจุนกยอง ดังราวฟ้าผ่า


 


เขาระเบิดพลังของเขาลงไปบนพื้น


———————2——————-


บทที่ 416 จุดจบของหอคอย (4)


ตู้มมมมมมมมมมมมม-!


 


ระเบิดพลังทำลายพื้นดินทั้งหมดจนเกิดแผ่นดินไหว


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า… “


 


พลังงานพุ่งออกมาเหมือนระเบิดของภูเขาไฟและทำลายหุ่นเชิดทันทีผมจ้องมองไปที่ฉากแห่งการทำลายล้างอย่างงุนงง เมฆฝุ่นขึ้นไปทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ตามปกติ


 


ผมไล่ตาม ชอคจุนกยอง ด้วยดวงตานับพันไมล์ เขาทุบหุ่นตัวหนึ่งด้วยมือเปล่า ไม่มีช่องว่างในการเคลื่อนไหวของเขาและเมื่อถูกจับ


หุ่นกระบอกก็ไม่มีทางรอดได้เลย


 


“ว้าววว… .”


 


ความกล้าหาญในการต่อสู้อันท่วมท้นของเขาทำให้ผมประหลาดใจ


ชอคจุนกยอง แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าจริงๆ


 


“—!”


 


ชอคจุนกยอง คำรามอีกครั้งท่ามกลางพลังเวทมนต์ที่เพิ่มขึ้น ผมเห็นดวงตาที่ลุกโชนของ ชอคจุนกยอง เหงื่อเย็นๆไหลลงมาหลังของผมทันที


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 8 Crevon – ลาน อัศวิน]


 


ในขณะเดียวกัน จินซาฮยอค กำลังอยู่ระหว่างการประชุมที่น่าเบื่อใน Crevon ในฐานะผู้บัญชาการอัศวินเธอต้องพิจารณาว่าจะเป็นผู้นำอัศวินได้ยังไง แน่นอนว่าเธออยู่ที่นี่เพื่อปรากฏตัวอย่างสง่างาม แต่ว่า การพูดคุยที่สำคัญนั้นให้สมาชิกคนอื่นๆในทีมทำ


 


“จากนั้นในการแลกเปลี่ยนเพื่อเพิ่มจำนวนอัศวินในการลาดตระเวนกลางคืน ศาลสามารถเพิ่มสวัสดิการให้กับอัศวินและครอบครัวของ


พวกเขา….”


 


จินซาฮยอค ยืนขึ้นจากที่นั่งของเธอทันทีที่การอภิปรายจบลง


 


“โอเค นั่นถือว่าสิ้นสุดของการประชุม”


 


“ใช่แล้วผู้บัญชาการ อา…พวกเรายังต้องพูดเกี่ยวกับชั้นที่ 9”


 


“พวกเราค่อยทำก็ได้ ไม่สิขอบันทึกการสนทนาของพวกคุณในลูกบอลคริสตัล ฉันจะดูมันเอง”


 


จินซาฮยอค บอกสมาชิกในทีมของเธอ เธอเพิ่งผ่านการผ่าตัดเสริมพลังที่เป็นเอกลักษณ์ของชั้น 7 ทำให้วันนี้เธอง่วงมาก


 


“““รับทราบ ท่านผู้บัญชาการอัศวิน!”””


 


“หาววววววววววววว….”


 


จินซาฮยอค ออกจากห้องประชุมขณะหาว หลังจากเดินลงบันไดของ ลานอัศวินแล้วเธอก็ไปเยี่ยมคอกม้า ม้าที่รักของเธอ ‘อตาลี’ เดินเข้ามาพร้อมความสุข


 


“อัศวินผู้บัญชาการ จินซาฮยอค?”


 


เมื่อเธอกระโดดขึ้นไปบนม้าของเธอ เสียงเบาๆก็ดังขึ้น จินซาฮยอค


หันหลังกลับมา


 


“เรเชล?”


 


เรเชลยืนอยู่ตรงนั้น เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนกับจินซาฮยอค มันเป็นรอยยิ้มของขุนนางที่แท้จริงทั้งอ่อนโยนและซื่อตรง เมื่อมองเห็นเธอจินซาฮยอคก็ตัดสินใจที่จะหันมาคุยกับเธอ


 


“ว่าไง?”


 


“อ่า มีบางอย่างที่ฉันอยากให้เธอ”


 


“เธอ? ถึงฉันเหรอ?”


 


“ใช่.”


 


จินซาฮยอค เงยศีรษะของเธอขณะที่เรเชลมอบสร้อยข้อมือและแจ็กเก็ตหนังให้เธอ


 


“…พวกนี้คืออะไร?”


 


เธอไม่ค่อยสนใจสร้อยข้อมือเท่าไหร่ แต่เธอชอบแจ็กเก็ตหนังสีดำ


จินซาฮยอค เหลือบมองไปที่ เรเชล ที่กำลังใส่เสื้อแจ็คเก็ตให้เธอ


 


“ขอบคุณ แต่ทำไม”


 


เรเชลตอบโดยไม่คิดมาก “มันเป็นของที่ระลึก เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเข้าร่วมคลับเฟนรีล”


 


“…ฮะ?”


 


“มีสัญลักษณ์ของหมาป่าอยู่ด้านหลัง”


 


“….”


 


จินซาฮยอค ไม่พูดอะไร คลับ เฟนรีล มันเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นโดยแฟนๆ ของคิมฮาจิน


 


“ถ้าทาง เธอจะทำงานหนักเกินไป….”


 


เรเชลมองไปรอบๆครู่หนึ่งแล้วกระซิบอย่างเงียบๆ


 


“ฉันให้เธอเจอเขาได้ เขาเป็นหนี้บุญคุณของฉันด้วยละ”


 


จินซาฮยอค ผงะ แต่เรเชลยิ้มอย่างสดใส


 


เพื่ออธิบายสถานการณ์นี้ต้องอธิบายก่อนหน้านี้ก่อน ‘คิมฮาจินเป็นคนใจดีจริงๆเหรอ’ จินซาฮยอคถามเรเชลอย่างลับๆเกี่ยวกับคิมฮาจิน


 


ตอนแรกเรเชลตอบเธอโดยไม่คิดมาก คิมฮาจินมีชื่อเสียงในนาม


‘เฟนรีล’ และ ‘ผู้พิชิตดอกบัวดำ’ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนจะอยากรู้เรื่องของเขา


 


แต่เมื่อซักถามไปเรื่อยๆเรเชลก็เริ่มสงสัยว่าทำไม จินซาฮยอค ถึงอยาก


รู้เรื่องของคิมฮาจินมากขนาดนี้


 


“ฉัน………ฉันเป็นแฟนคลับของเฟนรีลด้วยน่ะสิ”


 


มันเป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดที่เธอสามารถทำได้ในเวลานั้น จริงๆแล้วเธอยังไม่สามารถคิดหาทางแก้ตัวได้ดีกว่านี้


 


เมื่อกลับมาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน จินซาฮยอค ตอบด้วยรอยยิ้มที่น่าอึดอัดใจ


 


“เอ่อ ใช่ขอบคุณนะ”


 


“ทำให้ดีที่สุดละ!”


 


เรเชลยิ้มให้ท่าจินซาฮยอค จินซาฮยอค จ้องมองที่เรเชลอย่างตกตะลึงและได้แต่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ


 


“…ใช่ ฉันจะ.”


 


“เยี่ยมเลย ฉันจะรักษาสัญญาของฉันด้วย”


 


“เอ่อ ใช่….”


 


ด้วยเหตุผลบางอย่างเรเชลเพิ่งเริ่มยิ้มบ่อยขึ้น แน่นอน จินซาฮยอค


ไม่ได้สนใจ เธอประทับใจเรเชลเป็นอย่างมากเธอซึ่งไม่เคยแสดงความไม่พอใจหรือพฤติกรรมที่หยาบคายของเธอออกมาเลยแม้แต่กับลูกน้อง


 


“โอเค ถ้างั้นฉันจะกลับไปที่โลกก่อนนะ”


 


“เอ่อ อา ระวังตัวด้วยละ”


 


เรเชลกลับไปยังโลกหลังจากลากัน


 


วู๊บบบบบบบบบบบบ-


 


ลมพัด ทิ้ง จินซาฮยอค ไว้ตามลำพังเธอมองกำไลของเธอ มันเป็นสร้อยข้อมือแบบง่ายๆที่เป็นสัญลักษณ์ของหมาป่าสีดำ


 


“บ้าจริง….”


 


เธอกำลังจะโยนมันออกไป …


 


“…อะ”


 


แต่เธอใส่ไว้ในคลังของเธอแทน มันไม่มีความหมายอะไรมากนักแต่


จินซาฮยอค ไม่รู้ว่าทำไม เธอทำตามความรู้สึกของเธอ


 


*************************************************************************


[ชั้น 28 – ปราสาทราชาปีศาจ]


 


ไอลีนค่อยๆลืมตาขึ้นมา นี่คือสวรรค์หรือนรกกันนะ? นั่นเป็นสิ่งแรกที่เธออยากรู้


 


“…?”


 


แต่ร่างกายของเธอเคลื่อนไหวได้ไม่เหมือนคนตาย ความเจ็บปวดรุนแรงที่รบกวนเธอก็หายไปเช่นกัน


 


“เกิดอะไรขึ้น?”


 


“อ๊ะ เธอตื่นแล้วเหรอ?”


 


“ฮะ?”


 


ไอลีน ดวงตาเบิกกว้างด้วยเสียงของคิมฮาจินที่มองเธอจากด้านข้าง


 


‘ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ … ? โอ้ ใช่ฉันกำลังต่อสู้กับหุ่นเชิดพร้อมกับเขา’


 


เธอจำความทรงจำที่เธอสูญหายไปได้ในไม่นาน


 


“เราอยู่ที่ไหน…?”


 


ไอลีนถามอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในพื้นที่ปิดล้อมเหมือนจะเป็นภายในเต็นท์ เธอรู้สึกสะดวกสบายและปลอดภัย…เธอกลับมาที่โคลอสเซียมงั้นเหรอ?


 


“มันเป็นเต็นท์ 8 ระดับ พวกเราใช้มันครั้งล่าสุดจำได้ไหม”


 


“อา!”


 


คิมฮาจินเตรียมเต็นท์นี้โดยรู้ว่าเขาจะต้องนอนข้างนอกหลังจากชั้น 27 เนื่องจากเต็นท์มีฟังก์ชั่นฟอกอากาศ ไอลีน จึงสามารถพื้นฟูร่างกายได้บ้างหลังจากพักที่นี่ 8 ชั่วโมง


 


“อืม … .”


 


ไอลีน ลูบดวงตาของเธอด้วยความงุนงง เธอเหยียด 2-3 ครั้งจากนั้นก็ยกร่างกายส่วนบนของเธอขึ้นมา


 


“…เกิดอะไรขึ้น?”


 


“เธอหมดสติดังนั้นฉันเลย-”


 


“ไม่ ฉันหมายถึงเจ้าบ้านั้น”


 


“อ้อ ~”


 


คิมฮาจินยิ้ม


 


“ดูข้างนอกสิ”


 


“ข้างนอก?”


 


ไอลีนคลานไปและผลักผ้าเข้าเต็นท์ไปด้านข้าง


 


“….”


 


ทันใดนั้นจิตใจของเธอก็ว่างเปล่า


 


เธอไม่เข้าใจภาพที่เห็น


ดูเหมือนกับว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติได้กวาดล้างพื้นที่ หรืออาจจะมีสัตว์ประหลาดหลายพันตัวแตกตื่นว่าผ่านทางนี้ไป


 


“อะ-อะไรกัน…”


 


มีรอยแตกสันทรายทั่วทั้งพื้นพร้อมหุ่นหักพังไปทั่วทุกแห่ง


 


“ฉันบอกให้เธอพักผ่อนก่อนไง”


 


คิมฮาจิน เข้ามาหาเธอ เขายื่นหม้อที่ส่งกลิ่นหอมมาให้เธอ


 


“กินซะ.”


 


“…มันคืออะไร?”


 


“โจ๊ก.”


 


“….”


 


ไอลีนมองที่คิมฮาจินและคิดว่า ‘แม้ฉันจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด


แต่นักเชิดหุ่นคนนั้นไม่อ่อนแอ จริงๆแล้วเขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ คิมฮาจิน ทำทั้งหมดนี้ได้ด้วยปืนจริงๆเหรอ? ฉันรู้แล้วว่าเขาแข็งแกร่งแต่ผู้ชายคนนี้…เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ…. ‘


 


เมื่อเห็นไอลีนมึนงงคิมฮาจินก็ตักโจ๊กขึ้นมาแล้วป้อนเธอ


 


“อา นายทำอะไรน่ะ ฉันไม่ต้องการมัน….”


 


ปากของไอลีนตอบว่าไม่ แต่ร่างกายของเธอพูดอย่างอื่นออกมา


ขณะที่เธอลิ้มรสโจ๊ก ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง เธอเริ่มล้างปากทันที


 


“มันอร่อยใช่มั้ยละ”


 


“เอ่อ…ใช่แล้ว”


 


ไอลีนพยักหน้า คิมฮาจินยิ้มอย่างสดใส


 


“ฉันดีใจนะ.”


 


หัวใจของ ไอลีน เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเขา เธอเงยหน้าขึ้นมองคิมฮาจินด้วยความงุนงง


 


“อ้าว นี่ อ้ามมม.”


 


เขาตักโจ๊กให้เธออีกครั้งไอลีนอ้าปากอย่างระมัดระวัง โจ๊กอุ่นๆหอมๆเข้าปากของเธอ


 


ฟูฟู…


 


ใบหน้าของไอลีนแดงเล็กน้อยขณะที่เธอเป่าเบาๆบนโจ๊ก นี้คืออาหารที่คิมฮาจินทำงั้นเหรอ?


**


[28F – หัวใจของปราสาทราชาปีศาจ]


 


ปาร์ตี้ของ คิมซูโฮ มาถึงใจกลางปราสาทหลังจากทำงานผ่านเขาวงกตและฆ่าสัตว์ประหลาด พูดตามตรงมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก สัตว์ประหลาดเป็นครั้งคราวนั้นเป็นสัตว์ธรรมดาดังนั้นพวกมันจึงสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย


 


มันเกี่ยวกับเวลาสำหรับบางสิ่งที่ยากจะเกิดขึ้น ปาร์ตี้ของ คิมซูโฮ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความคิดเช่นนี้


 


“ …มีคนอยู่ที่นั่นซูโฮ”


 


ในเวลานั้นจินเซียนก็ชี้ไปที่หญิงสาวสวยยืนอยู่หน้าประตูใหญ่


 


“ มันคือแม่มด”


 


คิมซูโฮตอบ


ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาเป็นผู้หญิงคนเดียวกันที่หลอกพวกเขาให้เข้าไปในโคลอสเซียม


 


– ในที่สุดคุณก็มา


 


เสียงของแม่มดดังขึ้น


คิมซูโฮและคนอื่น ๆ ก็หยุดฟังเธอ


 


– ฉันมาที่นี่เพื่อทดสอบว่าคุณมีคุณสมบัติที่จะท้าทายพระราชาหรือไม่


 


ทดสอบว่าพวกเขามีคุณสมบัติ ทุกคนรู้ว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร


 


– …ตอนนี้ตามฉันมาทุกคน


 


Kiiik


 


ประตูบานใหญ่เปิดออกและแม่มดก็เดินเข้ามา


บทที่ 417 จุดจบของหอคอย (5)


 


แม่มดหายไปจากประตูที่เปิดกว้าง แต่ทีมก็ไม่ได้เดินไปมาอย่างไร้จุดหมายพวกเขาแลกเปลี่ยนสายตาซึ่งกันและกัน พวกเขารู้ว่าแม่มด


ไม่ควรไว้ใจได้ง่ายๆ


 


“มีโอกาสที่จะเป็นกับดักไหม?”


 


จินเซยอน ถาม แต่ คิมซูโฮ และ อียองอา ไม่ตอบพวกเขาไม่ได้เลือกตัวอื่นในตอนนี้เนื่องจากพวกเขาเป็นเพียงผู้บุกรุก


 


– เธอไม่จำเป็นต้องกังวล


 


ในขณะนั้นเองแม่มดก็พูดอีกครั้ง


 


– ราชาของพวกเรารักการท้าทาย เขายินดีต้อนรับผู้ท้าชิงที่มีค่า เมื่อฉันยืนยันว่าพวกคุณผ่านการรับรองแล้วราชาจะแสดงความยินดีและเผชิญหน้ากับพวกคุณ


 


แม้ว่าแม่มดจะฟังดูพูดความจริง แต่ทีมก็ยังค่อนข้างสงสัยในตัวเธอ


จินเซยอน ก้าวไปข้างหน้าแล้วถาม


 


“พวกเราจะเชื่อปีศาจได้ยังไง”


 


– ฉันจะถามคำถามเดียวกันกับเธอ เธอจะเชื่อใจมนุษย์ได้ยังไง?


 


“…อะไรนะ?”


 


– พวกเราสามารถชอบธรรมได้เหมือนมนุษย์ ขี้ขลาดได้เหมือนมนุษย์และชั่วร้ายได้เท่ากับมนุษย์ มีเกียรติเหมือนมนุษย์ แน่นอนฉันเข้าใจว่าเธอมีอคติกับพวกเรา เธอเคยเจอกับความบ้าคลั่งของโคลอสเซียมมาก่อน


 


คำพูดของแม่มดไหลลื่นเหมือนสายน้ำจากภูเขา


 


– แต่โคลอสเซียมเป็นเพียงหนึ่งในความเจ็บปวดที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถของพวกเธอ เราเป็นกลางมากกว่าที่พวกเธอคิด


 


เรื่องนี้คัดค้านจิตใจของจินเซียนทันที ‘เธอไม่สามารถฆ่าคนแล้วอ้างว่ามันเป็นเพียงการทดสอบได้นะ นอกจากนี้มันยังยากที่จะเชื่อว่าปีศาจมีความหลากหลายเท่ากับมนุษย์…. ‘


 


ถึงกระนั้นจินเซยอนก็รู้ว่าพวกเขามีทางเลือกเพียงเล็กน้อย นั้นคือต้องทำตามแม่มด มิฉะนั้นพวกเธอจะไม่สามารถไปยังขั้นถัดไปได้


 


“พวกเราควรทำยังไงดี”


 


คิมซูโฮถาม ทั้ง 3 คนเหลือบมองและพยักหน้าอย่างลังเล


 


“ดอกบัวดำกลับมาได้โดยไม่ตาย เขาจะไม่พูดมาแบบนั้นถ้ามันเป็น


กับดักใช่มั้ย”


 


เหตุผลของ จินเซยอน น่าเชื่อถือ


 


“งั้น… .”


 


“ไปกันเถอะ.”


 


ทั้ง 3 คนเพิ่มพลังเวทย์มนตร์รอบๆร่างกายของพวกเขา พวกเขาล้อมรอบตัวเองด้วยบาเรียทุกชนิดเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดจากนั้นก็ค่อยๆเข้าไปในประตู


 


รอยเท้าอันหนักหน่วงสะท้อนออกมาจากผนัง


ขั้นตอนของพวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด


 


พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและเดินเข้าไปในห้องด้านหลังประตู ในขณะนั้นเสียงของแม่มดก็พัดผ่านพวกเขาเหมือนสายลมที่เยือกเย็น


 


“…ฉันยินดีต้อนรับพวกคุณผู้ท้าทายที่มาไกลขนาดนี้”


 


อีกด้านหนึ่งของประตูนั้นมีพื้นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาคือล็อบบี้ทรงกลมที่กว้างและปีศาจจำนวนมากยืนอยู่แถวหนึ่ง ปีศาจแต่ละตัวแสดงตนอย่างล้นหลามขณะที่พวกเขาจ้องมองทั้ง 3 คน


จินเซยอน กัดริมฝีปากของเธอ


 


“นี่คือกับดักหรือเปล่า”


 


“ไม่ พวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อทดสอบพวกเธอ เดิมมี 5 ไม่นับฉัน แต่หนึ่งในนั้นฉันไม่สามารถควบคุมได้เลยดังนั้นตอนนี้มีเพียง 4 ก็ง่ายดีเหมือนกัน”


 


มีปีศาจอยู่ 4 ตัวยกเว้นแม่มด 10 ถ้ารวมถึงมอนสเตอร์ที่นำโดย 1 ในปีศาจ เว้นแต่ว่าแม่มดจะนับเลขไม่เป็นละนะ


 


แววตาของ จินเซยอน รุนแรงขึ้น


 


“จะทำอะไรกัน….”


 


“อ่าอีกคนมาที่นี่แล้ว”


 


ทันใดนั้นแม่มดก็จ้องมองเขาผ่านพวกเธอและยิ้มเล็กน้อย คิมซูโฮและคนอื่นๆก็หันกลับมาหลังจากที่เธอจ้องมอง


 


“…?”


 


ที่นั่นมีชายคนหนึ่งซึ่งไม่มีใครคาดว่าจะเห็นที่นี่ยืนอยู่ เขามีร่างกายที่ใหญ่โตประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีซึ่งทำให้เขาเหมือนสัตว์ประหลาดมากกว่ามนุษย์ แม้แต่ย่างก้าวของเขาก็ยังถูกโอบล้อมด้วยรัศมีแห่งความเย่อหยิ่ง


 


“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ.”


 


นักรบที่สามารใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธร้ายแรง ชอกจูกยอง มองมาที่พวกเธอและยิ้มเบาๆ


 


“นายทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”


 


จินเซยอน ถาม อย่างไรก็ตามถ้าต้องตอบคำถามของเธอ ชอคจุนกยอง จะต้องเปิดเผยว่าเขาทำตามคำสั่งของ คิมฮาจิน ดังนั้นเขาเลือกที่จะไม่ตอบ


 


“…มันไม่ใช่ธุระของเธอ นักธนู”


 


เขารู้สึกเขินอาย ทุกวันนี้เขาไม่เคยค้านการตัดสินใจของ คิมฮาจิน และทำตามคำขอของ คิมฮาจิน เสมอ [ระเบิดพลัง], [พลังลับกล้ามเนื้อ] และอุปกรณ์ที่อยู่รอบตัวเขา…ล้วน มาจากการเชื่อฟังของคิมฮาจิน


 


“อะแฮ่ม.”


 


ชอคจุนกยอง ปล่อยเสียงไอแห้งๆด้วยความเขินอายและก้าวไปข้างหน้าสู่สนามรบ


 


***********************************************************************


 


ในขณะเดียวกันผมก็ดูแลไอลีนเมื่อผมดูฉากทั้งหมดจากระยะไกล


 


“คุณ ไอลีน คุณรู้สึกยังไง?”


 


12 ชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่ไอลีนเริ่มพักฟื้น ไอลีน ดูเหมือนจะดีขึ้นมาก


 


“อืม ฉันดีขึ้นมากแล้ว แต่…ฉันคิดว่าฉันยังมีไข้อยู่บ้าง~?”


 


นั่นเป็นคำถามหรือการยืนยัน? เธอมีวิธีการพูดคุยที่ไม่เหมือนใคร


ผมได้แต่จ้องมอง ไอลีน ไอลีนไม่สามารถต้านทานความเงียบเลยพูดออกมาก่อน


 


“ … อะ- ก็ฉันว่า…คือฉันจะสบายกว่านี้ถ้าฉันมีอะไรกิน”


 


“อ้อ กินอะไรดีละ?”


 


ผมพยักหน้า. ผมมีอาหารมากมายมากจนผมจำ ผมส่งช็อคโกแลตให้กับไอลีน


 


“นี่คือ….”


 


“ช็อคโกแลตแบบพิเศษน่ะ”


 


ไอลีนระมัดระวังเหมือนแมวจรจัด เธอรับมันอย่างระมัดระวัง เธอดมกลิ่นก่อนที่จะฉีกมันลงไป


 


งับ,งับ-


 


ผมรอให้เธอกินเสร็จและพูดออกมา


 


“เธอต้องกลับไปตอนที่เธอกินเสร็จแล้ว”


 


“…หาาาาาาาา?”


 


ไอลีนผู้ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับช็อคโกแลตที่ค้างอยู่ในปากของเธอ


สั่นไหว


 


“อะ-อะไรนะ? นายอยากให้ฉันกลับไป?”


 


“ใช่.”


 


ไอลีน จ้องมาที่ผมพร้อมนิ่วหน้า


 


“ทำไมต้องเป็นฉัน”


 


“เพราะเธอไม่สามารถต่อสู้ได้ดีในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังงานปีศาจ”


 


ในขณะที่ ไอลีน หลับผมมีเวลาคิดว่าทำไม ไอลีน ถึงเป็นคนเดียวที่ต้องทนทุกข์ทรมานทั้งๆที่ทุกคนสบายดี คำตอบนั้นง่ายมาก ปัญหาคือทักษะของไอลีน


 


“ตอนนี้ฉันสบายดีแล้ว มองไม่เห็นเหรอ?”


 


ในทันใดนั้นไอลีนก็เริ่มเหยียดร่างกายของเธอเหมือนพยายามที่จะพิสูจน์ว่าเธอสบายดี


 


เพี๊ยบ


 


ผมดิ้ดหน้าผากเธอทันที


 


“…ตอนนี้เธออาจจะสบายดี แต่เมื่อเธอถูกล้อมรอบด้วยพลังปีศาจสถานการณ์จะเปลี่ยนไป เธอไม่ควรรีบใช้ [การขยายพลังเวทย์] นะ”


 


ผมอธิบายให้เธอที่ไม่เข้าในว่าทักษะนั้นเหมือนกันหมดจริงๆแล้วบ้างอย่างมันก็มีผลกระทบของมันเอง


การขยายพลังเวทย์ ทำงานโดยการดูดซับอากาศรอบๆผู้ใช้จากนั้นทำให้บริสุทธิ์และปรับแต่งเพื่อเพิ่มพลังเวทย์ ตามธรรมดาแล้วการดูดซับอากาศที่เต็มไปด้วยพลังปีศาจจะทำให้เธอได้รับบาดเจ็บมันอันตรายมาก


 


“… .อะ อะไรนะ? นายกำลังจะบอกว่าฉันยังไม่ดีขึ้นเหรอ”


 


ไอลีนถามและพยายามปกปิดความกลัวของเธอ


 


“ไม่เธอจะดีขึ้นถ้าเธอพักผ่อนได้ดีในสถานที่ดีๆเช่นภูฃเขาเพ็กตูอะไรพวกนี้”


 


“อ๊ะ” เธอใจเย็นลงอย่างรวดเร็วและถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


“เฮ้ออออออออออออออ.”


 


เมื่อมองดูเธออย่างนั้นผมก็เริ่มสงสัยว่าเธออายุ 30 จริงๆเหรอภูมิหลัง ของเธอคือเธอกลายเป็นฮีโร่ตั้งแต่อายุยังน้อยซึ่งเธอไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับมารยาททางสังคมเลย แต่ก็ยัง…


 


“แล้วนายจะกลับไปเหรอ”


 


“ฉันไม่มีทางเลือกอื่นน่ะ แต่…นี้”


 


“เหรอ….อุ๊ย โอ้ยยย…..แย่จังเลย”


 


ไม่รู้ทำไมเธอเริ่มแสร้งทำเป็นเจ็บปวด


 


“ฉัน ฉันเวียนหัว….จังเลย”


 


“…อะไรนะ?”


 


“ฉันอยาก….ฉันอยากได้น้ำตาล….”


 


ผมตกตะลึงและมองดูไอลีนซวนเซ


 


“ต้องเป็นโลหิตจางแน่ๆ…เวียนหัว…อยากได้ช็อกโกแลต….”


 


ผมก็อยากมอบขนมระดับสูงให้เธอละนะแต่ผมไม่สามารถมอบให้เธอได้แม้ว่าผมจะต้องการ


 


“… .”


 


ผมยังคงจ้องมองเธออย่างเงียบๆและในทันใดเธอก็ฟื้นจาก ‘โลหิตจาง’ ของเธอด้วยตัวเอง เธอปล่อยเสียงไอแห้งๆและพูดเบาๆง


 


“นายจะเหมือนกันตอนที่นายอายุเท่าฉัน”


 


“……ชิ”


 


‘ถ้าเธอได้แล้วเต็มใจที่จะกลับไปเราก็คงไม่มีทางเลือก’ ผมหยิบ


[ลูกเต๋าสุ๋ม] ออกมาและทอยออกไปพร้อมคิดถึงขนมหวานในใจโชคดีที่ผมได้รับช็อคโกแลต 1 ชุดซึ่งเพียงพอที่จะสนองความต้องการของไอลีน


 


“ว้าว!”


 


ดวงตาของไอลีนเบิกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นช็อคโกแลตตรงหน้า


 


*************************************************************************


[เทือกเขาหิมาลัย, โรงยิมด้านหลังโรงแรม]


 


ตู้มมมม


 


– เพล๊ง –


 


เสียงโลหะปะทะกันอย่างต่อเนื่องจากในโรงยิมด้านหลังโรงแรม


การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์กำลังมาถึงจุดเดือด


 


“ย้าาาาาาาาาาาาา-!!!!”


 


แชนายอน เหวี่ยงดาบพร้อมส่งเสียงร้องออกมา ดาบของเธอเปล่งประกายด้วยพลังเวทมนต์สีฟ้า พลังเวทย์ที่อยู่รอบตัวเธอแข็งแกร่งพอที่จะทำให้กระดูกแตกเป็นฝุ่น ทักษะดาบของเธอนั้นสมบูรณ์แบบสำหรับในตำราเรียน พลังเวทมนต์ที่อยู่รอบๆดาบยาวพุ่งสูงขึ้นราวกับน้ำตกและพุ่งไปหาคู่ต่อสู้


 


แต่ฝ่ายตรงข้ามก็เป็นชายชราในอีกไม่ช้าก็จะอายุ 90 ปี


 


คนธรรมดาจะตกใจเมื่อเห็นแบบนี้และคงจะหาว่าเธอทำร้ายผู้สูงอายุ


 


ฟุบ…


บทที่ 418 จุดจบของหอคอย (6)


 


แต่ชายชราไม่ยอมง่ายๆ เขาบิดร่างของเขาหลบคมดาบของเธอ


ดาบยาวนั้นยาวมาก แต่ก็มีความช้าในระหว่างการโจมตีด้วยเช่นกัน


ดังนั้นเขาวางแผนที่จะหลบดาบและตีโต้ไปในช่วงเวลานั้น แต่ว่า…


 


“…….?!”


 


ดาบอีกเล่นก็พุ่งมาจากด้านหลังของ แชนายอน ดาบสร้างมาจากพลังเวทย์มนตร์สีฟ้า นี่คือ ดาบบิน – ทักษะที่ แชนายอน คิดค้นขึ้นมาโดยใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอในฐานะนักธนู สัญชาตญาณของ ไคร์เน่ บอกเขาว่านี่ไม่ใช่การโจมตีที่เขาสามารถป้องกันได้ เขาพลาดไปจริงๆ


‘ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้นในตำแหน่งนี้….’


 


ดาบเวทมนต์หลายสิบเล่มพุ่งไปที่จุดสำคัญของ ไคร์เน่ ตามเจตจำนงของ แชนายอน กระนั้นจ้าวแห่งเหล็กไหลก็ยังไม่ยอมแพ้ เฮย์เนค กวัดแกว่งดาบของเขาอย่างรวดเร็ว


 


ความอดทนของเขาทำให้พรสวรรค์ของเขาเปล่งประกายขึ้นมา


 


ตู้มมมม-!


 


วิญญาณเหล็กไหลของ 9 ดารา หยุดอทักษะลับของ แชนายอน เอาไว้ดาบเวทมนต์ของ แชนายอน กระเด้งออกมาจากคมดาบของ เฮย์เนค และความเงียบงันก็ค่อยๆเข้าสู่ในโรงยิม


 


“… .”


 


“… .”


 


ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถแสดงออกทักษะออกมาได้โดยไม่ใช้พลังดาบเหล็กไหลเคลื่อนไหวอย่างอิสระเพื่อป้องกันการโจมตีของ


แชนายอน ดังนั้นจึงเป็นความพ่ายแพ้ของ ไคร์เน่ เฮย์เนค เพราะเขาไม่สามารถรักษาคำพูดของเขาเอาไว้ได้ แชนายอน พูดอย่างจริงจังทั้งหมด


 


“1 ครั้ง ฉันชนะ.”


 


“…เธอพูดถูก ฉันแก้ลงไปมากจริงๆ”


 


แม้ว่า เฮย์เนค จะพูดแบบนั้นฟังแต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม


แชนายอน ตอบด้วยพยักหน้าด้วยความเคารพ


 


“ตาแก่ ฉัน…เรียนรู้มากมายจากคุณในหลายๆด้านเลยละ”


 


‘ในหลาย ๆ ด้าน’


 


คำพูดของเธอแปลกๆ


 


“งั้นฉันก็ดีใจ.”


 


“….อืม”


 


เมื่อไม่นานมานี้เธอได้ตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของคำพูดของไคร์เน่ คิมจุงโฮ ที่ตรวจร่างของ แชจินยุน ยืนยันว่าเขาเป็นเจ้าของซากศพของมาร มันง่ายที่จะรวบรวมข้อเท็จจริงทั้ง 2 ให้เป็นเรื่องเดียวกัน


 


“ตามฉันมา.”


 


ไคร์เน่ เข้าไปในโรงแรม แชนายอน ตามหลังเขาไป


 


“คำสัญญาคือสัญญา ฉันเป็นคนมีเกียรติ”


 


ไคร์เน่ กล่าวขณะที่เขาส่งเข็มทิศเก่าๆให้กับ แชนายอน ดวงตาของ


แชนายอนเบิกกว้าง


 


“นี่คือ…?”


 


“มันเป็นเข็มทิศที่ทำตามความประสงค์ของฉัน”


 


ในฐานะของ 9 ดารา ไคร์เน่ ทุกอย่างเกี่ยวกับเหล็ก เฮย์เนค เรียก


พวกมันว่าสหายของเขาและพวกมันฉลาดและเชื่อถือได้ ไคร์เน่ ได้รับความช่วยเหลือมากมายจากสหายของเขา คมดาบเหล็กกล้าทำให้เขาไม่พ่ายแพ้และโล่เหล็กช่วยปกป้องเขาจากการโจมตีของปีศาจและเหล่ามอนสเตอร์ เหล็กฝังอยู่ที่หลังของเขาและเอวของเขาช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในการสร้างภูมิต้านทานต่อเวทมนตร์ทุกชนิด


ต้องขอบคุณสหายของเขาทุกคนที่ทำให้เขาได้เป็นหนึ่งใน 9 ดารา


 


“เขาเป็นเพื่อนของฉันที่ช่วยฉันติดตามคนร้ายในสมัยก่อน เขาเคยเห็น คิมจุงโฮ มาก่อนดังนั้นเขายินดีที่จะบอกเธอว่าจะหาเขาได้ที่ไหน”


 


“… .”


 


แชนายอน เข้าใจความหมายของ ‘พลังเวทมนต์เหล็ก’ ที่ฝังอยู่ในเข็มทิศเก่าๆอนนี้ นั่นหมายความว่าไคร์เน่ไว้ใจเธอและมอบเพื่อนของเขาที่เขาใช้ชีวิตมาครึ่งหนึ่งด้วย


 


“มันค่อนข้างมีค่าสำหรับฉัน อย่าลืมคืนด้วยละ”


 


ไคร์เน่ เฮย์เนค พูดอย่างเคร่งเครียดซึ่ง แชนายอน พยักหน้า


 


“…ขอบคุณ.”


 


เธอก้มหน้าหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณ จากนั้นเธอหันหลังให้ทันที


เธอไม่ได้กลับมือเปล่าเธอใกล้ความจริงมากแล้ว


 


“แชนายอน”


 


“… ?”


 


อย่างไรก็ตามเมื่อแชนายอนจับลูกบิดประตูของโรงแรม….


 


“อย่าหันหลังแม้ว่าความจริงจะไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าเป็นก็ตาม”


 


เสียงที่เคร่งขรึมเหมือนเหล็กหยุดเธอเอาไว้


 


“ยอมรับในสิ่งที่เธอเห็นด้วยตาและใจของเธอเอง อย่ายอมแพ้ นั่นเป็นวิธีเดียวที่เธอจะแข็งแกร่งขึ้น”


 


คำแนะนำของเขาเหมาะสมกับชื่อเล่นของเขา – จิตวิญญาณเหล็กไหล – อย่างสมบูรณ์แบบ แชนายอน พยักหน้าเบาๆ


 


“ได้เลย ฉันจะจำเอาไว้”


 


แชนายอน เปิดประตูและก้าวเข้าไปในทุ่งหิมะด้านนอกโรงแรม แต่ก่อนออกจากโรงแรมเธอตัดสินใจส่งข้อความไป 1 ข้อความ ข้อความถูกส่งไปยังเพื่อนของเธอ ยูยอนฮา


 


[ฉันกำลังจะไปหาคิมจุงโฮ ฉันจะพาเขาไปพบกับเธอ]


 


เนื่องจากสภาพอากาศแจ่มใสและไม่มีพายุหิมะการจึงส่งข้อความจึงสำเร็จ แชนายอน ขอบคุณ ไคร์เน่ อีกครั้งสำหรับการติดตั้ง wifi เพื่อประโยชน์ของเธอ


 



 


…3 ชั่วโมง.


 


แชนายอน เดินไปทางทิศทางที่แสดงบนเข็มทิศ เธอเดินทางเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ถนนขรุขระ เธอเกือบตกลงไปจากหน้าผาที่ซ่อนตัวจากหิมะเธอถูกซุ่มโจมตีโดย ‘มอนสเตอร์’ ที่เกือบเหมือนมนุษย์หิมะ


 


ถึงกระนั้นแชนายอนก็เดินมาถึงจุดหมายที่ทำเครื่องหมายไว้บนเข็มทิศ


 


“เฮ้ออออออ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะพูดอะไร”


 


คลื่นของความที่ว่างเปล่าอยู่ภายในจริงใจของเธอ นี่เป็นจุดที่ไม่มีใครสามารถหาได้แน่นอน มีถ้ำปกคลุมไปด้วยหิมะลูกใต้ทางลงจากหน้าผา


 


“ฮึบ-!”


 


แชนายอน ดึงเชือกออกมาจากพลังเวทมนตร์และกระโดดลงจากหน้าผาแล้วเข้าไปในถ้ำ


แชนายอน ก้าวผ่านหิมะ แสงสลัวปรากฏขึ้นจากที่ลึกลงไปในถ้ำ ด้วยสายตาที่สมบูรณ์แบบของเธอ แชนายอน เห็น คิมจุงโฮที่กำลังนอนอยู่บนพื้น


 


“… !”


 


ในขณะนั้นหัวใจเธอเต้นอย่างแรง เธอทนไม่ไหวแล้ว เรื่องนี้ทำให้เธอทรมานมานานเกินไป โศกนาฏกรรมที่เปลี่ยนชีวิตและความคิดของเธออย่างสิ้นเชิง เธอวิ่งไปหาเขาทันที


 


*************************************************************************


[ชั้น 28 – ปราสาทปีศาจราชา]


 


ตอนนี้การทดสอบสิ้นสุดลงทุกคนต่างก็พยายามหายใจเพราะเหนื่อยกันมาก


 


รูปแบบของการทดสอบคุณสมบัติที่เริ่มขึ้นเมื่อ 3 ชั่วโมงก่อนเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว


 


เป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างน่าสนใจ ชอคจุนกยอง ต่อสู้กับผู้อัญเชิญที่คอยผู้ควบคุมสัตว์ประหลาดลึกลับ คิมซูโฮต่อสู้กับนักรบส่วนและ


จินเซยอนและอียองอาเผชิญหน้ากับจอมเวท 2 คนด้วยกัน


 


หลังจากต่อสู้กัน 3 ชั่วโมงผู้ชนะก็ถูกตัดสินในที่สุด


 


มนุษย์ทุกคนรอดหมดแต่ปีศาจตายหมดเช่นกัน แน่นอนว่า คิมซูโฮ และคนอื่นๆไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากแต่จริงๆแล้วพวกเขาแทบจะหายใจไม่ทัน


 


“ง่ายเหมือนตัดเค้กเลยแฮะ”


 


มีเพียง ชอคจุนกยอง เท่านั้นที่โอ้อวด อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับ


คำพูดของเขา ชอคจุนกยอง เอาก็เหนื่อยเช่นกัน เขาเพิ่งต่อสู้กับปีศาจ 2 ตัวติดต่อกันและผลข้างเคียงของทักษะของเขาแย่กว่าที่เขาคาดไว้


 


“ทุกคนขอแสดงความยินดี ราชายอมรับว่าพวกคุณเป็นผู้ท้าทาย”


 


แม่มดพูดต่อ ทั้งทีมสงสัยว่าพวกเขาควรจะมีความสุขหรือเศร้าใจดี


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ดีมาก!”


 


ยกเว้นคนหนึ่ง – ชอคจุนกยอง


 


แม่มดไม่สนใจเสียงหัวเราะ ชอคจุนกยอง และดำเนินต่อไป


 


“แต่ราชาไม่ทรงเห็นด้วยกับการต่อสู้แบบ 1 คนต่อสู้กับคนมากมาย


เขาโหยหาการต่อสู้ที่ยุติธรรมและเป็นธรรมแบบ 1 ต่อ 1”


 


ชอคจุนกยอง ยิ้มกว้าง รสนิยมของราชาปีศาจเหมาะสมกับตัวเขามาก


 


“ดังนั้นฉันจะจัดอันดับพวกคุณตามลำดับเพื่อกำหนดลำดับท้าสู้ เฉพาะผู้เล่นคนแรก ถ้าแพ้ก็ค่อยเป็นคนถัดไปที่ท้าชิงกับราชา….”


 


‘ฉันเป็นคนแรกแน่นอน’ ชอคจุนกยอง คิด


 


เขาชนะปีศาจถึง 2 คนแล้ว: ‘ไกเอน’ กันนักเชิดหุ่นและที่ชื่อ ‘คเลโม’


การมีส่วนร่วมของเขานั้นหาใครเทียบไม่ได้อย่างแน่นอน


 


แต่ชื่อที่ออกมาจากปากของแม่มดนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง


 


“ผู้เล่น ปรมจารย์ดาบศักดิ์สิทธิ์”


 


“…อะไรนะ?”


 


“คิมซูโฮ คุณเป็นคนแรก”


 


ชื่อของ คิมซูโฮ ถูกประกาศออกมาเป็นคนแรก


 


ชอคจุนกยอง โวยวายทันที


 


ไม่สิ เขาพยายามจะโวยวาย


 


แต่ความรู้สึกของเขารวมถึงการมองเห็นและการได้ยินของเขาหยุดทำงานในทันที ชอคจุนกยอง กระดิกตัวไม่ได้รอบข้างเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าที่มืดมิด


 


“ตอนนี้ประตูปราสาทจะปิดแล้ว”


 


เสียงของแม่มดสั่นคลอนในหัวของเขาและ….


 


“หาาาาาาาาาาาาาา!”


 


‘คิมซูโฮ’ ชอคจุนกยอง พยายามลืมตาขึ้นมาแต่ตอนนี้เขาถูกรายล้อมไปด้วยทิวทัศน์ลึกลับ


 


“นี่คือที่ที่พวกคุณอยู่”


 


แม่มดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอย่างเงียบๆและอธิบาย


 


“…ฮะ? เดี๋ยวก่อน?”


 


แม่มดพยักหน้าอย่างเมินเฉยตามคำพูดของเขา


 


“ใช่….ตอนนี้ราชาปีศาจอยู่ในห้องจัดเลี้ยง ฉันไม่อยากให้ผู้ท้าชิงไปวุ่นวายอะไรก่อน อย่างพึ่งเร่งรีบละ”


 


แม่มดมองไปที่คิมซูโฮและพูดต่อ


 


“ดังนั้นฉันจะจัดหาคู่ต่อสู้ให้คุณเพื่อฝึกซ้อม เลือกคู่ต่อสู้ที่คุณต้องการ แต่พวกคุณต้องตัดสินใจตอนนี้เลยนะ”


 


คำแนะนำนั้นฉับพลันเกินไป


 


คิมซูโฮขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


“ฉันไม่ได้หวังไว้แบบนี้….”


 


“คุณต้องตอบทันที”


 


แม่มดกดดันเขาอย่างเย็นชาและคิมซูโฮก็เริ่มไตร่ตรอง จินเซยอน,


ไอลีน, ชินจงฮัก, ชอคจุนกยอง, คิมจินวู …มีหลายสิบชื่อที่โผล่ขึ้นมาในใจของเขา แต่ในที่สุดเขาก็เลือก…


 


“ดอกบัวดำ…. ไม่สิ.”


 


เขาส่ายหัวทันที ดอกบัวดำถอนตัวจากการแข่งขันกับราชาปีศาจแล้ว


‘ที่สำคัญกว่านั้นฉันไม่คิดว่าฉันจะสู้กับเขาได้เลย’ คิมซูโฮ คิดในใจ


ตัวเลือกต่อไปของเขาคือเพื่อนสนิทของเขานั้นเอง


 


“คิมฮาจิน ฉันเลือก ฮาจิน”


บทที่ 419 จุดจบของหอคอย (7)


 


ปราสาทของราชาปีศาจถูกปิดล็อคหลังจากคิมซูโฮถูกเลือกให้เป็น


‘ผู้ท้าชิงของราชา’ เป็นผลให้ผู้เล่นทุกคนในปราสาทถูกขับออกไปที่ชั้น 21 แน่นอนว่าผมเองก็เช่นกัน


 


“…นายเลือกฉันเหรอ? ในฐานะคู่ซ้อมของนาย?”


 


แต่ผมกลับถูกกระแสเวทมนต์ที่ลึกลับและพามาที่ปราสาท คิมซูโฮ ยืนอยู่ข้างหน้าผม เขายิ้มด้วยความเขินอายและอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้กับผมที่กำลังสับสน


 


“ใช่ นายเป็นคนเดียวที่ฉันคิดออก”


 


ผทรู้สึกตะลึงกับความเชื่อมั่นของเขา เขาสามารถเรียกตัว ชินจงฮัก,


คิมจุนวู หรือแม้แต่ ชอคจุนกยอง ที่ผมส่งไปเพื่อช่วยงานปาร์ตี้ของเขา


ผมไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกซ้อมในตอนแรก คิมชุนดง อาจเป็นนักดาบ แต่ผมไม่ใช่


 


“โอเค….”


 


แต่นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ไม่ดี ผมอยากคุยกับคิมซูโฮ และไม่ใช่ว่าผมไม่สามารถช่วยเขาได้เลย เมื่อรวมทักษะของผม ‘เวทมนต์ 4 ธาตุ’ และ


‘ความชำนาญของคนแคระ’ พร้อมด้วย ‘พลังเวทมนต์ของรอยสัก’


ผมสามารถปรับปรุงอุปกรณ์ของคิมซูโฮได้เป็นระดับใหม่ทั้งหมด


 


“ฉันเข้าใจ แต่…”


 


ก่อนที่ผมบอกผมก็ตัดสินใจคิดก่อน ปราสาทของราชาปีศาจมีลักษณะคล้ายกับปราสาทยุคกลางทั่วไปยกเว้น…ห้องพักเต็มไปด้วยอุปกรณ์เวทมนต์มากมาย


 


“เฮ้ นั่นไม่ใช่ลูกแก้วคริสตัลเหรอ?”


 


ผมจัดการขุดสมบัติที่มีค่าในหมู่พวกมันออกมา มันเป็นลูกแก้วคริสตัลขนาดใหญ่


 


“ลูกแก้วคริสตัล?”


 


“ใช่. มานี่สิ.”


 


ผมดึงคิมซูโฮไปที่ลูกแก้วคริสตัล


 


ในขณะนี้เองลูกแก้วคริสตัลก็สะท้อนมุมมองของชั้นที่ 21 ออกมา


 


– นายพูดว่าอะไรของนาย เจ้าอสูรคลั่ง!


 


– ฮ่าฮ่าฮ่า เธอไม่อยากเอาชนะฉันงั้นเหรอ?


 


ชอคจุนกยอง และ ไอลีน ผู้ซึ่งถูกส่งตัวกลับไปยังอาณาจักรแห่งการ์ดนั้นกำลังชี้นิ้วและตะโกนใส่กันอยู่


 


– แต่จริงๆฉันไม่สนใจหรอกเพราะนายสู้ฉันไม่ได้หรอกนะ


 


ใบหน้าของไอลีนเปลี่ยนไปทันที


 


– เธอ…เธอคิดว่าฉันจะแพ้งั้นเหรหอ? ยัยคนแคระตัวเล็ก….


 


– หุบปากไปเลยนะไอ้ปัญญาอ่อน!


 


ปากของ ชอคจุนกยอง ปิดลง ในขณะเดียวกันพลังเวทย์มนตร์ขนาดมหึมาก็ระเบิดขึ้นรอบๆตัว ไอลีน ชอคจุนกยอง เองก็มีพลังเวทมนต์ที่เข้มข้นอยู่รอบตัวเขา


ชอคจุนกยอง กับ ไอลีน การต่อสู้แห่งศตวรรษกำลังจะเริ่มต้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม


 


“…พวกเขากำลังต่อสู้กันงั้นเหรอ”


 


คิมซูโฮ ตนตะลึงไม่น้อย


 


“ใช่.”


 


การได้ดูการต่อสู้ของคนอื่นนั้นสนุกเสมอ แต่ผมอยากจะเสนออะไรที่ดีกว่านี้ให้ คิมซูโฮ


 


“ด้วยลูกแก้วคริสตัลที่สลับซับซ้อนนี้ เราน่าจะได้เห็นชั้นอื่นได้ด้วย….”


 


ผมควบคุมลูกแก้วคริสตัลได้อย่างง่ายดาย ผมมีประสบการณ์ใช้มันเนื่องจากมีสิ่งที่คล้ายกันในห้องทำงานของ โทเมอร์ ผมเปลี่ยนภาพบนลูกแก้วคริสตัลราวกับว่าผมเปลี่ยนช่องทีวี ในที่สุดผมก็มาที่ชั้น 3 ของ Prestige


 


“โอ้ มาที่ ชั้น 3 แล้ว”


 


“ชั้น 3?”


 


คิมซูโฮ ดวงตาเบิกกว้างและจ้องมองไปที่ลูกแก้วคริสตัล


 


– ไง, ราลิโอ วันนี้เป็นยังไงบ้าง?


 


– เหมือนเคย ก็พอจัดการได้


 


Prestige พัฒนาขึ้นอย่างมากตอนนี้มีดวงอาทิตย์แล้ว ในอดีตผู้ที่เคยอาศัยอยู่ใน Prestige ต้องการสัญชาติเพื่อใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ ตอนนี้ทุก NPC กลายเป็นพลเมืองไปโดยปริยาย เด็กกำพร้าและยุคข้าวยากหมากแพงหายตัวไปเนื่องจากพืชผลและปศุสัตว์เจริญรุ่งเรืองในดินแดนที่บริสุทธิ์ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นกับ NPC ก็ดีขึ้นเช่นกัน


 


– อันนี้เท่าไหร่?


 


จากนั้นผู้เล่นคนหนึ่งก็ถามเจ้าของร้านค้า NPC เรื่องราคายา


 


– 50 TP


 


– คุณไปถึงหอคอยได้ชั้นที่เท่าไรแล้วเหรอ?


 


ทันใดนั้นลูกเจ้าของร้านก็ถามผู้เล่น ผู้เล่นตอบเด็กพร้อมรอยยิ้ม


 


– ฉันยังมือใหม่อยู่เลย ฉันไปถึงชั้น 5 เท่านั้น


 


– ว้าววว~! แล้ว…แล้วมันเป็นยังไงบ้าง ชั้นที่ 5


 


– ชั้น 5 อืมมมม…น่ากลัวมาก มีดันเจี๋ยนมากมายที่นั้น


 


เหตุผลที่ผมอยากให้คิมซูโฮเห็นชั้น 3 ก็เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา ผมอยากเอาชนะเขาด้วยความรู้สึก นี่คือผลจากของแรงที่ลงไปของผม ผมเปลี่ยน Prestige ด้วย TP และความพยายามอย่างหนัก…ด้วยความช่วยเหลือของ NPC ที่มีชื่อเสียงเช่น เฮนรี่ และ คิรี


 


“ว้าว. Prestige เปลี่ยนไปมากจริงๆ”


 


ทันใดนั้นคิมซูโฮก็วางมือลงบนไหล่ของผม


 


“…ใช่……….ดังนั้น….”


 


ผมบิดร่างกายเล็กน้อยเพื่อสะบัดมือจากนั้นก็ถามคิมซูโฮด้วยคำถามที่ผมอยากจะถามเขามานาน


 


“นายคิดยังไง?”


 


“หืม? เกี่ยวกับเรื่องอะไร?”


 


“นายรู้อะไรเกี่ยวกับหอคอยนี้บ้าง”


 


คิมซูโฮ ยิ้มกับคำถามของผม


 


“…ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ.”


 


เสียงของคิมซูโฮฟังดูเศร้าโศก ผมรู้สึกถึงความปรารถนาและความเสียใจที่ฝังอยู่ในนั้น ตอนนี้ คิมซูโฮ อาจกำลังคิดถึงบ้านเกิดของเขาที่มี ‘หอคอย’ เหมือนกัน


 


“แต่เหลืออีกชั้น 1 เท่านั้น นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?”


 


ผมถามอีกครั้งและคิมซูโฮเริ่มไตร่ตรอง


 


“อืมมม … พูดตามตรงฉันโกรธจริงๆเมื่อมาถึง Prestige มันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ผู้คนกำลังจะตายบนถนน แต่เพียงเพราะพวกเขาไม่ใช่พลเมืองจึงไม่มีใครสนใจพวกเขาเลย”


 


คิมซูโฮพูดอย่างจริงใจ


 


“สิ่งเดียวกันเกิดขึ้นที่ชั้น 8 ราชวงศ์พยายามปกปิดการดำรงอยู่ของความหายนะจากประชาชนภายใต้ข้ออ้างว่าจะเกิดความตื่นตระหนกทางสังคม ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตเพราะเหตุนี้”


 


ผมฟังเขาอย่างเงียบๆ คิมซูโฮพูดต่อ เขาพูดคุยเกี่ยวกับชั้นที่ 16 ว่าปีศาจปกครอบที่นั้นอย่างสมบูรณ์แล้วผู้คนที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของปีศาจละ ความตายของพวกเขาเป็นเพียงเครื่องมืองั้นเหรอ…


 


“แล้วนายคิดว่าหอคอยต้องหายไปไหม”


 


ในที่สุดผมก็สามารถเข้าสู่ประเด็นหลักได้


 


“… .”


 


คิมซูโฮเงียบไปนาน


 


ลูกแก้วคริสตัลกำลังแสดงภาพ เฮนรี่ และ คิรี


 


– ทำงานได้ดีมากทุกคน~


 


– พวกเราจัดการงานวันนี้ได้แล้ววว~!


 


ในเวลาไม่นาน เฮนรี และ คิรี ก็กลายเป็น NPC ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Prestige ซึ่งเป็นที่รักของทั้งผู้เล่นและผู้อยู่อาศัย


 


– วันนี้ขายได้เยอะมาก เพราะงั้นพวกเราเลยมีโบนัสให้เล็กน้อยนะ


 


คิมซูโฮมองไปที่เด็ก 2 คน พวกเขายังเด็กมากแต่ในความรู้สึกแล้ว


พวกเขาเหมือนยักษ์ใหญ่ที่นำ Prestige อย่างชาญฉลาดและยุติธรรม


รอยยิ้มแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของคิมซูโฮ


 


“…ไม่.”


 


เขาส่ายหัว


 


“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ หลายคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในหอคอย เราควรรักษาโลกภายในหอคอยเอาไว้ คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียง NPC แต่เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับนายและฉัน”


 


“… .”


 


ผมรู้สึกโล่งใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว คิมซูโฮไม่ใช่ประเภทที่จะพูดแบบนี้ออกมาง่ายๆมันต้องออกมาจากใจอย่างแน่นอน สิ่งต่างๆในเนื้อเรื่องเดิมคือเขาทำลายหอคอยแต่ตอนนี้ คิมซูโฮ ยินดีที่จะปกป้อง


‘Tower of Wish’ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความหวังและชีวิต


 


แตะ แตะ


 


ผมตบไหล่ คิมซูโฮ 2 ครั้งแล้วปิดลูกแก้วคริสตัล


 


“คุยกันพอแล้ว เริ่มการฝึกกันเลยเถอะ”


 


“โอเค มาลุยกันเลย”


 


“ไม่ๆ การฝึกซ้อมแต่ไม่ใช่การต่อสู้”


 


มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง 2 คำนี้ ผมจะเป็น ‘คู่ต่อสู้’ ของเขา


แต่ในระหว่างการฝึกซ้อมผมจะกลายเป็น ‘ผู้สอน’ ของเขา


 


“ก่อนอื่นพวกเราจะเริ่มที่….”


 


ผมตรวจสอบอุปกรณ์ของ คิมซูโฮ ก่อนทันทีที่ผมตรวจสอบเจอบน


ชุดเกราะที่เขาสวมอยู่ใต้เสื้อคลุมสีขาว ผมตกตะลึงทันที


 


“นายยังใส่ชุดนั้นอยู่งั้นเหรอ?”


 


นานมาแล้วผมได้สร้างเกราะให้กับ คิมซูโฮ ผมมอบให้เขาเป็นของขวัญเพื่อฉลองการเข้าสู่หอคอยโดยใช้ตั๋วสีดำ เกราะเก่าๆนั้นยังคงเป็นการป้องกันหลักของ คิมซูโฮ


 


“เอ่อนี่เป็นชุดเกราะที่ดีที่สุดที่ฉันมี การเปลี่ยนมันจะทำให้เสีย TP ไปเปล่าๆน่ะ”


 


คิมซูโฮ เกาหลังคอของเขาด้วยความเขินอาย ผมรู้สึกจักจี้หัวใจเล็กน้อย


แต่เมื่อพิจารณาถึง กิลด์ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์มันก็เข้าใจได้ว่าเขาอาจไม่มีเวลาหรือทรัพยากรที่จะหาอุปกรณ์ใหม่ให้เขา เขาอาจใช้ TP ทั้งหมดที่เขามีเพื่อช่วยสมาชิกกิลด์ ผู้ชายที่ชื่อ คิมศูโฮ ก็เป็นคนแบบนี้ละ


 


“…ไม่ต้องห่วง.”


 


มันไม่สำคัญ ผมวางแผนว่าจะทำให้เขาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า


 


“ก่อนอื่นอุปกรณ์ในปัจจุบันของนายมันแย่มาก”


 


“…อะไร? แต่ นั่นนายเป็นคนทำนะ”


 


“ก็มันเป็นความจริง.”


 


ผมมีความคิดคร่าวๆเกี่ยวกับคุณสมบัติหลักของราชาปีศาจ ผมรู้โดยไม่ต้องใช้ หนังสือแห่งสัจธรรม ด้วยซ้ำ ความรู้นี้ของผมจะสร้างชุดอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ราชาปีศาจ ผมจะไม่พูดว่ามันสกปรก แน่นอนว่าราชาปีศาจไม่ได้วางแผนในการต่อสู้เอาไว้แน่ๆแต่เขาจะใส่ชุดเกราะที่ดีที่สุดเช่นกัน


 


“ก่อนอื่นถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกมา”


 


คิมซูโฮสะดุ้ง


 


“…อะไรนะ-ทำไม? นายจะทำอะไร?”


 


คิมซูโฮดูแปลกๆแล้วก็ก้าวถอยหลังออกไป มีเตียงนอนที่ปูผ้าไหมสีแดงกระจายอยู่ด้านหลังของ คิมซูโฮ ผมหรี่ตาของผม


 


“หยุดเล่นตลกได้แล้ว ฉันแค่จะรื้ออุปกรณ์ของนายและปรับปรุงให้”


 


ทักษะการแยกส่วนของผมมาถึง Lv.10 แล้ว ถ้าผมใช้ [ลูกเต๋าสุ่ม]


ผมน่าจะได้วัสดุที่ดีๆมาช่วย


 


“…รื้อ?”


 


“ใช่. มันจะดีกว่าไหมถ้าไม่ใช่เกราะหนาๆ? อ่า เอาแบบเสื้อคลุมไหม”


 


ผมชี้ไปที่เสื้อคลุมที่แขวนอยู่บนผนังตรงมุมห้อง


 


คิมซูโฮแม้จะอายแต่ก็ทำตามที่ผมบอก เขาพยายามถอดกางเกงออกและผมหยุดเขาเอาไว้ ผมไม่อยากได้กางเกงในในของเขาซะหน่อย


 


…คิมซูโฮมีเสื้อคลุมเพียงตัวเดียวพร้อมกางเกงในราวกับว่าเขาเป็น


คนกรีก ชายที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่เย้ายวนและน่าหลงใหล


เสื้อคลุมตัวเดียวคือทุกอย่างที่เขาต้องการเพื่อนำเสน่ห์ของเขาออกมา


 


“ถ้าอย่างนั้นเราจะเริ่มการฝึกตอนนี้”


 


แต่เสน่ห์ของเขาไม่สำคัญในตอนนี้ เพราะเขาจะไปต่อสู้กับราชาปีศาจ


 


“ที่นี้ นี่คือวิธีการปฏิบัติของนาย”


 


ในฐานะที่มีต้องเป็นผู้ฝึกสอนของ คิมซูโฮ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าผมหยิบการ์ดออกมา


 


===


[มังกรแดงบาฮามุท] [มอนสเตอร์] [8 ดาว]


○เรียกมังกรแดงแห่งบาฮามุตเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ของคุณ


การโจมตีระดับ 7 ดาว

การป้องกันระดับ 7 ดาว

มังกรแดงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีพลังโจมตีและพลังป้องกันต่ำกว่าของตนเองได้ทั้งหมด

สามารถอัญเชิญได้ 3 ครั้ง

===


———————2———————

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม