The Novel’s Extra 399-405

 บทที่ 399เฟตที่ 3 (5)


 


[ชั้น 27 – หอคอยราชาปีศาจชั้น 1]


 


อากาศโดยรอบกำลังแปรปวน ผมถูกส่งไปยังโลกที่แตกต่างกันโดย


สิ้นเชิง การส่งผ่านนั้นกระทันหันและรุนแรง ร่างกายของผมพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและตกลงไปที่พื้น ผมคลื่นไส้แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดมาก


ผมคืนความสงบของไม่ช้าผมก็เปิดตาของผม


 


“…เราอยู่ข้างในหอคอย”


 


ผมสามารถบอกได้เลยจากเสื้อผ้าของผมตอนนี้เป็นเสื้อคลุมที่ผมใส่ก่อนที่ผมจะออกไปนอกหอคอย เพราะเมื่อกี้ผมใส่ชุดนอนบนโลก


 


โอ้ยยยยยยยยยยยยยย…


 


ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญจากด้านหลัง ผมเหลือบกลับไปหาจินซาฮยอค มันไม่ยากเกินไปที่จะเข้าใจสถานการณ์ จินซาฮยอค อาจถูกลากเข้าสู่การอัญเชิญที่ไม่แน่นอนของสปาร์ตันและทำหน้าที่เป็นเบาะรองนั่งให้ผมนั้นเอง


 


“…..อะแฮ่ม”


 


ผมปล่อยให้เธอนอนอยู่แบบนี้ไม่ได้เลยลุกขึ้นมา


 


มันมืดไปหมดแต่ผมบอกได้เลยว่าฉันอยู่ในถ้ำมืดบางแห่ง


‘เราอยู่ที่ไหน?’ ผมคิดและได้ยินเสียงร้องของสปาร์ตัน


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ


 


สปาร์ตันบินไปบนไหล่ของผม


 


“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับแกถึงได้เรียกฉันมาแบบนี้”


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ


 


ไม่ต้องตอบคำถามของผม สปาร์ตันถูหัวของมันกับตัวผม ผมคิดอย่างจริงจังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปกติมันมักจะเย็นชา


 


“อะไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่”


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ


 


“โอเค โอเค อธิบายมา แกต้องอธิบายก่อน “


 


สปาร์ตันถูฉันอีกสองครั้งก่อนที่เขาจะตัดสินใจแบ่งปันวิสัยทัศน์ของเขา เกิดอะไรขึ้นกับปาร์ตี้ของไอลีนคลี่ต่อหน้าต่อตาฉัน


ด้วยคิ้วที่ขมวดคิ้วฉันดูทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบจากนั้นก็ถาม


 


“…พวกเขาถูกขังอยู่ในคุกเหรอ?”


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ


 


สปาร์ตันพยักหน้านี่คือสิ่งที่มันคิด


 


พรรคพวกของไอลีนแพ้ปีศาจและถูกคุมขังเอาไว้ มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันยิ่งใหญ่ที่คิดค้นโดย ‘แม่มด’ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดที่สุดกับราชาปีศาจ สปาร์ตันพยายามติดต่อผมก่อนที่พวกเขาจะถูกจับตัวไปแต่การเชื่อมต่อของพวกเราถูกตัดขาดจากกัน


สปาร์ตันสามารถนึกได้เพียงเหตุผลเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นคือ


 


เจ้านายของมันเสียชีวิตลงแล้วนั้นเอง


 


มันพยายามปฏิเสธแต่ก็ก็ไม่มีคำอธิบายอย่างอื่น สปาร์ตันร้องไห้ด้วยความเศร้าจนน้ำตาของมันแห้ง อย่างไรก็ตามหลังจากที่ร้องไห้ออกมาสปาร์ตันก็ตระหนักว่าการเชื่อมต่อกลับมาแล้ว มันจึงพาผมมาที่นี่ทันทีที่เขามันรู้สึกตัว


 


“…แกเสียใจจริงๆเหรอ?”


 


เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ…


 


หลังจากที่เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดดวงตาของพวกเราก็สบกัน ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่สปาร์ตันรู้สึกตอนนี้ ดวงตาที่เปล่งประกายของมันดูน่ารักเป็นพิเศษในวันนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมกอดสปาร์ตัน มันกอดผมด้วยปีกของมัน


 


การเจอกันที่น่าประทับใจของพวกเราจะคงอยู่ไปอีกนานหากไม่ใช่เพราะมีคนขัดขึ้นมา


 


“….นาย”


 


ผู้หญิงที่มีทำท่าทางหงุดหงิดลุกขึ้นยืน แน่นอนว่าเป็น จินซาฮยอค


 


“อ๊ะ แต่ทำไมพาเธอมาที่นี่ด้วยละ”


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ…


 


‘มันเป็นความผิดพลาด ผมดึงเธอเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจและลงเอยด้วยการใช้พลังเวทมนต์มากเกินไป’ สปาร์ตันตอบ


 


“ชื่อราชวงศ์…นายรู้ได้ยังไง…”


 


จินซาฮยอคยังคงครอบงำ พัลซาร์


 


“อ๊ะ ไอ้เจ้านั่น คิม คิมซูโฮ คงบอกนายสินะเจ้าคนชั้นต่ำนั้น….”


 


ผมมองดู จินซาฮยอค พึมพำกับตัวเองจู่ๆ วิงค์—Smart Watch ของผมก็สั่น ผมจ้องมองที่หน้าจอ


 


[พบปัญหา – จินซาฮยอคมีทั้งความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีในฐานะสมาชิกของราชวงศ์ อย่างไรก็ตามการกระทำและความคิดของเธอตามที่อธิบายไว้ในเนื้อเรื่องต้นฉบับนั้นไร้ความคิดและไร้วุฒิภาวะ]


 


[การเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง – เป็นกลไกการป้องกัน จินซาฮยอค เลือกที่จะปิดผนึกความภาคภูมิใจของเธอในฐานะราชวงศ์ อาจบอกได้ว่าเธอมี ‘บุคลิกภาพที่แยกออกจากัน’]


 


เพราะ…ผมพูดถึง พัลซาร์ ด้วยหรือเปล่า? อย่างไรก็ตามเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมถอนหายใจแล้วมองจินซาฮยอค


 


“ฉันไม่ได้รู้จากคิมซูโฮ”


 


“…อะไรนะ? แล้วนายรู้จักชื่อนี้ได้ยังไง”


 


ตอนนี้เธอเริ่มพูดเหมือนบอส ผมยักไหล่แล้วตอบ


 


“ฉันบอกเธอเอง แต่หลังจากที่เจอกับทีหลัง”


 


โศกนาฏกรรมของพระราชวงศ์ พัลซาร์ ที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองทวีปพร้อมความยากลำบากของเจ้าชายอายุ 9 ขวบ


 


– ไม่สิผมหมายถึงเจ้าหญิง –


 


เธอต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรของเธอที่ถูกรุกรานโดยปีศาจ และนั้นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปหาที่หลบภัยใน


ต่างโลก


 


เนื้อเรื่องเบื้องหลัง ของ ‘เจ้าหญิงคนสุดท้ายที่กำลังเติบโต’ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จริงๆแล้วผมใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างเธอมากกว่าที่ผมสร้าง คิมซูโฮ ซะอีกแม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพยายามของผมก็ตาม


 


“ดังนั้นรอหน่อยเถอะ อย่าลืมสิฉันรู้ว่าเธอไม่รู้อะไร”


 


ไม่ว่ายังไงผมเก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้เป็นความลับจากเธอจนถึงตอนนี้ก็เพราะฉันคิดว่าเวลาแบบนี้อาจมาถึง ผมต้องโจมตีทางจิตวิทยา สุดท้ายแล้วการใช้คำพูดเพื่อลดความอ่อนแอของจอมวายร้ายนั้นได้ผลดีที่สุด


 


“นาย…-“


 


‘Impudent-! อาจเป็นคำต่อไปของเธอ


ฉันเข้าหา จินซาฮยอค ทันที ระยะทางระหว่างเราสั้นลงในทันที


ผมจ้องตาของเธอจนจมูกของพวกเราเกือบจะสัมผัสกัน จินซาฮยอค


ผู้ซึ่งตะโกนออกมาเต็มปอดเมื่อไม่นานมานี้ก็เงียบลงทันที


 


“….”


 


ผมคอยจ้องมองเธอโดยไม่พูดอะไรเลย ผมไม่จำเป็นต้องข่มขู่เธอ


ผมแค่หยุดนิ่งและจินซาฮยอคก็กลัวด้วยตัวเองทั้งหมด ดวงตาของเธอกระพริบ ริมฝีปากของเธอสั่นไหวและสายตาของเธอก็มองไปที่ไหปลาร้าของผม


 


“ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ ตอนนี้….”


 


แม้เธอกลัวตาย แต่เธอก็สามารถพูดออกมาได้จนจบตามที่เธอต้องการ


 


“สปาร์ตัน นายส่งเธอกลับไปได้ไหม?”


 


ผมไม่สนใจเธอ ผมมองไปหาสปาร์ตัน สปาร์ตันกระพือปีกอย่างร่าเริง


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ…


 


“ไม่……ไม่! เดี๋ยวก่อน…คิมฮาจิน! นายเป็นผู้รู้แจ้งงั้นเหรอ! หรือว่า


นายเป็นผู้ย้อนกลับ…”


 


“แล้วเจอกัน. ใช้เวลาคิดดูให้ดี โอเคไหม”


 


ไม่ช้าร่างของ จินซาฮยอค ก็ถูกดูดเข้าไปในบางสิ่ง สปาร์ตันพาเธอกลับไปอย่างแข็งขัน


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ…


 


ผมมอบ ลูกแก้วพื้นฟู ให้กับสปาร์ตันซึ่งเจ็บปวดจากการใช้พลังของเขามากเกินไป


 


“…ฉันไม่ควรบอกเธองั้นเหรอ?”


 


อย่างไรก็ตามทันทีหลังจากส่ง จินซาฮยอค กลับไปผมก็เริ่มรู้สึกเสียใจ


ผมอาจจะพูดออกไปโดนไม่คิด


 


“เฮ้ออออออออ….”


 


เรื่องราวหลังจาก เฟตที่ 3 ไม่มีใครรู้ เพราะผมหยุดเขียนลงในเฟตที่ 4


 


มีเวลาอีกไม่มากจะเข้าสู้เนื้อเรื่องบทสุดท้ายมันเป็นเวลาที่ จินซาฮยอคจะเริ่มมีบทบาทในโลก


 


ทันใดนั้นผมก็รู้สึกหงุดหงิดเมื่อนึกถึงตอนจบ จะเกิดอะไรขึ้นกับเมื่อทุกอย่างจบลง? ผมเป็นการดำรงอยู่ที่เรียกว่า ‘คิมฮาจิน’ ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรนอกไปจากเป็นผู้บุกรุกในโลกนี้….


 


ผมยกข้อมือขึ้นอีกครั้งและดูSmart Watch


 


▷ ???


– ปลดล็อคหลังจากเรื่องหลักจบลง


 


ประโยคหนึ่งยังคงไม่ทราบ มันเป็นความหวังสุดท้ายของผมถ้าจะกลับ


สู่โลก แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันเป็นความหวังหรือเปล่านะ?


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ…


 


ในขณะนั้นสปาร์ตันก็เกาะติดบนไหล่ของผม ผมกลับมารู้สึกถึงธนูในมือของผม


 


[ธนูของเทมูจินได้รับพรจากฮอรัส]


 


แต่เดิมเป็นไอเท็มบนโลก แต่ผมได้ใช้ [การแปลงการ์ด] เพื่อเปลี่ยนมันให้เป็นไอเท็มในหอคอยแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเข้าไปในหอคอยราชาปีศาจ


 


นอกจากนี้ผมยังใส่ชุดของดอกบัวดำ เสื้อคลุมสีดำเหมือนนักฆ่าหน้ากากและคอนแทคเลนส์สีแดง


 


“อะ….อา…..อืมม…โอเค…แจ่มไปเลยแฮะ”


 


คุณสมบัติการปรับแต่งเสียงของหน้ากากนั้นไร้ที่ติ หลังจากนั้นผมก็ได้รวบรวมพลังเวทมนต์ไว้รอบดวงตาของผม วิสัยทัศน์ของผมยืดออกไปไกลและผมสามารถมองเห็นทั้งชั้น 27 ได้อย่างง่ายดาย


 


– แม่งเอ้ย น่ารำคาญจริงๆ


 


คนแรกที่ผมเจอคือไอลีน เธออยู่ในห้องที่ดูครึ่งหนึ่งเป็นคุกและอีกครึ่งไม่ใช่ครึ่งคุก – ห้องพักถูกล้อมรอบไปด้วยบาร์เหล็กทั้ง 4 ทิศมีเตียงและอ่างล้างจาน มีแม้แต่ฝักบัว


 


“เฮ้อออออออออออ”


 


พวกเขาถูกขังอยู่ในโคลีเซียม สังคมของปีศาจที่อยู่ในหอคอย


โคลอสเซียมเป็นกีฬาที่ราชาปีศาจคิดค้นเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับ


ผู้อยู่อาศัยในหอคอย


 


– เราไม่สามารถวิ่งหนีไปได้เพราะคนอื่นๆ


 


ไอลีน เดินอย่างไร้จุดหมายใน ‘ห้องนักรบ’ พร้อมพึมพำกับตัวเอง ผมเองก็มองหาคนอื่นไปด้วย


 


– เราจะทำให้สมาชิกคนอื่นๆตกอยู่ในอันตรายหากเราหนีไป…ก่อนอื่นเราต้องหาวิธีการติดต่อกับพวกเขาก่อน


 


นี่คือความคิดของ จินเซยอน


 


– เราต้องการวิธี, วิธีที่จะหลบหนีไปด้วยกันกับทุกคน….


 


และนี่คือ คิมซูโฮ


 


– เฮ้ออออ~ ฉันคิดถึงภรรยาสุดที่รักจังเลยยย


 


…นี่คือความเศร้าโศกของอียองอา


 


พวกเขาต่างก็คิดในสิ่งเดียวกัน เนื่องจากพวกเขากังวลเกี่ยวกับอีกฝ่ายพวกเขาจึงตัดสินใจชะลอการหลบหนีออกจากคุก


 


– แม้พวกเขาจะคิดผิดเพราะว่าพวกเขาสามารถแยกกันหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย


 


“สิ่งต่างๆอาจจะแย่กว่านี้อีก”


 


โชคดีที่ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับโคลีเซียม ผมรู้วิธีกวาดล้างมันด้วยซ้ำ


 


ทันใดนั้นผมก็นึกถึงบอส


 


เธออาจจะไม่สบายได้เลยถ้าผมหายตัวไป….แต่สปาร์ตันเหนื่อยเกินกว่าที่จะเดินทางกลับสู่โลกได้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่จะใช้ เทเลพอร์ต ได้อีกครั้ง แต่ถ้าผมใช้ตั๋วเพื่อออกไปนั้นผมจะต้องหาทางกลับไปที่ หอคอยปีศาจ นี้ตั้งแต่เริ่มต้น


 


“สปาร์ตัน?”


 


สำหรับสปาร์ตันที่เหนื่อยล้า ผมหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและเขียนข้อความสั้น ๆ


 


[บอสผมจะอยู่ใน Tower of Wish สักพักไม่ต้องเป็นห่วง.]


 


“ส่งจดหมายนี้ไปยังที่ที่ฉันมา นายสามารถทำได้ใช่ไหม?”


 


– เจี้ยบบบบบบบบบบบบบ…


 


สปาร์ตัน พยักหน้าอย่างขะมักเขม้น


 


*************************************************************************



บทที่ 400 เฟตที่ 3 (6)


 


[ชองดัมดง, เขตคังนัม กรุงโซล, เกาหลีใต้]


 


ยูยอนฮา สร้างคฤหาสน์เพื่อตัวเองที่ใจกลางกังนัม คฤหาสน์ทันสมัยมีขนาดใหญ่มากกว่า 230 ตารางเมตรและสูง 4 ชั้น คฤหาสน์นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการอิสรภาพของเธอ ยูยอนฮา มีความสุขที่ได้มีที่ของเธอในที่สุด


 


“ขอโทษนะ คุณช่วยระวังเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะ?”


 


“รับทราบ~!”


 


ยูยอนฮา จ้างคนมาย้ายเพื่อขนข้าวของของเธอ แน่นอนว่ามันจะเร็วกว่านี้ถ้าเธอแค่ใช้เวทมนตร์หรือทักษะ แต่เธอก็อย่างถี่ถ้วน เธอค่อนข้างจะชอบใช้จ่ายเงินมากกว่าลงมือทำเอง


 


“โดยเฉพาะเตียงนั่น คุณต้องระมัดระวังเป็นพิเศษด้วยนะ เตียงนั้น”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ปล่อยให้พวกเรา”


 


“อย่าหัวเราะและจงจริงจัง ฉันบอกไปแล้วนะว่าฉันจริงจัง”


 


“…อ๊ะใช่ๆ เข้าใจแล้ว”


 


เตียงที่พันแน่นถูกขนส่งขึ้นจากรถบรรทุก ยูยอนฮา มองดูอย่างหงุดหงิด เธอกัดริมฝีปากของเธออย่างไม่สบายใจว่าพวกเขาอาจจะทำเตียงล้มลงได้


 


“เสร็จแล้ว -!”


 


“เฮ้ออออออออ….”


 


โชคดีที่เตียงมาถึงอย่างดีและ ยูยอนฮา ลงไปที่ชั้นสองหลังจากที่เธอยืนยันว่าเตียงมาถึงอย่างปลอดภัยในห้องนอน ชั้นที่ 3 เป็นพื้นที่นั่งเล่นของเธอและชั้น 2 เป็นพื้นที่สำนักงานที่ออกแบบสำหรับ ยูยอนฮา


 


“…ฮุฮุฮู~ ฮุฮุฮุฮุฮุฮุฮุฮุฮุฮุฮุฮุ~”


 


ยูยอนฮา ฮัมเพลงอย่างสบายใจและนั่งลงที่โต๊ะทำงานของเธอ เก้าอี้ที่คิมฮาจินให้โอบล้อมร่างกายของเธออย่างมีความสุข เธอใช้เก้าอี้ตัวนี้มานานกว่า 3 ปี และมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้มันเธอกลายเป็นสมบัติที่มีค่ามากเป็นอันดับ 3 ของธเออย่างที่ 2 คือเตียงและอันดับ 1 คือกิลด์ของเธอ


 


ติ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 


เธอกำลังถูกห่อด้วยความสุขแต่โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น มันมาจาก


‘♥พ่อ♥’ ยูยอนฮา ยิ้มและรับสาย


 


“สวัสดีค่า.”


 


– สวัสดีที่รัก ~


 


ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะดื่มหนักกับเพื่อนของเขาเลยเมา ยูยอนฮา มักจะเกลียดพ่อของเธอที่ดื่ม แต่เธอตัดสินใจที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน


 


– พ่อรู้ไหมว่าพิธีเลื่อนตำแหน่งของพ่ออีกแค่ 3 วัน รู้ใช่มั้ย~?


 


3 วันนับจากวันนี้พ่อของเธอยูจินวอนจะทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะวีรบุรุษเหนือวีรบุรุษเป็น ‘วีรบุรุษระดับผู้นำ’


 


“แน่นอนฉันจำได้ ลูกไม่จำเป็นต้องบอกด้วยซ้ำ”


 


– พ่อต้องมา. ถ้าพ่อมาไม่ได้ หนูจะพังพิธีนั้นทิ้งซะ


 


“แน่นอน พ่อจะไป”


 


– Ok ฉันเชื่อใจเธอ คุณลูกสาว เธอรู้ไหมว่าฉันภูมิใจในตัวเธอมาก


 


– เฮ้เฮ้เฮ้ แกเป็นใครมาคุยกับลูกสาวของฉัน ไปให้พ้น!


 


ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงอื่นที่ไม่ใช่พ่อของเธอจากโทรศัพท์อีกด้านหนึ่ง เขาเป็นเพื่อนของพ่อเธอ ยูยอนฮาขอให้พวกเขาดูแลพ่อของเธอและวางสาย


 


“ฮูฮูฮูฮููฮููฮูฮูฮูฮ… .”


 


เมื่อไม่นานมานี้เรื่องต่างๆกำลังไปได้สวย ยูยอนฮา มองไปรอบๆ ออฟฟิศอย่างเงียบๆ ห้องมันทำให้รู้สึกเหงานิดหน่อยแต่หรือจะหาเลขามาสักคนดีจะ บางทีเธออาจหาสัตว์เลี้ยงมาดีนะ


 


ดิ้งๆๆๆๆๆๆๆๆ-


 


เธอถูกดึงสติจากทางเลือกที่ยอดเยี่ยมทั้ง 2 เมื่อโทรศัพท์มาจากผู้ให้ข้อมูลคนหนึ่งของเธอ


 


– หัวหน้านี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ตอนนี้มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ออกมาใน Pandemonium เต็มเลย


 


นี่คือข้อมูลที่คิมฮาจินต้องการ ยูยอนฮา นั่งตัวตรงและล้างคอของเธอ


 


“นี่มาจากพยานหรือนายมีหลักฐานแบบชัดเจนไหม”


 


– ผมมีหลักฐานที่ชัดเจน พวกเราจัดการบันทึกคลิปสั้นๆของ


มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ด้วยโดรนของพวกเราที่อยู่ใกล้ๆ


 


“อืมมม.”


 


ยูยอนฮา พยักหน้าอย่างพอใจ การส่งเจ้าหน้าที่สอดแนมหลายร้อยคนใน Pandemonium คุ้มค่ากับความพยายาม


 


– คลิปได้รับความเสียหายจากคลื่นพลังเวทมนต์ตรงกลาง แต่ส่วนที่สำคัญยังคงอยู่ ผมจะส่งมันไปเดี๋ยวนี้


 


“…โอเค.”


 


สิ้นสุดการโทรและไฟล์วิดีโอก็ถูกส่งมา ยูยอนฮา เอากระป๋องโค้กออกจากตู้เย็นแล้วเล่นวิดีโอ ป๋อก-เธอเปิดกระป๋องและกำลังจะจิบโค้ก


 


“… ?”


 


แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าวิดีโอได้สิ้นสุดลงแล้ว


 


“แค่นี้เองเหรอ?”


 


เมื่อเธอรู้ว่าวิดีโอนั้นมันมีความยาวเพียง 3 วินาที เธอจิบโค้กและกดปุ่มเล่นอีกครั้ง


 


“นี้มันอะไรกัน….”


 


เสียงพึมพำตรวจจับการสั่นสะเทือนที่ผิดปกติและซูมเข้ามาบนหลังคาของอาคาร มีเหตุการณ์ที่ตรวจไม่พบด้วยตาเปล่าเกิดขึ้น


 


ไม่รู้ว่ามันถูกยิงด้วยจรวดหรืออะไรเพราะจู่ๆอาคารก็พังลงมาอย่าง ง่ายดาย พร้อมการถูกแทงหัวใจของคนบางคนบนหลังคา วิดีโอสิ้นสุดลงทันทีหลังจากการระเบิดของพลังเวทย์ขนาดใหญ่


 


“อืม … .”


 


อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นผู้ข่าวก็ส่งคลิปที่สองที่ช้ากว่า 1,000 เท่ามาให้ เธอเล่นวิดีโอที่ 2 และเริ่มวิเคราะห์ในเชิงลึก ถึงอย่างนั้นเธอก็แทบจะไม่ทันได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวนั้น ‘มันเร็วขนาดไหนกันนะ?’


 


“ฮะ?”


 


ในตอนแรก ยูยอนฮา ให้ความสำคัญกับมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ แต่จู่ๆสายตาเธอก็จ้องมองไปทางอื่น เธอไม่ดูมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ต่อแต่ว่าเธอเห็นคนที่หน้าตาคล้ายคิมฮาจินถูกมอนสเตอร์ผ่าครึ่งร่าง


 


“เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวก่อน”


 


เธอรู้สึกถึงความไม่ลงรอยกันและดูคลิปใหม่อย่างรวดเร็ว เหยื่อนิรนามถูกโจมตีโดยมอนสเตอร์ เขาสวมหมวกแต่ในช่วงเวลาสั้นๆที่มอนสเตอร์ ฟันเขาขาดเป็น 2 ท่อนหมวกเขาก็ปลิวไปตามสายลม และใบหน้าที่ถูกเปิดเผยนั้นเป็นสิ่งที่ยูยอนฮาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง


 


“นี้มัน….”


 


แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เธอจึงดูคลิปใหม่อีกครั้ง เธอหยุดที่ใบหน้าของเขาและซูมเข้าไปบนหน้าจอ


 


“… อ่า.”


 


เธอพูดอะไรไม่ออก มือที่อยู่เหนือเม้าส์กำลังสั่นเทา


 


‘นี่…นี่มันไม่จริง ทำไมเขาถึงอยู่ใน Pandemonium? เขาคิดว่าเขาสามารถเอาชนะมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ด้วยตัวเองจริงๆเหรอ? หรือว่าเขาไล่ตาม Chameleon Troupe ไปใน Pandemonium โดยบังเอิญ? ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร….แต่นี้มัน’


 


ยูยอนฮา เล่นคลิปอีกครั้ง เธอจดจ่อกับภาพที่ชัดเจน


 


“ผู้ชายคนนี้….”


 


เสียงแผ่วเบาออกมาจากปากของ ยูยอนฮา ขณะที่เธอดูฉากนั้นอีกครั้งด้วยความงุนงง ไม่ว่าเธอจะกดวิดีโอใหม่กี่ครั้งและอัปเกรดคุณภาพวิดีโอกี่ครั้งผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ที่เลวร้ายคือมันยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เคยลืมใบหน้าและชื่อของชายคนนี้


 


“เป็น…เป็น คิมฮาจิน”


 


เมื่อมาถึงจุดนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว เธอจับ Smart Watch ของเธออย่างรุนแรง เธอโทรหา คิมฮาจิน ทันที


 


[ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้….]


 


เสียงเรียกเข้าที่โหดร้ายประกาศว่าเขาไม่อยู่ ยูยอนฮา โทรมาอีกครั้ง


 


[ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้….]


 


และอีกครั้ง.


 


[ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้….]


 


เธอโทรต่อ


 


[ไม่สามารถติดต่อผู้รับได้ในขณะนี้….]


 


เสียงที่ไม่แยแสจากดังก้องทั่วสำนักงานที่ว่างเปล่า ยูยอนฮา พยายามโทรซ้ำแล้วซ้ำอีก


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 27 – โคลีเซียมปีศาจ, ห้องนักรบ]


 


“เฮ้อออออออออออออ….”


 


3 วันแล้วตั้งแต่ที่เธอถูกขังอยู่ในห้องที่มีลักษณะเหมือนห้องขัง


‘มันเกิดขึ้นได้ยังไง?’ จินซาฮยอค นั่งอยู่บนเตียงและเริ่มเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา


 


ทุกอย่างเริ่มต้นจากนกที่เป็นสัตว์เลี้ยงของดอกบัวดำ พวกเขาสามารถหาหอคอยราชาปีศาจเจอได้ด้วยความช่วยเหลือของนกอินทรี นี่เป็นเรื่องดี พวกเธอหยุดยั้งไอลีนไม่ให้พยายามเข้าไปในหอคอยทันทีและพักสมองประมาณ 3 วันข้างหน้า


 


พวกเธอพักกันในช่วงเวลานั้น


 


พวกเธอชารต์พลังบนชั้น 7 และหาน้ำยากับการ์ดที่มีประโยชน์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปีนหอคอย พวกเธอต้องการให้ ยียอนฮาและ ชินจงฮัก เข้ามือ แต่ทั้ง 2 คนยังไม่พร้อม


 


ดังนั้นจินเซียน, ไอลีน, คิมซูโฮและอียองฮาเลยเข้าไปในหอคอยราชาปีศาจด้วยกัน


 


ตอนแรกพวกเธอคิดว่าทุกอย่างจะราบรื่น


อย่างไรก็ตามในไม่นานพวกเธอก็ตกเป็นเหยื่อของกับดักที่บังคับให้ต้องแยกกลุ่ม พวกเธอถูกแยกออกจากกันโดยไม่มีการติดต่อใดๆมันอาจเป็นเพราะพลังเวทมนตร์


 


แม้เธอจะติดอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยจินเซยอนก็เชื่อในสหายของเธอ เธอเชื่อว่าเธอจะเจอพวกเขาอีกครั้งหากเธอยังคงปีนหอคอยต่อไป


อย่างไรก็ตามแม่มดปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับปีศาจหลายร้อยคนและแสดงลูกบอลคริสตัลให้เธอดู


 


มันสะท้อนให้เห็นภาพของ อียองอา ที่ถูกขังเอาไว้


 


จินซาฮยอค ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้ พวกมันขู่ว่าจะฆ่าเพื่อนของเธอ อียองอาแม้จะชอบโม้เรื่องลูกๆของเขากับเธอทุกครั้งที่เขามีโอกาส แน่นอนว่าเด็กๆไม่สมควรที่จะจากพ่อไป


 


“เฮ้ออออออออออ…เรายังไม่ควรลงมือทำอะไร”


 


จินซาฮยอค สูดหายใจลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง เธอต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนโอเค ตราบใดที่พวกเธอยังมีชีวิตอยู่พวกเธอจะได้เจอกันอีกในซักวันหนึ่ง


 


– มนุษย์ จินเซยอน ถึงเวลาแล้ว


 


ทันใดนั้นก็มีเสียงหนักตกลงมาจากเพดาน จินเซยอนถอนหายใจและในไม่ช้าก็มีปีศาจปรากฏตัวต่อหน้าห้องขังของเธอ


 


“ตามฉันมา.”


 


ยามตาเดียวมองจินเซียน วิธีที่เขาสัมผัสเธอในขณะที่เขาลากเธอออกไปจากห้องขังนั้นน่ากลัวมาก


 


เธอแทบจะห้ามตัวเองไม่ให้ยิงลูกศรแสงสว่างออกมาไม่ได้


 


“แกไม่ควรโกหกว่าจะให้ฉันออกไปเมื่อฉันได้รับชัยชนะ 10 ครั้ง”


 


“ไม่ต้องห่วง แน่นอนพวกเรารักษาคำพูดของเรา พวกเราจะปล่อยเธอไป ถ้าเธอชนะ 10 ครั้ง”


 


“เมื่อฉันออกไปจากที่นี่แกจะเป็นคนแรกที่ฉันฆ่า”


 


“ทำตามที่คุณต้องการเลย ถ้าทำได้”


 


ยามตาเดียวยิ้มเยาะ


 


“ชนะ 10 ครั้งแล้วฉันจะปล่อยตัวเธอ” – คำสัญญานี้เป็นเรื่องโกหกอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอาจวางแผนที่จะปล่อยเธอ แต่เขามีนิยามที่แตกต่างจากคำว่า ‘ปล่อย’ แบบปกติ


 


ไม่ว่ายังไงจินเซยอนก็เดินตามหลังยามและมาถึงทางเข้าด้านขวาของโคลอสเซียม ด้านหลังประตูที่นำไปสู่สนาม ยามพูดออกมา


 


“คู่แข่งของเธอในวันนี้เป็นคนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อวานนี้เอง”


 


“…คนมาใหม่? แกหมายถึง เขาเป็นมนุษย์งั้นเหรอ?”


 


“เธอเห็นเอง.”


 


“อืม…ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใคร”


 


จินเซยอนจดจำ ชายคนหนึ่งได้ – ชอคจุนกยอง – เธอพยักหน้า


 


– เธอเก่งมาก เธอสมควรได้รับรางวัล! ตอนนี้พวกเรามาเริ่มงานเลี้ยงแห่งความตายกันเถอะ!


 


ในขณะนั้นเองประตูสู่เวทีก็เปิดออกมาพร้อมกับเสียงตะโกนของปีศาจ เสียงคำรามดังกึกก้องจากอีกด้านหนึ่งของประตู


 


จินซาฮยอค เข้าสู่เวทีพร้อมหน้าบึ้ง กุญแจมือรอบข้อมือของเธอหลุดออกและยามก็ส่งธนูให้เธอ


 


ด้วยธนูในมือของเธอ เธอมองตรงไปที่คู่ต่อสู้ของเธอในอีกด้านหนึ่ง


 


“…?”


 


อย่างไรก็ตาม จินเซยอน เงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เงาภาพเธอเห็นจากระยะไกลนั้นแตกต่างจากที่เธอคาดไว้อย่างสิ้นเชิง


 


“ผู้ชายคนนั้น….”


 


เขาผอมเพรียวและสวมเสื้อคลุมสีดำซึ่งคลุมเขาไว้ทั้งหมดและสวมหน้ากากสีดำ ดอกบัวทองคำ ถูกปักลงบนเสื้อคลุมของเขาและเขาถือธนูสีดำไว้ในมือ ภาพลักษณ์ของเขาชัดเจนว่าไม่ได้มีเจตนาปกปิด


ตัวตนของเขาเอง


 


“อย่าบอกฉัน….นะว่า”


 


ดวงตาของจินเซยอนเบิกกว้าง


 


เธอรู้ดีว่าชายคนนี้เป็นใคร เขาเป็นนักธนูที่แข็งแกร่งที่สุดใน


Tower of Wish และ Chameleon Troupe เจ้าของที่นั่งสีดำคนปัจจุบันและบางทีอาจเป็นคนที่เธออยากเจอมากที่สุด


 


ดอกบัวดำ



บทที่ 401 ดอกบัวดำ (1)


 


ภายในโคลอสเซียมที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความบ้าคลั่ง


จินเซยอน จ้องมองชายตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาถูกปกปิดอย่างสมบูรณ์ แต่ จินเซยอน คิดที่จะมองผ่านการปลอมตัวของเขาด้วยสายตาของเธอ


 


อย่างไรก็ตามแม้ดวงตาของเธอก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ หน้ากากของ ดอกบัวดำ เบี่ยงเบนสายตาของ นักธนูผู้ศักดิ์สิทธิ์ ได้อย่างง่ายดาย


 


– ผู้ชนะจะมีชีวิตรอดและผู้พ่ายแพ้จะต้องตาย! จงสนุกกับการต่อสู้ของมนุษย์กับความตาย!


 


เสียงปีศาจดังออกมาดัง ๆ


 


จินเซยอน หยิบ [ธนูของพระเจ้ามุนจงแห่งโครยอ] ไอเท็มที่เธอได้รับขณะปีนหอคอย เธอเล็งธนูไปที่ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ


 


ดอกบัวดำ.


เขาเป็นสมาชิกของ Chameleon Troupe ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่เธอ


 


ความแค้นที่ถูกกักเก็บในตัวเธอนั้นไม่สามารถลืมเลือนได้เลย


 


– สู้!


 


อย่างไรก็ตามต่อหน้าชีวิตของสหายของเธอความแค้นของเธอกลายเป็นเรื่องขี้ประติ๋ว


 


– จงต่อสู้ซะ!


 


จินเซยอน พยายามใจเย็น คู่ต่อสู้ของเธอเองก็ยกธนูขึ้นมา ไม่มีเวลาว่างที่จะพูดอะไรออกไป พลังเวทมนต์เปล่งประกายรอบธนูของเธอ


นักธนูผู้ศักดิ์สิทธิ์และดอกบัวดำ จับลูกธนูในมือ


 


นี้คือการเผชิญหน้ากันของนักแม่นปืนทั้ง 2 คนที่กำลังจะเกิดขึ้น


จินเซยอน กังวลว่าเธอและดอกบัวดำ จะไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของปีศาจได้


 


แม้ว่าผู้ชมจะเชียร์และเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในการต่อสู้ระหว่างทั้ง


2 แต่ การต่อสู้กันของนักแม่นปืนนั้นไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย


เป็นเพราะการต่อสู้นั้นจะถูกกำหนดโดยลูกศรเดียวเสมอ


 


นักแม่นปืนไม่สามารถโจมตีได้หากพวกเขาหลบและหลบไม่ได้ถ้าหากพวกเขาจะโจมตี ดังนั้นนักแม่นปืนจึงต้องกำหนดผลลัพธ์ของการต่อสู้ภายในลูกศรเดียวซึ่งเป็นการใช้พลังเวทมนต์ทั้งหมดลงไป ไม่มีการต่อสู้สุดแฟนตาซีเหมือนในการ์ตูนอย่างแน่นอน


 


ในเสี้ยววินาทีนั้น ลูกธนู 2 ดอกของใครจะพังทลายและลูกธนูที่รอดตายจะบดขยี้ศัตรูด้วยพลังทั้งหมด


 


– กิ้ๆๆๆๆ


 


จินเซยอน ดึงสายธนู พลังเวทมนต์ของเธอกัดกินลูกธนูและบีบอัดลงไปในรูปแบบพลังทำลายล้างที่มากขึ้น ลูกศรเวทมนต์ที่ปรากฎนั้น


ก่อให้เกิดแรงกดดันอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดระเบิดความตื่นเต้นและเสียงเชียร์ของผู้ชมในโคลอสเซียม


 


จากนั้นเมื่อเธอพร้อมที่จะยิงธนูของเธอที่เต็มไปด้วยพายุแห่งพลังเวทมนตร์ …


 


– อย่าคิดที่จะชนะ


 


เสียงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ


 


“…?”


 


ดวงตาของจินเซยอนเบิกกว้าง


 


ทักษะการส่งความคิดของตัวเองไปยังจิตใจของคนอื่นนั่นคือ โทรจิต จากทักษะมากมายที่ฮีโร่ใช้กับพลังเวทมนต์การโทรจิตเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุด เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่พยายามฝึกฝนกันตั้งแต่แรกหรือ


ทำให้ความสามารถนี้ไม่ได้สามารถใช้กันได้ทุกคน


 


อย่างไรก็ตามการการส่งโทรจิตนั้นไร้ที่ติ ไม่มีแม้แต่เสียงรบกวนที่


ขัดขวางข้อความของเขาและมันก็ดังขึ้นในตัวเธอเองอย่างราบรื่นและเงียบสงบ แม้ในฐานะฮีโร่ระดับปรมจารย์นี่เป็นครั้งแรกที่จินเซยอนได้สัมผัสกับโทรจิตที่ใสสะอาดขนาดนี้


 


– หากเธออยากช่วยเพื่อนของเธอ เธอวางธนูนั้นลงเถอะ


 


ข้อความของ ดอกบัวดำ ยังคงดังต่อไป


เขารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของเธออยู่ที่นี่


 


มือของจินเซยอนสั่นไปครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามเธอพุ่งความสนใจไปธนูอีกครั้ง


 


จะเชื่อหรือไม่เชื่อ นี่ไม่ใช่คำถามที่จินเซยอนถามกับตัวเอง เธอไม่อยากให้ชีวิตของเพื่อนต้องตกเป็นเดิมพันต่อรองของดอกบัวดำ


 


– เธอไม่อยากช่วยพวกเขาเหรอ


 


จินเซยอน พยายามใช้พลังเวทมนต์ของเธอเพื่อตัดการโทรจิตของดอกบัวดำ อย่างไรก็ตามเธอทำไม่ได้


‘เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง จินเซยอนหัวเราะและรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างล้นหลามในพลังเวทมนต์อันยิ่งใหญ่


 


– ฉันจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หากเธออยากช่วยเพื่อของเธอวางธนูนั้นซะ


 


คำพูดของดอกบัวดำดังขึ้นในจิตใจของเธอ ถึงกระนั้น จินเซยอน ก็ยังคงสร้างลูกธนูเวทมนต์ของเธอต่อไป แสงเปล่งประกายสุกใสจากคันธนูของเธอ


 


– นั่นคือลูกศรธาตุแสงงั้นเหรอ?


 


เสียงแห้งๆและไร้อารมณ์ดังขึ้น


 


– ตัวเลือกที่โง่เขลา


 


ด้วยการเยาะเย้ย ดอกบัวดำ ก็ปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเขาออกมาราวกับเขื่อนแตก


 


– คงจะดีกว่านี้ถ้าใช้การโจมตีที่ไร้พลังธาตุ


 


“หยุดพูดนะ-!”


 


ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกคุกคามโดยแก! จินเซยอน ตะโกนและปล่อยลูกธนูของเธอออกไป


 


เพี้ยว…


 


ประกายไฟสีขาวแตกกระจายขณะที่ลูกศรของเธอลอยไปข้างหน้า


แสงทำให้โลกร้อนขึ้นมาในทันทีและละลายอากาศโดนรอบ


เมื่อแสงสีขาวเปล่งประกายจากลูกศรทำให้หัวใจของผู้ชมหลงใหล…


 


“เอ๊ะ…?”


 


จินเซยอน เริ่มเข้าใจความหมายของ ดอกบัวดำ


 


ไฟไม่สามารถชนะความมืด และไฟก็ไม่ได้ชนะน้ำและไม่มีน้ำค้างที่สามารถกลายเป็นน้ำแข็งได้ แบบนี้มันแค่กินพลังเวทมนต์มากเกินไปเท่านั้น


 


จินเซยอน เห็นกระแสน้ำปะทะกับลูกธนูของเธอ เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ นี่คือความรู้สึกเหมือนหิ่งห้อยต่อหน้าดวงอาทิตย์งั้นเหรอ?


 


พลังเวทมนต์มีคุณสมบัติเบาบาง ลูกศรของ ดอกบัวดำ ฉมวกสีขาวที่เขายิงออกมาดับลูกศรของเธออย่างง่ายดาย


 


“…เฮ้อออออ.”


 


ลูกธนูส่องสว่างของเธอร่วงลงและลูกศรของ ดอกบัวดำ ยังคงลอยไปหา จินเซยอน เห็นความพ่ายแพ้ของเธออย่างชัดเจน


 


แต่ไม่ช้าก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่


 


แสงไฟของดอกบัวดำระเบิดต่อหน้าจินเซยอน เธอล้มลงไปที่พื้นดิน อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้สึกเจ็บปวด ราวกับว่าร่างกายของเธออยู่ภายใต้การดมยาสลบ นี่เป็นเพราะการโจมตีด้วยคุณสมบัติธาตุของเขางั้นเหรอ?


 


– ไม่ต้องห่วง เธอจะไม่ตาย …


 


เมื่อจิตสำนึกของเธอเริ่มจางหายเสียงของดอกบัวดำก็ขึ้นอีกครั้ง


 


– เธอจะหลับไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น


 


ต๊อกแต๊ก เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องอยู่ในหัวของเธอ


 


“มันห่างไกลจากความตายที่แท้จริง”


 


คราวนี้เขาพูดออกมาโดยไม่ใช้ โทรจิต


 


“หลับให้สบายเถอะ”


 


นั้นเป็นคำพูดสุดท้ายจากนั้นจิตสำนึกของจินเซยอนก็ถูกตัดออกไป


 


*************************************************************************


 


“….เฮ้อออออออออ”


 


หลังจากยืนยันว่าดวงตาของจินเซยอนปิดสนิทผมก็ถอนหายใจ เนื่องจากผมใช้ รอยสัก 4 ครั้งในคราวเดียวและใช้คุณสมบัติที่ซับซ้อนเช่น ‘การเคลื่อนไหวที่ถูกระงับ’ ร่างกายของผมจึงเจ็บปวดไปหมด


 


“เราชนะสินะ”


 


ผมพิสูจน์ทฤษฎีของผม แม้แต่ลูกธนูของ จินเซยอน ก็ไม่สามารถเอาชนะ ลูกศรแสงจันทร์ของอเธน่า ได้เนื่องจากเธอเลือกการต่อสู้ที่มีคุณสมบัติธาตุแสงผลลัพธ์จึงออกมาอย่างชัดเจน


 


“เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากเจ้ามนุษย์”


 


ยามเดินมาหาผมและตบหลังของผมขณะที่เขาชม


 


“ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งแรกของเจ้า มีอะไรที่เจ้าต้องการไหม”


 


ผมจ้องมองไปที่ดวงตาปีศาจ นัยน์ตาของเขาโค้งเป็นรอยยิ้ม ผมชี้ไปที่ร่างของจินเซยอน


 


“…ศพนี้”


 


“หืม?”


 


“เอาส่งศพนี้มาให้ฉัน”


 


“…ศพ?”


 


ผมพยักหน้า. คำใบ้ของความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้คุม


เขามองไปมาระหว่างผมกับจินเซยอนในขณะที่แผ่พลังงานปีศาจออกมา


 


ฉึก


 


– ดาบปีศาจสีดำแทงทะลุท้องของจินเซยอน


 


“… .”


 


อย่างไรก็ตามเธอไม่ตอบสนองใดๆดีที่ผมพาเธอเข้าสู่สถานะไร้การเคลื่อนไหวด้วยพลังเวทมนต์ของรอยสักไปก่อนแล้ว


 


เจ้าหน้าที่เรือนจำพูดออกมา “ข้าไม่สามารถให้ศพเจ้าได้ ศพทั้งหมดจะถูกนำไปที่ห้องเก็บศพ “


 


“ถ้างั้นให้ฉันอุ้มเธอที่นั่นเอง”


 


“หืม…ก็ได้”


 


เจ้าหน้าที่เรือนจำไม่ได้ว่าอะไร ผมอุ้ม จินเซยอน ขึ้นมาแล้ววางเธอไว้บนไหล่ของผม


 


แป๊ะๆ!


 


แป๊ะๆ แป๊ะๆน่าทึ่งมาก! มันเยี่ยมมากจริงๆ!


 


แม้ว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ปีศาจดูเหมือนจะสนุกกับมันเป็นอย่างมาก


 


ผมเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงตื่นเต้น พลังแห่งแสง 2 ดวงที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ปะทะกัน ในมาตรฐานของมนุษย์มันเหมือนการทะเลาะกันของทะเลเลือด


 


– ข้าจะจำชื่อของเจ้าเอาไว้! แล้วเจอกัน!


 


– อุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! สนุกมาก สนุกจริงๆ!


 


ผมออกจากโคลอสเซียมตามเจ้าหน้าที่เรือนจำไปและก็มาถึงโรงเก็บศพใต้ดิน


 


“ฮุฮุฮู…”


 


เจ้าหน้าที่เรือนจำมองมาที่ผมและยิ้มอย่างมีความสุข


 


“ฉันจะให้เจ้ายืมซากศพนั้น 1 วันก็แล้วกัน”


 


“…อะไรนะ?”


 


ผมรู้สึกเหมือนผมเข้าใจว่าว่าผู้คุมเรือนจำคิดอะไรอยู่ การกระทำที่ยอมรับไม่ได้ต่อมนุษย์นั้นเป็นเหมือนเรื่องธรรมดาของปีศาจ


 


“นายไปได้แล้ว”


 


“เอาล่ะข้าจะออกไปแล้ว ใช้เวลาของเจ้าให้คุ้มค่าเถอะ”


 


ผมขมวดคิ้วอย่างรังเกียจเมื่อผมปล่อยยามนั้นไป ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่าเขามีน้ำใจขณะที่เขาปิดประตูทางออก ผมต้องขอบคุณเขาสำหรับเรื่องนี้


 


“… .”


 


หลังจากชำเลืองมองผ่านประตูและตรวจสอบว่าเขาไปแล้วผมก็รีบเอายาออกมาให้ จินเซยอน ที่มีเลือดไหลออกมาจากท้องของเธอ ผมรินยาบนบาดแผลของเธอ


 


ซ่าาาาาาาา ไอน้ำสีขาวปิดบาดแผลของเธอทันที


 


และแล้ว


 


“…ร้อนๆๆๆๆๆ!”


 


ความร้อนที่เหลือทนทนได้กระจายจากข้อมือของผม ผมเหลือบมองอย่างรวดเร็วและเห็นว่า Smart Watch ของผมติดไฟ


 


“อะ-อะไรกัน!?”


 


ผมพยายามดับไฟ แต่หลังจากนั้นไม่นานความเจ็บปวดก็กระทบแขนของผม มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจเข้าใจเหมือนเหล็กในแทงร่างกายของคุณอย่างต่อเนื่อง


 


“บ้าจริง….”


 


ผมคุ้นเคยกับความเจ็บปวดนี้ ไม่นานชุดข้อความก็โผล่ขึ้นมาในดวงตาของผม


 


[มีการเพิ่มลายของ รอยสัก]


[มันจะง่ายต่อการใช้ รอยสัก อย่างหลากหลาย]


[ตอนนี้คุณสามารถใช้ ‘การแทรกแซงเนื้อเรื่อง’ และ ‘การอ่านเนื้อเรื่อง’ ได้โดยไม่ต้องใช้สื่อกลาง]


[คุณสามารถ … ]


 


พวกมันเป็นข่าวดี แต่ปัญหาก็คือกับเวลาและสถานที่


 


“อ้ากกกกกกกกกกกกกกก!”


 


ความเจ็บปวดพุ่งไปที่แขนของผมวิ่งไปถึงสมอง เสียงร้องไห้ที่ไม่คาดคิดออกมาจากปากของผมและผมก็ทนความเจ็บปวดไม่ได้อีกต่อไป


 


ผมทรุดตัวลงและจับแขนของผมแน่น


 


*********************************2***************************************



บทที่ 402 ดอกบัวดำ (2)


 


ในอีกด้านหนึ่งในอาคาร Chameleon Troupe ก็ใช้เป็นฐานหลักของพวกเรา


 


“บอสที่บอบบางของพวกเรา~ ไม่สบายเหรอ~? ผิวของคุณแห้งสนิทเลย~”


 


เจนทำท่าน่ารักขณะยืดแก้มของบอส บอสจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่หรี่แคบลง


 


“ฉันมีวิธีฆ่า เธออยู่หลายวิธีเลยนะ”


 


มันเป็นคำเตือนโดยตรง ความเย็นชาในน้ำเสียงของเธอทำให้เจนกระเด็น ไปข้างหลัง เจนได้แต่ปล่อยเสียงไอแห้งๆออกมา


 


“…แบบนี้มันไม่ดีเลย”


 


บอส พูดอย่างเขินอาย แน่นอนว่าเธอกังวลมากเหมือนที่เธอพูด


คิมฮาจินผู้ซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงได้หายตัวไปในทันทีทันใดและถูกแทนที่ด้วยผู้หญิงแปลกหน้า


 


“~ใช่ไหม? มันยากมากนะ ฉันเกือบจะตายที่พยายามหยุดคุณเอาไว้~”


 


เป็นเจนที่หยุดบอสจากการยิงระเบิดพลังเวทมนตร์ใส่ผู้หญิงคนนนั้น มันเป็นเพราะเธอรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร


 


ในขณะที่เจนหยุดบอส ผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมีจดหมายของคิมฮาจินปรากฏไม่งั้นบอสก็พร้อมที่จะทำลายโลกทั้งใบเพื่อค้นหาว่าเขาอยู่ที่ไหน


 


“ฮาจินรู้อยู่เสมอว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ดังนั้นอย่ากังวลเรื่องเขามากเกินไปเลย พวกเราควรมุ่งเน้นไปที่การแก้แค้น~ พวกเราไม่สามารถปล่อยให้แมลงที่ฆ่าฮาจินมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย ~?”


 


บอสพยักหน้าตามคำพูดของเจน


 


“แน่นอน.”


 


“…ใช่แล้วฮาจินโอเคไหม ฉันได้ยินมาจากหอคอยว่าการตายมีผลค่อนข้างใหญ่”


 


“… .”


 


บอสไม่ได้ตอบคำถามของเจน คิมฮาจินไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับความตายของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากคิดถึงช่วงเวลาที่เขาเสียชีวิต


ในฐานะคนที่อยู่กับคิมฮาจินมาเป็นเวลานานนั่นคือสิ่งที่บอสรู้


 


คิมฮาจินเป็นคนแบบนั้น เขาไม่ชอบคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเสียใจหรือสิ่งที่ทำให้เขาเศร้า เขาไม่ชอบที่จะเจ็บปวดถ้าต้องจำเรื่องพวกนั้นเขาเกลียดการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของเขา ไม่สิไม่ใช่ว่าเขาเกลียดมัน


 


เขาทำตัวเหมือนไม่อนุญาตให้คนอื่นพูดเรื่องนี้


 


บอสเดาว่าเป็นเพราะสิ่งที่เธอเคยทำในอดีต เพราะเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเกลียดเธอ ถ้าเขาขุดอดีตขึ้นมา…


 


“ใครเป็นห่วง ใครกันน่าาาาา~”


 


คำพูดขอเจนทำลายความคิดของบอส


 


“รีบคว้ามันไว้บอส โอกาศไม่ได้มีบ่อยๆ”


 


“อะแฮ่ม.”


 


บอสแกล้งไอแห้งๆ


 


“อย่างไรก็ตามพวกเรามีข้อมูลอะไรบ้างในแมลงตัวนั้น? มันแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ”


 


“โดรนกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ตอนนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่มากนัก~…โอ้ใช่แล้ว! คุณไม่ได้บอกว่าคุณมีแขนของมันเหรอ!”


 


“ใช่.”


 


“สมบูรณ์แบบ~ ถ้าพวกเรามีส่วนหนึ่งของร่างกายมัน เราสามารถใช้มันเพื่อสาปแช่งพวกมันได้”


 


ดวงตาของบอสเบิกกว้าง การสาปแช่ง แม้ว่าเธอจะไม่ได้คิดถึงมัน


แต่มันก็เป็นวิธีที่ดี


 


“ฟังดูดีนะ”


 


“~ใช่ไหม?”


 


บอสปรบมือและนึกถึงผู้หญิงน่าสงสัยที่เธอเจอเมื่อ 2 วันก่อน


 


“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเกิดอะไรขึ้น”


 


“ …อืม ~ เด็กผู้หญิง ~?”


 


“ผู้หญิงเข้ามาในนี้”


 


“อ่าาาา~ ~”


 


เจน ทำอย่างดีที่สุดเพื่อซ่อนข้อมูลเกี่ยวกับจินซาฮยอคเป็นเพราะเบลล์บอกว่าเธอจะเป็นคนที่จะฆ่าเขาในสักวันหนึ่ง เบลล์ไม่เคยโกหก เนื่องจากเจนไม่อยากให้บอสได้รับบาดเจ็บเธอเลยอยากให้จินซาฮยอค ฆ่าเบลล์แทนถ้าเป็นไปได้


 


“ฉันเพิ่งไล่เธอออกไป ฉันพบว่าเธอกับฮาจินมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน”


 


“ความสัมพันธ์ที่ไม่ดี”


 


“ใช่แล้วฮาจินฆ่าเธอไป 2 ครั้งแล้ว”


 


“…คิมฮาจินทำงั้นเหรอ”


 


‘ถ้าคนใจดีแบบนั้นฆ่าเธอไป 2 ครั้งเธอจะต้องเป็นคนเลวอย่างแน่นอน’ บอสคิดกับตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็แข็งค้าง เมื่อเห็นแบบนั้นเจนก็ตกใจเมื่อเห็นสายตาดุดันของบอส


 


อึก…..เจนกลืนอย่างหนัก


 


“… .”


 


“อะ-อะไร? เกิดอะไรขึ้น~?”


 


เมื่อเห็นว่าบอสเงียบอยู่นานเจนเลยถามออกมา อย่างไรก็ตามบอสส่ายหัวของเธอ


 


“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไรเลย”


 


“ไม่ บอกฉันหน่อยสิ”


 


บอสเหลือบมองไปที่เจน


 


“… ธะ-เธอคนนั้นไม่ได้เป็นแฟนเก่าของเขาใช่ไหม”


 


ตัวอย่าง…เช่นอดีตแฟนสาว เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นเจนก็หัวเราะออกมา ทันที


 


“ฉัน….ฉันบอกเธอแล้วว่ามันไม่มีอะไร ฉันคิดว่าฉันอ่านนิยายมากเกินไปสินะเลยคิดแบบนี้”


 


“…จริงเหรอ? อ่าไม่นะ~ ฉันจะไม่แปลกใจถ้าใช่ ผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นแฟนเก่าของเขาก็ได้”


 


เจนชอบใบหน้าของบอสตอนนี้ ในฐานะคนที่ชอบหยอกล้อบอส


เธอก็เริ่มให้การสนับสนุน ‘ทฤษฎีเรื่องราวโรแมนติก’ ของเธอทันที


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 27 โรงเก็บศพของโคลอสเซียม]


 


“…แฮกกกก!”


 


จินเซยอนลืมตาเธอและพยายามหายใจ ความเจ็บปวดรุนแรงกระทบร่างกายของเธอ เธอสั่นไหวทันทีหลังจากตื่นนอน ท้องของเธอรู้สึกเจ็บปวดเป็นพิเศษ


 


“อุ… .”


 


“…เธอตื่นแล้วเหรอ?”


 


เสียงที่อ่อนแรกดังขึ้นมา จินเซยอน หันไปด้านข้างอย่างไรก็ตามเธอไม่เห็นเจ้าของเสียง ทิวทัศน์โดยรอบเข้ามาในดวงตาของเธอ กลิ่นแอลกอฮอล์เข้าไปในจมูกของเธอ โลงศพไม้เรียงกันเป็นแถวและมีกลิ่นจางๆของความตายปกคลุมอากาศ


 


“ที่นี่คือ…?”


 


“ห้องเก็บศพ”


 


เสียงดังกึกก้อง ร่างกายของจินเซยอนสั่นไหว เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ล้มลงไปอีกครั้ง จากนั้นเธอพยายามเรียกพลังออกมาและลุกขึ้นขณะยืนพิงกำแพง


 


“…ใครกัน?”


 


เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเธอราวกับหุ่นเชิด จินเซยอน ก็จ้องมองที่ชายคนนั้นและเหงื่อเย็นไหลลงมาที่หน้าผากของเธอ


 


“แก….”


 


“เธอไม่อยากช่วยเพื่อนของเธอเหรอ?”


 


ดอกบัวดำพูดอย่างนั้นขณะที่เขาเดินเข้าหาจินชอน


 


“ทำไมเธอไม่ฟังฉัน ฉันบอกให้คุณก้มตัวลง”


 


“… .”


 


ดอกบัวดำยืนอยู่ตรงหน้าเธอ จินเซยอน ไม่ตอบและจ้องมองเขาอย่างต่อเนื่อง เธอพยายามมองผ่านหน้ากากของเขา แต่เหมือนใน


โคลอสเซียมมันไม่ทำงาน


 


ชายคนนั้นยิ้ม


 


===


[หน้ากากนักฆ่าของ ฮัสซัน อิ ซับบาห์ Lv.12]


○ เดินในที่มืด Lv.9


○ ซ่อนตัว Lv.9


○ ปลอมตัว Lv.9


===


 


ไอเท็มนี้มีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับนักฆ่าที่มีชื่อเสียง


ฮัสซัน อิ ซับบาห์ แม้แต่สายตานักธนูในตำนานก็สามารถมองทะลุได้ พูดง่ายๆก็คือได้มีใครมองเห็นได้อีกแล้ว ฟิลิเนล มอบของขวัญให้กับ บอส แต่เช่นเคย คิมฮาจิน เอามามาจากเธอโดยบอกว่ามันเหมาะกับเขามากกว่า


 


“เธอจะไม่เห็นอะไร ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหน”


 


“… .”


 


ความภาคภูมิใจของ จินเซยอน ถูกทำลายแต่เธอรู้ว่า ดอกบัวดำ เป็น


ผู้ช่วยให้เธอรอดชีวิตมาได้ อย่างน้อยที่สุดเธอก็ต้องขอบคุณเขาที่ไม่เอาชีวิตของเธอ เธออยากถามเขาเกี่ยวกับ ‘อุบัติการณ์ควังโอ’ แต่เธอไม่สามารถทำให้สถานการณ์แย่ลงได้


 


เธอถามออกมา “นายช่วยเพื่อนของฉันได้จริงๆเหรอ?”


 


ดอกบัวดำตอบว่า “ถ้าเธอร่วมมือ”


 


จินเซยอน ถามกลับอย่างระมัดระวัง “ฉันจะถามได้ไหมว่าทำไมนายถึงเต็มใจช่วยพวกเรา”


 


จากนั้นดอกบัวดำก็จ้องที่ จินเซยอน แต่เธอไม่สะดุ้งเพราะดวงตาสีแดงของเขา …ต้องพูดสินะ ดอกบัวดำบ่นและถอนหายใจ


 


“ราชาปีศาจกำลังค้นหาผู้ท้าชิง” ดอกบัวดำอธิบาย


 


ดวงตาของจินเซยอนเบิกกว้าง


 


“ผู้ท้าชิง? นายหมายถึงอะไร”


 


จินเซยอน รู้สึกประหลาดใจ


 


“ราชาปีศาจคือคนที่พยายามจะหาทีตายให้ตัวเอง แต่เขาต้องการความตายที่มีเกียรติ”


 


คิมฮาจินกล่าวย้ำถึงเรื่องที่เขาเขียน คิมซูโฮ จะเอาชนะราชาปีศาจและพิชิต Tower of Wish เค้าเรื่องทั้งหมดเพราะมันอยู่ในหัวของเขา


 


“…นายรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง?”


 


คำอธิบายที่คลุมเครือของเขาทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นของ


จินเซยอน


 


จินเซยอน ถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ ดอกบัวดำ มองเธอราวกับว่าเธอกำลังถามคำถามงี่เง่า ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจในสิ่งที่เขาหมายถึง


 


“อย่าบอกฉันนะว่า…นายเคยไปที่ชั้น 29 แล้วเหรอ…?”


 


ดอกบัวดำพยักหน้า


 


“หาาาาาาาาาา… .”


 


กรามของ จินเซยอน ค้าง ความคิดทั้งหมดของเธอหยุดลงชั่วคราวในขณะนั้นความเจ็บปวดบนร่างกายของเธอก็ทำให้เกิดความรู้สึกที่


ซับซ้อนของเธอเกี่ยวกับ Chameleon Troupe และความกังวลของเธอเกี่ยวกับเพื่อนของเธอ


 


‘เขาต้องแข็งแกร่งขนาดไหนถึงปีนหอคอยได้รวดเร็วขนาดนี้… ?’


 


จินเซยอน จ้องมอง ดอกบัวดำ ด้วยความสงสัยและชื่นชม



บทที่ 403 ดอกบัวดำ (3)


 


ผมขอความช่วยเหลือจาก จินเซยอน ในการช่วยเพื่อนเหลือของเธอ


สิ่งที่ผมมอบให้เธอเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนนั้นคือ ม้วนกระดาษ


 


“…?”


 


จินเซยอน เอียงศีรษะของเธออย่างสงสัยอะไรคือ ม้วนกระดาษ ผมอธิบายสั้นๆ


 


“ฉันมี 5 ม้วนที่เชื่อมโยงถึงกัน เขียนบางสิ่งลงในนั้นด้วยพลังเวทมนต์และมันจะปรากฏต่อหน้าผู้อื่นเช่นกัน”


 


จินเซยอน เงยหน้าขึ้นและมองมาที่ผม ดวงตาของเธอเปล่งประกาย


 


“นายหาของแบบนี้มาได้ยังไง”


 


ไอเท็มทั้งหมดยกเว้นเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์น่าจะถูกเอาออกไปเมื่อผู้เล่นเข้าสู่โคลอสเซียมเป็นครั้งแรก นอกจากนั้นผู้เล่นถูกแบนจากการใช้ Community และบริการระบบอื่นๆเมื่อพวกเขาเข้าสู่


หอคอยราชาปีศาจทำให้จำเป็นต้องกำหนดวิธีการสื่อสารกับผู้อื่นเมื่อพวกคุณอยู่ที่นี่


 


“ฉันสร้างมันขึ้นมาเอง”


 


“อะไรนะ…ขออีกที?”


 


ความสามารถพิเศษของผม [เวทมนต์ 4 ธาตุ] การทำม้วนกระดาษด้วยทักษะนี้เป็นเพียงเศษเค้กเท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมใช้พลังเวทย์ของรอยสัก


 


“เพื่อนของเธอน่าจะรู้จักพลังเวทมนต์ของเธอดี เธอต้องอธิบายแผนของพวกเราให้พวกเขาฟัง”


 


พลังเวทมนต์ทำงานเหมือนลายนิ้วมือ แผนคือให้จินเซยอนเขียนข้อความโดยใช้พลังเวทมนต์ของเธอซึ่งจะส่งไปยังสมาชิกคนอื่นๆ


เมื่อพวกเขาจำพลังเวทมนต์ของเธอได้แล้วมันก็ไม่ยากที่จะโน้มน้าวพวกเขา


 


“แต่สำหรับแผนนี้ พวกเราจะต้องส่ง ม้วนกระดาษ ให้พวกเขาก่อน”


 


“เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น”


 


สปาร์ตันจะเป็นคนส่ง ม้วนกระดาษ ผมส่งม้วนกระดาษที่เหลือให้


สปาร์ตันที่อยู่ใต้เสื้อคลุมของผม มันส่งม้วนกระดาษให้ ไอลีน,


คิมซูโฮ และ อียองอา ตามลำดับ


 


“ฉันเข้าใจแล้ว มันเป็นสัตว์เลี้ยงของนายจริงๆด้วย”


 


“ไม่จำเป็นต้องคุยกัน เขียนข้อความของเธอลงไปก่อน”


 


“อินทรีของนาย หล่อมากจริงๆ”


 


สปาร์ตันแสดงท่าทางเขิยอายตามคำชมของจินเซยอน ผมเลยผลัก


สปาร์ตันลงไปในช่องว่างขนาดใหญ่ใต้เสื้อคลุมของผม


 


*************************************************************************


 


[กรุงโซล – หอคอยสมาคมฮีโร่]


 


ฝูงชนจำนวนมากรวมตัวกันที่สนามหน้าของสมาคมฮีโร่องค์กรระหว่างประเทศที่รับผิดชอบในการแต่งตั้งและจัดการฮีโร่ทั่วโลก


 


ฝูงชนที่เข้าร่วมงานวันนี้น่าประทับใจมาก มันประกอบไปด้วยฮีโร่และดาราผู้โด่งดัง,เจ้าหน้าที่สมาคม,หัวหน้ากลุ่มบริษัท,ผู้นำของกิลด์ ฯลฯ … แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่มาที่นี่เพื่อ ‘แสดงความยินดี’ แต่ก็ยังคงความเป็นทางการและเคารพ ‘พิธีรับตำแห่นงฮีโร่ระดับปรามจารย์’ เป็นตอบรับความรู้สึกที่แท้จริง


 


“เฮ้ออออออออออ… .”


 


นี่เป็นพิธีรับตำแหน่งปรมจารย์คนแรกในรอบ 4 ปี ฮีโร่ที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากิลด์


‘Essence of the Strait’ ซึ่งเป็นกิลด์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทุกวันนี้


วันนี้เป็นวันที่ความฝันของพ่อเธอจะเป็นจริง แต่มันไม่เพียงพอที่จะทำให้ ยูยอนฮา รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย


 


“… .”


 


เธอไม่ลงจากรถลีมูซีนของเธอ เธอยังคงจ้องมอง smartwatch ของเธอ


เธอไม่ได้รับการตอบกลับจากคิมฮาจินมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้วและวิดีโอที่ถ่ายโดยโดรนก็ไม่สามารถชัดเจนได้มากไปกว่านี้


 


เธอเฝ้าดูวิดีโอหลายร้อยครั้งแล้วและตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับความจริง ชายในวิดีโอนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคิมฮาจินและโดน ‘สัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์” ที่เขาไล่ตามไป….เธอไม่กล้าคิดต่อได้แต่กัดฟันแน่น


 


“ทำไม….”


 


‘…เขาไปคนเดียวเหรอ?’ เธอบอกเขาหลายล้านครั้งแล้วว่าไม่ต้องทนทุกอย่างเอาไว้คนเดียวแล้วทำไม


 


ยูยอนฮา กำกำปั้นของเธอแน่น เธอเล่นวิดีโอบน smartwatch อีกครั้ง ที่มุมของหน้าจอมีคนอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากคิมฮาจิน เนื่องจากกระโปรงหน้ารถเธอจึงไม่สามารถบอกได้ว่าคนนี้เป็นชายหรือหญิง


เธอยังไม่สามารถคิดอะไรเกี่ยวกับบุคคลลึกลับนี้ได้เลย


 


“อ่า … .”


 


ตอนนี้มันก็สายเกินไปที่จะรู้ว่าเป็นเขาหรือเธอ ยูยอนฮา ถอนหายใจด้วยความโศกเศร้า


 


ดิ้งๆๆๆๆๆๆ


 


ทันใดนั้น smartwatch ของเธอก็ดังขึ้น เรื่องนี้ทำให้เธอตกใจในระดับที่เธอรับโทรศัพท์โดยไม่ตรวจสอบว่าใครเป็นคนโทรใส


 


“ไง สวัสดี!”


 


– อาาาา~ ยอนฮา ~


 


เสียงที่อยู่อีกด้านของ smartwatch เป็นของแชนายอน


 


– เป็นฉันเอง แชนายอน เธอเป็นยังไงบ้าง ~


 


เสียงร่าเริงของ แชนายอน เหมือนดาบทิ่มแทงจิตใจของ ยูยอนฮา


ยูยอนฮาพูดอะไรไม่ออก เมื่อไม่มีคำตอบกลับมาจากเพื่อนของเธอ


แชนายอน เลือกที่จะพูดก่อน


 


– ฉันได้ยินมาว่าพ่อของเธอได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นฮีโร่ระดับปรมจารย์ฉันจะได้ยินข่าวนั้นตลอดเส้นทางไปเทือกเขาหิมาลัยเลยนะ


 


“…เธอยังอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยใช่ไหม”


 


ยูยอนฮา บังคับไม่ให้น้ำตาของเธอไหลออกมา เสียงสำลักของเธอนั้นสั่นไหวอย่างน่าสังเวช


 


– จริงๆแล้วฉันเพิ่งปีนขึ้นมาได้ไม่นานมานี้เอง แต่ตอนนี้ฉันอยู่ในเมือง


 


แชนายอน เสียงฟังดูไร้เดียงสา ยูยอนฮา อยากเลียนแบบความร่าเริงของเธอ แต่น้ำตามันเต็มใบหน้าของเธอจนยิ้มไม่ออก


 


“แล้วงานเป็นยังไงบ้าง”


 


– ฉันสละเวลาของตัวเอง ชาวเมืองคนหนึ่งบอกฉันว่าเขาเห็นเขาดังนั้น


ฉันคิดคงใช้เวลาไม่นาน


 


ยูยอนฮารู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องหยุดแชแนยอน แม้ว่าเธอจะค้นพบความจริงสำเร็จ แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพราะคิมฮาจินตายไปแล้ว


ความจริงจะกลายเป็นความโศกเศร้าที่หนาวเหน็บซึ่งจะบดขยี้


แชนายอน อย่างแน่นอน


 


“…นายอน.”


 


– อ้อ จริงๆนะตอนนี้ ฉันแข็งแกร่งมาก เทือกเขาหิมาลัยนั้นดีเท่ากับเขาเพ็กตูเลยละ มีมอนสเตอร์มากมายปรากฏตัวที่นี่


 


แชนายอน พูดต่อ เธอพูดถึงความแข็งแกร่งของเธอและการเติบโตอย่างรวดเร็วของพลังเวทมนต์ในร่างกายในแง่ของปริมาณและคุณภาพเกี่ยวกับความรู้สึกพึงพอใจที่เธอทำให้เธอไปถึงระดับใหม่….


 


ต๊อก ต๊อก—


 


ในขณะนั้นเองมีคนมาเคาะหน้าต่างของรถลีมูซีน


 


– อ้อ ใช่ พิธีการจะเริ่มขึ้นแล้วเหรอ? ขอโทษนะฉันรบกวนเธอมากเกินไป ฉันจะโทรหาเธอในภายหลัง!


 


แชนายอน วางสายลง ยูยอนฮา ไม่มีโอกาสพูดต่อ


 


คิมฮาจินตายแล้ว


 


เธอไม่สามารถบังคับให้แชนายอนยอมรับความจริงข้อนี้ได้


 


ต๊อก ต๊อก—


 


เสียงเคาะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยูยอนฮา ดึงหน้าต่างลงครึ่งหนึ่ง


ด้านหลังหน้าต่างคือพนักงานที่ดูเหมือนบอดี้การ์ด


 


“ถ้าคุณไม่มีบัตรเชิญ คุณต้องออก…อ้า ผมขอโทษด้วยครับ!”


 


พนักงานจำยูยอนฮาได้และรีบโค้งคำนับทันที ยูยอนฮา ดึงหน้าต่างขึ้นมาโดยไม่ตอบและมองไปที่คนขับรถ รถลีมูซีนเข้าไปในที่จอดรถของสมาคมอย่างราบรื่น


 


…ไม่นานหลังจากที่รถลีมูซีนจอดในนั้น ยูยอนฮา ลงจากรถและเดินไปที่สนามหญ้าของสมาคม


 


แม้ว่าเธอจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาใกล้เธอยกเว้นกลุ่มคนไม่กี่คน ครึ่งหนึ่งของผู้คนที่มารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้คือศัตรูของเธอ


 


“สวัสดี.”


 


ท่ามกลางฝูงศัตรูเธอสามารถเรียกชายคนนี้ว่าพันธมิตรได้อย่างมั่นใจ ปาร์คโซฮยอก ของ SH Agency เดินเข้าหาเธอ SH Agency ได้ต่ออายุสัญญากับ Essence of the Strait เมื่อไม่นานมานี้หลังจากพิสูจน์ความสามารถของตนโดยปรากฏว่าเป็นกลุ่มบริษัทที่น่าเชื่อถือ


 


“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ.”


 


ยูยอนฮา ต้อนรับเขาตามปกติ ปาร์คซูฮยอกก็ตอบเธออย่างมีความสุขเช่นกัน แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาในวินาทีต่อมาก็แทง


ยูยอนฮา เข้ากลางหัวใจ


 


“โอ้ ใช่แล้วหัวหน้าฮาจินเป็นยังไงบ้างครับ”


 


“… .”


 


ยูยอนฮา แข็งตัว


 


“พวกเราติดต่อกันจนกระทั่งประมาณ 1 เดือนที่แล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย เขายังอยู่ข้างในหอคอยหรือเปล่าครับ?”


 


ยูยอนฮา ยืนนิ่งขณะที่เธอมองดู ปาร์คโซฮยอก แต่ไม่สนใจเธอสนแต่เรื่อง หอคอยแห่งความปรารถนา


ยูยอนฮา ต้องกลับไปที่หอคอยเพื่อให้แน่ใจ เธอส่งข้อความถึงคิมฮาจิน มากกว่า 700 ข้อความและไม่ได้รับการตอบกลับแม้แต่ครั้งเดียว


 


“เขาเป็นคนที่ยุ่งมา ผมไม่ค่อยเจอเขาเลย หลายปีก่อนเขาเป็นคนแรกที่เริ่ม…?”


 


ปาร์คซูฮยอกยังคงพูดต่อว่าคิมฮาจินใจร้ายแค่ไหนที่ไม่ได้ติดต่อมาหา แต่ก็หยุดลงเมื่อเขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขารู้สึกว่า ยูยอนฮา อยู่ด้านหลังของเขา


 


“หัวหน้า?”


 


เมื่อปาร์คซูฮยอกเรียก ยูยอนฮา เธอก็ได้แต่ยิ้มเบาๆ


 


“ …ถูกต้อง”


 


นั่นคือทั้งหมดที่เธอพูดได้ ในขณะนั้นเธอสังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเข้ามาใกล้จากระยะไกล มันคือชินจงฮัก ชินจงฮักมองไปที่ปาร์คซูฮยอกแล้วยืนอยู่ตรงหน้ายูยอนฮา


 


“ขอแสดงความยินดีด้วย.”


 


นี่เป็นคำแรกของชินจงฮัก เขาไม่เคยอยู่เลยในตอนที่เธอต้องการเขา


ยูยอนฮา ตอบกลับอย่างรุนแรงด้วยความไม่พอใจจากจิตใต้สำนึก


“ใช่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ฉันได้ยินมาว่านายออกไปท่องเที่ยวในหอคอย…แต่ทำไมนายถึงกลับมาเร็วขนาดนี้? นายถูกไล่ออกมาหรือเปล่า?”


 


“… .”


 


คิ้วของชินจงฮักสั่นคลอน เขาจ้องมอง ยูยอนฮา และหน้านิ่วขมวดคิ้ว แต่ไม่ช้าก็ส่ายหัว


 


“ฉันแค่หยุดพัก ยังไงก็ตาม แชนายอน ยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”


 


แม้แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำก็แค่การมองหา แชนนายูน ยูยอนฮา กำเล็กๆของเธอแน่น


 


“นายอนไม่มา”


 


คำตอบสั้นๆ จากนั้น ยูยอนฮา เธอเดินผ่านชินจงฮักไปในทันที


——————-2————–



บทที่ 404 ดอกบัวดำ (4)


 


“เฮ้ เธอจะไปไหน….”


 


เธอได้ยินเสียงของชินจงฮักจากด้านหลัง แต่เธอเลือกที่จะเพิกเฉย


ยูยอนฮาเดินต่อไปเรื่อยๆ เธอเดินผ่านทุกคนที่มารวมตัวกันเพื่อทำพิธีเธอเดินผ่านดอกไม้และใบไม้ร่วงในสวนและในที่สุดก็มาถึงหน้าห้องพักพ่อของเธอ


 


“อ๋อ พ่ออยู่ที่นี่เองเหรอ”


 


ยามที่ทางเข้ายอมรับและ ยูยอนฮา เธอเดินเข้าไปหายูจินวอนที่กำลังประสาทกลับอย่างเห็นได้ชัด


 


“พ่อ.”


 


“โอ้ โอ้ ~ น่ารักจังเลย!”


 


ยูจินวอง เดินมาหาเธอพร้อมรอยยิ้มและกอดเธอใหญ่ ยูยอนฮา ปิดประตูด้านหลังของเธอทันที


 


“ยอนฮา ขอบคุณมาก พ่อไม่อาจหยุดคิดได้เลยว่าลูกเป็นโชคดีของพ่อ”


 


ยูจินวอง กล่าว เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ไร้ขอบเขตสำหรับลูกสาวของเขา และเมื่อเธอรู้สึกถึงน้ำตาของเธอจิตใจเขาก็เดือดดานความโศกเศร้าที่เธอพยายามระงับไว้ไม่สามารถถูกเก็บไว้ได้อีกต่อไป


ยูยอนฮาหลั่งน้ำตาออกมา


 


“ยะ-ยอนฮา?”


 


ยูจินวอง ไม่สามารถอธิบายความสับสนที่เขารู้สึกได้ด้วยคำพูด ในฐานะพ่อของเธอ เขาสามารถบอกได้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่น้ำตาแห่งความสุข ยูยอนฮา ไม่ใช่คนประเภทที่จะแสดงน้ำตาออกมาแม้แต่ในสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด


 


“ยอนฮา เกิดอะไรขึ้น? ยอนฮา, ยอนฮา?”


 


ยูยอนฮา ร้องไห้และตัวสั่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอกลั้นเอาไว้จนกระทั่งตอนนี้ระเบิดออกมาทั้งหมด ความเครียดที่กัดกินร่างกายและจิตใจของเธอกลายเป็นน้ำตาที่ล้นออกมา ยูจินวอง น้ำตาไหลเมื่อเห็นน้ำตาที่ลูกสาว หลั่งออกมาในอ้อมแขนของเขา


 


“ยอนฮา, ยอนฮา ใจเย็นๆ ได้โปรด พ่อช่วยอะไรลูกไม่ได้ถ้าลูกไม่บอกพ่อว่ามันเกิดอะไรขึ้น….”


 


เสียงของ ยูจินวอง จางหายไปในหูของเธอ ยูยอนฮา ทุบหน้าอกของพ่อด้วยหมัดของเธอ


 


‘พ่อ พ่อรู้ไหมว่ามีใครบางคนที่พ่อเป็นหนี้เขา’ เธอกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไปและต่อว่าพ่อของเธอเอง เธอไม่พอใจกับการกระทำผิดในอดีตของพ่อเธอ


 


แต่เมื่อคิมฮาจินตายไปแล้วทุกอย่างก็ไร้ความหมาย ความจริงนี้ทำให้ ยูยอนฮา ร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 27 โคลอสเซียม]


 


คิมซูโฮ ได้รับจดหมายจาก จินเซยอน เมื่อเขาลุกขึ้นจากการพักผ่อนเขาก็พบม้วนกระดาษบนเตียงของเขา พลังเวทมนต์ของ จินเซยอน ถูกสลักไว้บนกระดาษ


 


[หากพวกเธอเผชิญหน้ากับ ดอกบัวดำ พวกเธอจะสูญเสียความมั่นใจ ด้วยวิธีนี้พวกเราจะสามารถรวมตัวกันและหลบหนีจากโคลอสเซียมได้ หากพวกเธอมีข้อสงสัยส่งข้อความมาหาฉัน]


 


ข้อความนั้นยากที่จะเชื่อ แต่พลังเวทมนต์ของ จินเซยอน พิสูจน์ได้ว่าเป็นของจริง ไม่ว่ายังไงคิมซูโฮก็เขียนคำตอบกลับมา


 


[จริงเหรอ? ฉันได้ยินมาว่า รุ่นพี่ แพ้]


 


เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว


 


[ดอกบัวดำช่วยฉัน พวกเราเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว…]


 


มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าเธอร่วมมือกับดอกบัวดำ แต่เขาไม่ได้มีทางเลือก ไม่เพียงแต่พลังเวทย์มนตร์เท่านั้น แต่ยังมีการเขียนด้วยลายมือเหมือนของ จินเซยอน อีกด้วย


 


– ตอนนี้การต่อสู้จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า! ผู้ท้าชิงในครั้งนี้คือ คนแคระ ไอลีน ซึ่งได้ชัยชนะติดต่อกันถึง 3 ครั้ง!


 


ในขณะนั้นเสียงประกาศการต่อสู้ครั้งต่อไป คิมซูโฮ รอฟังเสียงของ


ไอลีน ที่ตามมา


 


– เฮ้ แกเรียกใครว่าคนแคระ ฉันบอกให้แกเปลี่ยนชื่อเล่นนั้นซะไง!


 


ตามที่คิดไว้ตะโกนแหลมๆของ ไอลีน ดังกึกก้องจนเขย่าสวรรค์และโลก


ไอลีนยังคงเป็นไอลีน คิมซูโฮยิ้มอย่างอบอุ่น แต่ความคิดที่เป็นอันตรายทำให้เขานึกถึงเรื่องในวินาทีต่อมา


 


– คู่ต่อสู้ของไอลีนคือนักธนูทมิฬซึ่งเป็นผู้ชนะ จินเซยอน!


 


ไอลีน ได้รับม้วนกระดาษหรือยังนะ? ไม่สิ เขอสังเกตเห็นการเขียนของกระดาษที่ปรากฏขึ้นมาในทันที


 


..


 


“พระเจ้านี่มันไร้สาระ ฉันบอกให้แกเปลี่ยนชื่อเล่นนั้น! ทำไมแกไม่ฟังฉัน หืม? แกอยากตายใช่ไหม”


 


ไอลีน บ่นยามขณะที่พวกเขาเดินไปตามทางเดินไปยังที่ลานต่อสู้พร้อมกัน ยามปีศาจที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์หิมะได้แต่เกาหลังคอของเขา


 


“พวกเขาบังคับให้ฉันพูดมัน….”


 


“อย่ามาแก้ตัว”


 


“มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวนะ….”


 


“ฉันบอกว่าไม่พูด ก็คือไม่”


 


วาจาสิทธิ์ของ ไอลีน ทำงาน


 


“เปลี่ยนมันซะในครั้งต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”


 


ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะกลับกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้สุดท้าย


ไอลีน ก็กลายเป็นที่รู้จักกันดีว่าประสบความสำเร็จเพราะตั๋วของเธอขายหมดในทันทีที่วางขาย


 


“อย่างไรก็ตาม.”


 


ไอลีน จำคู่ต่อสู้ของเธอได้ ‘นักธนูทมิฬ’


 


“ นักธนูทมิฬ….”


 


แต่เหลือเวลาอีกไม่มากที่เธอจะได้กลั่นกรองเอกลักษณ์ของนี้ของเขา


พวกเธอมาถึงที่ลานต่อสู้ไม่นานหลังจากนั้นและ ไอลีน ก็ได้รับอาวุธของเธอจากยาม จริงๆแล้วมันไม่ใช่อาวุธอะไรมากก็แค่สร้อยข้อมือ สร้อยข้อมือช่วยหมุนเวียนพลังเวทมนต์ในร่างกายของเธอ


 


– การต่อสู้ในวันนี้จะเป็นการต่อสู้ของมนุษย์กับมนุษย์อีกครั้งหนึ่งมันจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและเลือดพล่าน! สนุกกับเวลาของพวกคุณ!


 


ผู้ประกาศตะโกนเมื่อเปิดประตู ไอลีน เข้าสู่สนามประลองอย่าง


กล้าหาญ แม้จะเดินด้วยเท้าเล็กๆของเธอก็ตาม


 


“…ฮะ?”


 


และด้วย 2 เท้าที่มั่นคงของเธอในที่สุดเธอก็มองเห็นชายที่ยืนตรงหน้า


เสื้อคลุมสีดำที่มีสัญลักษณ์ดอกบัวปัก หน้ากากสีดำปิดหน้าเขา


ธนูสีดำในมือของเขา


 


รูปร่าง หน้าตาของคู่ต่อสู้ของเธอมันดูคุ้นเคยเกินไป ของทั้งหมดชี้ไปที่บุคคลทเพียงคนเดียวดวงตาของไอลีนเบิกกว้าง


 


“แก…ดอกบัวดำ!”


 


ไอลีนชี้ไปที่ชายข้างหน้าเธอแล้วตะโกนออกมา ครู่หนึ่งผมของเธอก็ลุกด้วยความตกใจ แต่ในไม่ช้าเธอก็ฟื้นฟูความใจเย็นของเธอ หากคู่ต่อสู้ของเธอคือดอกบัวดำจริงๆ เธอต้องใจเย็นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้


 


– เริ่มต้นการต่อสู้ เดิมพันด้วยชีวิต!


 


แม้ว่าจะมีการประกาศการเริ่มต้น แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาศึกษากันอย่างถี่ถ้วนผ่านไป 3 นาที ผู้ชมต่างก็หัวเราะเยาะและในที่สุด ไอลีน ก็เริ่มต้นด้วย วาจาสิทธิ์


 


“เฮ้ แกถอดฮูดออกก่อน”


 


ไอลีน อยากรู้เรื่องใบหน้าของเขามากกว่าอะไรทั้งหมด วาจาสิทธิ์ของเอื้อมถึงดอกบัวดำ


 


…อย่างไรก็ตามดอกบัวดำไม่ได้ขยับ


 


“อะไรกัน?”


 


ไอลีนสับสน ทำไมไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยละ


 


‘เขาแค่ต่อต้านวาจาสิทธิ์ของฉันได้งั้นเหรอ ไม่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น


ฉันก็น่าจะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง…. ‘ ไอลีน เอียงศีรษะไปด้านข้างและใช้ วาจาสิทธิ์ อีกครั้ง


 


“ฉันบอกให้ถอดฮูดออกมา!”


 


แต่ดอกบัวดำก็ยังไม่ปฏิบัติตามและในเวลานั้นคิมฮาจินเองก็สงสัยเช่นเดียวกับไอลีน


 


‘… ทำไม วาจาสิทธิ์ จึงไม่ทำงานกับเรานะ’


 


*************************************************************************


 


[วิหาร มาร – 34º51’15.4” N 128º43’50.2” E]


 


…ท่ามกลางความมืดสีแดงเข้มหอคอยหินตั้งตระหง่าน พื้นระหว่างหอคอยถูกปกคลุมไปด้วยเลือดและกระดูก รอยแดงๆของเลือดและความขาวของกระดูก เชื่อมโยงกันและยืดออกเป็นรูปแบบแปลกๆ


 


“ท่านผู้นำ ผู้คนจำนวนมากกำลังเดินเล่นรอบๆที่นี่ พวกเราจะต้องย้ายคุณไปที่วิหารอื่น”


 


นี่คือพระวิหารที่มีมารอาศัยอยู่ ภายในวัดซึ่งจัดทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการปรากฏตัวที่ชั่วร้าย ปีศาจได้โค้งคำนับมาร มารผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ตอบ


 


“ข้าไม่ต้องการ….”


 


มารมีรูปร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง เสียงหนึ่งไหลออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม คำพูดของมาร หนังแน่น


 


“ให้พวกเขา…เข้ามา….”


 


เสียงของเขาคล้ายกับเสียงตีเหล็กหรือเสียงไฟไหม้ภายในเตา


 


“ฉันอยากพบ…คนที่มีค่า…มนุษย์….”


 


แต่อารมณ์ที่ฝังอยู่ภายในนั้นยังห่างไกลจากความอยากรู้ มารกำลัง


กุมศีรษะมนุษย์เอาไว้ในมือ มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่แม้จะถูกแยกออกจากร่างกายของเขา เขากลายเป็นของเล่นสำหรับมาร เพราะมารที่ยืดอายุของเขาเอาไว้ แต่ทั้งหมดจะจบลงในวันนี้


 


ตู้มมมมมมม


 


มารกำแน่นรอบศีรษะ มันระเบิดขึ้นมาทันทีจากนั้นก็ไม่เหลือร่องรอยใดๆแต่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ ปีศาจอย่าง ‘มาร’ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาตายอย่างรวดเร็วและง่ายดายแบบนั้น


 


มาร เป็นปีศาจที่รักความรุนแรงและซาดิสม์ ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นคนที่น่ากลัวมากที่สุด เขาต้องการความเจ็บปวดที่โหดร้ายและทุกข์ทรมานมากขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อบรรเทาความกระหายที่ไม่รู้จักพอสำหรับความชั่วร้ายของเขา


 


“ส่ง…มา…มนุษย์……มาอีก”


 


“ความปรารถนาของท่าน คือคำสั่งของข้า ปีศาจ เกเชซ”


 


ปีศาจทำตามคำสั่งของมาร


 


เช่นเดียวกับบาเรียที่ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในทะเลทางใต้ถูกทำลายทันทีในตอนนั้นเองปีศาจได้ยินเสียงร้อง


 


– บาเรียรอบเกาะหายไปแล้ว!


 


ดวงตาและหูของ ผู้เป็นอมตะที่อยู่ใกล้ๆเกาะตรวจพบว่ามีวิหารอยู่จริงๆ ผู้เป็นอมตะเห็นและได้ยินทุกสิ่งที่เขารายงาน


 


“แกจะเป็น…คนแรก….”


 


และปีศาจผู้รับใช้ ก็อยู่ในสายตาของผู้เป็นอมตะแล้วในตอนนี้



บทที่ 405 ดอกบัวดำ (5)


 


ความเงียบที่ยาวนานทำให้บรรยากาศตึงเครียด สถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งไอลีนและคิมฮาจิน


 


“………อะไร”


 


ทันใดนั้นไอลีนก็เปล่งเสียงตะลึงออกมา ครั้งนี้คำพูดของเธอใช้ไม่ได้ผลอีกครั้ง


 


“……………..”


 


คิมฮาจินมองไม่เห็นไอลีน วาจาสิทธิ์ของเธอไม่ทำงานกับเขา


เขาไม่แน่ใจว่าทำไมในตอนแรก แต่แล้วเขาก็มีคำอธิบายที่น่าเชื่อถือให้กับตัวเอง


 


พลังจากวาจาสิทธิ์ของเธอจำกัดเฉพาะกับผู้ที่อยู่ในโลกนี้ แต่เขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้ รอยสักบนแขนของเขาทำหน้าที่เป็นหลักฐาน ดังนั้น


วาจาสิทธิ์ของไอลีนจึงไม่สามารถส่งผลกระทบต่อคิมฮาจินได้เนื่องจากเขาไม่ได้มีอยู่ในโลกนี้


 


“บ้าเอ้ย … !”


 


เมื่อเห็นความจริงข้อนี้แล้วไอลีนก็หงุดหงิด คิมฮาจินถอนหายใจอย่างเงียบๆ ตอนนี้เขาไม่สงสัยอะไรแล้วเธอไม่เห็นม้วนกระดาษจริงๆ


 


“ครื่นน… .”


 


พลังเวทมนต์ที่ไอลีนปล่อยออกมาลอยอยู่ในอากาศ ผมของไอลีนตั้งตรง เธอดูเหมือนซุปเปอร์ไซย่าจากมังงะเรื่องหนึ่งพร้อมที่จะเปล่งพลังจากวาจาสิทธิ์ออกมา


 


“ถอดฮูดออกมาเดี๋ยวนี้!”


 


เสียงดังกึกก้องไปทั่วเวทีจากปากเล็กๆของไอลีนออกมาเป็นพลังเวทย์ที่ไม่น่าเชื่อซึ่งต่อมากลายเป็นคลื่นเสียงขนาดใหญ่ที่กลืนร่างกายของ


คิมฮาจิน


 


อย่างไรก็ตาม … ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม


 


แม้ว่าปลายเสื้อคลุมของเขาจะแกว่งไปมาเล็กน้อย แต่ดอกบัวดำก็ไม่สะดุ้งเลยแม้แต่น้อย จริงๆแล้วผู้ชมที่ดูพวกเขาอยู่และไม่ใช่ดอกบัวดำต่างก็ตกเป็นเหยื่อจากวาจาสิทธิ์ของเธอและใครที่สวมหมวกหรือฮูดอยู่ก็ถอดออกทันที


 


“….”


 


จากนั้นใบหน้าของไอลีนก็ยังรุนแรงเช่นเคย เธอค่อนข้างขี้เล่นอยู่เสมอ แต่คราวนี้เธอจริงจังมาก ไอลีนรู้ว่าเธอไม่สามารถทำให้เขาถอดฮูดได้ด้วย วาจาสิทธิ์


 


“ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ”


 


เธอรวบรวมพลังเวทมนต์ของเธอและเร่งพลังขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง


 


“…แต่มันไม่สำคัญ”


 


เพราะเธอใช้คำพูดเป็นอาวุธ เธอเลยเลี่ยงไม่ได้ที่เธอจะพัฒนานิสัยการพูดคุยกับตัวเอง


 


“ลมรอบๆจะบังคับให้นายถอกฮูดออกมา”


 


ทันใดนั้นลมขนาดใหญ่ปรากฏตัวในเวทีซึ่งเงียบสงบอยู่เมื่อไม่นานมานี้ วิ้งงงงงงงงง-! ลมกรดลอยผ่านเหมือนใบเลื่อยไปยัง ดอกบัวดำ


 


“…อืมมมม?”


 


แต่ดอกบัวดำไม่เป็นไรเพราะบาเรียล้อมรอบร่างกายของเขาดูดลมเข้าไป


 


“นั่นมันอะไรน่ะ?”


 


ปรากฏการณ์ที่เข้าใจยากเกิดขึ้นอีกครั้ง


 


‘เขามีเทคนิคแปลกๆมากมายเหลือเกิน’


 


– เธอไม่เห็นม้วนกระดาษเหรอ?


 


ทันใดนั้นการโทรจิตก็ดังก้องในจิตใจของไอลีนและขัดจังหวะความคิดของเธอ เห็นได้ชัดว่าใครเป็นเจ้าของเสียง ไอลีน ขมวดคิ้วและถามกลับ


 


“ม้วนกระดาษ? นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”


 


ในขณะเดียวกันเสียงอื่นๆก็เข้ามาแทรก


 


– ฉันเอง…. ไอลีน … จินเซ…ยอน….


 


เสียงคุ้นเคยและพลังเวทมนต์ที่คุ้นเคยทำให้ดวงตาของ ไอลีนเบิกกว้างเสียงนี้มาจาก จินเซยอน


 


“อะ-อะไรกัน? เธอคือจินเซยอนใช่ไหม?”


 


– ใช่….


 


ใบหน้าของไอลีนเปล่งประกายด้วยความดีใจ


 


‘ฉันรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ผู้คุมบอกว่าเธอตายแล้ว แต่ฉันไม่เชื่อพวกนั้น!’


 


“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนแล้ว?!”


 


– ดอกบัวดำ…สอนฉัน…เรื่อง…โทรจิต……การส่ง…


 


ความสามารถของฮีโร่ระดับปรมจารย์นั้นยอดเยี่ยมมากเพราะใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้นก็สามารถใช้โทรจิตได้แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม แน่นอนมันเป็นไปไม่ได้ด้วยความช่วยเหลือจากดอกบัวดำ


 


“ไม่ ฉันพูดไปเธอละอยู่ที่ไหน”


 


จินเซยอน เลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำถามของ ไอลีน และบอกสิ่งที่เธออยากรู้แทน


 


– ยอมรับ…ลูกศรสีดำของ โลตัส …ลูกศร….


 


“อะไร?”


 


ไอลีนมองดอกบัวดำด้วยความสับสน ในขณะที่สายตาของพวกเขาสบกันเสียงของดอกบัวดำไหลผ่านเข้าไปในหูของเธออีกครั้ง


 


– ฉันช่วย จินเซยอน เอาไว้เอง


 


“… 2 คนนี้ พูดอะไรกันน่ะ”


 


คิมฮาจิน ส่งข้อความอีกฉบับถึงไอลีนเธอเอียงศีรษะของเธออย่างสงสัย


 


– ผมทำตามคำขอของ จินเซยอน ผมหวังว่าจะช่วยเธอได้เช่นกัน


 


************************************************************************


 


…ผมทำซ้ำแบบเดียวกันในอีก 3 สัปดาห์ถัดไปและช่วยเหลือสมาชิกของทีม ไอลีน จาก โคลอสเซียม ทุกคนได้สำเร็จ


 


“คำพูดที่ว่า ‘สัญญาณจะไม่เปร่งประกายบนฐานของมันเอง’ ดูเหมือนจะเป็นจริง”


 


ทีม ‘ไอลีนและเด็กๆ’ รวมตัวกันในที่ซ่อนที่ผมได้เตรียมไว้ใต้ศพ


 


“เป็นที่หลบภัยที่สะดวกสบายมาก”


 


อียองอา พูดด้วยความตื่นเต้นขณะเฝ้าสังเกตที่ซ่อนตัวที่ตกแต่งอย่างดี


ผมนั่งบนเก้าอี้หินและมองดู คิมซูโฮ ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้คนสุดท้ายของผม เมื่อดวงตาของพวกเราสบกันคิมซูโฮก็พยักหน้าเบาๆ เขาขอบคุณผมมาพักหนึ่งแล้ว แต่ผมก็ไม่สามารถพูดอะไรกับเขาได้เลย


 


“….อะแฮ่ม”


 


และไม่ใช่แค่ฉัน คิมซูโฮก็เกาแก้มของเขาอย่างงุ่มง่ามอาจเป็นเพราะ


เกอิต้นที่เขาฆ่าตายไป เกอิต้นซึ่งเป็นสมาชิกของ Chameleon Troupe 3 ครั้งแล้ว


 


– ขอบคุณ.


 


ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงในหูของผม แน่นอนว่ามาจาก จินเซยอน


 


ผมมองเธอ ผมสงสัยว่าทำไมเธอถึงพยายามอย่างหนักที่จะใช้ โทรจิต ในเมื่อเธอสามารถพูดกับผมได้ด้วยตนเอง พวกเรานั่งถัดจากกันใกล้ๆ


 


– พวกเรา…ฆ่านายไปครั้งหนึ่ง…ก่อนหน้า….นี้


 


ผมสอนเธอเกี่ยวกับวิธีใช้ โทรจิต รอยสักสามารถใช้งานได้หลายวิธี


ผมสอน จินเซยอน ใช้ ‘โทรจิต’ และเธอก็เรียนรู้ได้อย่างเชี่ยวชาญ


 


– อย่างไรก็ตาม…ฉันมีบางอย่าง…ที่ฉันต้องการ…ให้นาย… ..


 


“แฮ่ก แฮ่ก”


 


จินเซยอนยังคงพยายามต่อไปแม้ขณะที่เธอกำลังหอบ


 


– นายเป็นสมาชิกของ Chameleon Troupe…เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว แต่…เกี่ยวกับอุบัติการณ์ควังโอ…


 


ผมสะดุ้งทันที,ผมจ้องมองไปที่ จินเซยอน ด้วยความประหลาดใจ


อุบัติการณ์ควังโอ ผมไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านั้นจาก


จินเซยอน


 


– นายรู้เกี่ยวกับ….


 


“ไง ดอกบัวดำ”


 


ทันใดนั้นไอลีนก็เข้ามาแทรกแซง เธอเดินเข้ามาหาผมด้วยก้าวสั้น ๆ และรวดเร็วโดยที่ไขว้กัน ‘เธอจะพูดอะไรในเวลาแบบนี้?’ ผมคิดอย่างรวดเร็ว


 


“…ขอบคุณ.”


 


แต่สิ่งที่ไอลีนพูดนั้นไม่คาดคิดอย่างสิ้นเชิง


 


“พวกนายอยู่ในบัญชีดำของสมาคม แต่ถ้าฉันบังเอิญเจอนายบนโลก…ฉันจะปล่อยนายไปสักครั้ง”


 


เธอพึมพำอย่างเขินอายและหันหน้าหนีไปอย่างรวดเร็วด้วยความเขิน


ผมลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่ตอบอะไร


 


“ …ถึงเวลาหนีแล้ว”


 


ทุกคนเปลี่ยนความสนใจของพวกเขามาที่ผมทันที


 


– นายพูดว่า…


 


“ไม่ต้องพูดคุยกันโทรจิตหรอก”


 


ผมพยายามหยุด จินเซยอน จากการใช้ โทรจิต ทุกครั้งที่มีโอกาส


จินเซยอน พยักหน้าและส่ง โทรจิต ให้ผมอีกครั้ง


 


– ฉันเข้าใจ….


 


“ไม่ต้องทำอะไรนี้น่า นายจะได้รับ 10 ชัยชนะแล้วนะ”


 


ผมส่ายหัวในคำพูดของไอลีน


 


“ความตายรออยู่หลังจากชัยชนะครั้งที่ 10 ปีศาจไม่ใจดีอย่างที่เธอคิด”


 


จากนั้นผมขุดหลุมบนพื้น พลังเวทมนต์ของรอยสักก็แทรกซึมลงบนดินและทั้ง 4 ก็ตามผมมาจากด้านหลัง


 


ผมลงหลุมต่อไปจนกระทั่งลึก 5 เมตรจากนั้นเลี้ยวซ้าย 30 กม. ตรงจากที่นี่และพวกเราน่าจะหนีออกจากโคลีเซียมได้


 


“เฮ้ ถอยไปซะ ตอนนี้ถึงตาฉันแล้ว”


 


เนื่องจากระยะทาง 30 กม. ค่อนข้างไกลพวกเราจึงต้องแบ่งขุดอุโมงค์ ผมเป็นคนแรก อันดับ 2 ไอลีน อียองอาและจินเซยอนส่วนคิมซูโฮเป็นคนสุดท้าย หลังจากนั้น 30 นาทีพวกเราก็มาถึงจุดที่ถูกต้อง


 


“น่าจะพอแล้ว”


 


ผมจับไหล่คิมซูโฮผู้ซึ่งกำลังขุดอยู่ ผมรับช่วงต่อและเริ่มขุดตามแนวทแยงมุม ผมปล่อยรอยสักและแสดงความแข็งแกร่งต่อหน้าพวกเขาท้ายที่สุดพวกเราก็จะเห็นแสงสว่าง


 


“เอ่อ นั่นไง!”


 


ไอลีนตะโกน เราออกไปทางอุโมงค์


 


[ชั้น 28 – เมืองปีศาจ]


 


พวกเรามาถึงเมืองปีศาจหลังจากหนีออกจากโคลอสเซียม มันน่าแปลกมากที่ชั้น 28 อยู่นอกชั้น 27 แต่นั่นเป็นเพราะผมเขียนไว้แบบนั้นมีเพียงชั้นเดียวที่เหลืออยู่ในหอคอยอย่างไรก็ตามผู้อ่านได้สนใจอะไรมาก


 


“หืมนั่น….”


 


“บ้าน่า….”


 


ปาร์ตี้จ้องมองวิวเมืองของด้วยความงุนงง เมืองปีศาจนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากของมนุษย์ มีตาอยู่ในอาคารของพวกมันและพวกมันหายใจราวกับว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่


 


“มันพิลึกมาก”


 


ถ้านรกมีอยู่จริงที่นี่คงเป็นคำนิยามที่ดี ทุกคนต่างก็ตัวแข็งชั่วขณะเมื่อเผชิญกับทิวทัศน์ที่โหดเหี้ยม ผมใช้ประโยชน์จากความว้าวุ่นใจของ


พวกเขาและกระซิบอย่างเงียบ ๆ


 


“สปาร์ตันพาฉันไปที่โลก”


 


สปาร์ตันตอบคำขอของผมอย่างรวดเร็ว


 


เมืองปีศาจหายไปจากในตาของผมในทันทีและผมถูกส่งไปยังที่ฐานของ Chameleon Troupe ใน Pandemonium


 


การหายตัวไปอย่างกะทันหันของผมทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างแน่นอน แต่พวกเราจะได้พบกันอีกครั้งมีเพียงหนึ่งเดียวที่แตกต่างกัน


ผมจะเป็นคิมฮาจินและไม่ใช่ดอกบัวดำ


 


*************************************************************************

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม