The Novel’s Extra 385-398

 บทที่ 385 หอคอยแห่งความปรารถนา (5)


 


– …ตื่น? งั้นเหรอ?


 


เสียงที่ไหลเข้ามาในจิตใต้สำนึกของผมทำให้ตื่นขึ้นมา ดวงตาของผมเปิดออกเมื่อผมได้ยินคำพูดแปลกๆ


 


เวลาปัจจุบันคือ 5:45 น.


 


ผมกำลังนอนอยู่บนโซฟาในช่องพิเศษของรถไฟ ผมแบ่งปันความรู้สึกของผมกับสปาร์ตัน ที่กำลังจับตาดูสิ่งที่สำคัญที่เกิดขึ้นภายในรถไฟ


 


– ใช่ ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นขึ้นมาแล้ว


 


– หืม…ดังนั้นในที่สุดพวกเราก็จะได้เห็นมารด้วยตาของพวกเราเอง


มันเร็วกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มากนะ


 


คิมฮัคพโย และ ซีลาเซน พวกเขากำลังพูดถึง หัวข้อการสนทนาของพวกเขาคือ…มาร


 


ผมกัดริมฝีปาก


 


หาก ‘มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์’ เป็นเฟตที่ 3 ของเนื้อเรื่อง


‘การถือกำเนิดของมาร’ และ ‘การกำเนิดอาณาจักรมารบนโลก’ จะเป็นเฟตที่ 4 หรือเฟตสุดท้าย ตัดสินจากคำพูดของคิมฮัคพโยดูเหมือนว่าแม้กระทั่งเฟตคสุดท้ายก็ใกล้เข้ามาแล้ว


 


– พวกเรามีสถานที่เตรียมไว้แล้วเหรอ


 


– ใช่ เขาอยู่ในวัดที่พวกเราสร้างขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถออกมาได้ จากท่าทางแล้วเขาจะต้องใช้เวลาอีกมากในการเอาชนะกองกำลังของโลก


 


ซีลาเซน ตอบเมื่อเขาพิมพ์ข้อความในอากาศ ด้วยสายตาของ สปาร์ตัน ผมจ้องมอง [34 ° 51’15.4” N 128 ° 43’50.2” E]


 


น่าจะเป็นพิกัดของวัด


 


– …ฉันเข้าใจแล้ว.


 


– นายวางแผนจะทำอะไร


 


– ทำไมถึงถามแบบนั้น ฉันวางแผนที่จะทำตามคำสั่งของพระเจ้า


 


คิมฮัคพโย เอนหลังบนเก้าอี้ของเขา นั่นคือจุดสิ้นสุดของการสนทนาที่มีความหมายและผมก็ตัดความรู้สึกของผมกับสปาร์ตัน


 


“อืม…เฮ้อออออออออออออ”


 


ผมคิดขณะที่ถอนหายใจ มารตัวแรกประจักษ์แล้วและผมก็รู้ตำแหน่งของมัน สิ่งที่ผมต้องทำก็ชัดเจน


 


ฆ่ามันด้วย กระสุนแห่งมิสเทลทีน หรือกระสุนสังหารพระเจ้า


 


แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมกังวล กระสุนเพียงนัดเดียวเพียงพอที่จะฆ่าเขาหรือไม่? แม้ว่า Desert Eagle จะทรงพลังขึ้นมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากอัพเกรดแต่คู่ต่อสู้เป็นมารและกระสุนที่ผมสามารถใช้ได้นั้นมี จำกัด


 


…หลังจากคิดมาซักพักผมก็หยิบหนังสือแห่งออกมา


 


[หากหน้าที่ทางกายภาพของอันดับ 50 ปีศาจ ‘พลัส’ ตกต่ำกว่า 15% กระสุนสังหารของพระเจ้าจะสามารถดับเขาได้ เปอร์เซ็นต์นี้เพิ่มขึ้น 5% ต่อ 1 Stigma ที่ใช้บนสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อย]


 


นี่คือสิ่งที่หนังสือแห่งสัจธรรมบอก พลังของผมตอนนี้ น้อยกว่ามารทั่วไปประมาณ 35% แม้ว่าผมจะใช้การปลดล็อกและเปลี่ยนพลังชีวิตของผมเป็นรอยสักแต่ก็ยังมั่นใจได้ไม่เกิน 50% เรื่องนี้เข้าใจได้เพราะ


“มาร” ไม่ใช่สิ่งที่สามารถดับศูนย์ได้อย่างง่ายดาย สำหรับมารแนวคิดของ ‘ความตาย’ และ ‘ดับศูนย์’ นั้นแยกออกจากกัน มารที่ตายแล้วสามารถฟื้นคืนชีพได้เสมอ เพื่อกำจัดมันอย่างสมบูรณ์แบบจำเป็นต้องมีวิธีการพิเศษหรือไม่ก็….คิมซูโฮ


 


“ผู้ช่วย….ใช่แล้ว”


 


นั่นหมายความว่าผมต้องการผู้ช่วย คิมซูโฮ หรือ บอส เป็นคนแรกที่ปรากฏขึ้นในใจของฉัน ตอนนี้มารยังไม่รู้เกี่ยวกับคิมซูโฮเนื่องจากถ้ารู้


พวกมันจะพยายามฆ่ามนุษย์ที่อาจคุกคามพวกมันได้ในทันที


ผมต้องรอจนกระทั่งคิมซูโฮแข็งแกร่งกว่านี้ แต่ผมไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับบอสได้ คุณสมบัติพลังเวทมนต์ของเธอคือความมืดเป็นการคู่ต่อสู้ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้กับมาร


 


“…อ่า.”


 


เมื่อครุ่นคิดอยู่นาน ตัวเลือกของผมก็โผล่ขึ้นมาในหัวของผมอีกคนหนึ่ง เขามีแข็งแกร่งมากพอที่จะปราบปรามมารและเขายังเหมาะสมที่จะต่อสู้กับมารอีกด้วย แม้ว่าเขาจะถูกพวกมารตามล่าแต่เขาก็มีความสามารถที่จะหลบหนีได้อย่างปลอดภัย


 


เขาคือแชจูชึล


 


ปัจจุบันผมมีวิธีที่ชัดเจนที่จะพูดคุยกับเขา ผ่านเอเย่นต์แห่งความจริงเนื่องจากมารแพร่เชื้อสายใส่ในร่างกายของแชจินยูน แชจูชึลจึงต้องสนใจในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถ้าผมสามารถดึงให้แชจูชึลขยับได้ละก็….


 


ติ้งๆๆๆๆ— ติ้งๆๆๆๆ—


 


ในขณะนั้นเองสัญญาณเตือนของรถไฟก็แจ้งเตื่อนให้ผู้โดยสารทราบว่าเป็นเวลา 6 โมงและเสียงร่าเริงของหัวหน้าขบวนรถไฟก็ดังขึ้น


 


– ทุกคนสนุกดีไหม ในอีก 9 ชั่วโมงพวกเราจะชั้น 24! ชั้นที่ 24 เป็น


ทะเลทรายขนาดใหญ่โต!


 


ชั้น 22 และ 23 เป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรลึกในขณะที่ชั้น 24 เป็นทะเลทรายที่ใหญ่เท่ากับทะเลทรายซาฮารา


 


– มันเต็มไปด้วยมอนสเตอร์แห่งความตายเช่นแมงป่อง,มัมมี่,สุสาน, สฟิงซ์ฯลฯมันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เล่นทุกท่าน! หากพวกคุณพบ ‘โอเอซิสแห่งทะเลทราย’ คุณจะได้รับรางวัลมากมาย!


 


ผมลุกขึ้นมาเหยียดตัวเอง


 


พื้นทะเลทรายเป็นชั้นที่ ซันนูรี่ เปล่งประกาย แน่นอนว่าม้าส่วนใหญ่จะไร้ประโยชน์ในทะเลทราย แต่ ซันนูรี่ ไม่ใช่ม้าธรรมดา


 


– ก๊อกๆ


 


ในขณะนั้นเองประตูห้องนอนของผมก็เปิดออกและเจนเดินเข้ามา


 


“สวัสดี ฮาจิน~”


 


เจนดูเหมือนจะอาบน้ำเสร็จแล้วในขณะที่เธอฮัมเพลงละนั่งลงบนโซฟาด้วยผมที่เปียกเล็กน้อย


 


“นายได้ยินคำอธิบายของชั้น 24 แล้วหรือยัง?”


 


“ใช่มันเป็นทะเลทราย”


 


“~จริงเหรอ? ฉันสงสัยจังเลยว่ารางวัลคืออะไร~”


 


เจนบ่นอย่างเงียบๆพร้อมแสดงความสนใจออกมา แต่เนื่องจากเธอเกลียดความร้อนเธออาจจะไม่ออกจากรถไฟ


 


“มันอาจเป็นหนังสือทักษะอีกเล่มหนึ่ง หนังสือทักษะขั้นสูงสุดมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้มากที่สุดสินะ”


 


“อืม~ ฉันว่าแล้วดังนั้นฉันเลยไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกสินะ~”


 


ผมยิ้มและคิดในใจว่ามันเป็นอย่างที่ผมคาดไว้


 


“นายจะไปใช่มั้ย ~”


 


“แน่นอน ฉันจะต้องออกไปตามหาทักษะสุดยอดของฉัน”


 


ถึงเวลาแล้วที่ผมจะเรียนรู้ทักษะขั้นสูงสุดของผม


 


“ใช่แล้วบอสได้เรียนรู้ทักษะทั้งหมดของเธอแล้วหรือยัง”


 


“ไม่หรอกนายก็รู้ว่าบอสมีปัญหาในการตัดสินใจ นายรู้จักพีนูลใช่ไหม?”


 


“ใช่.”


 


“ชายชราคนนั้นมอบทุกอย่างที่เขาเป็นเจ้าของให้กับบอส แต่เธอก็ยังสงสัยว่าจะเรียนรู้อะไรดี”


 


“หืมม.”


 


ดูเหมือนว่าผมจะต้องช่วยเธอเลือกทักษะของเธอสินะ


 


“อ้าาาาาาา~!”


 


ทันใดนั้นเจนก็ปรบมือและยืนขึ้นมา


 


“ฮาจิน นายจะทำงานรับจ้างของนายตอนที่ออกไปออกจากหอคอยใช่ไหม~”


 


“รับจ้างทำงานงั้นเหรอ?”


 


“ใช่ นายมีใบอนุญาตฆ่าหลายใบมันน่าเสียดายที่ต้องเสียพวกมันไป~”


 


ที่เธอพูดหมายถึงใบอนุญาตให้ฆ่าปีศาจ มันเป็นใบอนุญาตให้ฆ่าปีศาจได้โดยไม่ต้องมีเหตุผล


 


“ฉันไม่แน่ใจ.”


 


ผมคิดหนัก ผมฆ่าจินน์เพียงเพราะมีคนขอให้ทำมันไม่ได้มาจากความรับผิดชอบหรืออะไรแบบนั้น การทำแบบนั้นไม่ได้ทำให้เรื่องราบรื่นขึ้น


ปีศาจที่ผมต้องฆ่านั้นก็คือ ‘ตัวประกอบ’ ที่ไม่ยืนขวางทางในพล็อตหลัก


ที่เหลือฆ่าได้หมด


 


“ฟังดูไม่เลวเลยแฮะ”


 


ฟังดูไม่ดีเลยต่างหาก ทำไมผมไม่คิดเรื่องนั้นจนถึงตอนนี้เลยนะ? ผมดูไอเท็มในคลังของผม


 


[ไดเรกทอรี Lv.11]


 


ไดเรกทอรีและหนังสือแห่งสัจธรรม ด้วยความสามารถของหนังสือ


2 เล่มนี้ผมสามารถทำสิ่งมหัศจรรย์ได้ทุกประเภท


 


ก่อนอื่นผมสามารถกำจัดปีศาจที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นได้ ตอนนี้ผมมีความมั่นใจ กระสุนวิเศษนัดเดียวก็สามารถสังหารปีศาจระดับผู้บริหารลงได้อย่างง่ายดาย


 


ประการที่ 2 ผมสามารถฆ่ามนุษย์ที่จะกลายเป็นอุปสรรคต่อแผนการในอนาคต ตัวอย่างเช่นผมสามารถสังหารสมาชิกของสมัชชาแห่งชาติหรือผู้บริหารเลวของสมาคมฮีโร่ แน่นอนว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นภายใต้ตัวตนของเฟนริล ถ้าผมใช้ปืนฆ่าพวกเขาแม้แต่เด็กธรรมดาก็ยังรู้ว่าเป็นผม


 


“…ฉันจะฆ่าปีศาจต่อไป”


 


เมื่อมาถึงจุดนี้การฆ่าคนด้วยปืนหรือคันธนูก็ไม่ได้ลำบากผม ตอนนี้ผมเป็นเหมือนเครื่องจักรที่ปราศจากความรู้สึก ผมฆ่าคนได้อย่างใจเย็น


 


“แต่ทำไมเธอถึงถามขึ้นมาละ”


 


“หืม? อ้อ ไม่มีอะไรมากหรอก”


 


ทันใดนั้นเจนก็ใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างจริงจัง


 


“ถึงเวลาแล้วที่ Chaemeleon Troupe จะเริ่มจริงจัง”


 


“…จริงจัง?”


 


“อืม”


 


เป้าหมายดั้งเดิมของ Chameleon Troupe งั้นเหรอแม้ว่าจะมีการเพิ่มเนื้อเรื่องบางอย่างเพื่อทำให้สิ่งต่างๆให้ซับซ้อนแต่ ภารกิจหลักของมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง


 


“ถึงเวลาขโมยบัลลังก์ของ Pandemonium แล้ว”


 


เจน พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายดั้งเดิมที่ผมตั้งค่าไว้สำหรับกลุ่ม


 


“นรกงั้นเหรอ”


 


“อืม พวกเราในฐานะมนุษย์จะเป็นผู้ปกครองแผ่นดินของปีศาจ มันไม่น่าสนุกหรือไง?”


 


“ …จะเป็นไปได้เหรอ”


 


“ทำไมจะไม่ ปีศาจจะยอมจำนนต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาตามเป็นเรื่องธรรมชาติ … ”


 


เจนพึมพำในขณะที่ทำรอยยิ้มชั่วร้ายและในขณะนั้นเองผมก็ได้รับข้อความบน Smart Watch ของผม


 


“จินซาฮยอค หนีไปแล้ว”


 


มันมาจาก GenphaGo


 


“…หา? ได้ยังไง?”


 


– มีคนช่วยเธอ พวกเราออกหมายจับเธอทันที แต่ดูเหมือนว่าเธอจะหนีไปที่ชั้น 8 ให้พวกเราไล่ล่าเธอโดยใช้ ‘เทเลพอร์ตข้ามขั้น’ เลยไหมครับ?


 


“ไม่เป็นไร.”


 


เทเลพอร์ตข้ามขั้น ใช้ 100,000TP ต่อครั้งเป้าหมายเดิมของผมก็ประสบความสำเร็จแล้วด้วยสิ


 


“ป้องกันไม่ให้เธอไปไกลเกินกว่าชั้นที่ 15”


 


– เข้าใจแล้ว


 


ตอนนี้จินซาฮยอคควรยอมแพ้ในการปีนหอคอยเนื่องจากการไปไกลกว่านี้จะเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ผ่านชั้นที่ 15 ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว


 


“ทำงานได้ดีมาก GenphaGo”


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 8-3 ร้านอาหารชื่อดังใน Crevon]


 


ทันทีที่เธอหนีด้วยความช่วยเหลือของเบลล์และรูมิ จินซาฮยอคก็วิ่งตรงไปที่ร้านอาหารของ Crevon หลังจากที่ถูกจับมาตั้งนานแล้วเธอก็ดูดอาหารเหมือนเครื่องดูดฝุ่น สเต็ก, หมูสับ, ข้าวผัด, สปาเก็ตตี้…พวกมันเป็นอาหารที่ดีมากเมื่อเทียบกับโจ๊กที่ไม่มีรสชาติที่เธอถูกบังคับให้กิน


 


“เอิ๊อกกกก~”


 


หลังจากล้างบาง 13 จานในเวลาเพียง 20 นาทีเธอก็พิงเก้าอี้ของเธอ เธอลูบท้องอย่างมีความสุขจากนั้นกระแทกกำปั้นของเธอลงบนโต๊ะเมื่อเธอคิดถึงชีวิตในคุกที่น่าอับอายที่เธอต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นาน


 


“ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเกลียดฉันมากนักนะ”


 


จินซาฮยอค รู้แล้วว่า คิมฮาจิน อยู่เบื้องหลังการจับกุม นั่นคือสิ่งที่เบลล์ บอกเมื่อเธอรู้คิมฮาจินก็เป็นเจ้าของยานอวกาศเธอเกือบจะเป็นลมในทันที


 


“เธอเลือกจะต่อสู้กับเขาก่อนนะ”


 


“… .”


 


เธอไม่มีอะไรจะพูดต่อ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เธอก็เป็นคนที่เริ่มก่อนจริงๆ เธอเริ่มรู้สึกผิดและดื่มน้ำไปอีก 1 แก้วลงลำคอของเธอ


 


“แล้วแผนของเธอต่อจากนี้ไปคืออะไร? เธอจะไปหาคิมฮาจินและพยายามต่อสู้กับเขาอีกครั้งงั้นเหรอ” เบลล์ถาม


 


จินซาฮยอค สั่นสะท้านเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ คิมฮาจินยืนอยู่บนจุดสุดยอดของหอคอยอย่างแน่นอน เขาไม่เพียงแข็งแกร่งแต่เขายังมีอำนาจสั่งการ NPC หรือแม้แต่ผู้ดูแลระบบ ข้างในหอคอยเขาเป็นเหมือนราชา ดังนั้นการต่อสู้กับเขาในหอคอยจึงเป็นไปไม่ได้


 


“…ไม่ใช่…ไม่ใช่ในหอคอย” จินซาฮยอคบ่นด้วยเสียงที่บางและเงียบ


 


“งั้นเธอจะสู้กับเขาข้างนอกงั้นเหรอ?” เบลล์ถามด้วยเสียงล้อเลียน


 


จินซาฮยอค มอง เบลล์ อย่างดุร้ายความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ที่ด้านนอกหอคอยกลายเป็นแผลในใจที่เธอยังไม่สามารถเอาชนะได้ เธอคิดว่ามันจะเบาลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่มันเพิ่งจะแย่ลงเมื่อเร็วๆนี้บ่อยครั้งที่เธอฝันร้ายและร่างกายของเธอสั่นเทาเมื่อคิดถึงเขา


 


“…แก ไอ้สารเลว”


 


“ฮ่าๆๆ”


 


เบลล์ หัวเราะเยาะ จินซาฮยอค เมื่อได้ยินอย่างนี้จินซาฮยอค ก็ตะโกนอย่างดื้อรั้น


—————————————2———————————



บทที่ 386 หอคอยแห่งความปรารถนา (6)


 


“สักวัน…สักวัน….ตอนที่ฉันแข็งแกร่งกว่านี้…ฉันจะสู้กับเขาอีกครั้ง


ดังนั้นอย่ามาก่อกวนฉัน”


 


คิมฮาจินกำลังยุ่งอยู่กับการปีนหอคอย ในขณะที่เขาจากไปจินซาฮยอคก็วางแผนที่จะทำงานหนักใน Crevon เพื่อหา TP จากนั้นก็เสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองผ่านทางศูนย์อัพเกรด


 


“ด้วยความคิดในปัจจุบันของเธอ ฉันไม่คิดว่าคุณจะเอาชนะเขาได้ไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน ดูสิเธอยังพูดติดอ่างอยู่เลย”


 


“… .”


 


จินซาฮยอค จ้องมองเบลล์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ


 


“คิดว่ามันเป็นการลงโทษสำหรับทุกคนที่เธอฆ่า”


 


อย่างไรก็ตามคำที่ตามมานั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จินซาฮยอค ก็คิดว่ามันยากที่จะไม่สนใจ เธอบังคับให้ตัวเองยิ้มและถ่มน้ำลายออกมา


 


“ถ้านี่เป็นการลงโทษสำหรับสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป งั้นนายคงไม่ตายง่ายๆแน่ๆ”


 


เมื่อได้ยินเรื่องนี้เบลล์ก็ยิ้ม


 


“ฉันบอกเธอแล้วว่าเธอจะเป็นคนที่ฆ่าฉัน ฉันจะบอกให้เธอรู้ว่าการลงโทษของฉันคือการเพิ่มคนที่จะฆ่าฉันยังไงละ”


 


“…เหมือนนายจะพูดมากเกินไปแล้วนะ”


 


“ฮ่าๆๆ.”


 


เบลล์หัวเราะ ทันใดนั้นเขาก็หันมาจ้องมองจินซาฮยอค ใบหน้าของเขาแข็งค้างขึ้นมาทันทีใบหน้าที่จริงจังและน่ากลัวของเขาทำให้จินซาฮยอคเอียงศีรษะ


 


“นายทำอะไรละนั้น”


 


“คะ…คิมฮาจิน ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”


 


ทันใดนั้นร่างกายของจินซาฮยอค ก็แข็งตัว ท้องของเธอปั่นป่วนและเหงื่อเย็นๆปรากฏขึ้นที่หลังของเธอ


ฮ่าาาา,ฮ่าาาา,ฮ่าาา….ความหวาดกลัวฝังลึกลงไปในจิตใจเธอลุกขึ้นและหายใจไม่ออก จินซาฮยอค รู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของเธอพร่ามัวและ


พยายามหันไปอีกทิศทาง


 


“คุณ เบลล์ ฮิฮิเขาแค่ล้อเล่นน่ะ ซาฮยอค ไม่มีใครอยู่ข้างหลังเธอหรอก”


 


รูมิบอกความจริงออกมา จินซาฮยอค รู้ว่าเบลล์ล้อเล่นแต่มันก็สายเกินไป


 


“อ้วกกกกกกกกกกกกก-!”


 


จินซาฮยอค อาเจียนออกมาทุกอย่างที่เธอเพิ่งกิน แม้แต่เบลล์ก็รู้สึกประหลาดใจกับการอาเจียนโดยฉับพลันของเธอ


 


อุแหวะะะะะะ,อุแหวะะะะะะ,อุแหวะะะะะะ….


 


หลังจากล้างหน้าท้องของเธอจินซาฮยอค แววตาของจินซาฮยอคก็เปล่งแสงสะท้อนที่ดุร้ายออกมาเมื่อเห็นน้ำตาและน้ำมูกไหลลงมาจากใบหน้าของเธอ เบลล์ก็ประหลาดใจ


 


“…แกมันเป็นไอ้ลูกหมาตัวเมีย”


 


“เอ่อ ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่ามันแย่ขนาดนี้”


 


บริกรมาถึงอย่างรวดเร็วพร้อมเครื่องมือทำความสะอาด แต่เบลล์ปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเขาก่อนอีกฝ่ายจะมาถึงเพื่อเผาอาเจียนของ


จินซาฮยอค ทิ้ง


 


“ฉันไม่คิดว่าเธอจะกลัวขนาดนี้…โทษที อยากให้ฉันสั่งอาหารให้เธอเพิ่มอีกไหม”


 


“หุบปากไปเลยนะ ไอ้เวร ฉันไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากแกกก…”


 


จินซาฮยอค ด่าออกมารั่วๆเบลล์รับฟังทุกอย่างด้วยรอยยิ้มจากนั้นเมื่อจินซาฮยอค เงียบลงไปเขาก็ยกนิ้วขึ้นมา


 


“ชู่ๆๆๆ-!”


 


“ชู่ๆพ่อมึงสิ ไอเหี้ย! แกลองทำอีกครั้งสิ ฉันจะฆ่าแกจริงๆแล้วนะ”


 


“เอาล่ะฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ฉันสัญญา.”


 


เบลล์สัญญากับ จินซาฮยอค เขาอยากเกี้ยวก้อยสัญญาแต่เขากลัวว่าก่อนจะสัญญานิ้วของเขาน่าจะถูกตัดซะก่อน


 


“…แก ไอ้ชั่ว แกยังกล้า”


 


จินซาฮยอค บ่นไม่หยุด แม้ว่ามองอีกมุมดูเหมือนว่าเธอจะสะอื้นมากกว่า


 


เบลล์ ถอนหายใจขณะที่เขามองดู จินซาฮยอค


 


“ต่อจากนี้ไปอย่าโกรธและอย่ากลัว ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงต่อไป ฉันสัญญาแล้วใช่ไหม พรสวรรค์ของฉันจะเป็นของเธอ”


 


ฉันจะให้พรสวรรค์กับเธอ เบลล์ บอกคำพูดของเขาที่เคยพูดเพื่อล่อลวงจินซาฮยอค นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ จินซาฮยอค ตัดสินใจติดตามเขามา


 


“ไม่นานหรอก”


 


มีทางเดียวเท่านั้นที่เขาจะส่งมอบพรสวรรค์ให้เธอได้


 


“จนกว่าเธอจะฆ่าฉันได้”


 


– ปัง


 


ในขณะนั้นเองประตูร้านก็เปิดออกและลูกค้าใหม่ๆก็เดินเข้ามา เบลล์มองด้วยรอยยิ้ม แต่สีหน้าของเขาก็เย็นชาลงอย่างรวดเร็ว


 


“… .”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า นายคิดว่าฉันจะหลงกลอีกละสินะ”


 


เบลล์ ปิดปากของจินซาฮยอค อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะสายเกินไป เบลล์ ขมวดคิ้ว เช่นเดียวกันกับรูมิซึ่งนั่งถัดไปจากเขา


ต่อมาในที่สุดจินซาฮยอค ก็เข้าใจสถานการณ์ ของจริงงั้นเหรอ แม้แต่เบลล์ก็คงไม่ใช้กลอุบายแบบเดียวกัน 2 ครั้งติดแบบนี้ เบลล์เริ่มใช้งาน เทเลพอร์ต ท่าทางที่จริงจังของเขาทำให้ร่างกายของจินซาฮยอคแข็งตัว


 


“ซาฮยอค.”


 


“… .”


 


เมื่อได้ยินเสียงอันเลวร้าย จินซาฮยอค ก็พยักหน้าเบา ๆ


เบลล์มองตาเธอแล้วพูดต่อ


 


“ฉันหลอกเล่น 555555”


 


“… .”


 


“ฮิฮิฮิ.”


 


รุมิหัวเราะออกมา จากนั้นจินซาฮยอคก็หน้าซีด


 


“พวกเธอ 2 คนนนนนนนนนนนนน!”


 


…ไม่นานจินซาฮยอค ก็กระโจนเข้าใส่มั้ง 2 คนเหมือนสัตว์ร้าย


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 24 ทะเลทราย]


 


15.00 น.


รถไฟหยุดจอดที่ชั้น 24 ยังมีคนอีกกว่า 100 คนที่เหลืออยู่ในรถไฟ เนื่องจากรถไฟจะอยู่ได้ 1 สัปดาห์ เจน,บอส,ชอคจุนกยอง และ


จินโยฮาน กลับสู่โลก ในขณะเดียวกันผมก็ออกไปดูพื้นที่ทะเลทราย


 


“ไปกันเถอะ.”


 


– ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 


ผมขี่ ซันนูรี่ หลังจากควบม้าไปผ่านทุ่งทรายสักพักผมก็หยิบหนังสือแห่งสัจธรรมออกมา


 


“มาดูกัน….”


 


คำถามที่ผมต้องการถามนั้นง่าย: มีโอเอซิสภายในระยะทาง 10 กม. จากตำแหน่งที่ตั้งของผมหรือไม่


 


[ไม่มีโอเอซิสภายในระยะ 10 กม. จากที่ตั้งของคุณ]


 


“หืม ซันนูริ ไปกันเถอะ”


 


– ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


หลังจากนั้นผมก็ทำซ้ำสิ่งเดียวกัน ผมหยุดทุก 10 กม. ถามหนังสือแห่งสัจธรรมแล้วเดินทางต่อหากไม่พบโอเอซิส หลังจากนั้นประมาณ 50 กิโลเมตร …


 


[โอเอซิสอยู่ในระยะ 10 กม. จากตำแหน่งของคุณ]


[ตำแหน่ง… ]


 


“พวกเราจะไปที่นั่น.”


 


ด้วยโชคของผมการค้นหาโอเอซิสนั้นไม่ยากเกินไป ผมใช้เวลาเพียงไม่นานพร้อม 1.5 รอยสักผมวางแผนไปที่โอเอซิสทันทีและผมก็รู้สึกถึงการปรากฏตัวของผู้คนที่อยู่ข้างหลังผม พวกเขาดูคุ้นๆมากจริงๆ


 


“… .”


 


ผมหันหลังกลับไป ผมเห็นชายคนหนึ่งสวมผ้าโพกหัว เงาของเขานั้นช่างคุ้นเคยและใบหน้าของเขาก็ดูคุ้นมากๆ เขาคือคิมซูโฮ พระเอกของเรื่อง


 


“เอ๊ะ?”


 


คิมซูโฮเองก็สังเกตเห็นผมขณะดวงตาเบิกกว้างจากนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นและโบกมืออย่างร่าเริง


 


“ฮาจินนนนนนนน~!”


 


เขาวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกน ผมกระโดดลงมาจาก ซันนูรี่ และรอเขา ด้วยความเร็วของเขา เขาจะมาถึงผมในเวลาไม่ถึง 1 นาที จากนั้นเขาก็ยื่นมือมาข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มเขินอาย


 


“ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ ฮาจิน”


 


“นั้นสิ.”


 


มันเป็นการเจอกันที่สมบูรณ์แบบ เพราะผมอยากให้อะไรเขาพอดี


 


“ซูโฮ ฉันมีของขวัญให้นาย….”


 


“อ้อ เหมือนกันเลย ฮาจินนี่สำหรับนาย….”


 


แต่ดูเหมือนว่าคิมซูโฮจะคิดในสิ่งเดียวกันขณะที่เขาหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขา


พวกเราหยุดนิ่งแล้วมองหน้ากันสักพัก จากนั้นพวกเราก็หัวเราะออกมา


ผมให้ของขวัญของผมก่อน


 


“เอาสิ่งนี้ไปก่อน”


 


“นี่มันอะไรน่ะ?”


 


“การ์ดที่เหมาะสำหรับนาย”


 


“อ๊ะ นายซื้อการ์ดบนชั้น 21 ด้วยเหรอ?”


 


คิมซูโฮ รับการ์ดของผมไปโดยไม่คิดมาก แต่เมื่อเขาเห็นการ์ดใบนั้นแล้วคิ้วของเขาก็กระตุกและเขาก็รีบเปลี่ยนใบหน้าอย่างรวดเร็ว


 


“8…8 ดาว? ฮะ-ฮาจิน นี่มันการ์ด 8 ดาว ฉันว่านายหยิบผิดแล้วละ”


 


“ไม่ นั่นละถูกแล้ว มันมีไว้สำหรับดาบ นอกจากนี้มันยังมีคุณสมบัติธาตุแสง มันถูกสร้างขึ้นมาสำหรับนาย”


 


อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมยื่นมือออกไป


 


“ตอนนี้เอาของมาให้ฉันด้วย นายมีการ์ดให้ฉันด้วยใช่ไหม”


 


“ฮะ? โอ้ ใช่แต่เอ่อ มัน….”


 


คิมซูโฮซ่อนการ์ดที่เขาหยิบออกมาไว้ด้านหลังผมถามด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของผม


 


“นายทำอะไรน่ะ?”


 


“เอ่อ มันก็แค่…มันแตกต่างกับสิ่งที่นายให้ฉัน….มากเกินไป”


 


“ไม่เป็นไร เอามาให้ฉันดูหน่อยสิ”


 


ผมเดินหาเขา เขาก็ถอยหลังแต่ไม่นานเขาก็ตัดสินใจแม้ใบหน้าแดงก่ำดูเหมือนว่าเขาจะอายมาก


 


“ไม่เป็นไรๆ~”


 


“… .”


 


“อย่าอายไปเลยน่า”


 


ฉันไม่ได้อาย ฉันแค่รู้สึกแย่…คิมซูโฮบ่นอย่างเงียบๆในขณะที่เขาส่งการ์ดให้ผม


 


===


[เสียงสะท้อนแห่งความเงียบ] [การ์ดใช้งาน] [6 ดาว]


○ คุณสมบัตินี้ใช้ได้กับอาวุธยิง


ยิงไร้เสียง – อาวุธของคุณไม่ไร้เสียงในการยิง

ความเงียบงัน – พลังเวทมนต์ที่โจมตีถูกเป้าหมายจะไร้เสียง

===


 


“……….ปะ-เป็นยังไงบ้าง?”


 


คิมซูโฮถามอย่างประหม่า ผมยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ


 


“เยี่ยม มัมสมบูรณ์แบบมากสำหรับฉัน”


 


เมื่อได้ยินแบบนี้ในที่สุดใบหน้าที่ตึงเครียดของคิมซูโฮก็คลายออก


 


…..แต่แล้ว


 


วิ้งงงงงงงงงงงงงงงงง—


 


ลำแสงพุ่งลงมาจากท้องฟ้าทันทีทันใด


 


“อะไรน่ะ?”


 


คิมซูโฮและผมยกอาวุธของพวกเราอย่างรวดเร็ว มันเป็นทักษะ


เทเลพอร์ต ที่ไม่คาดคิด อย่างไรก็ตามพวกเราเอียงหัวอย่างสงสัยเมื่อเห็นคนที่ปรากฏออกมา


 


“…ผู้อาวุโส?”


 


คิมซูโฮพึมพำอย่างตกตะลึง ผู้หญิงที่มาถึงไม่ใช่ศัตรู มันเป็นจินเซยอน


 


“สวัสดี.”


 


จินเซยอนคำทักทายอย่างรวดเร็วกับคิมซูโฮก่อนที่จะหันมาหาผม


จากนั้นเธอก็จ้องมองที่ใบหน้าของผมอยู่นานราวกับว่าผมซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็ยื่นมือของเธอออกมา


 


“สวัสดี คุณ เฟนริล”


 


“…อ๊ะ สวัสดี”


 


“ฉันเป็นแฟนคลับคุณ.”


 


“ขอโทษนะ อะไรนะครับ?”


 


ผมผงะกับคำพูดสุดท้ายของเธอ แฟนคลับของผม จินเซยอนยิ้มแล้วแสดงชื่อเห็น ‘กลุ่ม’ ที่เธอเป็นสมาชิก [นักธนูจินเซยอน]


 


– เฟนริลคลับ สมาชิก # 3


 


“ … เฟนริลคลับ? อะไรละนั้น?”


 


“มันเป็นเหมือนกลุ่มแฟนคลับ นายเป็นมือปืนที่มีสไตล์และโดดเด่นจนทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวน่ะนะ”


 


ผมรู้สึกถึงความผิดปกติจากคำพูดของเธอ สิ่งที่ จินเซยอน บอกผมนั้นเป็นความจริงครึ่งหนึ่งและคำโกหกครึ่งหนึ่ง แต่ผมไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นความจริงและส่วนไหนเป็นเรื่องโกหก ผมซ่อนความสงสัยและถามออกมาโดยแกล้งทำเป็นไม่ได้ตั้งใจ


 


“แล้ว…ใครคือแฟนคลับ # 1?”


 


“อา เป็นผู้เล่นชื่อ ‘CaptainBritain’ นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร”


 


“… .”


 


CaptainBritain


 


แน่นอน ผมรู้ว่าเป็นใคร ผมตอบด้วยท่าทางไอแห้งๆแบบน่าอึดอัดใจ




บทที่ 387 การเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย (1)


 


“คุณมาที่นี่ทำไม” ไม่นานมานี้หลังจากที่พวกเราแลกเปลี่ยนคำทักทาย


คิมซูโฮก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย


 


จินเซยอน ตอบสั้นๆว่า “เพราะฉันเห็นพวกนาย”


 


“…หา?”


 


“ฉันเห็นพวกนายแล้วฉันก็มา”


 


เธอพูดแล้วก็หันกลับมามองผมอีกครั้ง ผมยิ้มอย่างประหม่าและรู้สึกอึดอัดใจ


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า….”


 


มันยากที่จะเชื่อว่าเธอเป็นแฟนคลับของฉันเพราะผมเคยใช้ข้อแก้ตัวแบบเดียวกันนี้มาก่อน แต่จินเซยอนเป็นคนที่นิสัยดี มันจะดูน่าเจ็บปวดถ้าไปเชื่อใจเธอ


 


จินเซยอน ถามทันทีว่า “งั้นพวกนาย 2 คนก็กำลังตามหาโอเอซิสสินะ”


 


“ใช่.”


 


“จริงอะ? อ่า งั้นก็ใช่แล้วละ”


 


คิมซูโฮ พูดออกตัวและมองที่ จินเซยอน อย่างสุภาพและให้เกียรติ


 


“อืม ถ้างั้น ฉันจะไปกับพวกคุณได้ไหม”


 


“เอ่อ….” ผมลังเล ผมรู้ว่าโอเอซิสอยู่ที่ไหนและผมตั้งใจจะแบ่งรางวัลกับคิมซูโฮ แต่ผมสงสัยว่าจะแบ่งยังไงกับ จินเซยอน


 


“ฉันไม่ต้องการรางวัล ฉันแค่อยากจะช่วยพวกนายในฐานะแฟนคลับ”


 


จินเซยอน พูดราวกับว่าเธออ่านใจของผมอยู่


 


“อ๊ะ งั้นเหรอพวกเราไม่มีปัญหาอะไรหรอก….”


 


ผมก็สบายใจ ผมพยักหน้าและกระโดดขึ้นบน ซันนูริ


 


“ไปหาโอเอซิสกันเถอะ”


 


– ฮี่ๆๆๆๆ


 


“ตามฉันมา.”


 


ผมวิ่งไปข้างหน้ากับ ซันนูริ จินเซยอน และ คิมซูโฮ ตามหลังมาใกล้ๆและพวกเราใช้เวลาประมาณ 30 นาทีไปยังโอเอซิส ผมออกนอกเส้นทางโดยตั้งใจแกล้งมองหาโอเอซิส


 


[ขอแสดงความยินดี! คุณเป็นคนแรกที่ค้นพบโอเอซิส รางวัลจะเพิ่มเป็น 2 เท่า!]


 


ทันใดนั้นมีสระน้ำขนาดยักษ์พุ่งขึ้นมาจากกลางทะเลทราย สระว่ายน้ำเป็นจุดกำเนิดของชีวิตที่นำพืชหลายชนิดขึ้นมาในทะเลทรายแห้งแล้งและมีความแข็งแก่รงเหมือนสัตว์ทะเลทรายซึ่งมันช่วยยืนยันว่าพวก


เรายืนอยู่หน้าโอเอซิสที่ไม่ใช่ภาพลวงตา


 


[50000 TP เป็นรางวัลสำหรับ ‘Extra7’ และผู้เล่นคนอื่นๆอีก 2 คน]


 


“จริงเหรอ? ฉันได้รับ 50000TP”


 


รางวัลถูกส่งออกไปทันทีและจินเซยอนหยิบตั๋วเงิน 5 ใบที่แต่ละอันมีมูลค่า 10,000TP ให้ผม


 


“ไม่เป็นไร เก็บไว้เถอะ รางวัลที่แท้จริงน่าจะเป็นอย่างอื่น….”


 


รางวัลนั้นไม่ใช่เป็นเพียง TP เท่านั้น ผมมีลางสังหรณ์แบบนั้น ผมสงสัยโอเอซิสตรงกลางไม่มีอะไรเลยมันน่าสงสัยมาก ผมเชื่อในโชคชะตา


ผมไม่สามารถกลับมือเปล่าได้


 


“ฮาจิน นายจะไปไหน”


 


“เงียบๆหน่อย”


 


ผมเข้าไปในโอเอซิสแล้วเอามือจุ่มน้ำ น้ำใสและเย็น แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาสนุกกับมัน ผมเปิดใช้งาน [การสังเคราะห์ Lv.8]


[การสังเคราะห์] ตอนนี้ใกล้กับระดับสูงสุด (10) เริ่มค่อยๆดูดซับโอเอซิส พื้นผิวของโอเอซิสปริมาตรลดลงเมื่อเทียบกับความหนาแน่นที่เพิ่มขึ้น แต่พลังวิญญาณของผมหมดลงทันทีที่โอเอซิสลดเหลือครึ่งหนึ่งของขนาดดั้งเดิม ดังนั้นผมจึงเพิ่มพลังรอยสัก พลังเวทมนต์ของรอยสักสังเคราะห์โอเอซิสได้อย่างง่ายดายและดุดันมากกว่าพลังวิญญาณของผม


 


“ว้าว … .”


 


“ว้าว. นายน่าทึ่งมาก เฟนริล แปะ แปะ แปะ”


 


และในที่สุดด้วยเสียงเชียร์ของจินเซยอน หยดน้ำในโอเอซิสก็ถูกบีบอัดให้มีขนาดเท่าลูกฟุตบอล


 


“…เจอแล้ว”


 


ที่ด้านล่างของโอเอซิสซึ่งตอนนี้ว่างเปล่าเป็นแท่นบูชาและอยู่บนนั้นเป็นหีบสมบัติ ผมเข้าไปหาอย่างไม่ลังเลแล้วก็รู้ว่าหีบถูกล็อค แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม


 


คลิก –


 


ผมใส่ กุญแจลึกลับ ลงในนั้นแล้วบิด 180 องศาและหีบก็เปิดออกอย่าง ง่ายดาย ข้างในมีหนังสือและชุดเกราะหนึ่งชิ้น


 


[หนังสือทักษะระดับสุดยอด Lv.1 – ความเข้าใจที่สมบูรณ์ของ


พลังวิญญาณ]


[เกราะหนังแห่งอิมโฮเทป Lv.11]


 


*************************************************************************


 


[ปูซาน,เกาหลีใต้ – เขตแฮอุนแด]


 


ในขณะเดียวกัน แชนายอน ซื้อบ้านพักตากอากาศในปูซานด้วยเงินที่เธออดออมทั้งเงินเดือนจากกิลด์ เธอเลือกปูซานโดยไม่มีเหตุผลพิเศษ เพียงแค่เธอยังคงทุกข์ทรมานจากอาการปวดหัวในกรุงโซลและคิดว่าอาจจะดีขึ้นถ้าสภาพแวดล้อมรอบตัว แต่นั่นกลับกลายเป็นอะไรที่เกินความปรารถนา แม้แต่ในปูซานเธอก็ไม่ค่อยมีเวลาเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อมใหม่หรือดูแลตัวเอง


 


– นี่คือข้อมูลที่เกี่ยวข้อง


 


“… .”


 


นี้เป็นการสนทนาทางวิดีโอปกติที่เธอจะมีกับผู้ให้ข้อมูลของเธอ


ผู้ให้ข้อมูลที่ ยูยอนฮา เตรียมพร้อมให้เธอนั้นขยันเหลือเกิน พวกเขาจะส่งรายงานให้เธอ 2-3 ครั้งในแต่ละวันและ แชนายอน พยายามทำความเข้าใจกับข้อมูลใหม่ๆอยู่ตลอด


 


“นี่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ‘เหตุการณ์นั้น’ งั้นเหรอ?”


 


– ใช่.


 


แชนายอน มองเห็นใบหน้าของผู้ให้ข้อมูล แต่อีกฝ่ายไม่เห็นใบหน้าของ แชนายอน เธอเริ่มจากกองรายงานที่ คิมโฮซุป ส่งให้เธอ


 


“… .”


 


เธอตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน เซลล์ทุกเซลล์ในสมองของเธอติดไฟ รายงานซับซ้อน แต่เธอก็พยายามเข้าใจด้วยตนเอง…อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอจะพูดในท้ายที่สุดก็ตัดสินใจได้ง่ายๆ


 


“สรุปมันให้ที”


 


– รับทราบ


 


ผู้ให้ข้อมูลดำเนินการต่อราวกับว่าเขาคิดไว้แล้วว่าเธอจะพูดแบบนี้


 


– มีประเด็นที่น่าสงสัยมากมายเกี่ยวกับการฆาตกรรม แชจินยูน จริงๆแล้วมันน่าสงสัยตรงที่ทำไมถึงมีจุดที่น่าสงสัยมากมายขนาดนี้….


 


สรุปจากผู้ให้ข้อมูลกรณี แชจินยุน มีดังนี้


 


: มีสิ่งที่น่าสงสัยมากเกินไปเกี่ยวกับคดีนี้ซึ่งที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเรื่องเหยื่อไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก แชจินยุน หลานชายของแชจูชึลผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกถูกฆ่าตาย ดังนั้นจึงน่าสงสัยที่สุดแถมหลายชายของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตายไปทำไมเรื่องมันถึงได้เงียบขนาดนี้


 


– ด้วยเหตุนี้จึงมีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับกรณีนี้


 


“ทฤษฎีสมสบคิด?”


 


– ใช่.


 


เรื่องนี้ทำให้ แชนายอน ต้องตามอ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่วันนั้นเพราะหลังจากพี่ชายเธอตายและขึ้นเขาเพื่อฝึกวิชาเธอก็ไม่ได้อ่านข่าวพวกนี้อีกเลย


 


“…อธิบาย.”


 


– นักสืบตรวจพบพายุพลังงานปีศาจที่มีความหนาแน่นสูงในบริเวณที่เกิดการฆาตกรรม ได้รับการยืนยันจากพยานแล้วว่าพลังงานปีศาจมีขนาดใหญ่และพลังทำลายล้างสูงมาก


 


มันทำให้หัวใจของเธอแตกสลายแค่คิดว่าพี่ชายของเธอต้องผ่านอะไร


เขาคงจะกลัวและทุกข์ทรมาณมาก แชนายอน พยายามฟังคำพูดที่แสนเจ็บปวดเหล่านี้ เธอรู้สึกราวกับว่าลำไส้ของเธอกำลังเน่าเปื่อย แต่เธอรู้ว่าเธอต้องทำอะไรต่อไป


 


“…ต่อเลย.”


 


พายุพลังงานปีศาจ เธอเคยเจอของพวกนี้แต่ก็ไม่พบอะไรมากกว่านั้น น่าแปลกใจที่พ่อของเธอยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับคดีนี้และแม้กระทั่งดุเธอทุกครั้งที่เธอแสดงความตั้งใจที่จะตรวจสอบเหตุการณ์


 


– อย่างที่คุณรู้พลังงานปีศาจคล้ายกับพลังเวทมนต์ซึ่งทั้งคู่มีบางสิ่งที่เรียกว่า ‘ลายเซ็น’ ดังนั้นการวิเคราะห์พลังงานทำให้พวกเราสามารถเรียนรู้ได้ว่ามีกี่คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ


 


แชนายอน ได้เรียนรู้ทฤษฎีนี้ที่ Cube ด้วย มันเป็นอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพลังเวทมนต์ที่สามารถทำงานได้เหมือนลายนิ้วมือ


 


– ตามที่ผู้ตรวจสอบพบเพียงลายเซ็นพลังงานปีศาจเดียวในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามทุกคนสรุปตรงกันว่าแชจินยูนถูกลักพาตัวและถูกสังหารโดย ‘กลุ่มปีศาจ’ ทฤษฎี 2 ข้อที่จะกล่าวนี้อธิบายได้ว่าทำไม


 


ผู้ให้ข้อมูลดำเนินการอย่างช้าๆและอย่างละเอียดทีละขั้นตอนเพื่อให้แม้กระทั่งแชนายอนก็สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ


 


– ทฤษฎีแรก: แชจินยุน ถูกสังหารโดยปีศาจจริงๆนี่คือสิ่งที่แชจูชึลได้ประกาศต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ แต่คำถามยังคงมีอยู่ ปีศาจชอบที่จะทำงานเป็นกลุ่มเหตุใดจึงตรวจพบพลังงานปีศาจเพียงลายเซ็นเดียว


 


“ไม่ผิดหรอก ไม่มีทางเลยที่มันจะเป็น ‘กลุ่ม’ ของปีศาจ”


 


แชนายอน ขัดจังหวะผู้ให้ข้อมูล


อย่างมากก็ผู้สมรู้ร่วมของปีศาจ แต่คิมฮาจินไม่ใช่ปีศาจอย่างแน่นอน ถ้าเขาเป็นปีศาจ เขาก็คงจะมีออร่าของปีศาจ แต่แชนายอนจะไม่รู้สึกถึงพลังแบบนั้นตลอดเวลาที่อยู่กับเขาเลยเหรอ


 


“ช่างมันเถอะ ข้ามเรื่องนี้ไปได้เลยบอกทฤษฎีต่อไปให้ฉัน”


 


– แต่ทฤษฎีต่อไปนั้นยิ่งแปลกประหลาดกว่านี้มาก


 


“อะไรนะ? มันคืออะไรบอกฉันมา.”


 


1 ใน 2 ทฤษฎีนั้นไม่ถูกต้องแน่นอนไปแล้ว 1  อย่างน้อยที่สุดอีกอันที่เหลือก็ควรจะใกล้กับความจริงมากที่สุด… แต่


 


– แชจินยุน เป็นปีศาจ นั่นคือทฤษฎี


 


เมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของ แชนายอน ก็ทรุดลงทันที


 


– ทฤษฎีนี้คือ แชจินยุน เป็น ปีศาจและกิลด์ได้เข้าไปแทรกแซงเพื่อกำจัดเขา นี่คือสิ่งที่ผู้สนับสนุนทฤษฎีพูด


 


แชนายอน ไม่พูดอะไรเลย เธอหยุดคิดทุกอย่างราวกับสวิตช์ในตัวของเธอถูกปิดลง


 


– จำนวนปีศาจนั้นถูกบันทึกเอาไว้แล้ว อย่างที่ผมบอกมีเพียงลายเซ็นพลังงานปีศาจ 1 รอยเท่านั้นที่ถูกตรวจพบในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังไม่มีร่องรอยของพลังงานปีศาจที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ แชจินยุนถูกลักพาตัวไป….


 


“หยุดนะ”


 


แชนายอน กัดฟันและขัดจังหวะเขา คำพูดที่นับไม่ถ้วนสะท้อนอยู่ในปากของเธอ ทุกคำเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่เธอระงับความโกรธ


ของเธอลงไปในลำคอของเธอ


 


– ขอโทษ?


 


“…อย่าพูดอย่างนั้น”


 


เธอจะต้องไม่โกรธ ผู้แจ้งข้อมูลไม่ผิด จริงๆแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร แชนายอน ถอนหายใจอย่างหนัก


 


“นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ให้มองถึงสิ่งต่างๆจากมุมที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น…องค์กรที่รวมมือกันระหว่างมนุษย์กับปีศาจ อะไรแบบนั้น.”


 


– เข้าใจแล้ว


 


“โอเค ทำงานได้ดี. สำหรับโบนัสตามผลงานของคุณ….”


 


ของลิมิเตด ‘ReOrient Nox’ เป็นเกมที่เปิดตัวในปี 1992 เธอใช้ความพยายามค่อนข้างมากในการรักษาความปลอดภัยและหาสำเนาเกมที่หายากนี้สำหรับผู้แจ้งข้อมูลของเธอ เธอจัดการรักษาความปลอดภัยสำเนา ‘เกม’ นี้หลังจากใช้การเชื่อมต่อส่วนตัวทั้งหมดของเธอและจ่ายเงินไปถึง 1.5 พันล้านวอน แชนายอน ส่งข้อมูลเกมไปยังผู้แจ้งข้อมูล


 


“…นี่มันคือ”


 


หาาาาา! นี่คือ…ReOrient Nox ที่แสนโด่งดัง


 


“ทำงานให้ดีต่อไปละ”


 


– รับทราบ! ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด!


 


การโทรสิ้นสุดลงพร้อมผู้แจ้งข้อมูลที่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ


 


“เฮ้ออออออออออ… .”


 


จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง ในความเงียบนั้นแชนายอนถอนหายใจและฝังตัวเองลงในเก้าอี้ …เธอไม่สามารถพูดได้อย่างถูกต้องเพราะเธอตกใจมากจริงๆ


 


“ทำไมทุกคนบนอินเทอร์เน็ตถึงคิดเรื่องไร้สาระอย่างนี้ขึ้นมา?”


 


ไม่ว่าเขาจะเป็นใครเขาควรถูกฟ้องร้อง


ใครกล้าจินตนาการมาได้ว่าพี่ชายของฉันเป็นปีศาจ?


เขาเป็นคนที่มีความชอบธรรมที่สุดในโลก


เขาฉลาด,เยือกเย็น ดูดี และแข็งแรงกว่าฉัน….


 


“เฮ้ออออออออออออ เรื่องนี้ทำให้อารมณ์เสียจริงๆ”



บทที่ 388 การเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย (2)


 


แชนายอน เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมและป้องกันตัวเองจากอาการซึมเศร้า เกมดังกล่าวเป็นเกม MMORPG ที่ชื่อว่า ‘Leaf Story’


 


เปรี้ยง-!


 


เปรี้ยง-!


 


อย่างไรก็ตามเธอปิดการใช้งานหลังจากเล่นเป็นเวลา 15 นาทีเท่านั้น


 


มันน่าเบื่อ.


 


จริงๆแล้วเกมส่วนใหญ่กลายเป็นเกมธรรมดาหลังจาก ‘Tower of Wish’ ปรากฏ มันคือการล่ามอนสเตอร์ เก็บสะสม TP และเพิ่มระดับไอเท็มในหอคอย ทุกคนเองก็สนุกกับมันราวกับมันคือเกมส์ที่ดีที่สุด


 


“อืมมมมมมมมมมมมมมมม… .”


 


เธอเหยียดร่างกายของเธอบนเก้าอี้ ทันใดนั้นเธอสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ


 


‘จดหมายเชิญไปที่ห้องรัก’


 


“อืม.”


 


นี่เป็นตั๋วที่สามารถเรียกผู้เล่นคนใดก็ได้ไม่ว่าเขาจะอยู่บนโลกหรือในหอคอยซึ่งตอนนี้เธออยู่ที่นี่ เธอเอามันออกมาเป็นอย่างแรก…


 


“ฉันว่ามันไร้ประโยชน์ไปแล้วสินะ”


 


Extra7


 


มีบางอย่างเกี่ยวกับเขา แต่เขาเป็นอาจารย์ของเธอ แถมเขายังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เธอบอกกับตัวเองว่าเธอต้องขอบคุณเขาอย่างจริงใจ และสักวันเธอจะได้เจอกับเขาเอง


 


“ฉันแน่ใจว่า ฉันจะมีโอกาสได้ใช้มันในอนาคต”


 


แชนายอน พึมพำและวางบัตรเชิญลงในลิ้นชักโต๊ะทำงาน


 


[1:36 AM]


 


มันดึกมากแล้ว


 


เธอเข้าไปในห้องนอนและล้มตัวลงบนเตียงขนาดใหญ่ แต่ความคิดของเธอกลับเข้าสู่ช่วงเวลาที่เธอต้องตัดสิน


‘แชจินยุน เป็น ปีศาจ….’ มันเป็นเรื่องไร้สาระที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


“… .”


 


แต่ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง….บางที 1 ในโอกาสนับล้านที่พี่ชายของเธอได้กลายเป็นปีศาจ…แน่นอนว่าอย่างไม่เต็มใจ แต่ถ้าเขาถูกบีบบังคับให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง…บางทีสิ่งที่คิมฮาจินทำก็คือ….


 


“ไม่มีทาง.”


 


มันน่าเชื่อมากขึ้นทันทีเมื่อคิดว่าคิมฮาจินเป็นคนฆ่าพี่ชายของเธอเรื่องพายุพลังงานปีศาจไม่ใช่สิ่งที่คิมฮาจินสร้างได้อย่างแน่นอน


 


“บ้าไปแล้ว”


 


แชนายอน พึมพำและส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเธอก็หยิบภาชนะที่เต็มไปด้วยยานอนหลับจากลิ้นชักข้างเตียง


 


แกร๊กๆๆๆ


 


เธอเทยาลงไปในปากของเธอ จำนวนยานั้นเพียงพอที่จะฆ่าคนธรรมดาได้จากการใช้ยาเกินขนาด แต่มันเป็นขั้นต่ำที่สุดที่จะทำให้ยอดมนุษย์อย่างเธอนอนหลับ


 


“เฮ้ออออออออออออออ… .”


 


เธอถอนหายใจและนอนลงบนเตียง ไม่นานความรู้สึกที่คุ้นเคยของอาการง่วงนอนจะพุ่งเข้าใส่เธอ


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 26 อาณาจักรปีศาจที่แท้จริง]


 


ชั้น 21 อาณาจักรแห่งการ์ด


ชั้น 22 ก้นบึ้งทะเลลึก


ชั้น 23 ทะเลพระจันทร์เสี้ยว


ชั้น 24 ทะเลทรายแห่งความฝัน


ชั้น 25 จุดสิ้นสุด


รถไฟแล่นผ่าน 5 ชั้นและถึงปลายทางนั้นคือ ชั้น 26


 


– นี่คือปลายทาง [อาณาจักรปีศาจที่แท้จริง] รถไฟของเราจะไม่ไปไกลเกินกว่าจุดนี้


 


จาก 403 ผู้จัดอันดับที่ขึ้นรถไฟเหลือเพียง 73 ที่ยังคงอยู่จากจุดนี้ไปเป็นจุดเริ่มต้นของบทสุดท้ายของ บทแห่งหอคอย ในนิยาย


 


– โปรดมองไปทางขวาของคุณ นั่นคือ หอคอมอาณาจักรปีศาจซึ่งเป็นที่ตั้งของราชาปีศาจ


 


ผมหันไปมองทางด้านขวา กัปตันพูดจาดูจริงจังกว่าปกติมาก โลกสีม่วงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมืด เหนือหมอกก็มีเงาเป็นหอคอยสูง


 


หอคอยภายในหอคอย


 


ชั้นที่ 26, 27, 28 และ 29 เป็นชั้นที่เชื่อมต่อกันและชั้นที่ 30 เป็นชั้นสุดท้ายของ หอคอย เป็นจุดสูงสุดของหอคอย คิมซูโฮ จะต้องตัดสินกับ ‘ผู้ดูแลคนสุดท้าย’


 


– การโจมตีปกติไม่สามารถใช้งานกับ ‘ปีศาจที่แท้จริงได้’ ใช้ได้ผลแค่ธาตุแสงหรืออย่างน้อยแสงสว่างจากการโจมตีแบบพลังธาตุเท่านั้นที่สามารถทำร้ายพวกมันได้


 


ผมตรวจสอบคุณสมบัติของ Desert Eagle


 


[ธาตุน้ำแข็ง 6%]


[ธาตุแสง 4%]


[ธาตุความมืด 2%]


[ธาตุไฟ 1%]


 


คุณสมบัติแสง 4% นี่หมายถึงความเสียหายที่เกิดจากกระสุน 25 นัดเท่ากับกระสุน 1 นัดส่วน ‘ธาตุน้ำแข็ง’ ปรากฏขึ้นหลังจากที่ผมฆ่า ด็อปเปิลแกงเกอร์ ด้วย Desert Eagle ไม่ว่ายังไงต่อจากนี้คิมซูโฮจะต้องเป็นผู้นำ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่ช่วยเขา แน่นอนว่าผมมีอาวุธลับเช่นกัน


===


[ลูกศรแสงจันทร์แห่งอเธน่า Lv.11]


○ พลังทำลายที่แต็มไปด้วยแสงสว่าง Lv.11


○ การหักเหของแสงจันทร์ Lv.11


–  เมื่อลูกศรถูกยิงภายใต้แสงจันทร์มันจะทวีคูณ


○ การเจาะเกราะ Lv.11


○ พลังแห่งจันทรา


– ปริมาณพลังเวทมนต์ที่ควบแน่นในลูกศรจะถูกเพิ่มขึ้น


===


 


[ลูกศรแสงจันทร์แห่งอเธน่า Lv.11]


 


ถึงแม้ว่าผมจะเอาชนะปีศาจที่แท้จริงได้ แต่ผมไม่มีโอกาสเพิ่ม


[การควบคุมระยะไกล] แบบที่ผมเคยทำกับลูกศรแห่งความมืดของผม


เพราะผมต้องใช้ 1500 SP ในการใส่คุฯสมบัตินั้นลงไปในลูกศร


ไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาจา LV ลูกศรและพลังที่เหลือเชื่อแล้ว ผมไม่ควรเลื่อนออกไปอีกแล้ว หากผมรอต่อไปผมอาจพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสม ผมถอนหายใจและเปิด Smart Watch


 


[การควบคุมระยะไกล Lv.1 ]


[จำเป็นต้องใช้ 1500SP คุณต้องการที่จะบันทึกหรือไม่]


 


ทันทีที่ผมคลิกปุ่มบันทึก โชคของผมก็ต้องทำงาน


 


[Lv.ของ ‘การควบคุมระยะไกล Lv.1’ กำลังสุ่ม…. ]


[คุณได้รับ ‘การควบคุมระยะไกล Lv.4’ ขอแสดงความยินดีด้วย!]


 


“อืมมมมมมม.”


 


นี่มันมากกว่าที่คิดเอาไว้มาก


ในขณะนั้นเองประตูห้องพิเศษก็เปิดออกและเจนกับบอสก็ปรากฏตัวพร้อมกัน


 


“…โอ้ยยยย. แปบนะสักครู่~ พวกเราใช้เวลามาที่นี่กี่เดือนกัน?”


 


เจนพึมพำและนั่งข้างๆผม บอสโน้มตัวมามองที่เจนอย่างไม่พอใจ


 


“โอ้ ว่าแต่ ฮาจิน จริงไหมที่ชั้น 30 เป็นชั้นสุดท้าย~? เราเหลืออีกแค่


5 ชั้นเท่านั้น ~?”


 


“ใช่ แต่สิ่งที่ท้าทายสำหรับพวกเราอยู่ต่อจากนี้ไป”


 


“นั้นสิ~ มันน่าผิดหวังจริงๆ ทุกคนที่ไม่มีคุณสมบัติธาตุแสงเลย? หอคอยนี้มันเป็นที่นิยมของคนดีงั้นเหรอ?”


 


แม้เธอจะบ่น แต่ก็มีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเจน


 


“เธอดูไม่ผิดหวังเท่าไรนะ”


 


“ก็ไม่~”


 


“ไม่? ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงตัดสินใจปีนหอคอย”


 


“หืม? อ้อเพราะมันดูสนุก ถ้ามันไม่สนุกฉันก็คงจะเลิกไปแล้ว ~”


 


เจนยิ้มเยาะ บอสเดินมาและนั่งข้างๆผม ทันใดนั้นเธอก็สะบัดผม


 


“ผมของฉันยุ่งแล้วนะ”


 


ผมปล่อยให้บอสพึมพำกับตัวเองแล้วเริ่มคิดเกี่ยวกับ Tower of Wish


อย่างที่ เจน พูดหอคอยแห่งความปรารถนานั้นสนุก ผู้เล่นจะได้สำรวจโลกแห่งแฟนตาซีที่แตกต่างจากโลกแห่งความเป็นจริงและไม่เหมือนหอคอยอื่นๆ ทุกคนสามารถคาดหวังว่าจะได้รับรางวัลขึ้นอยู่กับความพยายามที่พวกเขาลงมือไป


 


“ผมของฉัน ยุ่งเหมือนสิงโตแล้ววววนะะะะ”


 


“… ?”


 


“ฉันออกไปข้างนอกทั้งอย่างนี้ไม่ได้”


 


บอสเด้งผมของเธอเข้าหาผมอีกครั้ง กลิ่นของเธอทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ


“คุณอยากให้ผมหวีผมให้สินะ”


 


“…อืมมมมม ถ้านายต้องการ.”


 


“โอเค โอเค ~”


 


ผมเริ่มหวีผมของเธอ ผมของบอสขยับไปตามหวีเอเธอร์และเธอถอนหายใจเบาๆขณะที่เธอนอนบนโซฟา เธอดูเหมือนจะสนุกกับเรื่องนี้มากๆ


 


“บอสน่ารักมาก…โอ้ ใช่ ฮาจิน”


 


ทันใดนั้นเจนก็ส่งเอกสารให้ผม


 


“พวกนี้คืออะไร?”


 


ผมถามขณะยังคงหวีผม


 


“นายบอกฉันครั้งล่าสุดว่านายวางแผนที่จะไล่ล่าปีศาจต่อไป ดังนั้นฉันเลยทำรายชื่อเป้าหมายที่เป็นไปได้ให้นาย อย่างน้อยพวกเขาก็ล้วนเป็นหัวหน้าทีมและราคาค่าหัวของพวกเขาไม่ธรรมดาเลยนะ”


 


ผมได้รับเอกสารมา…อย่างที่คาดไว้รายชื่อนี้เต็มไปด้วยผู้บริหารที่มีชื่อเสียงของกลุ่มปีศาจ


 


“แต่เธอจะเอาพวกเขามารวมกันได้ยังไง”


 


“ฉันจะทำมันในหอคอย มีคนมากมายมาที่นี่และจะทำทุกอย่างถ้า


นายเสนอ TP ให้พวกเขาอาจเป็นเพราะมันสามารถชุบชีวิตได้แม้จะตายไป 2-3 ครั้งก็ไม่มีอะไร”


 


“อ้อ…โอเค ขอบคุณมาก.”


 


ผมใส่เอกสารลงในคลังของผม


 


“ฉันจะกำจัดทุกคนในรายชื่อภายใน 1 เดือน”


 


“แต่มีปีศาจถึง 200 คนเลยนะในรายชื่อนั้น”


 


“ งั้น…ฉันจะทำให้เสร็จภายใน 2 เดือนก็แล้วกัน”


 


อย่างไรก็ตามในขณะที่ผมหวีผมให้บอสต่อไปความคิดของผมก็วิ่งแล่น


จริงๆแล้วการล่าปีศาจนั่นหมายความว่าผมจะดึงดูดความสนใจของพวกเขา และการดึงดูดความสนใจของพวกเขานั่นหมายความว่าผมจะไม่เพียงแต่ต้องเปิดเผยตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงครอบครัวด้วย


ผมมีสมาชิกครอบครัว 2 คนเท่านั้น อีเวนเดล และ ฮายัง


 


“อืม … .”


 


ก่อนที่ผมจะเริ่มต้นการล่าอย่างเต็มรูปแบบผมต้องย้ายพวกเธอไปยังที่ๆปลอดภัยก่อน ผมไม่สามารถพึ่งพากิลด์หรือหอคอยเวทมนต์ได้


มันจะต้องเป็นสถานที่ที่ อีเวนเดล ปลอดภัยและสะดวกสบาย …


ทันใดนั้นก็มีชื่อหนึ่งโผล่เข้ามาในหัวของผมราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านสมองของผมไป


 


เรเชล เป็นคนที่ผมต้องการมากที่สุด


 


ถ้าเป็นไปได้ผมอยากบอกเรเชลเกี่ยวกับ อีเวนเดล ด้วย อันที่จริงแม้ว่าเรเชลไม่อยากที่จะรู้ผมก็ต้องบอกเธอสักวัน แต่เธอจะรู้สึกอย่างไรกับแม่มดที่ดูเหมือนตัวเธอเอง?


 


“…เสร็จเรียบร้อย.”


 


ผมของบอสนั้นสมบูรณ์แบบ บอสลังเลราวกับอยากเล่นมากกว่านี้ แต่ในไม่ช้าก็ลุกขึ้นมา ผมเปิดช่องข้อความและดึงหน้าต่างข้อความของ [CaptainBritain] ขึ้นมา


 


ผมยังคงกังวลและสงสัย แต่นี่เป็นคำสัญญาที่ผมได้ทำกับ อีเวนเดล


ในฐานะผู้พิทักษ์ของเธอ แม้แต่ตอนนี้ อีเวนเดล ก็คงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อรอวันที่ความปรารถนาของเธอจะเป็นจริงในวันที่เธอจะได้พบกับเรเชลในที่สุด


 


ผม:「เรเชล」


 


ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องตัดสินใจ ผมส่งข้อความถึง เรเชล ไม่ช้าคำตอบที่ค่อนข้างแข็งกระด่างก็ตอบกลับมา


 


CaptainBritain: 「ว่าไง」


 


“อะ… .”


 


ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วก็นึกถึงสิ่งที่ผมควรพูด ในที่สุดผมตัดสินใจที่จะพูอย่างตรงไปตรงมา แบบปอนด์ต่อปอนด์


 


ผม:「สัปดาห์หน้าเจอกันที่โลก」


 


CaptainBritain: 「เอ๊ะ อ้อๆ ขอโทษที. ฉันไปไม่ได้ ตอนนี้สถานการณ์ใน Crevon ตอนนี้แย่มาก มันเลวร้ายยิ่งกว่าสงครามอิมจินซะอีก」


 


“…เธอรู้เรื่องสงครามอิมจินด้วยงั้นเหรอ”


(สงครามอิมจิน คือสงครามจากการบุกตีเกาหลีของญี่ปุ่น)


 


ทุกวันนี้ประวัติศาสตร์เกาหลีเป็นวิชาบังคับในหลายประเทศ หลังจากเกาหลีกลายเป็นมหาอำนาจของโลกประวัติศาสตร์เกาหลีก็กลายเป็นหัวข้อสามัญสำนึกไปแล้ว สงครามเกาหลีถือเป็นหนึ่งในสงครามที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี


 


ผม:「ไม่นานหรอก」


 


ผมพิมพ์คำตอบลงไป แต่เนื่องจากดูเหมือนไม่เพียงพอผมจึงส่งข้อความที่ 2 ไปหลังจากนั้นไม่นาน


 


ผม:「เอ้อ ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นแฟนคลับหมายเลข 1 ของเฟนริล」



บทที่ 389 การเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคล (3)


 


ผม:「ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นแฟนคลับหมายเลย 1 ของเฟนรีล」


 


คำตอบตามมา 5 นาทีหลังจากที่ผมส่งข้อความ


 


CaptainBritain: 「นายหมายถึงอะไร ?;ㅋㅋ;;??;;」


 


ผมบอกได้เลยว่าเธอรู้สึกประหม่าจากข้อความของเธอ ผมยิ้มและพิมพ์คำตอบของผมลงไป


 


ผม:「ฉันได้ยินมาจาก นักธนูผู้ศักดิ์สิทธิ์ ฉันแน่ใจว่าเธอพูดออกมาเพราะเขารู้จักกับเธอ」


 


ผมนึกภาพออกว่าทุกอย่างเป็นยังไง เรเชลคงไม่พูดอะไรกับจินเซยอนมากตอนที่เจอกันครั้งแรก แต่เมื่อมองมองเรเชลนานๆก็มีแต่คำชื่นชม จากนั้นก่อนที่พวกเขาจะแยกกันในที่สุดเธอก็กล้าหาญที่จะขอให้


จินเซยอน เรียกชื่อเล่นของเธอดังนั้นเธอจึงสามารถเพิ่มเธอเป็นเพื่อนกันได้ แม้จะไม่สามารถพูดได้ด้วยตัวเองแต่เรเชลก็ส่งข้อความยาวๆไปหลังจากนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย


 


CaptainBritain: 「…นายได้เจอกับ คุณ จินเซยอน?」


 


ผม:「ใช่แล้ว เธอบอกด้วยตนเอง」


 


ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากสำหรับเรเชลเพราะเธอไม่ได้ข้อความจากอีกฝ่ายมานานแล้ว ผมเรียกสปาร์ตันระหว่างรอ มีภารกิจที่ผมต้องให้มันทำตอนที่ผมกลับมาบนโลก


 


“สปาร์ตัน.”


 


– เจี๊ยบ เจี๊ยบ เจี๊ยบ


 


“นายเห็นคนที่หล่อกว่าฉันใช่มั้ย”


 


ผมคิดถึงคิมซูโฮในใจ ผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่ม ดวงตาแหลมคมและลึกซึ้งราวกับมหาสมุทรและใบหน้าคมเข้มราวกับถูกกำหนดเอาไว้เป็นอย่างดี รูปร่างหน้าตาของเขานั้นเรียบง่าย


 


“เขาชื่อคิมซูโฮ จับตาดูเขาเอาไว้ละ”


 


– เจี๊ยบ เจี๊ยบ เจี๊ยบ


 


สปาร์ตันดูเหมือนจะไม่เต็มใจ แต่ก็พยักหน้าออกมา สปาร์ตันดูเหมือนจะโตขึ้นเล็กน้อยแต่ก็เชื่อฟังมากกว่าเดิม


 


“เด็กดีๆ….อ้อ ใช่.”


 


ผมเข้าไปในบ้านประมูลทันที


 


[บ้านประมูล]


 


ทุกไอเท็มที่ผมขายไปทำให้ระดับการประมูลของผมถึงระดับสูงสุด (CaptainBritain เป็นลูกค้าอันดับ 1 ของผม….ช่างมันละกัน) แต่ผมไม่ค่อยซื้อสินค้าจากบ้านประมูล เพราะยังไงผมก็สามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้


 


ที่ผมจะหาก็คือ…


 


[ค้นหา: เสน่ห์]


[พบทั้งหมด 2 รายการ]


 


‘เสน่ห์’ เป็นสิ่งที่ผมทำไม่ได้ การเพิ่มคุณสมบัติเวทย์มนตร์ให้ตัวเองนั้นยากมากและแม้ว่าผมจะทำสำเร็จมันก็ต้องใช้เวลานานมาก ผมเลยต้องซื้อไอเท็มที่ช่วยเพิ่มมนต์เสน่ห์


 


[Lv.6 เสื้อคุมโปร่งใส]


[การเสนอราคาปัจจุบัน – 11,000TP]


[ซื้อทันที – 35,000TP]


[เวลาจนกว่าการประมูลจะสิ้นสุด – 3:13:23]


 


ผมคลิกที่ ‘ซื้อทันที’ แม้ว่าจะราคาถึง 35,000TP แต่ผมมีเงินเยอะมากทั้งในและนอกหอคอย


 


[คุณซื้อ Lv.6 เสื้อคุมโปร่งใส]


 


หลังจากซื้อ เสื้อคุมโปร่งใส ผมตัดมันให้พอดีกับร่างของ สปาร์ตัน ด้วยความชำนาญของผมใช้เวลาเพียง 10 นาทีผมตัวเป็นเสื้อน่ารักๆให้กับ


สปาร์ตัน


 


“ถ้านายตกอยู่ในอันตรายให้หนีไปทันทีโอเคไหม”


 


– เจี๊ยบ เจี๊ยบ เจี๊ยบ


 


“เด็กดีๆ.”


 


ต่อมาผมเหลือบไปมองช่องข้อความ เมื่อเห็นว่าเรเชลยังไม่ได้ตอบผมผมเลยค้นหารายการอื่นๆในบ้านประมูล


 


[ค้นหา: หนังสือทักษะพิเศษ – เคลิบเคลิ้ม]


[พบทั้งหมด 0 รายการ]


 


“ชิ เมื่อไรเจ้านี้จะปรากฏออกมาซะที”


 


ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันหายากจริงๆ หรือมีคนซื้อมันไปแล้ว


(อาจเป็นทั้ง 2 อย่าง) แต่ [หนังสือทักษะพิเศษ – เคลิบเคลิ้ม] ยังไม่พบในบ้านประมูล มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ในตอนนี้


 


“…เราควรลองทอยลูกเต๋ามากกว่านี้ดีไหมนะ”


 


ผมมีความคิดฉับพลัน [สุ่มลูกเต๋า] ทักษะโบนัสที่ผมได้รับจากตั๋วสีดำตอนนี้อยู่ที่ระดับ 6 ทุกวันนี้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากลูกเต๋าที่ผมสุ่มทุกวัน ตอนนี้ผมอยู่ในครึ่งหลังของ หอคอย ไม่มีของอะไรที่ผมไม่มี


 


“ก็ไม่เสียหายอะไร…ลองเอาเป็น เคลิบเคลิ้ม”


 


ผมไม่มีอะไรจะเสียด้วยสิ ผมหยิบลูกเต๋า 4 ชิ้นออกมาจากคลังของผมแล้วทอยออกไปในขณะที่คิดถึงแต่ ทักษะ เคลิบเคลิ้ม เท่านั้น อาจเป็นเพราะระดับสูงของลูกเต๋าสุ่มทำให้ลูกเต๋าทั้ง 4 กลายเป็นหนังสือทักษะ แน่นอนว่าโอกาสที่ เคลิบเคลิ้ม จะออกนั้นต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ


 


“…ฮะ?”


 


ผมเอียงศีรษะของผมเมื่อผมมองดูหนังสือทักษะ 1 ใน 4 เล่มที่ออกมา


 


[Lv.3 หนังสือทักษะพิเศษ – ธาตุทั้ง 4]


 


“มันใช้ได้เหรอ?”


 


มันเป็น พลังธาตุ ‘ 4 ธาตุ’ ซึ่งฟังดูดีกว่า เวทมนต์ ทั่วไป


 


“…ฉันแค่ต้องทอยลูกเต๋าจริงๆเหรอ? ทำไมฉันถึงเป็นใบ้เหรอ?”


 


===


[พลังธาตุ 4 ธาตุ Lv.3]


○ เสริมพลังธาตุ – สามารถร่ายเวทมนตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


○ คุณสมบัติ 4 ธาตุ – ธาตุที่ผู้ใช้ทักษะครอบครองนั้นสูงสุด 4 ธาตุสามารถผสมกันได้ได้อย่างอิสระ


===


 


มันก็คุ้มค่าที่จะเรียนรู้อย่างไม่ต้องสงสัย ผมใช้หนังสือทักษะทันที


ในขณะนั้นเองรถไฟก็เริ่มช้าลง


 


– ตอนนี้พวกเรามาถึงที่ชั้น 26 แล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม


 


เสียงของกัปตันดังขึ้นและผมก็ได้รับข้อความด้วยเช่นกัน


 


CaptainBritain: 「เจอกันสัปดาห์หน้า…」


 


ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอดูหมดเรี่ยวแรง


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 26 อาณาจักรปีศาจที่แท้จริง]


 


คิมซูโฮ ลงจากรถไฟก็เจอหมอกหนาและแผ่นดินสีม่วงต้อนรับเขา


 


“…มอนสเตอร์ที่คิดไว้ไม่มีอยู่ที่นี่ ”


 


มีป้ายบอกทางที่สถานีรถไฟซึ่งคิมซูโฮอ่านออกมาดัง ๆ


 


“เฮ้ นายจะปีนหอคอยต่อเลยไหม”


 


ยียอนฮาน ซึ่งอยู่ถัดจากเขาถามด้วยร่างกายที่สั่นไหว


 


“พวกแฟร์มุนได้จากไปแล้วแม้กระทั่งแชนายอนก็กลับบ้านไปแล้วทำไมนายถึงตั้งใจจะปีนหอคอยต่อล่ะ”


 


แฟร์มุนบอกว่าพวกเขามีปัญหากับครอบครัวและจากไปที่ชั้น 24 โดยบอกว่าพวกเขาจะกลับมาเร็วๆนี้ ตอนนี้พวกเขากำลังต่อสู้กับ


มอนสเตอณ์ ในอิตาลี


 


“ฉันต้องไปต่อ”


 


“ทำไม? มันไม่เหมือนหอคอยปกตินะตอนนี้ ถ้านายรออีกหน่อย รอให้พวกเรา ไม่สิรอให้นายแข็งแกร่งกว่านี้”


 


ยียอนฮาน ดูเหมือนจะกลัวถ้าไปไกลกว่านี้


 


“อืม…มันก็แค่นั้น…”


 


อย่างไรก็ตามคิมซูโฮไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย คิมซูโฮมองไปที่หอคอยปีศาจจากระยะไกล


 


“ฉันคิดว่าฉันต้องปีนขึ้นไป”


 


เมื่อมองไปที่หอคอยราชาปีศาจมีแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นในหัวของเขา


มันรู้สึกเหมือนเขามีเหตุผลที่เขามาสู่ที่แห่งนี้


 


“แต่ทำไม”


 


“ฉันไม่รู้”


 


“นายจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ”


 


“เฮ้ๆ~”


 


ในขณะนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็เรียกให้ยียอนฮาน และ คิมซูโฮ หันมาเป็นไอลีน ‘มนุษย์มังกร’


 


“นายอยู่คนเดียวใช่มั้ย อยากมากับพวกเราไหม”


 


“…อืม สวัสดี คุณไม่เห็นผมอยู่ที่นี่ใช่ไหม”


 


ดวงตาของไอลีนจับจ้องอยู่ที่คิมซูโฮเท่านั้น ยียอนฮานไม่พอใจเล็กน้อยและชี้ไปที่ตัวเอง


 


ไอลีน พูดออกมา “ฉันเห็นนาย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันไม่คิดว่านายจะปีนขึ้นไปสูงกว่านี้”


 


“ …ไม่ ฉันจะไป”


 


ยียอนฮาน จับแขนของ คิมซูโฮ เอาไว้เขาไม่กลัวอะไรเลยถ้าเขาอยู่ในปาร์ตี้ของไอลีน คิมซูโฮหัวเราะเบาๆ


 


“ฉันจะไปกับซูโฮ พวกเราเป็นคู่หูกัน”


 


“…แน่นอน งั้นนายจะมากับพวกเราไหม?”


 


คิมซูโฮ กำลังจะพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็หยุดลงเมื่อเขาเห็น ชินจงฮัก ยืนอยู่ข้าง ไอลีน และจ้องมองมาที่เขา


 


“อ้า นายจะว่าอะไรไหม”


 


ไอลีนชี้ไปที่ชินจงฮักและยักไหล่ เหมือนที่เธอพูด ชินจงฮัก ไม่ได้ขัดอะไรกับความคิดนี้ ยียอนฮาน สับสน ชินจงฮักยินดีที่จะตั้งปาร์ตี้กับคิมซูโฮ? เขากินหาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า?


 


“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร”


 


คิมซูโฮ พยักหน้าและระบบเตือนก็โผล่ขึ้นมาทันที


 


[‘ไอลีนและเด็กๆ’ เชิญคุณเข้าร่วมปาร์ตี้]


[คุณต้องการที่จะยอมรับหรือไม่]


 


คิมซูโฮคลิก ใช่ เช่นเดียวกัน คิมซูโฮ,จินเซยอน, ชินจงฮัก, ไอลีน,


อียองฮา และ ยียอนฮาน กลายเป็นสมาชิกกลุ่มเดียวกัน


 


“เลือกได้ดี อย่างที่ฉันคิดไว้นายรู้ว่าควรจะคว้าอะไร ฉันได้ยินมาว่านายมีพรสวรรค์เหลือล้นเลยงั้นเหรอ”


 


“ใช่ ถูกต้อง.”


 


พลังเวทมนตร์ของ คิมซูโฮ นั้นเป็นคุณสมบัติแสง 100% เมื่อได้ยินอย่างนี้ไอลีนก็หัวเราะอย่างมีความสุข


 


“ฮิฮิฮิ ฉันชอบมันมาก คิดจะเข้าร่วมกับ วิหารแห่งความยุติธรรม ไหม?”


 


“ไม่ นั่นมัน….”


 


และแล้ว


 


ปัง ปัง ปัง


 


ชายที่มีรูปร่างยักษ์เดินออกจากรถไฟ หัวของไอลีนหันไปหาเขาตามธรรมชาติ จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว


 


“…เป็นเขา.”


 


คำ 2 คำนี้มีความหมายมากมาย ผู้ติดอันดับส่วนใหญ่กลัวว่าจะแตะต้องชายคนนี้ อย่างไรก็ตามไอลีนเดินไปหาชายร่างยักษ์ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่นาน ชอคจุนกยอง ก็สังเกตเห็นความกล้าหาญของเธอ


 


“เฮ้ย.”


 


ไอลีนยืนอยู่ตรงหน้าชายที่สูงกว่าเธออย่างน้อย 60 ซม.


 


“…เธอต้องการอะไร?”


 


เสียงของ ชอคจุนกยอง ดังกระหึ่ม ไอลีนพบว่ามันยากจะมองเขาตรงๆดังนั้นเธอจึงลอยตัวเองขึ้นมาด้วยพลังเวทมนต์ เธอยืนบนฟ้าและมองชอคจุนกยอง ในระดับสายตาที่เท่ากันชอคจุนกยอง จ้องมองที่ ไอลีน และตะใจ


 


“อะไร เธออยากโดนเขกหัว? กะโหลกและสมองของเธอจะระเบิดในทันทีเลยละ”


 


“หุบปาก บอกฉันว่าดอกบัวดำอยู่ที่ไหน”


 


ชอคจุนกยอง ขมวดคิ้ว


 


“ดอกบัวดำ?”


 


“ถูกตัอง. นายคิดว่าฉันสนใจนายงั้นเหรอ?”


 


“…ทำไมเธอถามฉันเกี่ยวกับเขา”


 


“ฮะ? นายคิดว่าฉันโง่? พวกนาย 2 คนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน! ดังนั้นรีบมาบอกฉันมาก่อนที่ฉันจะใช้ วาจาสิทธิ”


 


‘ผู้หญิงไม่มีเหตุผล…สมองของเธอหยุดโตเพื่อแลกกับวาจาสิทธิหรือไง?’ ชอคจุนกยอง ถอนหายใจและคิดในใจ


 


“เธอจะเจอเขาได้หากเธอปีนหอคอยต่อไป”


 


“อะไรนะ?”


 


ไอลีน,จินเซยอน,คิมซูโฮและสมาชิกคนอื่นๆต่างก็ให้ความสนใจกับสิ่งที่ ชอคจุนกยอง เพิ่งพูดออกมา


 


“แน่นอนเพราะเขามักจะมองพวกเธออยู่เสมอ”


 


“พวกเรา?”


 


“นั่นเป็นคำเตือนเหรอคะ?”


 


จินเซยอน ขัดจังหวะ ดอกบัวดำกำลังเฝ้ามองดูพวกเขาอยู่เหรอ?


ถ้าจริงหมายความว่าด้วยความสามารถของดอกบัวดำลูกธนูของเขาสามารถโจมตีเพื่อฆ่าทุกคนได้ตลอดเวลา


 


“ไม่ คนนั้นๆ…ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาต้องการให้พวกเธอพิชิตหอคอย”


 


“…อะไรนะ?”


 


“นั่นหมายความว่ายังไง? อธิบายมา.”


 


“หืมมม หุบปากกันได้แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอ ยัยเตี้ย”


 


ชอคจุนกยอง จ้องมองที่ ไอลีน แล้วพูดออกมา


 


“…ยัย..เตี้ย?”


 


ความสูงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนที่สุดของ ไอลีน พลังเวทมนตร์ปรากฏออกมาอย่างบ้าคลั่งแต่ ชอคจุนกยอง ยิ้มและกำมือหมัดราวกับว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการ


 


“คุณ ไอลีน ได้โปรดใจเย็นลงเถอะ”


 


“ไม่มีเหตุผลที่ผู้เล่นจะต้องมาต่อสู้กันในจุดนี้”


 


จินเซยอนและคิมซูโฮก้าวออกมาต่อหน้าเธอ ไอลีนยังคงจ้องมองไปที่ ชอคจุนกยอง เป็นเวลานานก่อนที่จะปล่อยเสียงอันน่ารักๆออกมา


 


“…หืมๆ ฉันรู้นะ ผู้ชายอย่างนายคงไม่สามารถสู้กับปีศาจได้เพราะนาย มันพวกบ้าพลัง หากนายไม่อยากถูกปีศาจฆ่าตาย ฉันแนะนำให้นาย


กลับไปที่โลก”


 


“ฮ่าๆ”


 


คำวิจารณ์ของไอลีนดูเหมือนจะเป็นความจริงในระดับหนึ่ง แต่


ชอคจุนกยอง ได้พิสูจน์ทันทีว่ามันเป็นเรื่องโกหก เขาบีบอัดลูกบอลพลังเวทย์ลงบนฝ่ามือของเขา


เปรี้ยงงงงงงงง


 


– ลูกบอลพลังงานสีน้ำเงินสะท้อนไปมากับอากาศแม้ว่าคุณสมบัติอื่นๆ จะถูกผสมเข้าด้วยกัน แต่คุณสมบัติหลักของมันคือแสงอย่างชัดเจน


 


“เจ้านี้มีคุณสมบัติเป็นยังไง”


 


“…บ้าน่า นั่นมันไม่จริง”


 


“อย่าเข้าใจผิดคิดว่า ฉันจะโง่เหมือนเธอนะ”


 


ชอคจุนกยอง ทำลายลูกบอลพลังงานของเขาจากนั้นเขาก็เดินผ่านตัวของไอลีนและออกจากสถานีรถไฟไปโดยไม่ลังเล


 


ต๊อก…ต๊อก


 


ในขณะที่ได้รับความสนใจจากผู้ติดอันดับหลายคนเขาเดินเข้าไปในป่าของชั้น 26 ด้วยตัวเอง แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญและความมั่นใจ


 


“โอ้ ใช่แล้ว!”


 


จากนั้น ชอคจุนกยอง ก็ตะโกนขึ้นมาทันที เสียงของเขาดังเหมือนฟ้าร้อง เขาหันหน้ามาครึ่งหนึ่งแล้วมองไปที่กลุ่มของไอลีน เป็นเพราะเหมือนเขาจะรู้สึกว่าตัวเองพูดเกี่ยวกับดอกบัวดำมากเกินไป


 


“ถ้าพวกเธออยากตามหา ดอกบัวดำ ให้ทำมันหลังจากที่เธอเอาชนะฉันให้ได้ก่อน”


 


“…อะไรนะ?”


 


ปาร์ตี้ของไอลีนตีความคำพูดของเขาต่างกัน สำหรับพวกเขาแล้วคำพูดของเขามีความหมายที่ชัดเจน ดอกบัวดำนั่นคือใครกันแม้กระทั่งคนบ้าก็ยอมเชื่อฟังเขา ในตอนแรกพวกเขารู้ว่า ‘สีดำ’ เป็นสีที่แข็งแกร่งที่สุดใน Chameleon Troupe ในขณะที่กลุ่มของไอลีนกังวลเกี่ยวกับดอกบัวดำที่คาดว่ากำลังเฝ้า ‘ดู’ พวกเขาอยู่ ชอคจุนกยอง ก็หายเข้าไปในป่าของ


[ดินแดนปีศาจที่แท้จริง]


 


“…….พวกเราเองก็ควรไปด้วย ไม่มีอะไรต้องกังวล”


 


“…ใช่.”


 


พวกของไอลีนก็ก้าวเข้าไปในชั้น 26 พวกเขาเลือกทิศทางที่แตกต่างจาก ชอคจุนกยอง


 


*************************************************************************



บทที่ 390 การเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคล (4)


[โลก อีเวนเดล ศูนย์ฝึกใต้ดิน]


 


ผมมาศูนย์ฝึกใต้ดินทันทีที่ผมกลับมาสู่โลก อาแฮอิน อยู่ในระหว่างการฝึกให้ อีเวนเดล เธอหยุดบทเรียนของเธอลงชั่วคราวครู่หนึ่งแล้วเดินมาหาผม


 


“เป็นไงบ้าง?” ผมถาม


 


“…เธออยู่ในระดับจอมเวทย์อัญเชิญ 6 ~ 7 ดาว”


 


“หา จริงเหรอ?”


 


“ใช่ แต่นั่นเพียงเวทมนต์ ‘อัญเชิญ’ จำนวนที่เธอสามารถควบคุมได้นั้นน้อยกว่าฉันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”


 


“… .”


 


อีกนัยหนึ่ง อีเวนเดล อยู่ที่ระดับ 6-7 ดาวในแง่ของคุณภาพของการอัญเชิญและเทคนิคการบังคับบัญชา แต่ดธออยู่ที่ระดับ 7 ~ 8 ดาวในแง่ของปริมาณการอัญเชิญ


 


“น่าตกใจจริงๆ”


 


“มันยอดเยี่ยมมาก มันสุดยอดมากโดยเฉพาะหมาป่ากับเสือ”


 


หมาป่าหัวหน้าของสุนัขและเสือหัวหน้าของสุนัข ‘เฟนรีล’ ที่มีขนสีดำสนิทนั้นเหมือนซามูไรพเนจรและ ‘เกรทไทเกอร์’ เสือทองคำที่สง่างามราวกับเป็นราชาแห่งสนามรบ


 


“ทั้ง 2 แข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับอีเวนเดลตอนนี้พวกมันยังไม่อยู่ในระดับสูงแต่ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่พวกมันจะไปถึงระดับสูง”


 


“ฉันเข้าใจ…”


 


“ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่านายทำยังไง แต่ดูเหมือนว่านายจะทำให้เธอดีขึ้น”


 


“… อะแฮ่ม.”


 


อีเวนเดลและผมใช้เวลาอยู่ด้วยกันมานานแต่ผมไม่คิดว่าผมจะเลี้ยงดูเธอได้ดี ในความคิดของผม อีเวนเดล เป็นแบบนี้เพราะตัวของเธอเอง


ไอเท็มระดับสูงที่ผมมอบให้นั่นทำให้อัตราการเติบโตของเธอเพิ่มขึ้นเพียงแค่สวมใส่พวกมัน นั้นเป็นความรับผิดชอบต่อเธอที่เป็นอยู่ตอนนี้


 


ในขณะนั้น อาแฮอิน ก็ลูบคางของเธอแล้วพูดพึมพำ “…เธอดูเหมือนใครบางคนแต่เหมือนมากจริงๆ”


 


“เหมือนใคร?”


 


“เรเชล ฉันได้พบเธอเมื่อไม่นานมานี้”


 


ผมยิ้ม อย่างที่ อาแฮอิน พูด อีเวนเดล และ เรเชล เหมือนกันมากไม่ผิดที่จะบอกว่าเธอเป็นเรเชลรุ่นจิ๋ว ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคืออีเวนเดล น่ารักกว่ามาก เนื่องจากเรเชลน่ารัก แต่อีเวนเดลน่ารักกว่านั้นเอง


 


“…อีเวนเดล?”


 


หลังจากจบการสนทนากับ อาแฮอิน ผมเข้าไปหา อีเวนเดล ผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้นและใช้หางของ เฟนรีล เป็นหมอน เมื่อเธอได้ยินผมเรียกหาเธอ เธอก็ลุกขึ้นมาทันที


 


“อู~! ฮาจิน ฮาจินนนนน หนูฝึกอย่างหนักเลยละ! ยากมากจริงๆ!”


 


เธอวิ่งเข้ามาในอ้อมกอดของผมและขออยากจะอยู่ใกล้ๆผม


 


“ฉันรู้ ฉันได้ยินแล้ว ดังนั้นฉันจึงคิดจะ….”


 


ผมเอาปากพูดกับหูของ อีเวนเดล แม้ว่าผมจะยังลังเลอยู่นิดหน่อยแต่มันก็เกี่ยวกับเวลา ในฐานะผู้พิทักษ์ของเธอ ผมต้องทำสิ่งที่ถูกต้อง


ผมกระซิบเบาๆ


 


– ไปพบเรเชลกันเถอะ


 


ทันใดนั้น อีเวนเดล แข็งค้างเธอไม่ขยับนิ้วราวกับว่าเธอกลายเป็นหิน หลังจากอยู่แบบนั้นมาพักหนึ่ง อีเวนเดล ก็พูดคำเดียว


 


“…จริงๆเหรอ?”


 


ผมพยักหน้า อีเวนเดล มองมาที่ผมด้วยดวงตาเบิกกว้าง


 


“จริงๆนะ?”


 


“แน่นอน. ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหม ว่าฉันจะให้เธอได้เจอเรเชลถ้าเธอฝึกฝนอย่างหนัก”


 


“จริงเหรอ จริงเหรอ!”


 


“ใช่ แต่เพื่อแลกกับ….”


 


ผมยกนิ้วชี้ของผมขึ้นมา


 


“ให้สัญญากับฉันสักอย่างสิ”


 


*************************************************************************


 


[อังกฤษ, เมอร์ซีย์ไซด์]


 


ผมมาอังกฤษพร้อม อีเวนเดล และ ฮายัง เป็นเวลา 1 วันที่พวกเราเที่ยวชมสถานที่และผมบอก อีเวนเดล เกี่ยวกับวัฒนธรรมอัศวินของอังกฤษ อีเวนเดล วิ่งไปรอบๆจนกระทั่งมันเป็นเวลาเที่ยงคืน


 


“อีเวนเดล ตอนนี้เธอจะนอนแล้วเหรอ?”


 


หลังจากสนุกมาทั้งวันพวกเราก็กลับไปที่โรงแรมของพวกเรา


 


“… .”


 


“อีเวนเดล.”


 


อีเวนเดล หลับไปกับ ฮายัง ในอ้อมแขนของเธอ ดูหมือนว่ามันเป็นเวลาที่ผมจะทำงานของผม ผมเอารายชื่อผู้บริหารของปีศาจออกมา


 


[อังกฤษ, เมอร์ซีย์ไซด์ – คุก เลวิน]


 


คุก เลวิน เขาเป็นผู้บริหารของการล้างสังหารแห่งกลุ่มปีศาจที่เชี่ยวชาญด้านการค้ามนุษย์และการกินเนื้อมนุษย์ ตามเอกสารที่ เจน มอบให้ผม คุก เลวิน ดำเนินธุรกิจของเขาในเมอร์ซีย์ไซด์ ผมถามใน


หนังสือแห่งสัจธรรมเกี่ยวกับที่ตั้งปัจจุบันของเขา


 


[53 ° 32’35.5” N 3 ° 05’34.8” W]


 


หนังสือแห่งสัจธรรมบอกตำแหน่ง ผมเปิดหน้าต่างโรงแรมและกระโดดลงไปทันทีแม้ว่าผมจะอยู่บนชั้นที่ 15 ความสูงมีความหมายเพียง


เล็กน้อยสำหรับผมในตอนนี้


 


ตุ๊บ


 


หลังจากลงจอดบนพื้นเบาๆ ผมก็หยิบ [รถเลื่อนของคนแคระ] ซึ่งผมแปลงเป็นการ์ดออกมา ผมดีดนิ้วของผมและ รถเลื่อนของคนแคระ


ก็ปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าผมได้เพิ่มคุณสมบัติเวทมนตร์ลงไป


 


“เปลี่ยนร่าง” ผมพึมพำ


 


รถเลื่อนของคนแคระเปลี่ยนร่างเป็นรถมอเตอร์ไซค์ เช่นเดียวกับที่ Desert Eagle สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ผมได้เพิ่มฟังก์ชั่นที่คล้ายกันให้กับ รถเลื่อนของคนแคระ ด้วย SP ที่มีหลังจากกระโดดขึ้นไปผมเปิดใช้พลังธาตุทันที


 


“การท่องเที่ยวในที่มืด”


 


เวทมนต์นี้ทำด้วย ‘แก่นแท้แห่งความมืด’ ที่สกัดมาจากแร่แห่งความมืดและหินมานา ทันทีที่ผมเปิดใช้งานร่างกายของผมและมอเตอร์ไซค์


สีทองก็ละลายไปในความมืด รูปร่างของพวกเราโปร่งแสงเหมือนหมอกราวกับว่าพวกเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืดไปแล้ว


 


ฉันเหยียบคันเร่ง


 


บรื่นนนนนนนนน…


 


มอเตอร์ไซค์ขับผ่านความมืดของยามค่ำคืน 5 นาทีก็เพียงพอที่จะไปถึงที่ตั้งของ คุก เลวิน ชานเมืองของเมอร์ซีย์ไซด์ชั้นใต้ดินของอาคารที่น่าสงสัย คุก เลวิน ผู้เป็น ‘นักล้างสังหาร’ ได้ทำการค้ามนุษย์ในสถานที่แห่งนี้


 


– ผู้ชายคนนี้ดูน่าอร่อย เก็บเขาไว้ก่อน


 


ผมเปลี่ยน Desert Eagle เป็นปืนไรเฟิล กระสุนนัดเดียวก็เพียงพอแล้ว กระสุนของผมทะลุทะลวงทุกอย่าง ไม่สำคัญว่าพวกมันอยู่ใต้ดินหรือที่ไหน ผมเพียงแค่ต้องเหนี่ยวไกเท่านั้น


 


“… .”


 


ผมไม่ตกอยู่ในอันตรายจากการถูกพบตัว ปืนของผมไม่สร้างเสียงใด ๆ เมื่อทำการยิงอีกออกไป ผมเหนี่ยวไก กระสุนปืนซุ่มยิงพุ่งไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ


 


– ไม่ ไม่ ผู้ชายคนนั้นไร้ประโยชน์ แค่ฆ่าเขา…


 


ประโยคของเขาถูกตัดขาดกลางคันโดยไม่ให้พูดต่อ ผมไม่ได้หยุดแค่นั้น


ผมยิง ปีศาจ ทั้งหมดที่อยู่กับ คุก เลวิน กระสุนแห่งสายฝนตกลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งไปใต้ดิน การจู่โจมที่ท้าทายกฎของฟิสิกส์นั้นสามารถฆ่าปีศาจได้ทั้งหมดก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสโต้ตอบ ชั้นใต้ดินของอาคารนั้นไม่ใช้ปีศาจทั้งหมด เพราะปีศาจจะไม่ทิ้งศพไว้….


 


*************************************************************************


 


ต่อมาผมออกไปที่เมืองกับ อีเวนเดล พวกเราไปเจอเรเชลตอนอายุได้


6 ขวบและผมอยากเล่นกับ อีเวนเดล ก่อนเพื่อลดความกังวลใจของเธอลง


ผมวางแผนเอาไว้ มีสวนสนุกที่เราไปไม่ได้เมื่อวานนี้ ร้านอาหารมิชลิน ระดับ 3 ดาว หอนาฬิกาบิ๊กเบน พระราชวังบักกิ้งแฮม…พวกเราสนุกไปกับการท่องเที่ยวอังกฤษและในที่สุดก็หยุดที่จุดหมายปลายทางสุดท้ายคือพิพิธภัณฑ์อังกฤษ


 


“อุว้าววววววววว~”


 


ผมไม่รู้ว่า อีเวนเดล ชอบพิพิธภัณฑ์มากๆ เธอวิ่งไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ผมยิ้มแล้วตามเธอติดๆ


 


ตอนนี้คือ 5:45


 


เหลือเพียง 15 นาทีจะถึงเวลานัด เนื่องจากพวกเราตกลงที่จะเจอกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อีเวนเดล และ เรเชล อีกไม่นานจะได้พบกันแล้ว


 


“เฮ้ออออออออออออออ…”


 


หัวใจของผมเต้นรัวๆเมื่อผมคิดถึงเรื่องนี้ผมรู้สึกประหม่าและจับมือของ อีเวนเดลเอาไว้ อีเวนเดล บีบมือผมด้วยรอยยิ้มเขินอาย…และแล้ว


 


“คุณ ฮาจิน?”


 


มีคนเรียกชื่อผม เวลาเหมือนถูกหยุดในเวลานั้น ไม่ใช่แค่ผมที่ตัวแข็ง


อีเวนเดล เองก็เช่นเดียวกัน ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วทำให้จิตใจสงบลง


เสียงที่ทำให้หูของผมอื้อและน้ำหอมที่ผมได้กลิ่นเป็นของผู้หญิงที่ผมรู้จักอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีเหตุผลที่จะกังวล ผมต้องทำตามธรรมชาติ…เป็นธรรมชาติ…


 


ผมหันกลับมาอย่างช้าๆ ตามที่คาดไว้เรเชลยืนอยู่ที่นั่น


 


“สวัสดี เรเชล”


 


“ไม่ได้เจอกันนานเลย”


 


เรเชลมองมาที่ผมก่อน


 


“งั้นคุณอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับ…?”


 


เธอใช้เวลาสักครู่และสุดท้ายก็รู้ว่าผมกำลังกุมมือของใครบางคน ดวงตาของเธอตกลงบนเด็กข้างๆผมซึ่งดูเหมือนเธอ เด็กก็เงยหน้าขึ้นมองเรเชล ดวงตาที่สวยงามของเธอมีความกลัว แต่ก็ความตื่นเต้นและมีความสุข อีเวนเดล หวังสำหรับบางสิ่งเอาไว้


เช่นเดียวกัน เรเชลและ อีเวนเดล จ้องมองกันและกันอยู่นาน……

ตอนที่ 391

 

[Tower of Wish ชั้น 26 ดินแดนแห่งปีศาจที่แท้จริง]


 


ปัจจุบันทีม ‘ไอลีนและเด็กๆ’ ได้หายไปใน [Forest of Bewitchment] ซึ่งเป็น 1 ในภูมิภาคของดินแดนปีศาจ 1 สัปดาห์ผ่านไปตั้งแต่พวกเขาออกเดินทางครั้งแรก แต่พวกเขาก็ยังห่างออกไปจาก [ดินแดนแห่งปีศาจที่แท้จริง] ซึ่งอยู่ในระยะทางไกล


 


“…ฉันยอมรับ ว่าฉันเหนื่อยมากกกกกกกกกกก.”


 


ในที่สุดแม้แต่ไอลีนก็ยอมรับว่าเธอหมดแรง ปีศาจทุกตัวที่พวกเขาเจอนั้นมีพลังพอๆกับปีศาจระดับหัวหน้าและเมื่อเจอปีศาจทั้งฝูงทำให้


ทุกคนในทีมจะต้องพยายามต่อสู้เพื่อความอยู่รอดตลอดทั้งวัน


 


“แน่นอนว่ามันยากที่จะโจมตีด้วยธาตุแสงเพียงอย่างเดียว”


 


จินเซยอนก็เช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเธอ ด้วยความยากลำบากในที่สุดพวกเขาก็ได้รับชัยชนะจากการต่อสู้กับปีศาจร้าย 13 ตัว แต่ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก


ชินจงฮัก และ ยียอนฮาน ตระหนักว่าไม่แค่พวกเขาที่ต้องพยายามอย่างหนัก และพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะขีดจำกัดของคุณสมบัติธาตุได้เลยกลับไปที่ [ชั้น 21 – อาณาจักรการ์ด] เพื่อซื้อไฟหรืออย่างน้อยก็เป็นอาวุธที่ส่องแสงออกมาได้และการ์ดเวทมนต์


 


“นายไม่เลวเลยนี้น่า?”


 


ตอนนี้มีสมาชิกเหลืออีก 4 คนเท่านั้น ไอลีนมองไปที่คิมซูโฮและพูดในระหว่างการต่อสู้ครั้งล่าสุดอัตราการช่วยเหลือของ ไอลีนคือ 50% ในขณะที่ 30% เป็นของ คิมซูโฮ


 


“มันเป็นเพราะคุณสมบัติของผมเหมาะสำหรับการต่อสู้กับปีศาจน่ะ”


 


“มันไม่ใช่แค่เรื่องของความเหมาะสมเท่านั้นด้วยความสามารถของนายนายจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้อยู่ในระดับแน่ๆ ไม่สินายอยู่ในระดับนั้นแล้ว ฉันว่านายตอนนี้คงสามารถเอาชนะนักธนูระดับสูงได้หลายคนเลยละ”


 


คิมซูโฮ ยิ้มเล็กน้อย


 


“ไม่สิ นายใจดีเกินไป”


 


“…อะแฮ่ม อย่างไรก็ตามคุณ ไอลีน คุณคิดว่าดอกบัวดำอยู่ที่ไหน?”


 


ในที่สุดจินเซยอนก็ตัดสินใจถามคำถามที่เธอต้องการจะถามออกมา ชอคจุนกยอง บอกว่าดอกบัวดำกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เขาไม่ได้ช่วยหรือโจมตีพวกเขาเลย


 


“ฉันไม่รู้ เขาอาจจะดูพวกเราจากที่ไหนสักแห่ง”


 


ไอลีนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่คิดอะไร ทันใดนั้นเธอก็เห็นนกอินทรีที่บินข้ามท้องฟ้าสีเทาของดินแดนปีศาจ ‘ว้าวอินทรี ทำไมนกอินทรีถึงอาศัยอยู่ในที่แบบนี้’ ไอลีนยังคงเฝ้าดูด้วยความประหลาดใจและก็ตระหนักขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน


 


“…ฮะ?”


 


ปฏิกิริยาของเธอทำให้สมาชิกคนอื่นๆมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกัน


 


“เกิดอะไรขึ้น?”


 


“พวกเราไม่คุ้นๆบ้างเหรอ?”


 


“อืม….”


 


“ดูนั่นสิ”


 


จินเซยอน และ คิมซูโฮ หันไปจ้องมองนกอินทรี พวกเขาใช้เวลาไม่นาน ก็เข้าใจถึงความหมายของ ไอลีน นกอินทรีสวมเสื้อคลุมที่ดูแปลกๆ มันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยไม่ต้องสงสัยเลย คิมซูโฮเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา


 


“นกสัตว์เลี้ยง? …ดูเหมือนว่าเขาอยากให้พวกเราตามเขาไปงั้นเหรอ”


 


“นายคิดอย่างนั้นเหรอ?”


 


กี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


 


– นกอินทรีเปล่งเสียงดังราวกับว่าเห็นด้วยกับพวกเขา


 


“แต่ดูเสื้อคลุมที่มันสวมอยู่ มันดูดีกว่าของฉันซะอีก…หืมมม? รอเดี๋ยว”


 


ทันใดนั้นความคิดปรากฏในใจของไอลีน เธอกระซิบด้วยความงุนงง


 


“…ดอกบัวดำมีสัตว์เลี้ยงไหม”


 


“ฉันไม่เคยได้ยินข่าวลือเรื่องนี้…แต่มันดูเหมือนของใครบางคน และ


ฉันคิดว่ามันสวมเสื้อเกราะใต้เสื้อคลุม เกราะสีดำที่ทำออกมาอย่างดี”


จินเซยอนตอบ


 


ไอลีนเงยหน้าขึ้นมองนกอินทรีเหนือหัวขณะที่เธอกัดเล็บของเธอ


 


“สีดำ…นั่นหมายความว่า….”


 


“ใช่ ฉันคิดว่าคุณคิดถูก คุณไอลีน”


 


จินเซยอน พูดต่อด้วยใบหน้าที่จริงจัง


 


“ดอกบัวดำ กำลังเรียกหาพวกเรา”


 


ทุกคนเงียบลงทันที


 


พวกเขามองหน้ากันอย่างว่างเปล่าพร้อมพยักหน้าและเริ่มไล่ตามอินทรี


 


*************************************************************************


 


“…ฉันฝันไปหรือเปล่า”


 


นั่นเป็นคำพูดแรกของเรเชล จากภาษาอังกฤษมั่วๆของเธอผมบอกได้เลยว่าเธอตกใจมากแค่ไหน จากใบหน้าที่ว่างของเธอผมสามารถสรุปได้อีกอย่างหนึ่ง: เรเชล เองก็ไม่เคยลืมใบหน้าของ อีเวนเดล


 


นี่ไม่ใช่การเผชิญหน้าครั้งแรกของ เรเชล และ อีเวนเดล


 


การเผชิญหน้าครั้งแรกของพวกเธอเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว


 


– ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 1 ที่ Cube


 


อีเวนเดล ซึ่งเป็นเม็ดถั่วในเวลานั้นก็ฟักออกมาทันทีระหว่างการสอบ หลังจากที่เธอฟักไข่เธอก็ยึดติดกับเรเชลไม่ใช่ผม สิ่งแรกที่ อีเวนเดล


พูดกับเรเชลตอนนั้นคือ… ‘แม่’


 


“เธอไม่ได้ฝัน”


 


ผมพูดและส่งสัญญาณให้ อีเวนเดล


 


“อุๆๆๆๆๆๆ….”


 


นี่เป็นการเผชิญหน้าที่เธอรอคอยมาตลอด อีเวนเดล เดินมาข้างหน้าเธอพยายามเรียกความกล้าหาญของเธอออกมา


 


4 ~ 5 ปี


 


“คะ สวัสดีคะ….”


 


อีเวนเดล วางมือบนท้องและโค้งคำนับ เรเชลมองดู อีเวนเดล และ


กระพริบตา 2-3 ครั้งก่อนจะจ้องมองเธอ


 


“ฮาจิน, คุณ ฮาจิน…?”


 


“ว่า?”


 


ผมพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็เสียใจจนแทบน้ำตาไหล


เรเชลอาจคิดอยู่จู่ๆมาเจอเด็กที่มีหน้าตาเหมือนตัวเองตอนเด็กมากๆ? ภายใต้ข้ออ้างของการดูแล อีเวนเดล ผมเห็นแก่ตัวมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเรเชลไหมนะ? แต่สิ่งที่เรเชลพูดต่อนั้นน่าตกใจมากจนผมลืมเรื่องทั้งหมดนี้ไป


 


“คุณกลับมาจากอนาคตงั้นเหรอ”


 


“…อะไรนะ?”


 


อนาคต ผมพูดไม่ออก แต่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ผมรู้อนาคตจริงๆแต่ตอนนี้มันผ่านไปแล้วจากนี่ไปข้างหน้าเป็นอนาคตที่ผมเองก็ไม่แน่ใจ….


 


“อนาคต?”


 


“ฉันพูดผิดหรือเปล่า ละ-แล้วเด็กคนนี้มาจากไหน?”


 


เรเชลชี้ไปที่ อีเวนเดล ที่ยังคงแนะนำตัวเองต่อไป


 


“หนูชื่อ…ชื่อ…อีเวนเดล….”


 


เธอพยายามพูดสิ่งที่เธอฝึกมาหลายสิบครั้ง


ผมสัญญากับ อีเวนเดล ก่อนที่พวกเราจะมาที่นี่เธอเข้าไปใกล้เรเชล


อย่างช้าๆเพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกกดดัน


 


“ฮะ? อ้อ เอ่อ…สะ-สวัสดีจ๊ะ”


 


เรเชลเองก็งอและโค้งคำนับ อีเวนเดล ดวงตาของเธอยังสั่นเทาราวกับมีแผ่นดินไหว อีเวนเดล ตัวสั่น


 


“ชื่อของหนูคือ อีเวนเดล”


 


“อ๊ะ อืม ใช่….จ๊ะ”


 


“อีเวนเดล…หนู อีเวนเดล…เพื่อนของหนูคือ แฮยอน แมวของหนูชื่อ ฮายัง….”


 


อีเวนเดล พูดซ้ำประโยคเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างหวาดกลัว เรเชลหันกลับมามอง อีเวนเดล และผมเหมือนไม่แน่ใจว่าต้องทำอะไร


 


“หนูชื่อ อีเวนเดล นะ…หนู….”


 


แน่นอนว่าผมต้องรับผิดชอบเรื่องนี้


 


“เอ่อ….ใจเย็นๆคือ -”


 


“เจ้าหญิงหรอ”


 


ทันใดนั้นผู้คุ้มกันของเรเชลก็ปรากฏตัวขึ้น ชายคอเคเชียนสูงงอตัวไปข้างหน้าและกระซิบข้างหูของเรเชล


 


“จริงเหรอ?”


 


– คืนก่อน….


 


เขาพึมพำเป็นภาษาอังกฤษ ต้องขอบคุณผู้คุ้มกันทั้ง 2 จึงทำให้เด็กดูสงบลงแต่ตอนนี้ อีเวนเดล เริ่มมองอย่างโกรธเคืองที่ผู้คุ้มกันแย่งเธอพูด กับเรเชล มันเป็นใบหน้าที่น่ารักของเด็กๆ


 


*************************************************************************


 


20 นาทีต่อมา


ผมอยู่ในพระราชวังบักกิ้งแฮมซึ่งเป็นที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษวังนั้นงดงามและสง่างามเหมือนภาพวาดและในภาพยนตร์ทั้งหมดที่ผมเคยเห็น


 


“…ดีละ ถ้าอย่างนั้น.”


 


เรเชลพาพวกเราไปที่ห้องรับรอง ไม่มีใครอยู่ข้างใน ก่อนที่พวกเราจะเริ่มพูดเรเชลมองไปที่ อีเวนเดล ถัดจากผม


 


วิ้งงงงงงงง อีเวนเดลมองเรเชลด้วยดวงตาส่งประกาย


 


เรเชล เองก็คิดว่าเธอน่ารักมากจนมุมปากของเธอสั่นเล็กน้อย มันเป็นสัญญาณที่ดี


 


“ฮุๆ งั้นนั้นคือเมล็ดพันธุ์ที่นายได้รับตอนที่นายอยู่ใน Cube เหรอ….”


 


“ใช่. เมล็ดนั้นโตเต็มที่แล้ว”


 


ผมแนะนำ อีเวนเดล ไม่ใช่แม่มด แต่เป็น ‘นางฟ้า’ แม่มดถูกเรียกว่าแม่มดเมื่อเธอถูกเลี้ยงให้เป็นแบบนั้น แต่ใครจะกล้าเรียก อีเวนเดล ของผมว่าแม่มดละ?


 


“เธอไม่ได้มาจากอนาคตใช่ไหม”


 


“… .”


 


เรเชลเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอแดงเหมือนมะเขือเทศ ใครจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ตอนนี้ เพราะผิวพรรณของเธอทำให้สีแดงบนใบหน้านั้นดูโดดเด่นกว่าเดิม อะแฮ่ม เรเชลไอแห้งๆและพูดต่อ


 


“จริงๆแล้วพูดตรงๆ…ฉันว่ามันยากที่จะเชื่อว่า นางฟ้าฟักออกมาจากเมล็ดพันธ์ได้ยังไง”


 


ผมเกาหลังคอของฉันตามคำพูดของเรเชล ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจเธอ


แต่อย่างที่เชอร์ล็อคโฮล์มเคยพูดไว้ ‘เมื่อคุณกำจัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกไปสิ่งที่เหลืออยู่ของความเป็นไปได้ก็คือความจริง’


 


“ไม่มีคำอธิบายอื่นๆ”


 


“ไม่ แทนที่จะอธิบายว่านางฟ้าเกิดจากเมล็ดพันธ์มันเป็นไปได้มากกว่าถ้านายจากอนาคต…อนาคต….”


 


ดูเหมือนว่าเรเชลจะติดอยู่กับทฤษฎีเรื่องอนาคตโดยสิ้นเชิง แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถจบประโยคของเธอได้เพราะความคิดแบบนั้นแต่มันดูไร้สาระ ผมพยายามชี้นำเธอให้ห่างจากหนังไซไฟ


 


“เอาเลย ถ้าสิ่งที่เธอคิดมันทำให้เธอหายสงสัย อีเวนเดล มาจากอนาคตก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นแม่ของเธอ แต่พ่อล่ะ? พ่อเป็นใคร?”


 


“อ๊ะ ฮาจิน หนูจะเรียกคุณว่าพ่อได้ไหม”


 


“…หาาาา?”


 


พวกเราทั้งคู่ต่างก็ตัวแข็งในคำพูดที่ไร้เดียงสาของ อีเวนเดล


ทุกอย่างเงียบสงบลงทันที ทันใดนั้นเรเชลก็หรี่ตาและส่งสายตาที่สงสัยมาหาผม ผมส่ายหัวของผมเพื่อปฏิเสธ แต่เหมือนเธอจะตัดสินเรื่องนี้ไปแล้ว


 


“ไม่นะนี่คือ…อย่างไรก็ตามฉันกำลังบอกความจริงกับเธออยู่”


 


นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องพูดออกมา เรเชลยังคงจ้องมองมาที่ผมอยู่นานก่อนที่จะปล่อยเสียงไอแห้งๆและหันไปมอง อีเวนเดล


 


“หนูบอกว่าชื่อของหนูคือ อีเวนเดล สินะ?”


 


นี่เป็นคำถามหนึ่งที่ อีเวนเดล รออยู่


 


“ใช่คะ…!”


 


เรเชลยิ้มให้ อีเวนเดล อย่างอ่อนโยน


 


“ยินดีที่ได้รู้จัก.”


 


“…ยินดีที่ได้รู้จักคะ หนูอยากจะพบเจอคุณมานานมากแล้ว”


 


เธอรักษาสัญญาที่เธอทำกับผมไว้อย่างเธอรักษาระยะห่างของเธอและค่อยๆเข้าใกล้เรเชลอย่างช้าๆ เธอโตขึ้นมากจริงๆทันใดนั้นจิตใจของผมก็เต็มไปด้วยอารมณ์ปนเป


 


“อืมม…ฉันเข้าใจ….รอเดี๋ยวนะ”


 


เรเชลกด Smart Watch ทันที เธอเริ่มพิมพ์บนแป้นพิมพ์โฮโลแกรมแลไม่นาน Smart Watch ของผมก็สั่น


————————————-2—————————————



บทที่ 392 การเคลื่อนไหวของแต่ละบุคคล (6)


 


[ฉันมีคำถามมากมาย แต่ฉันจะปล่อยมันไปก่อน]


 


ข้อความมาจาก เรเชล ผมเดาว่าเธอต้องจะสื่อสารผ่านช่องข้อความในกรณีที่เธอทำร้ายความรู้สึกของ อีเวนเดล โดยไม่ตั้งใจ


 


[จริงหรือเปล่าที่ฯายพาเธอมาที่นี่เพราะเธออยากเจอฉัน?]


 


ผมตอบอย่างใจเย็น


 


[ใช่ แต่นั่นไม่ใช่ทุกอย่าง อีเวนเดล เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ไม่เพียง แต่จะช่วยอังกฤษเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทวีปยุโรปในอนาคตอีกด้วย]


 


คิ้วของเรเชลสั่นเล็กน้อย


 


[ลูกของฉัน เนี้ยนะ?]


 


[ลูกของเธอ?]


 


[ขอโทษที อีเวนเดล จะไปทำอะไรได้?]


 


“ฮาจิน คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”


 


“อ้อ โทษทีๆ มีบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ”


 


ผมลูบหัว อีเวนเดล แล้วพิมพ์คำตอบ


 


[ใช่ แม้แต่ผู้วิเศษ อาแฮอิน ก็ยอมรับว่า อีเวนเดล จะแซงเธอได้ภายใน 2 หรือ 3 ปี เธอเป็นนางฟ้าแห่งการอัญเชิญที่มีพรสวรรค์แบบไม่เคยปรากฏมาก่อน]


 


แม้ อีเวนเดล จะเล่นเป็นส่วนใหญ่แต่อีกไม่นานเนื้อเรื่องจะเข้าสู่เฟตที่ 3 เธอจะช่วยชีวิตหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นหรือแม้กระทั่งหลายแสนชีวิต


 


“ฮาจิน…?”


 


“อ้อ ตอนนี้กิลด์ของเธอไปได้ด้วยดีใช่มั้ย”


 


ผมเริ่มการสนทนาเพื่อที่ อีเวนเดล จะได้ไม่สงสัย


 


“ใช่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี”


 


สมาคมราชสำนักของอังกฤษแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอนในทุกวันนี้


ต้องขอบคุณหอคอยแห่งความปรารถนา กิลด์ราชสำนักขาย ‘TP’ ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้ในหอคอยเหมือน ‘วอน’ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้กันบนโลก


 


แน่นอนว่าครึ่งหนึ่งของผลกำไรจากกิลด์นั้นตรงไปที่เงินกองทุนของประเทศอังกฤษซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ แต่อีกครึ่งหนึ่งเธอกลับลงทุนใน Tower of Wish เธอซื้อบัตรผ่านประตูและเพิ่มจำนวนสมาชิกกิลด์


 


“พวกเราขาดรางวัลและเป็นหนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆได้


ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง”


 


“…อืมมม.”


 


ฉันรู้สึกแปลกๆเนื้อเรื่องเงินดอลลาร์ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดปัญหาขึ้นได้


 


“อ้อ ใช่.”


 


ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเข้ามาในจิตใจของเรเชลและเธอก็ส่งข้อความให้ผมอีกครั้ง


 


[การสังหารหมู่ปีศาจเมื่อคืนที่ผ่านมา นั่นคือฝีมือนายหรือเปล่า]


 


ผมพยักหน้าและส่งข้อความกลับไป


 


[ใช่ จากนี้ไปฉันวางแผนที่จะกวาดล้าง ปีศาจ]


 


[แต่นั่นมันไม่อันตรายเกินไปเหรอ โดยเฉพาะการทำลายล้างปีศาจโดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนรังผึ้งและนั่นเป็นสาเหตุที่เราไม่ทำอะไร….]


 


“ฉันสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ฉันไม่กังวลอะไร…ยกเว้นเด็กคนนี้”


 


ผมพูดอย่างนั้นและผมวางมือลงบนหัวของ อีเวนเดล เรเชล มองดู


อีเวนเดล เธอก็มองเรเชลเช่นกัน เมื่อมองไปมาๆพวกเธอทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน


 


“ฉันอยากถามว่าเธอจะให้อีเวนเดลอยู่ด้วยสัก 2-3 เดือนได้ไหม”


 


ผมถามเมื่อผมตบหัวของ อีเวนเดล ดังที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระราชวังเป็นป้อมปราการที่ไม่อาจเข้าถึงได้ของปีศาจ ไม่เพียงแต่ที่นี่เต็มไปด้วยเวทมนต์มากมายแต่ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อำนาจ’ อีกด้วย


 


“ไม่เป็นไรแต่ฉันไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้ อีเวนเดล จะรู้สึกยังไง…”


 


“หนูยินดี!”


 


อีเวนเดลตอบอย่างกระฉับกระเฉงแต่เมื่อตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างใบหน้าของเธอก็ขมวดคิ้วเหมือนเจอปัญหา


 


“อาาา….แต่แบบนี้หนูก็จะไม่ได้เจอ แฮยอน ….”


 


“หนูบอกว่าแฮยอนเป็นเพื่อนของหนูเหรอ?”


 


เรเชลถาม อีเวนเดล เธอพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น


 


“ใช่… แต่…แต่….หนูไม่ต้องเจอเธอก็ได้!”


 


เธอเลือกที่จะอย่างกับเรเชลมากกว่าเพื่อนของเธอ


 


“ไม่ต้องกังวล พวกเราเชิญเพื่อนของหนูมาที่นี่ได้นะ”


 


“อ่า จริงเหรอ?”


 


“แน่นอน….”


 


ผมมองดูแม่และลูกสาว (?) คุยกันอย่างมีความสุขและเปิด


Smart Watch ของผม ผมอ่านบทความเกี่ยวกับ เฟนรีล ได้ไม่กี่ครั้งและเมื่อเข้า [ห้องจัดเลี้ยงสีม่วง] เรเชล และ อีเวนเดล ก็ได้ออกจากห้องรับรองไปแล้ว


 


“พวกเขาออกไปเดินเล่นหรือเปล่า…”


 


ผมนั่งคนเดียวบนเก้าอี้ในห้องรับรองและมองไปที่ [หน่วยงานแห่งความจริง] จากคำขอจำนวนมากที่โดดเด่นที่สุดก็คือ ‘แชจูชึล’


 


[●แจ้งเตือน● แดฮยองของแชจูชึล กำลังรอการตอบกลับของคุณ]


 


แชจูชึล ทิ้งภารกิจไว้ให้ผม : ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการดำรงอยู่และที่ตั้งของ ‘มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์’ ให้กับเขา แผนการของเขาคือการจับ


สัตว์ประหลาดผ่าตัดและใช้มันเพื่อการวิจัยของเขา


 


“…มาดูกัน.”


 


แต่ตอนนี้ความตั้งใจของผมคือการให้ข้อมูลที่แตกต่างกับเขาไปเป็น พิกัดสำหรับปีศาจที่เรียกว่า ‘มาร’ ที่ คิมฮัคพโย พูดถึงเป็นครั้งสุดท้าย


 


[●ตอบจากหน่วยงานแห่งความจริง●]


[มีข้อมูลเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามจากการสนทนาระหว่าง 2 ปีศาจ


ผมสามารถยืนยันการมีอยู่ของ ‘สิ่งมีชีวิตที่ไม่ปรากฏหลักฐาน’ ผมไม่แน่ใจว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ไหม แต่ปีศาจอธิบายว่ามัน ‘ไม่ใช่มอนสเตอร์หรือมนุษย์’ ตำแหน่งของสิ่งมีชีวิตนึ้น ตามนี้….]


 


ผมแนบที่ตั้งของ ‘มาร’ ที่ คิมฮัคพโย และ ปีศาจ คนอื่นๆแบ่งปันผ่านข้อความของพวกเขาพร้อมกับประโยคกระตุ้น แชจูชึล


 


[ปล. ปีศาจพูดถึงสิ่งมีชีวิตในฐานะ ‘มาร’ มารถูกขังอยู่ในวิหารของเขาและไม่สามารถหนีออกมาได้]


 


*************************************************************************


 


สถานที่ซึ่งมีชีวิตชีวาแห่งนี้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นที่มาของฉายา ‘อมตะ’ อมตะเป็นฉายาของผู้ที่ได้เข้าถึงสถานะกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติเช่นปราชญ์ นักบุญหรือฤาษี แชจูชึล ผู้เป็นอมตะเพียงคนเดียวในเอเชียตะวันออกและบ้านที่ แชจูชึล พักนั้นเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม


 


[เฟนรีลอาละวาด: การสังหารหมู่ ‘การล้างสังหาร’ ‘….]


 


แชจูชึล สูดลมหายใจเข้าลึกๆและมองสายตาที่ไม่แยแส


หอคอยแห่งความปรารถนา มอนสเตอร์และเฟนรีล ข่าวที่น่าตื่นเต้นเหล่านี้ไม่อาจทำให้เขารู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย


 


“ประธาน ข้อความตอบกลับมาจากหน่วยงานความจริง”


 


ขณะกำลังกำจัดความเหนื่อยล้าเลขาของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในทันใด


แชจูชึล วางหนังสือพิมพ์ลงเงียบ ๆ


 


หน่วยงานความจริง


 


ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใครเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของ


พวกเขาตรงกันชื่อจริง มันยากที่จะได้รับคำตอบกลับจากพวกเขา


แต่เมื่อมันมาถึงมันก็ไม่มีอะไรนอกจากความจริงอย่างแน่นอน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่หน่วยงานความจริงจะมีอำนาจเหนือกลุ่มบริษัทต่างๆ


ณ เวลานี้


 


‘ไม่มีมารยาท ไม่มีคำตอบ’


 


พวกเขาส่วนใหญ่ปฏิบัติตามกฎนี้ซึ่งถือเป็นเรื่องหยิ่งผยองต่อคนอย่างพวกเขา ตัวอย่างเช่นหัวหน้า หยางซัน ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัท อันดับ 7 ของโลกเขียนจดหมายเป็นการส่วนตัวไปด้วยทักษะการพิมพ์ที่ไม่ดีของเขาและลายมือของเขาเหมือนไก่เขี่ยโดยหวังว่าจะได้รับคำตอบเร็วขึ้น


 


แต่สิ่งที่น่าสนใจคือคำขอที่เขียนในลักษณะดังกล่าวนั้นได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็วแต่เป็นการตอบ NO อย่างง่ายดาย


 


“แล้วข้อมูลละ?”


 


“มันละเอียดมาก แต่แตกต่างจากที่เราคาดไว้เล็กน้อย”


 


“แตกต่างยังไง?”


 


ตามคำถามของ แชจูชึล เลขานุการสรุปคำตอบของหน่วยงานความจริง


 


“หน่วยงานแห่งความจริงไม่พบมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์…แต่เจอกับ


สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มาร’ แทน”


 


“… มาร?”


 


มาร


 


คำพูดนี้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของแชจูชึลหรือเขาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสัญชาตญาณในการล้างแค้นให้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของหลานชายของเขา? แชจูชึล บอกไม่ได้ ชายที่ไม่มีอารมณ์ตอนนี้เขาจำไม่ได้อีกต่อไปว่าเขาเคยรักครอบครัวของเขามากแค่ไหน แม้ว่า


แชจูชึล จะอ้างว่าตัวเองเป็น ‘ภาวะสมองเสื่อม’ ทำให้ไม่เห็นคุณค่าของคนอื่น แต่เขาก็ไม่เสียใจมันสง่างามกว่า 100 เท่าดีกว่าที่สูญเสียต้องพลังทั้งหมดและลดลงจนกลายเป็นตำนานในอดีตเหมือน 9 ดาราคนอื่นๆ


 


“มาร….”


 


แชจูชึล พึมพำและมองเลขาของเขา เลขาทราบดีว่าเขาจะขออะไรและส่งสำเนาคำตอบของหน่วยงานแห่งความจริงที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าให้ แชจูชึล เขาศึกษาพิกัดที่เขียนบนกระดาษอย่างละเอียด


 


[34º51’15.4” N 128º43’50.2” E]


 


วิ้วววววววววววววววววว…


 


ทันใดนั้นสายลมเย็นฉ่ำก็พัดเข้ามาในหน้าต่างที่เปิดอยู่ สายลมดังก้องผมและเคราของลอยละลิ้ว แชจูชึล เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่าง การจ้องมองที่ลึกซึ้งของเขาเป็นมุมมองที่กว้างใหญ่ของภูเขา


ในขณะนั้นความหลงใหลที่ไม่เคยปรากฏก็ออกมาในตัวเขา รูปร่างหน้าตาของเขาในขณะที่เขามองไปข้างหน้านั้นไม่มีสัญญาณของความตื่นเต้น แต่ดูเหมือนว่าเขาได้ยินเสีย… ว่า ‘มาร’ กำลังเรียกร้องหา


ผู้เป็นอมตะ … สำหรับแชจูชึลแล้วนี่เป็นการกระตุ้นครั้งแรกหลังจากที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน


 


*************************************************************************


 


ท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์ใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่งในอังกฤษ ภาชนะที่ส่งออกจากเกาหลีมารวมตัวกันที่นี่ซึ่งปีศาจได้ทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายกันที่นี่


 


“พวกเราทำความสะอาดเสร็จแล้ว”


 


กลุ่มปีศาจ ‘โจรแห่งความสิ้นหวัง’ ได้สังหารเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนในบริเวณท่าเรือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปล้น


 


“ไปที่เหล่านี้ A-108, B-103, C-73, D-63”


 


หัวหน้าทีมเจฟฟรีย์ชี้ไปที่ 4 ตู้คอนเทนเนอร์ พวกเขาทั้งหมดรู้เรื่องจาก กิลด์ราชวงศ์เรื่อง ‘คลังอาวุธที่จำเป็น’


 


“พวกเราจะรับเอาไปแค่ 4 อย่างนี้เท่านั้น”


 


ตามคำสั่งของเจฟฟรีย์ พวกปีศาจเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ ก่อนอื่นพวกเขาทุบประตูของกล่องเก็บของและตรวจสอบอาวุธหรูหราภายใน


 


“…ฉันได้ยินมาว่าเฟนรีลกำลังตามล่าปีศาจ แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ดีที่พวกเรามีความแตกต่างจากพวกผู้ฆ่าล้าง.”


 


ถัดจากเจฟฟรีย์รองหัวหน้าทีมในพูดออกมา เจฟฟรีย์ดูที่เกิดเหตุโดยไม่ตอบอะไร


 


“ทุกคนเอาแต่พูดถึงเฟนรีล แม้แต่ในสังคมปีศาจ ช่างโง่เขราเหลือเกิน”


 


“A-108 เสร็จแล้ว”


 


การโจมตีอย่างไม่เจาะจงของ เฟนรีล ในหมู่ ปีศาจ ได้ดำเนินมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว สังคมปีศาจเต็มไปด้วยคำสาปและข้อความแสดงความเกลียดชังที่มีต่อเฟนรีล การปรากฏการณ์นี้เป็นผลมาจากการรวมกันของความโกรธแค้นและความกลัว


 


“เขาอาจหยุดพักงานก็ได้ ไม่มีอะไรน่ากลัว”


 


“B-103 เสร็จแล้ว”


 


เจฟฟรีย์ยังคงวิ่งอ้าปากราวกับไม่มีความกลัว อันที่จริงเขาเองก็กลัวเหมือนกัน


 


“โอ้ยย หัวหน้า ป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่คุณเอาชนะ ฮีโร่ ระดับกลางข่อนสูง? คุณน่าทึ่งมาก”


 


อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าเจฟฟรีย์แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเฟนรีลได้ ความแข็งแกร่งของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแม้แต่ ‘วิเกอร์’ ผู้โด่งดังก็ยังไม่กล้าชนกับเขาตรงๆ


 


“มนุษย์ช่างอ่อนแอซะจริง….”


 


การพูดคุยของอทูม ยังคงดำเนินต่อไปและประตูตู้สินค้าก็ระเบิดออกไปทีละตู้


 


“แต่มันเป็นความจริงที่ผู้ฆ่าล้างพวกนั้นสมควรได้รับตาม ฉันรู้สึกละอายที่จะเรียกตัวเองว่าปีศาจเหมือนพวกมัน พวกมันตกต่ำไปถึงขนาดไหนกันถึงคิดเรื่องการกินมนุษย์…เนื้อ…?”


 


ทันใดนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงที่บริเวณท่าเรือที่มีแต่ความมืดเท่านั้น


บทที่ 393 เฟตที่ 3 (1)


 


เช้าตรู่


 


ผมยืนอยู่ในท่าเรือ เมื่อ 5 นาทีก่อนมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างโหดร้ายและพลังเวทมนตร์อันดุเดือดที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรนอกจากความเงียบงัน


 


“เฮ้อออออออออออ….”


 


ผมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบพลังวิญญาณที่ไหลผ่านร่างกายของผม


 


คลื่นทะเลที่อ่อนโยนพัดเข้าหาท่าเรือและสายลมเย็นๆพัดผ่านร่างของผม หัวใจที่เต้นรั่วของผมเต้นเบาลง ผมลืมตาขึ้นมา


 


ไม่มีใครเหลืออยู่ในท่าเรือที่ว่างเปล่า ผมฆ่าปีศาจไปหลายสิบคน


 


“…สมควรแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นทักษะขั้นสูงสุด”


 


ผมพึมพำด้วยความประหลาดใจและตรวจสอบคำอธิบายทักษะ


ขั้นสูงสุดอีกครั้ง


 


===


[Lv.2 ทักษะขั้นสูงสุด – เข้าใจพลังวิญญาณอย่างสมบูรณ์]


○ 1 Limit Break – เมื่อเปิดใช้งานทักษะทั้งหมดจะกลายเป็น Lv.11 เป็นเวลา 5 นาที


○ 2 Ultimate Peak – เมื่อเปิดใช้งานประสิทธิภาพและขอบเขตแห่งพลังวิญญาณของคุณจะถึงจุดสูงสุดเป็นเวลา 5 นาที


○ 3 Purification – ทำให้พลังวิญญาณของคุณบริสุทธิ์เมื่อเวลาผ่านไป


เวลาคูลดาวน์ – 3 วัน


===


 


เช่นเดียวกับทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของผมทักษะขั้นสูงสุดของผมคือทักษะเสริมพลังขั้นสูง


 


ผลข้างเคียงของการใช้ทักษะขั้นสูงสุดนี้น้อยกว่าความสามารถเฉพาะของผม เมื่อผมเปิดใช้งานผมจะไม่มีที่ติทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกัน


ผมมีพลังวิญญาณไม่จำกัดเนื่องจากเลเวล 11 ของ


[การสกัดและการสร้างวัตถุถาวร] ดูดซับการโจมตีทั้งหมด ผมมีความแข็งแกร่งพอๆกันทุกด้าน ด้วย [อัลกอริทึม] พลังทำลายล้างของกระสุนของผมก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณและพลังวิญญาณก็ไหลผ่านเส้นเลือดของผมพร้อมเสริมการทำงานของ เอเธอร์ ด้วยเช่นกัน


 


เมื่อผมยังคง ‘พลังวิญญาณ’ ในฐานะ ‘พลังวิญญาณ’ แทนที่จะหลอมรวมเป็นพลังเวทมนต์เหมือนผู้เล่นส่วนใหญ่ทักษะขั้นสูงสุดนี้เป็นประโยชน์ต่อผมโดยเฉพาะเมื่อใช้คู่กับทักษะและเอเธอร์ ความเข้าใจที่สมบูรณ์เกี่ยวกับพลังวิญญาณไม่ได้เป็นหนึ่งในทักษะขั้นสูงสุดที่ผมได้รับ โชคของผมอาจจะเกี่ยวข้องกับมันอีกด้วย


 


ดิ้งๆๆๆๆๆๆ


 


ในขณะนั้นเอง smartwatch ของผมก็สั่นสะเทือน


 


ยูยอนฮา โทรหาผมแบบวิดีโอ


 


สวัสดี?


 


ทันทีที่ผมรับสายใบหน้าของ ยูยอนฮา ก็โผล่ขึ้นมาบนจอโฮโลแกรม


 


“โย่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเป็นยังไงบ้าง?”


 


– …นายอยู่ที่ไหน? มันค่อนข้างมืดเลยนะ


 


“ฉันเหรอ? ฉันอยู่ที่ท่าเรือ”


 


ผมยก smartwatch และพาเธอไปดูทิวทัศน์รอบ ๆ


 


“ฉันหยุดปีศาจปล้นคลังแสงน่ะ”


 


– …จริงๆเหรอ?


 


“อ๋อ เธอรู้จักเจฟฟรีย์ไหม”


 


– รู้สิ สมาคมให้ความสำหรับกับเขา…เขาไม่ใช่ปีศาจระดับสีน้ำตาล


งั้นเหรอ


 


สมาคมฮีโร่ได้จัดอันดับให้กับปีศาจเช่นกัน เงินรางวัลสำหรับ


ปีศาจสีน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 1 ถึง 2 พันล้านวอน อันดับสีน้ำตาลเทียบเท่ากับระดับสูง 3~4 นอกเหนือจากเจ้านี้มีบางอย่างที่ ยูยอนฮา ไม่รู้งั้นเหรอ?


 


– แล้วเจฟฟรีย์ล่ะ


 


เมื่อเห็นผมยิ้มโดยไม่ตอบคำถามเธอใบหน้าของ ยูยอนฮา ก็จริงจัง


–  เจฟฟรีย์ ก็อยู่ที่นั้นงั้นเหรอ?


 


ผมส่ายหัว


 


“ไม่อีกต่อไปแล้ว.”


 


– …นายฆ่าเขาไปแล้ว?


 


“อ่า.”


 


– …


 


ยูยอนฮา จ้องที่ผมด้วยใบหน้างงๆ ผมเกาหลังศีรษะและเปลี่ยนหัวข้อ


 


“ว่าแต่ เธอโทรมาทำไม”


 


– อ้อ จริงสิ.


 


ยูยอนฮา พยักหน้าเธอ


 


– มันเกี่ยวกับสิ่งที่นายถามก่อนหน้านี้เรื่อง ‘มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์’


 


“อ้อ เธอได้ยินเรื่องอะไรมาเหรอ?”


 


ผมไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ได้เลยแม้แต่ในหนังสือแห่งความจริง ดังนั้นผมจึงขอให้ ยูยอนฮา หาข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


 


– ใช่ดูเหมือนว่ามีบางอย่างคล้ายกับที่นายบอกถูกค้นพบใน Pandemonium


 


ยูยอนฮา ส่งรูปมาให้ผม รูปภาพเป็นเงาที่ยากที่จะระบุว่าเป็นอะไรแต่ใครๆก็สามารถบอกเลยจากความสูงและรูปร่างผอมบางเหมือนมนุษย์ แต่ว่าไม่ใช่มนุษย์


 


“นี่เป็นรูปภาพหรือวิดีโอ”


 


– เป็นวิดีโอสั่นๆ


 


“เล่นเลย.”


 


วิดีโอทำงานอย่างรวดเร็ว มีบางอย่างกำลังวิ่งอยู่บนพื้น ความเร็วมันสูงจนแม้แต่ดวงตาพันไมล์ก็มีปัญหาที่จะเห็นมันอย่างชัดเจน


 


“เธอช่วยทำให้ช้าลงหน่อยได้ไหม”


 


– นี่คือความเร็วของ 0.01x แล้ว


 


“…0.01x?”


 


– ใช่.


 


นั่นเป็นเบาะแสที่พบ มีมอนสเตอร์เพียงตัวเดียวที่มีความเร็วระดับนี้


‘คุรุคุรุ’ มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายตั๊กแตนตำข้าว มันมีเคียวที่ขาหน้าและปีกความเร็วสูงคู่หนึ่ง แม้ว่ามันจะดูเหมือนแมลงมากกว่ามนุษย์ แต่มันก็มี ‘สติปัญญา’ อย่างไม่ต้องสงสัย พวกเราไม่ควรดูถูกมันเพียงเพราะมันเป็นแมลง


 


ปีกของมันสามารถแสดงความเร็วที่เหนือชั้นออกมาและมีขาหน้าที่สามารถตัดไอ้ทุกอย่าง


 


ในแง่ของ ‘การลอบสังหาร’ และ ‘ความเร็ว’ ไม่มีใครเทียบได้ในโลกใบนี้ พูดตรงๆ มันอาจถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ของมอนสเตอร์ระยะที่กลางด้วยซ้ำ


 


– ภาพนี้ได้มาเมื่อวาน สิ่งมีชีวิตนี้น่าจะฆ่าปีศาจไปหลายสิบตัวใน Pandemonium ก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปทางใต้


 


“ขอบคุณ.”


 


– … มีบางอย่างที่ฉันสงสัย


 


ทันใดนั้น ยูยอนฮา ก็ถามอย่างจริงจัง เธอเอามือเท้าคางของเธอ


 


“เธอทำอะไรน่ะ?”


 


– นายคิดว่ามอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์มีอยู่จริงหรือเปล่า?


 


“…ฮะ? อ้อ ฉันแน่ใจว่ามี เพราะพวกเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกมันบ่อย มากในช่วงหลังๆ”


 


ผมประหลาดใจมากที่คุรุคุรุอยู่ใน Pandemonium มันออกมาก่อนเพราะมันรวดเร็วงั้นเหรอ?


 


– ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันหมายถึง ฉันคิดว่าสิ่งมีชีวิตจากวิดีโออาจเป็น


รูปแบบใหม่ของปีศาจ


 


“…ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ต้องห่วง”


 


– ไม่มีอะไรเหรอลองคิดดู เมื่อนายเข้าไปบนหอคอยแห่งความปรารถนา


ปีศาจก็เริ่มเหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเราอาจเห็นสิ่งที่คล้ายกันนี้ แล้วว่าทุกสิ่งกำลังเปลี่ยนไป…ขึ้นอยู่กับว่าพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับ


ปีศาจหรือมอนสเตอร์


 


ผมหาวเมื่อได้ยินทฤษฎีของ ยูยอนฮา นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนฉลาดถึงน่าเบื่อ พวกเขาไม่เชื่อสิ่งต่างๆได้ง่ายๆและพยายามที่จะคาดการณ์ความเป็นไปได้อื่นๆจากสิ่งที่เล็กที่สุด


 


– นายคิดว่ายังไง?


 


“เธอคิดผิดอย่างแน่นอน”


 


ผมตอบทันที


ยูยอนฮา หน้ามุ่ย แต่ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง มีเหตุการณ์เล็กๆที่ปีศาจกับมนุษย์จับมือกันเพื่อเอาชนะมอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ดังนั้นแล้ว


มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์เป็นอีกในรูปแบบของปีศาจนั้นน่าหัวเราะมาก


 


“ฉันคิดดีแล้วนะ.”


 


– …นั่นคือสิ่งที่คุณพูดเสมอ


 


ดูเหมือนว่า ยูยอนฮา จะไม่ยอมแพ้ทฤษฎีของเธอไม่นาน ผมก็มีวิธีโน้มน้าวเธอ


 


“เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันได้อันดับ 1 ในทางทฤษฎีน่ะ”


 


– อา …


 


หากคิมฮาจินอยู่ในสถาบันการศึกษาการได้รับรางวัลโนเบลก็จะเป็นแค่เค้กชิ้นหนึ่งของเขา เธอจำคำพูดของอาจารย์ใน Cube ได้อย่างแม่นยำ ยูยอนฮา เงียบไป


 


“เธออาจไม่รู้สิ่งที่ฉันรู้ แต่ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้ว่าเธอรู้อะไรบ้าง”


 


– …ถ้าอย่างนั้นนายก็ควรหาข่าวลือด้วยตัวเอง


 


ยูยอนฮา ไขว้แขนของเธอและบ่นพร้อยหน้ามุ่ย


 


“อย่าเถียงฉันเลย ถ้าฉันบอกว่าฉันมั่นใจก็เชื่อได้เลย ฉันจะไม่พูดอะไรที่เป็นอันตรายต่อเธออย่างแน่นอนเชื่อใจฉันเถอะ”


 


– …


 


ยูยอนฮา จ้องมองผมอย่างเงียบๆ ไม่นานเธอก็พยักหน้า


 


– ก็ได้ ฉันจะวางสายละนะ ฉันมีงานต้องทำต่อ


 


ตอนที่เธอวางสาย ฉันส่งข้อความถึงเธอ


 


[สืบเรื่องนี้ต่อไป ฉันเชื่อใจเธอนะ]


 


เธอตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว


 


[ฉันจะทำ แต่ฉันอย่าเชื่อใจฉันมาก ฉันไม่ใช่คนใจดีหรือน่าเชื่อถืออะไร]


 


‘ฮ่าฮ่าฮ่า เธอกำลังร้องไห้งั้นเหรอ? บางทีฉันน่าจะทำชุดนอนให้เธอทีหลังนะ ‘ผมคิดกับตัวเองและ smartwatch ของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง


 


[★พร้อม★]


[Chameleon Troupe รวมตัววววววววววววว ~!]


[ไปล่าปีศาจกานนนนนนนนนนนนนนน ~ ~]


 


มาจากเจนส่งข้อความให้สมาชิกของ Chameleon Troupe ในที่สุดแล้วความปรารถนาอันยาวนานในการพิชิต Pandemonium ก็จะเริ่มต้นขึ้น


 


*************************************************************************


 


[ปูซาน – แมนชั่นของ แชนายอน]


 


เมื่อไม่นานมานี้ แชนายอน ใช้ชีวิตอยู่ใต้เอกสารต่างๆ เธอไม่ได้เป็น


นักอ่านตัวยงแม้แต่ตอนที่เธออยู่ใน Cube แต่ตอนนี้เธอพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเข้าใจความที่ซับซ้อนทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธอพยายามทำทุก อย่างให้ดีที่สุด แชนายอน ตระหนักถึงบางสิ่ง สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้กลายเป็นไปได้ถ้าเธอใช้ความพยายามมากพอ จริงๆแล้วเธอรู้สึกว่าเธอฉลาดขึ้นทุกครั้งที่เธออ่านหนังสือ


 


– ไฟล์ข้อมูลต่างๆจะถูกส่งผ่านระบบความปลอดภัยของห้องจัดเลี้ยงสีม่วง


 


“โอเค.”


 


แต่ความรู้สึกนั้นกินเวลาเพียงชั่วครู่ ทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าเธอเข้าใจอะไรบางอย่างข้อมูลใหม่ๆก็จะเข้ามาทำให้เรื่องนี้มันซับซ้อนยิ่งขึ้น


 


– ไฟล์นี้มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์


 


คิมโฮซุบ จัดการเพื่อแฮ็คเอกสารลับระดับ 1 ที่มีข้อความกำกับว่า


‘แชจินยุน Case File’ เขาใช้เวลา 1 เดือนเต็มในการซ่อนร่องรอยของเขา ทั้งหมดนี้เพื่อเกมส์ในตำนาน ReOrient Nox


 


“ใช่แล้ว ทำได้ดีมาก”


 


แชนายอน เข้าถึงบัญชีห้องจัดเลี้ยงสีม่วงของเธอ มันเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ไม่สามารถแฮ็กข้อมูลได้ จากที่นั่น แชนายอน ได้รับไฟล์ของ


คิมโฮซุบ


 


“…เฮ้ออออออออ ฉันคิดว่าฉันคงไม่ได้นอนอีกแล้วสินะ”


 


แชนายอน พึมพำขณะที่เธอดูเอกสารบนหน้าจอ


 


[ไฟล์เคส แชจินยุน]


 


หัวใจของเธอเต้นแรงทันทีที่เธอมองมัน เมื่อคิดว่ามีคนบ้าจี้แฮ็คฐานข้อมูลของสมาคม ในอดีตเธอไม่เคยนึกถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน เธอไม่คิดว่าจะมีคนแบบ คิมโฮซุบ หรือถึงมีอีกแต่พ่อของเธอก็จะรู้และหยุดเธอทันที


 


“…….”


 


[ดาวน์โหลดเสร็จสิ้น.]


 


แต่ตอนนี้เอกสารอยู่ตรงหน้าเธอ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวเล็กน้อย


เธอจะไปดูซากศพของพี่ชายได้จริงๆเหรอ?


เธอจะดูรายงานโดยละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น?


เธอจะยังสบายดีไหมนะ


 


“…ไม่มี.”


 


แชนายอน กัดฟันแน่นแม้ว่าไฟล์นี้จะเป็นกล่องของ เพนโดร่า แต่


แชนายอน ก็พร้อมที่จะเสี่ยง ไม่ว่าผลจะเจ็บปวดขนาดไหนก็ต้องทำ…


————————-2———————-


บทที่ 394 เฟตที่ 3 (2)


 


“เฮ้ออออออออออออออ.”


 


หลังจากหายใจเข้าเพื่อตั้งสติ แชนายอน ก็ค่อยๆเปิดไฟล์


 


“..หืม?”


 


แต่ทันทีที่เธอตรวจสอบไฟล์ความมุ่งมั่นของเธอก็หายไป หน้าขาวๆเต็มไปด้วยตัวอักษรสีดำเล็กๆคำศัพท์ส่วนใหญ่เป็นศัพท์ที่ซับซ้อนซึ่งเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ตามที่เธอคาดไว้เธอเคยเห็นรายงานสรุปแบบนี้ในภาพยนตร์ต่างๆ


 


“… .”


 


เธอใช้เวลาสักครู่เพื่อฟื้นจากอาการมึนงงของเธอ จากนั้นเธอเริ่มพลิกไฟล์ขนาด 239 หน้าอย่างช้าๆ แน่นอนว่ามันคือการค้นหา ‘ภาพ’


หน้า 1 …หน้า 33 …หน้า 48 …หน้า 63 …หน้า 129 ……


สุดท้ายที่หน้า 169 เธอเจอภาพที่เธออยากจะเห็น มันเป็นรูปของศพของ แชจินยุน


 


“อ่า … .”


 


เมื่อเธอเห็นมันหัวใจของเธอก็เต้นรัว น้ำตาและคำสาบานเพิ่มขึ้นจากภายใน ศพของ แชจินยุน ไม่มีใบหน้าไม่มีอะไรอยู่เลยเหนือคอ ในตอนนั้นเองที่ แชนายอนรู้ว่าทำไมพ่อและปู่ถึงไม่ยอมแสดงศพของ แชจินยุน


แชนายอน กัดริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง เธอรู้สึกโกรธแค้นจาก


ส่วนลึกในจิตใจของเธอ เธอกำกำปั้นของเธอจนเลือดไหล ทำไม? ทำไมต้องโหดร้าย…แบบนี้


 


“…ใช่มั้ย?”


 


อย่างไรก็ตาม แชนายอน รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อมองไปที่ภาพความรู้สึกแปลกๆก็อยู่ในจิตใจของเธอ


 


“นี้….”


 


มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกแปลกๆ สัญชาติญาณของเธอกำลังบอกเธอ


ว่าศพนี้ไม่ใช่แค่ แชจินยุน นี้มันไม่ใช่แชจินยุน มันแตกต่างและไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย…


แชนายอนเริ่มตรวจสอบรูปภาพอย่างใกล้ชิดเพื่อยืนยันความสงสัยของเธอ


 


“เดี๋ยวก่อนนะ.”


 


ไม่นานเธอก็ค้นพบที่มาของความรู้สึกแปลกๆของเธอ หากศพนี้เป็นของ แชจินยุน จริงๆมันขาดอะไรบางอย่างที่ควรจะอยู่ที่นั่น


 


ประมาณ 15 ปีที่แล้ว แชจินยุน ได้รับบาดเจ็บในขณะที่ปกป้องเธอจากการโจมตีของมอนสเตอร์ ในขณะที่ แชนายอน ร้องไห้และขอโทษเขา แชจินยุน ก็ปลอบเธอและบอกว่าการบาดเจ็บของเขาจะทิ้งรอยแผลเป็นอันทรงเกียรติเอาไว้


 


อย่างไรก็ตามศพนี้ไม่มีแผลเป็น


 


มีอะไรบางอย่างผิดปกติ? หากข้อมูลไม่ถูกต้องแสดงว่า …


 


แชนายอน วางสาย เธอไม่สบายใจที่จะฟังใครสักคนในตอนนี้ หัวใจของเธอเต้นแรงและปวดหัวมากๆ


 


“นี้มัน….”


 


เมื่อมองไปที่รูปภาพในแฟ้มคดี แชนายอน ก็บ่นเบาๆ


 


“นี่ไม่ใช่ พี่ชาย”


 


ศพในภาพไม่ใช่ของ แชจินยุน เธอสามารถบอกได้เลยว่าโดยไม่ต้องมีศีรษะ มีคนทำแบบนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง…ได้เปลี่ยนศพ


 


*************************************************************************


 


[เอเชียกลาง Pandemonium]


 


นี่เป็นเขตปลอดกฎหมายไร้กฏระเบียบและข้อบังคับ มันเป็นถิ่นทุรกันดารซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปีศาจที่เลิกเป็นมนุษย์ ในตอนนี้กลุ่ม Chameleon Troupe มาถึงสถานที่แห่งนี้อย่างสง่างาม นอกจาก ชอคจุนกยอง ที่กำลังยุ่งกับการสำรวจหอคอยสมาชิกทุกคนก็มาอยู่ที่นี่กันหมด


 


“… .”


 


บอสยืนต่อหน้าสมาชิกทุกคน อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้พูดอะไร กลยุทธ์และการวางแผนเป็นงานของเจนและบทบาทของบอสเป็นเพียงการสร้างอารมณ์ร่วมเท่านั้น


 


“ยินดีที่ได้พบเจอพวกนายทุกคน”


 


บอสพูดและมองมาที่ผม ผมเห็นแหวนอยู่ที่นิ้วก้อยซ้ายของเธอ


 


“…อะแฮ่ม.”


 


เธอดูเหมือนจะรู้ว่าผมเองก็มองเธอขณะที่เธอซ่อนมือซ้ายของเธอไว้ด้านหลังเอว


 


“วันนี้พวกเราจะทำขั้นตอนแรกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเรา….”


 


บอสเริ่มพูด


 


“…พวกเราจะแก้ไขความอัปยศอดสูที่พวกเราเผชิญอยู่เป็นเวลาหลายสิบปี Pandemonium ที่ถูกแย่งชิงไปจาก Chameleon Troupe และ


วันนี้พวกเราจะกลับมามองสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของพวกเรา….”


 


มีหลายสิ่งที่ผมไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่าบอสคนก่อนของ Chameleon Troupe มีบทบาทอย่างมากในการสร้าง Pandemonium ดูเหมือนว่าคนรับใช้ของซาตานจะขโมยการควบคุมที่นี่หลังจากการตายของเขา


 


“ทุกคน ขอบคุณที่เชื่อในตัวฉันและตามฉันมาจนตอนนี้”


 


บอสพูดจบแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่มันก็มีเสน่ห์บางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอที่ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก สมาชิกคนอื่นๆของ Chameleon Troupe มองไปที่บอสพร้อมกับใบหน้าที่แตะต้อง


 


“ตอนนี้ฉันจะพูดสั้นๆเกี่ยวกับแผน”


 


ไม่มีเวลาให้เสียเปล่า ทันทีที่บอสพูดจบ เจนก็ก้าวออกมาและพูดต่อ


 


“อย่างที่พวกนายรู้ผู้นำที่แท้จริงของ Pandemonium คือผู้รับใช้ของซาตาน หลังจากการเสียชีวิตของ บอสก่อน พวกเขาก็ยึดครองอำนาจที่ปกครอง Pandemonium เอาไว้”


 


เสียงของ เจน ดังขึ้นในหัวของพวกเรา


 


“แต่ท้ายที่สุดปีศาจก็คือปีศาจ พวกเขาไม่ชอบให้ใครนั่งบนหัว ดังนั้นฉันจึงเตรียมการบางอย่าง เหมือนที่ฉันพูดเสมอสงครามคือการวางแผน 90% ลงมือ 10% ปีศาจ ของ Pandemonium น่าจะฆ่ากันอย่างมีความสุขในตอนนี้”


 


การจุดประกายไฟเรื่องข้อมูลที่รั่วไหล การกระจายข่าวลือ การชักชวนการทรยศ ฯลฯ …ด้วยพรสวรรค์การปลอมตัวเจนได้เตรียมการที่จำเป็นทั้งหมดเอาไว้แล้ว


 


“กลับไปที่ประเด็นหลัก เป้าหมายของพวกเราในวันนี้คือภูมิภาคตะวันออกของ Pandemonium”


 


Pandemonium ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนนั่นคือวิธีที่ผู้ปกครองของ Pandemonium ผู้รับใช้ของซาตานวาดแผนที่เอาไว้ นอกจากนี้พวกเขายังวางกลุ่มปีศาจที่สาบานตนว่ามีความภักดีต่อแต่ละภูมิภาคและกลุ่มปีศาจเหล่านี้ก็แยกดินแดนของพวกเขาออกเพื่อมอบให้กับผู้ที่สาบานตนว่าภักดี อิทธิพลของผู้รับใช้ของซาตานนั้นอ่อนแอเป็นพิเศษในถูมิภาคตะวันออก


 


“ไม่ถึง 1 วัน Pandemonium 1/4 จะเป็นของพวกเรา”


 


เจน ประกาศราวกับว่า Chameleon Troupe ชนะแล้วทั้งๆที่การต่อสู้ยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ กลยุทธ์ง่ายๆพวกนี้ทำให้เจนมั่นใจในการตัดสินใจทั้งหมดของเธอ


 


*************************************************************************


 


ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเจน


 


– พวกเราแจ้งกลุ่มปีศาจที่ตกลงร่วมมือกันกับพวกเรา อย่างแรกก็คือ


สมาคมจันทราทมิฬ ซึ่งมีอิทธิพลในภาคตะวันออก เจ้าของที่นั่งสีเงิน


สีเขียวขุ่นและสีกรีนจะเข้าร่วมเพื่อทำลาย ‘ประกาศแห่งความมืด’ ของฝ่ายตรงข้าม


 


สงครามเริ่มต้นด้วยความช่วยเหลือของ สมาคมจันทราทมิฬ ซึ่งผมเอง ก็มีส่วนช่วยด้วยมีความสัมพันธ์กับ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเสียเปรียบให้ Chameleon Troupe ตลอดหลายปีที่ผ่านมา


 


เจ้าของที่นั่งสีเงิน เกอิต้า


เจ้าของที่นั่งสีเขียวขุ่น เซนต์​ริน


เจ้าของที่นั่งสีเขียว จินหยาน


 


ทั้ง 3 คนเข้าร่วมกับ สมาคมจันทราทมิฬ เพื่อทำลายสังคมปีศาจ


 


– ในขณะที่แผนกำลังเคลื่อนไหวในภูมิภาคตะวันออก สีม่วง สีครามและสีฟ้า ควรสร้างฉากทางทิศตะวันตก พวกนายจะต้องดึงดูดความสนใจของพวกเขา


 


ที่นั่งสีม่วง โดรน


ที่นั่งของ สีคราม ยูคยองฮวาน


ที่นั่งฟ้า คาลิฟา


 


3 คนข้างต้นเริ่มการโจมตีครั้งใหญ่กับปีศาจซึ่งจ้างมาก่อนแล้วในผับซ่อง คาสิโนและแหล่งรายได้มหาศาลอื่นๆ ถูกทำลายและลูกน้องของข้ารับใช้ของซาตานถูกส่งไปปราบเรื่องนี้ โดรน, ยูคยองฮวาน และ


คาลิฟา ได้รับความสนใจจากระดับเบื้องบนของ Pandemonium อย่างสมบูรณ์แบบ


 


– เป็นเพียงเรื่องก่อนที่พวกเขาจะพบสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ คนรับใช้ของซาตานเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของสถานที่แห่งนี้ พวกเขาควรจะรู้ว่าพวกเราอยู่หลังภาคตะวันออก นั่นคือช่วงเวลาที่บอสและสีดำจะออกมา


 


บอสและผมถูกมอบหมายให้กำจัดปีศาจ ผมยิงลูกศรของปีศาจลงไปทางภาคตะวันออกด้วยลูกศรของผม [ธนูของเทมูจิน] และ


[Lv.11 ลูกศรของอเธน่า] ตอบโต้ปีศาจได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทันทีที่


ลูกศรแตะแม้แต่เส้นผมเส้นเดียวของร่างกายเปลวไฟสีขาวก็จะกลืนกินพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นฝุ่นผง


 


– พวกเราน่าจะสามารถจัดการทั้งหมดได้ภายในครึ่งวัน ไม่สิพวกเราต้องทำให้เสร็จในตอนนี้ ปีศาจทางทิศตะวันออกมีความขุ่นเคืองมากมายต่อซาตาน พวกเขาคิดว่าภูมิภาคตะวันตกเป็นตัวเกะกะ


 


เจนตั้งเวลาไว้ครึ่งวันและเหมือนเธอจะอยากให้การต่อสู้สิ้นสุดลงให้เร็วที่สุด


 


– บทบาทของสีดำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการบรรลุเป้าหมายนี้ เหล่า


ผู้บริหารระดับปีศาจกลัวมากที่สุด หากยิงลูกศรออกมาอยากที่ใครจะรอด


 


เช่นเดียวกับที่เธอพูดปีศาจระดับผู้บริหารกลัวลูกศรของผมเกินกว่าจะปรากฏตัวในที่โล่ง ด้วยเหตุนี้ปีศาจธรรมดาของภูมิภาคตะวันออกจึงเข้าร่วมกับพวกเราเพื่อก่อกบฏอย่างมีความสุข แน่นอนว่า


สมาคมจันทราทมิฬ นั้นเป็นคนที่นำพวกเขา


 


– หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนพวกเราก็ไม่ต้องทำอะไรมาก พวกเราจะชนะการต่อสู้ก่อนที่มันจะเริ่มซะอีก คนรับใช้ของซาตานไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้ในภูมิภาคตะวันออกไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม


 


เวลาผ่านไปและดวงอาทิตย์พึ่งขึ้น การต่อสู้ที่เริ่มขึ้นในตอนเช้ากำลังใกล้เข้ามาแล้ว


 


“ทำได้ดีมาก.”


 


ภายใต้ดวงอาทิตย์ตกอันอ่อนโยนบอสมองมาที่ผมและพูดด้วยความขมขื่นที่ดูเหมือนจะทำให้เธอไม่พอใจ


 


“คุณก็เช่นกันบอส”


 


ผมก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน


 


[Chameleon Troupe ยึดครองส่วนหนึ่งของ Pandemonium]


ผมรู้สึกเหมือนเมื่อวานที่ผมเขียนประโยคนี้ลงในนิยายของผม ตอนนี้ผมมีส่วนร่วมในการต่อสู้แห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าแผนนี้เสร็จสมบูรณ์อย่างแน่นอน…


 


ทันใดนั้น…


 


“… ?”


 


ทันใดนั้นโลกก็ชะลอตัวลง ‘Bullet Time’ เปิดใช้งานด้วยตัวเอง


ความรู้สึกเพียงเสี้ยววินาที ความรู้สึกของผมตอนนี้สามารถจับการเคลื่อนไหวของสายลมได้ด้วยการรับรู้ที่เพิ่มมากขึ้นของผม ผมสามารถเห็นบางสิ่งที่คลานออกมาจากพื้นดิน


 


แว้กกกกกกกกกกก-!


 


สิ่งสกปรกและก้อนกรวดพุ่งสูงขึ้นเมื่อมอนสเตอร์ออกมาจากพื้นดิน


 


– คุรุรุรุ, คุรุรุรุ


 


มันเป็นแมลง 2 เท้า


 


คุรุรุรุ, คุรุรุรุ


 


ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงปรากฏตอนนี้ แต่สิ่งมีชีวิตนี้คำรามออกมาและพุ่งใส่บอส มันทิ้งภาพร่างไว้ข้างหลังและเปลี่ยนเป็นลำแสง


 


ตู้มมมมมมมมม…


 


ในขณะที่สิ่งมีชีวิตกำลังพุ่งไปหาบอส เธอยังคงจ้องมองที่ผมและผมก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน แมลงสูง 2 เมตรพุ่งเร็วกว่าขีปนาวุธทำให้ผมคิดว่าผมฝันอยู่ เพียงพริบตา คุรุคุรุ ก็มาถึงหน้าบอส จากนั้นมันก็ยกขาหน้าที่เหมือนเคียวขึ้นมา


 


กี้…


 


เสียงที่เยือกเย็นของเนื้อหนังกำลังถูกตัดออกไป เคียวของคูรุคูรุแทงหัวใจของบอส


 


แม้แต่ในโลกที่ช้าลงคุรุคุรุก็เคลื่อนไหวเร็วมากจนบอสไม่สามารถ


ตอบสนองได้ทันเวลา ไม่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบโต้มันได้ตั้งแต่แรก


คมมีดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้หลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรกแล้ว!!!


 


แม้ก่อนที่มันจะสายเกินไปหน้าต่าง smartwatch ก็โผล่ขึ้นมาต่อหน้าต่อตาผม


 


[คุรุคุรุ – มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์ที่สามารถเข้าถึงความเร็วแสงได้เป็นความเวลา 3 วินาทีโดยดึงพลังงานของมันออกมาจนถึงขีดจำกัด ]


[ตั้งค่าการเปลี่ยนแปลง – เนื่องจากถือว่าเป็นนักฆ่าระดับสูงของการโจมตีระยะกลางความแข็งแกร่งของมันจึงถูกดัดแปลงเป็น 9.2 / 10]


[การเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง – คุรุคุรุ ได้รับการเพิ่มระดับถึงระดับที่สามารถทำข้อตกลงกับมนุษย์และปีศาจได้แล้ว]


 


ผมจ้องที่การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเรื่องและใช้การย้อนเวลาไปก่อนที่ร่างกายของบอสจะแยกออกจากกัน


 


…เวลาที่ผ่านไปเหมือนความเร็วแสงที่ย้อนกลับ


 


บอสยังไม่ตาย คุรุคุรุยังคงอยู่ใต้ดินและแสงแดดก็ยังส่องสว่างอย่างอบอุ่น ผมกลับมาก่อนที่จะเกิดเรื่องเมื่อกี้ 3 นาที ผมมองไปที่ด้านข้าง


ทันที


 


“… บอส”


 


“หืม?”


 


โชคดีที่บอสยังอยู่ข้างๆผม อย่างไรก็ตามจิตใจของผมเต้นรั่วอย่างเกรี้ยวกราดและลมหายใจของผมก็ไม่ยอมสงบลง


 


“เกิดอะไรขึ้น…?”


 


ผมจับข้อมือของบอส


 


“อะ-อะไร? คะ-คิมฮาจิน? นายจับมือฉันทำไม-”


 


บอสบ่นพึมพำ ผมต้องหนีจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด



บทที่ 395 ความตายครั้งแรก (1)


 


ผมจับข้อมือของบอส


 


“อะ-อะไรเหรอ? คะ-คิม ฮาจิน? นายจับมือฉันทำไม-”


 


บอสเริ่มรู้สึกตัวแต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้ลำดับความสำคัญสูงสุดของ


พวกเราคือการหลบหนี


 


เมื่อรวมกับบอส ผมก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาของอาคารใกล้ๆ


 


“คิมฮาจิน!”


 


หลังจากที่พวกเราลงจอดอย่างไร้ที่ติ บอสก็ปัดมือของผมออกไป เธอดูเหมือนจะเขินอายมากกว่าโกรธ


 


“อย่างน้อยๆ นายควรอธิบายให้ฉันรู้”


 


“บอสแปลงร่าง”


 


“…อะไรนะ?”


 


พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มาก ผมขอให้เธอใช้การแปลงร่างเป็น อสูร


 


“เร็วเข้า!”


 


ความแตกต่างก่อนและหลังการแปลงร่างนั้นใหญ่หลวงมากนัก


ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเธอจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าและพลังเวทย์ของเธอจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า แม้แต่คุรุคุรุก็ไม่สามารถฆ่าบอสที่แปลงร่างแล้วด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว


 


“… .”


 


บอสเงยหัวเธออย่างสงสัย แต่ก็ยังปฏิบัติตาม ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและเกราะเงาๆปรากฏขึ้นรอบตัวเธอจาก ณ จุดนี้ผ่านไปเพียง 1 นาที


 


ดังก้อง …


 


อย่างไรก็ตามในขณะนั้นผมรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินไม่นาน


‘Bullet Time’ เปิดใช้งานอีกครั้ง


ความรู้สึกเวลาหยุดนิ่งนั้นยังไม่สามารถทำอะไรมันได้? มันมาเร็วกว่า เมื่อกี้มาก ดูเหมือนว่าผมจะประเมินคุรุคุรุต่ำเกินไป


 


ก็าซซซซซซซซซซซ… !


 


บางสิ่งบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากใต้อาคาร สิ่งนั้นแทงทะลุผ่านใจกลางอาคารขณะที่มันกระโดดขึ้นมา มันตัดโครงเหล็กทำลายบันไดหลายสิบชั้นและมาถึงดาดฟ้าในทันที


 


ชิ้นส่วนที่แตกหักของอาคารถูกโยนขึ้นไปในอากาศ แต่พวกมันก็ลอยอยู่โดยไม่กระจัดกระจาย ในโลกที่เวลาหยุดนิ่งมีเพียงคุรุคุรุเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ


 


แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อกี้มาก


 


บอสในร่าง อสูร สามารถอ่านการเคลื่อนไหวของมัน เธอปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอเพื่อขัดขวาง คุรุุคุรุ และทำลายร่างของแมลงที่พุ่งเข้าใส่เธอ


 


“…?”


 


แต่มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคุรุคุรุ การโจมตีพุ่งไปทางซ้าย ที่มันเล็งไว้เป็นผมไม่ใช่บอสอยู่ที่นั่น ไม่นานมันก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายเป็นผม


 


ความกลัวทำให้ผมตกตะลึงและผมก็พยายามใช้ความสามารถขั้นสูงสุดของผมอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่ผมจะสามารถดึงพลังวิญญาณออกมาได้เคียวของคุรุคุรุก็มาถึงตัวผม


 


…นี่มันไม่ดีแล้ว


 


เอเธอร์สร้างบาเรียป้องกันต่อหน้าผม อย่างไรก็ตามเคียวของคุรุคุรุค่อยๆผ่านเข้ามา เคียวที่เปล่งประกายของมันพุ่งใส่เป้าไปที่ร่างกาย


อาวุธร้ายแรงนี้รวมกับความเร็วสายฟ้าไม่สามารถหลบหรือหยุดได้เลย


 


– ฉึกกกกกกกกกกกกกก


 


ไม่ช้าใบมีดแหลมคมก็แทงทะลุหัวใจของผม แม้ว่าเวลาจะไหลผ่านไปอย่างช้าๆแต่ความเจ็บปวดก็มาถึงอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นจากหัวใจของผมความเจ็บปวดแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งร่างกาย


 


ผมก้มถอยหลัง วิสัยทัศน์ของผมพร่ามัว จิตสำนึกของผมเริ่มเบลอเมื่อหัวใจของผมถูกทำลาย ผมรู้สึกถึงเสียงของโลกที่ลอยไปจากผม


 


ผมล้มลงพร้อมกับดวงตาเบิกตากว้าง


 


สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือบอส บอสเล็งพลังเวทมนต์ของเธอไปที่ คุรุคุรุ


 


*************************************************************************


 


[อังกฤษ – พระราชวังบักกิ้งแฮม]


 


ในขณะเดียวกันเรเชลมองดูเด็กน้อยบนตักของเธอ ฟี้ๆๆๆๆๆๆ…


 


‘เด็กคนนี้มาจากไหน’ เธอคิดในขณะที่เธอจ้องมอง อีเวนเดล ที่นอนหลับสนิท


 


คิมฮาจินบอกเธอว่าเธอเกิดมาจากเมล็ดพันธุ์ นอกจากนี้เขายังอธิบายว่าเธอดูเหมือนเรเชลมากและรับรู้ว่าเรเชลเป็นแม่ของเธอเพราะเลือดของเธอเคยเป็นอาหารของเธอตอนที่เธอเป็นเมล็ดพันธุ์


 


แน่นอนมันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อทุกสิ่งและเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขามา


เปิดเผยการมีอยู่ของเด็กคนนี้หลังจากนั้นถึง 4 ปี


 


“อืมมมม….”


 


แต่ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่านี้อีกต่อไปแล้ว เมื่อเด็กคนนี้อยู่ใกล้เรเชลรู้สึกสงบและสามารถแยกความรับผิดชอบและภาระที่ทำให้เธอหนักใจได้ เพียงแค่มองเธอ ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักที่ออกมาจากก้นบึงของหัวใจ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่า … ‘ความสุข’


 


เรเชลยิ้มอย่างอ่อนโยนและลูบหน้าผากของ อีเวนเดล ผิวนุ่มๆผมสีทองขนตาสวยๆและดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย…ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอช่างน่ารัก


 


“ผู้คนจะคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของเธอ”


 


เรเชลเงยหน้าขึ้นมาเสียงที่คุ้นเคยของ อาแฮอิน ดังขึ้น อาแฮอิน ยิ้มเบาๆ


 


“และพ่อก็เป็นคิมฮาจินอย่างนั้นสินะ?”


 


“…อะแฮ่ม.”


 


ไม่มีคำตอบ เรเชลแค่ไอแห้งๆ ถ้าเธอเกิดแค่จากเลือดของแม่และพ่อ เธอก็ไม่น่าจะมีพรสวรรค์สูงล้นฟ้าขนาดนี้…หรืออาจจะเป็นอย่างที่ทุกคนคิด อาแฮอิน ตัดความคิดมากเกินไปของเธอออกไป


 


“ยังไงก็ตามฉันคิดว่าเธอได้ยินจากคิมฮาจินมาแล้ว”


 


“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าคุณรับผิดชอบการฝึกของ อีเวนเดล”


 


อาจารย์ของ อีเวนเดล ไม่มีใครอื่นนอกจาก ‘อาแฮอิน’ เมื่อเธอได้ยินจากคิมฮาจินเป็นครั้งแรกเธอรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากได้เห็นพรสวรรค์ของ อีเวนเดล ในสายตาของเธอ เธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เรเชลพูดต่อขณะที่เธอจับแก้มของ อีเวนเดล


 


“ได้โปรดอย่าเข้มงวดกับเธอมากเลยนะ”


 


“ฮุฮุ เข้มงวด? เธอไม่รู้เหรอว่าเด็กคนนี้เก่งขนาดไหน”


 


“…อะไรนะ?”


 


“ตอนนี้เด็กคนนี้น่าจะตื่นแล้ว เธอแกล้งทำเป็นหลับเพื่อให้เธอสามารถอยู่เคียงข้างแม่ได้นานเท่าที่จะทำได้”


 


เรเชล มองไปที่ อีเวนเดล โดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นนัยน์ตาที่ปิดสนิทของ อีเวนเดล ก็เหมือนสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในจิตใจ เธอเห็นแววตาเล็กๆน่ารักแอบมองเธออยู่


 


“….”


 


เรเชลแสร้งทำเป็นไม่เห็นและเงยหน้าขึ้นมา


 


“เห็นไหม เธอตื่นแล้ว”


 


“ไม่ เธอนอนหลับอยู่”


 


เรเชลส่ายหัวของเธอแล้ว อาแฮอิน หรี่ตาเธอแคบลง


 


“เธอ ตามใจเด็กคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆเลยนะ”


 


เฮ้อออออออออออ…เสียงถอนหายใจของ อาแฮอิน ยาวขึ้นมา


 


เรเชล ลูบหัว อีเวนเดล และมองดูนาฬิกา


 


เกือบ 8 โมงแล้ว


 


เป็นเวลาที่เธอจะต้องไปทำงาน


 


“จะไปทำงานแล้วเหรอ?”


 


“ใช่.”


 


เรเชล เลือกที่จะเดินทางระหว่าง Crevon และ โลกทุกวันเพื่ออยู่กับ


อีเวนเดล มอนสเตอร์และภัยพิบัติมักจะปรากฎในเวลาดึกดังนั้นตอนนี้เธอจึงอยู่ที่ Crevon ตั้งแต่ 20.00 น. ถึง 8.00 น


 


“และสถานการณ์ใน Crevon เป็นยังไงบ้าง?”


 


“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”


 


เรเชลถอนหายใจ เธอเป็นห่วง Crevon แต่ก็เป็นห่วง อีเวนเดล การทดสอบจะจบลงหลังจากที่พวกเขาเอาชนะภัยพิบัติทั้ง 9 ครั้งและปิดประตูภัยพิบัติลงได้


 


“ไม่สิ ทุกอย่างมันกำลังดีขึ้นทีละน้อย”


 


แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกอย่างหนึ่ง


 


“นี่เกี่ยวกับอัศวินใหม่ที่เธอพูดถึงมาก่อนหรือเปล่า”


 


“ใช่.”


 


เรเชลพยักหน้า ดังที่ อาแฮอิน กล่าวว่าผู้เล่นใหม่เพิ่งเข้าร่วมกับ


รอยัลไนท์ ในฐานะอัศวิน


 


“เธอเชี่ยวชาญในการทำสงครามขนาดใหญ่”


 


เธอแข็งแกร่งเป็น 2 เท่าของมาตรฐานอัศวินทั้งหมด เรเชลยิ้มเบาๆเมื่อคิดถึงรุ่นน้องใหม่ของเธอ


 


“ถ้าเธอยังคงปีนหอคอยต่อไปเธอจะกลายเป็นผู้ติดอันดับได้อย่างง่ายดาย ฉันต้องขอบคุณเธอ”


 


มีข้อดีหลายอย่างในการเป็นอัศวินของ Crevon แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ราชวงศ์ได้ให้พวกเขาเซ็นสัญญากับข้อนี้ ‘ฉันจะไม่ละทิ้ง Crevon เพื่อปีนหอคอย’


 


“อืมและเธอบอกไหมาว่าชื่อของเธอคืออะไร?”


 


อาแฮอิน ถามและ เรเชล ตอบเบา ๆ


 


“อืม เธอชื่อ จิน…จินซาฮยอค”


 


*************************************************************************



บทที่ 396 ความตายครั้งแรก (2)


 


[ชั้น 8-3 Crevon, ปราสาทราชวงค์ อราธอส]


 


“ฮัดชิ้ว!”


 


จินซาฮยอค จามเสียงดังขณะดื่มชา ‘มีใครพูดถึงฉันเหรอ?’ เธอเช็ดจมูกด้วยมือของเธอแล้วหยิบถ้วยน้ำชาของเธอมาดืมต่อ


 


“ว่าแต่จริงเหรอที่ คิมฮาจิน โจมตี Pandemonium?”


 


“ใช่แล้ว ข่าวใหม่ล่าสุดคือ ทุกอย่างจบภายในเวลาแค่ 3 ชั่วโมง”


 


เบลล์ตอบอย่างแดกดัน แต่จินซาฮยอคสีหน้าเธอเย็นชา การเยาะเย้ยถากถางและการหยอกล้อแทบจะทำอะไรเธอไม่ได้เลยในตอนนี้


อาจเป็นเพราะเธอประสบความอับอายมากเกินไป ทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว


 


“ว่าแต่ ซาฮยอค สถานการณ์ TP ของเธอเป็นยังไงบ้าง”


 


“ฉันเกือบจะได้ครบแล้ว”


 


ปัจจุบันเธอมี TP ทั้งหมด 100,000 อีกเพียงเล็กน้อยในที่สุดเธอก็สามารถปรับปรุงคุณสมบัติที่เป็นเฉพาะของเธอได้แล้ว


 


“เธอจะไม่เรียนรู้ทักษะอะไรเลยเหรอ?”


 


“ฉันไม่สามารถรักษาความสามารถขั้นสูงสุดและทักษะที่เป็นเฉพาะของฉันเอาไว้ได้เพราะฉันเคยตายไปแล้ว”


 


หากผู้เล่นเสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียวภายในหอคอยทักษะขั้นสูงสุดและทักษะเฉพาะก็ไม่สามารถเอาออกไปได้ และในความเห็นของ


จินซาฮยอค ทักษะอื่นๆนอกเหนือจากทักษะขั้นสูงสุดและทักษะเฉพาะล้วนน่าเบื่อมากดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกว่าเธอต้องการมัน


 


“อืม นั่นเป็นเรื่องจริง เธอกับรุมิ ตายแล้ว”


 


เบลล์พยักหน้าและดื่มชาของเขา


 


“ว้าว~ นี่รสชาติดีเลยนี่น่า”


 


ชาดำของราชวงศ์มีรสหวานไม่น่าแปลกใจเลยเพราะมันเป็นชา Lv.5


 


“ฉันจะเอาของเหล่านี้ติดตัวไปด้วย…เอ๊ะ?”


 


ทันใดนั้นความรู้สึกแปลกๆก็ส่งพลังกระแสไฟฟ้าไปทั่วร่างกายของเขา


นี่ไม่ใช่สัญชาตญาณ แต่เป็น [ทักษะพื้นฐาน  – ติดตาม] ของเขา ทันใดนั้นใบหน้าของเบลล์ก็เปลี่ยนไป


 


“อะไร?”


 


จินซาฮยอค ถามพร้อมกับถ้วยน้ำชาในมือของเธอ


 


“…ซาฮยอค.”


 


เมื่อเธอได้ยินเสียงอันเคร่งขรึมของเขาจินซาฮยอค ก็คิดทันทีว่า


‘ไอ้พวกนี้กำลังหลอกฉันอีกแล้ว’


 


“นายกล้า….”


 


จินซาฮยอค เริ่มพูดแต่เธอก็ยังคงมองไปด้านหลัง แน่นอนว่าคิมฮาจินไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอตรวจสอบหน้าต่างเพื่อให้แน่ใจ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นเช่นนั้นใบหน้าของ จินซาฮยอค ก็บิดเบี้ยวอย่างชั่วร้าย


 


“ฉันไม่ได้บอกนายเหรอว่าอย่างมาใช้กลอุบายแบบนี้กับฉัน”


 


“เธอยังมีระฆังที่ฉันให้เธอครั้งสุดท้ายใช่มั้ย”


 


อย่างไรก็ตามเบลล์ยังคงจริงจังอยู่ จากนั้น จินซาฮยอค ก็รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น เธอไขว้แขนแล้วถามกลับ


 


“…ระฆังอะไร?”


 


“สิ่งที่ฉันเคยให้เธอก่อนหน้านี้”


 


“อะไร อย่าบอกนะว่ากระดิ่งแมว”


 


“ ใช่แล้ว”


 


[Lv. 6 กระดิ่งแมว]


 


ไอเท็มนี้อนุญาตให้เจ้าของตรวจสอบสถานะทางกายภาพของ


เป้าหมายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากเป้าหมายของเธอ


 


– คิมฮาจิน –


 


เมื่ออยู่ใกล้ระฆังนั้นก็จะเรืองแสงสีฟ้าและหากเป้าหมายกำลังใกล้เข้ามาระฆังก็จะเรืองแสงสีแดง เสียงระฆังดังขึ้น 6 ครั้งเบลเอามาให้เธอเพื่อที่เธอจะได้หลับอย่างสงบ


 


“ใช่แล้ว มันเป็นยังไงเหรอ”


 


“…เอามันออกมา.”


 


จินซาฮยอค ขมวดคิ้ว แต่ทำตามที่เธอบอก ระฆังตอนนี้เป็นสีดำสนิท ทันทีที่เบลล์เห็นมันเขาก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น ในเวลาเดียวกันเขาก็สับสน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้


 


‘ทำไม ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?’


 


“บ้าจริง…….ตอนนี้มันเป็นสีดำไปหมด มันหมายความว่ายังไง?”


 


มันไม่ใช่สีแดงหรือสีน้ำเงิน


 


เบลล์ตอบคำถามของ จินซาฮยอค อย่างงุนงง


 


“ฉันคิดว่า…คิมฮาจินตายแล้ว”


 


“…เอ๊ะ………อะไรนะ?”


 


จินซาฮยอค เป็นคนที่ประหลาดใจที่สุด นิ้วของเธอพันแน่นอยู่รอบถ้วยน้ำชาคลายตัวและถ้วยหมุนเป็นวงกลมขณะที่มันตกลงสู่พื้น


 


เพล๊ง


 


– ชิ้นส่วนของถ้วยที่แตกและน้ำชาที่อยู่ภายในหกอยู่พรมทั่วพรม


แต่ทั้งคู่ก็ไม่แคร์อะไรเลยแม้แต่น้อย


 


“อะไรกัน นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”


 


จินซาฮยอค จ้องมองที่เบลล์แล้วพูดต่อ


 


“ทำไม…..ทำไม…..ไอ้ลูกหมานั้นถึงตาย?”


 


นั่นมันเป็นไปไม่ได้


 


ตอนนี้เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งพอที่จะจัดการเธอภายในหมัดเดียวใช่ไหม มันไม่สมเหตุสมผลเลย ถ้าเขาจะต้องตาย จินซาฮยอค เชื่อว่าเธอจะคิดผิดอย่างแน่นอน แต่ทำไม?


 


“นายกำลังหลอกฉันอีกแล้วใช่ไหม”


 


“ไม่ ฉันกำลังพูดความจริงในตอนนี้ ดูซิระฆังนั้นเป็นสีดำ”


 


“นั่น….มันก็จริง ทะ….ทำไม ไอ้เจ้าบ้านี้ถึงตายอย่างกะทันหัน!”


 


จินซาฮยอค ตะโกน แต่เบลล์ไม่ตอบนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังเช่นกัน


คิมฮาจิน ไม่ใช่คนประเภทที่จะตายได้ง่ายๆแบบนี้


 


“…บัดซบ!”


 


จินซาฮยอค ตะโกนเสียงดังขณะที่เธอเปิด ร้านค้าผู้เล่น เธอซื้อ


[ตั่วกลับสู่โลก] โดยเร็วอย่างไม่มีความลังเล เขาตายจริงเหรอ?


ถ้าอย่างนั้น ใครเป็นคนฆ่าเขา? ใครเป็นคนศัตรูคู่แค้นของเธอ?


เพื่อค้นหาคำตอบจินซาฮยอครีบฉีกตั๋วทันที


 


*************************************************************************


 


[Essence of the Strait สำนักงานหัวหน้าเจ้าหน้าที่ยุทธศาสตร์]


 


มันเป็นช่วงบ่ายที่สงบสุข


 


ยูยอนฮา ทำงานตามปกติเมื่อเธอได้และ คุยสายวิดีโอ


 


– …นั่นไม่ใช่ พี่ชาย


 


นั่นคือสิ่งแรกที่ แชนายอน พูดเมื่อเธอรับสาย


จิตใจของ ยูยอนฮา ทรุดตัวลงเมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้น


 


“อะไรนะ…?”


 


แต่เธอกลับมาใจเย็นอย่างรวดเร็ว แชจินยุน เป็นพี่ชายของ แชนายอน ดูเหมือนเธอจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกว่าที่ยูยอนฮาคิดเอาไว้ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่แชนายอนจะจำพี่ชายของเธอได้อย่างละเอียด


 


“เธอกำลังพูดอะไร….”


 


– ฉันเห็นไฟล์แล้วศพในรูปไม่ใช่พี่ชายมีคนเข้าสับเปลี่ยนร่างกายของเขาเป็นคนอื่น


 


“ไม่มีทาง.”


 


– มันเป็นความจริง เชื่อฉันสิ ฉันมั่นใจ.


 


ยูยอนฮา พยายามทำท่าทางตกใจ แต่เธอก็รู้ทั้งหมดนี้อยู่แล้ว ผู้ชายที่เข้ามาแทนที่ร่างกายของแชจินยุน คือ ‘คิมจุงโฮ’ นักเวชนิติวิทยาศาสตร์ที่รับผิดชอบคดีนี้ แชฉินฮยอค สั่งให้เขาเผาศพของ แชจินยุน แต่เขาเลือกที่จะซ่อนมันไว้แทน


 


– นักเวชนิติวิทยาศาสตร์ผู้รับผิดชอบคดีนี้เป็นคนที่ชื่อ คิมจุงโฮ


แต่ฉันไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน


 


ยูยอนฮา เองก็เคยพยายามหา คิมจุงโฮ มาก่อน แต่เขาก็ไม่ได้ติดเรดาร์เอาไว้ที่ตัวและผู้ให้ข้อมูลที่เธอสั่งให้ติดตามคิมจุงโฮ ก็ถูกฆ่าโดย


แชจูชึล


 


“…จริงๆเหรอ?”


 


– ใช่ เขาหายตัวไปทันทีหลังจากคดีพี่ชายของฉัน แม้แต่ คิมโฮซุบ ก็หาเขาไม่เจอดังนั้นฉันก็เลยวางแผนที่จะตามหาเขา


 


แต่ แชนายอน นั้นแตกต่างกัน แม้แต่แชจูชึลก็คงไม่กล้าฆ่าหลานสาวเพียงคนเดียวของเขา ดังนั้น แชนายอน อาจเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถเจอเขาได้


 


“เธอทำได้มั้ย?”


 


– ได้สิ ตำแหน่งสุดท้ายที่เขารู้จักอยู่ใกล้กับเทือกเขาหิมาลัย ดังนั้นฉันคิดว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในภูเขา ผมซื้อตั๋ว Portal แล้ว


 


“………………..”


 


– เมื่อฉันไปแล้วฉันอาจจะไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ซักพัก ฉันจะโทรไปบอกเธอว่า ฮุฮุ ตอนเจอแล้วก็แล้วกัน


 


แชนายอน ยิ้มอย่างกล้าหาญจากอีกด้านหนึ่งของหน้าจอ แต่การได้เห็นเพื่อนของเธอแบบนั้นทำให้ยูยอนฮาหนักใจ


 


– เอ๊ะ ฉันต้องไป บาย.


 


แชนายอน พูดก่อนที่ ยูยอนฮา จะได้พูดอะไร สิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นคือประตูสู่อินเดีย


 


“เฮ้ออออออออออออออ….”


 


ยูยอนฮา ถอนหายใจลึกๆขณะที่จ้องมองหน้าจอที่ว่างเปล่า เธอถอนหายใจอย่างหนัก


 


*************************************************************************


 


[Pandemonium, ภาคตะวันออก]


 


การวิวาทสั้นๆเกิดขึ้นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ผ่านไปเพียงประมาณ 1 วินาทีเท่านั้น การต่อสู้ด้วยความเร็วสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วและบอสยืนนิ่งงันพร้อมถือแขนแมลงในมือของเธอ แม้ว่าเธอจะได้รับชัยชนะ


แต่แขนนี้ไม่ได้เป็นรางวัล เธอพยายามที่จะตัดแขนข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถป้องกันมันได้อย่างสมบูรณ์


 


“… .”


 


เธอพยายามมองสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในอาคารที่ถล่ม แสงตะวันของพระอาทิตย์ตกลงอย่างช้าๆมีชายคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนถนนที่มืดมิด แต่มนุษย์คนนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป ทุกอย่างตั้งแต่หัวไหล่ถึงกระดูกเชิงกรานของเขาถูกผ่าครึ่งรวมถึงหัวใจของเขา เขากลายเป็นศพอย่างไม่ต้องสงสัย


 


“….”


 


อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถละทิ้งความหวังได้ เธอไม่สามารถยอมรับได้ว่าเขาตายแบบนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นในทันทีและทุกอย่างมันรู้สึกเหมือน ความฝัน


 


เธอเดินไปหาเขาแบบไร้เรี่ยวแรง ขาของเธอไม่สามารถขยับได้ตามที่ใจต้องการ เธอเกือบจะล้มลงไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็มาถึงหน้าเขา


 


แต่ความจริงนั้นโหดร้าย ร่างกายของเขาถูกผ่าครึ่งและเลือดไหลออกมาทั่วร่างกายของเขา เธอมองเขาด้วยความงุนงงและคร่ำครวญต่อหน้าเขา


 


เธอไม่คิดอะไรอีกแล้ว มีเพียงมือของเธอเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวอยู่


มือซ้ายของเธอซึ่งสวมแหวนที่เขามอบให้เธอนั้นถูกวางไว้บนหน้าผากของเขา


 


ผิวของเขาเย็นชาจนเธอกลัว เธอกลัวความเย็นชาที่ไม่สามารถเพิกถอนได้นี้ ความกลัวของเธอเปลี่ยนไปเป็นความเจ็บปวดความเจ็บปวดที่ทำให้จิตใจของเธอแตกสลาย


 


“อ่า….อาาาาาาาาาาาาา”


 


เธอตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด นี่มันเหมือนในอดีตงั้นเหรอ การสูญเสียใครสักคนก่อนที่จะตระหนักได้ในภายหลังว่าเขา…มีค่าสำหรับฉัน


 


ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของเธอก็เบลอจากนั้นเธอก็รู้ว่าน้ำตากำลังไหลรินบนใบหน้าของเธอ


บทที่ 397 เฟตที่ 3 (3)


 


เธอเช็ดน้ำตาของเธอและความเย็นยะเยือกก็แพร่กระจายผ่านปลายนิ้วของเธอ น้ำตาทพให้เธอสับสน เธอเห็นคิมฮาจินขยับมือ เขาตายไปแล้ว เพราะมันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันเธอเลยไม่ได้คิดว่าเป็นความจริง


ความจริงในตอนนี้ไม่ได้ดูเหมือนความเป็นจริง เธอรู้สึกเหมือนจิตใจของเธอลอยอยู่ในหมู่เมฆ อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่านี่คือความจริง เพราะเธอเคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเมื่อหัวหน้าของ Chameleon Troupe เสียชีวิต


 


“… .”


 


ทันใดนั้นเธอก็ร้องไห้อย่างหนัก


 


มันไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้ จริงๆพวกเรามาวันพรุ่งนี้หรือวันอื่นก็ได้


แต่ฉันยืนยันว่ามันต้องเป็นวันนี้ ฉันเป็นคนที่ดึงดันพาคิมฮาจินเข้าสู่ Chameleon Troupe ตั้งแต่แรก ฉันคิดว่าคิมฮาจินเป็นเพียงเครื่องมือ เพื่อล้างแค้นให้กับ บอสคนก่อน และนี่คือบทลงโทษของฉันงั้นเหรอ


 


เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างในตัวเธอพังทลาย ในที่สุดอารมณ์ของเธอก็กลับมาเหมือนเดิม เธอไม่สามารถหยุดกระแสที่รุนแรงนี้ได้อีกต่อไป


 


เธอฝังใบหน้าของเธอลงในหน้าอกอันเย็นเฉียบของเขา เลือดแห้งๆแตะหน้าผากของเธอ ฉากที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ปรากฏต่อหน้าต่อตาของเธอ


 


เวลาที่คิมฮาจินพูดตลกๆกับฉัน คำพูดน่ารักๆและคำพูดตอนที่เขาให้แหวนกับฉัน แหวนที่ช่วยให้สติปัญญาของฉันสูงขึ้น…เขาปกป้องฉัน แต่ฉันไม่สามารถปกป้องเขาได้ ฉัน บอสของเขาทำอะไรไม่ได้เลยเพื่อช่วยเขา


 


เธอหลับตาลงและร้องไห้ในโลกอันมืดดำแห่งนี้


 


“…อืมมม.”


 


ในขณะที่เธอกำลังโศกเศร้าเสียใจและจากการสูญเสียคนที่เธอรักเสียงแปลกๆก็ดังขึ้น


 


“…บอส?”


 


มันเป็นเสียงที่คุ้นเคย แต่เธอไม่มีอะไรอีกต่อไป เสียงของคิมฮาจินเหมือนอาการหลอนประสาท


 


“ถอยออกไปหน่อยบอส”


 


ภาพหลอนเริ่มมีความชัดเจนและสมจริงเกินกว่าที่จะเป็นภาพหลอน


 


“ถอยหน่อยให้ผมได้พูดก่อน”


 


เมื่อได้ยินเสียงอีกครั้งฉันก็เงยหน้าขึ้น คิมฮาจินอยู่ตรงนั้นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม


 


“อะไรกัน….”


 


ฉันฝันหรือเปล่า ทั้งหมดนี้เป็นความฝันใช่ไหม ถ้าไม่จริงแล้วทำไม?


ฉันฝันว่าคิมฮาจินตายงั้นเหรอ?


 


ภายในความสับสนที่เข้าใจยากมีบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น แสงสีทองเริ่มเปล่งประกายออกมาจากร่างของคิมฮาจิน แหล่งกำเนิดแสงที่เธอไม่รู้จักกลืนร่างกายของเขา ฉันถอยหลังไป 1 ก้าวแล้วดูอย่างตั้งใจ


 


สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้น


2 ส่วนที่ขาดออกจากร่างกายของเขากลับมารวมกันกระดูกที่หักของเขาและเนื้อที่ถูกฉีกขาดได้รับการฟื้นฟูและเลือดก็ไหลกลับเข้ามาในเส้นเลือดของเขาอีกครั้ง แม้ฉันจะได้เห็นมันแบบนี้แต่ฉันก็ยังสงสัย


 


“เอ๊ะ…รู้สึกแปลกแฮะ ที่ต้องใช้ชีวิตที่นี่ คุณโอเคมั้ยบอส?”


 


คิมฮาจินผู้ฟื้นคืนชีพจ้องมองที่บอสและยิ้ม บอสยืนนิ่งอยู่ในความงุนงง เคียวแมลงในมือขวาของเธอห้อยต่องแต่งจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน


 


“… !”


 


ไม่ช้าเธอก็โยนเคียวออกไปและกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขา เธอไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้แต่ร่างกายของเธอมันเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง เธอโอบกอดร่างกายของ คิมฮาจิน อย่างแน่นในอ้อมแขนของเธอ เธอรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของเขาอย่างชัดเจน หัวใจที่เต้นของเขาบอกเธอว่าเขายังมีชีวิตอยู่


 


*************************************************************************


 


[แอฟริกากลางใต้ดิน]


 


มนุษยชาติสูญเสียดินแดนแอฟริกากลางอันกว้างใหญ่ให้กับสัตว์ประหลาดเมื่อนานมาแล้ว มนุษย์ไม่สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย มนุษย์ทิ้งดินแดนแอฟริกาส่วนใหญ่และ


สัตว์ประหลาดเข้ามาแทนที่ กฎแห่งป่าซึ่งผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอตามธรรมชาติเป็นนิยามของสถานที่แห่งนี้


 


ทวีปที่ครั้งหนึ่งเคยมีหลาย 10 ประเทศดูเหมือนจะกลับไปสู่การกำเนิดแบบอนาธิปไตย


 


“ดังนั้นเจ้าเลยพ่ายแพ้”


 


อย่างไรก็ตามภาษาของมนุษย์กำลังพูดอยู่ในดินแดนนี้ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถอยู่รอดได้ คนที่พูดไม่ใช่มนุษย์ เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เขาดูเหมือน


 


ชื่อของเขาคือ ออร์เดน


 


เขาเรียกตัวเองว่า ‘ราชาแห่งสัตว์ประหลาด’ และก่อตั้งประเทศของ


สัตว์ประหลาดในแอฟริกาใต้ดิน เมืองใต้ดินอันกว้างใหญ่แผ่กว้างไกลเหมือนอุโมงค์มดและทำหน้าที่เป็นอาณานิคมยักษ์ ออร์เดนเป็นราชาที่ปกครองที่นี่มายาวนาน ภายใต้การปกครองของเขานั้นสัตว์ประหลาดได้ก่อตัวเป็นลำดับชั้นและจากการวิจัยและการทดลองมากมาย


สัตว์ประหลาดตัวใหม่ก็เกิดขึ้นมา


 


มนุษย์เรียกพวกเขาว่า ‘สัตว์ประหลาดร่างมนุษย์’ แต่ ออร์เดน เรียกพวกเขาว่า ‘มนุษย์ยุคใหม่’


 


– คุรุรู, คุรุ….


 


ด้านหน้าของจักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของเขา แมลงที่ดูแปลกๆ พึมพำอย่างอึกทึก แมลงคล้ายกับมนุษย์คุกเข่าลงราวกับว่าเป็นอัศวินที่รับใช้เจ้านายของเขา


 


“เจ้าเสียแขนขวาไปงั้นเหรอ”


 


สายตาของกษัตริย์มองไปที่แขนขวาของแมลง แมลงสั่นไหวด้วยความละอาย เนื่องจากเคียวไม่สามารถสร้างได้ง่ายๆแขนของมันจึงไม่สามารถกู้คืนได้


 


“ไม่ต้องกังวล คุรุคุรุ”


 


อย่างไรก็ตามกษัตริย์ก็ไม่ได้กังวล เขาลุกขึ้นยืนจากบัลลังก์ของเขาและเดินเข้ามาใกล้คุรุคุรุ เสียงฝีเท้าของเขาอบอวลไปด้วยพลังเวทมนตร์


ดังออกมาและบรรยากาศของเมืองใต้ดินสะท้อนการเคลื่อนไหวของกษัตริย์ คุรุุคุรุไม่รู้จะทำอย่างไร.


 


ไม่ช้ากษัตริย์ก็วางมือบนแขนที่ถูกตัดของคุรุคุรุ คุรุคุรุรู้สึกเจ็บปวดแตก็รู้สึกขอบคุณ แขนใหม่พุ่งขึ้นมาจากที่ที่กษัตริย์ได้สัมผัสเขา เมื่อก่อนแขนเป็นเคียวที่คมมากแก็ส่องประกายแวววาวดุร้ายออกมา


 


“มันเป็นโลหะที่ดีที่สุดที่พบได้ใต้ดิน แม้ว่ามันจะไม่สามารถเทียบได้กับ เคียวแห่งแสง แต่ก็สามารถต้านทานพลังเวทย์มนตร์ของมนุษย์”


 


– คุรุคุรุ


 


เรื่องนี้แสดงความขอบคุณต่อความเมตตากรุณาของกษัตริย์ ออร์เดนยิ้มเบาๆและกลับไปที่บัลลังก์ของเขา มันยังคงคุกเข่าไม่ได้มองที่ด้านหลังของลอร์ด


 


“ตอนนี้พวกเรามาฟังเรื่องราวนี้กันเถอะ”


 


ไม่ช้าเสียงของกษัตริย์ก็ดังกระหึ่ม


 


“คุรุคุรุ เจ้าแพ้ใครและเป็นมายังไง”


 


คุรุคุรุรู้สึกอับอายอย่างมากที่ไม่สามารถทำตามคำสั่งของราชาและเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 นาทีก่อน


 


************************************************************************


 


การโจมตี Pandemonium นั้นมาถึงบทสรุปที่ประสบความสำเร็จ


การกลับมาของ ชอคจุนกยอง มีบทบาทอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ข้างในหอคอย แต่เขาแข็งแกร่งขึ้นและทำลายปีศาจที่เหลืออยู่ในภูมิภาคตะวันออกทั้งหมด


 


ยักษ์ใหญ่ที่ก้าวร้าวพร้อมสัญชาตญาณที่เหนือกว่าสัตว์ป่าดุร้าย


ชอคจุนกยอง นั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่มาจากก้นบึงของนรก


 


“เฮ้ออออออออออ… .”


 


หลังจากนั้น Chameleon Troupe ได้เข้าสู่ สมาคมจันทราทมิฬ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับเรา อย่างไรก็ตามผมไม่มีเวลาที่จะมีความสุข


 


คุรุคุรุ


ความจริงที่ปรากฎนั้นหมายถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่ครั้งต่อไป เช่นเดียวกับที่ผมเป็นกังวล เฟตที่ 3 จะจบลงพร้อมกับ Tower of Wish


 


…นอกจากนั้นมีบางอย่างที่ค่อนข้างอึดอัด


 


ผมหันหน้าไปทางด้านข้าง บอสจ้องมาที่ผมอย่างตั้งใจ


 


“บอสคุณไปได้แล้ว ได้โปรดเถอะ”


 


“… .”


 


บอสเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เราต่อสู้กับคุรุคุรุ เธอบังคับให้ผมนั่งลงบนเตียงและปฏิเสธที่จะออกจากด้านข้างตัวผม


 


“นายมีอะไรจะพูดไหม”


 


“… .”


 


เธอไม่ได้ตอบคำถามของผมด้วยซ้ำ เธอเพียงแต่จ้องมองมาที่ผม


 


“สบายดี”


 


ผมเกาคอของฉันและกลับไปนอน จากนั้นบอสก็ตอบสนองโดยการ


ถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


ผมลุกขึ้นมาอีกครั้ง บอสก็มองกลับมาที่ผมอย่างกังวล


 


“… .”


 


ดูเหมือนว่าผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมเริ่มการแข่งขันที่จ้องตากับบอส


 


“… .”


 


“… .”


 


พวกเราจ้องตากัน 5 นาทีโดยไม่พูดอะไร ในที่สุดบอสก็อ้าปากค้าง


 


“ฉันขอโทษ ในฐานะหัวหน้าของนาย ฉันควรจะปกป้องนาย แต่นายก็มาปกป้องฉันแทน”


 


ผมแจ้งให้เธอทราบเกี่ยวกับทักษะพิเศษของผม ซึ่งรวมถึงการย้อนเวลา 3 นาทีและความสามารถในการฟื้นคืนชีพ


 


=== การฟื้นฟูร่างกาย


– ทำงานเมื่อร่างกายของคุณตาย


– ร่างกายของคุณจะกลับสู่สภาวะปกติภายใน 10 นาทีก่อนที่คุณจะ


เสียชีวิต (เหลือการใช้งานตลอดชีวิต 1/2)


===


—————2—————-


บทที่ 398 เฟตที่ 3 (4)


 


การฟื้นฟูร่างกาย ความสามารถที่สามของพลังแห่งโชคชะตามันเปิดใช้งานทันทีที่ร่างกายของผมเสียชีวิตกลับไป 10 นาทีก่อนหน้าผมตาย


ผมบอกบอสเพราะเธอบอกว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเธออยากอยู่ข้างๆผม


 


“ผมสบายดีบอส”


 


“… แต่ฉันไม่สบาย”


 


“ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากหรอก พวกเราได้สิ่งนี้มากแล้ง”


 


ผมยกแขนขวาของคุรุคุรุที่บอสมอบให้ผม เคียวแห่งแสง ส่องแสงสะท้อนแสงจันทร์ส่องลงมาจากหน้าต่าง


 


“แต่มันใช้ยังไง”


 


“คุณหมายถึงอะไร นี่เป็นอาวุธที่น่าอัศจรรย์”


 


เคียวแห่งแสง แม้ว่าตอนนี้มันจะดูแย่นิดหน่อย แต่เมื่อผมทำความสะอาดและใช้ใบมีดเพื่อสร้างอาวุธมันจะเทียบได้กับอาวุธระดับตำนานส่วนใหญ่อย่างง่ายดาย


 


“คุณอยากใช้มันไหม”


 


“… .”


 


บอสส่ายหัวของเธอ


 


ดิ้งงงงงงงงงงงงง –


 


ในขณะนั้นเองผมได้รับข้อความจาก เจน


 


[ฉันคิดว่ามันเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต~ บอสจะสบายดีในวันพรุ่งนี้ ~ เธออาจจะเตะผ้าห่มคืนนี้ด้วยความเสียใจ~]


 


[อ่าๆ อย่าลืมถ่ายเธอตอนนั้นล่าาาา~]


 


ถ่ายเธอ? นั่น…ฟังดูเหมือนความคิดที่ดี ผมยก Smart Watch ขึ้นมาและเริ่มถ่ายVDOเธออย่างเปิดเผย


 


เฮือกกก


 


บอสรีบสะดุ้งทันที


 


“…นายจะทำอะไร?”


 


“ก็จะถ่ายคุณน่ะสิ ผมจะไม่หยุดจนกว่าคุณจะไป ถ้าคุณอยากรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นบอสคุณก็รู้ว่าจะต้องทำอะไร”


 


บอสก้มลงคิดก่อนกระโดดขึ้นมา


 


“ก็ได้.”


 


“…บอกฉันถ้ามีอะไรเกิดขึ้น”


 


เธอออกจากห้องไปหลังจากนั้น


ด้วยสายตาของผม ผมยังคงเห็นเธอเฝ้าประตูอยู่ด้านนอกห้อง แต่เจนก็ปรากฏตัวขึ้นในไม่ช้าและลากเธอออกไป ผมถอนหายใจทันทีที่เธอจากไป


 


“เฮ้ออออออออ… .”


 


ในที่สุดผมก็สามารถอยู่คนเดียว ผมพูดโกหกและเข้าไปใน


[ห้องจัดเลี้ยงสีม่วง]


 


[คุณได้รับคำตอบจาก แดฮยอง แชจูชึล]


 


4 วันที่แล้ว แชจูชึล แจ้งหน่วยงานแห่งความจริงว่าเขาจะตามล่าปีศาจที่เรียกว่า ‘มาร’ ผมส่งโดรนไปที่วิหารแห่งมารเพื่อสังเกตการณ์นั่นไม่ได้อยู่ในจิตใจของผมในขณะนี้


 


“…เราตายไปงั้นเหรอ”


 


คุรุคุรุ ไอ้สารเลวนั้นกล้าฆ่าเรางั้นเหรอ? ผมจะตามล่าแก….


 


*เฟิ้ยววววววววววววววว****


 


เมื่อผมเติมประโยคลงไปลมก็พัดและโอบร่างกายของผมเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าผมไม่ปิดหน้าต่างเอาไว้ละนะ


 


“… ?”


 


ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างอย่างประหลาดใจ


 


“อะไรกัน…?”


 


ที่นั่นผมเห็นแขกที่ไม่คาดคิดนั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง ผมสีน้ำเงินเข้มและดวงตาสดใสพร้อมพลังเวทมนต์สุดอันตราย เป็น จินซาฮยอค เธอจ้องมองมาที่ผมและเดาะลิ้นของเธอ


 


“ฉันสิต้องประหลาดใจ ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”


 


“ …ฉันได้ยินมาว่านายตายแล้ว ทำไมนายยังมีชีวิตอยู่ละ”


 


“เธอพูดว่าอะไรนะ”


 


ผมขมวดคิ้ว เธอรู้ได้ยังไงว่าเราตายแล้ว


 


“เธอมาถูกทุบตีอีกครั้งสินะ”


 


ผมไม่อยากต่อสู้กับเธอด้วยค่าสถานะในปัจจุบันของผม แต่ผมยังแกล้งเธอต่อไป


 


“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้ ฉันเพิ่งได้ยินข่าวว่านายตายดังนั้น


ฉัน…เลยมา…มาหานาย นายรู้จักเขาใช่ไหม เบลล์ ไอ้บ้านั้นโกหกฉัน”


 


โชคดีที่ จินซาฮยอค รู้สึกกลัว เธอแสร้งทำเป็นเขินๆ แต่เธอไม่สามารถพบตาผมได้


 


“พวกเราสามารถต่อสู้กันได้หากเธอต้องการ”


 


“ฉัน….ฉัน….ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้”


 


“หยุดพูดติดอ่างได้แล้ว”


 


“…ฉันแค่อยากจะถะ…ถ่มน้ำลายใส่ศพของนาย ถ้านายตาย……”


 


ผมยิ้มเยาะ ใช่แล้วนี่คือ จินซาฮยอค ที่ผมรู้จัก ทันใดนั้นผมก็นึกถึงสถานะการณ์ตอนนี้จากนิยายต้นฉบับ จินซาฮยอค ร่วมมือกับคิมซูโฮเพื่อกำจัดปีศาจกล่าวว่าเธอเป็นคนที่จะช่วยคิมซูโฮ


 


“มันเป็นความจริง. ฉันตายไปแล้ว ฉันเพิ่งฟื้นกลับมาเมื่อกี้”


 


“…นายว่าอะไรนะ?”


 


“มันเป็นทักษะของฉัน”


 


ใบหน้าของ จินซาฮยอค บิดเบี้ยวทักษะอะไรกันที่สามารถทำแบบนี้ได้? เธอบ่นและพูดขณะที่เธอมองมาที่ร่างกายผม


 


“มีใครบางคนที่สามารถฆ่านายได้งั้นเหรอ”


 


ผมไม่ตอบคำถามเธอ ทันใดนั้นผมก็มีความคิดแปลก ๆ


 


‘ผู้แต่งร่วมปล่อยแต่งให้เธอเป็น “ลาสบอส” จริงๆเหรอไม่สิหรือว่าเขาเปลี่ยนเธอให้เป็นตัวละครที่เป็นกลางและสามารถชักชวนได้?


 


แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยแต่มันเป็นคำถามสำคัญ แม้แต่คุรุคุรุก็ยังมีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ. ในสถานการณ์เช่นนี้ถ้าศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า คุรุคุรุ ปรากฏตัวออกมา จินซาฮยอค อาจกลายเป็นพันธมิตรที่ทรงพลังเท่ากับ คิมซูโฮ ถ้าเธอสามารถชักชวนได้ เพื่อค้นหาคำตอบผมเลยถาม


ออกมา


 


“เฮ้ ทำไมเธอถึงมีชีวิตอยู่ละ”


 


“…ฉันอะไรนะ นายอยากต่อสู้กับฉันเหรอ?”


 


จินซาฮยอค มองมาที่ผมอย่างตกตะลึง แต่เมื่อเธอสบตากับผมเธอก็สะดุ้งและมองออกไปทางอื่นผมยิ้ม


 


“ผู้คนมีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ ฉันอยากถามว่าของเธอคืออะไร”


 


“…ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังเรื่องไร้สาระ ฉันจะไปละนะ”


 


“หา?”


 


“ฉันยืนยันแล้วว่านายยังไม่ตาย มันสำคัญมากที่ฉันรู้ว่านายสามารถฟื้นคืนชีพได้ หมายความว่าฉันสามารถฆ่านายได้หลายครั้งเลยละ”


 


จินซาฮยอค พยายามวิ่งหนีออกไป อย่างไรก็ตามผมขยายเอเธอร์และจับข้อมือของเธอเอาไว้ ผมรู้สึกว่าผมจะไม่มีโอกาสอีกแล้วถ้าผมปล่อยเธอไป จินซาฮยอค จะหลีกเลี่ยงผมต่อไปและเมื่อพวกเราได้เจอกันอีกในอนาคตการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คราวนี้ผมจะเป็นคนถามรายละเอียดเพิ่มเติม


 


“เธออยากกลับบ้านไหม”


 


“… .”


 


จินซาฮยอค หยุดนิ่งแต่ไม่ตอบอะไร ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโยนเหยื่อล่อออกไป


 


“เพื่อ พัลซาร์?”


 


ทันใดนั้นเองที่ จินซาฮยอค แข็งค้างร่างกายของเธอแข็งตัวและพลัง


เวทมนต์ย์ของเธอก็เย็นลง จินซาฮยอค ส่ายหัวเธอต่อผมพร้อมสายตาสั่นไหว


 


“อะ- อย่าบอกฉันนะว่า…นายเป็น ผู้ผลัดหลง ด้วยงั้นเหรอ?”


 


ผมยิ้มและส่ายหัว


 


“ไม่”


 


“อย่ามายุ่งกับฉัน -!”


 


จินซาฮยอค ตะโกนออกมา บ้าแล้วถ้าบอสได้ยินเธอจะตายเอาไว้


 


“ตอบฉัน! นายรู้จักชื่อราชวงศ์ได้ยังไง?”


 


“พวกเราสามารถพูดคุยเรื่องนี้ได้ในภายหลังถ้าพวกเรามีโอกาส”


 


“นายทำให้ฉันสงสัยขนาดนี้แล้วก็จะให้กลับไปงั้นเหรอ!”


 


เสียงของจินซาฮยอค เปลี่ยนไป เธอเข้ามาในห้องจับและจับคอของผมเอาไว้พร้อมตะโกนออกมา


 


“ตอบมา-!”


 


“…เธออาจตายได้ถ้าเธอไม่ปล่อย”


 


อีก 5 วินาทีบอสจะมาถึง


 


ผมยกมือขึ้นและเริ่มนับถอยหลังด้วยมือของผม


 


5 4 3 2….


 


อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าผมจะแตะต้องมังกรเข้าแล้ว จินซาฮยอคเมื่อได้ยินชื่อของราชวงศ์เธอ เธอก็ปฏิเสธที่จะถอยกลับไป


 


จากนั้นผมก็นับถอยหลังเสร็จ…


 


– เจี๊ยบบบๆๆๆ!


 


สัญญาณของสปาร์ตันดังขึ้นในหูของผม มันหมายถึงมีบางสิ่งที่เกิดขึ้นบนชั้น 27


 


“ตอบมา….”


 


ผู้หญิงคนนี้ยังคงตะโกนใส่หน้าผม แต่ผมหมดเวลาเล่นแล้ว สปาร์ตันกำลังเรียกผมและผมก็ถูกดึงเข้าไปในหอคอย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม