The Novel’s Extra 373-384

 บทที่ 373 ระยะเวลาการเตรียมการ (3)


 


เมเดีย ใจเย็นลงครู่หนึ่งเมื่องานศิลปะในชีวิตของเธอถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตาเธอ แต่เธอก็กลับใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว เธอแต่งตัวให้เรียบร้อยและยิ้มอย่างสุภาพ พูดตามตรงมันช่างน่ากลัวเหลือเกินที่เห็นเธอเป็นเช่นนี้ แต่เนื่องจาก เมเดีย ไม่ได้เป็นคนปกติมากนักแม้แต่ในตำนานที่เธอจากมา ปฏิกิริยา ดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ให้ที่นี่


 


“ฉันจะคาดหวังกับมัน ขอบคุณ”


 


เมเดีย ขอบคุณผมด้วยความสุภาพก่อนที่เธอจะจากไป เมื่อได้ยินว่ามีการประชุมระหว่างผู้บริหารขึ้นมาผมยอมรับคำขอของเธอมันไม่ได้เป็น ‘ความโปรดปราน’ แต่มันเป็นการชดเชยตามธรรมชาติสำหรับราคาของชุดนี้…ผมคิดว่าจะเอาสักครึ่งหนึ่งของ Prestige ส่วน อเธน่า ก็จากไปโดยบอกว่าเธอจะกลับมาในอีก 2 สัปดาห์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างเป็นการส่วนตัว


 


“ตอนนี้ภาระถูกยกขึ้นจากไหล่แล้วสินะ…โฮเนอร์? อีเรนเนอร์?”


 


“จริงสิผู้บังคับการทางเดินสู่ห้องจำศีลได้รับการรักษาความปลอดภัย”


 


“งั้นก็ไปกันเถอะ”


 


ผมลงไปที่ทางเดินใต้ดินกับโฮเนอร์ อีเรนเนอร์และทหาร NPC หลายคน


หลังจากเดินประมาณ 20 นาทีพวกเราก็มาถึงสถานที่ที่เต็มไปด้วยห้องจำศีลนับร้อย


 


งานของผมที่นี่นั้นเรียบง่าย ผมหยิบ [กุญแจลึกลับ] ออกมาราวกับว่าไม่มีอะไร จากนั้นผมก็ปลดล็อกห้องจำศีล 200 ห้อง


 


“เอาล่ะนำพวกเขาไปที่ [พื้นที่ 3]”


 


ในขณะที่ผมกำลังให้ โฮเนอร์ และ อีเรนเนอร์ ส่งพวกเขาไป…


 


[ยินดีต้อนรับผู้เล่น Extra7.]


[‘APG 982’ AI ได้รับความมอบหมายให้ดูแลเรือของ Genkelope ทักทายเจ้านาย ผมเชื่อมต่อกับ ‘smartwatch’ ของคุณเพื่อความสะดวกสบายของคุณ]


[การแจ้งเตือนพลังงานกลับสู่การทำงานปกติใน ‘พื้นที่ 3’ และ ‘พื้นที่ 1’]


[คุณสามารถควบคุมพื้นที่ 1 ได้ผ่านการแฮ็คระบบคำสั่ง]


 


“ได้เลยแต่อย่าทำร้ายคนที่อยู่แถวนั้นละ”


 


พรรคพวกของ ไอลีน เป็นผู้บังคับบัญชาเขต 1 แต่เนื่องจากพวกเขาไม่มีใครที่สามารถใช้ประโยชน์จากเรือของพวกเขาได้จึงเหมาะสมที่ผมจะรับมันไป


 


[เข้าใจแล้ว]


[เริ่มแฮ็ค…]


[แฮ็ค เสร็จสมบูรณ์ พื้นที่ 1 ได้รับการซิงโครไนซ์กับพื้นที่ 3]


[วิดีโอของพื้นที่ 1 จะถูกฉายในขณะนี้]


 


– เอ๊ะ อะไรกัน! พวกนายดูนั้น! มีบางอย่างแปลกๆ!


 


– ฮะ? เธอหมายถึงอะไร


 


– ดู!


 


– …เขตที่ 1 เป็นของเจ้านาย…? นี่มันอะไรน่ะ?


 


– อะ-อะไรกัน? นายกำลังพูดถึงอะไร! ฉันกำลังใช้ TP เพื่อเพิ่มพลัง!


 


เมื่อเธอถูกขโมยอีกครั้งไอลีนก็ตะโกนด้วยความโกรธ ผมคิดว่าจะหาอะไรไปตอบแทนเธอทีหลังผมจ้องมองไปที่ โฮเนอร์


 


“ฉันมอบหมายสิทธิ์บางอย่างให้กับ โฮเนอร์ ที่นี่”


 


[เข้าใจ.]


 


“โฮเนอร์ ผู้เล่นหลายคนจะมาที่นี่หลังจากนี้”


 


“รับทราบ.”


 


“พวกเขาส่วนใหญ่จะถูกเรียกขึ้นไปที่เด็คในพื้นที่ 1 เพื่อให้พวกเขาผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและแยกพวกเขาออกตามต้องการ


 


จากนั้นผมมอบโน้ตบุ๊คให้ โฮเนอร์


 


“เอานี้?”


 


“นี่คืออะไร ข้าควรเรียกมันว่าอะไร?”


 


มันเป็นหนังสือแผนที่ยุทธศาสตร์สำหรับชั้น 16 ถึงชั้น 19 ผมไม่รู้ว่ามีกี่คนที่จะปีนขึ้นไปบนพื้นเหล่านี้ได้ ผมคิดว่าการใช้หนังสือเล่มนี้เป็นรางวัลที่จะเพิ่มพลังให้กับเรือในระยะยาว ความพยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


 


“มันเป็นหนังสือแผนที่ยุทธศาสตร์ที่ผู้เล่นจะต้องฆ่ากันให้ได้มันมา


ให้พวกเขาทำในสิ่งที่นายต้องการและมอบสิ่งนี้ให้พวกเขาเป็นรางวัล”


 


“รับทราบ เข้าใจแล้ว”


 


*************************************************************************


 


ผมกลับมาที่ โลกเป็นครั้งแรกในเวลาไม่นาน แต่คราวนี้ผมไม่ได้อยู่


คนเดียว สปาร์ตันมากับผม เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ปลุก ลักษณะเฉพาะ ใหม่ขึ้นมานั่นคือ ‘อำนาจแห่งการดำรงอยู่’ ซึ่งทำให้เขาตามผมออกจากหอคอยแห่งความปรารถนาได้นั้นเอง


 


“โลกภายนอกเป็นยัไงบ้าง มันดีกว่าที่นี่งั้นเหรอ?”


 


– เจี็ยบๆๆๆๆๆๆๆ


 


ผมเปิดประตูอพาร์ทเมนต์ของผมและเจอ สปาร์ตัน ที่พอใจ ทันทีที่ผมเปิดมัน


 


ตุบตุบตุบตุบตุบตุบตุบ –


 


เสียงฝีเท้าดังขึ้นและ อีเวนเดล ก็เข้ามาในสายตาของผม เธอมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มที่สดใสจากนั้นก็หยุดลงเมื่อเธอเห็นสปาร์ตันนั่งอยู่บนไหล่ของผม


 


“อุว้าวววววววววววว…นกตัวใหญ่ละ!”


 


เธอรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นปากของเธอกล้างเท่าขนาดของลูกปิงปอง


 


“อีเวนเดล เธออยากเล่นกับเขาไหม?”


 


“อาาาาาาา…หนูทำได้เหรอ~?”


 


“แน่นอน.”


 


ผมส่งสปาร์ตันไปที่ อีเวนเดล และนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น


ผมหาว 2-3 ครั้งก่อนเปิด Smart Watch ของผมด้วยความอยากรู้


 


===


▷ค่าสถานะ


* ค่าสถานะที่เปลี่ยนแปลงได้


[ความแข็งแกร่ง 10.6 (+5.400)]


[ความทดทาน 10.135 (+5.865)]


[ความเร็ว 14.625 (+1.375)]


[ความฉลาด 14.925 (+1.075)]


[พละกำลัง 10.605 (+4.395)]


[เวทย์มนตร์ 4.55]


 


□ของขวัญ


▷「ปรามจารย์นักแม่นปืน」 [ขั้นกลาง ระดับสูง] [คุณสมบัติวิญญาณ] [วิวัฒนาการ] [ระดับ 3 – ความเชี่ยวชาญ EXP: 83%]


▷「คล่องแคล่วของคนแคระหนุ่ม」 [ขั้นกลาง ระดับกลาง] [วิวัฒนาการ] [รัะดบ 5 – ค่าประสบการณ์: 23%]


▷「ระบบการแสริมความแข็งแกร่งแบบสุ่ม」 [ขั้นต่ำระดับกลาง] [คุณสมบัติวิญญาณ] [วิวัฒนาการ] [ระดับ 3 เชี่ยวชาญ: 83%] [1]


 


□ ร่างกาย (2/3)


「ร่างกายต้านทานเวทมนต์」

」ร่างกายจดจำผลลัพธ์ของยา」

===


 


“ อย่างที่เราคิด….”


 


หากไม่รวมค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นผมจากการผ่าตัดที่ศูนย์อัพเกรด ค่าสถานะของผมเพิ่มขึ้นเพียง 0.6 คะแนน โชคดีที่


ค่าสถานะที่สำคัญที่สุด 2 อย่างสำหรับนักแม่นปืนคือ ‘ความเร็ว’ และ ‘ความฉลาด’ นั้นเพิ่มขึ้นมากขึ้นเมื่อผมใช้


[คลิสตันรอยสัก] เพื่อเร่งพวกมัน


 


แน่นอนว่าตอนที่ผมอยู่ใน Cube ผมกังวลว่าจะมีค่าสถานะถึง 10 แต้มหรือเปล่าผมมาไกลมากตั้งแต่นั้นมา ด้วยการเสริมกำลังที่น่าพอใจเช่น รอยสัก,เอเธอร์,ทักษะ,และร่างกายจดจำผลลัพธ์ของยา ร่างกายของผม ผมใกล้เคียงกับธีโร่ระดับสูงแล้ว


 


กรี้งงงงงงงงงงงงงงง


 


เมื่อผมเริ่มเบื่อ ยูยอนฮา ก็ทำให้ผมสับสน


 


[ฉันพบจอทเวทย์และอาจารย์อย่างที่นายต้องการแล้ว]


[เป็นจอมเวทย์ 8 ดาว อาแฮอิน]


[ยากที่จะหาเธอเจอ ติดต่อฉันทันทีที่นายเห็นสิ่งนี้]


 


“… อาแฮอิน”


 


ผมมองดู อีเวนเดล


 


“เบอร์ดี้ เบอร์ดี้ ~”


 


– เจี๊ยบบบบบบบบบบบบๆ


 


“เล่นกับหนู…ได้ไหม”


 


– เจี๊ยบบบบบบบบบบบบๆ


 


สปาร์ตัน หลบออกมาอย่างเก๋ไก๋ขณะที่ อีเวนเดล ไล่ตามเขา ทุกครั้งที่ อีเวนเดล พยายามแตะต้องเขา สปาร์ตันก็หันหลังกลับและจ้องมองมาที่ผม


 


“เจี๊ยบ… .”


 


เมื่อเห็นเธอสลดใจผมก็ตบหัวของสปาร์ตันทันที


 


*************************************************************************


 


ท้องฟ้าแจ่มใสในวันฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม


 


ผมพบ อาแฮอิน ในห้องฝึกใต้ดินกับ อีเวนเดล


 


“…ฉันจะจัดให้มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดที่มีอยู่”


 


อย่างที่คาด สมเป็น จอมเวทย์ 8 ดาว อาแฮอิน จำได้ทันทีว่า อีเวนเดล คืออะไรและยืนข้อเสนอให้ผมหลังจากเห็นเธอเป็น


ผู้บังคับบัญชากองทัพแห่งวิญญาณ


 


“ไม่นั่นทางเราจะไม่ทำ”


 


ข้อเสนอของเธออยากให้มอบความไว้วางใจให้ อีเวนเดล และบอกแก่สมาชิกที่เชื่อถือได้ของ หอคอยเวทมนต์หรือ


สมาคมฮีโร่เพื่อที่เธอจะได้สังเกตและจัดการอย่างรอบคอบ แต่มันไม่ชัดเจนพอ


 


“เด็กคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ เธอจะต้องได้รับการจัดการอย่างเข้มงวดมากกว่านี้”


 


ดวงตาของ อาแฮอิน มองผ่าน อีเวนเดล แต่ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติม


 


“ ไม่เลย อีเวนเดล เป็นมนุษย์”


 


“… .”


 


เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นของผมแล้ว อาแฮอิน ก็มอง อีเวนเดล อีกครั้ง เด็กผู้หญิงสวมหมวกของจอมเวทและโบกไม้โบกมือไปรอบๆ มันน่ารักไม่ว่าใครจะมอง ไม่ช้ารอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ อาแฮอิน


 


“แต่เธอก็สามารถกลายเป็นหายนะได้”


 


“เธอดูเหมือนหายนะงั้นเหรอ”


 


“… .”


 


“สำหรับผมตรงกันข้าม เธอจะช่วยแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ”


 


ทันทีที่ผมพูดแบบนั้นใบหน้าของ อาแฮอิน จู่ๆก็เย็นชาลงทันที


 


“…เธอหมายถึงอะไร?”


 


ผมเงียบลงทันที เธอพูดต่อ


 


“พูดออกมา เธอคิดว่าหายนะอะไรจะเกิดขึ้นแก่มนุษยชาติ การรับรู้ของสาธารณชนคือโลกอยู่ในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปรากฎตัวของหอคอยแห่งความปรารถนา”


 


…ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับมนุษยชาติ จริงๆแล้ว ณ จุดนี้ในเนื้อเรื่องเดิมคิมซูโฮที่โกรธแค้นน่าจะทำลาย Tower of Wish


แต่ตอนนี้ยังมีเหลืออีก 10 ชั้นที่จะเข้าไปในหอคอยแห่งความปรารถนาและคิมซูโฮก็ยังห่างไกลจากความโกรธแค้นนั้น


สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดคือ ‘บทที่ 3’ ก่อนที่หอคอยจะพัง


 


“…รู้ไหมว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกัน ท่านหญิงอาแฮอิน”


 


“ตอบคำถามของฉันมาถามก่อน.”


 


อาแฮอิน พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมรู้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาคมดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่เธอจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้


ผมจ้องหน้ากับ อาแฮอิน อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นหันไปเผชิญหน้ากับ อีเวนเดล


 


“การดำรงอยู่ที่ไม่ใช่มนุษย์ สัตว์ประหลาดหรือปีศาจ”


 


คิ้วของ อาแฮอิน นั้นกระตุก


 


“ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติผ่านการวิวัฒนาการและการกลายพันธุ์หรือถูกสร้างขึ้นจากการวิจัย…นั่นผมไม่รู้”


 


ผมกล่าวอย่างเคร่งขรึม


 


“แต่ผมรู้ว่ามันฝีมือดีกว่ามนุษย์และเลวร้ายยิ่งกว่าปีศาจ”


 


ศัตรูตัวที่ 3 นั้นแตกต่างจากมอนสเตอร์หรือปีศาจเล็กน้อย เนื่องจากผมเขียนรายละเอียดเอาไว้มากเกินไปในเรื่องต้นฉบับผมจึงบอกไม่ได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างที่ผู้เขียนร่วมแก้ไขให้เรื่องราวมันมีความหมายมากขึ้น


 


“คุณเคยได้ยินตำนานใช่มั้ย มีสัตว์ประหลาดรูปร่างเป็นมนุษย์อาศัยอยู่ในอัฟริกากลาง”


 


“…………..”


 


คำพูดเหล่านั้นทำให้ อาแฮอิน กัดริมฝีปากของเธอ


 


“…เครือข่ายข้อมูลของ Jeronimo มาถึงแอฟริกาแล้วเหรอ”


 


“เป็นเครือข่ายข้อมูลส่วนตัวของ เฟนริล”


 


“…ฉันเข้าใจแล้ว.”


 


ความหายนะครั้งใหญ่นี้จะทำลายทั้งตะวันออกกลางและหนึ่งในสามของยุโรป แต่ด้วยความช่วยเหลือของ อีเวนเดล


ความหายนะระหว่างประเทศจะลดลงอย่างมาก


 


“แม้จะรู้แต่นายก็ยังไม่ได้วางแผนที่จะเปิดเผยการมีอยู่ของเด็กคนนั้นต่อสมาคม”


 


“ไม่ใช่ตอนนี้. ไม่จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”


 


“อืมมมมมมมมมมมม … .”


 


อาแฮอิน หลับตาแล้วไตร่ตรอง


 


ติ้กต๊อก- ติ้กต๊อก- ติ้กต๊อก-


 


นาฬิกา ติ้กต๊อก หลายสิบครั้งในที่สุด อาแฮอิน ก็พยักหน้า


 


“บอกให้ละเอียดเลยนะ. พรสวรรค์ของเด็กคนนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่นายคิด”


 


อาแฮอิน ชี้ไปที่ อีเวนเดล เธอกำลังเต้นรำกับ ฮายัง หลังจากฝึกซ้อม


 


“5 ปี นายเป็นคนพูดเองงั้นเหรอ?”


 


“…อะไรนะ?”


 


5 ปี? 5 ปีอะไร ในขณะที่ผมเอียงศีรษะของผม อาแฮอิน ก็พูดต่อ


 


“3 ปี…ไม่ 2 ปีก็เกินพอที่เธอจะเอาชนะฉันได้”


 


“โอ้ จริงเหรอ?”


 


ช่างน่าทึ่งจริงๆ


 


ผมพยักหน้าและถามต่อ


 


“งั้นคุณสอนเธอได้ไหม”


 


“…นายสงสัยความสามารถของฉันงั้นเหรอ”


 


“ไม่หรอกแต่ อีเวนเดล ไม่ได้ใช้พลังเวทมนต์น่ะสิ”


 


อีเวนเดล ใช้ ‘พลังวิญญาณ’ พลังที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเธอ [2]


 


“ฉันรู้ ไม่ต้องกังวลไป”


 


อาแฮอิน ชูนิ้วออกมา 2 นิ้ว


 


“สองวันต่อสัปดาห์ฉันจะมาที่นี่เพื่อสอนเธอเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ราคาจะเป็น”


 


“คุณอยากได้เป็นสกุลเงิน TP หรือเงินในโลก? อ่า คุณจะแลกเป็นไอเทมใน หอคอยก็ได้เช่นกันหากคุณต้องการ”


 


“…จริงเหรอ?”


 


อาแฮอิน ดูเหมือนจะผงะไปเลยแฮะ ผมยิ้มเบาๆ


 


“อ่านี่เป็นเรื่องธรรมดามากเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยความโด่งดังของ Tower of Wish ทำให้ผู้เล่นภายใน หอคอย แลกเปลี่ยนกับสิ่งของภายนอก หอคอย”


 


“อ่า ฉันก็ได้ยินเรื่องนั้นมาเหมือนกัน ในกรณีนั้น….”


 


อาแฮอิน ได้ทำสัญญา กระดาษสีดำนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ ยูยอนฮา ชอบที่จะใช้ อาแฮอิน เองก็คงได้รับมันมาจากเธอ


 


“50,000TP ต่อทุก 2 สัปดาห์เป็นยังไง”


 


“ไม่มีปัญหา”


 


“…นายมี TP จำนวนมากขนาดไหนกัน 50,000TP มันเยอะมากเลยนะ”


 


“หากคุณกำลังพูดถึงสินทรัพย์ของผม ผมมียอดเงินมากกว่านั้น 1000 เท่าได้ละมั่ง”


 


อาแฮอิน หรี่ตาของเธอลงและตรวจสอบดูผม ผมยิ้มและลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ผมนั่ง ถึงเวลาแนะนำ อีเวนเดล กับอาจารย์ของเธอแล้ว


 


“หืม?”


 


อย่างไรก็ตาม อีเวนเดล ไม่ได้อยู่ที่นั่น สปาร์ตัน และ ฮายัง ก็หายไปเช่นกัน เมื่อผมมองไปรอบๆห้อง อาแฮอิน ก็พูดออกมา


 


“พวกเธอเพิ่งออกไป”


 


“พวกเธอออกไปงั้นเหรอ?”


 


“นายควรให้ความสำคัญกับลูกของนายมากกว่านีนะ… ชิ”


 


ขณะที่เธอพูดแบบนั้นอาแฮอินก็มุ่งเน้นไปที่การเขียนสัญญา ในขณะที่ผมรอเธอให้เสร็จ ผมก็พบ Smart Watch บนพื้น


มันเป็นของ อีเวนเดล ในโลกนี้ smartwatch เต็มไปด้วยบทบาทของสมาร์ทโฟน แต่เนื่องจาก smartwatch นั้นมีหลายแบบและมี Smart Watch ที่ยังไม่ล้าสมัยมาก ผมอยากรู้อยากเห็นผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทันทีที่ผมปลดล็อคเครื่องมือค้นหาสีเขียวก็จะปรากฏขึ้นพร้อมกับประวัติการค้นหาต่อไปนี้


 


[อังกฤษ]


[สัญลักษณ์แห่งอังกฤษ]


[เจ้าหญิงแห่งอังกฤษ]


[เจ้าชายแห่งอังกฤษ]


[เนเชล]


[เรเชล]


[เรเชล]


 


“… .”


 


ทันใดนั้นผมก็รู้สึกขมขื่น ประวัติการค้นหาของ อีเวนเดล เต็มไปด้วยการตามหาเจ้าหญิงเรเชลของอังกฤษ


 


“เฮ้อออออออออออออออออ … .”


 


เรเชลเป็นคนที่รู้จักกันดีและมักปรากฏในสื่อ จริงๆแล้วเธอยังไปออกข่าวในเช้านี้ด้วย ไม่เพียง แต่เป็นเจ้าหญิงแห่งอังกฤษเท่านั้น แต่เธอยังเป็นหนึ่งในผู้ครองตำแหน่งสูงสุดของหอคอยราชองครักษ์แห่ง Crevon และเป็นผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Crevon ความงดงามของเธอก็ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในหน้าฟอรัมเกาหลีดังนั้นมันจึงไม่


น่าแปลกใจถ้า อีเวนเดล จะเห็นเธอ … ที่จริงแล้วเธออาจมองหาเรเชลอยู่ทุกวัน


 


“เอานี่”


 


ในขณะนั้นเอง อาแฮอิน ก็มอบสัญญาให้ผม ผมเหลือบมองไปที่มันและลงนามทันที


 


“…ถ้างั้นผมจะส่ง 50,000TPTP ไปที่ ยูยอนฮา”


 


“ เข้าใจแล้ว”


 


“ผมจะไปรับ อีเวนเดล”


 


ผมออกจากห้องฝึก มันไม่ยากที่จะหา อีเวนเดล เธอแค่นั่งบนชิงช้าในสนามเด็กเล่นใกล้ๆดูบางสิ่งบน Smart Watch


ของเธอ


 


“อีเวนเดล?”


 


ผมโทรหา อีเวนเดล ด้วยรอยยิ้ม อีเวนเดล โบกมืออย่างรวดเร็วและรีบปิดหน้าจอโฮโลแกรมของ Smart Watch อย่างรวดเร็ว


 


“หนูอยู่ที่นี่ ฮาจิน ฮาจิน~?”


 


ด้วยเหตุนี้เธอจึงวิ่งมาหาผมไม่ได้ เมื่อเห็นเธอปกปิดหน้าจออย่างเชื่องช้าผมก็เข้ามาหาเธอก่อน


 


“ฮาจิน หนู….”


 


“ไม่เป็นไร.”


 


ผมคุกเข่าต่อหน้า อีเวนเดล ซึ่งสูญเสียสิ่งที่ต้องทำและได้มองดวงตาของเธอเบาๆ


 


– เจ้าหญิงเรเชลผู้เพิ่งกลับมาจากหอคอยแห่งความปรารถนาได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากความสามารถของเธอในฐานะผู้ใช้พลังธาตุ…


 


ข่าวที่ออกอากาศออกมาจาก Smart Watch ของ อีเวนเดล ผมกอด อีเวนเดล เบา ๆ


 


“ถ้าเธอฝึกฝนอย่างหนักและรออีกหน่อย ฉันสัญญาว่าจะให้หนูพบเธอคนนั้น”


 


*************************************************************************


บทที่ 374 ระยะเวลาการเตรียมการ (4)


 


…หลังจากความพ่ายแพ้ของวันนั้น ฉันก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความมืดมิดและความเงียบงัน ความเชื่อมั่นของฉันก็พังทลายลงและความอัปยศอดสูฝังอยู่ในร่างกายทุกนิ้ว


 


ความเจ็บปวดในวันนั้นยังคงตามหลอกหลอนฉันทุกคืน ฉันขอร้องเขาให้ไว้ชีวิตของฉัน มันไม่สามารถลบออกไปได้


 


ทุกวันเขาปรากฏตัวในฝันร้ายของฉัน ต่อหน้าดวงตาที่เยือกเย็นของเขาสิ่งที่ฉันทำได้คือสั่นด้วยความกลัวเหมือนกระต่าย


 


ฉันรู้สึกว่าพื้นฐานของตัวเองพังทลายลงจากการบาดเจ็บครั้งนี้ ความรู้สึกที่ไร้พลัง ไร้อำนาจปกคลุมทั่วร่างกายของฉัน ตอนนี้ชีวิตของฉันถูกความว่างเปล่าเข้ามาแทนที่ 2-3 วันหลังจากเหตุการณ์นั้นฉันใช้เวลาส่วนใหญ่นอนอยู่บนเตียง


 


มันสายเกินไปกว่าที่จะรู้ความจริงเรื่องนี้ ฉันไม่เคยพ่ายแพ้อย่างน่าอัปยศขนาดนี้ ปกติฉันมีข้อแก้ตัวสำหรับความพ่ายแพ้และพยายามหาเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ายังมีความหวัง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ฉันจึงกลายเป็นผู้แพ้ที่ทนไม่ใช่


 


ฉันเริ่มทำสิ่งที่ตัวฉันต้องทำทีละน้อย  ฉันเริ่มใช้ความพยายาม


ฉันใช้ความพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ฉันเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจเพื่อเรียนรู้ความหมายของ ‘ความพยายาม’ เป็นครั้งแรก มันอาจเป็นเพราะความพยายามที่ฉันใส่ลงไปนับตั้งแต่วันที่พ่ายแพ้


วันที่ฉันรู้สึกว่าประสบความสำเร็จมากขึ้น แม้ว่าร่างกายของฉันจะ


สั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงวันที่แสนเจ็บปวด …ในที่สุดฉันก็ได้รับโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่หลังจากล้มลงไปที่ขอบหน้าผา


 


[2 สัปดาห์ต่อมา ชั้น 15 – เรือของ Genkelope]


 


บนดาดฟ้าของยานอวกาศที่เต็มไปด้วยผู้เล่นหลายคน เบลล์


จินซาฮยอค และรุมิกำลังรอที่จะได้รับการอนุมัติให้เข้าไป


 


“ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง” เบลล์ถาม


 


จินซาฮยอค ได้แต่พยัคหน้าเบลล์ชอบการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางนี้ จินซาฮยอค เป็นคนประเภทที่มักจะพูดคุยด้วยการกระทำมากกว่า


คำพูด แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นคนเงียบๆและรอบคอบมากขึ้น เท่าที่เขาคิดมาตลอดเรื่องนี้เหมาะกับอนาคตที่เธอจะ ‘แข็งแกร่งที่สุดในโลก’


 


– แขกใหม่


 


สุดท้าย…ใครจะคิดว่า จินซายอคจะมีความอดทนรอเข้าแถว นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เรียบง่าย แต่สำคัญมาก


 


“ถึงตาพวกเราแล้ว ไปกันเถอะ.”


 


“ฉันจะไปก่อน”


 


‘รูมิ’ เป็นคนแรกที่เข้าไป ภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีเธอก็ลงเรือ


ถัดไปคือ จินซาฮยอค เธอเดินไปที่การรักษาความปลอดภัยอย่าง


ไร้อารมณ์ แต่มีบางอย่างผิดปกติ พนักงานที่เห็นใบหน้าของ


จินซาฮยอค สั่นไหวจากนั้นรีบเอามือไปวางไว้ใต้โต๊ะ


 


“มีอะไรผิดปกติ”


 


– โปรดรอสักครู่.


 


“เพื่ออะไร?”


 


– โปรดรอสักครู่…


 


“อะไรกัน?”


 


จินซาฮยอค ขมวดคิ้วเพราะการเลือกปฏิบัติที่แตกต่างขนาดนี้และแล้ว


วิ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!


 


ทันใดนั้นก็มีทหารติดอาวุธ 8 นายปรากฏตัวและล้อมเธอเอาไว้


 


“นี่มันอะไรน่ะ?”


 


ระบบแจ้งเตือนก็โผล่ขึ้นมา


 


[คุณถูกทำเครื่องหมายว่าเป็นอาชญากรชั้นของ 15 ค่าสถานะทั้งหมดลดลง 70%]


 


“…อะไรนะ? อาชญากร? ฉัน….ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่! ฉันไม่…”


 


– จับเธอเอาไว้!


 


ก่อนที่เธอจะส่งเสียงร้องเรียนทหารก็พุ่งเข้าหาเธอ เมื่อค่าสถานะของเธอลดลงจินซาฮยอค ก็ต่อต้านพวกเขาไม่ได้ เธอทำได้เพียงแค่จ้องมองอย่างไม่เต็มใจในขณะที่ร่างของเธอถูกจับเอาไว้


 


“ทำไมต้องเป็นฉัน!? ทำไมต้องเป็นฉัน!? ทำไมต้องเป็นฉัน!?”


 


– คุณถูกจับกุม


 


“อะไร? ทำไมฉันถึงถูกจับ? เฮ้! ปล่อยฉันไป!”


 


– คุณถูกจับกุม


 


“แล้วมันเพราะอะไรละ! ฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลย! ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกนายจับผิดคน!”


 


– คุณถูกจับกุม


 


“แก-แกก ไอ้พวกบ้า…! เฮ้ เบลล์! ทำอะไรกับพวกเขาบ้างสิ…?”


 


อย่างไรก็ตาม จินซาฮยอค เห็นเบลล์พูดกับคนที่อยู่ข้างหลังเขาเหมือนว่าพยายามที่จะไม่เกี่ยวข้องด้วยมันเป็นภาพที่คุ้นเคยของจินซาฮยอคและแล้วเธอก็เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร


 


“เบลล์อย่าบอกนะ… นี่นายจะทำอะไรน่ะ!?”


 


– พวกเราจะให้คุณหมดสติลงถ้าคุณไม่เงียบ


 


“พวกแก ควรจะปล่อยฉัน!”


 


จินซาฮยอค พยายามที่จะได้รับฟรี แต่ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้กับค่าสถานะของเธอที่ถูกจำกัดเธอ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใส่กุญแจมือเธอด้วยไอเท็มจำกัดเวทย์มนตร์ด้วยซ้ำ


 


“เบลล์ แกไอ้ลูกหมา!”


 


เมื่อได้เห็นการกรี้ดร้องของจินซาฮยอค เบลล์ก็คิดว่า


 


‘เธอเหมือนสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ’


 


“เบลล์! เบลล์-! เบลล์l-!”


 


จินซาฮยอค ถูกลากออกไปขณะที่เธอยังคงตะโกนอยู่ เบลล์มองหน้าเธอและพูดออกมา


 


[ไม่ใช่ฉัน.]


 


“แกหมายความว่ายังไงถ้าไม่ใช่แก! ถ้านั่นเป็นเรื่องจริงก็มาช่วยฉันเร็ว!”


 


เบลล์ไม่สนใจ จินซาฮยอค และกลับไปคุยกับคนที่อยู่ข้างหลังเขา


มันจะเป็นอันตรายหากเกิดสิ่งเดียวกันขึ้นกับเขา


 


“กรี้ดดดดดดดดดดดด-! ทำไมแกถึงทำกับฉันแบบนี้!?”


 


จินซาฮยอค ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ความโกรธและความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งเพิ่มขึ้นภายในจิตใจของเธอจนถึงจุดน้ำตาแตก


 


“ทำไม!? ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไม….”


 


– คุณถูกจับกุม


 


“จับแม่มึงสิ! ปล่อยฉันไปนะ! ปล่อยฉันไป! ปล่อยยยยยยยยย—!”


 


ไม่นานกำลังก็มาถึงและจินซาฮยอคที่เหนื่อยล้าก็จะถูกลากตัวออกไป


 


“ทำไมอย่างน้อยก็บอกฉันว่าทำไม ได้โปรดอย่างน้อยก็แจ้งให้ฉันทราบเหตุผล….”


 


ขณะที่เธอหายตัวไปอย่างช้าๆเบลล์ก็หันกลับมาและกระซิบว่า


 


‘…ฉันจะไปช่วยเธอรอก่อนนะ’


 


– แขกใหม่


 


“อ๊ะ ฉันเอง”


 


– ผู้เล่นยืนยันแล้ว


 


เบลล์เป็นห่วงไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะสบายดี


 


“เอาละ ช่างเป็นอะไรที่น่าเศร้าจริงๆ”


 


หลังจากเข้าไปในยานอวกาศเบลล์มองไปรอบๆด้วยความประหลาดใจ สถานที่นั้นเกือบจะเหมือนย่านที่อยู่อาศัย เขาเห็นร้านเบอร์เกอร์ ร้านซูชิและแผงขายอาหารเกาหลี พวกเขายังมีไฟนีออนอยู่เหนือพวกเขาเป็นโฆษณา


 


“โอ้…นี่คือหนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นเหรอ?”


 


ขณะที่เขามองไปรอบๆเรือ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น เบลล์มองไปที่ทิศทางนั้น ที่นั่นเขาเห็น ผู้เล่นท็อปแรงค์ แชนายอน และ คิมยองจิน


 


“อืม ลองดูและส่งต่อให้สมาชิกกิลด์คนอื่นๆ”


 


“ว้าว~ ขอบคุณมาก! ฉันได้ยินมาว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับสิ่งนี้


เธอทำได้ยังไง?!”


 


“ฉันล้างบางมอนสเตอร์ในห้องใต้ดินของเขต 5 มันยากมากจริงๆ”


 


“อืม พวกเราจะขึ้นไปชั้น 16 ทันทีเลยไหม?”


 


“ไปเลย”


 


แชนายอน น้องสาวของ แชจินยูน นี่น่า เมื่อมองเห็นเธอ เบลล์ก็เลียริมฝีปากของเขา


 


‘เธอเองก็เป็นผู้เสียสละเช่นกัน…ฉันควรไปกับเธอแทนดีไหมนะ?’


 


ขณะนั้นเอง แชนายอน ก็รู้สึกถึงสายตาของเขาและหันมองไปทางเขา เบลพบดวงตาของเธอและยิ้มให้เธออย่างแผ่วเบา แต่บางทีเธออาจไม่พอใจกับรอยยิ้มของชายแปลกหน้าคนหนึ่ง แชนายอนขมวดคิ้วและ


หันหลังให้เขาทันที


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า…น่ารักจัง”


 


เบลล์ ยิ้มแล้วหันไปดูรอบๆเรือ แต่ตอนนี้เขาคิดแล้วเขาก็คิดถึงคนที่เข้ามาก่อนจินซาฮยอค


 


“อ่า รุมิอยู่ไหน? ชิ ผู้หญิงพวกนี้ ชอบออกไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง”


 


แต่เบลล์ก็แค่ยักไหล่ เขาไม่สนใจว่า รูมิ จะกำลังทำอะไรอยู่ เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของคนอื่นและอีกอย่างยังไง


ผู้เล่นก็สามารถชุบชีวิตได้ 2-3 ครั้งอยู่แล้ว


 


“อืม…ฉันเดาว่าฉันจะต้องไปที่คุกก่อน”


 


เบลล์ถอนหายใจและเริ่มมุ่งหน้าไปยังบ้านใหม่ของจินซาฮยอค


 


*************************************************************************


 


ในขณะที่เบลล์และจินซาฮยอค มีเวลาค่อนข้างๆสงบ (?) รูมิ ก็ถูกลากไปยังตรอกมืด ในขณะที่ จินซาฮยอค ถูกจับโดยกองกำลังตำรวจของเรือ รูมิ ถูกจับโดยบุคคลที่อันตรายมากกว่า


 


…ไม่ได้เจอกันนานนี้ รุมิ


 


เสียงเย็นชา ดังก้องออกมาจากเงามืดที่ดึงเธอเข้ามา เพียงแค่การมีอยู่ของเธอก็สามารถทำให้รูมิหายใจไม่ออกได้แล้ว


 


…ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหม ฉันจะฆ่าเธอถ้าฉันเห็นเธออีกครั้ง


 


“ทำไมฉันถึงต้องตาย?”


 


…เธอทรยศบอสไปอยู่กับเบลล์


 


“…ถูกต้อง แต่บอสไม่เก่งเรื่องคนอย่างที่เธอคิดว่าเขาเป็น”


 


ในทันทีนั้นเองพลังเวทมนต์ที่กดดัน รูมิ ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


 


“รอ-รอเดี๋ยวก่อน! เธอก็รู้ใช่ไหม! เหตุการณ์กวางโอ้!”


 


รุมิ ตะโกนอย่างรีบเร่ง


 


แม้แต่การเสียชีวิตเพียงครั้งเดียวก็ทำให้สูญเสียทักษะไปได้ รุมิ ตระหนักดีถึงความสำคัญของทักษะ


 


“เธอรู้ไหมว่าบอสเป็นคนจัดการภารกิจนั้น”


 


เพื่อความอยู่รอด รูมิ ได้สัมผัสกับจุดที่บอบบาง แต่พลังเวทมนต์ในเงานั้นกลับยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ รุมิ รู้ว่าเธอไม่สามารถคาดหวังความตายอย่างสงบสุขจากหญิงสาวตรงหน้าเธอได้ ตัวเธอสั่นเทาอย่างเจ็บปวดและหวาดกลัวขณะที่เธอตะโกนอย่างบ้าคลั่ง


 


“เขาพาเธอออกไปทดสอบความสามารถของเธอและที่นั่นทำให้เธอได้พบกับ เจ้าของบังลังค์สีดำ คนปัจจุบันเป็นครั้งแรก! ในฐานะนักฆ่าและเหยื่อที่น่าสงสาร!”


 



 


พลังเวทย์หยุดลงชั่วคราว รูมิ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยคิดในใจว่าเธอเจอทางรอดแล้ว


 


“ถูกต้อง ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้น หากเธอไม่อยากให้ฉันบอกเขา


ปล่อยฉันไป ฉันตายเกิดได้อีกแม้ว่าเธอจะฆ่าฉันคิดให้ดี” รูมิ พูด


 


เงากะพริบในอากาศแล้วปล่อยเสียงแผ่วเบาออกมา


 


…รุมิ


 


“อะ-อะไร?”


 


หลังจากนั้นไม่นานความเจ็บปวดก็กลืนกินรูมิไปทั้งตัว


 


…เธอคิดว่าฉันเป็นใคร


 


“อ้า อาก อ่ะ…รอเดี๋ยวก่อน…”


 


…ไม่มี โอกาศสำหรับการเจรจาอีกแล้ว


 


เงากลืนกินหญิงสาวคนหนึ่งไปอย่างง่ายดาย…


 


ฉวับ ฉวับ ฉวับ ฉวับ ฉวับ ฉวับ ฉวับ


 


เสียงตัดขาดดังขึ้นเรื่อยๆ


 


ในช่วงเวลานั้นความเจ็บปวดรอบๆร่างกายของเธอก็หายไปและรุมิก็หันกลับมามองอย่างสงสัย


บทที่ 375 การสลับปริศนา (1)


 


ฉวับบบบบบบ


 


เสียงดังขึ้นพร้อมความเจ็บปวดรอบๆ ร่างกายของเธอก็หายไปและ


รุมิหันไปมาด้วยความสงสัย เงาที่ทำให้เธอหายใจไม่ออกยังคงอยู่ที่เดิมโดยมีผมของเธอปิดหน้าราวกับผีและดวงตาของเธอจ้องมองไปที่อากาศ ดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะได้รับข้อความบางอย่าง…เธอพิมพ์ตอบอยู่งั้นเหรอ? เลยหยุดนิ่งไป


 


“กรี้ดดดดดดด-!”


 


ใบมีดชั่วครู่หยุดลงชั่วคราวและรุมิเองก็ตระหนักแล้วว่าผู้หญิงคนนี้


ไม่ได้ตั้งใจจะเก็บเธอเอาไว้


 


“เธอ…เองก็น่าจะรู้…ว่าเจ้าของบัลลังค์สีดำ…เฟนระเบิดเวลา ตอนนี้เขามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆผู้คนจำนวนมากพยายามขุดค้นอดีตของเขาและความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะกลายเป็นที่รู้จักกันในไม่ช้า”


 


ดังนั้นแทนที่จะขอร้องให้ไว้ชีวิต รูมิ ตัดสินใจที่จะเพิ่มน้ำหนักทำให้เธอคนนี้สับสนแทนในอนาคตของเธอ เธอทนความเจ็บปวดที่แพร่กระจายและยังคงพูดต่อไป


 


“วันนั้นจะมาถึง…ในที่สุดเธอจะต้องตัดสินใจระหว่างอดีตหัวหน้า…กับเจ้าของบัลลังค์สีดำคนปัจจุบัน”


 


ผลลัพธ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เธอคงอยากจะให้เขาให้อภัยเธอละสิเจ้าของบัลลังค์สีดำสุดท้ายเขาจะไม่ใว้ใจเธอและในที่สุดเธอก็จะลงมือฆ่า เจ้าของบัลลังค์สีดำ ที่เธอควรจะฆ่าเมื่อนานมาแล้วงั้นเหรอ?


 


“ให้ฉันเดา เธอต้องเลือกระหว่างคนตายกับคนเป็น เธอคงจะเลือก


คนตายอีกครั้งสินะ”


 


แต่ไม่มีคำตอบมาจากเงามืด


 


ท่ามกลางความเจ็บปวดที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอตอนนี้มันเต็มไปด้วยความโกรธที่ผุดขึ้นมาจากความตายที่ใกล้เข้ามา รุมิกัดฟันและสาปแช่งออกมา


 


“บอสของเธอ ….เธอจะต้องกำลังดอกบัว….”


 


นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเธอ เสียงระเบิดดังขึ้นจากกระดูกสันหลังของเธอและร่างกายของเธอกลายเป็นไอหายไปทันที รูมิ เสียชีวิตลงในขณะเดียวกันบาเรียที่ห่อหุ้มพวกเธอเอาไว้ก็กระจัดกระจาย ตรอกด้านหลังของเรือถูกห้อมล้อมด้วยความเงียบ มีเพียงเงาที่ยืนอยู่ที่นั่น


 


หัวของบอสเจ็บปวดจนน่าประหลาดใจ สิ่งที่เธอเพิ่งได้ยินมานั้นทำให้เธอตกใจอย่างไม่คาดคิด มันไร้สาระแต่ก็ไม่ไร้สาระ… เมื่อไหร่กับที่เธออ่อนแอลงขนาดนี้?


 


“เฮ้อออออออออออออออ… .”


 


บอสถอนหายใจและหันไปหาช่องข้อความ


 


[บอสมาที่เขต 3 ส่วน 9 สิมาทานอาหารเช้าด้วยกัน]


 


ข้อความที่เพิ่งมาถึงนั้นมาจากคิมฮาจิน ‘เราควรปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ดีไหมนะ…’ บอสบ่นในขณะที่เธออ่านข้อความและจดจำคำสุดท้ายพูดของรุมิ ‘เธอจะต้องเลือกระหว่างดอกบัวดำกับเจ้านายของคุณแล้วละ’


แต่ไม่นานเธอก็ส่ายหัวและปัดทุกอย่างทิ้งไป


 


“ไม่มีทาง…”


 


ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น


 


“ฉันจะไม่ทรยศนาย”


 


‘นายอาจจะทรยศฉัน แต่ฉันจะไม่ทรยศนายอย่างเด็ดขาด’ เธอหายตัวไปในเงามืดพร้อมพูดกับตัวเองเบาๆ


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 15 ร้านอาหารแฟนซีใน Genkelope’s Vessel]


 


“นั่นหมายความว่าคุณซื้อตั๋วชั้นที่ 20 แล้วสินะ คุณไอลีน”


 


“จะพูดแบบนั้นก็ได้ อันที่จริงแล้วมันก็ง่ายๆอะนะ” ไอลีนพูดอย่างภูมิใจขณะที่เธอกินขนมพุดดิ้ง ตรงหน้าไอลีนที่นั่งอยู่คือ คิมซูโอ และ ยูยอนฮา ถัดจากเธอคือ ชินจงฮัก ทั้ง 4 ได้พบกันโดยบังเอิญในวันนี้


 


อันดับแรกคิมซูโฮวิ่งเข้าไปหา ยูยอนฮา โดยบังเอิญระหว่างเดินทางไปร้านรเมงข้างทางและทักทายเธอ ยูยอนฮา ซึ่ง แต่เดิมมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารราเมงแกล้งทำเป็นไปร้านอาหารแฟนซีใกล้ๆนั้นแทนแต่คิมซูโฮแอบตามอยู่ด้านหลัง ยูยอนฮา อย่างแนบเนียนและทั้งคู่วิ่งเข้าไปหาไอลีนและชินจงฮักที่ร้านอาหาร


 


“สมาชิก 4 คนในปาร์ตี้ของฉันมีตั๋วรถไฟ ชั้นหนึ่งทั้งหมด โอ้ พวกเรา


ทุกคนไม่ได้เป็นคนโง่ดังนั้นอย่ากังวลไปเลย”


 


ทันใดนั้นไอลีนก็นึกถึงวันที่เธอต่อสู้กับคนเฝ้าประตูที่ชั้น 20 เนื่องจาก วาจาสิทธิ์ ไม่มีผลต่อผู้ใช้วาจาสิทธิ์อีกคนในระดับเดียวกันการต่อสู้ของพวกเขาจึงกลายเป็นการทะเลาะวิวาท ไอลีนและอีกฝ่ายพยายามที่จะแสดงทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม


 


ผัวะ ผัวะ ผวัะ!


 


พวกเธอเหยียดขาสั้นๆใส่กันอย่างมีรูปแบบแต่ผลที่ได้ก็คือการ


โต้เถียงกันอย่างรุนแรงจนพวกเธอดึงผมของกันและกันราวกับเด็กน้อยตีกันและสุดท้าย ไอลีนก็เป็นฝ่ายเอาชนะ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ด้วยความพยายามทั้งหมดของเธอ


 


“การต่อสู้ของเหล่าผู้ใช้วาจาสิทธิ์…ฟังดูเข้าใจยากจริงๆ” คิมซูโฮ


ผู้ซึ่งฟังอยู่พูดออกมาอย่างสุภาพ


 


“มันยาก แต่ก็เป็นไปได้ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้และการใช้ทักษะ นายควรเรียนรู้ที่จะใช้ทักษะในเวลาที่เหมาะสม” ชินจองฮัคผู้เงียบสงบมาจนถึงตอนนี้อธิบาย


 


“นี่อะไรกัน นายกำลังให้คำแนะนำเขางั้นเหรอจงฮัก?”ยูยอนฮาพูดเบา ๆ แต่ไม่มีคำตอบใดกลับมาจากชินจองจง เขาจะขยับนิ้วของเขาอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขากำลังส่งข้อความถึงใครบางคน


 


“อืม~อืม….” ยูยอนฮา ยักไหล่อย่างไม่ตั้งใจและหันเหความสนใจของเธอออกไปจากชินจองคัก


 


คิมซูโฮถามว่า “ตั้งแต่ต้นเรือลำที่ 15 นี้เป็นแบบนี้งั้นเหรอ? ฉันได้ยินมาว่ามันค่อนข้างยุ่งยากมากในตอนแรก”


 


“ใช่ ทุกอย่างเป็นระเบียบในการเริ่มต้น” ไอลีน ทำพุดดิ้งเสร็จแล้วจึงตักช้อนลงไป ในขณะนั้นบริกรก็มาถึงพร้อมกับอาหารจานหลัก


 


“เรือลำนี้แบ่งออกเป็นเขตที่ต่างๆ เขตที่ 1 ถึงเขตที่ 9” ไอลีนมองข้ามสเต็กที่อยู่ตรงหน้าเธอและเดินต่อไป “เขตที่ 1 ถึงเขตที่ 6 ได้รับการฟื้นฟูสู่ฟังก์ชั่นปกติของพวกเขา เขตที่ 7, เขตที่ 8 และเขตที่ 9 ยังคงเต็มไปด้วย ‘สิ่งมีชีวิตต่างดาว’ นายอาจรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกมัน”


 


คิมซูโฮ และ ยูยอนฮา พยักหน้า


 


ไอลีนพูดต่อ “ตอนแรกพวกนั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทันใดนั้นมีกลุ่ม NPC จำนวนหนึ่งเข้ามาขโมยเขตที่ 1 ซึ่งฉันได้ครอบครอง…จากนั้นพวกเขาเอา AI จากที่ไหนสักแห่งและเปลี่ยนเรือให้เป็นแบบนี้ เดิมทีเขตที่ 1 เป็นของฉัน…”


 


ไอลีนหัวเราะเยาะและในเวลาเดียวกันก็มองไปที่พุดดิ้งของคิมซูโฮ เนื่องจากคิมซูโฮไม่ชอบขนมหวานพุดดิ้งของเขาจึงยังไม่ได้กินเลยแม้แต่น้อย


 


“…นายไม่กินงั้นเหรอ?” เอลีน ที่จ้องอยู่นานถามออกมาในที่สุด


 


“อ๊ะ ไม่นะ”


 


คิมซูโฮส่งพุดดิ้งไปให้ไอลีน ไอลีนหยิบช้อนของเธอขึ้นมาอีกครั้ง


ตัก, ตัก


 


– เธอตักพุดดิ้งใส่ลงไปในปากของเธอแล้วตัวสั่นเล็กน้อย


 


“รสชาตินี้ต่างจากของฉันด้วยละ~”


 


เมื่อเห็นเธอยิ้มอย่างมีความสุข ยูยอนฮา ก็ถามออกมา “แต่คุณได้รับรางวัลที่เหมาะสมแล้วสินะ”


 


“หืม? อ่า ฉันได้” ไอลีนพยักหน้าและหยิบการ์ดสีดำออกมา “นี่คือการ์ด VIP สำหรับชั้น 15 ทุกอย่างที่นี่สามารถใช้กับการ์ดใบนี้ได้ ดังนั้นนอกเหนือจากข้อยกเว้นเล็กน้อยทุกอย่างที่นี่ฟรีหมด”


 


คิมซูโฮ และ ยูยอนฮา ดวงตาเบิกกว้างและจ้องมองที่มัน ไอลีน ตบหน้าอกของเธอเองอย่างมีชัย


 


“ฉันจะจ่ายค่าอาหารเอง วันนี้ดังนั้นพวกเธอไม่ต้องกังวล~”


 


“ว้าว. ขอบคุณมาก.”


 


“…เอาล่ะรีบชั้น 20 เลยเห็นได้ชัดว่ารถไฟต้องการผู้โดยสารอย่างน้อย 100 คนเพื่อเริ่มต้น”


 


มันเป็นไปแล้ว ทันใดนั้นประตูของร้านอาหารก็เปิดออกและชาย 2 คนในชุดสูทเดินเข้ามาใกล้โต๊ะของพวกเขา


 


ต๊อกแต๊ก ต๊อกแต๊ก


 


ทุกคนในร้านอาหารสงสัยพวกเขามาก แต่จู่ๆก็มีเรียกชื่อของใครบางคนออกมาอย่างสุภาพ


 


“คุณคือผู้เล่น ‘YooYeonhaYeonha’ ใช่มั้ย”


 


“…ให้อภัย?”


 


ยูยอนฮา ผู้ซึ่งถูกเรียกโดยไม่คาดคิดเงยหัวของเธอขึ้นมาอย่างงุนงง


 


*************************************************************************


 


ผมเชิญ ยูยอนฮา ไปที่ห้อง VIP ในเขต 3 ผมสัญญาว่าจะเจอเธอทันทีที่เธอมาถึงชั้น 15 และผมนัดกับ อเธน่า เอาไว้วันนี้ด้วยสิ


 


“…พวกเราอยู่ที่ไหน นายจะทำให้มันใหญ่โตทำไหมกันนะ”


 


ยูยอนฮา แกล้มป่องขณะที่เธอเดินเข้ามาให้ห้อง VIP ห้อง VIP ที่สร้างขึ้นสำหรับฉันนั้นสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เพียงเพราะการตกแต่งภายในที่หรูหราและเฟอร์นิเจอร์ที่สะดวกสบาย ผมไม่ต้องขยับนิ้ว AI ก็ทำ


ทุกอย่างที่ผมต้องการด้วยตัวเอง


 


“ดังนั้นในที่สุดพวกเราก็พบกันในหอคอย~”


 


“ก่อนอื่นนั่งลงก่อนเถอะ เธอกินอะไรมารึยัง?”


 


“ฉันถูกลากออกมากตอนกำลังกินเลยละ”


 


ยูยอนฮา บ่นและนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆผม ผมยืนขึ้นและไปที่ห้องครัว


 


“…นายจะทำอะไร?”


 


“ก็เธอบอกว่าเธอไม่ได้กิน”


 


ผมจะทำราเมนสูตรพิเศษสำหรับ ยูยอนฮา


 


“รอแปบนะ”


 


ฉับๆๆๆๆๆ-


 


มือของผมขยับด้วยความเร็วที่ไม่อาจคาดเดายูยอนฮาถอนหายใจลึกๆ ขณะที่เธอเฝ้าดูผมทำซอสและตัดหัวปลา


 


“ฉันเห็นสิ่งที่นายพยายามจะทำแล้ว…แต่ฉันบอกนายแล้วว่าฉันไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้น”


 


“เวลาแบบนี้เธอควรซื่อสัตย์กับตัวเองนะ”


 


“ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเล่นของนายคืออะไร? เพิ่มฉันเป็นเพื่อนเดี๋ยวนี้เลยนะ”


 


ยูยอนฮา ดึงรายชื่อเพื่อนของเธอขึ้นมา ผมใส่ซอสลงในน้ำเดือดก่อนที่จะหยุดลง


 


ชื่อเล่น.


 


ชื่อเล่นของผมคือ Extra7


 


‘เราบอก ยูยอนฮา ได้จริงๆเหรอ?’ ผมสงสัยแต่ก็ยอมแพ้


 


“Extra7 เพิ่มฉันเป็นเพื่อนได้เลย.”


 


“…จริงเหรอ? นั่นคือนายจริงๆเหรอ?”


 


แต่ดูเหมือนว่า ยูยอนฮา เคยได้ยินชื่อเล่นของผมแล้ว ผมเหลือบมองมาที่เธออย่างรวดเร็วและเห็นว่าเธอค่อนข้างประหลาดใจ ผมไม่รู้แน่ชัดว่าชื่อเล่นแพร่กระจายไปได้ยังไง แต่ผมก็คาดเดาได้ เนื่องจาก ยูยอนฮา


รู้วิธีเก็บความลับผมเลยอาจไม่ต้องกังวลกับมันมากเกินไป


 


“เธอเคยได้ยินชื่อฉันใช่ไหม ที่ไหนแล้วได้ยังไง”


 


“ใช่ แต่ไม่มีรายละเอียดอะไรมาก นายอนบอกฉันว่า Extra7 เป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ นอกจากนี้ชื่อเล่นของนายเองก็ค่อนข้างโด่งดังมาก ฉันได้ยินมาว่านายได้อันดับ 1 ในบททดสอบแรก”


 


“…………….”


 


ผมพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ในขณะเดียวกันราเมนของเธอก็เสร็จแล้วและผมก็ย้ายบะหมี่จากบนจานไปวางไว้หน้า ยูยอนฮา ทันใดนั้นเอง


ยูยอนฮา ก็ถามออกมา


 


“…นายอนยังเป็นของนายอยู่หรือเปล่า? นายคอยปกป้องเธอจากระยะไกลสินะ”


————————————2————————————–


บทที่ 376 การสลับปริศนา (2)


 


เสียงของเธอเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ก็ทำให้ผมอิจฉา ผมจำอดีตได้ดี


ตอนนั้นผมรู้สึกอย่างไรกับ แชนายอน? สิ่งที่ฉันรู้สึกอาจจะเป็น…เสน่หาไม่ก็ความ…. ยังไงผมก็เป็นมนุษย์และผมก็เหงา มนุษย์ต้องอาศัยผู้อื่นและมนุษย์ที่ไม่มีใครพึ่งพาเป็นมนุษย์ไม่ได้หรอก เมื่อก่อนผมอยากเป็นมนุษย์


 


“ฉันไม่รู้สินะ”


 


ผมพูดแค่นั้นและ ยูยอนฮา ก็ไม่ได้ถามคำถามเพิ่มเติมอีก


 


“ฉันมีนัดตอนนี้ดังนั้นฉันต้องออกไปข้างนอก เพิ่มฉันเป็นเพื่อนก่อนแล้วก็ทานราเมนนั้นซะ อ้อรับเจ้านี้ไปด้วย”


 


ผมส่งการ์ดให้ ยูยอนฮา มันคือ ‘Black Express Card’ ซึ่งสามารถใช้ได้ในเกือบทุกแห่งบนชั้น 15 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


 


“ไม่จริง? ทำไมนายถึงมีเจ้านี้?”


 


ผมตอบ ยูยอนฮา ที่กำลังเอร็ดอร่อย


 


“เรือลำนี้เป็นของฉัน”


 


“อะ-อะไรกัน? อย่าโกหก“


 


“ฉันจะไปแล้ว เธอพักผ่อนที่นี่ได้เลยนะคืนนี้”


 


“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน….”


 


ผมออกมาทิ้ง ยูยอนฮา เอาไว้อย่างงงงวยแล้วออกไปข้างนอก แต่ผมขยับไปไม่กี่ก้าวก่อนที่ผมจะค้นพบผู้ดูแล ‘อเธน่า’ ยืนอยู่ใกล้ๆ


 


“โอ้ คุณ อเธน่า นี้น่า.”


 


“สวัสดี.”


 


“ว่าไง”


 


ก่อนที่พวกเราจะลงมือทำธุรกิจผมเหลือบมองกลับไปมอง ยูยอนฮา


ที่นั่งอยู่คนเดียวบนโต๊ะกำลังก้มหน้าทางราเมนดัง ซูบ ซูบ— เธอกลืนกินทุกอย่าง ดูเหมือนว่าเธอจะอดทนหิวต่อไปไม่ไหวแล้ว


 


“…ธุรกิจของฉันง่ายมาก แค่ แลกเปลี่ยนกัน”


 


“ฮะ?”


 


อเธนาเริ่มพูดอย่างเร่งรีบในเวลานั้น


 


“แลกเปลี่ยน?”


 


“ถูกตัอง. ฉันต้องการลูกศรสีดำ 1 อันที่นายใช้ครั้งล่าสุด”


 


“อ่า เหรอ?”


 


ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเธอจะต้องการพวกมัน เพราะเธอคือเทพีแห่งสงคราม


 


“แต่ฉันใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อสร้างพวกมันขึ้นมา”


 


ถึงกระนั้นพวกมันก็เป็นผลพวงจากความพยายามของผมสิ่งที่ผมสร้างขึ้นหลังจาก ‘การสังเคราะห์’ หลายร้อยไอเท็ม ไม่มีทางที่ผมจะให้ลูกธนูเหล่านี้หายไปฟรีๆ….


 


[ลูกศรแสงจันทร์ของ เทพีอเธน่า]


 


“นายเอาไหม”


 


ทันทีที่ผมมองตาลูกศรที่ อเธน่า ยกให้เพื่อแลกเปลี่ยนผมก็หยิบ


[ลูกศรแห่งความมืด Lv.9] ออกจากคลังของผม ไอเท็มที่เหนือระดับ 10 อยู่ในมือของผมแล้ว พวกเขามีพลังสูงมากและตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะอยู่กับความทรงจำในอดีต แม้ว่าผมจะให้ไป แต่ผมก็ยังเหลืออีก 4 ดอกมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร


 


“ขอบคุณ. นี่คือทั้งหมดที่ฉันต้องการ “


 


ผมแลกเปลี่ยนลูกศรแห่งความมืดกับลูกศรแสงจันทร์ของ อเธน่า ทันทีที่ผมได้รับลูกศรนี้มาผมจะตรวจสอบอย่างละเอียด ลูกศรแสงจันทร์และเหมือนว่าหัวลูกศรมันทำมาจากอุกกาบาตแกะสลัก แน่นอนว่ามันสวยงามและน่าเหลือเชื่อกว่าลูกศรที่ทำมาจากแร่แห่งความมืดอย่างเดียว


 


“ฉันจะคุยกับนายอีกครั้งในอนาคต…เอาชีวิตรอดมาให้ได้ละ”


 


“โอ้ จะพยายาม ขอบคุณกับสิ่งนี้ด้วยนะ”


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 20 สถานีแห่งจุดจบ]


 


– ดูเหมือนว่าพวกเราใกล้จะถึงเวลาแล้วนะ


 


– ใช่ สถานที่นี้ชื่อว่า สถานีแห่งจุดจบ


 


– 1 ปีงั้นเหรอผ่านมานานแล้วทีเดียวนะ….


 


– แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับหอคอยเมื่อปีนขึ้นไปถึงยอดแล้ว? มันจะยังอยู่


ที่นี่ไหม?


 


– ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น คนที่รักของฉันอยู่ที่นี่


 


– แม่งไปแล้ววะ ผู้นำแห่ง NPC


 


– เฮ้ๆ NPC เป็นคนจริงๆนะ


 


3 สัปดาห์ต่อมา


 


วันนี้ผู้โดยสารจำนวนมากกำลังรอรถไฟมาถึงชานชาลาที่ชั้น 20


Desolate Moon,Essence of the Strait ,FrostSanctuary, Rothschild,Empire of Glory,ราชวงค์อังกฤษ,คิมซูโฮ, ยียอนฮาน,


คิมจินวู, ไอลีน, จินเซยอน, คิมฮัคพโย ฯลฯ มีคน 200-300 คนได้อย่างรวดเร็ว


 


“เครียดจังเลยแฮะ”


 


ผมมองไปรอบๆอย่างรวดเร็วและพึมพำ ผู้เล่นส่วนใหญ่ 500 อันดับแรกดูเหมือนจะอยู่ที่นี่ทั้งหมด ผมแจกคู่มือกลยุทธ์ง่ายเกินไปหรือเปล่านะ? ผมกลัวเล็กน้อย


 


“เฮ้ ร่างกายของนายไม่รู้สึกเจ็บแล้วเหรอ?”


 


ชอคจุนกยอง ถาม ผมพร้อมส่งรอยยิ้มจ้าที่ชั่วร้ายมาให้เขา


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่ได้บอกนายเหรอว่าการต่อสู้ในรถไฟจะทำให้นายถูก


ไล่ออกทันทีน่ะ”


 


“…รู้แล้วๆ.ก็แค่…มันคันๆ ฉันอยากให้มันเป็นรอยขีดข่วนสักหน่อย”


 


ชอคจุนกยอง ร้องไห้ออกมาเล็กน้อยและเริ่มเกาหลังของเขาเอง


 


“โอ้ ใช่แล้วๆ ฉันได้ยินว่าสมาชิกของ Chameleon Troupe อีก 2 คน


มาที่นี่ ~ เกอิต้า เองก็ตายไป 2 ครั้งแล้วนะ~”


 


“…ไอ้เกอิต้านั่นอะ มันตายบ่อยจังแฮะน่าสงสาร.”


 


สิ่งที่ เจน พูดนั้นเหมือนกับผม การต่อสู้ระหว่างซูราฮานและคิมซูโฮล่าช้าไปเล็กน้อย แต่ ‘พันธมิตรประชาชนธรรมดา’ ได้วางแผนที่จะรับ


Prestige ภายใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา


 


– รถไฟสู่ชั้น 21 จะมาถึงในไม่ช้า ทุกคนโปรดถอยหลังให้ห่างจากเส้น


 


ทันใดนั้นก็มีการประกาศออกมา


 


ผู้ติดอันดับ 403 คนรวมตัวกันบนหลังเส้นด้วยความประหม่าและสมาชิก Chameleon Troupe 4 คนมารวมกันที่นี่


 


– รถไฟสู่ชั้น 21 จะมาถึงในไม่ช้า ทุกคนโปรดยืนเป็นแถวและขึ้นรถไฟ


 


รถไฟขบวนนี้ถูกออกแบบมาอย่างดี มันเป็นอุปกรณ์ที่สามารถพา


พวกเราตรงไปที่ชั้น 26 ได้เลย


 


– รถไฟมาถึงที่สถานีแล้ว!


 


ปู้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน…


 


เสียงร้องดังขึ้นรถไฟกลืนทุกเสียงของโลกและวิ่ง ผู้เล่นยืนบนแท่นและเฝ้าดูพายุเหล็กชิ้นใหญ่จากปลายราง รถไฟซึ่งใหญ่มากจนปกคลุมท้องฟ้าเกือบจะสมบูรณ์ในที่สุดก็มาถึงอีกด้านหนึ่งของรางรถไฟและปล่อยไอน้ำที่รุนแรงออกมา


 


…เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด


 


ไม่นานรถไฟก็หยุดจอด


 


ฝูงชนรอเวลาที่เหมาะสม


 


ซ่าาาาาาาาาาาาาาาาา


 


ราวกับตอบสนองความคาดหวังของทุกคนประตูรถไฟเปิดอย่างรวดเร็ว NPC ที่ปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังประตูเป็นผู้ดูแลที่ดูเหมือนนางแบบ


 


– ยินดีต้อนรับผู้เล่นทุกท่าน โปรดตรวจสอบตั๋วของคุณและเช็คทางเดินที่ระบุไว้บนตั๋วของคุณ ทางเดิน 1 สำหรับคลาส A ทางเดิน 2 ถึง 4 สำหรับคลาส B … ก่อนอื่น,คลาส A โปรดขึ้นรถไฟก่อนได้เลยค่า!


 


กลุ่ม Chameleon Troupe อยู่ในคลาส A พวกเราเข้าสู่ทางเดินที่ 1 ด้วยกัน ผมรู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากผู้เล่นคนอื่นๆ


 


– ตั๋วได้รับการยืนยันแล้ว


 


ผู้ดูแลในรถไฟตรวจตั๋วสอบพวกเราและพวกเราย้ายไปที่ห้องวีไอพีคลาส A ในฐานะผู้โดยสารคลาส A พวกเรามีสิทธิพิเศษมากมาย


 


“…ว้าว. มันใหญ่มาก~”


 


“รถไฟอยู่ภายใต้เวทมนต์ขยายขอบเขตเช่นกัน มีสิ่งต่างๆมากมายเช่นสนามกีฬาและสโมสร”


 


“ฉันจะไปดูที่ชมรมพวกนั้นหน่อยนะ~”


 


เจนยิ้มแล้วนั่งบนโซฟา ผมนั่งลงใกล้ๆเธอแล้วมองไปที่บอส มองดูบอสก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ผมอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเธอแม้ว่าเธอกำลังทำอะไรบ้างอย่างขณะนั่งอยู่ อาจเป็นเพราะการซิงโครไนซ์


 


“…ฮาจินทำไมนายมองแบบนั้น ~?”


 


“ฮะ?”


 


“บอส เขาจ้องมองคุณอยู่แนะ เขาต้องชอบคุณแน่ๆเลย~”


 


“…”


 


บอสเงยหน้าขึ้นแล้วมองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ เธอจ้องมองมาที่ผมซักพักแล้วก็พูดอะไรบางอย่าง


 


“ไม่.”


 


“ …อ๊ะ นั้นสิ”


 


ในขณะเดียวกันตอนนี้การขึ้นรถไฟคงเสร็จแล้วเพราะประตูทุกบานกระแทกกันเสียงดัง ตอนนี้พวกเราไม่ต้องไปยุ่งกับผู้เล่นคนอื่นๆ


คนอื่นๆตัดสินใจที่จะนั่งในแบบสบายๆ ชอคจุนกยอง นอนบนเตียง


จินโยฮาน เปิดนิตยสารที่เขาได้มาจากนักข่าวด้านในและเจนกับบอสอ่านโซเชี่ยวอย่างตั่งใจ


 


…ทันใดนั้น.


 


– อุหว่าาาาา! โธ่เอ้ย! พวกเราเพิ่งตรวจสอบและมีผู้โดยสารทั้งหมด 403 คนบนเครื่อง! มีมากมายเหลือเกิด! ในฐานะกัปตันฉันมีความสุขมากจริงๆ!


 


ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น


 


– เพื่อเป็นโอกาสอันดีพวกเราจะจัดงานเลี้ยงพิเศษ ‘การสลับปริศนา’!


 


“อะ-อะไรนะ?”


 


– เริ่มจากที่นั่งของพวกคุณจะถูกเปลี่ยนแบบสุ่ม แต่มั่นใจได้! ชื่อใบหน้าและชื่อเล่นของคุณจะถูกซ่อนอยู่ภายใต้ ‘ม่านแห่งตัวตน’! โอ้แน่นอนคนอื่นๆสามารถถอดผ้าคลุมหน้าของคุณหรือคุณจะถอดมันเองก็ได้!


 


‘เกิดอะไรขึ้นวะ?’ ร่างกายของผมพุ่งมาเหมือนใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิ


 


– แต่โปรดระวังด้วย! มีด็อปเปิลแกงเกอร์อยู่บนเรือ จากชั้นที่ 20!


คนเฝ้าประตูที่ยึดครองร่างเดิมของเจ้าของจะพยายามเอาชีวิตของคุณ


 


“อะไรนะ….”


 


– อย่างไรก็ตามพวกเราอย่างประมาณคนอื่นด้วย! พวกเราต้องการให้


ผู้เล่นเป็นผู้โดยสารเท่านั้น! ดังนั้นพวกเราจะเสนอรางวัลให้กับผู้เล่นตามจำนวนของผู้เล่นที่ชนะ รางวัลคือ … หนังสือทักษะที่ดีที่สุด 2 เล่มและหนังสือทักษะที่ไม่ซ้ำกัน 3 เล่ม!


 


ผมกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ทันใดนั้นเองที่นั่งและมุมมอของผมก็เปลี่ยนไป


 


– ตอนนี้ผู้เล่นทุกคนจะถูกเรียกไประหว่าง เขต 3 กับ เขต 8! เวลาที่ จำกัดสำหรับกิจกรรมนี้คือ 36 ชั่วโมง!


บทที่ 377 การสลับปริศนา (3)


ทีม ‘ไอลีนและเด็กๆ’ ยังมีเวลาว่างให้กับตัวเองและตอนนี้ก็เพลิดเพลินไปกับเวลาส่วนตัวอย่างไร้กังวล ชินจงฮักฝึกหอกของเขาที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ในขณะที่ยียองฮาก็นอนหลับอยู่บนเตียง


“ฉันสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น~”


แม้แต่หัวหน้าทีมอย่าง ไอลีน ก็แค่คิดว่ารถไฟเป็นเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินชีวิตหรือความตายของพวกเขาได้ ดังนั้นคนเพียงคนเดียวที่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่ร้ายแรงในอนาคตคือ จินเซยอน

จินเซยอน ศึกษาแผ่นพับที่มาพร้อมกับตั๋ว A Class อย่างรอบคอบ


“จากแผ่นพับนี้รถไฟจะหยุดในแต่ละชั้นทันที ผู้เล่นจะไม่สามารถนั่งและทำอะไรไม่ได้เลยในรถไฟดังนั้น พวกมันต้องมีจ่ายใช้จ่ายในราคาที่เหมาะสม….”


ดิ้งงงงงงงงงงงงงง – เสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันขัดจังหวะโดยจินเซยอนซึ่งขมวดคิ้วขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอเห็นไอลีนถือเค้กช็อคโกแลตในมือของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะซื้อของว่างมาจากในรถไฟ เมื่อ ไอลีน เห็น

จินเซยอน จ้องมองมาที่เธอ เธอก็ไอแห้งๆอย่างช้าๆ


“อะแฮ่ม ดูเหมือนว่าขนาดของรถไฟขบวนนี้มันใหญ่เลยนะ! แต่ฉันเพิ่งได้รับข้อความว่ารถไฟเต็มแล้ว”


“คุณหมายถึง…มี NPC คนอื่นที่นั่งบนรถไฟด้วยงั้นเหรอ?”


“อาจเป็นไปได้ นอกจากนี้ผู้เล่น 403 คนมาที่นี่และส่วนใหญ่เป็นผู้ติดอันดับที่แสดงความสามารถของตนเองใน Crevon เธอเคยได้ยินเรื่องที่ปีศาจบางคนร่วมมือกันในนี้บ้างไหม”


จินเซยอน รีบเข้าใจว่า ไอลีน กำลังทำอะไรอยู่


“บางสิ่งอาจเกิดขึ้นใน Crevon ในขณะที่ผู้ติดอันดับทั้งหมดหายไป….”


“ใช่แล้ว~ ดังนั้นคำถามคือมีผู้ติดอันดับกี่คนที่สละสิทธิ์ในรถไฟขบวนนี้ โอ้ เธอยังมี แกนกลางแห่งหายนะ ใช่ไหม?”


“ใช่.”


พรรคพวกของ ไอลีน ได้รับ แกนกลางแห่งหายนะ จากการฆ่า มิโนทอร์

จินเซยอน ใช้มันนี้เพื่อแยกแยะผู้เล่นจากด็อปเปิลแกงเกอร์ เนื่องจาก แกนกลางแห่งหายนะ เป็นสิ่งที่พวกมันจะกระโจนเข้าใส่ทันทีนั้นเองในหอคอยมันจึงมีประโยชน์ค่อนข้างมากที่ชั้นบน


“งั้นมันก็โอเค พวกเราไม่ใช่คนประเภทที่จะถูกตัดสิทธิ์อย่างง่ายดายหรือติดกับ Crevon มากเกินไป”


“อืม… .”


จินเซยอน พยักหน้าแล้วก็สงสัยเมื่อเธอคิดเกี่ยวกับด็อปเปิลแกงเกอร์


“คุณ ไอลีนการต่อสู้กับ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ของคุณเป็นยังไงบ้าง”


“…หา?”


“ฉันแค่สงสัย”


ไอลีนตกไปในความคิดพร้อมส้อมที่ห้อยลงมาจากปากของเธอ

การต่อสู้กับด็อปเปิลแกงเกอร์ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา….


– หอกพลังเวทมนต์นี้จะแทงทะลุร่างกายเธอ!


ไอลีน ตะโกนใส่ด็อปเปิลแกงเกอร์ อย่างไรก็ตามด็อปเปิลแกงเกอร์ต่อต้านเธอทันที


ไม่! มันจะไม่เกิดขึ้น! ตรงกันข้ามกันต่างหาก!


และไอลีนตัวจริงก็กลับมา


ไม่! มันจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอพูดว่าตรงกันข้าม!


– นั่นอะไรอย่ามางี่เง่า งั้นค่าสถานะทางกายภาพของฉันเพิ่มขึ้น 100%


– ไม่นั่นไม่สมเหตุสมผล ฉันสั่งมันด้วย วาจาสิทธิ์ มันจะไม่เกิดขึ้น!


-…แก! จมลงไปในดินซะ!


– ไม่~ มันจะไม่เกิดขึ้น ~


“…มันเป็นการต่อสู้ที่สง่างามและภาคภูมิใจ”


ไอลีน อธิบายการต่อสู้ในวันนั้นด้วยประโยคเดียว จริงๆแล้วมันเป็นเหตุผลง่ายๆที่ผู้ใช้ วาจาสิทธิ์ จะไม่ค่อยต่อสู้กันเอง


“เอ๋…ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”


“ ทำไมละ”


ในขณะที่พวกเขากำลังเสียเวลา เสียงร่าเริงก็ดังออกมาจากลำโพงบนเพดาน


– อุหว่าาาาา! โธ่เอ้ย! พวกเราเพิ่งตรวจสอบและมีผู้โดยสารทั้งหมด 403 คนบนเครื่อง! มีมากมายเหลือเกิด! ในฐานะกัปตันฉันมีความสุขมากจริงๆ!


*************************************************************************


– คุณถูกย้ายไปยังที่นั่งแบบสุ่ม!


ร่างกายของผมย้ายผ่านอากาศด้วยความรู้สึกแปลกๆแต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่แต่ผมไม่ได้กังวลอะไรกับมันมากนักเนื่องจากผมสามารถมองเห็นตัวตนของทุกคนได้นั้นเอง


“…โอ้โหหหหหหหหหห”


จากช่องทางพิเศษของ A Class ผมถูกย้ายไปยังห้องสุดท้ายของ เขต 8 เพียงเพราะผมมาจากช่องพิเศษไม่ได้หมายความว่าสถานที่นั้นแย่กว่าที่นี้ ความจริงมันมีขนาดใหญ่กว่าห้องพิเศษสมัยใหม่ที่อื่นๆซะอีก


“….”


ห้องถูกแยกครึ่งโดยโถงกลางฝั่งละครึ่งมีเตียงนอน 4 เตียงที่แต่ละข้างมีผู้เล่น 8 คนถูกเรียกตัวมายังสถานที่นี้ ตอนแรกผมไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาหรือแม้แต่ร่างของพวกเขา แต่พวกเขาก็ถูกมาอย่างรวดเร็วเมื่อผมจดจ่อที่พวกเขาไม่นานด้วย ‘การสังเกตและการอ่าน’ พรสวรรค์ที่ผมมีในฐานะผู้สร้างโลกนี้แต่เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าของพวกเขา

ในครึ่งห้องด้านซ้ายคือคิมฮัคพโย จินเซยอนและคนอื่นๆที่ผมไม่รู้จัก

ในครึ่งห้องด้านขวามี 3 ผู้ติดอันดับที่ผมไม่รู้จักและ…


“เกิดอะไรขึ้น?”


หญิงสาวผมบ๊อบมองไปรอบๆขณะดวงตาเบิกกว้าง ใช่เป็น แชนายอน ผมของเธอค่อนข้างแดงกว่าเดิมเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะไปย้อมมันเพิ่มตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นเธอ


“เหตุการณ์นี้จะให้หนังสือทักษะใช่ไหม? ฉันไม่ได้อยากได้ซะหน่อย”


“พวกเราควรจะฆ่าเหล่านักฆ่า…แต่พวกเราจะรู้ได้ยังไง?”


“พวกมันไม่ได้อยากต่อสู้เป็นตายกับพวกเรางั้นเหรอ”


ผู้เล่นแต่ละคนแสดงความคิดเห็นต่างๆออกมา หลังจากนั้นพวกเขาต่างก็เลี้ยวมองจินเซยอนผู้นั่งเงียบๆอย่างภาคภูมิใจ


“…อืม…..สวัสดีทุกคน ทำไมเราไม่แนะนำตัวเองละ?”


ผมพูดขึ้นมาทันที สายตาของทุกคนมองมาทที่ผมขณะที่ผมจับลูกบิดประตูที่จะพาออกไปข้างนอก


แกร็กๆ


แต่ก็ไม่แปลกใจที่ประตูเปิดไม่ได้


– คน 8 คนต้องมาตกลงกันก่อนจึงจะเปิดประตูได้


การพักที่นี่ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีดังนั้นผมจึงอยากไปค้นหาสมาชิก Chameleon Troupe คนอื่นๆแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้

หรือไม่ผมก็จะใช้ กุญแจลึกลับ เพื่อบังคับให้ประตูเปิดได้ไหมนะ…….แต่นั่นมันอันตราย แม้ว่ามันจะใช้ได้ผลแต่ผู้เล่นคนอื่นๆก็จะตามล่าผมด้วยค่าสถานะทางกายภาพของผม ผมคงพ่ายแพ้ให้กับ จินเซยอน และ แชนายอน


‘เนื่องจากพวกเธอ จำเราไม่ได้เราต้องนั่งนิ่งๆจนกว่าเรื่องจะได้รับการแก้ไข’ ผมตัดสินใจและกลับไปที่ที่นั่งของผม


“นายรีบงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า.”


คิมฮัคพโยหัวเราะในขณะที่แชนายอนจ้องมองมาที่ผม เธอไม่ควรรู้ว่าผมเป็นใคร แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความกดดัน


“ตอนนี้………ตอนนี้~ อย่าไปไหนเลยนะ มาคุยกันเถอะ”


จินเซยอน ควบคุมการสนทนาและจับข้อมือของผม ผมตกใจมาก


“นายเป็นผู้ชายงั้นเหรอ”


“…เธอหาคำตอบอะไรอยู่”


ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้น จินเซยอนยิ้มด้วยความพึงพอใจและปล่อยมือจากนั้นก็ลุกขึ้นมา


“ทุกคนไม่ว่าพวกคุณจะชื่ออะไรหรือมาจากไหนพวกเราควรมุ่งเน้นไปที่การค้นหาว่าใครคือด็อปเปิลแกงเกอร์ ดังนั้นได้โปรดนั่งลงและพูดคุย กันเถอะ”


“การนั่งลงคุยกันจะได้ผลได้ยังไง”


คิมฮัคพโยบ่น เขาไขว้แขนอย่างหยิ่งทรนงมากเสียจนผมอยากให้

ม่านแห่งตัวตนทำงานกับผม ผมจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเขา


“ฉันรู้วิธีง่ายๆที่จะแยกแยะด็อปเปิลแกงเกอร์จากผู้เล่น” จินเซยอน กล่าวอย่างมั่นใจ


ไม่ว่าเธอจะมีความคิดอะไรการต่อสู้กับเธอที่นี่จะดึงดูดความสงสัยของทุกคน แม้แต่คนที่เชี่ยวชาญก็ต้องคิดตามว่าแผนของเธอคืออะไรก่อนที่จะทำอะไรต่อไป ดังนั้นคนทั้ง 8 คนในห้องนั่งจึงนั่งลงเป็นวงกลม

แชนายอน บังเอิญนั่งข้างผม แต่ผมไม่ได้สนใจมันมากนัก ผมยังใจเย็นเหมือนเคย


แชนายอน ถามออกมาว่า “ถ้างั้นวิธีนี้ง่ายมากไหม?”


“มันง่ายมาก” เสียงของจินเซยอนนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ


วิ้งงงงงงงงงงงงง—


เธอเล่นกับบางสิ่งและดึงโต๊ะที่ซ่อนอยู่ในพื้นออกมา จากนั้นเธอก็หยิบเอาม้วนคําภีร์ออกมา 8 ม้วนแล้ววางลงโต๊ะ


“นี่มันอะไรน่ะ?”


“… คําภีร์งั้นเหรอ?”


“แน่นอน” จินเซยอนยิ้ม


ผมตรวจสอบข้อมูลของคําภีร์อย่างรวดเร็วด้วย Smart Watch ของผมและตระหนักว่าแผนของ จินเซยอน คืออะไรกันแน่


“สำหรับคนที่ใช่งานมันไม่เป็นการใช่งานมันก็แค่คลายมันออกมา”


“อืม.”


คิมฮัคพโยที่รู้เรื่องแผนการของเธอก็พยักหน้า คนที่เหลืออีก 5 คนที่ไม่มีเบาะแสรอให้ จินเซยอน อธิบายต่อไป


“ผู้เล่นเท่านั้นที่สามารถใช้ คําภีร์ เหล่านี้ได้”


“อา~!”


เพียงประโยคเดียวทุกคนก็เข้าใจแผนการ มันคือคําภีร์ที่ผู้เล่นเท่านั้นที่ใช้งานได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ด็อปเปิลแกงเกอร์ ไม่สามารถใช้มันได้ แผนของเธอสมเหตุสมผลและคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว


“ในฐานะที่ฉันเป็นคนคิดแผนนี้ฉันจะถอดม่านของฉันออกเพื่อให้ทุกคนไว้ใจ”


จินเซยอน ถอดม่านแห่งตัวตนอย่างกล้าหาญ ผมยาวนุ่มลื่นและความงดงามที่เปล่งประกายของเธอเผยออกมา เธอมองมาที่ผมแล้วยิ้ม


“โอ้โห เป็น ผู้อาวุโส จินเซยอน นี้เอง”


เสียงอุทานที่ประหลาดใจมาจาก แชนายอน


“ตอนนี้รับม้วนคําภีร์ไปนะทุกคนและตรวจสอบคำอธิบายของมัน

พวกคุณจะเห็นอย่างชัดเจนว่ามี ‘ผู้เล่น’ เท่านั้นที่สามารถใช้พวกมันได้”


เมื่อผู้เล่นสวมผ้าคลุมหน้าตัวตนแม้กระทั่งสิ่งที่พวกเขาหยิบก็จะถูกปกปิดจากผู้อื่น แต่เนื่องจาก จินเซยอน เปิดเผยตัวเองอย่างเปิดเผย

ทุกคนจึงสามารถอ่านคำอธิบายไอเท็มของคําภีร์ได้


“เธอพูดถูก นั่นคือสิ่งนี้คือ ม้วนคําภีร์ “


“คุณเห็นด้วยไหม”


“ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง? ใครจะกล้าบอกว่าไม่ชัดเจน”


ตามที่คาดผู้บริหารของสังคมปีศาจคิมฮัคพโยนั้นกล้าฉีกม้วนคําภีร์ของเขาลงครึ่งหนึ่ง


“ฟังให้ดี เธอไม่ได้บังคับให้ฉันทำสิ่งนี้ ฉันทำมันด้วยความตั้งใจของตัวฉันเอง”


เขาฉีกม้วนกระดาษออกครึ่งหนึ่งโดยไม่ตรวจสอบคำอธิบายไอเท็มตนเอง ผมต้องยอมรับว่าเขาเท่ห์มากจริงๆ


ป๋อม-!


แต่นั่นก็แค่จนกว่าร่างกายของเขาจะเปลี่ยนเป็นกบ


– บ้าน่า อะ-อะไรกัน? นี้มันเกิดอะไรขึ้น?


คิมฮัคพโยเปลี่ยนเป็นกบสีเขียวน่ารัก


– อ๊บๆ เธ-เธอ…อ๊บๆ บอกก่อนสิถ้าหนึ่งในคำภีร์จะมีผลแบบนี้! อ๊บๆ


“นายควรตรวจสอบคำอธิบายของคำภีร์ก่อนนะ”


– อ๊บๆ แก แกกล้าเล่นแบบนี้กับกัน?


ผมหยิบคนต่อไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่โชคร้ายจะเกิดขึ้นผมเลือกม้วนกระดาษธรรมดา


“ฉันเป็นคนต่อไปเอง”


แกว๊ก


ผมฉีกครึ่งหนึ่งและนั่งลง


“ฉันต่อไป”


แชนายอน ยืนขึ้นต่อและฉีกอย่างไม่ลังเล

————————–2—————————-


บทที่ 378 การสลับปริศนา (4)


…ผู้ติดอันดับอีกคนที่ผมไม่ทราบว่าเป็นใคร รวมไปถึง 5 คนผ่านการตรวจแล้ว อย่างไรก็ตามมี 3 คนที่ปฏิเสธและยืนกรานไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น


 


– อ๊บๆ ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้คำตอบแล้วนะ อ๊บๆ


 


แม้แต่กบก็สามารถเข้าใจได้ว่าพวกเขาเป็นใคร ผมไม่รู้จัก 1 ใน 3 คนนี้เนื่องจากจำเป็นต้องมีข้อตกลงเป็นเอกฉันท์ในการเปิดประตูห้อง ด็อปเปิลแกงเกอร์จึงเหลือเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น พลังเวทมนต์ของพวกเขาเริ่มพุ่งสูงขึ้น


 


“แกกกกกกกกกกกก-!”


 


พวกเขาพุ่งเข้าหาพวกเราพร้อมกัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็น ‘ผู้ติดอันดับ’ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ติดอันดับใกล้ๆกัน แชนายอน และ จินเซยอน ติด 30 อันดับแรกและ คิมฮัคพโย ที่มีรูปร่างเป็นกบก็มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน


 


“…อะไรกัน?”


 


แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทั้ง 3 คนต่างก็พุ่งมาหาผมซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง


คนอื่นๆ


 


ซึ่ง –


 


หนึ่งในนั้นเหวี่ยงกำปั้นของเขา ทันใดนั้นหมัดอื่นๆก็กระโดดออกมาจากอากาศโดยรอบ ผมไม่มีเวลาชื่นชมความสามารถแปลกประหลาดเช่นนี้เพราะพลังเวทมนต์ที่หลอมรวมเข้ากับกำปั้นนั้นไม่ได้กระจอกเลยแม้แต่น้อย


 


“ทำไมต้องเป็นฉัน!?”


 


“-!!!”


 


ผมป้องกันกำปั้นด้วยความช่วยเหลือของ เอเธอร์ จากนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด ผมปล่อยให้เอเธอร์ควบคุมร่างกายของผม แขนของผมเหยียดออกและเอวของผมงอเหมือนเครื่องจักร ด้วยความได้เปรียบทั้งในเรื่องจำนวนและพลังไม่นานพวกเราก็จัดการ ด็อปเปิลแกงเกอร์ลงได้


 


“เฮ้ออออออออออออออ!”


 


จินเซยอน จบงานด้วยลูกศรของเธอ


 


“คุณปลอดภัยดีไหม?”


 


“OK.”


 


ผมไม่ได้บาดเจ็บและไม่มีบาดแผลอะไรแต่เนื่องจาก แชนายอน กำลังจ้องมองผมอย่างแปลกประหลาด ผมจึงพูดห้วนๆออกมา


 


“ไม่เห็นหรือไงว่าฉันไม่เจ็บ เธอจะถามอะไรมากมาย!”


 


“….”


 


แก้มของ จินเซยอน ป่องเล็กน้อย


 


“อะไรกัน.”


 


“…ไม่มีอะไร. ขอโทษทีนะ.”


 


ในที่สุดจินเซยอนก็โค้งคำนับและผมก็ไอแห้งอย่างเชื่องช้า


 


“อะแฮ่ม”


 


“ว่าแต่ คุณจินเซยอน รู้ได้ยังไง? ว่าด็อปเปิลแกงเกอร์นั้นไม่สามารถใช้คําภีร์” แชนายอน ถาม


 


จินเซยอนยิ้มและส่ายหัว


 


“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยทดสอบ และฉันก็ไม่แปลกใจถ้าพวกเขาทำได้”


 


“จริงเหรอ? แล้ว … .”


 


“จะเรียกมันว่า ‘สัญชาตญาญ’ ก็ได้หากเตอคนที่ฉลาดกว่าและโดดเด่นกว่าฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันจะได้ผล”


 


เมื่อได้ยินแบบนี้ความชื่นชมของผมที่มีต่อจินเซยอนเพิ่มขึ้น แม้แต่ในฐานะผู้เขียนต้นฉบับผมไม่รู้ว่าด็อปเปิลแกงเกอร์สามารถใช้คําภีร์ได้มั้ยสถานการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในนิยายต้นฉบับและผมไม่ใส่ใจที่จะเขียนมากกว่าเรื่องที่จำเป็น แน่นอนผมเองก็ไม่ทราบวิธีการที่จะแยก


ด็อปเปิลแกงเกอร์ออกจากกันและมันก็ง่ายมาก ด็อปเปิลแกงเกอร์ไม่สามารถ ‘กลับสู่โลก’ ได้


 


“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะเปิดประตูได้ไหม?” คิมฮัคพโยถาม เขากลับมาเป็นมนุษย์ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็น


 


“แน่นอน มารวมตัวกันก่อนเพราะพวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใน


ช่องทางอื่นๆอาจยังมีคนจับตาดูอยู่ในหมู่พวกเราแม้ว่าความน่าจะเป็น


นั้นจะต่ำมาก ฉันเฝ้าดูใบหน้าของทุกคนและไม่มีใครลังเลแม้แต่


คนเดียวขณะฉีกม้วนกระดาษของพวกเขาออกจากกัน”


 


“ฉันเข้าใจแล้วเปิดประตูได้เลย”


 


คิมฮัคพโยเดินไปที่ประตูที่ปิดแน่น จินเซยอน พยักหน้า


 


“ทุกคนเห็นด้วยไหม”


 


“””อา”””


 


เมื่อมาถึงข้อตกลงประตูก็เปิดออกและพวกเราก็ออกมาจากห้อง


 


[ทางเดิน 8]


 


ทางเดินที่เชื่อมระหว่างห้องโดยสารของรถไฟมักจะแคบมาก แต่นั่นไม่ใช่กรณีของรถไฟขบวนนี้ เส้นทางนี้เป็นป่าเขียวชอุ่มที่ใหญ่กว่าปกติพื้นทำจากดินเกือบจะเหมือนกับว่าพวกเราอยู่ในอีกโลกหนึ่งและเราสามารถได้ยินเสียงน้ำไหลลงมาจากลำธาร


 


“พวกเราควรจะไปที่ไหนต่อไป คุณจินเซยอน?”


 


“ฉันไม่แน่ใจ. แต่พวกเราควรหาวิธีเปิดประตูสู่ทางเดิน….”


 


“อืมมม โอ้โห มีก้อนหินอยู่ที่นี่ด้วย”


 


ในขณะนั้นเองคิมฮัคพโยก็เตะหินใต้เท้าของเขา อ๊ะ…หินก้อนเล็กๆนั้นมีพลังเวทมนต์ของเขาขณะที่มันเข้าลอยเข้าไปที่หน้าต่างระบายอากาศของเขต 8 หลังจากนั้นไม่นาน คิมฮัคพโย ก็เปลี่ยนจุดยืนอยู่กับก้อนหิน


 


– ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไปละนะ!


 


เสียงของเขาดังขึ้นจากเพดาน พวกเรา 4 คนถูกทิ้งให้ยืนงงๆโดยเฉพาะ ผม คิมฮัคพโยน่าจะเป็นจอมวายร้ายผู้มีเสน่ห์ซึ่งฉายแสงในช่วงครึ่งหลังของนิยายดังนั้นทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้กันนะ


 


“… .”


 


“…ทักษะอะไรละนั่น?”


 


“ถ้าความจำของฉันไม่ผิดมันเรียกว่า ‘การเปลี่ยนตำแหน่ง’…ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเราไม่มีทักษะแบบนั้นพวกเรามาทำสิ่งที่เราทำได้กันเถอะ”


 


เราเดินไปกับ จินเซยอน ที่เป็นผู้นำทาง โดยไม่รู้ตัวผมพบว่าตัวเอง


ตัวติดกับ แชนายอน อีกครั้งที่พวกเราอยู่ใกล้กันมากผมอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองเธอเป็นครั้งคราวและแชนายอนเองก็มองผมด้วยเช่นกัน


ผมรีบหลบตาเธออย่างรวดเร็ว แต่ แชนายอน ไม่ได้ทำแบบเดียวกัน ดวงตาของเธอยังคงจ้องมองอยู่บนใบหน้าของผม


 


…เวลาผ่านไปในความเงียบงัน


 


“โอ้ ดูดอกไม้นั้นสิ”


 


ทันใดนั้น แชนายอน ก็ก้มลงบนพื้นผมไม่แปลกใจกับการกระทำอย่างกะทันหันของเธอ ผมเหลียวมองเธอแล้วก็กลับไปตามทางของผม


พูดตามตรงผมอยากวิ่งหนีไปเหมือน คิมฮัคพโย ด้วยซ้ำ


 


– หมับ


 


แต่ แชนายอน จับข้อมือของผมในทันใดนั้นผมก็รู้สึกเหมือนเวลาหยุด


เดิน


 


“…อะไรเหรอ?”


 


“อืมม….”


 


ริมฝีปากของเธอขยับอย่างช้าๆ ช่วงเวลาสั้นๆนี้รู้สึกเหมือนนานเป็นปี


 


“นายรู้ไหมว่าดอกไม้นี้คืออะไร?”


 


โชคดีที่เธอถามคำถามง่ายๆแค่นี้ ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


“…ตรวจสอบคำอธิบายไอเท็มสิ”


 


“แต่ฉันมองไม่เห็น”


 


ผมขมวดคิ้วและมองดอกไม้


 


[Lv.1 ???]


 


เธอพูดถูก ม่านแห่งตัวตน ปิดกั้นข้อมูลแบบนี้ด้วยเหรอ ผมตรวจสอบ Smartwatch แทนมันกลายเป็น Forget Me Not [1] (ดอกไม้สีสวย ความหมายดี ที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์แห่งรักโรแมนติก)


 


“มันคือ Forget Me Not”


 


“อ้อ~ อย่าลืมฉันเลย งั้นเหรอ นายค่อนข้างมีความรู้เหมือนกันนะ….”


 


“ฉันจะไปละนะ”


 


ผมพยายามหนี จินเซยอน และผู้ติดอันดับคนอื่นๆก็เดินออกไปไกลแล้วทำให้นี่เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบ ด้วยกุญแจลึกลับผมสามารถหลบหนีไปได้อย่างราบรื่น


 


“…ไปกันเถอะ.”


 


แต่ไม่ว่าผมจะใส่แรงลงไปมากแค่ไหน แชนายอน ก็ไม่ยอมปล่อยมือของผมเลยแม้แต่น้อย


 


“เธอจะทำอะไรน่ะ?”


 


เธอจ้องมองที่ข้อมือของผมและพยายามใช้กำลัง…แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมเห็น แชนายอน จ้องมองที่ผมด้วยสายตาที่มั่นใจ


 


จิตใจของผมสั่นไหว ดวงตาของผมเบลอราวกับเลนส์กล้องไม่ได้โฟกัส


 


“…อะ-อะไรเหรอ?”


 


“ไม่มีอะไร.”


 


ไม่นานมือของเธอก็อ่อนแอลงและผมก็สะบัดมือของเธอออกไป ในขณะเดียวกันบรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้ง


 


“ฉันแค่คิดว่านายเป็นคนที่ฉันรู้จัก”


 


เสียงที่ได้ยินอย่างแผ่วเบาเข้ามาในหูและสั่นคลอนจิตใจของผมในทันที


ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าผมพูดไม่ออก แชนายอน ก็ถามออกมา


 


“นายเป็นยังไงบ้าง”


 


“…ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร แต่มันไม่มีอะไรทั้งนั้น พวกเราไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของกันหรือแม้แต่แยกแยะเสียงเพราะม่านแห่งตัวตนดังนั้นจึงเป็นคำถามที่ไร้ความหมาย”


 


ผมตอบคำถามของเธอแล้วหันหลังกลับ


 


แต่ก่อนที่ผมจะเดินไปไม่กี่ก้าว…คำพูดของเธอก็ทำให้เท้าและร่างกายของผมแข็งค้าง


 


“ คิมฮาจิน”


 


หัวใจของผมหยุดนิ่ง เมื่อผมได้ยินชื่อของผม ผมไม่สงสัยด้วยซ้ำว่า


ม่านของผมถูกถอดออกหรือว่าเธอมีพลังพิเศษบางอย่าง


 


ผมพยายามเอาชนะความรู้สึกที่ทำให้หายใจไม่ออก ภายในความเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของผมเต้นแรง…มันร่ำร้อยอย่างเห็นได้ชัด


 


“นายคิดว่าฉันจะไม่สังเกตเลยเหรอ?”


 


“… .”


 


ผมกลืนน้ำลาย ผมพยายามทำให้ร่างกายที่สั่นเทาของผมสงบลง


จากนั้นผมหันหลังมาอย่างเงียบๆ เธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าผม เธอไม่ควรเห็นผมแต่ถึงกระนั้นเธอก็จำผมได้


 


ไม่นาน แชนายอน ก็ถอดผ้าคลุมออก ม่านแห่งตัวตนนั้นไม่สำคัญสำหรับผมเพราะผมสามารถแยกแยะใบหน้าของผู้เล่นแต่ละคนออก อย่างไรก็ตาม แชนายอน นั้นมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้


 


ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่ผมอย่างเย็นชาด้วยความมั่นใจในความสงสัยของเธอ สายตาของเธอดูเหมือนจะทะลุผ่านร่างกายของผม


 


“…มันเป็นนาย”


 


พวกเราทั้งคู่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว แต่ผมไม่ได้เตรียมคำพูดใดๆ สำหรับการเจอกันครั้งสุดท้ายของพวกเรา ไม่ผมอาจจะเตรียมเอาไว้แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ถ้าจะพูดออกมามันก็น่าสมเพชเหลือเกิน


 


“เธอ…จำฉันได้ยังไง”


 


“เฮอะๆ นายคิดว่าฉันจำไม่ได้งั้นเหรอ”


 


แชนายอน หัวเราะเบาๆ


 


“ฉันใช้เวลานานหลายปีคิดแต่เรื่องของนาย”


 


น้ำตาเริ่มอาบดวงตาของเธอ แต่พวกมันไม่ได้ไหลลงมาราวกับว่า


พวกเขาถูกแช่แข็ง


 


“นายมักจะมองนาฬิกาของนายเสมอเมื่อมีอะไรเกิดขึ้น”


 


‘นั่นคือวิธีที่เธอจำเราได้งั้นเหรอ’ ผมก้มหัวและยิ้มอย่างขมขื่น


 


“การกระทำที่แปลกประหลาดและลักษณะการพูดนิสัยน้อยๆและที่สำคัญวิธีการหายใจของนาย…”


 


เสียงโลหะของดาบขึ้นขณะที่ แชนายอน หยิบดาบของเธอออกมา


 


“ฉันจำได้ทั้งหมด จำได้อย่างชัดเจน”


 


ดวงตาที่ซับซ้อนของ แชนายอน จ้องมองมาที่ผมพวกมันเป็นสีดำสนิทอย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยผมก็ควรแสดงตัวออกมา ผมยิ้มอย่างขมขื่นและวางมือบนใบหน้าของผม ผมรู้สึกได้ถึงหน้ากาก ผมจับมันและดึงมันอย่างแรง ผ้าคลุมของผมลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า


 


“… เฮ้.”


 


ผมพูด


 


“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


 


ตรงหน้าของผมคือแชนายอน


บทที่ 379 การสลับปริศนา (5)


 


มีหลายสิ่งที่เขาอยากจะพูดออกมา แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน


เขาคิดไว้แล้วว่าจะเจอเธอสักวัน เขาไม่ได้วางแผนจะวิ่งหนีไปตลอด


แต่เขาไม่ได้เตรียมคำพูดหรือข้ออ้างอะไรเอาไว้เช่นกัน


 


“…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


 


เธอมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูดกับคนตรงหน้าและในที่สุดเขาก็ทักทายธรรมดาๆกับเธอ เธอมีความรู้สึกมากมายที่เธออยากจะระบายออกมา แต่ความคิดของเธอก็สั่นคลอน เธอต้องการเวลาเพื่อแยกแยะพวกมันออกจากัน


 


“นายพูดถูก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


 


เธอมองดูผู้ชายที่เธอชอบ


 


– อารมณ์จากหัวใจของเธอ


 


– ความรักที่เธอมีต่อเขา


 


– คำถามของเรื่องราวต่างๆ


 


– ความเกลียดชัง


 


– ความอยากเอาชนะอันรุนแรง


 


เสียงจากดาบของเธอทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจลดลงครึ่งหนึ่ง


 


เธอชี้ไปที่เขาด้วยดาบยาวของเธอ เธอยกดาบของเธอขึ้นมาเพื่อต่อสู้ชายผู้เคยบอกว่า ‘ดาบเหมาะกับเธอมากกว่าธนู’ ใบหน้าที่เฉยเมยของเขาถูกจารึกลงในจิตใจของเธอ และตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ที่ปลายดาบของเธอ


 


“ฉันมี…คำถามมากมายที่อยากถาม”


 


เธออยากฟังคำตอบ แต่ก้อนในคอทำให้เธอไม่สามารถพูดออกมาได้


 


“………….”


 


เขามองตรงไปที่ดวงตาของเธอ มีหลายอย่างที่เขาไม่ได้บอกเธอและเขาไม่สามารถบอกเธอได้ เพราะสิ่งที่เขาไม่สามารถพูดได้ในอดีตเขาก็ไม่สามารถพูดได้ในปัจจุบัน มันอาจดูเหมือนว่าเขาขี้ขลาดแต่เขาต้องทำแบบนี้ไม่งั้นเขาจะต้องหลงทางระหว่างโลกทั้ง 2 ใบนี้


 


“ฉันคิดถึงมันทุกคืน”


 


และเพราะเธอยกดาบขึ้นมา พลังเวทมนต์ของเธอก็เกาะติดกับคมดาบ กระแสพลังเวทย์มนตร์โหมกระหน่ำทุกทิศทาง


 


“แน่นอนฉันไม่ใช่คนที่ฉลาดอะไร และฉันก็ยังนึกไม่ออกแม้แต่ในคืนนี้”


 


น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ


 


“ฉันยังไม่เข้าใจ”


 


เธอไม่พูดอะไรมาก ประโยคหลายพันประโยคถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว


อารมณ์ที่ท่วมท้นถูกขังอยู่ในประโยคเดียว


 


“ดังนั้นบอกฉันมาในแบบที่ฉันเข้าใจ”


 


ความตั้งใจแน่วแน่ของเธอถูกยึดมั่นในดาบที่เธอถือ


 


“พูด.”


 


“… .”


 


เขาเข้าใจเธอ แต่เขารู้จากการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและความปวดร้าวทางจิตใจซึ่งเริ่มจากช่วงเวลาที่พวกเขาเจอกันอีกครั้งสิ่งเดียวที่เขาสามารถพูดได้ในตอนนี้คือ …


 


“รอก่อนนะ.” …คำพูดที่แสนขี้ขลาดนี้


 


“รออะไรอีก?”


 


เธอหัวเราะออกมา เธอมึนงงไปหมด ชีวิตของเธอช่างลำบากเหลือเกิน เธอไม่รู้สึกเหมือนมีชีวิตอยู่และเธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่เช่นกัน เธออยากใช้ชีวิตของตัวเอง แต่เธอไม่อยากรอ รอให้เขาบอกความจริงกับเธอซักวัน


 


“นายจะหนีไปแบบนี้อีกแล้วเหรอ”


 


เธอกัดฟัน ความเศร้าใจทำให้เธอปวดร้าว พ่อของเธอพร้อมที่จะละทิ้งทุกอย่างแม้แต่ แดฮยอง เพื่อเธอ ถ้าความโกรธทำให้เธอตาบอดเธอสามารถไปบอกกับ พ่อหรือว่าปู่ของเธอไม่นานเธอจะได้พบคิมฮาจินและฉีกร่างของเขาออกจากกัน แต่เธอปฏิเสธที่ทำแบบนั้นและทนทุก อย่างเอาไว้เพียงคนเดียว เธอแบกรับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความโกรธความเศร้า ความรัก ความเกลียดชังของเธอบนไหล่ของเธอ เพียงเพื่อให้เธอสามารถ…ได้ยินเขาบอกความจริงในสักวันหนึ่ง


 


“ฉันไม่ได้วิ่งหนี”


 


เขาตอบอย่างใจเย็นด้วยเสียงที่เธอยังคงจำได้


 


“…ถ้างั้นเอาอาวุธของนายออกมา ฉันจะเอาชนะนายและบังคับให้นายบอกความจริงออกมา ฉันจะ”


 


เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเขาหยิบปืนออกมา เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่น


 


“ดีมาก ทีนี้ฉันจะฆ่าแกซะ”


 


เสียงเย็นชาดังขึ้น เธอลดความยาวของดาบลงในแนวทแยง เปรี้ยง…พลังเวทมนต์ที่ไม่สามารถต้านทานได้พรั่งพรูออกมาจากร่างของเธอพลังเวทมนต์และคมดาบ ตอนนี้เธอพร้อมที่จะโจมตีในเวลาไม่กี่วินาที


ต่อจากนี้


“เธอไม่ควรพูด แบบนั้นนะ”


 


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ร่างกายของเธอก็กระโจนเข้าใส่ จิตสังหารของเธอนั้นออกมาจากจริงใจและพลังเวทมนต์ในดาบของเธอก็เปลี่ยนรูปร่าง


 


วูบบบบบบบบบบบบบบ…


 


คมดาบลุกโชนอย่างเงียบๆ ขณะที่มันเคลื่อนที่ไปทางด้านข้างของเขา แต่บาเรียของเอเธอร์ขัดขวางเส้นทางของมันเอาไว้ เอเธอร์ ที่ไม่มีรูปร่างดูดซับพลังเวทมนต์ของเธอผ่าน ‘การสกัด’ แต่เธอก็ไม่ได้ตกใจกับมัน


เธอไม่มีเวลาคิด เธอยังคงแกว่งดาบของเธอ 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง…


การโจมตีที่บ้าบิ่นเต็มไปด้วยอารมณ์ พวกมันไม่เหมาะที่จะเรียกว่าทักษะดาบ เธอกรีดเพื่อที่เขาจะได้ไม่สังเกตเห็นน้ำตาไหลบนแก้มของเธอ การโจมตีของเธอเทสาดลงมาเหมือนสายฝน


 


ตู้มมมมมมม,ตู้มมมมมมม,ตู้มมมมมมม,ตู้มมมมมมม….


 


ทันใดนั้นก็มีเสียงครวญครางก็ดังขึ้น เธอกลั้นลมหายใจและหยุดลง


 


“……!”


 


จากมุมมองคนนอกนอกเหนือจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ


ก็สามารถเห็นชายคนหนึ่งที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด


ร่างของเขาเหมือนผ้าขี้ริ้วและแชนายอนก็รู้ตัวว่าปืนในมือของเขาไม่ได้ยิงออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอจ้องที่เขาอย่างว่างเปล่า ความคิดของเธอไม่อาจคาดเดาราวกับสมองของเธอแข็งค้าง มือของเธอสั่น ทำไม!!


เป็นเพราะเธอทำร้ายเขางั้นหรอ…แต่ไม่นานเธอก็กำด้ามดาบไว้แน่น


 


“นายมันขี้ขลาด!”


 


คราวนี้เธอไม่ถอยออกมา เธอฟันดาบใส่ชายคนนี้อย่างเมามันซึ่งตอนนี้กำลังนอนอยู่บนพื้น


 


ตู้มมมมมมมมมมมม-!


 


ดาบซึ่งหักเลี้ยว 180 องศาตรงหน้าเขามันมีพลังทำลายล้างสูงมาก


เขายกแขนขึ้นและพยายามหยุดดาบเอาไว้


 


– แกร็ก


 


แม้จะเป็นการป้องกันของ เอเธอร์ แต่แขนของเขาก็หักครึ่ง


 


“…ทำไม!”


 


เธอตะโกนและเตะเขา เตะลงบนท้องของเขาและเขาก็ถูกอัดลอยไปไกล


ภาพที่เขาถือหน้าอกของเขาขณะที่เขานอนอยู่บนพื้นเป็นเรื่องภาพที่


น่าสมเพช แต่เขาคลานขึ้นมาเพื่อยืนขึ้นต่อหน้าเธออีกครั้ง เธอเกลียดแบบนี้ ดังนั้นเธอเลยฟันดาบใส่เขา มือของพวกเขาพันกันและร่างกายของพวกเขาก็เช่นกัน พื้นแข็งด้านล่างกลายเป็นแอ่งน้ำ…และในที่สุด


 


“แฮกกกกก….แฮกกกกกก”


 


เธอหายใจอย่างหนักขณะที่มองดูเขา เขาอยู่ข้างล่างเธอในสภาพ


ทรุดโทรมและดาบอยู่ในมือของเธอ การต่อสู้สิ้นสุดลง แต่เธอก็ยังคงโกรธแค้นไม่เปลี่ยนแปลง


 


“…แกมันก็แค่ไอ้สารเลว”


 


เสียงของเธอสั่นไหวเต็มไปด้วยความโกรธและเธอก็จับเขาไว้ที่คอ


 


“นายคิดว่าการแบบนี้จะทำให้ฉันยกโทษนายงั้นเหรอ? แค่ให้ฉันอัดนายแค่นี้ นายมันเลว…”


 


ขณะที่เขามองดูเธอบ่นเต็มไปด้วยความเครียดแค้น ผมไม่เคยขอให้เธอให้อภัยหรือแม้แต่จะขอโทษได้ แต่อย่างน้อยผมก็สามารถช่วยเธอให้ได้ฆ่าผมได้อย่างน้อยก็ 1 ครั้ง เขารู้สึกโล่งใจด้วยความคิดและรังเกียจ


ตัวเองที่คิดเช่นนี้


 


“… .”


 


“นายรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฉันคิดถึงนาย”


 


เธอร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่อง


 


“หน้าอกมันแน่นไปหมดและหัวใจของฉันมันเจ็บปวด ฉันอยากเจอนาย แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันอยากที่จะเชื่อใจนาย แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันเกลียดนายมากพอที่จะฆ่านายด้วยมือของฉันเอง แต่ฉันทำไม่ได้


นายทำร้ายฉันมากขนาดนี้ แต่ฉันก็ยังอยากอยู่กับนาย….นายทำอะไรกับฉันลงไป….”


 


เธอหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นแล้วยกขึ้นสูง ตอนนี้หัวใจของเขาอยู่ที่


ปลายดาบของเธอ เพียงแค่เธอออกแรงอีกนิดเดียวและความสัมพันธ์ที่เลวร้ายของพวกเขาก็จะสิ้นสุดลง แต่ความจริงข้อหนึ่งทำให้เธอลังเลใจ


ความตายบนชั้นที่ 20 เป็นความตายที่แท้จริง


แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็…


 


“ฉันฆ่านายได้ ฉันทำได้!”


 


เธอร้องไห้ขณะที่มองคิมฮาจินราวกับกำลังขอให้เขาหนีไปซะ แต่ดวงตาของคิมฮาจินกับจับจ้องอยู่ที่เธอ


 


“…………..!!!!!!”


 


เสียงร่ำไห้ดังก้อง


 


เธอแทงดาบของเธอลงไปอย่างแรง


 


ชึกก-!


 


ความเงียบงันเข้ามาแทนที่พายุอันรุนแรง


 


แฮกกก…แฮกกกก….


 


ลมหายใจเล็กๆบางๆดังขึ้น


—————–2——————-


“บ้าที่สุด.”


 


เธอปล่อยดาบลงไปแล้วล้มตัวลง


 


หน้าผากของเธอแตะหน้าอกอันอบอุ่นของเขา


 


“ไม่มีทาง…ไม่มีทางที่ฉันจะฆ่านายได้….”


 


คำพูดนั้นทะลุหัวใจเขา ร่างของเธอสั่นไหวในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าโศก


 


“นายมันตัวเลวร้ายที่ขี้ขลาด….”


 


เสียงแหบแห้งออกมาจากปากของเธอร่างกายเล็กที่สั่นเบาๆใน


อ้อมแขนของเขาเกือบจะทำให้จิตใจของเขาแตกสลาย มันสั่นคลอนจิตใจของเขาอย่างใหญ่หลวง


 


*************************************************************************


บทที่ 380 การสลับปริศนา (6)


 


ในขณะเดียวกัน จินเซยอน ยืนอยู่หน้าประตูที่ 6 ของทางเดิน 8 เธอไม่ได้อยู่คนเดียว แต่อยู่กับ ผู้ติดอันดับที่ไม่ทราบชื่อ ชายที่คิดอันดับยังคงจ้องมองที่จินเซยอนราวกับว่าเขามีบางอย่างที่จะพูดออกมาในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดออกมาเมื่อจินเซยอนจับมือลูกบิดประตู


 


“อืมมมม อีก 2 คนหายไปไหน”


 


“…อะจริงๆเหรอ?”


 


จินเซียนแสร้งทำเป็นไม่เห็นและเหลียวหลังไปมอง สายตาของเธอเหยียดยาวออกไปและเห็นคู่รักกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง พวกเขาคือ คิมฮาจิน และ แชนายอน ซึ่งทั้งคู่เปิดเผยความสัมพันธุ์ของพวกเขา ออกมา


 


“อืม.”


 


จินเซยอนรู้ว่าเป็นพวกเขามานานแล้ว เธอเป็นถึง นักธนูผู้ศักดิ์สิทธิ์


เธอสามารถแยกกับดักของหอคอยจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย


เธอคอยจับตาดูพวกเขาแม้ขณะที่เธอเดินอยู่


 


“เดี๋ยวก่อน….”


 


เธอแอบมองพวกเขาอย่างละเอียด เธอมุ่งเน้นพลังเวทมนต์ของเธอจนทำให้รอบดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ตอนนี้ภาพของ แชนายอน และ คิมฮาจิน ได้สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธออย่างชัดเจนยิ่งขึ้น


 


“…อืม………..ฉันเข้าใจแล้ว”


 


เธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ของ แชนายอน และ คิมฮาจิน จากข่าวลือแล้ว


 


‘นายอยากจะเกลียดคุณมากพอที่จะฆ่าคุณด้วยมือของฉันเอง แต่ฉันไม่สามารถทำได้ คุณทำร้ายฉันมากจนฉันต้องการให้คุณอยู่เคียงข้างฉัน…. ‘


 


แต่จากท่าทางข่าวลือนั้นผิดไปมาก อารมณ์เหล่านี้มันมากกว่าความสัมพันธ์เพียงชั่ววูบของวัยรุ่นมากนัก


 


“……..”


 


เธอเหลือบมองไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ผู้จัดอันดับทราบเพียงมีการปะทะกันอย่างรุนแรงจากพลังเวทมนต์และเสียงของอากาศที่ถูก


ตัดขาด


 


“ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังยุ่งอยู่เพราะงั้นเราไปกันเถอะ”


 


ผู้ชายคนนี้ไม่มีความสามารถในการแอบฟัง จินเซยอน ตัดสินใจที่จะเดินต่อ เป้าหมายของเธอคือหนังสือทักษะดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ เธอในตอนนี้คือการรวมกลุ่มกับไอลีน


 


***********************************************************************


 


…ผมนอนนิ่ง ผมไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ อาจเพียงชั่วครู่หรืออาจนานมาก แต่ผมได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาหาผมเรื่อยๆ


 


“… .”


 


สิ่งที่เข้ามาหาอย่างรวดเร็วเหมือนสายลมไม่นานก็กลายเป็นเงา จากนั้นเงาดำก็กลายเป็รมนุษย์และเธอก็จ้องมาที่ผมซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและหายใจแทบไม่ทัน


 


“บอส”.


 


บอสตรึงเงาของเธอก่อนที่ผมจะพูดอะไรอีก คมดาบเงาทมิฬหยุดอยู่ที่ด้านหลังศีรษะของ แชนายอน ซึ่งอยู่บนตัวของผม บอสมองมาที่ผมพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอยากจะถามอะไรบางอย่าง


 


ผมพูดสั้นๆอย่างเย็นชา


 


“เอามันออกไป!!”


 


“… .”


 


บอสจ้องมองมาที่ผมอย่างเงียบๆ การแข่งขันจ้องตาเริ่มต้นขึ้นอย่าง


ไม่คาดคิด ไม่นานเธอก็ถอยออกไปและผมก็วาง แชนายอน ลงบนพื้น เธอหลับลงไปทันทีที่เธอร้องไห้มันทำให้ผมทุกข์ใจ บอส มอง แชนายอน และถามออกมา


 


“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร!!!”


 


ผมจ้องมองที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังหลับใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา


 


…ผลพวงจากความผิดพลาดในอดีตของก็กลับมาหาผมเหมือนคมดาบที่ทิ่มแทงหัวใจ ผมกลืนน้ำลายพร้อมถอนหายใจแล้วถอดเสื้อคลุมออก


 


“3 ปี”


 


ผมตัดสินใจเจอเธอในวันนั้น


 


3 ปี


 


เวลาที่เหลือจากในเนื้อเรื่องเดิม แผนเดิมของผมคือการปล่อยให้เธอเกลียดผมต่อไปจนกว่าจะถึงวันนั้น แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจเป็นอย่างอื่น แม้ว่ามันจะสายเกินไปผมรู้ว่าการเกลียดใครซักคนนั้นยากมาก


ผมเอาใช้ใส่ แชนายอน โดยไม่รู้ตัวและมันเจ็บปวดมากจริงๆ


แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นความเข้าใจที่ไม่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าพวกเราจะไม่มีวันกลับไปเป็นอย่างที่เคยในอดีต แม้ว่ามันจะสายเกินไปที่ผมจะลองนับจาตรงนี้เป็นต้นไป….


 


“เดี๋ยวก่อน”


 


ผมงอเข่าของผมและวางเสื้อคลุมไว้บนร่างที่เย็นชาของ แชนายอน


ผมใช้รอยสักทำให้หัวเธอเย็นลงจากการใช้เวทมนต์มากเกินไปและปรับเธอให้อยู่ในตำแหน่งที่สบายมากขึ้น


 


“คิมฮาจิน”


 


ในขณะนั้นเองบอสก็เรียกหาผม ผมเงยหน้าขึ้นมองเธอและเธอถามอย่างกังวลใจ


 


“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”


 


“… .”


 


ผมส่ายหัวและยืนขึ้นมา พวกเราอยู่ในช่องสุดท้ายของ เขต 8 ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครรู้ว่า แชนายอน อยู่ที่นี่ถ้างั้นผมออกจากที่นี่และบอสเองก็ตามผมมาอย่างเงียบๆ เธอดูเหมือนจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมหนื่อยเกินกว่าจะอธิบาย ร่างกายของผมบอกให้ฉันไปนอนเหมือนแชนายแน การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรทำ


 


“ผู้หญิงคนนั้น,”


 


ผมค้นหาสถานที่พักผ่อน และเจ้านายทำลายความเงียบ


 


“เธอมีค่ากับคุณไหม?”


 


“… .”


 


ทำไมเธอถึงอยากรู้เช่นนั้น?


ฉันกำหัวเผาในมือของฉัน ฉันมีไข้ในทุกส่วนของร่างกาย แทนที่จะตอบคำถามงี่เง่าแบบนั้นฉันต้องหาที่สำหรับพักผ่อน


โชคดีที่เรามาถึงที่ช่องถัดไป


ฉันเปิดประตูด้วย Mystic Key


ไม่มีใครอยู่ข้างใน


ฉันนั่งเฉยๆบนโซฟา


 


“ คิมฮาจิน”


 


บอสนั่งถัดจากฉันและโทรหาฉันด้วยความกังวล


 


“ใช่แล้วมันคืออะไร”


 


“…ไม่เป็นไร. ดูเหมือนว่าฉันไม่ได้มีน้ำใจ พักผ่อนให้ดีตอนนี้”


 


“… .”


 


เมื่อฉันเห็นบอสถอยกลับไปหน้าบูดบึ้งเล็กน้อยมีบางอย่างในตัวฉันหวั่นไหว หัวใจของฉันสั่นและสั่นทั้งตัว มันเป็นการบังคับของต้นกำเนิดที่ไม่รู้จัก อิทธิพลของอารมณ์ที่ไม่ระบุชื่อ ฉันบังคับให้ร่างกายที่อ่อนล้าของฉันเคลื่อนไหว ร่างกายของฉันเคลื่อนไหวราวกับว่าไม่ใช่ของฉันและฉันจ้องที่บอส


 


“บอส”.


 


“อืม?”


 


“ผมรู้แล้วน่า”


 


“หมายถึงอะ…ไร…?”


 


ประโยคเดียวออกมาจากปากของผมอกครั้ง


 


“คุณเป็นคนที่พาผมไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสินะ”


 


…ในขณะนั้นดวงตาของผมก็มืดลง สติของผมพล่าเบลอและร่างกายของผมทรุดตัวลง


บทที่ 381 หอคอยแห่งความปรารถนา (1)


 


– …แชนายอน เป็นยังไงบ้าง?


 


ในขณะที่กำลังนอนหลับบนผ้าห่มที่นุ่มสบายของเธอ แชนายอน ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยทำให้ เธอสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา


 


“ว้ายยย!”


 


เธอเห็น 2 คนตรงหน้าเธอ


 


“…พวกนายมาทำอะไรที่นี่?”


 


“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอหลับ”


 


เป็นยียอนฮาน และ คิมซูโฮ พวกเขามองเธอและหัวเราะ ใบหน้าของพวกเขาไม่ได้ถูกปิดบังเอาไว้เธอจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะ การทดสอบจบลงหรือพวกเขาถอดผ้าคลุมออก


 


“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?”


 


“…เธอหมายถึงอะไรพวกเราเล่นไพ่กันจนจะจบแล้ว พวกเรากำลังตามหาเพื่อนร่วมทีมของเราที่เหลืออยู่ตอนนี้”


 


“…อ้อ.”


 


แชนายอน เก็บลมหายใจของเธอและมองไปรอบๆไม่มีอะไรนอกจากพุ่มไม้และหญิงที่รกร้างรอบๆตัวเธอ เธอรู้สึกเหมือนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นคือความฝัน


 


“งั้นเสื้อคลุมตัวนี้เธอไปได้มายังไงล่ะ” ยียอนฮาน ชี้ไปที่เธอแล้วถาม


 


แชนายอน เงยหัวเธอ “เสื้อคลุมอะไร?”


 


“ก็ที่อยู่บนตัวของเธอ”


 


“นายกำลังพูดถึงอะไร….” แชนายอน มองลงไปที่ร่างของเธอ จากนั้นเธอก็เห็นเสื้อคลุม มันเป็นเสื้อคลุมลึกลับที่อ่อนนุ่มราวกับผ้าไหม


แต่แข็งเหมือนเหล็กและเบาเหมือนขนนก


 


“อะ-อะไรกัน มันเป็นไอเท็มLV.7!!”


 


“…จริงเหรอ?”


 


เมื่อได้ยินเสียงร้องที่น่าตื่นเต้นของ ยียอนฮาน แชนายอน ก็ตรวจสอบคำอธิบายของเสื้อคลุมด้วยความงุนงง


 


===


[เสื้อคลุม Lv.7 สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือหลัก]


○ Lv.7 ดูดซับแรงกระแทก


○ Lv.6 ปรับขนาด


○ Lv.6 ต้านทานพลังเวทมนต์


○ Lv.6 พื้นฟูสภาพ


○ Lv.5 เปลี่ยนความเสียหายเป็นพลังเวทย์ระดับต่ำ


== =


 


มันเป็นเสื้อคลุม LV.7 จริงๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้แชนายอนก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่ความฝัน


 


“… .”


 


แชนายอน ระลึกถึงความทรงจำจางๆจากเสื้อคลุม


– ขอเวลา 3 ปี


 


คิมฮาจินกระซิบด้วยน้ำเสียงเบาๆจากจิตใต้สำนึกของเธอก่อนที่พลังอันอบอุ่นจะโอบเธอเอาไว้


 


“เฮ้ เธอได้มันมาจากไหน เธออยากขายให้ฉันไหม? ทำไมเธอไม่ขายละขายมันให้ฉันเถอะ”


 


“หุบปาก”


 


แชนายอน ผลัก ยียอนฮาน ออกไปแล้วลุกขึ้นมา


 


“เสื้อคลุมแบบนี้ไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่มีดาบยาวเหมือนเธอ แต่มันสมบูรณ์แบบสำหรับนักสู้ระยะประชิด!”


 


ในขณะที่ยียอนฮาน ยังคงอยากได้อยู่แต่ในดวงตาของ แชนายอน กลับส่องประกายแสงเจิดจ้า


 


… 3 ปี


 


เขาบอกว่าจะให้รออีก 3 ปี


 


แต่ฉันจะไม่รอต่อไปแล้ว


 


แม้ว่าฉันจะต้องใช้พลังของครอบครัว ฉันก็จะเปิดเผยความจริงออกมาและไปหาเจ้าบ้านั้นและส่งเสื้อคลุมนี้คืนไป….


 


“ฉันบอกเธอแล้วว่ามันเหมาะสำหรับนักสู้! ฉันจะให้เงินออมทั้งหมดกับเธอเลย เงินออมทั้งหมดเลยนะ โอ้ยยย ฉันอยากได้หลายอย่างแต่ว่าเจ้านี้ฉันอยากได้เป็น อันดับ 1 เลยตอนนี้!”


 


“ชิ จะไปไหนก็ไปเลยนะเจ้าบ้า”


 


*************************************************************************


 


ผมลืมตาของผมอย่างช้าๆและมองเพดาน สีแดงปักลายทอง มันอาจเป็นเพดานของช่องทางพิเศษ


 


“นายตื่นแล้วเหรอ?”


 


เสียงแหบห้าวปลุกความง่วงนอนของผม ผมเอียงศีรษะไปด้านข้าง


เล็กน้อยก็เห็น ชอคจุนกยอง ยืนอยู่ตรงนั่น


 


“อ๊าก หัวของฉัน….” ผมจับศีรษะแน่นและถามออกมาว่า “เกิดอะไรขึ้น”


 


“นายหมายถึงอะไรว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’”


 


ชอคจุนกยอง ยกหนังสือขึ้นมา 1 เล่ม


 


[Lv.1 สุดยอดทักษะพิเศษ – ระเบิดพลัง]


 


จากรูปลักษณ์ของมัน การทดสอบ คงจะจบลงแล้ว


 


“นายหมดสติไปเพราะหมดแรง”


 


“…อ้อ นายได้รับ ระเบิดพลัง แล้วงั้นเหรอ”


 


ระเบิดพลัง [มันก็คือพลังคลืนเต่านั้นละ] มันเป็นทักษะที่ทุกคนคุ้นเคยจากในการ์ตูนแม้ว่ามันจะฟังดูง่าย แต่มันก็ไม่ควรถูกมองข้ามเพราะ การระเบิดพลัง ใช้ ‘พลังงาน’ ซึ่งรวมถึงพลังเวทมนต์และพลังกายภาพ มันเป็นทักษะระดับสูงที่สมควรได้รับสถานะ ‘สุดยอดทักษะ’ อย่างเต็มภาคภูมิและสามารถแสดงพลังที่น่าตกใจออกมาอย่างไม่อาจประเมินโดยขึ้นอยู่กับผู้ใช้


 


“ทำไมนายอยากได้มัน?”


 


“ไม่ นายควรเรียนรู้ทักษะนี้นะ”


 


คนอย่าง ชอคจุนกยอง นั้นเหมาะกับมันมาก ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าการระเบิดพลังของเขามันจะร้ายกาจขนาดไหน


 


“…ฉัน?”


 


“ใช่ มันจะน่าอัศจรรย์เมื่ออยู่ในมือของนาย”


 


แต่ด้วยความประหลาดใจของฉัน ชอคจุนกยอง มองที่หนังสือทักษะแล้วส่ายหัว


 


“มันไม่เหมาะกับฉัน”


 


แม้ว่านั่นคือสิ่งที่เขาพูดแต่เขายังคงเก็บหนังสือทักษะไว้ในคลังของเขา ผมเดาว่าผมจะเห็นเขาตะโกน ‘ระเบิดพลังงงงง~’ ในไม่ช้าละ


 


“…อ่า.”


 


ตอนนั้นเองที่ผมจำได้ว่าผมเป็นลมได้ยังไง แน่นอนว่าผมจำคำที่ผมพูดกับบอสได้ ความตกใจที่เธอรู้สึกจะต้องรุนแรงมากสำหรับเธอที่เธอผมเป็นไปลมทันทีแบบนี้ ผมลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


 


“บอสอยู่ไหน”


 


“ข้างนอก”.


 


“ข้างนอก?”


 


“ที่ระเบียงไง”


 


ชอคจุนกยอง ชี้ไปที่มุมขวาของห้องพิเศษ ช่องพิเศษที่มี 3 ห้องนอนและห้องนั่งเล่นมีระเบียงให้ด้วย


 


“อืมมมมม… .”


 


ผมมองไปที่ประตูพร้อมกับมีสัญลักษณ์ [ระเบียง] เขียนอยู่ด้านบน บอสอยู่ข้างนอกหลังประตูมองไปที่ทิวทัศน์ภายนอก


 


ผมเดินไปอย่างช้าๆ


เคาะ เคาะ


 


ผมเคาะประตูและสังเกตปฏิกิริยาของเธอ แต่เธอไม่ตอบสนองแม้ว่าจะผ่านไปนาน


 


เคาะ เคาะ


 


เพราะเธอไม่ตอบสนองต่อการเคาะครั้งที่ 2 ผมเลยเปิดประตูโดยไม่รอให้เธอบอกผม


 


“……..”


 


บอสกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งบนระเบียงและมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน


ผมนั่งลงถัดจากเธออย่างระมัดระวังแล้วเงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์เดียวกันที่เธอกำลังดู ดวงจันทร์ถูกซ่อนอยู่หลังเมฆดำมืดและไม่เห็นดาวดวงแม้แต่ดวงเดียวบนท้องฟ้า บอสจ้องมองที่ความมืดมิดอย่างเงียบๆ


 


“บอส”


 


ผมเรียกหาเธอ แต่เธอไม่ตอบกลับ


 


“บอส”


 


ผมเรียกเธออีกครั้งและอีกครั้งแต่เธอก็ไม่ตอบกลับ


 


“ผมจะเรียกคุณไปจนกว่าคุณจะตอบผม”


 


“…………….”


 


ไหล่ของเธอก็สั่นไหวแล้ว เธอถามด้วยสายตาของเธอจับจ้องอยู่บนท้องฟ้า


 


“อะไร?”


 


แค่เพียงคำเดียว แต่ผมรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าของเธอในรู้สึก ผมเลือกคำพูดของผมอย่างระมัดระวังและถามเรื่องที่ธรรมดาๆก่อน


 


“ผมหลับไปนานแค่ไหนแล้ว”


 


“…ประมาณ 1 วัน”


 


“หืมม.”


 


‘มันค่อนข้างนานเหมือนกันแฮะ’ ผมบ่นกับตัวเองและมองออกไป


ข้างนอกอีกครั้ง ทัศนียภาพภายนอกเปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนไหวของรถไฟ แม้ว่าท้องฟ้าจะไม่มีอะไรนอกจากความมืด แต่


ภูมิทัศน์ลึกลับก็แผ่ออกไปด้านล่าง ผ่านภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่บนโลกรถไฟจะขึ้นไปที่ชั้น 26 ต่อจากนั้นจะเป็นเวลาที่คิมซูโฮจะเปล่งประกาย


พวกเราที่เหลืออาจจะฆ่ายากขึ้นแม้กระทั่งเจอกับลูกน้องที่อ่อนแอ


ชั้นบนเป็นเวทีที่จัดไว้สำหรับคิมซูโฮผู้ถือดาบศักดิ์สิทธิ์และ


‘ฮีโร่ที่แท้จริง’ ผู้เดินบนเส้นทางแห่งความถูกต้อง


 


ในขณะที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่จะเปิดเผยตัวในอนาคตบอสก็ถามออกมาโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจ


 


“นายจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่นายจะหมดสติ”


 


อย่างไรก็ตามคำพูดนี้เต็มไปด้วยความปวดร้าวและความทุกข์ทรมาณ ในน้ำเสียงของเธอ ผมพยักหน้าอย่างเงียบๆ


 


“…นายรู้มานานแค่ไหนแล้ว”


 


“นานแล้วละ”


 


“….”


 


บอสนิ่งเงียบทันที ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถพูดสิ่งที่เธออยากจะพูดออกมาได้ ดังนั้นผมจึงพยายามตอบคำถามที่เธอกลืนลงไปในใจ


 


“บนชั้นที่ 20 นี่คือสิ่งที่ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ของผมบอกว่า


‘ตามหาสาเหตุของความเหงา’ มันสะท้อนถึงตัวผมอย่างชัดเจน”


 


การซิงโครไนซ์ที่เกิดจากการเจอกับนี้เชื่อมโยงผมกับ คิมชุนดง และส่งผลกระทบต่อจิตใต้สำนึกของผม แน่นอนว่าผมไม่มีแผนที่จะอธิบายเรื่องนี้กับบอส


 


“ฉันเข้าใจ.”


 


“จริงสิ…เหตุการณ์กวางโอ้”


 


ผมยกเหตุการณ์กวางโอ้ ขึ้นมา ในขณะนั้นเองแหล่งกำเนิดของแสงเพียงดวงเดียวก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าด้านบน มันคือดาวดวงอันงดงาม


 


“ผมเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว”


 


อย่างที่ผมบอกไปความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นกับร่างกายของผม แม้ว่าผมจะเป็นคนพูดแต่มันก็รู้สึกเหมือนว่าเป็นตัวผม ด้วยความรู้สึกนี้ผมจึงหยุดพูดแล้วจ้องมองไปที่ดวงตาของบอส


 


“… .”


 


ผมอยู่กับบอสมานาน พวกเราแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึก


ทุกอย่าง ดังนั้นผมรู้สึกเหมือนผมเข้าใจในสิ่งที่เธอรู้สึกตอนนี้ เธอกลัว บอสไม่ได้รู้สึกท้อแท้ใจแต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเธอหวาดกลัว


 


จากปฏิกิริยาเล็กๆนี้ผมเดาได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันพอดีกับพล็อต


นิยายหรือหนังต่างๆเช่น บอสน่าจะเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่ของคิมชุนดง…


เมื่อความคิดของผมถึงได้ข้อสรุป ร่างกายของผมก็เริ่มเดือดดาดขึ้นมา ประกายแห่งความแค้นลุกโชนอยู่ภายในตัวผม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม…


 


“ไม่ว่าบอสจะทำอะไรในเหตุการณ์กวางโอ้…”


 


นี่ไม่ใช่ความรู้สึกของผม โลกนี้เป็นนิยายและผมไม่ใช่ตัวละครในนิยาย ผมคือ คิมฮาจิน ไม่ใช่ คิมชุนดง


ดังนั้นผมปฏิเสธไม่ยอมรับความรู้สึกที่ไม่ใช่ของผมทั้งหมด


 


“…ผมจะไม่เกลียดบอสเพียงเพราะเรื่องแค่นั้นหรอกนะ”


 


ผมทำให้สิ่งต่างๆ กลายเป็นประโยคเดียวได้ง่ายขึ้น ผมไม่ได้ตำหนิเธอที่เธอฆ่าพ่อแม่ของ คิมชุนดง ผมไม่สนว่ามันจะเย็นชาหรือเลือดเย็นยังไง แม้ว่ามันจะดูไม่ดีแต่ผมก็วางแผนที่จะทำให้มันกลับมาถูกต้องที่สุด


ผมไม่อยากที่จะสูญเสียความสัมพันธ์ที่ผมสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก


 


“บอสเองก็ยังอายุน้อยเหมือนกัน”


 


ผมกุมมือเล็กๆทั้ง 2 ข้างของเธอซึ่งเย็นเฉียบและสั่นเทา


 


“ดังนั้นอย่ารู้สึกผิดเพราะมันเลย”


 


บอสพยายามดึงมือเธอกลับแต่ผมไม่ยอม ผมบีบมันแน่นและกุมไว้ในมือของผม จากนั้นผมก็ปลดปล่อยพลังเวทย์ของรอยสักออกมา


 


วิ้งงงงงงงงงงงงงง…


 


พลังเวทมนต์ของรอยสักปรากฏขึ้นอย่างนุ่มนวลและรักษามือของบอส


รอยแผลหายไปอย่างไร้ร่องรอย บอสมองมาที่ผมขณะดวงตาเบิกกว้าง


———————2———————-


บทที่ 382 หอคอยแห่งความปรารถนา (2)


“มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากถามให้ได้”


ผมมองในดวงตาของเธอ


“คุณชื่ออะไร?”


ผมอยากได้ความไว้วางใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เธอสามารถมอบให้ผมได้


“…………….?”


มันฉับพลันเกินไปงั้นเหรอบอสยืนพร้อมความงุนงง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถามด้วยเสียงสั่น


“ชะ….ชื่อ?”


“ใช่ ผมจะเก็บไว้เป็นความลับจากสมาชิกคนอื่นๆอย่างแน่นอน”


ผมบอกไปว่าผมได้ยินไม่ชัดว่าเบลล์เรียกชื่อเธอว่าอะไร แต่อันที่จริงแล้วผมรู้ชื่อเธอนานแล้วเพราะผมเป็นคนแต่งนี้น่า


แต่สิ่งสำคัญคือการได้ยินจากเธอเป็นการส่วนตัว


“ฉัน….มัน กระทันหันเกินไปไหม….”


บอสมองมาที่ผมด้วยสายตาที่สั่นไหวของเธอ จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยความมุ่งมั่น ดาวดาวที่โดดเดี่ยวส่องแสงบนท้องฟ้า


“…บยอล” [2]


“บยอล? ชื่อตัวเดียวเหรอ?”


บอสพยักหน้าอย่างเงียบๆ ผมยิ้ม


“เป็นชื่อที่ดีเลยนะ”


“…….ไม่หรอก”


หลังจากที่เอ๋ยชื่อออกมาแต่บอสยังคงลังเล เธอพยายามบอกนามสกุลของเธอด้วยใช่ไหม ผมมองเธอที่กำลังประหม่า


เฮ้อออออออออออออ—


บอสหายใจลึกๆและพูดเบาๆและบอกให้ผมเก็บความลับนี้เอาไว้


“นามสกุลของฉันคือ…”


“อะไรนะ?”


แต่เนื่องจากเธอพึมพำเบาๆ ผมเลยไม่ได้ยินเธอเลยแม้แต่น้อย


“นามสกุลของเธอคืออะไรนะ ขออีกครั้งได้ไหม”


เมื่อได้ยินผมถามอีกครั้งบอสก็ถอนหายใจ


“ยี่….”


ยี่


กล่าวอีกนัยหนึ่งชื่อเต็มของเธอคือ ยี่บยอล [3]


“มันเป็นชื่อที่น่าเกลียดใช่มั้ยละ”


ตอนนี้ผมรู้ชื่อเต็มของเธอแล้วผมอาจจะเขียนว่า ‘ยี่บยอล บ่นออกมา’ ถ้านี่เป็นในนิยาย แน่นอนในนิยายจริงๆบนโลกผมไม่เคยมาถึงจุดนี้เพราะผมข้ามช่วงนี้และแน่นอนว่าพระเอกในนิยายคือ คิมซูโฮไม่ใช่ผม


“ไม่มันเป็นชื่อที่น่ารักมากๆ”


ผมยิ้มเบาๆ


“ถ้าอย่างนั้น คุณยี่บยอล?”


“อะไรหรอ.”


“ผมชื่อคิมฮาจิน”


เมื่อได้ยินสิ่งนี้บอสก็ขมวดคิ้ว


“…นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ”


“ไม่”


ผมส่ายหัว


“ที่ผมอยากจะบอกคือ…ผมไม่อยากให้เธอลืม”


เมฆดำบนท้องฟ้าหายไปและดวงจันทร์สีขาวเปล่งแสงอันอ่อนโยนส่องมาที่พวกเรา ภายใต้แสงจันทร์ ผมที่กระเซิงๆของบอสเข้ามาในสายตาของผมพร้อมกับรอยคล้ำใต้ขอบตาและผิวหนังของเธอที่เกิดจากความเหนื่อยล้า เธอทนทุกข์แค่ไหนใน 1 วันนี้? ผมรู้สึกเสียใจเลยให้เอเธอร์กลายเป็นหวี


“ให้ฉันหวีผมของคุณหน่อยนะ”


บอสพยักหน้าและมอบร่างของเธอให้ผม ผมยืนอยู่ข้างหลังเธอและหวีผมยาวของเธอเบาๆ อย่างไรก็ตามร่างกายของเธอแข็งทื่อ เมื่อเห็นว่าเธอยังคงทนทุกข์อยู่กับความรู้สึกผิดของเธอ…ผมก็มีความคิดซุกซนเล็กๆซึ่งมันอาจจะดูหยาบคาย แต่พวกเราอายุเท่ากันในทางเทคนิค


เธอเอาก็คงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน ผมล้างคอและกระซิบข้างๆหูของเธอ


“เป็นยังไงบ้าง บยอล”


ในเวลานั้นผมตกใจบอสตอบโต้อย่างรุนแรงและดิ้นด้วยท่าทางตลก


ถ้าให้อธิบายการเคลื่อนไหวของเธอด้วยคำพูดมันเหมือนปลาที่ออกมาจากน้ำ การเคลื่อนไหวของเธอแรงไปสำหรับปลาแต่นั่นคือสิ่งที่มันเป็น


เธอแก้มแดงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร


*************************************************************************


[4 วันต่อมาชั้น 8-3 กำแพงปราสาทตะวันออกของ Crevon]


เมื่อผู้ติดอันดับส่วนใหญ่ออกจาก Crevon ไปที่ชั้นบนทำให้สถานการณ์ของ Crevon แย่ลง กำแพงด้านนอกพังทลายและมีผู้เล่นน้อยเกินกว่าที่จะต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่ทรงพลังกว่า แถมเรื่องยังแย่ลงอีกเพราะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองภายในท่ามกลางตระกูลราชวงค์อาราธอส มันเกิดจากการที่เจ้าชายรัชทายาทถูกวางยาจนตาย


“ทหารเข้าแถว!”


แม้ในสถานการณ์เช่นนี้เรเชลเองก็พยายามอย่างดีที่สุดในฐานะ


ผู้บัญชาการกองทัพพิเศษของ Crevon เธอปกป้องผู้เล่นและทหารที่


บาดเจ็บด้วยความช่วยเหลือของธาตุนับ 10 เพื่อป้องกันการโจมตีขนาดใหญ่และสร้างบาเรียพร้อมโจมตีด้วยดาบและพลังไปพร้อมๆกัน…หากไม่มีเรเชลมอนสเตอร์คงบุกไปถึงใจกลางของ Crevon แล้ว


“ทุกอย่างดูแย่ลงเรื่อยๆ เราต้องโพสต์บอกไปให้คนอื่นรู้”


นี่คือคำแนะนำของ อาแฮอิน อาแฮอิน ได้เตรียมที่จะเก็บสัตว์ร้ายของเธอแล้ว แม้ว่าเต่าคะนองจะแข็งแกร่งและงดงามในการต่อสู้ แต่มันก็หมดแรงจากคลื่นการโจมตีที่ไม่รู้จักจบ หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆมันเหลือแค่ก่อนที่พวกเขาจะพ่ายแพ้เท่านั้น!!!


“… .”


เรเชลกัดฟันแน่น เธอเกลียดสถานการณ์ปัจจุบัน ทันทีที่รัชทายาทถูกลอบสังหารเธอได้โพสต์ข้อความหลายข้อความลงไปในชุมชนเพื่อขอความช่วยเหลือในขณะที่ราชวงศ์ อธารอส อยู่ในภาวะฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามแม้จะมีคนมาช่วยบ้างใน Crevon แต่ผู้ติดอันดับก็ไม่อยามขยับ นอกจากนี้ผู้เล่นที่ไม่ติดอันดับพากันขึ้นไปที่ชั้น 20 หลังจากพบว่ารางวัลพื้นฐานที่สุดคือ ‘หนังสือทักษะที่ไม่ซ้ำใคร’ และ


‘หนังสือทักษะขั้นสุดยอด’


“ผู้บัญชาการเรเชล”


อาแฮอิน พูดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรเชลส่ายหัว


“ความพยายามของพวกเราจะสูญเปล่าหากพวกเราไม่สามารถปกป้องสถานที่แห่งนี้ได้ เนื่องจากพวกเราไม่สามารถคาดหวังกำลังเสริมจากทางตะวันตก,ตะวันออกหรือราชวงศ์,มอนสเตอร์จะมาถึงเมืองและ


ก่อให้เกิดการสังหารหมู่ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของฝั่งตะวันออกจะถูกทำลาย”


“… .”


อาแฮอิน ไม่สามารถพูดอะไรกับเรเชลได้ เด็กหญิงผู้ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรับผิดชอบบนบ่าตอนนี้พยายามแบกภาระของคนอ่อนแอโดยไม่รู้ว่าตัวเธอเองยังเป็นเด็กอยู่ อาแฮอิน ไม่แน่ใจว่าจะเรียกเธอคนนี้ว่ายังเด็กเกินไปหรือเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป อาแฮอิน ถอนหายใจขณะที่ เรเชล เปิดช่องข้อความและพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็ว


「คุณ ฮาจิน Crevon ตกอยู่ในอันตราย … 」


“… .”


แต่เธอหยุดก่อนที่จะส่งข้อความ เธอได้รับความช่วยเหลือจากเขามากเกินไปแล้ว เธอไม่อยากทำให้เขายุ่งยากอีกต่อไป เธอปิดช่องข้อความของเธอ ไม่สิเธอพยายามระบบเลยต่างหาก


“อา!”


แต่เพราะความกลัวของเธอเลยคลิกปุ่ม [ส่ง] ของเธอไปโดยไม่ตั้งใจ


ฉันยังเขียนไม่เสร็จ …เธอคิดเบาๆ อย่างไรก็ตามจากเห็นการหลั่งไหลของอสุรกายราวกับที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้เธอไม่มีเวลาในการแก้ไขข้อ


ผิดพลาดและเธอถูกบังคับให้เรียกธาตุของเธอออกมาต่อสู้ การต่อสู้เพื่อชีวิตและความตายจึงเริ่มขึ้น…หลังจากนั้น 15 นาทีเงาขนาดใหญ่ก็ตกลงมาจากท้องฟ้าสีฟ้า


“… ?”


ร่มเงาครอบคลุมพื้นที่กำแพงปราสาทตะวันออกทั้งหมด แสงแดดที่แผดเผาหายไปและทหารทั้งหมดรวมถึงเรเชลเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า


“นั่นมันอะไร…?”


พวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ


– การสนับสนุนของ BattleKrone Genene : ปฏิบัติการ


ในท้องฟ้าอันสูงส่งของ Crevon เรือยักษ์ลำหนึ่งพุ่งขึ้นมาปกคลุม


ดวงอาทิตย์


– รับบัญชาการ ตามคำสั่งของผู้บังคับการเรือ


ปืนใหญ่ปรากฏขึ้นบนดาดฟ้าเรือ เรเชลไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู แต่ไม่นานเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่เรือเริ่มยิงใส่ฝูงมอนสเตอร์


ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม…


พวกมันไม่ใช่แค่กระสุนเวทย์มนตร์ แต่เป็นกระสุนปืนใหญ่และเลเซอร์ที่มีพลังเวทมนต์เข้มข้น มอนสเตอร์ของชั้น 8 นั้นถูกกวาดล้างไปอย่างง่ายดายด้วยผลงานแห่งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับปีศาจในชั้นที่ 16


*************************************************************************


รถไฟยังคงวิ่งอยู่


มีกิจกรรมอื่นๆหลังจาก การสลับตัวตนแบบลึกลับ แต่ส่วนใหญ่


ไม่ต้องการให้ผู้เล่นเข้าร่วม ในช่วงเวลานี้ผมอยู่ในช่องพิเศษและมุ่งเน้นไปที่การทำ ‘ชุดของ เมเดีย’ ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นรถไฟก็มาถึงชั้น 21


[ชั้น 21 การ์ดราชอาณาจักร]


ชั้นที่ 21 เป็นย่านที่อยู่อาศัยที่ทุกสิ่งเกิดขึ้นผ่านพลังของไพ่ในทางเทคนิคสถานที่แห่งนี้เป็นอาณาจักรการ์ดเป็นการแสดงความเคารพต่อการ์ตูนทีวีบางเรื่องที่การ์ดปรากฏขึ้นและมีชีวิตขึ้นมา รถไฟจะอยู่ที่นี่


4 วันดังนั้นผมจึงต้องออกไปทัวร์ด่วน


[ร้านขายการ์ด พินนาเคิลเกรด]


จุดหมายแรกของผมคือร้านขายการ์ดพินนาเคิล ผมมากับ


ชอคจุนกยอง ผู้ซึ่งปรารถนาสิ่งที่น่าตื่นเต้นหลังจากอยู่ในรถไฟมานาน


“พวกเราต้องซื้ออะไรแบบนี้เหรอ?”


มีการ์ดจำนวนนับไม่ถ้วนในร้านขายการ์ดสุดหรู ชอคจุนกยอง ขมวดคิ้วขณะจ้องมองไพ่ที่ร้าน


“มันไม่สนุกเหรอ?”


[ผู้เล่นจำเป็นต้องใช้การ์ดเพื่ออยู่บนชั้นที่ 21]


[การ์ดบางอย่างจะมีประโยชน์มากสำหรับผู้เล่น]


ผมอยากรู้ว่าผู้เขียนร่วมทำอะไรลงไปจากที่ผมเขียนอธิบายลงไปสั่นๆในสมุดบันทึกเนื้อเรื่องของผม เนื่องจากรถไฟจะอยู่ที่นี่ 4 วันผมเลยตัดสินใจที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด


“กล่องสุ่มการ์ด…? ว้าว กล่องสุ่มงั้นเหรอ? พระเจ้า”


ในขณะนั้นเอง ชอคจุนกยอง ก็พูดบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของผมขึ้นมาในทันที


“กล่องสุ่ม?”


ผมวิ่งไปหาเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย


[กล่องสุ่มการ์ด ระดับ 1]


[ราคา – 40,000TP]


[มี 4 การ์ดที่เป็นระดับกลางขึ้นไป ผู้เล่นสามารถซื้อได้สูงสุด 5 กล่องเท่านั้น!]


เมื่อผมรู้ว่ามันเหมือนการพนันผมก็เชื่อมั่นในโชคของผมอย่างมาก


“เอาไอ้นั้นมาให้ฉัน 5 กล่อง”


“อะไร? ห้า?”


ผมไม่สนใจท่าทางตกใจของ ชอคจุนกยอง ผมจ่าย 200,000 TP และนั่งลงที่โต๊ะในร้าน


“บ้า นายบ้าไปแล้ว นายจ่าย 200,000 TP สำหรับของพวกนี้จริงๆเหรอ”


“เงียบไปเลย อย่ามาร้องไห้เพราะความอิจฉาหลังจากนี้ก็แล้วกันเอาละ ตอนนี้มาลองดูกัน….”


ผมเปิดกล่องอย่างช้าๆ


บทที่ 383 หอคอยแห่งความปรารถนา (3)


 


วิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง…


 


ลำแสงสีทองที่เปล่งประกายออกมาจากกล่องสุ่มเมื่อผมเปิดมันขึ้นมา


“ว้าว เขาต้องได้รับสิ่งที่ดี” NPC ในบริเวณใกล้เคียงอุทานขณะที่


ผมตรวจสอบเนื้อหาไอเท็มภายในกล่อง


 


“….”


 


ผมตัวแข็งค้างเพราะการ์ดใบแรกนั้นดีมาก ที่ชั้นนี้การ์ดทุกใบจัดอันดับจาก 1 ดาว (ต่ำสุด) ถึง 8~9 ดาว (สูงสุด) และการ์ดใบแรกของผมคือ


8 ดาว


 


===


[มังกรแดงแห่งบาฮามุท] [มอนสเตอร์] [8 ดาว]


○ อัญเชิญมังกรแดงแห่งบาฮามุตเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ของคุณ


โจมตีระดับ 7 ดาว

การป้องกันระดับ 7 ดาว

มังกรแดงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีพลังโจมตีและพลังป้องกันต่ำกว่าของตนเองได้ทั้งหมด

สามารถเรียกใช้ได้ 3 ครั้ง

===


 


มันเป็นการ์ดอัญเชิญให้ผมเรียก มังกรแดง ได้ผมแค่ต้องโยนการ์ดขึ้นไปในอากาศและมังกรก็จะปรากฏตัวบนจุดนั้น ตอนแรกการ์ดนี้ดูดีมาก แต่ในความคิดที่ 2 มันดูไม่ค่อยมีประโยชน์ มังกรต่างๆเช่นเช่น


มังกรแสง หรือ มังกรฟ้า นั้นมีประโยชน์ แต่ มังกรแดง นั้นไม่มีพลังเท่าไรในช่วงครึ่งหลังของบท หอคอย


 


“…มันคืออะไรน่ะ?”


 


เพราะผมมองเข้าไปในกล่องโดยไม่พูดอะไรเลย ชอคจุนกยอง ดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็น


 


“รอแปบนะ เดี๋ยวบอก”


 


ผมไม่สนใจเขาและจดจ่อกับการตรวจสอบการ์ดอื่นๆ อัตรานี้ต้อง


ต่ำมากเพราะผมได้การ์ด 8 ~ 9 ดาวอีกแค่ 4 ใบแม้จะโชคดีมากก็ตาม


อย่างไรก็ตาม 1 ใน 4 ใบนี้ดึงดูดความสนใจของผม


 


===


[การแปลงการ์ด] [แอคทีฟการ์ด] [8 ดาว] * ประสิทธิภาพดี *


สามารถแปลงไอเท็มทั้งหมด 10 อย่างเป็นการ์ดโดยไม่คำนึงถึงระดับและประเภทของการ์ด

ไอเท็มที่แปลงแล้วจะถือว่าเป็นไอเท็มที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถใช้งานได้จริงทุกที่ทุกเวลาโดยไม่มีข้อจำกัด

เมื่อไอเท็มถูกแปลงแล้วมันจะยังคงอยู่ในการ์ดตลอดไป

===


 


‘การแปลงการ์ด’ ซึ่งเป็นการ์ดระดับ 8 ดาวส่องแสงสีทอง มันเป็น


‘การ์ดที่ใช้งานได้จริง’ และสามารถเปลี่ยนไอเท็มต่างๆที่ผมเป็นเจ้าของให้กลายเป็นการ์ด ส่วนที่สำคัญที่สุดของคำอธิบายคือ ‘ไอเท็มที่แปลงแล้วถือว่าเป็นสินค้าที่มีประสิทธิภาพ’ ดังนั้นเอฟเฟกต์จึงคล้ายกับ


[ถุงลึกลับ] ที่ผมได้รับจาก เคนริก แต่ด้วยการ์ดใบนี้ผมสามารถเปลี่ยนไอเท็มได้มากถึง 10 อย่างเป็นสินค้าที่มีประสิทธิภาพ


 


“พระเจ้า นายสนุกงั้นเหรอแบบนี้?”


 


ปัจจุบันนี้ผมไม่ได้กังวลอะไรเลยเกี่ยวกับการบ่นของ ชอคจุนกยอง


ผมหยิบ [Lv.9 ธนูแห่งความมืด] ออกมา 2 ดอกและ 1 ดอก


[Lv.11 ธนูแสงจันทร์แห่งอเธอน่า] จากคลังของผม ผมพยายามใช้


‘การแปลงการ์ด’ ให้กับลูกศรเหล่านี้ทันที


 


[ก่อนใช้งานการ์ดของคุณโปรดตั้งค่าท่าทางการใช้งานการ์ดของคุณ]


[ท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์นี้สามารถตั้งค่าได้ที่ชั้น 21 เท่านั้น! มีเพียง


ผู้เล่นที่มาถึงชั้น 21 เท่านั้นที่สามารถเปิดใช้งาน ‘การ์ด’ ได้!]


[โปรดตั้งค่าความเคลื่อนไหวหรือส่งเสียงสั้นๆ]


 


‘มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?’ ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจแป๊บเดียว


 


ดิ้ดนิ้ว


 


ผมดิ้ดนิ้วของผมและกระแสแปลกๆก็พุ่งขึ้นมาจากการ์ด กระแสน้ำที่โอบล้อมลูกศรทั้ง 3 ส่ายไปมาก่อนที่จะทำให้มันกลายเป็นการ์ด 3 ใบ


 


[Lv.9 ลูกศรแร่มืด (การ์ด) * ดี *]


[Lv.11 ลูกธนูแห่งแสงจันทร์ (การ์ด) * ดี *]


 


“หืม นั่นอะไรน่ะ? เฮ้ เจ้าของร้าน! ส่งกล่องสุ่มมาให้ฉันด้วย”


 


เมื่อเห็นสิ่งที่ผมเพิ่งทำไป ชอคจุนกยอง ก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะ เขาซื้อกล่องสุ่มสำหรับ 40000TP ในขณะที่ผมยังคงตรวจสอบข้อมูลการ์ด


 


===


[แสงจันทร์สุดท้าย] [แอคทีฟการ์ด] [8 ดาว] * ผลดี *


เศษแสงจันทร์จากจุดจบของโลกซึ่งถูกตัดโดยอัศวินคนสุดท้าย มัน


สามารถใส่คุณสมบัติพิเศษลงในอาวุธประเภทดาบได้


ผสมผสานคุณสมบัติแห่ง (เพิ่มประสิทธิภาพ)

ทักษะ ผสมผสานดาบแห่งแสงจันทร์

===


===


[ โรงน้ำชาที่น่าอัศจรรย์] [อัญเชิญพื้นที่] [ 8 ดาว]


* ประสิทธิภาพดี *


โรงน้ำชาลึกลับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ชาที่ขายนั้นมีคุณภาพที่

น่าอัศจรรย์


อัญเชิญโรงน้ำชาลึกลับไปยังสถานที่ที่คุณเลือก

ชาที่ขายในโรงน้ำชาแห่งนี้มีคุณสมบัติพิเศษ

สามารถอัญเชิญได้ 3 ครั้ง

===


 


===


[เรื่องราวของตำนานบนภาพจิตรกรรมฝาผนัง] [บุคคล] [9 ดาว]


*ผลดี *


ส่วนหนึ่งของตำนานจะปรากฏขึ้นเพื่อช่วยเหลือคุณ

===


 


4 สิ่งนี้รวมถึงการแปลงการ์ดเป็นของที่มีประโยชน์ ส่วนที่เหลือเป็นการ์ดกับดัก การเปลี่ยนสภาพอากาศหรือการ์ดเรียกมอนสเตอร์ อย่างไรก็ตามเฉลี่ยแล้วพวกมันอยู่ที่ระดับ 6 ดาวซึ่งค่อนข้างสูงมาก


 


“พระเจ้า เจ้าคนพวกนี้หลอกลวงฉันใช่ไหม…”


 


ผมหันหัวไปโดยไม่ตั้งใจอะไรมากเป็น ชอคจุนกยอง กำลังดูการ์ดขนาดเท่านิ้วของเขาและเขย่าขาของเขาด้วยความไม่พอใจ เพราะมันค่อนข้างตลก แต่ก็เป็นฉากที่เศร้า ผมจึงมอบการ์ดที่เหลือทั้งหมดให้กับ ชอคจุนกยอง ในขณะนั้นก็มีคนส่งข้อความมาบนนาฬิกาของผม


 


– ผู้บัญชาการเรือภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ผมส่งเรือลาดตระเวนออกไปเพื่อกำจัดภัยพิบัติที่ชั้น 8 เรียบร้อย


 


“ทำได้ดีมาก”


 


ผมพอใจมาก


 


เรือลาดตะเวที่ออกมาจากชั้นที่ 15 ทำลายล้างภัยพิบัติที่ชั้น 8 ต้องขอบคุณเทคโนโลยีการปฏิวัติที่ชื่อว่า ‘Floor เทเลพอร์ต’ ซึ่งพัฒนาโดย GenphaGo AI ของเรือ Genkelope เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน


ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเกือบ 1000000 TP แม้ว่าผมจะลงทุนไปมากแต่ผลกำไรที่ได้มาจากเรือ แต่ถ้ารวมถึงทรัพย์สินส่วนตัวของผมในท้ายที่สุดมันก็คุ้มค่า


 


“อ้อ แต่อย่างอื่น GenphaGo เป็นยังไงบ้าง”


 


– ค้นหา ‘เลเซอร์แสงแห่งดวงดาว’ ซึ่งแปลงแสงจากดวงดาวเป็นลำแสงเลเซอร์เสร็จสมบูรณ์ 50%


 


เทเลพอร์ตข้ามชั้น สามารถทำได้แต่ GenphaGo (Genkelope + AlphaGo) ยังมีอะไรอีกมากมายที่สามารถทำได้ ผมพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ


 


– พวกเราต้องการอีก 1000000 TP ในอนาคตอันใกล้


 


“…จะ-จริงเหรอ? เอ่อ ใช่ ผมเข้าใจแล้ว” การพูดคุยเรื่องเงินกำลังจะเริ่มขึ้นดังนั้นผมจึงยุติการโทรอย่างเร่งรีบ


 


“เฮ้ย คุณทำอะไรกับการ์ดโง่ๆพวกนี้ได้บ้าง?” ชอคจุนกยอง ถามเมื่อเขารวบรวมการ์ดที่ผมให้เขาไป


 


“มีดันเจี้ยนและภารกิจที่นี่ด้วย นายไม่ได้อ่านแผ่นพับเหรอ?”


 


“นายคิดว่าฉันจะอ่าน?”


 


“… .”


 


ในเนื้อเรื่องเดิมชั้น 21 ถูกสรุปใน 3 ประโยคเท่านั้นและแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นเวลานาน แต่สถานที่นี้ค่อนข้างน่าสนใจ ผู้เล่นสามารถเข้าไปในดันเจี้ยนและกำจัดมอนสเตอร์เพื่อเปลี่ยนเป็นการ์ด จากนั้นพวกเขาสามารถเรียกมอนสเตอร์และออกไปผจญภัยด้วยกัน…มันไม่กระตุ้นความทรงจำในวัยเด็กงั้นเหรอ?


 


“นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันต่างๆอีก” ทันใดนั้น NPC นิรนามก็เข้ามาหาพวกเรา


 


“อะไรนะ~? การแข่งขันงั้นเหรอ? ด้วยการ์ดเหล่านี้~?” ชอคจุนกยอง ถามกลับด้วยความสงสัย


 


“ใช่ การแข่งขันที่ชื่อว่า ‘ค้นหานักสู้’ จัดขึ้นใน 8 ราชอาณาจักรและ


ผู้ชนะจะได้เข้าร่วมใน ‘ศึกตัดสิน’ ซึ่งจัดขึ้นที่พระราชวัง เงินรางวัลสำหรับ ค้นหานักสู้ คือ 100,000TP และ 1,000,000TP สำหรับ


ศึกตัดสิน


 


เป็น NPC ที่นี่มาเพื่อล่อลวงพวกเราให้เข้าร่วม แม้แต่ ชอคจุนกยอง ก็ยังดวงตาเบิกกว้างด้วยเงินรางวัลจำนวนมาก


 


“1,000,000 TP….”


 


1,000,000TP ผมสามารถมีส่วนร่วมในการแข่งขันด้วยความช่วยเหลือของสปาร์ตัน สปาร์ตันเพิ่งปลุกพลัง ‘เทเลพอร์ต’ มาได้ผมสามารถเอาชนะการแข่งขันได้อย่างง่ายดายในขณะที่เดินทางไปมาในช่วงระยะเวลาการแข่งขัน


 


“ผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับหนังสือทักษะที่เกี่ยวข้องกับการ์ดด้วย”


 


ทันทีที่ NPC พูดจบประตูร้านก็เปิดออกพร้อมเสียงน่ารักๆเหมือนเด็กๆ


 


“ว้าว~มันดูดีมาก ฉันอยากจะได้อะไรเพิ่มเติมสักหน่อยก่อนที่พวกเราจะขึ้นรถไฟไป”


 


เป็นเสียงจาก ไอลีน และถัดจากเธอคือ จินเซยอน พวกเธอเข้ามาในร้าน ไอลีนเดินมาพร้อมไก่ย่างในมือของเธอและจินเซยอนก็มองผ่านแผ่นพับ


 


“ก่อนอื่นพวกเราจะต้องซื้อการ์ดที่นี่ก่อน”


 


“ทำไมเหรอ?”


 


“ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีประโยชน์ในภายหลัง”


 


“อืมมมม…จริงเหรอ”


 


งับๆ,นามๆ เอลีนเคี้ยวเสร็จแล้วพูดต่อ “เธอแน่ใจหรือว่าชั้นสุดท้ายคือชั้นที่ 30?”


 


“ชู่วๆๆๆๆ ไอลีน เสียงของดังเกินไปแล้ว”


 


“…และทำไมฉันถึงต้องพูดเบาๆละ? ไม่มีอะไรที่พวกเขาทำได้แม้ว่าพวกเขาจะรู้”


 


‘พวกเขารู้แล้วว่าชั้น 30 เป็นชั้นสุดท้าย’


 


ผมลุกขึ้นจากที่นั่ง


 


“ไปกันเถอะ ชอคจุนกยอง พวกเราออกทางประตูหลังดีกว่า”


 


“….”


 


ชอคจุนกยอง จ้องมองไปที่ ไอลีน ด้วยความไม่พอใจและลุกขึ้นตามผมเมื่อพวกเราออกไปข้างนอก ชอคจุนกยอง พูดออกมาเบาๆ


 


“ทำไมฉันถึงหลบยังเด็กนั่นทุกครั้งที่เห็นเธอ? เด็กนั้นเหมือนหนูแฮม


สเตอร์กวนๆตัวหนึง แค่หายใจก็ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดได้….บ้าจริง”


 


*************************************************************************


 


[อาคารสำนักงานของ Essence of the Strait ในกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้]


 


ยูยอนฮา ดื่มด่ำกับการทำงานทันทีที่เธอจากหอคอย ต้องขอบคุณทักษะพิเศษ [วงจรความคิด] ซึ่งเธอได้เรียนรู้ในหอคอยเธอทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากกว่าเดิม ตอนนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเธอก็สามารถทำงานให้เสร็จได้ทั้งที่จริงๆต้องใช้เวลาถึง 2 วัน ความคิดใหม่ๆ ยังคงโผล่ขึ้นมาในหัวของเธอ


 


บางครั้งเธอก็ฉลาดแกมโกงและเขี้ยวลากดินเหมือนสุนัขจิ้งจอก


ทั้งที่จริงๆแล้วคนอื่นๆเห็นว่าเธอเป็นคนที่กล้าหาญเหมือนเสือ แต่ด้วยเหตุนี้ Essence of the Strait จึงเป็นกิลด์อันดับ 1 อย่างมั่นคงและ บริษัทในเครือต่างๆมีทั้ง – Agency SH,Essential Armory, Essential Research, Essential Pharmacy ฯลฯ


 


“…เฮ้อออออออออออออออออ”


 


ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่า Essence of the Strait กำลังถูกจับตามองจาก


ทั่วโลก ยูยอนฮา วางหนังสือพิมพ์ลงพร้อมถอนหายใจออกมานิตยสารและหนังสือพิมพ์จำนวนมากกระจายอยู่บนโต๊ะของเธอ


 


[บุคคลแห่งปีของ Goguk Times – ยูยอนฮา]


 


สำหรับผู้ที่ไม่รู้ สื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ Goguk Times ได้เลือก


ยูยอนฮา เป็นบุคคลแห่งปีและใบหน้าที่สวยงามของเธออยู่บนหน้าปกของนิตยสารมากมาย


 


[คนที่รวยที่สุด 100 อันดับแรกของ คย็องชุน]


 


ถัดไปคือ คย็องชุน ซึ่งมีชื่อเสียงของประชาชนในสาขาเศรษฐศาสตร์อย่างไม่มีใครเทียบได้ คย็องชุน ได้รวมเธอไว้ในรายชื่อของ 100 คนที่รวยที่สุดในโลกทำให้ราคาหุ้นของ Essence of the Strait พุ่งสูงขึ้นมาก และ ยูยอนฮา ยังได้รับมรดกทางกฎหมายบางประการจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของแม่เธอ เป็นธรรมดาที่ทรัพย์สินของเธอพุ่งสูงทะลุฟ้า


 


[หัวหน้าของ Essence of Strait ผู้ครองอำนาจสูงสุด]


[ยูยอนฮา, วีรสตรีแห่งเกาหลี]


[‘Essence of the Strait’ เป็นกิลด์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก]


[Essence of the Strait ยึดครองหัวใจของชาวญี่ปุ่นและยุโรปใช่ไหม?]


 


สื่อส่วนใหญ่ยุ่งอยู่สืบข้อมูลของเธอ…แต่บทความที่เธอเพิ่งอ่านเป็นของหมวดอื่น


 


=== [ห้องจัดเลี้ยงสีม่วง] ===


「บทความแนะนำ VII เฟนริล ผู้ฆ่าดอกบัวดำ」


ไม่นานมานี้ข่าวที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ เฟนริล ฆ่าดอกบัวดำเป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกับทั้งในและนอกหอคอย ความดุร้ายของหมาป่าที่ใช้ ‘ปืน’ ที่ทุกคนคุ้นเคยแต่ก็เหมือนไม่คุ้นเคยทำให้ทุกคนตกใจอย่างมาก


————————–2———————–


บทที่ 384 หอคอยแห่งความปรารถนา (4)


……


(เว้นไว้)



เฟนริล หรือที่รู้จักกันในนามผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคอยขณะนี้กำลัง


ถูกตรวจสอบโดยสื่อและกลุ่มพันธมิตร ไม่มีฮีโร่คนใดที่อยากถูกปืนของเขาฆ่าตาม พวกเขาไม่อยากเป็นคนอ่อนๆเหมือนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามโลกเกาหลีหรือประชาชนทั่วไปในยุคปัจจุบัน


พวกเขาไม่อยากถูกคุกคามโดย ‘กระสุนเวทมนต์’ ที่มีราคาเพียง 200,000 วอน กระสุนปกติยิงพวกเขาไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเพราะความแตกต่างกันของค่าสถานะแต่อย่างน้อยกระสุนของ เฟนริล เป็นข้อยกเว้น


===


มันเป็นบทความที่โดดเด่นเกี่ยวกับ เฟนริล เขียนโดยหน่วยงานข้อมูลของ ห้องจัดเลี้ยงสีม่วง สรุปจุดแข็งของเฟนริลเอาไว้ได้อย่างละเอียด เขียนได้น่ากลัวแต่ก็จบลงด้วยการประชดประชันเพราะสันนิษฐานว่าฮีโร่ต่างๆไม่ได้กลัวต่อปืนของคิมฮาจินกันทุกคน


“…ชิ.”


เธอรู้ว่าห้องจัดเลี้ยงสีม่วงมีอคติต่อต้านกิลด์ต่างๆ แต่บทความเช่นนี้? มันจะเริ่มก่อไฟอย่างแน่นอนแม้ว่าจะไม่มีอะไรในตอนแรก แต่มันก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่ามีการเคลื่อนไหวบ้างอย่าง


“เฮ้อออออออออออออ… .”


ไม่ว่าจะในกรณีใดๆ เฟนริล เป็นผู้มีชื่อเสียงที่สุดในตอนนี้ ต้องขอบคุณสถานะใหม่ของเขาเพราะเขาสังหารปีศาจไปเป็นจำนวนมากจนที่ผ่านมาเขาได้รับ ‘ใบอนุญาตล่าปีศาจ’ จากบางประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกาเองก็ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน ยูยอนฮา ลูบปากของเธอขณะที่เธอมองดูบทความ


[เฟนริล เป็นคนที่ทำลาย ปราสาทแห่งโซโลมอน ได้ด้วยมือเดียว]


[เขาเพียงแค่เหนี่ยวไก…กระสุนของเขานั้นมีประสิทธิภาพแม้จะห่างกว่า 10 กม. บาเรียเวทย์มนตร์และการป้องกันทางกายภาพทุกประเภทนั้นไม่ได้ผลกับเขา]


[ระยะการยิงที่ไกลที่สุดของ เฟนริล นั้นคือ 14 กม.]


[ความสำเร็จในอดีตของ เฟนริล โผล่ขึ้นทีละหน้า…มันเป็นร่องรอยของ สัตว์ประหลาด]


บทความมากมายเช่นนี้ได้รับความนิยมและทุกวันนี้ไม่เพียง แต่ปีศาจเท่านั้น แม้แต่ฮีโร่เองก็ยังหวาดกลัวต่อเฟนริลด้วยเช่นกัน


แน่นอนว่าเพราะมีฮีโร่มากมายที่ไม่ต่างจากปีศาจ หลายคนคิดว่าเมื่อการปีนหอคอยสิ้นสุดลงเฟนริลจะเริ่มกำหนดเป้าหมายเป็นฮีโร่ที่ชั่วร้ายไปพร้อมกับๆปีศาจ


“เฮ้ออออออออออ.”


ยูยอนฮา เองก็คิดเช่นนั้น ถ้าคิมฮาจินไม่พอใจใครก็คง ‘ผู้คน’ มากกว่า


ปีศาจ


ต๊อก ต๊อก—


เสียงเคาะหยุดความคิดของเธอ


ยูยอนฮา ทำลายหนังสือพิมพ์ที่กระจัดกระจายออกไปทันทีและโยนเครื่องดื่มชูกำลังที่เธอเก็บไว้ลงไปในถังขยะ


“เข้ามา.”


เมื่อทำลายล้างข้อมูลทั้งหมดใช้เวลาเพียง 2 วินาที เธอก็จัดระเบียบให้ตัวเองและเชิญแขกเข้ามา


ต๊อก —


“หัวหน้าทีม ยูยอนฮา”


“…หืม?”


แขกที่ไม่คาดคิดเดินเข้ามาแชนายอนเดินมาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่ไม่สามารถซ่อนความตั้งใจบางอย่างเอาไว้ แชนายอน เดินเข้ามาและยืนอยู่ตรงหน้า ยูยอนฮา


“เกิดอะไรขึ้นนายอน? ฉันคิดว่าเธออยู่ในหอคอย”


“…ฉันมาที่นี่เพื่อส่งเรื่องนี้”


แชนายอน มอบบางอย่างให้กับ ยูยอนฮา มันเป็นซองจดหมายที่เขียนว่า…ลาออก


“นะ-นี่มันอะไร?”


“ก็….ฉันอยากได้เวลาสักพักน่ะ”


“จริงเหรอ? ทำไม?”


คำถามของ ยูยอนฮา ไม่มีจุดมุ่งหมาย เธอแค่อยากรู้ว่าทำไม แต่ว่า


คำตอบที่ตามมาก็ทำให้เธอใจสลาย


“ฉันจะเริ่มตรวจสอบอย่างจริงจัง”


“…ตรวจสอบ?”


“ใช่แล้ว เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพี่ชายของฉัน ฉันรู้สึกว่า


ฉันพยายามจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองมานานแล้ว … ฉันคิดว่าจะลองขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวของฉันดูบ้างน่ะ”


สมองของเธอแข็งค้างทันทีที่เธอได้ยินคำพูดเหล่านั้น แม้แต่


[วงจรความคิด] ที่คอยกระตุ้นสมองของเธอจนถึงตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์


ในความเป็นจริงเธอคิดอะไรไม่ออก เธอพยายามคิดอย่างรวดเร็วใน และเริ่มคิดและถึงข้อสรุป


ครอบครัวของแชนายอน ซ่อนร่างของแชจินยูนเอาไว้เพราะมันเป็น


หลักฐานที่แสดงว่าเขาได้กลายเป็นมาร มันเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องโยนความผิดให้ปีศาจสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและละเลยที่จะทำการสอบสวนอย่างละเอียด ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่ครอบครัวของ


แชนายอนจะช่วยสืบสวนหรือพวกเขาอาจหลอกเธอให้คิดไปทางอื่น


… แต่


หากมีใครบางคนที่สามารถรู้ความจริงทั้งหมดได้โดยไม่มีอันตรายจะต้องเป็นแชนายอนทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลแชเท่านั้น!!!


เธออาจเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่สามารถขุดลึกลงไปในความลับได้โดยไม่ถูก แชจูชึล ถูกคุกคาม


“… นายอน.”


ยูยอนฮาคิดจนเสร็จแล้ว เธอก็ให้ยืมเครื่องมือที่เธอต้องการ และด้วยเครื่องมือเหล่านี้ แชนายอน ก็จะเปิดเผยความจริงได้ด้วยตัวเธอเอง


หลักฐานที่สำคัญที่สุดต่อความจริงที่ไม่สนใจไม่ได้ก็คือร่างกายของ


แชจินยุน ที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง


“อะไรเหรอ?”


แน่นอนว่าคงโกหกถ้าเธอบอกว่าเธอไม่กังวลยามที่ แชนายอน รับรู้ถึงความจริง แต่เธอจะต้องเข้มแข็งพอที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เธอต้องทนต่อความเป็นจริงแม้ว่าอาจจะโหดร้ายขนาดไหนก็ตาม


“ฉันจะช่วยเธอเอง.”


“…ฮะ? ไม่ ฉันไม่เป็นไร”


“ฉันจะให้ข้อมูลที่ดีที่สุดกับเธอ ใน Essence of the Strait เธอสามารถใช้สัญญาเวทมนต์ เพื่อปิดปากพวกเขาหากความจริงมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเปิดเผย”


ยูยอนฮา ตัดสินใจจะให้ แชนายอน ยืมผู้ให้ข้อมูลที่ดีที่สุดของเธอ


เพื่อที่จะโน้มน้าวใจ แชนายอน ซึ่งตอนนี้ยูยอนฮาก็มองดูรายชื่ออย่างรวดเร็ว อันดับแรกคือ… ‘คิมโฮซุบ’


“คิมโฮซุบ เขาเป็นผู้มีความสามารถที่มีค่าที่สุดในยุคนี้เพราะเทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง”


เงินเดือนของเขาสูงถึง 5000 ล้านวอน เขายังได้รับโบนัสอื่นๆเช่นเกมและอนิเมะก่อนที่พวกมันจะวางแผนในตลาด เขาเป็นหัวใจสำคัญของ บุษผาร่วงโรยอย่างแท้จริง แต่ถึงกระนั้น ยูยอนฮา ก็ไม่ได้คิดมากก่อนตัดสินใจส่งเขาไปให้ แชนายอน


*************************************************************************


[รถไฟมาสู่ชั้น 24]


พวกเราผ่านชั้น 22 และชั้น 23 จากรถไฟ จริงๆแล้วพวกเราไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพวกเรามาถึงที่ชั้น 22 หรือ 23 เพราะทุกคนอยู่ในห้องพักของผมแทนที่จะเป็นห้องในรถไฟ


“ทำไมห้องพักของฮาจินถึงสบายดีแบบนี้นะ~?” เจน ถามด้วยน้ำเสียง


ง่วงนอนขณะที่เธอนอนบนโซฟาพิเศษที่ผมทำขึ้นมา


“เพราะฉันใช้ความพยายามอย่างมากในการตกแต่งและปรับปรุงที่นี่” ผมอธิบายขณะที่หันความสนใจไปที่ชุดข้างๆ


[ชุดเดรสสีม่วงของเมเดีย Lv.13]


ชุด Lv.13 นี้ทำด้วยผ้าไหมสีม่วงและอัญมณีซึ่งทั้ง 2 อย่างเป็นไอเท็มโปรดของ เมเดีย มันเกิดจากการผสมผสานระหว่าง สายตาอันงดงามของเอเธอร์,ความเชี่ยวชาญของคนแคระและพลังเวทมนต์ของรอยสักซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกที่แท้จริงมัน Lv. ถึง 13 ซึ่งล้ำค่ามากจริงๆ


“ว้าว สวยมาก จะมอบมันให้กับผู้หญิงบ้าๆแบบนั้นช่างน่าขยะแขยง~”


“นั้นสิ แต่มันคุ้มค่านะ”


“ใช่~ ฉันไม่นึกเลยว่าแล้วเธอจะยอมมอบ 40% ของ prestige~”


ผมยิ้มเล็กน้อยให้กับเจนและเรียกสปาร์ตันออกมา


สปาร์ตันบินมาหาผมแล้วนั่งบนไหล่ของผม


“พาฉันไปที่ห้องประชุม VIP ที่ชั้น 15”


“แล้วเจอกันนะ ฮาจิน ~”


“โชคดี”


ทันทีที่ผมผงกหัวให้เจนและบอส สปาร์ตันกับผมก็เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่อื่นของหอคอย


[ชั้น 15 เรือของ Genkelope]


ผมกลับมาถึงชั้น 15 ต่อหน้าผมคือ เมเดีย ที่ทำท่าทางน่าตื่นเต้น


“นะ-นายไปอยู่ที่ไหมมา~? ฉันรอนายอยู่นะ”


เมเดีย ยิ้มอย่างงดงามและเข้าหาผมอย่างประหม่า


“เอ่อ อ้อ เดี๋ยวฉันให้ดูชุดก่อน “


ผมยกชุดขึ้นกลางอากาศโดยใช้รอยสัก ชุดนี้มันดูน่าทึ่งแม้แต่ในสายตาของผม ผลงานศิลปะที่สวยงามนี้เกินกว่าที่จะสวมใส่เมื่อเห็นมันลอยอยู่กลายอากาศ เมเดีย เหมือนถูกมนต์สะกดอย่างสมบูรณ์


“นี่คือชุดของฉัน….”


“ช่ายยยยย แล้วข้อตกลงละ?”


“…นี่ไง.”


ผมสะกิด เมเดีย และเธอก็ส่งกระดาษให้ผม มันเป็นสัญญาที่ เมเดีย ระบุไว้ว่าจะมอบ 40% ของ Prestige ให้ผม


[คุณอยากเปิดใช้งานสัญญาหรือไม่]


แน่นอนผมคลิก ‘ใช่’


ซ่าาาา, ซ่าาาา.


ฉันได้ยินเสียงแปลกๆเมื่อหันกลับมามอง ที่นั่น เมเดีย ถอดเสื้อผ้าของเธอด้วยเวทมนต์ เธอพยายามใส่ชุดนั้นทันที เธอถูกครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบ ผมหันกลับมาอย่างรวดเร็ว


“ว้าว….”


ไม่นานเธอก็เปลี่ยนเสร็จ เธอร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ ผมหันกลับไปมองโดยไม่ตั้งใจทันใดนั้นหัวใจของผมก็เกือบจะหยุดเต้น


เธอเป็นแม่มดในตำนาน เมเดีย ในชุดของผมงดงามเป็นพิเศษ


เธอไม่ได้ถูกบดบังด้วยชุดที่สวยงามแต่กลับผลักดันให้เธอเด่นจนไม่อาจบรรยาย สถานะการดำรงอยู่ของเธอดูเหมือนจะเปล่งประกายออกมาด้วย ถ้าให้อธิบายก็คือเปล่งออร่า


“…เป็นยังไงบ้าง? ฉันน่ารักไหม?”


ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจและพยักหน้าให้กับ เมเดีย


“ฉันชอบชื่อชุดมากที่สุดเลยละ ชุดเดรสสีม่วงของ เมเดีย ….งั้นเหรอ”


‘ด้วยสิ่งนี้ปรากฏการณ์นั้นอีกไม่นานก็คง…’ เมเดีย ยิ้มอย่างมีความสุข


“ถ้าอย่างนั้น ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วสินะ ฉันไปก่อนละนะ”


“รอเดี๋ยว พี่ชาย เมื่อนายมอบชุดสวยๆให้ฉันแล้วฉันจะแจ้งให้นายรู้ถึงข่าวที่น่าสนใจ ฉันคิดว่านายคงทราบแล้วว่าเจ้าชายถูกสังหารใช่ไหม”


แม้ว่าผมจะส่งชุดให้เธอไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงสุภาพเหมือนเดิมจริงๆแล้วผมเริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอคาดหวังให้ผมทำเครื่องประดับให้เธอแต่งตัวด้วยเหรือเปล่า?


“ใช่ เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว”


“นั่นคือฝีมือของเจ้าหญิงองค์ที่ 5 พร้อมกับลิโป้”


“… .”


ผมรู้สึกประหลาดใจ แต่มันก็สมเหตุสมผล เจ้าหญิงองค์ที่ 5 อราฮา และฮีโร่ผู้ทรยศ ลิโป้ พวกเขามีความทะเยอทะยานมากพอที่จะกระทำความผิดดังกล่าว


“แต่ทำไมเธอถึงบอกฉันละ”


“เพราะนายดูเหมือนจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อ NPC มากกว่าคนอื่นๆ”


เมเดีย พูดและยิ้ม


“เอาล่ะฉันจะคิดถึงเรื่องนั้นด้วย แต่ตอนนี้ฉันต้องไปชั้น 24 แล้วและไม่มีเวลาจัดการกับเรื่องแบบนี้…ถ้างั้น ฉันไปละนะ”


“เข้าใจแล้ว พี่ชาย ฉันขอให้คุณโชคดี กลับมาอย่างปลอดภัยด้วยละ”


เมเดีย พูดกับผมด้วยมารยาทที่เหมือนขุนนาง มันเป็นคำพูดคลาสสิก


‘ถือว่าชุดของนายดีมาก เพราะงั้นฉันจะนับถือนายสักนิดก็แล้วกัน’

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม