The Novel’s Extra 353-372

 353 เหตุผลสำหรับการประชุม (1)

 


หากมีคนถามว่าปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘ปาฏิหาริย์’ คืออะไรกันแน่


‘Tower of Wish’ คือคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด ต้นกำเนิดของหอคอยและใครเป็นคนสร้าง….สร้างมาได้ยังไง ยังคงเป็นปริศนาที่สมบูรณ์แบบ


สิ่งลึกลับที่สามารถนำคนตายกลับมาได้ โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลที่เพิกเฉยต่อกฎของฟิสิกส์และแม้แต่กฎแห่งเวทมนตร์ และวิญญาณ ‘ผู้ดูแลระบบ’ ผู้ดูแลสถานที่แห่งปาฏิหาริย์นี้….


 


“…เฮ้ออออออออออออออออออออออออ.”


 


แต่ตอนนี้ผู้ดูแลระบบที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Tower of Wish เมเดีย ถอนหายใจ ด้านหน้าของเธอเป็นประตูที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แม้ว่าความหรูหรานี้จะเหมาะสมกับความงามของเธอแต่จิตใจของ เมเดีย นั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น นอกเหนือจากประตูแล้วยังมีเฟอร์นิเจอร์หรูหราหลายชิ้น


 


…ผู้ดูแลระบบเผชิญหน้ากับผู้เล่น แม้จะมีความทรงจำในชีวิตที่ผ่านมาของพวกเขาเหมือนเดิม จริงๆแล้วพวกเขาเป็นมนุษย์มาก่อนที่จะเป็น


ผู้ดูแลระบบ พวกเขาอยากใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์และเจอกับมนุษย์


คนอื่นๆ มีชีวิตเหมือนมนุษย์ แต่เนื่องจากผู้ดูแลระบบไม่สามารถโต้ตอบกับ NPC และผู้เล่นได้อย่างเท่าเทียมกันพวกเขาจึงรวบรวม


ผู้ดูแลระบบเอาไว้ด้วยกัน พวกเขามีเวทมนต์ที่น่าสนใจและเพลิดเพลินไปกับไอเท็มรอบหอคอย นี่คือสังคมสำหรับผู้ดูแลระบบ วันนี้ เมเดีย มาเข้าร่วมในการประชุมผู้ดูแล


 


“… .”


 


ยุคโบราณและยุคกลาง ยุคฟื้นฟูวิทยาการและยุคใหม่ เวลาสมัยใหม่และอนาคตได้มารวมกันเพื่อสร้างการตกแต่งภายในที่สวยงาม มันเป็นผลมาจากสมาชิกแต่ละคนของการกลุ่มตกแต่งสถานที่ด้วยกันแต่ไม่มีใครอยู่ข้างใน เมเดียรู้สึกรู้สึกวิงเวียน จึ่งนั่งลงบนเก้าอี้ของเธอ


เธอคาดหวังเอาไว้มาก เมื่อพูดถึงผูดูแลต่างๆมีพวกยุคแรกที่โง่เขลาเพราะมีผู้ดูแล 5 คนรวมถึง เมเดีย คิดว่าเป็นคนทันสมัยและทำให้


พวกเขามีลักษณะเหมือนตัวละครหลัก


 


[ปรากฏการณ์การรวมตัวของอาณาจักร]


 


เมเดีย จ้องมองที่ป้ายด้านหนึ่งของกำแพง การรวบตัวนั้นมีประโยชน์ในตอนแรกเมื่อผู้ดูแลระบบได้พูดคุยกันถึงสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อตนเอง เมื่อเวลาผ่านไป 100 ปีการชุมนุมก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการต่อสู้ทางการเมือง


 


“…ปรากฏการณ์มหัศจรรย์”


 


ยังมีความหวังที่ทำให้เธอไม่ยอมแพ้ อาณาจักรมหัศจรรย์ เพื่อให้ร่างกายของเธอหายไปจากความตายและกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งเพื่อให้บรรลุความปรารถนา 200 ปีนี้เธอต้องการแค่ 2 สิ่ง ‘การเชื่อฟัง’ และ


‘สถานะการดำรงอยู่’


 


ที่นี่ ‘การเชื่อฟัง’ เป็นเพียงแค่ข้ออ้างถึงความสำเร็จของคนๆหนึ่ง


นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ เมเดีย สร้างดวงอาทิตย์เทียมเหนือ Prestige


จริงๆแล้วเธอไม่สนใจ NPC เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายพวกเขาก็เป็นแค่วิญญาณที่ตายไปแล้ว สำหรับเธอแล้วผู้เล่นที่มีชีวิตเท่านั้นที่มีความสำคัญ ดังนั้น เมเดีย จึงสร้างดวงอาทิตย์ขึ้นขณะที่ผู้เล่นกำลังมองดูอยู่ มันได้รับเกินความสำเร็จไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ ‘สถานะของการมีชีวิต’ มีหลายวิธีในการเพิ่มสถานะการมีอยู่ของตัวเองและวิธีหนึ่งก็คือผ่าน ‘ความงาม’ ของเธอ


มันอาจดูแปลกๆ บางคนอาจถามว่า ‘ทำไมเธอไม่ใช้ไอเท็มนับไม่ถ้วนในหอคอยละ?’


 


คำตอบนั้นง่ายมาก ไอเท็มของหอคอยไม่แตกต่างจากขยะสำหรับ


ผู้ดูแลระบบ ไอเท็มของหอคอยถูกทิ้งไว้ข้างหลังพร้อมกับความตายของเจ้าของ หากผู้ดูแลระบบใช้ไอเท็มอย่างมีความสุขนั่นจะไม่ต่างไปจากการเคารพ ‘เจ้าของดั้งเดิม’ ของไอเท็ม ตามธรรมชาติจะเป็น


‘เจ้าของดั้งเดิม’ ที่ได้เพิ่มสถานะการดำรงอยู่ของพวกเขา


 


ดังนั้น เมเดีย จึงต้องการความงามแบบดั้งเดิม นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอจับตาดู [การแข่งขันช่างตีเหล็ก Crevon] แม้ว่าคนแคระจะสูญพันธุ์และเมื่อเธอได้รับ ‘ความงดงามที่แท้จริง’ เธอเชื่อว่าการทำงานหนักของเธอจะได้รับรางวัลตอบแทน แม้ว่ามันจะเพิ่มสถานะการดำรงอยู่ของเธอเพียงเล็กน้อย แต่เสื้อคลุมนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการ….


 


“ฉันจะเกลี้ยกล่อมเขาได้ยังไง”


 


ในขณะที่ เมเดีย กำลังคร่ำครวญถึงเรื่องนี้ ประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ จากอีกด้านหนึ่งผู้ดูแลระบบ 4 คน เดินเข้ามาอโฟรไดท์ต์ เพเนโลพีและอเธน่า


… อเธน่า?


 


“เฮ้ เธอมาเร็วจัง”


 


เมื่อได้ยินคำทักทายของอโฟรไดท์ท์ เมเดีย ก็ยิ้ม สถานะเทพธิดาของเธอเป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้เธอเป็นผู้ดูแลระบบเช่นเดียวกับ เมเดีย


100 ปีผ่านไปแล้วตั้งแต่พวกเธอคิดหาวิธีจัดการกันและกัน


 


“สวัสดี~”


“สวัสดี”


“เธอสบายดีไหม ~”


 


เฮเลนา อเธน่าและเพเนโลพี กล่าวตามลำดับ พวกเธอนั่งลงบนที่นั่งขณะพูดทักทาย เมเดีย เหลือบไปที่มองชุดของพวกเธอซึ่งไม่แตกต่างจากครั้งที่แล้ว ‘ฉันคิดว่าพวกเธอเองก็ไม่สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้แล้วในตอนนี้’


 


“ใช่แล้ว เมเดีย ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังไล่ตามผู้เล่นที่สร้างน้ำหอมของ หมาป่า”


 


ในขณะนั้น อโฟรไดท์ ก็มอง เมเดีย และยิ้มอย่างสดใส เมเดีย เองก็ยิ้มให้เธอ


 


“…ฉันไม่ได้ไล่ตามเขา เธอคงได้ข่าวมาผิดแล้วละ”


 


“อ้อ ขอร้องละ~ เธอไม่รู้หรอกว่ามันหยาบคายแค่ไหน? ซิแมต วางแผนที่จะมอบมันให้กับฉันอยู่นะ”


 


“ยังไง…..แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”


 


เมเดีย กลัว อเธน่า มากกว่า อโฟรไดท์ที ที่สมองทึบ อเธน่าเป็นคนที่ออกจากปรากฎการณ์ของอาณาจักรรวมเมื่อ 100 ปีก่อน วิธีคิดที่ยืดหยุ่นของเธอทำให้เธอยังคิดว่าเธอเป็นเทพธิดาในขณะที่คนอื่นๆ เป็นเพียงวีรบุรุษของมนุษย์


 


“ผู้หญิงคนนั้นอยู่หลังเสื้อคลุม-”


 


“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น”


 


อโฟรไดท์ที ขัดจังหวะ เมเดีย และ อเธน่า ขัดจังหวะ อโฟรไดท์ที


 


“ใช่ มีบางสิ่งที่ฉันอยากได้เหมือนกัน”


 


อเธน่า ระงับความภาคภูมิใจของเธอในฐานะเทพธิดาแล้งงั้นเหรอ?


เธอดูโอเคกับคำพูดที่ไม่สุภาพของ เมเดีย อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


 


“ลูกศร มีลูกศรที่ฉันต้องการ”


 


อเธน่ากล่าวถึงบางสิ่งที่ เมเดีย ไม่เข้าใจ


 


“…อะไรนะ? ลูกศร?”


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 8 Crevon แผ่นดินใหญ่]


 


หลังจากหนี เมเดีย มาได้แล้วผมก็กลับไปที่Crevon ราชวงศ์อธารอส ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้าน ผลที่ตามมาคือถนนที่คึกคักของ Crevon ว่างเปล่าในขณะนี้


 


– ดิ้งงงงงงงงงงงงง!


 


“ไปกันเถอะ.”


 


ผมเรียก ซันนูรี่ แล้วกระโดดขึ้นหลังเธอ ผมนั่งบนอานที่แสนสบายและเผชิญหน้ากับสนามรบทางตะวันออก มีมอนสเตอร์นับพันกำลังเดินขบวนจากทางตะวันออก ความปรารถนาในการต่อสู้ของพวกมันชัดเจนเกินกว่าที่จะบอกได้ว่าพวกมันแค่ทำหน้าที่ตามสัญชาตญาณ คิเมร่าเป็นคนสั่งการพวกมัน


 


– ฮี้อออออออๆๆ


 


“ขอบคุณ.”


 


ขอบคุณ ซันนูรี่ ทำให้ผมมาถึงจุดชมวิวที่สูงที่สุดอย่างรวดเร็ว


มีมอนสเตอร์ 2-3 ตัวที่อยู่ใกล้เคียง แต่ ซันนูรี่และสปาร์ตันเกินพอที่จะดูแลพวกมันได้เนื่องจาก ซันนูรี่ จัดการกับพวกมันและ สปาร์ตัน ก็ยิงพลังเวทมนต์ใส่พวกมัน


 


“…ทำได้ดี.”


 


ซันนูรี่และสปาร์ตัน ผลักมอนสเตอร์ออกไปในขณะที่ผมยืนอยู่ที่ขอบหน้าผาสูง ลมพัดผ่านผมอย่างรุนแรงเมื่อผมมองดูมอนสเตอร์ด้านล่างที่เต็มดินแดนอันกว้างใหญ่ราวกับวัชพืช


 


ลูกศร 2-3 ดอกไม่สามารถรับมือกับตัวเลขเหล่านี้ได้ แต่ถ้าเป็น


ลูกศรแห่งความมืดน่าจะแสดงศักยภาพสูงสุดของพวกมันออกมาได้


ผมต้องใช้พลังเวทมนต์ของรอยสัก 4 เส้น ผมถึงจะสามารถควบคุม


ลูกศรแห่งความมืดทั้ง 5 ได้อย่างอิสระเป็นเวลาประมาณ 10 นาที


แต่ 10 นาทีนั้นยังไม่เพียงพอ


 


ผมตรวจสอบจำนวนกระสุนที่ผมมี ตอนนี้ผมมีกระสุนปืนพก 300 นัดกระสุนปืนกล 600 นัดและกระสุนไรเฟิล 90 นัด ถ้ากระสุนแต่ละนัดสามารถฆ่ามอนสเตอร์ 1.5 ตัวนั่นเท่ากับมอนสเตอร์…1500 ตัว


 


ในขณะที่ผมกำลังคำนวณศักยภาพในการต่อสู้ของผม ผมก็สงสัยขึ้นมาในทันที ผมจำเป็นต้องต่อสู้ด้วยเหรอ?


 


– คลื่นสายฟ้าจงโหมกระหน่ำ! จงตายซะ!


 


เสียงเหมือนเด็กๆของไอลีนเรียกพายุสายฟ้าพัดผ่านฝูงมอนสเตอร์


 


– เพลิงนรก


 


‘ไฟที่ไม่อาจดับมอด’ ของ อียองฮา ก็แพร่กระจายจากมอนสเตอร์


ตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่ง จนสนามรบกลายเป็นสีแดงฉาน


 


– ฉันจะเล็งไปที่การจู่โจมใส่พวกจอมเวทต่างๆ


 


ลูกศรเวทย์มนตร์ของ จินเซยอน ยิงลงมาใส่เฉพาะมอนสเตอร์ที่กำลังคุกคามจากระยะไกลในขณะเดียวกัน ชินจงฮัก ก็แสดงพลังออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แน่นอน คิมยองจิน ที่ได้รับ ง้าวมังกรเขียวในตำนานก็ใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์ ปรมจารย์ศาสตราวุธ ให้มีศักยภาพสูงสุด


คิมจินวู เต้นรำผ่านสนามรบด้วยดาบของเขาสมกับที่เป็นนักล่าของ ‘Vast Expanse’ ส่วน จินซาฮยอค กำลังยิงพลังเวทมนตร์ท่ามกลางความโกลาหล…


 


เดี๋ยวก่อน


 


จินซาฮยอค?


 


นั่นคือจินซาฮยอค จริงๆเหรอ?


 


ผมหรี่ตาของผมและมองอย่างตั่งใจ


 


“บ้าน่า….”


 


จินซาฮยอค เป็น 1 ในผู้เล่นที่ลงแรงหนักที่สุดเธอกำลังทำงานหนักเพื่อกำจัดมอนสเตอร์ ‘เธอทำอะไรที่นั่น?’ ผมสงสัย แต่ผมก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว เธออาจเข้าร่วมเพื่อหาค่า TP ดูเหมือนเธอจะคาดหวังเอาไว้มากกับชิป neurotech ของชั้น 7 ผมพบเป้าหมายแรกของฉัน


ผมเล็งลูกศรของผมไปที่ จินซาฮยอค


 


[คำเตือน Crevon กำลังเข้าสู่สงคราม ผู้เล่นที่คุณกำหนดเล็งเป้าหมายคือพันธมิตรที่เข้าร่วมสงครามของ Crevon การฆ่าผู้เล่นคนนี้อาจส่งผลให้ได้รับบทลงโทษจาก Crevon]


 


ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าร่วมสงครามอย่างเป็นทางการด้วยแฮะ แต่ว่า


การลงโทษไม่ได้มาจากผู้ดูแลระบบ ผมเลยไม่ได้สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น …ในขณะนั้นเอง จินซาฮยอค ก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงอันตรายจากสัญชาตญาณที่แหลมคมของเธอขณะที่เธอหันหลังให้กับการต่อสู้ ดวงตาของเธอ ตรวจสอบสภาพแวดล้อมและไม่นานก็มองมาที่ผม


พวกเราจ้องมองกันจากระยะไกล จินซาฮยอค กัดฟันแน่นเมื่อเธอเห็นลูกศรของผม หลังจากนั้นไม่นานปากของเธอก็ขยับ ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเธอพูดอะไรผมไม่ได้ยินเธอพูดแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมเข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามจะพูด


——————————————-2—————————————–


354 เหตุผลสำหรับการประชุม (2)

‘ฉันไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายซะหน่อย!’


 


จากนั้นเธอก็พูดประโยคอื่นต่อทันที


 


‘อย่ายิงเลยนะ!


 


คำพูดของเธอทำให้ผมหัวเราะ ผมปล่อยลูกศรออกไปทันที


 


เพี๊ยวววววววววววววววววววว


 


– ลูกศรแห่งความมืดพุ่งไปหาเธอ จินซาฮยอค สร้างกำแพงอย่างรวดเร็ว แต่มันไม่สามารถป้องกันพลังการลบล้างเวทมนต์ของรอยสักได้เลย


 


– …!


 


กำแพงของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ และลูกศรของผมทะลุไหล่ของเธอทันที ตอนนี้เธอควรจะถูกโจมตีด้วยความเจ็บปวดที่แทบไม่อยากเชื่อ


 


– บัดซบ…ไอ้หน้าตัวเมีย


 


ผมมองไปที่ จินซาฮยอค ผู้ซึ่งกรีดร้องออกมาด้วยคำพูดที่หยาบคายในความคิดของผม เป็นไปได้ไหมที่จะเปลี่ยนแปลงเธอด้วย เช่นเดียวกับที่ชินจงฮักและแชนายอนเปลี่ยนแปลง แน่นอนว่าผมไม่อยากเสี่ยงโดย


ไม่จำเป็นจากคำถามสมมุติดังกล่าว ผมยังต้องฆ่าเธออย่างไม่ลังเล


ถ้าผมมีโอกาส แต่บางทีผมอาจจะลืมความเป็นไปได้ข้อนี้ไปจริงๆ


 


– …


 


ไม่ว่ายังไงจินซาฮยอค ก็จ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสับสน ผมรู้สึกชัดเจนถึงความโกรธที่กำลังจะมาถึง สำหรับตอนนี้ผมไม่มีแผนที่จะปล่อยให้เธออยู่อย่างสงบสุข ผมยก


คันธนูขึ้นแล้วจับลูกศรอีกดอก แต่แล้ว จินซาฮยอค ก็หายตัวไปทันที


 


“เร็วมาก”


 


ผมไม่อยากให้เธอหนีไปได้ง่ายๆ ผมใช้พลังเวทของรอยสักมาในดวงตาและไล่ตามเธอไป จินซาฮยอค ได้ไปไกลแล้วจับไหล่ของเธอขณะที่เธอกัดฟันด้วยความเจ็บปวด โชคดีสำหรับเธอที่ความสนใจของผมถูกขโมยไปโดยผู้เล่นคนอื่นๆในบริเวณใกล้เคียง คิมซูโฮ,วาเนสซ่า​ แฟร์​มุน, เปาโล​ แฟร์มุน, ยียอนฮาน และ แชนายอน เป็นปาร์ตี้ของคิมซูโฮ


 


– ระวังนะทุกคน!


 


พวกเขาต่อสู้กับเมดูซ่าไม่ไกลจากสนามรบหลักเท่าไร ออร่าสีขาวเปล่งออกมาจากการโจมตีโดยดาบสีทองของคิมซูโฮ มันเป็นเทคนิคดาบของ เว่ย ที่ผมอบให้กับซูโฮ


 


– นายนั้นละที่ต้องระวังตัว!


 


แชนายอน หมุนดาบที่ขนาดเท่าร่างของเธอ มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลังจนทุบลูกน้องของเมดูซ่าแยกออกจากกันและสร้างบาดแผลบนร่างของเมดูซ่า พวกเขาได้เปรียบ จริงๆแล้วพวกเขามีผู้นำที่ดีและแข็งแกร่งกันทุกคน พวกเขาคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผม ดังนั้นผมจึงค่อยๆถอยออกมา


 


– !


 


จากนั้นทันใดนั้นเมดูซ่าก็กรีดร้องและใช้ตาวิเศษของเธอทำให้กลายเป็นหินนั่นเป็นสิ่งที่พรรคพวกของคิมซูโฮคาดไว้คิมซูโฮขว้างดาบออกไปพรสวรรค์ของเขา ทำลายพลังของเมดูซ่าได้อย่างง่ายดายและทำให้พรรคพวกของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย


อย่างไรก็ตามปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่พื้น แต่อยู่ข้างบน ในท้องฟ้า


มีฝูงฮาร์ปีจำนวนหลายร้อยปรากฏขึ้นมา


 


[Lv.10 ฮาร์ปี]


 


– Pieeeek!


 


มอนสเตอร์ที่มีหัวมนุษย์และร่างกายเป็นนก มอนสเตอร์เหล่านี้กรีดร้องและพ่นของเหลวพิษๆออกมาดึงความสนใจจากพรรคพวก คิมซูโฮ


 


– นู้นอะไรน่ะ?


 


แชนายอน โจมตีด้วยดาบสู่ท้องฟ้า แต่ฮาร์ปีคล่องแคล่วและสามารถหลบการโจมตีของ แชนายอน ได้ก่อนที่มันจะไปถึง


 


เมื่อคิดถึงตรงนี้วาเนสซ่า​ แฟร์​มุน เป็นเพียงคนเดียวในปาร์ตี้ของ


คิมซูโฮ ที่เชี่ยวชาญในการโจมตีระยะไกล คิมซูโฮ และ แชนายอน กำลังโจมตีไปรอบๆ แต่นั่นก็หมายความว่าความสนใจของพวกเขาละจาก


เมดูซ่า กระแสการต่อสู้เปลี่ยนไป คิมซูโฮและพรรคพวกของเขาอยากเอาชนะเมดูซ่าลงในวันนี้


 


“อืม … .”


 


ไม่มีทางเลือกอื่น ผมยกคันธนูอีกครั้ง ผมเล็งลูกศร 5 ลูกไปที่พวกมัน


ผมใส่รอยสักที่เหลือ 3 เส้นให้เป็นลูกศร ประกายไฟขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดสายฟ้ารอบลูกศรแห่งความมืดทั้ง 5 ผมเล็งไปที่ท้องฟ้าซึ่งมีฮาร์ปีร้องเสียงดัง สายธนูเริ่มตึงขึ้นเมื่อลูกศรมาบรรจุนรวมกัน แต่เมื่อผมปล่อยธนูออกไปลูกศร 5 ดอกก็ลอยไปอย่างเงียบๆ


 


เพี๊ยว


 


ลายเส้นสีดำทั้ง 5 มีเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือกำจัดฮาร์ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ลูกศร 5 ดอกจึงแทงทะลุผ่านมอนสเตอร์ทั้งหมดในเส้นทางของพวกมัน


 


…ไม่นานฮาร์ปีก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและกลายเป็นซากศพ


 


*************************************************************************


 


เมื่อเห็นว่าภัยพิบัติถูกตามล่าอย่างไม่มีปัญหาผมเลยกลับมาที่โซล


มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ แม้ว่าผมจะไม่ได้เอ่ยถึงแต่ผมก็กลับไปกลับมา


ระหว่างหอคอยกับโลกผ่านพลังของสปาร์ตันมาตลอด


 


“ฮาจินนนนนนนนนน~”


 


เมี้ยวววววววววว~


 


ทันทีที่ผมกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของผมใน คังนัม อีเวนเดล และ ฮายัง ก็เข้ามาทักทายผม


 


“คุณ สบายดีไหม”


 


“อุ๊บบบบ~!”


 


อีเวนเดล โตขึ้นทุกวันแม้ว่าความสูงของเธอจะอยู่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ


แต่เธอมีร่างกายอายุ 5 ปีเมื่อเธอเกิดในทางเทคนิครูปร่างหน้าตาในปัจจุบันของเธอไม่แตกต่างจากอายุที่แท้จริงของเธอ


 


“หนูอยากเจอคุณ~”


 


“ฉันเองก็เช่นกัน.”


 


เนื่องจากต้นกำเนิดของ อีเวนเดล ผมจึงไม่สามารถส่งเธอไปโรงเรียนได้ ถ้าผมรู้จักครูสอนพิเศษที่ไว้ใจได้ ผมจะมอบ อีเวนเดล ให้กับบุคคลนั้นอย่างมีความสุข แต่มีไม่กี่คนที่มีความสามารถและความรู้พอจะมาเป็นอาจารย์ของ อีเวนเดล ได้


 


… ตอนแรกผมมี 1 คน ในใจ จอมเวทที่มีประสบการณ์กว้างขวางซึ่งใช้


วิชา ‘อัญเชิญ’ เช่นเดียวกับ อีเวนเดล อาแฮอิน แต่ผมไม่ชอบเธอและจากที่ผมได้ยินเธอเรียกเก็บเงินถึง 5 พันล้านวอนสำหรับการเรียน


1 บท


 


“ฉันกลับมาแล้ว พรุ่งนี้เราจะทำอะไรกันดี~?”


 


เมื่อได้ยินคำพูดของผมดวงตาของ อีเวนเดล ก็เปล่งประกาย


 


“คุณจะอยู่ที่นี่พรุ่งนี้ด้วยเหรอ…?”


 


ในขณะนั้นประตูก็เปิดออกและหยุนซึงอาก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงของชำในมือ ดวงตาของเธอเปล่งประกายเมื่อเธอเห็นผม


 


“อ้าวๆ~ นึกว่าใคร? ผู้ฆ่าดอกบัวดำที่โด่งดังนั้นเอง~”


 


ผมกำลังจะทักทายเธอแต่เมื่อผมได้ยินสิ่งที่เธอพูดจิตใจของผมก็สั่นไหว


 


“…ฮะ?”


 


“นายคิดว่าฉันจะไม่รู้หรอ”


 


หยุนซึงอา ยิ้มอย่างซุกซน


 


“ทุกคนรู้ว่านายเป็นคนฆ่าดอกบัวดำ”


 


“อ้อออออ… .”


 


สมเหตุสมผล แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมตกใจ ผมมอง อีเวนเดล จากนั้นมองกลับไปที่ หยุนซึงอา


 


‘ผู้ฆ่า’


 


‘ฆ่า’


 


ผมไม่ต้องการให้ อีเวนเดล ได้ยินคำพูดเหล่านี้


 


“…อ้อ มันหมายความว่าเขาถอนดอกไม้~ทุกวันน่ะ อีเวนเดล หนูไม่ได้รับอนุญาตให้ถอนดอกไม้ที่ไม่ใช่ของหนูนะ”


 


“โอเคค่า~!”


 


อีเวนเดล หัวเราะคิกคักขณะที่เธอมองหยุนซึงอาที่จะช่วยสถานการณ์ จากนั้นเธอก็คว้าถุงพลาสติกในมือของหยุนซึงอาและเข้าไปที่ห้องครัว หลังจากนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเธอก็หยิบของชำออกมาพร้อมรอยยิ้ม


 


“นี่คือไก่ นี่คือหัวหอม นี่คือกระเทียม นี่คือไข่….”


 


เธอ ทำงานอย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นผมก็เอาส่วนผสมที่ อีเวนเดล วางออกมาและแสดงให้เห็นถึง [ความคล่องแคล่วของคนแคระ]


เป็นครั้งแรก


 


*************************************************************************


 


1 ชั่วโมงต่อมา.


 


อีเวนเดลผล็อยหลับไปกับฮายังไม่นานหลังจากกินข้าวเสร็จ หยุนซึงอาปิดทีวีแล้วฝังตัวเองลงบนโซฟาพร้อมหาวเบาๆ


 


“กลับไปทำธุระเถอะ”


 


เหตุการณ์สำคัญต่อไปคือไอเท็มของเจงกีสข่านในเอเชียกลาง ขณะที่ผมกำลังปรุงอาหารหยุนซึงอาและผมก็คุยกันนิดหน่อย


 


“อย่างที่นายรู้ไอเท็มเหล่านั้นอยู่ในเอเชียกลางซึ่งมันน่าปวดหัวมาก เนื่องจากดินแดนนั้นไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลของประเทศใดๆ


สมาคมจึงยอมแพ้ แม้ว่าพื้นที่ขุดจะถูกสร้างขึ้นที่นั่น แต่บริเวณโดยรอบเป็นของปีศาจและ เพนเดอร์​โมเนียม ก็อยู่ใกล้ๆที่นั้นด้วย”


 


หยุนซึงอา พูดอย่างจริงจังต่อไป


 


“คำถามก็คือข้อมูลพวกนี้รั่วไหลไปได้ยังไงเพราะ เพนเดอร์​โมเนียม และ ปีศาจ สามารถค้นหาและเริ่มสร้างไซต์ขุดเจาะที่อยู่รอบๆแล้ว”


 


แน่นอนผมรู้ทุกอย่างที่เธอบอกผม ถึงกระนั้นผมแสร้งทำเป็นไม่ทราบและแสดงใบหน้าสงสัย


 


“เนื่องจากพวกเราไม่สามารถทนดูพวกมันเอาใช้ไอเท็มทั้งหมดไปได้สมาคมจึงเลือกที่จะต่อสู้กับพวกมันอย่างไม่เต็มใจ เรากำลังพูดถึง


ไอเท็มของเจงกีสข่าน ทั้งหมดอยู่นะ”


 


เจงกีสข่านหรือที่ชื่อว่า เตมูจิน จักรพรรดิผู้ก่อตั้งอาณาจักรที่มีดินแดนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก แม้ว่าอาณาจักรของเขาจะอยู่ได้ไม่นานหลังจากที่เขาเสียชีวิต แต่ชื่อของเขาก็มีสถานะเป็นตำนานที่เผยแพร่กันไปทั่วโลก นอกจากนี้กองทัพของเจงกีสข่านมีจำนวนน้อยมากแต่ด้วยความแข็งแกร่งกว่าของแต่ละคนทำให้พวกเขาชนะ ดังนั้นอาวุธเก่าๆที่ใช้โดยทหารนิรนามในกองทัพของเขาอาจจะสูงค่ากว่าไอเท็มระดับต่ำด้วยซ้ำ


 


“แน่นอนพวกเรายังมีเวลา จากการประเมินเทคโนโลยีที่พวกเรามีต่อให้เป็นพวกเขา พวกเขาก็ยังคงต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มขุดเจอไอเท็มได้”


 


หยุนซึงอาหยุดและมองมาที่ผมอย่างเงียบๆ


 


“ดังนั้นฉันสงสัยว่า….”


 


ผมรู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร


 


“นายเป็นทหารรับจ้าง”


 


“ค่าจ้างของฉันเริ่มต้นที่ 50,000 ล้าน”


 


ผมตอบราวกับคำนวณไว้ก่อนแล้ว


 


“… หืม?”


 


หยุนซึงอา ผงะและกระโดดถอยออกไปเล็กน้อย


 


“เธอไม่ได้บอกว่าฉันคือ ผู้ฆ่าดอกบัวดำหรอกเหรอนั่นหมายความว่า


ค่าตัวของฉันจะพุ่งสูงขึ้นอย่างน้อยๆก็ 3 เท่า”


 


ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม


 


หยุนซึงอาเกาหัวเธออย่างมึนงง


355 เหตุผลสำหรับการประชุม (3)

 


[8F Crevon]


 


จินซาฮยอค ไม่เพียง แต่ซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ แต่เธอยังขุดหลุมลงไปในพื้นเพื่อหลบหนีจากการโจมตีของคิมฮาจิน เธอไม่มีเวลาที่จะรู้สึกละอายใจ ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเธอขุดหลุมลึกกว่าอุโมงค์ใต้ดินส่วนใหญ่และเริ่มดูแลบาดแผลภายในรังที่แสนสบาย (?)


 


“…โอ้ยยยยยยยยยย!”


 


อาการบาดเจ็บที่ไหล่ของเธอรุนแรงมาก ลูกศรทะลุไหล่เธอในทันที


แต่ผิวหนังและกระดูกที่ถูกยิงทะลุนั้นร้ายแรงมาก แขนขวาของเธอคงจะหลุดไปแล้วถ้าการโจมตีลึกกว่านี้อีก 1 ซม.


 


ตู้มมมมมมมมมมมมมม…


 


ทันใดนั้นพลังเวทมนต์จำนวนมากก็ดังกึกก้องและปรากฏตัวต่อหน้า


จินซาฮยอค ผู้ซึ่งกำลังรีบปรุงยา


 


– โดนทำร้ายอีกแล้วเหรอ?


 


จินซาฮยอค เหลือบไปหาที่มาของเสียงแม้ว่าเสียงจะเป็นมนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัยแต่สิ่งที่ยืนอยู่นั่นคือแมวตัวเล็กๆ


 


“…หุบปากไปเลยนะ เบลล์?”


 


น่าประหลาดใจที่ จินซาฮยอค เรียกแมวว่าเบลล์ แมวชื่อเบลล์สั่นหางไปเรื่อย ๆ


 


– เธอบอกว่าเธอไม่ชอบปาก ดังนั้นฉันเลยเปลี่ยนมันเป็นสิ่งที่น่ารักๆ


เธอไม่ชอบหรือ


 


แมวตัวนั้นเงี่ยหูและกำลังพยายามทำให้มันดูน่ารัก นี่เป็นส่วนหนึ่งจากพรสวรรค์ของเบลล์ เขาสามารถเปลี่ยนร่างของเขาได้ไม่เพียงเท่านั้น แค่ทั้งหมด แต่รวมถึงบางส่วนด้วย แมวเป็นผลมาจากการที่เขาเอาดวงตาและปากของเขามารวมกันและปรับรูปร่างของพวกมัน เขาเลือกที่จะเป็นแมวเพราะแมวเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่จินซาฮยอคไม่ได้เกลียด


 


“…เธอไม่ได้บอกว่าไม่อยากมอง? ฉันแค่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดอะไรตอนนี้”


 


ดวงตาของแมวเบิกกว้าง คำพูดของเธออ่อนโยนมากๆเมื่อพิจารณาจากไหล่ของเธอที่เพิ่งถูกยิง การกลายเป็นแมวได้ผลขนาดนี้จริงๆเหรอ?


 


– ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอต้องเริ่มด้วยการด่าออกมาก่อนเป็นอย่างแรก จินซาฮยอค เธอเปลี่ยน! หรือฉันมันน่ารักเกินไป? เมี้ยววววว~?


 


จินซาฮยอค ถึงกับยืนนิ่งกับคำพูดที่งี่เง่าของเบลล์ เธอถอนหายใจด้วยความโกรธแค้น


 


– เธออยากให้ฉันล้างแค้นให้เธอหรือเปล่า?


 


คำถามสั้นๆนี้เพียงพอที่จะได้รับความสนใจจากจินซาฮยอคเธอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่แมวอย่างรวดเร็ว แมวนั่งไขว่ห้างบนพื้นและทำท่าทางหยิ่งยโส


 


– ถ้าเป็นวัดกันที่การโจมตีฉันคิดว่าฉันฆ่าเขาได้อย่างน้อย 1 ครั้ง


 


เบลล์ รอฟังคำตอบของ จินซาฮยอค อย่างระมัดระวัง แต่คำตอบสั้นๆ ของเธอนั้นเป็นไปตามที่เขาคาดคิดและคาดไม่ถึงในเวลาเดียวกัน


 


“…นายไม่ทำต้องหรอก”


 


เบลล์ ยิ้มในตอนนี้เขาคิดว่าเธออยากให้เขาไปแก้แค้นคิมฮาจินแม้ว่ามันจะหมายถึงการที่เธอต้องยอมขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็ตาม


 


“ฉันจะเป็นคนที่ฆ่าเขาเอง”


 


แต่จิตวิญญาณกนักสู้ของเธอยังไม่ตาย


 


– …ดี ฉันเข้าใจแล้ว. ดูแลแผลที่ไหล่ของคุณ


 


เมื่อถึงตอนนั้นเบลล์ร่างแมวก็หายไปในอากาศและจินซาฮยอคตอนนี้ได้แต่ถอนหายใจด้วยเสียงเล็กน้อย ท่ามกลางความเงียบสงบของป่าเธอนึกสะท้อนถึงเหตุการณ์ในวันนี้ แม้ว่าแขนของเธอเกือบจะขาดไปด้วยการยิงเพียงครั้งเดียว แต่เธอก็ยังไม่ตาย ในวันนี้เธอเห็นแล้วว่าเธอยังมีโอกาสชนะ ความแตกต่างแค่นี้ เธอคิดว่าด้วยความสามารถของเธอมันไม่ยากที่เธอจะตามทัน


 


จินซาฮยอค ถือยาไว้ในมือซ้ายของเธอแล้วเปิดออกด้วยปากของเธอ


 


ป๊อก


 


– ยานั้นเปิดออกพร้อมกับเสียงที่สดชื่นและเธอเทมันลงบนแผลบนไหล่ของเธอ


 


ซ่าาาาาาาาาา…ฟองเพิ่มขึ้นจากที่น้ำยาและผิวหนังสัมผัสกัน


ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงเกินกว่าการยิงครั้งแรกและดวงตาแดงก่ำของ จินซาฮยอค พองตัวจนเกือบถึงจุดระเบิด ท่ามกลางความเจ็บปวดที่รุนแรงเธอจำใบหน้าของเขาได้


 


ฉันต้องการฆ่าเขา


 


ฉันจะฆ่าเขาเอง


 


ด้วย 2 มือของฉัน ฉันจะ…จินซาฮยอค ทนความเจ็บปวดจนน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ เธอกัดฟันและตัวสั่น แต่ก็ไม่ส่งเสียงกรี๊ดร้อง


 


‘ราชาจะต้องสงบและเก็บความรู้สึกจากภายใน’


 


เพราะนั่นคือสิ่งที่ มาเกียเวลลี พูดเอาไว้


 


*************************************************************************


 


[ปาร์ตี้ ‘คิมแชเปย์’ ได้เอาชนะภัยพิบัติ ‘เมดูซ่า’!]


 


ในขณะเดียวกันสมาชิกปาร์ตี้ของคิมซูโฮก็นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้น


 


“แฮ่กกกก…แฮ่กกกกกก…. “


 


“ไอหยาาาา….”


 


หนั้นเสียงครวญครางหรือเสียงหายใจ? เสียงที่แยกไม่ออกดังก้องกังวานผ่านสนามรบ หลังจากการต่อสู้อย่างสิ้นหวังกว่า 3 ชั่วโมง


พวกเขาก็ได้รับชัยชนะ พวกเขาชนะเพราะพวกเขาใช้ข้อดีของพวกเขาสุดกับจุดอ่อน ของ เมดูซ่าขณะต้องรับมือกับ ‘ดวงตาเวทมนต์แห่งความหวาดกลัว’ ที่ต้องรับมือด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง


ความหวาดกลัวเท่ากับความตายอันเป็นนิรันดร์ เมดูซ่าผู้ชั่วร้ายรู้ว่า


ผู้เล่นสามารถฟื้นคืนชีพได้ดังนั้นเธอจึงเก็บผู้เล่นที่กลายเป็นหินไว้ในท้องของเธอ


 


อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ดาบศักดิ์สิทธิ์ สามารถตัดสิ่งที่ไม่สามารถตัดได้ คิมซูโฮ ตัดพลังจากสายตาเวทมนตร์ทิ้ง ทำใหดวงตาไร้ความสามารถชั่วคราว เมดูซ่าจึงเป็นแค่มอนสเตอร์ที่ทรงพลังกว่าปกติเล็กน้อยเท่านั้น


 


“…ยังไงก็ตามนั่นคือดอกบัวดำใช่มั้ย”


 


ทันใดนั้นยียอนฮานก็ถามออกมา แน่นอนว่าชัยชนะก็คือชัยชนะและความสุขก็คือความสุข แต่พวกเขาทุกคนต่างก็เก็บคำถามเดียวกันไว้ในใจ ข้อได้เปรียบที่พวกเขามีในการต่อสู้นั้นพึ่งเสียไประหว่างการต่อสู้


เพราะเมื่อฮาร์ปีหลายร้อยตัวมาถึงพวกเขาก็ควรจะล่าถอยหรือเรียกกำลังเสริม แต่ในขณะนั้นเองลูกศรจำนวนหนึ่งก็บินมาจากระยะไกล โผล่ออกมาจากไหนทำลายเหล่าฮาร์ปีจนหมด แม้ว่าลูกศรสีดำจะแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว แต่ฉากแห่งการทำลายล้างครั้งใหญ่นั้นได้ถูกตราตรึงไว้ในจิตใจของพวกเขาอย่างชัดเจน


 


“อา……..นั่นคือลูกศรของ ดอกบัวดำ แน่นอน”


 


คิมซูโฮ เก็บ มิสเทลทีน ไว้แล้วลุกขึ้นมา เขามองที่มาของลูกศรแต่ไม่มีใครอยู่ที่ปลายหน้าผาที่อยู่ไกลออกไป คิมซูโฮนึกถึงชายผู้ที่ช่วยพวกเขาจากที่นั่นเมื่อไม่นานมานี้ เขาช่วยพวกเราจากสวนสนุกงั้นเหรอ?


หรืออย่างที่คนอื่นพูดกัน จริงๆแล้วเขาเป็นคนดีที่กล้าหาญคนหนึ่งงั้นเหรอ?


 


คิมซูโฮ จ้องมองที่หน้าผาเป็นเวลานานด้วยความสับสน


 


“…ไม่ว่าฉันจะคิดยังไง ฉันก็ไม่ชอบชื่อกลุ่มบ้าๆนี้”


 


ทันใดนั้น แชนายอน ก็จ้องที่หน้าจอระบบพร้อมหรี่ตา ชื่อกลุ่มคือ


‘คิมแชเปย์’ [คิม] ซูโฮ [แช] นายอน [แฟร์] มุน พี่ชายและน้องสาว


[ยี] ยอนฮาน ชื่อนั้นประกอบด้วยพยางค์แรกของชื่อแต่ละคน มันควรจะเป็น ‘คิมแชแฟร์ยี’ แต่ ยียอนฮาน คิดว่ามันน่าตลกเกินไปและเขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีชื่อเขาก็ได้เลยเปลี่ยนเป็น คิมแชเปย์


 


“แต่มันตลกดี มันก็เหมือนกับ บริษัท แดฮยอง ของเธอนั้นละ”


 


แชนายอน กัดฟันของเธอเพราะคำพูดของ ยียอนฮาน


 


“แต่นั่นมันก็ใช่ แต่เจ้าระบบบ้านี้มันต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ”


 


นี่คือสิ่งที่ระบบของ แชนายอน แสดงขึ้นมา


 


[‘คิมแชเปย์’ ได้เอาชนะ ‘เมดูซ่า’ แล้ว]


 


[ผลงานของ ‘Nayunjajangman’ หรือ ชินายอน คือ 14%]


 


แชนายอน กลับไม่ใช่ แชนายอน แต่เป็น ชินายอน


 


“เธออยากตายหรือไง?”


 


ภัยคุกคามของเธอทำให้ระบบเยาะเย้ยเธอมากขึ้น


 


[ผลงานของ คิม ชินายอน คือ 14%]


 


“…ก็ได้ๆ”


 


‘อย่าต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น’ แชนายอน ถอนหายใจและนอนลงบนพื้น


แต่คนอื่นเดาะลิ้นของเธอด้วยความประหลาดใจ ตามที่คาดไว้จากเพราะ พลังเวทมนต์ราวกับปีศาจของเธอทำให้เธอยังคงมีพลังเวทมนต์เหลืออยู่แม้หลังจากปลดปล่อยพลังเวทมนตร์จำนวนมหาศาลออกมา


 


“…อากาศดีมาก”


 


แชนายอน นอนเหยียดยาวบนพื้นแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นความคิดของเธอก็ทำให้ดวงตาเธอเบิกกว้าง


 


“เดี๋ยวก่อนคนที่ฆ่าฮาร์ปีคือดอกบัวดำไม่ใช่เหรอ!”


 


“หา เธอรู้ตัวสายไปแล้วมั่ง”


 


“…หา?”


 


“พวกเราก็พูดมาตลอดว่านะว่าเขาเป็นดอกบัวดำ”


 


“…จริงๆเหรอ?”


 


แชนายอน เกาแก้มของเธออย่างเชื่องช้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะระบบสำหรับการต่อสู้กับเธอ


 


“แต่ทำไมดอกบัวดำ…ถึงได้”


 


…ช่วยพวกเราด้วย?


 


แชนายอน พึมพำในขณะที่เธอเปิดช่องข้อความ


คนเดียวที่เธอแลกเปลี่ยนข้อความด้วยเมื่อเร็วๆนี้คือ ‘Extra7’ เขาเคยเป็นอาจารย์ของเธอ แต่ตอนนี้เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความลึกลับ


เธอส่งข้อความถึงเขาเรื่อยๆ เพราะเธอเชื่อว่าเขามีเรื่องเกี่ยวข้องกับ


คิมฮาจิน….เธอดึงบทสนทนาขึ้นมาและตรวจดูข้อความสุดท้าย


 


「 พี่คะ เราจะเจอกันได้ไหม? ฉันมีภารกิจที่อันตรายสัปดาห์หน้า」


 


「ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันอาจตายได้เลย ㅋㅋㅋ มันเป็นภารกิจที่อันตรายสุดๆ 」


 


「ฉันเลยอยากบอกพี่ฮยองก่อนออกเดินทาง」


 


ไม่มีคำตอบจาก Extra7 เธอเลียริมฝีปากด้วยความผิดหวังแต่จู่ๆก็มีระบบแจ้งเตือนอื่นโผล่ขึ้นมา


 


[รางวัลสำหรับการเอาชนะเมดูซ่า]


[ได้รับ 2 ตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพดี]


[ตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพดี – เปลี่ยนไอเท็ม Lv. 6 หรือต่ำกว่าที่


คุณต้องการเพิ่ทประสิทธิภาพของมันหรือไม่]


 


“ว้าววว?! นี่มันอะไรกัน!?”


 


ยียอนฮาน ตะโกนอย่างดีใจ


 


“ตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพ? เฮ้ ซูโฮ! นี่มันไม่ผิดอะไรใช่ไหม?”


 


“…นายพูดถูก Lv.6…พวกเราควรเอาอะไรออกไปข้างนอกเหมือนกัน”


 


คิมซูโฮ ยิ้มด้วยความพึงพอใจและ แชนายอน ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเธอมองดูไอเท็มของเธอ ตัวเลือกมีประสิทธิภาพ มันคือตั๋วที่สามารถทำให้ไอเท็ม ‘มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น’ ซึ่งหมายความว่ามันสามารถนำออกไปนอกหอคอยได้ เธอยังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ เธอจะเอานำออกไปข้างนอกไม่ออก แน่นอนว่ามันจะเป็น [Lv.6 Jack Churchill’s Claymore] ที่เธอถืออยู่ในตอนนี้ …เธอคิดว่านาจะดีที่สุดแล้วแต่มีอยู่สิ่งหนึ่งเธอคิดขึ้นมาได


 


「 Lv.5 จดหมายเชิญไปที่ห้องรัก」


 


จดหมายเชิญไปที่ห้องรัก ถ้าฉันใช้ตั๋วกับไอเท็ม Lv.5 นี้….


ขณะที่เธอกำลังคิดการแจ้งเตือนของระบบอื่นก็โผล่ขึ้นมา


 


[กลับไปที่พระราชวังแล้วรับรางวัลของ Crevon]


 


[100,000 TP จะถูกแบ่งตามค่าผลงาน]


 


[อาวุธที่ คิมชินายอน เช่า ‘Lv.6 Jack Churchill’s Claymore’


จะถูกมอบให้กับ คิมชินายอน อย่างถาวร]


 


“เธออย่างมาล้อฉันเล่นนะ ถ้าเธอพูดว่า คิมชินายิน อีกครั้งละก็….”


 


“เห้ย! ทำไรน่ะ?!”


 


ยียอนฮาน ตะโกนเรียก แชนายอน ซึ่งกำลังโวยวายอยู่กลับระบบ


แชนายอน หันกลับมาด้วยความประหลาดใจและเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะกลับ


 


“ไปรับรางวัลกันเถอะ!”


 


“… โอเค.”


 


แชนายอน จ้องมองไปในอากาศและเดินไปหาคนอื่น ๆ


 


*************************************2***********************************


356 เหตุผลสำหรับการประชุม (4)

 


23:30 น.


 


บ้านอันสงบสุขในยามบ่าย


 


ตอนนี้ผมกำลังลูบหัว อีเวนเดล และตอบคำถามต่างๆที่จ้างมาใน


เอเจนท์แห่งความจริง


 


“อ้อ…เรื่องมันเป็นแบบนี้”


 


ขอบคุณคำพูดจากปากทั้งหมดที่ผมตอบไปนั้นทำให้ผมรู้สึกดี ในหมู่พวกเขามีคำร้องจากปีศาจแห่ง ‘การทำลายล้าง’ ซึ่งอยากเปิดเผยตัวตนของฮีโร่ที่ฆ่าผู้บริหารของพวกเขา แน่นอนว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะยอมรับคำขอของพวกเขา เมื่อค้นดูคำขอผม ผมค้นพบสิ่งหนึ่งที่มีเนื้อหาที่ค่อนข้างคุ้นเคย


 


“…เกิดอะไรขึ้นกับเธอเนี้ย”


 


[ที่รัก เอเจนท์แห่งความจริง นี่คือ LadyU จากวันก่อน คำร้องขอของฉันในครั้งนี้เพราะความอยากรู้อย่างเห็นจริงๆ ฉันขอโทษที่ใช้เวลากับคำถามแบบนี้ บ้างครั้งคำถามของฉันมันมาจากจิตใต้สำนึกจริงๆดังนั้นได้โปรดอย่ารู้สึกรำคาญคำถามของฉันเลยและได้โปรดอย่าคิดมากถ้าคำถามของฉันมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆและโปรดพิจารณาไว้ว่ามันเป็นความอยากรู้อยากเห็นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของหญิงสาวผู้


โง่เขลา….]


 


เป็น ยูยอนฮา เขียนอย่างสุภาพที่สุดของเธอและในครั้งนี้คำขอของ


ยูยอนฮา คือ….


 


[หัวหน้ากิลด์ราชสำนักอังกฤษ ‘เรเชล’ และ เฟนริล แห่ง


Jeronimo Mercenary, ‘คิมฮาจิน’, เป็นคู่รักกันเหรอ?]


 


“นี้เธอบ้าไปแล้วเหรอ…?”


 


บางทีมันอาจเป็นเพราะความคิดทางธุรกิจของเธอ ‘ที่ชอบตีความให้มันแย่ที่สุดก่อนเสมอ’ ถึงอย่างนั้นเธอก็เข้าใจผิดไกลเกินไปแล้ว?


 


ผมเขียนคำตอบลงไปอย่างรวดเร็ว


 


[จากการวิจัยของฉัน คำตอบคือไม่ มั่นใจได้เลยว่า เฟนริล หรือ


คิมฮาจิน ในตอนนี้ยังไม่มีคนรักแม้แต่คนเดียว]


 


ผมทำให้ตัวเองชัดเจนเพื่อที่เธอจะไม่ถามอีก


 


‘…เธอจะถามต่อว่า ถ้างั้นเราชอบผู้ชายหรือเปล่านะ?’ ไม่ว่ายังไงตอนนี้ผมต้องตอบไปก่อนและหลังจากที่ผมส่งคำตอบไปนั้น…


 


*ดิ้งงงงงงงงงงง— *


 


ผมได้รับข้อความจาก ยูยอนฮา


 


[เฮ้ ฉันออกมาหอคอยแล้ว หากนายออกมาแล้วก็บอกชื่อเล่นของนายให้ฉันรู้ด้วยนะ]


 


“… อืมมม.”


 


ชื่อเล่น.


 


ผมอาจบอก ยูยอนฮา ได้แม้เธอจะอยู่ใกล้กับ แชนายอน แต่เธอไม่ใช่คนประเภทที่ปากเบาเช่น ยีจิยูน


 


“อาาาาาาาาาาาาาาา….”


 


ทันใดนั้น อีเวนเดล ก็เริ่มบิดตัวในอ้อมแขนของผม เธอหรี่ตาลงราวกับว่าเธอกำลังฝันร้ายและมุดตัวลึกลงเข้าไปในอ้อมแขนของผม


 


“น่ารักจริงๆ”.


 


ผมยิ้มเบาๆแล้วลูบหัวเธอ ดูเหมือนการสัมผัสของผมจะเต็มไปด้วยพลังเวทมนต์ของรอยสักทำให้เธอสงบลงเพราะ อีเวนเดล กลับมาหลับอย่างนิ่งสงบพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ


 


ฮาจิน มีการประชุม


 


… ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นในหูของผม นี่เป็นทักษะที่บอสเพิ่งเรียนรู้ที่เรียกว่า [พลังเวทมนต์เปลี่ยนรูป] เธอคิดวิธีใช้ประโยชน์และตอนนี้สามารถใช้การสื่อสารผ่านความคิดได้แล้ว ผมอุ้ม อีเวนเดล เอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้เธอตื่นขึ้นมาแล้วพาไปนอนบนเตียงแล้วผมก็ออกไปข้างนอก


 


อพาร์ทเมนต์คอมเพล็กซ์เวลา 23.00 น. มืดและไม่มีดาวบนท้องฟ้า


ผมจำท้องฟ้าของ Crevon ได้ซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาว ไม่ว่ายังไงบอสก็อยู่ใกล้ๆ เธอซื้อห้องชุดหลังจากที่ผมแนะนำสถานที่แห่งนี้เธอใช้เป็นที่ซ่อนตัวเมื่อนานมาแล้ว


 


ทำเลที่ตั้งคืออาคาร 101 ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดและแพงที่สุดใน


อพาร์ทเมนต์คอมเพล็กซ์ทั้งหมด ในบันทึกของไซต์ราคาในตลาดเพิ่มขึ้น 5000 ล้านดอลลาร์นับแต่นั้นมา ราคาที่อยู่อาศัยอยู่ในระดับสูงที่นี่เพื่อเพิ่มขึ้นด้วย แต่หอคอยแห่งความปรารถนาทำให้พวกมันราคาสูงขึ้นหรืออะไรแบบนั้น


 


ยังไงก็ตามผมมาถึงด้านหน้าห้องสวีท # 902 ของอาคาร 101


ผมเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อคเข้าไปข้างในและมองไปรอบๆ บ้านว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย เก้าอี้ตัวเดียวตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนกระเบื้อง


หินอ่อนที่ปกคลุมห้องนั่งเล่นกว้างขวาง บอสกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับหลับตา เธออาจจะพยายามควบคุมอารมณ์ แต่…


 


คลิก


 


ผมเปิดไฟก่อน


 


“….”


 


บอส ขมวดคิ้วใส่ผม


 


“บอส เจน อยู่ไหนเหรอ?”


 


– ฉันอยู่นี่ ~


 


คำตอบสำหรับคำถามของผมมาจากด้านล่าง ผมมองตามเสียงและก็เจอลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่ทำให้ผมประหลาดใจ


 


“ฮะ? นั่นคือเธอเหรอ?”


 


– มันยอดเยี่ยมใช่มั้ยละ? ฉันไม่เคยตัวเล็กขนาดนี้มาก่อนในชีวิต


ฉันรู้สึกว่าฉันก้าวข้ามขีดจำกัดมาได้หลังจากออกจากหอคอย~


 


ลูกสุนัขที่น่ารักพูดออกมา


 


“น่ารักมาก.”


 


– ฮ่าฮ่าฮ่า จริงเหรอ ~


 


ผมหันมามองบอสอีกครั้ง บอสมองผมแล้วก็พูด


 


“เหตุผลที่ฉันเรียกนายมาที่นี่ในวันนี้คือ….”


 


– เอเชียกลาง นายรู้เรื่องมั้ย? มีไอเท็มอยู่ที่นั่นมากมายเลยละ~?


 


แต่ก่อนที่บอสจะพูดอะไร


 


วิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


 


ลำแสงออกมาจากดวงตาของเจน มันคือโปรเจ็กเตอร์ จากรูปลักษณ์ของมัน พวกมันทั้งหมดคือของแปลกๆบนหอคอย


 


– นี่คือแคตตาล็อกของไอเท็มหลัก~


 


มันเป็นรายชื่อของไอเท็มของเจงกีสข่านที่เชื่อว่าถูกฝังอยู่ในเอเชียกลาง


สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผมแน่นอนว่าเป็น [ธนูของเตมูจิน] และ


[อานม้าแห่งข่าน] ผมอยากได้ 2 สิ่งนี้มากๆ ผมไม่เคยคิดว่าอยากได้อะไรขนาดนี้มาก่อน แต่ผมรู้สึกว่าอยากได้ [ธนูของเตมูจิน] โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมคิดว่าการรวมกันของ [ธนูของเตมูจิน] และ


[ลูกศรแห่งความมืด] จะมีประสิทธิภาพขนาดไหน แน่นอนว่าผมมีธนูดีๆอยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่บอกว่าผมอยากได้ก็เท่านั้น


 


– กลุ่มคนพวกนี้…


 


“พวกเราจะปล่อยของเล็กๆไป แล้วเอาเฉพาะของดีๆ”


 


บอสขัดจังหวะเจน


 


“อ้อ อีกเรื่องนะ คิมฮาจิน”


 


“ว่า?”


 


ผมเอียงศีรษะของผมอย่างสงสัยและมองไปที่บอส บอสพูดแค่เรื่องเดียวกับผม


 


“คุณจะไม่ได้เข้าร่วมในภารกิจนี้”


 


*************************************************************************


 


…1 สัปดาห์ต่อมา


 


ผมกำลังเดินไปตามถนนของ ชั้น 8-3 Crevon กับ บอส


 


“นายอารมณ์เสียหรือเปล่า?” บอสถามเพราะเหลืออีกเพียง 2 วันก่อนจะเริ่มต้นภารกิจ


 


“ไม่” ผมตอบอย่างเมินเฉย


 


ผมเห็นด้วยว่าผมไม่ต้องทำภารกิจต่อไป ไซต์ขุดเจาะนั้นมีพื้นที่จำกัด และสำหรับนักสู้ระยะไกลระยะทางเท่ากับชีวิตของเขาเอง มันดีกว่าที่ผมจะไม่ไป


 


“ไม่เป็นไร. ผมจะได้ฝึกฝนเพิ่มอีกหน่อย”


 


“…นั้นสิ.”


 


พวกเราพูดแบบนั้นเสร็จก็เดินเคียงข้างกัน


 


… แต่ดูเหมือนว่าบอสจะรู้สึกเป็นกังวลขณะที่เธอเริ่มพูดกับตัวเองอย่างจริงจัง


 


“มันไม่เลวเลยถ้าคุณจะใส่เสื้อให้เขาตอนที่เขาอารมณ์เสีย”


”ถ้า เราปล่อยเรื่องนี้หลุดลอยไปก็หมายความว่าเราไม่ได้สื่อสารกับ


ผู้ใต้บังคับบัญชาของเราเลย… มันเป็นความผิดของฉันเอง….”


 


ผมกำลังคิดที่จะปิดหูแต่เมื่อผมเห็นเรเชลอีกด้านหนึ่งของถนนกับ


เจ้าหญิงอราฮาผมก็ต้องมองตาม


เรเชลเป็นผู้ที่ทิ้งความประทับใจอันยิ่งใหญ่ให้กับราชวงศ์ในระหว่างการป้องกันภัยพิบัติและได้กลายเป็นผู้พิทักษ์อย่างเป็นทางการ เธออาจจะมาที่นี่ในวันนี้กับ Araha เพื่อดู [การแข่งขันการต่อสู้]


 


“จริงสิ แล้วบอสทางต้องเจอกับใครกันแน่”


 


วันนี้เป็นรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์การต่อสู้ซึ่งถูกระงับไว้ด้วยเหตุผลหลายประการ หลังเอาชนะภัยพิบัติ 2 ครั้งโดยไม่ได้รับความเสียหายมากนักการมองโลกในแง่ดีของราชวงศ์ทำให้ทุกอย่างยังควบคุมได้


 


“ฉันกับผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก”


 


“อ้อ จริงเหรอ? ถ้างั้นล่วงหน้าไปก่อนได้เลย ไปที่ห้องพัก”


 


“…โอเค.”


 


ในขณะที่ผมเฝ้าดูบอสอย่างปราบปลื้ม ก็มีคำถามปรากฏขึ้นในจิตใจของผม


 


“อ๊ะ บอส”


 


“ว่าไง?”


 


บอสหันกลับมาราวกับว่าเธอคาดไว้แล้ว


 


“ชื่อเล่นของคนที่คุณกำลังต่อสู้คืออะไรเหรอ?”


 


“…เขาชื่อว่า [เยโอมัก]”


 


“อืม โชคดีมาก แต่ยังไงก็ไม่มีใครที่คุณอยากเจอเป็นพิเศษอยู่แล้ว”


 


ผมยิ้มให้บอส บอสยิ้มให้ผมและพยักหน้า จากนั้นเธอก็หายตัวไป


 


“อืมมมมมมมมมมมมมม… .”


 


ผมผตัดสินใจที่จะมองไปรอบๆก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น มีผู้เล่นที่ทรงพลังและขุนนางมากมายที่มาชมการแข่งขัน ผมเห็น คิมซูโฮ และ แชนายอน ทั้งคู่ต่างรู้สึกผิดหวังกับความจริงที่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้มีอยู่ด้วย


 


แต่ใครคือ ‘เยโอมัก’ ถ้าเขาไม่ได้เป็นหนึ่งในสองคนนั้น? คิมจุนวู?


ผมเอียงศีรษะอย่างสงสัย


ทันใดนั้นความรู้สึกไม่สบายใจก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของผม ผมรีบหยิบหนังสือแห่งความจริงออกมาทันที


 


[ใครคือ เยโอมัก ที่เป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้ของ Crevon?]


คำถามที่ตรงตัวเช่นนี้ทำให้เสียรายสักไปมากมาย เพราะงั้นผมต้องถามจากหนังสือแห่งสัจธรรมแต่ในเชิงอื่น


 


[ ‘เยโอมัก’ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้ของ Crevon เป็นคนที่ผมรู้จักในฐานะ ‘เบลล์’ หรือไม่?]


 


ผมใช้ไป 1 รายสักและ 5 วินาทีต่อมา ตัวอักษรไหม้เกรียมก็ปรากฏขึ้นบนหน้าหนังสือแห่งสัจธรรม


 


[‘เยโอมัก’ เป็นบุคคลที่คุณรู้จักในฐานะ ‘เบลล์’]


 


“…!”


 


ทันทีที่ผมอ่านคำเหล่านั้นผมก็วิ่งไปหาบอสทันที


บทที่ 357 เหตุผลสำหรับการประชุม (5)


 


ผมวิ่งไปที่โคลอสเซียม วันนี้เหตุการณ์ต่างๆถูกวางแผนไว้ด้านบนของการแข่งขันรอบสุดท้ายของการต่อสู้ดังนั้นทำให้โคลอสเซียมเต็มไปด้วยผู้คนไปแล้ว การหาบอสท่ามกลางผู้คนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผม


 


วิสัยทัศน์ของผมเปลี่ยนไปด้วยพลังเวทมนต์ของรอยสักไหลเข้ามาสู่ดวงตาของผม เหมือนดาวเทียมผมสามารถมองลงไปทั่วโคลอสเซียมจากท้องฟ้า ด้วยเหตุนี้ผมเจอบอสได้อย่างรวดเร็ว เธอกำลังเดินไปที่ห้องพักของเธอ ผมไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง ผมคว้าไหล่ของเธอและหยุดเธอเอาไว้ ดวงตาของเธอเบิกกว้างและมองมาที่ผมด้วยท่าทางประหลาดใจ


 


“….”


 


“….”


 


พวกเราจ้องมองกันและกัน บอสไม่พูดอะไรเลยและผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร


 


ผมรวบรวมความคิดของผมอย่างใจเย็น หากฝ่ายตรงข้ามของบอสคือเบลล์ บอสจะต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ชัดเจนกว่าปกติ


 


บอสจะสามารถเอาชนะเบลล์ได้ไหมนะ? ผมสงสัยในสิ่งที่ผมคิดเมื่อผมได้เห็นพรสวรรค์ของเบลล์ด้วยสายตาของตัวเอง


 


พรสวรรค์ของเขาน่าจะเป็น ร่างกายเวทมนต์ ซึ่งเป็นพรสวรรค์ที่ผมเขียนลงในหนังสือต้นแบบ แต่ไม่เคยนำมาใช้ในเนื้อเรื่อง เหตุผลนั้นง่าย มาก มันสู้ชนะง่ายเกินไป


 


ถ้านั่นเป็นพรสวรรค์ของเบลล์จริง ๆ … บอสก็ไม่อาจเอาชนะเขาได้เลย


 


“บอส ผม….”


 


หลังจากคิดอยู่นานผมตัดสินใจลองใช้ [วาจาสิทธิ์แห่งปีศาจ] มันอาจจะไม่ได้ผลกับคนที่แข็งแกร่งแบบบอส แต่ทักษะนั้นจะเพิ่มโอกาศที่จะสำเร็จจากความไว้วางใจที่เป้าหมาย (บอส) มีต่อผู้ใช้ (ผม) สำหรับผมตอนนี้ผมรู้ว่าบอสเชื่อใจผมมากขนาดไหน


 


“…ทำไมคุณไม่สละสิทธิ์แล้วไปที่ชั้น 15 กับผมละ มีบางอย่างที่พวกเราต้องทำด้วยกันนะ”


 


น่าเสียดายพลังเวทมนต์เล็ดลอดออกมาจากคำพูดของผมและกระจัดกระจายไปก่อนที่จะเข้าสู่หูของบอส


 


“นายกำลังทำอะไร?”


 


เมื่อเธอรู้สึกถึงสิ่งที่ผมทำใบหน้าของบอสก็เย็นชา


 


“ขอโทษ?”


 


“นายจะมาอยากทำอะไรตอนนี้?”


 


“หาา… .”


 


ผมยิ้มอย่างขมขื่นและเกาหัวเบาๆ


 


‘เราควรจะพูดอะไรดีในสถานการณ์แบบนี้? ปล่อยให้เธอสู้กับเขาหรอ ไม่สิมันอาจเกิดอันตรายขึ้นได้? แต่โคลีเซียมมีความปลอดภัยสูงมากโดยเฉพาะในระหว่างการต่อสู้ เจ้าหญิง อราฮา ก็อยู่ที่นี่เช่นกันดังนั้นการทำลายที่นี่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ’


 


“…อืม ไม่มีอะไรมากหรอก ผมแค่อยากเรียนรู้อะไรบ้างอย่าง”


 


หลังจากคิดอยู่นานมากผมก็ตัดสินใจอยู่กับบอสต่อ


 


“ถ้ามันได้ผลกับคุณ ผมก็จะใช้ให้มันได้ผลดีที่สุด”


 


“…ได้ผลดีถ้าถูกสะกดจิต?”


 


“ใช้ เพื่อบอกให้คุณทำให้ดีที่สุด”


 


มันเป็นข้ออ้างที่ไม่ดี แต่เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ของพวกเราก็


ไม่ได้แปลกอะไรมาก ไม่น่ามีปัญหาเธอาจคิดว่าลูกน้องห่วงเจ้านายอะไรแบบนี้……มั่ง?


 


“แต่ฉันคิดว่าไม่ได้ผล เอาล่ะพวกเราไปที่ห้องพักด้วยกันเถอะ”


 


“อะ…อ้อ โอเค.”


 


ผมเดินไปที่ห้องพักกับบอส


หลังจากเข้าห้องพักขนาดใหญ่พวกเราก็นั่งลงบนโซฟาด้วยกัน


ผมกัดเล็บและคิดว่า ‘หากการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นก็เป็นไปได้ว่ามันจะไม่จบจนกว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งจะตาย….’


 


“อ้อ!”


 


ทันใดนั้นผมก็นึกถึงวิธีดีๆ พลังเวทมนต์ของรอยสักสามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 30 ~ 40 นาทีหลังจากออกจากมือของผม ดังนั้นถ้าผมให้บอสมีคุณสมบัติต่อต้านเวทมนต์…ไม่สิบอสอาจไม่ใช้มันด้วยบุคลิกของเธอ


 


“ชิ.”


 


ผมเดาะลิ้นและตอนนั้นถุงมือสีดำของบอสก็ดึงดูดสายตาของผม


 


“คุณ โบชี่ รอบชิงชนะเลิศเหลือเวลาอีก 5 นาที”


 


“เข้าใจแล้ว”


 


“เดี๋ยวก่อนบอส”


 


ก่อนที่บอสจะลุกขึ้น ผมจับมือที่สวมถุงมือเบาๆ


 


“…?”


 


บอสดวงตาเบิกกว้าง เธอมองมาที่ผม เมื่อพวกเราสบตากับผมแอบใช้พลังเวทมนต์ของรายสักลงไปในถุงมือของเธอ เห็นได้ชัดว่าผมใส่คุณสมบัติต้านทานเวทมนตร์ลงไป


 


“นายจะมาทำอะไรในที่แบบนี้”


 


“….”


 


“ คิมฮาจิน”


 


ผมต้องการเวลาซักพักนึง เมื่อมองบอสที่สับสนวุ่นวาย ผมก็บ่นออกมา


“ผมกำลังเชียร์คุณ ไม่ให้แพ้น่ะ”


 


“…อะไรนะ?”


 


“ อย่าแพ้ละ”


 


และแล้ว


 


[อ่า…พวกเราต้องขออภัยต่อแขกทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วย พวกเราเพิ่งได้รับแจ้งจากผู้เข้าร่วม ‘เยโอมัก’ ว่าเขาอยากถอนตัวทางเราเลยมีการจับคู่ใหม่เป็นระหว่าง ‘โบชี่’ กับ ‘ลิโป้’ ขึ้นแทน]


 


“… เอ๊ะ?”


 


ผมเงยหน้าขึ้นมองลำโพงบนเพดาน


 


“อะไรนะ?”


 


ผมหันกลับไปหาบอสและมองมือที่ผมถืออยู่


 


“นายไปได้แล้ว”


 


“อ้อ ใช่ๆ ลืมเลย ขอโทษนะ”


 


ผมรีบปล่อยมือทันที


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 13 พื้นที่พักผ่อน, 49:03:02]


[49:03:01]


[49:03:00]


 


ปาร์ตี้ของ ไอลีน เริ่มปีนขึ้นหอคอยอีกครั้งทันทีที่ภัยพิบัติของ Crevon ถูดจัดการและไม่นานพวกเธอก็มาถึงชั้น 13 รูปแบบของชั้นที่ 13 คือ


‘พักผ่อน’ จินเซยอน ที่มีไหวพริบสังเกตว่าการนอนหลับเป็นส่วนที่ท้าทายของชั้นนี้ ปัจจุบันพวกเขาไม่ได้นอนหลับมานานกว่า 50 ชั่วโมง


 


“ชินจงฮัก กิลด์นายกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”


 


จินเซยอน ถาม ชินจงฮัก การพูดคุยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการง่วงนอน ทุกคนบังคับตัวเองให้พูดคุยเพื่อไม่ให้เปลือกตาปิดลง


 


“พวกเขาคงไม่ใช่ 1 ในกิลด์ที่ดีที่สุดในโลกหากพวกเขาทำได้ไม่ดีเพียงเพราะพวกเขาขาดผมไป”


 


“…ใช่ๆ~ นายยอดเยี่ยมมาก~ ~ ยอดเยี่ยม ~”


 


ไอลีน ล้อเลียนคำตอบอย่างภูมิใจของชินจงฮัก เธอเป็นนอนน้อยเป็นปกติอยู่แล้วแถมเธอยังเกลียดฮีโร่จากสมาคม ในสายตาของเธอกิลด์เป็นกลุ่มธุรกิจที่แสวงหาผลกำไรที่สร้างขึ้นโดยทำลายบุคคลหรือประเทศต่างๆ


 


“โอ้ยยยยย ฉันจะบ้าตาย ฉันนั่งที่นี่ไม่ได้แล้ว ฉันจะไปออกกำลังกาย”


 


ไอลีน กระโดดข้ามไปที่ห้องถัดไป จินเซยอน หันไปหา ไอลีน


 


“อย่าแอบนอนละ คุณไอลีน”


 


“ไม่ต้องห่วง”


 


“เปิดประตูเอาไว้ละ”


 


“….”


 


ไอลีน จ้องมองไปที่ จินเซยอน และเปิดประตูเอาไว้ครึ่งหนึ่ง จินเซยอน สังเกตว่า ไอลีน กำลังระมัดระวังตัวเองผ่านช่องว่าง หลังจากนั้นไม่นานร่างเล็กๆของไอลีนก็เริ่มทำท่าทางออกกำลังกาย


 


“1 2 3…..อาาาาาา 86 87 88 …อัก 141 142 143 144 ….”


 


“เดาว่าฉันคงไม่ต้องเป็นห่วงเธอแล้วละ” จินเซยอนพูดพึมพำและมองหน้าชินจงฮักอีกครั้ง เป็นเพราะสมองของเธอครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้วใช่มั้ย เมื่อมองไปที่ชินจงฮักแล้วทันใดนั้นเธอก็คิดว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะบอกเขาถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็อยู่ในปาร์ตี้เดียวกันมานานแล้ว


 


“…ชินจงฮัก เธอคิดอย่างไรกับคุณปู่ของเธอ”


 


เธอถามถึงปู่ของชินจงฮัคซึ่งเธอรู้ว่าเขาภูมิใจในตัวคุณปู่ ในความคิดของเธอ ชินจงฮักเป็นคนประเภทที่ชอบคุยโวเกี่ยวกับภูมิหลังครอบครัวของเขา


 


“ปู่ของผมเหรอ?”


 


“ใช่แล้ว ชินมยองชุล หลายคนยังคงให้เกียรติเขาเพราะเขาเป็นคนที่หยุดภัยพิบัติครั้งนั้นไว้ได้”


 


แต่ จินเซยอน ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาของชินจงฮัก


 


“ถ้าเธอถามถึงพลบค่ำหลังชีวิต…ผมพูดได้แค่ว่าผมเองก็ยังไม่เข้าใจ”


 


“อะไรนะ?”


 


ชินจงฮักหลับตาของเขาและระลึกถึงความทรงจำจางๆของปู่เขาที่เขามีอยู่ในใจ


 


‘พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’


 


นั่นคือคำพูดของปู่เขา เห็นได้ชัดว่ามันมาจากหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับฮีโร่ในช่วงเวลาที่ยังไม่ใช่ฮีโร่ ชินมยองชุล ปู่ของเขาสลักคำเหล่านั้นไว้กลางจิตใจอย่างลึกซึ้ง ในท้ายที่สุดเขาช่วยมนุษยชาติด้วยการเสียสละชีวิตของเขาเอง


 


“แม้ว่าคุณปู่จะเสียสละชีวิตของตัวเอง แม้หายนะจะหยุดลง และมีคนแข็งแกร่งมากมายเกิดขึ้นมาในโลก”


 


ฮีโร่ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อคนอื่นกลับต้องมาตายแต่ฮีโร่ที่มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองกลับยังมีชีวิตอยู่ แต่จริงๆแล้วชินจงฮักไม่พอใจ ถ้ามีเพียงปู่ของเขาเท่านั้นที่เสียสละชีวิตเพื่อกอบกู้โลกแล้วทำไมคุณปู่ถึงได้แค่เป็น 1 ใน ‘ 9 ดารา’? อีก 8 คนไปอยู่ที่ไหนในตอนนั้น


 


“ปู่ควรจะมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะอยู่ในโลกนี้เพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้”


 


สำหรับชินจงฮักปู่ของเขาคือ ‘ชินเมียงสกุล’ เป็นวีรบุรุษที่แท้จริง


 


“ฉันเข้าใจ.”


 


จินเซยอน ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม ชินจงฮักไม่ได้พูดอะไรต่อ ความเงียบสงบเต็มบรรยากาศระหว่างคนทั้งสอง


 


“ฉันจะถามคำถามที่ละเอียดอ่อนกว่านี้ได้ไหม?”


 


“…พวกเรากำลังเล่นเกมถามตอบหรืออะไรอยู่หรือเปล่า?”


 


ชินจงฮัก พูดจาเสียดสีแบบไม่รู้ตัว เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วถึงความผิดพลาดของเขาทำให้เขาต้องตัวสั่น แต่เขาก็ไม่ได้แก้ตัวให้ตัวเองโชคดีที่ จินเซยอน ดูเหมือนจะไม่สนใจ


 


“เธอเองก็สามารถถามมาได้หากเธออยากให้ฉันตอบคำถามของเธอ”


 


“…ถ้างั้นคุณเริ่มก่อนเลย”


 


“นายอน เป็นอะไรสำหรับเธอ”


 


จินเซยอน ถามตรงประเด็น ชินจงฮัก ขมวดคิ้ว แต่ชื่อของ แชนายอน ทำให้เขาจำความทรงจำอันน่ารักที่เขามีต่อเธอได้เป็นอย่างดี


 


…ในตอนแรกเขาคิดว่า แชนายอน เป็นผู้หญิงคนเดียวที่คู่ควรกับเขา ครอบครัวเดียวที่เหมาะสมกับตระกูลชินคือแดฮยอน นั่นคือความคิดแสนไร้ค่าที่เขามีตอนแรก


 


แต่เมื่อเวลาผ่านไปและเขาได้รู้จักกับ แชนายอน มากขึ้นเรื่อยๆเขาก็หยุดสนใจเรื่องพวกนั้นไปก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวซะอีก เขาเพียงแค่สนุกกับเวลาที่เขาใช้กับแชนายอน เมื่อเขาอยู่กับเธอเขารู้สึกได้ว่าน้ำหนักที่ไหล่ของเขาถูกยกออก โลกสีเทาสดใสขึ้นเสมอเพียงเธอมีรอยยิ้ม ไม่สิมันสว่างสดใสและทำให้โลกมีสีสันมากขึ้นในทันที


 


“…เธอเป็นคนที่ฉันชอบ”


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงเกลียด เฟนริล คนที่เอารอยยิ้มที่แท้จริงไปจากเธอ


 


“ฉันเข้าใจ.”


 


“ถ้างั้นก็ถึงตาของผม คุณมีครอบครัวไหม?”


 


ชินจงฮักถามคำถามที่ละเอียดอ่อนเหมือนกัน จินเซยอน เกลียดการเปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับครอบครัวของเธอ


 


“แน่นอน. พ่อของฉันก็เป็นฮีโร่ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน”


 


แต่บางทีมันอาจเป็นเพียงข่าวลือ เธอพูดด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ


 


“แม่ของฉันถึงตายในขณะที่ให้กำเนิดน้องชายของฉัน น้องชายของฉันเสียชีวิตด้วยโรคร้ายเมื่อตอนเขาอายุ 3 ขวบ”


 


“เอ่อ คุณไม่ต้องเล่นขนาดนั้นก็ได้….”


 


ด้วยความรู้สึกเสียใจ ชินจงฮัก หันกลับมามอง จินเซยอนที่ยิ้มเบา ๆ


 


“โอ้ ใช่เอานี่ไปสิ”


 


เธอหยิบลูกแก้วเล็กออกมาจากกระเป๋าของเธอ


 


“นี่อะไรน่ะ?”


 


“ของดี เก็บลูกแก้วนี้ไว้และตั้งเป้าหมาย ยิ่งเป้าหมายสูงเท่าไรรางวัลยิ่งสูงมากเท่านั้นตอนที่เธอบรรลุเป้าหมาย”


 


ชินจงฮัก ตรวจสอบข้อมูลไอเท็ม


 


===


[ลูกแก้วแห่งความหวัง Lv.???]


○Lv.??? กำหนดเป้าหมาย


– ตั้งค่าเป้าหมายที่คุณต้องการบรรลุ


○ Lv.??? บรรลุเป้าหมาย


– เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ลูกแก้วนี้จะเปลี่ยนเป็นไอเท็มที่เหมาะสมกับเป้าหมาย


(มีผลดี)


===


————————————–2———————————-


บทที่ 358 เหตุผลสำหรับการประชุม (6)


“ฉันได้มา 2 ครั้งแล้ว ฉันคิดว่าฉันควรมอบให้เธอ”


ชินจงฮัก มองที่ จินเซยอน จากนั้นก็ดวงตาเบิกกว้างในที่สุดไอเท็มหายากก็อยู่ในมือของเขา


“ขอบคุณ. ว่าแต่คุณตั้งเป้าหมายไว้ว่าอะไรงั้นเหรอ?”


“….”


จินเซยอน ไม่ตอบคำถามของ ชินจงฮัก ชินจงฮักมองเธอที่เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า จินเซยอน นำลูกแก้วแห่งความหวัง ของเธอออกมาและบีบมันจนแน่นขณะพึมพำ


“แก้แค้น.”


“…?”


“เพื่อแก้แค้น แค่นั้นแหละ.”


ความปรารถนาของจินเซยอนนั้นแตกต่างจากที่ชินจงฮักคาดไว้


มันไม่เหมาะกับเธอเลย คนที่ทุ่มเทให้กับงานอาสาสมัครอยากแก้แค้น?


“บางทีเธออาจเรียกมันว่า ‘การเผชิญหน้า’ ก็ได้….ฉันมีเหตุผลที่จะเจอกับใครบางคนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”


จินเซยอน มี ‘เหตุผล’ ในใจของเธอ เธอเชื่อว่าตราบใดที่เธอยังคงต้องการอย่างจริงจังเธอจะได้พบกับคนที่เธอต้องการในวันหนึ่ง


แน่นอนว่าไม่มีใครรับประกันได้ว่าผลลัพธ์ของการเจอกันครั้งนั้นจะ


จบลงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอหรือว่าตรงกันข้าม


“อืม.”


และแล้ว


ตู้มมมมมม-!


ตู้มมมมมม-!


ตู้มมมมมม-!


ตู้มมมมมม-!


เสียงดังดังออกมาจากห้องข้างๆ จินเซยอนและชินจงฮักหันหลังไปเจอฉากที่น่าตกใจต่อหน้าต่อตาพวกเขา จินเซยอน พึมพำพร้อมกับถอนหายใจ


“เธอคงหลับไปในขณะที่เราไม่ได้มอง….”


แน่นอนว่าสาเหตุของความปั่นป่วนคือ ไอลีน เธอร้องไห้อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ผมสีขาวสวยของเธอยุ่งเหยิง พลังเวทมนต์ที่เล็ดลอดออกมาจากความโศกเศร้าของเธอทำลายห้องพักอย่างง่ายดาย


“…คืออ คุณ ไอลีน?”


ไอลีน ไม่ได้ตอบ จินเซยอน


“ทำไม…. “


เมื่อปากกว้างๆของเธอเธอเริ่มร้องไห้และมือเล็กๆ ของเธอกระแทกลงบนพื้น เธอฝันเห็นอะไร จินเซยอนวิ่งไปหาไอลีนและอุ้มเธอเหมือนเด็กๆ ไอลีน อยุ่ในอ้อมแขนของ จินเซยอน และเริ่มร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ


“โอ้ๆ อย่าร้องไห้นะ อย่าร้องไห้…. จงฮัก เธอมีของหวานมั้ย”


จินเซยอน ลูบหลังของ ไอลีน แล้วถาม ชินจงฮัก เขาหยิบช็อคโกแลตออกมาจากกระเป๋าของเขาทันที


*************************************************************************


[ชั้น 15 เรือที่ถูกทอดทิ้งของ Genkelope]


ผมกลับไปที่ชั้น 15 เพียงลำพัง ทิวทัศน์อันมืดมิดน่าขนลุกต้อนรับผม ทางเดินที่ว่างเปล่าคือความมืดและมีน้ำสาดกระเซ็นทุกครั้งที่ผมก้าวไปข้างหน้า …พูดตามตรงผมกลัวเกินกว่าจะเดินคนเดียวดังนั้นผมจึงเรียกสปาร์ตันและซันนูรี่ออกมา


ฮี่ๆๆๆ


ผูดดดดดดดดด


“ดี. ว่าต่อไป”


ผมเดินต่อไปขณะที่กำลังฟังการสนทนาของ สปาร์ตันและซันนูรี่


ชั้นที่ 15 นั้นคล้ายกับ เกม hopscotch


เรือแบ่งออกเป็น 6 ส่วน เพื่อพิชิตส่วนหนึ่งเราต้องทำภารกิจให้เสร็จหลายครั้งและใช้ TP เป็นจำนวนมาก แม้ว่าในเนื้อเรื่องเดิมทุกอย่างสรุปได้โดยการพูดว่า ‘คิมซูโฮถ่ายโอนอำนาจนี้ไปยัง NPC’


“มาดูกัน…”


จากการใช้หนังสือแห่งความจริง ทำให้ผมจำแนกส่วนที่สำคัญที่สุดของเรือ [พื้นที่ 3] ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวาของเรือมีแคปซูลจำศีลหลายแห่งและ NPC กำลังนอนหลับอยู่ภายใน พวกเขาเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับผมที่จะไปปลุกให้ตื่นขึ้นมา


“ไปกันเถอะ”


ผมวิ่งไปข้างหน้ากับ สปาร์ตันและซันนูรี่ ในขณะเดียวกันพวกเราได้สัมผัสกับรัศมีอันน่าขนลุกหลายครั้ง ทำให้ขนลุกขึ้นมาบนแขนของเรา แต่พวกเราก็พยายามที่จะเพิกเฉยมันอย่างเต็มที่


– เพี๊ยบ!


ทันใดนั้นมอนสเตอร์ต่างก็ปรากฏตัวต่อหน้าเราและขวางทางเราเอาไว้


[Lv.12 เอเลี่ยน]


กระดองสีดำของมันมีรูอยู่ทั่วพื้นผิวและของเหลวเป็นพิษหยดลงมาจากก้ามและหางขนาดใหญ่ ไม่มีคำอื่นใดที่อธิบายถึงสิ่งมีชีวิตนี้อื่นนอกเหนือจากคำว่า ‘พิลึก’


“โธ่!”


ผมตกใจมากเลยยิงมันทันทีด้วยปืนลูกซอง


ปัง-!


กระสุนปืนลูกซองยิงมันจนกลายเป็นชิ้นเนื้อหลายชิ้น เลือดและพิษของมันกระแทกใส่ผม แต่ เอเธอร์ สร้างบาเรียเพื่อป้องกันผม


“สะสมพิษ”


[คุณได้รับ คริสตันพิษ ของ เอเลี่ยน]


หลังจากนั้นผมวิ่งกลับไป เรือได้รับการออกแบบเหมือนเขาวงกต


แต่พิชิตผ่านเขาวงกตนั้นเป็นความพิเศษของฉัน ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึง [พื้นที่ 3]


ผมเปิดประตูที่ปิดแน่นแล้วเดินเข้าไปข้างใน สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่ติดตามผมจากด้านหลังหยุดอยู่หน้าประตู


“ต๊าย …”


ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกและปาดเหงื่อ


– ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


– ผูดดดดดดดดดดดดดด


“…อะไรกัน.”


สปาร์ตันและซันนูรี่ก็เดินเข้ามาและทำให้ผมรู้สึกสนุก


[เปิดเครื่อง … ]


[เปิดใช้งานการป้องกันเชิงพื้นที่และการแยก…]


[มีเชื้อเพลิงเหลือ 3%]


[สามารถซื้อเชื้อเพลิงด้วย TP ได้]


“โอ… .”


มันเป็นภาพที่ไกลเกินกว่าที่เทคโนโลยีสมัยใหม่จะคาดคิด พื้นทำด้วยโลหะผสมคาร์บอนบางชนิดและเครื่องจักรที่ซับซ้อนในการควบคุมเรืออยู่กลางห้อง เรียงรายรอบผนังเป็นห้องจำศีลรูปไข่ ก่อนอื่นผมได้ลองตรวจสอบ NPC ที่อยู่ในห้องจำศีล


[Lv.5 ต้นหน ลีโอเล่]


[เงื่อนไขการปลดล็อค – 15000TP หรือ กุญแจเควส]


[NPC นี้จะติดตามผู้เล่นที่ปลุกเขาขึ้นมา]


“อืม มันก็น่าลองแฮะ”


โชคดีที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเนื้อเรื่องเดิมของผม แน่นอนผมไม่ได้วางแผนที่จะจ่าย TP ของผมออกไป ผมเอา [กุญแจลึกลับ] ออกจากคลังไอเท็มพร้อมรอยยิ้ม


*************************************************************************


[กุญแจลึกลับ]


○ Lv.7 ปลดล็อค


===


ขอบคุณคูปองค่าประสบการณ์ไอเท็มทั้งหมดที่ผมได้รับจาก โทเมอร์ ตอนนี้ [กุญแจลึกลับ] กลายเป็น Lv.7 แล้วผมจึงใส่กุญแจเข้าไปในห้องจำศีลและบิด 180 องศา ห้องไฮเบอร์เนตของ


[ต้นหน ลีโอเล่ ระดับ 5]  เปิดขึ้นทันที


“อักกกกกกกกกกกกกก”


ผมไม่สนใจ ต้นหนที่ตื่นขึ้นมา แต่ไปหาคนอื่นๆต่อทันที


[กัปตันโฮเนอร์ ระดับ 1]


[เงื่อนไขการปลดล็อก – 300,000TP หรือ แก่นกลางภัยพิบัติหรือการ


พิชิตเควสเฉพาะ]


[NPC นี้จะติดตามผู้เล่นที่ปลุกเขาขึ้นมา]


อย่างที่คาดคิด กัปตันเรือ โฮเนอร์ ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ด้วย


[กุญแจลึกลับ]


“หืมม.”


‘นายจะทนต่อสิ่งนี้ได้ไหม?’ ผมใส่พลังเวทของรอยสักลง [กุญแจลึกลับ] พลังเวทมนต์ 2-3 เส้นและติดมันไว้ในห้องจำศีลอีกครั้ง


‘หากนายทนต่อสิ่งนี้ได้ฉันจะยอมรับนาย….’


– คลิก


ตามที่คาดไว้ห้องจำศีลถูกปลดล็อก


“ขอบคุณ”


หลังจาก กัปตันโฮเนอร์ คือ… [หัวหน้าช่าง], [หัวหน้านักวิทยาศาสตร์], [หมอ], [ผู้บัญชาการกองทัพ] และอีกมากมาย


“ต้องใช้เวลาเป็นวันในการปลุกทุกคน….”


ผมพร้อมถอนหายใจและมองไปรอบๆ NPC ที่ผมปลุกขึ้นมาต่างก็กำลังจ้องมองซึ่งกันและกันด้วยความสับสน


*************************************************************************


…ในอีกด้านหนึ่งในด่านที่สร้างใกล้กับทุ่งหญ้าเอเชียกลาง ภายในอาคารอันทันสมัยที่สร้างขึ้นด้วยความพยายามอย่างเต็มรูปแบบของจอมเวทย์และตัวแทนจำนวนมากทีม [Essence of the Strait] กำลังมองไปรอบๆ โดยรอบและรออยู่ในสถานะเตรียมพร้อม


– สมาคมกำหนดแนวทาง 4 แนวทาง ก่อนอื่นกิลด์สามารถเข้าไปได้โดยได้รับอนุญาตจากสมาคมเท่านั้น ประการที่ 2 ห้ามมิให้กิลด์ต่อสู้กัน ประการที่ 3 กิลด์ต้องเลือก ‘พื้นที่’ ของพวกเขาเอง ประการที่ 4 สมาคมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ใดๆ


ปัจจุบันมีสมาชิกแกนกลาง 13 คนรวมตัวกันที่ห้องประชุมด่านนอก จากหน้าจอโฮโลแกรมการบรรยายสรุปของ ยูยอนฮา กำลังดำเนินการอยู่


– ดังนั้น Essence of the Strait จะส่งสมาชิก 35 คนไปพวกเขา 3 คนเรียนรู้ทักษะที่เรียกว่า [Mass Teleport] จากหอคอยดังนั้นในกรณีที่


ทุกคนได้รับบาดเจ็บหรือตกอยู่ในอันตราย…


การบรรยายสรุปยังดำเนินต่อไป แต่ แชนายอน ไม่สามารถโฟกัสได้เลย เธอควานหากระเป๋าของเธอโดยไม่สนใจ ยูยอนฮา


– …อ้อ จริงสิ ยาคุณภาพสูงสุดเตรียมไว้สำหรับทุกคนดังนั้นอย่าลังเลที่จะใช้ตามที่พวกคุณต้องการได้เลย โชคดีนะทุกคน.


“เธอหาอะไรอยู่เหรอ”


ทันทีที่หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ ยูยอนฮา พูดเสร็จคิมยองจินก็ถาม


แชนายอน


“ฮะ?”


“หากเป็นอาการลงแดงจากการไม่ได้สูบบุหรี่เธอไม่ต้องถือสาหรอกออกไปข้างนอกแล้วสูบบุหรี่ก่อนได้เลย”


“ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้น….”


แชนายอน เกาหลังคอของเธอและไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม สิ่งที่เธอหาคือ ‘ตั๋ว’ นั้นเอง คิมยองจิน จ้องมองที่ แชนายอนด้วยท่าทางแปลกๆ จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงใจดี


“เธอสบายดีไหม?”


“อะ? เอ่อ เรื่องอะไรเหรอ?”


“…ชั้น 13 ฉันได้ยินว่าเธอล้มเลิกกลางคัน”


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แชนายอน และพรรคพวกของ คิมซูโฮ ‘คิมแชเปย์’ ท้าทายที่ชั้น 13 อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องเลิกกลางคัน ชั้นที่ 13 นั้นท้าทายเกินไปสำหรับ แชนายอน ซึ่งความทรงจำที่ไม่อาจรับได้อย่างชัดเจน


“ฉันได้ยินมาว่าเธอร้องไห้หนักมาก”


“กะ-โกหก!”


แชนายอน ขัดจังหวะคิมยองจิน


“อะ-อะไรนะ? โกหกอะไร เธอก็รู้ว่าฉันเป็นหัวหน้าของเธอ ฉันไม่-”


“ฉัน- หมายถึงเพราะคุณพูดเรื่องแปลกๆ!”


แชนายอน ตะโกนขณะที่เธอวิ่งออกไป


“เดี๋ยวก่อยสิเธอ….”


“ฉันจะไปห้องน้ำ!”


แชนายอน รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว


“เฮ้อออออออออออออ…. “


ภายในห้องน้ำของผู้หญิงที่เงียบสงบแชนนายูนถอนหายใจเบาๆขณะที่เธอมองตัวเองในกระจก


“…ฉันพนันได้เลยว่าเป็น ยียอนฮาน ไอ้เจ้าบ้านั่นอีกแล้ว”


สิ่งที่เกิดขึ้นบนชั้น 13 เป็น 1 ในความทรงจำที่มืดมนที่สุดของเธอ


หลังจากได้ยินว่าคนหนึ่งต้องอดนอนเป็นเวลา 100 ชั่วโมงเธอก็ออกไปฝึกจนเธอเผลอหลับไปโดยไม่ตั้งใจ มันเป็นเวลาไม่นานสำหรับฝันร้ายที่โจมตีเธอ


…แต่เธอเรียกมันความฝันได้ไหมนะ?


อนาคตที่มีความสุขที่เธอไม่เคยใฝ่ฝันได้เปิดเผยต่อหน้าต่อตา


เมื่อเธอตื่นขึ้นมาและกลับสู่ความเป็นจริงที่โหดร้ายเธอร้องไห้เพราะความจริงนั้นโหดร้ายเกินไป แม้หลังจากรู้ว่าด้านใดเป็นความจริง


น้ำตาของเธอก็ไหลไม่หยุดและร่างกายที่สั่นไหวของเธอก็ดูเหมือนจะปฏิเสธความจริง ในท้ายที่สุดคิมซูโฮก็ต้องยอมช่วยเธอโดยการเลิกล้มกลางคัน


“เฮ้อออออออออออ…. “


แชนายอน เปิดก๊อกน้ำและราดหัวของเธอในน้ำเย็น จากนั้นเธอก็บ่นด้วยเสียงน้ำตา


“ทำไมคิมฮาจินถึงอยู่ที่นั่น….”


ในขณะนั้น… –


อ้าาา!


เสียงอ้าปากค้างดังขึ้นจากหนึ่งในห้องน้ำ แชนายอน สะดุ้ง


‘มีคนอื่นที่นี่งั้นเหรอ’


“นั้นใคร!?”


แชนายอน สะบัดน้ำจากเส้นผมของเธอแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำเพื่อเปิดประตู


“อ้าาาาาาาาาาาาาาา!”


ข้างในเป็นผู้หญิงที่เธอรู้จักดี


“งะ-ไง, นายอน…. “


เป็น ยีจินยูน แชนายอน รู้ว่าเธอกำลังมีปัญหาเมื่อเธอเห็นเธอและคิดอย่างจริงจัง เธอคงได้ยินสิ่งที่ฉันพูดไป ฉันควรตีหัวเธอแรงให้ลืมดีไหมนะเผื่อมันจะทำให้เธอสูญเสียความทรงจำของเธอ? …แต่ความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้นก็หายไปในไม่ช้า เธอพบว่าการทำเช่นนั้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้


– เฮ้ นายอน


เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจาก Smart Watch ของยีจินยูน ยีจินยูนกำลังโทรศัพท์หา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของกิลด์


Essence of the Strait ‘ยูยอนฮา’


บทที่ 359 กระบวนการของโชคชะตา (1)


 


[ชั้น 15 เรือถูกทอดทิ้งของ Genkelope]


 


“เฮ้อออออออออออออ เหนื่อยจังแฮะ”


 


จาก NPC ทั้งหมดที่ต้องมีสติกมาเปิด [กัปตันโฮเนอร์ ระดับ 1],


[หัวหน้าช่างเทคนิค – แมตต์] และ [หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ – เดวอน] พวกเขาเป็นคนที่ผมช่วยเหลือและมี NPC ระดับหัวหน้าอีก 4 คน


แต่พลังรอยสักผมหมดซะก่อนนี้สิ


 


“…ขอโทษนะ คุณยังไหวไหม”


 


รอยสัก 2 เส้นสำหรับกัปตัน 1 เส้นสำหรับช่างเทคนิคและเส้นสุดท้ายสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ผมมึนงงไปหมดหลังจากใช้ไปทั้งหมด 4 เส้นใครจะคิดว่าผมจะใช้รอยสักจนหมด ปกติผมจะต้องระวังตัวตลอดไม่ให้มันหมดแม้แต่ในระหว่างการต่อสู้? ผมหันหัวของผมและมองไปที่


พวกเขาขณะที่ผมนอนบนพื้น


 


โฮเนอร์ แมตต์ เดวอน


3 คนนี้เป็น NPC ที่สำคัญที่ฉันสร้างขึ้นด้วยความระมัดระวังแม้ว่าการแต่งจะยุ่งยากและยุ่งเหยิง แต่พวกเขาเป็นทาสที่มีทักษะและมีประโยชน์อย่างมาก (?) ใครจะเคลียร์เควสทั้งหมดบนชั้นที่ 15 ได้ก็ต้องพึ่งพวกเขานี้ละ


 


“คุณผู้เล่น มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของคุณเหรอ?”


 


“ไม่ ฉันไม่เป็นไร ฉันคิดว่าฉันทำงานหนักเกินไปน่ะ พักแปบก็หายแล้ว”


 


“อ้อ เข้าใจแล้ว.”


 


โฮเนอร์ กัปตันทีมที่มีแนวโน้มว่าหลุดจากยุค 30 ถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


“จริงๆแล้วพวกเรามาจาก ‘Genkelope Zone’ บนชั้น 16 … ”


 


จากนั้นคำอธิบายที่ไม่เข้ากันซึ่งเป็นลักษณะของ NPC ก็เริ่มต้นขึ้น


เรื่องราวของพวกเขา : พวกเขาเป็นสมาชิกบนเรือลำเดียวกันทั้งหมดซึ่งแล่นผ่าน [Tower’s Void] เพื่อหลบหนีจากปีศาจที่ยึดครองชั้นที่ 16 ทันใดก็มีเรือเข้าโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นของ


พวกเขา ทำให้พวกเขารวมพลังและกำลังคนทั้งหมดไปยังเขต 3 และเข้าสู่โหมดจำศีลโดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือในอนาคต


 


“หืมมม ดังนั้นพวกคุณคือคนที่อาศัยอยู่ในชั้นที่ 16 งั้นเหรอ”


 


“แต่เดิมพวกเราก็เป็นผู้อยู่อาศัยบนชั้นที่ 15 เพราะพวกเราจอดเรือของเราไว้ใน Tower’s Void ชั้นอื่นๆก็ถูกสร้างขึ้นอย่างดุเดือด..แต่ไม่ว่ายังไง พวกเราก็เป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายของ Genkelope”


 


“… .”


 


ผมพยักหน้า. เขต Genkelope เป็นย่านที่อยู่อาศัยเก่าแก่ที่ถูกปีศาจทำลายไปแล้ว จะสังเกตเห็นว่าปีศาจแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ โฮเนอร์มองมาที่ผมพร้อมดวงตาที่เบิกกว้าง


 


“นอกจากพื้นที่ 3 แล้วผู้คนหลายพันคนยังนอนหลับอยู่ในส่วนลึกของห้องใต้ดินของเรือ น่าจะมีลูกเรือคนอื่นๆซ่อนอยู่ในพื้นที่ 1 และ 2 ด้วยเช่นกัน”


 


“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”


 


ก่อนที่ โฮเนอร์ จะทำอะไร NPC หนุ่มสาวก็วิ่งมาหาผมแล้วโค้งคำนับ 90 องศา


 


– ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!


 


– พวกเราขอร้องละ!


 


ข้างหลังพวกเขามีกลุ่ม NPC ประมาณ 50 คนซึ่งพึ่งออกมาจากการจำศีล ในเวลาเดียวกันการแจ้งเตือนของระบบก็โผล่ขึ้นมา


 


[ภารกิจใหญ่เกิดขึ้น – การกู้คืนและการเรียกพื้นสภาพเรือ]


[ฐานข้อมูล Extra7 ได้รับการลงทะเบียนในพื้นที่ 3]


[ผู้เล่น ‘Extra7’ ได้รับการเสนอชื่อในฐานะเจ้าของพื้นที่ 3]


[ตอนนี้คุณสามารถใช้ TP เพื่อปรับปรุงพื้นที่ 3 .]


[คุณสามารถสละสิทธิ์เหล่านี้ได้ตลอดเวลา]


 


ผมรู้สึกกดดัน แต่พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของตอนจบที่ผมต้องการหลังจากนี้


 


“………นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะทำอยู่เลย”


 


บรรยากาศนั้นมืดมนกว่าบนชั้น 15 ซึ่งเป็นชั้นกลางของหอคอย


บนชั้นที่ 16 17 และ 18 ซึ่งถูกยึดครองโดยปีศาจอย่างสมบูรณ์ไม่มีความฝัน ความหวังหรือมนุษยชาติ ทิวทัศน์โดยสิ้นเชิงเป็นคำเตือนถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์โดย Tower of Wish


 


“อ้อ งั้นนั่นหมายความว่า…!”


 


“รอให้ผมฟื้นฟูพลังงานกลับมาก่อนนะ”


 


ผมทำสิ่งเดียวกับที่ผมสามารถทำได้ในตอนที่นอนพักนั้นคือ : ใช้เงิน


 


[จัดการพื้นที่ 3]


[คุณใช้ 50,000 TP เพื่อฟื้นฟู 12% ของพลังงาน ‘พื้นที่ 3’]


[พลังงานกลับสู่พื้นที่ 3]


 


ผมโชคดีที่มี TP เก็บไว้มากมายจนถึงตอนนี้ ถึงกระนั้นเรือลำนี้ก็ยังเป็นตัวดูดเงิน ผมไม่สามารถฟื้นฟูมันได้อย่างสมบูรณ์แม้ว่าผมจะได้กำไรตลอด 1 ปีจาก Prestige ก็ตาม แต่เรือลำนี้คุ้มค่า…น่าจะอะนะ.


 


บอกตามตรงผมไม่แน่ใจเท่าไรเพราะผมไม่ได้ลงรายละเอียดตอนที่เขียนนิยาย


 


เนื้อเรื่องเดิม คิมซูโฮ คิดว่าการทำลายหอคอยจะทำให้วิญญาณที่ติดอยู่ที่นี่ได้พักผ่อนอย่างสงบสุขและทำให้ผู้ดูแลที่เห็นแก่ตัวต้องจ่ายค่าตอบแทนดังนั้นเขาจึงเริ่มโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งตอนกลางและ


ตอนกลางคือ เอาจริงๆแล้วผมยอมรับว่าครึ่งหลังในเนื้อเรื่องบท Tower ผมเขียนได้แย่มากจริงๆ


 


“ตอนนี้ ผมจะจริงจังแล้วนะ เตรียมตัวให้พร้อม.”


 


ผมพูดและใช้ TP เป็นจำนวนมาก


 


[คุณใช้ 50,000 TP เพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานใน ‘พื้นที่ 3’ – AUTO BOT ถูกเปิดใช้งาน]


[…สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกการฝึกขั้นพื้นฐาน  ป้อมปืน, คลังอาวุธ]


[…ขยายสิ่งอำนวยความสะดวกการป้องกันขั้นพื้นฐาน ระบบป้องกัน]


[…สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน – โรงอาบน้ำ, โรงอาหาร, หอพัก]


[…สร้างสถานที่อยู่รอดขั้นพื้นฐาน – โรงเก็บอาหาร, ฟาร์มเทียม]


 


เมื่อระบบประกาศแจ้งว่า TP ของผมลดลงอย่างรวดเร็วมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นใน [พื้นที่ 3] แสงส่องลงมาจากเพดานที่ว่างเปล่าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็ถูกส่งเข้ามาทั้งหมด


 


“ว้าวววววววว… !”


 


“มหัศจรรย์อะไรแบบนี้…?”


 


โรงอาหาร โรงอาบน้ำ สนามยิงปืน คลังแสง ฯลฯ ทั้งหมดที่ผมทำก็คือใช้จ่ายเงินผ่านระบบ แต่ NPC ยกย่องผมราวกับว่าพวกเขากำลังชื่นชม การกระทำของพระเจ้า


 


[NPC ของพื้นที่ 3 ยอมรับคุณในฐานะผู้ช่วยชีวิต]


 


พื้นที่ 3 ซึ่งมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของเกาะเล็กๆ รับผิดชอบเป็นส่วนแกนกลางของเรือกลาง ดังนั้นขั้นตอนต่อไปคือการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ก่อนและใช้มันเพื่อเพิ่มพื้นที่อื่นๆเช่น [พื้นที่ 1]


[พื้นที่ 2] และ [โรงเก็บ]


 


“พวกคุณทุกคนคงหิวกันแล้ว ก่อนกินในสัปดาห์หน้าให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและการฝึกการต่อสู้ พรุ่งนี้ผู้เชี่ยวชาญทหารที่นั่น….”


 


ผมเหลือบมองไปที่เครื่องจำศีลและลังเล กัปตันอธิบายอย่างรวดเร็ว


 


“นั่นพันเอก อีเรนเนอร์​ เขาเป็นทหารที่มีประสบการณ์ ทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและความสามารถในการควบคุมที่ดีเยี่ยม”


 


“ใช่ๆ. ผมจะปลุกเขาในภายหลัง ต้องเริ่มทีละขั้นตอน….”


 


จากนั้นผมก็พิมพ์ภาพถ่ายผ่านระบบ


 


“นี่เป็นเรื่องในภายหลัง เมื่อเรือลำนี้มีความเสถียรและผู้เล่นอย่างผม


เริ่มเข้ามาถ้าคุณเจอคนที่มีลักษณะแบบนี้ … ”


 


ผมส่งรูปให้ โฮเนอร์ โฮเนอร์มองไปที่ภาพถ่ายอย่างสงสัย


 


“เธองดงามมาก เธอเป็นภรรยาของคุณงั้นเหรอ”


 


“ไม่ ไม่. เธอไม่มีทางเป็นภรรยาของผมได้หรอก”


 


สิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญที่สุดบนชั้น 15 คือคุกตามแบบความคิดของผม ใครก็ตามที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำของ Genkelope จะถูกควบคุมภายใต้ ‘ระบบป้องกัน’ แน่นอนว่าผมไม่สามารถทำให้ใครก็ตามที่ติดคุกกับกัปตัน เฝ้าดูผมได้ แต่อย่างน้อยผมก็สามารถเลือกผู้เล่น


1 คนเพื่อกลั่นแกล้ง


 


“จับกุมเธอไว้ เธอเป็นอาชญากร ชื่อของเธอคือ จินซาฮยอค เธอมั่นใจในตัวเองสูงมาก ดังนั้นเธอจะบอกเอง ถ้าคุณเรียกชื่อเธอ จำไว้เสมอละ”


 


“ครับท่าน.”


 


ผมพอใจกับคำตอบของเขา ผมเลยพูดต่อ


 


“อะแฮ่ม ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้….”


 


พรุ่งนี้ผมมีแผน แม้ว่าบอสจะบอกให้ผมออกไปทำภารกิจ แต่ผมไม่คิดว่าผมจะทำได้


 


“สปาร์ตัน?”


 


สปาร์ตันที่ออกไปเดินเล่นกับซันนูรีบินกลับมาและนั่งบนไหล่ของผม


 


“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็แค่บอกเขา พวกเราเชื่อมโยงถึงกันปละกันได้”


 


*************************************************************************


 


[4 วันต่อมา ชั้ย 8-3 ปราสาทแห่งราชวงค์อราธอส]


 


สวนศักดิ์สิทธิ์ของ อราธอส สามารถเข้าถึงได้เฉพาะบุคคลที่ถูกเลือกในสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ราวกับอัญมณีและหญ้าอ่อนๆ เรเชลกำลังเข้ารับการอบรม


 


“พยายามที่จะยอมรับพลังแห่งธาตุให้มากกว่านี้ เรเชล จงคิดว่ากำลังควบคุม พลังเวทมนต์ทำให้พวกเขามีความสุข เธอไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้เธอต้องร่วมมือกับพวกเขา จำเอาไว้.”


 


“คะ คุณผู้หญิง.”


 


เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็น [อัศวินแห่งเจ้าหญิงอราฮา]


 


– เป็นสถานะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เล่นในตอนนี้


 


– และด้วยความช่วยเหลือของ อราฮา เธอก็ได้พบกับอาจารย์สอนพลังธาตุคนใหม่


 


“ถ้างั้นลองอีกครั้ง”


 


“เอาล่ะ!”


 


อาจารย์คนใหม่ของเธอคือ ‘ยูฮิล’ ผู้ใช้พลังธาตุที่เก่งที่สุดของ Crevon


เธอมีทักษะมากกว่า ‘ซินแยฮวา’ ซึ่งเป็นผู้ใช้พลังธาตุที่เก่งที่สุดของโลกซะอีกและทั้ง 2 สอนไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย


 


…มันสายเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ แต่เรเชลผ่านความยากลำบากมากมายจากอดีตเพราะ อาจารย์ ชินโยะฮวา


 


แน่นอนเมื่อ ซินแยฮวา บอกเธอเมื่อ 4 ปีก่อนว่าเธอจะยอมรับเรเชลในฐานะศิษย์ เรเชลรู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง วันถัดมาเธอก็เห็นค่าเล่าเรียน 1 พันล้านวอนต่อวัน ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าเธอจะกลายเป็นคนที่คู่ควรเลยเข้าชั้นเรียนอย่างขยันขันแข็ง


 


อย่างไรก็ตามชั้นเรียนของ ซินแยฮวา นั้นเต็มไปด้วยเจ็บปวดและยากลำบาก


เธอจะโมโหเมื่อเจอข้อผิดพลาดและเมื่อเธออารมณ์ไม่ดีเธอจะใช้เวลาครึ่งหนึ่งของการเรียนเพื่อลงโทษเธอ ในบางครั้งชินเยโฮวาจะตีเธอด้วยไม้เรียว


 


ด้วยเหตุผลนี้เรเชลจึงรู้สึกผิดหวังเมื่อเจอกับการเรียนแบบนี้ไม่มีวันไหนที่เธอจะ


ไม่เหนื่อยล้าจากการฝึกซ้อมที่โหดร้าย ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นและกลายเป็นผู้ใช้พลังธาตุอย่างเต็มภาคภูมิ


 


อย่างไรก็ตามความอิจฉาริษยาของ ซินแยฮวา ยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าจะจบบทเรียนไปแล้วก็ตาม เธอเป็นคนที่กระจายข่าวลือเกี่ยวกับ เรเชล และ เฟนริล แต่เรเชลก็ไม่ได้ทำอะไรเพราะชินเยโฮวาเป็นอาจารย์ของเธอ


 


“…ทำได้ดีมาก เรเชล”


 


แต่ ยูฮิล นั้นแตกต่างกัน เธอชื่อชมเรเชลอย่างจริงใจและเมื่อเจอข้อผิดพลาดของเรเชล เธอก็บบอกอย่างใจดีไม่มีการห่วงวิชา


 


“เธอมีพรสวรรค์จริงๆ ศิษย์ของฉัน”


 


เรเชลยิ้มอย่างเขินอายจากคำชมของ ยูฮิล เธอเป็นอาจารย์ใจดีที่สอนให้เธอมีความสุขในการเรียนรู้ แน่นอนว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเรเชลเกลียดหรือโทษซินแยฮวาว่า เรเชลยังคิดเสมอว่าอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ของเธอและขอบคุณที่ได้สอนทักษะต่างๆให้กับเธอ


 


“แต่วันนี้พอแค่นี้เถอะ เดี๋ยวเธอจะหมดแรงจนเธอไม่ไหวในวันพรุ่งนี้”


 


“โอเค ขอบคุณมากคะ.”


 


ยูฮิล ตบเบาๆที่ไหล่และเรเชลก็โค้งคำนับอย่างสุภาพ


 


“ฉันหวังว่าจะได้เห็นอัศวินที่ทำให้พลังธาตุและดาบมาบรรจบกันด้วยตาตัวเองนะ”


 


“…ขอบคุณคะ.”


 


“ ถ้าอย่างนั้นฉันจะลา ขอให้โชคดี”


 


“คะ. ขอบคุณมากคะ สำหรับการทำงานอย่างหนัก”


 


ยูฮิล หายตัวไปโดยใช้ธาตุลม การใช้งานของพลังธาตุของเธอได้เปิดหูเปิดตาให้กับเรเชลอย่างแท้จริง


 


“ว้าว….”


 


เรเชลอยากที่จะแข็งแกร่งเช่นเดียวกับอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมของเธอ ยูฮิล


มีข่าวลือว่าแลนแคสเตอร์เพิ่งจัดตั้งกองกำลังขนาดใหญ่ ใครจะรู้ว่าเขาวางแผนอะไรเอาไว้? เรเชลอยากได้พลังที่จะต้านทานการโจมตีของเขาไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม


 


“นั่นอัศวินของฉัน -”


 


ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังดึงความสนใจของเรเชล เป็นเจ้าหญิงอราฮาที่เดินเข้ามาหาเธอ


 


“ท่านสบายดีมั้ยเจ้าหญิง?”


 


“อื้ม. ต้องขอบคุณเธอ ฉันสนุกมากเลยละวันนี้ ฉันต้องไปดูการแข่งขันการต่อสู้เพื่อฝึกซ้อม…ถ้าฉันรู้ว่าฉันจะเจอกับผู้เก่งกล้าอย่างเธอ ฉันจะให้ความสำคัญกับพัดขนหงส์ให้มากกว่านี้”


 


“หืม? พัดขนหงส์งั้นเหรอ”


 


“อ๋อ! มันคือสมบัติวิเศษที่สามารถช่วยให้เธอควบคุณพลังธาตุได้ง่ายขึ้นเพียงแค่มีมันไว้กับเธอ แต่มีหัวขโมยมันขโมยไป…เอ่อ นั่นเรื่องหนึ่งก่อนอื่นตอนนี้เธอคงจะหิวแล้ว”


 


“แน่นอน คะเจ้าหญิง”


———————————-2——————————


บทที่ 360 กระบวนการของโชคชะตา (2)


 


เรเชลเดินไปพร้อมกับเจ้าหญิงแต่ตามหลังไป 2 ก้าว วิธีที่เธอเดินนั้นสุภาพและสง่างามอย่างที่เจ้าหญิงคาดหวังเอาไว้ เจ้าหญิง อราฮา เหลือบมองด้วยความสง่างามและรู้สึกทึ่ง


 


“ว้าว เธอคงเป็นเจ้าหญิงจริงๆสินะ”


 


“… ฮ่าๆ.”


 


“นั้นสินะ ว่าแต่เธอมีแฟนหรือยัง”


 


เรเชลยิ้มให้กับคำถามวัยรุ่นๆแบบนี้


 


“ฉันยังไม่.”


 


“ถ้าอย่างนั้น คนที่เธอชอบละ”


 


“ฉันไม่….”


 


“ฮะ? เธอหยุดก่อนนะ!”


 


“ไม่มี”


 


เรเชล ใจเย็นส่ายหัวทันที เธอยังไม่รู้สสึกเลยว่าจะตกหลุมรักใครบางคนได้ยังไง…เมื่อคิดถึงตรงนั้นเธอก็เปิดช่องข้อความขึ้นมา คนส่วนใหญ่ที่เธอแลกเปลี่ยนข้อความด้วยเป็นสมาชิกของกิลด์ราชวงค์อังกฤษแม้ว่าคนที่เธอส่งข้อความไปล่าสุดจะเป็น ‘Extra7’ ก็ตาม


 


“อา…..ฮาจิน นายอยู่ชั้นไหน ฉันอยู่ที่ชั้น 12 หากนายอยู่ใกล้ๆ


นายอยากไปปีนหอคอยกับฉันไหม ^ ▽ ^ ? 」


 


ยังไม่มีคำตอบจากเขา เป็นเพราะฉันพิมพ์ผิดหรือเปล่า? เขาเองก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องไวยากรณ์นี้น่า เรเชลหน้ามุ่ยและก้าวเข้าไปในปราสาท


 


“อืมมมมม เล่นสนุ๊กกับฉันไหมคืนนี้”


 


“ไม่มีปัญหาแต่เจ้าหญิงอราฮาต้องทำการบ้านเสร็จให้หมดก่อนนะ”


 


“… ฮึ่ม.”


 


ในห้องโถงของพระราชวัง ภาพวาดแห่งกษัตริย์ในอดีตของตระกูลนั้นเรียงรายเต็มกำแพง มีทั้งหมด 4 ราชาและเรเชลมักจะจ้องมองไปที่


1 ใน 4 คนนั้น


 


[อาเธอร์ วอน อราธอส เพนดรากอน]


 


ตัวอักษรที่สลักไว้


 


ชื่อนี้คุ้นเคยกับเรเชลเป็นอย่างมาก วีรบุรุษในตำนานของอังกฤษ


กษัตริย์ อาเธอร์ หลังจากฟื้นคืนชีพที่นี่เขาคงปรากฏตัวใน Crevon และทำแบบเดียวกับสิ่งที่เขาทำบนโลกเมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่


 


“ปู่ของฉันหล่อใช่ไหมละ”


 


อราฮา พูดอย่างไร้เดียงสาซึ่งเรเชลพบว่ามันน่ารักมาก ริมฝีปากของเรเชลโค้งเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ


ในขณะนั้นเองเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากช่องข้อความ เรเชลขอตัวรับโทรศัพท์ทันที


 


“…ค่า. นี่เรเชลคะ”


 


เกือบจะในทันทีน้ำเสียงร้อนใจก็ดังขึ้น


 


“- …หัวหน้า! ไอเท็มของเจงกีสข่านถูกค้นพบในเอเชียกลาง!”


 


“ฮะ? อะ-อะไรนะ ไอเท็ม?”


 


– กว่าพวกเราจะไปถึงมันก็สายเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าการต่อสู้กำลังจะยุติลงแล้ว กิลด์และสมาคมต่างๆคงปิดเรื่องนี้เป็นความลับ….


 


เรเชลฟังเสียงของสมาชิกกิลด์ที่ร้อนใจ เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้


เธอเพิ่งรู้ว่าเหตุใดผู้นำกิลด์คนอื่นๆจึงหลีกเลี่ยงเธอเมื่อไม่นานมานี้และทำไมสมาชิกหลายคนใน Essence of Strait และ Frost Sanctuary ถึงต้องออกไปนอกหอคอย


 


“…ฉันเข้าใจ ฉันขอวางสายก่อนนะ”


 


เรเชลกัดฟันและวางสาย ความโศกเศร้าและความรู้สึกเศร้าสลดค่อยๆปรากฏขึ้นภายในจิตใจของเธอ เธอคิดว่าพวกเขากลายเป็นสหาย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังคงเป็นแค่คนแปลกหน้า


 


…แต่มันก็ช่วยไม่ได้ นี่คือชะตากรรมของกิลด์ที่ไร้อำนาจ เธอไม่สามารถพึ่งพาผู้อื่นเพื่อรับข้อมูลข่าวสารได้ เธอต้องได้มันมาเอง


ดังนั้นจะตำหนิใครไม่ได้ หากมีที่ต้องถูกตำหนิก็ควรเป็นตัวของเธอเองที่เพราะความอ่อนแอของเธอ


 


“เฮ้อออออออออออออออ… .”


 


เธออารมณ์ เสียและพยายามยอมรับมันพร้อมหายใจเข้าลึกๆ


 


*************************************************************************


 


[เอเชียกลาง]


 


“ทุกคน โหมดสแตนด์บาย”


 


เสียงต่ำเยือกแข็งของรองหัวหน้า Essence of Strait, ยีจินอา, ดังก้องทั่วอุโมงค์ใต้ดินที่เย็นเฉียบและแห้งแล้ง


 


“พวกเราจะเข้าไปภายใน 10 นาที”


 


ทีม Essence of Strait วางแผนที่จะเข้าสู่พื้นที่ขุดผ่านอุโมงค์ใต้ดิน ที่ที่พวกเขารับผิดชอบอยู่เป็นชั้นใต้ดินชั้นที่ 5 ไซต์นี้เต็มไปด้วยไอเท็มและพวกเขาได้วางแผนกับ ยูยอนฮา


 


“ทุกคนตรวจสอบอาวุธให้พร้อม”


 


คำพูดของยี่จินอาบอกให้สมาชิกยืนยันสถานะอาวุธของพวกเขา


 


“ยีจินยูนตรวจสอบดูว่าบัฟของเธอทำงานไหม”


 


“คะ! สมาชิกกิลด์ทุกคนได้รับการเพิ่มความสามารถทางกายภาพและเพิ่มพลังเวทมนต์ พร้อมเพิ่มคุณสมบัติให้กับ โยเฮย์ และ เซินยวี่อัน ซึ่งพรสวรรค์เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของพวกเขา


 


“ดี ยีจินยูน และฮีลเลอร์อยู่ในสถานะเตรียมพร้อมที่จุดกึ่งกลางของอุโมงค์นี้”


 


“รับทราย”


 


ยีจินยูนและอีกคนสนับสนุนด้วยคำตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนเริ่มต้นภารกิจ ‘ทุ่งหญ้าแห่งเจงกีสข่าน’ รองหัวหน้ายีจินอาเริ่มเช็คส่วนสุดท้าย


 


“ทีมจะถูกแบ่งตามที่กล่าวไว้ล่วงหน้า หัวหน้าทีมคือฉัน คิมยองจินและยียุนโฮ ตอบ.”


 


“ทีม คิมยองจินพร้อมสมาชิกในทีมอีก 11 คน”


 


“ทีม ยียุนโฮพร้อมสมาชิกในทีมอีก 12 คน”


 


“ยืนยันเรียบร้อย ทีนี้ผู้ที่อยู่ในลำดับถัดจากผู้นำทีม”


 


“ เซินหยวน, รองหัวหน้าของทีม ยีจินอา”


 


“ แชนายอน รองหัวหน้าของทีม คิมยองจิน”


 


“ โยเฮย์ รองหัวหน้าของทีม ยียุนโฮ”


 


“เอาละ ใช้ [จดหมายทวีคูณ] ในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น ตอนนี้เริ่มต้นภารกิจ!”


 


ทั้งหมดมีสมาชิก 35 คนของทีม Essence of Strait ออกเป็น 3 เส้นทาง


 


ปังปังปัง…


 


ทีมของคิมยองจินดูแลอุโมงค์ด้านตะวันออกยาวประมาณ 1 กม.


เป็นคนแรกที่เข้าไปในพื้นที่ขุด ทีมลงไปในอุโมงค์ศึกษาพื้นที่อย่างระมัดระวัง ไม่มีวี่แววของศัตรู ตอนนี้พวกเขาปลอดภัยแล้ว


 


[ตะวันออกยืนยันแล้ว]


 


คิมยองจินส่งข้อความผ่าน [จดหมายทวีคูณ] ไอเท็มแสนสะดวกเขาเจอในหอคอย


 


[ตะวันตกยืนยันแล้ว]


 


[เหนือยืนยันแล้ว]


 


ข้อความที่ตามมาก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน


 


“… .”


 


คิมยองจินพยักหน้าให้สมาชิกในทีมของเขาและเดินเข้าหาช่องว่างทางทิศตะวันออกอย่างเงียบๆไปยังจุดขุดค้นวัตถุ แม้ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่า


พวกเขาจะไม่ถูกสังเกตเห็น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แปลกใจที่จู่ๆก็มีแสงส่องมายังพวกเขา


 


ปึ้ง-!


 


ภายใต้แสงเจิดจ้าเผยให้เห็นสภาพแวดล้อมของพวกเขา พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูไร้ร่องรอย ไม่มีสิ่งใดคาดคิดได้ว่าพวกเขาจะเจออะไรบ้างจากสถานที่แบบนี้


 


– ฉันรู้ว่านายมาแล้ว


 


เสียงแหบแห้งและเสียงดังกึง ดูถูกพวกเขา ทีม Essence of Strait มองไปในทิศทางนั้น แต่เจ้าของเสียงยังคงซ่อนตัวอยู่ในความมืด


 


“เตรียมพร้อมต่อสู้”


 


ตามคำสั่งของคิมยองจินพวกเขาทุกคนหยิบอาวุธออกมา


 


– พวกแกเรียกความชั่วร้ายว่าปีศาจ แต่พวกแกมันก็ไม่แตกต่างอะไรกับพวกเรา


 


ปัง ปัง ปัง


 


รอยเท้าดังก้อง


 


แชนายอน หลอมรวม [ดาบเคลย์มอร์] กับพลังเวทมนต์ คิมยองจินเข้าใจว่าดาบนั้นครั้งหนึ่งเคยถือครองโดยนักรบเกาหลีโบราณ ไม่นานปีศาจหลายสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากความมืด


 


“ครั้งนี้ พวกแกมาที่นี่เพื่อขโมยของของพวกเราใช่ไหม”


 


ผู้ชายที่คิดว่าจะเป็นผู้นำของพวกมันก้าวออกมาข้างหน้า ผมของเขาเหยียดออกไปด้านนอกเหมือนแผงหน้าอกและคางของเขาถูกปกคลุมไปด้วยขน เขาสูงเกิน 2m การปรากฏตัวของเขาทำให้พวกเขานึกถึงสิงโต


 


“พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อขโมย พวกเรามาที่นี่เพื่อกำจัดความชั่วร้ายของมนุษยชาติ”


 


“พวกแกมันช่างเต็มไปด้วยความซับซ้อนในตัวเอง ฮ่าฮ่ฮ่าฮ่า….”


 


เมื่อได้ยินพูดของคิมยองจิน ชายผู้นั้นก็หัวเราะออกมาจากนั้นเขาก็พยายามที่จะก้าวมาเรื่อยๆ แต่เขาก็หยุดลงเมื่อเขาหันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ถัดจากคิมยองจิน รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของเขาพร้อมดวงตาเบิกกว้างและเขาจ้องมองผู้หญิงคนนั้น


 


– แชนนายูน ขมวดคิ้วอย่างสงสัย


 


“แม้แต่ในสถานการณ์แบบนี้ แกก็สนใจแต่ผู้หญิงงั้นเหรอ? หน้าโง่.”


 


คิมยองจิน พูดจาดูถูกชายคนนั้น


 


“ฮ่าฮ๋าฮ๋าฮ่าฮ๋าฮ๋าฮ๋า-!”


 


ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็ส่งเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะดังก้องทั่วทั้งอุโมงค์ สมาชิกกิลด์ 2 คนขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้นมอง เขาชี้นิ้วใหญ่ๆของเขาไปที่ แชนายอน


 


“เจ้า-! เป็นเจ้านั้นเอง-!”


 


“ …นี้จะพูดอะไรกันแน่”


 


“…หืม?”


 


เขาหยุดครู่หนึ่งเมื่อได้เห็นการตอบสนองอันน่าเบื่อของ แชนายอน แต่ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจว่าหมายถึงอะไร


 


“อ้า…เจ้าคงไม่รู้จักข้า ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเดาว่าข้าจะต้องแนะนำตัวเอง


ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะมีความสุขที่จะหาที่….”


 


และชายคนนั้นก็สารภาพออกมาอย่างเฉยเมยราวกับว่าเขากำลังพูดถึงสภาพอากาศในปัจจุบัน


 


“ข้าเป็นคนหนึ่งในคนที่ฆ่าแม่ของเจ้า”


 


*************************************************************************


 


ขณะเดียวกันเบลล์ก็สำรวจพื้นที่รอบๆ สถานที่ขุดสมบัติของเจงกีสข่านในท้องฟ้าที่มืดมิด เขาเปลี่ยนร่างกายทั้งหมดของเขาให้เป็นพลังเวทและว่ายผ่านเมฆหมอก


 


ดวงตาเวทมนต์ของเขาสามารถมองผ่านสิ่งต่างๆได้ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสถานการณ์ทั่วรอบแล้ว Essence of the Strait, Frost Sanctuary, และ Desolate Moon เพิ่งเข้ามาในไซต์หลังจากคนอื่นๆ กิลด์ ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะเข้าร่วมพร้อมสมาชิกเพียง 8 คนและ


พวกเขาก็มุ่งหน้าสู่ระดับชั้นใต้ดินแห่งแรกในไซต์ใกล้ที่สุดและอันตรายที่สุด


 


“พวกเขาจะอยู่ที่ไหน….”


 


เบลล์ค้นหาต่อไป แต่ก็ยอมแพ้อย่างรวดเร็วในเวลา 7 นาทีต่อมาเมื่อเขาไม่พบร่องรอยของพวกเขา เขารู้ว่ามันหมายความว่าพวกเขาแทรกซึมเข้าไปในไซต์โดยใช้พรสวรรค์ของเจนอย่างน้อยก็ 2-3 วันก่อนหน้านี้


 


“ไม่เป็นไร ซาฮยอค พวกเราไม่ได้เจอพบพวกเขาหรอก ไปกันเถอะ”


 


– …


 


แต่ดูเหมือนว่าคู่หูของเขาจะไม่คิดอย่างนั้น


 


“จินซาฮยอค?”


 


– หุบปาก. ฉันคิดว่าฉันเจอเขาแล้ว


 


“…ฮะ? เจอใคร?”


 


เบลล์ถาม แต่จินซาฮยอคไม่ตอบ เบลล์ค้นหาพื้นที่ที่มองเห็นได้อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ แต่ก็ชัดเจนว่าไม่มีใครอยู่รอบๆแต่ประมาณ 3 นาทีต่อมา


คำตอบของจินซาฮยอค มาสายไปเล็กน้อย


 


– เจอกันอีกแล้วนะ คุณหมาป่าเจ้าเล่ห์


 


ความตื่นเต้นหลั่งไหลออกมาจากน้ำเสียงของเธอ เบลล์ถามกลับอย่างประหลาดใจ


 


“เธอจะลงมือจริงๆเหรอ?”


 


– ฮะ…เฮ้ เบลล์ พวกเราอยู่นอกหอคอยใช่มั้ย? พวกเราอยู่บนโลกใช่ไหม?


 


“เราอยู่ แต่นายเป็นยังไง…ไม่สิ ฉันจะไม่ถาม กลับกัน ทิ้งเขาไว้คนเดียวจนกว่าเขาจะขยับ”


 


-ฉันรู้ ฉันรู้


 


เสียงของเธอสั่นคลอนราวกับว่าเธอกัดฟันอยู่


‘ตอนนี้เธอตื่นเต้นแค่ไหนกัน? และคิมฮาจินจะตื่นเต้นกับเธอไปได้ไกลแค่ไหน?’ เบลล์ยิ้ม


 


– ฉันคิดไม่ออกเลยว่าไอ้พวกนี้วางแผนจะทำอะไรกันตอนนี้…


 


เสียงที่เกิดจากความไม่พอใจและความตื่นเต้นสำหรับการแก้แค้นดังก้องขึ้นในหูของเบลล์


 


– แต่ฉันจะฆ่าเขาในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด


บทที่ 361 กระบวนการของโชคชะตา (3)


 


“เฮ้ออออออออ….”


 


ตอนนี้ผมนอนราบอยู่บนพื้นหญ้าในแถบเอเชียกลาง ผมออกจาก Tower of Wish ในวันก่อนที่จะแย่งชิงไอเท็มหรือสิ่งประดิษฐ์ของ


เจงกิสข่าน จริงๆแล้วผมไม่ได้วางแผนที่จะเข้าร่วมในการแย่งชิง


ผมแค่คิดว่าจะเข้าไปช่วยเหลือหากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น


 


แน่นอนว่าผมเป็นนักแม่นปืนและสถานที่ขุดค้าหาอยู่ใต้ดิน แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรมากนักเพราะผมวางแผนที่จะเพิ่มคุณสมบัติ ‘เจาะทะลุสิ่งกีดขวาง’ ลงในกระสุนของผม ตอนแรกปืนไรเฟิลของผมเป็นปืนไรเฟิล


‘ต่อต้านวัสดุ’ มันไม่ได้สร้างมาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นวัตถุเช่นเฮลิคอปเตอร์และรถถัง ดังนั้นปืนไรเฟิลและกระสุนปืนมีคุณสมบัติ ‘เจาะทะลุ’ ในตัวมันเองอยู่แล้วที่ผมต้องทำก็แค่เสริมความแข็งแกร่งโดยใช้พลังเวทมนต์ของรอยสัก


 


ผมยังมีวิธีอื่นอีกไม่น้อย


 


ตอนนี้มันเป็นเวลา 5 โมงเย็น


 


ผมเลือก [คันศรแห่งบุบพา] หลังจากพระอาทิตย์ตกท้องฟ้าก็มืดมิดลงหากการต่อสู้เริ่มต้นผมจะสามารถเปิดใช้งาน [ดวงตาแห่งฮอรัส] ได้เป็นเวลา 5 วินาที [ดวงตาแห่งฮอรัส] พลังของมัน คือ ‘ขยับไม่ได้’


ความสามารถนี้ข้ามกฎฟิสิกส์ของโลก ตราบใดที่เป้าหมายของผมยังอยู่ในระยะโจมตีผมสามารถโจมตีพวกเขาได้ทันทีไม่ว่าสิ่งกีดขวางระหว่างผมกับพวกเขาจะเป็นอะไรก็ตาม


 


แต่ไม่ว่ายังไงผมก็กำลังสำรวจไซต์ขุดเจาะจากที่ไกลๆเนื่องจากเอเชียกลางค่อนข้างราบดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะหาที่หลบซ่อน หากใครมองมาที่ผมจากท้องฟ้า ผมก็ไม่สามารถซ่อนตัวได้เลย


 


“อืมมมมมมมมมมม….”


 


ดวงตาพันไมล์ เริ่มจับการเคลื่อนไหวของฮีโร่ต่างๆ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเริ่มปฏิบัติการของพวกเขาแล้ว


 


– ใจเย็นแล้วตามฉันมา


 


หยุนซึงอากำลังทำหน้าที่เป็นผู้นำภาคสนามครั้งแรกในรอบ 1 เดือน อย่างเคร่งขรึม กิลด์ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในชั้น 1 ของไซต์ขุดเจาะน่าเสียดายที่ชั้น 1 อยู่ใกล้กับพื้นดินมากที่สุด ดีที่สุดก็แต่ไอเท็มระดับกลางเท่านั้น แน่นอนว่าผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์มีความสุขแม้ว่าจะได้แต่


สิ่งเหล่านี้ ผมรู้ด้วยว่าสวรรค์มองเห็นความพยายามของพวกเขาและมอบของขวัญพิเศษให้กับพวกเขาอีกด้วย


 


ภายใต้พวกเขาคือชั้น 2 ซึ่งขณะนี้กำลังถูกสำรวจโดยกิลด์อเมริกัน


‘General’ และ ‘Lost Child’ กิลด์ทั้ง 2 นี้ปะทะกันเพราะแย่งกันเป็น


กิลด์อันดับ 1 ของอเมริกาทำให้ไม่น่าสนใจเท่าไร


 


กิลด์ Frost Sanctuary รับผิดชอบในชั้น 3 พวกเขาเป็นคนที่จ้างกลุ่มทหารรับจ้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ‘Jeronimo’ ใช่แล้ว


Chameleon Troupe เองก็อยู่ในกลุ่มเดียวกัน


 


ชั้นที่ 4 จัดขึ้นโดย Desolate Moon ชินจงฮัก มาถึงช้าและเขาก็มาแย่งตำแหน่งผู้นำไป แต่เขาก็แปลกใจเมื่อได้ฟังเรื่องที่ผู้นำที่ได้รับมอบหมายมาจากกิลด์


 


ถัดไปคือ Essence of the ซึ่งอยู่ชั้น 5 ของ …


 


“หืมม.”


 


เสียงพึมพำจากจิตใต้สำนึกออกมาจากปากของผม ตอนนี้ทีมของ


แชนายอน ได้พบกับ ปีศาจ ‘กันยูเดน’ ชายร่างใหญ่ที่มีกล้ามเนื้อคนนี้เป็นสมาชิกของผู้รับใช้แห่งซาตาน และเขายังเป็นคนหนึ่งในคนที่ฆ่าแม่ของแชนายอน อีกด้วย กันยูเดน จ้องมองที่ แชนายอน แล้วตะโกนออกมา


 


– ฉันเป็นคนฆ่าแม่ของเธอยังไงละ!!!


 


*************************************************************************


 


– ฉันเป็นคนฆ่าแม่ของเธอยังไงละ!!!


 


คำเหล่านี้ฝังลึกลงไปในจิตใจของ แชนายอน แม้แชนายอนจะยังยืนนิ่งแต่ไม่ใช่เพราะเธอใจเย็นแต่เพียงเพราะว่าเธอต้องการเวลาที่จะเข้าใจสิ่งที่เธอเพิ่งได้ยิน อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายเลย แดฮยอน ใช้ทุกวิธีเพื่อตามหาฆาตกร แต่พวกเขาก็ได้แต่ตอบกลับมาสั้นๆ ว่าไม่เจอตัว


แชนายอน ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับความจริงที่ว่าเธอจะไม่มีวันล้างแค้นให้กับแม่ของเธอและฝังความคิดนี้ลงไปในจิตใจของเธอ


อย่างไรก็ตามความโศกเศร้าและความแค้นของเธอถูกดึงขึ้นมาโดยชายที่อยู่ตรงหน้าเธอ….


 


“ใจเย็นๆ, แชนายอน”


 


คิมยองจิน พยายามทำให้ แชนายอน ใจเย็นลง


 


“นักฆ่าที่แทรกซึมเข้าไปใน แดฮยอน อย่างลับๆและเชี่ยวชาญมากจนไม่มีใครสามารถค้นหาได้แม้แต่เบาะแสเดียว ไม่มีที่อยู่ของฆาตกรเหมือนกับตัวตน ไม่มีทางที่คนโง่ๆคนนี้จะเป็นฆาตกรไปได้”


 


แม้จะมีคำพูดที่ชวนให้หลงไหลของคิมยองจินแต่ใบหน้าของแชนายอนก็บิดเบี้ยวไปเรื่อยๆดวงตาแดงก่ำของเธอจ้องมองไปที่ชายผู้ยอมรับว่าเป็นคนฆ่าแม่ของเธอ


 


“ฮะ? ไม่มีใครเจอแม้แต่เงื่อนงำเดียว? ฉันบอกทุกคนไปแล้วเกี่ยวกับการกระทำที่กล้าหาญของฉัน! เพียงแต่ไม่มีใครเชื่อเลย….อย่าบอกฉันนะว่า พวกแกคิดว่าอำนาจของพวกมนุษยจะยิ่งใหญ่มาถึงแดนปีศาจได้น่ะ”


 


ชายคนนั้นพูดออกมา ขณะที่เขาหยิบดาบเล่มใหญ่ออกมา มันเป็นดาบที่เหมือนก้อนหินที่ถูกฝนจนแหลมคม ‘ป่าเถื่อน’ เป็นคำเดียวที่สามารถอธิบายได้


 


เฮ้ออออออออออออออออ…


 


เสียงถอนหายใจด้วยความโกรธและความขุ่นเคืองดังออกมา


แชนายอน ชี้นิ้วของเธอไปที่ ปีศาจ และถามออกมา


 


“…แกทำจริงๆเหรอ?”


 


ชายคนนั้นยิ้มถึงรูหู


 


“แน่นอน ทำไมจะไม่ใช้”


 


“ฉันเข้าใจแล้ว…แต่มันก็ยังไม่น่าเชื่อเกินไป…”


 


มุมปากของ แชนายอน ขดตัว น้ำตาไหลออกมาจากแก้มของเธอขณะที่เธอเยาะเย้ยอย่างเต็มที่


 


“แกไม่มีหลักฐาน ฉันเจอผู้ชายมากมายแบบแก แกเป็นปีศาจที่จะทำทุกอย่างและคิดว่าความปรารถนาในความตายเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ”


 


แชนายอน จ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ จากนั้นชายคนนั้นก็ถูคางและคิด


 


“อย่าพยายามยั่วยุฉันและอย่าคิดว่าฉันจะ-”


 


“หลักฐานเหรอ? อืม…มีหลักฐานสิ…อ้าๆ ศพนั้นไม่ใช้ว่านิ้วหัวแม่มือขาดหายไปหรอกเหรอ?”


 


“… !”


 


ทันใดนั้นดวงตาของแชนายอนก็สั่นไหว เธอส่งเสียงครวญครางภายใต้ปากที่ปิดสนิทของเธอ พลังเวทมนต์อันดุร้ายเริ่มหมุนวนรอบตัวเธอ


คิมยองจินและสมาชิกคนอื่นๆของ Essence of the Strait เองก็เริ่มเร่งพลังคลุมอาวุธของพวกเขาเช่นกัน แชนายอน เป็นเพื่อนของพวกเขา แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้พวกเขาโกรธไปด้วย


 


“ลูกค้าของฉันบอกให้ ฉันตัดนิ้วของเธอเพื่อพิสูจน์ว่าฉันฆ่าเธอจริงๆและนั่นคือสิ่งที่ฉันทำ”


 


“กะ-แก ไอ้สารเลว!”


 


นั่นคือคำพูดสุดท้ายของแชนายอน เธอพุ่งไปข้างหน้าราวกับกระสุนพลังเวทมนต์นั้นฝังอยู่ดาบและร่างกายของเธอเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล


 


“แกฉันจะฆ่าแก ฉันจะหั่นแกเป็นชิ้นๆ-!”


 


ดาบหินขนาดใหญ่ชนกับดาบของแชนายอน


 


เปรี้ยงงงงงง-!


 


เสียงระเบิดดังสนั่นออกมาและแสงแห่งพลังเวทมนต์ก็ระเบิดจนทำให้โลกกลายเป็นขาว


 


*************************************************************************


 


วิ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


หยุนซึงอา หยุดพักชั่วคราวและรู้สึกได้ยินเสียงแววๆจากใต้พื้นดินข้างล่างตัวเธอ จากนั้นเธอก็ตรวจสอบสถานะที่อยู่ใกล้เคียงหยุนซึงอาหันไปหาสมาชิกระดับสูงของกิลด์ทั้ง 7 และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


 


“จำนวนศัตรูลดลงแล้ว พวกเราเร่งฝีเท้าหน่อย”


 


พวกเขาย้ายไปอย่างลับๆ แต่ก็เข้าสู่ [พื้นที่ A] ของชั้น 1 ภายในไม่นาน


แหล่งขุดค้นวัตถุมักถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่และเนื่องจากชั้น 1 มีเพียงโบราณวัตถุปานกลางจึงมีหลายพื้นที่เช่น อุโมงค์มด ผลจากการตรวจสอบพบว่ามีทั้งหมด 6 ทิศ


 


“มีโอกาสสูงมากที่ Chameleon Troupe อยู่ที่นี่ดังนั้นระวังตัวเอาไว้ตลอดเวลา”


 


หยุนซึงอา เตือนก่อนเข้าสู่พื้นที่ A แม้ว่าจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของ Chameleon Troupe ในการช่วงชิงครั้งนี้ หยุนซึงอามั่นใจ แน่ใจว่าเจนอยู่ที่นี่


 


คิมซูโฮถาม “Chameleon Troupe เธอหมายถึง…”


 


“ใช่แล้ว พวกเขาเป็นองค์กรที่ดอกบัวดำอยู่ นายก็รู้นี่?”


 


“นั้นสิ” คิมซูโฮ พยักหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้จาก จินซาฮยอค เมื่อพวกเขาพบกันโดยบังเอิญในดันเจี้ยนของ Crevon จินซาฮยอค บอกเขาว่าเธอถูกไล่ล่าโดยองค์กรหนึ่งจากนั้นเธอก็หนีไป คิมซูโฮจำได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันเองหลังจากเจอหน้ากัน


 


“ไม่น่าแปลกใจเลย ชื่อเสียงของพวกเขากระจายไปอย่างช้าๆ ทุกวันนี้”


 


“… .”


 


ทำไม จินซาฮยอค จึงไล่ดอกบัวดำ? ในขณะที่คิมซูโฮคิดหาคำตอบอย่างจริงจัง แต่ ยียอนฮาก็หันถามอย่างรีบเร่ง “ดอกบัวดำอยู่ที่นี่งั้นเขาก็เป็นปีศาจงั้นเหรอ?”


 


“ไม่ Chameleon Troupe ไม่ใช่องค์กรปีศาจ สมาชิกของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นมนุษย์ทุกคน”


 


‘แม้ว่าพวกเขาจะเป็นตัวปัญหามากกว่านั้นก็ตาม’ หยุนซึงอา แจ้งราย ละเอียดของ Chameleon Troupe และกล่าวต่อ “ไม่ว่ายังไง


ดอกบัวดำก็เป็นนักธนู เขาจะไม่พยายามเข้าไปในพื้นที่ที่มีจำกัด เพราะ งั้นเขาเลยไม่ได้เป็นคนที่พวกเราต้องกังวลในตอนนี้”


 


หยุนซึงอา หยุดพูดและจับลูกบิดประตูของพื้นที่ A มันเป็นประตูธรรมดาๆ แต่ก่อนที่เธอจะเปิดมัน หยุนซึงอา มองที่ คิมซูโฮ


 


“อย่าประมาณพวกปีศาจละ” เธอพูดอย่างนั้นกับคิมซูโฮพร้อมใบหน้าที่จริงจัง


 


“…เข้าใจแล้ว” คิมซูโฮ ลังเลแต่ก็พยักหน้า เขายังคงมีความทรงจำเกี่ยวกับโลกบ้านเกิดของเขาซึ่งเป็นอาณาจักรปีศาจ ปีศาจที่ขายวิญญาณเพื่อความปลอดภัยไม่แตกต่างจากปีศาจ การดำรงอยู่ที่ไม่มีวิญญาณไม่ใช่มนุษย์….


 


“ฉันเข้าใจแล้ว.”


 


“ถา้งั้นพวกเราก็เข้าไปกันเถอะ”


 


หยุนซึงอา เปิดประตู สมาชิกทั้ง 8 ของ ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์ บุกเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครมีความเมตตาต่อ ปีศาจ พวกมันพยายามปกป้อง Area A ด้วยชีวิจและไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องเพื่อขอความช่วยเหลือ


 


ในขณะเดียวกัน…


 


วูบบบบบบบบบบบบบบบ—


 


พื้นดินยังคงดังก้อง ในฐานะสมาชิกระดับสูงของกิลด์อันดับ 1 แห่งเกาหลีอดีตฮีโร่ทั้ง 8 คนสามารถรู้สึกและได้ยินเสียงสั่นสะเทือนของโลก


 


*************************************************************************


 


การต่อสู้ที่เกิดขึ้นบนชั้น 5 พวกเขาเริ่มต้นก็เสียเปรียบทันที มันเป็นการ 10 vs 30 ที่เริ่มด้วยความแตกต่างและคราวและแล้วมันไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงปีศาจที่สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงปีศาจธรรมดา ๆ อย่างไรก็ตาม Essence of the Strait ใช้


‘ทักษะ’ ที่พวกเขาได้รับจาก Tower จนสุดความสามารถและเริ่มได้เปรียบเมื่อเวลาผ่านไป


ต้องขอบคุณ แชนายอน ที่ลุยนำหน้าพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวเองอย่างดุดัน


 


“…เธอแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก”


 


กันยูเดน เหวี่ยงดาบหินลงไปในขณะที่เขาบ่นด้วยความประหลาดใจ


 


เปรี้ยงงงงงงงงงงงงง-!


 


แชนายอน ปกป้องการโจมตีและเยาะเย้ยอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย


 


“นายแน่ใจหรอไม่ใช่ว่านายอ่อนแองั้นเหรอ?”


 


“อืม.”


 


กันยูเดน ดึงดาบของเขาขึ้นมาทันทีและทำลายการเสริมพลังลมปราณของ แชนายอน แชนายอน รีบกระโดดถอยกลับมาและเสริมพลังลมปราณของเธออีกครั้ง


 


กันยูเดน ยิ้มเยาะ


 


“ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ”


 


“ฮึ่ม.”


 


การเสริมพลังของ แชนายอน ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและเธอก็ยิ้มเยาะ


 


‘หากแกมีลูกไม้อะไรก็เอาออกมา แกควรใช้มันเพื่อตัดคอของฉันก่อนที่จะไม่มีโอกาศ’


 


แชนายอน ยืดดาบออก ระยะห่างระหว่างพวกเขาประมาณ 10 เมตรระยะทางที่ดาบไม่มีทางถึงตรงนั้นได้เลน แต่ว่า…


 


ฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา… ..


 


พลังเวทมนต์เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แชนายอน สร้างคมดาบขนาดใหญ่


 


“นั่นมันอะไร?”


 


!“……………..”


 


แชนายอน ไม่ตอบและโจมตีออกไป ดาบแห่งพลังเวทมนต์ดูดกลืนแม้กระทั่งพลังเวทมนต์ที่เล็กที่สุดในบริเวณโดยรอบขณะที่มันเหวี่ยงลงมา


แต่ กันยูเดน กันเอาไว้ได้ไม่ยาก


 


เพล๊ง-!


 


“นี่มันอะไรกัน…?”


 


อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่ดาบหินของเขาสัมผัสกับพลังเวทมนต์ของ


แชนายอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดาบหินแตกสลาย น้ำหนักของ


พลังเวทมนต์อันบริสุทธิ์นั้นไม่ได้เบาๆ ตอนนี้ใบหน้าของ กันยูเดน


สั่นไหวอย่างไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม แชนายอน เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น


เฉือนแนวนอน, แนวตั้ง, แนวทะแยง,หมุนตัว…คมดาบยาว 10 เมตรของ แชนายอน ครอบงำพื้นที่ทั้งหมด กันยูเดน มุ่งเน้นความสนใจไปที่การป้องกันการโจมตีของ แชนายอน อย่างเมามัน แต่เนื่องจากดาบหินพังลงจากการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าในแต่ละครั้งการต่อสู้ครั้งนี้จึงใกล้จะสิ้นสุด


 


แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง กันยูเดน ยังดูไร้กังวล เขายิ้มกว้างเมื่อเขารับการโจมตีของ แชนายอน เขาจำสิ่งที่ แชนายอน พูดไว้ก่อนหน้านี้ได้


‘หากแกมีลูกไม้อะไรก็เอาออกมา แกควรใช้มันเพื่อตัดคอของฉันก่อนที่จะไม่มีโอกาศ’


 


จริงๆแล้วนั่นคือสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้แล้ว


———————————–2————————————-


บทที่ 362 กระบวนการของโชคชะตา (4)


 


“……………”


 


ช่องว่างปรากฏในการป้องกันของ แชนายอน ในขณะที่เธอพยายามแกว่งดาบใหญ่อีกครั้ง กันยูเดน เหลือบไปด้านข้าง หลังจากนั้นไม่นานก็มีบางอย่างปรากฏบนไหล่ของ แชนายอน


 


“…อะไรกัน!?”


 


เธอพยายามสลัดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว แต่มันก็สายเกินไป ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เธออ่อนแรงลง


 


“แก…..แกทำอะไร….”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า.”


 


มีร่างหล่นลงบนหลังของ แชนายอน กระโดดขึ้นมาแล้วกลับไปที่ฝั่งของ กันยูเดน แชนายอน ระเบิดพลังเวทมนต์ออกมารอบตัวเพื่อป้องกัน


ตัวเอง


 


“…แกไอ้ลูกหมาสารเลว”


 


“เอ่อ ฉันจะบอกความจริงกับเธอก็ได้ เขาคือ คนที่ฆ่าแม่ของเธอ”


 


กันยูเดน ยิ้มอย่างสดใสและชี้ไปที่ข้างๆเขา ชายร่างเตี้ยน่าเกลียด


คนหนึ่งกำลังทำใบหน้าเหยียดหยามออกมา


 


“เขาเป็นน้องชายของฉันเอง ยูโดเรน”


 


“กะ-กะ ไอ้พวกสวะ”


 


แชนายอน กัดฟันของเธอแน่น พี่ชาย? ไอ้เจ้านั่น….เธอพยายามห้ามเลือดด้วยพลังเวทมนต์ของเธอ แต่พรสวรรค์ของมันเหมือนจะทำอะไรลงไปบางอย่างเพราะเลือดของเธอไม่หยุดไหล เลือดไหลออกมาจากร่างกายของเธออย่างรวดเร็วและสายตาของเธอเริ่มเบลอ


 


“แชนายอน!”


 


คิมยองจินตะโกน อย่างไรก็ตามปีศาจคนอื่นๆก็หยุดเขาเอาไว้ เธอไม่สามารถคาดหวังความช่วยเหลือได้เลย เธออ้าปากค้างเพื่อหายใจ บางทีมันอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอมี


 


“โทรหาฉันถ้าเธอตกอยู่ในอันตราย”


 


เธอจำคำพูดของชายคนนั้นได้…


 


แชนายอน พยายามเอาบางอย่างออกจากกระเป๋าของเธอ แต่ยังไงก็ตามชายร่างเล็กหยุดเธอเอาไว้ ยูโดเรน ปามีดออกมาแทงมือของเธอ


เสียงเนื้อถูกตัดออกจากกัน แต่ แชนายอน ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย


มันเป็นสัญญาณอันตราย


 


“… .”


 


แชนายอน จ้องมองที่ปีศาจทั้ง 2 ตัวพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ ไม่ใช่ตอนนี้ศัตรูที่ฆ่าแม่อยู่ตรงหน้าฉัน…ฉันไม่สามารถยอมแพ้ได้ตอนนี้


ฉันไม่…. แชนายอน ปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอเพื่อสร้างโอกาศ การโจมตีครั้งสุดท้าย


 


แต่สวรรค์ก็ทอดทิ้งเธอ…..


 


เพี๊ยววววววววววว-!


 


ทันใดนั้นลูกศรก็พุ่งทะลุผนังของไซต์ขุดเจาะ มันแทงหัวใจของ


แชนายอน อย่างไร้ความปราณี แชนายอน ได้แต่มองดูอย่างว่างเปล่าเมื่อลูกศรเวทมนต์แทงอยู่ในร่างกายของเธอ เธอรู้ตัวโดยสัญชาตญาณว่ามันเป็นการโจมตีที่ร้ายแรง


 


…น้ำตาไหลรินบนใบหน้าของเธอ แสงเปล่งประกายในดวงตาของเธอความทรงจำที่เกี่ยวกับช่วงเวลาแห่งความสุขและความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในจิตใจของเธอ น่าประหลาดในที่มีใบหน้าของคิมฮาจินอยู่ในความทรงจำทั้ง 2


 


“อ่า….” เธอหลับตาลงอย่างช้าๆ


 


บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าเธอจะตายแบบนี้ มันช่างน่าเจ็บปวดเหลือเกิน


 


สติของฉันควรจะค่อยๆจางหายไปในตอนนี้


 


มันจบแล้ว


.


พอแล้ว.


 


ฉันพยายามอย่างหนักแล้ว


 


ฉันพยายามอย่างหนักมากแล้วดังนั้นจึงฉันควรจะพักผ่อน แม่คะ พี่คะ หนูขอโทษ…


 


5 วินาทีหลังจากนั้น 10 วินาทีผ่านไป ถึงกระนั้นความตายก็ยังไม่มา เมื่อถึงตอนนั้นแชนายอนก็คิดอีกครั้ง


 


เอ๋. ทำไมมันไม่เจ็บละ


 


“นี่มันอะไรกัน?”


 


*************************************************************************


 


เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องบน smartwatch ของผมเป็นครั้งแรก


 


[ปัญหา – มันไม่เข้าท่าเลย มีผู้ร้ายที่ใช้ดาบหินขนาดยักษ์ที่น่ากลัวสามารถสังหารใครบางคนได้โดยไม่ทิ้งหลักฐานใดๆไว้]


[การปรับเปลี่ยน – น้องชายถูกเพิ่มเข้ามาในฐานะนักฆ่า.]


 


“หา… .”


 


เพิ่ม ปีศาจ งั้นเหรอ แปลกๆ แต่ แชนายอน น่าไม่ไหวแล้ว ผมมองดูอยู่และยก ‘คันศรแห่งบุษพา’ ขึ้น จากนั้นผมก็ได้ใส่ลูกศรลงไป 1 ดอก


 


[คันศรแห่งบุษพา] มีความสามารถในการสร้างลูกศรรักษา ตราบใดที่การบาดเจ็บของ แชนายอน หายไปผมเชื่อว่าเธอจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นผมตัดสินใจที่จะไม่ฆ่า กันยูเดน และ ยูโดเรน


ให้ตายกับมือในตอนนี้


 


ปัจจุบันคือ 5:59 น


 


เหลืออีก 1 นาทีผมจึงเปิดใช้ ดวงตาแห่งฮอรัส วิสัยทัศน์ของผมขยายออกไปทันทีและเส้นบางๆของแสงดาวและแสงจันทร์ก็เริ่มเข้ามาในดวงตาของผม เนื่องจากสถานะนี้กินเวลาเพียง 5 วินาทีผมจึงไม่มีเวลาที่จะซึมซับในความรู้สึกลึกลับนี้ ร่างกายของผมเคลื่อนไหวไปโดยอัตโนมัติ


 


5 วินาที ที่ผมอยู่เหมือนใครในโลก


4 วินาที ที่ผมเล็งเป้าไว้


3 วินาที ที่ผมปล่อยลูกศรออกไป


2 วินาที ที่ผมมองดูลูกศรพุ่งออกไปในดวงตาของผม


1 วินาที ที่ลูกศรแทรงเข้าไปในพื้นและยิงเป้าหมาย


 


เมื่อผมกำลังจะดูผลลัพธ์ของการกระทำของผมนั้น…


 


“… ?”


 


ทันใดนั้นจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวรอบตัวก็พุ่งเข้ามาหาผม


 


“เฮ้ ~”


 


น้ำเสียงอันเย็นเรียกชื่อผม


 


ผมบิดหัวและจ้องมองไปที่เธอ


 


ขนลุกพุ่งขึ้นมาบนแขนของผมในทันที


 


มีเพียงแค่ผมกับเธอ พวกเราจ้องมองตาของกันและกัน


 


จินซาฮยอค


 


ร่างของเธอปกคลุมไปด้วยเกราะพลังเวทมนต์ เธอยิ้มอย่างมีความสุข


 


“นาย…”


 


ผมทนต่อไม่ไหว ความเจ็บปวดมาถึงอย่างรวดเร็วราวกับกำปั้นที่เต็มไปด้วยพลังเวทมนต์ฟาดใส่ท้องของผม การป้องกันของเอเธอร์ถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย ในเวลาเดียวกันปากของผมก็เต็มไปด้วยเลือด


เมื่อร่างกายของผมพุ่งไปเหมือนลูกบอลฟุตบอล…อาวุธเวทมนตร์จำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่ผม


 


*************************************************************************


 


…การต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่ขุดค้นส่งผลกระทบต่อโลกภายนอก


พลังเวทย์มนตร์สั่นสะเทือนอากาศและบิดโลก ตลอดเวลานี้


จินซาฮยอค จับตาดูชายคนหนึ่ง เขาเฝ้าสังเกตบริเวณที่ขุดเจาะขณะที่ปกคลุมตัวไปด้วยพังผืดคล้ายหญ้าแปลก ๆ


 


เธออยากที่จะจัดการเขาในขณะที่เธอจับตาดูเขา แต่เธอค่อยๆลบจิตสังหารและพลังเวทมนต์ของเธอออกไป เพื่อเพลิดเพลินไปกับความสุขที่มากขึ้นเรื่อยๆเธอเก็บความปรารถนาเอาไว้ในห้วงลึกของจิตใจ


 


‘ฉันจะบดขยี้นายในเวลาที่สำคัญที่สุด….’


 


เพี๊ยวววว-!


 


โชคดีไม่นานเวลานั้นก็มาถึง เสียงก้องกังวานดังจากที่ขุดเจาะและ


คิมฮาจินก็ก้มศีรษะลง เขาสร้างธนูจากพลังเวทมนต์จากนั้นดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นกัน


 


จินซาฮยอค ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สัญชาตญาณของเธอกำลังร่ำร้อง…มันร่ำร้องออกมาว่าตอนนี้ถึงเวลาฆ่าเขาแล้ว เธอดึงพลังเวทมนต์


ทั้งหมดออกมาจากร่างกายของเธอทันทีและพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว


ไม่ถึง 1 วินาทีเธอก็ไปถึงเป้าหมายที่เธออยากฆ่ามากที่สุด เมื่อมองดูใบหน้าที่ว่างเปล่าของเขา จินซาฮยอคก็ยิ้มอย่างสดใส


 


“เฮ้ ~”


 


ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข อย่างไรก็ตามความสุขนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นความโกรธอย่างน่าประหลาดใจ


 


“เธอ….”


 


ก่อนอื่นเธอชกท้องเขาเพื่อปิดปากของเขาก่อน เขาถูกอัดลอยไปไกล


อย่างที่คิดเธอแข็งแกร่งกว่าเมื่ออยู่นอกหอคอย อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ไล่ล่าเขา เธอสร้างอาวุธพลังเวทมนต์ของเธอและสั่งให้พุ่งเข้าใส่


คิมฮาจิน


 


ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!


 


อาวุธก่อตัวขึ้นด้วยพลังเวทย์มนตร์ที่ไร้ขอบเขต 1 2 3 4 5 …จำนวนถึงขั้นนับไม่ถ้วนไม่แตกต่างอะไรจากการนับจำนวนของละอองฝนในระหว่างที่เกิดพายุ จินซาฮยอค ไม่หยุดนิ่งเมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นเรื่อย ๆ ความสุขของเธอก็เพิ่มขึ้น ร่างกายทุกตารางนิ้วของเธอสั่นคลอนไปด้วยความตื่นเต้นและความสุขใจ ความรู้สึกตื่นเต้นและความปีติยินดีนี้วิ่งพล่านไปตามกระดูกสันหลังของเธอ


 


“อาาาาาา… .”


 


เธอหยุดการโจมตีด้วยพลังเวทมนต์…และปิดใบหน้าด้วยมือของเธอ เธอยังคงยืนอยู่แม้ในขณะที่เธอเดินโซเซจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งจากความปีติยินดี ผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเธอ เธอจ้องมองไปที่หลุมฝังศพของชายคนนั้น เขาถูกปกคลุมไปด้วยดินหญ้าและกระแสแห่งพลังเวทมนต์ เมื่อมองดูแล้วแก้มของเธอก็แดงก่ำ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาแห่งความสุขนี้กินเวลาเพียงชั่วครู่


 


“…เราลงมือเร็วเกินไปหรือเปล่านะ อืมมม.”


 


จินซาฮยอค มีความสุขกับผลลัพธ์ แต่ก็รู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้เขาตายไปอย่างง่ายดายเกินไป ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะเล่นกับเขามากกว่านี้และให้เขาเป็นตัวอย่างสำหรับทุกคนที่อยากยุ่งวุ่นวายกับเธอ


 


…แต่ก่อนจะเป็นอย่างนั้น


 


“… .”


 


กรอบแกรบ กรอบแกรบ


 


ดวงตาของจินซาฮยอค เบิกกว้าง


 


กรอบแกรบ กรอบแกรบ


 


มันเป็นเสียงของคนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย


 


กรอบแกรบ กรอบแกรบ


 


คิมฮาจิน ผู้ชายคนนี้ยังไม่ตาย


 


“แค่กๆ…”


 


แม้ว่าเขาจะถูกฝังอยู่ใต้ดินแต่ด้วยพลังเวทมนต์ของเขา ทำให้เขายังรอดชีวิตมาได้ เลือด เนื้อและกระดูกของเขาถูกตัดขาด แต่เขาก็ยังไม่ตาย เขาปัดฝุ่นและหินออกจากร่างกายพร้อมลุกขึ้นมา จินซาฮยอค รู้สึกประหลาดใจ ในขณะเดียวกันเธอก็มีความสุขอย่างมาก


 


จินซาฮยอค ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มร่าเริง ดูเหมือนว่าความปรารถนาของเธอจะยังไม่สิ้นสุด


 


“เยี่ยมมากตอนนี้ นายเหมือน -”


 


“ว้าว~”


 


เสียงอุทานอย่างฉับพลันขัดจังหวะคำพูดของเธอ


 


คิมฮาจินพูดอย่างเฉยเมยและลดความเพลิดเพลินลงครึ่งหนึ่ง


 


จินซาฮยอค ขมวดคิ้วและจ้องมองเขา


 


“นายหมายถึงอะไร ‘ว้าว?’”


 


“ …นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกอย่างนี้”


 


เขายังคงพึมพำสิ่งที่เข้าใจไม่ได้


 


สมองของเขาเสียหายหรือเปล่านะ?


 


จินซาฮยอค สร้างอาวุธพลังเวทมนต์เพิ่มมากขึ้นในอากาศ คิมฮาจินเหลือบมองไปที่พวกมันจากนั้นก็เริ่มหัวเราะ


 


“ฮ่า ๆ ๆ ๆ….”


 


“…นายบ้าไปแล้วเหรอ”


 


“ไม่”


 


คิมฮาจินส่ายหัว


 


“ฉันแค่คิดว่ามันตลกมาก เธอมาหาฉันจริงเหรอๆ?”


 


เสียงของเขาเต็มไปด้วยประหลายใจ จินซาฮยอค รู้สึกถึงความเย่อหยิ่งและความโอหังของเขา เมื่อเธอรู้สึกถึงมันร่างกายของเธอก็รู้สึกถึง


‘พลัง’ อันล้นหลามและบริสุทธิ์ไหลเวียนออกมาจากร่างกายของเขา


มันไม่ใช่พลังเวทย์มนตร์ มันไม่ใช่คาถาเวทมนต์ มันเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่า…


 


“นี่จะเป็นการต่อสู้ระยะประชิดครั้งแรกของฉัน”


 


เขาพึมพำไร้สาระ และพุ่งเข้ามาหาเธอ


 


หลุมอุกกาบาตปรากฏขึ้นที่เท้าของเขาเวลาเตะพื้นและมีฝุ่นละอองลอยขึ้นมาข้างหลังเขา


 


“… !”


 


หลังจากนั้นไม่นานความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็ปรากฏที่ท้องของเธอ


เกราะพลังเวทย์มนตร์ของเธอแตกสลายทันที จินซาฮยอค กระอักเลือดออกมาเพราะหมัดที่อยู่ในท้องของเธอ วิสัยทัศน์ของเธอพร่าเบลอและอวัยวะภายในทุกส่วนในร่างกายของเธอสั่นเทา แต่ก่อนที่ความเจ็บปวดจะปรากฏ…เธอก็มองเป็นใบหน้าของคิมฮาจินโผล่ออกมา


ดวงตาที่เหมือนหมาป่าของเขาส่องแสงสีฟ้าและร่างกายที่ชั่วร้ายของเขา… ‘ชก’ ร่างกายของเธอให้ลอยออกไปไกล


 


“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วนะ”


 


เขายื่นมือออกมาด้วยมือที่ขรุขระและจับใบหน้าของเธอ จากนั้นเขาก็บ่นเบาๆ


 


“ฉันจะฆ่าเธอ ถ้าฉันเจอเธออีกครั้ง”


 


“… .”


 


จินซาฮยอค จ้องมองเขาด้วยดวงตาที่ปิดลงครึ่งหนึ่ง


 


“และมันจะเหมือนกันทั้งในและนอกหอคอย”


 


ในที่สุดเขาก็แสดงรอยยิ้มอันบิดเบี้ยวออกมา


 


“ทำไมเธอถึงไม่ฟัง”


 


จากนั้นร่างกายของเธอก็ถูกทุบลงบนพื้นอย่างรุนแรง


บทที่ 363 กระบวนการของโชคชะตา (5)


 


ร่างกายของฉันถูกอัดลอยออกไปไกลโดยการต่อยเพียงครั้งเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะพลังเวทมนต์รอบตัวฉัน ฉันคงตายไปแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่ฉันไม่อาจเข้าใจได้ ความเจ็บปวดที่ไหลเวียนทั่วร่างกายของฉันในตอนนี้


 


ทำไม?


 


ในระหว่างที่ฉันเจอเขาในตอนแรกฉันเฝ้าติดตามเขาอยู่นาน ฉันไม่กล้าที่จะลงมือแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ดังนั้นฉันจึงตรวจสอบเขาอย่างถี่ถ้วน จากที่รู้เกี่ยวกับเขาและจากสิ่งที่ฉันได้เห็นด้วยตาของฉันเองเขาเป็นเพียงนักแม่นปืน จากตัวเขา


ฉันไม่สามารถสัมผัสได้ถึง ‘การเสริมพลังเวทมนต์’ ได้เลยแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะฝึกฝนเทคนิคเฉพาะเหมือนกัน


 


‘… มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี่นี้น่า นี่มันอะไรกันเนี่ย?’


 


ฉันคิดอย่างนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ แรงจากการชกทำลายบาเรียและอัดร่างกายของฉันลอยขึ้นไปในอากาศ แต่ความคิดนั้นก็คงได้ไม่นาน พอจากสิ่งสกปรกและฝุ่นหนาทึบจางหายไปใบหน้าของเขาก็โผล่ขึ้นมา เขายกหัวฉันขึ้นมาอย่างง่ายดาย


 


“…ฉันจะบอกเธอเป็นครั้งสุดท้าย”


 


มือใหญ่หยาบจับใบหน้าของฉัน เขาหยุดร่างกายของฉัน ฉันเห็นเขาผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมือของเขา ความเย็นชาของเขากลายเป็นภาระอันหนักอึ้งที่โถมใส่จิตใจและร่างกายของฉัน ไม่นานเสียงกระซิบต่ำๆก็ดังขึ้นในหูของผม


 


“ฉันจะฆ่าเธอถ้าฉันเจอเธออีกครั้ง”


 


เสียงของเขาเติมเต็มหัวของฉัน ฉันรู้สึกราวกับว่าหัวกำลังจะระเบิด ฉันพยายามยกมือขึ้นและต่อต้านเขา แต่ร่างกายของฉันมันไม่ยอมขยับ


 


“มันจะเหมือนกันทั้งในและนอกหอคอย…….”


 


ริมฝีปากของเขาโค้งเป็นรอยยิ้มเย็นชาและหัวใจของฉันหยุดเต้นเพราะแรงกดดันที่เขาปล่อยใส่ฉัน


 


“ทำไมเธอถึงไม่ฟัง!”


 


จากนั้นฉันก็ถูกทุบลงไปที่พื้น ร่างกายทั้งหมดของฉันถูกความเจ็บปวดอันมหาศาลบดขยี้แต่นี่เป็นเพียงโหมโรงต่อความเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เทคนิคการต่อสู้ของเขาไม่มีทั้งพื้นฐานและความเป็นตัวตนเขาดึงฉันออกมาจากพื้นและกระแทกฉันลงไปกับพื้นอีกด้านหนึ่ง


จากนั้นเขาก็ดึงฉันออกมาอีกครั้งและโยนฉันไปที่อีกด้านหนึ่ง ตัวฉันแกว่งไปแกว่งมาเหมือนลูกตุ้มจนกระทั่งร่างกายของฉันถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศ คราวนี้เขาเตะฉันอย่างแรง


 


กร็อบบบบ-!


 


กระดูกซี่โครงของฉันถูกบดขยี้และในเวลาเดียวกันฉันก็ถูกอัดลอยไปกลางอากาศ แล้วเขาก็พุ่งมาหาฉันก่อนที่ความเร็วของฉันจะลดลงและชกฉันไปในทิศทางตรงกันข้าม แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ที่จะต่อสู้ แม้จะย้ำแย่ขนาดไหนก็ตาม ฉันสร้างบาเรียพลังเวทมนต์และยิงอาวุธพลังเวทย์ใส่เขา


 


อย่างไรก็ตาม เกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อต่อหน้าต่อตาฉันพลังเวทมนต์ของฉันแตกสลายทันทีที่มันสัมผัสกับเขา ไม่มีแม้แต่รอยช้ำหรือรอยขีดข่วนปรากฏบนร่างกายของเขา การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ช้าลงเลย


มันเจ็บ มันเจ็บมาก มันเจ็บปวดเหลือเกินและมันก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ไม่จบซะที ฉันกัดฟันแน่น ทำไมฉันต้องมาถูกทุบตีเช่นนี้? เมื่อความคิดแบบนั้นจิตใจของฉันก็เดือดดาลและความเจ็บปวดจางหายไป


 


“โอ้ พระเจ้า – แม่งเอ้ยยยยยยยยยย—!”


 


ฉันตะโกนขณะยืนขึ้น เสียงร้องแพร่กระจายไปในทุกทิศทาง แต่ว่าเสียงของฉันหยุดเขาไมได้ พลังเวทมนต์ในร่างกายของฉันไม่ออกมา เมื่อร่างกายได้รับความเสียหายเกินระดับที่กำหนด พลังเวทย์จะเน้นไปที่การฟื้นฟู กล่าวอีกนัยหนึ่งร่างกายของฉันเสียหายเกินกว่าที่จะทำการต่อสู้ต่อไปได้


 


…อักกกกก


 


ความคิดของฉันไม่ผิดพลาดและฉันสูญเสียพลังเวทมนต์ไปอย่างรวดเร็ว เขาเข้ามาหาฉัน


 


แตะ แตะ


 


ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา ฉันพยายามเคลื่อนไหว แต่มันก็ไร้ประโยชน์


มีบางอย่างเกิดขึ้นในหัวของฉัน ทันใดนั้นฉันก็คิดมาก ฉันกลัว.


ฉันจะตายใช่ไหม ตายไปทั้งอย่างนี้ เพื่ออะไร? ฉันคิดว่าฉันไม่สนใจแม้จะเผชิญหน้ากับความตาย …. แต่ว่า


 


ไม่


 


ฉันไม่สามารถมาตายที่นี่


 


ไม่ใช่ตอนนี้.


 


ไม่นะ.


 


ฉันมีความปรารถนาที่จะต้องเติมเต็ม ฉันมีบ้านเกิด ประเทศ พ่อแม่และลูกน้องที่ภักดีของฉัน


 


ฉันน่ะ….


 


ก่อนที่ฉันจะคิดอะไรออก ก็มีคำพูดออกมาจากปากของฉันโดยสัญชาตญาณ


 


“…ขะ…อย่า…นะ….ฉัน”


 


ฉันสำลักน้ำตาพร้อมเสียงอันสั่นเทา จากนั้นเขาก็หยุด ฉันเห็นแต่ขาของเขาเท่านั้น ฉันควรจะบอกว่าฉันดีใจที่ฉันไม่เห็นหน้าเขางั้นหรอ?


ฉันเหยียดมือออกแล้วจับรองเท้าของเขาเอาไว้


 


“… .”


 


ความเงียบที่น่าทึ่งเข้าสู่ทั้ง 2 คน ในขณะนั้นเองจิตสำนึกของฉันก็สั่งให้ฉันพูดออกมาดังๆมันคือคำพูดที่ฉันไม่เคยจินตนาการว่าจะออกมาจากปากของฉัน


 


“ฉันขอโทษ.”


 


ตอนนี้ฉันกลัวมาก ฉันจึงไม่รู้สึกน่าละอายใจอะไรมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นที่ครอบงำจิตใจของฉัน


 


ฉันอยากที่จะอยู่ต่อไป.


 


ฉัน…ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป….


 


*************************************************************************


 


…ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในจิตใจของผม ก่อนที่การโจมตีของ


จินซาฮยอค บดขยี้ร่างกายของผมอย่างง่ายดาย


 


ผมควรใช้การย้อนเวลาดีไหมนะ


 


แต่ผมยังไม่ทันตัดสินใจ ร่างกายของผมก็ลอยไปบนฟ้าซะก่อน


 


ผลข้างเคียงของการย้อนเวลามันใหญ่หลวงเกินไป แม้ว่าผมจะใช้มันไปถ้าผมไม่สามารถฆ่าเธอได้ภายใน 3 นาทีผมก็จะตายเอง แน่นอนว่าผมมีตัวช่วยคือการเปิดใช้งาน ‘โชคชะตา’ ทันทีที่ผมใช้ ย้อนเวลาแต่ผมคิดว่ามีโอกาสมากที่ผมจะตายทันทีจากอาการหัวใจวาย


 


ผลข้างเคียงของการย้อนกลับเวลา 3 นาทีไม่ได้ระบุอะไรไว้มาก แต่ผมรู้ว่ามันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าหัวใจของผมกำลังถูกเผาไหม้และมันทำให้ค่าสถานะทั้งหมดของผมลดลง 3~4 แต้มดังนั้นจากการสันนิษฐาน


ผมว่าผลข้างเคียงแบบนี้ก็น่าจะมีใน [โชคชะตา] เพราะทั้ง [โชคชะตา] และ [ย้อนเวลา] ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง


 


ดังนั้นผมจึงเปิดใช้งาน [โชคชะตา] ก่อนที่จะโดนโจมจีอีกครั้ง


 


เมื่อผมตั้ง จินซาฮยอค ให้เป็นเป้าหมายแห่งโชคชะตาของผมในตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นใน Prestige ค่าสถานะของผมจะเพิ่มขึ้น 300%


ทันทีที่ผมเปิดใช้งาน [โชคชะตา] พลังงานอันมหาศาลก็ปรากฏอยู่ในร่างกายของผม ทันฝดนั้นโลกทั้งใบก็ช้าลง ตอนนี้ผมมีคู่ต่อสู้เพียง


คนเดียวเท่านั้น


 


“…นี่จะเป็นการต่อสู้ระยะประชิดครั้งแรกของฉัน”


 


ผมพุ่งไปหาจินซาฮยอค ร่างกายของผมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมันเคลื่อนไหวไปด้วยตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นแค่การสู้ตามที่เอเธอร์บอกเท่านั้น


 


ผมซัดเธอลอยไปด้วยหมัดจากนั้นก็ไล่ตามเธอและคว้าใบหน้าของเธอเอาไว้ก่อนที่ร่างกายของเธอจะแตะพื้น


 


ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมม-!


 


จากนั้นผมก็กระแทกร่างกายของเธอกับพื้น ตู้มมมมมมมมมม!


ผมดึงเธอขึ้นมาแล้วเหวี่ยงเธออีกครั้ง ตู้มมมมมมมมมมม!


ผมดึงเธอขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็ชกต่อไปเรื่อย ๆ


อย่างที่ผมพูดไปนี่เป็นครั้งแรกของผมในการต่อสู้ระยะประชิดดังนั้น


ผมอาจจะเลียนแบบ ‘เดอะ ฮักค์’ ที่ผมเห็นในภาพยนตร์โดยไม่รู้ตัว


 


หลังจากนั้น…ผมก็นิ่งไปอยู่ครู่หนึ่ง


 


“โอ้ พระเจ้า – แม่งงงงงงงงงงงงงเอ้ยยยยยยยย—!”


 


เสียงร้องนี้ทำให้ผมได้สติ ผมยืนนิ่งและจ้องมองเธอ เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่เปิดกว้างครึ่งหนึ่งจากนั้นก็ล้มลงบนพื้นเสียงดัง


 


“อืม….”


 


ผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้ถูกตัดสินในเวลาอันสั้นๆ ผมเดินไปหา


จินซาฮยอค ผู้ที่หมดสติและนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้น ร่างกายที่


แข็งแรงของเธอพังทลายและค่อนข้างบิดเบี้ยว แต่ก็ยังไม่ตายจริงๆแล้วมันค่อยๆหายอย่างช้าๆ ถึงเวลาฆ่าเธอแล้ว แต่ในขณะนั้นเองคำพูดที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินก็ออกมาจากปากของเธอ


 


“…ขะ…อย่า…นะ….ฉัน”


 


“… .”


 


ขาของผมหยุดลงโดยที่ผมไม่ทันสังเกต ผมมอง จินซาฮยอค เธอพูดอะไรบ้างอย่าที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน


 


“ฉันขอโทษ.”


 


แต่คราวนี้คำที่ผมได้ยินมันทำให้รู้สึกไร้สาระมากกว่าเดิม ขนลุกไปทั่วร่างกายของผม ผมไม่รู้ว่าเธอเพิ่งพูดอะไรออกมา ผมจึงตัดสินใจที่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลยและฆ่าเธอซะน่าจะดีกว่า


 


…ผมเอื้อมมือออกไป แต่ก็หยุดลง มือที่ปกคลุมไปด้วยเลือดเข้ามาในวิสัยทัศน์ของผม กลไกการป้องกันจิตใต้สำนึกของผมคือสิ่งที่หยุดผมเอาไว้ แม้ว่าจะมีคิดที่ไม่ลงลอยกันแต่จนถึงตอนนี้ผมยังไม่เคยฆ่าใครมาก่อนโดยไม่มี ‘อาวุธ’ ดังนั้นตอนนี้ผมต้องการเครื่องมือ ผมพยายามเอา Desert Eagle ออกมาจากกระเป๋าของผ


 


“บาเรีย-!”


 


เมื่อมาถึงจุดนี้ 3 นาทีผ่านและแล้วโชคชะตาก็หายไป ผมสัมผัสได้ถึงพลังเวทมนต์ที่มาพร้อมกับความเหนื่อยล้าหลายอย่าง ผมจ้องมองไปที่


บาเรียที่ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน


 


“นี่เป็นภารกิจพิเศษของสมาคมฮีโร่! วางอาวุธของนายลงซะ!”


 


“…อะไรนะ.”


 


สมาชิกของสมาคมฮีโร่ 10 คนหรือมากกว่านั้นแนะนำตัวเองในฐานะสมาชิกของหน่วยเฉพาะกิจ พวกเขาชี้ดาบและหอกมาที่ผมและเร่งระดับพลังเวทมนต์ของพวกเขา


 


“พวกนาย ถอนไปนิดนึง”


 


ทันใดนั้นมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านพวกเขาท่าทางน่าประทับใจ


‘น่าประทับใจ’ นั่นคือประเด็นหลักเป็นไอลีนจริงๆ ดูเหมือนว่าเธอจะมีส่วนร่วมในภารกิจนี้ในฐานะผู้บัญชาการ เธอเดินเข้ามาภาคภูมิและมองมาที่ผม


 


“นายมาทำอะไรที่นี่?”


 


“………………………”


 


ผมไม่สามารถตอบเธอได้ ร่างกายของผมเริ่มแข็งทื่อ มันน่าจะเป็นผลข้างเคียงของการใช้โชคชะตา ไอลีน ชี้ไปที่ จินซาฮยอค


 


“เธอไม่ใช่ปีศาจ ทำไมนายถึงต้องต่อสู้กับเธอ”


 


“….”


 


“มันรุนแรงเกินกว่า…ที่จะเป็นการทะเลาะกันระหว่างคู่รักละนะ”


 


ไอลีนพึมพำขณะที่เธอดูเลือดสาดระหว่างเรา 2 คน ตอนนี้ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ผมไม่มีคำพูดอะไรไอลีน ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่จ้องมองมาที่ผม


 


“พวกเราควรทำยังไงดี”


 


ลูกน้องของ ไอลีน ถามอย่างระมัดระวัง


 


“นายหมายถึง ‘พวกเราควรทำอะไรงั้นเหรอ’ นั่นคือเฟนริล สมาคมคงจะจ้างเขามา ส่วนผู้หญิงนั้น…อืมฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่พวกเราปล่อย 2 คนนี้ไว้แล้วไปดูแลพวกมันกันเถอะ”


 


ไอลีนพูดขณะที่เธอชี้ไปในทิศทางตรงกันข้าม ดูเหมือนสมาคมฮีโร่จะโดนพวกปีศาจโจมตีจนต้องร้องให้มีกำลังเสริม


 


“นั่นคือคิมโอซุงใช่มั้ย”


 


ชายคนนั้นจับตากูไอลีน เขาคือคิมโอซุงผู้รับใช้ของซาตาน เขาเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งกว่า กันยูเดน 3 ถึง 4 เท่าซึ่งเป็นเพียงปีศาจล่าง


 


“ใช่ ฉันคิดว่าเธอพูดถูก”


 


“งั้นก็ไปกันเถอะ”


 


ไอลีน ทิ้งผมไว้แล้วไปที่สนามรบ พลังเวทมนต์คล้ายใบมีดหมุนวนตามรอยเท้าของเธอ แต่พลังเวทมนต์ที่ท่วมท้นก็ถูกควบคุมและไม่นาน


ไอลีน ก็ตะโกนออกมา


 


“ฟังดี! พื้นดินจงกลับหัวกลับหาง!”


 


ทันใดนั้นพื้นดินที่ปีศาจยืนอยู่ก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า ประโยคเดียวก็ทำให้เกิดการพลิกกลับของโลกและท้องฟ้า มันเป็นความหายนะที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งโลกกำลังพุ่งสูงขึ้นเหนือท้องฟ้า


 


อะะะะะ……..อะไรกับ!


 


เกิดอะไรขึ้น!


 


อุวสสส! บ้าน่า…!


 


ปีศาจส่วนใหญ่ถูกสังหารโดยการถล่มทลายของแผ่นดินหรือถูกทับอัดจนตายด้วยแรงกดดันจากพลังเวทมนต์ ไม่สำคัญว่าพวกมันจะถูกฆ่ายังไงผลลัพธ์ก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกมันก็ไม่มีแม้แต่โอกาสจะต่อสู้กับไอลีน


—————————————2————————————


บทที่ 364 กระบวนการของโชคชะตา (6)


 


“ว้าว … .”


 


ผมอยากดูเธอต่อสู้อีกเล็กน้อย แต่ผมไม่มีเวลามากพอ ผมหลบมาที่นี่อย่างลับๆทำไมวันนี้มีแขกมากมายเหลือเกินนะไม่นานก็มีเสียงข้างๆหู ของผม


 


“นายปิดบังมันไว้หรือว่านายเรียนรู้มันจากหอคอยงั้นหรอ”


 


“… .”


 


ผมหันมามอง เป็นแมวกำลังพูดกับผม


 


“แต่ จินซาฮยอค เองก็ได้เรียนรู้ทักษะดีๆมากมาย ดังนั้นฉันไม่คิดว่าเธอจะแพ้….”


 


เมื่อมองไปที่จินซาฮยอค บนพื้นแมวก็ยิ้มเบาๆ


 


“ช่างน่ากลัวจริงๆ”


 


ตอนนั้นผมก็รู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นพรสวรร ‘ร่างกายเวทมนต์’ มีพลังที่สามารถทำได้ทุกอย่าง คงเป็นเบลล์ ผมพูดเพียงสิ่งเดียวกับเขา


 


“พาตัวเธอไป”


 


แมวดวงตาเบิกกว้าง


 


“จริงๆเหรอ?”


 


ผมพยักหน้าอย่างอ่อนแอ


 


“บอกเธอว่าฉันจะไม่ฆ่าเธอ”


 


วันนี้ผมเห็นความเป็นไปได้ในจินซาฮยอค ในเนื้อเรื่องเดิมจินซาฮยอค เป็นตัวละครที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ไกลจากคำว่า ‘ความตาย’ ไม่แม้แต่กับ


คิมซูโฮ ที่สามารถเอาชนะเธอได้และเธอก็สู้กับเขาได้ถึงครึ่งหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ แต่นั่นไม่ใช่ตอนนี้ ทันใดนั้นแมวก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง


 


“…นายอาจจะเสียใจในภายหลัง”


 


ผมไม่ตอบเขาและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองเข้าไปในไซต์ขุดเจาะ


การต่อสู้ของผมสิ้นสุดลงและการแก้แค้นของ แชนายอน ก็มาถึง


จุดสุดท้าย


 


– …ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ


 


กันยูเดน นอนแผ่อยู่บนพื้นดิน กันยูเดนขอร้องเธอ ผมหัวเราะเบาๆแม้ว่ามันจะไม่ใช่เวลาที่จะมาหัวเราะก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่างเธออยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับผม


 


*************************************************************************


 


“…ได้ไว้ชีวิตข้าเถอะ”


 


ชิ


 


ชายผู้ซึ่งเต็นล้นไปด้วยความมั่นใจจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้กำลังนอนแผ่อยู่บนพื้นเพื่อขอร้องให้ชีวิต ใบหน้าหชของแชนายอนเต็มไปด้วย


รอยยิ้มที่เหยียดหยาม


 


“นาย….”


 


แชนายอน เดินไปที่ตรงหน้าของ กันยูเดน อาวุธมหึมาของเธอยังคงเต็มไปด้วยพลังเวทมนต์ ดาบที่เขาคิดว่าจะแทงทะลุหัวใจของเขากลับเก็บไปบนหลังของ แชนายอน


 


“แกคิดว่าฉันจะเหมือนแกหรือไง”


 


“…อะไรนะ?”


 


แชนายอน หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเธอ พวกมันดูไม่แตกต่างจากกุญแจมือธรรมดาๆ แต่มันเป็นไอเท็มที่สามารถระงับ


พลังเวทมนต์เอาไว้ได้ เธอวางไว้บนข้อมือของ กันยูเดน และ ยูโดเรน


 


“ฉันจะตัดแกนเวทมนต์ของแกออกและสอบสวนแกอย่างละเอียด


ฉันจะขังแกไว้ในเรือนจำปีศาจเพื่อแกจะไม่สามารถฆ่าตัวตายได้”


 


“… .”


 


“แกจะไม่สามารถตายได้แม้ว่าแกอยากจะตาย ไอ้สารเลว”


 


แชนายอน จ้องมอง กันยูเดน แล้วขู่เขา


 


“…จริงๆนะ.”


 


“แน่นอน. แกรอได้เลย ฉันจะให้แกทรมาณแบบนี้อยู่ไม่สู้ตาย”


 


เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงง!


 


เธอทุบ กันยูเดน พร้อมกับฝักของเธอ กันยูเดน ผู้ซึ่งพลังเวทย์ถูกผนึกเอาไว้สลบไปอย่างง่ายดายและ แชนายอน เดินเสๆ อาการวิงเวียนศีรษะฉับพลันทำร้ายเธอ โลกหมุนตัวและวิสัยทัศน์ของเธอก็กลับหัวกลับหาง


 


“อาาาาา… .”


 


มีคนจับตัวเธอไว้ขณะที่เธอกำลังล้มลง


 


“อ่า … ?”


 


แชนายอน เงยหน้าขึ้นมองท่ามกลางอาการวิงเวียนศีรษะ ในตอนแรกภาพหลอนจางๆทับซ้อนกับร่างที่จับเธอไว้ ตรงหน้าเธอเป็นใบหน้าของคิมฮาจินอย่างไม่ต้องสงสัย เขามองเธอด้วยท่าทางที่คุ้นเคยของเขา


 


“นะ……นาย.”


 


“นายอนn! เธอปลอดภัยดีไหม?”


 


“…ยีจินยูน?”


 


แต่ภาพหลอนก็หายไปและใบหน้าของคิมฮาจินก็กลายเป็นของยีจินยูน


 


‘ฉันจะบ้าไปแล้วเหรอ?’


 


แชนายอน รีบตั้งสติและดึงตัวเองขึ้นมา


 


“เธอรู้สึกดีขึ้นไหม ฉันรีบมาที่นี่จนมาเจอเธอ!”


 


“ฉันสบายดี. แล้ว…?”


 


ในที่สุดแชนายอนก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งอยู่ข้างๆยีจินยูน ถึงแม้ว่า ‘Desolate Moon’ จะดูแลอยู่ที่ชั้น 4 แต่ชินจงฮักก็ยืนอยู่ข้างหลัง


ยีจินยูน


 


“ทำไม.”


 


ชินจงฮักจ้องมองเธอ หอกและชุดเกราะของเขาเต็มไปด้วยเลือดและ


สิ่งสกปรก ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก


 


“ทำไม ชินจงฮัก ถึงมาที่นี่”


 


“… .”


 


เมื่อต้องเผชิญกับคำถามที่ไร้เดียงสาของ แชนายอน ชินจงฮักก็เงียบอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่สามารถบอกเธอได้ว่าเขามีสายลับอยู่ในกิลด์


Essence of the Strait มาแจ้งให้เขาทราบถึงสถานการณ์ คราบน้ำตาที่อยู่ใต้ดวงตาของเธอก็ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก เขาไม่กล้าพอที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมาได้ เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น


 


“ฉันก็อยู่ที่นี่ตลอดนั้นละ”


 


*************************************************************************


 


…ละครที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นเหมือนฉากที่น่าสนใจสำหรับเด็กๆ


แชนายอน เอาชนะศัตรูของเธอ แต่ไม่ได้ฆ่าเขาและ ชินจงฮัก ประกาศอีกครั้งว่าเขาจะไม่ยอมแพ้เรื่องของ แชนายอน ไม่นานคิมซูโฮมาสมทบ


เรื่องราวของพวกเขายังคงดำเนินต่อไปโดยที่ไม่ต้องมีผม…เหมือนเดิมผมยิ้มอย่างขมขื่น


 


“ คิมฮาจิน”


 


เสียงเย็นชาเรียกผม ผมแทบจะหายใจไม่ออกเมื่อหันหลังกลับไป


ผมรู้แล้วว่าใคร เมื่อผมได้ยินเสียงเป็นบอสอย่างแน่นอน ใบหน้าของบอสแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอกำลังโกรธ


 


“อ๊ะ บอส คุณมาได้ยังไง?”


 


“นั่นคือทั้งหมดที่นายจะพูดงั้นเหรอ? ฉันคิดว่าฉันบอกนายแล้วนะว่า


ไม่ให้เข้าร่วม”


 


“… .”


 


บอสมองมาที่ผมและผมก็เงยหน้าขึ้นมามองบอสอย่างเงียบๆ บอสขมวดคิ้วหนักขึ้นเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าผมไม่กลัวอย่างที่ตั้งใจ


 


แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่กลัว


 


ผมเห็นมือขาวๆของเธอภายใต้เสื้อคลุมของเธอ


 


“อืม… .”


 


เมื่อมองมือเหล่านั้นผมก็นึกได้ว่ามันต้องมี ‘แหวน’ ผมไม่รู้ว่าทำไม


เป็นเพราะผมเพิ่งได้เห็น แชนายอน และ ชินจงฮัก? ฉันจำได้ว่า


‘แหวนของโฮเมอร์’ ยังอยู่และยังไม่มีเจ้าของที่เหมาะสม


 


ผมต้องมอบแหวนนี้ให้กับ แชนายอน จริงๆเหรอ? มันเป็นไอเท็มที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ แชนายอน และแก้ไขจุดอ่อนของเธอ


 


– การควบคุมพลังเวทมนต์และความโง่เขลา


 


– แต่ฉันจะไปมอบให้เธอได้ยังไง?


 


มันเป็นไปไม่ได้ ในเนื้อเรื่องเดิมหากแชนายอนขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอ แชฉินฮยอค จะตามหาไอเท็มที่เหมาะสมและอาจได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ ‘แหวนของโฮเมอร์’ โดยบังเอิญเขาอาจพบเอเย่นต์แห่งความจริงของผมและขอให้หน่วยงานแห่งความจริงหาที่อยู่แหวนของ


โฮเมอร์ จากนั้นผมก็เอาไปเสนอให้เขาพร้อมรับรางวัลที่เหมาะสมสำหรับความบังเอิญดังกล่าว


 


แต่ตอนนี้ผมเห็นใบหน้าของ แชนายอน ในวันนี้เธอได้รับชัยชนะด้วย


ตัวเธอเองและไม่ได้จบการแก้แค้นด้วยการฆ่า เธอมีความสุข อย่างน้อยก็วันนี้ เธอภูมิใจในตัวเอง


 


ดังนั้นเธออาจจะไม่ขอความช่วยเหลือจากพ่อของเธอ ดังนั้นถ้ามันจะจบลงแบบนี้เธอเอาไม่ได้ไอเท็มชิ้นนี้ไป


 


… แต่


 


ถ้าวันหนึ่ง แชนายอน ขอสิ่งนี้จริงๆ…ถ้าความปรารถนาของเธอคือการแข็งแกร่งขึ้นแล้วถ้าเราสามารถทำอะไรได้ละก็…


 


“…ฉันจะสร้างมันให้เธอด้วยตัวเอง”


 


ผมน่าจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวจากมรดกของคนแคระ ‘การเพิ่มระดับสติปัญญา’ อาจเป็นไปไม่ได้ แต่ผมสามารถสร้าง


[การขยายพลังเวทมนต์] ที่แหวนของโฮเมอร์มีได้ สิ่งที่ผมต้องทำก็คือรวบรวมวัสดุที่ดีที่สุดในโลกและใช้เวลาทำงานประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน


 


“ทำอะไรน่ะ?”


 


บอสที่ยังจ้องมองผมอยู่


 


ผมหัวเราะเบา ๆ


ตอนนี้ต่อจากจุดที่เราค้างไว้: บอสเป็นสัตว์ประหลาดพลังเวทมนต์ไม่น้อยหน้าไปกว่า แชนายอน พลังเวทมนต์ของ แชนายอน นั้น


‘ถูกจำกัด ด้วยดาบ’ ดังนั้นบอสอาจไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าเธอ


แต่แหวนก็เหมาะสำหรับบอสเช่นกัน ถ้ามันเป็นของขวัญจากผมเธอก็คงจะไม่ขายเหมือนที่เธอทำในเนื้อเรื่องเดิม


 


“บอสมานี่หน่อยสิ”


 


“คิมฮาจิน ฉันไม่ได้ล้อเล่น ตอบมาว่านาย”


 


“ผมมีบางอย่าง…”


 


นอกจากนี้ผมอยากเอาใจบอส


 


“…ที่ผมอยากมอบให้คุณ”


 


“…เฮ้ออออออออออออออออ.”


 


บอสถอนหายใจพร้อมใบหน้าแดงก่ำสุดๆ แต่ก็เดินเข้ามาหาผม


 


“อะไรละ?”


 


บอสเงยหน้ามองผมและถาม


 


ผมคิดว่าจะให้เธอยังไงและก็คิดออก


 


“หลับตาลงนะ.”


 


“…นาย….ไม่ได้นะ…พวกเราอยู่ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ


นายไม่ควรทำแบบนี้ เจนเองก็อยู่ใกล้ๆ ถ้านายจะทำอะไรฉันว่า…”


 


“เงียบ”.


 


ดูเหมือนว่าผมจะให้เธอหลับตาลงจนได้ ดังนั้นผมจึงยื่นมือไปปิดตาของเธออีกต่อ จากนั้นผมพยายามใส่แหวนที่นิ้วของเธอ…


 


“เอาละ”


 


มันแปลกที่ผมจะใส่แหวนบนนิ้วเธอโดยตรง แหวนนิ้วนิ้วชี้…ไม่มันไม่สำคัญ ผมรู้สึกผิดที่ผมจะต้องใส่ให้เธอ ดังนั้นผมจึงเปิดมือของบอสและวางแหวนบนฝ่ามือของเธอ


 


“นี่ไงเสร็จแล้ว”


 


“มันคืออะไร…?”


 


เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค ผมยิ้มเบาๆและมองไปที่บอส เธอยืนนิ่งราวกับว่าเวลาถูกหยุดเอาไว้แค่เธอเท่านั้น เธอจ้องมองไปที่แหวนโดยที่ปากของเธออ้าค้างไว้และไม่กระพริบตา


 


“…”


 


เจ้าของแหวนก็จะเปลี่ยนไป แน่นอนผมอาจเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ในภายหลัง แต่อย่างน้อยในวันนี้ผมได้เห็นใบหน้าตลกๆของเธอขณะที่เธอมองที่แหวนบนฝ่ามือมันก็คุ้มค่า……..


 


“เป็นยังไงบ้าง? ผมเจอมันระหว่างทางที่นี่”


 


มากเกินพอแล้วละ…..


บทที่ 365 ชั้น 20 (1)


 


ในช่วงดึกของวันหนึ่งบอสกลับไปที่ฐานของ Chameleon Troupe เป็นครั้งแรกและกระโดดขึ้นไปบนเตียงในห้องของเธอ จากนั้นเธอจ้องมองที่เพดานเพื่อรำลึกถึงแดร๊กคูล่า เธอจ้องมาเป็นเวลานานก่อนที่จะหยิบของออกมาจากกระเป๋าของเธอ แหวนทองคำขาวที่เธอได้รับมามันเปล่งประกาย ถึงแม้ว่ามันจะดูภายนอกธรรมดาๆ แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นของธรรมดา


 


‘…ทำไมคิมฮาจินถึงมอบสิ่งนี้ให้ฉันล่ะ?’


 


แน่นอนเขาบอกว่ามันเป็นไอเท็มที่เหมาะกับเธอ บอสยอมรับเรื่องที่เขาพูด แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดแย้งเล็กน้อย


 


เธอถอนหายใจ แต่ก็ตัดสินใจว่าจะสวมแหวนวงนี้


[การขยายพลังเวทมนต์ระดับสูง] เป็นเอฟเฟกต์ระดับสูงสุดที่ทำได้ยากโดยไม่คำนึงว่าจะมีเงินมากขนาดไหน คำถามคือนิ้วที่จะสวมมัน บอสตอบคำตอบนี้อย่างรวดเร็ว


 


“นิ้วที่เจ็บปวด”


 


บอสมีนิ้วเดียวที่ ‘เจ็บปวด’


 


“….”


 


9 นิ้วของเธอนั้นหยาบกระด้างด้วยบาดแผล ทุกวันนี้ผู้หญิงที่เป็นแบบนี้มักจะเป็นฮีโร่มักไม่ได้รับเวทมนตร์หรือมานาสามารถทำอะไรกับพวกเขาได้บ่อยครั้งที่เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่ตั้งแต่อายุยังน้อย แน่นอนว่าบอสไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา


 


แต่มีเพียงนิ้วเดียวที่แตกต่างกัน นิ้วก้อยซ้ายของเธอไม่มีแผลใดๆและเนื่องจากมันไม่เคยถูกตัดหรือมีบาดแผลใดๆ มันเหมือนแผลกัดกินนิ้วของเธอตลอดเวลาก็จะเจ็บ บอสวางแหวนบนนิ้วนี้และแหวนก็เปลี่ยนขนาดเพื่อให้พอดีกับมัน


 


“…อืม.”


 


‘แหวน แหวนของฉัน ของขวัญที่ฉันได้รับ’ บอสนอนจ้องแหวนบน


นิ้วก้อยของเธอบนเตียงและปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของเธอ


 


*************************************************************************


 


สมาคมและกิลด์พันธมิตรชนะสงคราม แต่ก็เหมือนแพ้สงคราม


พวกเขาไม่ได้รับความเสียหายเพียงอย่างเดียวแต่ทั้งนอกและในสถานที่ค้นหา แต่ปีศาจได้ยึดสิ่งของกว่า 60% เนื่องจากสมาคมเชื่อว่าพวกเขาสามารถเรียกคืนได้อย่างน้อย 50% พวกเขาคิดว่านี่เป็นความพ่ายแพ้ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามไม่ใช่สมาคมทั้งหมดที่ล้มเหลว ในความเป็นจริง


‘ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์’ เป็นหนึ่งในผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จากชั้นใต้ดินที่ 1 พวกเขาค้นพบไอเท็มที่มีราคาแพง 8 ชิ้นรวมถึงหมวกและชุดเกราะหนังส่วนตัวของเตมูจินและยังมีเสื้อผ้าอื่นๆที่เป็นของสะสมที่มีค่า


 


“ทำได้ดีมาก ซูโฮ”


 


ด้านนอกทางเข้าด้านหน้าของโรงพยาบาลเปียงยาง คิมซูโฮและ


หยุนซึงอา ก็หันหน้าเข้าหากันและยิ้มเบาๆ หยุนซึงอา มักจะต่อสู้กับแรงกดดันทุกประเภททำให้มีท่าทางเย็นชา แต่วันนี้รอยยิ้มของเธอเป็นของแท้


 


“ทั้งหมดต้องขอบคุณ คุณหัวหน้า” คิมซูโฮ คำนับ


 


หยุนซึงอา ลูบหน้าผากของเขาอย่างนุ่มนวล คิมซูโฮยิ้มอย่างเขินอายแม้จะเป็นการสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ตาม


 


“ตอนนี้พวกเราดีขึ้นแล้ว นายรอรับโบนัสได้เลย ฉันวางแผนที่จะมอบ


ไอเท็มให้นาย”


 


“ฮะ? ไม่ ฉันไม่ได้”


 


“รับไปเถอะ มันคงเป็นไปไม่ได้หากไม่มีนาย จริงสินายขุดไอเท็มที่ถูกฝังมากมายในเวลาเพียง 1 นาทีได้ยังไง”


 


แม้ว่านักดาบจะไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการขุดหาอะไรบางอย่าง


แต่ ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ของคิมซูโฮได้ตัดการเชื่อมต่อระหว่างไอเท็มและพื้นดินทำให้พวกมันโผล่ขึ้นมาเหมือนลูกบอลพองตัวที่วางลงบนใต้น้ำ


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า….” คิมซูโฮหัวเราะอย่างเขินอายในคำชมของหยุนซึงอา


 


“อย่างไรก็ตามนายกลับไปได้แล้ว นายอยากเจอเพื่อนของนายใช่ไหม?” หยุนซึงอากล่าว


 


“อ่า.”


 


“ถ้างั้นฉันจะกลับไปทำงาน ฉันอยากรายงานไอเท็มและพูดคุยกับสมาคมและ…มีอีกหลายอย่างที่ฉันต้องทำ”


 


คิมซูโฮยิ้มและหยุนซึงก็จากไปเมื่อรถที่เธอขี่หายไปจากสายตาคิมซูโฮ


กลับมาที่โรงพยาบาล เขารีบไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่งของเขาทันที ทันทีที่เขาเข้าไปในห้องของ แชนายอน เขาก็ได้ยินเสียงของเธอ


 


“อะไรกัน? เธอแน่ใจเหรอ?”


 


ผ้าพันแผลรอบคอและแขนของเธอ แชนายอน กำลังจ้องมอง ยีจินยูน ด้วยความตกใจ


 


“ไม่เลย…ฉันรีบมาแลัวนะแต่ก็ไม่เห็นตอนนั้น หัวหน้าทีม คิมยองจิน เองก็บอกแบบนั้น ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนยิงลูกธนูใส่เธอ”


 


“จริงๆเหรอ? อย่าโกหกฉันนะ”


 


“ฉันไม่ได้โกหกจริงๆ เธอบอกว่าได้รับการรักษาทันทีที่ลูกธนูยิงใส่เธอ


ใช่ไหม? พลังของฉันได้แค่ช่วยรักษา ไม่ใช่รักษาในทันที”


 


“ถ้าอย่างนั้นใครล่ะ นอกเหนือจากเธอแล้วเป็นใคร”


 


คิมซูโฮเดินเข้ามาและนั่งลงบนเก้าอี้


 


“พวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”


 


“…ฮะ?”


 


แชนายอน และ ยีจินยูน หันไปหา คิมซูโฮ ในเวลาเดียวกัน


 


“อ้าวๆๆๆๆ นั้น เดอะแบกของกิลด์ ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์~”


 


แชนายอน หรี่ตาของเธอลงแบบติดตลก ดูเหมือนว่าจะมีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วจากการค้นพบไอเท็มของกิลด์ผู้รังสรรค์ศักดิ์สิทธิ์ คิมซูโฮหัวเราะเบาๆ


 


“ฉันได้ยินมาว่า กิลด์ Essence of the Strai เองก็ได้รับไอเท็มดีๆเหมือน กันนี่น่า”


 


“ใช่ แต่มันไม่น่าพอใจเพราะพวกเราอยู่ในชั้น 5 เลยนะ”


 


“พวกเธอไม่ได้ ม้าตัวเมียกับม้าตัวผู้เหรอ?”


 


“อ้า? นายรู้ได้ยังไง?”


 


ขณะที่พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องกิลด์ของพวกเขาก็มีเด็กใหม่ 4 คนเข้ามาในห้องของแชนายอน


 


“เป็นไงบ้าง ผู้อาวุโส!”


“สวัสดี!”


“ร่างกายคุณเป็นยังไงบ้าง!”


“ฉันหวังว่าอาการบาดเจ็บของคุณจะไม่เลวร้ายเกินไปนะ!”


 


พวกเขาคือฮีโร่ฝึกหัดของ Essence of the Strai ในฐานะนักเรียนปี 3 ของ Cube พวกเขาเป็นรุ่นน้องของ แชนายอน แชนายอน จ้องมองที่พวกเขาพร้อมหรี่ตา


 


“ทำไมพวกนายมาที่นี่”


 


“พวกเรามาที่นี่เพื่อเจอคุณ! พวกเราได้ยินมาว่าคุณบาดเจ็บ!”


 


“…ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ชอบแบบนี้ คราวหน้าอย่างมาละ”


 


“รับทราบ!!”


 


ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง 2 คนไม่ได้ออกจากห้องของ แชนายอน พวกเขานำของขวัญที่เตรียมมาอย่างดีวางลงมาบนพื้นดินและจ้องมองเธออย่างมั่นคง


 


แชนายอน ถอนหายใจและพูดขึ้นมา “ใจเย็น ฉันไม่ทำอะไรพวกนายหรอก”


 


“อะ…นั้นสิ! เข้าใจ!”


 


หลังจากได้ยินคำพูดแสนโหดเหี้ยมแล้ว คิมซูโฮ ก็เงยหน้าของเขาขึ้นมามองเหตุการต์ที่น่าสับสนนี้


 


“พวกเขาเป็นใคร?”


 


“ฉันไม่รู้ พวกเขาชอบใจตอนที่ฉันถูกคำสาป”


 


“…ฮะ? ไม่มีทาง.”


 


“ใช่แล้ว ฉันคิดว่าบุคลิกของฉันแย่ลงเพราะพวกเขา พวกเขาไม่ฟังอะไรเลยตอนที่ฉันบอกพวกเขา ฉันไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้เพราะพวกเขามาเยี่ยมฉันทุกครั้งที่ฉันออกจากหอคอย ฉันกลัวว่าพวกเขาจะตามฉันเข้าไปในหอคอยด้วยซ้ำ เด็กๆพงกนี้น่ากลัว … ” แชนายอน บ่น แต่เธอก็มีความสุขมากที่มีคนมาเยี่ยมเธอ


 


“โอ้~? เกิดอะไรขึ้น? บอกฉันมานะ.”


 


“…เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ฉันออกจากหอคอยมาสักพักและสมาคมก็มอบหมายให้ฉันดูแลฮีโร่ผู้ฝึกหัดดูซักครั้ง”


 


ภารกิจที่พวกเขาทำด้วยกันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง พวกเขาโต้เถียงกับฮีโร่ของกิลด์ต่างประเทศเกี่ยวกับซากศพของมอนสเตอร์ เพราะแถมฮีโร่คนนั้นยังคงพูดพล่ามด้วยเหตุผลแต่ก็ไร้เหตุผลแชนายอนจึงโกรธและจัดการเขาด้วยคำสาป


 


“อ้อๆ มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุโรปใช่มั้ย เด็กเหล่านั้นอาจคิดว่าเธอเจ๋งจริงๆ แต่เธอก็ไปโดนคำสาปซะเองใช่ไหม?


 


“…ไม่ ว่าแต่คิมซูโฮ”


 


แชนายอน จิบกาแฟแล้วพูดกับ คิมซูโฮ ว่า “นายติดต่อกับเขาได้ไหม?”


 


“… .”


 


คิมซูโฮรู้ถึงน้ำหนักของคำพูดเธอ


 


“ฉันไม่รู้” เขาถามกลับ “แต่จะเป็นยังไงถ้าฉันทำได้”


 


“ใครจะรู้…แต่อย่างน้อยในชีวิตนี้ฉันจะต้องเจอเขาอย่างน้อยอีก 1 ครั้ง” แชนายอนบ่น


 


คิมซูโฮรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะยีจินยูนดูคึกคักเมื่อได้ยินเรื่องนี้แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรและถามออกมา “แล้วถ้าเธอเจอเขาล่ะ”


 


“อืม….” หลังจากคิดนิดนึงแชนายอนก็พูดตอบ “พวกเราอาจจะต้องต่อสู้กันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง”


 


เสียงของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า คิมซูโฮยิ้มอย่างขมขื่น


เขาอยากถามว่า ‘การทำแบบนั้นมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ?’ แต่เขาก็ไม่ทำเช่นนั้น


 


“ถ้านายเจอเขาก็บอกฉันด้วยนะ” แชนายอน ขอร้องจากใจจริง


 


เธอมั่นใจในตัวเองมาก เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอเอาชนะหนึ่งในสิ่งที่กัดกินจิตใจของเธอ เธออยากที่จะทำให้มันหายไปดังนั้นถ้าเจอกันทุกอย่างต้องจบลง


 


– เธอรู้สึกว่าตอนนี้เธอสามารถเผชิญหน้ากับเขาและถามเขาเกี่ยวกับความจริงได้แล้ว


 


“เอาล่ะ~”


 


แชนายอน พูดขึ้นมา


 


“ตอนนี้ฉันจะไปหา ยอนฮา ก่อนนะ”


 


จากนั้นเธอก็ออกไปตามหายูยอนฮา แชนายอน คิดจะทำอะไรกันแน่เธออาจอยู่ในห้องรับรองเพื่อรอสมาชิกของสมาคมที่กำลังผ่าตัด


 


– เคาะๆ!


 


แชนายอน เคาะประตูห้องรับรอง เมื่อดูว่าประตูส่งเสียงทุ้มเบาๆดูเหมือนว่าประตูจะถูกล็อคอยู่ แต่แชนายอนมองเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยของยูยอนฮาในห้อง ดูเหมือนว่ายูยอนฮาจะกินบะหมี่ถ้วยอยู่


 


“แคก,แคก แคก.”


 


ทันทีที่ แชนายอน เข้ามาในห้อง ยูยอนฮา ก็พ่นบะหมี่ออกมา เธอเช็ดปากราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ


 


“อ้าว เธอมาที่นี่เองเลยเหรอ นายอน”


 


เมื่อเห็นการกระทำตลกๆของ ยูยอนฮา แชนายอน ก็หัวเราะออกมา


 


“…เธอทานราเมนอยู่ใช่ไหม?”


 


“หะ-หืม? ราเม็ง? อะไรเหรอ ราเมนอะไร?”


 


ยูยอนฮา พูดโกหกแบบตลกๆ แชนายอน ชี้ไปที่บะหมี่ถ้วยบนโต๊ะ


 


“เธอกินเจ้านั้นอยู่นะ”


 


“ โอ้…นี่เหรอ?”


 


ยูยอนฮา จ้องมอง แชนายอน จากนั้นก็บะหมี่ถ้วย จากนั้นก็กลับมาที่ แชนายอน จากนั้นก็เป็นบะหมี่ถ้วยจากนั้นก็ แชนายอน แล้วบะหมี่ถ้วย …ท้ายที่สุด…


 


ผัวะ—!


 


เธอสะบัดมือตบบะหมี่ลงไป เมื่อมองไปที่ซุปและบะหมี่บนพื้นแล้ว


แชนายอนก็ถามด้วยความตะลึง


 


“…เธอทำอะไรละนั้น?”


 


“อ้า~ นี่อะ แบบว่า?”


 


ยูยอนฮา จ้องที่บะหมี่ถ้วยบนพื้น


 


“ทำไมคุณทำอย่างนั้น?”


 


“อืม…? เอ่อ…อ้อ นี่มันอะไรเนี่ย!”


 


ทันใดนั้น ยูยอนฮา ก็ตะโกนราวกับว่าเธอเพิ่งสังเกตเห็นบะหมี่ถ้วยที่หกบนพื้น แชนายอน หรี่ตาแคบลงทันที


 


“…เธอกำลังล้อฉันเล่นรึเปล่า?”


 


“เฮ้ๆ.ฉันเป็นหัวหน้าของเธอนะ เธอจะต้องถูกลงโทษที่พูดแบบนี้กับฉัน”


 


“….”


 


แชนายอน เลือกที่จะลืมสิ่งที่เธอเห็นและเดินไปหา ยูยอนฮา และพอ แชนายอน ใกล้พอแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเธอ บะหมี่ถ้วยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ยูยอนฮา ทำบางอย่างแบบไม่ต้องสงสัยด้วยพลังเวทมนต์ของเธอ


 


“ว่าแต่เธออยากได้อะไรงั้นเหรอ นายอน?”


 


“…ฉันกำลังรอเพื่อนร่วมทีมน่ะ การผ่าตัดเป็นยังไงบ้าง”


 


ยูยอนฮา ยิ้ม


 


“ดี. ทุกอย่างเรียบร้อยดี. ไม่มีการสูญเสียแขนขาหรือพลังเวทย์”


 


แชนายอน พยักหน้าด้วยความโล่งอก เธอดีใจที่ได้ยินว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนั้นเองที่เธอเรื่องเบาสมองเลยพูดออกมา


 


“จริงสิแล้วเรื่องอื้อฉาวนั้นเป็นยังไงบ้าง”


 


ข่าวแรกที่เธอเห็นหลังจากออกจากหอคอยเป็นเรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับ ยูยอนฮา มันเป็นเรื่องอื้อฉาวของความสัมพันธ์จากรายงานที่เธออ่าน ยูยอนฮา กำลังออกเดทกับ ลอเรน ลูกชายของบรษัทข้ามชาติที่ชื่อ เลสเรน


 


“…เขามันน่าขยะแขยง ฉันกำลังจะฟ้องร้องเขาอยู่แล้ว”


 


ปฏิกิริยาของ ยูยอนฮา เป็นไปตามคาด แชนายอน พยักหน้าและถอนหายใจออกมา


 


“นั้นสิ ฉันเดาว่าเราทั้งคู่ยังห่างไกลจากการออกเดทกับใคร”


 


“หืม? แต่ฉันมีแฟนแล้วนะ”


 


เมื่อได้ยินคำพูดของ ยูยอนฮา แชนายอน ก็ดวงตากว้างทันที


 


“อะไรนะ?! กับใคร?!”


 


ยูยอนฮา ยิ้มอย่างสดใสและพูดออกมาอย่างมั่นใจ


 


“กับงานยังไงละ”


 


ยูยอนฮา คิดจะเล่นตลก แต่ แชนายอน ไม่คิดแบบนั้นน


 


“ใครเป็นคนทำงานให้เธอ!”


 


“…ไม่จริงใช่มั้ย?”


 


************************************2************************************


บทที่ 366 ชั้น 20 (2)


 


หลังจากฮีโร่ทุกคนประสบความสำเร็จในการผ่าตัด ยูยอนฮา ออกจากโรงพยาบาลและโทรหาใครบางคนทันที


 


กรี้งงงงงงงงงงงงง—


 


กรี้งงงงงงงงงงงงง—


 


โทรศัพท์ดังขึ้นและ ยูยอนฮา ก็กังวลว่าเขาจะไม่มาอีกครั้ง …


 


“นายสวัสดีไหม”


 


– ใช่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ


 


เสียงไม่แยแสของคิมฮาจินดังขึ้น ยูยอนฮา ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันทีที่เธอได้ยินเสียงของเขา


 


“นายหายไปเลยและนายก็ไม่ได้ตอบกลับข้อความของฉัน นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?”


 


– ก็ทั้งหมดนั้นละ ตอนนี้ฉันกำลังพักอยู่น่ะ


 


“… .”


 


ทุกอย่าง


 


สิ่งที่คิมฮาจินบอกนั้นทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังบาดเจ็บหนัก.


 


ยูยอนฮา ถอนหายใจ


 


“อย่าทำเลยนะ”


 


– …อย่าทำเลยนะ?


 


คิมฮาจินแกล้งทำเป็นไม่สนใจ


 


“นายรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร.”


 


– ฮะ? เธอหมายถึงอะไร


 


“ฉันได้ยินเรื่องที่นายฆ่าดอกบัวดำแล้ว”


 


– อ้อ


 


‘เขาคิดว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง?’ ยูยอนฮา เหลือบมองไปรอบๆและส่งเสียงกระซิบอย่างต่อเนื่อง


 


“ฉันรู้ว่านายกำลังตามล่าสมาชิกที่เหลืออยู่ของกลุ่ม Chameleon”


 


คราวนี้คิมฮาจินพูดไม่ออก มันอาจหมายความว่าเราพูดถูกต้องก็ได้


 


“มันอันตรายเกินไปเพราะงั้นนาย-“


 


– ไม่ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ฉันไม่ได้ไล่ล่าใคร


 


“…ฮะ?”


 


ยูยอนฮา ปิดปากเธอ ครู่หนึ่งเธอสงสัยว่าจริงๆแล้วยังไงกันแน่


 


“จริงๆเหรอ?”


 


– ใช่ ฉันฆ่าดอกบัวดำเพราะมันเป็นคำขอของไอลีน ฉันไม่ได้ไล่ล่า กลุ่ม Chameleon Troupe ด้วยเหตุผลส่วนตัว


 


“แล้ว…นายอยู่ชั้นอะไร มาเจอกันข้างในหอคอยแล้วคุยกันหน่อย”


 


– เจอฉันได้ที่ชั้น 15


 


เมื่อได้ยินแบบนั้นเสียงของ ยูยอนฮา ก็ดังขึ้นมาทันที


 


“อะไรนะ? นายขึ้นสูงไปแล้ว? นายไล่ตามหลังพวกเขาไปจริงๆ!”


 


– …ไม่. ยังไงก็เถอะขึ้นมาชั้น 15 ฉันจะไปหาเธอ


 


“หืม…ฉันคิดว่ายังไงนายก็โกหกฉัน…แต่ก็โอเค…”


 


ยูยอนฮา อยากพูดคุยกับเขามากกว่านี้แต่เขาคงไม่ตอบและคิมฮาจิน เองก็ดูยุ่งมาก เธอเลยได้แต่พูดต่อไม่กี่ประโยค


 


“นาย….อย่างทำอะไรที่มันอันตรายเกินไปละ”


 


– ไม่ทำงานที่อันตรายหรอก


 


“ดีแล้ว มีอะไรเกิดขึ้น…ก็โทรหาฉัน ฉันจะวางสายแล้วละ”


 


– ฉันก็กำลังบอกเธออยู่นี้ไงว่าไม่มีอะไร


 


ยูยอนฮา วางสายแล้วโทรหาคนอื่น


 


“สวัสดี.”


 


เสียงเย็นยะเยือกออกมาจากปากของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก


น้ำเสียงเบาๆที่เธอเพิ่งทำ


 


– เอ่อหัวหน้ายู ผมหวังว่าคุณจะได้เห็นจดหมายขอโทษที่ผมส่งไป…


 


“ไม่”


 


– …อะไรนะ?


 


“ฉันอ่านมันแล้วและนั่นคือคำตอบของฉัน”


 


ซุนมู คอร์ปอเรชั่น มันเป็นหนึ่งในบริษัทผู้เหมาของกิลด์ Essence of the Strait ด้วยการใช้เงินทุนที่ได้รับจาก Essence of the Strait ทำให้ บริษัทขนาดกลางพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมา


 


แต่เมื่อสัญญาของพวกเขาใกล้จะสิ้นสุดลง ซุนมูก็ขายเทคโนโลยีของพวกเขาไปยัง บริษัทต่างประเทศอย่างลับๆ เมื่อ ยูยอนฮา พบว่า


ผู้รับเหมารายหนึ่งของเธอทำตัวเป็นสายลับทางอุตสาหกรรมแบบโง่ๆนี้ เธอก็ค่อนข้างตะลึง


 


“คุณมี 2 ทางเลือก”


 


– …ผมขอโทษ แต่ได้โปรดหัวหน้ายู


 


“ 1 คุณจะเดินไปลงหลุมฝังศพของคุณด้วยตัวคุณเองหรือดูตัวเองถูกใส่ลงไปในนั้น”


 


การค้าขายลับๆของ ซุนวู ถูกค้นพบโดยสมาคม บุษพาร่วงโรย ของ


ยูยอนฮา ในวันเดียวกันนั้น ยูยอนฮา บังคับผู้บริหารในเกาหลีทันทีโดยการห้ามไม่ให้พวกเขาเดินทางและแช่แข็งเงินทุนของพวกเขา


 


– หัวหน้ายู ผมมีลูก! ผม….


 


ยูยอนฮา วางสายขณะที่ชายคนนั้นตะโกนอย่างสิ้นหวัง


 


“เฮ้อออออออออออ… .”


 


ถอนหายใจที่ขมขื่นดังขึ้น บุษพาร่วงโรยของ กิลด์ Essence of the Strait จะไม่ได้แสดงความเมตตาต่อผู้ทรยศและให้อีกฝ่ายต้องชนใช้หนี้ให้ได้


 


วันนี้กฎนั้นจะถูกใช้อีกครั้ง


 


แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างความรู้สึกว่างเปล่าปรากฏในตัวเธออีกครั้ง


มันให้ความรู้สึกเหมือนมีรูอยู่ในร่างกายของเธอพร้อมกับความรู้สึก


ไร้พลังแทรงเข้ามาและออกผ่าอกของเธอ ยูยอนฮารู้สึกเซื่องซึม


 


ตอนนั้นเองที่ม้านั่งของ ยูยอนฮา ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงดวงดาวเธอเห็นฮีโร่ทั้ง 2 ก็โอบกอดกัน ในไม่ช้าริมฝีปากของพวกเขาก็เปิดออก


 


“…ชิ.”


 


ยูยอนฮา คลิกที่ลิ้นของเธอ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างดวงตาของเธอยังคงอยู่กับจ้องมองพวกเขาจากนั้นลิ้นพวกเขาก็เริ่มพันกัน…


 


อึก


 


ลิ้นข้างหนึ่งโจมตีอีกข้างเหมือนกับแส้ 2 อัน


 


อึก.


 


ยูยอนฮากลืนน้ำลายของเธอเมื่อเห็นภาพลามกตรงหน้า ต่อมาเมื่อ


รถลีมูซีนของเลขานุการหยุดตรงหน้าเธอ


 


“ขอโทษที่มาสาย.”


 


“คะ-คะ?”


 


เลขานุการรีบออกจากรถและเปิดประตูหลัง


 


“ไม่เลย ไม่เป็นไร”


 


หลังจากเข้ามาในรถลีมูซีนแล้ว ยูยอนฮา บังคับให้ตัวเองไม่มองดูคู่รักบนม้านั่ง


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 15 เรือถูกทอดทิ้งของ Genkelope]


 


หลังจากใช้เวลาพักกับแีเวนเดลประมาณ 4 วันผมกลับไปที่หอคอย


 


ผมขับเคลื่อนเรือขึ้นพร้อมปลุก NPC ที่เป็นทหารแล้วเสริมกำลังทหารของเรือโดยการทิ้งเหมือนน้ำ TP ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้รับทหารติดอาวุธจำนวน 43 นาย


 


“พื้นที่ 3 ส่วนใหญ่กลับสู่การดำเนินการตามปกติ การแก้ไขระบบ


การใช้พลังงานด้วยตนเองดูเหมือนจะได้ผล”


 


ขณะนี้ผมกำลังถูกชี้นำโดยกัปตันเรือ ตอนนี้พื้นที่ 3 ดูเหมือนว่าเป็นสถานที่ที่ผู้คนอาศัยอยู่และ NPC ก็รู้สึกขอบคุณเพราะมันสบายมาก


 


โฮเนอร์พูด


 


“ตอนนี้พวกเราต้องการเริ่มต้นแผนการเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติ”


 


“… .”


 


“แน่นอนว่าตราบเท่าที่ผู้บัญชาการเรืออนุญาต”


 


ผมมองไปที่ โอเนอร์ ผมกลายเป็นผู้บัญชาการเรือไปแล้ว


 


“นายมั่นใจไหม”


 


“แน่นอน พวกเราเคยฝึกฝนมาแล้วหลายครั้ง ต้องขอบคุณการกินอยู่ที่ดีทำให้ พวกเราได้กลับคืนสู่สภาพร่างกายสูงสุดของพวกเราและทุกคนก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น”


 


“อืมงั้นเอาเลย ฉันอนุญาต นายสามารถใช้ TP ได้มากเท่าที่นายต้องการได้เลย”


 


มันเป็นวิธีที่ขาดความรับผิดชอบในการใช้เงิน แต่ผมไม่มีทางเลือก


ผมต้องปีนขึ้นไป ในขณะนั้นเองแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวขึ้น


 


[ 3 คนเข้าสู่พื้นที่ 3]


[ผู้เล่น PhantomThief]


[ผู้เล่น Goryeo Strongest]


[ผู้เล่น Hurabono]


[พวกเขาได้รับการยืนยันว่าเป็นสหายของผู้บัญชาการเรือ ทางเข้าจะถูกเปิดออก]


 


ระบบการจัดการของพื้นที่ 3 เปิดประตูด้วยเสียงกล ชอคจุนกยอง, เจน และ จินโยฮาน เดินเข้ามา


ผมยิ้มกว้าง


 


“มาแล้วเหรอ?”


 


“ใช่~ พวกเราเพิ่งมาถึง ~”


 


เจน ถอดเสื้อคลุมของเธอทันทีหลังจากนั้นและมองไปรอบๆ พื้นที่ 3 แห่งอนาคตด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น


 


“ว้าว~ มันเหมือนกับว่าฉันอยู่ในหนังไซไฟเลย”


 


“บอสอยู่ไหน”


 


“เธอบอกว่าเธอมบางอย่างต้องทำ~”


 


“อืม.”


 


ผมถามสิ่งที่ผมอยากรู้


 


“ ใช่แล้วเจน เธอขโมยไปเท็มได้มากี่ชิ้นละ”


 


“ฉันไม่ได้โลภมากแค่ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่ปีศาจค้นพบ ฉันเอาธนูมาให้นายด้วยนะ”


 


ธนูที่เธอพูดอาจหมายถึง [ธนูแห่งเตมูจิน] สำหรับเนื้อเรื่องที่ผมแต่งไว้


[ธนูแห่งเตมูจิน] กับ [คันศรแห่งบุบพา] หลังจากนั้นผมก็ไม่ต้องการอะไรอีก


 


“ขอบคุณ.”


 


“ไม่มีปัญหา~ ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่ขอบคุณ”


 


เจนแสดงกำไลบนแขนของเธออย่างภาคภูมิใจ มันเป็นสร้อยข้อมือที่ทำขึ้นเพื่อเธอโดยใช้วัสดุที่เธอมอบให้ผม ผมสร้างสร้อยข้อมือเพราะเธอมีแหวนและสร้อยคออยู่แล้ว เพียงแต่สร้อยข้อมือเล็กๆนี่ใช้ 21 อัญมณี สายทำจากหินดวงจันทร์ซึ่งกล่าวกันว่าสวยกว่าทองคำมากมาย


โดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายของวัสดุสูงกว่า 2000 ล้านวอนอย่างง่ายดายและด้วยความชำนาญของคนแคระการสร้างมันขึ้นมามันจึงกลายเป็นสิ่งมีค่า


 


“แล้ววันนี้เราจะทำอะไรกันนนน~”


 


เจนถามด้วยรอยยิ้มขนาดใหญ่


 


“พวกเราจะขึ้นไปชั้น 16”


 


“ตอนนี้?”


 


“ใช่ พวกเราสามารถขึ้นไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”


 


พื้นที่ 3 มีโรงเก็บเครื่องบินที่มียานพาหนะที่สามารถบินผ่าน Tower ได้ เมื่อมาถึงชั้นที่ 16 เราจะสามารถเห็นอาณาจักรปีศาจที่แท้จริงได้ใน


มุมมองแบบเต็มๆ


 


“โอ้ แจ่มไปเลย!”


 


ชอคจุนกยอง ตบหน้าอกของเขาเหมือนลิงกอริลลา ผมยิ้มและเรียกกัปตัน


 


“โฮเนอร์.”


 


“ครับ ยานอวกาศพร้อมแล้ว”


 


“พวกเราไปไม่นานหรอก”


 


ด้วยวิธีนี้มันน่าจะปีนขึ้นไปบนชั้นที่ 19 ได้ง่ายๆ อาจใช้เวลาไม่เกิน


2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆจะยากขึ้นจากชั้นที่ 20 เช่นเดียวกับ Crevon ชั้น 8-1 8-2 และ 8-3 ของ Crevon ชั้น 20 ~ 23 เชื่อมต่อกัน ผมอยากเตรียมตัวเพราะว่าอาจเพื่อเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ครั้งที่นั้น


 


“ผมจะนำทางให้เอง”


 


ผมติดตาม โฮเนอร์ และสหายของผมก็ติดตามผมมา


 


*************************************************************************


 


… 30 นาทีต่อมา


 


หลังจากผู้บัญชาการเรือ ‘Extra7’ และสหายของเขาออกไปแล้ว โฮเนอร์ และ อีเรนเนอร์ นักยุทธศาสตร์การทหารได้ขอเข้าพบ


 


“ตราบใดที่พวกเราเปิดทางเดินเขาจะปลดล็อกห้องจำศีลได้”


 


“ใช่ แต่คำถามคือวิธีการเปิดทางเดิน”


 


“ง่ายมาก พวกเราแค่ต้องขุดมันให้ได้”


 


“แต่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใต้ดินละ….”


 


ในขณะที่ โฮเนอร์ และ อีเรนเนอร์ กำลังคุยกันเรื่องการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพวกเขาทันใดนั้นก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในเรือ


 


[สิ่งมีชีวิตที่มีสภาวะการดำรงอยู่ระดับสูงเข้ามาในเรือ]


[สิ่งมีชีวิตที่มีสภาวะการดำรงอยู่ระดับสูงเข้ามาในเรือ]


[สิ่งมีชีวิตที่มีสภาวะการดำรงอยู่ระดับสูงเข้ามาในเรือ]


 


“…อะไรกัน?”


 


“คนที่มีสภาวะการดำรงอยู่ระดับสูงงั้นเหรอ”


 


NPC ในเรือค้างที่ข้อความอย่างไม่คาดคิด อย่างไรก็ตาม โฮเนอร์ และ อีเรนเนอร์ ย้ายก้นอย่างรวดเร็วไปยังห้องควบคุมและตรวจสอบกล้อง


จากนั้นพวกเขาเห็นผู้หญิง 2 คนกำลังเดินไปยังบริเวณที่ 3


สิ่งมีชีวิตที่สวมเสื้อคลุมสองตัวที่มีสถานะที่ไม่ธรรมดานั้น พวกเธอก็คือผู้ดูแลระบบ ‘เมเดีย’ และ ‘อเธอน่า’


 


อีเรนเนอร์ ถาม


 


“พวกเขาเป็นผู้ดูแลไม่ใช่เหรอ?”


 


“ใช่ ว่าแต่ทำไมพวกเธอมาทำอะไรที่นี่…”


 


ผู้ดูแลระบบไม่สามารถเข้าสู่ชั้นอื่นๆได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลระบบของชั้นนั้น อย่างไรก็ตามชั้น 15 เป็นกรณีพิเศษเนื่องจากไม่ใช่


‘ชั้นอย่างเป็นทางการ’ ที่มีผู้ดูแลระบบ


 


“ฉันไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนว่าพวกเราต้องเปิดประตู”


 


แม้ว่าพวกเขาจะกลัวแต่กัปตันโฮเนอร์ก็รีบตัดสินใจและเปิดประตูที่ปิดอย่างแน่นหนาทันที


 


เอี้ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


 


เมเดีย และ อเธอน่า เดินเข้ามา


แม้ว่าใบหน้าของพวกเธอจะถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมทั้งหน้า แต่ NPC ก็สามารถจดจำพวกเธอได้จากพลังเวทมนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะงั้นพวกเขาเลยตัวสั่นเทาเพราะความกลัว สำหรับพวกเขาแล้วผู้ดูแลระบบอยู่ห่างไกลจากความเป็นคนดีอยู่มาก


 


“สวัสดีคะ ทุกคน~”


 


เมเดีย ถามอย่างใจดีกับ NPC ที่กลัว


 


“ผู้เล่น Extra7 อยู่ที่นี่หรือไม่”


บทที่ 367 ชั้น 20 (3)


 


ยานอวกาศ A7102


 


ผมไม่แน่ใจว่าชื่ออย่างเป็นทางการของมันคืออะไร แต่ผมขึ้นยานอวกาศที่ชื่อดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนของผม โฮเนอร์ถามผมว่าผมรู้วิธีขับเครื่องบินมาก่อนหรือไม่ ผมพยักหน้าด้วยความมั่นใจ ฉันไม่เคยเรียนรู้วิธีขับอะไรแบบนี้ แต่ผมมีทักษะที่ชื่อว่า [การขับขี่ Lv.6] – ระดับสูงสุดของทักษะคือ 10 มันทำให้ผมสามารถขับยานพาหนะได้ทุกประเภทอย่างง่ายดาย แต่ถ้าไม่มีมันผมก็สามารถเป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องได้โดยการใช้ทักษะพิเศษของฉัน [อัลกอริทึม]


 


“หากคุณไม่คุ้นเคยกับการบิน ฉันจะให้คนติดตามคุณไป”


 


“ไม่ ฉันไม่เป็นไร … ตรวจสอบ.”


 


ผมกระซิบและตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ [43] การเสริมความแข็งแกร่งสูงถึง 43% พรสวรรค์ของผมได้รับการฟื้นฟูเกือบหมดแล้ว เมื่อผมไปถึงชั้นที่ 20 ความสามารถของผมทั้งภายในและภายนอกหอคอยจะเชื่อมโยงกัน


 


[Lv.5 ใบไม้แห่งอิกดราซิว อวยพร ‘A7102 Lv.8’ อย่างอบอุ่น]


 


ผมใช้พรแห่ง [Lv.5 ใบไม้แห่งอิกดราซิว] กับยานอวกาศที่ปรับปรุงแล้ว นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘การเสริมพลัง 2 ชั้น’


 


“โอ้…นี่มันคือ…?”


 


โฮเนอร์ดูสับสนและประหลาดใจที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันบนยานอวกาศ


 


“ดูสิ? ฉันเก่งในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเครื่องจักรดังนั้นนายไม่ต้องกังวลไปนายมุ่งเน้นไปที่การช่วยมนุษยชาติหรืออะไรก็ตามที่นายอยากจะทำเถอะ”


 


“อา ฉันเข้าใจแล้ว.”


 


โฮเนอร์ รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นผมนั่งบนที่นั่งคนขับอย่างชำนาญ ผมมองไปรอบๆ พยายามคิดว่าผมควรทำอะไรต่อไปจากนั้นก็จับ ที่ควบคุมยานอวกาศ ในขณะเดียวกันเอเธอร์ก็ไหลออกมาจากตัวผม เอเธอร์ขยับเหมือนหนวดและพันตัวรอบผมพร้อมแผ่กระจายไปทั่วยานอวกาศเพื่อเชื่อมต่อร่างกายของผมเข้ากับเครื่องทันที


 


[เอเธอร์เชื่อมต่อกับยานอวกาศ]


[เปิดใช้งานอัลกอริทึม ประสิทธิเพิ่มขึ้น 40%]


[‘A7192 Lv.8 ‘ ตอนนี้จะเคลื่อนไหวตามที่คุณต้องการ]


 


ในเวลาเดียวกันดวงตาก็เบิกกว้าง ภาพที่ฉายบนจอประสาทตาของผมเปลี่ยนไป สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือความมืดไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งถูกปกคลุมด้วยแสงสลัวๆ ผมตะโกนบอกยานอวกาศ


 


“พวกเราจะออกเดินทางเลยนะ”


 


ทั้ง 3 คนผู้ซึ่งมองยานอวกาศกำลังสั่นสะเทือน


 


“ฮะ-ฮาจิน นายแน่ใจนะว่านายขับเป็น~?”


 


“แน่นอน.”


 


“เฮ้ เฮ้ แล้ว นายรู้ใช่ไหมว่าคนที่เพิ่งกลับไป เขาเป็นใคร”


 


ผมตอบคำถามของ ชอคจุนกยอง สั้นๆ


 


“เขาชื่อ โฮเนอร์”


 


“จริงเหรอ เราขอให้เขาขับแทนให้ไม่ได้หรือไง?”


 


“ไม่ได้”


 


ผมปฏิเสธในทันทีและสตาร์ทเครื่องยนต์


 


บรื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน…


 


ยานอวกาศถูกเปิดตัวทันทีจากโรงเก็บเครื่องบิน เชื้อเพลิงระเบิดออกมาจากส่วนล่างของยานและพลังงานจากการปะทุรุนแรงมาก กระนั้นภายในเรือก็เงียบสงบ ปัจจุบันมีการเสริมกำลัง 3 ชั้นกับยานอวกาศนี้


พรสวรรค์ของผม :ระบบการเสริมความแข็งแกร่งแบบสุ่ม,


ทักษะของผม : อัลกอริทึม


รายการของผม : ใบไม้แห่งอิกดราซิว


ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันแข็งแกร่งกว่าเรือประจัญบานส่วนใหญ่


 


“…ว้าว. มองออกไปข้างนอกสิ~”


 


เมื่อยานเข้าสู่วงโคจรหลักทั้ง 3 คนก็ใจเย็นลง พวกเขามองออกไปนอกหน้าต่างของยานอวกาศ ดวงดาวที่กว้างใหญ่เต็มสายตาของทุกคน


 


“โอ้…ที่เป็นวงกลมตรงนั้นคือชั้น 16 ใช่ไหม น่าสนใจมาก”


 


“ถูกต้อง ดินแดนนี้มีรูปร่างแตกต่างจากโลกอย่างสิ้นเชิง”


 


“ว้าวววว~ สวยจัง ~”


 


ชอคจุนกยอง, จินโยฮาน และ เจน ยืนข้างกันและแสดงความชื่นชม


ทันใดนั้นผมก็ถาม


 


“จริงสิ เจน เรื่องต่างๆใน Prestige เป็นยังไงบ้าง”


 


“Prestige ~?”


 


เสียงเดาะลิ้นและเสียงเท้าของเจนบนกระเบื้องของยานอวกาศดังก้องเจน นั่งถัดจากผมในที่นั่งผู้โดยสารและพูดออกมาว่า


 


“ก็ปกติทั้งเมืองนะ เหมือนเมืองใหญ่ของโลกเลยละ~”


 


“อ๊ะ จริงเหรอ?”


 


“ใช่ มีผับ ร้านอาหาร อาคาร ห้างสรรพสินค้าและอื่นๆ ฉันได้ยินมาว่ามีผู้เล่นคนหนึ่งกำลังเลี้ยงปศุสัตว์อยู่ที่นั่น พวกเขาทำแบบนั้นตอนที่มีการต่อสู้~”


 


ถ้ามันเป็นเรื่องจริงมันก็มากเกินพอ ความก้าวหน้าที่ท่วมท้นนี้มันดีกว่าในเนื้อเรื่องเดิมมาก ถ้านี่เป็นเนื้อเรื่องเดิมตอนนี้ทุกอย่างนอกเหนือจากย่านที่อยู่อาศัยจะต้องถูกทำลายและ Prestige จะกลายเป็นดินแดนแห่งความตาย


 


– ศัตรูได้ปรากฏตัวขึ้น


 


ทันใดนั้นเสียงเครื่องกลของยานอวกาศก็แจ้งเตือนออกมา สิ่งที่ดูเล็กเหมือนแมลงวันกำลังบินมาทางพวกเรา พวกมันไม่ใช่ยานอวกาศแต่เป็น ‘ก็อบลิน’ มอนสเตอร์ที่ถูกควบคุมโดยปีศาจ


 


“ฮะ? นั่นมันอะไรน่ะ?”


 


“ไม่ต้องห่วงแค่เจ้าพวกนี้”


 


นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว…ผมเปิดอาวุธที่ซ่อนอยู่ของเรือออกมา ผมไม่รู้ว่ามันเป็นปืนใหญ่เลเซอร์หรือปืนกล แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามมันทำลอยอีกฝ่ายได้ภายในไม่กี่นัด


 


“โอ้ ว้าววววววววว พวกมันหายไปแล้ว~”


 


“อืม.”


 


อย่างที่คาดไว้แม้แต่ยานพาหนะพื้นฐานก็สามารถแข็งแกร่งได้หลังจากเสริมความแข็งแกร่ง


 


หลังจากนั้นพวกเราก็พูดคุยกันและชื่นชมมุมมองอันยุติธรรมของหอคอยขณะที่พวกเรามุ่งหน้าไปยังชั้นที่ 16 อย่างช้าๆ


[Genkelope Zone] ดาวเคราะห์รูปร่างกลมเหมือนแผ่นดิสก์แตกต่างจากโลกในแง่ที่มันแบนไปทั่วและดินของมันเป็นสีส้ม ผมคิดว่า


ดาวอังคารกจะแบนเหมือนมันหรือเปล่านะ


 


ชู…


 


ยานอวกาศเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วและตกลงบนมุมที่ห่างไกลของ Genkelope


 


[ชั้น 16 – โคโลนี่ดินแดนปีศาจ Genkelope]


[‘ทีม Chameleon Troupe’ ได้เข้าสู่ชั้นที่ 16 เป็นครั้งแรก]


[รางวัลสำหรับการเข้าครั้งแรกคือ ‘หนังสือทักษะพิเศษ –


Lv.2 บรรยากาศวังวน]


 


ประตูของยานอวกาศเปิดออกแล้วพวกเราก็ลงจากยานพร้อมกันที่ Genkelope


 


“… .”


 


พวกเราเงียบไปครู่หนึ่งและ จ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าเพราะ มันเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่บีบบังคับ ชอคจุนกยอง เป็นคนที่ทำลายความเงียบลง


 


“เอาละนี่เป็นหนึ่งในทิวทัศน์ของที่นี่สินะ”


 


อย่างที่เขาพูดทิวทัศน์บนชั้น 16 นั้นน่ากลัว เพราะในหอคอยมันไม่ใช่แค่อาคารมันมากกว่านั้นนักมันเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เต้นเป็นจังหวะและต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเราก็มีดวงตาที่ดูน่าขยะแขยงฝังอยู่ในลำตัว


 


“เอ่อ น่าขนลุกมากเลยนะ”


 


เจนตัวสั่นเทาเมื่อเห็นภาพประหลาดตรงหน้า


 


“นายคงไม่ได้หมายความว่าพวกเราต้องล้างบางทุกอย่างที่นี่~?


ใช่มั้ย ฮาจิน~?”


 


“ใช่ พวกเราต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีในการล้างบางสถานที่แห่งนี้ให้เสร็จสมบูรณ์”


 


ชั้น 16 นั้นต่างจาก [ชั้น 5 ดินแดนปีศาจ] อย่างน้อยปีศาจก็ดูเหมือนมนุษย์ แต่ที่นี่พวกเราต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ ชอคจุนกยอง ถามอย่างหงุดหงิด


 


“…แล้วพวกเราต้องทำอะไรเพื่อขึ้นข้างบน”


 


“ต้องลองถามระบบดูก่อน”


 


พวกเราจะไปถึงชั้น 17 ได้ยังไง


 


ผมถามระบบก่อน


นี่คือสิ่งที่ได้มาเป็นคำตอบ


 


[อสูรแต่ละตัวบนชั้นที่ 16 มี ‘แผ่นแผนที่แบบสุ่ม’ ติดตัวไปด้วย เอาชนะพวกเขาเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนเหล่านั้นและนำชิ้นส่วนมารวมกันเพื่อสร้างแผนที่ซึ่งจะแสดงตำแหน่งของอุโมงค์ที่นำไปสู่ชั้น 17]


 


*************************************2***********************************


บทที่ 368 ชั้น 20 (4)


 


[ชั้น 15 เรือที่ถูกทอดทิ้งของ Genkelope]


 


“…ชิ ดังนั้นแม้แต่พวกนายก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา?”


 


เมเดีย ขมวดคิ้วอย่างดุเดือด เสียงและภาษากายของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ


 


“ใช่. เขาจากไปโดยไม่ได้บอกอะไรไว้”


 


โฮเนอร์ ตอบอย่างใจเย็นแม้กระทั่งต่อหน้าผู้ดูแลระบบ เมเดีย จ้องมองที่ โฮเนอร์ โฮเนอร์ อดทนต่อสายตาของเธออย่างสุภาพ ไม่นานก่อนที่ เมเดีย จะถอนหายใจออกมา


 


“เจ้านั้นมันชอบหายไปที่อื่นตลอด น่ารำคาญมาก….”


 


อเธน่าโบกมือของเธอ เธอวางมือบนไหล่ของ เมเดีย ซึ่งสั่นไปด้วยความโกรธ


 


“เจ้าอย่างพึ่งโกรธไป”


 


“ดี. ถ้าเธออยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฉันละ”


 


“ข้ารอได้.”


 


“โอ้ จริงเหรอ~? ฉันรู้สึกเหมือนเมื่อวานที่เธอปฏิเสธที่จะคุยกับฉันเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าเธอหรือสถานะการเป็นเทพยังดำรงอยู่ แต่ตอนนี้เธอเต็มใจที่จะรอมนุษย์เพียงคนเดียว ~? โอ้โห เธอไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน!”


 


เมเดีย ล้อเลียนอย่างเต็มที่ อเธน่ากัดฟันแน่น เธออายไม่น้อยที่ตัวเองในอดีตหยิ่งผยองไม่ยอมแพ้ต่อความศักดิ์สิทธิ์ของเธอ การไม่ตอบสนองของ อเธน่า ทำให้ เมเดีย ใจเย็นลงได้


 


“…ขอโทษนะ ฉันไล่ตามเขามา 2 เดือนแล้ว เข้าใจด้วยเถอะนะ.”


 


“ทุกอย่างปกติดี.”


 


“ต่อไปก็…พวกเจ้า”


 


เมเดีย ชี้นิ้วของเธอที่ โฮเนอร์ และ อีเรนเนอร์ เธอต้องการที่จะลงโทษทั้งคู่ที่แสนอวดดี ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างต่อหน้าผู้ดูแล แต่ เมเดีย หยุดมือเอาไว้ก่อนหากมีโอกาส Extra7 คนชอบ NPC พวกเหล่านี้


การทำร้ายพวกเขาจะทำให้เขาดูถูกเธอ


 


“…พวกเราสามารถอยู่ที่นี่ได้จนกว่า Extra7 จะกลับมาใช่มั้ย”


 


“ใช่ พวกเราไม่รังเกียจ แต่ -”


 


“พวกเราก็ไม่รังเกียจเช่นกัน แน่นอนว่าพวกเจ้าคงเคยได้ยินชื่อเสียงของผู้ดูแลระบบที่แสนเข้มงวดคนนี้ อเธน่า เองก็จะรอเขาด้วย”


 


“…เป็นไปตามที่เธอพูด”


 


อเธน่า ก็พยักหน้า


เมื่อได้ยินสิ่งนี้โฮเนอร์ก็ยินดีต้อนรับพวกเขา แต่คำว่า ‘ยินดีต้อนรับ’


นั้นยังไม่เพียงพอ การมีอยู่ของผู้บริหารจะทำให้สิ่งมีชีวิตต่างดาวอยู่ห่างจากเขต 3


 


“ถ้างั้น ผมจะพาพวกคุณไปยังห้องที่ดีที่สุดในเขต 3”


 


โฮเนอร์ นำทั้ง 2 ไปยังห้องที่หรูหราที่สุดที่พวกเขามี


 


*************************************************************************


 


…ทีม Chameleon Troupe เริ่มไต่หอคอยอย่างจริงจัง


 


วันที่ 1 และวันที่ 2


 


ศัตรูที่อยู่บนชั้น 16 ล้วนแต่มีรูปร่างแปลกประหลาด มีตัวหนึ่งที่ดูเหมือนประภาคารและอีกตัวหนึ่งดูเหมือนเป็นตั๊กแตนตำข้าวและ


ปลาทะเลน้ำลึก พวกเราเอาชนะปีศาจพวกนั้นแล้วนำชิ้นส่วนแผนที่กลับมารวมกัน


 


วันที่ 3 ถึงวันที่ 6


 


เราปรึกษาเรื่องแผนที่และไปถึงอุโมงค์ ตอนนั้นเองที่พวกเราตระหนักว่าอุโมงค์นั้นเป็น [ชั้น 17] เราก้าวผ่านอุโมงค์ เป้าหมายของชั้นที่ 17 คือขุดอุโมงค์ที่อุดตันด้วยตนเอง ข้างในเต็มไปด้วยมอนสเตอร์และปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีความสามารถมากมาย แต่เพื่อนของผมกลับเป็นปีศาจมากกว่าพวกนั้นซะอีกดังนั้นพวกเราจึงเอาชนะพวกมันได้อย่างง่ายดาย


 


วันที่ 6 ถึงวันที่ 8


 


พวกเราขุดลอดอุโมงค์และมาถึงชั้น 18


 


ชั้น 18 เป็นป่าทึบของอาณาจักรอสูร ในฐานะที่ถ้งมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะทำให้พวกเราหลงทางไปชั่วนิรันดร์ในภาพลวงตาของดินแดนปีศาจ ฉันทำสิ่งที่ดีที่สุดในฐานะผู้บุกเบิกกลุ่ม ฉันนำเพื่อนของฉันด้วยประสบการณ์และความคุ้นเคย


 


วันที่ 8 ถึงวันที่ 10


พวกเรารอดพ้นจากป่าในเวลาเพียง 2 วันและมาถึงบนชั้น 19


พวกเราสามารถบอกได้เลยว่าพวกเรากำลังก้าวเข้าสู่อาณาจักรปีศาจอย่างลึกลับยิ่งขึ้นเรื่อยๆ


 



 


…แน่นอนพวกเราพิชิตชั้น 16 ถึง 19 ถายใน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผมก็กลับไปที่ Crevon เพราะผมได้รับการแจ้งเตือนว่าภัยพิบัติได้เกิดขึ้นอีกครั้ง


 


ใน Crevon ที่ได้รับภัยพิบัติผมใช้ชื่อเสียงของ เฟนริล เป็นครั้งแรก


ผมใช้เวลาไม่นานในการใช้กระสุนกว่า 2,000 นัดที่ผมรวบรวมได้จนถึงขณะนี้ทำลายมอนสเตอร์มากกว่า 2000 ตัวด้วยกัน การรวมกันของ


[การเสริมความแข็งแกร่งแบบสุ่ม], [อัลกอริทึม] และ [เอเธอร์] ได้เปลี่ยนปืนของผมให้กลายเป็นสิ่งที่เหนือกว่าปืน เป้าหมายของปืนไรเฟิลจู่โจมทำลายคลื่นมอนสเตอร์และชื่อเสียงของ ‘เฟนริล’ ได้รับการยกย่องอีกครั้งในหมู่ผู้เล่น ชื่อเสียงดังกล่าวมีค่า 350SP และ 100,000TP


 


ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง


 


[ชั้น 20 The Hollow of Ordeal – ด็อปเปิลแกงเกอร์ (ด็อปเปิลแกงเกอร์)]


 


ผมกลับมาที่ชั้น 20 อีกครั้ง ชั้นที่ 20 นั้นแตกต่างอย่างมากจาก


ชั้น 16~19 ซึ่งมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง มันเป็นถ้ำกลวงๆที่เต็มไปด้วยห้องเล็กๆหลายห้องแต่ละห้องมีป้ายชื่อที่มีคำว่า ‘พิชิต’ เขียนอยู่ตรงข้าม


 


“โอ้ นายกำลังจะบอกว่าในห้องนี้มีผู้ชายอีกคนเหมือนฉันใช่ไหม”


 


ชอคจุนกยอง นั้นพูดถูกต้องเพียงครึ่งเดียว อย่างที่เห็นจากชื่อของชั้น 20 ด็อปเปิลแกงเกอร์ จะรอผู้เล่นแต่ละคนอยู่หลังประตู แน่นอนว่า


เป้าหมายคือการต่อสู้และชนะ งานนี้เหมือนมุกในการ์ตูนโบราณๆที่ให้เอาชนะตัวเอง มันเรียบง่ายและซับซ้อนในเวลาเดียวกัน


 


“แต่ก่อนที่พวกเราจะเข้าไป พวกเราจะแบ่งหนังสือทักษะออกได้ยังไง”


 


ชอคจุนกยอง ถามแล้วตบริมฝีปากของเขา อนึ่งพวกเรารอให้บอสเข้าร่วมกับพวกเราที่ชั้น 20 พวกเราพิชิตแต่ละชั้นไม่ใช่ในนามคนเดียวแต่เป็นทีมดังนั้นเธอสามารถมาหาพวกเราได้เลยถ้าเธอต้องการ


 


“มีหนังสือทักษะกี่เล่ม?”


 


“9. 6 อันเป็นทักษะพิเศษ 2 ทักษะเป็นเอกลักษณ์และอีก 1 ทักษะเป็นทักษะขั้นสูงสุด”


 


“อืม…ถ้ามีอะไรที่พวกนายอยากได้ก็เอาไปเลย”


 


“จริงเหนอ? ถ้างั้นฉันจะเอาเจ้านี้กับเจ้านี้”


 


ชอคจุนกยอง เลือกหนังสือทักษะที่เป็นเอกลักษณ์และหนังสือทักษะพิเศษ เจน เองต่อติ เธอเลือกหนังสือทักษะพิเศษและหนังสือทักษะ


ขั้นสูงสุดที่มีเพียงเล่มเดียวขณะที่จินโยฮานเลือกหนังสือทักษะที่เป็นเอกลักษณ์และหนังสือทักษะพิเศษ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเลือกอะไรไป


แต่ส่วนใหญ่เป็นทักษะเชิงรับที่เกี่ยวข้องกับพลังเวทมนต์หรือ


ความแข็งแกร่งทางกายภาพ


 


“เตรียมพร้อมให้ดีนะ ถ้าเสร็จแล้ว”


 


วูวววววววววววววววววววว


 


ในขณะนั้นเองคริสตัลในใจกลางของชั้น 20 ก็สั่นคลอนและหญิงสาวผู้งดงามก็เดินออกมา…………….เป็นบอสนั้นเอง


 


“โอ้ บอส คุณมากลแล้ว”


 


“บอส~ ฉันคิดถึงคุณ~”


 


“…”


 


บอสตรวจดูพวกเราทีละคนอย่างเงียบๆ ชอคจุนกยอง, จินโยฮาน, เจน …และผม ผมคิดว่าผมเห็นไหล่ของเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเธอมองมาที่ผมแต่ผมอาจเข้าใจผิด บอสพยักหน้า


 


“นี่คือชั้นที่ 20 ใช่ไหม”


 


“ใช่นี่คือชั้นที่ 20”


 


“พวกนายปีนขึ้นมาได้เร็วมากจริงๆ”


 


ผมยิ้มเล็กน้อย โดยส่วนตัวแล้วผมสงสัยว่าบอสทำอะไรในช่วง


2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ผมตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงดีกว่า


 


“1 สัปดาห์คงจะเพียงพอหากอยู่ใกล้ๆกัน ถ้างั้นพวกเราจะไปกันเลยไหม?”


 


ผมพูดในขณะที่ ผมยุบกลุ่ม


 


[ทีม Chameleon Troupe ถูกยกเลิก]


[คุณจะท้าท้ายชั้นที่ 20 ในฐานะบุคคลคนเดียว]


 


จากนั้นพวกเรายืนอยู่หน้าประตู แม้ว่าจะมี 10 ประตู แต่พวกมันทั้งหมดมีคุณสมบัติเดียวกัน จำนวนนั้นมีเพียงเพื่อจำกัด จำนวนผู้เล่นที่สามารถทำการทดสอบในเวลาเดียวกัน ชอคจุนกยอง เข้าไปที่ประตูสุดท้าย จินโยฮาน เข้าไปห้องข้างๆเขาและ เจน อยู่ตรงกลาง บอสเดินไปรอบๆอย่างไร้จุดหมายก่อนที่เธอจะยืนอยู่ข้างๆผมอย่างลังเล


 


“ระวังตัวด้วยนะ”


 


“โอเค.”


 


“ทำไม แกถึงยังมีชีวิตอยู่ -!”


 


เสียงโห่ร้องของ ชอคจุนกยอง ทำให้คว้าลูกบิดประตูทันที


 


เอี๊ยดดดดดดดดดด


ผมเปิดประตูช้าๆท่ามกลางความตึงเครียดที่ทำให้หัวใจเต้นแรง


นี่เป็นเรื่องจริง ด็อปเปิลแกงเกอร์ เป็นเพียงอย่างแรกในความท้าทายบนชั้นที่ 20 นี่เป็นการทดสอบและมันจะยากขึ้นเรื่อยๆหลังจากนี่….


 


[คำเตือน! โปรดระวังเป็นพิเศษ!]


[จากชั้นที่ 20 ความตายจะเป็นนิรันดร์!]


[คุณมีเพียงหนึ่งชีวิต!]


 


“…อะไรนะ?”


 


‘เฮ้นี่มันอะไรกัน’


ผมจ้องมองที่ระบบ แต่ก็ตระหนักว่านี่เป็นเรื่องจริงเมื่อนาฬิกาของผมสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง


 


“เฮ้อออออออออออออ… .”


 


ผมรู้สึกอึดอัด แต่ผมคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ เนื้อเรื่องที่เขียนใหม่จะไม่ถูกเปลี่ยนกลับไม่ว่าผมจะบ่นมากแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยผมก็ฟื้นคืนชีพได้มากถึง 2 เท่าด้วยความสามารถพิเศษของผม


…ผมเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองซะอีก อย่างไรก็ตามผมก้าวเข้าไปในพื้นที่กลวงๆและปิดประตู


ผมมองไปที่ชายผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาในทันใด เขาจ้องมองไปที่อากาศพร้อมกับหันหลังให้กับผม รูปร่างหน้าตาของเขาจากด้านหลังดูเหมือนกับผมมาก


 


ไม่สิเขาก็คือผมนั้นเอง


 


“… สวัสดี.”


 


เขาหันมาครึ่งตัว รูปร่างหน้าตาของเขาไม่คุ้นเคย ใบหน้าที่ผมเห็นเฉพาะในกระจกเงาจนถึงตอนนี้ยืนอยู่ตรงนั้น น่าแปลกใจเหมือนกันที่ผมหล่มขนาดนี้ ร่างกายของผมเองก็ดูแข็งแรงมากเช่นกัน


 


“ว่าไง?”


 


ผมยักไหล่


 


แต่ผมอีกคนตอบกลับโดยไม่คาดคิด


 


– นายเป็นใคร?


 


นายเป็นใคร.


ผมขมวดคิ้วด้วยคำพูดที่ค่อนข้างงุนงง นั่นเป็นสิ่งที่เราได้ยินจริงๆเหรอ? ด็อปเปิลแกงเกอร์ ควรจะเลียนแบบวิธีการพูดของเราและแสดงออกให้เหมือนแม้แต่นิสัยของเราเอง นี่เองก็เพราะเนื้อเรื่องที่เปลี่ยนไปงั้นเหรอ


ผมพูดกับ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ของผม


 


“ฉันเป็นใคร? นายคงรู้อยู่แล้ว สุดท้าย นายก็คือฉันและฉันก็คือนาย”


 


– …


 


ตัวผมอีกคนหนึ่งไม่ตอบ เขามองมาที่ผมพร้อมกับใบหน้าที่ผมจะไม่แสดงออกมา จากนั้นผมก็รู้สึกไม่สบายใจ มีบางอย่างผิดปกติ


ผมไม่ใช่คนประเภทที่จริงจังมากขนาดนี้


…อย่าบอกนะว่า ทันใดนั้นความคิดที่น่ากลัวก็มาถึงจิตใจของผม


 


“เฮ้.”


 


– …


 


ตัวผมอีกคนหนึ่งไม่ตอบ ริมฝีปากที่ปิดสนิทอย่างแน่นหนาดวงตาที่หม่นหมองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและขมวดคิ้วทำให้ดวงตาของเขา


ดูชัดเจนยิ่งขึ้น คุณลักษณะเหล่านี้ทั้งหมดรวมกันทำให้รู้สึกเศร้าหมอง


ขณะที่ผมมองเขาหัวของผมก็เริ่มเจ็บปวก เราทั้งคู่เงียบงัน


เวลาไหลเงียบไปอย่างเียบๆในขณะที่หมอกสีเข้มล้อมรอบผมเอาไว้ ความสงสัยที่ไม่มั่นคงกลายเป็นสัญชาตญาณที่ชัดเจนจากร่างกาย


 


ผมถามออกมาหลังจากผ่านไปนาน


 


– นายคือฉัน


 


เมื่อได้ยินคำถามนี้ มันแสดงออกถึงการมีอยู่ของผม ผมเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองและ ด็อปเปิลแกงเกอร์ เองตอนนี้ก็คงตระหนักแล้วเช่นกัน ว่าพวกเราอาจเป็น ‘คนอื่น’


 


ผมยึดฟันแน่น


 


“นาย….”


 


ความกระวนกระวายใจเพิ่มขึ้นอย่างทันควันเมื่อผมรู้สึกกังวลใจว่าจะถามคำถามนี้ดีหรือไม่ แต่ผมไม่มีทางเลือกนอกจากถามออกมา


เพราะเขาเป็นคนเดียวที่สามารถพิสูจน์และกำหนดว่า ‘ผม’ คือใครในโลกนี้


 


“นายชื่ออะไร?”


 


ด็อปเปิลแกงเกอร์ไม่ตอบและจ้องมาที่ผมอย่างเงียบๆ ผมสะท้อนอยุ่ในดวงตาของเขา ผมกับเขาเหมือนกันหมดทุกส่วน


 


“ฉันถามว่านายชื่ออะไร”


 


ผมถามอีกครั้ง ด็อปเปิลแกงเกอร์ ถอนหายใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดถึงชื่อที่คุ้นเคยออกมา


 


– คิมชุนดง


 


“…อะไรนะ?”


 


– ชื่อของฉันคือ…คิมชุนดง


บทที่ 369 ชั้น 20 (5)


 


– ชื่อของฉันคือ…คิมชุนดง


 


คนที่ดูเหมือนผมพูดขณะที่จ้องมองมาที่ผม ผมไม่สามารถประเมินความรู้สึกภายในดวงตาของเขาได้เลย คิมชุนดง เมื่อผมได้ยินชื่อ


ตัวละครนี้มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทุบหัวด้วยค้อน ผมต้องพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดทุกอย่างหมุนวนอยู่ในหัวของผมก่อนที่จะสายเกินไปผมต้องพูดอะไรออกมาก่อน


 


– แล้วนายเป็นใคร


 


มันเป็นคำถามที่ผมสามารถตอบได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมคือ คิมฮาจิน แต่คิมฮาจินไม่ควรมีอยู่บนโลกใบนี้ พอคิดแบบนั้นผมก็รู้สึกผิดที่มารับช่วงต่อชีวิตของ คิมชุนดง


 


– ฉันไม่คิดว่านายเป็นฉันนะ


 


ประโยคนั้นทำให้ผมตื่นตัวขึ้นมาทันที มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ด็อปเปิลแกงเกอร์ ทราบว่าเขาเป็น ด็อปเปิลแกงเกอร์


 


“นายรู้ว่าพวกเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน….”


 


– …


 


เขาปิดปากและดวงตาของเขานิ่งสงบ ตัดสินโดยปฏิกิริยานี้ดูเหมือนว่า ผมพูดถูก แน่นอนว่ามันไม่ได้เปลี่ยนความจริงพวกที่เราต้องต่อสู้กันเอง แต่ก่อนหน้านั้นผมอยากถามเขาว่ามันเป็นยังไงกันแน่


 


“… เฮ้.”


 


เมื่อได้ยินเสียงของผมเขาก็ลืมตาขึ้นมา พวกเรามองหน้ากัน


 


“นายทำอะไรในคืนที่ผ่านมา?”


 


ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้คาดคิดคำถามนี้ในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น หลังจากคิดเรื่องนี้ซักพักเขาก็ส่งเสียงครวญครางและกดหัวของเขาเอาไว้


 


– …ฉันจำไม่ได้ ความจำของฉันถูกปิดกันเอาไว้


 


“จริงเหรอ?”


 


เหตุผลที่ผมเรื่องเมื่อคืนนั้นเพราะถ้าเป็น คิมชุนดง จริงๆ คืนสุดท้ายสำหรับเขาควรจะเป็นเมื่อ 4 ~ 5 ปีที่ผ่านมา


 


– มันแปลก ๆ ….


 


ทันใดนั้นเขาก็เริ่มตรวจร่างกายของเขา ไหล่, มือ, หน้าท้อง, ขา…เขาสัมผัสตัวเองและลองท่าต่างๆก่อนที่ดวงตาจะเบิกตา


 


– ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายของฉันแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน


 


“… .”


 


เขามักพูดถึงช่วงเวลาก่อนที่ผมจะมาที่โลกนี้ ในกรณีนี้ คิมชุนดง จะเป็นยังไง ผมอยากคุยกับเขามากกว่านี้


 


“นาย ถ้าอย่างนั้น…ฉันอยากถามนายอยากทำอะไร นายจะเข้าสู่ Cube แล้วนายไม่มีเป้าหมายอะไรเลยเหรอ?”


 


– …ฉันไม่รู้


 


โชคดีที่ คิมชุนดง ให้ความร่วมมือ เขาดูเย็นชาและอึมครึมจากภายนอกแต่จริงๆแล้วเป็นคนอบอุ่นและอ่อนโยน เมื่อพิจารณาถึงงานอาสาสมัครที่เขาทำอยู่เป็นประจำก็ไม่น่าแปลกใจเลย


 


– ถึงตอนนั้น…มีบางสิ่ง…ที่ฉันอยากทำ…


 


“ …สิ่งที่นายอยากทำงั้นเหรอ”


 


– ฉันจำไม่ได้…อักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!


 


ทันใดนั้นเขาก็จับศีรษะแน่นและคุกเข่าลงพร้อมความเจ็บปวด จากท่าทางมีข้อจำกัดที่รุนแรงถูกกำหนดไว้เมื่อเขาถูกเรียกตัวมายังที่แห่งนี้


ผมถอนหายใจแล้วมองขึ้นไปบนฟ้า ทำไมหอคอยแห่งความปรารถนาถึงให้ คิมชุนดง ปรากฏตัวต่อหน้าเรานะ


 


– …ฉันรู้ว่าทำไม แต่ฉันไม่อยากเพิกเฉยต่อมัน หอคอยไม่ยอมรับว่าฉันเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้


 


“…นายรู้ไหมว่าทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่”


 


– ฉันรู้ มันเขียนต่อหน้าฉัน


 


“มันบอกว่าอะไร?”


 


คิมชุนดง ยิ้มอย่างเย็นชา


 


– มันบอกว่าฉันสามารถแทนที่นายได้ถ้าฉันฆ่านาย ฉันเป็น


ด็อปเปิลแกงเกอร์ ที่สามารถกลายเป็นของจริงได้


 


ขนลุกขึ้นทั่วร่างกายของผม แต่ผมเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว


 


“…ไม่.”


 


นั่นไม่ใช่คำถามที่ผมต้องการถาม


 


“ฉันถามว่านายเป็นใคร แล้ว ฉันจะเป็นนายได้ยังไง”


 


– …


 


คิมชุนดง ไม่ได้พูดอะไรต่อในความเงียบงั้น พวกเราจ้องมองกันและกัน รูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันของพวกเราสะท้อนในในดวงตาของพวกเรา


ไม่นานเขาก็พูดออกมา


 


– ฉันรู้ว่านายมาแทนที่ฉัน


 


“…ได้ยังไง”


 


– ฉันเพิ่งรู้มันเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถอธิบายได้


 


“…แล้วนายวางแผนจะทำอะไรต่อ? นายจะฆ่าฉันไหม”


 


มันเป็นคำถามที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามคิมชุนดง ยังคงรักษาความใจเย็นและตอบอย่างช้าๆ


 


– ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยการฆ่าใครซักคน


 


“… หืม?”


 


– มันไม่ใช่ชีวิตที่ฉันต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป


 


เมื่อเขาพูดแบบนั้น คิมชุนดง ก็หัวเราะเบาๆ มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มันไม่เพียงทำให้ผมไม่ขยับ มันสะท้อนกับจิตวิญญาณของผมออกมาน่าทึ่งที่คำพูดของเขาที่มีต่อผมทำให้ดวงตาของผมเบิกกว้าง


 


[คำเตือน! การซิงโครไนซ์เพิ่มขึ้น 5%!]


[คำเตือน! การซิงโครไนซ์ของคุณกับด็อปเปิลแกงเกอร์ของคุณเพิ่มขึ้น!]


[คำเตือน! อารมณ์ของด็อปเปิลแกงเกอร์บางส่วนของคุณไหลเข้าไปสู่จิตใต้สำนึก!]


[คำเตือน! หากการซิงโครไนซ์ของคุณถึงระดับสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย!]


 


ผมส่ายหัวอย่างรุนแรงและไล่ความคิดนั้นออกไปจากหัวของผม


ผมใจเย็นลงแล้วลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นมองดูคิมชุนดงอีกครั้ง


 


“…นาย.”


 


ระบบบอกผมว่ามันอันตราย แต่ผมก็ยังมีคำถามมากมายที่ต้องถาม บางทีนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ถามเขาดังนั้นผมจึงต้องแก้ไข


ข้อสงสัยของผมให้ได้มากที่สุด


 


“นายรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์กวางโอ้ไหม”


 


คิมชุนดง สะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามนี้


 


– …ฉันรู้.


 


“ได้ยังไง?”


 


– มันง่ายมาก มันเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นในปีที่ฉันเกิด ฉันคิดว่าฉันอาจตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นั้นด้วย ดังนั้นฉันจึงตรวจสอบลึกลงไป


 


คิมชุนดง ยิ้มอย่างขมขื่น


 


– 3 หรือ 4 ปี ก่อนฉันพบว่ามีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้งเหตุการณ์นั้น แต่ถึงฉันจะคิดออกมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดที่ฉันทำได้เนื่องจากฉันไม่มีทั้งเงินและอำนาจ


 


ซ่าาาาาาาาาาา…


 


เขาหยิบดาบออกมจากแหวน


 


– ต่อไปพวกเราต้องสู้กันแล้ว ฉันผูกพันกับระบบ ทำให้ขัดขืนไม่ได้


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้ผมก็ยกปืนขึ้นมาทันที


 


– แต่จะมีสักวันที่พวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง


 


“…จริงๆเหรอ?”


 


– จริงสิ แต่ก่อนหน้านั้น


 


คิมชุนดง ชี้ดาบของเขามาที่ฉัน พลังเวทมนต์สายน้ำแข็งที่ไม่เป็นจังหวะปรากฏจากปลายใบมีด


 


– ฉันอยากให้นายหาว่า…


 


ผมฟังคำพูดของเขาอย่างเงียบ ๆ


 


– …ชีวิตของฉันบิดเบี้ยวจนถึงจุดนี้ได้ยังไงและใครทำกันแน่ทำมั้ยเขา


ถึงได้ ‘ไร้ความรู้สึก’ แล้วปฏิเสธการดำรงอยู่ของฉันอย่างเยือกเย็นขนาดนี้


 


เขาเขาพุ่งเข้ามาอย่างง่ายๆ สภาพแวดล้อมของผมเย็นลงพร้อมๆกันอุณหภูมิของพื้นที่ลดลงอย่างรวดเร็ว


 


คลิก


 


ความหนาวเย็นภายใต้กระดูกนั้นเอาชนะได้อย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือของ เอเธอร์ และผมเปลี่ยน Desert Eagle ให้กลายเป็น


ปืนไรเฟิลจู่โจม เป้าหมายของผมคือนักดาบต่อหน้าผม


ภายใต้โลกที่ช้าลงของ Bullet Time ผมเหนี่ยวไกไปที่ คิมชุนดง


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 15 เรือที่ถูกทอดทิ้งของ Genkelope]


 


ในทางกลับกันปาร์ตี้ของไอลีน ‘ไอลีนและเด็กๆ’ ในที่สุดก็มาถึงบนชั้นที่ 15 หลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย แม้ว่าชั้น 13 จะเป็นเพียงชั้นเดียวที่ยากจนสร้างปัญหาจริงๆก็ตามเพราะชั้นนั้นการจะผ่านได้คือการไม่ได้นอนเป็นเวลา 100 ชั่วโมงเป็นงานที่ยากสำหรับไอลีนซึ่งปกติจะนอนเยอะเป็นพิเศษ


 


“นี่มันอะไรกัน?”


 


อดีตที่ทำให้เธอร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กๆกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่มืดมนของเธอ ตอนนี้เธอยืนอยู่บนดาดฟ้ายานอวกาศอันกว้างใหญ่


ไอลีน บ่น จินเซยอน ผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างๆเธอตอบ


 


“ดูเหมือนว่าจะเป็นยานอวกาศบางชนิด”


 


“ฉันเห็นแล้ว”


 


ยานอวกาศส่งกลิ่นอายของภาพยนตร์ SF เนื่องจากมันมีความแตกต่างจากชั้นอื่นๆ ไอลีน จึงไม่คุ้นเคย แน่นอนเธอรู้ว่ามันโง่มากที่จะแสวงหาความคุ้นเคยในหอคอยแห่งนี้


 


“เอาล่ะไปกันเถอะ”


 


“ใช่.”


 


ปาร์ตี้ของ ไอลีน มีรูปแบบเดียวกันเสมอ ด้านหน้าเป็นไอลีนที่เล็กที่สุด แต่แข็งแกร่งที่สุดรองลงมาคือจินเซยอนและอียองฮาจากนั้นชินจองฮักอยู่คนสุดท้าย พวกเขาเดินอย่างช้าๆในขณะที่มองเห็นทิวทัศน์ลึกลับของชั้น 15


——————————————–2—————————————


บทที่ 370 ชั้น 20 (6)


 


“จริงสิ ฉันได้ยินมาว่าปาร์ตี้ของซูโฮก็เคลียร์ชั้น 13 แล้ว”


 


จินเซยอนพูดถึงราวกับว่าเธอเพิ่งนึกขึ้นได้


 


“พวกเขาเหรอ?”


 


ไอลีนตอบพร้อมคิดว่า ‘ฉันคิดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการปกป้อง Crevon มากกว่าการปีนหอคอย ฉันเดาว่าพวกเขาสามารถทำให้ทั้ง 2 อย่างสมดุลกันได้นะไม่งั้นพวกเขาพลาดอะไรดีๆเยอะแน่’


 


“ใช่แล้ว ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาฆ่า ‘คิเมร่า’ ลงแล้สด้วย”


 


“ …อะไรนะจริงๆเหรอ”


 


ในที่สุดไอลีนก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่พอเธอมองเห็นใบหน้าของ จินเซยอน เธอก็ขมวดคิ้วบอกเป็นนัยๆว่าเธอไม่มีความสุข


 


“ใช่.”


 


“ …นี่ไม่ใช่ตัวที่ 2 ของพวกเขาใช่ไหม”


 


“ถูกตัอง.”


 


ภัยพิบัติครั้งแรกที่จะถูกสังหารคือ ‘ไพตัน’ ซึ่งถูกสังหารโดยพรรคพวกของ ดอกบัวดำ ภัยพิบัติตัวที่ 2 ที่ต้องฆ่าคือ ‘เมดูซ่า’ ซึ่งถูกสังหารด้วยพรสวรรค์ ดาบศักดิ์สิทธิ์ของคิมซูโฮ ภัยพิบัติที่ 3 ‘มิโนทอร์’ เป็นไอลีนที่ถูกกำหนดให้มันศัตรูตั้งแต่แรกเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเอาชนะมันได้ในครั้งแรกที่พวกเขาต่อสู้กับมัน…แน่นอนไม่ผิดถ้าจะบอกว่าเธอแพ้ สุดท้ายแล้วไอลีนและพรรคพวกของเธอก็แทบจะไม่รอดจนต้องใช้


‘เวทมนต์ย้อนกลับ’ แต่ครั้งที่ 2 ที่สู้กันไอลีนชนะด้วยความช่วยเหลือจากนักธนูระดับสูงอย่าง จินเซยอน, เพลิงนรก อียองฮา และ ชินจงฮัก


 


“พวกเขาเอาชนะ คิเมร่า ได้ยังไง?”


 


“พวกเราทุกคนก็รู้ว่าพรสวรรค์ของ คิมซูโฮ มันเป็นของโกง”


 


ดาบศักดิ์สิทธิ์ – ความสามารถคือ ตัดได้ทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มันเป็นพรสวรรค์ชั้นยอดที่ทุกคนต้องการ ในขณะที่ ไอลีน และ จินเซยอน กำลังคุยกันอยู่นั้น อียองฮา ก็เข้ามา


 


“อ๊ะ แต่เฟนริลก็แข็งแกร่งเหมือนกันนะ เธอเคยเห็นเขามาก่อนใช่มั้ย เขาฆ่ามอนสเตอร์เหล่านั้นทั้งหมดได้ด้วยปืนของเขาได้ยังไง?”


 


“…ใช่. เขาหากระสุนพวกนั้นมาได้ยังไง?”


 


“ใครจะรู้? เขามีพรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับปืนดังนั้นจะแปลกอะไรถ้าเขาจะไม่สามารถสร้างพวกเขาได้ด้วยพรสวรรค์ของเขา”


 


“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น?”


 


เฟนริล เพิ่งทำลายล้างมอนสเตอร์ในเขต Crevon ทั้งหมด ความสำเร็จของเขาตั้งแต่วันนั้นยังคงถูกพูดคุยกันในชุมชน


 


“แต่นายพูดถูก ยองฮา เขามีอะไรบางอย่างจริงๆ ใครจะคิดว่าเขาจะเอาปืนของเขามาที่หอคอยพร้อมกับตั๋วสีดำ”


 


ในขณะนั้น…ตู้มมมมมมมม—! เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างฉับพลันและ


สิ่งมีชีวิตที่ดูแปลกๆก็ปรากฏขึ้นมาจากกระเบื้องบนพื้น 1 2 3 4 …มีอย่างน้อย 20 ตัว ไอลีนไขว้แขนและขมวดคิ้ว


 


“เอ้ย พวกนี้มันอะไร?”


 


คำว่า ‘น่ากลัว’ และ ‘ผิดปกติ’ อธิบายถึงพวกมันได้อย่างเหมาะสม


 


“พวกมันดูเหมือนจะเป็นศัตรูของพวกเราที่ชั้น 15 รูปร่างของพวกมันดูเหมือนกันเล็กน้อย…ไม่ดีเลย”


 


จินเซยอน ตอบเมื่อเธอเร่งพลังเวทมนต์ของเธอ ชินจงฮักก็ยกหอกของเขาขึ้นมาและในขณะที่ไอลีนกำลังจะเปิดใช้งาน วาจาสิทธิ์ของเธอเวทมนตร์พุ่งทะยานขึ้นมา


 


“… ?”


 


ในทันใดสภาพแวดล้อมเปลี่ยนเป็นสีขาว เมื่อหิมะพัดไปทั่วอากาศ


มันเป็นเวทมนตร์น้ำแข็งที่เรียบง่าย แต่พลังของมันก็ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย สิ่งมีชีวิตต่างดาวที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขากลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งก่อนที่จะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


 


“อะไรกัน…?”


 


ไอลีนและคนอื่นๆมึนงง


 


“พวกคุณสบายดีไหม…?!”


 


ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาหาพวกเขาและตะโกนอย่างร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่ใช้เวทมนตร์น้ำแข็งที่ทรงพลังเมื่อครู่ แต่เมื่อเธอเห็นไอลีนและคนอื่นๆใบหน้าของเธอก็เย็นชา


 


“เอ๊ะ?”


 


ไอลีนจำใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นได้


 


“คุณ เมเดีย?”


 


เธอเป็นผู้ดูแลระบบชั้น 3 – เมเดีย


 


‘ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ไม่อยู่ในชั้น 3 ?’ ในขณะที่ไอลีนกำลังคิดเช่นนั้น


 


“อาาาาาาาา-!”


 


เมเดีย กรีดร้องอย่างหงุดหงิด จากนั้นเธอจ้องมองที่ ไอลีน และคนอื่น ๆ ด้วยความโกรธ


 


“บ้าจริง เมื่อไรเขาจะกลับมาที่นี่กัน!”


 


เธอกระทืบเท้าและตะโกนเรื่องที่เข้าใจยาก ไอลีน และคนอื่นๆเฝ้าดูเธอพร้อมเครื่องหมายคำถามเหนือหัว


 


*************************************************************************


 


[ชั้น 20 กลกลวงแห่งความเจ็บปวด – สถานีสุดท้าย]


 


ผมออกมาข้างนอกหลังจากเอาชนะ ด็อปเปิลแกงเกอร์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมยังคงเป็นคิมฮาจินอยู่


 


“… .”


 


ผมมองลงไปที่ปืนในมือของผม ด้วยสิ่งนี้ผมฆ่าชายคนหนึ่งที่เหมือนผม


 


[คุณเอาชนะการทดสอบ ด็อปเปิลแกงเกอร์ของ ชั้น 20]


[คุณได้รับ ‘Guidance of the Foolhardy Mist’ เป็นรางวัล]


[ระวัง! สหายของคุณอาจถูกกลืนกินโดยคนเฝ้าประตูของพวกเขา]


[ระวัง! ขณะนี้การซิงโครไนซ์ 7%]


 


การซิงโครไนซ์ มันเริ่มต้นที่ 5% แต่เพิ่มขึ้นเป็น 7% ในขณะที่พวกเราต่อสู้กัน ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันเพิ่มขึ้นหรือเขาทำอะไรกันแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจะเกิดขึ้นภายในตัวผมเมื่อเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้น


 


“เฮ้ออออออออออออ… .”


 


ผมถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์ภายนอก ด้านนอกของชั้นที่ 20 เป็นสถานีรถไฟที่ว่างเปล่า ภายใต้ความมืดทึบทางรถไฟสีเทา


ทอดยาวไปทางซ้ายและขวาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมยืนอยู่ในความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่นี้ ผมมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรจริงๆนอกจากทางรถไฟ


 


ชิ…


 


เสียงของการเปิดประตูดังขึ้นและเสียงที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามาในหูของผม


 


“…นี่มันที่ไหนกันแน่”


 


เป็น ชอคจุนกยอง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนเขาจะมีความสุขมาก ด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบานเขาเข้าหาผม


มีประตูเปิดมากขึ้นเรื่อย ๆ จินโยฮาน, เจนและบอสออกมาจากข้างในพวกเขาต่างเอาชนะผู้ติดตามของพวกเขา แต่ดวงตาของผมมองไปที่บอสก็โดยธรรมชาติ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเธอจะรุนแรงที่สุดขณะที่เธอยืนพิงกำแพงสถานีและพูดพึมพำ ผมหันมามองเธอและจ้องไปที่สถานีว่างอีกครั้ง ไม่นานระบบแจ้งเตือนก็โผล่ขึ้นมา


 


[ยินดีต้อนรับสู่ย่านพักอาศัยของชั้น 20 ‘สถานีแห่งจุดสิ้นสุด’!]


 


“อะไรนะ? ย่านที่อยู่อาศัย?”


 


ชอคจุนกยอง ขมวดคิ้วของเขา


 


“สถานที่นี้แห่งนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัย?”


 


ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้นแสงปรากฏในสถานี สภาพแวดล้อมของพวกเราสว่างขึ้นทันทีเผยให้เห็นร้านค้า โรงแรม ม้านั่งและสำนักงานขายตั๋วที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความมืด


 


“เฮ้ คิมฮาจิน ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องไปที่สำนักงานขายตั๋วก่อนนะ”


 


ผมส่ายหัว สถานีแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นส่วนสุดท้ายของหอคอย การซื้อตั๋วเพียงใบเดียวไม่เพียงพอที่จะให้เราขึ้นเครื่องไป


 


“รถไฟต้องมาถึงที่นี่ก่อนพวกเราถึงจะขึ้นรถไฟได้ ยังเวลาอยู่”


 


“จริงเหรอ?”


 


“ลองถามระบบดู”


 


[รถไฟของสถานีนี้วิ่งเป็นระยะเวลา 3 เดือน]


[อีก 61 วัน 16 ชั่วโมงและ 33 นาทีจนกระทั่งรถไฟขบวนถัดไปมาถึง]


[ต้องมีแขกอย่างน้อย 100 คนถึงจะขึ้นรถไฟได้]


 


“… ?”


 


ผมรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลของระบบ เงื่อนไขสุดท้ายที่ต้องการแขกอย่างน้อย 100 คนเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในเนื้อเรื่องเดิม


 


“เฮ้ออออออออออออ … .”


 


ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น


 


สำหรับผมมีอย่างอื่นที่สำคัญกว่า


 


ผมมองดูบอส เธออยู่ไกลจากผมเมื่อเธอออกมาจากประตูเป็นครั้งแรก แต่เธอเข้ามาใกล้ผมก่อนที่ผมจะสังเกตเห็น เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเธอ ผมก็ไตร่ตรอง


 


ในอดีตเมื่อผมถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของ คิมชุนดง


ยูยอนฮา ได้กล่าวว่าเป็น ‘Chameleon Troupe’ ที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา


ยิ่งไปกว่านั้นภาพร่างที่เธอแสดงให้เห็นว่าคนพา คิมชุนดง ไปที่


สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชัดเจนว่าเป็น ‘บอส’ ในกรณีนี้บอสคงจะรู้ว่าใครใน Chameleon Troupe ที่ฆ่าพ่อแม่ของคิมชุนดง


 


“… ?”


 


ในขณะนั้นเองบอสจ้องมองมาที่ฉัน เธอเองก็คงจะรู้ว่าผมกำลังจ้องมองเธออย๔่ เธอปัดผมของเธอไว้ข้างหลังหูแล้วเงยศีรษะของเธอขึ้นมา


 


“… บอส.”


 


เมื่อได้ยินเสียงของผม บอสก็ปล่อยเสียงไอแห้งๆแล้วตอบ


 


“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”


 


ผมมองบอสและพูดต่อ


 


“ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่สามารถขึ้นไปต่ออีกแล้ว”


 


มันอาจไม่ใช่การสนทนาที่พวกเราต้องพูดกัน แต่มันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน อาจเป็นเพราะ ‘การซิงโครไนซ์’ ที่ระบบกล่าวถึง…หรืออาจเป็นเพราะคำขอร้องของ คิมชุนดง …


 


“พวกเราไปคุยกันแบบส่วนตัวได้มั้ย?”


 


ทำให้………….ผมอดทนรอไม่ไหว


บทที่ 371 ระยะเวลาการเตรียมการ (1)


 


[ชั้น 20 สถานีแห่งจุดจบ]


 


“พวกเราไปคุยกับแบบส่วนตัวได้มั้ย?”


 


ผมพูดกับบอสเพราะไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป บอสเงยหน้าของเธอด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็น


 


“เกี่ยวกับอะไรเหรอ?”


 


“… .”


 


ผมไม่ตอบ แต่บอสก็พยักหน้า


 


“โอเคพูดมาได้เลย”


 


“ไม่ใช่ที่นี่ มากับผมสักแปบ”


 


“หืม? ทำไมละ…?”


 


ผมจับข้อมือของเธอก่อนที่เธอได้ทำอะไร ดวงตาของบอสเบิกกว้างขณะที่เธอจ้องมองข้อมือที่ถูกจับผมดึงเธอไปที่ ‘คาเฟ่’ ทันที


 


“เดี๋ยวก่อน นาย….”


 


ความสงสัยภายในใจของบอสได้ถูกพูดออกมา


 


“ฉันไม่ใช่ ด็อปเปิลแกงเกอร์”


 


“… .”


 


ไม่ว่ายังไงผมก็มาถึงร้านกาแฟใกล้ๆกับบอส พวกเราจ่ายค่าที่นั่งและ


นั่งลงที่โต๊ะแล้วหันหน้าเข้าหากัน ในที่สุดพวกเราก็อยู่กับแบบ 2 ต่อ 2 ในร้านกาแฟ แต่บอสก็เงียบงัน ผมเองก็ไม่สามารถพูดเองออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่ผมไม่อยากหยุดไว้แบบนี้ความสงสัยของผมจะทวีคูณเหมือนเซลล์มะเร็งเพราะงั้นผมต้องทำให้มันถูกต้อง….


 


“…บอสคุณอยากได้การกาแฟไหม”


 


…แบบนี้ได้ไหมนะ.


 


สถานการณ์ไม่ถูกต้อง เวลาก็ไม่ดีเช่นกัน ผมต้องสร้างการสนทนาที่ดีเพื่อโน้มน้าวบอสให้ตอบกลับ ไม่มีใครในโลกที่จะตอบคำถามด้วยความจริงตั้งแต่แรก?


 


“กาแฟ…?”


 


“ใช่ เอาอะไรมั้ย”


 


ผมบังคับตัวเองให้ยิ้มออกมาและเสยผมซึ่งเปียกจากเหงื่อของผมเอง


 


“ฉันอยากได้อเมริกาโน่”


 


“โอเค ผมจะสั่งให้นะ”


 


ผมดึงหน้าต่างคำสั่งอัตโนมัติขึ้นที่โต๊ะและสั่งอเมริกาโน่ จากนั้นผมก็ดำเนินการต่อทันที


 


“อ่า ใช่แล้ว บอสคุณได้รับรางวัลอะไรบ้างจากการเอาชนะ


ด็อปเปิลแกงเกอร์?”


 


บอสมองมาที่ผมอย่างสงสัยและตอบสั้น ๆ


 


“…ลูกแก้วแห่งความคิด”


 


“โอ้ จริงเหรอ? มันทำอะไรได้บ้างละ?”


 


“ฉันบอกไม่ได้”


 


“ฮะ? ทำไม?”


 


“เพราะ…..นายจะขอมันไปจากฉันแน่ๆ”


 


“อืม……..ผมเคยทำแบบนั้น..เมื่อ…อะแฮ่ม”


 


ผมได้รับรางวัลทั้งหมดที่เธอได้รับจากทัวร์นาเมนท์แห่งการต่อสู้ทำให้ผมได้รับ ‘ยาพิษแห่งอารมณ์’ ซึ่งเป็นไอเท็มที่บอสไม่ต้องการจะมอบให้ผม ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง…อย่างไรก็ตามในอีก 45 นาทีข้างหน้าผมยังคงพูดคุยเรื่องไร้สาระไปเรื่อยและไม่เคยพูดถึง ‘เรื่องนั้น’ พร้อมได้แต่หวังว่าสักวันคงมีโอกาส


 


ผมมันเป็นคนงี่เง่าแบบนี้ละ


*************************************************************************


 


[ชั้น 8-3 กำแพงด้านตะวันออกของ Crevon]


 


หลังจากที่ประตูขึ้นสู่ชั้นที่ 9 เปิดขึ้นฝูงมอนสเตอร์จำนวนมากก็หลั่งไหลเข้าสู่ Crevon ทุกวัน ผู้เล่นสามารถหยุดพวกมันไว้ได้จนถึงขณะนี้


แต่เมื่อสงครามยืดเยื้อผู้คนจำนวนมากก็เริ่มจาก Crevon เพื่อปีนหอคอย


 


เป็นผลให้ระดับบนของราชวงศ์ Crevon อยู่ในความทุกข์จากสถานะที่อ่อนแอของกองกำลังของพวกเขา แต่ในการต่อสู้ป้องกันของวันนี้


มือใหม่ก็เข้ามามีชื่อเสียง เธอมีทักษะอย่างมากจนถึงจุดที่คำว่า


‘มือใหม่’ ไม่เหมาะกับเธอ


 


“คุณจะรักษาคำสั่งของคุณได้อีกนานแค่ไหน?”


 


คำถามนี้มาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ Crevon เขาชี้ไปที่สิ่งมีชีวิตที่ยืนอย่างมั่นคงเหนือกำแพงปราสาท มอนสเตอร์อัญเชิญซึ่งมีลักษณะคล้ายเต่ายืนเหมือนภูเขาและผิวหนังสีเทาที่แข็งแก่รงของมันนั้นแข็งเหมือนก้อนหิน


 


ตอนนี้การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ในระหว่างการต่อสู้มันมีความว่องไวกว่าตัวอื่นๆ บางครั้งมันจะจัดการกับศัตรูด้วยร่างกายอันมหึมาของมันและทำลายกลุ่มที่รวมตัวกันอยู่ บางครั้งมันก็อ้าปากกว้างแล้วปล่อย


‘ลมหายใจเยือกแข็ง’ ซึ่งจะทำให้ศัตรูทั้งหมดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ออกมา


 


“การอัญเชิญที่ทรงพลังนั้นยากที่จะรักษาสภาพเอาไว้ได้นาน”


 


“…หากตรงตามเงื่อนไขบางประการ มันสามารถอยู่ได้อย่างถาวร”


 


อาแฮอิน ตอบเบาๆเพราะความพยายามอย่างต่อเนื่อง


– การฝึกอบรมและการทำสมาธิ – เธอฟื้นฟูความสามารถของเธอได้


ครึ่งหนึ่งแล้วและสามารถอัญเชิญก็กลัยมาสู่ระดับสูงแล้ว


 


“ถาวร…?”


 


แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่กล้าเชื่อคำพูดของเธออย่างง่ายดาย Crevon มี ‘โรงเรียนจอมเวทย์’ 7 ที่ทำหน้าที่คล้ายกับหอคอยเวทมนต์ของโลก – มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เก่งกว่าพวกเขา


– และเขารู้ว่า ‘การอัญเชิญ’ เป็นสนามแห่งเวทมนตร์ที่ล้าหลังใน


ยุคปัจจุบัน


 


“สิ่งที่ฉันหมายถึงคือถ้าคุณสามารถวางหินมาน่าใกล้กับเต่าสีดำที่ฉันเรียกออกมา ฉันสามารถเรียกเขาได้ตลอดทั้งวัน”


 


เต่าคะนอง เช่นเดียวกับ มังกรฟ้า 1/4 ผู้พิทักษ์ Crevon จากเทพนิยายตะวันออกและสิ่งมีชีวิตในตำนานเป็นสัตว์เทพท่ามกลางสัตว์ที่ถูกอัญเชิญระดับสูง แม้ว่ามันเป็นสมาชิกที่อ่อนแอที่สุดของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 แต่ก็เป็นเพื่อนสนิทของ อาแฮอิน นับตั้งแต่ที่เธอเรียกเขาออกมาได้เป็นครั้งแรกในช่วงต้นยุค 2000 ของเธอ


 


“โอ้! นั่นมันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!”


 


“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ใช่เลย”


 


“แต่ในกรณีนั้น-“


 


“คุณสามารถพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับรายละเอียดได้เลย”


 


ยูยอนฮา ยิ้มและแทรก อาแฮอิน กับการสนทนาของรัฐมนตรี เธอได้ฟังพวกเขาอย่างเงียบๆและก้าวขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่าการเจรจากำลังจะไปยังขั้นตอนต่อไป


 


“พวกเราจะต้องหารือเกี่ยวกับข้อกำหนดโดยละเอียด พวกเราไม่ได้เป็นอาสาสมัครทำงานนะ”


 


คำพูดของเธออ่อนโยน แต่ตรงประเด็นในความตั้งใจของพวกเธอ รัฐมนตรีจ้องมองที่ ยูยอนฮา จากนั้นศึกษาใบหน้าของ อาแฮอิน


อาแฮอิน เองก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน


 


“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นเข้าไปในพระราชวังเพื่อพูดคุยกันต่อไปเถอะ”


 


“พระราชวัง อธารอส….เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”


 


เมื่อได้ยินคำพูดของ ยูยอนฮา เสียงหัวเราะก็ดังมาจากปากรัฐมนตรีและเขาก็เรียกรถของเขา ในไม่ช้ารถม้าจาก 1 / 3 แบรนด์รถม้าที่ใหญ่ที่สุดของ Crevon ‘แบร์นเลก’ และม้าที่ยอดเยี่ยมทั้ง 3 นั้นมีความแข็งแกร่งเท่ากับม้า 300 ตัวรวมกันเป็นสายลม


 


“เชิญเข้าไปนั่งได้เลย”


 


“พวกเรากำลังจะไปแล้วเหรอ?”


 


“ แน่นอนทำไมละ”


 


ยูยอนฮา และ อาแฮอิน ขึ้นรถม้า ต้องขอบคุณเวทมนต์แห่งการขยายพื้นที่ ภายในรถจึงมีพื้นที่กว้างขวางกว่าอย่างน้อย 3 เท่าเมื่อมองจากด้านนอก แน่นอนว่าการขับขี่นั้นสะดวกสบายมาก ผู้หญิง 2 คนคือ


อาแฮอิน และ ยูยอนฮา นั่งเคียงข้างกันและจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง รถเริ่มเดินทางอย่างราบรื่น ยูยอนฮา เริ่มไตร่ตรองเกี่ยวกับสิ่งที่และสิ่งที่จะไม่ยอมแพ้ในระหว่างการต่อรองกับราชวงศ์ในขณะที่


อาแฮอิน ได้เปิดชุมชน ‘โจรที่เรียนรู้ที่จะขโมยเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด’ สุภาษิตนั้นพอดีกับอาแฮอินอย่างสมบูรณ์ ชุมชนเป็นโลกใหม่ของ


อาแฮอิน ที่ไม่เคยใช้โซเชียลมีเดียมาก่อนบนโลก


 


AhHaeInHaeIn : 「ผู้เล่น พลาโบ คือ…เฮฮามาก…ㅎㅎ…


ฉันคิดว่า…ปุ่มท้อง…กำลังจะ…แตก…เหมือนกัน! …ㅋㅋ」


 


ในฐานะที่เป็น ยูยอนฮา ดู อาแฮอิน เขียนความคิดเห็นข้างต้นเป็นความคิดฉับพลันข้ามใจของเธอ ‘เธอดูเหมือนวัยรุ่นเมื่ออยู่ข้างนอกแต่จริงๆอยู่ในวัย 30 ปี’


 


“อืม เจ้าหญิง อาแฮอิน”


 


เมื่อไม่นานมานี้ คิมฮาจิน ได้ถามคำถามกับเธอ


 


“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”


 


ถ้ามีคนบอกว่าเธอรู้จักอาจารย์ที่เก่งในเรื่องเวทมนตร์ แต่ก็สามารถเก็บความลับและซื่อสัตย์เอาไว้ได้ เป็นเมื่อก่อนเธอคงว่า ‘ไม่มี’ ท้ายที่สุด


คนที่เข้มแข็งก็ก็ไม่อาจซื่อสัตย์ได้ในเวลาเดียวกันได้ อย่างไรก็ตาม …


 


“คุณมีแผนจะรับลูกศิษย์ไหม?”


 


“…ลูกศิษย์?”


 


อาแฮอิน ขมวดคิ้วด้วยคำถามฉับพลัน


 


“ใช่ ฉันรู้ว่ามันฉับพลัน แต่ความคิดนี้เพิ่งปรากฏในจิตใจของฉัน


อ้อมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แค่เพื่อนของฉันคนหนึ่งบอกฉันว่าเขาเจอจอมเวทย์ที่มีพรสวรรค์สูงมาก”


 


“………………”


 


อาแฮอิน ไม่ตอบและก็จ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ผู้หญิงตัวเล็กที่มีหัวเล็กโน้มตัวเข้าหาหน้าต่างรถอย่างระแวดระวัง จากมุมมองของผู้อยู่ใกล้ๆเธอดูเหมือนสาวน้อยน่ารัก ‘ไม่เป็นไร เธอต้องไม่เป็นไร’ ยูยอนฮา ตัดสินใจเลิกคิดโดยไม่คิดมาก ทันใดนั้น อาแฮอิน ก็พึมพำ


 


“…ฉันไม่ยอมรับ ศิษย์”


 


“อืม ใช่ ฉันเข้าใจแล้ว.”


 


ยูยอนฮา ถอยกลับโดยไม่ลังเล แต่ อาแฮอิน ยังคงจ้องมองที่ ยูยอนฮา เธอดูค่อนข้างไม่พอใจและ ยูยอนฮา ตระหนักว่าเป็นเพราะเธอไม่ได้ถามว่า ‘ทำไม’


 


“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันจะถามคุณว่าทำไม”


 


“เฮ้ออออออออออ….”


 


เธอถอนหายใจด้วยการแกล้งทำและมองดูออกไปไกลๆ


 


“ฉันเคยมีลูกศิษย์”


 


ดวงตาของเธอระลึกถึงอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วเมื่อเธอยังดูอ่อนวัย เมื่อก่อนเธอมีลูกศิษย์


 


“ศิษย์นั่นเป็นปีศาจในตอนนี้”


 


“………”


 


ยูยอนยอนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม มันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จอมเวทย์ที่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษาและการวิจัยได้สัมผัสกับการล่อลวงของปีศาจได้อย่างง่ายดาย ด้วยเหตุนี้กฎหมายจึงกำหนดให้มี


‘อุปกรณ์ตรวจจับพลังงานปีศาจ’ ในหอคอยเวทมนต์ทุกแห่งและในบ้านของจอมเวทย์ระดับ 5 ดาวขึ้นไป


 


“ฉันขอโทษ. ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น”


 


“…ไม่มีปัญหา. แต่จอมเวทย์คนนี้มีความสามารถขนาดไหนกันถึงทำให้เธอขอให้ฉันสอนเขา”


 


“ก็ดี จากที่ฉันรู้…จอมเวทย์คนนี้จะขึ้นไปแข่งขันกับคุณได้ภายใน 5 ปี”


 


แน่นอนว่าคิมฮาจินไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น ยูยอนฮา แค่คิดว่าถึงเวลาที่สมควรแล้วอยากยั่วยุเธอซะหน่อย


 


“ช่างชั่วร้ายเหลือเกินนะเธอ”


 


แต่ อาแฮอิน ทำรอยยิ้มเหมือนผู้ใหญ่


 


“ใช่แล้วมันฟังดูค่อนข้างไร้สาระ”


 


‘ตอนแรกก็คิดว่ามันไม่ได้ผลกับ อาแฮอิน จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือระดับ 7 ดาว แต่เหยื่อก็ติดกับแล้วสิ…’ …รถม้ายังคงนิ่งสงบต่ออีก 5 นาที


 


“เพื่อนของเธอชื่ออะไร”


 


ทันใดนั้น อาแฮอิน ก็พูดขึ้นมาเหมือนแกล้งถาม ยูยอนฮา ระงับรอยยิ้มเอาไว้และตอบเธอ


 


“โอ้ ขออภัย? นั่นเป็นความลับ เขามีสิทธิ์ที่จะได้รับความเป็นส่วนตัวของตัวเอง”


 


“…………”


 


อาแฮอิน พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร จอมเวทย์ระดับ 8 ดาวผู้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นจอมเวทย์ 9 ดาว พักคางของเธอไว้บนมือราวกับคิดคำพูดของ ยูยอนฮา


 


“อืมมมมม 5 ปี งั้นเหรอ?”


 


จากนั้นเธอก็เยาะเย้ยและบ่น


 


“5 ปี….ที่น่าสนใจ”


 


“…เฮ้ออออออออออออออออ”


 


ถัดจากเธอ ยูยอนฮา ยิ้มอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าเธอจะประสบความสำเร็จในการอนุญาตคำขอของเขาอีกครั้ง


 


***********************************2*************************************


บทที่ 372 ระยะเวลาการเตรียมการ (2)


 


[ห้องพักของผู้เล่น Extra7]


 


อีก 4 ชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์บนชั้นที่ 20 ผมกำลังนอนอยู่


บนเตียง ในห้องพักคิดถึงการมีอยู่ของคิมชุนดงและชีวิตของเขาที่ผมใช้ในตอนแรกผมคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญจริงๆเพราะนี่ไม่ใช่ชีวิตของผม และบางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็ได้เพราะสุดท้าย คิมชุนดง และผมก็ต้องแยกจากกัน


 


“…เป็นเพราะการซิงโครไนซ์หรือเปล่า”


 


แต่การเผชิญหน้าของผมในวันนี้กับ คิมชุนดง เปลี่ยนมุมมองของผม แน่นอนว่าผมไม่คิดที่จะต่อว่าอะไรใน ‘การซิงโครไนซ์’ เพราะยังไงแล้ว


สุดท้ายผมก็เป็นคนที่ยืมชีวิตของ คิมชุนดง มาผมควรจะรับผิดชอบชีวิตของเขาอย่างมีจริยธรรมบางไม่ใช่เหรอ?


 


แต่ในเวลาเดียวกันจิตใจของผมก็ทรุดหนัก คิมชุนดง บอกกับผมว่า


พวกเราจะได้พบกันอีก สัญชาตญาณของผมบอกผมว่านั่นจะเป็นจุดสิ้นสุดของผม ในวันนั้น คิมชุนดง ซึ่งเป็น คิมฮาจิน จะกลับมาเป็น


คิมชุนดง อีกครั้งและ คิมฮาจิน จะกลับสู่โลกเดิม


 


“…………………”


 


ผมจ้องมองที่เพดาน


 


โลกที่ผมอยู่มา 26 ปี มีเพื่อน อพาร์ทเมนต์เล็กๆ 1 ห้อง พร้อมนิยายที่ผมแต่ง นามปากกาของผมและที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ที่รักของผม


ที่นั่นผมไม่มีอะไรนอกจากเป็นคนธรรมดา


 


แต่ที่นั้นในโลกใบนี้ที่ผมอยู่มาเกือบ 6 ปีผมมีมากทั้ง เงินทอง


ความแข็งแกร่ง อำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ และ….


 


บอส :「ฮาจิน」


 


ข้อความของบอส มาในเวลาที่ดีเนื่องจากผมกำลังจะถูกกลืนหายไปกับความซึมเศร้า


 


“หะ?”


 


สำหรับเนื้อเรื่องตอนนี้มีแขกคนอื่นๆ ในห้องพักของผม: เจน จินโยฮาน ชอคจุนกยอง บอสและแม้แต่ เกอิต้า ผมคิดว่าพวกเขาทั้งหมดตอนนี้ปาร์ตี้กันอยู่ในห้องนั่งเล่น


 


ผม :「คุณไม่ดื่มเหรอ? ผมได้ยินว่า เกอิต้า เอาไวน์ดีๆมาให้」


 


บอส: 「ฉันไม่ชอบแอลกอฮอล์น่ะ.」


 


ผมยิ้มกว้าง ข้อความนี้เป็นเรื่องโกหก บอสชอบดื่มเหล้า ไม่ใช่ว่าเธอไม่มึนเมา แต่เธอเป็นนักเลงตัวจริงที่มีความสุขกับรสชาติของแอลกอฮอล์ที่สุกแล้ว


 


บอส: 「นายกำลังทำอะไรงั้นเหรอ」


 


ผม:「ฉันกำลังจะนอนแล้ว」


 


บอส: 「…อืมมม ผมเห็นㅋ – ㅋ」


 


อาจเป็นเพราะบอสใช้ช่องข้อความบ่อยขึ้นดูเหมือนว่าเธอเลือกวิธีใช้


อิโมติคอน แน่นอนว่าเธอไม่สามารถเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง


เจ้าหญิงอังกฤษผมบลอนด์ ทันใดนั้นผมก็อยากรู้ว่าบอสอยู่ที่ไหนและมองไปรอบๆ


 


“หืม?”


 


เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องพักถัดไปแตะช่องข้อความสารของเธอ


ตรงกันข้ามกับที่เธออ้างว่าเธอไม่ชอบแอลกอฮอล์ขวดไวน์ที่ เกอิต้า


นำมาวางไว้บนลิ้นชักถัดจากเตียงของเธอ นอกจากนี้ยังมี ‘ลูกแก้ว’


เล็กๆบนตักของเธอ


 


“นั่นจะต้องเป็น [ลูกแก้วแห่งความคิด]….”


 


‘เธอใช้มันไปแล้วเหรอ?’ ผมเอา Smart Watch ออกมาและตรวจสอบไอเท็ม


 


===


[Lv.??? ลูกแก้วแห่งความคิด]


– แก้ไขเงื่อนไขและกู้คืนอดีตที่คุณเคยผ่านมาภายใน 60 นาที


– ความคิดของคุณสามารถเปลี่ยนเป็นจริงได้แม้แต่ความจริงที่เป็นไปไม่ได้ที่สุด


– สามารถใช้งานได้ 2 ครั้ง


===


 


“บอส คุณใช้ ลูกแก้วแห่งความคิด ไปแล้วเหรอ?”


 


บอส「? ไม่นะ ยังไม่ได้ใช่ ฉันจะใช้มันภายหลังตอนที่ฉันต้องการมันจริงๆ」


 


ผมยิ้มด้วยท่าทางมีชีวิตชีวาของข้อความและการเคาะผนัง บอสกำลังแตะช่องข้อความโดยใช้ 2 นิ้วสั่นๆและเงยหน้าขึ้นมองว่าเสียงมาจากไหน


 


“คุณจะไม่นอนเหรอ”


 


– …งื้ม. ฉันกลัวนะ. ฉันจะนอนแล้วละ ฮาจินเป็นยังไงบ้างละ


 


เสียงของเธอดูใจดี


 


“ฉันจะเข้านอนแล้ว”


 


– อืมมมม…ผมเข้าใจ. ผมจะหยุดส่งข้อความถึงคุณแล้ว


 


“โอเค.”


 


– ราตรีสวัสดิ์.


 


เสียงของเธอทำให้ผมนอนหลับตาลงอย่างสบายๆ


 


‘ลืมเรื่องโรคแทรกซ้อนทั้งหมดและแค่หลับอย่างมีสงบสุข …. ‘


 


*************************************************************************


 


วันถัดไป.


 


ผมตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าลงไปที่ชั้น 15 เห็นได้ชัดว่าพวกเราไม่สามารถท้าทายชั้น 20 ได้ในทันทีดังนั้นผมจึงตัดสินใจพัฒนา


[Genkelope’s Vessel] ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยท้าทายชั้นที่ 20 ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามเมื่อผมมาถึงพื้นที่ 3


 


“…มันอะไรน่ะ?”


 


…มีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น ผมอยู่ในพื้นที่ 3 อย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่มีผู้ดูแลระบบ 5 คนที่มาหาผม จากรูปลักษณ์ของพวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะตามกลิ่นหอมของหมาป่า …


 


“เธอไม่สามารถวัดค่า กลิ่นหอมของหมาป่า ด้วย TP ได้ดังนั้น”


 


“อย่างที่ฉันพูด เขาตกลงจะมอบมันให้ฉันแล้ว”


 


อย่างแรกคือ ‘ซิแมต’ ผู้ดูแลชั้น 7 เขาได้นำหุ่นยนต์ชนิดหนึ่งมากับเขาเพื่อเจรจากับผม คือ ซิแมต และ เมเดีย


 


“นายยังไม่ถึงชั้น 21 ใช่มั้ย นั่นคือพื้นที่ของฉัน ฉันจะช่วยนายเอง”


 


คนที่พูดแบบนี้คือ ‘เซริโกะ’ แต่เธอไม่สำคัญ เริ่มจากชั้นที่ 20 ไปจะมีการมอบหมายผู้ดูแลระบบ 3~4 คนให้กับแต่ละชั้น เซริโกะ เป็น 1 ใน


ผู้ดูแลระบบของชั้นที่ 21 และทำหน้าที่ทำตามคำสั่ง


 


“ฉันอยากทราบชื่อของนาย….”


 


ผู้ดูแลระบบคนที่ 4 คือ ‘แอนโดรมาคี’ เธอกำลังจ้องมองผมอย่างทรงเสน่ห์ แต่ผมก็ไม่สนใจเธอ ผู้ดูแล คนที่ 5 และคนสุดท้าย ‘อเฮน่า’


ผู้ดูแลชั้น 23 ได้แต่จ้องมองผมอย่างเงียบ ๆ


 


เฮ้ออออออออออออออออ—


 


ผมถอนหายใจขณะที่จ้องมองผู้ดูแลระบบที่พูดคุยกับผมในครั้งเดียว พลังเวทมนต์นั้นฝังอยู่ในเสียงของผู้ดูแลระบบและผมเริ่มรู้สึกคลื่นไส้เพียงแค่ฟังพวกเขา


 


เมื่อผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไปผมก็นำ [กลิ่นหอมของหมาป่า] ออกมาจากคลังของผม เมื่อเสื้อคลุมที่สวยงามปรากฏขึ้นทุกคนก็หยุดพูด


 


อึก.


 


มีเพียงเสียงของการกลืนน้ำลายดังขึ้น


 


“ถูกต้องแล้วนายเล่าให้พวกเขาฟัง นายอยากที่จะมอบให้ฉันใช่ไหม?”


 


เมเดีย ถามด้วยการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ผมไม่สนใจเธอ ผมเริ่มคำนวณในหัวของผม ผู้ดูแลระบบเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าของ [กลิ่นหอมของหมาป่า] นี้คือ…ซิแมต เจ้าของชั้น 7


ผมส่งเสื้อคลุมไปยังซิแมต


 


“…หาาาาาาาาาาาาาาาาา?”


 


เมเดีย ได้แต่พูดพยางค์เดียวและ ซิแมต ยิ้มเบา ๆ


 


“เป็นทางเลือกที่ดี.”


 


“อย่างไรก็ตามมีไอเท็มที่ผมต้องการอยู่”


 


“อะไรงั้นเหรอ?”


 


“ใช่.”


 


ผมพูดถึงความคิดของผมในตอนนี้


 


“ไม่มี AI ประสิทธิภาพสูงที่ชั้น 7 เหรอ”


 


“ก็มีอยู่”


 


“ช่วยผมใส่ AI ไปที่เรือลำนี้ เรือลำนี้ต้องการมัน”


 


“…อืม?”


 


ซิแมต เริ่มคิดขณะที่ เมเดีย รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะล่มละลาย ซิแมต มองที่ เมเดีย และตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาต้องการเสื้อคลุมตัวนี้ก่อนที่เธอจะทำอะไรที่ไม่คาดคิด


 


“ใช้ได้ แต่นายไม่สามารถได้รับบริการที่จะซื้อของจากศูนย์อัพเกรดฟรี นั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถทำได้ เพราะมะนเป็นสิทธิ์พิเศษของชั้น 7 ไม่ใช่ของหุ่นยนต์”


 


“ไม่มีปัญหา. ฉันแค่อยากให้ AI ติดตั้งบนเรือลำนี้”


 


“ถ้างั้นมาทำสัญญากัน”


 


ซิแมต หยิบเครื่องเล็กๆ ที่ดูเหมือนมือถือออกมา เขาใช้มันเพื่อโทรออกและทันใดนั้น Portal ขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา หุ่นยนต์ตัวอื่นออกมาจาก Portal มันกำลังถือชิป AI อยู่ในมือ


 


“นี่คือชิป AI”


 


“ขอบคุณ.”


 


ผมได้รับชิปจาก AlphaGo และส่ง กลิ่นหอมของหมาป่า ไปยัง ซิแมต


ติ้งงงงงงงงง


 


– ช่วงเวลาที่การค้าของเราสิ้นสุดลง เมเดีย ทรุดตัวลงบนพื้นไม่สามารถทนต่อความเศร้าโศกและความโกรธเคืองของเธอเอง


 


“ฉัน ฉัน…หนึ่งเดือน…ที่นี่…สูญเปล่า …”


 


เมื่อพูดถึงเรื่องไร้สาระของ เมเดีย ด้วยความตกใจ ซิแมต ก็ดูพอใจที่ ได้รับ กลิ่นหอมของหมาป่า


 


“ข้อตกลงที่ดี.”


 


ด้วยสิ่งนั้นเขาเข้าสู่ Portal และออกไป


 


“นายจะเสียใจกับสิ่งนี้ เตรียมตายบนชั้นที่ 21”


 


“นายเลือกผิด”


 


เซริโกะ และ แอนโดรมาคี กลับไปที่ชั้นของพวกเธอ เหลือเพียง เมเดีย และ อเธน่า ผมส่งชิป AI ให้กับ โฮเนอร์ เป็นครั้งแรก


 


“โฮเนอร์… ?”


 


“รับทราบ ผู้บัญชาการเรือ”


 


“เสียบนี่เข้ากับเรือ”


 


ด้วยชิป AI นี้ [เรือของ Genkelope] จะจดจำ ‘ผม’ ในฐานะเจ้าของได้อย่างสมบูรณ์


 


“ใช่ ฉันจะทำให้มันสำเร็จ”


 


“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด-!”


 


ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังจนสามารถทำให้กระจกหน้าต่างแตกดังออกมา โฮเนอร์ และผมปิดหูของพวกเราแล้วหันหลังกลับไปมอง


 


“นั่นอะไรน่ะ?”


 


“แก แกคิดอะไรอยู่!”


 


เมเดีย กระโดดขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่ผม


 


“จะทำอะไรน่ะคุณ?”


 


“แกบอกว่าจะให้มันเป็นของขวัญกับฉัน แก แก ไอ้สารเลว-!”


 


“ก็คุณบอกว่าคุณไม่ต้องการมัน”


 


“นะ-นั่นคือ…เพราะนาย ฉันเลย สูญเสียสถานะการมีอยู่ของฉันไปเป็นเดือน -!”


 


เมเดีย แสดงความโกรธของเธออย่างชัดเจน แม้คุณอาจจะคิดว่า


‘มันแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น’ แต่ เมเดีย เป็นผู้หญิงที่โลภและเริ่มคิดว่า


กลิ่นของหมาป่าจะเป็นของเธอตั้งแต่แรก ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้


‘เกี่ยวอะไรกับ’ 1 เดือน แต่ถ้าผู้ดูแลระบบออกจากพื้นไปนานเกินไปสิ่งที่เรียกว่า ‘สถานะการดำรงอยู่ของผู้ดูแลระบบ’ จะค่อยๆลดลง ดังนั้นเธออาจพูดถึงเรื่องนั้นอยู่


 


“แก แกอย่าฝันที่จะก้าวเข้าสู่ เพรสทีจ อีกครั้ง”


 


“ผมจะทำให้คุณใหม่ สิ่งที่ดีกว่า”


 


“แม่งเอ้ย ไอ้บ้า! ดีกว่างั้นเหรอ อะไรนะ….คือ…หา…?”


 


เมเดีย หน้าแดงสักครู่และ กะพริบตารั่วๆจากนั้นเธอเอียงศีรษะของเธออย่างงุนงง


 


“ดีกว่าเหรอ?”


 


“ใช่. ผมได้รับสิ่งนี้จาะการชนะเอาการแข่งขันฝีมือ”


 


ผมแสดงสิ่วของ ฮิฟีสตัส ร่างกายของเธอสั่นสะท้าย


 


“ผมสามารถทำเสื้อผ้าที่สวยกว่าด้วยสิ่งนี้ได้…. โอ้เมื่อกี้คุณพูดอะไรกับผม แม่งเอ้ยไอ้บ้าเหรอ?”


 


ผมแกล้งทำเป็นไม่พอใจ


 


“แม้ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนเลว แต่มีคนน้อยที่โดนด่าแล้วไม่โกรธ”


 


ผมพูดอย่างนั้นเมื่อผมจ้องมองไปที่ เมเดีย เมเดีย มองมาที่ผมอย่าง


ว่างเปล่า…จากนั้นก็ยิ้มอย่างอดสู

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม