The Divine Nine Dragon Cauldron 432-436
ตอนที่ 432
หลายวันต่อมา ที่ระยะล้านลี้ห่างจากเกาะคลื่นคราม
ลึกใต้ท้องทะเล ที่หุบเขาใต้วารี มีถ้ำมากมายติดอยู่กับกำแพงหิน มันมืดสนิทไม่เคยได้รับแสงตะวันเกินกว่าหมื่นปี ยังมีความเย็นสุดขั้วเมื่อลงลึกลงไป หลุมดำสนิทมากมายทำให้ทางเข้าถ้ำเหมือนกับปากยักษ์ที่รอกลืนกินสิ่งที่ผ่านไปผ่านมา
ซือหยูอยู่ที่เหนือหุบเหวนี้ เขารวบรวมพลังวิญญาณเพื่อปกป้องร่างกาย เขาแอบใช้เนตรวิญญาณเพื่อมองดูข้างใน
น่าแปลกที่เนตรวิญญาณของเขามองผ่านพลังหยินอันเยือกเย็นที่มีอยู่ข้างในไม่ได้! เขาเห็นแค่เพียงม่านวารีบางๆด้านนอกของแต่ละถ้ำ ยิ่งถ้ำใหญ่เท่าใดก็จะยังมีม่านวารีมากขึ้น ถ้ำที่ตื้นสุดจะมีม่านวารีหนึ่งชั้น ส่วนถ้ำใหญ่ยักษ์นั้นมีมากถึงสี่ม่าน! ม่านเหล่านั้นสลายพลังของเนตรวิญญาณออกไป
“ผนึก!”
ซือหยูอุถทานออกมาและหยุดใช้เนตรวิญญาณโดยไม่ลังเล
ฉีหมิงเก็บสมบัติเทพเอาไว้
“พวกเจ้าทุกคนรู้หรือไม่ว่าที่นี่เคยเป็นอะไรมาก่อน?”
ซือหยูกับเจิ่งปิงเงียบกริบและมองถ้ำประหลาดโดยไม่พูดอะไรออกมา แต่ชิงจู้เหิงนั้นเลิกคิ้วและพูดออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“หรือว่าที่นี่จะเป็นต้นกำเนิดตระกูลกุย? ห้องใต้ดินพันภูติ?”
ฉีหมิงแสดงการยอมรับ
“แม่นางชิงความรู้กว้างขวางนัก ที่นี่คือต้นกำเนิดของตระกูลกุยอย่างที่เจ้าว่า! ว่ากันว่ามันคือที่อยู่ของตระกูลกุยในครั้งโบราณ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ พวกเขาย้ายไปยังตอนใต้ของทวีปและทิ้งที่นี่เอาไว้”
ทุกคนเหลือบมองซือหยู ราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นมีสายเลือดปีศาจของตระกูลกุย ทั้งทวีปรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
ฉีหมิงพูดต่อ
“สมุนไพรบาดาลอมตะคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลกุย มีแค่การใช้พลังปีศาจของตระกูลกุยเท่านั้นที่จะทำให้เกิดการหล่อเลี้ยงสมุนไพรขึ้นมาได้! แม้ที่นี่จะถูกทิ้งร้าง พวกเราก็สืบเรื่องราวมาแล้ว ไม่มีใครมาที่นี่มาหลายยุคแล้ว! พวกเรากังวลว่าจะมีพลังปีศาจอยู่ที่นี่ พลังนั้นจะทำให้เกิดการกำเนิดของสมุนไพรบาดาลอมตะได้ ถ้าอยากจะได้สมุนไพรนั่น เราก็ต้องเข้าไป”
ทั้งกลุ่มมองหน้ากัน หลังจากที่หารือกันชั่วครู่พวกเขาก็พยักหน้ายินยอม ถ้าไม่มีใครเคยมาที่นี่เลยตลอดหลายยุคที่ผ่านมา สมุนไพรบาดาลอมตะก็น่าจะมีโอกาสเติบโตที่นี่
ฉีหมิงมองถ้ำที่อยู่ตรงกลางอย่างคาดหวัง
“ข้าอ่านตำรามาถึงได้รู้ว่าถ้ำกลางจะนำพาไปยังแท่นบูชายัญของตระกูลกุย ที่นั่นจะเป็นที่ที่ตระกูลกุยใช้ขอพรกับสวรรค์และมีพลังภูติอยู่มาก ที่นั่นมีโอกาสสูงสุดที่จะมีสมุนไพรบาดาลอมตะ”
เจิ่งปิงละสายตาไป
“เช่นนั้นข้าจะขอพูดก่อน ก่อนพวกเราไปถึงแท่นบูชายัญ เราจะไม่จู่โจมกันเอง! ถ้าได้เจอกับสมุนไพรบาดาลอมตะเมื่อใดก็จะเป็นเรื่องของพลัง ถ้าใครแหกกฎชิงลงมือก่อน สามคนที่เหลือจะร่วมมือกันสังหารคนคนนั้นทันที!”
ทั้งสี่มองหน้ากันและยอมรับ หากยังไม่พบสิ่งที่ต้องการจะตามหา การสังหารกันเองก็ยังถือว่าเร็วเกินไป
“ถ้าทุกคนเห็นด้วย ก็เอาตามนั้น”
ฉีหมิงหัวเราะ
“มีม่านผนึกสี่ชั้นปิดถ้ำเอาไว้! มันแข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าเราบุกเข้าไปโดยไม่ระวังและทำให้ผนึกทำงาน เราจะถูกสังหารเพราะผนึก!”
เขามองดูผนึกและริมฝีปากบิดเบี้ยว
“ข้าไม่ได้โกหกพวกเจ้า ตอนที่กระโจมแสงทองมาดูที่นี่ครั้งแรก เราใช้ผู้คุมสวรรค์หนึ่งคน เขาทำให้ผนึกทำงานโดยบังเอิญและตายเพราะถูกสูบแก่นโลหิตไปจนหมด”
ทุกคนเสียวสันหลัง หากสังหารผู้คุมสวรรค์ได้อย่างดายเช่นนั้น ผนึกก็ต้องอันตรายเป็นอย่างมาก
“มีผนึกอยู่สี่ชั้น…”
“พลังของแต่ละชั้นนั้นพอๆกัน เพื่อความยุติธรรม เราแต่ละคนจะทำลายคนละหนึ่งผนึก ตามที่ข้าคิดเอาไว้ ผนึกที่อยู่นอกสุดจะอันตรายมากที่สุด! ข้าขอทำลายผนึกแรก ชิงจู้เหิงทำลายผนึกที่สอง เจิ่งปิงทำลายผนึกที่สาม และสุดท้ายก็คือราชาปีศาจหิมะทมิฬ แต่ถ้าหากต้องลงมือ พวกเราจะช่วยเขาทำลายผนึกด้วย”
ไม่มีปฏิเสธอะไรนอกจากเจิ่งปิงที่ไม่พอใจเล็กน้อยที่ถูกจัดลำดับให้ต่ำกว่าชิงจู้เหิง เพื่อทำให้ทั้งสามคลายใจ ฉีหมิงต้องเป็นคนลงมือก่อน เขาบินไปยังถ้ำใหญ่ รังสีพลังของผู้คุมสวรรค์แผ่ออกมา
ซือหยูแอบตกใจ ฉีหมิงซ่อนพลังเอาไว้! ถึงจะไม่แข็งแกร่งกว่าอีกสองคนแต่มันก็ไม่อ่อนแอเลย ฉีหมิงหยิบสร้อยสีครามเข้มออกมาและปล่อยพลังวิญญาณเข้าไป
ชิงจู้เหิงอ้าปากค้าง
“สร้อยทลายเทพ….ของที่มีพลังใกล้เคียงกับราชามนุษย์ ประมาทไม่ได้เลย ของล้ำค่าเช่นนี้มักจะเอาไว้ใช้ช่วยในยามชีวิตมีภัย แต่ท่านฉีกลับมีมันถึงสองชิ้น!”
ซือหยูแอบประหลาดใจ ช่างสิ้นเปลืองนัก! สร้อยแต่ละเส้นนั้นมีค่าเหนือกว่าแก้วทมิฬมากมายนัก!
ฉีหมิงใส่พลังวิญญาณสามส่วนลงไป ในตอนนั้น สร้อยเปล่งแสงสีครามออกมา แรงดันวิญญาณก่อตัวขึ้นราวกับคลื่น
ซือหยูกับคนอื่นถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเพื่อหลบแรงดันวิญญาณนั้น เมื่อสร้อยถูกใช้งาน ฉีหมิงรีบถอยอย่างรวดเร็วและขว้างสร้อยออกไปจากมือ แสงจ้าระเบิดพลังของราชามนุษย์ออกมาทำลายสิ่งรอบข้าง!
เมื่อสร้อยแยกออก แสงสีครามก็เริ่มรวมตัวกันอีกครั้งและกลายเป็นกระบี่ครามเฉือนม่านวารีชั้นนอก ม่านวารีรับการโจมตีเข้าไปเต็มๆและสั่นอย่างรุนแรง ผนึกถูกสะบั้นหายไปในเวลาต่อมา
เมื่อกระบี่ครามหายไป ม่านวารีก็เริ่มหยุดนิ่งเหลือไว้เพียงรอยกรีดที่ค่อยๆสมานกันกลับคืนมา
ทุกคนขมวดคิ้ว พลังจากราชามนุษย์ยังทำลายผนึกชั้นเดียวไม่ได้เลย! ผนึกนี้แข็งแรงยิ่งกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
แม้แต่ฉีหมิงก็ตกใจอยู่เล็กๆ เขาเลิกคิ้วและบินกลับไปอีกครั้ง เขาใช้วิชาระดับอำมฤตที่บ่มเพาะจนถึงระดับสองขั้นสูง! พลังจากสวรรค์เข้ามารวมตัวกัน รอยเท้าครึ่งศอกเปล่งประกายแสงลมรกตกระทืบใส่ผนึกอย่างแรง
ตามมาด้วยเสียงแตก ชั้นแรกของม่านวารีสลายไป
ฉีหมิงหายใจหอบ เขาหน้าซีด เขาใช้สร้อยทลายเทพไปซึ่งกินพลังกายของเขาไปมาก ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครเข้ามาที่นี่ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา
“แม่นางชิง ขอความกรุณาด้วย”
ฉีหมิงยิ้ม เขากำลังรอดูว่านางจะทำลายผนึกได้อย่างไร
ชิงจู้เหิงก้าวออกไปอย่างไร้อารมณ์ ชุดคลุมสีเพลิงของนางพริ้วไหวในวารี นางขยับตัวสร้างผนึกพลังจากปลายนิ้ว พยัคฆ์ทมิฬตัวใหญ่ก่อตัวขึ้นที่ข้างหลังนาง
เจิ่งปิงเริ่มระวังตัว
“วิชาอัญเชิญวิญญาณงั้นรึ? เป็นไปได้ยังไง? วิชาลึกลับเช่นนี้มีแต่ในครั้งโบราณ ชิงจู้เหิงเป็นใครกันแน่?”
แม้แต่ฉีหมิงก็ตกใจ เขาแอบมองนางด้วยสายตาประหลาด
ตอนที่ 433
เงาพยัคฆ์ที่สูงร้อยศอกพุ่งกระแทกเข้ากับผนึกชั้นที่สอง ม่านวารีสั่นสะเทือน แต่ก็ยังไม่พอที่จะสะบั้นมันให้ขาด
ชิงจู้เหิงตั้งท่าใช้พลังต่อไป เหล่าเงาทมิฬที่มีพยัคฆ์หลายตัวปรากฏขึ้นจากด้านหลังพร้อมกันและปะทะกับผนึกด้วยเสียงคำรามลั่น ผนึกถูกทำลายไปด้วยพยัคฆ์ทั้งเก้าตัว!
ชิงจู้เหิงกลับมาอย่างไร้อารมณ์ นางหายใจเข้าลึก ดูเหมือนว่านางจะใช้พลังวิญญาณไปมากทีเดียว
และก็ถึงคราวของเจิ่งปิง
ซือหยูตกใจอยู่เล็กน้อยที่เห็นว่าเจิ่งปิงนั้นฝึกฝนวิชาน้ำแข็ง! ผนึกสั่นอย่างบ้าคลั่งเมื่อเขาลงมือ พลังนั้นไม่ได้อ่อนแอกว่าชิงจู้เหิงแม้แต่น้อย
ฉีหมิงสีหน้าจริงจัง
“วิชาของท่านเจิ่งน่าประทับใจนัก! ดูเหมือนว่าวิชาน้ำแข็งของท่านจะไปถึงระดับสูงสุดและปล่อยพลังต้นกำเนิดออกมาได้แล้วใช่หรือไม่?”
เจิ่งปิงไม่สนใจคำถามของฉีหมิง เขารวบรวมพลังความเย็นไว้ที่มือและโจมตีผนึกต่อไป ผนึกถูกทำลายไปในเวลาแค่ครึ่งถ้วยชา!
เช่นเดียวกัน เจิ่งปิงนั้นใช้พลังวิญญาณไปมากไม่ต่างจากคนอื่น แค่สามผนึกก็ต้องทำให้เหล่าผู้คุมสวรรค์ใช้ออกมาถึงหลายกระบวนท่า!
ฉีหมิงสีหน้ายินดี
“ม่านพลังสุดท้าย ค่อนข้างมีพลังมากไปถ้าท่านหิมะทมิฬจะทำลายคนเดียว พวกเราสามคนจะช่วยด้วย จะได้ทำลายผนึกโดยเร็ว”
ชิงจู้เหิงไม่พูดอะไร นางฟื้นฟูพลังและพุ่งเข้าไปด้วยตัวเอง
แต่เจิ่งปิงนั้นไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ฮื่ม! สุดท้ายข้าก็ต้องช่วยอยู่ดี”
แต่ซือหยูที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นส่ายหน้า
“ไม่ต้อง ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
หลัะงจากที่จ้องมองผนึกชั้นสุดท้าย ความตกใจเล็กๆฉาบแววตาของซือหยู ด้วยเนตรวิญญาณ ซือหยูพบว่าอีกด้านของผนึกนั้นมีชุดเกราะทมิฬที่เสียหายลอยอยู่ มันปล่อยพลังแรงกดดันวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าธนูมังกรฟ้าดิน! ชุดเกราะนั้นจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแน่!
ฉีหมิงตกใจที่ซือหยูคิดจะทำลายผนึกคนเดียวแต่เขาก็ไม่หยุดซือหยู เขาหัวเราะเบาๆ
“ให้ท่านหิมะทมิฬลองก่อนเถอะ ไม่เสียหายอะไรถ้าเราจะไปช่วยถ้าเขาทำไม่สำเร็จ”
เจิ่งปิงดีใจ เขายืนมือไพล่หลังอยู่ที่เดิมและไม่ขยับไปไหน
ส่วนชิงจู้เหิง นางหยุดคิดและพูดขึ้นมา
“ท่านหิมะทมิฬ อาจจะยากถ้าเจ้าคนเดียวจะทำลายผนึกได้ ทำไมไม่ให้ข้าช่วยด้วยเล่า?”
นางพูดจบและพุ่งเข้ามาในพริบตา
แย่แล้ว! ซือหยูคิด
นางอาจจะเห็นสิ่งเดียวกับซือหยู!
ซือหยูเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่ไม่นานผนึกสมุนไพรเทพเยือกแข็งใกล้กับจุดกำเนิดพลัะงของเขาก็ปล่อยพลังอันเยือกเย็นออกมา พลังความเย็นสุดขั้วล้อมรอบหมัดของซือหยู
สีหน้าของฉีหมิงและความหยาบคายของเจิ่งปิงเปลี่ยนไปพร้อมกัน พวกเขาพูดด้วยความตกตะลึง
“ต้นกำเนิดน้ำแข็ง!”
มีแค่การบ่มเพาะวิชาน้ำแข็งจนถึงระดับสูงสุดเท่านั้นที่จะทำให้ได้พลังของต้นกำเนิดน้ำแข็งมาครอง ทั้งทวีปเฉินหลงไม่มีใครที่สำเร็จพลังระดับนี้ พลังของมันเหนือจินตนาการ!
ปั้ง–
ผนึกชั้นสุดท้ายไม่แม้แต่สั่นสะเทือน มันถูกทำลายอย่างง่ายดาย
ชั้นม่านวารีสลายไป เหล่าธุลีที่สะสมมาตลอดหมื่นปีฟุ้งกระจายออกมาจากปากถ้ำจนขุ่นไปหมด
ซือหยูใช้โอกาสนี้สูบชุดเกราะที่ลอยอยู่เข้ามาในคันฉ่องจักรวาล!
ฟึ่บ–
ในตอนนั้น ร่างอันละเอียดอ่อนของชิงจู้เหิงบินเข้าไป นางแหวกมือทั้งสองข้าง ทรายและธุลีถูกพัดหายไปเผยให้เห็นทางเข้าถ้ำ นางประหลาดใจที่ไม่พบอะไรและหันไปมองดูซือหยู แต่นางก็ไม่พูดอะไรออกมาหลังจากนั้น
ฉีหมิงกับเจิ่งปิงบินเข้ามาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือพวกเขามองซือหยูด้วยความหวาดกลัว! ด้วยพลังที่ทำลายผนึกได้โดยไม่ต้องลงแรงมากนัก…ซือหยูที่ดูจะอ่อนแอที่สุด…จริงๆแล้วคือคนที่อยู่เหนือพวกเขาทั้งสาม!
“นามของท่านหิมะทมิฬที่ดังออกไปนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย”
ฉีหมิงพูดขึ้นมา
“ท่านปล่อยพลังต้นกำเนิดออกมาเพราะบ่มเพาะวิชาน้ำแข็งจนถึงขีดสุด ข้านับถือท่านยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”
ฉีหมิงกล่าวชมเขาอย่างต่อเนื่องและจงใจทิ้งระยะให้ห่างจากซือหยูห้าสิบศอก
ซือหยูตอบอย่างสุภาพ
“นั่นก็เป็นเพียงโชคเท่านั้น ข้าจะเทียบกับท่านสามคนได้อย่างไร? อย่างไรผนึกก็ถูกทำลายไปแล้ว เข้าไปกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าซือหยูปิดบังตัวตนเอาไว้และพวกเขามิอาจได้เห็นพลังที่แท้จริงของเขา พวกเขาจึงทำได้แค่เข้าถ้ำตามไปพร้อมกัน
เมื่อเข้าไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังภูติที่แทงลึกถึงกระดูก ถ้ำนี้ไม่ลึกมากนักและหลังจากที่เข้ามาไม่กี่พันศอก พวกเขาก็มาถึงตำหนักกว้างที่ทอดยาวหมื่นศอก กำแพงศิลาถูกตกแต่งด้วยมุกมรกตที่เปล่งประกายอย่างงดงามในความมืด นั่นทำให้พลังภูติเข้มข้นขึ้น
ที่กลางตำหนักมีแท่นบูชาสูงหมื่นศอกที่รายล้อมด้วยเสาศิลาหลายร้อยต้น มันถูกสลักด้วยสัญลักษณ์ประหลาด และทุกเสายังเชื่อมต่อกันด้วยโซ่เหล็กดำ
ยิ่งเข้าใกล้แท่นบูชาเท่าใด ความเข้มข้นของพลังภูติก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อพวกเขามาถึงกลางแท่น พลังภูตินั้นก็หนาแน่นซะจนเห็นเป็นสีดำ ชั้นพลังทมิฬแผ่ออกมาไม่หยุดหย่อน
มีสมุนไพรมรกตทมิฬที่ยาวสามสิบนิ้วเติบโตอยู่บนพื้น สมุนไพรนั้นเต็มไปด้วยพลังภูติ และยังมีอยู่เจ็ดถึงแปดต้น!
“สมุนไพรบาดาลอมตะ!”
ฉีหมิงตกใจ
“ไม่คิดเลยว่าจะมีมากเช่นนี้!”
นักล่าสมบัติทั้งสี่คนต่างตกตะลึง
เจิ่งปิงกับชิงจู้เหิงบินเข้าไปและรีดเก็บสมุนไพรบาดาลอมตะ ฉีหมิงไม่ขยับตัว ส่วนซือหยูกลับเริ่มถอยหนี!
“ท่านหิมะทมิฬ?”
ฉีหมิงมองซือหยูอย่างประหลาดใจและน้ำเสียงเขาก็ประหลาดขึ้น
“สมุนไพรบาดาลอมตะอยู่ตรงหน้า ทำไมเจ้าไม่ไปเก็บมันเล่า? ถ้าเจ้าช้าและสองคนนั้นเอาไปหมด มันจะต้องพยายามอย่างมากเชียวนะที่จะชิงสมุนไพรมาจากสองคนนั้นได้!”
ซือหยูไม่เพียงแต่ไม่เก็บสมุนไพรเท่านั้น แต่สีหน้าเขายังเคร่งเครียด เขารีบถอยและพุ่งออกไปยังทางเจ้าตำหนัก!
หลังจากเจิ่งปิงกับชิงจู้เหิงที่บินไปที่แท่นบูชาเห็นท่าทางแปลกๆของซือหยูกับฉีหมิง พวกเขาก็หัวใจแทบจะหยุดเต้น พวกเขาชักสีหน้าและหันตัวกลับเพื่อถอย แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากแท่นบูชาไม่กี่ร้อยศอกก็ตาม!
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูของภูติผีดังออกมาจากแท่นบูชา เสียงของมันชั่วร้ายและมืดมิด
ซือหยูที่กำลังจะถึงทางเข้ารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของเขาหยุดการไหลเวียนไปทันที แต่ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งและตอบสนองได้เร็ว เขาร่อนลงกับพื้นได้โดยไม่เป็นอะไร จากนั้นเขาก็วิ่งออกจากตำหนักโดยไม่หันหลังกลับ!
ที่ตำหนัก สีหน้าของเจิ่งปิงกับชิงจู้เหิงเปลี่ยนไป พวกเขารีบถอยแต่สัญลักษณ์สีดำที่สลักอยู่บนเสาศิลาร้อยเก้าสิบต้นก็เปล่งพลังออกมาเหมือนกับแท่นบูชา!
เสาศิลาสองต้นลอยขึ้นและพุ่งเข้าใส่ทั้งสองในทันที!
เจิ่งปิงเบิกตากว้างเขาสร้างร่างน้ำแข็งสามร่างออกมารอบตัว! ร่างน้ำแข็งทั้งสามยืนป้องกันเสาศิลาขณะที่ตัวเขาเองหนีราวกับคนบ้า!
แต่เสาศิลาก็ทะลวงผ่านร่างน้ำแข็งทั้งสาม ร่างน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างจริงของเจิ่งปิงที่หนีถูกซัดจากเสาศิลา เขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับพลังวิญญาณป้องกันร่างที่ถูกทำลาย
ในตอนนั้น หนวดดำหลายสิบเส้นที่หนาเท่ากับดัชนีได้เข้ารัดตัวเจิ่งปิง เจิ่งปิงกรีดร้องและถูกดูดกลืนจนแห้ง เขากลายเป็นซากศพในพริบตา!
ยอดฝีมือที่กำลังจะถึงระดับราชามนุษย์ตายในทันที!
“เคี้ยก เคี้ยก เคี้ยก…นานเหลือเกินที่ข้าไม่ได้กินของอร่อยเช่นนี้!”
เสียงดังมาจากส่วนลึกในแท่นบูชา มันหัวเราะอย่างชั่วร้ายและเดาะลิ้น
ครืน–
ครืน—
แท่นบูชาแหลกสลายเผยให้เห็นเงายักษ์ในแท่น! ร่างของมันสูงหมื่นศอก ทั้งลร่างปลดปล่อยจิตสังหารอันน่ากลัวออกมา!
เงาทมิฬนั้นดูเหมือนมนุษย์ยกเว้นส่วนหัวที่มีถึงสามหัว! สองหัวด้านข้างนั้นเหี่ยวแห้งราวกับศพที่แข็งเป็นหิน หัวตรงกลางนั้นเหมือนกับใบหน้าอสุรา มันสีเขียวช้ำและมีฟันยาวแหลม
ดวงตาแดงก่ำนั้นดูดุร้ายและซุกซน
“หึหึ! เจ้าพวกโง่ที่มาหาสมุนไพรบาดาลอมตะ!”
ตอนที่ 434
ราชาปีศาจละสายตาไปมองชิงจู้เหิงที่บินหนี คนที่ราชาปีศาจกลืนกินกับผู้หญิงคนนี้นั้นเป็นผู้คุมสวรรค์เหมือนกัน แต่วิชาเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้น่าตกใจมาก!
แม้ว่าสีหน้านางจะหม่นหมอง แต่นางก็เยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ นางหยิบเอาผ้าคลุมบางโปร่งใสออกมาคลุมกายเมื่อใช้มือขวาสร้างพลัง ปีกที่เกิดจากสายลมปรากฏที่แผ่นหลัง ปีกสะบัดพร้อมกับร่างที่ดูราวกับจะถูกย้ายมิติไปยังที่ที่ไกลกว่าเดิม
เสาศิลาประหลาดกรีดร้องแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นางยังคงหนีไปได้ไกลและมาถึงที่ทางเข้าตำหนัก และผ้าคลุมของนางก็เปล่งประกายเล็กน้อยก่อนที่ทั้งตัวของนางจะหายไป แม้แต่รังสีพลังก็ถูกลบไปด้วย นางซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าคลุม
ราชาปีศาจมองที่ทางเข้าและประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณสมบัติวิญญาณธาตุลม หึหึ! คุณสมบัติหายากซะจริง โชคร้ายนักที่เจ้าเกิดผิดที่ ถ้าเจ้าอยู่ในจิวโจวก็จะได้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมไปแล้ว ในโลกดับสูญเช่นนี้ ต่อให้คุณสมบัติวิญญาณที่ดีที่สุดก็ยากนักที่จะได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ เจ้าหนูนั่นก็มองผ่านแท่นบูชาเห็นข้าที่ถูกผนึกได้ น่าสนใจจริงๆ”
มันหัวเราะ จากนั้นมันก็ลอยไปทางฉีหมิงและเลิกตามคนอื่น
ฉีหมิงใบหน้าประหลาด เขาไม่ตกใจ ไม่โมโห ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่ามีวิญญาณร้ายอยู่ที่นี่
“หึหึ…!”
ราชาปีศาจหัวเราะ
เสาสองต้นซัดเข้ามาจากทั้งสองด้านปิดตายทางหนีของฉีหมิง สีหน้าฉีหมิงเยือกเย็น เขาหยิบสร้อยทลายเทพทั้งสองออกมา เขาสะบัดมือขว้างมันออกไป
สร้อยที่มีพลังเทียบเท่ากับราชามนุษย์ระเบิดกลายเป็นกระบี่สองเล่มที่ทรงพลังและซัดใส่เสาศิลา! การปะทะกันทำให้เกิดเสียงระเบิดลั่น เสาศิลาถูกต้านเอาไว้ได้แต่เหล่าหนวดดำก็พุ่งออกมาจากเสาศิลาเข้ารัดกระบี่ทั้งสองเล่ม
กระบี่ทั้งสองถูกหนวดกลืนกินเข้าไป!
ฉีหมิงยืนมือไพล่หลัง เขาไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อยและดูจะยินดีเสียด้วยซ้ำ
“ใช่จริงๆด้วย!”
“เจ้าคือราชาปีศาจที่ตระกูลกุยผนึกเอาไว้! สายเลือดปีศาจของตระกูลกุยก็มาจากเจ้า!”
การกลืนกินได้แม้แต่กระบี่ที่สร้างจากพลังนั้นเหนือกว่าพลังของสายเลือดปีศาจที่กลืนกินได้แค่เลือดเนื้อและฐานพลัง
ดวงตาแดงก่ำของราชาปีศาจหรี่แคบลง
“หึ ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องของข้า! เจ้ามั่นใจเพียงใดกันถึงกล้ามายืนต่อหน้าข้า!”
เสียงดังพร้อมกับเสาศิลาสองต้นที่ปล่อยหนวดร้อยเส้นเข้ารัดฉีหมิง ฉีหมิงหยิบสร้อยสีแดงออกมา สร้อยนั้นมีพลังสายฟ้าอยู่ด้วย
ฉีหมิงใส่พลังวิญญาณทำให้มันระเบิด สายฟ้าหลุดออกจากสร้อยและกลายเป็นอสรพิษสายฟ้าที่ซัดใส่เสาศิลา
เปรี๊ยะ—
เหล่าหนวดที่กลืนกินพลังได้อย่างง่ายดายกลายเป็นควันเมื่อสัมผัสกับอสรพิษสายฟ้า ส่วนหนวดที่เหลือนั้นหนีออกมาเพราะไม่กล้าจะสัมผัสกับอสรพิษสายฟ้า
“ใช้วิชาอัสนีแก้ทางข้างั้นรึ?”
“เจ้าเตรียมตัวมาดี แต่สร้อยสายฟ้านั่นก็ใช้ได้ยากที่สุด เจ้าจะใช้ได้สักเท่าไหร่กัน”
ราชาปีศาจส่งเสาศิลาอีกสิบต้นพุ่งเข้าไป แม้ว่าอสรพิษสายฟ้าจะแก้ทางพลังปีศาจได้ มันก็มิอาจรับพลังทั้งสิบได้ไหว มันกระจายพลังออกไป
ฉีหมิงอ้ำอึ้ง
“ฮื่ม! จะเสียงดังไปใย เจ้ามันก็แค่ผีที่ถูกผนึกมานาน เจ้าไม่คู่ควรที่จะได้ควบคุมร่างราชาปีศาจหรอก! ใช้เสาสิบต้นก็คือขีดจำกัดของเจ้าแล้ว!”
เขาพูดจบและหยิบสร้อยสีแดงห้าเส้นออกมาอีก อสรพิษสายฟ้าห้าตัวปรากฏตัวปะทะกับเสาทั้งสิบ
ที่ถ้ำนอกตำหนัก ซือหยูยืนอยู่ที่ทางเข้าถ้ำหลัก เพียงเวลาไม่นานที่พวกเขาเข้ามา ผนึกสี่ชั้นก็กลับมาฟื้นฟูเต็มที่อีกครั้ง!
พวกเขาติดอยู่ข้างในนี้!
และยิ่งมองดูใกล้ๆใบหน้าซือหยูก็ยิ่งบิดเบี้ยว ผนึกที่เกิดขึ้นใหม่นั้นจะทำลายจากด้านในยากกว่าเดิมถึงสามเท่า…บางทีอาจจะเพื่อทำให้ราชาปีศาจที่อยู่ด้านในออกไปไม่ได้
“ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายผนึกด้วยพลังข้า…”
“ถ้าข้าใช้พลังเต็มที่ก็ยังพอทำได้ แต่เวลาอาจจะไม่พอ!”
ซือหยูใจหายเมื่อได้ยินเสียงระเบิดจากด้านหลัง
เขาสังเกตเห็นสัตว์ประหลาดที่เขาเห็นในแท่นบูชา พลังอันน่ากลัวที่เทียบได้กับจางตี๋เก้อทำให้ซือหยูถอยหนีอย่างไม่ลังเล! แต่ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว
ในตอนนั้น ซือหยูหันไปมองทางขวาไม่ไกลนักและพูดอย่างเยือกเย็น
“แม่นางชิง เจ้าจะซ่อนตัวอยู่อีกนานแค่ไหนกัน?”
มันคือพื้นที่ว่างเปล่าไร้สิ่งใด
ซือหยูขมวดคิ้วและยิงพลังวิญญาณออกไป
ตู้ม—
ฝ่ามือยื่นออกมาจากความว่างเปล่าทำลายพลังวิญญาณ จากนั้นร่างของชิงจู้เหิงก็เริ่มชัดเจนขึ้น
นางตกใจมาก
“ข้าประมาทเจ้าไปแล้ว เจ้ามองผ่านการเร้นกายของข้าได้!”
นางตกตะลึง ผ้าคลุมปีกจักจั่นของนางนั้นใช้เร้นกายได้อย่างแนบเนียน แม้แต่กึ่งเทพก็มิอาจหาตำแหน่งของนางได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงอำมฤตระดับสี่เลย! แต่ซือหยูกับพบนางได้เพียงปราดตามอง!
“แม่นางชิง ตอนนี้มันแย่แล้ว…”
ซือหยูพูดเข้าประเด็น
“เราจะช้าไม่ได้ เจ้ามีพลังอะไรที่ใช้ทำลายผนึกได้เร็วๆหรือไม่? เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว”
ชิงจู้เหิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางเงียบสนิท ต่อมานางก็พูดตอบ
“มีวิธีทำลายที่เร็ว แต่…ข้าก็ต้องใช้เวลา”
“ถ้าเจ้าต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งถ้วยชาก็หยุดพูดไปซะ”
ชิงจู้เหิงเลิกคิ้ว
“ทำไมกัน? เจ้ามั่นใจว่าเจ้าจะทำลายได้ในเวลาถ้วยชาเดียวรึ?”
นางค่อนข้างกังขา เมื่อเข้ามาในครั้งแรก ทั้งสี่ใช้พลังหนึ่งถ้วยชาทำลายผนึกทั้งหมด ซือหยูคนเดียวจะทำลายผนึกทั้งหมดที่แข็งแกร่งกว่าเดิมสามเท่าเมื่ออยู่ด้านใน…ในเวลาถ้วยชาเดียวได้ยังไง? ราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นลึกลับโดยแท้จริง
“ไม่ใช่…”
“ข้าจะบอกว่าเราอาจจะมีเวลาแค่ถ้วยชาเดียวต่างหาก”
ชิงจู้เหิงจ้องซือหยูและพยักหน้า
“ข้ามีแผน ข้าอาจจะทำได้ในครึ่งถ้วยชา แต่ข้าต้องการสมาธิโดยสมบูรณ์ ห้ามใครรบกวนข้า”
ซือหยูตกใจ
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะพยายามยื้อเวลาให้เจ้า”
ซือหยูรีบถอยและพุ่งไปดูการต่อสู้ในแท่นบูชาที่อยู่ไกล
ชิงจู้เหิงไม่เต็มใจเล็กน้อยแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นี่คือทางเลือกเดียวของนาง
สีหน้านางเปลี่ยนไปหลายครั้งก่อนจะกัดฟัน นางใช้วิชาของนางทันที เส้นผมดำยาวร่วงจากศีรษะเผยให้เห็นผมขาวที่ซ่อนอยู่ภายใน! พลังนางพุ่งขึ้นจากผู้คุมสวรรค์เป็นราชามนุษย์และกำลังจะเข้าสู่กึ่งเทพ!
ที่อีกด้าน ซือหยูมองดูอย่างหวั่นใจ นางเป็นใครกันแน่?
ตอนที่ 435
ขณะที่พวกเขาพยายามจะทำลายผนึกทางเข้าถ้ำ การต่อสู้อันร้อนแรงที่แท่นบูชาก็เดือดพล่านขึ้นในทุกที
ไม่แปลกใจที่ฉีหมิงครอบครองสมบัติที่ใช้ต่อสู้มากมาย แต่ราชาปีศาจที่ควบคุมเสาศิลาได้ทั้งสิบต้นก็ดูไร้เทียมทาน หลังจากที่ต่อสู้กัน ฉีหมิงเริ่มสีหน้าไม่พอใจ จำนวนสร้อยสายฟ้าที่เขาใช้ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
พรึ่บ–
เขายื่นมือหยิบสร้อยสายฟ้าสามเส้นสุดท้ายออกมา!
“หึหึ!”
ราชาปีศาจหัวเราะเยาะ
“เจ้าเตรียมตัวมาดี! สร้อยสายฟ้ายี่สิบเส้น ในทวีปแห่งนี้ ข้าไม่เคยเห็นใครที่มีมันมากกว่าร้อยเส้น เจ้ามันน่าตกใจจริงๆ!”
ฉีหมิงไม่พอใจนัก เขาต้องใช้เวลาถึงยี่สิบปีในการรวบรวมสร้อยสายฟ้าทั้งหมด เขาแทบจะพลิกทวีปหา เขาไม่คิดว่าเขาจะใช้ทั้งหมดด้วยเวลาเพียงครึ่งถ้วยชา พลังของราชาปีศาจนั้นเหนือกว่าที่เขาคิดไว้!
แม้สร้อยสายฟ้ายี่สิบเส้นจะมีพลังเกือบครึ่งของเสาศิลา มันก็ไม่ทำให้ราชาปีศาจบาดเจ็บแม้แต่น้อย ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ฉีหมิงคงจะรับไว้ได้ไม่นาน!
ฉีหมิงกัดฟันและหันกลับไปตะโกน
“แม่นางชิง! ราชาปีศาจหิมะทมิฬ! เจ้าคิดจะรอจนถึงเมื่อไหร่กัน? ข้าจะต้านไว้ไม่ได้แล้ว!”
ซือหยูนั้นสับสนในอารมณ์ เขาไม่คิดจะต่อสู้เผชิญหน้ากับราชาปีศาจอยู่แล้ว แต่อย่างไรชิงจู้เหิงก็ต้องใช้เวลา! และถ้าฉีหมิงแพ้ มันก็ยิ่งยากที่เขาจะรับมือกับราชาปีศาจด้วยตัวคนเดียว!
ไม่นานนักซือหยูก็ทำใจได้ เขาพุ่งเข้าไปยังราชาปีศาจ
ราชาปีศาจเยาะเย้ย
“เจ้ามาต้องกับดักพอดิบพอดี!”
เสาศิลาพุ่งเข้าหาซือหยูพร้อมกับหนวดร้อยเส้นที่ร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง ซือหยูหยิบธนูและสร้างศรวิญญาณเพลิงออกมา
พรึ่บ—
ศรเพลิงทะลวงผ่านนภา แต่หนวดร้อยเส้นนั้นก็ไร้ความเกรงกลัว พวกมันเข้าล้อมรอบศรเพลิงเอาไว้จนเพลิงดับสนิท ศรเพลิงถูกหนวดเหล่านั้นสูบกิน
ฉีหมิงร้อนใจ
“ท่านหิมะทมิฬ การโจมตีธรรมดาไร้ผลกับมัน! ราชาปีศาจคือบรรพบุรุษของตระกูลกุย มันดูดกลืนพลังทุกสิ่งในทวีปเฉินหลงได้ง่ายๆ มีแค่อัสนีเท่านั้นที่จะเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมัน”
ซือหยูคิดถึงอะไรบางอย่าง ราวกับว่าฉีหมิงรู้อยู่แล้วว่าเขาเชี่ยวชาญวิชาอัสนีทั้งๆที่ตอนที่ซือหยูไม่เคยใช้วิชาอัสนีเลยสักครั้งเมื่ออยู่ในนามราชาปีศาจหิมะทมิฬ ชายคนนี้รู้ว่าซือหยูใช้วิชาอัสนี…และนั่นคือเหตุผลที่ฉีหมิงพาเขามาที่นี่! ฉีหมิงจะต้องรู้เรื่องราชาปีศาจที่ถูกผนึกเอาไว้ในแท่นบูชาแต่จงใจปิดบังข้อมูลเอาไว้!
ซือหยูเริ่มระวังตัวมากขึ้น เขาใจเย็นและพูดเบาๆ
“อย่างนั้นรึ?”
แต่หลังจากที่ศรเพลิงดับมอด ตัวศรจริงที่อยู่ภายในก็เผยออกมา มันคือธนูที่ถูกสร้างมาจากสายฟ้า!
หนวดที่รัดพันศรวิญญาณกระตุก เกินกว่าครึ่งที่มอดไหม้ขาดสะบั้น! ไม่นานสายฟ้าก็กระจายไปทั่ว ควันมากมายพวยพุ่งจากตำหนัก!
ราชาปีศาจใบหน้าแข็งกร้าว
“ซ่อนวิชาอัสนีเอาไว้รึ ข้ารู้แล้ว!”
ราชาปีศาจเหลือบมองฉีหมิงอีกครั้ง
“ฮื่ม! เจ้าเตรียมการมาถึงขั้นนี้! วิชาอัสนีของเจ้าหนูนี่อยู่ระดับสูงนัก…แทบจะถึงระดับต้นกำเนิด!”
ฉีหมิงตกใจ วิชาอัสนีนั่นเกือบจะถึงระดับต้นกำเนิดแล้วรึ? ไม่เพียงแต่ราชาปีศาจหิมะทมิฬจะเชี่ยวชาญวิชาน้ำแข็งจนถึงต้นกำเนิด แต่วิชาอัสนีของเขาก็กำลังจะไปถึงระดับต้นกำเนิดเช่นกัน! แล้วเขาก็ยังมีวิชาเพลิงที่ดูจะแข็งแกร่งเช่นกัน! เขาบ่มเพาะธาตุทั้งสามที่แตกต่างกันและพลังทั้งหมดก็เหนือชั้นเกินระดับสูง!
แม้ฉีหมิงจะดีใจที่วิชาอัสนีของซือหยูแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด แต่เขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
ฉีหมิงลบความไม่สบายใจทิ้งไปและแกว่งมือสะบัดยันต์สายฟ้าสามใบ เขาตะโกน
“ท่านหิมะทมิฬ! ช่วยข้ายื้อเวลาที ข้าจะใช้วิชาลับเพื่อฆ่าราชาปีศาจ!”
ซือหยูตกใจ ฉีหมิงมีพลังที่สังหารราชาปีศาจได้จริงๆรึ?
ราชาปีศาจนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจางตี๋เก้อเลย! พลังที่ใช้ในตอนนี้คือเศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ ดังนั้นจึงมีขีดจำกัดในพลัง แต่มันก็ยังอยู่ในระดับกึ่งเทพที่เป็นรองเพียงขอบเขตภูติ แม้เช่นนั้น ฉีหมิงก็มั่นใจว่าเขาจะสังหารได้ ซือหยูค่อนข้างตกใจ
พรึ่บข-
ฉีหมิงหยิบแหวนทองออกมา มีภาษาสันสกฤตสลักเอาไว้ แหวนทั้งวงส่งพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา แสงเทพลุกดับสลับไปมาจากแหวน
ราชาปีศาจชักสีหน้า มันอ้าปากค้าง
“สมบัติอรหันต์! แหวนทองปราบมาร!”
มันมิอาจปิดบังความกลัวบนใบหน้าได้ แต่หลังจากที่จ้องมองมันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“สมบัติอรหันต์จะมาอยู่ในโลกดับสูญได้ยังไง? มันเป็นของเสียหาย! พลังหายไปเสียเก้าส่วน!”
แต่ฉีหมิงก็หัวเราะ
“ถึงจะเหลือพลังส่วนเดียว มันก็เกินพอที่จะผนึกเจ้า”
ราชาปีศาจขมวดคิ้ว
“ฮื่ม! ถ้าเจ้ามีพลังพอนะ!”
เสาศิลาสิบต้นซัดเข้าใส่ฉีหมิงพร้อมกัน!
ซือหยูง้างคันธนูยิงธนูสิบครั้งในพริบตา สายฟ้าบนศรวิญญาณนั้นมีพลังที่ทำให้เสาศิลาต้องถอยกลับ
ฉีหมิงโล่งใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พ่นหยดโลหิตใส่แหวนทอง แหวนเปล่งแสงสีทองออกมาฉาบรอบข้าง เสียงอรหันต์ดังก้องบริเวณ เงาของอรหันต์ปรากฏอยู่เบื้องบนแหวนทอง
แหวนทองเปล่งประกายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อฉีหมิงใส่พลังวิญญาณไปมากขึ้น เงาอรหันต์เริ่มชัดเจนขึ้น
ราชาปีศาจสูงหมื่นศอกตัวสั่นเทาและปล่อยควันดำออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของมันแสดงความเจ็บปวด
ซือหยูตกใจ แหวนนั่นมันอะไรกัน? มันมีผลเหนือกว่าสายฟ้าที่แก้ทางพวกภูติผีได้อีกรึ?
ราชาปีศาจกรีดร้อง เสาศิลาสิบต้นลอยขึ้นและพุ่งเข้าใส่ฉีหมิง
“ตายซะเถอะ!”
ซือหยูทำอย่างเคย เขายืนอยู่ในระยะปลอดภัยและยิงศรสายฟ้าออกไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเสาศิลาจะแข็งแกร่งอย่างมาก มันก็มิอาจปะทะกับศรสายฟ้าได้!
ดวงตาแดงก่ำของราชาปีศาจเต็มไปด้วยความชิงชัง มันต้องมองซือหยูอย่างเยือกเย็น
“เจ้าเด็กน้อย ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าถ้าเจ้าหยุดเข้ามายุ่งเรื่องของข้า ถ้าไม่ เมื่อข้าได้พลังกลับคืนมา ข้าจะทำให้เข้าทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตาย!”
คำขู่ของราชาปีศาจและแววตาอันน่ากลัวทำให้ซือหยูตัวสั่น แต่เขาก็ไม่หยุดมือ เขายังคงปล่อยศรสายฟ้าต่อไป ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าราชาปีศาจจะรักษาสัญญาหรือไม่! ถึงเขาจะทำตามสัญญาและไม่ฆ่าซือหยู เขาก็ไม่ได้สัญญาว่าจะไม่ทำลายฐานพลังของเขา เพราะอย่างไรก็ยากที่จะเชื่อว่าราชาปีศาจจะปล่อยให้ซือหยูไป…นักรบที่มีพลังอัสนีอย่างเขานั้นต่อกรกับราชาปีศาจได้
ซือหยูไม่ยอมอ่อนข้อ แหวนทองปราบมารในมือฉีหมิงกำลังจะถูกใช้งาน!
ราชาปีศาจคำรามลั่น
“เจ้าหนู! เจ้าอยากตายงั้นเรอะ! ถึงข้าจะสะสมพลังมาตลอดหมื่นปี ข้าก็กำลังจะตายเพราะเจ้า!”
ในตอนนี้เขาต้องรีบสังหารซือหยูก่อน เขาค่อยไปหยุดฉีหมิงทีหลังก็ย่อมได้!
ครืน–
ครืน–
ครืน—
ร่างสูงหมื่นศอกที่ขยับไม่ได้ของมันเดินออกมาจากแท่นบูชายัญ! แม้มันจะเคลื่อนไหวทื่อๆอย่างเชื่องช้า มันก็กำลังขยับตัว!
ฉีหมิงตกตะลึง
“เจ้า…เจ้าควบคุมร่างนี้ได้ด้วยเรอะ? เป็นไปไม่ได้! เจ้ามันก็แค่เสี้ยววิญญาณ!”
ราชาปีศาจพูดเบาๆ
“หลังจากสะสมพลังมาหมื่นปีก็พอแล้วที่ข้าจะควบคุมร่างกายนี้ได้ แค่นี้ก็เกินพอที่จะฆ่าเจ้าสองคนแล้ว!”
มันก้าวไปทางซือหยู! การย่างก้าวของมันนั้นประหลาดและมีวิชามิติอยู่ด้วย แม้ซือหยูจะอยู่ห่างหลายพันศอก หัวยักษ์ของมันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาในพริบตา!
ดวงตาแดงก่ำใหญ่โตนั้นสะท้อนร่างของซือหยู มันอ้าปากกว้างและพุ่งใส่ซือหยูอย่างรวดเร็ว!
ตอนที่ 436
ซือหยูชักสีหน้า นั่นมันพลังอะไรกัน?
ปากยักษ์อยู่ตรงหน้า อาวุธที่ใช้ระยะไกลอย่างธนูนั้นเสียความได้เปรียบ แสงทมิฬเปล่งประกายตรงหน้า
เขารีบเก็บธนูและปล่อยวงแหวนสายฟ้าออกมาอย่างไม่ลังเล วงแหวนสายฟ้านี้แข็งแกร่งกว่าศรสายฟ้าถึงสามเท่า มันปะทะเข้ากับปากยักษ์ และด้วยธาตุที่ได้เปรียบ ราชาปีศาจรู้สึกเจ็บปวดทรมานจนทำให้พลังภูติจำนวนมากกระจายออกไป
ราชาปีศาจเจ็บปวด ปากยักษ์ที่พุ่งเข้ามาหาซือหยูหยุดไปชั่วครู่ ซือหยูรีบถอยไปไกลในพริบตา เขารักษาระยะห่างไว้ได้อีกครั้ง
ราชาปีศาจปล่อยจิตสังหารเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อโจมตีไม่โดน
“หึ!”
“ยอดเยี่ยม เจ้ายังซ่อนพลังอัสนีเอาไว้อีกส่วนหนึ่ง!”
มันจ้องมองแหวนทองปราบมารที่กำลังจะทำงาน พลังอรหันต์กำลังจะพุ่งถึงขีดสุด!
มันระวังตัวมากขึ้น มันอ้าปากหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นพลังภูติในปากก็ขยายก่อตัวเป็นเมฆาทมิฬที่กลายเป็นวายุหมุนมืดมิด
ในตอนนั้นซือหยูรู้สึกราวกับว่าวิญญาณสั่นสะเทือน ร่างของเขารู้สึกราวกับถูกกลืนกินจากวายุทมิฬ ร่างของเขาถูกดูดเข้าไปราวกับใบไม้ร่วง
ความรู้สึกสิ้นหวังนี้ไม่ต่างกับตอนที่เขาเผชิญหน้าภูติสวรรค์จางตี๋เก้อ จิตใจซือหยูระส่ำระสาย แต่ในตอนนั้นเขาก็พบว่าพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างหายไป เขามิอาจใช้พลังวิญญาณได้เลย แม้แต่พลังสายฟ้าที่ใช้แก้ทางภูติผีก็ใช้ไม่ได้ เขาขยับร่างกายไม่ได้ด้วยซ้ำ!
โฮก—-
ราชาปีศาจสัมผัสได้ถึงอันตรายและทำทุกวิถีทางที่จะสังหารซือหยูได้ เสียงคำรามลั่นทำให้วายุหมุนมีพลังกลืนกินมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า
ความเยือกเย็นฉาบใบหน้าฉีหมิง เขากำลังจะใช้แหวนทองปราบมารแต่ก็มีรอยยิ้มเยาะที่ใบหน้า
ในตอนนั้น แหวนทองปราบมารปล่อยพลังหนึ่งชั้นของพันธนาการออกมาเมื่อมันถูกปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์!
ความกังวลของราชาปีศาจไม่ได้คลายไป สีหน้าของมันบิดเบี้ยว
“เจ้า..เจ้าใช้แหวนทองได้แล้วเรอะ?”
ราชาปีศาจตกใจ ถ้าเป็นเช่นนี้ ฉีหมิงก็ตั้งใจที่จะปล่อยให้ซือหยูตายด้วยมือมันตั้งแต่แรก!
“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว…”
ฉีหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น ฝ่ามือของเขาไม่หยุดขยับ เขายกมือขึ้นโยนแหวนออกไป
“จงออกมา!”
ในตอนนั้น แหวนทองปราบมารได้เปล่งแสงสีทอง เสียงบทสวดดังก้องเมื่ออรหันต์ปรากฏตัว ราวกับรังสีพระอาทิตย์มาสู่ดินแดนมืดมิดแห่งนี้ มันเปล่งประกายส่องสิ่งรอบข้าง
ราชาปีศาจหวาดกลัว มันพยายามจะหนีออกไป สิ่งที่แข็งแกร่งอย่างมันรู้สึกได้เพียงแต่ความกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแหวนทองปราบมาร!
ฉีหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็นแต่ก็ยังคงเงียบไว้ เขาชี้ดัชนีไปที่ราชาปีศาจ พลังเพลิงพุ่งเข้าใส่ร่างราชาปีศาจที่สูงใหญ่ ร่างของมันสั่นสะเทือนราวกับตึกถล่มและกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำ ร่างกายสูงหมื่นศอกพังทลายลงท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน
สุดท้ายฝุ่นควันก็หายไป ราชาปีศาจหายตัวไปเช่นกัน เหลือแต่เพียงผีที่สูงสามสิบศอก ร่างกายของมันคล้ายกับราชาปีศาจแต่อ่อนแอกว่ามาก ร่างของมันถูกพันธนาการด้วยแหวนทองวงใหญ่ มันนอนแผ่พลังภูติอยู่บนพื้นแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้ หัวตรงกลางนั้นดวงตาปิดสนิทอย่างควบคุมไม่อยู่ มันยังคงทุกข์ทรมานแม้จะหมดสติไป ราชาปีศาจที่ทรงพลังพ่ายแพ้ไปทั้งอย่างนั้น!
ฉีหมิงบินเข้ามาดู เขาหน้าซีดและเต็มไปด้วยเหงื่อ เขายังคงระวังตัว
“โชคดีจริงๆ!”
“ยังดีที่ข้ามีสมบัติของนายท่าน นี่คือไพ่ตายที่ข้าจะใช้ฆ่าราชาปีศาจ”
ฉีหมิงเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหยิบเอาภาพเขียนออกมาจากชุด มันคือภาพเขียนชายแก่ที่มองลงมายังโลก ในภาพ ชายแก่ที่เป็นเพียงภาพเขียน…ได้มีชีวิต
ภาพชายแก่เคลื่อนไหว เขาหันกลับมามองราชาปีศาจที่ถูกจับตัว สีหน้าของเขาไม่ประหลาดใจนัก
“แหวนทองปราบมารใช้เพื่อต่อสู้กับภูติผีเช่นนี้โดยเฉพาะ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเจ้าใช้สร้อยสายฟ้าไปเยอะเช่นนั้น พลังของมันถึงน้อยลง มิเช่นนั้นแหวนทองปราบมารก็อาจจะสังหารมันไม่สำเร็จ! แล้วเจ้ายังได้เจ้าเด็กวิชาอัสนีมาช่วยอีก เขาเหนือกว่าความคาดหมายของข้านัก มิเช่นนั้นเขาก็คงจะยื้อเวลาให้เจ้าไม่ทันการ!”
ฉีหมิงเข้าใจในข้อนี้ ราชาปีศาจได้บ่มเพาะพลังที่นี่มาตลอดหมื่นปี กายหยาบของมันแข็งแกร่งเกินคาด! ถ้าราชาปีศาจหิมะทมิฬไม่มาสู้ด้วยและช่วยยื้อเวลาให้ฉีหมิง สถานการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนไปเป็นหลังมือ เขาอาจจะกลายเป็นอาหารของราชาปีศาจไปแล้ว
“นายท่าน…”
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬถูกราชาปีศาจกลืนกินไปแล้ว เขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
ฉีหมิงกังวลใจ พลังของราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นเหนือกว่าที่เขาคิดไว้ ทำให้เขาไม่สบายใจเลย
ชายแก่ในภาพเขียนถอนหายใจแรง
“ถ้าเด็กที่เป็นแค่อำมฤตระดับสี่หนีมาจากท้องของราชาปีศาจได้ ชื่อของราชาปีศาจก็ไม่สมกับที่มันเป็น! ในท้องของราชาปีศาจมีพลังคนละขอบเขตกับภายนอก แม้แต่กึ่งเทพก็ตายที่นั่น ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเด็กนั่นหรอก”
คำพูดของชายแก่ทำให้ฉีหมิงคลายใจ
“นายท่าน แล้วเราจะเอาแผนที่ลับสวรรค์มาจากร่างของราชาปีศาจได้ยังไง?”
ชายแก่ในภายเขียนตาเป็นประกาย
“ต้องใช้เวทย์เอาแผนที่ลับสวรรค์ออกมา มันซับซ้อนนัก จะอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้ ค่อยว่ากันหลังจากที่ออกไปจากที่นี่เถอะ”
ฉีหมิงพยักหน้าและคว้าร่างไร้สติของราชาปีศาจด้วยมือเดียวและบินไปยังทางเข้าถ้ำ
ในตอนนั้นเอง ทางเข้าถ้ำสั่นสะเทือน ผนึกสี่ชั้นถูกทำลายในคราเดียว!
“โอ้?”
ชายแก่ในภาพเขียนอุทานออกมา
“ถ้านางคนนั้นทำลายผนึกม่านวารีได้ในเวลาเท่านี้ คนที่เจ้าหามาช่วยก็น่าจะแข็งแกร่งจริงๆ”
“นี่แหละปัญหา นายท่าน!”
“ถ้านางบอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้…”
สีหน้าเขาหม่นหมอง
“หากตัวตนของข้าถูกเปิดเผยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าตัวตนของนายท่านถูกเผยออกไปล่ะก็…มันจะอันตรายจริงๆ”
“ฮื่ม!”
“เจ้าคิดว่าผู้คุมสวรรค์แค่คนเดียวจะรอดพ้นไปจากมือข้าได้เรอะ?”
ชายแก่ส่งเสียงไม่พอใจอย่างประหลาด ร่างของเขาหายกลายเป็นเงาโปร่งใสก่อนจะออกจากภาพม้วนภาพเขียนไป
แม้ว่าชิงจู้เหิงจะกำลังยุ่งอยู่กับการทำลายผนึก นางก็มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในด้านหลังเช่นกัน เมื่อเห็นซือหยูถูกกลืนกินไป ชิงจู้เหิงก็รู้สึกไม่สบายใจ นางโชคดีที่ทำลายผนึกได้ในตอนนี้และหนีได้สำเร็จ! แต่นางก็เบิกตากว้างเมื่อได้เห็นบางอย่างในระยะหมื่นศอก นางจ้องมองจุดเหนือถ้ำใต้น้ำ นางเห็นชายแก่ร่างโปร่งใสอยู่เหนือนาง
ร่างนั้นสวมชุดโบราณและซีดเซียว และมันยังโปร่งใสอย่างประหลาด!
คนที่มองนางนั้นยืนมือไพล่หลัง ผ้าคลุมปีกจักจั่นไม่มีผลต่อเขา
“ผู้อาวุโส! นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ชิงจู้เหิงพูดอย่างเคร่งเครียด
ชายแก่มองอย่างเยือกเย็น ราวกับว่ากำลังมองมดปลวก
“เจ้ามองเห็นข้า…”
“เช่นนั้นข้าก็จะส่งเจ้าไปตามทางของเจ้า!”
เขาพูดและโยนผนึกลงมา
คลื่นพลังโปร่งใสไร้ลักษณ์พุ่งตรงเข้าใส่ชิงจู้เหิง พลังนั้นไม่ได้แผ่รังสีใดออกมา แต่มันก็มีพลังอันน่ากลัว!
ชิงจู้เหิงชักสีหน้า
“จู่โจมวิญญาณ! เจ้า…เจ้าเป็นร่างวิญญาณ!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น