The Divine Nine Dragon Cauldron 418-423

ตอนที่ 418

 

บนเกาะเฉินยี่ เขตเซี่ยนหยู


 


จ้าวเฉินยิ่งลอยอยู่กลางอากาศ เขามองดยุคเซี่ยนหยูที่ไม่พอใจอยู่เบื้องล่าง สีหน้าของเขานั้นไม่พอใจเสียยิ่งกว่าของดยุค


 


“ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าให้ซือหยูมาหลบที่นี่ ข้าจะประหารตระกูลเจ้าเก้าชั่วโคตร!”


 


จ้าวเฉินยิ่งตะโกนอย่างหงุดหงิด


 


ดยุคเซี่ยนหยูที่อยู่เบื้องล่างเหงื่อแตกพลั่ก ใบหน้าของเขาเป็นกังวล เขารอจนจ้าวเฉินยิ่งจากไปก่อนจะปริปาก


 


“เกิดอะไรขึ้นกับหยูเอ๋อกัน? ทำไมถึงมีคนจากที่ที่เรียกว่าอาณาจักรทมิฬมาตามตัว?”


 


ดยุคเซี่ยนหยูนั่งคิดอย่างหนัก


 


สตรีคนหนึ่งเดินมาอยู่ข้างเขา นางสวมชุดสีครามและมีเข็มขัดอำพันขัดเอว นางนั้นงดงามอย่างมาก นางดูอ่อนโยนและสง่างาม ในแววตาอันเย็นชานั้นมีความอ่อนโยนอยู่ภายใน


 


“เจ้าไม่ต้องกังวลนักหรอก ดยุค”


 


นางพูดอย่างอ่อนโยน เสียงของนางไพเราะน่าฟัง


 


“เราทั้งคู่ต่างรู้จักน้ำใจของซือหยู เขามิใช่คนชั่วร้าย เขาอาจจะไม่ได้ถูกตามตัวเพราะความผิดบาป อาจจะมีเรื่องอื่นเกิดขึ้น”


 


ดยุคเซี่ยนหยูนั้นนับถือสตรีผู้นี้อย่างมาก


 


“แม่นาง ข้ารู้จักหยูเอ๋อดี ข้าเพียงหวังให้เขาปลอดภัย”


 


นางยิ้ม


 


“เรื่องนั้นก็เช่นกัน ถ้าพวกนั้นยังหาตัวเขาไม่พบก็แสดงว่าเขายังปลอดภัย”


 


แต่แม้ว่านางจะพูดเช่นนั้น นางก็มิอาจปิดบังความไม่สบายใจในแววตา


 


ดยุคเซี่ยนหยูถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด


 


“ข้ามันใช้ไม่ได้ ข้ามิอาจปกป้องเหล่าลูกๆอย่างที่ควรจะเป็น…ข้าปล่อยให้เขาไปทวีปเฉินหลงด้วยตัวคนเดียวโดยไร้ที่พึ่งพิง”


 


“ดยุค…”


 


นางพูดขึ้นมา


 


“ข้าคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องลากันแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าต้องจัดการในทวีปเฉินหลง แล้วข้าก็จะได้ตามหาซือหยูด้วย”


 


ดยุคดีใจ


 


“จะไปแล้วรึ?”


 


นางพยักหน้าเบาๆ


 


“ร่างกายข้าถูกรักษาแล้ว ข้าคงไม่รบกวนเจ้าอีก ถึงเวลาเสียที”


 


ดยุคไม่ได้หยุดนางและมองนางจากไป


 


******


 


ในมหาสมุทรกว้างใหญ่ สองผู้ตรวจการข้างจ้าวเฉินยิ่งทำสีหน้าประหลาด


 


“ท่าน…”


 


“พวกเราหาตั้งแต่ในทวีปจนถึงสำนักหลิวเซี่ยน แล้วเราก็ยังมาหาพ่อตาของซือหยูแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด เหตุใดไม่จับตัวญาติเขาแล้วประกาศออกไปเล่า ทำแบบนั้นแล้วเขาจะไม่มาอีกรึ?”


 


จ้าวเฉินยิ่งเลิกคิ้ว


 


“ฮื่ม! เจ้าคิดว่านั่นมันหลักแหลมนักเรอะ? ใช้หัวซะบ้าง! งานฉลองเซ่นสวรรค์กำลังใกล้เข้ามา เราไม่รู้ว่าราชาแห่งความมืดเป็นหรือตาย! ถ้าเขาตาย จ้าวไป่ลั่วก็จะสั่งการ เราจะทำได้ทุกสิ่ง แต่ถ้าราชายังมีชีวิต เจ้าคิดว่าเขาจะทำยังไงถ้าข้าทำเรื่องที่ดูหมิ่นต่ออาณาจักร?”


 


ผู้ตรวจการทั้งสองหมดคำพูด พวกเขาอับอาย


 


สุดท้ายก็มีหนึ่งคนพูดออกมา


 


“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อรึ?”


 


จ้าวเฉินยิ่งลูบตอแขนที่ขาดไป ความโศกเศร้าเอ่อล้นออกมา


 


“เราไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่! แต่งานฉลองกำลังจะจัดแล้ว เราไม่มีเวลาพอและต้องกลับไปเดี๋ยวนี้! หลังจากนั้นค่อยพลิกทวีปหาซือหยู!”


 


ทั้งสองเห็นดีด้วยและบินกลับไปกับจ้าวเฉินยิ่ง


 


ที่อีกด้านในมหามสุทรกว้างใหญ่ ม่ออู๋ลอยอยู่กลางอากาศ นางต้องทนทุกข์ทรมานกว่าที่จะรู้ว่าอาจารย์ของนางอยู่ที่ใด และตอนนี้นางก็กำลังบินไปยังเกาะเฉินยี่อย่างมีความสุข


 


******


 


ในก้นบึ้งมังกร ที่ดินแดนกลางก้นบึ้งหวงห้าม


 


ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูถูกพามาที่นี่ มันคือซากโบราณที่แผ่ขยายนับหมื่นลี้ สมบัติมากมายยังคงอยู่ที่นี่แต่พลังหยินที่อยู่ล้อมรอบก็แข็งแกร่งอย่างสุดขั้ว ซือหยูรู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูก ไม่ง่ายนักที่จะต้องรู้สึกถึงพลังวิญญาณที่ถูกพลังหยินกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว


 


เมื่อพวกเขามาถึง สิ่งที่คล้ายมนุษย์สองคนก็บินเข้ามา นั่นคืออสุราหน้าขาวกับอสุราหน้าดำ


 


“ขอแสดงความนับถือต่อภูติสวรรค์!”


 


ทั้งสองประกาศก้อง


 


ทั้งสองมองเห็นซือหยูกับเซี่ยจิงหยู


 


“สองคนนี้ถูกวิชาภูติสวรรค์บงการ”


 


จางตี๋เก้ออธิบาย


 


“พาสองคนนี้ไปที่บ่อผนึกมังกร จากนั้นก็เอาสองคนนั้นมาให้ข้า”


 


จางตี๋เก้อพัดซือหยูกับเซี่ยจิงหยูไปให้อสุราทั้งสองก่อนจะจากไป


 


อสุราทั้งสองไม่กล้าขัดคำสั่งนาง พวกเขาทำตามคำบัญชา


 


“ตามพวกข้ามา!”


 


ซือหยูใจหายและบินตามอสุราทั้งสองไปยังส่วนที่ลึกสุดของซากโบราณ ที่นี่นั้นกว้างใหญ่ ซือหยูเบิกตากว้าง เบื้องล่างนั้นมีซากษสนับหมื่นตนรายล้อมบ่อน้ำที่กว้างหมื่นศอก! ปากบ่อน้ำนั้นถูกปิดด้วยโซ่ทมิฬหนาสิบศอก หมอกทมิฬลอยออกมาจากบ่อน้ำ


 


ซือหยูตกตะลึงยิ่งกว่าเมื่อพบมนุษย์เก้าร้อยเก้าสิบเก้าคนถูกจองจำอยู่ที่นี่ ทั้งหมดถูกพันธนาการโดยกางเขนยักษ์ที่อยู่ข้างบ่อน้ำโบราณ


 


ในตอนนั้นเอง เสียงเห่าเบาๆดังมาจากชุดของซือหยู มันคือสัตว์วิญญาณของหลงเฟยหยู!


 


ซือหยูแอบมองรอบๆและสัมผัสได้ถึงหลงเฟยหยู แต่ซือหยูก็ทำเป็นไม่สนใจ เขาตามอสุราทั้งสองไปอย่างเงียบๆและร่อนลงกับพื้นข้างๆบ่อน้ำ


 


อสุราหน้าดำมองเซี่ยจิงหยูและแสดงสีหน้าประหลาด


 


“มานี่”


 


อสุราหน้าขาวหัวเราะอย่างเยือกเย็น มันกระโดดลงสู่บ่อน้ำ จากนั้นมันก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับแก้วทมิฬสองชิ้น มันบดขยี้แก้วทั้งสอง ของเหลวสีดำไหลกระจายใส่ทั้งสองคน


 


พลังหยินในร่างซือหยูถูกขับออกมาทางรูขุมขน จากนั้นก็มีของเหลวสีดำก่อตัวเป็นม่านทมิฬปกคลุมร่างของสองคน พลังหยินจากภายนอกถูกขับออกมาจนหมด


 


อสุราหน้าขาวหัวเราะ


 


“ท่านภูติสวรรค์ดูเหมือนจะชอบมนุษย์สองคนนี้…ท่านไปจับตัวทั้งสองมาเองแล้วยังใช้แก้วภูติสวรรค์ที่หายากจากบ่อผนึกมังกรเพื่อป้องกันพลังหยินให้อีก”


 


อสุราหน้าดำไม่สนใจ มันพาทั้งสองกลับไปโดยไม่แสดงสีหน้าออกมา


 


ในตอนนั้นอสุราหน้าขาวคิดอะไรขึ้นมาได้


 


“เฮ่ยลั่ว เจ้าไม่มีอะไรกับท่านภูติสวรรค์ใช่หรือไม่? นางวางพลังไว้ในร่างพวกเราและใช้มันสังหารพวกเราได้ตลอดเวลา! แล้วท่านภูติสวรรค์ก็กำลังจะถูกปลดจากพันธนาการและออกจากก้นบึ้งมังกร แต่นางก็ไม่คิดจะปลดปล่อยพลังนั้นออกจากพวกเรา! ถ้าท่านภูติสวรรค์ไม่รักษามันไว้ในทุกสองเดือน พวกเราจะถูกทำลาย ถ้านางไปโดยไม่มีเรา เราก็ต้องตายอย่างแน่นอน!”


 


อสุราหน้าดำตะคอก


 


“ไป่ลั่ว! เราติดหนี้บุญคุณท่านภูติสวรรค์มาจนถึงวันนี้! มิเช่นนั้นก็คงตายด้วยมือมนุษย์ไปแล้วตั้งแต่ที่เป็นรากษส! หลายปีที่ผ่านมานี้ท่านภูติสวรรค์สั่งให้พวกเราจัดการเรื่องการบูชายัญโลหิตเพียงครั้งเดียวในร้อยปี นางไม่เคยทำอะไรพวกเราเลย! ข้าจะถือว่าเจ้ารู้จักกับข้ามาหลายปี ข้าจะทำเป็นไม่ได้ยินที่เจ้าพูด แต่ครั้งหน้าข้าจะกุดหัวเจ้า!”


 


อสุรหน้าขาวใบหน้าบิดเบี้ยว


 


“ฮื่ม! ข้าก็แค่คิดเท่านั้น ข้าจะทรยศต่อท่านภูติสวรรค์ได้ยังไง?”


 


มันพูดจบและบินจากไป


 


เมื่อหนีหายจากระยะ อสุราหน้าขาวสีหน้าดุร้าย


 


“ฮื่ม! ไอ้หน้าดำ! ข้าทนเจ้ามานานเกินไปแล้ว!”

 

 

 


ตอนที่ 419

 

แม้ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูจะอยู่ที่นี่ อสุราขาวที่ชื่อไป่ลั่วกับอสุราหน้าดำที่ชื่อเฮ่ยลั่วก็ไม่คิดจะแอบคุยกัน ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมั่นใจในวิชาภูติสวรรค์บงการของจางตี๋เก้ออย่างมาก


 


ไม่นานซือหยูก็ถูกพาตัวมาในตำหนักกว้างใหญ่


 


“เฮ่ยลั่ว ไปซะ”


 


จางตี๋เก้อโบกมือ


 


“ทำสิ่งที่ข้าบอกเจ้าไปเดี๋ยวนี้”


 


หลังจากที่ไล่เฮ่ยลั่วออกไป จางตี๋เก้อเดินไปวางมือกับข้อมือของซือกหยู นางหลับตาช้าๆ


 


ไม่นานนางก็ลืมตาอีกครั้ง นางประหลาดใจ


 


“เจ้าต่อกรกับสวรรค์พิโรธมางั้นรึ?”


 


“ไม่น่าเชื่อ เด็กอย่างเจ้าบาดเจ็บเพราะสวรรค์พิโรธจริงๆ! ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรกับดวงตาเจ้า”


 


นางพูดต่อ


 


“เจ้ามีสายโลหิตของภูติเช่นเดียวกับพวกเราอยู่นิดหน่อย และนี่ยังเป็นสายเลือดปีศาจหายากที่กลืนกินพลังชีวิตกับฐานพลัง น่าแปลกนัก! ถ้าเจ้าเป็นส่วนของตระกูลกุยจริง ข้าก็อาจจะส่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตระกูลกุยให้กับเจ้าได้ ตำราลับร้อยภูติ…น่าเสียดายนักที่เจ้าเป็นแค่เครื่องมือของข้า เจ้ามันไม่คุ้มเวลาหรอก”


 


จางตี๋เก้อเก็บความสงสัยเอาไว้


 


“นอกจากวิชาอัสนี เจ้าก็ยังมีวิชาเพลิงกับน้ำแข็ง แล้วร่างกายของเจ้าก็ผ่านการฝึกมาบ้าง เจ้าเรียนรู้มามากมายแต่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่น เจ้าบ่มเพาะวิชาเพลิงกับวิชาน้ำแข็งจนถึงต้นกำเนิด แต่ข้าต้องใช้วิชาอัสนีของเจ้าที่ด้อยกว่าวิชาอื่น ดูเหมือนข้าจะต้องลงแรงดูว่าเจ้าเรียนรู้อะไรมาจริงๆบ้าง…จะได้มั่นใจว่าเจ้าจะควบคุมสมบัติเทพอัสนีล้ำค่านั่นได้”


 


ภูติสวรรค์ชี้หน้าผากซือหยู พลังเล็กน้อยอันบริสุทธิ์และยิ่งใหญ่เข้าสู่ร่าง กระดูกและแขนขาสั่นสะเทือน


 


“อย่างแรก…”


 


“ข้าต้องจัดการกับพลังในร่างเจ้าที่เป็นสิ่งขัดขวาง”


 


ปั้ง ปั้ง–


 


ด้วยพลังมหาศาล ซือหยูตัวสั่นไปทั้งกายและเจ็บปวดอย่างมาก วิญญาณของเขาสั่นอย่างรุนแรง เขาครางด้วยความเจ็บปวด กระดูกของเขาหัก เลือดเนื้อของเขาสั่นสะเทือนไม่หยุด


 


ในตอนนั้น พลังทั้งสามในกาย น้ำแข็ง เพลิง อัสนี ได้เข้าบีบอัดกับเลือดเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายใน โลหิตสีดำที่ผสมเข้ากับพิษอันไม่บริสุทธิ์ถูกขับออกผ่านรูขุมขน ขั้นตอนนั้นเกิดขึ้นในหนึ่งชั่วยาม สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดถูกเค้นออกมาอีก


 


จางตี๋เก้อถอนดัชนี ใบหน้าราวกับตุ๊กตาของนางซีดเผือด เห็นได้ชัดว่านางใช้พลังไปมากเพื่อขับของเสียออกจากร่างของซือหยู สิ่งแปลกปลอมทั้งหมดถูกเค้นออกจากร่าง เผยให้เห็นผิวอันละเอียดและขาวสะอาดเปล่งประกาย


 


ร่างของเขาที่ดูเหมือนไร้กล้ามเนื้อนั้นจริงๆแล้วเต็มไปด้วยพลังที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง เพลิง และอัสนี พลังภายในนั้นเปลี่ยนแปลงเช่นกัน มันมีแสงทองอ่อนๆที่ดูไม่เหมือนกับสิ่งที่เป็นของมนุษย์!


 


จางตี๋เก้อเช็ดหยดเหงื่อบนหน้าผากและพยักหน้าอย่างพอใจ


 


“นี่คือโอกาสหายากในทุกหมื่นปี ข้าพร้อมจะเสี่ยงทุกอย่าง! หลังจากที่พลังผสมกับร่างกายเจ้า เจ้าจะปลดปล่อยพรสวรรค์ของตัวเองออกมาได้ การรวมตัวของสามธาตุในหนึ่งคน ให้พลังกายกับเจ้า นั่นก็เพียงพอแล้วที่เจ้าจะเป็นจุดสูงสุดของราชามนุษย์ แล้วร่างกายของเจ้าก็จะไม่ถูกทำลายจากสมบัติเทพอัสนี”


 


จางตี๋เก้อพูดจบและชี้ดัชนีไปที่จุดกำเนิดพลังของซือหยูและใส่พลังขอบเขตภูติลงไป พลังนั้นล้อมรอบจุดกำเนิดพลังอย่างต่อเนื่องจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นแก้วสองชิ้นที่ขนาดเท่าเมล็ดถั่ว


 


จางตี๋เก้อหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม ร่างเล็กของนางสั่นเล็กน้อย แต่ในหน้านั้นก็พึงพอใจ


 


“เพื่อปลดปล่อยพลังของสมบัติอัสนี…”


 


“เจ้าต้องใช้พลังชีวิตของขอบเขตภูติ แม้จะเป็นพลังช่วยเหลือของข้าเจ้าก็จะใช้พลังของมันได้ถึงสองเท่า! ข้าใส่พลังชีวิตในกายเจ้า ถ้าเจ้ายังมิอาจทำลายผนึกในครั้งแรกและเกิดอะไรขึ้น ครั้งต่อไปจะเป็นแผนสำรอง…”


 


จางตี๋เก้อเงยหน้ามองดูซือหยู แม้ว่าใบหน้าซือหยูจะซีดเพราะความเจ็บปวด เขาก็ยังคงมีสติ จางตี๋เก้อรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง


 


“ช่างเป็นพลังใจที่น่าชมเชย”


 


“แม้จะใส่พลังลงในจุดกำเนิดพลังของเจ้า เจ้าก็ยังคงสติเอาไว้ได้”


 


จางตี๋เก้อละสายตาและโบกมือ


 


“พวกเจ้าสองคนไปยืนข้างๆแล้วอย่าขยับไปไหน”


 


นางนั่งลงเพื่อฟื้นฟูพลัง


 


ครึ่งวันผ่านไป จางตี๋เก้อตื่นขึ้นและกระอักพลังสกปรกออกมา สีหน้าของนางกลับมาอีกครั้งเผยให้เห็นใบหน้ามีชีวิตชีวา


 


“ท่านภูติสวรรค์ ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว!”


 


เสียงของเฮ่ยลั่วดังมาจากนอกตำหนัก


 


จางตี๋เก้อตาเป็นประกาย


 


“ดี ไปกันเถอะ ข้าถูกผนึกมาพันปี ถึงเวลาแล้วที่จะออกไปจากที่นี่ ข้าอาจจะใช้ครั้งนี้ออกจากทวีปเฉินหลงแล้วกลับไปจิวโจวได้สักที”


 


จางตี๋เก้อโบกมืออย่างคาดหวัง กลุ่มคนปรากฏตัวที่นภาเหนือตำหนักใหญ่โดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง!


 


ในตอนนั้น อสุราหน้าขาวที่รับหน้าที่ดูแลบ่อผนึกมังกรบินเข้ามาและพูดด้วยความนับถือ


 


“ท่านภูติสวรรค์  การเซ่นมังกรอสูรกำลังจะเริ่มขึ้น โปรดบัญชาข้าด้วย”


 


จางตี๋เก้อเหลือบมองบ่อผนึกมังกรด้วยความชิงชังแต่ก็แฝงด้วยความกลัว


 


“ฮื่ม!”


 


“ข้ารับใช้มังกรอสูรมาพันปี การเซ่นจัดทุกครั้งในร้อยปีเพื่อแลกพลังชีวิตจากจิวโจว บัดนี้ข้าคิดอ่านจะกลับจิวโจว ทำไมข้าจะต้องสนใจมังกรอสูรอยู่อีกเล่า? ไม่ต้องไปยุ่งกับมันแล้ว!”


 


อสุราหน้าขาวใบหน้าแข็งกร้าวขึ้น


 


“แต่พวกเราจับมนุษย์พวกนี้มาเซ่น…”


 


“พวกเจ้าสองคนจัดการก็แล้วกัน”


 


จางตี๋เก้อพูดอย่างเรียบง่าย นางโบกมือ


 


“ไป่ลั่ว เฮ่ยลั่ว มากับข้า เจ้าสองคนภักดีต่อข้ามาหลายปี ข้าจะพาเจ้าออกจากก้นบึ้งมังกรเช่นกัน! ถ้ามีโอกาส ข้าอาจจะพาเจ้าสองคนไปที่จิวโจวได้”


 


ทั้งสองดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น


 


“ท่านภูติสวรรค์!”


 


อสุราหน้าขาวมองรากษสหลายพันตนอย่างไม่สบายใจ เขาลังเล


 


“ท่าน…”


 


“แล้วคนของพวกเราเล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรา พวกนั้นอาจจะถูกมนุษย์ฆ่าล้างสังหารจากเมืองก้นบึ้งไปหลายสิบปีแล้ว”


 


จางตี๋เก้อเยือกเย็นลง


 


“ข้าสนใจเจ้าพวกขยะนั่นด้วยเรอะ? พวกนั้นก็แค่รากษส แค่นั้นก็พอแล้วกับพวกผีชั้นต่ำ! ถ้าเจ้าจะอยู่กับพวกมันก็แล้วแต่เจ้า!”


 


“มิได้ขอรับ!”


 


อสุราขาวรีบพูดโดยหวังว่าจะไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด


 


เฮ่ยลั่วมองจางตี๋เก้อจากด้านหลัง ความภักดีของเขาแตกต่างกับไป่ลั่วโดยสิ้นเชิง


 


จางตี๋เก้อพูดเบาๆ ชุดของนางสั่นและทุกคนก็หายไปราวกับหมอกควัน


 


รากษสหลายพันตนที่ถูกทิ้งเอาไว้ต่างสับสน พวกมันตกอยู่ในความยุ่งเหยิงในไม่นาน ส่วนเหล่านักโทษมนุษย์นั้น…ไม่มีผู้ใดสนใจ


 


******


 


ที่เมืองก้นบึ้ง ในลาวาใต้พื้นพิภพ เล่ยมู่ขยับนิ้วทั้งสิบไปมาและสร้างการไหลเวียนของภาพลวง เขาพยายามจะเร่งรุด เขาหน้าซีดราวกับกระดาษ ทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ ข้างหลังเขาคือคนที่เขาไว้ใจ ซัวหลี่ ชายที่กำลังกังวลใจ


 


สัญลักษณ์เก้าแบบปรากฏและหายไปจากกระบี่สายฟ้า เวทย์นั้นทำให้เล่ยมู่ควบคุมกระบี่สายฟ้าได้ชั่วคราวโดยไม่ต้องชำระมัน แม้เขาจะใช้พลังของมันได้แค่ครึ่งเดียวในตอนนี้ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ภูติสวรรค์บาดเจ็บสาหัสและบังคับให้นางถอยไปได้


 


ในตอนนี้ ยังมีสัญลักษณ์อีกแปดแบบที่เปล่งประกายพลังงานทมิฬปกคลุมกระบี่สายฟ้า นั่นคือขั้นสุดท้ายของเวทย์ที่ยังหลงเหลือ!


 


ครืน ครืน—


 


ในตอนนั้นเอง รังสีพลังอันน่ากลัวแผ่ออกมาจากนภาเบื้องบนเมืองก้นบึ้ง!


 


พลังนั้นน่ากลัวจนทำให้ยอดฝีมือในเมืองหมดสติทันที แม้แต่เหล่าราชามนุษย์ที่มีพลังมหาศาลก็กระเด็นไปหลายพันศอก พวกเขามองดูบนนภาด้วยความกลัว


 


จางตี๋เก้อลอยอยู่เหนือเมืองก้นบึ้ง นางลอยมือไพล่หลังมองดูเมือง รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า


 


“ข้ามาแล้ว…”


 


“เจ้าเมืองก้นบึ้ง เจ้าไม่คิดจะออกมาต้อนรับข้าหน่อยเรอะ?”

 

 

 


ตอนที่ 420

 

เสียงของจางตี๋เก้อดังก้องทั่วเมืองก้นบึ้งไปถึงหูเล่ยมู่จนทำให้เขาตัวสั่น


 


“เร็วเหลือเกิน นางมาถึงแล้ว!”


 


เขาหันไปหาคนของตัวเอง


 


“ซัวหลี่ วางเวทย์ปกป้องให้ข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อสู้เพื่อซื้อเวลาให้ข้า! ข้าแค่ต้องการเวทย์าุดท้ายก่อนจะควบคุมกระบี่สายฟ้าและฆ่ามันได้!”


 


ซัวหลี่หยิบตุ๊กตาไม้ออกมา มันคือสมบัติของอรหันต์ หลังจากที่ทำลายมัน พลังมหาศาลก็ปกคลุมทั้งสอง


 


เล่ยมู่สบายใจขึ้น


 


“พลังอรหันต์นั้นมีผลอย่างมากกับพวกภูติผี”


 


“ข้ารู้ว่ายากที่เจ้าจะสละสมบัติที่ส่งต่อกันมาในตระกูล หลังเรื่องนี้จบลง เจ้าจะมีทุกอย่างที่ตังกุยมี!”


 


ซัวลี่ตื่นเต้น


 


“ขอบคุณท่านเจ้าตำหนัก!”


 


รูปปั้นอรหันต์นั้นเป็นของสืบทอดจากบรรพบุรุษ การทำลายมันจะทำให้พลังอรหันต์ภายในออกมาเป็นเกราะป้องกัน แม้แต่กึ่งเทพก็ต้องพยายามอย่างมากเพื่อทำลายเกราะป้องกันนี้


 


แม้่ว่าจางตี๋เก้อจะอยู่ในขอบเขตภูติ พลังอรหันต์ก็ชนะกับพลังภูติผีได้ชะงัก นางทะลวงการป้องกันนี้ไม่ได้แน่


 


จางตี๋เก้อหัวเราะอย่างชั่วร้าย


 


“เจ้าต้องให้ข้าเชิญเจ้าออกมางั้นรึ?”


 


จางตี๋เก้อยื่นฝ่ามือเล็กๆและซัดลงไปอย่างรุนแรง


 


พลังวิญญาณจากรอบข้างปะทุออกมา แม้แต่ลมหายใจมังกรก็มารวมตัวกัน มันกลายเป็นฝ่ามือยักษ์ที่ขนาดเท่าครึ่งเมืองก้นบึ้ง


 


จางตี๋เก้อดันฝ่ามือลงกับพื้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง สิ่งปลูกสร้างมากกว่าครึ่งพังทลายลง รอยแยกกว้างหนึ่งลี้ปรากฏขึ้นบนพื้นโลก พลังความร้อนอันน่าตกใจแผ่ออกมาจากรอยแยก มันละลายหินโดยรอบจนเป็นสีแดงฉาน


 


จางตี๋เก้อสร้างสายลมรุนแรงพัดใส่หินที่ละลายไปอีกด้านเพื่อไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ


 


ต่อมาก็มีรังสีกระบี่ที่แข็งแกร่งอย่างมากพุ่งมาสู่นภา มันมีพลังสายฟ้าอันน่ากลัว ลมหายใจมังกรสลายไปไม่ว่ากระบี่จะผ่านไปทางไหน ราวกับว่าลมหายใจมังกรหวาดกลัวพลังนั้น เพราะอย่างไรสายฟ้าก็สามารถสวนกลับพลังอสูรได้


 


จางตี๋เก้อเลิกคิ้ว นางผสานมือเรียกพลังวิญญาณจากทั้งสองด้านมากดพลังของกระบี่สายฟ้าเอาไว้


 


นางต้องใช้ทั้งสองมือ รังสีกระบี่สายฟ้าแตกออกเป็นสายอัสนี ดูเหมือนว่านางจะหวาดกลัวพลังของอัสนี


 


ตอนนี้ทุกคนเห็นลาวาจากรอยแตกของพื้น กระบี่ยาวร้อยศอกปกคลุมด้วยสายฟ้า มันปล่อยรังสีกระบี่ที่แข็งแกร่งอย่างมากออกมา!


 


เล่ยมู่ถึงกับคลั่งเมื่อถูกเผยตัว เขาพยายามอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะสร้างสัญลักษณ์ที่เก้า มันปล่อยหมอกดำออกมาอย่างต่อเนื่องและกำลังจะสำเร็จ!


 


จางตี๋เก้อสะบัดมือ พลังได้กลายเป็นศรคมกริบร่วงหล่นราวกับพิรุณ! ม่านพลังอรหันต์สั่นคลอน มันกำลังจะพังทลาย!


 


ซัวหลี่เบิกตากว้าง เขากระอักเลือดออกมา เขาพยายามจะรักษาพลังอรหันต์เอาไว้


 


“แย่แล้ว!”


 


เขาตะโกน


 


“ภูติสวรรค์นี้แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะเลย!”


 


พลังอรหันต์ได้แผ่ขยายพระพุทธรูปใหญ่โต ศรพิรุณร่วงโรยทำให้พระพุทธรูปสั่นสะเทอืน ทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยรอยแตก


 


ตู้ม—


 


สุดท้ายแล้วพระพุทธรูปก็มิอาจรับไหว มันแตกเป็นเสี่ยงๆ


 


ซัวหลี่หน้าซีด ม่านพลังอรหันต์หายไปแล้ว!


 


แต่ในตอนนั้นเอง เล่ยมู่หัวเราะเสียงดังลั่น


 


“ฮ่าๆๆ…! มันจบแล้ว!”


 


สัญลักษณ์สุดท้ายนั้นก่อตัวสำเร็จ เขาทำสำเร็จพอดิบพอดี!


 


“กระบี่สายฟ้า ขึ้นมา!”


 


เล่ยมู่สั่งการ เขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาใช้แขนทั้งสองข้างควบคุมเวทย์สะกดกระบี่ พลังทมิฬโอบล้อมกระบี่


 


ครืน—


 


ด้วยผลของเวทย์ กระบี่สายฟ้าที่ยังไม่ถูกชำระได้ถูกฝืนควบคุมออกมา!


 


สายฟ้าจากกระบี่คำรามลั่น มันสั่นอย่างมิอาจควบคุมได้ มันค่อยๆผุดมาจากลาวา พลังทำลายล้างได้พุ่งไปยังเบื้องบน!


 


แสงทะลวงไปทางสวรรค์! ก้อนหินทั้งก้นบึ้งมังกรราวกับอยู่ในวายุทะเล รากษสนับไม่ถ้วนหวาดกลัวและเริ่มขุดเพื่อซ่อนตัวในพื้นดิน ท้องนภาที่เต็มไปด้วยลมหายใจมังกรนั้นไม่มั่นคงยิ่งกว่าเดิม


 


จางตี๋เก้อดูกังวลกับพลังกระบี่ที่พุ่งเข้ามา นางมาถึงช้าไป! นางไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับมัน นางพาทุกคนหลบพลังกระบี่


 


ซือหยูตกใจ เขาเคยเห็นพลังเช่นนี้จากกระบี่เมื่อตอนที่เขายังเด็กและหลับตาใช้กระบี่โบราณจากหอสวรรค์


 


กระบี่นี้ไม่ใช่ของจากทวีปเฉินหลง! พลังเช่นนี้มากพอจะสังหารกึ่งเทพ ถ้ากระบี่นี้ปล่อยพลังสูงสุดออกมา แม้แต่จางตี๋เก้อก็ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน


 


“ฮ่าๆ!!”


 


เล่ยมู่หัวเราะอย่างอวดดี


 


“สวรรค์เข้าข้างข้า! ข้าอดทนมาร้อยปีและในที่สุดก็ได้สิ่งตอบแทน! ภูติสวรรค์ ข้าจะเอาเจ้าเป็นเครื่องเซ่นให้กระบี่เล่มนี้!”


 


ความมั่นใจของเล่ยมู่พุ่งทะยานเมื่อได้ครอบครองกระบี่สายฟ้า หลังจากที่เขาสังหารภูติสวรรค์ไปแล้วก็จะรวบรวมก้นบึ้งมังกรให้เป็นปึกแผ่น


 


แต่น่าแปลกที่จางตี๋เก้อเพียงระวังในช่วงแรก นางยิ้ม


 


“อย่างนั้นรึ?”


 


เล่ยมู่หัวใจแทบหยุดเต้น! มีอะไรผิดไปงั้นรึ? ทำไมนางไม่กลัวกระบี่กัน?


 


ในตอนนั้นเอง เล่ยมู่รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลและความเจ็บปวดสุดจะทานทน เขาก้มลงมองและเห็นฝ่ามือที่ทะลวงอกไปและควักหัวใจของเขาออกมา!


 


เล่ยมู่หันไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา


 


“ซัว…หลี่?”


 


เล่ยมู่ตกใจ


 


“เจ้า…? ทำไมกัน…?”


 


คนที่ลอบโจมตีเขาก็คือซัวหลี่ คนที่เขาไว้ใจ!


 


ซัวหลี่สีหน้าดุร้าย เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็นเมื่อบีบหัวใจของเล่ยมู่


 


“หึหึ เจ้าคิดว่าข้าจะเลือกสิ่งใดเล่า? จะเป็นหนึ่งในก้นบึ้งมังกรหรือออกไปสู่โลกภายนอก?


 


ซัวลี่พูดจบและบินขึ้นฟ้า เขาคุกเข่าต่อหน้าจางตี๋เก้อและยื่นคัมภีร์สีดำให้กับนาง”


 


“ของกำนัลท่านจางตี๋เก้อ…”


 


“นี้คือวิธีคุมเวทย์ ข้าขโมยมาจากเล่ยมู่ตามคำสั่งท่าน”


 


เล่ยมู่ค้นตัวและเงยหน้ามองอย่างไม่เชื่อสายตา


 


“แก้วกำเนิด…”


 


“เป็นเจ้า…ที่ขโมยไป…”


 


ซัวลี่หัวเราะ


 


“ข้าเป็นคนของท่านจางตี๋เก้อตั้งแต่ที่เจ้าจะได้เจอกับกระบี่สายฟ้าเสียอีก! ส่วนเรื่องแก้วต้นกำเนิด…ฮ่าๆๆ! ถ้าข้าไม่ใส่ร้ายตังกุยแล้วกำจัดเขาไป ข้าจะมีโอกาสลอบฆ่าเจ้าได้รึ? เพราะอย่างไรตังกุยมันก็จิ้งจอกเฒ่า มันเจ้าเล่ห์นัก อันตรายเกินไปถ้าจะมีเขาอยู่ด้วย”


 


การมองเห็นของเล่ยมู่หายไป ก่อนเขาจะตาย เขารับรู้ทุกสิ่งในท้ายสุด…หนอนบ่อนไส้คือคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด!


 


จางตี๋เก้อก้มลงมอง นางเพิ่งจะจำซัวหลี่ได้ในตอนนี้


 


“เอ๋ เจ้าทำดีมาก มายืนหลังข้า ข้าาไม่คิดจะผิดสัญญากับเจ้า”


 


ซัวหลี่ดีใจ ในที่สุดเขาก็จะได้ออกไปจากที่นี่! แต่เล่ยมู่ที่ดูทุกข์ทรมานก็กลับมามีพลังอีกครั้ง เขาชี้กระบี่ออกไป มังกรอัสนีพุ่งออกมาจากกระบี่สายฟ้า


 


จางตี๋เก้อนั้นไม่ทันระวังตัว ก่อนที่นางจะได้ตอบโต้ มังกรอัสนีก็พุ่งเข้ามากลืนกินนางแล้ว! นางถูกกลืนลงไปในท้องของมังกรที่ล้อมรอยไปด้วยสายฟ้า!


 


“บัดซบ! เจ้ามีหัวใจสองดวง!”


 


จางตี๋เก้อร้องออกมาจากภายในมังกร


 


นางโกรธแค้น พลังอสูรพุ่งออกจากนภาจากร่างเล็ก นางพยายามจะป้องกันตัวไม่ให้ถูกทำลายจากสายฟ้าในมังกร แต่พลังของสายฟ้านั้นต่อกรกับภูติผีได้อย่างจัง มันทำให้จางตี๋เก้อติดอยู่ในตัวมังกร ต้องใช้เวลานานแน่กว่านางจะเป็นอิสระ!


 


“ฮ่าๆๆ”


 


เล่ยมู่หัวเราะอย่างเยือกเย็น


 


“ภูติสวรรค์! เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้เรอะว่าซัวหลี่เป็นคนทรยศ? ข้ารู้ตั้งแต่วันแรกที่มันมาอยู่กับข้าแล้ว! ข้ามองดูมั่นเพื่อให้มันประมาท สุดท้ายข้าก็ได้โอกาสนี้!”

 

 

 


ตอนที่ 421

 

จางตี๋เก้อที่ติดอยู่ในท้องมังกรสายฟ้าทั้งตกใจและโกรธแค้น


 


“เป็นไปไม่ได้! เจ้ารู้ได้ยังไงว่าซัวหลี่อยู่ฝั่งเดียวกับข้า?”


 


สีหน้าซัวหลี่ซีดเซียว เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจ


 


“มัน…มันไม่ใช่ข้า! ข้าไม่เคยเผยตัวตน!”


 


สีหน้าของอสุราไป่ลั่วเปลี่ยนไปอย่างมาก มันบินไปที่หน้าจางตี๋เก้อ


 


“หน้าดำ ปกป้องท่านภูติสวรรค์!”


 


เฮ่ยลั่วนั้นภักดีอย่างมาก มันบินไปที่ข้างหน้าขาว ทั้งสองเป็นกึ่งเทพที่ทรงพลัง ทั้งสองยืนอยู่ที่ซ้ายขวาของจางตี๋เก้อเพื่อปกป้องให้นางได้ยื้อเวลาออกจากมังกรสายฟ้า


 


อ๊าก—


 


แต่ในตอนนั้นอสุราขาวก็กรีดร้องออกมา! หอกได้ทะลวงคอของมันและบั่นหัวของมันในคราเดียว! ร่างของมันร่วงลงกับพื้นเสียงดัง!


 


จางตี๋เก้อใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ


 


“เฮ่ยลั่ว! เจ้าทรยศข้า!”


 


เฮ่าลั่วถือหอกชุ่มโลหิตในมือ ไม่มีใครคาดคิดว่าเฮ่ยลั่วที่รับใช้นางมาตลอดจะทรยศ!


 


เฮ่ยลั่วมองจางตี๋เก้ออย่างไร้อารมณ์


 


“ท่านภูติสวรรค์ก็ควรจะคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ความฝันและอารมณ์ที่ท่านมองนภาจรัสแสง…ท่านทำได้ยังไงกัน? ข้าไม่รู้ ข้าไม่เข้าใจ ทำทั้งหมดนี่ลงไปเพื่อโลกภายนอกงั้นรึ? แล้วท่านจะทิ้งตระกูลกุยไปงั้นรึ?”


 


จางตี๋เก้อกัดฟัน


 


“เจ้าต้องตาย!”


 


นางจัดสินใจควบคุมเฮ่ยลั่วด้วยวิชาภูติสวรรค์บงการแต่มังกรสายฟ้าก็มีชั้นพลังที่ขัดขวางนางทำให้นางยังทำอะไรไม่ได้


 


“ท่านภูติสวรรค์ ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก”


 


เฮ่ยลั่วพูดต่อ


 


“นี่เป็นเวทย์ผนึกที่เตรียมไว้เพื่อท่านโดยเฉพาะ มันจะพันธนาการท่านได้ในเวลาหนึ่งก้านธูป และเวลาก้านธูปเดียวนี้ก็มากเกินพอให้เล่ยมู่ใช้กระบี่สายฟ้าสังหารท่าน!”


 


จางตี๋เก้อเบิกตากว้าง ในแววตานั้นเต็มไปด้วยความชิงชังไร้ขอบเขต


 


“ซัวหลี่ ซือหยู หยินหยู! ช่วยข้ายื้อเวลาที!”


 


แม้นางจะเกือบทำแผนสำเร็จ แต่นางก็มิอาจเอาตัวเองออกจากอันตรายนี้ได้!


 


ซัวหลี่ลังเล แม้ว่าเขายอมจำนน เล่ยมู่ก็คงไม่มีวันอภัยให้เขา เขาทำให้แค่หวังอยู่กับจางตี๋เก้อ เขาตะโกนเบาๆและหยิบพระพุทรรูปทองคำออกมา!


 


เล่ยมู่ตกใจ


 


“เจ้ายังมีพระพุทธรูปอยู่อีกเรอะ? อสุรา! หยุดมันเร็ว!”


 


เฮ่ยลั่วจ้องมองซัวหลี่และรวบรวมพลังภูติในหอก เขาซัดหอกและสร้างใบหน้าภูติผีที่มีขนาดสามสิบศอกพุ่งออกไป


 


ซัวหลี่เตรียมตัวในครั้งนี้มานานแล้ว แสงสีทองอันงดงามเปล่งประกาย มันมีอักษรสันสกฤตอยู่ในพระพุทธรูป! หลังจากที่ซัวหลี่ทุบมัน เสียงของอรหันต์ก็ดังเข้ามา พลังอรหันต์เปล่งประกายฉาบทุกสิ่งอย่าง! ใบหน้าภูติผีส่งเสียงร้องและสลายไปเพราะพลังอรหันต์


 


พระพุทธรูปแตก พลังอรหันต์ล้อมรอบกายซือหยูและคนอื่นๆ


 


ฟึ่บ–


 


ในตอนนั้น เสียงแหลมดังในความเงียบ เฮ่ยลั่วมที่มีหอกในมือโจมตีชั้นพลังอรหันต์นั้นด้วยความรุนแรงที่ทำให้ผืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!


 


พลังภูติมหาศาลอยู่ในการโจมตีนี้ แสงสีทองสั่นสะเทือนและรับการโจมตีนี้ไว้ได้


 


ซือหยูประทับใจ การป้องกันของพลังอรหันต์นั้นทรงพลังโดยแท้ แม้จะเป็นเฮ่ยลั่วที่มีพลังกึ่งเทพก็ทำอะไรมันไม่ได้!


 


ปั้ง–


 


เฮ่ยลั่วแกว่งหอกอีกครั้ง เขาใช้พลังมหาศาลสร้างเมฆาอสรพิษ เขี้ยวของพวกมันเปล่งแสงหม่นออกมา


 


แสงสีทองเริ่มมืดหม่นลง


 


“ไม่นะ!”


 


“เวลาจะเหลือไม่ถึงก้านธูปเดียวแล้วถ้ายังเป็นเช่นนี้!”


 


จางตี๋เก้อสั่ง


 


“ซัวหลี่ ซือหยู ยี่หยู! พวกเจ้าสามคนถ่วงเวลาอสุราไว้! ยื้อเวลาให้ข้า!”


 


ทั้งสามออกจากชั้นม่านพลังอย่างไม่ลังเล


 


ซือหยูหัวเราะอย่างขมขื่นในใจ เขาจะทำอะไรได้กัน? การยอมจำนนต่อเล่ยมู่ก็ไม่ใช่ทางเลือก เขาไม่มีวันอภัยให้กับเล่ยมู่ และยี่หยูก็ยังอยู่ในการควบคุมของจางตี๋เก้อ ชะตาพลิกผันเช่นนี้ เขากับยี่หยูทำได้แค่ต้องเลี่ยงภัยร้ายเมื่อภูติสวรรค์หลุดจากพันธนาการ


 


ส่วนเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปและวิธีหนีจากภูติสวรรค์ เมื่อถึงเวลาแล้วค่อยคิดอ่านใหม่


 


ซือหยูแสร้งทำเป็นรับคำสั่งและโจมตีเคียงข้างยี่หยู ซัวหลี่ที่ลังเลฝืนตัวเองไปอยู่ตำแหน่งข้างซือหยู ทั้งสามรวมพลังอันโจมตีอสุรา


 


ซัวหลี่อยู่ในระดับราชามนุษย์ แต่ซือหยูกับยี่หยูนั้นมีพลังที่ต่อกรได้กับกึ่งเทพ


 


“เฮ่ยลั่ว! ฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้!”


 


เล่ยมู่ตะโกนร้อง


 


“อย่าให้พวกนั้นมารบกวนข้า…ข้าต้องควบคุมกระบี่สายฟ้าอีกครั้ง ข้าขอเวลาแค่ครึ่งก้านธูป!”


 


เฮ่ยลั่วพยักหน้า


 


“รู้แล้ว”


 


ฟิ้ว ฟิ้ว—


 


หอกในมือเฮ่ยลั่วเกิดเสียงประหลาด พลังภูตินั้นพุ่งเข้าใส่หอกอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเขาแกว่งหอก ทั้งนภาก็เต็มไปด้วยพลังภูติ


 


ซัวหลี่หยิบคทาที่ยาวเท่าดัชนีขึ้นมา หลังจากที่เขาใส่พลังวิญญาณเข้าไปมันก็ขยายใหญ่ขึ้น มันยาวสิบศอกในพริบตา


 


ซือหยูหยุดนิ่งไปเล็กน้อย นั่นมันสมบัติเทพอะไรกัน?


 


“เอาเลย!”


 


ซัวหลี่ตะโกน


 


“ข้าจะเป็นคนโจมตี พวกเจ้าสองคนถ่วงเวลาเอาไว้”


 


ชุดของเขาสั่นสะเทือน เขายื่นมือไปยังนภาด้วยคทา!


 


ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูบินไปอีกด้านเพื่อโจมตีจากคนละทิศทาง


 


“ดัชนีพันสายฟ้า!”


 


ซือหยูผสานมือ วงแหวนอัสนีม่วงขนาดสิบศอกล้อมรอบแขน รัศมีเปล่งประกายของมันนั้นดั่งภาพลวง พลังของสายฟ้าพันสายกักเก็บอยู่ในวงแหวนเดียว


 


ซือหยูเพิ่งจะรู้ตัว ดัชนีพันสายฟ้า…มันไปถึงระดับสองขั้นสูงแล้ว! ในทีแรกมันมีพลังเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อจางตี๋เก้อใส่พลังในร่างเขา ดัชนีพันสายฟ้าก็ก้าวกระโดดขึ้นไปสู่ระดับสูง! วิชาในขอบเขตภูตินั้นน่าตกตะลึงยิ่งนัก!


 


ซือหยูดีใจ เขามั่นใจยิ่งขึ้น เขาตะโกนเสียงดังและควบคุมเหล่าวงแหวนและโจมตี


 


ซัวหลี่มีความหวังอีกครั้ง


 


“วิชาอัสนี!”


 


“ดีล่ะ! เราอาจจะมีหวังรับมือกับมันได้ถึงหนึ่งก้านธูป!”


 


ส่วนเซี่ยจิงหยู นางกู่ร้องและอ้าปากคายพลังออกมา หมอกหนาปรากฏขึ้น วารีจากจักรวาลปรากฏขึ้นที่ร่างของซือหยูกับซัวหลี่


 


‘วิชาระดับตำนานระดับสาม!“


 


ซัวหลี่อ้าปากค้าง


 


ซือหยูตัวแข็งทื่อ นางบ่มเพาะวิชาระดับอำมฤตจนถึงระดับนี้ได้เชียวรึ?


 


“หืม…”


 


เฮ่ยลั่วส่งเสียง เขาแกว่งหอกที่เต็มไปด้วยพลังภูติอีกครั้ง


 


สายลมโดยรอบก่อตัวขึ้นจากพลังวิญญาณ ซือหยูมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมั่นใจ


 


ปั้ง–


 


คทาของซัวหลี่ที่มีพลังอรหันต์กระเด็นลอยไปจากมือ พลังทมิฬแล่นผ่านคทาและโจมตีลำตัวของซัวหลี่! เขาถูกช่วยเอาไว้โดยคลื่นวารีของเซี่ยจิงหยูที่หายไปจากท่าที่สังหารได้แน่นอนนั้น


 


พลังที่หลงเหลือเข้าถึงตัวซัวหลี่ทำให้เขาถอยไปหลายก้าว โลหิตสองสายไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองด้าน


 


ใบหน้าซัวหลี่ซีดเผือด เขารับรู้ได้ถึงความตายที่ใกล้ตัวเขาจากกระบวนท่านั้น


 


“ขอบคุณจ้าวยี่หยู…”


 


ส่วนเซี่ยจิงหยู ไอวารีที่ร่างนางนั้นหายไปเพราะพลังของเฮ่ยลั่ว นางใช้สิ่งที่สร้างจากวารีขึ้นมาเพื่อหลบการโจมตีนั้น


 


ส่วนวงแหวนอัสนีทั้งสามของซือหยู วงแหวนแรกนั้นระเบิดหายไป ส่วนวงแหวนที่สองหยุดอยู่เล็กน้อยก่อนจะหายไปเพราะหอก ส่วนวงแหวนที่สาม มันระเบิดและทำให้พลังภูติกว่าครึ่งของหอกหายไป!


 


สายฟ้าแล่นไปถึงตัวเฮ่ยลั่วผ่านหอก เขาตัวสั่นเมื่อสายฟ้าไหลทั่วร่าง ขนสีขาวติดไฟและกำลังไหม้!


 


ใบหน้าที่เคยเยือกเย็นเปลี่ยนไป เขาสะบัดตัวอย่างรวดเร็วเพื่อทำให้เพลิงดับมอดลง


 


เฮ่ยลั่วมองซือหยูอีกครั้งไม่ใช่เพราะความไม่เชื่อสายตา…แต่เป็นเพราะความกลัว


 


“ฮื่ม!”


 


อสุราหน้าดำถอนหายใจแรง ความกลัวของเขาเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


“พวกเจ้าต้องตาย!”

 

 

 


ตอนที่ 422

 

“วิหารภูติ ออกมา!”


 


เฮ่ยลั่วตะโกน เพลิงทมิฬแผดเผาอกของเขาจนกลายเป็นรอยสักอสูร


 


รอยสักนั้นมีพลังภูติเอ่อล้นออกมา กรงเล็บมรกตโผล่ออกมาจากอกของเขา


 


มันพุ่งเข้าซัดซัวหลี่ด้วยความเร็วที่มิอาจมองได้ด้วยตามนุษย์!


 


ซัวหลี่ใส่พลังวิญญาณลงในคทา คทาเปล่งแสงราวกับตะวันยามบ่าย พลังภูติทั้งหมดในระยะร้อยศอกสลายไป


 


แกร๊ง–


 


แม้กรงเล็บภูติจะขนาดเล็กลงจากพลังอรหันต์ กรงเล็บนั้นก็ฉีกม่านวารีและไปคว้าคทาเอาไว้ได้ คทาหักเพราะกรงเล็บนั้น


 


ซัวหลี่โยนคทาที่พังทิ้งไปและรีบวางผนึกในร่าง ชั้นชุดเกราะก่อตัวขึ้นจากผนึกที่ปกคลุมผิวร่าง


 


แกร๊ง–


 


กรงเล็บปะทะกับชุดเกราะแต่กรงเล็บนั้นก็แข็งแกร่ง แม้กรงเล็บจะพังทลายจากแรงกระแทกในทันที มันก็ยังไม่ถูกชุดเกราะทำลายไปเสียทั้งหมด มันยังพุ่งทะลวงไปถึงอกของซัวหลีร่!


 


ร่างของซัวหลี่สั่นระริก สิ่งที่เขามองเขามืดหม่นลง เขาล้มลงและร่วงไปยังพื้นดิน


 


ซือหยูขนลุก ต่อหน้าพลังของอสุรา แม้แต่ซัวหลี่ที่มีสมบัติทรงพลังมากมายก็ไม่รอดพ้นชะตาเดียวกับคนที่เหลือ


 


ซือหยูตกอยู่ในสถานการณ์หนักอึ้ง ถ้าเขาไม่ใช้พลังสูงส่งกับเฮ่ยลั่ว เขาจะต้องตายที่นี่อย่างแน่นอน!


 


เซี่ยจิงหยูซ่อนสีหน้าเอาไว้ แต่พลังอันน่ากลัวก็ก่อตัวล้อมกายนางราวกับว่านางกำลังจะใช้กระบวนท่าที่ทรงพลัง


 


ผีเสื้อยักษ์ที่เกิดจากการก่อตัวของวารีปรากฏที่เหนือศีรษะของนาง รายละเอียดของมันชัดเจนราวกับผีเสื้อของจริง


 


ซือหยูสร้างร่างเทียมเพลิงที่ข้างหลัง ด้วยพลังชีวิตของจางตี๋เก้อ ร่างเทียมในตอนนี้มีรูปลักษณ์ที่สมจริงขึ้น มันแทบจะใกล้เคียงกับซือหยูตัวจริง แต่มันก็ไม่ปล่อยพลังใดออกมา มันดูเหมือนกับร่างเทียมที่เกิดร่างพลังวิญญาณทั่วไป


 


ขณะที่เฮ่ยลั่วเฉือนร่างของซัวหลี่ ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูก็โจมตีไปพร้อมกัน เมื่อมันรับรู้ถึงการโจมตีที่ใกล้เข้ามา มันก็มีเพียงเวลาให้ดึงหอกกลับมาป้องกันตัวเองเท่านั้น


 


ซือหยูกับร่างเทียมรวมพลังกัน ทั้งสองกำหมัดแน่นพร้อมกับสร้างพลังมหาศาล สมุนไพรเทพที่อยู่ตรงจุดกำเนิดพลังในวิญญาณเปล่งประกายอย่างเยือกเย็น


 


ตู้ม—


 


พลังน้ำแข็งซัดเข้าใส่หอก จากนั้นชั้นน้ำแข็งก็ก่อตัวบนหอกตามด้วยร่างของเฮ่ยลั่วที่เริ่มถูกแช่แข็ง อสุราตกใจมาก


 


“บ่มเพาะวิชาน้ำแข็งมาจนถึงขีดสุดเช่นนี้…”


 


“แม้จะยังไม่ใช้ต้นกำเนิด! เป็นไปได้ยังไง…?”


 


เฮ่ยลั่วกำหมัดสะบั้นน้ำแข็งบนตัวและใช้พลังอสูรขับน้ำแข็งออกจากร่าง แต่ในตอนนั้นผีเสื้อวารีของเซี่ยจิงหยูก็มาถึง


 


ผีเสื้อวารีสะบัดปีก โลหิตหลั่งไหลออกมาจากรูขุมขนของเฮ่ยลั่ว หากมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นโลหิตหลายสายที่พุ่งเข้าหาผีเสื้อ ผีเสื้อนั้นกลืนกิดโลหิตเปลี่ยนปีกให้กลายเป็นสีแดงชาดในพริบตา


 


หัวใจเฮ่ยลั่วเต้นแรง เขาพยายามจะควบคุมโลหิตของตัวเองแต่โลหิตของเขาเองนั้นไม่ได้อยู่ในการควบคุมเลย! โลหิตสองในสิบส่วนถูกดูดออกไปจากรจ่างของเขา


 


“วิชาวารีระดับสูงสุด!”


 


เฮ่ยลั่วตะโกน


 


“เป็นไปไม่ได้!”


 


คลื่นพลังเอาโลหิตของเขาไป และนี่คือครั้งแรกที่มันได้รู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามา สายตาของมันดุร้าย


 


“เจ้าบังคับข้าให้ทำอย่างนี้เองนะ!”


 


ปั้ง—


 


เฮ่ยลั่วออกแรงจากมือทั้งสองข้างและหักหอกเป็นสองท่อน เกล็ดทมิฬหล่นลงมาจากหอก


 


“เกล็ดมังกรอสูร!”


 


จางตี๋เก้ออุทาน


 


“เจ้าแอบต่อรองกับมังกรอสูรลับหลังข้าเรอะ? เจ้าสมควรตาย!”


 


เฮ่ยลั่วไม่สนใจนาง เขาสะบั้นเกล็ดเป็นเสี่ยงๆ หมอกทมิฬหนาปกคลุมรองข้าง มังกรตัวเล็กที่ขนาดเท่าฝ่ามือของเฮ่ยลั่วก่อตัวขึ้นจากหมอก มันดูตัวเล็กน่ารักแต่ก็ปล่อยพลังอันน่ากลัวออกมา! พลังมันใกล้เคียงกับขอบเขตภูติ!


 


“สุดท้ายเจ้าก็ต้องใช้ข้า…”


 


มังกรน้อยพูด


 


“ต่อรองสำเร็จ! โจมตีแทนเจ้าหนึ่งครั้ง…แลกกับแก่นโลหิตของเจ้าสามส่วน”


 


มังกรอสูรตัวน้อยกัดข้อมือเฮ่ยลั่วเพื่อดูดซับแก่นโลหิต!


 


จางตี๋เก้อขมวดคิ้ว


 


“เจ้าสองคนรับพลังของมังกรอสูรไม่ได้หรอก!”


 


ทั้งสองคนจะอยู่ในระดับกึ่งเทพหากร่วมมือกัน ทำให้จางตี๋เก้อมีหวังอยู่บ้าง แต่การปรากฏตัวของมังกรอสูรทำให้นางโศกเศร้า


 


“หนี! หนีเร็ว!”


 


ยี่หยูกับซือหยูรับฟังคำสั่ง ทั้งคู่หันเตรียมจะหนีแต่อสุราก็ส่ายหน้า


 


“สายไปแล้วถ้าจะหนีตอนนี้!”


 


มังกรอสูรดูดแก่นโลหิตไปมากพอและคำรามออกมา เสียงของมันเต็มไปด้วยพลังอสูร ผีเสื้อวารีหายไปในทันที เฮ่ยลั่วหลุดออกจากการดูดพลัง


 


มังกรอสูรเปล่งแสงทมิฬ มันไปถึงด้านพลังของเซี่ยจิงหยูในพริบตา! กรงเล็บสีดำไม่สนใจการป้องกันของนาง มันฉีกม่านวารีอย่างง่ายดายและตรงเข้าไปที่แผ่นหลัง


 


เอื้อก–


 


เซี่ยจิงหยูเบิกตากว้าง โลหิตไหลออกมาจากปาก นางล้มลงไปด้านหน้าและหมดสติไปจากแรงกระแทก


 


ซือหยูตกใจที่การโจมตีธรรมดาส่งผลอันน่ากลัวเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีเวลาให้เขาต้องห่วงเรื่องนี้เพราะมังกรอสูรหันมามองเขาแล้ว มันเปล่งแสงทมิฬอีกครั้ง!


 


ซือหยูใช้ปีกตระกูลหวังและห่างออกไปในพริบตาถึงพันศอก


 


ครืน—


 


มังกรอสูรมาถึงตัวเขาในทันที กรงเล็บของมันซัดใส่เขา! มันฉีกกระชากมิติออกไป! นี่เป็นการโจมตีที่เกิดจากขอบเขตภูติเท่านั้น!


 


ซือหยูขนลุกซู่


 


มังกรอสูรหัวเราะอย่างเยือกเย็น มันหันหน้ามองซือหยูอย่างไร้อารมณ์อีกครั้ง ดวงตาดำสนิทของมันทำให้ซือหยูเย็นยะเยือก


 


ซือหยูเหลือบมองเซี่ยจิงหยูที่หมดสติ เขายกมือขึ้นรวบรวมพลังวิญญาณในระยะสามร้อยลี้เหนือศีรษะก่อตัวเป็นอักษรคำว่า “หลิน!”


 


จิตสังหารจากคนทั้งกองทัพรวบรวมอยู่ในคำคำเดียว


 


เฮ่ยลั่วสีหน้าเคร่งเครียด


 


“นั่นมัน…วิชาระดับตำนาน!”


 


มังกรอสูรตัวแข็งทื่อ ดวงตาดำสนิทนั้นแสดงความประหลาดใจ


 


จางตี๋เก้อที่ติดอยู่ในมังกรสายฟ้าราวกับได้เห็นคนแปลกหน้า


 


“เจ้าครอบครองวิชาระดับตำนานงั้นรึ…เป็นไปไม่ได้!”


 


“หลิน!”


 


ซือหยูคำราม


 


อักษรซัดเข้าใส่ทั้งมังกรอสูรและอสุรา


 


อักษรระเบิดออกเป็นคลื่นเสียงและสายลมเชี่ยวกราก เมฆาโดยรอบแหวกทางให้กับคลื่นเสี่ยง พื้นดินก่อตัวเป็นหลุมลึก พลังทำลายล้างบดขยี้ทุกสิ่งที่สัมผัส


 


ผ่านไปครู่หนึ่งก่อนที่ฝุ่นควันจะสลายไป ใบหน้าของเฮ่ยลั่วบวมช้ำ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นเพื่อป้องกันลำตัวเอาไว้ แต่ผิวของมันนั้นเต็มไปด้วยโลหิต บาดแผลบางจุดลึกจนมองเห็นกระดูก แม้แต่มังกรอสูรก็ต้องพยายามรักษารูปลักษณ์เอาไว้ แสงทมิฬของมันหม่นลง


 


“ทำให้ข้าบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้…”


 


เฮ่ยลั่วโกรธแค้น ในตอนนี้เขาชิงชังจนถึงขีดสุด


 


“ไอ้เด็กบัดซบ ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”


 


“หึหึ!”


 


มังกรอสูรตัวน้อยหัวเราะ


 


“วิชาระดับตำนาน คนที่รู้จักวิชาตำนานในโลกว่างเปล่าไม่น่าจะมีอยู่จริง แต่ถ้ามันไม่ได้อยู่ในขั้นเริ่มต้น ข้าก็อาจจะไม่ต้องระวังเจ้ามากนัก!”


 


ซือหยูใจหาย หลิน นั้นมีพลังใกล้เคียงกับกึ่งเทพอย่างมาก แต่ก็มิอาจทำให้ศัตรูถึงตายได้


 


แต่สายตาเขาก็เปล่งประกาย มังกรอสูรตกใจกับอันตรายที่จู่ๆก็ปรากฏตัว ร่างเพลิงมาอยู่ที่ด้านหลังของมัน


 


ร่างเทียมของซือหยูคว้ามังกรอสูรไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง! เพลิงรุนแรงก่อตัวขึ้นในมือเผามังกรอสูร


 


“อ๊ากก! ไอ้เด็กบ้า! บังอาจ…!”


 


มังกรอสูรคำราม มันขัดขืนด้วยพลังทั้งหมดเพื่อที่จะสลัดให้หลุดจากมือของร่างเทียม


 


เพลิงมีพลังที่จะข่มพลังอสูร และแสงทมิฬบนตัวมังกรก็เริ่มหายไป มันกำลังถูกเผา!


 


ซือหยูไม่รีรอ นี่คือโอกาสของเขา


 


“ดัชนีพันสายฟ้า!”


 


เขาเรียกวงแหวนสายฟ้าทั้งสามออกมาและซัดใส่มังกรอสูร วงแหวนสายฟ้าพันธนาการร่างของมังกรอสูรเอาไว้อย่างแน่นหนา


 


พลังสายฟ้าทำให้มังกรกรีดร้องด้วยความเข็บปวด พลังของมันกระจายออกไป สุดท้ายมันก็กลับไปเป็นเกล็ดทมิฬเช่นเดิม


 


ร่างเทียมหยิบเกล็ดขึ้นมาและพุ่งไปที่ข้างซือหยู


 


ทั้งหมดเกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีแต่รู้สึกราวกับเป็นนิรันดร์ มังกรอสูรที่ดูไร้เทียมทานถูกไล่ออกไปแล้ว


 


แน่นอนว่าส่วนใหญ่นั้นเกิดจากพลังของซือหยูที่ได้เปรียบพลังอสูรโดยธรรมชาติ ถ้าหากเขาได้เจอกับกึ่งเทพของจริง ทางเลือกเดียวที่เขาเหลือก็คงมีแต่การหลบหนี


 


เฮ่ยลั่วหายใจแรง เขาเบิกตากว้าง เวลาครึ่งก้านธูปกำลังจะหมดลงแล้ว


 


ในตอนนั้น เล่ยมู่ได้ควบคุมกระบี่สายฟ้าได้สำเร็จอีกครั้ง รังสีกระบี่พุ่งสู่นภา


 


“ฮ่าๆๆ! ภูติสวรรค์! สุดท้ายข้าก็ชนะ!”


 


เล่ยมู่ตะโกนเสียงดัง เขาหัวเราะอย่างชั่วร้ายและวางมือลงบนกระบี่สายฟ้า


 


เฮ่ยลั่วถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาบาดเจ็บและแก่นโลหิตสามส่วนก็ถูกมังกรอสูรเอาไป และยังมีโลหิตสองส่วนที่ถูกผีเสื้อวารีกลืนกินไปอีก เขาอ่อนแออย่างมาก ในตอนนี้เขาเอาชนะราชามนุษย์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้ายังต้องสู้ต่อ เขาคงถูกมนุษย์ฆ่าตาย


 


จางตี๋เก้อตาเป็นประกาย นางกัดฟันและมองซือหยู


 


“มานี่!”


 


ซือหยูบินไปหานางอย่างไร้อารมณ์ต่อหน้ามังกรสายฟ้า


 


“ถ้ามาถึงขั้นนี้ เราก็ได้แต่เดิมพันครั้งสุดท้าย…”


 


“โชคดีนักที่เจ้ามีสายเลือดปีศาจ แต่…”


 


จางตี๋เก้อรู้สึกถึงความลักลั่น แต่เมื่อได้เห็นกระบี่สายฟ้า นางก็ทำได้แค่ยอมรับชะตา


 


“ข้าจะมอบตำราลับร้อยภูติให้กับเจ้า ด้วยตำรานี้ เจ้าจะเอาฐานพลังของข้าไปได้ช่วงหนึ่ง มันจะทำให้เจ้าได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ!”


 


ฐานพลังถูกยืมได้ด้วยรึ? ซือหยูยืนคิด แม้แต่ขอบเขตภูติน่ะรึ?


 


ซือหยูพยายามสุดฝีมือเพื่อที่จะเก็บซ่อนความคิดและการแสดงสีหน้าเอาไว้

 

 

 


ตอนที่ 423

 

จางตี๋เก้อมิอาจรู้ได้อยู่แล้วว่าซือหยูคิดสิ่งใดอยู่


 


“การยืมพลังนั้นไม่ต้องใช้การบ่มเพาะ มันก็แค่พลังชั่วคราว ถ้าเจ้าไม่เอาพลังออกไปทันเวลา อย่างน้อยจุดกำเนิดพลังของเจ้าจะถูกทำลาย หนักที่สุดที่ร่างกายกับวิญญาณของเจ้าจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์!”


 


ซือหยูตกตะลึง เขารีบมองไปที่อื่น


 


จางตี๋เก้อหายใจเข้าลึกและคายพลังทมิฬออกมาจากปาก พลังภูติเข้มข้นล้อมรอบบอลพลังทมิฬเอาไว้ มีอักษรสลักเอาไว้บนบอลพลัง


 


“นีคือตำราลับร้อยภูติ…”


 


“ภูมิปัญญาของข้ากักเก็บอยู่ภายใน ถ้าเจ้าเอามันเข้าสู่ร่าง เจ้าจะได้ภูมิปัญญาของข้าในช่วงเวลาสั้นๆ นั่นจะทำให้เจ้าทนรับพลังของข้าได้”


 


ซือหยูรับบอลพลังทมิฬไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและวางลงบนหน้าผาก บอลพลังเข้าสู่พื้นที่บริเวณระหว่างคิ้วของซือหยู


 


พลังอันเยือกเย็นที่ไม่คุ้นเคยเข้าสู่ดวงวิญญาณ มันคือภูมิปัญญาภายในตำราลับร้อยภูติที่ต้องโอนถ่ายฐานพลัง ภูมิปัญญาอื่นอาจจะถูกจางตี๋เก้อปิดผนึกเอาไว้และซือหยูมิอาจเข้าถึงได้


 


ซือหยูเข้าในใจทันทีว่าการยืมฐานพลังของผู้อื่นนั้นพูดง่ายเสียยิ่งกว่าการลงมือทำ มันต้องใช้สมบัติเทพเฉพาะหรือร่างกายพิเศษ สายเลือดปีศาจก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขนั้น


 


“จะเสียเวลามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”


 


จางตี๋เก้อตะโกน ในดวงตานั้นมีพลังที่ขัดแย้งต่อกัน คลื่นพลังเต็มไปด้วยพลังไร้ขีดสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน


 


“ใช้สายโลหิตปีศาจของเจ้าหลอมรวมกับภูมิปัญญาของข้า!”


 


ซือหยูทำตามทันที พลังโลหิตปกคลุมกาย วายุพลังล้อมรอบตัวของเขา คลื่นพลังจากดวงตาของจางตี๋เก้อถูกดูดกลืนเข้าสู่วายุพลัง


 


ซือหยูกรีดร้องออกมา ร่างกายของเขาถูกความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่อย่างรุนแรง เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกเติมเต็มช่องว่าง แต่พลังนั้นก็ยังไม่พอ…ราวกับว่าเขาจะระเบิดจากภายใน


 


สายเลือดปีศาจนั้นกำลังรับมือกับฐานพลังของขอบเขตภูติ ถ้าไม่ใช่เพราะสายเลือดปีศาจที่ช่วยให้พลังสงบลง การโอนถ่ายฐานพลังของจางตี๋เก้อคงทำให้ซือหยูตายไปแล้ว แต่ผลของมันก็ชัดเจน ฐานพลังของซือหยูนั้นพุ่งทะยานขึ้นไป เขาสำเร็จขั้นผู้คุมสวรรค์ในพริบตาเดียว! เขาก้าวข้ามไปถึงระดับกึ่งเทพและเกือบจะถึงขอบเขตภูติ!


 


เล่ยมู่ตื่นตระหนก


 


“บัดซบ! ข้ามันเร็ว!”


 


เฮ่ยลั่วกัดฟัน เอาฉีกเนื้อบนอกออกไปส่วนหนึ่ง ส่วนที่เขาฉีกไปนั้นคือรอยสักหน้าภูติผี


 


เสียงหวีดร้องจากภูติดังมาจากอก กรงเล็บภูติปรากฏออกมา มันใหญ่กว่ากรงเล็บที่ใช้สังหารซัวหลี่เสียสามส่วน…มันแทงทะลุรอยสักออกมาจากความว่างเปล่า หมอกทมิฬปกคลุม กรงเล็บแผ่พลังภูติออกมาอย่างมาก


 


ซือหยูไม่ได้อยู่ไกลจากเฮ่ยลั่วและกรงเล็บนั้นยังรวดเร็วกว่ามาก ซือหยูตอบสนองไม่ทัน ซือหยูที่มักจะระวังเฮ่ยลั่วอยู่เสมอนั้นดูดกลืนพลังของจางตี๋เก้อไม่ทัน เขาพุ่งลงกับพื้นและไถไปร้อยศอกเพื่อที่จะหลบกรงเล็บนั้น แต่จากนั้นกรงเล็บภูติก็เริ่มพูดกับเขาอย่างน่าตกใจ


 


“หึหึ!”


 


มันหัวเราะ


 


“เจ้าก็ตอบสนองเร็วดี แต่มันยังไม่พอ!”


 


มันพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีกครั้ง เฮ่ยลั่วใช้เวลาเดียวกันนี้โจมตีจากอีกข้าง เขากำหมัดและซัดลำตัวของซือหยูอย่างป่าเถื่อน


 


ซือหยูพยายามโต้กลับ มือซ้ายปล่อยน้ำแข็งออกมาพร้อมกับมือขวาที่ปล่อยสายฟ้า เขารับการโจมตีจากทั้งสองด้านเพียงลำพัง


 


พลังน้ำแข็งป้องกันกรงเล็บเอาไว้ ส่วนมือขวานั้นต้านมือยักษ์ของเฮ่ยลั่วเอาไว้อย่างง่ายดาย


 


เฮ่ยลั่วได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นระรัว มนุษย์ผู้นี้ป้องกันการโจมตีจากสองด้านได้ในคราเดียว…และยังทำได้อย่างง่ายดาย! เฮ่ยลั่วกระอักหมอกโลหิตออกมา


 


หมอกโลหิตระเบิดและกลายเป็นใบหน้าภูติผี มันอ้าปากปล่อยพลังวายุกระหน่ำรุนแรงใส่ซือหยู ซือหยูที่อยู่ในระยะใกล้จะสวนกลับการโจมตีที่คาดไม่ถึงนี้ได้ยังไง?


 


ต่อหน้าความเป็นความตาย วงแหวนอัสนีสามวงพุ่งออกจากร่างซือหยู ด้วยฐานพลังกึ่งเทพ พลังของวงแหวนอัสนีนั้นเพิ่มขึ้นไปหลายเท่า หมอกโลหิตนั้นกรีดร้องเมื่อต้องวงแหวนอัสนี มันหายไปไม่หลงเหลือพลัง


 


แต่พลังของวงแหวนอัสนีก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น มันยังพุ่งเข้าไปด้วยพลังเต็มที่และปะทะเข้ากับร่างของเฮ่ยลั่วอย่างจัง


 


เอื้อก—


 


อั่ก—-


 


อ่อก—


 


เฮ่ยลั่วกระอักเลือดออกมาถึงสามครั้งเมื่อถูกอัสนีซัดใส่กาย เขากระเด็นออกไป เขากระแทกกับพื้นอย่างแรงและ…ตาย อสุราเลื่องลือนามแห่งก้นบึ้งมังกรตายไปต่อหน้าคนในเมืองก้นบึ้งนับหมื่น


 


ซือหยูไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น แค่ก้าวเดียวของเขาก็ทะยานไปได้หลายพันศอก ผู้คนโดยรอบมองเขาไม่ทันเลย! เขาเข้าถึงตัวเล่ยมู่ในพริบตาเดียว อัสนีสีม่วงเคลือบหมัดของซือหยู เขาซัดหมัดที่มีพลังถึงตายเข้าใส่เล่ยมู่


 


เล่ยมู่เบิกตากว้าง เขาตะโกน


 


“ข้าคือครองกระบี่สายฟ้าอยู่ เจ้ายังข้าทำอะไรข้าอีกเรอะ? ตายซะ!”


 


นิ้วทั้งสิบของเขาทับซ้อนกัน เขาขยับตัวอย่างรวดเร็ว


 


“ฉี!”


 


กระบี่สายฟ้าปล่อยอัสนีมรกตอ่อนๆออกมา พลังนั้นทำให้เกิดเพลิงอัสนีที่พุ่งเข้าใส่ซือหยู


 


ซือหยูถอยไปหลายก้าวด้วยพลังนั้น หมัดขวาของเขาไหม้เกรียม คราบโลหิตไหลอาบหมัดนั้น โลหิตไหลออกจากมุมปาก และอัสนีมรกตนั้นยังทำลายพลังชีวิตของเขาอีกด้วย


 


อัสนีเดียวทำให้เขา…ที่เป็นกึ่งเทพในตอนนี้…บาดเจ็บเช่นนี้ได้ยังไง? ถ้าเขาเป็นอำมฤตระดับสี่ เขาคงจะตายในพริบตาเดียว


 


ซือหยูใช้พลังอัสนีในกายหยุดอัสนีภายนอกที่กลืนกินเขา


 


สายฟ้าทั้งสองปะทะกันในกายซือหยู เสียงสายฟ้าปะทุออกมาจากร่างของเขา แต่อัสนีสีม่วงนั้นก็อ่อนแอกว่าอัสนีมรกตอย่างชัดเจน มันทำให้แค่ถ่วงเวลาให้อัสนีมรกตทำลายร่างของซือหยูได้ช้าลงเท่านั้น


 


เขาต้องจบมันโดยเร็ว!


 


ซือหยูตะโกน ด้วยพลังจากฐานพลังที่เพิ่มขึ้น สมุนไพรเทพเยือกแข็งที่เติบโตอยู่ข้างจุดกำเนิดพลังได้แยกตัวออกมาจากร่างกายของเขา


 


สมุนไพรเทพพัดส่งความเย็นถึงกระดูก ต้นสมุนไพรเทพได้กลายเป็นใบน้ำแข็งเก้าใบที่พุ่งเข้าใส่เล่ยมู่ด้วยความเร็วสูง


 


เล่ยมู่ไม่คิดว่าซือหยูจะรับพลังของกระบี่สายฟ้าได้เลยไม่ได้หนี เขาตกใจแต่ร่างก็ปล่อยอัสนีทมิฬออกมา สายฟ้านั้นพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันกลายเป็นแหสายฟ้าห่มนภาพุ่งตรงไปยังใบไม้น้ำแข็งทั้งเก้า


 


ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–


 


ใบไม้น้ำแข็งปะทะกับแหสายฟ้าและถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แหสายฟ้าพลังลดลงตามแรงปะทะของสมุนไพรเทพ จากนั้นแหสายฟ้าจึงหายไป


 


เหลือเพียงใบเดียวที่เหลืออยู่ มันพุ่งตรงไปยังลำตัวของเล่ยมู่


 


พลังน้ำแข็งอันน่ากลัวทำให้เล่ยมู่เจ็บปวดแต่เขาก็ยังยืนอยู่ได้ ใบหน้าแสดงถึงจิตสังหารอันเข้มข้น


 


เล่ยมู่กู่ร้อง


 


“เจ้าต้องตาย…!”


 


แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซือหยูก็ตะโกน


 


“จงระเบิด!”


 


ใบไม้น้ำแข็งที่เข้าสู่ร่างของเล่ยมู่ระเบิดออกมา


 


โลหิตและบาดแผลลึกเท่าชามเกิดขึ้นบนตัวเล่ยมู่ เกล็ดน้ำแข็งทะลวงลึกใมนร่างกาย มันแข็งไปถึงกระดูก!


 


เล่ยมู่ต่อสู้กับความเจ็ฐปวดและถอยกลับ


 


“กระบี่สายฟ้า ดับซะ!”


 


เหนือกระบี่ สัญลักษณ์ทั้งเก้าเปล่งประกาย มันเต็มไปด้วยหมอกดำ กระบี่สายฟ้าสั่นสะเทือน เห็นได้จัดว่ามันกำลังจะระเบิด


 


“ไม่นะ!”


 


จางตี๋เก้อตะโกน


 


“เขากำลังควบคุมพลังของกระบี่สายฟ้า!”


 


เล่ยมู่หัวเราะดังลั่น นิ้วทั้งห้าคว้าอากาศอันว่างเปล่า เขาทำท่าราวกับแกว่งดาบ


 


“ตายซะเถอะ!”


 


เขาตะโกน


 


กระบี่สายฟ้าตอบสนองตามท่าทางของเล่ยมู่ กระบี่ยาวพันศอกเหวี่ยงตัวเอง…ไปที่ซือหยู!


 


ทั้งก้นบึ้งมังกรสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเมื่อกระบี่เคลื่อนไหว! ซือหยูรู้สึกราวกับเป็นเทียนที่อยู่ท่ามกลางสายลมเชี่ยวกราก ด้วยพลังอันน่าตกตะลึงของกระบี่ ร่างของเขาต้องรับแรงกดดันมหาศาล สายโลหิตทุกสายหนักอึ้งและถูกกดเอาไว้


 


กระบี่กำลังจะทำลายร่างกายและดวงวิญญาณของเขาจนหมดสิ้น


 


ในตอนนั้น พลังสุดท้ายของจางตี๋เก้อได้ระเบิดออกมา


 


ครืน—


 


ครืน—


 


ฐานพลังของซือหยูพุ่งทะยานจากกึ่งเทพไปเป็นขอบเขตภูติ!


 


ในตอนนั้น พลังทั้งหมดเอ่อล้นออกมาจากหัวใจของซือหยู เขารู้สึกราวกับว่าตัวเขาได้เป็นอิสระจากพันธมิตรการของจักรวาล เขาอยู่เหนือทุกสิ่ง ทุกสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งหมดล้วนอยู่แทบเท้าเขาและสมควรแก่การถูกเหยียดหยาม เขาได้กลายเป็นภูติแล้ว


 


ซือหยูสลัดความคิดทิ้งไปเขาหายไปจากจุดเดิมที่กระบี่เข้าซัด


 


ครืน—


 


ครืน—


 


กระบี่สายฟ้าที่ซัดเข้ามาสร้างพลังกระบี่ที่ยาวแสนศอก มันแบ่งเมืองก้นบึ้งออกเป็นครึ่ง!


 


แผ่นดินแยกออก ลาวาปะทุท่วมเมืองที่พังทลาย พลังกระบี่ที่เหลือกระจายไปยังด้านข้างและทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดในหลายหมื่นศอกจนสิ้น!


 


เมืองก้นบึ้งมากกว่าครึ่งถูกทำลายไปด้วยการโจมตีที่ไม่ได้ลงแรงมากนัก!


 


เล่ยมู่เบิกตากว้างกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่เขาก็ยังไม่หยุดมือ กระบี่สายฟ้าชี้ขึ้นอีกครั้ง ศัตรูของเขาหายไปไหนแล้ว?


 


ซือหยูกระทืบเท้าจากเบื้องบน นภาสั่นคลอนอย่างรุนแรง พลังชีวิตเล็ดลอดออกมา เหล่าเมฆาจากทุกทิศทางสั่นสลายออกไป ยอดฝีมือมากมายบนพื้นต่างล้มลงไปกองกับพื้นด้วยแรงกระแทกที่หนักราวกับภูเขาลูกยักษ์


 


มือของเล่ยมู่ที่ควบคุมกระบี่นั้นหยุดไปในทันที เขากระอักเลือดออกมา ร่างนั้นล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดัง โลหิตกระจายไปทั่วดั่งพิรุณ


 


กึ่งเทพ…พ่ายแพ้ในการกระทืบเท้าครั้งเดียว!


 


ซือหยูไม่มีเวลาจะตกใจกับพลังของขอบเขตภูติ เขารู้สึกเจ็บปวดถึงขีดสุดในร่างกาย ร่างของเขาขยายไม่หยุดราวกับลูกโป่งและกำลังจะระเบิด!


 


เปรี๊ยะ–


 


กระบี่สายฟ้าเสียเจ้าของไป มังกรสายฟ้าที่ขังจางตีษเก้อหายไปเช่นกัน


 


นางบินมาที่ข้างซือหยูในพริบตาและใช้นิ้วแตะหน้าผากของซือหยูอย่างรวดเร็ว พลังมหาศาลถูกดึงออกผ่านบริเวณหน้าผากของซือหยู พลังของขอบเขตภูติที่ผสมอยู่กับสายเลือดปีศาจหลั่งไหลราวกับแม่น้ำเชี่ยวกราก


 


ร่างของซือหยูที่ขยายออกสงบลงอย่างมาก ซือหยูหอบหายใจอย่างแรง ร่างของเขาเหนื่อยอ่อน ราวกับพลังทั้งหมดของเขาถูกใช้จนหมดในทีเดียว+


 


จางตี๋เก้อรับพลังนั้นเอาไว้กับตัวและได้ฐานพลังคืนมาอีกครั้ง นางยินดีอย่างมาก


 


“เจ้าทำได้ดีจริงๆ!”


 


ซือหยูพยักหน้าอย่างใจลอย


 


“นั่นก็เพราะฐานพลังอันยิ่งใหญ่ของท่าน”


 


“มันคือการยืนยันพลังของท่านก็เท่านั้น”


 


จางตี๋เก้อยินดีอย่างมากที่ขจัดภัยร้ายไปได้


 


“ไม่ต้องมากความ…”


 


“ข้านั้นยุติธรรมในการให้รางวัลและบทลงโทษ เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ข้าอาจจะปล่อยเจ้าไปหลังจากที่ได้ออกจากก้นบึ้งมังกร หรือจะเอาเช่นนี้เล่า? ติดตามข้าไปห้าสิบปี แล้วข้าจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระ”


 


ซือหยูตอบอย่างไร้อารมณ์


 


“ขอบคุณท่านที่เอื้อเฟื้อ”


 


จางตี๋เก้อพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปยังกระบี่สายฟ้าเบื้องล่าง นางขมวดคิ้วและหวาดกลัวเล็กน้อย


 


“เอาล่ะ….”


 


“ข้าจะปล่อยเรื่องการฟื้นฟูกระบี่สายฟ้ากับเจ้า กระบี่นั้นยับยั้งพลังข้าได้ คงจะดีกว่าถ้าเจ้าได้ฟื้นฟูมัน!”


 


จางตี๋เก้อกำมือจากกลางอากาศ กระบี่สายฟ้าที่ยาวพันศอกได้ส่งเสียงร้องและลดขนาดลง สุดท้ายมันก็ยาวเท่ากระบี่ธรรมดา กระบี่นั้นมาหยุดอยู่ที่หน้าซือหยู


 


จางตี๋เก้อหัวเราะชอบใจเมื่อได้เห็นกระบี่สายฟ้า


 


“ไม่เลว นั่นใกล้เคียงกับสมบัติวิญญาณอย่างมาก แต่มันก็ยังขาดการเติบโต หากพลังของมันอยู่ในขั้นเต็มที่ มันจะนับว่ามีค่าเทียบเท่าสมบัติวิญญาณ”


 


สมบัติวิญญาณรึ? ซือหยูคิด ‘ข้าคิดว่าสมบัติเทพเป็นอาวุธที่อยู่ในขั้นสูงสุดแล้ว…’


 


“เอาคัมภีร์นี่ไป…”


 


“มันจะชี้แนะเจ้าถึงวิธีควบคุมกระบี่ เจ้าจะต้องควบคุมกระบี่นี้ได้ในครึ่งวันแน่!”


 


จางตี๋เก้อโยนคัมภีร์ให้กับซือหยูจากนั้นจึงลงไปตรวจสอบบาดแผลของเซี่ยจิงหยู นางแค่หมดสติไปเท่านั้น ดังนั้นเมื่อจางตี๋เก้อใส่พลังชีรวิตเข้าไปเล็กน้อยจึงทำให้นางตื่นขึ้นมาทันที นั่นก็เพราะมันเป็นพลังชนิดพิเศษที่ครอบครองโดยผู้ที่อยู่ในขอบเขตภูติ


 


จากนั้นจางตี๋เก้อก็แตะขาตัวเองเพื่อสร้างสายลมรุนแรงพาซือหยูกับเซี่ยจิงหยูกลับสู่ซากศิลา พวกเขากลับมาถึงจุดเริ่มต้นแห่งก้นบึ้งมังกร!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม