The Divine Nine Dragon Cauldron 404-410
ตอนที่ 404
เพียงแค่วันเดียว กายเนื้อของเขาก็ไปถึงระดับของราชามนุษย์! ความคาดไม่ถึงนี้ทำให้ซือหยูตื่นเต้นอย่างมาก นั่นหมายความว่าต่อให้เขาต้องเผชิญหน้ากับราชามนุษย์ อีกฝ่ายก็มิอาจสังหารเขาได้ง่ายๆ และเขาอาจจะโต้กลับได้ด้วยซ้ำ! เขาเชื่อว่าถ้าเขาได้เจอกับเฉินยิ่งอีกครั้งก็ไม่ง่ายอีกแล้วที่จ้าวแห่งความมืดจะเหนือกว่าเขาได้อย่างในอดีต!
ด้วยร่างกายเช่นนี้ โอกาสที่ซือหยูจะมีชีวิตรอดกลับมาจาก้นบึ้งมังกรก็มีมากขึ้น นี่จะเป็นแต้มต่อในการทะลวงพลังเป็นผู้คุมสวรรค์ของเขา และมันก็สร้างโอกาสให้ซือหยูได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ!
******
ในตอนนั้นเอง เหนือเกาะ
สองคนร่อนลงจากนภา หนึ่งคนนั้นเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีพัดในมือ พลังระดับราชามนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ตระการตา เขาคือหลงเฟยหยู!
ข้างหลงเฟยหยูคือหญิงสาวน่ารักน่าเอ็นดู แววตาของนางกลมโตดั่งอัญมณี จมูกเล็กๆของนางดูน่ารัก ริมฝีปากแดงนั้นงดงาม นางผิวเรียบละเอียดราวกับเด็กแรกเกิด ทั้งร่างของนางนั้นเป็นดั่งตุ๊กตาหยก
“เซี่ยนเอ๋อ ไม่ต้องกังวล ข้าอยู่กับเจ้า”
หลงเฟยหยูสุขใจ เขายิ้มแย้ม
หญิงสาวตัวเล็กคือเซี่ยนเอ๋อ…หญิงสาวที่ซือหยูตามหามาโดยตลอด!
เซี่ยนเอ๋อย่นจมูกและเลิกคิ้ว
“เจ้าไม่ต้องมาด้วยซ้ำ!”
จ้าววิหคเพลิงอาสัญได้เตรียมศิษย์สตรีอื่นไว้แล้ว แต่หลงเฟยหยูก็ดื้อดึงที่จะปกป้องนาง จ้าววิหคเพลิงอาสัญไม่มีทางเลือกเพราะชื่อเสียงของหลงเฟยหยู นางต้องยินยอม
หลงเฟยหยูยังคงยิ้ม
“น้องเซี่ยนเอ๋อไม่ต้องห่วง ข้าเคยมาที่ก้นบึ้งมังกรและเข้าใจแล้วว่าข้างในเป็นเช่นใด ข้าจะช่วยให้เจ้าได้ผลไม้ก้นบึ้งมังกรมากกว่าเดิมและได้เป็นผู้คุมสวรรค์”
เซี่ยนเอ๋อจ้องเขาด้วยความจริงจัง
“ข้าไม่ได้สนิทสนมกับเจ้า อย่าเรียกข้าว่าเซี่ยนเอ๋อ! อย่าเรียกข้าว่าน้อง!”
นางเบ้ปาก
“ขนาดพี่ซือหยูยังไม่เรียกข้าแบบนั้นเลย…”
หลงเฟยหยูอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็หัวเราะออกมา
“เจ้ารออยู่นี่สักเดี๋ยว ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่งเสียก่อน ที่นี่มีสายพลังธรณีข้างใต้ การดูดซับพลังที่นั่นจะทำให้เจ้าได้เปรียบในก้นบึ้งมังกร! นี่เป็นความลับที่รู้กันแต่ในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ข้าไม่เคยบอกใครอื่น!”
เซี่ยนเอ๋อถามอย่างสงสัย
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าไม่เอาไปให้หมดเลยเล่า? เจ้าจะเหลือทิ้งไว้ที่นี่ทำไมกัน? เจ้าไม่กลัวว่าจะมีคนแย่งไปรึ?”
หลงเฟยหยูละอายใจ ฉินเซี่ยนเอ๋อนั้นตัวเล็กน่าทะนุถนอม…แม้จะดูซุกซนไปบ้าง…แต่นางก็ไม่โง่ ความคิดอ่านของนางนั้นเกินยิ่งกว่าจะเรียกว่าฉลาดหลักแหลม!
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
หลงเฟยหยูแก้ตัว
“ทุกอย่างบนเกาะนี้เป็นของผู้เฒ่าที่ปกป้องก้นบึ้งมังกร ผู้เฒ่านั้นให้ข้าหนึ่งหยดเพราะข้าเป็นคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ผลของมันนับว่าไม่เลว ข้าจะไปขอเขาสองหยดเสียตอนนี้ เขาต้องไม่ว่าอะไรข้าแน่”
เซี่ยนเอ๋อไม่โต้แย้ง พ่อของหลงเฟยหยูนั้นเป็นหนึ่งในสี่กึ่งเทพแห่งพันธมมิตรผู้คุมสวรรค์ มีคนไม่มากนักที่จะไม่นับถือเขาในทวีปแห่งนี้
ฟึ่บ–
ทั้งสองร่อนลงบนโต๊ะหน้าถ้ำ พลังอันอบอุ่นพัดใส่พวกเขา
“เซี่ยนเอ๋อ รออยู่นี่ก่อน..”
“เดี๋ยวข้าจะกลับม….”
หลงเฟยหยูกำลังจะเดินเข้าถ้ำแต่ก็พบคนที่ออกมา หลงเฟยหยูชักสีหน้า มีคนแค่สองประเภทเท่านั้นที่จะอยู่ในดินแดนสำคัญของก้นบึ้งมังกรได้ นั่นคือคนที่มาบ่มเพาะและคนที่ปกป้องที่นี่! เขารู้ว่ามีแค่คนเหล่านั้นที่จะอยู่ในถ้ำนี้ได้!
“ผู้อาวุโสสบายดีหรือไม่…?”
ซือหยูเก็บวารีวิญญาณที่เหลือเอาไว้ เขาไม่เหลือไว้สักหยดเดียว เขาเพิ่งจะเดินออกมาแต่ก็ได้ยินคนเรียกเขาว่า “ผู้อาวุโส” เขาตกใจเล็กน้อยและมองไปก็พบกับหลงเฟยหยู!
“อืม เจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะหลงเฟยหยู?”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
หลงเฟยหยูเงยหน้าขึ้นทันที เขาตกใจกับน้ำเสียงนั้น เขาชักสีหน้า
“เจ้า เป็นเจ้า…ราชาปีศาจหิมะทมิฬเรอะ?”
คิดย้อนกลับไปในตอนที่เขาเรียกอีกฝ่ายว่า “ผู้อาวุโส” และโค้งคำนับ หลงเฟยหยูหน้าแดงก่ำ
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ข้าต้องบอกเจ้าด้วยรึ?”
ซือหยูเดินผ่านอย่างเหยียดหยาม
พลังอันอบอุ่นและกลิ่นพลังออกมาจากกายซือหยู หลงเฟยหยูชักสีหน้า
“เดี๋ยวก่อน!”
หลงเฟยหยูตะโกน
“เจ้ากล้าขโมยพลังธรณีไปงั้นเรอะ? อวดดีนัก!”
แต่ซือหยูก็ไม่สนใจเขาเพราะเขาสัมผัสได้ถึงหญิงสาวข้างหลัง รูปลักษณ์ของนางนั้นงดงามราวกับนางไม้ในป่าเขา ดวงตากลมโตเปล่งประกายความไร้เดียงสาและความเฉลียวฉลาด นางตัวเล็ก น่ารัก อ่อนเยาว์ นางคือหญิงสาวที่ซือหยูตามหามาตลอดวันคืน คู่หมั้นของเขา ฉินเซี่ยนเอ๋อ!
แม้ว่านางจะตัวสูงขึ้นเล็กน้อยและร่ายกายก็เติบโตขึ้นในวันเวลาที่ผ่านมา แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงเดิมราวกับเด็กสาว นี่คือเซี่ยนเอ๋อ ผู้หญิงที่เขาไม่มีวันลืม ผู้หญิงที่เขาไล่ตามมาโดยตลอด!
แม้ว่าเขาจะหลับตา เนตรวิญญาณนั้นก็ไม่ละไปจากร่างของเซี่ยนเอ๋อ เขาไม่เคยหวังว่าจะได้พบนางอีกครั้งที่นี่ แต่เขากลับได้มาเจอกับนางอย่างคาดไม่ถึง ความยินดี ความตกใจ และความตื่นเต้นมิอาจแปลงมาเป็นคำพูด
เซี่ยนเอ๋อกระพริบตา นางมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย นางไม่รู้ว่าทำไมนางถึงใจสั่นเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผมสีแดงที่สวมหน้ากาก ในตอนนั้นนางราวกับได้เห็นพี่ซือหยู
เซี่ยนเอ๋อเดินไปข้างหน้า มองดูดวงตาที่ปิดสนิท นางโบกมือเล็กๆหน้าดวงตาของเขา
“เจ้ามองไม่เห็นรึ?”
เสียงของซือหยูแหบแห้ง เขาพูดราวกับตกอยู่ในภวังค์
“ข้าตาบอด…”
เซี่ยนเอ๋อดึงมือกลับ นางมองซือหยูด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย นางรู้สึกสงสาร
“เจ้าจะต้องโศกเศร้ามากเป็นแน่ มิอาจได้เห็นแสงตะวัน มิอาจได้เห็นฟ้าคราม มิอาจได้เห็นคนที่เจ้ารักและนับถือ…”
ซือหยูหลับตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา นางยังคงบริสุทธิ์ ใจดี และน่ารักอย่างเดิม
“ข้า…ยังคงมีหัวใจ”
ซือหยูสะอื้นไห้ เขาฝืนตัวเองไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโอบกอดนาง
สัญชาตญาณบอกเขาว่าเขามิอาจมีตัวตนนอกเหนือจากราชาปีศาจหิมะทมิฬ เขาต้องใช้ตัวตนนี้ในการอยู่ที่ทวีปเฉินหลงและทะลวงสู่ขอบเขตภูติ เมื่อเรื่องถูกเผยไปว่าซือหยูคือหยินหยู สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ก็มีเพียงการไล่ล่าไม่สิ้นสุดจากอาณาจักรทมิฬ
สิ่งที่หลิงเสี่ยวเทียนต้องพบเจอ และโอกาสที่จะช่วยเขาจะหายไป ดวงวิญญาณของเซี่ยนเอ๋อหวั่นไหว นางเงยหน้ามองซือหยู นางเห็นน้ำตาในดวงตาคู่นั้นและสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าในหัวใจ
“อย่าเศร้าใจไปเลย…”
เซี่ยนเอ๋อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา นางเขย่งเท้าเช็ดน้ำตาซือหยู
“ข้าเชื่อว่าคนที่เจ้ารักจะต้องสัมผัสได้ถึงหัวใจของเจ้า”
หลงเฟยหยูที่มองดูจากด้านข้างสีหน้าดุร้าย! ฉินเซี่ยนเอ๋อที่ไม่สนใจเขากำลังใกล้ชิดอยู่กับคนแปลกหน้า!
“เซี่ยนเอ๋อ ออกมาให้ห่างจากเขา!”
หลงเฟยหยูขึ้นเสียง
“มือเขาเต็มไปด้วยคราบโลหิตจากคนนับไม่ถ้วน ชื่อของเขาสร้างขึ้นมาด้วยโลหิตของคนมหาศาล!”
ฉินเซี่ยนเอ๋อมิอาจละสายตาจากซือหยู นางวางมือขวาทาบอก ดวงตาสดใสนั้นมีข้อสงสัยและความเศร้า นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาดเมื่อมองราชาปีศาจหิมะทมิฬ
ฉินเซี่ยนเอ๋อเงยหน้ามองซือหยูเมื่อได้ยินคำพูดของหลงเฟยหยู นางพูดเบาๆ
“คนที่มีหัวใจมิอาจเป็นคนชั่วร้ายไปได้หรอก”
หลงเฟยหยูไม่พอใจ เขามองซือหยูอย่างเยือกเย็น
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ เจ้าสังหารคนบริสุทธิ์และปล้นเอาสมบัติมา เจ้ายังกล้าขโมยของของผู้เฒ่าในก้นบึ้งมังกร! ข้าจะต้องแก้แค้นในกับสวรรค์ในวันนี้!”
ฟึ่บ–
หลงเฟยหยูแผ่จิตสังหารออกมาใจพริบตา!
ตู้ม–
ร่างหลงเฟยหยูที่บินขึ้นฟ้าถูกซัดลงมา ในตอนนั้น หลงเฟยหยูถูกเตะใส่ภูเขา เขาร้องด้วยความเจ็บปวด แรงเตะส่งร่างของเขาให้ทะลวงพื้นดินเป็นถ้ำลึกหลายร้อยเมตร!
“บัดซบ!”
คนที่พุ่งเข้ามาคือกังต้าเหล่ย
“เจ้ากล้าจู่โจมในดินแดนของข้าเรอะ? ถ้าไม่หักซี่โครงทั้งสิบแปดชิ้นของเจ้าก็คงจะทำให้นามของข้ามัวหมอง!”
อั่ก–
หลงเฟยหยูที่สภาพย่ำแย่คลานออกมาจากถ้ำอย่างยากลำบาก เขาสำลักโลหิตออกมา ชุดของเขาฉีกขาด เขาตกตะลึง เขาไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อย เขารีบเข้ามาโค้งคำนับ
“ศิษย์พี่กัง!”
หลงเฟยหยูนั้นพยายามจะเข้าสู่ขอบเขตกึ่งเทพมานาน แต่เขาก็มิอาจเข้าสู่ระดับนั้น
“หึ คนจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เรอะ!”
กังต้าเหล่งมองเขาและพบว่าเขาหน้าคล้ายคนจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
หลงเฟยหยูไม่พอใจเล็กน้อย
“ศิษย์พี่กัง ชายคนนี้แอบขโมยวารีวิญญาณของท่าน ข้าพยายามจะหยุดเขาแต่ศิษย์พี่กังก็เข้าใจผิดและ…”
หลงเฟยหยูถูกกังต้าเหล่ยเตะอย่างแรง แต่เขาก็ไม่กล้าจะพูดแสดงความโกรธ เขาทำได้แค่หัวเราะ! นั่นทำให้เซี่ยนเอ๋อที่มองดูข้างๆเลิกคิ้ว
กังต้าเหล่ยหัวเราะเสียงดังอย่างไม่คาดคิด
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้าคู่ควรที่จะมายุ่งกับเรื่องของข้ารึ?”
หลงเฟยหยูหน้าแดง เขาหัวเราะ
“ศิษย์พี่ ข้าไม่คิดจะโจมตีอยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิ…”
“เข้าใจผิดอะไรของเจ้า!”
กังต้าเหล่ยเอามือเท้าเอวหนึ่งข้าว เขาชี้จมูกหลงเฟยหยูและตำหนิ
“ข้าให้วารีวิญญาณกับน้องหิมะทมิฬได้ใช้ เจ้าเข้ามายุ่งเรื่องของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เจ้ายังคิดจะลงมืออีกรึ? เจ้าควรจะสำนึกที่ข้าไม่ฆ่าเจ้า! แล้วตอนนี้เจ้ายังกล้าพูดอีกเรอะ?”
หลงเฟยหยูตัวแข็งทื่อ! น้องหิมะทมิฬ…น้อง! ราชาปีศาจหิมะทมิฬเป็นสหายกับกึ่งเทพกังต้าเหล่ยงั้นรึ? ได้ยังไง…? เป็นไปได้ยังไง? ใครกันจะได้เป็นน้องชายของกังต้าเหล่ยเช่นนี้?
“ขอโทษศิษย์พี่กัง…”
“ข้าใจร้อนเกินไป โปรดอภัยให้ข้า!”
กังต้าเหล่ยถอนหายใจแรง
“ไสหัวไป!”
หลงเฟยหยูใบหน้าบิดเบี้ยว
“ศิษย์พี่กัง ครั้งนี้ข้ามาตามคำสั่งท่านพ่อและจ้าววิหคเพลิงอาสัญให้พาฉินเซี่ยนเอ๋อมาบ่มเพาะพลัง ท่านโปรดให้หยดพลังธรณีกับข้าสองหยดเพื่อป้องกันลมหายใจมังกรจะได้หรือไม่?”
กังต้าเหล่ยพูดอย่างไม่พอใจ
“พ่อเจ้าเป็นใครกัน? ข้าต้องสนใจด้วยรึ? กังต้าเหล่ยผู้นี้ต้องนับถือมันด้วยเรอะ? ส่วนจ้าววิหคเพลิงอาสัญ…ฮื่ม! ข้ากับนางยังมีสัมพันธ์เป็นมิตรกันอยู่บ้าง ข้าอนุญาต”
หลงเฟยหยูใบหน้าบิดเบี้ยว แสดงถึงความโกรธแค้น แต่เขาก็ต้องก้มหัวในดินแดนของคนอื่น เขาหันหน้าเข้าถ้ำและก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นสระ! วารีวิญญาณทั้งหมดหายไปแล้ว! ไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่โคลนก้นสระก็ถูกเอาไป!
ซือหยูไม่เหลือให้เขาแม้แต่โคลน! หลงเฟยหยูโกรธแค้นเสียยิ่งกว่าเมื่อเห็นราชาปีศาจหิมะทมิฬให้ขวดหยกเล็กๆในอ้อมแขนฉินเซี่ยนเอ๋อเมื่อเขาออกมา!
“เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้…”
ซือหยูพูดและลูบหน้าผากนางโดยไม่รู้ตัว
“ใช้คู่กับใบเยือกแข็งนี้ จงจำไว้ว่าอย่าโลภมาก เข้าใจหรือไม่?”
เซี่ยนเอ๋อตัวแข็งทื่อ มีแค่คนคนเดียวที่จะทำเช่นนี้กับนาง!
นางมองราชาปีศาจหิมะทมิฬ นางรู้สึกราวกับได้มองเห็นซือหยู
“ข้าจะไม่แอบกินสักคำ…ข้าจะไม่…”
แต่หยาดน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตากลมโตสดใส นางราวกับเสียสติ นางรีบก้มลง นางวิ่งออกไปโดยไม่เหลียวมองกลับ
“ขอบคุณนะ”
ซือหยูสะอื้นเบาๆ เขารู้สึกเจ็บปวด เขาได้พบกับนางแต่ก็มิอาจกลับมาอยู่ร่วมกันได้
“ขอโทษนะเซี่ยนเอ๋อ…”
เขากระซิบ
“หลังจากที่ข้าแก้แค้นสำเร็จ หรือไม่มีใครอื่นอยู่อีก ข้าจะกลับไปหาเจ้า!”
ซือหยูกำหมัดบินขึ้นฟ้า เขายืนอยู่เหนือก้นบึ้งอีกครั้ง การบ่มเพาะพลังเริ่มขึ้นแล้ว!
ตอนที่ 405
เหนือก้นบึ้ง ซือหยู เซี่ยนเอ๋อ กับหลงเฟยหยูรอคอยขณะที่กังต้าเหล่ยพูดเสียงดัง
“ก้นบึ้งมังกรเก้านรกถูกปิด…มีทางเดียวที่จะผ่านผนึกไปได้ก็คือการใช้เหรียญก้นบึ้งมังกรที่พวกเจ้ามี ใช้โลหิตกับเหรียญ พลังมิติจะก่อตัวขึ้นและพาพวกเจ้าเข้าในภายใน ผลมังกรก้นบึ้งที่เจ้าต้องการใช้สำเร็จพลังเป็นผู้คุมสวรรค์จะอยู่ในซากศิลา ข้าแนะนำว่าพวกเจ้าไม่ควรออกจากที่นั่น มิเช่นนั้นเจ้าทุกคนก็คงจะกลับมาไม่ได้!”
กังต้าเหล่ยชี้ หลงเฟยหยูพูดเช่นนี้เหมือนกัน ว่ากันว่ามีไม่ถึงร้อยคนที่ได้กลับมาจาก้นบึ้งมังกรเก้านรกแบบมีชีวิตรอด แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ฟังคำชี้แนะ พวกเขาออกจากซากศิลายุ่งเหยิงและเข้าสู่พื้นที่อันตราย
หลงเฟยหยูเคยเจอกับเรื่องเช่นนั้นมาก่อน แม้คนที่มั่นใจอย่างเขาก็ไม่กล้าขัดคำเตือนของกังต้าเหล่ย
“ศิษย์พี่กัง…”
หลงเฟยหยูพูดขึ้นมา
“ด้วยพลังของข้า ข้าปกป้องได้แค่คนคนเดียวเท่านั้น”
หลงเฟยหยูเหลือบมองซือหยู กังต้าเหล่ยตั้งใจบังคับให้เขาปกป้องซือหยูตลอดการเดินทาง
ซือหยูไม่แม้แต่หันไปมอง
“เจ้าดูแลตัวเองก่อนเถอะ”
ด้วยพลังของซือยหู หากเขาไม่เจอกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังแบบสุดขั้ว เขาก็ไม่เป็นไร ส่วนเซี่ยนเอ๋อนั้นเขาไม่รู้ว่าร่างของวิหคเพลิงแห่งความตายจะรับมือกับอันตรายในก้นบึ้งได้เพียงใด
“ฮื่ม! ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาห่วงน้องข้า! พวกเจ้าสองคนไปก่อนซะ!”
กังต้าเหล่ยโบกมือและให้ซือหยูอยู่กับเขาก่อน หลังจากที่ทั้งสองไปแล้ว กังต้าเหล่ยก็หยิบแผนที่ยัดใส่มือซือหยูแบบลับๆ
“น้องหิมะทมิฬ ข้าช่วยเจ้าได้เท่านี้ หวังว่าเจ้าจะโชคดี”
เขาพูดจบและหายตัวไป
ซือหยูก้มลงมองของในมือ มันคือแผนที่ก้นบึ้งแบบสมบูรณ์ สถานที่ที่เรียกว่าซากศิลานั้นมีไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของแผนที่ แต่ในเขตที่เขียนว่า “ก้นบึ้งต้องห้าม” นั้นมีขนาดใหญ่กว่าซากศิลาถึงเก้าเท่า!
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เรียกว่า “การฝึก” ในก้นบึ้งมังกรเก้านรกนั้นจะมีแค่การฝึกในมุมเดียวของก้นบึ้ง ไม่คู่ควรจะเรียกว่าการเข้าสู่ก้นบึ้งด้วยซ้ำ
“หืม นี่มันอะไร?”
ที่มุมแผนที่มีรอยสัญลักษณ์โลหิตเอาไว้ มันคือ “บึงผนึกมังกร!” มันเป็นรอยสัญลักษณ์ที่เล็กมากๆ …มีพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งในพันของก้นบึ้ง แต่มันก็ตั้งอยู่ที่กลางแผนที่และดูจะมีความหมายพิเศษ
ซือหยูที่มีแผนที่ในมือนั้นจะบอกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ใดและรู้เส้นทางภายในก้นบึ้ง ซือหยูขอบคุณกังต้าเหล่ยจากใจ จากนั้นเขาก็ใช้เหรียญก้นบึ้งมังกรเก้านรกเพื่อเข้าสู่ก้นบึ้งมังกรในพริบตา
เมื่อเขาไปเขาก็เจอกับกลิ่นเหม็นอันน่าตกใจ กลิ่นเหม็นนั้นมีพลังการกัดกร่อนอันโหดร้ายที่พยายามจะไหลเข้าสู่ร่างของซือหยู นี่คือลมหายใจมังกรอสูร!
ซือหยูระวังตัวมากขึ้น เมื่อพลังในร่างกำจัดลมหายใจมังกรออกไปเขาก็โล่งใจขึ้น
แต่มันก็ยังคงมีขีดกำจัดที่สายพลังธรณีจะดูดซับลมหายใจมังกรได้ ซือหยูจะต้องออกจากที่นี่ภายในสามวัน
ซือหยูก้มลงมอง ก้นบึ้งนั้นไม่ต่างจากหลุมลึกไร้ขอบเขต ซือหยูลงไปด้วยความระมัดระวัง
******
บนนภาเหนือก้นบึ้ง
ฟึ่บ–
หญิงสาวและชายหนุ่มปรากฏตัว หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมดำและสง่างาม สาวอีกคนสวมชุดคลุมสีเพลิงและงดงามอย่างมาก
“ยี่หยู พวกเราถึงแล้ว”
ฉิงจูพูดขึ้นมา
“พลังอสูรร้ายประหลาดอยู่ภายใน พลังนั้นจะกัดกินพลังกายและพลังวิญญาณ พวกเรามีเวลาวันเดียวเท่านั้น! การเติบโตของเจ้าจะขึ้นอยู่กับจำนวนผลมังกรก้นบึ้งที่เจ้าหาได้ในหนึ่งวัน”
เซี่ยจิงหยูพยักหน้าเบาๆ
“เข้าใจล่ะ”
ทั้งสองลงสู่ก้นบึ้งในพริบตา
******
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ซือหยูยังคงลงสู่ก้นบึ้ง
ไม่รู้ว่าเขาลงมาลึกเพียงใด เขาเห็นแค่เพียงความมืดที่เพิ่มขึ้นตามความลึก แต่ก็ยังดีที่เขาเห็นทุกสิ่งได้ด้วยเนตรวิญญาณ ความมืดไม่เป็นภัยต่อเขา
หลังจากที่ผ่านชั้นเมฆาลงมา ซือหยูพบแผ่นดินหนึ่ง
“พื้นผิวแข็ง!”
แต่หลังจากที่เขาเห็นแผ่นดินนี้ เขาก็เบิกตากว้าง
“นี่มัน…”
ซือหยูก้มลงมอง ใต้เท้าของเขาคือรอยข่วนที่ยาวสามพันลี้!
ซือหยูตกใจ สามพันลี้งั้นรึ? สิ่งใดกันที่ทรงพลังพอจะทิ้งรอยข่วนเช่นนี้ไว้ได้?
และส่วนลึกสุดนั้นเป็นส่วนของซากปรักหักพังที่ราวกับมาจากยุคก่อน ซากนี้เคยเป็นเมืองลับแลที่เคยเจริญรุ่งเรือง แต่เมืองก็ถูกทำลายเพราะรอยกรงเล็บนั้น มันดูเหมือนรอยฝ่ามือสวรรค์ที่ซือหยูเคยเจอมาก่อน แต่รอยนั้นเกิดจากมนุษย์ แต่สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดจากมนุษย์หรือสิ่งใดกันแน่
ซือหยูที่ตกใจบินผ่านเหนือซากเมืองและมองดูพื้นที่ทั้งหมด ซากเมืองนั้นทับถมไปด้วยซากศิลาที่ทอดยาวไปสามแสนลี้
ในตอนนั้นเองสายตาเฉียบคมของซือหยูก็พบพุ่มไม้เล็กๆ มันเติบโตเหนือสิ่งปลูกสร้างใหญ่โต พุ่มของมันมีสีดำสนิทและดูแปลกประหลาด แต่ก็มีผลไม้อยู่เหนือพุ่มไม้นั้น ผลของมันรูปร่างคล้ายมังกรที่มีชีวิตอยู่จริง
“หรือว่านั่นจะเป็นผลก้นบึ้งมังกร?”
ซือหยูมิอาจเชื่อสายตา เขาโชคดีมากที่ได้พบผลก้นบึ้งมังกรทันทีที่ลงมา
ฟึ่บ–
แต่ในตอนนั้นเองก็มีคนที่เร็วกว่าชิงลงมือก่อนซือหยู เขาใช้กรรไกรหยกตัดผลไม้นั้นลงมาและเก็บใส่กล่องหยก
“หลงเฟยหยู!”
ซือหยูขมวดคิ้ว
พวกเขาลงมาในทางเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
“เซี่ยนเอ๋อ ข้าเจอแล้ว!”
หลงเฟยหยูพูดด้วยความดีใจ
“เจ้าโชคดีมากนะเซี่ยนเอ๋อ! คราวก่อน พวกข้าสิบคนใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะได้เจอผลมังกรก้นบึ้งผลแรก แต่เจ้าก็เจอทันทีที่ลงมาในไม่นาน”
เซี่ยนเอ๋อเดินเข้ามา นางเปิดกล่องหยกและเลิกคิ้ว
“ทำไมมันเหลือแค่ครึ่งเดียวเล่า?”
นางเพ่งมองและพบว่าผลก้นบึ้งมังกรนั้นดูราวกับถูกกัดกินไปจนเหลือเพียงครึ่งเดียว!
หลงเฟยหยูหัวเราะ
“สำหรับสิ่งมีชีวิตในก้นบึ้งมังกร ผลก้นบึ้งมังกรนั้นนับว่าเป็นผลไม้หายาก ไม่ง่ายที่จะหาเจอ ผลก้นบึ้งมังกรที่ใดอดีตเคยพบเก้าในสิบส่วนก็เป็นผลที่ไม่สมบูรณ์”
เช่นนั้นเองสินะ เซี่ยนเอ๋อเก็บผลก้นบึ้งมังกรลงในกระเป๋าใบเล็กอย่างระมัดระวัง
ซือหยูที่เสียผลก้นบึ้งมังกรไปนั้นน่าเสียดาย แต่ผลนั้นถูกให้กับเซี่ยนเอ๋อ เขาไม่คิดอะไรมากนัก
ในตอนนั้น หลงเฟยหยูก็เห็นบางคนจากอีกด้านของความมืด
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬรึ?”
หลงเฟยหยูระวังในซือหยูอยู่แล้ว เขาหัวเราะเยาะ
“น่าเสียดายนัก ศิษย์พี่กังตามมาปกป้องเจ้าไม่ได้ในครั้งนี้ ถ้าไม่มีใครช่วยเจ้า ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะหาผลก้นบึ้งมังกรได้สักเท่าใด”
หลงเฟยหยูนั้นใช้ความคุ้นเคยในก้นบึ้งได้เพราะเขาเคยมาที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงได้เปรียบซือหยู
ซือหยูไม่ตอบ เขาใช้เนตรวิญญาณ เขามองดูซากศิลาที่ซับซ้อนจนมองยากด้วยตาเปล่าโปร่งใส เขาเห็นทุกสิ่งรอบๆ
ในตอนนั้น ซือหยูเหลือบไปมองซากตรงที่หลงเฟยหยูกับเซี่ยนเอ๋อยืนอยู่ ที่นั่นคือสิ่งปลูกสร้างทที่พังทลายที่เคยเป็นวังหลวง และผลก้นบึ้งมังกรผลเดียวที่มีก็ถูกเก็บไปแล้ว
“ยังไม่คิดจะยอมแพ้อีกรึ?”
หลงเฟยหยูตกใจ เขามองผ่านพุ่มไม้อีกครั้ง เมื่อเขาพบว่าไม่มีผลที่สองเขาก็ยิ้มเยาะ
“ถ้ายังมีอีกลูก เจ้าคิดว่าข้าจะรอให้เจ้าชิงมันไปจากข้ารึ?”
แต่ซือหยูก็ยังคงบินเข้าไปดังเดิม แต่เขาไม่หยุดที่จุดเหนือสุด เขากลับเข้าสู่ร่องกำแพงที่เกิดจากวังที่พังทลาย
หลงเฟยหยูมองตาม เขามองที่ที่ซือหยูมุ่งหน้าไป เขาเบิกตากว้าง ส่วนลึกที่สุดของร่องกำแพง…พุ่มไม้ที่สูงเท่าครึ่งตัวคนเติบโตอยู่อย่างลับๆ!
ผลไม้รูปมังกรสองผลแขวนอยู่บนพุ่มไม้นั้น! และมันยังเป็นผลแบบสมบูรณ์!
“ดูเหมือนข้าจะโชคดีอยู่นะ!”
หลงเฟยหยูพูด เขาตาเป็นประกาย เขาพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะเก็บผลมังกร
แต่ในตอนนั้นก็มีปีกยาวหมื่นศอกปรากฏบนหลังซือหยู เพียงสะบัดหนึ่งครั้งก็ทำให้ซือหยูพุ่งไปถึงส่วนลึกสุดราวกับศรที่ออกจากคันธนู
“หยุดนะ!”
หลงเฟยหยูตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“ถ้าไม่มีสมบัติเทพ ถ้าเจ้าแตะต้องผลไม้วิญญาณด้วยมือเปล่า มันจะกลายเป็นเถ้าถ่าน!”
แต่เขาก็ต้องหยุดพูดเพราะว่าซือหยูหยิบพลั่วหยกออกมาทันทีและขุดทั้งพุ่มไม้กับผลไม้ นั่นคือผลั่วหยกจักรวาล…สมบัติเทพเสียหายที่เขาได้จากวิหารเซี่ยนหยุน…ในที่สุดมันก็ถูกใช้อีกครั้ง
หลงเฟยหยูปากบิดเบี้ยว! เขาได้มันไปได้ยังไง! จากนั้นแม้จะไม่รู้ว่าดวงตาเขาหม่นหมองหรือสดใส แววตานั่นก็เริ่มปล่อยจิตสังหารออกมา ซือหยูไม่สนใจคำเตือนของเขาและชำระปีกตระกูลหวังที่เป็นหนึ่งในของขวัญอวยพรงานวิวาห์ และเขายังกล้าชิงผลก้นบึ้งมังกรไปจากเขาต่อหน้าเซี่ยนเอ๋อ!
หากเป็นในอดีต เขาคงปล่อยจิตสังหารและเปลี่ยนซือหยูให้เป็นฝุ่นควันไปแล้ว แต่นี่เป็นดินแดนของกังต้าเหล่ย เขามิอาจทำอะไรด้วยความใจร้อนได้
ซือหยูหันไปสั่งอย่างดุร้าย
“หลีกไป”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าหลงเฟยหยูหดเกร็ง แต่เขาก็หลีกทางช้าๆ ซือหยูเดินผ่านเขาอย่างไร้อารมณ์ เขาบินไปถึงยอดวังหลวงและไปหาเซี่ยนเอ๋อ
“ถ้าจะให้เจ้าหนึ่งลูก”
เซี่ยนเอ๋อไม่คาดคิดว่านางจะได้
“เจ้าให้ข้ารึ?”
นางรู้ว่าผลก้นบึ้งมังกรนั้นล้ำค่าเพียงใด แม้ราชาปีศาจหิมะทมิฬจะได้มาสองลูก เขาก็มอบให้นางหนึ่งลูก!
เซี่ยนเอ๋ออยากจะถามราชาปีศาจหิมะทมิฬว่ารู้จักกับซือหยูหรือไม่ เพราะทั้งคู่นั้นคล้ายกันและให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน
ตอนที่ 406
เซี่ยนเอ๋อขบริมฝีปาก นางตัดผลไม้และเก็บใส่กล่องหยกอย่างระมัดระวัง
เซี่ยนเอ๋อกำหมัดน้อยๆของนางอย่างจริงจัง
“พี่หิมะทมิฬ ข้าคือฉินเซี่ยนเอ๋อ! ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ผลก้นบึ้งมังกรนี่ ข้าขอโทษที่ข้าต้องรับเอาไว้ ข้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน!”
ซือหยูมองนางด้วยความรัก
“ข้าจะรอ”
เซี่ยนเอ๋อยิ้มกว้างอย่างน่ารัก นางเก็บกล่องหยกใส่กระเป๋าขวาซึ่งต่างกับในครั้งแรกที่เก็บใส่กระเป๋าซ้าย
“ทำไมเจ้าไม่เก็บทั้งสองผลไว้ด้วยกันเล่า?”
เซี่ยนเอ๋อเงยหน้ามอง นางพูดอย่างลึกลับ
“ความลับน่ะ”
หลงเฟยหยูมองด้วยความไม่เป็นมิตร เขาคือคนที่กำลังช่วยให้เซี่ยนเอ๋อได้เป็นผู้คุมสวรรค์ แต่เขาก็ถูกซือหยูเข้ามาขัดขวาง!
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ..”
“ไม่ง่ายที่จะเจอผลก้นบึ้งมังกร เจ้าไม่โชคดีตลอดไปหรอก! เซี่ยนเอ๋อ ไปกันเถอะ!”
เซี่ยนเอ๋อแลบลิ้นอย่างซุกซน
“พี่หิมะทมิฬ ไว้เจอกันใหม่”
ซือหยูโบกมือมองทั้งสองจากไปก่อนที่จะหายลับไปในหมอก
ซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองดูตลอดระยะหลายร้อยลี้ เขาไม่เจออะไรเลยหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ดูเหมือนว่าเขาจะโชคดีมากจริงๆที่ได้พบมันตั้งแต่ลงมา
แต่ในตอนนั้นเอง ซือหยูพบผลก้นบึ้งมังกรในร่องกำแพงไม่ไกลนัก เขาจะก้าวออกไปแต่ก็พบหญิงสาวในชุดแดงบินเข้ามา นางมีรูปร่างผอมบางและแผ่รังสีอันอ่อนโยน แม้ว่าจะมีไอวารีที่มิอาจทำให้เห็นใบหน้าแม้จะมองด้วยเนตรวิญญาณ แต่นางจะต้องมีรูปลักษณ์ที่งดงามมากเป็นแน่
หญิงสาวคว้าผลก้นบึ้งมังกรด้วยความยินดี แต่ในตอนนั้นซือหยูก็ชักสีหน้า
“หยุดนะ!”
ซือหยูพูด
ซือหยูพุ่งไปยังอีกฝั่ง หญิงสาวมิได้ทันระวังตัวข้างหลัง นางตกใจอย่างมากที่อีกฝ่ายเข้ามาจากด้านหลัง กระบี่วารีก่อตัวขึ้นในมือซ้ายโดยที่นางไม่ทันคิด นางซัดกระบี่เข้าใส่คนที่พุ่งเข้ามา
มันคือการโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่พลังนั้นก็เทียบเท่ากับผู้คุมสวรรค์! ซือหยูแอบตกใจที่อำมฤตระดับสี่ขั้นสูงปล่อยพลังอันทรงพลังเช่นนั้นออกมาได้อย่างง่ายดาย!
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอำมฤตระดับสี่มีพลังเทียบเท่าผู้คุมสวรรค์ แต่ซือหยูก็ไม่สนใจนาง เขาเอื้อมมือไปหาแขนของนาง หญิงสาวซัดกระบี่ด้วยความโกรธ นางชี้กระบี่เข้าใส่อกของซือหยู
ตู้ม—
แม้จะต้องกระบี่วารีแต่ก็ไม่มีสิ่งตอบสนองในมือของนาง กระบี่วารีสั่นสลาย! กายเนื้อของเขาทรงพลังอย่างมาก!
นางขมวดคิ้วใจหาย แย่แล้ว!
ซือหยูใช้จังหวะนี้จับแขนของนางและดึงนางเข้ามาที่อก พลังและความเร็วนั้นแยกมือนางออกจากผลก้นบึ้งมังกรได้ ร่างของนางปะทะกับตัวซือหยู
นางทั้งอับอายและโกรธเกรี้ยว
“เจ้า…”
ปึก—
เสียงระเบิดเบาๆดังก้องหู ไอหมอกพิษแพร่กระจายมาทางพวกเขา!
หนอนตัวเล็กสีดำสนิทคลานออกมา ไอพิษที่ปล่อยออกมาตามรูขุมขนทำให้หินโดยรอบถูกกัดกร่อนหายไปในทันที! ผลก้นบึ้งมังกรก็ต้องไอพิษนั้น มันหลอมรวมเป็นก้อนพิษอย่างช่วยไม่ได้
หญิงสาวตกใจ อกที่ติดอยู่กับตัวนางผละออกและพูดอย่างใจเย็น
“ที่นี่อันตราย เจ้าจะประมาทไม่ได้”
นางหน้าแดง คนที่พุ่งเจ้ามาจู่โจมไม่ได้หวังผลก้นบึ้งมังกรแม้แต่น้อย เขาไม่ได้พยายามจะทำร้ายนาง เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตรายและเข้ามาช่วยชีวิตนาง!
หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มเมื่อได้สติ
“เจ้าเป็นอะไรไหม?”
นางถาม น้ำเสียงนางดูรีบร้อนและรู้สึกผิด
ซือหยูสัมผัสอกที่ต้องกระบี่วารีและส่ายหน้า
“ข้าไม่เป็นไร”
นอกจากความเจ็บปวดเล็กน้อยเขาก็ไม่เป็นอะไร ระดับกายเนื้อของราชามนุษย์นั้นน่ากลัวโดยแท้จริง! ซือหยูเข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้คุมสวรรค์ถึงทำอะไรราชามนุษย์ไม่ได้ เขายังรู้ถึงความโชคดีที่เขาหนีรอดจากเฉินยิ่งมาได้
หญิงสาวมองเขา ชุดของเขาถูกเฉือนเปิดออก นอกจากนั้นก็ไม่มีบาดแผล
เมื่อนางได้พักหายไปก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามา เขาสวมชุดคลุมดำอย่างสง่างาม
“ยี่หยู เกิดอะไรขึ้น?”
ฉิงจูกำลังมองหาผลก้นบึ้งมังกรจากอีกด้านและพุ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวาย
เซี่ยจิงหยูพูดตอบ
“ข้าเจอแมลงที่พิษร้ายแรงอย่างมาก เขาช่วยข้าเอาไว้”
เขารึ? ฉิงจูมองซือหยูและก้าวไปขวางหน้าเซี่ยจิงหยู เขาประสานหมัด
“ข้าคือจ้าวฉิงจูแห่งอาณาจักรทมิฬ นี่คือจ้าวยี่หยู ข้าขอถามนามของเจ้าจะได้หรือไม่?”
การได้พบกับคนแปลกหน้าในสถานที่อันตรายอย่างก้นบึ้งมังกรนั้นน่าสงสัยอย่างมาก
ยี่หยูรึ? ซือหยูใจสั่น! เซี่ยจิงหยูได้ถูกแนะนำให้กับตำหนักหลักเพื่อรับเลือกเป็นจ้าวแห่งความมืด นางได้ชื่อยี่หยูมาครอง คนตรงหน้าเขาคือยี่หยูตัวจริงงั้นรึ?
เขาจ้องมองจ้าวยี่หยู ร่างของนางต่างกับเซี่ยจิงหยูเมื่อสามปีก่อนอย่างสิ้นเชิง ในตอนนั้นเซี่ยจิงหยูอายุเพียงสิบสี่ปี ส่วนคนตรงหน้าเขาเป็นหญิงสาวอายุสิบเจ็ด ความต่างนั้นแทบจะคนละคน แต่ถ้ามีคนจากอาณาจักรทมิฬอยู่ข้างนางซือหยูก็มิอาจเริ่มถามนางได้! การเผยตัวตนจะนำพาภัยพิบัติมาสู่เขา
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ…”
ซือหยูตอบชัดถ้อยชัดคำ
“มีอะไรอีกหรือไม่? ถ้าไม่มีอะไร…ลาก่อน!”
ซือหยูหยุดความคิดที่จะถามว่านางคือเซี่ยจิงหยูหรือไม่ เขาตัดสินใจเลือกที่จะจากไป
“เดี๋ยวก่อน! เจ้าคือราชาปีศาจหิมะทมิฬตัวจริงรึ?”
ทั้งสองตกตะลึง ราชาปีศาจหิมะทมิฬผู้นี้ได้ละเลงโลหิตไปล้านลี้
เซี่ยจิงหยูศึกษาเรื่องของราชาปีศาจหิมะทมิฬมาก่อน เขาตาบอดแต่ก็รับรู้สัมผัสได้ดีกว่าคนทั่วไป เขาไล่ล่านายน้อยตระกูลยี่เป็นล้านลี้โดยไม่คลาดสายตา แต่มีพลังอำมฤตระดับสี่ขั้นสูง เป็นธรรมดาที่เขาจะมาที่นี่
เซี่ยจิงหยูกล่าวเชิญชวนอย่างเป็นมิตร
“ตามพวกเรามาเถอะ อย่างที่เจ้าพูด ที่นี่อันตรายจริงๆ ถ้าได้ดูแลกันและกันก็คงจะดีไม่น้อย”
ซือหยูตัวแข็งทื่อ เขาคิดร้ายต่อเจ็ดจ้าวแห่งความมืดเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลิงเสี่ยวเทียน แต่จ้าวยี่หยูผู้นี้รู้จักการตอบแทนบุญคุณ
เขายังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธแต่จ้าวฉิงจูก็เลิกคิ้วและหยิบผลก้นบึ้งมังกรที่ไม่สมบูรณ์ออกมา
“เจ้าช่วยยี่หยูไว้สินะ ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากสิ่งนี้ รับไปซะ!”
เขาโยนมันให้ซือหยูก่อนที่จะถอยกลับ
“ไปเถอะยี่หยู ราชาปีศาจหิมะทมิฬมีทางเอาตัวรอดอยู่แล้ว ความเป็นห่วงของพวกเราไม่จำเป็นเลย”
แม้เขาจะส่งเสียงพูดเช่นนั้น แต่เขากลับแอบพูดในจิตใจของยี่หยู
“ยี่หยู! เจ้ายังอ่อนวัยและไม่รู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้ ราชาหิมะทมิฬล้างสังหารคนเป็นล้านลี้ เขาเชื่อใจไม่ได้! การเชิญเขาเข้ากลุ่มไม่ต่างจากการเชิญภัยเข้ามาเลย!”
แต่ฉิงจูคิดอีกแบบ เขาคิดว่าแค่เขาคนเดียวก็ปกป้องยี่หยูได้ ไม่จำเป็นต้องมีบุรุษคนที่สอง!
ส่วนเรื่องที่ซือหยูจะก่อปัญหาเมื่อเข้ากลุ่ม…เขานั้นไม่ได้คิดถึงมันเลย คนที่ยังไม่เป็นผู้คุมสวรรค์จะทำอะไรกับราชามนุษย์อย่างเขาได้? เขาจบชีวิตอีกฝ่ายได้เพียงสะบัดมือ
“ฉิงจูพูดถูก เจ้าควรจะระวังตัว เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ลาก่อน”
ซือหยูประสานหมัด ส่วนผลก้นบึ้งมังกร เขาสะบัดมือและส่งมันลอยกลับไป
“ข้าไม่สนใจของที่เสียหาย จ้าวฉิงจูเก็บไว้เองเถอะ”
ซือหยูไม่หันกลับมามอง ฉิงจูรู้สึกอัปยศอย่างมาก เขาคว้าผลก้นบึ้งมังกรเอาไว้
“ไม่มั่นใจเกินไปหน่อยเรอะ?”
“ผลมังกรก้นบึ้งนับว่าหายากมาก เขาแสร้งทำและดื้อด้านที่จะอวดดี ปฏิเสธความหวังดีจากข้า! เขาต้องเสียเวลาอีกเยอะกว่าจะได้ผลก้นบึ้งมังกรที่ปฏิเสธไป”
แต่เซี่ยจิงหยูมองฉิงจูอย่างเยือกเย็น
“ข้าไม่คิดว่าคนที่มีผลก้นบึ้งมังกรแบบสมบูรณ์ที่ปฏิเสธลูกที่เสียหายจะอวดดีหรอกนะ”
ฉิงจูใบหน้าบิดเบี้ยว
“แบบสมบูรณ์รึ? เขาน่ะรึ?”
เซี่ยจิงหยูโบกมือรวบรวมไอวารีจากโดยรอบ เศษส่วนของพลังก่อตัวเป็นรูปร่าง
ฉิงจูอับอายเมื่อได้เห็นภาพไอวารี
“นั่นสินะ…”
อีกฝ่ายมีผลก้นบึ้งมังกรแบบสมบูรณ์ แต่เขาก็โยนผลแบบเสียหายไปให้โดยหวังจะเล่นตลกกับขอทาน แต่เทียบกันแล้ว…ดูเหมือนเขาจะเป็นขอทานเสียมากกว่า! การกระทำนี้ส่อความอ่อนด้อยในตัวเขา
“แล้วก็…”
“ถ้าเขาอยากจะทำร้ายข้า เขาก็ทำได้สำเร็จก่อนที่เจ้าจะมาถึงเสียอีก เขาแข็งแกร่งมาก แม้แต่เจ้าก็อาจจะทำอะไรเขาไม่ได้”
หรือพูดอีกอย่างก็คือ…ฉิงดูนั้นดูราวกับเป็นวีรบุรุษที่มีดวงตาของผู้ร้าย ถ้าซือหยูอยากจะโจมตี มันก็สายเกินไปที่ฉิงจูจะเข้ามาช่วย
ฉิงจูเดาะลิ้น
“จะเป็นเช่นนั้นรึ?”
เซี่ยจิงหยูไม่คิดจะอธิบายแม้ว่านางจะรู้ว่าฉิงจูจะไม่พอใจ นางยังคงค้นหาต่อไปอย่างไร้อารมณ์
ซือหยูเลือกไปอีกทาง เขาเพ่งสมาธิอยู่กับการค้นหาผลก้นบึ้งมังกร
ตอนที่ 407
ครึ่งวันผ่านไป ซือหยูเปิดแผนที่ด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
“ครึ่งวันแล้ว ข้าหาเจอแค่ห้าลูกที่ไม่สมบูรณ์!”
แม้เขาจะใช้เนตรวิญญาณมันก็ยากอย่างมาก ความท้าทายนั้นเกินกว่าความคาดหมายของซือหยู ตามคำร่ำลือ เขาต้องใช้ผลทั้งร้อยลูก การกินผลร้อยลูกต่อเนื่องกันจะทำให้เขาได้เป็นผู้คุมสวรรค์
ดูจากสถานการณ์ ดูเหมือนว่าข่าวลือนั้นจะไม่เป็นความจริง ถ้าการหาผลก้นบึ้งมังกรมันยากอยู่แล้ว แล้วเรื่องอื่นเล่า? ถ้าใครกลับมาได้พร้อมกับผลก้นบึ้งมังกรก็นับว่าโชคดีแล้ว
จะต้องมีความลับอื่นในการเป็นผู้คุมสวรรค์ แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครที่เขาหวังพึ่งได้ เขาขาดข้อมูลสำคัญไป
ซือหยูเปิดแผนที่และครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็มองไปทางตะวันตก
“ข้าผ่านพื้นที่ตรงตะวันออกไปมากแล้ว ข้าเหลือแค่พื้นที่ใกล้ก้นบึ้งหวงห้าม”
แม้พื้นขี่ใกล้ก้นบึ้งหวงห้ามจะอันตรายแต่เขาในตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะอย่างไรเขาก็มีเวลาเพียงสามวันในการหาผลก้นบึ้งมังกรและกลับขึ้นไป
ซือหยูทำใจเตรียมจะออกเดินทาง แต่เขาก็พบคลื่นทมิฬอยู่ไม่ไกลนัก
“เอ๋?”
ซือหยูเดินทางด้วยความเร็วอัสนีไปถึงบ่อน้ำที่กว้างร้อยศอก คลื่นดำนั้นสงบนิ่ง
ซือหยูยืนอยู่ที่ข้างบ่อน้ำและลูบคาง
“ก้นบึ้งมังกรถูกผนึกมาหลายปี ที่นี่ไร้ฝน แล้วที่นี่จะมีน้ำได้อย่างไร?”
ซือหยูใช้เนตรวิญญาณตรวจสอบก้นบ่อ แม้น้ำจะเป็นสีดำ มันก็ใสอย่างมากโดยไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่น้อย
ฟึ่บ–
หลังจากมองผ่านไปยี่สิบศอก พลังจิตวิญญาณของซือหยูก็สะท้อนกลับมาหาเขา! ซือหยูถอยกลับไปตั้งตัวโดยไม่ลังเล เขาตกใจ
“บ่อน้ำนี่มันอะไรกัน?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เนตรวิญญาณของเขาถูกสะท้อนกลับมา แต่ในตอนนี้แววตาเคร่งเครียดก็มีความยินดี เขาพบต้นไม้สูงเท่าเอวเติบโตอยู่ที่ข้างบ่อน้ำทมิฬ มันมีผลไม้สีดำสนิทอยู่บนต้น
“ผลแบบสมบูรณ์!”
ซือหยูตกใจ
แต่เมื่อเขาสำรวจรอบๆเขาก็ยิ่งเครียดเครียดกว่าเดิม
“บ่อน้ำนี่ประหลาดนัก!”
เหล่าผลก้นบึ้งมังกรในซากศิลานั้นเก้าในสิบส่วนล้วนถูกกัดกินไป จะเจอผลที่สมบูรณ์อยู่ในที่ลับเท่านั้น
แต่ผลก้นบึ้งมังกรที่นี่เติบโตอย่างเปิดโล่ง มันจะไม่ถูกพบเจอได้อย่างไร? บ่อทมิฬนี้จะต้องมีบางอย่างที่ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตหวาดกลัว ซือหยูถอยกลับไปไกลยิ่งกว่าเดิม
ซือหยูจ้องมองผลก้นบึ้งมังกรและคิดหาทางเลือก ถ้าตาเขาไม่บอดเขาก็คงใช้วิชายักย้ายเอาผลก้นบึ้งมังกรออกมาอย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้…
ซือหยูปล่อยพลังวิญญาณออกมาจากร่างและสร้างร่างเทียมออกมา เขาต้องหวังพึ่งร่างนี้เท่านั้น
ร่างเทียมเริ่มเรียนวิชาเพลิงมาแล้ว แม้วิชาเพลิงระดับตำนานนั้นจะมีข้อความเพียงไม่กี่คำ หลังจากบ่มเพาะไปแล้ว ร่างเทียมของเขาก็มีพลังความร้อนในกาย ร่างเทียมนั้นสีแดงระเรื่อ
ร่างเทียมย่อตัวคลานกับพื้นโดยใช้พลังแขนและเอวคลานไปยังผลก้นบึ้งมังกรราวกับพยัคฆ์ที่กำลังล่าเหยื่อ
แม้ระยะจะห่างเพียงแค่พันศอก ร่างเทียมก็คลานไปถึงในไม่นาน! ร่างเทียมถือพลั่วหยกด้วยมืดหนึ่งข้างและจ้องมองบ่อน้ำทมิฬ จากนั้นก็ใช้มือขวาเริ่มขุด ต้นและผลถูกขุดออกมา
จากนั้นร่างเทียมก็โยนทั้งต้นพร้อมกับพลั่วออกมา ซือหยูเตรียมการไว้แล้ว เขาหยิบกล่องหยกกล่องใหญ่และกระโดดขึ้นไปคว้าทุกอย่างลงกล่องอย่างแม่นยำ
ซือหยูไม่มีเวลาให้เหลียวมอง เขาถือกล่องหยกด้วยมือหนึ่งข้างส่วนอีกข้างถือพลั่ว เขาสยายปีกและรีบหนีออกไปไกลในทันที!
ซ่า—
ในตอนที่เขาหนีไปก็มีคลื่นทมิฬสูงหลายหมื่นศอกพุ่งออกมาจากบ่อน้ำข้างหลัง! ร่างเทียมของซือหยูหายไปในพริบตาอย่างไร้ร่องรอย
ในจุดที่เขายืนอยู่เมื่อสักครู่ถูกเงาดำซัดผ่าน ความเร็วของมันเหนือจินตนาการ! ซือหยูปวดหัวและรับรู้ได้ว่าร่างเทียมถูกสังหารไปแล้ว!
โฮก—
เสียงคำรามดังตามมาจากส่วนลึกของบ่อน้ำ ซือหยูได้ทำให้สัตว์ยักษ์โกรธเข้าแล้ว
ซือหยูตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงคำราม พลังวิญญาณในตัวเขาหยุดนิ่ง สายโลหิตติดขัด เขาเสียพลังจากปีกและตกจากฟ้า
เขาอยู่สูงพันศอกบนนภา ถ้าเขาตกลงไปก็คงจะต้องกระแทกอย่างแรงไม่ใช่รึ?
ซือหยูชักสีหน้า เขาใช้ทั้งสองมือวางทาบอกและจัดท่าในการตก เขาใช้หันหลังให้กับพื้น
ปั้ง–
เสียงกระแทกดังลั่น เขาตกลงสู่พื้นและกลิ้งหลายรอบ เขายังรอด! แม้ว่าเสื้อผ้าจะขาดไปบ้างและเจ็บปวดอย่างมากแต่ก็ยังดีที่เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไร!
เขามองไปทางบ่อน้ำด้วยความกลัว เขารู้สึกเสียวสันหลัง สิ่งใดกันที่อยู่ในบ่อน้ำนั่น? ถ้าเขาได้มาเจอกับราชามนุษย์เขาก็คงต่อสู้ได้ แต่กับสัตว์ประหลาดน่ากลัวเช่นนี้ ซือหยูคิดอะไรไม่ออกเลย ดูเหมือนว่าจะไม่มีแสงแห่งความหวังกับสัตว์ประหลาดตนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ซือหยูจะต่อสู้มันด้วยพลังวิญญาณและพลังโลหิตที่ไม่หมุนเวียนเพียงแค่เสียงคำราม
เสียงคำรามดังก้องไปไกลในก้นบึ้ง
ซือหยูตรวจสอบร่างกายของตัวเองและรีบทำใจ
“ที่นี่เสียงดังเกินไป ข้าอยู่ที่นี่อีกไม่ได้แล้ว!”
แต่ในตอนที่เขาจะเคลื่อนไหว สองคนก็มุ่งหน้ามาหาเขาอย่างระวังตัว
“พี่หิมะทมิฬ เจอกันอีกแล้ว”
ฉินเซี่ยนเอ๋อตาเป็นประกาย นางเดินเข้าหาซือหยูด้วยรอยยิ้ม
หลงเฟยหยูตกใจมากและมองรอบๆอย่างถี่ถ้วน สุดท้ายเขาก็จ้องไปยังซือหยูและมองรอยที่อกของเขา
ซือหยูมองเซี่ยนเอ๋อ กระเป๋าแต่ละข้างของนางมีกล่องหยกอย่างเดิม นางไม่ได้ผลก้นบึ้งมังกรเพิ่มเลยในครึ่งวันที่ผ่านมา
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้อะไรเหมือนกันนี่”
หลงเฟยหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจเมื่อยืนยันได้ว่าซือหยูไม่ได้มีผลก้นบึ้งมังกรเพิ่มขึ้นมา จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วคิด มีเสียงคำรามอันน่ากลัวเมื่อครู่ เขาสงสัยว่าเขาควรจะถามซือหยูหรือไม่
พรึ่บ–
สายลมพัดปลิวจากอีกด้าน สองคนปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองคือฉิงจูกับยี่หยู! ทั้งสองระวังตัวในทันที หลังจากมองรอบๆก็เห็นหลงเฟยหยู
หลงเฟยหยูระวังตัวอย่างมาก
“จ้าวแห่งความมืดงั้นรึ?”
หลงเฟยหยูเบิกตากว้างเมื่อเห็นสัญลักษณ์บนผ้าคลุมของทั้งสอง
ฉิงจูขวางหน้าเซี่ยจิงหยู เขาหรี่ตามอง
“แล้วเจ้าเป็นใครกัน?”
ถ้าอีกฝ่ายมีหลงเฟยหยูคนเดียวเขาก็ไม่ต้องระวังเช่นนี้ แต่ราชาปีศาจหิมะทมิฬอยู่กับเขาด้วย
“หลงเฟยหยูแห่งพันธมิตรผู้คุมสวรรค์”
ฉิงจูพูดว่า “พันธมิตรผู้คุมสวรรค์” ตามเบาๆ
“ตระกูลหลงของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์รึ?..”
เขาพูดด้วยความตกใจเล็กๆ
“หรือว่าจะเป็นตระกูลหลง…ที่เป็นเจ้าของเรือรบโบราณนั่น?”
ความหวาดกลัวอยู่ในดวงตาของเขา แม้แต่จ้าวแห่งความมืดก็หวาดกลัวชื่อของตระกูลหลง
หลงเฟยหยูยิ้มอย่างภูมิใจ
“ใช่แล้ว!”
ทั้งสองมองหน้ากัน ฉิงจูยิ้มอย่างอ่อนโยน
“คงเป็นชะตาที่ได้พบกับพี่หลงที่นี่ ข้าฉิงจู ส่วนนางคือยี่หยู เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นรึ? ข้าได้ยินเสียงดังมาก!”
ฉิงจูรึ? หลงเฟยหยูหวาดกลัวเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงมองไปทางซือหยู
“ตอนข้ามาถึงเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว”
ราชาปีศาจหิมะทมิฬ? ฉิงจูขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ประทับใจอะไรในซือหยู เขามองผ่านซือหยูไปยังผิวน้ำที่มีคลื่นยักษ์กระจายออกมา เขาตกใจและหวาดกลัวผิวน้ำนั้นมาก
เขาเหลือบมองซือหยูโดยไม่คิดจะถามอะไร
“พี่หลง ข้ามั่นใจว่าท่านจะต้องได้ผลก้นบึ้งมังกรมากมายเป็นแน่”
ฉิงจูพูดแบบกว้างๆเมื่อมองหลงเฟยหยูกับเซี่ยนเอ๋อ
ฉิงจูยิ้ม เขาดูผ่อนคลายราวกับว่าเขาก็ได้ผลก้นบึ้งมากรมาเยอะเช่นกัน
หลงเฟยหยูถามกลับ
“โอ้? หรือว่าจ้าวฉิงจูจะได้มาเยอะรึ?”
“ไม่เท่าไรหรอก”
ฉิงจูตอบอย่างลังเล
ทั้งสองกำลังทดสอบกันและกัน
แต่ฉินเซี่ยนเอ๋อไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังแอบทดสอบกัน นางเงยหน้าถามโต้งๆ
“พี่หิมะทมิฬ พี่ได้มาเท่าไหร่เหรอ?”
ซือหยูยิ้ม แสงทมิฬเปล่งประกายออกมา ผลก้นบึ้งมังกรไม่สมบูรณ์สามลูกถูกผนึกไว้ในกล่องหยก
“ครึ่งส่วนนี้ข้าเตรียมไว้ให้เจ้า”
ซือหยูนำกล่องหยกให้กับเซี่ยนเอ๋อ
เซี่ยนเอ๋อตกใจและรีบปฏิเสธ
“ข้าเอาของพี่หิมะทมิฬไม่ได้อีกแล้วล่ะ พี่ก็ต้องบ่มเพาะเหมือนกับข้า”
นางรู้สึกผิดที่เคยรับผลก้นบึ้งมังกรแบบสมบูรณ์มาหนึ่งลูก
ซือหยูยิ้มและดันกล่องหยกใส่นางโดยไม่ฟัง
“เจ้าไม่ได้มีเรื่องสำคัญที่ต้องใช้มันหรอกรึ?”
เซี่ยนเอ๋อจ้องมองด้วยแววตาว่างเปล่า นางขมริมฝีปากและยอมรับไว้
“พี่หิมะทมิฬ ข้าจะต้องตอบแทนพี่แน่นอน ผลก้นบึ้งมังกรนี้สำคัญกับข้ายิ่งนัก”
ใครกันจะไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ…สมบัติเหล่านี้จะทำให้คนกลายเป็นผู้คุมสวรรค์!
“ครึ่งรึ? เจ้าจะบอกว่าเจ้าหาได้หกลูกงั้นรึ?”
ฉิงจูตกใจ เขาแสร้งเป็นใจเย็นและถามด้วยรอยยิ้ม แต่เขาก็มองซือหยูด้วยความนับถือมากขึ้น
หลงเฟยหยูหรี่ตา ซือหยูพยักหน้าเบาๆและเดินไปทางก้นบึ้งหวงห้าม
“น้องหิมะทมิฬ เดี๋ยวก่อน!”
หลังจากลังเล ฉิงจูหยุดเขาอย่างไม่เต็มใจ
ซือหยูหันกลับไปถาม
“อะไรรึ?”
ฉิงจูฝืนยิ้ม
“น้องหิมะทมิฬ ยี่หยูกับข้าพบกับสัตว์ประหลาดน่ากลัวในขอบเขตผู้คุมสวรรค์มากมาย น้องหิมะทมิฬเจอเหมือนกันหรือไม่?”
เขาเจอกับเหล่าสัตว์อสูรจริง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจตัวตนของมันมากนัก
“ทำไมเจ้าไม่พูดสิ่งที่เจ้าคิดออกมาตรงๆเล่า?”
ซือหยูหัวเราะ
“เวลามีจำกัดนะ”
ฉิงจูที่ถูกจับได้อับอายเล็กน้อย
“ข้าอยากจะบอกว่าที่นี่อันตรายมาก แม้แต่ในซากศิลาก็มีความอันตรายที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อใด หากพวกเรากำลังบ่มเพาะพลัง การร่วมมือกันจะไม่ดีกว่าหรอกรึ?”
หลงเฟยหยูตาเป็นประกาย เขาเงียบไป
แต่ซือหยูกลับปฏิเสธในทันทีจนทุกคนประหลาดใจ
“ข้าคุ้นชินกับการลงมือเพียงลำพัง…”
“และข้าก็ร่วมมือกับคนอื่นได้ไม่ดีนัก ถ้านี่คือเรื่องที่จ้าวฉิงจูจะพูดกับข้า ข้าก็คงได้แต่บอกว่าน่าเสียดาย”
ฉิงจูเสียใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าซือหยูคิดเช่นนั้น ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเขาจะเอ่ยปากเช่นนี้รึ? แต่ฉิงจูก็รู้ว่าตัวเองไม่พูดแบบตรงไปตรงมา นั่นทำให้ซือหยูไม่พอใจ
ฉิงจูฝืนยิ้ม
“โอ้ น้องหิมะทมิฬ ให้ข้าพูดตรงๆ ก้นบึ้งมังกรในคราวนี้ประหลาดไป! ตามข้อมูลของข้า แม้จะมีผลก้นบึ้งมังกรน้อยมากในซากศิลา มันก็ไม่ควรจะขาดแคลนถึงขนาดนี้!”
หลงเฟยหยูพยักหน้า อย่างที่คิด พวกเขาหาผลก้นบึ้งมังกรไม่เจอเช่นกัน!
หลังจากที่มองรอบๆ สายตาหลงเฟยหยูเคร่งเครียด
“การบ่มเพาะในก้นบึ้งมังกรครั้งนี้แปลกไปมากจริงๆ…”
ตอนที่ 408
หลังจากที่ทั้งสองผ่านอุปสรรคมามากมายและยืนยันข้อมูลต่อกัน ทุกคนก็รู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูก
“ตามที่ข้าคิด ที่นี่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่ได้คาดเอาไว้”
ฉิงจูเริ่มพูด
“หากร่วมมือกันพวกเราจะช่วยเหลือกันและออกไปได้อย่างปลอดภัย แล้วเราก็จะ…”
เขาเงยหน้ามองซือหยู
“แล้วเราก็จะใช้พลังของน้องหิมะทมิฬในการหาผลก้นบึ้งมังกรได้มากขึ้น”
เขาเริ่มระแคะระคายในพลังประหลาดของซือหยูที่ทำให้เขาเจอผลก้นบึ้งมังกร เขาทั้งหาผลแบบสมบูรณ์และช่วยเซี่ยจิงหยูจากหนอนพิษ…ในครึ่งวัน ทั้งสี่ไม่ได้อะไรเลย แต่ซือหยูก็ยังหาเพิ่มได้อีกห้าผล! นี่ไม่ใช่เรื่องโชคชะตาเป็นแน่
หลงเฟยหยูเดาเรื่องนี้มานานแล้ว เขาคิดถึงตอนที่กังต้าเหล่ยสั่งให้พวกเขาลงสู่ก้นบึ้งก่อนแต่ก็รั้งราชาปีศาจหิมะทมิฬเอาไว้ ดูเหมือนว่ากังต้าเหล่ยจะบอกความลับกับซือหยู…เช่น…สถานที่ที่จะหาผลก้นบึ้งมังกรได้เป็นจำนวนมาก
เซี่ยนเอ๋อตาเป็นประกาย นางหัวเราะ
“จริงรึ? พี่หิมะทมิฬจะมากับพวกเรารึ?”
ซือหยูเลิกคิ้ว ตัวตนของเขาถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่เหมาะกับการที่จะรวมกลุ่ม แต่จากคำพูดของอีกสองฝ่ายนั้นต่างพูดว่ามีเรื่องประหลาดในที่นี่ ความเสี่ยงที่จะไปไหนมาไหนคนเดียวนั้นสูงเกินไป ถ้าเขาได้เจอกับกับสัตว์อสูรในขอบเขตราชามนุษย์เขาก็คงจะเอาชนะไม่ได้ ถึงจะเขาหนีได้แต่ถ้าหากเจอกับกึ่งเทพ…เขาจะต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
ซือหยูคิดและพยักหน้า
“ย่อมได้ แต่ต้องในสองเงื่อนไขนี้ อย่างแรก ข้าต้องการรู้ความลับของผลก้นบึ้งมังกรที่คนนอกไม่รู้! จงบอกข้ามาตามตรง! อย่างที่สองข้าจะต้องได้ผลก้นบึ้งมังกรที่เจอหกในสิบส่วน ที่เหลือพวกเจ้าเอาไปแบ่งกันเอง”
“นี่มัน…”
ฉิงจูเปิดปาก
หลงเฟยหยูลังเล
“อย่างแรกพวกเราก็ทำได้เจ้าได้อยู่หรอก แต่อย่างหลัง…เจ้าไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยรึ? ความรับผิดชอบหลักในการปกป้องกลุ่มคือพวกเราราชามนุษย์ เจ้าก็แค่ต้องหาผลก้นบึ้งมังกรให้เจอ การแบ่งเช่นนี้มันเกินไป”
ซือหยูไม่สนใจ
“งั้นเจ้าก็ไปหาคนอื่นเถอะ”
ฉิงจูโกรธแค้น ราชาปีศาจหิมะทมิฬคนนี้จะหยาบคายเกินไปแล้ว!
แต่คาดไม่ถึงที่หลงเฟยหยูพยักหน้ายินยอมด้วยความลังเล
“ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า”
ฉิงจูตกตะลึง เขาแอบมองดูความสัมพันธ์ระหว่างหิมะทมิฬกับหลงเฟยหยู ทั้งคู่ไม่ได้มาจากที่เดียวกัน แต่ทำไมหลงเฟยหยูถึงยอมกัน? เขาคิดอะไรอยู่?
“ก็ได้! ข้าจะยอมตามข้อเสนอของเจ้า”
ฉิงจูพยักหน้ารับ
ซือหยูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“งั้นเจ้าก็บอกความลับของผลมังกรก้นบึ้งมา ดูจากความหายาก ความยากในการได้ร้อยลูกนั้นมากเกินไป ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเก็บได้มากเช่นนั้นเพื่อสำเร็จพลัง”
ฉิงจูหัวเราะ
“อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ ข่าวลือเรื่องผลร้อยลูกนั้นเป็นเรื่องโกหก การกินผลก้นบึ้งมังกรไปตรงๆนั้นจะสูญเปล่า ร่างของเจ้าจะถูกทำลายเพราะลมหายใจมังกร มันเป็นพิษสูงมาก!”
เช่นนั้นรึ ซือหยูแอบใจสั่น ยังดีที่เขายังคงสงสัยและไม่กินมันในทันที
“ถ้าเจ้าอยากจะสำเร็จพลังด้วยผลก้นบึ้งมังกร เจ้าต้องผ่านสองเงื่อนไขนี้…”
ฉิงจูอธิบายต่อ
“อย่างแรกเจ้าต้องหามันให้ได้สิบลูก…สิบลูกแบบสมบูรณ์! ต่อมาเจ้าต้องหาคนปรุงยาขอบเขตกึ่งเทพเพื่อปรุงโอสถก้นบึ้งมังกร วิธีนี้เท่านั้นที่เจ้าจะดูดซับมันได้อย่างปลอดภัย ข่าวลือเรื่องการหาร้อยลูกนั่นเป็นเรื่องหลอกลวง มันคงเป็นเพราะภาพลวงผลร้อยลูกระหว่างการปรุงที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด”
ใช่จริงๆด้วย! ซือหยูเข้าใจเรื่องราวแล้ว ในการปรุงผลก้นบึ้งมังกร คนที่รู้วิธีการย่อมไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ ขณะที่คนนอกนั้นทำได้แค่เดาแบบกว้างๆ
“ถ้าน้องหิมะทมิฬแบ่งให้พวกเราสักหนึ่งส่วน…”
ฉิงจูตาเป็นประกาย
“อาณาจักรทมิฬก็เต็มใจที่จะปรุงโอสถให้เจ้าโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน”
หลงเฟยหยูถอนหายใจแรง
“ดีกว่าที่จะให้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จัดการเรื่องนี้ คนปรุงยาของพันธมิตรนั้นเชื่อถือได้ และการล้มเหลวของเขาก็ต่ำอย่างมาก”
แม้จะใช้วิธีการเดียวกัน มาตรฐานของผู้ปรุงยาก็อาจจะทำให้เกิดความล้มเหลวระหว่างการปรุงจนทำให้วัตถุดิบที่หามาสูญเปล่า ซือหยูตอบในเรื่องนี้โดยไม่คิดมากนัก
“พวกเราค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลังเถอะ ตอนนี้ต้องหาผลก้นบึ้งมังกรก่อน”
ทั้งสองมองซือหยูและพยักหน้า
ฉิงจูพูดในจิตใจยี่หยู ‘ยี่หยู เราต้องยอมทนเรื่องนี้และใช้พลังของเขา…ยี่หยู เจ้ามองผู้หญิงคนนั้นทำไมกัน?’
เขาสังเกตเห็นเซี่ยจิงหยูจ้องฉินเซี่ยนเอ๋อ สีหน้าของนางดูซับซ้อน น่าประหลาดที่นางแสดงสีหน้าและอารมณ์ที่มิอาจอธิบายได้ออกมา
‘ไม่มีอะไร’ เซี่ยจิงหยูตอบอย่างเรียบเฉย แม้กระนั้นนางก็แอบถอนหายใจ ‘นางแค่เหมือนกับคนที่ข้ารู้จักเท่านั้น’
นางมิอาจกลับไปอยู่กับฉินเซี่ยนเอ๋อได้ โดยเฉพาะเมื่อมีฉิงจูอยู่ใกล้ๆ มีเพียงราชาแห่งความมืดเท่านั้นที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของนางกับคนที่เกาะเฉินยี่ นางไม่อยากจะทำให้คนในเกาะเฉินยี่ต้องเป็นภัย
ฉินเซี่ยนเอ๋อไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของเซี่ยจิงหยู นางกลับตกใจในคำตอบของซือหยู
“ดีล่ะ พี่หิมะทมิฬ ข้าจะนำพี่เอง ให้ข้าเป็นดวงตาของพี่เถอะ!”
ซือหยูยิ้มและลูบหน้าผากเซี่ยนเอ๋อ
******
พวกเขาร่วมมือกันไล่สัตว์อสูรขณะที่ซือหยูมองหาผลก้นบึ้งมังกร ครึ่งวันผ่านไป พวกเขาหาเจอถึงสิบลูก! ซือหยูเก็บไปหกลูก รวมเป็นหนึ่งลูกแบบสมบูรณ์กับอีกแปดลูกที่ไม่สมบูรณ์
“บางลูกเสียหายยิ่งกว่าลูกอื่นเสียอีก…”
เซี่ยจิงหยูพูดและมองผลก้นบึ้งมังกรในมือ นางเลิกคิ้ว
“ตามที่เจ้ามีตอนี้ ดูเหมือนเจ้ามีแล้วครึ่งหนึ่งนะ”
ในสถานการณ์ที่ยากจะรวบรวมผลก้นบึ้งมังกรเช่นนี้ แม้แต่ซือหยูก็สับสน จำนวนที่ได้ตอนนี้เพียงพอสำหรับคนคนเดียวเท่านั้น
“น้องหิมะทมิฬ”
ฉิงจูทนไม่ไหว
“พวกเราพลาดอะไรไปรึ? พวกเราต้องกลับไปหาอีกหรือไม่?”
ฉิงจูเป็นกังวลอย่างมาก พวกเราพยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้เหรียญก้นบึ้งเก้ามังกรมาจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ การกลับไปเช่นนี้จะเป็นความสูญเสียมหาศาล
ซือหยูส่ายหน้า
“ทั้งหมดที่มีในซากศิลาอยู่ในมือพวกเราแล้ว ถ้าอยากจะหาอีก…ก็ต้องเป็นในก้นบึ้งหวงห้าม”
“ก้นบึ้งหวงห้ามรึ?”
ทั้งสี่คนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
หลงเฟยหยูน้ำเสียงหม่นหมอง
“ที่น่ากลัวที่สุดในก้นบึ้งหวงห้ามไม่ใช่สัตว์อสูร…แต่เป็นคน! ทั้งหมื่นปี พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จับคนชั่วมากมายมาขังไว้ที่นี่ ไม่มีใครรู้ว่าพวกนั้นยังอยู่หรือตาย…หรือว่าพวกเขามีพลังเท่าใด! พวกเรารู้ก็แต่ว่าพวกนั้นมีราชามนุษย์อยู่ด้วย”
“จำนวนราชามนุษย์ที่ถูกตายไปหลังจากเข้าไปที่ก้นบึ้งหวงห้ามนั้นไม่น้อยกว่าสิบคน!”
แม้แต่ราชามนุษย์ก็ตายที่นั่นรึ? ฉิงจู เซี่ยจิงหยู และซือหยูต่างรู้สึกหนาวเย็น ว่ากันว่าคนมากกว่าเก้าในสิบตายในก้นบึ้งหวงห้าม มันคือที่ที่อันตรายอย่างมาก พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากไปที่นั่นงั้นรึ?
“เราทำได้แค่ลองดูเท่านั้น…”
ซือหยูพูดอย่างไม่มีทางเลือก
เขาต้องเป็นผู้คุมสวรรค์เท่านั้น
ที่เหลือมองหน้ากันและยินยอมพร้อมใจ
“แต่พวกเราจะไปแค่สามร้อยลี้! ลึกกว่านั้นจะเสี่ยงเกินไป!”
ตอนที่ 409
ทุกคนพยักหน้าและมุ่งหน้าไปยังก้นบึ้งหวงห้าม
ที่นี่ดูเหมือนควรจะเรียกว่าอ่างน้ำแทนที่จะเรียกมันว่า ‘ก้นบึ้ง’ พื้นที่เบื้องล่างนั้นมีต้นไม้ใหญ่และพุ่มไม้ มันต่างกับซากศิลาเป็นอย่างมาก แต่นอนว่ารังสีพลังของมังกรอสูรนั้นเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
ใบหน้าอันงดงามของเซี่ยจิงหยูซีดเล็กน้อย พลังกายและพลังวิญญาณของนางลดลงไปมาก ฉิงจูกับหลงเฟยหยูยังคงไม่เป็นอะไรแต่ก็แสดงสีหน้าประหลาด มีแค่ซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อที่ได้กินสายพลังธรณีเข้าไปที่ยังเยือกเย็นและสบายกาย
ในตอนนี้ พวกเขามาถึงยอดเขาลาดชัน
“ที่นี่คือเส้นแบ่งระหว่างสองเขต”
ซือหยูดูจากแผนที่
“ก้นบึ้งหวงห้ามนั้นอยู่ใต้เขานี่ ยิ่งลึกเท่าใดชันขึ้นเท่านั้น ก้นบึ้งหวงห้ามใหญ่กว่าซากศิลาสิบเท่า เราจะลงลึกเกินไปไม่ได้!”
ทุกคนพยักหน้ารับ
“ข้าเจออีกลูกแล้ว!”
ซือหยูชี้ไปทางด้านข้างของศิลาก้อนหนึ่ง ที่นั่นมีผลก้นบึ้งมังกรแบบสมบูรณ์
ทุกคนดีใจ ฉิงจูกับหลงเฟยหยูปกป้องซือหยูจากทั้งสองด้าน ทั้งสามค่อยๆย่องเข้าไป พวกเขาเก็บผลก้นบึ้งมังกรอย่างระวัง
ทุกคนดูใจชื้นขึ้นเมื่อได้เจอกับผลก้นบึ้งมังกร ที่นี่มีผลก้นบึ้งมังกรเยอะกว่าซากศิลาจริงๆ!
ซือหยูใช้เนตรวิญญาณตรวจสอบรอบๆและพูดด้วยความตกใจ
“ข้างหน้าเรามีอีกสองลูก!”
มีอีกสองลูกโตใต้ต้นไม้ใหญ่! ทั้งสามดีใจและเก็บมันมาได้สำเร็จ
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ผลก้นบึ้งมังกรตลอดพื้นที่สามร้อยลี้ถูกเก็บจนหมด ซือหยูได้สามลูกที่สมบูรณ์กับอีกสิบสองลูกที่ถูกกัดแทะไป ซึ่งเทียบได้กับผลแบบสมบูรณ์เก้าลูก ส่วนฉินเซี่ยนเอ๋อนั้นมีสองลูกสมบูรณ์และอีกสิบลูกที่ถูกกัดแทะ รวมกันเป็นแบบสมบูรณ์เจ็ดลูก เซี่ยจิงหยูนั้นมีน้อยกว่าใคร รวมแล้วนางมีทั้งหมดสามลูกแบบสมบูรณ์
แค่ระยะสามร้อยลี้ก็พบผลก้นบึ้งมังกรมากกว่าที่พบในซากศิลาหลายเท่า! แต่ก็ยังห่างไกลกว่าจะครบกับเงื่อนไขในการได้เป็นผู้คุมสวรรค์สำหรับทั้งสามคน
“เราขาดอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น…”
ฉิงจูเริ่มพูด
“ถ้าเราหยุดไปเช่นนี้ก็คงจะน่าเสียดาย เราจะเสียงไปอีกสักร้อยลี้ดีหรือไม่?”
ฉิงจูกระวนกระวายเพราะเซี่ยจิงหยูนั้นยังขาดอีกหลายลูก ซือหยูขายเพียงลูกเดียว ฉินเซี่ยนเอ๋อขาดสามลูก
หลงเฟยหยูกัดฟัน
“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่ถ้าพวกเราได้ครบเมื่อไหร่ก็ต้องกลับทันที!”
หลงเฟยดูมองความมืดเบื้องล่างอย่างหวาดกลัว
ฉิงจูชักสีหน้าเล็กน้อย เขามองซือหยู
“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ เจ้าจะช่วยพวกข้าหรือไม่?”
ราชาปีศาจหิมะทมิฬขาดแค่เพียงลูกเดียว ถ้าซือหยูออกไปหลังจากที่หาอีกลูกเจอขณะที่พวกเขาต้องหาอีกเจ็ดลูก พวกเขาก็อาจจะหาได้ไม่ครบถ้าไร้ความช่วยเหลือ การอยู่ที่นี่นานเกินไปก็เป็นอันตรายอยู่แล้ว
ซือหยูตอบโดยไม่คิด
“ขออภัย ข้าไม่ได้มีหน้าที่ไปเสี่ยงชีวิตกับเจ้า”
พวกเขาตกลงกันเพื่อหาผลก้นบึ้งมังกร ถ้าหากเขาได้ถึงเป้าเขาก็ควรจะออกไปเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ และนั่นก็ไม่ถือว่าเป็นการผิดสัญญา
ฉิงจูเป็นกังวล เขายืนขึ้นและหยิบขวดวารีวิญญาณออกมา ในขวดนั้นมีเพลิงพิโรธสีมรกตอ่อนๆที่ดูเหมือนแสงตะเกียงที่พร้อมจะดับมอดทุกเมื่อ แต่เพลิงพิโรธนั้นก็เปล่งแสงที่ทำให้ซือหยูไม่ละสายตา
“นี่คือเพลิงบาดาล”
“สำหรับคนที่ใช้วิชาเพลิง มันคือสมบัติหายาก ถ้าเจ้าใช้มันบ่มเพาะ พลังของฐานพลังเจ้าก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล นี่มีค่าไม่ต่ำกว่าสมบัติเทพระดับกลาง ถ้าน้องหิมะทมิฬช่วยพวกเรา ข้าจะให้สิ่งนี้กับเจ้า”
ซือหยูถูกล่อลวงด้วยของสิ่งนี้ วิชาระดับตำนานของร่างเทียมซือหยูนั้นมีข้อความเพียงเล็กน้อยและมันช้พลังได้ไม่มากนัก ถ้ารวมกับเพลิงบาดาลล่ะก็…
“น่าเสียดายที่ข้าใช้วิชาน้ำแข็ง…”
ซือหยูสีหน้าไร้อารมณ์ เขาปล่อยพลังความเย็นออกมา
“สำหรับข้า สมบัติอัคคีนั้นไร้ค่า”
พลังความเย็นที่ซือหยูปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันทำให้อากาศโดยรอบเย็นยะเยือก
ฉิงจูไม่รู้จะทำอย่างไร
ตอนนั้นเอง เซี่ยจิงหยูพูดขึ้นมา
“ข้ามีสมบัติเทพระดับกลางกับตัวสิบชิ้น เจ้าเลือกไปได้หนึ่งชิ้น”
ฟึ่บ–
เซี่ยจิงหยูนำสมบัติเทพระดับกลางทั้งสิบออกมาจากความว่างเปล่า
ซือหยูอ้าปากค้าง สมบัติเทพพลังมิติ! หยุนย่าสีเคยบอกว่ามีไม่ถึงห้าคนในทวีปที่ครอบครองสมบัติเทพเช่นนี้!
ทุกคนตกตะลึงที่นางมีสมบัติเทพสิบชิ้นอยู่กับตัวจริงๆและทุกชิ้นยังเป็นระดับกลาง! แม้จะเป็นสมบัติเทพระดับกลางที่ไม่ได้เหนือชั้นอย่างสมบัติของอาณาจักรทมิฬ มันก็ดีน่าตกใจอย่างแท้จริงที่คนคนเดียวจะครอบครองทั้งสิบชิ้น
ฉิงจูพูดอย่างขมขื่น
“ยี่หยู ตลอดปีที่ผ่านมา สมบัติเทพทั้งหมดของจ้าวแห่งความมืดคนอื่นถูกเจ้าปล้นมาจนหมดใช่หรือไม่?”
ระดับปัญญาของยี่หยูนั้นเทียบได้กับอสูร ไม่ว่าวิชาจะบ่มเพาะยากเพียงใด นางก็บ่มเพาะมันได้ทั้งหมดในครึ่งปี ดังนั้นแล้วจึงทำให้มียอดฝีมืออยู่มากที่ขอให้นางช่วยพวกเขาในการเข้าใจวิชาบ่มเพาะ
แต่แรก ยี่หยูนั้นช่วยโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนเพราะอย่างไรนางก็ช่วยคนในอาณาจักรทมิฬเช่นกัน แต่เรื่องนี้ทำให้เกิดปัญหาอันไร้ความหมาย คนมากมายกรูเข้ามาหานางเพื่อขอให้นางช่วยโดยไม่คิดถึงเรื่องการบ่มเพาะพลังของนางเลย
ต่อมา ยี่หยูจึงมิอาจหาความสุขสงบได้อีก นางจึงเลือกที่จะเก็บค่าตอบแทนโดยคิดเป็นสมบัติเทพระดับกลางต่อวิชาระดับอำมฤต สมบัติเทพระดับต้นในเศษวิชาระดับอำมฤต
พอนางรู้ตัวอีกที นางก็มีสมบัติเทพระดับกลางถึงสิบชิ้น! นอกจากราชาแห่งความมืดแล้วไม่มีใครมีสมบัติเทพมากเท่ากับนาง!
ซือหยูตกใจและเริ่มเลือก จากนั้นเขาก็มองไปยังวงแหวนประหลาย มันมีสีแดงเพลิงและปล่อยความร้อนสูงออกมา มีเพลิงเผาไหม้อยู่ข้างในนั้น
“ข้าอยากได้สิ่งนี้กับเพลิงบาดาล…”
“แล้วก็เอาเพลิงบาดาลมาให้ข้าก่อน เจ้าใช้สมบัติเทพกับข้าทีหลังก็ได้ หลังจากที่ทำงานเสร็จ”
ซือหยูเลือกสิ่งที่เหมาะกับร่างเทียม
เซี่ยจิงหยูมองซือหยูด้วยรอยยิ้มโดยไม่สนใจสิ่งใด
“ไม่มีปัญหา!”
ฉิงจูตัวแข็งทื่อ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาถูกหลอก ดูเหมือนว่าซือหยูจะต้องการเพลิงจริงๆ!
ขวดเพลิงบาดาลอย่างเดียวก็ควรจะมากพอแล้ว แต่พวกเขาก็ต้องเสนอสมบัติเทพระดับกลางไปอีก แต่หากเรื่องมาถึงขั้นนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้
“เอาไป!”
ฉิงจูโยนขวดให้ซือหยู
ซือหยูพอใจอย่างมากที่ได้เพลิงบาดาล
หลังจากที่ทั้งหมดพูดคุยกันแล้ว พวกเขาก็มองหาในระยะร้อยห้าสิบลี้ลึกลงไป
ไม่นานซือหยูก็หาของตัวเองได้ครบ ครึ่งชั่วยามผ่านไป เซี่ยนเอ๋อขาดเพียงหนึ่งลูก เซี่ยจิงหยูขาดอีกห้าลูก
ตอนนั้นเอง ซือหยูเบิกตากว้าง
“ที่นั่นมีอีกสองลูก”
“เดี๋ยวก่อน!…มีอยู่หนึ่งลูกที่มันแปลก!”
ทุกคนตามซือหยูไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ มีสองผลที่นั่น หนึ่งผลเป็นสีม่วงส่วนอีกผลเป็นสีดำสนิท
“ผลก้นบึ้งมังกรอสูร!”
ฉิงจูพูดขึ้นมา ทั้งเขา หลงเฟยหยู และเซี่ยจิงหยูมองตาค้าง
ผลก้นบึ้งมังกรอสูรรึ?
เซี่ยจิงหยูจ้องมองมัน นางมิอาจซ่อนความยินดีเอาไว้ได้ นางอธิบายอย่างนุ่มนวล
“ผลก้นบึ้งมังกรคือการก่อตัวของลมหายใจมังกรอสูร ยิ่งเข้มข้นเท่าใดก็ยิ่งมีพลังเข้มข้น มันคือผลก้นบึ้งมังกรคุณภายดี ลูกที่สีดำสนิทจะถูกเรียกว่าผลก้นบึ้งมังกรอสูร! พลังของมันเทียบได้กับผลก้นบึ้งมังกรสิบลูก! ลูกที่เราเห็นเหมือนจะถูกอะไรบางอย่างกินไป แต่มันก็เทียบได้กับผลสมบูรณ์แบบธรรมดาห้าลูก!”
ด้วยสิ่งนี้ เซี่ยจิงหยูจะได้ผลก้นบึ้งมังกรทั้งหมดที่นางต้องใช้ การออกไปจากที่นี่โดยเร็วคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ ทุกคนเดินเข้าไปเก็บโดยไม่ลังเล
แต่หลงเฟยหยูก็ชักสีหน้า เขาใช้แขนบังอกโดยไม่รู้ตัว
ปั้ง—
ราวกับว่ามีสิ่งดุร้ายจู่โจมแขนของเขา ทำให้เขาหล่นลงกับพื้นและกลิ้งหลายรอบ
“ระวัง! มีอะไรบางอย่างที่นี่!”
หลงเฟยหยูพูดด้วยความตกใจ เขาไม่รู้ว่าถูกสิ่งใดจู่โจม ไม่รู้ว่ามันลงมือเมื่อใด และไม่รู้ทิศทาง!
ก่อนที่ซือหยูกับฉิงจูจะได้ทันคิดพวกเขาก็หล่นลงและกลิ้งออกจากผลก้นบึ้งมังกร พวกเขาทั้งตกใจและกลัว
ศัตรูรึ? ซือหยูมองรอบๆ
…แต่มันอยู่ไหน?!
ฉิงจูหาตัวศัตรูไม่เจอ แม้ซือหยูจะใช้เนตรวิญญาณมองทะลวงทุกสิ่งก็ยังไม่เห็นคนที่จู่โจมเข้ามา
อ๊าก—-
ฉิงจูกรีดร้อง ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
ซือหยูลืมตากว้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!
ซือหยูจ้องผลก้นบึ้งมังกรอสูรและเพ่งเนตรวิญญาณที่มัน ในตอนนั้นเขาก็เห็นผลก้นบึ้งมังกรเปลี่ยนแปลงไปต่อหน้าต่อหน้า
มันเปลี่ยนจากผลก้นบึ้งมังกรเป็นใบหน้าทารก รูปร่างนั้นคล้ายมนุษย์แต่ใบหน้านั้นเกิดจากการผสมกันของค้างคาวและสุนัขอย่างประหลาด จมูกของมันยาว เขี้ยวสองข้างเล็ดลอดออกมาจากมุมปาก ขนดำปกคลุมศีรษะ ซือหยูค่อนข้างแน่ใจว่ามันคือภูติผีร้าย!
ดวงตาสีอำพันของมันเป็นประหลาดอย่างน่าเกลียดน่ากลัว ใบหน้าของมันราวกับมนุษย์ที่หวาดกลัว ที่แย่กว่าคือมันมองตรงมายังซือหยู ดูเหมือนมันจะประหลาดใจที่มีคนเห็นตัวตนของมัน!
แววตาของมันส่งประกายของความกระหายเลือด น้ำลายพิษหยดออกจากปาก ดวงตาสีอำพันเปล่งแสงสีมรกต
ในตอนนั้นซือหยูรู้สึกมันหัว ภาพลวงปรากฎขึ้นตรงหน้า
ซือหยูตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ถ้าเขาออกมาจากภาพลวงไม่ได้ เขาก็ไม่ต่างอะไรจากคนตาย
ตอนที่ 410
ซือหยูกัดปลายลิ้น ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้ความมึนงงสลายไป
“ระวังด้วย”
“มันใช้วิชาลวงตา”
เขาปล่อยรังสีพลังอรหันต์แปดอักษรออกมาใส่หูของตัวเองเล็กน้อยเพื่อป้องกันพลังจากศัตรู
หลงเฟยหยูกับฉิงจูหวาดกลัว ความประหลาดยังเกิดขึ้นต่อไป ความเจ็บปวดที่พวกเขารู้สึกเริ่มสลายไปแล้วและเริ่มก็จะได้สติกลับมา พวกเขาไม่พบบาดแผลในเลยในพริบตานั้น
“พลังลวงตาอะไรกัน ทำไมมันถึงสร้างความเจ็บปวดได้รุนแรงเช่นนี้!”
พวกเขาจ้องมองซือหยู พวกเขาห่างไกลในด้านฐานพลังจากซือหยูมาก แล้วทำไมซือหยูถึงไม่เป็นอะไรล่ะ?
สัมผัสของพวกเขาชัดเจน พวกเขามองดูผลก้นบึ้งมังกรอีกครั้งและพบกับร่างครึ่งสุนัขครึ่งค้างคาว เสาตั้งตรงนั้นมิใช่ท่อนไม้แต่เป็นร่างกายของมัน!
มันน่าขนลุกและแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตทั่วไป มันคอเล็ก กระดูกนั้นแน่นหนาราวกับกายมนุษย์
“เจ้าสัตว์ร้าย!”
หลงเฟยหยูซัดฝ่ามือจากระยะไกล พลังวิญญาณก่อตัวเป็นพยัคฆ์พุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาด
ในตอนนั้นมันก็หัวเราะ มันหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“หึหึ! โจมตีระยะไกล เพื่อทดสอบพลังข้า เพื่อให้แน่ใจในความปลอดภัย หึหึ! เจ้าไม่โง่นี่”
มันพูดได้รึ…? นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน?
มันขยับตัวดึงตัวเองขึ้นจากพื้น
แกร่ก ตู้ม–
โครงกระดูกดำสูงสามศอกโผล่พ้นผิวดิน! ร่างของมันราวกับลิงยักษ์ที่มีหัวราวกับกำปั้นของมนุษย์
มันหยุดเคลื่อนไหวและปล่อยให้วิญญาณพยัคฆ์พุ่งเข้าใส่ ร่างสูงใหญ่ของมันสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร มันแข็งแกร่งอย่างมาก! ทุกคนตกตะลึง
หลงเฟยหยูคิ้วกระตุก
“เซี่ยนเอ๋อ หนีกันเถอะ ตอนนี้เลิกสนใจผลก้นบึ้งมังกรไปก่อน”
สัตว์ประหลาดนี้ลึกลับและทรงพลัง ไม่ดีแน่ถ้าจะต่อสู้เผชิญหน้ากับมัน ฉิงจูถอยเช่นกัน
ซือหยูนั้นเร็วกว่าคนที่เหลืออย่างมาก เขาบินไปไกลในทิศทางตรงกันข้าม ทั้งสามตัดสินในที่จะถอยไปคนละทิศทางในทันที
“สายไปแล้วที่จะหนี”
มันหัวเราะอย่างดุร้ายและกรีดร้องออกมา
ตู้ม ตู้ม—
รากไม้ราวกับเส้นผมผุดขึ้นมาจากพื้น มันมัดทั้งสามเอาไว้
“ส่วนของร่างกายมันยังมีอยู่ในพื้นดิน!”
ฉิงจูชักสีหน้า เขากระทืบเท้าและบินขึ้นเหนือพื้น
ซึ่บ–
รากสามรากผุดขึ้นมาพุ่งเข้าใส่เขา การโจมตีนั้นเกิดขึ้นเร็วมากอย่างไม่คาดคิดแต่เขาก็ยังคงเป็นจ้าวแห่งความมืด ความเร็วในการตอบสนองของเขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป
“กระบี่เวหา!”
เอากำหมัด กระบี่เวหาเฉือนสิ่งที่พุ่งเข้ามา
การโจมตีของราชามนุษย์นั้นอัญเชิญพลังสวรรรค์มาได้ พลังของเขานั้นมหาศาล
ฉั่วะ–
รากไม้ขาดไปแต่ก็มีรากใหม่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินนับพันราก มันพุ่งเข้าใส่ฉิงจูราวกับน้ำตก
ฉิงจูใช้ฝ่ามือสร้างมีดเวหาเก้าเล่มและซัดออกไปพร้อมกัน
ครืน—
รากทั้งพันรวมเป็นหนึ่งเดียว มันปัดมีดลมทั้งเก้าเล่มที่แข็งแกร่งราวกับเหล็ก รากจำนวนมากพันฉิงจูและลากเขาลงกับพื้น
“ผนึกวารีสวรรค์!”
เซี่ยจิงหยูยื่นมือออกไป รากทั้งพันรากสั่นสะเทือน ของเหลวสีแดงถูกดูดออกจากรากทำให้รากเหล่านั้นเหี่ยวเฉาลง ผีร้ายกรีดร้องออกมา
ฉิงจูใช้โอกาสนี้สะบัดตัวออกจากพันธนาการและบินขึ้นที่สูง ส่วนในร่างกายที่ถูกรากรัดนั้นเกิดรอยแผลเป็นอันน่ากลัว
“เจ้านั่นมันดูดกลืนพลังชีวิตได้!”
ฉิงจูอ้าปากค้าง
เซี่ยจิงหยูปล่อยม่านวารีออกไปรักษาฉิงจู พริบตาเดียวรอยแผลเป็นก็หายแห้งเหี่ยว
“มันรักษาบาดแผลได้แต่ฟื้นฟูพลังชีวิตเจ้าไม่ได้”
“ขอบคุณนะ”
ฉิงจูอายและขอบคุณด้วยความละอายใจ เขาอยากจะปกป้องนางแต่ก็จบด้วยการให้นางต้องช่วยแทน
“ค่อยพูดตอนที่บินสูงกว่านี้เถอะ”
หลงเฟยหยูปกป้องเซี่ยนเอ๋อและบินออกไปไกล
รากไม้ไล่ล่าอย่างรวดเร็ว มันเกือบจะได้รัดตัวหลงเฟยหยูหลายครั้ง สถานการณ์เริ่มย่ำแย่แต่ในท้ายสุดพวกเขาก็หนีมาได้หลายร้อยลี้ พวกเขากลับมาถึงซากศิลาอันสงบสุข
ทั้งกลุ่มรวมตัวกันอีกครั้ง
“พี่หิมะทมิฬไปไหนแล้วล่ะ?”
เซี่ยนเอ๋อถาม นางกังวลถึงซือหยู มีเพียงพวกนางสี่คนที่กลับมา
ฉิงจูสับสน
“เมื่อครู่ชุลมุนนัก ข้าไม่ทันสังเกต”
หลงเฟยหยูพูดต่อ
“พวกเราไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พลังของราชาปีศาจหิมะทมิฬนั้นมหาศาล เขามีประสบการณ์การต่อสู้อันเข้มข้น การตอบสนองของเขาเร็วกว่าพวกเราเสียอีก ข้าว่าเขาไม่เป็นอะไรหรอก”
มีแค่เซี่ยจิงหยูที่ขมวดคิ้ว
“เจ้ามั่นใจได้ยังไงกัน? เจ้าเป็นราชามนุษย์ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เจ้าจะหนีรากไม้นั่นมาได้ แต่พลังของราชาปีศาจหิมะทมิฬอาจจะไม่พอที่จะหนีออกมา! แล้วพวกเราสัญญาว่าจะร่วมมือกันปกป้องเขาขณะที่หาผลก้นบึ้งมังกร แต่เมื่อถึงคราวเกิดเรื่อง เราก็ทิ้งเขาเอาไว้!”
ทั้งสี่คนรู้สึกละอายใจ
หลงเฟยหยูไม่พอใจ
“ทำไมข้าจะไม่เสี่ยงไปหาเขาเล่า?”
“ท่านหลง…”
เซี่ยนเอ๋อเป็นฝ่ายเริ่มพูด
“โปรดช่วยพี่หิมะทมิฬด้วยเถอะ”
นางดีใจที่หลงเฟยหยูรักษาคำพูดและไม่น่าเบื่ออย่างที่นางทำให้เขาเป็น
ฟึ่บ–
หลงเฟยหยูออกบินโดยไม่รอเวลา เขาอยู่สูงมากเพื่อเลี่ยงการถูกลอบโจมตี ทั้งกลุ่มเงียบกริบ
“ข้ารู้แล้วทำไมผลก้นบึ้งมังกรถึงมีน้อยนักในครั้งนี้”
ฉิงจูถอนหายใจ
เซี่ยจิงหยูพยักหน้า
“เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นดูเหมือนจะกินผลก้นบึ้งมังกรเพื่อเอาชีวิตรอด”
ฉิงจูเจ็บปวดอย่างมาก
“ฐานพลังของมันเป็นของจริง! ราชามนุษย์สองคนยังไม่พอ! แต่พลังที่มันใช้ออกมาเป็นแค่ระดับผู้คุมสวรรค์ ทำไมมันถึงแข็งแกร่งนัก”
เซี่ยจิงหยูคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางหลับตาช้าๆคิดถึงอะไรบางอย่าง ไม่นานดวงตาคู่นั้นก็เป็นประกาย
“เราอาจจะได้เจอกับรากษสในตำนาน!”
ฉิงจูไม่ตกใจที่ได้ยินการคาดเดาของเซี่ยจิงหยู นางอ่านตำราหลายล้านเล่มในอาณาจักรทมิฬ ความทรงจำของนางไม่มีใครเทียบได้ นางจดจำได้ทุกสิ่งที่เคยอ่าน มีเรื่องไม่มากนักที่นางไม่รู้
เซี่ยนเอ๋อสับสน
“พี่ยี่หยู รากษสคืออะไรรึ? มันแข็งแกร่งงั้นรึ?”
ยี่หยูส่ายหน้า
“รากษสไม่ได้แข็งแกร่ง แต่หลังจากที่มันตาย วิญญาณของมันจะกลายเป็นพลังปีศาจไปหลายยุคก่อนที่จะหาร่างสิงเจอ มันเชี่ยวชาญวิชาวิญญาณและมีร่างเนื้อที่แข็งแรง จุดอ่อนคือมันกลัวน้ำและพลังของบุรุษเพศ ถ้าเจ้าทำให้มันเชื่องได้ ผู้คุมสวรรค์ที่เป็นมนุษย์ก็ชนะมันได้ง่ายๆ มันคือภูติผีที่อ่อนแอที่สุด เหนือกว่านั้นยังมีพวกกึ่งเทพอย่างอสูรขาว เหนือกว่าอสูรขาวคือภูติสวรรค์ มันแข็งแกร่งกว่าทุกสิ่งในโลกใบนี้ พลังของมันอยู่ในขอบเขตภูติ!”
มีภูติผีในขอบเขตภูติอยู่ด้วย! เทียบกันแล้ว…รากษสนั้นอ่อนแอที่สุดในบรรดาภูติผี การที่พวกเขาหนีมาได้ง่ายๆนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดี
“สรุปก็คือรากษสนั้นไม่ได้แข็งแกร่ง”
“แต่ข้ากำลังกลัว…ตามตำรา รากษาจะไม่ลงมือตามลำพัง มันมักจะมีคู่หรือ…ฝูง!”
******
ซือหยูเข้าไปยังก้นบึ้งหวงห้ามลึกขึ้น เขาไปในทางตรงกันข้ามกับคนที่เหลือ เขาขยับหินก้อนใหญ่ก่อนที่จะหยุดหนีและหันกลับไป
“หึหึ…! ไม่หนีอีกแล้วเรอะ?”
ร่างใหญ่ของมันสั่นสะเทือนเมื่อพุ่งเข้ามา มันมองรอบๆด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้หนีมาทางนี้เพราะตกใจ เจ้าล่อข้ามาที่นี่ ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจกว่าจัดการข้าได้นะ!”
“ข้าก็คิดแบบนั้น จัดการเจ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ภูติผีหัวเราะ
“แค่มนุษย์ขอบเขตอำมฤตกลับคิดจะต่อกรกับข้า น่าขันสิ้นดี!”
เปรี๊ยะ–
ซือหยูสะบัดข้อมือ สายอัสนีแล่นผ่านขา กลิ่นเหม็นไหม้โชยขึ้นมา
ใบหน้าของภูติผีบิดเบี้ยว แววตาของมันเกรี้ยวกราด
“เจ้า…”
“ถ้าเจ้ามั่นใจนักทำไมเจ้าถึงต้องลอบโจมตีเล่า?”
ซือหยูหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“เจ้าคิดว่าพลังสายฟ้าเล็กน้อยนั่นจะทำอะไรข้าได้รึ?”
มันเริ่มระวังตัว ไม่กล้าก้าวมาข้างหน้า
“ที่นี่มีแค่เจ้ากับข้า เจ้าอยากจะพูดอะไรก็พูดมา เจ้าทำได้แค่ไล่ตามข้าแทนที่จะไล่ตามคนหลายคน มันจะต้องมีเหตุผลเป็นแน่”
ในด้านพลังชีวิต ซือหยูนั้นเป็นรองกว่าราชามนุษย์อยู่หลายขุม ไม่ง่ายที่จะรู้ว่าเหตุใดมันถึงไม่ลงมือทำอะไรซือหยูหลังจากที่ไล่ล่ามานานเช่นนี้
“หึหึ! เจ้ารู้แล้วจะทำไมรึ? จะยังไงเจ้าก็ตายอยู่ดี!”
มันถอนหายใจแรงและปล่อยรากนับหมื่นออกมา
ซือหยูรออยู่แล้ว
“ดัชนีพันสายฟ้า!”
วงแหวนอัสนีพุ่งออกจากปลายนิ้ว มันพุ่งเข้าใส่รากที่พุ่งเข้ามา!
เปรี๊ยะ–
รากหลายพันรากถูกทำลายในทันที
ไฟฟ้านั้นมีพลังที่เหมาะจะสวนกลับพลังปีศาจ วงแหวนอัสนีนั้นไม่เสียพลังใดเลยและพุ่งไปโดยร่างหลักของภูติผี มันกรีดร้อง หินสีดำออกมาจากร่างของมัน ยังคงมีเพลิงลุกไหม้อยู่
“เจ้าใช้วิชาอัสนีงั้นเรอะ!”
มันเริ่มระวังตัวขึ้น จิตสังหารแผ่ออกมา
“โชคร้ายที่เจ้าก็อยู่แค่ระดับต่ำ ถ้าเจ้าได้เป็นผู้คุมสวรรค์ข้าอาจจะกังวล…”
มันยิ้มอย่างเยือกเย็น
การจู่โจมเมื่อครู่คือการทดสอบพลังของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าวิชาอัสนีนั้นไม่ได้อยู่ที่ขั้นกลาง ความกังวลของมันจึงหายไป
มันหัวเราะอย่างโกรธแค้นและพุ่งเข้าใส่ซือหยู แต่ท่าทางซือหยูก็ไม่เปลี่ยนไป ดัชนีพันสายฟ้าของเขาอยู่ในขั้นต้นและจัดการกับอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงได้อย่างง่ายดายแต่ไม่มีพลังพอจะจัดการกับผู้คุมสวรรค์ นั่นก็เพราะว่าเขาใช้พลังออกไปเพื่อสวนกลับเท่านั้น
เขารวบรวมดัชนีพันสายฟ้าอีกครั้ง วงแหวนอัสนีก่อตัวขึ้นพุ่งเข้าใส่ร่างของมัน
มันกรีดร้องแต่ก็ฝืนเข้ามาโจมตี มันจะแทงซือหยูด้วยกระดูกทมิฬที่ยาว ซือหยูขยับไหล่หลบกระดูกนั้น แต่กระดูกอีกท่อนที่คมกริบก็พุ่งออกมาจากพื้นดินเบื้องล่าง มันเกือบจะทะลวงร่างของเขา
ซือหยูต้องบินหนี นี่เป็นครั้งที่เขาตอบสนองได้ช้าที่สุด
“เอาชีวิตเจ้ามา!”
มันหัวเราะอย่างชั่วร้าย
แต่ตอนนั้นมันก็กรีดร้องเสียงดัง มันหันไปมองอีกด้าน ซือหยูคนที่สองได้ถูกสร้างจากพลังวิญญาณและร่างก็เปล่งแสงเพลิงออกมา มันร้อนเป็นอย่างมาก เขาถือขวดเพลิงในมือและรินมันใส่ร่างของรากษส
เพลิงได้แผดเผากลืนกินร่างของมัน
“เจ้าสร้างร่างปลอมโดยที่ข้าไม่รู้ตัวได้ยังไงกัน?”
มันตะโกนร้องขณะที่ถูกเพลิงกลืนกิน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น