The Divine Nine Dragon Cauldron 397-403

ตอนที่ 397

 

ตระกูลหวังนั้นเชียวชาญในการเดินทาง ปีกของตระกูลหวังนั้นเป็นสมบัติล้ำค่า และพวกเขาก็นำมาเป็นของขวัญ!


 


ทุกคนหันไปมองตระกูลหลี่ สามตระกูลก่อนหน้านั้นหวาดกลัวต่อเก้าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจำต้องมอบของที่ล้ำค่าที่สุด แล้วตระกูลหลี่เล่า?


 


เหล่าผู้อาวุโสตระกูลหลี่ไม่พอใจนัก พวกเขามิอาจรับได้ที่ต้องถูกบังคับให้มอบของล้ำค่า แต่พวกเขามิอาจทำอะไรได้ สถานการณ์ตอนนี้น่ากลัวนัก


 


“ฮ่าๆๆ ท่านยี่เหยา โปรดเก็บเขาแห่งความตายไว้กับท่านเถอะ มันมาจากยุคก่อน ถ้าให้กับคนที่เหมาะสม มันจะใช้อัญเชิญดวงวิญญาณของคนตายได้ การใช้งานของมันน่าตกตะลึงโดยแท้จริง”


 


ผู้คนโดยรอบเงียบกริบ แม้แต่หลงเฟยหยูที่สงบนิ่งก็มองด้วยความโลภ เขาแห่งความตายนั้นคือสมบัติเทพระดับสูงที่ร่ำลือ!


 


ไม่มีสมบัติเทพระดับกลางใดที่จะเทียบกับของสิ่งนี้ได้! ทั่วทั้งทวีปแห่งนี้มีสมบัติเทพระดับสูงไม่ถึงห้าชิ้น เขาแห่งความตายคือหนึ่งในนั้น แต่มันก็ต้องการคนที่มีพลังแห่งความตายเพื่อปล่อยพลังของสมบัติเทพ


 


ตระกูลหลี่นั้นมีคนที่ครอบครองพลังเช่นนี้ แต่พวกเขาก็มิอาจใช้พลังของมันได้ถึงหนึ่งในร้อยส่วน เพราะอย่างไรผนึกของเจ้าของเดิมของสมบัติเทพก็ยังคงอยู่


 


“นายน้อย นี่คือของขวัญเล็กๆจากข้า โปรดรับไว้เถอะ”


 


เจ้าเมืองอันยี่เดินเข้าไปยื่นขวดหยดโลหิต มันมีอยู่สิบหยด!


 


หยดหมื่นพล! มันสามารถลบผนึกของเจ้าของเดิมจากสมบัติเทพได้! ทุกคนใจเต้นแรง แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลหลี่ก็มองขวดโลหิตด้วยความโลภ วันนี้ไม่ต่างจากการทำให้เขาแห่งความตายกลับมามีพลังอีกครั้ง!


 


ยี่เหยาหายใจเร็ว เขามิอาจปิดบังความยินดีไว้ได้ มีสมบัติมากมายนัก! สมบัติทุกชิ้นยังเป็นสมบัติที่สามารถสั่นคลอนทวีปได้!


 


และตอนนี้ ทุกสิ่งเป็นของเขา+


 


แต่เขากำลังตั้งตารอดูของขวัญจากคนสุดท้าย หลงเฟยหยู! เขาจะได้อะไรจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กัน?


 


พรึ่บ–


 


หลงเฟยหยูหยิบเหรียญออกมา มันมีสีดำสนิทและแผ่รังสีเยือกยะเยือกออกมา มีลายมังกรทมิฬสลักเอาไว้


 


“นี่คือเหรียญมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรก ถ้าเป็นไปได้ นายน้อยจงเพิ่มฐานพลังให้ถึงอำมฤตระดับสี่ขั้นสูง ถึงตอนนั้นก็อาจจะใช้สิ่งนี้ได้”


 


เมื่อเหรียญปรากฏ ทุกคนก็ตกตะลึง


 


“อะไรกัน? นั่นมันเหรียญมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรก!”


 


เหล่าผู้เฒ่าจากทั้งสี่ตระกูลตกตะลึงไม่ต่างกัน แววตาของเหล่าหนุ่มสาวในตระกูลที่พามานั้นเต็มไปด้วยความโลภ


 


ผู้เฒ่าตระกูลฉีอ้าปากค้าง


 


“ข้าไม่คิดเลยว่าท่านหลงจะนำสมบัติยิ่งใหญ่เช่นนี้มา…”


 


ที่เขาตั้งใจจะพูดก็คือเขานั้นยอมแพ้ วารีสวรรค์นั้นทำให้ผู้คุมสวรรค์ตายได้ แต่เหรียญมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรกนั้นจะทำให้ผู้คุมสวรรค์ถือกำเนิดขึ้น!


 


ว่ากันว่าในมหาสมุทรกว้างใหญ่ มีที่หนึ่งที่เรียกว่ามังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรก ที่นั่นถูกสร้างโดยพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ตั้งแต่ครั้งโบราณจนถึงตอนนี้ คนที่แข็งแกร่งมากมายในทวีปที่ถูกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จับกุมนั้นได้ถูกจองจำอยู่ภายใน


 


คนที่อ่อนแอที่สุดมีพลังขอบเขตอำมฤตที่เข้าขั้นราชามนุษย์ ว่ากันว่ามีพวกกึ่งเทพอยู่ในนั้นด้วย


 


ตั้งแต่ครั้งโบราณ คนมากมายถูกจองจำในที่นั่น ไม่มีใครรู้ว่ายังมีอีกกี่คนที่มีชีวิตอยู่ สิ่งเดียวที่คนภายนอกรู้ก็คือภายในนั้นมีดินแดนลับซ่อนอยู่


 


สมบัติลับมากมายอยู่ที่นั่น สมบัติส่วนใหญ่ล้วนเป็นสมบัติที่ทำให้คนกลายเป็นผู้คุมสวรรค์ในข้ามคืน แต่ที่นั่นถูกปิดผนึกมาหลายปี มีเพียงเหรียญมังกรก้นบึ้งที่ได้จากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เท่านั้นที่จะใช้ผ่านไปยังดินแดนนั้นได้


 


ว่ากันว่าทุกคนที่ได้เข้าไปยังมังกรก้นบึ้งเก้าขุมนรกและมีชีวิตรอดกลับมาจะได้สำเร็จขั้นผู้คุมสวรรค์ แต่จำเป็นที่จะต้องมีฐานพลังอำมฤตระดับสี่ในตอนที่เข้าไป


 


ไม่มีสมบัติใดเทียบได้กับการได้มีโอกาสเป็นผู้คุมสวรรค์อีกแล้ว


 


ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยอำมฤตระดับสี่ แต่อำมฤตระดับห้านั้นหายากดั่งขนวิหคเพลิงและเขาของอาชา จำนวนของอำมฤตระดับห้ามืออยู่เพียงหยิบมือ


 


ในทวีปแห่งนี้ ในบรรดายอดฝีมือ เฉินคงคนเดียวที่ได้รับพรจากสวรรค์ได้สำเร็จระดับผู้คุมสวรรค์ นอกจากเขาก็เป็นเหล่าอำมฤตระดับห้าที่เป็นหัวหน้าของขุมกำลังยิ่งใหญ่ แม้แต่เก้าศักดิ์สิทธิ์ก็มิอาจช่วยให้ยี่เหยาได้กลายเป็นผู้คุมสวรรค์ได้ แต่เหรียญที่ได้มานี้ทำได้อย่างแน่นอน


 


ยี่เหยาหายใจเข้าลึก เขาตื่นเต้น


 


“ขอบคุณ! ขอบคุณทุกท่าน!”


 


ยี่เหยาประสานหมัดแสดงความเคารพและประทับใจจนน้ำตาแห่งความยินดีไหลออกมา


 


เหล่าแขกจ้องมองของขวัญแสดงความยินดีด้วยความมุ่งร้าย แต่ทั้งหมดก็กลัวเก้าศักดิ์สิทธิ์ผู้ลึกลับมากกว่า ไม่มีกล้าจะลงมือทำอะไร


 


ในตอนนั้นเอง มีสายลมรุนแรงพัดมาจากด้านนอก เสียงดังสองครั้งดังมาพร้อมกับวัตถุทรงกลมที่หมุนมาพร้อมกับโลหิตบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าเป็นศีรษะมนุษย์…ศีรษะของสองคนที่ให้การต้อนรับแขกที่ทางเข้า!


 


“สำหรับงานวิวาห์ใหญ่ของนายน้อยยี่เหยา…”


 


เสียงอันเยือกเย็นประกาศก้อง


 


“ข้า ท่านซือผู้นี้ยังมิได้ให้ของขวัญเลย โปรดรับสิ่งเล็กๆน้อยๆนี่เถอะ”


 


ท่านซือรึ?


 


ไม่มีใครได้ยินนามนี้มาก่อน แต่เขาเข้ามาสังหารคนตระกูลยี่และก่อเรื่อง เขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา! ทุกคนมองศีรษะอย่างตกใจ เขาเป็นชายหนุ่มที่แบกโลงก้าวเข้ามาในห้องโถง


 


เขาอายุประมาณสิบเจ็ดปี เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวสะอาดและมีร่างกายผอมบาง ใบหน้าเขามีหน้ากากสีทองแดง เส้นผมสั้นสีแดงดั่งโลหิต พลังปีศาจอันเข้มข้นปะทุออกมาจากร่าง เขาเป็นใครกัน? แม้แต่เจ้าเมืองอันยี่ ฮั่นเจียงหลิน หรือยี่เหยาเองก็จำเขาไม่ได้!


 


ซือหยูหยิบแก้วสุราบนโต๊ะ เขาดื่มมันและหัวเราะเสียงดัง


 


“สุราเลิศรส! ฮ่าๆๆ…!”


 


ยี่เหยาโกรธแค้นและตกใจอย่างมาก! ใครกันกล้าเข้ามาขัดขวางงานแต่งงานแห่งทวีปเช่นนี้? เขายังกล้าสังหารหวงเสี่ยวหยานกับผู้อาวุโสไปอีก!


 


ยี่เหยาบินออกไปด้วยความโกรธและทุบโต๊ะเสียงดัง เขาโกรธแค้นจนสั่นไปทั้งตัว!


 


“ทหาร!”


 


เขาตะโกน


 


แต่ข้างนอกก็เงียบกริบ!


 


“อ๊ะ…ดูนั่นสิ!”


 


ซือหยูพูด


 


“ข้างนอกมีหิมะตก แปลกนัก หิมะนั้นสีดำ!”


 


ทุกคนมองข้างนอก ปราสาทถูกล้อมรอบด้วยเกล็ดหิมะทมิฬ มีหิมะทมิฬมากมายปกคลุมผืนดิน


 


ภาพอันเหนือจริงเช่นนี้ทำให้ทุกคนตกใจ ชายเส้นผมโลหิตและหน้ากากสีเงิน เขาแบกโลกแล้วยังมาในยามที่มีหิมะทมิฬร่วงโรยจากนภา ความประหลาดของตัวตนและท่าทางนั้นทำให้ทุกคนตัวสั่นอย่างไม่สบายใจ


 


พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ–


 


ทหารที่ประจำการในสวนรีบพุ่งเข้ามา


 


“จับตัวเขา!”


 


ยี่เหยาตะโกนและกัดฟันแน่น


 


ทหารสิบคนเข้ามาในระยะสามสิบศอกจากซือหยูพร้อมกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นทันที ซือหยูนั่งอย่างเงียบๆบนโต๊ะและไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย แต่เส้นผมสีโลหิตนั้นก็สยายออกทุนทีพร้อมกับพัดผ่านทหารทั้งหมด


 


ฟึ่บ–


 


ทหารที่โดนผมโลหิตผ่านได้กลายเป็นเถ้าถ่าน ขี้เถ้าจำนวนมากหล่นลงสู่พื้น! ทหารทั้งสิบได้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา ไม่แม้แต่จะได้ตอบสนอง


 


ทุกคนเข้าใจแล้วว่าหิมะทมิฬเกิดจากสิ่งใด


 


ทั้งห้องโถงเงียบกริบ! เหล่าผู้เฒ่าจากทั้งสี่ตระกูลยืนขึ้นอย่างเคร่งเครียด พวกเขาหวาดกลัว พวกเขารีบปกป้องคนในตระกูลและถอยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขาจะมีพลังแค่อำมฤตระดับสี่ขั้นสูงและพวกเขาเป็นผู้คุมสวรรค์ก็ตาม!


 


ยี่เหยาเบิกตากว้าง เขาอ้าปากค้าง


 


“เจ้า…ตระกูลกุย!”


 


ในแปดตระกูล ตระกูลกุยคือตระกูลที่น่ากลัวลึกลับที่สุดและยังกระหายเลือดที่สุด! คนตระกูลกุยกลืนกินเนื้อหนังและดูดซับฐานพลังของทุกสิ่งเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น! ตระกูลที่เหลือล้วนหวาดกลัวตระกูลกุย


 


“ตระกูลกุย!”


 


คนที่นั่งรอบซือหยูที่แสร้งใจเย็นในตอนนี้หน้าซีดเผือด พวกเขารีบลุกขึ้นยืนและถอยหนี ในพริบตาก็มีเพียงลซือหยูที่นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะตรงกลางงานวิวาห์


 


“อะไรกัน?”


 


ซือหยูพูดอย่างไม่ใส่ใจ


 


“พวกเจ้าไม่ได้มาเพื่อแสดงความยินดีกับตระกูลยี่ในงานรื่นเริงนี่หรอกรึ? นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”


 


ยี่เหยาถอยด้วยความกลัว


 


“วันนี้เป็นวันแต่งงานของข้า เจ้ามาฆ่าคนและสร้างความหวาดกลัวทำไมกัน?”


 


“นั่นก็เพราะว่ายังมีหนี้โลหิตที่ข้าต้องสะสางกับพันธมิตรอุดรทวีป”


 


“ข้าไม่เข้าใจ…”


 


ยี่เหยาโต้แย้ง


 


“ข้าไปสร้างปัญหากับตระกูลกุยเมื่อใดกัน?”


 


“เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก…”


 


ซือหยูตอบอย่างไม่ยี่หระ


 


“เจ้ารู้แค่ว่าวันนี้ นามของพันธมิตรอุดรทวีปจะถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ก็พอ!”


 


พวกเขาทำลายคณะวิหคเพลิงและบังคับให้ซือหยูต้องใช้พลังในตอนที่เขาบาดเจ็บปางตาย ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนั้น หลิงเสี่ยวเทียนก็คงไม่ต้องสละชีวิตเพื่อรักษาชีวิตของซือหยู! เพื่อหลิงเสี่ยวเทียน เพื่อผู้หญิงของเขา…จ้าววิหคเพลิง ซือหยูต้องชำระหนี้โลหิตครั้งนี้!


 


“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาป่าเถื่อนได้…”


 


ยี่เหยาพูดด้วยความกลัว


 


“อย่าอวดดีให้มากนัก!”


 


ซือหยูยังคงแสดงสีหน้าที่อ่านไม่ออก


 


“ถ้าเจ้าพูดถึงเก้าศักดิ์สิทธิ์…มันบาดเจ็บอยู่ ข้าอยากรู้นักว่ามันจะกล้าปรากฏตัวออกมาตอนนี้หรือไม่!”


 


เก้าศักดิ์สิทธิ์ได้ต่อสู้กับราชาเขตแดน และแม้ซือหยูจะไม่เห็นผลจากการต่อสู้ เขาก็เดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรเก้าศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้อยู่ที่ป่าทมิฬ ซือหยูไม่จำเป็นต้องกลัว


 


“ส่วนพวกเจ้า…”


 


ซือหยูพูดและมองไปยังแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน


 


“ใครที่อยากจะเข้ามาแทรกระหว่างข้ากับพันธมิตรอุดรทวีปขอให้อยู่ใกล้ข้าในระยะหมื่นศอก ส่วนใครที่ไม่คิดจะเข้ามายุ่ง…จงไปให้ไกลจากข้าหมื่นศอก ข้าไม่อยากจะฆ่าคนบริสุทธิ์ อย่าบังคับให้ข้าต้องทำ!”


 


เหล่าแขกธรรมดาไม่ลังเลแม้แต่น้อย พวกเขารีบหนีไปในระยะหมื่นศอก ตระกูลทั้งสี่ลังเลเล็กน้อย


 


“ลุงเจี้ยน”


 


เด็กหนุ่มตระกูลฉีพูดขึ้น


 


“ด้วยพลังนั่น ท่านน่าจะรับมือกับเขาได้ และบนโต๊ะนั่น….”


 


เขาชี้ไปยังสมบัติเทพบนโต๊ะ


 


ผู้เฒ่าตระกูลฉีส่ายหน้าด้วยความโศกเศร้า เขาดึงเด็กหนุ่มในตระกูลให้ถอย


 


“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าใช้ชีวิตของเราไปยุ่งกับโลหิตตระกูลยี่! ส่วนสมบัติพวกนั้น ยังมีผู้คนมากมายที่นี่…เจ้าคิดว่าเราจะเอาไปได้ทั้งหมดรึ? รอดูเถอะ! จนถึงตอนนี้เก้าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ปรากฏตัวมาเลย”


 


พรึ่บ พรึ่บ–


 


ตระกูลทั้งสี่ล่าถอย หลงเฟยหยูใช้พัดในมือพัดเบาๆ จากนั้นเขาก็ยิ้มและถอยออกไปหมื่นศอก


 


ตระกูลยี่ได้ทำให้ทุกตระกูลเข้ามาเพื่อมอบสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวระหว่างตระกูลกุยกับตระกูลยี่


 


ทุกคนถอยไปหมด มีแค่ยี่เหยา ฮั่นเจียงหลิน และเจ้าเมืองอันยี่ที่ยังอยู่!


 


ซือหยูเล่นกับน้ำเต้าทมิฬบนโต๊ะที่มีวารีสวรรค์


 


“ฮั่นเจียงหลิน เจ้าเมืองอันยี่ เรื่องของเจ้ากับข้าจะจบลงในวันนี้!”


 


ซือหยูกับทั้งสองมีหนี้แค้นที่มิอาจลืมเลือน และในคณะวิหคเพลิง ซือหยูยังถูกบังคับให้ต้องแสดงพลังออกมาจนเขาเกือบตาย เลือดต้องล้างด้วยเลือด!


 


ฮั่นเจียงหลินกับเจ้าเมืองอันยี่ตกใจ พวกเขาไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลยี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน? อีกฝ่ายนั้นเข้ามาหาเรื่องพวกเขาด้วยเหตุผลอื่นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาจึงไม่แสดงความอ่อนแอออกไป


 


ฮั่นเจียงหลินสีหน้าเย็นชา


 


“น้องชายตระกูลกุย…ถ้าฮั่นเจียงหลินผู้นี้ทำอะไรเจ้าไป ข้าก็ขออภัยด้วย แต่ถ้าเจ้ายังไม่ยอมหยุด ข้าก็อยู่เฉยๆไม่ได้หรอกนะ!”


 


เจ้าเมืองอันยี่จ้องขวดหยดหมื่นพลของตัวเอง


 


“ฮื่ม! อายุเพียงเท่านี้ เจ้าก็ยังกล้าอวดดี! ถ้าเจ้าแก่กว่านี้ข้าก็คงกลัวอยู่บ้าง แต่เด็กน้อยอย่างเจ้า…คิดจะขู่ข้าเรอะ? โง่เขลานัก!”


 


ซือหยูยืนขึ้นช้าๆ ใต้หน้ากากสีทองแดง ดวงตาที่มืดบอดทั้งสองเยือกเย็นสุดขั้ว


 


“ข้าโง่เขลาเสียหลายครั้ง แต่ในครั้งนี้ไม่ใช่! พวกเจ้าทุกคนจงเตรียมชีวิตชดใช้ข้าซะ!”

 

 

 


ตอนที่ 398

 

เพี๊ยะ–


 


ซือหยูตบน้ำเต้าทมิฬให้เปิดออก กลิ่นหอมเข้าสู่โจมพวกเขา


 


เจ้าเมืองอันยี่ชักสี่หน้า


 


“ไม่นะ…! นั่นมันวารีสวรรค์!”


 


ฮั่นเจียงหลินตัวสั่น เขาตอบสนองเร็วเสียยิ่งกว่าเจ้าเมืองอันยี่ เขาหันหนีทันที วารีสวรรค์นั้นคือยาพิษที่สังหารได้แม้กระทั่งผู้คุมสวรรค์ ใครกันที่จะหยุดมันได้?


 


“เจ้าอยากจะฆ่าพวกข้าจริงๆเรอะ?”


 


ทั้งสองที่กำลังหนีตะโกนด้วยความโกรธ


 


ซือหยูดีดวารีสวรรค์สองหยดที่สีครามใสราวกับเม็ดหยก วารีสวรรค์ได้พุ่งไล่ล่าทั้งสองที่กำลังหนี


 


ในยามวิกฤติ ทั้งสองหยิบสมบัติเทพระดับกลางออกมา


 


ซ่า—


 


สมบัติเทพระดับกลางสองชิ้นเริ่มถูกกัดกร่อน สมบัติเทพถูกทำลายในทันที! ถ้าหากสมบัติเทพยังเป็นได้เช่นนั้น มนุษย์จะไม่กลายเป็นเถ้าถ่านในทันทีหรอกรึ?


 


และที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือเมื่อผ่านสมบัติเทพ วารีสวรรค์ยังคงไม่หยุด วารีสวรรค์ที่หลงเหลือยังคงพุ่งเข้าไปหาทั้งสอง


 


อ๊าก—-


 


ทั้งสองกรีดร้องพร้อมกัน ร่างของพวกเขาเริ่มเปื่อยยุ่ยในความเร็วสูง! โดยเฉพาะฮั่นเจียงหลิน กระดูกขาวโผล่ออกมาทันทีที่สัมผัส ร่างของเขากลายเป็นเถ้าถ่าน


 


ผั่วะ–


 


ใบหน้าแดงซีดซัดเข้าใส่ฮั่นเจียงหลิน เสียงกรีดร้องของเขาหายไป เขาล้มทั้งยืน


 


แก่นพลังซัดใส่ซือหยูราวกับแม่น้ำ ซือหยูดูดซับฐานพลังของผู้คุมสวรรค์ทั้งหมด ฐานพลังอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงกำลังเข้าใกล้ระดับห้า…อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์!


 


ซือหยูตกตะลึง เขายินดีเป็นอย่างมาก เขากำลังจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์อย่างง่ายดายเช่นนี้รึ?


 


พลังปีศาจได้พุ่งเข้าใส่เจ้าเมืองอันยี่ เจ้าเมืองอันยี่ขัดขืนอย่างไร้ประโยชน์ เขาตะโกนด้วยความแค้น


 


“อ๊ากก! ข้าจะไม่มีวันอภัยให้เจ้า แม้ข้าจะเป็นผี…”


 


อั่ก–


 


ร่างของเขากลายเป็นเถ้าถ่านเสียก่อนที่จะพูดจบ ขี้เถ้ากระจายไปทั่วโดยรอบ ซือหยูรู้สึกถึงพลังอันน่าตกใจที่เข้ามาในร่าง เขารู้สึกราวกับกำลังจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์


 


แต่ซือหยูก็ถูกฉีกกระชากจากความคิดนั้น แก่นพลังที่หลั่งไหลเข้ามาหายไปอย่างรวดเร็ว ฐานพลังนั้นมีขีดจำกัด เขามิอาจเข้าสู่ขอบเขตผู้คุมสวรรค์ได้


 


เขาไม่สำเร็จอำมฤตระดับห้าแม้จะดูดซับฐานพลังของผู้คุมสวรรค์ไปสองคนงั้นรึ? ความต่างระหว่างระดับสี่และห้านั้นมากเพียงใดกัน?


 


ยี่เหยาหน้าซีด ท้องไส้ของเขาปั่นป่วน สองผู้คุมสวรรค์ตายไปทั้งอย่างนั้น! ยี่เหยาตะโกนร้องสู่นภา


 


“จักรพรรดิสัตว์อสูรอยู่ไหนกันหมด? มาปกป้องข้าเร็ว!”


 


โฮก—


 


สองเสียงดังมาจากจักรพรรดิสัตว์อสูรทั้งสองตัว มันพุ่งทะลวงลงมาด้วยความเร็วสูง พลังนั้นเทียบเท่ากับผู้คุมสวรรค์ที่ใช้พลังสูงสุด!


 


ซือหยูจะจัดการโดยไร้วารีสวรรค์ได้อย่างไร?


 


แต่ในตอนนั้น พลังปีศาจได้กลายเป็นใบหน้าภูติผี มันคายแก่นโลหิตออกมา มันคือแก่นโลหิตของเจ้าเมืองอันยี่ ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของหยดหมื่นพล


 


ฟึ่บ–


 


ซือหยูสะบัดมืออีกพร้อมกับธนูใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมา ศรวิญญาณปกคลุมไปด้วยม่านโลหิต


 


“หา? สมบัติเทพระดับกลางที่เป็นธนูรึ? ตระกูลกุยมีสมบัติเทพแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”


 


ซือหยูใจเย็น เขาเค้นโลหิตตัวเองกับหยดหมื่นพลลงไปในธนู โลหิตจากเจ้าของเดิมถูกขับออกมา หยดโลหิตของซือหยูซึมลงไปในศรวิญญาณ มันถูกชำระขึ้นอีกหนึ่งในสิบส่วน


 


ซือหยูชำระธนูมังกรฟ้าดินไปแล้วสองในสิบส่วน ในที่สุดเขาก็ใช้พลังหนึ่งในห้าของมันได้แล้ว!


 


เอี๊ยด—


 


เอาง้างคันศรด้วยทั้งสองมือ เขาดึงสายธนูได้ยาวหกนิ้ว เพิ่มจากเดิมเป็นสองเท่า!


 


ศรวิญญาณสีครามถูกก่อตัว พลังอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่ว


 


“สมบัติเทพแข็งแกร่งนัก…”


 


ยี่เหยาตัวสั่น


 


“พลังของศรนั่นไม่ต่างกับผู้คุมสวรรค์!”


 


ฟึ่บ ฟึ่บ–


 


ศรวิญญาณสองดอกยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง เสียงสั่นสะเทือนลั่นท้องนภาก่อนก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูร จักรพรรดิสัตว์อสูรทั้งสองมิอาจป้องกันตัวและร่างฉีกเป็นสองท่อนเพราะศรวิญญาณ!


 


เหล่าคนที่มาร่วมงานมองดูจากระยะหลายลี้ เพียงไม่นานเขาก็สังหารผู้คุมสวรรค์ไปสี่ชีวิต มันดูเป็นไปไม่ได้ ผู้คุมสวรรค์นั้นหายากในทวีป แต่พวกเขากลับถูกสังหารราวกับผักปลา


 


คนรอบๆใจเต้นแรงเมื่อมองซือหยู พวกเขาตกตะลึง ตระกูลกุยนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเขาคิด


 


พลังปีศาจครองนภากลืนกินจักรพรรดิสัตว์อสูร ซือหยูรู้สึกได้ถึงการทะลวงพลังอีกครั้ง


 


แต่มันก็ยังคงไม่พอ แม้ว่าจะดูดซับจักรพรรดิสัตว์อสูรทั้งสองไป มันก็ยังไม่พอ!


 


แก่นพลังทั้งสองเริ่มหายไปจากร่างซือหยู เขารู้สึกสับสน เขารีบกลืนกินผู้คุมสวรรค์สี่ชีวิต แต่เขาก็ยังมิอาจทะลวงอำมฤตระดับห้า!


 


หลงเฟยหยูยืนมือไพล่หลัง เขามองอย่างเหยียดหยาม ดูเหมือนเขาจะรู้ความคิดของซือหยู


 


“ถ้าเจ้าสำเร็จขั้นผู้คุมสวรรค์ได้เป็นแบบนั้น อำมฤตระดับห้าในโลกใบนี้ก็ไม่ต่างกับคนไร้ค่า”


 


เหล่าผู้อาวุโสจากสี่ตระกูลรู้ดี


 


“ความยากในการทะลวงพลังอำมฤตระดับห้านั้นไม่ต่ำไปกว่าความพยายามตลอดชีวิตในการบ่มเพาะพลังของเจ้า…”


 


หลงเฟยหยูพูดต่อ


 


“มันคือความยากสูงสุดของเหล่านักสู้ มันต้องสั่งสมพลังมาหลายร้อยปีก่อนที่จะสำเร็จพลัง และนั่นสำหรับคนที่มีคุณสมบัติอันยิ่งใหญ่”


 


ซือหยูสีหน้าเบื่อหน่ายเมื่อได้ยิน ถ้าเป็นเรื่องจริง ความยากของการเป็นผู้คุมสวรรค์ก็เกินมนุษย์ไปแล้ว!


 


ซือหยูละสายตาจากหลงเฟยหยูและกลับมาเหลือบมองยี่เหยา


 


ฟึ่บ–


 


ยี่เหยาบินหนีอย่างไม่ลังเล


 


แสงทมิฬฉาบรางซือหยู ทุกอย่างบนโต๊ะไม่ว่าจะเป็นเศษตำราระดับตำนาน ปีกแห่งตระกูลหวัง สมบัติเทพระดับสูงของตระกูลหลี่และเหรียญมังกรก้นบึ้งของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์…ทุกสิ่งหายไปจากสายตาอันโลภโมโทสันของคนโดยรอบ


 


ซือหยูหลับตาก้าวไปทางยี่เหยา


 


หลงเฟยหยูละสายตาจากสมบัติและมองตามซือหยู เหล่าผู้อาวุโสจากสี่ตระกูลมองตามไปเช่นกัน


 


“ลุงหลี่ ช่วยข้าด้วย!”


 


ยี่เหยาร้องและบินไปยังประตูศิลาด้านหลัง เขากรีดร้องด้วยความกลัว


 


ครืน–


 


ประดูศิลาเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดเทาก้าวออกมา


 


“มีเรื่องอะไรกัน?”


 


เขาปล่อยพลังมหาศาลออกมา เขาเป็นผู้คุมสวรรค์ สายตาเขาเฉียบคมในทันทีที่เห็นเถ้าถ่านดำสนิท


 


“ลุงหลี่! เป็นฝีมือตระกูลกุย!”


 


ยี่เหยาพูดด้วยความกลัว


 


“ตระกูลกุยอยากจะทำลายทวีปนี้ จักรพรรดิสัตว์อสูรสองตัว ฮั่นเจียงหลิน เจ้าเมืองอันยี่ ทุกคนถูกฆ่าตายหมดแล้ว! ช่วยข้าเร็ว!”


 


“ฝีมือใครกัน?”


 


“ข้าไงล่ะ!”


 


เสียงตอบสั้นๆดังขึ้น


 


เส้นผมโลหิตของซือหยูสยายออก เขาเดินเข้ามาพร้อมกับธนูโลหิตในมือ


 


“ชายตาบอดน่ะรึ?”


 


ชายในชุดเทาตำหนิ แต่มิได้ตำหนิซือหยู เขากำลังพูดถึงความไร้ค่าของพันธมิตรที่มิอาจทำอะไรกับชายตาบอดได้


 


“เข้ามาสังหารในดินแดนตระกูลยี่ของข้า อภัยให้ไม่ได้!”


 


เอี๊ยด–


 


เขาเพียงได้พูด ในตอนนั้นศรวิญญาณทะลวงกลางหน้าผากของเขา จากนั้นพลังปีศาจก็เข้าดูดกลืนฐานพลัง


 


“เจ้าเป็นคนที่ห้า”


 


ซือหยูประกาศ

 

 

 


ตอนที่ 399

 

หา!


 


ผู้คนโดยรอบที่ห่างออกไปหลายลี้อ้าปากค้าง ซือหยูสังหารผู้คุมสวรรค์ไปอีกคน! และนั่นยังเป็นคนที่มีสายเลือดตระกูลยี่ที่บริสุทธิ์!


 


ยี่เหยารีบหนี เขาหนีไม่คิดชีวิตไปยังห้องเจ้าสาว


 


ครืน—


 


ปั้ง—


 


เสียงอัสนีดังลั่น ซือหยูพุ่งตามไปยังห้องเจ้าสาว


 


ยี่เหยาไม่มีที่อื่นให้หนี ซือหยูมองเจ้าสาว เนตรวิญญาณของเขามิอาจมองทะลุเจ้าสาวไปได้ แต่ดูจากรูปร่างแล้วนางนั้นมีเอกลักษณ์ นางคุ้นใบหน้าซือหยูเล็กน้อยราวกับเคยพบมาก่อน นางนั้นมีพลังอันบริสุทธิ์และสูงส่ง


 


ซือหยูส่ายหน้า ไม่แปลกใจที่เจ้าสาวของอู๋เหยายี่จะเป็นคนที่เขารู้จัก


 


ซือหยูหันกลับไปมองยี่เหยาที่ศีรษะกระแทกเข้ากับภาพเขียนภูเขาลำธารบนกำแพง


 


ภาพเขียนนั้นที่ถูกใช้เพื่อตกแต่งเริ่มกลายเป็นโครงสร้างที่มองเห็นได้ ชั้นโครงสร้างนั้นมีพลังมหาศาล


 


ยี่เหยาหายตัวไปในทันที ร่างของเขาหายไปโดยไร้คำอำลา ยี่เหยาเพียงมองซือหยูด้วยความชิงชัง จากนั้นเขาก็หายไปโดยสมบูรณ์


 


ยักย้ายพื้นที่! ซือหยูคุ้นเคยกับพลังนี้ เขารีบพุ่งเข้าไปหวังจะไปถึงส่วนสุดท้ายของพลัง แต่เมื่อเขาพุ่งเข้าไปภาพเขียนนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีครามและกลายเป็นเถ้าถ่าน!


 


ยี่เหยาหายไปพร้อมกับพลัง สายตาซือหยูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง นี่คือการยักย้ายระยะใกล้ ยี่เหยาคงไปได้ไม่ไกลนัก!


 


ซือหยูกำลังจะหนีไปเพื่อไล่ล่าแต่ก็มีสายลมรุนแรงซัดเข้าใส่แผ่นหลังของเขา!


 


ซือหยูสีหน้าเย็นชา ลอบโจมตีงั้นรึ? คนผู้นี้ปรารถนาความตาย!


 


ซือหยูไม่สนใจว่าใครเป็นคนลงมือ เขาปล่อยหมัดไปทางคนที่เข้ามาโจมตี ซือหยูคิดว่าแม้หมัดจะไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บแต่มันก็น่ากลัวพอที่จะให้ถอยหนี แต่เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีวิชาเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม


 


ด้วยวิชาอันยอดเยี่ยม อีกฝ่ายนั้นหลบหมัดได้อย่างรวดเร็วและเข้าใกล้ซือหยู ซือหยูเคร่งเครียด เขาปล่อยพลังที่ปลายเท้าโดยหวังจะทิ้งระยะจากอีกฝ่าย แต่ในตอนนั้นกลิ่นหอมหวานประหลาดก็เข้าจู่โจมจมูกของเขา โลหิตในร่างเดือดพล่าน มันคือยาพิษ เขากำลังเสียสติ!


 


“นี่มันพิษอะไรกัน?”


 


ซือหยูตกใจอย่างมาก


 


เสียงฝีเท้าเบาบางก้าวเข้ามาจากด้านหลัง คนที่เดินเข้ามาตรงหน้าซือหยูคือเจ้าสาวในชุดสีแดงเพลิง!


 


สตรีโง่เขลาผู้นี้! นางเข้าใจผิดว่าซือหยูเป็นเจ้าบ่าว!


 


ซือหยูรู้สึกว่าน่าหัวร่อแต่ก็โกรธแค้นในคราเดียว


 


“ยี่เหยา เจ้ายังไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าอีกรึ? มีอะไรที่ม่ออู๋เทียบกับข้าได้กัน?”


 


เฟิงเซี่ยนเจ็บปวด เพื่อที่มิให้นางถูกจับได้ นางจึงต้องใช้แผนนี้เท่านั้น


 


“ข้าคือสตรีผู้สูงส่งแห่งทวีป หลายคนต้องการข้า ข้าจะมอบครั้งแรกของข้าให้เจ้าในคืนนี้ เจ้าจะยังไม่พอใจอีกหรือไม่?”


 


เฟิงเซี่ยนยังคงมีม่านคลุมหน้า นางนำอยู่บนร่างของซือหยู ซือหยูใจเต้นแรง!


 


เสียงนี้…เฟิงเซี่ยน!


 


ผู้หญิงคนนี้ ได้ทรยศต่ออาจารย์ ทำลายเหล่าศิษย์ร่วมสำนักไม่ต่างกับอสรพิษร้าย นางวางยาพิษใส่อาจารย์ตัวเองและอยากจะสังหารจ้าววิหคเพลิงด้วยมือของตัวเอง นางคือตัวการที่ทำให้หญิงสาวจากคณะวิหคเพลิงนับไม่ถ้วนต้องตาย! ซือหยูไม่คิดว่าจะได้เจอนางที่นี่!


 


จิตสังหาร ความโกรธแค้น และความคิดชั่วร้ายพานางมาถึงตรงนี้ ซือหยูหันกลับไปดึงม่านคลุมหน้าของนางออก


 


“ลืมตามองซะ…”


 


“ข้าเป็นใครกันแน่?”


 


เฟิงเซี่ยนชักสีหน้าเมื่อได้ยินเสียง นางผลักซือหยูออกด้วยความตกใจสุดขั้ว ผมสีโลหิต สวมหน้ากาก และยังตาบอด


 


“เจ้าไม่ใช่ยี่เหยา!”


 


นางอ้าปากค้าง


 


“จะ…เจ้าเป็นใคร?”


 


เฟิงเซี่ยนละอายใจและโศกเศร้าอย่างมาก นางได้โยนตัวเองเข้าใส่คนแปลกหน้าที่นางไม่เคยพบมาก่อน!


 


ซือหยูหัวเราะอยู่นานด้วยเสียงอันแหบพร่า


 


“เจ้าลืมข้าเร็วเหลือเกินนะ!”


 


เขาถอดหน้ากากเผยใบหน้าที่แท้จริง เฟิงเซี่ยนยังคงจำไม่ได้ แต่ในตอนนั้นเส้นผมสีโลหิตก็เปลี่ยนเป็นสีเงิน นางกรีดร้องด้วยความกลัว


 


“จะ…เจ้า…”


 


นางตัวแข็งทื่อ


 


“เจ้าคือ…หยินหยู!”


 


ในการประลองที่คณะหยุดเซี่ยง เขาได้สังหารเฉินคงด้วยเนตรสวรรค์ เขาต่อสู้กับผู้คุมสวรรค์สามคนอย่างน่ากลัวด้วยพลังที่ราวกับจะสังหารเทพเจ้าได้ นางจะลืมตัวตนที่น่ากลัวเช่นนั้นได้อย่างไร?


 


“ดูเหมือนเจ้าจะจำข้าได้…”


 


ซือหยูหัวเราะ รอยยิ้มของเขามืดหม่น


 


“บอกมา ม่ออู๋อยู่ไหน?”


 


ที่ซือหยูตกใจกว่าก็คือคนที่ยี่เหยาจะแต่งงานด้วยจริงๆก็คือม่ออู๋! ม่ออู๋ที่หายตัวไปหลังจากการประลองในร้อยดินแดน นางเป็นเจ้าสาวในงานใหญ่ครั้งนี้!


 


ตลอดทั้งชีวิต ม่ออู๋ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะได้รักษาใบหน้าของหยูโหรว นางจะล้มเลิกกลางคันเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นรึ? ซือหยูรู้ในทันทีว่านางถูกบังคับให้แต่งงาน เพลิงพิโรธแผดเผาในจิตใจ


 


เฟิงเซี่ยนกลัวมาใจเย็น นางยิ้ม


 


“เจ้ารู้จักม่ออู๋เหมือนกันสินะ! เจ้าอยากจะรู้ว่านางอยู่ที่ไหนรึ? ฮ่าๆๆ! เจ้าคิดว่าข้าจะบอกเจ้าง่ายๆรึ?”


 


ความจริงเรื่องที่อยู่ของม่ออู๋คือแต้มต่อที่จะทำให้นางมีชีวิตรอด!


 


ความคิดบ้าคลั่งนี้เกิดขึ้นในใจเฟิงเซี่ยน ถ้านางควบคุมม่ออู๋ได้…นั่นไม่ได้หมายความน่านางจะสั่งหยินหยูได้หรอกรึ? ตำนานยอดฝีมือไร้เทียมทานเช่นนี้ ถ้านางใช้เขาได้ล่ะก็…


 


แต่ซือหยูก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย


 


เทียบกับท่าทางของซือหยูแล้ว รอยยิ้มของเขาดูราวกับมาจากคนละคน! พิษที่เป็นประเภทยาเสน่ห์นั้นเป็นนายเหนือความคิดของเขา


 


“เจ้าลืมอะไรไปแล้วรึ?”


 


ซือหยูหัวเราะ รอยยิ้มของเขาเป็นดั่งปีศาจ…ราวกับว่าเป็นคนละคน


 


ข้าลืมอะไรไปรึ? เฟิงเซี่ยนสงสัย


 


นางงุนงง แต่เมื่อมองแววตาของซือหนูนางก็หน้าซีด นางสิ้นหวังและหวาดกลัว ผลของยาพิษนั้นยังไม่หายไป ไม่มีใครต้านมันได้เมื่อโดนผลของพิษ


 


นางรู้ตัวช้าเกินไป นางได้ทำความผิดพลาดร้ายแรงไปแล้ว

 

 

 


ตอนที่ 400

 

นอกปราสาท กลุ่มแขกเข้ามาดู แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในปราสาท พวกเขาก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมา


 


“ดูเหมือนว่าคนตระกูลกุยจะไร้สามัญสำนักเพราะผลจากสายโลหิต ตอนนี้พวกเราได้เห็นกับตาแล้ว มันเป็นเช่นนั้นจริง!”


 


หลงเฟยหยูเลียริมฝีปาก ในแววตาเขานั้นแปลกไป ว่ากันว่าภรรยาของยี่เหยานั้นงดงามอย่างเป็นที่สุด แต่ก็ถูกคนตระกูลกุยเข้าฉวยโอกาส!


 


******


 


เมื่อผลของยาพิษสลายไป ใบหน้าซือหยูคล้ำลง โอสถได้ทำให้โลหิตของเขาเดือดพล่านและอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นจากความฝัน เขาไม่เชื่อว่าตัวเองทำอะไรลงไป


 


เขาได้ทำความผิดพลาดอันโง่เขลา และเป็นกับผู้หญิงชั่วร้ายอย่างเฟิงเซี่ยน!


 


แม้เฟิงเซี่ยนจะเป็นผู้หญิงชั่วร้ายที่สุดที่ซือหยูเคยรู้จัก แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่นางสมควรจะถูกกระทำ เฟิงเซี่ยนมีจิตใจชั่วร้ายและความผิดพลาดของนางทำให้คนอื่นมาชิงครั้งแรกของนางไป ซือหยูขยะแขยงกับการกระทำของตัวเอง แต่เขาก็ไม่ใช่ตัวเองในตอนที่กระทำลงไป


 


ซือหยูหลับตาถอนหายใจยาว เขาจะลงโทษเฟิงเซี่ยนในตอนนี้รึ? ซือหยูคิดอยู่นางและมองเฟิงเซี่ยนที่ตัวสั่น นางหลับตา ร่างกายนางยังคงมีร่องรอยในการกระทำ มีจิตสังหารในดวงตาซือหยู แต่มันก็หายไปพร้อมกับการถอนหายใจ


 


“นับแต่นี้ไป จงอย่าทำเรื่องชั่วร้ายอีก…”


 


“ถ้าเจ้าสังหารคนบริสุทธิ์อีก ข้าจะตามมาฆ่าเจ้าด้วยตัวเองไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน! ผู้หญิงของข้า…ไม่มีใครที่เป็นคนชั่วร้าย!”


 


นี่คือการออมชอมเดียวที่ซือหยูทำได้!


 


เฟิงเซี่ยนไม่ขยับตัว นางใจเต้นไม่เป็นจังหวั นางใจเย็นลงเมื่อรู้ว่านางรอดไปได้ นางรักษาตัวให้บริสุทธิ์มาตลอดยี่สิบปี ทั้งหมดก็เพื่อดึงดูดผู้สูงส่งและเพิ่มอำนาจของตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งได้จากไปแล้ว


 


เฟิงเซี่ยนราวกับสูญเสียทุกอย่างไป นางเคยคิดว่าตัวเองคือสตรีลำดับหนึ่ง นางเคยคิดว่านางจะได้ยืนเหนือทุกคน อนาคตอันตระการตาของนางถูกทำลายลงไป ร่างกายของนางคือสิ่งล้ำค่าที่สุด


 


เมื่อได้ยินว่าซือหยูไว้ชีวิต นางก็หัวเราะอย่างน่าเวทนา


 


“ผู้หญิงของเจ้า…”


 


นางกลายเป็นผู้หญิงของหยินหยู! ความลักลั่นนี้ทำให้นางรู้สึกขมขื่นยิ่งกว่าเดิม แต่นางก็มิอาจเกลียดแค้นเขาได้ นางได้วางอุบายในเรื่องนี้เพื่อที่จะได้เป็นสะใภ้ตระกูลยี่ ท้ายสุดนางก็ทำให้ตัวเองต้องเสียหาย


 


ซือหยูแต่งกายช้าๆ เขามองนางอย่างลึกซึ้ง


 


“ชีวิตผู้คนมิยืนยาว ใช้พลังของเจ้าเองคว้าจุดสูงสุดจะไม่ดีกว่ารึ? เจ้าหมายมั่นจะทำลายคนอื่น เจ้าอาจจะไปถึงจุดสูงสุดได้ แต่เจ้าก็ต้องเสียชีวิตของตัวเองไปเช่นกัน”


 


นางได้ยินเรื่องเช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ตอนนี้นางตกต่ำที่สุดในชีวิต คำพูดแบบเดียวกันทำให้นางได้เรียนรู้สิ่งใหม่ นางคิดถึงคนที่นางเคยทำลายมาตลอดเพราะอุบายของนาง นางได้ชินชากับการสังหารผู้คนแต่ก็เรียกตัวเองว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ เมื่อใดกันที่นางได้มีความสุขอย่างแท้จริง?


 


ความเหนื่อยล้ากัดกินดวงวิญญาณ นางคิดถึงอดีตและตระหนักว่าตลอดชีวิตของนางนั้นคือการฟันฝ่าไม่รู้จบ นางกลายเป็นสตรีลำดับหนึ่ง ได้รับความสนใจจากทุกคน นางได้รับความหลงใหลจากบุรุษนับล้าน นางอยู่บนจุดสูงสุดไปแล้ว แต่เมื่อใดกัน…เมื่อใดกันที่นางเคยพอใจหรือสบายใจกับเรื่องนี้?


 


ความปรารถนาในชีวิตผู้คนนั้นดั่งหลุมลึกไม่รู้จบที่ไม่มีวันเติมเต็ม เมื่อนางเข้าสู่คณะวิหคเพลิง นางหวังจะปกครองทั้งคณะวิหคเพลิง เมื่อนางได้ปกครองคณะวิหคเพลิง นางก็อยากจะได้นามของตัวเองแผ่ไปทั่วทวีป และต่อมา…หลังจากที่นามของนางเป็นที่รู้จักจากทั้งทวีป…ต่อมานางปรารถนาสิ่งใดกัน?


 


หลังจากคิดอยู่นาน ประตูบานใหญ่ดูเหมือนจะเปิดให้กับจิตใจอันโศกเศร้าของนาง ซือหยูห่มกายของนางเบาๆก่อนจะจากไป เขาทำเพียงนาทีเดียวแต่นั่นก็ทำให้ดวงตาของเฟิงเซี่ยนเต็มไปด้วยอารมณ์ น้ำตาเอ่อล้นจากดวงตาคู่นั้น


 


“ข้าพาม่ออู๋หนีไป…”


 


“เจ้าไม่ต้องห่วง”


 


เฟิงเซี่ยนพูดก่อนที่ซือหยูจะจากไป


 


“ขอบคุณ…”


 


เขาพูดเบาๆโดยหันหลังให้ประตู


 


ผู้คนสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นซือหยูปรากฏตัว ซือหยูไม่สนใจคนเหล่านั้นและบินขึ้นฟ้า เขาใช้เนตรวิญญาณมองทุกอย่างในระยะสามหมื่นลี้ เขาพบคนคนหนึ่งที่กำลังหนีไปยังทิศทางของหอสดับหิมะ


 


ฟึ่บ–


 


ซือหยูราวกับสายลม เขาไล่ล่าคนที่หนีไป


 


******


 


หลายวันต่อมา


 


ผู้คุมสวรรค์ตระกูลยี่ที่มุ่งหน้าไปยังหอสดับหิมะถูกสังหารด้วยศรวิญญาณ คนที่ต่อสู้ข้างเขาถูกสังหารตายหมด!


 


หลายวันต่อมา


 


หิมะทมิฬร่วงโรยสู่คณะวิหคเพลิง มันตกไปทั่วในระยะสามพันลี้ คนที่มีสายสัมพันธ์กับตระกูลยี่ถูกสังหารจนหมด!


 


หลายวันต่อมา


 


แม่น้ำโลหิตทอดยาวหลายหมื่นลี้ ตระกูลมากมายในร้อยตระกูลถูกกำจัด


 


หิมะทมิฬร่วงโรยสามวันเต็มตั้งแต่ทวีปเหนือไปถึงหอสดับหิมะจนถึงคณะวิหคเพลิงที่อยู่กลางทวีป ไปจนถึงร้อยดินแดน ซือหยูได้สังหารผู้คนตลอดทาง ใครที่เกี่ยวข้องกับยี่เหยาล้วนถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!


 


ขุมกำลังทั้งหมดที่ใกล้ชิดกับพันธมิตรอุดรทวีปถูกฆ่าล้างสังหาร! โลหิตแผ่ขยายไปล้านลี้ ทั้งภูเขาสายธาร หิมะทมิฬได้ปกคลุมทั้งทวีปเหนือราวกับเทือกเขาทมิฬที่อยู่เหนือทุ่งหิมะอู่หลง


 


ไม่มีใครรู้ว่าซือหยูสังหารคนไปมากเท่าใด พวกเขารู้แต่เพียงว่าผู้คุมสวรรค์แทบทั้งหมดในทวีปเหนือแทบจะหมดไป ทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือของบุรุษ…เพียงคนเดียว…ที่อาบทวีปเหนือด้วยโลหิต เขานำพาโลหิตไปในทุกที่ที่ผ่าน แต่สิ่งที่ร่วงโรยลงมากลับเป็นหิมะทมิฬ ทุกคนในพันธมิตรอุดร่ทวีปนอกจากเก้าศักดิ์สิทธิ์ถูกสังหารสิ้น เหลือเพียงนามที่ยังคงอยู่ เดือนนี้ถูกเรียกว่า “รัตติกาลแห่งทวีปเหนือ”!


 


เหล่าผู้คุมสวรรค์ตกตาย โลหิตหลั่งริน พันธมิตรอุดรทวีปที่เพิ่งจะรวมตัวได้ถูกทำลายในข้ามคืนหลงเหลือแต่เพียงร่องรอยในบันทึกประวัติศาสตร์ แต่บุรุษผมสีโลหิต หน้ากากสีทองแดง และชุดขาว…บุรุษผู้นี้ได้กลายเป็นผู้ที่มิอาจถูกลืมเลือน เขาคือตำนานที่น่ากลัวไม่ต่างกับปีศาจ


 


เขาไม่มีนามใดทิ้งเอาไว้ แต่ก็มีฉายาอย่างไร้ข้อกังขาที่ถูกตั้ง ราชาปีศาจหิมะทมิฬ!


 


บุรุษผู้นี้ใช้ธนูเขียนระยะหลายหมื่นลี้ด้วยโลหิต เขาคร่าชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วน เขาเป็นตัวแทนแห่งความตาย การทำลายล้าง และความหวาดกลัว


 


******


 


วันหนึ่ง ที่ขอบชายมหาสมุทรกว้างใหญ่


 


ยี่เหยาที่ถูกไล่ล่ามาตลอดล้านลี้คุกเข่าลงบนเกาะ


 


เขาไร้กระจิตกระใจ แววตาว่างเปล่า พันธมิตรอุดรทวีปถูกทำลาย และตระกูลยี่ถูกฆ่าล้างตระกูล เหตุเดียวที่ซือหยูไม่ฆ่าเขาด้วยก็เพราะเขาอยากจะแยกยี่เหยาออกจากข้อมูลเพื่อหาคนตระกูลยี่ที่ยังหลงเหลืออยู่


 


สุดท้าย ยี่เหยาหยุดในตอนที่เหลือพลังเฮือกสุดท้าย เขาเลิกคิดที่จะหนี


 


“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ!”


 


เขาตะโกน


 


“เจ้าข่มขื่นภรรยาข้า ฆ่าล้างตระกูลข้า ฆ่าคนของข้า ยี่เหยาผู้นี้จะไม่มีวันอภัยให้เจ้า แม้ข้าจะต้องตกตาย!”


 


ซือหยูสีหน้าเย็นชา เขาขยับธนูสีเงินในมือ เขาง้างคันธนูสังหารยี่เหยาในพริบตา


 


“ช่างเจ้าเถอะ…”


 


นับแต่วันนี้ไป ตระกูลยี่ถูกกำจัด ขุมกำลังในทวีปเหนือทั้งหมดถูกกำจัด เขาล้างแค้นให้กับจ้าววิหคเพลิงและล้างแค้นให้ตัวเอง!


 


เหลือแต่เพียงความแค้นของหลิงเสี่ยวเทียน! เฉินยิ่งกับไป่ลั่ว…เขาต้องชำระบาปนี้ด้วยโลหิตของพวกมัน!


 


แต่ก่อนที่เขาจะไปล้างแค้นที่อาณาจักรทมิฬ เขาต้องหาทางสำเร็จพลังเพื่อกลายเป็นผู้คุมสวรรค์เสียก่อน

 

 

 


ตอนที่ 401

 

ระดับความยากของการสำเร็จขั้นผู้คุมสวรรค์นั้นเหนือกว่าที่ซือหยูคาดไว้!


 


ถ้าเขายังคงไม่สำเร็จพลังหลังจากที่กลืนกินผู้คุมสวรรค์ไปสี่คน ความยากของการสำเร็จพลังจะต้องอยู่ในขั้นสุดยอด และแม้ว่าเขาจะกลืนกินผู้คนไปหลายหมื่นคนจากทุกกองกำลังในพันธมิตรอุดรทวีป เขาก็ยังคงไม่เป็นผู้คุมสวรรค์


 


ในตอนนี้ ซือหยูรู้สึกสิ้นหวัง ความต่างในพลังที่ต้องการนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ ถ้าการล้างสังหารทั้งทวีปยังไม่พอ แล้วเขาจะต้องทำอย่างไรถึงจะทะลวงพลังได้สำเร็จเล่า?


 


แต่เขาก็รู้สึกว่าเขากำลังใกล้จะสำเร็จพลังอย่างมาก ดูเหมือนว่าความหวังเดียวของเขาจะเป็นการไปยังก้นบึ้งมังกรเก้านรกและใช้โอกาสครั้งนี้ในการสำเร็จพลัง!


 


ซือหยูลอยอยู่กลางน่านน้ำ เขาหันหลังไปมองทางหลงเฟยหยูและตระกูลทั้งสี่ที่อยู่ห่างออกไปเพียงหมื่นศอก


 


“ของขวัญงานแต่งของพวกเจ้าทั้งหมดอยู่กับข้า…”


 


ซือหยูพูดและไปทางพวกเขาช้าๆ


 


“ถ้าอยากจะได้คืนก็จงเข้ามา”


 


เขาเรียกธนูออกมา พลังทำลายล้างของมันน่าตกตะลึง


 


เหล่าผู้เฒ่าของสี่ตระกูลกัดฟัน พวกเขาตามซือหยูมาตลอดเพื่อรอให้เขาอ่อนแอและสังหารเพื่อนำสมบัติตกทอดกลับคืนมา และพวกเขาก็อาจจะได้ชิงสมบัติเพิ่มขึ้นอีก


 


แต่พลังปีศาจของซือหยูดูดกลืนศัตรูอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าซือหยูจะบาดเจ็บหรือ่อนแอเพียงใด ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ…เขาก็จะฟื้นฟูได้ ในตอนนี้การฆ่าล้างสังหารจบไปแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสอีก


 


“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ…พวกข้าจะจดจำเรื่องครั้งนี้ไว้!”


 


ผู้เฒ่าสี่ตระกูลถอยกลับ มีเพียงหลงเฟยหยูที่ยังคงอยู่


 


“เจ้าคิดจะสู้กับข้ารึ?”


 


ซือหยูถาม เขาจ้องมองหลงเฟยหยู


 


หลงเฟยหยูยิ้มเยาะ


 


“สู้กับเจ้าเรอะ? เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว! ข้ายอมรับว่าข้ามิอาจฆ่าล้างทวีปได้อย่างเจ้า ข้าจะไม่มีวันเป็นอย่างเจ้าที่เติมเชื้อเพลิงสงครามให้มากขึ้น! แต่ถ้าหากต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง…เจ้าอ่อนแอเกินไปสำหรับข้า! ความต่างระหว่างราชามนุษย์และผู้คุมสวรรค์นั้นกว้างใหญ่ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเข้าใจ”


 


ซือหยูรู้ในข้อนี้เมื่อเขาเห็นความแข็งแกร่งของเฉินยิ่ง ระดับนั้นเหนือกว่าผู้คุมสวรรค์เป็นอย่างมาก


 


“เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร?”


 


ซือหยูถาม


 


หลงเฟยหยูจ้องอย่างเย็นชา


 


“ข้ายังต้องพูดอีกรึ? ถ้าเจ้าส่งของทั้งสี่มา ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! อย่างแรก หยดหมื่นพล อย่างที่สอง เขาแห่งความตาย อย่างที่สาม ปีกตระกูลหวัง และสุดท้าย เศษวิชาระดับตำนาน! ส่วนเหรียญก้นบึ้งมังกรเก้านรก ถือว่าเป็นรางวัลจากข้าก็แล้วกัน! ส่งของพวกนั้นมา!”


 


รางวัลรึ? เขาทำราวกับซือหยูเป็นขอทานงั้นรึ?


 


“แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”


 


ธนูสีเงินอยู่ในมือที่ไพล่หลัง


 


จิตสังหารจมลึกอยู่ในดวงตาของหลงเฟยหยู


 


“เช่นนั้นก็จงตายไปซะ!”


 


ครืน—


 


ครืน—


 


แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงคำรามจะพื้นสะเทือนดังขึ้นมาจากนภา เรือรบยาวสามหมื่นลี้ปรากฏขึ้นจากนภาว่างเปล่า มันบดบังท้องนภาและน่ากลัวอย่างมาก


 


“หลงเฟยหยู จงกลับมาโดยเร็ว!”


 


เสียงตะโกนอันยิ่งใหญ่ดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง


 


หลงเฟยหยูสีหน้าไม่พอใจ แม้ว่าเขาอยากจะลงมือแต่เขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง หลงเฟยหยูตะโกนอย่างเยือกเย็น


 


“โชคดีนักนะเจ้า! เจ้าจงอย่าใช้สองทั้งสี่นั่น ของพวกนั้นข้าทิ้งไว้ให้เจ้าดูแล ถ้าเจ้ากล้าใช้ของของข้า…ฮื่ม! เจ้าจะต้องชดใช้!”


 


พรึ่บ–


 


หลงเฟยหยูหายเข้าไปในเรือรบ เมื่อเขาก้มลงมองก็ไม่พบซือหยูอีกแล้ว ซือหยูหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เสียงอันไม่ยี่หระของซือหยูก็ดังตามมา


 


“ข้าหวังว่าคำพูดเจ้าจะเป็นเรื่องจริง ข้าจะรอเจ้าจัดการข้าในตอนที่ข้าไร้ทางออก”


 


ความไม่พอใจกัดกินหลงเฟยหยู


 


ในเรือรบแสงเงาปรากฏ นั่นคือแสงจุติพันลี้ที่คนในขอบเขตกึ่งเทพครอบครอง


 


“เฟยหยู ทำไมเจ้าถึงไม่กลับมานานนัก?”


 


หลงเฟยหยูสีหน้าเคร่งเครียด


 


“ท่านพ่อ…”


 


“ท่านได้ยินเรื่องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทวีปเหนือหรือไม่?”


 


แสงเงาสลายไป ใบหน้าจริงมิได้เห็นอย่างชัดเจน รับรู้แต่เพียงอารมณ์


 


“ข้ารู้ ราชาปีศาจหิมะทมิฬ ลูกหลานตระกูลกุย จู่ๆก็ปรากฏตัวและล้างสังหารพันธมิตรอุดรทวีป เรื่องนี้ค่อนข้างประหลาด”


 


“เช่นนั้นท่านพ่อก็รู้ด้วยใช่หรือไม่ว่าเขามีเขาแห่งความตายและหยดหมื่นพลในมือ?”


 


เงานั้นพยักหน้าเบาๆ


 


“ข้ารู้แล้ว ข้าจะส่งคนไปรับสมบัติเทพกลับมาเพราะมันอันตรายเกินไป พันธมิตรผู้คุมสวรรค์จะต้องดูแลของสิ่งนั้นแทนเขา”


 


หลงเฟยหยูใจเย็นลงเมื่อได้ยินเช่นนี้


 


“ขอรับท่านพ่อ!”


 


“เตรียมตัวให้พร้อม ศิษย์ของฉิวหนิงชุ่ย จ้าววิหคเพลิงอาสัญกำลังจะเข้าไปที่ก้นบึ้งมังกรเก้านรกเพื่อบ่มเพาะพลังเป็นผู้คุมสวรรค์ ต้องมีคนตามนางไปปกป้องนางตลอดการบ่มเพาะ เจ้าจงเตรียมตัวให้เร็ว”


 


หลงเฟยหยูรู้สึกยินดี


 


“ฉินเซี่ยนเอ๋อกำลังจะไปที่ก้นบึ้งมังกรเก้านรกรึ? งานนี้เป็นหน้าที่ข้าเท่านั้น! ข้าจะช่วยให้เซี่ยนเอ๋อได้เป็นผู้คุมสวรรค์!”


 


เงาร่างนั้นหัวเราะ


 


“ไปซะ ถ้าเจ้าทำได้ดี ข้าจะคิดถึงเรื่องขอจ้าววิหคเพลิงอาสัญให้จับคู่เจ้าทั้งคู่ให้”


 


หลงเฟยหยูหัวเราะ


 


“ไว้ใจข้าได้เลย!”


 


******


 


ที่อาณาจักรทมิฬ ใต้จุดสูงสุด


 


เงาอันงดงามทอดยาวตามอาทิตย์อัสดงดั่งภาพเขียนจากยอดจิตรกร


 


เซี่ยจิงหยูนั่งเท้าคางอย่างเงียบเชียบ นางมองท้องนภาห่างไกล ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยอารมณ์ นางยิ้ม ต่อมาก็เซื่องซึม จากนั้นจึงกังวล จากนั้นไม่พอใจ


 


จ้าวฉิงจูรู้สึกอิจฉาอย่างไร้เหตุผล เขามิอาจเข้าใจว่าเหตุใดหยินหยูจึงทำให้เซี่ยจิงหยูหมกมุ่นนัก


 


“ยี่หยู…”


 


“หยินหยูผู้นี้ เขาคือซือหยูเพื่อนสนิทเจ้าจากเกาะเฉินยี่ที่เจ้าพูดถึงใช่หรือไม่?”


 


ยี่หยูคืนสติกลับมาและทำใบหน้าเรียบเฉย แต่สายตาของนางก็มิอาจปกปิดความคิดถึงซือหยูไปได้


 


“ใช่แล้ว…”


 


“เขาคือเพื่อนสนิทของข้า สัญญาระหว่างเรา ข้าจะใช้ดวงตาคู่นี้ของข้ามองทุกสิ่งที่งดงามในทวีปเฉินหลงแทนเขา!”


 


ในบรรดาเจ็ดจ้าวแห่งความมืด มีเพียงฉิงจูที่นิสัยอ่อนโยน ยี่หยูคือคนเดียวที่เขาพูดคุยด้วยได้ มีแค่เขาที่รับรู้ถึงตัวตนของซือหยู


 


ฉิงจูพูดขึ้น


 


“ใครจะไปคิดว่าเขาถูกตัดสินว่าไร้พรสวรรค์จะได้เข้ามาในทวีปเฉินหลงด้วยตัวตนที่มีคุณสมบัติวิญญาณวิปลาส แล้วเขาก็ยังไต่สูงขึ้นทีละก้าว…ยอดเยี่ยมนัก”


 


จากเกาะรกร้างห่างไกล เขาได้ไต่ขึ้นมาเป็นรองเจ้าตำหนักหยินหยู ฉิงจูรู้ว่าซือหยูนั้นยอดเยี่ยม แต่ในสายตานั้นเขามองว่าซือหยูไม่คู่ควรกับเซี่ยจิงหยู


 


เซี่ยจิงหยูนั้นเป็นตัวตนอันงดงาม และซือหยูเป็นเพียงคนธรรมดา เป็นแค่อีกคนธรรมดาบนจักรวาลแห่งนี้ ซือหยูไม่ใกล้เคียงกับคนที่คู่ควรกับเซี่ยจิงหยูแม้แต่น้อย และหลังจากที่ยี่หยูรู้ว่าหยินหยูคือซือหยู การเปลี่ยนแปลงของนางก็ทำให้ฉิงจูเศร้าหมอง


 


“ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีนัก เฉินยิ่งกำลังไล่ล่าเขาด้วยตัวเอง”


 


ฉิงจูพูดโพล่งขึ้นมา


 


แต่เซี่ยนจิงหยูก็เผยรอยยิ้มอย่างงดงามจากจิตวิญญาณออกมา รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจอันตระการตา


 


“เขาจะต้องไม่เป็นอะไร ข้าเชื่อมั่นในเขา ข้าเชื่อมั่นใจตัวเขายิ่งกว่าที่ข้าเชื่อมั่นในตัวข้าเองเสียอีก!”


 


เชื่อมั่นใจตัวเขายิ่งกว่าเชื่อมั่นในตัวเองงั้นรึ?


 


เพลิงริษยาแผดเผาดวงตาฉิงจู เขาคิดมาก่อนว่าถ้าหยินหยูตายไปก็เป็นเรื่องดี! เขารู้สึกว่าซือหยูไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนสนิทกับเซี่ยจิงหยู อย่างน้อยๆเขาก็ไม่คิดว่าซือหยูแข็งแกร่งกว่าเขา


 


“เอาเถอะ…”


 


ฉิงจูตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง


 


“เราควรเดินทางไปที่ก้นบึ้งมังกรเก้านรก เจ้าจะได้บ่มเพาะเป็นผู้คุมสวรรค์”


 


เซี่ยจิงหยูยืนขึ้นช้าๆ สีหน้านางทำเป็นไร้อารมณ์


 


“อืม เราต้องเตรียมตัว แต่ข้าก็อยากจะเดินทางไปทวีปเหนือเสียก่อน”


 


“เจ้าจะทำอะไร?”


 


ฉิงจูขมวดคิ้ว เขารู้ความตั้งใจของเซี่ยจิงหยู


 


ใบหน้าไร้อารมณ์ของเซี่ยจิงหยูมีจิตสังหารที่ยากจะได้พบเจอ


 


“ข้าจะทำสิ่งที่ข้าไม่ชอบที่สุด…นั่นคือการสังหารคน! คนหลายคน! ใครก็ตามที่เปื้อนโลหิตของเขาต้องชดใช้!”

 

 

 


ตอนที่ 402

 

ฉิงจูรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย เขาไม่อยากได้ยินชื่อของหยินหยูออกจากปากของเซี่ยจิงหยูอีกแล้ว


 


“เจ้าไม่ต้องไปหรอก…”


 


ฉิงจูพูดตอบ


 


“ข่าวล่าสุดคือพันธมิตรอุดรทวีปกับตระกูลยี่ถูกกำจัดไปแล้ว!”


 


เซี่ยจิงหยูเลิกคิ้ว


 


“หา? ฝีมือใครกัน?”


 


“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ! เขาฆ่าล้างบ้างทุกคนในระยะล้านลี้ เขามีธนูหนึ่งคัน…ตั้งแต่หอสดับหิมะไปจนถึงร้อยดินแดนที่อยู่ทางใต้ เขาอาบทางยาวล้านลี้ด้วยโลหิต ขุมกำลังไหนที่เกี่ยวโยงกับพันธมิตรอุดรทวีปล้วนถูกกำจัดทิ้ง”


 


เซี่ยจิงหยูตกใจ


 


“คนที่มีธนูรึ? เขาต้องแข็งแกร่งเพียงใดกันหนึ่งสู้ได้นานเช่นนั้น?”


 


“เป็นตระกูลกุย…”


 


ฉิงจูตอบ เขาแสดงความนับถือเล็กน้อย


 


ตระกูลกุยรึ? เซี่ยจิงหยูคิดถึงหยินหยู เฉินยิ่งนั้นถูกทำลายเพราะพลังปีศาจของหยินหยู ฉิงจูดูเหมือนจะอ่านใจนางออก


 


“เจ้าไม่ต้องเดาหรอก…”


 


“ราชาปีศาจหิมะทมิฬไม่ใช่หยินหยู ข้าเทียบลักษณะกันแล้ว ทั้งสองเป็นคนละคน”


 


เซี่ยจิงหยูผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่นางก็รู้สึกคาดหวังอย่างประหลาด ฉิงจูจะมั่นใจได้อย่างไร?


 


******


 


ที่ป่าทมิฬ ตระกูลยี่


 


เก้าศักดิ์สิทธิ์มองดูปราสาทที่เงียบราวกับป่าช้า ที่นี่ไร้ซึ่งผู้คน มีแต่เพียงหิมะทมิฬหนาเตอะ


 


แม้เขาจะยังคงอยู่ในป่าทมิฬเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน แต่ในตอนนี้เขาก็ปรากฏตัวที่หอสดับหิมะ อีกครึ่งชั่วยามไปอยู่ที่คณะวิหคเพลิงและร้อยดินแดน


 


“ถูกทำลายเกลี้ยง…”


 


เก้าศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าถอนหายใจ แค่ลมหายใจก็ทำให้ภูเขาสะเทือนและเมฆาเลี่ยงหนีราวกับสวรรค์พิโรธ


 


“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ!”


 


“เจ้าต้องตาย!”


 


พรึ่บ–


 


เก้าศักดิ์สิทธิ์หายตัวไป


 


******


 


ในเวลาเดียวกัน ตำนานของราชาปีศาจหิมะทมิฬได้ดังไปทั่วทวีปเฉินหลง! ตำนานเทพเจ้าแห่งความตายได้แผ่ขยายไปหลายล้านลี้ พันธมิตรอุดรทวีปที่ก่อตั้งได้ไม่นานที่ทำลายคณะวิหคเพลิง กลับถูกกำจัดไปโดยราชาปีศาจในงานวิวาห์ครั้งใหญ่


 


ข่าวนี้ได้ทำให้ผู้คนตกใจเสียยิ่งกว่าการก่อตั้งพันธมิตรอุดรทวีป! ในพริบตา ราชาปีศาจหิมะทมิฬได้สร้างตำนานอันน่าหวาดกลัวที่ทุกคนได้รับรู้


 


คณะวิหคเพลิงและพันธมิตรอุดรทวีปถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ จ้าววิหคเพลิงแต่งกายในชุดหลากสีสัน นางมองท้องนภาห่างไกล แววตานั้นสงสัยและตั้งคำถามกับอะไรบางอย่าง


 


“ราชาปีศาจหิมะทมิฬ…”


 


“หรือจะเป็นเขา?”


 


“เป็นเขานั่นแหละ”


 


เสียงอันหนักแน่นดังขึ้น


 


เฟิงเซี่ยนยืนอยู่ที่หน้าบ้าน นางคุกเข่าอยู่กับพื้น


 


“เจ้ากลับมาทำไมกัน?”


 


จ้าววิหคเพลิงถามเมื่อมองเฟิงเซี่ยนที่สุขสงบ


 


เฟิงเซี่ยนคุกเข่าลง


 


“ข้ามาเพื่อเผชิญหน้ากับอดีตและอนาคต”


 


จ้าววิหคเพลิงเงียบไปนาน


 


“ใครกันที่เปลี่ยนแปลงเจ้า…? เจ้าไม่ได้บริสุทธิ์อีกแล้วนี่!”


 


“เขานั่นแหละ…”


 


เฟิงเซี่ยนหัวเราะอย่างโล่งใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยิ้มและพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา


 


“หยินหยู…ท่านอาจารย์ ความบริสุทธิ์ของท่านก็ไม่มีอยู่แล้ว ท่านก็มอบมันให้เขาไป…มิใช่รึ?”


 


ทั้งนางและอาจารย์ต่างมีบุรุษคนเดียวกัน


 


จ้าววิหคเพลิงหน้าแดง นางมองเฟิงเซี่ยนและถอนหายใจอย่างขมขื่น


 


“พวกเราสองคนทั้งศิษย์และอาจารย์…มิอาจรอดการสัมผัสของเขาไปได้ นี่คือชะตา…ไปซะ ยู่หลิงกับที่เหลือถูกฝังอยู่ที่หลังเขา”


 


เฟิงเซี่ยนยืนขึ้น


 


“ข้ามีบาปหนักหนา ข้าจะใช้ชีวิตข้าที่เหลือปกป้องหลุมศพของพวกนาง ข้าจะไม่ขอความอภัย ไม่ได้ขอให้บาปของข้าถูกล้างออกไป ข้าเพียงหวังจะเป็นสตรีที่ไร้มลทินเพื่อไม่ให้ถูกหยินหยูมาสังหารหรือทำให้เขาต้องกังขาไปตลอดชีวิต”


 


เฟิงเซี่ยนเริ่มออกเดินไปยังหลังเขา


 


จ้าววิหคเพลิงประทับใจในคำพูดของเฟิงเซี่ยน


 


“ข้าก็ทำได้แค่ให้โอกาสเจ้าเพราะหยินหยู…”


 


เฟิงเซี่ยนยิ้มและหันกลับมาตอบ


 


“ข้ารู้ อย่างไรเขาก็อยู่ในหัวใจของท่าน”


 


จ้าววิหคเพลิงมองเมฆาลอยล่องและคณะวิหคเพลิงที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ หัวใจสลักด้วยความขมขื่น


 


“ขอบคุณนะ…หยินหยู…”


 


ข้าเกิดก่อนเขาหลายปี เขาเกิดมา ข้าก็แก่เสียแล้ว นางคิดกับตัวเอง


 


นี่คือความรู้สึกเดียวดายที่สุดที่นางเคยสัมผัส


 


******


 


ที่น่านน้ำไร้ขอบเขต


 


ในถ้ำของเกาะห่างไกล ซือหยูหยิบหยดหมื่นพลออกมาพร้อมกับโลงศพมังกรหมอก


 


โลงศพมังกรหมอกนั้นคือสมบัติเทพที่เสียหาย คุณสมบัติวิญญาณของมันหายไปมากและไม่จำเป็นต้องใช้หยดหมื่นพลมากนัก เมื่อหยดหยดหมื่นพลลงไปเพียงหยดเดียวว ร่องรอยของเจ้าของเดิมก็หายไปจนหมดสิ้น มันถูกชำระอย่างง่ายดาย เขารวบรวมพลังวิญญาณออกมารายล้อมโลงศพมังกรหมอก


 


พลังนั้นเข้าฟื้นฟูหลิงเสี่ยวเทียนที่นอนอยู่ในโลง ร่างที่เหี่ยวเฉาของเขาเริ่มฟื้นฟูเป็นลำดับ ใบหน้าอันหล่อเหลากลับมาเป็นอย่างเคย


 


“ดีเหลือเกิน…”


 


ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความคิดโทษตัวเองหายไปอย่างมาก


 


แต่เมื่อซือหยูมองดู ความยินดีของเขาก็หายไป หลังจากที่พลังหายไป ร่างของหลิงเสี่ยวเทียนกลับมาเหี่ยวเฉาอีกครั้ง!


 


ซือหยูงุนงง


 


“เกิดอะไรนขึ้นกัน? ทำไมมันทำไม่ได้เล่า?”


 


ในตอนนั้นเอง เสียงของหยุนย่าสีดังขึ้น


 


“เขาเต็มใจมอบเลือดเนื้อเพื่อฟื้นฟูเจ้า…”


 


“เจ้าจะเอาคืนไปได้อย่างไร? เจ้าคิดว่ามันจะง่ายนักรึ?”


 


ซือหยูรู้สึกราวกับได้พบเจอกับผู้ยิ่งใหญ่


 


“ท่านอาจารย์!”


 


“ท่านตื่นแล้วรึ! ได้โปรด ชี้แนะข้าถึงวิธีการช่วยบุรุษผู้นี้ด้วยเถอะ เขาช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ถ้าเขาตายไปข้าคงไม่มีวันสงบใจได้แน่”


 


หยุนย่าสีถอนหายใจ


 


“ข้าก็คิดจะช่วยเพราะข้ารู้สึกนิสัยของเจ้า มีทางเดียวที่จะช่วยเขา เจ้าต้องดูดซับพลังจากอีกโลก! แต่ไม่มีพลังต่างโลกอยู่ในทวีปเฉินหลงหรอก!”


 


ซือหยูได้รับความหวังเดียวขึ้นมา


 


“เช่นนั้นข้าจะไปหาพลังนั่นได้จากที่ใดกัน?”


 


“พลังจากต่างโลกคือพลังที่เจ้าจะได้เมื่อเจ้าทะลวงขอบเขตภูติ! นั่นจะเป็นโอกาสเดียวของเจ้า”


 


ความหวังสุดท้ายของซือหยูดับมอดลง จากขอบเขตอำมฤตไปถึงขอบเขตภูติงั้นรึ? ขอบเขตภูติคือปลายสุดของขอบเขตอำมฤต เป็นตำนานขอบเขตของเหล่าเทพ


 


ซือหยูได้พบเจอกับความยากลำบากในการเป็นผู้คุมสวรรค์ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงขอบเขตภูติเลย และที่สำคัญ หลิงเสี่ยวเทียนยังเหลือเวลาอีกแค่สามเดือน หนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว เหลือเวลาอีกแค่สองเดือนเท่านั้น! เขาจะทะลวงขอบเขตภูติในเวลาแค่สองเดือนได้อย่างไร?


 


“อย่าเพิ่งท้อไป…”


 


หยุนย่าสีพูดขึ้น


 


“ทวีปเฉินหลงกำลังพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การรบกวนของพลังอันยิ่งใหญ่จะทำให้เกิดโอกาสดี เจ้าอาจจะมีโอกาสได้เข้าสู่ขอบเขตภูติ”


 


ซือหยูเริ่มตื่นเต้น หยุนย่าสีมักจะพูดอย่างมีมูลเสมอ เขาไม่เคยพูดเรื่องเกินจริงเลยสักครั้ง ถ้าเขาพูดว่ามีโอกาสล่ะก็…


 


“ข้าจะใช้ชีวิตข้าแลกกับการเข้าสู่ขอบเขตภูติและตอบแทนหลิงเสี่ยวเทียนให้ได้!”


 


ซือหยูทำใจให้เย็นลงและมองสมบัติอื่นที่เหลือ เขาคิดอยู่นานและมองเศษตำราเพลิงระดับตำนาน เขาสร้างร่างเทียมออกมา เขาเชี่ยวชาญในวิชาน้ำแข็งและไม่เหมาะที่จะบ่มเพาะวิชาเพลิง แต่ร่างเทียมนั้นไม่มีวิชาให้บ่มเพาะ เศษตำราระดับตำนานนี้อาจจะเหมาะที่จะใช้กับร่างเทียมก็ได้!


 


ต่อมาคือปีกตระกูลหวัง นี่คือสมบัติจากตระกูลหวัง มันคือสมบัติเทพระดับกลางลำดับต้นๆ! การยักย้ายในระยะสามหมื่นลี้ได้นั้นจะทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามในการท่องไปทั่วทวีป! ซือหยูเริ่มชำระสมบัติเทพอย่างกระตือรือร้น


 


จากนั้นคือเขาแห่งความตาย มันใช้อัญเชิญวิญญาณของคนตายมาได้ เหมาะกับคนที่ครอบครองพลังแห่งความตาย และที่ซือหยูตกใจก็คือมันเป็นสมบัติเทพระดับสูง! สมบัติเทพระดับนี้มีไม่ถึงห้าชิ้นในทวีป!


 


ซือหยูมิอาจจินตนาการถึงพลังของมันได้เลย! แต่โชคไม่ดีนักที่มันไม่เหมาะกับเขา แต่เซี่ยนเอ๋ออาจจะใช้ได้ก็ได้! นางมีคุณสมบัติวิหคเพลิงแห่งความตาย จะมีสิ่งใดที่เหมาะกับเซี่ยนเอ๋อไปมากกว่านี้อีกเล่า?


 


สุดท้ายคือเหรียญก้นบึ้งมังกรเก้านรก…นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้เป็นผู้คุมสวรรค์!


 


ซือหยูกำเหรียญในมือ แววตาเป็นประกาย


 


“ผู้คุมสวรรค์…”


 


“รอข้าก่อนเถอะ!”


 


ฟึ่บ–


 


ซือหยูพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของมหาสมุทรกว้างใหญ่ ส่วนที่อีกทาง ฉินเซี่ยนเอ๋อกับเซี่ยจิงหยูก็กำลังไปในที่เดียวกัน พวกเขาจะได้พบเจอกันอีกครั้งที่ก้นบึ้งมังกรเก้านรกหลังจากที่แยกจากกันมานานหรือไม่?

 

 

 


ตอนที่ 403

 

ท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ท่ามกลางหมู่เมฆา ผืนกินคล้ายเกาะมรกตตั้งตระหง่าน


 


เหล่าสัตว์อสูรร่อนเร่อยู่ในเกาะแห่งนี้ หุบเขาทอดยาวตลอดเหนือลงใต้แบ่งเกาะเป็นสอง หุบเขานั้นลึกจนไม่เห็นเบื้องล่าง ความลึกเช่นนี้ราวกับจะกลืนกินแม้กระทั่งสายตาของผู้จ้องมอง ที่นี่สัมผัสได้ถึงความรกร้าง เก่าแก่


 


มันคือเกาะโบราณที่มีประวัติอันยาวนาน หุบเขาลึกอันลึกลับซับซ้อนได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่หลายยุคสมัย


 


บุรุษผมโลหิตผ่านมวลเมฆา แผ่นหลังของเขามีปีกที่เบาบางราวกับหมอกยาวหมื่นศอก เมื่อเขาสะบัดปีกเขาก็เดินทางได้สามหมื่นลี้ในทันที เขาคือซือหยูที่รีบรุดเดินทางมาหลายวัน


 


ซือหยูร่อนลงบนเกาะและมองลงไปยังหุบเขา เขาหยิบเหรียญก้นบึ้งมังกรเก้านรกออกมา แววตาไม่สบายใจนัก


 


“ที่เรียกว่าก้นบึ้งมังกรเก้านรกก็คือหุบเขาลึกหลายแสนศอกนี่น่ะรึ?”


 


ซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองลงไปยังก้นหุบเขา เขาใช้เนตรวิญญาณเพ่งมองลงไปหมื่นศอก จากนั้นแสนศอก จากนั้นร้อยล้านศอก แม้จะใช้จนถึงสามแสนลี้ เขาก็ยังคงมองไม่เห็นก้นเหว! ซือหยูตกตะลึง ก้นบึ้งที่นี่เป็นที่แบบใดกัน?


 


ในตอนนั้นซือหยูไหล่แข็งทื่อ มีมือชองคนแก่เฒ่าวางลงบนไหล่ของเขา


 


ซือหยูตัวสั่นและชาไปทั้งตัว มีคน…อยู่ข้างหลังเขา!


 


เป็นไปได้ยังไง? เขาใช้เนตรวิญญาณไปเมื่อครู่มองเห็นทั้งเกาะทะลุปรุโปร่ง นอกจากสัตว์อสูรที่ไม่อันตรายแล้วเขาก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่น แต่แม้ว่าเขาจะมองพลาดไป เขาก็ระวังตัวอยู่เสมอ เนตรวิญญาณทำให้เขามองเห็นทุกสิ่งโดยรอบ


 


แต่มีอยู่หนึ่งคนที่รอดพ้นไปจากเนตรวิญญาณของเขาและปรากฏตัวจากข้างหลัง! เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมาที่หน้าผาก


 


ซือหยูข่มความกลัวและพูดอย่างใจเย็น


 


“ท่านผู้เฒ่า ท่านต้องการอะไรหรือมไม่?”


 


เขาพูดและหันไปช้าๆ หางตาเขาเหลือบเห็นชายแก่ที่มีผมยุ่งและร่างกายอันสกปรก เขามีกลิ่นเหล้าและยิ้มเยาะให้ซือหยู


 


“ฮ่าๆๆๆ!”


 


เขาหัวเราะ


 


“น้องชาย เจ้าเป็นคนที่ขโมยเหล้าข้าไปใช่หรือไม่?”


 


ขโมยเหล้างั้นรึ?


 


ซือหยูส่ายหน้าเบาๆ เขาหันไปตอบ


 


“ข้าไม่ได้ขโมยไปเลย”


 


ชายแก่ที่มึนเมาเข้ามาใกล้และสูดดมลมหายใจของซือหยู เขากระซิบอย่างผิดหวัง


 


“เจ้าไม่มีสินะ เจ้าไม่มีจริงๆ! หรือว่าจะเป็นเจ้าปีศาจตัวเล็กนั่น?”


 


ฟึ่บ–


 


ในตอนนั้นเอง มีเงาร่างมนุษย์ปรากฏขึ้น! มันคือวิชาร่างเทียมพันลี้ของขอบเขตกึ่งเทพ


 


“ไอ้แก่!”


 


“ออกมาก่อเรื่องอีกแล้วเรอะ!”


 


เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของชายในเงา เขาเตะชายแก่ที่มัวเมาขณะก่นด่า ชายแก่ลืมลงกับพื้น หัวของเขากระแทกกับศิลาก้อนยักษ์


 


ฟึ่บ–


 


หัวของชายแก่ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย แต่ศิลาก้อนยักษ์กลับหายไปในทันที! ใช่แล้ว มันหายไป…มันไม่แตกหรือกลายเป็นฝุ่นผง มันแค่หายไปเฉยๆ!


 


ซือหยูเบิกตากว้าง เขามือสั่น ร่างกายนั่นน่ากลัวมาก!


 


ซือหยูนึกถึงตอนที่ชายแก่วางมือลงบนไหล่ของเขาก็ทำให้ซือหยูกลัวยิ่งกว่าเดิม! ฝ่ามือนั่นทำให้เขาตายได้อย่างแน่นอน!


 


“ไอ้แก่ เป็นศิษย์ของเจ้ามันลำบากนัก!”


 


ชายหนุ่มพยุงชายแก่ให้ยืนขึ้น


 


“ข้าต้องคอยตามล้างตามเช็ดเจ้าอยู่เรื่อย! บัดซบ! โชคชะตาอะไรกันที่ข้าต้องมาได้อาจารย์อย่างเจ้า!”


 


ซือหยูมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสับสน ชายในร่างเงาเป็นศิษย์ของชายแก่! แต่ถ้าศิษย์อยู่ในขอบเขตกึ่งเทพ…เช่นนั้นอาจารย์ก็ต้องเป็น…


 


ขอบเขตภูติ!


 


ซือหยูอ้าปากค้าง ชายขี้เมาเป็นยอดฝีมือในขอบเขตภูติ!


 


ร่างเงาพุ่งเข้ามาหาซือหยู


 


“น้องชายโปรดอย่าถือสาพวกเรา”


 


เขาขอโทษขอโพย


 


“ไอ้แก่ทำให้เจ้าต้องกลัว ขอโทษจริงๆที่รบกวนเจ้า”


 


จากนั้นเขาจึงเตรียมจะจากไปพร้อมกับพยุงชายแก่


 


“เดี๋ยวก่อน!”


 


ซือหยูหยิบเหรียญก้นบึ้งมังกรเก้านรกออกมา


 


“พี่ชาย ข้าจะใช้เหรียญนี้ได้ยังไงรึ?”


 


อีกฝ่ายเพ่งตามอง เขาเบิกตากว้าง


 


“บัดซบ! เจ้าพวกโสเภณีจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้สร้างเหรียญโง่ๆนี่มาอีกแล้ว!”


 


อีกฝ่ายโกรธอย่างมาก ร่างเงาโยนชายแก่ออกไป


 


ปั้ง–


 


ชายแก่กระแทกกับพื้น เขากลิ้งไปตามภูเขาที่ลาดชัน ความเร็วนั้นไม่ได้ลดลงเลย เขากลิ้งไปจนถึงตีนเขา


 


ปั้ง–


 


ปั้ง ปั้ง–


 


ปั้ง ปั้ง ปั้ง–


 


ร่างกับโรยรากระแทกทุกสิ่งรวมถึงต้นไม้และก้อนหินลงสู่เบื้องล่าง


 


ซือหยูเบิกตากว้างจากทุกแรงกระแทกที่เกิดขึ้น


 


“ไม่ต้องห่วง”


 


ชายหนุ่มพูด


 


“ไอ้แก่นั่นมันหนังหนา”


 


เขาปล่อยให้อาจารย์ของตัวเองกลิ้งลงจากยอดเขาไปจนถึงร่องสมุทร


 


ในทะเล ชายแก่ไม่ได้บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เขากอดหินก้อนใหญ่และพูดด้วยความเมามาย


 


“หึหึ ข้าจับได้แล้ว เหล้า เหล้าของข้า…”


 


“น้องชาย เจ้าชื่ออะไรรึ?”


 


ชายในร่างเงาถามอย่างเป็นกันเอง


 


ซือหยูเอานิ้วแตะจมูก


 


“ข้าจะเรียกท่านว่าอย่างไรดี? แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่กับผู้เฒ่าในเกาะนี้ล่ะ?”


 


ชายในร่างเงาลูบหัว


 


“ฮ่าๆๆ! ดูสิ! ข้าคือกังต้าเหล่ย อาจารย์กับข้าอยู่ในเกาะนี่เพื่อเฝ้าดูแลก้นบึ้งมังกรเก้านรก”


 


เฝ้าดูแลก้นบึ้งมังกรเก้านรกรึ? ซือหยูตกใจ


 


“ข้า…ราชาปีศาจหิมะทมิฬ…”


 


ซือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“สวัสดีพี่…กัง”


 


กังต้าเหล่ยลืมตากว้าง


 


“อะไรนะ? เฮ่ยซื่อม่อจวินรึ?”


 


กังต้าเหล่ยแปลฉายาของซือหยู


 


“สกุลเจ้าคือเฮ่ยซื่อรึ? บัดซบ! ทำไมข้าไม่มีชื่อดีๆแบบนั้นบ้าง? แต่ข้าก็มีไม่ได้แล้วสิ…มันเป็นของเจ้าแล้ว!”


 


ซือหยูปากบิดเบี้ยว มิใช่ว่าธรรมดาเข้าใจว่า ‘ราชาปีศาจหิมะทมิฬ’ เป็นฉายาที่ไม่ใช่ชื่อหรอกรึ?


 


“เฮ่ยซื่อม่อจวิน เฮ่ยซื่อ ม่อจวิน หืม ชื่อเจ้าดีจริงๆ ข้าชอบใจนัก!”


 


กังต้าเหล่ยตบไหล่ซือหยู ดวงตาของเขาเป็นประกาย


 


“ข้าชอบคนที่มีนามอันยิ่งใหญ่ยิ่งนัก ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นสหายข้า ต่อไปเจ้าจะได้เป็นพี่น้องกับข้า!”


 


ตาซือหยูแทบจะหลุดออกจากเบ้า! คนคนนี้พิสดารไม่ต่างกับอาจารย์ขี้เมาของเขา! แม้กังต้าเหล่ยจะดูหยาบๆ เขาก็ตรงไปตรงมาและโอบอ้อมอารี ซือหยูคิดกับเขาในแง่ดี


 


“ข้าขอบคุณพี่ต้าเหล่ยที่นับถือข้าเช่นนั้น…”


 


“เรียกข้าว่าหิมะทมิฬเถอะ”


 


กังต้าเหล่ยหัวเราะ


 


“ฮ่าๆๆ! น้องชายหิมะทมิฬ! ถ้ามีคนมาหาเรื่องเจ้า เจ้ามาหาข้าได้ ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเอง ถ้าข้าจัดการไม่ได้ ไอ้แก่อาจารย์ข้าก็ยังทำได้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เอาล่ะ ข้าจะไม่รบกวนน้องหิมะทมิฬแล้ว…โอ้ เดี๋ยวก่อน”


 


กังต้าเหล่ยเคาะหัวให้กับความเขลาของตัวเอง


 


“ดูสิ ข้าเกือบจะลืมไปแล้ว!”


 


พรึ่บ–


 


กังต้าเหล่ยเร็วราวอัสนี เขาพาซือหยูไปที่ตีนเขาในพริบตา ที่นี่มีถ้ำใต้ดินที่มีลมอุ่นพัดออกมา


 


“เจ้าไปชำระกายในนั้นก่อนที่จะเข้าก้นบึ้งมังกรเถอะ…”


 


“ด้วยนี่ เจ้าจะรู้สึกสบายมากกว่าในก้นบึ้งมังกร”


 


ซือหยูไม่เข้าใจ


 


“พี่ต้าเหล่ย พี่หมายความว่ายังไงรึ?”


 


กังต้าเหล่ยตอบ


 


“ปัดโถ่! นี่คือลมหายใจมังกรของก้นบึ้งมังกร มังกรอสูรถูกจองจำอยู่ในส่วนลึกที่สุดของก้นบึ้งมังกร ทั้งก้นบึ้งมังกรมีแต่ลมหายใจของมัน ถ้าคนธรรมดาเข้าไป ลมหายใจมังกรก็จะเข้าร่างได้ง่ายๆ พลังกายกับพลังวิญญาณเจ้าจะปนเปื้อน แม้จะเป็นข้าก็ไม่ต่างกัน ถ้าเจ้ารีบเข้าไป เจ้าจะสำลักลมหายใจมังกรไม่ต่ำกว่าครึ่งวันจนต้องออกมา!”


 


แม้แต่กึ่งเทพก็มิอาจเข้าไปได้ง่ายๆรึ?


 


มังกรอสูรที่ต้องใช้ยอดฝีมือขอบเขตภูติในการเฝ้าดู ฐานพลังของมันจะน่ากลัวเพียงใดกัน?


 


“นี่เป็นรังของจักรพรรดิสัตว์อสูรในขอบเขตกึ่งเทพ…”


 


กังต้าเหล่ยพูดต่อ


 


“ก่อนที่ข้าจะย่างจักรพรรดิสัตว์อสูรในนี้กิน มีสายพลังธรณีอยู่ข้างใน ดูดซับพลังธรณีจะเป็นผลดีกับกายเจ้า แล้วมันก็ยังป้องกันพลังอสูรให้เข้าสู่ร่างเจ้าได้ นั่นจะช่วยให้เจ้ามีภูมิคุ้มกันต่อลมหายใจของมังกรอสูร ในอดีตข้าใช้สระพลังไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกครึ่ง เจ้าเอาไปเลย ไม่ต้องมากพิธีหรอก”


 


ซือหยูตกตะลึง จักรพรรดิสัตว์อสูรกึ่งเทพถูกชายคนนี้ย่างกินไปแล้ว!


 


แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาตกใจเรื่องนั้น หลงเฟยหยูไม่เคยพูดถึงสิ่งที่เรียกว่าลมหายใจมังกรในก้นบึ้งมังกรเก้านรก ซือหยูดีใจที่ได้พบกับกังต้าเหล่ยที่เป็นมิตรกับเขาอย่างประหลาด


 


ซือหยูขอบคุณกังต้าเหล่ยและเข้าสู่ถ้ำ


 


ถ้ำนี้ไม่ลึกและยังคงมีรังสีพลังอันแข็งแกร่งของจักรพรรดิสัตว์อสูรอย่างเข้มข้น!


 


สระโค้งที่มีวารีสีโลหิตตั้งอยู่ในปลายสุดของถ้ำ พลังอันอบอุ่นที่ปะทุออกมานั้นทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย


 


ซือหยูหายใจเอาพำลังเข้าไป ความอบอุ่นหลั่งรินเข้าสู่ร่างของเขา


 


ปั้ง ปั้ง–


 


ซือหยูตกใจหลังจากพบว่าพลังนั้นเข้าสู่หัวใจแก่นแท้น้ำแข็ง หัวใจน้ำแข็งของเขาแข็งแกร่งขึ้นและเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง! หลายส่วนในร่างดูจะแข็งแรงขึ้นอย่างประหลาดและต่อเนื่อง และมันเกิดขึ้นจากการที่เขาแค่สูดลมหายใจเข้าไป! นี่น่ะรึสายพลังธรณี? ผลที่ได้นั้นน่ากลัวยิ่งนัก!


 


กังต้าเหล่ยพูดอย่างเรียบเฉิยจนซือหยูไม่ได้สนใจมากนัก ใครจะไปคิดว่ามันจะทรงพลังเช่นนี้?


 


ซือหยูเลิกระวังตัว เขาใช้นิ้วช้อนหยดพลังขึ้นมากลืนกินไปหนึ่งหยด


 


ซือหยูเบิกตากว้างในทันที! แม้ว่ามันจะเป็นของเหลวที่อบอุ่น แต่เมื่อเข้าสู่ร่างมันก็แผดเผาอย่างบ้าคลั่ง…ราวกับเพลิงพิโรธที่ยังไม่ดับมอด! ความร้อนระอุแผ่ทั่วร่าง เขากำลังจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน!


 


แย่แล้ว! เขาประมาทเกินไป! สำหรับกังต้าเหล่ย หยดวารีพวกนี้ไม่มีค่าพอจะพูดถึงด้วยซ้ำ แต่กับซือหยู…มันฆ่าเขาได้!


 


แม้ซือหยูจะกระวนกระวาย เขาก็ยังเข้มแข็งเพราะเขารู้ว่าจะรับมือกับมันยังไง


 


เขารีบหยิบกล่องหยกออกมา มันมีสมุนไพรเทพที่เย็นยะเยือกที่แข็งแกร่งจนเขาชีวิตเขาไปได้!


 


ในอดีต ซือหยูเคยกินขนรากของมันที่หนาเท่าเส้นผมและเกือบจะแข็งตาย ตั้งแต่นั้นมาซือหยูก็ยังไม่ถึงระดับที่เขาจะใช้มันได้ เขาจึงเก็บมันเอาไว้ ตอนนี้เขาอยู่ในอันตรายเช่นนี้ การกินมันอาจจะเป็นหนทางในการเอาตัวรอด!


 


ซือหยูหยิบสมุนไพรเทพเยือกแข็งออกมา เขาดึงขนรากหนึ่งเส้นและกินมัน


 


ความเย็นอันน่าตกใจเข้าสู่ร่างและแช่แข็งเพลิงพิโรธในกาย


 


เฮือก—


 


ซือหยูเป็นอิสระจากความเจ็บปวดและหายใจเข้าลึก แต่เขาก็ตระหนักในทันทีว่าพลังความเย็นนั้นแข็งแกร่งเกินไป หลังจากที่มันดับเพลิงพิโรธในกายไปแล้ว มันก็เริ่มคร่าชีวิตของซือหยูโดยการแช่แข็งตัวเขาเป็นน้ำแข็ง!


 


เป็นไปได้ยังไง? ซือหยูครุ่นคิด


 


เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตาในดวงตา พลังของสมุนไพรเทพเยือกแข็งนั้นแข็งแกร่งเกินไป ซือหยูไม่รู้เลยว่าถ้าเขากินมันไปเยอะกว่านี้เขาจะเป็นยังไง ถ้าเขากินเยอะกว่านั้นอีกนิดเดียว เขาก็จะทำให้ร่างกายเป็นอันตราย


 


ไม่! จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!


 


ซือหยูช้อนหยดพลังธรณีอย่างรวดเร็วและใช้พลังความร้อนกดความเย็นเอาไว้! แต่ในครั้งนี้มีพลังความร้อนเยอะเกินไป ซือหยูไม่มีทางเลือกนอกจากกินสมุนไพรเทพเยือกแข็งอีกครั้ง!


 


ด้วยวงจรเช่นนี้ ใบหน้าของซือหยูดำคล้ำ แม้เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ไร้ซึ่งน้ำตา ซือหยูยังคงต้านพลังร้อนเย็นอย่างต่อเนื่อง เกิดทั้งความรู้สึกเจ็บปวดและผ่อนคลายสลับไปมา ครั้งหนึ่งร่างของเขาเย็นยะเยือก ต่อมาเขาก็ถูกแผดเผาด้วยเพลิงร้อนระอุที่แทบจะเผาชีวิตของเขาไป ร่างของเขาถูกชำระล้างด้วยพลังสองชนิดอย่างต่อเนื่อง!


 


ผ่านไปหนึ่งวันเต็ม เก้าในสิบส่วนของพลังธรณีถูกซือหยูดื่มไปแล้ว! ส่วนสมุนไพรเทพในมือก็ถูกกินไปมากจนเหลือแค่สองใบ!


 


ซือหยูแผ่กับพื้น เขาเหนื่อยล้าอย่างมาก หลังจากที่ทรมานตัวเองมาทั้งวันทั้งคืน เขาก็ช่วยชีวิตตัวเองไว้ได้!


 


พลังทั้งสองชนิดปะปนอยู่ในร่าง ร่างกายของเขาเริ่มคุ้นชินกับมัน พลังธรณีและพลังน้ำแข็งเริ่มไม่มีผลกับร่างกายของเขาแล้ว


 


แม้ว่ามันจะเป็นภัยต่อชีวิต มันก็มิใช่อันตราย ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาพยายามดันมือเพื่อยกตัวเองขึ้นจากพื้น


 


ฟึ่บ–


 


เกิดเรื่องประหลาดขึ้น! พื้นหินที่อยู่ใต้ฝ่ามือของซือหยูกลายเป็นเถ้าถ่าน! และมีบางส่วนก็หายลับไป…เหมือนกับที่ชายแก่ประหลายเคยทำ!


 


“นี่มัน…”


 


ซือหยูตกตะลึง


 


เขากำหมัดแน่น พลังอันมหาศาลเอ่อล้นออกมาในหมัดของเขา!


 


“ร่างกายข้า…”


 


ซือหยูแทบจะกัดลิ้นตัวเอง


 


“นี่มัน…ร่างกายที่มีแต่ผู้คุมสวรรค์จะมี! ไม่สิ…มันอาจจะไม่ต่างกันมาก แต่มันเหมือนกับระดับราชามนุษย์เสียมากกว่า!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม