The Divine Nine Dragon Cauldron 384-390

ตอนที่ 384

 

“มีม่านพลังที่คณะวิหคเพลิงแห่งนี้ ถ้าคนนอกบุกเข้ามา ศิษย์ที่ควบคุมม่านพลังก็จะรับรู้!”


 


ซือหยูสีหน้าเปลี่ยนไป


 


“ท่านจ้าวคณะ ข้าพูดเรื่องจริงแน่นอน! เจ้าเมืองอันยี่อยู่ที่นี่! ข้าแนะนำให้ท่านเรียกศิษย์ที่ดูแลม่านพลังมาเดี๋ยวนี้เลย! คนคนนั้นจะต้องรู้อะไรแน่!”


 


จ้าววิหคเพลิงประหลาดใจมาก หรือพูดอีกอย่างก็คือนางถูกศิษย์ของตัวเองทรยศโดยปล่อยให้คนนอกเข้ามา! และแขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นั้นยังเป็นเจ้าเมืองอันยี่ผู้ทรงพลัง


 


หยินหยูนั้นไม่มีเหตุที่จะต้องโกหกนาง เป็นการดีที่จะเชื่อคำพูดของเขา!


 


“มู่เทียนฟาง! จับตัวลี่เว่ยกวงที่ดูแลม่านพลังเดี๋ยวนี้!”


 


นางสั่งมู่เทียนฟางและรีบออกไปจากห้องง สถานการณ์ในตอนนี้นั้นเร่งด่วน


 


ซือหยูรู้สึกตื่นตระหนกเช่นกัน และเขายังมีเรื่องบาดหมางอยู่กับเจ้าเมืองอันยี่ จ้าววิหคเพลิงรีบสั่งรวมตัวสตรีวิหคเพลิงทั้งสิบและศิษย์หลักต่างๆ ในพริบตาในโถงคณะวิหคเพลิงก็เต็มไปด้วยผู้คน


 


บรรยากาศตึงเครียดและน่าเป็นห่วง ไม่มีใครรู้ว่าทำไมอาจารย์ของคนจึงรวบรวมพวกนางมาที่นี่ ในตอนนั้นหน่วยลาดตระเวนก็เข้ามาอย่างดุดัน มู่เทียนฟางอยู่ด้านหน้า นางพาตัวศิษย์มาหนึ่งคน นางทั้งหวาดกลัวและกระวนกระวาย ทั้งร่างของนางสั่นเมื่อเห็นจ้าววิหคเพลิง


 


ซือหยูสับสน คนผู้นี้ทั้งเคารพนับถือและหวาดกลัวจ้าววิหคเพลิงอย่างมาก นางจะกล้าปล่อยให้คนอื่นเข้ามาในดินแดนของตัวเองได้ยังไง?


 


“เจ้าให้เจ้าเมืองอันยี่เข้ามาที่นี่ใช่หรือไม่?”


 


จ้าววิหคเพลิงถามด้วยความเย็นชา


 


ปั้ง–


 


ลี่เว่ยกวงคุกเข่าลงกับพื้น นางหน้าซีด เหงื่อเย็นๆแตกพลั่ก


 


“ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะท่านจ้าวคณะ!”


 


เป็นเรื่องจริง!


 


จ้าววิหคเพลิงใจหาย! นางรู้สึกอึดอัดใจ


 


“ข้าดูแลเจ้าเป็นอย่างดีมาตลอด!”


 


“เจ้าทำไปทำไมกัน?”


 


ลี่เว่ยกวงกัดฟันราวกับกำลังขัดขืนกับอะไรบางอย่าง นางหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว


 


“ท่านจ้าวคณะ ข้าถูกบังคับ! ข้าถูกวางยาโดยคนคนหนึ่ง ถ้าหากข้าไม่ทำตามคำสั่ง พิษก็จะถูกทำงาน และข้าก็จะตาย….”


 


มีคนบงการนาง!


 


จ้าววิหคเพลิงทุบโต๊ะและยืนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว


 


“ใครกัน?”


 


นางขึ้นเสียง


 


ลี่เว่ยกวงอ้าปากจะพูดแต่ในตอนนั้นร่างของนางก็ขยายราวกับลูกโป่งและระเบิดเสียงดัง! เนื้อหนังและโลหิตกระจายไปทั่ว พิษในกายของนางทำงาน!


 


ใครทำเรื่องนี้กัน?


 


“หึหึ…”


 


ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะดังมาจากเหนือดินแดนวิหคเพลิง


 


“คนที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือคนทรยศ…”


 


“ข้าช่วยเจ้าชี้แนะศิษย์ชั่วเองก็เพราะข้ากังวลจนเกินไป โปรดให้อภัยข้าเถอะ!”


 


ฟึ่บ–


 


ร่างของจ้าววิหคเพลิงราวกับภาพลวง นางหายไปจากโถง ซือหยูก็ลากร่างที่บาดเจ็บออกไปเช่นกัน ชายวัยกลางคนลอยอยู่กลางอากาศด้วยรอยยิ้ม


 


เขาคือเจ้าเมืองอันยี่! ซือหยูจะลืมผู้นำตระกูลตู่ที่ต้องการให้เขาตายได้อย่างไร?


 


เส้นผมของจ้าววิหคเพลิงร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง แววตาอันอ่อนโยนของนางในตอนนี้ดุร้าย


 


“เจ้าเมืองอันยี่รึ?”


 


“เจ้ามาโดยไม่ได้รับเชิญและแอบเข้ามาในที่ของข้า เจ้าไม่คิดจะอธิบายก่อนจะออกไปงั้นรึ!”


 


เจ้าเมืองอันยี่ซ่อนมือไว้ในชุด สีหน้าของเขาเย็นชา เขายิ้มเยาะ


 


“ข้ามาก็เพราะได้ยินถึงศิษย์อันยอดเยี่ยมที่เจ้ามี ท่านจ้าวคณะเองก็งดงามไม่มีใครเทียบ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อเชิญให้พวกเจ้าทุกคนช่วยสืบสานนามของตระกูลตู่ต่อไป”


 


ตระกูลตู่เกือบจะสูญหายไปเพราะคลื่นสัตว์อสูร ไม่มีคนตระกูลตู่ในเมืองอันยี่เหลือมากนัก การสืบวงศ์ตระกูลต่อไปนั้นเป็นสิ่งกดดัน แต่เขาก็คิดจะดูหมิ่นทุกคนที่นี่


 


ซือหยูมองดูรอบๆ เนตรวิญญาณของเขามองผ่านทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกขุนเขา บ้านเรือน และก้อนซิลา ทุกสิ่งในระยะสามพันลี้ไม่รอดพ้นไปจากสายตาเขา ซือหยูเห็นมันทั้งหมด


 


ตอนนั้นเอง ซือหยูเบิกตากว้าง ที่ระยะพันห้าร้อยลี้ ในป่ารกนั้นได้ซ่อนกองทัพใหญ่เอาไว้ มีคนที่นั่นสองหมื่นคน! และยังมีสองผู้คุมสวรรค์! ซือหยูจำได้หนึ่งคน!


 


ฮั่นเจียงหลิน! เขามาด้วย!


 


จากนั้นซือหยูก็จำขุมกำลังในพันธมิตรร้อยดินแดนได้อีก! ตระกูลหลิน ตระกูลเฟิง ตระกูลเซิง และแม้แต่ตระกูลอู๋หยางกับอู๋หยางยูซินก็อยู่ในกองทัพ!


 


ซือหยูไม่เคยเห็นผู้คุมสวรรค์อีกคน คนผู้นั้นเต็มไปด้วยผมหงอกขาวราวกับหิมะ แววตาของเขาเยือกเย็นอย่างมาก อากาศเย็นยะเยือกล้อมรอบกายของเขา


 


มีคนผมขาวที่ใช้น้ำแข็งเพียงคนเดียวในบรรดาผู้คุมสวรรค์ในทวีปแห่งนี้! นั่นก็คือจ้าวแห่งหอสดับหิมะ! ข้างหลังเขาคือกองทัพของคนหมื่นคน ทุกคนเป็นศิษย์จากหอสดับหิมะ! พวกเขาซุ่มอยู่ในป่าเตรียมกองทัพเพื่อที่จะโจมตีคณะวิหคเพลิงโดยตรง


 


ในตอนนั้นเอง แววตาของจ้าวหอสดับหิมะดุร้ายขึ้น เขามองมาทางซือหยู


 


ฮั่นเจียงหลินสัมผัสได้ว่าจ้าวแห่งหอสดับหิมะเปลี่ยนไป เขาจึงถาม


 


“มีอะไรรึท่านจ้าวหอสดับหิมะ?”


 


จ้าวหอสดับหิมะหรี่ตา เสียงของเขาเย็นชา


 


“ดูเหมือนจะมีคนแอบมองพวกเรา! พวกเราอาจจะถูกเจอตัวแล้ว!”


 


ฮั่นเจียงหลินขมวดคิ้ว


 


“ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องลงมือให้เร็วขึ้น! เราจะไปที่นั่นก่อน ท่านไปเจอพวกเราที่คณะวิหคเพลิง”


 


ฮั่นเจียงหลินสั่งกองทัพข้างหลังเขา


 


“ฆ่าทุกคนที่กล้าหยุดเรา!”


 


จากนั้นเขาก็บินไปกับจ้าวแห่งหอสดับหิมะ


 


ที่คณะวิหคเพลิง


 


ซือหยูชักสีหน้า


 


“ท่านจ้าวคณะ ไม่ต้องไปเสียเวลากับเขา เขากำลังยื้อเวลา! ฮั่นเจียงหลินกับจ้าวหอสดับหิมะกำลังจะมาที่นี่ พวกเขานำกองทัพสองหมื่นคนมาด้วย พวกนั้นมาเพื่อที่จะทำลายคณะวิหคเพลิง!”


 


อะไรนะ? ฮั่นเจียงหลินกับจ้าวหอสดับหิมะงั้นรึ?


 


จ้าววิหคเพลิงท่าทีเปลี่ยนไปทันที นางรีบสั่งอย่างรวดเร็ว


 


“ฟังคำสั่งข้า ศิษย์แห่งคณะวิหคเพลิง! เตรียมทำสงคราม!”


 


มันเกิดขึ้นเร็วมาก! สงครามครั้งใหญ่มาโดยไม่บอกกล่าว เหล่าศิษย์ต่างตกใจแต่ก็ใจเย็นลงในเวลาต่อมา พวกเขารวมตัวกันเพื่อปกป้องคณะวิหคเพลิง จ้าววิหคเพลิงปล่อยรังสีอันไร้ปรานี


 


“ข้าจะฆ่าเจ้าก่อน! เจ้าเมืองอันยี่!”


 


เจ้าเมืองอันยี่สีหน้าบิดเบี้ยว เขามองไปยังเจ้าของเสียงและพบว่าคนพูดคือหยินหยู! คนคนเดียวกับที่ฆ่าลูกชายเขาและคนตระกูลตู่ไปต่อหน้าต่อตา!


 


“นี่เจ้า! ไอ้เด็กบัดซบ!”


 


เจ้าเมืองอันยี่โกรธแค้น แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความชิงชัง


 


ครั้งแรกในเมืองอันยี่ ซือหยูฆ่าคนตระกูลตู่ไปมากมาย และซือหยูก็ยังมาทำแผนของเขาพังอีก!


 


“ข้าจะฆ่าเจ้า”


 


เจ้าเมืองอันยี่ตะโกนและพุ่งเข้าใส่ซือหยูด้วยตาแดงก่ำ


 


ตู้ม–


 


แต่ก็เพลิงร้อนระอุพุ่งเข้ามาทำให้เขาต้องถอยกลับ


 


จ้าววิหคเพลิงใช้สมบัติเทพที่รูปลักษณ์เป็นแหวนเพื่อปกป้องซือหยูที่อยู่ข้างหลังนาง สมบัติเทพนั้นเป็นสมบัติแห่งคณะวิหคเพลิง มันคือกงล้อวิหคเพลิงตะวัน! และด้วยสายโลหิตวิหคเพลิงอัคคีของจ้าววิหคเพลิง พลังของมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด


 


“สตรีวิหคเพลิงทั้งหมดจงฟัง!”


 


“สังหารคนคนนั้นกับข้า! ใช้ทุกอย่างที่พวกเจ้ามี!”


 


จ้าววิหคเพลิงใช้กงล้อวิหคเพลิงตะวันเข้าไปโจมตี


 


การต่อสู้ระหว่างผู้คุมสวรรค์มักจะเกิดขึ้นไม่นาน ศิษย์ระดับธรรมตารู้สึกได้แต่พลังมหาศาลแต่มิอาจเห็นทุกอย่างได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


 


ครืน—


 


ปั้ง—


 


ภาพติดตาของนักสู้สองคนเต็มนภาเมื่อแลกกระบวนท่าใส่กัน สิบกระบวนท่าต่อมา….


 


อั่ก—


 


ร่างหนึ่งกระเด็นไปข้างหลังและกระอักเลือด เขาคือเจ้าเมืองอันยี่ อกของเขาถูกฉีกกระชากและเต็มไปด้วยโลหิต


 


“จะ–เจ้า เจ้ากำลังจะเป็นอำมฤตระดับห้าขั้นกลาง! เจ้ากำลังอยู่ในระดับราชาของมนุษย์!”


 


ระดับราชาแห่งมนุษย์หรืออำมฤตระดับห้าขั้นกลางนั้นเหนือกว่าอำมฤตระดับห้าขั้นต้นทุกคน ความต่างนั้นราวฟ้ากับเหว เพราะถึงกับถูกเรียกว่าราชาแห่งมนุษย์ ส่วนอีกระดับคือผู้คุมสวรรค์


 


“เจ้ารู้ช้าไปแล้ว!”


 


จ้าววิหคเพลิงตะโกน


 


จิตสังหารของนางพุ่งจนถึงขีดสุด นางงโจมตีโดยไม่มีใครมองตามทัน สตรีวิหคเพลิงทั้งสิบรายล้อมเจ้าเมืองอันยี่เตรียมจะลงมือ


 


เจ้าเมืองอันยี่ประหลาดใจ ข้อมูลที่เขาได้รับมานั้นผิดพลาด พลังของจ้าววิหคเพลิงแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้อย่างมาก!


 


“โอสถโลหิตจันทรา! ระเบิดซะ!”


 


เจ้าเมืองอันยี่คำรามลั่น เขาขว้างของวัตถุทรงกลมสีแดงออกมา


 


จ้าววิหคเพลิงชักสีหน้า


 


“นั่นมันสมบัติเทพระเบิด!”


 


“อันตราย! ถอยออกมา!”


 


แต่มันก็สายไปแล้ว! วัตถุสีแดงระเบิด แรงระเบิดไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีของผู้คุมสวรรค์เลย


 


จ้าววิหคเพลิงไม่เป็นอะไร แต่สตรีวิหคเพลิงทั้งสิบถูกคลื่นแรงระเบิดจนกระเด็นและกระอักเลือด พวกนางล้วนบาดเจ็บอย่างรุนแรง มีแค่เฟิงเซี่ยนกับยู่หลิงที่บาดเจ็บเล็กน้อย นางทั้งสองคนมีโลหิตไหลออกมาจากมุมปาก


 


เจ้าเมืองอันยี่ใช้โอกาสนี้หันหนีออกไป


 


จ้าววิหคเพลิงตามทันแต่ก็มีรังสีอันน่ากลัวของสองคนพุ่งเข้ามา! หนึ่งคนหน้าตาหล่อเหลา ส่วนอีกคนเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง


 


สามขุมกำลังใหญ่แห่งทวีปและสองผู้คุมสวรรค์อยู่ในที่เดียวกัน!


 


จ้าววิหคเพลิงหยุด สีหน้านางหม่นหมอง


 


“เจ้าคิดจะทำให้ทวีปนี้โกลาหลงงั้นเรอะ?”


 


“ก่อสงครามโดยไม่ประกาศไม่ต่างกับการลอบโจมตี! พวกเจ้าไม่มีความละอายใจเลยงั้นรึ?”


 


สามขุมกำลังมักจะอยู่ในสถานะที่ถ่วงดุลกัน แต่ใครจะไปคิดว่าหอสดับหิมะที่แข็งแกร่งที่สุดจะร่วมมือกับพันธมิตรร้อยดินแดนเล่า?


 


ฮั่นเจียงหลินถอนหายใจแรง


 


“เป็นเจ้าที่ดื้อด้านปฏิเสธการก่อตั้งของพันธมิตรอุดรทวีปและขัดขวางการหลอมรวมเป็นปึกแผ่นของทวีป เจ้านั่นแหละเป็นคนที่ผิดบาป! การกำจัดคณะวิหคเพลิงคือความตั้งใจของทุกขุมกำลัง!”


 


พันธมิตรอุดรทวีปนั้นคือการรวมสามขุมกำลังเข้าด้วยกันและสร้างผู้ปกครองคนใหม่ที่มีอำนาจเหนือทวีปตอนเหนือทั้งหมด


 


จ้าววิหคเพลิงขึ้นเสียง


 


“ไร้สาระ! พวกเจ้าก็แค่อยากจะทำลายตำหนักรองของอาณาจักรทมิฬ ทำไมคณะวิหคเพลิงจะต้องไปทำเรื่องไร้สาระที่ไม่มีวันสำเร็จของพวกเจ้าด้วย?”


 


ซือหยูตกใจ พันธมิตรอุดรทวีปคิดจะกำจัดตำหนักรองของอาณาจักรทมิฬงั้นรึ?


 


เขาคิดย้อนกลับไปในตอนที่ฮั่นเจียงหลินรวบรวมตระกูลจากเมืองพันธมิตรเข้ามารวมตัวพูดคุยกัน แม้แต่อู๋หยางหลงผู้เย็นชาก็มีสีหน้าลำบากใจหลังจากการพูดคุยครั้งนั้น ท่าทางของเขาประหลาดอย่างมาก หรือว่าฮั่นเจียงหลินจะยุ่งอยู่กับการรวมตระกูลต่างๆจากในร้อยดินแดนเพื่อเตรียมการในวันนี้กัน?


 


“พูดไปก็ไร้ประโยชน์!”


 


จ้าวหอสดับหิมะดุร้ายอย่างมาก ดวงตาเยือกเย็นของเขามองทุกสิ่งเบื้องล่าง


 


“คณะวิหคเพลิงจะต้องถูกทำลายในวันนี้!”


 


“บุก!”


 


ฮั่นเจียงหลินตะโกน


 


เขากับจ้าวแห่งหอสดับหิมะและเจ้าเมืองอันยี่ที่บาดเจ็บลงมือพร้อมกัน!


 


ผู้คุมสวรรค์ทั้งสามคนต่อหนึ่ง ผลที่ออกมาก็คงจะไร้คำถาม! การต่อสู้นี้เกิดขึ้นไม่ถึงสามวินาที


 


อั่ก–


 


สตรีคนหนึ่งร่วงหล่นมาจากเมฆา นางกระอักเลือดมาตลอดทาง มีกระบี่น้ำแข็งทะลุอยู่ที่ท้องของนาง


 


“ท่านจ้าวคณะ!”


 


เหล่าศิษย์ตะโกนอย่างโกรธแค้น


 


เฟิงเซี่ยนกับยู่หลิงบินขึ้นฟ้าและช่วยรับจ้าววิหคเพลิง พวกนางรู้ในทันทีว่าอาจารย์กำลังบาดเจ็บอย่างร้ายแรง กระบี่น้ำแข็งแทบจะเอาชีวิตของนางไป!


 


จ้าววิหคเพลิงโกรธแค้นและเจ็บปวดอย่างมาก คณะวิหคเพลิงจะถูกลบหายไปในวันนี้จริงๆงั้นรึ?


 


เหนือเมฆา ฮั่นเจียงหลินและคนที่เหลือปลดปล่อยจิตสังหารออกมาและใช้โอกาสนี้โจมตี


 


“ฆ่านางซะ!”


 


เขาตะโกน


 


จ้าววิหคเพลิงกัดฟันแน่น กงล้อวิหคเพลิงตะวันในมือกลายเป็นตะวันแผดเผาพุ่งไปยังท้องนภา!


 


“เก้าตะวันสวรรค์ลุกไหม้!”


 


ตู้ม–


 


กงล้อวิหคเพลิงตะวันตะเบิดเสียงดัง มันกลายเป็นบอลเพลิงที่คล้ายกับดวงตะวันเก้าดวง


 


ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

 

 


ตอนที่ 385

 

ตะวันทั้งเก้าลอยไปยังนภาและผนึกผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเอาไว้อย่างรวดเร็ว


 


ฮั่นเจียงหลินหวาดกลัวตต่อตะวันร้อนระอุที่เข้ามาผนึกพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดเพราะมันมีพลังที่จะเผาพวกเขาได้ทั้งเป็น


 


“นางทำลายสมบัติเทพของตัวเองเพื่อผนึกพวกเรา!”


 


“ดื้อด้านนัก! แต่มันจะผนึกพวกเราได้นานเท่าใดกัน? พวกเราจะรอดออกไปได้รึ!”


 


เมื่อสมบัติเทพระดับกลางทำลายตัวเอง พลังมันจะลดลง มันมิอาจขังพวกเขาได้ตลอดไป!


 


จ้าววิหคเพลิงโกรธแค้นเต็มหัวใจ นางตะโกน


 


“เฟิงเอ๋อ เอาโอสถมาให้ข้า! ถึงข้าจะต้องตาย ข้าก็จะสู้กับพวกมันจนถึงที่สุด!”


 


“ท่านอาจารย์โปรดหนีไปเถอะ!”


 


ยู่หลิงพูดอย่างร้อนใจ นางโศกเศร้าและสะอื้น แม้นางจะเป็นคนที่เยือกเย็นและหยาบคาย แต่จ้าวคณะก็เป็นที่นางนับถือที่สุดจากหัวใจ


 


“พวกเราจะช่วยท่านหยุดพวกมันเอง! ถ้าหนึ่งคนไม่พอ พวกเราสิบคนก็จะช่วยด้วย ถ้าสิบคนยังไม่พอ พวกเราร้อยคนก็จะช่วยด้วย ถ้าหากร้อยคนไม่พอก็ยังมีอีกหมื่นคนที่เต็มใจจะตายเพื่อแลกกับท่านอาจารย์!”


 


เสียงตะโกนนี้มีผลกับจิตใจของศิษย์สตรีทั้งหมื่นคน


 


“พวกเราจะสู้จนตัวตายเพื่อท่านอาจารย์!”


 


พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ–


 


เหล่าหญิงสาวผู้งดงามทั้งหมื่นคนคุกเข่าลงกับพื้น พวกนางตะโกนสุดเสียง


 


“ท่านอาจารย์ได้โปรดหนีไปเถอะ!”


 


“ท่านอาจารย์โปรดหนีไป!”


 


“หนีไป!”


 


เสียงของคนนับหมื่นดังพร้อมกันจากทั้งนอกและในคณะวิหคเพลิง


 


จ้าววิหคเพลิงนั้นใจกว้างต่อเหล่าศิษย์จนถึงขั้นที่เหล่าศิษย์รักในตัวนาง ในยามวิกฤติ ศิษย์ทุกคนของนางเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตนาง เสียงอันดังก้องเหล่านี้สั่นคลอนนภาทั่วปราการวิหคเพลิง


 


“พวกเจ้ามันโง่เง่า!”


 


จ้าววิหคเพลิงพูดเสียงสั่น


 


“พวกเจ้ามีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น พวกเจ้าไม่เข้าใจงั้นรึ?”


 


บรรยากาศอันเศร้าหมองปกคลุมนภา ศิษย์หลายคนร้องไห้ไปตามๆกัน แม้พวกนางจะกลัวตาย พวกนางก็กลัวจ้าวคณะจะตายก่อนมากกว่า


 


“ข้าขอสั่งศิษย์ทุกคนของข้า!”


 


แววตานางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางเจ็บปวด


 


“ทุกคนจงหนีไปเดี๋ยวนี้! นับแต่วันนี้ไป คณะวิหคเพลิงจะ…ปลดประจำการ!”


 


นางพูดคำสุดท้ายด้วยสติที่แทบจะหลุดลอย นางดูแก่ลงกว่าเดิมไปสิบปี ความรู้สึกโศกเศร้าและเจ็บปวดกัดกินหัวใจของนาง คณะวิหคเพลิงที่ตั้งตระหง่านดั่งหอคอยยักษ์มาหลายร้อยปีกำลังจะพลังทลายขณะที่อยู่ในยุคสมัยของนาง!


 


ยู่หลิงร้องไห้จนเสียงหายไป


 


“ท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ไปไหน! ถ้าท่านตายข้าก็จะตายไปกับท่าน ถ้าท่านสู้ข้าก็จะสู้ไปกับท่าน!”


 


ท่ามกลางหายนะ ยู่หลิงเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา แววตานางเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง


 


“ท่านอาจารย์ดูแลข้าตั้งแต่ยังเล็กในยามที่ข้าไร้ที่พึ่งพิง ท่านคือคนคนเดียวที่ข้าจะต้องปกป้อง! ข้าจะทิ้งท่านไปได้ยังไง?”


 


ความรู้สึกที่แท้จริงของนางนั้นหนักหนาดั่งขุนเขาแต่ก็อบอุ่น เหล่าศิษย์นับไม่ถ้วนประทับใจคำพูดของนาง พวกนางมองหน้ากันด้วยความเศร้าหมอง


 


“พวกเราเต็มใจจะสู้เพื่อท่านจ้าวคณะ!”


 


“สู้เพื่อท่านจ้าวคณะ!”


 


“ถ้าคณะวิหคเพลิงยังอยู่ พวกข้าก็ยังอยู่เช่นกัน ถ้าคณะวิหคเพลิงตกตาย พวกเราก็จะตกตายไปพร้อมกัน!”


 


เหล่าหญิงสาวล้วนเด็ดเดี่ยว! พลังของสตรีนับหมื่นหลอมรวมเป็นหนึ่งราวกับเหล็กกล้า แม้แต่จ้าววิหคเพลิงกับผู้คุมสวรรค์ทั้งสามก็ตัวสั่นด้วยพลังใจเหล่านั้น!


 


แม้แต่ซือหยูก็ตกตะลึง เขาประทับใจกับเหล่าหญิงสาวของคณะวิหคเพลิง เขาไม่เคยเห็นขุมกำลังใดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันถึงขนาดจะสละชีวิตเพื่อผู้นำได้


 


ซือหยูมองจ้าววิหคเพลิงจึงเข้าใจ


 


“ถ้าท่านอยู่ที่นี่ คณะวิหคเพลิงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ท่านคือคณะวิหคเพลิง”


 


ตราบเท่าที่จ้าววิหคเพลิงยังมีชีวิตอยู่ ศิษย์และผู้ติดตามของนางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ จ้าววิหคเพลิงดวงตาสั่นระริก นางสะอื้นไห้และพูดอะไรไม่ออก


 


“ท่านอาจารย์ ข้าเอาโอสถมาแล้ว”


 


เฟิงเซี่ยนย่อตัวลงและเอาขวดหยกออกมา


 


สีหน้าของนางไร้อารมณ์ตามเดิมแม้อาจารย์ของนางจะอยู่ในยามวิกฤติ ตัวนางไม่เข้ากันกับบรรยากาศของคณะวิหคเพลิงในตอนนี้เลย นางหยิบโอสถขึ้นมา มันดูเหมือนโอสถที่มักจะใช้รักษาบาดแผลและมีพลังอันบริสุทธิ์


 


“ขอบคุณนะเฟิงเอ๋อ”


 


จ้าววิหคเพลิงเงยหน้าดื่มโอสถ นางลูบหน้าผากของเฟิงเซี่ยนอย่างใจดี


 


“ข้าขอโทษที่ต้องให้เจ้าใช้ฎีกาสวรรค์รักษาข้า”


 


พลังอันบริสุทธิ์นั้นรักษาบาดแผลของทุกคนได้ แต่มันก็ต้องใช้ฎีกาสวรรค์ของเฟิงเซี่ยนอยู่เล็กน้อย


 


เฟิงเซี่ยนก้มหน้า สีหน้าของนางบริสุทธิ์ผุดผ่อง


 


“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก อย่างไรท่านก็เป็นอาจารย์ของข้า และยิ่งไปกว่านั้น…”


 


เฟิงเซี่ยนยิ้มอย่างเคย แต่รอยยิ้มครั้งนี้แปลกไป มันเยือกเย็นและมีจิตสังหารซ่อนเร้นเอาไว้


 


“เพราะอย่างไรท่านอาจารย์ก็จะตายที่นี่วันนี้! ให้พลังอันบริสุทธิ์ของข้าเป็นสิ่งตอบแทนที่ท่านอาจารย์บ่มเพาะข้าเถอะ!”


 


ทันใดนั้นจิตสังหารอันรุนแรงนั้นก็ทำให้เหล่าสตรีวิหคเพลิวรอบๆสับสน เฟิงเซี่ยนเป็นอะไรกัน?


 


อ๊าย—


 


ในตอนนั้น จ้าววิหคเพลิงร้องด้วยความเจ็บปวดและกุมท้องของตัวเอง นางพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ


 


“ฐานพลังข้า! ที่เจ้าให้ข้ามันไม่ใช่โอสถรักษา!”


 


เฟิงเซี่ยนยิ้มเยาะ


 


“นั่นไม่ใช่โอสถอยู่แล้ว นั่นคือโอสถนพอาสัญที่ข้าตั้งใจปรุงเพื่อท่านอาจารย์โดยเฉพาะ!”


 


ทุกคนชักสีหน้า!


 


โอสถนพอาสัญรึ? โอสถโบราณที่ทำให้แม้แต่อำมฤตระดับห้าก็สูญเสียฐานพลังไปได้น่ะรึ?


 


สูตรปรุงนั้นเป็นของที่ตระกูลเหยาเก็บเอาไว้! แต่ข่าวลือมิได้บอกหรอกรึว่าโอสถนี้ขาดพลังลึกลับที่ทวีปเฉินหลงไม่มี? ดังนั้นมันจึงไม่มีทางปรุงได้มิใช่รึ? ทำไมกัน….? ทำไมโอสถนี้ถึงไปอยู่ในมือเฟิงเซี่ยนได้?


 


ซือหยูราวกับถูกสายฟ้าฟาด แววตาเขาเยือกเย็น


 


“คนที่บงการให้โจวจิ้งขโมยสูตรปรุงยาของตระกูลเหยาคือเจ้า!”


 


ผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารผู้คนอย่างเหี้ยมโหดและปรุงโอสถในบ้านไม้หลังนั้น…กลับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก..เฟิงเซี่ยน!


 


ใครกันจะไปคิดว่าเป็นฝีมือนาง? คนที่ทำเรื่องนี้นั้นโหดร้ายป่าเถื่อนและมีมือเปื้อนโลหิต ส่วนนางนั้นดูสูงส่งและบริสุทธิ์


 


“ฮ่าๆ…”


 


เฟิงเซี่ยนหัวเราะ ใบหน้าบริสุทธิ์ของนางบิดเบี้ยว เมื่อนางยิ้มเยาะ ทำให้มันดูน่ากลัว!


 


“รู้ความจริงตอนนี้ก็สายไปแล้ว! เพื่อปรุงโอสถนี่ ข้าทำการทดลองมาตลอดหลายปี ท่านอาจารย์รู้สึกเช่นไรรึ? ท่านพอใจหรือไม่?”


 


เฟิงเซี่ยนยิ้มเยาะอย่างน่าอัปลักษณ์ นางก้มหน้ามองจ้าววิหคเพลิงที่ฐานพลังกำลังหายไป แม้เฟิงเซี่ยนจะดูบริสุทธิ์ในเบื้องหน้า แต่นางคืออสรพิษร้าย!


 


จ้าววิหคเพลิงทุกข์ทรมาน ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว


 


“ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้?”


 


เฟิงเซี่ยนถอนหายใจแรง


 


“แน่ล่ะ ก็เพราะว่าท่านไม่เข้าใจกาลเวลายังไงล่ะ? ทวีปกำลังจะรวมเป็นปึกแผ่น แต่ท่านก็ยืนกรานที่จะขัดขวาง แม้ข้าจะเป็นศิษย์ท่าน ข้าก็ปรารถนาจะยืนข้างฝ่ายธรรมะ!”


 


คำพูดของนางมีแต่เรื่องไร้เหตุผล!


 


ทันใดนั้นท้องนภาก็เกิดเสียงดังลั่นราวกับมีอะไรกระแทกกับพื้น สามผู้คุมสวรรค์ได้หลุดจากพันธนาการของตะวันทั้งเก้าแล้ว


 


ฮั่นเจียงหลินหัวเราะดังลั่น


 


“เฟิงเซี่ยน ทำดีมาก!”


 


“หลังจากที่ทวีปแห่งนี้เป็นปึกแผ่น พวกเราคงวางใจให้เจ้าได้ปกครองคณะวิหคเพลิง”


 


เฟิงเซี่ยนหัวเราะ


 


“ขอบคุณเจ้าพันธมิตรฮั่น จ้าวหอสดับหิมะ และเจ้าเมืองอันยี่ที่เห็นค่าของข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด ข้าจะกุดหัวนางและจบสงครามอันไร้จุดหมายนี่ซะ!”


 


จิตสังหารปกคลุมดวงตาเฟิงเซี่ยน นางเอื้อมมือคว้าลำคอของจ้าววิหคเพลิง


 


ในตอนนั้น ซือหยูกับสตรีวิหคเพลิงอยู่ข้างนางแต่ซือหยูบาดเจ็บและห่างออกไปร้อยศอก และพลังมิติยังถูกผนึกเอาไว้เพราะดวงตาที่มืดบอด เขามิอาจช่วยนางได้!


 


แม้ยู่หลิงจะอยู่ใกล้ที่สุด นางก็เป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นต้น นางจะทำอะไรเฟิงเซี่ยนที่เป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงได้กัน?


 


ฐานพลังของจ้าววิหคเพลิงกำลังสลาย และนางก็เจ็บหนัก นางยิ้มอย่างโศกเศร้า


 


“แม้ข้าจะมีดวงตา แต่ข้าก็มิอาจแยกแยะถูกผิดได้ ข้าคงได้แต่โทษตัวเองสินะ…”


 


นางหัวเราะให้กับตัวเองและหลับตาด้วยความเศร้า


 


ฟึ่บ–


 


โลหิตกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง


 


จ้าววิหคเพลิงลืมตาขึ้น นางเห็นยู่หลิงยืนอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยโลหิตของยู่หลิงยิ้มอย่างโศกเศร้า


 


“ท่านอาจารย์”


 


“ข้าขอ..ไป…ก่อน…”


 


หลังของนางถูกทะลวงด้วยฝ่ามือของเฟิงเซี่ยน หัวใจของนางแหลกเป็นเสี่ยงๆ


 


“ยู่หลิง!”


 


เหล่าศิษย์ที่รีบพุ่งเข้ามาเบิกตากว้าง


 


“เฟิงเซี่ยน! นังโสเภณี! เจ้าต้องแหลกเป็นชิ้นๆ!”


 


สตรีนับหมื่นจับจ้องเฟิงเซี่ยนเป็นตาเดียวราวกับคลื่นยักษ์


 


เฟิงเซี่ยนชินชาไร้อารมณ์ ใบหน้านางดูเยือกเย็นอย่างมากเมื่อมีโลหิตของยู่หลิงเปรอะใบหน้า


 


“ชิ! อยากจะเป็นวีรสตรีงั้นรึ? อย่ามากไปหน่อยเลย!”


 


ปั้ง–


 


เฟิงเซี่ยเตะร่างไร้วิญญาณของยู่หลิงและบีบคอจ้าววิหคเพลิงอีกครั้ง หากจ้าววิหคเพลิงตายไป ความสามัคคีของเหล่าศิษย์ก็คงจะสูญสลายไปเช่นกัน


 


แต่ในตอนนั้นก็มีฝ่ามือเวหาซัดเข้ามา!


 


เฟิงเซี่ยนตกใจและมีเวลาแค่สร้างชั้นพลังวิญญาณบางๆขึ้นมาป้องกันเท่านั้น


 


เพี๊ยะ–


 


เสียงดังลั่นมาพร้อมกับเฟิงเซี่ยนที่ถูกตบอย่างแรง รอยฝ่ามือโลหิตปรากฏที่ใบหน้าของนาง แรงนั้นมหาศาลจนนางกระเด็นและกระอักเลือดออกมา


 


ซือหยูพุ่งเข้ามาอย่างโกรธแค้น โลหิตพุ่งพล่านด้วยความโกรธ ร่างที่เจ็บหนักของเขาเลวร้ายกว่าเดิมเพราะฝ่ามือที่ตบลงไป โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก


 


“เจ้า!”


 


เขาตะโกน


 


“พอได้แล้ว! นังโสเภณี!”


 


ซือหยูไม่เคยขยะแขยงในสตรีมากถึงเพียงนี้! นางสมคบคิดกับศัตรูทรยศต่อสำนัก หลอกลวงอาจารย์ และสังหารบรรพบุรุษสายโลหิตวิหคเพลิงของตัวเอง สุดท้ายนางก็คิดจะสังหารอาจารย์ของตัวเองที่นางติดหนี้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยมือตัวเอง!


 


นางดูตระการตาในเบื้องหน้า นางบริสุทธิ์ผุดผ่อง และนางยังมีฎีกาสวรร์พิสุทธิ์! แต่เบื้องหลังของนางนั้นคือความโหดร้ายป่าเถื่อน หลายคนขนลุกด้วยความโกรธแค้นในหญิงสาวคนนี้!


 


ทั้งสองชีวิตที่ผ่านมา เฟิงเซี่ยนคือผู้หญิงที่ซือหยูรังเกียจมากกว่าใครอื่น! ผู้หญิงเช่นนี้ คำว่า “โสเภณี” ยังมีเพียงพอที่จะบรรยายความรังเกียจของซือหยูได้มากพอด้วยซ้ำ!


 


“เจ้าตบข้าเรอะ?”


 


เฟิงเซี่ยนกุมแก้มร้อนผ่าวและจ้องซือหยูอย่างดุร้าย!


 


นางเป็นสตรีผู้สูงส่ง ชายใดกันที่ไม่นับถือนาง? ซือหยูเป็นบุรุษคนเดียวที่ทำให้นางอับอายเมื่อก่อนหน้านี้ และตอนนี้เขายังกล้าตบหน้านางต่อหน้าทุกคน! ใบหน้านางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น


 


จิตสังหารของซือหยูโอบล้อมทุกพื้นที่


 


“ตบเจ้าเรอะ?”


 


เขาคำราม


 


“ข้าอยากจะฆ่าเศษขยะอย่างเจ้าทิ้งต่างหาก!”


 


เฟิงเซี่ยนหัวใจแทบหยุดเต้น นางมองซือหยูหัวจรดเท้า ใบหน้าของซือหยูซีดเผือด ดูเหมือนว่าเขาจะยังบาดเจ็บรุนแรงอยู่ แต่นางก็มิอาจคาดเดาได้ว่าซือหยูยังสู้ได้แค่ไหน นางย้อนคิดถึงตอนที่ซือหยูสังหารเฉินคงและตัวสั่น นางบินขึ้นนภาเพื่อหนีจากซือหยู นางคิดว่าซือหยูคงเป็นดั่งยอดฝีมืออื่นที่จะไม่เข้ามายุ่งในเรื่องภายใน แต่เขากลับ–


 


ครืน ปั้ง–


 


ในตอนนั้น ตะวันทั้งเก้าดวงถูกสลัดจนหมดสิ้น ผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเป็นอิสระแล้ว!


 


พลังอันน่ากลัวปกคลุมพื้นที่ตลอดสามสิบลี้ รังสีพลังที่ปลดปล่อยพลังอย่างเดียวก็ทำให้ศิษย์ในคณะวิหคเพลิงหมดใจที่จะต่อสู้


 


จ้าววิหคเพลิงบาดเจ็บสาหัส ฐานพลังของนางหายไป ซือหยูเจ็บหนัก เขาเพียงแค่ดูแข็งแกร่ง แต่ภายในตอนนี้นั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก


 


กำลังใหญ่สองหมื่นคนกำลังจะเข้ามาถึงชายแดน และสามผู้คุมสวรรค์ก็หลุดจากพันธนาการ สถานการณ์จะสิ้นหวังไปมากกว่านี้ได้อีกรึ?


 


จ้าววิหคเพลิงดึงเสื้อของซือหยู แววตาเศร้าหมองนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาจากความเจ็บปวด


 


“หยินหยู นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องทำอะไร…”


 


“ได้โปรดรีบหนีไปเถอะ”


 


สำนักกำลังจะถูกทำลายเพราะนาง ศิษย์ของนางกำลังจะถูกเข่นฆ่าเพราะนาง นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง?


 


ซือหยูส่ายหน้าปฎิเสธ แม้เขาจะตัวซีดราวกับคนตาย เขาก็ยังดูหนักแน่นดังเดิม


 


“ท่านจ้าวคณะ ท่านช่วยข้าในตอนที่ข้าลำบาก ข้าจะเดินหนีไปจากที่นี่ได้อย่างไร? หยุดพูดและดูแลร่างกายของท่านเถอะ ก่อนที่ผลของโอสถจะกระจายไปทั่วร่าง ขับมันออกจากร่างเสียยังดีกว่า ท่านอาจจะยังมีหวังกับฐานพลัง”


 


“แล้วเจ้าล่ะ?”


 


จ้าววิหคเพลิงถามอย่างไม่ทันคิด


 


ซือหยูเงยหน้ามองสามผู้คุมสวรรค์ พวกเขาดูราวกับจันทราบนนภา ซือหยูหัวเราะ


 


“แน่ล่ะ ข้าจะสู้จนถึงที่สุด!”


 


“ข้าคนเดียวก็สู้กับสามคนนั่นได้!”

 

 

 


ตอนที่ 386

 

จ้าววิหคเพลิงหัวเราะอย่างขมขื่น


 


“เจ้า…เจ้าพยายามมากไปแล้ว”


 


คนอื่นนั้นไม่รู้สภาพร่างกายของซือหยู แต่นางนั้นรู้ดี เสียการมองเห็นไปและมิอาจใช้เนตรสวรรค์ได้อีก เขาจะรับมือกับเหล่าผู้คุมสวรรค์ได้อย่างไร? และซือหยูยังบาดเจ็บสาหัสอีก ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับกระบวนท่าเดียวจากหนึ่งคนได้หรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสามเลย


 


ซือหยูเงยหน้าและถอนหายใจ


 


“ข้ามีทางเลือกด้วยรึ?”


 


ฮั่นเจียงหลินกับเจ้าเมืองอันยี่…ใครกันที่ซือหยูไม่โกรธแค้นชิงชัง? ใครกันที่ไม่มีเรื่องบาดหมางกับซือหยู—ที่ซือหยูจะต้องไว้ชีวิต?


 


ซือหยูคงต้องตายอยู่ดีแม้เขาจะไม่ได้สู้ โอกาสเดียวของเขาคือต้องสู้! และเขาก็จะตายอย่างแน่นอน


 


ความขมขื่นเอ่อล้นในจิตใจ เขาคิดว่าคณะวิหคเพลิงคือสถานที่ที่เขาจะได้กลับมาอยู่กับเซี่ยนเอ๋ออีกครั้ง แต่เขาไม่คิดเลยว่าที่นี่จะเป็นที่กล่าวคำอำลาสุดท้าย


 


ฮั่นเจียงหลินหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว


 


“ฮ่าๆๆ! หยินหยู  ในที่สุดวันของเจ้าก็มาถึง! เจ้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่หลังจากที่ฆ่าลูกชายของข้าไป? เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ตอนที่ฆ่าศิษย์ของข้า? เจ้ามีการปกป้องจากอาณาจักรทมิฬในอดีต ข้าต้องพบเจอแต่ความอยุติธรรมและทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ตอนมันถึงคราวที่เจ้าต้องรับโทษแล้ว!”


 


เจ้าเมืองอันยี่ที่อยู่ข้างๆหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว


 


“ไอ้เด็กบัดซบนี่ทำเช่นนั้นกับพี่ฮั่นงั้นรึ! มันก็ฆ่าลูกชายข้ากับคนตระกูลข้าไปเหมือนกัน ข้าจะต้องล้างแค้นอย่างแน่นอน!”


 


ทั้งสองมองหน้ากัน เพลิงแห่งความชิงชังแผดเผาในแววตา


 


“เจ้าก่อบาปของเจ้าเองนะหยินหยู”


 


ฮั่นเจียงหลินพูด


 


“นี่จะเป็นวันตายของเจ้า!”


 


เจ้าเมืองอันยี่พูดตาม


 


จ้าวหอสดับหิมะก้มลลงมองเบื้องล่าง


 


“เจ้าคือหยินหยูสินะ เจ้าเป็นคนที่ฆ่าจางซือยื่อกับเว่ยเทียนเฉินจากหอสดับหิมะไปใช่หรือไม่? ฮื่ม! กล้าทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เพราะมีอาณาจักรทมิฬหนุนหลัง! บาปกรรมตามทันเจ้าแล้ว พวกเราจะจับเจ้าเป็นเครื่องเซ่นแก่สวรรค์ในการก่อตั้งพันธมิตรอุดรทวีป!”


 


ผู้คุมสวรรค์ทั้งสามคนกดดันซือหยู ทุกคนต้องการฆ่าเขา!


 


ซือหยูหลับตาและหัวเราะอย่างเงียบๆ ทำเรื่องโหดร้ายงั้นรึ? แล้วฮั่นเจียงหลินชั่วร้ายเพียงใดกันที่ทรยศต่อฉีตงไล่? เจ้าเมืองอันยี่ชั่วร้ายเพียงใดกันที่อยากจะฆ่าเขาอยากไร้เหตุผล? แล้วศิษย์อันน่ารังเกียจทั้งสองจากหอสดับหิมะอีก?


 


ทุกคนที่ซือหยูฆ่าไปล้วนชั่วร้ายและมีความผิด เขาไม่เสียใจแม้แต่น้อย!


 


ซือหยูเงยหน้า ดวงตาแผ่จิตสังหาร


 


“เข้ามาสู้กับข้า! ฆ่าข้า! อย่าคิดว่าเจ้าจะได้สบายใจหลังจากที่ข้าตายไป!”


 


จิตวิญญาณเช่นใดกันที่ทำให้เขากล้าเผชิญหน้ากับผู้คุมสวรรค์ทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียว? ความมุ่งมั่นแบบใดกัน? ความกล้าเพียงใดกัน?


 


หญิงสาวจากคณะวิหคเพลิงคล้อยตามเสียงตะโกนแห่งความเศร้า! พวกนางตายซะยังดีกว่าที่จะไม่ได้ต่อสู้!


 


“เข้ามา! แน่จริงก็เข้ามาฆ่าพวกข้าสิ!”


 


เหล่าหญิงสาวนับร้อยนับพันบินลับขอบนภา เสียงตะโกนสั่นคลอนทั้งแผ่นดิน หญิงสาวผู้อ่อนแอหลายคนพุ่งเข้าใส่สามผู้คุมสวรรค์ที่ลอยอยู่บนนภา แม้ว่าพวกนางจะรู้ว่าพวกนางจะต้องตายอย่างไม่มีวันหวนกลับ!


 


“เข้ามา! สู้กับพวกข้า!”


 


เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวพุ่งไปยังบนนภาราวกับวายุกระหน่ำ


 


สามผู้คุมสวรรค์ถูกรุมล้อมไปด้วยนักสู้หลายพันคน ช่างยิ่งใหญ่นัก! พวกนางจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน!


 


ทั้งสามมองผ่านรอบๆ อันมากมายหลากสีสัน งดงาม และก็น่าเวทนา


 


ดวงตาของจ้าววิหคเพลิงแทบจะหลุดออกจากเบ้า นางกรีดร้อง


 


“ไม่นะ!”


 


ในตอนนั้น คนที่ร่วงหล่น คนที่ตกลงจากฟากฟ้า คนที่แหลกสลาย ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ที่ตายเพื่อนาง!


 


ทั้งสามออกจากวายุกระหน่ำของเหล่าศิษย์คณะวิหคเพลิง สีหน้าของพวกเขาเหยียดหยามเหล่าหญิงสาวที่ขัดขืนอย่างไร้ความหมาย


 


“เจ้าอยากจะสู้เพื่อเกียรติยศด้วยพลังราวกับมดปลวกของพวกเจ้าน่ะรึ?”


 


ฮั่นเจียงหลินเยาะเย้ย


 


“ตายซะ!”


 


ฮั่นเจียงหลินสะบัดมือ หญิงสาวสิบคนถูกพลังวิญญาณแทงทะลุร่าง พวกนางร่วงหล่นราวกับใบไม้! แต่ก็มีหญิงสาวที่มากกว่าพุ่งเข้ามาแทนที่


 


“ท่านอาจารย์หนีเถอะ! เร็วเข้า!”


 


พวกนางตะโกนและพุ่งออกไปข้างหน้า


 


ฉั่วะ–


 


พวกนางพูดจบและก็มีกระบี่น้ำแข็งแทงทะลุร่าง ชีวิตของพวกนางดับมอดลงอย่างรวดเร็ว แต่ศิษย์หลายพันคนผู้ไม่กลัวตายกลับทะยานไปข้างหน้าอย่างเกรี้ยวกราด แต่ไม่ว่าพวกนางจะตายไปมากเท่าใด ก็ไม่มีคนไหนที่ต่อกรกับสามผู้คุมสวรรค์ได้เลย


 


“ท่านอาจารย์ หนีเร็ว!”


 


ศิษย์ที่พ่ายแพ้พูดก่อนตาย พวกนางมองหน้าอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย พวกนางใช้เสียงและพลังชีวิตสุดท้ายในการตะโกนบอกความปรารถนาที่ลึกที่สุดในหัวใจ


 


“ท่านอาจารย์! หนี! เร็ว!”


 


พวกนางสละชีวิตเพียงเพื่อยื้อเวลาให้กับจ้าววิหคเพลิง บุคคลที่พวกนางรักและเคารพ ทั้งโลกเงียบลงราวกับฟ้าดินตกอยู่ในภวังค์


 


เสียงที่มีบนโลกนั้นเหลือเพียงแต่เสียงตะโกนของเหล่าหญิงสาว


 


“ท่านอาจารย์! หนีไป!”


 


จ้าววิหคเพลงร่ำไห้ นางเจ็บปวดและโศกเศร้า


 


ซือหยูประทับใจกับเหล่าหญิงสาวที่ไม่สนใจความเป็นตายของตน เขาประทับใจในการก้าวไปข้างหน้าของพวกนาง! พวกนางล้วนเป็นสุภาพสตรี แต่ก็มีความยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แล้วซือหยูที่เป็นบุรุษจะน้อยหน้าพวกนางได้อย่างไร?


 


ซือหยูหยุดร่างกายให้สั่นด้วยความยากลำบาก


 


“มู่เทียนฟาง ช่วยข้าหน่อย!”


 


เขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง พลังวิญญาณและพลังกายของเขาแทบจะไม่เหลือ เขาไม่มีพลังพอที่จะบิน ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้


 


“พาข้าขึ้นฟ้าทีเถอะ!”


 


เส้นผมสีเงินของซือหยูสะบัดปลิว มู่เทียนฟางตัวสั่น ความตายของพวกพ้องนั้นเสียดแทงจิตใจของนาง ความคิดที่จะสู้จนตัวตายเริ่มเกิดขึ้นในหัว


 


“ท่านอาจารย์ ดูแลตัวเองด้วย!”


 


มู่เทียนฟางพูดปล่อยพลังวิญญาณสร้างปีกพาซือหยูบินขึ้นฟ้า


 


ซือหยูก้มลงมองด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่านี่อาจจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของเขา


 


“ท่านจ้าวคณะ ถนอมตัวด้วย!”


 


“โปรดส่งความปรารถนาสุดท้ายของข้าให้กับเซี่ยนเอ๋อและเจ้าตำหนักหลิง!”


 


ทั้งสองทะยานขึ้นฟ้าท่ามกลางเหล่าหญิงสาวที่ร่วงโรย ไปยังที่ที่พวกนางตกตาย พวกเขาทะยานขึ้นฟ้าไปยังสามผู้คุมสวรรค์!


 


“ทุกคน! ถอยออกมา!”


 


ซือหยูใช้พลังสุดท้ายตะโกน


 


เมฆาสั่นสะเทือนลอยลับหาย เหล่าหญิงสาวหันกลับมามองด้วยความสงสัย


 


“ให้ข้าจัดการเถอะ!”


 


ซือหยูพูด


 


ไม่ว่าพวกนางจะมีจำนวนเท่าใด พวกนางก็ไม่มีวันไปถึงระดับของผู้คุมสวรรค์ พวกนางทำได้แต่เพียงตายอย่างไร้ค่า มีแค่ซือหยูเท่านั้นที่ยังมีโอกาสทำอะไรได้


 


ฟึ่บ–


 


พวกนางเชื่อใจซือหยูอย่างมิอาจอธิบายได้ เขาคือบุรุษผู้สูงส่งผู้ก่อกบฏต่อสวรรค์


 


ซือหยูตัวสั่น เขายื่นมือขวาออกมาและเรียกพลังวิญญาณจากฟ้าดินให้มารวมตัวกัน


 


“อรหันต์แปดอักษร!”


 


พลังวิญญาณทั้งหมดในระยะสามร้อยลี้ต่างเข้ามารวมตัวกันที่ผู้อัญเชิญ มันรวมตัวเหนือศีรษะของซือหยู สร้างอักษร “ปิง” ตัวใหญ่ยักษ์!


 


เสียงสังหารจากฟ้าดินเติมเต็มอักษร มันมากพอที่จะฆ่าเหล่าผู้คุมสวรรค์!


 


สีหน้าดุร้ายของจ้าวหอสดับหิมะประหลาดใจ


 


“เป็นไปไม่ได้!”


 


“วิชาอะไรกันที่มีพลังเช่นนั้น? นั่นมันการตบตารึ?”


 


แต่ในตอนนั้น ฮั่นเจียงหลินเบิกตากว้าง


 


“เร็วเข้า! อย่าให้เขาได้ปล่อยวิชานั้น!”


 


“นั่นเป็นวิชาระดับตำนาน! ข้าเคยเห็นกับตา พลังของมันเหนือจินตนาการ! ข้าไม่เคยรู้มาก่อนแต่ข้ากลับไปอ่านตำราประวัติศาสตร์และยืนยันได้ว่ามันคือวิชาระดับตำนาน!”


 


ฮั่นเจียงหลินใบหน้าเคร่งเครียด


 


เจ้าเมืองอันยี่ชักสีหน้า เขาอ้าปากค้าง


 


“อะไรนะ…? วิชาระดับตำนานเรอะ?”


 


“เร็วเข้า! ฆ่ามันก่อนที่มันจะได้ใช้วิชานั้น!”


 


ฮั่นเจียงหลินตื่นตระหนก เขาพุ่งไปทางซือหยู


 


คำว่า “ปิง” ยังก่อตัวไม่เต็มที่


 


มู่เทียนฟางก้มลงและเบิกตากว้าง


 


“ร่างกายเจ้ากำลังสลาย!”


 


แรงกดดันเพียงใดกันที่ร่างกายต้องแบกรับหลังจากรวบรวมพลังวิญญาณมหาศาลเช่นนี้? ซือหยูใช้วิชานี้ไปแล้วหนึ่งครั้งและใช้พลังกายและพลังวิญญาณจนหมดสิ้น และตอนนี้เขากำลังใช้มันอีก เขาต้องแลกกับการที่ร่างกายถูกทำลาย มันไม่ต่างอะไรกับการตายเลย!


 


ฉั่วะ—


 


ท้องของเขาฉีกออก เห็นกระดูกขาวสะอาด


 


ฉั่วะ–


 


ฉั่วะ—


 


ฉั่วะ–


 


แขน ขา แผ่นหลัง ทั้งหมดฉีกขาดราวกับเต้าหู้ มันแหลกสลายต่อไปไม่หยุด โลหิตกระจายทั่วนภา เขาอยู่ในสภาพปางตาย


 


มู่เทียนฟางไม่รู้จะทำอะไร นางตกใจกลัว


 


“หยุดนะ!”


 


“เจ้าจะฆ่าตัวตายรึไงกัน!”


 


ซือหยูบาดเจ็บหนักจนเกินไป นางช่วยชีวิตเขาไม่ได้


 


ดวงตาที่มืดบอดของซือหยูเด็ดเดี่ยว เขาตอบอย่างติดขัด


 


“ตาย—แสงดับมอด…มิต้องโศกเศร้า…ให้ข้าสู้เถอะ ด้วยท้ายสุดของชีวิต ท้ายสุดของจิตวิญญาณ และโลหิตหยดสุดท้ายของข้า…”


 


อักษร “ปิง” ก่อตัวเสร็จสิ้น! เสียงสังหารแผ่ไปด้วยรังสีทำลายล้าง


 


ตู้ม–


 


ร่างของซือหยูระเบิดในทันที ไม่มีส่วนใดในร่างกายของเขาเลยที่ไม่แหลกสลายยกเว้นส่วนหัว


 


เนื้อภายในเผยออก กระดูกแตกละเอียด ประสาทเสียหาย…เหลือเพียงแค่ศีรษะที่ไม่เป็นอะไรเพราะมันถูกปกป้องไว้ด้วยหม้อเก้ามังกร ร่างของเขาถูกทำลาย เขาเหลือแต่เพียงลมหายใจสุดท้าย อีกเพียงไม่กี่วินาทีเขาจะตาย แต่เขาก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความยากลำบาก มันเป็นยิ้มแห่งความโล่งใจและโศกเศร้า


 


“รับไปซะ!”


 


“ปิง!”


 


อักษร “ปิง” ตัวยักษ์ระเบิดออก เสียงสวรรค์เปลี่ยนทุกสิ่งที่สัมผัสให้กลายเป็นเถ้าถ่ายด้วยพลังทำลายล้าง เมฆา ท้องฟ้า สายลม…ทุกสิ่งมลายหายไม่เหลือสิ่งใด


 


สามผู้คุมสวรรค์ที่พุ่งเข้าใส่ซือหยูชักสีหน้า


 


“เร็วเข้า!”


 


ฮั่นเจียงหลินตะโกน


“ใช้สมบัติเทพป้องกันเถอะ! ไม่งั้นพวกเราไม่เหลือแม้แต่ซากแน่!”


 


สามผู้คุมสวรรค์หยิบสมบัติเทพระดับกลางออกมาด้วยความกลัว


 


ตู้ม–


 


ตู้มข-


 


ตู้ม–


 


แรงกระแทกมหาศาลผ่านไป ท้องนภากลับมาสงบสุขอีกครั้ง เสียงสวรรค์พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน


 


พื้นที่ตลอดหมื่นศอกหลงเหลือเพียงฝุ่นควัน หลงเหลืออยู่แค่เดียว…มนุษย์สามคน!


 


แต่ละคนถือสมบัติเทพในมือ ชุดของพวกเขาฉีกขาด ผิวหนังถูกฉีกกระชาก โดยเฉพาะเจ้าเมืองอันยี่ แขนขวาของเขาหายไป รอยตัดอันคมกริบที่แขนขวาของเขานั้นเต็มไปด้วยโลหิต ชุดของฮั่นเจียงหลินฉีกขาด เขาเจ็บหนักจนกระดูกโผล่ออกมาให้เห็น จ้าวหอสดับหิมะเส้นผมหายไปทั้งหมด ร่างกายทั้งร่างของเขาย้อมไปด้วยโลหิต


 


ทั้งสามอ่อนแอลงและตัวซีด พวกเขาหายใจรวยริน แม้ว่าพวกเขาจะใช้สมบัติเทพในการป้องกันตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความตาย พวกเขาก็หมดพลังวิญญาณและพลังกายไปมาก


 


เพียงคนเดียวทำเรื่องเช่นนี้—ต่อผู้คุมสวรรค์ทั้งสามคน! แม้ว่าซือหยูจะไม่ได้ฆ่าพวกเขา แต่ทั้งสามก็เจ็บหนักจนถึงขั้นที่เป็นบันทึกตะลึงโลก


 


ถ้าซือหยูอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาอาจจะฆ่าทั้งสามคนได้เลย แต่โชคร้ายที่เขาเดินมาถึงปลายเส้นทางแล้ว


 


ร่างซือหยูระเบิดหลังจากใช้วิชา เขาเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย มีแต่ดวงตามืดบอดที่มองไปยังสวรรค์อันสูงส่ง


 


“โชค…ร้าย…นัก…”


 


“ข้ามิอาจช่วยเจ้าได้…”


 


เขาแพ้ในท้ายสุด ซือหยูทำอะไรกับสมบัติเทพระดับกลางที่พวกนั้นใช้ป้องกันตัวไม่ได้ ซือหยูถอนหายใจอย่างน่าเวทนา ราวกับพพลังวิญญาณพยายามจะลากเขาลงไปสู่ก้นบึ้ง เขากำลังจะตายรึ? นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความเยือกเย็นแห่งความตายได้ใกล้ชิดเช่นนี้


 


จ้าววิหคเพลิงเจ็บหนักและกำลังจะตาย ซือหยูก็ใกล้ตายเช่นกัน ชะตาของคณะวิหคเพลิง ชะตาของพวกนางทุกคน ชะตาของสตรีหลายล้านคนถูกตัดสินแล้ว


 


“เจ้าเดรัจฉาน!”


 


ดวงตาของฮั่นเจียงหลินปูดโปน เขาเกลียดชังซือหยูอย่างมาก


 


คนที่เจ็บหนักปางตายกลับทำให้สามผู้คุมสวรรค์ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! เขาสมควรตายเป็นล้านครั้ง!


 


“เจ้าต้องชดใช้!”


 


ฮั่นเจียงหลินพุ่งไปข้างหน้า


 


มู่เทียนฟางโศกเศร้า นางมองฮั่นเจียงหลินด้วยความโกรธแค้นด้วยแววตาสุดท้าย ราวกับนางจะจำใบหน้าของเขาเอาไว้ในโลกหน้า แต่ในตอนนั้นเอง…


 


ตู้ม–


 


เสียงสายลมกระแทกซัดเข้ามา ความเร็วนั้นทำให้มวลเมฆากระจายหาย


 


สามผู้คุมสวรรค์ท่าทีเปลี่ยนไป


 


“นี่มัน…อำมฤตระดับห้า!”


 


มีผู้คุมสวรรค์อีกคนปรากฏตัวขึ้น! หอกยาวปล่อยพลังทำลายล้างออกมาจากระยะสามหมื่นลี้


 


ฮั่นเจียงหลินชักสีหน้า


 


“ระวัง!”


 


หอกนั้นเล็กมาทางพวกเขา!


 


สามผู้คุมสวรรค์ใช้สมบัติเทพอีกครั้ง พวกเขาร่วมมือกันป้องกัน


 


ครืน—


 


อั่ก—


 


สามผู้คุมสวรรค์มิอาจป้องกันตัวเองจากหอกได้ ร่างของพวกเขาถูกแทงทะลุตามด้วยเสียงกรีดร้อง สมบัติเทพในมือกระเด็นลอยออกไป! สมบัติเทพใดกันที่จัดการกับพวกเขาทั้งสามได้เช่นนี้?

 

 

 


ตอนที่ 387

 

สมบัติเทพนั่นอาจจะไม่ต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้งาน และหอกไม่ใช่แค่ทำให้สมบัติเทพของพวกเขากระเด็นออกไป มันยังทำให้พวกเขาบาดเจ็บอีกด้วย!


ฮั่นเจียงหลินตกตะลึง


“หอก! ทลาย! โลกา! นั่นมัน—สมบัติเทพของตำหนักของทวีปนี้ สมบัติเทพของอาณาจักรทมิฬ!”


เจ้าเมืองอันยี่แสดงความหวาดกลัว


“ละ—หลิงเสี่ยวเทียน! เขามาที่นี่!”


จ้าวหอสดับหิมะสีหน้าเคร่งเครียด


“เขามาที่นี่ทำไมกัน?”


เสียงหอกสั่นสะเทือนกำลังพุ่งเข้ามา เงาร่างหนึ่งลอยเหนือหอกนั้น เขาสง่างาม น่าหลงใหล และหล่อเหลา เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิงเสี่ยวเทียน! แต่เทียบกับพลังที่เขาใช้ออกมาเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาดูเยือกเย็นอย่างมาก


หลิงเสี่ยวเทียนพูดเบาๆ


“ล้างสังหารสตรีและทำร้ายคนที่บาดเจ็บ! นี่น่ะรึคุณธรรมของพันธมิตรอุดรทวีป? ช่างเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่นัก!”


เสียงของเขาดังก้องไปทั่วนภา


เพื่อยึดครองทวีปแห่งนี้ พวกเขาลอบโจมตีคณะวิหคเพลิง เรื่องนี้เพียงอย่างเดียวก็เลวร้ายพออยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังสมคบคิดกับเฟิงเซี่ยนเพื่อวางยาจ้าววิหคเพลิงโดยเชื่อว่าเป็นการทำไปเพราะคุณธรรม


ฮั่นเจียงหลินตกใจ


“เจ้ารู้เรื่องพันธมิตรอุดรทวีปได้ยังไงกัน? แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม?”


พรึ่บ–


ทันใดนั้นก็มีสองคนบินออกมาจากกองทัพสองหมื่นคน สองคนนั้นคืออู๋หยางหลงและอู๋หยางยูซิน


พวกเขาลอยหลังหลิงเสี่ยวเทียนด้วยความนับถือและโค้งคำนับ


“สวัสดีท่านเจ้าตำหนัก!”


พวกเขาเรียกหลิงเที่ยวเทียนว่าเจ้าตำหนัก การเรียกเช่นนี้เป็นการเรียกแบบคนอาณาจักรทมิฬ เรื่องราวชัดเจนแล้ว คนตระกูลอู๋หยางเป็นสมาชิกอาณาจักรทมิฬ!


“ตระกูลอู๋หยางทรยศงั้นรึ? กล้าดียังไง!”


ฮั่นเจียงหลินโกรธแค้น!


เห็นได้ชัดว่าหลิงเสี่ยวเทียนรู้แผนการของพวกเขามานานแล้ว!


อู๋หยางหลงตอบช้าๆ


“พวกเราไม่เต็มใจจะฆ่าผู้คนอย่างไร้เหตุผล เจ้าพันธมิตรฮั่นโปรดหยุดการกระทำชั่วร้ายเถอะ”


ฮั่นเจียงหลินสีหน้าหม่นหมอง


“ข้าจะต้องลบนามตระกูลอู๋หยางออกไปให้สิ้….”


อู๋หยางยูซินยังคงใจเย็น


“น่าเสียดายนัก แต่ตระกูลอู๋หยางแปรพักตร์มาหมดแล้ว”


หลิงเสี่ยวเทียนหันไปพูด


“พวกเจ้าสองคนรีบหนีไปเถอะ หาที่หลบภัยซะ!”


“ขอรับ!”


พ่อลูกตระกูลอู๋หยางมองซือหยูและจากไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเป็นสายลับจากอาณาจักรทมิฬ! มันเหนือจินตนาการไปแล้ว!


ซือหยูคิด อาณาจักรทมิฬนั้นปกครองทวีปแห่งนี้ พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? บางทีอาจจะไม่มีแค่เพียงในร้อยดินแดน หอสดับหิมะเองกับคณะวิหคเพลิงก็อาจจะมีสายลับที่อาณาจักรทมิฬส่งมา


หอกทลายโลกาปรากฏขึ้นในมือหลิงเสี่ยวเทียน ทั้งตัวของเขาราวกับสมบัติเทพที่ทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง


“ถอยก่อนเถอะ…”


ฮั่นเจียงหลินพูดขึ้น


“หอกทลายโลกานับว่าเป็นสมบัติเทพระดับกลางที่ดีที่สุด ในมือของหลิงเสี่ยวเทียน นั่นทำให้เขาไม่ต่างจากราชามนุษย์ อย่าไปสู้กับเขาเลย”


ฮั่นเจียงหลินกับที่เหลือหันหลังเตรียมจะหนี แต่หลิงเสี่ยวเทียนก็สะบัดมือซัดหอกออกไป


“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องหนีไปไหนทั้งนั้น!”


หอกทะยานสู่นภา สีหน้าของผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเปลี่ยนไป


“หลิงเสี่ยวเทียน!”


“เจ้าอยากจะสู้งั้นเรอะ? แม้จะต้องเสี่ยงถูกทำลายน่ะเรอะ?”


“ต่อให้เจ้าสามคนตาย ข้าก็อาจจะยังรอด!”


หลิงเสี่ยวเทียนตะโกนเบาๆ


“ระวัง!”


ทั้งสามพยายามป้องกันหอก


ปั้ง–


ทั้งสามเสียสมบัติเทพไปแล้ว หอกทะลวงร่างของพวกเขาทั้งสามเป็นแนวเดียวกับและพุ่งไปปักกับยอดเขา!


ปราการวิหคเพลิงเงียบกริบ น่ากลัวเกินไปแล้ว! แม้ทั้งหมดจะเป็นผู้คุมสวรรค์ พลังของหลิงเสี่ยวเทียนก็มากกว่าทั้งสามคนอย่างมาก! พวกนั้นถูกจัดการอย่างง่ายดาย


พรึ่บ–


หลิงเสี่ยวเทียนพุ่งเข้าไปหามู่เทียนฟางและรับร่างของซือหยูที่บาดเจ็บปางตาย


หลิงเสี่ยวเทียนแววตาเย็นยะเยือกเมื่อมองไปยังร่างที่ถูกทำลายของซือหยู


“พวกนั้นทำกับเจ้าขนาดนี้…ข้าจะเอาคืนมันให้เป็นสิบเท่า!”


หลิงเสี่ยวเทียนโกรธจนถึงขั้นที่ทั้งร่างเปล่งรังสีแห่งความพิโรธออกมา ซือหยูรู้ได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเสี่ยวเทียนรู้ว่าตัวเขาเองโกรธได้มากมายเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ถึงความโศกเศร้าภายในจิตใจหลิงเสี่ยวเทียน


ซือหยูอยู่ที่หน้าหุบเหวแห่งความตาย เขายิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อได้ยินเสียงของหลิงเสี่ยวเทียน สติของเขากำลังหลุดลอย เขากำลังจะตาย กายเนื้อของเขาถูกทำลาย ทุกอย่างจะจากไปหลังจากที่เขาตาย นับจากนี้ไป นามหยินหยูจะกลายเป็นประวัติศาสตร์และความทรงจำอันเปล่งประกายในห้วงเวลา


ไม่มีใครลืมการประลองในงานชุมนุมวิหคเพลิงไปได้ ซือหยูขัดต่อบัญชาสวรรค์และกลายเป็นตำนานราชาที่เหนือกว่าทุกรุ่นในอดีต ไม่มีใครจะลืมผู้ยิ่งใหญ่แห่งทวีปที่ต่อสู้กับผู้คุมสวรรค์สามคนด้วยตัวคนเดียว และด้วยพลังสุดท้ายของชีวิต เขาได้ปล่อยพลังอันน่าตกตะลึงออกมา


ไม่มีใครลืมได้เลยว่าในยุคนี้ ในปีนี้ และในวันนี้ เด็กหนุ่มผู้เป็นราชาได้หายไปจากโลกใบนี้


หลิวเสี่ยวเทียนแบกร่างของซือหยู มือของเขาสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้าของเขา


“ข้าขอโทษ ข้ามาช้า…”


เสียงสั่นเครือเล็ดลอดออกมาจากปาก


หลิงเสี่ยวเทียนโศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง เขาคิดถึงวันนั้นในร้อยดินแดน ซือหยูสง่างามและเปล่งประกายเพียงใดกัน? เขาควรจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่หลิงเสี่ยวเทียนก็พาเขาเข้าสู่อาณาจักรทมิฬ พามายังทวีปแห่งนี้ และยังพาเขามาถึงที่ตาย ในวันนั้น ถ้าหลิงเสี่ยวเทียนปล่อยซือหยูไป แม้ว่าฐานพลังของซือหยูจะยังคงต่ำต้อย เขาก็อาจจะไม่ต้องมาพบเจอกับเรื่องราวโหดร้ายเช่นนี้


ความโศกเศร้า ความรู้สึกผิด ความแค้นและความชิงชังทำให้หลิงเสี่ยวเทียนตัวสั่น ราวกับเขาเสียลูกศิษย์ที่เขาดูแลเป็นอย่างดีไป


“พวกเจ้าทุกคนต้องชดใช้หนี้ครั้งนี้ด้วยเลือด!”


ดวงตาที่น้ำตาคลอของหลิงเสี่ยวเทียนแดงก่ำ เขาจ้องสามผู้คุมสวรรค์ที่อยู่ไกล!


“ตายซะ!”


หลิงเสี่ยวเทียนราวกับราชสีห์ที่โกรธเกรี้ยว จิตใจเต็มไปด้วยความแค้น!


แต่ในตอนนั้นเองจักรวาลก็คำรามพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งที่พุ่งลงมา สองคนนั้นสวมผ้าคุลมแดง พวกเขาดูแก่เฒ่าและเยือกเย็น ฐานพลังของพวกเขาอยู่ในระดับผู้คุมสวรรค์! แต่พวกเขาก็ยังห่างชั้นกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลาง


เขาอายุประมาณยี่สิบห้าปี เขาผิดซีดและไร้อารมณ์ เขาสวมผ้าคลุมดำสนิท เขาสวมมงกุฎหลวง เขากำลังยืนอยู่บนสมบัติเทพอย่างสง่างาม


ที่ทำให้ตกคนตกใจก็คือฐานพลังของเขา เขาเป็นอำมฤตระดับห้าขั้นกลาง!


ฮั่นเจียงหลินกับคนที่เหลือตกตะลึงและไร้คำพูด


“ราชามนุษย์!”


ระดับราชามนุษย์นั้นเหนือกว่าผู้คุมสวรรค์! มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จระดับนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้!


หลิงเสี่ยวเทียนสีหน้าเปลี่ยนไป เขาตาเป็นประกายและคุกเข่าลงกับพื้น


“จ้าวเฉินยิ่ง! ข้าคือเจ้าตำหนักแห่งทวีปนี้”


ผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเบิกตากว้างด้วยความกลัว


“จ้าว…? จ้าวแห่งความมืดลำดับสอง…จ้าวเฉินยิ่ง!”


เจ็ดจ้าวแห่งความมืดคือตัวตนในตำนาน พวกเขาคือยอดฝีมือที่ถูกราชาแห่งความมืดบ่มเพาะด้วยตัวเอง ทุกคนมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ทุกคนมีพลังมหาศาลที่จะทำลายขุมกำลังอันยิ่งใหญ่และสามารถฆ่าล้างทวีปเฉินหลงได้เมื่อรวมตัวกัน


นอกจากราชาแห่งความมืดก็ไม่มีใครที่เหนือกว่าพวกเขา และตอนนี้ตัวตนในตำนานนั้นกำลังปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคน และเขายังเป็นจ้าวเฉินยิ่งอยู่ในลำดับที่สอง!


ความยิ่งใหญ่ของราชามนุษย์และพลังที่แสดงออกมาทำให้ฮั่นเจียงหลินกับคนอื่นไม่กล้าแม้แต่จะหายไป พวกเขาหน้าซีดราวกับคนตาย


ต่อหน้าหลิงเสี่ยวเทียน พวกเขาก็ยังไม่มีหวังจะได้หลบหนี และต่อหน้าจ้าวแห่งความมืด พวกเขาทำได้แค่ตายเท่านั้น!


“เจ้าตำหนักหลิง ดูเหมือนเจ้าจะยังคิดถึงอาณาจักรอยู่บ้างนะ!”


จ้าวเฉินยิ่งร่อนลงมา ดวงตาไร้อารมณ์ของเขาไม่มองผู้ใดเลย นั่นไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจทุกคน แต่เป็นเพราะเขาอยู่ในตำแหน่งอันสูงส่งมานาน นั่นทำให้เขาดูถูกทุกคน


หลิงเสี่ยวเทียนใจหาย


“ข้าภักดีต่ออาณาจักรเสมอมา ข้าไม่เคยละเว้นหน้าที่แม้แต่ครั้งเดียว”


จ้าวเฉินยิ่งเอานิ้วแตะจมูก เขาหรี่ตา


“ใช่รึ? การสังหารผู้ตรวจการไป่ฮีก็นับเป็นความภักดีต่ออาณาจักรรึ?”


อย่างที่คาด เขามาเพราะเรื่องนี้!


หลิงเสี่ยวเทียนโค้งคำนับ


“เขาที่เป็นผู้ตรวจการกับทำลายกฎและพยายามสังหารรองเจ้าตำหนัก เขามีความผิดมหันต์และตามกฎนั่นเอง ข้าจึงใช้สมบัติเทพของข้าทำร้ายเขาอย่างสาสม!”


“เจ้าก็ควรจะรายงานกับอาณาจักร…”


“เจ้าจัดการเรื่องด้วยตัวเองนั้นเป็นการข้ามหน้าข้ามตาคนที่เหนือกว่าเจ้า! แล้วเจ้าก็ยังใช้สมบัติของอาณาจักรตามใจชอบ เจ้าคิดจะก่อกบฏต่ออาณาจักรงั้นรึ?”


จ้าวเฉินยิ่งจ้องมอง


“สมบัติเทพนี้ใช่เบื่อปกป้องตำหนักรอง! ในคราแรกเจ้าใช้มันสังหารผู้ตรวจการ และตอนนี้เจ้ายังใช้มันต่อสู้กับกำลังอื่นอีก! จากที่ข้ามอง เจ้าคิดจะก่อกบฏต่ออาณาจักรอยู่แล้ว!”


หลิงเสี่ยวเทียนพูดด้วยความนับถือ


“ท่านจ้าว โปรดตัดสินอย่างยุติธรรมเถอะ ข้าถูกเหตุการณ์บังคับให้ต้องทำร้ายผู้ตรวจการไป่ฮี และในตอนนี้ข้าก็ได้รับรายงานลับว่ามีกำลังทรราชย์กำลังแอบรวมกลุ่มเพื่อก่อตั้งพันธมิตรอุดรทวีป นี่เป็นอันตรายต่ออาณาจักร ข้าถึงต้องใช้สมบัติเทพ!”


จ้าวเฉินยิ่งมองดูรอบๆอย่างละเอียด สีหน้าของเขาว่างเปล่าไร้อารมณ์


“เจ้าพวกโง่นี่จะต่อกรกับอาณาจักรได้ยังไง! ข้ออ้างของเจ้ามันอ่อนด้อยนัก!”


ความจริงคือสามกำลังใหญ่ก่อตั้งพันธมิตรมานานแล้ว และอาจจะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้! มิเช่นนั้นมันก็คงจะประหลาด เพราะแม้ทั้งสามจะร่วมมือกันก็มิอาจทำอะไรหลิงเสี่ยวเทียนได้ ไม่ต้องพูดถึงกับทั้งอาณาจักรทมิฬเลย!


“หลิงเสี่ยวเทียน…เจ้าใช้สมบัติเทพในเรื่องส่วนตัว นั่นหมายถึงความตั้งใจก่อกบฏต่ออาณาจักร จงถูกจับกุมและอย่าขัดขืน ตามข้ากลับไปยังตำหนักหลัก ให้จ้าวไป่ลั่วได้ลงโทษด้วยตัวเอง!”


เขาถูกจ้าวไป่ลั่วส่งมา!


หลิงเสี่ยวเทียนใจเย็น เขาคิดไว้แล้วว่าวันนี้จะมาถึง


“ข้าขอให้ท่านรอสักครู่จะได้หรือไม่?”


หลิงเสี่ยวเทียนขอร้อง


“หลังจากที่ข้าสังหารคนทรยศทั้งสามแล้ว ข้าจะกลับไปให้ท่านจ้าวตัดสิน”


แต่จ้าวเฉินยิ่งมองผ่านฮั่นเจียงหลินและคนที่เหลือด้วยความเหยียดเหยาม


“ยากนักที่เหล่าแมลงนั่นจะแข็งแกร่งขึ้นมาได้…”


“แล้วจะไปทำอะไรกับพวกมันเล่า? ถ้าเจ้าอยากจะใช้ข้ออ้างในการหนีเจ้าก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! ตามข้ากลับมารับคำตัดสินซะ!”


หลิงเสี่ยวเทียนชักสีหน้า


“แต่ถ้าพวกเราไม่ฆ่าสามทรราชย์ในวันนี้ คณะวิหคเพลิงก็คงจะพบกับความพินาศ! ยากที่จ้าววิหคเพลิงกับศิษย์ทั้งหมื่นคนจะหนีจากการถูกฆ่าได้!”


หลิงเสี่ยวเทียนคุกเข่าอ้อนวอน


“ข้าหวังว่าท่านจะเมตตาไว้ชีวิตผู้คนเหล่านี้!”


จ้าวเฉินยิ่งถอนหายใจแรง


“หลิงเสี่ยวเทียน เจ้าเป็นเจ้าตำหนักของอาณาจักร เจ้ากับกังวลถึงความอยู่รอดของขุมกำลังอื่น แต่เจ้าก็ยังมีหน้ามาพูดว่าเจ้าไม่คิดจะก่อกบฏ!”


เขามองเหล่าหญิงสาวจากคณะวิหคเพลิงที่บาดเจ็บล้มตาย เขามองจ้าววิหคเพลิงที่ตกอยู่ในอันตราย และกองทัพสองหมื่นคนที่ชายแดน


จ้าวเฉินยิ่งยิ้มอย่างโหดร้าย


“เรื่องราวสุนัขกินกันเองเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องดีกับอาณาจักร! ข้าจะหยุดไปทำไมเล่า?”


จ้าวเฉินยิ่งสั่ง


“พาตัวเขาไป!”


จากนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นซือหยูที่กำลังจะตายที่หลิงเสี่ยวเทียนแบกอยู่


“หน้ากากสีเงิน ผมสีเงิน…”


“ใช่สิ เขาคือคนทรยศที่ฆ่ารองเจ้าตำหนักและฆ่าผู้ตรวจการไป่ฮีในท้ายสุดใช่หรือไม่?”


จ้าวเฉินยิ่งสีหน้าเย็นชา


“พวกเจ้า! ฆ่าเจ้าตำหนักหยินหยูเดี๋ยวนี้!”

 

 

 


ตอนที่ 388

 

“ไม่นะท่าน!”


 


หลิงเสี่ยวเทียนสีหน้าเปลี่ยนไป


 


เขาไม่คิดเลยว่าจ้าวเฉินยิ่งจะบอกว่าซือหยูเป็นคนผิดโดยไม่แม้แต่ตั้งคำถามและคิดจะประหารเขา!


 


“ทำไมกัน? เจ้ากังขาในคำตัดสินของข้ารึ?”


 


จ้าวเฉินยิ่งก้มลงมองหลิงเสี่ยวเทียน


 


หลิงเสียวเทียนพูดไม่ออก ความแตกต่างของตำแหน่งนั้นกว้างเกินไป ในอาณาจักรทมิฬ จ้าวแห่งความมืดนั้นมีอำนาจสูงที่สุด พวกเขาเป็นรองแค่ราชาแห่งความมืดเท่านั้น พวกเขาควบคุมชีวิตของผู้คน และเมื่อเขาต้องการให้ใครตาย พวกเขาก็สังหารได้ก่อนที่จะรายงานกับราชา


 


หลิงเสี่ยวเทียนนั้นเป็นที่ชื่นชอบต่อราชาแห่งความมืด และเขายังมีตำแหน่งที่สูง นั่นจึงเป็นเหตุที่จ้าวเฉินยิ่งไม่ฆ่าเขาตรงนี้ แต่สำหรับซือหยูนั้น….


 


หลิงเสี่ยวเทียนกัดฟัน เขากำลังถูกสงสัยว่าเป็นคนทรยศต่ออาณาจักร การเข้ารับคำตัดสินคือหนทางเดียวที่เขาจะเอาชีวิตรอด ถ้าเขาขัดคำสั่งในตอนนี้ ความผิดของเขาก็นับว่าเป็นเรื่องจริง


 


“ไม่นะ…”


 


“ท่านไตร่ตรองดูเถิด หยินหยูมีพรสวรรค์จนน่าขนลุก แม้ถ้าหากเขาจะทำผิดไปบ้าง การประหารเขาก็นับว่าเป็นการทำให้อาณาจักรต้องสูญเสียครั้งใหญ่! นั่นจะทำให้เหล่ายอดฝีมือที่ภักดีต่ออาณาจักรเสื่อมศรัทธา”


 


คำพูดของหลิงเสี่ยวเทียนมีเหตุผล จ้าวเฉินยิ่งจ้องหยินหยูและเห็นว่าเขาเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เขาใกล้ตายเต็มที่แล้ว


 


“ข้าไม่เข้าใจจริง…”


 


“อย่างไรมันก็กำลังจะตายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ทำไมเจ้าถึงดื้อด้านนัก?”


 


จ้าวเฉินยิ่งเยือกเย็น


 


“หยินหยูทำผิดร้ายแรง เขาสังหารรองเจ้าตำหนักและสังหารผู้ตรวจการ เรื่องนี้มิอาจอภัยให้ได้ ตามกฎของอาณาัจกร เขาจะต้องถูกประหารในทันที! ทหาร ประหารเขาซะ!”


 


ผู้เฒ่าสองคนก้าวเข้ามาตามคำสั่งของเฉินยิ่ง


 


หลิงเสี่ยวเทียนขัดขืน ถ้าเขายอมจำนนตอนนี้และกลับไปยังตำหนักหลัก เขาก็อาจจะมีโอกาสได้พ้นผิด ถ้าหากเขาขัดขืนตอนนี้ ทุกอย่างก็จะจบลง


 


เขาไม่มีความสัมพันธ์ใดกันซือหยู พวกเขามิได้เป็นอาจารย์และลูกศิษย์ มิใช่สหาย หลิงเสี่ยวเทียนเพียงหวังจะได้ช่วยชีวิตซือหยูเท่านั้น


 


เขามิอาจทนมองดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะอย่างไรซือหยูก็พบเจอกับวิกฤติด้วยตัวเอง ไม่มีใครโทษหลิงเสี่ยวเทียนได้


 


ฟึ่บ–


 


สองผู้เฒ่าพุ่งเข้ามา สายลมรุนแรงพัดชุดของหลิงเสี่ยวเทียนจนปลิวไม่ต่างกับจิตใจของเขา เขามองซือหยูที่ใกล้ตาย เขาโศกเศร้าและโทษตัวเอง เขาพูดคำโตที่ร้อยดินแดนและสัญญาต่อหน้ายอดฝีมือทุกคนว่าตราบใดที่เขายังมีลมหายใจ เขาจะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายซือหยู


 


และตอนนี้ซือหยูไม่ได้เพียงบาดเจ็บสาหัส ซือหยูนั้นใกล้ตายและกำลังจะถูกประหาร คำสัญญาของเขานั้นดูอ่อนแอและน่าขัน มันไร้พลังสิ้นดี


 


“ส่งตัวเขามา!”


 


ผู้ติดตามจ้าวเฉินยิ่งสองคนเข้ามาหาซือหยูที่บาดเจ็บ


 


ตู้ม–


 


แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้คว้าตัวซือหยู หลิงเสี่ยวเทียนก็ลงมือ เขาดันฝ่ามือไปข้างหน้าเพื่อผลักสองผู้ติดตามออกไป


 


“หยินหยูจะตายไม่ได้…”


 


“แม้เขาจะเหลือชีวิตเพียงน้อยนิด เขาก็เป็นชีวิตที่หลิงเสี่ยวเทียนผู้นี้มิอาจทำให้ผิดหวัง!”


 


หลิงเสี่ยวเทียนค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขาลุกขึ้นยืน สายตาของเขาเด็ดเดี่ยวและเป็นอิสระ


 


“ข้าจะลืมคำสัญญาของข้าไปได้อย่างไร? ตราบท่าที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาตาย!”


 


ฟึ่บ–


 


หอกทลายโลกาที่ปักอยู่บนเขากลับมาที่ฝ่ามือหลิงเสี่ยวเทียน


 


จ้าวเฉินยิ่งสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงของเขาดุร้าย


 


“เจ้าคิดจะทรยศต่ออาณาจักรจริงๆรึ?”


 


หลิงเสี่ยวเทียนกำหอกทลายโลกาไว้แน่น เขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้


 


“นี่มิใช่การทรยศ นี่เป็นการทำตามคำสัญญา”


 


“แล้วมันต่างอะไรกัน”


 


จ้าวเฉินยิ่งส่ายหน้า


 


หลิงเสี่ยวเทียนพูดต่อ


 


“โปรดให้เวลาข้าอีกหน่อยเถอะ หยินหยูต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!”


 


จ้าวเฉินยิ่งหัวเราะ


 


“หลิงเสี่ยวเทียน ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่รู้สำนึกบุญคุณ ตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าเจ้ามันก็แค่คนอวดดี! เจ้ากุเรื่องหาข้ออ้างฟื้นฟูเขา แต่ความจริงเจ้าก็หาข้ออ้างให้ตัวเองได้หลบหนีเท่านั้น!”


 


จ้าวเฉินยิ่งมองด้วยความเหยียดหยาม


 


“ตามข้ามาแต่โดยดี มิเช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่ปรานี!”


 


หลิงเสี่ยวเทียนถอนหายใจยาว


 


“อย่าหยุดข้า! ให้ข้าได้ช่วยชีวิตเขาก่อน!”


 


“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ”


 


จ้าวเฉินยิ่งหมดความอดทน


 


“จิน!”


 


จ้าวเฉินยิ่งปล่อยลมหายใจก่อร่างเป็นอักษร “จิน” ที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับ มันพุ่งเข้าใส่หลิงเสี่ยวเทียน


 


หลิงเสี่ยวเทียนยกหอกขึ้นอย่างน่าเกรงขาม


 


ตู้ม—


 


คำว่า “จิน” ถูกป้องกัน แต่ก็มีเสียงกระดูกหักหลายแห่งลจากร่างหลิงเสี่ยวเทียน เขากัดฟันแน่น ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด ราวกับทั้งร่างของเขาถูกแรงดันมหาศาลกดทับ


 


ดูเหมือนว่าการโจมตีธรรมดาจะทำให้หลิงเสี่ยวเทียนที่ใช้แม้แต่สมบัติเทพของอาณาจักรทำอะไรไม่ได้! นี่คือระดับของราชามนุษย์! แม้ผู้คุมสวรรค์ที่ถือครองสมบัติเทพ แม้พลังจะใกล้เคียงกับราชามนุษย์ สุดท้ายเขาก็ทำอะไรจ้าวเฉินยิ่งไม่ได้แม้แต่น้อย


 


“เจ้าจะอวดีเกินไปแล้ว!”


 


“ตั้งแต่โบราณกาลก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะหันคมดาบใส่จ้าวแห่งความมืด! จิน!”


 


อักษร “จิน” กลายเป็นก้อนเพลิงปะทุรุนแรง หลิงเสี่ยวเทียนถูกล้อมด้วยเพลิงพิโรธ แต่เพลิงนั้นไม่ได้ทำอะไรเขา มันกลายเป็นแหเพลิงที่พันธนาการหลิงเสี่ยวเทียนไว้ภายใน


 


พรึ่บ–


 


หอกยาวพุ่งออกจากมือของเขาไปตามคำเรียกของจ้าวเฉินยิ่ง


 


หลิงเสี่ยวเทียนถูกพันธนาการ สมบัติเทพถูกชิงกลับ ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ความต่างระหว่างพลังนั้นราวฟ้ากับเหว


 


ไม่ว่าจะเป็นสามผู้คุมสวรรค์หรือจ้าววิหคเพลิง ทุกคนล้วนตกตะลึง นี่คือพลังของราชามนุษย์! เขาได้จองจำผู้คุมสวรรค์ในการลงมือครั้งเดียว


 


ซือหยูตกจากฟ้า เขาเกือบจะกลายเป็นเศษเนื้อ จ้าวเฉินยิ่งมองเขาและหัวเราะอย่างเย็นชา


 


“เขาสมควรตาย!  ลงมือเลย!”


 


“ไม่นะ!”


 


หลิงเสี่ยวเทียนมองซือหยูที่ร่วงหล่น เขาตะโกนอย่างโกรธแค้น


 


ฉั่วะ–


 


หลิงเสี่ยวเทียนพุ่งออกมาจากแหเพลิง เขาบินไปคว้าตัวซือหยูแม้ร่างเขาจะถูกแผดเผาด้วยเพลิงพิโรธ


 


“เจ้ายังกล้าขัดขืนอีกเรอะ!”


 


จ้าวเฉินยิ่งตะโกน


 


หลิงเสี่ยวเทียนหันไปซัดฝ่ามือ


 


“เปล่าประโยชน์!”


 


จ้าวเฉินยิ่งชี้ดัชนีไปข้างหน้า


 


ตู้ม—


 


โลหิตกระจัดกระจาย ฝ่ามือของหลิงเสี่ยวเทียนระเบิดออก ร่างของเขาราวกับถูกซัดด้วยอัสนี เขาหล่นลงกับฟื้นเร็วเสียยิ่งกว่าซือหยู!


 


ตู้ม—


 


ฝุ่นควันกระจัดกระจายพื้นที่เป็นวงกว้าง หลิงเสี่ยวเทียนบาดเจ็บ ชุดของเขาเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต กระดูกขาวเห็นได้เพียงมองออกไป การโจมตีเดียวก็ทำให้หลิงเสี่ยวเทียนบาดเจ็บรุนแรง


 


ตู้ม–


 


ซือหยูกระแทกลงกับพื้น และด้วยการดึงจากพลังวิญญาณ ซือหยูจึงได้ตกลงบนตัวของหลิงเสี่ยวเทียน


 


หลิงเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างน่าเวทนา


“โชคดีนักที่เจ้าไม่เป็นอะไร…”


 


เขาไม่สนใจตัวเองแต่เป็นห่วงซือหยู


 


จ้าวเฉินยิ่งร่อนลงมาและขมวดคิ้ว เขาคิดอยู่ชั่วครู่


 


“เอาเถอะ พาหยินหยูไปด้วย เราจะกลับตำหนักหลักไปสอบสวนพวกมันทั้งสองคน!”


 


หากมีหยินหยูในมือ หลิงเสี่ยวเทียนน่าจะให้ความร่วมมือมากขึ้น เมื่อพวกเขากลับไปถึงตำหนักหลัก หลิงเสี่ยวเทียนก็อาจจะเป็นห่วงซือหยูที่เป็นตัวประกันและต้องกับดักของพวกเขา จ้าวเฉินยิ่งเปลี่ยนใจในไม่นาน


 


พวกเขาถูกพาตัวไปโดยผู้ติดตามทั้งสอง หลิงเสี่ยวเทียนเจ็บปวดอย่างมาก เขาแอบใช้ฝ่ามือแตะแผ่นหลังของซือหยูและปล่อยพลังโลหิตให้กับเขา


 


ในตอนนั้นเอง จ้าวเฉินยิ่งยกมือคว้าตัวจ้าววิหคเพลิงที่บาดเจ็บเอาไว้


 


“ต้องมีพยานในเรื่องนี้…”


 


“ตามพวกข้ามมาเถอะจ้าววิหคเพลิง”


 


เขาอยากให้จ้าววิหคเพลิงบอกทุกคนว่าหลิงเสี่ยวเทียนใช้สมบัติเทพในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรทมิฬ และในตอนที่หลิงเสี่ยวเทียนทรยศเขาต่อหน้าทุกคน


 


เหล่าหญิงสาวจากคณะวิหคเพลิงชักสีหน้า พวกนางพุ่งคำรามเข้ามา


 


“อย่านะ!”


 


จ้าววิหคเพลิงหยุดพวกนาง ด้วยพลังของพวกนาง พวกนางทำได้แค่ถูกสังหารจากจ้าวเฉินยิ่ง


 


“พวกเจ้ารีบถอยไปให้ไกลจากคณะวิหคเพลิง ถ้าข้ารอดมาได้ ข้าจะสร้างคณะวิหคเพลิงขึ้นใหม่!”


 


เหล่าศิษย์ใจเย็นลง จ้าววิหคเพลิงถูกส่งไปยังตำหนักหลักของอาณาจักรทมิฬ อาณาจักรทมิฬอาจจะไม่ฆ่านางถ้าไม่มีเหตุผลพิเศษ เก็บกำลังเอาไว้คงจะช่วยให้คณะวิหคเพลิงได้กลับมาฟื้นฟูในอนาคต


 


มู่เทียนฟางและเหล่าสตรีวิหคเพลิงทั้งแปดทำความเคารพจ้าววิหคเพลิง


 


“พวกเราจะรอท่านกลับมา!”


 


หลังพูดจบ พวกนางกลายเป็นภาพติดตาหายไปยังขอบนภา


 


แม้ว่าฮั่นเจียงหลินกับคนอื่นจะรู้สึกไม่เป็นธรรม พวกเขาก็บาดเจ็บหนัก และด้วยตัวตนของจ้าวแห่งความมืด พวกเขาจะกล้าทำอะไรรึ? เพราะจ้าวเฉินยิ่งคงไม่สังหารเหล่านักสู้ระดับธรรมดาอยู่แล้ว


 


“ไปกันเถอะ!”


 


จ้าวเฉินยิ่งกับกลุ่มหายไปทันที ไม่เหลือแม้แต่ภาพติดตา


 


คณะวิหคเพลิงถูกทำลายและเต็มไปด้วยซากศพ เหลือแต่เพียงความว่างเปล่า


 


ฮั่นเจียงหลินกุมอก เขาสำลักอย่างแหบพร่า จิตใจนั้นหวาดกลัว สถานการณ์ตรงหน้าเขานั้นโหดร้าย เขาเกือบตาย ฮั่นเจียงหลินหันไปตะคอก


 


“เฟิงเซี่ยน! คณะวิหคเพลิงถูกกำจัดไปแล้ว พันธมิตรทวีปอุดรถูกก่อตั้งแล้ว แล้วคนที่เจ้าพูดถึงจะมาเมื่อใดกัน?”


 


จ้าวหอสดับหิมะกับเจ้าเมืองอันยี่หันไปมองเฟิงเซี่ยนพร้อมกัน


 


“ตามคำสัญญา อาณาจักรทมิฬน่าจะรู้ถึงการมีอยู่ของพันธมิตรอุดรทวีป”


 


“ถ้าพวกนั้นรู้ถึงภัยและเจ้าโจมตีเรา เจ้าจะต้องรายงานคนคนนั้นทันที!”


 


ไม่แปลกใจที่พวกเขากล้าท้าทายอาณาจักรทมิฬ ยังมีคนอยู่เบื้องหลังพวกเขา


 


เฟิงเซี่ยนยิ้มเยาะ


 


“เจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยรึ? ถ้าอาณาจักรทมิฬอยากจะฆ่าพวกเจ้า จ้าวเฉินยิ่งก็ลงมือไปแล้ว เขาจะรอครั้งหน้าทำไมกัน?”


 


ทั้งสามคนมองอย่างไม่พอใจ


 


“อวดดีนัก! เจ้าพูดกับพวกข้าเช่นนี้เรอะ?”


 


ฮั่นเจียงหลินโกรธเกรี้ยว


 


“เจ้าเป็นแค่สตรีวิหคเพลิงต่ำต้อย– เป็นแค่ตัวกลางของพวกเรากับบุคคลในตำนาน เจ้าคิดว่าเจ้าทำอะไรพวกข้าได้งั้นรึ?”


 


เฟิงเซี่ยนหัวเราะ


 


“อย่างน้อยตำแหน่งของข้าก็สูงส่งกว่าพวกเจ้าล่ะนะ”


 


“เจ้าอยากตายเรอะ!”


 


เจ้าเมืองอันยี่ตะโกน


 


ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น พวกเขาได้รับคำอนุญาตจากบุรุษผู้แข็งแกร่ง แม้ว่าคนคนนั้นจะไม่แสดงตัวออกมา รังสีพลังที่เขาปล่อยออกมาก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าโลกจะถูกทำลาย และเป็นเพราะคนคนนั้นพวกเขาถึงได้กล้าโจมตีคณะวิหคเพลิงในวันนี้


 


ส่วนเฟิงเซี่ยนนั้นครอบครองฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์และเข้าใจกฎแห่งฟ้าดิน นั่นหมายความว่านางจะรับคำชี้แนะจากคนคนนั้นได้จากระยะสามล้านลี้ที่ไกลออกไป ดังนั้นนางจึงกลายเป็นสื่อกลาง แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าเฟิงเซี่ยนจะอวดดีกล้าดูหมิ่นพวกเขา


 


“คนที่อยากตายก็คือเจ้านั่นแหละ!”


 


นางพูด


 


ตู้ม–


 


ทันใดนั้นก็มีแสงพุ่งมาจากระยะไกล มันคือวิหคทองคำตัวใหญ่ยักษ์ ร่างของมันเปล่งรังสีทำลายล้าง


 


“จักรพรรดิสัตว์อสูร! จักรพรรดิสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด!”


 


วิหคทองคำในแสงเทพง้างกรงเล็บ ร่างหนึ่งล้มลงกับพื้น จ้าวหอสดับหิมะได้กลายเป็นซาก


 


จ้าวหอสดับหิมะไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ตอบสนอง! เขาถูกสังหารไปทั้งอย่างนั้น

 

 

 


ตอนที่ 389

 

ดวงตาของวิหคทองคำเปล่งประกาย มันมองกองทัพสองหมื่นคนเบื้องล่าง กองทัพนั้นไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ามดปลวกในสายตามันเลย


 


“นายท่านติดภารกิจ”


 


วิหคทองคำพูดในภาษามนุษย์


 


“ดังนั้นพวกเจ้าต้องฟังคำชี้แนะจากนายน้อย”


 


พรึ่บ–


 


ก้อนเมฆาจากขอบนภากับเหล่านักรบพุ่งเข้ามา ชายหนุ่มหนึ่งคนพกกระบี่ กระบี่สีโลหิตของเขาปล่อยพลังโลหิตอันน่าตกใจออกมา เขาดูมีพลังและหยาบคาย แม้เขาจะมีฐานพลังแค่อำมฤตระดับสาม ชายแก่ในชุดสีมรกตที่ตามเขามาก็มีพลังที่อำมฤตระดับสี่ขั้นสูง


 


“เจ้าเองเรอะ!”


 


เจ้าเมืองอันยี่อ้าปากค้าง เขาทั้งชิงชังและโกรธแค้น


 


นี่มิใช่วิหคทองคำที่ทำลายเมืองอันยี่หรอกรึ? และมิใช่ชายหนุ่มที่พกกระบี่โลหิตจากตระกูลอู๋ผู้นี้หรอกรึที่มากับวิหคทองคำ?


 


มีกำลังมนุษย์มากมายในป่าทมิฬ และยังมีตระกูลอู๋ที่ลึกลับที่สุด


 


อู๋เหยายี่ยิ้มเยาะ


 


“ฮ่าๆๆ! เจ้าเมืองอันยี่ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะยังอยู่รอดดีอยู่หลังจากตอนนั้น! ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนของบรรพบุรุษข้าเหมือนกัน ถ้าข้ารู้ข้าก็คงเหลือเมืองอันยี่ไว้ให้เจ้า”


 


ตระกูลอู๋ฆ่าล้างตระกูลตู่และประกาศว่าตระกูลอู๋จะกลับมาบนโลก! นั่นเป็นความตั้งใจสั่นคลอนทวีป แต่นั่นเป็นเพียงการลงมือครั้งแรก ที่ตระกูลอู๋อยากจะทำจริงๆก็คือ….


 


เจ้าเมืองอันยี่ไม่มีทางเลือกนอกจากข่มใจเอาไว้ ฮั่นเจียงหลินเงียบด้วยความกลัว หากมีจักรพรรดิสัตว์อสูรอยู่ด้วยก็ไม่มีใครกล้าขัดขืน


 


อู๋เหยายี่ก้มลงมองเบื้องล่าง เขามองผ่านคณะวิหคเพลิงที่ถูกทำลาย กองกำลังสองหมื่นนาย และดินแดนของทวีป


 


“ฮ่าๆๆ…โลกนี้เป็นของตระกูลข้า!”


 


อู๋เหยายี่เป็นสุขอยู่ท่ามกลางเมฆา


 


“หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี ตระกูลข้าจะกลับมาในทวีปและปกครองโลกใบนี้!”


 


เขาพูดจบและก้มหน้าหัวเราะ


 


“ข้ามาก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพันธมิตรอุดรทวีปถูกก่อตั้งขึ้นแล้ว! บรรพบุรุษของข้าจะเป็นเจ้าพันธมิตร ส่วนพวกเจ้าทั้งหมดจะเป็นคนของพวกเขา!”


 


คนทั้งหมื่นคนหวาดกลัว


 


ตระกูลอู๋ อู๋เหยายี่ และบรรพบุรุษ พวกเขาเป็นใครกัน? พวกเขามั่นใจที่จะปกครองทวีปและหมายตาโลกใบนี้น่ะรึ?


 


และความหมายของ “ตระกูลที่กลับมา” คืออะไรกัน หรือว่าตระกูลอู๋เคยมีชื่อเสียงในทวีปแห่งนี้?


 


อู๋เหยายี่เงยหน้าและถอนหายใจอยู่นาน


 


“และในครั้งนี้ ข้าก็จะประกาศอีกครั้ง! นามของตระกูลข้าจะกลับมาอย่างสมบูรณ์! พวกข้าใช้นามตระกูล “อู๋” มานานเกินไปแล้ว นี่เป็นเวลาที่พวกข้าจะใช้ชื่อตระกูลเดิมและแสดงตัวกับทวีป!”


 


ตระกูลเดิมรึ? พวกเขาไม่ใช่ตระกูลอู๋หรอกรึ?


 


“ข้า ยี่เหยา ลูกหลานตระกูลยี่แห่งแปดตระกูลโบราณ ข้ามาที่นี่เพื่ออวยพรแก่บรรพบุรุษของข้า ตระกูลยี่กลับมาแล้ว!”


 


อะไรกัน? ตระกูลอู๋ถูกตระกูลยี่กำจัดไปแล้วรึ?


 


ก่อนหน้านี้ เมื่อราชาแห่งความมืดหยุดปิดประตูฝึกตน เขาได้ทำลายโลกและกำจัดตระกูลยี่แล้วยังกักขังตระกูลตู่ไว้ในเมืองอันยี่ แม้ว่าจะมีเรื่องราวมากมายในหลายร้อยปีที่ผ่านมา ในตอนนี้เหล่ายอดฝีมือในทวีปก็ยังจำเหตุการณ์อันน่าตกใจนั้นได้


 


ตระกูลยี่ที่ถูกกำจัดได้ปรากฏตัวอีกครั้ง! และเมื่อพวกเขาปรากฏตัวก็ทำการควบคุมพันธมิตรอุดรทวีปและหมายตาโลกทั้งใบ!


 


อู๋เหยายี่คือยี่เหยา! ตระกูลอู๋คือตระกูลยี่! ตระกูลโบราณที่ถูกกวาดล้างไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน! พวกเขาเร้นกายอยู่ในส่วนลึกของป่าทมิฬและปกปิดตัวตน ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ชีวิตอย่างสันโดษและเพิ่มกำลังอย่างเงียบเชียบ ตอนนี้พวกเขาปรากฏตัวแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย!


 


“มีใครไม่พอใจหรือไม่?”


 


อู๋เหยายี่ราวกับราชาที่ปกครองโลก


 


ทุกคนขนลุก ใครกันจะกล้าต่อกรกับเขา?


 


ฮั่นเจียงหลินกับเจ้าเมืองอันยี่ก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองมองหน้ากันและคุกเข่าลงกับพื้น


 


“ยินดีด้วยที่ตระกูลยี่ได้ออกมาปรากฏตัว!”


 


สำหรับฮั่นเจียงหลิน การได้พึ่งพาตระกูลยู่ที่ครอบครองพลังประหลาดนั้นเป็นเรื่องดีที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้รับ ส่วนเจ้าเมืองอันยี่ แม้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะก้มหัวให้กับตระกูลอื่นในแปดตระกูล แต่ถ้าเขากล้าเผชิญหน้าในตอนนี้ เขาก็คงจบลงไม่ต่างกับจ้าวหอสดับหิมะ


 


เฟิงเซี่ยนยิ้มอย่างน่าหลงใหล นางหันไปมองอู๋เหยายี่


 


“ท่านยี่เหยา”


 


นางพูดและมองยี่เหยาบ่อยครั้งด้วยสายตาอันน่าหลงใหลที่มีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งหมดรวมกันได้อย่างน่าจับตา


 


ยี่เหยาหัวเราะอยู่นานและใช้โอกาสนี้กอดเฟิงเซี่ยน


 


“เฉินคงไปไหนเล่า? เจ้ากับเขาวางแผนปกครองทวีปด้วยกันมิใช่รึ ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่?”


 


เฟิงเซี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย


 


“เขามันก็แค่เศษขยะใช้ไม่ได้ เขาถูกหยินหยูสังหารไปแล้ว”


 


หยินหยูรึ? ยี่เหยาเบิกตากว้าง สีหน้าเขาเย็นชา


 


“มันเองรึ!”


 


เขาผลักเฟิงเซี่ยนออกไป แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เฟิงเซี่ยนตกใจเพราะนางไม่เข้าใจ นางสีหน้าหม่นหมอง


 


ยี่เหยาเงียบไปนานก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็น


 


“ข้ามีอีกเรื่องที่ต้องประกาศ! ข้าจะแต่งงานในอีกหนึ่งเดือนนับจากนี้ และข้ามาเพื่อเชิญยอดฝีมือบนโลกให้ไปเข้าร่วมงานวิวาห์ของข้า”


 


ผู้อาวุโสข้างหลังหยิบบัตรเชิญและโยนให้กับฮั่นเจียงหลินและเจ้าเมืองอันยี่


 


สุดท้ายยี่เหยาก็หยิบบัตรเชิญออกมาให้กับเฟิงเซี่ยน


 


“เฟิงเอ๋อ เจ้าก็ต้องมาด้วย”


 


เฟิงเซี่ยนตัวแข็งทื่อ นางถือบัตรเชิญอย่างไม่พอใจ เป็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว! ผู้หญิงที่ยี่เหยาอยากจะแต่งงานโดยชิงตัวมา!


 


ผู้หญิงคนนั้นสวยกว่านางรึ? ตระการตากว่านางรึ? หรือมีพรสวรรค์มากกว่านางรึ?


 


“ขอบคุณท่านยี่เหยา…”


 


“เฟิงเซี่ยนจะต้องไปงานวิวาห์แน่นอน”


 


เฟิงเซี่ยนตอบด้วยเสียงหัวเราะ แต่ส่วนลึกในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความปองร้าย


 


ฮั่นเจียงหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม


 


“ข้าขอถามท่านยี่เหยาจะได้หรือไม่ บรรพบุรุษของนาง…ไม่สิ เจ้าพันธมิตรอยู่ที่ใดกัน?”


 


ยี่เหยาขมวดคิ้ว


 


“เขาล่วงหน้าไปก่อนพวกข้า เขาบอกว่ากำลังไล่ตามคนที่มีพลังขัดบัญชาสวรรค์”


 


******


 


จ้าวเฉินยิ่งเร่งความเร็วในการเดินทาง เขาเดินทางได้ไกลสามพันลี้ในครึ่งเดือน และเขาก็ใกล้กับชายแดนทวีปทางเหนือและตอนกลางอย่างมาก ในทวีปตอนกลางนั้นมีเศษดินแดนที่อาณาจักรทมิฬปกครอง


 


“พวกเราจะหยุดพักที่นี่…”


 


จ้าวเฉินยิ่งเหนื่อยอ่อนอย่างมากเมื่อรีบเดินทางมาตลอดครึ่งเดือน


 


พวกเขาร่อนลงบนศิลาก้อนใหญ่ จ้าวเฉินยิ่งมองทั้งสามคน


 


“แม้จะผ่านมานาน เจ้าก็ยังไม่ตาย ช่างเป็นชะตาที่น่าเศร้านัก”


 


ครึ่งเดือนก่อน ซือหยูควรจะตายอย่างโหดร้ายไปแล้ว แต่เขากลับยังคงมีชีวิตอยู่ได้หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน และเขายังมีพลังชีวิตที่มากกว่าเดิมอีกด้วย อย่างน้อยในตอนนี้ลมหายใจของเขาก็ลื่นไหล เขานับว่ามีสติ


 


แต่หลิงเสี่ยวเทียนกลับเหนื่อยอ่อนลง ในครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาดูแก่ไปกว่าเดิมสิบปี จ้าววิหคเพลิงก็ไม่ต่างกัน ทั้งสามยังคงนิ่งเงียบและเอนกายอยู่กับศิลาก้อนใหญ่


 


จ้าวเฉินยิ่งเงยหน้า เขามองท้องนภากว้างใหญ่


 


“ได้เวลาแล้ว”


 


ไม่มีใครเข้าใจคำพูดของเขา


 


ในตอนนั้น ผู้ติดตามได้หยิบขวดที่มีของเหลวสีเขียวเข้มออกมาและเดินไปทางหลิงเสี่ยวเทียน


 


“เจ้าตำหนักหลิง”


 


ผู้ติดตามพูดอย่างไร้อารมณ์


 


“ท่านจะต้องเหนื่อยแน่หลังจากผ่านมาหลายวัน นี่คือวารีวิญญาณที่จะช่วยฟื้นฟูพลังของท่าน ดื่มเถอะ มันดีกับตัวท่าน ท่านจะได้ป้องกันตัวเองได้เมื่อถึงตำหนักหลัก จะไม่มีใครบังคับให้ท่านสารภาพอะไรได้ทั้งนั้น”


 


หลิงเสี่ยวเทียนรับขวด แต่เขาก็ไม่ดื่มมัน


 


ซือหยูมีสติเล็กน้อย แต่ร่างกายเขาชาราวกับหุ่นเชิด ร่างของเขากำลังตาย บาดแผลของเขารุนแรงเกินไป และมีหลายจุดบนตัวที่เกิดแผลเปิด ในครึ่งเดือนที่ผ่านมา เนื้อหนังของเขาตายไป เขาเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่า


 


แต่ซือหยูก็ไม่เข้าใจว่าแม้สภาพเขาจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังมีชีวิตอยู่


 


ตอนนั้น ซือหยูมองไปยังขวดวารีวิญญาณ เขาชักสีหน้าทันที เขาดึงเสื้อของหลิงเสี่ยวเทียนอย่างลับๆและพูดเบาๆ


 


“อย่าดื่มมัน”


 


หลิงเสี่ยวเทียนพยักหน้า เขาเงยหน้ามองจ้าวเฉินยิ่ง


 


“ท่านตัดสินใจแล้วรึ? ไม่สิ แผนของท่านสำเร็จแล้วรึ?”


 


จ้าวเฉินยิ่งถอนหายใจแรงโดยหันหลังให้กับหลิงเสี่ยวเทียน


 


“หลิงเสี่ยวเทียน อย่าโทษข้าเลย จ้าวไป่าลั่วขอให้เจ้าภักดีหลายต่อหลายครั้ง แต่เจ้าก็ยอมตายดีกว่าจะก้มหัวให้เขา เจ้าจะโทษใครได้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้”


 


หลิงเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างเดียวดายและโศกเศร้า


 


“ใช่แล้ว! ข้าหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ ข้าโทษใครไม่ได้ แต่ข้าก็ไม่เสียใจ หลิงเสี่ยวเทียนผู้นี้ภักดีต่อราชาแห่งความมืดเท่านั้น นี่เป็นการตอบแทนของข้า จ้าวไป่ลั่วก็แค่จ้าวแห่งความมืด เขามีสิทธิ์อะไรมาขอให้ข้ารับใช้เขาแทนรึ? เขาคิดว่าเขาต่อกรกับราชาแห่งความมืดได้รึ?”


 


จ้าวเฉินยิ่งหัวเราะ


 


“ตั้งแต่ที่ราชาแห่งความมืดทำลายโลก ทำให้ผู้คนหวาดกลัว และฟื้นฟูอาณาจักร เขาเร้นกายหลายต่อหลายปีและไม่แสดงตัวแม้แต่น้อย ภารกิจทั้งหมดถูกจัดการโดยจ้าวแห่งความมืด แล้วจะผิดอะไรเล่าที่เจ้าจะเป็นคนของจ้าวไป่ลั่ว?”


 


จ้าวเฉินยิ่งส่ายหน้า


 


“พูดให้ตรงกว่านี้ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าราชาแห่งความมืดเป็นตายร้ายดียังไง ตลอดหลายร้อยปีที่พ้นผ่าน ในจ้าวแห่งความมืดทั้งเจ็ดคน มีแค่จ้าวยี่หยูที่ได้พบเขาต่อหน้า นอกนั้นก็ไม่มีใครพิสูจน์ว่าราชาแห่งความมืดยังไม่ตาย!”


 


สายตาของหลิงเสี่ยวเทียนดุร้ายในทันที


 


“ไร้สาระ! ราชาแห่งความมืดเป็นยอดฝีมือมหัศจรรย์ แม้จะผ่านไปพันปีเขาก็จะไม่ตาย หลายร้อยปีจะมีผลอะไรกับเขากัน?”


 


หลิงเสี่ยวเทียนนั้นนับถือราชาแห่งความมืดอย่างมาก


 


แต่จ้าวเฉินยิ่งก็หัวเราะและส่ายหน้า


 


“เจ้าจะเชื่อมั่นในสิ่งใดก็แล้วแต่เจ้า แต่พวกเราไม่ใช่คนเดียวที่สงสัย จ้าวแห่งความมืดคนอื่นก็สงสัยว่าจ้าวยี่หยูเป็นเบี้ยที่ถูกควบคุมโดยขุมกำลังอื่นที่คิดจะควบคุมอาณาจักรทมิฬผ่านนางโดยให้นางอ้างว่าเป็นราชาแห่งความมืดตัวปลอม!”


 


หลิงเสี่ยวเทียนไร้คำพูดในเรื่องนี้ ราชาแห่งความมืดไม่ออกจากการบ่มเพาะพลังมาหลายร้อยปี และไม่มีใครรู้ความเป็นตายของเขา มันยังมีโอกาสที่จะมีคนแสร้งออกคำสั่งปลอมจากเขา


 


ส่วนจ้าวยี่หยูนั้นเป็นสตรีลึกลับ นางพุ่งทะยานขึ้นมาเป็นจ้าวแห่งความมืดคนใหม่ และราชาแห่งความมืดยังนับถือนางอย่างมาก นางเป็นแค่คนเดียวที่เข้าออกจากที่บ่มเพาะพลังของราชาแห่งความมืดได้ตามใจคิด ดังนั้นจ้าวแห่งความมืดที่เหลือหกคนจึงสงสัยในตัวนาง


 


ส่วนจ้าวไป่ลั่วนั้นคิดจะยืนขึ้นด้วยตัวเอง เขาใช้อำนาจของอาณาจักรทมิฬในการสอดส่องจ้าวยี่หยู เมื่อเขายืนยันได้ว่านางส่งคำสั่งปลอม เขาจะตั้งตัวเองเป็นราชาแห่งความมืดและปกครองอาณาจักร


 


ในตอนนี้ ภาระมากกว่าครึ่งของอาณาจักรล้วนอยู่ในการดูแลของจ้าวไป่ลั่ว รวมถึงการสั่งให้จ้าวเฉินยิ่งลงมือพาตัวหลิงเสี่ยวเทียนกลับไปด้วย


 


แต่ไม่สิ แผนของเขาคือการลอบสังหารหลิงเสี่ยวเทียนในระหว่างทางกลับ


 


“จ้าวไป่ลั่วให้โอกาสให้เจ้าได้เลือกมาก่อนแล้ว…”


 


“น่าเสียดายที่เจ้าเลือกอีกหนทาง เจ้าเป็นคนที่ราชาแห่งความมืดเชื่อใจ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือการสังหารเจ้า ก่อนที่ข้าจะมาจับตัวเจ้า เจ้าจะต้องรู้ชะตาของตัวเองอยู่แล้ว ใช่หรือไม่?”


 


หลิงเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างเงียบเชียบ เมื่อจ้าวเฉินยิ่งปรากฏตัวเขาก็รู้แล้วว่าการจัดการเรื่องราวอย่างเป็นธรรมนั้นเป็นเพียงภาพลวง จ้าวไป่ลั่วนั้นไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่อีกแล้ว เรื่องก็มีเพียงเท่านั้น


 


“ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วก็จงไปสู่โลกหน้าซะเถอะ ข้าไม่อยากจะลงมือกับเจ้า”


 


แต่หลิงเสี่ยวเทียนก็หัวเราะเบาๆ


 


“ไม่ใช่เพราะเจ้าไม่อยากจะลงมือกับข้า แต่เพราะเจ้าทำไม่ได้ต่างหาก เจ้าอาจจะเหลือหลักฐานทิ้งเอาไว้ ทำให้คนตามรอยมาถึงเจ้า ใช่หรือไม่?”


 


จ้าวเฉินยิ่งใบหน้าแข็งกร้าว


 


“:ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วก็ดื่มนั่นไปซะ!”


 


ถ้าหลิวเสี่ยวเทียนตายในทวีปเหนือ ทุกคนก็จะสงสัยว่าเป็นฝีมือของจ้าวเฉินยิ่ง เขาทำได้แค่ตายในชายแดนระหว่างทวีปเท่านั้น ที่นี่นั้นอันตรายและมีคนที่โหดร้ายมากมายซ่อนตัวอยู่ จ้าวเฉินยิ่งนั้นอ้างได้ว่ามีคนชั่วปรากฏตัวมาลอบโจมตีพวกเขา หลิงเสี่ยวเทียนจึงต้องสละชีวิตไป นั่นคือข้ออ้างที่ดีที่สุดที่เขาใช้ได้

 

 

 


ตอนที่ 390

 

โอสถสีเขียวนั้นทำให้หลับไปตลอดกาล และร่องรอยของโอสถก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว หากทิ้งร่างหลิงเสี่ยวเทียนลงจากฟ้าโดยไร้ร่องรอยของยาพิษ ใครกันจะกล้าพูดว่าจ้าวเฉินยิ่งเป็นคนลงมือ?


 


ซือหยูโกรธแค้น หลิงเสี่ยวเทียนภักดีต่ออาณาจักรมาโดยตลอดแต่กำลังจะถูกลอบฆ่า! ทำไมเหล่าจ้าวแห่งความมืดถึงต้องให้คนบริสุทธิ์ยอมจำนนในอำนาจกัน?


 


มิอาจอธิบายความโกรธแค้นในจิตใจซือหยูออกมาได้! แต่ซือหยูในตอนนี้ขยับตัวไม่ได้เลย


 


“ดื่มมันซะ หลิงเสี่ยวเทียน!”


 


จ้าวเฉินยิ่งพูดและหันไปมองราวกับสัตว์ป่า


 


หลิงเสี่ยวเทียนถอนหายใจ


 


“เหลืออีกแค่ครึ่งเดือน อีกแค่ครึ่งเดือน…ทำไมเจ้าไม่ให้โอกาสข้ากัน–?”


 


“ประหลาดนัก!”


 


จ้าวเฉินยิ่งถอนหายใจแรง


 


“ทำให้มันดื่ม!”


 


สองผู้ติดตามเตรียมจะลงมือ แต่ในตอนนั้นก็มีเงาทมิฬพุ่งมายังพวกเขา


 


จ้าวเฉินยิ่งเงยหน้ามองโดยไม่รู้ตัว ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว


 


“เจ้าเป็นใครกัน?”


 


สิบศอกเหนือศีรษะของเขาคือชายในชุดดำ เขาลอยอย่างเงียบเชียบอยู่บนกลางอากาศ


 


เฉินยิ่งตกตะลึง ชายผู้นี้เป็นราชามนุษย์ — ใครกันจะซ่อนตัวจากสัมผัสอันคมกริบของเขาไปได้? เขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าอำมฤตระดับห้าขั้นสูงที่สัมผัสได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนเข้ามาใกล้สิบศอกโดยที่เขาไม่รู้ตัว! และบุรุษผู้นี้ยังไม่คิดจะซ่อนตัวด้วยซ้ำ แต่ตัวตนของเขาก็ไม่ถูกสัมผัสจนกระทั่งมาใกล้จ้าวเฉินยิ่งสิบศอก!


 


เขาสวมผ้าคลุมดำปิดตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปลักษณ์ของเขาถูกซ่อนเอาไว้เห็นเพียงแต่แววตาเยือกเย็นที่มองลงมายังเบื้องล่าง แววตานี้เยือกเย็นกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิด


 


จ้าวเฉินยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อพบว่าแม้ว่าจะห่างกันสิบศอก เขาก็สัมผัสถึงตัวตนฝ่ายตรงข้ามไม่ได้! ราวกับว่าบุรุษผู้นี้เป็นภาพลวง พลัง ฐานพลัง กายหยาบ ทั้งหมดล้วนเกินกว่าประสาทสัมผัสของเขา! เขาแข็งแกร่งเพียงใดกัน?


 


แม้แต่กับจ้าวไป่ลั่วก็ไม่เป็นเช่นนี้…มีเพียงราชาแห่งความมืดเท่านั้นที่ลึกลับและยากจะคาดเดา


 


“ผู้ขัดบัญชาสวรรค์คือผู้ใดกัน?”


 


ชายในชุมดำลอยอยู่ราวกับหุ่นเชิด


 


จ้าวเฉินยิ่งสีหน้าหม่นหมอง


 


“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร”


 


ผู้ขัดบัญชาสวรรคืออะไร? เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน หลิงเสี่ยวเทียนก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายชุดดำพูด พวกเขาไม่ได้เห็นในตอนที่ซือหยูขัดบัญชาสวรรค์ในการประลอง


 


“ผู้ที่บังคับขัดขืนบัญชาสวรรค์และบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์…”


 


“มันอยู่ไหน?”


 


พวกเขาเข้าใจแล้วว่าชายชุดดำพูดถึงอะไร สวรรค์ได้แสดงตัวตนออกมาเพื่อขัดขวางบุรุษคนหนึ่ง ภาพนั้นได้มีทุกคนในทวีปเฉินหลงเป็นสักขีพยาน แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้กบฏสวรรค์คือใคร?


 


“เจ้าไม่รู้รึ?”


 


ชายชุดดำพูดอย่างเยือกเย็น


 


“เช่นนั้นข้าก็จะตรวจสอบพวกเจ้าทีละคน”


 


เขาชี้ดัชนีใส่ทุกคน


 


จ้าวเฉินยิ่งกัดฟัน


 


“อย่าให้มากนัก ข้าคือจ้าวแห่งความมืดลำดับสองแห่งอาณาจักรทมิฬ เป็นการดีถ้าเจ้าจะไตร่ตรองก่อนที่จะทำอะไร!”


 


ในตอนที่เขาต่อสู้เพื่อชิงอำนาจ เขาหวังว่าราชาแห่งความมืดจะตายไปแล้ว แต่ในตอนนี้เขาตกอยู่ในเวลาอันเลวร้าว เขาไม่ลังเลที่จะใช้นามของราชาแห่งความมืดที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดีเพื่อป้องกันตัว เขาเป็นคนที่น่ารังเกียจยิ่งนัก


 


ชายชุดดำหยุดไปชั่วครู่ เขากำลังนึกถึงอดีตบางอย่าง


 


“ราชาแห่งความมืดรึ? เขาคิดยังไงกันที่กล้าฆ่าล้างดินแดนและปกครองทั้งทวีปเฉินหลง? สงสัยนักว่าบาดแผลที่ข้าลงโทษเขาไว้ในอดีตจะฟื้นฟูแล้ว หรือเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”


 


“ถ้าเขารอดจากครั้งนั้นมาได้ก็นับว่าคู่ควรที่ข้าจะต้องระวังตัว”


 


คำพูดนั้นทำให้จ้าวเฉินยิ่งอ้าปากค้าง! เขาคิดว่าราชาแห่งความมืดฆ่าล้างดินแดนด้วยพลังมหาศาล สองตระกูลโบราณแห่งทวีปถูกทำลายไปด้วยการสะบัดดัชนีของเขา


 


แต่ราชาแห่งความมืดกลับหยุดลงมือไปโดยไม่มีใครคาดคิด เขากำจัดตระกูลยี่และจองจำตระกูลตู่แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้ในการหลอมลวมทวีปเฉินหลงให้เป็นปึกแผ่น จากนั้นเขาก็ปิดประตูจากโลกภายนอกและไม่ปรากฏตัวอีกเลย


 


หรือว่าราชาแห่งความมืดจะบาดเจ็บสาหัสในครั้งนั้นและมิอาจล่าดินแดนต่อได้? และคนที่ทำร้ายราชาแห่งความมืดก็คือชายชุดดำผู้นี้?


 


จ้าวเฉินยิ่งกลืนน้ำลาย บุรุษตรงหน้าเขามิใช่แค่แข็งแกร่งกว่าราชาแห่งความมืดแต่ยังมีความบาดหมางกับอาณาจักรทมิฬ


 


“ผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ว่าชายที่ขัดบัญชาสวรรค์ผู้นั้นอยู่ที่ใด…”


 


จ้าวเฉินยิ่งแสดงความเคารพต่อชายชุดดำ


 


“โปรดเมตตาข้าเถอะ พวกเราไม่คิดจะทำให้ท่านเป็นศัตรู”


 


ชายชุดดำพูดอย่างเยือกเย็น


 


“มันจะต่างกันอย่างไรกับการที่เจ้าเป็นศัตรูกับข้าหรือไม่รึ?”


 


คำพูดของเขาอวดดียิ่งนัก! เขามีพลังเพียงใดกัน? จ้าวเฉินยิ่งที่เป็นราชามนุษย์เป็นเพียงมดปลวกต่อหน้าชายชุดดำ


 


ชายชุดดำชี้จ้าวเฉินยิ่ง


 


“เจ้ามีพลังแกร่งที่สุด…”


 


“ข้าจะทดสอบเจ้าก่อน”


 


เขาคว้าตัวจ้าวเฉินยิ่ง


 


จ้าวเฉินยิ่งชักสีหน้า


 


“ผู้อาวุโส! อย่าทำเช่นนี้เลย!”


 


เขาตะโกนร้อง


 


พรึ่บ–


 


จ้าวเฉินยิ่งรีบถอยโดยมีหอกสลายโลกาในมือ แต่ชายชุดดำก็ไม่สนใจ เขาจับปลายหอกและปล่อยพลังออกมาเล็กน้อย


 


แกร๊ง—


 


สมบัติเทพระดับกลางขั้นสูงสุด หอกทลายโลกา…หัก!


 


จ้าวเฉินยิ่งตกตะลึง พลังของชายชุดดำนั้นน่ากลัวมาก เขาตื่นตระหนก จ้าวเฉินยิ่งหนีโดยไม่ลังเล! คนตรงหน้าเขามิอาจมีใครในทวีปเฉินหลงรับมือได้ เว้นแต่ราชาแห่งความมืด!


 


สมบัติเทพระดับกลางคู่หนึ่งที่เท้าของเขาทำงาน เขาพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วและปรากฏตัวอีกครั้งที่ระยะสามพันลี้


 


ชายชุดดำแววตาเยือกเย็น


 


“เปล่าประโยชน์”


 


ชายชุดดำหายตัวไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งที่สามพันลี้ไกลออกไป เขารอเฉินยิ่งให้บินมาหาเขาเองอย่างเงียบเชียบ


 


เฉินยิ่งหยุดทันที ความหวาดกลัวกัดกินจิตใจ


 


ที่บนศิลาก้อนใหญ่ แม้แต่ผู้ติดตามทั้งสองก็ตัวสั่นเทิ้ม ชายชุดดำคือใครกัน?


 


ผู้ติดตามทั้งสองไม่สนใจซือหยู…และหันหนี!


 


หลิงเสี่ยวเทียนกับซือหยูมองหน้ากัน แสงสีดำส่องสว่างในชุดซือหยู หน้ากากสีทองแดงปรากฏออกมา


 


“ท่านเจ้าตำหนัก…”


 


“ขอพลังวิญญาณให้ข้าสักหน่อย ข้ากับจ้าววิหคเพลิงจะซ่อนตัวในหน้ากากนี้ พวกเราจะหนีได้เร็วกว่า”


 


เขาไม่ได้กังวลถึงจ้าวเฉินยิ่ง เขาหวาดกลัวชายชุดดำมากกว่า เขามาเพื่อหาตัวซือหยู!


 


หลิงเสี่ยวเทียนประหลาดใจ


 


“หน้ากากนิรันดร์! เจ้าได้สมบัติเทพนี่มางั้นรึ?”


 


หลิงเสี่ยวเทียนปล่อยพลังวิญญาณใส่ซือหยูเพื่อใช้หน้ากากนิรันดร์ ซือหยูหายตัวไปทันที เหลือเพียงแต่หน้ากากที่ลอยอยู่


 


หลิงเสี่ยวเทียนคว้าหน้ากากไว้กับตัวและเริ่มหนี


 


สิบวินาทีต่อมา เหนือศิลาก้อนใหญ่ ชายชุดดำปรากฏตัวอีกครั้ง เฉินยิ่งอยู่ในมือเขา สมบัติเทพคู่ที่อยู่ใต้เท้าของเฉินยิ่งกลายเป็นฝุ่นผง


 


“หนีไปแล้วรึ?”


 


ชายชุดดำพูด


 


“ข้าค่อยตามไปก็แล้วกัน”


 


ชายชุดดำจรดดัชนีไปที่หน้าผากเฉินยิ่ง ในตอนนั้นเฉินยิ่งก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง รอยแยกสีแดงปรากฏที่ระหว่างคิ้วของเขา


 


“ไม่ใช่เจ้า…”


 


ชายชุดดำพูดและโยนเฉินยิ่งลงกับพื้น


 


เขาไม่คิดจะฆ่าเฉินยิ่งด้วยซ้ำ มันเสียเวลาหากจะบดขยี้มดปลวก


 


ฟึ่บ–


 


ในสามวินาที สองผู้ติดตามถูกจับตัว รอยโลหิตปรากฏบนหน้าผากของพวกเขาเช่นกัน


 


“ไม่ใช่เจ้า เหลืออีกสองคนสินะ”


 


ฟึ่บ–


 


สิบวินาทีต่อไป หลิงเสี่ยวเทียนถูกจับตัว เขาหนีมาซ่อนที่ไกลออกไปสามหมื่นลี้ ซ่อนตัวอยู่ใต้วารี แต่ก็ไม่มีใครซ่อนตัวไปจากยอดฝีมือผู้น่ากลัวคนนี้ได้


 


“ไม่ใช่เจ้าเหมือนกัน!”


 


ชายชุดดำขมวดคิ้ว เขาไม่สนใจหลิงเสี่ยวเทียน


 


“อีกสองคนอยู่ไหน?”


 


ชายชุดดำมองรอบๆ เขาย่นคิ้วยิ่งกว่าเดิม


 


ฟึ่บ–


 


หายชุดดำหายไปเพื่อหาตัวซือหยู


 


เฉินยิ่งใช้โอกาสนี้รีบเข้าไปหาผู้ติดตาม เขาหน้าซีด


 


“รีบไป–เร็ว!”


 


เขาไม่มีเวลาจะสงสัยอีกแล้วว่าหยินหยูอยู่ที่ใด


 


“แล้วหลิงเสี่ยวเทียนล่ะท่าน?”


 


สองผู้ติดตามถามอย่างกังวล


 


พวกเขามาถึงทวีปกลางเพื่อเลี่ยงทหารของอาณาจักรทมิฬที่ลานตระเวนที่นี่ ในความจริงมันยังมีเวทย์ซับซ้อนที่พวกเขาไม่รู้อยู่อีก หากเขาเข้ามาในเวทย์ คนก็จะสงสัยแล้วว่าหลิงเสี่ยวเทียนตายไปแล้วหรือไม่


 


เฉินยิ่งกัดฟัน


 


“พาเขาไปด้วย เร็วเข้า!”


 


เขาไม่อยากจะอยู่ต่อให้นานกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว ถ้าชายชุดดำหาตัวซือหยูไม่เจอและระบายความโกรธใส่พวกเขา….เขาก็ตัวสั่นเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงมีทางเดียวคือการพาตัวหลิงเสี่ยวเทยนไป


 


ฟึ่บ–


 


พวกเขาบินไกลสามแสนลี้เข้าสู่ทวีปกลาง


 


“ด่านของอาณาจักรอยู่ข้างหน้านี้…”


 


“หวังว่าชายชุดดำจะไม่ตามพวกเรามาเถอะ!”


 


เหล่าผู้ติดตามพูดด้วยความหวาดกลัวแต่ในตอนนั้นเองชายชุดดำก็ปรากฏตัวออกมา


 


น้ำเสียงของเขาโกรธเกรี้ยวและไม่พอใจ


 


“เจ้ากล้าหลอกข้าเรอะ!”


 


ปั้ง–


 


คลื่นพลังโอบล้อมทุกพื้นที่


 


ทุกคนรู้ว่าราวกับจิตวิญญาณและกายเนื้อถูกบางอย่างเฉือนออกไป ทุกอย่างที่เป็นของพวกเขาถูกมองทะลุผ่านคลื่นพลัง


 


หลิงเสี่ยวเทียนใจเต้นแรง เขาใจหาย สมบัติเทพถูกเจอแล้ว! และซือหยูก็อยู่ในนั้น!


 


“เจ้าอยู่นี่สินะ!”


 


ชายชุดดำพูด


 


“หนีจากข้าเช่นนั้นแสดงว่าเจ้าเป็นผู้ขัดบัญชาสวรรค์แน่!”


 


จิตสังหารอันเยือกเย็นปะทุออกมา


 


“ผู้ขัดบัญชาสวรรค์ต้องถูกสังหาร! ผู้ขัดบัญชาสวรรค์ในโลกใบนี้มีแค่คนเดียวก็พอแล้ว และจะไม่มีคนที่สอง!”


 


จิตสังหารของชายชุดดำรบกวนสิ่งรอบข้าง เมฆาทมิฬสั่นไหว แผ่นดินสะเทือน ทุกสิ่งมีชีวิตรอบกายเขาตัวสั่น


 


สวรรค์พิโรธ! เป็นสวรรค์พิโรธอีกครั้ง! เขาเป็นใครกัน? มีคนเช่นนี้อยู่ในทวีปเฉินหลงด้วยรึ?


 


แต่ในตอนนั้นก็มีเสียงดังก้องปฐพี


 


“เก้าศักดิ์สิทธิ์…เก้าศักดิ์สิทธิ์…”


 


ราวกับเป็นเสียงเรียกลึกลับจากนรก


 


ชายชุดดำคือหัวหน้าของเหล่าคนในหมวกไผ่ เขาคือเก้าศักดิ์สิทธิ์!


 


ซือหยูตกตะลึง นั่นเป็นคนที่ต่อกรกับราชาแห่งงความมืดได้ เป็นนายของเฉินคงและเฟิงเซี่ยน — เก้าศักดิ์สิทธิ์! เป็นเขาคนนี้!


 


แต่ที่ซือหยูตกใจยิ่งกว่าก็คือเจ้าของเสียงนั้น ฟ้าดิน แสงกระจ่างและความมืด วงจรของรุ่งสางและยามวิกาล เขาหลับตาเดินอยู่บนพื้น เขามีกล่องหยกในมือที่มีพลังโบราณ ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือเขาไม่ได้มีรังสีพลังของคนที่มีชีวิต!


 


เขาคือศพ! และซือหยูรู้จักศพนี้ เขาเคยเห็นมันมาก่อน มันคือซากศพที่ถูกแช่แข็งในซากใต้ดินเขตหยินหยู เขาปรากฏตัวอีกครั้ง!


 


เขาบินขึ้นฟ้าและถือกล่องหยกเอาไว้


 


“ดูเหมือนว่าเจ้าจะถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว!”


 


เก้าศักดิ์สิทธิ์พูดออกมา แววตาเยือกเย็นของเขาแสดงพลัง


 


“ราชาผู้ขัดบัญชาสวรรค์จากหมื่นปีก่อน ราชาโลกดับสูญ!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม