The Devil’s Cage 186-205

 186  บันทึกประจำวัน

“โจมตีถึงตาย?”


นี่เป็นสิ่งที่จีหรานเห็นเมื่อมองไปที่มัมมี่ทั้งสองหลังจากย้ายหนังสือออกแล้ว


มัมมี่ตัวหนึ่งนั้นมีกริชอยู่บนหลังของมันและปลายกริชชี้ไปทางมัมมี่อีกตัวซึ่งหน้าอกยุบลงไป


เห็นได้ชัดว่าเหยื่อจัดการสังหารฆาตกรได้สำเร็จก่อนจะตาย และการโจมตีถึงตายนั้นก็รุนแรงมาก


ไม่เพียงแค่ฆาตกรไม่มีโอกาสหลบ แต่การโจมตีถึงตายนั้นยังรุนแรงจนทำให้หนังสือทั้งหมดหล่นลงมาทับพวกมันเอาไว้ ทำให้ทั้งฆาตกรและเหยื่อถูกฝังอยู่ใต้กองหนังสือ


แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้กลายไปเป็นมัมมี่เพราะหนังสือพวกนั้นหรอก


“เป็นเพราะวงเวทย์นี่ใช่ไหม?”


จีหรานสังเกตเห็นวงเวทย์ที่ใต้ชั้นหนังสือด้านหนึ่ง


มันสร้างจากวงกลมสองวงและดูเหมือนจะให้ผลในการรักษาสภาพหนังสือเอาไว้ให้เหนือกาลเวลา และไล่แมลงต่าง ๆ ที่จะมาทำลายหนังสือ


คนที่สร้างวงเวทย์ขึ้นน่าจะไม่ได้คิดว่ามันจะสามารถรักษาสภาพศพเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน จึงช่วยจีหรานลดปัญหาไปได้มากทีเดียว


อย่างน้อยเขาก็สามารถบอกได้ว่าเหยื่อนั้นเป็นผู้หญิง จากเสื้อผ้าที่ตกแต่งสวยงามของเธอที่ถูกรักษาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เธอน่าจะมีฐานะดีทีเดียว


ฆาตรกรเป็นชายในเสื้อผ้าธรรมดา ร่างกายของเขายังคงดูใหญ่โตแม้ว่าจะอยู่ในสภาพมัมมี่ก็ตาม


จีหรานคิดภาพออกว่าเขาคงตัวสูงมากหากยังมีชีวิตอยู่


เขาตรวจสอบมัมมี่ทั้งสองอย่างละเอียดและยังตรวจสอบกริชที่ใช้แทงผู้หญิงคนนั้นด้วย


แล้วจีหรานก็ต้องผิดหวัง ระบบบอกเขาว่ามันเป็นแค่อาวุธธรรมดาเท่านั้น


หลังจากอารมณ์เสียนิด ๆ เขาก็หันไปสนใจบนโต๊ะหนังสือ


มันกว้างและรก เพราะหนังสือทั้งหมดที่ร่วงลงมาจากชั้น แต่ว่า ก็มีรายละเอียดบางอย่างสะดุดตาจีหราน


มันมีหนังสือเล่มหนึ่งกางอยู่พร้อมกับปากกาขนนกที่ด้านข้าง หนังสือนั่นถูกทับอยู่ด้านล่างและปากกาขนนกน่าจะเอาไว้เขียนหนังสือเล่มนั้น


หมึกกระจายไปทั่วโต๊ะ ไม่เพียงย้อมไปบนโต๊ะแต่ยังหนังสือส่วนใหญ่ด้วย


“เหยื่อกำลังเขียนอะไรอยู่กันนะตอนที่เธอถูกฆ่า? การลอบสังหารฉับพลันน่าจะทำให้เธอปล่อยมือจากปากกาและลากมันผ่านหนังสือ หมึกจึงหกออกมาตอนที่เธอล้มลงไป


จีหรานหยิบหนังสือขึ้นมาหลังจากสันนิษฐานเล็ก ๆ


“บันทึกประจำวันงั้นเหรอ?”


เขาสังเกตเห็นว่าวันที่ที่เขียนเอาไว้นั้นใช้อักขระและสัญลักษณ์จาก [ความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนต์] หัวใจของเขากระตุก วันที่นั้นยังนานมากแล้วด้วย


Er627.10.22


เทียบกับวันที่ปัจจุบันในดันเจี้ยนแล้ว วันที่ล่าสุดในบันทึกประจำวันนั้นก็เป็นเมื่อ370 ปีก่อนแล้ว


“นี่มันเหมือนกันอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เลย”


จีหรานมองบันทึกโบราณอย่างอึ้ง ๆ ก่อนที่จะเริ่มอ่าน


สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวหลังจากเขาพลิกผ่านไปสองสามหน้า


วันที่นั้นก็เกินความคาดหมายของจีหรานอยู่แล้ว แต่เนื้อหาของบันทึกนั้นยิ่งกว่าเสียอีก



Er527.3.22


ไม่มีความคืบหน้าของการค้นหาด้านนอกในวันนี้ เพื่อที่จะคลี่คลายความลับโบราณ ข้าจะแต่งงานกับไอ้ขี้ขลาดที่สืบทอดตำแหน่งดยุค แต่ไม่กล้าทำอะไรด้วยตำแหน่งนั้น


Er527.5.22


ไอ้งี่เง่าเอ๊ย! ไอ้คนขี้ขลาดนั่นบอกทุกอย่างที่ข้าต้องการจะรู้ก็หลังพิธีหมั้นหมายแล้ว


Er527.12.22


พิธีแต่งงานกำลังดำเนินไปตามแผน ทุกครั้งที่ข้าเห็นรอยยิ้มน่าขยะแขยงของไอ้คนขี้ขลาดนั่นมันก็ทำให้ข้าอยากจะอาเจียน! เขาจะยิ้มอยู่ได้อีกไม่นานหรอก


Er527.12.23


ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ไอ้คนขี้ขลาดนั่นสืบเชื้อสายมาถูกต้องจริง ๆ ใบหน้าของเขาทำให้ข้าตัวสั่น โชคดี ข้าได้เตรียมสถานที่ที่เหมาะสมกับเขาที่สุดไว้แล้ว


Er549.2.1


สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปไม่ดีเลย! ข้าต้องการวัตถุดิบในการทดลองมากกว่านี้เพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุดในการสกัดสายเลือดนั่นออกมา!


Er572.10.15


เลือด! สายเลือดนั่น! ถึงแม้ว่าทุกการทดลองจะล้มเหลว ผลการทดลองที่ไม่สมบูรณ์นี้ก็มีพลังมากพอ! สายเลือดอันทรงพลังนี่จะต้องเป็นของข้า!


Er592.10.15


ตามที่ข้าคิดไว้เลย เพื่อให้ได้มาซึ่งพลัง ข้าจำต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านี้ คนที่ใกล้เคียงและเหมาะสมกับสายโลหิตมากกว่านี้ โชคดี เขายังมีชีวิตอยู่อย่างดีและก็ดูจะตกหลุมรักข้า นี่เป็นความรักงั้นหรือ? ไม่ ความรักไม่ได้จำเป็นต่อการตั้งครรภ์


Er593.12.22


ข้ากำลังจะทำสำเร็จแล้ว ข้ากำลังจะคลอดในไม่ช้า ข้าจะได้รับพลังของสายเลือด!


Er601.1.1


ไอ้คนทรยศนั่น! เหตุใดสายเลือดนั่นถึงสามารถส่งผ่านความทรงจำได้? ไอ้สวะนั่นหนีไปแล้ว! ความพยายามทั้งหมดของข้ากำลังจะสูญสลายไป!


Er625.9.30


ปลูกถ่ายหัวใจ! ในที่สุดข้าก็พบวิธีการแก้ไขแล้ว


เหตุใดข้าจึงคิดวิธีแก้ไขง่าย ๆ เช่นนี้ไม่ออกตั้งแต่แรกกัน?


ปิศาจนั่นมีพลังชีวิตอันล้นเหลือ มันสามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้ปราศจากหัวใจ!


Er625.10.2


ไม่ หัวใจของเจ้าปิศาจนั่นทรงพลังเกินไปสำหรับร่างกายของคนธรรมดา ข้าจำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่านี้เพื่อปลูกถ่ายหัวใจ! ไม่ ไม่ ไม่สิ… ข้าเพียงแค่ต้องมีน้ำยาอีกชนิดช่วยแล้วก็จะแก้ปัญหานี้ได้!


Er627.10.22


น้ำยานั่นเกือบจะเสร็จแล้ว! ข้าจะเป็นอมตะไปตลอดกาลนิรันดร์ เหมือนกับเท….



จีหรานไม่สามารถอ่านต่อได้เพราะว่ามีหมึกเปรอะเปื้อนอยู่ แต่แค่ที่เขาอ่านมาก็ทำให้สันหลังเย็นวูบแล้ว


จีหรานนึกถึงตำนานที่กัปตันราล์ฟเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับ [คุกบนเกาะ]


หลังจากลองเทียบดูแล้ว เขาก็แน่ใจว่าบันทึกนี่เขียนขึ้นโดยภรรยาของดยุคผู้นั้น


ตามเรื่องที่กัปตันราล์ฟเล่า ดยุคและภรรยาของเขานั้นประสบกับโศกนาฏกรรม แต่บันทึกบอกจีหรานว่ามีเพียงแค่ดยุคเท่านั้นที่ผ่านเรื่องสยองขวัญอันเกินจินตนาการได้ ไม่ใช่ภรรยาของเขา เธอคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง


จีหรานรู้สึกถึงสภาพจิตใจของเธอได้ผ่านทุกอย่างที่เธอบันทึกเอาไว้


เพื่อที่จะได้พลังจากสายเลือดที่ดยุคครอบครองอยู่ เธอก่อเรื่องร้ายแรงอันเกินคิดถึง เธอไม่เพียงแค่ทำการทดลองกับคนจริง ๆ แต่ยังกับลูกของเธอเองด้วย


มันเป็นการทดลองที่ใช้นับร้อยชีวิตบนอัลคาทราซ และมันเป็นเหตุผลให้ไม่มีคนกล้าย่างขึ้นมาบนเกาะนี้เกือบร้อยปี


หากไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ถูกลอบสังหารอย่างกะทันหัน การทดลองอาจจะดำเนินต่อไปนานกว่านี้


บันทึกยังยืนยันความคิดของจีหรานเรื่องถ้ำที่เขาผ่านเข้ามา มันเป็นดันเจี้ยนหนึ่งจริง ๆ


สิ่งหนึ่งที่จีหรานไม่ได้คิดเอาไว้ก็คือปิศาจในเรื่องนั้นจริง ๆ คือตัวดยุคผู้นั้น


จีหรานเบนสายตาไปทางมัมมี่ผู้ชาย ซึ่งน่าจะเป็นลูกของดยุค


หากฆาตกรไม่ได้เติบโตขึ้นมาบนเกาะและคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่ เขาย่อมไม่สามารถเข้าถึงตัวภรรยาของดยุคได้อย่างเงียบเชียบและสังหารเธอได้


ขนาดตัวอันผิดปกติของเขายังยืนยันตัวตนของเขาในทุกด้าน


จีหรานไม่รู้ว่าทำไมเขาคนนี้ถึงกลับมาหาผู้หญิงเหี้ยมโหดที่ไม่ได้มีค่าพอที่จะเป็นแม่ของเขาหลังจากหนีไปได้เป็นหลายปี


อย่างหนึ่งที่แน่ใจได้ เขามีพลังมาก เขาสามารถทะลวงผ่านความสามารถในการป้องกันตัวเองของผู้มีพลังพิเศษและสังหารเธอได้ด้วยกริชธรรมดา ๆ เล่มหนึ่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ทั่วไปจะทำได้ ไม่แม้กระทั่งจีหรานเอง


ภรรยาของดยุคนั้นเป็นผู้มีพลังพิเศษที่มีความมุ่งร้ายต่อเชื้อสายของดยุค


จีหรานคงจะเป็นคนโง่แล้วหากไม่รู้ถึงตัวตนที่ซ่อนอยู่ของภรรยาดยุคหลังจากอ่านบันทึกการทดลองและสูตรน้ำยาที่อยู่ในบันทึก


“พลังของสายเลือด?” จีหรานพึมพำกับตัวเองขณะมองมัมมี่บนพื้น


ที่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับคำนี้ แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังของสายเลือดนี้เพียงแค่อ่านจากบันทึก


ไม่ใช่แค่ผู้มีพลังพิเศษเมื่อหลายร้อยปีก่อนจะวางแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งพลัง แต่ผู้มีพลังพิเศษในทุกวันนี้ก็ยังพยายามที่จะเปิดเผยความลับนั่น


กิลเฟรน แฮทช์ น่าจะเป็นเชื้อสายของลูกของดยุค


ตามบันทึก ลูกของดยุคนั้นออกจากอัลคาทราซไปกว่ายี่สิบปี ย่อมไม่น่าประหลาดใจหากเขาจะแต่งงานและมีลูกสักคนสองคน


บันทึกยังบอกเอาไว้ ด้วยเชื้อสายของดยุค ลูกของเขานั้นยังสามารถสืบทอดความทรงจำของเขาผ่านสายเลือดได้


ดังนั้น กิลเฟรน แฮทช์ ย่อมสืบทอดความทรงจำของบรรพบุรุษมา เป็นเหตุให้เขากลับมาที่เกาะอัลคาทราซเพื่อค้นหาพลัง


ดูเหมือนว่าความทรงจำนั้นจะไม่สมบูรณ์นัก เขาเพียงรู้ว่าดันเจี้ยนนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้เกี่ยวกับห้องทดลองลับในดันเจี้ยนและปริศนาอย่างสุดท้ายที่หายไป น้ำยาที่สามารถทำให้เขาสืบทอดพลังของสายเลือดได้


ไม่อย่างนั้น กิลเฟรน แฮทช์ก็คงจะหาทางเข้ามาในห้องนี้ไม่ว่าจะต้องใช้อะไรก็ตาม เขาอยากจะได้พลังของสายเลือดแทบตายอยู่แล้ว


“หากความทรงจำไม่สมบูรณ์ กิลเฟรน แฮทช์และฟรอสทริลย่อมได้ข้อมูลมาผิด ๆ เช่นกัน! ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ กิลเฟรน แฮทช์ น่าจะไม่ได้บอกฟรอสทริลทุกอย่าง เขาคงจะเก็บส่วนที่สำคัญที่สุดเอาไว้และใช้ส่วนที่เหลือล่อลวงฟรอสทริลให้ร่วมมือกับเขาเป็นการชั่วคราว! นี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด! ต้องขอบคุณหัวใจนั่นและข้อมูลของกิลเฟรน แฮทช์ ฟรอสทริลถึงได้มั่นใจพอที่จะไม่สนใจใครเลย!”


ในที่สุดจีหรานก็พบว่าผลประโยชน์อะไรที่ทำให้ฟรอสทริลหักหลังเซอเดนก์ และไม่สนใจตัวตนของนิโคเรอิ


จีหรานอยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฟรอสทริลหากเขาปลูกถ่ายหัวใจนั่นเข้าสู่ร่างกายตัวเองโดยไม่มีน้ำยาช่วย


หากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะปลูกถ่ายหัวใจนั่นเข้าสู่ตัวเอง หากเขารู้กระบวนการที่ต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จ


จีหรานหันไปสนใจทางด้านซ้ายของห้องที่เป็นที่ทำการทดลอง


187 สอดแนม

เทียบกับโต๊ะรก ๆ แล้ว ส่วนที่ใช้ทำการทดลองนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับการต่อสู้นั้นไม่ได้ขยายวงมาถึงส่วนนี้ของห้อง


จีหรานหันไปสนใจบีกเกอร์ทดลองหลายใบนั้น มีกระทั่งตะเกียงแอลกอฮอล์รุ่นเก่าใต้บีกเกอร์แก้ว


ไฟตะเกียงดับไปเป็นร้อยปีแล้ว


จีหรานอึ้งไปเมื่อเจอกับภาพนี้ในตอนแรก ความรู้สึกเลวร้ายพุ่งขึ้นในใจเขา


เขารีบค้นหาน้ำยาช่วยที่บันทึกพูดถึงอย่างรวดเร็ว


หลังจากค้นเร็ว ๆ รอบหนึ่ง เขาก็เห็นบีกเกอร์แก้วที่มีกากไหม้สีดำ ๆ อยู่ด้านใน ตามการวิเคราะห์ของจีหราน บีกเกอร์แก้วนี้น่าจะเคยใส่ของเหลวเอาไว้และถูกต้มจนเดือดนานเกินและระเหยแห้งไป


“นี่น่าจะเป็นน้ำยาที่ถูกลิขิตเอาไว้ให้ล้มเหลวแล้ว เพราะทั้งคู่ตายไปเสียก่อน…”


จีหรานอดถอนใจไม่ได้


ภรรยาของดยุคคงจะหันไปสนใจบันทึกของเธอตอนที่กำลังทำน้ำยาด้วยอดที่จะระบายความตื่นเต้นของตัวเองออกมาไม่ได้ คำอธิบายที่เป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นว่า กระบวนการทำน้ำยานั้นง่าย และเธอไม่จำเป็นต้องจับตาดูน้ำยานั่นไว้ตลอดกระบวนการ


และภรรยาของดยุคยังไม่ได้คิดว่าจะตายด้วยน้ำมือของลูกตัวเองด้วย


จีหรานหยิบบีกเกอร์แก้วขึ้นมาตรวจดูกากสีดำด้านใน


แม้ว่าบันทึกจะพูดถึงน้ำยาช่วย แต่ก็ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าน้ำยาที่เธอกำลังทำนั้นเป็นอย่างไร ความหวังเดียวของจีหรานก็คือวิเคราะห์กากสีดำนี่และค้นหาส่วนผสมที่เป็นไปได้


น่าเสียดายที่[น้ำยาศาสตร์] ระดับพื้นฐานของเขานั้นยังไม่ถึงขั้น


จีหรานถอนหายใจอีกครั้ง


“แล้วสายเลือดล่ะ?” เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความเสียดายอย่างยิ่ง


ในสิ่งใหม่ทั้งหมดที่เขาพบ จีหรานนั้นไม่แน่ใจว่าสายเลือดนี้จะมอบพลังให้คนผู้หนึ่งได้มากแค่ไหน ถ้าดูจากปิศาจดยุค ผลลัพธ์ก็ชัดเจน ปิศาจนั่นไม่ได้อยู่ในสภาพดีที่สุดด้วยซ้ำ


ด้วยข้อมูลอันจำกัด และใช้ปิศาจนั่นเป็นต้นแบบ จีหรานคาดเดาได้ว่าหากเขาได้สายเลือดนั่นมา ระดับพลังในตอนนี้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็เท่าตัว


เพียงแค่คิดเช่นนี้ก็ให้ความรู้สึกเย้ายวนมาก จีหรานเข้าใจประโยชน์ของการแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วดีกว่าคนอื่น ๆ


กฏความยากของการเข้าดันเจี้ยนนั้นเป็นการตัดสินว่าเกมจะดำเนินไปอย่างไรและวิถีการเล่นที่ดีที่สุดควรจะเป็นอย่างไร


อย่างไรเสีย การสำรวจโดยไม่หยุดยั้งของจีหรานและการทำภารกิจย่อยและภารกิจสร้างชื่อให้สำเร็จเพื่อเพิ่ม Point และSkill Points ของเขาในช่วงนี้นั้นก็เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน


โอกาสมักปรากฏขึ้นในเวลาอันเหมาะสมที่สุด หากเขาจำต้องปล่อยมันไปเพราะเหตุผลอื่น ๆ แล้วละก็ มันก็คงเจ็บปวดเหมือนกรีดเนื้อตัวเองเลยทีเดียว


เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดเช่นนั้น จีหรานตัดสินใจไม่ยอมแพ้โดยไม่สู้


เขาเก็บบีกเกอร์แก้วเข้าไปในกระเป๋า


[น้ำยาศาสตร์] ระดับพื้นฐานของเขาอาจจะไม่สามารถวิเคราะห์ส่วนผสมได้ แต่เขาเชื่อว่าในสักวันหนึ่งเขาน่าจะสามารถค้นพบส่วนประกอบของน้ำยาได้เมื่อเขาเลื่อนระดับทักษะของเขาไปเป็น ผู้เชี่ยวชาญ มืออาชีพ หรือว่าปรมาจารย์


จีหรานมองไปรอบ ๆ ส่วนที่ใช้ทำการทดลอง หวังว่าจะพบของอื่นที่มีค่าพอที่จะชดเชยความสูญเสียของเขาได้


แล้วก็ต้องผิดหวัง


แม้ว่าส่วนทดลองจะอยู่ในวงเวทย์รักษาสภาพเดียวกับหนังสือ น้ำยานั้นต่างไปจากหนังสือ หลังจากหลายศตวรรษ น้ำยาทั้งหมดก็ล้วนสูญเสียประสิทธิภาพของมัน


ส่วนน้ำยารูปแบบอื่นหรือขี้ผึ้ง กระทั่ง[น้ำยาศาสตร์] ระดับพื้นฐานยังพอให้เขาบอกได้ว่าทั้งหมดล้วนใช้การไม่ได้แล้ว หรือบางอย่างยังเป็นพิษด้วย


แต่ท่ามกลางการค้นพบอันน่าผิดหวัง จีหรานก็ไปเจอกับลูกแก้วลูกหนึ่ง


เขาไม่แน่ใจว่าทำไมลูกแก้วนี่ถึงถูกวางเอาไว้ในส่วนทดลองเหมือนเป็นของที่ทำขึ้นมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาไม่เคยเห็นการตกแต่งเช่นนี้ในห้องทำงานของนิโคเรอิหรือไซมอน


จีหรานตรวจดูลูกแก้วที่โดดเด่นขึ้นมาจากทุกอย่างในห้องนี้อย่างระวัง


ลูกแก้วนั้นมีขนาดใหญ่เกือบสองเท่าของกำปั้นของผู้ชายเต็มวัย มันส่องแสงเป็นประกายและยังมีฐานเป็นไม้สีแดง จากที่เห็น มันดูไม่ต่างไปจากลูกแก้วทั่วไป


หลังจากจีหรานตรวจดูรอบตัวตามนิสัยและแน่ใจว่าไม่มีกับดักอะไร เขาก็แตะมือลงที่ลูกแก้ว


ทันทีที่นิ้วของจีหรานแตะถูกมัน แสงสว่างแสบตาก็ก่อตัวขึ้นในลูกแก้ว มันส่องสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ทั้งห้องสว่างไสวขึ้นในพริบตา


เมื่อแสงสว่างจางไป ลูกแก้วก็ฉายภาพเหมือนดูโทรทัศน์ไปที่กำแพงด้านหนึ่งของห้องทดลอง


“นี่มัน….”


ภาพที่ฉายนั้นเป็นห้องโถงอันคุ้นเคยและโลงศพทองแดงที่บนพื้น


จีหรานจำที่นั่นได้เพียงแค่มองแวบเดียว มันเป็นที่ที่เขาพบกับโลงศพทองแดงเป็นครั้งแรกและสู้กับครึ่งชีพกิลเฟรน แฮทช์


เมื่อฟรอสทริลก็ปรากฏตัวขึ้นในภาพฉายด้วยจีหรานก็เริ่มกังวล เขากลัวว่าฟรอสทริลจะรู้สึกถึงเขา


ฟรอสทริลไม่รู้ตัวว่าถูกลอบดูอยู่ เขาทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป วาดวงเวทย์หนึ่งซ้ำ ๆ


ฐานของวงเวทย์นั้นสร้างจากพระจันทร์ข้างแรมและพระจันทร์ข้างขึ้นใช้เป็นวงเวทย์แลกเปลี่ยน ฟรอสทริลดูจะกำลังใช้ผงระยิบระยับบางอย่างสร้างวงเวทย์จากพระจันทร์ข้างแรมสู่พระจันทร์ข้างขึ้น ที่ตรงกลางเป็นพระจันทร์เต็มดวง แบ่งทั้งหมดเป็นสองส่วน


พระจันทร์เต็มดวงนั้นมึความหมายเฉพาะในฐานะของสัญลักษณ์ใน [ความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนต์] แต่ระดับของจีหรานนั้นต่ำเกินกว่าเขาจะเข้าใจได้


เช่นเดียวกับผงระยิบระยับที่ฟรอสทริลกำลังใช้เป็นวัตถุดิบค้ำจุนการร่ายเวทย์ จีหรานไม่รู้ว่ามันคืออะไรเช่นกัน


หลังจากฟรอสทริลวาดวงเวทย์เสร็จเจ็ดรอบ วงเวทย์ก็ดูจะสร้างเงาซ้อนทับกันหลายชั้นขึ้นมา


เมื่อเขาทำเสร็จ ฟรอสทริลก็เริ่มร่ายเวทย์ ลูกแก้วฉายภาพไม่ได้ถ่ายทอดสิ่งที่เขากำลังพึมพำ แต่จีหรานก็ยังเห็นว่าเขาทำกำลังทำอะไร


“มันคือวงเวทย์ที่ขัดขวางการมองเห็นของนิโคเรอิ!” จีหรานพูดเบา ๆ


จากนั้นเขาก็เพิ่งความสนใจไปที่วงเวทย์ เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร


เขาต้องทำลายวงเวทย์เพื่อให้นิโคเรอิเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นบนเกาะ


จีหรานไม่ได้จะพึ่งพาแค่ความช่วยเหลือจากนิโคเรอิเพราะว่าการรอความช่วยเหลือมาถึงน่าจะยาวนานทีเดียว


ฟรอสทริลอาจจะหาตัวจีหรานเจอได้ในระหว่างเวลานั้น หรืออาจจะเอาโลงศพทองแดงไปแล้วหายตัวไป


อย่างหลังนั้นน่าจะเป็นไปได้มากกว่า โดยเฉพาะเมื่อฟรอสทริลรู้ว่ากิลเฟรน แฮทช์ นั้นไม่กลับมาและเริ่มกลัวว่านิโคเรอิจะบุกที่นี่ เขาคงจะฉวยโลงศพทองแดงไปจากจีหรานแล้ว


นั่นไม่ใช่สิ่งที่จีหรานต้องการ หลังจากอ่านบันทึกแล้ว จีหรานก็ตัดสินใจจะต้องได้หัวใจในโลงศพทองแดง


“ฉันต้องลงมือก่อนเขา! ฉันต้องลงมือให้เร็วและได้รางวัลในโลงศพนั่น!” จีหรานคิดเงียบ ๆ


แน่นอนว่า ก่อนที่เขาจะลงมือ เขาต้องสืบและเตรียมตัวให้มากกว่านี้


188 มีดอันสิ้นหวัง

เช้าตรู่ อุณหภูมิที่เกาะอัลคาทราซลดลงจนถึงจุดต่ำสุด


สายน้ำที่เปลี่ยนทิศทางกระจายหมอกหนาไปตามถ้ำคดเคี้ยวและทำให้อุณหภูมิภายในนั้นลดต่ำกว่าที่ด้านนอก


กระทั่งสมาชิกของสมาคมเร้นดารายังไม่สามารถทนรับความหนาวเย็นและเริ่มก่อกองไฟสองกองเพื่อให้ความอบอุ่น


ผู้ที่เพิ่งกลับมาจากการต่อสู้สองครั้งติด ๆ กับผู้บุกรุกจากภายนอกดูหมดแรงกว่าปกติ


ผู้บุกรุกนั้นก็เหมือนมดสำหรับพวกมัน สมาชิกของสมาคมเร้นดาราแต่ละคนสามารถบดขยี้พวกนั้นถึงตายได้


แต่มดทั้งฝูงก็สามารถล้มช้างได้ และเหล่าผู้บุกรุกยังมีกำลังมากกว่าแค่มดหนึ่งตัวด้วย


ผู้บุกรุกทั้งหมดล้วนเป็นผู้มีความสามารถพิเศษที่มีความสามารถไม่ธรรมดา หากจำนวนเพิ่มมากขึ้น กระทั่งสมาคมเร้นดาราก็คงไม่สามารถมองข้ามการร่วมมือของพวกนั้นได้


สมาชิกของสมาคมเร้นดาราเข้าใจสถานการณ์ดี เมื่อเลือกติดตามฟรอสทริล พวกเขาก็เอาฐานะสมาชิกสมาคมเร้นดาราไปเสี่ยงอยู่


เกาะกำลังถูกบุกรุก และพวกเขาก็ไม่มีกำลังเสริมให้เรียก เมื่อคิดถึงชาแมนที่แข็งแกร่งที่สุดบนชายฝั่งทะเลตะวันตกและหัวหน้าคนก่อนของพวกเขา เซอร์เดนก์ ผู้ที่ลงมือโจมตีใส่พวกมันแล้ว มันก็ทำให้สภาพจิตใจของพวกเขาตกต่ำลงกว่าที่เคย


เปลวไฟของกองไฟที่ก่อเอาไว้เต้นระยิบ แสงสว่างส่องลงบนใบหน้าของพวกเขา สมาชิกแต่ละคนของสมาคมเร้นดาราล้วนมีสีหน้าเคร่งเครียดที่สะท้อนความรู้สึกของพวกตน


มีหนึ่งคนที่ต่างออกไป ก็คือฟรอสทริล


ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม เขานั่งอยู่ข้างกองไฟอย่างสงบ เขาดูเหมือนไม่กังวลอะไรกับสถานการณ์ที่ดูสิ้นหวังตรงหน้า


เมื่อเขามองไปที่ลูกน้องแต่ละคน เขาก็เห็นความเคร่งเครียดบนใบหน้าของทุกคน มันชัดเจนจนเหมือนเขารู้สึกเอง


ฟรอสทริลเริ่มรู้สึกกระวนกระวายเมื่อกิลเฟรน แฮทช์ไม่กลับมาและผู้บุกรุกจอมละโมบก็ยังคงลงมือโจมตีใส่พวกตน


เขารู้ว่าเขาต้องรักษาความเยือกเย็นเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น เขาไม่ต้องการให้คนที่เขาคัดเลือกมาจากสมาคมอย่างยากลำบากต่อต้านเขา


เขารู้ว่าเพียงแค่ความกดดันสาหัสจากเซอร์เดนก์และนิโคเรอิก็หนักเกินไปแล้วสำหรับพวกตน ความผิดพลาดใด ๆ เพียงครั้งเดียวอาจจะทำให้พวกเขาพ่ายแพ้


“ทุกคน วันเฮงซวยกำลังจะจบลงแล้ว เพื่อนของเรากำลังจะกลับมาพร้อมไอ้หนูสกปรกนั่น และศักราชใหม่ก็จะเริ่มต้นขึ้น ฉันจะขึ้นครองบัลลังก์ของฉันอย่างถูกต้อง และทุกคนที่นี่ก็จะได้เห็นชัยชนะและอนาคตอันรุ่งเรืองที่พลังใหม่ของเราจะนำมา!” ฟรอสทริลพูดขณะลุกขึ้นยืน มองลูกน้องของตนทีละคน


คำพูดของเขาไม่ได้ให้ความรู้สึกจับใจ แต่ว่าตัดตรงเข้าสู่แก่นความคิดของทุกคนตรงนั้น


เมื่อคำพูดของเขาจางไป ทุกคนก็ลุกขึ้นและให้กำลังใจผู้นำคนใหม่ของพวกมันอย่างล้นหลาม


ผลประโยชน์และเงินทองคือสิ่งที่พวกมันทุกคนไล่ตาม พวกมันให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อฟรอสทริลอีกครั้ง มองเขาเป็นผู้ที่จะนำพวกมันไปสู่อนาคตอันดีงาม


บรรยากาศหนักหน่วงเปลี่ยนเป็นรื่นเริงและมีชีวิตชีวาด้วยเสียงเชียร์ในพริบตา


เปลงไฟลุกสว่างไสวมากขึ้นตามเสียง และแสงสว่างยังส่องให้เงาของทุกคนขยายใหญ่ขึ้นเป็นหลายเท่า เงาของพวกมันดูสูงและยาว เอนเอียงไปมาราวกับงูระบำเถาวัลย์สะบัดไหว



คำปลุกใจของฟรอสทริลได้ผลกับคนของเขา เสียงเชียร์และเสียงอวยพรดังชัดเจนอยู่ด้านในห้องโถงที่โลงศพทองแดงตั้งอยู่ จีหรานที่ซ่อนอยู่ในเงายิ้มเย็น เขาอยากจะเห็นนักว่าฟรอสทริลจะยังคงเยือกเย็นและมีกำลังใจได้อีกไหมหากเซอร์เดนก์หรือว่านิโคเรอิปรากฏตัวขึ้น


จีหรานเพ่งไปที่วงเวทย์ขณะที่ระเบิดลูกหนึ่งปรากฏขึ้นในมือเขา


เขาดึงสลักออกแล้วขว้างระเบิดเข้าไปในวงเวทย์


พลังเวทย์ของวงเวทย์นั้นมหาศาล แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันทำลายไม่ได้ ต่อให้มันถูกวาดขึ้นเพื่อปกป้องก็ตาม


คาถาเวทย์ที่มอบการปกป้องให้นั้นมีพลังแรงกล้า เหมือนที่ทรัมโปเคยใช้ แต่ตัววงเวทย์เองนั้นยังคงถูกทำลายได้โดยง่าย


ตูม!


ระเบิดทำลายวงเวทย์และยังทำลายพื้นไปอีกเล็กน้อย


สะเก็ดระเบิดกระจายไปรอบ ๆ และทำให้ห้องโถงสลัววุ่นวายไปในพริบตา


จีหรานเปลี่ยน [Tessirot Blessing] กับ [Paul’s Conceal] และใช้ [อำพราง] ระดับยอดนักสู้ของเขา เขาหายตัวไปในฝุ่นผงระยิบระยับ


เสียงฝีเท้าวุ่นวายนับสิบพุ่งเข้ามาในห้องโถง ใบหน้าของฟรอสทริลเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ


เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย


ฝุ่นระยิบระยับที่ล่องลอยอยู่ทั่วนั้นก็ชัดเจนพอแล้ว วงเวทย์ที่เขาวาดเอาไว้ถูกทำลายแล้ว


ใครบนเกาะนี้ที่จะสามารถทำลายวงเวทย์ที่เขาวาดขึ้นได้กัน?


จีหราน!


ไม่ต้องมีหลักฐานพิสูจน์ แต่สัญชาตญาณของฟรอสทริลก็ทำให้เขามั่นใจเต็มที่


“แกสองคนไปตามหาไอ้หนูสกปรกนั่น! พวกแกที่เหลือตามฉันมา!” ฟรอสทริลตะโกนใส่คนของเขาขณะก้าวยาว ๆ ไปทางโลงศพทองแดง


เขารอไม่ได้แล้ว เขาต้องเปิดโลงศพเดี๋ยวนี้


ฟรอสทริลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกิลเฟรน แฮทช์ แต่เมื่อคิดว่าที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้วกลับเป็นจีหรานไม่ใช่พรรคพวกของตน เขาก็รีบตัดสินใจการลงมือก้าวต่อไปในทันที


เขาดีใจที่ได้เตรียมสถานที่ปลอดภัยเอาไว้เผื่อเรื่องราวเลวร้ายแล้ว


แม้เขาจะไม่สามารถหลบหลีกจากสายตาของนิโคเรอิได้นานนัก แต่มันก็นานพอที่จะถ่วงเวลาเธอ


หากมีเวลาพอ ฟรอสทริลมั่นใจว่าเขาจะสามารถเปิดโลงศพทองแดงได้ด้วยตัวเอง


โดยเฉพาะในเวลาเช่นนี้ ฟรอสทริลนั้นไม่คิดจะใช้จีหรานเปิดโลงศพอีกต่อไป เขาแค่อยากให้จีหรานตายไปซะ


จีหรานเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาอยากให้ฟรอสทริลตายตกไปเหมือนกัน


หนึ่งวันก่อน จีหรานนั้นเห็นอย่างชัดเจนว่าโลงศพทองแดงถูกเก็บไว้ที่ไหน ความคิดในการสังหารฟรอสทริลนั้นผุดขึ้นมาถัดจากความคิดที่จะทำลายวงเวทย์


แต่การทำลายวงเวทย์ยังคงเป็นความสำคัญอันดับแรกของเขาอยู่ดี ก็เป็นปกตินิสัยของเขา


ตามแผนการเดิม เขาสำรวจสถานที่ที่เขาถูกกักเอาไว้ซึ่งเป็นดันเจี้ยนใต้เกาะ ซ่อนตัวอยู่ใต้ก้นทะเล


หลังจากจีหรานมาถึงปลายบันได เขาก็แน่ใจว่าเขาสามารถเข้าถึงโลงศพทองแดงและที่อื่น ๆ ได้


เมื่อสำรวจประตูลับที่นั่นอย่างละเอียด จีหรานก็แน่ใจ นอกเสียจากจะมีใครฉีกกระชากเกาะนี้ออกจากกันได้ ก็ไม่มีใครสามารถลงมาที่นี่ได้จากด้านบนเกาะ


จีหรานใช้ลูกแก้วคริสตัลแอบดูฟรอสทริลและคนของเขาและวางแผนการเคลื่อนไหวของตน


เขายังดูไปถึงรูปแบบการลงมือของคนของฟรอสทริลและหาโอกาสโต้ตอบกลับ


เมื่อเขาเห็นว่าฟรอสทริลและคนของเขาหมดแรงจากการป้องกันตัวเองจากผู้บุกรุก แผนเดิมของจีหรานที่จะทำลายวงเวทย์ก็ปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะยังสามารถปรับแผนให้ดีขึ้นได้อีก


ความคิดและการกระทำของจีหรานนั้นสอดคล้องกันเป็นอย่างดี


เขาเก็บทุกอย่างที่ต้องการเอาไปด้วย รวมทั้งหนังสือบางเล่มในห้องลับ และพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง


ระหว่างหลายชั่วโมงมานี้ ฟรอสทริลนั้นต่อสู้กับผู้บุกรุกถึงสองรอบ เป็นโอกาสอันดีให้จีหรานลงมือ


เขาอาจจะไม่มีโอกาสสู้ฟรอสทริลได้หากฟรอสทริลอยู่ในสภาพปกติ แต่เมื่อเขาหมดแรง อย่างนั้นก็พอมีหวัง


ต้องขอบคุณการทำลายวงเวทย์ รวมทั้งสภาพกายและใจที่อ่อนล้าของเขา สภาพจิตใจของฟรอสทริลย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้จีหรานมีความหวังมากขึ้น


เขายังมี [Hatch’s Curse] และมีดสั้นที่เพิ่มความมั่นใจให้เขามากขึ้นด้วย


ในเงา จีหรานกลั้นหายใจและเพ่งสมาธิถึงขีดสุด เขาปกปิดตัวตนและจิตสังหารเอาไว้ รอคอยอยู่นิ่ง ๆ ราวกับก้อนหินให้ฟรอสทริลเดินมาถึงตรงหน้า


เขามีความอดทนอย่างที่สุด เขารออยู่หนึ่งวันเต็ม ๆ เพื่อโอกาสนี้ รอคอยนานอีกนิดก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากอะไร


ฟรอสทริลใกล้เขาเข้ามาทุกที เขาเดินไปที่ด้านข้างที่โลงศพทองแดงตั้งอยู่ และยังเป็นที่ที่จีหรานรอลงมือกับเขาเช่นกัน


เมื่อฟรอสทริลหยุด และคนของเขาพยายามเดินเข้าไปเพื่อเคลื่อนย้ายโลงศพ จีหรานก็ลงมือ


เขาไถลไปด้านหน้าราวกับเงาพร่ามัวเงาหนึ่ง และปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันที่ด้านหลังฟรอสทริล มีดสั้นขนาดเท่าฝ่ามือขยับไปทางลำคอของฟรอสทริล


ความเหนื่อยอ่อนของฟรอสทริลทำให้เขาเสียสมาธิและยังช้าลง เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ามีดสั้นกำลังเข้าใกล้จุดอ่อนของเขา


เมื่อความเย็นก่อตัวบนผิวของเขา ฟรอสทริลกลับไม่รู้สึกชาแต่อย่างได


แต่เขาก็ยังคงไม่คิดจะหลบ เขาไม่ขยับตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำ


รอยยิ้มประหลาดก่อตัวขึ้นบนหน้าเขาขณะพร้อมตอบโต้กลับและสังหารจีหรานด้วยหนึ่งในการโจมตีเร็วของเขา เป็นวิธีการเดียวที่จะรักษาหน้าเอาไว้ได้


ความทรงจำที่เห็นความสงสัยและความตกตะลึงบนใบหน้าของคนของตัวเองเมื่อวงเวทย์ถูกทำลายยังสดใหม่


หากไม่เพราะความเคารพที่มีมา ฟรอสทริลแน่ใจว่าคนของเขาคงพร้อมที่จะหันมาสู้กับเขาแล้ว


เขาต้องกู้ชื่อเสียงของตัวเองกลับมาและแก้หน้าให้ได้หากต้องการให้คนของตนยังภักดีต่อ


เขาก็กำลังรอโอกาสเช่นนี้อยู่เหมือนกัน


ส่วนความเป็นไปได้น้อยนิดที่จีหรานจะสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของเขามาทำร้ายเขาได้น่ะเหรอ?


ตลกเกินไปแล้ว มันอาจจะมีอาวุธวิเศษบางชิ้นที่สามารถทำร้ายเขาได้ แต่อาวุธพวกนั้นก็มีค่าเกินกว่าจะมาตกอยู่ในมือของคนอ่อนแออย่างจีหราน


แม้ว่านิโคเรอิจะครอบครองอาวุธแบบนั้นอยู่และเธอยังดูชื่นชมในตัวผู้ช่วยของเธอ ฟรอสทริลก็แน่ใจว่าเธอคงไม่มอบของพวกนั้นให้จีหราน


เช่นนั้นแล้วมีดสั้นในมือจีหรานนี่เล่า?


มันน่าจะเป็นของเล่นที่เกิดจากการแปรธาตุสักชิ้น ของเล่นแบบนี้จะทำลายการป้องกันระดับสูงของฟรอสทริลได้อย่างไร?


ฟรอสทริลแค่นเสียงไม่สบอารมณ์ใส่จีหราน


“นี่เป็นโอกาสดีที่จะจับตัว 2567 และบังคับให้เขาเปิดโลงศพ!”


ความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นในใจเขา


ในตอนที่เขากำลังจะลงมือนั่นเอง มีดสั้นทึบทึมที่จ่ออยู่กับคอหอยของเขาก็เปล่งประกายระยิบ


สนามพลังป้องกันอันดูเหมือนไม่อาจทะลวงผ่านของฟรอสทริลก็ถูกมีดสั้นเล่มนั้นแทงทะลุราวกับกระดาษ คอของเขาถูกมีดสั้นแทงเข้าไปเกือบมิดด้าม


ฟรอสทริลเบิกตากว้าง เขาตายตาไม่หลับ


189 “ข้าไม่ได้กินมนุษย์มาเก้าร้อยปีแล้ว”

ประกายระยิบระยับกลืนกินในพริบตา


มีดสั้นทึบทึมนั้นป่นเป็นผง เหมือนค่า Attribute ของมัน [เกลียดชัง] เมื่อความเกลียดชังสลายไป ทุกอย่างก็กลายเป็นฝุ่นผง


เมื่อผู้ใช้มีดกำจัดความเกลียดชังของชีวิตไปได้ ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือความสุข


ความสุขบนใบหน้าจีหรานนั้นเป็นของจริงและยังเกิดขึ้นเมื่อเห็นร่างของฟรอสทริลปล่อยหนังสือสกิลที่มีประกายสีม่วงจาง ๆ ออกมา


แม้ว่าหนังสือสกิลระดับพิเศษนั้นจะถูกจัดเอาไว้ในหมวดหมู่อื่นและอาจจะไม่ได้มีประโยชน์กับเขามากนัก ตามความเข้าใจของจีหราน มันเป็นอะไรก็ได้แต่ไม่ได้ร้ายกาจ


หากคิดว่ามันอ่อนด้อยแล้ว ก็ยอมไม่สามารถหาวิธีการใช้งานที่เหมาะสมได้ นอกจากนี้ หากเป็นหนังสือสกิลจากคนอย่างฟรอสทริล มันจะอ่อนด้อยได้จริง ๆ น่ะเหรอ?


ก่อนที่จีหรานจะหลงระเริงในความสุข เขาก็ไม่ลืมว่าต้องทำอะไรต่อ


เขาดึงสลักของระเบิดลูกสุดท้ายที่เอาเข้าดันเจี้ยนมาด้วยและขว้างมันใส่คนที่ยังเดินเข้าหาโลงศพทองแดง


พวกมันไม่ทันมีปฏิกิริยา การต่อสู้ต่อเนื่องและความกดดันจากศัตรูร้ายกาจนั้นสูงเกินไปสำหรับฟรอสทริล อย่าว่าแต่คนของเขาเลย


พวกมันเพิ่งเห็นศพของฟรอสทริลหล่นลงพื้น ระเบิดก็มาอยู่ตรงเท้าของพวกมันแล้ว


ตูม!


สนามพลังป้องกันและอุปกรณ์เวทย์ที่ใช้ป้องกันเริ่มส่องประกายขึ้นทีละอันหลังเกิดการระเบิด และทุก ๆ คนก็ถูกแรงระเบิดกลืนกินและส่งให้ปลิวไป


แผนการเดิมของจีหรานนั้นก็เพื่อป้องกันคนของฟรอสทริลไม่ให้เข้าถึงโลงศพทองแดงและได้มันมาไว้เอง


“ดูเหมือนว่าการต่อสู้กับผู้บุกรุกของพวกเขาจะรุนแรงกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ เกราะป้องกันและอุปกรณ์ป้องกันของพวกเขาล้วนถูกทำลายได้ด้วยระเบิดเพียงลูกเดียว!”


ความคิดนั้นปรากฏขึ้นในใจจีหรานทันทีที่เห็นพวกนั้นถูกส่งปลิวไป


เขารีบดึงเอาปืนเก็บเสียง [MI-02] และ [Python-W2] ออกมาถือมันเอาไว้ในมือขวาและซ้ายตามลำดับ


มันเป็นโอกาสอันดีที่จะเก็บเกี่ยวชัยชนะและสังหารคนที่สูญเสียพลังไป


ผู้ชายพวกนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตอนที่มันอยู่ในสภาพปกติเท่าไหร่ พวกมันล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้รับเลือกจากฟรอสทริล นอกจากนี้ สิ่งที่เขาจะเก็บเกี่ยวได้จากการตายของพวกมันก็คงเป็นรางวัลเพิ่มเติมที่ดีสำหรับจีหราน


ก่อนที่จีหรานจะทันได้เหนี่ยวไก คนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาจากอากาศว่างเปล่าโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า


เขาปรับเป้าหมายไปทางนั้นและเหนี่ยวไกตามสัญชาตญาณ


ปัง!


กระสุนวิ่งผ่านเส้นผมชายผู้นั้นไป


“คุณ…” จีหรานอยากจะพูด แต่กลับถูกคนของฟรอสทริล ที่จู่ ๆ ก็ร้องขอความเมตตา ขัดขึ้น


“นะ… นายท่าน! ฟรอสทริลสะกดพวกเรา! พวกเราไม่ได้คิดจะทรยศท่าน! กรุณาด้วย นายท่าน!”


เสียงกรีดร้องวุ่นวายของผู้ชายพวกนั้นทำให้จีหรานอึ้งไปและตัวแข็งอยู่กับที่


คนที่สามารถทำให้ผู้ชายพวกนี้ร้องขอความเมตตา และยังเป็นคนที่พวกมันเรียกขานว่า นายท่าน?


ย่อมต้องเป็นหัวหน้าสมาคมเร้นดารา เซอร์เดนก์!


“เร็วมาก! เขาปรากฏตัวขึ้นภายในห้าหรือหกวินาทีหลังจากฉันทำลายวงเวทย์!”


จีหรานนั้นประหลาดใจจริง ๆ กับความเร็วของการปรากฏตัวของเซอร์เดนก์ เขาสูดลมหายใจลึกโดยไม่รู้ตัว เขามองไปทางหัวหน้าสมาคมเร้นดาราอย่างอดไม่ได้


เครื่องหน้าคมเข้ม และยังท่าทางมั่นคง ผมสีแดงยาวประบ่า แต่ไม่ได้ทำให้ดูอ่อนแอ กลับตรงกันข้าม จีหรานสัมผัสได้ถึงความป่าเถื่อนและไร้การควบคุมของผู้ชายคนนี้


เขาไม่สูงมาก แต่แผ่รัศมีที่ทำให้ตัวเองดูยิ่งใหญ่


ภายใต้คิ้วหนานั้นเป็นดวงตาคมกริบราวเสือดาวและเป็นประกาย


“2567?”


พอเขาเอ่ยชื่อจีหราน รัศมีพลังมหาศาลก็ระเบิดออกมา ราวกับเผด็จการในสมัยเก่าก่อน ความกดดันจากรัศมีของเขาบีบเค้นจีหราน


จีหรานหวาดกลัวรัศมีของเซอร์เดนก์ และไม่มีหนทางต้านทานได้


ขณะที่เขาดิ้นรนต่อต้านพลังของเซอร์เดนก์อย่างมืดบอด เขาก็รู้สึกตัวแข็งทื่อ ขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย


เขาไม่สามารถยกนิ้วขึ้นสู้กลับได้ด้วยซ้ำ เขารีบปรับลมหายใจและขยับแขนขาอยู่ในใจ หวังว่าจะสามารถไปถึงกระเป๋าคาดเอวได้ด้วยปลายนิ้ว


จีหรานเตรียมน้ำยาเฉพาะสำหรับสถานการณ์เช่นนี้เอาไว้ เพื่อต้านทานเสียงหัวใจเต้นของโลงศพทองแดง แต่เขาคงเก็บมันไว้ใช้ไม่ได้อีกแล้ว


ความคิดของเขานั้นดี แต่ความจริงนั้นร้ายกาจและยังเย็นเยียบ


เขารวบรวมพลังกายและพลังใจทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถเอื้อมถึงกระเป๋าคาดเอวได้


ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือขยับนิ้วเล็กน้อยเท่านั้น


“ดี ดีมาก! ไม่เลวเลย!”


เซอร์เดนก์สังเกตเห็นการขยับเล็กน้อยของนิ้วของจีหรานและชื่นชมเขาด้วยเจตนาอันไม่ชัดเจนและหัวเราะปากกว้าง


“เมี๊ยว?”


เสียงหัวเราะดังลั่นราวกับฟ้าผ่าของเซอร์เดนก์ก้องอยู่ในหูทุกคน แต่ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเขา กลับมีเสียงร้องเหมียวดังชัดเจน


แม้ว่าจะแค่เหมียวเดียว ทุกคนก็เข้าใจความหมายของการปรากฏตัวของสัตว์ตัวนี้ที่นี่


ขณะที่ทุกคนมองไปรอบ ๆ เพื่อหาแหล่งที่มาของเสียง แมวลายขาวเหลืองตัวอวบก็ปรากฏตัวขึ้นที่ระหว่างจีหรานและเซอร์เดนก์ที่เผชิญหน้ากันอยู่


จิตสังหารที่ลอยอยู่เต็มห้องโถงและเล็งมาที่จีหรานสลายไปเมื่อเจ้าแมวปรากฏตัว


“ทิกิ!” จีหรานพูดเมื่อเห็นแมวตัวนั้น ก้มหน้าลงเล็กน้อย


ทิกิยิ้มให้จีหรานเหมือนมนุษย์ แกว่งหางไปมาเบา ๆ


ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!


เสียงดังรัวดังมาจากด้านหลังพวกเขา นอกจากจีหราน เซอร์เดนก์ และทิกิ คนของฟรอสทริลทุกคนล้วนปลิวไปด้านนอก จากเสียงหนัก ๆ นั่นแล้ว พวกมันน่าจะหล่นลงไปแรงทีเดียว


“ทิกิ เจ้าทำอะไร?” เซอร์เดนก์ตะโกน สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที


“ข้าทำอะไร? แก้แค้นไงล่ะ! เจ้ารังแกเด็กน้อยของข้า! ข้าก็ต้องแก้แค้นให้เขาสิ! ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้าใช่ไหมว่าแมวน่ะเจ้าคิดเจ้าแค้น!” ทิกิพูดขณะจีหรานมองไปที่มันอย่างไม่อยากเชื่อ


เสียงต่ำ ๆ ของเจ้าแมวทำให้ดวงตาจีหรานเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม


จีหรานรู้ว่าทิกิไม่ใช่แมวธรรมดา มันไม่เพียงมีพลัง แต่ยังฉลาดกว่ารูปลักษณ์ภายนอก แล้วมันยังพูดได้ด้วย


“ข้าอยากจะทักทายเจ้ามาตลอดเลย 2567! แต่ให้เจ้าประหลาดใจมันสนุกกว่าว่ามั้ย?”


ทิกิยิ้มให้จีหรานและโบกอุ้งมืออวบ ๆ ให้เขา


จีหรานไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือหัวเราะแห้ง ๆ และพยักหน้า


พวกเขาแทบจะเมินเซอร์เดนก์ไป และเขาก็ดูไม่ยินดีนัก


“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสู้กับเจ้าเพราะนิโคเรอิอยู่แถวนี้หรือไง?” เขาพูดอย่างโกรธ ๆ


“แค่เพราะเรอิร่วมมือกับพวกเจ้าเพราะสิ่งนั้น เจ้าก็คิดว่าเจ้าสามารถทำอะไรอวดดีและไม่ต้องสนใครได้งั้นรึ?”


ทิกิหันหัวไปรอบ ๆ โดยไม่วางเท้าลง กรงเล็บแหลมยื่นออกมา


“อยากลองดีกับข้าหรือ เซอร์เดนก์? ข้าไม่ได้กินคนมาเก้าร้อยปีแล้ว! เรอิคงไม่ห้ามข้ากินขนมชิ้นสองชิ้นหรอก!”


ทิกิยังยิ้มขณะที่พูดคำเหล่านั้น


รอยยิ้มของมันเต็มไปด้วยอันตราย ใช่ อันตราย ไม่ใช่แค่การขู่


ทุกคนที่เห็นรอยยิ้มของทิกิย่อมไม่สงสัยเลยว่าเจ้าแมวสามารถทำได้ตามที่มันอ้าง


เซอร์เดนก์จ้องทิกิ และทิกิก็จ้องเขากลับ


บรรยากาศเงียบและสงบ เหมือนก่อนที่จะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่


190 

เซอร์เดนก์และทิกิมองหน้ากัน กลิ่นดินปืนระหว่างพวกเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาที


แต่พอจีหรานคิดว่าเซอร์เดนก์กำลังจะลงมือ เขาก็หัวเราะหึเสียงเย็นและหันกลับออกไป


เซอร์เดนก์ หัวหน้าสมาคมเร้นดาราอ่อนข้อให้เจ้าแมว!


จีหรานสัมผัสได้ชัดเจนเมื่อเซอร์เดนก์หันกลับไป ว่ารัศมีของเขาจู่ ๆ ก็อ่อนลง


จีหรานไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แต่เขารู้ว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ


“ทิกิเป็นอะไรกันแน่?”


จีหรานก้มหน้าลงไปมองสำรวจเจ้าแมวอ้วน


แม้ว่าทิกิจะมีรูปร่างและขนาดเหมือนแมวบ้านทั่วไป จีหรานก็ไม่ได้ทำเหมือนมันเป็นแค่แมวธรรมดาแต่อย่างใด เขาเริ่มคิดว่ามันเป็นอะไรบางอย่าง สิ่งมีชีวิตบางอย่างอันไม่อาจรู้ได้


“เมี๊ยว! ฮ้าว!”


ทิกิหาวปากกว้างและเก็บกรงเล็บของมันกลับก่อนจะหันไปรอบ ๆ และมองจีหรานอีกครั้ง


“หยุดความคิดกาก ๆ ของเจ้าไปเลย! ข้าไม่ใช่ไอ้ตัวโสโครกนั่น!” ทิกิโวยวาย


“คุณอ่านใจผมได้?” จีหรานสงสัย


“ข้าไม่ได้อ่านใจ ความคิดของเจ้ามันเขียนเอาไว้หราบนหน้าเจ้าแล้ว เจ้าเด็กน้อย!”


ทิกิเลียมุมปากของมัน หนวดของมันกระดิก


จีหรานยิ้มกระอักกระอ่วนตอบ


“เอาละ กลับไปเรื่องธุระของเรา! มีสองอย่างที่เรอิให้ข้าทำ”


เมื่อจีหรานได้ยินว่ามีข้อความจากเรอิ เขาก็รีบสลัดความคิดประหลาดของตนออกไปและตั้งใจฟัง เขารู้ดีว่า นิโคเรอิไม่ใช่คนที่จะทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรอง


“ข้าดีใจที่เจ้าสามารถพึ่งพาตนเองและยังได้ของที่ข้าให้เจ้าหามาสำเร็จ! ถ้าเป็นไปได้ อย่าแลกเปลี่ยนมันกับหัวใจของเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นมาจากสิ่งที่ทำให้เจ้าเป็นเจ้า รวมถึงเลือดเนื้อของเจ้าด้วย”


ทิกิส่งข้อความของนิโรเรอิคำต่อคำ


จีหรานรู้สึกประหลาดเมื่อได้ยิน


เขาอดถามออกไปไม่ได้ทันทีที่ทิกิส่งข้อความเสร็จ


“เรอิรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เขาถาม


“เธอเดาได้เล็กน้อย ข้าคิดว่าอย่างนั้นนะ แต่ไม่ละเอียดนัก” ทิกิตอบ


“ถ้าอย่างนั้น…”


“เจ้าสงสัยว่าทำไมเธอถึงยังส่งเจ้ามาที่นี่? เพราะว่าเรอิต้องการให้เจ้าเซอร์เดนก์ง่อยนั่นเผยตัวเองออกมาและรวมกำลังกันนต่อต้านเจ้าสิ่งนั้น! เกาะอัลคาทราซมีความลับที่ทำให้เรอิกังวล แต่แล้วมันก็เป็นแค่ความเข้าใจผิด ถ้าเจ้ายังกังวลเรื่องหัวใจในโลงศพนั่น ตราบใดที่ข้าอยู่กับเจ้า มันก็เป็นของเจ้า พวกเราตกลงกันแล้ว และนั่นคือรางวัลของเจ้า” ทิกิพูดขัดจีหราน อธิบายทุกอย่างออกมา


“ตราบใดที่คุณอยู่กับผม? คุณอยู่กับผมมาตลอด คอยปกป้องผม?”


จีหรานประหลาดใจกับสิ่งที่ทิกิเผยออกมา มันทำให้เขาเสียสมาธิไปแวบหนึ่ง


เพราะเป็นเด็กกำพร้า การได้รับการปกป้องอย่างลับ ๆ นั้นเพียงพอที่จะปลุกความรู้สึกซาบซึ้งในตัวเขาขึ้นมา


“อย่าคิดเกินเลยไป เด็กน้อย อย่างไรเจ้าก็ไม่ใช่บุตรของข้าเสียหน่อย! ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ตายอย่างน่าเกลียดเกินไป หากเจ้าตาย ข้าก็แค่ต้องหาผู้ช่วยคนใหม่ให้เรอิเท่านั้น!” ทิกิคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งและกลอกตา


ความรู้สึกซาบซึ้งที่จีหรานเพิ่งมีนั้นสลายไปเหมือนเมฆถูกลมพัดกระจาย เขามองทิกิด้วยสีหน้าว่างเปล่า


“เอาละ ก็ประมาณนี้แหละนะ ธุระของเรอิเรียบร้อยแล้ว! ได้เวลาธุระของข้าแล้ว เจ้าทำได้ดีจริง ๆ ข้าเดาว่าคนพวกนั้นน่าจะพอใจกับความสามารถของเจ้า บางที พวกเขาอาจจะทดสอบเจ้าอีกครั้งหลังจากนี้ แต่จำเอาไว้นะ เด็กน้อย ทำตามหัวใจของเจ้า และเจ้าจะไปถึงปลายทางด้วยตัวของเจ้าเอง!” ทิกิพูด


“คุณกำลังพูดถึงอะไรน่ะ?” จีหรานถาม


เมื่อคำพูดหลุดออกจากปากเขา ทิกิก็หายตัวไปทันที


เหมือนตอนที่เธอปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า เธอหายตัวไปโดยไม่เหลือร่องรอยไว้


จีหรานมองไปยังจุดที่ทิกิเคยอยู่ สมองขาวโพลน คิดถึงคำพูดของแมวตัวนั้น เขารู้สึกเหมือนตัวเองพลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญไป


ก่อนที่เขาจะทันได้วิเคราะห์สิ่งที่ทิกิพูด การแจ้งเตือนก็เริ่มเด้งขึ้นมาในสายตาของเขาอีกครั้ง


[ผู้เล่นจะถูกส่งออกจากดันเจี้ยนภายใน 5 นาที]


[กรุณาเก็บไอเทมที่คุณต้องการเอากลับไปด้วยกับคุณ]


[หมายเหตุ: ไอเทมใด ๆ ที่เกินกว่าน้ำหนักแบกรับสูงสุดจะถูกทิ้งเอาไว้!]


“นี่มันเชี่ยอะไรกันวะเนี่ย?”


การแจ้งเตือนทำให้จีหรานงุนงง และเขาก็เริ่มสบถอยาบคาย


เขารีบคว้าหนังสือสกิลจากร่างของฟรอสทริลและวิ่งตรงไปทางประตูลับที่กระเป๋าสะพายของเขาวางอยู่ก่อนที่จะทันได้มองว่าหนังสือสกิลนั่นคืออะไรด้วยซ้ำ


เขาลากกระเป๋าสะพายของตัวเองออกมาจากประตูลับ จากนั้นก็สะพายกระเป๋าที่ราวกับภูเขาลูกย่อม ๆ เอาไว้และเดินทีละก้าวไปทางโลงศพทองแดง


เขาต้องการไปให้เร็วกว่านี้แต่ไม่สามารถทำได้เพราะน้ำหนักมหาศาลของกระเป๋า


เขาแทบจะเดินไม่ไหว อย่าว่าแต่วิ่งเลย เขาโซเซไปมาระหว่างทาง


ในที่สุด เขาก็ไปถึงโลงศพทองแดงและเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองนาที


“โชคดี ยังพอมีเวลา!”


หลังจากเหลือบมองเร็ว ๆ ไปที่เวลาที่ยังเหลืออยู่ จีหรานก็หยุดอยู่หน้าโลงศพทองแดงและดึงเอาน้ำยาที่เขาเก็บเอาไว้ตั้งแต่เริ่มดันเจี้ยนออกมา


[ชื่อ: น้ำยาประโลมใจ]


[ชนิด: ยาน้ำ]


[Rarity: ดีมาก]


[Attributes: เมื่อกินลงไป ผู้กินจะสามารถรักษาสภาวะจิตใจสงบเอาไว้ได้นานเก้าสิบวินาที]


[เงื่อนไขการใช้งาน: ไม่มี]


[หมายเหตุ: มันสามารถต้านทานผลของความกลัวอันรุนแรงได้ แต่ว่าไม่ได้นับว่ามีภูมิต้านทานโดยสมบูรณ์!]



จีหรานดื่มน้ำยาราคาสามพันแต้มลงไปในอึกเดียว


หลังจากกินแล้ว เขาก็ผลักเปิดฝาโลงศพทองแดง


เสียงหัวใจเต้นชัดขึ้นทุกวินาที และเมื่อฝาเปิดออกจนสุด มันก็เริ่มดังราวกับตีกลองใหญ่ ๆ เสียงก้องอยู่ในหูจีหราน กระทั่งหัวใจของเขาเองยังเริ่มเต้นพ้องไปกับมันด้วย


หัวใจของจีหรานและหัวใจที่ในโลงศพเต้นเป็นจังหวะเดียวกันไปแล้ว ความรู้สึกหายใจไม่ออกเริ่มก่อตัวขึ้นในอกจีหรานทันที สัญชาตญาณบอกให้เขาอ้าปากออกสูดลมหายใจลึก ๆ แต่เขาสูดอากาศเข้าไปไม่ได้เลย


มันเป็นผลของความหวาดกลัว!


แม้จะมี [น้ำยาประโลมใจ] จีหรานก็ยังทรมานกับผลของดีบัฟชนิดนี้ เขาไม่ได้ตระหนก และยังคาดไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้


[น้ำยาประโลมใจ] นั้นโดยตัวมันเองก็ใช้การได้ แม้ว่าจีหรานจะมีปัญหากับการหายใจ แต่ว่ามันไม่ได้ถ่วงการเคลื่อนไหวของเขาแต่อย่างใด


เขาลดสายตาลงไปที่หัวใจสีแดงเข้มซึ่งมีขนาดสองเท่าของกำปั้นผู้ชายเต็มวัย แม้ว่าหัวใจจะอยู่นอกร่างกายของมัน มันก็ยังเต้นอย่างทรงพลัง


จีหรานรีบหยิบเอากล่องคริสตัลใบหนึ่งออกมาแล้ววางหัวใจเข้าไปในนั้น เขาไม่กล้ากระทั่งแตะนิ้วลงไปที่หัวใจนั้นโดยตรงระหว่างกระบวนการนี้ ความกลัวยังส่งผลรุนแรงขึ้นทุกวินาที


มันกระทั่งเริ่มมีผลต่อการเคลื่อนไหวของจีหรานในระดับหนึ่งแล้ว ผลของความกลัวขึ้นถึงจุดสูงที่สุดเมื่อจีหรานเก็บหัวใจลงในกล่องได้สำเร็จและปิดฝากล่องลง


เขาถือกล่องเอาไว้ในมือ ร่างกายของเขาเริ่มสั่นและเลือดเริ่มไหลออกจากปากของเขา


[กลัว: คุณอยู่ภายในระยะก่อความหวาดกลัวของศัตรู ระดับ Spirit ของคุณไม่ผ่านการทดสอบ คุณได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น ก่อความเสียหาย 10 แต้มต่อ HP ของคุณ…]


[กลัว: คุณอยู่ภายในระยะก่อความหวาดกลัวของศัตรู ระดับ Spirit ของคุณไม่ผ่านการทดสอบ คุณได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น ก่อความเสียหาย 10 แต้มต่อ HP ของคุณ…]



การแจ้งเตือนใหม่ของระบบถล่มครรลองสายตาของจีหราน แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยมันไป


เขาจะทิ้งกล่องนี่เอาไว้ได้อย่างไรในเมื่อในที่สุดแล้วเขาก็ได้หัวใจนี่มาอยู่ในมือ?


สำหรับคนตระหนี่อย่างเขาแล้ว มันก็เหมือนกับทิ้งขว้างชีวิตของตัวเองเลยทีเดียว


จีหรานดึง [น้ำยารักษาระดับกลาง] ออกมาแล้วกินลงไปในอึกเดียว จากนั้นก็ขวดที่สอง


ของขวัญจากไซมอนนั้นถูกใช้ประโยชน์ในสถานการณ์เช่นนี้


จีหรานกินขวดที่สาม ซึ่งเป็นของส่วนตัวของเขาเองจากดันเจี้ยน [สัตว์ร้ายเร่ร่อน]


เขามองกลับไปที่นาฬิกาจับเวลา เขาไม่เคยอยากให้เวลาหยุดลงมากเท่านี้มาก่อน


แต่ละวินาทีผ่านไป ผลของ [น้ำยารักษาระดับกลาง] ขวดที่สามก็หมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว ในที่สุด เวลาก็หยุดลง


แสงสว่างจ้าและภาวะไร้น้ำหนักส่งจีหรานลอยไปอีกครั้ง


เมื่อแสงสว่างส่องไปที่หัวใจนั่น มันก็เต้นช้าลงและเปลี่ยนไปเป็นจังหวะที่มั่นคง


แม้ว่าหัวใจจะยังเต้น แต่ผลของความกลัวนั้นหายไปแล้ว


หัวใจที่เต้นอย่างทรงพลังเปลี่ยนไปเป็นนุ่มนวล และจังหวะช้าลง ราวกับมันสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่น่ากลัวและถูกทำให้กลัวจนแทบหยุดเต้น


การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้สะดุดความสนใจของจีหราน


 


 


Wufen’s note: ก่อนอื่นเลย สวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่านน้าาา //กอดดด ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับทุกคน สุขภาพกาย ใจ และกระเป๋าตังค์แข็งแรง ๆ ไปทั้งปีเลยยยยยยย  //สาธุ //ส่งมินิฮาร์ทให้ทุกคน


แล้วก็ ขึ้นปีใหม่ ก็มีงานใหม่ ยังปรับตัวไม่ได้เลยยยย //ล้อง


ไหน ขอแบ่งกำลังใจหน่อย ทางนี้คือแห้งเหือดมากกกกก ผลิตไม่ทันแล้ววววววว //ล้องอีกที


191

ขณะที่ความสนใจของจีหรานมุ่งไปที่หัวใจนั่น ข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจก็เด้งขึ้นมาตรงหน้า


[ชื่อ: หัวใจปิศาจ]


[ชนิด: อวัยวะ]


[Rarity: Epic*]


[Attributes: ?]


[Effects: ?]


[เงื่อนไขการใช้งาน: ?]


[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]


[หมายเหตุ: หัวใจนี่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของจอมปิศาจ!]



เทียบกับข้อมูลที่ได้รับแล้ว จีหรานก็จ้องเป๋งไปที่หัวใจในกล่องคริสตัล สีหน้าของเขาจริงจัง


ไม่เพียงเพราะเครื่องหมายคำถามมากมายที่เขาเห็น แต่ยังเพราะการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของจังหวะการเต้นของหัวใจ


การเปลี่ยนแปลงนั้นชัดราวกับเสือร้ายเปลี่ยนไปเป็นกระต่ายเชื่องเชื่อ


จีหรานเชื่อว่าเขาต้องใช้วิธีการพิเศษในการเก็บหัวใจนี่เอาไว้ แต่หลังจากนั้นล่ะ?


เขาไม่ได้กังวลเรื่องนั้นแล้ว จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดถึงเหตุผลที่ [หัวใจปิศาจ] เต้นต่างออกไป


“ทำไมมันถึงเปลี่ยน?”


จีหรานมองการแจ้งเตือนโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าไม่มีอะไรพูดถึงส่วนนี้เลย


“เป็นบั๊กเหรอ? หรือว่ามีการตั้งค่าลับที่ฉันไม่รู้มาก่อน?” เขาเดา


เมื่อไม่มีข้อมูลอื่น เขาก็หาเหตุผลอธิบายไม่ได้


เขาขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่พอใจที่ไร้ความสามารถ แต่ก็ต้องเก็บคำถามนี้เอาไว้เพื่อรอเวลา


ในเวลาเดียวกัน เขาวางหัวใจลงตรงจุดที่สะอาด ๆ ในอู่รถ


ตามที่นิโคเรอิแนะนำ เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปลูกหัวใจดวงนี้เข้าไปในร่างตัวเอง เขาเชื่อว่านิโคเรอิไม่ใช่คนที่จะทำหรือพูดอะไรโดยไม่มีเหตุผล ต้องมีคำอธิบายสำหรับการเตือนนี้ของเธอ


หลังจากวาง [หัวใจปิศาจ] ลงแล้ว จีหรานก็เงยหน้าขึ้นตรวจสอบระดับของการปิดดันเจี้ยน


[ดันเจี้ยนพิเศษ: ผู้ช่วยของหมอผี]


[ชนิดของดันเจี้ยน: ดันเจี้ยนภารกิจ]


[ระดับความยากของดันเจี้ยน: ต่ำ]


[ภารกิจหลัก: เป็นผู้ช่วยของหมอผีนานสามเดือน]


[ภารกิจสำเร็จ: 100% (ระดับรางวัล: F)]


[ภารกิจย่อยที่ 1: งานประจำของชาแมน!]


[ภารกิจสำเร็จ: 100% (ระดับรางวัล: F→E)]


[ภารกิจย่อยที่ 2: สิ่งของของชาแมน!]


[ภารกิจสำเร็จ: 100% (ระดับรางวัล: E→D)]


[ความสามารถในการต่อสู้: ดีมาก (ระดับรางวัล:D→C)]


[ความสามารถในการสำรวจ: ทั่วไป]


[ระดับรางวัลพิเศษ 1: ปิดดันเจี้ยนได้รวดเร็ว (ระดับรางวัล:C→B)]


[ระดับรางวัลพิเศษ 2: ทำภารกิจหลักพิเศษสำเร็จ: กลับสู่เกาะอัลคาทราซ (ระดับรางวัล:B→A)]


[ระดับรางวัลพิเศษ 3: สังหาร “นักฆ่าเยือกแข็ง” วิลโก้ (ระดับรางวัล:A→S)]


[ระดับรางวัลพิเศษ 4: สังหาร “วิญญาณ” กิลเฟรน แฮทช์ (ระดับรางวัล:S→SS)]


[ระดับรางวัลพิเศษ 2: สังหาร “ผู้บุกรุก” ฟรอสทริล (ระดับรางวัล:SS→SSS) ชื่อเสียง +1]


[ระดับสุดท้ายของผู้เล่น: SSS]


[คำนวณรางวัลที่ได้รับจากดันเจี้ยนพิเศษของผู้เล่น…]


[รางวัลจากดันเจี้ยนพิเศษของผู้เล่นมีดังนี้…]


[Points: 10,000, Skill Points: 6, Golden Skill Points: 1; Golden Attribute Points: 1]


[ได้สิทธิ์เข้าสู่ดันเจี้ยนพิเศษ: ผู้ช่วยของหมอผี II]


[หมายเหตุ: ชื่อเสียงของผู้เล่นถึง 5 คุณได้รับชื่อเสียงภายใต้นามของคุณ คนพื้นถิ่นบางส่วนจะจดจำคุณได้]



เพราะดันเจี้ยนพิเศษนั้นมีระดับความยากของดันเจี้ยนที่สอง ถึงแม้ว่าระดับรางวัลสุดท้ายจะเป็น SSS แต่รางวัลก็นับว่าต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรางวัลจากดันเจี้ยนที่สี่ [คุกบนเกาะ]


ระดับความยากต่างกัน รางวัลต่างกัน จีหรานรู้เรื่องนี้นานแล้ว ดังนั้นหลังจากตรวจดูระดับรางวัลดันเจี้ยนอีกครั้ง เขาก็หันไปสนใจดันเจี้ยนพิเศษใหม่ที่ได้รับมา [ผู้ช่วยของหมอผี II]


[ดันเจี้ยนพิเศษ: ผู้ช่วยของหมอผี II]


[ผู้ช่วยของหมอผี II: เวลาผ่านไปรวดเร็ว สองปีแล้วตั้งแต่เรื่องราวครั้งสุดท้าย และโลกเวทย์มนต์ก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นิโคเรอิและห้าสมาคมหลักล้วนปลีกตัวออกจากการรับรู้ของคนทั่วไป มีโจรคู่หนึ่งเริ่มก่อเรื่องไม่ดีบนชายฝั่งตะวันตก เอลลี่ โจนส์ ส่งจดหมายถึงคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ…]


[ภารกิจหลัก: เริ่มต้นหลังจากเข้าสู่ดันเจี้ยน]


[หมายเหตุ 1: ผู้ช่วยของหมอผี II นั้นอยู่ในจักรวาลเดียวกันกับ ผู้ช่วยของหมอผีและคุกบนเกาะ]


[หมายเหตุ 2: ดันเจี้ยนพิเศษจะไม่นับเป็นจำนวนครั้งการเข้าดันเจี้ยนของผู้เล่น]


[หมายเหตุ 3: ดันเจี้ยนพิเศษที่สองนี้อยู่ในจักรวาลเดียวกัน ดังนั้นระดับความยากจึงเทียบเท่ากับดันเจี้ยนพิเศษแรกของผู้เล่น +1]


[หมายเหตุ 4: ดันเจี้ยนพิเศษมีเงื่อนไขให้ผู้เล่นต้องผ่านดันเจี้ยนแบบเดี่ยวหรือดันเจี้ยนแบบกลุ่มก่อน หลังจากหมดระยะคูลดาวน์ดันเจี้ยน ดันเจี้ยนจะเริ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ]


[หมายเหตุ 5: ดันเจี้ยนพิเศษนั้นเลือกได้ว่าจะเป็นดันเจี้ยนแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่ม ดันเจี้ยนแบบกลุ่มนั้นจะให้สิทธิสมาชิกในกลุ่มเท่าเทียมกัน เป็นฝ่ายเดียวกันกับเจ้าของดันเจี้ยนพิเศษ และระดับความยากของภารกิจหลักจะคิดตามจำนวนครั้งการเข้าดันเจี้ยนที่ต่างกันไปของผู้เล่นแต่ละคน]


[หมายเหตุ 6: หากผู้เล่นทำภารกิจหลักของดันเจี้ยนพิเศษล้มเหลว จะต้องได้รับโทษเทียบเท่ากับจำนวนครั้งการเข้าดันเจี้ยนปัจจุบันของผู้เล่น]



ดันเจี้ยนพิเศษอีกดันเจี้ยนหนึ่งบนจักรวาลเดียวกัน แตกต่างไปจากดันเจี้ยนพิเศษแรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


แต่ว่า ความสนใจของจีหรานนั้นอยู่ที่ปูมหลังของดันเจี้ยนพิเศษ


“เรอิและห้าสมาคมหลักถอนตัว? นี่เป็นเพราะ “สิ่งนั้น”?” จีหรานพึมพำ


เขาสนิทกับไซมอน แต่ว่าไม่ได้ถามถึงเรื่องนั้นโดยตรง


ไซมอนรู้ว่า “สิ่งนั้น” คืออะไร แต่กลับบอกปัดจีหรานโดยบอกเขาว่าได้สัญญากับนิโคเรอิเอาไว้ว่าจะไม่บอกอะไรเขาทั้งนั้น


ตอนที่ไซมอนพูดถึง “สิ่งนั้น” ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตระหนกและสับสนซึ่งเพียงพอที่จะบอกว่า “สิ่งนั้น” มีพลังอำนาจแค่ไหน


การที่กระทั่งนิโคเรอิยังต้องร่วมมือกับห้าสมาคมหลักเมื่อเผชิญหน้ากับ “สิ่งนั้น” ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะมีพลังสูงส่งอยู่แล้วก็ตาม ย่อมยืนยันความน่ากลัวของ “สิ่งนั้น”


ตอนที่จีหรานออกจากดันเจี้ยน เขาก็ยังไม่รู้ว่า “สิ่งนั้น” หมายถึงอะไร


“พลังและน่ากลัวหมายถึงรางวัลมากขึ้นอีก! โอกาสและความเสี่ยงนั้นอยู่บนแกนเดียวกัน แต่ด้วยระดับพลังตอนนี้ของฉัน ฉันไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมกับพวกเขาด้วยซ้ำ!”


จีหรานอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามองคำอธิบายปูมหลังของดันเจี้ยน


หลังจากเข้าดันเจี้ยนมาหลายครั้ง เขาก็เข้าใจแรงจูงใจของเกมใต้ดินนี่ รางวัลนั้นขึ้นกับความเสี่ยงที่เขารับ


หากเขายอมเสี่ยงและสามารถรอดจากความตายมาได้ รางวัลของเขาก็มากมายขึ้น


จีหรานนั้นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่ตนเองนั้นไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าดันเจี้ยนพิเศษใหม่


“ฉันสงสัย… หากฉันทำภารกิจหลักสำเร็จ จะมีหนทางติดต่อกับเรอิได้หรือเปล่า?” จีหรานพึมพำกับตัวเอง


นิโครเรอิและสมาคมทั้งห้านั้นย่อมไม่เพียงแค่ปลีกตัวไปโดยไม่มีเหตุผล มันน่าจะมีเงื่อนงำและร่องรอยบางอย่างทิ้งเอาไว้ ตัวอย่างเช่น สถานที่สุดท้ายที่เรอิอยู่


กรอบเวลาของดันเจี้ยนคือสองปีให้หลัง ซึ่งลดความมั่นใจของจีหรานไปกว่าครึ่ง


เวลานั้นเป็นสิ่งน่ากลัว เมื่อมันผ่านไป ทะเลกลายเป็นสวนมัลเบอร์รี่ และภูเขากลับราบเรียบได้โดยง่าย เงื่อนงำเล็ก ๆ นั้นอาจจะเป็นสิ่งไม่รอดพ้นเงื้อมมือแห่งเวลา


และยังมีพลังอันน่ากลัวของ “สิ่งนั้น” จีหรานจะแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับมันหรือไม่?


ต้องขอบคุณ [ผู้ช่วยของหมอผี] จีหรานนั้นจึงได้เข้าใจว่าตนเองแข็งแกร่งเพียงใดในโลกนั้น


เขาเองนั้นอย่างมากก็เทียบได้กับสมาชิกคนหนึ่งของห้าสมาคมเท่านั้น


ยังมีช่องว่างระหว่างเขากับคนระดับสูงของสมาคมอีกมาก


มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเผชิญหน้ากับ “สิ่งนั้น” ด้วยระดับความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ นอกเสียจากนิโคเรอิจะเชิญเขาเข้าร่วมภารกิจหลักด้วยตัวเธอเอง


แน่นอนว่า นี่ย่อมเป็นเพราะระดับความยากของดันเจี้ยน หากดันเจี้ยนพิเศษนั้นมีระดับความยากที่เจ็ดหรือแปดครั้งของการเข้าดันเจี้ยน กระทั่งจีหราน ที่ไร้ความสามารถในการเผชิญหน้ามัน ก็คงได้แต่พยายามอย่างที่สุดเพื่อให้รอดชีวิต


“ความแข็งแกร่ง… ความแข็งแกร่ง!” จีหรานพึมพำเบา ๆ น้ำเสียงเบา ๆ นั้นมั่นใจมากขึ้น


เขาเป็นคนที่ยึดมั่นในการตัดสินใจเมื่อตั้งใจกับเรื่องใดไปแล้ว


ความกระวนกระวายมีแต่ทำให้เขาพัฒนาขึ้นเท่านั้น


จีหรานสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วมองที่รางวัลใหญ่ที่สุดที่ได้จากดันเจี้ยน มันเป็นวิธีเดียวที่เขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้


เขาเห็นหนังสือปริศนาจากในห้องนั้น อุปกรณ์ทดลองและลูกบอลคริสตัล


เขาสามารถนำทุกอย่างกลับมาได้ เขายังเกือบจะเอาโต๊ะทดลองนั่นกลับมาด้วยหากแบกไหว


สำหรับจีหราน ทุกอย่างที่เขาไม่รู้จักนั้นมีคุณค่าในตัวเอง แม้ว่าจะขายไม่ได้ แต่มันก็ยังคงมีคุณค่ามาก


หนังสือส่วนหนึ่งที่เขาอ่านได้นั้นเพียงพอให้เขาบรรลุเป้าหมายระยะยาวของเขาได้


“ฉันต้องเพิ่มระดับ [ความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนต์] ไปเป็นระดับมืออาชีพ ดังนั้นตอนนี้ก็ได้เวลาเรียนหนังสือแล้ว!” เขาพูดกับตัวเอง


ก่อนที่เขาจะทันได้พลิกหน้าหนังสือ เขาก็ถูกการแจ้งเตือนข้อความถล่มใส่เสียก่อน


192 

ในฮาร์เวสต์อินน์ ราเชลกำลังตรวจดูแก้วแต่ละใบที่เธอเพิ่งล้างอย่างละเอียด


แม้ว่าโรงพักแรมแห่งนี้จะไม่ครึกครื้นเท่าตอนที่จีหรานมาครั้งสุดท้าย เขาก็ชอบบรรยากาศสงบแบบนี้มากกว่า


ราเชลไม่เห็นด้วย เพราะนี่มันหมายถึงการค้าไม่ดีสำหรับเธอ คนที่ทำให้เป็นอย่างนี้ย่อมไม่ได้รับการปฏิบัติดี ๆ จากราเชล


“ยินดีต้อนรับ” เธอทักทายจีหรานอย่างเย็นชาสุด ๆ ไม่แม้กระทั่งจะหันมามองเพราะระบบแจ้งเตือนเธอทันทีที่จีหรานเข้ามาในห้อง


“หวัดดี ราเชล!”


จีหรานรู้ดีว่าทำไมเธอถึงเย็นชากับเขานัก ดังนั้นจึงไม่ได้มีท่าทางไม่พอใจใด หลังจากตอบอย่างสุภาพแล้วเขาก็เดินไปยังโต๊ะที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนนั่งอยู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโต๊ะที่ไกลจากบาร์ที่สุด


ในฐานะหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ อู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้นแย่ยิ่งกว่าจีหราน แก้วน้ำเปล่าตรงหน้าของเขายืนยันเรื่องนี้ได้


สำหรับนักดื่มคนหนึ่งแล้ว รสชาติของน้ำเปล่านี่ราวกับความตาย


เมื่อจีหรานเดินเข้าไป อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็โบกมือให้อย่างไร้ชีวิตชีวา


“ทางนี้ 2567”


ไม่เหมือนอู๋ฝ่าอู๋เทียน ที่อีกด้านของโต๊ะนั้นมีผู้เล่นเก่าแก่อีกหนึ่งคนที่ทักทายจีหรานอย่างดี ผู้ชายคนนี้ดูคุ้นหน้า


“หวัดดี ฉันฮานส์ พวกเราเคยพบกันที่นี่มาก่อนแล้ว!” ฮานส์ลุกขึ้นยืนแล้วแนะนำตัวเอง ยื่นมือออกไปจับมือกับจีหราน


“2567!” จีหรานแนะนำตัวเองอีกครั้งขณะจับมือกับเขา


แม้ว่าเขาจะรู้ฉายาของฮานส์อยู่แล้ว แต่มันก็เป็นมารยาทพึงกระทำ


จากนั้นเขาก็หันไปหาอู๋ฝ่าอู๋เทียน


“อู๋ฝ่าอู๋เทียน: มีภารกิจทหารรับจ้าง ฉันอยากคุยกะนายตัวตัว ฮาร์เวสต์อินน์นะ!”


จากข้อความที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนส่งถึงจีหรานและการพบฮานส์อยู่กับพวกเขาด้วย มันก็ง่ายที่จะเดาว่าใครคือผู้ว่าจ้าง


จีหรานรอให้อู๋ฝ่าอู๋เทียนอธิบายลักษณะงาน


“เพราะองค์กรนักฆ่าที่นายพบน่ะ ผู้เล่นทุกคนที่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นก็ระแวงมากขึ้น ดูที่ราเชลทำโทษฉันสิ?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนฟ้องอย่างขมขื่น ชี้ไปที่แก้วน้ำตรงหน้า


จีหรานมองเขาอย่างรำคาญ แต่อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็เลิกเล่นและพูดต่อ “มันเป็นเรื่องดี อย่างน้อยพวกเราก็ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วระมัดระวังตัวมากขึ้น ฉันหวังว่าหลังจากนี้จะไม่มีเหยื่อเพิ่มขึ้นแล้ว เรื่องนี้ยังทำให้พวกเรามีโอกาสตามหาองค์กรนั่นด้วย เอาละ นั่นก็ยังเป็นปัญหาอยู่น่ะนะ ทุกคนเริ่มสงสัยกันและกัน และภารกิจรับจ้างง่าย ๆ ก็กลายเป็นยากขึ้นเพราะเรื่องนั้น!”


“ฮานส์ก็มีปัญหาแบบเดียวกัน เขาต้องการความช่วยเหลือเพื่อผ่านดันเจี้ยนเจ้าปัญหา แต่เขาไม่เชื่อคนอื่นนอกจากฉัน!”


กริยาของอู๋ฝ่าอู๋เทียนเปลี่ยนไปเป็นจริงจังเมื่อคุยเรื่องงาน


ดันเจี้ยนเจ้าปัญหา? จีหรานประหลาดใจ


น่าจะเป็นดันเจี้ยนพิเศษ ไม่อย่างนั้น มันจะไปมีปัญหาได้อย่างไรในเมื่อมันยังไม่ทันเริ่ม?


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฮานส์ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับอะไรเมื่อกลับเข้าไปในดันเจี้ยน มันย่อมเป็นไปไม่ได้กับดันเจี้ยนปกติ มีเพียงดันเจี้ยนพิเศษที่ผู้เล่นจะรู้อยู่บ้างแล้วว่าดันเจี้ยนนั้นเป็นอย่างไร


ดันเจี้ยนสร้างชื่อก็เช่นกัน แต่พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปเป็นกลุ่ม


ผู้เล่นแต่ละคนต้องมีม้วนคาถาเพื่อที่จะเข้าดันเจี้ยนได้


“เป็นดันเจี้ยนพิเศษใช่ไหม?” จีหรานถามฮานส์เบา ๆ หลังจากมองที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนอีกครั้ง


หากฮานส์ยินดีเชื่อใจเขา อย่างนั้นจีหรานก็เช่นกัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขายินดีเผยบางอย่างที่นับว่าเป็นความลับออกไป


และฮานส์ก็ดูมีปฏิกิริยาตอบรับที่ดี


อู๋ฝ่าอู๋เทียนเองก็ไม่ได้แปลกหน้ากับดันเจี้ยนพิเศษเช่นกัน เมื่อนึกถึงการปิดดันเจี้ยนของเขาแล้ว สิ่งที่ดูประหลาดกับผู้เล่นใหม่ย่อมไม่ใช่กับเขา


ฮานส์มองจีหรานอย่างประหลาดใจ เขาประหลาดใจที่จีหรานรู้ว่ามีดันเจี้ยนพิเศษอยู่


เขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้ ดังนั้นฮานส์จึงพยักหน้า อู๋ฝ่าอู๋เทียนเลิกดึงหน้านิ่ง


เขาไม่ประหลาดใจที่จีหรานรู้เรื่องดันเจี้ยนพิเศษ


อู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้นพูดคุยกับจีหรานเยอะที่สุดแล้ว ดังนั้นจึงสามารถเดาสถานการณ์ของจีหรานได้จากไอเทมที่เขานำออกขาย


“ดันเจียนพิเศษที่กระทั่งอู๋ฝ่าอู๋เทียนยังต้องการความช่วยเหลือในการปิดดันเจี้ยน? ดูเหมือนดันเจี้ยนพิเศษนี่จะพิเศษยิ่งกว่าที่ผมคิดเอาไว้!” จีหรานเสริม


“นั่นเป็นเพราะว่าดันเจี้ยนนี้มีข้อจำกัดน่ะ อย่างแรกเลย พวกเราไม่สามารถนำอุปกรณ์อะไรติดตัวไปได้ สอง พวกเราต้องเริ่มต้นจากการเป็นนักโทษตั้งแต่แรกเลย!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพยักหน้าขณะสรุปสถานการณ์ให้จีหราน


พวกเขาไม่สามารถนำอุปกรณ์หรือไอเทมใด ๆ เข้าไปในดันเจี้ยน? พวกเขาอยู่ในคุก?


คิ้วของจีหรานขมวดเข้าหากันเมื่อฟังอู๋ฝ่าอู๋เทียน


จีหรานไม่ปฏิเสธความสำคัญของอุปกรณ์และไอเทมต่าง ๆ ของเขา


เขาพึ่งพา[Primus Arm] อยู่หลายครั้งเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ และเขายังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าต้องถอดอุปกรณ์ทั้งหมดแล้วเขาจะเป็นอย่างไร


ถ้าผู้เล่นเข้าไปในดันเจี้ยนตัวเปล่า ระดับพลังย่อมลดลงอย่างน้อยก็หกระดับ


นั่นเป็นข้อสรุปที่จีหรานได้หลังจากคำนวณสั้น ๆ


หากเขาเพิ่มข้อจำกัดของการเป็นนักโทษตั้งแต่เริ่มดันเจี้ยนเข้าไปด้วย เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอู๋ฝ่าอู๋เทียนถึงเรียกดันเจี้ยนพิเศษเจ้าปัญหา


จีหรานคงเรียกว่าเป็นดันเจี้ยนมรณะแล้ว


แต่ว่า มีความสงสัยหนึ่งลุกโพลงอยู่ในใจเขา และเขาไม่คิดจะปิดบัง


“ถึงดันเจี้ยนพิเศษจะต่างไปจากดันเจี้ยนธรรมดา แต่ตามที่ผมเข้าใจ มันก็ไม่ควรยากขนาดนั้นหรือเปล่า?”


จีหรานมองฮานส์ ที่เป็นคนเรียกพวกเขาออกมา


“อ่ะ 2567 ดูเอาเอง”


ฮานส์ยิ้มอย่างจนปัญญาขณะส่งภาพจับหน้าจอของข้อมูลดันเจี้ยนให้จีหราน


[ผู้เล่น‘ฮานส์’ ระดับรางวัลสุดท้าย: SSS]


[คุณได้สิทธิ์เข้าดันเจี้ยนพิเศษ]


[ดันเจี้ยนพิเศษ: หนีจากอาณาเขตปกครองของมอร์โก้]


[หนีจากอาณาเขตปกครองของมอร์โก้: คุณเดิมเป็นหนึ่งในทหารราบระดับยอดเยี่ยมของแกรนด์ดยุกมอร์โก้ แต่คุณขโมยสมบัติของแกรนด์ดยุกมาจากคลังสมบัติของเขาระหว่างสงคราม นี่ทำให้แกรนด์ดยุกมอร์โก้โกรธมากจนส่งมือดีที่สุดของเขาออกมาและจับตัวคุณไว้เพื่อยึดสมบัติที่ถูกขโมยไปกลับคืนมา คุณถูกโยนเข้าคุกและแกรนด์ดยุกมอร์โก้ก็วางแผนจะสังหารคุณทิ้งเมื่อสงครามจบลง…]


[หมายเหตุ: เพราะการขโมยครั้งนั้นของคุณ ไอเทมทั้งหมดของคุณจะมีความเสี่ยงที่จะถูกยึดไว้ ดังนั้นกรุณาเลือกอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง]



จีหรานกวาดตาผ่านข้อความทั่วไป ไปเพ่งความสนใจที่ข้อมูลสำคัญน้อยนิด


เมื่ออ่านจบ คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นกว่าเดิม


คำถามหนึ่งของเขาได้รับคำตอบแล้ว แต่อีกคำถามผุดขึ้นมาแทน


“คุณถูกจับก่อนที่ดันเจี้ยนจะจบลง? หรือว่า…” เขาถาม


 


 


 


Wufen’s note: นั่นสินะ หรือว่า… หรือว่าอะไรอ่ะะะ… ว้า ค้างงงงงงงงง สินะ ๆๆๆ //หัวเราะ


ตอนก่อน ๆ ไม่ค้างเสียหน่อย นี่ แบบนี้สิ เรียกว่าค้าง


ตอนนี้สั้นหน่อยนะ มันมาแค่นี้อ่ะ ไม่ได้ตัดอะไรออกไปเลยนะ จริง ๆ


193 

กับคำถามของจีหราน สีหน้าบิดเบี้ยวบนใบหน้าของฮานส์ก็ยิ่งดูแย่กว่าเดิม


“ฉันคำนวณเวลาดูแล้วก่อนที่จะเข้าคลังสมบัติไป ก่อนที่ภารกิจหลักจะสำเร็จและนับถอยหลังห้านาที! ทหารยามกลับสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และพวกมันก็ไล่ตามฉันมา ตอนที่พวกมันเข้ามาในคลังสมบัติ เวลาของฉันก็หมดลงพอดี!”


“ฉันคิดว่าตัวเองจะบังเอิญได้รับรางวัลใหญ่ แต่มันกลับเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นจริง ๆ ไม่มีรางวัลอะไรเลย การกระทำของฉันทำให้ระดับรางวัลสุดท้ายกระโดดขึ้นไปถึงสามขั้น และยังปลดล็อกดันเจี้ยนพิเศษ แต่ว่ารางวัลทั้งหมดที่ฉันเอากลับมาด้วยหายไปหมดเลย! ฉันกลับมาพร้อมกลับกระเป๋าเปล่า ๆ แทน!” ฮานส์พูด


หัวใจของจีหรานหล่นไปตามคำพูดของเขา


“การกลับมาที่ห้องพักนั้นไม่ปลอดภัย จากสถานการณ์แล้ว การที่เหล่าคนพื้นถิ่นขวางทางคุณเอาไว้ได้ การกลับมาอย่างฉับพลันของคุณนั้นเป็นแค่ลดโทษตายเอาไว้ คุณย่อมต้องรับการลงโทษในสักรูปแบบ”


จีหรานลังเลเรื่องการใช้คำว่า ลงโทษ เพราะว่าการกระทำของฮานส์และคำอธิบายดันเจี้ยน แต่เขารู้สึกเช่นนั้น


เขานึกย้อนถึงตอนที่เขากลับมาจากดันเจี้ยนของตัวเองและการที่ [หัวใจปิศาจ] ที่ราวกับเสือร้ายเปลี่ยนไปเป็นกระต่ายเชื่อง


แม้ว่าทั้งสองกรณีจะไม่เกี่ยวข้องกันในสักทาง แต่ความคิดนั้นก็ผุดขึ้นในใจเขาไม่หยุด


เขาถอนหายใจก่อนจะรวบรวมความคิด


“ภารกิจต่อไปของคุณคือการกลับเข้าไปในดันเจี้ยนนั้น?” จีหรานถาม


“ถูกต้อง!” ฮานส์พยักหน้า


“ค่าตอบแทนล่ะ?” จีหรานถามตรง ๆ


อู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้นชี้แจงเรื่องเหล่านี้หมดแล้ว มันเป็นภารกิจรับจ้าง ดังนั้นย่อมต้องมีรางวัลตอบแทน ยิ่งความเสี่ยงสูง รางวัลยิ่งต้องมีราคา


“นี่!”


ภาพจับหน้าจอภาพหนึ่งถูกส่งมาในกล่องข้อความของจีหราน มันเป็นหนังสือสกิลสีส้ม


ชื่อของมันคือ [Blade Kick]


หนังสือสกิลระดับหายาก?


จีหรานมองฮานส์อย่างตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเอาไว้เลยว่าฮานส์จะเสนอหนังสือสกิลระดับหายากเป็นรางวัล


จากเท่าที่จีหรานเข้าใจ ค่าตอบแทนของทหารรับจ้างมักจะอยู่ที่ราว ๆ 30,000 Points กับอีก 7 หรือ 8 Skill Points


หนังสือสกิลระดับหายากนั้นเกินกว่ารางวัลเท่านั้นไปเยอะมาก


“อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ ฉันเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ชื่นชอบการผจญภัยที่สุด ฉันผ่านมาแล้วหกดันเจี้ยน ดังนั้นก็เลยมีของดี ๆ อยู่ในมือบ้างเหมือนกัน! นอกจากนี้ ภารกิจนี้ยังมีความเสี่ยงในตัวเอง หากฉันไม่เพิ่มค่าตอบแทนขึ้นสักนิด ฉันก็คิดว่าคุณอาจจะไม่ยอมรับภารกิจนี้!” ฮานส์สารภาพ


จีหรานยังคิดอยู่ ไตร่ตรองผลดีและผลเสียหากเขายอมรับภารกิจนี้


หลังจากผ่านดันเจี้ยนปกติอีกหนึ่งครั้ง เขาก็ต้องกลับไปที่จักรวาล [ผู้ช่วยของหมอผี II] และหากเขาต้องการได้ของดี ๆ จากในนั้น เขาอย่างน้อยก็ต้องแข็งแกร่งกว่าตอนนี้สามเท่า ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีกระทั่งคุณสมบัติที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยซ้ำ


จีหรานนั้นไม่มั่นใจว่าจะถึงระดับนั้นได้หลังจากผ่านดันเจี้ยนทั่วไปหนึ่งดันเจี้ยน แต่หากเป็นดันเจี้ยนพิเศษล่ะก็… อย่างนั้นความมั่นใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น


การเข้าดันเจี้ยนพิเศษครั้งนี้นั้นจะนับเป็นหนึ่งคูลดาวน์ดันเจี้ยนทั่วไป ซึ่งไม่ได้นับเป็นดันเจี้ยนพิเศษที่เขาได้รับมาเอง


ส่วนความเสี่ยง จีหรานนั้นย่อมพยายามอย่างเต็มที่สำรวจทุกภารกิจย่อยและภารกิจสร้างชื่อเสียงซึ่งก็มีความเสี่ยงอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว


นอกจากนี้ เขายังได้รับหนังสือสกิลหายากก่อนที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน และยังเป็นสกิลโจมตีที่เขาขาดแคลนด้วย


นี่มากพอที่จะโน้มน้าวเขาแล้ว แต่ว่าก่อนที่เขาจะตอบตกลง ก็ยังมีอีกสองสามคำถามที่ต้องรู้ก่อน


“ของที่ผมเก็บได้จากในดันเจี้ยนทั้งหมดเป็นของผม ถูกต้องไหม?” เขาถาม


“นั่นเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ในหมู่เหล่าผู้เล่นอยู่แล้ว ทุกอย่างที่เก็บมาเองล้วนเป็นของตัวเอง ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือทำภารกิจให้สำเร็จและดูแลความปลอดภัยของฉันตลอดดันเจี้ยน” ฮานส์ยืนยัน


“ตกลง!” จีหรานยื่นมือขวาออกไปจับมือกับเขา


“ราเชล! ขอเหล้าหน่อย! พวกเราเพิ่งทำข้อตกลงครั้งใหญ่กันสำเร็จ ต้องฉลองหน่อยแล้ว!”


อู๋ฝ่าอู๋เทียนที่เงียบอยู่เป็นนานจู่ ๆ ก็ส่งเสียงดังอย่างยินดี


“เครื่องดื่มกับอาหารของนายกับ 2567 จะคิดราคาสองเท่า!” ราเชลพูดอย่างเย็นชา


“สองเท่า? ไม่เอาน่า ราเชล! ทำไมเธอใจร้ายแบบนี้เล่า? นี่ไม่ยุติธรรมเลยนะที่รัก! มาน่า ถือว่าเห็นแก่อดีตของเรา! นะ…” อู๋ฝ่าอู๋เทียนขอร้องด้วยสีหน้าลูกหมา


“ก็เพราะเห็นแก่อดีตน่ะสิ! พวกนายสองคนถึงยังเข้ามาในนี้ได้ และที่นายติดหนี้ฉันเอาไว้นายก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยสองเท่าด้วย!” ราเชลบอกอู๋ฝ่าอู๋เทียนด้วยน้ำเสียงเย็นกว่าเดิม


“โอ้ ไม่นะ!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนคร่ำครวญเสียงดังก่อนจะนอนแผ่ไปบนโต๊ะอย่างจนปัญญา


จีหรานยิ้มให้กับละครฉากเล็กนี่


เขาไม่ได้รู้สึกอะไรนอกไปจากขอบคุณอู๋ฝ่าอู๋เทียน เพื่อนเพียงคนเดียวในเกมนี้ของเขา


ถึงไม่มีรางวัลของฮานส์ หากอู๋ฝ่าอู๋เทียนพยายามโน้มน้าวจีหราน ก็มีโอกาสสูงมากที่จีหรานจะยอมเข้าดันเจี้ยนด้วย อู๋ฝ่าอู๋เทียนกลับไม่ได้พยายามโน้มน้าวเขา


กลับกัน เขาให้จีหรานตกลงกับฮานส์ด้วยตัวเอง


จีหรานรู้สึกพอใจในตัวอู๋ฝ่าอู๋เทียนขึ้นอีกครั้ง กับวิธีการที่เขาจัดการกับธุรกิจและกฎที่เขายึดถือ


ส่วนพฤติกรรมอ่อนให้แก่ราเชลของอู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้น มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่มองไม่เห็นว่าระหว่างทั้งสองคนนั้นมีเรื่องราวกระอักกระอ่วนระหว่างกันอยู่


จีหรานนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่โต๊ะ ราคาเบียร์แก้วนี้เป็นสองเท่าแม้ว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนจะดราม่าและขอร้องอย่างน่าสงสารเพียงใด ทั้งสามคนปรึกษาและตกลงเวลาเข้าดันเจี้ยนกันต่อ


ในเมื่อคราวนี้มันเป็นดันเจี้ยนแบบกลุ่ม พวกเขาก็ต้องเข้าดันเจี้ยนด้วยการตั้งค่าแบบกลุ่ม


จีหรานนั้นเพิ่งเข้าดันเจี้ยนแบบกลุ่ม [คุกบนเกาะ] ไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และมันก็ยังติดคูลดาวน์ ดังนั้นเขาจึงต้องรออย่างน้อยอีกสองสัปดาห์เพื่อให้หมดระยะคูลดาวน์ หากเขาต้องการเข้าดันเจี้ยนแบบกลุ่มอีกครั้ง และอู๋ฝ่าอู๋เทียนเองก็เช่นกัน


แผนการใหม่ไม่ได้กระทบกับแผนการเดิมของจีหราน


ในใจของเขาเต็มไปด้วยทุกสิ่งที่ต้องทำในสองสัปดาห์ถัดไป เขารีบดื่มเบียร์จนหมดและออกจากฮาร์เวสต์อินน์หลังจากบอกลาฮานส์ อู๋ฝ่าอู๋เทียน และราเชล


เขาขึ้นรถไฟโดยไม่ชักช้าและรีบกลับไปที่บ้านในเกมของตัวเอง 13 ถนนหัวเวย


ตอนที่จีหรานไปถึงประตู เขาก็จับจิตสังหารได้


“ใครน่ะ? ออกมานะ!” เขาตะโกนไปทางทิศที่จิตสังหารแผ่ออกมาซึ่งเป็นหนึ่งในมุมมืดของอู่รถของเขา


มือหนึ่งของเขาจับ [Python-W2] เอาไว้ขณะความคิดหนึ่งก่อตัวขึ้นในใจ


“องค์กรนักฆ่างั้นรึ?”


มันสรุปออกมาได้โดยง่ายและรวดเร็ว ในเมื่อเขาไม่ได้มีคนรู้จักหรือว่าโกรธแค้นกับใครนักในเกม คนเดียวที่เขามีปัญหาด้วยและต้องการฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ ก็คือสมาชิกขององค์กรนักฆ่า


แต่ว่า ความอดทนของพวกมันล้วนเกินที่จีหรานคิดเอาไว้ อู๋ฝ่าอู๋เทียนและผู้เล่นอื่น ๆ ตามหาพวกมัน แต่พวกมันกลับมาโผล่อยู่ตรงหน้าจีหราน


พวกมันน่าจะต้องการเชือดเขาเป็นตัวอย่าง


ความคิดที่จู่ ๆ โผล่เข้ามาทำให้จีหรานจ้องไปที่มุมมืดนั่นเขม็ง หูของเขาเปิดออกรับฟังทุกการเคลื่อนไหวรอบตัว


เขากลัวว่าเขาจะไม่ได้เผชิญหน้ากับแค่คนคนเดียว


หากเขาเป็นพวกมันแล้ว เขาจะส่งคนมามากกว่าหนึ่งเพื่อความปลอดภัย


 


 


 


Wufen’s note:  Blade kick เบลด คิก ลูกเตะคมมีด? ซัมทิงประมาณนั้น หรือเอาเป็น ดาบปลายติง? 5555 คนอ่านเลือกเอาคำแปลที่ชอบได้เลยเน้อ


194

“ฮ่า!”


เสียงตะโกนดังลั่งเผยให้เห็นเกราะสูงใหญ่ในเงา


เกราะนั้นใหญ่ยังบังสายตาจีหรานไม่ให้เห็นตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ความกดดันที่แผ่ออกมานั้นรุนแรงมาก


เพียงแค่กะพริบตา มันก็เกือบจะเข้าถึงจีหรานได้แล้ว


จีหรานพยายามหลบโล่ที่พุ่งเข้ามาตามสัญชาตญาณ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หลบ เขาก็สัมผัสถึงจิตมุ่งร้ายอื่นจากด้านหลังได้


ผู้โจมตีอีกคนปรากฏตัวขึ้น สร้างเป็นแนวสังหารที่มีคนถือโล่อยู่ตรงหน้าเขา


จีหรานยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าเขาต้องการหลบจากทั้งสองด้าน เขาต้องมุ่งหน้าไปที่ประตูอู่ของเขา


แต่ว่าการมุ่งหน้าไปที่ประตูจะทำให้เขาหลบคนทั้งคู่ได้จริง ๆ หรือ?


ถึงแม้ว่าหลังประตูจะเป็นห้องรับรองของเกม นอกเสียจากว่าเขาจะไปถึงในห้องนั้นได้จีหรานย่อมยังไม่ปลอดภัย


สถานการณ์ตรงหน้าเขานั้นชัดเจน คนที่โจมตีทั้งคู่ต้องการบีบให้เขาเข้าไปในอู่เพราะว่าเป็นที่ที่พวกเขาวางแผนลงมือปลิดชีพไว้


เมื่อคิดดูแล้ว พื้นที่รอบ ๆ ประตูอู่ล้วนเป็นพื้นที่อันตรายที่สุด จีหรานนั้นจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อเขาเข้าไปข้างในได้


ถ้าหากเขายังอยู่ข้างนอกแม้เพียงก้าวเดียวเขาก็นับว่าอยู่ข้างนอก ไม่ต่างกับอยู่พื้นที่โล่งแจ้ง


หลังจากตรองดูถ้วนแล้วจีหรานก็พบว่าตัวเองมีทางเลือกเหลือเพียงทางเดียว เขาต้องรับมือกับพวกมันตรง ๆ


จีหรานแน่ใจว่าการตัดสินใจของเขานั้นถูกคาดเดาเอาไว้แล้ว ผู้โจมตีย่อมต้องเตรียมการเผื่อกรณีถูกโต้กลับเอาไว้


พวกมันน่าจะไม่รู้ความแข็งแกร่งของเขาโดยตลอด นี่จะเป็นไพ่ตาย


เกราะนั่นสร้างลมแรงพัดใส่หน้าจีหรานทำผมเผ้าของเขาปลิวยุ่งเหยิง มันทำให้เขาต้องหรี่ตาลง


ชายทั้งสองคนนั้นอยู่ห่างไปไม่ถึงเมตร


แม้ว่าเกราะจะไม่ได้แหลมคม แต่ด้วยกระแสลมกดดันรุนแรงก็ไม่ต้องการขอบคม ๆ แล้ว


แรงลมฉีกทึ้งนั้นเพียงพอที่จะป่นกระดูกของเป้าหมายเป็นผง


อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เจ้าของโล่รู้ว่ามันทำได้ ดังนั้น เมื่อจีหรานยกเท้ามาทางโล่ ผู้ลอบโจมตีคนที่สองก็อดหัวเราะไม่ได้


นี่มันง่ายเกินไปแล้ว!


ถึงแม้ว่าเป้าหมายของพวกมันจะรู้ตัวว่าพวกมันวางกับดักเขาเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ได้ฉลาดไปเสียหมด


แต่ถึงจีหรานจะฉลาด มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกมันเตรียมกับดักอื่น ๆ เอาไว้อีกเป็นตัน และทุก ๆ อันก็สามารถเอาชีวิตน่าสงสารของเขาได้แน่นอน


จากมุมมองของผู้ลอบโจมตีคนที่สอง กับดักนั้นไม่สำคัญแล้ว ทุกอย่างกำลังจะจบลง


ผู้ชายคนนั้นแสยะยิ้มร้าย เตรียมตัวฉลองความสำเร็จกับคู่หู ทันใดนั้น ก็เกิดบางอย่างที่ทำให้เขาอึ้งอยู่กับที่


เท้าขวาของจีหรานนั้นกระแทกเข้ากับโล่ แต่จีหรานกลับยังยืนอยู่ที่นั่นด้วยเท้าข้างเดียว เขาไม่ถูกกระแทกให้ถอยกลับหลังจากการกระทบ เขายังยืนอยู่กับที่ มั่นคงเหมือนเคย


กลับกัน โล่ใหญ่นั่นกลับชะงักไปอย่างกะทันหัน เหมือนกระแทกเข้ากับกำแพงใหญ่ มันยังส่งเสียงลั่นเอี๊ยดเสียดหู


คนถือโล่ได้รับแรงสะท้อนจากการกระแทก เขาโซเซถอยออกไป โล่นั้นบังร่างกายส่วนใหญ่ของเขาเอาไว้ เผยเพียงส่วนเล็ก ๆ ออกมา


ดวงตาคมกริบของจีหรานฉวยโอกาสพริบตานั้นเอาไว้ เขายกปืนขึ้นยิง


ปัง! ปัง!


เลือดสาดกระจายออกมาจากร่างกายของผู้โจมตี


[ยิง: ก่อความเสียหาย 150 แต้มต่อเป้าหมาย เจาะเกราะระดับ 1 รุนแรงกว่าความสามารถป้องกันของเกราะเป้าหมาย ก่อความเสียหายจริงต่อเป้าหมาย 150 แต้ม เป้าหมายได้รับบาดเจ็บปานกลาง…]


[ยิง: ก่อความเสียหาย 200 แต้มต่อเป้าหมาย เจาะเกราะระดับ 1 รุนแรงกว่าความสามารถป้องกันของเกราะเป้าหมาย ก่อความเสียหายจริงต่อเป้าหมาย 200 แต้ม เป้าหมายได้รับบาดเจ็บสาหัส…]


กระสุนนัดแรกนั้นเข้าที่ต้นขา ความเจ็บปวดกะทันหันทำให้ผู้ชายคนนั้นเผยส่วนใหญ่ของร่างกายออกมา ทำให้การป้องกันระดับยอดของเขานั้นกลายเป็นไร้ประโยชน์


กระสุนนัดที่สองเข้าที่เอว


ทันใดนั้น แส้สีขาวสว่างก็ยึดมือขวาของจีหรานเอาไว้แน่นอย่างรวดเร็ว


ผู้โจมตีคนที่สองนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาและรีบลงมือต่อการโจมตีของจีหราน


จีหรานไม่ได้หลบหรือดิ้นรน แส้จึงรัดมือเขาเอาไว้ได้


ความตั้งใจของผู้โจมตีก็คือหยุดจีหรานจากการยิงปืน แต่มันก็เป็นความพยายามอันไร้ผล


[MI-02] ปรากฏขึ้นบนมือซ้ายของจีหรานเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะลั่นกระสุนสังหาร


ปัง!


ไกปืนถูกเหนี่ยวพร้อมกับเสียงดังลั่น


[ยิง: ก่อความเสียหาย 100 แต้มต่อเป้าหมาย เป้าหมายเสียชีวิต…]


[ผู้เล่นที่ถูกสังหาร: Shielder]


[พิสูจน์แล้วว่าเป็นการป้องกันตัวเอง]


[จัดเข้าหมวดหมู่การสังหารอันสมควร]


[คุณได้รับ Points และ Skill Points จากผู้เล่น…]


[ทั้งหมด: 7,000 Points และ 3Skill Points]


[ได้รับกุญแจบ้านของผู้เล่น]


[ยืนยันสิทธิ์ใช้งานบ้านของผู้เล่น]


[ทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เล่นอยู่ในบ้าน]


[การสังหารอันสมควร: 2]



ผู้โจมตีคนที่สองนั้นเห็นคู่หูของตัวเองตายไปกับตา โดยไม่ลังเล เขาหันหลังกลับแล้วออกวิ่งเร็วราวกับสายฟ้า


เขาแน่ใจว่า เมื่อไม่มีคู่หูของเขาแล้ว เขาย่อมไม่สามารถทำอันตรายอะไรจีหรานได้


หลังจากแค่ไม่กี่ก้าว โซ่สีดำก็พุ่งมารัดร่างของเขาเอาไว้ ตรึงเขาเอาไว้กับที่


[Shadow Chain: แข็งแกร่งของเป้าหมายไม่ผ่านการทดสอบ เป้าหมายถูกมัดเอาไว้กับที่นาน 1 วินาที เป้าหมายจะได้รับความเสียหายจากการกัดกร่อนของพลังงานด้านมืด 15 แต้มต่อวินาทีนาน 3 วินาที…]


หนึ่งวินาทีนั้นไม่ยาวนาน แต่บางครั้งมันก็เป็นหนึ่งวินาทีระหว่างความเป็นและความตาย


เมื่อมีสัมผัสน่าขนลุกของ Shadow chain บนร่าง ใบหน้าของผู้โจมตีก็เผือดซีดลงในพริบตา เขาดึงไอเทมสองอย่างออกมาและใช้ชิ้นหนึ่งไปพร้อมกับตะโกน


“อย่ายิง ฉันจะพูด…”


ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!


กระสุนลั่นซ้ำ ๆ รวมห้านัดขัดคำพูดของเขาและยังทำลายเกราะสนามพลังรอบตัวเขา


ทันทีที่เกราะสนามพลังหายไป ตลอดร่างของเขาก็เปล่งประกายสว่าง สลายพันธนาการจาก [Shadow Chain] ไปในเสี้ยววินาที


เมื่อพันธนาการหายไป ผู้โจมตีก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้ง เร็วกว่าตอนแรกด้วยซ้ำ เขาไม่สามารถรับการพันธนาการจาก [Shadow Chain] ได้อีกครั้งแล้ว


คราวนี้ [Shadow Chain] มัดเข้าที่ขาของเขา เสียงปืนดังตามมา


ปัง!


เป็นกระสุนนัดสุดท้ายของจีหราน ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีเล่ห์กลใช้ป้องกันตัวแล้ว


[ยิง: การโจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 400 แต้มต่อเป้าหมาย (อาวุธปืน ปืนกลเบา (ยอดนักสู้) 200×2) เป้าหมายเสียชีวิต…]


[ผู้เล่นที่ถูกสังหาร: Correy]


[พิสูจน์แล้วว่าเป็นการป้องกันตัวเอง]


[จัดเข้าหมวดหมู่การสังหารอันสมควร]


[คุณได้รับ Points และ Skill Points จากผู้เล่น…]


[ทั้งหมด: 4,000 Points และ 1Skill Points]


[ได้รับกุญแจบ้านของผู้เล่น]


[ยืนยันสิทธิ์ใช้งานบ้านของผู้เล่น]


[ทรัพย์สินทั้งหมดของผู้เล่นอยู่ในบ้าน]


[การสังหารอันสมควร: 3]



หลังจากสังหารผู้โจมตีคนที่สอง จีหรานก็กลิ้งไปทางซ้ายอย่างรวดเร็ว


ปัง!


เพียงแค่เขากลิ้งพ้นไปเท่านั้นกระสุนนัดใหญ่ก็ซัดลงมาที่จุดที่เขาเคยยืนอยู่


เป็นมือลอบสังหาร!


195

หลังจากกลิ้งไปด้านข้างแล้ว จีหรานก็ใช้มือเดียวยันพื้น เกร็งกล้ามเนื้อแขนเอาไว้


กำลังแขนเปลี่ยนไปเป็นแรงดีดตัวเขาถอยหลังไปยังจุดเดิมที่หนีออกมา


ปัง!


กระสุนนั้นช้าไปเพียงเสี้ยววินาที แต่ว่ามือลอบยิงที่ซ่อนอยู่ไกล ๆ ก็ยังไม่ยอมแพ้


ปัง! ปัง! ปัง!


กระสุนสามนัดถูกยิงออกมา เมื่อจีหรานหลบไปด้านหลังกำแพง เสียงปืนก็หยุดลง


แรงทำลายมหาศาลจากมือลอบสังหารราวกับเป็นปืนใหญ่ย่อส่วน ระเบิดพื้นตรงที่จีหรานยืนอยู่ มันด้อยกว่าเมื่อเทียบกับปืนใหญ่จริง ๆ


แต่ว่า จีหรานก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นว่าจุดซ่อนตัวใหม่ของเขานั้น กำแพงที่เขาเพิ่งใช้ซ่อนตัวเองเมื่อครู่นี้ถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับตึกอีกส่วนด้วย


ไม่ใช่แค่ปืนยิงจรวดแล้ว แต่เป็นปืนใหญ่ของจริง


“มีผู้เล่นที่ใช้ปืนใหญ่ได้ด้วยหรือ?”


จีหรานคิดภาพไม่ออกว่าผู้เล่นจะใช้ปืนใหญ่อยู่ในโลกดันเจี้ยนได้ยังไง


ด้วยขนาดและน้ำหนักน่าจะไม่ใช่สิ่งที่คนคนเดียวจะจัดการได้ ต้องเป็นคนกลุ่มหนึ่ง


นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้


สันนิษฐานของจีหรานทำให้เขาใจสั่นไปด้วยความหวาดกลัวที่เพิ่งจะรู้สึก


หากเขาไม่ได้คิดที่จะตอบโต้ เขาอาจจะถูกปืนใหญ่สอยร่วงไปแล้ว


จีหรานรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองถ้ายังยืนอยู่ที่จุดเดิมในเมื่อปืนใหญ่สามารถระเบิดทุกอย่างในรัศมีเกือบแปดเมตรได้


ต่อให้ใช้ [Primus Scale] เขาก็อาจจะยังถูกบี้แบนได้ คนลงมือนั้นคงไม่ได้เตรียมกระสุนมาแค่นัดเดียวอยู่แล้ว


จีหรานดึง [Jagdtiger-X1] ออกมาแล้วพยายามเล็งหามือลอบยิงผ่านช่องเล็งเป้า เขาเชื่อว่ามือลอบยิงก็ต้องกำลังมองหาเขาเช่นกัน


[อาวุธปืน (ปืนกลเบา)] ระดับยอดนักสู้นั้นมีผลพิเศษคือ [เล็งเป้าไร้พลาด] ที่เพิ่ม Intuition ของเขาขึ้นมาเป็นระดับ B- ในพริบตา


มุมมองของจีหรานชัดเจนขึ้นในเสี้ยววินาที เขาก็เห็นศัตรูได้ชัดขึ้นกว่าเดิมด้วย


ปัง!


จีหรานกดไกปืนก่อนที่จะรีบเคลื่อนที่ออกจากจุดเดิม


[ยิง: การโจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 400 แต้มต่อเป้าหมาย (อาวุธปืน ปืนกลเบา (ยอดนักสู้) 200×2) เป้าหมายมีเกราะสนามแม่เหล็ก กระสุนไร้ผล ก่อความเสียหายจริงต่อเป้าหมาย 0 แต้ม…]



การแจ้งเตือนทำให้จีหรานตกใจ แต่เขาก็ไม่กล้าหยุดเพียงเพราะแค่ประหลาดใจ


เสียงคำรามของปืนใหญ่ดังมาอีกครั้ง


ตูม!


คลื่นกระแทกครั้งใหญ่ส่งจีหรานปลิวไป


วินาทีที่เขาตกลงพื้นเขาก็กลิ้งไปข้าง ๆ อย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นยืน เขายังวิ่งตรงไปยังเป้าหมายเดิมเพื่อหลบ


[หลบหลีก] ระดับยอดนักสู้ ไม่เพียงทำให้เขาสามารถหลบกระสุนที่ยิงมาได้ แต่ยังช่วยเขาลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุดหากไม่สามารถหลบพ้นได้


“เกราะสนามแม่เหล็ก? นั่นมันคือบ้าอะไรกันน่ะ?”


จีหรานไม่คุ้นเคยกับคำนี้ แต่เขาเข้าใจได้ว่ามันทำอะไรได้ สนามแม่เหล็กนั้นหักล้างการโจมตีถึงตายของเขาและยังทำให้กระสุนของเขาใช้การไม่ได้


จีหรานเริ่มหวาดเกรงในอุปกรณ์ของฝ่ายโจมตี


การโจมตีระลอกใหม่นั้นต่างไปจากตอนสองคนนั้นลิบลับ นอกจากพวกมันจะฉวยโอกาสตอนที่จีหรานกับชิลเดอร์ปะทะกันด้วยการใช้กำลังเหนือกว่า


ยังมีความแข็งแกร่งของศัตรูชุดใหม่นี้เห็นได้ชัดจากสถานการณ์


จีหรานซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดมุมหนึ่งตรวจดูบาดแผลของตัวเอง


[คลื่นกระแทก: ก่อความเสียหาย 150 แต้ม Tessirot Blessing ลดความเสียหายส่วนหนึ่ง ก่อความเสียหายจริง 100 แต้ม…]



ความเสียหายที่เกิดจากคลื่นกระแทกของปืนใหญ่นั้นเหนือความคาดหมายของจีหรานไปไกล


ถึงแม้จีหรานจะอยู่ไกลจากรัศมีระเบิด เขาก็ยังได้รับผลกระทบของคลื่นกระแทกที่ตามมาและยังได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง


ความเสียหายสูงและยังการโจมตีที่ไร้ผลของเขาทำให้เขาเหลือทางเลือกเดียว เขาเรียกกำลังเสริม


เขาต้องการคนช่วยอย่างน้อยหนึ่งคน ระบุตำแหน่งปืนใหญ่ให้เขา


“2567: ถูกโจมตี ช่วยด้วย!”


จีหรานรีบส่งข้อความให้อู๋ฝ่าอู๋เทียนมาช่วย แต่คนที่มาช่วยก่อนไม่ใช่อู๋ฝ่าอู๋เทียน


เป็นกลุ่มของผู้คุมกฎไซเบอร์กลุ่มหนึ่งประมาณสิบกว่าคนในชุดสีดำและน้ำเงิน มีป้ายตำรวจติดอยู่บนตัว


ผู้คุมกฎไซเบอร์โผล่ออกมาจากอากาศและเข้าถึงตัวจีหราน หนึ่งในนั้นพูดด้วยเสียงของระบบ “กรุณาอยู่ในความสงบ ความปลอดภัยของคุณคือเรื่องสำคัญที่สุดของเรา”


เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หุ่นเปิดส่วนแขนและภาพโฮโลแกรมขนาดสิบนิ้วก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าจีหราน


หน้าจอฉายภาพของสองที่พร้อมกัน


หนึ่งในนั้นคือคนที่ถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงกำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด และภาพที่สองเป็นผู้ชายสี่คนกำลังแยกชิ้นส่วนปืนใหญ่อย่างคล่องแคล่ว


ไม่ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหน ผู้คุมกฎไซเบอร์ก็เร็วกว่าก้าวหนึ่ง


ในจอ จีหรานเห็นชัดเจนว่าผู้คุมกฎไซเบอร์สองกลุ่มเข้าไปล้อมมือปืนและผู้เล่นที่กำลังแยกชิ้นส่วนปืนใหญ่


มือปืนยกมือขึ้นเหนือหัวแต่ว่าผู้เล่นสองในสี่คนที่รอบ ๆ ปืนใหญ่พยายามขัดขืน


ผุ้คุมกฎไซเบอร์ยิงลำแสงเลเซอร์สีแดงสดออกจากดวงตาทะลุร่างของผู้เล่นอย่างง่ายดาย


“อาวุธเลเซอร์?” จีหรานตัวสั่นนิด ๆ


ที่โลกจริง กองกำลังระดับสูงสุดของผู้รักษากฎหมายของสหพันธ์ก็ใช้อาวุธเลเซอร์เช่นกัน


จีหรานจับตามองข่าวพวกนี้เพราะว่ากำหนดเข้ารับใช้กองทัพของเขาก็กำลังจะถึงในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน แต่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเห็นอาวุธเลเซอร์ในเกม


“ผู้เล่น 2567 ผู้ลอบทำร้ายคุณถูกจับได้แล้ว การขัดขืนใด ๆ ล้วนถูกกำจัด”


“คุณปลอดภัยแล้ว คุณมีการสังหารอันสมควร 3 คะแนน คุณจะได้รับส่วนแบ่งจากสิ่งที่พวกเขามี 3% เป็นการชดเชย!”


หลังจากเสียงระบบพูดจบ พวกผู้คุมกฎไซเบอร์ก็กลับไป


[ผู้เล่นมีการสังหารอันสมควร 3 คะแนน ผู้เล่นจะได้รับส่วนแบ่ง 3% จากสมบัติทั้งหมดที่ผู้โจมตีมีเป็นการชดเชย (รวมถึงแต่ไม่จำกัดถึงอุปกรณ์ สิ่งของ Points และ Skill Points)]


[กำลังคำนวณค่าชดเชย…]


[ค่าชดเชยของผู้เล่น 15000 Points]



“การสังหารอันสมควรมีไว้เพื่ออย่างนี้หรือ?”


จีหรานประหลาดใจมากเมื่อพบการใช้งานจริงของคะแนนการสังหารอันสมควรอันลึกลับ


แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดใจอย่างมากเมื่อพบว่า ถ้าค่าชดเชย 3% ของสมบัติทั้งหมดของผู้เล่นคือ 15000 Points อย่างนั้น 100% ก็เท่ากับ 500000 Points


อึ้ก! แค่คิดก็ทำให้จีหรานปวดใจยิ่งกว่าเดิม เขารู้สึกหายใจลำบาก เขารู้สึกเหมือนกำลังจะจับเงื่อนงำบางอย่างได้


“การสังหารอันสมควร… การสังหารอันสมควร…” จีหรานพึมพำเบา ๆ


ตอนที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนรีบร้อนมาถึงที่เกิดเหตุ จีหรานก็มองเขาด้วยสีหน้าจริงจังที่สุด


“ตอนที่พวกนายไปไล่ล่าองค์กรนักฆ่า นายต้องพาฉันไปกับนายด้วย!” เขาพูด เน้นย้ำทุกคำพูด


“อะ.. อะไรนะ? 2567 นายโอเคหรือเปล่า?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนถามอย่างเป็นห่วง งุนงงไปกับคำพูดไร้ที่มาที่ไปของจีหราน


“ฉันสบายดี แค่เจ็บนิดหน่อย แล้วก็ มีข่าวจากฮาร์เวสต์อินน์ไหม?” จีหรานส่ายหน้า ถามคำถามอื่นอย่างสุ่ม ๆ


“เพื่อนของฉันคู่หนึ่งค้นแถวนั้นแล้ว ไม่มีอะไรเลย!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนถอนหายใจ


จีหรานขมวดคิ้ว ถ้าพวกลอบสังหารรู้ว่าจะหาเขาได้ที่ไหน อย่างนั้นก็ต้องมีคนสะกดรอยตามเขา ไม่เพียงแค่ที่บ้านของเขาเอง แต่ที่ฮาร์เวสต์อินก็ด้วย สายลับจากองค์กรนักฆ่าต้องอยู่สักที่แถวนั้น


นี่เป็นข้อสรุปที่เขาได้ แต่เขาไม่ได้สงสัยอู๋ฝ่าอู๋เทียน


ถ้าอู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดอย่างนั้น อย่างนั้นกลุ่มของเขาก็ต้องค้นหาอย่างหนักแล้ว แต่ไม่เจออะไรเลย


ถ้าองค์กรนักฆ่าอยู่ที่ข้างนอกนั่น สมาชิกของมันก็ควรต้องมีร่องรอยทิ้งไว้


“ฉันอยากจะไปดู ได้หรือเปล่า?” จีหรานถาม


เขาเชื่ออู๋ฝ่าอู๋เทียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ใช้ [ตามรอย] ของเขาเพื่อประโยชน์ของเขาเอง


จีหรานแน่ใจว่าทักษะพิเศษของเขานั้นมีประโยชน์มากในกรณีนี้


“ได้สิ แน่นอน เดินไปแล้วกัน ฉันอยากรู้เรื่องที่เกิดที่นี่เหมือนกัน”


อู๋ฝ่าอู๋เทียนพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะชี้ไปที่ตึกที่พังเสียหายและยังเศษซากที่รอบ ๆ ตัว


เขาไม่คิดว่าจีหรานจะอาสาเข้าร่วมกองทัพของเขา มันคือสิ่งที่เขาอยากให้เป็นเช่นกัน


ถึงแม้ว่าจีหรานจะมีจำนวนครั้งการเข้าดันเจี้ยนต่ำ แต่เขาก็เห็นความแข็งแกร่งอันไร้ต้านด้วยตาตัวเองแล้ว


อู๋ฝ่าอู๋เทียนกำลังจะหันกลับออกไปแล้ว


“เดี๋ยวนะ ยังมีเรื่องอื่นอีก!”


เขาไปที่หน้าประตูบ้าน เขาไม่ลืมวิธีการที่คนลงมือสองคนแรกใช้ออก


เขาสงสัยว่าคอร์เรย์กับชิลเดอร์จะวางแผนทำอะไรกับประตูของเขา


ก่อนที่จีหรานจะเดินเข้าไปอีกก้าวหนึ่งเขาก็ถูกอู๋ฝ่าอู๋เทียนดึงกลับมาอย่างแรง


“เดี๋ยว!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดพร้อมขมวดคิ้ว


ดวงตาของเขาจ้องอยู่ที่ทางเข้าห้องรับรองของจีหราน


 


 


Wufen’s note: เนี่ย ทุกคนบ่นค้าง ๆ ให้ Wufen รีบแปลต่อ ละดูสิ เนี่ยยยย มันก็ค้างต่ออ้ะ จะเร่งทำไม ยังไงก็ค้าง ใช่มะะะะะ


หนึ่งตอนนี่ยาว 6 หน้าเอสี่เด้อ 6500++ ตัวอักษร เมื่อยเด้อออ เกิดเอ็นข้อมืออักเสบขึ้นมานี่ อดอ่านยาวเด้อออ //นี่คือการขู่ //ขู่กิง ๆ นะะะะะะ //แฮ่!!


196

เมื่อจีหรานเห็นอู๋ฝ่าอู๋เทียนดึงเอาโลหะยาวกลวงที่ปลายด้านหนึ่งติดกับแผ่นวงกลมออกมาเขาก็ประหลาดใจ


เครื่องตรวจหาระเบิด!


ต่อให้ไม่คุ้นเคยกับอาวุธปืนก็ยังจำอุปกรณ์นี้ได้ และจีหรานที่รู้เรื่องปืนมากมายเพราะทักษะหลายอย่างของเขาจะไม่รู้จักได้อย่างไร


เขาเข้าใจทันทีว่าทำไมอู๋ฝ่าอู๋เทียนถึงต้องการใช้เครื่องตรวจหาระเบิด


กับดักที่คนโจมตีชุดแรกใช้นั้นน่าจะเป็นทุ่งระเบิด


มันเป็นวิธีการที่ง่ายและได้ผลในการจัดการกับศัตรู


จีหรานขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้เมื่อนึกถึงความรู้เกี่ยวกับระเบิดของเขา


เขาประหลาดใจกับหลากหลายวิธีการที่องค์กรนักฆ่าสรรหามาใช้


ระบบ [ร้านค้า] นั้นไม่มีของพวกนี้ขาย และใน [กระดานสนทนา] ก็มีแค่ระเบิดที่ใช้ในการป้องกันแบบพื้นฐานบางชนิด ระเบิดโจมตีนั้นหายาก


แต่ว่า พวกมันก็ยังสามารถหาระเบิด ปืนใหญ่ และยังเกราะสนามแม่เหล็กมาใช้ได้


อย่างหลังนี่ทำให้จีหรานหายใจกระชั้น


ไม่มีสถานการณ์ไหนสิ้นหวังยิ่งไปกว่าการโจมตีของคุณไม่เป็นผล และผลลัพธ์ถูกล้างเป็นศูนย์ กระทั่งรัศมียิงอันน่าขำของปืนใหญ่ยังดีกว่านี้เลย


จีหรานนั้นหาทางโต้กลับได้เสมอนั่นแหละ แต่ถ้าการโจมตีของเขาไม่เป็นผล เช่นนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์


คิ้วของเขาขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม


“องค์กรนักฆ่ามีอำนาจและอิทธิพลมากกว่าที่ฉันคิด!” เขาพึมพำกับตัวเอง


เขาแน่ใจเรื่องนั้น ถึงแม้การโจมตีทั้งสองครั้งนั้นจะดูไม่เกี่ยวข้องกัน แต่พวกมันน่าจะมาจากองค์กรเดียวกัน


ส่วนทำไมถึงแบ่งกันโจมตีนั้น?


จีหรานนั้นมีค่าหัว และเท่าที่ดู รางวัลน่าจะสูงทีเดียว ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ล่อเหล่านักฆ่าพวกนั้นให้ลงมือได้


“นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังจะมีนักฆ่าคนอื่น ๆ มาอีกไม่ช้าก็เร็ว ความสามารถของฉันค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ดังนั้นนักฆ่าที่จะปรากฏตัวขึ้นย่อมมีแต่เก่งขึ้นกว่าก่อนหน้า ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วกว่าที่พวกมันคิด นั่นเป็นวิธีเดียวที่ฉันจะสามารถรอดจากการต่อสู้กับพวกมันได้!”


นี่เป็นอะไรที่จีหรานรู้อยู่แล้ว สัมผัสของอันตรายค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในใจของเขา


เขาไม่กลัวอันตรายพวกนั้น


หลังจากผ่านความกดดันอันสิ้นหวังและการไต่อยู่ริมขอบเหวแห่งความตาย เขาก็ถึกขึ้น และแกร่งกล้าขึ้น


เขาจะไม่หนี เขาจะก้าวหน้าขึ้นด้วยแผนการที่วางเอาไว้อย่างรอบคอบและระมัดระวังเพื่อที่จะข้ามผ่านอุปสรรคใหญ่น้อยใด ๆ


แต่ว่า จีหรานก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุผลหนึ่งที่ผลักดันเขาไปข้างหน้าก็คือการสังหารอันสมควรและการชดเชยนั่น


หลังจากการต่อสู้จบลง เขาได้ทั้งหมด 26000 Points กับ 4 Skill Points และการสังหารอันสมควรยังให้เขาได้รับไอเทมและห้องรับรองของผู้โจมตีทั้งสองด้วย


รางวัลนั้นเกือบจะเท่ากับรางวัลของการผ่านดันเจี้ยนธรรมดาหนึ่งครั้งเลย ยกเว้น Golden Skill Point และ Golden Attribute Point


Points และ Skill Points นั้นเป็นแรงผลักดันของจีหราน เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตตอนนี้และอนาคตของเขา


หลังจากผ่านไปประมาณสองนาที อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็นำระเบิดที่ถูกวางเอาไว้มาให้


“อ่ะ นายเก็บนี่เอาไว้เป็นของที่ระลึก มันจะนำโชคดีมาให้นายอ่ะ!” เขาพูดขณะโยนระเบิดนั่นมาให้จีหราน


[ชื่อ: Z-II]


[ชนิด: กับระเบิด]


[Rarity: ดีมาก]


[Attack: รุนแรง]


[Attributes: ความรุนแรงเพิ่มขึ้น 45% เมื่อกระทบเป้าหมายที่อ่อนแอกว่า]


[Effects: ไม่มี]


[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]


[หมายเหตุ: นี่เป็นกับระเบิดสังหารทหารราบ การระเบิดมีรัศมีกว้างกว่ากับระเบิดทั่วไป]



“นี่ไม่ใช่อะไรที่นายจะหาได้จากตลาดนะ!” จีหรานบอกอู๋ฝ่าอู๋เทียนหลังจากอ่านคำอธิบายของ [Z-II] เร็ว ๆ


ความหมายของเขาก็ชัดเจนในตัว เขาหมายถึงวิธีการซึ่งผู้โจมตีสองคนนั้นได้มาซึ่งกับระเบิดนี่


สองคนแรกน่าจะบังเอิญเจอกับระเบิดหรือว่าได้มาจากผู้เล่นอื่น แต่กลุ่มที่สองนั้นมีร่องรอยให้ตามได้


“ฉันว่าฉันพอจะคิดอะไรออกแล้ว ถ้ามันเป็นอย่างที่ฉันคิด ฉันสามารถตามมันไปได้ด้วยเงื่อนงำพวกนั้น” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดท่าทางจริงจัง


“ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปดูรอบ ๆ จากนั้นก็กลับไปที่ฮาร์เวสต์อินน์กัน” จีหรานพูด


“อืม!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพยักหน้า



ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ทั้งสองคนอยู่บนรถไฟมุ่งหน้าไปฮาร์เวสต์อินน์


คิ้วของทั้งคู่ขมวดแน่น และดูคิดหนัก


พวกเขาพบร่องรอยของผู้โจมตีทั้งคู่แต่ไม่สามารถตามรอยคนที่สะกดรอยตามจีหรานได้


จีหรานนั้นตรวจสอบจุดดี ๆ หลายจุดที่ผู้อื่นจะสามารถใช้ติดตามเขาได้ด้วย [ตามรอย] แต่ว่าไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย


ทุกจุดนั้นสะอาดเอี่ยมและยังดูไม่เหมือนว่าเคยมีใครเข้าไป


“อย่าเปลืองสมองคิดเลย บางทีพวกเราอาจจะพบอะไรที่ฮาร์เวสต์อินน์ก็ได้! เอาชื่อของพวกนั้นมาอีกทีซิ?”


อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็สรุปชัดเจนไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงผลักความคิดพวกนั้นออกไปแล้วถามเกี่ยวกับมือลอบโจมตี


“มีสองกลุ่ม ฉันไม่รู้เรื่องกลุ่มที่สอง แต่ว่ากลุ่มแรกน่ะ ชื่อชิลเดอร์กับคอร์เรย์ เคยได้ยินชื่อพวกมันไหม?” จีหรานถาม บอกชื่อเล่นของมือลอบโจมตีกลุ่มแรกออกไป


หลังจากคิดดูแล้วอู๋ฝ่าอู๋เทียนก็ส่ายหน้า “ชิลเดอร์กับคอร์เรย์? ไม่อ่ะ พวกนั้นไม่น่าใช่ผู้เล่นเก่า”


“อย่างนั้นนายน่าจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับกลุ่มที่สอง พวกมันใช้อาวุธที่พิเศษมาก ปืนใหญ่กับไรเฟิลลอบสังหาร มือลอบสังหารนั่นมีสนามพลังแม่เหล็กที่ทำให้การโจมตีของฉันไร้ผลด้วย!” จีหรานเสริม


“ปืนใหญ่? นายแน่ใจนะ?”


อู๋ฝ่าอู๋เทียนเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ซิการ์ที่เขาคาดเอาไว้เกือบจะร่วงลงพื้น


“พวกเขามีชื่อเสียงเหรอ?”


จีหรานคิดว่าต้องมีอะไรแน่นอนจากสีหน้าของอู๋ฝ่าอู๋เทียน


“เฮลล์ไฟร์! กลุ่มห้าคน สองในนั้นเป็นผู้เล่นเก่า อีกสามมาทีหลัง พวกเขาค่อนข้างเป็นที่นับถือในหมู่ผู้เล่นเพราะปืนใหญ่ของพวกเขา มีผู้เล่นรวย ๆ หลายคนจ้างพวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยน ก็ไม่ใช่ราคาถูก ๆ หรอกนะ ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลให้พวกเขาต้องฆ่าใครเพื่อเงิน…” อู๋ฝ่าอู๋เทียนอธิบายสั้น ๆ


จากนั้นเขาก็ดูอึมครึมไปอีกและเหม่อลอยไป


เห็นได้ชัดว่าเฮลล์ไฟร์นั้นเป็นหนึ่งในองค์กรนักฆ่า อู๋ฝ่าอู๋เทียนงุนงงเพราะว่าพวกเขานั้นไม่น่ามีปัญหาขาดแคลน Points


“บางทีพวกเขาอาจจะร่ำรวยขึ้นมาจากเฮลล์ไฟร์ แต่ก่อนหน้านั้นล่ะ? ฉันคิดว่าถ้าพวกเราตามเงื่อนงำพวกนี้ไป พวกเราอาจจะพบอะไรก็ได้” จีหรานชี้ประเด็นออกมาด้วยสัมผัสอันเฉียบคมของตัวเอง เขาไม่ได้รับผลกระทบจากอารมณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันของอู๋ฝ่าอู๋เทียน


“ถูกต้อง! พวกเขาเป็นใครก็ไม่รู้มาก่อนเป็นเฮลล์ไฟร์! หลังจากที่พวกเขารวมกลุ่มกันแล้วได้ปืนใหญ่มาถึงได้มีชื่อเสียง! ทุกคนบอกว่าพวกเขาเข้ากันได้ดี และดูเหมือนนั่นจะจริง แต่บางทีอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด อาจจะมีหนึ่งหรือสองคนที่ดูแลเรื่องนี้!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนตอบสนองกับประเด็นของจีหรานอย่างรวดเร็ว


จากนั้นจีหรานก็เห็นเขาเริ่มส่งข้อความ


เขานั่งอยู่เงียบ ๆ และไม่ขัดจังหวะ


เส้นสายเป็นสิ่งที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้นมีดีกว่าจีหราน


จีหรานเชื่อว่าตราบใดที่คนผู้นั้นไม่ได้มีจิตใจบิดเบี้ยว ย่อมยินดีเป็นสหายกับอู๋ฝ่าอู๋เทียน


นี่ต่างกันไปตามนิสัยของแต่ละคน แต่ก็ยังดีกว่าจีหรานนั่นแหละ


จีหรานไม่เคยคิดสักทีว่าตัวเองนั้นเป็นคนเข้าหาง่ายหรือชอบอยู่คนเดียว แต่เพราะความเจ็บป่วยกะทันหันที่ทำให้เขาย่ำแย่ลงและต้องดิ้นรนตั้งแต่ยังเยาว์ เขาแทบจะลบความว่า ‘เพื่อน’ ออกไปจากคลังศัพท์ส่วนตัวแล้ว


ในตอนที่เขาเพิ่งตระหนักเรื่องนี้ รอบตัวเขานั้นก็มีเพียงเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายซึ่งย่อมไม่นับว่าเป็นเพื่อน


“เพื่อนเหรอ? ก็แค่คำพูดสวยหรู” จีหรานให้ความเห็นก่อนจะปิดตาลงเพื่อพัก


การต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำเขาหมดแรง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่การต่อสู้ยืดเยื้อ จีหรานก็ทุ่มเท 120% และการค้นหาต่อจากนั้นก็ด้วย


จะยังมีการค้นหาอีกครั้งเมื่อพวกเขาไปถึงฮาร์เวสต์อินน์ ดังนั้นเขารู้ว่าเขาควรจะทำอะไรในตอนนี้


เขาไม่ได้คุยกับอู๋ฝ่าอู๋เทียนตลอดการเดินทางที่เหลือ


เมื่อพวกเขาลงจากรถไฟ อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็ยังคงติดต่อกับเพื่อนของตนอยู่หวังว่าจะรวบรวมข้อมูลให้ได้มากกว่าที่มีอยู่ในมือ


ฮานส์กับราเชลนั้นรอพวกเขาอยู่ที่สถานีรถไฟ


“ฉันไม่ชอบเลยที่โรงพักแรมของฉันกลายเป็นที่จับตามองโดยอาชญากรพวกนั้น! ถ้าฉันจับพวกมันไม่ได้ ฉันก็หลับไม่สงบ!” ราเชลพูด เธอมีเหตุผลที่มาอยู่ที่นี่โดยไม่มีข้อโต้แย้ง


ฮานส์ออกเดินนำไป “ตามฉันมา!”


เขาเดินอยู่ข้างหน้า นำทุกคนไปที่จุดต่าง ๆ ที่เหมาะสมที่จะจับตามองฮาร์เวสต์อินน์ ทั้งหมดล้วนว่างเปล่า


จีหรานงุนงง


“ฉันคิดผิดเหรอ? เป็นไปไม่ได้! ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน อย่างนั้นก็ต้องมีใครสักคนจับตามองฉันอยู่ ไม่มีร่องรอยอะไรเลย… หรือว่าคนร้ายเป็นวิญญาณสักตนหนึ่ง?” จีหรานสรุปออกมาดื้อ ๆ หลังจากความพยายามมากมายล้วนเป็นหมันไปหมด


ฮานส์และอู๋ฝ่าอู๋เทียนไม่ปฏิเสธความคิดนี้ ในฐานะผู้เล่นเก่า ทั้งสองคนรู้ดีว่าเกมใต้ดินนั้นมีทักษะลึกลับประหลาด ๆ เป็นล้าน ไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะไม่มีทักษะอะไรแบบนั้น


ถ้าศัตรูของเขาครอบครองทักษะอย่างนั้นจริง เช่นนั้นพวกเขาก็เจอปัญหาใหญ่แล้ว!


จีหรานไม่สามารถตามรอยพวกมันได้ด้วยวิธีปกติธรรมดาใด ๆ และหากพวกมันพยายามลอบสังหารเขาอีกครั้ง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะป้องกันตัวเองและหนีพ้นมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ


อู๋ฝ่าอู๋เทียนและฮานส์มองหน้ากัน ในดวงตามีความกังวล


“วิญญาณ?” ราเชลหัวเราะเสียงเย็น ดวงตาของเธอมองจ้องไปที่จุดหนึ่ง


ทุกคนตามสายตาของเธอไปทันทีและเห็นนกตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น


ถึงแม้ว่ามันจะเป็นนกธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง เมื่อมันสัมผัสได้ถึงสายตาสงสัยของมนุษย์ มันก็หวาดกลัวอย่างไม่ปกติและพยายามบินหนี


แต่ก่อนที่มันจะทันได้บินไป ราเชลก็ยกมือขึ้นโยนแหปากหนึ่งออกไปจับมันเอาไว้


ราเชลดึงแหกลับมาและดม ๆ ไปที่นกตัวน้อย


รอยยิ้มเย็นชาของเธอเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม


 


 


Wufen’s note: ว้าววว ตอนนี้ไม่ค้างแหละะะะ สุดยอดไปเลยเนาะะะะ


แจ้งข่าวร้ายด้วย Wufen ถูกแมวฟัดมือ เละ แผลเท่านี่ ๆ //กางมือ  //อ้อ กางไม่ได้ ปวดมากกกกกก


ปกติพิมพ์สัมผัสอ่ะ จิ้มดีดละแปลไม่ออก //ส่งใบลา 2 สัปดาห์เด้ออออ


นี่ฝืนนั่งแปลจนจบตอน ไม่อยากมาแค่แจ้งข่าว ทีนี้ เลือดเลยชุ่มผ้าแปะแผลเลยจ้าาา //ไปหาหมออีกรอบ


197 รางวัลอันไม่คาดคิด

ราเชลจิกนิ้วไว้ที่กรงเล็บของนกน้อย ปล่อยให้มันกระพือปีกอย่างบ้าคลั่ง


ความเยือกเย็นบนใบหน้าของเธอและความอันตรายในดวงตาของเธอทำให้ฮานส์บิดคอเมินหน้าหนีอย่างไม่ปกติ อู๋ฝ่าอู๋เทียนเองก็หันหน้าหนีเช่นกัน


เป็นครั้งแรกที่จีหรานได้เห็นความแข็งแกร่งอย่างไม่ธรรมดาของหญิงสาวเจ้าของฮาร์เวสต์อินน์


บางคนนั้นไม่จำเป็นต้องมีรัศมีพลัง เพียงแค่สายตาอย่างเดียวก็ทำให้คนอื่น ๆ หวาดกลัวได้แล้ว


“น่ากลัวอ่ะ!” จีหรานให้ความเห็นอย่างเงียบ ๆ


สายตาของเขาจับอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น เขารู้ว่าราเชลน่าจะเจออะไรบางอย่างแล้ว


พวกเขาที่เหลือนั้นไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็แค่นกตัวหนึ่งเท่านั้น มันไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติไปเลย


“ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง โผล่หน้าออกมาแล้วบอกความจริงกับฉัน!” ราเชลพูดอย่างเยือกเย็น


นกน้อยดิ้นรนเอาชีวิตรอดรุนแรงกว่าเดิม


“ดูเหมือนว่าแกจะไม่อยากได้โอกาสสินะ… ไป กลับกันก่อน”


ราเชลจับนกน้อยเอาไว้แล้วมุ่งหน้ากลับไปที่ฮาร์เวสต์อินน์



ผ่านไปสิบนาทีที่ฮาร์เวสต์อินน์ อาหารจานหนึ่งชื่อว่านกย่างก็ถูกจัดจานมาเสิร์ฟตรงหน้าจีหราน


“ฉันเลี้ยง” ราเชลพูด


“ขอบคุณนะ เอิ่ม…”


จีหรานพูดไม่ออก เขาสงสัยว่าราเชลรู้ได้อย่างไรว่ามีบางอย่างไม่ปกติเกี่ยวกับเจ้านกนั่น


เขายังสงสัยอยู่ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราเชล ดังนั้นก็ยากที่จะถามออกไป


เขาหวังว่าไม่อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็ฮานส์น่าจะเป็นคนถาม แต่ว่าพอทั้งสองคนมาถึงที่นี่ก็ดูเหมือนจะได้รับข่าวด่วนอะไรสักอย่างแล้วจู่ ๆ ก็กลับออกไปกะทันหัน


จีหรานรู้ว่ามันน่าจะไม่เกี่ยวกับองค์กรนักฆ่า ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงพาจีหรานไปด้วยแล้ว


ก่อนที่จีหรานจะทันได้ถาม ราเชลก็สังเกตเห็นความสงสัยของเขา


“กลิ่นน่ะ! นกปกติไม่ได้มีกลิ่นเหมือนหมูตุ๋นถั่วกับบรั่นดี หมูนั่นสุกเกินไปและถั่วก็เละเกินไปด้วย กระทั่งบรั่นดียังเป็นที่คุณภาพต่ำ! ปรุงก็กากหมักก็กาก!”


“กลิ่น?” จีหรานอึ้งไปกับคำตอบ


เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันมีกลิ่น มันยากเกินว่าที่เขาจะเชื่อได้


จีหรานนั้นมั่นใจเสมอมากับสัญชาตญาณการรับรู้ของตัวเอง แต่เขากลับไม่ได้กลิ่นผิดปกติอะไรเลยที่ตรงนั้น


“ฉันมีจมูกของแม่ครัว ส่วนเธอน่ะปกติ” ราเชลพูดอย่างนุ่มนวล ราวกับอ่านใจจีหรานได้


จากนั้นเธอก็ดันอาหารจานนั้นมาข้างหน้าอีกนิดและพูด “กินทิ้งกินขว้างเป็นบาป กินให้หมดนะ!”


“ครับ” จีหรานพยักหน้า


[ชื่อ: นกย่าง]


[ชนิด: อาหาร]


[Rarity: สดใหม่]


[Attributes: ฟื้นฟู HP 45 แต้มใน 15 วินาที]


[เงื่อนไขการใช้งาน: ไม่มี]


[หมายเหตุ: อาหารจานนี้ปรุงขึ้นโดยราเชล อาจจะดูน้อยเพราะว่าวัตถุดิบไม่เพียงพอ แต่ก็ยังอร่อยมากนะ!]



ตามที่คำอธิบายบอกไว้เลย มันน้อย แต่ก็ยังรสชาติดีมาก


จีหรานกินหมดภายในแค่สองสามคำและก็เลียนิ้วเก็บรสชาติที่ยังเหลืออยู่ไปจนหมด


ราเชลไม่ได้ยกจานอื่นมาอีกและยังไม่เปิดปากพูดอะไรด้วย จีหรานนั้นฉลาดพอที่จะขอตัวกลับออกมา


เขามีคำถามมากมายที่อยากจะถาม นกเมื่อกี้นี้เป็นสัตว์เลี้ยงของผู้เล่นอย่างนั้นเหรอ?


ทำไมอู๋ฝ่าอู๋เทียนถึงดูประหลาดไปเมื่อราเชลจับนกนั่นได้?


น่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แต่ว่ามันเกี่ยวพันกับความเป็นส่วนตัวของคนอื่นดังนั้นจีหรานจึงไม่สามารถถามออกไปได้ถึงจะสงสัยเพียงใดก็ตาม


เขาไม่สามารถขุดคุ้ยความลับของคนอื่นได้ตามใจอยาก


เขายังคงมีมารยาทและมีความเคารพในสิทธิของบุคคล แต่จำกัดไว้แค่คนที่เขารู้จักและนับเป็นเพื่อนหรือเป็นคนคุ้นเคย


หากเป็นศัตรูของเขาแล้วละก็ จีหรานก็อยากจะรู้ทุกอย่าง กระทั่งชุดชั้นในชนิดไหนที่พวกมันใส่อยู่


รู้เขารู้เรานั้นเป็นหนทางสู่ชัยชนะที่แน่นอนที่สุด


การเดินทางกลับมาที่บ้านเลขที่ 13 ถนนหัวเวยของจีหรานนั้นปลอดภัยและราบรื่นดี


ตอนที่เขาเข้าไปในห้อง ในที่สุดเขาก็สามารถผ่อนคลายและลดการระวังตัวลงได้ จากนั้นเขาก็ออกจากเกม


หลังจากอาบน้ำและพักผ่อนแล้ว ห้าชั่วโมงต่อมาเขาก็กลับเข้าไปในเกม


ปุ่มข้อความของเขากำลังกะพริบอยู่ตอนที่กลับเข้าไป



อู๋ฝ่าอู๋เทียน: ฉันเจอแล้วว่า [Z-II] มาจากไหน!


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: ฉันจะไปเจอไอ้บ้านั่น รอฟังข่าวนะ!


นี่คือข้อความแรกที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนส่งให้จีหราน จากนั้นมันก็มีข้อความตามมาอีกชุดหนึ่ง


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: ไอ้บ้านั่นรู้มากกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ แต่แม่งไม่ยอมพูด


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: ไอ้ชิบผาย!


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: มันอยู่แต่ในห้องมัน ฉันทำอะไรแม่งไม่ได้เลย!


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: ถ้าฉันจับมันได้ข้างนอกนะ ฉันจะสอนให้มันรู้มารยาทซะบ้าง!


นี่คือข้อความชุดที่สองที่เริ่มเกรี้ยวกราด แต่ว่าก็ไม่ใช่ข้อความสุดท้ายหรอกนะ


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: พวกเราเจอไอ้บ้าที่แอบจับตามองเราแล้ว!


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: ไอ้ลูกหมานั่นออกจากเกมไปทันทีเลย ฉันไม่คิดว่าพวกเราจะได้อะไรจากมันตอนนี้แล้วแหละ


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: แม่งเอ๊ย!



ข้อความชุดที่สามก็ยังเกรี้ยวกราดเช่นกัน จีหรานไม่มีคำจะพูด


การเผชญหน้ากับองค์กรนักฆ่านั้นยากเย็นไม่เพียงแค่เพราะพวกมันมีหนทางอันลึกลับในการดำเนินธุรกิจ และมีทรัพยากรมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ยังเพราะองค์ประกอบของเกมเองด้วย


ไม่ว่าเกมใต้ดินนี่จะเหมือนจริงแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นแค่เกมอยู่ดี


กฎของเกมบางข้อทำให้องค์กรนักฆ่านั้นจัดการได้ยากขึ้น


เล่นเกมแบบเล่นคนเดียวอยู่แต่ในห้องของตัวเองนั้นเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด ต่อให้ถูกจับได้ ก็ไม่มีใครทำอะไรได้หากไม่เข้าสู่การต่อสู้หรือว่ากดออกจากเกมไปในทันที


เจ้าคนแรกนั่นยากที่จะจัดการได้จริง ๆ และยังเจ้าคนหลังที่ก็ทำให้พวกเขาต้องรอให้มันกลับมาเล่นเกมอีกครั้งซึ่งก็ยังยากมากอยู่ดี


ผู้เล่นมือเก๋าต้องเป็นคนรับหน้าที่นี้ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ค่อยมีเวลา


ผู้เล่นทั่วไปก็รับหน้าที่นี้ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ


มันไม่ง่ายที่จะหาจุดกึ่งกลางระหว่างสองกลุ่มนี้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง มันใช้ทั้งเวลาและพลังงาน


“สงครามยืดเยื้อ” จีหรานพูดกับอู๋ฝ่าอู๋เทียนพร้อมถอนหายใจ



2567: ฉันจะออกไปที่ห้องของผู้เล่นที่โจมตีฉัน ฉันอาจจะพบอะไรมากกว่านี้


2567: นายจะไปไหม?


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: แหงสิ!



อู๋ฝ่าอู๋เทียนรับคำเชิญของจีหรานทันที หลังจากพวกเขากำหนดเวลาและสถานที่นัดพบ จีหรานก็ออกจากห้องของตัวเอง


เขาไปถึงจุดนัดพบตรงเวลาและเห็นอู๋ฝ่าอู๋เทียน เขาเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม


ไม่มีใครไม่ชอบคนตรงต่อเวลา


“หวังว่าพวกเราจะเจออะไรสักอย่าง ไอ้พวกนี้แม่งซ่อนตัวดีกว่าที่ฉันคิดเอาไว้! เพื่อนส่วนใหญ่ของฉันไม่เคยสังเกตเห็นพวกมันมาก่อนและยังมีคนที่ไม่แน่ใจตอนที่ถูกถาม ฉันปล่อยให้พวกมันเดินไปเดินมาอิสระไม่ไหวจริง ๆ ฉันจะไม่ปรานีมันเลยถ้าเจอตัว!”


อู๋ฝ่าอู๋เทียนดูดื้อแพ่งอย่างผิดปกติที่ทำให้จีหรานคิดไปถึงบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้ต่อ


ถ้าอู๋ฝ่าอู๋เทียนจะเผยความตั้งใจแท้จริงออกมาเขาก็บอกเองนั่นแหละ หากเขาไม่อยากบอก เค้นถามไปก็รังแต่จะทำให้เกิดกำแพงระหว่างพวกเขาขึ้นมา ไม่ถามจะดีเสียกว่า


“แล้วราเชลกับนกนั่นล่ะ? มันเป็นสัตว์เลี้ยงหรือว่าอะไรเหรอ?” จีหรานถามคำถามอื่น


“ฉันว่านายเรียกอย่างนั้นก็ได้ มีผู้เล่นบางคนที่มีทักษะเลี้ยงสัตว์ไว้ต่อสู้แทนตัวเอง แต่ส่วนมากแล้วก็มักจะฝึกไม่ไหวและยังใช้การได้น้อยนิด อย่างไอ้หน่วยสอดแนมนั่นลงแรงฝึกนกตั้งมากแต่สุดท้ายก็มาลงเอยอยู่ในจานอาหารของราเชลไม่ใช่เหรอ? ต่อให้มีสัตว์ที่เก่งกาจอยู่ข้างตัว แต่ความยากที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของดันเจี้ยนสุดท้ายแล้วก็จะจำกัดการใช้งานสัตว์พวกนั้น นอกจากเสียจากว่าจะไปเจอเข้ากับสัตว์ที่โดดเด่นเฉพาะจริง ๆ อย่างใช้อูฐส่งของก็นับว่าดีงามเหมือนกัน ถ้านายต้องการอะไรแบบนั้นก็ต้องเลี้ยงช้างหรือไม่ก็อูฐนี่แหละ!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนตอบติดตลก


“ฉันเลี้ยงตัวเองให้ดียังไม่ได้เลย” จีหรานปัดเรื่องตลกนั่นทิ้ง


ตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันก็มาถึงที่อยู่ของชิลเดอร์และคอร์เรย์


ทั้งสองคนอยู่บนถนนเดียวกัน


เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นสถานที่ที่พวกมันเลือกเองกับมือ


จีหรานเลือกเข้าไปในห้องของคอร์เรย์ก่อน จากการต่อสู้ของพวกเขาและความสามารถของคอร์เรย์ ผู้ชายคนนี้น่าจะมีของดี ๆ อยู่ในบ้าน


แต่ว่า ความเป็นจริงอันโหดร้ายก็กระแทกเข้าที่หน้าจีหรานอีกครั้ง นอกจากอุปกรณ์เวทย์มนต์บางชนิดแล้ว ทุกอย่างที่คอร์เรย์มีอยู่ล้วนธรรมดามาก ๆ


[ชื่อ: ตะขอเวทย์มนต์]


[ชนิด: อื่น ๆ]


[Rarity: เวทย์มนต์]


[Attributes: ยืด ระดับ 2]


[เงื่อนไขการใช้งาน: อาวุธมีด อาวุธเชือก (ผู้เชี่ยวชาญ)]


[หมายเหตุ: นี่เป็นอาวุธเวทย์มนต์ที่ผ่านการดัดแปลง ต้องมีทักษะพิเศษจึงจะใช้งานมันได้อย่างเต็มที่]



[ยืด ระดับ 2: สามารถยืดออกได้เป็นสองเท่าของความยาวของมัน (5 เมตร ยืดออกได้ถึง 15 เมตร)



ตะขอจับที่พบใหม่นี้มีค่าสถานะเสริมที่ซ้อนทับกันกับ [กุญแจกล] และยังมีขนาดใหญ่กว่าแล้วยังต้องการความชำนาญเป็นพิเศษ ดังนั้นจีหรานจึงเก็บมันลงในรายการ ‘รอขาย’


ที่บ้านของชิลเดอร์ เขาพบบางอย่างที่คาดไม่ถึง


มีกับระเบิดและระเบิดแสงอยู่เป็นจำนวนมาก


กับระเบิดนั้นเป็นแบบเดียวกับ [Z-II] แต่ว่าระเบิดแสงนั้นเป็นสิ่งที่เพิ่งเคยเจอ


[ชื่อ: Q-I]


[ชนิด: ระเบิด]


[Rarity: ดีมาก]


[Attack: ไม่มี]


[Attributes: ตาบอด (สร้างแสงสว่างจ้าลดการมองเห็นของศัตรูเหลือศูนย์)]


[Effects: ไม่มี]


[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]


[หมายเหตุ: นี่เป็นระเบิดแสงชั้นดี ถ้ารู้จักวิธีขว้างมัน คุณก็จะใช้งานมันได้อย่างดี!]



“นายได้ของดีแล้ว! ถ้าเป็นฉันฉันจะไม่ขายหรอกนะ มันอาจจะช่วยให้นายหลุดออกจากสถานการณ์คับขันในดันเขี้ยนได้!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดถึงระเบิดแสง ให้คำแนะนำจีหราน


จีหรานนั้นก็เปิดใจรับฟังความเห็นเสมออยู่แล้ว


“นอกจากนี้แล้วพวกเราก็ไม่ได้อะไรทั้งนั้น”


“ฉันเสร็จแล้ว พวกเรา…”


ก่อนที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนจะทันพูดจบ เขาก็หยุดแล้วตรวจดูปุ่มข้อความของตัวเอง


สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่ออ่านข้อความ


“จากเฮลล์ไฟร์! พวกมันอยากพบนาย!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดพลางเงยหน้าขึ้น


คำพูดที่ออกจากปากของเขาทำให้จีหรานขมวดคิ้ว


 


 


 


Wufen’s note: ลืมไปเลยอ่ะ ขอโทษทีน้าาา //แบมือให้ตี แต่ตีเบา ๆ นะ เดี๋ยวเจ็บ…


ช่วงนี้อะไรก็ไม่รู้ไปหมดเลย พอโดนน้องแมวกัดมือเสร็จ ล้างแผลอยู่ 10 วันแน่ ก็ตามมาด้วยการติดเชื้อแบคทีเรียที่เล็บมืออีกข้าง พักใช้มือไปอีก 10 วัน ละตอนนี้คือแบบ ภูมิแพ้ขึ้นเพราะไอ้ที่ฝนตกเมื่อสามวันก่อน คิดว่าภูมิแพ้นะแต่ใจอยากพุ่งไปตรวจโควิดมากกก //ล้อง


ทุกคนก็ดูแลสุขภาพกันดี ๆ นะ


ถ้าใครติดโควิดมาบอกนะ เด๋วอัพนิยายเป็นกำลังใจให้ //สเปรย์แอลกอฮอล์ก่อนลูบมือปลอบใจ


198 คนบงการ

เฮลล์ไฟร์ ผู้โจมตีกลุ่มที่สอง


ปืนใหญ่ของพวกเขาและยังสนามแม่เหล็กคือความทรงจำที่ยังสดใหม่ในใจจีหราน


เมื่ออู๋ฝ่าอู๋เทียนอ่านข้อความให้เขาฟัง จีหรานก็สงสัย


“พวกเขาต้องการพบฉัน?” จีหรานถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


“ใช่…” อู๋ฝ่าอู๋เทียนเองก็ดูสงสัยอยู่เหมือนกัน ดวงตาของเขามองมาที่จีหราน “ฉันขอให้คนช่วยสืบเรื่องพวกเขา และตอนนี้พวกเขาก็ต้องการนัดเจอ… นายจะไปไหม?”


เขาให้สิทธิ์จีหรานเลือก จะอย่างไรเขาก็เป็นคนที่เฮลล์ไฟร์ต้องการพบ


อู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้นย่อมต้องไปด้วยอยู่แล้ว


“แน่นอนสิ! ที่ไหนและเมื่อไหร่?”


ถึงแม้ว่าความสงสัยจะยังอยู่ จีหรานก็ไม่มีปัญหากับการตัดสินใจ


เขาอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนักฆ่าจะแย่อยู่แล้ว


“เวลาคือตอนนี้ สถานที่คือจัตุรัสชาเหมยเกิน” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูด


“แล้วพวกเราจะรออะไรอยู่อีก?”


ทันทีที่จีหรานพูดจบ เขาก็หันกลับกลับเดินไปที่สถานีรถไฟ


อู๋ฝ่าอู๋เทียนรีบวิ่งตามไป



จัตุรัสชาเหมยเกิน


ถึงแม้ว่ามันจะเรียกว่าจัตุรัส แต่อันที่จริงแล้วก็แค่ที่รกร้างว่างเปล่าที่ด้านนอกเมือง


ผู้คนมักไม่เคยมาที่นี่นอกเสียจากว่าจะเป็นผู้เล่นสายผจญภัย


ในฐานะหน้าใหม่อย่างเขาเองนั้น จีหรานจึงไม่รู้จักที่นี่ กระทั่งอู๋ฝ่าอู๋เทียนที่เป็นมือเก่ายังมีข้อมูลของสถานที่นัดพบอย่างจำกัด


โชคดี เพื่อนของอู๋ฝ่าอู๋เทียนพอจะรู้จักที่นี่อยู่บ้าง


“จัตุรัสชาเหมยเกินนั้นดูเหมือนจะเคยเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ตามที่ในเกมอธิบายไว้น่ะนะ เคยมีพนักงานอยู่ที่โรงงานนี่กว่าหมื่นคนในตอนที่กิจการรุ่งเรือง แต่ในที่สุดมันก็ปิดตัวลงและกลายมาเป็นจตุรัสว่างเปล่านี่ ที่นี่น่ะกว้างมาก มันเหมาะจะใช้เป็นจุดหลบซ่อนและลอบสังหาร ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะมาที่นี่เพื่อดื่มชาตอนบ่ายอ่ะ!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนอ่านสิ่งที่เพื่อนของเขาส่งมาให้เกี่ยวกับจัตุรัสนี่และบอกสิ่งที่ตัวเองสงสัย


“ฉันก็เหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าพวกมันก็ต้องคิดว่าพวกเรามีจุดประสงค์แอบแฝงเหมือนกัน พวกเราก็ต้องระวังเรื่องนั้นด้วย” จีหรานพูด


“ผ่อนคลายน่า! ฉันติดต่อกำลังเสริมไว้เยอะอยู่ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะตีตั๋วเที่ยวเดียวกลับบ้านให้พวกมัน!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดอย่างมั่นใจ


จีหรานไม่พูดอะไรอีก เขารู้ดีว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนย่อมไม่เอาชีวิตตัวของตัวเองหรือของเขาไปเสี่ยง


ผ่านไป 45 นาที ทั้งคู่ก็ลงจากรถไฟ


ภาพที่เห็นเปลี่ยนจากตึกสมัยใหม่สูงระฟ้าไปเป็นแถบอุตสาหกรรมมีโรงงานมากมายตั้งอยู่


ทั่วบริเวณนั้นดูเป็นซากปรักหักพัง กลิ่นเหม็นเน่าโจมตีประสาทสัมผัสของจีหราน มันแย่ยิ่งกว่าอู่ซ่อมรถเก่า ๆ ของเขาเสียอีก


“ไม่เหมือนที่อื่นเลยแฮะ…” จีหรานให้ความเห็น


“พอนายคุ้นแล้วมันก็จะดีขึ้นเอง เหมือนกับตอนที่ฉันย้ายจากปราสาทยุคกลางมาอยู่อพาร์ทเม้นท์สมัยใหม่ ฉันแทบบ้า!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนอดยักไหล่ไม่ได้ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอันไหนจริงกว่า!” เขาเสริม


“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็มีชีวิตเดียว” จีหรานพูดพลางกลั้นหายใจ


“ชีวิตเดียว หึ?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดพร้อมถอนหายใจเบา ๆ


เขาสูบบุหรี่อึกใหญ่และพ่นควันออกมาวงเบ้อเริ่ม ก่อนที่มันจะจางหายไปเขาก็ตวัดมือชกใส่ควันนั่นให้มันแตกกระจายออกไปเหมือนเด็ก ๆ เล่น


“เอาไหม?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนดึงบุหรี่มวนใหม่ออกมายื่นให้จีหราน


ก่อนที่จีหรานจะทันได้ตอบอะไร อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็ดึงไฟแช็กออกมาจากกระเป๋า หมุนเล่นรอบหนึ่งแล้วจุดบุหรี่ขึ้น จากนั้นก็ส่งบุหรี่ที่จุดแล้วให้จีหราน


“นี่เป็นบุหรี่ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ที่นี่ เป็นสาว ๆ ของโม่เต๋อเร่อทำเองเลยนะ พวกเธอค่อย ๆ มวนบุหรี่พวกนี้บนตักเลยน้า ฉันชอบมาก!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนอวดอย่างภาคภูมิมองจีหรานอย่างคาดหวัง


จีหรานไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบบุหรี่มาคาบเอาไว้ แต่ก็แค่นั้น เขาไม่ได้สูบมันจริง ๆ หรอก


กลิ่นบุหรี่เพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขารู้ว่ามันไม่ได้มีไว้ให้หน้าใหม่อย่างเขาลิ้มลอง


ตอนที่บุหรี่หมดไปหนึ่งในสี่ ก็มีคนราว ๆ แปดคนมาถึงที่สถานีรถไฟ


พวกเขาคือเหตุผลให้จีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียนมารออยู่ที่ตรงนี้ หากไม่มีกำลังเสริม กระทั่งอู๋ฝ่าอู๋เทียนยังไม่กล้าเข้าไปในจตุรัสชาเหมยเกินนี่เลย อย่าว่าแต่จีหราน


พวกมือเก๋าที่รอดชีวิตอยู่ในเกมนี้ได้ย่อมไม่ได้โง่


อู๋ฝ่าอู๋เทียนโบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขา และทั้งกลุ่มก็กระจายไปรอบ ๆ จัตุรัสชาเหมยเกิน ทุกคนล้วนเข้าสู่ตำแหน่งเพื่อทำหน้าที่


“ไปได้ละ!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดหลังจากนั้นสองนาที คนของเขาเข้าประจำที่แล้ว


จีหรานไม่ปฏิเสธ เขาเข้าไปในจัตุรัสชาเหมยเกิน เดินเคียงไปกับอู๋ฝ่าอู๋เทียน


ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปตามทางเดินยาว พวกเขาก็เห็นสมาชิกของเฮลล์ไฟร์


เป็นมือลอบสังหารเมื่อตอนนั้น!


จีหรานจำเขาได้ในแวบแรกที่เห็น


ถึงใบหน้าของเขาจะพร่ามัวไปด้วยระบบเกม ร่างกายของเขาก็ยังเหมือนเดิม


“นักแม่นปืนมือฉมังผู้โด่งดังมาพบกับหมาจรจัดอย่างฉันมันจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายกำลังพลมามากขนาดนี้เลยเหรอ?” มือลอบสังหารถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย


“ใช่! แกน่ะหมาจรจัดแน่ ๆ มีหมาตั้งหลายตัวที่จนมุมแล้วก็กระโดดกำแพงหนี!”


อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง และย้ำคำว่า ‘หมา’


“ฉันไม่สนหรอก ความจริงเสียงดังกว่าคำพูด ฉันมาที่นี่เพื่อตกลงกับ 2567 แกไม่รู้ใช่ไหมว่าแกตกลงมาในวังวนนี่ลึกแค่ไหน?” มือลอบสังหารถามอย่างจริงจังขณะมองมาที่จีหราน


จีหรานรู้ว่ามันกำลังเพิ่มน้ำหนักต่อรองให้ฝั่งมันเอง


ข้อตกลงที่ชายคนนี้พูดถึงนั้นก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าการแลกเปลี่ยน Points, Skill Points และอุปกรณ์บางอย่าง หากคิดถึงการถูกลงโทษเพราะการโจมตีครั้งนั้น ก็ย่อมเดาเจตนาของมือลอบสังหารได้


แต่มันก็ยังไม่ทำให้ความสงสัยของจีหรานกระจ่างอยู่ดี ข้อตกลงที่มือลอบสังหารเสนอมานั้นไม่ใช่ข้อเสนอเรื่องความปลอดภัย


จีหรานนั้นนับการพบกันครั้งนี้เป็นกับดักอยู่ตั้งแต่แรก เป็นเหตุผลให้เขาอดทนรอกำลังเสริมของอู๋ฝ่าอู๋เทียน


แต่ว่า ในตอนพบกันกลับไม่เกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่าสถานการณ์นั้นต่างไปจากที่จีหรานคาดเอาไว้


“ถ้าไม่ใช่กับดัก งั้นมือลอบสังหารนี่ก็ต้องการนัดเจอจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”


ความสงสัยของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกวินาที เขาสงบใจไม่ได้แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า เขาพยายามเล่นตามน้ำไป


“แกกำลังพูดถึงค่าหัวของฉันที่องค์กรของแกตั้งเอาไว้หรือว่าเรื่องอื่น?” จีหรานถาม


“โอ้ ดีเลย 2567 แกฉลาดกว่าหน้าตาเยอะเลย คนฉลาดมักจะตายเป็นคนแรกนะรู้ไหมเพราะว่าพวกมันมักจะอวดดีเกินไป จ่ายให้ฉัน 200,000 Points กับ Skill Points อีกสักหน่อย แล้วฉันจะบอกแกทุกอย่าง!” มือลอบสังหารพูดหลังจากเยาะเย้ยจีหรานไป


“สองแสน?” จีหรานหัวเราะเสียงเย็น


เขาไม่ได้มี Points เยอะถึงขนาดนั้น แต่ต่อให้มี เขาก็ไม่ยกมันให้คนที่มีจุดประสงค์ชั่วร้ายอยู่ดี


การกระทำของมือลอบสังหารนั้นยืนยันว่าเขาเป็นศัตรูอย่างแท้จริง


“แกคิดว่ามันมากไปงั้นเหรอ? มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกแกด้วยซ้ำ! แกรู้ไว้นะ ฉัน… อึ้ก!”


เขาหยุดกลางคันก่อนที่จะพูดได้จบประโยค


ทันใดนั้น ในใจจีหรานก็สัมผัสได้ถึงอันตรายพุ่งขึ้นมา


“ถอย!” จีหรานตะโกน แล้วถอยกรูดออกไป


อู๋ฝ่าอู๋เทียนเองก็ไม่ชักช้า ทันทีที่จีหรานพูด เขาก็กระโดดห่างจากมือลอบสังหารไปกว่าสิบเมตร


ตูม!


ในตอนที่ทั้งสองคนทิ้งระยะห่างออกมา สไนเปอร์ของเฮลล์ไฟร์ก็ระเบิดตัวเอง


เลือดและเนื้อกระจายไปทั่ว ไม่เหลืออะไรไว้เลย ไม่ว่าจะกระดูกหรือร่างกาย


“เหอเหอเหอ… 2567 อู๋ฝ่าอู๋เทียน พวกแกจะเป็นรายต่อไป!”


เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังมาจากเงาร่างหนึ่งที่แวบผ่านโรงงานไกล ๆ


“ไป!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนตะโกน พุ่งตัวออกไปราวกับลูกศรหลุดจากแล่ง


จีหรานตามหลังไปติด ๆ


เพื่อนของอู๋ฝ่าอู๋เทียนที่จับตามองอยู่ก็ตามพวกเขาไปด้วย


ลูกแก้วเปล่งประกายแสงจาง ๆ ฉายภาพที่ในจัตุรัสชาเหมยเกิน


เงาร่างหนึ่งถือแก้วไวน์เอาไว้ในมือนั่งอยู่บนเบาะเงียบ ๆ และชิมรสชาติและดมกลิ่นจากในแก้ว


หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เงาร่างนั้นก็ถอนหายใจ


“น่าผิดหวังเสียจริง… ทำไมแกถึงกลายเป็นชักช้าอย่างนี้ อู๋ฝ่าอู๋เทียน? แกไม่ได้สังเกตเห็นเงื่อนงำตรงหน้าด้วยซ้ำ ฉันจะให้โอกาสแกอีกสักครั้งแล้วกัน… วันเวลาช่วงนี้ช่างน่าเบื่อ!”


เมื่อคำพูดจางไป เงาร่างนั้นก็ลุกขึ้นยืนและหายลับเข้าไปในเงาช้า ๆ


ลูกแก้วหยุดฉายภาพแล้วมืดลงภายในอึดใจเดียว


แล้วห้องก็มืดมิดไปในทันที


 


 


Wufen’s note: ขอเสียงชาวกทม.ที่ยังออกไปทำงานตามปกติหน่อยเร็ว โรคก็กลัวเงินก็อยากได้ //ล้องไห้หนักมาก


199 เพิ่มระดับ (1+2)

จีหรานมองหลุมนั่นพลางขมวดคิ้ว คนที่ไล่ล่าพวกเขานั้นหายเข้าไปในนี้เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว


หลุมตรงหน้าจีหรานและการระเบิดกะทันหันที่เกิดจากมือซุ่มยิงแสดงให้เห็นว่าศัตรูของพวกเขานั้นเตรียมการมาเป็นอย่างดี


ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว ตั้งแต่การพบปะกับมือซุ่มยิงของเฮลล์ไฟร์ไปจนถึงการระเบิดตัวเองของผู้ชายคนนั้น


“ทำไมเขาถึงทำอย่างนี้? ทำไมมือซุ่มยิงต้องฆ่าตัวตายด้วย?”


ความสงสัยพล่านอยู่ในใจจีหราน


มือซุ่มยิงได้รับคำสั่งให้มาพบจีหรานใช่ไหม?


นั่นเดาได้ไม่ยาก วินาทีที่มือซุ่มยิงถูกจับได้ เขาก็ต้องรับโทษแล้ว เขาก็ยังเดิมพันอย่างไร้ความหวัง มันง่ายที่จะควบคุมคนที่อยู่ในฐานะเช่นนั้น


“งั้นทั้งหมดนี่เพื่ออะไรกัน?” จีหรานพูดเบา ๆ อย่างสงสัย


อู๋ฝ่าอู๋เทียนและสหายของเขาก็มีสีหน้าคล้ายกัน


เหล่าผู้เล่นเก่า ๆ พวกนี้ไม่ได้โง่ พวกเขาทั้งหมดล้วนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง


ความสงสัยของพวกเขาไม่ได้หยุดพวกเขาจากการสำรวจหลุมที่ตรงหน้าพวกตนด้วย


ชายร่างผอมแห้งคนหนึ่งถือรีโมต LED ควบคุมหุ่นนำทางคล้ายลูกหมาให้ลงไปในหลุม


หน้าจอ LED ฉายภาพสิ่งที่หุ่นมองเห็นที่ด้านในหลุม


เมื่อหุ่นพบระเบิดสีแดงราวหนึ่งโหลที่ด้านล่างทุกคนรวมทั้งจีหรานก็สูดลมหายใจเย็นเฉียบ


ถ้าหนึ่งในพวกเขาหน้ามืดตาบอดพุ่งตัวลงไปในหลุมนั่น…


“ฉันคิดว่าพวกมันเป็นระเบิดชนิดตรวจจับความเคลื่อนไหว… บ้าเอ๊ย! ถอย!” ชายหนุ่มร่างผอมตะโกนหลังจากตรวจดูรอบด้านด้วยรีโมท


ทุกคนหันหลังกลับแล้วพุ่งออกไปจากจัตุรัสอย่างรวดเร็ว


ตูม!


ทันทีที่จีหรานก้าวเท้าออกไปจากจัตุรัสชาเหมยเกิน รอบด้านก็ระเบิดออก ทุกอย่างกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า


คลื่นกระแทกรุนแรงส่งเขากลิ้งไปตามพื้น


“ไอ้พวกเชี่ยเอ๊ย! หมาฉัน! พวกสวะ! อย่าให้ฉันจับพวกแกได้นะ ไม่งั้นจะให้แกได้ลิ้มรสความโกรธแค้นของปืนไฟฟ้าสองพันโวลต์ของฉัน!” ชายหนุ่มร่างผอมแห้งที่ควบคุมหุ่นยนต์ลูกหมาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดไปรอบ ๆ จัตุรัสที่ถูกระเบิดเป็นจุณตอนที่ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง


ผู้เล่นคนอื่น ๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยขี้เถ้าเองก็ตะโกนออกมาอย่างโมโหเช่นกัน


พวกเขาตั้งหลายคนไล่ตามคนคนเดียวแล้วมันยังหนีรอดไปได้และพวกเขาก็เกือบจะติดกับดัก แค่นั้นก็ถือว่าเป็นการดูถูกสถานะผู้เล่นเก่าในเกมนี้ของพวกเขาแล้ว มันยิ่งน่าโมโหขึ้นไปอีกเมื่อพวกมันพยายามเอาชีวิตพวกเขา


ท่ามกลางเสียงสบถด่า จีหรานสังเกตเห็นว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนใจลอยไปเล็กน้อย


“มีอะไรเหรอ?” เขาถาม


“เรื่องเล็กน้อยน่ะ อ้อ นายจะให้ฉันช่วยขายอุปกรณ์ที่ได้จากชิลเดอร์กับคอร์เรย์ใช่ไหม? ฉันคิดค่าคอมห้าเปอร์เซ็นต์นะ!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนตอบพร้อมหัวเราะแห้ง ๆ


“งั้นก็ฝากนายด้วยแล้วกัน” จีหรานตอบกลับตรง ๆ


เขาสังเกตเห็นว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนพยายามเปลี่ยนเรื่อง เขาแก้ตัวได้แย่มาก


ค่าบริการห้าเปอร์เซ็นต์นั้นก็เท่ากับที่บาร์ลับคิด และอู๋ฝ่าอู๋เทียนไม่ใช่คนโลภ


จีหรานแน่ใจว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติระหว่างเกิดเรื่องแต่เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ


ถ้าอู๋ฝ่าอู๋เทียนพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ อย่างนั้นก็ยากที่จะทำให้เขาพูดออกมาแล้ว


การกดดันถามต่อไปไม่ได้เป็นประโยชน์ใดกับจีหราน มีแต่ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างพวกเขาเท่านั้น


หลังจาการระเบิด อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็แนะนำผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่มาพบกันในคราวนี้


จีหรานปฏิเสธข้อเสนอที่ให้กลับไปดื่มด้วยกันที่ฮาร์เวสต์อินน์และกลับออกไปทันที


แผนการเรียนรู้ที่เขาวางเอาไว้นั้นถูกเรื่องนี้ทำให้ต้องช้าออกไปแล้ว เขาไม่อยากปล่อยไว้นานต่อไปอีก



ระหว่างสองอาทิตย์ต่อมา จีหรานแลกเปลี่ยนข้อความกับอู๋ฝ่าอู๋เทียนทุกวัน ถามข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับองค์กรนักฆ่าและใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในห้องของตัวเอง


เมื่อไม่มีคำแนะนำที่ถูกต้อง เขาก็ได้รับคำเตือนคล้ายกันทุกครั้งที่อ่านหนังสือจบ


[ประสบการณ์ด้านการแปรธาตุเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังการอ่านหนังสือ…]


[ประสบการณ์ด้านการแปรธาตุเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังการอ่านหนังสือ…]



หนังสือทุกเล่มนั้นเพียงแค่เพิ่มค่าประสบการณ์ได้เล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีคำแจ้งเตือนว่ามีการเพิ่มขึ้นของค่าประสบการณ์เป็นก้อนใหญ่ ไม่เหมือนตอนที่จีหรานได้เรียนรู้ทักษะขั้นสูงอย่างเหมาะสม


“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องใช้เวลากับมันให้มากขึ้นอีก” จีหรานพูดเบา ๆ


แผนการเดิมของเขาก็คือเพิ่มระดับ [ดาราศาสตร์] และ [การแปรธาตุ] ไปเป็นระดับพื้นฐานก่อนที่จะเข้าดันเจี้ยนต่อไป แต่จากความก้าวหน้าของเขาแล้ว มันดูจะเป็นไปไม่ได้แล้ว


วันต่อมาเป็นวันที่เขาต้องเข้าดันเจี้ยนแบบกลุ่ม


จีหรานสูดลมหายใจลึกและวางหนังสือลง


ถึงแม้ว่าเขาจะผิดหวังที่ทำตามแผนการเดิมไม่ได้ แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เขาไม่ทำตามแผนการอื่น ๆ


ความผิดหวังของเขาก็แค่มีผลต่อแผนต่อ ๆ ไปของเขาเพราะว่าแผนก่อนหน้าล้มเหลวเท่านั้น


จีหรานตรวจสอบ Points และ Skill Points ที่เขาเหลืออยู่


[Points: 86,500; Skill Points: 21; Golden Skill Points: 3; Golden Attribute Points: 2]


หลังจากเขากระทำการสังหารอันสมควรไปสองครั้ง และได้รับการชดเชยจากผู้คุมกฎไซเบอร์ ขายอุปกรณ์ของนักฆ่าสองคนนั้นไปและรวามกับ [เศษวิญญาณ] ที่มีอยู่ก่อนกับที่ได้มาใหม่จากดันเจี้ยนก่อนหน้า Points และ Skill Points ของเขาก็เพิ่มขึ้นมากทีเดียว


ตอนที่ขายอุปกรณ์ของนักฆ่าสองคนนั้น เชาเลือกรับเป็น Skill Points มากกว่า Points


“ทักษะหายากใช้ Skill Points มากกว่าทักษะทั่วไป ต้องเตรียมตัวเอาไว้!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนเคยให้คำแนะนำแก่เขาในฐานะผู้เล่นเก่า


จีหรานไม่มีเหตุผลให้ต้องไม่ฟังคำแนะนำนั้น


เพื่อที่จะเพิ่มความมั่นใจก่อนเข้าดันเจี้ยนถันไป ฮานส์เองก็ใจกว้างมาก


จีหรานแน่ใจว่านี่เป็นมีอู๋ฝ่าอู๋เทียนเป็นคนกลาง


ถ้าหากมีแค่ฮานส์กับเขา มันก็คงไม่เหมือนตอนนี้


จีหรานดึงหนังสือสกิลสีส้มออกมา


การแจ้งเตือนของระบบเด้งขึ้นมา


[พบหนังสือสกิล Blade Kick]


[เงื่อนไขการเรียนรู้ครบถ้วน เรียนรู้สกิล?]


“เรียน!”


[เรียนรู้สกิล: Blade Kick]


[ชื่อ: Blade Kick (พื้นฐาน)]


[Related Attributes: Strength, Agility, Constitution]


[ชนิดสกิล: จู่โจม]


[Effects: โจมตีด้วยคลื่นรูปดาบจากเท้าทั้งสองข้าง ความเสียหายของการโจมตีนับเป็นคลื่นพลังปราณอย่างอ่อน ใช้ Stamina 100 แต้ม คูลดาวน์ 5 นาที]


[Consumes: Stamina]


[เงื่อนไขการใช้งาน: การต่อสู้มือเปล่า (เชี่ยวชาญการเตะ), Strength D-, Agility D-, Constitution D-]


[หมายเหตุ: นี่เป็นวิชาการต่อสู้ที่เหี้ยมโหดวิชาหนึ่ง คุณต้องหาโอกาสใช้งานมันนะ!]



[Strength เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Agility เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Constitution เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]



จีหรานอ่านข้อมูล [Blade Kick] อย่างละเอียด มันไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย ถึงจะเป็นสกิลระดับพื้นฐานเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องปกติอยู่ดี


[Blade Kick] ต้องการ 500 Points กับ 2 Skill Points เพื่อเพิ่มระดับจากพื้นฐานไปเป็นเริ่มต้น


คำแนะนำของอู๋ฝ่าอู๋เทียนเกี่ยวกับการความต้องการใช้ Skill Points นั้นได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นความจริง


ตามกฎของการเพิ่มระดับนั้น จีหรานสามารถคิดออกเลยว่าการเพิ่มระดับ [Blade Kick] ไปให้ถึงระดับใช้งานได้ดีนั้นจะต้องใช้แต้มต่าง ๆ เท่าไหร่


เขาเตรียมตัวเอาไว้แล้ว และเขาก็สามารถเพิ่มระดับ [Blade Kick] ได้โดยไม่มีปัญหา


[Blade Kick] พื้นฐาน → เริ่มต้น → ผู้เชี่ยวชาญ


การเพิ่มระดับจากเริ่มต้นไปเป็นผู้เชี่ยวชาญเขาต้องใช้ 3000 Points กับ 6 Skill Points


ราคานี้สูงกว่าสองเท่าของการเพิ่มระดับก่อนหน้าเสียอีก


[ชื่อ: Blade Kick (ผู้เชี่ยวชาญ)]


[Related Attributes: Strength, Agility, Constitution]


[ชนิดสกิล: จู่โจม]


[Effects: โจมตีด้วยคลื่นรูปดาบจากเท้าทั้งสองข้าง ความเสียหายของการโจมตีนับเป็นคลื่นพลังปราณระดับกลาง ใช้ Stamina 150 แต้ม คูลดาวน์ 4 นาที]


[Consumes: Stamina]


[เงื่อนไขการใช้งาน: การต่อสู้มือเปล่า (เชี่ยวชาญการเตะ), Strength D-, Agility D-, Constitution D-]


[หมายเหตุ: นี่เป็นวิชาการต่อสู้ที่เหี้ยมโหดวิชาหนึ่ง คุณต้องหาโอกาสใช้งานมันนะ!]


[Strength เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Agility เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Constitution เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]



หลังจากเพิ่มระดับสองครั้ง ผลพิเศษ [ฝึกฝนอย่างหนัก] ก็เพิ่มระดับการโจมตีและความคมของ [Blade Kick] ไปเป็นระดับกลาง


เท่าที่จีหรานรู้ การโจมตีของปืนพกระดับกลางก็มีพลังโจมตีเท่า ๆ กันนี้


จีหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับผลที่เห็น


“นี่เป็นทักษะโจมตีระดับหายาใช่ไหมเนี่ย? คลื่นพลังปราณคลื่นเดียวจากการเตะก่อความเสียหายเทียบเท่ากับกระสุนธรรมดาหนึ่งนัด!”


นี่ยังไม่ใช่รูปร่างสุดท้ายของ [Blade Kick] ด้วยซ้ำ แต่เพราะเพิ่มระดับไปเป็นระดับถัดไปนั้นจีหรานต้องเพิ่ม Strength, Agility และ Constitution ของตัวเองก่อนด้วย


มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขา เพราะว่าเขามี [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] เป็นพื้นฐานรองรับ


ทุกอย่างก้าวหน้าไปอย่างราบรื่น


จีหรานยังค้นพบบางอย่างไปพร้อมกับทักษะใหม่ของเขาด้วย


“Attribute Points นั้นมีค่ายิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก! กระทั่งทักษะจู่โจมหายากก็ยังมีข้อจำกัดใหญ่หลวงกับการเพิ่มขึ้นของค่าสถานะ…”


“อย่างนี้ก็หมายความว่าเมื่อฉันก้าวหน้าถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็มีเพียงทักษะระดับตำนานที่จะช่วยเพิ่มค่าสถานะได้ใช่ไหม? หรือว่ากระทั่งทักษะระดับตำนานก็ยังทำไม่ได้? งั้นฉันก็ต้องพึ่งพาเฉพาะกับ Golden Attribute Points งั้นเหรอ?” จีหรานคิดเงียบ ๆ ก่อนที่ในที่สุดจะส่ายหน้า


เขายังมีเวลาอีกนานถึงจะไปถึงระดับนั้นจากตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้ เขาแค่ต้องเก็บมันเอาไว้ก่อนเท่านั้น


หลังจากสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อรวบรวมความคิด จีหรานก็เตรียมเพิ่มระดับ [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ]


[ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ (เริ่มต้น → ผู้เชี่ยวชาญ) ใช้ 9000 Points กับ 3 Golden Skill Points ใช่/ไม่?]


[ใช่!]


[ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ เลือกผลพิเศษ…]


[A: Strength +1]


[B: Agility +1]


[C: Constitution +1]


[D: Spirit +1]


[E: Intuition +1]


ปรากฏรายการยาวเหยียดขึ้นตรงหน้าจีหรานให้เขาเลือก เขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วหลังจากชำเลืองมองแค่แวบเดียว


[D!]


ความพิเศษเฉพาะของ Spirit ทำให้มันกลายมาเป็นตัวเลือกของเขา


[ผู้เล่นเลือก D: หัวใจของอัศวิน (Spirit +1)]


[ชื่อ: ศิลปะการฝึกตนของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ (ผู้เชี่ยวชาญ)]


[Related Attributes: Strength, Agility, Constitution, Spirit, Intuition]


[ชนิดสกิล: สนับสนุน]


[Effects: คุณรู้จักกระบวนท่า การเคลื่อนไหวร่างกาย และการฝึกการหายใจแบบพิเศษ ค่าสถานะทุกอย่างเพิ่มขึ้น 3 ระดับ (เพิ่ม 1 ระดับ จากระดับพื้นฐาน, เพิ่ม 1 ระดับ จากระดับเริ่มต้น)]


[Consumes: Stamina]


[เงื่อนไขการเรียนรู้: Strength E, Agility E, Constitution E, Spirit E, Intuition E]


[หมายเหตุ: นี่เป็นสกิลพื้นฐานของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ เป็นสกิลที่จะเป็นพื้นฐานของทุกสกิลของคุณ!]


…..


[เลื่อนระดับสกิลศิลปะการฝึกตนของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ เลื่อนระดับค่าสถานะที่เกี่ยวข้อง…]


[Strength C- → C]


[Agility D+ → C-]


[Constitution D+ → C-]


[Spirit E+ → D]


[Intuition C- → C]



หลังจากจีหรานยืนยันตัวเลือกแล้ว เขาก็ตกอยู่ในภวังค์


เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะลืมตาเอาไว้และไม่ให้ตัวเองเผลอหลับไป


เขาอยากลิ้มรสทุกความรู้สึกตลอดกระบวนการนี้


 


 


Wufen’s note: ช่ายแล้วววว ตอนนี้ยาวพิเศษเด้อออ 1+2 กันไปเลย แต่ Wufen แปลไปก้อแบบ ยาวตรงไหน มีแต่สกิลตั่งต่าง วู้ววว ตอนอื่น ๆ เคยยาวกว่านี้อี๊กกกกก


ละทำไมช้า? อ้อ… แปลฟรอมโฮม ไงงงงง มีเวลาแปลวันละจิ๊ดเดียวเอง เวลาที่เหลือทำงานตามปกตินาจา เศร้ามากกกก อยากอยู่บ้านนนนน


อ้อ ยังไม่ได้ตรวจทานเด้อออ แปลเสร็จก็รีบลงให้อ่านเลยยยยย จะหนีไปนอนแล้ววววว


200 ความเจ็บปวดรุนแรง

การฝึก [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] ประจำวันของจีหรานนั้นไม่เคยถึงระดับที่เป็นอันตราย แต่ก็เป็นเพราะว่าจีหรานจำคำสอนของกงหลานเสินได้เป็นอย่างดี


“ทุกครั้งที่เจ้าเลื่อนระดับทักษะของเจ้า เจ้าจำเป็นต้องลิ้มรสชาติของกระบวนการนั้น! นั่นจะช่วยให้เจ้าพัฒนาต่อไปได้ไกลกว่าเดิม!”


จีหรานนั้นจดจำคำพูดของอัศวินชราคนนั้นเอาไว้และเอามาใช้ในทุกการฝึกฝน เขารับรู้ถึงกระแสอบอุ่นที่ซึมซาบเข้าสู่กล้ามเนื้อและกระดูก และจนกระทั่งเข้าไปในอวัยวะต่าง ๆ ของเขา


เขาขยับตัวไปตามกระบวนท่า [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] โดยไม่รู้ตัว และเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย ลมหายใจของเขาก็ผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวของเขา


กระแสอบอุ่นนั้นอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาที


การหมุนเวียนของกระแสนั้นในร่างกายของเขาดูจะยังไม่หยุดลงเร็ว ๆ นี้


หลังจากทุกอย่างจบลง จีหรานก็กำหมัดแน่นและรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตน


“Strength, Agility, Constitution, Intuition… ทุกอย่างเลื่อนระดับขึ้น! มันไม่ง่ายเลยที่จะเพิ่มระดับ Spirit แต่ตามการแจ้งเตือนของระบบ มันก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน ดังนั้น…”


เมื่อจีหรานเริ่มต้นฝึก [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] อีกครั้ง การเคลื่อนไหวและวิธีการหายใจ เขาก็รู้สึกถึงกระแสอบอุ่นที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขาได้ในทันที เพิ่มพลังและความมุ่งมั่นให้มากขึ้น


“เร่งการฟื้นฟูพลังอย่างลับ ๆ?”


จีหรานเองก็ไม่แน่ใจอะไรเลยยกเว้นสิ่งหนึ่ง


[ศิลปะการฝึกตนของอัศวินแห่งรุ่งอรุณระดับผู้เชี่ยวชาญสามารถเพิ่มระดับได้ผ่านการฝึกฝน ตอนนี้ -2000 Points…]


[ศิลปะการฝึกตนของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ (ผู้เชี่ยวชาญ -> มืออาชีพ) ใช้ 29000 Points 4 Golden Skill Points, ใช่/ไม่?]


“ลบสองพันแต้ม? เป็นอย่างที่กงหลานเสินบอกเลย ทุกครั้งที่เลื่อนระดับได้ ค่าใช้จ่ายก็ลดลง!”


จีหรานถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาอยากกลับไปเรียนกับกงหลานเสินอีกครั้ง


เขาพบว่าตัวเองรู้เกี่ยวกับ [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] น้อยมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสกิลที่สำคัญที่สุดของเขา


ด้วยระดับความรู้ตอนนี้ที่มีอยู่จำกัด ถ้าเขาไม่อาศัย Points หรือ Golden Skill Points หนทางเดียวที่จะเพิ่มระดับได้ก็คือผ่านการฝึกฝน เขาต้องค่อย ๆ สะสมประสบการณ์ทีละนิด


จีหรานไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ในตอนนี้เพราะว่าเขาต้องพึ่งพา Points และ Golden Skill Points


หลังจากเหลือบมอง Points ที่เหลืออยู่ จีหรานก็พบว่าเขายังมี Points เหลืออยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อหักลบดูแล้ว ปัญหาเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ Golden Skill Points…


“Golden Skill Points สี่แต้ม ฉันต้องเคลียร์ดันเจี้ยนให้ได้ระดับ S อย่างน้อยก็สี่หรือห้าดันเจี้ยนเลยนะ! แล้วการเลื่อนระดับสกิลอื่น ๆ จากยอดนักสู้ไปเป็นระดับเหนือฟ้าก็ต้องใช้ Golden Skill Points… เรื่องที่แย่ที่สุดก็คือ Golden Skill Points นั้นซื้อขายไม่ได้! บ้าชะมัด! ฉันมี Golden Skill Points ไม่พอ!” จีหรานพึมพำหอบ ๆ


เขามองเห็นแต่หลุมไร้ก้นบึ้งใน Golden Skill Points เขาต้องเติมเต็มมันขึ้นมาเพื่อให้กระบวนการในเกมนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น


“ฉันต้องเพิ่มระดับการประเมินดันเจี้ยนให้สูงกว่า SSS!”


พอตัดสินใจแน่วแน่ถึงจุดมุ่งหมายถัดไปแล้ว เขาก็กำหมัดแน่น มันเป็นตัวเลือกเดียวที่เขาคิดออกในตอนนี้


“ต่อไปก็ [การเตะพื้นฐาน]!”


ในเมื่อ [การเตะพื้นฐาน] นั้นใช้ [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] เป็นพื้นฐาน ระดับของทักษะนี้จึงถูกจำกัดตามระดับของอีกทักษะหนึ่ง


จีหรานไม่ลืมที่จะเพิ่มพลังให้กับทักษะวิทยายุทธ์นี้หลังจากเพิ่มระดับ [ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] แล้ว


[การเตะพื้นฐาน, (เริ่มต้น→ผู้เชี่ยวชาญ), ใช้ 6,000 Points กับ 4 Skill Points, ใช่/ไม่?]


“ใช่!”


[การเตะพื้นฐานถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ เพิ่มผลพิเศษ: รอ]


[ชื่อ: การเตะพื้นฐาน (ผู้เชี่ยวชาญ)]


[Related Attributes: Strength, Agility, constitution]


[ชนิดสกิล: จู่โจม]


[Effects: ขาของคุณคล่องแคล่วว่องไวกว่ามือของคุณ เมื่อคุณโจมตีด้วยลูกเตะ การเตะครั้งที่สองและสามจะเพิ่ม Agility +1, +2 ขึ้นไปตามลำดับ]


[Special Effect: รอ (ทุกครั้งที่คุณเตะจะสะสมเอาไว้ เมื่อสะสมครบสี่ครั้ง จะเพิ่ม Strenght และ Agilitt +1 ให้กับการเตะของคุณ]


[Consumes: Stamina]


[เงื่อนไขการใช้งาน: ศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ (ผู้เชี่ยวชาญ)]


[หมายเหตุ: ระดับของการเตะพื้นฐานและสกิลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไม่สามารถเลื่อนระดับให้สูงกว่าระดับของศิลปะการฝึกฝนร่างกายของอัศวินแห่งรุ่งอรุณได้!]



[การเตะพื้นฐานเลื่อนระดับ ค่าสถานะที่เกี่ยวข้องเลื่อนระดับ…]


[Strength เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Agility เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Constitution เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]



กระบวนการถ่ายทอดเริ่มต้นขึ้นทันที


จีหรานเตะเท้าออกไปหลายครั้ง


เงาท่าเท้าของเขาปกคลุมรอบตัวราวกับพายุเกรี้ยวกราด


คลื่นพลังปราณรูปจันทร์เสี้ยวระเบิดออกไปจากเงาเท้าของเขา และก็เกิดรอยแตกลึกประมาณหนึ่งนิ้วบนเสาคอนกรีตขึ้นทันที


“[การต่อสู้มือเปล่า, ลูกเตะของยอดนักสู้] ระดับยอดนักสู้ รวมกับ [การเตะพื้นฐาน] ระดับผู้เชี่ยวชาญ และ [Blade Kick] ระดับผู้เชี่ยวชาญ! ไม่เพียงแค่นี่สามารถเพิ่มค่าสถานะของฉันได้ในเวลาอันสั้น แต่เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อ ฉันก็ยังแน่ใจได้ว่าจะสามารถปล่อยท่าสังหารได้เหมือนกัน! นี่จะเป็นประโยชน์กับฉันในการลงดันเจี้ยนครั้งต่อไป เมื่อคิดถึงว่าพวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้นำอุปกรณ์เข้าไปด้วย!” จีหรานพูด ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ [Blade Kick] ระดับผู้เชี่ยวชาญ


เมื่อค่าสถานะของเขาเลื่อนระดับขึ้น [Blade Kick] ก็มีช่องทางให้เลื่อนระดับได้


[Blade Kick (ผู้เชี่ยชาญ -> มืออาชีพ) ใช้ 12000 Points กับ 24 Skill Points ใช่/ไม่?]


หลังจากเหลือบมอง Skill Points ที่ต้องใช้ จีหรานก็ตีหน้านิ่งและส่งข้อความหาอู๋ฝ่าอู่เทียน เขาต้องการแลกเปลี่ยน Points เป็น Skill Points


เขาได้ 15 Skill Points จาก 45000 Points ซึ่งเพียงพอกับความตอนนี้ตอนนี้


[ชื่อ: Blade kick (มืออาชีพ)]


[Related Attributes: Strength, Agility, Constitution]


[ชนิดสกิล: จู่โจม]


[Effects: : โจมตีด้วยคลื่นรูปดาบจากเท้าทั้งสองข้าง ความเสียหายของการโจมตีนับเป็นคลื่นพลังปราณระดับเหนือกว่ามาตรฐาน ใช้ Stamina 175 แต้ม คูลดาวน์ 3 นาที 30 วินาที]


[Special Effects: ฝึกฝนอย่างหนัก (การโจมตีด้วย Blade Kick นั้น ความคมของขอบคลื่นรูปดาบ (Sharp edge) จะเพิ่มขึ้นตามระดับของคุณ]


[Consumes: Stamina]


[เงื่อนไขการใช้งาน: การต่อสู้มือเปล่า (เชี่ยวชาญการเตะ), Strength C-, Agility C-, Constitution C-]


[หมายเหตุ: นี่เป็นวิชาการต่อสู้ที่เหี้ยมโหดวิชาหนึ่ง คุณต้องหาโอกาสใช้งานมันนะ!]



[Strength เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Agility เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]


[Constitution เลื่อนได้สูงสุดจากสกิลเฉพาะเท่านี้ที่ระดับปัจจุบัน ไม่สามารถเลื่อนระดับได้อีก]



ต้องขอบคุณการเสริมพลังจาก [ฝึกฝนอย่างหนัก] การโจมตีของ [Blade Kick] สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง


มันเหนือกว่าระดับการโจมตีและ Sharp edge ทั่วไป


จีหรานแน่นใจว่าถ้า [Blade Kick] ได้รับการเลื่อนระดับเป็นระดับปรมาจารย์ การโจมตีและขอบของมันย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้นอีก แต่ว่าเขาไม่มี Golden Skill Points เหลือแล้ว


ทุกอย่างตั้งแต่นี้เป็นต้นไปต้องการ Golden Skill Points


เพื่อเลื่อนระดับ [Blade Kick] จากระดับมืออาชีพสู่ระดับปรมาจารย์ ต้องใช้ 30000 Points กับ 2 Golden Skill Points


จีหรานรู้สึกจนปัญหากับเงื่อนไขประเภทนี้


[Points: 11,000; Skill Points: 0; Golden Skill Points: 0; Golden Attribute Points: 2]


หลังจากทำการเลื่อนระดับที่จำเป็นหมดแล้ว จีหรานก็เหลือ Points แค่หมื่นกว่าแต้ม กับ Golden Attribute Points อีกสองแต้ม


แต่ว่านี่ยังไม่ใช่ว่าเขาจะหยุดอยู่เท่านี้


จีหรานหันไปดู [สะเดาะกุญแจ (ผู้เชี่ยวชาญ)]


หลังจากคิดถึงดันเจี้ยนที่กำลังจะลง และความเลวร้ายที่อาจจะต้องเผชิญแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่ามันน่าจะเป็นความคิดที่ดีที่จะเลื่อนระดับ [สะเดาะกุญแจ] ไปที่ระดับถัดไป


[สะเดาะกุญแจ (ผู้เชี่ยวชาญ -> มืออาชีพ) ใช้ 3000 Points กับ 2 Skill Points ใช่/ไม่?]


หลังจากการเลื่อนระดับ [ศิลปะการฝึกตนของอัศวินแห่งรุ่งอรุณ] [การเตะพื้นฐาน] และ [Blade Kick] ที่ตึงเครียดกว่าแล้ว การเลื่อนระดับ [สะเดาะกุญแจ] ก็เป็นเรื่องง่ายไปเลย


จีหรานแลกอีก 6000 Points กับ 2 Skill Points และใช้ 3000 Points ที่เหลืออยู่จาก 5000 Points ไปเลื่อนระดับ [สะเดาะกุญแจ] ให้เป็นระดับมืออาชีพ


[ชื่อ: สะเดาะกุญแจ (มืออาชีพ)]


[Related Attributes: Agility, Intuition]


[ชนิดสกิล: สนับสนุน]


[Effects: คุณรู้วิธีการใช้กิ๊บติดผม ลวด หรือไขควงในการสะเดาะกุญแจที่ยากและซับซ้อน!]


[Special Effects: สะเดาะเงียบเชียบ (การสะเดาะกุญแจของคุณไม่ทำให้เกิดเสียงใด ๆ)]


[Consumes: Stamina]


[เงื่อนไขการเรียนรู้: None]


[หมายเหตุ: เวลาคุณสะเดาะกุญแจก็ต้องแน่ใจก่อนนะว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น!]



ต่อให้เป็น [สะเดาะกุญแจ] ระดับมืออาชีพแล้ว จีหรานก็ยังจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการสะเดาะกุญแจ และดันเจี้ยนที่กำลังจะไปกันนั้นบอกว่าผู้เล่นไม่สามารถนำอุปกรณ์ติดตัวไปได้


เขาไม่ได้ลืมรายละเอียดข้อนี้ อันที่จริง มันสลักอยู่ในใจเขาเลย


“เพราะการขโมยครั้งนั้นของคุณ ไอเทมทั้งหมดของคุณจะมีความเสี่ยงที่จะถูกยึดไว้ ดังนั้นกรุณาเลือกอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง!”


นี่เป็นคำอธิบายของดันเจี้ยนพิเศษของฮานส์ จีหรานนั้นคิดอยู่เป็นสิบรอบแล้ว


เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคำว่า ‘ถูกยึด’ เพื่อที่จะยึดอุปกรณ์ของเขาได้ ก็ต้องหามันให้เจอก่อน


แล้วถ้าคนพื้นถิ่นพวกนั้นหามันไม่เจอล่ะ?


จีหรานบังเอิญมีอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ยากที่คนอื่นจะหาเจอ


เขายังต้องหาวิธีให้แผนการของเขาสำเร็จด้วยดีด้วย


เขาดึงเอาหนังสือสกิลสีม่วงที่ได้จากฟรอสทริลออกมา


ชื่อของมันก็คือ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง]


จีหรานนั้นมีประสบการณ์กับทักษะนี้พอสมควร


ตอนที่เขาใช้พลังน้ำแข็งจาก [Wilco’s Grudge] โจมตี ทักษะนี้ก็ปรากฏอยู่ในแจ้งเตือนว่าระบบได้ทำการเทียบค่าสถานะของฟรอสทริล


ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว จีหรานแน่ใจว่าต้องเติมทักษะนี้ลงไปในรายการทักษะของตัวเอง


[พบหนังสือสกิล: ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง]


[เรียนรู้?]


“ใช่ครับ!”


จีหรานตอบรับและรอให้กระบวนการถ่ายทอดเริ่มต้น แต่ทันใดนั้น เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง


“อั้ก!” เขากรีดร้องด้วยความทรมาน


เขารู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ


เขาไม่มีโอกาสจะอ่านรายละเอียดของ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง] ด้วยซ้ำก่อนที่จะหมดสติไป


 


 


 


ปล. ธาตุระดับที่สอง เหมือนความหมายจะเป็นธาตุผสม แต่ก็ไม่แน่ใจเพราะมีธาตุไฟด้วย


ปล. 2 เด๋ว Wufen มาคุยด้วยวันหลัง วันนี้ขอเผ่นก่อน //สับขาวิ่ง


ปล. 3 คำผิดไม่ตรวจนะ ทนไปก่อน ฮึบไว้นะคนอ่าน!!


201 ลงโทษ

จีหรานกลับมารู้สึกตัวอีกทีก็หลังจากนั้นหลายวินาที มันเหมือนสมองของเขาดับไปครู่สั้น ๆ


ความเจ็บปวดทั่วร่างบอกเขาว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ


“ปวด?” จีหรานขมวดคิ้ว


นี่ไม่ใช่การเรียนรู้สกิลครั้งแรกของเขา แต่ว่าไม่มีครั้งใดก่อนหน้านี้ที่จะเป็นครั้งนี้ ไม่มีสกิลไหนทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด


กระแสพลังอบอุ่นและสบายและกระบวนการถ่ายโอนจากการเรียนรู้ทักษะครั้งก่อน ๆ ยิ่งทำให้เกิดความแตกต่างกับความเจ็บปวดสาหัสของ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง] อย่างชัดเจน


จีหรานอดไม่ได้ต้องตรวจสอบราละเอียดของสกิลและจัดเรียนความรู้เกี่ยวกับ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง] ใหม่ในใจ


เขาอยากรู้จะแย่แล้วว่าอะไรทำให้ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง] นั้นต่างไปจากทักษะอื่น ๆ


[ชื่อ: ความต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง (ไม่สามารถเลื่อนระดับได้)]


[Related Attributes: Constitution]


[ชนิดสกิล: สนับสนุน]


[Effects: เมื่อเผชิญหน้ากับ ไฟ สายฟ้า หรือความเสียหายจากธาตุน้ำแข็งใด ๆ คุณจะมีระดับความต้านทานต่อความเสียหายจากธาตุระดับต่อ ระดับอ่อน และที่ต่ำกว่าระดับกลาง เมื่อเผชิญหน้ากับความเสียหายจากธาตุระดับกลางและแข็งแกร่ง คุณจะได้รับความเสียหายในระดับต่ำ หรือต่ำกว่าระดับกลาง เมื่อเผชิญหน้ากับความเสียหายรุนแรงจากธาตุ คุณต้องเข้ารับการตรวจสอบระดับ Constitution ถ้าผ่าน คุณจะได้รับความเสียหายจากธาตุรุนแรงนั้นในระดับ -1 ถ้าไม่ผ่าน คุณจะได้รับความเสียหายจากธาตุระดับปกติ]


[Consumes: ไม่]


[เงื่อนไขการใช้งาน: ไม่มี]


[หมายเหตุ: คุณฝึกฝนร่างกายด้วยวิธีการพิเศษและยังเพิ่มการต้านทานความเสียหายจากธาตุ แต่จำเอาไว้ว่าไม่ได้จะไม่ได้รับความเสียหายจากธาตุเอาเสียเลยนะ!]



จีหรานอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเฉียบเข้าไปเฮือกหนึ่งเมื่อเห็นรายละเอียดของ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง] ก่อนจะเริ่มเรียบเรียงสิ่งที่รู้ใหม่มานี้


เขาไม่เพียงประหลาดใจกับผลของ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง] แต่ว่ายังมีหมายเหตุว่าเขาฝึกฝนร่างกายด้วยวิธีการพิเศษ แต่ละคำราวกับสลักเข้าไปในใจจีหราน


“ถ้าฉันต้องเจอกับสภาพสุดร้อนหรือสุดเย็นหรือว่าถูกสายฟ้าฟาด ฉันก็จะตายถึงจะสามารถใช้น้ำยาช่วยได้ ฉันจำเป็นต้องมีร่างกายที่เหนือกว่าธรรมดา!” จีหรานคิดอยู่ในใจในขณะเดียวกับที่เริ่มศึกษาเกี่ยวกับความเจ็บปวดที่เขาเพิ่งเจอ


“กระบวนการถ่ายโอนมักจะตามมาหลังจากที่ฉันได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ แต่ว่ามันก็ไม่รุนแรงเท่ากระบวนการของ [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง]… แย่หน่อยที่ทักษะนี้ไม่สามารถเลื่อนระดับได้”


จีหรานถอนหายใจอย่างเสียดาย


เขาไม่ได้สนใจเรื่องความเจ็บปวด ถ้าผลที่ตามมามันดีงามพอเขาก็ทนรับได้


เขารู้ว่านี่เป็นเกมที่ต้องให้และรับ และมันก็มักจะคืนกลับให้เขาเป็นสองเท่า


จีหรานคาดเดาอย่างอื่นอีกอย่างด้วย


“ถ้าร่างกายของฉันแข็งแกร่งกว่านี้ ฉันจะสามารถใช้ความรู้จาก [ต้านทานความเสียหายจากธาตุระดับที่สอง] เพิ่มระดับความต้านทานของฉันเป็นต่อธาตุทุกชนิดไหม?”


โดยทฤษฎีแล้วมันเป็นไปได้ แต่ถ้าเขาจะทำให้มันเป็นจริงแล้ว ก็คงยังมีอุปสรรคมากมายที่ต้องผ่าน อย่างเช่นน้ำยาที่ต้องใช้ และยังเงื่อนไขสุดกู่อีกหลายอย่าง


จีหรานนั้นสูตรน้ำยาที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่ที่เขาต้องมีด้วยก็คือระดับของ [น้ำยาศาสตร์]


“ดังนั้นครั้งต่อไปที่ฉันเพิ่มระดับ [ความรู้เกี่ยวกับเวทย์มนต์] ฉันก็ต้องตามหา [น้ำยาศาสตร์] แล้วเหมือนกัน!”


จีหรานเติมเต็มสมองของเขาด้วยแผนการในอนาคตอันใกล้ เขารู้ว่าไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ


สองสัปดาห์ที่ศึกษาด้วยตัวเองทำให้เขาเข้าใจเรื่องนั้น ถ้าไม่มีการชี้แนะที่เหมาะสม มันก็ยากเย็นมาก ๆ ที่จะเรียนรู้ทักษะจากไม่รู้อะไรเลย ถึงแม้จะแค่ระดับพื้นฐานก็ตาม อย่าว่าแต่ระดับเริ่มต้นเลย


ระดับของ [น้ำยาศาสตร์] ที่จีหรานต้องมียังสูงกว่าระดับเริ่มต้นด้วยซ้ำ มีแค่ระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่เขาจะใช้การได้ดี


“เมื่อคิดถึงว่าฉันไม่ได้รับการชี้แนะอย่างเหมาะสม ทั้งหมดที่ฉันต้องทำก็คือรับประสบการณ์จากการอ่าน หรือ…”


จีหรานจู่ ๆ ก็นึกถึง [ขี้ผึ้งสงบใจ] ที่เขาทำขึ้น


หลังจากทำสำเร็จ ก็มีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาระบุว่า “สร้างยาครั้งแรก ได้รับค่าประสบการณ์ในด้านน้ำยาศาสตร์…”


ถึงแม้ว่าน้ำยาที่เขาต้องการสร้างนั้นจะไม่สามารถเทียบได้กับที่เขาทำได้เป็นครั้งแรก แต่การฝึกฝนนั้นก็ดีกว่าแค่เรียนรู้ทฤษฎีจากในหนังสือมาก


“ถ้ามันเป็นไปได้กับ [น้ำยาศาสตร์] อย่างนั้นมันก็ต้องใช้ได้กับ [การเล่นแร่แปรธาตุ] และ [ดาราศาสตร์] ด้วย ฉันแค่ต้องมี Points จำนวนมากเพื่อเริ่มต้น…”


จีหรานจู่ ๆ ก็นึกถึงความพยายามที่ล้มเหลวในการสร้าง [ขี้ผึ้งสงบใจ] และส่วนผสมทั้งหมดที่เขาทำเสียไปในกระบวนการ


เขาอดนวดขมับตัวเองไม่ได้เมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับวัตถุดิบ


ถ้าต้องฝึกฝนถึงจะทำได้สมบูรณ์แบบ เขาก็คงต้องใช้วัตถุดิบมากกว่าที่เขาใช้ในครั้งแรก ตัวเลขนั่นสูงจนน่าตกใจ และค่าใช้จ่ายในการทำยาก็เกินกว่าผลลัพธ์ที่ได้อย่างแน่นอน


“ไม่! ฉันจะไม่ยอมเสียมากกว่าที่จะได้รับด้วยวิธีอย่างนี้!”


ในที่สุดจีหรานก็ส่ายหน้าหลังจากคำนวนผลได้ผลเสียของแผนการของตัวเอง


ทันใดนั้น เขาก็คิดทฤษฎีหนึ่งได้ในหัว เขาสามารถเซ็นต์สัญญาซื้อขายได้


แต่ว่า การที่จะต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับคนอื่นทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น ในที่สุดเขาก็ส่ายหน้าอีกครั้ง ผลลัพธ์ก็คงเป็นอย่างเดียวกับแผนการก่อนหน้านี้


“[ผู้ช่วยของหมอผี II]…” จีหรานมองดันเจี้ยนพิเศษถัดไป


ถ้าไม่มีวิธีการใดที่ได้ผล [ผู้ช่วยของหมอผี II] ก็จะเป็นความหวังสุดท้ายของเขา


ในดันเจี้ยนพิเศษ เขาจะได้โอกาสในการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ [น้ำยาศาสตร์], [การเล่นแร่แปรธาตุ] และ [ดาราศาสตร์] และได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้


จีหรานยืนนิ่งอยู่ที่เดิม คำนวณอย่างละเอียดถึงสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อให้ตัวเองบรรลุจุดประสงค์ใน [ผู้ช่วยของหมอผี II] และไม่ทำให้ภารกิจหลักในดันเจี้ยนล้มเหลว


ก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แถบข้อความของเขาก็ถูกอู๋ฝ่าอู๋เทียนกระหน่ำ



อู๋ฝ่าอู๋เทียน: การเตรียมตัวเป็นไงบ้าง?


2567: ทำดีที่สุดแล้ว



จีหรานตอบอย่างจริงจัง เขาได้รับมัดจำของภารกิจทหารรับจ้างนี้แล้ว ดังนั้นจึงต้องทำให้ดีที่สุด อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็เช่นกัน


ฮานส์เป็นผู้ว่าจ้าง ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ


พวกเขาสามารถไปรวมตัวกันแล้วเริ่มต้นปรึกษากันเกี่ยวกับดันเจี้ยนที่กำลังจะไป สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่พวกเขาจะเจอคืออะไรและพวกเขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร


ฮานส์พยายามอธิบายเกี่ยวกับดันเจี้ยนและสิ่งที่เขารู้เกี่ยวสถานการณ์ของด้านในนั้น เขายังวาดแผนที่คร่าว ๆ ของอาณาเขตปกครองของมอร์โก้ออกมา


การปรึกษานี้กินเวลาหลายชั่วโมงและในที่สุดก็จบลงเมื่อพวเขาทุกคนพึงพอใจกับแผนการคร่าว ๆ ที่ร่างขึ้น



ฮานส์: เอาเลยไหม?


อู๋ฝ่าอู๋เทียน: เอาเลย!


2567: เอาเลย!



[กำลังเข้าสู่ดันเจี้ยนแบบกลุ่ม..]


[จัดอยู่ในดันเจี้ยนพิเศษแบบกลุ่ม…]


[พวกคุณจะได้รับสถานะเดียวกันและอยู่ฝ่ายเดียวกันคือผู้เริ่มดันเจี้ยน ในฐานะเพื่อนร่วมกลุ่ม คุณจะได้รับภารกิจหลักเฉพาะตามระดับความยากของจำนวนครั้งการเข้าดันเจี้ยนของคุณเอง]


[ยืนยันสมาชิกดันเจี้ยนพิเศษแบบกลุ่ม…]


[จำนวนผู้เข้าร่วม: 3]


[ระดับความยาก: ความยากของดันเจี้ยนครั้งที่ 3]


[ข้อมูลพื้นฐาน: เดิมทีคุณเป็นหนึ่งในทหารราบระดับสูงของแกรนด์ดยุกมอร์โก้ แต่คุณขโมยสมบัติของแกรนด์ดยุกมาจากคลังสมบัติของเขาระหว่างสงคราม นี่ทำให้แกรนด์ดยุกมอร์โก้โกรธมากจนส่งมือดีที่สุดของเขาออกมาและจับตัวคุณกับผู้สมรู้ร่วมคิดของคุณเอาไว้ สมบัติทั้งหมดที่ถูกขโมยไปถูกยึดกลับคืนไปและคุณก็ถูกโยนเข้าคุก! แกรนด์ดยุกมอร์โก้ก็วางแผนจะสังหารคุณทิ้งเมื่อสงครามจบลง แต่ตอนนี้คุณก็ถูกลงโทษอย่างสาสมกับความผิดไปแล้ว…]


[ภารกิจหลัก: หนีออกจากอาณาเขตปกครองของมอร์โก้]


[แพ็คเกจภาษาชั่วคราว, ยกเลิกใช้เมื่อออกจากดันเจี้ยน]


[ปรับรูปลักษณ์ภายนอกและเครื่องนุ่งห่ม, ยกเลิกใช้เมื่อออกจากดันเจี้ยน]


[คำใบ้ที่ 1: นี่เป็นดันเจี้ยนพิเศษ คุณสามารถทำภารกิจหลักไม่สำเร็จได้ แต่คุณต้องจ่ายค่าปรับ 300 Points และลดค่าสถานะที่สูงที่สุดของคุณลง 1 ระดับ ถ้าคุณมี Points ไม่เพียงพอ ระบบจะหักจากอุปกรณ์ของคุณ ถ้าอุปกรณ์ของคุณไม่เพียงพอ คุณจะไม่ผ่านดันเจี้ยน]


[คำใบ้ที่ 2: เพราะการขโมยครั้งนั้นของคุณ ไอเทมทั้งหมดของคุณจะมีความเสี่ยงที่จะถูกยึดไว้ ดังนั้นกรุณาเลือกอุปกรณ์อย่างระมัดระวัง]



“ถูกลงโทษไปแล้ว?”


เมื่อจีหรานเห็นคำอธิบายใหม่ ในใจเขาก็มีความรู้สึกเลวร้ายหนึ่งก็พุ่งสูงขึ้น


 


 


 


Wufen’s note: ใช่ ๆๆ เราหายไป ใช่ ๆๆ เราอู้ รับสารภาพแน้ว เอาสองตอนมาชดใช้ฟามผิดแน้ว …หมายถึงเมื่อวานหนึ่งตอนวันนี้หนึ่งตอนนะ ไม่ใช่วันนี้ลงสองตอน คิดใหม่เดี๋ยวนี้!!


แต่… ก็ยังไม่ตรวจคำผิดอยู่ดี เรารี๊บบบบบ คนอ่านทุกคนฮึบไว้นะ ฮึบบบ!!!


ขอเราไปอ่านนิยายต่อก่อน อ่านยากจังเลย ต้องใช้สมาธิ๊


202 คุก

เมื่อแสงสว่างแสบตาจางหายไป กลิ่นเหม็นเน่าก็ตีใส่จมูกจีหรานอย่างโหดร้าย


ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นมาจากหน้าอกของเขาในทันที เขาขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม


จีหรานเอียงคอมองลงไปและเห็นหน้าอกของตัวเองเต็มไปด้วยรอยแผลพาดพันไปมา เลือดไหลซึมไม่หยุด เขาไม่ต้องมองแผ่นหลังตัวเองก็รู้ว่ามันคงจะอยู่ในสภาพเดียวกัน


เลือดเปรอะไปทั่วทั้งตัว และมันก็เจ็บแสบขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวินาที


[คุณถูกเฆี่ยนและทรมาน HP ของคุณลดลงเหลือ 220 แต้ม]


[สถานะบาดเจ็บปานกลาง…]


“งั้นนี่ก็คือการลงโทษที่ระบบพูดถึง?” จีหรานพึมพำรอดไรฟัน


ตอนที่เขาอ่านคำอธิบายพื้นฐานของดันเจี้ยน เขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่แล้วเชียว แต่ว่า สถานการณ์ตรงหน้าเขานั้นเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก


ถ้าเขา ผู้สมรู้ร่วมคิด ยังถูกทรมานและถูกเฆี่ยน อย่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับอู๋ฝ่าอู๋เทียนและฮานส์?


ในฐานะผู้เล่นที่มีประสบการณ์ที่สุด อู๋ฝ่าอู๋เทียนย่อมย่ำแย่ที่สุด ตามกฎของดันเจี้ยนพิเศษ ความยากของดันเจี้ยนนั้นเป็นตัวกำหนดภารกิจหลักด้วย


ฮานส์นั้นเป็นคนวางแผนเบื้องหลังการลักขโมยครั้งนี้ ดังนั้น เขาน่าจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงทีเดียว


จีหรานนึกถึงกล่องสนทนาแบบกลุ่มขึ้นมาตามสัญชาตญาณและพยายามส่งข้อความออกไป


[สภาพแวดล้อมแบบพิเศษ การสื่อสารถูกจำกัด!]


“บ้าชะมัด! จีหรานถอนหายใจอย่างจนปัญญา


พวกเขาสามคนนั้นคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าการสนทนาของพวกเขาน่าจะถูกตัด


โชคดี พวกเขาเตรียมตัวเรื่องนี้ไว้แล้ว


ถึงแม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าพวกเขาจะไม่ใช่อย่างที่คิด มันก็ยังอยู่ในการคาดคะเน


จีหรานเริ่มตรวจสอบรอบ ๆ ตัว


ห้องขังของเขานั้นไม่ใหญ่ไปกว่าสามตารางเมตร และก็มีกล่องดำ ๆ เปียก ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า


ที่นี่สร้างขึ้นจากหินแข็ง และทุกมุมล้วนมีตะไคร่ขึ้นหนา


ประตูห้องขังนั้นเป็นประตูไม้บานใหญ่ และประกบด้วยแท่งเหล็กเรียงเป็นแถวและยังลวดนำไฟฟ้า ถึงแม้ว่าส่วนที่เป็นโลหะจะมีสนิมกรัง แต่โครงสร้างโดยรวมก็ยังแข็งแรงทนทานอยู่มาก


ที่ขอบด้านล่างของประตูมีหน้าต่างเล็ก ๆ ที่ถูกปิดแน่น มันทำให้จีหรานนึกถึงคุกที่อัลคาทราซ


ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน ที่ไหน หรือว่าจักรวาลไหน ๆ ก็ยังมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน จีหรานคิดอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นเคาะไปที่ประตูคุก


เสียงหนัก ๆ ยืนยันว่ามันแข็งแรงกว่าที่เห็น เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น


ความกังวลหลักของเขาคือกุญแจมือบนข้อมือและข้อเท้าของเขาที่มีลูกเหล็กลูกใหญ่ห้อยติดปลายโซ่อยู่


เหล็กนั้นทึบ จีหรานพยายามยกลูกเหล็ก แต่ว่ามันหนักอย่างน้อยก็ห้าสิบกิโลกรัม


“คนทั่วไปคงไม่สามารถโยกลูกเหล็กนี่ได้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะแหกคุกนี่ออกไปเลย” จีหรานคิด


ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแรงกว่าคนทั่วไป ลูกเหล็กนี่ก็ยังเป็นภาระสำหรับเขาและทำให้เขาต้องเจอกับปัญหาที่ไม่อยากเจอตอนที่แหกคุกออกไปแน่ ๆ


ลูกเหล็กนี่เป็นอุปสรรคแรกที่เขาต้องผ่านไปให้ได้


เขามองกุญแจมือบนแขนขาอย่างละเอียด


จากนั้นก็เขาก็อ้าปากแล้วล้วงนิ้วลงไป เอื้อมไปหาเส้นผมเส้นหนึ่งที่ซ่อนเอาไว้ที่ด้านหลังฟัน มันคือ [กุญแจกล]


ถึงคำอธิบายดันเจี้ยนบอกว่าอุปกรณ์ของเขามีความเสี่ยงที่จะถูกยึดและเขาต้องเลือกอุปกรณ์ที่จะเอาเข้ามาอย่างระมัดระวัง แต่นั่นก็คือคำเตือน


ความจริงก็คือไม่มีอะไรจะถูกยึดไปได้หากซ่อนจากสายตาศัตรูให้ดี


[กุญแจกล] ที่แอบซ่อนเอาไว้ได้ง่ายที่สุดนั้นเป็นตัวอย่าง มันเป็นเหมือนลวดที่เหมือนเส้นผมบนตัวเขา


เพื่อให้แผนการของเขาลวงผ่านมาได้ จีหรานพยายามซ่อนมันเอาไว้เป็นอย่างดีที่สุด เขาผูกมันไว้กับฟันซี่หนึ่งแล้วกลืนส่วนที่เหลือลงไป


เมื่อมีลิ้นบังอยู่ ก็ไม่มีใครมองเห็นเส้นบาง ๆ นั่นได้ นอกเสียจากว่าจีหรานจะถูกเปิดปากออกแล้วมีคนส่องไฟเข้าไป


ถ้าจีหรานยังมีกุญแจนี้อยู่ การค้นตัวของเรือนจำในอาณาเขตของมอร์โกก็คงไม่ได้ทำอย่างละเอียด


จีหรานดึงปลายด้านหนึ่งและดึงส่วนที่เหลือออกจากกระเพาะอาหารเขาช้า ๆ


มันแย่มาก ตอนที่เส้นลวดของกุญแจกลโดนลิ้นไก่ของเขา อาการขย้อนที่ควบคุมไม่ได้ก็ทำให้กระเพาะอาหารของเขาหดเกร็งอย่างรุนแรง


ตอนที่จีหรานดึง [กุญแจกล] ออกมาได้จนหมด น้ำลายของเขาก็หยดนองทั่วพื้นและเขาก็อาเจียนออกมาอย่างทนไม่ไหว


เขางอตัวลงไปโดยไม่รู้ตัวตอนที่กระเพาะอาหารบิดมวน การเคลื่อนไหวนี้ส่งผลกระทบต่อบาดแผลที่หน้าอกและแผ่นหลังของเขา


ความรู้สึกร้อนลวกทำให้จีหรานต้องกัดฟันอย่างแรงขณะที่ยังโก่งคออาเจียนอยู่


เขารีบบังคับให้ตัวเองสงบลงโดยเร็วเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาทางห้องขังของเขา


“ผู้คุมเรือนจำ!” จีหรานเดาว่าเสียงฝีเท้าน่าจะเป็นของใคร


เขาให้ความสนใจกับเสียงฝีเท้าที่เดินจากซ้ายมาขวาด้วยความเร็วปานกลาง


หลังจากประมาณสองนาที ในที่สุดเสียงพวกนั้นก็เบาลงและในที่สุดก็เงียบหายไป


ห้านาทีผ่านไป เสียงฝีเท้าก็กลับมาจากทางด้านซ้าย ตอนที่เสียงมาถึงห้องขังของจีหราน เสียงก็หยุดลง


หน้าต่างเล็ก ๆ ที่บนประตูถูกเปิดออกครึ่ง ๆ และใบหน้าครึ่งหนึ่งของผุ้คุมก็มองเห็นได้ผ่านช่องเล็ก ๆ นั่น


ต้องขอบคุณคบไฟในมือของผู้คุม จีหรานมองเห็นใบหน้าน่าอันหยาบช้าและเหี้ยมโหด และยังแววดูถูกในดวงตาของเขา


“พวกแกกล้าขโมยของในห้องสมบัติของแกรนด์ดยุกมอร์โก้? พวกแกอยากตายหรือไง? สบายใจได้ ฉันจะดูแลพวกแกเป็นอย่างดีระหว่างอยู่ที่นี่ อ้อ ใช่ และเพื่อนทั้งสองคนของแกก็ด้วย! นี่เป็นคำสั่งของพัศดี!” ผู้คุมลากนิ้วผ่านลำคอของตัวเองขณะพูด


ก่อนที่จีหรานจะทันได้พูดอะไรสักคำ หน้าต่างเล็ก ๆ นั่นก็ปิดลงอีกครั้ง


เขาไม่สนใจคำขู่ของผู้คุมด้วยซ้ำ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับฝีเท้าของผู้คุมและความหมายของพวกมัน


“จากความสูงของหน้าต่าง ผู้คุมน่าจะสูงอย่างน้อยหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร และทุกก้าวของเขาก็จะได้ระยะราว ๆ เจ็ดสิบเซนติเมตร เขาใช้เวลาสองนาทีในการเดินจากซ้ายไปขวา และหลังจากเดินไปได้ประมาณหนึ่งร้อยก้าว เขาก็เดินลงไป มันใช้เวลาประมาณห้านาทีก่อนที่เขาจะกลับมา ถ้าฉันบวกเวลาที่เขาใช้ในการปีนบันไดไปด้วย… อย่างนั้นคุกนี่ก็เป็นอาคารสองชั้น และทุกชั้นก็สูงราว ๆ เจ็ดเมตร จากความกว้างของห้องขังและการรักษาความปลอดภัย รวมกับความหนาของกำแพง ถ้านี่เป็นพื้นที่ห้องขังเดี่ยว ด้านนี้มันก็จะมีห้องขังราว ๆ สิบห้าหรือสิบแปดห้อง!”


“ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงรัฐในปกครองของดยุก ก็น่าจะมีพลเมืองราว ๆ หนึ่งแสน ดังนั้นคุกย่อมไม่เล็กเพียงนี้ ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่คุมขังส่วนตัวของแกรนด์ดยุก มันคงไม่ได้อยู่นอกปราสาท ดังนั้นมันต้องอยู่ใต้ดิน! นั่นอธิบายถึงความหนาวเย็นและความชื้นนี่ด้วย!”


การคำนวณรวดเร็วดั่งสายฟ้าของจีหรานนั้นต้องขอบคุณข้อมูลที่เขาได้รับจาก [ตามรอย] ของเขา


ขณะที่ฟันเฟืองในใจของเขาหมุนไปเรื่อย ๆ มือของเขาก็ไม่ได้ละจาก [กุญแจกล]


ปลายด้านหนึ่งนั้นอยู่ในล็อกแล้วและจีหรานก็กำลังสะเดาะกุญแจมือของตัวเองอยู่


กุญแจมือโลหะบนแขนขาของเขานั้นไขออกได้ง่ายมาก แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากที่ด้านนอกอีกครั้ง


เสียงดูวุ่นวายและยังมีมากกว่าแค่หนึ่งคน มันย่อมไม่ใช่ผู้คุมคนก่อนหน้านี้


203 ฆ่าโดยบังเอิญ

เสียงฝีเท้าเบา ๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องขังของจีหราน


มีเสียงไขกุญแจ ประตูหนาหนักถูกผลักเปิดออก เกิดเสียงครูดแหลมจากที่ด้านนอก


แสงไฟจากคบเพลิงถูกส่งเข้ามาก่อนทำให้จีหรานต้องหรี่ตา


มีคนเข้ามาในห้องขังสามคน


คนที่ถือคบเพลิงอยู่นั้นมีท่าทางดี เขาถือกุญแจเอาไว้ เขาเป็นหนึ่งในผู้คุมเรือนจำ แต่เขามีใบหน้าและเสื้อผ้าที่สะอาดกว่าปกติ


“เขาเป็นหัวหน้าผู้คุมเรือนจำเหรอ? หรือว่าเป็นพัศดี?” จีหรานพยายามคาดเดาตัวตนของชายคนนั้น


ผู้ชายอีกสองคนที่ด้านข้างเขานั้นจำแนกได้ง่ายดายกว่า


หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะสีน้ำเงินเข้ม และมีดาบยาวแขวนห้อยจากเอว ใบหน้าเคร่งขรึมของเขานั้นแผ่รังสีสังหารออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือผู้คุ้มกันของชายคนที่สาม


ชายคนที่สามนั้นสวมชุดหรูหราแปลกตาและมีผ้ารัดเอว แขนเสื้อและปกเสื้อนั้นตกแต่งด้วยผ้าไหมสีดำ เขาสวมวิกผมสีขาวและมีคิ้วสีน้ำตาลคู่หนึ่ง ส่วนที่ต่ำกว่าตาลงมานั้นมีผ้าเช็ดหน้าปิดเอาไว้ บังใบหน้าที่ทาแป้งหนาจนขาวจากสายตาจีหราน


เขาเป็นคนที่ผู้คุ้มกันคอยปกป้องอยู่อย่างเห็นได้ชัด


“ที่นี่ทั้งสกปรกและเหม็นเน่า! ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ข้าคงไม่ย่างกรายลงมาที่นี่!” ชายในชุดแปลกตากร่นด่าอยู่หลังผ้าเช็ดหน้า


เสียงหยาบกร้านของเขาฟังประหลาดเพราะว่าเขาบีบจมูกเอาไว้ด้วยปลายนิ้ว เสียงฟังดูแหลมสูงกว่าชายทั่วไปเล็กน้อย และยังไม่หนักแน่น มันเหมือนการบีบเสียงให้เหมือนเป็นผู้หญิง


“ท่านมาที่นี่เพื่อตระกูลอันทรงเกียรติของท่าน ข้าแน่ใจว่าท่านดยุกจะเข้าใจความเสียสละของท่านแน่นอน!” ผู้ชายที่จีหรานเดาว่าเป็นพัสดีพูดอย่างยินดีหลังจากโค้งกายคำนับแล้วครั้งหนึ่ง


ตอนที่เขาหันมาหาจีหราน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดและร้ายกาจ


“ท่านผู้นี้คือบุตรชายคนเล็กของแกรนด์ดยุกมอร์โก้ เหยี่ยวกล้าแห่งเขตปกครองมอร์โก้ นักดาบที่ดีที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดของที่นี่ รีดรัล! ตอนนี้บอกพวกเรามาสิ หนูสกปรกเยี่ยงพวกเจ้าซ่อนทรัพย์สมบัติเอาไว้ที่ใด?”


พัศดีเตะจีหรานซ้ำ ๆ ขณะสั่งให้เขาเผยข้อมูลที่มีออกมา


เขาไม่กังวลเรื่องการขัดขืนของจีหรานเพราะกุญแจมือเหล็กที่รอบข้อมือเขา


พัศดีพยายามทำให้ ‘เหยี่ยวกล้าแห่งมอร์โก้’ พึงพอใจด้วยการเตะจีหรานแรงขึ้นและเหี้ยมโหดกับเขามากขึ้น


แต่การเตะของเขาไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการสะกิดจีหราน ถึงแม้ว่าพัศดีจะดูดุร้ายและแข็งแกร่งมาก


แรงเตะของเขานั้นไม่สะเทือนจีหรานเลย


ความสนใจของจีหรานนั้นไปอยู่กับ ‘เหยี่ยวกล้าของมอร์โก้’ ตั้งแต่ตอนที่ทั้งสามเข้ามาในห้องขัง


เขาคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง เขาจะใช้คนผู้นี้เป็นตัวประกันและหลบหนีจากห้องขังนี้


ความคิดของจีหรานเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อรู้ตัวตนของผู้ชายคนนี้


เขาเป็นบุตรชายคนเล็กสุดของแกรนด์ดยุกมอร์โก้ ดังนั้นการใช้เขาเป็นตัวประกัน ผู้อื่นย่อมยั้งมือเพราะเกรงจะทำร้ายเจ้านายของตนเข้า


ความคิดของจีหรานนั้นไม่ได้จะทำตามได้โดยง่าย ผู้คุ้มกันที่ด้านข้างเขานั้นดูเป็นศัตรูที่ตึงมือ และจีหรานก็จะต้องฆ่าเขาภายในการลงมือครั้งเดียวก่อนถึงจะสามารถทำตามแผนการต่อได้


นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่เขามี จีหรานแอบเหยียดแขนและขาออก


รีดรัลนั้นไม่ใช่นักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดและดีที่สุดที่นี่ ทั้งหมดนั่นก็แค่เรื่องคุยโต เป็นคำเยินยอจากพัศดี ใครเชื่อก็นับว่าโง่แล้ว จีหรานเองก็ไม่เคยเห็นนักดาบที่ไม่พกดาบเข่นกัน


และเขายังสังเกตเห็นอีกว่าร่างกายของรีดรัลนั้นดูปวกเปียก ไม่มีสัญญาณของการฝึกฝนบนร่างเขาเลยสักนิด


หากรีดรัลนั้นนับเป็น “นักดาบที่ดีที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด” อย่างนั้นจีหรานก็คือจะเป็น “เทพเจ้าดาบ” แล้ว ต่อให้เขาไม่เคยใช้ดาบมาก่อนเลยก็ตาม


“พูด! เริ่มพูดได้แล้ว! พวกเจ้าหนูโสโครกซ่อนสมบัติไว้ที่ใด?”


พัศดียังคงเค้นคำตอบจากจีหราน เขาไม่หยุดเท้าเลยถึงแม้ว่าจะหายใจหอบจากการออกแรงไปแล้ว


บุตรชายคนเล็กของมอร์โก้ยังคงถือผ้าเช็ดหน้าเอาไว้เหนือจมูกและมองลงมาที่จีหรานด้วยสีหน้าหยิ่งยะโส รีดรัลกำลังรอคำตอบ เขามั่นใจว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ในที่สุดจีหรานก็จะพูดความจริงออกมา


ด้วยความมั่นใจนี้ รีดรัลจึงหวาดกลัวที่สุดเมื่อเกิดเรื่องขึ้น


รีดรัลก้มหน้าลงและเห็นดาบยาวแทงผ่าหน้าอกเขามา ผ้าเช็ดหน้าที่ปิดหน้าเขาเอาไว้หล่นลงพื้น เผยให้เห็นปากกว้าง ๆ ของเขา


เหยี่ยวกล้าดูเหมือนต้องการจะพูดบางอย่าง แต่ถ้อยคำนั้นไม่หลุดออกจากริมฝีปากของเขาทันก่อนที่เขาจะตาย


เขาแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ปราศจากซึ่งสัญญาณแห่งชีวิต เหมือนนกน้อยถูกบี้จนตาย


พัศดีตะลึงไป เขาอยากจะกรีดร้องออกมาตามสัญชาตญาณ แต่ก่อนที่จะได้ทำ ริมฝีปากของเขาก็ถูกมือข้างหนึ่งของผู้คุ้มกันปิดเอาไว้ และมีดสั้นก็ปรากฏขึ้นที่มืออีกข้างของผู้คุ้มกันและมันก็ถูกแทงเข้าไปในหน้าอกของเขา ทะลุเข้าหัวใจ


มีดสั้นถูกดึงออก เลือดสด ๆ เริ่มทะลักออกมา


ผู้คุ้มกันไม่หลบเลือดที่สาดกระจายไปทั่วชุดเกราะของเขา


เขาแค่หันไปอีกทางและดึงดาบยาวออกจากร่างของรีดรัล จากนั้นเขาก็เบนสายตามุ่งร้ายไปทางจีหรานโดยไม่มีทีท่าว่าต้องการพูดจาเลยสักนิด


เขาพุ่งดาบเข้าใส่ลำคอของจีหรานอย่างคล่องแคล่ว


จีหรานประหลาดใจกับดาบที่แทงเข้ามา


ทันทีที่กระต่ายป่าออกจากที่ซ่อน เหยี่ยวก็โฉบลงมาจับมัน ทั้งพัศดีและบุตรชายคนเล็กของมอร์โก้ถูกฆ่าในพริบตา


จีหรานนั้นกำลังจะใช้รีดรัลเป็นตัวประกัน แต่ก่อนที่จะได้ทำ รีดรัลก็ถูกผู้คุ้มกันของตนสังหารไปก่อน


“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?” จีหรานถามตัวเอง


ความสงสัยในใจของเขานั้นไม่ได้ทำให้ปฏิกริยาของเขาช้าเชื่องลง


กุญแจมือที่เดิมที่รัดอยู่รอบข้อมือของเขานั้นถูกยกขึ้นในเสี้ยววินาที ขวางปลายคมกริบของดาบเอาไว้


ปลายของดาบกระแทกเข้ากับกุญแจมือโลหะ เกิดประกายสว่างวาบขึ้น


ผู้คุ้มกันตกใจเมื่อดาบของตนถูกขวางเอาไว้ได้ เขามีสีหน้าไม่อยากเชื่อเหมือนรีดรัลตอนที่ตายโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


เขาไม่เข้าใจเลยว่าจีหรานปลดกุญแจมือตัวเองเป็นอิสระได้อย่างไร


ไม่เหมือนรีดรัล เขาไม่ได้ใช้การไม่ได้ ตอนที่การโจมตีครั้งแรกของเขาถูกขวางไว้ เขาก็รีบบิดข้อมือไปรอบ ๆ เหวี่ยงดาบไปทางหน้าอกของจีหรานแล้วเตรียมแทงอีกครั้ง


ผู้คุ้มกันนั้นเผยวิชาดาบที่ยอดเยี่ยมผ่านการสะบัดดาบ แต่นี่ก็ยังไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์สุดท้าย


จีหรานไถลตัวไปด้านข้าง หลบการแทงครั้งที่สองและเตะไปที่โกร่งดาบของผู้คุ้มกัน หลังจากปลดอาวุธเขาอย่างรวดเร็ว เขาก็เตะเข้าที่หน้าอกชายคนนั้นอีกครั้ง


ผู้คุ้มกันถูกส่งปลิวถอยหลังไปก่อนที่จะกระแทกเข้ากับกำแพงที่ด้านหลังตัวเองอย่างแรง


จีหรานยื่นมือออกไปคว้าดาบของผู้ชายคนนั้นที่หล่นจากกลางอากาศเอาไว้ เขากดปลายคม ๆ ของดาบลงที่ลำคอของผู้คุ้มกัน


“อย่าขยับ!” เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมที่จะเค้นข้อมูลออกมา เขาต้องการไขความสงสัยในใจ


“ใครคือ…” ก่อนที่เขาจะทันพูดจบประโยค เลือดสีดำสายหนึ่งก็ซึมออกมาที่มุมปากของผู้คุ้มกัน ใบหน้าของเขาค่อย ๆ สูญเสียประกายชีวิตไป


“บ้าอะไรอีกเนี่ย?” จีหรานอึ้งไป


จีหรานยั้งเท้าเอาไว้แล้วตอนที่เตะเข้าที่หน้าอกของผู้คุ้มกันเพราะเขาต้องการเค้นข้อมูล มันไม่ถึงตายไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม


เพราะยังสงสัยในสถานการณ์ จีหรานตรงเข้าไปที่ร่างนั้นเพื่อตรวจสอบเร็ว ๆ


ทันทีที่เขาไปถึงตัวผู้คุ้มกัน กลิ่นฉุน ๆ ก็โจมตีจมูกของเขา


“พิษ?”


จีหรานรู้ว่ามันคืออะไร ถึงไม่มี [ความรู้เกี่ยวกับยาและการรักษา] ระดับผู้เชี่ยวชาญก็ตาม


ผู้คุ้มกันฆ่าตัวตายด้วยยาพิษ ทันทีที่เขาพบว่าตนทำภารกิจล้มเหลว เขาก็ฆ่าตัวตายเพื่อไม่ให้ต้องตกเป็นนักโทษ


“นักรบพลีชีพ!” คำนั้นผุดขึ้นมาในใจจีหราน ไม่มีคำอธิบายอื่นในเรื่องนี้


“นักรบพลีชีพกลับกลายมาเป็นผู้คุ้มกันบุตรชายคนเล็กของแกรนด์ดยุกและยังเลือกเวลาแบบนี้ลอบสังหารเขา?” จีหรานพูดเบา ๆ


ความคิดน่ากลัวหนึ่งก่อตัวขึ้นในใจเขา ปัญหานั้นมุ่งมาที่พวกเขาสามคน


ความยากของภารกิจหลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


“ฉันต้องติดต่อฮานส์และอู๋ฝ่าอู๋เทียนเดี๋ยวนี้!”


จีหรานเก็บมีดสั้นและกุญแจขึ้นจากพื้นแล้วออกจากห้องขังของตัวเองไป


204 เฉียบแหลม

แกรดอนพุ่งเข้าไปในคุกใต้ปราสาทด้วยสีหน้ากังวลพร้อมกับกลุ่มผู้ชายถืออาวุธครบมือ


“มรดก” ชิ้นนั้นหายไป!


ตอนที่ข่าวนี้มาถึงหูเขา เขาก็อึ้งไป


เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหากข่าวนี้ไปถึงหูแกรนด์ดยุก


เขาจะสูญเสียทั้งตำแหน่งหน้าที่และชื่อเสียง


ในฐานะอัศวินของแกรนด์ดยุกและผู้บัญชาการตะวันออกของทั้งอาณาเขตนี้ ชื่อเสียงของแกรดอนนั้นสำคัญกับเขามากกว่าชีวิตของเขาเองเสียอีก


“ข้าต้องทำให้หัวขโมยโสโครกพวกนี้คายที่ซ่อน ‘มรดก’ ชิ้นนั้นออกมา!”


ด้วยความคิดนี้ในใจ แกรดอนเดินเข้าไปที่ปากทางที่คุมขัง


แต่ว่า ในตอนที่เขาเพิ่งก้าวเท้าแรกลงที่บันได เขาก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ปลายสายตา


เขาชะงักทันที หน้าต่างปิดเอาไว้ แต่ว่าแผ่นไม้ที่ตอกปิดเอาไว้นั้นหล่นอยู่กับพื้น


มันไม่ได้สะดุดตา ก็แค่มุมหนึ่งของหน้าต่างที่แทบมองไม่เห็น ถ้าไม่ได้ให้ความสนใจมากพอ ก็คงจะมองข้ามแผ่นไม้นั่นไปอย่างง่ายดาย


แกรดอนเดินตรงไปที่มุมนั้นแล้วหยิบแผ่นไม้ขึ้นมา ดวงตาของเขาจ้องเป๋งอยู่ที่หน้าต่าง


ทันใดนั้น เขาผลักมันเปิดออก


ไม่มีอะไรที่ด้านนอก


“ไม่มีคน?”


แกรดอนชะโงกหน้าออกไปดูให้ชัด


เขามองซ้ายและขวาในความมืด แต่ก็ไม่เห็นอะไรที่แปลกไป


เขาถอยกลับมาเหยียดตัวตรงและขมวดคิ้วก่อนที่อีกความคิดหนึ่งจะก่อตัวในใจเขา และเขาก็ชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่างอีกครั้ง


คราวนี้เขามองขึ้นไปด้านบน แต่เขาก็ยังไม่เห็นใคร


“ฉันคิดมากเกินไปงั้นหรือ?”


แกรดอนถอยกลับเข้าไปในห้อง ยิ้มขำตัวเอง


จิตใจของเขานั้นคิดถึงแต่ ‘มรดก’ ชิ้นนั้น เขาไม่มีเวลาให้ปัญหาเล็ก ๆ อื่น เขาสั่งคนของเขายืนเฝ้าที่หน้าต่างและรีบมุ่งหน้าเข้าไปในคุก



ที่ด้านบนสุดของห้องโถงทางเข้าคุกนั้นมีอีกห้องที่ห่างออกมาราว ๆ ห้าเมตร จีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียน ที่เพิ่งกลับเข้ามาด้านใน ผ่อนลมหายใจโล่งอกทันทีที่แกรดอนไปลับ


“อันตรายมาก แหลมคมมาก! เขามาที่นี่เพื่อจัดการกับเรื่องเละเทะแต่กลับยังสังเกตเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ นี่ได้!” จีหรานพูดอย่างประหลาดใจ


ตอนที่แกรดอนไปถึงที่หน้าต่าง จีหรานนั้นตัดสินใจปีนขึ้นไปซ่อนที่สูงด้านบนอย่างหุนหัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงถูกพบตัวไปแล้ว


“ว้าว 2567! นายตั้งใจมากจริง ๆ! ขอบคุณพระเจ้าที่นายซ่อนสิ่งนี้เอาไว้ในปากแล้วก็เอามันเข้ามาในดันเจี้ยนได้!”


อู๋ฝ่าอู๋เทียนชี้ไปที่ [กุญแจกล] ในมือจีหราน


ตั้งแต่ไขกุญแจมือปล่อยอู๋ฝ่าอู๋เทียนไปจนถึงแงะแผ่นไม้ที่ปิดหน้าต่างเอาไว้อย่างเงียบ ๆ อุปกรณ์ที่ดูราวกับเส้นผมเส้นหนึ่งนั้นได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีประโยชน์มาก


ถ้าไม่มีมัน ทั้งสองคนก็คงไม่สามารถขึ้นมาถึงที่ซ่อนตัวใหม่นี้ได้โดยไม่ถูกจับได้


อู๋ฝ่าอู๋เทียนรู้สึกนับถือในอุปกรณ์ช่วยชีวิตนี่ และยิ่งกว่านับถือไปอีกกับจีหรานที่จัดการแอบเอามันเข้ามาในดันเจี้ยนได้


“ฉันบังเอิญคิดได้แล้วก็บังเอิญมีของชิ้นนี้อยู่พอดี มันเป็นเรื่องบังเอิญ”


จีหรานถ่อมตัว น้ำเสียงของเขาเป็นการเป็นงาน เขาไม่ได้แค่ทำเป็นถ่อมตัว


จากมุมมองของเขา มันก็เป็นเหตุเป็นผลดีที่จะทำเช่นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเค้นสมองคิด ไม่ได้ถึงขนาดที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนคิด


“นี่มันไม่ใช่แค่ความคิดที่จู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมานะ! นี่คือพรสวรรค์ของนักฆ่า! เมื่อคิดถึงอายุของนายแล้ว…” เสียงของอู๋ฝ่าอู๋เทียนเบาลงเรื่อย ๆ จนคำสุดท้ายนั้นไม่ได้ยินไปเลย


“ที่นี่ไม่ปลอดภัย ถ้าคนพวกนั้นพบว่าเกิดอะไรขึ้นที่ในห้องขัง เขาต้องสั่งให้ปิดที่นี่! ตามที่ฮานส์บอก พวกเราอยู่ในทางเดินระหว่างคุกและทางเข้า ถ้าพวกเราต้องการไปที่ทางเข้าออกปราสาท พวกเราต้องผ่านหอคอยน้ำ ค่ายทหาร และคลังเก็บของ ที่ทางเข้า พวกเรายังต้องเจอกับทหารติดอาวุธครบมืออีกมากกว่าห้าสิบคนด้วย!”


“พวกเราต้องผ่านการต่อสู้อันยากลำบากถ้าจะผ่านออกไป และบาดแผลของพวกเราก็จะทำให้พวกเราช้าลง!พวกเราต้องหายารักษาตัวเองก่อนที่จะหาทางหนีได้! พวกเรายังต้องการม้าและอาหารระหว่างทาง และที่เหนือกว่านั้น พวกเรายังต้องหาตำแหน่งของฮานส์! ถ้าพวกเราทำไม่ได้ ทุกอย่างก็จะนับว่าเสียเปล่าแล้ว!”


จีหรานไม่ได้สังเกตุว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนพึมพำกับตัวเอง เขาเพ่งสมาธิอยู่กับรอบตัวพวกเขาและคิดหาแผนการ


“ไอ้เจ้าฮานส์งี่เง่า! เขาถูกพาไปที่ไหนกันแน่?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดพร้อมขมวดคิ้ว


เขาพยายามติดต่อกับฮานส์ผ่านช่องพูดคุยของทีมแต่ว่าก็ยังได้รับการแจ้งเตือนแบบเดิม ๆ [พื้นที่พิเศษ การสื่อสารถูกจำกัด]


“เขาน่าจะยังอยู่ในปราสาท พวกเราต้องหายารักษาตัวเองกันก่อน ฮานส์น่าจะต้องรอก่อน นายจำได้ไหมว่าห้องพักของหมอของแกรนด์ดยุกอยู่ตรงไหน?” จีหรานถาม


“แน่นอนสิ! นายไม่ไปด้วยเหรอ?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพยักหน้าก่อนที่จะมีปฏิกริยากับคำถามแปลก ๆ ของเขา


“เมื่อคิดถึงว่าคนพวกนั้นระมัดระวังและยังความรู้สึกไว มันไม่ยากที่เขาจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของพวกเรา พวกเราต้องเบี่ยงเบนความสนใจของเขา พอนายได้ยามามากพอ ไปเจอกันฉันที่ห้องครัวของปราสาท!” จีหรานชี้ไปที่ชั้นใต้เท้าของเขา


“ระวังตัวด้วย!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนเตือนเขาก่อนที่จะผลุบหายไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้ค้านเพราะเขาก็รู้แล้วว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่พวกเขามีแล้ว


ด้วยบาดแผลของพวกเขา ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็ถูกกระทบไปด้วย หากพวกเขาไม่กลับสู่สภาพสมบูรณ์ของตัวเองโดยเร็ว แผนการที่เหลือของพวกเขาก็ยากที่จะใช้ออกแล้ว พวกเขาไม่สามารถหาตัวฮานส์หรือว่าหนีออกจากอาณาเขตของมอร์โก้ได้


จีหรานมองอู๋ฝ่าอู๋เทียนจนเงาร่างของเขาหายลับไป จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวบ้าง



แกรดอนรีบร้อนไปที่ชั้นแรกของคุก เขาไม่สนใจคำเยินยอของพวกผู้คุม เขาแค่ให้ผู้คุมเหล่านี้นำทางไปเท่านั้น


เขารู้ดีว่าผู้คุมพวกนี้นั้นเป็นคนอย่างไร พวกเขาก็แค่ไฮยีน่าฝูงหนึ่งที่รุมกินศพ ไม่เหมือนผู้คุมคุกเลยสักนิด


“รีบหน่อย!” แกรดอนเร่งผู้คุม


ตอนที่เขาพบว่ารีดรัลมาที่นี่เขาก็กระวนกระวายอย่างยากจะอธิบาย


นิสัยใจแคบของรีดรัลนั้นเป็นที่รู้กันทั่วไปในปราสาทนี่ กระทั่งคนตาบอกยังรู้


รีดรัลนั้นจับจ้องตำแหน่งแกรนด์ดยุกตาเป็นมันแต่นิสัยอันน่าสะอิดสะเอียนของเขานั้นทำให้พวกหนุ่ม ๆ เก่งกาจรังเกียจ


แต่ว่านั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่ารีดรับนั้นเป็นบุตรชายคนเล็กของแกรนด์ดยุก ถ้าเขาล่วงหน้าไปก้าวหนึ่งในการตามหา ‘มรดก’ นั่น เช่นนั้น…


แกรดอนยิ่งกระวนกระวายกว่าเดิมเมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นในใจเขา


แกรนด์ดยุกนั้นยังมีบุตรคนอื่นนอกจากรีดรัลอยู่ รีดรัลไม่ใช่คนโปรดของตัวแกรดอนเองอย่างแน่นอน


เขารู้สึกอารมณ์เสียที่ต้องเดินตามผู้คุมที่เชื่องช้า เขาคว้าคบเพลิงมาจากมือผู้คุมและพุ่งตัวไปทางห้องขังหลังจากถามเลขห้องจากผู้คุมแล้ว


ตอนที่แกรดอนพบว่าห้องขังนั้นไม่ได้ล็อกแต่กลับปิดงับไว้เฉย ๆ ความรู้สึกเลวร้ายก็ผุดขึ้นมาแทนความกระวนกระวาย


เขาดึงดาบยาวของตัวเองออกมาแล้วเปิดประตูเข้าไปช้า ๆ


คบเพลิงส่องแสงเข้าไปในห้องขังและภาพที่แกรดอนเห็นก็ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจเขา


“ท่านรีดรัล?”


แกรดอนตกตะลึงเมื่อเห็นร่างของรีดรัล เขาล้มลงกับพื้นทันที ยกร่างของชายหนุ่มขึ้นมาดูให้ชัดเจน เขาร้องคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราดในทันที


ถึงแม้ว่ารีดรัลจะไม่ใช่คนโปรดของท่านดยุก เขาก็ยังเป็นบุตรชายคนเล็กของแกรนด์ดยุกและเป็นหนึ่งในลูกคนโปรดของท่าน


การตายของรีดรัลย่อมทำให้แกรนด์ดยุกพิโรธอย่างแน่นอนและแกรดอนก็คือคนโชคร้ายที่ต้องถูกเอาระบายความโกรธนั้นใส่


“หาตัวฆาตกร! นั่นเป็นหนทางเดียวที่พวกเราจะทำให้ความเกรี้ยวกราดของท่านดยุกสงบลงได้!”


แกรดอนรีบลุกขึ้นหลังจากวางร่างของรีดรัลลง สั่งให้คนของเขาเตรียมการค้นหา


“ปิดปราสาทและเพิ่มการลาดตระเวน!” แกรดอนสั่ง


“เป็นไปไม่ได้! ฝ่าบาทรีดรัลและองครักษ์ของเขาเพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้! นี่เป็นไปไม่ได้!” ผู้คุมที่มาถึงที่เกิดเหตุช้ากว่าตะโกนด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ


“หุบปากโง่ ๆ นั่นวะ!”


แกรดอนไม่กระทั่งมองไปทางผู้คุมคนนั้น คนของเขาคนหนึ่งทุบเขาสลบไปด้วยฝักดาบ


เสียงตะโกนที่ดังขึ้นของผู้คุมทำให้แกรดอนตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


“พวกเขาสวมรอยเป็นท่านรีดรัลและองครักษ์และพยายามเล็ดรอดหนีไป ตอนที่พวกเขาเจอฉันเข้ามาพวกเขาต้องซ่อนอยู่ที่ด้านนอกหน้าต่างนั่น…”


แกรดอนสูดลมหายใจลึกก่อนที่จะออกคำสั่งอีกครั้ง


“ไปค้นหาตามทางเดินระหว่างคุกและทางเข้าคุก! เริ่มจากตรงนั้น แต่จำไว้ว่าค้นทุก ๆ ห้องหาตัวฆาตกรให้ได้!”


“ขอรับ ท่าน!”


ทหารคู่หนึ่งผละออกไปอย่างรวดเร็ว


แกรดอนรั้งอยู่กับทหารอีกคู่หนึ่ง กวาดมองรอบ ๆ


“รีดรัลถูกแทงจากด้านหลัง แต่ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา… คือองครักษ์ของเขา? อย่างนั้นเขาน่าจะฆ่าพัศดีและพยายามฆ่านักโทษด้วย! พอเขาล้มเหลว เขาก็ถูกเอาชีวิตไป…”


ใบหน้าของแกรดอนเปลี่ยนเป็นซีดลงในทันที


ถึงแม้ว่าศพจะถูกขยับไปบ้าง แต่การสร้างสถานการณ์ใหม่ก็เป็นเรื่องง่ายดาย


ตอนที่เขาทำอย่างนั้น แกรดอนก็พบว่าแผ่นหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ


เขาพบว่าตัวเองตกลงมาในวังน้ำวนอันร้ายกาจ ถ้าเขาไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ทันเวลา มันก็จะฉีกกระชากเขาออกเป็นชิ้น ๆ


“บ้าชะมัด!” แกรดอนพูดหอบ ๆ


แล้วความสนใจของเขาก็ถูกกองอาเจียนที่ด้านในคุกดึงดูดไป


น้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่แห้งลงและเปลี่ยนไปเป็นเหมือนกาวแห้ง ๆ มันปนอยู่กับรอยต่อบนกำแพงและตะไคร่ที่รอบ ๆ แต่มันก็ยังชัดเจนนัก


“เขาซ่อนอุปกรณ์สะเดาะกลอนเอาไว้ในกระเพาะอาหาร?” แกรดอนตกตะลึง


“เอาข้อมูลของหัวขโมยคนนี้มาให้ฉัน!” เขารีบสั่งคนของตัวเอง


“ขอรับ ท่าน!”


ทหารคนหนึ่งคำนับลงแล้วหันกลับเดินออกไป


ก่อนที่เขาจะออกไป ทหารอีกคนก็พุ่งเข้ามาตะโกนเสียงดัง “ท่านครับ เกิดเรื่องทางทิศใต้ ไฟไหม้คลังเก็บของครับ!”


“ไฟไหม้?” แกรดอนตกใจอีกรอบ


“บังเอิญเกินไป!”


ความสงสัยผุดขึ้นเต็มหัวใจแกรดอนขณะที่เขาหันไปสนใจผู้คุมที่ครวญครางอยู่บนพื้น


“พวกแกทำตามกฏในการจัดการกับหัวขโมยทั้งสามคนนี้หรือเปล่า?” แกรดอนถาม


 


 


Wufen’s note: สรรพนามกลับไปกลับมานิดนึงนะ ยังตัดสินใจไม่ได้ แหะแหะ งุนงงอยู่ววววว อย่าเพิ่งซีเรียสเรื่องเล็กน้อยน้าาาา อ้อ คำผิดด้วย ไม่พร้อมแก้ มันมีส่งตรวจคำผิดด้วยนะ แต่แบ่บ… คื๊อออ 5555 งุนงงงง ไว้ก่อนละกันนนน


205 หายตัว

ทางเดินในคุกนั้นมืดกว่าที่จีหรานคาดเอาไว้


ทั่วทั้งบริเวณมีเพียงแสงไฟสลัว แต่ก็ยังเพียงพอให้จีหรานมองเห็นได้ชัดเจนด้วย Intuition ระดับ C ของเขา ทุกอย่างมองเห็นได้อย่างชัดเจน


“ตามที่คิดไว้เลย มีห้องขังแค่ฝั่งเดียวของทางเดิน ทั้งหมดสิบห้าห้อง นอกจากฉันแล้ว ก็ไม่มีนักโทษคนอื่นอยู่ที่ชั้นนี้อีก อู๋ฝ่าอู๋เทียนและฮานส์น่าจะอยู่ชั้นล่างถัดลงไปจากฉัน!”


จีหรานกวาดมองทั้งชั้น เงี่ยหูฟังเผื่อมีเงื่อนงำอะไรเพิ่ม จากนั้นก็เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าลงไปชั้นล่าง


ตอนที่เขาเดินลงบันไดด้านขวามานั้นเขาก็ได้ยินเสียงโซ่


เสียงแกรกกรากนั้นหยุดลงและดังขึ้นใหม่อย่างไม่เป็นจังหวะ แต่จีหรานสามารถสร้างรูปแบบจากความถี่อันไม่เป็นจังหวะนี้ได้ มันเป็นรหัสลับ!


รหัสลับที่พวกเขาสามคนตกลงกันไว้ก่อนที่จะเข้ามาในดันเจี้ยน


มันไม่จำกัดแค่เสียงของโซ่ พวกเขาสามารถใช้เสียงเคาะประตู เคาะกำแพง หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เกิดเสียงได้ติดต่อกับคนอื่น มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความสะดวก


จีหรานพุ่งไปยังแหล่งที่มาของเสียง


มันคือห้องขังลึกสุดในชั้นล่างสุด


จีหรานมุ่งตรงไปที่ห้องขังนั่น ตอนที่เขาเปิดหน้าต่างเล็กบนประตู เขาก็เห็นอู๋ฝ่าอู๋เทียนที่ดูหมดสภาพ


อู๋ฝ่าอู๋เทียนดูโล่งใจเมื่อเขาเห็นจีหราน


“ในที่สุด 2567! ถ้านายมาช้ากว่านี้ฉันก็จะยอมแพ้แล้ว! ภารกิจโชกเลือดแบบไหนกันที่ให้พวกเราเริ่มต้นในสภาพยับเยินแบบนี้?” เขาเริ่มบ่นเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้


“ทุกอย่างก็ต้องมีครั้งแรก และนายก็ยังนับว่าโชคดีที่นายอยู่ชั้นล่างสุดและฉันอยู่ด้านบน ไม่อย่างนั้น นายจะได้สงสัยแทนว่าภารกิจชนิดไหนกันที่ให้นายเริ่มต้นด้วยสภาพบาดเจ็บยับเยินและยังถูกลอบฆ่าด้วย!” จีหรานพูดขณะเปิดประตูห้องขัง เขารีบใช้ [กุญแจกล] ปล่อยอู๋ฝ่าอู๋เทียนออกจากกุญแจมือ


“นายถูกลอบฆ่า? ภารกิจหลักของนายคืออะไรน่ะ?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนถามอย่างตกใจ


“[หนีออกจากอาณาเขตปกครองของมอร์โก้] ฉันยังได้รับบาดเจ็บปานกลางด้วย เจ้าชายอะไรสักอย่างของมอร์โก้มาสอบปากคำฉัน เขาถามฉันว่า ‘มรดก’ นั่นอยู่ที่ไหนด้วย! เรื่องราวเลวร้ายลง และองครักษ์ของเขาก็ยังฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ ฉันไม่มีกระทั่งโอกาสจะรีดข้อมูลจากเขา! ถ้าเจ้าชายงี่เง่านั่นทนกลิ่นเหม็นที่นี่ได้ เขาก็คงจะมาหานายหรือฮานส์ก่อนฉันแล้ว!”


จีหรานรู้ว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียนต้องการอะไร ดังนั้นเขาจึงบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขาย่างเท้าเข้ามาในดันเจี้ยนออกไป


“ภารกิจหลักของฉันคือ [หนีจากการไล่ล่าของมอร์โก้] ซึ่งยากกว่าของนาย และฉันยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ฮานส์น่าจะได้รับบาดเจ็บถึงตาย ไม่อย่างนั้นเขาก็คงทำเสียงอะไรสักอย่างแล้ว…”


เสียงของอู๋ฝ่าอู๋เทียนเบาลงเรื่อย ๆ ขณะพูด ตอนที่เขาหยุด เขาก็มองจีหรานด้วยสายตาว่างเปล่า


จีหรานหน้าซีดไปทันที


พวกเขาทั้งคู่รู้ว่าเมื่อได้รับบาดเจ็บถึงตาย ค่าสถานะทั้งหมดของพวกเขาจะลดลงถึงห้าขั้น เมื่อคิดถึงความสามารถของฮานส์แล้ว เขาก็ควรจะยังสามารถทำเสียงอะไรสักอย่างได้และคงไม่เงียบกริบเช่นนี้


เหมือนกับที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มันเพียงแค่ลดค่า HP และค่าสถานะที่ส่งผลต่อความสามารถของเขาเท่านั้น มันไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่เขาจะไม่สามารถลุกขึ้นยืนหรือว่าทำเสียงอะไรได้เหมือนเวลาที่พวกคนพื้นถิ่นได้รับบาดเจ็บ


นี่น่าจะเป็นแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับฮานส์ นอกเสียจาก… นอกเสียจากว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในคุกเดียวกับจีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียน!


เมื่อความเป็นไปได้นี้ผุดขึ้นมาในใจจีหรานเขาก็รีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว


“ฉันจะไปดูเสียหน่อย!”


จีหรานหันหลังกลับทันทีและออกจากห้องขังของอู๋ฝ่าอู๋เทียน


เขารีบวิ่งดูทั้งชั้น กวาดตามองทุกห้องขัง กระทั่งห้องขังที่ว่างเปล่าด้วย เขาก็ยังไม่พบฮานส์


“แล้วชั้นบนล่ะ?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนก็ยังไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาขึ้นบันไดไปค้นรอบหนึ่ง


ผลสุดท้ายก็ยังเป็นเหมือนเดิม ทั้งสองคนยืนอยู่ในห้องขังของจีหรานมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก


“นายคงไม่คิดว่าภารกิจหลักของเขาจะต่างไปจากของพวกเราโดยสิ้นเชิงไหม หรือว่ายังไง?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนถาม


“ก็อาจจะ!” จีหรานพยักหน้า


ไม่มีคำอธิบายอื่นที่เป็นไปได้ว่าทำไมฮานส์ถึงไม่ถูกขังเอาไว้กับพวกเขา


ภารกิจหลักของเขาคืออะไรกันแน่?


ในฐานะหัวโจกเบื้องหลังการขโมยครั้งนี้ ภารกิจหลักของฮานส์น่าจะไม่ง่ายไปกว่าจีหรานหรือว่าอู๋ฝ่าอู๋เทียน


อย่างน้อยมันต้องยากกว่าภารกิจหลักของจีหรานสองระดับนั่นแหละ


‘มรดก’ นั่น!


จีหรานนึกถึงคำที่รีดรัลพูดถึงในห้องขังของเขา


การหายตัวไปของฮานส์นั้นเกี่ยวข้องกับ ‘มรดก’ นี่?


ถึงแม้ว่าฮานส์จะไม่สามารถเก็บเกี่ยวของใดจากดันเจี้ยนก่อนหน้าของเขาได้ แต่ว่าคนพื้นถิ่นก็จะสันนิษฐานว่าเขาทำ


นั่นเป็นเหตุผลให้คนพวกนั้นจับกุมเขากับผู้สมรู้ร่วมคิด จีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียนเอาไว้


นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่เป็นเหตุเป็นผล


แต่ถ้าฮานส์โกหกจีหรานกับอู๋ฝ่าอู่เทียนล่ะ?


เขาอาจจะทำอย่างนั้นก็ได้หากมีแค่เขากับจีหราน แต่เมื่อมีอู๋ฝ่าอู๋เทียนอยู่ในสมการนี้ด้วย จีหรานเชื่อว่าเขาไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก


ที่สำคัญที่สุด พวกเขาน่ะเซ็นต์สัญญากัน จีหรานเชื่อว่าฮานส์ไม่ได้โกหกเขากับอู๋ฝ่าอู๋เทียน


“‘มรดก’? มันคืออะไรน่ะ?” จีหรานขมวดคิ้ว


คำเรียกนี้ไม่ได้บ่งบอกราคาหรือว่าคุณค่า และข้อมูลที่พวกเขาได้มาก็ยังจำกัดมาก มันไม่พอให้พวกเขาสันนิษฐานอะไรได้เลย


จีหรานยังรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คืออะไร


“พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ก่อน! ถ้าพวกกองกำลังพลีชีพพวกนั้นลงมือ คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาย่อมต้องควบคุมที่นี่เอาไว้ในมือแล้ว ยิ่งพวกเราอยู่ที่นี่นาน เรื่องก็จะยิ่งเลวร้ายลงสำหรับพวกเรา! พวกเราอาจจะติดต่อฮานส์ได้ผ่านช่องพูดคุยของกลุ่มหลังจากออกจากที่นี่ได้!” จีหรานพูด


“พวกเราใส่เสื้อผ้าของเขาแล้วปลอมตัวออกไปไหม?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนชี้ไปที่ศพในห้องขัง


“นั่นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่ฉันคิดออกตอนนี้!” จีหรานตอบ



อู๋ฝ่าอู๋เทียนใส่ชุดเกราะขององครักษ์และยกคบเพลิงขึ้นขณะเดินอยู่ด้านหลังจีหราน


ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามก้มเอวลง ร่างกายของเขาก็ยังใหญ่กว่าองครักษ์ที่ตายไป เกราะดูประหลาดและบิดเบี้ยวอยู่บนร่างเขา


จีหรานนั้นตรงกันข้าม เขามีรูปร่างเท่า ๆ กับรีดรัล ดังนั้นเขาจึงสวมเสื้อผ้าเหล่านั้นได้อย่างสบาย


รีดรัลถูกฆ่าด้วยการแทงทะลุหน้าอก ดังนั้นรอยขาดบนเสื้อผ้าของเขาจึงเห็นได้ชัดมากตอนที่จีหรานออกเดิน


จีหรานไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บผ้าเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยรอยลิปสติกและแป้งขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้เหมือนที่รีดรัลทำ จากนั้นเขาก็ยกศอกและแขนขึ้นบังรอยกรีดขาดเอาไว้


เขายังต้องพึ่งอู๋ฝ่าอู๋เทียนช่วยบังรอยกรีดที่ด้านหลังเอาไว้ด้วย


พวกเขาสองคนในที่สุดก็มาถึงที่ประตูคุก


ผู้คุมที่จีหรานเห็นก่อนหน้านี้สังเกตเห็นคบเพลิงกำลังตรงมา เมื่อเขาเห็นเสื้อผ้าของรีดรัล เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เขาเปิดประตูออกกว้างทันที


“ฝ่าบาทรีดรัล!” ผู้คุมคำนับเขานอบน้อม


“เจ้าสวะโง่นั่นดื้อด้านมาก…” จีหรานกระแอม “…สั่งสอนเขาสักหน่อยนะ! บ้าชะมัด กลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนนี่ทำให้ฉันหายใจไม่ออกแล้ว! ฉันต้องการออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้! นำทางไป!”


จีหรานเลียบแบบคำพูดของรีดรัลและกระแอมเบา ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อพัศดี จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างรีบร้อน


มีผ้าเช็ดหน้าบังหน้าเอาไว้ ผู้คุมจึงมองเห็นจีหรานไม่ชัดนัก


ผู้ชายคนนั้นรีบเปิดทางให้จีหราน


จีหรานเดินออกไปอย่างรวดเร็วขณะที่อู๋ฝ่าอู๋เทียนที่ตามหลังเขามานั้นก้มหน้าลง


การเคลื่อนไหวของอู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้จำเป็น


ผู้คุมคุกไม่แม้กระทั่งจะสังเกตเห็นว่าสองคนที่ตรงหน้าเขานั้นคือหัวขโมยสองคนที่ขโมยเสื้อผ้าของรีดรัลและองครักษ์มาใส่ เขามีรอยยิ้มนอบน้อมอยู่บนใบหน้าขณะมองจีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียนเดินออกไป


หลังจากเดินขึ้นไปตามบันไดวน จีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียนก็ไปถึงชั้นบนดิน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงห้องเปล่าที่มีหน้าต่างบานเดียว มันก็ยังดีกว่าคุกที่ใต้ดินมาก


อย่างน้อยที่สุดอากาศที่นี่ก็สดชื่น พวกเขาสองคนสูดลมหายใจลึก พยายามล้างกลิ่นเหม็นรุนแรงออกจากโพรงจมูกของตัวเอง


“มันง่ายกว่าที่ฉันคิดเสียอีก! ฉันคิดว่าพวกเราจะเจอเข้ากับพวกผู้คุมมากกว่านี้ ใครจะรู้ว่าจะมีผู้คุมอยู่แค่คนเดียวกัน?” อู๋ฝ่าอู๋เทียนพูดพร้อมหัวเราะรั้งหนึ่ง


ก่อนที่จีหรานจะทันได้หัวเราะออกมา เสียงฝีเท้าชุดหนึ่งกับเสียงเกราะโลหะกระทบกับฝักดาบก็ดังมาจากที่ด้านนอก


เสียงฝีเท้าทำให้จีหรานและอู๋ฝ่าอู๋เทียนหน้าซีด


พวกเขาบอกได้เลยว่าเหล่าคนที่ติดอาวุธครบมือเหล่านี้มุ่งหน้ามาทางคุกนี่


“บ้าชะมัด ฉันไม่น่าพูดถึงมันเลย!” อู๋ฝ่าอู๋เทียนตบหน้าตัวเองก่อนจะหันไปมองจีหราน


เขากำดาบยาวของตัวเองไว้แน่น


ความตั้งใจของเขานั้นชัดเจน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นซึ่งหน้า


อู๋ฝ่าอู๋เทียนนั้นไม่มีอาวุธปืนใด ๆ ความสามารถของเขาจึงได้รับผลกระทบไปด้วย และ HP ของเขายังลดต่ำเหลือน้อยกว่า 30% แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีแรงสู้


ตรงกันข้าม จีหรานเห็นได้ว่าเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับดาบยาวทีเดียว


จากการคำนวนของเขา ทักษะดาบของอู๋ฝ่าอู๋เทียนน่าจะเหนือกว่าระดับผู้เชี่ยวชาญ


พวกเขาสองคนอาจจะมีโอกาสรับมือทหารกลุ่มนั้นได้ แต่จีหรานก็ยังไม่เห็นด้วยที่จะสู้


ในหลาย ๆ ด้านพวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะเผชิญหน้าและสู้กับพวกตรง ๆ


ประกายไฟเล็ก ๆ สามารถเปลี่ยนไปเป็นไฟกองใหญ่และลามไปทั่วทั้งประสาทได้ ส่งผลให้เหล่าคนพื้นถิ่นนี้มุ่งหน้ามาลงมือกับพวกเขา


ถึงแม้ว่าฮานส์จะบอกว่ากองกำลังส่วนใหญ่นั้นตามดยุกมอร์โก้ไปรบ แต่คนพื้นถิ่นที่เหลือก็ยังมากเกินกว่าที่พวกเขาสองคนจะรับมือได้ โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงว่าพวกเขาไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย และ HP ก็ยังต่ำ ค่าสถานะก็ลดลง


จีหรานโบกมือให้อู๋ฝ่าอู๋เทียนและชี้ไปทางหน้าต่าง


“ไปซ่อนกันก่อน มันต้องมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง คนที่ส่งนักรบพลีชีพมา เขาน่าจะมาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องที่เหลือ… พวกเราไปรอดูกันก่อน!” จีหรานพูดขณะที่เปิดหน้าต่างไม้ออกแล้วปีนออกไป อู๋ฝ่าอู๋เทียนตามหลังเขาไปติด ๆ


จีหรานทิ้งตัวลงที่ร่องเล็ก ๆ ด้านนอกปราสาท เขามองลงไปข้างล่างแวบหนึ่งและเห็นเป็นหน้าผาที่ไร้ก้นบึ้ง


เขากำกรอบหน้าต่างไม้แน่นขึ้นและเปิดประสาทรับฟังให้มาก รอให้คนกลุ่มนั้นเข้ามา


 


 


Wufen’s note: แปลตอนนี้ถึงได้เห็นว่า ในต้นฉบับอิงค์ฮีลงสลับตอนจย้าาาา อ่านตอนนี้ก่อน ค่อยอ่านตอนที่ลงเมื่อวันก่อนนาจา… ทีแรกก็ เอ… แฟลชแบ็กนิด ๆ ป่ะนะ //เปิดอ่านตอนต่อ //ไม่แฟลชอ่ะ มันลงสลับบบบ 555


พอดี Wufen อ่านเรื่องนี้นานแล้ว จำไม่ได้หรอกว่าตอนมันสลับ ซอรี่นะทู๊กโค๊นนน


จริง ๆ จะลงเมื่อคืน แต่ไม่ไหว เหลืออีกแค่สองย่อหน้าแต่ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว เนี่ย อู้งานมาแปลต่อเลยนะ ทุ่มเทเนอะะะ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม