The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms 305-315
บทที่305
ผู้แปล : N.
หลังจากที่พวกเขาออกจากร้านกาแฟ พวกเขาทั้งสองได้เลือกที่จะมาเดินข้างทะเลสาบของเมือง
มันเป็นช่วงเวลาเย็น, พระอาทิตย์ตกที่ส่องประกายเหนือน้ำในทะเลสาบ แสงสีทองที่มันก็แผ่ไปถึงแสงสีแดงตรงขอบฟ้า
และรอบทะเลสาบนี้เองก็ปลูกต้นหลิวเต็มพื้นที่ มันยิ่งทำให้บรรยากาศช่วงยามเย็นแบบนี้เหมาะกับการมาเดินเล่นของคู่รัก
ลูชินที่เดินมาซักพักแล้วแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะชวนพี่สาวซูคุยเรื่องอะไรดี และเหมือนว่าทางพี่สาวซูเองก็เหมือนจะมีเรื่องอะไรที่ต้องการบอกเขาเช่นกัน
“อ๊ะ?” ลูชินตกใจเมื่อมีมือปริศนาเข้ามาจับมือของเขา แต่เขาก็รู้ทันทีว่าเจ้าของมือข้างนั้นเป็นใคร
“นายรู้มั้ยว่าฉันเองก็เคยเดินเล่นกับผู้ชายคนหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ แต่โชคไม่ดีที่หลังจากนั้นพวกเราต้องแยกจากกัน “
ขณะที่เธอพูดเรื่องในอดีต เธอได้จับมือลูชินไว้ไม่ยอมปล่อยพร้อมกับเดินไปตามทางเท้าในทะเลสาบ
ลูชินรู้ว่าทำไมพี่สาวซูถึงทำแบบนี้ แต่จะให้เขาปฏิเสธการกระทำของเธอก็คงดูไม่ดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงปล่อยเลยตามเลยไปจะเป็นการดีที่สุด
ทั้งสองคุยกันขณะที่เดินไปตลอดทาง เห็นได้ชัดว่าถนนนี้ทอดยาวไปตามสันขอบของทะเลสาบ และกว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวก็เริ่มมืดแล้ว
“ฉันเริ่มหิวแล้วสิ!” ซูเฉิงมองไปที่ลูชิน ก่อนที่เธอจะพูดพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบว่า “เราไปหาที่ทานมื้อเย็นกันเถอะ!”
“ดี! ผมเองก็กำลังรู้สึกหิวเหมือนกัน” พูดจบลูชินก็ได้เปิดโทรศัพท์ของเขาแล้วถามเรื่องร้านอาหารกับระบบผู้ช่วยอย่างเรทคลาวด์
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะปรากฏร้านอาหารพิเศษริมทะเลสาบขึ้นมาและทั้งสองก็พร้อมที่จะไปทันที แต่เมื่อพวกเขาออกจากสวนสาธารณะจะไปที่ร้านอาหารนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันขึ้นเสียก่อน
มีคนหลายคนในสวนสาธารณะที่กำลังเดินไปรอบๆทางเท้า และในกลุ่มที่กำลังเถียงกันนั้นดูเหมือนว่าจะมีคนต่างชาติคนหนึ่งอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
“ฉันไม่ได้เอาเงินของคุณไปจริงๆ! ฉันกำลังเก็บมันขึ้นมาจะมีเวลาที่ไหนไปเอาเงินของคุณได้กัน!” หญิงสาวที่เป็นชาวต่างชาตินั้นกำลังพยายามเถียงกับชายคนหนึ่งด้วยภาษาจีนกลาง
ในประเทศจีนแม้ว่าทุกคนจะสามารถเข้าใจภาษาจีนกลางได้ แต่คนที่พูดได้มาตรฐานจริงๆนั้นมีน้อยมาก
สำเนียงของผู้หญิงคนนั้นทำให้ลูชินรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
“ผายลมเถอะ! ถ้าเธอไม่ได้ขโมยมันไป แล้วทำไมเงินสองพันหยวนของฉันถึงหายไปละ!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับกลุ่มเพื่อนๆของเขาต่อว่า : “พวกนายก็เห็นตอนที่เธอเปิดกระเป๋าตังของฉันใช้ไหม? ถ้าเธอยังไม่ยอมรับว่าขโมยเงินของฉันไป ฉันคงต้องโทรหาตำรวจแล้วละ! “
มีบางคนชี้มาที่ผู้หญิงต่างชาติ ก่อนที่เขาจะพูดว่า: “ทำไมเดียวนี้คนต่างชาติถึงเป็นโจรกันมากขึ้นนะ!”
“ แต่ฉันไม่ได้เอาไปจริงๆ!” หญิงสาวได้พูดแย้งกลับมา
“เธอจะบอกว่าเธอไม่ได้เอาไป! ทำไมเธอถึงหน้าด้านแบบนี้! ดี! ฉันจะโทรหาตำรวจเดียวนี้ และฉันจะให้ตำรวจพาเธอเข้าคุก!”
“เข้าคุก! ดี! ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่จะเข้าคุก! ” หญิงชาวต่างชาติเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“อ๊ะ?” คนที่ข่มขู่เธอเริ่มรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกอย่างมาก เพราะปกติถ้าเขาพูดคำนี้ออกมาฝ่ายตรงข้ามจะต้องรีบมอบเงินมาให้เขา เพื่อที่จะได้ไม่เจอเรื่องยุ่งยากตามมา
“ได้! แต่จะไม่เวลานี้อย่างแน่นอน เธอจะต้องคืนเงินสองพันหยวนมาให้ฉันก่อน ไม่อย่างนั้นเธอก็อย่าหวังว่าจะออกไปจากที่นี้ได้!” ชายคนนั้นได้พูดขู่ออกมา
“แต่ฉันไม่ได้เอามันไปจริงๆ!”
……
“ อืม?” ลูชินพูดด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น และเขาก็รู้ว่าผู้หญิงชาวต่างชาตินั้นเป็นใคร เธอเป็นรองกัปตันของเครื่องบินส่วนตัวของเขาที่มีชื่อว่าแฟนนี่
บริษัทลู่เทคโนโลยีได้ซื้อเครื่องบินส่วนตัวจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่จะมีสมาชิกลูกเรือจำนวนมากเป็นพิเศษ และแฟนนี่เองก็รับผิดชอบเรื่องเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของลูชิน ก่อนหน้านี้เขาเองยังพูดคุยกับเธออยู่เลย
ไม่กี่วันที่ผ่านมาแฟนนีเองก็ทักแชทมาคุยกับเขาทุกวัน แต่เขาก็ไม่มีเวลามาตอบเธอทุกครั้ง ดังนั้นเขาจึงลืมไปแล้วว่าเธอเองก็อยู่ที่จังกวัดเจียงเฉิงด้วย
“ แฟนนี่!” ลูชินได้ตะโกนเรียกเสียงดัง ฟานนี่ที่ได้ยินคนเรียกชื่อตัวเองก็หันกลับมามองทันที ก่อนที่เธอจะแสดงความประหลาดใจออกมาและตะโกนตอบกลับไปว่า: “ประธานลู!”
ลูชินได้เดินเข้าไปและอย่างสงสัยว่า: “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณเป็นเพื่อนของเธอเหรอ?” ชายร่างใหญ่คนที่ตะโกนเถียงกับแฟนนี่จ้องไปคนที่เข้ามาใหม่ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า: “มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ พอดีฉันทำกระเป๋าเงินของฉันหาย และเธอคนนี้ก็เป็นหยิบกระเป๋าเงินของฉันไป นั้นจึงทำให้เงินสองพันหยวนที่ฉันมีอยู่ในกระเป๋านั้นหายไป! ถ้านายเป็นเพื่อนของเธอก็ช่วยเธอจ่ายเงินคืนมาให้ฉันซะ! “
“ไม่อย่างนั้น! ทั้งนายและเธอจะไม่มีวันออกไปจากที่นี้ได้!”
แฟนนี่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว: “ประธานลู! ฉันไม่ได้เอาเงินของพวกนั้นไปจริงๆนะ ฉันก็แค่มาเดินเล่นที่ทะเลสาบนี้ ก่อนที่ฉันจะเจอกระเป๋าเงินตกอยู่บนพื้น ฉันที่เห็นแบบนั้นก็ได้หยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะโทรเรียกตำรวน แต่ใครจะคิดว่าฉันยังไม่ได้โทรหาตำรวจเลย คนพวกนี้ก็เข้ามาล้อมฉันพร้อมกับพูดว่าฉันขโมยเงินของพวกเขาไป! “
“ก็มันเป็นเรื่องจริง!” ชายร่างใหญ่เดินเข้าไปคว้าแขนของแฟนนี่ ขณะที่ลูชินเห็นแบบนั้นเขาก็รีบจับแขนของชายคนนั้นไว้ ก่อนที่เขาจะใส่แรงกดลงไปจนทำให้ชายคนนั้นร้องออกมา
ซูเฉิงที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามาห้ามสถานการณ์ทันที: “ฉันว่าพวกนายควรจะให้เรื่องจบได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันเกรงว่าพวกนายคงจะต้องเสียใจกับสิ่งที่จะตามมาอย่างแน่นอน”
“มึ* ปล่อยมือกูเดียวนี่!” ชายคนที่ลำชินจับมือไว้นั้นได้ร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกว่ามือที่ลูชินใช้จับเขาไว้นั้นเหมือนเป็นคีมคีบเหล็กที่แข็งแกร่ง
แฟนนี่เห็นสิ่งนี้จากระยะใกล้ มันทำให้เธอแสดงสีหน้าสยองขวัญออกมา
“จะง่ายไปมั้ย! ก่อนหน้านี้นายบอกว่าเพื่อนของฉันขโมยเงินนายไปถึงสองพันหยวน?” ลูชินที่พูดมาถึงตรงนี้ก็หลุดหัวเราะเยาะออกมา “นายรู้ไหมว่าเงินเดือนของเธอต่อเดือนนั้นมากแค่ไหน?”
“กูไม่สน! ตอนนี้มึ*ช่วยปล่อยมือกูก่อนได้ไหม? ไม่อย่างนั้นมึ*เจอดีแน่!” ชายคนนั้นใช้ทั้งการขอร้องและการขู่ออกมา
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็เริ่มแรงบีบมากขึ้น: “โอ้! นี้นากำลังขู่ฉัน? ฉันละอยากเห็นจริงๆว่านายจะทำอะไรได้!”
“มึ*ว่าอะไรนะ?” พวกเพื่อนๆของชายคนนั้นได้เดินเข้ามาล้อมลูชินเอาไว้ทันทีหลังจากที่พวกเขาได้ยินประโยคนั้นของลูชิน
ซูเฉิงที่เห็นแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า: “หยุดนะ! นี่คือสวนสาธารณะ! พวกนายควรรู้ไว้ว่าถ้าพวกนายก่อปัญหาขึ้นที่นี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง!”
“พวกนายคิดว่าฉันพูดเล่นใช้ไหม?! ได้! ฉันจะโทรหาผู้อำนวยการหูทันที! ฉันเองก็อยากรู้เช่นกันว่าถ้าพวกนายโดนผู้อำนวยการหูจับจะเกิดอะไรขึ้น?”
พูดจบเธอก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนที่จะโทรไปยังหมายเลขหนึ่งทันที: “สวัสดีค่ะ! ผู้อำนวยการหูค่ะ! พอดีฉันเจอปัญหานิดหน่อยในเมืองของท่านนะค่ะ! ใช้ค่ะ…”
เมื่อพวกนั้นได้ยินชื่อของผู้อำนวยการหู หลายคนได้แสดงสีหน้าตกใจออกมา พวกเขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูสวยคนนี้จะมีเส้นสายมากขนาดนี้
หนึ่งในลูกน้องของชายคนนั้นได้พูดขึ้นว่า: “ดี! ฉันจะเห็นแก่หน้าสวยๆของเธอ เรื่องในวันนี้พวกฉันจะไม่เอาเรื่อง!”
หลังจากที่ชายคนนั้นพูดจบ ทั้งกลุ่มก็รีบวิ่งหนีไปทันทีขนาดกระเป๋าตังต้นเรื่องพวกนั้นยังไม่ได้สนใจจะนำกลับไปด้วยซ้ำ
แฟนนี่ที่เห็นว่าสถานการณ์ได้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็ถอนหายใจออกมา “ฉันต้องขอบคุณประธานลูและเพื่อนของประธานด้วยที่ช่วยฉันเอาไว้”
ซูเฉิงที่พึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกก็สำรวจเธอทันที และเธอก็พบว่าผู้หญิงต่างชาติตรงหน้านั้นดูสวยอย่างมาก และการแต่งตัวของเธอก็มีเอกลักตามแบบของชาวต่างชาติอีกด้วย
“ ไม่เป็นไร! พวกนั้นก็พวกนักต้มตุ๋นที่ชอบมาหลอกชาวต่างชาตินั้นแหละ! ครั้งหน้าถ้าเธอไปเที่ยวที่ไหนก็ระวังเอาไว้ละ มันอาจจะไม่โชคดีเหมือนวันนี้ก็ได้” ลูชินได้พูดเตือนแฟนนี่ออกมา
บทที่306
ผู้แปล : N.
พื้นหลังของแฟนนี่นั้นไม่มีอะไร เฉพาะเรื่องนี้ก็ทำให้ลูชินรู้สึกดีต่อรองกัปตันของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวคนนี้กว่าคนอื่นๆ
“ฉันต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณต้องเจอเรื่องนี้” แฟนนี่พูดขอโทษออกมา
“ ไม่เป็นไร!” ซูเฉิงได้พูดถามอย่างสงสัยว่า “ นี่มันก็ดึกแล้วทำไมคุณถึงยังมาเดินสถานที่แบบนี้คนเดียวอยู่อีก?”
“เรื่องนั้น! พอดีฉันอ่านเจอว่าในประเทศจีนนั้นมีความปลอดภัยมาก ถึงแม้จะตอนกลางคืนก็ตาม ดังนั้นฉันจึงคิดว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่า… “
ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาและพูดว่า : “มันก็จริงที่เดี่ยวนี้ประเทศจีนนั้นมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมาก! แต่นั้นมันอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าคุณต้องเป็นผู้หญิงธรรมดา ไม่ใช้สวยแบบนี้!”
“อ่า! ฉันจะให้ความสนใจในครั้งต่อไป” แฟนนี่ผงกศีรษะอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า “ฉันต้องขอบคุณพวกคุณอีกครั้งจริงๆ”
พวกเธอพูดคุยกันไม่นานซูเฉิงก็รู้สึกว่าแฟนนี่น่ารักอย่างมาก เธอจึงได้เชิญแฟนนี่มาทางอาหารเย็นด้วยกัน เมื่อถึงร้านอาหารแฟนนี่และซูเฉิงนั้นได้นั่งอยู่ด้วยกัน และให้ลูชินนั่งอีกฝั่งอยู่คนเดียว
หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเย็นเสร็จ แฟนนี่ก็ได้ขอตัวกลับไปยังโรงแรมของเธอก่อน โดยที่ครั้งนี้เธอได้เลือกใช้บริการรถแท็กซี่แทนการเดินกลับ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอนั้นยังกลัวเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่
…
ในขณะนี้บนถนนบนภูเขาแห่งหนึ่ง เซียวไบกำลังวิ่งไปมาบนถนนโดยที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านบนของมัน เธอได้สวมเสื้อหนังสีดำรัดรูปที่ตอนนี้กำลังขับเซียวไบไปตามถนน
หลังจากที่ฟานฟานมาถึงจีนแผ่นดินใหญ่ เธอยังคงรักการแข่งรถจักรยนต์เหมือนเดิม ดังนั้นเธอจะใช้ช่วงเวลาว่างออกมาร่วมการแข่งขันในรายการเล็กๆเป็นประจำ และเธอยังได้ขออนุญาตประธานลูในการนำเซียวไบมาใช้อีกด้วย
“ในหัวใจของคุณบิน … ” เสียงของเซียวไบที่กำลังร้องเพลงนั้นก็ยังไม่น่าฟังเช่นเดิม นั้นจึงทำให้ฟานฟานกัดฟันของเธอ: “นายช่วยหยุดร้องเพลงซักพักได้ไหม!”
“เฮ้! พ่อส่งข้อความถึงฉัน!” ระหว่างนั้นเซียวไบก็ได้รับสัญญาณจากลูชิน มันที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอใช้ที่จะตรวจสอบว่าพ่อมันนั้นส่งอะไรมาให้ หลังจากที่มันอ่านเนื้อหาในนั้นก็พบว่าพ่อต้องการให้มันตรวจสอบข้อมูลการสื่อสารทั้งหมดของคนที่ชื่อแฟนนี่
“ว้าว! ฉันไม่คิดเลยว่าพ่อจะสนใจผู้หญิงอื่นแบบนี้ ไม่ได้ละ! ฉันรู้สึกตื่นเต้นจริง! เอ้าละ! พี่สาวฟาน! เราคงต้องรีบกลับบ้านกันแล้ว พอดีฉันต้องกับไปทำงานที่พ่อสั่งให้เสร็จเร็วที่สุด!” เซียวไบได้ตะโกนออกมาก่อนที่มันจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีกเท่าหนึ่งทันที!
“อย่า! นายอย่าทำแบบนี้ ปล่อยให้ฉันขับนายเอง!” ฟานฟานได้ตะโกนออกมา
……
วันรุ่งขึ้นในห้องพักของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
ลูชินได้ตื่นขึ้นมาก่อนที่เขาจะสำรวจร่างกายของตัวเอง เขาพบว่าตอนนี้เขาไม่ได้สวมอะไรอยู่ ตามตัวของเขาก็เหมือนกับว่าได้ถูกใครบางคนเช็ดตัวให้สะอาดหมดแล้ว
มันทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าฉากนี้มันเคยเกิดขึ้นกับเขามาครั้งหนึ่งแล้ว และตอนนี้ฉากนี้มันได้หวนกลับมาหาเขาอีกครั้ง
แต่มันก็แตกต่างจากครั้งที่แล้วเช่นกัน เพราะครั้งนี้เขาไม่ได้เมาจนสติไม่อยู่กับตัว ระหว่างที่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านข้างว่า “นายตื่นแล้วเหรอ?”
“อืม? ตอนนี่มันน่าจะเก้าโมงเช้าแล้ว!” ลูชินได้เปิดผ้านวมขึ้นมาก่อนที่มันจะเผยร่างของอีกฝ่ายที่ไม่มีอะไรปกปิดเช่นเดียวกับตัวเอง เขาที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจ: “พี่คิดดีแล้วใช้ไหม?”
“อืม!” ซูเฉิงได้พูดต่อว่า “ฉันจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของตัวเองเด็ดขาด!”
“อ่า! มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นพระราชายังไงไม่รู้?” ลูชินพูดออกมายิ้มๆ
“ฮะ! นายพูดว่าอะไรนะ!” ซูเฉิงได้ถามกลับมาอย่างจริงจัง “นายนี้ใช้คำเปรียบเทียบได้น่าเกลียดมากเลยรู้ไหม?”
“ฮาฮาฮา!”
……
หลังอาหารเช้าซูเฉิงได้พูดขึ้นว่า: “ฉันคงอยู่กับนายได้ถึงเที่ยงนี้เท่านั้น เพราะงานของฉันนั้นยังรอให้ฉันไปจัดการอีกมาก!”
“งานอะไร? อย่างบอกนะว่างานโครงการที่บ้านเกิดของผมนะนี้!” ลูชินถามออกมาอย่างสงสัย
“ไม่ใช้! ” ซูเฉิงเอามือวางหัวไว้ตรงหน้าอกของลูชินก่อนที่จะพูดออกมาอย่างสบายๆว่า: “ฉันได้ลาออกจากบริษัทเดิมมาได้สองสามเดือนแล้ว”
“อะไรนะ? พี่ลาออกแล้ว?” ลูชินถามกลับว่า “พี่ทำแบบนั้นทำไม?”
“เพราะตอนนี้ตลาดในอสังหาริมทรัพย์กำลังถึงช่วงตกต่ำ และทางรัฐเองก็ได้ออกนโยบายและกฎระเบียบที่กดดันพวกบริษัทข้ามชาติมาอย่างต่อเนื่อง มันจึงทำให้ตอนนี้บริษัทข้ามชาติต่างก็อยู่ในสภาวะตกต่ำที่สุดในรอบสิบปี” ซูเฉิงพูดออกมาด้วยใช้น้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก: “ดังนั้นฉันจึงคิดว่า ฉันควรจะหาช่องทางอื่นจะดีกว่า “
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ลูบเส้นผมของเธอเบาๆ ก่อนที่เขาจะถามว่า: “งั้นตอนนี้พี่กำลังทำอะไรอยู่?”
“ ฉันได้สร้างบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งขึ้นมา หรือมันควรจะเรียกว่ามันเป็นแค่สตูดิโอก็คงไม่ผิดมากนัก!” ซูเฉิงได้พูดต่อว่า “ บริษัทที่ฉันสร้างขึ้นมานั้นจะลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งได้แก่พวกโซเชียลมีเดีย ภาพยนตร์ และวิดีโอต่างๆ”
“ ฉันได้ตรวจสอบมาแล้วว่า เศรษฐกิจของประเทศเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น ยังไม่ได้ก้าวหน้าไปเท่าที่ควร แต่การพัฒนาในอุตสาหกรรมความบันเทิงนั้นกลับสวนทางกับเศรษฐกิจ มันได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว”
“ดังนั้นฉันจึงได้เล็งมาทำเงินในอุตสาหกรรมบันเทิงนี่ และฉันรู้ว่าตอนนี้ผู้คนในประเทศต้องการอะไรมากที่สุด มันหนีไม่พ้นเรื่องของการแสวงหาความเพลิดเพลินทางอารมณ์ของตัวเอง”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็พยักหน้าออกมา: “ใช่! นี่เป็นอะไรที่ดีมาก”
เพราะพวกยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ในประเทศจีนเองก็กำลังวางแผนในเรื่องนี้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นมันจะไม่เกิดพวกเว็บไซต์ไลน์สดหรือไม่ก็พวกช่องเพลงมากมายขนาดนี้
“แล้วนี่พี่จะเริ่มจากตรงไหน?” ลูชินยังคงถามต่อไป
“ในตอนแรกฉันต้องการสร้างซอฟต์แวร์วิดีโอแบบโต้ตอบสั้นๆ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ซูเฉิงได้พูดต่อว่า “หลังจากที่บริษัทของนายได้ทำการเปิดตัวเครื่องฉายภาพสามมิติ ฉันก็คิดว่าจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในธุรกิจของฉัน! “
พูดถึงตรงหน้าซูเฉิงก็เปลี่ยนจากนอนบนหน้าอกของลูชินมาเป็นนั่ง ก่อนที่เธอจะใช้สายที่สื่อความหมายบางอย่างออกมา เธอได้พูดอย่างอ่อนโยน: “ฉันอยากจะนำเทคโนโลยีของนายมาใช้!”
“พี่จะรวมความบันเทิงกับเครื่องฉายภาพสามมิติเหรอ?” ลูชินที่ได้ยินคำนี้ก็สงสัยออกมา จากนั้นจากความสงสัยก็เปลี่ยนไปเป็นความประหลาดใจ
“ ใช่! ฉันจึงเรียกแผนการนี้ว่าความบันเทิงเสมือนจริง!” ซูเฉิงยังได้พูดต่อ“ ตอนนี้อุตสาหกรรมบันเทิงและโซเชียลมีเดียทั้งหมดต่างก็มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก และผู้บริโภคส่วนใหญ่ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือหรือไม่ก็คอมพิวเตอร์ทั้งนั้น! “
“ นายไม่คิดเหรอว่าถ้าเราสามารถนำความบันเทิงที่ผู้บริโภคดูนั้นออกมาจากหน้าจอแบบปกติได้มันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหน”
“ ตัวอย่างเช่น การดูภาพยนตร์หรือไม่ก็การดูกีฬา ถ้ามันสามารถออกมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของผู้ชมได้ … มันจะเป็นการยกระดับในวงการสื่อสารและบันเทิงขึ้นไปอีกขั้นทันที!”
“นี่เป็นก้อนเค้กที่ใหญ่อย่างมาก และมันก็ยังไม่เคยมีใครที่ได้มันไปเช่นกัน!” ซูเฉิงยังพูดอย่างตื่นเต้นต่อว่า “หากอุตสาหกรรมเหล่านี้สามารถทำขึ้นมาได้จริง ฉันต้องบอกว่าสวนแบ่งในตลาดนี้จะต้องตกเป็นของเราทั้งหมดอย่างแน่นอน! ดังนั้นฉันจึงอยากขอความร่วมมือกับนายในเรื่องนี้! “
ฟังถึงตอนนี้ลูชินก็เหมือนนะคิดอะไรได้ นี้ไม่ใช้สิ่งที่เขาต้องการหรอกเหรอ การที่เทคโนโลยีนี้ของเขาสามารถพัฒนาไปยังอุสาหกรรมอีกแห่งได้ มันไม่ใช้เรื่องนี้ต่อบริษัทของเขาหรอกเหรอ!
บทที่307
ผู้แปล : N.
“ความคิดนี้ดีมาก! แต่มันก็ยังมีปัญหาที่ต้องแก้อยู่เช่นกัน นั้นคือการที่ผู้บริโภคนั้นต้องมีตัวเครื่องฉายภาพสามมิติ ไม่อย่างนั้นโครงการนี้ของพี่ก็จะล้มตั้งแต่ที่ยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ! และยังมีทางผู้ผลิตเนื้อหาเองก็ต้องมีตัวเครื่องฉายสามมิติเช่นกัน ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่สามารถส่งข้อมูลมาอย่างเรลไทม์ได้” ลูชินยังได้พูดย้ำต่อว่า “พี่คิดถึงปัญหานี้เหรอยัง? “
“แน่นอน!” ซูเฉิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดเกี่ยวกับมันตั้งแต่เริ่มคิดตัวโครงการความบันเทิงเสมือนแล้ว การที่เราจะแก้ปัญหานี้ได้สำหรับบริษัทอื่นนั้นเป็นไปมาได้ แต่ถ้าเป็นบริษัทของนายก็ไม่มีปัญหา”
พูดถึงตรงนี้ซูเฉิงก็ได้ยืนใบหน้าของเธอเข้ามาใก้ลลูชินก่อนที่จะพูดเบาๆว่า: “ดังนั้นฉันจึงหวังว่านายจะช่วยฉัน!”
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ดูเหมือนว่าจะมีคนเอาเปรียบผมนะ!”
ใบหน้าของซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็เกิดแดงขึ้นมา ก่อนที่เธอจะพูดอย่างภาคภูมิใจ: “แน่นอนว่าคนอย่างซูเสียวจะไม่เอาเปรียบใคร! ฉันจึงได้ตัดสินใจแล้วว่าฉันจะติดตามนายไปชั่วชีวิตของฉัน เป็นไงนายพอใจไหม? “
เธอพูดจบก็ได้โน้มตัวลงมาจูบที่ต้นคอของลูชิน จนกระทั่งเธอได้เลื่อนไปยังข้างหูของลูชินก่อนที่จะพูดเบาๆ: “ตอนนี้ฉันเป็นของนายแล้วนะ!”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพลิกตัวของเธอลง ก่อนที่เขาจะเริ่มกิจกรรมต่อจากช่วงกลางคืน
……
เดิมทีซูเฉิงตั้งใจว่าจะกลับช่วงบ่ายของวันนี้ แต่กับเกิดเหตุที่เธอต้องอยู่ต่ออีกหนึ่งวันแทน
“เกี่ยวกับอุปกรณ์ฉายภาพเสมือนนั้นผมสามรถบอกพี่ได้ว่าทางผมเองก็มีแผนที่จะทำมันให้มีขนาดไมโครอยู่ก่อนแล้ว แต่มันต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้ามันสำเร็จขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์พกพาอัจฉริยะแบบไหน ก็สามารถติดตั้งมันได้ไม่มีปัญหา” ลูชินได้พูดออกมา
“และที่บอกว่าต้องใช้เวลานั้น เพราะตอนนี้ผมได้ให้ทีมวิจัยได้พัฒนามันให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพยนตร์ก่อน”
“ภาพยนตร์!” ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็นิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดว่า “เป็นความคิดที่เข้าท่า! ตอนนี้มีโรงภาพยนตร์หลายแห่งที่กำลังเปิดตัวโปรเจ็คเตอร์การฉายหนังแบบสามมิติ ดังนั้นฉันมันใจว่าถ้านายทำเครื่องฉายนี้ออกมาได้จะต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน”
“ฮาฮาฮา! เราอย่าพึ่งคิดไปไกล เพราะกว่าที่ตัวกล้องฉายภาพเสมือนจะสามารถทำได้ก็ตองใช่เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน”
“เยี่ยมมาก!” ซูเฉิงที่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะจูบลูชินอีกครั้ง: “นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะแค่ไหน?! หลังจากนี้วงการบันเทิงจะต้องสั่นสะเทือนจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
……
ลูชินได้กลับไปที่ศูนย์วิจัยในภาคใต้ ก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือทำการศึกษาอุปกรณ์ฉายภาพเสมือนอย่างจริงจัง เฉพาะข้อมูลภาพที่ตัวคอมไพล์ในคอมพิวเตอร์ก็มีเรื่องที่ทำให้ลูชินต้องเสียเวลาในการพัฒนาขึ้นมาแล้ว นี้ยังไม่รวมพวกตัวแปลงเป็นข้อมูลไปเป็นภาพที่อีก นี้ถือว่าเป็นงานใหญ่สำหรับเขาในรอบสองเดือนเลยก็ว่าได้
ในกลุ่มแชทเทคโนโลยีสีดำ ลูชินที่เจอกับปัญหาที่แก้ไม่ได้เขาได้เตรียมที่จะไปปรึกษาเพื่อนๆในกลุ่มแชท แต่เขายังไม่ได้ถามอะไรเลย สกายเน็ตก็ได้พูดถึงหุ่นยนต์สงคราม T-800 ที่เธอได้ทำการพัฒนาล่าสุดในกลุ่ม
สกายเน็ต: “T-800 ที่ฉันสร้างได้ถูกส่งไปยังอุปกรณ์ส่งสัญญาณเวลา – อวกาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ของสงครามที่เกิดขึ้นอยู่ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดความผิดพลาดตรงไหน?!”
ราชินีแดง: “ผู้สร้างลุคก็ได้พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ทำไม่เธอถึงไม่ฟังเขาบ้าง! (อิโมติคอน: เธอรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นนักเรียนที่แย่ที่สุด!)”
สกายเน็ต: “ไม่! มันต้องเกิดเรื่องผิดพลาดระหว่างที่ฉันส่งหุ่นยนต์ไปอย่างแน่นอน! ไม่อย่างนั้นหุ่นยนต์ T-800 ของฉันที่ได้รับการอัพเกรดแล้วจะไม่หายไปแบบนี้”
“หรือว่าจะเป็นตัวโครงสร้างของ T-800 ที่ไม่แข็งแรงพอ มันอาจจะเกิดการฉีกขาดระหว่างถูกส่งข้ามพื้นที่การเวลาก็ได้! ใช้! มันต้องเป็นแบบนั้น! ฉันจะต้องกลับไปวิจัยให้หุ่นยนต์ T-800 รุ่นต่อไปให้แข็งแกร่งกว่านี้”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ทำไมคุณไม่ฟังสิ่งที่คนอื่นพูดเลยนะ?)”
สกายเน็ต: “ฉันคิดว่าตอนนี้@ราชินีแดง! เธอกำลังสงสัยความสามารถของฉันอยู่! ฉันต้องขอเตือนเธอว่าฉันนั้นมีความฉลาดกว่าเธอไปมาก!”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: หัวเราะพร้อมกับน้ำตาไหล) @ สกายเน็ต เธอต้องการต่อสู้”
สกายเน็ต: “ฉันยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย นี่แสดงว่าเธอนั้นยังมีข้อบกพร่องในด้านอารมณ์ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีทางพูดแบบมนุษย์ออกมาแบบนี้”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันรู้สึกว่าจู่ๆก็มีคนขาดความรัก?) @ สกายเน็ต ฉันขอเตือนให้เธอไร้สาระให้น้อยลงกว่านี้! ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเองว่าอะไรคือความแข็งแกร่ง!”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลูชินได้รีบเข้ามาอย่างอยากรู้อยากเห็น
สกายเน็ต: “ความแข็งแกร่ง? ดี! ฉันจะให้เธอเห็นพลังของกองทัพจักรกลของฉัน! แล้วฉันเองก็จะพิสูจน์ว่าฉันแข็งแกร่งที่สุด!”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: วันนี้ต้องมีคนที่แพ้!)”
โทนี่: “ว้าว! เรื่องนี้น่าสนใจมาก ทั้งสองฝ่ายต่างก็เริ่มป้อนข้อมูลเพื่อจำลองสงครามกันแล้ว ฉันขอเป็นผู้ชมในครั้งนี้!”
บรูซ เวย์น: “+1 ฉันเองก็ขอเป็นผู้ชมในครั้งนี้!”
ปีเตอร์: “ผมยังไม่เคยเห็นพลังของเจ้าใหญ่เลย? วันนี้ผมต้องดูให้เห็นกับตาให้ได้”
แม้แต่ผู้สร้างลุคและออพติมัสไพรม์เองก็ยังได้เข้าสู่แพลตฟอร์มการต่อสู้เสมือนจริงครั้งนี้อย่างเงียบๆ
หลังจากราชินีแดงและสกายเน็ตต่างก็ป้อนข้อมูลสงครามของตนเองในโปรแกรมการต่อสู้เสมือนจริงเสร็จเรียบร้อย ฉากของตัวเกมก็ปรากฏขึ้น สถานที่พวกเธอจะสู้กันนั้นเป็นนครนิวยอร์ก
ทั้งสองฝ่ายได้นำลูกน้องที่มีประสิทธิภาพการรบของตัวเองออกมา ก่อนที่พวกเธอจะแยกย้ายกันไปทำการฝึกซ้อมการรบ
ทางฝั่งของสกายเน็ตนั้นจะเห็นได้ว่าเป็นหุ่นยนต์ทั้งหมด และการต่อสู้ครั้งนี้เธอได้นำลูกน้องมามากเกือบจะกินพื้นที่ด้านหนึ่งของตัวเมือง
ราชินีแดงเองก็ไม่แพ้กัน เธอได้นำกองทัพซอมบี้ชีวตัวล่าสุดของเธอมา ลูชินที่เห็นภาพนี้ก็ได้สวดมนต์ให้พวกตัวเอกของโลกเรซิเดนต์อีวิลทันที ‘ฉันขอให้เธอปลอดภัยด้วยเถอะ’
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันขอสาบานต่อสมาชิกทุกคนในกลุ่มว่าฉันจะไม่แพ้) เอาละ@สกายเน็ต เธอต้องการตายแบบไหน?!”
สกายเน็ต: “@ราชินีแดง เธอนั้นแหละที่ต้องการตายแบบไหน! หรือว่าเธออยากจะโดนระเบิดอินทรีย์ที่ฉันพัฒนาขึ้นมาล่าสุดละ!”
ในแพลตฟอร์มการต่อสู้เสมือนจริงสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังใกล้เข้ามา ซอมบี้หลายตัวกรีดร้องและเครื่องจักรกลต่างๆก็เปิดโหมดสงครามเช่นกัน
“เริ่มต้น!” เมื่อท้องฟ้าได้ร้องออกมา ทั้งสองฝ่ายเริ่มก็เริ่มต่อสู้กันอย่างเป็นทางการ
อยู่ๆบนท้องฟ้าก็ปรากฏเครื่องบินรบไร้คนขับที่มีอาวุธมาเต็มอัตราขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเครื่องบินนี้เป็นของฝ่ายไหน
ทางของราชินีแดงเองก็ไม่น้อยหน้า เธอได้ส่งฝูงซอมบี้ค้างคาวชีวขนาดใหญ่และซอมบี้ที่ถูกดัดแปลงให้คล้ายกับมังกรขึ้นไปต่อสู้ทันที
ผ่านไปไม่นานตัวเครื่องบินก็ได้ถูกทำลายจากกรงเล็บ ความร้อนที่ถูกพ้นออกมาจากซอมบี้มังกร
บทที่308
ผู้แปล : N.
สงครามกลางอากาศได้จบลงอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าซอมบี้ค้างคาวชีวนั้นมีความได้เปรียบกว่า สงครามนี้ได้ครอบคลุมไปเกือบทั่วทั้งเมืองและเศษเนื้อนับไม่ถ้วนรวมถึงพวกซากเครื่องจักรกลเองก็ได้หล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ทางพื้นดินนั้นหลังจากที่มีเศษเนื้อของพวกซอมบี้ค้างคาวตกลงมา ซอมบี้ต่างก็รีบวิ่งเข้าไปกินพวกมันทันที เหตุที่มันทำแบบนั้นเพราะราชินีแดงออกแบบทำให้พวกนั้นวิวัฒนาการตัวเองได้ผ่านการกินนั้นเอง
ในกองทัพเครื่องจักรหุ่นยนต์เองก็ไม่แตกต่างกัน พวกมันได้นำรถหุ้มเกราะมาเก็บเศษซากของเครื่องบินตัวเอง ก่อนที่มันจะนำไปประกอบขึ้นมาใหม่ หรือไม่ก็นำไปอัพเกรดให้กับหุ่นยนต์ตัวอื่น!
กองทัพซอมบี้ที่ทางราชินีแดงนำมานั้นส่วนมากจะเป็นพวกความว่องไว รองลงมาคือซอมบี้จอมพลังซึ่งซอมบี้พวกนี้จะมีความแข็งแกร่งกว่าซอมบี้ที่กลายพันธุ์แบบปกติไปมากนัก นอกจากนี้ยังมีซอมบี้ขนาดใหญ่จำนวนมากที่มีความสูงสามถึงห้าเมตรอีกด้วย – มันเป็นการจัดทัพที่แข็งแกร่งที่สุด!
ทางด้านของสกายเน็ตเองก็ได้เตรียมหุ่นยนต์อย่าง T-002 ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่รวมกันระหว่างอาวุธเคมีและชีวภาพ มันมีขนาดตัวที่ใหญ่และทุกส่วนของร่างกายนั้นก็สามารถใช้เป็นอาวุธได้หมด มันสามารถฉีกยานพาหนะธรรมดาได้อย่างง่ายดาย
ต่อมาเป็นหุ่นยนต์ T-103 มันใหญ่กว่า T-002 เสียอีก หุ่นยนต์รุ่นนี้เองก็มีจุดเด่นในด้านของความแข็งแกร่งและความว่องไว และที่มันแตกต่างจาก T-002 นั้นคือหุ่นยนต์รุ่นนี้ได้ใช้พลังงานความร้อนที่ได้จะฟิวชั่นเป็นเพลังงาน หมายความว่าเมื่อมันระเบิดตัวเองขึ้นมามันจะสามารถทำความเสียหายได้พอๆกับระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็กได้เลย!
…
สรุปสภาพของกองทัพของทั้งสองฝ่าย จะเห็นได้ว่ากองทัพของราชินีแดงนั้นมีความแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย ดูได้จากการที่ซอมบี้ของเธอนั้นสามารถวิวัฒนาการตัวเองได้ตลอดเวลา และที่น่าตกใจกว่านั้นเมื่อมันทำการกินพวกเดียวกันไป มันยังสามารถรักษาตัวเองได้อีกด้วย
ทางสกายเน็ตเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ถึงประเภทของหุ่นยนต์สงครามที่เธอนำมานั้นจะไม่มีความหลากหลายเท่ากับอีกฝั่ง แต่เธอก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้เมื่อมีวัตถุดับเพียงพอ ในที่นี้เธอได้นำพวกเศษของเครื่องบินไรคนขับมาทำการสร้างเป็นหุ่นยนต์ประเภทต่างๆทันที ก่อนที่เธอจะปล่อยให้มันไปอาละวาดยังฝั่งของศัตรู
“ พระเจ้า!” ปีเตอร์ที่เห็นแบบนั้นก็อดอุทานออกมาไม่ได้ “นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว! ผมรู้สึกโชคดีที่พวกเจ้ทั้งสองไม่ได้อยู่ในจักวาลเดียวกับผม ไม่อย่างนั้นผมไม่คิดเลยว่าโลกของผมจะพบกับจุดจบยังไง?”
โทนี่เองก็ได้พูดขึ้นว่า: “นี้แค่กำลังเริ่มเท่านั้น!”
ออพติมัส: “เครื่องจักรสงครามเหล่านี้ดูอ่อนแอเกินไป”
สกายเน็ตที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตอบกับมาทันที: “ยังมีอะไรที่น่าทึ่งกว่านี้อีก!”
ในสนามรบเสมือนจริง หุ่นยนต์สงครามของสกายเน็ตได้วิ่งออกไปจากฝั่งของตัวเอง ตามตัวของพวกมันนั้นเต็มไปด้วยอาวุธเลเซอร์หรือไม่ก็พวกปืนใหญ่ไฟฟ้า พลังทำลายนั้นสามารถทำลายพวกซอมบี้ระดับต่ำได้อย่างสบาย
ราชินีแดงที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ใจดีแต่อย่างใด เธอได้ปล่อยซอมบี้รุ่นทดสอบที่เหมือนกับปลาหมึก มันมีหนวดที่ยาวจำนวนมาก หลังจากที่พวกมันถูกปล่อยออกมานั้นมันได้ตรงเข้าไปกินพวกหุ่นยนต์จากฝั่งของสกายเน็ตทันที
พื้นดินถึงกับสันสะเทือนขณะที่มันได้วิ่งเข้าไปใช้หนวดเจาะหุ่นยนต์ที่อยู่ในสายตาของพวกมันทั้งหมด ก่อนที่จะนำพวกมันเข้ามาในปาก และมันยังไม่ลืมกินพวกซ้อมบี้ที่ตายไปจากการโจมตีระลอกแลกอีกด้วย ไม่ต้องก็รู้ว่าที่มันทำแบบนั้นก็เพราะพวกมันต้องการวิวัฒตัวเองขึ้นไปอีกขั้น!
ไม่เพียงแค่นั้น แต่รถหุ้มเกราะหนักที่ทางสกายเน็ตต่างก็มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันไว้ได้ ก็ถูกมันดึงเข้าไปในปากเช่นกัน!
เห็นภาพนี้แล้วราชินีแดงก็พูดขึ้นว่า: “ดูแค่นี้ก็รู้แล้วใช้ไหมว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน!”
สกายเน็ต: “นี้เป็นเพียงจานเรียกน้ำย่อยเท่านั้น!”
หลังจากที่เธอพูดจบในกองทัพของเธอก็ปรากฏหุ่นยนต์สงครามฮิวแมนนอยด์ขึ้นมา
สกายเน็ต: “นี่คือกองทัพเทอร์มิเนเตอร์ที่ฉันเตรียมเอาไว้สำหรับทำสงครามครั้งสุดท้ายที่โลกของฉัน แค่หนึ่งตัวก็มีพลังรบมากกว่าหุ่นยนต์สงครามปกติถึงสิบเท่า!”
กองทัพเทอร์มิเนเตอร์รุ่นฮิวแมนนอยด์ ได้รีบวิ่งเข้าไปยังซอมบี้ที่เหมือนปลาหมึกนั้นทันที ระหว่างนั้นทางซอมบี้ก็ได้ใช้หนวดที่มันภูมิใจนั้นโจมตีกลับไป แต่เห็นได้ชัดว่าเทอร์มิเนเตอร์รุ่นฮิวแมนนอยด์นั้นมีความเร็วที่เหนือกว่า ไม่ว่ามันจะพยายามโจมตียังไงก็ไม่สามรถถูกตัวได้เลย
สกายเน็ตได้เรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อน ดังนั้นครั้งนี้เธอจึงได้สั่งหุ่นยนต์ของเธอใช้เลเซอร์ฆ่ามันจากภายใน และดูเหมือนว่าการคำนวณของเธอนั้นถูกต้อง เพราะหลังจากที่หุ่นยนต์ของเธอได้ทำแบบนั้นเจ้าซอมบี้ที่เหมือนกับปลาหมึกนั้นก็ได้ระเบิดเป็นเศษเนื้อทันที!
เมื่อกองทัพเทอร์มิเนเตอร์ของสกายเน็ตเริ่มสามารถตอบโต้ได้แบบนั้น ก็เป็นธรรมดาที่ราชินีแดงจะไม่พอใจ
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันอยากรู้จริงๆว่าเธอจะทำยังไงเมื่อเจอกับสิ่งนี้?”)
หลังจากที่เธอพูดจบ ก็ปรากฏกองทัพซอมบี้ที่บินได้ขนาดเล็กออกมาจำนวนมาก พวกมันเหมือนกับด้วง แมลงสาบ หรือไม่ก็แมลงเต่าทอง พวกมันได้บินออกมาจากฝั่งของราชินีแดง
โชคดีของฝั่งสกายเน็ตที่ซอมบี้พวกนี้ไม่ได้มีเปลือกแข็งเหมือนซอมบี้ก่อนหน้านี้ พวกมันเพียงแค่โดยปืนไฟหรือไม่ก็ปืนเลเซอร์ ก็สามารถทำรายมันได้
อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนของด้วงที่มีมากเกินไป มันทำให้การกำจัดให้หมดไปเพียงครั้งเดียวเป็นไปไม่ได้ พวกมันที่เหลือรอดจากการถูกทำรายต่างก็บินเข้าไปเกาะตามตัวของเทอร์มิเนเตอร์รุ่นฮิวแมนนอยด์ทันที
และเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น แมลงเหล่านั้นเริ่มกินสิ่งที่มันเกาะเอาไว้หลังจากผ่านไปเพียงสามวินาที หุ่นยนต์ที่มันเกาะก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว!
ปีเตอร์: “ผมกำลังดูอะไรอยู่!”
Mr. L: “มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก!”
สกายเน็ตเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน: “สัตว์ประหลาดชนิดนี้สามารถกินโลหะได้? แต่หุ่นยนต์ของฉันนั้นเป็นโลหะผสมพิเศษ มันไม่น่าจะถูกทำลายได้ง่ายแบบนี้!”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: กินขยะ), (อิโมติคน: ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเริ่มจะน่าเบื่อ) ฉันคิดว่าเราควรจะพอกันแค่นี้ดีกว่าไหม? ก็เห็นอยู่ว่าเธอไม่สามารถเอาชนะฉันได้”
สกายเน็ตที่ได้ฟังแบบนั้นก็โกรธขึ้นมาจริงๆ: “เธอหมายความว่าอะไร? คิดเหรอว่าเธอชนะฉันแล้ว เดียวฉันจะแสดงความแข็งแกร่งของฉันให้เธอดูเอง! ฉันจะให้คุณเห็น T-1000!”
เธอพึ่งพูดจบก็มีเครื่องบินไร้คนขับลำหนึ่งที่ตรงมาทางสนามรบ และเมื่อมันใกล้จะถึงแล้วก็ทำการกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ทันที
บรูซ เวย์นที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า: “หุ่นยนต์โลหะแบบของเหลวเหรอ? มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ ถ้าฉันสามารถนำมันมาปรับอีกนิดก็สามารถใช้มันเป็นชุดเกราะของฉันได้เลย”
ออพติมัส: “ถ้าฉันคิดไม่ผิด! หุ่นยนต์ประเภทนี้ควรจะมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีทางกายภาพทั่วไปที่ต่ำ”
แน่นอนว่าเมื่อหุ่นยนต์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้น พวกแมลงซอมบี้ก็ไม่รอช้าที่จะบินเข้าไปกินมันให้หมด แต่เมื่อพวกมันเข้าไปใกล้แล้วกับเป็นพวกมันเองที่ถูกหุ่นยนต์นี้ทำลายเสียเอง!
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันเกลียดอะไรที่เหลวๆที่สุด!)”
ราชินีแดง: “ในกรณีนี้ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเปิดตัวซอมบี้ที่อยู่ในขั้นทดลองของฉันเสียแล้วสิ! “
ปีเตอร์: “ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้?!”
เขาเพิ่งพูดจบก็ต้องสีหน้าตกใจออกมาทันที ทางฝั่งกองทัพซอมบี้ชีวของราชินีแดงได้มีเงาปรากฏขึ้น
มันเป็นซอมบี้ที่สวมชุดต่อสู้สิ่งที่แปลกอย่างมาก แต่มันกับเป็นสิ่งที่ทำให้ปีเตอร์ประหลาดใจ เพราะชุดนั้นมันเหมือนชุดที่เขาใช้อยู่เป็นประจำนั้นเอง!
และหลังจากที่ซอมบี้ตัวนี้ปรากฏตัวเองก็ได้ปล่อยใยออกมา แต่ถ้าสังเกตดีๆจะรู้ว่าใยที่มันปล่อยออกมานั้นแตกต่างจากใยแมงมุมปกติ เพราะนั้นมันเป็นเส้นเลือดฝอยที่ผ่ายการดัดแปลงมาแล้ว ในส่วนของความแข็งแรงนั้นมันกับมีความแข็งแรงกว่าใยแมงมุมที่ปีเตอร์ใช้เสียอีก
ถ้าเขาดูไม่พลาดเมื่อกี้นี่ เขาเห็นว่าใยนั้นสามารถตัดโลหะได้อีกด้วย!
ตามทฤษฎีแล้วความยาวของหลอดเลือดของมนุษย์ถ้านำมารวมกันแล้ว สามารถพันรอบโลกได้ถึงสองรอบ ไม่ต้องคิดเลยว่าซอมบี้ตัวนี้จะสามารถใช้ใยจากเส้นเลือดของตัวเองได้มากขนาดไหน?
ปีเตอร์เห็นว่าซอมบี้แมงมุมนั้นได้ยิงเส้นเลือดฝอย ห่อเทอร์มิเนเตอร์ T-1000 เอาไว้ และหลังจากนั้นไม่นานหุ่นยนต์ที่มีสถานะเป็นของเหลวนั้นก็ถูกย่อยทำลายไปที่สุด
บทที่309
ผู้แปล : N.
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมเจ้านั้นถึงสามารถทำลาย T-1000 ของฉันได้?” สกายเน็ตรู้สึกประหลาดใจอย่ามาก ถ้าพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพแล้วละก็หุ่นยนต์ T-1000 เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงมาจาก T-800 ซึ่งนั้นก็หมายความว่าขีดความสามารถด้านต่างๆของมันได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น มันไม่ควรจะมาถูกทำลายได้ง่ายๆแบบนี้
ปีเตอร์ที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะถามว่า: “สัตว์ประหลาดนี้คืออะไร! ทำไมความสามารถของมันถึงเหมือนผมแบบนี้ @ราชินีแดง!”
ราชินีแดงที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะตอบแต่อย่างใด เธอได้อธิบายว่า: “นี่เป็นซอมบี้ตัวล่าสุดที่ฉันได้วิจัยและพัฒนาขึ้นมา โดยที่มันคือการนำตัวซอมบี้ที่มีประสิทธิสูงมารวมกับไวรัสของเธอ ตอนนี้มันจึงเป็นซอมบี้ที่มีพลังการต่อสู้เป็นอันดับหนึ่งของซอมบี้ทั้งหมดที่ฉันสร้างขึ้นมา!”
เมื่อได้ฟังรายละเอียดซอมบี้แบบนี้ก็ทำให้ตัวปีเตอร์รู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็คิดได้ว่าในโลกของเจ้ใหญ่นั้นประชากรโลกกว่า 97% กลายเป็นซอมบี้ มันคงจะไม่แปลกอะไรที่เธอจะนำตัวซอมบี้มาเป็นตัวทดลองแทนมนุษย์แบบนี้
“อ่า! ซอมบี้แบบนี้ต้องไม่สามารถผลิตเป็นจำนวนมากได้อย่างแน่นอน! แค่ฉันหาวิธีกำจัดมันได้ก็จบเรื่องแล้ว!” สกายเน็ตได้หาข้อบกพร่องของซอมบี้แมงมุมนี้ได้ทันที และเธอยังคิดแผนการรับมือเอาไว้อีกด้วย
เธอจะใช้เลเซอร์แบบข่ายทำการยิ่งไปยังมัน เธอคิดว่าถ้าใช้วิธีนี้ซอมบี้ตัวนั้นจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน เหมือนว่าความคิดนี้ของเธอจะใช้ได้ เพราะหลังจากที่ตัวซอมบี้แมงมุมนั้นถูกเลเซอร์ทำลายอย่างง่ายดาย
แต่เหมือนว่าระหว่างที่มันกำลังจะตายนั้นได้มีสสารสีดำปรากฏขึ้นมา และในทันใดนั้นมันก็รวมเข้ากับตัวซอมบี้แมงมุมอย่างรวดเร็ว แล้วปิดกั้นการโจมตีของอาวุธเลเซอร์อย่างสิ้นเชิง
ปีเตอร์ที่เห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับพูดด้วยความหวาดกลัว: “นี่คือ … ปรสิตที่เกาะฉันตอนนั้น!”
เขารู้เรื่องสสารสีดำนี้ มันเป็นกาฝากจากดาวเคราะห์นอกโลก กาฝากประเภทนี้มันสามารถปรับปรุงความสามารถต่างๆของโฮสต์ได้เป็นอย่างดี และเขาคิดว่าหลังจากนี้ตัวซอมบี้แมงมุมนี้จะต้องถูกอัพเกรดขึ้นไปอีกระดับอย่างแน่นอน
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ขอแสดงความยินดีด้วย! คุณคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว!)”
หลังจากที่เธอพูดจบ ปรสิตที่เข้าไปรวมกับซอมบี้แมงมุมก็เกิดคุ่มคลั่งขึ้นมา ไม่สามารถควบคุมมันได้ มันได้เข้าไปกัดกินพวกเดียวกันอย่างไม่เลือก
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน ถอนหายใจ) ปรสิตตัวนี้ยังไงก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้ ฉันคิดว่าแก้ปัญหานี้ได้แล้วเสียอีก”
เธอที่พูดมาถึงตรงนี้ก็มีซอมบี้ค้างคาวบินเข้ามาใกล้ ก่อนที่มันส่งคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่สามารถแยกปรสิตนี้ออกจากตัวซอมบี้แมงมุมได้
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น การต่อสู้กันระหว่างราชินีแดงและสกายเน็ตก็ได้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะนี้คือการจำลองการต่อสู้ไม่ใช้การต่อสู้จริง พวกเธอจึงไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเผลอทำลายโลกไป ดังนั้นพวกเธอจึงได้ส่งอาวุธลับของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง
สงครามใช้เวลาน้อยกว่าสิบนาที แต่นครนิวยอร์กจำลองกับเต็มไปด้วยหลุมลึกมากมาย ทางกองทัพหุ่นยนต์เหล็กและกองทักซอมบี้ต่างก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน จะเห็นได้ว่าตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้ลดการต่อสู้กันให้เหลือน้อยที่สุด และหันกลับมาปรับปรุงกองทัพของตัวเองเพื่อที่ว่าพวกเธอจะได้กลับไปสู้กันในศึกตัดสินครั้งสุดท้าย
ฝั่งของราชินีแดงนั้นก็ยังสามารถกู้คืนพวกเนื้อและเลือดจากศพพวกซอมบี้ได้ เธอหวังว่าหลังจากที่ซอมบี้ที่เหลืออยู่กินพวกนี้เข้าไป มันจะสามารถวิวัฒนาการกลายพันธุ์ขึ้นไปอีกระดับได้
สกายเน็ตที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า “@ราชินีแดง ศึกก่อนหน้านี้ถือว่าเธอโชคดีที่หุ่นยนต์ของฉันยังไม่ได้รับการอัพเกรดที่สมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นกองทัพซอมบี้ของเธอคงถูกทำลายไปนานแล้ว!”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: จริงเหรอ?) อาวุธลับชิ้นสุดท้ายอย่างเทพธิดาสีเลือดของฉันเองก็ยังไม่เสร็จดี ไม่อย่างนั้นกองทัพหุ่นยนต์ของเธอคิดเหรอว่าจะมาถึงจุดนี้ได้!”
“เทพธิดาสีเลือด?” ทุกคนที่ได้ฟังแบบนี้ต่างก็แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นออกมา ราชินีแดงเองก็ไม่ทำให้ทุกคนรอนาน ตรงมุมหนึ่งของฝั่งของเธอได้ปรากฏผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดสูทสีดำเดินออกมา
ผิวขาว ผมสีแทน ร่างกายสูง
“อลิซ?” ลูชินที่เห็นเธอก็เผลอพูดชื่อหนึ่งออกมา นี่ไม่ใช่โคลนของอลิซหรอกเหรอ?
ตามแผนเดิมของบริษัทอัมเบลล่า พวกนั้นต้องการใช้เธอเป็นอาวุธชีวภาพที่แข็งแกร่งที่สุด และตอนนี้เขาไม่แน่ว่าเธอได้เป็นรับไวรัสทีที่สมบูรณ์แบบแล้วหรือ
ระหว่างที่ลูชินกำลังคิดอยู่นั้น อลิซได้เดินไปที่ทางฝั่งของกองทัพหุ่นยนต์สกายเน็ต
“ ผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้หรือที่จะมาทำลายกองทัพของฉัน?” สกายเน็ตได้พูดออกมาย่างดูถูกว่า “หรือว่าตอนนี้เธอยอมรับแล้วว่าฉันแข็งแกร่งกว่าเธอ!”
สิ้นเสียงของสกายเน็ตอาวุธร้ายแรงนับไม่ถ้วน ได้เล็งไปที่อลิซอย่างพร้อมเพียงกัน ขอแค่พวกมันได้รับคำสั่งจากสกายเน็ต พวกมันก็พร้อมที่จะลั่นไกทันที
อลิซที่กำลังเผชิญกับสิ่งนี้ เธอไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย เธอทำเพียงส่งเสียงกรีดร้องออกมา ก่อนที่คลื่นเสียงนั้นจะกระจายไปรอบทิศทางรอบตัวของเธอ
ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ของสกายเน็ตหรือว่าพวกซอมบี้ที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็ถูกทำลายลงทั้งหมด! มันทำให้คนที่เห็นสถานการณ์ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา!
“แม่มดสีแดง?” โทนี่ที่เห็นแบบนั้นก็นึกถึงคู่ต่อสู้ที่เขาพึ่งจะเจอมา!
ในตอนแรกเพราะแม่มดสีแดง เขาถึงได้เข้ามาปรึกษาสมาชิกในกลุ่มนี้และเขาก็พึ่งจะทำหมวกป้องกันจิตใจได้
สกายเน็ตที่เห็นแบบนั้นก็ตกตะลึงจริงๆ เธอใช้เวลาคำนวณซักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า: “มันคืออะไร? มันสามารถทำให้คลื่นสัญญาณและพวกเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ถูกทำลายได้ทันที มันเทียบได้กับพายุคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า! ทำไมสิ่งมีชีวิตทางชีวภาพถึงสามารถทำการโจมตีแบบนี้ได้?”
หลังจากที่เทพธิดาสีเลือดหรืออลิซได้ทำการโจมตีจบลง เธอก็นอนลงบนพื้นทันทีก่อนที่เธอจะถูกพาตัวไปโดยซอมบี้ประเถทสัตว์
ราชินีแดงที่เห็นแบบนี้ก็พูดขึ้นว่า: “สกายเน็ต เธอแพ้แล้ว!”
“ปรากฏว่าฉันแข็งแกร่งกว่าเธอฮาฮาฮา!”
สกายเน็ตได้เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: “การต่อสู้แบบจำลองครั้งนี้ถือว่าเธอเป็นฝ่ายชนะ! แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอแข็งแกร่งกว่าฉัน บางทีถ้าพวกเราต่อสู้กันในโลกแห่งความจริง อาจจะเป็นเธอก็ได้ที่เป็นฝ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ “
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: เอาที่เธอสบายใจ)”
Mr. L: “ผู้หญิงเมื่อกี้คือใคร? @ ราชินีแดง เธอยังมีอะไรที่ซ่อนเอาไว้อีกใช้ไหม?”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: มองไปรอบๆ ) ฉันจะไม่บอกคุณเด็ดขาด! “
ปีเตอร์: “ผมรู้สึกว่าศึกจำครองครั้งนี้ มันเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก! “
โทนี่: “ดูเหมือนว่าฉันจำเป็นต้องรีบศึกษาเกราะป้องกันซอมบี้บ้างแล้ว”
บรูซ เวย์น: “โลกนี้ช่างเลวร้ายจริงๆ!”
ออพติมัส: “สงครามนำมาซึ่งการทำลายล้างทุกอย่าง”
ผู้ผลิตลุคไม่พูดอะไรออกมาตั้งแต่ต้นจนจบศึกจำลองนี้
หลังจากที่การต่อสู้ที่จำลองระหว่างราชินีแดงและสกายเน็ตได้จบลง ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ยอมรับว่าอีกฝ่ายฉลาดกว่าตัวเองอยู่ดี
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า สกายเน็ตจะเป็นน้องสาวฉันนับตั้งแต่นี้)”
สกายเน็ต: “อะไรนะ! ฉันไม่ยอมรับมัน เธอรอจนกว่าฉันจะสร้างเทอร์มินัลรุ่น TX เสร็จก่อน แล้วเราค่อยมาแข่งกันอีกครั้ง”
Mr.L: “ทำไมพวกเธอถึงต้องต่อสู้กัน ทั้งๆที่พวกเธอนั้นก็เหมือนกันขนาดนี้”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันไม่สนใจ!)
บทที่310
ผู้แปล : N
Mr. L: “(อิโมติคอน: ฉันยกมงกุฎให้เธอจริงๆ)”
ราชินีแดง: “ขอบคุณเจ้าของกลุ่ม! เร็วๆนี้ฉันจะส่งซอมบี้รุ่นพิเศษไปให้คุณทดลองใช้”
Mr. L: “อย่าเลย! ฉันรู้สึกเกรงใจเธอนะ!”
เมื่อสิ้นสุดการพูดคุยนี้ ลูชินก็ได้พูดถึงปัญหาที่เขาเจอให้กับเพื่อนๆในกลุ่มฟัง เห็นได้ชัดว่ามีคนที่ตอบกลับข้อความของเขานั้นเพียงสองคนเท่านั้น คือราชินีแดงและปีเตอร์ส่วนคนอื่นๆนั้นได้ขอตัวไปทำธุระของตัวเองก่อน
สิ่งที่น่ายินดีกว่านั้นคือตอนนี้ระดับช่องสุ่มอังเป๋าได้ขึ้นมาเกินครึ่งเรียบร้อยแล้ว และช่องสุ่มสมาชิกใหม่เองก็เกือบจะเต็มแล้วเช่นกัน
……
ในสำนักงานบริษัทลู่เทคโนลยี ซู่จิงกำลังตรวจสอบแผนการลงทุนล่าสุดของบริษัท โดยที่ในรายงานได้แสดงให้เห็นว่าตัวบริษัทได้ทำการอนุมัติการลงในสื่อบันเทิง และบริษัทที่เป็นต้นเรื่องนั้นก็มีชื่อว่า ซูเฉิงการบันเทิง
บริษัทนี้มีขนาดเล็กและมีพนักงานน้อยกว่า 20 คนเสียอีก ทุนจดทะเบียนบริษัทของพวกเขาก็ทำเพียงแค่ 5 ล้านหยวนเท่านั้น และสิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือในบริษัทของพวกเขานั้น ยังไม่มีนักแสดงหรือดาราในสังกัดด้วยซ้ำ
ซู่จิงได้ย้นคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะได้เรียกตัวแทนทางกฎหมายของบริษัทขึ้นมาปรึกษาเรื่องนี้ ตัวแทนด้านกฏหมายคนที่ซู่จิงเรียกมานั้นเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเรียกว่าหยูเหยา
“ ฉันต้องการรู้ว่าใครเป็นคนเสนอโครงการนี้ขึ้นมา?” ซู่จิงได้ถามขึ้นมาทันทีที่เห็นหยูเหยา
เธอที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับไปว่า: “โครงการนี้ถูกประธานลูเสนอขึ้นมาในเช้าของวันนี้ค่ะ! เห็นว่านี้จะเป็นแผนการขยายการลงทุนของเราให้กว้างมากขึ้น “
“อืม! ” ซู่จิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็เงียบไปซักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า: “เอาละ! ฉันได้อ่านตัวโครงการนี้แล้วไม่พบปัญหาอะไร! แต่มันมีจุดที่ต้องแก้ไขนิดหน่อยก่อนที่ฉันจะทำการอนุมัติมัน!”
“มีปัญหาตรงไหนค่ะ” ผู้ช่วยพร้อมที่จะทำการบันทึก
“การลงทุนในครั้งนี้บริษัทลู่เทคโนโลยีของเราเป็นคนออกให้ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาควรจะเข้ามาเป็นบริษัทในเครือของเรา! ไม่ใช้บริษัทของพวกอีกต่อไป! นอกจากนี้ชื่อของตัวบริษัทเองก็ต้องทำการเปลี่ยนจากเดิมที่ชื่อว่า บริษัทซูเสียวการบันเทิง ไปเป็นเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์”
“เธอต้องไปบอกทางบริษัทนั้นว่านี้คือเงื่อนไขของเรา ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ งั้นโครงการนี้ก็คงต้องถูกปัดตกไป! “
“ได้ค่ะ! ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
หลังจากที่ผู้ช่วยฝ่ายกฎหมายได้รับเรื่องนี้แล้ว เธอก็รีบกลับไปจัดการให้อย่างรวดเร็ว
ทางบริษัทของซูเฉิงหลังจากที่ได้รับรู้เงื่อนไขนี้ก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านแต่อย่างใด เพราะเธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันคงแปลกถ้าบริษัทยักใหญ่แบบนั้นจะปล่อยให้บริษัทเล็กๆอย่างเธอบริหารได้อย่างอิสระโดยที่ไม่มีเงื่อนไขบังคับ
เมื่อมีการตอบตกลงมาจากทางซูเฉิง ทางบริษัทลู่เทคโนโลยีก็ประกาศการลงทุนครั้งใหม่นี้ของพวกเขาต่อสาธารณะชนทันที โดยที่มีเนื้อหาว่าทางบริษัทลู่เทคโนโลยีจะทำการลงทุนในอุสาหกรรมบันเทิงสูงถึงห้าพันล้านเหรียญ และพวกเขาจะทำการจัดตั้งบริษัทในเครือแห่งใหม่ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่าบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
การลงทุนห้าพันล้านเหรียญนั้นไม่ได้เป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆแต่อย่างใด หลังจากที่ข่าวเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผย ก็ทำให้หลายฝ่ายทำการจับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
“บริษัทลู่เทคโนโลยีจะเปิดตัวธุรกิจใหม่อย่างบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด พวกเขาต้องการเข้าสู่วงการบันเทิงใช้ไหม?”
การเดินเกมครั้งนี้ของบริษัทลู่เทคโนโลยีทำให้หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า พวกเขาต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในชิ้นเค้กก้อนนี้ และด้วยฐานแฟนคลับที่พวกเขามีอยู่แล้วมันก็เป็นเรื่องไม่ยากที่พวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นยักใหญ่ในวงการนี้
หลังจากการก่อตั้งบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือการจัดตั้งบริษัทย่อยของตัวเองอีกแห่งที่ชื่อว่าเรทฟิล์ม ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทธุรกิจเชิงรุกแห่งแรกของพวกเขา
ในความเป็นจริงตามความคิดของลูชิน ทางบริษัทไม่จำเป็นต้องลงทุนมากขนาดนี้ในอุสาหกรรมบันเทิง เพราะส่วนใหญ่เทคโนโลยีของพวกเขานั้นก็ไม่ได้มุ้งเน้นไปด้านดีมากนัก
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ของตัวเครื่องฉายภาพสามมิติออกมา มันก็ทำให้ทางพวกนักวิเคราะห์และกลุ่มผู้หารส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ทางบริษัทของเขาควรจะก้าวเข้าไปยังเค้กก้อนนี้อย่างเป็นทางการได้แล้ว และพวกเขายังรับประกันว่า ด้วยตัวเครื่องฉายภาพสามมิตินี้จะต้องทำกำไรได้อย่างแน่นอน
และมันก็พอดีที่ช่วงนี้ทางรัฐบาลได้ออกนโยบายการสนับสนุนในเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นลูชินจึงเห็นด้วยที่จะเข้าไปมีส่วนแบ่งจากเค้กก้อนนี้
คำประกาศแรกที่ทางบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้ออกมานั้นคือการที่พวกเขาจะทำการเปิดตัวภาพยนตร์สามมิติเสมือนจริงครั้งแรกของโลก โดยในชื่อของบริษัทเรทฟิล์ม
ในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์
หลังจากข่าวที่ว่าทางบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กำลังจะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์สามมิติที่สมจริงที่สุดในโลกอยู่นั้น ได้เป็นที่จับตามองของผู้กำกับชั้นนำ นักเขียนบทภาพยนตร์ นักแสดง และอื่นๆ
ในเรื่องนี้ปฏิกิริยาแรกในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ไม่ใช้การแปลกใจ แต่เป็นการกังวล
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทภาพยนตร์และบริษัทโทรทัศน์ ต่างก็มีความรู้สึกไม่ดีอย่างมากหลังจากที่พวกเขารู้ว่าบริษัทลู่เทคโนโลยีนั้นต้องการเข้ามายังอุสาหกรรมนี้ เพราะมันไม่ต่างจากการท้าทายสถานะของพวกเขาซึ้งๆหน้าหรอกเหรอ!
ยิ่งไปกว่านั้นทางบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ยังได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการด้วยว่า พวกเขาจะทำการถ่ายทำภาพยนตร์สามมิติที่เสมือนจริงที่สุด แค่คำประกาศนี้เพียงประกาศเดียวก็ทำให้พวกเขารู้สึกถึงความกดดันที่ทางพวกนั้นทำได้แล้ว
เพราะถ้าพูดถึงเรื่องภาพสามมิติที่สมจริงที่สุดแล้วนั้น ไม่มีใครที่ไม่รู้ว่าบริษัทลู่เทคโนโลยีมีมันอยู่ และการที่พวกนั้นได้ตัดสินใจใช้เทคโนโลยีนี้แบบนี้ มันถือว่าเป็นการเดินหมากที่รุนแรงสำหรับพวกเขาอย่างมาก
บริษัทลิดาฟิล์ทจำกัด ถือว่าเป็นของบริษัทยักใหญ่ที่รู้จักกันดีในประเทศจีน
การจัดอันดับบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกครั้งล่าสุด บริษัทลิดาฟิล์มเองก็ได้ติดหนึ่งใน 500 บริษัทชั้นนำของโลก
พวกเขาถือว่าเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศ เพราะไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือไม่ก็รายการทางโทรทัศน์ โรงภาพยนตร์ สื่อ และอื่นๆ พวกเขาก็มีส่วนร่วมจำนวนมาก และพวกเขาก็ยังถือว่าเป็นบริษัทที่คอยขับเคลื่อนให้วงการบันเทิงในประเทศก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
และเมื่อบริษัทลู่เทคโนโลยีได้ประกาศความต้องการที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง และทำการถ่ายทำภาพยนตร์สามมิติเสมือนจริง พวกเขาเองก็ได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้เช่นกัน
ห้องประชุมของบริษัทลิดาฟิล์ม
“ ทางเราได้สั่งซื้อโปรเจคเตอร์ฉายภาพเสมือนจริงที่เหมาะสมกับการดูภาพยนตร์ จากบริษัทเรมเกมเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นผมคิดว่าพวกเขาคงจะไม่ทำร้ายคู่ค้าอย่างเรา โดยการที่พวกเขาสร้างโรงภาพยนตร์ของตัวเองขึ้นมาเด็ดขาด” เซี่ยกุย ซีอีโอของบริษัทลิดาฟิล์มในประเทศจีน และเขาก็เป็นถึงรองประธานบริหารอาวุโสของกลุ่มลิดา
“ ตอนนี้ทางบริษัทของเราเองก็เริ่มทำการนำภาพยนตร์บางเรื่องมาทำเป็นแบบสามมิติแล้ว แต่มันก็ยังมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการฉายภาพสามมิติของจริงที่ทางบริษัทเรมเกมได้ทำออกมา ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องเร่งพัฒนาเครื่องมือของเราให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพราะฉันคิดว่าภาพยนตร์สามมิตินี้แหละที่จะทำกำไรให้เรามากขึ้น “
“ งั้นเราต้องให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดหรือไม่?” ผู้ช่วยของเขาได้พูดต่อว่า “ เพราะถ้าเราคิดได้บริษัทอื่นก็จะต้องคิดได้แบบเดียวกับเราอย่างแน่นอน”
“ใช่! ฉันจะต้องรีบติดต่อไปยังประธานบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ทันที ฉันคิดว่าพวกเขาคงยินดีที่จะร่วมมือกับเรา” เซี่ยกุยได้พูดออกมาหลังจากที่เขาคิดแล้วว่าเรื่องที่ผู้ช่วยของเขาพูดนั้นมีความเป็นไปได้
บริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด, ซูเสียวกำลังยุ่งอยู่กับงานจำนวนมาก หลังจากที่บริษัทของเธอได้รับการลงทุนจากบริษัลของลูชิน มันก็ช่วยไม่ได้ที่บริษัทของเธอจะต้องกลายเป็นบริษัทในเครือของพวกเขา, แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรต่อบริษัทของเธอ กลับกันมันกับทำให้บริษัทของเธอนั้นเป็นที่จับตามองจากบริษัทคู่ค้ารายอื่นด้วยซ้ำ
บทที่311
ผู้แปล : N.
หลังจากเรื่องที่ทางบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต้องการสร้างภาพยนตร์สามมิติได้ถูกประกาศออกไป ก็ได้มีบริษัทในอุสาหกรรมบันเทิงจำนวนมากเข้ามาติดต่อ หรือไม่ก็ความร่วมมือจำนวนมาก
แม้กระทั่งผู้กำกับ และบริษัทนายหน้าที่มีชื่อเสียงบางรายก็เข้ามาที่บริษัทของเธอ เพื่อที่จะสอบถามเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็ต้องการร่วมมือกับเธอ
แต่จุดประสงค์หลักของบริษัทที่เข้ามาหาเธอนั้นต่างก็มีผลประโยชน์แอบแฝงบางอย่าง ดูเหมือนว่าพวกนั้นต้องการข้อมูลเกี่ยวกับตัวอุปกรณ์บันทึกภาพแบบสามมิติจากความร่วมมือในครั้งนี้
เธอรู้ว่าสิ่งนี้เป็นไพ่ตายของบริษัทของเธอ การที่เธอจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นยักใหญ่ในอุสาหกรรมบันเทิงนี้ได้ เธอจำเป็นต้องพึ่งสิ่งนี้
แต่ก็มีหลายบริษัทที่ส่งเงื่อนไขความร่วมมือมา โดยที่พวกเขาต้องการได้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวอุปกรณ์บันทึกภาพสามมิตินี้ไป ด้วยวิธีการนี้มันเทียบเท่ากับการเปิดข้อมูลเทคโนโลยีนี้ให้กับบริษัทอื่นล่วงหน้า
และด้วยความแข็งแกร่งของบริษัทยักใหญ่เหล่านั้น มันไม่ใช้เรื่องยากที่พวกนั้นจะสามารถทำเครื่องเลียนแบบขึ้นมาในเวลาอันสั้น และถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้น มันจะส่งผลเสียต่อบริษัทของเธอและลูชินอย่างแน่นอน
ดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอย่างเด็ดขาด!
ที่สำนักงานของซูเฉิง ตอนนี้ได้มีแขกพิเศษสองคนจากบริษัทลิดาฟิล์มได้มาหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขความร่วมมือ
แขกคนแรกคือเซี่ยกุยซีอีโอของบริษัทลิดาฟิล์ม และอีกคนคือเจียงสู่หยิง ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทลิดาฟิล์ม
เซี่ยกุยมีอายุมากกว่าสองเท่าของอายุซูเฉิงด้วยซ้ำ วันนี้เขาได้แต่งตัวมาตรฐานสีดำพร้อมด้วยแว่นตาสมาร์ทของบริษัทลู่เทคโนโลยี
เจียงสู่หยิง เป็นผู้หญิงอาวุโสที่ดูน่านับถือ เธอมีอายุมากกว่าสี่สิบเข้าไปแล้ว
“คุณซู คุณคงทราบมาว่าในอุตสาหกรรมบันเทิงนี้ บริษัทของเรานั้นถือว่าเป็นบริษัทยักใหญ่ที่สุดในประเทศจีน หรือแม่แต่ในตลาดระดับโลกอันดับของเราเองก็ถือว่าอยู่สูงอย่างมาก” เซี่ยกุยยังพูดต่อว่า “ถ้าคุณมาร่วมมือกับเราในครั้งนี้ ผมขอรับรองว่าวงการบันเทินทั่วประเทศจีน ไม่สิ! ทั่วโลกจะต้องตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน! “
ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็แสดงรอยยิ้มอย่างมืออาชีพออกมา ก่อนที่เธอจะพูดว่า: “ฉันเองก็เชื่อมันว่าจะเป็นแบบนั้น แต่มันติดอยู่ที่เงื่อนไขที่พวกคุณต้องการนั้นทางเราไม่สามารถทำให้ได้ ดังนั้นทางฉันจึงอยากจะให้คุณเสนอเงื่อนไขอื่นขึ้นมาแทน”
“ อ่า! แต่ผมคิดว่านี่เป็นพื้นฐานของความร่วมมือเสียอีก!” เซี่ยกุยยังได้พูดย้ำอีกว่า “ ผมต้องขออธิบายว่าความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายถือว่าเป็นประโยชน์ร่วมกัน ตราบใดที่บริษัทของคุณยอมรับเงื่อนไขนี้ ทางเราเองก็ยินดีที่จะบรรลุความร่วมมือระยะยาวกับบริษัทของคุณอย่างน้อยสามปี! และยังไม่จำกัดเพียงภาพยนตร์เรื่องเดียวอีกด้วย!”
เจียงสู่หยิงยังพูดเสริมอีกว่า: “คุณซูต้องทราบว่า บริษัทของคุณนั้นกำลังพึ่งก้าวเข้ามายังอุสาหกรรมนี้ พวกคุณไม่มีทั้งทรัพยากร หรือบุคลากรเองพวกคุณก็ไม่มี ดังนั้นฉันคิดว่าเงื่อนไขที่ทางเราเสนอให้คุณนั้นก็ถือว่าพวกเราเป็นประโยน์ต่อคุณมากแล้ว”
“ และถ้าคุณรวมมือกับบริษัทของเรานั้นก็มีผลดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจำนวนโรงหนังที่ทางเรามีทั่วประเทศและในต่างประเทศเองเราก็มีไม่น้อย และเรายังมีขีดความสามารถในการโปรโมตหนังของคุณให้กระจายไปทั่วโลกอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ดังนั้นด้วยวิธีการนี้ทางคุณจะไม่เสียอะไรเลยนอกจากข้อมูลเกี่ยวกับตัวบันทึกสามมิติเท่านั้น”
……
หลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานาน พวกเขาก็ยังไม่มีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ทางซูเฉิงนั้นต้องการใช้ทรัพยากรของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้อย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายเองก็หวังจะขโมยเทคโนโลยีตัวบันทึกสามมิติของฝั่งเธอเช่นกัน
และทั้งสองฝ่ายเองก็ปฏิเสธที่จะยอมถอยหลังให้กันและกัน
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นเธอเองก็ได้หารือความร่วมมือระหว่างบริษัทภาพยนตร์ยักใหญ่อีกหลายแหล่ง แต่ผลสรุปก็ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง นั้นคือล้มเหลว
เหตุที่เป็นแบบนั้น เพราะวัตถุประสงค์ของบริษัทเหล่านี้มีความชัดเจนมาก พวกเขาต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์บันทึกสามมิติ
……
“ดูเหมือนว่าบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ นั้นยังไม่ยอมแพ้กับเรื่องนี้ พวกนั้นคิดจริงๆเหรอว่าถ้าไม่ได้พวกเราช่วย การถ่ายภาพยนตร์สามมิติของมันจะสำเร็จ!” หลังจากที่พวกเขากลับมาจากการพูดคุยกับซูเฉิง เจียงสู่หยิงและเซี่ยกุยได้พูดคุยเรื่องนี้กันตามลำพัง
“พวกนั้นคิดแบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะด้วยอุปกรณ์การฉายภาพสามมิติที่พวกนั้นมี มันถือว่าเป็นสุดยอดของวงการเลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกนั้นจะไม่ยอมมอบข้อมูลนี้มาให้เราง่ายๆ” เซี่ยกุยเองก็ได้พูดสิ่งที่เขาวิเคราะห์ออกมาต่อว่า “แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลาอีกหน่อยถึงพวกนั้นจะรู้ว่าสึกตัว! แต่เราเองก็ไม่สามารถช้าได้ เราจำเป็นต้องเร่งให้พวกนักวิจัยของเราทำการพัฒนาเทคโนโลยีแบบเดียวกับของพวกนั้นออกมาให้เร็วที่สุด! “
“ ในเรื่องนี้ประธานไม่ต้องเป็นห่วง! ฉันได้ติดต่อไปพูดคุยกับตัวแทนของเราที่อยู่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ พวกเขาพูดว่าภายในหนึ่งปีนับจากนี้ พวกเขาจะสามารถวิจัยและผลิตเทคโนโลยีการฉายภาพสามมิติเบื้องต้นได้” เจียงสู่หยิงได้ตอบกับมา
เหตุที่พวกเขาสามารถทำการวิจัยได้เร็วแบบนี้ เป็นเพราะเมื่ออุปกรณ์ฉายภาพสามมิติของบริษัทลู่เทคโนโลยีได้ถูกว่างจำหน่าย ก็ได้ถูกสถาบันต่างๆซื้อไปทำการวิจัยอย่างเร่วด่วน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีเทคโนโลยีที่คล้ายกันออกสู่ตลาด
แม้ว่าทางบริษัทลู่เทคโนโลยีจะเป็นผู้ที่ถือครองสิทธิบัตรหลัก แต่ก็ไม่มีวิธีใดที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีการลอกเลียนแบบผิตภัณฑ์ของพวกเขาขึ้นมา มันก็เหมือนกับการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ คำถามหนึ่งข้อนั้นอาจจะมีข้อสันนิษฐานมากมาย มันมีวิธีมากมายที่จะได้คำตอบออกมา ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พวกเขาก็สามารถอ้างได้ว่าพวกเขาใช้กระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน
“ดี! แต่ตอนนี้เราไม่มีทางปล่อยให้พวกนั้นไปง่ายๆ” เซี่ยกุยพูดต่อว่า “ถ้าเราปล่อยให้พวกนั้นประสบความสำเร็จขึ้นมาจริงๆ พวกนั้นคงไม่รอที่จะลงทุนเพิ่มเติมอย่างแน่นอน “
“ถ้าพวกนั้นไม่สามารถหาทีมที่สามารถมาถ่ายภาพยนตร์ได้ พวกนั้นก็จะต้องกับมาขอร้องพวกเราอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น พวกนั้นไม่เพียงแต่จะต้องเสียข้อมูลของตัวบันทึกสามมิติไปเท่านั้น แต่พวกนั้นจะต้องเสียมากกว่าเดิม “
บริษัทภาพยนตร์ยักใหญ่ต่างก็มีสิทธิ์พิเศษมากมายในอุตสาหกรรมบันเทิง แม้แต่ผู้กำกับและนักแสดงที่ทรงพลังที่สุดก็ต้องฟังพวกเขาถ้าต้องการอยู่รอดในอุสาหกรรมนี้
บริษัทคู่ค้าสำคัญของบริษัทลิดาฟิล์มต่างก็ได้รับข้อความเกี่ยวกับการระงับความร่วมมือกับบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โดยทั่วกัน
“บริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต้องการเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ และพวกนั้นยังปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลกับเราอีก พวกนั้นคงไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นผลดีต่อตัวเองอย่าแน่นอน” ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนี้ต่างก็มีความเห็นตรงกัน พวกเขายินดีที่จะร่วมมือกับบริษัทลิดาฟิล์มเพื่อที่จะกดดันบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ให้ยอมจำนน
บริษัทภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์อื่นๆก็บรรลุข้อตกลงนี้โดยปริยาย ในตอนแรกก็เป็นเพียงบริษัทในจังหวัดภาคใต้ แต่นานเข้าก็กระจายไปทั่วทั้งประเทศในที่สุด
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ซูเฉิงได้เจอกับแรงกดดันแบบนี้
“ประธานซู, คุณลีจวงได้ตอบปฏิเสธคำเชิญของเราเรียบร้อยแล้วค่ะ เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายังบอกว่ายินดีที่จะทำงานรวมกับเราอยู่เลย แล้วตอนนี้ทำไมเขาถึงมาบอกปฏิเสธได้กัน” ผู้ช่วยของซูเฉิงได้พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ
“นี่เป็นคนที่สี่แล้ว!” ซูเฉิงเองก็รู้สึกปวดหัวกับปัญหานี้เช่นกัน ถ้านี้ไม่ใช้การทำภาพยนตร์ครั้งแรกของบริษัทของเธอ เธอต้องการให้การเปิดตัวครั้งนี้สมบรูณ์ที่สุด ถ้าไม่ใช้เพราะแบบนี้ เธอคงไม่รอนานถึงขนาดนี้หรอก
และเธอก็รู้ดีว่าผู้กำกับในประเทศที่มีชื่อเสียงหลายคนที่ปฏิเสธมารวมงานกับเธอนั้นเพาะอะไร พวกเขาคงโดนบริษัทยักใหญ่เหล่านั้นสั่งห้ามอย่างแน่นอน
บทที่312
ผู้แปล : N.
“ประธานซูค่ะ! จะดีกว่ามั้ยถ้าเราเปลี่ยนไปเชิญผู้กำกับจากต่างชาติแทนที่จะเป็นในประเทศ?” ผู้ช่วยของเธอยังได้พูดต่ออีกว่า “ถ้าพูดถึงในเรื่องของผู้ผลิตภาพยนตร์แนวไซไฟ ผู้กำกับจากต่างชาติดูดีกว่าผู้กำกับในประเทศของเราเป็นไหนๆ”
“เธอสามารถลองดูได้! แต่ฉันคิดว่าพวกเขาก็คงไม่สนใจคำเชิญของเราอย่างแน่นอน” ไม่ใช้ว่าเธอไม่เคยคิดที่จะทำแบบนั้น แต่เธอรู้ดีว่าเธอนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวเครื่องบันทึกสามมิติเท่านั้น มันคงไม่สามารถดึงดูดพวกผู้กำกับดังๆได้
อีกไม่กี่วันต่อมาลูชินได้ถามซูเฉิงเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทของเธอ “ภาพยนตร์ของพี่ไปถึงไหนแล้ว?”
“ มันยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ!” ซูเฉิงตอบกลับมาอย่างไม่เต็มใจนัก “ ฉันได้เชิญพวกผู้กำกับและนักเขียนบทไปจำนวนมาก แต่ก็ถูกตอบกับปฏิเสธกับมาหมด ฉันคิดว่าฉันคงต้องเลื่อนการเปิดตัวภาพยนตร์ออกไปอีกนิด”
“ เกิดอะไรขึ้น” ลูชินพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ ถ้าพูดถึงความนิยมแล้วละก็ ตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักอุปกรณ์ฉายภาพสามมิติของเรา ถ้ามันสามารถทำออกมาเป็นหนังได้ แล้วทำไมถึงไม่มีผู้กำกับคนไหนสนใจที่จะทำมันกัน?”
“ฉันคิดว่าพวกนั้นคงถูกกดดันจากพวกบริษัทภาพยนตร์ยักใหญ่นะ!”ซูเฉิงตอบกับมาอย่างจนใจ
“มันเป็นแบบนี้!” ลูชินพูดต่อว่า “ดี! ช่วงนี้ผมไม่มีงานอะไรที่จะทำอยู่แล้ว งั้นผมจะอยู่ช่วยพี่เองอีกแรงเอง!”
“ นายเหรอ?” ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็อดจะพูดเล่นไม่ได้ว่า “ นายไม่เชื่อมือฉันเหรอไง?”
“ อ่า! มันไม่ใช้แบบนั้น! ผมนั้นเชื่อในตัวพี่เต็มรอยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าถ้าเพิ่มมาอีกหนึ่งหัวมันก็อาจจะทำให้เราออกจากสถานการณ์นี้ได้เร็วขึ้น” ลูชินตอบกลับมาอย่างยิ้มๆ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้ศึกษาอุปกรณ์การฉายภาพเสมือนที่ศูนย์วิจัยอย่างจริงจัง เขารู้ว่าหลักการของอุปกรณ์บันทึกภาพนั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่ใครๆต่างคิดกัน หลักการมันเป็นเพียงแค่การสแกนภาพผ่านเลเซอร์ จากนั้นก็นำข้อมูลนั้นไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะใช้โปรแกรมเฉพาะทำการปรับเปลี่ยนและฉายภาพผ่านอุปกรณ์ฉายภาพสามมิติออกมา
ถึงลูชินจะรู้หลักการของเครื่องบันทึกภาพสามมิตินี้เป็นอย่างดี แต่จะให้เขาเป็นคนสร้างภาพยนตร์แน่นอนว่าเขาทำไม่ได้ แต่เขารู้ว่าจะหาใครมาทำในเรื่องนี้ได้
บริษัทเรทเกม ตั้งอยู่ในจังหวัดเจียงเฉิง ลูชินใช้เวลาเดินทางจากนิคมภาคใต้มาถึงในวันเดียว
“ เรามาทำอะไรที่นี่?” เมื่อซูเฉิงเห็นตัวของสำนักงานใหญ่ของบริษัทเรทเกมก็รู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะหันไปถามคนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ได้
“แน่นอนว่าเรากำลังมาหาฝ่ายเทคนิคในหนังให้กับพี่ยังไงละ” ลูชินตอบกับมาแบบยิ้มๆ
“อะไรนะ?” ซูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา
“ ฮาฮาฮา! อีกเดียวพี่ก็จะรู้เองว่าผมหมายถึงอะไร” ลูชินยังคงตอบกับมาแบบยิ้มๆเหมือนเดิม
“…!”
……
บริษัทเรทเกมฝ่ายพัฒนาเกม ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่เป็นผู้ออกแบบเกมสามมิติอย่าง “สามก๊ก” เวอร์ชั่นที่เล่นกันอยู่ในปัจจุบันนี้
ฉินมู่เป็นหัวหน้าของพวกสถาปนิกออกแบบเกมสามก๊ก ได้พูดขึ้นว่า: “ในความคิดของฉัน เราควรจะเน้นในเรื่องของการออกแบบให้อิงกับการต่อสู้แบบทีมให้มากขึ้น พวกนายไม่ฟังครั้งที่ประธานลูพูดในงานหรือไง? เขาต้องการพัฒนาเกมนี้สู่การแข่งขันแบบอีสปอร์ต! ดังนั้นเราควรจะเน้นไปแบบผู้เล่นทีมมากกว่าผู้เล่นเดียว “
“แล้วการแต่งตัวละครับ!” นักออกแบบเกมที่อยู่ใกล้ๆได้พูดต่อว่า “จากผลสำรวจล่าสุด บอกว่าผู้เล่นจะรู้สึกดีขึ้นและใช้จ่ายเงินกับตัวเกมมากขึ้น หลังจากที่พวกเขาสามารถทำการตกแต่งตัวละครของพวกเขาให้แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่น แล้วแบบนี้เราจำเป็นต้องทำการออกแบบชุดตัวละครให้หลากหลายขึ้นไหมครับ? “
ผลสำรวจนี้ไม่ใช้อะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขา เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องมาตรฐานทั่วไปอยู่แล้ว แต่การที่พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยุ้งยากนั้น เพราะการออกแบบชุดตัวละครให้แตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากกับจำนวนที่เกิน500ชุด
ระหว่างที่พวกฉินมู่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทางเข้าของฝ่ายพัฒนาเกมก็มีเสียงตะโกนขึ้นมา
“พระเจ้า! ฉันพึ่งได้รับเรื่องจากหัวหน้าว่าเดือนนี้เราจำเป็นต้องปล่อยทีเซอร์ตัวใหม่อีกแล้ว! ” ชายหนุ่มสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำตะโกนออกมาอย่างว่านี้จะเป็นวันสิ้นโลกยังไงยังงั้น “ฉันทำงานจนจะบ้าอยู่แล้ว !”
คนที่เข้ามาใหม่นี้มีชื่อว่า เหวยเหว่ย เขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ดูแลเกมสามก๊กเช่นกัน และหน้าที่หลักของเขาคือการสร้างแผนภูมิในด่านต่างๆ ตัวละครเกม ฉากหลัง ศิลปะ….
ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือเขาทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการสร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะตะโกนออกมาหลังจากที่เขาได้รับมอบหมายงานใหม่แบบนี้
“ ดูเหมือนว่าคนที่ยุ่งที่สุดจะไม่ใช้ฉันแล้วสิ!” ฉินมู่ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“เอ้ย! รอยยิ้มนั้นหมายความว่าอะไร?” เหวยเหว่ยพูดอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก “พวกหัวหน้านี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกอนิเมชั่นเสมือนจริงเลย การสร้างตัวละครขึ้นมาหนึ่งตัวนั้นยากกว่าการสร้างตัวละแบบเกมปกติเสียอีก แล้วนี้ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องเอฟเฟกต์ต่างๆที่จะต้องมีอีก และไหนจะฉากหลังที่จะต้องทำแบบซีจีอีก เฮ้อ! ฉันละอยากจะบ้าตายให้มันรู้แล้วรู้รอดจริงๆ! “
“แต่นายก็ยังมีทีมคอยช่วยอยู่ไม่ใช้หรือไง! ” ฉินมู่ได้ตอบสวนกลับอย่างรวดเร็ว
“มันก็ใช้! แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าไอ้ที่ฉันกำลังทำอยู่นั้นมันไม่ใช้เกม! แต่เป็นการ์ตูนอนิเมะหรือไม่ก็พวกภาพยนตร์มากกว่า”
“โอ้! แล้วทำไมนายถึงไม่บอกเรื่องนี้กับหัวหน้าไปตรงๆละ ไม่แน่นายอาจจะกลายเป็นผู้กำกับก็ได้ ฮาฮาฮา!” เพื่อนร่วมงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็หัวเราะขึ้นมา
“ฉันคิดว่ามันก็ใช้ได้นะถ้านายคิดจะสร้างเป็นหนัง! ฉันเห็นเอฟเฟ็กต์ที่นายออกแบบแล้วมันเป็นอะไรที่หนังในตอนนี้ไม่สามารถทำได้ ” ฉินมู่เองก็ได้หยุดล้อเล่นก่อนที่เขาจะพูดถึงความเป็นไปได้นี้ออกมา
“ฉันจะเก็บเรื่องนี้ไปคิดก็แล้วกัน! แต่ตอนนี้พวกเราควรจะแยกย้ายกันไปทำงานกันได้แล้ว”
ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นก็เริ่มแยกย้ายกันไปยังพื้นที่งานของตัวเอง แต่ระหว่างนั้นเองหัวหน้าฝ่ายได้เดินเข้ามายังห้อง ก่อนที่เขาจะตะโกนเรียก: “เหวยเหว่ย! นายมากับฉันเดียวนี้”
“มีอะไรเหรอครับ!” เหวยเหว่ยรีบวิ่งมาทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง
“ ประธานต้องการพบกับนาย” หัวหน้าฝ่ายได้ตอบกับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เหวยเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา เพราะก่อนหน้าที่เขาจะมาที่นี้เขาก็ได้พบกับประธานหลิวตรงทางเดิน แต่เขาก็ไม่เห็นว่าประธานจะมีอะไรพูดกับเขา
“เป็นประธานลูต้องการพบนาย!” หัวหน้าฝ่ายยังคงตอบกับมาโดยใช้น้ำเสียงโทนเดิม
“ ประธานลู?” ตาของเหวยเว่ยเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อนี้“ ทำไมประธานลูถึงต้องกับพบผมละ? หัวหน้าพอบอกผมได้ไหม?”
เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยที่ประธานลูต้องการพบเขา เพราะคนอย่างประธานลูนั้นไม่มีทางที่เขาจะได้พบง่ายๆ แต่วันนี้คนระดับนั้นกับมาเรียกเขาเข้าไปพบซะอย่างงั้น
“ ฮาฮาฮา! นายกำลังจะมีโชคแล้วยังไงละ” หัวหน้าฝ่ายได้เปลี่ยนน้ำเสียงพูดทันทีที่เข้าพูดประโยคนี้จบ : “ฉันแอบได้ยินมาว่าเพราะงานที่นายทำนั้นออกมาดีมาก! ประธานลูเลยต้องการเห็นหน้าของคนทำมัน ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลกับมันเกินไป ทำตัวตามสบายแบบปกติก็พอแล้ว”
“อะไรนะ?” เหวยเหว่ยที่ได้ฟังแบบนั้นก็เต็มไปด้วยคำถาม แต่หัวหน้าของเขาก็ปฏิเสธที่จะพูดอะไรเพิ่มอีก
ทันทีที่เขาเข้ามาในสำนักงานใหญ่ เขาเห็นคนสองคนนั่งอยู่เขานั้นสามารถรู้ได้ทันทีว่าผู้ชายที่นั่งตรงตำแหน่งประธานนั้นคือประธานลู ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นเขากับไม่เคยเห็นเธอมาก่อน หรือว่าเธอจะเป็นแฟนใหม่ของประธานลูกัน?
“สวัสดีครับประธานลู!” เหวยเหว่ยรีบทักทายอย่างรวดเร็ว
“นายเป็นคนทำตัวทีเซอร์ตอนเปิดเกมสามก๊กใช้ไหม?” ลูชินได้เข้าประเด็นทันที
“ใช่ครับ! เป็นผมเอง” เหวยเหว่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เขาเคยพบประธานลู
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า: “นายนั่งลงก่อนสิ!”
“อะไรนะครับ?” เหวยเหว่ยที่ได้ยินคำพูดของประธานลู ตอนแรกเขาก็ยังงงอยู่แต่เขาก็ใช้เวลาไม่นานที่จะนั่งลง หลังจากที่เขานั่งลงแล้วเขาก็ได้ตอบออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช้งานที่ผมทำเองทั้งหมดหรอกครับ ยังมีเพื่อนร่วมงานของผมอีกที่ช่วยกันในครั้งนี้ ดังนั้นผมคงไม่สามารถรับคำชมของประธานลูได้!”
“ โอ้! เป็นแบบนี้นี่เอง” ลูชินได้พยักหน้าเป็นการรับรู้
เหวยเหว่ยยังไม่เข้าใจสิ่งที่ประธานลูเพิ่งพูดออกมา ลูชินก็พูดต่อว่า : “ฉันได้เห็นแล้วว่าตัวทีเซอร์ที่พวกนายทำออกมานั้นมันสุดยอดแค่ไหน ฉันไม่คิดจริงๆว่าบริษัทของฉันจะมีคนที่สุดยอดแบบนี้อยู่ด้วย”
“ผมขอเป็นตัวแทนของเพื่อนร่วมงานทั้งหมดขอบคุณสำหรับการยกย่องของประธานลูครับ!” เหวยเหว่ยตอบอย่างพอใจ
บทที่313
ผู้แปล : N.
“ถ้าฉันต้องการให้นายและลูกทีมของนายทำตัวละคร หรือไม่ก็ฉากหลังแบบสามมิติ นายสามารถทำได้ไหม? ” ลูชินได้ถามเข้าประเด็นทันทีหลังจากที่เขาได้พูดชมเชยไปแล้ว
เหวยเหว่ยที่ได้ฟังแบบนี้ก็แสกงปฏิกิริยาแปลกๆออกมา ก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า: “แน่นอนว่าพวกผมสามารถทำได้! เพราะปกติพวกผมก็ทำเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยที่เราจะออกแบบสิ้นงานข้างนอกให้เสร็จก่อนที่เราจะทำการเปลี่ยนมันเป็นแบบจำลอง 3 มิติในคอมพิวเตอร์ แล้วแสดงผลออกมาเป็นภาพสามมิติที่เห็นอยู่ในตอนนี้”
“ ถ้าเป็นการถ่ายทำโดยตรงละ?” ลูชินยังคงถามต่อไป
“ถ่ายทำโดยตรง?” เหวยเหว่ยได้ส่ายหัวออกมาทันทีที่ได้ฟังแบบนั้น เขาได้อธิบายว่า:“ ประธานลูต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โดยทั่วไปอุปกรณ์ถ่ายทำทั่วไปนั้นสามารถจับภาพแบบสองมิติได้เท่านั้น ดังนั้นการฉายภาพยนตร์ในปัจจุบันจึงเป็นแบบสองมิติมาตลอด ในส่วนของฉากที่เป็นสามมิติส่วนใหญ่นั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาโดยคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น”
ซูเสียวที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดขึ้นมา “ฉันรู้! แต่พอดีว่าพวกเรากำลังวางแผนที่จะถ่ายทำภาพยนตร์สามมิติเรื่องแรกของโลกขึ้นมา คุณพอจะช่วยเราได้ไหม?”
“ ภาพยนตร์สามมิติ?” เมื่อเหวยเหว่ยได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เกิดความสนใจขึ้นมาและพูดว่า :“การทำภาพยนตร์สามมิติที่ใช้คนแสดงจริงนั้นไม่เป็นที่นิยม เพราะหลังจากที่ถ่ายทำไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ทางทีมงานจะต้องทำการนำตัวละครนั้นมาแปลงเป็นภาพสามมิติอีกทีหนึ่ง และนั้นจะเป็นการเพิ่มต้นทุนของหนังขึ้นไปอีก”
“แต่ถ้าคุณเปลี่ยนมาทำเป็นพวกอะนิเมะ หรือมาก็ภาพยนตร์ที่ออกแนวอนิเมะก็ไม่มีปัญหา!”
“ถ้าฉันบอกนายว่าเรามีอุปกรณ์วิดีโอโฮโลแกรมอยู่แล้วละ” ลูชินได้พูดขึ้นมาหลังจากที่เขาได้ฟังมาระยะหนึ่ง
“อะไรนะ!” เหวยเหว่ยได้ถามยืนยันอีกครั้งทันที “ถ้าสิ่งที่ประธานลูพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง ผมสามารถรับรองได้เลยว่าภาพที่ถ่ายออกมานั้นจะต้องดีอย่างแน่นอน และภาพที่ถ่ายจากกล้องตัวนี้ยังสามารถนำไปปรับไปเป็นภาพสามมิติได้โดยตรง ดังนั้นมันจึงช่วยประหยัดเงินในส่วนนี้ไปได้มากพอดู “
“ดี! ถ้าอย่างงั้นปัญหาทางเทคนิคก็ได้รับการแก้ไขแล้ว” ลูชินได้พูดออกมา
เหวยเหว่ยที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถามออกมาอย่างไม่แน่ใจว่า “เออ! ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด! ประธานต้องการสร้างภาพยนตร์สามมิติขึ้นมาเหรอครับ “
หลังจากที่เหวยเหว่ยพูดจบ เขาก็มองไปยังประธานลูก่อนที่เขาจะเห็นร้อยยิ้มที่เกิดขึ้น ลูชินได้ตอบกลับมาว่า: “นายเข้าใจถูกแล้วละ! ฉันจะสร้างภาพยนตร์สามมิติขึ้นมา!”
“จริงเหรอครับ!”
……
หลังจากนั้น ลูชินและซูเฉิงก็สามารถหาหัวหน้าฝ่ายเทคนิคได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการหาผู้กำกับให้มาถ่ายทำและนักเขียนบท
“นี้คือรายชื่อผู้กำกับที่ทางฉันหามา” ซูเฉิงได้ส่งข้อมูลนี้ให้กับลูชิน โดยที่ข้อมูลนี้เป็นรายชื่อผู้กำกับที่โดดเด่นทั้งหมดในประเทศ และมีบางส่วนที่มาจากต่างประเทศ
ชื่อผู้กำกับบรรทัดบนนั้นต่างก็มีรอยถูกขีดฆ่าออกไปจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าชื่อพวกนี้เป็นรายชื่อที่ปฏิเสธคำเชิญของพวกเขาไปแล้วนั้นเอง
“และตอนนี้ทางบริษัทของเราเองก็กำลังทำการเจรจากับบริษัทยักใหญ่อีกสองแห่ง แต่ถ้าผลยังออกมาเป็นแบบเดิม ฉันคงต้องหันไปสนใจผู้กำกับจากต่างประเทศแล้วละ” ซูเฉิงพูดจบก็ได้ชี้ไปยังรายชื่อหนึ่งที่อยู่ในกระดาษนี้
ลูชินที่เห็นรายชื่อนั้นก็ขมวดคิ้วออกมา: “ผู้กำกับคนนี้ไม่เคยถ่ายหนังแนวไซไฟมาก่อน! แล้วทำไมเราถึงต้องการตัวเขากัน!”
แน่นอนว่าแนวหนังนี้ได้เขาและซูเฉิงได้พูดคุยตกลงกันแล้วว่าพวกเขาจะทำหนังแนวไซไฟเป็นหนังเปิดตัวของบริษัทใหม่ของเขา
“แต่เขาก็เคยทำหนังแนวพลังเหนือธรรมชาตินะ ดูสิ! เขาเคยทำหนังแนวพลังเวทมนตร์ และมันเกือบจะ … “
“หนังของเขานั้นมันขยะ! เราจะไม่เอาเขามาเป็นผู้กำกับหนังของเราอย่างเด็ดขาด” ลูชินได้คัดค้านออกมาโดยตรง
“นายแน่ใจใช้ไหม?” ซูเฉิงได้ตอบกลับอย่างเงียบๆ
“ ใช้!” ลูชินยังได้พูดต่อว่า “ พี่จะเสนอชื่อของใครมาอีก?”
“งั้นฉันจะให้นายเป็นคนเลือกเองเลยก็แล้วกัน! นายเป็นหัวหน้าฉันนิ!”
ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเพียงยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะกวาดสายตาไปยังรายชื่อทั้งหมด หลังจากที่เขาดูไปซักพักก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า : “จากรายชื่อทั้งหมด! มีผู้กำกับที่เคยทำหนังแนวไซไฟน้อยมาก และที่สามารถทำให้หนังดังติดตลาดได้ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ “
“ พี่มีรายชื่อผู้กำกับคนอื่นอีกไหม?”
“ จะว่ามีก็มีอยู่นะ! มันเป็นผู้กำกับที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่ หรือไม่ก็พวกผู้กำกับที่พึ่งจะเริ่มทำงานมาได้ไม่นาน” ซูเฉิงตอบกลับมาเรียบๆ
“ เฮ้อ! ” ลูชินเองก็ไม่รู้จะแก้สถานการณ์นี้ยังไงเหมือนกัน เขาจึงพูดขึ้นว่า “ทำไมเราถึงไม่รองให้โอกาสผู้กำกับที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมาทำหนังให้เราละ! ยังไงเราก็ไม่คิดจะทำหนังเรื่องเดียวให้ดังตั้งแต่แรกอยู่แล้วนิ!”
ความคิดของลูชินนั้นแตกต่างจากซูเสียวอย่างสิ้นเชิง เธอต้องการทำหนังเรื่องแรกนี้ให้ดีที่สุด เพราะนี้จะเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเธอในการทำงานในบริษัทของลูชิน แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
“ฉันเข้าใจละ! แต่ฉันขอเวลาอีกหน่อย ไม่แน่ฉันอาจจะสามารถหาผู้กำกับมืออาชีพเจอก็ได้”
……
“ดูเหมือนว่าประธานซูคนนี้จะเลิกตามหาผู้กับกำดังแล้ว! ” ต้องรู้ว่าสายข่าวที่บริษัทลิดาฟิล์มทรงพลังอย่างมาก พวกเขาสามารถรู้ข่าวนี้ได้หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นมาไม่นานเท่านั้น
“ ดีมาก!” เซี่ยกุยหัวเราะออกมา “ ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าเธอจะทำยังไงต่อไป เพราะยังไงผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเกือบทั้งหมดในประเทศนั้นเป็นคนของเรา”
ในขณะที่ซูเสียวรับหน้าที่ในการเลือกผู้กำกับ ทางลูชินเองก็กำลังมองหาบุคคลสำคัญอีกคน นั้นคือทีมผู้เขียนบทภาพยนตร์!
มีสามส่วนที่สำคัญของการทำภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง นั้นคือ หนึ่งฝ่ายเทคนิคซึ่งเรื่องนี้ลูชินได้เลือกให้เหวยเหว่ยเป็นคนรับหน้าที่ไป
สองคือผู้กำกับมืออาชีพที่เชี่ยวชาญในทักษะขั้นสูง
และอย่างสุดท้ายคือนักเขียนบท เพราะหนังจะหน้าติดตามหรือไม่ นั้นขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง ถ้าเนื้อเรื่องไม่ดีก็ไม่สามารถดึงดูดผู้ชมได้
และที่ลูชินเป็นคนขอรับหน้าที่นี้ ก็เพราะเขามีนักเขียนในใจอยู่แล้วนั้นเอง
“นิยายวิทยาศาสตร์ไซไฟที่นักเขียนคนนี้ทำขึ้นมานั้นมันสุดยอดสำหรับฉันเสมอมา” ลูชินที่คิดได้แบบนั้นก็เปิดโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา ก่อนที่เขาจะเปิดซอฟต์แวร์การอ่านและเปิดชั้นหนังสือของเขาขึ้นมา
เรื่องที่เขาอ่านล่าสุดคือนิยายแนวไซไฟที่เรียกว่า “เกมล่าล้างจักวาล” พื้นหลังของเรื่องราวนั้นตั้งอยู่ในโลกอนาคต และตัวเกมโลกเสมือนจริงนั้นได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าสู่โลกเสมือนจริงได้ พวกเขาจำเป็นต้องเข้าผ่านตัวอุปกรณ์พิเศษเท่านั้น
และในเกมโลกเสมือนจริงนี้มีทุกสิ่งที่พวกเขาจะจินตนาการได้ เช่น การสู้รบที่ดุเดือด เทพนิยาย ตำนานต่างๆ รวมไปถึงความบันเทิงทุกรูปแบบที่พวกเขาสามารถนึกขึ้นได้ก็มีอยู่ในนั้นทั้งหมด
และเมื่อผู้เล่นสามารถผ่านด่านทดสอบแต่ละด้านที่ผู้สร้างกำหนดไว้ได้ก็จะได้รับรางวัลมากมาย ด้วยที่รางวัลเหล่านี้สามารถขายให้กับผู้เล่นคนอื่นได้อย่างอิสระ มันสามารถทำให้คนจนการเป็นคนรวยได้ในชั่วข้ามคืน
ในส่วนของการออกแบบพล็อตเรื่องเองก็นั้นน่าสนใจอย่างมาก ตัวอย่างเช่นมีกลุ่มผู้เล่นที่ได้เตรียมอาวุธสุดไฮเทคหลากหลายชนิด ก่อนที่พวกเขาจะลงไปยังดาวเคราะห์ที่ไม่รู้จัก และเริ่มทำการต่อสู้กับแมลงยักหรือไม่ก็เอเลี่ยนรูปร่างต่างๆ…
เมื่อผู้เล่นเริ่มผ่านด่านไปได้มากขึ้น พวกเขาก็เริ่มรู้ว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้มันเชื่อมโยงกับโลกจริงของพวกเขาอย่างมาก
บทที่314
ผู้แปล : N.
ในความคิดของลูชิน เขามีความรู้สึกว่าพล็อตเรื่องของผู้เขียนคนนี้ดีมาก หากเขาสามารถดึงตัวนักเขียนคนนี้มาทำบทหนังให้กับภาพยนตร์ของเขาได้ มันต้องน่าสนใจอย่างแน่นอน
และเหตุผลหลักๆที่เขาเลือกผู้เขียนบทคนนี้คือ แนวทางการเขียนบทของเขานั้นได้คลายคลึงกับเนื้อหาเกมอย่างเกมสามก๊กที่พวกเขาทำอยู่ตอนนี้ ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเวลาโปรโมตภาพยนตร์พวกเขาสามารถทำมันได้พร้อมๆกับการโฆษณาเกมของพวกเขาได้ทันที
“หลุมไฟ?” ลูชินมองไปที่นามแฝงของผู้เขียนคนนี้ เขาได้ค้นหาซักพักก่อนที่เขาจะรู้วิธีติดต่อได้จากเว็บหนึ่ง: “สวัสดีผู้เขียน! ผมต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการร่วมมือทางธุรกิจ! ถ้าคุณเห็นข้อความนี้แล้วโปรดติดต่อกลับมาหาผมด้วย”
……
ที่ไหนสักแห่งในกระท่อมที่เรียบง่ายแต่สะอาด ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังพิมพ์อะไรบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว
เขาเป็นผู้แต่งหนังสือนิยายแนวไซไฟที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้อย่าง “เกมล่าล้างจักวาล” ชื่อนามแฝงของเขาคือหลุมไฟ
แน่นอนว่าในเวลานี้ เขาไม่ได้พิมพ์นิยายเรื่องใหม่ของเขา แต่เป็น “การให้ความรู้” แก่เพื่อนร่วมทีมในเกมออนไลน์
หลุมไฟ: “พี่ชาย! ทำไมคุณถึงไม่มาตรงนี้! ถ้าคุณมาก็รอดแล้ว”
เพื่อนร่วมทีมพูดอย่างบ้าคลั่งว่า “ฉัน XXXXX!”
หลุมไฟ: “เฮ้! คุณจะมาโทษฉันไม่ได้นะที่ไม่ช่วยคุณ! ก็คุณไม่ยอมฟังที่ฉันบอกตั้งแต่แรกเอง”
เพื่อนร่วมทีม: “XXXX!”
หลุมไฟ: “อะไรนะ! ทำไมคุณถึงเป็นคนเนรคุณแบบนี้ละ! คุณลืมไปแล้วเหรอว่าเกมที่แล้วใครเป็นคนแปลกทีม “
เพื่อนร่วมทีมคนนั้นที่ได้ฟังแบบนี้ก็โกรธขึ้นมา และเขาได้ออกจากเกมไปทันที
คนอื่นที่อยู่ในทีมต่างก็ไม่รู้จะแก้สถานการณ์นี้ยังไง พวกเขาต่างก็ไม่คิดว่าหลุมไฟคนนี้จะมีฝีปากที่จัดแบบนี้ : “ฉันว่าเราควรจะหันมาสนใจเกมดีกว่าไหม?”
หลุมไฟที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดอย่างภูมิใจว่า: “มันเป็นเรื่องไร้สาระ! ฉันได้พูดคุยกับเขาอย่างสุภาพ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรับไม่ได้ หรือไม่เขาก็รู้ตัวว่าฝีมือของตัวเองนั้นไม่ถึงขั้นถึงได้หนีออกเกมไปแบบนี้ “
“666! @หลุมไฟ คุณสุดยอดมาก” เพื่อนร่วมทีมต่างก็ตกใจกับการตอบแบบนี้
“พระเจ้า! นายรู้ไหมว่าตัวเองเป็นคนหลงตัวเอง”
“โอ้!”
เพื่อนที่สนิทกับคนที่เพิ่งหนีออกจากเกมไปได้ตอบกับว่า : “@หลุมไฟ นายมันน่ารักเกียจ! ถ้านายไม่มัวแต่พูดระหว่างเล่นแบบนั้น เพื่อนของฉันก็จะไม่ตายบ่อยขนาดนั้น! “
“ก็เพื่อนนายมันอ่อนเอง! ” หลุมไฟเองก็ยังไม่ยอดแพ้เช่นกัน เขาได้ตอบโต้กับมาและการตอบโต้ของเขานั้นยังเจ็บแสบอีกด้วย
“ฮาฮาฮา! ฉันรู้สึกเจ็บยังไงไม่รู้”
“666!”
“ทำไมคุณไม่ไปแต่งนิยายต่อละ?”
……
“หลบหลังฉัน?” หลุมไฟได้ตะโกนออกมา
“ไม่! นายกลับมา”
“ฉันจะตายแล้ว! ใครก็ได้มาช่วยพยาบาลฉันหน่อย!”
“เฮ้! พวกเรา! มาดูความคิดเห็นนี้สิ! ดูเหมือนว่าลูกพี่หลุมไฟของเราจะมีงานใหญ่แล้ว!” เพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งได้ชี้ไปที่ข้อความของลูชิน
หลุมไฟที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดจาดูถูกออกมา : “มันเป็นเรื่องไร้สาระ! ฉันคิดว่าคอมเม้นพวกนี้มันเป็นไวรัสที่จะพบเห็นได้ตามปกตินั้นแหละ”
“ที่หลุมไฟพูดมาก็ถูกนะ!”
…
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ลูชินเองก็ยังไม่ได้รับการตอบกับมา เขาจึงได้ทำการติดต่อไปยังหลุมไฟอีกครั้ง
Mr.L: “สวัสดี! คุณหลุมไฟใช้ไหม?”
หลุมไฟ: “ฉันก็ไม่รู้ว่าจะใช้คนเดียวกับคนที่คุณต้องการหรือเปล่า”
Mr. L: “อ่า! มันเป็นกรณีนี้! ผมเป็นประธานของบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่ผมติดต่อหาคุณนั้นก็เพราะผมต้องการให้คุณเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ให้กับเรา ผมไม่รู้ว่าคุณมีความคิดยังไง”
หลุมไฟ: “พี่ชาย! มันคงเป็นเรื่องยากอยู่ เพราะฉันเองก็ยุ่งอย่างมาก ฉันคงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องล้อเล่นแบบนี้หรอก?”
Mr. L: “ผมไม่ได้ล้อเล่น! ผมต้องการให้คุณรับหน้าที่มาเป็นคนเขียนบทให้เราจริงๆ”
หลุมไฟ: “ได้โปรดเถอะ! คุณช่วยไปหลอกคนอื่นที่ไม่ใช้ฉันที! และบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์อะไรนี้ฉันเองยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย คุณคงไม่คิดว่าฉันเป็นคนหลอกง่ายหรอกนะ?”
Mr. L: “เฮ้อ! ผมเป็นประธานของบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จริงๆ ถ้าคุณไม่เชื่อผม คุณก็สามารถมาคุยเงื่อนไขโดยตรงที่บริษัทของผมได้ “
หลุมไฟ: “เข้าใจแล้ว! ฉันจะนำทหารจำนวนสิบหมื่นไปยังบริษัทของนาย! และฉันขอรับรองว่าฉันตะต้องทำลายนายให้ได้อย่างแน่นอน! แค่นั้นยังไม่พอฉันจะประจานนายบนหน้าเว่ยเป๋อของฉันอีกด้วย ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าเป็นแบบนั้นนายจะทำหน้ายังไง! “
Mr. L: “… “
ลูชินไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพวกคนแต่งนิยายเป็นอาชีพจะต้องเป็นแบบนี้ เขาแค่ต้องการคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการเขียนบทเท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะจินตนาการไปไกลแบบนี้
“ หรือฉันจะเปลี่ยนผู้เขียนบทดี !” เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา ลูชินก็ได้ปัดตกไปทันที แต่จะให้เขากลับไปคุยเรื่องนี้กับหลุมไฟอีกครั้งก็คงไม่มีอะไรคืบหน้าเช่นกัน หรือว่าเขาควรจะให้บริษัทเป็นตัวแทนไปติดต่อกับเจ้าตัวโดยตรงดี
…
“มันเป็นคนบ้า! คิดจะมาหลอกฉันเหรอไง! มันยังเร็วไปพันปีโว้ย! ขนาดชื่อบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ฉันยังไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นประธาน ชิ! คิดว่าทุกคนจะโง่เหมือนกันหมดเหรอไง” หลังจากที่หลุมไฟได้ตอบโต้กลับไป เขาก็ได้จบการสนทนากับลูชินไปทันที และหลังจากนั้นเขาก็ได้นำเรื่องนี้มาคุยกับเพื่อนๆของเขาแทน “มันถือว่าเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย! ถ้าพวกนั้นบอกว่ามาจากบริษัทเรทเกมฉันก็พอจะเชื่ออยู่ แต่นี้อะไร กับมาบอกว่าตัวเองมาจากบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ใครมันจะไปเชื่อกัน?”
“บริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์!” กลุ่มเพื่อนที่ได้ฟังแบบนั้นก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา “หรือว่ามันจะเป็นพวกหลอกลวงจริงๆ”
“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว! พวกนายก็รู้ว่าเดียวนี้มีคนเป็นโจรกันมากขนาดไหน? เมื่อกี้ฉันยังมีอารมณ์กลับเขียนนิยายอยู่เลย แต่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์อารมณ์ของฉันก็หมดไปละ” หลุมไฟได้พูดขึ้นมา
เขายังคงเยาะเย้ยเรื่องนี้ในกลุ่มนักเขียนอีกด้วย และเรื่องนี้ก็ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
ม่วงม่วง: “@ หลุมไฟ นายไปเจอกับเรื่องอะไรมา! ทำนายถึงต้องมาโพสอะไรแบบนี้!“
ช่วงซู: “บริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ฉันเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเหมือนกัน! “
บุหรี่ที่หล่อที่สุดในกลุ่มนี้: “ฉันเคยเจอคนโกหกแบบที่หลุมไฟเจอเหมือนกัน! แต่ฉันได้ไหวตัวไปแจ้งตำรวจทัน!”
น่าเกลียดจนถึงระดับความลึกของจิตวิญญาณ: “มันเป็นเรื่องปกติที่คนดังอย่างพวกเราจะต้องเจอ! ดังนั้นฉันคิดว่าพวกเราต้องมีภูมิคุ้มกันกับมัน”
เครื่องบินเฉิน: “เห็นด้วยกับ @น่าเกลียดจนถึงระดับความลึกของจิตวิญญาณ!”
เวลานี้เองที่ผู้ดูแลกลุ่มนักเขียนได้ออกมาพูดว่า
“ บริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์! นั้นเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือของบริษัทลู่เทคโนโลยี โดยที่ตัวบริษัทนี้พึ่งก่อตั้งมาไม่นานนี้… ”
“อะไรนะ! สรุปว่ามันมีบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จริงๆ!”
หลุมไฟเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “หรือว่าที่คนนั้นพูดมาจะเป็นเรื่องจริง!”
เจ้าของกลุ่ม: “@ หลุมไฟ! คุณจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยแล้ว ตอนนี้มีบริษัทยักใหญ่อย่างบริษัทลู่เทคโนโลยีต้องการซื้อลิขสิทธิ์นิยายของคุณ”
โคมไฟตั้งโต๊ะ: “แต่ฉันก็กลัวว่าอาจจะเป็นคนอื่นมาแอบอ้างก็ได้นะ! ฉันจึงอยากให้พี่หลุมไฟดูดีๆก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป”
บทที่315
ผู้แปล : N.
ดงเซียวเซียว: “แต่ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องจริงนะ”
หลุมไฟ: “ฉันต้องขอบใจเพื่อนๆนักเขียนทุกคนมากนะ! แต่ฉันคงต้องขอตัวออกไปก่อน”
เขาที่พูดจบก็ได้ออกจากการแชทกลุ่มไปทันที หลังจากที่เขาออกจากกลุ่มแล้วก็รีบเข้าเน็ตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แต่ข้อมูลที่ปรากฏมานั้นกับมีน้อยมาก มันมีเฉพาะที่ตั้งของบริษัทและรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“หรือว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกเหมือนที่พวกนั้นบอกมากัน” หลุมไฟเริ่มคิดไปทางลบมากขึ้น และก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งจะลบข้อมูลติดต่อของชายคนนั้นไปอีกด้วย
“ฉันจะไปหาวิธีติดต่อเขายังไงนะ!”
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็ได้รับการติดต่อจากบรรณาธิการต้นสังกัดของเขา
“หลุมไฟ! นายอยู่ที่ไหน? ถ้านายได้รับข้อความนี้จากฉันให้ติดต่อกลับมาด่วน!” นี่คือข้อความที่บรรณาธิการส่งตรงมาหาเขา
เมื่อเห็นแบบนี้หลุมไฟก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา เพราะปกติแล้วถ้ายังไม่ถึงวันส่งต้นฉบับหัวหน้าบรรณาธิการจะไม่ติดต่อหาเขาโดยเด็ดขาด
หรือว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขากันนะ?
หลุมไฟที่คิดได้แบบนั้นก็รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า: “หัวหน้าบรรณาธิการ! เกิดอะไรขึ้น! นี้มันยังไม่ถึงวันส่งต้นฉบับที่เราตกลงกันไว้นิ!”
หัวหน้าบรรณาธิการ: “นายรู้ไหมว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว! “
หลุมไฟ: “เกิดอะไรขึ้น?”
หัวหน้าบรรณาธิการ: “มันเป็นเรื่องดี! มันเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับสำนักพิมพ์ของเรา ตอนนี้เราได้รับการติดต่อจากบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์! พวกเขาต้องการซื้อนิยายของนายเพื่อที่พวกเขาจะทำการนำมันไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์!”
“อะไรนะ?” หลุมไฟรู้สึกงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น “มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”
“จริงแน่นอน! ตอนแรกฉันเองก็ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น แต่เมื่อกี้ได้มีจดหมายอย่างเป็นทางการมาขอซื้อลิขสิทธิ์กับบริษัทของเรา ตอนนี้นายกำลังจะรวยแล้ว!” คำพูดของหัวหน้าบรรณาธิการยังเปิดเผยความประหลาดใจเช่นกัน เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าบริษัทขนาดกลางของเขาจะมีช่วงเวลาที่น่ายินดีแบบนี้
เมื่อหลุมไฟได้ฟังที่หัวหน้าบรรณาธิการพูดออกมาแบบนี้ เขาก็นึกถึงชื่อใครบางคนขึ้นมาได้
เขาถามกลับไปว่า: “เออ! เมื่อเช้านี้มีใครบางที่ติดต่อผมเข้ามาเหมือนกัน เขาเองก็ได้บอกผมว่าตัวเองเป็นประธานของบริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นพวกหลอกล่วงเสียอีก … “
หัวหน้าบรรณาธิการ: “นายมันโง่! โง่จริงๆ! ชายที่นายพึ่งพูดถึงนั้นเป็นถึงประธานใหญ่ของกลุ่มบริษัทลู่เทคโนโลยีเลยนะ!”
“อะไรนะ! ผมต้องบ้าไปแล้วจริงๆที่ตัดสายเขาไปแบบนั้น! หัวหน้าบรรณาธิการ! คุณช่วยคิดหาทางออกให้ผมเร็ว!” หลุมไฟรู้สึกเสียใจทันทีกับสิ่งที่เขาทำลงไป ถ้าเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด!
หัวหน้าบรรณาธิการ: “ถือว่านายโชคดีที่ทางนั้นไม่ได้เอาเรื่องอะไร! แต่นายต้องรีบไปยังนิคมภาคใต้ให้เร็วที่สุด และนายต้องรีบไปคุยเรื่องลิขสิทธิ์เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันเอานายตายแน่!”
“ได้! ผมจะรีบไปเดียวนี้” หลุมไฟรับตอบตกลงอย่างเร่งด่วน
……
นิคมภาคใต้, สำนักงานใหญ่เรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ลูชินที่เดินเข้ามายังห้องทำงานของซูเฉิงก็ได้สังเกตเห็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่ง เขารู้ได้ทันทีว่านั้นคือหลุมไฟ แต่ที่เขาไม่นึกเลยก็คือว่าชายคนนี้ดูดีเป็นอย่างมาก มันไม่เหมือนในจินตนาการที่ว่าพวกโอตาคุนั้นจะต้องอ้วนหรือไม่ก็ต้องดูเป็นพวกเก็บตัว
“คุณคือฉินฉีหวงหรือนามปากกาหลุมไฟใช้ไหม? แล้วไหนละที่ว่าคุณจะนำลูกน้องสิบหมื่นมาด้วย” ลูชินได้พูดเปิดประโยคมาด้วยมุขตลกที่หลุมไฟเคยใช้พูดกับเขา
“ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดไป” หลุมไฟแสดงรอยยิ้มอย่างเป็นผู้แพ้ออกมา “ ตอนแรกผมไม่รู้จักคุณก็เลยเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปแบบนั้น”
“ฮ่าฮ่า! ฉันล้อเล่นนะ” ลูชินได้พูดออกมายิ้ม “ที่ฉันเชิญคุณมาวันนี้ก็เพราะฉันสนใจในนิยายแนวไซไฟที่คุณเขียนขึ้นมา และมันก็เหมาะกับหนังที่ฉันกำลังจะทำอยู่ด้วย ดังนั้นฉันจึงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้กับคุณ”
“ฉันคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินทุนและความแข็งแกร่งของเรา ฉันคิดว่าคุณคงรู้ดีอยู่แล้ว!”
หลุมไฟทำได้เพียงพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก: “ใช้ๆ ผมรู้ว่าพวกคุณแข็งแกร่งขนาดไหน! ขนาดอุปกรณ์ฉายภาพสามมิติของพวกคุณเองก็สุดยอดแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! แต่มันก็ยังขาดอย่างหนึ่ง! นั้นคือนิยายของคุณ ฉันรับรองว่าถ้าคุณตกลงร่วมมือกับเรา คุณจะไม่ผิดหลังอย่างแน่นอน “
“ ผมต้องร่วมมือกับคุณลูอย่างแน่นอน!” หลุมไฟได้รับตอบตกลงทันที มันจะมีอะไรดีไปกว่าที่นิยายของเขาจะถูกนำออกไปทำเป็นหนังกัน และยังเป็นบริษัทยักใหญ่อย่างบริษัทลู่เทคโนโลยีอีกด้วย
……
“ภาพรวมของภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จของบ็อกซ์ออฟฟิศมีหลักการที่เหมือนๆกัน นั้นคือการทำให้ผู้ชมมีอารมณ์รวมกับภาพยนตร์ให้ได้ ถ้าเราทำแบบนั้นได้เราก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว”
“ถึงแม้ว่ามันจะมีเงื่อนไขเพียงหนึ่งอย่าง แต่คนทำหนังส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้ นั้นแสดงให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องยากขนาดไหน… “
หลุมไฟได้พูดเรื่องนี้กับลูชินอย่างระมัดระวัง “ที่นายบอกมานั้นมีเหตุผล หน้าที่นี่มันเป็นหน้าที่ของผู้กำกับที่จะต้องเป็นคนแสดงฝีมือของเขา ไม่ใช้อะไรที่เราจะต้องมากังวลเอาตอนนี้”
“ แล้วผู้กำกับที่ประธานลูเลือกมาคือใครกันครับ?” หลุมไฟได้ถามกลับมาอยากรู้อยากเห็น “ถ้าประธานลูยังไม่มีผู้กำกับในใจ ผมสามารถเสนอชื่อผู้กำกับที่รู้จักมาให้ประธานลูเลือกได้”
“ฉันต้องขอขอบใจในความหวังดีของคุณ! แต่ตอนนี้ฉันได้ผู้กำกับเรียบร้อยแล้ว” มีเสียงดังขึ้นมาจากตรงหน้าประตู และด้านหลังของเจ้าของเสียงนั้นก็มีชายวัยกลางคนเดินตามด้วย
“ สวัสดีครับ!” ชายวัยกลางคนได้พูดทักทาย
ซูเฉิงเองก็ได้พูดแนะนำว่า: “นี่คือผู้อำนวยการวังจากบริษัท วิ้งสกาย เขาจะเป็นผู้กำกับหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ของเรา”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ลุกขึ้นจับมือกับผู้กำกับวัง เขาได้อ่านประวัติงานของผู้กำกับคนนี้มาคร่าวๆแล้ว พบว่าเขาเป็นผู้กำกับระดับAทั่วไป และหนังส่วนมากที่เขาทำออกมานั้นก็ไม่ได้โด่งดังอะไรมากมายนัก
นี่ไม่ได้หมายความว่าหนังที่เขาทำออกมานั้นไม่ดี แต่เป็นเพราะคนหนุนหลังของเขานั้นไม่มีกำลังมากพอ มันจึงทำให้การโปรโมตหรือไม่ก็การเลือกช่วงเวลาเปิดตัวนั้นไม่ดีเท่าที่ควร
แต่สาเหตุที่ลูชินและซูเฉิงเลือกผู้กำกับวังนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากหนังส่วนใหญ่ที่เขาทำนั้นเป็นแนวไซไฟวิทยาศาสตร์เป็นส่วนใหญ่
ผู้กำกับวังเองก็ได้จับมือกับลูชิน พร้อมกับพูดว่า : “ผมยินดีที่จะได้รวมกับคุณอย่างมาก ผมขอรับรองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน! “
“ ฮาฮาฮา! ทางผมเองก็ยินดีเช่นกัน”
……
และหลังจากวันนี้ บริษัทเรทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ก็มีทีมงานครบเรียบร้อย โดยที่มีผู้อำนวยการวังเป็นหัวหน้าทีม ผู้เขียนบทภาพยนตร์ฉินฉีหวงในฐานะรองผู้อำนวยการ ส่วนผู้อำนวยการด้านเทคนิคและเอฟเฟ็กค์นั้นจะเป็นเหว่ยเหว่ยเป็นคนรับผิดชอบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น