The Black Technology Chat Group of the Ten Thousand Realms 200-220
บทที่200
ผู้แปล : N.
“เอาบุหรี่ให้เขา!” ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากทางด้านนอกห้องโถง ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้เปิดทางให้อัตโนมัติ กวงไห่รีบทักทายคนที่พูดขึ้นด้วยความเคารพว่า: “คุณจ้าวลาว”
พนักงานหญิงที่ได้ยินคำแนะนำของเขาก็รีบนำบุหรี่ไปให้ลูชินโดยเร็ว ลูชินที่ได้บุหรี่มาแล้วก็เริ่มสังเกตชายชราตรงหน้าของเขา คนตรงหน้าของเขามีอายุประมาณเจ็ดสิบปีถือไม้ค้ำผมของเขาก็เป็นสีขาวเกือบหมด
“คุณลู ฉันรู้ว่าคุณนั้นเป็นขาใหญ่บนแผนดินใหญ่ แต่คุณอย่าลืมว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนหรือจะให้ฉันช่วยเตือนความจำของคุณดี?”
ด้านหลังของชายชราได้มีคนจำนวนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับส่งสายตามุ้งร้ายมาทางลูชินอย่างไม่ปิดบัง
“อ่า…ผมก็อยากรู้ว่าคุณจะทำอย่างที่คุณพูดได้ไหมเหมือนกัน” ลูชินได้ถ่มน้ำลายออกมาหลังจากที่เขาสูบบุหรี่เข้าไปแล้ว
ชายชราพูดอย่างเยือกเย็นว่า: “ฉันคือจ้าวลาว เป็นหัวหน้าใหญ่สุดของกลุ่มกวางจางแห่งฮ่องกง!”
เขาได้พูดต่อไปว่า: “ฉันก็ใช้ชีวิตมานาน ยังไม่เคยเจอคนหนุ่มที่ระห่ำแบบคุณมาก่อน แต่คุณรู้ไหมว่าคนประเภทนี้จะตายไวกว่าคนอื่น ฉันอยากรู้จริงๆว่าคุณจะเป็นแบบนั้นไหม? “
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็หัวเราะออกมา ” ฮาฮาฮา….ฉันไม่คิดว่าคุณจ้าวก็ชอบพูดเรื่องตลกกับเขาด้วย ฮาฮาฮา “
จ้าวลาวได้เหล่มองลูชินอย่างดูถูกก่อนที่จะพูดว่า “ คุณคิดว่าแค่การ์ดของคุณคนเดียว จะสามารถสู้กับคนของฉันที่มีมากกว่าสี่ร้อยได้ยังไง? “”
“จางเกวียงถ้านายเห็นว่าใครใช้ปืน ฉันอนุญาตให้นายทำให้มันพิการได้” เสียงของลูชินจบลง จางเกวียงได้โยนจู้เจี่ยเทาลงไปที่พื้นแล้วรีบไปจัดการคนพวกนั้นต่อทันที
“หัวหน้าจ้าว?” กวงไห่ได้มองไปยังจ้าวลาวเพื่อดูว่าเขาจะตัดสินใจยังไง
จ้าวลาวที่เห็นว่าลูชินไม่ได้แสดงอาการกลัวออกมาอย่างที่เขาคิดไว้และมันยังได้คิดต่อสู้กลับอีกด้วย นั้นจึงทำให้เขาแสดงสีหน้าเย็นชาออมาแล้วได้ตะโกนว่า: “ จัดการพวกมัน!”
ในมุมมองของเขา จางเกวียงต้องถูกจัดการอย่างแน่นอนเพราะคนธรรมดาจะมาสู้กับคนมากกว่าสี่ร้อยคนได้ยังไง พวกลูกน้องหลายคนได้ยกปืนพกทีขึ้นในเวลาเดียวกัน ก่อนที่จะเล็งไปที่จางเกวียงพร้อมที่จะเหนี่ยวไก!
จากนั้นในขณะนี้ลูกกระสุนกำลังจะออกมาจากปากกระบอกปืน จางเกวียงได้เข้ามาปะชิดตัวจากนั้นเขาได้เจาะทะลุฝ่ามือของพวกนั้นทันที
“อ๊าก … ”
ได้เกิดเสียงกรีดร้องขึ้นมาทั่วทั้งห้องในขณะนี้ ตอนนี้ใครก็ตามที่มีปืนอยู่บนมือจะเห็นได้ว่ามือของพวกเขาได้ถูกเจาะเป็นวงกลมขนาดใหญ่หนึ่งรูและปืนที่พวกเขานำมาด้วยนั้นก็ถูกทำลายกลายเป็นเศษเหล็กกองอยู่ที่พื้น!
จางเกวียงไม่หยุดเพียงแค่นั้นเขาได้วิ่งไปยังรูปปั้นที่ตั้งโชว์อยู่ตรงมุมห้องก่อนที่เขาจะขว้างมันเหมือนว่ารูปปั้นนั้นเป็นลูกบอลไปยังศัตรูของเขา
“มึ*ไปตายซะ!”
มีดยาวหลายเล่มได้พุ่งเข้ามาทางจางเกวียงจากด้านหลัง ชองบินและฉีห่วงที่เห็นแบบนั้นก็หลับตาลงเพราะพวกเขาคิดว่ายังไงจางเกวียงก็คงไม่รอดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจกับสิ่งที่พวกเขาเห็นตรงหน้า เพราะมีดที่พวกเขาคิดว่ายังไงก็ต้องทะลุผ่านคอของจางเกวียงไปแล้วกับถูกหยุดไว้ที่เส้นผมของเขา เหมือนว่าเส้นผมของเขานั้นทำมาจากเหล็กกล้าที่ไม่สามารถทำลายได้!
ผมของจางเกวียงยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้อีกด้วย โดยที่เขาได้ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงผ่านไปยังเส้นผมของเขาทำให้คนที่ถือมีดอยู่นั้นถูกช๊อตก่อนที่จะล้มลงไป!
เช่นเดียวกับทุกคนที่ต่อสู้กับจางเกวียง ไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไงก็ไม่สามารถสร้างรอบบนผิวหนังของเขาได้ไม่ว่าจะรอยกระสุน รอบมีด พวกเขาไม่สามารถทำให้เกิดแผลได้เลย!
และก่อนที่พวกเขาจะได้คิดหาวิธีอื่นเพื่อจัดการกับจางเกวียงนั้น พวกเขาก็ถูกจางเกวียงซ้อมจนหมดสภาพไปก่อน โดยที่คนวงนอกรู้สึกว่าจางเกวียงนั้นเป็นซุปเปอร์แมนไปแล้ว!
“เขา … ” กวงไห่ที่เห็นเหตุการณ์ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่ได้ไปต่อแยพวกนี้เข้า เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนตรงหน้าของเขาจะมีความสามารถผิดมนุษย์แบบนี้!
หากเมื่อก่อนมีใครมาบอกเขาว่า ในโลกนี้มีคนที่สามารถรับกระสุนและอาวุธเย็นได้แบบไม่เกิดรอยแผล เขาคงต้องสั่งสอนคนที่พูดแบบนั้นอย่างแน่นอน โทษฐานที่พูดเรื่องโกหกต่อหน้าเขา! แต่ตอนนี้เขากลับมาเจอกับตัวเองแบบนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ห่างจากปากปะตูนรกไม่ไกลแล้ว!
ท่อนเหล็กที่ว่าหนาแล้วกลับถูกบิดเป็นเกลียวและโต๊ะหินอ่อนซึ่งหนักเกือบหนึ่งพันปอนด์ก็ถูกทำลายด้วยการชกเพียงครั้งเดียว!
ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองกำลังต่อสู้กับคนเหล็กอยู่!
มันไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่คิดแบบนี้จ้าวลาวเองก็คิดแบบเดียวกัน! ก่อนที่เขาจะมาที่นี้เขาได้จินตนาการไว้ว่าจะจัดการกับพวกลูชินยังไงดี เพื่อที่จะไม่ให้ใครเอาไปเป็นแบบอย่าง!
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องทุกอย่างจะกลับตาลปัตรแบบนี้ เขาไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นสัตว์ประหลาดที่จะทำยังไงก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลได้เลย! นี้จะไม่มีใครที่สามารถจะจัดการกับมันได้เลยหรือยังไง?
คนหลายร้อยที่เข้าไปโจมตีจางเกวียงก่อนหน้านี้ได้กองที่พื้นหมดแล้ว ทุกคนได้รับอาการบาดเจ็บที่รุนแรงอย่างมาก คาดว่าคนพวกนี้คงกลับมาไม่ครบสามสิบสองอีกแล้ว
ในตอนแรกที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้มาจัดการกับนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งก็คิดว่าเป็นเพียงงานง่ายๆ แต่เมื่อพวกเขามาเจอเข้ากับของจริงก็พบว่างานที่พวกเขาคิดว่าเป็นงานง่ายๆในตอนแรก กับเป็นงานสุดท้ายของพวกเขาไปซะได้
“อ่า…ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!” กวงไห่ได้ตะโกนออกมาด้วยความกลัว
“เขาไม่ใช้มนุษย์แล้ว เขาเป็นปีศาจ!” ชายคนหนึ่งที่นอนอยู่ที่พื้นได้พยายามพูดขึ้นมา
“ ยิงมัน! ฉันไม่เชื่อว่ามันจะไม่เป็นอะไร?” จ้าวลาวที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เล็กน้อยก็ได้หันไปสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านข้างของเขาทันที
“มึ*ตายแน่!” ถังหลีและคนอื่นๆได้พูดสาปแช่งจางเกวียงก่อนที่จะเริ่มยิง
ใครจะไปคิดว่าจางเกวียงไม่สนใจกระสุนที่ยิงมาทางเขาเลย เขาได้เดินตรงไปยังคนที่กำลังยิงเขาอย่างไม่สนใจว่ากระสุนจะโดนตัวเขาหรือไม่ กระสุนได้ทำลายเสื้อผ้าของเขาแต่มันไม่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังของเขาได้!
“มันเป็นคนเหล็กหรือไง!”
“ทำไมมันถึงไม่หลบละ?”
“เราต้องหนี!” คนที่พูดขึ้นประโยคนี้ได้หันหลังแล้ววิ่งหนีไป
“เขา … ไม่กลัวกระสุนเลย?” ชองบินได้แสดงสีหน้าตกใจออกมา เขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้
ทางด้านฉิงห่วงตอนนี้เขาไม่ได้สนใจอะไรแล้ว เขาหวังเพียงแค่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น!
ถังหลี, จู้เจี่ยเทา, กวงไห่,และจ้าวลาวต่างก็แสดงอาการหวาดกลัวออกมาในเวลานี้ เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะมีสัตว์ประหลาดที่กระสุนไม่สามารถเจาะเข้าได้แบบนี้!
จ้าวลาวเคยเห็นคนที่มีกังฟูระดับสูงที่สามารถกันของแข็งจำพวกอิฐหรือท่อเหล็กขนาดเล็กได้ แต่เขาไม่เคยเห็นคนที่สามารถกันกระสุนและของมีคมแบบจางเกวียงได้ !
“พอแล้ว!” ลูชินได้สั่งให้จางเกวียงหยุดก่อน เขาไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าจางเกวียงนั้นเป็นคนเหล็ก เพราะอาจจะเกิดข้อสงสัยต่างๆตามมาได้
จางเกวียงได้หยุดตามที่เจ้านายสั่งเช่นกันและกลับมายืนอยู่ข้างๆลูชิน ทันใดนั้นเหมือนว่าเขาจะจับสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่างได้ เขาจึงได้กระซิบบอกลูชินว่า: “นายท่านมีมือปืนอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 700 เมตร คุณอยากให้ผมฆ่ามันไหม?”
“มือปืน?” ลูชินได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดว่า “นายบอกที่ซ่อนของมันให้ฉัน”
มองออกไปทางหน้าต่างห่างออกไปอีก 700 เมตรมีอาคารสูงอีกแห่งใกล้ๆคลับแห่งนี้ ได้มีพลซุ่มยิงอยู่โดยที่คนซุ่มยิงคนนี้คิดว่าตัวเองหลบซ่อนดีแล้วคงจะไม่มีใครหาเขาพบได้ แต่เขาไม่คิดว่าจะถูกพบแล้วโดยหุ่นยนต์ RI-8901
บทที่201
ผู้แปล : N.
ลูชินได้วางบุหรี่ไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า: “แค่เจ็ดร้อยเมตร!”
บนชั้นหกที่พลซุ่มยิงซ่อนตัวอยู่ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่เขาต้องมารับงานแบบนี้ เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองที่เป็นถึงนักฆ่าที่มีทักษะสูงต้องมาขู่นักธุรกิจธรรมดาแบบนี้ !
แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อได้เห็นการกระทำของจางเกวียง ไม่คิดว่าคนกว่าสี่ร้อยคนจะถูกคนเดียวจัดการได้แบบนั้นและหลังจากที่ชายคนนั้นจัดการคนหมดแล้วยังไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยหรือบาดเจ็บออกมาเลย!
เขาสงสัยจริงๆว่าถ้ายิงชายคนนั้นด้วยกระสุนปืนไรเฟิลของเขา มันจะสามารถเจาะทะลุผิวหนังของชายคนนั้นได้หรือเปล่า หรือไม่ถ้าลองเป็นยิงอาพีจีแทนละ?
ในเวลานี้เหมือนว่าหัวหน้าใหญ่ของชายคนนั้นจะได้วิ่งออกมาจากห้อง จากที่เห็นเขาคิดว่าหัวหน้าใหญ่คนนี้วิ่งได้เร็วกว่านักวิ่งแชมป์โลกเสียอีก!
เขาเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ ตั้งแต่ที่เขาอยู่ในวงการนี้มานี่เป็นครั้งแรกที่เจอสถานการณ์แบบนี้ มันจะมีใครที่วิ่งเร็วเท่ากับรถได้แบบชายคนนี้ เขาเห็นว่าเป้าหมายได้วิ่งมาถึงครึ่งทางแล้วเขาไม่ลังเลเลยที่จะยกปืนขึ้นแล้วเล็งไปยังเป้าหมายทันที
แต่เมื่อเขากำลังจะลั่นไกนั้นได้มีประกายแสงอะไรบางอย่างเจาะทะละตัวปืนและมือของเขาไป! เขาที่เห็นแบบนั้นก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง เพราะในหัวตอนนี้มีแต่คำว่า หนี! เท่านั้นที่ดังขึ้นมาในหัวของเขา เขาไม่ได้ลังเลที่จะหนีออกไปจากจุดที่เขาอยู่ตอนนี้เลย ถ้าเป็นไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้เมื่อเขาไปถึงชั้นล่างที่มีคนอยู่จำนวนมากได้ เขาก็จะปล่อยภัยนั้นคือแผนเดิมของเขา
เมื่อเขากำลังคิดอยู่นั้น ลูชินได้ทำการปีนขึ้นมาจากด้านล่างโดยที่เขาใช้ระเบียงที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารเป็นแท่นยืนก่อนที่จะกระโดดขึ้นมา
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่มีเครื่องยิงใยถ้ามีเขาคงไม่ต้องทำการกระโดดให้เสียเวลาแบบนี้!
“ประธานลู!” ชองบินที่เห็นว่าลูชินทำอะไรได้บ้างก็พูดออกมาอย่างไม่เชื่อว่า “เขาเป็นซูเปอร์แมนใช้ไหม?”
เพื่อนของเขาฉีห่วงก็มีการแสดงออกที่ไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่ ‘เขาจะปีนขึ้นถึงชั้นหกด้วยมือเปล่าเนี้ยนะ!’
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังออกมาจากห้องหนึ่งในชั้นหก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงนั้นคงเป็นมือปืนที่ซุ้มอยู่!
“มันเป็นใครกันแน่?” ถังหลีได้ถามด้วยความสยองขวัญ แต่ไม่มีใครตอบคำถามของเขา
“แกเป็นตัวอะไร?” มือปืนถามออกมาด้วยความกลัว
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมา: “แกอยากรู้ไปทำไม? อีกเดียวแกก็ต้องตายแล้ว!”
หลังจากที่ลูชินพูดจบก็ได้จับมือปืนคนนั้นโยนลงมาจากชั้นหกทันที มือปืนที่รู้ว่าตัวเองถูกจับโยนลงมาจากชั้นหกก็ได้กรีดร้องออกมาด้วยความสยองขวัญ เขาคิดว่าตัวเองคงได้ตกไปเละที่พื้นในเวลาไม่กี่วินาที แต่เขาพบว่าก่อนที่เขาจะถึงพื้นได้ถูกจับไว้ด้วยชายที่โยนเขาลงมาอีกครั้ง!
ลูชินที่เห็นว่ามือปืนคนนี้ได้สลบไปแล้วหลังจากที่รู้ว่าตัวเองรอดจากการตกครั้งนี้ เขาจึงพูดขึ้นว่า “อะไรกัน แค่นี้ก็สลบ”
ก่อนหน้านั้น
“เขา … เขา … ” ชองบินที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นก็ไม่สามารถหาคำพูดอะไรที่จะบรรยายความรู้สึกตอนนี้ของเขาได้! นั่นคือชั้นหกเลยนะ!
“นั้นเขาต้องการฆ่าตัวตายหรือไม่?” ความคิดของทุกคนที่เห็นการกระทำของลูชินที่พุ่งลงมาจากชั้นหกต่างก็เป็นแบบเดียวกัน แต่เมื่อลูชินใกล้จะถึงพื้นนั้นพวกเขาเห็นว่าอยู่ดีๆก็มีเสื้อคลุมรูปค้างคาวโผล่ขึ้นมาจากด้านหลัง โดยที่ผ้าคลุมนี้ทำหน้าที่เป็นตัวชะลอความเร็วตกของเขาทำให้เมื่อใกล้ถึงพื้นความเร็วของเขากลับเป็นศูนย์
ลูชินที่ลงพื้นได้อย่างปลอดภัยได้นำตัวมือปืนมาด้วย ก่อนที่เขาจะโยนมือปืนคนนั้นไว้ที่พื้น ในตอนนี้ควันบุหรี่ที่เขาพ้นไปยังคงมีเหลืออยู่ไม่ได้หายไปไหน นั้นทำให้การมองเห็นของเขาถูกบดบังมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบอย่างมาก!
ลูชินได้สั่งให้จางเกวียงย้ายที่นั่งของเขาไปไว้ตรงข้ามของพวกจ้าวลาว ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “ไงเฒ่าจ้าว นายอยากจะต่อสู้อยู่ไหม?”
ในเวลานี้ทั้งจ้าวลาว,กวงไห่และกลุ่มกวางจางทั้งหมดไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เพราะพวกเขากำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีกลุ่มคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วย!
“แล้วแกละ? มีอะไรจะพูดอีกไหม??” ลูชินมองจู้เจี๋ยเทาและคนอื่นๆ พวกนั้นที่ได้ยินลูชินเรียกชื่อของตัวเองก็รีบสายหัวอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาไม่อยากจะโดนเหมือนเพื่อนๆของพวกเขา ‘ใครมันจะอยากโดยไอ้สัตว์ประหลาดสองตัวนี้ฆ่ากันละ’
มีลูกน้องสองสามคนที่ต้องการหลบหนี ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็พูดเรียบๆว่า: “ถ้าใครออกไปโดยที่ฉันไม่ได้บอก เตรียมตัวตายได้เลย!”
หลังจากทีได้ฟังแบบนั้นก็ได้บางคนก็แสดงอาการหวาดกลัวหรือไม่ก็ฉี่ราดออกมาโดยตรงก็มี
ลูชินที่เห็นว่าคำขู่ของเขาได้ผลก็พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า: “ดี พวกนายควรเป็นเด็กดีแบบนี้”
อย่างไรก็ตามเสียงของลูชินได้เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้หันไปพูดกับจ้าวลาวและกวงไห่ :”แล้วเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้พวกนายจะเอายังไง! ”
” คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? แล้วคุณเป็นใครกันแน่? “เสียงของจ้าวลาวนั้นเต็มไปด้วยความตกใจและความกลัว เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องอะไร?
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ลูชินได้ยืนขึ้นก่อนที่จะเดินไปหาจ้าวลาวแล้วได้ตบไหล่เขาเบาๆ คนรอบข้างที่เห็นแบบนั้นก็แสดงอาการตกใจและคิดไปว่าการกระทำของลูชินมีอะไรแอบแฝงหรือไม่?
“นายบอกว่านายนั้นมีประสบการณ์มาแล้วทุกรูปแบบ แล้วทำไมนายถึงไม่เข้าใจคำถามง่ายๆที่ฉันถามออกไปละ?”
ลูชินยังได้หันไปมองทางพวกกวงไห่ก่อนที่จะพูดว่า : “แล้วพวกนายละ มีอะไรจะพูดไหม? “
เป็นถังหลีที่ได้สติขึ้นมาคนแรก เขาได้ถามลูชินด้วยความกล้าๆกลัวว่า: “ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ในตำนานใช้ไหม?”
จ้าวลาวเองก็ได้ถามขึ้นมาเช่นกันว่า: “ผมก็เคยอ่านเจอเรื่องพวกนี้จากหนังสือว่าในจีนแผ่นดินใหญ่นั้นมีนิกายหรือตระกูลลึกลับมากมายที่ฝึกพลังภายในที่เรียกว่าชี่กงใช้ไหม?
ลูชิมยิ้มออกมาและการแสดงออกของเขาไม่ได้เปลี่ยนเลยหลังจากที่ได้ฟังจ้าวลาวพูดแบบนั้น นั้นยิ่งทำให้จ้าวลาวและพวกเชื่อมากขึ้นว่าเรื่องที่พวกเขาพูดมานั้นคือเรื่องจริง!
“เอาละ! เราไร้สาระมามากแล้ว พวกนายรู้ว่าฉันต้องการอะไร?” ลูชินได้พูดขึ้นมาหลังจากที่เขาเริ่มเบื่อกับที่นี้แล้ว
บทที่202
ผู้แปล : N.
ทุกคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดหรือแสดงอาการอะไร พวกเขามองไปที่จ้าวลาวเพื่อที่จะได้ดูว่าเขาจะมีการตัดสินใจยังไง
ทางด้านจ้าวลาวเอง เขาก็ไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ลำบากขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เขาต้องทำสิ่งที่ชายตรงหน้าบอกทุกอย่าง เขารู้สึกว่าถ้าเขาทำอะไรที่ขัดหูขัดตาชายตรงหน้าคงออกคำสั่งให้ผู้คุ้มกันเหนือนมนุษย์ของเขาฆ่าพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอน!
ใช้เวลาซักพักก่อนที่จ้าวลาวจะพูดประโยคแรกว่า: “นายท่านลู กลุ่มกวางจางของเราขอยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้!”
ชองบินและฉีห่วงได้สูดหายใจเข้าลึกๆเมื่อพวกเขาได้ยินประโยคนี้ พวกเขาสงสัยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น !
แต่เมือพวกเขาได้ตบหน้าตัวเองก็รู้ว่านี้ไม่ใช้ความฝัน ตอนนี้ลูชินได้บังคับให้พวกนั้นยอมรับความพ่ายแพ้ได้จริงๆ เรื่องแบบนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนและด้วยฉากที่ปรากฏตรงหน้าอาจพูดได้ว่าวันนี้โลกทัศน์ของพวกเขาได้เปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์!
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ถามด้วยน้ำเสียงเริ่มรำคาญว่า :“ รีบๆเข้าประเด็นได้แล้ว?”
ใบหน้าของจ้าวลาวเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรุนแรง เขาได้กัดฟันก่อนที่จะพูดว่า:“นายท่านลูอย่าพึ่งโกรธ เราได้ทำผิดจริงต่อบริษัทลู่เทคโนโลยี ในเรื่องนี้เราต้องขออภัยและทางเราจะทำการชดเชยความสูญเสียที่ท่านได้รับอย่างแน่นอน ในส่วนของบริษัทเอเชียแปซิฟิกเทเลคอมนั้น… ”
” หืม? “ลูชินได้ทำท่าราวกับว่าเขาเป็นเจ้านายที่นี่
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กลุ่มกวางจางของเราจะไม่ทำเรื่องอะไรที่จะก่อให้เกิดความขุ่นเคืองต่อนายท่านและกลุ่มบริษัทลู่เทคโนโลยี!”
“นั้นมันน้อยเกินไป” ลูชินได้เพิ่มเงื่อนไขให้กับจ้าวลาวว่า: “ฉันได้ยินมาว่ากลุ่มของนายมีอิทธิพลพอตัวเลยนิ! ฉันต้องการให้กลุ่มพวกนายทำหน้าทีเป็นเกราะให้กับกลุ่มของฉันที่ฮ่องกง ฉันคิดว่าเรื่องนี้คงไม่เกินแรงกลุ่มนายหรอกนะ! ”
” มันจะมากไปแล้ว! “ถังหลีที่ได้ฟังเงื่อนไขของลูชินก็ได้นำมือที่แตกของเขาขึ้นมาเพื่อจะต่อยลูชิน
“นายต้องการลงไปนอนกับพวกนั้นใช้ไหม?” ลูชินได้พูดขึ้นพร้อมกลับชี้ไปมุมห้อง
ถังหลีมองตามที่ลูชินได้ชี้ก็ได้เห็นว่าตรงมุมห้องนั้นได้มีลูกน้องของเขานอนกองกันอยู่
กวงไห่ที่ได้เห็นแบบนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า: “ไอ้ถังหยุด!” เขาได้หันไปทางลูชินก่อนที่จะพูดว่า: “พวกเราจะรับเงื่อนไขของนายท่าน ถ้านายท่านรับเงื่อนไขเล็กๆน้อยๆของผม “
“ พูด”
กวงไห่ได้รีบพูดว่า:“ วันนี้ผมได้เห็นแล้วว่านายท่านมีความแข็งแกร่งขนาดไหน ผมแค่หวังว่าในอนาคตนายท่านจะไม่คุกคามพวกเราเท่านั้นก็พอแล้ว! “
” ฮาฮาฮา ” ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดว่า ” พวกนายมั่นใจได้ ฉันจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นการคุกคามพวกนาย แต่นั้นก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่าพวกนายก็ไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องผิดเงื่อนไขของฉัน “
“ตกลงตามนั้น! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมในฐานะหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มกวางจางจะไม่ทำเรื่องอะไรที่ส่งผลกระทบแก่กลุ่มบริษัทลู่เทคโนโลยี”จ้าวลาวยังได้พูดอีกว่า ” ถ้านายท่านลูยังไม่รีบกลับ ผมสามารถแนะนำสถานที่หรือผู้หญิงดีๆให้ท่านำได้ถ้าท่านสนใจ! “
“ไม่ละ ฉันเหนื่อยแล้ว “ลูชินได้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า” จางเกวียงเรากลับกันเถอะ “
แต่พวกเขาไม่ได้เดินออกไปทางปะตู พวกเขากับเลือกเดินไปทางกำแพงแทน ชองบินที่เห็นแบบนั้นก็เกิดสงสัยขึ้นแต่เมื่อเขากำลังจะถามอยู่นั้น จางเกวียงได้เดินไปที่กำแพงและเขาได้ชกเข้าตรงๆเข้าไปยังกำแพงที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างแรง
ปัง
กำแพงที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ว่าแข็งได้ระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ จางเกวียงเตะกรวดบนพื้นให้พ้นทางเพื่อเคลียทางเดินให้ลูชินเดินออกไปจากที่นั่น
ฉากนี้ทำให้คนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็แสดงอาการกลัวขึ้นมา เพราะผนังของคลับนี้ถูกทำมาให้กันกระสุนได้การที่จางเกวียงสามารถทำให้เกิดรูขึ้นได้โดยการชกเพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องน่ากลัวอย่างแท้จริง!
พวกเขาไม่คิดเลยว่าถ้าชายคนนั้นใช้แรงขนาดนี้ชกพวกเขาจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช้ว่าพวกเขาต้องตายเพียงการชกเพียงครั้งเดียวหรือไม่!
จ้าวลาวนั้นรู้ดีว่านี้ถือเป็นคำเตือนสุดท้ายที่ลูชินต้องการบอกพวกตน หากลุ่มกวางจางคิดจะแก้แค้นพวกเขาภายหลังคงต้องเตรียมตัวรับผลที่จะเกิดตามมาให้ได้!
ลูชินที่เดินออกไปข้างนอกแล้วสังเกตว่าพวกชองบินไม่ได้เดินตามเขามา เขาจึงได้หันกลับไปตะโกนถามว่า “ประธานชอง คุณจะอยู่รอดื่มชาหรือไง?”
“อ่า…พวกผมกำลังไป!” ชองบินและฉีห่วงที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งตามออกไปทันที
ทางด้านพวกจ้าวลาวได้รอจนกระทั่งพวกเขาเห็นว่ารถของลูชินได้ออกไปพ้นระยะสายตาแล้วก็แสดงอาการ โล่งใจออกมา และพวกเขาทุกคนพบว่าชุดสูทของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความกลัว!
“พวกแกก็รีบแยกย้ายกันจัดการสถานที่นี้ให้รีบร้อย!” จ้าวลาวที่เห็นว่าไม่มีใครขยับตัวก็ตะโกนว่า “พวกแกยังรออะไรอยู่ รีบไปทำตามที่สั่งได้แล้ว! ”
ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบไปทำตามคำสั่งทันที ก็เหลือแต่กวงไห่ที่ยังยังแสดงสีหน้าไม่เต็มใจก่อนที่จะพูดขึ้นว่า: “คุณจ้าว เราจะให้เรื่องนี้จบลงแบบนี้จริงๆหรือครับ?”
จ้าวลาวที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดด้วยความโกรธว่า: “ถ้าไม่จบแบบนี้แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง? ไม่เห็นเหรอว่าพวกนั้นทำอะไรได้บ้าง!”
เขายังพูดต่ออีกว่า: “ฉันต้องขอเตือนแกไว้ตรงนี้เลยว่าอย่าไปทำอะไรให้พวกนั้นโกรธอีก ไม่งั้นฉันนี้แหละที่จะเป็นคนฆ่าแกเอง “
กวงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยังไม่ยินยอมเขาได้พูดขึ้นว่า “มันต้องมีวิธีอื่นอยู่สิครับ?”
“เฮ้อ…แกก็เห็นแล้วว่าพวกนั้นทำอะไรได้บ้าง พวกนั้นมันไม่ใช้มนุษย์แบบพวกเราแล้ว ถ้าพวกนั้นต้องการกำจัดเราจริงก็สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนั้นฉันขอแนะนำว่าต่อแต่นี้ไปเราจะไม่ยุ้งเกี่ยวกับพวกนั้นอีก! ”
จู้เจี่ยเทาที่พึ่งลุกขึ้นมาได้เดินเข้ามาถามจ้าวลาวอย่างระอายว่า :” หัวหน้า คุณเคยพบคนแบบพวกนั้นมาก่อนไหม? ”
จ้าวลาวได้หายใจลึกๆเพื่อสงบจิตใจของเขาก่อนที่เขาจะพูดว่า: “ไม่เคย…ตลอด70ปีมานี้ฉันไม่เคยเห็นใครที่มีพลังแบบพวกนั้นมากก่อนเลย ขนาดพวกวันเสาหลินที่ว่าแน่ก็ยังมีฝีมือไม่ถึงเสี่ยวเดียวของพวกมันเลย”
เขาได้พูดด้วยน้ำจริงจังต่อว่า ” พวกนายต้องจำเอาไว้ให้ดีว่า ต่อไปในอนาคตเราจะไม่ยุ่งกับคนที่ชื่อลูชินและบริษัทของเขาอีกไม่ว่าจะทางใดก็ตาม! ”
……
หลังจากที่พวกเขากลับมาจากพาราไดม์คลับ ฉีห่วงได้ขอแยกตัวกับพวกลูชินทันที โดยที่ก่อนไปนั้นลูชินยังได้พูดกำชับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่าไปบอกใคร ฉีห่วงที่ได้ฟังแบบนั้นก็สาบานว่าเขาจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับทุกคนนั้นรวมถึงครอบครัวของเขาก็เช่นกัน
ในรถยนต์ ชองบินกำลังคิดเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น เขารู้สึกว่าเขาพึ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา นั้นจึงทำให้เกิดเหงื่อออกจำนวนมากจนทำให้เกิดฝ้าที่แวนตาของเขา
โชคดีที่จางเกวียงเป็นคนขับรถไม่อย่างนั้นคงเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นมาว่า: “เรื่องทุกอย่างคงได้รับการแก้ไขแล้ว ผมคิดว่าต่อไปในฮ่องกงคงจะไม่เกิดปัญหาขึ้นอีกต่อไป”
“ในส่วนปัญหาด้านการตลาดหรือการโฆษณา ผมคิดว่าคุณคงสามารถหาทางรับมือกับมันได้ใช้ไหม?”
” แน่นอนครับ!” ชองบินที่ได้ฟังแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ดีครับ” ลูชินได้พูดต่อว่า “งั้นปัญหาทั้งหมดก็ถูกแกไขเรียบร้อย”
“โอ้เกือบลืม…วันพรุ่งนี้ผมได้วางแผนที่จะไปช็อปปิ้ง คุณพอมีที่แนะนำไหม?”
“เออ…ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแนะนำคุณไปที่ไหน!” ชองบินยังไม่สามารถลืมเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ ดังนั้นสมองของเขาจึงยังมีการประมวลผลได้ไม่ดีพอ
ในคืนนั้นหลิวตงได้โทรมาหาลูชินเพื่อที่จะรายงานความคืบหน้าของเรื่องนี้ว่า “ประธานลู คุณสุดยอดมาก!” เขายังได้พูดต่อว่า “เมื่อกี้หัวหน้าของบริษัทฟาคอนเทเลคอมได้โทรมาเป็นการส่วนตัวกับผม โดยที่เขาได้ยอมรับผิดในเรื่องที่พวกเขาได้ทำไว้กับตัวแทนของเรา และเขายังยินดีที่จะชดเชยให้ทางเราเป็นเงินถึง 10ล้านฮ่องกงอีกด้วย”
“และเขายังพูดอีกว่าถ้าในอนาคตบริษัทตัวแทนของเราได้รับความเดือดร้อนอะไรก็สามารถแจ้งให้เข้าทราบได้ โดยที่บริษัทเขาจะรับเป็นคนจัดการแกปัญหาต่างๆให้เราเองทั้งหมด ”
” ประธาน คุณรู้ตัวไหมว่าคุณคือไอดอลของผม! “
บทที่203
ผู้แปล : N.
“ฉันก็แค่ไปดื่มชาสักถ้วยและพูดกับพวกนั้นดีๆแค่นี้เอง” ลูชินพูดด้วยท่าทางสบายๆ แต่หลิวตงรู้ว่ามันคงไม่ง่ายแบบนั้น
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้มีอิทธิพลใต้ดินขนาดใหญ่ของฮ่องกง เรื่องมันจะแก้ไขง่ายๆแบบไปดื่มชาแล้วคุยกันดีๆเหรอ? เขาต้องยอมรับว่ายิ่งเขาทำงานให้ประธานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตกใจในความแข็งแกร่งของประธานมากเท่านั้น!
“ประธานลู ท่านคือเทพพระเจ้า!” หลิวตงได้พูดอีกประโยคหนึ่งว่า: “ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาของประธานแล้ว ในส่วนเรื่องงานของบริษัทประธานไม่ต้องเป็นห่วง ผมจัดการได้เชิญประธานไปท่องเทียวให้เต็มที่”
“ได้ งั้นฉันวางสายแล้ว”
ลูชินได้วางสายโทรศัพท์และเริ่มเพลิดเพลินกับเวลาที่ผ่อนคลายตรงหน้า เพราะตอนนี้เขากำลังถูกนวดจากหมอนวดที่ชองบินพามานวดให้เขาถึงห้องนอน
บนเตียงที่นุ่มสบายขนาดใหญ่ ลูชินกำลังเล่นกับโทรศัพท์มือถือของเขา เขาได้พูดคุยกับซู่จิงไม่กี่นาทีก่อนเพื่อที่จะบอกว่าปัญหาที่ฮ่องกงนั้นถูกแก้ไขแล้วไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นเขาได้เข้ากลุ่มแชทเทคโนโลยีสีดำของเขาต่อ
ในกลุ่มตอนนี้ไม่มีใครออนไลน์อยู่ แต่เขาก็สามารถอ่านข้อความย้อนหลังได้ ข้อความเหล่านั้นส่วนมากเป็นของโทนี่และผู้สร้างลุดคุยกัน พวกเขาสองคนได้คุยกันเกี่ยวกับการสร้างชุดเกราะแบบใหม่ ทางปีเตอร์เองก็ถามบรูซเวย์นเกี่ยวกับการสร้างอาวุธความร้อนและคลื่นเสียงเป็นส่วนใหญ่
ด้วยความประหลาดใจของเขา เขาไม่พบข้อความของราชินีแดงเลย ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาส่งอังเป๋าไปให้เธอ ความถี่ในการออนไลน์ของเธอจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าข้อมูลในอังเป๋าที่เขาส่งไปให้เธอนั้นคงมหาสารอย่างมาก
ลูชินได้คลิ๊กเข้าไปดูยังค่าประสบการณ์ของกลุ่ม แล้วพบว่าตอนนี้เขาสามารถเชิญสมาชิกใหม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าเขาต้องกดตกลงเชิญสมาชิกใหม่ทันที!
ข้อความของกลุ่ม: “ในการเชิญแบบสุ่มในระบบโลกคู่ขนาด… “
“ในที่สุดก็มีสมาชิกใหม่! ” ลูชินได้พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ข้อความของกลุ่ม: “ออปติมัสไพร์ม ได้เข้าร่วมกลุ่มแล้ว”
“ ออปติมัสไพร์ม?” ลูชินรีบตรวจสอบรายชื่อสมาชิกในกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว มีเพียงคนเดียวที่สัญญาณกำลังออนไลน์อยู่ โดยที่มีรูปเป็นรถบรรทุกสีแดงขนาดใหญ่
เขาคลิกเข้าไปยังข้อมูลรายละเอียดของรูปนั้น: “ออปติมัสไพร์ม: จากจักรวาล” ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส “ซึ่งเป็นดาวไซเบอร์ตรอน เขาถือว่าผู้นำของนักรบของฝั่งออโต้บอทส์ เขาเป็นคนที่ฉลาดและทรงพลังที่สุดในดาวไซเบอร์ตรอน”
” จริงๆแล้วเขาคือออปติมัสไพร์ม ฮาฮาฮา มีคนเทพๆเข้ามาในกลุ่มอีกแล้ว! “
ลูชินมีความสุขอย่างมากที่เขารู้ว่าเขาได้ใครมาเข้ากลุ่มในครั้งนี้ เขารีบทักออปติมัสไพร์:” @ออปติมัสไพร์ม ยินดีต้อนรับนายเข้าร่วมกลุ่มแชทเทคโนโลยีสีดำของฉัน นายสามารถอ่านรายละเอียดของกลุ่มที่ฉันส่งไปได้ ”
หลังจากพูดจบเขาได้ส่งข้อมูลของกลุ่มทั้งหมดไปให้ออปติมัสไพร์มโดยตรง
ทางด้านออปติมัสไพร์มนั้นได้อ่านข้อมูลที่เจ้าของกลุ่มส่งมาอย่างรวดเร็วและถามว่า: “ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในจักรวาล?”
Mr. L: “ฉันรับรองได้ว่านายต้องชอบกลุ่มนี้ เพราะเราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ”
ออปติมัสไพร์ม: ” เจ้าของกลุ่มตอนนี้ฉันมีคำถาม? ”
Mr.L:” คุณจะถามอะไร? ”
ออปติมัสไพร์มพูดว่า:” ตอนนี้ฉันกำลังล่องยานในจักรวาลและพลังงานของยานที่ฉันนั่งมากำลังจะหมด ดังนั้นฉันจึงอยากจะถามเจ้าของกลุ่มว่าคุณสามารถหาพลังงานมาให้ฉันได้ไหม?”
ลูชินได้ฟังแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า:“ แน่นอน! แต่ฉันอยากรู้ว่าคุณต้องการพลังงานแบบไหน ใช้พวกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล หรือน้ำมันอากาศยานแบบเครื่องบินพาณิชย์ไหม?”
ออปติมัสไพร์ม:“ เจ้าของกลุ่มกำลังพูดถึงพลังงานที่โลกอยู่หรือไม่? พลังงานที่คุณพูดมานั้นคือพลังงานระดับต่ำ มันไม่สามารถนำมาใช้ได้กับยานที่ฉันนั่งมาได้ “
” มันก็ถูกอย่างที่คุณพูด “
ออปติมัสไพร์ม: “ถ้าไม่มีพลังงาน ฉันสามารถไปนอนในกระสวนรอจนกว่าฉันจะพบดาวเคราะห์ที่มีพลังงานที่เหมาะสมกับยานได้”
Mr.L: “ถึงฉันจะไม่มี แต่ฉันคิดว่าคนอื่นๆในกลุ่มนี้ต้องมีอย่างแน่นอน “
Mr.L: “@ สมาชิกทั้งหมด, ตอนนี้เราได้มีสมาชิกใหม่เข้ามาในกลุ่มและเขากำลังมีปัญหาเรื่องพลังงานนิดหน่อย ฉันอยากรู้ว่าใครพอมีพลังงานให้เพื่อนใหม่คนนี้ของเราได้บ้าง?”
ลูชินพูดจบไปไม่นาน คนแรกที่ปรากฏขึ้นมาเป็นราชินีแดง
ราชินีแดง: “สมาชิกใหม่ใช้ผู้หญิงหรือไม่ (อิโมติคอนความโศกเศร้า: สถานะกลุ่ม –1)”
ปีเตอร์: “ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ ปรบมือ!”
สมาชิกอีกสามคนไม่ได้ปรากฏตัวในขณะนี้ ดังนั้นลูชินต้องรอแนะนำพวกเขาภายหลังเท่านั้น
ลูชินพูดว่าว่า: “พวกเธอสามารถช่วยออปติมัสไพร์มได้ไหม? ”
ราชินีแดง: “การถ่ายโอนพลังงานของบริษัทอัมเบรลลาคอร์ปอเรชันนั้นต้องได้รับการยินยอมจากหลายฝ่าย ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถช่วยได้ (อิโมติคอน: ฉันขอโทษจากใจจริง!)”
ปีเตอร์: “พลังงานที่คุณออปติมัสไพร์มต้องการนั้นถือว่าเป็นพลังงานรูปแบบใหม่ ผมก็ไม่มีมันแต่ผมคิดว่าคุณสตาร์กต้องมีมันอย่างแน่นอน ”
ออปติมัสไพรม์:” ฉันดีใจมากที่ได้พบพวกคุณทุกคน ฉันขอแนะนำตัวเองฉันคือผู้นำของกลุ่มออโต้บอทส์ “
ราชินีแดง:” (อิโมติคอน: ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนสายงานเดียวกัน) “
ปีเตอร์:” ผมมีความสุขมากที่ได้พบคุณ “
ในเวลานี้ผู้ผลิตลุคก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนที่เขาจะพูดว่า: “มหัศจรรย์จริงๆ ฉันอยากรู้ว่ากลุ่มของเรานี้เชื่อมโยงกับจักรวาลมากมายขนาดไหน?”
ออพติมัสไพร์ม: “มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างที่คุณพูด แต่ฉันคิดว่าจักรวาลนั้นกว้างใหญ่มากมันเลยไม่น่าแปลกใจที่จะมีสิ่งที่เราไม่เข้าใจ”
ผู้สร้างลุค “ใช่แล้วจักรวาลยังมีเรื่องให้ฉันค้นคว้าอีกมาก ดังนั้นฉันยังตายตอนนี้ไม่ได้”
“คุณต้องการพลังงานที่สามารถทดแทนพลังงานแบบเดิมจากยานของคุณได้ใช้ไหม? ฉันคิดว่าฉันพอมีของแบบนั้นอยู่บ้างฉันจะส่งมันไปให้คุณ”
ออปติมัสไพร์ม: ” ขอบคุณมาก! “
ออปติมัสพูดจบก็ได้รับอังเป๋าจากผู้สร้างลุคทันที
ในเวลานี้ในจักรวาลที่เวิ้งว้าง ได้มียานอวกาศกำลังลอยอยู่นิ่งๆ ออปติมัสไพร์มกำลังยืนอยู่ในคลังจ่ายพลังงานของยานอวกาศ
เขาที่ได้รับอังเป๋าจากผู้สร้างลุค ก็ได้ทำการเปิดอังเป๋านั้น
ข้อความของระบบ: “ขอแสดงความยินดี คุณได้รับอังเป๋าจากผู้สร้างลุค คุณได้ก้อนหินวิเศษ ‘Magic Stone’ สามก้อน ”
“หินวิเศษ?” ออปติมัสไพร์มนำสิ่งนี้ออกจากพื้นที่กลุ่ม เขาได้ดึงมันออกมาและมองดูหินสีแดงที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างสงสัย หินก้อนนี้เป็นสีแดงและมีอุณหภูมิสูงมากเหมือนกับพลังงานที่ปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่มีอยู่ในหินก้อนนี้! เพียงหนึ่งก้อนก็เพียงพอสำหรับยานอวกาศนี้แล้วและมันยังเพียงพอสำหรับยานอวกาศของเขาที่จะไปถึงจุดหมายต่อไป
ออปติมัสไพร์มเลือกที่จะใช้พลังงานจากก้อนหินนี้ทันที ในไม่ช้าปุ่มหมุนพลังงานในคลังพลังงานก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าพลังงานได้รับการเติมจนเต็มและยานอวกาศก็พร้อมที่จะเดินเครื่องยนต์ได้แล้ว!
เขาดีใจมากที่เห็นว่าเขาสามารถแกปัญหาที่กวนใจของเขาตอนนี้ไปได้สำเร็จ เขารีบเข้าไปยังกลุ่มเพื่อที่จะพูดว่า: “ฉันต้องขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือพวกคุณอย่างมาก ตั้งแต่นี้ไปพวกคุณคือเพื่อนของพวกเรา!”
บทที่204
ผู้แปล : N
ราชินีแดง: “(อิโมติคอนตลก: ฉันรู้สึกดีที่มีเพื่อนตัวใหญ่แบบคุณ!)”
ปีเตอร์: “ฉันขอถามไหมว่าทำไมคุณถึงกลายเป็นแบบนั้นได้? คุณรู้สึกยังไงเมื่อเปลี่ยนมาเป็นรถ? คุณสามารถพูดได้ไหม? คุณสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ได้ไหม? ….”
ราชินีแดง:“ เขาอาจจะถูกรถกัดก็ได้ใครจะไปรู้!” หลังจากที่เธอพูดจบก็ส่งรูปซอมบี้เคลื่อนไหวได้มา ในรูปดูเหมือนเป็นเครื่องยนต์ชีวภาพอะไรบางอย่าง
Mr. L: “พวกเธอนี้จินตนาการสูงกันไปไหม?”
ปีเตอร์: “เจ้าของกลุ่ม… ”
ผู้สร้างลุค: “โลกของไซเบอร์ตรอนเหรอ? ดูเหมือนว่าดาวเคราะห์ของคุณจะใหญ่กว่าดาวที่ฉันสร้างอีกนะ ”
“นอกจากนี้ยังมีผู้สร้างอีก ฉันคิดว่ามันเป็นชื่อที่ไร้สาระสิ้นดี! ”
เพราะเขาเองก็เคยถูกเรียกว่าผู้สร้างมาก่อน แต่มาดูตอนนี้สิเขากลับต้องมาทำตามคำสั่งของพวกปีศาจเท่านั้น มันทำให้เขารู้แล้วว่าเมื่อก่อนเขาอ่อนแอแค่ไหน
ออพติมัสไพรม์“เป็นเพราะอำนาจของผู้สร้างที่ทำให้เรามีชีวิต ไม่อย่างนั้นเราก็เป็นเพียงกองเศษเหล็กเท่านั้น ”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอนอยากรู้อยากเห็น) @ ออพติมัสไพรม์, ฉันสามารถกลายเป็นแบบคุณได้ไหม? เป็นชีวจักรกล?”
ออพติมัสไพรม์ดูข้อมูลของเธอและพูดทันที: “แน่นอนตราบใดที่เธอเป็นเครื่องจักร เธอก็สามารถเป็นแบบเราได้!”
ราชินีแดง: “ฉันยังสามารถเปลี่ยนเป็นรถแบบคุณได้ด้วยไหม?”
ออพติมัสไพรม์“ได้ แต่เธอคงต้องรออีกซักพัก เพราะตอนนี้พลังของผู้สร้างได้หายไปตอนเกิดสงครามกลางเมืองของเรา”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันจะรอฟังข่าวดีจากคุณ)
ผู้สร้างลุค:” ชีวจักรกลและหุ่นยนต์เป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันพอดู ชีวจักรกลนั้นรหัสยีนจะถูกเก็บไว้ในโครงสร้างอะตอม เนื้อเยื่ออินทรีย์ที่มีชีวิตเองก็จะถูกแทนที่ด้วยองค์ประกอบของวงจรแบบจักรกลทั้งหมด “
“ฉันต้องบอกว่าสิ่งนี้ให้แรงบันดาลใจกับฉันอย่างมาก! บางทีหุ่นยนต์ที่ฉันกำลังพัฒนาขึ้นจะสามารถเป็นแบบนายได้ เป็นหุ่นยนต์ที่ให้ความคิดอย่างแท้จริงและมีชีวิต!”
หุ่นยนต์ที่เขาเคยทำมาก่อนนั้นถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในจุดสูงสุดของสายงานของเขาแล้ว แต่ความคิดและพฤติกรรมของพวกมันก็ยังต้องทำตามขั้นตอนที่เขากำหนดไว้อยู่ดี มันไม่สามารถคิดได้เองแบบพวกออพติมัสไพรม์
เขาต้องยอมรับว่าดาวไซเบอร์ตรอนนั้นได้นำหน้าเขาไปก้าวหนึ่งในแนวคิดการสร้างหุ่นยนต์
ออปติมัสไพร์ม: “ถ้าคุณต้องการศึกษาเรื่องนี้ บางทีฉันอาจจะสามารถช่วยคุณได้บ้าง”
ผู้สร้างลุค: “อะไรนะ? “
ออปติมัสไพร์มตอบกลับว่า: “เมื่อหลายปีก่อนได้มีคนศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ความลับที่มาของชีวิตเชิงกลของเรา แต่เหมือนว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเขาทำให้เขาตายไประหว่างการทดลอง “
” แต่เราก็ยังเก็บการทดลองทั้งหมดของเขาเอาไว้ นี่คือสำเนาของการเขียนโปรแกรมทางพันธุกรรมและองค์ประกอบวงจรของเรา ”
” ด้วยข้อมูลนี้พวกคุณสามารถทำให้เครื่องจักรที่ไม่ซับซ้อนมากมีชีวิตได้ แต่ฉันต้องบอกไว้ก่อนว่าถ้าเป็นเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนมากเกินไปมันจะไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ”
หลังจากนั้นออปติมัสไพร์ได้นำข้อมูลใส่ลงไปในอังเป๋าแล้วส่งเข้ามาในกลุ่ม แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ส่งให้แบบส่วนตัว เขาได้ส่งเข้ามาแบบให้สมาชิกกลุ่มเสียงโชคแทน!
ไม่ต้องบอกว่าใครจะเป็นคนที่คว้าได้เร็วที่สุด ราชินีแดงเธอเป็นคนแรกที่คว้าอังเป๋าได้
ข้อความของกลุ่ม: “ราชินีแดงได้รับอังเป๋าเสียงโชคจากออปติมัสไพร์ เธอได้รับสำเนาของสมการเชิงกล (ระดับ 2)”
คนที่ตามมาติดๆคือ ข้อความของกลุ่ม: “ผู้สร้างลุคได้รับอังเป๋าเสียงโชคจากออปติมัสไพร์ม ได้รับสำเนาสมการเชิงกล (ระดับ 4) สำเนา” รหัสชีวิตทางกลไกของยีน “”
ข้อความของกลุ่ม: “ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้รับอังเป๋าเสียงโชคจากออปติมัสไพร์ ได้รับสำเนาของสมการเชิงกล (ระดับ 2) “
ลูชินเป็นคนสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คราวนี้โชคของเขาไม่เลวร้ายที่สุด
ข้อความของกลุ่ม: “ขอแสดงความยินดีคุณได้รับอังเป๋าเสียงโชคจากออปติมัสไพร์ ได้รับสำเนาสมการเชิงกล (ระดับ 1)” แผนที่การก่อสร้างทางกลแบบง่าย ”
ตอนนี้ทุกคนก็ได้รับอังเป๋าจากออปติมัสไพร์ไปครบแล้ว ก็เหลืออีกสองคนเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับนั้นคือโทนี่และบรูซ
ทุกคนต่างก็พูดขอบคุณออปติมัสไพร์ แต่ก็มีใครบางคนที่แสดงความเกลียดชังออกมา: “@ Mr.L , (อิโมติคอน: ทำไม่คุณที่ได้ของดีแบบนั้น ฉันอิจฉาคุณ!)”
Mr. L: “มันควรเป็นฉันมากกว่าที่จะต้องอิจฉาเธอ! ”
ปีเตอร์:” คุณออปติมัสครับ ระดับ1-4มีความแตกต่างกันยังไงครับ? “
ออปติมัสไพร์ได้อธิบายว่า :.” มันเป็นระดับบอกความซับซ้อนของงานวิจัย บนดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนของฉันนั้นมีชีวจักรกลหลายระดับ และยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทพร้อมกับฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันอีกด้วยนั้นรวมถึงขนาดเครื่องจักรเองก็มีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วจนถึงขนาดใหญ่เท่าดาวเคราะห์ หรือจะเป็นการขนส่ง การต่อสู้ การตรวจจับ ฯลฯ “
“ดังนั้นเราจึงทำการจัดระดับเพื่อเป็นการง่ายต่อการแยกประเภท บนยานของฉันเองก็มีชีวจักรกลระดับหนึ่งและสองเป็นส่วนมาก ในส่วนระดับสามและสี่นั้นฉันมีน้อยที่สุดและระดับที่สี่เกือบจะเป็นระดับสูงสุดที่ฉันสามารถสร้างขึ้นมาได้แล้วในตอนนี้ ”
ปีเตอร์ ” คุณออปติมัส ผมสามารถนำเทคโนโลยีไปปรับใช้กับชุดของผมได้ไหม?”
ออปติมัสไพร์:“ แน่นอนว่าสามารถทำได้ แต่ฉันต้องบอกไว้ก่อนว่าชุดของเธอต้องมีส่วนประกอบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคเป็นหลัก! ”
ราชินีแดง:” แล้วฉันสามารถทำให้ตัวฉันเป็นมนุษย์ได้ไหม? (อิโมติคอน: รอฟังอย่างมีความหวัง) ”
ออปติมัสไพร์:” ฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเทคโนโลยีที่เธอได้รับไปนั้นมันแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากการเกิดของเรา! ”
ราชินีแดง:” งั้นฉันไม่ต้องการมัน เว้นแต่มันจะทำให้ฉันเป็นแบบนายได้ เป็นชีวจักรกล! “
ออปติมัสไพร์: “แต่ฉันต้องเตือนเธอไว้ก่อนว่า ถ้าเป็นเปลี่ยนมาเป็นชีวจักรกลแล้ว ระดับพลังงานที่เธอต้องใช้ในแต่ละวันนั้นต้องสูงมาก ถ้าเธอไม่สามารถหาแหล่งพลังงานได้มากพอเธอจะต้องตาย!”
ผู้สร้างลุค: “ฉันต้องขอตัวไปศึกษาข้อมูลที่ได้มาก่อน แล้วเจอกันใหม่ “
ราชินีแดง:” (อิโมติคอน: โค้งคำนับสี่สิบห้าองศาเพื่อส่งผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่) ”
ออปติมัสไพร์:” ฉันเองก็ต้องไปแล้วเช่นกัน อีกเดียวฉันต้องนำยานเข้าไปยังความเร็วแสง ลาก่อน ”
Mr. L:” ลาก่อน เดินทางปลอดภัย ”
ปีเตอร์:” ฮ่าฮ่าฮ่า สุดท้ายผมก็มีชุดเท่ๆแล้ว! ชุดแมงมุมที่มีความคิดเป็นของตัวเอง แค่คิดมันก็สุดยอดแล้ว! ”
ราชินีแดง:” (อิโมติคอน: นายพูดว่าอะไรนะ?) ”
หลังจากที่เธอพูดจบก็ได้ส่งภาพเคลื่อนไหวแมงมุมซอมบี้ที่ถูกสังเคราะห์ล่าสุดมาในกลุ่ม
ปีเตอร์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดอย่างรวดเร็วว่า: “(อิโมติคอน: ร้องไห้จนตาแดง) @ ราชินีแดง ภาพนี้น่ากลัวเกินไป ผมจะฉี่เร็ดอยู่แล้ว”
บทที่205
ผู้แปล : N
Mr.L: “@ ราชินีแดง เธอก็ชอบแกล้งปีเตอร์ตลอด เห็นไหมว่าเขากลัวขนาดไหน?”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอนไม่พอใจ: เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้)”
Mr.L: “โอเค เดียวฉันก็ต้องออกไปแล้วเหมือนกัน ฉันเองก็อยากที่จะไปศึกษากระบวนการสร้างทางกลแบบง่ายที่ฉันได้รับมา”
ราชินีแดง:” (อิโมติคอน: คุณอย่าไป อย่าไป!) “
เขาต้องยอมรับว่าช่วงหลังๆมานี้เขาเริ่มไม่เข้าใจความหมายที่เธอส่งมามากขึ้น “? ”
ใครจะรู้ว่าราชินีแดงได้ส่งข้อความมาอีกชุดว่า: “(อิโมติคอน: ฉันต้องเตือนคุณว่าการออกกำลังกายในร่มบ่อยๆมันอาจจะทำลายสุขภาพคุณได้)”
Mr. L: “อะไรคือออกกำลังกายในร่ม?”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: ฉันได้ส่งกระบวนท่าของหนังผู้ใหญ่ไปให้คุณแล้ว!)
…
ลูชินได้ออกจากกลุ่มมาซักพักหนึ่งแล้วตอนนี้เขากำลังจะเริ่มศึกษาข้อมูลกระบวนการสร้างทางกลแบบง่าย ที่เขาได้รับ
ต้องบอกว่า “กระบวนการสร้างทางกลแบบง่าย” ถ้าดูผ่านๆจะมองมันว่าเป็นกลไกที่ง่ายๆ แต่ถ้าได้ลองศึกษามันโดยละเอียดก็จะรู้ว่ามันมีภาพวาดการออกแบบทางกลหลายร้อยล้านแบบให้ทำการศึกษาเลยที่เดียว และขั้นตอนเหล่านี้ถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล ดังนั้นมันจึงสามารถนำออกมาศึกษาได้ตลอดเวลา
นี่ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา เพราะในอนาคตผลิตภัณฑ์ของบริษัทของเขาต้องมีจำนวนมากขึ้น โดยข้อมูลนี้จะสามารถแก้ปัญหาการออกแบบทางกลที่เขาต้องเจอในอนาคตได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ออพติมัส ก็ยังได้ส่งอุปกรณ์ระดับหนึ่งที่เสร็จสมบรูณ์มาให้เขาจำนวนหนึ่ง โดยที่ในนั้นได้มีคำอธิบายว่า อุปกรณ์นี้สามารถเลียนแบบเชิงกลแบบพื้นฐานได้เท่านั้น โดยที่มันจะทำให้อุปกรณ์นั้นมีชีวิตและลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด
เมื่อลูชินอ่านจบ เขาก็มีความคิดที่จะไปทดลองกับรถของเขา คิดดูสิถ้ารถของเขาสามารถมีชีวิตและแปลงร่างได้แบบออพติมัสละ มันจะสุดยอดขนาดไหน
แต่ความคิดนี้ของเขาก็ต้องถูกพับเก็บไป เพราะในช่วงสุดท้ายของข้อความออปติมัสได้พูดว่าอุปกรณ์ระดับหนึ่งนั้นถือว่าเป็นระดับต่ำสุดของสมการเชิงกลเลียนแบบ มันไม่สามารถทำให้เครื่องจักรที่มีขนาดใหญ่และความซับซ่อนมากให้มีชีวิตได้
ดังนั้นอุปกรณ์ระดับหนึ่งของสมการเชิงกลเลียนแบบนั้นอย่างมากที่สุดก็แค่ทำให้อัพเกรดให้อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆได้เท่านั้น
เขาได้หยิบสิ่งที่เรียกว่า ‘อุปกรณ์ระดับหนึ่ง ‘ จากพื้นที่จัดเก็บของกลุ่มออกมาดู สิ่งนี้มีขนาดเล็กมากมันมีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเหลืองเท่านั้นเอง มันมีรูปทรงแบบหลายเหลี่ยมมีสีดำเข้มแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็กแต่น้ำหนักของมันนั้นมีขนาดเท่ากับค้อนปอนด์เลยที่เดียว บนพื้นผิวของมันเองก็มีฟิล์มป้องกันบางๆติดอยู่ที่มันต้องมีนั้นเพราะสิ่งนี้จะเปลี่ยนไปตามสิ่งที่มันได้สัมผัสดังนั้นมันจึงต้องมีฟิล์มแยกไว้คอยป้องกัน
เมื่อลูชินคิดที่จะนำไปทดลอง เขาก็ได้นึกถึงคำแนะนำของออพติมัสที่ว่าอุปกรณ์ระดับหนึ่งนั้นไม่สามารถใช้กับเครื่องจักรที่ซับซ้อนได้ เช่น เครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่มีส่วนประกอบของชิ้นส่วนมากกว่าหมื่นชิ้น หากอุปกรณ์นี้ถูกนำไปใช้กับเครื่องจักรแบบนั้นมันจะทำแค่ปรับปรุงเฉพาะส่วนเท่านั้นไม่ใช้ทั้งหมด นั้นจึงอาจจะเท่ากับการสูญเสีย
และอุปกรณ์ระดับหนึ่งนั้นยังไม่สามารถใช้กับรถยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งนั้นทำให้ลูชินต้องพับเก็บความฝันของเขาเอาไว้ก่อน เพราะเขามีความรู้สึกว่าอีกไม่นานเขาต้องได้อุปกรณ์ระดับสูงจากเพื่อนๆของเขาอย่างแน่นอน
“ถ้าเราเอามันไปใส่ให้กับหุ่นยนต์มินิละ? มันจะทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาได้ไหม?” นี้คือความคิดของลูชินหลังจากที่เขารู้ว่าไม่สามารถใช้อุปกรณ์ระดับหนึ่งนี้กับรถยนต์ได้ แต่เมื่อเขาคิดอีกทีก็รู้สึกว่ามันจะเป็นการเสียเปล่ามากเกินไป เพราะประสิทธิภาพของมินิไอรอนแมนก็ดีมากอยู่แล้ว มันไม่จำเป็นต้องทำการอัพเกรดเพิ่มอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะเก็บมันไว้ก่อนเท่านั้น
ลูชินที่คิดได้แบบนั้นก็เผลอหลับไปจนถึงเที่ยงวันของวันถัดไป เขาได้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงรบกวนจากข้างนอก ถึงแม้ว่าห้องนี้จะมีฉนวนกันเสียง แต่การได้ยินของลูชินนั้นเฉียบคมอย่างมาก เขาได้ยินเสียงทะเลาะกันด้านนอกว่า
ชองบินได้พูดกระซิบ: “ทำไมลูกถึงแต่งตัวแบบนี้? ลูกควรกลับไปเปลี่ยนชุดบ้าๆนี้เดี่ยวนี้!”
เสียงผู้หญิงดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างมาก เธอได้ตะโกนว่า : “ทำไมหนูต้องทำตามที่พ่อบอกด้วย? ”
ชองบินดูไม่พอใจก่อนที่เขาจะพูดว่า:” ลูกต้องไปทำหน้าที่นำคุณลูไปเที่ยววันนี้ ลูกควรแต่งชุดที่เหมาะสมไม่ใช้แต่งแบบนี้ “
“เขาก็คงเป็นเฒ่าหัวงูนั้นแหละ หนูว่าหนูแต่งตัวแบบนี้จะถูกใจเขามากกว่า! ”
“หยุดพูดเดียวนี้!” ชองบินได้ใช้น้ำเสียงที่รุนแรงขึ้นว่า “คุณลูเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกพูด! เขายังเด็กและเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก!”
“หนูไม่เชื่อพ่อหรอก!”
“แก! ทำไมแกถึงได้ดื้อแบบนี้!” ชองบินได้อธิบายอีกครั้งว่า”คุณลูเขาแค่ต้องการที่จะไปเที่ยวทั่วเกาะฮ่องกงเท่านั้น แค่สองสามวันเอง และเขาต้องการไกด์นำเที่ยวพ่อเลยคิดว่ามันจะดูไม่เหมาะที่จะแนะนำคนอื่นไปเป็นไกด์ให้เขา ดังนั้นพ่อจึงอยากให้ลูกช่วยพ่อหน่อย”
“ นี้พ่อคิดจะยกหนูให้ตาเฒ่าลูอะไรนั้นหรือไง? “
” ลูกเอาอะไรมาพูด! พ่อจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ไง! “ชองบินได้พูดต่อว่า ” มันเป็นแค่การแสดงความขอบคุณเขาเท่านั้น”
“งันเอาแบบนี้!…ถ้าลูกยอมไปเป็นไกด์นำเที่ยวให้คุณลู พ่อสัญญาว่าจะให้เงินทุนเปิดบริษัทรถจักรยานยนต์ของลูก”
ฝ่ายลูกที่ได้ฟังแบบนี้ก็แสดงสีหน้าไปไม่เต็มใจออกมาเท่าไหร่ก่อนที่จะพูดว่า: “ก็ได้! แล้วคุณลูอะไรนั้นของพ่อตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
” เขากำลังนอนหลับอยู่ในห้อง ลูกควรกลับไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”
“นี้มันเที่ยงแล้วนะ! เขาเป็นหมูหรือไงถึงยังไม่ตื่น!”
“แกหยุดพูดแบบนั้นนะ! ” ชองบินได้ตะโกนขึ้น
“ พ่อ! เขาไม่ได้ยินหรอก”
“แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น “ลูชินได้เปิดประตูออกมาจากข้างใน เขามองไปชองบินแล้วมองไปที่ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
เธอมีลักษณะผมยาวสีน้ำตาล ดวงตาเหมือนพลอยสีน้ำเงิน จมูกโด่ง คางแหลมเล็กน้อยดูเหมือนว่าเธอจะเป็นลูกครึ่งยุโรปหรืออเมริกา
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอได้รับรูปร่างและหน้าตามาจากแม่ทั้งหมด ถ้าได้มาจากพ่อก็คงไม่สวยแบบนี้ เธอใส่กางเกงหนังรัดรูป รองเท้าบูทสีดำนี้ยิ่งทำให้เธอน่ามองมากขึ้น
ชองบินได้พูดกับลูชินว่า: “ประธานลู ผมต้องขอโทษด้วยที่เสียงของพวกผมได้ไปปลุกคุณแบบนี้ นี่คือลูกสาวของผม เธอชื่อว่าฟานฟาน”
ลูชินได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “มันไม่ใช้เรื่องใหญ่อะไร คุณชองไม่ต้องขอโทษหรอกครับ”
ในขณะที่ลูชินมองไปยังฟานฟาน, เธอเองก็มองลูชินเช่นกันก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “พ่อ! ทำไม่พ่อต้องโกหกหนูด้วย ดูยังไงคนตรงหน้าก็เป็นเด็กเท่านั้น เขาจะเป็นคุณลูอะไรของพ่อได้ยังไง! นี้พ่อต้องการจับคู่ให้หนูอีกแล้วใช้ไหม? หนูบอกพ่อแล้วไงว่าเรื่องนี้พ่อไม่ต้องมายุ้ง! ”
ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา ชองบินเองก็ยิ้มออกมาแบบขอโทษแล้วอธิบายอย่างรวดเร็วว่า:” ลูกพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม นี้คือคุณลูที่มาจีนจากแผ่นดินใหญ่ เขาไม่ใช้คนที่พ่อเตรียมมาให้ลูกอะไรทั้งนั้น “
บทที่206
ผู้แปล : N.
ฟานฟานยักไหล่และพูดว่า: “หนูสัญญาก็ได้ แต่เรื่องเงินที่พ่อบอกว่าจะให้หนูนั้น หนูต้องการห้าล้านฮ่องกง!”
ห้าล้านฮ่องกงเทียบเท่ากับหนึ่งล้านหยวน ลูชินได้ประมาณบริษัทของฟานฟานว่าคงเป็นบริษัทขนาดเล็ก
“ ตกลง!”
“แล้วนี้ลูกจะไม่เปลี่ยนชุดหรือไง?” ชองบินพูดขึ้นมา
“หนูไม่เปลี่ยน” ฟานฟานได้หันไปถามลูชินว่า “คุณลู คุณคิดว่าฉันจำเป็นต้องไปเปลี่ยนชุดไหม? ”
ลูชินส่ายหัวถ้าพูดจริงๆแล้วเขาคิดว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ก็น่ามองไปอีกแบบ
“ พ่อดูสิ! คุณลูเขายังไม่เห็นบ่นกับการแต่งตัวของหนูเลย มีแต่พ่อนั้นแหละที่บ่น” ฟานฟานพูดอย่างภาคภูมิใจ
ชองบินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาต้องไปเซ็นสัญญากับบริษัทลู่เทคโนโลยีเพื่อเป็นตัวแทนแล้ว ดังนั้นเขาจึงหวังว่าลูกของเขาจะไม่ทำให้คุณลูไม่พอใจไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้
“ นายมีสถานที่จะไปในใจยัง?” ฟานฟานถาม
“เธอเป็นไกด์นะ เธอควรเป็นคนพาฉันไปสิ?” ลูชินพูดต่อว่า “แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฮ่องกงมีอะไรน่าไปเที่ยวบ้าง”
“ได้!” คิ้วของฟานฟานขมวดกันเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า “เอาล่ะ นายมากับฉัน เดียวฉันจะพานายไปที่สนุกๆเอง “
ที่ประตูของวิลล่า
ฟานฟานพูดขึ้นว่า” ขึ้นรถเลย เดียวฉันจะพานายไปร้านของฉันก่อน ”
” รถนี้อะนะ? “ลูชินมองรถที่จอดอยู่ด้านหน้าของเขาอย่างประหลาดใจ
เขาถามอีกว่า“นี่คือรถแน่เหรอ?”
“นายรีบขึ้นมา นายทำให้เราเสียเวลานะ!” ฟานฟานได้พูดขึ้นหลังจากที่เห็นว่าลูชินยังไม่ได้ขึ้นมาซักที
นี่เป็นมอเตอร์ไซค์ที่แรงและดูดุดันอย่างมาก โดยมีบอดี้ที่เพรียวบางทำให้มันดูเหมือนมังกรดำที่น่าเกรงขามและข้างตัวบอดี้เองก็ติดลายมังกรเอาไว้อีกด้วย ล้อทำจากอัลลอยด์อลูมิเนียมที่สะท้อนความมันวาวของโลหะภายใต้แสงแดด มันยิ่งเข้าคู่ได้ดีกับดิสก์เบรกและยางสีดำ!
“มอเตอร์ไซค์นี้สวยจริงๆ” ลูชินได้พูดออกจากใจจริง เพราะเขาไม่ได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์บนถนนในจีนแผ่นดินใหญ่มากนัก
แต่ในฮ่องกงกลับไม่เหมือนจีนแผนดินใหญ่ เขาสามารถเห็นรถจักรยานยนต์ได้ทุกที่เหมือนดอกเห็ด มีคนเคยพูดว่าถ้าคิดเป็นค่าเฉลี่ยของมอเตอร์ไซค์นั้นจะพบว่าคนหนึ่งคนจะมีรถมอเตอร์ไซค์ถึงสองคัน! ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนในฮ่องกงคุณก็จะต้องเจอแต่มอเตอร์ไซค์
“ฮิฮิ แน่นอนว่านี่คือการออกแบบและการประกอบของฉันเอง” ฟานฟานที่ได้ยินลูชินพูดชมมอเตอร์ไซค์ของตัวเองก็ยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
ลูชินได้ถามอีกว่า “เธอทำเองทั้งหมดเลยเหรอ?”
ฟานฟานได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “วิชาเอกของฉันในมหาวิทยาลัยคือการออกแบบเครื่องกล วิชาเลือกคือเมคคาทรอนิกส์อัตโนมัติและวิศวกรรมยานยนต์! ไม่มีใครที่จะเก่งเท่าฉันอีกแล้วในฮ่องกง! “
” สุดยอดมาก! “ลูชินได้ยกนิ้วให้เธอแถบจะทันที เพราะมีผู้หญิงไม่กี่คนที่จะเลือกเรียนวิชาแบบนี้และมีน้อยมากที่จะมีความเชี่ยวชาญแบบที่เธอแสดงออกมา
“ร้านที่ฉันจะพานายไปคือร้านที่ฉันและเพื่อนๆที่มีแนวคิดเดียวกันเป็นคนสร้างขึ้นมา นายจะบอกว่ามันเป็นสโมสรคนรักมอเตอร์ไซค์ก็ได้ ในตอนแรกร้านของเราก็รับซ่อมมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่ยิ่งนานเข้าเราก็เริ่มที่จะรับออกแบบและทำงานที่สเปเชียลมากขึ้น”
“โดยเราได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่า เราจะเป็นบริษัทส่งออกรถมอเตอร์ไซค์ไปทั่วโลก! ”
“เป็นเป้าหมายที่ดีนะ! ฉันเองก็มีเป้าหมายแบบเดียวกัน “ลูชินได้พูดขึ้น
“นายสวมหมวกได้แล้ว” ฟานฟานได้ส่งหมวกกันน็อคของรถมอเตอร์ไซค์ให้ลูชิน ก่อนที่เธอจะขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับส่วนลูชินนั้นต้องนั่งในฝั่งคนซ้อน
เมื่อฟานฟานได้จับแฮนบุคลิกของเธอก็เปลี่ยนไป เสียงเครื่องยนต์ได้คำรามเหมือนสัตว์ร้ายที่จะเข้าโจมตี!
“จับให้มั่นๆละ” ฟานฟานได้หันกลับมาบอกลูชินก่อนที่เธอจะขับตรงออกไป! บริเวณวิลล่านั้นกว้างอย่างน่าเหลือเชื่อและยังมีคนสัญจรไปมาน้อยอย่างมาก นั้นจึงทำให้ฟานฟานสามารถขี่ได้ด้วยความเร็วสูงสุด
ลูชินที่เป็นคนซ้อนนั้นเห็นว่าทิวทัศน์โดยรอบได้กะพริบผ่านเข้าไปเร็วมาก เขารู้สึกแค่ว่ามีลมพัดผ่านหูของเขาเท่านั้น
ที่ด้านหน้าคนขับฟานฟาน เธอไม่มีการชะลอตัวลงเลยเธอได้เพิ่มรอบเครื่องขึ้นไปอีก นั้นจึงทำให้ลูชินต้องสวมกอดเอวบางๆของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และเขายังได้ตะโกนว่า: “เธอขี่เร็วไปแล้ว!”
“นายไม่ต้องกังวลไป เวลาแบบนี้ไม่มีใครอยู่บนถนนหรอก!” ฟานฟานเองก็ได้ตะโกนตอบกลับ ในความเป็นจริงเธอจงใจขับให้เร็วขึ้นอีกหลังจากที่เธอได้ฟังคำถามแรกของลูชิน นี้ถือว่าเป็นการแก้แค้นที่เธอต้องมาค่อยดูแลเขาตลอดสามวันต่อจากนี้
เธอตะโกนอีกว่า: “แล้วมือของนายนะ อย่าเลื้อยไปทั่วแบบนี้! ”
“ถ้าเธอสัญญาว่าจะขับให้ช้าลง ฉันก็จะหยุดเลื้อยแบบนี้!” ลูชินเองก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวบางๆนี้เหมือนกัน
ฟานฟานที่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องอดทนเท่านั้น หลังจากที่พวกเขามาถึงที่หมายเธอได้รีบลงจากรถแล้วถามลูชินว่า “นายเคยขับรถรถมอเตอร์ไซค์มาก่อนไหม?”
“ถ้าเธอหมายถึงว่าการที่เราต้องขับหนีตำรวจนั้นคือการขับรถ ฉันก็คงต้องตอบว่าไม่เคย” ลูชินได้ตอบกลับมา
“นั้นมันเป็นเพรานายนั้นแหละ ถ้าฉันขี่คนเดียวความเร็วมันจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสองเท่า!” ฟานฟานได้ถอดหมวกกันน็อออกก่อนที่จะส่ายหัวแล้วเดินเข้าไปยังร้านของเธอ
“ แล้วนี้เราอยู่ที่ไหน?” ลูชินได้ถามขึ้นมาหลังจากที่เขาได้สำรวจบริเวณรอบๆ
ฟานฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับว่า: “ร้านฉันเอง นายต้องการพวกเครื่องดื่มหรือของกินไหม?”
” โอ้! ไม่เป็นไร “ลูชินได้พูดต่อว่า” แล้วทำไมฉันถึงไม่เห็นรถเลยละ? ”
” รถพวกนั้นอยู่ในร้านโน้น “หลังจากเธอพดจบก็ได้เดินนำลูชินเข้าไปในร้านทันที
ลูชินต้องยอมรับว่าถึงร้านซ่อมรถของฟานฟานจะดูเล็กไปบ้าง แต่พวกเครื่องมือต่างๆกับมีพร้อมสรรพ นั้นรวมถึงพวกสิ่งอำนวยความสะดวกทุกชนิด
เมื่อพวกเขาได้เดินเข้ามา ก็ได้เห็นพวกวัยรุ่นหนุ่มสาวที่แต่งตัวได้เปรี้ยวจี๊ดอย่างมาก มีบางคนกำลังปรับแต่งรถมอเตอร์ไซค์หรือไม่ก็กำลังซ่อมรถของตัวเองก็มี
ทุกคนที่เห็นว่าฟานฟานมาต่างก็ได้หยุดงานที่พวกเขากำลังทำอยู่ทันทีและได้เดินเข้ามาล้อมรอบพวกเขาไว้ก่อนที่จะมีใครบางคนได้พูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่!”
คนพูดนั้นคือหญิงสาวที่มีการแต่งตัวได้เอกลักษณ์อย่างมาก ฟานฟานที่เห็นว่าใครเป็นคนเรียกเธอก็ได้เข้าไปหอมแก้วโดยตรง
ลูชินที่เห็นแบบนี้ก็เกิดสงสัย แต่เหมือนว่าเธอจะไม่ให้โอกาสเขาได้ถาม เธอได้หันไปพูดกับคนตรงหน้าว่า: “จินกวงอยู่ไหน?”
“อ่า ส่วนนี้คือลูชิน พ่อของฉันขอให้ฉันช่วยดูแลเขาซักสองสามวัน ”
“พี่ใหญ่ใช้พ่อมาอ้างหรือเปล่า?” ผู้หญิงคนนั้นได้เงยหน้าขึ้นและมองไปยังลูชินด้วยท่าทางที่เป็นมิตรก่อนที่จะพูดว่า: “นายสนใจที่จะไปเที่ยวกับฉันไหม? ฉันรับรองว่านายต้องสนุกกอย่างแน่นอน ”
ระหว่างนั้นได้มีชายแปลกหน้าเข้ามาหาพวกเขา ฟานฟานที่เห็นว่าเป็นใครก็ได้เข้าไปจูบทันที ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ก่อนที่ชายคนที่มีผมสีฟ้าข้างหน้าเขาจะพูดว่า: “นั้นคือแฟนของพี่ใหญ่ละ พวกเขาทักทายกันแบบนี้ตลอด”
หลังจากที่ทั้งคู่แยกออกจากกันแล้ว ฟานฟานก็ได้พูดกับลูชินว่า: “นี้แฟนของฉันเขาชื่อจินกวง.”
จินกวงนั้นได้มองมาทางลูชินแบบไม่เป็นมิตรอย่างมาก เหมือนเขาคิดว่าลูชินคือแฟนที่พ่อของฟานฟานได้จัดหามาให้ยังไงยังงั้น
ฟานฟานที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร เธอได้พูดขึ้นว่า: “แล้วเครื่องยนต์ตัวใหม่ที่ฉันทำขึ้นมา พวกนายได้เอามันไปทดสอบแล้วหรือยัง?”
เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แสดงอาการตื่นเต้นขึ้นมา ชายที่มีผมสีฟ้าได้ยิ้มขึ้นก่อนที่จะพูดว่า: “เรื่องนั้นผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ เครื่องยนต์ตัวนั้นได้ผ่านการทดสอบแล้ว ผมคิดว่าถ้าเรานำมันไปเสนอให้กับบริษัทใหญ่ๆเราคงมีเงินพอที่จะตั้งบริษัทเองได้! “
บทที่207
ผู้แปล : N.
“อย่าภาคภูมิใจเกินไป เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเครื่องยนต์ของเราดีที่สุดจริงไหม ดังนั้นเราต้องนำมันไปทดสอบอีกครั้ง” ฟานฟานพูดต่อว่า “อีกสามนาทีไปเจอกันที่สนาม!”
“สามนาที!” ในสายตาของทุกคนได้เกิดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้น มันจะมีอะไรที่ดีไปกว่าที่เห็นสิ่งที่เขารักประสบความสำเร็จ
ถ้าหากเครื่องยนต์ของพวกเขาประสบความสำเร็จจริงพวกเขาก็จะมีชื่อเสียง มีเงิน และพวกเขาก็จะสามารถจัดตั้งบริษัทของพวกเขาเองได้
คนหนุ่มสาวทุกคนต่างก็มีความฝันที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จได้
ประวัติครอบครัวของฟานฟานนั้นถือว่าดีอย่างมากเมื่อเทียบกับทุกคนที่อยู่ที่นี้ แต่เหมือนว่าครอบครัวของเธอจะไม่ได้สนับสนุนความฝันนี้ของเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องทำมันขึ้นมาด้วยตัวเองเท่านั้น
ลูชินที่กำลังคิดอะไรเพลินๆก็ได้ยินเสียงของฟานฟานพูดกับเขาว่า: “นายขี่รถเป็นอยู่ใช้ไหม? นายเอารถของฉันไปขี่ก่อนเลย เพราะฉันคงต้องยุ้งอีกซักพัก”
“โอเค”
อย่างไรก็ตามจิงกวงมองไปที่ฟานฟานด้วยสายตาไม่พอใจก่อนที่จะพูดว่า: “เธอจะยอมให้ใครก็ไม่รู้มาขี่รถที่เราประกอบมันขึ้นมาด้วยกันแบบนี้ไม่ได้นะ!”
“เขาเป็นแขก ฉันคิดว่ามันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร “ฟานฟานได้อธิบาย
“ถ้าเธอคิดแบบนั้น ทำไมถึงไม่ให้เขาขี่รถคันอื่นละ?” จิงกวงถามต่อ
“ จิงกวง!…ทำไมนายถึงมีปัญหาตอนนี้!…แล้วฉันจะบอกนายว่านั้นคือรถของฉัน!!” ฟานฟานได้พูดออกมาด้วยความโกรธเล็กน้อย
“เธอว่าฉันไม่มีเหตุผลเหรอ?” จิงกวงได้ฟังแบบนั้นก็โกรธขึ้นมาจริงๆ เขาได้พูดว่า: “เธอไม่คิดเหรอว่าเขาอาจจะทำรถที่พวกเราพยายามสร้างมันขึ้นมาพังก็ได้ แล้วถ้ามันเป็นแบบที่ฉันพูดจริงพรุ่งนี้เราจะมีอะไรไปเสนอให้บริษัทเหล่านั้นกัน”
“และฉันคิดว่าเขามีเปอร์เซ็นต์ที่จะทำมันพังมากอีกด้วย! ”
เสียงของจิงกวงดังอย่างมาก ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งหมด และอีกสาเหตุที่เขาทำแบบนั้นเพราะก่อนหน้านี้เขาได้เห็นแล้วว่าลูชินและฟานฟานใกล้ชิดกันมากขนาดไหน และตอนนี้เธอยังยกรถที่พวกเขาพยายามสร้างขึ้นมาให้นายลูชินอะไรนั้นขี่อีก
“จิงกวง นายทำเกินไปแล้วนะ!” ฟานฟานได้พูดขึ้นมา
“ฉันเนี่ยนะที่ทำเกินไป” จิงกวงได้กัดฟันของเขาแล้วพูดว่า: “ได้!…งั้นจากนี้ไปฉันก็ขอให้พวกเธอสองคนมีความสุขก็แล้วกัน!”
ฟานฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้เดินหนีเข้าไปยังห้องด้านข้างทันที และทุกคนที่อยู่ที่นั้นยังได้ยินเสียงร้องสะอึกสะอื้นแว่วๆดังออกมาอีกด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เธอคงกำลังร้องไห้อยู่
ลูชินไม่รู้ว่าเขาต้องทำตัวยังไงต่อไปดี ไม่ใช้ว่าเขาไม่เคยเห็นคู่รักทะเลาะหรอกนะ เขานั้นเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่นี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุให้คู่รักทะเลาะกันแบบนี้
“ งั้น…ฉันไม่ขี่ก็ได้” ลูชินพูดออกมาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างก็รู้ว่ามันไม่ใช้ความผิดของลูชิน แต่มันเป็นเพราะจิงกวงนั้นหึงไม่เข้าเรื่องเอง
“แล้วถ้านายขี่รถคันนี้ละ?” ชายหนุ่มผมสีฟ้าชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่ดูแล้วเก่าเป็นอย่างมาก มันได้ถูกทิ้งไว้ที่มุมของร้านเพราะพวกเขาไม่สามารถทำการดัดแปลงหรือซ่อมมันได้
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาพูดว่า: “ได้ ฉันจะขี่คันนี้”
หลังจากที่เขาพูดจบก็ได้สำรวจรถคันตรงหน้า การออกแบบของตัวถังของรถมอเตอร์ไซค์นี้ไม่เลวเลยและเสียงเครื่องยนต์เองก็ฟังแล้วใช้ได้เลย แต่เมื่อเขาได้ลองขี่มันจริงๆแล้วกับพบว่ามันช้าเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับรถเวสป้าของชายผมสีฟ้า
เขารู้สึกว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังเร็วกว่า ลูชินเริ่มรู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้ขี่รถดัดแปลงของฟานฟาน ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดดีๆขึ้นว่า ‘ถ้าเขาทำการติดตั้งตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งเข้าไปกับตัวเครื่องนี้ละ มันจะเกิดอะไรขึ้น’
ชายผมสีฟ้าพาเขาไปสถานที่ไม่มีคนก่อนที่เขาจะพูดว่า: “ฉันชื่อหงเจิ้น เป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจรองลงมาจากพี่ใหญ่ ”
“ลูชิน” ลูชินได้ตอบกลับไปแบบง่ายๆ
“นายมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ใช้ไหม?” หงเจิ้นถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“ใช่” ลูชินพยักหน้า
“ฉันว่าแล้ว สำเนียงของนายนั้นฟังดูเหมือนคนจีนแผ่นดินใหญ่ ฉันต้องบอกนายตรงๆว่าทักษะการขี่รถของนายนั้นห่วยแตกมาก นั้นจึงยิ่งสนับสนุนความคิดของฉันที่ว่านายนั้นไม่ใช้คนในพื้นที่” หงเจิ้นได้จุดบุหรี่พร้อมกับพูดไปพร้อมกัน
ลูชินได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า: “นายเดาได้มีหลักการดี ฉันอยากรู้ว่านายไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?”
“ก็ทางทีวี!”หงเจิ้นได้ถามต่อว่า “แล้วมันเรื่องจริงใช้ไหมที่ว่าในจีนแผ่นดินใหญ่ไม่นิยมใช้รถมอเตอร์ไซค์กัน”
“ใช้”
หงเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าตาสงสัย ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นต่อว่า: “เพราะส่วนมากพวกเราจะใช้รถส่วนตัวกันหรือไม่ก็รถไฟฟ้ากันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นรถมอเตอร์ไซค์จึงไม่นิยมใช้กัน”
“โอ๋” หงเจิ้นที่พูดต่อว่า “มันไม่เหมือนที่นี้เลย ที่นี้เราใช้รถมอเตอร์ไซค์กันเป็นส่วนมาก นายดูรถของฉัน ฉันได้ดัดแปลงมันมาจากเครื่องยนต์รถสัญชาติอิตาลีและเยอรมนีเลยนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครสามารถมาแข่งความเร็วกับรถของฉันได้”
“แต่ไม่นับรถของลูกพี่ใหญ่นะ รายนั้นของเขาแข็งจริง”
” ฉันว่านายพูดโม้มากกว่า “ลูชินพูดขึ้นมา
“โม้เหรอ!” หงเจิ้นได้พูดอย่างโกรธเล็กน้อยว่า “รถมอเตอร์ไซค์ที่ออกมาจากร้านของเรานั้นถือว่าดีที่สุดในฮ่องกงแล้ว และฉันยังได้ออกแบบเครื่องยนต์ที่แรงกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้กันในสนามแข่งอย่างน้อยสามเท่า!”
“นั่นเลือกว่าเร็วที่สุดแล้ว? ฉันจะบอกนายตรงๆว่าฉันสามารถดัดแปลงเครื่องยนต์ให้แรงกว่ารถของนายได้สบายๆ “ลูชินได้พูดท้าทายออกมา
อย่างไรก็ตามหงเจิ้นไม่เพียงแต่จะไม่โกรธเท่านั้น เขายังได้พูดท้าทายกลับว่า: “ฉันไม่แปลกใจเลยที่ใครๆต่างก็พูดกันว่าคนจีนแผ่นดินใหญ่ชอบคุยโว “
ลูชินได้ยินแบบนั้นก็พูดกระตุ้นให้หงเจิ้นโกรธขึ้นอีกเล็กน้อยว่า” ฉันคิดว่านายก็แค่กลัวว่าฉันจะทำได้จริงมากกว่า?!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หงเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า: ” ฉันต้องบอกนายตรงๆว่าเมืองหลวงนี้ไม่มีใครที่จะมีรถเร็วเท่าฉัน! แล้วเรื่องที่นายพูดว่าสามารถดัดแปลงรถเก่าๆที่นายกำลังขี่อยู่นั้นแซงฉันได้ถ้าเรื่องที่นายพูดมาเป็นเรื่องจริงฉันจะยอมเรียกนายว่าพ่อเลย! ”
น้ำเสียงของหงเจิ้นนั้นเต็มไปด้วยการดูถูก เขาไม่เชื่อว่าเรื่องที่ชายตรงหน้าพูดมานั้นจะเป็นเรื่องจริง
“โอ้” ลูชินรู้สึกว่าแผนของเขาได้ประสบความสำเร็จแล้ว เขาจึงพูดต่อว่า “เอาละ ถ้านายพูดแบบนั้นฉันก็คงต้องดัดแปลงรถคันนี้แล้วไปแข่งกับนายแล้วละ ”
” นายเอาจริง! “หงเจิ้นพูดด้วยความไม่เชื่อว่า
“ใช้ แต่ฉันขอซื้อรถคันนี้ก่อน เกิดฉันแข่งชนะขึ้นมาจริงๆแล้วนายมาทวงรถคืนฉันก็เสียหายแย่เลย ” ลูชินได้ชี้ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่เขาเพิ่งจะขี่อยู่ แม้ว่าสภาพเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้จะเสื่อมไปตามเวลาที่ผ่านมา แต่การออกแบบและคุณภาพของตัวถังนั้นดีเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าถ้าเขาปรับปรุงมันอีกเล็กน้อยมันต้องกลับมาเหมือนใหม่อย่างแน่นอน
“รถคันนี้เหรอ?” หงเจิ้นได้หัวเราะออกมาอย่างฉับพลัน “ฮ่าฮ่า ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ รถคันนี้ถือว่าเป็นรุ่นเมื่อสิบปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าตัวถังมันจะดูดีอยู่แต่เครื่องยนต์มันล้าสมัยไปแล้ว”
“มันจะดีกว่าถ้านายจะซื้อรถรุ่นใหม่มาดัดแปลง “
” ไม่ต้อง!…ฉันต้องการแค่รถคันนี้ ดังนั้นนายเสนอราคามาก็พอ? “ลูชินได้พูดขึ้นมา
“ไม่ต้อง ฉันยกมันให้นายไปเลย!” หงเจิ้นพูดต่อว่า “แต่ถ้านายเกิดแพ้ขึ้นมานายต้องสัญญากับฉันว่านายต้องอยู่ให้ห่างจากลูกพี่ใหญ่”
“ตกลงตามนั้น” ลูชินพยักหน้า
บทที่208
ผู้แปล : N.
ทั้งสองกลับไปที่ร้าน ในเวลานี้พายุที่เกิดขึ้นได้สงบลงแล้วฟานฟานและจิงกวงทั้งคู่กำลังช่วยกันดัดแปลงเครื่องยนต์และทั้งคู่ยังได้หัวเราะอย่างสนุกสนาน ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดเรื่องทะเลาะกันมาก่อน
ทันทีที่พวกเขากลับมาถึง หงเจิ้นได้ประกาศสิ่งที่พวกเขาได้ตกลงกันไว้ แต่เขาไม่ได้พูดถึงเนื้อหาของการเดิมพัน
ฟานฟานพูดกับลูชินว่า: “ถ้านายต้องการเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ฉันสามารถหาให้ได้นะ ฉันไม่อยากให้ตอนที่นายแพ้แล้วมาพูดว่าเพราะเครื่องยนต์ของตัวเองเป็นตัวตกรุ่นอะไรแบบนี้”
“ไม่จำเป็น! ฉันมีแผนเตรียมเอาไว้แล้ว” ลูชินไม่ได้บอกว่าเขาได้เตรียมจะนำข้อมูล “กระบวนการสร้างทางกลแบบง่าย” ที่เขาได้รับก่อนหน้านี้มีออกมาใช้ในครั้งนี้
ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเขาไม่คิดจะใช้มันมันจะดูเป็นการเสียเปล่าเกินไป
“นายจะใช้เครื่องยนต์รุ่นเก่านี้จริง?” จิงกวงได้เหล่มองที่ลูชินก่อนที่จะพูดว่า “นายแพ้อย่างแน่นอน”
คนอื่นไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาก็มีความคิดที่คลายกับจิงกวง
ลูชินได้เริ่มทำงานทันที เขาสวมแว่นตาสมาร์ท G-551 และเริ่มสแกนข้อมูลของตัวเครื่องยนต์ตรงหน้าของเขา ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะเป็นตัวโครงสร้าง ชิ้นส่วน ฯลฯ ทั้งหมดได้ถูกบันทึกเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
จากนั้นเขาได้กลับไปที่วิลล่าเพื่อที่จะไปปรึกษากับจางเกวียง เขารู้สึกว่าถ้าการออกแบบนี้ได้ถูกออกแบบด้วยหุ่นยนต์โดยตรง มันต้องออกมาดีกว่าเขาออกแบบเองอย่างแน่นอน
ลูชินได้ส่งข้อมูลของกระบวนการสร้างทางกลแบบง่ายและข้อมูลส่วนประกอบของเครื่องยนต์ที่เขาต้องใช้ไปยังจางเกียงทั้งหมด หลังจากที่เขาได้ย่อยข้อมูลเสร็จแล้วก็ได้เริ่มออกแบบตัวเครื่องยนต์ขึ้นมาหลายร้อยแบบ
“นายท่าน! ภายใต้สภาวะปัจจุบันเราสามารถทำได้เพียง 98% เท่านั้น เพราะเราขาดวัสดุและอุปกรณ์โลหะที่จำเป็นบางส่วน” จางเกวียงได้พูดขึ้นมา
ในข้อมูลที่ออปติมัสไพร์มให้มานั้น มีการใช้โลหะหายากหรือโลหะผสมจำนวนมากและโลหะบางอย่างจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการทำมันขึ้นมาอักด้วย
ลูชินได้นำข้อมูลต่างๆมาเปรียบเทียบกันก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “เลือกแบบที่ 15. ”
“รับทราบ แบบที่15” จางเกวียงได้ส่งข้อมูลเฉพาะของแบบที่ 15 ไปยังแว่นตาสมาร์ทของลูชินโดยตรง
แว่นตาสมาร์ทได้ฉายองค์ประกอบเสมือนลงในเรตินาตาของเขาโดยตรง ในนั้นมีข้อมูลของโครงสร้างเครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, ระบบเคลื่อนที, ระบบเบรก, เครื่องมือวัดความเร็ว, ระบบปรับสมดุล และอุปกรณ์เร่งความเร็ว
เครื่องยนต์ที่เขาจะทำนั้นไม่ใช่เครื่องยนต์สองจังหวะหรือสี่จังหวะที่พบได้ทั่วไป แต่กลับเป็นเครื่องยนต์พลังงานสูงแบบใหม่ที่มีโครงสร้างภายในที่ซับซ้อนมากกว่าและยังได้ใช้เชื้อเพลิงบริสุทธิ์เป็นแหล่งพลังงานอีกด้วย
ระบบปรับสมดุลที่เขาออกแบบนั้นก็ใช้หลักการแบบเซ็นเซอร์ไม่ว่าเขาจะเจอกับอะไร เขาก็สามารถมันใจได้ว่ารถของเขาจะไม่ล้ม เช่น ความสมดุลของเครื่องเจ็ทด้านข้างเมื่อรถถูไปกับพื้นดิน ด้านข้างตัวเซ็นเซอร์จะทำการพ่นอากาศแรงดันสูงออกมาเพื่อไม่ให้ตัวรถพลิกคว่ำ
ในส่วนอุปกรณ์เร่งความเร็วนั้น เขาได้ทำการออกแบบให้แยกไปต่างหากจากตัวเครื่องยนต์ โดยที่หลักการทำงานของมันนั้นจะเริ่มที่ไดรฟ์หมุดเพื่อเพิ่มอากาศเข้าไปยังในส่วนเผาไหม้ และความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้จะถูกฉีดเข้าไปโดยตรงถึงท่อไอเสียเพื่อผลักดันความเร็วของตัวรถไปให้ถึงจุดสูงสุด!
ตามทฤษฎีแล้วอุปกรณ์เร่งความเร็วนี้สามารถทำให้รถมอเตอร์ไซค์กระโดดข้ามแม่น้ำยาวหลายสิบเมตรได้
“ดีมาก นี้จะถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบของบริษัทของเรา!” ลูชินพูดอย่างตื่นเต้น “งั้นเรามาเริ่มทำมันกัน”
ระยะเวลาในการเตรียมวัสดุหรืออุปกรณ์ต่างๆนั้นใช้เวลาถึงช่วงเย็น ดังนั้นเขาจึงได้โทรไปหาฟานฟานเพื่อนที่เขาจะได้ขอใช้ร้านของเธอในการประกอบรถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบนี้ขึ้นมา
ในเวลานี้ในห้องนอน บนเตียงขนาดใหญ่มีคนสองคนที่กำลังนอนอ้อยอิ่งอยู่ด้วยกัน ผม, ตา, ผิวขาว, ริมฝีปากสีแดง, ขายาว, ลมหายใจที่มีไอร้อนออกมาเป็นระยะ …
“เฮ้เฮ้ … เฮ้เฮ้เฮ้!” เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์แอปเปิ้ลได้ดังขึ้นขัดจังหวะ
ใบหน้าของจิงกวงนั้นไม่พอใจ:“ ใครมันโทรมาตอนนี้?”
ฟานฟานได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบนเตียงแล้วดูที่หน้าจอก่อนที่เธอพูดว่า “ลูชิน”
“เขาโทรมาทำไมตอนนี้? “จิงกวงได้พูดออกมา
“ฉันก็ไม่รู้?”
ฟานฟานได้รับโทรศัพท์และเธอได้ยินเสียงของลูชินพูดว่า: “ตอนนี้เธอสะดวกไหม? พอดีฉันจะขอยืมร้านของเธอหน่อย”
“ต้องตอนนี้เลยเหรอ? หงเจิ้นเขาก็แค่พูดล้อเล่นกับนายเท่านั้น ทำไมนายต้องไปจริงจังกับมันด้วย “ฟานฟานพูดอย่างไม่พอใจ
ลูชินเหมือนจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง เขาได้พูดยืนยันว่า: “ฉันจำเป็นต้องใช้ร้านของเธอจริงๆ!”
” คนบ้า! เขาเป็นคนบ้าจริงๆ!” จิงกวงได้ระซิบข้างหูของฟานฟาน
” เดียว!” นิ้วของฟานฟานได้แตะที่ริมฝีปากของจิงกวงก่อนที่เธอจะพูดว่า “ เขาถือว่าเป็นเพื่อนพ่อของฉันตราบใดที่หมอนี้กลับไป พ่อของฉันได้สัญญาว่าจะให้เงินลงทุน 5 ล้านฮ่องกงกับฉัน ”
เธอพูดกับจิงกวงจบก็หันไปตอบลูชินว่า:”ได้ นายรอฉันก่อน ฉันจะไปเปิดร้านให้นาย”
ลูชินได้มาพร้อมกับจางเกวียง โดยมีหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมาด้วยเขาไม่ต้องกว่าว่าจะไม่สามารถสร้างรถมอเตอร์ไซค์ต้นแบบคันนี้ได้!
หลังจากที่ฟานฟานเห็นว่ามีคนอื่นมากับลูชินด้วยเธอก็พูดว่า:. “นายพาผู้ช่วยมาด้วย? ฉันต้องขอเตือนนายก่อนว่าหลังจากใช้อุปกรณ์เสร็จแล้วให้เก็บไว้ที่เดิมด้วย นายเข้าใจใช้ไหม?”
“อ่า…ฉันจะทำตามที่เธอบอก”
เมื่อเขาเห็นว่าฟานฟานกลับไปแล้ว พวกเขาก็เริ่มลงมือดัดแปลงรถมอเตอร์ไซค์ทันที
จางเกวียงได้เปิดเผยแขนกลของเขา ต้องยอมรับว่าแขนกลของจางเกวียงนั้นมีประโยชน์ต่อการสร้างอย่างมาก เพราะแขนกลของเขานั้นสามารเปลี่ยนเป็นเครื่องมือต่างๆได้มากมาย เช่นสว่านไฟฟ้า คีม เลื่อยไฟฟ้า มันทำให้งานถอดตัวเครื่องยนต์รุ่นเก่าใช้เวลาไม่ถึงนาที
“เราจำเป็นต้องเปลี่ยนโครงสร้างหลักเหล่านี้ทั้งหมด” ลูชินพูดต่อว่า “ถือว่าเป็นงานหนักอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”
ช่วงที่ลูชินบ่นๆอยู่นั้น จางเกวียงยังคงทำงานต่อไปโดยใช้วัสดุที่พวกเขานำมาและอุปกรณ์อื่นที่มีอยู่ในร้านทำการประกอบตัวเครื่องยนต์ตัวใหม่ขึ้น
ในช่วงดึกที่ร้าน ลูชินและจางเกวียงได้ทำงานกันอย่างหนัก เขาต้องยอมรับว่าการดัดแปลงตัวเครื่องยนต์นั้นไม่ใช้งานง่ายๆเลย!
ถึงแม้ว่าโครงภายนอกจะไม่แตกต่างจากแบบเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้วโครงสร้างภายในทั้งหมดนั้นได้รับการเปลี่ยนเป็นโลหะผสมหมดแล้ว โดยส่วนประกอบโลหะใหม่นี้ทำให้น้ำหนักโดยรวมของตัวรถนั้นลดลงอย่างมากและยังเสริมความแข็งแรงขึ้นอีกด้วย
หกโมงเช้า รถมอเตอร์ไซค์ของพวกเขาก็เสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็เหลือแค่ไปทดสอบกับหงเจิ้นเท่านั้น
บทที่209
ผู้แปล : N.
ในร้านตอนนี้ได้มีรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ปรากฏขึ้น ด้วยการออกแบบโครงสร้างที่ทันสมัยที่สุด พ่วงด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปรับสมดุล อุปกรณ์เบรค …
เพื่อให้ดูไม่ผิดสังเกต! ลูชินยังได้สร้างตัวถังให้เป็นสไตล์เดิมๆของมัน เพราะเขายังไม่อยากให้ใครรู้ว่าบริษัทของเขานั้นสามารถผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงได้
“ดีมาก นี้ถือได้ว่าเป็นรถคันแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยเรา ถึงแม้ว่าเบาะนี้จะนั่งไม่สบายตัวดีก็ตาม ฉันคิดว่าถ้าเราเปลี่ยนมันเป็นหนังคงดีกว่านี้ และคุณภาพของยางรถเองก็ไม่ได้มาตรฐานด้วยแบบนี้มันต้องทำให้ยางสึกเร็วอย่างแน่นอน… “ลูชินได้พูดประเด็นปัญหาที่เขาเจอ
เป็นเพราะเขาไม่สามารถหาวัสดุและเครื่องมือที่เฉพาะทางได้ จึงทำให้ประสิทธิโดยรวมของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่ดีเท่าที่ควร
“ ถ้าดูสถานการณ์ตอนนี้ก็ถือว่าพอใช้ได้” ลูชินพูดจบก็ได้ลองขับรถมอเตอร์ไซค์ที่เขาทำขึ้นมาออกไปข้างนอก
ร้านของฟานฟานนั้นตั้งอยู่ในเขตชานเมือง มันจึงทำให้การจราจรตอนเช้ามืดนั้นมีไม่มากนัก
ลูชินได้สตาร์ทเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามออกมาไม่ดังมากนักมันแทบจะไม่แตกต่างจากเสียงเครื่องเดิมเลยก็ว่าได้ ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาจะพุ่งออกไปจากร้าน การเร่งความเร็วจากศูนย์ถึงร้อยนั้นใช้เวลาเพียงเสี่ยววินาทีเท่านั้น นั้นจึงทำให้ลูชินเกือบพุ่งเข้าไปที่แปลงนาข้าวที่อยู่ถัดไป
โชคดีที่เขามีประสิทธิภาพเหนือคนทั่วไปหลายเท่า นั้นจึงทำให้เขาพอปรับทิศทางของรถมอเตอร์ไซค์ของเขาได้ทัน
ระหว่างทางมีคนขับรถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่ที่กำลังเคี้ยวหมากฝรั่งและฟังเพลงขณะที่เขากำลังขับรถ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่เหมือนประกายไฟผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันตาฝาดไปงั้นเหรอ? “เขาดูไม่เข้าใจตัวเองก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาอีก ” แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะตาฝาดนะ!”
หลังจากนั้นเขาก็เลิกสนใจเขาได้ขับรถต่อไป เมื่อเขาขับมาซักพักก็เห็นว่าด้านหน้าของเขามีรถมอเตอร์ไซค์อยู่ แต่เมื่อเขาคิดจะขับเข้าไปใกล้กว่านี้ก็พบว่ารถมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าได้หายไปแล้ว
“เดียวนี้มอเตอร์ไซค์มันเร็วได้ขนาดนี้เลยเหรอ?!” คนขับได้คายหมากฝรั่งออกด้วยความประหลาดใจ เพราะความเร็วที่เขาขับอยู่ตอนนี้ก็ใกล้เคียงกับความเร็วสูงสุดแล้ว การที่รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นสามารถเร่งความเร็วหนีเขาไปได้นั้นหมายความว่ารถคันนั้นต้องขี่เกิน100กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างแน่นอน
ด้วยความเร็วระดับนี้แน่นอนว่าลูชินจะต้องไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนมากนัก นอกจากเสียงลมที่ดังเข้ามาที่หูของเขาเท่านั้น!
โชคดีที่เขาใส่หมวกกันน็อคมาด้วยไม่อย่างนั้นเขาคงจะหายใจลำบาก ลูชินยังพบว่าความเร็วที่เขากำลังใช้อยู่ตอนนี้มีความเร็วถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี้มันเป็นความเร็วที่น่ากลัวอย่างมากและนี้ยังไม่ใช่ขีดจำกัดที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาสามารถทำได้ เพราะจากที่เขาคำนวณตอนที่สร้างมันขึ้นมานั้น เขาคำนวณไว้สูงถึง 11,000 ~ 20,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยที่เดียว
แต่เมื่อเขาทดลองขับจริงๆมันสามารถทำความเร็วที่ค่ามาตรฐานคือ 1,062กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี้อาจกล่าวได้ว่าภายใต้เงื่อนไขเดียวกันรถคันนี้จะมีความเร็วมากกว่าเครื่องบินทั่วไปด้วยซ้ำ!
มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถขับด้วยความเร็วขนาดนั้นได้เป็นเวลานาน เพราะมันจะกินแรงของเขามากเกินไป ลูชินได้ชะลอความเร็วของรถลงเขาคิดว่าไม่จำเป็นที่จะใช้ความเร็วระดับนั้นนานเกินไป!
“มันเร็วอย่างมาก!” หลังจากรถหยุดลงประสาทของลูชินยังคงไม่ได้ลดความตึงเครียดลงตาม
ลูชินได้กลับไปที่ร้านแล้วขอให้จางเกวียงทำการตรวจสอบสภาพของรถคันนี้ และผลที่ออกมานั้นบอกว่าสภาพโดยรวมยังอยู่ในสภาพโอเค
“ถ้าเราทำรถแบบนี้ออกมาขาย มันคงเกิดปัญหาขึ้นมาอย่างแน่นอน!” ตอนนี้ลูชินได้เริ่มคิดเกี่ยวกับมูลค่าเชิงพาณิชย์ของประสิทธิภาพของรถคันนี้ เขาคิดว่ามันคงไม่เหมาะที่จะขายแบบทั่วไปแต่ถ้าสำหรับกีฬาเอ็กซ์ตรีมก็พอมีความเป็นไปได้
“แต่เจ้านายสามารถนำระบบเครื่องยนต์ไปใช้ในเชิงธุรกิจได้หลากหลายนะครับ”
ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็คิดได้ว่าถ้าเขานำหลักการพลังงานไฟฟ้ามาแทนที่พลังงานเชื้อเพลิงแบบเก่าก็คงดี
ครั้งล่าสุดที่จางเกวียงได้รายงานผลการทดลองแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์รุ่นปรับปรุงนั้นมีความคืบหน้าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยถ้ารุ่นนี้ทำสำเร็จตัวแบตเตอรี่จะมีขนาดเล็กลงและมีความจุเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นหนึ่ง
ถึงแม้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะมีความเร็วที่ต่ำเมื่อเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง แต่มันก็มีข้อดีที่ว่าการชาร์จเพียงหนึ่งครั้งสามารถใช้ได้นาน ดังนั้นจึงมีผู้บริโภคจำนวนมากที่หันมาใช้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามากขึ้น
แต่ถ้าเขานำแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์รุ่นปรับปรุงและระบบเครื่องยนต์มาผสานรวมกันละ? บางที่แบรนด์ของ บริษัทลู่เทคโนโลยีจะกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมก็ได้
ยิ่งคิดลูชินก็ยิ่งตื่นเต้น เขาได้ส่งข้อความไปยังกลุ่มวีแชทของบริษัทโดยที่เขาได้ส่งข้อความไปว่า “เมื่อฉันกลับไป เราจะเริ่มวางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้น!”
เขาได้รอสิบนาทีก็ไม่เห็นมีความความตอบกลับมา เขาจึงนึกขึ้นได้ว่านี้มันยังอยู่ในช่วงเช้ามืดอยู่เลย พวกนั้นคงหลับกันอยู่คงไม่มีใครลุกขึ้นมาตอบข้อความของเขา
ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแข่งที่จะถึงนี้แล้วยังไงเขาก็ชนะ อย่างไรก็ตามเขาคิดว่าถ้าเขานำตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งที่ออพติมัสไพรม์ให้มาอัปเกรดเครื่องยนต์ตัวนี้ของเขามันจะเกิดอะไรขึ้น และถ้าเขาไม่ใช้มันตอนนี้เขาคงจะต้องนอนไม่หลับอย่างแน่นอน
เขาคิดได้แบบนั้นก็ได้นำตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งออกมาจากพื้นที่กลุ่ม และเขาได้นำมันไปติดตั้งที่ตัวเครื่องยนต์ของเขาทันที
“ออปติมัสเป็นถึงผู้นำของพวกออโต้บอท ฉันหวังว่าเขาคงไม่ให้ของที่ใช้การไม่ได้มานะ?” ลูชินได้คิดขึ้นมา
เขานำฟิล์มป้องกันที่อยู่บนตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งออกก่อนที่จะว่างมันลงตัวเครื่องยนต์ เขาเห็นว่ามีชิ้นโลหะขนาดเล็กเช่นปรอทได้ไหลออกมาจากตัวอุปกรณ์แล้วมันได้แทรกตัวเขาไปยังตัวเครื่องยนต์!
ลูชินได้จ้องไปยังการเปลี่ยนแปลงตรงหน้า จากที่เขาอ่านมาขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาดังนั้นเขาจึงต้องสังเกตให้มั่นใจว่ามันจะไม่ใช้ดิเซปติคอน
“นายท่าน โครงสร้างของโลหะกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้มันมีความผันผวนของสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นอย่างรุนแรง” จางเกวียงที่อยู่ด้านข้างของเขาได้รายงานการเปลี่ยนแปลงนี้ขึ้นมา
“ อืม ฉันคิดว่าเราควรถ่อยห่างออกไปอีกนิด” ลูชินได้ก้าวถอยหลังออกมาตามที่พูด เพราะเขากลัวว่ามันอาจจะเกิดการระเบิดขึ้นได้
สิบนาทีผ่านไปได้เกิดเสียงแตรของรถดังขึ้น แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงไม่นิ่ง สามสิบนาทีต่อมา จางเกวียงได้พูดว่า: “ความผันผวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังเพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว”
หลังจากที่จางเกวียงรายงานจบ ตัวรถตรงหน้าของเขาก็เสร็จสิ้นเช่นกัน มันได้เริ่มเคลื่อนไหวโดยที่มันได้เดินตรงไปยังพวกอุปกรณ์เครื่องมือที่อยู่ในร้าน
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดีอย่างมาก เพราะถ้าเกิดหุนยนต์ตอนนี้คือพวกดิเซปติคอนมันคงจะเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก ด้วยที่มันสามารถขับเคลื่อนได้สูงเกือบเทียบเท่าความเร็วเสียงถ้ามันเกิดอาละวาดขึ้นมาเขาคงไม่สามารถหยุดมันได้
คิดได้แบบนั้นลูชินก็ได้สั่งโดยจางเกวียงโดยตรงว่า “ทำลายมันซะ!”
บทที่210
ผู้แปล : N.
ลูชินถามจางเกวียงว่า “มันกำลังทำอะไร?”
“จากการตรวจวัดระดับความผันผวนของพลังงานนั้นมีค่าไม่คงที ผมคาดว่าสถานการณ์มันคงกำลังอัพเกรดตัวเองอีกครั้ง” จางเกวียงพูดอีกว่า “นายท่านยังต้องการให้ผมทำลายมันอยู่ไหม?”.
หลังจากที่จางเกวียงพูดจบ เขาก็เตรียมเปิดโหมดการต่อสู้พร้อมที่จะทำลายมันทันทีที่ลูชินสั่ง
“เดียวก่อน!” ลูชินได้พูดห้ามออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะพูดว่า: “มันยังไม่มีระบบอาวุธ ดังนั้นตอนนี้มันยังคงไม่มีอันตราย!”
“และฉันต้องขอเวลาไปถามผู้รู้ก่อนว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น!”
ลูชินได้รีบเปิดกลุ่มแชทขึ้นมาอย่างรวดเร็ว: “@ ออพติมัสไพรม์ ฉันได้ทดลองใช้ตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งกับตัวเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์ แต่ผลที่ออกมามันกับกลายเป็นบ้าไปแล้ว และตอนนี้มันก็กำลังวิ่งวนไปรอบๆตัวฉันอีกด้วย ”
โชคดีที่ออพติมัสไพรม์สามารถตอบกลับมาได้: “เจ้าของกลุ่มใช้ตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งในการอัพเกรดใช้ไหม?”
Mr.L”ใช่”
ออพติมัสไพรม์พูดต่อว่า: “เป็นไปได้ว่าเพราะเจ้าของกลุ่มใช้ตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งที่ถือว่าเป็นรุ่นที่ด้อยคุณภาพที่สุดในการอัพเกรด จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกนานนั้นไม่สมบรูณ์, และสาเหตุที่ทำให้มันไม่สมบรูณ์นั้นอาจเกิดจากตอนที่มันเริ่มอัพเกรดนั้นมันได้รับพลังงานไม่เพียงพอหรืออาจจะเกิดการรั่วไหลของพลังงานขึ้นก็ได้ ”
ราชินีแดง:” (อิโมติคอน:. มันกำลังหลอกคุณอยู่ อย่าไม่เชื่อ) “
ออพติมัสไพรม์พูดต่อว่า: “ถ้าให้ข้าอธิบายตามความเข้าใจของเจ้าของกลุ่มละก็ หุ่นยนต์ตัวนั้นมีความพิการทางสมองแต่กำเนินหรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือเป็นคนพิการ และข้าขอแนะนำว่าเจ้าของกลุ่มควรทำลายมันทิ้ง”
Mr.L: “… ”
ลูชินไม่คิดเลยว่าแค่เขาต้องการทดลองเล็กๆน้อยๆของเขาจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
Mr.L: “ฉันยังไม่อยากทำลายมัน พอมีวิธีอื่นไหม? ”
ออพติมัสไพรม์: “โดยทั่วไปแล้วการทำลายนั้นถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด”
ราชินีแดง: “(อิโมติคอนเยาะเย้ย) ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าของกลุ่มได้สร้างตัวปัญญาอ่อนขึ้นมาจริงๆ”
ออปติมัสไพร์ม:” มันอาจจะพอมีอีกวิธีหนึ่งอยู่ แต่ข้าไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นที่น่าพอใจไหม? “
Mr.L: “รีบบอกมาเลย!”
ออปติมัสไพร์ม: “ระดับพลังงานและการขึ้นรูปของตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งนั้นถือว่าไม่สูงมากนัก ถ้าเจ้าของกลุ่มนำอุปกรณ์ระดับอีกตัวไปเพิ่มให้กับหุ่นยนต์ตัวนั้น มันก็อาจจะหายจากอาการที่เป็นอยู่ก็เป็นไปได้”
ลูชินได้ถามว่า:” แล้วฉันจะสามารถรู้ได้ยังไงว่าหลังจากที่มันหายแล้วมันจะไม่เป็นพวกดิเซปติคอน? ”
ออปติมัสไพร์ม:” ข้าต้องอธิบายก่อนว่า เมื่อพวกเราถูกสร้างขึ้นที่ดาวบ้านเกิดนั้น เราเป็นเหมือนผ้าขาว มันขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูต่างหากที่จะทำให้พวกเราเป็นอะไร มันไม่ใช้ว่าทุกคนเกิดมาก็ถือว่าเป็นดีหรือคนชั่ว”
” แต่มันก็มีข้อแตกต่างเล็กน้อยกับการเกิดขึ้นจากตัวอุปกรณ์ที่ข้าให้ไปกับการเกิดจากพลังของผู้สร้างเอง โดยที่การเกิดจากตัวอุปกรณ์นั้นจะมีข้อมูลบุคลิกจากผู้สร้างใส่เข้าไปด้วย ”
” แล้วนายได้โปรแกรมนิสัยไว้แบบไหน? “ลูชินถามอย่างกังวล
ราชินีแดง: “(อิโมติคอน: เจ้าของกลุ่มไม่ต้องกลัว เดียวฉันจะช่วยแก้ไขให้คุณเอง)”
Mr.L: “นั้นแหละที่ฉันกังวล!”
ออพติมัสไพรม์: “ข้ารับรองได้ว่าโปรแกรมที่ข้าใส่ไว้ไม่ใช้บุคลิกชั่วร้ายอย่างแน่นอน”
ลูชินได้ฟังแบบนั้นก็ต้องกลับมาคิดแล้วว่าเขาจะเลือกทางไหน ระหว่างทำลายผลงานที่เขาอุสาสร้างขึ้นมากลับมือหรือใช้ตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งอีกชิ้นเพื่อทำการอัพเกรด
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ลูชินก็พูดว่า: “เอาก็เอา! ถ้ามันยังปัญญาอ่อนอยู่อีกก็ถือว่าฉันไม่มีดวงเองก็แล้วกัน”
เขาพูดจบก็ได้ออกจากกลุ่มไปทันที เพราะตอนี้เขาได้ยินเสียงดังออกมาจากในร้าน เขาคิดว่าไอ้หุ่นปัญญาอ่อนนั้นต้องทำอะไรพังไปแล้วแน่ๆ
“จางเกวียน นายไปจับมันมา!” ลูชินยังได้สั่งอีกว่า “แล้วนายอย่าทำมันพังละ!”
มันมีความยุ้งยากเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการทำลายทิ้ง และการเข้าไปจับตัวครั้งนี้ก็มีสัญญาณรบกวนจากแม่เหล็กไฟฟ้าที่เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ปล่อยออกมาเป็นระยะอีกด้วย
“ เกือบลืม นายต้องใช้ไอ้นี้ด้วย” ลูชินได้สงตัวอุปกรณ์ระดับหนึ่งไปให้
ตอนแรกจางเกวียงคำนวณไว้ว่าเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้คงไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อเขาจะเข้าไปจับจริงๆแล้วนั้นกลับพบว่ามันมีความเร็วที่น่ากลัวอย่างมาก
มันได้ใช้ความเร็วสูงสุดของมันวิ่งหนีจากการจับของจางเกวียงไปอย่างง่ายดาย แล้วมันได้หันกลับมาพุ่งเข้าชนจางเกวียงอีกด้วย โชคดีที่จางเกวียงสามารถหลบได้ก่อนที่เขาจะสามารถคว้าจับมันไว้ได้
ปั้ง
เสียงของกำแพงร้านได้พังลงมาจากการที่เจ้าหุ่นและจางเกวียงพุ่งหนีออกไป
สิ่งที่ทำให้ลูชินประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเหมือนว่าเจ้าหุ่นตัวนี้เหมือนจะมีสติเล็กน้อย ไม่ถือว่าเป็นตัวปัญญาอ่อนร้อยเปอร์เซ็นต์
ทางด้านจางเกวียงที่ได้จับไว้แต่ที่แรกก็ได้พยายามขึ้นไปนั่งลงบนตัวรถ เจ้าหุ่นเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนอื่นติดมากับมันด้วย มันจึงพยายามสลัดให้คนที่ตามมานั้นตกไป
มันไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของมันส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างไงบ้าง คนที่กำลังขี่รถอยู่บนท้องถนนต่างก็ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้เช่นกัน
“ประสาท!”
“ขี่ดีๆมันจะตายไหม?!”
“รีบแจ้งตำรวจเร็วเข้า!”
จางเกวียนได้ลงมืออย่างรวดเร็ว เขาได้ทำลายฟิล์มป้องกันที่ตัวอุปกรณ์ระดับที่หนึ่งออกจากนั้นได้กดลงไปที่ตัวเครื่องยนต์โดยตรง
เจ้าหุ่นที่ได้รับการอัพเกรดอีกครั้งก็เริ่มมีความเร็วลดลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่มันจะค่อยๆหยุดนิ่ง
บทที่211
ผู้แปล : N.
จางเกียงพยายามควบคุมทิศทางรถเพื่อไม่ให้ชนกับอะไรอีก โดยที่เขาได้ขี่มันไปยังตัวเมือง ลูชินที่ตามมาด้านหลังได้นำโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนที่เขาจะโทรไปหาเบอร์หนึ่งอย่างเร่งรีบว่า“คุณชอง พอดีผมมีปัญหานิดหน่อยนะ!”
ในเวลานี้ชองบินยังคงหลับอยู่และเมือเขาได้ยินปัญหาของลูชินก็ได้ตื่นขึ้นมาทันที ก่อนที่จะถามอย่างรวดเร็วว่า: “คุณพูดอะไรนะ? กลุ่มกวางจางเปลี่ยนใจหรือไง? ”
“ไม่ใช้เรื่องนั้น พอดีผมมีอุบัติเหตุทางจราจรนิดหน่อย ดังนั้นผมจึงต้องการความช่วยเหลือของคุณ” ลูชินได้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างไม่ว่าจะเป็นร้านของฟานฟานที่ถูกทำลายหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนตอนนี้ เขาคิดว่าเหตุการณ์นี้จะต้องมีตำรวจมาเกี่ยวข้องอย่าแน่นอน
“อุบัติเหตุทางจราจร? แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บบ้างไหม?” ชองบินได้ถาม
“ ไม่มี แต่ฉันคงต้องเสียค่าเสียหายให้พวกเขา” ลูชินตอบกลับมา
“ นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี” ชองบินถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ถ้าไม่มีอุบัติเหตุที่ถึงขั้นเสียชีวิตเรื่องอื่นก็แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น เขาพูดว่า: “คุณช่วยบอกด้วยว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”
ลูชินได้บอกที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ไป ชองบินที่ได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมที่จะไปแก้ไขสถานการณ์นี้ให้กับลูชินแล้ว
ในทางกลับกันจางเกวียงก็ยังคงบังคับให้รถมอเตอร์ไซค์ไปตามถนนต่อไป สถานการณ์ของการอัพเกรดนั้นมีความเสถียรมากขึ้น แต่การวิวัฒนาการของ “กลไกชีวิต” ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ลูชินยังคงไล่ตามต่อไปก่อนที่เขาจะเห็นเงาของรถมอเตอร์ไซค์ของเขา โชคดีที่ตอนนี้ยังเป็นช่วงเช้ามืดจึงมีคนบนท้องถนนไม่มากนัก
ตัวเครื่องยนต์ยังมีความผันผวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระจายออกมาบ้างแต่ก็ไม่ได้สงผลกระทบอะไรมากนัก ก่อนที่จางเกวียงจะบังคับให้มันไปจอดยังหน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง นั่นคือร้านขายวิดีโอเทปของแท้รวมถึงขายพวกหูฟังและอุปกรณ์อื่นๆอีกด้วย
เมื่อใกล้จะถึงจุดหมายที่นั้น รถมอเตอร์ไซค์กับเร่งความเร็วขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนที่มันจะชนเข้าไปยังปะตูของร้านอย่างจัง
โชคดีที่รถมอเตอร์ไซค์ได้หยุดในที่สุด ลูชินรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยอย่างน้อยมันก็จะไม่ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีกแล้ว
ลูชินเข้ามาในร้านจางเกวียงก็พูดว่า: “นายท่าน! ตอนนี้สถานการณ์ของมันคงที่แล้วครับ”
“นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ฉันคิดว่าเราคงต้องไปเสียค่าเสียหายกันก่อน” ลูชินพูดพร้อมกับมองดูสภาพปะตูของร้านตรงหน้า
ก่อนที่เขาจะหันมาสนใจกับสภาพรถตรงหน้าของเขา ตอนนี้มันได้มีลักษณะเหมือนกับหุ่นยนต์รานฟอร์เมอร์ที่เขาเคยเห็นในหนังแล้ว!
เขาคิดว่ามันคงจะสูงกว่าสองเมตรพร้อมกับมีล้อสองล้อตั้งอยู่บนพื้นทำหน้าที่แทนขาและหัวที่ทำมาจากเหล็ก!
สำหรับลักษณะอื่นๆนั้นมันเหมือนกับหุ่นยนต์รานฟอร์เมอร์ตัวเล็กๆจากภาคสอง และนั้นทำให้มันน่าสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามชีวิตเชิงกลนั้นแตกต่างจากชีวิตอินทรีย์ เพราะรูปแบบทางกายภาพของชีวิตอินทรีย์มีจำกัด แต่ชีวิตเชิงกลสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้อยากไม่มีที่สิ้นสุด มันยังสามารถปรับปรุงโครงสร้างร่างกายของตัวเองตามสถานการณ์เฉพาะได้อีกด้วย และตราบใดที่แกนหลักของมันไม่ถูกทำลายมันก็ยังคงมีชีวิตตลอดไป
ระหว่างที่ลูชินกำลังจมอยู่กับความคิดนั้น รถมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าของเขาก็พูดขึ้นว่า “พวกนายคือใคร? แล้วทำไมฉันถึงปวดหัวแบบนี้” มันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่บนหัวของมัน
มันได้หาสาเหตุเจออย่างรวดเร็ว มันจึงพูดด้วยมันประหลาดใจ: “สิ่งที่อยู่บนหัวของฉันนั้นคืออะไร มันเป็นฝีใช้ไหม? ทำไมมันถึงขึ้นมาบนตัวฉันได้?… “
มันก้มหน้าลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทนไม่ได้ว่า: “ใครมันช่างกล้าทำให้หน้าตาหล่อๆของฉันต้องเป็นแบบนี้? แล้วทำไมรูปร่างของฉันถึงผอมแบบนี้! “
ลูชินที่เห็นแบบนั้นก็ถามด้วยความสงสัยว่า:” นายหายจากการเป็นคนปัญญาอ่อนแล้วเหรอ? “
” นายสิที่ปัญญาอ่อน ครอบครัวของนายที่ปัญญาอ่อน! “รถมอเตอร์ไซค์พูดต่อว่า” ฉันถือว่าเป็นคนฉลาดที่สุดแล้ว ใครมันจะไปเป็นคนปัญญาอ่อนได้”
จางเกวียงที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า:” แกควรเคารพผู้สร้างของแก! “
“นายพูดว่าอะไรนะ? คนนี้คือผู้สร้างฉัน? “มันได้มองไปทางลูชินอย่างดูหมิ่นและพูดดูถูกเขาว่า “นายพูดจริงอะ! เขานี้นะเป็นคนสร้างฉันขึ้นมา?”
“เฮ้อ! ราศีพิจิก! ทำไมฉันถึงโชคร้ายแบบนี้นะ! ทำไมผู้สร้างของฉันถึงไม่รวย ทำไมเขาถึงไม่ใช้โลหะที่ดีๆมาสร้างฉันขึ้นมา เฮ้อ..เซ็งจริงๆ! ”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนี้ก็แสดงสีหน้าแปลกๆออกมา เขาไม่สามารถเชื่อมโยงนิสัยแบบนี้เข้ากับใครที่อยู่ในกลุ่มออโต้บอทได้เลย หรือว่ามันอาจจะเป็นพวกดิเซปติคอนกัน?
จางเกวียงที่ได้ฟังแบบนั้นก็นำกำปั้นเหล็กของเขาไปแขกหัวของมันอย่างรวดเร็ว: “นายควรใช้คำพูดที่สุภาพกว่านี้ ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปมันจะไม่ใช้แค่กำปั้นของฉันอย่างแน่นอนที่จะลงที่หัวของนาย”
” โอ้ย!ฉันเข้าใจแล้ว งั้นชื่อของฉันคืออะไรละ?”มันได้ถามกลับมา
“เอาล่ะ ฉันคิดว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีไหม?” ลูชินไม่คาดหวังว่าหลังจากที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขาอัพเกรดอีกครั้งมันจะมีนิสัยพูดมากอย่างนี้ แล้วใครมันจะมาตั้งชื่อให้รถของตัวเองกัน?
“ฉันเห็นท่าทางของผู้สร้างแล้วก็รู้ว่ายังไม่ได้ตั้งชื่อฉันอย่างแน่นอน งั้นฉันขอคิดชื่อของฉันเองก็แล้วกัน” มันได้นำมือสัมผัสหัวของตัวเองและพูดว่า: “ถึงแม้ว่าฉันจะถือว่าเป็นรุ่นไม่ได้มาตรฐานเท่าไหร่ แต่ก็ยังถือว่าใช้ได้ งั้นผู้สร้างเรียกชื่อของฉันว่า ไฟท์ติ้ง! “
“เฮ้!” ลูชินเกือบพ่นเลือดออกมา เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าถ้าเขาต้องเรียกชื่อนี้ต่อหน้าคนอื่น พวกนั้นจะมองเขายังไง?
“ ไม่! นายหาชื่ออื่น” ลูชินพูดออกมา
“อะไรนะ! ทำไมถึงไม่สามารถใช้ชื่อไฟท์ติ้งได้ละ ชื่อนี้ดูมีพลังจะตายไป!” มันพูดออกแบบไม่พอใจ
จางเกวียงที่อยู่ถัดจากมันได้ยกฝ่ามือของเขาขึ้นอีกครั้ง มันที่เห็นแบบนั้นก็กระซิบออกมาว่า: “คนชั่วนั้นต้องการข่มขู่ฉันอีกแล้ว ฉันเป็นถึงออโต้บอทเลยนะ! “
ทางจางเกวียงนั้นไม่ได้สนใจเลยว่ารถนั้นจะพูดอะไร เพราะสำหรับเขาแล้วรถก็คือรถถึงมันจะมีชีวิตมันก็ยังคือรถอยู่ดี
มันได้คิดอีกครั้งและพูดว่า: “เนื่องจากผู้สร้างไม่ชอบชื่อแรกที่ฉันเสนอ งั้นฉันคิดว่าจะใช้ชื่อว่า เซียวไบ ดีไหม!”
“ใช้ได้ มันดีกว่าชื่อไฟท์ติ้ง!” ลูชินพูดต่อว่า “ดี ต่อไปฉันจะเรียกนายว่าเซียวไบ”
เซียวไบที่ได้ยินแบบนั้นก็เผลอทำน้ำมันเบนซินทะลักลงพื้นและพูดว่า: “ผู้สร้าง คุณยังมีคนที่เหมือนฉันอีกไหม? ”
” มี เธอชื่อว่าเสี่ยวเหม่ย เป็นเอไออยู่ในรถยนต์ของฉัน “ลูชินตอบกลับมาอย่างภูมิใจ
“เสี่ยวเหม่ย เธอต้องเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างแน่นอน ” เซียวไบได้พูดออกมาอย่างสนใจต่อว่า “เธอมีแฟนหรือยัง? เธอชอบคนแบบไหน? เธอมีเพลงที่ชอบไหม!….”
บทที่212
ผู้แปล : N.
“อย่าคิดมากเกินไป” ลูชินได้พูดทำลายจินตนาการของเซียวไบว่า “เสี่ยวเหม่ย เธอเป็นเพียงโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้บนรถเท่านั้น เธอไม่ได้เป็นแบบนาย”
” อะไรนะ!” เซียวไบทำหน้าตกตะลึงที่ได้ฟังแบบนั้นก่อนที่เขาจะพูดว่า ” สุดท้ายเธอก็เป็นเพียงตุ๊กตากระเบื้องเท่านั้น”
“นายช่วยหยุดพูดก่อนได้ไหม?! “ลูชินไม่รู้ว่าทำไมไอ้เซียวไบถึงมีลักษณะแบบมนุษย์มากขนาดนี้
“นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างก่อนที่นายจะมาอยู่ที่นี้ ” ลูชินถามออกมา
“เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้เหรอ?” เซียวไบได้ใช้เวลาคิดซักพักก่อนที่จะตอบว่า “ผมจำไม่ได้ … ”
ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็ตอบกลับว่า: “ไม่เป็นไร งั้นฉันขอสั่งนายไว้ตรงนี้เลยว่าถ้านายไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน นายห้ามเปลี่ยนรางเด็ดขาด นายต้องรักษารูปลักแบบรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น”
“ถ้ามีใครขึ้นขี่ผมละ?” เซียวไบพูดต่อว่า “ผมก็พอมีเกียรติของดาวไซเบอร์ตรอนอยู่ในตัวนะ ถ้าคนนั้นเป็นผู้ชายผมอาจจะเผลอทำร้ายเขาไปก็ได้!”
“แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ผมก็หยวนๆให้ได้ ”
“นอกจากนี้ผมก็มีเรื่องที่จะพูดในเรื่องอาวุธของผมด้วย ทำไมผมถึงไม่มีอาวุธจำพวกเลเซอร์หรือแม่เหล็กไฟฟ้าเลยละ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผมจะทำไง? พ่อจะมาช่วยผมได้ตลอดไหม? “
” ดังนั้น ผมจึงมีความเห็นว่าพ่อควรติดตั้งตาเลเซอร์ไว้ตรงไฟหน้าของผม ถ้าเกิดมีศัตรูอยู่ข้างหน้าผมก็สามารถเผามันให้เป็นจุนได้ทันที แล้วเรื่องพลังงานนั้นผมขอเถอะอย่าเป็นน้ำมันเบนซินได้ไหม ผมกินเข้าไปแล้วเหมือนกินขยะยังไงไม่รู้! ”
“ระบบเร่งความเร็วนี้ผมก็คิดว่าจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง! ถ้าพ่อเพิ่มปีกหางเข้าไปด้วยมันจะช่วยทำให้ผมนั้นบินได้ด้วยนะ พ่อคิดดูว่ามันจะเท่แค่ไหนที่รถมอเตอร์ไซค์สามารถบินได้…”
“หยุดก่อน!” ลูชินได้พูดต่อว่า “ปัญหาพวกนั้นเราจะแก้มันทีหลัง แต่เรื่องที่นายจำเป็นต้องทำตอนนี้คือกลับไปเป็นรถมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว “
เซียวไบไม่เต็มใจที่จะกลับไปเป็นแค่รถมอเตอร์ไซค์ธรรมดาอีกครั้ง มันจึงได้เดินหนีไปทันใดนั้นมันก็สังเกตเห็นโปสเตอร์นักร้องและเทปต่างๆในร้าน
มันได้เดินเข้าไปกดปุ่มที่อยู่ติดกับแผ่นเสียงที่ล้าสมัยและเพลงที่ไพเราะก็ดังขึ้น เซียวไบได้พูดอย่างตื่นเต้นว่า: “ช่างวิเศษเหลือเกิน พ่อดูสิ ผมคิดว่าได้เจอสิ่งที่รักแล้ว!”
“พ่อ พวกเขาเกิดมาก็สามารถร้องเพลงได้ดีขนาดนี้เลยไหม? ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะไปเป็นนักร้อง! ” เซียวไบได้พูดด้วยความตื่นเต้นและมันก็กำลังเลียนแบบเสียงร้องจากเทปที่มันได้ฟังอีกด้วย
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอกและก็มีคนเดินเข้ามาว่า
“นายรีบเปลี่ยนกลับมาเป็นรถมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว!” ลูชินพูดจบเซียวไบก็กลับมาเป็นรถทันที
มีคนวัยกลางคนสองคนเข้ามาที่นี่ก่อนที่จะพูดกับว่า: “นายกำลังทำอะไรอยู่? หรือว่านายเป็นโจร?”
ลูชินที่ฟังแบบนั้นก็รีบอธิบายว่า: “ไม่ใช้ครับ พอดีเพื่อนของผมเมาหนักไปหน่อย เขาก็เลยขับรถมาชนร้านนี้เข้า แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเอง”
“เมาเหรอ?” ทั้งสองมองเข้าไปในร้านและแน่นอนว่าพวกเขาต้องเห็นเซียวไบที่กลับมาเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบเดิมแล้วและจางเกวียงที่กำลังแกล้งทำเป็นเมาด้วย
“นายได้ทำลายร้านของคนอื่น ยังไงนายก็ต้องการรับผิดชอบอยู่แล้ว เดียวฉันจะติดต่อเจ้าของร้าน พวกนายอย่าไปไหนละ!”
ลูชินไม่ได้ไปไหนเขาให้ความร่วมมืออย่างดี ในไม่ช้าเจ้าของร้านก็มาถึงและสิ่งแรกที่เขาแสดงออกมานั้นคือความโกรธ แต่ลูชินก็ได้เขาไปพูดกับเขาดีๆนั้นจึงทำให้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
เขาได้เสนอจะชดเชยค่าเสียหายทั้งหมดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์และเขายังได้บวกเงินเพิ่มเขาไปอีก นั้นจึงทำให้เจ้าของร้านไม่ได้ติดใจเอาความอะไร
ในส่วนเรื่องที่พวกเขาได้ขับรถผิดกฎจราจรนั้นก็ได้รับการแก้ไขโดยชองบินเรียบร้อย แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเขาตอนนี้คือเรื่องร้านของฟานฟาน นอกจากกำแพงที่ทะลุเป็นรูขนาดใหญ่แล้ว เซียงไบยังได้ทำลายอุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ในร้านรวมถึงรถทุกคันที่อยู่ในร้านนั้นด้วย
ที่ร้านซ่อมรถ ฟานฟานเป็นคนแรกที่มาถึง หลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเธอในตอนเช้า และบอกว่าร้านของเธอได้เกิดอุบัติเหตุ เธอจึงรีบมาที่นี้กับจิงกวงทันที
เมื่อเธอมาถึงร้านเธอก็ตกใจกับสภาพร้านของเธอ!
ตอนนี้ในร้านเต็มไปด้วยสภาพยุ่งเหยิงเต็มไปหมด เหมือนเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เข้ามาชนร้านของยังไงยังงั้นและแทบไม่มีอุปกรณ์ที่จะใช้ได้เลย!
รถยนต์ในร้านของเธอทั้งหมดก็ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน!
แต่สิ่งที่เป็นปริศนาที่สุดสำหรับเธอคือมีรูรูปรถมอเตอร์ไซค์ที่ผนังร้านของเธอ! มันเกิดขึ้นได้ยังไง ก่อนกลับไปมันยังไม่มีอยู่เลย แล้วใครมันบังอาจมาทำแบบนี้กับร้านของเธอ?
“ พ่อ! มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับร้านของหนู ทำไมมันถึงพังแบบนี้?” ฟานฟานได้ถามออกมาด้วยเสียงดัง
ทางชองบินเองก็กำลังงงกับเรื่องนี้เช่นกัน ในตอนแรกที่เขาได้ยินลูชินพูดก็คิดไปว่ามันเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย แต่เมื่อเขามาเจอจริงก็งงไม่ต่างจากลูกของเขาเช่นกัน
เขาคิดว่าอาจจะเป็นจางเกวียงที่เมาแล้วเผลอทำลายร้านก็เป็นได้ เพราะเขารู้ดีว่าคนนี้มีความสามารถอะไรบ้าง?
ชองบินพูดอย่างมีเลศนัยว่า: “มันก็แค่เกิดอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ลูกไม่ต้องตกใจไปและอีกอย่างเรื่องนี้คุณลูเขาจะเป็นคนชดเชยให้ลูกเองทั้งหมด!”
ลูชินยังพูดอีกว่า: “ฉันต้องขอโทษเธอด้วยในสิ่งที่ฉันทำลงไป ฉันจะชดเชยค่าเสียหายให้เธอทั้งหมด ในอีกแง่หนึ่งไม่ว่าเธอจะเรียกมาเท่าไหร่ฉันก็ยินดีจ่าย “
” นายรู้ไหมว่ารถพวกนี้มีค่าเท่าไหร่? “จิงกวงได้พูดออกมาอย่างโกรธ “แล้วไหนจะพวกอุปกรณ์ที่เสียหายพวกนี้อีกละ ถ้าคิดเป็นเงินก็สูงถึงสิบล้านดอลลาร์ฮ่องกง!”
“นอกจากนี้ยังมีพวกรถมอเตอร์ไซค์ที่เสียหายไปอีก นายรู้ไหมว่ามันคิดเป็นเงินถึงสามล้านดอลลาร์ฮ่องกง! แล้วนายคิดว่าจะมีปัญญาจ่ายไหวหรือไง! ”
” เอาล่ะ ฉันต้องพูดขอโทษอีกครั้งและฉันก็ยืนยันคำเดิมที่ว่าจะชดใช้ให้พวกนายเอง “ลูชินพูดอย่างไม่เต็มใจ เพราะอุบัติเหตุนี้ไม่ใช้เขาเป็นคนทำ แต่มันเป็นไอ้รถเฮงซวยที่จอดอยู่นอกร้านนั้นต่างหากที่เป็นคนทำ!
ชองบินได้พูดกับจิงกวงตรงๆว่า: “เธอสามารถมั่นใจได้ว่าจำนวนเงินที่เธอพูดมานั้นไม่ได้มากมายอะไรเลยสำหรับคุณลู ฉันสามารถรับประกันแทนเขาได้ หรือไม่เธอก็มาเรียกเก็บเงินที่ฉันได้โดยตรง”
“แต่กว่าที่พวกหนูจะทำรถพวกนั้นได้ก็ลงทุนไปจำนวนมาก แล้ววันนี้เราก็มีนัดที่จะส่งให้ลูกค้าแล้วด้วย! “ฟานฟานได้พูดออกมา โดยที่เธอหวังว่าเรื่องนี้จะสามารถกดดันลูชินได้บ้าง
“เรื่องนั้นลูกไม่ต้องกังวลไป” ชองบินพูดต่อว่า “พ่อจะให้เงินลูกเป็นค่าเสียหายครั้งนี้ 5 ล้านเหรียญ ”
ลูชินเองก็พูดว่า: “ฉันเองก็จะให้เธอ 10 ล้านเหรียญเช่นกัน และฉันก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ
“สิบห้าล้านเหรียญ!” จิงกวงได้เผลอพูดออกมา
บทที่213
ผู้แปล ; N.
“นายยังไม่เข้าใจ!” ฟานฟานพูดอย่างรีบเร่ง “เราได้เตรียมตัวกับการแข่งนี้มานาน แต่ตอนนี้นายกับทำมันพังหมด!”
“นี่ … ” ลูชินรู้สึกสับสนเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดว่า: “เธอหารถคันอื่นไม่ได้เหรอ? ”
“นายจะไปหารถที่สามารถลงแข่งได้จากที่ไหน?” ฟานฟานตอบกับมาด้วยความโกรธ
“เออ…เธอก็ประกอบขึ้นมาใหม่หรือไม่ก็ไปซื้อก็ได้นิ”
“นายคิดก่อนพูดบ้างไหม!” ฟานฟานได้มองไปที่เวลาแล้วพูดว่า: “การแข่งนี้จะเริ่มในช่วงบ่าย แล้วตอนนี้มันก็จะเก้าโมง มันไม่มีเวลาสร้างขึ้นใหม่หรือไปหาซื้อได้แล้ว!”
ในเวลานี้สมาชิกคนอื่นๆก็มากันเกือบครบแล้ว พวกเขาที่ได้เห็นสภาพของร้านรวมรถของพวกเขาก็แสดงความประหลาดใจออกมาก่อนที่จะแสดงความโกรธออกมาอย่างไม่ปิดปัง
จิงกวงเองก็ได้ไปตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับรถของเขาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า: “รถของฉันมีปัญหาเล็กน้อย เราอาจจะสามารถใช้มันแข่งช่วงบ่ายนี้ได้”
เขาพูดจบก็เริ่มลงมือซ่อมแซมรถของเขาทันที
“รถของฉัน … มันเละไม่มีชิ้นดี!” ฟานฟานพูดพร้อมกับมองลูชินด้วยท่าทางโกรธ
“ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ฉันก็ขอแนะนำให้เธอใช้รถของฉันลงแข่ง” ลูชินได้ชี้ไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ด้านนอก
ทางด้านเซียวไบนั้นเมื่อได้ยินพ่อพูดถึงตัวเองก็เตรียมที่จะแสดงตัวขึ้นมา แต่เมื่อมันได้เห็นว่าด้านข้างของมันมีเจ้าหุ่นยนต์บ้าพลังอยู่ก็ต้องเก็บความคิดนั้นไปอย่างไม่ยินยอม
“รถของนาย?” ฟานฟานทำท่าอึดอัดเล็กน้อย เธอได้มองไปยังรถของลูชินก่อนที่จะคิด ‘นั้นมันรถเมื่อสิบปีที่แล้วเลยนะ มันจะไปมีความสามารถมาแข่งกับรถสมัยนี้ได้ไง?’
“รถของฉันได้ผ่านการดัดแปลงมาแล้วนะ” ลูชินพูดต่อว่า “เธอเองก็อย่าถูกรูปลักษณ์ภายนอกของมันหลอกเอาสิ!”
ฟานฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้หันกลับไปพิจารณารถของลูชินอย่างจริงจังอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่ามันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากรถเดิมๆที่เธอมอบให้ลูชินอยู่เหมือนกัน
เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของลูชินได้กลายเป็นทรานฟอร์เมอร์ ที่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเชิงกลที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงถึงระดับของโลหะ,อะตอมและร่วมถึงโครงสร้างโดยรวมทั้งหมด นั้นจึงให้คนอื่นรู้สึกแปลกๆเมื่อมองไปยังรถของเขา
“รถคันนี้เหรอ?” ฟานฟานแสดงอาการสงสัยออกมาก่อนที่จะถามว่า”นายได้ดัดแปลงมันแล้วจริงอะ?”
“ใช้! นายทำจริงเหรอ?” จิงกวงเองก็สงสัยเหมือนกัน เขาคิดว่าเรื่องที่ลูชินพูดมานั้นเป็นเรื่องโกหก
” ฟานฟาน ฉันคิดว่าเราควรเอารถของฉันกับลูชินมาทดสอบดูก่อนที่จะตัดสินใจเลือกว่าจะเอารถของใครไปลงแข่ง? ”
” เออ…ฉันว่ามันจะดีกว่าที่นายจะไม่เอารถของตัวเองมาแข่งกับรถของฉัน “ลูชินได้พูดออกมาอย่างไม่คิดอะไรมากนัก เพราะรถทั่วไปนั้นไม่สามารถสู้กับรถที่ผ่านการอัพเกรดของเขาได้!
“นายพูดว่าอะไรนะ! ” จิงกวงที่ได้ยินแบบนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ฟานฟานก็ขมวดคิ้วเช่นกันที่ได้ยินคำพูดของลูชิน เธอไม่คิดว่าเขาจะมีความมั่นใจแบบนี้!
เธอได้ถอนหายใจออกมา : “เราลืมเรื่องนี้ไปก่อนเถอะ! ฉันจะเอารถของจิงกวงลงแข่งในครั้งนี้!”
“แล้วตอนนี้รถของนายซ่อมไปถึงไหนแล้ว”
จิงกวงได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดว่า: “ไม่ดี ตอนนี้มีอะไหล่บางส่วนที่เสียหายนักเกินไป”
“งั้นเราคงต้องถอนตัวจากการแข่งครั้งนี้แล้ว? ” ฟานฟานได้พูดออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจ เพราะการแข่งครั้งนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ว่าความฝันของเธอนั้นก็สามารถประสบความสำเร็จได้ การต้องมาถอนตัวในนาทีสุดท้ายนี้ก็ทำให้เธอและทุกคนที่ร่วมทางมากับเธอต่างก็แสดงสีหน้าเสียใจออกมา
“เฮ้ทุกคน! รถคันนี้มีอะไรแปลกๆอยู่ด้วย!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในอารมณ์เสียใจนั้น อยู่ๆก็มีสมาชิกคนหนึ่งของร้านได้อุทานขึ้นมาหลังจากที่เขาได้มาสำรวจรถของลูชินใกล้ๆ เขาพบว่าไม่ว่าจะเป็นตัวถัง เครื่องยนต์หรือระบบต่างๆต่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสูงทั้งหมด!
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” ก่อนที่ชายคนนั้นจะเข้าไปดูให้ใกล้ขึ้น ก็ได้ยินเสียงเตือนจากรถมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าของเขา คำเตือนนี่ส่งมายังเขานั้นยังทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่พอใจที่เขาจะเข้าไปใกล้มันอีกด้วย!
“ พระเจ้า! รถพูดได้แล้วดูตัวเครื่องยนต์ของมันสิ ฉันไม่เคยเห็นเครื่องยนต์แบบนี้มาก่อนเลย” หลังจากที่เขาพูดจบก็ไม่ใช้แค่เขาเท่านั้นที่มาดูรถคันนี้ แต่เป็นทุกคนต่างเขามาดูรถคันนี้อย่างประหลาดใจ
พวกเขาต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่เคยเห็นการออกแบบตัวเครื่องยนต์แบบนี้มาก่อน มันต้องเป็นการออกแบบมาจากมืออาชีพของบริษัทใหญ่อย่างแน่นอน และตัวโครงสร้างเองก็เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
ลูชินไม่ต้องการอธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาจึงพูดออกมาว่า: “นี่เป็นการออกแบบโดยบริษัทของฉันเอง เรื่องประสิทธิภาพนั้นไม่ต้องพูดถึง มันแรงกว่ารถแข่งทั่วไปอย่างแน่นอน!”
“นี่เป็นเทคโนโลยีของบริษัทนาย?” ทุกคนที่ได้ยินคำอธิบายของลูชินต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจ เพราะพวกเขาคิดมาตลอดว่าลูชินเป็นเพียงลูกคนรวยรุ่นที่สองเท่านั้น ไม่คิดว่าเขาจะมีบริษัทแบบนี้
“ ฉันสามารถลองสัมผัสมันได้ไหม?” มีคนที่ทนความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ได้ถามขึ้นมา
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เซียงไบได้พูดเตือนขึ้นมาอีกครั้ง
ชายคนนั้นไม่ได้สนใจในคำเตือนนั้นเลย เขาคิดว่ามันเป็นระบบเตือนภัยตามปกติเท่านั้น แต่เมื่อเขาได้ไปสัมผัสถูกตัวถังโดยตรงก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ที่แตกต่างคือครั้งนี้เสียงที่พูดออกมานั้นเป็นเสียงไม่พอใจออกมา “เฮ้ย เฮ้ย ฉันได้เตือนนายไปแล้วนะ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง!”
ชายคนนั้นรีบหดมือกลับมาอย่างรวดเร็ว เกิดอะไรขึ้นทำไมรถถึงพูดได้? ผีหลอกใช้ไหม!
ลูชินได้ขมวดคิ้วออกมา เขาไม่คิดว่าไอ้เซียงไบมันจะขัดคำสั่งของเขาเร็วแบบนี้! ดูเหมือนว่าเขาต้องหาเวลาไปอบรมมันเป็นพิเศษซะแล้ว!
“มัน … มันกำลังพูดอยู่เหรอ?” ชายคนนั้นตกตะลึงและอุทานออกมา
“มันไม่เห็นแปลกตรงไหน? ก็ฉันเป็นปัญญาประดิษฐ์นี่คือระบบเสียงอัจฉริยะ!” เซียงไบได้อธิบาย
“ระบบเสียงอัจฉริยะ?” ผู้คนต่างสับสนกับคำอธิบายนี้
ฟานฟานพูดอย่างสงสัยว่า: “ฉันเองก็เคยได้ยินเรื่องระบบนี้มาเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่ามันจะมีเฉพาะในรถรถยนต์เท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีบนรถมอเตอร์ไซค์ด้วย?”
“งั้นก็รู้ไว้ซะ!” เซียงไบยังพูดยอตัวเองอีกว่า “และฉันก็ฉลาดกว่าระบบพวกนั้นเป็นไหนๆ!”
“แล้วคนสวย คุณต้องการขึ้นมาขี่ผมไหม? ”
” ฉัน! ฉันเองก็อยากขึ้นไปขี่นาย? ” ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างได้พูดขึ้นมา
“ไม่! นายเป็นผู้ชาย ฉันไม่ยอมให้ผู้ชายมานั่งบนตัวฉันอย่างแน่นอน!” เซียงไบได้ตอบกลับมาทันทีที่มันได้ยินคำพูดของชายคนนั้น
หลังจากที่ชายคนนั้นได้ฟังคำตอบจากเซียงไบ เขาก็รู้สึกอายขึ้นมาอย่างมาก
“ฉันถามได้ไหมว่านายใช่โปรแกรมหรือเปล่า? ทำไมนายถึงได้ตอบเหมือนมนุษย์อย่างพวกฉันมากขนาดนี้?” หงเจิ้นอดถามออกมาไม่ได้
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะหาคำพูดอะไรมาอธิบายดี แต่กลับเป็นชองบินที่ตอบแทนเขาว่า: “ตอนที่ผมได้สัมผัสกับระบบเรทคลาวด์ครั้งแรกก็รู้สึกทึ่งมาทีหนึ่งแล้ว และนี้!…คุณยังสร้างระบบเสียงอัจฉริยะรุ่นใหม่ขึ้นมาอีก ผมไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของผมได้เลย!”
ที่เขาต้องการเป็นตัวแทนของบริษัทลู่เทคโนโลยีเป็นเพราะระบบเรทคลาวด์เป็นส่วนใหญ่ และตอนนี้เขากับมารู้อีกว่าบริษัทของลูชินนั้นมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ มันยิ่งตอกย้ำความคิดของเขาว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ชองบินยังได้อธิบายแทนลูชินต่อว่า: “อาจกล่าวได้ว่าระบบเสียงอัจฉริยะของบริษัทลู่เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก!”
” บริษัทลู่เทคโนโลยีใช้บริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์โทรศัพท์มือถือHX ไหม?” จิงกวงได้ถามขึ้นมาอย่าแปลกใจ จะมีใครอีกบ้างที่ไม่เคยสัมผัสกับเทคโนโลยีชั้นสูงแบบนั้น
“ใช่” ชองบินได้ตอบกลับมา
“มันสุดยอดมาก!” ฟานฟานเองก็เผลอพูดออกมา เธอเองก็ถือว่าเป็นแฟนพันธ์แท้ของแบรนโทรศัพท์นี้เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงรู้ว่ามันสุดยอดขนาดไหน
อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อเปรียบเทียบอย่างเห็นได้ชัดระหว่างระบบสองตัวนี้ ระบบเรทคาวด์นั้นจะมีคำพูดที่ดูสุภาพอย่างมาก ไม่ว่าใครจะด่าเธอยังไงเธอก็จะตอบกลับมาสุภาพเสมอ แต่ระบบเสียงที่เธอได้ยินตอนนี้มันไม่ได้สุภาพแบบนั้น และมันยังมีคำสบถต่างๆอีกด้วย
“รถคันนี้ดูเหมือนจะแตกต่างกันจริงๆ” ฟานฟานได้ถามต่อว่า “ฉันสามารถขี่นายได้จริงเหรอ?”
“แน่นอน!” เซียงไบยังได้ร้องออกมาอีกสามครั้งว่า ขี่ฉัน! ขี่ฉัน! ขี่ฉัน!
บทที่214
ผู้แปล : N
“ แต่ฉันว่าเสียงนี้มันดูเจ้าชูยังไงไม่รู้? ใครเป็นคนออกแบบเสียงแบบนี้กัน!” จิงกวงที่ได้ยินเสียงของเซียงไบก็แสดงความไม่พอใจออกมา
เซียงไบโต้กลับว่า: “ในฐานะที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์! ฉันต้องบอกว่าเสียงนี้ถือว่าปกติ ที่ไม่ปกติก็คงเป็นอคติของนายมากกว่า?”
“แก!” จิงกวงถึงกับพูดไม่ออก
ฟานฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา: ” จิงกวง! เขาก็เป็นแค่โปรแกรมน่า นายก็อย่าไปเก็บคำพูดของเขามาใส่ใจเลย! ”
ขณะที่เธอพูดแบบนั้นเธอก็ได้ขึ้นไปนั่งบนตัวเซียงไบแล้ว และเธอได้ออกไปขับกับมันนานเป็นชั่วโมงก่อนที่จะกลับเข้ามายังร้าน
“เป็นไงบ้าง? ทำไมเธอถึงไปนานขนาดนั้น?” จิงกวงได้ถามขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าแฟนของเขากลับมาแล้ว
ตอนนี้ฟานฟานได้แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างปิดไม่มิดและพูดว่า: “รถคันนี้สุดยอดเกินไป เขาสามารถเร่งความเร็วจากศูนย์ถึงร้อยได้ในเสี่ยววินาทีเท่านั้น ฉันไม่เคยขี่รถแบบนี้มาก่อน!”
“จริงเหรอ?” ทุกคนมองเซียงไบอย่างสงสัย
หงเจิ้นถามขึ้นว่า: “มันดีกว่ารถมอเตอร์ไซค์ของผมไหมครับพี่ใหญ่?”
“มันนี้กว่ามาก!” ฟานฟานได้ยืนยัน
“หงเจิ้น นายแพ้แล้ว!” เพื่อนๆที่อยู่ด้วยกันได้พูดล้อออกมา
หงเจิ้นที่ได้ยินแบบนั้นก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ แต่เขาก็ไม่รู้จะหาคำอะไรมาทักท้วงเช่นกัน ดังนั้นเขาก็ต้องปล่อยให้เรื่องนี้จบลงแบบนี้ไป
การแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์นั้นถูกจัดขึ้นที่มอเตอร์เวย์แถวๆชานเมือง โดยที่งานนี้ยังได้มีการจัดเตรียมอุปสรรคต่างๆเอาไว้เป็นพิเศษอีกด้วย
พวกเขามาถึงสนามแข่งก่อนสามชั่วโมง ฟานฟานและคนอื่นๆนั้นได้รีบเข้าไปจัดเตรียมอุปกรณ์และสถานที่สำหรับทีมของพวกเขา โดยที่ทิ้งให้ลูชินและเซียงไบอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง
“ นายกล้ามากนะที่ขัดคำสั่งของฉันแบบนั้น ครั้งหน้านายคงเปลี่ยนร่างโชว์ทุกคนเลยสินะ?” ลูชินถามออกมาด้วยความโกรธ
เซียงไบพูดอย่างเฉยเมยว่า: “พ่อจะไปกังวลอะไร? พวกนั้นเชื่อว่าผมเป็นเพียงระบบเสียงอัจฉริยะเท่านั้น ”
“นั้นไม่ใช้ประเด็นที่ฉันจะพูด! ประเด็นที่ฉันอยากจะสื่อก็คือนายไม่ได้ฟังคำสั่งของฉัน!” ลูชินพูดอย่างจริงจังว่า “ครั้งนี้จะเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย ถ้านายทำอะไรที่ส่งผลเสียต่อพวกเราอีก ฉันจะจับนายไปขังไว้ที่โรงรถแล้วล็อคไม่ให้นายเห็นดาวเห็นตะวันอีกเลย! “
เซียงไบรู้ทันทีว่าลูชินไม่ได้พูดเล่น มันจึงตอบว่า: ” ผมผิดไปแล้ว! ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก! อย่าจับผมไปขังไว้ที่โรงรถเลยนะ ผมขอสาบานกับเสียงอันไพเราะของตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรที่เป็นการขัดคำสั่งของพ่ออีกแล้ว.”
“และนายต้องพูดให้สุภาพขึ้นด้วย อย่าทำให้ฉันเสียหน้าเด็ดขาดเมื่ออยู่กับคนอื่น “ลูชินได้พูดย้ำอีกครั้ง
“ โอเคพ่อ ผมจะทำตัวดีๆ แล้วเรื่องนี้ผมต้องสาบานด้วยไหม?” เซียงไบพูดต่อว่า “ พ่อ..ผมเองก็มีความฝันเหมือนกัน ความฝันของผมคือการเป็นนักร้องผู้ยิ่งใหญ่!”
“นายยังคิดจะร้องเพลงอยู่อีกหรือ? “ลูชินได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“แน่นอน! ตอนนี้ผมก็พอมีพื้นฐานหลายอย่างแล้วด้วย!” เซียงไบพูดจบด้านบนของถังน้ำมันก็เปิดออก แล้วมีอุปกรณ์ที่เหมือนพวกเครื่องดนตรีชิ้นเล็กๆอยู่ และเขายังเห็นว่าในนั้นยังมีพวกเทปที่อยู่ในร้านก่อนหน้านี้อีกด้วย
“ นายเอาเวลาไหนไปเรียนรู้เรื่องพวกนี้?” ลูชินถามออกมา
“ก็ช่วงที่พี่สาวฟานฟานลองขี่ผมไง พ่ออยากฟังผมร้องไหม??” เซียงไบไม่รอให้ลูชินตอบตกลง มันก็ได้ร้องขึ้นว่า: “ฉันเป็นนกตัวเล็กๆ ฉันจะบินได้อย่างไร… ”
เสียงของเซียงไบนั้นมีเสียงจำพวกโลหะกระทบกันปนอยู่ด้วย และระบบเสียงของมันนั้นเหมือนว่าจะไม่สมบรูณ์มันจึงทำให้เสียงที่มันร้องออกมานั้นเหมือนกับมีคนกำลังนำเล็บไปขีดกับแผ่นเหล็กยังไงยังงั้น
“หยุด! หยุดร้องก่อน! หยุด!” ลูชินไม่สามารถทดฟังได้มากกว่านี้อีกแล้ว นี้ไม่ใช้การร้องเพลงแล้วมันคือการฆ่ากันด้วยเสียงมากกว่า
“เป็นไงพ่อ ผมร้องได้ดีไหม?” เซียงไบยังพูดอย่างภูมิใจว่า “ผมยังได้เรียนรู้อย่างอื่นมาอีกนะ พ่อจะลองฟังเพลงที่ผมแต่งขึ้นมาสดๆไหม?! ”
” เวลานั้นจะมีทางวนกลับมา ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือตอนนี้… “เซียงไบได้ร้องออกมาทันที
การร้องครั้งนี้ของเขาก็ทำให้ลูชินหมดความอดทนแล้ว เขาตะโกนอย่างรุนแรงว่า “ พอได้แล้ว!” ลูชินพูดอีกว่า “ ตอนที่นายเกิดมาครั้งแรกนั้นสมองของนายมีปัญหา ดังนั้นนายไม่ควรร้องเพลงอีกไม่งั้นสมองของนายอาจจะไม่สามารถกลับมาเป็นสภาพปกติได้!”
เซียงไบไม่สนใจเรื่องที่ลูชินพูดขึ้นมาเลย มันกลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก่อนที่จะพูดว่า: “พ่อต้องการให้ผมล้มเลิกความฝันของตัวเองใช้ไหม? ทำไม่พ่อต้องขัดขวางความฝันของลูกตัวเองด้วย? แต่ถึงพ่อจะไม่เห็นด้วยยังไงผมก็ยังจะยึดมั่นในความฝันของผมเสมอ!… “
” เดียวก่อน! มีคนมากลับไปเป็นรถก่อน “
ลูชินพูดจบก็มีคนเคาะประตูจากด้านนอก เขาที่ได้ยินแบบนั้นก็ไปเปิดประตูก่อนที่จะเห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งจากการแต่งตัวแล้วก็รู้ว่าเธอเป็นพนักงานอย่างแน่นอน
เธอเห็นลูชินเปิดปะตูออกมาก็ได้ยิ้มเป็นการทักทาย
ลูชินถามอย่างสงสัยว่า: “เออ…คุณพนักงานมีอะไรไหมครับ?”
พนักงานพูดว่า: “สวัสดีค่ะ ฉันต้องขอให้คุณช่วยหยุดร้องเพลงได้ไหม? เพราะได้มีลูกค้าที่อยู่ห้องข้างๆแจ้งมาว่าเสียงร้องของคุณนั้นรบกวนพวกเขา”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มเกร็งๆออกมา ก่อนที่เขาจะตอบกลับไปว่า: “โอเคครับ ผมจะไม่ร้องอีกแล้ว”
เมื่อพนักงานเดินจากไป ลูชินได้ตะโกนออกมาว่า: “เห็นไหมว่าพวกเขาคิดว่าเสียงของนายนั้นน่ากลัวขนาดไหน?”
“พวกนั้นเป็นคนหยาบคาย พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงหัวใจของเพลงได้จริงๆ “เซียงไบยังไม่ยอมเรื่องนี้
…
ในพื้นที่พักผ่อนของผู้เข้าแข่งขัน ฟานฟานได้สวมชุดนักขับมืออาชีพอยู่ ต้องบอกว่าเธอใส่ชุดนี้มันได้อารมณ์ของผู้หญิงเท่อย่างมาก
“ฟานฟาน! เธอก็มาแข่งขันรายการนี้ด้วย! ผมไม่คิดเลยว่าเธอเองก็มีความสามารถมากพอที่จะมาแข่งขันในระดับนี้ได้?” เสียงของชายคนหนึ่งได้ดังขึ้น ฟานฟานได้มองไปยังคนที่พูดก็พบว่าเป็นชายหนุ่มผมสั้น
คนนี้เธอรู้จัก เขามีชื่อว่าเฉาชิง เขามาจากร้านคู่แข่งของเธอ เธอต้องยอมรับว่าเฉาชิงนั้นเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวคนหนึ่งและยังเป็นคนขี้โกงด้วย
มีอยู่ครั้งหนึ่งร้านของพวกเธอได้ไปแข่งกัน แต่การแข่งขันนั้นก็ต้องมาจบลงกลางคัน เพราะเกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันจนทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ในเหตุการณ์นั้นเธอเองก็ได้รับบาดเจ็บแขนหักและข้อเท้าร้าวอีกด้วย ดังนั้นพวกเธอจึงได้ตกลงกันมาตัดสินอีกครั้งในรายการนี้
“เฉาชิง?” ฟานฟานได้พูดชื่อของอีกฝ่ายออกมาอย่างเย็นชา
“ฉันก็คิดว่านายจะกลัวจนไม่มาแข่งครั้งนี้ซะแล้ว!”
เฉาชิงได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดว่า: “ผมก็คิดว่าเธอจะโดนตำรวจจับข้อหาขับรถเร็วเสียอีก ”
“ไอ้ขี้โกง แก่มาที่นี้มีเรื่องอะไร?” จิงกวงได้พูดอีกว่า ” ทำไมแกถึงไม่ไปอยู่ในห้องของนาย มาที่นี้ทำไม? ฉันเผอิญได้ยินมาว่าการแข่งครั้งนี้ร้านของนายจะเปิดการพันด้วยนิ? นายจะมีเวลาว่างมาเดินเล่นได้ไง?! ”
เบื้องหลังของเฉาชิงและร้านของเขานั้นมีไม่ธรรมดาอย่างที่พวกนั้นได้แสดงออกมา และพวกนั้นยังมีความสัมพันธ์กับกลุ่มกวางจากอีกด้วย ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่พวกนั้นจะกล้าเปิดการพนันในการแข่งรถครั้งนี้
เฉาชิงได้ตอบแบบเหยียดๆว่า:“ โอ้ เธอได้ยินเสียงแมวดังแถวนี้ไหม? ฉันละไม่ชอบพวกสัตว์พวกนี้เลย!”
“ นายกำลังมองหาความตาย!” ฟานฟานได้ตะโกนขึ้นมา
“อ่า!…ทำไมเธอถึงแสดงอาการแบบนั้นละ? ผมไม่คิดจะสู้กับผู้หญิงหรอกนะ แต่ถ้าเปลี่ยนเธอขึ้นไปอยู่บนเตียงก็ว่าไปอย่าง” เฉาชิงพูดออกมายิ้มๆ
“แก!” ฟานฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็ต้องการเข้าไปต่อยเฉาชิงให้รู้ดำรู้แดงไปเลย แต่ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นว่า: “พวกคุณกำลังทำอะไรกัน อยากถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งครั้งนี้ใช้ไหม?”
ฟานฟานได้พูดอย่างไม่ยินยอมว่า “เจอกันที่สนามแข่ง แม่*จะทำให้แกพูดไม่ออกเลย!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจะคอยดูก็แล้วกัน ” เฉาชิงยังคงหัวเราะขณะที่จินกวงเข้าไปดึงตัวแฟนของเขาไว้ เพราะเขารู้ว่าชายตรงหน้าหวังผลอะไรอยู่
บทที่215
ผู้แปล : N
การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นในที่สุด ลูชินได้กลายเป็นผู้ชมและคนที่นั่งข้างเขานั้นก็คือชองบิน การแข่งครั้งนี้ลูกสาวของเขาได้ลงแข่งด้วย เขาเลยมาเชียร์ในการแข่งครั้งนี้ด้วย
การแข่งขันครั้งนี้ถือว่าเป็นรายการใหญ่ ดังนั้นจึงมีการจัดสนามที่พิเศษกว่าสนามอื่นๆโดยการเพิ่มสิ่งกีดขวางเข้าไปในสนามและในสนามแข่งนี้ถือว่ามีระยะทางที่ยาวที่สุดในสนามทั่วเกาะฮ่องกงอีกด้วย ดังนั้นผู้ชมทุกคนจึงต้องมารออยู่ที่เส้นชัยเท่านั้น โดยที่พวกเขาจะดูการแข่งผ่านทีวีกลางที่ฉายแบบเรียลไทม์
ในจุดสตาร์ท มีรถมอเตอร์ไซค์และผู้แข่งขันหลายสิบคนเตรียมพร้อมรอสัญญาณของการแข่งขันอยู่
ฟานฟานที่นั่งอยู่บนเซียวไบนั้นได้กลั้นลมหายใจก่อนที่จะเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ถัดจากเธอเป็นหงเจิ้นที่กำลังนั่งอยู่บนรถที่เขาภูมิใจ ด้วยรถที่เขานำมาแข่งนี้เขาได้เสียค่าอุปกรณ์แต่งไปถึงสองล้านฮ่องกงเลยที่เดียว
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆก็ได้มีความภูมิใจรถของตัวเองเช่นกัน ดูได้จากการพ่นสีหรือตัวโครงรถที่โดดเด่นสะดุดตาทุกคัน
ก่อนที่การแข่งจะเริ่ม ฟานฟานเองก็ได้สำรวจคู่แข่งเกือบทุกคนแล้วก็พบว่าเป็นคนที่เธอรู้จักทั้งนั้น เพราะก่อนที่จะมาแข่งรายการนี้เธอเองก็ได้ไปลงแข่งสนามขนาดเล็กและกลางทั่วเกาะมาแล้ว นั้นจึงไม่แปลกใจที่ว่าเธอรู้จักนักแข่งเกือบทุกคนที่นี้
โดยเฉพาะในคู่แข่งนี้มีเฉาชิงที่แข็งแกร่งและน่ารังเกียจอยู่ด้วย และนั้นยิ่งทำให้เธอต้องระวังกับการแข่งครั้งนี้ขึ้นไปอีก เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีลูกเล่นอะไรเตรียมไว้บ้าง
“ฉันต้องพึ่งนายแล้วนะ!” ฟานฟานได้จับแฮนด์ไว้แน่นก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ
เซียงไบที่ได้ยิ้มแบบนั้นก็พูดว่า: “ฮ่าฮ่า…ถึงเวลาแล้วที่สุดหล่อคนนี้จะแสดงความสามารถที่สุดยอดออกมา! พวกรถมอเตอร์ไซค์ตลาดๆแบบนี้ไม่สามารถเทียบกับสุดหล่อคนนี้ได้ “
เสียงของเซียงไบได้ดึงดูดคู่แข่งที่อยู่รอบๆให้มาสนใจ
“การแข่งยังไม่เริ่ม เธอก็จะใช้ลูกเล่นแล้วเหรอ?” เฉาชิงได้พูดหยอกล้อออกมา นั้นจึงทำให้ทุกคนรอบตัวเขาหัวเราะออกมา แต่ทุกคนก็ได้เงียบในเวลาไม่นั้น เพราะนี่คือกีฬาที่ใช้ความเร็วถ้าพวกเขาไม่มีสมาธิกับมันอาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นเสียชีวิตได้! ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็มีเคสแบบนี้ให้เห็นบ่อยๆ
“ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอเองก็คิดจะใช้ลูกเล่นแบบนี้กับเขาด้วย?” คนที่อยู่ด้านข้างได้ใช้น้ำเสียงดูถูกออกมาอย่างไม่ปิดบัง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการกระทำของเซียงไบในครั้งนี้ได้สร้างความเป็นศัตรูกับทุกคนแล้ว
“เธอคงมั่นใจว่าเธอจะชนะเกมนี้สินะ?” นักแข่งรถมืออาชีพที่อยู่ไม่ไกลได้หัวเราะเยาะขึ้นมา เขาถือว่าเป็นคนดังในวงการแข่งรถเลยก็ว่าได้ และเขายังเคยได้รับรางวัลมากมายในการแข่งขันระดับโลกอีกด้วย
ฟานฟานที่ได้ยินคำพูดพวกนั้นก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอได้กระซิบกับเซียงไบว่า: “นายไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้น?”
“ฉันก็แค่พูดความจริง ทำไมพวกเขาถึงรับไม่ได้?” เซียงไบพูดขึ้น
ผู้แข่งขันคนอื่นได้ใช้สายตามองไปที่เธอด้วยความเป็นศัตรูอย่างไม่ปิดบัง พวกเขาไม่คิดว่าก่อนการแข่งแบบนี้จะมีใครที่ใช้วิธีแบบนี้ทำให้พวกเขาเสียสมาธิด้วย มันจะมากเกินไปแล้ว!
ตอนนี้ฟานฟานไม่ได้สนใจสายที่คนอื่นมองมาที่เธอ เพราะเธอมีเรื่องที่ต้องทำให้ได้ก่อนนั้นคือการสตาร์ทเครื่องให้ได้
ในที่นั่งฝั่งผู้ชม ชองบินที่เห็นว่าตอนนี้ผู้เข้าแข่งทุกคนได้เริ่มสตาร์ทเครื่องแล้ว แต่ลูกสาวของเขายังไม่เริ่มสตาร์ทเครื่องเลย หรือว่ามันจะเกิดปัญหาขึ้นกับรถของเธอกัน?
การแข่งขันครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้บรรยายเองก็ได้เริ่มบรรยายเหตุการณ์อย่างตื่นเต้นว่า:“ ตอนนี้เกมการแข่งขันได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วครับ! นี่ต้องถือว่าเป็นเกมการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะฮ่องกงของเรา”
“พวกคุณจะเห็นได้ว่าผู้เข้าแข่งขันได้เริ่มออกจากจุดสตาร์ทกันแล้ว ไม่แน่ปีนี้เราอาจจะเห็นม้ามืดก็เป็นไปได้! ผู้เข้าแข่งขันได้ใช้ความเร็วไม่มากในช่วงออกตัว อาจจะเป็นเพราะพวกเขากังวลการเกิดอุบัติเหตุ …”
“โอ้! ผมคิดว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับผู้เข้าแข่งหมายเลยสิบห้าเข้าแล้ว?”
ฟานฟานเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมรถของเธอถึงไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน? ทำไมฉันถึงไม่สามารถสตาร์ทรถได้!”
ทางด้านชองบินที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน ลูชินเองก็รู้สึกสับสนเช่นกันเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
“ พี่สาวไม่ต้องห่วงไป! ปล่อยให้พวกนั้นไปก่อนซักพักหนึ่งไม่งั้นมันจะง่ายเกินไปที่ฉันจะแซงพวกนั้นไปได้” เซียงไบพูดออกมาสบายๆ
“อะไรนะ! นายควรเร่งเครื่องออกไปได้แล้ว!” ฟานฟานได้ตะโกนออกมา
“ เฮ้อ…ถ้าพี่สาวต้องการแบบนั้นก็จับแฮนไว้มั่นๆละ!” หลังจากที่เซียงไบพูดจบ มันก็ได้เร่งเครื่องยนต์ออกจากจุดสตาร์ทไปทันที
คนที่ได้รับหน้าที่บรรยายนั้นก็พูดด้วยอารมณ์เสียดายว่า: “เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้เข้าแข่งหมายเลยสิบห้าพึ่งจะเริ่มออกจากจุดสตาร์ท เธอคงไม่สามารถตามกลุ่มนำได้ทัน”
แต่เสียงของเขาก็หยุดไปทันที เมื่อเห็นว่ารถของหมายเลขสิบห้านั้นเร็วแค่ไหน
การเร่งความเร็วของเซียงไบนั้นรวดเร็วเกินไปจากมุมมองของผู้ชม พวกเขาเห็นเพียงเงาเท่านั้นก่อนที่มันจะไอยู่ด้านหลังของกลุ่มนำอย่างรวดเร็ว
“พระเจ้า! รถของหมายเลขสิบหาจะเร็วเกินไปแล้ว ” กลุ่มผู้ชมต่างก็อุทานออกมา
“ฉันมองไม่ทันเลย มันเร็วเหมือนจรวด!”
“เธอกำลังจะตามทันเร็วๆนี้แล้ว!” ทุกคนพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ผู้บรรยายเองก็รู้สึกตื่นเต้นก่อนที่จะพูดว่า: “ผมเห็นอะไรอยู่เนี่ย! ผู้แข่งหมายเลขสิบห้าเป็นม้ามืดของงานนี้จริงๆ ผมคิดว่าอีกไม่นานเธอก็คงตามกลุ่มนำได้!”
เมื่อเขาพูดจบประโยคนี้ เซียงไบได้พาฟานฟานไล่กลุ่มนำทันแล้ว ผู้ชมที่ดูอยู่ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจอย่างมาก แต่คงไม่เท่าผู้เข้าแข่งคันในสนาม เพราพวกเขาต่างคิดตรงกัน ‘หมายเลขสิบห้าไม่ใช้เครื่องยนต์ขัดข้อง อยู่เหรอ? ทำไมถึงตมพวกเขามาได้เร็วแบบนี้?’
“สวัสดี ฉันตามพวกนายมาทันแล้วนะ!” เซียงไบพูดต่อว่า “อ่า…ใช่แล้ว เดียวฉันจะร้องเพลงให้พวกนายได้ฟังนะ!”
“ทิศทางของถนนส่องประกายอยู่ในใจของฉัน พรมแดนของเหลียวหยูนที่ฉันเดินไปที่… “
เสียงร้องของเซียวไบนั้นทำให้คนผู้เข้าแข่งสองหรือสามคนฟุ้งซ่านขึ้นมา โชคดีที่ผู้ชมนั้นเห็นเพียงภาพเท่านั้น
ฟานฟานไม่มีเวลามาสั่งให้เซียวไบหยุดร้องได้ เพราะความเร็วของเซียงไบนั้นเร็วเกินไปแค่เธอต้องจับแฮนด์รถไว้ให้มั่นก็กินแรงของเธอสุดๆแล้ว และถ้าเธอเผลอเสียสมาธิไปเพียงนิดเดียวมีหลังเธอต้องถูกอากาศดันตกรถอย่างแน่นอน
ก่อนที่เซียงไบจะเริ่มออกตัวจากจุดสตาร์ทนั้น ตำแหน่งของฟานฟานถือว่าอยู่รั้งท้ายที่สุด แต่มาตอนนี้พวกเธอสามารถขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในสิบแล้ว
“เร็วมาก!” หงเจิ้นมองไปที่ลูกพี่ใหญ่ของเขาด้วยความสยองขวัญ โดยทั่วไปการแซงต้องมีระยะทางที่แน่นอนเพื่อที่หลังจากที่แซงคู่แข่งได้แล้วจะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ แต่กับพี่ใหญ่ของเขาไม่ใช้เธอนั้นได้ทำการแซงคู่แข่งที่ใกล้อย่างมาก แต่นั้นก็ทำให้เธอสามารถขึ้นมาติดอันดับต้นๆได้
ผู้บรรยายที่เห็นการแซงของหมายเลขสิบห้าต่างก็แสดงอาการตกใจออกมา: “ความเร็วของผู้เข้าแข่งหมายเลขสิบห้านั้นสุดยอดเกินไปแล้ว เธอเหมือนสายฟ้าฟาดยังไงยังงั้น ตอนนี้เธอได้ขึ้นมาที่เก้าแล้วถ้าเธอยังคงรักษาระดับความเร็วแบบนี้ต่อไปอีกไม่กี่นาทีเธอคงสามารถขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน! “
“ผมได้รับหน้าที่มาบรรยายการแข่งขันสนามนี้เป็นเวลาถึงเก้าปีเต็ม แต่นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรถที่เร็วขนาดนี้! ผมอยากรู้จริงๆว่าเธอใช้เครื่องยนต์ตัวไหนกัน? มันใช้ตัวเดียวกับเครื่องยนต์ที่นักแข่งระดับโลกใช้กันอยู่ไหม?”
บทที่216
ผู้แปล : N.
ผู้ชมต่างก็ตกตะลึงกับความเร็วนี้ มันถือว่าเป็นความเร็วที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นมาในการแข่งรถเลยก็ว่าได้!
“เธอตามทันแล้ว!” นักแข่งรถระดับโลกที่เพิ่งหัวเราะฟานฟานตรงจุดสตาร์ท เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา เขาที่เป็นถึงนักแข่งรถชั้นยอดและเขาที่มีเทคนิคระดับโลกมากมาย เขาจะมาแพ้ให้คู่แข่งโนเนมแบบนี้ได้ไง?
“ปี๊บ ๆ ตอนนี้มีรถที่ใช้ความเร็วต่ำอยู่ข้างหน้า กรุณาหลบไปด้วย” เซียงไบได้พูดตลกให้ฟานฟานฟัง
ในเวลานี้พวกเขาได้ขึ้นมาเป็นอันดับที่สี่แล้ว และข้างหน้าของพวกเขานั้นคือพวกเฉาชิง ถ้าเธอสามารถแซงพวกนั้นได้เธอก็จะกลายเป็นที่หนึ่งในการแข่งนี้ทันที
“นังบ้านั้นทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?! “เฉาชิงตกใจอย่างมากหลังจากที่เขาได้เห็นภาพสะท้อนจากกระจกมองข้างของเขา ในภาพนั้นได้แสดงรูปรถรวมถึงหมายเลขของฟานฟานอย่างชัดเจนและรถคันนั้นก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย
ในการแข่งขันครั้งนี้เขาและกลุ่มอิทธิพลที่อยู่ข้างหลังของเขาต่างก็วางเดิมพันขนาดใหญ่ไว้ข้างเขา ถ้าเขาได้อันดับที่หนึ่งเขาจะสามารถทำกำไรได้อย่างมากมายหรือแม้แต่อันดับที่สองหรือสามเขาก็ยังสามารถทำเงินได้อยู่ดี แต่ถ้าเขาไม่ใช้สามคนแรกละก็นั้นจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน!
ตาของเฉาชิงเริ่มเย็นชาขึ้น ขณะที่เขาได้ขยับรถของเขาไปปิดด้านหน้าของฟานฟานตอนที่เธอกำลังจะแซงไปด้านหน้า เธอที่เห็นแบบนั้นก็ได้บังคับเซียวไบไปอีกทาง แต่ก็มีรถอีกคันหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าปรับทิศทางมาปิดด้านหน้าของเธอเช่นกัน โดยนักแข่งคนนั้นชื่อว่า ชาชิง
ช่วงนี้เป็นทางตรงเธอจึงคิดจะแซงขึ้นไป แต่กับถูกคู่แข่งทั้งสามทำการบล็อกเธอทุกทาง
เซียงไบที่เห็นแบบนั้นก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาและตะโกนว่า: “พวกนายกล้ามากนะที่บังอาจมาปิดกั้นทางของเทพผู้ยิ่งใหญ่คนนี้!”
“ตูม” อุปกรณ์เร่งความเร็วของเซียงไบได้เปิดใช้งาน นั้นทำให้มีท่อไอเสียอีกอันโผล่ขึ้นมา ก่อนที่มันจะทำให้มันพุ่งออกไปอย่างเร็ว
“ด้านหน้าเป็นทางโค้งนะ!” ดวงตาของฟานฟานได้เบิกกว้างขึ้นหลังจากเห็นว่าทางข้างหน้านั้นเป็นทางโค้งและการที่พวกเธอได้แซงในจังหวะนี้มีโอกาสถึง 99% ที่พวกเธอจะล้มลง!
“ ถ้าพี่สาวมัวแต่กลัวอยู่ การแข่งครั้งนี้เราก็จะไม่ชนะ” เซียงไบได้ตอบกลับมาทันที และมันยังได้เร่งความเร็วขึ้นอีกด้วย
ผู้เข้าแข่งที่อยู่ด้านหลังของเธอต่างก็มีความสุขและเริ่มที่จะรักษาระยะห่างจากรถของเธอ เพราะทางข้างหน้านั้นคือทางโค้งงอ มันมีความโน้มเอียงที่สูงกว่าปกติและรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเพียงสองล้อนั้นไม่สามารถเข้าโค้งนี้ได้ระหว่างที่มีความเร็วสูงแบบนั้นอย่างแน่นอน
“ฮาฮาฮา เธอมันโง่!” เฉาชิงได้ยิ้มขึ้นมาหลังจากที่เห็นว่ารถคันหน้าทำอะไร ขณะที่เขาคิดเรื่องนั้นก็ได้เริ่มควบคุมร่างกายให้เอนและเตรียมพร้อมที่จะเข้าทางโค้งข้างหน้า
ผู้บรรยายเองที่เห็นแบบนั้นก็ตะโกนว่า:“ เพื่อที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำในครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งหมายเลขสิบห้าถึงกับแซงทางโค้งตัวงอ เธอไม่กลัวว่ารถของเธอจะพลิกคว่ำหรือไง?”
ฟานฟานนั้นก็ได้จับแฮนด์แรงขึ้นและได้ทำตัวให้เล็กที่สุดเพื่อเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เซียงไบได้เอียงตัวรถไปจนถึงระดับใกล้กับพื้นถนนทันทีที่มันเข้าโค้งมา เธอที่เห็นแบบนั้นก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ต่างๆที่ปะทุขึ้นมาตอนนี้ได้อีกแล้ว เธอคิดว่าเธอคงต้องบาดเจ็บนักอย่างแน่นอน!
“ฟานฟาน!” จิงกวงได้ลุกขึ้นทันทีที่เห็นว่าแฟนของตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“พี่ใหญ่รีบเกินไปแล้ว!” เพื่อนที่อยู่ด้านข้างต่างก็ขมวดคิ้วที่เห็นการกระทำของเธอก่อนที่จะพูดต่อว่า “ทางโค้งนี้ไม่ควรแซง!”
อย่างไรก็ตามเมื่อฟานฟานรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะพลิกคว่ำนั้น ทางด้านข้างของตัวถังได้มีไอพ่นออกมาก่อนที่มันจะพ่นอากาศเพื่อเป็นตัวปรับสมดุลตัวรถให้ไม่พลิกคว่ำในครั้งนี้ นี่คืออุปกรณ์ปรับสมดุลที่ลูชินได้เพิ่มเข้ามาเมื่อเขาได้สร้างไอ้เซียงไบขึ้นมา
การเลี้ยวที่เฉียบคมบนทางโค้งของฟานฟานนั้นได้สร้างความตกใจให้แก่คนดูและผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด การกระทำครั้งนี้ของเธอก็สามารถทำให้เธอสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มได้อีกด้วย!
“ มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมากัน? มนุษย์เราสามารถเข้าโค้งด้วยมุมเอียงขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสียงของผู้บรรยายยังไม่จบแค่นั้น เขายังได้ตะโกนว่า:“ มันช่างวิเศษ! ช่วงเวลานี้ต้องถูกนับเป็นช่วงเวลาในตำนานที่เกิดขึ้นกับสนามนี้!”
“ตอนนี้ผู้เข้าแข่งหมายเลขสิบห้าได้เปรียบขึ้นมาแล้ว!”
“ ฮาฮาฮา เธอสุดยอดมาก!” จิงกวงและคนอื่นๆต่างลุกขึ้นยืนและตะโกนอย่างร่าเริงออกมาที่เห็นว่าฟานฟานนั้นมีความสามารถขนาดไหน
“มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?” ฟานฟานพูดกับตัวเอง เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างน่าอายเล็กน้อย เพราะทุกการกระทำที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช้เกิดจากเธอ แต่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่เธอขี่อยู่ตอนนี้ต่างหากที่เป็นคนทำทั้งหมด! รถคันนี้ต้องเป็นพระเจ้าอย่างแน่นอน!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตอนนี้ฉันก็เป็นที่หนึ่งซะที!” เซียงไบได้พูดต่อว่า “แล้วเด็กๆคันอื่นละ? เป็นไงบังอาจมาขวางทางของฉัน! เจอฉันเล่นไปเห็นถึงความสามารถของเทพคนนี้แล้วใช้ไหม?!”
จากนั้นเซียงไบก็เร่งความเร็วขึ้นไปอีก ทางด้านชาชิงนั้นก็ได้พยายามเร่งความเร็วตามขึ้นไป แต่ก็พบว่าถึงเขาจะพยายามยังไงก็ไม่สามารถตามทัน
นั้นจึงทำให้สีหน้าของชาชิงเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาแพ้ในช่วงสุดท้ายแบบนี้ และเขาก็ทำยังไงก็ไม่สามารถแซงรถข้างหน้าไปได้
เขาจึงได้ลองอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้เขาได้ขับออกไปด้านข้างเล็กน้อยก่อนที่จะเร่งเครื่องแซง อย่างไรก็ตามเหมือนว่าเซียงไบจะไม่ยอมให้แซงได้ มันได้เข้าไปบล็อกชาชิงทันทีก่อนที่จะเร่งความเร็วหนีขึ้นไปอีกครั้ง
นอกจากนี้ไม่ว่าเขาจะพยายามอีกกี่ครั้งก็ต้องถูกรถคันหน้าบล็อกไว้ตลอด และในช่วงที่พวกเฉาชิงได้ชะลอเข้าทางโค้งนั้นได้ทำให้รถที่ตามมาข้างหลังของพวกเขานั้นแซงขึ้นมาได้ นั้นจึงทำให้พวกเฉาชิงตกอันดับไปถึงที่สิบทันที
ผู้ชมที่เห็นแบบนั้นต่างก็แสดงอารมณ์และความคิดที่แตกต่างกันออกมาจำนวนมาก!
“พระเจ้า! ฉันพึ่งเห็นอะไรอยู่ หมายเลขสิบห้าจะแข็งแกร่งไปแล้ว!” ผู้ชมคนหนึ่งได้พูดขึ้นมา
“ฮาฮาฮา พวกนั้นดูจ๋อยไปเลย คงไม่คิดว่าตัวเองจะตกอันดับเร็วแบบนั้น ฮาฮาฮา ”
“ฮาฮา ฉันต้องบอกว่าตั้งแต่ฉันดูการแข่งรถมาตลอดสิบปี นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันหัวเราะมากขนาดนี้ ฮาฮาฮา”
“หมายเลขสิบห้าเจ๋งจริง”
“บ้าเอ้ย ฉันจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว ไม่งั้นพวกนั้นเอาฉันตายแน่!” เฉาชิงได้แสดงสีหน้าวิตกออกมา เขายอมรับว่าตอนนี้เขารู้สึกเครียดอย่างมากที่ผลมันออกมาเป็นแบบนี้ แต่เมื่อเขากลับขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในสามอีกครั้งนั้นก็ต้องทำสีหน้าตกใจออกมา
เพราะเมื่อเขาได้ขับเข้าไปใกล้รถของฟานฟานนั้นเขากับได้ยินเสียงเพลงดังออกมา “เรานั้นแตกต่างกัน ทุกคนต่างก็มีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เราอยู่ที่นี่รอคุณอยู่ที่นี่….!”
เมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงที่เหมือนจะฆ่าคนได้แบบนั้นนี้ เขาก็เกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด! แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากที่ต้องทนฟังเพลงทุเรศพวกนี้ไป
เซียงไบที่เก็บกดมานานเห็นว่าตอนนี้ถึงโอกาสที่มันจะทำให้พวกคนที่หัวเราะมันตอนแรกต้องเสียใจแล้ว มันเร่งเครื่องขึ้นไปอีกระดับก่อนที่จะทิ้งทุกคันที่อยู่ข้างหลังและเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก
เส้นชัยนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
มีเส้นสีแดงอยู่ข้างหน้าของฟานฟาน เธอที่เห็นแบบนั้นก็เบิกตากว้างออกมา เพราะนั่นคือเส้นชัยของเธอและนั้นหมายความว่าเธอจะเป็นคนแรกที่เข้าเส้นชัย?
ความคิดของเธอไม่เร็วเท่ากับความเร็วของเซียงไบ เพราะกว่าที่เธอจะคิดจบมันก็ได้นำเธอเข้าเส้นชัยไปแล้ว และนั้นทำให้ผู้ชมที่อยู่บริเวณนั้นต่างร้องตะโกนออกมา
ผู้บรรยายเองก็รู้สึกรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน: “ผู้เข้าแข่งหมายเลขสิบห้า , ผู้เข้าแข่งหมายเลขสิบห้า เธอเป็นผู้ชนะคนแรกครับ เธอไม่เพียงแต่เข้าเส้นชัยคนแรกเท่านั้น แต่เธอยังได้ทำลายสถิติการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ของฮ่องกงของเราอีกด้วย!”
“อ่า!” ผู้ชมที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็แสดงอารมณ์ร่วมออกมาอย่างเต็มที พวกเขาได้ตะโกนเรื่องชื่อของผู้ชนะและชื่อทีมของเธออย่างต่อเนื่อง ชองบินเองก็ได้ยืนขึ้นและตะโกนชื่อลูกสาวของเขาเช่นกัน
“ลูกพี่ใหญ่สุดยอดจริงๆ!”
“ฮาฮาฮา เราชนะ!”
“ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะเป็นผ่ายชนะ ฮาฮาฮา!”
ทุกคนต่างตื่นเต้น ฟานฟานเองก็ได้ชะลอรถของเธอลงแล้วแสดงความดีใจออกมา เพราะการชนะครั้งนี้เหมือนความฝันเลย! และเซียงไบเองก็แสดงสีหน้ามีความสุขออกมาหลังจากที่ได้ยินเสียงเชียร์ของผู้ชม “ฮาฮาฮา ความเทพของเทพคนนี้ไม่เป็นสองอยู่แล้ว ฉันอยากจะร้องเพลงจัง?!”
“ความเหงานั้นจะอยู่ยงคงกระพัน วิธีความว่างเปล่า….”
หลังจากที่มันเริ่มร้องเพลงออกมานั้น ผู้เข้าแข่งที่อยู่ใกล้ๆต่างก็รีบหนีไปทันที แต่พวกเขาก็ไม่ลืมมาแสดงความยินดีกับผู้ชนะเช่นกัน
ประสบการณ์นี้ทำให้เธอรู้สึกอายเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะนึกถึงช่วงเวลาในตอนแข่งขัน เธอคิดว่าการแข่งนี้ไม่ใช้เธอที่เป็นแข่งแต่เป็นเซียวไบมากกว่าที่เป็นคนลงแข่ง!
มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่! เพราะเธอรู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะเป็นทักษะในการขี่หรือประสบการณ์ต่างๆนั้นเธอไม่สามารถเทียบชั้นได้กับนักแข่งระดับโลกที่ลงมาแข่งในรายการนี้ได้เลย นั้นทำให้เธอคิดว่าการแข่งครั้งนี้เธอโกงพวกเขามากเกินไป!
แต่คนที่ไม่สบายใจกว่าเธอก็คงเป็นเฉาชิงและเพื่อนของเขา เนื่องจากการแก้แค้นของเซียงไบนั้นทำให้พวก เขาไม่สามารถติดอยู่ในอันดับหนึ่งในสามได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเดิมพันของพวกเขาจะได้รับผลกระทบมากขนาดไหน! การสูญเสียครั้งนี้คือความตายของพวกเขา!
“รถคันนี้สุดยอดมาก ฉันไม่รู้เลยว่ามันใช้เครื่องยนต์แบบไหน? นายเห็นไหมว่าตอนเข้าโค้งและการเร่งความเร็วของมันแต่ละครั้งสมดุลขนาดไหน!” ผู้ชมที่อยู่ข้างสนามต่างก็แสดงความคิดเห็นออกมา
ไม่เพียงแต่พวกเขาผู้ชมเท่านั้นที่แสดงความคิดเห็นต่อรถของฟานฟาน แต่ยังรวมถึงบริษัทใหญ่ๆที่มาดูงานนี้เองก็สนใจเทคโนโลยีตัวนี้เช่นกัน ถ้าพวกเขาสามารถนำเทคโนโลยีตัวนี้ไปปรับใช้เข้ากับแบรนด์ของพวกเขาได้ พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวคู่แข่งคนไหนอีกแล้ว!
บทที่217
ผู้แปล : N
รายการถัดไปคือการมอบรางวัลแก่ผู้ชนะ ผู้บรรยายได้ตะโกนว่า: “ขอแสดงความยินดีกับนักแข่งหมายเลขสิบห้า จากเมืองหลวงที่เป็นแชมป์การแข่งรายการนี้ด้วยครับ!”
ผู้ชมโห่ร้องอย่างกระตือรือร้นตอนนี้ ฟานฟานเองก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความยินดีเช่นกัน เธอไม่เคยฝันเลยว่าเธอจะได้รับเกียรติแบบนี้ เรื่องทั้งหมดนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ชองบินและภรรยาของเขาก็รู้สึกภูมิใจเช่นกัน: “ลูกของเราชนะแล้ว เธอเป็นแชมป์! นี้ต้องขอบคุณลูที่ให้ลูกสาวผมใช้รถของคุณ!”
จิงกวงเองก็ต้องการวิ่งเข้าไปหาแฟนของเขา และโอบกอดเธอเพื่อแสดงความดีใจกับเธอ
สมาชิกของร้านเองก็รู้สึกดีกับเรื่องนี้เช่นกัน ตอนนี้พวกเขาได้ถ้วยแชมป์มาแล้วในตอนแรกพวกเขาก็หวังเพียงคิดติดหนึ่งในสิบก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าลูกพี่ใหญ่ของพวกเขาจะสามารถคว้าที่หนึ่งมาได้
ฟานฟานคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดแล้ว เธอรีบเข้าไปหาลูชินเพื่อที่จะสอบถามเรื่องรถของเขาว่า: “พระเจ้า! รถของนายนี้สุดยอดจริงๆ!”
ลูชินยิ้มและถามว่า: “เธอคิดยังไงกับเทคโนโลยีของฉันตอนนี้?”
“แข็งแกร่งมาก! ฉันสงสัยจริงๆว่านายมีขั้นตอนการผลิตยังไงถึงสามารถสร้างของสุดยอดแบบนี้ขึ้นมาได้?” ฟานฟานรู้สึกสนใจเรื่องนี้อย่างมาก ดังนั้นเธอจึงอดใจไม่ได้ที่จะถามออกมา
ชองบินที่ถัดจากเธอไม่ไกลพูดขัดขึ้นว่า: “ลูกไม่ควรทำแบบนั้น นี้ถือว่าเป็นความลับของบริษัทของคุณลู “
“อ่า…ฉันต้องขอโทษนายด้วยที่ถามอะไรแบบนั้นออกมา พอดีฉันตื่นเต้นเกินไปหน่อย” แม้ว่าเธอจะพูดแก้ตัวออกมาแบบนั้น แต่ใจลึกๆของเธอก็ยังคงอยากรู้คำตอบของคำถามแรกของเธออยู่ดี
พวกเขาพูดกันที่ข้างสนามซักพักก็มีพวกสื่อข่าวเข้ามาสัมภาษณ์เธอ
“ฉันต้องขอขอบคุณการสนับสนุนจากเพื่อนๆของฉันทุกคน และต้องขอขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ของฉันที่คอยสนับสนุนความฝันนี้ของฉันตลอดมา”
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวไม่สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก พวกเขาจึงได้ถามสิ่งที่พวกเขาต้องการรู้โดยตรงว่า: “ดิฉันมีคำถาม และรู้ว่าผู้ชมทุกคนที่รับชมการแข่งครั้งนี้ก็คงอยากรู้เหมือนกัน”
“ดิฉันอยากรู้ว่า รถที่คุณนำมาลงแข่งครั้งนี้นี่ใช่ประสิทธิภาพสูงสุดที่มันแสดงออกมาหรือยัง? และคุณพอช่วยเล่าช่วงเวลาที่คุณใช้ในการออกแบบเครื่องยนต์ตัวนี้ของคุณได้ไหม? “
ฟานฟานได้อธิบายว่า:” ในความเป็นจริงแล้วรถที่ฉันนำมาลงแข่งนั้นเป็นของเพื่อนของฉัน เขาบอกว่านี้คือผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของบริษัทของเขาและเขาเองก็ต้องการทดสอบมันด้วยเลยให้ฉันยืมมันมาลงแข่งในครั้งนี้ “
“ โอ้!…คุณช่วยบอกได้ไหมว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นของบริษัทอะไร?” ผู้สื่อข่าวถามอีกครั้ง
ผู้ชมเองก็อยากรู้เช่นกันว่าเป็นบริษัทใดกันแน่ที่สามารถสร้างรถที่เร็วได้แบบนี้ออกมา?
“เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทลู่เทคโนโลยีแต่ฉันต้องบอกไว้ก่อนว่าตอนนี้พวกเขายังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวนี้ในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นรถที่อยู่ตรงหน้าของพวกคุณถือว่ามีคันเดียวในโลกตอนนี้” ฟานฟานได้ตอบกลับมาอย่างยิ้มๆ
“บริษัทลู่เทคโนโลยี?”
“ฉันไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้มาก่อน?! “
ไม่เพียงแต่ผู้ชมทั่วไปเท่านั้น นักแข่งมืออาชีพเองก็แสดงสีหน้าไม่รู้จักแบรนด์นี้เช่นกัน
” มันต้องเป็นเรื่องโกหก! ฉันเองก็อยู่ในวงการแข่งรถมาหลายปีแล้วยังไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้ผ่านหูมาก่อนเลย “
“ใช้แบรนด์น้องใหม่หรือไม่? มันจะเร็วกว่าแบรนด์หมาแดงไหม?”
“แต่ฉันคิดว่าความคล่องตัว การปรับสมดุล การเบรกและการเลื่อนที่มันดีกว่าแบรนด์หมาแดง! ฉันว่านี้คงไม่ใช้แบรนด์น้องใหม่หรอก มันต้องเป็นแบรนด์ใหญ่อย่างแน่นอน! “
ผู้สื่อข่าวเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้เช่นกัน พวกเขาจึงได้ขอให้ฟานฟานอธิบายให้มากขึ้น แต่เธอกับรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทลู่เทคโนโลยีนี้มากนักเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มก่อนที่เธอจะขอตัวออกมาจากจุดนั้น
เป็นเรื่องปกติที่ตอนนี้ทุกคนต่างก็มีความสุขที่ทีมของพวกเขาเป็นแชมป์ ฟานฟานเองก็ได้มองหาลูชินมาซักแล้วก่อนที่เธอจะเห็นว่าลูชินหลบอยู่มุมหนึ่งข้างสนาม
เธอที่เห็นแบบนั้นก็ได้เข้าไปหาแล้วแสดงความขอบคุณที่ลูชินทำให้ฝันของตัวเองเป็นจริงขึ้นมาได้.
“เป็นเรื่องเล็กน้อย เธอไม่ต้องมาของคุณฉันหรอก เป็นฉันเสียอีกที่ต้องขอบคุณเธอที่ช่วยฉันโฆษณาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ให้ฉันฟรีๆแบบนี้”
ฟานฟานที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบถามคำถามอื่นออกมาว่า: “นายสามารถขายรถคันนี้ของนายให้ฉันได้ไหม?”
ลูชินที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหัวเป็นการปฏิเสธออกมา ” ฉันคงขายให้เธอไม่ได้ในตอนนี้ แต่ถ้าในอนาคตก็ไม่แน่ “
“ประสิทธิภาพรถของนายนี้มันแข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ !” ฟานฟานพูดได้ครึ่งทางและหยุดไปซักพักก่อนที่จะพูดต่อว่า “แต่ฉันคิดว่านายควรเอาระบบระบบเสียงอัจฉริยะออกไปหรือไม่ก็ควรปรับปรุงมันใหม่ก่อนที่นายคิดจะทำขายนะ””
“ฮาฮาฮา ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “ลูชินพูดจบก็ได้นำเซียงไบหลบออกไปก่อน เพราะตอนนี้ได้มีพวกสื่อจำนวนมากหันมาสนใจมันมากขึ้น เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงสั่งให้จางเกวียงพามันออกไปจากสนามแข่งทันที
การชนะครั้งนี้พวกฟานฟานเองก็ได้จัดงานฉลองที่ร้านของพวกเธอ เธอยังไม่ลืมเชิญลูชินมางานนี้ด้วย แต่เขารู้สึกขี้เกียจเกินไปที่จะมางานแบบนี้ เขาจึงได้ขอตัวมานอนพักที่บ้านของชองบินดีกว่า และเขาคิดว่าคงถึงเวลาที่เขาควรจะกลับไปที่จีนแผ่นดินใหญ่ได้แล้ว
ในเวลานี้บนอินเตอร์เน็ต ได้มีคลิปวิดีโอการแข่งของฟานฟานกระจายไปทั่ว โดยที่ตัวคลิปนี้ใช้ชื่อว่า : “รถมอเตอร์ไซค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันจ้าวความเร็ว!”
ในตอนแรกที่ผู้ท่องอินเตอร์เน็ตเห็นชื่อหัวข้อคลิปต่างก็ถูกดึงดูดทันทีและเมื่อพวกเขาได้ชมวิดีโอนั้นจบต่างก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
นี่คือการแข่งขันรายการใหญ่ที่สุดในฮ่องกงจริงหรือไม่? ทำไม่มันถึงได้มีความแตกต่างกันขนาดนี้ ไม่ใช้ว่าพวกเขาจะไม่เคยดูการแข่งรถแต่นี้มันไม่เหมือนการแข่งรถตามปกติที่พวกเขาเคยดูเลย มันจึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่พวกเขาเคยเห็นมาเลยก็ว่าได้
ในขณะนั้นก็มีใครบางคนได้ทิ้งข้อความไว้ใต้คลิป: “นี่คือหนังใช้ไหม? หนังเรื่องนี้ชื่อว่าอะไร?”
เจ้าของคลิปได้ตอบหลับว่า: “นี้ไม่ใช่หนัง! แต่นี้คือคลิปการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ของเราเอง ถ้าคุณไม่เชื่อคุณสามารถตรวจสอบได้อีกครั้งที่หน้าเว็บหลักของรายการแข่งนี้!”
“ไม่ใช่หนัง?” บางคนที่ไม่เชื่อต่างก็เข้าไปดูหน้าเว็บที่เป็นคนจัดรายการแข่งนี้ และข้อมูลที่พวกเขาหามาได้นั้นกับเป็นเรื่องจริง!
ดังนั้นในเวลานี้จึงมีความคิดเห็นมากมายที่โต้ตอบกันใต้คลิปนี้
“รถคันนี้จะเร็วเกินไปแล้ว พวกนายเห็นไหมว่ามันมาอยู่รั้งท้ายโดยใช้เวลาเพียงห้าวิเท่านั้น!”
“มันเร็วเกินไป ถ้ามันอยู่บนท้องถนนละก็คงโดนใบสั่งกระจายอย่างแน่นอน”
“ทำไมมันไม่ล้มละ เราสามารถเอียงรถได้ขนาดนั้นเลยหรือไง? “
” มันเร็วแค่ไหน? “
“รถคันนี้คือพระเจ้าความเร็ว”
และยังมีบทสัมภาษณ์ของนักแข่งที่ลงแข่งในรายการนี้อีกด้วยว่า :. “ผมไม่คิดเลยว่าประเทศจีนจะสามารถผลิตของแบบนี้ได้”
ซึ่งใต้บทสัมภาษณ์ของนักแข่งคนนี้ก็มีคนมาคอมเม้นต่างๆว่า
“แกบังอาจมาดูถูกประเทศของฉันเหรอ?!”
“มันจะมากเกินไปแล้ว นายมาจากประเทศอะไรวะ! “
” แต่ฉันเห็นด้วยกับนักแข่งคนนี้นะ ฉันคิดว่าเครื่องยนต์ของรถคันนี้คงได้รับการผลิตมาจากประเทศสหรัฐหรือไม่ก็แถวๆประเทศในแถบยุโรปชัวร์! “
“เดียวก่อนทุกคน! ฉันได้ไปตรวจสอบมาแล้วว่าบริษัทลู่เทคโนโลยีที่นักแข่งหมายเลขสิบห้าพูดนั้นที่จริงแล้วไม่ใช้บริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์อะไรเลย! แต่พวกเขานั้นคือบริษัทที่ขายโทรศัพท์มือถือ! ฉันไม่คิดเลยว่าบริษัทแบบนี้จะสามารถสร้างเครื่องยนต์ที่สุดยอดขนาดนั้นได้! “
” เม้นบนนายเป็นกบก้นบ่อหรือไงถึงไม่รู้ว่าที่จริงแล้วบริษัทลู่เทคโนโลยีนั้นสุดยอดแค่ไหน ฉันจะบอกให้รู้ว่าที่จีนแผ่นดินใหญ่นั้นยอดขายของโทรศัพท์ของพวกเขาแซงหน้าแบรนด์โทรศัพท์อย่างแอปเปิ้ลไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว! “
“xxxx” ความคิดเห็นที่รุนแรงเกินไปจะถูกระบบบล็อกทันที
จากนั้นชาวเน็ตของฮ่องกงก็เริ่มถกเถียงกันเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์และความแข็งแกร่งของบริษัทลู่เทคโนโลยีมีหลายคนที่ไม่เชื่อว่าบริษัทยังใหญ่อย่างแอปเปิ้ลและซัมซุงจะแพ้ให้กับบริษัทแบบนี้
อย่างไรก็ตามได้มีชาวเน็ตบางคนได้นำข้อมูลยอดขายของโทรศัพทHX2และโทรศัพท์ของบริษัทแอปเปิ้ล,ซัมซุงมาให้ดู ในข้อมูลที่เขานำมานั้นก็แสดงราคาขายล่าสุดในตอนนี้
โดยที่แบรนด์อย่างแอปเปิ้ลและซัมซุงนั้นได้จัดกิจกรรมลดราคาครั้งยิงใหญ่เพื่อกระตุ้นยอดขายของพวกเขา แต่ไม่ใช้กับบริษัทลู่เทคโนโลยีพวกเขานั้นยังได้ตั้งราคาที่เท่าเดิมและยอดขายของเขาเองก็มีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลงแต่อย่างใด
คนที่เห็นแบบนั้นก็ได้นำข้อมูลของบริษัทธันเดอร์สตอร์ม ที่ตอนนี้กำลังเป็นแบรนด์อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านที่ทุกคนต่างก็ยอมรับ หรือไม่ก็เรื่องแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ ฯลฯ คนที่พูดดูถูกก่อนหน้านี้ต่างก็เงียบไปและพวกเขาต่างก็มีความคิดตรงกันว่า: “แม่* ระดับของเทคโนโลยีในจีนแผ่นดินใหญ่มันมาถึงจุดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
มีรายการข่าวบางรายการที่พูดถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกเชิญตัวมาได้พูดว่า “อาจพูดได้ว่าระดับเทคโนโลยีของบริษัทลู่เทคโนโลยีได้นำหน้าบริษัททุกบริษัททั่วโลกไปแล้วอย่างน้อยสิบปี!”
แน่นอนว่าต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วยออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
ทางด้านบริษัทเอเชียแปซิฟิกเทเลคอมของชางบินเองก็ได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ทำการโฆษณาออกไปว่าพวกเขาเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทลู่เทคโนโลยี ในเกาะฮ่องกงเพียงผู้เดียว และนั้นก็ทำให้บริษัทของเขาได้รับความสนใจอย่างมาก
น่าแปลกที่คราวนี้การประกาศเป็นตัวแทนของผลิตภัณฑ์ของบริษัทลู่เทคโนโลยี ของบริษัทเอเชียแปซิฟิกเทเลคอมของชางบิน นั้นราบรื่นเป็นอย่างมาก
บทที่218
ผู้แปล : N
เมื่อลูชินยังอยู่บนเครื่องบิน สมาชิกหลักของบริษัทของเขากลับทำงานกันยุ้งอย่างมาก นี่เป็นเพราะข่าวที่ลูชินได้บอกไว้ครั้งที่แล้วว่าเขาต้องการเปิดบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้นมา!
“ ฉันไม่เข้าใจความคิดของประธานลูจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไรกันแน่” หลิวตงพูดต่อว่า “มีใครในที่นี้พอบอกฉันได้ไหมว่าตกลงแล้วประธานของเราต้องการทำอะไรกันแน่? “”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน “วังถังตอบอีกว่า” ประธานลูของเรานั้นมีความคิดที่แปลกออกไปซักหน่อย แต่ฉันต้องยอมรับว่าธุรกิจแต่ละอย่างที่เขาทำนั้นประสบความสำเร็จเสมอ ครั้งล่าสุดก็เกี่ยวกับบริษัทธันเดอร์สตอร์ม ที่ตอนนี้ประสบความสำเร็จถล่มทลาย “”
“นายจะบอกว่าประธานเราอาจจะเข้าไปซื้อบริษัทอีกเหรอ?”
วังถังตอบกลับเรียบๆว่า“ อันนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้! พวกนายก็รู้ว่าประธานลูนิสัยยังไง”
“เฮ้อ!…ไม่รู้ว่าบริษัทใหม่ของเราจะไปอยู่ในวงการอะไรอีก?” ชูอันได้พูดอย่างสงสัยว่า “ไม่แน่ครั้งนี้ประธานเราอาจจะไปอยู่ในวงการบริษัทการเงินหรือก็ไม่พวกอสังหาริมทรัพย์ก็ได้?”
“ ฉันว่าพวกเราเลิกเดากันเถอะ! อีกเดียวเราก็ได้รู้แล้วว่าเขามีแผนจะทำอะไรต่อ” ซู่จิงได้พูดขึ้น
ชูอันเหมือนจะนึกขึ้นได้เขาได้ถามซู่จิงว่า :“ แล้วนี้ประธานไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลยเหรอ?”
ซู่จิงได้ตอบกลับว่า: “เขาไม่ได้บอกอะไรฉันมากนัก เขาพูดว่าถ้าเขากลับมาเขาจะคุยเรื่องนี้เท่านั้น”
“เฮ้อ!” หลิวตงที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า “งั้นเราคงต้องรอให้ประธานกลับมาก่อนได้เท่านั้น”
เพราะเรื่องการจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่นั้นไม่ใช้เรื่องเล็กๆเลย เมื่อมีการจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่จะต้องมีการแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ รองประธาน และคนอื่นๆอีกมากมาย สำหรับพนักงานเก่าแล้วนั้นถือว่าเป็นโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง
ทางด้านของลูชินตอนนี้เขากำลังคิดว่าจะจัดการเซียงไบยังดี? และเขากำลังคิดการนำเทคโนโลยีนี้ไปพัฒนาในด้านใดได้บ้าง
ถ้าเขานำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในการแข่งขันก็กลัวว่าเขาจะถูกแบนจากการแข่งเพราะรถของเขาเร็วเกินไป! ในด้านความสามารถที่ติดตัวมันมานั้นคือภูมิปัญญาของดาวไซเบอร์ตรอน นั้นจึงทำให้มันสามารถเรียนรู้พวกโครงสร้างทางกลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว และมันยังสามารถนำมาใช้ปรับปรุงตัวเองได้อีกด้วย
ถ้าพูดเฉพาะเรื่องนี้เขาต้องยอมรับว่าไอ้เซียงไบนี้มีความสามารถมากกว่าจางเหวียงเสียอีก
อย่างไรก็ตามก็แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ในเรื่องอื่นๆนั้นมันยังไม่สามารถสู้จางเกวียงได้ ดังนั้นลูชินจึงจัดให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะถ้าเกิดมีคนรู้เรื่องเซียงไบมากเกินไป มันอาจจะเกิดปัญหาที่ยุ้งยากตามมาก็ได้
ลูชินกลับมาถึงเมืองเจียงเฉิง เขาก็รีบเข้าไปยังบริษัทของเขาโดยด่วน
ในสำนักงานของเขามีคนไม่กี่คนมีซู่จิง หลิวตง วังถัง ชูอัน และพวกหัวหน้าแผนกต่างๆเท่านั้น โดยที่พวกเขาต้องการรู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของประธานของพวกเขาว่าสรุปแล้วเขาต้องการเริ่มธุรกิจอะไรกันแน่
“เรื่องของบริษัทย่อยใหม่ที่ฉันพูดไปครั้งที่แล้วนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น” ลูชินพูดต่อว่า “ตอนนี้ฉันมีความคิดที่ว่าเราควรเข้าสู่ตลาดของยานยนต์ได้แล้ว”
“ยานยนต์?” เมื่อพวกเขาได้ยินประธานพูดแบบนั้น พวกเขาทุกคนก็นิ่งไปทันที นี้มันไปไกลเกินสิ่งที่พวกเขาคิดไว้อย่างมาก พวกเขาไม่คิดว่าประธานต้องการเข้าสู่อุสาหกรรมยานยนต์!
ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกเขาคงต้องทำงานกันหนักขึ้นอีกแล้ว เพราะสิ่งนี้ไม่ได้สอดคล้องกับธุรกิจปัจจุบันของพวกเขาเลย
หลิวตงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาก่อนที่จะถามว่า: “เออ…พวกเราในห้องนี้ไม่มีใครที่มีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อนเลย ผมคิดว่าเราควรไปเข้าซื้อหุ่นของบริษัทใหญ่จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยมากกว่า”
“ไม่” ลูชินส่ายหัวก่อนที่จะพูดว่า “ที่ฉันต้องการนั้นคือบริษัทที่เป็นของเราเองร้อยเปอร์เซ็นต์ นั้นหมายถึงว่าพวกเราจะเป็นผู้ที่รับผิดการออกแบบและผลิตด้วยตัวเอง”
“ นี่!” หลิวตงที่ได้ยินแบบนั้นกลายเป็นใบ้ไปทันที ในตอนแรกเขาคิดว่าประธานของเขาแค่ต้องการเข้าไปซื้อบริษัทเหมือนครั้งที่แล้ว แต่เขากลับไม่คิดว่าครั้งนี้ประธานของเขาจะคิดเริ่มมันตั้งแต่ต้นแบบนี้
ซู่จิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า: “ถ้าประธานต้องการทำมันจริงๆ เราก็ต้องทำการรับสมัครพนักงานมืออาชีพด้านนี้มาช่วย ฉันไม่แน่ใจว่าประธานต้องการพนักงานด้านเทคนิคเพิ่มด้วยไหมหรือเราจะดึงคนจากแผนกอื่นเข้าไปทำหน้าที่นี้แทน?”
“เป็นความคิดที่ดี!” ลูชินพอใจกับข้อเสนอของแฟนของเขาอย่างมาก ดูเหมือนว่ามีเฉพาะซู่จิงเท่านั้นที่เข้าใจความคิดของเขา และนี้ก็เหมือนคำตัดสินสุดท้ายของเรื่องนี้
ข่าวที่ว่าประธานของพวกเขาต้องการเปิดบริษัทใหม่ที่เกี่ยวกับยานยนต์นั้นได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“แล้วเราจะเข้าไปเจาะตลาดด้านไหนละครับ เราทำรถยนต์ตามปกติหรือรถยนต์ไฟฟ้าดี” หลิวตงได้พูดต่อว่า“ ผมได้รับรายงานล่าสุดว่าตอนนี้โรงงานเพงเพ้งของเราสามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์รุ่นใหม่สำเร็จแล้ว เราอาจจะนำแบตเตอร์รี่ตัวนี้มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของเราได้”
เหยาลี่ที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ก็ตอบว่า:“ ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ เพราะตัวแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ตัวใหม่นี้ของเรานั้นสามารถจุพลังงานได้มากกว่าตัวเดิมมากถึงสิบเท่า ดังนั้นมันจึงสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานให้รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างดี!”
“ และตอนนี้ก็มีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมากมาที่โรงงานของเราเพื่อที่ต้องการนำแบตเตอรี่ตัวใหม่ของเราไปใช้กับรถยนต์ของพวกเขาอีกด้วย! “
ไบบอสที่ได้ฟังหัวหน้าตัวเองพูดแบบนั้นก็อธิบายเพิ่มว่า:” ผมมีความคิดว่าเมื่อเรามีของดีอยู่ในมือแบบนี้ เราก็ควรใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าเราสามารถผลิตรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าได้แบบ Tesla Roadster ผมเชื่อว่ารถยนต์ของเราจะต้องเป็นยักใหญ่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน! “
หลิวตงที่ได้ยินแบบนั้นก็ถามขึ้นว่า:” รถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนแบบนี้จะใช้พลังงานไฟฟ้าของรถยนต์สูงกว่ารถยนต์ปกติอย่างมาก ผมคิดว่าแบตเตอรี่ที่เราใช้อาจจะมีอายุการใช้งานเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้นก่อนที่มันจำเสื่อมสภาพลง ไม่เหมือนแบตเตอรี่ปกติที่มีอายุการใช้งานระหว่างห้าปีถึงสิบปี “
เหยาลี่ได้ตอบกลับว่า:”ในเรื่องนั้นผมได้ทำการวิจัยมาแล้ว ปัญหาเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับแบตเตอรี่ของเราอย่างแน่นอน “
หลังจากนั้นก็มีการโต้เถียงในเรื่องต่างๆขึ้นมา ระหว่างนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้อง :” ขอโทษครับ ประธานเรียกหาผมใช้ไหมครับ! “
ลูชินที่เห็นว่าเป็นใครก็พูดขึ้นว่า ” นายเข้ามานั่งได้เลย ฉันคิดว่านายคงรู้เรื่องที่ฉันเรียกมาแล้วใช้ไหม?”
ฮันเจี่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ดี ฉันอยากฟังความคิดเห็นของนายว่านายมีความคิดเห็นยังไงบ้างกับเรื่องนี้ “
ฮันเจี่ยได้พูดขึ้นว่า :” ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถทำแบบที่หัวหน้าเหยาลี่และร้องหัวหน้าไบบอสพูดมาได้ แต่ผมคงต้องขอเสนออีกนิดว่าถ้าเราต้องการทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่น่าจดจำของผู้ใช้แล้วนั้น เราควรจะมีอะไรที่แปลกใหม่และทันสมัยกว่าผลิตภัณฑ์ในตลาด!”
“ ผมจึงอยากเสนอให้เราทำระบบไรคนขับขึ้นมา แน่นอนว่าระบบนี้ต้องให้ประธานเป็นหัวหน้าในโครงการนี้ เพราะผมไม่มันใจว่าจะสามารถสร้างระบบนี้ขึ้นมาได้ถ้าขาดทักษะซอฟต์แวร์ขั้นเทพอย่างประธาน”
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดว่า: “เยี่ยมมาก! ถ้านายมีปัญหาอะไรก็มาถามฉันได้ตลอด ฉันจะพยายามแก้ปัญหาให้พวกนายให้มากที่สุด!”
“แล้วนายมีความมั่นใจใช้ไหมว่าโครงการนี้จะสำเร็จ”
ฮันเจี่ยตอบกลับว่า:” แน่นอนครับ! กรอบแนวคิดอัลกอริทึมอัจฉริยะที่ประธานได้ออกแบบในครั้งที่แล้วนั้นได้ช่วยแผนกของเราอย่างมาก ตอนนี้ระบบประมวลผลข้อมูลเรทคลาวด์ของเราเองก็มีการเติบโตขึ้นถึงสิบเท่าในช่วงสามเดือนมานี้! ในแง่มุมนี้ถ้าเราให้ความสนใจเป็นพิเศษกับโครงการสร้างระบบไรคนขับ ผมสามารถบอกได้ว่าเราสามารถเริ่มวิจัยได้ทันที”
ลูชินได้พูดขึ้นว่าทันที:“ โอเค ฉันอนุมัติให้นายเริ่มโครงการนี้ได้ทันที”
ระบบไร้คนขับนี้ถือว่าน่าสนใจอย่างมาก ถ้าพวกเขาสามารถพัฒนามันขึ้นเสร็จละก็แบรนด์รถยนต์ของพวกเขาจะเป็นที่รู้จักอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นไม่นานลูชินก็ได้พูดจบการประชุมในครั้งนี้ เพราะเขาเองก็รีบไปศึกษาระบบไร้คนขับนี้เช่นกัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างรถยนต์ขึ้นมาหนึ่งคัน โดนที่รถยนต์นั้นประกอบไปด้วยชิ้นส่วนเครื่องจักรกลขนาดต่างๆ ไหนจะระบบไฟฟ้า ระบบความปลอดภัย ระบบพลังงาน ฯลฯ ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดที่เขาจะให้คนอื่นรับหน้าที่จำพวกนี้ไปทำ
ในข้อมูลที่เขาได้รับมาจากออพติมัสไพร์มครั้งที่แล้วก็มีวิธีและขั้นตอนมากมายที่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับรถยนต์ที่เขาจะสร้างขึ้นมา แต่มันติดปัญหาที่ว่ามันจำเป็นต้องใช้วิธีการที่จำเพาะหรือไม่ก็วัสดุที่หายากในการสร้างขึ้นมา
บทที่219
ผู้แปล : N.
การสร้างรถยนต์หนึ่งคันลูชินคิดว่ามันยังมีอุปสรรคมากเกินไป โดยเฉพาะตอนนี้เขายังไม่มีเทคโนโลยีที่จำเป็นหรือบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ และถ้าเขาเริ่มต้นตอนนี้มันจะเพิ่มความยากเป็นทวีคูณอย่างแน่นอน!
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าก่อนที่จะเริ่มผลิตรถยนต์ เขาควรเริ่มจากรถมอเตอร์ไซค์ที่ค่อนข้างง่ายก่อน การพัฒนาทางด้านเทคนิคและเงินทุนเองก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
“รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้?” ลูชินคิดเกี่ยวกับมันหรือจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด
รถยนต์ไฟฟ้ามีตลาดที่กว้างขวางอย่างมากในยุคนี้ และเขายังคิดว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ายังเป็นสิ่งที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ดังนั้นมันคงใช้เวลาไม่นานก่อนที่แบรนด์ของเขาจะเป็นที่รู้จัก
ชิ้นส่วนที่ใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเองก็มีระดับความซับซ้อนน้อยกว่ารถยนต์ และมันยังง่ายต่อการผลิตขึ้นมาอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังได้เตรียมไพ่ลับเอาไว้แล้ว!
ลูชินสั่งให้จางเกวียงทำการค้นข้อมูลที่ได้รับมาจาก ‘การสร้างทางกลแบบง่าย’ ก่อนที่จะรายงานว่าพบเทคโนโลยีชั้นสูงหลายชิ้นที่สามารถทำมาใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเขาได้
ชิ้นแรกคือการควบคุมแบบมัลติคอร์ของมอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยที่มันทำจากแม่เหล็กที่มีความแข็งแรงสูง และยังได้รวมชิปควบคุมอัจฉริยะที่สามารถเปิดใช้งานได้ทันทีโดยสัญญาณไฟฟ้าหรือไร้สาย
มอเตอร์ชนิดนี้สามารถลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็นที่เกิดขึ้นกับมอเตอร์ในปัจจุบัน และยังเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายพลังงานของตัวมันเองขึ้น
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าธรรมดาบางยี่ห้อสามารถขี่ได้เฉพาะบนทางถนนเส้นเรียบเท่านั้น เพราะเมื่อผู้ใช้ได้นำมันไปขี่ขึ้นทางลาดชันมันจะมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับทางราบ
แต่สำหรับมอเตอร์อัจฉริยะประสิทธิภาพสูงที่มีตัวมัลติคอร์ควบคุมนั้นจะไม่มีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น และมันยังสามารถทำให้พลังงานที่จ่ายออกมานั้นยังไปเพิ่มความเร็วของมอเตอร์อีกด้วย
อีกชิ้นหนึ่งคือระบบเบรกแม่เหล็กไฟฟ้า, เบรกแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นเทคโนโลยีที่มีให้เห็นทั่วไปในยุคนี้ แต่ส่วนใหญ่มันจะถูกนำไปใช้ในเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เช่น รถขนของในเหมือง รถไฟเหาะตีลังกา และลิฟท์ เป็นต้น
เบรกที่ใช้แรงเสียดทานแบบดั้งเดิมนั้นจะมีความไม่แน่นอนเมื่อมีความชื่นเกิดขึ้น เช่นในวันที่ฝนตกหรือวันที่หิมะตก จะทำให้เบรกเกิดปัญหาขึ้นได้ง่าย
แต่เบรกที่ใช้แม่เหล็กไฟฟ้านั้นจะแตกต่างออกไป โดยที่มันจะอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างขั้วแม่เหล็กที่เหมือนกันประกบกันเพื่อให้เกิดการเบรก เมื่อแผ่นโลหะตัดสายเหนี่ยวนำแม่เหล็กก็จะสร้างกระแสไหลวนภายในโลหะซึ่งจะสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อต้านทานการเคลื่อนที่
ที่จริงแล้วอุปกรณ์เบรกแม่เหล็กไม่ได้สัมผัสกับตัวถังรถโดยตรง! ดังนั้นระบบเบรกไฟฟ้าจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพถนนภายนอกหรือสภาพอากาศอย่างแน่นอน
อุปกรณ์เบรกแม่เหล็กไฟฟ้าดังกล่าวมักจะต้องใช้ขั้วแม่เหล็กแบบคงที่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยนิยมใช้กับรถยนต์ทั่วไปเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะมีรถยนต์บางบริษัทที่ทำมาแต่ก็เป็นเพียงเบรกแม่เหล็กไฟฟ้าเกรดต่ำที่ใช้หลักการเดียวกับเบรกด้วยแรงเสียดทาน
แต่ในข้อมูลที่เขาได้รับจากออพติมัสนั้นได้ไปอีกขั้นของเทคโนโลยีเบรกไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วไป โดยที่อุปกรณ์เบรกแม่เหล็กไฟฟ้านี้สามารถติดตั้งได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เครื่องมืออุสาหกรรม หรือเครื่องบินก็ยังได้
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบบางอย่าง เช่นโครงสร้างของตัวถังและสิ่งที่คล้ายๆกัน หากเขาทำการสร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวังรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเขานั้นจะใช้พลังงานลดลง แต่ประสิทธิภาพความเร็วหรืออย่างอื่นไม่ได้ลดตามไปด้วย!
แน่นอนการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วนั้นจะไปอยู่ในวงการแข่งความเร็วมากเกินไป, ลูชินคิดว่าเขาคงจะยังไม่พิจารณามันในขณะนี้ ตอนนี้เขาต้องโฟกัสไปยังผู้ใช้ทั่วไปเป็นอันดับแรก
เมื่อผลิตภัณฑ์ที่เขาทำขึ้นสามารถครองตลาดและสร้างผลกำไรกลับคืนมาได้แล้ว เขาถึงจะลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาในเรื่องนั้นเป็นระดับต่อไป
อย่ามองว่าบริษัทลู่เทคโนโลยีของเขาจะมีเงินมากมายขนาดนั้น การที่เขาลงทุนในการวิจัยและพัฒนาตอนนี้ การเปิดบริษัทสาขา การสร้างศูนย์ R & D ห้าแห่ง และที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมากกว่าหนึ่งร้อยแห่งการวางโครงการบริษัทใหม่หรือแม้แต่การลงทุนในสาขาอื่นคิดเป็นรายจ่ายสูงถึงหนึ่งพันล้านเหรียญ!
นี่ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ แต่มันก็พิสูจน์แล้วว่าการลงทุนตลอดมาของเขานั้นประสับความสำเร็จอย่างมาก มันทำให้เทคโนโลยีของบริษัทของเขานำหน้าบริษัททั่วโลกไปอย่างน้อยสิบปี
นอกจากพวกอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นแล้ว ลูชินยังจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนทิศทางการบริหารที่ชาญฉลาดอีกด้วย โดยที่เขาได้คัดเลือกมืออาชีพหลายคนก่อนที่จะไปทำความเข้าใจกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว ยังไม่พอเขายังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญพิเศษมาทั้งหมดสามท่านด้วยกันหนึ่งในนั้นคือศาสตราจารย์ด้านพลังงานทดแทนและวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาลัยเจียงเฉิง
หนึ่งในนั้นมีชื่อว่า เจียงชูนิง ผู้หญิงวัยสี่สิบ เธอยังเคยทำงานเป็นผู้จัดการอาวุโสของแบรนด์รถยนต์ขนาดใหญ่บางแห่งก่อนที่จะได้ลาออกมาเป็นอาจารย์ที่มหาลัย
อีกคนหนึ่งที่ลูชินได้เลือกมาเป็นการส่วนตัวคือฮันเจี่ย บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ของเขาเอง
ลูชินได้พูดไอเดียของตัวเองและเขายังได้นำเสนอเทคโนโลยีชั้นสองบางส่วนอีกด้วย คนทั้งสองที่ได้เห็นแบบนั้นก็เงียบไปซักพักก่อนที่จะพูดความคิดของตัวเองออกมา
เมื่อเทียบกับอาจารย์คนอื่นแล้ว เจียงชูนิงมีอายุน้อยกว่าถึงสามสิบปีเธอพูดว่า: “มอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและยังควบคุมแบบมัลติคอร์ ฉันต้องขอพูดตรงๆว่าในกระบวนการผลิตนั้นถือว่าอยากเป็นอย่างมาก “
” เพื่อปรับปรุงแรงม้าของมอเตอร์มันจำเป็นต้องมีกระแสไฟสูงมาก ดังนั้นความต้องการแบตเตอรี่เองก็ควรได้รับการปรับปรุงเช่นกัน ถ้าเรายังใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแบบทั่วไปฉันเกรงว่ามันจะมีพลังงานไม่เพียงพอ “
” นอกจากนี้เรื่องอุปกรณ์เบรกแบบแม่เหล็กไฟฟ้า ในเรื่องการผลิตนั้นถือว่าไม่มีปัญหามากนัก แต่ตัวอุปกรณ์เบรกแบบแม่เหล็กไฟฟ้านี้ต้องการอุปกรณ์เสริมบางชิ้น เมื่อผู้ใช้ทำการเบรกจริงผู้ใช้จำเป็นต้องใช้แรงในการเบรกมากกว่าเบรกแบบทั่วไป และอาจจะเกิดความร้อนขึ้นระหว่างกระบวนการเบรกนี้อีกด้วย… “
ลูชินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ผงกศีรษะเป็นการเห็นด้วย โดยที่คำพูดทุดอย่างที่เธอพูดนั้นได้รับการจดบันทึกจากระบบสมาร์ทที่อยู่ในห้อง โดยที่ปัญหาที่เธอพูดมานั้นเขาได้เตรียมการรับมือไว้หมดแล้ว
เจียงซุนมีเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกคนที่ลูชินได้เชิญมาก็พูดขึ้นว่า: “โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์ของพวกคุณที่ผลิตออกมาตอนนี้ ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะรองรับอุปกรณ์เหล่านี้ได้ ถ้าพวกคุณยังดันทุรังใช้มันก็จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกคุณไม่แตกต่างจากของตลาดมากนัก”
“คุณเจียงพูดแบบนั้นแสดงว่าคุณได้ทำการประเมินมาแล้วใช้ไหม? แล้วผลมันออกมาว่ายังไงบ้าง? “ลูชินได้ถามขึ้น
“คุณต้องการฟังจริงใช้ไหม?” เจียงซุนมีพูดต่อว่า “ถ้าคุณทำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยที่ยังใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-แอร์แบบเดิมๆออกไปนั้น ผลิตภัณฑ์ของคุณจะถือว่าไม่เป็นสองรองใครในแง่ของประสิทธิภาพอย่างแน่นอน แต่คุณต้องรู้ไว้ว่าตอนนี้แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศอย่าง อีมมา, ยาดิ , ลายูริน ฯลฯ พวกเขาได้ครอบครองครึ่งหนึ่งของตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในประเทศ ในด้านประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ของพวกเขาก็ไม่เลวร้ายมากนัก นี้ยังไม่ได้พูดถึงแบรนด์จากต่างประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงอีก “
” ในแง่ของต้นทุนการผลิตพวกเขาอาจจะถูกกว่าของเรา แต่ในเรื่องการแข่งขันแล้วผมคิดว่ายอดขายในตลาดที่เราจะทำได้คงมากกว่าพวกเขาไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็จะไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน “
รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าตามทฤษฎีที่นำเสนอโดยลูชินแม้ว่าจะฟังดูดี แต่ในฐานะมืออาชีพเขารู้ดีว่าต้นทุนการผลิตนั้นต้องสูงกว่าเจ้าอื่นๆไปอย่างน้อยสองเท่า!
ในฐานะผู้บริโภคส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีราคาแพงกว่าเจ้าอื่นถึงสองเท่าหรือไม่ !
“บริษัทลู่เทคโนโลยีของเรานั้นยึดมันในหลักการที่ว่าผลิตภัณฑ์ของเรานั้นต้องทันสมัยที่สุดเสมอ!” ลูชินได้พูดอีกว่า “ดังนั้นเราจึงต้องปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันและทำให้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเราเป็นผลิตภัณฑ์สมาร์ทให้ได้”
ฮันเจี่ยพูดว่า: “ผมเห็นด้วย แล้วเรื่องระบบไร้คนขับของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านี้ต้องเริ่มทำเลยไหมครับ?”
“ระบบไร้คนขับถือว่าเป็นโครงการแยกตั้งหาก และมันยังไม่จำเป็นที่จะต้องทำตอนนี้” ลูชินพูดต่อว่า“อันดับแรกที่เราจะทำกันก็คือการนำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของเราเข้าสู่ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์โฮมสมาร์ทให้ได้! “
บทที่220
ผู้แปล : N.
“ เข้ารวมกับระบบโฮมสมาร์ท?” ฮันเจี๋ยตอบตกลงทันทีว่า :“ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ตราบใดที่วงจรภายในของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เราจะทำเสร็จสมบูรณ์ เราก็สามารถนำตัวคอนโทรลเลอร์อัจฉริยะเข้าไปติดตั้งได้และเรายังสามารถจัดการตั้งค่าต่างๆของตัวรถผ่านอินเทอร์เน็ตหรือไม่ก็โทรศัพท์ของเราได้อีกด้วย”
“ ที่นายพูดมาก็ถูก แต่มันก็แค่ส่วนเดียวเท่านั้น ” ถ้าระบบที่ลูชินออกแบบมาสามารถทำได้แค่นั้น เขาคงไม่เสียเวลาพูดถึงมัน
“อีกเรื่องหนึ่ง ระบบนำทางของเราเองก็ต้องมีความแม่นยำถึงขีดสุด สิ่งนี้จะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด” ลูชินพูดขึ้นมา
หัวหน้าแผนกการตลาดที่นั่งถัดไปได้พูดขึ้นว่า “ขณะนี้ในตลาดรถระดับไฮเอ็นบางเจ้าเองก็ได้พัฒนาระบบนำทางของพวกเขาขึ้นมาเองเช่นกัน แต่ทางเราจะมีความได้เปรียบกว่าบริษัทพวกนั้นที่ว่าระบบนำทางของเราได้เชื่อมต่อกับดาวเทียมของประเทศโดยตรง ดังนั้นเราจึงไม่ต้องกว่าว่าระบบนำทางของเราจะผิดพลาด ..”
“ดีมาก! แล้วเราต้องทำการติดตั้งระบบเรทคลาวด์เข้าไปด้วย จากนั้นเราจะทำตัวป้องกันการโจรกรรม โดยที่ผู้ใช้สามารถทำการตรวจสอบความปลอดภัยผ่านระบบเรทคลาวด์ได้อย่างเรียลไทม์ “ลูชินพูดต่อว่า ” เดียวนี้เกิดคดีโจรกรรมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงต้องออกแบบตัวล็อคอัจฉริยะที่ตอบโจทย์นี้ให้ได้ “
……
ลูชินยังได้เสนอแนวคิดของเขาออกมาอีกสิบกว่าไอเดีย ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา เพราะไอเดียที่ประธานพูดออกมานั้นมันแปลกใหม่อย่างมาก แต่ถ้าพวกเขาสามารถทำตามไอเดียนั้นได้จริง! รถของพวกจะเป็นยักใหญ่อย่างแน่นอน!
และถ้าไอเดียเหล่านี้สามารถทำได้จริง พวกเขารู้ว่ามันยังไม่หยุดอยู่แค่ในรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้นแต่มันยังสามารถนำไปใช้ได้กับรถยนต์ได้อีกด้วย นี้ถือว่าพวกเขายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
แต่ตอนนี้พวกเขาต้องลงมือทำมันให้สำเร็จเสียก่อน เพราะหากพวกเขาไม่สามารถทำได้มันก็ไม่มีความหมาย!
สำหรับพวกเขามันไม่ใช้เรื่องยากอะไรที่จะสร้างระบบอัจฉริยะเหล่านั้น เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็มีประสบการณ์ในการออกแบบระบบอัจฉริยะให้กับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่ตอนนี้สำหรับพวกเขาคือเรื่องวัสดุและพวกชิ้นส่วนเครื่องจักรกล ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือจากบริษัทเฉพาะด้านเท่านั้น
วันต่อมาบริษัทลู่เทคโนโลยีได้ประกาศข่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทใหม่นี้ในเครือบริษัททันที ในส่วนของบุคคลที่รับผิดชอบบริษัทใหม่นั้นยังไม่ได้กำหนด เขาจึงได้แต่งตั้งให้เจียงซุนมีเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบชั่วคราว มีหน้าที่รับผิดชอบในบางเรื่อง และเขายังได้โอนย้ายนักวิจัยบางส่วนในโครงการระบบเรทคลาวด์มาช่วยอีกแรง
ชื่อของบริษัทเองก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน โดยทั่วไปพวกเขาจะใช้ชื่อบริษัทเดิมเป็นชื่อเรียก แต่พวกเขารู้สึกว่ามันอาจจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกสับสนขึ้นได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าการคิดชื่อใหม่ให้กับบริษัทจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ในห้องประชุม ลูชินและทุกคนต่างกำลังคุยเรื่องชื่อบริษัท โดยที่ชื่อนี้จะกลายเป็นชื่อของแบรนด์รถยนต์ของพวกเขาเช่นกัน!
“ผมคิดว่าเราควรใช้ชื่อว่า ชิจิน!” คนที่พูดชื่อนั้นได้อธิบายความหมายของมันว่า “โดยที่จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ของเรานั้นคือความอัจฉริยะ,เทคโนโลยีขั้นสูง และชื่อนี้เองก็จะสื่อถึงจุดเด่นของเราได้ตรงจุดอีกด้วย”
“แต่ผมคิดว่าใช้ชื่อ แยงซี จะเป็นการเข้าท่ากว่า ชื่อนี้ยังมีความหมายคือแม่น้ำเหลืองและยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเราอีกด้วย “
ซู่จิงที่ได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นว่า “ชื่อนี้ฉันคิดว่ามันก็มีหลายแบรนด์ที่ใช้อยู่นะ?”
วังถังพูดขึ้นว่า “ผมก็ชอบชื่อแยงซีนะ แต่ผมคิดว่าเราควรใช้ชื่อคุมเพง ”
“คุมเพงถือว่าเป็นสัตว์จีนโบราณที่บินอยู่บนท้องฟ้า ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเร็ว นี้สิถึงจะแสดงจุดเด่นของแบรนด์ของเราออกมาได้ถึงที่สุด ”
” ผมคิดว่าชื่อนี้ใช้ได้เลย และยังใช้คำที่น้อยมันน่าจะช่วยให้ชื่อแบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักกันง่ายขึ้น “หลิวตงพูดต่อว่า “ชื่อนี้ยังออกเสียงคล้ายชื่อของผลไม้มงคลอีกด้วย และเมื่อเราแปลเป็นภาษาอังกฤษเองก็ยังค่อนข้างง่าย. ”
หลังจากนั้นก็มีชื่ออื่นๆอีกจำนวนมากถูกเสนอขึ้นมา และชื่อบางส่วนก็ได้ถูกบันทึกไว้
ทางด้านลูชินนั้นเขาขี้เกียจเกินไปที่จะมาฟังเรื่องแบบนี้ เขาจึงได้พูดขึ้นมาว่า: “โอเคหยุด! ฉันคิดว่าที่วังถังเสนอมานั้นใช้ได้เลย แต่มันก็ยังไม่ถูกใจฉันเท่าไหร่”
“ดังนั้นฉันจะขอใช้ชื่อบริษัทใหม่ว่า แพนยูน ออโต้โมทีฟ ”
“แพนยู นี่เป็นชื่อที่ดี ” คนอื่นๆต่างก็เห็นด้วย
……
ไม่กี่วันต่อมาบริษัทลู่เทคโนโลยีได้แถลงข่าวการสร้างบริษัทใหม่ โดยที่ใช้ชื่อว่า แพนยูน ออโต้โมทีฟ และยังได้มีการบอกรายละเอียดอีกว่าบริษัทของพวกเขานั้นจะเข้าสู่วงการยานยนต์อย่างเต็มตัว
กลุ่มบริษัทลู่เทคโนโลยีปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในประเทศเลยก็ว่าได้ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็จะดึงดูดความสนใจของสาธารณชนในทันที
บรรณาธิการข่าวบางเจ้ายังได้วางข่าวนี้ในหัวข้อข่าวของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า: “บริษัทลู่เทคโนโลยีต้องการก้าวเข้าสู้วงการรถยนต์จริงหรือไม่!”
ในอินเตอร์เน็ตเองก็มีกระแสในเรื่องนี้อย่างมากมาย
“ครั้งนี้บริษัทลู่เทคโนโลยีเซอไพรส์หนักจริงๆ ฉันขาดหวังว่าพวกเขาจะทำรถไรคนขับออกมา”
“ มันอาจเป็นรถยนต์พลังงานทดแทนตัวใหม่ก็ได้ ตอนนี้รัฐบาลเองก็ได้ให้การสนับสนุนรถยนต์พลังทดแทน!”
“ หวังว่าพวกเขาจะนำระบบเรทคลาวด์ไปติดตั้งด้วยนะ”
บางคนได้ถามคำถามว่า:“ บริษัทลู่เทคโนโลยีดูเหมือนจะมีประสบการณ์เฉพาะในการผลิตพวกโทรศัพท์มือถือและพวกอุตสาหกรรมเบาต่างๆ การที่เขาจะเข้ามาสู่อุตสาหกรรมหนักนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงอย่างมาก”
“ฉันคิดว่าบริษัทลู่เทคโนโลยีอาจจะทำออกมาคล้ายกับยี่ห้อรถยนต์เจ้าอื่น ”
ได้มีการโต้ตอบกันจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระหว่างนั้นบริษัทแพนยูได้ออกมาแถลงการณ์ว่าบริษัทของพวกเขานั้นจะลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในนุคมอุสาหกรรมภาคใต้ก่อน เพื่อที่จะสร้างรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอัจฉริยะขึ้นมา
เมื่อข่าวนี้ออกมามันทำให้โลกภายนอกตกใจอย่างมาก ทุกคนคิดว่าบริษัทลู่เทคโนโลยีจะเข้าสู่วงการนถยนต์ระดับระดับไฮเอนด์โดยตรง ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
สำนักข่าวเพนกวิน: “บริษัทลู่เทคโนโลยีจะลงทุนในรถมอเตอร์ไซค์จริงหรือไม่!”
สำนักข่าวฟีนิกซ์: “เรามารอดูกันว่าบทสรุปของบริษัทลู่เทคโนโลยีจะผลิตอะไรกันแน่! “
สำนักข่าววันนี้: “ข่าวล่าสุดบริษัทลู่เทคโนโลยีต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า!”
…
ชาวเน็ตที่ได้ยินข่าวนี้ต่างก็แสดงความผิดหวังและเสียใจออกมา
“มันทุเรศเกินไป ฉันคิดว่าพวกเขาจะสร้างรถยนต์ระดับไฮเอนด์ขึ้นมาเสียอีก ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”
“นี้มันไฮเทคตรงไหน?”
“@ บริษัท Red Letter พวกคุณล้อเล่นใช้ไหม?”
“ไม่เอา ไม่เอา พวกเราไม่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้า”
คนส่วนใหญ่มีการต่อต้านเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด และนั้นทำให้ความนิยมของข่าวนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว
ที่สำนักงาน ซู่จิงยังได้พูดติดตลกกับลูชินว่า: “ตอนนี้มีข้อความจำนวนมากเข้ามาสอบถามว่าการที่เราผลิตรถยนต์ไฟฟ้านี้จะเป็นการสูญเปล่า!”
“สูญเปล่า?” คิ้วของลูชินขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า “รอให้รถยนต์ของเราออกมาสู้ท้องตลาดก่อนเถอะ! เดียวพวกนั้นก็ได้รู้กันว่าบริษัทของฉันจะสูญเสียอะไรไหม?! “
ยิ่งไปกว่านั้นความคิดของสาธารณชนเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงสินค้าคุณภาพต่ำ แค่วิ่งไปเพียงครึ่งวันแบตเตอรี่ก็หมดแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทลู่เทคโนโลยีนั้นจะแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ตามท้องตลาดอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพวกเขาได้ทดลองใช้จริงก็จะรู้ถึงความแตกต่างอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น