Taming Master 82-105

 82

เอียนเมื่อได้รับเควสต์จากอีเรียลแล้วก็ได้เริ่มตามหาที่อยู่ของจิตวิญญาณก่อน


‘ด้วยความยากของเควสต์ที่ไม่ได้ระบุ…มันน่าจะเป็นเพราะระดับของมันไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่และก็ไม่อาจระบุระดับได้’


เอียนมั่นใจว่าเป็นเควสต์ที่มีระดับความยากอย่างไม่น่าเชื่อที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตนักเล่นเกมของเขาถึง 20 ปี


ถัดจากเอียนที่กำลังเดินอยู่นั้นก็มีบุ๊กค์คอยส่งกำลังใจให้อยู่


บุ๊กค์- บุ๊กค์-!


ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่มันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่


‘ในเมื่อเธอบอกว่าคนที่ชื่อวิซซันอาศัยอยู่แถวๆด้านบนของภูเขา ไปที่นั่นกันก่อนดีกว่า’


ชื่อของวิญญาณทั้งสองที่เอียนต้องให้เขารักกันก็คือ ‘วิซซัน’ และ ‘แคโรล’


‘การคุยกับผู้ชายมันน่าจะคุยง่ายกว่าคุยกับผู้หญิง’


แน่นอนว่าเมื่อดูจากชื่อของพวกเขา วิซซันเป็นชื่อของวิญญาณผู้ชายและแคโรลเป็นชื่อของวิญญาณผู้หญิง


และเพราะว่าเขาได้สติแตกก่อนแน่ๆถ้าหากเควสต์ต้องให้เขาไปคุยกับผู้หญิงเรื่องความสัมพันธ์ซึ่งเป็นเรื่องที่เขามีปัญหาอย่างมาก เขาจึงไม่มีทางเลือก


‘เอาละ เป็นไงเป็นกัน!’


สถานที่ที่เอียนมาถึงหลังจากที่ใช้เวลาไม่นานมันเป็นกระท่อมไม้อยู่บนหน้าผาเล็กในมุมหนึ่งของป่าแห่งความรัก


 


* * *


 


“ห้ะ? เจ้าจะช่วยข้า?”


หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวจากเอียนทั้งหมด วิซซันวิญญาณของป่าแห่งนี้ก็ได้กรอกตาทั้งสองของตน


ยืนด้วยความสูงที่ไม่เกินไปกว่าหน้าอกของเอียน วิซซันมีหน้าที่ดูเด็กมากราวกับเขาอายุเพียง 12-13 ปีเท่านั้น


เอียนพยักหน้าพร้อมกับตอบกลับ


“ใช่ ผมจะช่วยคุณเพื่อที่จะให้คุณกับแคโรลอยู่ด้วยกัน”


วิซซันจีบแคโรลมานานมากแล้ว ถึงกระนั้นแคโรลก็ไม่ได้ชอบวิซซัน


อย่างน้อยๆ มันก็เป็นสถานการณ์ของวิซซันในปัจจุบัน


“แต่เจ้าคิดว่าเจ้าจะช่วยข้าได้งั้นหรอ เอียน?”


“ก็อาจจะ…?


ไม่ใช่ว่าเรื่องรักใครเป็นสิ่งที่เอียนอ่อนด้อยที่สุดอย่างนั้นหรอ?


เอียนตอบอย่างไม่เร่งรีบ


วิซซันถามอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสงสัย


“ข้ารู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวจากเจ้าเช่นเดียวกัน เอียน”


“…”


“เจ้าโดดเดี่ยวมากี่วันแล้ว?”


เอียนโดดเดี่ยวมาโดยตลอดเมื่อคิดถึงวันเกิดของตน


และเขาก็ตอบกลับด้วยท่าทางที่ขมขื่น


“ประมาณ1พันวัน…?”


เขาไม่ต้องการที่จะคำนวณจำนวนวันให้เป๊ะๆ


‘วิซซันคงไม่เชื่อใจฉัน…ฉันพูดอะไรที่ไม่จำเป็นออกไปรึป่าว?’


แม้จะเป็นเช่นนั้น นี่มันอะไรกัน ไม่ใช่ว่าวิซซันจู่ๆก็ทำหน้าตาสดใสงั้นหรอ?


“ว้าว จริงดิ? ไม่นานเท่าไหร่นี่! ถ้านับวันนี้ข้าก็อยู่คนเดียวมาแล้ว 55,027 วัน แน่นอนว่าเจ้าเก่งกว่าข้า เอียน!”


วิญญาณวิซซันมีอายุราวๆ150ปี และเขาก็เข้าใจผิดคิดว่าเอียนเป็นวิญญาณเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าอย่างน้อยๆเอียนก็มีประสบการณ์ด้านความรักมาบ้าง


เอียนคิดว่าวิซซันน่าจะเข้าใจอะไรผิดสักอย่าง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป


‘ในเมื่อมันดีแล้วก็ปล่อยมันไป…’


เอียนตัดสินใจที่จะรับฟังเรื่องราวของเขาอีกเล็กน้อย


“วิซซัน คุณได้เจอแคโรลบ้างรึเปล่า?”


วิซซันพยักหน้า


“อืมม..พวกข้าเจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อน และข้าก็ต้องไปเจอเธออีกทีพรุ่งนี้เช่นกัน”


“พรุ่งนี้?”


“ใช่แล้ว พวกข้าจะต้องออกไปเก็บเห็ดด้วยกัน”


เอียนคิด


‘อย่างแรกฉันต้องรู้ก่อนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นยังไง’


และเขาก็ตอบกลับ


“ถ้าหากเป็นเช่นนั้น แล้วจะเป็นอะไรมั้ยถ้าผมจะขอฟังสิ่งที่พวกคุณพูดกันจากที่ไกลๆ?”


วิซซันครุ่นคิดชั่วครู่ ก็ได้เดินเข้าไปในห้องเก็บของที่อยู่ตรงหัวมุมและนำบางสิ่งออกมา


“รับไป ถ้าเจ้าวางเจ้าสิ่งนี้ไว้ข้างหู เจ้าจะได้ยินเสียงของข้าและแคโรล”


เอียนหยิบไอเทมมาดูมันเหมือนกับหูฟัง


“มันจะยังทำงานใช่มั้ยถ้าหากผมอยู่ที่ไกลๆ?”


วิซซันหยักหน้า


“มันยังใช้ได้ถ้าหากเจ้าไม่อยู่ไกลเกินกว่า200เมตร”


“ผมเข้าใจแล้ว”


ถ้าหากประมาณ200เมตรละก็เขาจะสามารถซ่อนตัวและดักฟังได้ง่าย


เอียนและวิซซันตัดสินใจว่าจะรอดูในวันพรุ่งนี้


 


* * *


 


Chirp- Chir-chirp-!


ท้องฟ้าสีฟ้า และอากาศที่สดใส


มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนึกถึงความมืดมนในป่าแห่งความรักที่อย่างกับอยู่ในเทพนิยาย แต่เอียนก็รู้สึกขอบคุณที่อากาศมันดีขนาดนี้


‘ถ้าหากฝนตกละก็มันคงจะยากขึ้นแน่ เป็นแบบนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย’


สถานที่ที่วิซซันและแคโรลไปเจอกันนั้นเป็นสวนเห็ดที่ตั้งอยู่ด้านนอกของป่าแห่งความรัก


และด้วยระยะห่างขนาดนี้เอียนก็ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้และคอยสอดส่องทั้งสอง


‘โอ้ พวกเขามาเจอกันแล้ว!’


แม้เขาจะอยู่ไกลอาจจะเห็นไม่ชัด แต่แคโรลก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากราวกับหลุดออกมาจากรูปภาพ


Bbook- Bboo-Bbook-!


บุ๊กค์ที่ยืนอยู่บนไหล่ของเอียนก็ดูสถานการณ์ที่ทั้งสองมาพบกันด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น


เอียนก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม มันเป็นสถานการณ์ที่มันก็ได้รับหูฟังจากวิซซันเช่นกันและกำลังสวมมันอยู่ อาจจะเป็นเพราะบุ๊กค์ไม่ยอมก็ได้


และบทสนทนาของทั้งสองก็เริ่มต้นขึ้น


‘เอาละ วิซซัน เริ่มคุยกับเธอได้แล้ว’


เอียนจ้องมองการเคลื่อนไหวของวิซซัน


แต่สิ่งที่น่าตกใจคือมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เอียนคิด แคโรลเป็นคนที่พูดกับวิซซันก่อน


-วิซซันเจ้ามาตรงเวลามาก วันนี้อากาศดีจังเลยว่ามั้ย?


-จริงด้วย


เมื่อพวกเขาได้่ยินสิ่งที่วิซซันตอบกลับไป เอียนและบุ๊กค์ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล


‘เอ๊ะ…อะไรกัน? ไม่รู้ทำไมแต่ฉันรู้สึกว่าวิซซันทำอะไรผิดไป’


บุ๊กค์-


และบทสนทนาก็ไม่ได้ไปต่อแต่อย่างใด


มันเป็นเพราะว่าทั้งสองเริ่มเก็บเห็ดด้วยความเงียบสงัด


‘นี่ นี่มันอะไรเนี่ย? พวกเขาจะแค่เก็บเห็ดอย่างเดียวเลยงั้นหรอ?’


เอียนบอกให้วิซซันสัญญากับเขาก่อนหน้านี้แล้วว่าจะพยายามชวนเธอคุยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อพบกับเธอ


แต่นอกจากการตอบกลับไป วิซซันก็เหมือนพยายามเลี่ยงแคโรลขณะที่กำลังเก็บเห็ดอยู่อย่างเงียบๆ


ในตอนท้ายที่ดูอยู่นั้น เอียนก็เผลอหลับไป


“โถ่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงจะไม่ได้อะไร…”


ทันใดนั้นแคโรลก็พูดกับวิซซันก่อนอีกครั้ง


เอียนและบุ๊กค์ตั้งใจฟังบทสนทนาของทั้งสองมาก


-วิซซันอากาศร้อนจังเลยเนอะ? เจ้าไม่เหนื่อยงั้นหรอ?


-ข้าไม่เป็นไร


-วิซซันเจ้าเก็บเห็ดได้กี่ดอกอย่างนั้นหรอ?


-1452…


วิซซันเป็นชายที่มีพลังป้องกันที่สุดยอดพอๆกับกระดองของบุ๊กค์


เอาเข้าจริงๆนอกจากที่วิซซันจะกังวลเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเก็บเห็ดพร้อมกับแคโรลแล้ว เขาก็ทำเพียงแค่นับจำนวนเห็ดเท่านั้น


มันก็มีบทสนทนาต่ออีกนิดหน่อยแต่มันก็เหมือนๆกับอันก่อนหน้า


และเวลาที่สุดแสนจะน่าเบื่อก็ผ่านไป และความเงียบในการเก็บเห็ดกว่าสามชั่วโมงก็ได้จบลงเสียที


-ทำดีมากวิซซัน


-เจ้าก็เช่นกัน แคโรล


-งั้นโชคดีนะ!


ขณะที่ฟังทั้งสองคุยกัน เอียนรู้สึกแปลกๆขึ้น


“แล้ว…ฉันควรทำยังไงดีละทีนี้?”


แต่เอียนก็ยังไม่อาจทำอะไรได้ในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านของวิซซันก่อน


 


* * *


 


“วิซซัน”


“ว่าไง เอียน”


วิซซันตอบด้วยเสียงที่ดูเศร้า


เอียนถอนหายใจออกมาขณะที่มองหน้าเขา


“ทำไมคุณตอบสั้นขนาดนั้น? แล้วต้องให้แคโรลเป็นคนชวนคุยอีกต่างหาก”


ดวงตาของวิซซันเริ่มเต็มไปด้วยน้ำตา


“ปากของฉัน…มันไม่ยอมขยับ ฉันจึงทำได้แค่หายใจ”


เอียนรู้สึกปวดหัวมาก


‘เห้อ…ไอนี่มันแย่ยิ่งกว่าฉันซะอีก’


เอียนคิดไม่ออกสักทางเลยที่จะช่วยทั้งสองได้


ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆดังออกมาจากมุมหนึ่งของบ้านของวิซซัน


Whoong- .


และเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของวิซซันก็เปลี่ยนไป


“อะ เอียน เอ่อ…มันเป็นข้อความจากแคโรล!”


“ห้ะ?”


ทันทีที่เขาได้ยินเช่นนั้นเอียนก็คิดอะไรขึ้นมาได้


‘อะไรอีกเนี่ย NPC ก็สามารถส่งข้อความหากันได้ด้วยหรอ?’


เอียนรีบตรวจสอบข้อความที่เด้งขึ้นมาในลูกบอลคริสตัลกับวิซซัน


-วิซซันเจ้ากลับถึงบ้านปลอดภัยดีมั้ย?


และวิซซันที่กำลังลังเลอยู่ เอียนก็กดดันเขาโดยที่ไม่ได้คิดอะไร


“วิซซันคุณกำลังทำอะไรเนี่ย? คุณต้องรีบตอบกลับให้เร็วที่สุด!”


“ละ แล้ว…ข้าควรจะตอบกลับไปยังไงดี?”


เอียนคิดหนักโดยพยายามที่จะให้ความคิดที่แข็งทื่อของเขาหายไป


“ยะ อย่างแรก ลองตอบไปว่าถึงอย่างปลอดภัยแล้ว”


และวิซซันก็ตอบข้อความกลับไป


ฉันถึงอย่างปลอดภัยแล้ว แคโรล


และดูเหมือนว่าเขาจะมีความกล้ามากขึ้นนิดหน่อยเมื่อพวกเขาไม่อยู่ต่อหน้ากัน


-ได้รู้ว่าเจ้ากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วข้าก็รู้สึกอุ่นใจหน่อย


เอียนส่ายหน้า


‘เดี๋ยวนี่เธอหมายความว่ายังไง อุ่นใจ? มันไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนโจมตีวิญญาณสักหน่อย’


เขาก็รู้สึกปลื้มวิซซันนิดหน่อยที่อย่างน้อยก็ตอบสักนิด


‘ใช่แล้ว อย่างน้อยเขาก็ตอบอะไรบ้าง’


ทันใดนั้น แคโรลก็ตอบกลับในทันที


-ถ้าหากเจ้าเป็นห่วงข้าละก็เจ้าก็น่าจะมาส่งข้าที่บ้านนะ…


และก็เกิดความเงียบขึ้นสักพัก


เอียนก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนมากเพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปยังไงดี


“เอียน…”


“ครับ”


“ข้าควรตอบกลับไปยังไง?”


เอียนพยายามคิดอย่างหนัก


‘มันคงจะดูไม่ดีถ้าหากเขาตอบขอโทษไปสินะ? แล้วเขาจะต้องพูดยังไงละเนี่ย…’


ขณะที่เอียนกำลังคิดอยู่ วิซซันก็ตอบไปก่อนแล้ว


-ก็ถูกของเจ้า


เมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อ เอียนก็ไม่อาจหยุดยั้งความประหลาดใจได้


เอียนถามวิซซัน


“ทำไมคุณถึงตอบไปแบบนั้น วิซซัน”


วิซซันคอตก


“เจ้าพูดถูก…”


และทั้งสองก็รอการตอบกลับจากแคโรลอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะยังไงเธอก็ไม่ตอบกลับเลย


“วิซซัน อย่างแรกลองส่งข้อความไปอีกครั้งสิ”


“แปปนึงนะ”


และวิซซันก็ส่งข้อความอีกครั้งหลังจากรวบรวมความกล้า


-แครอล เจ้าหลับงั้นหรอ?


เอียนหมดหวัง


‘อะไรของเขากัน นี่เพิ่งจะ4โมงเย็น พระอาทิตย์ยังขึ้นอยู่เลย’


ทันใดนั้นก็ได้รับการตอบกลับมาอย่างน่าประหลาด


-เอ่อ ข้าก็ว่าจะงีบสักหน่อยเพราะว่าเหนื่อย เจ้ารู้ได้ยังไง?


‘อะไรกัน นี่สวรรค์กำลังช่วยพวกเราอยู่งั้นหรอ?’


วิซซันก็ได้ปล่อยโอกาสที่ราวกับหาชิ้นส่วนทองจากกองชิ้นส่วนเป็นพันชิ้น


-อ่า งั้นก็รีบไปนอนเถอะ!


เขาไม่อาจมองต่อได้อีกแล้วตอนนี้ บุ๊กค์ก็ปิดตาปี๊ และเอียนก็ทำท่าเหมือนจะไม่ไหวแล้ว


‘เควสต์นี้…มันเป็นเควสต์ที่ดูจะไม่มีทำสำเร็จได้ตั้งแต่แรกแล้ว’


เอียนเริ่มมองทั้งสองต่อพร้อมกับสายตาที่สั่นไหว


-ฉันก็ไม่รู้แล้วเหมือนกัน….เจ้าไปนอนเถอะวิซซัน ฉันไม่เหนื่อย!


บทสนทนาของทั้งสองมันไม่มีคำตอบเลย


ทันใดนั้น วิซซันก็เริ่มเขียนอะไรบางอย่าง


-แคโรล! เห็ดหอยเขาบอกกันว่ามันช่วยป้องกันไม่ให้อ้วน เห็ดอีโนกิดีสำหรับป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และเห็ดไพน์ช่วยลดคอเลสเตอรอล ดังนั้นมันจะดีมากสำหรับป้องกันโรคผู้ใหญ่ อย่างสุดท้ายเห็ดอิชิทาเกะเป็นอันที่อร่อยที่สุดดังนั้นเจ้าก็กินมันทั้งหมดด้วยหล่ะ! เข้าใจมั้ย! ฉัน…ก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน?


“…”


ตอนนี้คู่นี้คงไม่จำเป็นต้องให้เอียนช่วยแล้ว


อย่างน้อยเขาก็คิดว่างั้น


“เอ่อ วิซซัน?”


“ว่าไง…?”


“ในเมื่อเรามาถึงขนาดนี้แล้ว คุณลองสารภาพรักเธอดูสักครั้งเป็นไง?”


เมื่อเอียนพูด วิซซันก็ทำท่างง


“ห้ะ สารภาพ? เพื่อนของข้า พาลคอม บอกว่าการสารภาพด้วยลูกบอลคริสตัลเป็นวิธีที่แย่ที่สุด…”


“ยังไงก็ลองดูก่อนเถอะ”


เอียนเกือบจะกลินคำพูดของเขาลงไป ถ้าหากไม่ใช่ตอนนี้เขาก็ไม่คิดว่าวิซซันจะได้มีโอกาสสารภาพอีกแล้ว


‘ถึงมันอาจจะทำให้เธอตัดการติดต่อกับเขาหลังจากวันนี้ไปก็เถอะ…’


วิซซันที่ไม่รู้ความคิดของเอียน ก็กำมือของตนแน่นและพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น


และเขาก็ตอบข้อความอย่างมั่นใจ


-เอ่อ แคโรลเจ้ารู้มั้ยทำไมข้าถึงคอยส่งข้อความหาเจ้า?


-อืม…เพราะว่าเจ้าเบื่องั้นหรอ?


-ไม่ใช่


และการสารภาพอันร้ายแรงของวิซซันยังคงดำเนินต่อ


-เจ้าอยากจะออกไปเที่ยวกับข้ามั้ย?


“…”


เอียนไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงมองดูการพัฒนาที่สุดยอดมากแบบที่ไม่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน


‘เห้อ…นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้เลยในทั้งชีวิต20ปีในชีวิตของฉัน หลังจากสารภาพแล้วคู่ของพวกเขาจะต้องจบลงอย่างแน่นอน’


บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป


-ห้ะ? อืม..วิซซันนี่เจ้าไม่ได้ส่งผิดใช่มั้ย?


-เอ่อ…ฉันแค่พูดเล่นน่า


-ไม่เป็นไร! เจ้าพูดเล่นจริงๆใช่มั้ย?


-ใช่แล้ว มั้ง?


เอียนรู้สึกว่าเขาเริ่มที่จะหลุดพ้นจากความเขินอายแล้ว


‘อ่า ทำไมฉันถึงน่าอับอายขนาดนี้?’


ดูเหมือนว่าบุ๊กค์ก็ได้รับความเสียหายทางจิตใจเช่นเดียวกันเมื่อได้เห็นเช่นนั้น มันก็คลานไปหากำแพงและนำหัวมันชนกับกำแพง


-ไม่ฉัน…แคโรล ข้าต้องการที่จะบอกคำนี้จริงๆ ข้าชอบเจ้าแคโรล ข้าพูดอะไรแปลกๆเพราะว่าข้ากังวลมากแต่ข้ารู้สึกว่ามันเป็นเวลากว่า3พันวันแล้วที่ข้าชอบเจ้า ข้าชอบเจ้า ข้าชอบเจ้าจริงๆ ไปเที่ยวกับข้าเถอะ!


เอียนอยากจะเชื่อว่าจะไม่มีคนที่โง่เรื่องความรักได้มากไปกว่าเขาอีกแล้ว


‘จากนี้ไปวิซซันมันขึ้นอยู่กับคุณแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะทำอะไรได้อยู่แล้ว…’


แม้ว่าเอียนจะเจ็บปวดหรือไม่ การพูดคุยของทั้งสองยังคงมีต่อ


-นี่เจ้าพูดเล่นอีกแล้วใช่มั้ย?


-ไม่ใช่! มันเป็นความจริง


-เจ้าจะมาบอกว่าเจ้าพูดเล่นทีหลังใช่มั้ยหล่ะ?


-ไม่ใช่แบบนั้น ข้ากำลังพูดความจริง ไปเที่ยวกับข้าเถอะ


และไม่นาน ในที่สุดแคโรลก็ได้ตอบกลับมาด้วยข้อความที่ไม่อยากจะเชื่อ


-ก็ได้


ความเงียบก็ได้ปกคลุมบ้านของวิซซัน


คนที่เปิดปากคนแรกเลยก็คือบุ๊กค์


บุ๊กค์…?


และวิซซันก็ดูข้อความของแคโรลอีกสองสามครั้ง ก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ


“ว้าววว เอียน! ขอบคุณเจ้าจริงๆ เอียน!”


เอียนเต็มไปด้วยความตกตะลึง


‘อะ อะไรกันเนี่ย? อะไรว้ะเนี่ย? นี่เขาสารภาพสำเร็จงั้นหรอ? และเขาขอบคุณฉันทำไม?’


มันเป็นพัฒนาการที่น่าตกใจยิ่งกว่าที่บุ๊กค์ยอมยกมีตบอลให้ไลเสียอีก


วิซซันกอดเอียนที่กำลังอึ้งขณะที่มองไปยังลูกบอลคริสตัลด้วยสายตาที่ไม่โฟกัสอีกแล้ว


“ข้าชอบแคโรลจริงๆ แต่ตอนที่ข้าข้าไปหาเธอ ข้าก็ไม่เคยพูดกับเธอเลย…นั่นจึงทำให้ข้าสารภาพกับเธอด้วยลูกบอลคริสตัลแต่เจ้าบ้าพาลคอมบอกว่าอย่าทำ…”


ขณะที่มองวิซซันที่เต็มไปด้วยความสุข เอียนไม่มีคำพูดใดออกมา


‘นี่เขาสารภาพสำเร็จด้วยวิธีแบบนี้งั้นหรอ…’


ไม่ว่าเกมนี้จะสมจริงยังไง แต่นี่มันไม่สมจริงเกินไปหน่อยหรอ?


เอียนรู้สึกอยากจะฆ่าวิซซันเพราะความอิจฉาซะแล้ว


‘เห้อ…เควสต์นี้ไม่ใช่เพราะว่าเควสต์มันยากเกินไปจนวัดไม่ได้ แต่เพราะว่าเควสต์นี้ยังไงมันก็สำเร็จ’


เอียนได้เรียนรู้บางอย่างจากเควสต์นี้


‘อย่างที่คิดไว้เลยความสัมพันธ์ไม่ได้แบ่งว่าใครดีใครเลว มันเพียงแค่แบ่งคนที่กล้าหรือไม่กล้าเท่านั้น…’



ตอนที่ 83

เอียนเมื่อเคลียร์ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็กลับไปหาอีเรียล


“โอ้ เอียนเจ้ากลับมาแล้วหรอ?”


“ใช่ ผมช่วยวิซซันตามที่คุณบอกแล้ว”


อิเรียลพยักหน้า


“ค่ะ ข้าได้ยินมาจากวิซซันแล้ว ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะ”


เอียนพึมพัมกับตัวเอง


‘ก็ใช่น่ะสิ มันมีปัญหาเยอะมาก ฉันไม่อยากจะทำเควสต์แบบนี้อีกแล้ว’


เขาไม่มีปัญหาทางด้านร่างกายแม้แต่น้อย


เขาเพิ่งจะกลับมาจากการใช้งานจิตใจที่สุดแสนจะหน่าย


ในขณะที่เอียนบ่นภายในใจระบบข้อความแจ้งให้เขาทราบว่าเขาทำเควสต์สำเร็จแล้ว


ท่านได้สำเร็จเควสต์ ‘ผู้เผยแพร่ความรัก’ ค่าสถานะ ‘เสน่ห์’ ของท่านเพิ่มขึ้น 20 หน่วย


และอิเรียลยืนด้านหน้าของเอียน


“ตามที่สัญญาไว้ ข้าจะให้ส่วนหนึ่งของความสามารถของข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถช่วยกริปเปอร์และประสบความสำเร็จในการผสมพันธ์มอนสเตอร์โบราณด้วยทุกอย่างที่มี”


อิเรียลยกมือสวยๆของเธอและกางออกมา


เมื่อเธอทำอย่างนั้น หินอ่อนแห่งแสงสีขาวปรากฏขึ้นที่หน้าฝ่ามือของเธอและมันก็เริ่มซึมซับเข้าสู่เอียน


ท่านได้เรียนรู้สกิล ‘ผสมพันธ์สัตว์เลี้ยง’ จากการได้รับสกิล ‘ผสมพันธ์สัตว์เลี้ยง’ ตอนนี้ท่านสามารถแยกแยะเพศของมอนสเตอร์ได้แล้ว


‘ฉันสามารถแยกแยะเพศของมอนสเตอร์ได้ด้วยหรอ?’


มันเป็นข้อความที่แปลกนิดหน่อยแต่เอียนก็ยอมรับได้หลังจากนั้นไม่นาน


ตอนนี้เขาคิดเกี่ยวกับมัน เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยเห็นข้อมูลใดๆที่เกี่ยวข้องกับเพศของมอนสเตอร์ในหน้าต่างข้อมูลมอนสเตอร์จนถึงตอนนี้


เอียนสงสัยเพศของสัตว์เลี้ยงของเขาทันที


‘มันจะปรากฏในหน้าต่างข้อมูลตอนนี้เลยหรือไม่?’


เริ่มจากไล เอียนเริ่มตรวจสอบข้อมูลเพศสัตว์เลี้ยงของเขาทั้งหมด


‘แบบนี้นี่เอง มันปรากฏในหน้าต่างข้อมูล ไลเป็นเพศผู้’


และเอียนผู้ตรวจสอบเพศของสัตว์เลี้ยงทั้งหมดก็ตกตะลึงเล็กน้อย


‘อะไรวะเนี่ย ทำไมเพศของสัตว์เลี้ยงของฉันทั้งหมดเป็นเพศชาย?’


ตอนนี้เขาคิดเกี่ยวกับมัน เขารู้สึกว่าเขาไม่มีสัตว์เลี้ยงตัวไหนที่มีบุคลิกที่เป็นผู้หญิงเลย


เอียนถามอิเรียล


“อิเรียลปกติแล้วอัตราเฉลี่ยมอนสเตอร์เพศชายสูงกว่าเพศหญิงงั้นหรอ?”


เมื่อคำถามแปลกๆโผล่ออกมา อีเรียลก็กระพริบตาปริบๆและถามกลับ


“อะไรนะ? ไม่ จากที่ฉันรู้มอนสเตอร์ทั้งหมดมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 1:1 นอกเหนือจากคู่พิเศษ”


“…”


 


เอียนรู้สึกไม่สบายใจด้วยเหตุผลบางอย่าง


‘อืม มันอาจจะเกิดขึ้นแบบนี้’


อย่างไรก็ตามตั้งแต่เขาทำงานกับอิเรียลเสร็จแล้วก็ถึงเวลากลับไปที่หอคอยมิติ


“ขอบคุณนะสำหรับการช่วยเหลืออิเรียล”


“ไม่เป็นไรเอียน ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอีกเมื่อไหร่ก็บอกข้าได้”


อิเรียลส่งบางอย่างให้เอียนที่ดูเหมือนลูกบอลคริสตัลสีน้ำเงิน


เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างคุ้นเคย เอียนรู้สึกงุนงง


“นี่มัน… อะไรครับ?”


อิเรียลหัวเราะพร้อมกับตอบกลับ


“ถ้าเจ้ามีคริสตัลบอลนี้ เจ้าจะส่งข้อความหาข้าได้”


“ห้า? ทำไมคุณถึงให้สิ่งนี้กับผมล่ะ…”


“ข้ายังบอกเจ้าไม่ได้เอียน แต่ข้ารู้สึกว่าข้าจะต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าในไม่ช้า ข้าขอเอาไว้ติดต่อเจ้าได้มั้ย?”


มันน่าสงสัยเล็กน้อยแต่หน้าต่างเควสต์ที่มีเนื้อหาซึ่งมีส่วนที่คุ้นเคยแปลกๆปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของเอียน


กริ๊ง-


 


เงามืดแห่งมังกรชั่วร้ายคาร์ลิฟา ( เควสต์ลับ )


อิเรียลผู้ดูแลป่าแห่งความรักและเอลฟ์ซัมมอนเนอร์ผู้ยอดเยี่ยมได้เป็นห่วงเรื่องบางอย่างมาเป็นเวลานาน


เมื่อความสามารถของคุณแข็งแกร่งขึ้นคุณจะสามารถฟังความกังวลของเธอได้


ความยากเควสต์ : ?


เงื่อนไขเควสต์ : ซัมมอนเนอร์ที่มีวิญญาณของเทพมังกร


ซัมมอนเนอร์มาสเตอร์เลเวล 3


เวลาจำกัด : ไม่มี


รางวัล – ?


*ถ้าท่านไม่รับคริสตัลบอลจากอิเรียล เควสต์จะถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติ


ถ้าเควสต์ถูกปฏิเสธ ความชื่นชอบของท่านกับอิเรียลจะลดลงและค่าสถานะเสน่ห์ของท่านจะลดลง 20 หน่วย


 


ส่วนของมังกรชั่วร้ายคาร์ลิฟาจับตาเอียนก่อน


‘นั่น ชื่อนั่นเหมือนฉันเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนนะ…’


และหลังจากนั้นไม่นาน เอียนจำได้ว่าชื่อนั้นได้ยินมาจากนักฝึกมังกรในตำนานโอ๊คเลย์


‘มันไม่เหมือนที่ฉันจะได้รับเควสลับอยู่เสมอและไม่มีการจำกัดเวลาดังนั้นฉันไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ’


และขณะอ่านหน้าต่างเควสต์ลงมา สายตาของเขาหยุดที่ส่วน ‘เงื่อนไขของเควสต์’


ข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นเควสต์ที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของเทพมังกรนั้นขนานกันกับการกล่าวว่ามันเป็นเควสต์ที่ไม่มีใครสามารถรับนอกเหนือจากเอียน


เอียนพึงพอใจอย่างมาก


และเวลาเดียวกันส่วนที่แปลกๆจับตาเอียน


นั่นคือส่วนซัมมอนเนอร์มาสเตอร์เลเวล 3


‘แต่นี่คืออะไร แม้หลังจากการเป็นมาสเตอร์ มันสามารถเพิ่มระดับความชำนาญได้อีกหรอ?’


‘การอัญเชิญ’ คือค่าความสามารถซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตของสกิลทั้งหมดของเขา


ในกรณีของวอริเออร์หรืออัศวินค่าความสามารถเรียกว่า ‘ศิลปะการต่อสู้’ สำหรับพรีสต์ ‘ความเชื่อ’ สำหรับนักเวท ‘พลังเวทมนต์’ และสำหรับนักธนูพวกเขามี ‘การยิงธนู’


อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่มีผู้เล่นอาชีพไหนในไคลันที่ยกระดับความสามารถในอาชีพของพวกเขาเป็นมาสเตอร์ เอียนไม่เคยได้ยินว่ามันทำงานอย่างไรหลังจากนั้น


‘ฉันคิดเพียงคร่าวๆว่าเมื่อเป็นมาสเตอร์แล้วความเชี่ยวชาญอาชีพจะไม่เพิ่มขึ้นซะอีก…’


อิงจากการพูดถึงมอนสเตอร์เลเวล3 ดูเหมือนว่าหลังจากที่เป็นมาสเตอร์แล้วค่าความเชี่ยวชาญก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่


มันเป็นไปได้ว่าอาจมีอีกขั้นหลังจากนั้น


‘มันก็ยังห่างไกลอยู่ดี ตอนนี้ฉันเป็นซัมมอนเนอร์ระดับสูงเลเวล2 ดังนั้นถ้าจะเป็นมาสเตอร์ฉันก็คงจะมีเลเวลเกือบ150แล้วตอนนั้น’


เอียนคิดได้แล้วก็รับลูกบอลคริสตัลจากอีเรียล


ท่านยอมรับเควสต์


“แน่นอน ถ้าผมช่วยอะไรได้ผมก็จะทำ”


อิเรียลยิ้มอย่างสดใส


“ขอบใจนะเอียน!”


 


* * *


 


เมื่อเอียนกลับไปสู่หอคอยมิติ กริปเปอร์ยืนรอต้อนรับเขาอยู่เหมือนกับกำลังรอเขาอยู่


“โอ้เอียน ยินดีต้อนรับกลับ เจ้าแก้ปัญหาทุกอย่างได้แล้วใช่มั้ย?”


เอียนพยักหน้า


“ครับ อย่างแรกผมได้รับความสามารถเกี่ยวข้องกับการผสมพันธ์สัตว์เลี้ยงแล้ว”


กริปเปอร์ยิ้มอย่างพึงพอใจ


“เยี่ยมมาก ข้ารู้อยู่แล้วถ้าเป็นเจ้าละก็อีเรียลต้องชอบเจ้าแน่ๆ”


กริปเปอร์พาเอียนไปที่เนินเขาเตี้ยและกว้างขวางด้านหลังหอคอย


ในขณะที่เอียนหายไป พื้นที่นั้นก็เปลี่ยนไปเหมือนฟาร์มและมอนสเตอร์โบราณที่เอียนได้รับการฟื้นฟูได้รวมตัวกัน


“โอ้ แต่กริปเปอร์ ไม่ได้มีมอนสเตอร์บางตัวหายไปเหรอ?”


แม้ว่าฮัลลิคานจะไม่ได้ถูกรวมด้วยเพราะเอียนรับมันมาแล้ว มันมีมอนสเตอร์บางตัวที่เอียนคิดว่าเขาไม่เคยเจอมาก่อน


เมื่อเอียนถาม กริปเปอร์พยักหน้าเมื่อเขาตอบ


“ข้านำมอนสเตอร์กินพืชมารวมกันไว้ตรงนี้ และข้าก็แยกมอนสเตอร์ที่กินเนื้อไว้อีกที่นึง”


“อืม เหมือนมันจะเป็นปัญหาเหมือนกันแหะ”


เควสต์ดำเนินไปด้วยความเร็วสูง


เอียนตรวจสอบเพศของมอนสเตอร์ทุกตัวและเลือกสองตัวที่เป็นสายพันธ์เดียวกันแต่คนละเพศก่อนที่จะนำพวกมันออกมา


และใช้สกิลผสมพันธ์ เขาต้องทำให้พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงก่อนดังนั้นเขาจึงลงทะเบียนทั้งสองเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา


‘หืม… ฉันจำเป็นต้องใช้สกิลตอนนี้เลยไหม?’


เอียนมองไปที่มอนสเตอร์โบราณสองตัวที่จ้องมองกันและกัน เอียนสะอึก


และบุ๊กค์ซึ่งอยู่ถัดจากเขา ดูด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง


บุ๊กค์-!


‘เอ๊ะ มันคงจะไม่มีฉาก18+ใช่มั้ย?’


เอียนปิดตาทั้งสองข้างของเขาด้วยมือเดียวแล้วร่ายสกิล


“ผสมพันธ์สัตว์เลี้ยง!”


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เอียนจินตนาการไม่ได้เกิดขึ้น


แสงสีขาวไหลออกมาจากหน้าอกของClopsysทั้งสอง และหลังจากนั้นไม่นานไข่สีขาวตัวใหญ่ก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา


“เฮ้อ แล้วฉันจะกังวลทำไมละเนี่ย”


เอียนที่กังวลว่าจะได้เห็นภาพที่น่าอายก็ถอนหายใจออกมา ขณะที่บุ๊กค์ทำสีหน้าเหมือนผิดหวังอยู่


และข้อความโผล่ขึ้น


ท่านได้สำเร็จในการ ‘ผสมพันธ์สัตว์เลี้ยง’ เป็นครั้งแรก ท่านได้รับฉายา ‘นักผสมพันธ์สัตว์เลี้ยง’ ชื่อเสียงของท่านเพิ่มขึ้น 25,000 หน่วย ความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับระบบนิเวศของสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น ท่านได้รับสกิล ‘ฟักไข่ของสัตว์เลี้ยง’


เอียนกำหมัดของเขา


‘เยี่ยม ในที่สุดฉันจะสามารถทำเควสต์ฟักไข่กริฟฟินได้แล้ว!”’


เอียนตรวจสอบฉายาที่เขาได้รับ


 


นักผสมพันธ์สัตว์เลี้ยง


ระดับ – ไม่มี


หากท่านมีค่าความสัมพันธ์มากกว่ามาตรฐานที่กำหนด ท่านสามารถใช้สกิลการผสมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของท่านได้เช่นกัน การเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับมอนสเตอร์ทุกตัวจะง่ายขึ้น หากเป็นมอนสเตอร์เด็กก็จะเพิ่มค่าความสัมพันธ์เร็วขึ้น


*จะยังคงมีผลอยู่แม้จะไม่สวมใส่ฉายา


 


มันเป็นฉายาที่มีประโยชน์


มันไม่ใช่ฉายาที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นในทันทีแต่มันก็เป็นฉายาที่สามารถทำให้เขามีโอกาสที่จะได้สัตว์เลี้ยงที่ดี


ระดับถูกเขียนเป็น “ไม่มี” แต่เป็นไปได้มากที่สุดเนื่องจากไม่มีส่วนใดที่เพิ่มค่าสถานะที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้


‘ฉันชอบตรงที่ไม่จำเป็นต้องสวมใส่ฉายา’


เอียนใช้สกิลการผสมพันธุ์กับสัตว์มอนสเตอร์โบราณที่เหลืออยู่


เนื่องจากมีมอนสเตอร์บางชนิดที่ไม่สามารถผสมพันธ์ให้มันได้เพราะว่าบางสายพันธ์ก็เป็นตัวผู้หมดหรือเป็นตัวเมียหมด ดังนั้นจึงมีมอนสเตอร์เพียง5ชนิดเท่านั้นที่ผสมพันธ์สำเร็จ


‘มอนสเตอร์บางชนิดผสมพันธ์เสร็จแล้วก็ออกมาเป็นไข่ แต่บางชนิดก็ออกมาเป็นตัว’


เนื่องจากเวลาคูลดาวน์ของสกิลการผสมพันธุ์เป็นเวลา 30 นาที เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงเอียนถึงผสมพันธ์พวกมันจนครบทั้งห้าสายพันธ์


ดูเหมือนว่าเอียนจะรู้สึกได้รับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ท่าทางของเอียนก็ดูสดใสกว่าแต่ก่อนทีเดียว


 


* * *


 


“ทำดีมากทุกคน พวกเราจบการบรรยายในวันนี้แล้ว”


เมื่ออาจารย์พูดจบ มีนักเรียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ลุกออกไป


แน่นอนว่าจินซุงซึ่งเก็บกระเป๋าของเขาเรียบร้อยแล้วเป็นคนแรกที่ยืนขึ้น


ไม่ เขาพยายามยืนขึ้น


“จินซุงรอก่อน ทำไมนายรีบจังล่ะ?”


ขณะมองไปที่ยูฮยอนที่จับแขนของเขา จินซุงขมวดคิ้วเล็กน้อย


“มันหมายความว่าไงว่าฉันรีบ มันเพราะว่าฉันต้องรีบไปทำเควสต์เดี๋ยวนี้”


ยูฮยอนส่ายหน้า


“ไม่ เควสต์แบบไหนที่นายกำลังทำโดยไม่มาที่ฐานแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อเร็วๆนี้?”


เหตุผลที่ยูฮยอนจับจินซุงมานั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ


เพื่อเตรียมการที่จะเพิ่มระดับของฐานให้สำเร็จ เขานั้นรู้สึกว่าเขาต้องการเอียนไปด้วยเพราะเขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในกิลด์


จินซุงเกาหลังหัวของเขา


“ยังเหลืองานที่ฉันทิ้งไว้อีกเยอะเลย ฉันเลยต้องรีบไปสะสางซะก่อน เข้าใจฉันทีเถอะ”


“นายไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเควสต์ประเภทอะไรใช่ไหม?”


“ทำไมจะไม่ได้ละ? ฉันเหลืออีกหนึ่งเควสต์ แต่มันเป็นเควสต์อาณาจักรยิ่งกว่านั้นฉันไม่รู้เลยว่าฉันเหลือเวลาเท่าไหร่ดังนั้นฉันต้องทำมันให้เร็วที่สุด”


เอียนพูดโดยไม่ได้คิดมากและเดินออกจากห้องบรรยายอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยถ้อยคำของจินซุงเกี่ยวกับเควสต์อาณาจักรดวงตาของยูฮยอนก็เบิกโพลง


ยูฮยอนรีบจับเอียนและถามอีกครั้ง


“อะไรนะ? เควสต์อาณาจักร? ชื่อเสียงนายเท่าไหร่แล้วตอนนี้?


“มันไม่เกี่ยวอะไรกับค่าชื่อเสียงหรอก ฉันได้รับเควสต์อาณาจักรตอนที่ฉันเป็นผู้เล่นซัมมอนเนอร์เลเวล50คนแรก ทีแรกฉันไม่มีโอกาสที่จะทำมันสำเร็จเลย ฉันก็เลยได้แต่แถๆไป”


แม้ว่าจินซุงจะมีค่าชื่อเสียงทะลุเงื่อนไขไปแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากที่จะอธิบายเขาเลยไม่พูดออกไป


คราวนี้จินซุงแสดงสีหน้าแปลกๆแทนแล้วถาม


“เฮ้ แต่ทำไมนายถึงตกใจเมื่อพูดถึงเควสต์อาณาจักรล่ะ? มันมีอะไรดีงั้นหรอเควสต์อาณาจักรนอกจากได้ค่าชื่อเสียงจำนวนมาก? อ่า เหมือนว่าฉันจะเคยได้ยินนายพูดว่าจะได้NPCอยู่ใต้อาณัติถ้าหากได้เป็นขุนนางอ่ะนะ”


แต่กระนั้นยูฮยอนก็ไม่ได้ตกใจกับข้อดีที่จินซุงพูดถึง


เขาตกใจเพราะว่าเขานึกได้ว่าจินซุงสามารถเป็นแกนนำในการเพิ่มระดับฐานได้


“โย่เพื่อน นายมีความคิดยังไงที่พี่โครบานออกไปทำภารกิจอย่างหนักเพื่อที่จะได้รับเควสต์อาณาจักรล่ะ?”


“อะไรนะ? ทำไมพี่โครบานล่ะ?”


“พี่เขามีชื่อเสียงมากที่สุดในกิลด์ของเรา นายรู้หรือไม่ว่ามันเป็นกรณีพิเศษเช่นนาย นายจำเป็นต้องมีชื่อเสียง 400,000 หน่วยเพื่อที่จะได้รับเควสต์อาณาจักรใช่ไหม? พี่คนนั้นอาจถึง 400,000 ชื่อเสียงเมื่อวานนี้หรือเมื่อวันก่อน ”


อย่างไรก็ตามเนื่องจากจินซุงไม่ทราบว่าต้องมีสมาชิกของกิลด์ที่มีตำแหน่งขุนนางเพื่อเพิ่มระดับฐาน คำถามได้ดำเนินต่อเนื่อง


“ใช่ดังนั้นทำไมล่ะ? ถ้าทำเควสต์ที่จำเป็นจนพอแล้วขณะที่เพิ่มเลเวลอยู่ก็จะได้ค่าชื่อเสียง4แสนหน่วยอยู่ดี…ฉันไม่เข้าใจจริงๆ เควสต์อาณาจักรมันสำคัญต่อพี่แกขนาดนั้นเลยหรอ?”


ยูฮยอนพยักหน้า


“ถูกต้องแล้วเพื่อน มันไม่สำคัญสำหรับพี่โครบานแต่มันสำคัญสำหรับกิลด์ของเราในตอนนี้ หนึ่งในข้อกำหนดในการเพิ่มระดับฐานกิลด์ในอาณาจักรคือ ‘กิลด์ต้องมีฉายาขุนนาง’ ”


“หืม…?”


หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งแห่งความเงียบ จินซุงก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้


และเขาก็แสดงออกอย่างขมขื่น


“อะไรกัน? นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่โครบานจึงไปทำเควสต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดนั้น”


“นั่นคือสิ่งที่ฉันพูดไง”


จินซุงแสยะยิ้ม


‘ถ้าฉันบอกเขาว่าฉันมีชื่อเสียงมากกว่า 500,000 หน่วยนานแล้ว ฉันจะโดนต่อมั้ยเนี่ย?’


เขารู้ว่าเขาเป็นผู้เล่นเดี่ยวที่สุดแสนจะทรหดมาสักพักแล้ว ขณะที่เขาก็ไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของกิลด์เท่าไหร่


‘ถ้าฉันทำเควสต์ฟักไข่กริฟฟินเสร็จเมื่อไหร่ ฉันควรจะให้ความสำคัญกับกิลด์มากขึ้นหน่อย’


ตอนนี้มีอีกเหตุผลแล้วที่ทำให้เขาต้องรีบเคลียร์เควสต์ฟักไข่กริฟฟินให้เร็วที่สุด



ตอนที่ 84

สิ่งแรกที่เอียนทำทันทีหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วก็คือการเข้าไคลันไปดูของในช่องเก็บของของเขา


‘หึหึหึ มันคือเทพมังกร เทพมังกร!’


จริงๆแล้วเขานั้นพยายามที่จะฟักไข่ของเทพมังกรก่อนที่เขาจะล็อกเอ้าท์เมื่อวานแล้ว แต่เขามีไข่ของมอนสเตอร์โบราณอยู่เขาจึงทดลองกับพวกนั้นเสียก่อน


ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เขาไม่สามารถใช้มันได้ทันทีเพราะว่าสกิลของเขาติดคูลดาวน์


เอียนนำไข่เทพมังกรออกมาด้วยความทะนุถนอมราวกับมันเป็นกล่องสมบัติ เขาถือด้วยมือข้างนึงถือด้านล่างและอีกมือนึงก็ประคองอยู่ด้านบน


“แสงสว่าง! มันจะต้องเป็นระดับLegendaryแน่ๆ”


พวกเขาบอกกันมาว่ามังกรสงครามคาร์เซอุสมีพลังโจมตีสูงที่สุดในหมู่เทพมังกร


‘ถ้าหากมันไม่ใช่ระดับ Legendary แล้วมันจะเป็นอะไรได้ละ?’


เอียนฮัมเพลงพร้อมกับใช้สกิลฟักไข่


“ฟักไข่สัตว์เลี้ยง!”


พลังงานอันแสนอบอุ่นก็ปกคลุมมือของเอียน


Whoong-!


และแสงสว่างสีม่วงก็ระยิบระยับไปทั่วทั้งไข่เทพมังกร และเริ่มที่จะหมุนวนรอบๆไข่


‘โอ้ว อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ การฟักไข่ของเทพมังกรมันแตกต่างกับอันอื่นทีเดียว!’


เมื่อความตื่นเต้นได้จางหายไป เอียนก็เริ่มดูการเปลี่ยนแปลงของไข่


ไข่ระดับCommonที่เอียนฟักเมื่อวานไข่เริ่มแตกร้าวทันทีเมื่อเขาใช้สกิลฟักไข่และมันก็มีมอนสเตอร์เกิดขึ้นมา แต่ไข่เทพมังกรนี้มันไม่แตกออกในทันทีและทำให้เอียนกังวล


หลังจากผ่านไป5นาที เอียนรู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกๆ


‘อะไรอีกเนี่ย? ทำไมมันถึงนานขนาดนี้?’


แสงสว่างระยิบระยับยังคงหมุนวนอยู่รอบๆไข่


มันไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรอีก


เอียนตรวจสอบข้อมูลของไข่อย่างละเอียด


 


ไข่คาร์เซอุส


เลเวล: 0


ประเภท: ไข่


ระดับ: Legendary (ตามธรรมชาติ)


บุคลิกภาพ: ไม่ทราบ


กำลังฟักไข่ (0%)


ไข่ของคาร์เซอุส เทพมังกรในยุคโบราณกาลทิ้งเอาไว้


ไข่ของคาร์เซอุสเริ่มที่จะฟักตัว


การที่จะฟักไข่ของคาร์เซอุสได้ มันต้องการสงครามที่ทรงพลัง


เมื่อใดก็ตามที่ซัมมอนเนอร์ผู้ถือครองไข่เอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งได้ คาร์เซอุสจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทีละนิดและจะฟักตัวออกมา


“ฟู่ววว”


ทันทีที่เอียนตรวจสอบข้อมูลของไข่เรียบร้อบแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


เขาวิตกว่ามันจะมีเควสต์อะไรเพิ่มเติมอีกเพื่อที่จะฟักไข่ออกมา


‘ฉันยังไม่สามารถฟักไข่ได้ในตอนนี้ แต่ถ้าฉันล่าต่อไปเรื่อยๆมันะฟักออกมาเองสินะ?’


และคำว่า ‘Legendary’ ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงระดับของมันได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันทำให้เอียนฮึกเฮิมทีเดียว


‘แต่ไอคำว่า ‘ตามธรรมชาติ’ ที่เขียนถัดจากLegendaryคืออะไร?’


เอียนไม่อาจหาคำตอบได้ในตอนนี้ แต่อิงจากความหมายของคำแล้วเขาคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องไม่ดี


“เราไปที่มิวรันกันเลยดีกว่า”


เอียนค่อยๆเก็บไข่ของคาร์เซอุสเข้าไปในหน้าอก


และเขาก็เปิดหน้าต่างเควสต์ขึ้นมา


เขาเปิดหน้าต่างเควสต์มาเพื่อดูข้อมูลอีกครั้งก่อนที่จะไปพบกับราชา


ขณะที่ดูข้อมูลเอียนก็เกิดอาการงุนงง


“เดี๋ยวนะ? มันมีเวลาจำกัดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


เวลาจำกัดของเควสต์ไข่กริฟฟินเขามั่นใจว่าเขาจำได้ว่ามันแจ้งว่า ‘ไม่ทราบ’ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นประมาณ3อาทิตย์


ในตอนที่ราชาเซเรียสออกคำสั่งกับอัศวินรักษาพระองค์เฮลเลมเวลาจำกัดมันก็โผลล่ขึ้นมาทันทีแต่เอียนไม่มีทางรู้


‘มันน่าจะเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆถ้าฉันปล่อยมันเอาไว้แบบนี้’


เอียนรีบกลับไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรรัสเปล มิวรัน


ถ้าหากเขาทำเควสต์อาณาจักรสำเร็จ เขาก็จะได้หมดห่วงสักที


‘ฉันต้องรีบไปให้เร็วที่สุด’


จริงๆแล้วเควสต์ที่เป็นปัญหาต่อเขามากที่สุดคือเควสต์อาณาจักร


มันเป็นเพราะว่าถ้าหากทำไม่สำเร็จมันจะสร้างความเสียหายให้แก่เขามากที่สุด


เขาโล่งใจมากในตอนที่เขาได้สกิลฟักไข่ แต่ดูจากการที่ไข่ของคาร์เซอุสไม่ฟักออกมาในทันที เขาก็รู้สึกว่ามันจะต้องมีเงื่อนไขอะไรสักอย่างก่อนแน่ๆ


ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เวลาที่เหลืออยู่3สัปดาห์อาจจะไม่พอก็ได้


เอียนมุ่งหน้าไปสู่พระราชวัง


 


* * *


 


“เอาละเอียน เจ้ากลับมาพร้อมกับวิธีการฟักไข่กริฟฟินสินะ?”


ต่อหน้าพระราชา


เอียนเหงื่อเย็นไหลขณะที่มองไปยังอัศวินรักษาพระองค์เฮลเลมที่กำลังจ้องเขาอยู่จากด้านข้างของราชา


‘ทำไมดูเหมือนว่าไอบ้านี่มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว?’


ความแข็งแกร่งที่เอียนสัมผัสได้จากเฮลเลมนั้นเกินกว่าที่คิดมาก


เอียนไม่อาจทราบได้ว่าที่เขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเฮลเลมเป็นเพราะเขาเลเวลสูงขึ้นหรือเพราะว่าเฮลเลมแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ แต่มันก็คือความจริงที่เขาแข็งแกร่งเขาไม่อาจมองข้ามได้เลย


เอียนกลืนน้ำลายก่อนที่จะตอบพระราชา


“ครับท่าน ผมได้รับความสามารถในการฟักไข่สัตว์เลี้ยงมาแล้ว”


เมื่อเอียนพูดด้วยความมั่นใจ เซเรียสก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ


ขณะที่พูดอยู่เอียนก็ได้หาทางออกเอาไว้ให้เขาพอหลบหนีได้


เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องฟักไข่ของกริฟฟินแบบเจาะจง


‘ถ้าหากฉันใช้สกิลฟักไข่ ถ้าหากมันเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้นแม้จะเป็นเรื่องยากที่จะเกิด ฉันก็ยังต้องการข้อต่อรองสักนิด


เอียน เซเรียส และเฮลเลมเดินไปด้านในสวนหย่อมของพระราชวังที่นำโดยทหารพระราชวังไม่กี่คน


และหลังจากที่เดินไปได้ประมาณ5นาที เอียนก็พบกับไข่กริฟฟิน


มันมีแสงหมุนวนตรงไข่ของกริฟฟินเหมือนกับของไข่เทพมังกร


เฮลเลมเปิดปากพูด


“เอียนเจ้าเป็นซัมมอนเนอร์เจ้าก็น่าจะรู้ว่ามันคืออะไรทันทีที่เห็น แต่ถ้าจะพูดให้ชัดมันคือไข่ของกริฟฟิน


เอียนพยักหน้า


“ครับ”


เซเรียสจ้องมองไปด้านหน้าและหลังระหว่างเอียนและไข่กริฟฟินโดยไม่พูดอะไร


‘เขากำลังหมายถึงให้ฉันไปลองสินะ’


เอียนเข้าใจได้และค่อยๆเดินเข้าหากไข่


‘ได้โปรดเถอะฟักให้ได้ในทีเดียวทีเถอะนะ’


เอียนวางมือของเขาที่ด้านบนของไข่กริฟฟิน


และเอียนก็เรียกใช้สกิล


Whoong-


เหมือนกับตอนที่เขาใช้กับไข่เทพมังกร พลังงานอบอุ่นไหลเข้าสู่มือของเอียน


และแสงสีเหลืองที่อยู่ด้านในไข่กริฟฟินก็แผ่ขยายออกมา


เซเรียสที่มองดูอยู่ก็อุทานออกมาเล็กน้อย


“โอ้วว…กริฟฟินมันกำลังฟักอยู่”


เฮลเลมก็มองดูด้วยความสงบเสงี่ยม


มันเป็ฯความจริงที่เอียนกำลังฟักไข่กริฟฟินซึ่งเฮลเลมนั้นไม่เคยเชื่อใจเอียนมาก่อนจนตอนนี้ที่เขาทำในสิ่งที่ไม่มีใครในราชวังทำได้มาก่อน จึงทำให้เขามองเอียนอีกแบบในทันที


Whoosh-!


ทันทีที่เรียกใช้สกิลเสร็จ เอียนก็ถอยออกมา


พลังงานสีเหลืองไหล่วนรอบไข่แต่มันเหมือนกับไข่เทพมังกรมันดูเหมือนจะไม่ฟักตัวในทันที


‘ไม่มันฟักในทันทีจริงๆด้วย ลองตรวจสอบข้อมูลของไข่ดูดีกว่า’


เอียนเปิดหน้าต่างข้อมูลของไข่กริฟฟินทันที


 


ไข่กริฟฟิน


เลเวล: 0


ประเภท: ไข่


ระดับ: Legendary


บุคลิกภาพ: ไม่ทราบ


กำลังฟักไข่ (0%)


ไข่ของกริฟฟิน ตำนานโชคลาภ


ไข่ของกริฟฟินเริ่มที่จะฟักตัว


เพื่อที่จะทำให้ฟักตัว มันต้องการความแข็งแกร่งของสายลม


ถ้าหากมันได้รับความแข็งแกร่งของสายลมจากสถานที่ที่มีลมแรงที่สุดในทวีปโคโรน่า กริฟฟินจะฟักตัวออกมา


 


ระดับLegendaryที่เขียนอยู่ก็สะดุดตาของเอียน


‘กริฟฟินนี่ก็เป็นLegendary…แต่ถึงมันจะเป็นระดับLegendaryมันก็ไม่มีตามธรรมชาติติดอยู่ด้วย ฉันสงสัยจริงๆว่ามันต่างกันยังไง’


เอียนที่ได้อ่านข้อมูลแล้วก็ส่งเสียงต่ำออกมา


“อืมม…”


‘สถานที่ที่มีลมแรงที่สุดในทวีปโคโรน่า? ที่ไหนกันนะ?’


และเซเรียสก็ได้ถามกับเอียนที่กำลังขบคิดอยู่


“เอียนการฟักไข่ของกริฟฟินเป็นยังไงบ้าง? มันกำลังจะฟักตัวใช่มั้ย?”


เอียนก้มหัวลงเล็กน้อยและตอบกลับ


เขาไม่ลืมที่จะระวังเพื่อที่จะไม่ให้พลั้งปากพูดไม่ดีออกไป


เขารู้สึกว่าหากเขาเผลอพูดอะไรผิดไปแม้แต่นิดเดียว ดาบของเฮลเลมจะบินมาหาเขาแน่นอน


“ใช่แล้วขอรับ ผมได้เริ่มกระบวนการฟักตัวแล้ว”


“โอ้ เข้าใจแล้ว”


ขณะที่มองไปยังเซเรียสที่กำลังดีใจอยู่ เอียนก็คิด


เขาต้องหาวิธีการบอกความจริงกับราชาให้ได้ว่าไข่จะยังไม่ฟักตัวในตอนนี้โดยที่ไม่ทำตัวเสียมารยาท


‘ฉันอดที่จะตกใจไม่ได้จริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ฉันรู้มาตั้งแต่แรกแล้วก็เถอะ’


เอียนรีบคิด


‘ในเมื่อมันเป็นเควสต์อาณาจักร มันก็น่าจะเป็นความคิดที่ดีหากใช้พลังของราชาใช่มั้ย?’


และเขาก็ค่อยๆเปิดปาก


มันเป็นเรื่องที่เขาเพิ่งรู้หลังจากที่ตรวจสอบหน้าต่างข้อมูล แต่ว่าเขาต้องทำให้เหมือนว่าเขารู้มาก่อนอยู่แล้ว


“แต่มันมีเงื่อนไขบางอย่างก่อนเพื่อที่จะฟักไข่กริฟฟินครับ”


“เงื่อนไข? เงื่อนไขอะไร?”


“กริฟฟินเกิดมาด้วยโชคลาภพร้อมกับส่วนผสมของลม เพื่อที่จะฟักไข่ของกริฟฟินให้สำเร็จมันจะต้องรับพลังงานในสถานที่ที่มีลมแรงที่สุดในทวีปโคโรน่า”


เอียนจ้องมองไปยังพระราชา


โชคดีที่เซเรียสเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ที่เอียนบอกไป


“เห้อ…อย่างที่คิดไว้เลยในเมื่อมันเป็นโชคลาภในตำนาน…”


เซเรียสหันไปหาเฮลเลม


“เฮลเลมเจ้าพอจะรู้มั้ยว่าที่ไหนมีลมแรงที่สุดแบบที่เอียนบอก?”


เอียนมองไปยังเฮลเลมด้วยสายตาที่คาดหวัง


ถ้าหากเป็นทหารรักษาพระองค์ในพระราชวังก็น่าจะเคยไปมาทั่วทวีปโคโรน่าแล้ว ดังนั้นมันก็มีโอกาสที่เขาจะรู้จักสถานที่นั้น


และเฮลเลมค่อยๆพูดออกมา


“ถ้าหากเป็นที่ที่ลมแรงที่สุดละก็…”


สายตาทั้งหมดจ้องมองมาที่ปากของเขา และเฮลเลมก็พูดอีกครั้ง


“กระผมเชื่อว่าที่เขาพูดถึงจะต้องเป็นสกายไฮแลนด์แน่นอนขอรับ ถ้าเป็นแท่นบูชาท้องฟ้าที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางสกายไฮแลนด์ละก็มันจะต้องมีลมแรงที่สุดแน่นอนขอรับ”


และทันทีที่เขาได้ยินเช่นนั้น คนที่ตกตะลึงมากที่สุดเป็นเอียน


‘อะไรนะ? สกายไฮแลนด์?’


สกายไฮแลนด์เป็นสถานที่ที่เอียนรู้จักเป็นอย่างดีเช่นกัน


แม้เขาจะไม่ถึงไป แต่ถ้าหากกางแผนที่ทวีปโคโรน่าออกมาละก็สถานที่แห่งนี้จะตั้งอยู่ตรงใจกลางแผนที่เลย


เหตุผลที่เอียนตกใจนั้นไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นชื่อที่คุ้นเคย


ปัญหาคือสกายไฮแลนด์นั้นโดยรอบจะเป็นพื้นที่รกร้าง


‘ไม่นะ นี่มันบ้าไปแล้ว จะไปที่นั่นได้ยังไงกัน? เท่าที่ฉันได้ยินมาเลเวลของมอนสเตอร์ในพื้นที่รกร้างนั้นนมันเท่ากับทะเลทรายชิการ์!’


พื้นที่รกร้างเป็นพื้นที่ที่มอนสเตอร์เลเวลต่ำที่สุดอยู่ที่130 ขณะที่เลเวลสูงสุดก็ไม่อาจรู้ได้


สำหรับเอียนถ้าหากให้เขาไปคนเดียวก็เหมือนการไปฆ่าตัวตายชัดๆ


ไม่ใช่เพียงแค่เอียนเท่านั้น แต่ไม่มีผู้เล่นคนไหนหรือกิลด์ไหนที่มีความสามารถมากพอที่จะไปพื้นที่รกร้างและไปถึงสกายไฮแลนด์ได้เลย


สายตาของเอียนรีบหันไปหาเซเรียสทันที


‘เราต้องให้ทหารราชวังช่วยไม่ว่ายังไงก็ตาม’


การใช้กำลังของพระราชานั้นไม่เปนเพียงตัวเลือกแล้วแต่เป็นสิ่งที่จำเป็น


เอียนเปิดปากพูดกับเซเรียส


“พระองค์ ผมไม่แข็งแกร่งพอที่จะไปปสกายไฮแลนด์กับไข่กริฟฟินในตอนนี้”


เอียนตัดสินใจว่าตอนนี้เป็นเวลาที่จะต้องพูดด้วยความสัตย์จริงมากกว่าการที่จะพูดอ้างไปเรื่อย


“ผมต้องการกำลังของพระองค์”


และตัวเลือกของเขาก็ถูกต้อง


“ข้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน จริงๆแล้วแม้ว่าจะไม่มีเหตุผลนั้นข้าก็ไม้สามารถที่จะให้เจ้าไปกับไข่กริฟฟินได้เพียงลำพัง”


พร้อมกับคำพูดที่บอกจะช่วยเอียน เขาก็พูดถึงว่าเขาก็ไม่ไว้ใจเอียนขนาดนั้นเช่นกัน


ถึงกระนั้นสำหรับเอียนแล้วคำพูดเช่นนั้นมันก็ดูดีกว่าสิ่งอื่นใด


เซเรียสหันไปหาเฮลเลม


“เฮลเลม”


“ครับ พระองค์”


ราชาค่อยๆพูด


“จงไปช่วยเอียน ทำให้เขากับไข่กริฟฟินไปจนถึงสกายไฮแลนด์อย่างปลอดภัย”


และเฮลเลมก็โค้งหัวลงเล็กน้อยโดยไม่ลังเลและตอบรับพระราชา


Clunk- .


“ตามประสงค์ของพระองค์ขอรับ”



ตอนที่ 85

เซเรียสสั่งการได้อย่างยอดเยี่ยม


ทันทีที่ต้องตัดสินใจว่าจะให้อัศวินองครักษ์ไปที่สกายไฮแลนด์ เฮลเลมก็ถูกสั่งให้ตามไปด้วยในฐานะหัวหน้า


เอียนเริ่มเดินทางไปกับปาร์ตี้


‘อะไรวะเนี่ย พวกเราเดินทางเร็วมากเพียงชั่วพริบตาเอง’


เอียนคิดว่าการเดินทางจะต้องใช้เวลากว่าหนึ่งวันเป็นอย่างน้อยเพื่อที่จะเตรียมตัว เขาก็ทำได้เพียงประหลาดใจ


หรือเพราะว่ามันเป็นเกม? มันก็ดีที่ทุกอย่างเป้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่า…’


เขาเป็นกังวลเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าเขาเดินทางไปพร้อมกับปาร์ตี้โดยไม่ต้องเตรียมตัวใดๆ


สถานที่ที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปนั้นเป็นพื้นที่ล่าที่มีเลเวลมอนสเตอร์มากที่สุดเท่าที่รู้จักเลยทีเดียว อยู่ในจุดที่ไม่มีใครเคยเข้าไปโจมตีมาก่อน ดังนั้นมันคงจะแปลกถ้าหากเขาไม่เป็นกังวลอะไรเลย


ไม่ว่าเขาจะอยู่กับอัศวินของราชวงศ์ก็ตามเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรอยู่ข้างหน้า


‘แต่จำนวนคนน้อยกว่าที่คาดไว้มาก’


ขนาดของคณะเดินทางนั้นไม่ใหญ่มาก


แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เมื่อเอียนดูข้อมูลของทุกคน เอียนก็ถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมา


‘อัศวินหลวงเลเวลต่ำสุดคือเลเวล 150…’


ท่ามกลางอัศวินที่เลเวลสูง เอียนเห็นมอนสเตอร์สองตัวที่มีเลเวลมากกว่า 170


‘ถ้างั้นเลเวลของเฮลเลมคือเท่าไหร่?’


ทันใดนั้นเอียนก็อยากรู้ข้อมูลของเฮลเลมที่ถูกเก็บเป็นความลับ


‘เขาเลเวลเกิน 200 หรอ?’


ขณะที่เอียนกำลังคิดไปเรื่อย คณะเดินทางของเขาก็มาถึงขอบของดินแดนรกร้างแล้ว


ดินแดนรกร้างนั้นตั้งอยู่ที่ชายแดนของอาณาจักรรัสเปลและอาณาจักรไคม่อน


มันค่อนข้างห่างไกลจากเมืองหลวงมิวรัน แต่พวกเขาสามารถมายังชายแดนได้ในทันทีด้วยการยืมพลังของนักเวทหลวงจึงทำให้การเดินทางไปยังดินแดนรกร้างใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง


“งั้นที่นี่คือดินแดนรกร้างสินะ”


เมื่อเอียนพูด เฮลเลมพยักหน้าและตอบกลับ


“ใช่แล้ว มันถึงเวลาที่มอนสเตอร์จะค่อยๆปรากฏตัวออกมาแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม”


ทัศนคติของเฮลเลมต่อเอียนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในลักษณะที่เป็นมิตร


เอียนคิดว่าเป็นความโล่งอก


‘หากไม่เป็นเช่นนั้นฉันอาจเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจก่อนที่เราจะไปถึงที่สกายไฮแลนด์…’


เอียนอัญเชิญสัตว์เลี้ยงของเขาทีละตัวและเตรียมพร้อมต่อสู้


ตั้งแต่ที่เอียนมีเลเวลสามหลัก แม้ว่าพวกมันจะเป็นมอนสเตอร์เลเวล130 เขาก็คิดว่าเขาก็ช่วยได้เพียงไม่มากเท่านั้นในการต่อสู้


และมีส่วนหนึ่งที่เขาตั้งเป้าไว้


‘พวกเขาบอกว่าNPCที่ต่อสู้ด้วยกันระหว่างเควสต์จะนับเป็นสมาชิกปาร์ตี้…’


ค่าประสบการณ์ที่เขาจะได้ขณะที่ล่ามอนสเตอร์ระดับสูงสุดของดินแดนรกร้างพร้อมกับอัศวินอันแข็งแกร่งของราชวงศ์เพื่อที่จะไปถึงสกายไฮแลนด์มันค่อนข้างน่าดึงดูดทีเดียว


เอียนมองไปที่ฮัลลิที่ตามข้างหลังของเขา


‘เพียงเท่านี้ศักยภาพของเจ้านี่ก็อยู่ที่ 100 หน่วยเช่นกัน’


ขณะที่เขาทำเควสต์อยู่ที่ป่าแห่งความรักเขาไม่อาจล่าได้เลย แต่เขาก็หมั่นใช้สกิลฝึกฝนแก่ฮัลลิจึงทำให้ตอนนี้มันมีค่าศักยภาพถึง100แล้ว


‘ศักยภาพสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของฉันอยู่ 100 หน่วยแล้วใช่ไหม?


เอียนตรวจสอบข้อมูลของสัตว์เลี้ยงทั้งหมดทีละตัว


และอย่างที่เอียนจำได้ พวกมันทั้งหมดศักยภาพอยู่ที่ 100 หน่วย


‘สักพักแล้วที่ฉันไม่ได้ใช้สกิลสุ่มดังนั้นมันก็น่าจะถึงเวลาแล้ว’


เมื่อสัตว์เลี้ยงของเขาได้รับมาจนถึงตอนนี้ทุกตัวมีสกิลแฝงที่เหมาะสม เขาไม่พบความต้องการที่จะใช้สุ่มสกิลกับพวกมัน


นี่เป็นเพราะมันจะล้มเหลวถ้าเขาใช้สุ่มสกิลกับสัตว์เลี้ยงที่มีสกิลดีและได้รับสกิลไร้ประโยชน์แทน


อย่างไรก็ตามการไม่ใช้สุ่มสกิลเมื่อศักยภาพทั้งหมดของพวกมันอยู่ที่ 100 หน่วยจะน่าเสียดาย


‘ใครที่ฉันควรจะใช้สุ่มสกิลด้วยดี?’


เอียนคิดสักพักและตัดสินใจที่จะใช้สกิลกับไล


‘ดุ๊กเดมีสกิลหลุมอเวจีและเลตมีสกิลพ่นไฟลาวาที่เป้นสกิลที่ยังจำเป็นอยู่ในตอนนี้ และบุ๊กค์กูมีสกิลขยายกระดองซึ่งค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว…’


แต่การใช้สุ่มสกิลกับฮัลลิก็ออกจะแปลกๆไปหน่อย


เขาไม่อาจรู้ได้ว่าฮัลลิจะเลเวลเพิ่มขึ้นเท่าใดในทันทีต่อมอนสเตอร์ตัวนึงในดินแดนรกร้างที่ใกล้จะปรากฏตัว และเขาไม่อาจลดค่าศักยภาพของมันที่เขาทำให้มันถึง100หน่วยได้แล้ว


เอียนเรียกไล


“ไลมานี่สิ”


กร๊าาา-


ไลเดินเข้าหาเขา เอียนก็วางมือไว้บนหัวของมัน


เขายังไม่มั่นใจเท่าไหร่แต่สุดท้ายเขาก็ใช้สุ่มสกิลกับไลที่ดูเหมือนจะคุ้มค่าที่สุด


‘สกิลเบอร์เซิร์กก็ดี แต่ฉันน่าจะหวังอันที่มันดีกว่านี้’


เอียนเรียบเรียงความคิดของตนเรียบร้อยแล้วก็เรียกใช้สกิลโดยไม่ลังเลอีกต่อไป


“สุ่มสกิล!”


และแสงสีขาวก็ได้ถูกดูดเข้าไปในร่างของไล


ท่านได้ใช้สกิล ‘สุ่มสกิลสัตว์เลี้ยง’ แก่ ‘ไล’ ค่าศักยภาพของไลลดลง 20 หน่วย สกิล ‘เบอร์เซิร์ก’ ของไลหายถูกลบ สัตว์เลี้ยง ‘ไล’ ได้รับสกิล ‘Dance of Frenzy’


พร้อมกันนั้นข้อมูลของสกิลใหม่ก็ปรากฏขึ้นมา


 


Dance of Frenzy


ประเภท – สกิลเรียกใช้


ระดับสกิล – Rare


ระยะเวลาคูลดาวน์ – 30นาที


ค่าพลังโจมตีและความว่องไวเพิ่มขึ้น50% และค่าพลังป้องกันจะลดลงครึ่งหนึ่ง เป็นเวลา10นาที


 


เอียนเมื่อได้ตรวจสอบสกิลแล้วก็ผิดหวังเล็กน้อย


‘เห้อ มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าสกิลเบอร์เซิร์กเลย..’


มันเป็นบัฟสกิลที่มีความสามารถเหมือนกับเบอร์เซิร์ก แต่ว่าค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นและลดลงมันเท่ากัน


ระยะเวลาคูลดาวน์ลดลงมาก แต่คุณสมบัติเสริมที่ไลจะเพิ่มค่าพลังโ๗มตีเมื่อติดคริติคอลหายไป มันค่อนข้างยากที่จะพูดว่ามันดีกว่าสกิลเบอร์เซิร์ก


เอียนตัดสินใจที่จะใช้สุ่มสกิลอีกครั้ง


‘ในเมื่อจะสุ่มแล้วก็สุ่มให้มันได้สกิลที่ดีที่สุดไปเลยดีกว่า’


ถ้าหากเขาได้สกิลที่ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเท่าไหร่ เขารู้สึกว่าเขาค่อนข้างที่จะขาดทุน


เอียนใช้สุ่มสกิลอีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม…


“เห้อ…”


ครั้งนี้สกิลระดับCommonออกมาอีกครั้ง


เอียนมือสั่น


‘นี่ฉันหวังสูงเกินไปงั้นหรอ?’


ค่าศักยภาพของไลเหลือ60แล้ว


เขาไม่อยากที่จะปล่อยให้มีสกิลไร้ค่าระดับCommonทิ้งไว้แบบนี้


มันก็เหมือนความรู้สึกที่พนันไปล้านวอนและเสียล้านวอน กับพนันสองล้านวอนและได้กลับมาอย่างน้อยเก้าแสนวอน


เอียนเรียกใช้สกิลอีกครั้ง


‘ครั้งนี้ ได้โปรดเถอะ…!’


และข้อความระบบก็เด้งขึ้นมา


สัตว์เลี้ยง ‘ไล’ ได้รับสกิล ‘กระหายเลือด’


เอียนรีบตรวจสอบข้อมูลสกิลทันที


 


กระหายเลือด


ประเภท – สกิลเรียกใช้


ระดับสกิล – Heroic


ระยะเวลาคูลดาวน์ – 15นาที


ค่าพลังโจมตีและความว่องไวเพิ่มขึ้น30% และความเร็วเคลื่อนที่ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น40% เป็นเวลา3นาที


ขณะที่อยู่ในสถานะ ‘กระหายเลือด’ ความเสียหายที่สร้างให้แก่ศัตรูที่พลังชีวิตต่ำกว่า30% จะได้รับซ้ำอีกครั้งและเมื่อใดก็ตามที่ศัตรูถูกสังหารค่าพลังชีวิต20%ของทั้งหมดจะได้รับการฟื้นฟู


(อย่างไรก็ตามการโจมตีของสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในสถานะกระหายเลือดต้องเป็นผู้ปิดฉากการโจมตีให้ตายเพื่อที่จะทำให้สกิลทำงาน)


 


เอียนเกือบจะหลุดเสียงตะโกนออกมา


‘เยี่ยม! ค่าศักยภาพ60หน่วยไม่ได้เสียเปล่าสำหรับอะไรแบบนี้’


มันเป็นบัฟสกิลระดับHeroicซึ่งดีมาก


เอียนดีใจสุดๆ


‘ในเมื่อหน้าที่ของไลก็เป็นผู้ทำความเสียหายเดี่ยวซึ่งเป็นคนจัดการฆ่าศัตรูที่ใกล้ตายหลังจากโดนสกิลAoEอยู่แล้ว มันเป็นสกิลที่เหมาะกับไลมาก’


ดูเหมือนว่าไลก็ดีใจเช่นเดียวกัน มันถูหัวของมันที่สะโพกของเอียน


Grr- Grrr-!


‘ตอนนี้ฉันก็มั่นใจว่าฉันจะไม่เปลี่ยนสกิลไปอีกสักพัก’


เอียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และลูบหัวของไล


และขณะที่มองไปด้านหน้า เขาก็บ่นออกมา


“ฉันอยากจะลองใช้สกิลนี้เร็วจัง…”


ทันใดนั้นหัวหน้าของปาร์ตี้ก็ส่งสัญญาณว่าศัตรูปรากฏตัวออกมา


Brrr-!


เสียงแตรดังสนั่น และอัศวินหลวงก็เข้าสู่สถานะพร้อมรบ


เฮลเลมเดินไปหาเอียน


“เอียน เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถสู้ได้หรือไม่?”


พร้อมกับคำถามของเฮลเลม เอียนก็ตรวจสอบศัตรูก่อน


‘เหยี่ยวสายฟ้า…เลเวลประมาณ132 มีประมาณ10ตัว?’


ถ้าหากเป็นเขาคนเดียว เขาก็คงจะวิ่งหนีไปโดยที่ไม่คิดจะหันหลังกลับแต่ถ้าหากอยู่กับอัศวินหลวงแล้วละก็ เอียนก็รู้สึกว่าเขาสามารถสู้ได้


เอียนตอบกลับ


“ครับหัวหน้า ผมไม่เป็นไร”


เฮลเลมหยักหน้าเล็กน้อยขณะที่แสดงออกว่าเป็นกังวลเล็กน้อย


“ข้าจะเชื่อเจ้า แต่อย่างทำอะไรเกินตัวเพราะจะทำให้อัศวินของเราต้องถูกจัดการเพราะเจ้า”


คำพูดพวกนั้นอาจทำร้ายศักดิ์ศรีของเขา แต่จากมุมมองของเฮลเลมแล้วมันแน่นอนว่าเขาจะต้องกังวลและเขาก็พูดถูกเช่นเดียวกัน


เอียนเห็นด้วยกับคำพูดพวกนั้น


“เข้าใจแล้วครับ”


ในที่สุดการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น


เอียนออกคำสั่งแก่ดุ๊กเดอย่างทุกครั้ง


“ดุ๊กเด ลองดึงพวกมันมาให้มากที่สุดด้วยสกิลหลุ่มอเวจี”


Deu-reu-reuk-


ดุ๊กเดเมื่อได้รับคำสั่งจากเอียนแล้ว ก็พุ่งเข้าไปหาเหนี่ยวสายฟ้าและร่ายหลุ่มอเวจีออกมา


Keu-ohhhh-


ระยะของหลุมอเวจีค่อนข้างใหญ่ แต่เหยี่ยวสายฟ้าที่เป็นมอนสเตอร์เลเวลสูงที่มีความเชี่ยวชาญในด้านความว่องไวก็ไม่ยอมเข้ามาในระยะของหลุมอเวจีโดยง่าย


ดุ๊กเดนั้นมีความว่องไวที่ต่ำกว่าศัตรูอย่างมาก


จำนวนของเหยี่ยวสายฟ้าที่มาติดกับหลุมอเวจีนั้นมีสองตัวก่อนที่จะตายไป


แม้ว่ามันจะช่วยค่อนข้างเยอะแล้วก็ตาม


“เลค พ่นไฟ!”


ไฟของเลคก็พุ่งไปหาเหยี่ยวสายฟ้าที่ถูกตรึงไว้อยู่และหลังจากนั้นอัศวินหลวงก็พุ่งเข้ามา


เอียนรีบสั่งการไลทันที


“ไล กระหายเลือด!”


Grr-!


ร่างของไลที่เป็นสีแดงอยู่แล้ว ก็เริ่มเปล่งแสงสีแดงออกมาอีก


และด้วยความเร็วของไล ร่างของมันก็แหวกอากาศไป


ไลวิ่งเข้าหาเหยี่ยววิหกที่ชื่อเริ่มกระพริบแล้วหลังจากโดนโจมตีโดยอัศวินหลวง


และมันก็แยกเขี้ยวสีขาวของมันออกมา


Kwa-deu-deuk-!


สัตว์เลี้ยง ‘ไล’ ทำความเสียหายคริติคอลให้แก่ ‘เหยี่ยวสายฟ้า’! พลังชีวิตของเหยี่ยวสายฟ้าลดลง7,250หน่วย ด้วยผลของ ‘กระหายเลือด’ ทำความเสียหายเพิ่มเติม 7,250 หน่วย


ขณะที่มองไลที่ใช้สกิลได้ในระดับที่น่าทึ่งมาก เอียนก็แสดงท่าทีดีใจออกมา


‘มันทำความเสียหายเกือบ15,000หน่วยในทันที เทียบกับไฟของเลคที่เกือบๆจะ20,000หน่วย มันเป็นระดับที่น่าพอใจมากทีเดียว’


ไฟของเลคเป็นการโจมตีแบบAoE และเพราะเช่นนั้นจึงทำให้คูลดาวน์มันนานมันยากที่จะเปรียบเทียบกับไล


อย่างไรก็ตามมันอาจเป็นตัวบ่งชี้ในระดับหนึ่ง


และการโจมตีของไลก็สำเร็จ คอของเหนี่ยวสายฟ้าก็ถูกแทงอย่างต่อเนื่องโดยหอกของอัศวินหลวง


เลเวลของเหยี่ยวสายฟ้าสูงมาก แต่เลเวลของอัศวินหลวงที่เกือบจะ170 เหยี่ยวสายฟ้าที่ยังมีพลังชีวิตเหลืออยู่ก็หายไปในการโจมตีเพียงครั้งเดียว


และขณะที่มองข้อความที่เด้งขึ้นมา มุมปากของเอียนก็ฉีกไปถึงใบหู


ท่านได้สังหารเหยี่ยวสายฟ้า ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 10,500 หน่วย


‘แม้ว่าจะเป็นค่าประสบการณ์ที่แบ่งกันแล้ว ยังได้ค่าประสบการณ์ตั้งหนึ่งหมื่นหน่วย’


ดูเหมือนว่าเพราะพวกเขาเป็นNPCจึงทำให้ค่าประสบการณืที่แบ่งไปนั้นจะได้รับน้อยกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ดังนั้นค่าประสบการณ์ที่เขาได้จึงมากกว่าที่คาด


มันเป็นสถานการณ์ที่เขาได้รับค่าประสบการณ์มากกว่าที่เขาได้ขณะที่ล่าคนเดียวในซากปรักหักพังอาโนวิลโบราณเสียอีก


ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการล่ามันก็เร็วกว่ามาก


เอียนต้องการที่จะคำนับเฮลเลมแบบสุดๆ


‘ขอบคุณที่ให้เกาะครับ’



ตอนที่ 86

อัศวินของราชวงศ์นั้นแข็งแกร่ง


และในหมู่พวกเขานั้น เฮลเลมโดดเด่นที่สุด


‘ว้าว…เหยี่ยวสายฟ้าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว’


หน้าที่ของเอียนนั้นคือเป็นคนคอยซัพพอร์ต


ตอนแรกเขาพยายามที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ไม่นานเขาก็คิดได้ว่าการช่วยบัฟให้กับใครสักคนมันจะดีกว่า


‘อย่างน้อยดุ๊กเดและเรคค่อนข้างตื่นตัว’


หลุมอเวจีของดุ๊กเดสามารถผูกมัดฝ่ายตรงข้ามได้เป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่และเนื่องจากพลังโจมตีของเรคแข็งแกร่งมากมันจึงสร้างความเสียหายค่อนข้างมากกับ AoE ของมัน


ไลที่เพิ่งเรียนรู้สกิลใหม่มานั้นก็ขยันเช่นกัน แต่ความเสียหายของมันไม่เพียงพอเท่าไหร่นัก และฮัลลิที่ตอนนี้มีเลเวลถึง50แล้วก็คอยสอดส่องและเลี่ยงมอนสเตอร์


การกระทำทั้งหมดของเอียนและสัตว์เลี้ยงของเขาเทียบได้กับแนวหน้าของอัศวินหลวงหนึ่งถึงสองคน


แน่นอนว่ามันทำให้เฮลเลมยิ่งมองเอียนสูงขึ้นไปอีก


“เจ้าเป็นซัมมอนเนอร์ที่ยอดเยี่ยมมากกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก”


“ฮ่าฮ่า อย่างนั้นหรอ?”


สำหรับเฮลเลมเขาคิดว่าเอียนที่มีเลเวลเพียง100จะไม่สามารถช่วยอะไรได้ในการต่อสู้


และเมื่อการต่อสู้ซ้ำไปซ้ำมา เอียนก็ยิ้มปากถึงรูหู


‘ฮาฮ่าฮ่า นี่คือวิธีที่ได้รับค่าประสบการณ์อย่างแท้จริงโดยไม่ต้องทำอะไรมาก!’


พวกเขาสู้กันโดยประมาณ3ชั่วโมงแต่เอียนที่มีเลเวล100ก็ได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มมา25% และไลก็เลเวลถึง101 ขณะที่ฮัลลิที่ตอนแรกเลเวลเพียง1…


สัตว์เลี้ยง ‘ฮัลลิ’ เลเวลเพิ่มขึ้นเป็นเลเวล 57


เลเวลของันเพิ่มชึ้นอย่างน่าอัศจรรย์


‘นับตั้งแต่มันเลเวลถึง50 ความเร็วในการเพิ่มเลเวลของมันก็ช้าลงเรื่อยๆ แต่มันก็น่าจะไปถึงเลเวล80พอดีตอนที่จบเควสต์นี้’


เอียนที่กำลังมีกำลังใจก็ได้ยิงลูกบอลเวทไปโดยรอบ


ไม่นานนักเฮลเลมก็ยกมือขึ้นและให้พัก


“เราจะพักสักครู่เพื่อเตรียมพร้อมกันก่อน”


เอียนทำท่าทางที่สับสนเล็กน้อย


‘หืม…? พวกเขาไม่ควรได้รับความเสียหายมาก แล้วทำไมพวกเขาถึงรีบพักกันนักละ?’


มันแน่นอนอยู่แล้วที่เอียนจะสงสัย


ตั้งแต่ที่กองอัศวินของเฮลเลมเข้ามาราวกับพวกเขาจะฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดในที่แห่งนี้


และเฮลเลมก็ตอบข้อสงสัยของเอียนในทันที


“เมื่อเราข้ามสันเขานั่นก็คือทะเลทรายสกาย และเริ่มจากตรงนั้นมีมัมมี่นักบวชที่มีเลเวลมากกว่า 150 จะปรากฏขึ้น”


เอียนซึ่งได้ยินคำเหล่านั้น กลายเป็นความกังวลพร้อมกับหัวใจที่สั่น


‘มอนสเตอร์เลเวล 150… มันเป็นเลเวลที่ไม่เคยเห็นมาก่อน’


แน่นอนว่ามันจะเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก


อย่างไรก็ตามพร้อมกับสิ่งนั้นค่าประสบการณ์จะน่าหอมหวานยิ่งกว่าเดิม


เฮลเลมประกาศอีกครั้ง


“มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ง่ายดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม”


 


* * *


 


“เฮิร์ซ”


“ว่าไง?”


“ตอนนี้เราเหลือเวลานานเท่าไหร่แล้วในการปกป้องฐานของเรา?”


เมื่อฟิโอลันถาม เฮิร์ซตรวจสอบหน้าตาข้อมูลฐานทันที


และเขาก็เกาหลังหัว


“ว้าว ดูเหมือนว่าสองเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เราได้รับฐานกิลด์มา เราเหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนในการป้องกันฐานกิลด์ของเรา”


“เอ่อ พวกเรามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว หนึ่งเดือนต่อจากนี้และทวีปทางตอนเหนือน่าจะตกอยู่ในความโกลาหลแล้วสินะ?”


เฮิร์ซพยักหน้า


“ดูจากท่าทางแล้วมันน่าจะเป็นอย่างนั้น”


กิลด์โลตัสได้รับฐานมาด้วยเวลาไม่ถึงสัปดาห์หลังจากการอัพเดตทวีปทางเหนือมา


พูดอีกนัยนึงก็คือ กิลด์ระดับสูงอื่นๆก็ได้รับฐานมาด้วยเวลาที่ไม่ต่างจากกิลด์โลตัสมากนัก


กิลด์ไททั่นที่ได้รับฐานมาเร็วที่สุดก็ใช้เวลาสามวันหลังจากการอัพเดต ดังนั้นการจากคาดเดาแล้วการป้องกันฐานกิลด์ส่วนใหญ่ก็จะได้รับการปลดปล่อยก่อนหรือหลังวันที่กิลด์โลตัสได้รับการปลดปล่อยเช่นเดียวกัน


ฟิโอลันเต็มไปด้วยความกังวล


“หากกิลด์ใหญ่ตัดสินใจโจมตี มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านพวกเขา… นี่แหละที่กังวล”


อย่างไรก็ตามน่าประหลาดใจที่เฮิร์ซดูเหมือนผ่อนคลาย


“ไม่ฟิโอลัน หากพวกเราเพิ่มระดับฐานให้เป็นเมืองก่อนระยะการป้องกันจบ พวกเราจะสามารถป้องกันมันได้เช่นกัน”


“จริงหรอ?”


เมื่อคำถามข้ามเรื่องของฟิโอลัน เฮิร์ซพยักหน้า


“ใช่แล้ว ตอนนี้เราเป็นระดับหมู่บ้าน พวกเรายังไม่สามารถที่จะฝึกทหารได้แต่เมื่อไหร่ที่เรากลายเป็นระดับเมือง เราจะสามารถฝึกทหารที่เป็นNPCได้ เราก็จะสามารถสร้างป้อมปราการที่แข็งแกร่งได้พอสมควร”


“เอ่อ ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเหล่านั้น”


เฮิร์ซพูดต่อ


“ฉันได้ยินมาว่าเธอสามารถติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นหอคอยป้องกันได้เช่นกัน”


“เอ่อ ฉันคิดว่าฉันเคยเห็นสิ่งนั้นในบอร์ด แต่ฉันได้ยินมาว่าค่าปลูกสร้างนั้นสูงมาก…”


ในส่วนนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่เฮิร์ซรู้ เขาจึงตอบทันที


“ถูกตัอง นั่นคือเหตุผลที่เมื่อเราไปถึงระดับเมือง เราจะต้องลงทุนทรัพยากรของกิลด์ทั้งหมดในการปรับปรุงพลังป้องกันของเมือง แม้ว่าจะยืดออกเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีสิ่งอื่นที่เราสามารถทำได้แล้ว”


ฟิโอลันหดหู่เล็กน้อย


“หืม…แล้วในกรณีที่เราล้มเหลวในการปกป้องฐานของเราจะไม่เกิดความเสียหายใหญ่เกินไปหรอ แม้ว่าเราจะสามารถป้องกันได้หนึ่งหรือสองครั้งถ้าเราถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องมันจะยาก…”


เฮิร์ซส่ายหน้า


“ไม่หรอก ฉันคิดว่าถ้าหากเราทนได้มันก็น่าจะสงบลงอีกครั้ง ถ้าหากเราทนได้จนถึงตอนนั้นละก็เราก็จะสามารถจัดการทุกอย่างได้”


เท่าที่ดูแล้วดูเหมือนว่าเฮิร์ซในฐานะของหัวหน้ากิลด์แล้วเขาหาข้อมูลมามากทีเดียว


‘แม้ว่าจะเป็นกิลด์อันดับหนึ่งหรือสอง พวกเขาก็ไม่อาจที่จะโจมตีฐานได้โดยง่าย นั่นจึงทำให้เราต้องรีบเพิ่มระดับฐานให้ได้ก่อนจะถึงตอนนั้น’


ยิ่งกิลด์ใหญ่มากเท่าไหร่พวกเขาจำเป็นต้องปกป้องมันมากขึ้นเท่านั้น


กิลด์ 10 อันดับแรกมีฐานสองถึงสามฐานอยู่แล้วและเพราะเช่นนั้นก็จึงค่อนข้างเสี่ยงที่พวกเขาจะเสียฐานของพวกเขาถ้าหากยกกำลังพลออกไปโจมตีฐานอื่น พวกเขาไม่มีทำอะไรบุ่มบ่ามแน่นอน


กิลด์โลตัสที่อยู่ในระดับสูงนั้นต้องการเพียงเตรียมพลังป้องกันให้เพียงพอเพื่อให้กิลด์ที่มีอันดับสูงสุดไม่สามารถเข้ามายึดได้


นอกจากพลังป้องกันที่ต่ำและป้องกันฐานแทบไม่ได้ เฮิร์ซก็เลือกที่จะลงทุนกับพลังป้องกันเพื่อที่จะไม่ให้ใครมาโจมตีได้


‘อย่างไรก็ตามฐานที่ไม่สามารถอัปเกรดจากหมู่บ้านได้จะกลายเป็นเหยื่อที่ดี’


แม้แต่สัปดาห์ก่อนเฮิร์ซก็อยู่ในภาวะวิตกกังวล


นี่เป็นเพราะข้อกำหนดสำหรับการเพิ่มระดับฐานนั้นเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าโครบานจะสามารถกลายเป็นขุนนางได้หรือไม่


อย่างไรก็ตามเขาก็ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินว่าเอียนกำลังทำเควสต์เมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน


‘ฉันหวังว่าจินซุงจะทำเควสต์สำเร็จเร็วๆนะ ในเมื่อพวกเราเกือบจะผ่านเงื่อนไขอื่นๆได้ภายในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดไป’


เขาบอกโครบานเช่นกันแต่เขาก็ไม่ได้บอกให้เขาหยุดการรวบรวมค่าชื่อเสียงแต่อย่างใด


เผื่อไว้ในกรณีที่เอียนทำเควสต์เมืองไม่สำเร็จ แต่มันก็จะเป็นการดีกว่าหากคนในกิลด์เป็นขุนนางมากกว่าหนึ่งคน


‘เนื่องจากเราต้องการสมาชิกที่มีฉายาขุนนางหลายๆคนเพื่อที่จะอัพเกรดฐานเป็นระดับอาณาจักร และยิ่งกว่าทุกสิ่งถ้าพี่โครบานได้รับฉายามาละก็พวกเราก็จะได้รับอัศวินประจำเมืองในทันที’


แผนของเฮิร์ซดำเนินไปอย่างช้าๆ


ต้องขอบคุณการที่พวกเขาพยายามพัฒนาฐานอย่างไม่หยุดพักจนทำให้อันดับกิลด์ของพวกเขาสูงขึ้นไปจนถึงอันดับท็อป500


‘เราจะปกป้องฐานให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น’


ยิ่งพวกเขาพัฒนาฐานมากเท่าไหร่ เนื้อหาของมันก็ยิ่งเหมือนกับห่านทองคำมากเท่านั้น


เฮิร์ซกำหมัดของเขาแน่น


 


* * *


 


เป็นกว่าหนึ่งวันแล้วตั้งแต่ที่เอียนและเฮลเลมเดินทางมาถึงดินแดนรกร้าง


เขานั้นไม่ได้หลับให้เพียงพอมาสักพักนึงแล้ว ดวงตาของเอียนจึงแทบจะปิดอยู่แล้ว


‘อืม มันน่าจะโอเคสำหรับฉันถ้าฉันออกไปหลับสัก5ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นก่อนที่จะกลับเข้า…ฉันมันใจเสาะเกินไป’


NPC ก็ยังต้องหลับตอนกลางคืน


ด้วยเหตุนี้อัศวินของเฮลเลมจึงตั้งค่ายพักแรมเมื่อกลางคืนมาถึงและเข้านอน


แน่นอน เอียนก็ออกจากระบบระหว่างนั้นและเข้านอนก่อนจะกลับมา


อย่างไรก็ตามเขากังวลว่าเขาจะถูกทิ้งไว้ในใจกลางของดินแดนรกร้างเพราะว่าเขาเข้าเกมช้าเกินไป ปัญหาก็คือเขาล็อกอินเข้ามาหลังจากนอนได้เพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้น


เพราะเช่นนั้นเขาต้องแหกตารอเป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงก่อนที่อัศวินจะเดินทางอีกครั้ง


‘เฮ้อ ทนอีกหน่อยฉันก็จะได้กลับไปนอนสบายๆแล้วหลังจากทำเควสต์จบ’


ความจริงแล้วความอ่อนเพลียนี้ไม่มีอะไรเทียบได้กับตอนที่เขาล่าอย่างคนบ้าเพื่อไปถึงเลเวล 93


เอียนเพิ่มกำลังใจอีกครั้ง


Whoosh-


ลมที่รุนแรงเริ่มพัดจากทุกที่


เอียนมีลางสังหรณ์ว่าสถานที่นี้เป็นสกายไฮแลนด์ที่เฮลเลมพูดถึง


‘เราควรตรวจสอบแผนที่ใช่ไหม?’


และอย่างที่เขาคิดชื่อ ‘สกายไฮแลนด์’ นั้นถูกพิมพ์ลงบนแผนที่


เอียนปิดแผนที่และเป็นช่วงเวลาที่เขาหันความสนใจไปข้างหน้าอีกครั้ง


Neigh-!


เฮลเลมหยุดม้าของเขา


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ปาร์ตี้หยุดตามคำสั่งอย่างเป็นธรรมชาติ


“ในที่สุดพวกเราก็มาถึงแล้ว”


เฮลเลมบ่นพึมพัมและหันหัวม้าไปทางคณะสำรวจ


“สกายไฮแลนด์นั้นอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะมอนสเตอร์ Teranodone แข็งแกร่งมาก”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นเอียนก็ไม่อาจยับยั้งความอยากรู้เอาไว้ได้และเอ่ยปากถาม


เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อของมอนสเตอร์ที่มีชื่อว่า Teranodone และก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าเฮลเลมเกรงในมอนสเตอร์


“เลเวลของ Teranodone อยู่ที่เท่าไหร่ครับ?”


หลังจากคิดสักครู่ เฮลเลมพูดอีกครั้ง


“ถ้าจากที่ข้าจำได้ ข้าคิดว่ามันประมาณเลเวล 190 เจ้าลองนึกภาพของกิ้งก่าที่มีขนาดเท่าช้างดู”


เอียนถึงกับอึ้ง


“…”


เขาอาจจะตายได้


นั่นเป็นความคิดแรกที่นึกขึ้นได้


เอียนเกือบตายมาแล้วหลังจากโดนนักบวชเลเวล150โจมตีเพียงสองถึงสามครั้ง เหงื่อเย็นก็ไหลออกมาตามฝ่ามือของเขา


เฮลเลมพูดต่ออีกครั้ง


“ที่แห่งนี้อันตรายอย่างมากสามารถฆ่าเราทั้งหมดได้ด้วยความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว เพราะเช่นนั้นแล้วเราจะเดินทางในแบบที่ต่างออกไปจากเดิม”


ทุกคนฟังคำพูดของเฮลเลมอย่างตั้งใจ


“หลังจากเข้าไปประมาณ 10 นาทีเจ้าจะสามารถเห็นแท่นบูชาสูงตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้า”


ดูเหมือนว่าคอของเขาแห้งขณะที่เฮลเลมกินก่อนที่คำพูดของเขาจะดำเนินต่อไป


“เราจะสู้กับศัตรูให้น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้และเดินทางไปยังแท่นบูชาด้วยทางที่สั้นที่สุด และเอียนจะขึ้นไปยังแท่นบูชาพร้อมกับไข่กริฟฟิน”


เฮลเลมหันความสนใจไปหาเอียน


“ในขณะที่เอียนกำลังฟักไข่อยู่บนแท่นบูชา พวกเราจะล้อมแท่นบูชาเอาไว้และปกป้องมันด้วยการจัดการกับศัตรูที่เข้ามาหาเรา เราจะไม่ทำอะไรผลีผลาม เข้าใจมั้ย?”


“ครับ รับทราบ!”


เฮลเลมดูจริงจังมากกว่าแต่ก่อน


เอียนรู้สึกถึงอันตรายจากสกายไฮแลนด์ผ่านผิวหนังอีกครั้งและให้กำลังใจตัวเอง


‘ฉันไม่สามารถที่จะล้มเหลวเมื่อเรามาถึงที่นี่’


เอียนหันความสนใจไปที่สกายไฮแลนด์


และการสำรวจได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง


มันเป็นการเคลื่อนไหวที่แตกต่างจากเมื่อก่อน


มันเป็นการเดินทัพที่ช้าและระมัดระวังเท่าที่จะทำได้



ตอนที่ 87

Note – แท่นบูชาขอเปลี่ยนเป็นวิหารแทนนะครับ


 


ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างพวกเขา ไม่มีTeranodoneปรากฏอยู่บริเวณวิหารนภาเลย


มีเพียงมอนสเตอร์เลเวล150ที่อัศวินสู้ได้อย่างง่ายดายปรากฏออกมาเพียงประปราย


อย่างไรก็ตามมันก็มีปัญหาอื่นอีกนอกจากTeranodone


พายุทรายอันแสนบ้าคลั่งมาจากทุกทิศทางจนทำให้พวกเขาไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้เลย


‘พวกเขาบอกว่ามันเป็นสถานที่ที่พลังของลมแข็งแกร่งที่สุด…’


แม้ว่าตัวเขาจะบ่นแต่เขาก็ตื่นตัวตลอดเวลา


เนื่องจากเขาไม่อาจมองเห็นรอบข้างได้ชัดเจนเท่าไหร่นัก มันจึงมีโอกาสสูงมากที่จะถูกซุ่มโจมตี


และความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็สามารถนำไปสู้ความล้มเหลวของเควสต์ได้


จากนั้น เสียงร้องแปลกๆได้ยินมาจากด้านหน้า


Kyaaaoooh-!


มันเป็นเสียงร้องที่ต่างออกไปจากมอนสเตอร์ทุกตัวที่พวกเขาเคยพบเจอมา


‘นั่นคือมอนสเตอร์ที่ถูกเรียกว่า Teranodone หรืออะไรนั่นหรอ?’


และคำสั่งของเฮลเลมก็ถูกสั่งการอย่างรวดเร็ว


“เตรียมตัวต่อสู้! ทำทุกอย่างให้ระมัดระวังที่สุดไม่งั้นอาจจะเรียกความสนใจจากมอนสเตอร์ตัวอื่นได้”


หลังจากนั้นไม่นานตัวตนของเสียงร้องก็ปรากฏขึ้น


มันไม่ใช่ Teranodone


‘Pachyao?’


สิ่งที่ตัดผ่านพายุทรายและปรากฏตัวเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชื่อว่า ‘Pachyao’


มันเป็นเสือยักษ์ที่มีรูปลักษณ์และความรู้สึกคล้ายกับฮัลลิที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเอียนแต่ในขณะที่ฮัลลิเป็นเสือขาว Pachyao เป็นเสือแดงที่มีแถบสีเหลือง


ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีเลเวลถึง 180


แม้ว่ามันไม่ใช่ Teranodone มันก็เป็นคู่ต่อสู้ที่พลังไม่น้อยกว่าเลย


“Pachyao ไม่เคยเดินเพียงลำพัง มันจะต้องมีพวกของมันสี่ถึงห้าตัวอยู่ใกล้ๆมัน”


เฮลเลมหันความสนใจไปหาเอียนและพูดต่อ


“เอียนทำตัวตามสบาย ขณะที่พวกเราฆ่าพวกมันทีละตัวเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้เดี๋ยวพวกเราจะฆ่ามันทีละตัวให้ไวที่สุด”


และเขาวิ่งไปเผชิญหน้ากับ Pachyao ทันที


Kuoooh-


เมื่อเฮลเลมวิ่งตรงเข้าไป สายน้ำขนาดใหญ่เริ่มเป็นรูปร่างรอบตัวเขา


และดาบของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นแสงสีแดง


‘อะไรวะเนี่ย เขาดูเท่ห์มาก’


เอียนที่กำลังมองเฮลเลมอยู่ก็เกือบลืมไปว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่โคตรจะอันตราย


และ


Ba-Ba-Bang-!


คลื่นสีแดงก็ได้พุ่งออกมาจากดาบของเขาขณะที่ฟันPachyao


Roaar-!


Pachyao ที่เข้าโจมตีพวกเขาก็กระเด็นออกไปโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวและกลิ้งเป็นลูกขนุนไปตามพื้น


และดูเหมือนว่าพลังชีวิตของมันจะลดลงไปกว่าครึ่ง ชื่อของมันเริ่มกระพริบ


‘อย่างที่คิดจริงๆด้วย… สัตว์ประหลาดที่แท้จริงคือเฮลเลม…’


เอียนส่ายหัวและเตรียมพร้อมรบทุกเมื่อ


อย่างที่เฮลเลมได้คาดการณ์เอาไว้ ฝูงPachyaoก็เริ่มที่จะล้อมปาร์ตี้ของเขาและพุ่งเข้าใส่


และการตะลุมบอนก็เริ่มต้นขึ้น


‘เท่าที่ดูแล้วก็บอกได้เลยว่าPachyaoเป็นมอนสเตอร์ที่เด่นในด้านความว่องไว ความเร็วเคลื่นที่ของมันเร็วกว่าฉันอีก ฉันจะต้องระวังมากกว่าเดิม’


เอียนตั้งใจที่จะไม่ใช่สกิลบัฟ


มันคงยากสำหรับเขาที่จะอยู่รอดถ้าหากเขาถูกหมายหัวเพราะว่าเขาใช้สกิลช่วยคนอื่น


เอียนตั้งใจที่จะป้องกันและซ่อนตัวตนของเขาเอาไว้


ไม่นานเฮลเลมก็เข้าไปหาเอียนที่กำลังจ้องมองไปยังสนามรบ


ดูเหมือนว่าเขาจะฆ่าPachyaoที่เขาสู้ด้วยแล้ว ก่อนที่เอียนจะรู้และกลับมา


เขายกดาบของเขาขึ้นและชี้ไปยังที่บางแห่ง


“เอียนเจ้าเห็นบันไดทางขึ้นไปยังวิหารนั่นมั้ย?”


เฮลเลมถาม เอียนก็หันหน้าตามไปยังทิศทางที่เขาชี้ให้ดู


เมื่อเขามองตามไปแล้ว เขาก็เห็นทางเข้าวิหารลางๆเพราะพายุทราบที่กำลังโหมกระหน่ำ


“ครับ ผมเห็นมัน”


“เมื่อถูกPachyaoเจอตัวแล้ว พวกเราไม่อาจรอช้าได้แล้ว มอนสเตอร์ตัวอื่นจะได้กลิ่นเลือดและมุ่งหน้ามาทางนี้”


เอียนเหลือบมองไปยังอัศวินที่กำลังสู้กับPachyao ห้าตัว


ดูเหมือนพวกเขาจะยังสบายอยู่ในตอนนี้ แต่ถ้าหากจำนวนเพิ่มขึ้นละก็ความเสียหายจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


เฮลเลมพูดต่อ


“ข้าจะระวังหลังให้เจ้าเอง ดังนั้นจงไปที่วิหารให้เร็วที่สุด เมื่อเจ้าฟักไข่กริฟฟินได้แล้วพวกเราจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”


เอียนพยักหน้า


“รับทราบ”


“ตามฉันมาทางนี้”


เฮลเลมที่พูดเสร็จแล้วก็นำทางไป เอียนก็รีบตามหลังเขาไป


ทันใดนั้นเสียงคำรามดังสนั่นออกมาจากพายุทราย


มันเป็นเสียงที่ต่างจากPachyao


Kyaao!


และเฮลเลมที่ได้ยินเสียงนั้นก็ยกดาบขึ้นมาทันที


“อัศวินทุกคนมาตรงนี้!”


อย่างที่คิดเอาไว้แล้วอัศวินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเฮลเลมก็รีบวิ่งมาหาพวกเขาด้วยความเร็วแสง


ดูเหมือนว่าPachyaoที่พวกเขาสู้ด้วยเหลือพลังชีวิตไม่มากแล้วแต่ว่าเมื่อดูพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่คิดจะยอมแพ้ในการต่อสู้และรีบมาหาเขาทันที เอียนก็ประหลาดใจ


‘พวกเขาทำงานเป็นระบบมาก’


และไม่นานเงาขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมาท่ามกลางพายุทะเลทราบ


รูปร่างของมันทำให้เอียนนึกถึงไดโนเสาร์กินเนื้อโบราณ


‘มันตัวใหญ่กว่าดุ๊กเดอีก’


ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาหวนคิดถึงไดโนเสาร์ที่เขาเคยเห็นในหนังสือวิทยาศาสตร์ในตอนเด็ก


แต่เขาก็ไม่มีเวลามากขนาดที่จะรำลึกความหลัง


“เอียน วิ่งนำไปก่อนเลย!”


“เข้าใจแล้ว!”


เอียนวิ่งด้วยทั้งหมดที่มีก่อนที่เฮลเลมจะพูดจบเสียอีก


‘นี่มันบ้าไปแล้ว ตายแน่ๆถ้าหากโดนหางของมอนสเตอร์ตัวนี้ตวัดใส่ครั้งนึง!’


เลเวลของTeranodoneที่เอียนเห็นนั้นไม่ใช่เลเวล190 แต่เป็นเลเวล200


เอียนเลเวลเพิ่มขึ้น2เลเวลและกลายเป็นเลเวล102ด้วยการเกาะเฮลเลมฟาร์ม แต่เมื่อเทียบกับTeranodoneที่มีเลเวลมากกว่าเขาถึงสองเท่าแล้ว เลเวลของเขาก็กลายเป็นเรื่องตลกไปในทันที


Ta-Ta-Tat-


เอียนใช้สกิลซึมซับกับไลและหลังจากที่ความว่องไวของเขาถึงขีดสุด เขาก็วิ่งด้วยกำลังของเขาทั้งหมด


โชคดีที่ความสนใจของมอนสเตอร์นั้นมองไปยังเฮลเลม และไม่มีตัวไหนสนใจเอียนเลย


ดูเหมือนว่าจะเริ่มต่อสู้กับTeranodoneแล้ว เสียงคำรามของมันดังออกมาไม่หยุดจากด้านหลังของเขา แต่เอียนก็ไม่สนใจและสนใจเพียงด้านหน้าพร้อมกับวิ่งอย่างสุดกำลังเท่านั้น


เอียนที่มาถึงทางเข้าของวิหารอย่างปลอดภัยแล้ว ก็รีบวิ่งขึ้นไปตามทางบันได


“แฮ่ก….แฮ่ก…”


วิหารนั้นมีความสูงประมาณห้าชั้น


เอียนวิ่งตามทางบันไดที่หมุนวนรอบวิหารด้วยความเร็วสูงสุด เขารู้สึกว่ามันเริ่มยากที่จะหายใจแล้ว


‘แฮ่ก อีกแค่นิดเดียว…!’


และเขาที่วิ่งมาอย่างสุดกำลังในที่สุดก็มาถึงชั้นบนสุดของวิหารในเวลาไม่นาน


“ในที่สุด ฉันก็ถึงสักที!”


สิ่งที่น่าตกใจที่สุดเมื่อเขามาถึงชั้นบนสุดของวิหารแล้วก็คือ พายุทรายไม่อาจมาถึงชั้นบนนี้ได้


มันเงียบสงบมาก วิหารนภาเหมือนว่ามันจะเป็นตาของพายุ


และหลังจากที่พักหายใจได้ครู่หนึ่ง ข้อความระบบก็แจ้งขึ้นมาในหูของเอียน


ท่านเป็นคนแรกที่ค้นพบต้นกำเนิดของสายลม ‘วิหารนภา’ ความสัมพันธ์กับประเภทสายลมเพิ่มขึ้น5% ความต้านทานต่อประเภทสายลมเพิ่มขึ้น 10 หน่วย จากนี้ไปความสัมพันธ์ของท่านกับมอนสเตอร์ประเภทสายลมจะไม่ลดลงต่ำกว่า30 ค่าชื่อเสียงของท่านเพิ่มขึ้น 15,000 หน่วย


พวกมันเป็นข้อความระบบประเภทที่เขาเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน


นอกจากค่าชื่อเสียงที่เขาได้แล้ว ข้อความระบบอื่นก็สะดุดตาของเขาเช่นกัน


‘นี่มัน ข้อความระบบแบบนี้มันคล้ายกับตอนที่ฉันค้นพบต้นกำเนิดลาวาเลยนี่’


พวกมันไม่เพียงแค่คล้าย แต่จริงๆแล้วพวกมันเกือบจะเป็นสิ่งเดียวกัน


สิ่งที่ต่างกันนั้นมีเพียงแค่ธาตุของมันเท่านั้น


‘ถ้าหากเป็นแบบนั้น ฉันก็คงจะต้องไปดินแดนเถ้าถ่านถ้าหากฉันจะฟักไข่ไข่มอนสเตอร์ระดับLegendaryธาตุไฟสินะ’


เขาได้บางสิ่งมาอย่างไม่คาดฝันอีกแล้ว


ในเมื่อมันไม่มีข้อมูลอะไรเลย คำใบ้เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ดีสุดๆ


ยิ่งไปกว่าสิ่งอื่นใด ต้องรีบฟักไข่กริฟฟินให้สำเร็จเสียก่อน


ถ้าเขาช้าละก็ความเสียหายที่อัศวินจะได้รับมันจะมากยิ่งกว่าเดิม เขาอาจทำให้พระราชาเกรี้ยวเอาได้แม้ว่าเขาจะทำเควสต์สำเร็จ


ถ้าหากเป็นเช่นนั้น มันก็จะลำบากทีเดียว


“ตรงนี้งั้นหรอ?”


เอียนมองไปยังแท่นที่ตั้งอยู่กลางวิหารที่มีความสูงราวๆเอวของเขา


และเขาก็เดินเข้าไปหามัน


‘ลองวางไข่กริฟฟินไว้ตรงด้านบนนี้ดู’


เอียนรีบวิ่งไปยังแท่นนั้นและนำไข่กริฟฟินออกมา


และเขาก็วางมันบนแท่นอย่างระวัง


‘เอาละ ฟักได้แล้ว!’


จะมีใครได้ยินคำอวยพรของเอียนมั้ย?


แสงสีเหลืองรอบๆแท่นเริ่มถูกดูดเข้าไปในไข่ราวกับทอร์นาโด


“ทำงาน มันทำงาน!”


เอียนจ้องมองไปยังไข่กริฟฟินด้วยความกังวลและก็ตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว


และเขาก็ตรวจสอบข้อมูลของไข่กริฟฟิน


กำลังฟักตัว…11%


เปอร์เซ็นต์การฟักตัวที่ค้างอยู่ที่0%ค่อยๆเพิ่มขึ้น


หวังว่ากริฟฟินจะฟักตัวออกมาโดยไม่มีข้อผิดพลาดอะไรเลยจนถึง100%


เมื่อไข่กริฟฟินฟักแล้ว เขาต้องรีบหนีออกจากวิหารให้เร็วที่สุด


ในที่สุดมันก็เหมือนกับว่าเขาเห็นตอนจบของเควสต์อาณาจักรนี้สักที


‘เร็วเข้า…เร็วเข้าสิ!’


เอียนจ้องไปที่เปอร์เซ็ต์การฟักไข่ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละน้อย


ทันใดนั้นบางสิ่งก็เริ่มกระดิกไปมาตรงหน้าอกของเอียน


ทันทีที่เอียนรู้สึกได้ เขาก็ก้มลงมอง


“นี่มันอะไร?”


สิ่งของขนาดเท่ากำปั้นกระดิกไปมาและส่องแสงสีเหลืองด้านในอกของเขา


เอียนนำมันออกมา


‘อะไรเนี่ย? ฉันมีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ?’


เอียนค่อยๆทวนความจำของตน


และไม่นานเขาก็นึกออกว่าไอเทมที่เหมือนกับก้อนหินนี้เขาได้มาจากไหน


‘นี่มัน ของที่ไอเจ้าPKที่เควสต์หัวหน้านักบวชดรอปไว้นี่!’


มันคอยส่งความอบอุ่นออกมาตลอดเวลา มันเป็นไอเทมที่เอียนเก็บไว้ที่หหน้าอกเสมอเมื่อเขาต้องไปล่าที่ทวีปตอนเหนือ


มันเป็นไอเทมที่เขาไม่อาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร แต่เพราะเช่นนั้นเขาจึงไม่อาจทิ้งมันไปได้และเก็บมันไว้อย่างนั้น


“แต่ทำไมถึงเป็นตอนนี้หล่ะ…?”


เอียนจ้องมองไปยังก้อนหินด้วยสายตาที่ว่างเปล่าพร้อมกับความสงสัย


ในจังหวะนั้นเอง หินที่เอียนถืออยู่ก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ


“ห้ะ เอ๊ะ?”


และก่อนที่เอียนจะใช้มือของเขาแสงสีขาวก็ปกคลุมรอบๆหิน และเมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็ถูกดูดเข้าไปในไข่กริฟฟิน


ข้อความระบบที่ไม่คาดฝันก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน


ท่านได้ใช้ไอเทม ‘แก่นแท้แห่งสายลม’


“นี่มันอะไรกันอีกละเนี่ย?”


เอียนมองไปยังไข่กริฟฟินด้วยสายตาที่เบิกกว้าง


‘ฉันไม่เคยพูดว่าฉันจะใช้มัน!’


และเมื่อเขาเปิดหน้าต่างข้อมูลขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ของไข่ ก็เกิดเสียงแตกขึ้นมาพร้อมกับแสงสีเหลืองได้ปกคลุมโดยรอบ


และเมื่อเป็นเช่นนั้นพลังงานอันแข็งแกร่งก็ได้กระจายไปทั่วทิศทาง และมันก็แข็งแกร่งขนาดที่ทำให้เอียนถอยหลังไปและกลิ้งไปกับพื้น


จากใจกลางวิหารที่เกิดพลังงานที่ไม่อาจทราบได้พลั่งพรูขึ้นมา และเอียนก็เกาะร่องของวิหารเอาไว้แน่น


‘เกือบไปแล้วมั้ยหล่ะ’


ถ้าหากเขาปลิวไปไกลกว่านี้อีกหน่อย เขาก็คงจะตกวิหารไปแล้วแน่ๆ


‘ถ้าหากเป็นเช่นนั้นฉันก็คงกลายเป็นอาหารของTeranodoneแน่ๆ’


และทันใดนั้น


ขณะที่เอียนกำลังตกใจอยู่นั้น ข้อความระบบที่เขาตั้งตารอคอยอยู่ในที่สุดก็ปรากฏออกมา


ท่านได้ฟัก ‘กริฟฟิน’ สำเร็จ ท่านได้ฟักสัตว์เลี้ยงระดับLegendaryเป็นครั้งแรก ค่า ‘ความเป็นผู้นำ’ ของท่านเพิ่มขึ้น100หน่วย ค่า ‘ความสัมพันธ์’ ของท่านเพิ่มขึ้น50หน่วย


เอียนที่ได้อ่านข้อความระบบแล้วก็รู้สึกว่าความกังวลของเขาได้มลายหายไปชั่วครู่


‘ค่าความเป็นผู้นำของฉันเพิ่มขึ้น100หน่วย!’


ค่าความเป็นผู้นำเป็นค่าสถานะที่เพิ่มยากที่สุดสำหรับอาชีพของเอียน แต่เมื่อเขาเห็นว่ามันเพิ่มขึ้นถึง100หน่วยในคราเดียว เขาก็มีความสุขแบบสุดๆ


แต่นอกจากความสุขที่ค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้นแล้ว ความปลอดภัยของกริฟฟินที่เพิ่งฟักออกมาก็สำคัญกว่าอยู่ดี


แสงสีขาวเริ่มหายไปและพลังที่ผลักเอียนก็หายไปเช่นกัน เขารีบวิ่งไปยังใจกลางวิหาร


และเอียนก็ได้เห็นรูปร่างของกริฟฟินที่เพิ่งออกมาจากไข่


“มันสำเร็จ!”


อย่างไรก็ตามในจังหวะนั้นเอง เอียนก็เกิดอาการสับสน


‘ห้ะ อะไรเนี่ย? แฝดงั้นหรอ?’


ตรงหน้าของเอียนนั้นมีกริฟฟินอยู่สองตัว ตาของพวกมันยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ



ตอนที่ 88

‘เจ้าพวกนี้จะตัวโตขึ้นตามเลเวลของมันงั้นหรอ? ดูเหมือนพวกมันจะยังแบเบาะอยู่ มันตัวเล็กมาก’


ถึงกระนั้นส่วนที่เขาสงสัยมากที่สุดมันเกี่ยวกับค่าสถานะของกริฟฟิน


เอียนเปิดหน้าต่างข้อมูลของกริฟฟินตัวหนึ่งจากสอง


 


กริฟฟิน


เลเวล: 1


ประเภท: สิ่งมีชีวิตลึกลับ


ระดับ: Legendary


บุคลิกภาพ: ดื้อรั้น


ไม่สามารถวิวัฒนาการได้


พลังโจมตี: 23


พลังป้องกัน: 10


ความว่องไว: 28


ความฉลาด: 8


พลังชีวิต: 475/475


มานา: 265/265


ความสามารถแฝง


ผู้พิทักษ์สายลม


หากได้รับการโจมตีประเภทสายลม พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้น30%เป็นเวลา3นาที


เสียงคำรามแห่งราชา


เสียงคำรามของกริฟฟินมีพลังมหาศาล


หากกริฟฟินคำรามออกมาค่าความว่องไวของมิตรในระยะ50เมตรจะเพิ่มขึ้น30% ขณะเดียวกันความเร็วเคลื่อนที่ของศัตรูลดลง30%


จะมีผลเป็นเวลา10นาที


(คูลดาวน์30นาที)


บดขยี้


ด้วยการกระพือปีกอันรุนแรงจึงทำให้เกิดคลื่นลมพุ่งเข้าใส่ศัตรู


มีระยะเวลา10วินาที และทุกๆ0.5วินาที จะทำความเสียหายเพิ่มเติมให้แก่ศัตรู125%


(ระยะ15เมตรทางด้านหน้า จะถูกยิงออกไปในรูปแบบคล้ายๆพัดลม)


(คูลดาวน์10นาที)


สิ่งมีชีวิตลี้ลับระดับLegendary และก็เป็นผู้คุมกฏแห่งท้องฟ้าเช่นเดียวกัน


ขณะที่บินอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังงานสายลม มันจึงว่องไวและแข็งแกร่งมาก


 


เมื่อเอียนดูค่าสถานะของกริฟฟินแล้ว แน่นอนว่าเขาอยากเปรียบเทียบค่าสถานะกับฮัลลิคานของเขา


‘ค่าสถานะเลเวล1ของฮัลลิคานมันเท่าไหร่นะ…ฉันเขียนเอาไว้ที่ไหนนาา’


เอียนหาสมุดโน๊ตของเขาในเวลาไม่นาน และเริ่มเทียบค่าสถานะของฮัลลิคานและกริฟฟิน


‘นอกจากพลังป้องกัน กริฟฟินก็มีค่าสถานะที่สูงกว่าหมด’


โดยเฉพาะความว่องไว กริฟฟินมีมากกว่าฮัลลิคานเกือบเท่าตัว


เอียนกลืนน้ำลาย


‘อ่า…ทำไมฉันถึงต้องเทียบด้วยเนี่ย…’


ถ้าหากว่าเขาต้องคืนกริฟฟินไปเพียงหนึ่งตัวจากสอง เขาก็คงจะไม่เสียใจอะไร


แต่ถ้าพูดให้ถูกแล้วเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคืนกลับไปหมด


อย่างไรก็ตามสำหรับแฝดที่เกิดมา


ความอยากได้สิ่งมีชีวิตลึกลับอย่างกริฟฟินนั้นมันมากเกินกว่าที่เขาจะคืนมันทั้งสองตัวได้


‘ตรวจสอบอีกตัวนึงด้วยดีกว่า’


เอียนเริ่มที่จะเทียบค่าสถานะของกริฟฟินทั้งสอง


ดูเหมือนว่าทั้งสองเป็นกริฟฟินเหมือนกัน ความสามารถแฝงของมันจึงเหมือนกัน


ถ้าหากเทียบความต่างของทั้งสองแล้ว มีเพียงแค่สกิลบดขยี้เท่านั้นที่ต่างกัน2%


อย่างไรก็ตามค่าสถานะต่อสู้ของตัวที่สองน้อยกว่าประมาณ2-3หน่วยในทุกๆค่าสถานะ


‘ถึงมันจะเป็นแฝดแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าค่าสถานะของมันจะเท่ากัน’


และดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นพี่น้องกัน พวกมันก็คนละเพศเช่นเดียวกัน


เอียนนั้นชอบพวกมันมากและความสามารถแฝงของมันด้วย


โดยเฉพาะ ‘เสียงคำรามแห่งราชา’ ที่เป็นสกิลAoEที่บัฟฝ่ายเดียวกันและดีบัฟศัตรูในเวลาเดียวกัน ขณะที่สกิล ‘บดขยี้’ เป็นสกิลโจมตีแบบAoEที่สามารถพูดได้เลยว่ามันดีกว่าสกิลพ่นไฟของเรคเสียอีก


เอียนคำนวนความเสียหายของสกิลบดขยี้


‘ถ้าหากความเสียหาย125%ทุกๆ0.5วินาทีเป็นเวลา10วินาทีละก็…’


เอียนอ้าปากค้าง


‘นี่มันบ้าชัดๆ…! หมายความว่ามันทำความเสียหาย2500%!’


พูดง่ายๆก็คือมันเป็นสกิลAoEที่ทำความเสียหายเกือบ25เท่าของพลังโจมตี


เทียบกับพ่นไฟของเรคแล้วมันทำความเสียหายประมาณ500%เท่านั้น บดขยี้นั้นเป็นสกิลAoEที่สามารถบอกได้เลยว่าน่าเกรงขามมาก


แน่นอนว่าเพราะสกิลของเรคนั้นเป็นสกิลที่ทำความเสียหายในทันที แต่กริฟฟินนั้นต้องใช้เวลาถึง10วินาที มันจึงไม่อาจเทียบกันได้แต่มันก็เป็นสกิลที่แข็งแกร่งอยู่ดี


‘เวลาคูลดาวน์ก็น้อยกว่าพ่นไฟอีก…’


เอียนหลับตาปี๊


หัวใจของเขาเอนเอียงไปข้างหนึ่งแล้ว


ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บนวิหารกับเอียนเลย


เพียงแค่เอียนไม่พูดก็ไม่มีใครอาจรู้ได้ ยกเว้นระบบเกมเท่านั้น


นี่มันคงเป็นโอกาสที่รับมาจากพระเจ้า


‘ยังไงฉันก็ไม่น่าโดนจับได้อยู่แล้ว’


เอียนวางมือไว้บนหัวของกริฟฟินตัวแรกที่มีค่าสถานะสูงกว่า


แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบที่ตัวที่มีค่าสถานะสูงกว่าจะเป็นตัวผู้ก็เถอะ


‘ยังไงค่าสถานะมันก็สำคัญกว่าเพศแหละนะ’


เมื่อเอียนวางมือบนหัวของกริฟฟิน มันก็แสดงท่าทางมีความสุขพร้อมกับกระพือปีก


Kkuruk- Kkuruk-!


กริฟฟินที่ฟักจากไข่โดยเอียนนั้น แน่นอนว่าค่าความสนิทกับเอียนก็ต้องเต็มอยู่แล้ว


เมื่อเอียนเรียบเรียงความคิดของตนได้แล้ว กริฟฟินก็เป็นสัตว์เลี้ยงของเขาแล้ว


เอียนพูดด้วยเสียงต่ำ


“จับ!”


Hoong- .


ในเวลาเดียวกันกับที่เอียนร่างสกิล ร่างของกริฟฟินก็กลายเป็นแสงสีขาวและเข้าไปในมือของเอียน


‘ตอนนี้ฉันจะถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว’


เอียนอุ้มกริฟฟินอีกตัวเอาไว้และรีบออกจากวิหาร


มันถึงเวลาที่จะต้องกลับเมืองหลวงแล้ว


 


* * *


 


เควสต์ฟักไข่กริฟฟินของเอียนจบลงแบบนั้น แน่นอนว่ามันเป็นความลับที่มีเพียงเอียนเท่านั้นที่รู้


‘ฉันอยากรีบๆออกไปเพิ่มเลเวลกริฟฟินแล้ว แต่ทำไมราชายังไม่มาอีก?’


เอียนยังคงนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกเพื่อรอราชาเซเรียสมา


เขาอยู่กับอัศวินหลวงมาสักพักแล้ว เอียนที่ไม่อาจที่จะอัญเชิญกริฟฟินตัวใหม่ของเขาออกมาได้ก็อยากจะรีบๆจบเควสต์แล้วหนีไปทวีปทางเหนือแล้ว


มันเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะเพิ่มเลเวลของกริฟฟิน แต่มันก็ยังมีเหตุผลอื่นอีก


‘ถ้าหากฉันถูกจับได้ละก็ ฉันก็ไม่น่าจะรอดออกไปจากที่นี่แน่ๆ’


เพียงแค่มายืนอยู่ในพระราชวังก็ทำให้เอียนกังวลมากแล้ว


มันไม่มีทางที่ราชาจะรู้ความจริงได้ว่าเอียนนั้นนำกริฟฟินไปหนึ่งตัว แต่เขาก็อาจขจัดความกังวลออกไปได้อยู่ดี


‘ฉันหวังว่าฉันจะจบทุกอย่างเร็วๆและไปจากที่นี่สักที…’


Deu-reu-reuk-


และราวกับเซเรียสอ่านความคิดของเขาได้ เขาได้เปิดประตูเข้ามาในห้องรับแขก


“โอ้ เอียน เจ้าทำได้ดีมาก”


ทันทีที่ราชาเจอเอียน เขาก็เดินเข้าหาเอียนและจับมือของเอียนทันที


และดูเหมือนว่าเอียนจะรู้สึกผิดต่อบาปของตน เขาจับมือราชาด้วยความเคารพมากกว่าทุกครั้ง


“ไม่หรอกครับท่าน อัศวินของท่านแข็งแกร่งมาก ผมก็ได้กำไรจากพวกเขาด้วยเช่นกัน”


เขาไม่ได้พูดอะไรผิดไปเลย เอียนพูดกับราชาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย


“เยี่ยมมาก กริฟฟินที่เจ้านำกลับมาจะถูกดูแลโดยซัมมอนเนอร์ของราชวัง ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ พวกเราถึงสามารถนำสิ่งมีชีวิตผู้พิทักษ์ของอาณาจักรรัสเปลไปแสดงให้แก่สาธารณะชนในวันเฉลิมฉลองได้”


เซเรียสพูดด้วยท่าทางที่ดีใจแบบสุดๆ


และเอียนที่ได้เห็นท่าทางแบบนั้นแล้ว ก็ค่อนข้างโล่งใจ


‘เห้อ โล่งใจจริงๆ’


“ถ้าหากทางประเทศรู้ละก็ว่ากริฟฟินถูกคุ้มครองโดยราชวงศ์พวกเขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ”


เอียนยังคงเยินยอต่อไป


เมื่อใดก็ตามที่เขาเยินยอNPCเขามักจะได้รางวัลที่ดีกว่าเดิม แต่คำเยินยอของเขาตอนนี้นั้นมาจากสัญชาตญานเอาตัวรอดของตน


เซเรียสพยักหน้าด้วยท่าทีพอใจ


“แน่นอน ทำดีมาก”


และเมื่อเขาพูดจบข้อความที่น่าชื่นใจก็ได้แจ้งเตือนแก่เอียนว่าเขานั้นได้สำเร็จเควสต์แล้ว


ท่านทำเควสต์อาณาจักรรัสเปล ‘ฟักไข่กริฟฟิน’ สำเร็จ ระดับการเคลียร์: S ท่านได้รับค่าประสบการณ์19,912,000หน่วย เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นเป็น 103 ท่านได้รับค่าชื่อเสียง100,000หน่วย


เอียนได้รับรางวัลจำนวนมหาศาลจากเควสต์อาณาจักร


และเขาก็เกือบที่จะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว


‘เลเวลเพิ่มขึ้นมา3เลเวลภายในสองวัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาให้ค่าชื่อเสียงหนึ่งแสนหน่วยงั้นหรอ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้เล่นระดับสูงมีค่าชื่อเสียงเกินหนึ่งล้านกันหมด’


ค่าชื่อเสียงของผู้เล่นระดับสูงเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ในตอนที่เขายังไม่ได้รีเซ็ตตัวละครมา จนกระทั่งตอนนี้ที่ทำให้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว


ในเมื่อพวกเขาให้รางวัลที่ดีที่สุดของเควสต์อาณาจักรเพียงครั้งเดียวต่อหนึ่งอาชีพ ค่าชื่อเสียงมันถึงได้สูงแบบนั้น


ในทางตรงกันข้าม เขาก็รู้สึกอีกครั้งว่าสิ่งที่เพิ่มยากมากที่สุดสำหรับการเล่นแบบธรรมดานั้นก็คือ ค่าชื่อเสียง


มูลค่าของค่าชื่อเสียงแสนหน่วยนั้นจากการที่ทำเควสต์แบบปกติมันไม่มีทางเลยที่จะทำได้ยกเว้นจะทำเพียงเควสต์ที่ได้ค่าชื่อเสียงเท่านั้นโดยไม่ทำอย่างอื่น


อย่างสุดท้าย เอียนไม่ลืมที่จะคุกเข่าเพื่อที่ล่อให้เขาได้เควสต์ต่อไปอีก


“ถ้าหากมีอะไรที่ผมทำได้อีก สามารถเรียกผมได้ทุกเวลาเลยนะครับ”


ถ้าหากเป็นเควสต์ที่ได้รางวัลแบบนี้ละก็ เขาสามารถที่จะทำได้อีกเป็นสิบครั้งหรือมากกว่านั้นซะอีก


“แน่นอน ถ้าหากเป็นเจ้าละก็ข้าเชื่อใจเจ้าสำหรับงานในอนาคต”


“ขอบคุณครับ”


ราชาค่อยๆลุกขึ้นจากจุดที่เขาอยู่


เอียนก็ยืนขึ้นเช่นเดียวกัน


‘ในที่สุดมันก็จบเสียที’


อย่างไรก็ตามมันต่างจากที่เอียนคิดเอาไว้ มันมีบางอย่างเหลืออยู่อีก


“และสำหรับการยกระดับของรางวงศ์รัสเปล นี่เป็นของขวัญที่ข้าอยากมอบให้แก่เจ้า”


เมื่อได้ยินคำว่าของขวัญเอียนก็ตาเป็นประกาย


มันทำให้ความอยากที่จะออกไปพระราชวังของเอียนต้องพับเก็บไปก่อน


‘อะไรเนี่ย? เขาวางแผนที่จะให้ไอเทมระดับLegendaryงั้นหรอ? ถ้าหากเป็นของขวัฐจากราชามันน่าจะเป็นอะไรประมาณนั้นใช่มั้ย?’


เอียนหวังสูงไปมาก


ของขวัญที่เซเรียสมอบให้นั้นแตกต่างจากที่เอียนคิด


Whoong-


พร้อมกับเสียงสะท้อนเบาๆ มือขวาของเซเรียสเริ่มที่จะเรืองแสง


‘อะไร? นี่มันอะไร?’


เอียนค่อนข้างกังวลเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจออะไรแบบนี้


และเซเรียสก็ได้สะบัดมือไปทางเอียน เมื่อเขาทำเช่นนั้นสัญลักษณ์สีทองก็ได้สว่างขึ้นมาในอากาศ


มันไม่ใช่สิ่งอื่นใด มันคือสัญลักษณ์ของอาณาจักรรัสเปล รูปของกริฟฟิน


และแสงกริฟฟินที่ได้ออกมาจากมือของเซเรียสค่อยๆหายเข้าไปในร่างของเอียน


Ring-


เนื่องจากท่านทำเควสต์อาณาจักรด้วยระดับS ท่านจึงได้รับของขวัญเป็นฉายา ‘บารอน’ (ถ้าหากค่าชื่อเสียงถึงจำนวนที่กำหนด ท่านสามารถได้รับการเลื่อนขั้นให้ฉายามีระดับสูงขึ้นได้) จากนี้ไปท่านสามารถมีNPC 20คนเป็นผู้ช่วย (ถ้าหากNPCของท่านถูกฆ่า ค่าชื่อเสียงของท่านจะถูกลดลงอย่างน้อยหนึ่งแสนหน่วย ดังนั้นท่านโปรดตัดสินใจอย่างระวัง) ท่านได้กลายเป็นขุนนางของอาณาจักรรัสเปล นอกจากว่าท่าจะได้รับฉายา ‘กษัตริย์’ ท่านจะไม่สามารถเปลี่ยนสัญชาติได้ จากนี้ไปท่านจะมีความสัมพันธ์อันไม่เป็นมิตรกับอาณาจักรไคม่อน


ข้อความระบบเด้งขึ้นมาไม่หยุด เอียนตกอยู่ในภวังค์ความสับสน


‘มันน่าจะเป็นเรื่องดีสินะ?’


เอียนนั้นไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับการได้รับฉายาขุนนาง


เนื้อหาของมันดูเผินแล้วมันก็ดูดีไปหมด แต่เอียนต้องการที่จะตรวจสอบแต่ละอย่างให้ชัดเจน


ในส่วนที่เอะใจเอียนก็คือ เขาจะมีความสัมพันธ์อันไม่เป็นมิตรกับอาณาจักรไคม่อน


‘เมื่อฉันออกจากเมืองหลวงนี้แล้ว ฉันควรจะล็อกเอ้าท์ออกไปหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนี้ซะหน่อย’


เซเรียสค่อยๆเดินเข้ามาหาเอียนที่กำลังวุ่นวายกับการจำข้อความระบบ


เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะ


“ฮ่าฮ่า…เป็นยังไงบ้างละ เอียน ไม่สิ เซอร์เอียน? ชอบของขวัญของข้ามั้ย?”


และนอกจากความต้องการของเอียนแล้ว ร่างของเขาก็ทำงานเองและเริ่มที่จะปรับตัวเข้ากับมารยาทของขุนนางต่อหน้าราชาเซเรียส


Chuck- .


เอียนสับสน


‘อะไร นี่มันอะไร? ทำไมร่างกายมันถึงเคลื่อนที่ของมันเอง?’


เอียนพยายามที่จะขยับร่างของเขาอย่างถึงที่สุด แต่นอกจากการเคลื่อนที่ของร่างกายเขาแล้ว ตอนนี้ปากของเขาเริ่มที่จะขยับไปเองอีกด้วย


“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ กระผมจะจงรักภักดีต่อท่าน”


‘อะไรว้ะเนี่ย? ระบบเกมมันทำให้ฉันขยับเองได้ด้วยงั้นหรอ?’


แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่สำหรับเอียนที่ไม่รู้มารยาทต่อรางวงศ์มากนักเขาก็คิดว่ามันก็ถือว่าทำให้เขาสบายใจมากกว่า


‘อะไรก็ชั่งเถอะ ขอแค่มันจบดีก็พอ’


และเควสต์อาณาจักรอันแรกของเอียนก็จบลงอย่างปลอดภัย



ตอนที่ 89

Note – ยศ เปลี่ยนเป็น ยศ ในส่วนของตำแหน่งขุนนางนะครับ


 


กริ๊ง-


สถานะของผู้เล่น ‘เอียน’ สมาชิกของกิลด์ ‘โลตัส’ ได้เลื่อนระดับเป็น ‘บารอน’ ค่าชื่อเสียงของกิลด์ ‘โลตัส’ เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น150,000หน่วย กิลด์โลตัสทำตามครบเงื่อนไขในการเลื่อนระดับ ‘หมู่บ้าน’ เป็น ‘เมือง’ (อย่างไรก็ตามการเลื่อนระดับจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นเลื่อนระดับเป็น ‘ลอร์ด’)


เฮิร์ซ, ฟิโอลันและคาร์วินที่ขายไอเทมแบบสุ่มๆอยู่ที่ร้านขายของทั่วไปที่เก็บไว้ในฐานหลังจากได้รับมาจากการล่า พวกเขาก็หยุดทำทุกสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่และมองหน้ากันทันที


เพราะว่าข้อความระบบของพวกเขาที่ส่งถึงสมาชิกกิลด์ทุกคน ข้อความโผล่ขึ้นเวลาเดียวกันทั้งสามคน


คนที่พูดคนแรกคือคาร์วิน


“จังหวะของพี่แกนี่ดีที่สุดเลย!”


เหตุผลที่ว่าทำไมทั้งสามถึงได้มาที่ร้านขายของทั่วไปเพื่อขายของที่ได้มาหลังจากการล่ากว่าหนึ่งในสี่ของวัน ก็เพื่อที่จะได้ผ่านเงื่อนไขการเลื่อนระดับนั่นเอง


กล่าวอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่าทันทีที่เงื่อนไขทั้งหมดของฐานต่อไปครบถ้วน เอียนก็ได้รับการเลื่อนขั้นทันที


ฟิโอลันรีบเปิดข้อมูลกิลด์และตรวจสอบข้อมูลของเอียนทันทีหลังจากเธอได้ยินข้อความของระบบ เธอก็ส่ายหัวและบ่นออกมา


“แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเอียนถึงเก็บไว้เป็นส่วนตัว ฉันลองเข้าไปดูยศขุนนางใหม่ของเขาแต่ทุกอย่างก็ถูกปกปิดเอาไว้หมดเลย”


คาร์วินยังบ่น


“เอาจริงๆฉันก็สงสัยเกี่ยวกับเลเวลของเอียนอยู่เหมือนกันแต่ฉันก็ไม่อาจรู้ได้?”


เฮิร์ซพูดด้วยเสียงล้อเล่น


“เฮ้ นายแน่ใจงั้นหรอว่าไม่ใช่เพราะว่านายกำลังกังวลว่าเขาจะตามนายทัน?”


คาร์วินสะดุ้งครู่หนึ่ง แต่เขาก็ลังเลที่จะพูดไม่นานหลังจากนั้น


“อย่าพูดเรื่องไร้สาระพี่ เขาจะตามผมทันได้ยังไงก็ในเมื่อเขาเพิ่งเลเวล90เมื่อไม่นานมานี้เอง? ตอนนี้เขาน่าจะเลเวลประมาณ95เองใช่มั้ยหล่ะ?”


ฟิโอลันที่อยู่ข้างเขา เริ่มแสดงความคิดเห็นของเธออย่างระมัดระวัง


“ไม่ใช่ว่าเขาเลเวลเกือบ100แล้วอย่างนั้นหรอ?”


“ใช่ไม่มีทาง เลเวลมันจะเพิ่มยากมากขึ้นเมื่อเลเวลถึง95แล้ว”


เฮิร์ซซึ่งได้ยินทั้งสองคนคุยกันก็แสยะยิ้ม


“เขาอาจจะตั้งความส่วนตัวเอาไว้ในตอนที่เขายังเลเวลต่ำและไม่ได้เปลี่ยนใหม่เพราะว่าเขาขี้เกียจ และล่าสุดที่ฉันถามเอียน เขาเลเวล98แล้ว”


คาร์วินแสดงอาการกระวนกระวาย


“ห้ะ? เขาเลเวลกลับมาเท่าเดิมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


ถ้าหากพวกเขารู้ว่าเอียนมีเลเวลถึง103แล้วละก็พวกเขาได้สลบไปด้วยความตกใจแน่ๆ


ฟิโอลันที่มีเลเวลสูงสุดมีเลเวลประมาณ113ในขณะนี้ เฮิร์ซมีเลเวล107 และคาร์วินมีเลเวล103


ในกรณีของคาร์วิน เอียนก็ตามเขาทันแล้ว


“ไม่ว่าจะยังไงเขาก็สุดยอดจริงๆ”


เมื่อฟิโอลันพูด คาร์วินและเฮิร์ซต่างพยักหน้าพร้อมกัน


และเฮิร์ซก็บ่นต่อ


“แต่เขาทำเควสต์อะไรกันถึงได้ยศบารอนมาตั้งแต่แรกเลย?”


เมื่อพูดอย่างนั้น ฟิโอลันก็ถามกลับ


“ห้ะ? นายหมายความว่าไง? ไม่ใช่ว่ายศแรกที่นายได้มาคือบารอนงั้นหรอ?”


เมื่อเธอพูด เฮิร์ซส่ายหน้า


“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น”


คราวนี้คาร์วินถาม


“ถ้างั้นปกติเริ่มด้วยอะไรล่ะ?”


เฮิร์ซตอบ


“เท่าที่ฉันเคยได้ยินมา เมื่อเราเคลียร์เควสต์อาณาจักรได้แล้ว จะได้รับยศบารอนเน็ตหรืออัศวิน”


“จริงหรอ?”


“ใช่แล้ว นั่นจึงทำให้ฉันแอบหวังว่าเอียนจะได้ยศบารอนเน็ตตั้งแต่แรก มันมีโอกาสที่จะเลื่อนระดับฐานเป็นเมืองด้วยยศอัศวินเช่นกันแต่มันข้อจำกัดเยอะมาก เราจะได้ยศบารอนเน็ตเมื่อเราได้เป็นขุนนางที่แท้จริงแล้วเท่านั้น”


ฟิโอลันพูดเสริม


“โอ้ นายพูดถูกแล้ว ฉันก็เคยอ่านข้อมูลมาผ่านๆเหมือนกันแต่ฉัะนไม่เคยคิดว่าบารอนเน็ตและบารอนมันต่างกัน ในเมื่อพวกเขาก็เป็นแค่บารอนฉันเลยเดาว่าอย่างนั้น…งั้นแสดงว่าเอียนได้รับยศที่สูงกว่าบารอนเน็ตงั้นสินะ?”


เฮิร์ซพยักหน้าขณะตอบ


“ถูกต้อง ฉันไม่เคยได้ยินเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย… แต่ยังไงฉันก็คิดว่ามันก็ดีกว่า”


คาร์วินหน้ามุ่ยเมื่อเขาบ่น


“ทำไมพี่เขาถึงโชคดีจัง?”


เพียงแค่ดูเฮิร์ซก็ยิ้ม


“ตอนแรกฉันก็คิดว่าเขาโชคดี แต่หลังๆมานี้ฉันคิดว่าไม่ใช่แบบนั้น”


เฮิร์ซหายใจเข้าก่อนเขาจะพูดอีกครั้ง


“มีใครในพวกเราเล่นหนักเท่าเขารึป่าวหล่ะ?”


ฟิโอลันและคาร์วินส่ายหัวพร้อมกัน


ระยะเวลาที่เอียนทุ่มเทให้กับการเล่นเกมของเขานั้นเป็นสิ่งที่ยากสำหรับทุกคนในกิลด์จะทำตามได้


พวกเขาไม่ได้หมายถึงเวลาที่ใช้ในการเข้าสู่เกม


เนื่องจากมีสมาชิกกิลด์จำนวนมากที่เข้าสู่ระบบตลอดทั้งวัน


แต่กระนั้นเอียนก็ไม่ได้อยู่เฉยๆขณะที่เข้ามาในเกม เขาล่าหรือทำเควสต์โดยไม่หยุดพัก


นั่นคือความแตกต่าง


“ยังไงก็เถอะเขาสุดยอดจริงๆ จากที่ฉันรู้นั่นมีไม่ถึงยี่สิบคนที่ได้รับยศบารอน”


และในหมู่ผู้เล่นใหม่เอียนถือว่าเป็นคนแรก


ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีผู้เล่นคนไหนที่ได้รับยศไวเคานต์หรือเคานต์ที่มีระดับสูงกว่าบารอน


สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการไต่อันดับกิลด์


“เอาจริงๆดูเหมือนว่าเขาจะทำเควสต์ทั้งหมดของเขาหมดแล้ว ดังนั้นเอียนน่าจะกลับมาฐานเร็วๆนี้ใช่มั้ย?”


เฮิร์ซพยักหน้า


“ฉันก็คิดอย่างนั้น ฉันบอกเขาไปเกี่ยวกับการเลื่อนระดับฐานดังนั้นเขาก็น่าจะมาที่นี่เร็วๆนี้ เมื่อเอียนมาถึงฉันคิดว่าเราควรจะจัดการเรื่องการเลื่อนระดับเมืองทันที”


“แน่นอน พูดก็พูดเถอะฉันสงสัยว่าไม่ใช่ว่าฉันควรยกตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์ให้กับเอียนงั้นหรอ?”


อย่างไรก็ตามเมื่อพูดคำเหล่านั้น เฮิร์ซและคาร์วินส่ายหน้าพร้อมกัน


คาร์วินพูด


“ไม่-ไม่ เอามันไว้อย่างนั้นแหละเพื่อที่เธอจะได้เป็นรองหัวหน้ากิลด์ต่อไปฟิโอลัน”


เฮิร์ซเห็นด้วยอย่างยิ่ง


“ถูกต้อง ฉันก็คิดว่ามันจะดีมากกว่าสำหรับกิลด์ถ้าเธอยังเป็นรองหัวหน้ากิลด์ ฟิโอลัน…”


ในช่วงเริ่มต้นของกิลด์บทบาทของรองหน้ากิลด์ไม่มากเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับตอนนั้นแล้วตอนนี้ขนาดของกิลด์ใหญ่ขึ้นกว่าสองเท่าและมันก็มีงานจำนวนมากสำหรับรองหัวหน้ากิลด์โดยเฉพาะกับที่ฐาน


และนอกจากเอียนที่ล่าอย่างไม่หยุดพัก ทั้งสองก็คิดว่าฟิโอลันที่มีความเข้มงวดเล็กน้อยและดูแลภารกิจได้เหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่า


ฟิโอลันทำสีหน้าเคอะเขิน


“ถึงอย่างนั้น… เอียนจะไม่เป็นไรใช่มั้ย”


คาร์วินยิ้มและตอบ


“เธอก็รู้ว่าพี่เขาไม่สนใจเรื่องแบบนั้น ทำไมคนที่รู้จักพี่เอียนมาเป็นเดือนถึงทำท่าทางแบบนั้นหล่ะ?”


 


* * *


 


ในขณะเดียวกัน เหมือนกับที่ทั้งสามได้คาดการณ์เอาไว้เอียนกำลังมุ่งหน้ากลับฐาน


บนไหล่ของเอียนที่เดินด้วยฝีเท้าที่เบาหวิวพร้อมกับฮัมเพลงก็มีกริฟฟินตัวน้อยที่มีขนสีทองนั่งอยู่


กรู๊ก- กรู๊ก-!


“พินแกหิวไหม?”


พยักหน้า


เอียนตั้งชื่อสัตว์เลี้ยงตัวใหม่กริฟฟินว่า ‘พิน’


และสกิลฝึกฝนที่เขามักจะใช้กับไลก็ได้ถูกใช้โดยพินแทน


‘ในเมื่อค่าศักยภาพของพินจะเพิ่มขึ้นถึง100หน่วยได้โดยใช้เวลาประมาณ3วัน… ฉันคิดว่าฉันจะใช้กับไลทีหลัง’


พินมีค่าศักยภาพ90หน่วยตั้งแต่ที่เขาได้รับมันมา


เหมือนกับฮัลลิเขาวางแผนที่จะให้พินมีค่าศักยภาพถึง100หน่วยก่อนที่เอียนจะเพิ่มเลเวลของมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการเพิ่มค่าศักยภาพของพินเสียก่อน


“ไหนดูสิ ฉันเอามีตบอลโอสถไว้ที่ไหน?”


ในขณะที่เอียนเริ่มค้นหาในคลังของเขา บุ๊กค์ที่อยู่บนหลังของเขาและหลับไหลกลับไปสู่ความเป็นจริง


สำหรับบุ๊กค์ไม่มีสัญญาณเตือนไหนที่ดีไปกว่าคำว่ามีตบอล


ดวงตาของบุ๊กค์เบิกกว้างเมื่อใดก็ตามที่เขาได้ยินคำว่ามีตบอล


บุ๊กค์-!


เอียนที่เห็นอย่างนั้นก็ยิ้ม


“โอเค ฉันจะให้แกหนึ่งชิ้นเหมือนกัน รอก่อน”


บุ๊กค์ได้กินโควต้ามีตบอลตอนเช้าไปแล้วจึงไม่ได้หวังอะไรมากแต่มันก็ขยับตัวขณะที่มองเอียนที่จะให้มีตบอลกับมันไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม


บุ๊กค์…!


“โอเค นี่ของแกกินดีๆล่ะ”


เอียนซึ่งส่งมีตบอลไปยังสัตว์เลี้ยงของเขาเกาะอยู่บนก้อนหินสักครู่


และขณะที่มองไปยังสัตว์เลี้ยงทั้งสองของตนที่กำลังกินมีตบอลอยู่ เอียนก็เรียบเรียงความคิดของเขา


‘อย่างแรกเมื่อฉันกลับไปถึงฐาน ฉันต้องเริ่มที่จะจัดการอาณาเขตก่อนสินะ?’


รวมถึงเฮิร์ซสมาชิกส่วนใหญ่ของกิลด์คิดว่าเอียนไม่มีความสนใจในดินแดนแต่มันเป็นเรื่องที่ผิด


เขานั้นกำลังวุ่นวายกับการพยายามทำเควสต์ของเขาให้จบจนถึงตอนนี้จึงทำให้เอียนไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องอาณาเขจได้แต่เขาก็รู้สึกสนใจเกี่ยวกับเรื่องใหม่ของอาณาเขตแบบสุดๆ


เขารู้สึกว่ามันมีสิ่งใหม่ให้เขาได้ค้นคว้าเพิ่มอีก


เอียนลงทุนประมาณสองถึงสามชั่วโมงและทำการค้นคว้าที่ฐานได้ค่อนข้างมากทีเดียว


ตั้งแต่ที่เขาได้รับยศบารอน เขาก็สามารถกลายเป็นลอร์ดได้และฐานก็จะได้รับการยกระดับและหากเป็นเช่นนั้นเขาก็ต้องการที่จะหาประสิทธิภาพของอาณาเขตให้ได้สูงที่สุด


‘เนื่องจากยูฮยอนทำคนเดียวได้ดีจนถึงตอนนี้ ฉันไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจมากนัก….แต่ในเมื่อฉันจะต้องดูแลเกี่ยวกับอาณาเขตแล้วฉันก็ควรลองพัฒนามันให้มากที่สุด’


เนื่องจากมีกิลด์ไม่มากที่ได้เลื่อนระดับเป็นเมือง จึงไม่ค่อยมีข้อมูลอะไรออกมามากนักแต่ถึงกระนั้นมันก็มีข้อมูลที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย


โดยเฉพาะระบบที่ให้พวกเขามีทหารได้เป็นสิ่งที่เอียนสนใจมากที่สุด


‘ประสิทธิภาพในการล่ามันจะต้องดีมากแน่ๆถ้าหากเราได้ทหารที่ดีและจัดการกับการกองกำลังขนาดใหญ่ในการสำรวจ’


เนื่องจากเอียนได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลเพราะNPC เขาจึงยิ่งหวังมากกว่าเดิม


‘ตอนนี้ฮัลลิเลเวลมากกว่า80แล้ว ถ้าหากฉันทำให้พินเลเวลเท่ากันได้ละก็… ฮุฮุ’


เมื่อคิดถึงการกวาดล้างมอนสเตอร์ของพินด้วยสกิลบดขยี้ เอียนก็ยิ้มออกมาเอง


ตอนนี้เป็นเวลาที่จะมีสมาธิในการเพิ่มระดับสัตว์เลี้ยงที่เขาครอบครอง


เขาไม่มีความเป็นผู้นำเหลือสำหรับการจับสัตว์เลี้ยงเพิ่มแล้ว


ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะพินเป็นระดับLegendary ค่าความเป็นผู้นำของเอียนก็ถูกพินเอาไปหมดเลย


มันก็อาจจะเป็นไปได้เพราะว่าค่าความเป็นผู้นำที่เหลืออยู่ของเขานั้นได้มาจากการฟักไข่สัตว์เลี้ยงระดับLegenaryคนแรก


‘ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไข่เทพมังกรจะฟัก แต่มันก็น่าจะมีวิธีเพิ่มค่าความเป็นผู้นำของฉันอีกอยู่ดี’


เอียนยืนจากจุดที่เขาอยู่


ดูเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงของเขาจะกินอาหารจนเกือบหมดแล้ว


อย่างไรก็ตามเขาเห็นบุ๊กค์เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ด้านหน้าพิน


บุ๊กค์- บุ๊กค์-


เท่าที่เอียนคิด พินกินมีตบอลของมันไปครึ่งนึงแล้วและวางที่เหลือเอาไว้ตรงหน้ามัน


บุ๊กค์จ้องไปที่มัน


พินชำเลืองมองที่บุ๊กค์และผลักมีตบอลด้วยเท้าเพียงเล็กน้อย


กรู๊ก- กรู๊- กรู๊ก-


การแสดงออกที่หยาบคายและอาการพินดูเหมือนว่าเขากำลังพูดว่าฉันอิ่มแล้วไม่ว่าคุณจะกินหรือไม่ก็ตามนั้นขึ้นอยู่กับคุณ


และบุ๊กค์ก็คลานไปอย่างรวดเร็วและกลืนมีตบอลของพินด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว


บุ๊กค์- บุ๊-บุ๊กค์-!


ขณะมองไปที่บุ๊กค์ที่มีความสุข เอียนก็ขำออกมา


หากข้อความระบบจะปรากฏขึ้นสำหรับพินเช่นกัน เอียนรู้สึกว่ามีข้อความที่บอกว่า ‘ค่าความสัมพันธ์ของบุ๊กค์ต่อคุณเพิ่มขึ้น 200%’ ก็จะโผล่ขึ้นมา


‘ดูเหมือนว่าพินจะไม่โลภอาหารมากนัก’


พินกำลังทำความสะอาดน้ำมันจากมีตบอลที่ติดอยู่ที่ขนของมัน ขณะที่บุ๊กค์ที่กินมีตบอลที่เหลืออยู่ของพินจนหมดในทันทีก็แสงท่าทีพึงพอใจโดยการวิ่งไปรอบๆ


‘ดูเหมือนว่าบุ๊กค์จะชอบพินจริงๆ’


คุณคิดว่าสิ่งที่บุ๊กค์เป็นอยู่ตอนนี้มันเหมือนกับบุ๊กค์ชอบไปร้านไก่กับเพื่อนที่ไม่ชอบกินไก่มั้ย?


ก่อนที่เขาจะรู้ตัวบุ๊กค์ก็อยู่ถัดจากพิน ถูหัวของมันกับพิน


บุ๊กค์แสดงท่าทางราวกับค้นพบเนื้อคู่ และเหมือนพินก็จะไม่ได้รังเกียจบุ๊กค์ซะทีเดียว


เอียนยิ้มออกมา


การได้เห็นสัตว์เลี้ยงของเขาสนิทกันเป็นสิ่งที่น่ายินดี


“โอเค ไปกันเถอะเด็กๆ พวกเราน่าจะถึงเร็วๆนี้แล้ว”


เมื่อเอียนพูดจบ พินก็บินขึ้นมานั่งบนไหล่ของเอียนทันที ขณะที่บุ๊กค์รีบเดินมาด้วยขาสั้นๆของมันและยืนตรงหน้าเอียน


เอียนลูบหัวพินหนึ่งครั้งก่อนจะเริ่มเดินต่อ



ตอนที่ 90

ชานเมืองของฐานกิลด์โลตัส


จากการที่ขยายอาณาเขตเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อให้ครบตามเงื่อนไขให้ไวที่สุด แถบชานเมืองจึงดูว่างเปล่า


บนพื้นที่อันกว้างใหญ่มีสถานที่แห่งหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวซึ่งมันเหมือนกับสวนสัตว์ที่มีมอนสเตอร์วิ่งเต็มไปหมดถูกสร้างเอาไว้อยู่


นั่นคือ ‘พื้นที่เพาะพันธุ์มอนสเตอร์’ ที่ศาสตราจารย์ลีจินุกสร้างขึ้น


ผ่านมาไม่กี่วันเท่านั้นตั้งแต่ที่ศาสตราจารย์ลีจีนุกสร้างพื้นที่เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงขึ้น


แม้ว่าจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเอียนจับมอนสเตอร์ตัวใหม่มาเท่านั้นทุกครั้งที่เขามีเวลาว่างระหว่างการทำเควสต์และเพิ่มข้อมูลของหนังสือไกด์เพิ่ม


“เฮ้อ ถึงมันจะยากแต่ก็ค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว”


ขณะที่มองไปยังพื้นที่เพาะพันธุ์มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างค่อนข้างเล็ก ลีจีนุกก็ยิ้ม


มันยังมีพื้นที่ว่างอีกมากแต่หากเขาขยันจับมอนสเตอร์และรับลูกค้าหน่อย ที่นี่ก็น่าจะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จำนวนมาก


จีนุกนั่งบนเก้าอี้ไม้ในสำนักงานพื้นที่เพาะพันธุ์และปาดเหงื่อ


“หืมม ทำไมเด็กนั่นยังไม่มาอีกใกล้เวลาที่ฉันจะต้องออกไปแล้วนะ?”


เขาพึมพำราวกับว่าเขากำลังรอใครบางคนอยู่และในขณะนั้นประตูของสำนักงานก็เปิดออก


แกร๊ก-


“ศาสตราจารย์ ฉันนำของที่คุณบอกมาแล้ว”


และคนที่เปิดประตูสำนักงานและเข้ามาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฮาริน


“โอ้เยี่ยมไปเลยฮาริน ขอบคุณนะ”


ฮารินยิ้มแย้มขณะเธอตอบ


“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นสิ่งที่ฉันจะทำได้ด้วยความเชี่ยวชาญการทำอาหารของฉันเท่านั้น จินซึงบอกว่างานของคุณก็ช่วยกิลด์มากทีเดียว”


สิ่งที่ฮารินมอบให้กับจีนุกคือกล่องอาหารกลางวันขนาดใหญ่


และข้างในของมันมีอาหารมากมายที่มอนสเตอร์ชอบ


แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆที่เป็นอาชีพเชฟ ฮารินทำอาหารให้กับมอนสเตอร์มากมายเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากจินซุง


เพราะอย่างนั้นเธอจึงมีสกิลพิเศษในการทำอาหารให้แก่สัตว์เลี้ยง


นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำอาหารของฮารินจึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพื้นที่เพาะพันธุ์มอนสเตอร์


ลีจีนุกที่ได้รับอาหารจากฮารินและวางไว้บนโต๊ะสำนักงาน แสดงอาการยินดี


“กลิ่นมันดีมากเลย ฉันไม่กล้าบอกเลยว่าฉันจะไม่กินมันถ้าฉันหิว ฮ่าฮ่า”


เมื่อลีจีนุกพูด ฮารินขำพร้อมกับส่ายหน้า


“ไม่ได้นะคะศาสตราจารย์ อาหารที่ฉันนำมาครั้งนี้ทำมาจากส่วนผสมแบบดิบ ดังนั้นถ้าคุณกินมันคุณอาจจะป่วยได้นะคะ”


“ฮุฮุ ฉันก็แค่พูดเล่นน่ะ”


ลีจีนุกขำเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นได้เขาก็พูดกับฮารินอีกครั้ง


“อ่อใช่ ฮาริน ฉันสังเกตเห็นว่าจินซุงกลับมาที่ฐานสักพักแล้วเธอรู้เรื่องนี้ไหม?”


เมื่อจีนุกพูด ฮารินตาเบิกโพลง


“อะไรนะคะ? จริงหรอคะ?”


“ใช่น่ะสิ ฉันพึ่งเห็นเขาเดินอยู่กับยูฮยอนประมาณ 15 นาทีที่แล้ว”


เมื่อเขาพูด การแสดงออกของฮารินเปลี่ยนไปเล็กน้อย


“ไม่แม้แต่ติดต่อฉันหรอเนี่ย!”


ฮารินแสดงอาการขุ่นเคืองต่อหน้าจีนุกและพูด


“ศาสตราจารย์ ฉันขอตัวนะคะ?”


เมื่อเธอพูด จีนุกขำพร้อมกับพยักหน้า


“แน่นอน ไปเถอะ”


“ขอบคุณค่ะ!”


ขณะมองฮารินที่รีบเปิดประตูและออกไป จีนุกก็ขำ


“ฮุฮุ วัยรุ่นหนอวัยรุ่น”


 


* * *


 


ในขณะเดียวกันเอียนที่เพิ่งมาถึงฐานกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการเลื่อนขั้นฐานกับเฮิร์ซและฟิโอลัน


ข้อกำหนดทั้งหมดในการเลื่อนขั้นพร้อมหมดแล้ว พวกเขาแค่จัดการข้อมูลของพวกเขาขณะทำขั้นตอนสุดท้าย


นี่เป็นเพราะพวกเขาสามารถทำผิดพลาดได้หากพวกเขาเพิ่งเข้าสู่การเลื่อนขั้นฐานและกิจการภายในยุ่งเหยิง


“เอียนที่นายกำลังพูดก็คือทำไมเราไม่สร้าง ‘ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์’ เป็นสิ่งปลูกสร้างแห่งแรกของเรางั้นหรอ?”


เมื่อเฮิร์ซพูด เอียนพยักหน้า


“ใช่แล้ว ฉันวางแผนที่จะสร้างศูนย์ทรัพยาการมนุษย์ก่อนและสร้างฐานทัพทีหลัง”


“มันจะไม่อันตรายเกินไปหน่อยหรอ? การป้องกันจากระบบของเราใกล้จะหมดลงแล้วนะดังนั้นมันจะไม่ดีกว่างั้นหรอถ้าสร้างการป้องกันเมืองก่อน?”


ทันทีที่พวกเขาเลื่อนระดับฐานกลายเป็นเมือง พวกเขาก็จะสามารถสร้างศูนย์ได้โดยไม่เสียเงินสักแดงเดียว และมันจะถูกสร้างทันที


มันมีสิ่งปลูกสร้างหลายชนิดและเฮิร์ซที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันฐานก่อนก็วางแผนที่จะสร้างฐานทัพก่อน ขณะที่เอียนแนะนำว่าให้เขาสร้างศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ก่อน


แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เอียนตัดสินใจหลังจากที่ศึกษามาดีแล้วนั่นเอง


“แม้ว่าเราจะสร้างฐานทัพตอนนี้ทหารที่เราจะฝึกได้ด้วยฐานเลเวล1อย่างมากที่สุดก็ได้ประมาณเลเวล30เท่านั้น ถ้าหากเราฝึกทหารเลเวล30 หนึ่งร้อยคนพวกเขาก็จะถูกฆ่าด้วยการโจมตีAoEเพียงครั้งเดียวของนักเวทเลเวลสูงแน่นอน”


“นั่นก็จริงแต่ว่า…”


เอียนยังพูดต่อ


“การที่เราจะฝึกทหารจากฐานได้เราจะต้องมีพลังต่อสู้ที่มากพอซะก่อน พวกเราจะต้องอัพเลเวลของมันให้ได้อย่างน้อยเลเวล3 และพวกเราจะต้องมีครูฝึกที่มีเลเวลมากกว่า100อีกด้วย”


ฟิโอนลันที่ฟังมาตลอดโดยไม่พูดอะไร ก็เริ่มพูดออกมา


“แล้วเอียน คุณบอกว่าเราควรสร้างศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ซะก่อนและทำให้NPCกลายเป็นครูฝึกเสียก่อนจากนั้นค่อยสร้างฐานทัพงั้นหรอ?”


เอียนพยักหน้า


“ถูกต้องและเราสามารถฝึกคนอย่างต่อเนื่องในศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ที่จะต้องใช้ในกิจการภายในอื่นๆนอกเหนือจากครูฝึก หากเราทำเพียงแค่เพิ่มระดับฐานทัพอย่างเดียวทรัพยากรของกิลด์เราก็จะหมดลงถ้าหากเราไม่มีกิจการอื่นๆให้มันหมุนเวียน”


“แต่อาคารก่อสร้างของพวกเราก็ยังคงทำงานอยู่ดีถ้าหากเราไม่จ่ายเงินให้NPC”


“อย่างไรก็ตามฉันคิดว่ามันก็จะมีความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพอย่างมากถ้าหากเราจ้างNPCที่มีค่าสถานะที่ดี พวกเขาก็จะมีความต่างประมาณ2-3เท่า”


“จริงหรอ?


ข้อมูลของเอียนนั้นละเอียดกว่าที่เฮิร์ซคาดไว้มาก


‘เดี๋ยวนะฉันไม่สามารถหาข้อมูลแบบนี้ได้เลยไม่ว่าฉันจะหาข้อมูลในบอร์ดแค่ไหนก็ตาม แล้วเขาหาข้อมูลทั้งหมดนี้ได้ยังไง’


ฟิโอลันพูดอีกครั้ง


“ถ้างั้นเราแค่ป้องกันด้วยสมาชิกกิลด์ของพวกเราหรอ?”


เอียนส่ายหน้า


“ไม่ใช่แบบนั้น พวกเราต้องสร้างหอคอยป้องกันและขยายกำแพงเมืองออกไป NPCที่ถูกจ้างมาอยู่ในศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ก็จะช่วยเราป้องกันด้วยเหมือนกัน”


“มันจะพอหรอ?”


“และมีอย่างอื่นอีกที่ฉันคิด”


ตามคำพูดของเอียนว่ายังมีอีกมากที่เขาวางแผนไว้เฮิร์ซและฟิโอลันหันความสนใจกลับมาที่ปากของเขาอย่างตั้งใจ


และเอียนหันไปจ้องมองยังเฮิร์ซ


“จากสิ่งที่ฉันค้นคว้ามา ถ้านายสร้างอาชีพกิลด์ที่มีพลังการต่อสู้มันก็จะมีประโยชน์ในการต่อสู้อีกเหมือนกัน”


“อะไรนะ? อาชีพกิลด์? นายสามารถสร้างสิ่งเหล่านั้นบนฐานของพวกเราหรอ?”


หากอาชีพของกิลด์นั้นถูกสร้างขึ้น NPC ของอาชีพนั้นที่เกี่ยวข้องกับกิลด์นั้นจะมาพร้อมกับมันโดยอัตโนมัติ


และในหมู่พวกนั้น NPCที่จะมารับผิดชอบอาชีพนั้นจะเป็นNPCเลเวล120


ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามีอาชีพกิลด์อยู่มันก็เป็นไปได้ที่จะฝึกทหารที่เกี่ยวกับอาชีพนั้นได้ที่ฐานทัพและยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นสำหรับบางคนที่มีพรสวรรค์ในอาชีพนั้นที่ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์


อาชีพกิลด์เป็นอาคารที่ค่อนข้างมีประโยชน์ในหลายๆทาง


อย่างไรก็ตามอาชีพของกิลด์เหล่านี้ไม่สามารถสร้างบนฐานได้


“ใช่ พวกเราสามารถสร้างมันได้ ฉันผ่านเงื่อนไขทั้งหมดของมันแล้ว”


“เงื่อนไข? เงื่อนไขอะไร?”


เอียนที่นำความคิดนั้นขึ้นมา ก็อ้าปากอย่างช้าๆ


“อย่างแรก นายต้องมีเลเวลมากกว่า 100 ของอาชีพที่เกี่ยวข้องและชื่อเสียงของนายจะต้องมีมากกว่า 800,000 หน่วยและสุดท้ายถ้าผู้เล่นที่มีชื่อที่สูงกว่าบารอนเน็ตซึ่งก็คือลอร์ดก็จะสามารถสร้างอาชีพกิลด์ของอาชีพนั้นบนฐานได้”


ฟิโอลันและเฮิร์ซที่ได้ฟังคำพูดของเอียนจากต้นจนจบตกตะลึง


มันเป็นเรื่องน่าทึ่งที่เขาได้ค้นพบเกี่ยวกับเงื่อนไขเหล่านี้ แต่ก็มีอีกสาเหตุที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก


“เอียนนายบอกพวกเราว่านายตรงตามข้อกำหนดเหล่านั้นทั้งหมดหรอ?”


“เอียนนายเลเวลมากกว่า 100 แล้วหรอ? เลเวลของนายก็เข้าใจได้แต่ค่าชื่อเสียง 800,000 หน่วยหรอ?”


เมื่อทั้งสองคนตอบสนองค่อนข้างรุนแรง เอียนพยักหน้าอย่างสงบพร้อมกับตอบ


“ใช่ ฉันเลเวล 103 แล้วตอนนี้และชื่อเสียงของฉัน ปัจจุบันมันอยู่ที่ 890,000 หน่วย”


“…”


เมื่อเอียนพูด ทั้งสองคนแสดงอาการตกตะลึง


หลังจากเงียบไปสักครู่หนึ่ง เฮิร์ซเป็นคนพูดก่อน


“เฮ้ นายเล่นเกมเดียวกับพวกเราอยู่หรือป่าวเนี่ย?”


“เอียนนายไม่ได้ใช้อะไรสักอย่างแบบโกงใช่ไหม? หรือบัค…”


“ไม่มีทาง”


ทั้งสองคนตอบสนองอย่างรุนแรงมาก


ก่อนอื่นการเป็นเลเวล 103 ก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่มีชื่อเสียง 890,000 หน่วยมันใกล้เคียงกับการโกงสำหรับพวกเขา


ในขณะที่เป็นโครบานที่ทำงานอย่างหนักเพื่อพยายามรวบรวมชื่อเสียงก็ก็มีค่าชื่อเสียงประมาณ 430,000 หน่วยเท่านั้นในขณะที่เอียนซึ่งพวกเขาคิดว่าเขาเพิ่มเลเวลอย่างต่อเนื่องเท่านั้นกลับมีค่าชื่อเสียงมากกว่าของโครบานถึงสองเท่า…


ในขณะเดียวกันเอียนที่เห็นสิ่งที่พวกเขาพูดกันก็เปิดปากพูดอีกครั้งโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขาเลย


“ถ้างั้นเราจะเริ่มต้นการเลื่อนขั้นเมืองเลยไหม? เราสามารถทำแบบนี้ได้เลยใช่ไหม?”


เฮิร์ซยังแสดงอาการที่งุนงง แต่เขาพยักหน้าอย่างง่ายดาย


มันแตกต่างจากแผนเดิมเล็กน้อยแต่ดูเหมือนว่าเอียนจะมีความรู้มากกว่าเขาและเอียนก็วางแผนที่สมเหตุสมผลพอดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้าน


‘ฉันเป็นกังวลเล็กน้อยเนื่องจากเราไม่ได้เพิ่มฐานทัพเป็นสิ่งปลูกสร้างแห่งแรกของเรา แต่ฉันคิดว่าเราสามารถเชื่อเอียนได้เมื่อเขาค้นคว้าสิ่งนี้อย่างละเอียดมาแล้ว…’


เฮิร์ซดึงสัญลักษณ์ของฐานออกจากคลังของเขาและยกมันขึ้น


และเขาเริ่มร่าย


“เลื่อนขั้นฐาน!”


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ข้อความระบบโผล่ขึ้นมาต่อหน้าเฮิร์ซ


ข้อกำหนดทั้งหมดสำหรับการเลื่อนขั้นฐานครบ ฐานของกิลด์ ‘โลตัส’ จะเลื่อนขั้นจากระดับ ‘หมู่บ้าน’ เป็นระดับ ‘เมือง’ ท่านจะเลื่อนขั้นหรือไม่?


“พวกเราจะเลื่อนขั้น”


การเลื่อนขั้นฐานกำลังทำงาน


ครั้งนี้ข้อความระบบโผล่ขึ้นต่อสมาชิกกิลด์ทั้งหมด


ฐานของกิลด์ ‘โลตัส’ เลื่อนขั้นเป็นระดับ ‘เมือง’ เสร็จสมบูรณ์ ท่ามกลางข้อความนั้นพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่เริ่มเปลี่ยนรูปแบบอย่างรวดเร็ว


ฐานอาคารของกิลด์ที่สร้างด้วยท่อนไม้นั้นหายไปหมดและอาคารหินใหม่ก็เริ่มถูกสร้างขึ้น


ทั้งสามคนจ้องมองมาที่มัน


“ว้าว วิวนี้มันดีจริงๆ”


เมื่อฟิโอลันพูด เอียนก็พยักหน้าเห็นด้วย


“ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย พวกเขาทำให้เรื่องพวกนี้เป็นจริงได้ยังไงกัน?”


ข้อความของระบบอีกอันหนึ่งโผล่ขึ้นมาสำหรับเฮิร์ซที่กำลังประหลาดใจ


ผู้เล่นเอียนผู้เล่นเพียงคนเดียวของกิลด์ที่มีอันดับ ‘บารอน’ จะได้รับตำแหน่งลอร์ด ท่านจะอนุญาตให้สืบทอดหรือไม่? (เนื่องจากมีผู้เล่นเพียงคนเดียวที่มีฉายาขุนนางการเลื่อนตำแหน่งของกิลด์จะถูกยกเลิกหากถูกปฏิเสธ)


เห็นได้ชัดว่าเฮอร์นพยักหน้า


“ฉันยอมรับการสืบทอด”


เมื่อเขาทำเช่นนั้นแสงที่พุ่งออกมาจากสัญลักษณ์ของกิลด์จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเอียน


และก่อนที่พวกเขาจะตระหนัก คฤหาสน์อันงดงามเริ่มแสดงความงดงามในจุดที่บ้านไม้ตั้งอยู่


ข้อความของระบบโผล่ขึ้นมาต่อหน้าเอียนซึ่งกำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของฐาน


ท่านได้กลายเป็นลอร์ดของเมืองโลตัส การตั้งค่าพื้นฐานจะเริ่มขึ้น


มันเป็นข้อความที่ฉับพลันเล็กน้อย แต่เอียนก็ไม่ได้ระวังตัว


“พวกเราเริ่มเลยแล้วกันเนอะ?”


เอียนซึ่งเคยเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ล่วงหน้าได้สานต่อกิจการภายในของเมืองอย่างราบรื่น


“โอเค สิ่งนี้อาจเป็นไปได้และอัตราภาษียังคงอยู่ในระดับต่ำสุดในตอนนี้…”


แน่นอนว่าค่าแต่ละอย่างนั้นเหมือนที่เขาคุยกับเฮิร์ซและฟิโอลันแล้ว


การตั้งค่าพื้นฐานของเมืองโลตัสเสร็จสมบูรณ์แล้ว กิจการภายในของเมืองจะเริ่มต้นขึ้น


เมื่อการตั้งค่าพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์แท็บการก่อสร้างอาคารภายในจะปรากฏขึ้น


เอียนสร้างศูนย์ทรัพยากรมนุษย์โดยไม่ลังเล


‘ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์’ จะถูกสร้างขึ้นบนทิศตะตก B-124 ของเมือง วันละครั้งบุคคลที่มีความสามารถใหม่ 20 คนจะปรากฏใน ‘ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์’ และพวกเขาสามารถได้รับการแต่งตั้งโดยการใช้ทรัพยากรของเมืองด้วยอำนาจของ ‘ลอร์ด’ และ รองลอร์ด’ (ทุก ๆ 24 ชั่วโมงจะมีรายชื่อบุคคลที่มีความสามารถเพิ่มเข้ามา) หากต้องการสร้างอาคารภายในใหม่มากขึ้นคุณสามารถเปิดแท็บภายในเมื่อใดก็ได้และสร้างพวกมัน


เขาต้องการสร้างอาคารเพิ่มเติม แต่เมื่อพวกเขาขาดทรัพยากรเอียนก็ย้ายไปยังขั้นตอนต่อไปทันที


ท่านได้เข้าแท็บการก่อสร้างภายในแบบพิเศษ ท่านต้องการสร้างอาคารแบบใด?


สำหรับการก่อสร้างภายในพิเศษไม่มีการใช้ทรัพยากรหรือเวลาในการก่อสร้างเช่นกันสำหรับครั้งแรก


เอียนเลือกอาคารซัมมอนเนอร์กิลด์ทันที


อาคาร ‘ซัมมอนเนอร์กิลด์’ จะถูกสร้างบนทิศตะวันออก A-89 ของเมือง จากนี้ไปท่านสามารถเปลี่ยนคลาสเป็น ’ซัมมอนเนอร์’ ในเมืองโลตัสนับจากนี้ไป NPC ที่อยู่ในอาชีพ ‘ซัมมอนเนอร์’ จะปรากฏในศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ นับจากนี้เป็นต้นไปสถานที่ทางทหาร ‘การอัญเชิญ’ จะได้รับการฝึกฝนในกองทหารค่าสถานะอาชีพของซัมมอนเนอร์ของกิลด์โลตัสทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 5%


มีระบบกิจการภายในที่ไม่สำคัญอื่นๆอีกมากมายที่โผล่ขึ้นมา แต่เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นส่วนที่ไม่สามารถแตะต้องได้มันเป็นเพียงสถานการณ์ที่เขาตรวจสอบและผ่านไป ดังนั้นกิจการภายในทั้งหมดจึงเสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาน้อยกว่า 5 นาที


ใช้เวลาเล็กน้อยในการกระจายทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของส่วนเมือง แต่ในขณะที่เอียนยังทำการค้นคว้าส่วนนั้นไว้ล่วงหน้าซึ่งก็เสร็จสมบูรณ์ได้ง่ายเช่นกัน


เฮิร์ซและฟิโอลันที่ดูสิ่งที่เอียนทำอยู่ข้างๆรู้สึกประหลาดใจ


“เฮิร์ซ เอียนมีด้านแบบนี้กับเขาด้วยหรอ?”


“คงงั้นแหละมั้ง? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…”


เมื่อทั้งสองเป็นคนที่เพิ่งดูเลเวลที่เพิ่มขึ้นของเอียนที่ราวกับคนบ้า ความตกใจของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มพูน


“เท่านี้ก็น่าจะโอเคแล้ว…”


เอียนซึ่งเสร็จสิ้นการตั้งค่าเมืองทั่วไปเรียบร้อยแล้วในตอนนี้เขาแสดงออกอย่างพึงพอใจและหันความสนใจไปที่เฮิร์ซและฟิโอลัน


เอียนพูดกับเฮิร์ซด้วยเสียงที่ตื่นเต้นที่สุด


“เราจะเข้าไปดูคฤหาสน์กันเลยดีไหม?”


“แน่นอน?”


อย่างไรก็ตามเอียนและเฮิร์ซได้ยินเสียงที่คุ้นเคย


“จินซุง นายควรจะมาหาฉันก่อนคนแรกเมื่อนายมาถึงแล้วสิ!”



ตอนที่ 91

ทั้งสี่คนรวมถึงฮารินมองไปที่คฤหาสน์ที่สร้างขึ้นใหม่อย่างชุลมุน


มันกว้างขึ้นและหรูหราขึ้นเรื่อยๆไม่อาจเทียบได้กับอาคารกิลด์ระดับ ‘หมู่บ้าน’


เอียนเดินตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของ NPC อย่างละเอียดทุกที่ทั้งในคฤหาสน์และฟังก์ชั่นของมัน


และดูเหมือนว่ากระบวนการดังกล่าวน่าเบื่อเนื่องจากฟิโอลันและเฮิร์ซกล่าวว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นตรงกลางและหายไปที่ไหนสักแห่ง


เหลือเพียงฮารินและเอียนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในคฤหาสน์


และที่สุดท้ายที่ทั้งสองคนพบคือห้องครัวของคฤหาสน์


ห้องครัวในคฤหาสน์ยังว่างอยู่


มันเป็นเพราะว่าจินซุงที่เพิ่งได้เป็นลอร์ดยังไม่ได้แจกจ่ายทรัพยากรของกิลด์


ฮารินถามด้วยเสียงที่ตื่นเต้น


“ว้าวว ฉันสามารถใช้ที่นี่ได้จริงๆใช่ไหมเนี่ย?”


เอียนพยักหน้าพร้อมกับตอบ


“ใช่แล้ว ฉันตั้งใจปล่อยที่นี่ให้ว่างเอาไว้ก่อนเพื่อที่ฉันจะได้คุยกับเธอก่อน”


หากเอียนแจกจ่ายทรัพยากรของกิลด์เริ่มต้นจาก NPC มีหลายสิ่งที่มันถูกตั้งค่าโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีใครที่มีความสามารถในการทำอาหารมากไปกว่าฮาริน นอกจากการตั้งค่าอัตโนมัติแล้วเอียนก็คิดว่ามันน่าจะดีที่สุดถ้าเขามอบหน้าที่นี้ให้แก่เธอนั่น เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีแบบนี้


สำหรับฮารินเช่นกันมันไม่มีที่อื่นในการเพิ่มความเชี่ยวชาญการทำอาหารไปกว่าห้องครัวของคฤหาสน์อีกแล้ว


“เยี่ยม! ฉันจะย้ายเครื่องมือและส่วนผสมของฉันมาไว้ที่นี่”


“เอาเลย ฉันจะโอนสิทธิการตั้งค่าห้องครัวของคฤหาสน์ให้เธอทีหลัง”


“โอเค! ตื่นเต้นจริงๆ!”


ฮารินแสดงออกถึงความสุขอย่างแท้จริง


เพราะว่าเหนือสิ่งอื่นใด เตาที่ใหญ่ขึ้นมันก็จะช่วยให้ได้ลองทำอาหารได้หลากหลายมากขึ้นไปอีก


ยิ่งเธอพยายามทำอาหารหลากหลายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสร้างสูตรได้มากขึ้นและเป็นทางลัดในการเพิ่มระดับการทำอาหารของเธออย่างรวดเร็ว


ฮารินที่เข้าไปในครัวได้พูดกับเอียน


“รอฉันดูรอบๆให้ละเอียดหน่อยนะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”


“แน่นอนตามสบายเลย”


เมื่อเอียนพยักหน้า ฮารินเดินไปรอบๆตั้งแต่ส่วนของครัวไปจนถึงโรงอาหาร


ขณะนั้นเอียนที่กำลังรอเธออยู่นั้นก็ใช้สกิลฝึกฝนที่เพิ่งหมดคูลดาวน์ไป


หลังจากนั้นไม่นานเอียนและฮารินที่ดูทั้งคฤหาสน์และดูห้องครัวเป็นห้องสุดท้ายก็ออกจากคฤหาสน์พร้อมกัน


ฮารินถามเอียนด้วยเสียงเบาๆ


“จินซุงตอนนี้นายจะทำอะไร? นายยังมีเควสต์เหลือที่นายต้องทำไหม?”


“ไม่แล้ว ฉันเสร็จเควสต์ของฉันทั้งหมดแล้วตอนนี้”


“ถ้างั้นการล่าล่ะ?”


เอียนส่ายหัว


“ไม่ล่ะ ฉันบอกกับฟิโอลันไปว่าฉันจะไปลงดันเจี้ยนสองคนกับเธอ”


“อ่อฉันเข้าใจแล้ว จริงๆแล้วฉันคิดว่าฉันจำได้ว่าได้ยินเธอพูดว่าเธอกำลังจะไปที่ดันเจี้ยนผู้เล่น 2 คนกับนายตอนที่นายกลับมาแล้ว”


ฟิโอลันและเฮิร์ซสั่งมา แต่ตอนนี้สมาชิกกิลด์ส่วนใหญ่ที่มีเลเวลมากกว่า 100 ได้เคลียร์ดันเจี้ยนผู้เล่น 2 คนหลุมศพของวีรชนแห่งฟอลันที่ถูกค้นพบใน ‘ลุ่มแม่น้ำฟอลัน’กันหมดแล้ว


และเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขามีเวลาพวกเขาจะสร้างกลุ่ม 2 คนและไปที่ดันเจี้ยน


พวกเขาสามารถที่จะเคลียร์หลุมศพของวีรชนแห่งฟอลันได้ห้าครั้งต่อวันและได้สิ่งที่ดีที่สุดนอกจากไอเทมนั่นก็คือค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาล


ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานประจำวันของผู้เล่นในทวีปทางเหนือ


อย่างไรก็ตามระดับความยากของดันเจี้ยนนั้นสูงมากจนยังไม่มีสมาชิกกิลด์ที่ได้รับระดับมากกว่าระดับ B แต่ฟิโอลันมุ่งมั่นที่จะทำสถิติใหม่เมื่อเอียนซึ่งมีพรวสรรค์ในด้านใน PVE กลับมา


“ใช่ ตามสิ่งที่ฉันได้ยินมาโครงสร้างการได้รับค่าประสบการณ์นั้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับซัมมอนเนอร์เช่นกัน มันไม่ใช่ว่าเราจะได้ค่าประสบการณ์จากมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน แต่มันเป็นวิธีที่เราจะได้ค่าประสบการณ์เป็นรางวัลในการเคลียร์ดันเจี้ยนแทน ดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันจะไม่ต้องหารค่าประสบการณ์กับสัตว์เลี้ยงของฉัน ”


“ฉันเข้าใจแล้ว”


ฮารินที่วางแผนจะชวนเอียนออกไปรวบรวมวัตถุดิบก็ได้แสดงอาการบูดบึ้งเล็กน้อย


และในขณะที่เธอเปลี่ยนไปบูดบึ้งเมื่อเธอแสดงออกอย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นไม่นานมาเอียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย


‘ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ทันทีล่ะ? นี่ฉันลืมบางสิ่งไปหรอ?’


เอียนคิดอย่างรอบคอบว่ามีส่วนผสมในการทำอาหารที่ฮารินได้ขอจากเขาซึ่งเขาลืมไปแล้วหรือไม่


นั่นเป็นเพราะว่าเขาได้ยินมาว่าเขาถูกด่าไม่หยุดเลยในตอนที่เขาเอาวัตถุดิบที่เธอต้องการมาไม่ครบ


อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าไม่มีส่วนผสมชิ้นไหนที่เขาลืมเลย


‘ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ส่วนผสม แต่ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ฉันลืมไป’


และจากนั้นก็มีบางสิ่งที่จู่ๆก็ผ่านความทรงจำของเขา


‘ใช่! แหวนนั่นที่ฉันได้รับรางวัลการค้นพบป่าแห่งความรัก! ฉันลืมเกี่ยวกับมัน!’


เขาจดจำความเจ็บปวดที่เขาได้รับจากป่าแห่งความรักทุกครั้งที่เห็นมันเมื่อใดก็ตามที่เขาเปิดคลังของเขา แต่เนื่องจากคุณสมบัติที่ดีเกินไปเขาไม่สามารถละทิ้งพวกมันได้


‘เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ทำให้ค่าสถานะของอาชีพเพิ่มขึ้นเป็นตันเลยทีเดียว จึงเหมาะสำหรับฮาริน…’


เมื่อเขาได้รับแหวนเป็นครั้งแรกเนื่องจากชื่อแหวนแต่งงานที่หนักหน่วงเอียนสงสัยว่าเขาควรขอใครใส่มัน


อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่มีผู้เล่นเพศหญิงรอบๆเอียนซักเท่าไหร่ในตอนแรก ตัวเลือกจึงลดลงได้ทันทีและในที่สุดเขาก็นึกถึงฮาริน


เขารู้สึกว่าถ้าฮารินเป็นคนใจดีเธอก็จะฟังคำขอของเขาและเขาก็ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าเขาจะถามเธอเมื่อเขาพบเธอ


‘เธอดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยตอนนี้… ฉันควรจะถามเธอดีไหม?”


จินซุงลังเลสักพักหนึ่งแต่ในที่สุดเขาก็พูด


“แต่ฮาริน ฉันมีเรื่องจะขอ”


ฮารินซึ่งกำลังคิดจะหาวิธีโน้มน้าวเอียนและทำให้เดทในทวีปทางเหนือสำเร็จนั้นก็ตกใจเพราะคำพูดฉับพลันของเขา


“หืมมม? ขออะไร?”


“รอแปปนึงนะ”


เอียนดึงแหวนแต่งงานของป่าจากคลังของเขา


เขาไม่ได้ลืมที่จะตรวจสอบว่ามันเป็นแหวนของเพศหญิง


“เอ่อ… เธอคิดว่าเธอสามารถสวมสิ่งนี้ได้ไหม?”


และฮารินที่เจอแหวนที่อยู่บนมือของเอียนในเวลาที่คาดไม่ถึงที่สุดก็รู้สึกสับสนมาก


‘อะไร อะไรเนี่ย?”


ฮารินมองไปที่สีหน้าของเอียนเพื่อตรวจสอบ


อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงใดๆ


ดูเหมือนว่าเขากำลังมองเห็นปฏิกิริยาของฮารินมากที่สุด


‘สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรกัน?’


จินซุงแสดงปฏิกิริยาที่ทำให้เธอถามว่ามันเป็นไปได้จริงๆหรอที่จะไม่รู้แม้กระทั่งเขาแสดงอาการรักต่อหน้าเธออย่างตรงๆ


ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์นี้ไม่สมจริงแบบสุดๆ และด้วยเหตุนี้หัวของฮารินจึงเริ่มสับสน


‘มันเป็นแค่ไอเทมไร้ประโยชน์ที่เขาจะให้ฉันเพราะเขาได้มันมางั้นหรอ? ฉันรู้สึกว่าฉันจะคิดมากเกินไป…’


เมื่อฮารินลังเลลังเล การแสดงออกของจินซุงก็บูดบึ้ง


“ถ้ามันรบกวนเธอเกินไปเธอไม่ต้อง…”


เมื่อจินซุงกำลังเอาแหวนกลับไป ฮารินรีบหยิบมันก่อนที่เธอจะตระหนัก


“มะ ไม่! หมายความว่ายังไงรบกวนเกินไป ใครพูดว่ามันเป็นอย่างงั้น”


ฮารินผู้หยิบแหวนอย่างกะทันหันเขาก็รู้สึกอึดอัด


‘อึก ฉันไม่ได้หยิบนี่เร็วไปใช่ไหม?’


และหลังจากตรวจสอบข้อมูลของแหวนที่เธอได้รับ ช่วยไม่ได้ที่ฮารินจะตกใจอีกครั้งหนึ่ง


‘อะไร อะไรวะเนี่ย? คุณสมบัติของมันดีโคตรๆเลย! ยิ่งไปกว่านั้นชื่อของมันมีชื่อว่าแหวนแต่งงาน? อีกอย่างหนึ่ง… แหวนคู่รัก?’


ฮารินมีเจตนาที่ผิดเพี้ยนเล็กน้อย (?) ต่อจินซุง


เพื่อตรวจสอบอีกครั้งฮารินถามเขาอย่างระมัดระวัง


“นี่… นายก็มีเหมือนกันใช่ไหม?”


และจินซุงก็ไม่ปล่อยเธอไว้และดึงแหวนออกมา


“ใช่ ของฉันอยู่นี่”


ในขณะที่เธอยืนยันว่าพวกเขาเป็นวงแหวนคู่รักแก้มสีแดงทั้งสองของฮารินก็แดงยิ่งกว่าเดิม


“ขอบ…คุณนะ ฉันจะสวมมันอย่างดี”


ด้วยหัวใจที่กระชุ่มกระชวย ฮารินสวมแหวนบนนิ้วของเธอ


และด้วยความหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อย (?) หัวใจของเอียนก็สั่นไหวเช่นกัน


‘คิ ในที่สุดฉันก็สามารถจัดการแหวนเลเวล 50 ของฉันได้แล้ว!”


เมื่อเอียนสวมแหวนบนนิ้วของเอียนด้วยข้อความของระบบก็โผล่ขึ้นมาสำหรับคนทั้งสองในเวลาเดียวกัน


ข้อกำหนดของ ‘แหวนแต่งงานแห่งป่า’ ตรงตามข้อกำหนด จะได้รับพรจากเอลมอล์ฟ ค่าสถานะต่อสู้ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 20% ค่าสถานะอาชีพทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 30% เวลาคูลดาวน์สกิลทั้งหมดจะลดลง 1 วินาที (ไม่มีผลกับสกิลที่มีเวลาคูลดาวน์น้อยกว่า 1 วินาที) จากนี้ไปท่านสามารถอัญเชิญคู่รักของท่านได้ด้วยความสามารถของเอลมอลฟ์ วันละหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคน


หลังจากตรวจสอบค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นของเขาแล้วรอยยิ้มของจินซุงก็ฉีกถึงรูหูและเขาก็รู้สึกแปลกๆเช่นกัน


‘เนื่องจากฉันใส่มันเหมือนแหวนคู่กับฮารินมันก็รู้สึกเหมือนฉันมีแฟน’


มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่อะไร


ในขณะเดียวกันฮารินที่ดูจินซุงยิ้มก็มีความคิดคล้ายๆกัน แต่แตกต่างจากจินซุงเล็กน้อย


‘นี่ฉันมีปัญหาเรื่องหัวใจไปเองงั้นหรอเนี่ย? ฉันคิดว่าเขาไม่สนใจฉันซะอีก…’


ความเข้าใจผิดเล็กน้อยทำให้ริมฝีปากสวยๆของเธอเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม


 


* * *


 


เอียนได้แยกกับฮารินแล้วก็ได้มุ่งหน้าไปยังลุ่มแม่น้ำฟอลันกับฟิโอลันเพื่อไปที่ดันเจี้ยน


“เอียนก่อนอื่นมันอาจจะยากที่จะเคลียร์รอบแรกดังนั้นเป้าหมายของนายคือพยายามทำความคุ้นเคยให้มากที่สุด”


“โอเค… เข้าใจแล้ว”


“นี่นายดูวิดีโอดันเจี้ยนจับเวลาก่อนจะมาแล้วใช่ไหม?”


เอียนพยักหน้า


“ใช่ ฉันดูมันหนึ่งหรือสองครั้งก่อนมาแล้ว”


“โอเค ถ้างั้นมันก็ง่ายต่อการอธิบายหน่อย”


ฟิโอลันที่มาถึงที่ทางเข้าของดันเจี้ยนสักพัก เริ่มจะอธิบาย


“อย่างแรกจุดสำคัญของช่วงแรกคือการเอาชนะมันอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนที่เราได้รับค่าประสบการณ์มากขึ้นจากมอนสเตอร์ที่เราฆ่าได้ดังนั้นเราต้องเอาชนะมันให้เร็วที่สุดและวิ่งไปที่ ‘แท่นบูชาวีรชน’ ที่อยู่ตรงกลาง”


มันเป็นเนื้อหาที่เอียนเริ่มรู้อย่างดีจากการดูจากบอร์ดพูดคุย แต่เขาตั้งใจฟังคำพูดของเธอเพื่อจัดระเบียบความคิดของเขาใหม่


“และเมื่อช่วงที่สองเริ่มต้นขึ้นคลื่นมอนสเตอร์จากทั้งหมดห้าที่จะหลั่งไหลเข้ามา หากแท่นบูชาฮีโร่ถูกทำลายก็จะถูกเตะออกจากดันเจี้ยน ดังนั้นการป้องกันแท่นบูชาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”


“ช่วงนี้จะจบลงก็ต่อเมื่อฆ่ามอนสเตอร์ประมาณ200ตัวแล้วสินะ?”


เมื่อเอียนถาม ฟิโอลันพยักหน้า


“ถูกต้อง และเมื่อคลื่นของมอนสเตอร์สิ้นสุดลงบอสขนาดกลาง 3 ตัวที่เรียกว่า ‘ยักษ์แห่งความเกลียดชัง’ จะปรากฏขึ้น พลังโจมตีที่ของมันนั้นไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสามตัวนั้นมีสกิล AoE ที่ทำให้นายตกตะลึงได้ดังนั้นนายต้องระวังให้ดี ถ้าหากนายบังเอิญโดนสกิลสตั้นเข้านายจะไม่มีทางรอด”


“โอเคเข้าใจแล้ว”


“สุดท้าย ‘ยักษ์แห่งฟอลัน’ ซึ่งเป็นบอสตัวสุดท้ายจะปรากฏขึ้นและความพิเศษของมันคือระดับภูมิคุ้มกันต่อสภาพสถานะนั้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อและการโจมตีครั้งเดียวของมันก็มหาศาลแล้ว ในทางกลับกันการเคลื่อนไหวของมันช้าอย่างมากดังนั้นฉันคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดคือฉันจะทำความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้านายล่อมันเอาไว้ได้”


“โอเค”


“รูปแบบการโจมตีของมอนสเตอร์ที่นายต้องระวังให้มากที่สุดก็คือตอนที่มันยืนอยู่กับที่และเริ่มรวบรวมพลังงานสีน้ำเงินในแต่ละมือ”


เอียนพยักหน้า


มันเป็นสกิลที่เขาเคยเห็นในวิดีโอ


“เธอกำลังพูดถึงสกิลปืนใหญ่เหมือนน้ำขนาดมหึมาใช่มั้ย?”


“ใช่นั่นแหละ ครั้งที่แล้วเฮิร์ซป้องกันมันไม่ได้ทั้งหมดและเราถูกเตะออกหลังจากเขาได้รับการโจมตีสามครั้ง ความเร็วของมันก็เร็วมากดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะหลีกเลี่ยงหรือป้องกันตามที่คาดไว้”


อย่างไรก็ตามแม้จะมีคำเตือนของเธอเอียนก็แสยะยิ้ม


มันเป็นเพราะว่าเขาวางแผนบางอย่างได้ในทันทีเมื่อเขาเห็นสกิลนั้นในวิดีโอ


“โอเค ถ้างั้นจบการอธิบายหรือยัง?”


ฟิโอลันยังคงแสดงอาการที่คลุมเครือ แต่เธอพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ


“ก็สำหรับตอนนี้อ่ะนะ?”


“ถ้างั้นไปกันเถอะ เวลาจำกัดคือ 50 นาทีแล้วเราต้องเคลียร์ดันเจี้ยนภายในกี่นาทีเพื่อให้ได้ระดับ S นะ?”


ในขณะที่มองเอียนซึ่งกำลังคิดที่จะเคลียร์ระดับ S ก่อนที่จะเข้ามาฟิโอลันก็ยิ้ม


“ระดับ S หรอ? ไม่มีแม้แต่ปาร์ตี้เดียวที่ประสบความสำเร็จในการได้ระดับ S การเคลียร์ให้ได้ระดับSนั้นจะต้องเคลียร์ให้ได้ภายใน25นาที ซึ่งเป็นเวลาประมาณครึ่งหนึ่งของเวลาทั้งหมด นายดูได้ที่โฮมเพจหลักของหอเกียรติยศแต่ก็ยังไม่มีปาร์ตี้ไหนที่ทำสำเร็จในการเคลียร์ระดับ A เลยฉันคิดว่าจะต้องใช้เวลา 35 นาทีเพื่อให้ได้ระดับ A?”


ตามคำอธิบายของฟิโอลัน เอียนก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ


“ห้ะ…? มันยากหรอ? จากสิ่งที่ฉันเห็นในวิดีโอดูเหมือนว่ามันไม่ยากเลย… พวกระดับสูงทำอะไรกันอยู่?”


เอียนคิดว่าถ้าเป็นดันเจี้ยนที่ผู้เล่นเลเวล 100 ต้นๆสามารถเข้ามาและเคลียร์ได้ผู้เล่นในการจัดอันดับจะสามารถเคลียร์ระดับ S ได้อย่างแน่นอน


ฟิโอลันเพิ่มคำอธิบายอย่างละเอียด


“นั่น…หนึ่งในสาเหตุเป็นเพราะระดับความยากอยู่ในระดับสูง แต่ก็เป็นเพราะผู้เล่นระดับสูงเข้ามาที่นี่ไม่ได้เช่นกัน จะไม่สามารถเข้าดันเจี้ยนได้ถ้าเลเวลมากกว่า120 ”


“อ่า เพราะงั้นนี่เอง…”


“ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุด50อันดับแรกนั้นมีเลเวลมากกว่า120กันหมด ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถที่จะเข้ามาลองดันเจี้ยนนี้ได้”


เอียนที่ในที่สุดก็เข้าใจทั้งหมดซักทีก็พยักหน้า


“เยี่ยม ถ้างั้นพวกเราเข้ากันไปเลยไหม?”


“โอเค นายเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วใช่มั้ย?”


“ใช่แล้ว”


ฟิโอลันยิ้มออกมา


“ลองมาคิดดู นี่เป็นครั้งแรกที่นายเข้าร่วมการล่าเป็นปาร์ตี้ตั้งแต่รีเซ็ตตัวละครของนายเลยใช่ไหม”


“ก็คงงั้นแหละ”


“ฉันสามารถคาดหวังกับซัมมอนเนอร์ได้ใช่มั้ยเนี่ย?”


เอียนพยักหน้าอย่างมั่นใจ


เขาแข็งแกร่งมากจนไม่มีใครเทียบได้ก่อนที่จะรีเซ็ต


“แน่นอน”


และเมื่อฟิโอลันที่เป็นหัวหน้าปาร์ตี้วางมือบนคริสตัลหน้าดันเจี้ยน ข้อความระบบสั้นๆโผล่ขึ้นต่อหน้าทั้งสองคน


ท่านได้เข้ามาสู่ ‘หลุมศพของวีรชนแห่งฟอลัน’



ตอนที่ 92

Note – ฮัลลิและพินมีผู้พิทักษ์แห่งลมเหมือนกันแต่ว่ามีผลที่ต่างกันนะครับ


ฮัลลิ – ผู้พิทักษ์แห่งลม : 2 นาที จะรวมค่าสถานะของพลังโจมตี,พลังป้องกัน,สติปัญญาเพิ่มให้กับความว่องไว ( เวลาคูลดาวน์ 20 นาที )


พิน – ผู้พิทักษ์สายลม: หากได้รับการโจมตีประเภทสายลม พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้น30%เป็นเวลา3นาที


 


“เอียน ทางนั้น!”


ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในดันเขี้ยนฟิโอลันก็ชี้ไปยังแท่นบูชาวีรชนแห่งฟิลันทันที


ทางเข้าของดันเจี้ยนเหมือนหุบเขาที่มีหน้าผาอยู่ทั้งสองฝั่ง


เอียนหยักหน้า


“โอเค!”


และอย่างแรกเขาได้อัญเชิญสัตว์เลี้ยงของเขาออกมาเพียงตัวเดียว


เขาไม่คิดที่จะอัญเชิญสัตว์เลี้ยงของเขาทั้งหมดออกมาจนกว่าจะถึงแท่นบูชา


เพราะว่าถ้าฮัลลิใช้สกิล ‘ผู้พิทักษ์แห่งลม’ สัตว์เลี้ยงตัวอื่นของเขาจะไม่สามารถตามความเร็วของมันได้ทันเลย


เอียนวางแผนที่จะขี่ฮัลลิไปและอัญเชิญสัตว์เลี้ยงตัวอื่นออกมาเมื่อเขาถึงแท่นบูชาแล้ว


ฟิโอลันก็เตรียมพร้อมต่อสู้ขณะที่เตือนข้อมูลที่เธอเคยบอกไปแล้วอีกครั้ง


“อีกไม่นานกากอยด์น้ำแข็งจะเริ่มออกมาจากทั้งสองฝั่ง โทรลล์น้ำแข็งจะมาด้านหน้า”


เมื่อเธอเตือน เอียนก็พยักหน้าและเรียกฮัลลิ


“ฮัลลิ มานี่!”


Grr-!


และเอียนก็ขึ้นไปบนหลังของฮัลลิ


“ฟิโอลันอย่างแรกเธออยู่ตรงนั้นก่อนและเมื่อฉันไปถึงแท่นบูชาแล้วค่อยตามฉันมาด้วยสกิลเคลื่อนย้ายพริบตาของเธอ”


สกิลเคลื่อนย้ายพริบตาเป็นสกิลของนักเวทที่จะได้มาจากการแลกแต้มผลงานที่หอคอยนักเวท และสามารถเทเลพอร์ตตัวเองไปยังสมาชิกในปาร์ตี้ได้หนึ่งคน


มันเป็นสกิลที่ใช้มานาน้อย แต่มันใช้เวลาร่ายนานประมาณ5วินาที จึงทำให้มันใช้งานยากในการต่อสู้


อย่างไรก็ตามหากเธอรออยู่ที่ทางเข้าดันเจี้ยนที่ไม่มีมอนสเตอร์อยู่มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเธอสามารถใช้งานมันได้


ฟิโอลันถามด้วยความกังวลเล็กน้อย


“นายคิดว่านายจะไปถึงแท่นบูชาได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นหรอ?”


เอียนพุ่งออกไปพร้อมกับตะโกนกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ


“แน่นอน!”


แน่นอนว่าฟิโอลันต้องเป็นกังวล


เพราะว่าแม้จะเป็นเอียนก็ตามแต่นี่เป็นครั้งแรกของเขาในดันเจี้ยนแห่งนี้


ถึงกระนั้นความมั่นใจของเอียนก็ใช่ว่าจะไม่น่าเชื่อถือ


มอนสเตอร์จำนวนค่อนข้างมากวิ่งลงมาจากหน้าผาแต่พวกมันเป็นกากอยด์น้ำแข็งหรือโทรลล์ที่มีเลเวลประมาณ90-100พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่เขาสู้ด้วยจนเขาหน่ายกับพวกมันตั้งแต่ตอนที่เขาเลเวล90แล้วล่าที่ทวีปตอนเหนือ


และถ้าด้วยความสามารถแฝงของฮัลลิละก็พวกมันก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก


‘พูดก็พูดเถอะ ฮัลลิเลเวลยังไม่ถึง90ด้วยซ้ำแต่ค่าความว่องไวของมันสูงกว่าไลซะอีก ในเมื่อระดับของพวกมันห่างกันถึงสองระดับ ค่าสถานะที่ต่างกันจึงใหญ่หลวงมาก


ความว่องไวของฮัลลิตอนนี้ถือว่าโดดเด่นมากซึ่งตอนนี้มีมากกว่า1300ไปแล้ว


มันเป็นความเร็วที่พวกโทรลล์น้ำแข็งและกากอยด์ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับCommonไม่อาจเทียบได้เลย


โทรลล์น้ำแข็งเริ่มขวางทางเอียน เขาก็รีบสั่งฮัลลิ


“ฮัลลิ ผู้พิทักษ์แห่งลม!”


Roar-!


พร้อมกันนั้นฮัลลิก็คำรามออกมาสนั่นทั้งดันเจี้ยน แสงสีขาวปกคลุมขาทั้งสองของฮัลลิ


สัตว์เลี้ยง ‘ฮัลลิ’ ใช้สกิล ‘ผู้พิทักษ์แห่งลม’ ค่าความว่องไวของสัตว์เลี้ยงฮัลลิเพิ่มขึ้นตามจำนวนค่าสถานะอื่นๆทั้งหมด ความว่องไวของสัตว์เลี้ยงฮัลลิเพิ่มขึ้น4484หน่วยเป้นเวลา2นาที


รวมกับค่าความว่องไวที่มันมีอยู่ มันก็กลายเป็นค่าสถานะที่สุดแสนจะไม่น่าเชื่อมันเกือบจะ6000หน่วย


เอียนเกาะหลังฮัลลิแน่


มันถึงเวลาที่จะตีฝ่าวงล้อมไปแล้ว


“ฮัลลิ ไม่ต้องสนใจพวกมันและวิ่งไปตรงนั้นเลย!”


Grr-!


ร่างของฮัลลิเคลื่อนไหวราวกับสายลมจริงๆ พร้อมกับเอียนที่อยู่บนหลังของมัน


โทรลล์ที่มีความว่องไวที่ต่ำก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้ทันฮัลลิก็ผ่านพวกมันไปแล้วและพวกมันก็ยืนอึ้งกันเป็นแถบ


และฟิโอลันที่มองจากด้านหลังก็ถึงกับตกตะลึง


เพราะว่าความเร็วเคลื่อนที่ของฮัลลินั้นมันเร็วเกินกว่ามอนสเตอร์ตัวไหนที่เธอเคยเจอมา


Ta-Tat-!


ขณะเดียวกันเอียนที่อยู่บนหลังของฮัลลิก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาอยู่บนรถไฟเหาะ


ความเร็วของฮัลลิก็เป็นส่วนหนึ่งแต่เมื่อใดก็ตามที่มันเคลื่อนที่เป็นซิกแซกผ่านมอนสเตอร์ไป เอียนรู้สึกเหมือนกับว่าเขาจะเมารถ


เอียนค่อยหันไปมองด้านหลัง


และขณะที่ดูจำนวนมอนสเตอร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปเขาก็คิด


‘จำนวนของมันคงจะไม่น้อยถ้าหากเราไม่ฆ่าพวกมันเลยสักตัว แต่ว่า…’


เขามั่นใจว่าเขาจะฆ่าล้างพวกมันได้ในทีเดียวด้วยสกิลหลุมอเวจีและพ่นไฟ ด้วยสกิลAoEที่แข็งแกร่งอย่างไฟลาวา


และฟิโอลันที่มีสกิลเวทมนต์AoEระดับสูงมากมาย เขาจึงไม่ห่วงว่าจะทำความเสียหายไม่พอแม้แต่น้อย


Thump-!


ฮัลลิกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินขนาดใหญ่และถีบตัวเองขึ้นไปบนอากาศ


การเปลี่ยนทิศที่รวดเร็วทำให้เอียนรู้สึกถึงเหงื่อที่ไหลเย็นบนหลังของเขา


‘อั่ก ตอนนี้คงต้องตั้งสมาธิไม่ให้ตกจากหลังของมันก่อน’


ต้องขอบคุณที่มันเป็นมอนสเตอร์ประเภทความเร็ว ฮัลลิเคลื่อนที่ราวกับบินอยู่บนท้องฟ้า


แม้ว่าหน้าผาทั้งสองฝั่งจะห่างกันเกือบ10เมตรแต่ฮัลลิก็สามารถกระโดดไปที่อีกฝั่งได้ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว


เอียนจำเป็นต้องตั้งสมาธิไม่ให้หล่นจากหลังของฮัลลิ


‘ฟิ้วว พอฮัลลิวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ มันน่ากลัวจริงๆแฮะ’


หลังจากนั้นไม่นาน


ระยะเวลา2นาทีของสกิล ‘ผู้พิทักษ์แห่งลม’ ที่รู้สึกว่านานก็ได้หมดลง


และความเร็วเคลื่อนที่ของฮัลลิที่กลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ช้าลงมาก


แต่กระนั้นมันก็ยังคงทิ้งห่างมอนสเตอร์ตัวอื่นอย่างไม่เห็นฝุ่นอยู่ดี


เอียนได้พักหายใจสักที


“ตรงนั้น!”


และไม่นานเอียนก็สามารถมาถึงแท่นบูชาวีรชนแห่งฟอลันได้


เวลาที่เอียนใช้ในการมายังแท่นบูชานั้นเพียง3นาทีกว่าๆเท่านั้น


เขาส่งข้อความปาร์ตี้ทันที


เอียน: ฟิโอลัน มาเลย!


ฟิโอลัน: โอเค!


พร้อมกับที่เธอตอบ คลื่นสีเทาก็เริ่มที่จะบิดเบี้ยวทางด้านขวาของเอียน


ฟอโอลันเริ่มร่ายสกิลเคลื่อนที่พริบตา


ไม่รอช้าเอียนอัญเชิญสัตว์เลี้ยงทุกตัวของเขาออกมา


แน่นอนว่าไม่ได้รวมถึงพินที่ค่าศักยภาพยังไม่เต็ม


Thud-!


เมื่อดุ๊กเดถูกอัญเชิญออกมาก็เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งดันเจี้ยน เพียงพอที่จะทำให้ทั้งพื้นที่สั่นไหว


เอียนหันความสนใจของตนไปยังหุบเขาที่ตนเพิ่งหนีมา


มอนสเตอร์จำนวนมากที่ไล่ตามเอียนมามากจนแน่นหุบเขาไปหมด


ขณะที่ดูโทรลล์และกากอยด์จำนวนมหาศาลที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีวันหมด เอียนก็สั่งดุ๊กเด


“ดุ๊กเด หลุมอเวจี!”


Geu-reu-reuk- Thud- Thud-


ดุ๊กเดเคลื่อนที่ไปด้านหน้าประมาณสี่ถึงห้าก้าว ยื่นมือทั้งสองออกไปทางหุบเขา


และคลื่นขนาดใหญ่ก็เริ่มที่จะสั่นไหวตรงหน้ามัน


Whoong-!


มันเป็นเวลาที่สุดแสนจะเหมาะเจาะและตรงตำแหน่ง


ระยะ20เมตรทางด้านหน้ามันก็พอดีกับขนาดของทางเข้าหุบเขา และมอนสเตอร์ทั้งหมดที่ออกมาจากหุบเขาได้ก็ถูกตรึงไว้ด้วยสกิลหลุมอเวจี


เอียนตะโกนออกมาด้วยความดีใจที่หลุมอเวจีของดุ๊กเดนั้นดีกว่าที่เขาคาดเอาไว้


เขาออกคำสั่งต่อ


“เรค พ่นไฟ!”


มันเป็นรูปแบบที่เขาใช้เป็นประจำ เรคก็อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและเตรียมตัวล่วงหน้า ก่อนที่จะพ่นไฟของมันออกมาโดยไม่ลังเล


Hwaaak-!


และฟิโอลันที่เพิ่งใช้สกิลเคลื่อนย้ายพริบตามาก่อนที่เอียนจะสังเกตและมาโผล่ด้านหลังของเอียน ก็รีบร่ายสกิลเช่นกัน


“นรก…เหมันต์!”


Bang- Ba-ba-ba-ba-bang-!


จังหวะเหมาะเหม็งมาก มันเหมือนเป็นสกิลต่อเนื่องเลยทีเดียว!


พร้อมกับสกิลเวทมนต์AoEของฟิโอลันที่คล้ายกับพ่นไฟ และการปลดปล่อยของหลุมอเวจีก็กระจายไปทั่ว มันไม่มีทางที่มอนสเตอร์เลเวล90-100จะสามารถต้านทานเอาไว้ได้


Jju-ju-jung-!


ยิ่งไปกว่านั้นต้องขอบคุณสถานะเยือกแข็งผลของสกิลนรกเหมันต์สกิลเวทมนต์ระดับสูงจึงทำให้มอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ถูกตรึงไว้อยู่กับที่


และมอนสเตอร์พวกนั้นก็ถูกจัดการโดยไลและฮัลลิ


ฟิโอลันถึงกับอุทานออกมา


“ว้าว…เอียนนี่มันบ้าไปแล้ว”


เธอไม่สามารถที่จะหุบปากได้


มันจะใช้เวลาประมาณ10นาทีเพื่อที่จะมาถึงแท่นบูชาวีรชนแห่งฟิลันด้วยวิธีการปกติ


ถึงกระนั้นนี่มันยังไม่ถึง5นาทีด้วยซ้ำตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาในดันเจี้ยน


รอยยิ้มก็ปรากฏออกมาจากปากของเอียนเช่นกัน


“โฮ๊ะโฮ่ แต่ครั้งนี้พวกเราโชคดีนิดหน่อย หลุมอเวจีของดุ๊กเดถูกใช้ออกมาได้ไม่มีที่ติ”


อย่างไรก็ตามเอียนก็ยังมั่นใจอยู่ดีว่าเขาสามารถที่จะใช้สกิลแบบเดิมได้และไม่ได้ใช้โชคช่วยในครั้งที่สองในการใช้สกิลได้ไร้ที่ติขนาดนี้


และในเวลานั้นทั้งสองก็พูดคุยกันเล้กน้อย ดันเจี้ยนช่วงที่สองก็เริ่มขึ้น


Whoong-!


แท่นบูชาวีรชนแห่งฟอลันก็ส่องสว่างด้วยแสงสีน้ำเงิน


“เอียนเตรียมตัว!”


“ได้เลย”


ไม่นานนักถ้ำทั้งห้าก็ถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำแข็งก็ล้อมรอบแท่นบูชา และก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นเมื่อพวกมันเปิดออก


Geu-geu-geung- Geu-geu-geu-geung-!


เอียนหันไปหาฟิโอลันพร้อมกับถามคำถามเธอ


“ฟิโอลันเธอมีสกิลม่านน้ำแข็งใช่มั้ย?”


ม่านน้ำแข็งเป็นสกิลที่สร้างเกราะน้ำแข็งขึ้นมาในระยะที่จำกัด แต่คูลดาวน์ของมันนั้นนานมาก มันเป็นสกิลรองที่ผู้เล่นจำนวนมากไม่ใช้กัน


แต่ว่าเอียนเคยเห็นฟิโอลันใช้สกิลม่านน้ำแข็งหลายครั้งก่อนที่เขาจะรีเซ็ต นั่นจึงทำให้เขาถามเธอ


ฟอโอลันพยักหน้าและตอบ


“ใช่ฉันมี แต่ฉันไม่ได้ใช้มันมากนักหลังจากที่ถึงเลเวล90ดังนั้นค่าความเชี่ยวชาญจึงต่ำอยู่”


และเอียนก็เข้าใจในทันทีเมื่อเธออธิบายเพิ่ม


“ถ้ามันปกคลุมแท่นบูชานี้เอาไว้ฉันคิดว่ามันจะอยู่ได้ประมาณ3-4นาที”


3-4นาทีนั้นเป็นการคาดการณ์ที่ฟิโอลันสร้างขึ้นจากประสบการณ์ของเธอในขณะที่เคลียร์ดันเจี้ยน


เอียนนั้นคิดว่าถ้าม่านน้ำแข็งอยู่ได้ประมาณ2นาทีมันก็พอแล้ว ก็ยิ้มออกมา


“โอเค แค่นั้นก็พอแล้ว!”


เอียนพูดจบก็ออกคำสั่งกับดุ๊กเด


“ดุ๊กเดอยู่ใกล้ๆกับแท่นบูชานี้ไว้ให้มากที่สุดและป้องกันมัน เข้าใจมั้ย?”


Geu-reuk- Geu-reuk-


สกิลหลุมอเวจีของดุ๊กเดนั้นมีระยะเวลาคูลดาวน์5นาที


เอียนวางแผนที่จะล่อมอนสเตอร์ให้มากทีุ่ดเพื่อที่จะซื้อเวลาเอาไว้จนกว่าจะหมดคูลดาวน์

‘สกิลพ่นไฟของเรคมีคูลดาวน์30นาที มันคงจะยากนิดหน่อยถ้ารอจนกว่าเราใกล้จะจบ…’


หลังจากล่อมอนสเตอร์ให้มากที่สุดแล้วและพยายามที่จะตรึงมันไว้ด้วยสกิลหลุมอเวจี พวกเขาต้องทำความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยCurrent Proliferationและสกิลติดตัวของเรค ไฟลาวา


‘ฉันมั่นใจว่าฟิโอลันจะดูแลเรื่องความเสียหายที่เหลือเอง’


ถ้าพวกเขาซื้อเวลามากพอที่จะให้ฟิโอลันร่ายสกิลAoEประมาณ2-3สกิล พวกเขาก็จะสามารถทำความเสียหายAoEได้มากกว่าสกิลพ่นไฟของเรคเสียอีก


เอียนมอบหมายให้ไลและฮัลลิจัดการตัวละถ้ำ ขณะที่เขาไปยังประตูที่ใกล้ที่สุดกับเรค


จากนั้นมันก็เหลือถ้ำอีกสองอันทางใต้


เอียนหันไปหาฟิโอลันที่อยู่ด้านหลัง


“ฟิโอลัน ช่วยจัดการกับถ้ำอีกสองอันนั้นกับดุ๊กเดที!”


ฟิโอลันถามกลับ


“พวกเราแค่ต้องซื้อเวลาเอาไว้ใช่มั้ย?”


“ใช่แล้ว อย่าเพิ่งใช้สกิลAoEและถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้ด้วยสกิลที่มีผลสโลว์ก่อน!”


“โอเค!”


มันเป็นเวลาสักพักแล้วที่ล่าแบบนี้ แต่ฟิโอลันเคยทำงานกับเอียนมานับไม่ถ้วนพวกเขาจึงสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ


เมื่อเป็นเช่นนั้น ช่วงที่สองก็ดำเนินไปอย่างราบลื่น


‘มันคงจะไม่ง่ายที่จะลดเวลาของช่วงที่สามและช่วงของบอส’


วิธีการล่าของเอียนในตอนนี้เป็นวิธีที่ถนัดในการล่าแบบกลุ่มโดยเฉพาะ


เพราะเช่นนั้นการที่เขาต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์จำนวนมากแบบนี้มันจึงถือว่าง่ายสำหรับเขา และการลดเวลาให้มากที่สุดถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ


‘ถ้าฉันเลี้ยงพินดีๆละก็ มันจะต้องเป็นอะไรที่น่าทึ่งแน่นอน’


สกิล ‘บดขยี้’ ของพินที่แข็งแกร่งกว่าสกิลพ่นไฟของเรค และคูลดาวน์ก็ใช้เวลาเพียงแค่10นาที


เขามั่นใจว่าเขาจะต้องลดเวลาได้มากกว่านี้ถ้าเขามีสกิลนั้น



ตอนที่ 93

‘ตอนนี้คงได้แต่คิดว่าฉันจะใช้สกิลอะไรได้มากกว่า’


เอียนเลิกคิดถึงเรื่องสกิลของพินไปก่อน และมองไปที่ไลกับฮัลลิที่กำลังทำหน้าที่ของตนอย่างขันแข็ง


Grrr- Grr-!


ไลนั้นทำหน้าที่ล่ากับเอียนมาโดยตลอดมันจึงลากมอนสเตอร์ได้อย่างเชี่ยวชาญ ขณะที่ฮัลลิก็เรียนรู้จากการดูไลและทำหน้าที่ของตนได้ดีเหมือนกัน


ขณะที่มองไปยังเอียนที่กำลังล่อมอนสเตอร์จากทั้งสามทิศอยู่ ฟิโอลันก็ตะโกนขึ้นมา


“เอียนเร็วเข้า! ม่านน้ำแข็งจะแตกแล้ว!”


ตรวบใดที่แท่นบูชายังมีพลังชีวิตเหลืออยู่มันก็ยังถือว่าโอคแม้ม่านน้ำแข็งจะแตกไป แต่ว่าพวกเขาล่อมอนสเตอร์จำนวนที่มากเกินไปมันอาจจะทำให้แท่นบูชาแตกเป็นเสี่ยงๆได้ถ้าหากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว


‘..พวกเราจัดการได้มากกว่าที่คิดเอาไว้’


มันค่อนข้างน่ากังวล เอียนตรวจเวลาคูลดาวน์ของหลุมอเวจีอีกครั้ง


‘3 2 1 ตอนนี้แหละ!’


“ดุ๊กเด หลุมอเวจี!”


หลุมอเวจีของดุ๊ดเดที่เพิ่งหมดคูลดาวน์ก็ใช้ออกมาในทันที


เพราะว่ามันไม่ใช่ช่องหุบเขาแบบครั้งก่อน ดุ๊กเดจึงไม่สามารถตรึงมอนสเตอร์ทั้งหมดได้


มือทั้งสองของเอียนเริ่มขยับอย่างไม่หยุดพัก


เขากำลังยิงCurrent Proliferationออกไปใส่มอนสเตอร์ที่เหลืออยู่อย่างต่อเนื่องและทำให้พวกมันติดสถานะเหน็บชาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


Za-Zap- Za-Za-Zap-!


และเขาก็ไม่ลืมที่จะออกสั่งสัตว์เลี้ยงของตน


“ไล ฮัลลิ! พวกแกฆ่ามอนสเตอร์ที่อยู่ไกลที่สุดด้วยการกัดที่คอของมัน!”


Grr- Grr-!


สัตว์เลี้ยงทั้งสองเมื่อได้ยินคำพูดของเอียนก็รีบพุ่งเข้าใส่มอนสเตอร์ตรงหน้าทันทีและเอียนก็ยิงCurrent Proliferationออกมาอย่างไม่หยุดพัก


แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะคอยหล่อเลี้ยงค่าเวทอัญเชิญของเขาไม่ให้หมดไป


เรคก็สู้ได้ดีโดยที่ไม่มีเอียนคอยสั่ง


สัตว์เลี้ยง ‘เรค’ ได้ใช้งานความสามารถแฝง ‘พ่นไฟลาวา’


มอนสเตอร์ที่ถูกตรึงเอาไว้ก็ถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็วด้วยลมหายใจลาวาของเรค Current Proliferationของเอียน และเวทAoEธาตุน้ำแข็งของฟิโอลัน


แม้หลังจากผลของหลุมอเวจีของดุ๊กเดหมดลง ด้วยผลทับซ้อนเหน็บชาของCurrent Proliferationของเอียนและผลแช่แข็งเพิ่มเติมของเวทน้ำแข็งของฟิโอลัน พวกมันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากโดนตรึงเอาไว้อยู่กับที่


เมื่อเป้นเช่นนั้นจึงทำให้ฟิโอลันร่ายเวทAoEได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นมากกว่าตอนที่เฮิร์ซคอยป้องกันให้


Bang- Ba-Ba-Bang-!


และหลังจากผ่านไป10นาทีตั้งแต่ที่เริ่มช่วงที่สอง ข้อความระบบก็แจ้งว่าช่วงนี้ได้จบลงแล้ว


ท่านป้องกัน ‘แท่นบูชาวีรชนแห่งฟอลัน’ สำเร็จ


เมื่อข้อความระบบแจ้งเตือนขึ้นมา ทั้งฟิโอลันและเอียนก็มองไปที่เวลาที่ทำได้


00:13:24


ในช่วงที่สองจบลงด้วยเวลาที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ฟิโอลันถึงกับอึ้ง


‘พวกเราทำเวลาได้เร็วกว่าเดิมเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่ฉันเข้ามากับเฮิร์ซ!’


มันเป็นเพราะว่าเอียนใช้วิธีการที่ไม่เหมือนใครแต่มันก็เป็นเพราะว่าเฮิร์ซมีความเสียหายที่น้อยมากเมื่อเทียบกับเอียนเช่นกัน ซึ่งมันก็เป็นเอกลักษณ์ของอาชีพ อัศวิน


ฟิโอลันพูดให้กำลังใจตัวเอง


‘พวกเราอาจจะได้ระดับสูงกว่าBตั้งแต่ครั้งแรกก็ได้’


ถ้าหากด้วยความเร็วเท่านี้ละก็ ระดับSก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้


อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ทำให้ความเร็วนี้มีความเป็นไปได้เพราะว่าสกิลของทั้งสองนั้นเน้นไปที่การโจมตีแบบAoE และเริ่มที่ช่วงที่สามที่มันจะเริ่มมีอะไรที่แตกต่าง มันแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาความเร็วนี้เอาไว้


และไม่นานนัก ช่วงที่สามของดันเจี้ยนก็เริ่มขึ้น


‘ยักษ์แห่งความเกลียดชัง’ ได้ตื่นจากการหลับไหล


Fiolan urgently spoke .


ฟิโอลันรีบพูดออกมา


“The biggest one among the three is the one that uses the stun skill! It will probably be the one in the middle . ”


“ตัวที่ใหญ่ที่สุดในสามตัวเป็นตัวที่ใช้สกิลสตั้น! มันเป็นตัวตรงกลาง”


“Is there nothing to be cautious of for the other two?”


“แล้วอีกสองตัวที่เหลือไม่มีอะไรน่ากลัวงั้นหรอ?”


ฟิโอลันตอบกลับ


“ตัวที่อยู่ทางซ้ายถือกระบองเหล็กใช้สกิลคลื่นกระแทก แต่เวลาที่จะใช้งานได้นั้นถือว่าไม่เร็วเท่าไหร่สามารถหลบได้สบายๆ ถึงอย่างนั้นถ้าหลบไม่ได้จะโดนผลสโลว์และก็อาจจะโดนสตั้นได้ นายระวังเอาไว้ด้วย”


“แล้วตัวทางขวาหล่ะ?”


“ตัวที่อยู่ทางขวาถือขวานเป็นมอนสเตอร์ที่มีความเสียหายสูงมาก แต่ฉันจำได้ว่าค่าพลังชีวิตของมันต่ำที่สุด”


เอียนพอเข้าใจแล้วก็พยักหน้า


‘ตัวที่อันตรายที่สุดตอนที่ฉันดูวิดีโอดูเหมือนจะเป็นตัวตรงกลาง ฉันจะต้องตรึงมันเอาไว้ด้วยสกิลสตั้นของฮัลลิให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้…’


ความสามารถแฝงของฮัลลิ ‘ตะปบ’ มันจะมีโอกาส10%ที่จะทำให้อีกฝ่ายสตั้นได้ด้วยการโจมตีปกติ


และถ้าเขาใช้สกิล ‘ผู้พิทักษ์แห่งลม’ และเพิ่มค่าความว่องไวให้สูงที่สุด ความเร็วโจมตีของฮัลลิก็น่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว


ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถที่จะสตั้นมันได้อย่างต่อเนื่องจนทำให้ยักษ์แทบขยับไม่ได้


นั่นเป็นสิ่งที่เอียนเล็งเอาไว้


ถ้าเขาสามารถทำให้ยักษ์ติดสตั้นได้ต่อเนื่องไม่ว่าสกิลมันจะอันตรายขนาดไหน มันก็ไม่น่ากลัวถ้ามันไม่สามารถใช้ออกมาได้


ถึงกระนั้นเขาใช้สกิลผู้พิทักษ์แห่งลมไปตอนช่วงแรกแล้ว เขาจะต้องรออีก6-7นาทีเพื่อที่จะใช้อีกครั้ง


‘ในเมื่อบอสตัวสุดท้ายมันมีความต้านทานค่าสถานะสูงอยู่แล้ว ฉันจะใช้สกิลผู้พิทักษ์แห่งลมในช่วงนี้แหละ’


ขณะที่มองไปยังพวกยักษ์ที่กำลังเดินเข้ามาด้วยเสียงเดินที่ดังสนั่น เอียนถามฟิโอลัน


“ฟิโอลันตัวตรงกลางมันใช้สกิลสตั้นตั้งแต่เริ่มเลยมั้ย?”


ฟิโอลันที่เข้าใจความหมายของเอียนดีก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว


“ไม่ได้ใช้ตั้งแต่เริ่ม ฉันคิดว่ามันจะใช้สกิลสตั้นตอนที่พลังชีวิตมันลดต่ำกว่าครึ่งแล้ว นั่นจึงทำให้พวกเราจะฆ่ามันเป็นตัวสุดท้ายเสมอเมื่อเข้าดันเจี้ยนนี้”


“เข้าใจละ งั้นก็เริ่มจากตัวขวาก่อน”


“ได้เลย!”


เอียนวาดภาพเอาไว้ในหัวของเขา


‘พวกเราจะจัดการตัวขวาให้เร็วที่สุดจากนั้นเราก็จะโจมตีตัวกลางจนกว่าคูลดาวน์ของความสามารถแฝงของฮัลลิจะหมดลง’


ตัวที่อยู่ทางซ้ายเป็นตัวที่เอียนคิดว่าอันตรายน้อยที่สุด


แม้สถานะสโลว์จะค่อนข้างอันตราย  แต่ถ้าเวลาในการเรียกใช้มันช้ามันเราก็สามารถหลบมันได้อยู่แล้ว


ไม่ใช่แค่เอียนแต่ฟิโอลันที่ใช้ความสามารถในการควบคุมได้ดีก็มั่นใจว่าไม่มีทางโดนโจมตีโดยสกิลแบบนั้นแน่นอน


มันคงจะน่ารำคาญถ้าสกิลคลื่นกระแทกยังคงบินไปมาเรื่อยๆขณะที่มอนสเตอร์ตัวตรงกลางเริ่มที่จะใช้สกิลสตั้น แต่เอียนก็วางแผนที่จะป้องกันเรื่องอันตรายแบบนั้นด้วยการใช้ผลสตั้นของฮัลลิต่อเนื่อง


ถ้าหากเขาฆ่าตัวตรงกลางได้ภายในระยะเวลาสองนาทีที่ฮัลลิใช้สกิล ‘ผู้พิทักษ์แห่งลม’ และจากนั้นก็จะโจมตีตัวซ้ายเป็นตัวสุดท้าย ทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสวยงาม


เอียนที่วางแผนเรียบร้อยแล้วก็เรียกดุ๊กเดให้มายินด้านหน้าและเริ่มที่จะเดินเข้าหายักษ์แห่งความเกลียดชังที่อยู่ด้านขวา


“ทุกคน โจมตีแค่ตัวนั้นตัวเดียว!”


เพราะว่าเวลาคูลดาวน์ของความสามารถแฝงสัตว์เลี้ยงมันไม่หมดลง พวกเขาจำเป็นต้องโจมตีด้วยการโจมตีปกติไปก่อน และเอียนก็ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูพร้อมกับควบคุมการเคลื่อนไหวสัตว์เลี้ยงของตน


‘ฉันจะเก็บสกิลกระหายเลือดของไลเอาไว้ก่อน’


เขาวางแผนที่จะใช้สกิลกระหายเลือดเมื่อเวลาคูลดาวน์ผู้พิทักษ์แห่งลมของฮัลลิหมดลง


ทันใดนั้น ฟิโอลันตะโกนออกมา


“เอียนซื้อเวลาให้ฉันหน่อย!”


เอียนเข้าใจว่าฟิโอลันวางแผนที่จะร่ายสกิลโจมตีเวทระดับสูง เขาจึงรีบสั่งฮัลลิ


“ฮัลลิ ล่อสองตัวนั้นเอาไว้!”


Roar-!


แม้ว่าความเสียหายส่วนของฮัลลิจะหายไป แต่ความเสียหายที่ฟิโอลันจะสามารถทำได้จากการโจมตีเวทของเธอก็ย่อมมากกว่า นั่นจึงทำให้เอียนไม่ลังเลที่จะออกคำสั่ง


และฮัลลิก็รีบพุ่งตัวเองออกไป เอียนยิงบอลเวทออกมาใส่ยักษ์ตัวทางขวา


“ทางนี้โว้ยย!”


ต่อด้วยการที่เอียนใช้สกิล ‘ตรวจจับจุดอ่อน’


“ฟิโอลันเธอจำสกิลนี้ได้ใช่มั้ย?”


เมื่อเอียนถาม ฟิโอลันก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า


“แน่นอน นี่เป็นสกิลทำมาหากินของนายก่อนที่จะรีเซ็ต ฉันว่านายคงได้มาด้วยวิธีการบางอย่างมาละสินะ?”


“ก็นะ”


ฟิโอลันเริ่มร่ายสกิลเวทของใส่จุดอ่อนของยักษ์ที่ไฮไลต์ด้วยสกิลตรวจจับจุดอ่อนของเอียน


และการเคลื่อนที่ที่ช้าของยักษ์ทั้งสามจึงทำให้เขาสามารถใช้สกิลCurrent Proliferationได้


Za-Zap- Za-Za-Zap-!


เมื่อยักษ์ทั้งสามอยู่ในระยะที่ใกล้พอแล้ว ดุ๊กเดก็ใช้สกิลหลุมอเวจีอีกครั้ง


“ดุ๊กเด ตอนนี้แหละ!”


Whoong-!


ดุ๊กเดสามารถตรึงยักษ์ทั้งสามเอาไว้ได้ในระยะของหลุมอเวจีแต่เมื่อพวกมันเป็นระดับบอสที่มีขนาดใหญ่และร่างที่หนัก ผลของมันจึงไม่ได้ดีเท่าตอนที่ใช้กับมอนสเตอร์ทั่วไป


อย่างไรก็ตามเพราะว่าพวกมันเข้ามาในระยะที่คาดเอาไว้แล้ว เอียนจึงไม่ได้สับสนแต่อย่างใด


‘ในเมื่อฉันจะต้องซื้อเวลาให้ฟิโอลันร่ายสกิลของเธอ’


และเหมือนกับที่เอียนคาดการณ์เอาไว้ หลุมอเวจีของดุ๊กเดก็ซื้อเวลาได้เยอะทีเดียว


“ฮ่า!”


พร้อมกับเสียงตะโกนสั้นๆ น้ำแข็งทรงกลมขนาดใหญ่ก็ถูกปล่อยออกมาจากคฑาของฟิโอลัน


“พายุน้ำแข็ง!”


Bang- Ba-Ba-Ba-Bang-!


ทิศทางของมันนั้นตรงไปที่จุดอ่อนของยักษ์


‘ตอนนี้แหละ!’


ไม่มีทางที่เอียนจะไม่จัดการกับยักษ์ต่อหลังจากที่มันได้รับความเสียหายจากฟิโอลัน


Whoong-


บอลเวทสีฟ้าถูกปล่อยออกมาจากคฑาของเอียนมุ่งหน้าไปยังจุดอ่อนของยักษ์อย่างต่อเนื่อง


Pung- Pu-pung!


บอลเวทโจมตีโดนเป้าหมาย ทำความเสียหาย 4973 หน่วยให้แก่ ‘ยักษ์แห่งความเกลียดชัง (3)’ เนื่องจากโจมตีศัตรูสำเร็จ ได้รับการฟื้นฟูเวทจิตวิญญาณ 5 หน่วย


ฟิโอลันโจมตียักษ์ด้วยเวทระดับสูงอันแสนจะแข็งแกร่งของเธอสำเร็จ ก็ยิงเวทระดับต่ำที่ไม่มีระยะเวลาร่ายอย่างต่อเนื่องใส่ยักษ์


Swaaeek-!


และเมื่อทั้งคู่โจมตีต่อเนื่องได้อย่างไร้ที่ติ พลังชีวิตของยักษ์ก็หายไปในทันที


Thud-!


ร่างใหญ่ของยักษ์ก็ได้อันตรธานหายไป ทั้งสองก็รีบเปลี่ยนเป้าหมายทันที


ฟิโอลันวิ่งไปที่ตัวซ้ายสุดก่อนและพยายามที่จะโจมตีมันเหมือนอย่างทุกทีที่เธอทำ


ถึงกระนั้น เอียนก็หยุดเธอ


“ฟิโอลัน! ตัวใหญ่ก่อน!”


“หา?”


ฟิโอลันตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็คิดว่าเอียนน่าจะมีแผนบางอย่างจึงทำตามเขาโดยไม่มีคำถามใด


เอียนตรวจสอบเวลาคูลดาวน์สกิลของฮัลลิ


‘เยี่ยม อีกสองนาทีและเวลาคูลดาวน์ของผู้พิทักษ์แห่งลมก็จะหมดลง!’


เอียนและฟิโอลันค่อยๆตอดเลือดยักษ์ตัวกลางทีละเล็กทีละน้อยเหมือนกับที่พวกเขาทำกับตัวขวา


เมื่อเวลาผ่านไป การควบคุมของทั้งสองก็ถูกลับคมมากยิ่งขึ้น


‘เอาละ เวลาคูลดาวน์หมดแล้ว…’


ยักษ์ยังเหลือพลังชีวิตมากกว่าครึ่ง


ถ้าหากเป็นเช่นนั้นการใช้สกิลในตอนนี้มันก็จะไม่มีประสิทธิภาพ


‘อีกนิดเดียวมันก็จะถึงเวลาที่จะใช้สกิลแล้ว เมื่อฉันเห็นมันเริ่มใช้สกิลสตั้นฉันก็ควรจะใช้สกิลผู้พิทักษ์แห่งลม’


และอย่างที่เอียนคาดเอาไว้ ยักษืตัวหนึ่งเริ่มที่จะมีแสงสีแดงขึ้น


“ฮัลลิ ผู้พิทักษ์แห่งลม!”


หลังจากนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปราบลื่นอย่างที่เอียนวางแผนเอาไว้


ก็ไม่เชิงแบบนั้นเสียทีเดียว สตั้นของฮัลลิถูกใช้งานออกมาอย่างต่อเนื่องพวกเขาจัดการกับยนักษ์ได้ง่ายดายโดยที่มันไม่อาจทำอะไรได้เลย


Puck- Pu-puck-!


ความสามารถแฝง ‘ตะปบ’ ของสัตว์เลี้ยง ‘ฮัลลิ’ ถูกใช้งาน ‘ยักษ์แห่งความเกลียดชัง’ ติดสถานะสตั้นเป็นเวลา1วินาที


 


ในที่สุดยักษ์ตัวที่สองก็ตายลง พวกเขาก็จัดการกับตัวสุดท้ายอย่างง่ายดาย


เพราะว่านอกจากที่พวกเขาใช้สกิลแล้ว รุปแบบการโจมตีของมันก็คล้ายกับอีกสองตัว


“โอเค!”


ฟิโอลันที่จัดการกับยักษ์ตัวสุดท้ายก็กำหมัดแน่น


หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ตรวจสอบข้อความระบบที่แจ้ว่าพวกเขาได้ทำช่วงที่สามสำเร็จแล้ว


ท่านได้สังหารยักษ์แห่งความเกลียดชังหมดแล้ว


ผ่านไปประมาณ23นาทีเท่านั้น


ฟิโอลันหัวเราะแห้งออกมาเมื่อดูมัน


“ว้าว แม้ว่าเราจะทำกันขนาดนี้ก็ใช้เวลาตั้ง23นาที พวกเขาคาดหวังให้เราใช้เวลาเท่าไหร่ในการเคลียร์ระดับSกันเนี่ย?”


พวกเขาต้องฆ่าบอสด้วยเวลาที่เหลือเพียงสองนาทีเพื่อที่จะเคลียร์ให้ได้ระดับS


เธอบอกว่าเพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้


เมื่อฟิโอลันบ่นออกมา เอียนก็ยิ้มและตอบ


“ฉันคิดว่าพวกเราสามารถทำให้มันจบลงได้เร็วกว่านี้”


“ห้ะ? จริงหรอ?”


เอียนพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร


อีกไม่นานแท่นบูชาวีรชนก็เริ่มที่จะแตกออกไปในอากาศและบอสดันเจี้ยน ‘ยักษ์แห่งฟอลัน’ ก็จะออกมา


ทั้งสองสูดหายใจเข้าพร้อมกับจ้องไปที่ ‘แท่นบูชาวีรชน’


“มันจะจบแล้ว เราคงต้องจริงจังกันอีกหน่อย”


“แน่นอน แม้ว่าเราจะไม่ได้ระดับS เราก็ยังได้ระดับAใช่มั้ย?”


“แน่นอน!”


เมื่อการพูดคุยสั้นๆของทั้งสองจบลง ข้อความระบบก็แจ้งขึ้นมาราวกับมันกำลังรออยู่


วีรชนแห่งฟอลันได้ตื่นขึ้นแล้ว


94 

NOTE – ขออนุญาติเปลี่ยนชื่อตอนนะครับ จากหอเกียรติยศเป็นสุสานวีรชนแห่งฟอลันครับ


 


ลอร์ดของกิลด์โลตัสคือเอียน


ถึงกระนั้นเฮิร์ซก็ได้รับยศผู้ช่วยลอร์ดที่มีอำนาจที่เกือบจะทำได้ทุกอย่างเช่นกัน


ขณะที่ฟิโอลันและเอียนกำลังไปเคลียร์ดันเจี้ยนฟอลัน เฮิร์ซก็อยู่ที่ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์พร้อมกับคาร์วิน


“นี่พี่ พี่บอกว่าจะให้เลือกสามคนต่อวันใช่มั้ย?”


เฮิร์ซพยักหน้า


“ใช่แล้ว ฉันบอกให้นายเลือกได้สามคน แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกสามคนตลอด ถ้าหากไม่มีคนไหนที่ค่าสถานะถูกใจนายก็ไม่ต้องเลือกมาเลยก็ได้”


คาร์วินพยักหน้ากลับ


“ยังไงก็เถอะมันจะไม่ดีกว่าหรอถ้าเลือกสามคนไปเลย? พวกเรากำลังขาดแคลนคนนะ”


“สำหรับตอนนี้ก็ใช่”


ขณะนี้เฮิร์ซกำลังวางแผนที่จะเลือกคนที่มี ‘ความสามารถในการก่อสร้าง’


เพราะว่าแม้อาคารภายในอาคารแรกที่สร้างจะไม่ต้องใช้ทั้งเวลาและวัสดุ แต่พอเป็นอาคารที่สองแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น


ถ้าหากพวกเขาให้คนที่มีความสามารถก่อสร้างระดับสูงทำหน้าที่ละก็ เวลาที่ใช้ก็จะลดลงตามค่าสถานของพวกเขาและวัสดุที่ต้องใช้ก็ลดลงตามไปด้วยอีกต่างหาก


เพราะเช่นนั้นตอนนี้พวกเขาที่เพิ่งได้รับการเลื่อนระดับเป็นเมืองและอาคารภายในหลักอื่นๆก็ยังไม่ได้สร้างเลย คนที่มีความสามารถในการก่อสร้างจึงถือว่ามีความสำคัญมากที่สุด


‘คนแรกฉันคิดว่าฉันจะเลือกคนที่ชื่อว่า โมฮาน..’


เฮิร์ซดูหน้าต่างข้อมูลอย่างถี่ถ้วนของคนที่มีชื่อว่า ‘โมฮาน’


 


โมฮาน


เลเวล 87


เผ่าพันธ์: มนุษย์


อาชีพ: สถาปนิก


ฉายา : (ไม่มี)


ความแข็งแรง: 375 (+5)


ความว่องไว: 153 (+12)


ความฉลาด: 235 (+15)


พลังชีวิต: 295 (+20)


ค่าสถานะอาชีพ


สถาปนิก: 87


งานศิลป์: 69


ความเป็นผู้นำ: 80


*ความเร็วในการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 7%


*ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างลดลง 3%


ค่าสถานะต่อสู้ (เปิด)


ความสามารถเฉพาะ (เปิด)


 


ตอนนี้โมฮานเป็นคนเดียวที่มีอาชีพเป็นสถาปนิกในหมู่ผู้คนที่ปรากฏในศูนย์ทรัพยากรมนุษย์


เฮิร์ซแต่งตั้งเขาทันที


บุคคล ‘โมฮาน’ ได้รับการแต่งตั้ง ท่านจะให้ ‘โมฮาน’ ไปที่เขตก่อสร้างทันทีเลยหรือไม่?


“แน่นอน”


เมื่อเฮิร์ซตอบไป ข้อความก็เด้งขึ้นมา


โปรดเลือกเขตก่อสร้างที่จะให้โมฮานทำหน้าที่


อาคารภายในที่ถูกสร้างขึ้นแล้วในเมืองโลตัสในขณะนี้คือ ‘ฐานทัพทหาร’ และ ‘ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์’


เฮิร์ซเลือกฐานทัพทหาร


“ฉันจะให้เขาทำหน้าที่ที่ฐานทัพทหาร”


บุคคล ‘โมฮาน’ จะทำงานที่เขตก่อสร้าง ‘ฐานทัพทหาร’ ความเร็วในการก่อสร้างของ ‘ฐานทัพทหาร’ เพิ่มขึ้น 7% ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างของ ‘ฐานทัพทหาร’ ลดลง 3%


หลังจากแต่งตั้งโมฮานแล้ว เฮิร์ซก็เลือกอีกสองคนที่อย่างน้อยก็มีค่าสถานะที่เขาพอใจในหมู่ผู้คนที่เหลือในศูนย์ทรัพยากรมนุษย์


และเขาก็เลือกที่จะให้พวกเขาไปทำงานที่เขตก่อสร้างทั้งหมด


คาร์วินบ่น


“งานภายในของเมืองนี่มันน่าปวดหัวจริงๆ และไม่ต้องพูดถึงมันเยอะมาก”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฮิร์ซก็ยิ้มพร้อมกับตอบ


“ก็จริง แต่สำหรับฉันมันก็สนุกกว่าการไปล่า”


“แน่นอนในเมื่อมันเป็นของใหม่”


คาร์วินยืดตัวแล้วก็พูดต่อขณะที่มองไปยังเฮิร์ซ


“พี่ ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเราจะจัดการเรื่องในเมืองกันได้คร่าวๆแล้ว พวกเราไปที่ฟอลันกันมั้ย?”


“นายจะบอกว่าพวกเราสองคนงั้นหรอ?”


“ใช่สิพี่”


เฮิร์ซที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำท่าสงสัย


“อืม…พวกเราจะเคลียร์ได้งั้นหรอ?”


“ทำไมจะไม่ได้ละ? ตอนนี้ถ้าผมกับพี่โครบานไปด้วยกันพวกเราก็เคลียร์ได้โดยเหลือเวลาอีก5นาที”


“ไม่หรอก พี่โครบานและนายเป็นวอร์ริเออร์ทั้งคู่ดังนั้นพวกนายถึงทำความเสียหายได้มากพอ แต่ถ้านายไปกับฉันมันก็จะสู้ได้ปลอดภัยขึ้นแต่ฉันก็ทำความเสียหายได้ไม่มากดังนั้นฉันจึงคิดว่ามันจะเป็นการยากที่จะเคลียร์ให้ทัน”


อาชีพ ‘วอร์ริเออร์’ เป็นอาชีพที่มีความสมดุลทั้งพลังโจมตีและความถึก เมื่อเทียบกับอาชีพ ‘อัศวิน’ แล้วมันเป็นอาชีพที่เน้นไปที่พลังป้องกันและพลังชีวิตซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทงค์อย่างเดียว


จากการที่ไปดันเจี้ยนกับฟิโอลันครั้งก่อน มันจึงทำให้เฮิร์ซค่อนข้างกังวล


“งั้น…ผมจะพยายามทำความเสียหายให้มากกว่าเดิม ขอแค่พวกเราไม่ตายเราก็จะไม่โดนลงโทษอะไรหนักใช่มั้ยละ? พวกเราก็แค่เสียเวลาเท่านั้นแหละ”


คำพูดของคาร์วินทำให้เฮิร์ซได้แต่หัวเราะพร้อมกับพยักหน้า


“ก็ได้ ลองดูกันสักตั้ง”


“พูดก็พูดเถอะ ฟิโอลันจะเคลียร์กับพี่เอียนสำเร็จมั้ยนะ? ผมเดาไม่ได้เลยเพราะผมไม่รู้วิธีการสู้ของซัมมอนเนอร์”


หลังจากที่รีเซ็ตมา เอียนก็ไม่เคยเข้าปาร์ตี้กับสมาชิกกิลด์ของเขาเลย


 


แต่คาร์วินก็ไม่เคยเห็นซัมมอนเนอร์คนไหนสู้เหมือนกัน


ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเห็นซัมมอนเนอร์เลเวลสูงขนาดที่ล่าที่ทวีปตอนเหนือได้


เมื่อคาร์วินถาม เฮิร์ซก็คิดสักครู่และค่อยๆพูดออกมา


“ก็นะ…ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ฉันได้ยินมาว่าซัมมอนเนอร์เป็นอาชีพที่ถนัดด้านPVE แต่เราก็ไม่อาจคาดได้ว่าเมื่อไปอยู่กับนักเวทอย่างฟิโอลันว่ามันจะดีหรือร้าย แต่ยังไงถ้าเอียนปกป้องฟิโอลันได้ด้วยสัตว์เลี้ยงของเขาเธอก็จะร่ายสกิลเวทออกมาได้ จากนั้นฉันก็คิดว่าพวกเขาจะเคลียร์ได้สำเร็จ”


คาร์วินพูดเสริม


“แต่นี่เป็นครั้งแรกของพี่เขา มันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้น”


เฮิร์ซพยักหน้าเชิงว่าเห็นด้วย


“นั่นมันก็จริง”


อย่างไรก็ตามทั้งสองก็แค่กังวลเกินไปเท่านั้น


 


* * *


 


“ฟิโอลัน ระวัง!”


ทันทีที่เอียนพูดออกมา กระบองของยักษ์ก็ฟาดลงมาที่กลางหัวของฟิโอลัน


Bang-!


ความแรงของมันนั้นสามารถที่จะทำให้นักเวทอย่างฟิโอลันหายไปได้เลยถ้าโดนมันเข้า!


อย่างไรก็ตามโชคดีที่มันเป็นจังหวะที่ฟิโอลันหลบพอดี


“เอียนอีกแค่1นาทีและเวลาคูลดาวน์ของสกิลทั้งหมดของฉันจะหมดแล้ว!”


ฟิโอลันตะโกนออกมา เอียนก็พยักหน้า


“โอเค!”


หลังจากตอบกลับไป เอียนก็เริ่มที่จะวุ่นกับการสั่งการสัตว์เลี้ยงของเขา


“ฮัลลิ อ้อมไปที่ด้านหลังของมันและโจมตีให้ได้มันที่สุด!”


Roar-!


เพื่อที่จะใช้ความสามารถติดตัวของฮัลลิ ‘ตะปบ’ มันจึงสำคัญมากที่จะต้องโจมตีให้โดนติดๆกันแม้ว่ามันจะพลาดการโจมตีอันแข็งแกร่งไปบ้าง


และฮัลลิก็ทำตามคำสั่งของเอียน


Puck- Pu-Puck-!


อุ้งเล็บหน้าของฮัลลิก็โจมตีไปที่ยักษ์ไม่หยุด


และก็เป็นอย่างที่เอียนตั้งใจ ยักษ์มันก็ติดสถานะสตั้น


Thud-


ถึงกระนั้นในจังหวะที่สตั้นถูกใช้งานออกมา ยักษ์ก็หลุดจากสถานะในทันที และขณะที่มองมันนั้นเอียนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย


‘โถ่เว้ย พวกเขาบอกว่าเลเวลค่าต้านทานสถานะของมันสูงมากแต่ทำไมมันถึงหลุดจากสตั้นได้เร็วขนาดนี้กัน?”


ถ้าสกิลสตั้นมีเวลา1วินาทีแต่ยักษ์ตัวนี้มันติดสตั้นไม่ถึง0.5วินาทีด้วยซ้ำ เอียนเคลื่อนที่อย่างวุ่นวาย


ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าค่าต้านทานที่สูงนั้นจะทำให้โอกาสติดสตั้นนั้นน้อยมาก ดังนั้นสตั้นของฮัลลิจึงแทบจะไม่ติดเลย


“ไลล่อมันเอาไว้ด้านหน้าและคอยดูโอกาส ดุ๊กเดก็รับการโจมตีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย!”


Thud- Thud- .


เมื่อไหร่ก็ตามที่ยักษ์ตัวใหญ่ที่มีขนาดใหญ่กว่าดุ๊กเดถึงสองเท่าขยับตัว รู้สึกเหมือนกับว่าทั้งดันเจี้ยนสั่นสะเทือน


เอียนและฟิโอลันเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และโจมตียักษ์ไปเรื่อยๆ


และไม่นานนัก ชื่อของยักษ์ก็เริ่มกระพริบอย่างช้าๆ


‘ดูเหมือนว่ามันจะเหลือพลังชีวิตประมาณครึ่งนึง’


เอียนมองไปที่เวลาที่เหลือเล็กน้อย


‘28นาที พวกเราพลาดที่จะลองเคลียร์ให้ได้ระดับS แต่ดูเหมือนว่าจะยังมีโอกาสที่จะได้ระดับA’


พวกเขาบอกว่าถ้าเคลียร์ให้ได้ภายใน35นาที ก็จะได้ระดับA’


และเวลาที่เหลืออีก7นาทีดูเหมือนมันจะไม่มีปัญหาในการค่อยๆตอดพลังชีวิตของยักษ์ไปเรื่อยๆ


“เอียน ล่อมันให้ที!”


ฟิโอลันตะโกนออกมาและเอียนก็พยักหน้า


เวลาคูลดาวน์สกิลเวททั้งหมดของเธอหมดลงแล้ว เอียนต้องซื้อเวลาให้ฟิโอลันเพื่อที่จะให้เธอร่ายสกิลออกมา


Whoong-!


หมอกสีฟ้าเริ่มปกคลุมรอบๆฟิโอลัน


และเอียนเห็นเช่นนั้นก็ยิงบอลเวทออกไปใส่ยักษ์


Pung- Pu-Pung-!


เมื่อเขาทำเช่นนั้นยักษ์ที่กำลังโจมตีดุ๊กเดอยู่ก็กลับไปสนใจเอียน


“ทางนี้ไอยักษ์เวร!”


เอียนยั่วโมโหยักษ์โดยการตะโกนออกไป


ถึงกระนั้นยักษ์ที่หันมามองเอียนเพียงแว๊บเดียวก็หันกลับไปจดจ่อที่เดิม


และทันใดนั้นมือข้างหนึ่งของยักษ์ก็เริ่มที่จะปรากฏแสงสีฟ้าสว่างออกมา


‘นั่นมัน…! ปืนแรงดัน!’


มันเป็นสกิลที่แรงที่สุดของยักษ์ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด และมันก็ใช้งานออกมาตอนนี้ในขณะที่มันไม่เคยคิดจะใช้ออกมาเลย


เอียนวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุด


‘คนตั้งเยอะทำไมมันถึงเล็งไปที่ฟิโอลัน?’


ฟิโอลันกำลังอยู่ในช่วงการร่ายสกิลเวท


ขณะที่ร่ายสกิลเวทเธอจะไม่สามารถขยับร่างกายได้


พูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือถ้าหากเธอไม่หยุดร่าย เธอก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากตายอย่างช่วยไม่ได้จากปืนแรงดัน


ฟิโอลันเห็นมือของยักษ์ชี้มาทางเธอ เธอก็เกือบจะหยุดร่ายแล้วเมื่อเอียนตะโกนขึ้นมา


“ฟิโอลันอย่าหยุดร่าย!”


“หา?”


“ฉันจะบล็อคมันเอง!”


และพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น สายน้ำสีฟ้าก็พุ่งออกมาจากมือของยักษ์


Kwaaah-!


มันเกือบจะหนาเท่ากับขนาดของต้นไม้สองคนโอบเลยทีเดียว


เอียนรีบวิ่งและไปสร้างเกราะให้ฟิโอลันหันหลังและรับกระแสน้ำนั้นไป


Pung- Pu-Pu-Pung-!


เพื่อที่จะไม่ให้ลมไปด้านหน้า เขาก็ไม่ลืมที่จะใช้เท้าอีกข้างยันเอาไว้


และความสามารถแฝงของบุ๊กค์ที่เอียนตั้งใจจะใช้ก็ทำงานขึ้นมา


ความสามารถแฝง ‘ผู้คุมกฏแห่งสายน้ำ’ ของสัตว์เลี้ยง ‘บุ๊กค์’ ทำงาน สัตว์เลี้ยง ‘บุ๊กค์’ รับปืนแรงดันของ ‘ยักษ์แห่งฟอลัน’ และฟื้นฟูพลังชีวิต 3749 หน่วย สัตว์เลี้ยง ‘บุ๊กค์’ ฟื้นฟูพลังชีวิต 0 หน่วย สัตว์เลี้ยง ‘บุ๊กค์’ ฟื้นฟูพลังชีวิต 0 หน่วย


 


ขณะที่มองไปยังข้อความระบบที่เด้งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เอียนก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ


‘เยี่ยม อย่างที่คิดเอาไว้เลย มันใช้ได้จริงๆด้วย!’


สกิล ‘ผู้คุมกฏแห่งสายน้ำ’ เป็นสกิลที่รับการโจมตีธาตุน้ำทั้งหมดและฟื้นฟูพลังชีวิตเท่ากับความเสียหายที่ได้รับ!


เอียนก็ไม่มีเคยมีโอกาสได้ลองใช้มันสักที ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ความสามารถแฝงของบุ๊กค์ เขาก็ยิ้มออกมา


เมื่อกระแสน้ำอันรุนแรงได้หมดแล้ว กะรสุนน้ำถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่องหมายจะโจมตีฟิโอลัน


อย่างไรตามเอียนก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและรับการโจมตีทั้งหมด


Pung- Pu-Pung-!


ฟิโอลันถึงกับงงงวย


“เอียนนั่นมันอะไรกันแน่? นายไม่เป็นอะไรได้ยังไงตอนที่โดนการโจมตีพวกนั้น?”


เอียนยิ้มพร้อมกับตอบกลับ


“ฉันจะอธิบายทีหลังแต่ตอนนี้รีบๆยิงเวทของเธอได้แล้ว!”


“อีก5วินาที!”


ไม่นาน เวทของฟิโอลันก็ถูกใช้งาน


เมื่อเวทต่อเนื่องของเธอถูกยิงออกไปก็โดนยักษ์อย่างต่อเนื่อง เอียนก็เรียกสัตว์เลี้ยงของเขาทั้งหมดและโจมตีอย่างเต็มรูปแบบเช่นกัน


Grr-!


เอียนมองไปที่ความเร็วในการกระพริบของชื่อเจ้ายักษ์เล็กน้อย


‘ความเร็วในการกระพริบนั่นหมายความว่าพลังชีวิตต่ำกว่า30%สินะ?’


เอียนออกคำสั่งกับไล


“ไล กระหายเลือด!”


Grr- Grr-!


เมื่อสกิลกระหายเลือดทำงาน ไลที่มีขนสีแดงอยู่แล้วก็ส่องแสงสีแดงออกมายิ่งกว่าเดิม


สัตว์เลี้ยง ‘ไล’ ค่าพลังโจมตีและความว่องไวเพิ่มขึ้น 30%เป็นเวลา 3นาที สัตว์เลี้ยง ‘ไล’ ความเร็วเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 40%เป็นเวลา 3นาที ตั้งแต่นี้ไปเมื่อไหร่ก็ตามที่คู่ต่อสู้พลังชีวิตต่ำกว่า30% ความเสียหายที่ไลทำได้ทั้งหมดจะเป็นสองเท่า


เอียนกำคฑาของเขาแน่นและมองไปยังยักษ์


‘พวกเราจะจัดการมันตอนนี้แหละ!’


ดูเหมือนฟิโอลันก็จะมีความคิดเดียวกันกับเอียน เธอยิงเวทของเธอออกไปด้วยพลังทั้งหมด


เอียนและฟิโอลันตั้งสมาธิกับกับใช้สกิลใส่ยักษ์


เนื่องจากร่างกายที่ใหญ่ของมันจึงทำให้พลังชีวิตของมันค่อยๆลดลงไปจากการโจมตีของทั้งสอง


Bang- Babang-!


และไม่นานนักร่างใหญ่ของยักษ์แห่งฟอลันก็เริ่มแตกสลาย

 

 

 


ตอนที่ 95

 

Keu-reu-reung-!


ฟิโอลันเมื่อยืนยันสิ่งที่เห็นแล้วก็ยกเลิกการร่ายสกิลเวทของเธอและกู่ร้องด้วยความดีใจ


“สุดยอด! พวกเราฆ่ามันได้!”


และความสนใจของพวกเขาทั้งคู่หันไปที่หน้าต่างข้อความซึ่งแสดงเวลาที่ทำไปโดยสัญชาตญาณ


00:31:29


พวกเขามีเวลาเหลือเฟือ 18 นาที 30 วินาที


พวกเขาประสบความสำเร็จในการเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยความเร็วที่สุดยอดมาก


เอียนกลือนน้ำลายเสียงดัง


มันเป็นสถิติที่ทำให้เขาอยากเห็นรางวัลที่ได้


‘มันน่าจะระดับ A ใช่ไหม?’


Thud- .


ในขณะที่ไจแอนท์สลายไป หน้าต่างข้อมูลที่แจ้งให้ทั้งสองให้ทราบว่าพวกเขาเคลียร์ดันเจี้ยนโผล่ขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา


Ring- .


 


หลุมศพของวีรชนแห่งฟอลัน


เวลาจำกัด – 00:50:00


เวลาเคลียร์ – 00:31:29


ระดับเคลียร์ – A


ได้รับค่าประสบการณ์ – 13,252,000


ได้รับทอง – 141,514 ทอง


ได้รับไอเทม – ชิ้นส่วนของรองเท้าฮีโร่แห่งฟอลัน *8


 


หลังจากตรวจหน้าต่างเคลียร์ ฟิโอลันอ้าปากค้าง


“ว้าว เคลียร์ด้วยระดับ A!”


มันไม่เหมือนที่พวกเขาเพิ่งจะเคลียร์ภายในเวลาสำหรับระดับ A พวกเขาได้รับระดับ A ที่ค่อนข้างห่างไกล


ยิ่งไปกว่านั้นรางวัลค่าประสบการณ์และทองที่พวกเขาได้รับมันเพียงพอที่จะให้พวกเขาพูดไม่ออก


ฟิโอลันคิดย้อนกลับไปตอนที่เธอเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยระดับD และลองคำนวนดู


“รางวัลที่ได้นี่มันเกือบจะ4เท่าของการเคลียร์ด้วยระดับDเลยนะ นี่มันสุดยอดจริงๆ”


เอียนตกใจ


เพียงแค่ 30 นาที เขาได้รับค่าประสบการณ์มากกว่า 13 ล้านและทอง 140 พันล้านหน่วย


‘เราจะสามารถเพิ่มเลเวลได้มากกว่า1เลเวลในทุกๆวันตรวบใดที่เรายังเคลียร์ดันเจี้ยนอย่างต่อเนื่อง’


มันค่อนข้างน่าผิดหวังที่มันจำกัดการเข้าแค่5ครั้งต่อวันแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นถ้าเขาเข้าดันเจี้ยนและเคลียร์มันได้ทั้ง5ครั้ง เอียนก็รู้สึกว่าเขาจะสามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ของเขาได้80%ที่เขากำลังต้องการพอดี


เอียนคำนวณรางวัลอย่างคร่าวๆและได้ถามฟิโอลัน


“ฟิโอลัน ชิ้นส่วนไอเทมพวกนี้ฉันต้องการมันเท่าไหร่ถึงจะเปลี่ยนไปเป็นชิ้นที่สมบูรณ์ได้?”


ฟิโอลันตอบทันที


“นายจะต้องมีมันทั้งหมด40ชิ้น ต้องขอบคุณนายจริงๆเอียนดูเหมือนว่าฉันจะทำให้มันเป็นไอเทมได้แล้ว”


ถ้าหากสามารถเคลียร์ด้วยระดับA  การลงดันเจี้ยน5ครั้งก็จะได้ไอเทมชิ้นนึงเลยทันที


“ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถสร้างมันได้หนึ่งชิ้นในแต่ละวัน”


เมื่อฟิโอลันได้ยินคำที่เขาพูดเธอก็หัวเราะออกมา


“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ว่ามันจะให้ชิ้นส่วนเดียวกันมาตลอด เหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันสร้างมันได้ก็เพราะว่าฉันโชคดีและก็ได้รองเท้าหลักแล้ว”


เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เอียนเลียริมฝีปาก


“ชิ ฉันเข้าใจละ อย่างไรก็ตามถ้าฉันทำมันต่อไปฉันอาจจะรวบรวมมันได้ในไม่ช้า”


“ถูกต้อง หลังจากที่นายสะสมชิ้นส่วนหลังจากลงดันเจี้ยนสักสองสามวัน นายก็จะสามารถสร้างมันได้ประมาณชิ้นนึงต่อวัน”


เอียนพยักหน้าเมื่อเขาพูดต่อ


“เซ็ตฟอลันมันจะตั้งราคาอยู่ประมาณ5ล้านเหรียญทองต่อชิ้นใช่มั้ย?”


“ใช่แล้ว ไอเทมมันทยอยออกมาเรื่อยๆฉันรู้สึกว่าราคาตลาดจะลดลงไม่นานนี้แหละแต่ตอนนี้ราคาตลาดก็น่าจะอยู่ประมาณนั้น”


“หึ ฉันควรฟาร์มที่นี่เล็กน้อยและทำเงินให้กิลด์สักหน่อย”


“ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์ที่นายต้องการหรอเอียน?”


“ใช่ ที่นี่ยังไม่มีสิ่งที่ฉันต้องการในทันที”


ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ข้อความระบบที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง


Ring- .


ท่านได้เคลียร์ดันเจี้ยน ‘หลุมศพของฮีโร่แห่งฟอลัน’ ด้วยสถิติที่สูงที่สุด ท่านได้รับจดบันทึกใน ‘หอเกียรติยศ’ ของดันเจี้ยนหลุมศพของฮีโร่แห่งฟอลัน ท่านได้รับที่ 1 ท่านจะได้รับชื่อเสียง 3,000 หน่วยในทุกวันนอกจากอันดับของท่านลดลง


ไม่มีคำพูดใดๆที่จะสามารถมาอธิบายความสุขของพวกเขาได้อีกแล้ว


 


หอเกียรติยศ (1)


 


“เฮ้อ พวกเราเคลียร์มันได้แล้ว”


“ทำได้ดีลิ่มหล่ง ฉันว่าพวกเราสามารถเคลียร์มันได้ง่ายเพราะนายแน่ๆ”


“เฮ้ ไม่ใช่เลย เพราะเธอช่วยในช่วงที่สองเซลีน เราจึงสามารถลดเวลาลงได้”


ผู้เล่นสองคนที่เคลียร์ดันเจี้ยนผู้เล่น 2 คนของฟอลันและออกมาพร้อมกับแสงสีขาวที่แบ่งปันการสนทนาที่อบอุ่นในขณะที่ออกจากดันเจี้ยน


บทสนทนาของทั้งสองดำเนินต่อ


“จะยังไงก็เถอะตอนนี้นายมีประสบการณ์ในการเคลียร์ดันเจี้ยนแล้ว มันคงจะง่ายลงถ้าหากเข้าปาร์ตี้อื่นนะ”


“เอาจริงๆแล้วจากนี้ไปแม้ว่าเธอจะไม่อยู่ที่นี่ฉันจะควรจะลองสักหน่อย”


เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในกิลด์ที่จะค้นหาปาร์ตี้ในชุมชน


อย่างไรก็ตามในเมื่อความยากของดันเจี้ยนมันถือว่าสูง จึงทำให้มีหลายคนที่มีหลายคนไม่มีโอกาสที่จะได้ลองมาเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ดู


ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องลองเคลียร์ดันเจี้ยนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง


“แต่ทำไมนายไม่เข้าร่วมกิลด์ล่ะลิ่มหล่ง? คนที่แข็งแกร่งอย่างนายน่าจะเข้าร่วมกิลด์อันดับต้นๆได้ไม่ยากนะ”


เซลีนเป็นนักเวทไฟที่อยู่เลเวล 109


เทียบกับลิ่มหลงที่เพิ่งจะเลเวล100 ความสามารถของเธอดีกว่ามาก


อย่างไรก็ตามลิ่มหลงเป็นแอสซาซิน หนึ่งในอาชีพใหม่และเขานั้นถูกเรียกว่าเป็นผู้เล่นแอซซาซินอันดับ1 การเปรียบเทียบเขาทั้งสองนั้นเป็นไปไม่ได้


ลิ่มหลงตอบพร้อมกับหัวเราะ


“ฉันแค่ชอบเล่นโซโล่เท่านั้นแหละ ยังไงก็เถอะเนื่องจากประสิทธิภาพของดันเจี้ยนฟอลันที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ดีมากฉันจึงค่อยๆเริ่มตระหนักว่าขณะนี้มีการจำกัดการเล่นเดี่ยว”


“ฉันเข้าใจละ!”


“ถ้าหากมีโอกาสในอนาคตฉันก็คงจะเข้ากิลด์”


เมื่อเขาพูด ดวงตาของเซลีนเบิกโพลง


“แล้วถ้านายสนใจ จะมาเข้ากิลด์ของพวกฉันมั้ยหล่ะ?”


เมื่อเธอพูด ลิ่มหล่งถามกลับ


“โอ้ เธออยู่ในกิลด์หรอเซลีน?”


“ใช่ ฉันปิดไว้เป็นความเป็นส่วนตัวน่ะ ดังนั้นนายอาจจะไม่รู้ รอแปปนะ”


หลังจากเธอพูดจบสักครู่หนึ่ง ตราของกิลด์โผล่ขึ้นบนหัวของเซลีน


มันมีแสงที่มีแสงห้าสีปกคลุมรอบๆตรากิลด์


มันเป็นเครื่องหมายว่ามันเป็นตราของกิลด์ที่ติดหนึ่งใน100อันดับแรก


ลิ่มหล่งที่เห็นอย่างนั้น แสดงอาการตกใจ


“โอ้ ฉันเห็นมันเป็นระดับชาเลนเจอร์? ถ้าเป็นกิลด์ไคเซอร์มันไม่ใช่กิลด์ที่อยู่ในท็อป 10 ใช่ไหม?”


เมื่อเขาพูด เซลีนยิ้มด้วยความดีใจเมื่อเธอตอบ


“ถูกต้อง ในปัจจุบันพวกเราอยู่อันดับที่ 13 แต่พวกเราเคยอยู่อันดับที่ 8 มาก่อนเช่นกัน”


“ฉันรู้แล้วล่ะ”


ด้วยเสียงที่สุภาพ เซลีนทำให้เขาประทับใจ


“นายคิดว่ายังไงล่ะลิ่มหล่ง? นายสนใจไหม?”


เมื่อเธอกดดันเขาเพื่อเอาคำตอบ ลิ่มหล่งหัวเราะเมื่อเขาตอบ


“ได้สิ หากมันเป็นกิลด์แบบนั้น ฉันก็ยินดีมากๆ”


เซลีนดีใจ


“โอ้ ถ้างั้นฉันควรส่งข้อความถึงหัวหน้ากิลด์ของพวกเราตอนนี้เลยไหม?”


อย่างไรก็ตามลิ่มหลงส่ายหน้าอย่างช้าๆ


“ไม่ล่ะ สำหรับตอนนี้ ฉันแค่ยอมรับข้อเสนอ ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องที่จะเข้าร่วมกิลด์เลย…”


“อ๊า เสียดายจัง”


“แต่ถ้าฉันเปลี่ยนใจและต้องการเข้าร่วมกิลด์ ฉันจะติดต่อเธอก่อนเลยเซลีน”


เมื่อได้ยินคำเหล่านั้น เซลีนซึ่งแสดงอาการบูดบึ้งก็ยิ้มอย่างสดใส


“เยี่ยมไปเลย! นั่นเป็นสัญญานะใช่ไหม?”


“ใช่”


“ถ้างั้นลิ่มหลงฉันไปก่อนนะ ใกล้จะถึงเวลาประชุมกิลด์แล้ว…”


“ไปเถอะ ฉันต้องกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อรักษาเช่นกัน”


“ไว้เจอกันอีกครั้ง!”


“โอเค ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”


เมื่อเซลีนใช้หินย้อนกลับได้หายไป ลิ่มหลงเกาหัวของเขาขณะเขาบ่น


“ฮ่า มันคงจะถึงเวลาที่ฉันจะเข้ากิลด์แล้วสินะ แต่ตอนนี้…”


เขาไม่ได้บอกเซลีนแต่ลิ่มหลงได้รับการเชิญชวนจากหนึ่งในท็อปกิลด์ทั้ง 5 กิลด์วาเลี่ยนเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม เกณฑ์สำหรับกิลด์ของเขาไม่ใช่แค่การจัดอันดับเท่านั้น


‘ถ้าฉันเข้ากิลด์ที่มันอยู่จุดสูงสุดแล้ว ฉันคงจะไม่โดนเลือกปฏิบัติหรอกใช่มั้ย?’


เขาต้องการเข้าร่วมกิลด์ที่เขาสามารถมีบทบาทเป็นผู้นำในทันทีที่เขาเข้าร่วม


ถ้าหากเป็นเช่นนั้นกิลด์ที่ตระหนักถึงความแข็งแกร่งและเลเวลของสมาชิกกิลด์ใกล้เคียงกันมันน่าจะเหมาะที่สุด


นั่นหมายความว่ากิลด์ไคเซอร์ซึ่งใกล้เคียงกับท็อป 10 ก็เป็นภาระที่หนักเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้โกหกเมื่อเขาบอกว่าเขาจะติดต่อเซลีนก่อน


เนื่องจากเขาวางแผนที่จะติดต่อกับเธอหลังจากเขาเพิ่มความสามารถของเขามากพอที่จะมีบทบาทนำในกิลด์ที่ติดอันดับท็อป 10


“ในเมื่อฉันไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว…”


ลิ่มหลงพึมพัมขณะเขาเดินหน้าต่อ


เพราะเขายังมีโอกาสอีกสามครั้งที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนในวันนั้นเขาจึงต้องไปรักษาและหาสมาชิกปาร์ตี้ที่ดีซะก่อน


“เฮ้อ แต่ดันเจี้ยนฟอลันนี่มันดุเดือดจริงๆ ฉันเคยคิดว่ามันจะง่ายแต่ก็เคลียร์ด้วยเวลาที่เหลืออีกแค่20วินาทีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราพลาดไปครั้งนึงด้วย”


เมื่อเขากำลังจะออกจากฟอลัน ลูกบอลคริสตัลก้อนโตก็ดึงดูดความสนใจของหลิ่มหลง


มันเป็นสถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงหอเกียรติยศที่จัดอันดับผู้เล่นที่เคลียร์ดันเจี้ยนที่ถูกเขียนขึ้น


“ไหนดูสิสถิติที่สูงที่สุดคือ?”


เขาสงสัยว่าผู้เล่นที่ทำสถิติการเคลียร์ดันเจี้ยนที่ยากนั้นมีความเร็วขนาดไหน


เมื่อลิ่มหลงยืนข้างหน้าลูกบอลและวางมือบนนั้น รายชื่อสถิติของการจัดอันดับโผล่ขึ้นมาต่อหน้าเขา


 


หอเกียรติยศของสุสานวีรชนแห่งฟอลัน


อันดับ 1


ผู้ท้าชิง : เอียน (กิลด์โลตัส) ฟิโอลัน (กิลด์โลตัส)


สถิติ : 00:31:29


ระดับ : A


 


อันดับ 2


ผู้ท้าชิง : เซมุส (กิลด์ดาร์ครูน่า) โช (กิลด์ดาร์ครูน่า)


สถิติ : 00:34:49


ระดับ A


 


อันดับ 3


ผู้ท้าชิง : ไซออน (กิลด์ดาร์ครูน่า) มัลค่อม (กิลด์ไททั่น)


สถิติ : 00:34:52


ระดับ : A


 


หลังจากตรวจสอบรายชื่ออันดับ ตาทั้งสองของลิ่มหลงเบิกโพลง


“อะไรวะเนี่ย มันเป็นดันเจี้ยนที่สามารถเคลียร์ใน 30 นาทีงั้นหรอ?”


พื้นฐานของอาชีพแอซซาซินที่อ่อนด้านPVE ลิ่มหลงก็เข้าใจในจุดนี้ดีว่ามันค่อนข้างยากในการเคลียร์มากกว่าอาชีพอื่น แต่เมื่อคิดดูแล้วเวลาที่อันดับแรกๆทำได้นั้นมันอยู่ในระดับที่น่าทึ่งทีเดียว


และในหมู่พวกเขาสถิติที่ครองอันดับ 1 ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาสนใจมาก


‘พวกนี้เป็นใครกัน? นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับกิลด์ที่ชื่อว่ากิลด์โลตัส…’


สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นก็คือว่ามีความแตกต่างระหว่างสถิติอันดับที่ 1 กับอันดับที่ 2 เกิน 3 นาที


เมื่อตัดสินจากเวลาที่ทำได้นั้นตั้งแต่อันดับที่สองลงไปนั้นห่างกันไม่มาก เวลาของที่หนึ่งนั้นเป็นอะไรที่เหลือเชื่อจริงๆ


และในกรณีของกิลด์ดาร์ครูน่านั้นคืออันดับที่ 2 และกิลด์ไททั่นที่จัดอันดับเริ่มต้นจากอันดับที่ 3 พวกเขาทั้งคู่เป็นกิลด์ที่เข้าแข่งขันอันดับที่ 1 และ 2


ไม่มีกิลด์อื่นเลยที่ชื่อไม่คุ้นเหมือนกิลด์โลตัสไม่ว่าเขาจะเลื่อนลงมาเท่าไหร่ก็ตาม


‘แต่ฉันรู้สึกว่าฉันเคยได้ยินชื่อผู้เล่นไอดีเอียนมาจากที่ไหน…’


ดวงตาของลิ่มหลงจับจ้องอยู่ที่ชื่อ ‘เอียน’


และเขาสามารถคิดออกได้ไม่นานหลังจากที่เขาเคยเห็นเอียนมาก่อน


“อ่อ ไอนั่นที่ฉันเจอในรอบชิงของลีคหน้าใหม่ก่อนหน้านั้น!”


เสียงของลิ่มหลงออกมาจากปากก่อนที่เขาจะรู้ตัว


ลานประลองรอบสุดท้ายกับเอียนโผล่ขึ้นมาในหัวของเขา


เขาชนะ แต่เนื่องจากมันเป็นการต่อสู้ที่มีจังหวะที่มึนงงมันเป็นการต่อสู้ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา


‘แต่ถ้าเป็นคนจากตอนนั้น เขาน่าจะเลเวลเลย100มานิดหน่อยแล้วเขาทำให้เป็นที่หนึ่งได้ยังไงกัน? ผู้เล่นชื่อฟิโอลันอยู่ในเลเวล 110 ต้นๆงั้นหรอ?’


ลิ่มหลงรู้สึกว่าจิตวิญญาณแข่งขันที่เขาไม่รู้จักตื่นขึ้นในตัวเขา


‘ฉันควรจะไตร่ตรองวิธีการเคลียร์อย่างถี่ถ้วนเพื่อที่จะลดเวลาให้มากที่สุด ไม่ว่าอาชีพแอซซาซินจะมีข้อเสียในด้านPVEยังไงก็ตาม มันดูไม่ค่อยน่าเชื่อเลยที่จะมีความต่างถึง10นาทีจากคนที่เลเวลใกล้เคียงกับฉัน’


แม้ว่าอาชีพของเขาจะถนัดPVPมากกว่า เขาก็ชนะมาได้ด้วยความต่างเพียงนิดเดียวดังนั้นเขาจะพิสูจน์ตัวเองขณะที่คิดถึงอาชีพของศัตรูของเขานั้นมันทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี


ยิ่งไปกว่านั้น เวลาเคลียร์มันแตกต่างถึง1.5เท่ามันก็ยังเป็นช่องว่างขนาดใหญ่


‘ฉันควรรีบไปรักษาและลองอีกครั้ง’


ลิ่มหลงเริ่มร้อนแรงในการแข่งขันของเขาและรีบไปที่หมู่บ้านด้วยหินย้อนกลับ

 

 

 


ตอนที่ 96

 

หลังจากเอียนและฟิโอลันเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยกัน หน้าต่างแชทของกิลด์ก็เต็มไปด้วยหัวข้อเดียวกันทั้งวัน


 


สมาชิกกิลด์ ‘เอียน’ ได้เข้าสู่ระบบ


ฟิโอลัน : เอียนวันนี้นายว่างเมื่อไหร่? พวกเราต้องไปที่ฟอลันวันนี้ไม่ใช่หรือไง?


เฮิร์ซ : ไม่ฟิโอลันเธอจะไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรอ? เธอเพิ่งไปกับเขามาเมื่อวานสองครั้งแล้ววันนี้ก็จะไปกับเขาอีกงั้นหรอ!


ฟิโอลัน : นายหมายความว่าไงที่ไร้เหตุผล มันไม่ใช่เพราะเอียนได้สถิติสูงที่สุดเมื่อเขาไปกับฉันไม่ใช่ไง?


โครบาน : ไม่ เอียนสัญญาที่จะไปกับฉันวันนี้ ต้องตามคิวนะ


คาร์วิน : ฮ่า ทำไมทุกคนเป็นแบบนี้? เมื่อวานฉันก็อดไปเหมือนกัน วันนี้ฉันจะไปกับพี่เอียนสองครั้ง


ฮาริน : ฉัน ฉันสามารถเข้าร่วมด้วยได้ไหม?


คาร์วิน : พี่สาว พี่ยังไม่ถึงเลเวล 100 เลย พี่ยังไม่สามารถเข้าไปได้นะ


ฮาริน : T^T


เอียน : โอเค โอเค ทุกคนใจเย็นๆ วันนี้ฉันจะไปกับคนที่ยังไม่เคยเล่นกับฉันเลย


ฟิโอลัน : ไม่แฟร์เลย…


คาร์วิน : อ๊า… ฉันไปเพียงสามครั้งเท่านั้นเอง!


โครบาน : มันเป็นเพียงแค่สามครั้งสำหรับฉันเช่นกัน!


มิชเยล : ฉันเป็นน้องใหม่ของกิลด์นี้ แต่…ฉันสามารถเข้าร่วมด้วยได้ไหม?


Mishyal: I’m a lv 106 Fire-type Magician .


มิชเยล : ผมเลเวล 106 นักเวทธาตุไฟครับ


เอียน : โอเค!


มิชเยล : ผมไม่มีประสบการณ์ในการเคลียร์ดันเจี้ยนมันโอเคใช่ไหม?


เอียน : ได้สิ ไม่เป็นไร


ฟิโอลัน : อ๊า… เอียน ทำไมนายทำแบบนี้? นายต้องไปกับฉันและสร้างสถิติใหม่นะ


เอียน : หากว่าฉันตายและเกิดใหม่ ฉันก็ไม่สามารถทำระดับ S ได้หรอก ฟิโอลันให้โอกาสคนอื่นบ้างเถอะฉันจะลองทำให้ได้ระดับSในวันพรุ่งนี้หรือวันมะรืน ดังนั้นไว้ค่อยไปด้วยกันตอนนั้นแล้วกัน


ฟิโอลัน : โอ้ ระดับ S! โอเค ฉันเครื่องร้อนแล้ว!


 


ในปัจจุบันไม่ว่าใครก็ตามที่เอียนจะเข้ามาในดันเจี้ยนพร้อมกับสมาชิกในกิลด์ที่สามารถเข้าร่วมได้ มันก็เป็นจุดที่เขาสามารถทำอันดับ A ได้เกือบทุกครั้ง


เขาพยายามที่จะได้ระดับ S กับฟิโอลันโดยใช้พลังทั้งหมดที่พวกเขามี แต่สถิติที่ดีที่สุดของพวกเขาคือประมาณ 29 นาทีซึ่งไม่มีครั้งไหนเลยใกล้ 25 นาที


นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ระดับ S จนกว่าเขาจะเพิ่มระดับพินและเข้าไปข้างในกับมัน


เพราะอย่างนั้นเอียนจึงลงดันเจี้ยนพร้อมกับสมาชิกกิลด์ทุกคน


‘ค่าศักยภาพของพินใกล้จะ100แล้ว…’


เอียนตรวจสอบศักยภาพของพินและกำหมัดของเขา


เขาที่เพิ่งใช้สกิลฝึกฝนไปเมื่อห้านาทีที่แล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่ค่าศักยภาพของพินอยู่ที่99แล้วและจะขึ้นเป็น100ในอีกไม่กี่ชั่วโมง


หลังจากนั้นถ้าเขาผ่านดันเจี้ยนและล่าอย่างบ้าคลั่งในอีกสองวันข้างหน้า เอียนคิดว่ามันจะสามารถทำให้อย่างน้อยพินได้ถึงเลเวลราวๆ 60-70


‘แม้ว่าพินจะไปถึงอย่างน้อยเลเวล 70 มันก็สามารถสร้างความเสียหายรอบๆเท่ากับลมหายใจของเรคด้วยสกิล AoE ของมัน’


แน่นอนว่าเขาไม่ได้แค่เข้าไปในดันเจี้ยนเฉยๆ


เมื่อใดก็ตามที่เขาเข้าไปในดันเจี้ยนเพื่อลดเวลาการเคลียร์ของเขาลงแม้แต่ 1 วินาทีเขาก็ลองใช้วิธีการต่างๆในขณะที่ทำการทดลองเช่นกัน


เพราะอย่างนั้นในหอเกียรติยศของหลุมศพของฮีโร่แห่งฟอลันจากที่ 1 ถึงที่ 10 ทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยชื่อเอียนข้างๆจากสองหรือสามอันดับ


 


อันดับ 1


ผู้ท้าชิง : เอียน (กิลด์โลตัส) ฟิโอลัน (กิลด์โลตัส)


อันดับ 2


ผู้ท้าชิง : เอียน (กิลด์โลตัส) โครบาน (กิลด์โลตัส)


อันดับ 3


ผู้ท้าชิง : คาร์วิน (กิลด์โลตัส) เอียน (กิลด์โลตัส)


อันดับ 4


ผู้ท้าชิง : เซมุส (กิลด์ดาร์ครูน่า) โช (กิลด์ดาร์ครูน่า)


อันดับ 5


ผู้ท้าชิง : เฮิร์ซ (กิลด์โลตัส) เอียน (กิลด์โลตัส)


อันดับ 6


ผู้ท้าชิง : ไซออน (กิลด์ดาร์ครูน่า) มัลค่อม (กิลด์ไททั่น)


 


เพราะเหตุนี้จึงเป็นครั้งแรกหลังจากลีคหน้าใหม่ที่เอียนเริ่มเป็นที่กล่าวถึงอีกครั้งและกิลด์โลตัสก็โด่งดังขึ้นมา


เอียนตัดสินใจว่าเขาจะลองลงดันเจี้ยนกับมิชเยลเป็นครั้งแรกในหมู่เพื่อนฝูงมากมายที่อยากจะลงดันเจี้ยนกับเอียนตั้งแต่ที่เขาล็อกอินเข้ามา


‘ฉันจะใช้การเข้าดันเจี้ยนทั้ง 5ครั้งของฉันตอนนี้เลยและหลังจากนั้นศักยภาพของพินก็จะเต็ม ดังนั้นตั้งแต่หนึ่งทุ่มของวันพรุ่งนี้ฉันจะล่าอย่างเดียว’


เพื่อที่จะวางแผนที่มีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้


‘เริ่มจากเจ็ดโมงถึงเที่ยงฉันจะใช้โควต้าเข้าดันเจี้ยนให้หมดและถ้าฉันวันถัดไปฉันมั่นใจว่าพินคุ้มค่าที่จะพาลงดันเจี้ยน


เอียนที่ได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลในหลายวันมานี้ก็มีเลเวลถึง107ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียอีก ขณะที่เอียนเลเวลเพิ่มขึ้น4เลเวล ฟิโอลันที่เข้าดันเจี้ยนกับเอียนมากที่สุดก็เลเวลเพิ่มขึ้นมา2เลเวลเช่นกันและตอนนี้ก็อยู่ที่เลเวล115 ขณะที่คาร์วินและเฮิร์ซก็เลเวลเพิ่มขึ้นมาคนละ1เลเวลและกลายเป็นเลเวล 103และ108


นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกระแสในการเกาะเอียนเพิ่มเลเวลถึงไม่ลดลงเลย


ก่อนที่เอียนจะพบมิชเยลและเข้าไปในดันเจี้ยน เขาทิ้งหนึ่งข้อความไว้ในแชทกิลด์


 


เอียน : คนที่ต่อหลังจากมิชเยลเตรียมตัวให้พร้อม! คนต่อไปมารอที่ทางเข้าฟอลันในอีกครึ่งชั่วโมง


 


หลังจากเอียนส่งข้อความไว้ในช่องแชทของกิลด์ก็โกลาหลอีกครั้ง เขาเข้าไปในดันเจี้ยนโดยไม่รอช้า


 


* * *


 


“เป็นไงมั่ง? เมนูสำหรับวันนี้? มันอร่อยใช่ไหม?”


“ใช่ มันอร่อยจริงๆ นี่เป็นสูตรที่เธอทำขึ้นสำหรับงานภาคปฏิบัติในครั้งนี้ใช่ไหม?”


“ถูกต้อง มันเป็นข้อสอบกลางภาคของฉัน”


มุมหนึ่งของห้องอาหารนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเกาหลี


จินซุงและฮารินออกไปทานอาหารกลางวันระหว่างเรียน


เมนูประกอบด้วยสองเครื่องดื่มที่ซื้อพร้อมตั๋วอาหารที่ร้านอาหารนักเรียนและกล่องอาหารกลางวันที่ฮารินบรรจุมา


ดวงตาของฮารินวิ้งวับขณะเธอมองจินซุงกินกล่องอาหารกลางวันอย่างเอร็ดอร่อย


“ฮาริน แต่ยูฮยอนล่ะ? เธอไม่ได้มากับยูฮยอนเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเธอทั้งคู่กำลังเรียนวิชาวัฒนธรรมด้วยกัน”


“เอ่อ…ยูฮยอนบอกว่ามีงานบางอย่างน่ะ เขาคงจะอยู่ที่ห้องแผนกแหละ”


“อ๊ะ จริงหรอ? แปลกมากเท่าที่ฉันรู้ฉันไม่มีงานอะไรเลย นี่ฉันพลาดอะไรไปตอนฉันหลับในห้องเรียนงั้นหรอ?”


จินซุงนั้นไม่มีเซนส์เลย ฮารินก็อยากที่จะระบายอารมณ์โดยการต่อยท้องเขาสักที


ถึงกระนั้นนี่เป็นอาหารมื้อแรกที่พวกเขากินด้วยกันหลังจากผ่านมานานแล้ว และมันก็สนุกมาก ดังนั้นเธอเลยสงบสติอารมณ์ของเธอลง


‘นี่เป็นครั้งแรกที่เรากินอาหารด้วยกันนอกแคปซูลในช่วงเวลาสองสัปดาห์…ดังนั้นฉันควรจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เรากินด้วยกันตั้งแต่วันนั้น!’


หลังจากวันแห่งประวัติศาสตร์ที่ฮารินได้รับแหวนจากจินซุง เธอก็คิดว่าจินซุงและเธอจะเริ่มออกเดท


ในตอนแรกเธอไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน แต่หลังจากเห็นจินซุงใส่แหวนคู่ (?) ที่มอบให้เธอเช่นกันหัวใจของเธอก็โน้มตัวไปในทิศทางนั้น


เธอคิดว่าจินซุงนั้นไม่มีเซนส์เอาซะเลยและเป็นคนเรียบง่ายดังนั้นเขาจึงไม่สามารถบอกเธอได้อย่างตรงไปตรงมา


ฮารินมองไปยังจินซุงอีกครั้ง


‘แต่ฉันก็ถามไม่ได้ว่า ‘ตอนนี้เราออกเดทกันอยู่งั้นหรอ?’…’


เนื่องจากฮารินไม่เคยเดทจนถึงตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่เธอหัวเราะไม่ออก


‘เห้อ มีความแตกต่างไม่มากกับความเป็นจริงและไคลัน แต่ฉันก็อยากจะออกเดทนอกแคปซูลด้วยเหมือนกันนะ…’


ตั้งแต่ที่เลื่อนระดับเป็นเมือง โรงอาหารนั้นถูกสร้างขึ้นในคฤหาสน์นั่นจึงทำให้เอียนจะมาทานอาหารของฮารินเสมอ แถมเขายังได้บัฟเสริมไปก่อนที่เขาจะออกไปสู้อีกต่างหาก


เพราะเช่นนั้นแล้วพวกเขาเกือบจะทานอาหารด้วยกันตลอดในเกม และเมื่อไหร่ก็ตามที่เอียนหาบางอย่างในคฤหาสน์ฮารินก็จะอยู่กับเขาตลอด


ปัญหาก็คือมันยากมากที่จะเห็นจุดบ่งบอกของจินซุงนอกเกม


‘เดี่ยวนะแล้วทำไมศาสตราจารย์จีนุกถึงยอมให้เขาไม่ต้องเข้าเรียนละ?’


ขณะที่กำลังโทษความซื่อของจีนุก ฮารินก็ตักรีซอตโต้ครีมซีฟู้ดขึ้นมา


“จินซุงลองนี่ด้วยสิ”


ฮารินค่อยๆยื่นช้อนที่มีรีซอตโต้อยู่ไปที่ปากของเอียน


เมื่อเห็นเช่นนั้นจินซุงก็ผงะและถอยหัวหลบโดยไม่รู้ตัว


“เอ๊ะ?”


เพียงครู่หนึ่งจินซุงรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาที่เขาซึ่งสามารถทำให้เขาเหงื่อเย็นไหลออกมาได้


‘นี่มันอะไร ทำไมคนที่สวยขนาดนั้นถึงเข้าหาคนที่ดูน่าเบื่อแบบนั้นกัน?’


‘สำลักกุ้งแล้วตายไปซะ ไอเวร!’


เสียงเขม่นออกมาจากรอบด้าน จินซุงก็รีบทานอาหารที่ฮารินนำมาป้อนเขาทันที


Hoo-roo-rook-!


ครีมมันกระจายไปทั่วปากของเขาพร้อมกับรสสัมผัสที่นุ่มของกุ้ง!


จินซุงอยู่ในสถานะที่กำลังสับสนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาหารมันเข้าทางปากหรือทางจมูกของเขากันแน่


‘นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย? ทำไมฮารินถึงทำแบบนี้กัน?’


เมื่อเป็นเช่นนั้นแม้จินซุงผู้อยู่อย่างโดดเดี่ยวและฝันจะเป็นนักเวทที่ยิ่งใหญ๋ก็สามารถสัมผัสได้ถึงบางอย่างแปลกๆ


‘มันจะเป็นอะไรไปได้? เธอหวังว่าฉันจะรีบทานรีซอตโต้แล้วบอกเธอว่ามันอร่อยงั้นหรอ?’


จินซุงจินตนาการกว้างไปเรื่อยๆ


‘คงไม่ใช่ว่าเธอเอาคืนที่ฉันแอบเอามีตบอลโอสถจากห้องครัวไปใช่มั้ย?’


และสิ่งแรกที่เขากังวลก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขาแต่มันก็จะดูเกินจริงไปหน่อยเขาเลิกที่จะสนใจมัน จากนั้นก็มีบางอย่างขึ้นมาในหัวของเขา


‘หรือว่า…ฮารินชอบฉันงั้นหรอ?’


เพื่อที่จะแก้ปัญหาที่เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ เขาจึงตัดสินใจว่าเขาจะไปปรึกษายูฮยอน


มันค่อนข้างกวนใจเขาเล็กน้อยเพราะว่ายูฮยอนก็ยังไม่มีประสบการณ์เดทแบบจริงๆจังๆเหมือนกัน แต่มันก็ไม่มีคนอื่นจะดีไปกว่ายูฮยอนอีกแล้ว


 


* * *


 


“มิลลัน มิลลัน! ถ้านายล็อกอินเข้ามาแล้วมาหาฉันแปปนึง!”


“เกิดอะไรขึ้นรูคิน ฉันบอกนายว่าฉันต้องไปล่าแล้วตอนนี้”


“ไม่ การล่าไม่สำคัญแล้วตอนนี้! ฉันกำลังจะบอกนายมานี่เร็วๆสิ!”


รูคินขอร้อง มิลลันที่เตรียมข้าวของสำหรับการล่าไว้หมดแล้วและเกือบจะใช้หินเคลื่อนย้ายก็ได้แต่เดินไปหาเขาด้วยท่าทีรำคาญ


“แล้วมีอะไรกัน?”


“เมื่อเช้านี้ฉันได้รับข้อความจากฟาลคอน”


“หืม เขาบอกว่าอะไร? นี่อย่างน้อยเขาอุปกรณ์ระดับHeroicแล้วงั้นหรอ?”


ขณะที่มองไปยังมิลลันที่ตอบด้วยความเหลืออด รูคินก็ตอบกลับอย่างฉะฉาน


“เอียน เขารู้แล้วว่าคนนั้นอยู่กิลด์ไหน!”


“เอียน? กิลด์? นายต้องการอะไรกันแน่?”


ด้วยท่าทางที่ลัง เขาเปิดปากเป็นครั้งที่สอง


“มันคือเจ้าPK ซัมมอนเนอร์จากเควสต์หัวหน้านักบวชไง! คนที่นายเจอตอนลีคหน้าใหม่! จำไม่ได้งั้นหรอ?”


ในจังหวะที่เขาได้ยินเช่นนั้น มิลลันก็เบิกตาโพลง


เขาจำฝันร้ายของกระดองเต่าที่กันลูกศรของเขาได้เป็นอย่างดี


“อะไรนะ? มันงั้นหรอ? ฟาลคอนรู้แล้วหรอว่ามันอยู่กิลด์อะไร?”


“ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากบอก!”


“มันอยู่กิลด์อะไร? ไม่สินายหาเจอได้ยังไง? หมอนั่นมันปกปิดข้อมูลอยู่ตลอดเวลา”


รูคินกลืนน้ำลายเสียงดังก่อนที่จะตอบ


“นั่นก็ นายจำลุ่มแม่น้ำฟอลันของทวีปตอนเหนือที่กำลังฮิตในตอนนี้ได้ใช่มั้ย?”


“แน่นอนว่าฉันรู้ ฉันเพิ่มเลเวลแทบตายเพื่อที่จะไปที่นั่น ฉันจะต้องเพิ่มเลเวลอีกประมาณ10เลเวลและไปที่นั่น”


“ใช่แล้ว ในหอเกียรติยศของดันเจี้ยน มีชื่อของเอียนอยู่และจากที่ดูแล้วมันอยู่ในกิลด์โลตัส ฟาลคอนตรวจสอบในเว็บบอร์ดแล้วและมั่นใจว่าเป็นมัน”


“บอร์ด? นายหาจากในนั้นได้ยังไง?”


“ดูเหมือนว่าจะมีผู้เล่นรู้มาว่าเอียนที่ขึ้นไปติดอันดับในหอเกียรติยศมีชื่อเดียวกับที่สองของลีคหน้าใหม่”


จำนวนข้อมูลขนาดนี้มันก็น่าเชื่อถือ


มิลลันกัดฟัน


“ในที่สุดพวกเราก็หาไอหมอนั่นเจอ แต่รูคินกิลด์โลตัสมันอยู่ระดับไหนกัน?”


คูคินขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบ


“มันก็…สูงพอสมควร ดูเหมือนจะอยู่ประมาณระดับไดม่อน”


“ถ้าเป็นระดับไดม่อน มันก็เป็นระดับเดียวกับกิลด์เรางั้นสินะ?”


ระดับของกิลด์ ‘โพราริส’ ที่รูคินและมิลลันย้ายมาไม่นานมานี้ก็คล้ายกับกิลด์โลตัสที่เกือบจะติดท็อป400


ทางเดียวที่ทั้งสองที่ยังเลเวลไม่ถึง90ดีจะสามารถเข้ากิลด์โพราริสได้ก็คือการใช้เส้นสายและความแข็งแกร่งของร็อบบี้


รูคินพยักหน้า


“ใช่แล้ว ดูเหมือนจะอยู่ประมาณอันดับที่430”


มิลลันตกใจเล็กน้อย


เขาคิดว่ากิลด์ของเอียนนั้นจะสูงแต่เขาไม่เคยคิดว่ากิลด์ของมันจะติดอันดับท็อป500เลยทีเดียว


“มันสูงกว่าที่ฉันคิดไว้นะ มันน่ากังวลเล้กน้อยแหะ…”


พลังต่อสู้ของทั้งสองกิลด์พอๆกันแต่มันก็ไม่ใช่กิลด์ที่จะสู้กันซึ่งๆหน้าได้โดยง่ายและปัญหาก็คือการนำสมาชิกกิลด์ไปมันไม่ใช่แค่พวกเขาขอให้ทำแล้วจะสามารถทำได้


เพราะว่าพวกเขาไม่มีกิลด์ที่ผูกมิตรกับกิลด์โพราริสเลย


ซึ่งต่างจากมิลลันที่ถอนหายใจออกมา รูคินเปิดปากพูดอีกครั้งด้วยเสียงที่มีบางอย่างแอบแฝง


“ฉันมีวิธี”

 

 

 


ตอนที่ 97

 

“เอาจริงงั้นหรอ? วิธีอะไรกัน?”


“จากสิ่งที่ฉันรู้กิลด์โลตัสมีฐานอยู่ในทวีปทางตอนเหนือ”


“จริงดิ?”


“ยิ่งไปกว่านั้นขนาดของฐานก็ค่อนข้างใหญ่ มันเกือบจะเท่าฐานของพวกกิลด์ระดับชาเลนเจอร์อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีแค่ฐานเดียวก็เถอะ”


มิลลันยังรอให้รูคินอธิบายต่อ


ฝันของเขาได้ถูกสร้างขึ้นมาในหัวแล้ว


“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันพบว่าการป้องกันฐานของพวกเขาจะหมดลงภายใน 2 สัปดาห์ พวกมันคงจะได้ฐานมาตั้งแต่ช่วงที่บุกเบิกทวีปตอนเหนือใหม่ๆแน่นอน”


“…!”


“นี่มันเหยื่อชั้นยอดเลยไม่ใช่รึไง?”


กิลด์โพราริสของพวกเขายังไม่สามารถที่จะตั้งฐานได้ในขณะที่บุกเบิกทวีปเหนือ


เพราะเช่นนั้นแล้วผู้บริหารกิลด์ทั้งหลายกำลังมองหากิลด์ที่จัดการได้ง่ายในที่ใกล้จะหมดการป้องกันฐานแล้ว


แน่นอนว่าในกิลด์เป้าหมายที่พวกเขาตามดูมานั้นมันเป็นกิลด์ที่อ่อนแอกว่ากิลด์โลตัส อย่างไรก็ตามพวกมันส่วนใหญ่แล้วจะเป็นฐานที่ดูโทรมมาก


มันไม่มีฐานของกิลด์อื่นที่มันดูครบเครื่องไปกว่าของกิลด์โลตัสอีกแล้ว


“แต่ถ้าเป็นการต่อสู้ระหว่างกิลด์ที่พลังต่อสู้ใกล้เคียงกันไม่ใช่ว่าฝ่ายตั้งรับมันจะได้เปรียบงั้นหรอ? ฉันรู้สึกว่าหัวหน้ากิลด์คงไม่ทำอะไรหรอก?”


เมื่อมิลลันพูด รูคินพยักหน้าและพูดต่อ


“ถูกต้อง พวกเขาอาจจะลังเลมาก เราถึงต้องทำให้พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป”


“ถ้างั้นนายจะใช้วิธีไหนกันล่ะ?”


รูคินพูดต่อ


“ฉันจะไปจ้างทหารรับจ้าง ฉันพอมีคนรู้จักกับพวกกิลด์ระดับสูงอยู่ ถ้าพวกเราสามารถจ้างผู้เล่นที่มีเลเวลมากกว่า110มาได้ประมาณสิบคนมันก็น่าจะพอแล้ว ถ้าฉันช่วยขนาดนี้แล้วหัวหน้ากิลด์ก็คงจะไม่ลังเลและมุ่งหน้าไปทันที”


แน่นอนว่าการต่อสู้ระหว่างกิลด์ที่มีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกันนั้นถ้าผู้เล่นระดับสูงที่มีเลเวลมากกว่า110เข้ามาช่วยละก็ ความต่างของพลังจะเพิ่มขึ้นมาก


ถึงกระนั้นมิลลันก็ยังแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา


“พวกเขาจะทำตามที่เราบอกงั้นหรอ? พวกเขาต่อรองเงินจำนวนมหาศาลแน่ๆ”


“เอาจริงๆแล้วมีหลายคนที่อยากจะมาทำโดยที่ไม่ต้องเงินก้อนโต”


“ได้ยังไงกัน?”


“นั่นเป็นเพราะว่าผู้เล่นเลเวลสูงจำนวนมากต้องการที่จะลองยึดเมืองก่อน เมืองของกิลด์โลตัสมันอยู่ในกลุ่มที่ใกล้จะหมดเวลาป้องกันแล้ว จากมุมมองของกิลด์อันดับสูงที่มีเวลาเหลือไม่มากสำหรับระบบป้องกันฐานมันจึงเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมากสำหรับพวกเขา การที่ได้รู้อะไรก่อนใครจะทำให้โอกาสในการชนะของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้น


มันเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วน่าเชื่อถือทีเดียว


หน้าตาของมิลลันก็สดใสขึ้นทันที


“มันก็จริง กิลด์จำนวนมากกลัวที่พวกเขาจะตายถ้าหากพวกเขาเหลือเวลาป้องกันเพียงไม่กี่วัน ดังนั้นถ้าหากพวกเขาได้มีประสบการณ์ด้านการยึดเมืองมาก่อน แม้แต่ฉันยังอยากจะไปเลย”


พวกเขาทั้งสองยิ้มขณะที่มองหน้ากัน


ตอนนี้ถ้าหากผู้บริหารกิลด์รู้เข้าละก็พวกเขาคงจะทำกันเอง


“เอาละรูคิน งั้นนายก็ไปบอกข้อมูลให้กับหัวหน้ากิลด์ทีละน้อยละกันนะ”


“แล้วนายละ?”


“ฉันจะไปหาข้อมูลเกี่ยวกับกิลด์โลตัสสักหน่อย”


ทั้งคู่วิ่งออกไปหมายจะทำเป้าหมายของตนให้สำเร็จ


 


* * *


 


“ในที่สุด มันก็ถึงเวลาที่จะเพิ่มเลเวลของแกแล้วพิน!”


ขณะที่มองที่พินที่เพิ่งมีค่าศักยภาพเต็ม100 เอียนก็ยิ้มกว้าง


Kkuruk- Kkuruk-?


เอียนลูบขนสีทองของพินและพูดออกมา


“พินตอนนี้แกก็แค่นั่งรอและดูก็พอ”


เมื่อเอียนตบไหล่ของเขา พินก็รีบบินขึ้นมานั่งบนให้ของเขาทันที


‘งั้นเราเริ่มกันเลยดีมั้ย?’


ถ้าพวกเขาไปที่ทางทิศตะวันออกของลุ่มแม่น้ำฟอลันสักหน่อยละก็จะมีแผนที่ที่ชื่อว่า ‘หุบเขาฟอลัน’ ปรากฏขึ้นมา


มันเป็นแผนที่ที่มีหุบเขาตามชื่อของมันแต่มันมีหินรูปร่างประหลาด, การก่อตัวของหิน, และก้อนน้ำแข็งอยู่ และมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดเวลา มันเป็นที่ที่ต้นไม้หาได้ยากอย่างมาก


นี่เป็นสถานที่ที่เอียนอยู่ในขณะนี้


‘อย่างที่คิดเอาไว้เลย มีบางคนอยู่ที่ที่ราบลุ่มซึ่งเป็นพื้นที่ที่ล่าได้ง่ายกว่า ฉันควรจะขึ้นไปอีก’


เอียนวิ่งตรงไปยังหุบเขา


เขาก็ได้เจอกับเยติหลายตัวที่มีเลเวลมากกว่า100ขณะที่กำลังขึ้นเขาไป แต่เขาก็จัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดายและเดินทางต่อ


‘โอ้ ตรงนั้นดูน่าจะโอเคนะ?’


เอียนค้นพบเข้ากับภูมิประเทศที่เหมาะแก่การล่า ดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันทีพร้อมกับไปยังพื้นที่แห่งนั้น


ในขณะเดียวกันจากการที่ฆ่าเยติไปสี่หรือห้าตัวก็ทำให้พินมีเลเวลมากกว่า20แล้ว


มันเป็นเพราะว่ามันได้ค่าประสบการณ์ที่มหาศาลมากเมื่อเทียบกับเลเวลของมัน


Pu-deu-deuk- .


พินกระพือปีกของมันพร้อมกับบินขึ้นไปบนอากาศ


เมื่อเห็นเช่นนั้นดวงตาของเอียนก็เบิกโพลง


เพราะว่ามันเป็นระยะเวลาไม่นานเท่านั้นที่ร่างของพินเปลี่ยนไป


“เอ่อ แสดงว่าร่างของมันจะใหญ่ขึ้นถ้าหากมันเลเวลเพิ่มขึ้นงั้นหรอ?”


พินตอนเลเวล1มีขนาดเท่ากับกำปั้นของเอียนเท่านั้น ตอนนี้ได้มีขนาดเท่ากับเด็กทั่วๆไปแล้วด้วยระยะเวลาที่ไม่นาน


จะงอยปากอันเล็กของมันก็ใหญ่ขึ้น และตอนนี้มันก็เริ่มที่จะแสดงลักษณะที่เหมาะสมกับนกแห่งความโลภ


เอียนแสดงท่าทีดีใจออกมา


‘ถ้าหากมันโตเต็มวัยแล้ว ฉันสงสัยจริงๆว่ามันจะมีขนาดเท่าไหร่กัน?’


เอียนไม่เคยเห็นกริฟฟินโตเต็มวัยมาก่อน


มันก็คงจะเหมือนกับผู้เล่นคนอื่นในไคลัน


เพราะเช่นนั้นแล้วเขายิ่งมโนร่างของกริฟฟินเต็มวัยไปไกลกว่าเดิม


ก่อนที่เอียนจะเริ่มล่า เขาก็ใช้สกิลบัฟทั้งหมด


และเขาก็เรียกพิน


“พิน เสียงคำรามแห่งราชา!”


Kyaoh-!


พร้อมกับเสียงร้องอันดังสนั่นของพินที่เหมือนกับจะสามารถฉีกท้องฟ้าได้เลย ข้อความระบบก็แจ้งเตือนขึ้นมาตรงหน้าเอียน


สัตว์เลี้ยง ‘พิน’ ได้ใช้สกิลเสียงคำรามแห่งราชา ความว่องไวของมิตรในระยะ50เมตรจะเพิ่มขึ้น30% เป็นเวลา10นาที ความเร็วเคลื่อนที่ของศัตรูทั้งหมดในระยะ50เมตรลดลง30%


มันยังคงเป็นไปไม่ได้สำหรับพินที่มีเลเวล20 ที่จะไปต่อสู้กับมอนสเตอร์ในทวีปตอนเหนือได้แต่มันก็สามารถใช้สกิลบัฟแบบนี้ได้


และมันก็ค่อนข้างช่วยพวกเขาในการล่าเช่นกัน


“พวกเราไปสนุกกันดีกว่า”


ก่อนที่คำพูดของเอียนจะจบลง ดุ๊กเดก็เริ่มขยับก่อน


Thud- Thud- .


เมื่อเขาทำเช่นนั้นโทรลล์น้ำแข็งและการ์กอยด์จำนวนมาก รวมถึงเยติก็เริ่มที่จะมาล้อมตรงที่เอียนอยู่


สัตว์เลี้ยงตัวอื่นล่ากับเอียนมานับครั้งไม่ถ้วนก็เริ่มที่จะทำหน้าที่ของตนก่อนที่เอียนจะสั่ง


มุมปากของเอียนก็ยกขึ้น


นี่เป็นจุดเริ่มต้นในการล่าของเขา


 


* * *


 


Ring- .


อาคารภายในของเมือง ‘ฐานทัพทหาร’ (สถานที่เลเวล1) ถูกสร้างขึ้น ต่อจากนี้ไปสามารถฝึก ‘ทหารราบระดับต่ำ’ ได้ในเมืองโลตัส เพื่อที่จะฝึก ‘ทหารราบระดับต่ำ’ ต้องการอาหาร5หน่วยและ15เหรียญทองในทุกๆวัน และถ้าหากฝึกเสร็จแล้วอาหารจำนวน2หน่วยจะถูกใช้ในทุกๆวันจนกว่าจำปลดประจำการทหาร (เพื่อที่จะให้ฝึกเสร็จสิ้นจะต้องใช้เวลาทั้งหมด3วัน) เนื่องจาก ‘กิลด์ซัมมอนเนอร์’ ถูกสร้างขึ้น สามารถฝึก ‘ทหารซัมมอนเนอร์ระดับต่ำ’ ได้ เพื่อที่จะฝึก ‘ทหารซัมมอนเนอร์ระดับต่ำ’ ต้องการอาหาร5หน่วยและ30เหรียญทองในทุกๆวัน และถ้าหากฝึกเสร็จแล้วอาหารจำนวน2หน่วยจะถูกใช้ในทุกๆวันจนกว่าจำปลดประจำการทหาร (เพื่อที่จะให้ฝึกเสร็จสิ้นจะต้องใช้เวลาทั้งหมด5วัน) จำนวนในการฝึกทหารแต่ละครั้งจำกัดที่30คน ปัจจุบันจำนวนสูงสุดของกองกำลังของเมืองโลตัสอยู่ที่500คน


เอียนและเฮิร์ซที่ยืนอยู่หน้าฐานทัพทหารก็เป็นจังหวะเหมาะที่พวกเขามาถึงทันทีเมื่อมันสร้างเสร็จก็ได้อ่านข้อความระบบที่แจ้งขึ้นมา


“ยูฮยอนพวกเรามีทรัพยากรกิลด์พอใช่มั้ย?”


เฮิร์ซพยักหน้าและตอบกลับ


“ใช่ มันแทบไม่มีอะไรเลยที่ต้องการอาหารจนถึงตอนนี้และพวกเราก็รวบรวมมาได้เยอะแล้ว ดังนั้นพวกเราไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เงินจำนวนเราก็ไม่ต้องเป็นห่วงเหมือนกันพวกเราไม่น่าจะมีปัญหาไปอีกนานเพราะว่าเราได้ภาษีในแต่ละเดือนด้วย”


“ค่อยโล่งใจหน่อย”


เอียนเปิดหน้าต่างข้อมูลของทหารซัมมอนเนอร์และทหารราบทั่วไปและเริ่มที่จะเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย


‘ทหารทั้งหมดที่ถูกฝึกจากฐานทัพทหารเลเวล1จะอยู่ที่เลเวล30’


จุดที่น่าสนใจก็คือระดับของทหารและค่าสถานะจะถูกสุ่มให้อยู่ในระยะเดียวกัน


ขณะที่มองเช่นนั้นเอียนก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างว่าNPCที่เป็นคนรับหน้าที่นี้และจัดค่าสถานะของทหาร


‘อย่างที่คิดไว้เลยมันเป็นเรื่องดีจริงๆที่สร้างศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ก่อน’


ค่าสถานะต่อสู้พื้นฐานของทหารซัมมอนเนอร์ส่วนมากจะต่ำกว่าทหารราบ


อย่างไรก็ตามเป็นเพราะว่าพวกเขาสามารถอัญเชิญสัตว์เลี้ยงได้1-2ตัวที่มีเลเวลมากกว่าเลเวลของพวกเขาไม่เกิน5เลเวล พวกเขาสามารถวางแผนได้มากกว่า


เอียนเมื่อได้อ่านข้อมูลทั้งหมดของฐานทัพทหารแล้วก็รีบให้คนที่เขาเลื่อนระดับมาทำหน้าที่นั้นทันที


บุคคล ‘โรมาน’ ถูกแต่งตั้งให้รับหน้าที่ดูแลฐานทัพทหาร


จริงๆแล้วตอนนี้โรมานอยู่ที่คฤหาสน์ แต่เพียงแค่การแต่งตั้งนั้นสามารถทำได้โดยเพียงแค่ใช้ตั้งค่าระบบโดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียกพวกเขามา


และต่อมา ข้อความระบบก็เด้งขึ้นมา


 


 


เงื่อนไขในการอัพเกรดสถานที่เป็นเลเวล 2 ผ่านเงื่อนไขท่าต้องการจะอัพเกรดหรือไม่?


เพราะว่าพวกเขาพบกับบุคคลที่ผ่านเงื่อนไขอัพเกรดเป็นเลเวลสองมาก่อนจากศูนย์ทรัพยากรมนุษย์จึงสามารถทำให้พวกเขาอัพเกรดได้ในทันที


เอียนพยักหน้า


“แน่นอน พวกเราจะอัพเกรด”


เมื่อเขาทำเช่นนั้น อาคารฐานทัพทหารก็เปลี่ยนกลายเป็นสถานะ ‘กำลังดำเนินการ’ อีกครั้ง


เวลาที่เหลือในการดำเนินการ


23:59:58


เฮิร์ซที่มองเขาอย่างประหลาดใจ


“เฮ้นี่มันดีมากเลยนะ นายไปได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากไหนกัน?”


เอียนยิ้มพร้อมกับพูดออกมา


“ก็ถ้านายลองค้นหาไปเรื่อยๆมากพอมันก็จะมีออกมาเอง ฉันไปพวกคาเฟ่ของกิลด์อันดับสูงและแอบดูอยู่อย่างนั้น มันมีหลายกิลด์ที่เลื่อนระดับเป็นเมืองก่อนเราเป็นอาทิตย์”


เฮิร์ซถึงกับอ้าปากค้าง


“อ่า ใช้วิธีนี้นี่เอง…”


เอียนยิ้มเมื่อเห็นเฮิร์ซเป็นเช่นนั้น และเขาก็ดูหน้าต่างข้อมูลของโรมานก่อนที่จะบ่นออกมา


“แต่พวกเราก็ยังไม่สามารถอัพเกรดเป็นเลเวล3ได้ในตอนนี้”


“ทำไมล่ะ? มันมีเงื่อนไขใหม่นอกจากการเลือกคนที่มารับหน้าที่อีกงั้นหรอ?”


“มันไม่ใช่แบบนั้น แต่เลเวลของคนที่รับหน้าที่นี้มันต่ำเกินไป”


เมื่อเอียนพูด เฮิร์ซก็ดูเลเวลของโรมานผู้รับหน้าที่


โรมานเลเวล95


เฮิร์ซเข้าใจที่เอียนอยากจะสื่อก็พยักหน้า


“นายจะบอกว่าเงื่อนไขคือต้องเป็นเลเวล100ใช่มั้ย? ยังมีเวลาอีกวันนึงก่อนที่จะสร้างเสร็จดังนั้นพวกเราไม่สามารถทำให้โรมานมีเลเวล100ก่อนหน้านั้นงั้นหรอ?”


“ใช่แล้ว ก็นอกจากครูฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีเลเวลมากกว่า100ปรากฏขึ้นมาในศูนย์ทรัพยากรมนุษย์โผล่มาก่อน แต่มันก็แทบจะไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นเลย”


“มันก็จริงของนาย”


NPCก็สามารถเพิ่มเลเวลได้เช่นกัน


พวกเขาจะต้องให้NPCอยู่ในปาร์ตี้และไปล่าด้วยกันเพื่อที่จะเพิ่มเลเวล


ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่จะสร้างกองกำลังขึ้นมาและNPCจะสามารถสู้ได้ NPCก็สามารถออกไปล่ากันเองได้เช่นกัน


เอียนอยู่ในห้วงความคิดของเขาชั่วครู่


‘มันเหลือเวลาไม่ถึงสัปดาห์เท่านั้นก่อนที่การป้องกันฐานจะหมดไป ฉันจะต้องมั่นใจว่าศูนย์ฐานทัพทหารจะต้องมีเลเวล3เป็นอย่างน้อย…’


เมื่อระดับของฐานกิลด์เลื่อนระดับเป็น ‘เมือง’ เรื่องราวอันน่าปวดหัวก็ได้ปรากฏออกมาไม่หยุด แต่เอียนและเฮิร์ซก็จัดการพวกมันทีละอย่างด้วยความใจเย็นและทีละขั้นตอน


เฮิร์ซบ่นออกมา


“อีกประมาณ3วันการป้องกันฐานจะเริ่มที่จะหายไปทีละนิด”


เอียนพยักหน้า


“นั่นนะสิ พวกเราจะต้องคอยดูว่ามันจะเปลี่ยนไปยังไง”


“ถูกแล้ว โชคดีรอบๆกิลด์เราไม่ได้มีกิลด์มากนักที่ขึ้นตรงกับอาณาจักรไคม่อน”


เริ่มจากระดับ ‘เมือง’ กิลด์ก็จะกลายเป็นเมืองของอาณาจักรรัสเปลหรืออาณาจักรไคม่อน


มันก็ช่วยไม่ได้เพราะว่าลอร์ดจำเป็นต้องได้รับยศจากหนึ่งในสองอาณาจักร


และแน่นอนว่าเมืองที่อยู่ขึ้นตรงในอาณาจักรเดียวกันจะไม่สามารถโจมตีกันได้


เพราะเช่นนั้นแล้วถ้ากิลด์โจมตีเมืองที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกัน พวกเขาจะถูกริบตำแหน่งขุนนางของพวกเขาไปทันทีเพราะว่าโจมตีอาณาจักรเดียวกัน


ถ้าหากพวกเขาสามารถป้องกันการโจมตีของอาณาจักรได้มันก็จะสามารถทำให้เมืองของพวกกลายเป็นไม่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรใด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันหรือจะเรียกได้ว่าไม่มีโอกาสที่จะทำ


โดยสรุปแล้วเพื่อที่จะกลายเป็นเอกเทศจากอาณาจักร พวกเขาจะเป็นต้องเพิ่มระดับของฐานกิลด์เป็นระดับเดียวกันกับพวกเขา ‘อาณาจักร’


หรือก็คือ มันเป็นเรื่องที่เกินเอื้อมเกินไป


“ยังไงก็เถอะพวกเราต้องเพิ่มพลังป้องกันของเมืองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่จะถึงเวลานั้น และพวกเราจะต้องค้นคว้าข้อมูลอีกเยอะ ตอนนี้ยังไม่มีกิลด์ไหนที่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรไคม่อนอยู่ใกล้ๆเราแต่กิลด์ที่ไม่มีฐานก็สามารถมาโจมตีพวกเราได้”


เฮิร์ซพยักหน้าบ่งบอกว่าเห็นด้วย


“ใช่แล้ว ฉันสังเกตมาว่ากิลด์ที่มีอันดับสูงกว่าเราก็มีพวกที่ไม่มีฐานเหมือนกัน”


คนสองคนเริ่มที่จะวางแผนอนาคตทีละเรื่อง


และเมื่อพวกเขาวางแผนคร่าวๆเสร็จแล้ว เอียนก็ยืนขึ้นเพื่อที่จะไปเพิ่มเลเวลอีกครั้ง


‘เกือบจะ90%หรือมากกว่านั้นเป็นไปตามแผนของฉันแล้ว’


ขณะที่คิดเกี่ยวกับพินที่มีเลเวล50แล้ว เอียนก็ยิ้มออกมา


‘ถ้าฉันใช้การลงดันเขี้ยนทั้งห้าครั้งที่ฉันไม่ได้ใช้เลยในวันนี้ ฉันน่าจะทำให้มันมีเลเวลเกือบ70แล้วมั้ง’


และดูเหมือนเลเวลของเอียนก็จะเพิ่มขึ้นเป็น110เช่นกันถ้าหากทุกอย่างผ่านไปด้วยดี


ขณะที่คิดเกี่ยวกับพินที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆด้วยความเร็วที่สมกับเป็นระดับLegendary อารมณ์ของเอียนก็ยิ่งดีเข้าไปอีก


เอียนหันหน้าไปหาเฮิร์ซ


“เฮ้ ยูฮยอน”


“หืม?”


“นายอยากจะไปฟอลันมั้ย?”


และเมื่อเอียนถาม ยูฮยอนก็ยิ้มออกมา


มุมปากของเขาแทบจะไปแตะหูอยู่แล้ว ยูฮยอนก็ดีดตัวขึ้นมายืนทันที


“ได้สิ!”


 


เวลาสามวันผ่านไปเช่นนั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

 


ตอนที่ 98

 

 


 


“ไก่มาส่งแล้วคร้าบบ!”


“ครับผม รับบัตรใช่มั้ยครับ?”


“ครับผม ทานให้อร่อยครับ!”


“ขอบคุณครับ”


หลังจากได้รับไก่แล้ว ยูฮยอนเรียกจินซุงที่ตั้งใจดูทีวีอยู่บนเตียง


“เฮ้เพื่อน มานี่สิ มากินก่อน”


“รอแปป ฉันบอกเลยนะว่ามันสำคัญมาก”


ในขณะที่จินซุงซึ่งปกติแล้วจะชอบไก่มากก็ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว ยูฮยอนจึงมองไปที่หน้าจอทีวีก่อนที่จะส่ายหัว


มันเป็นเพราะว่ามันเป็นรายการของไคลัน จึงทำให้จินซุงไม่ยอมละสายตาจากหน้าจอเลย


“เฮ้ สงครามดินแดนยังไม่เริ่มถ่ายทอด มากินกันก่อนเถอะ”


ยูฮยอนพยายามเกลี้ยเกล่อมจนจินซุงยอมลกออกมาจากเตียงและหยิบไก่ขึ้นมากิน


ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่ทีวี


“เฮ้ กินก่อนแล้วค่อยดูทีวีทีหลัง มันยังพอเหลือเวลาอยู่แต่พวกนักข่าวกำลังบอกเรื่องกฏของสงครามดินแดน”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นยูฮยอนก็หันไปมองที่ทีวีอีกครั้ง


ความจริงแล้วเหตุผลที่ยูฮยอนมาที่ห้องเช่าของจินซุงในวันนี้คือดูการถ่ายทอดสดสงครามดินแดนพร้อมกับกินไก่ด้วยกัน


เพราะว่าวันนี้จะเป็นวันที่การป้องกันของกิลด์ของพวกเขาจะหมดลง


ในสามวัน เมืองของกิลด์โลตัสจะสูญเสียการป้องกันฐานของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสงครามดินแดนไว้ก่อน


ความสนใจของคนสองคนเปลี่ยนไปในทีวีจนดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกดูดเข้าไป


“สวัสดีค่ะ ดิฉันนักข่าวของ YTBC ลูเซียค่ะ”


“ยินดีที่ได้รู้จักครับทุกคน ผมนักข่าวไฮนซ์ครับ”


ลูเซียและไฮนซ์ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้สื่อข่าวของ YTBC ถือว่าเป็นนักข่าวมากประสบการณ์ทั้งคู่


“ใช่ค่ะไฮนซ์ คุณคิดว่าคุณสามารถอธิบายสั้นๆได้ไหมว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันคะ?”


ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลไฮนส์มองไปรอบๆในขณะที่เขาออกอากาศต่อไป


“แน่นอนครับลูเซีย”


และความสนใจของเขาย้ายไปยังผู้ชมที่อยู่นอกจอ


“สถานที่ที่เราอยู่ในปัจจุบันเรียกว่า ‘สมรภูมิผู้กล้า’ ดังที่ผู้ชมหลายคนรู้ว่าเป็นสถานที่ที่จัดสงครามกิลด์ครับ”


หลังจากพักหายใจไฮนซ์ก็ได้พูดต่อ


“วันนี้แล้ว! ในที่สุด‘สงครามดินแดน’ ครั้งแรกจะจัดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ พวกเราก็เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกเลยครับ”


และถัดจากเขา ลูเซียได้อธิบายเพิ่มเติม


“อธิบายเพิ่มเติมให้กับผู้ชมที่ไม่รู้จักสมรภูมิผู้กล้านะคะ สมรภูมิผู้กล้าเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถพบได้ในแผนที่ของไคลัน มันต้องเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อใช้ระบบสงครามกิลด์เท่านั้นค่ะ คนที่เข้าร่วมสงครามจะถูกวาปไปยังสมรภูมิผู้กล้า ผู้เล่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิลด์ก็สามารถเข้าไปที่สมรภูมิผู้กล้าได้หลังจากจ่ายค่าใช้จ่ายเล็กน้อยเพื่อดูการต่อสู้ค่ะ”


“ถูกต้องครับ ลูเซียอธิบายมันออกมาได้ดีเลย”


เมื่อไฮนส์ยกนิ้วให้และยิ้ม ดวงตาของลูเซียก็เปล่งประกายพร้อมกับพูดต่อ


“เอาล่ะค่ะ ก่อนที่เราจะถ่ายทอดสดสงครามดินแดนของกิลด์อันดับหนึ่งของเซิฟเวอร์เกาหลี กิลด์ดาร์ครูน่าและกิลด์อันดับสี่ กิลด์โอ๊คลันด์ เราน่าจะอธิบายเกี่ยวกับกฏของสงครามดินแดนกันก่อนดีไหมคะ?”


ไฮนซ์รับคำพูดของลูเซียและออกอากาศอย่างต่อเนื่อง


“ครับ ผมจะอธิบายกฏระเบียบของ ‘สงครามดินแดน’ ที่กำลังเป็นเรื่องใหม่สำหรับผู้ชมหลายๆท่านก่อนเลยนะครับ”


และคำอธิบายที่ชัดเจนมากของไฮนส์ก็ดำเนินต่อไป


ยูฮยอนหันความสนใจไปหาจินซุง


“เฮ้จินซุง นายไม่มีอะไรมาจดบันทึกหรอ?”


เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นจินซุงก็รีบตั้งสติและไปที่โต๊ะของเขาพร้อมกับหยิบสมุดโน๊ตของตนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลับมานั่งดูต่อ


จินซุงเริ่มที่จะเรียบเรียงคำอธิบายของไฮนส์ลงในสมุดโน๊ตของเขาโดยไม่ตกไปแม้แต่คำเดียว


กฏสงครามดินแดนเพื่อที่จะยึดเมืองของกิลด์ศัตรู จะมีทั้งหมดสองประเภท


หนึ่งก็คือการต่อสู้ในพื้นที่ ‘สมรภูมิผู้กล้า’ เหมือนกับสงครามกิลด์ทั่วไป


ในขณะที่อีกประเภทก็คือ ‘การตีเมือง’ กิลด์ที่ถูกท้าต่อสู้จะเป็นฝ่ายป้องกันเมืองและอีกกิลด์จะเป็นฝ่ายโจมตีจนกว่าจะฝ่าเข้าเมืองไปได้


การตีเมืองเกิดขึ้นในแผนที่ที่เรียกว่า ‘สมรภูมิแห่งการป้องกัน’ และเนื่องจากสมรภูมิแห่งการป้องกันนี้เป็นแผนที่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยจำลองจากภูมิประเทศที่แท้จริงของเมือง และมันจะปรับเปลี่ยนไปทุกครั้งในสงครามดินแดน


ในทุกสงครามดินแดน ถ้าหากผู้เล่นของฝ่ายใดฝ่ายนึงถูกฆ่าจนหมด หรือถ้าหากเวลา1ชั่วโมงสำหรับการต่อสู้หมดลง สงครามก็จะจบและฝ่ายที่มีผู้รอดชีวิตมากกว่าก็จะชนะไป


ในกรณีของสมรภูมิแห่งการป้องกัน ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จะมีคริสตัลแห่งการป้องกันตั้งอยู่ด้านในเมืองฝ่ายตั้งรับ และถ้าหากมันถูกทำลาย สงครามก็จะจบลงเช่นกัน


ไม่ใช่ว่าเมืองจะถูกยึดไปด้วยการชนะเพียงหนึ่งครั้งในสงครามดินแดน


เมื่อฝ่ายโจมตีชนะ3ครั้งในสมรภูมิผู้กล้า แผนที่ก็จะเปลี่ยนไปเป็นสมรภูมิแห่งการป้องกันและพวกเขาจะต้องชนะในแผนที่นี้เพื่อที่จะยึดเมืองไปได้


ในทางกลับกันหากกิลด์ปกป้องชนะสามครั้งทั้งในสมรภูมิผู้กล้าหรือในสมรภูมิแห่งการป้องกัน พวกเขาก็จะป้องกันสำเร็จ


สงครามดินแดนเกิดขึ้นทุกๆ 24 ชั่วโมงและเมื่อสงครามดินแดนจบลงแล้วและได้ผู้ชนะ เมืองที่เกี่ยวข้องจะเข้าสู่สถานะ ‘การป้องกันฐาน’ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในสงครามดินแดนทั้งหมดผู้เล่นเพียง 30 คนเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมในแต่ละฝ่าย (หากสงครามขยายเป็นสงครามระหว่างประเทศ ผู้เล่นจะสามารถเข้าร่วมได้เพิ่มขึ้นเป็น100คน และไม่จำกัดจำนวนของNPCที่เกี่ยวข้องกับเมือง) หากผู้เล่นเข้าร่วมสงครามดินแดนเหมือนกันสองครั้ง พวกเขาจะไม่สามารถเข้าร่วมได้อีก


กฎของสงครามดินแดนอาจดูซับซ้อนตั้งแต่แรกเห็นแต่หลังจากจัดการทุกอย่าง จินซุงคิดว่าเขารู้สึกได้ถึงความพยายามที่จะทำให้เกมสมดุลของผู้พัฒนาเลยทีเดียว


ในขณะที่อ่านเนื้อหาที่จินซุงจัดเรียงไว้ยูฮยอนพูดเกือบจะบ่นออกมา


“ว้าว นี่มันซับซ้อนกว่าสงครามกิลด์ซะอีก”


จินซุงพยักหน้าขณะตอบ


“พวกเขามีตัวเลือดไม่มาก มันไม่เหมือนการที่เสียเพียงแค่ค่าชื่อเสียงถ้าหากแพ้ในสงครามกิลด์ อันดับตกลงไปหนึ่งหรือสองอันดับเท่านั้น ความสำคัญของสงครามดินแดนมันคนละเรื่องกันเลย”


“ก็จริงของนาย”


ไฮนส์อธิบายกฎได้ดีมากเพื่อความเข้าใจง่าย แต่ด้วยการที่จินซุงจัดการมันได้ดี ทั้งสองคนก็สามารถเข้าใจกฎของสงครามดินแดนได้อย่างรวดเร็ว


ยูฮยอนพูดอีกครั้ง


“งั้นแล้วถ้าตัวอย่างเช่น”


“พูดต่อเลย”


“ถ้าสมมุติว่าฉันเป็นกิลด์โจมตีและนายเป็นกิลด์ป้องกันฉันต้องชนะ 4 ครั้งติดต่อกันเพื่อยึดเมืองให้เร็วที่สุดใช่มั้ย?”


“ถูกต้อง”


“ในทางตรงกันข้ามนายจะต้องชนะสามครั้งติดและนายถึงจะป้องกันสำเร็จสินะ”


“ใช่ ถูกต้อง”


ยูฮยอนซึ่งคิดเกี่ยวกับมันสักครู่ พูดต่อ


“ในกรณีที่ฉันชนะ 3 ครั้งติดต่อกันในสมรภูมิผู้กล้าและเราไปที่สมรภูมิแห่งการป้องกันและฉันก็แพ้ตอนสมรภูมิแห่งการป้องกัน แล้วจะเกิดสงครามดินแดนครั้งที่ห้างั้นหรอ?”


จินซุงตอบโดยไม่ลังเล


“แน่นอนว่าเป็นสมรภูมิผู้กล้า อย่างแรกถ้าหากกิลด์โจมตีชนะสามครั้งในสมรภูมิผู้กล้าจากนั้นก็จะเป็นการตีเมืองต่อไปเรื่อยๆ”


“ฉันเข้าใจละ…”


ยูฮยอนพยักหน้าราวกับบอกว่าเขาเข้าใจ


“เป็นกฎที่มีประโยชน์สำหรับกิลด์ฝ่ายป้องกัน”


“มันก็ถือว่าดีทีเดียว ในเมื่อเป็นการต่อสู้ที่กิลด์ป้องกันต้องสูญเสียมากกว่าเมื่อเทียบกับกิลด์ที่โจมตี สำหรับกิลด์ฝ่ายโจมตีมันก็เหมือนกับสงครามกิลด์ทั่วไป พวกเขาก็แค่โดยลดค่าชื่อเสียงกิลด์สินะ? ถึงแม้ว่าพวกเขาแพ้พวกเขาก็มีหลายวิธีเพื่อที่จะเพิ่มค่าชื่อเสียงกิลด์ แต่ถ้าหากฝ่ายป้องกันแพ้ความเสียหายที่ได้นี่หนักหนาสาหัสเลย”


ยิ่งไปกว่านั้นประเด็นที่น่าสนใจของสงครามดินแดนคือส่วนที่ผู้เล่นรายหนึ่งไม่สามารถเข้าร่วมสงครามดินแดนเดียวกันได้มากกว่าสามครั้ง


เพื่อที่จะได้ชัยชนะในสงครามดินแดน ฝ่ายผู้เล่นมีความสำคัญอย่างมากในทุกการต่อสู้


ขณะอ่านส่วนนี้ เอียนก็บ่น


“ฉันคิดว่าการจำกัดผู้เล่นที่เข้าร่วมได้แค่30นี่มันเหมือนกับสงครามกิลด์ทั่วไปเลยนะและการที่ไม่ให้ผู้เล่นเข้าร่วมได้มากกว่าสามครั้งก็ทำขึ้นมาเพื่อไม่ให้คนที่แข็งแกร่งมาช่วยสงครามดินแดนมากเกินไป”


“ฉันก็คิดแบบนั้น แม้ว่าเราจะลองคิดดูว่ามีคนที่แข็งแกร่งมาช่วยสงครามดินแดนเพื่อที่จะชนะในทุกครั้ง ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็สามารถชนะได้ไม่เกิน2ครั้งเท่านั้น…ในกรณีของฝ่ายโจมตีพวกเขาต้องสู้อีกสองครั้ง ขณะที่ฝ่ายป้องกันนั้นอีกแค่ครั้งเดียวพวกเขาจะต้องนำชัยมาให้ได้ด้วยความแข็งแกร่งของผู้เล่นที่เหลืออยู่”


ทั้งสองพอทำความเข้าใจได้แล้วก็เริ่มกินปีกไก่อย่างรวดเร็ว


ไม่นานนักสงครามดินแดนของสองกิลด์ใหญ่ของเซิฟเวอร์เกาหลี กิลด์ดาร์ครูน่าและกิลด์โอ๊คลัน จะเริ่มขึ้นแล้ว


กิลด์ป้องกันคือกิลด์โอ๊คลัน ขณะที่กิลด์โจมตีเป็นกิลด์ดาร์ครูน่า


ด้วยอาการตื่นเต้น ยูฮยอนถามจินซุง


“เฮ้ นายคิดว่าใครจะชนะ?”


“อืมมม ฉันไม่แน่ใจ”


“เท่าที่ดูแล้วฉันคิดว่ากิลด์ดาร์ครูน่าจะมีโอกาสชนะสูงกว่านิดหน่อย พลังต่อสู้ของพวกเขามันโอเวอร์มาก”


“นั่นก็จริงแต่โอ๊คลันเพิ่งรับรีเมียร์เข้ากิลด์มา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำให้ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ”


ยูฮยอนแสดงอาการตกใจเล็กน้อย


“นักเวทเพลิงผลาญรีเมียร์หรอ? นักเวทอันดับ 1 อ่ะนะ?”


“ใช่แล้ว ฉันเห็นในบอร์ดเมื่อวานหรือวันไหนนี่แหละ”


“อ๊าก อีกแล้วงั้นหรอ ถ้าหากรีเมียร์โจมตีด้วยสกิลAoEสักครั้งละก็ทุกอย่างมันก็จะละลายไปในทันที ฉันรู้สึกเหมือนกับว่านักเวทเป็นไพ่ตายของการตีเมืองยังไงไม่รู้…แถมฝ่ายป้องกันก็ได้เปรียบเหมือนกัน”


ทั้งสองคนเริ่มให้ความสนใจกับทีวีมากขึ้นในขณะที่พวกเขาฉีกไก่


สงครามดินแดนของกิลด์ใหญ่ทั้งสองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น


ขณะที่มองไปยังเลเวลของผู้เล่น จินซุงบ่นในใจ


‘อีกไม่นานฉันก็จะตามพวกเขาทันเหมือนกัน!”


เลเวลของผู้เล่นระดับสูงมันดูห่างไกลขึ้นไปอีกหลังจากที่เขารีเซ็ตมา ตอนนี้มันกลับใกล้มากจนเขารู้สึกว่าเขาสามารถเอื้อมแขนไปถึงได้


ผู้เล่นเลเวลสูงที่สุดที่ปรากฏอยู่บนหน้าจออยู่ที่ประมาณเลเวล120ปลายๆ


‘ผู้เล่นสิบอันดับแรกคงจะอยู่ประมาณเลเวล130ต้นๆแล้ว’


ตอนนี้เอียนเลเวล 111 แล้ว


ตอนนี้เขาได้เกือบจะปิดความต่างประมาณ20เลเวลได้แล้ว


บางทีเขาก็คิดว่ามันห่างไกลมาก แต่ถ้าหากด้วยความเร็วในการเพิ่มเลเวลของเอียนในตอนนี้ละก็ เขารู้สึกว่าเขาสามารถตามพวกเขาทันในเวลาไม่นาน


จิตวิญญาณการต่อสู้ของเอียนลุกโชนมากกว่าเดิม


* * *


สงครามดินแดนของกิลด์ใหญ่ทั้งสองจบลงด้วยคะแนน 3:3


คะแนนเท่ากันแต่ผู้ชนะคือกิลด์โอ๊คลัน


ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาป้องกันสำเร็จ


ด้วยพลังต่อสู้ของกิลด์ดาร์ครูน่าที่สามารถชนะในสมรภูมิผู้กล้าได้อย่างง่ายดายในสองรอบแรก ผู้คนต่างก็คิดว่ายังไงกิลด์ดาร์ครูน่าก็ชนะ


อย่างไรก็ตาม กิลด์ดาร์ครูน่าได้ใช้ผู้เล่นที่มีพลังต่อสู้ระดับสูงในรอบแรกและรอบสองไปจนหมด แล้วก็แพ้อย่างน่าเสียดายในรอบที่สาม


ตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้ นักเวทเพลิงผลาญรีเมียร์ได้แสดงความแข็งแกร่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อในฝ่ายป้องกัน


และเอียนผู้ซึ่งเฝ้าดูการต่อสู้นั้นตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่รู้อะไรเลย ตระหนักถึงบางสิ่ง


‘ความสามารถของสมาชิกกิลด์ก็มีความสำคัญ แต่ในสงครามดินแดนNPCนั้นมีความสำคัญกว่า’


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อNPCสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้เรื่อยๆตรสบใดที่พวกเขาไม่ตาย พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรบ


‘ในการออกอากาศพวกเขาไม่ได้บอกเอาไว้แต่นอกจากกิลด์โอ๊คลันชนะได้เพราะรีเมียร์แล้วฉันคิดว่ามันเป็นการชนะในเชิงแผนการรบ…’


กิลด์โอ๊คลันได้ใช้การต่อสู้สองรอบแรกเป็นเหมือนการ์ดใช้แล้วทิ้ง


พวกเขาใช้NPCจำนวนมากที่ไม่สามารถชุบชีวิตได้เมื่อพวกเขาตายในสองรอบแรก และรวมถึงผู้เล่นระดับสูงก็ไม่ได้เข้าร่วมเช่นกัน


นักเวทเพลิงผลาญรีเมียร์ซึ่งเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็ออกมาสองครั้งในรอบการป้องกันเมืองและก็ชนะทั้งสองครั้ง และด้วยการใช้พลังต่อสู้ที่เหลืออยู่ทั้งหมดพวกเขาก็ชนะอีกครั้งในรอบสมรภูมิผู้กล้า


‘มันก็แล้วแต่คนจะตีความออกมาละนะ…’


หลังจากยูฮยอนกลับไป เอียนได้ล็อกอินเข้าไคลันและรู้สึกว่าเขาควรที่จะรีบไปแต่งตั้งNPCให้เข้ามาในสังกัดที่เขาไม่เคยสนใจ


เอียนมีฉายาบารอนจึงทำให้เขามีNPCได้ทั้งหมด20คนในสังกัดของเขา


อย่างไรก็ตามค่าชื่อเสียงของเอียนจะลดลงหนึ่งแสนหน่วยถ้าหากเขายกเลิกการลงทะเบียนNPC เขาระวังมันมาจนถึงตอนนี้


และอีกเหตุผลหนึ่ง


‘เหตุผลที่ฉันลังเลมันมาโดยตลอดก็เพราะว่าฉันไม่รู้ว่ามันจะได้รับบทลงโทษยังไงบ้างถ้าหากNPCในสังกัดตายลงในการต่อสู้ แต่ในเมื่อฉันเข้าใจแล้วว่าNPCที่ลงทะเบียนไว้ในสังกัดของผู้เล่นจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาในอีกหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะต้องลังเลอีกต่อไป’


มันเป้นข้อมูลที่ยังไม่มีอยู่บนบอร์ดเพราะว่ายังมีผู้เล่นจำนวนไม่มากเท่านั้นที่ได้รับฉายาบารอน แต่ข้อมูลที่เขารู้มาได้ก็มาจากสงครามดินแดนในครั้งนี้ที่มีNPCจำนวนที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของผู้เล่นตายลง


เอียนรีบตรงไปที่ ‘กิลด์ซัมมอนเนอร์’ ในเมือง


NPCที่เอียนสนใจจะแต่งตั้งให้มาอยู่ในสังกัดของเขาอยู่ที่นั่น

 

 

 


ตอนที่ 99

 

“ท่านลอร์ด ท่านกลับมาแล้ว”


เมื่อเอียนเข้าไปในอาคารกิลด์ซัมมอนเนอร์ NPCยามด้านหน้าทางเข้าก็โค้งหัวให้กับเอียนด้วยความนับถือ


เอียนก้มหัวให้พวกเขาเล็กน้อยและเข้าไปด้านใน


‘พวกเขาทุกคนถือว่าเป็นทรัพย์สินของกิลด์ ฉันก็ควรจะทำตัวดีกับพวกเขาด้วยเช่นกัน’


ระบบของไคลันนั้นมีรายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นทัศนคติที่เอียนมีต่อ NPC ภายในเมืองนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของเมือง


ความนิยมก็เหมือนกับค่าสถานะของเมือง


เพราะเช่นนั้นแล้วแม้ว่าจะมีNPCจำนวนไม่เยอะ แต่เขาก็ไม่ควรจะมองข้ามพวกเขา


เอียนขึ้นไปที่ชั้น 2 ของกิลด์ และพูดคุยกับ NPC ที่ดูแลงานแทนเขา


“ทำได้ดีมาก”


เมื่อเอียนพูด เขาก็เริ่มยืนขึ้นและก้มหัวทำความเคารพ


“ท่านลอร์ด ท่านกลับมาแล้ว”


“ครับ ผมเพิ่งมาถึง”


เอียนตอบกลับอย่างสุภาพ เขาก็พูดขณะแสดงท่าทางราวกับไม่รู้จะทำยังไง


“ท่านลอร์ด ท่านไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพกับผมก็ได้ครับ”


เขายังแสดงอาการของโทษขณะเขาพูดต่อ


“ท่านน่าจะบอกผมก่อนว่าท่านจะมา ผมจะได้เตรียมการต้อนรับท่านซะก่อน…”


“ไม่เป็นไร มันไม่จำเป็น ฉันมีอะไรบางอย่างที่ฉันต้องการจะถามนายหน่อย”


“ครับ”


“นายพอจะรู้จักซัมมอนเนอร์ที่ชื่อว่า ‘ซีเรีย’ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นตลอดไหม ตอนนี้เธออยู่ไหน?”


เมื่อเอียนถาม เขาพยักหน้าและตอบกลับ


“ครับ แน่นอนว่าผมรู้ จากที่ผมรู้มาปัจจุบันซีเรียได้ไปที่พื้นที่เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่อยู่ชานเมืองของเมืองครับ”


มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดนิดหน่อย เอียนก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ


“โฮโฮ่ ที่พื้นที่เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงหรอ? นายรู้ไหมทำไมเธอถึงไปที่นั่น?”


“ซีเรียได้รับลูกไวเวิร์นสีฟ้าเมื่อไม่นานมานี้ เธอทิ้งมันไว้ที่พื้นที่เพาะพันธุ์และเธออาจจะไปที่นั่นเพื่อรับมันครับ”


พื้นที่เพาะพันธุ์ที่ศาสตราจารย์ลีจีนุกจัดการอยู่


ในขณะที่เขากำลังยุ่งอยู่พักหนึ่งเขาก็ลืมไป แต่จากสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเขาก็ได้ยินอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอ


“ขอบใจนะ”


หลังจากตอบกลับ เอียนก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็วและเดินไปที่พื้นที่เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยง


 


* * *


“โอ้จินซุง ลมอะไรหอบมาล่ะ? นายมาที่นี่เพื่อทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้เหมือนกันหรอ?”


จีนุกต้อนรับอย่างอบอุ่นเมื่อเห็นเอียนมาที่พื้นที่เพาะพันธุ์


“อ่อ ศาสตราจารย์คุณอยู่ที่นี่เอง พื้นที่เพาะพันธุ์ได้ขยายขึ้นนิดหน่อยหรือเปล่าครับเนี่ย?”


เมื่อเอียนถาม จีนุกหัวเราะออกมาขณะที่เขาพยักหน้า


“แน่นอน มันไปได้ดีแบบนี้ก็เพราะเธอนั่นแหละ ดูเหมือนจะว่าจะมีซัมมอนเนอร์จำนวนมาถูกสร้างขึ้นที่เมืองหลังจากอาคารกิลด์ซัมมอนเนอร์ถูกสร้างขึ้นมา มันก็เลยทำให้มีลูกค้าจำนวนมากมาที่นี่”


ยิ่งมีลูกค้ามากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งทำเงินมากขึ้น ดังนั้นจีนุกจึงยิ้ม


“ยังไม่มีลูกค้าคนไหนที่เป็นผู้เล่นเลยใช่ไหมครับ?”


“ฉันคิดว่ายังไม่เห็นผู้เล่นคนไหนเลย ฉันมั่นใจว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้เล่นเริ่มรู้ถึงข้อดีของพื้นที่เพาะพันธุ์จะต้องมีคนมาที่นี่จำนวนมหาศาลแน่นอน”


เอียนเห็นด้วยกับคำพูดของจีนุก


แต่เพราะว่าเขาหวังไว้ว่าข้อมูลที่เกี่ยวกับค่าศักยภาพและการวิวัฒนาการจะยังไม่ให้ถูกเปิดเผย เขาจึงไม่คิดที่จะพัฒนามันจริงๆสักที


นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นซัมมอนเนอร์ไม่มากเท่าไหร่ที่มีเลเวลมากพอจะสามารถมาทวีปตอนเหนือได้


‘เพื่อที่จะให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดจะต้องรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมที่สุดซะก่อน ฉันต้องรออีกหน่อย’


อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้วางแผนที่จะผูกขาดข้อมูลนั้นตลอดไป


ไม่นานมานี้ ผู้เล่นสองคนที่ประสบความสำเร็จในวิวัฒนาการของมอนสเตอร์เริ่มปรากฏตัวขึ้นและในไม่ช้าจะมีผู้เล่นที่คิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพและวิวัฒนาการ


ถ้าหากเขาโปรโมตเรื่องนี้ในบอร์ดในช่วงนั้น เขารู้สึกว่าเขาจะสามารถเรียกผู้เล่นจำนวนมากมาที่เมืองโลตัสได้


ถ้าหากมีผู้เล่นมากขึ้นจำนวนของประชากรก็จะเพิ่มไปโดยปริยาย และเมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองได้อีกด้วย


พื้นที่เพาะพันธุ์สัตว์เลี้ยงของลีจีนุกจะกลายเป็นรากฐานที่น่าทึ่งสำหรับการพัฒนาเมือง


‘ถึงแม้ว่าเราจะต้องปกป้องเมืองให้ได้’


เอียนให้คำมั่นกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะถามจีนุก


“ศาสตราจารย์ครับ คุณพอจะเห็นNPCที่ชื่อซีเรียมาที่นี่รึเปล่าครับ?”


“อ่อ หากว่าพูดถึงแม่สาวสวยคนนั้น เธอน่าจะอยู่แถวนั้นแหละ ไวเวิร์นสีฟ้าเธอเอาไว้ที่นี่มันก็อยู่แถวนั้นเหมือนกัน”


“อ่อ ขอบคุณครับศาสตราจารย์”


หลังจากเอียนก้มหัวให้จีนุก เขาเดินไปหาซีเรีย


จีนุกที่เห็นแบบนั้น แสดงอาการสงสัยเล็กน้อย


นี่เป็นเพราะซีเรียเป็น NPC ที่มาถึงพื้นที่เพาะพันธุ์บ่อยครั้งและจากมุมมองของเขาเธอเป็นคนธรรมดา


“หืม NPCสาวน้อยคนนั้นมีเควสต์อะไรบางอย่างงั้นหรอ?”


และเพื่อทำตามคำขอร้องของฮารินที่ขอให้จีนุกแจ้งให้เธอทราบทุกครั้งที่เขาเห็นเอียน เขาก็ส่งข้อความถึงเธอ


ลีจีนุก : ฮาริน จินซุงอยู่ที่พื้นที่เพาะพันธุ์ตอนนี้


ข้อความตอบกลับมาทันที


ฮาริน : จริงหรอคะ? ขอบคุณค่ะศาสตราจารย์ แต่จินซุงไปทำอะไรที่นั่นคะ?


จีนุกส่งข้อความต่อโดยไม่ได้คิดอะไร


ลีจีนุก : หืมมม… ตอนนี้เขากำลังคุยกับสาวสวยคนนึงอยู่ตรงนั้นน่ะ…


ฮารินอ่านข้อความลีจีนุก แต่เธอไม่ได้ตอบกลับ


จีนุกตระหนักว่าที่เขาทำนั้นผิดพลาด


อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามันน่ารำคาญเกินกว่าที่จะอธิบายเป็นการส่วนตัว


“คุคุ ฉันว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน”


ในทางกลับกันเอียนซึ่งไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่น่ากลัวเพิ่งเกิดขึ้นก็กำลังตรวจสอบข้อมูลของซีเรียด้วยการแสดงออกที่สดใส


 


ซีเรีย


เลเวล : 108


เผ่าพันธุ์ : มนุษย์


อาชีพ : ซัมมอนเนอร์


ตำแหน่ง : สามัญชน


บุคลิกภาพ : ร่าเริง


ระดับพรสวรรค์: (ไม่ทราบ)


ค่าสถานะการต่อสู้ (ขยาย)


ความสามารถเฉพาะหน้า (ขยาย)


ความสามารถส่วนตัว


ฟื้นฟูสัตว์เลี้ยง


ฟื้นฟูพลังชีวิตของสัตว์เลี้ยง60% โดยการใช้20%ของเวทจิตวิญญาณทั้งหมด


(เวลาคูลดาวน์ 5 นาที)


การอวยพรของจิตวิญญาณ


ค่าสถานะการต่อสู้ทั้งหมดของสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในรัศมี 20 เมตรจะเพิ่มขึ้น 5% (ติดตัว)


โคลนนิ่งสัตว์เลี้ยง (I)


หนึ่งในสัตว์เลี้ยงจะถูกโคลนและจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย


สัตว์เลี้ยงโคลนจะมีค่าสถานะการต่อสู้ 50% จากร่างหลักและอยู่ได้ 30 นาที (แม้ว่าระยะเวลาไม่สิ้นสุดหากพลังชีวิตมันถึง 0 มันจะหายไป)


(เวลาคูลดาวน์ 20 นาที)


ซัมมอนเนอร์ฝึกหัดที่มีความสามารถโดดเด่น


มีบุคลิกที่สดใสและร่าเริง


 


เอียนที่อ่านข้อมูลทั้งหมด แสดงอาการพึงพอใจ


‘อย่างที่คิดไว้จริงๆเธอนี่เก่งใช้ได้ มันน่าจะยากมากที่จะหาNPCแบบเธอ’


เอียนที่เข้าหาซีเรียและพูดกับเธอ


“สวัสดีซีเรีย เธอจำฉันได้ใช่ไหม?”


ซีเรียนนั้นดูเหมือนจะอายุประมาณ10ปลายๆ เอียนก็พูดอย่างเป็นกันเอง


ซีเรียกำลังนั่งและเล่นกับไวเวิร์นสีฟ้าของเธออยู่ ก็หันมาสนใจเขาด้วยความตกใจ


และเธอก็ทำท่าตระหนก เธอก้มหัวลง


“อ๊ะ ท่านลอร์ด ขออภัยค่ะ ฉันไม่รู้ว่าท่านจะมา…”


เอียนที่มองซีเรียลังเลอย่างน่ารัก ก็ยิ้มและพูดต่อ


“ไม่เป็นไร มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ”


เมื่อท่าทางของเอียนไม่ได้แย่ ซีเรียยิ้มอย่างสดใสทันทีและพูด


“ท่านลอร์ด ท่านมาที่นี่เพื่อทิ้งสัตว์เลี้ยงของท่านไว้หรอคะ?”


“หืม? ไม่ใช่อย่างนั้น…”


“ถ้างั้น?”


เอียนตอบด้วยการแสดงออกที่งุ่มง่าม


“ฉันมาเพราะว่าฉันมีธุระบางอย่างกับเธอ…”


เมื่อคำพูดเหล่านั้น แก้มทั้งสองของซีเรียแดงขึ้นเล็กน้อย


“ห้ะ? ฉะ ฉัน?”


“ใช่ รอสักครู่นะ”


เอียนควานหาผ่านหน้าอกของเขาและดึงตราประทับของซึ่งส่องแสงสีทองออกมา


ในไคลัน NPCสามารถมาอยู่ในใต้สังกัดของขุนนางได้โดยการให้ตราขุนนางกับเขาไป


โดยการส่งตราประทับให้ซีเรียมันเป็นข้อเสนอการรับสมัครเพื่อเป็นผู้ติดตามของเอียน


และด้วยการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความอยากรู้ เธอมองเอียน


“ฉันหวังว่าเธอจะช่วยฉันต่อจากนี้ไป”


ขณะที่พูดอย่างนั้น เอียนส่งตราประทับให้กับซีเรีย


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ข้อความของระบบโผล่ขึ้นพร้อมกัน


ท่านได้เสนอโอกาสที่จะเป็น ‘ผู้ติดตาม’ แก่ซัมมอนเนอร์ฝึกหัด ‘ซีเรีย’


และซีเรียรับตราประทับของลอร์ด


เธอแสดงออกถึงความตกใจเล็กน้อย


“ฉัน…จะสามารถช่วยท่านได้หรอคะ ท่านลอร์ด?”


ขณะมองไปยังซีเรียที่ถามกลับอย่างระมัดระวัง เอียนก็ผ่อนคลายลงหน่อย


นี่เป็นเพราะว่าเขากังวลเล็กน้อย เนื่องจากถ้าค่าความสัมพันธ์ของเขากับ NPC ต่ำ เขาอาจจะล้มเหลวในการแต่งตั้งแต่ปฏิกิริยาของซีเรียไม่ได้ดูไม่ดี


จริงๆแล้วมันเป็นสถานการณ์ที่เอียนจะล้มเหลวนั้นต่ำมากๆ


เขาไม่ได้มาเจอกับซีเรียมากนักแต่เมื่อเขาเป็นลอร์ดของเมืองที่ซีเรียอยู่ก็ทำให้ค่าความสัมพันธ์ของเขากับเธอสูงอย่างมาก


“แน่นอนสิ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงยื่นข้อเสนอแบบนี้”


เอียนยิ้มและพูดต่อ


“เธอคิดยังไงล่ะ เธอจะช่วยฉันได้ไหม?”


ตามด้วยยิ้มอย่างสดใส ซีเรียพยักหน้า


“ค่ะ ท่านลอร์ด!”


และตราประทับของลอร์ดก็กลายเป็นแสงบนมือของเธอและหายไปในข้อมือของเธอ


ท่านได้รับซัมมอนเนอร์ฝึกหัด ‘ซีเรีย’ เป็นผู้ติดตามของท่าน ระดับพรสวรรค์ของผู้ติดตาม ‘ซีเรีย’ คือระดับ ‘Heroic’ และความสามารถปัจจุบันของเธอคือระดับ ‘Rare’ ผู้ติดตามของ ‘เอียน’ : 1/20 หากผู้ติดตาม ‘ซีเรีย’ ถูกนำออก ชื่อเสียง 170,000 หน่วยจะลดลง (ถ้าชื่อเสียงของคุณลดลงต่ำกว่า 0 มันจะกลายเป็นความอัปยศ)


หลังจากตรวจสอบข้อความของระบบที่โผล่ขึ้นมาทีละอัน ใบหน้าเอียนก็สดใสขึ้น


นี่เป็นเพราะว่าระดับพรสวรรค์ของซีเรียคือระดับ Heroic


เขาสามารถเห็นความสามารถของ NPC ก่อนที่จะแต่งตั้ง แต่ระดับพรสวรรค์สามารถตรวจสอบได้ในภายหลังเท่านั้น


ยิ่งไปกว่าความสามารถของเธอก็เป็นระดับ Rare แต่เขาก็ไม่สามารถรู้ระดับพรสวรรค์ของเธอได้เพียงแค่ดูจากความสามารถ


มันก็คล้ายๆกับการเสี่ยงดวง


เอียนได้รับบุคคลผู้มีความสามารถที่มีระดับ Heroic ก็แสดงออกด้วยความยินดี แต่หลังจากได้เห็นข้อความที่อยู่ข้างใต้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย


‘ห้ะ? ไม่ใช่ว่าชื่อเสียงของฉันจะลดลง 100,000 หากว่าฉันนำเธอออกหรอ?’


หลังจากตรวจสอบคำอธิบายของการแต่งตั้งบุคคล เขาก็สังเกตเห็นคำพูดที่พูดว่าอย่างน้อย 100,000 หน่วย


‘ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ติดตาม ดูเหมือนว่าจะมีความแตกต่างในชื่อเสียงที่ลดลง’


เขารู้สึกว่ามันเป็นระบบที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นแต่งตั้ง NPC ต่างๆโดยไม่จำกัด จนกระทั่งพวกเขาพบ NPC ที่มีระดับพรสวรรค์ที่สูง


ซีเรียเข้ามาใกล้เอียนที่ความคิดของเขาซับซ้อนจากความคิดทั้งหมดและก้มหัวลงให้แก่เขา


“ขอบคุณค่ะท่านลอร์ด โปรดดูแลดิฉันด้วย”


เอียนยื่นมือไปหาซีเรีย


และมือที่ขาวและน่ารักของเธอก็จับมือของเอียนเบาๆ


“โปรดดูแลฉันเช่นกันนะซีเรีย”


ตาทั้งสองของซีเรียกระพริบขณะเธอถามเอียน


“ท่านลอร์ดคะ ถ้างั้นฉันต้องทำอะไรต่อจากนี้คะ?”


“หืมมม… สำหรับตอนนี้ก็เข้าร่วมกับกองกำลังป้องกันตนเองและเพิ่มเลเวลของเธอ ถ้าหากมีบางอย่างฉันจะเรียกเธอเอง”


เมื่อฐานได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นระดับเมือง มันก็สามารถที่จะจัดการเรื่องการปกครองครองภายในเมืองได้เอง


การจัดระเบียบกลุ่มปกครองตนเองนั้นดำเนินการด้วยตัวมันเองและปราบปรามมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเมืองทุกวัน


และ NPC ประเภทการต่อสู้ส่วนใหญ่ที่เป็นพันธมิตรกับเมืองนั้นเป็นของกลุ่มที่ปกครองตนเองและซีเลียก็ไม่มีข้อยกเว้น


แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นผู้ติดตามโดยตรงของเอียน


“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ!”


“ต่อจากนี้ไปก็ทำตามที่เธออยากจะทำเลย”


“ค่ะ!”


ขณะมองไปที่ซีเรียที่ตอบรับด้วยเสียงร่าเริง เอียนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจโดยอัตโนมัติ


เขาช่วยไม่ได้ที่เขาจะอยู่ในอารมณ์ที่ดีไม่เพียงแต่ความสามารถของเธอที่ดีเท่านั้น แต่ตอนนี้เอียนก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่น่ารักและใจดี


เอียนเมื่อส่งซีเรียนเสร็จแล้ว ก็เดินต่อเพื่อไปแต่งตั้งผู้ติดตามอีกคนหนึ่ง


อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหันไปอีกทางนึงเขาก็เห็นใครบางคนที่เขารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี


และไม่รู้ทำไมจู่ๆเขาก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือก


 

 

 


ตอนที่ 100

 

“แล้ว…นายกำลังจะบอกฉันว่าเธอเป็นNPC?”


เอียนรีบพยักหน้า


“นั่น นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังจะพูด! เธอเป็นซัมมอนเนอร์ NPC ที่ฉันตั้งแต่งในฐานะผู้ติดตามของฉันในตอนนี้”


ในขณะที่เอียนแก้ตัว (?) เขาพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับฮารินอยู่


เธอพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับท่าทีที่ไม่พอใจ


“แต่ทำไมทุกคนถึงต้องเป็นเด็กสาวที่สวยและน่ารัก?”


เอียนไม่สามารถบอกว่าทำไมแต่เขารู้สึกเหงื่อแตก


นี่เป็นเพราะเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาดจากน้ำเสียงของฮารินที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน


“นั่น…ก็ในเมื่อความสามารถของNPCพวกนี้มันดีที่สุดไง…?”


เสียงของเอียนซึ่งอ่อนลงโดยอัตโนมัติ


เมื่อฮารินได้ยินได้ยินเสียงนั่น เธอรู้สึกใจอ่อนนิดหน่อย


ฮารินกลืนความอิจฉาของเธอลงและเริ่มสะกดจิตตัวเอง


‘ใช่แล้ว ผู้ชายที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเกมเพียงอย่างเดียวและไม่มีความสนใจในเด็กผู้หญิงโดยเจตนาเลือก NPC ที่น่ารักหรอกมั้ง? เขาอาจเลือกเธอด้วยความสามารถของเธอจริงๆ’


เมื่อเธอคิดอย่างนั้นแล้ว เธอเริ่มเขินอายนิดหน่อยเช่นกัน


‘นี่ฉันอิจฉาสิ่งที่ไม่ใช่แม้แต่มนุษย์อย่างNPCงั้นหรอเนี่ย’


เธอรู้สึกว่าถ้าหากเธอกดดันเขามากกว่านี้เธอจะกลายเป็นแฟนที่มีความคิดคับแคบที่ยังอิจฉากระทั่งNPCในเกม ฮารินก็ฝืนยิ้มออกมา


“งั้นหรอ…มันเป็นแบบนั้นเองสินะ?”


รู้สึกว่าเสียงของฮารินอ่อนลงเล็กน้อย เอียนก็แสดงอาการสดใสขึ้นเล็กน้อย


“ใช่ ฉันบอกเธอแล้ว!”


“โอเค ถ้างั้นฉันจะปล่อยนายไปครั้งนี้!”


ขณะที่มองไปยังฮารินที่พูดด้วยท่าทีเหมือนกับใจดีแบบสุดๆ เอียนก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ


แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าเขาผิดอะไรหรือเธอปล่อยเขาไปเพื่ออะไร


 


* * *


 


เมื่อเอียนทำให้ฮารินใจเย็นลงได้แล้วก็มุ่งหน้าไปยังหอคอยมิติ


ถ้าหากเป็นนักเวทมิติกริปเปอร์ที่อยู่ที่หอคอยมิติก็สามารถรู้ได้เลยว่าเขาเป็นNPCระดับสูงมากแน่นอน เขาจึงได้มาที่แห่งนี้และหวังว่าเขาจะแต่งตั้งกริปเปอร์ได้


‘มันอาจจะผิดพลาดได้…แต่มันก็ไม่มีอะไรจะเสียที่จะลอง’


และเอียนที่มาถึงหอคอยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกริปเปอร์


“โอ้ เอียนไม่ได้เจอกันนาน ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจ้ามาแล้ว”


เมื่อกริปเปอร์พูด เอียนทำท่าสงสัยออกมาพร้อมกับถามกลับ


“ห้ะ? ข่าวอะไร?”


“จะข่าวอะไรล่ะ มันก็ต้องเป็นข่าวที่เจ้ากลายเป็นบารอนที่น่านับถือน่ะสิ”


เอียนก็ตกใจ


“ที่ไหน ท่านได้ยินมาจากที่ไหน?”


กริปเปอร์ขยิบตาพร้อมกับตอบ


“ข้ามีความใกล้ชิดกับราชวงศ์ของอาณาจักรรัสเปล”


“อ้อ…ผมเข้าใจแล้ว”


เอียนรู้สึกบางอย่างแปลกๆ


‘อะไรกันเนี่ย ทำไมกริปเปอร์มีความใกล้ชิดกับราชวงศ์? หรือว่า…?”


เอียนรีบตรวจสอบข้อมูลของกริปเปอร์


 


กริปเปอร์


เลเวล : ?


เผ่าพันธุ์ : มนุษย์


อาชีพ : นักเวท (นักเวทมิติ)


ตำแหน่ง : เอิร์ล


บุคคลิก : ขี้สงสัย


อันดับความสามารถ : (ไม่ทราบ)


ค่าสถานะการต่อสู้ (ขยาย)


ความสามารถเฉพาะด้าน (ขยาย)


ความสามารถส่วนตัว (ไม่ทราบ)


นักเวทมิติที่กลายเป็นตำนาน


 


และก่อนที่เข้าจะตระหนักถึง เขาหายใจเข้า


‘อะไรวะเนี่ย เลเวลของเขามันขึ้นเครื่องหมายสงสัย สูงขนาดไหนกันเนี่ย?’


เขาเคยเห็นกรณีแบบนี้มาก่อน


‘เฮลเลี่ยม เขาเลเวลเดียวกันกับสัตว์ประหลาดนั่นหรอ?’


ยิ่งไปกว่านั้น ตำแหน่งของเขาคือเอิร์ล


มันเป็นตำแหน่งขุนนางที่สูงกว่าของเอียน


มันไม่มีทางที่บารอนจะสามารถมีเอิร์ลเป็นผู้ติดตาม


เอียนค่อยๆเก็บตราลอร์ดของเขาที่เขาเกือบจะหยิบออกมาลงไป


“ฮ่าฮ่า แสดงว่าคุณก็เป็นขุนนางของอาณาจักรรัสเปลเหมือนกันงั้นหรอกริปเปอร์?”


เมื่อเอียนพูด กริปเปอร์หัวเราะขณะเขาพยักหน้า


“ใช่แล้ว มันเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแต่ราชาองค์ก่อนได้ให้ฉายาเอิร์ลกับข้า จากนั้นมาข้าก็แวะเข้าไปช่วยงานนักเวทของอาณาจักรรัสเปลบ้างเป็นบางครั้ง”


“อย่างที่คิดเอาไว้เลย… กริปเปอร์ ท่านเป็นคนที่มหัศจรรย์จริงๆ”


กริปเปอร์ซึ่งอารมณ์ดีจากคำเยินยอของเอียนก็หัวเราะและหลังจากคุยกับเขามาระยะหนึ่งเอียนก็ไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับส่วนของผู้ติดตามและทำได้เพียงกลับไปที่เมือง


เอียนตัดสินใจเก็บความโลภของเขาเอาไว้


‘หลังจาก… หากฉันเพิ่มฉายาของฉันเป็นมาควิสต์หรือฉายาดุ๊คในสักวัน ฉันจะลองอีกครั้งหนึ่ง’


ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน เอียนตรวจสอบข้อกำหนดที่ต้องการในการได้รับฉายาต่อไป


ต่อจากฉายาบารอนคือ ‘ไวส์เคาท์’


 


ระดับยศผู้เล่น


ปัจจุบันระดับ : บารอน


ระดับต่อไป : ไวส์เคาท์


ค่าชื่อเสียงที่ใช้สำหรับการเลื่อนตำแหน่ง : 800,000 หน่วย


อำนาจ: สามารถมีNPC 25คนอยู่ใต้อาณัติได้


 


“จิ๊…”


เอียนเลียริมฝีปากของเขา


จำนวนชื่อเสียงที่เอียนมีอยู่ในปัจจุบันมีมากกว่า 900,000 หน่วยเล็กน้อย


เขาสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นฉายาไวส์เคาท์ทันที แต่ข้อดีอย่างเดียวที่เขาจะได้รับคือจำนวน NPC ที่เขาสามารถแต่งตั้งได้ในใต้อาณัติจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5 คนเท่านั้น


ถ้าหากค่าชื่อเสียงเขาลดลง ความสนิทกับNPCภายในเมืองก็จะลดลงและผลประโยชน์บางอย่างที่มาจากชื่อเสียงเช่นการลดราคาไอเทมก็จะลดลงไปเช่นกัน มันไม่มีสาเหตุอะไรเลยที่ทำให้เขาต้องเลื่อนระดับในตอนนี้


‘หลังจากไวส์เคาท์เป็นเอิร์ลและหลังจากนั้น มันจะเป็นมาควิสต์และหลังจากนั้นมันจะเป็นดุ๊ค ดังนั้นยังเหลือเส้นทางอีกยาวไกล’


เอียนตรวจสอบชื่อผู้ติดตามของเขาซึ่งว่างเปล่าและถอนหายใจออดมา


‘ใช่แล้วถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ดีอย่างที่ฉันหวังเอาไว้ เราก็น่าจะไปแต่งตั้งผู้ติดตามสัก4หรือ5คนจากศูนย์ทรัพยากรมนุษย์ในเมืองที่มีสถานะที่โอเคหน่อยดีกว่า’


ในเมื่อเขามีที่ว่างสำหรับผู้ติดตามอยู่จนกว่าจะถึงลิมิตของมัน และเขาก็ตรวจดูแล้วว่าหากเขาเลื่อนยศขึ้นลิมิตของผู้ติดตามก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก


ตอนนี้เอียนมุ่งหน้าไปที่ศูนย์ทรัพยากรมนุษย์


 


* * *


 


เมืองโลตัส ห้องประชุมของคฤหาสน์


นานมาแล้วตั้งแต่บุคคลที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสมาชิกชั้นนำของกิลด์ทุกคนมารวมตัวกันในห้องประชุม


ขณะที่สมาชิกกิลด์โลตัสเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในกิลด์มีสมาชิกกิลด์ประมาณ 150 คน


ตอนนี้มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้วที่มีเลเวลมากกว่า100 ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเรียกได้ว่ามีพลังต่อสู้ที่ค่อนข้างสูง


ฟิโอลันที่ตอนนี้ยังคงเป็นผู้เล่นที่เลเวลสูงที่สุดในกิลด์ด้วยเลเวล 118 และหลายๆคนรวมถึงเฮิร์ซก็รีบเร่งตามเลเวลของเธอให้ทันจนตอนนี้เลเวล115แล้ว


แม้แต่เอียนที่เพิ่มเลเวลด้วยความเร็วอย่างกับสัตว์ประหลาดก็อยู่ที่เลเวล114แล้ว


“อย่างที่คิดไว้เลย เราได้การท้าสงครามดินแดนทันทีที่การป้องกันของเราหมดลง”


เมื่อฟิโอลันพูด เฮิร์ซก็พยักหน้า


“ก็นะ มันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อกิลด์ของเราถือว่าครองเมืองที่ดีเมืองนึงเลยแล้วเมื่อเทียบกับอันดับกิลด์แล้วมันก็ทำให้มีหลายกิลด์อยากได้”


โครบานที่อยู่ถัดจากเขาก็พูดเช่นกัน


“ถึงงั้นก็เถอะ มันเป็นสิ่งที่พวกเราคาดเอาไว้อยู่แล้วและกิลด์ของเราก็ไม่ได้เข้าสงครามกิลด์เลยพักหลังมานี้ แต่พวกเราก็แข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่รึไง? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็เป็นฝ่ายป้องกันดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องห่วงอะไรมากหรอก ศัตรูคือกิลด์โพราริสและก็ไม่ได้มีอันดับกิลด์ห่างกับเรามากนัก”


“โครบานพูดถูก ความเป็นจริงแล้วในสงครามดินแดนที่เกิดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ประมาณ70%ฝ่ายป้องกันจะเป็นฝ่ายชนะ”


ในวินาที่ที่การป้องกันฐานของกิลด์โลตัสหมดลง กิลด์โพราริสก็เป็นฝ่ายขอทำสงครามดินแดนมาก่อน


การประชุมในปัจจุบันคือการวางแผนกลยุทธ์ของสงครามดินแดน


“อย่างไรก็ตาม มีใครบ้างที่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังการต่อสู้ของกิลด์โพลาริสบ้าง?”


เมื่อเฮิร์ซถาม คาร์วินตอบ


“อืมม ก่อนหน้านี้ฉันพอรู้จักคนที่อยู่ในกิลด์โพราริสมาบ้างแต่จะพูดยังไงดี…แบบนี้ละกันดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนสมาชิกกิลด์บ่อยมาก ซึ่งต่างจากพวกเรา”


“จริงหรอ?”


“ใช่แล้ว นอกจากหัวหน้ากิลด์และรองหัวหน้ากิลด์แล้วสมาชิกกิลด์ระดับสูงก็เปลี่ยนไปเยอะเช่นกัน จำนวนสมาชิกกิลด์อยู่ที่เกือบ200คนแต่ฉันได้ยินมาว่ามีเพียงประมาณ10คนเท่านั้นที่อยู่มาตั้งแต่สร้างกิลด์”


ฟิโอลันที่นั่งฟังอยู่ข้างๆเขาก็ถาม


“ข้อมูลแบบนี้มันจะช่วยให้รู้ว่าอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้เท่าไหร่มั้ยเนี่ย?”


คราวนี้เป็นเอียนที่นั่งฟังเงียบๆเป็นคนตอบ


“การที่สมาชิกกิลด์เปลี่ยนไปเรื่อยๆแสดงว่าการทำงานเป็นปาร์ตี้ของพวกเขานั้นถือว่ายังไม่ลงตัวมันจึงทำให้พวกเขาอ่อนแอมาก”


“ฉันเข้าใจละ มันก็จริง”


คาร์วินเห็นดัวยในขณะที่เขาอธิบายต่อ


“พี่เอียนพูดถูก นั่นมันก็จริงและภายในนั้นบางคนรวมถึงหัวหน้ากิลด์นั้นแข็งแกร่ง ในขณะที่สมาชิกกิลด์เป็นใครก็ไม่รู้ ฉันได้ยินมาว่ามีผู้เล่นหลายคนที่บริจาคเงินเพื่อที่จะพึ่งบารมีของกิลด์ด้วย”


การแสดงออกของเฮิร์ซดีขึ้นเล็กน้อย


“นั่นหมายความว่าเราสามารถชนะได้ง่ายกว่าที่คิด”


เมื่อคำเหล่านั้น เอียนส่ายหน้าขณะเขาพูด


“ไม่ พวกเราไม่สามารถจะอ่อนข้อให้ได้ในเมื่อพวกเขาก็เป็นกิลด์ที่มีระดับไดม่อน ถ้าหากสมาชิกกิลด์ของเขาเป็นใครก็ไม่รู้แสดงว่าพลังต่อสู้ของสมาชิกหลักนั้นจะต้องสูงกว่าพลังต่อสู้ของกิลด์ระดับไดม่อนทั่วไปแน่ๆ”


เอียนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะวางแผนในหัวของเขา


แทนที่จะเป็นกิลด์ที่มีพลังการต่อสู้ที่ธรรมดา ดูเหมือนว่าจะง่ายกว่าการวางแผนกลยุทธ์เมื่อเผชิญหน้ากับกิลด์ที่มีพลังการต่อสู้ที่มีลักษณะเช่นนี้


เอียนพูดต่อ


“ถ้าลองดูจากสงครามดินแดนที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ กิลด์ฝ่ายป้องกันส่วนมากจะใช้สมรภูมิผู้กล้าเป็นไพ่ใช้แล้วทิ้งและพวกเขาก็ใช้พลังต่อสู้ทั้งหมดลงที่สมรภูมิแห่งการป้องกันแล้วก็ตีตื้นขึ้นมาคว้าชัยงั้นสินะ?”


เมื่อคำพูดเหล่านั้น คนส่วนมากในห้องประชุมพยักหน้าของพวกเขา


มันเป็นเพราะว่าพวกเขาก็ดูสงครามดินแดนคู่สำคัญทั้งหมดโดยไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียวเช่นกัน


เฮิร์ซเข้าใจความหมายของเอียนแล้ว


“พวกเขาทำอย่างนั้น เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ทั่วไปและเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ฝั่งการป้องกันเพียงแค่ต้องชนะการแข่งขันสามนัดรวมถึงการแข่งขันนัดต่อไปดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องเสียความแข็งแกร่งของพวกเขาไปที่สมรภูมิผู้กล้า”


เช่นเดียวกับที่เฮิร์ซบอกว่ายังมีอีกหลายกรณีที่เกิดสงครามดินแดน ฝั่งของกิลด์ป้องกันได้ทิ้งการต่อสู้สามรอบแรกไป


พวกเขารู้ว่าจะต้องใช้ทุกอย่างในสมรภูมิแห่งการป้องกัน


ฟิโอลันพูด


“ไม่ใช่ว่ามันจะดีกว่างั้นหรอถ้าเราใช้แผนการรบเช่นนี้เหมือนกัน?”


“ใช่แล้ว มันไม่ฉลาดกว่างั้นหรอที่จะใช้ความแข็งแกร่งของเราในสนามรบที่เราได้เปรียบ?”


มันเป็นบรรยากาศที่ดูเหมือนว่าเห็นด้วยกันมากที่สุด แต่เอียนคิดต่างออกไป


หลังจากเอียนคิดสักครู่หนึ่ง เขายิ้มขณะที่เขาพูด


“แล้วถ้าเราใช้ในทางตรงกันข้ามละ?”


 


* * *


 


“พวกเราจะ..ทำแบบนี้จริงๆงั้นหรอ?”


ขณะที่มองไปยังเอียนซึ่งเข้าร่วมสงครามดินแดนด้วย เฮิร์ซก็ถามด้วยน้ำเสียงที่กังวล


“ใช่แล้ว ฉันอธิบายทุกอย่างไปแล้ว เชื่อฉันสิ”


เอียนยิ้ม แต่ความกังวลของเฮิร์วก็ยังไม่ได้หายไปไหน


เพราะว่าเมื่อเข้าร่วมการต่อสู้ไปแล้วรอบต่อไปก็ต้องลงด้วยเช่นกัน และมันจะไม่สามารถเปลี่ยนตัวกลางคันได้


“ไม่หรอก แผนของนายมันก็ดีแหละ…”


“แล้วทำไม?”


“แต่มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรอที่นายจะเป็นคนเดียวที่เข้าร่วมในสองรอบแรก?”


“พวกเราใช้กองกำลังNPCทั้งหมด มันไม่เป็นไรหรอก”

“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาส่วนมากจะอยู่ที่เลเวลประมาณ60งั้นหรอ?”


แต่เอียนก็ไม่ได้สนใจ และเขาก็ใช้พลังต่อสู้ของเขาโดยไม่ลังเล


เฮิร์ซเมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา


“ฉันไม่รู้แล้วนะ ฉันต้องภาวนาให้สงครามเป็นไปอย่างที่นายคิดเอาไว้”


“ไม่ต้องห่วง ฉันจะชนะให้ได้สองรอบติด”


สิ่งที่เอียนคาดการณ์ไว้มันเป็นแบบนี้


ถ้าหากคิดในมุมมองของกิลด์ฝ่ายโจมตีในเมื่อโอกาสของกิลด์ฝ่ายป้องกันจะใช้สมรภูมิผู้กล้าเป็นไพ่ใช้แล้วทิ้งมันสูงมาก พวกเขาก็จะใช้ไพ่ขยะออกมาด้วยการใช้กองกำลังที่น้อยที่สุด


หลังจากเก็บกองกำลังเอาไว้จนกว่าจะถึงการตีเมือง พวกเขาก็สามารถจะชนะได้ด้วยการใช้ทุกอย่างในตอนนั้น


ถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็แค่ต้องทำสวนทาง


เอียนวางแผนที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้สองรอบแรกด้วยตัวเขาเพียงคนเดียว คนที่มีพลังต่อสู้สูงที่สุดในกิลด์โลตัสในขณะนี้ และนำNPCทั้งหมดมาด้วย


มันเป็นแผนที่ใช้วิธีสวนทางแผนของกิลด์ศัตรูที่เมื่อเข้าร่วมด้วยจำนวนกองกำลังที่น้อยและหวังจะชนะ


ถ้าหากมันสำเร็จละก็มันก็จะส่งผลมากกว่าการตีตื้นกลับขึ้นมาชนะสองรอบเสียอีก


เมื่อพวกเขาสามารถชนะสองรอบแรกได้กิลด์ฝ่ายโจมตีก็จะถูกกดดันในสถานการณ์ที่ไม่อาจเลี่ยงได้นอกจากการใช้กองกำลังทั้งหมดลงในรอบที่สาม


‘จากนั้นเริ่มจากรอบที่สาม พวกเราก็จะให้ศัตรูชนะรอบนั้นไป’


เพราะว่ามองจากมุมมองของกิลด์โจมตี ถ้าหากพวกเขาแพ้อีกรอบละก็พวกเขาก็จะแพ้สงครามทันที ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้แผนการของฝ่ายตรงข้ามพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะส่งพวกกระจอกออกมาอีกแน่นอน


และหลังจากนั้นเมื่อศัตรูใช้กองกำลังทั้งหมดของพวกเขาในสมรภูมิป้องกันรอบแรกแล้ว พวกเขาก็จะสามารถป้องกันการโจมตีจากกิลด์ฝ่ายโจมตีที่ไม่ค่อยมีกองกำลังเหลือเท่าไหร่ได้สบาย


สมาชิกกิลด์คนอื่นก็ถึงกับตะลึงเมื่อได้ยินรายละเอียดแผนการของเอียน แต่ดูเหมือนพวกเขาก็จะกังวลเช่นกัน


ในเมื่อพวกเขาไม่อาจเลี่ยงความเสี่ยงที่พวกเขาอาจพลาดได้


“ยังไงก็เถอะสู้ๆนะเอียน ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่นายบอกละก็พวกเราก็จะสามารถป้องกันได้อย่างง่ายดายทีเดียว”


“เชื่อใจฉันได้เลย ฟิโอลัน”


ไม่นานนักข้อความระบบก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าเอียน


‘เอียน’ ได้เข้าร่วมสงครามดินแดนรอบแรกระหว่างกิลด์ ‘โลตัส’ และกิลด์ ‘โพราริส’ อีก20นาทีท่าจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสมรภูมิผู้กล้า โปรดเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะถึงเวลา


มุมปากของเอียนยกขึ้น


‘นี่มัน…มันนานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้’


เพราะว่าการต่อสู้รอบนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าสนามประลองอย่างเทียบไม่ได้เลย มันเป็นการต่อสู้ที่สำคัญมากซึ่งมีความเสี่ยงในหลายๆอย่าง


และสิ่งที่เอียนแบกไว้หนักที่สุดบนไหล่ก็คือ


หลังจากตรวจสอบสถานะของสัตว์เลี้ยงแล้ว เอียนก็ตรวจสอบสถานะของ ‘ผู้ติดตาม’ ที่เขาแต่งตั้งมา


นั่นมีทั้งหมดห้าผู้ติดตามที่เอียนแต่งตั้ง


 


ซีเรีย


เลเวล : 110 / อาชีพ : ซัมมอนเนอร์ / ระดับ: Heroic


มัลเลี่ยม


เลเวล : 107 / อาชีพ : วอริเออร์ / ระดับ: Rare


เทนพุส


เลเวล : 114 / อาชีพ : นักบวช / ระดับ: Common


ซีริอุส


เลเวล : 109 / อาชีพ : นักเวท / ระดับ: Unique


โรโรยเทน


เลเวล : 100 / อาชีพ : วอริเออร์ / ระดับ: Rare


 


โชคดีที่เขาได้รับบุคคลที่มีพรสวรรค์ระดับUniqueมาอีกคนมีชื่อว่า ซีริอุส แต่ความสามารถของผู้ติดตามคนอื่นก็เฉยๆ


ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขาอยู่ในเลเวลค่อนข้างสูงพวกเขาก็จะช่วยได้มาก


‘ตอนนี้ฉันไม่เพียงแต่ต้องควบคุมสัตว์เลี้ยงแต่ต้องควบคุมผู้ติดตามด้วยเช่นเดียวกับกองกำลังทั้งหมด ดังนั้นความยากในการควบคุมก็จะยากขึ้นมาก’


อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวล


เอียนมั่นใจ


ในขณะที่เขาตรวจสอบอุปกรณ์ของผู้ติดตามทั้งหมดเสร็จสิ้นข้อความของระบบก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง


อีกหนึ่งนาทีท่านจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสมรภูมิผู้กล้า


และไม่นานนักเอียนก็หายไปจากสายตาของทุกคนที่เต็มไปด้วยความกังวล


 


สงครามดินแดนครั้งแรกของกิลด์โลตัสได้เริ่มต้นขึ้น

 

 

 


ตอนที่ 101

 

Whoong- .


สมรภูมิผู้กล้าเป็นเหมือนโคลอสเซียมของผู้ท้าประลองขนาดใหญ่


และในแต่ละฝั่งก็เริ่มมีผู้เล่นของกิลด์โพราริสและกิลด์โลตัสถูกอัญเชิญเข้ามา


เอียนถูกอัญเชิญมาด้านขวาในตรงกลางค่ายของกิลด์โลตัส


เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่เข้าร่วมเพียงคนเดียวของกิลด์โลตัส


‘นานมาแล้วสินะ สมรภูมิผู้กล้า’


 


ก่อนที่เขาจะรีเซ็ตพวกเขามักจะมาที่แห่งนี้เพื่อที่จะเพิ่มอันดับกิลด์ของพวกตน เขาได้เข้ามายังที่แห่งนี้ประมาณสองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์และคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี


ถึงกระนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้จึงเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับเอียน


 


อีก30วินาทีสงครามจะเริ่มต้นขึ้น


 


ข้อความของระบบที่โผล่ขึ้นมา


เอียนเริ่มสังเกตผู้เล่นแต่ละคนในฐานฝ่ายตรงข้าม


เนื่องจากเขาไม่สามารถที่จะขยับได้แม้กระทั่งนิ้วจนกว่าการต่อสู้จะเริ่มขึ้น สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คือการประเมินพลังต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม


‘ไอพวกโง่นั่นเข้ามาโดยที่ไม่คิดจะปกปิดเลเวลเอาไว้…’


เอียนเห็นผู้เล่นหลายคนที่ปรากฏเลเวลออกมา ก็เดาะลิ้นออกมา


มันเป็นสิ่งที่บ่งบอกเป็นอย่างดีว่ากิลด์ฝ่ายตรงข้ามนั้นคิดว่าการต่อสู้ในสมรภูมิผู้กล้านั้นง่ายขนาดไหน


‘อย่างแรกมีสิบสองคนที่โชว์เลเวลเอาไว้ พวกมันไม่มีใครที่มีเลเวลเกิน100เลยสักคน นี่เลเวลสูงสุดแค่95เองงั้นหรอ?’


ปัญหาคือที่เหลืออีกสิบห้าคนหรือมากกว่านั้นไม่สามารถดูเลเวลได้


ในหมู่พวกมันอาจจะมีคนที่แข็งแกร่งอยู่ก็เป็นได้


‘พวกมันเห็นว่าฉันเป็นผู้เล่นคนเดียว พวกมันเลยประมาทงั้นสินะ?’


และสมมติฐานของเอียนนั้นถูกต้อง


กิลด์โพราริสที่มองดูกิลด์โลตัสอย่างห่างๆก็คิดว่ารอบนี้เป็นชัยชนะของฝ่ายตนแล้ว


“มิลลัน ฉันทำถูกแล้วใช่มั้ย?”


เมื่อรูคินพูด มิลลันก็ยิ้มและพยักหน้า


“นายทำถูกแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่ากิลด์โลตัสจะกล้าส่งขยะออกมาสู้ในสมรภูมิผู้กล้า”


“หุหุ ฉันรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวแล้วสิ อยากจะวิ่งออกไปตอนนี้เลย”


“ฉันจะเป็นคนปลิดชีพมันเอง ไปหาคนอื่นเอา”


“ตลกจริงๆ ทำได้ก็ลองดู”


รูคินและมิลลันได้ขอให้หัวหน้ากิลด์ของพวกเขามาเข้าร่วมรอบแรกด้วย


เหตุผลมันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นเพราะกิลด์โลตัสคิดจะใช้สมรภูมิผู้กล้าเป็นการ์ดใช้แล้วทิ้ง


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นว่าตอนนี้มีผู้เล่นเพียงคนเดียวในค่ายฝั่งตรงข้าม ร่างของทั้งสองก็เริ่มจะคั่นตัวบอกไม่ถูก


เพราะว่าถ้าหากพวกเขาชนะสมรภูมิผู้กล้า พวกเขาก็จะได้ค่าชื่อเสียงเป็นรางวัลซึ่งขึ้นอยู่กับผลงานที่ได้ทำ และถ้าหากฝ่ายตรงข้ามมีผู้เล่นเพียงคนเดียวพวกเขาก็จะได้รับค่าผลงานทั้งหมดในทันทีเพราะว่าพวกเขาฆ่าผู้เล่นเพียงคนเดียว


หากพวกเขาได้รับค่าผลงานทั้งหมดในสงครามกิลด์ระดับไดม่อน จากความน่าจะเป็นแล้วพวกเขาจะต้องได้รับค่าชื่อเสียงจำนวนมหาศาลแน่นอน


จากการมองเอียนจากระยะไกล รูคินก็บ่นออกมา


แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักเอียน


“ยังไงก็เถอะ ไอนั่นมันน่าสงสารจริงๆ”


มิลลันก็เห็นด้วย


“เอาจริงๆนะมันเป็นเหมือนโล่มนุษย์ยังไงไม่รู้”


เพราะว่าพวกเขาอยุ่ไกลกันมาก พวกเขาไม่สามารถดูหน้าของเอียนได้และเมื่อมีผู้เล่นเพียงคนเดียวเข้าร่วมแบบนี้แสดงว่ากิลด์ฝ่ายตรงข้ามต้องการให้เขาเป็นสิ่งใช้แล้วทิ้งอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายนั้นไม่มีผู้เล่นที่แข็งแกร่งพอมาเข้าร่วม


ในสายตาของทั้งสองคน เอียนเป็นแค่เหยื่อชั้นดี


“เราคงจะต้องเสียดายมากแน่ๆถ้าหากพวกเราจ้างทหารรับจ้างมาลงในรอบแรก”


เมื่อรูคินพูดขึ้น มิลลันก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย


“ใช่แล้ว ถ้าหากเราทำแบบนั้นนะมันคงจะเป็นอะไรที่สิ้นเปลืองสุดๆ เพราะว่าพวกเราก็จะไม่ได้ค่าผลงานเลยแม้แต่น้อย”


นอกจากทั้งสองที่กำลังมีความสุขกับค่าชื่อเสียงที่พวกเขากำลังจะได้รับแล้ว เอียนก็กำลังคิดว่าเขาควรจะสู้ยังไงเพื่อลดความเสียหายที่เขาจะได้รับและชนะ


ขณะที่เขากำลังคิดนั้น NPCและผู้ชมก็เริ่มที่จะถูกอัญเชิญเข้ามาในแคมป์ของแต่ละฝ่ายแล้ว


Whiing- Whing- .


เฮิร์ซและฟิโอลันเมื่อเข้ามาในสนามแล้วก็รีบตรวจสอบพลังต่อสู้ของกิลด์โพลาริส


“เลเวลของพวกมันประมาณ90กันหมดเลยเฮิร์ซ”


เมื่อฟิโอลันพูด เฮิร์ซพยักหน้าขณะเขาแสดงท่าทางกังวล


“อ่า เท่าที่ดูจากอุปกรณ์ที่พวกเขาเอามาแล้วมันดูไม่เหมือนผู้เล่นระดับสูงเลยแม้แต่น้อยรวมถึงไม่ปกปิดข้อมูลอีกต่างหาก…แต่มันก็มีเยอะกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าเอียนจะสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวรึป่าว”


“ฉันคิดว่าเดี๋ยวพวกเราก็จะรู้เองถ้าเราดูต่อไป การสู้ของเอียนนั้นถนัดในการสู้คนเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าเขามีโอกาสที่จะชนะอยู่ ”


เมื่อฟิโอลันพูด เฮิร์ซก็นึกขึ้นมาได้เกี่ยวกับส่วนที่เอียนได้ทำเอาไว้ในดันเจี้ยนฟอลัน เขาก็รีบไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นออกไปในทันที


เฮิร์ซมองไปยังเอียน


‘ฉันเชื่อในตัวนายจินซุง’


และหลังจากนั้นไม่นานข้อความระบบก็แจ้งเตือนขึ้นมาต่อหน้าผู้เล่นทุกคนในสนาม


 


การต่อสู้จะเริ่มต้นในอีก 5 วินาที 5, 4, 3


 


เอียนตั้งสมาธิให้มากที่สุดและพยายามทำใจให้สงบ


‘มันเหมือนฉันกำลังล่าเป็นกลุ่มแหละแหะ’


ตั้งแต่ที่พินโตขึ้น เอียนก็สามารถที่จะฆ่ามอนสเตอร์ในทวีปตอนเหนือที่มีเลเวลมากกว่า110ได้อย่างสบายๆ


แน่นอนว่าผู้เล่นนั้นแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับCommon แต่ถ้าหากพวกเขาเลเวลไม่ถึง100มันก็ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องกังวล


2, 1 เริ่มได้!


เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เอียนรีบอัญเชิญสัตว์เลี้ยงของเขาก่อน


“อัญเชิญ! ไล,เรค,พิน,ฮัลลิ”


เอียนอัญเชิญสัตว์เลี้ยงของเขาทั้งหมดยกเว้นดุ๊กเดออกมา ก็หันหน้าไปยังNPCที่จัดแถวอยู่ด้านหลังเขา


และเขาได้เรียกผู้ติดตามของเขาสองคนที่มีอาชีพวอรร์ริเออร์ออกมาและพูดกับพวกเขา


“พวกมันน่าจะจ้องเล่นงานฉันและจะไล่ฆ่าฉันอย่างบ้าระห่ำแน่นอน โรโรยเทน เมลเลี่ยม นายสองคนคอยนำทหารและจัดแถวเอาไว้ทั้งสองฝั่งและเมื่อฉันเริ่มการต่อสู้ก็บุกเข้ามาจากทั้งสองฝั่งได้เลยนะ”


เขาไม่ได้หวังอะไรมากมายจากNPCทหารที่มีเลเวลประมาณ60อยู่แล้ว


แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้วถ้าหากพวกเขาพุ่งเข้าไปโจมตีในสนามรบและทำให้ฝ่ายตรงข้ามสับสนได้


ทั้งสองผู้ติดตามก้มหัวพร้อมกันและตอบกลับ


“รับทราบครับ ท่านลอร์ด!”


“เป็นเกียรติที่ได้รับคำสั่งของท่าน!”


และเทนพุสที่เป็นอาชีพนักบวช เอียนก็สั่งให้เขามีสมาธิในการฟื้นฟูพลังชีวิตของเขาเท่านั้น


เพราะในจังหวะที่พวกมันจัดการเอียนได้ พวกเขาก็จะแพ้แพ้การต่อสู้ทันทีดังนั้นพวกเขาต้องระวังให้มากที่สุด


ซีริอุสเป็นนักเวทและซีเรียเป็นซัมมอนเนอร์ เขาออกคำสั่งแก่ทั้งสองคน


“ทั้งสองคนหลังจากดุ๊กเดใช้หลุมอเวจี ยิงการโจมตีทั้งหมดเลยเข้าใจไหม? โดยเฉพาะซีริอุสนายต้องใช้เวท AoE ของนายก่อน”


“ดุ๊กเด ท่านหมายถึงโกเลมอเวจีใช่ไหมคะ?”


เมื่อซีเรียถาม เอียนพยักหน้า


“ถูกต้อง”


ขณะที่เอียนกำลลังออกคำสั่ง ผู้ของจากค่ายโพราริสก็วิ่งเข้ามาหาเอียนแบบไม่สนใจอะไรเลย


เพราะพวกมันทั้งหมดเล็งเอียนไว้เพียงคนเดียว จึงทำให้แบบแผนมั่วไปหมด


และนั่นเป็นสิ่งที่เอียนเล็งไว้


‘ถ้าหากดุ๊กเดใช้หลุมอเวจีโดนเต็มๆละก็ พวกเราก็จะสามารถกวาดล้างพวกมันทั้งหมดได้โดยไม่ต้องเสียอะไรมาก’


นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเอียนถึงรอโดยไม่อัญเชิญดุ๊กเด


เขานั้นวางแผนที่จะอัญเชิญดุ๊กเดเมื่อเขาได้มุมที่ดีที่สุดในการใช้หลุมอเวจีแล้วเท่านั้น และตรึงพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


เอียนกลั้นหายใจและรอคู่ต่อสู้ของเขามายังข้างหน้า


‘ฉันต้องการที่จะตรึงพวกอาชีพโจมตีระยะใกล้ให้หมดซะก่อน’


แม้คู่ต่อสู้ของเขาจะเข้าระยะการโจมตีของบอลเวทของเขาแล้ว เขาก็ยังคงยืนเฉยและรอ


มันเป็นเพราะว่าจากที่เขาคำนวนแล้วนั้นเขาจะทำให้คู่ต่อสู้ของตนระแวงเพราะพลังทำลายของบอลเวทของเขาไปเสียก่อนถ้าหากมันโดนโจมตีตรงๆ


‘อีกแค่นิดหนึ่ง…’


เอียนตั้งสมาธิมากขึ้นไปอีก


นี่เป็นเพราะว่ามันขึ้นอยู่กับว่าเริ่มต้นการต่อสู้ยังไง มันเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบไปทั้งสงครามเลยทีเดียว


‘ตอนนี้แหละ…!’


เอียนเมื่อได้จังหวะแล้วก็อัญเชิญดุ๊กเดออกมา


“อัญเชิญ! ดุ๊กเด”


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ดุ๊กเดที่ขนาดมหึมาปรากฏขึ้นขณะปล่อยเสียงดังต่อหน้าของผู้เล่นของกิลด์โพลาริสที่อยู่ข้างหน้า


Thud-!


ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงผู้เล่นโพลาริสก็สั่นคลอน


“อะไรวะเนี่ย? อย่าบอกนะว่า ไอนั่นมันเป็นนักอัญเชิญหรอ?


“นี่เป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉันเห็นเป็นครั้งแรก!”


เพราะว่าดุ๊กเดที่เป็นโกเลมอเวจีที่เกิดมาจากการวิวัฒนาการโดยเอียน มันแน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเขาจะเห็นมันเป็นครั้งแรก


อย่างไรก็ตาม เมื่อหนึ่งในพวกมันตะโกนเสียงดัง พวกมันทุกคนเริ่มพุ่งเข้าหาเอียนอีกครั้ง


“ไม่ต้องสนใจโกเลมและไปจัดการไอเวรนั่นก่อน!”


การตัดสินใจของพวกเขาก็ดูมีเหตุผลดี


ถึงกระนั้นสำหรับพวกเขาที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสามารถแฝงของดุ๊กเดที่เรียกว่า ‘หลุมอเวจี’ พวกเขาก็ทำผิดพลาดอย่างมหันต์ไปเสียแล้ว


“ดุ๊กเด หลุมอเวจี! พิน เสียงคำรามแห่งราชา!”


พร้อมกับเสียงตะโกนของเอียน คลื่นขนาดยักษ์ก็ไหลออกมาจากแขนทั้งสองของดุ๊กเด และพินที่เติบโตเป็นเต็มวัยแล้วก็คำรามออกมาในอากาศ


Kyaaoh-!


และเมื่อผลสโลว์ของเสียงคำรามแห่งราชาและผลของหลุมอเวจีทำงานทับซ้อนกัน ผู้เล่นสิบห้าคนที่วิ่งตรงเข้าหาเขาก็ถูกตรึงอยู่กับพื้น


“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!”


“นี่มันบ้าไปแล้ว นี่มันสโลว์อะไรกันเนี่ย?”


ในขณะที่ผู้เล่นที่ถูกดูดเข้าไปในระยะของหลุมอเวจีเริ่มรู้สึกสับสน เอียนยกมือขึ้นไปในอากาศ


“ทุกคน โจมตี!”


นาทีที่เอียนพูดจบ เรคพ่นลมหายใจโจมตีพวกมันก่อนและพินบินขึ้นสู่อากาศ


Hwaaak-!


พลังลมหายใจแห่งไฟที่ออกมาจากปากเรคเลเวล 117 มีขนาดใหญ่มาก


“นี่มันบ้าไปแล้ว! พลังชีวิตของฉันลดลงไปเกือบครึ่งจากการโจมตีเดียว!”


“เชี้ย! นี่มันเป็นกับดัก!”


ในที่สุดผู้เล่นกิลด์โพราริสก็รู้ถึงบางอย่างแปลกๆ เริ่มวิ่งออกไปด้วนความสับสนและพินก็กระพือปีกของมันไปบนอากาศและร่อนลงมาหาพวกมัน


Kwaaah-!


ลมที่กระจายออกมาจากปีกสีทองขนาดใหญ่ของพินที่มีเลเวลมากกว่า100แล้วก็สร้างกระแสลมกรรโชกออกมาและมันก็เริ่มที่จะไม่ปราณีต่อผู้เล่นของกิลด์โพราริสอีกต่อไป


 


ความสามารถแฝงของสัตว์เลี้ยง ‘พิน’ ‘บดขยี้’ ถูกใช้งาน


 


มันเป็นหายนะ


Bang – Ba-Bang-!


เมื่อสถานการณืกลายเป็นเช่นนี้เหล่าผู้เล่นโจมตีระยะไกลที่อยู่ห่างไปเล็กน้อยและไม่ติดอยู่ในหลุมอเวจีก็เริ่มที่จะยิงไฟของพวกเขาไปยังดุ๊กเด


ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดว่าสิ่งที่ต้องตัดปัญหาให้เร็วที่สุดก็คือหลุมอเวจี


อาจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดในการให้ยกเลิกสกิลหลุมอเวจีไปเสียก่อน เพื่อที่จะให้ดุีกเดยกเลิกสกิลและหลบการโจมตีแบบAoE


และเมื่อการโ๗มตีไฟจำนวนมากถูกยิงออกมา พลังชีวิตของดุ๊กเดที่มีมหาศาลก็ลดลงไปกว่าครึ่งในทันที


เอียนที่เห็นอย่างนั้น สั่งคำสั่งแก่ซีเรีย


“ซีเรียฟื้นฟูให้ดุ๊กเด!”


“ค่ะ!”


 


ความสามารถแฝงของซีเรีย ‘ฟื้นฟูสัตว์เลี้ยง’ ถูกใช้งาน


 


ผู้ติดตาม ‘ซีเรีย’ ใช้ ‘ฟื้นฟูสัตว์เลี้ยง’ และฟื้นฟูพลังชีวิตของสัตว์เลี้ยงดุ๊กเด 60%


 


เหล่าผู้เล่นที่กำลังตกใจที่ดุ๊กเดสามารถต้านทานการโจมตีของพวกตนได้นานขนาดนี้ ก็ตกอยู่ในสถานะลนลานทันทีเมื่อพลังชีวิตที่พวกเขาพยายามลดแทบตายกลับถูกฟื้นฟูจนเต้มในทันที


“อ๊า ฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ!”


ทุกคนสามารถได้เสียงร้องของผู้เล่นกิลด์โพลาริสที่เหมือนกับเสียงร้องไห้จากความรู้สึกจากใจของตนจริงๆ


พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ผู้เล่นระยะใกล้ก็ถูกตรึงเอาไว้และโดนโจมตีด้วยสกิลAoEเริ่มที่จะตายไปทีละคน


ท่ามกลางพวกเขา มันก็รวมถึงรูคินที่มีอาชีพวอร์ริเออร์ด้วย


“เชี้ยเอ้ย! ความเสียหายบ้าอะไรว้ะเนี่ย!”


และสายตาของรูคินก็หันไปเห็นร่างของเอียนพอดี


“เอียน! แกนั่นเอง!”


และเมื่อเขาตะโกน เอียนก็หันความสนใจ


เอียนก็ตกตะลึง


“อะไรวะเนี่ย ทำไมไอโง่นั่นมานี่อีกแล้ว?”


และลูกบอลเวทยิงออกมาจากคฑาของเอียน


Pung-!


ความสามารถในการควบคุมกระสุนเวทของเขานั้นเกือบจะเข้าขั้นเหนือมนุษย์ไปแล้ว มันโดนเข้ากับรูคินที่อยู่ตรงหน้าเขาเต็มๆมันจึงทำให้คูลดาวน์ของเขาหายไปในทันที


 


ท่านได้โจมตีโดนเป้าหมายด้วยลูกบอลเวทและได้สร้างความเสียหาย 7720 แก่ ‘รูคิน’ ท่านโจมตีโดนศัตรูสำเร็จ เวทจิตวิญญาณถูกฟื้นฟู 5 หน่วย


 


เวทอัญเชิญของเอียนที่มีเลเวล114แล้วนั้นแข็งแกร่งมากซึ่งมันเทียบกับก่อนหน้านี้แบบเทียบไม่ติด และบอลเวทของเอียนก็สามารถสร้างความเสียหายจำนวนมหาศาลให้แก่รูคินมราใรพลังชีวิตไม่มากได้


ท่านได้สังหารผู้เล่น ‘รูคิน’ ท่านได้รับ 3.7% ของค่าผลงานในการต่อสู้


 


“อั้ก-!”


ขณะมองไปยังรูคินที่หายไปเป็นแสงสีเทาด้วยอาการขุ่นเคือง เอียนก็ส่ายหัว


“ทำไมฉันจะต้องมายุ่งกับไอโง่นี่ตลอดเลยนะ? มันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี”


อย่างไรก็ตาม จากนั้น


พลังงานสีม่วงลอยออกจากศพของรูคินและดูดซับเข้าเอียน


‘หืมม…? อะไรเนี่ย?’


เอียนกำลังกังวลว่ามันจะเป็นการโจมตีที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ก็เริ่มกลับไปจดจ่อกับการต่อสู้ด้านหน้าต่อเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น


และหลุมอเวจีของดุ๊กเดก็หมดระยะเวลาของมัน ส่งผลให้เกิดระเบิดขึ้น

 

 

 


ตอนที่ 102

 

Pung-!


การโจมตีAoE บดขยี้ของพินก็กวาดผ่านสนามรบไปคราหนึ่งผู้เล่นสี่หรือห้าคนได้ตายลงในทันที


อย่างไรก็ตามเหมือนเมื่อรูคินตายไม่ใช่ว่าพลังงานสีม่วงได้เข้าไปในตัวเอียนงั้นหรอ?


ตาของเอียนเบิกโพลง


‘อะไรเนี่ย? นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้’


เอียนที่ตกตะลึง ลังเลสักครู่หนึ่ง


ถึงกระนั้นมันไม่มีอิทธิพลต่อสถานการณ์ในสงคราม


เป็นเพราะว่านอกจากที่เขาประหลาดใจแล้ว ผู้เล่นของกิลด์โพราริสที่อยู่ยั้วเยี้ยไปหมดก็เริ่มที่จะลนลานกันไปหมด


นั่นเป็นผลมาจากทหารของกิลด์โลตัสที่วิ่งเข้าใส่พวกมันตามที่เอียนบอกเอาไว้ก่อน


และผู้เล่นที่กระจัดกระจายเป็นเหยื่อที่ดีสำหรับไลและฮัลลิ


เอียนได้สลัดความสงสัยของเขาไปก่อนและออกคำสั่งแก่ไล


“ไล กระหายเลือด!”


 


ความสามารถแฝงของสัตว์เลี้ยง ‘ไล’ ‘กระหายเลือด’ ถูกใช้งานเป็นเวลา 3 นาที พลังโจมตีและความว่องไวของไลจะเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่การความเร็วเคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้น 40%


 


ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่พลังชีวิตส่วนใหญ่ของศัตรูที่เหลืออยู่ในสนามรบนั้นต่ำกว่า30%แล้ว


ไลเริ่มกระโดดอย่างบ้าคลั่ง


ฟันแหลมคมของไลเจาะลงที่ด้านหลังคอของผู้เล่นที่ตื่นตระหนกในสมรภูมิ


Chomp-!


 


สัตว์เลี้ยง ‘ไล’ สร้างความเสียหายคริติคอลแก่ผู้เล่น ‘เคย์’ พลังชีวิตของผู้เล่น ‘เคย์’ ลดลง 9150 หน่วย เมื่อผล ‘กระหายเลือด’ ถูกใช้งาน ได้รับความเสียหายอีกครั้ง พลังชีวิตของผู้เล่น ‘เคย์’ ลดลง 9150 หน่วย ท่านได้สังหารผู้เล่น ‘เคย์’ ท่านได้รับ 3.6% ของค่าผลงานในการต่อสู้


 


เลเวลของไลคือ 115


เพราะค่าพลังชีวิตของไลนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเลเวลมันอย่างเห็นได้ชัด พลังชีวิจของมันลดลงไปเยอะมากจากการโดนโจมตีโดยผู้เล่นเลเวลประมาณ90


แต่กระนั้นก็ต้องขอบคุณผลจาก ‘ดูดซับเลือด’ และ ‘กระหายเลือด’ พลังชีวิตที่ต่ำกว่าครึ่งนั้นได้กลับมาเต็มอีกครั้งหลังจากโจมตีไปเพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น


ไลกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งและวิ่งไปรอบๆอีกครั้งเมื่อมันเกือบจะพลาดท่า มันจึงทำให้สมาชิกกิลด์โพราริสหัวเสียเป็นอย่างมาก


พวกเขาเริ่มที่จะหมดหวัง


เอียนที่กำลังดูสถานการณ์สงครามอยู่ก็สั่งให้ทหารถอยออกมา


‘เนื่องจากตอนนี้เราชนะแน่นอน ความเสียหายจะต้องลดลงให้มากที่สุด ’


แทนที่จะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว เขาเลือกที่จะสั่งการรบมากกว่า


มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่าพวกเขาชนะการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว


ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็จำเป็นที่จะต้องลดการสูญเสียของทหารให้มากที่สุดแม้จะเพียงคนเดียวก็ตาม


มันจะช่วยในการต่อสู้รอบต่อไปเล็กน้อย


ทันใดนั้นก็มีผู้เล่นคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่เอียนทันที


“ตายซะ ไอสารเลว!”


เขาเกือบที่จะมาถึงตรงหน้าเอียนแล้ว แต่มีหรือที่ผู้ติดตามของเขาจะอยู่เฉย


“แกกล้าดียังไงมาโจมตีท่านลอร์ด!”


เมื่อเมลเลี่ยมและโรโรยเทนโจมตีพร้อมกันรวมถึงซีเรียด้วย คนที่พุ่งเข้ามาใส่โดยไม่ทันตั้งตัวก็ได้ตายไปอย่างช่วยไม่ได้


พวกเขาเป็น NPC ที่มีค่าสถานะอ่อนแอกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่น แต่เนื่องจากมีความแตกต่างเกือบ 20 เลเวลและเป็นการโจมตีของทั้งสาม เขาจึงเสียชีวิตโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย


เมื่อมันเป็นเช่นนั้นผู้เล่นกิลด์โพราริสก็เริ่มที่จะหมดไฟที่จะสู้ต่อ


จากผู้เล่นเกือบสามสิบคน ตอนนี้พวกเขาเหลือกันแค่ไม่ถึงสิบคนเท่านั้น


‘ตอนจบมันน่าเบื่อมากกว่าที่ฉันคาด’


เอียนมองไปรอบๆสมรภูมิด้วยอาการพึงพอใจ


ทันใดนั้นผู้เล่นที่เขาคุ้นเคยได้ยิงงธนูออกมาจากที่ที่ห่างไกลจากสายตาของเขา


นั่นคือมิลลัน นักธนูที่เอียนจำได้


“เฮ้อ… ไอโง่นั่นก็อยู่ที่นี่เหมือนกันหรอ?”


สุดท้ายแล้วมิลลันและรูคินไม่สามารถทำความเสียหายอะไรแก่เอียนได้เลย


และมันก็ไม่ได้ทำให้เอียนโมโหหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย


แต่นั่นคือความขยะแขยง


เอียนเรียกพินกลับมาที่กำลังฆ่าล้างในสนามรบอยู่และทำตัวสมกับเป็นสัตว์เลี้ยงระดับLegendary


“พิน!”


Kku-ru-ruk-!


“ตรงนั้น แกเห็นชายคนนั้นใช่ไหม? ไปกำจัดมันซะ!”


Kku-ruk-!


พินเมื่อได้รับคำสั่งจากเอียนก็บินไปด้วยความเร็วสายฟ้าพุ่งเข้าหามิลลันที่กำลังดิ้นรนจากการเผชิญหน้ากับทหารของกิลด์โลตัส


Swaaeek-!


และมิลลันที่เห็นพินก็หน้าซีดเหมือนคนตาย


“มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?”


มิลลันซึ่งไม่เคยเห็นกริฟฟินมาก่อนใช้สกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของตนทันทีเมื่อเห็นมอนสเตอร์ที่เหมือนนกอินทรีสีทองบินตรงเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง


“Storm Arrow!”


Storm Arrowเป็นสกิลระดับสูงที่หายากมาก!


อย่างไรก็ตามการใช้สกิลนี้กับพินด้วยทุกอย่างที่มีนั้นมันกลับกลายเป็นว่าเขาได้ตอกฝาโรงของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


สัตว์เลี้ยง ‘พิน’ ได้รับการโจมตีประเภทลม ความสามารถแฝง ‘ผู้พิทักษ์แห่งลม’ ถูกใช้งาน พลังโจมตีของพินจะเพิ่มขึ้น 30% เป็นเวลา 3 นาที


 


ในหมู่สัตว์เลี้ยงของเอียน เลเวลของพินนั้นต่ำสุดแต่ระดับ Legendary นั้นสามารถทำให้สู้กับความต่างของเลเวลได้ถึง10เลเวล


ในสมรภูมิผู้กล้าตอนนี้ คนที่มีความเร็วสูงสุดคือพิน


Pa-Pa-Pak-!


ก่อนที่มิลลันจะได้ทำอะไร กรงเล็บอันแหลมคมของพินก็ได้แทงทะลุคอของเขาไปอย่างรุนแรง


 


ท่านได้สังหารผู้เล่น ‘มิลลัน’ ท่านได้รับ 3.8% ของค่าผลงานในการต่อสู้


 


พลังการต่อสู้ของกิลด์โพลาริสพังพินาศโดยเอียนเพียงคนเดียว!


แม้ว่าจะเป็นผู้เล่นที่มีเพียงเลเวล90-100เท่านั้นแต่กระนั้นมันก็ถือว่าเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถมากกว่าผู้เล่นทั่วไป ความสามารถของเอียนนั้นน่าทึ่งอย่างมาก


เฮิร์ซและฟิโอลันที่นั่งอยู่ในพื้นที่ของผู้ชมที่ดูการต่อสู้ งุนงงโดยไม่รู้ว่าปากของพวกเขากำลังอ้าค้างเอาไว้อยู่


เฮิร์ซรู้สึกว่าน้ำลายของเขาใกล้จะไหลแล้ว


อย่างไรก็ตามสมาชิกใหม่ที่ไม่เคยออกไปล่ากับเอียนมาก่อนก็ตกใจเสียยิ่งกว่า


เสียงที่น่าตื่นเต้นไหลมาจากทุกที่และในพื้นที่ของผู้ชมค่ายของกิลด์โลตัส


“ว้าว พวกเขาบอกว่าเอียนเป็นซัมมอนเนอร์อันดับ 1 แต่นี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”


“ฉันสงสัยมาตลอดว่าเขาผูกขาดอันดับในฟอลันได้ยังไงแต่ตอนนี้ฉันรู้เหตุผลแล้ว”


“ไม่ใช่ว่าซัมมอนเนอร์จะทำลายสมดุลงั้นหรอ?”


“ไม่ ไม่ นายพูดอะไรเนี่ย ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นซัมมอนเนอร์เลเวล 80 แต่เขาไม่สามารถควบคุมสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัวที่เขามีได้อย่างดี และดูเหมือนว่าสัตว์เลี้ยงของเขาจะดูไม่แข็งแกร่งเท่ากับสัตว์เลี้ยงของเอียนเลย”


“ดูเหมือนว่ามันเป็นเพียงแค่เอียนที่ทำลายสมดุล”


ในทางกลับกันพื้นที่ของผู้ชมในด้านของกิลด์โพลาริสเงียบกริบ


หัวหน้ากิลด์ของกิลด์โพลาริส ล็อคแกรมบ่นกับตัวเอง


“ซัมมอนเนอร์ทำแบบนั้นได้ยังไง?”


เมื่อเขาพูด สมาชิกกิลด์ที่ยืนข้างๆเขาตอบอย่างระมัดระวัง


“นั่น… ดูเหมือนว่ามันจะเป็นผู้เล่นที่ชื่อว่าเอียนที่กลายเป็นคนดังเพราะว่าหอเกียรติยศของหลุมศพวีรชนแห่งฟอลันน่ะครับ”


“เอียน?”


“ใช่ครับหัวหน้ากิลด์ ผมกำลังพูดเกี่ยวกับผู้เล่นที่อันดับสูงสุดของดันเจี้ยนฟอลัน ผู้เล่นคนนั้นน่าจะเป็นคนๆนั้นแหละครับ”


ล็อคแกรมได้ตกไปอยู่ในห้วงความคิดของตนหลังจากได้ยินคำนั้น แล้วหันไปถามฮันเซนรองหัวหน้ากิลด์และเป็นเพื่อนสนิทของด้วย


“ฮันเซน เราควรทำยังไงกับรอบสองดี?”


ฮันเซนตอบกลับ


“นั่นมันก็คงไม่ต่างกับรอบแรกเท่าไหร่หรอก”


หน้าของล็อคแกรมย่นเล็กน้อย


“เชี้ยเอ้ย คนที่เหมือนสัตว์ประหลาดนั่นจะลงรอบสองด้วยรึป่าว?”


ฮันเซนพยักหน้าด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว


“เขาน่าจะลงแหละมั้ง? ด้วยพลังการต่อสู้แบบนั้นเขาอาจเป็นผู้เล่นที่เป็นส่วนหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลด์โลตัส… ฉันคิดว่าฝั่งนั้นอ่านกลยุทธ์ของเราและวางกลยุทธ์เพื่อเอาชนะเรา”


ล็อคแกรมรู้สึกหัวหมุน


เมื่อการต่อสู้รอบนี้จบลง เขาจะต้องวางแผนสำหรับผู้เล่นที่จะลงในรอบต่อๆไปซึ่งก็คือรอบที่สาม


แต่เดิมแล้วเขานั้นไม่รู้สึกรุ้สาอะไรเลยแต่เพราะว่าถ้าหากพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้ในรอบสองเหมือนรอบแรกละก็ หากพวกเขาแพ้ในรอบสามอีกละก็พวกเขาจะต้องแพ้สงครามดินแดนทั้งๆแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะส่งผู้เล่นไปแบบมั่วๆได้อีก


“ฮันเซน ฉันคิดว่าเราต้องลงทุนกับทหารรับจ้างสองคนในนัดที่สาม”


เมื่อล็อคแกรมพูด ฮันเซนถอนหายใจขณะเขาพูด


“ถ้าฉันเป็นกิลด์โลตัส ฉันรู้สึกว่าฉันจะใช้รอบสามเป็นไพ่ใช้แล้วทิ้งนะ…”


“ฉันก็คิดเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้วถูกมั้ยล่ะ? เราไม่สามารถที่จะถอยได้อีกแล้ว”


ในขณะที่ทั้งสองคนใช้สมองและพูดคุยเกี่ยวกับการจัดการในรอบที่สาม เอียนก็เคลียร์ส่วนที่เหลือทั้งหมดของพลังการต่อสู้ของกิลด์โพลาริส


Bang-!


 


ท่านได้สังหารผู้เล่น ‘Fire56’ ท่านได้รับ 3.6% ของค่าผลงานในการต่อสู้ ท่านได้สังหารผู้เล่น ‘คลีน’ ท่านได้รับ 3.9% ของค่าผลงานในการต่อสู้


 


และการต่อสู้ครั้งแรกสงครามดินแดนของทั้งสองกิลด์ได้จบลงไปแบบนั้น


แน่นอน ผลออกมาว่ากิลด์โลตัสชนะ


 


บุคคลที่ได้เข้าร่วมทั้งหมดของกิลด์ ‘โพลาริส’ ได้ตายหมดแล้ว ท่านได้รับค่าผลงาน 100% ในการชนะการต่อสู้ จากค่าผลงานในการต่อสู้ ท่านได้รับค่าชื่อเสียง 63,500 หน่วย


 


มันเป็นชื่อเสียงจำนวนมหาศาลที่สามารถได้รับจากการทำเควสต์ระดับ A


รอยยิ้มอย่างยินดีออกมาจากปากของเอียน


 


การต่อสู้รอบแรกของสมรภูมิผู้กล้า กิลด์โลตัสเอาชนะกิลด์โพราริสที่เป็นศัตรูได้


 


สนามรบทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวและในเวลาเดียวกันผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่ในสมรภูมิผู้กล้าก็ถูกเคลื่อนย้ายออกมายังตำแหน่งเดิม


และเอียนซึ่งเหลืออยู่ในสมรภูมิเพียงคนเดียว หายไปจากจุดที่อยู่ด้วยแสงสีขาวเช่นกัน


 


* * *


“อ๊ากก พี่เอียน พี่นี่เจ๋งจริงๆ!”


“ว้าว ฉันไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่… แต่มันเหมือนกับว่านายแค่ออกไปเล่นกับพวกเขา”


ผู้เล่นที่รวมตัวกันในห้องประชุมกิลด์อีกครั้งหลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลงได้รวมตัวกันต่อหน้าเอียน


เนื่องจากมันเป็นสงครามดินแดนครั้งแรกและชัยชนะครั้งแรกของพวกเขา พวกเขาทุกคนมีความสุขสำราญ


เอียนขยี้ผมของคาร์วินและหัวเราะ


“เฮ้ อะไรที่พี่คนนี้บอกนายนะ ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยให้เชื่อในตัวฉัน”


คาร์วินหน้ามุ่ยขณะเขาตอบ


“แน่นอนว่าฉันเชื่อในตัวพี่ แต่พี่ พี่รู้ไหม?”


“อะไร?”


“พวกเราสูญเสียทหารไปแค่ห้าคนเท่านั้น”


เรพาะว่าในตอนที่เอียนมั่นใจว่าชนะแล้ว เขาก็ได้สั่งให้ทหารถอยกลับมาพวกเขาจึงแทบไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย


ทหารห้าคนไม่อาจถือว่าเป็นความเสียหายเลยด้วยซ้ำ


โครบานที่ยืนถัดจากเขา ก็ยืนยิ้มพร้อมกับพูด


“เอียนได้ทำสงครามดินแดนครั้งแรกของเรา ด้วยการได้รับชัยชนะมาหนึ่งครั้งแบบนี้ทำให้พวกเราเบาใจได้มากเลยทีเดียว”


ฟิโอลันพยักหน้าเห็นด้วย


“ใช่แล้วและเป็นอย่างที่เอียนคิด พวกเขาไม่มีทางที่จะสู้รอบสองได้ง่ายเหมือนกันใช่มั้ย?”


“เอาจริงๆแล้ว พวกนั้นจำเป็นจะต้องวางตำแหน่งของผู้เล่นในรอบสองเอาไว้ก่อนรอบแรกดังนั้นพวกเขาไม่มีทางที่จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ตอนนี้แน่นอน”


เมื่อทั้งสองคนพูด สมาชิกกิลด์ทั้งหมดพยักหน้า


สมาชิกนั้นตกใจกับความสามารถในการต่อสู้ของเอียนเป็นอย่างมาก แต่ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากลัวการวางแผนที่สุดแสนจะสมบูรณ์แบบจนทำให้พวกเขาแทบจะพูดไม่ออก


เอียนอ้าปากพูด


“ฉันไม่สามารถที่จะชนะได้ง่ายเหมือนที่ฉันทำเมื่อกี้หรอก”


เมื่อพูดอย่างนั้น ความสนใจของทุกคนรวมมาที่ปากของเอียน


เอียนพูดต่อ


“ครั้งนี้พวกนั้นไม่ระวังตัวฉันเลยชนะได้ง่าย พวกมันเลยวิ่งเข้าใส่หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายอีกแค่คนเดียวและคิดว่าฝั่งเรายอมแพ้แล้ว”


เฮิร์ซพยักหน้าเมื่อเขาเห็นด้วย


“มันก็จริง ในช่วงเริ่มฉันเห็นพวกมันวิ่งเข้าใส่กันไม่ดูตาม้าตาเรือเลย โดยไม่สนแม้กระทั่งแผนการแม้แต่น้อย”


“ใช่เพราะเช่นนั้นแล้วฉันจึงสามารถใช้สกิลAoEของฉันได้มีประสิทธิภาพที่สุด ดังนั้นฉันจึงคว้าชัยมาได้ในทันทีที่เริ่ม ถึงจะเป็นอย่างนั้นเมื่อพวกมันพลาดไปครั้งนึงแล้ว พวกมันจะต้องสู้ด้วยความระวังมากขึ้นแน่นอน”


ฮารินที่เพียงแค่ฟังบทสนทนาของพวกเขาที่มุมโดยไม่พูด ถามเอียนอย่างระมัดระวัง


“ถ้างั้นมันจะเป็นไปได้ไหมที่นายจะแพ้ในการต่อสู้รอบที่สองจินซุง?”


เอียนหันความสนใจไปหาฮาริน


เขายิ้มขณะที่เขาตอบเธอสั้นๆ


“ไม่ ไม่มีทาง”

 

 

 


ตอนที่ 103

 

การต่อสู้รอบที่สองใน ‘สมรภูมิผู้กล้า’ ที่เริ่มขึ้นในวันถัดมาก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมายให้แก่กิลด์โลตัส


แน่นอนว่าผู้เล่นกิลด์โพราริสได้เห็นความสามารถของเอียนในรอบแรกแล้วพวกเขาก็พยายามสู้อย่างสุดความสามารถแล้วเช่นกัน


อย่างไรก็ตามการที่มีพลังต่อสู้ที่น้อยกว่ารอบแรกมันส่งผลกระทบไปถึงรอบที่สอง แต่ว่าพวกเขาก็ได้รับชัยชนะมาอยู่ดีโดยไม่ยากเท่าไหร่ตามที่เอียนได้วางแผนเอาไว้


ทหารมากกว่าสามสิบคนและผู้ติดตามของเขา ‘เมลเลี่ยม’ ได้นายในสนามรบแต่เขาก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้มันเป็นข้อได้เปรียบแบบสุดๆ


‘ยังไงผู้ติดตามก็เกิดใหม่ในอีกสัปดาห์นึงอยู่แล้ว’


และยิ่งไปกว่าอะไรทั้งหมด เอียนก็ได้รับอานิสงฆ์จากการต่อสู้ทั้งสองรอบอย่างมากอีกด้วย


มันไม่ใช่เรื่องที่เขาได้ค่าชื่อเสียงมากกว่าหนึ่งแสนหน่วยจากการชนะทั้งสองรอบ


‘ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าอัตราการฟักตัวของไข่คาร์เซอุสที่ฉันติดปัญหามานานมันจะเพิ่มขึ้นถึง5%’


อัตราการฟักตัวของไข่เทพมังกรนั้นเพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิดจากการที่ไปลงดันเจี้ยนและล่าอย่างบ้าคลั่งแบบที่เขาทำประจำ แต่มันกลับเพิ่มขึ้นถึง5%จากเพียงแค่การต่อสู้สองครั้ง


เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วตอนนี้อัตราการฟักตัวของไข่คาร์เซอุสก็ขึ้นมามากกว่า100%แล้ว


เอียนคิดว่าคลื่นแสงสีม่วงที่เข้าไปในตัวของเขาทุกครั้งที่เขาฆ่าศัตรูได้มันเป็นพลังงานที่เอาไว้เพิ่มอัตราการฟักตัวของไข่คาร์เซอุส


มังกรแห่งสงครามไม่ใช่สิ่งที่ถูกตั้งขึ้นมามั่วๆ


‘ยังไงก็เถอะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสียงจะทำให้เกิดสงคราม…มันไม่มีทางอื่นเลยงั้นหรอ?’


ตอนนี้เอียนได้หมดหน้าที่ในสงครามดินแดนแล้ว


ถ้าพวกเขาเคลื่อนไหวตามแผนที่วางเอาไว้ มันก็ไม่ยากที่จะป้องกัน


เพราะว่าเขาได้เข้าร่วมการต่อสู้สองครั้งแล้ว เขาไม่สามารถเข้าร่วมได้อีก


แต่เดิมแล้วเมื่อพวกเขาป้องกันสำเร็จ เอียนวางแผนที่จะเลิกยุ่งกับสงครามดินแดนไปสักพักและไปตะลุยดันเจี้ยนฟอลันจนกว่าเขาจะเลเวล120


ดันเจี้ยนฟอลันเป็นดันเจี้ยนที่จะต้องมีเลเวล100เสียก่อน แต่มันก็เป็นดันเจี้ยนที่มีผลกับซัมมอนเนอร์เป็นอย่างดี


แม้กระทั่งตอนนี้เมื่อเขาเกือบจะเลเวล115แล้ว เขาไม่สามารถหาพื้นที่ล่าที่มีประสิทธิภาพดีไปกว่าดันเจี้ยนฟอลันได้อีก


แต่เนื่องจากไข่เทพมังกรจึงทำให้เอียนคิดเปลี่ยนแผน


‘จบจากการป้องกันดินแดนเมื่อไหร่ ฉันควรจะพาพวกเราไปโจมตีฐานอื่นๆที่มีระดับหมู่บ้าน’


มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในแผนเดิมของเขาแม้แต่น้อย แต่มันเป็นตัวเลือกที่ไม่อาจช่วยได้ในเมื่อมันจะช่วยให้กำเนิดเทพมังกร คาร์เซอุส


เอียนที่ได้สร้างแผนการคร่าวแล้วก็ล็อกเอ้าท์ออกไปและเตรียมตัวไปเรียนภาคบ่าย


 


* * *


 


“ฉันเห็นว่านายไม่หลับในห้องแถมยังตั้งใจฟังอาจารย์พูดอีก เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”


ยูฮยอนพูดขึ้น จินซุงก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับตอบกลับ


“ไม่หรอก อาจารย์จีนุกขู่ฉันเอาไว้ว่าเขาจะให้ฉันกลับไปเรียนวิชาของเขาทั้งหมดถ้าหากฉันหลับในคาบเรียน ฉันเลยจำเป็นต้องนั่งฟังนี่ไง….”


เขาพูดเสียงอ่อน ยูฮยอนยิ้มออกมา


“มันเป็นแบบนี้นี่เอง…ไม่แปลกใจเลยจริงๆ”


“ใช่แล้วเพื่อน”


การสนทนาของทั้งสองที่กำลังคุยเรื่องโง่ๆและหัวเราะออกมา ก็ได้เปลี่ยนไปเริ่มพูดเรื่องของไคลัน


มันช่วยไม่ได้ก็เพราะว่าทั้งสองนั้นสนใจในไคลันเป็นอย่างมาก


“เฮ้ สงครามดินแดนที่จะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้ พวกเราจะต้องให้พวกมันชนะสามรอบจริงๆงั้นหรอ?”


ยูฮยอนพูด จินซุงก็พยักหน้า


“ใช่ ให้พวกมันไปอย่าเสียดาย ยังไงพวกเราก็ได้ประโยชน์”


“ถ้าพวกเราให้พวกมันชนะสามรอบแล้วถึงจะเป็นสมารภูมิแห่งการป้องกันก็เถอะ มันก็จะเหลือแค่รอบเดียวสำหรับทั้งสองฝั่ง ฉันแค่จะบอกว่าฉันรู้สึกว่ามันจะไม่ดีกว่าหรอถ้าเราจะสู้กลับไปเลยในเมื่อเราชนะมาสองครั้งแล้ว”


จินซุงคิดว่ามันก็มีบางอย่างที่เป็นจริงอย่างที่ยูฮยอนพูด


“แต่ในเมื่อเราลงทะเบียนในรอบสามและสี่ไปเรียบร้อยแล้ว นายก็แค่ลองทำทุกอย่างที่ทำได้ในรอบที่ห้าก็พอ มันก็สามารถจะเป็นแผนซุ่มโจมตีได้”


ยูฮยอนพยักหน้า


“พวกเราควรจะคิดดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าหากฉันอยู่ฝั่งนั้น ถ้าฉันชนะสองตาติดแล้วมันก็จะทำให้พวกมันลดการป้องกันลงนิดหน่อยในรอบที่ห้า ฉันคิดว่ามันเป็นแผนที่ดีนะ”


ต้องขอบคุณที่มันเป็นคาบเรียนภาคบ่ายจึงทำให้ยูฮยอนและจินซุงสามารถเดินกลางทางเดินจากโรงเรียนไปจนถึงบ้านได้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ


จินซุงยังคงพูดถึงเรื่องไคลันอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจึงเปลี่ยนเรื่องทันที


“เฮ้ ยูฮยอน”


“หืม?”


“มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามนายหน่อย”


“…?”


ไม่รู้ทำไมแต่จินซุงลังเลที่จะพูด


ท่าทางของจินซุงนั้นเป็นสิ่งที่ยูฮยอนไม่เคยเห็นมาก่อน ยูฮยอนกลืนน้ำลายและรอจินซุงพูดต่อ


“นายเคยไปเดทมาก่อนมั้ย?”


และมันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจินซุงจะพูดมันออกมา ยูฮยอนถึงกับสับสน


“ก็ ฉันเคยมีแฟนตอนม.ปลายไม่นานนัก…แต่จะเรียกว่าการเดทมันก็…”


ยูฮยอนที่อายุเกือบจะ20แล้วและเล่นเกมทั้งวัน ก็เป็นคนที่ไม่ได้สนใจการเดทเหมือนกัน


จินซุงเปล่งประกายขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินว่ายูฮยอนเคยมีแฟนแม้ว่าจะแปปเดียวก็ตาม


“เฮ้ งั้นแบบนี้นายก็ไม่ใช่คนโดดเดี่ยวตลอดไปแล้วสิ!”


“นายคิดแบบนั้นงั้นหรอ?…สำหรับตอนนี้จะพูดแบบนั้นก็ได้”


เพราะเช่นนั้นแล้วจินซุงก็รู้สึกว่าเขาพอมีหวังขึ้นมาหน่อยเลยเข้าประเด็นเลย


“งั้น…ฉันมีบางอย่างอยากจะถามหน่อย”


“ได้สิ ว่ายังไง”


“ไม่กี่วันก่อนฉันกินข้าวกับฮารินที่โรงอาหารในโรงเรียน”


“แล้ว?”


ยูฮยอนตั้งใจฟังเรื่องของจินซุงพร้อมท่าทางที่อยากรู้อยากเห็น


“ฉันจะไปเอาบัตรอาหารมา แต่เธอบอกว่าเธอทำอาหารมาให้และพยายามลากฉันออกไป แน่นอนว่าเธอทำอาหารมาเพราะว่ามันเป็นงานกลางภาคที่เธอจะต้องทำ”


“โอ้ แล้วไงต่อ?”


“และวันนั้นเป็นวันที่ฮารินและนายเรียนคาบวัฒนธรรมด้วยกัน ดังนั้นฉันเลยคิดว่าเธอน่าจะมาพร้อมกับนายแต่ฉันได้ยินว่านายจะต้องไปทำงานอะไรสักอย่างที่นายทำค้างเอาไว้งั้นหรอ?”


ยูฮยอนใช้เวลาคิดเล็กน้อยก็ส่ายหน้าและตอบ


“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นเลย”


เมื่อเป็นเช่นนั้นจินซุงก็ขมวดคิ้วและตอบกลับ


“ฮารินบอกแบบนั้น นายน่าจะลืมละมั้ง ทำไมเธอจะต้องโกหกด้วยละ?”


ยูฮยอนงงขึ้นมาทันที


“ฉันไม่รู้…ทำไมเธอถึงจะต้องโกหกแบบนั้นยังไงก็เถอะเล่าต่อสิ”


จินซุงพูดต่อ


“จากนั้นพวกเราก็กินข้าวเที่ยงที่เธอทำมาด้วยกัน แต่ฮารินจู่ๆก็…”


เมื่อจินซุงพักหายใจ ยูฮยอนก็กดดันเขา


“จู่ๆก็อะไร?”


“จู่ๆเธอก็ป้อนรีซอตโต้ให้ฉัน”


“…!”


หลังจากได้ยินคำพูดที่น่าตกใจแล้ว ยูฮยอนก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ


“อะไรนะ? แล้วฮารินป้อนข้าวนาย?”


จินซุงพยักหน้าและตอบ


“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะบอก!”


“ไม่ใช่ว่านั่นมันเป็นสิ่งที่พวกคู่รัก…เขาทำกันงั้นหรอ?”


จินซุงขึ้นเสียงเล็กน้อย


“จริงหรอ? ฉันจำไม่ได้กระทั่งที่แม่ป้อนข้าวฉัน!”


“แล้วจากนั้นเป็นยังไงต่อ?”


ยูฮยอนกำลังสนใจเรื่องที่จินซุงเล่าเขาจึงกดดันให้จินซุงเล่าต่อเร็วๆแต่โชคร้ายที่ไม่ได้มีอะไรมากหลังจากนั้น


“นายหมายความว่าอะไรเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ฉันเกือบจะท้องเสียเพราะกินของพวกนั้น”


“…”


จินซุงพูดต่อขณะที่มองยูฮยอนที่ทำหน้าเซ็งแบบสุดๆ


“ดังนั้นคำถามหลักของฉันก็คือ”


“ว่าไง”


จินซุงพักหายใจครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา


“มีโอกาสมั้ยที่ฮารินจะสนใจในตัวฉัน?”


ยูฮยอนตกเข้าไปสู่ในห้วงความคิดของตน


ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเรื่องเหล่านี้จากจินซุง เขาก็จำได้ว่าเขาเห็นฮารินตัวติดกับจินซุงตลอดตอนที่อยู่ในไคลัน


ไม่นานนัก ยูฮยอนก็ตอบกลับ


“ฉัน….คิดว่ามันก็เป็นไปได้”


 


* * *


 


แสงอาทิตย์อันอบอุ่น


บ่ายอันสดใส!


ขณะที่เอียนไปที่คฤหาสน์ของเมืองเพื่อที่จะจัดการกิจการภายในเมือง สัตว์เลี้ยงของเอียนใช้เวลาอันสบายๆแบบนี้ที่พื้นที่เพาะพันธุ์ของลีจีนุก


Bbook- Bboo-Bbook-!


เวลาสำหรับการล่าของเอียนกลายเป็นต้องมาจัดการกิจการภายในแบบนี้มันจึงทำให้มันกลายเป็นวันพักผ่อนของสัตว์เลี้ยงของเขา


บุ๊กค์กำลังกินขนมอยู่กับเพื่อนแสนดีของมัน พิน


ตอนนี้บุ๊กค์มีความสุขกว่าทุกครั้ง นั่นก็เพราะว่าขณะที่เจ้าของที่โหดร้ายราวกับซาตานของมันนั้นต้องไปจัดการธุระที่คฤหาสน์ในเมือง ฮารินก็คอยให้อาหารเที่ยงกับมัน


“บุ๊กค์ แกอยากกินอีกมั้ย?”


เสียงของฮารินนั้นมันนุ่มนวลยิ่งกว่าเสียงใดๆในโลก และมันก็ทำให้ใจของบุ๊กค์ถึงกับสั่นสะท้าน


บุ๊กค์ยังกินมีตบอลตรงหน้ายังไม่ทันเสร็จแต่มันก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว


Bbook- Bboo-Bbook-!


ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วมันจะมีโอกาสได้กินมีตบอลโอสถจนอิ่มแบบนี้อีกกัน ถ้าหากเป็นเอียนที่เป็นเจ้าของอันโหดร้ายอย่างมากเขาก็ให้แค่สองชิ้นเท่านั้น


บุ๊กค์ถูหัวมันกับมือของฮารินด้วยท่าทีมีความสุข


“แต่บุ๊กค์”


Bbook-?


“แกต้องกินทั้งหมดนี้ก่อนที่เอียนจะกลับมานะ?”


Bboo-Bbook!


บุ๊กค์แสดงท่าทีมั่นใจออกมาพร้อมกับพยักหน้าอย่างสุดกำลัง


ถึงกระนั้นฮารินก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยความกังวล


“ถ้าเอียนมาเห็นว่าฉันให้มีตบอลแกเยอะขนาดนี้ละก็ ฉันจะต้องโดนลงโทษแน่เลย…”


บุ๊คก์เมื่อเห็นดวงตาอันกลมโตของฮารินเริ่มมีน้ำตา กระดองของมันก็เริ่มสั่นไหวราวกับมันตกไปอยู่ในความเศร้า


Bbook .


สำหรับเจ้าของปีศาจที่กล้ามาลงโทษเทพมีตบอลที่ทั้งสวยและใจดี…มันเป็นสิ่งที่มันไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น


“ดังนั้นแล้ว บุ๊กค์แกต้องรีบกินให้ไวที่สุดโอเคนะ?”


Bbook-!


ฮารินเมื่อได้รับสัญญาจากบุ๊กค์แล้วก็หันไปหาพินบ้าง


ซึ่งต่างจากบุ๊กค์ สิ่งที่พินกำลังกินอยู่ไม่ใช่มีตบอล


มันเป็นสเต๊กริบอายที่ฮารินตั้งใจทำออกมา


ฮารินถามพินที่กำลังฉีกเนื้ออย่างปราณีตพร้อมกับท่าทางเขินอาย


“พิน แล้วแกละ? อร่อยมั้ย?”


ฮารินพูดอย่างระวัง เพราะว่าพินนั้นต่างจากบุ๊กค์


ต่างจากบุ๊กค์ตรงที่บุ๊กค์นั้นมีลิ้นที่เหมือนกับเด็กประถม แต่พินนั้นมีลิ้นที่ไฮโซกว่า


Kku-ru-ruk- .


ราวกับมันพยายามลิ้มรสรสชาติของสเต๊กอยู่ มันค่อยๆหลับตาลง


“เป็นยังไงบ้าง อยากได้เพิ่มมั้ย พิน?”


ฮารินกังวลเพราะว่าเท่าที่เธอดูมาแล้วการตอบสนองของพินนั้นเป็นเหยี่ยวที่เลือกกินแต่ของดีๆ


ครั้งแรกที่เธอเจอพินนั้นเพื่อที่จะซื้อใจมันได้ ฮารินได้ลองนำมีตบอลออกมาหลายชนิด


เธอชอบพินที่แสนน่ารักและเป็นเหยี่ยวตัวน้อย แต่ในเมื่อมันเป็นสัตว์เลี้ยงของเอียนเธอก็จำเป็นต้องซื้อใจมันให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม


ถึงกระนั้นพินก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย


นั่นจึงทำให้ฮารินคิดว่าพินไม่ได้โลภมากและทำให้เธอผิดหวัง


เพราะว่าการทำอาหารนั้นง่ายและเร็วที่สุดในการซื้อใจสัตว์เลี้ยงของเอียน


แต่นั่นเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด


พูดง่ายๆก็คือมีตบอลโอสถนั้นไม่ตรงกับความชอบของพิน


ถ้ามันไม่ใช่สูตรที่หรูกว่านี้ละก็ เธอก็จะไม่สามารถทำให้พินพอใจได้แม้แต่น้อย


ตอนนี้ฮารินกังวลกับสูตรที่เธอทำเป็นอย่างมาก


และไม่นานพินก็ลืมตาขึ้นและพยักหน้า


Kku-ruk- Kku-ruk-!


มันเป็นสัญญานว่าพินอยากกินเพิ่ม


ทันใดนั้นฮารินก็แสดงออกอย่างสดใสทันที


“ว้าว! พินงั้นคราวนี้เอาอันนี้! ลองอันนี้หน่อย!”


ฮารินนำอาหารจานใหม่ออกมาจากช่องเก็บของของเธอ


เพราะว่าเธอพยายามที่จะทำอาหารให้ถูกปากของพิน เธอเพิ่มความเชี่ยวชาญการทำอาหารได้อย่างรวดเร็ว พินถือว่าเป็นลูกค้าหลักของเธอ


มันถึงจุดที่ว่าเธอของให้มันลองกินหน่อย


เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้บุ๊กค์อิจฉาเล็กน้อยแต่บุ๊กค์ก็ชอบราชาติของมีตบอลยิ่งกว่าอาหารชนิดไหนๆ


สำหรับบุ๊กค์แล้วมันมีภารกิจที่จะต้องกินมีตบอลให้หมดก่อนที่เอียนจะมา จึงทำให้สเต๊กที่พินกินนั้นไม่อยู่ในสายตาของมันเลย

 

 

 


ตอนที่ 104

 

อย่างไรก็ตามทันใดนั้นพื้นที่เพาะพันธุ์อันแสนสงบในเมืองโลตัสก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด


“ฮาริน ฉันเสร็จแล้ว!”


ในจังหวะที่บุ๊กค์ได้ยินเสียงนั้นมันก็รีบกินมีตบอลตรงหน้าไปทั้งลูกในคราเดียว


Bboo-Bbook-


และเพื่อที่จะไม่ให้จินซุงสนใจ ฮารินรีบลุกขึ้นยืนทันที


“โอ้ จินซุงนายมาแล้วหรอ?”


เธอยิ้มอย่างสดใสเข้าหาเอียน


ถึงกระนั้นแม้เธอจะพยายามแล้ว เอียนก็หันไปสนใจอย่างอื่นแทน


“บุ๊กค์”


เอียนพูดด้วยเสียงต่ำ


บุ๊กค์ที่กำลังเคี้ยวมีตบอลในปากของมันอยู่ก็ถึงกับตัวแข็งทื่อราวกับน้ำแข็ง


เอียนค่อยๆเข้าไปหาบุ๊กค์


“แกไม่คิดจะตอบฉันงั้นหรอ? บุ๊กค์?”


ไม่ใช่ว่าบุ๊กค์ไม่ตอบ แต่มันตอบไม่ได้เพราะว่ามีตบอลยังคงอยู่ในปากของมันอยู่


บุ๊กค์พยายามที่จะกลืนมีตบอลในปากของมันลงไปทั้งลูกก่อนที่เอียนจะจับมันได้


อย่างไรก็ตามมันกินมีตบอลเข้าไปห้าลูกในครั้งเดียวมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้นเลย


“บุ๊กค์แกกินข้าวเที่ยงแล้วใช่มั้ย?”


ราวกับว่าบุ๊กค์มันได้ยินเสียงของยมทูตมันหลับตาปี๋


เสียงของเอียนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ บุ๊กค์ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นไปอีก


และเอียนก็ยืนด้านหลังของมัน บุ๊กค์ก็ใช้ได้ที่พึ่งสุดท้ายของมัน


Bbook-!


มันพยายามที่จะหลบเข้าไปในกระดอง


แต่เพราะว่ามีตบอลห้าลูกที่อยู่ในปากของมันจึงทำให้มันหดเข้าไปในกระดองไม่ได้


เอียนเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วก็ยิ้มออกมา


“แกพยายามจะทำอะไรน่ะเพื่อน”


หลังจากเข้าหาบุ๊กค์แล้ว เขาก็ยกกระดองของมันขึ้นมาและเขย่ามันโดยไม่สงสารแม้แต่น้อย


“อะไรที่อยู่ในปากแกกันแน่? แกคงไม่มีทางที่จะกินทุกอย่างแล้วไม่เหลือให้พี่คนนี้เลยใช่มั้ย บุ๊กค์?”


บุ๊กค์รู้สึกว่ามีตบอลที่อยู่ในปากของมันพร้อมจะหล่นออกจากปากทุกเมื่อ แต่มันก็พยายามที่จะกลืนมันลงไปอยู่ดี


เพราะว่าถ้าเขากลืนมันลงไปทั้งหมด เขาก็หวังว่าเอียนจะปล่อยมันไปเพราะไม่มีหลักฐาน


แต่ทันใดนั้น


สถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการคาดเดาของบุ๊กค์ก็เกิดขึ้น


เอียนวางบุ๊กค์ลง


และคำที่ออกจากปากของเอียนมันก็ทำให้บุ๊กค์ถึงกับตกอยู่ในความสิ้นหวัง


“หืม บุ๊กค์ฉันคิดว่าน้ำหนักของแกขึ้นจากปกติประมาณ200กรัม แสดงว่าแกจะต้องกินมัตบอลไปมากกว่า5ลูกแน่นอน”


ราวกับเขารู้จำนวนจริงๆของมัน เขาคำนวนได้เป๊ะมาก


จากนั้นบุ๊กค์ที่ตกใจก็เผลอทำมีตบอลหล่นออกจากปากโดยไม่รู้ตัว


Bboo-Kkook- .


ตั้งแต่ที่มันติดตามเอียนและออกมาดูโลกภายนอก บุ๊กค์เคยเห็นความสามารถมากมายของเขาแต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มันรู้สึกว่าเอียนมีความสามารถที่น่าพิศวงไปมากกว่านี้อีกแล้ว


แม้แต่ฮารินก็ตกใจขณะที่จ้องมองไปยังเขา ด้วยความสามารถ ‘เหนือมนุษย์’ ของเอียน


แน่นอนว่าเอียนแค่ประเมินคร่าวๆเท่านั้น


“บุ๊กค์”


เมื่อเอียนเรียกบุ๊กค์ บุ๊กค์ก็กลืนมีตบอลลงไปทั้งหมดก่อนที่มันจะรู้ตัวและตอบด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย


Bbook…


เอียนพูดต่อ


“ในเมื่อแกกินมีตบอลไปเกิน5ลูก ดังนั้นแกจะโดนตัดโควต้ามีตบอลของแกในแต่ละมื้อของแกไปเป็นเวลาห้าวัน”


การตัดสินใจอันเลือดเย็นและไร้หัวใจของเอียน มันทำให้ตาทั้งสองของบุ๊กค์เริ่มมีน้ำตาไหลออกมา


Bboo-Bbook!


บุ๊กค์พยายามที่จะเถียงกับเอียน แต่เอียนนั้นเลือดเย็นกว่าที่คิด


“ถ้าหากแกไม่ฟังฉัน ฉันจะลดจำนวนมีตบอลของแกในทุกๆครั้ง”


เมื่อได้ยินคำขู่นั้นบุ๊กค์ก็คอตกด้วยความจำใจยอมรับ


Bbookbbook .


บุ๊กค์หดหู่ลงทันที


มันเสียใจที่มันไม่ยอมลิ้มรสมีตบอลให้ดีและรีบๆกินมันเข้าไปให้หมดให้เร็วที่สุดเท่านั้น


ถ้าหากมันรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้มันจะกินมีตบอลแค่สองลูกและลิ้มรสมันให้เต็มที่ดีกว่า


ถ้าหากเป็นแบบนั้นมันก็คงจะกลายเป็นมื้อเที่ยงที่ดี


เอียนเมื่อสั่งสอนบุ๊กค์อย่างทุกครั้งแล้วก็หันหน้าไปหาฮาริน


“วันนี้จะไปที่ไหนฮาริน?”


“เอ๊ะ..เอ่อ? แปปนึงนะ!”


ฮารินที่กำลังมองไปที่บุ๊กค์และเอียนอย่างสับสนก็ตกใจเมื่อเอียนเรียกเธอ


เพราะว่าเธอถึงกับสมองตื้อขึ้นมาทันทีจนถึงเมื่อครู่นี้


หลังจากคิดสักครู่หนึ่ง ฮารินก็ตอบ


“อืม…วันนี้ไปที่หุบเขานอร์แมน”


“หุบเขานอร์แมน?”


“ใช่แล้ว!”


จริงๆแล้วเหตุผลที่ฮารินรอเอียนอยู่ที่นี่ก็เพราะว่าวันนี้เอียนมีหน้าที่พาฮารินไปรวบรวมวัตถุดิบ


ฮารินเลือกหุบเขานอร์แมนที่มีวัตถุดิบมากมายที่เธอต้องการและเส้นทางมันค่อนข้างไกล


มันเป็นเพราะว่าเธอมั่นใจว่าเธอจะได้ใช้เวลากับเอียนมากที่สุด


หลังจากคิดครู่หนึ่งเอียนก็พูด


“ฮารินถ้าจะไปที่นั่นงั้นไปที่ที่ราบสูงฟอลาสดีกว่ามั้ย? มันไม่มีวัตถุดิบที่อยากได้งั้นหรอ?”


“ที่ราบสูงฟอลาสมันอยู่ที่ไหนงั้นหรอ?”


“ที่ราบสูงมันเลยหุบเขานอร์แมนไปนิดหน่อยแต่มันก็เป็นที่ที่เธอยังไม่เคยไป มอนสเตอร์โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่เลเวล120”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮารินก็ตอบกลับด้วยความกังวล


“ห้ะ? มันจะดีหรอที่จะไปที่ที่อันตรายแบบนั้น?”


เอียนพยักหน้า


“แน่นอนว่าไม่เป็นไร ที่นั่นเลเวลมันค่อนข้างสูงแต่จำนวนมอนสเตอร์มันค่อนข้างน้อยดังนั้นมันจึงไม่มีปัญหาอะไรที่ฉันจะคอยปกป้องเธอ”


ฮารินก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินคำว่า ‘ปกป้อง’ เธอก็ไม่คิดอะไรอื่นอีกและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว


“ได้สิ! ไปที่นั่นกัน!”


ตอนนี้ฮารินอยู่ที่เลเวลประมาณ90


เธอสามารถตายได้ทันทีถ้าหากถูกโจมตีด้วยมอนสเตอร์เลเวล120 แต่แม้ว่าเธอจะคิดถึงเรื่องนั้นเธอก็ยังยิ้ไม่หุบอยู่ดี


“เธอไปตอนนี้ได้เลยมั้ย?”


ฮารินพยักหน้าโดยไม่ลังเล


“แน่นอน!”


การเดทอันสุดแสนจะอันตรายของทั้งสองก็ได้เริ่มต้นขึ้น


 


* * *


 


YouCast เว็บไซต์อัพโหลดวิดีโอที่โด่งดังและใหญ่ที่สุดในโลก


ในYouCastก็มีวิดีโอหลากหลายประเภทเด้งขึ้นมาแต่ในหมู่พวกนั้นวิดีโอที่ได้รับการอัพโหลดมากที่สุดก็เป็นวิดีโอของเกม ‘ไคลัน’


เพราะว่าไคลันกำลังจะครบรอบหนึ่งปีหลังจากเปิดตัวออกมา ข่าวนี้มันก็ได้กระจายออกไปทั่วโลกและกลายเป็นกระแสที่ใครๆก็ต้องรู้


แม้กระทั่งในอเมริกาใต้ที่เป็นเซิฟเวอร์ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป ไคลันก็กลายเป็นเกมที่ถูกอัพโหลดมากกว่า50%อีก มันจึงเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก


“หืม…หลังๆมานี้มันไม่มีแหล่งข้อมูลดีๆบ้างเลยงั้นหรอ?”


โซจิน ชื่อของผู้อัพโหลดในYouCast ผู้เป็นฟรีแลนส์ที่ปกติแล้วจะเป็นนักตัดต่อวิดีโอและCGมืออาชีพ


อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่ไคลันเปิดตัวขึ้นมาเธอก็กลายเป็นมืออาชีพในการตัดต่อวิดีโอของไคลันและอัพโหลดพวกมันลงในYouCast และวิดีโอที่เธอได้ทำนั้นก็โด่งดังเป็นอย่างมาก จึงทำให้เธอเลือกที่จะเปลี่ยนอาชีพของเธอมาเป็นคนอัพโหลดวิดีโอลงYouCastแทน


แน่นอนว่าในหมู่เกมนั้นเธอเชี่ยวชาญในหมวดของไคลัน


“ฉันคิดว่าฉันจะสามารถสร้างเงินได้จากสงครามดินแดนของกิลด์ใหญ่ๆในเดือนนี้แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีอะไรที่ฉันคาดหวังเอาไว้เลย”


หลังจากที่ได้รับข้อมูลมาว่าการป้องกันของกิลด์ยักษ์ใหญ่ทั้งหมดจะหมดลงพร้อมกันทั้งหมด โซจินก็หวังไว้อย่างมากว่าเธอจะได้ตัดต่อวิดีโอพวกนั้นและอัพโหลดพวกมัน


และเธอก็มีสัญญาพิเศษกับกิลด์วาเลี้ยน (Valiant ผู้กล้า) ที่เป็นกิลด์อันดับ5 เธอก็หวังว่าจะได้รับวิดีโอดีๆจากสงครามกิลด์วาเลี้ยน


และคราแรกนั้นเธอหวังไว้มากกับเรื่องพวกนี้เพราะว่ากิลด์ใหญ่ๆต้องโจมตีกันเองแน่ๆ เธอก็หวังจะได้วิดีโอดีๆมาบ้างและเธอก็จะได้สร้างมูลค่าให้แก่วิดีโอเหล่านั้น


แต่กระนั้นหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปมันก็ยังคงเป็นเหมือนก่อนหน้าที่การป้องกันจะหมดลง กิลด์ทั้งหมดยังคงเงียบ


โดยเฉพาะการต่อสู้ของกิลด์ใหญ่ที่น้อยครั้งที่จะเกิดขึ้น และโซจินก็ต้องการมันมาก


เพราะว่านอกจากพลังที่ต่างกันแล้วมันก็เป็นผลมาจากสงครามดินแดนที่เกิดขึ้นในหลายวันมานี้ที่มันจะเป็นการยากสำหรับกิลด์โจมตีที่จะชนะกิลด์ฝ่ายป้องกันได้


นั่นจึงทำให้เธอหมดความกระตือรือร้น เธอหวังกับมันน้อยลงและพยายามหาวิดีโอประเภทอื่นแทน


“มันไม่มีแหล่งอื่นเลยที่พอจะทำให้มันกลายเป็นประเด็นขึ้นมาได้…”


แต่ทันใดนั้น


ขณะทืี่หาวิดีโอด้วยคีย์เวิร์ด ‘สงครามดินแดน’ ก็มีบางสิ่งเตะตาเธอ


 


สงครามดินแดนของกิลด์ระดับไดม่อนในไคลัน (โลตัส vs โพราริส) อันแสนจะบ้าคลั่ง (1VS30)เมื่อสองวันก่อน ตำนวนคนดู 58,291 คน เป็นเรื่องราวอันบ้าคลั่งของซัมมอนเนอร์ที่ชื่อว่า ‘เอียน’ ของกิลด์โลตัสผู้ที่ครองตำแหน่งอันดับสูงของดันเจี้ยนฟอลันเลเวล100เอาไว้ มันเป็นกล้องส่วนตัวที่ถ่ายจากสมรภูมิผู้กล้า ดูให้สนุกนะครับ ^^


 


โซจินเมื่อได้อ่านข้อความที่ขึ้นมาบนหน้าจอเธอแล้วก็บ่นกับตัวเองด้วยความตกตะลึง


“สงครามดินแดนระดับไดม่อน พวกเขาสู้กันแบบ1ต่อ30? ถ้าหากพวกเขาชนะ30คนได้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ใช่ว่าผู้เล่นคนนั้นจะอยู่เลเวลประมาณ130แล้วฆ่าผู้เล่นเลเวลประมาณ80งั้นหรอ?”


แต่เมื่อเธอเห็นว่ามันบอกถึง ‘ซัมมอนเนอร์’ เธอก็กลายเป็นขมวดคิ้วทันที


เพราะว่าถ้าหากเป็นซัมมอนเนอร์ที่เธอรู้จักแล้วละก็ไม่ต้องพูดถึงเลเวล130เลย แค่เลเวล100ก็มีน้อยคนที่จะไปถึงได้


‘มันจะต้องวิดีโอที่สู้กับพวกผู้เล่นใหม่เลเวลต่ำกว่า50แน่ๆ หลังๆมากนี้ทุกอย่างมันก็กลายเป็นเรื่องบ้าไปหมดแล้ว”


แต่กระนั้นมันก็สักพักนึงแล้วที่ไม่มีอะไรมาเตะตาเธอ เธอจึงไม่สามารถข้ามมันไปได้


‘งั้นในเมื่อฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองเข้าไปดูกันหน่อยดีมั้ย?’


เธอไม่ได้หวังว่ามันจะเป็นวิดีโอที่ดีอะไรแต่ส่วนที่สำคัญก็คือ1ต่อ30ที่น่าสนใจมาก


“โอ้-โห?”


คุณภาพของวิดีโอและท่าทางก็คงจะดีที่สุดเท่าที่คนทั่วไปจากพื้นที่ผู้ชมสามารถถ่ายมาได้แล้ว


อย่างไรก็ตามเมื่อวิดีโอได้เริ่มขึ้นดวงตาทั้งสองของโซจินที่กำลังดูผู้เล่นของทั้งสองฝั่งอยู่ก็ถึงกับเบิกโพลง


“ห้ะ? เลเวลของฝ่ายที่มีสามสิบคนมากกว่า90ทั้งหมด”


มีเพียงผู้เล่นไม่กี่คนที่เปิดให้เห็นเลเวลได้ ผู้เล่นคนอื่นก็ดูจะไม่ใช่ผู้เล่นระดับมือใหม่กันหมด


เมื่อเห็นความน่าตื่นเต้นแล้วเธอก็เริ่มที่จะจดจ่อกับวิดีโอมากยิ่งกว่าเดิม


‘บ้าอะไรเนี่ย? พวกเขาจะสามารถชนะได้ด้วยพลังต่อสู้อย่างเดียวเลยงั้นหรอ?’


เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ซัมมอนเนอร์ที่ยืนอยู่คนเดียวก็เริ่มที่จะอัญเชิญมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนสัตว์เลี้ยงของเขาออกมา


และตาของโซจินก็เบิกโพลงอีกครั้งเมื่อได้เห็นแต่ละตัว


เพราะว่าพวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่มอนสเตอร์ที่ดูเหมือนเสือขาวมีลายสีแดงนั้นเป็นเพียงตัวเดียวที่เธอรู้จัก


‘นั่น…อย่างบอกนะว่ามันคือฮัลลิคาน?’


ฮัลลิคานมอนสเตอร์ระดับที่มีระดับHeroicที่ผู้เล่นระดับสูงสามารถฆ่ามันได้ด้วยความยากลำบากในทวีปเหนือ


ยิ่งไปกว่านั้นเธอจำได้ว่าเห็นวิดีโอที่พวกเขาได้รับพลังทำลายอันมหาศาลและโชคดีที่เคลียร์มันได้สำเร็จ มันจึงค่อนข้างมีเหตุผลมากพอที่จะทำให้เธอตกใจ


ดูเหมือนมันจะมีขนาดเล็กกว่าฮัลลิคานที่เป็นมอนสเตอร์ระดับบอสเล็กน้อย แต่รูปร่างภายนอกมันก็ยังเป็นฮัลลิคานอยู่ดี


‘นี่มันบ้าไปแล้ว! เขาไปได้มอนสเตอร์ระดับHeroicเลเวลมากกว่า150มากได้ยังไง? การที่จะจับมันได้มันเป็นไปไม่ได้เลย…’


แต่ไม่ว่าเธอจะสงสัยเท่าไหร่มันก็ไม่มีทางที่เธอจะหาเหตุผลมาได้ เธอจึงเลิกคิดเรื่องนั้นก่อนและเริ่มที่จะจดจ่อกับวิดีโอ


และในวิดีโอการฆ่าล้างฝ่ายเดียวของเอียนก็เริ่มต้นขึ้น


“วะ ว้าว..!”


โซจินอุทานออกมาก่อนที่เธอจะรู้ตัวเสียอีก


กรามของเธอตกลงมาโดยอัตโนมัติขณะที่ดูความต่อเนื่องของสกิลAoEที่สร้างขึ้นมาและการควบคุมสัตว์เลี้ยงของเขา เช่นเดียวกันกับการที่เอียนนั้นไม่ยอมให้NPCตายโดยใช่เหตุ


เนื่องจากหลุมอเวจีของดุ๊กเดและลมหายใจของเรคตั้งแต่เริ่มรวมถึงการต่อเนื่องของสกิลAoE บดขยี้ของพินด้วย มันเป็นการต่อสู้ที่ฆ่าล้างศัตรูไปได้การครึ่งตั้งแต่เริ่ม แต่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปหลังจากนั้นมันก็ยังคงมีแผนที่ละเอียดและน่าประทับใจพอที่จะทำให้โซจินอุทานออกมาอีกครั้ง


‘เดี๋ยวนะแล้วทำไมวิดีโอนี้มันถึงโดนรังแกอยู่แบบนี้ละ?’


โซจินที่ได้ดูวิดีโอที่ยาวกว่า20นาทีขฯะที่กลั้นหายใจ ก็รีบดูจำนวนคนดูของวิดีโอ


จำนวนคนดูนั้นประมาณห้าหมื่นเท่านั้น


มันก็ไม่ได้ถือว่าน้อยแต่มันก็ไม่ได้เยอะ


“ฉันจะต้องซื้อลิขสิทธิ์ของวิดีโดนี้เดี๋ยวนี้!”


โซจินรีบกดไปที่ไอดีของผู้อัพโหลดทันที และพบกับช่องทางการติดต่อ


เธอรีบกดเบอร์โทรลงในมือถือของเธออย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นเต้น


“นี่มัน…แจ็คพอตของแท้เลย!”


หลังจากตัดต่อวิดีโอแล้วและกลายติดอันดับยอดคนดู เธอก็วางแผนที่จะตามหาผู้เล่นที่ชื่อ ‘เอียน’ และทำสัญญากับเขาให้ไวที่สุด


เพราะว่าผู้เล่นระดับสูงในตอนนี้ได้ทำสัญญากับบริษัทและผู้เชี่ยวชาญหมดแล้ว สำหรับเธอที่มาเริ่มทีหลังนั้นเธอไม่มีผู้เล่นระดับสูงที่เธอจะสามารถแลกเปลี่ยนวิดีโอได้เลย


มันเป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คาดคิดเอาไว้ ดวงตาทั้งสองของเธอก็ส่อแววคาดหวังอย่างมาก

 

 

 


ตอนที่ 105

 

“จัดการทั้งหมดเสร็จแล้ว ตอนนี้ไม่มีคนอื่นอยู่แถวนี้ เธอรวบรวมทั้งหมดไปได้เลย”


“โอเค!”


หลังจากฆ่าเยติสองตัวขนาดใหญ่เลเวล 120 เอียนเอาบุ๊กค์ลงจากหลังของตน


มันไม่มีการต่อสู้ขนาดใหญ่แต่พวกเขาก็ยังคงเดินทางต่ออย่างสม่ำเสมอโดยไม่หยุดพัก พวกเขาค่อนข้างเหนื่อยแล้ว


“บุ๊กค์พวกเราพักกันสักหน่อยไหม?”


บุ๊กค์-!


เมื่อเอียนวางเขาลงบนพื้น บุ๊กค์ออกมาจากกระดองของมันและวิ่งไปรอบๆก่อนที่มันจะเริ่มเคลื่อนตัวไปยังที่บางแห่ง


แตกต่างจากเอียนที่เหนื่อยล้าดูเหมือนว่าบุ๊กค์ซึ่งอยู่ในกระดองของเขาตลอดเวลาเต็มไปด้วยพลังงาน


ฮารินที่เห็นอย่างนั้น แสดงอาการกังวลขณะเธอถามเอียน


“จินซุงมันจะไม่เป็นอะไรสำหรับบุ๊กค์ที่วิ่งไปรอบๆอย่างนั้นหรอ? มันจะไม่อันตรายใช่ไหม?”


เมื่อเธอพูด เอียนส่ายหน้าและยิ้ม


“ไม่ มันไม่อันตรายหรอก ถึงมันจะโดนโ๗มตีจากมอนสเตอร์จากที่นี่ทั้งวันเลือดของมันก็ลดแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละ”


“ห้ะ? ได้ยังไง?”


“ค่าสถานะของบุ๊กค์นั้นเต็มไปด้วยพลังป้องกันของเขา มันจึงยากที่จะทำความเสียหายได้ถึง10หน่วย”


“ฉันเข้าใจแล้ว บุ๊กค์สุดยอดจริงๆ”


ดูเหมือนมันจะได้ยินฮารินพูดว่ามันสุดยอด บุ๊กค์ก็เปล่งเสียงออกมาราวกับมันตอบรับคำชม


บุ๊กค์- บุ๊กค์-!


เมื่อเห็นเช่นนั้นเอียนก็หัวเราะออกมา


”บุ๊กค์ถ้าแกเจอมอนสเตอร์ตอนที่วิ่งเล่นอยู่ ก็หาที่ซ่อนตามที่นายทำเป็นประจำ เข้าใจไหม?”


บุ๊กค์-!


หลังจากบุ๊กค์พยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น มันก็หายไปที่ไหนซักที่หนึ่ง


ระหว่างที่พักในช่วงที่ล่าหรืออะไรก็ตาม เอียนจะให้บุ๊กค์วิ่งอย่างอิสระเช่นนี้


ไม่ว่าจะประสาทสัมผัสด้านกลิ่นที่น่าทึ่งของบุ๊กค์หรือเขามีความลับพิเศษบางอย่างไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เขาก็มีความสามารถพิเศษที่เขาสามารถหาส่วนผสมที่หาได้ยาก,แร่ธาตุ,ฯลฯ


เพราะอย่างนั้น เอียนจึงสนับสนุนความเฉื่อยช้าของมัน (?)


ถ้าบุ๊กค์เจอมอนสเตอร์ตอนที่วิ่งเล่นอยู่และได้รับความเสียหายข้อความระบบก็จะแจ้งเตือนกับเอียน แล้วเขาก็จะรีบวิ่งไปหาบุ๊กค์


ฮารินที่กำลังมองบุ๊กค์ที่วิ่งออกไปไกลเรื่อยๆ ก็ได้หันมาหาจินซุงและพูดขึ้น


“แต่ว่าจินซุง”


“หือ?”


“ฉันแค่สงสัยว่าทำไมนายถึงไม่ให้บุ๊กค์กินมีตบอลเยอะๆละ? มันมีเหตุผลอะไรพิเศษหรอ?”


เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอเห็นบุ๊กค์ทำหน้ามุ่ยเพราะว่ามันไม่อาจจะกินมีตบอลได้ มันก็ทำให้ฮารินเจ็บปวดดังนั้นเธอจึงตั้งใจมาถามกับเอียน


“นั่น…”


เมื่อเอียนลังเลสักครู่ ฮารินกดดันเขา


“มันคืออะไร บอกฉันมาหรือว่าจะ…?”


“หรือว่าจะอะไร?”


“ไม่ใช่ว่าเพราะนายไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการที่จะแกล่งบุ๊กค์หรืออะไรทำนองนั้นใช่มั้ย?”


เมื่อเธอพูด เอียนสะดุ้งเล็กน้อย


‘นั่นไม่ใช่เหตุผล แต่มันก็เจ็บปวดเล็กน้อย…’


เพราะว่าจริงๆแล้วเขาอารมณ์ดีทุกครั้งที่เห็นบุ๊กค์ทำท่าน่ารักๆเพื่อที่จะขอกินมีตบอลเพิ่ม


อย่างไรก็ตาม เหตุผลจริงๆนั้นแตกต่างกัน


“ไม่มีทาง เธอรู้มั้ยว่าฉันชอบบุ๊กค์ขนาดไหนฉันถึงต้องทำแบบนั้น?”


“มันจริงใช่ไหม?”


ฮารินซึ่งโล่งใจ (?) ที่เอียนไม่มีความผิดปกติทางด้านจิตใจจึงถามอีกครั้งด้วยความสงสัย


“ถ้างั้นทำไมนายถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?”


“ก็…อย่างแรก เนื่องจากฉันไม่สามารถเอามีตบอลจากเธอได้บ่อย ดังนั้นฉันก็เลยจะต้องเก็บมันไว้บ้าง…”


เอียนพักหายใจสักครู่หนึ่งและพูดต่อ


“แต่ถ้ามันกินมีตบอลเยอะ บุ๊กค์ก็จะอ้วนขึ้นอย่างช้าๆ”


เมื่อคำตอบเป็นไปตามคาด ฮารินแสดงอาการบูดบึ้ง


“ห้ะ? ถ้างั้นแสดงว่านายทำไปแบบนั้นเพราะว่ากลัวว่าบุ๊กค์จะกลายเป็นเต่าที่อ้วนใช่มั้ย? ฉันคิดว่าถ้าบุ๊กค์มันน้ำหนักขึ้นนิดหน่อยมันก็จะอ้วนกลมและน่ารักขึ้นไปอีก”


เอียนส่ายหน้า


“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าหากมันน้ำหนักขึ้นละก็มันก็จะหนักเกินไปที่ฉันจะแบกมันไว้บนหลังได้…”


“…”


ขณะมองไปยังเอียนที่ตอบอย่างเขินอาย ฮารินก็พูดไม่ออก


เอียนยังคงแก้ตัวต่อไป


“บุ๊กค์ต้องมีความเบาเพื่อให้ฉันสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นเล็กน้อยในการต่อสู้ ไม่ใช่ว่าน้ำหนักของบุ๊กค์จะเกี่ยวข้องกับพลังป้องกันของมันสักหน่อย…”


ฮารินซึ่งได้รู้ความจริงอย่างไรก็ตาม ก็ยิ้มอย่างปลงๆพร้อมกับพยักหน้า


“ถ้ามันเป็นแบบนั้นละก็ เราก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้”


ฮารินได้เหตุผลแปลกๆก็ยิ่งรู้สึกสงสารบุ๊กค์


‘เพราะว่ามันต้องไปเจอกับเจ้าของที่เสพติดการล่า เจ้าบุ๊กค์ตัวน้อยก็เลยต้องอดกินมีตบอล…”


ฮารินเมื่อไขข้อข้องใจของตนแล้วก็ยืนขึ้นและเริ่มที่จะรวบรวมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารของเธอ


ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่ามันเป็นพื้นที่ล่าเลเวลสูงที่มีเพียงผู้เล่นระดับสูงเท่านั้นที่สามารถมาล่าได้ เธอจึงสามารถรวบรวมวัตถุดิบระดับสูงได้มากมายเธอรู้สึกคุ้มค่าที่มาเป็นอย่างมาก


ประมาณ20นาทีผ่านไป


เอียนที่นั่งบนหินจู่ๆก็ยืนขึ้นและเรียกฮาริน


“ฮาริน เธอเก็บรวบรวมเสร็จหรือยัง?”


“ยังเลย มันยังมีเหลืออีกนิด”


“หืมมม… เหลือไว้สักต้นก่อนก็ได้ เราจะไปกันแล้ว”


เมื่อเอียนพูดฮารินก็สงสัยว่ามีมอนสเตอร์ปรากฏตัวหรือป่าวจึงหันมองรอบๆ แล้วเธอก็สงสัย


นั่นเพราะว่าเธอไม่ได้เห็นอะไรใกล้ๆเลย


“ทำไมล่ะ? หรือมีอะไรที่เร่งด่วนขึ้นมาหรอ?”


เอียนเกาหัวเมื่อเขาตอบ


“มันก็ไม่มีอะไรด่วนหรอกแต่ดูเหมือนบุ๊กค์จะเจอกับมอนสเตอร์เข้าน่ะ ฉันอยากจะไปช่วยมันสักหน่อย”


เมื่อเอียนพูด ฮารินโยนส่วนผสมที่เธอรวบรวมและยืนขึ้นทันที


“อ่อ ถ้างั้นพวกเราก็ต้องไป”


เอียนคิดว่าบางทีฮารินอาจจะชอบบุ๊กค์มากกว่าเขาที่เป็นเจ้าของอีกก็ได้ เขาจึงทำท่าทางแปลกๆและเริ่มเดินไป


เขารู้สึกถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาเล็กน้อย


 


* * *


 


สถานที่ที่ทั้งสองมาถึงนั้นเป็นพื้นที่หิมะที่บุ๊กค์อยู่และใช้สกิลขยายกระดองเอาไว้ ตอนนี้มันถูกล้อมด้วยเยติยักษ์หลายตัว


“บุ๊กค์อยู่ตรงนั้นไง แต่มันก็ไม่มีอะไรอันตรายเท่าไหร่”


เมื่อฮารินพูด เอียนพยักหน้า


“ฉันบอกเธอแล้ว มันไม่มีทางที่บุ๊กค์จะตกอยู่ในอันตรายหรอก”


นอกจากจะไม่ได้อยู่ในอันตรายแล้ว บุ๊กค์ก็ไม่ได้รับความสนใจจากมอนสเตอร์แม้แต่น้อย


บุ๊กค์ถูกทำให้เป็นเหมือนสิ่งที่อยู่รอบๆตัวทั่วไป


มันไม่มีเหตุผลอื่นเลยนอกจากการใช้สกิล ‘ขยายกระดอง’


เป็นเพราะหนึ่งในผลเพิ่มเติมของสกิลการขยายตัวของกระดอง


 


** ในช่วงระยะเวลาของการขยายกระดอง ท่านจะได้รับการยอมรับว่าเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิต


 


มอนสเตอร์จึงไม่เห็นว่ามันเป็นศัตรู


นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบุ๊กค์ถึงได้รับหน้าที่สำรวจ


เอียนเมื่อตรวจสอบเลเวลของเยติทั้งหมดแล้วก็คิดครู่หนึ่งเพื่อหาแผนที่ดีที่สุด


“หืมมม…ถ้ามันมีประมาณสี่ตัวมันก็อันตรายเล็กน้อยถ้าเราล่อพวกมันแล้วจัดการมันในทีเดียว”


อย่างแรก เอียนเตือนฮารินให้ระวังตัว


“ฮาริน ฉันจะพูดมันอีกครั้ง แค่ใช้บัฟทั้งหมดของเธอและฟื้นฟูแค่ตัวเองเข้าใจไหม?”


ฮารินเคยโดนเยติโจมตีมาแล้ว


หลังจากที่เห็นพลังชีวิตสูงสุดของเธอหายไปครึ่งหนึ่งจากการโจมตีเดียว เธอรู้ดีอยู่แล้ว


“อืม เข้าใจแล้ว ฉันจะใช้เกราะของฉันตลอดเวลาดังนั้นฉันจะไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันไม่รู้ว่านายให้ฉันมาทำไมแต่ฉันเป็นนักบวชนะะ”


เอียนยิ้มพร้อมกับตอบ


“โอเค ระวังตัวล่ะ”


เอียนที่พูดจบ เดินไปข้างหน้าเยติกับสัตว์เลี้ยงของเขา


และเขาเริ่มฆ่าตัวที่ห่างไกลที่สุดจากตัวที่เหลือก่อนอย่างช้าๆ


เนื่องจากเยติมีพลังชีวิตที่สูงและมีพลังโจมตีที่โดดเด่นรวมถึงสกิลในการฟื้นฟูพลังชีวิตถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีเท่าโทรล์ก็ตามแต่พวกมันก็อยู่ในหมวดมอนสเตอร์ที่มีความยุ่งยากในการล่า


พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่จะฟื้นฟูพลังชีวิตทันทีเมื่อพยายามโจมตีมันอย่างหนัก ถ้าหากเผลอไปเพียงชั่วครู่หรือลังเลแม้แต่น้อยมันก็จะฟื้นพลังชีวิตของพวกมันในทันที


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกมันเป็นมอนสเตอร์เลเวลมากกว่า120 มันก็อันตรายเกินไปสำหรับเอียนที่จะล่าแบบกลุ่มที่เขาถนัด


กลยุทธ์ของเอียนในการล่าเยติคือการใช้ตะปบ ความสามารถแฝงของฮัลลิที่มีการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมและมีโอกาสที่จะทำให้มันติดสตั้นอีกด้วยและทำให้พวกเขาสามารถใช้โอกาสนั้นฆ่าพวกมันทีละตัวได้


เพราะว่ากริฟฟินของเขาที่ตอนนี้มีเลเวลมากกว่า100แล้วก็เริ่มที่จะแผลงฤทธิ์ของสัตว์เลี้ยงระดับLegendaryออกมา ปาร์ตี้ของเอียนจึงแข็งแกร่งขึ้นมาก


Thud- .


 


ท่านได้สังหาร ‘เยติน้ำแข็ง’ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 128,500 หน่วย ท่านได้รับเหรียญทอง 3845 หน่วยจาก ‘เยติน้ำแข็ง’ ท่านได้รับ ‘ขนหนาของเยติ’


 


รางวัลที่ได้นั้นจากเยติเลเวลมากกว่า120มันค่อนข้างน่าดึงดูดทีเดียว


เอียนแสดงสีหน้าพึงพอในขณะที่เขาบ่นอยู่ในใจ


‘ราคาตลาดสำหรับทองมันไม่สูงเท่าเมื่อก่อน แต่มันก็ยังเป็นเงินประมาณ5พันวอนสำหรับเยติแต่ละตัวอยู่ดี’


เอียนนั้นสนใจแต่การเพิ่มเลเวลและการเล่นมาจนถึงตอนนี้ เขามักจะใช้เงินไปกับการซื้ออุปกรณ์ระดับสูงมาตลอด


ดูเหมือนเพราะเช่นนั้นแล้วเมื่อเทียบกับเงินที่เขาได้มา มันก็ไม่มีมากเท่าไหร่ที่เขาเก็บเอาไว้


‘ฉันจะต้องเริ่มเก็บเงินใหม่อีกครั้งแล้วแหะ’


เอียนล่าเยติอย่างตั้งใจพร้อมกับคิดไปด้วยว่าเขาสามารถทำเงินในแต่ละวันซื้อข้าวได้หนึ่งวันเลยทีเดียวถ้าหากเขาฆ่าเยติตรงหน้าทั้งหมด


ยิ่งไปกว่านั้นมันมีบางสิ่งที่เขาอยากจะซื้อในตอนนี้


‘เมื่อหมดเทอมนี้แล้ว ฉันก็ควรจะซื้อแคปซูลรุ่นใหม่เหมือนกัน’


ใจของเขาถูกขายไปโดยแคปซูลรุ่นใหม่ที่ทางLB Corporationปล่อยออกมาล่าสุดซึ่งเขาเห็นมันในทีวีขฯะที่ทานอาหารอยู่


แน่นอนว่า มันเป็นไปได้ที่จะควบคุมอุณหภูมิภายในแคปซูลแม้ว่าคุณจะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อนในห้องและคุณสามารถควบคุมความชื้นและสร้างสภาพแวดล้อมการเล่นเกมที่ดีที่สุดได้ แคปซูลใหม่นี้เป็นความฝันของผู้เล่นไคลัน


ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาบอกว่าพวกเขาสามารถเพิ่มอัตราการซิงค์โครไนซ์(การประสาน)ในระบบVRได้อีก2% มันจึงไม่มีทางเลยที่เอียนจะไม่อยากได้


การซิงโครไนซ์ 2% อาจจะไม่ได้เป็นที่สนใจมากนักสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเอียนที่หมกมุ่นอยู่กับแต่ตัวเลข เขารู้สึกว่าเขาได้สูญเสียบางอย่างไป


มันรู้สึกเหมือนกับว่าความเร็วในการเพิ่มเลเวลของเขาช้ากว่าผู้เล่นที่ใช้แคปซูลใหม่ไป2%


“ฟู่ว ฉันฆ่าพวกมันทั้งหมด”


นานมาแล้วที่เขามีความคิดอะไรแบบนี้แต่ยังไงเอียนก็กวาดล้างเยติทั้งหมดและช่วยบุ๊กค์ออกมาได้สำเร็จ และเดินเข้าไปหาบุ๊กค์ที่ยังไม่คิดจะออกมาจากกระดอง


ก๊อก- ก๊อก-


“คุณบุ๊กค์อยู่ที่นี่หรือปล่าวครับ?”


เมื่อเอียนเคาะบุ๊กค์ก็โผล่หัวออกมาจากกระดองของมัน


บุ๊กค์-!


และเอียนหันหลังให้กับบุ๊กค์


“โอเค ขึ้นมาบนหลังฉันมา แล้วพวกเราจะไปล่าพวกนั้นกัน”


อย่างไรก็ตามบางเหตุผล บุ๊กค์ส่ายหน้าของเขาและเริ่มเดินไปที่อื่น


บุ๊กค์- บุ๊กค์-!


“หืมมม…?”


และเพราะว่าบุ๊กค์มักจะเจออะไรใหม่ๆทุกครั้งที่มันเดินไปแบบนี้ เอียนก็เริ่มจะตามบุ๊กค์ไปด้วยความสนใจ


“ฮาริน เธอก็มานี่สิ”


ฮารินซ่อนตัวไว้ในที่ที่ปลอดภัยก็รีบมายืนข้างเอียนและตามหลังบุ๊กค์ไป


“จินซุง มันจะไปที่ไหนน่ะ?”


เมื่อฮารินถาม เอียนยักไหล่


“นั่นฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”


“ถ้าอย่างนั้นทำไมเราถึงตามมันล่ะ?”


“บุ๊กค์บางครั้งพบสมุนไพรที่หายากหรือสิ่งต่างๆเช่นไอเทม ฉันคิดว่ารอบนี้มันก็คงเจออะไรแปลกๆอีกก็เลยตามมันมา”


“อ่อ…”


พวกเขาเดินตามมาเกือบจะห้านาทีแล้ว


สถานที่ที่บุ๊กค์หยุดและยืนในหน้าผาที่สูงอย่างเหลือเชื่อและหน้าผาที่ไม่มีจุดสิ้นสุดอยู่ต่อหน้าพวกเขา


และในกลางขอบหนัาผา เอียนค้นพบบางสิ่ง


“โอ้ นั่นถ้ำนิ บุ๊กค์นี่คือที่ที่แกอยากจะไปหรอ?”


เมื่อเอียนถาม บุ๊กค์พยักหน้าโดยไม่ลังเล


บุ๊กค์-!


แม้แรกเห็น มันดูเหมือนถ้ำที่มีบางสิ่งในนั้น


และสัมผัสที่หกของเอียนกำลังบอกเขาว่าเขาสามารถหาอะไรบางสิ่งที่พิเศษข้างในนั้น


อย่างไรก็ตาม นั่นมันเป็นปัญหา


“แต่ เราจะไปที่นั่นได้ยังไง?”


เหมือนกับที่ฮารินถามถ้ำมันอยู่ตรงกลางหน้าผาสูงชัน ความสูงของมันนั้นไม่สามารถไปได้ด้วยวิธีการธรรมดา


ถึงกระนั้นมันก็มีทางสำหรับเอียน


“พวกเราต้องขี่พินเข้าไป รอแปปนะ”


อย่างแรกหลังจากเรียกพิน เอียนขึ้นไปบนหลังของมันอย่างช้าๆ


ส่วนบนของพินเป็นเหมือนเหยี่ยวแต่ร่างของมันนั้นเป็นเหมือนสิงโต


เพราะอย่างนั้นถ้าพวกเขาขึ้นอย่างระมัดระวังมันก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะขี่พินไปได้


แน่นอนว่าเอียนไม่สามารถขี่พินเหมือนที่ขี่ไลได้แต่ระยะที่ไม่ไกลมันก็ไม่ยากเท่าไหร่


เอียนที่ขึ้นไปบนพิน เรียกฮาริน


“ฮาริน เธอมานี่สิ”


“ห้ะ? นายต้องการให้ฉันขึ้นไปกับนายหรอ?”


“ใช่สิ”


ฮารินถามอีกครั้งอย่างระมัดระวัง


“มัน มันจะไม่หนักเกินไปหรอ?”


คราวนี้ไม่ใช่เอียนแต่พินพยัหน้าและตอบ


Kku-ruk- Kku-ruk- .


มันพยายามจะบอกเธอว่าไม่ต้องห่วง


ฮารินเมื่อได้รับการยินยอมจากพินแล้วก็ค่อยๆนั่งด้านหน้าเอียน และแขนของเอียนก็โอบที่เอวของเธอเอาไว้ราวกับพวกเขากำลังกอดกันอยู่ เธอก็ตกใจเล็กน้อยหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงขึ้นมาทันที


‘ห้ะ ห้ะ?’


นั่นเพราะว่าเธอไม่รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเอียน ซึ่งเธอยังไม่ได้จับมือด้วยซ้ำ(?)ไม่คิดว่ามันจะกระทันหันเช่นนี้


อย่างไรก็ตามในอีกทางหนึ่งเอียนแสดงความคิดเล็กน้อย


“พิน พาพวกเราไปที่นั่นช้าๆ”


Kku-ru-ruk-!


พินที่มีฮารินและเอียนอยู่บนหลัง บินอย่างช้าๆไปที่ถ้ำในหน้าผาด้วยการกระพือปีกอย่างระมัดระวัง


และเมื่อปีกของพินเริ่มจะกระพือ ฮารินจับมือเอียนอย่างแน่นก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว


จากนั้นไม่นาน ฮารินที่คุ้นเคยกับการรักษาสมดุลของเธอ หัวเราะขณะที่เธอหันหน้าและมองไปที่เอียน


‘ฮิฮิ นี่มันดีจริงๆ ฉันควรจะขอให้เขาพาฉันขี่อีกครั้งในครั้งหน้า’


แน่นอนว่าเธอไม่มีความตั้งใจที่จะขี่พินคนเดียว ต้องขี่กับเอียนเสมอ


ในขณะเดียวกันเอียนศึกษาการเคลื่อนไหวของพินอย่างใกล้ชิดขณะที่เขาไตร่ตรองภายใน


‘ฉันควรฝึกขี่พินมากกว่านี้… ถ้าฉันสามารถขี่เขาได้อย่างอิสระเหมือนกับไลมันจะช่วยในการต่อสู้ได้อย่างแท้จริง’


หลังจากที่พินมีเลเวลมากกว่า80แล้ว เอียนพยายามที่จะขี่หลังพินมาตลอด


เพราะว่าตั้งแต่เลเวล80มันก็โตขึ้นจนมีขนาดที่สามารถแบกเอียนได้แล้ว ถึงกระนั้นเมื่อเทียบกับไลที่เป็นมอนสเตอร์เดินเท้าแล้วมันก็ต้องใช้เวลาในปรับตัวมากกว่า


ไม่นานพินก็มาถึงยังจุดหมาย ถ้ำที่อยู่บนหน้าผา


Kku-ruk-!


“ฮาริน ลงมาช้าๆ”


เมื่อพวกเขาถึงที่หน้าถ้ำ เอียนจับมือฮารินให้เธอสามารถลงได้อย่างง่ายดาย


“ฮึบ-ฮึบ”


และทั้งสองคนที่ลงมาจากหลังของพิน เริ่มเข้าไปข้างในถ้ำอย่างช้าๆ


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ราวกับว่ามันรออยู่ ข้อความระบบดังขึ้น


กริ๊ง-


 


ท่านเป็นผู้คนพบดันเจี้ยนคนแรก ค่าประสบกาณณ์ที่ท่านได้จากดันเจี้ยนจะเป็นสองเท่าเป็นเวลาห้าวัน โอกาสที่จะได้รับไอเทมเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็นเวลาห้าวัน


 


เห็นได้ชัดว่าเอียนยิ้มบานจนแทบจะถึงหู

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม