Taming Master 140-153

ตอนที่ 140

 

“เรามาถึงถูกที่ใช่ไหมบัลลัม?”


เมื่อฮูนี่ย์พูด อัศวินแห่งความตายบัลลัมก็พยักหน้า


 


ถูกต้อง บรรยากาศที่มืดมนและสั่นสะเทือนเยือกเย็นนี่คือสถานที่ที่ข้ากำลังมองหา

 


คนที่เข้ามาในดันเจี้ยนโบราณสถานคนแรกไม่ใช่เอียนหรือชยาครานแต่เป็นฮานจิฮูนี่ย์แทน


ฮูนี่ย์เป็นคนสุดท้ายที่เข้าสู่ทวีปตอนกลาง แต่พลังแห่วความอมตะและบัลลัมผู้รู้ตำแหน่งที่แน่นอนทำให้เป็นไปได้ หากใช้พลังแห่งความอมตะมันเป็นไปได้ที่จะเคลื่อนที่เร็วขึ้นสามเท่าบนพื้นทราย


‘มันคือมงกุฎของโฮลดรีมใช่ไหม?’


อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฮูนี่ย์กำลังมองหาคือสิ่งที่แตกต่างจากเอียนและชยาครานหลังจากนั้น


เป้าหมายของฮูนี่ย์คือทำเควสต์ลับให้เสร็จ


และเพื่อที่จะทำเช่นนั้น เขาต้องการ ‘มงกุฎของโฮลดรีม’


อย่างไรก็ตามจากนั้น บัลลัมเดินไปข้างหน้าเมื่อเขาเตือนฮูนี่ย์


 


นั่นศัตรูฮูนี่ย์ เตรียมตัวให้พร้อม

 


ทันทีที่คำเหล่านั้นจบลง มอนสเตอร์ก็ปรากฏตัวพร้อมกับเสียงแปลกๆต่อหน้าพวกเขา


พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ดูเหมือนมัมมี่ปกคลุมด้วยควันสีดำ


ฮูนี่ย์แสดงท่าทางที่แน่วแน่ ขณะที่เขากางคฑาไปข้างหน้า


“หุ่นเชิดของโฮลดรีมที่ถูกลืมหรอ… แกไม่รู้จักเจ้าแห่งความมืดคนใหม่ของแกหรอ??”


ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์แบบใด ฮูนี่ย์ไม่เคยทิ้งความสนใจในบทบาทของเขา


และบัลลัมจ้องไปที่ฮูนี่ย์ด้วยความพึงพอใจ


ดนี่เป็นเพราะจากมุมมองของเขา มันเป็นคำพูดที่งดงาม


ฮูนี่ย์พูดต่อ


“ความแข็งแกร่งแห่งความมืดและพลังแห่งความอมตะ… จงแสดงตัวออกมา!”


เมื่อฮูนี่ย์ผู้ขะมักเขม้นที่จะเปล่งคำพูดออกมาจากปากของเขาซึ่งไม่จำเป็นจริงๆเลย เหวี่ยงคฑาไปรอบๆ นักรบโครงกระดูกจำนวนมากปรากฏขึ้นจากพื้นดิน


แกร๊ก- แกร๊ก-!


Keu-haeeel-.


พร้อมกับการประมาณคร่าวๆของนักรบโครงกระดูกที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจำนวนมากและประมาณครึ่งหนึ่งเป็นนักเวทโครงกระดูก


ยิ่งไปกว่านั้นฮานจิฮูนี่ย์ซึ่งได้เรียกอัศวินแห่งความตายอีกสองคนที่มีเลเวลมากกว่า 130 กางคฑาของเขาไปทางด้านหน้าด้วยท่าทางพึงพอใจ


“ลงโทษคนนอกรีตผู้หยิ่งผยองทั้งหมด!”


และเช่นนั้น การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น


เลเวลของมอนสเตอร์ที่เรียกว่า ‘หุ่นเชิดของโฮลดรีมที่ถูกลืม’ นั้นมากกว่า 150 และมีมากกว่าสิบตัว


อย่างไรก็ตามกองทัพแห่งความมืดของฮูนี่ย์นั้นแข็งแกร่งและเขาสามารถฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดได้โดยไม่ได้รับความเสียหายมากมาย


ฮูนี่ย์จ้องไปที่ไอเทมพลังแห่งความอมตะเล็กน้อย ในขณะที่เขาจุดประกายความต้องการของเขาอีกครั้ง


‘ฉันต้องประสบความสำเร็จในการทำเควสต์นี้ให้จงได้ ถ้าฉันต้องการสร้างพลังแต่เพียงผู้เดียวของฉัน…’


ปัจจุบันฮูนี่ยอยู่ที่เลเวล 129


แม้จะพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่านักเวทมืดมีอัตราการเพิ่มเลเวลอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังอยู่ในเลเวลสูงที่สามารถถกเถียงกันว่าเป็นอันดับแรกหรือที่สองของเซิร์ฟเวอร์ในบรรดานักเวทมืด


อย่างไรก็ตามแม้จะมีพลังของอมนุษย์ที่ฮูนี่ย์อัญเชิญเป็นเลเวลที่นักเวทมืดในเลเวลนี้ไม่สามารถอัญเชิญได้


โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าเขาสามารถอัญเชิญอัศวินแห่งความมืดสองตัวมาได้ ต้องขอบคุณพลังแห่งความอมตะที่เติมเวทมนต์มืดของเขาอยู่ตลอดเวลา


Bang- Ba-bang-!


และอัศวินแห่งความตายบัลลัมดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากอัศวินแห่งความตายสองตัวที่ ฮูนี่ย์เรียก


บัลลัมซึ่งอยู่ใกล้กับเลเวล 170 เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนได้อย่างง่ายดาย


“ดูเหมือนว่าเราจะเส็จแล้วนะ”


 


ถูกต้อง ฮูนี่ย์

 


“ถ้างั้นเราไปข้างในกันเลยมั้ย?”


อย่างไรก็ตามจากนั้นบัลลัมขวางฮูนี่ย์ที่พูดจบและเดินเข้าไปข้างใน


 


ฮูนี่ย์มีใครบางคนเข้ามาในดันเจี้ยน

 


“หืมม…?”


เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิด ฮูนี่ย์ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง


‘อาจมีโบราณวัตถุมากมายจากมงกุฎของโฮลดรีมในซากปรักหักพัง…’


เขาไม่รู้ว่าจะมีสิ่งของประเภทใด แต่เป็นความคิดที่แน่นอนของมนุษย์ที่ไม่ต้องการแบ่งปันโบราณวัตถุแม้แต่ชิ้นเดียว


‘และพวกเขาบอกว่าไม่มีการลงโทษในทวีปกลางในการ PK ใช่ไหม?’


ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามันเป็นสถานการณ์ที่มันไม่สำคัญเลยถ้า ‘ใครบางคน’ ที่เข้ามาในดันเจี้ยนนั้นเป็นผู้เล่นหรือ NPC …


ฮูนี่ย์เบะปาก


“บัลลัม”


 


เรียกข้าทำไมฮูนี่ย์?

 


“เราไม่มีทางเลือก มันทำให้ฉันเจ็บปวดหัวใจ แต่ถ้าเพื่อการกระทำที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ดูเหมือนว่าเราจะต้องฆ่าพวกเขา”


ฮูนี่ย์จริงจังเมื่อเขาหันหลังกลับและตามคำพูดของเขา บัลลัมพยักหน้าเมื่อเห็นด้วย


 


เป็นความคิดที่ดี ตามที่คาดไว้ทายาทแห่งความมืด

 


ฮูนี่ย์หันกลับมาในขณะที่เขาเตรียมที่จะเผชิญหน้ากับแขกที่ไม่น่าพอใจและบัลลัมก็ดึงดาบของเขาออกมา


และหลังจากนั้นไม่นาน ฮูนี่ย์ที่พบกับหน้าตาที่คุ้นเคยแสดงสีหน้างุนงง


“แก แกมัน…?”


แน่นอน ‘ใบหน้าที่คุ้นเคย’ นั้นคือเอียน


“เฮ้ย ดูสินี่ใคร ว่าไงเด็กน้อนไม่ได้เจอกันนานเลยนะ?”


ณ ตอนนั้น ฮูนี่ย์ที่จำได้ถึงฝันร้ายที่ลานประลองลีกหน้าใหม่ได้กำหมัดแน่น


มันเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิด แต่ ฮูนี่ย์ก็ตะโกนด้วยความดีใจแทน


‘นี่เป็นโอกาสที่พระเจ้าจะได้แก้แค้นในครั้งนั้น! เพื่อพบไอเวรนี่ในโซน PK!’


“นี่มันเยี่ยมมากเอียน! ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะได้พบแกที่นี่ แต่เนื่องจากสถานการณ์เป็นเช่นนี้อย่างไรก็ตามฉันจะตอบแทนความอัปยศจากครั้งที่แล้ว!”


“…”


เมื่อฮูนี่ย์พูดยาวเหยียด เอียนก็ไม่มีอะไรจะพูด


และไคซาร์ที่เข้ามาที่หลังได้ถามเอียน


“ไอเด็กแปลกๆนั่นนายรู้จัดด้วยหรอ?”


เอียนพยักหน้า


“ใช่ นั่นเป็นบางคนที่ฉันรู้จัก แต่…”


เอียนเดินไปข้างหน้าเมื่อเขาพูดกับฮูนี่ย์


“ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอกใช่ไหม?”


ฮูนี่ไม่ยอมแพ้และกลับมาพร้อมกับการกลับมา


“ไอขี้ขลาด! ฉันไม่ได้เลวแบบแก!”


จากนั้นฮูนี่ย์ยกคฑาขึ้นเมื่อเขาตะโกน


“กำจัดพวกมันทั้งหมด!”


เอียนไม่คิดว่าฮูนี่ย์จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไม่มีเหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ชอบที่จะยืนเฉยๆและโดนโจมตี


เอียนรีบถอยกลับอย่างรวดเร็วขณะที่เขาให้ดุกแดอยู่ข้างหน้าและเริ่มโจมตีโต้กลับ


“ดุ๊กเด หลุมอเวจี!”


Kuoooh-!


กระแสอากาศที่ไหลผ่านแขนขวาของดุกแดและพุ่งออกมา


และในไม่ช้าเอียนก็หยุด ไคซาร์ซึ่งกำลังจะพุ่งไปหาฮูนี่ย์


“ไคซาร์รอสักครู่”


“ทำไมล่ะ?”


“ฮูนี่ย์น่ะ อย่าฆ่าเขา”


“…?”


เอียนยิ้ม


“มีสิ่งที่ฉันต้องเอามาจากเขา”


 


* * *


 


15 นาทีต่อมา


“เด็กน้อยฮูนี่ย์ ฉันเข้าใจที่นายมีความสุขที่เจอฉัน แต่ทำไมต้องมายุ่งกับพี่ล่ะห้ะ?”


เอียนเดินไปด้วยก้าวใหญ่ๆที่ ฮูนี่ย์ผู้ซึ่งแสดงออกอย่างไม่พอใจในขณะที่เขาถูกรายล้อมไปด้วยอัศวินแห่งอาณาจักรและสัตว์เลี้ยงของเอียน


“ยะ อย่าเข้ามาใกล้นะ!”


“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ?”


เอียนซึ่งเดินเข้ามาหาฮูนี่ย์ด้วยท่าทางที่มีเลศนัยทันใดนั้นก็ยกคฑาขึ้น


“ฉันคิดว่าถ้านายได้รับการโจมตีอีกสักครั้ง จากนั้นนายก็จะตาย”


ขณะมองไปที่เอียนที่ขู่เขา ดวงตาทั้งสองของฮูนี่ย์สั่นคลอน


“อ๊า ไม่นะ… อย่าทำอย่างนั้น!”


มีเหตุผลที่แตกต่างว่าทำไมฮูนี่ย์จึงตัดสินใจ (?) แบบนี้


นี่เป็นเพราะช่วงเวลาที่ฮูนี่ย์เสียชีวิตในขณะดำเนินเควสต์ลับ เขาจะต้องกลับไปอย่างล้มเหลว


แน่นอนว่าบทลงโทษสำหรับการตายนั้นค่อนข้างมาก แต่ถ้ามันเป็นสถานการณ์ที่มันจะจบลงด้วยแค่ความตายเขาจะไม่กลัวอย่างนี้


‘มันเป็นเควสต์ที่ฉันทำงานอย่างหนักกว่าจะได้รับมา!’


ความจริงที่ว่าฮูนี่ย์ไม่แม้แต่จินตนาการในความฝันของเขาว่าเขาจะสามารถเอาชนะเอียนได้อย่างง่ายดาย


เอียนเองก็แข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้ แต่นักดาบที่มีผมสีขาวซึ่งถือดาบใหญ่สีดำที่เก่งกาจนั้นเป็นหายนะอย่างแท้จริง


แม้แต่บัลลัมผู้ที่เขาไว้วางใจในนั้นก็ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร้ประโยชน์โดยนักดาบที่มีผมสีขาว


‘สำหรับบัลลัมที่มีเลเวลมากกว่า 170 ต้องรับความทุกข์ทรมานในทันที…’


สูญสลายไปกับพื้น ฮูนี่ย์ถอนหายใจอย่างแรง ขณะที่เขามองไปที่แถบพลังชีวิตของเขาที่กระพริบ


“เฮ้อ…”


และแอบเห็นว่าฮูนี่ย์แสดงท่าทางยินยอม เอียนเริ่มยื่นข้อเสนอ


“เฮ้ ฉันควรปล่อยนายไปดีไหม?”


“…!”


ตามข้อเสนอที่ดึงดูดของเอียน ฮูนี่ย์ก็สะดุ้งทันที


‘เขาพูดว่าฉันควรปล่อยนายไปดีไหม… ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!’


อย่างไรก็ตาม มันมากเกินไปสำหรับเขาที่จะสูญเสียโดยความตายในขณะนี้ที่จะยืนหยัดในความภาคภูมิใจ


ฮูนี่ย์เศร้าเล็กน้อย แต่เขาก็แยกความภาคภูมิใจออกมาเล็กน้อยและถามเอียน


“นั่นคือเงื่อนไขใช่ไหม?”


เมื่อมีคำถามตอบกลับ เอียนยิ้มเมื่อเขาพยักหน้า


“ฉลาดดีนิ แน่นอน มันคือเงื่อนไข”


เอียนผู้พักหายใจได้พูดต่อ


“อย่างแรก นายต้องเข้ามาในปาร์ตี้ของพวกเรา”


ถ้าเขาเข้าร่วมปาร์ตี้ รางวัลบัฟผู้ค้นพบดันเจี้ยนครั้งแรกจะกลายเป็นแบ่งปันกัน


เพราะฮูนี่ย์รู้ว่าการแสดงออกของเอียนหมายถึงอะไร เขาจึงพยักหน้าอย่างอ่อนโยน


มาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะเสีย


“แล้ว?”


เอียนพูดต่อ


“โบราณวัตถุทั้งหมดที่ปรากฏในดันเจี้ยน รวมถึงจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีมต้องเป็นของฉัน”


เมื่อคำพูดเหล่านั้น ฮูนี่ย์สั่นเล็กน้อย


“ฉันไม่ทำอย่างนั้น”


นี่เป็นเพราะถ้าเขาไม่สามารถได้รับมงกุฎของโฮลดรีมก็ไม่มีประเด็นที่จะมีชีวิตรอดและช่วยเหลือพวกเขาในดันเจี้ยน


เอียนแสดงอาการงุนงง


“ทำไมล่ะ? นอกจากนายจะไม่ตายแล้วนายยังจะได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อถ้านายมาปาร์ตี้กับเรา แม้แต่นายก็ไม่สามารถทำได้มากขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ?”


ฮูนี่ย์พูดต่อดัวยท่าทางใจเสาะ


“มงกุฎของโฮลดรีม ให้ฉันแค่นั้นพอ”


เมื่อฮูนี่ย์พูด ทั้งสองตาของเอียนเปล่งประกาย


ในขณะที่มองฮูนี่ย์ผู้ชี้ให้เห็นโบราณวัตถุที่เขาไม่รู้ว่ามีอยู่ด้วยซ้ำ เอียนก็พยักหน้า


‘อย่างที่คาดไว้ ชายคนนี้เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้’


เอียนซึ่งคิดว่าเขาทำงานได้ดีปล่อยให้ฮูนี่มีชีวิตรอด เปิดตาทั้งสองข้างของเขาอย่างรุนแรง


“ทำไมนายถึงต้องการมัน?”


ฮูนี่ย์พูดจากใจจริง


“ฉันต้องการมันเพื่อเควสต์ของฉัน ถ้านายให้ฉัน ฉันจะให้สิ่งที่เหลือทั้งหมดเลย”


เอียนตอบด้วยท่าทางไม่แยแส


“ฉันจะเชื่อนายได้ยังไง?”


อย่างไรก็ตามถึงแม้ฮูนี่ย์จะไม่ยอมแพ้มากกว่านั้น เขาก็ตอบโดยไม่ยอมแพ้


“ถ้าฉันโลภมากไปกว่านั้นนายก็สามารถฆ่าฉันได้ใช่ไหมล่ะ? นายจะยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้เมื่อฉันเอาไอเทมไปและถือมันไปรอบๆดีไหมล่ะ?”


“นั่นไม่จริง…”


เอียนที่ครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า


“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีมของพวกเราก่อนและร่วมมือกันในการค้นหาโบราณวัตถุอื่นๆรวมถึงมงกุฎ จากนั้นฉันจะช่วยนายค้นหามงกุฎของนายด้วย”


เพราะไม่มีทางเลือกมาก เขาเกาหลังหัวของเขา ฮูนี่ย์ถอนหายใจออกมาขณะที่เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ


“เฮ้อ… เอาล่ะ เข้าใจแล้ว”


 


* * *


 


ในขณะเดียวกันภาคตะวันออกของทวีปกลาง


การเดินทางของกิลด์ไททั่นที่ประสบความสำเร็จในการฆ่ามอนสเตอร์ที่ท่วมท้นด้วยความเร็วสูงและไปยังทวีปกลางกำลังประสบปัญหาในการค้นหาโบราณสถานอย่างง่ายดาย


“ไม่นะ โบราณสถานอยู่ที่ไหนกันแน่?”


ซีลรอนซึ่งฆ่าพระและมัมมี่ที่เสียชีวิตไปแล้ว บ่นกับเอมิลี่ซึ่งกำลังร่ายเวทมนตร์อยู่ข้างๆเขา


“ถ้าฉันรู้ นายคิดว่าฉันจะเป็นแบบนี้ไหมล่ะ?”


ในความรู้สึกเพราะพวกเขาได้เข้าสู่ทวีปกลางอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีการเตรียมการอย่างละเอียด ไม่ว่ากิลด์ไททั่นจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด พลังชีวิตของพวกเขาก็หมดสิ้นไปตามกาลเวลา


การปลอบใจเพียงอย่างเดียวอาจเป็นค่าประสบการณ์จำนวนมากที่ไม่สามารถเทียบได้กับพื้นที่ล่าอื่นๆ


และสินค้า ‘คะแนนพิเศษ’ ที่พวกเขายังไม่รู้ก็ทำให้พวกเขาสบายใจ


“มันน่าจะอยู่แถวๆนี้สักที่หนึ่ง ทุกคนเข้มแข็งไว้อีกนิดนะ”


ชยาครานผู้ให้กำลังใจสมาชิกกิลด์ของเขา เริ่มฆ่ามอนสเตอร์ข้างหน้า


Bang-ba-ba-bang-!


ได้ยินเสียงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทำจากสามโคลนนิ่งกลางอากาศ


และคลื่นพลังงานที่เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งกระจัดกระจายไปด้านหน้า


Chwa-ra-rak-.


เอมิลี่ที่เห็นอย่างนั้นก็ได้ส่ายหน้า


“ดูเหมือนว่าชยาครานจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”


ซีลรอนพยักหน้าเช่นกัน


“ฉันคิดว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน เขาได้ไอเทมใหม่ๆหรือบางอย่างแล้ว?”


ในขณะที่แบ่งปันการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มันก็เป็นในขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์


สมาชิกกิลด์ไททั่นที่อยู่ด้านหลังตะโกนไปหาซีลรอน


“ซีลรอน ตรงนั้นมีบางสิ่งด้วย!”


เมื่อได้ยินเสียงนั้นสายตาของทุกคนรวมถึงซีลรอนหันไปทางทิศทางที่พวกเขาชี้ไป


และเอมิลี่ที่เห็นอย่างนั้น ตะโกนด้วยเสียงแห่งความสุข


“ชยาคราน ดูเหมือนว่าเราจะเจอโบราณสถานแล้ว!”


ยอดแหลมสูงที่ยิงกลางทะเลทรายรวมถึงโครงสร้างที่ส่องประกายซึ่งล้อมรอบมัน…


อย่างไรก็ตาม ชยาครานผู้เห็นอย่างนั้นก็ได้ส่ายหน้า


“ไม่เอมิลี่ นั่นไม่ใช่โบราณสถาน”


“ห้ะ?”


อย่างไรก็ตามแตกต่างจากการแสดงออกของความผิดหวังของเอมิลี่, ชยาคาานแสดงออกอย่างตื่นเต้น


‘ถ้าข้อมูลที่ฉันมีอยู่ถูกต้อง นั่นคือหอคอยแห่งสงคราม เนื่องจากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป แทนที่จะเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์…!’ 

 

 


ตอนที่ 141

 

ชื่อที่แท้จริงของดันเจี้ยนโบราณสถานคือ ‘หลุมศพของโฮลดรีม’


เมื่อพวกเขาเข้าสู่ดันเจี้ยนครั้งแรก ชื่อของดันเจี้ยนที่โผล่ขึ้นมาเป็น ‘หลุมศพของ ???’ มันเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเข้าสู่กลางดันเจี้ยนและอีเว้นท์ถูกเปิดขึ้น


เอียนและฮูนี่ย์รวมถึงปาร์ตี้ของพวกเขายืนอยู่ข้างหน้าวิญญาณยักษ์ของโฮลดรีม


เสียงคำรามของโฮลดรีมเริ่มต้นขึ้น


 


คนโง่เขลาที่โลภสมบัติ…

 


โฮกกกกก-!


โฮลดรีมเป็นกษัตริย์โบราณที่ปกครองทวีปกลางนี้


และวิญญาณอาฆาตของเขายังคงอยู่และปกป้องหลุมศพ


เฮลเลี่ยมตะโกน


“อัศวินไปด้านหน้า!”


ตึก- ตึก- ตึก-!


ด้วยการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบ อัศวินแห่งราชวงศ์ได้ปกป้องปาร์ตี้ไว้อย่างเต็มที่ข


หลังจากนั้นไม่นานพายุทรายที่พุ่งออกมาจากบริเวณรอบๆโฮลดรีมก็บุกเข้าโจมตีปาร์ตี้และ DoT ที่แข็งแกร่งซึ่งสร้างความเสียหายกว่า 2,000 หน่วยต่อวินาทีเริ่มต้นขึ้น


“ฮิลเลอร์ ฮิลให้หน่อย!”


เมื่อเอียนพูด ฮิลเลอร์ของกิลด์โลตัสที่เตรียมพร้อมอยู่ด้านหลังรีบมาด้านหน้าและร่ายการฮิล


‘ฉันควรนำฮิลเลอร์หลักมาด้วย…’


ในบรรดาผู้เล่นกิลด์โลตัสทั้ง 10 คนที่รวมอยู่ในปาร์ตี้มีฮิลเลอร์เพียงสี่คนเท่านั้น


แม้ว่าเขายังคิดว่าเขานำมาพอ แต่แน่นอนเขารู้สึกว่าจำนวนการฮิลนั้นไม่เพียงพอเมื่อพวกเขาไป


นี่เป็นเพราะมีฮิลเลอร์ในส่วนน้อยภายในอัศวินแห่งราชวงศ์


ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากหมอเหล่านั้นไม่ใช่นักบวช แต่เป็นพาลาดินซึ่งเป็นฮิลเลอร์ โจมตี แท้งค์ ช่วยไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องยากที่จะดูแลทุกคนในกลุ่มที่มีผู้คนเกือบ 100 คน


 


ข้าจะดูถ้าเจ้ามีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในที่แห่งนี้!

 


พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันน่าเกรงขามของโฮลดรีมคลื่นความสั่นสะเทือนที่พุ่งออกมาในทุกทิศทางและความเสียหายจำนวนมหาศาลที่ระเบิดออกมาในเวลาเดียวกัน


 


‘ราชาแห่งทะเลทรายโฮลดรีม’ ได้ใช้ ‘เสียงคำรามแห่งราชา’

ท่านได้รับความเสียหายคริติคอล!

พลังชีวิตของท่านลดลง 29,845 หน่วย

 


เรียกมันว่าการโจมตีแบบ AoE พลังโจมตีของมันจำนวนมหาศาล


โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต แต่หลอดเลือดส่วนใหญ่ของปาร์ตี้ซึ่งพลังชีวิตของทุกคนอยู่ในระดับสูงสุดก็กระพริบ


และผู้เล่นของกิลด์โลตัสซึ่งอยู่ในเลเวลที่ต่ำนั้นอยู่ในภาวะวิกฤติ


 


ฮาฮาฮ่า! ถ้าเจ้าผ่านการทดสอบของข้า จากนั้นเราควรได้พบกันอีกครั้งในไม่ช้า

 


หลังจากปล่อยเสียงบ้าคลั่งเป็นครั้งสุดท้ายวิญญาณของโฮลดรีมหายไปในอากาศและพลังงานเยือกเย็นก็เริ่มลอยอยู่ในอากาศ


 


บททดสอบของ ‘ราชาแห่งทะเลทรายโฮลดรีม’ ได้เริ่มต้นขึ้น

‘ลูกหลานแห่งทะเลทราย’ ซึ่งหลับอยู่ในห้องใต้ดินได้เริ่มตื่นขึ้นแล้ว

 


ตึง-ตึง ตึง-ตึง-


ราวกับว่าก้อนหินกลิ้งไปมา ดันเจี้ยนทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือนพร้อมกับเสียงอึกทึก


“น่ากลัวจัง…”


เฮิร์ซถือดาบและโล่ของเขาขณะที่จ้องมองด้านหน้าและฟิโอลันก็เตรียมการเสร็จสิ้นเพื่อที่เธอจะสามารถใช้เวทย์มนตร์ของเธอได้ทุกเมื่อที่จำเป็นด้วยการแสดงออกที่กังวล


“มันใหญ่มากจริงๆ ฉันเกือบจะได้พบกับจอดำด้วยการโจมตีหนึ่งครั้งจากสกิล AoE นั้นเมื่อไม่นานมานี้”


เมื่อฟิโอลันพูด เอียนยิ้มเมื่อเขาพยักหน้า


“จากนี้ไป ถ้าเธอคิดว่าสกิลที่ดูใหญ่เล็กน้อยกำลังจะระเบิดให้ใช้โล่ของเธอก่อนเพราะมันไม่ใช่ว่าเราขาดความเสียหายในตอนนี้ การอยู่รอดของเธอสำคัญมากฟิโอลัน”


“โอเค ฉันจะทำอย่างนั้น”


ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันศูนย์กลางของหลุมฝังศพซึ่งคล้ายกับพื้นดินที่ว่างเปล่าซึ่งไม่มีอะไรเลยเปิดออกด้านข้างเมื่อเปิดพื้นที่ใหม่


ด้านล่างมีโลงศพทองคำวางอยู่จำนวนมาก


พลังงานแสงสีเหลืองเยือกเย็นที่ยังคงอยู่ในจุดที่โฮลดรีมหายไปถูกดูดเข้ามาในรอยแตกบนพื้นราวกับว่าพวกมันถูกดูดซับและตามด้วยฝาของโลงศพก็เริ่มเคลื่อนไหว


ครืด- ครืดดด-!


พร้อมกับเสียงเสียดแทรกที่ยากที่จะฟัง ฝาโลงเริ่มเปิดทีละนิดที่ละหน่อย


ฮูนี่ย์ที่แค่ล่าโดยไม่พูด ก็เปิดปากพูดกับเอียน


“นายจะต้องระวังนะ”


เมื่อคำเหล่านั้น เอียนมองไปที่ฮูนี่ย์โดยอัตโนมัติ


“อะไรนะ?”


เมื่อเอียนถามกลับ อัศวินแห่งความตายบัลลัมที่ยืนข้างเขาได้ตอบแทน


 


ลูกหลานแห่งทะเลทรายนั้นแข็งแกร่งและพวกมันแต่ละตัวมีลักษณะของตนเอง

 


ฮูนี่ย์รู้จักพวกมัน


นี่เป็นเพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในทวีปกลาง เขาได้ล่าพวกมันจนกระทั่งเขาเบื่อพวกมัน ในขณะที่เขาผ่านเควสต์ก่อนหน้านี้ในทะเลทรายชิการ์


แน่นอนว่าลูกหลานของโฮลดรีมในทะเลทรายชิคาร์นั้นอ่อนแอกว่าพวกนี้มาก


เอียนถาม


“นายจัดการมันยังไง?”


ฮูนี่ย์แสดงออกด้วยความขุ่นเคือง แต่เขายังอธิบายด้วยรายละเอียดค่อนข้างน้อย


“ตัวที่ถือขวานแบ่งปันพลังชีวติของพวกมัน จะดีที่สุดที่จะฆ่าพวกมันด้วยการโจมตี AoE”


“พวกมันแบ่งปันพลังชีวิตให้กันหรอ?”


“ใช่แล้ว ไม่ว่านายจะตีพวกมันสักเท่าไหร่พลังชีวิตของตัวอื่นๆจะเข้ามาและเติมเต็มจุดนั้น ดังนั้นนายต้องฆ่าพวกมันทั้งหมดด้วยการโจมตี AoE”


หากเป็นการโจมตีแบบ AoE มันเป็นพื้นที่ที่เอียนมั่นใจมากที่สุด


เอียนพยักหน้า


“เอาล่ะ แล้วตัวนั้นล่ะ?”


มีวอริเออร์ที่ดูน่าสนใจถือหอกและดาบในแต่ละมือเปิดโลงศพและออกมาจากจุดที่เอียนชี้ไป


“ตัวนั้นเป็นตัวโง่ๆที่ปาหอกที่ถืออยู่ การโดนหอกเพียงครั้งเดียวจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรมาก แต่ยิ่งมันทับซ้อนกันก็ยิ่งเพิ่มความเสียหาย”


เอียนที่ได้ยินเคล็ดลับเพิ่มเติมจากฮูนี่ย์ ได้เข้าหาเฮลเลี่ยม


“หัวหน้า ได้โปรดมอบอำนาจผู้บังคับบัญชาให้ผมสักครู่”


“หืมม…?”


“ผมแค่ได้ยินวิธีที่เราสามารถสร้างความเสียหายให้พวกมัน แต่ต้องอธิบายมันในตอนนี้…”


เฮลเลี่ยมที่ครุ่นคิดคำเหล่านั้นสักครู่ก็พยักหน้า


“โอเคครับ ผมจะเชื่อในท่านในครั้งนี้ ท่านไวส์เคาท์”


เพราะเฮลเลี่ยมไม่เคยเห็นเอียนสั่งการต่อสู้เลย เขาแสดงความสงสัยเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ต้องขอบคุณความเชื่อของเอียนที่ซ้อนขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เขาจึงมอบอำนาจให้ผู้บังคับบัญชาให้


เอียนผู้ได้รับอำนาจการสั่งการก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว


“รีบไปด้านซ้ายเร็วเข้า! โจมตีตัวที่ถือธนูก่อน!”


“ครับท่าน-!”


ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามเพราะเขาได้รับอำนาจจากเฮลเลี่ยมให้ควบคุมเหมือนเดิมอัศวินแห่งราชวงศ์ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตามคำสั่งของเอียน


“ไคซาร์!”


เมื่อเอียนเรียก ไคซาร์ตอบด้วยท่าทีฉุนเฉียว


“เรียกข้าทำไม?”


“นายเห็นตัวที่สวมหน้ากากสิงโตทองด้านหลังใช่ไหม?”


ไคซาร์พยักหน้า


“ฆ่ามันให้หน่อยผู้ติดตาม”


เพราะไคซาร์ทำตามคำพูดของเขาได้ดีจนถึงตอนนี้โดยไม่ปฏิเสธที่เขาพูดโดยไม่คิดอะไรมากในเวลานี้เช่นกัน แต่เขาส่ายหัว


“ข้าไม่อยากทำ มันน่ารำคาญเกินไป”


เมื่อนั้น ช่วยไม่ได้ที่เอียนจะงุนงง


‘ไคซาร์หรือเฮลเลี่ยมต้องจัดการตัวนั้น ถึงแม้ว่า…’


มันเป็นมอนสเตอร์ระดับ Epic ที่สวมหน้ากากสิงโตทองและถือดาบสองเล่ม


เนื่องจากเลเวลของมันใกล้เคียงกับ 190 เอียนจึงไม่สามารถคิดที่การก้าวไปข้างหน้าต่อได้


‘ดูเหมือนว่าเฮลเลี่ยมจะต้องเคลื่อนไหวไปพร้อมกับเหล่าอัศวินเพื่อให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มมากขึ้น… จะทำอย่างไรดี’


ในท้ายที่สุดไม่มีทางเลือกอื่นที่โผล่ขึ้นมาซึ่งสามารถจัดการกับมอนสเตอร์นั้นได้นอกจากไคซาร์


“ผู้ติดตาม”


“อะไร?”


“ถ้านายจัดการตัวนั้น ฉันจะให้ชุดเกราะระดับ Heroic ที่ฉันได้มาครั้งที่แล้ว นายรู้ใช่ไหมว่าฉันกำลังพูดเกี่ยวกับอะไร?”


เขาไม่แน่ใจว่าจะใช้งานได้ไหม แต่เขาแค่ตะโกนออกมาก่อน


อย่างไรก็ตาม ท่าทีของไคซาร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย


“จริง… หรอ?”


เอียนตะโกนอย่างดีใจภายในใจ


“นั่นคือสิ่งที่ฉันบอกนาย! มันเป็นสิ่งที่ฉันได้รับมาในขณะที่ล่ากับนาย มันมีนกฟีนิคซ์วาดอยู่ส่วนท้อง”


ไคซาร์พยักหน้า


“ฉันรู้แล้ว มันเท่ห์มาก”


เอียนซึ่งคิดว่าทุกอย่างได้เตรียมไว้หมดแล้ว รีบพูดต่อ


“ในนาทีที่นายฆ่ามันได้ ฉันจะให้มันแก่นายผู้ติดตาม”


อย่างไรก็ตามไคซาร์ยังลังเลอยู่


ในตอนสุดท้าย เอียนก็เริ่มท้าทายความภูมิใจของเขาเล็กน้อย


“อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เพราะว่านานไม่คิดว่านายจะสามารถชนะมันได้ใช่ไหม?”


และเมื่อคำเหล่านั้น ไคซาร์ยืนขึ้นทันที


“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร?”


ในขณะที่มองไปที่ไคซาร์ที่ถอดปลอกดาบของเขาในทันทีและยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้า เอียนก็ยิ้มด้วยความยินดี


“ฉันชอบเขาเพราะว่าเขามีความคิดที่ธรรมดา…’


เมื่อภาพเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างทั่วไปก็ปรากฏตัวขึ้น เอียนก็ออกคำสั่งไปยังสัตว์เลี้ยงของเขาด้วยเช่นกัน


“ดุ๊กเดไปที่นั่นและซื้อเวลาเป็นคู่ต่อสู้ของวอริเออร์และพิน, เรคพวกแกเก็บสกิล AoE ของแกไว้ก่อนเมื่อวอริเออร์รวมตัวกันไปด้านหนึ่งแกเพียงแค่ต้องโถมมันลงไป”


ตามคำพูดของเขา สัตว์เลี้ยงพยักหน้าและหลังจากแสดงความคิดพวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ด้านหน้า


Kku-ruk- Kkuk-kkuk-!


Deu-reu-reuk-.


อย่างสุดท้าย หลังจากเอียนขึ้นหลังฮัลลิ เขาวิ่งไปที่ด้านข้างของศัตรูที่อัศวินแห่งราชวงศ์แทรกซึมเข้าไปด้วยกับไล


‘แต่เพื่อพลักดันไคซาร์ต่อจากนี้ไป ฉันต้องส่งส่วยในทุกครั้งเลยหรอ…?”


แม้แต่ชุดเกราะที่เขาบอกว่าเขาจะมอบให้กับไคซาร์ก็เป็นไอเทมที่มีราคาแพงซึ่งจะเท่ากับทองคำนับแสน ถ้ามันถูกขายในโรงประมูล


เอียนเจ็บท้องเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้


‘ถึงอย่างนั้นฉันให้มันกับผู้ติดตามของฉัน ดังนั้นในท้ายที่สุดมันก็ยังเป็นของฉันบางทีนะ’


เอียนผู้ปลอบตนเองด้วยเหตุผลที่เป็นไปได้ (?) พุ่งเข้าหาสมรภูมิอย่างรวดเร็ว


 


* * *


 


ท่านเป็นผู้ค้นพบคนแรกของหอคอยแห่งสงคราม

คะแนนพิเศษของท่านเพิ่มขึ้น 3,000 หน่วย

ด้วยคะแนนพิเศษที่ได้รับ ท่านสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าในหอคอยได้

ท่านสามารถเข้าสู่หอคอยแห่งสงครามได้เพียง 30 นาทีต่อวัน ท่านจะเข้าหรือไม่?

 


ในขณะที่ดูข้อความที่โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ชยาครานเปล่งเสียงโห่ร้องอย่างมีความสุขภายในใจ


‘เป็นไปตามที่คาด! มันคือหอคอยแห่งสงคราม…!’


เหตุผลว่าทำไมชยาครานถึงสามารถค้นพบความรู้เกี่ยวกับหอคอยแห่งสงครามและจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีมไว้ล่วงหน้าได้


มันเกี่ยวข้องกับเควสต์อาณาจักรของไคม่อนที่เขากำลังดำเนินอยู่


‘นี่ฉันควรจะขอบคุณราโครมหรือไม่…?’


ราโครมเป็นหัวหน้าอัศวินของอาณาจักรไคม่อนที่ได้รับความตายจากการโจมตีผสานของไคซาร์และเอียน


ชยาครานได้รับข้อมูลมาจากเขา


เนื่องจากเอียนและไคซาร์ ราโครมได้เสียชีวิตไปแล้วและเขาก็ไม่สามารถทำเควสต์ได้จนจบ แต่แทนโดยชยาครานก็สามารถได้รับข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับทวีปกลาง


‘เนื่องจากราโครมตายแล้ว ฉันสามารถได้รับแร่ทั้งหมดในศูนย์บัญชาการและควบคุมที่เกาะปาสคาลได้’


ขณะคิดไปต่างๆนาๆ ชยาครานเดินเข้าไปสู่หอคอยแห่งสงคราม


“ฉันจะเข้าไป”


และชยาครานที่หันมาสักครู่หนึ่ง พูดกับสมาชิกกิลด์ของเขา


“คุณสามารถเข้าสถานที่นี้ได้เพียงครั้งเดียวต่อวัน คนที่มีคะแนนพิเศษมากกว่า 5,000 หน่วย เข้าไปเลย”


ขณะที่เขาเข้าไปข้างในเมื่อเขาพูดจบ สมาชิกกิลด์ส่วนใหญ่ตามเขามาและเข้าไปข้างใน


เนื่องจากกิลด์ไททั่นเพิ่งล่ามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้ามาในทวีปกลางส่วนใหญ่ทุกคนมีคะแนนพิเศษค่อนข้างน้อย


ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากมีการแบ่งปันผลของผู้ค้นพบครั้งแรก พวกเขายังได้คะแนนพิเศษ 3,000 หน่วย ดังนั้นจึงไม่มีสมาชิกกิลด์จำนวนมากที่ไม่ได้มีคะแนนรวมเป็น 5,000 หน่วย


และในบรรดาพวกเขา คนที่มีคะแนนพิเศษมากที่สุดคือชยาคราน


“มาดูกัน… มีไอเทมดีๆไหม?”


หอคอยแห่งสงครามรีเซ็ตทุกสองวัน


นั่นหมายความว่าไอเทมทั้งหมดที่แสดงภายในเปลี่ยนเป็นไอเทมใหม่ทุกสองวัน


และมีไอเทมที่ชยาครานกำลังมองหาอยู่


‘ธงของฟาโรห์… นั่นต้องอยู่ที่นี่…’


ธงของฟาโรห์นั้นไม่ดีเท่ากับจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีม แต่ก็เป็นไอเทมสำคัญ


นี่เป็นเพราะจำนวนทหารที่ได้รับการฝึกฝนในฐานในทวีปกลางพร้อมกับธงของฟาโรห์นั้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า


ชยาครานซึ่งจดจ่อและศึกษาแต่ละไอเทมเมื่อเขาขึ้นมา ค้นพบหนังสือที่จับน่าตามอง


‘นี่คืออะไร…?’


และไอเทมที่เขาตรวจสอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีใครอื่นนอกจากหนังสือสกิลอาชีพวอริเออร์ระดับ Legendary


 


ความประสงค์ของนักรบทะเลทราย


ประเภท : หนังสือสกิล (สกิลติดตัว)


ระดับสกิล : Legendary


การผลาญเวทจิตวิญญาณ : ไม่มี


เวลาคูลดาวน์ : ไม่มี


วอริเออร์ที่สำเร็จการเป็นนักรบแห่งทะเลทรายจะสามารถมุ่งความสนใจไปที่จิตใจและสร้างม่านแห่งดาบ


โอกาสของม่านของดาบโจมตีสร้างขึ้นจากอัตรา 15% มันป้องกันความเสียหายได้มากถึง 300% ของพลังการโจมตีสกิลของผู้เล่นและได้รับผลตอบแทน 150% ของความเสียหาย


*เงื่อนไขการได้รับสกิล : ความสามารถในการเป็นนักดาบต้องเป็นมาสเตอร์เลเวล 1 หรือสูงกว่าเพื่อที่จะได้มา


*เมื่อใดก็ตามที่ม่านของดาบถูกร่าย พลังโจมตีของท่านจะเพิ่มขึ้น 10% เป็นเวลา 15 วินาทีและผลนี้จะซ้อนทับได้มากถึง 10 เท่า


 


“…!”


มันเป็นหนังสือสกิลแบบติดตัวที่มีคุณสมบัติที่เหลือเชื่อของระดับ Legendary


ชยาครานตรวจสอบจำนวนคะแนนพิเศษที่จำเป็นในการซื้อหนังสือสกิลอย่างรวดเร็ว


 


คะแนนพิเศษที่ต้องการ : 12,000 หน่วย

 


มันเป็นมูลค่าที่เขาสามารถจ่ายได้ถ้าเขาใช้คะแนนพิเศษทั้งหมดที่เขามี


‘ฉันจำเป็นต้องซื้อสิ่งนี้หรือไม่…?’


ชยาครานสับสนในตนเอง


นี่เป็นเพราะมันเป็นหนังสือสกิลที่ดีมากจนคะแนนพิเศษ 12,000 หน่วยไม่เสียเปล่า แต่เมื่อถึงจุดนี้ซึ่งสงครามขนาดใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า มันอาจสิ้นเปลืองที่จะใช้คะแนนพิเศษของเขาเพื่อไอเทมส่วนตัว


ครุ่นคิดชั่วขณะ


“เฮ้ออ…”


อย่างไรก็ตาม จบลงด้วยชยาครานหยิบหนังสือ


 


ท่านได้ซื้อหนังสือสกิล ‘ความประสงค์ของนักรบทะเลทราย’

คะแนนพิเศษของท่านจะถูกหักออกเป็น 12,000 หน่วย

คงเหลือคะแนนพิเศษ : 375 หน่วย

 


ชยาครานหาเหตุผลเข้าข้างกับตนเองภายในใจ ขณะที่เขาหันกลับมาและออกมาจากหอคอยแห่งสงคราม


เนื่องจากตอนนี้เขาไม่แม้แต่จะมีคะแนน เขาจึงไม่สนใจไอเทมอื่นๆตามวัตถุประสงค์


‘ถูกต้องเพราะเมื่อทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นกิลด์ก็จะแข็งแกร่งขึ้นในไม่ช้า…’


อย่างไรก็ตาม ชยาครานก็คิดไม่ออก


ความจริงที่ว่าในจุดที่เขาหันและออกมา มีไอเทมหนึ่งที่สามารถกำหนดโครงสร้างของพลังสงครามช่วงต้นของทวีปกลางได้อย่างสมบูรณ์… 

 

 


ตอนที่ 142

 

ความสามารถในการบังคับบัญชาของเอียนน่าประหลาดใจมาก


สถานะพิเศษของซัมมอนเนอร์ ‘ความเป็นผู้นำ’ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างมากเหมาะสมกับชื่อเมื่อควบคุมผู้คนจำนวนมากและเอียนซึ่งปกติแล้วมีทักษะในการทำงานหลายอย่างพร้อมกันหลายตัว ส่งคำสั่งไปยังคนที่เหมาะสมในสถานที่ที่เหมาะสม พวกเขาไปสู่ชัยชนะด้วยจำนวนความเสียหายที่น้อยที่สุด


ในขณะที่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เฮิร์ซก็จ้องมองที่เอียน


“จินซุงนี้เขาอาจจะฉลาดจริงๆ ปัญหาคือเขาใช้หัวอันชาญฉลาดของเขาในการเล่นเกม…’


การหาสถานการณ์ของสมรภูมิที่ยุ่งเหยิงอย่างถูกต้องและการเคลื่อนไหวอย่างสงบไม่ใช่เรื่องง่ายในเกมใดๆ


อย่างไรก็ตามในเกม VR ระดับความยากนั้นเพิ่มมากขึ้น


ราวกับว่าเขากำลังมองดูสัตว์ที่น่าทึ่ง เฮิร์ซก็ยังคงจ้องมองเอียนอยู่เรื่อยๆ


‘เขาจะให้ความสนใจกับหลายๆอย่างพร้อมกันได้อย่างไร’


แตกต่างจากเกม PC ในเกม VR มันไม่เหมือนที่คุณเห็นสภาพแวดล้อมของตัวละครในจอภาพ ดังนั้นเพื่อที่จะเข้าใจสภาพแวดล้อมของคุณ คุณจำเป็นต้องพึ่งพาประสาทสัมผัสทั้งห้าของคุณอย่างแท้จริง


การระเบิดดังขึ้นที่ต่างๆและมันเป็นสนามรบที่วุ่นวายซึ่งหากคุณละสายตาไปจากสถานการณ์ชั่วขณะหนึ่งการโจมตีของ AoE อาจปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของคุณ


ในที่นี้คุณต้องรักษาความเยือกเย็นและความสงบเป็นสิ่งที่ชัดเจนเพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและในเวลาเดียวกันคุณต้องใส่ใจกับหลายสิ่งในครั้งเดียว


เฮิร์ซมักจะประหลาดใจกับรูปแบบของเอียนซึ่งโดยปกติแล้วเขาดูเหมือนจะห่างไกลจากความเยือกเย็นและความเฉลียวฉลาด เมื่อเขาแสดงให้เห็นถึงด้านที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อใดก็ตามที่การต่อสู้เริ่มขึ้นเช่นนี้ในเกม


“ไล พิน! แกสองตัวไปจัดการตัวนั้นด้วยกัน!”


 


รับทราบครับ เจ้านาย

 


Kku-ru-ruk-!


เอียนรวมไลและพินเข้าไว้ในกลุ่มเดียวและทำให้พวกเขาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับหัวหน้า ระดับ Unique ที่ปรากฏขึ้นระหว่างนั้น


เลเวลของมอนสเตอร์ระดับหัวหน้านั้นประมาณ 150-160


ความจริงที่ว่า เนื่องจากเลเวลของไลและพินนั้นคล้ายคลึงกับเลเวลของเอียนในช่วงครึ่งหลังของช่วง 120 เมื่อมองไปที่เลเวลของพวกมัน มันเป็นความแตกต่างเลเวลที่พวกเขาจะไม่สามารถเผชิญหน้าแม้ว่าทั้งสองจะโจมตีด้วยกัน


มันเป็นความแตกต่างเลเวลถึง 20-30 เลเวล


อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าพวกมันจะอยู่ในช่วงเลเวลเดียวกัน 120 เนื่องจากความสามารถของไลระดับ Legendary และพินเกินกว่าเลเวล 150 มอนสเตอร์ระดับ Common หรือ Unique พวกมันไม่สามารถตัดสินจากมาตรฐานปกติได้


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสามารถแฝงที่ไลมี ‘ความเกรี้ยวโกรธของเฟนเรียร์’ ซึ่งเพิ่มค่าสถานะการต่อสู้ขึ้น 50% คือความสามารถที่ไม่แตกต่างจากสกิลติดตัว


นี่เป็นเพราะแม้ว่าจะมีเวลาคูลดาวน์ แต่เวลาคูลดาวน์ก็ลดลงทุกครั้งที่เขาสร้างความเสียหายคริติคอล


ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการรุกล้ำความมืดที่เขาสามารถใช้ได้ทุกๆ 30 นาทีเกือบจะทำให้ไลอยู่ยงคงกระพัน


เมื่อวันนั้นมืดลงและความสามารถแฝงที่เขามี ‘ทายาทแห่งดวงจันทร์’ ก็ถูกเรียกใช้เช่นกัน ไลได้กลายเป็นซอมบี้จริงๆ


ในขณะที่มองที่ไลซึ่งเอาชนะศัตรูที่มีเลเวลสูงกว่าเขามากกว่า 20 เลเวล เอียนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ


‘ตอนนี้ฉันได้ปรับใช้การใช้ความสามารถของไล’


นั่นไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้นั้นง่าย


ด้วยการต่อสู้ครั้งนี้ท่ามกลางอัศวินแห่งราชวงศ์ 90 คน ห้าคนเข้าสู่สถานะที่ไม่สามารถสู้รบได้


เมื่อสถานการณ์สงครามพลิกผันมากพอและพวกเขาสามารถผ่อนคลายได้ เฮลเลี่ยมเข้าหาเอียน


“สุดยอดมาก ท่านไวส์เคาท์ ผมไม่รู้ว่าความสามารถในการบังคับบัญชาของท่านนั้นช่างน่าประหลาดใจขนาดนี้”


เอียนแสดงสีหน้าเยินยอตามคำชมของเฮลเลี่ยม


“ฮ่าฮ่า เอาล่ะ เนื่องจากผลออกมาดี มันก็โล่งอก เมื่อที่เราเสร็จจากที่นี่เราจะลงไปที่ห้องใต้ดินเหรอ?”


เมื่อเอียนพูด เฮลเลี่ยมก็พยักหน้า


“ครับ ผมคิดว่ามันจะดีที่สุด เนื่องจากความสำคัญของเราคือการนำจอกศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือของเราโดยเร็วที่สุด”


ปาร์ตี้ของเอียนซึ่งประสบความสำเร็จในการฆ่า ‘ลูกหลานแห่งทะเลทราย’ ได้ทั้งหมดก็ลงบันไดและเริ่มย้ายไปที่ชั้นใต้ดิน


ด้านในของหลุมฝังศพมีขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อตามที่คาดไว้จากขนาดที่มองเห็นด้านนอกและเนื่องจากมีโครงสร้างที่ซับซ้อนจึงไม่สามารถหาเส้นทางที่ถูกต้องได้ง่าย


เอียนจ้องไปที่ฮูนี่ที่อยู่ด้านหลังของเขาและถาม


“ฮูนี่ย์อย่างไรก็ตามนายรู้ไหมว่าห้องไหนที่โฮลดรีมหลับอยู่ในนั้น?”


เมื่อเอียนถาม ฮูนี่ย์ตอบด้วยน้ำเสียงที่ทื่อ


“ฉันจะไปรู้ได้ไง?”


เอียนชี้ไปที่อัศวินแห่งความตายลอยอยู่ข้างๆฮูนี่ย์ในขณะที่เขาพูดต่อไป


“บางทีฉันรู้สึกว่าเพื่อนตัวนี้อาจจะรู้”


คำตอบออกมาจากบัลลัมแทนที่จะเป็นฮูนี่ย์


 


ข้าก็ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนเหมือนกัน ข้าแค่สามารถรู้สึกถึงพลังงานแห่งความมืด

 


“อย่างนั้นหรอ?”


 


อย่างไรก็ตามสิ่งที่แน่นอนคือทิศทางที่เรามุ่งหน้าไปนั้นถูกต้อง เราเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ

 


เอียนพยักหน้า


แม้แต่การรู้ความจริงว่าพวกเขามุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ถูกต้องก็เพียงพอแล้ว


“ฉันเข้าใจแล้ว”


เมื่อเอียนซึ่งพบมอนสเตอน์ที่ปรากฏตัวในแนวหน้า ขยับเท้าของเขาและยืนห่างจากด้านหน้า บัลลัมพูดกับฮูนี่ย์


 


ฉันคิดว่าเขาเป็นมนุษย์ที่ไร้มารยาท ฮูนี่ย์การมีคำพูดและการกระทำที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ต่อผู้สืบทอดความมืด

 


เมื่อคำเหล่านั้น ฮูนี่ย์ก็พยักหน้า


“ฉันเห็นด้วยบัลลัม การไม่มีอำนาจเช่นนี้จะเป็นสถานการณ์ที่น่าเศร้า…”


ฮูนี่ย์ซึ่งแสดงรอยยิ้มอันขมขื่นเหมือนตัวเอกที่โชคร้ายในหนังคิดกับตัวเอง


‘เอียนไอเวรนี่ ถ้าฉันได้รับพลังแห่งผู้เป็นอมตะอยู่ในมือ ฉันจะแก้แค้นแกไม่ว่ายังไงก็ตาม!’


อย่างไรก็ตามเพื่อดูว่าการแก้แค้นนั้นเป็นไปด้วยดีหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดูต่อไป


 


* * *


 


มันเกี่ยวกับ 1,000 ปีที่แล้ว


โฮลดรีมเป็นกษัตริย์ของกลุ่มคนยักษ์ที่มีรูปร่างคล้ายเทพเจ้าที่ปกครองทวีปกลางโบราณ


และเขามีสองหน้า


หนึ่งคนนั้นคือกษัตริย์โฮลด์สตรีมซึ่งเป็นคนดีและฉลาดซึ่งนำพาอาณาจักรแห่งสันติภาพในทวีปกลาง


และอีกคนหนึ่งซึ่งถูกทำให้เสียโดยอำนาจแห่งความมืดและกลายเป็นความเสียหายในขณะที่พระมหากษัตริย์โฮลดรีมที่ทำลายประเทศและทำลายตัวเอง


ในปีสุดท้ายของเขา โฮลดรีมกลายเป็นหุ่นเชิดของผู้เป็นอมตะและกำเนิดเมล็ดพันธุ์แห่งความมืดในทวีปกลางและผู้เป็นอมตะฟื้นพลังของเขาทีละน้อยผ่านโฮลดรีมและฝันถึงการกลับมาของเขา


และผ่านกระบวนการนั้นมีสื่อที่ผู้เป็นอมตะใช้เพื่อควบคุมโฮลดรีมและนั่นคือมงกุฎของเขา


มงกุฎของโฮลดรัมก็ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ามงกุฎต้องสาป


เพื่อที่จะฟื้นฟูความแข็งแกร่งที่ผู้เป็นอมตะได้สูญเสียไป มงกุฎของโฮลดรีมจำเป็นต้องได้รับการค้นพบ


เนื่องจากพลังแห่งความมืดที่เขารวบรวมได้ถูกรวบรวมไว้ในมงกุฎของโฮลดรีม


‘ในที่สุด… ฉันสามารถเห็นจุดจบของเควสต์แล้ว’


ร่างหลักปรากฏต่อหน้าต่อตาของพวกเขา


ในขณะที่มองมงกุฎของโฮลดรีมที่อยู่บนหัวของเขา ฮูนี่ย์ก็ยิ้ม


‘ฉันไม่รู้ว่าการหลงทางของฉันในทะเลทรายชิคาร์จะกลับมาหาฉันโดยเป็นเควสต์ลับ’


ในขณะที่ทำเควสต์ต่างๆ ฮูนี่ย์ก็ได้หลงทางในทะเลทรายชิคาร์และโดยบังเอิญเขาก็สามารถพบกับวิญญาณอาฆาตของผู้เป็นอมตะ


ชื่อของเควสต์ลับที่ฮูนี่ย์ได้รับจากการทำเช่นนั้นคือ ‘มงกุฎต้องสาป’


‘ถ้าฉันสามารถรับพลังของผู้เป็นอมตะได้ ฉันก็จะสามารถเอาชนะคนแบบนั้นได้…’


ฮูนี่ย์เหลือบไปที่ไลซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์เลี้ยงของเอียน


เพราะเขาสังเกตเห็นพลังการต่อสู้ของเอียนอย่างขยันขันแข็งในขณะที่กำลังต่อสู้ราวกับว่าเขากำลังสืบอยู่ เขาจึงรู้สึกได้ว่าผิวหนังของไลนั้นแข็งแกร่ง


‘เฟนเรียร์นั่นดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งนิดหน่อย แต่เนื่องจากฉันมีบัลลัม’


ฮูนี่ย์ที่ไม่คาดคิดว่าไคซาร์จะเป็นผู้ติดตามของเอียนแม้ในความฝันของเขายิ้มกว้างในความคิดที่จะชนะเอียน


และแยกออกจากฮูนี่ย์ผู้ฝันถึงการแก้แค้นของเขากับเอียน การต่อสู้บอสขนาดใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น


 


ดังนั้นแกได้จบลงด้วยการมาที่นี่ พวกวิญญาณโง่เขลา!

 


โฮลดรีมส่งเสียงอันโมโหที่มาจากหน้าอกของเขา


ปาร์ตี้จับตาดูการเคลื่อนไหวของโฮลดรีมในสภาพตึงเครียด


 


ข้าจะส่งพวกเจ้าทั้งหมดลงนรก!

 


แสงสีขาวและหมอกสีดำเริ่มปกคลุมและบิดไปรอบๆวิญญาณของโฮลดรีม


ในขณะที่ทำเช่นนั้นวิญญาณของโฮลดรีมที่มีลักษณะโปร่งแสงจะมีสีสันยิ่งขึ้นทีละเล็กละน้อยและเริ่มที่จะจับต้องได้บนพื้นดิน


ตึง-!


ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นยักษ์แห่งดันเจี้ยนฟอลัน โฮลดรีมมีมหึมา


และทันทีที่เขาเห็นเลเวลที่โผล่ขึ้นเหนือศีรษะ ช่วยไม่ได้ที่เอียนจะเหงื่อไหลออกมา


‘บ้าไปแล้ว! มันอยู่ในเลเวล 270? มันสูงกว่าไคซาร์! ‘


เลเวลที่เขียนด้วยสีทองที่ส่องประกายอยู่ข้างๆชื่อของโฮลดรีมนั้นมีมูลค่ามหาศาลถึง 270


‘ถึงกระนั้นฉันไม่เคยคิดที่จะสูญเสีย… แต่ดูเหมือนว่าจะมีความเสียหายเล็กน้อย’


เอียนจ้องไปที่ฮูนี่ย์เล็กน้อย


ถ้าไม่ใช่สำหรับเขาและอัศวินแห่งราชวงศ์ เขาจะคิดโจมตีโฮลดรีมอย่างไร?


อย่างไรก็ตาม เมื่อเอียนปวดท้อง ทันใดนั้นฮูนี่ย์ก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วยกมือขึ้น


“โฮลดรีมคุณยังไม่ลืมปฏิญาณแห่งความมืดใช่ไหม?”


ขณะที่ตะโกนเสียงดัง ฮูนี่ย์ดึงแผ่นคำปฏิญาณออกมาพร้อมกับโครงกระดูกที่ดึงออกมาจากหน้าอกของเขาแล้วยกขึ้น


และเมื่อพบสิ่งนั้น โฮลดรีมแสดงอาการซีดขณะที่เขาตัวแข็ง


 


ทำไม ทำไมไอเทมนี้ถึงอยู่ที่นี่…?

 


ด้วยการแสดงออกอย่างชัดเจนแสดงให้เห็นถึงความสับสนของเขา โฮลดรีมก้าวถอยหลังไปข้างหลังในขณะที่มองฮูนี่ย์


“ฉันเป็นทายาทของผู้เป็นอมตะ ฮานจิฮูนี่ย์ ฉันจะคำปฏิญาณเมื่อหนึ่งพันปีก่อนมาที่นี่!”


ฮูนี่ย์ผู้เปล่งบทสนทนาที่ทรงพลังซึ่งรู้สึกว่าสำคัญมาก มันรู้สึกเหมือนว่ามือและเท้าของพวกเขาจะเหี่ยวเฉาและหายไปทั้งหมดเข้าหาโฮลดรีมทีละก้าว


ตึก- ตึก-


ส่วนที่เหลือของปาร์ตี้ที่หยุดการโจมตีที่ พวกเขากำลังจะดูฮูนี่ย์ด้วยความสนใจและพลังงานมืดมนเริ่มไหลออกมาจากแผ่นไม้คำปฏิญาณที่มีการออกแบบโครงกระดูกที่ฮูนี่ย์ถืออยู่


Screee- screech-!


เสียงแปลกๆที่ทำให้ขนลุกลุกขึ้นไปทั่วร่างกายของพวกเขาเต็มไปทั่วอากาศและแสดงสีหน้าเจ็บปวดโฮลดรีมกรีดร้อง


 


อ๊ากกกก! ไอเวร…!

 


และหลังจากนั้นไม่นาน


ข้อความของระบบโผล่ขึ้นมาต่อหน้าผู้คนทั้งหมดภายในสถานที่


 


การปฏิญาณของผู้เป็นอมตะผู้เป็นราชาแห่งความมืดนั้นถูกนำมาใช้

พลังงานแห่งความมืดไหลออกจากมงกุฎของโฮลดรีม

อีก 10 นาทีข้างหน้าความสามารถทั้งหมดของโฮลดรีมจะลดลง 40%

โฮลดรีมจะสูญเสียการมองเห็นของเขาครู่หนึ่ง

 


ผ่านการปฏิญาณของความมืด ใส่ดีบัฟที่อุกอาจให้กับโฮลดรีม


ทันทีที่ข้อความของระบบโผล่ขึ้นมาเอียนก็ยกคฑาขึ้นทันที


“ทุกคนโจมตี!”


และราวกับว่าพวกเขากำลังรอ อัศวินพร้อมพุ่งเข้าหาโฮลดรีม


และแม้แต่ในหมู่พวกเขา คนที่โดดเด่นอย่างแน่นอนก็คือไคซาร์


Bang- Ba-ba-bang-!


คลื่นยักษ์แห่งความมืดกระจายออกมาจากดาบใหญ่สีดำแห่งเฟนเรียร์


 


ผู้ติดตาม ‘ไคซาร์’ ได้ใช้ ‘การรุกล้ำแห่งความมืด’ และสร้างความเสียหาย 27,684 หน่วยให้แก่ ‘โฮลดรีม’

ผ่านผลกระทบของ ‘การรุกล้ำแห่งความมืด’ พลังป้องกันของ ‘โฮลดรีม’ ลดลง 30% เป็นเวลา 3 นาที

 


เมื่อดีบัฟทับซ้อนกันและการโจมตีที่ทรงพลังทำให้โฮลดรีมติดต่อกัน หลอดพลังชีวิตของเขาก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว


 


ไอ… พวก… เวร!

 


โฮลดรีมผู้เปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเริ่มเหวี่ยงดาบไปทุกทิศทาง


Bang- bang-!


และถึงแม้จะมีดีบัฟมหาศาลที่ลดความสามารถทั้งหมดของเขาลง 40% แต่โฮลดรีมก็ไม่ได้อ่อนแอ


 


สัตว์เลี้ยงดุ๊กเดได้รับความเสียหายคริติคอลจากโฮลดรีม

พลังชีวิตของดุ๊กเดลดลง 41,209 หน่วย

 


แน่นอนว่ามันคือการโจมตีคริติคอล แต่เขาแค่ถูกโจมตีด้วยดาบที่หมุนไปรอบๆและพลังลดพลังชีวิตจำนวน 40,000 ออกไป


เมื่อพลังโจมตีของโฮลดรีมจำนวนมาก เอียนกลืนน้ำลาย


‘ถ้าเขาไม่มีดีบัฟเขาจะได้รับความเสียหายอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กเหลือขอแปลกๆนั่นคือความช่วยเหลือที่คาดไม่ถึง’


เอียนหันมามองฮูนี่ย์โดยอัตโนมัติและฮูนี่ย์ต่อสู้กับโฮลดรีมอย่างขยันขันแข็ง


จุดที่น่าสนใจเล็กน้อยคือโฮลดรีมดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงเสื้อคลุมป้องกันของแสงสีม่วงที่ปกคลุมรอบฮูนี่ย์


‘เขาบอกว่าเขาอยู่กลางการทำเควสต์และดูเหมือนว่าเป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็จะไม่สามารถใช้การปฏิญาณแห่งความมืดหรืออะไรก็ตาม ‘


เอียนตัดความสนใจของเขาต่อฮูนี่ย์และเริ่มให้ความสำคัญกับการเผชิญหน้ากับโฮลดรีมที่อยู่ตรงหน้าเขา


พวกเขาจำเป็นต้องฆ่าโฮลด์รีมภายใน 10 นาทีก่อนที่ดีบัฟจะหมดลงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


เนื่องจากหากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้นเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าสถานการณ์สงครามจะพลิกกลับ


“พอลลีน! ระวังหลังของนาย!”


เมื่อเอียนตะโกน พอลลีนหลีกเลี่ยงลูกไฟที่ตกลงมาจากอากาศและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็โจมตีโต้กลับตามมา


 


ผู้ติดตาม ‘พอลลีน’ ได้ใช้พลังแฝง ‘คำพิพากษาของสายฟ้า’

พลังชีวิตของโฮลดรีมลดลง 17,649 หน่วย

 


มันไม่มากเท่ากับไคซาร์ แต่ถึงกระนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับไลและพิน พอลลีนแสดงพลังโจมตีที่ไม่ได้น้อยอะไรเลยแม้แต่น้อย


ในขณะที่เอียนคิดว่าอย่างน้อยเขาก็ควรได้รับของขวัญที่น่าชื่นชม (?) หากพอลลีนต้องการอุปกรณ์เขาไปที่โรงประมูลทันที เขาเริ่มยิงลูกบอลเวทไปปทางด้านหน้า


Pung- pung- pung-!


และประมาณ 5 นาทีผ่านไปอย่างนั้น?


ร่างของโฮลดรีมซึ่งรายล้อมไปด้วยผู้คนประมาณร้อยคนและได้รับความเดือดร้อนจากการโจมตีอย่างเข้มข้นเริ่มช้าลง


แม้ว่าเขาจะเป็นบอสขนาดใหญ่ที่มีเลเวล 270 แต่เขาก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะต้านทานการโจมตีได้หลายร้อยครั้งในสภาพที่ถูกจำกัดอย่างนั้น


ตึง-


ในขณะที่สิ่งร่างกายขนาดใหญ่ของโฮลดรีมทรุดตัวลงบนพื้นเสียงขนาดใหญ่ดังขึ้นและข้อความของระบบแจ้งกาาตายของโฮลดรีมโผล่ขึ้นต่อหน้าต่อตาของเอียน


 


ท่านได้สังหารโฮลดรีม ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 3,485,910 หน่วย

เมื่อท่านลงโทษราชาแห่งกลุ่มยักษ์ที่เสื่อมทรามในสมัยโบราณ ชื่อเสียงของท่านก็เพิ่มขึ้น 50,000 หน่วย

 


แม้ว่า NPC จะถูกแยกออกและแม้ว่าจะถูกหารด้วยค่าประสบการณ์ระหว่างปาร์ตี้เกือบ 10 คนในขณะที่ดูจำนวนมหาศาลที่มีมากกว่า 3 ล้านหน่วย เอียนก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ


‘คิ ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถไปถึงเลเวล 130 เร็วๆนี้’


อย่างไรก็ตามจากนั้น ข้อความระบบอีกอันโผล่ขึ้นมาต่อหน้าเอียน


 


พลังแห่งความมืดที่อาศัยอยู่ในมงกุฎของโฮลดรีมถูกยกขึ้น

 


มงกุฎที่อยู่บนหัวของโฮลดรีมลอยอยู่ในอากาศและกระแสของแสงสีม่วงที่ล้อมรอบมันออกมาและถูกดูดเข้าไปในแผ่นไม้โครงกระดูกของฮูนี่ย์


และดำเนินต่อไปอย่างนั้น ข้อความระบบที่งุนงงโผล่ขึ้นมา


 


มงกุฎของโฮลดรีมได้เลือกเจ้าของคนใหม่ที่มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด

มงกุฎของโฮลดรีมได้เลือกผู้ติดตาม ‘ไคซาร์’

 


ผิวของฮูนี่ย์ดูซีดเซียวไปหมด 

 

 


ตอนที่ 143

 

“นี่ นี่…!”


ฮูนี่ย์จ้องไปที่ไคซาร์ด้วยการแสดงออกที่เสียใจ


โฮลดรีมกลายเป็นสีเทาในขณะที่มันกระจายอยู่ในอากาศ


และมงกุฎของโฮลดรีมที่ลอยไปทางไคซาร์…


ฮูนี่ย์ไม่อยากจะเชื่อข้อความเงื่อนไขที่โผล่ขึ้นมาต่อหน้าเขาเลย


 


มงกุฎของโฮลดรีมได้เลือก ‘นักดาบไร้พ่ายไคซาร์’

 


ที่ข้อความยาวหนึ่งบรรทัดที่ได้ใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาจนถึงตอนนี้กลายเป็นโฟม ฮูนี่ย์กรีดร้องออกมา


“อ๊ากกก! เควสต์ฉัน… เควสต์ของฉัน…!”


ต่างจากไคซาร์นั้นที่ได้รับมงกุฎของโฮลดรีมก่อนที่เขาจะตระหนักได้แสดงออกถึงความพึงพอใจเมื่อเขามองที่มงกุฎ


“คิ ไอเทมนี้ตาถึงจริงๆ”


และไคซาร์หันหน้ามาหาเอียน


“เห็นมั้ยเจ้าหนูลอร์ด? ฉันสุดยอด”


“…”


เอียนจ้องไปมาที่ไคซาร์และฮูนี่ย์ด้วยอาการงุนงง


สถานการณ์นี้ดำเนินไปอย่างไร แม้แต่เอียนก็ไม่เข้าใจจริงๆ


‘นี่… ถูกต้องใช่ไหมที่จะมีความสุข?’


เขารู้สึกเสียใจมากขึ้นกับสีหน้าของฮูนี่ย์ที่ดูเหมือนว่าเขาจะร้องไห้ทุกเวลา


และฮูนี่ย์ผู้ไม่รู้ว่าไคซาร์เป็นผู้ติดตามของเอียน ทำอะไรไม่ได้นอกจากสบถไปที่ผู้พัฒนาของไคลัน


‘เวรเอ้ย นี่คือการเล่นตลกกับผู้เล่น นี่คือการดูถูกผู้เล่น! ฉันต้องโทรหา LB Sports และบ่นให้ยับเลย’


อย่างไรก็ตามฮูนี่ย์รู้ดีว่าแม้ว่าเขาจะทำสิ่งนั้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


ด้วยการแสดงออกที่เสียใจ ฮูนี่ย์ก็บ่น


“อะไรวะเนี่ย! มันจะพลิกผันแบบนี้ได้ยังไง?”


แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถพุ่งเข้าหาไคซาร์และชิงมงกุฎมาได้


นี่เป็นเพราะเขาไม่ลืมภาพที่น่าประทับใจที่ทำให้อัศวินแห่งความตายบัลลัมล้มลงในการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง


เอียนพูดกับฮูนี่ย์ดัวยอาการสงสาร


“เฮ้ เราควรจะทำยังไงกับสิ่งนี้?”


“…”


“นี่เป็นพลังที่ไม่สามารถควบคุมได้”


ฮูนี่ย์จ้องไปที่เอียน


“นายจะลองต่อสู้กับฉันมั้ยล่ะ?”


“ไม่ ไม่สู้”


ฮูนี่ย์พบว่าเอียนเป็นคนที่น่ารังเกียจ แต่เนื่องจากมันไม่เหมือนกับสถานการณ์ที่เขาสามารถพูดอะไรกับเอียนได้เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกลืนความโกรธภายในใจ


เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างสมบูรณ์กับความตั้งใจของเอียน


อย่างไรก็ตามจากนั้น บัลลัมก็ได้พูด


 


ฮูนี่ย์มีวิธีอื่นในการทำหน้าที่ของผู้เป็นอมตะให้สำเร็จ

 


ตามด้วยคำพูดนั้น ฮูนี่ย์หันไปมองโดยอัตโนมัติ


“มะ มันคืออะไร?”


คำพูดของบัลลัมนั้นเหมือนกับแสงในความมืดในระดับมืดสนิทกับฮูนี่ย์


บัลลัมพูดขณะที่มองไปยังไคซาร์เล็กน้อย


 


เป็นเวลา 100 วันนับจากนี้ท่านต้องอยู่ใกล้กับเจ้าของมงกุฎและรับพลังงานมืดที่รั่วไหลออกมาจากแผ่นไม้

 


และบัลลัมชี้ไปยังแผ่นไม้โครงกระดูกที่อยู่ในมือของฮูนี่ย์


 


โชคดีเพราะตราแห่งความมืดบนมงกุฎได้รับการปลดปล่อยพลังงานความมืดที่ถูกเก็บไว้จะไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาประมาณยี่สิบวันในการรวบรวมทั้งหมด

 


เมื่อคำเหล่านั้น ฮูนี่ย์แสดงอาการดีใจ


หากเขาสามารถทำเควสต์ให้ได้สำเร็จจะเสียโบราณวัตถุก็ไม่เป็นไร


ระยะเวลายี่สิบวันนั้นค่อนข้างนาน แต่เนื่องจาก ‘พลังแห่งความเป็นอมตะ’ นั้นมีความสามารถที่มีเสน่ห์จึงไม่ได้เสียเวลา


“โล่งอกจัง…”


อย่างไรก็ตามจากนั้น ได้ยินเสียงที่ไม่แยแสจากด้านหลัง


“ใครตัดสิน? อย่าแม้แต่จะปรากฏตัวใกล้ฉันในเวลาสั้นๆ เจ้าเด็กแปลกๆ”


เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไคซาร์


สีหน้าของฮูนี่ย์กลับไปซีดอีกครั้ง


“ทำไมไม่ล่ะ? ฉันแค่บอกว่าฉันจะรับพลังงานแห่งความมืดที่ไหลออกมาเอง!”


ไคซาร์โบกมือขณะที่เขาตอบ


“ฮานจิฮูนี่ย์ เจ้า…”


ทุกคนจ้องไปที่ปากของไคซาร์


และตามคำพูดของเขาที่ตามมา ฮูนี่ย์หมดหวัง


“ไม่น่าคบด้วย”


“…”


คำพูดของไคซาร์มั่นคง


ยิ่งกว่านั้นเพราะคำพูดการชอบพอของเขา (?) เขาไม่สามารถแม้แต่จะโต้แย้งและฮูนี่ย์ก็ไม่ได้พูดอะไรไป


ด้วยความตกใจ ฮูนี่ย์จึงพูดติดอ่าง


“นะ นายพูดว่าไม่น่าคบ! ต่อผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งความมืดคนต่อไปที่จะสานต่อพลังแห่งความเป็นอมตะ…!”


ไคซาร์ส่ายหน้า


“ตามที่คาด เจ้านั้นแปลก”


“…”


เอียนแทบกลั้นเสียงหัวเราะที่ออกมาจากปากเขาไม่ไหวและพูดกับไคซาร์


ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาต้องการช่วยเหลือเด็กเหลือขอนี่


“ผู้ติดตาม”


“อะไรเจ้าหนูลอร์ด”


“อย่าเป็นอย่างนั้นเลยและช่วยเขาสักครั้ง”


เมื่อเอียนเข้าข้างเขาอย่างไม่คาดคิด ฮูนี่ย์ดีใจขึ้นเล็กน้อย


อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของไคซาร์ยังคงเมินเฉย


“ทำไมนายพูดอย่างนั้น?”


“ถ้านายได้รู้จักเขา เขาเป็นเด็กที่น่าสงสาร ดูสิไม่ว่าเขาพูดยังไงเขาก็ดูไม่เหมือนเด็กปกติ”


ไคซาร์จ้องที่ฮูนี่ย์เล็กน้อย


และราวกับว่าเขากำลังพูดว่าเขาเข้าใจ เขาก็พยักหน้า


“คำพูดของเจ้ามีความจริงบางอย่าง”


ในขณะที่ดูคนสองคนที่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนแปลกๆ ฮูนี่ย์โกรธแค้น แต่เขาไม่สามารถแสดงออกได้


เนื่องจากสิ่งสำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือเควสต์


“เฮ้ เด็กเวร”


เมื่อไคซาร์เรียก ฮูนี่ย์ตอบกลับ


“หืมม?”


“ถ้าเจ้ายอมรับข้อเสนอของข้า ข้าจะพิจารณาเอง”


ฮูนี่ย์รีบถาม


“ข้อเสนอ? มันคืออะไร?”


และไคซาร์พูดต่อ


“เจ้าเพียงแค่ต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าต่อจากนี้ไป เนื่องจากฉันไม่สามารถบังคับเจ้าหนูลอร์ดได้ ฉันต้องการคนหนึ่งคนที่จะบังคับได้”


“…”


ออกจากความอัปยศอดสู (?) กำปั้นของฮูนี่ย์สั่นคลอน


“คนที่นายสามารถบังคับได้งั้นหรอ…!”


“อย่างไรก็ตาม!”


สายตาของบัลลัมและฮูนี่ย์รวมถึงเอียนนั้นอยู่ในปากของไคซาร์


“ถ้าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าจะให้อิสระกับเจ้าแล้วกัน ว่ายังไง? ถ้าเจ้าเป็นทายาทของผู้เป็นอมตะ ถ้างั้นเจ้าไม่มีความกล้าพออย่างนั้นหรือ?”


สายตาของฮูนี่ย์และไคซาร์ชนกันในอากาศ


และในการพัฒนาสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ เอียนก็แสดงออกอย่างตื่นเต้น


ฮูนี่ย์หลับตาทั้งสองในขณะที่เขาจมอยู่ในความคิดของเขา


‘เฮ้อ ฉันควรจะทำอะไรกับสิ่งนี้?’


ฮูนี่ย์เปิดตาเล็กน้อยและจ้องเขม็งไปที่ไคซาร์


‘ถ้าฉันได้รับพลังแห่งความอมตะ ฉันจะสามารถฆ่าเขาได้ไหม?’


ฮูนี่ย์ไม่รู้ว่าไคซาร์เลเวลอะไร


เนื่องจากเอียนตั้งค่าทั้งหมดเป็นส่วนตัวเลเวลของผู้ติดตามของเอียนทั้งหมดรวมถึงไคซาร์จึงไม่ถูกเปิดเผย


เขาสามารถคาดเดาความแข็งแกร่งของไคซาร์ได้เพียงแค่พลังการต่อสู้ที่เขาเห็นจากภายนอก


‘เอาล่ะ ไม่ว่าเลเวลของเขาจะอยู่ที่เท่าไหร่ คงไม่สูงกว่า 200 หรอก? เลเวลของ NPC ไม่เพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย ดังนั้นหากฉันมีพลังแห่งความอมตะ ถ้างั้นฉันควรจะสามารถฆ่าเขาได้เร็วๆนี้’


เช่นเดียวกับที่ฮูนี่ย์คิดนอกเสียจากว่าจะเป็นกรณีพิเศษเลเวลของ NPC จะไม่เพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือไคซาร์ไม่ใช่ NPC ธรรมดา


ไคซาร์เป็นผู้ติดตามของเอียนและเขายังสามารถเติบโตได้อีก


สรุปแล้ว เลเวลของไคซาร์อยู่ที่ 247


ปัญหาคือว่ามันสูงกว่าเลเวลที่ฮูนี่ย์กำลังคิดอยู่จนถึงจุดที่หาที่เปรียบมิได้


ปากฮูนี่ย์ที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเหล่านี้ก็พูดอย่างช้าๆ


“เอาล่ะ ฉันจะทำมัน”


ไคซาร์จ้องไปที่ฮูนี่ย์ด้วยสายตาที่พร่ามัว


“จริงหรอ?”


“ใช่ อย่างไรก็ตามรักษาสัญญาของนายด้วยล่ะ”


“สัญญาอะไรที่นายพูดถึง?”


“ถ้าฉันเอาชนะนายได้สัญญานี้จะไร้ผล”


เมื่อฮูนี่ย์พูด ไคซาร์แสยะยิ้ม


“แน่นอน ข้าคือไคซาร์ชายผู้รักษาคำพูด เชื่อข้าได้”


และเมื่อฮูนี่ย์พยักหน้า ไคซาร์แบมือไปทางฮูนี่ย์


เมื่อนั้นฮูนี่ย์จ้องไปที่ไคซาร์ด้วยสายตากังวลและน่าแปลกใจที่มีหน้าต่างข้อความโผล่ขึ้นมาต่อหน้าของฮูนี่ย์


กริ๊ง-


 


สัญญาเจ้านายและผู้รับใช้

นักดาบไร้พ่ายไคซาร์ต้องการแต่งตั้งให้ท่านเป็นข้ารับใช้ของเขา


ถ้าท่านยอมรับ ท่านจะกลายเป็นข้ารับใช้ของนักดาบไร้พ่ายไคซาร์อละจนกว่าท่านจะทำตามเงื่อนไข ท่านไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้


เงื่อนไข : ชนะไคซาร์ในการต่อสู้ 1:1


*หากท่านละเมิดคำสั่ง ไคซาร์อาจโจมตีท่าน


*หากไคซาร์ทำลายสัญญาก่อนท่านจะทำตามเงื่อนไข ชื่อเสียงของท่านจะลดลง 100,000 หน่วย


ท่านจะยอมรับสัญญาหรือไม่?


 


และเอียนผู้ที่รับชมฉากนั้นจากด้านข้างมองไคซาร์ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ


‘NPC ที่กลายเป็นผู้ติดตามสามารถให้เควสต์ได้ดัวยหรอ?’


เอียนไม่สามารถรู้ได้ว่าหน้าต่างข้อความประเภทใดโผล่ขึ้นมาต่อหน้าของฮูนี่ย์ได้ แต่เอฟเฟกต์ที่ลอยอยู่เหนือหัวของฮูนี่ย์นั้นเป็นสิ่งเดียวกับที่โผล่ขึ้นมาเมื่อได้รับเควสต์


เอียนให้กำลังใจฮูนี่ย์มากยิ่งขึ้น


‘ไม่มีทาง… มันไม่ใช่ว่าเขาจะยอมรับใช่มั้ย? มันเรียกว่าสัญญาแบบมีเงื่อนไข แต่ด้วยเงื่อนไขเช่นนั้น มันไม่เป็นไรที่จะเห็นว่ามันเป็นสัญญาแบบตลอดชีวิต’


อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเขา


นี่เป็นเพราะแม้กระทั่งจากท่าทางของเอียนเขาคิดว่ามันเป็นเช่นเดียวกับที่เขาได้รับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนหนึ่งที่เขาสามารถบังคับได้


‘เนื่องจากมีผู้ใต้บังคับบัญชามากขึ้น และชายคนนั้นก็มีประโยชน์เช่นกัน’


และเหมือนกับที่เอียนคาดการณ์ไว้ ฮูนี่ย์ยอมรับข้อเสนอของไคซาร์


“เอาล่ะ ฉันยอมรับ”


ในขณะที่มองดูฮูนี่ย์ซึ่งยังคงหมัดกำปั้นแน่นของเขา เฮิร์ซที่ยืนอยู่ข้างเขากระซิบกับเอียน


“เฮ้ เขาไม่ได้พบปัญหาใหญ่หรอ?”


เอียนพยักหน้า


“ถูกต้องแล้ว มันกลายเป็นเรื่องจริงจัง”


ฟิโอลันที่อยู่ใกล้ๆก็เสริมต่อ


“เจ้าเด็กนั่นฉันรู้สึกแย่กับเขานิดหน่อย เมื่อเขาตระหนักถึงความจริง เขาอาจจะลบตัวละครของเขาทิ้งเลยก็ได้”


แม้แต่บุ๊กค์ที่คลานมาที่เท้าของเอียนก็ส่ายหน้า


บุ๊กค์- บุ๊กค์- บุ๊กค์-


แม้แต่บุ๊กค์ก็มองไปที่ฮูนี่ย์ด้วยท่าทางที่น่าสงสาร


ในสายตาของบุ๊กค์ เอียนเจ้าของที่ใจยักษ์ของเขาและไคซาร์ก็ดูเหมือนกันด้วยเหตุผลแปลกๆ


อย่างไรก็ตามไม่ว่าผู้คนใกล้เคียงจะคิดอย่างไรฮูนี่ย์ก็เผาผลาญจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขา


“ฉันจะยกระดับสกิลของฉันอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่ฉันจะสามารถเอาชนะนายได้ นายเป็นคนที่หยิ่งผยองและจากนั้นจะท้าทายนาย นายจะไม่หลีกเลี่ยงฉันใช่ไหม?”


แน่นอนว่าสิ่งที่กลับมาสู่ฮูนี่ย์คือเสียงหัวเราะของไคซาร์


“แก้ไขคำเจ้าก่อนเจ้าหนู พูดจากห้วนๆกับเจ้านายเช่นนั้นได้ไง”


เอียนซึ่งได้ยินคำพูดของไคซาร์ก็ตกตะลึง


‘อะไรกัน? ในเมื่อเขาเป็นผู้ติดตามที่เรียกลอร์ดของเขาว่าเจ้าหนูลอร์ด!’


ต่างจากความคิดของเอียน ฮูนี่ย์ถอนหายใจเมื่อเขาพยักหน้า


“เข้าใจแล้ว เจ้านาย”


“ยังห้วนไป”


“รับ… ทราบครับ”


ในขณะที่จับคฑาของเขาจากพื้นดิน ฮูนี่ย์ก็กลืนความโกรธที่ถูกเก็บไว้ของเขา


“ฮ่า สำหรับฉันผู้สืบทอดแห่งความมืดถัดไปที่จะอยู่ในสถานะเช่นนี้!”


และบัลลัมปลอบเขา


 


มันเป็นตัวเลือกที่ไม่สามารถช่วยได้ในการฟื้นคืนผู้อมตะ ฮูนี่ย์นายจะสามารถเอาชนะความยากลำบากนี้ไปได้

 


ในทางกลับกันเอียนผู้ที่ได้ยินการสนทนาของคนสองคนนั้นต่างก็แสดงความตกตะลึง


‘ห้ะ จริงๆแล้วใครจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงกัน?’


ในเวลาไม่นาน ฮูนี่ย์ก็เข้าสู่สถานการณ์และบทบาทนี้


เอียนส่ายหน้าและเดินไปอย่างช้าๆ


ด้วยความซับซ้อน แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใดเนื่องจากพวกเขาประสบความสำเร็จในการฆ่าโฮลดรีม พวกเขาจำเป็นต้องรักษาสมบัติของโฮลดรีมไว้


‘หลังประตูอาจจะมีโบราณวัตถุซ่อนไว้ใช่ไหม?’


หากไม่รวมจอกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะต้องแบ่งสิ่งของให้เท่าๆกัน แต่ถึงอย่างนั้นเอียนก็ไม่สงสัยเลยว่าเขาจะได้รับรางวัลที่เหลือเชื่อ


“จอกศักดิ์สิทธิ์อาจจะอยู่ข้างในใช่ไหม?”


เมื่อเอียนถาม เฮลเลี่ยมพยักหน้า


“อาจจะอย่างนั้นมั้ง?”


ขณะที่กำลังจับลูกบิดประตูอยู่ในมือของเอียนและประตูเหล็กที่ถูกปิดอย่างแน่นหนาและเริ่มเปิดอย่างช้าๆ 

 

 


ตอนที่ 144

 

กริ๊ง-


 


กิลด์ ‘ดาร์ครูน่า’ ได้ประสบความสำเร็จในการครองฐานแรกในทวีปกลาง

ชื่อเสียงของกิลด์ดาร์ครูน่าเพิ่มขึ้น 100,000 หน่วย

ระดับฐาน : ไม่มี

ฐานที่ว่างเปล่าจะต้องได้รับการพัฒนาและจะต้องยกระดับฐาน

ปราบปรามมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆและเริ่มกิจการภายใน

 


หัวหน้ากิลด์ของกิลด์ดาร์ครูน่า อิลาฮันเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ไคลันของเกาหลีทั้งในนามและความจริง


อิลาฮันซึ่งวางธงแรกในใจกลางของทวีปกลางแสดงออกถึงความพึงพอใจ


“ดีมาก ดูเหมือนพวกเรากิลด์ดาร์ครูน่าจะสามารถยึดครองก่อนในการอัพเดทครั้งใหญ่นี้ได้เช่นกัน”


อาชีพของอิลาฮันรู้จักในอาชีพลับ ‘นักดาบเวท’


อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่มีผู้เล่นรายอื่นนอกจากอิลาฮันที่มีอาชีพ ‘นักดาบเวท’ นี้จึงมีข้อมูลที่รู้จักน้อยมาก


ไม่มีใครรู้นอกจากอิลาฮันไม่ว่ามันจะเป็นอาชีพลับที่มาจากอาชีพนักเวทหรือเป็นอาชีพลับที่มาจากอาชีพวอริเออร์


เพราะแม้แต่อิลาฮันก็ยังเก็บข้อมูลทั้งหมดของเขาไว้เป็นส่วนตัวเช่นเอียน เขาจึงไม่ปรากฏในรายชื่ออันดับ ดังนั้นไม่มีใครรู้ถึงเลเวลของเขาเลย


หากมีการเปิดเผยอาชีพที่แน่นอนของอิลาฮันผู้เล่นสันนิษฐานว่าระหว่างนักเวทเพลิงพลาญรีเมียร์ซึ่งเป็นอันดับแรกในการจัดอันดับของนักเวทและชยาครานหัวหน้ากิลด์ซึ่งเป็นอันดับแรกในการจัดอันดับวอริเออร์ หนึ่งในนั้นจะตกอันดับ


“อิลาฮัน ดูเหมือนว่าเราจะสามารถขยายฐานไปได้อีกประมาณสองฐานในไม่ช้า ฉันจะสั่งให้พวกเขาขยายอีกเลยไหม?”


ในคำพูดของชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของกิลด์ดาร์ครูน่า อิลาฮันส่ายหัว


“ไม่ ฉันไม่คิดว่าจะมีความต้องการอย่างนั้นเพราะแม้ว่าเราจะเพิ่มฐานของเราให้มากขึ้นเราก็ไม่มีพลังเพียงพอที่จะปกป้องมันได้ สำหรับตอนนี้เพียงแค่ปราบปรามรอบๆฐานแล้วเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันเติบโตขึ้น”


“ครับ รับทราบครับ”


เมื่อชายที่ตอบกลับหันกลับและออกจากฐาน อิลาฮันก็พูดกับผู้เล่นหญิงที่ยืนอยู่ข้างเขา


“โซลิน เธอเจอเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีมหรือยัง?”


เมื่ออิลาฮันพูด ผู้เล่นหญิงที่เรียกว่าโซลินพนักหน้าเมื่อเธอตอบกลับ


“ค่ะ ฉันเจอมันแล้วค่ะหัวหน้า”


อิลาฮันถามอีกครั้งด้วยอาการพึงพอใจ


“เยี่ยม มันอยู่ที่ไหน?”


“หลุมศพของโฮลดรีมอยู่ในซากปรักหักพังโบราณที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ตรงกลางของทวีปกลาง ฉันคิดว่าคุณจะได้รับจอกศักดิ์สิทธิ์ที่นั่น”


อิลาฮันพยักหน้า


“โอเค โซลิน ฉันจะนำประมาณ 30 คนไปก่อนและตามพวกเรามาทันทีด้วย”


เมื่ออิลาฮันพูด โซลินลังเลสักครู่เมื่อเธอพูด


“อย่างไรก็ตามหัวหน้า มีปัญหาหนึ่งอย่างค่ะ”


“ปัญหาอะไร?”


“นั่น… ดูเหมือนว่าจะมีผู้เล่นที่เข้าไปในซากปรักหักพังก่อนพวกเรา ดูจากธงของพวกเขา ฉันคิดว่าพวกเขาเป็นผู้เล่นของอาณาจักรลัสเปลค่ะ”


เมื่อเขาได้ยินคำเหล่านั้น ตาของอิลาฮันเบิกโพลง


อิลาฮันพูดด้วยอาการน่าสนใจ


“โอ้โห…? มีพวกไหนบ้างที่มีความสามารถพอที่จะเข้าสู่พื้นที่ตรงกลางของทวีปกลางได้อย่างรวดเร็วในหมู่ผู้เล่นในอาณาจักรลัสเปลเนี่ย?”


โซลินถามอิลาฮันอย่างระมัดระวัง


“เราทำยังไงดีคะหัวหน้า? คุณไม่คิดว่าเราควรไปให้เร็วเท่าที่ทำได้ตอนนี้ไหมคะ? ถ้าเราเสียจอกศักดิ์สิทธิ์ แผนการของพวกเราจะพังลง”


อย่างไรก็ตามแตกต่างจากโซลินที่แสดงอารมณ์ที่กระวนกระวายใจเล็กน้อย อิลาฮันแสดงสีหน้าที่ผ่อนคลายอย่างมาก


อิลาฮันยิ้มเมื่อเขาพูด


“ไม่ต้องรีบโซลีน”


“ห้ะ…?”


ปากของอิลาฮันเบะขึ้น


“มันไม่เป็นปัญหาหากว่าเราไปอย่างช้าๆ เราควรสร้างความมั่นใจว่าเราจะไม่เสียมันไป”


“นั่นหมายความว่า…”


“ถ้าพวกเขาออกมากับจอกศักดิ์สิทธิ์ เราแค่ต้องขโมยมันมาจากพวกเขา ดังนั้นฉันจึงบอกว่าไม่ต้องกังวล มันน่าสนใจดี ฉันกังวลว่ามันจะน่าเบื่อมากกว่า”


อิลาฮันแกะดาบสีน้ำเงินที่เขาพันไว้รอบเอวแล้วส่งให้โซลิน


“ไปก่อนเลยด้วยดาบนี้ ไม่ต้องเข้าไปในดันเจี้ยน แค่นำทหารไว้ข้างหน้า ดังนั้นเธอสามารถโจมตีพวกเขาทันทีที่พวกเขาออกมา”


โซลีนหยิบดาบและถาม


“ดาบอันนี้เป็นไอเทมประเภทอะไรหรอคะ?”


“มันเป็นไอเทมที่ท่านราชาให้มา พลังโจมตีของมันและคุณสมบัติของตัวมันเองก็ไม่ได้ดี แต่มันมีเวทอัญเชิญในนั้น ดังนั้นเธอสามารถใช่มันค่อนข้างดี”


โซลินพยักหน้าเมื่อเธอตอบกลับ


“รับทราบค่ะ”


อิลาฮันเรียกโซลีน


“โซลีน”


“ค่ะ หัวหน้า”


“ลัสเปลน่าสนใจ เธอจะสามารถเผชิญหน้ากับพวกมันแม้ว่าฉันจะไม่ไปที่นั่นด้วยตัวฉันเองได้ใช่ไหม?”


โซลีนยิ้มอย่างเท่ห์ๆเมื่อเธอตอบกลับ


“แน่นอนค่ะ หัวหน้า”


สถานที่ที่ปาร์ตี้ของเอียนเข้ามาคือสถานที่ซึ่งเป็นเหมือนคลังสมบัติที่มีแสงสีทองอร่ามที่อยู่ทุกที่


อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือพื้นที่นั้นมีความสวยงามและในความเป็นจริงไม่มีไอเทมหรูหรามากมายเท่าที่เห็น


แม้แต่กองทองก็ดูเหมือนมากมายในตอนแรก แต่หลังจากแจกจ่ายมันแต่ละคนสามารถรับทองได้เพียง 50,000 หน่วยเพียงเท่านั้น


เอียนเดินเข้าไปตรงแท่นข้างในสุดโดยเก็บใจที่ผิดหวังไว้


‘โชคดีที่ยังมีจอกศักดิ์สิทธิ์’


บนแท่นนั้นจอกศักดิ์สิทธิ์สีทองซึ่งมีขนาดเท่ากับถ้วยรางวัลชนะเลิศของการแข่งขันกีฬาตั้งอยู่ที่นั่นและเอียนก็คว้ามันไว้


เนื่องจากสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีม


กริ๊ง-


 


ท่านได้รับ ‘จอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีม’

ท่านปฏิบัติตามข้อกำหนดการเคลียร์ของเควสต์ ‘การสำรวจโบราณสถานแห่งชิคาร์’ แล้ว

ระดับการเคลียร์ : S

เมื่อท่านประสบความสำเร็จการเคลียร์เควสต์ ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 25,000,000 หน่วย

เมื่อท่านประสบความสำเร็จการเคลียร์เควสต์ ท่านได้รับชื่อเสียง 100,000 หน่วย

เควสต์เชื่อมใหม่ได้เปิดขึ้น

 


และอย่างนั้น หน้าต่างเควสต์โผล่ขึ้นต่อหน้าของเอียน


 


การยึดครองฐานใช้จอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีม

 


ท่านประสบความสำเร็จในการสังหารโฮลดรีมและนำจอกศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ในมือของท่าน


น้ำศักดิ์สิทธิ์ในจอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีมทำให้การเติบโตของฐานทวีปกลางเร็วขึ้น 2 เท่าและจะลดเวลาที่ใช้ในการยึดฐานครึ่งหนึ่ง


ใช้ความสามารถของจอกศักดิ์สิทธิ์เพื่อยึดครองฐาน


ระดับความยากของเควสต์ : ไม่มี


เงื่อนไขเควสต์ : ไม่ทราบ


เวลาจำกัด : 7 วัน


*ถ้าจอกศักดิ์สิทธิ์หายหรือโดนขโมย เควสต์จะล้มเหลว


*ในกรณีที่จอกศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมย เควสต์จะสามารถเริ่มใหม่ได้


 


เอียนอ่านข้อความที่โผล่ขึ้นมาอย่างสงบและเป็นระเบียบในขณะที่เขาพยักหน้า


และเขาก็จมอยู่ในความคิดของเขาสักครู่หนึ่ง


‘จากความจริงที่ว่ามีเงื่อนไขในกรณีที่จอกศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยนั่นหมายถึงว่ามีพลังอีกอย่างหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังจอกศักดิ์สิทธิ์นี้… มี NPC หรือมอนสเตอร์ที่อยู่เบื้องหลังจอกศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?’


เอียนซึ่งไม่รู้ว่าเควสต์ที่เกี่ยวข้องกับจอกศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกสร้างขึ้นที่อื่นๆด้วย อย่างแรกการสันนิษฐานว่ามี NPC หรือมอนสเตอร์ที่จับจ้องที่จอกศักดิ์สิทธิ์อยู่


เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่นทั่วไปจะรู้ถึงการมีอยู่ของจอกศักดิ์สิทธิ์ถ้าไม่ใช่สำหรับเควสต์


และนั่นก็ไม่ใช่สมมติฐานที่ผิดอย่างแน่นอนเช่นกัน


แม้ว่าผู้เล่นรายอื่นจะลดลง NPC ที่อยู่เบื้องหลังจอกศักดิ์สิทธิ์ตามที่เอียนคิดก็มีอยู่


เอียนถามเฮลเลี่ยม


“หัวหน้า ตอนนี้นายจะเคลื่อนไหวอย่างไร?”


ด้วยคำสั่งของพระราชา อัศวินแห่งราชวงศ์จะช่วยให้เอียนไปจนถึงการทำเควสต์การสำรวจโบราณสถานแห่งชิคาร์


เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือเขาต่อไปในภายหลังหรือไม่ เขาจึงถาม


และมันก็เป็นอย่างที่เอียนคิด


“พวกเราอัศวินแห่งราชวงศ์จะต้องพบกับปาร์ตี้ที่สองและสร้างแนวหน้าในตอนนี้ครับ ท่านไวส์เคาท์”


“ฉันเข้าใจแล้ว แนวหน้าจะถูกสร้างที่ไหน?”


เฮลเลี่ยมพูดต่อ


“เรายังไม่รู้ครับ การสะเปะสะปะของกองทัพอาณาจักรไคม่อน แนวหน้าก็อาจจะถูกสร้างขึ้น”


เอียนพยักหน้า


“ฉันเข้าใจแล้ว”


และเขาก็ใช้ความคิดอย่างขยันขันแข็ง


‘ถ้างั้นเราต้องครอบครองฐานที่อยู่ใกล้กับสถานที่ที่กองทัพของอาณาจักรนั้นอยู่เพื่อปกป้องมันอย่างปลอดภัย…’


กิลด์โลตัสเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้นและแข็งแรงพอที่จะเข้าใกล้ 100 อันดับสูงสุดของกิลด์ในขณะนี้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นพลังการต่อสู้ที่สามารถเข้าสู่ทวีปกลางได้อย่างรวดเร็ว


ตั้งแต่เมื่อเปรียบเทียบกับกิลด์ใน 10 อันดับแรกมันก็ยังคงเป็นความแตกต่างระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก


‘ไม่สิ แทนที่จะหักโหมและทำเควสต์ต่อไป มันอาจจะเป็นการดีกว่าที่จะมีสมาธิกับการเติบโต’


เอียนที่จัดการความคิดของเขาเสร็จสิ้น รีบจัดการอุปกรณ์ส่วมใส่และเพื่อจะเดินหน้าอีกครั้ง เขาเรียกสมาชิกกิลด์ทั้งหมดของเขามา


“ฟิโอลัน จากนี้ไปมันจะอันตรายจริงๆแล้วนะ”


เมื่อเอียนพูด ฟิโอลันถามด้วยความงุนงง


“ทำไมล่ะ?”


“ดูเหมือนว่าเป็นไปได้ยากที่จะได้รับความช่วยเหลือจากอัศวินแห่งราชวงศ์ในตอนนี้”


และฟิโอลันแสดงท่าทางกังวลทันที


“โห…”


เฮิร์ซรู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน


“เฮ้ย มีพวกเราสิบคนเท่านั้นและไม่มีทางที่เราจะสามารถครอบครองและปกป้องฐานด้วยพลังการต่อสู้นี้ มันก็ยากพอตัวที่จะล่ามอนสเตอร์ในพื้นที่นี้ด้วยพลังต่อสู้ของกิลด์”


เฮิร์ซพูดอย่างชัดเจน


เนื่องจากเลเวลเฉลี่ยของสมาชิกกิลด์สิบคนในตอนนี้อยู่ในช่วง 120 กลางๆแต่เลเวลของมอนสเตอร์ในพื้นที่อยู่ที่ 140 ไม่ว่ามันจะต่ำแค่ไหนก็ตาม


เอียนมีความสามารถในการ PvE ที่เก่ง แต่ความจริงที่ว่ามันยังไม่เพียงพอคือความเป็นจริง


“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันคิดว่าตอนนี้เราต้องเพิ่มเลเวลของพวกเราสักนิดขณะที่ล่าอยู่”


ฟิโอลันถามด้วยเสียงที่งุนงง


“ล่าหรอ? เควสต์นี้ได้รับการแบ่งปันกับพวกเราในตอนนี้ ดังนั้นเราจึงเห็นว่ามันโผล่ขึ้นมา… เราไม่จำเป็นต้องยึดฐานให้เร็วที่สุดหรอ? แม้จะมีเวลาจำกัดก็ตาม”


อย่างไรก็ตาม เอียนส่ายหน้า


ไม่ว่าเขาจะคิดเกี่ยวกับมันสักเท่าไหร่ เดินไปรอบๆในตอนนี้ยังอันตรายมากเกินไป


เขาตัดสินใจแทนที่มันจะดีกว่าที่จะเติบโตมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายในหลุมฝังศพนี้ซึ่งนอกเหนือจากคุ้นเคยกับมันแล้ว บัฟของผู้ค้นพบครั้งแรกของพวกเขาซ้อนทับสองครั้งและพวกเขาสามารถได้รับ 4 เท่าของค่าประสบการณ์


‘มันเหมือนกันไม่ว่าเราจะทำเควสต์ล้มเหลวในอีก 7 วันต่อมาหรือพวกเราโดนขโมยและทำเควสต์ล้มเหลว’


เอียนได้พูด


“ฟิโอลัน เธอรู้ไหมถ้าเราไปด้วยพลังการต่อสู้แบบนี้และพบกับบอสของพื้นที่ระดับ Heroic จากนั้นพวกเราจะตายทันที เข้าใจไหม?”


ถ้ามันเป็นมอนสเตอร์บอสระดับ Heroic ของทวีปกลาง เลเวลสูงสุดของมันอย่างน้อยก็ 170


ฟิโอลันถอนหายใจ


“เฮ้อ… นั่นก็จริง”


“ความจริงที่ว่า แม้ว่าเราจะโชคดีและก็สามารถไปยังฐานที่ว่างเปล่าโดยมีแค่การโจมตีของมอนสเตอร์สองสามตัว มันจะเป็นเกมโอเวอร์สำหรับเราเช่นกัน”


หากฐานถูกจัดตั้งขึ้น มีมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆรวมตัวกันในขนาดใหญ่และบุกเข้าไปในฐาน


ระดับความยากในการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเดินไปรอบๆพื้นที่และการล่า


หากพวกเขามีกำแพงป้องกันอย่างน้อยก็พยายามต่อสู้ป้องกัน มันจะเป็นเรื่องที่แตกต่าง แต่ในฐานที่มีดินแดนรกร้างไม่มีทางที่สิ่งนั้นจะมีอยู่จริง


เฮิร์ซซึ่งเงียบมาตลอดได้ถามกับเอียน


“ดังนั้นนายคิดว่าเราควรทำอะไรล่ะ? เราจะยอมแพ้กับเควสต์หรอ?”


เอียนพยักหน้า


“ใช่ ฉันคิดว่านายคงต้องพิจารณาที่จะยอมแพ้ในตอนนี้ เนื่องจากเราจะไปล่าที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มและถ้าเราทำอย่างนั้นเราก็จะเหลือวันเดียวภายในเวลาที่กำหนด… การครอบครองฐานในเวลานั้นคงเป็นไปได้ยากด้วยรูปลักษณ์ของมัน “


ฟิโอลันเลียริมฝีปากของเธอ


“อืม มันน่าเสียดายนิดหน่อย ฉันกำลังดีใจเพราะว่าฉันคิดว่าถ้าเราสำเร็จเควสต์ จากนั้นเราจะได้รับค่าประสบการณ์มหาศาลเลย”


เอียนแสยะยิ้ม


“มากกว่านั้น เธออาจจะได้รับค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 100 เท่าในหนึ่งสัปดาห์เต็มในขณะที่ได้รับค่าประสบการณ์ 4 เท่า เนื่องจากไม่มีมอนสเตอร์บอสที่อยู่ในระดับ Heroic หรือมากกว่านั้นแม้ว่าเราจะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองอย่างระมัดระวัง เราควรจะสามารถล่าได้อย่างต่อเนื่อง”


ฟิโอลันก็เห็นด้วยกับคำพูดของเอียน


“นั่นก็จริง ตามความจริงที่ว่าฉันอยู่ที่เลเวล 129 แล้ว…”


และหนึ่งในสมาชิกกิลด์ที่รวมตัวกันอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่พวกเขาจะรู้และได้ยินสิ่งที่พวกเขาถามเอียน


“ถ้าฉันเลเวลของนายอยู่ที่เท่าไหร่แล้วเอียน?”


เอียนยิ้มเมื่อเขาตอบ


“ฉันเพิ่งได้เพิ่มอีกหนึ่งเลเวล ดังนั้นฉันถึง 132 แล้ว”


เฮิร์ซพูดด้วยสีหน้างุนงง


“132? นายแน่ใจหรอว่านายจะไม่ติดอันดับท็อป 10 ของอันดับทั่วไปแล้ว?”


เอียนส่ายหน้า


“ไม่หรอก ไม่ใช่ว่าผู้เล่นท็อป 50 อาจจะถึงเลเวลมากกว่า 140 กันหมดแล้วมั้ง?”


“อย่างงั้นหรอ?”


“อาจจะงั้นแหละ เนื่องจากเมื่อฉันตรวจสอบอันดับก่อนที่เราจะเริ่มเควสต์นี้ ผู้เล่นที่อยู่อันดับ 50 ก็อยู่ที่เลเวล 138 แล้ว”


ฟิโอลันบ่นเมื่อเธอพูด


“แต่โดยทั่วไปแล้วแน่นอนว่าเอียนเป็นที่หนึ่งในการจัดอันดับซัมมอนเนอร์… จากนั้นใครจะเป็นที่สอง? ดูรายชื่อการจัดอันดับของซัมมอนเนอร์ที่โผล่ขึ้นมาในชุมชนครั้งล่าสุด อันดับแรกถูกทำเครื่องหมายเป็นผู้เล่นเลเวล 115”


เพราะว่าข้อมูลของเอียนถูกตั้งไว้ส่วนตัว ชื่อของเขาจึงไม่ได้ขึ้นไปในรายชื่อจัดอันดับซัมมอนเนอร์


และเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีผู้เล่นซัมมอนเนอร์ที่ตั้งค่าส่วนตัวจนถึงตอนนี้เหมือนกับเอียน เอียนยักไหล่ของเขาขณะที่เขาตอบ


“อาจมีซัมมอนเนอร์คนอื่นที่มีเลเวลใกล้เคียงกับฉันก็ได้ใครจะไปรู้”


อย่างไรก็ตามเฮิร์ซส่ายหน้าแสดงสีหน้าราวกับว่ามันไม่สมเหตุสมผลในขณะที่เขาส่ายหัว


“บ้าไปแล้ว ไม่มีใครมีอยู่อย่างนั้นหรอก  ไม่มีทางที่จะมีใครโชคดีบ้าๆแบบนายหรอก”


“เฮ้ย… นายเรียกฉันว่าโชคดีบ้าๆหรอ…”


ฟิโอลันก็พยักหน้าเมื่อเธอเห็นด้วยกับคำพูดของเฮิร์ซ


“การแสดงเขารุนแรงนิดหน่อย… แต่ฉันก็เห็นด้วยเช่นกัน”


เอียนตอบด้วยหน้ามุ่ย


“ห้ะ แม้แต่เธอก็ด้วยหรอฟิโอลัน…”


อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาบ่นและพูดคุยกัน…


ตึก-


บุ๊กค์ซึ่งกินมีตบอลทั้งหมดที่เขาได้รับจากเอียนก่อนที่เขาจะรู้ตัว ลงมาที่พื้นแล้วคลานไปที่ไหนสักแห่ง


บุ๊กค์- บุ๊-บุ๊กค์-


อย่างไรก็ตามเนื่องจากเกือบ 100 คนอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู บริเวณนั้นก็มีเสียงดังอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถค้นพบบุ๊กค์ที่หายไปได้เลย


และ 10 นาทีผ่านไปเช่นนั้น


เอียนก็ค้นพบความจริงที่ว่าบุ๊กค์นั้นหายไป 

 

 


ตอนที่ 145

 

“อะไรวะเนี่ย สงครามเริ่มขึ้นแล้วหรอ?”


ในแนวของทหารอาณาจักรที่เชื่อมต่ออย่างไม่รู้จบถึงจุดที่พวกเขาสามารถเชื่อมต่อจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งผู้เล่นมองไปที่กองทัพอาณาจักรด้วยสีหน้าตื่นเต้นเมื่อพวกเขากระซิบต่อกัน


“ว้าว เพื่อให้เป็นสงครามที่มีระดับอย่างนี้ ฉันต้องการเข้าร่วมในสงครามด้วย!”


“คุณหมายถึงอะไรมีส่วนร่วม ความฝันของเพื่อนคนนี้ยิ่งใหญ่ซะจริง ฉันเพียงแค่อยากจะเข้าใกล้และเฝ้าดู มันอาจจะน่าทึ่งจริงๆใช่ไหมล่ะ?”


“ตัดมันออกไป พวกเราอยู่ในเลเวลที่เราไม่สามารถแม้แต่จะเข้าไปในเวสต์แลนด์ได้ หากอยู่ทวีปกลางเพียงลำพัง คุณอาจจะตายหลังจากโดนฝูงมอนสเตอร์ทะเลทรายชิคาร์โจมตีสักสองครั้ง”


“เฮ้ย ถึงอย่างนั้น ฉันก็เลเวล 90 คุณคิดจริงๆหรอว่าฉันจะตายภายในหนึ่งการโจมตี?”


“แน่นอนสิ”


“…”


การประกาศสงครามของอาณาจักรไคม่อนและอาณาจักรลัสเปลนั้นถูกผลิตขึ้นเป็นวิดีโอสุดเจ๋งและได้รับการถ่ายทอดผ่านทางบริษัทกระจายเสียงในเกมและความสนใจของผู้เล่นทั้งหมดที่เล่นไคลันนั้นเอนตัวไปทางทวีปกลาง


มันเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นระหว่างสองอาณาจักรยักษ์ใหญ่ในไคลัน


และผู้เล่นระดับสูงของคนกลุ่มน้อยที่ได้รับเควสต์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้หรือมีส่วนร่วมเป็นการส่วนตัว ช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉา


เนื่องจากเมื่อมาถึงจุดนี้เพื่อก้าวสู่ทวีปกลางคุณต้องมีเลเวลอย่างน้อย 120 หรือสูงกว่า


อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิจารณ์จำนวนมาก


“ไม่นะ การอัพเดตที่พวกเขาบอกว่าเป็นเนื้อหาใหม่เพียงแค่งานเลี้ยงสำหรับคนกลุ่มน้อยที่เป็นอันดับสูงหรือไง?”


“ฉันคาดไว้แล้ว ในขณะที่สงสัยว่าถ้าอาชีพใหม่จะออกมาในเวลานี้ด้วย แต่ลืมเกี่ยวกับอาชีพใหม่นั้นไม่มีอะไรใหม่แน่นอนสำหรับผู้เล่นเลเวล 50 อย่างฉัน”


“ขอโทษนะทุกคน พวกคุณบ่นในตอนนี้หลังจากอ่านเนื้อหาทั้งหมดแล้วใช่ไหม? ฉันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นฉันจึงพบว่าไม่ต้องบ่นอะไรมากมายขนาดนั้น…”


“…”


ในบางวิธีนี่เป็นลำดับที่เห็นได้ชัดเจน


ในไคลันผู้เล่นที่มีเลเวล 120 หรือสูงกว่านั้นคิดเป็นเพียงส่วนน้อยประมาณ 0.1% ของการจัดอันดับสูง


เมื่อเซิร์ฟเวอร์ที่เปิดขึ้นก่อนคือเซิร์ฟเวอร์เกาหลีรวมถึงเซิร์ฟเวอร์ยุโรปและอเมริกาเหนืออยู่ในอัตรานี้ การวิจารณ์นั้นรุนแรงมากขึ้นในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศที่เปิดช้า


เนื่องจากในกรณีของเซิร์ฟเวอร์ใหม่ไม่มีผู้เล่นแม้แต่รายเดียวที่สามารถก้าวเข้าสู่ทวีปกลางได้


อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปสองสามวัน การวิจารณ์ของผู้เล่นก็หายไปทันที


นี่เป็นเพราะเควสต์ที่เกี่ยวข้องกับสงครามที่ใครๆก็สามารถเริ่มปรากฏขึ้นทั่วทั้งอาณาจักร


 


ดูที่นี่เจ้าหนู ไม่นานหลังจากนั้นลูกชายคนเดียวของฉันซึ่งเป็นทหารของอาณาจักรจะถูกส่งไปยังทวีปกลาง ฉันต้องการสร้างอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกชายของฉัน… ไม่ว่าโอกาสใดคุณจะสามารถหาและนำแร่เหล็ก 7 ก้อนมาให้ฉันได้หรือไม่?

 


จากเควสต์รวบรวมวัสดุที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี…


 


เฮ้ นายน่ะ เห็นว่านายมีความแข็งแกร่ง… ถ้านายเรียนรู้เพียงเล็กน้อย นายก็ดูเหมือนว่านายจะต่อสู้ได้ดี แล้วเข้ามาในทหารของอาณาจักรลัสเปลและแสดงความสามารถของนายดู? หากนายทำงานหนัก นายสามารถข้ามเป็นเดคานุสและเซนทูเรี่ยนและกลายเป็นเจ้าหน้าที่ได้นะ

 


เพื่อมีโอกาสหางานเป็นทหารของอาณาจักร


เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจึงไม่ใช่ข้อเสนอที่อาจถูกมองข้ามในฐานะทหาร


เมื่อเควสต์และเนื้อหาใหม่ที่สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ผู้เล่นก็จะยิ้มกว้างทันทีอีกครั้ง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสที่จะได้งานทำ (?) ที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรในฐานะทหารอาณาจักร ช่างตีเหล็ก นักเวทหรืออัศวินเข้าสู่พื้นที่กลางโดยมีผู้เล่นจำนวนมาก


อันดับหรือกลุ่มอาชีพที่ได้รับนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เล่น แต่ถ้าคุณได้ตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับตระกูลของอาณาจักรเนื่องจากคุณสามารถรวบรวมการมีส่วนร่วมทีละเล็กทีละน้อยและเหนือสิ่งอื่นใดรางวัลชื่อเสียงนั้นดีจนถึงจุดที่เทียบไม่ได้กับเควสต์อื่นๆมันเป็นประเด็นที่ผู้เล่นได้รับความนิยมอย่างมาก


แม้กระทั่งในประเด็นที่ว่าในห้องสนทนาแบบเรียลไทม์ของชุมชน การสนทนาที่เกี่ยวข้องกับงานเกิดขึ้น


 


ทุกคน เร็วๆนี้ฉันจะเลื่อนขั้นเป็นเดคานุส ที่เป็นเดคานุสเมื่อฉันเลเวล 40 เจ๋งไปเลยใช่ป่ะ?

คนข้างบน เท่าที่การสำรวจของฉันดำเนินไป นายก็ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับทหารองครักษ์กลาง จากความจริงที่ว่านายเป็นเดคานุสตอนเลเวล 40… ดูเหมือนว่านายเป็นพันธมิตรกับคฤหาสน์เล็กๆในท้องที่ ดังนั้นฉันจึงไม่อิจฉา

ฮ่า หมอนี่ฉลาดจัด…

นายหมายถึงอะไรที่ว่าฉลาด มันแปลกถ้านายไม่รู้ไม่ต่างหาก

ฮ่าฮ่า ทุกคนไม่ต้องตกใจ ทันทีที่ฉันทำการทดสอบฉันได้รับงานทันทีในฐานะเดคานุสซึ่งเป็นสังกัดอัศวินกลาง จ่ายทอง 400,000 หน่วยทุกสัปดาห์ ฮาฮาฮ่า!

โห คนข้างบน อย่างไรก็ตามนายสามารถบอกอาชีพและเลเวลนายได้ไหม? ฉันสงสัยน่ะ

ปัจจุบันเป็นผู้เล่นอาชีพวอริเออร์เลเวล 107

โห! ไม่มีทาง ฉันเลเวล 112 แต่ฉันสอบสัมภาษณ์ตรงเป็นเดคานุสไม่สำเร็จ…!

ฮ่าฮ่า นี่จะเป็นความแตกต่างทางกายภาพใช่ไหม?

จนกว่านายจะอัปโหลดรูปเป็นหลักฐาน ฉันจะไม่เชื่อนาย

ฮ่าฮ่า คนพวกนี้รอแปปนะ ฉันจะถ่ายมาให้ดู

 


ผ่านการอัพเดทใหม่นี้ โดยรวมแล้วไคลันยืนอยู่ในช่วงใหม่และแม้ว่าจะได้รับอันดับที่ 1 อย่างท่วมท้นด้วยส่วนแบ่งตลาดเกม VR ไคลันก็ดังเพิ่มมากขึ้น


ไม่ว่าจะเปิดช่องเกมใด ข้อมูลและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสงครามที่เกิดขึ้นในทวีปกลางได้รับการแสดงและแม้ว่าจะเป็นเกมที่เกือบจะวางจำหน่ายเป็นปี แต่ผู้เล่นใหม่ก็ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง


เอียนและกิลด์โลตัสยืนอยู่ในตรงกลางเช่นนั้น


 


* * *


 


“บุ๊กค์ ฉันจะให้มีตบอลนะ ดังนั้นอย่าซ่อนและออกมา!”


“ปาร์คบุ๊กค์ แกอยู่ไหน?”


“อะไรคือปาร์คบุ๊กค์เนี่ย?”


“นายบอกว่านายเป็นพี่ของบุ๊กค์ ดังนั้นฉันคิดว่านามสกุลของเขาก็เป็นเหมือนนายเช่นกัน


“…”


อัศวินของอาณาจักรที่ฟื้นฟูเสร็จสิ้นได้กลับไปทั้งหมดและก่อนที่สมาชิกของกิลด์จะยืดตัวเพื่อเริ่มต้นการล่า พวกเขาเริ่มไปรอยๆดันเจี้ยนเพื่อหาบุ๊กค์ที่หายไป


ในตอนแรกเอียนคิดว่าเขาจะสามารถพบเขาได้ทันทีเหมือนตอนอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้น


สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ…


 


สัตว์เลี้ยง ‘บุ๊กค์’ ปฏิเสธการยกเลิกการอัญเชิญ

สัตว์เลี้ยง ‘บุ๊กค์’ ไม่สามารถยกเลิกการอัญเชิญได้

 


เอียนแสดงอาการงุนงง


‘อะไรวะเนี่ย? เขาปฏิเสธการยกเลิกการอัญเชิญ? เขาพบอะไรบางอย่างที่อร่อยมากกว่ามีตบอลหรอ?’


เวลาที่ไปโดยไม่มีจุดประสงค์ทำให้รู้สึกเสียเวลา แต่ถึงอย่างนั้นต้องจัดความสำคัญที่จะหาบุ๊กค์ก่อนการล่า เอียนหาบุ๊กค์กับสมาชิกกิลด์อย่างขยันขันแข็ง


และมันก็เหมือนกับที่พวกเขาไม่ได้ล่าอะไรเลย


เนื่องจากพวกเขาต้องฆ่ามอนสเตอร์ที่พวกเขาวิ่งเข้าไปขณะที่เขาเดินไปรอบๆก่อนจะดำเนินการต่อไป


“เจ้าหนูลอร์ด ทำไมนายถึงต้องพยายามหาเจ้าเต่าน่าเกลียดนั่น?”


เมื่อไคซาร์พูด ซีเรียที่อยู่ข้างเขา ตอบแทนเอียน


“นายหมายความว่าไงที่น่าเกลียดน่ะ! นายรู้ไหมว่าบุ๊กค์นั้นน่ารักขนาดไหน?”


“ฮ่า… ข้าคิดว่าเต่านั่นและผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าดูคล้ายกัน สัดส่วนร่างกายของพวกเขาดูเหมือนจะคล้ายกัน…”


เมื่อไคซาร์พูด ฮูนี่ย์ที่ตามเขามาก็ทำหน้าบึ้ง


“มาเปรียบเทียบฉันกับเจ้าเต่าหัวใหญ่นั่น… ฉันคิดว่ามันมากเกินไปเจ้านาย


“เจ้าพูดห้วนอีกแล้ว อยากจะโดนสักทีใช่ไหม?”


“…”


ด้วยความอัปยศอดสูที่ทนไม่ได้ (?) ที่เขาไม่เคยพบเจอมาจนถึงตอนนี้ ฮูนี่ย์กำกำปั้นของเขา


‘มันจะผ่านไป…’


และเขาคิด


‘ถ้าฉันรู้สึกว่าฉันจะไม่สามารถเอาชนะเจ้านี่ที่เหมือนสัตว์ประหลาดนั้นได้… เมื่อฉันได้ดูดซับพลังงานมืดทั้งหมด ฉันควรทิ้งชื่อเสียง 100,000 หน่วยและยุติสัญญา’


อย่างไรก็ตามความคิดของฮูนี่ย์นี้เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อ


ไม่สิ ไม่ถูกต้องมากกว่าที่จะเป็นไปไม่ได้


นี่เป็นเพราะฮูนี่ย์อ่านเนื้อหาสัญญาไม่ถูกต้อง


โดยเฉพาะเนื้อหาสัญญาที่กล่าวว่า ‘หากไคซาร์ทำลายสัญญาก่อนที่ท่านจะปฏิบัติตามข้อกำหนดชื่อเสียงของท่านจะลดลง 100,000 หน่วย’


หากมีการอ่านเนื้อหา มันสามารถเข้าใจได้ แต่การหลุดพ้นจากไคซาร์โดยเสียชื่อเสียง 100,000 หน่วยนั้นไม่ใช่สถานการณ์ที่ฮูนี่ย์สามารถทำได้


ในกรณีที่ไคซาร์หมดความสนใจในฮูนี่ย์และเขาทำลายสัญญานั่นหมายความว่าชื่อเสียง 100,000 หน่วยจะเสียทิ้งไปด้วย


อย่างไรก็ตาม ฮูนี่ย์ที่อ่านส่วนนั้นไม่ถูกต้อง คิดว่าชื่อเสียง 100,000 หน่วยเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อเขาทนอย่างดื้อรั้น


อย่างไรก็ตาม จากนั้น หนึ่งในสมาชิกกิลด์เรียกเอียนด้วยเสียงดัง


“โอ้ เอียน! ตรงนั้นมีอะไรน่ะ?”


“อะไรนะ?”


และทุกคนก็จ้องมองไปที่ที่พวกเขาชี้ไป


“สิ่งนั้นเปล่งประกายอยู่ตรงนั้น ฉันคิดว่าในมุมตรงนั้นแสงส่องสว่างอย่างนุ่มนวล?”


“ไหนดูสิ”


ปาร์ตี้รวมถึงเอียนเดินไปยังสถานที่ที่แสงไฟส่องมา ด้วยเสียงฝีเท้าอย่างระมัดระวัง


พวกเขาไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในด้านในซึ่งช่วงการมองเห็นของพวกเขามืดและเนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดเริ่มต้นของบริเวณล่าเลเวลสูงที่ซึ่งเลเวลเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 140 จึงต้องหลีกเลี่ยงความประมาท


และในขณะที่พวกเขาหันไปที่มุมอย่างช้าๆ ด้านหลังที่คุ้นเคยจับสายตาของปาร์ตี้


“อะไรวะเนี่ย?”


“บุ๊กค์ แกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”


นั่นเป็นด้านหลังของบุ๊กค์


สิ่งที่น่าประหลาดใจคือรูปแบบของมอนสเตอร์ที่ยืนเผชิญหน้ากับบุ๊กค์


เอียนบ่นด้วยอาการงุนงง


“อะไรวะเนี่ย มัน… ดูเหมือนกับบุ๊กค์เลย”


มอนสเตอร์ที่เผชิญหน้ากับบุ๊กค์ด้านหน้าทางเดินแคบเป็นเต่าทะเลที่มีลักษณะคล้ายกับบุ๊กค์


อย่างไรก็ตามแตกต่างจากบุ๊กค์ที่มีเปลือกสีน้ำเงินเข้ม เต่าที่อยู่ตรงข้ามคือเต่าทองคำซึ่งร่างกายทั้งหมดส่องด้วยแสงสีทอง


เมื่อหัวที่โตของบุ๊กค์ซึ่งยื่นออกมา ส่องแสงสีทอง


อย่างไรก็ตาม ไลที่ตามหลังของเอียนมาโดยไม่พูดอะไร ถามเอียนทันที


 


เจ้านายครับ

 


“ไลมีอะไรหรอ?”


 


หรือว่าเต่าที่ท่านคุยด้วยครั้งล่าสุด… เป็นเต่าที่ดูเท่ห์ที่สุดในโลกบักค์?

 


“ห้ะ…?”


 


ดูเหมือนว่าชื่อของมันคือบักค์เพราะหัวของเขาฉายแสงออกมาอย่างสดใส แต่ทำไมเต่านั่นถึงอยู่ที่นี่? เจ้านาย ท่านไม่ได้พูดครั้งสุดท้ายว่าบักค์อยู่ในทวีปทางตอนเหนือหรือไม่?

 


“…?”


เมื่อไลพูด เอียนแสดงอาการงุนงงสักครู่หนึ่ง


และฟิโอลันที่อยู่ข้างเขาก็ถาม


“เอียน บักค์คืออะไร? มีเต่าแบบนี้อยู่ด้วยหรอ?”


เฮิร์ซแสดงความสนใจด้วยอาการตื่นเต้น


“อะไรกันเ บุ๊กค์มีเพื่อนด้วยหรอ? เจ้าเต่านั่นเป็นเต่าที่นายรู้จักหรอ?”


เมื่อทั้งสองคนถาม เอียนที่งุนงงสักครู่หนึ่ง จำเรื่องราวของ ‘เต่าที่ดูดีบักค์’ ได้ทันทีที่เขาสร้างขึ้นครั้งที่แล้วโดยไม่คิดมาก


‘อะ อะไรวะเนี่ย…?’


ไลบ่นต่อ


 


ลองมาคิดดูแล้ว ผมคิดว่าเขาดูดีมากกว่าบุ๊กค์อย่างแท้จริง มันเป็นจุดที่ผมอยากจะจับหัวที่เปล่งแสงสักครั้งหนึ่ง

 


ดูเหมือนว่ามันได้ยินคำพูดของไล ในขณะที่บุ๊กค์ซึ่งอยู่ในตรงกลางของการเผชิญหน้ากับเต่าทองด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด หันหัวและจ้องมอง


จ้อง!


“จินซุง อาการเขาดูจริงจังมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาจริงจังนอกจากเมื่อเขากินมีตบอล”


“เหมือนกัน…”


เอียนตอบ


“ฉันก็เหมือนกัน”


บุ๊กค์ที่จ้องมองทุกคนในปาร์ตี้ที่พูดแต่เรื่องที่ไม่เหมาะสม เริ่มคลานไปหาเต่าทองคำ


และพวกเขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ปาร์ตี้ทั้งหมดกลั้นหายใจเมื่อพวกเขาดูฉากนั้น


มันเป็นการแสดงที่ว่าตัวเอกของหนังสือศิลปะการต่อสู้หรือภาพยนตร์ได้พบกับศัตรูที่อยู่ด้านบนของสะพานทางเดียว!


บุ๊กค์แสดงออกอย่างแน่วแน่และแม้แต่ไคซาร์ก็เริ่มเฝ้าดูการต่อสู้ของเต่าหัวใหญ่สองตัวที่มีความน่าสนใจเช่นกัน


บุ๊กค์- บุ๊-บุ๊กค์-!


เขาไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรกัน แต่บุ๊กค์ตะโกนอย่างเอิกเกริก


และบักค์ยืนขึ้นและก็พูด


อย่างไรก็ตามน่าแปลกใจที่บักค์รู้วิธีที่จะพูดภาษามนุษย์


บักค์จ้องไปที่เอียนแทนที่จะเป็นบุ๊กค์และพูด


 


มนุษย์ รู้จักข้าไหม?

 


“ห้ะ…?”


 


บักค์หรอ… สำหรับข้าเป็นชื่อที่เท่ห์ดี!

 


“Pfft…!”


เพื่อที่จะยับยั้งเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมาในสถานการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ เอียนจึงต้องใช้กำลังทั้งหมดของเขา

 

 

 


ตอนที่ 146

 

“บุ๊กค์ บุ๊-บุ๊กค์!”


‘ฉันรู้สึกถึงพลังงานอันแข็งแกร่งจากบางที่บุ๊กค์!’


บุ๊กค์ซึ่งกำลังกินมีตบอลอย่างเอร็ดอร่อยหลังจากการต่อสู้เหมือนเวลาอื่นๆ ทันใดนั้นก็สะบัดหัวขึ้น


เขารู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนจนถึงตอนนี้กำลังเรียกเขา


หลังจากผลักมีตบอลทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าเขาเข้าไปในปากของเขา บุ๊กค์พยักหน้าให้เอียน


“บุ๊-กค์!”


‘เจ้านาย ฉันแค่จะมาทำธุระสักเล็กน้อยบุ๊กค์!’


แน่นอนว่าไม่มีทางที่เอียนซึ่งเป็นคนฟุ้งซ่าน จะได้ยินรายงานของบุ๊กค์ (?) แต่บุ๊กค์ก็ไม่สนใจ


เนื่องจากรายงานเป็นเพียงพิธีเฉยๆ


ด้วยเสียงฝีเท้าตื่นเต้น บุ๊กค์เริ่มคลานไป


‘พลังงานที่แข็งแกร่งอย่างนี้หมายความว่าอาจมีอิลิกเซอร์แสนอร่อยได้บุ๊กค์!’


เป็นเพราะเขาได้รับฮัลลิและพินหรอ?


ในบางจุดมีหลายกรณีที่เอียนทิ้งบุ๊กค์ไว้เพียงคนเดียวในระหว่างการต่อสู้


เนื่องจากเขามีสัตว์เลี้ยงมากขึ้นและพวกเขาส่วนใหญ่ต่อสู้โดยใช้สกิลระยะไกล เว้นแต่จะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก เขาจึงล่าโดยไม่วางบุ๊กค์ไว้ที่อยู่บนหลังของเขา


‘เพราะว่ามันสักพักมาแล้วตั้งแต่ฉันถูกแขวนไว้บนหลังเป็นเวลานานๆ ฉันรู้สึกเหมือนจะตายบุ๊กค์!’


อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงทวีปกลางเพราะพื้นที่การล่าของตัวมันเองนั้นมีเลเวลสูงอย่างมากและไม่มีเวลาให้ประมาทเลย เอียนจึงมีบุ๊กค์อยู่บนหลังของเขาตลอดเวลา


เพราะอย่างนั้น มันเป็นครั้งแรกในระยะเวลาแสนนานที่เอียนได้วางบุ๊กค์ลงและบุ๊กค์ผู้ที่ได้รับอิสรภาพเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าสู่ทวีปกลาง ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น


‘รู้สึกดีจังเลยบุ๊กค์! ฉันหวังว่ามันจะมีอะไรที่อร่อยมากกว่ามีตบอลนะบุ๊กค์!’


เอียนไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ แต่เมื่อบุ๊กค์ได้รับอิสระ เขาออกไปโดยที่เอียนไม่รู้และขุดออกมาและกินอิลิกเซอร์


และในดันเจี้ยนยักษ์ที่ บุ๊กค์มาเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา อิลิกเซอร์ที่เขาปรารถนาจะกระจัดกระจายอยู่ที่ต่างๆ


กลิ่นของสิ่งที่ไม่รู้จักที่สามารถสัมผัสได้ยิ่งแรงขึ้นขณะที่บุ๊กค์ขยับขาที่สั้นของเขาขยับให้เร็วยิ่งขึ้น


‘ฉันเจอหนึ่งที่แล้วบุ๊กค์!’


บุ๊กค์ที่คลานไปบนผนังด้วยร่างอ้วนๆของเขาสำเร็จ ขุดหญ้าหลายสีที่งอกออกมาจากกำแพงถ้ำและเริ่มกินมัน


“บุ๊กค์! บู๊-บุ๊กค์!”


‘อืม กลิ่นนี้! พื้นผิวที่รู้สึกได้บนลิ้นของฉันนั้นเหนือกว่าการเปรียบเทียบบุ๊กค์!’


สำหรับบุ๊กค์การชิมอิลิกเซอร์ทุกชนิดที่กระจายอยู่ทุกที่ทั่วทั้งทวีปเป็นงานที่สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ


แน่นอนว่ามันยากที่จะหาสิ่งที่บุ๊กค์พอใจมากกว่ามีตบอลซึ่งมีรสชาติกระตุ้นที่เต็มอยู่ในปากของเขา แต่ก็มีเสน่ห์แตกต่างกันในการชิมสมุนไพร


‘ฉันรู้สึกถึงพลังของธรรมชาติในท้องของฉันบุ๊กค์!’


เมื่อใดก็ตามที่เขากินสมุนไพรยา พลังงานใหม่จะดูดูซับความแข็งแกร่งเข้าหาร่างกายของบุ๊กค์


หลังจากกลืนรากสมุนไพรที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์ บุ๊กค์ก็เริ่มเดินอีกครั้ง


อย่างไรก็ตาม ข้อความน่ารำคาญก็โผล่ขึ้นต่อหน้าของบุ๊กค์


 


ท่านได้รับประทานหญ้าหลากสีพันปีแล้ว ข้อมูลสามารถแชร์กับเจ้าของ ‘เอียน’

 


ข้อความที่น่ารำคาญนี้โผล่ขี้นทุกครั้งที่เขากินสมุนไพรยา


บุ๊กค์ส่ายหน้าด้วยท่าทางนิ่งๆ


‘ฉันไม่ได้ต้องการบุ๊กค์! ถ้าเจ้านายฉันรู้ จากนั้นเขาจะบอกฉันให้เอาไปให้เขาด้วยบุ๊กค์! ฉันจะกินมันให้หมดด้วยตัวเองบุ๊กค์!’


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ข้อความได้หายไปและบุ๊กค์เริ่มเดินอย่างรวดเร็วอีกครั้ง


‘เร็วๆนี้ เจ้านายของฉันจะรู้สึกตัวว่าฉันหายไปและมาหาฉันบุ๊กค์ ฉันต้องกินให้มากเท่าที่ทำได้ก่อนถึงตอนนั้นบุ๊กค์!’


บุ๊กค์ได้เคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่ยากที่จะเชื่อว่าความเร็วเช่นนั้นมาจากขาสั้นๆเช่นนั้นและเขาก็เดินไปรอบๆเพื่อรับประทานสมุนไพรที่อยู่ภายในดันเจี้ยน


และหลังจากนั้นไม่นาน


ตามที่บุ๊กค์กังวล ความแข็งแกร่งที่ไม่รู้จักเริ่มปกคลุมรอบตัวของบุ๊กค์


เจ้านายของเขาสั่งคำสั่งให้ยกเลิกการอัญเชิญ


บุ๊กค์เริ่มต่อต้านพลังที่แข็งแกร่งและไม่รู้จัก


‘ฉันไม่ต้องการบุ๊กค์! ฉันจะกินให้มากกว่านี้บุ๊กค์!’


เมื่อเขาทำอย่างนั้น น่าแปลกใจที่แสงสีฟ้าที่ปกคลุมรอบๆบุ๊กค์เริ่มหายไปบนอากาศ


และบุ๊กค์ที่สำเร็จการต่อต้านคำสั่งการยกเลิกอัญเชิญของเอียน เริ่มเดินอีกครั้ง


‘ไม่มีใครหยุดฉันได้บุ๊กค์!’


ด้วยความมั่นใจ บุ๊กค์เริ่มกินอิลิกเซอร์ที่เขาพบอีกครั้ง


อย่างแรก ปกติแล้วบุ๊กค์ไม่มีความแข็งแกร่งที่จะปฏิเสธคำสั่งของเอียนได้


อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากินอิลิกเซอร์และค่อยๆแข็งแรงขึ้นก็เป็นไปได้ที่เขาจะปฏิเสธพลังงานที่ไม่รู้จักนี้


บุ๊กค์ก็ยังมีความฝันเล็กๆ


‘ถ้าฉันกินอิลิกเซอร์ให้มากขึ้น เป็นไปได้ที่ฉันจะสามารถหลบหนีจากเจ้าของที่ชั่วร้ายนี้บุ๊กค์!’


บุ๊กค์เป็นเต่าที่โดนแรงงานที่ฝันอยากหนีเจ้าของชั่วร้ายที่ให้ราคาถูกกับการจ่ายค่าแรง


ในหลายๆวิธี การรวบรวมอิลิกเซอร์เป็นงานที่มีความสำคัญอย่างเหลือเชื่อสำหรับบุ๊กค์


อย่างไรก็ตามจากนั้นก็ได้ยินเสียงที่แตกต่าง


และช่วยไม่ได้ที่จะดึงดูดความสนใจของบุ๊กค์


 


เจ้าเป็นใคร นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบกับเต่าที่มีรูปลักษณ์ที่แสนจะเท่ห์ตั้งแต่ที่ข้าได้เกิดมา!

 


เมื่อได้ยินคำชื่นชม บุ๊กค์ลืมที่จะกินสมุนไพรยาที่เขาเคี้ยวและหันหัวไป


‘ไม่นะ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าจะมีใครบางคนที่จะจดจำรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของฉันจากนอกสถานที่เช่นนี้บุ๊กค์!’


และสายตาได้มาบรรจบกัน ช่วยไม่ได้ที่บุ๊กค์จะตกตะลึง


นี่เป็นเพราะในชั่วขณะหนึ่งเขาก็มองไม่เห็นอะไรเลยด้วยการส่องแสงสีทอง


“บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์!”


หลังจากนั้นไม่นานวิสัยทัศน์ของบุ๊กค์ซึ่งถูกบดบังก็กลับมาเป็นปกติและหลังจากตรวจสอบอีกครั้ง ดวงตาสองตาของบุ๊กค์ก็เบิกโพลง


‘บุ๊กค์! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเต่าที่เท่ห์ขนาดนี้บุ๊กค์!’


ตรงหน้าของบุ๊กค์ เต่าสีทองที่กระดองเปล่งแสงสีทองและขนาดใหญ่ หัวที่สวยงามกำลังคลานมาหาเขา


แม้แต่บุ๊กค์เต่าที่หลงตัวเอง มันเป็นลักษณะที่สมบูรณ์แบบที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะยอมรับ


มีคำหนึ่งที่ยากที่จะจดจำของบุ๊กค์นั้นสักครู่หนึ่ง


 


บุ๊กค์ เจ้ารู้ไหมว่าเต่าที่หล่อและเท่ห์ที่สุดในโลกเป็นใคร?

 


มันเป็นเรื่องราวที่เขาได้ยินจากเจ้าของชั่วร้ายเมื่อสองสามเดือนก่อนที่เขายากจะเชื่อ


 


เป็นเต่าที่ถูกเรียกว่าบักค์ในทวีปทางเหนือและรูปลักษณ์ของมันซึ่งเป็นเต่าที่เท่ห์ที่สุดในโลก

 


บุ๊กค์ซึ่งจำเรื่องราวเต่าที่เท่ห์ที่เขาได้ยินจากเอียนแสดงออกที่แน่วแน่ขณะที่จ้องมองเต่าสีทอง


ฝ่ายตรงข้ามแน่นอนว่าเป็นบักค์ที่เอียนพูดถึง


‘บักค์…! ฉันไม่คิดว่าจะได้มาเจอนายที่นี่บุ๊กค์!’


บักค์เป็นเต่าชั่วร้ายที่นำบุ๊กค์มาสู่โลกของการควบคุมอาหารและควบคุมสัดส่วน


บุ๊กค์ไม่เคยลืมชื่อนั้น


และภายในเขาทำให้ความมุ่งมั่นของเขาเพิ่มขึ้น


‘ถ้าฉันสามารถกำจัดการเต่าที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ได้ ฉันก็ควรจะได้กินมีตบอลตามที่ใจฉันต้องการอีกครั้งบุ๊กค์…!’


และก่อนที่การต่อสู้ของเต่าทั้งสองตัวจะเริ่มขึ้น


เอียนและปาร์ตี้ของเขาได้ปรากฏด้านหลังของบุ๊กค์


 


* * *


 


ณ โบราณสถานที่ตั้งอยู่ตรงกลางของทะเลทราย


ด้วยเหตุนี้จึงมีเนินทรายมากมายอยู่รอบๆและที่มุมหนึ่งของเนินเขาเหล่านั้นธงขนาดใหญ่ก็พลิ้วไหว


มันเป็นธงของกิลด์ที่มีพื้นหลังสีขาวและพระจันทร์เสี้ยวสีดำวาดอยู่


นั่นคือธงของดาร์ครูน่า กิลด์ที่อยู่ในอันดับที่ 1


“โซลิน เราจะต้องรออีกนานแค่ไหน?”


เมื่อคำพูดของผู้เล่นที่อยู่ข้างเธอ โซลินวางนิ้วชี้ไว้ที่ริมฝีปากของเธอขณะที่เธอตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ


“รออีกสักนิดหนึ่งเป็นการดีที่สุดที่จะไม่กระทำการอย่างประมาทจนกว่าหัวหน้าจะมาถึง”


โซลินคือผู้เล่นวอริเออร์หญิงเลเวลสูงที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสอดแนมที่ 1 ของกิลด์ดาร์ครูน่า


เธออยู่ที่เลเวล 139


และในขณะนี้เลเวล 139 อยู่ในเลเวลสูงพอที่จะอยู่ใกล้กับ 50 อันดับแรกของการจัดอันดับทั่วไป


‘ฉันรู้สึกว่ามันจะถึงเวลาที่พวกเขาออกมาแล้ว…’


โซลินตรวจสอบข้อมูลของดันเจี้ยน


 


สุสานโบราณ ยักษ์ คนที่เหมือนพระเจ้า

ระดับดันเจี้ยน : Heroic


เลเวลดันเจี้ยน : 170


บอสของดันเจี้ยน : โฮลดรีมเลเวล 270


เคลียร์หรือไม่ : ดันเจี้ยนถูกเคลียร์


ผู้เล่นคนแรกที่เคลียร์ : ไม่ทราบ


สุสานของ ‘โฮลดรีม’ หัวหน้าของคนโบราณ ยักษ์ คนที่เหมือนเทพเจ้า


หากบอสถูกฆ่า ขุมทรัพย์ของโฮลดรีมสามารถรับได้ในอัตราที่ต่ำ


* ‘จอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีม’ จะถูกได้รับจากการเคลียร์ครั้งแรก


* ไอเทม ‘จอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีม’ จะดรอปเพียงการเคลียร์ครั้งแรก


 


โซลินที่ตรวจสอบข้อมูลก็แสดงท่าทางงุนงง


“อะไรกันเนี่ย? ทำไมผู้เล่นที่เคลียร์คนแรกถึงปรากฏขึ้นว่าไม่ทราบล่ะ?”


ปกติแล้วผู้เล่นที่เคลียร์ดันเจี้ยนคนแรก ชื่อของผู้เล่นที่โจมตีบอสครั้งสุดท้ายก่อนที่บอสจะตายจะปรากฏขึ้น


เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นผู้เล่นที่ทำให้ข้อมูลของพวกเขาเป็นส่วนตัว แต่มันก็ถูกทำเครื่องหมายคล้ายกับบางสิ่งบางอย่างเช่น ‘*** (ส่วนตัว)’ โซลินจึงงุนงง


และสมาชิกกิลด์คนอื่นที่อยู่ใกล้ๆได้แก้ไขคำถามของเธอ


“อ่อ ถ้า NPC สร้างการโจมตีสุดท้ายให้บอส ดูเหมือนว่ามันจะเขียนแบบนั้น ฉันเคยเห็นมันมาก่อน”


“อ่อ…”


ในที่สุดโซลินก็เข้าใจและพยักหน้า


‘ไม่ว่ายังไง เนื่องจากมีการโผล่ขึ้นมาว่าดันเจี้ยนได้ถูกเคลียร์… ไม่ว่าจะเป็น NPC หรือบุคคลบางคนก็อาจจะออกมา’


และความคาดหวังของเธอก็ไม่ผิด


“โซลินมีใครออกมาจากตรงนั้น”


เมื่อสมาชิกกิลด์พูด โซลินจ้องไปที่ทางออกของโบราณสถาน


“โจมตีเลยมั้ย?”


เมื่อคำถามนั้น โซลินยกมือขึ้นและหยุดพวกเขา


“รออีกสักนิด ฉันไม่คิดว่ามันเป็นผู้เล่น”


อัศวินของราชวงศ์เริ่มออกมาทีละคนหลังจากที่ออกจากสุสาน


และโซลินผู้ตรวจสอบสัญลักษณ์ที่วาดบนเกราะของอัศวินสามารถรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นอัศวินที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรลัสเปล


‘ไม่น่าแปลกใจ… ไม่มีทางที่กิลด์ที่มีความสัมพันธ์กับอาณาจักรจะสามารถเข้าสู่ทวีปกลางได้อย่างรวดเร็ว’


กิลด์สเปนดอร์เป็นกิลด์ที่มีอันดับสูงสุดในบรรดาพันธมิตรลัสเปลอยู่ในอันดับที่ 3


อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับกิลด์ดาร์ครูน่าหรือกิลด์ไททั่นที่แก่งแย่งในอันดับที่ 1 และ 2 พลังการต่อสู้ของพวกเขานั้นต่ำกว่ามาก


นี่เป็นเพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ที่อยู่ใน 50 อันดับแรกได้เข้าร่วมกับกิลด์ยักษ์ทั้งสอง


โซลินครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง


‘ถ้าพวกเขาเป็นอัศวินแห่งราชวงศ์อย่างน้อยพวกเขาจะต้องมีเลเวลมากกว่า 140 … เราจะสามารถต่อสู้กับพวกเขาด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของเราได้ไหม?’


อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ใช้เวลาในการคิดนานนัก


เพราะว่าไม่มีหนทางที่จะเลือกมากนัก


‘ถ้าเราแค่ปล่อยพวกมันไป จากนั้นเราจะเสียจอกศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน’


มันไม่ใช่แม้แต่กิลด์ธรรมดา แต่คืออัศวินแห่งราชวงศ์และถ้าพวกเขาเสียจอกศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกมัน ไม่มีทางที่จะได้มันกลับมา


โซลินคิดว่าอัศวินแห่งราชวงศ์จะมีจอกศักดิ์สิทธิ์แน่นอน


เธอไม่สามารถแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับความจริงที่ว่ามีคนเหลืออยู่ในดันเจี้ยนที่เสร็จสมบูรณ์แล้วและล่าอยู่


‘ด้วยพลังการต่อสู้ของกิลด์ประมาณ 50 คนในขณะนี้… และเนื่องจากอิลาฮันจะมาพร้อมกับกำลังหลักในไม่ช้า…’


ดูเหมือนว่าจะมีอัศวินลัสเปลประมาณ 100 คนและหากเป็นเช่นนั้น เธอรู้สึกว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ด้วยตัวเลขที่เหนือกว่า


เนื่องจากถ้ากำลังหลักมาถึงจะมีผู้เล่นประมาณ 200 คน แม้จะนับผู้เล่นที่มีมากกว่าเลเวล 130


“นานแค่ไหนที่หัวหน้าบอกว่าจะมาถึง?”


“เขาบอกว่าเขาจะมาถึงใน 10 นาที”


โซลินพยักหน้า


“เอาล่ะ สู้กับพวกมันเลย”


เมื่อโซลินพูด สมาชิกกิลด์ที่นั่งอยู่พรางตัวของพวกเขาได้ยืนขึ้น


“รับทราบ”


Seu-reu-reung-.


ขณะที่เธอก้มและยกดาบยาวจากเอวของเธอจากด้านหลังของขบวน เสียงแตรก็ดังขึ้น


ปูนนน-!


 


ด้วยผล ‘กำลังใจในการสนับสนุน’ ของ ‘แตรแห่งชัยชนะ’ ความสามารถในการต่อสู้ของสมาชิกกิลด์ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 5%

การเคลื่อนไหวของสมาชิกกิลด์ทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 10%

ผล ‘กำลังในการสนับสนุน’ จะมีเวลา 10 นาทีและเมื่อใดก็ตามที่สังหารศัตรู ระยะเวลาจะเพิ่มขึ้น 5 วินาทีในแต่ละครั้ง

 


และสายตาของอัศวินแห่งลัสเปลที่ได้ยินเสียงของแตรก็หันไปทางยอดเขาทรายในเวลาเดียวกัน


“บุก…!”


ย๊าาา-!


เช่นนั้น การต่อสู้ครั้งแรกระหว่างทั้งสองอาณาจักรในทวีปกลางเริ่มต้นด้วยการต่อสู้ระหว่างกิลด์ดาร์ครูน่าและอัศวินแห่งราชวงศ์ลัสเปล ในอนาคตมันเป็นจุดเริ่มต้นของภัยพิบัติที่เรียกว่า ‘ฝันร้ายแห่งทวีปกลาง’ สมาชิกของกิลด์ดาร์ครูน่า


ตอนที่ 147

 

“บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!”


เต่าสีทองบักค์ (?) ไม่สนใจบุ๊กค์ที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาขณะที่มันทำเหมือนจะต่อสู้และเข้าหาเอียนอย่างช้าๆ


บักค์พูด


 


เมื่อพบกับมนุษย์ที่รู้เกี่ยวกับอดีตของข้า เจ้าบอกว่าเจ้าคือเอียนใช่ไหม?

 


เมื่อเขาถาม เอียนพยักหน้า


“ห้ะ? ใช่…”


 


ขอบคุณสำหรับการค้นหาชื่อของข้าเอียน เพื่อแสดงความขอบคุณข้าจะมอบของขวัญให้เจ้า

 


“…”


แน่นอนว่าเอียนแสดงอาการงุนงง


‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้างั้นชื่อเขาเขาคือบักค์จริงๆหรอ? จริงดิ?’


เอียนไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่เขายื่นมือออกไปด้วยคำพูดที่ว่าเขาจะได้รับของขวัญ


เนื่องจากแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ากรณีนี้คืออะไร แต่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับของฟรี


พูดตามตรงก็เห็นได้ชัดว่าเอียนไม่รู้ แต่การเควสต์มีผลทันทีที่บักค์ (?) NPC ลับ ได้รับการตั้งชื่อโดยผู้ใช้ซัมมอนเนอร์คนแรกที่เขาพบ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณสามารถเรียกเขาว่ามอนสเตอร์ NPC ได้


อย่างไรก็ตามสำหรับเอียนซึ่งไม่มีทางที่จะค้นพบความจริงนั้นก็ช่วยไม่ได้ที่จะงุนงง


 


นี่คือหนึ่งในทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการกับมันด้วยความระมัดระวัง

 


และเมื่อบักค์พูด มีทรงกลมที่ส่องประกายออกมาและลอยขึ้นไปในอากาศ


มันเป็นทรงกลมที่สวยงามที่มีขนาดเท่ากำปั้นของผู้ชายที่โตเต็มวัย


เอียนหยิบและยกมันขึ้น


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ข้อความระบบดังขึ้น


กริ๊ง-


 


ท่านได้รับไอเทม ‘จิตวิญญาณของเต่า’

 


‘จิตวิญญาณของเต่าหรอ? มันคืออะไร? มันเป็นตัวอักษรจีนที่ฉันไม่รู้…’


อย่างแรกเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเป็นไอเทมการใช้งานประเภทใดเนื่องจากมองจากด้านนอก เอียนจึงเปิดคลังของเขาและตรวจสอบข้อมูลไอเทม


 


จิตวิญญาณของเต่า

ประเภท : เครื่องราง (เครื่องราง)


ระดับ : Legendary


จำกัดการสวมใส่ : สามารถสวมใส่กับ ‘สัตว์เลี้ยง’ หนึ่งตัว


ความคงทน : 55/55


คุณสมบัติ : ความสามารถการต่อสู้ทั้งหมด +55%


เวลาคูลดาวน์พลังแฝงทั้งหมด -15%


*ถ้าสวมใส่กับสายพันธุ์ ‘เต่าโบราณ’ พลังป้องกันนะเพิ่มขึ้น 50%


*ถ้าสวมใส่กับสายพันธุ์ ‘เต่าโบราณ’ พลังชีวิตจะฟื้นฟู 0.5% ทุกวินาที


* ถ้าสวมใส่กับสายพันธุ์ ‘เต่าโบราณ’ พลังแฝง ‘ม่านน้ำ’ จะสามารถใช้ได้


ม่านน้ำกว้าง 30 เมตรและสูง 10 เมตรภายในและไม่มีกระสุนชนิดใดที่สามารถทะลุผ่านม่านได้


ม่านน้ำมีเวลา 15 วินาที


(เวลาคูลดาวน์ : 1 นาที)


*นี่เป็นไอเทมของผู้เล่น ‘เอียน’


ไอเทมนี้ไม่สามารถถ่ายโอนไปยังผู้เล่นรายอื่นหรือถูกขายและแม้ว่าตัวละครจะตายก็ไม่ดรอป


(ถ่ายโอนได้เพียงครั้งแรก)


นี่คือลูกแก้วที่มีส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของเต่าทอง ‘บักค์’ ซึ่งเป็นเต่าจากตำนานโบราณที่อยู่ข้างใน


มันเป็นไอเทมที่มีความลับที่จำเป็นในการเปลี่ยนเต่าโบราณสู่เต่ามังกร


 


เอียนที่อ่านคำอธิบายเกี่ยวกับไอเทมจิตวิญญาณของเต่า รู้สึกว่าความคิดของเขาเข้าที่


‘มันเปลี่ยนเต่าโบราณ… สู้เต่ามังกรงั้นหรอ?’


เอียนจ้องไปที่บุ๊กค์ทันที


‘ตามลักษณะที่ปรากฏของพวกเขา ฉันแน่ใจว่าบุ๊กค์มีสายพันธุ์เดียวกัน (?) เหมือนกับบักค์ ถ้างั้น?’


นี่อาจเป็นเบาะแสต่อวิธีการในการวิวัฒนาการบุ๊กค์ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อนจนกระทั่งตอนนี้


เอียนเกือบจะมั่นใจ


‘บุ๊กค์ ฉันกังวลว่าแกนั้นกินมากเกินไป แต่แกต้องกลายเป็นมังกร!’


ระหว่างเอียนที่คิดต่างๆนาๆ บักค์ได้พูดอีกครั้ง


 


เอียนไม่ว่ายังไง เจ้าช่วยข้าได้ไหม? ข้าหลับไปนานเกินไป ข้าต้องการค้นหาความทรงจำที่ลืมไปแล้ว

 


ตามนั้น หน้าต่าวเควสต์โผล่ขึ้นมา


ครั้งนี้ หน้าต่างเควสต์โผล่ขึ้นต่อหน้าผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่ในปาร์ตี้ของเอียน


กริ๊ง-


 


คำขอของเต่าทอง ‘บักค์’ (เควสต์ลับ)

เต่าทองบักค์ซึ่งหลับไหลในหลุมศพของยักษ์ ผู้คนที่เหมือนเทพเจ้าในซากปรักหักพังโบราณตื่นขึ้นจากการนอนหลับเป็นเวลานาน


อย่างไรก็ตาม บักค์ที่หลับนานเกินไปไม่สามารถจำอดีตของเขาได้


เพื่อค้นหาความทรงจำของเขาอีกครั้งต้องพบ ‘ซินตะมานิของเต่ามังกรทอง’ ที่ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในหลุมฝังศพ


หาซินตะมานิของเต่ามังกรทองและกลับมาหาบักค์


ระดับความยากเควสต์ : SS


เงื่อนไขเควสต์ : ผู้เล่นที่ได้รับความเชื่อใจจากเต่าทอง ‘บักค์’


ผู้เล่นที่สำเร็จในการฆ่าโฮลดรีม


เวลาจำกัด : ไม่มี


รางวัล : ไข่ของเต่าทอง (สามารถได้รับเพียงหนึ่งท่านในบรรดาสมาชิกปาร์ตี้)


ชิ้นส่วนเกราะของเต่ามังกร (ให้กับสมาชิกปาร์ตี้ทุกคน)


ชื่อเสียง (ขึ้นอยู่กับระดับการเคลียร์)


 


ตาของเอียนเบิกโพลง


เขาจำเป็นต้องได้รับข้อมูลจากบักค์เพื่อแก้ไขความลับการวิวัฒนาการของบุ๊กค์ แต่ทว่าเมื่อเขาได้รับเควสต์ลับเช่นนี้ อย่างน้อยเขาก็อยากจะเต้น


‘ถ้าฉันสำเร็จเควสต์ลับเช่นนี้ จากนั้นค่าความสัมพันธ์กับ NPC อาจจะเพิ่มขึ้นมากมายเลยใช่ไหม?’


เห็นได้ชัดว่ายิ่งค่าความสัมพันธ์สูงขึ้นเท่าไหร่คุณก็จะได้รับข้อมูลมากขึ้นเท่านั้น ช่วยไม่ได้ที่เอียนจะอารมณ์ดี


และมันก็ไม่มากเท่ากับเอียน แต่การแสดงออกของผู้เล่นคนอื่นๆก็เริ่มสดใสขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ


“เอียน นายได้คลิกบนไอเทมชิ้นส่วนเกราะของเต่ามังกรหรือยัง?”


“ยัง ทำไมอ่ะ?”


“นี่มันไอเทมระดับ Legendary!”


เมื่อฟิโอลันพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น เอียนกดที่ไอเทมชิ้นส่วนของเต่าทองที่โผล่ขึ้นในหน้าต่างเควสต์


เมื่อเขาทำเช่นนั้น ชุดเกราะที่มีการออกแบบที่ดึงดูดสายตาปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเอียน


“ฮ่า โคตรเท่ห์”


เมื่อเอียนพึมพัม เฮิร์ซเสริมด้วยเสียงดีใจ


“เฮ้ ปัญหาไม่ได้ว่ามันเท่ห์ตอนนี้! มันเป็นระดับ Legendary ฉันยังไม่เคยเห็นไอเทมระดับ Legendary เลยแม้แต่ในโรงประมูล!”


เมื่อคำเหล่านั้น เอียนแสดงท่าทางงุนงง


“โอ้ จริงหรอ? นายยังไม่เคยเห็นไอเทมระดับ Legendary เลยหรอ?”


เฮิร์ซถามกลับ


“นายมีแล้วหรอ?”


“แน่นอน ดูนี่สิ… ฉันคิดว่าฉันมีสามชิ้น”


“…”


ในทันใดนั้นสายตาของทุกคนที่เต็มไปด้วยความอิจฉาก็พุ่งเป้าไปที่เอียนที่แสดงอาการเจื่อนๆ


เอียนรู้สึกสับสน ดังนั้นเขาจึงพูดติดอ่างในขณะที่เขายิ้มอย่างเชื่องช้า


“ฮ่า ฮะฮะ ฉันคิดว่าทุกคนก็มีอย่างน้อยหนึ่งชิ้น…”


ความจริงแล้วไอเทมระดับ Legendary นั้นหายาก แต่ก็ยังมีผู้เล่นที่ได้รับการอัปโหลดภาพพิสูจน์ในชุมชนทุกๆคราว


เหตุผลเดียวที่ทำให้การค้นหาไอเทมระดับ Legendary ในโรงประมูลเป็นเรื่องยากเพราะไอเทมส่วนใหญ่ที่เริ่มต้นจากระดับตำนานเป็นรายการที่ถูกผูกไว้


จากนั้นเงียบไปสักครู่หนึ่ง


คนที่พังความเงียบไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไคซาร์


“เจ้าหนูลอร์ด”


“ว่าไงผู้ติดตาม”


“นายรู้ใช่ไหมว่านายต้องให้ชิ้นส่วนเกราะของเต่ามังกรแก่ฉันไม่ว่ายังไงก็ตามใช่ไหม?”


“…?”


เมื่อไคซาร์พูดคำที่คาดไม่ถึง เอียนก็พูดไม่ออก


“ทำไม ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น?”


เมื่อเอียนถาม ไคซาร์ตอบเบาๆ


“ถ้านายไม่ให้ฉัน ฉันจะไม่ทำงานเจ้าหนูลอร์ด”


“…”


เนื่องจากพลังการต่อสู้ของปาร์ตี้ของเอียนอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำให้มันผ่านดันเจี้ยนที่อันตรายนี้ได้เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้และพยักหน้า


“อ่า เข้าใจแล้วล่ะ”


ในกรณีที่ไอเทมของพวกเขาจะถูกพรากไปจากพวกเขา เฮิร์ซและฟิโอลันก็หันหลังให้กับเอียนอย่างรวดเร็วและเขาก็แสดงสีหน้าบูดบึ้ง


 


* * *


 


เพราะเรื่องของบุ๊กค์ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตารางงานและการประชุมกับบักค์ที่ตามมาพวกเขาออกล่าช้าไปชั่วครู่ แต่หลังจากได้รับเควสต์ ปาร์ตี้ของเอียนจึงดำเนินการล่าอย่างที่วางแผนไว้


ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่ากับมอนสเตอร์เลเวลสูงที่อยู่รอบๆเลเวลประมาณ 150-170 แต่เนื่องจากไคซาร์ผู้ที่ได้รับค่าจ้างรายวันของเขา (?) ทำงานอย่างขยันขันแข็งความเร็วในการล่าของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นทีละน้อย


ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวมันใช้เวลา 5 ชั่วโมงตั้งแต่พวกเขาเริ่มล่า


Bang- Ba-bang-!


 


ผู้ติดตาม ‘ไคซาร์’ ได้โจมตี ‘วิญญาณอาฆาตโบราณที่ถูกลืม’ และสร้างความเสียหายคริติคอล

พลังชีวิตของ ‘วิญญาณอาฆาตโบราณที่ถูกลืม’ ลดลง 24,875 หน่วย

‘วิญญาณอาฆาตโบราณที่ถูกลืม’ ถูกสังหาร

ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 248,590 หน่วย

ท่านได้เพิ่มเลเวล ท่านถึงเลเวล 133

 


นอกเหนือจากข้อความของระบบที่โผล่ขึ้นมาทีหลัง ร่างของเอียนก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาว


เมื่อเขารู้สึกพึงพอใจที่เพิ่มเลเวล เอียนยิ้มอย่างพึงพอใจ


“ฮ่า เป็นไปตามที่คาดไว้ ต้องลุยอย่างหนักแบบนี้”


เมื่อเอียนพูด เฮิร์ซที่ยืนอยู่ด้านหน้าถือโล่ขณะที่เขาบล็อคกระสุนได้บ่น


“เฮ้ย ต้องพักผ่อนเป็นครั้งคราวในขณะที่ล่า นายคิดว่าคนอื่นเหมือนนายหรอ? ตอนนี้ทุกคนเหนื่อยอย่างเต็มที่แล้ว”


เมื่อคำเหล่านั้น เอียนหันขณะที่เขามองไปรอบๆ


และตามที่เฮิร์ซพูด ไหล่ของทุกคนกำลังตกลง


เอียนที่เห็นอย่างนั้น เลียริมฝีปาก


“จิ๊ ถ้างั้นพักสักหน่อยก็ได้?”


เมื่อนั้นทุกคนร่วงลงบนพื้นตรงจุดที่อยู่


ฟิโอลันที่อยู่ข้างเอียน ส่ายหน้าขณะที่เธอพูด


“ฮ่า หลังจากที่ฉันล่าไปกับนาย เอียนฉันก็หมดแรง แต่เพราะค่าประสบการณ์ของฉันไปได้ดีมาก ฉันไม่สามารถทำให้นายผิดหวังได้”


เมื่อคำเหล่านั้น เฮิร์ซยิ้มขณะที่พูด


“ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สามารถทำให้เขาผิดหวัง แต่เธอต้องไปหาเขาเพื่อให้เขาไปกับเธอ ฟิโอลัน”


“ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณ ฉันเลเวล 131 แล้ว แหะๆ”


“ฉันอิจฉานิดหน่อยนะนั่น”


ก่อนที่เอียนจะนั่งลง เขาหยุดสกิลบัฟของเขาทั้งหมดก่อนที่จะพัก


“จะว่าไปแล้ว เราจะต้องทำเควสต์ยังไง? ซินตะมานิของเต่ามังกรทองหรืออะไรก็ตาม… ฉันไม่รู้ว่าจะต้องไปหาที่ไหน”


เมื่อเอียนถาม ฟิโอลันตอบอย่างไม่คิดมาก


“นั่นก็เพราะซินตะมานิของเต่ามังกรทอง ไม่ใช่ว่าจะออกมาถ้าเราสามารถฆ่าเต่ามังกรหรืออะไรก็ตามหรอ?”


เฮิร์ซก็เสริมด้วยเสียงที่ไร้วิญญาณ


“เต่ามังกรอาจเป็นอะไร? มันเป็นมังกรที่ดูเหมือนวิญญาณหรือไม่ วิญญาณมังกรน่ะ?”


เมื่อเฮิร์ซพูด เอียนตำหนิเขา


“เจ้าโง่ ‘Gwi’ เป็นเต่าในตัวอักษาจีน”


“จริงหรอ? ถ้างั้นมันคือเต่ามังกร? เหมือนกับ Hyunmu…”


อย่างไรก็ตามการกระทำของเอียนนั้นถูกหลอกโดยฟิโอลัน


“เอียน ฉันเห็นฮูนี่ย์สอนนายก่อนหน้านี้แล้ว”


“…!”


เอียนหัวเราะอย่างน่าอาย ขณะที่เฮิร์ซหันหน้าไปทางสีหน้าด้วยความประหลาดใจต่อฮูนี่ย์ซึ่งใส่ท่าทางหยิ่งผยอง


“โอ้ เจ้าหนู! นายฉลาดกว่าที่คิดนะ”


ฮูนี่ย์ยิ้มกว้างด้วยชัยชนะ


“ฮ่าฮ่า นี่คือร่างที่จะกลายเป็นนักเวทมืดในตำนานมันคงจะแปลกถ้าข้าไม่ฉลาด”


เอียนยิ้มเยาะขณะที่เขาพูดประชดประชัน


“เขาต้องเรียนรู้จากแผ่นงานที่เขาแก้ไขเมื่อวานนี้”


เมื่อเอียนเยาะเย้ย ฮูนี่ย์ก็โกรธ


“นายกำลังดูทายาทแห่งความมืดงั้นหรอ?”


อย่างไรก็ตามความยุ่งยากนี้ได้ถูกแก้ไขออกโดยไคซาร์ทันที


ปัก-!


ไคซาร์ยกฝักดาบแล้วโขกด้านหลังศีรษะของฮูนี่ย์


“แกเสียงดังไปแล้ว เจ้าหนูผู้ใต้บังคับบัญชา!”


ไม่สามารถพูดอะไรได้ ฮูนี่น์ใส่แสดงที่บูดบึ้งเมื่อเขามึนหัว


บางเหตุผล เอียนรู้สึกผิดต่อฮูนี่น์


“ทันใดนั้นเด็กคนนั้นก็ดูน่าสงสารเล็กน้อย”


มีการเอะอะชั่วครู่ในช่วงพักหลังจากการล่า แต่ปาร์ตี้ที่ปวกเปียกฟื้นตัวจนมีความแข็งแกร่งมากพอและพวกเขาลุกขึ้นยืนจากจุดนั้นเพื่อเริ่มการล่าอีกครั้ง


อย่างไรก็ตามจากนั้น


เสียงการสั่นสะเทือนที่อ่อนแอเริ่มได้ยินจากกำแพงหินด้านหนึ่งของหลุมศพ


Ku-reung- Ku-reu-reung-.


และบุ๊กค์ผู้ที่ได้ยินว่าเสียงสั่นสะเทือนอ่อนๆเริ่มคลานไปในทิศทางที่เสียงนั้นมา


บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!


‘เฮ้ย บุ๊กค์แกจะไปไหน?”


เอียนรีบคว้าบุ๊กค์และวางเขาไว้บนหลังของเขาและในช่วงเวลานั้นการสั่นสะเทือนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


Ku-reu-reu-reung- Ku-gu-gung-!


“ทุกคนระวังตัว! ก้อนหินจะหล่นลงมาจากด้านบน!”


ตูม-!


ทันทีที่คำพูดของฟิโอลันสิ้นสุดลง หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งตกลงระหว่างปาร์ตี้กับเอียนซึ่งเห็นว่ากำลังตกใจ


“ถ้านายไม่สามารถหลบขนาดนั้นได้ นายจะตายแน่นอนs”


ในขณะที่ปาร์ตี้เคลื่อนพล่านขณะที่พวกเขาหนีออกจากพื้นที่อันตราย หนึ่งในกำแพงหินแห่งหลุมศพก็เริ่มแยกออกและเอียนก็เริ่มเปิดใช้งานบัฟทั้งหมดเมื่อเวลาคูลดาวน์สิ้นสุดลง


“ฉันคิดว่าบางสิ่งจะออกมาจากที่นั่น ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”


และหลังจากนั้นไม่นาน


Ping-!


แสงที่แข็งแกร่งที่ทำให้มันยากที่จะเปิดตาของพวกเขา ระเบิดออกมาจากระหว่างกำแพงหินแตกและห่อหุ้มวิสัยทัศน์ของปาร์ตี้


 


ในเกาหลีเต่ามังกรคือ ‘Gwi-Ryong’ ‘Gwi’ เพียงอย่างเดียวหมายถึงสองสิ่งขึ้นอยู่กับตัวอักษรจีนที่ได้มาจาก หนึ่งความหมายคือ ‘ผี / วิญญาณ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เฮิร์ซคิดว่ามันหมายถึงและอีกอย่างคือ ‘เต่า’ ซึ่งเป็นความหมายที่ถูกต้อง


ฮยอนมู (Hyunmu) = เต่าผิวดำ; สัตว์ในตำนานที่เป็นลูกผสมของสัตว์หลายชนิดเช่นกริฟฟิน ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม Xuanwu ในภาษาจีนและ Genbu ในภาษาญี่ปุ่น

 

 

 


ตอนที่ 148

 

Bang- Ba-bang-!


มีเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นและเสียงแสงสีขาวที่ปกคลุมพื้นที่ทะเลทราย


 


หัวหน้าของอัศวินอาณาจักรลัสเปล ‘เฮลเลี่ยม’ ใช้สกิล ‘แสงแห่งการทำลายล้าง’

ได้สร้างความเสียหายคริติคอล!

พลังชีวิตลดลง 28,733!

พลังป้องกันลดลง 40% ชั่วคราว

 


สมาชิกของกิลด์ดาร์ครูน่าซึ่งพุ่งเข้าใส่อัศวินแห่งอาณาจักรลัสเปล เริ่มกระจัดกระจาย


“โซลินดูเหมือนว่าฉันคิดว่าเราจะทำผิดไป!”


สีหน้าของโซลินบูดบึ้ง


“เวรเอ้ย อัศวินของอาณาจักรแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?”


แน่นอนว่าถ้าพวกเขาเป็นมาตรฐานของอัศวินโดยเฉลี่ยแล้ว กิลด์ดาร์ครูน่าคงไม่ถูกสังหารอย่างน่าสยดสยองอย่างนี้


ไม่ พวกเขาเกือบจะเท่ากัน


อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือคนที่พวกเขารบกวนนั้นไม่ใช่อัศวินของอาณาจักนปกติ แต่เป็นทหารองครักษ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงจากกษัตริย์


ยิ่งไปกว่านั้นเลเวลเฉลี่ยของพวกเขาคือ 170 เฮลเลี่ยมที่แม้ว่าพวกเขาไม่รู้เลเวลที่แน่นอนของเขาก็เลเวล 200 แน่นอนว่าเป็นหายนะต่อผู้เล่นกิลด์ดาร์ครูน่า


ราวกับปลาได้พบน้ำ เฮลเลี่ยมไปรอบๆสมรภูมิและเหวี่ยงดาบไปรอบๆ


Whoong- Whoong-!


แม้เพียงแค่ได้ยินก็สามารถรู้สึกถึงความสยองขวัญของเสียงที่แยกอากาศ


ช่วงเวลาที่พวกเขาถูกกระแทกด้วยก้อนโลหะซึ่งสูงเกือบเท่ากับชายที่เป็นผู้ใหญ่ สมาชิกของกิลด์ดาร์ครูน่าที่ยังไม่ถึงเลเวล 140 กลายเป็นสีดำแบบนั้นและหายไป


Bang-!


เสียงที่รุนแรงและเปิดเผยเกินกว่าจะพิจารณาบางสิ่งที่มาจากการโดนดาบจะได้ยินและสมาชิกกิลด์ที่ถูกโจมตีถูกพัดไปทางด้านหลังและกลายเป็นแสงสีเทา


Plop-.


ในขณะที่ดูสมาชิกกิลด์ของเธอประมาณห้าหรือหกคนก็ตายทันทีต่อหน้าต่อตาโซลินหยิบดาบลที่เธอได้รับจากอิลาฮาน


‘แม้ว่าฉันจะต้องใช้เวทย์มนตร์อัญเชิญตอนนี้อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยใช่ไหม?’


ไม่ว่าการเวทมนต์อัญเชิญที่อยู่ในระดับสูงแค่ไหนก็ดูเหมือนว่ามันไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับอัศวินที่เหมือนสัตว์ประหลาดที่วิ่งไปรอบๆอย่างดุเดือดซึ่งมีขนาดเท่ากับลำต้นของต้นไม้


โซลินพูด


“ลีโอ ฉันคิดว่าเราไม่มีตัวเลือกแล้ว”


“เธอกำลังพูดอะไร?”


“แม้ว่าเราจะวิ่งหนีไปตอนนี้ เราจะถูกสังหารหมู่”


สมาชิกกิลด์ที่ชื่อลีโอพยักหน้า


“ถูกต้อง”


ซอลลินปลดดาบออกมาขณะที่เธอพูดต่อไป


“เนื่องจากมันเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะฆ่ามันอย่างน้อยสักสองสามตัวและตายในการต่อสู้”


เมื่อเธอพูด ลีโอถอนหายใจ


“เฮ้อ เพื่อจะให้เลเวลเท่าเดิม มันจะต้องใช้เวลาสองสามวัน… อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้”


Ta-tat- Tat-!


โซลินพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและเริ่มเผชิญหน้ากับอัศวินแห่งลัสเปลและลีโอที่ตามเธอมาก็วิ่งเข้าไปในสมรภูมิ


อย่างไรก็ตาม อัศวินของเฮลเลี่ยมนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะเผชิญหน้า


หลังจากนั้น 10 นาที


ไม่มีผู้เล่นกิลด์ดาร์ครูน่าที่เหลืออยู่บนทะเลทรายและการต่อสู้สิ้นสุดลงอย่างธรรมดาๆ


“พวกเขามีจิตวิญญาณที่ดื้อรั้นมาก ความจริงที่ว่าพวกเขาไม่กลัวความตาย”


เฮลเลี่ยมบ่นขณะที่เขาถือดาบใหญ่


Stomp- Stomp-.


คนจำนวนมากจากกิลด์ดาร์ครูน่าถูกสังหารหมู่เช่นนั้น โดยไม่สามารถฆ่าแม้แต่อัศวินเดียว


อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์นั้นเป็นที่ชัดเจน


ยิ่งไปกว่านั้นแตกต่างในพลังการต่อสู้สำหรับแต่ละบุคคลที่เหนือกว่าจำนวนอัศวินถึงสองเท่า ดังนั้นมันเป็นจุดที่ 10 นาทีที่ยาวนานน่าชื่นชม


 


* * *


 


Keu-reu-reu-reu-reu.


เสียงคำรามดังมากจนทำให้เห็นภาพหลอนที่ทั้งดันเจี้ยนสั่นไหว


สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าปาร์ตี้ของเอียนนั้นคือกิ้งก่ายักษ์สีทอง


เมื่อเห็นรูปร่างขนาดใหญ่แม้เมื่อเปรียบเทียบกับราชาโฮลดรีม เฮิร์ซก็กลืนน้ำลายขณะที่เขาพูด


“อะ อะไรวะน่ะจินซุง? ฉันคิดว่านั่นเป็นมังกรที่เต่ามังกรทองบักค์พูดถึง”


จินซุงพยักหน้าขณะที่สายตาของเขาหันไปทางปากของกิ้งก่าที่ปรากฏต่อหน้าเขา


ซินตะมานิต้องอยู่ในปากของกิ้งก่ายักษ์


Kyaoooh!


กิ้งก่าสีเหลืองที่เจาะทะลุกำแพงหินและเสียงคำรามดังขึ้นและปาร์ตี้ก็สะดุ้งขณะที่พวกเขาก้าวถอยหลัง


อย่างไรก็ตามจากนั้นไคซาร์ก็พูด


“นั่นไม่ใช่เต่ามังกรทอง”


เอียนหันไปหาเขาตามธรรมชาติ


“หืม? นายกำลังจะบอกว่ามันไม่ใช่เต่ามังกรทองหรอ? มันเป็นมอนสเตอร์ที่นายรู้จักหรอ?”


ไคซาร์พยักหน้า


“มันใหญ่มากกว่าที่ข้าจำได้ แต่ถ้าความจำของข้าถูกล่ะก็ นี่คือมังกรทราย มันเป็นมอนสเตอร์ทวีปกลางที่เลเวลประมาณ 200”


อย่างไรก็ตาม เพราะการปรากฏตัวนั้นช่างเหลือเชื่อเอียนก็เงยหน้าขึ้น


“มันดูแข็งแกร่งมากกว่าเทราโนด้อนที่เป็นมอนสเตอร์เลเวล 200”


ไคซาร์พูดอีกครั้ง


“นั่นอาจจะ… ฉันคิดว่าเพราะว่าซินตะมานิที่อยู่ในปากของมัน”


“ซินตะมานิหรอ?”


“ถูกต้อง ฉันคิดว่ามันต้องดูดซับพลังของซินตะมานิและกลายเป็นมังกร ตามขนาดของมัน ดูเหมือนว่ามันจะดูดซับความแข็งแกร่งไปบ้างแล้ว”


ไคซาร์ชักดาบขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า


เมื่อเขาทำอย่างนั้น เอียนแสดงสีหน้างุนงง


“ผู้ติดตาม นี่มันบ้าบิ่นเกินไป! ถ้านายเข้าไปแบบนั้น!”


เมื่อนั้น ฮูนี่ย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าขมขื่นก็บ่น


“ต้องกังวลเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นด้วยหรอ?”


บัลลัมที่ยืนอยู่ข้างเขา พยักหน้าเห็นด้วย


 


เว้นแต่ว่าผู้อมตะจะออกมาในรูปแบบที่จับต้องได้ ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าคนๆนั้น ฮูนี่ย์

 


“ฮึบ!”


ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามเมื่อไคซาร์ก้าวไปข้างหน้า กิ้งก่าก็มีท่าทางที่น่ารังเกียจยิ่งขึ้นและแม้แต่คนอื่นๆในปาร์ตี้รวมถึงเอียนก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้


และมังกรที่ค้นพบปาร์ตี้ที่ใกล้ชิดมากขึ้นก็อ้าปากกว้าง


Whooong-!


ฟิโอลันที่เห็นอย่างนั้น ตะโกน


“มันพ่นลมหายใจ! หลบเร็ว!”


กระแสลมขนาดใหญ่หมุนวนเข้าไปในปากของมังกรขณะที่ทรายทะเลทรายเริ่มถูกดูดเข้ามา


เอียนรีบให้คำสั่งแก่บุ๊กค์


“บุ๊กค์ ม่านน้ำ!”


Bboo-bbook-!


ขณะที่เอียนกางมือของเขาออกมาขณะที่ตะโกนน้ำไหลออกมาจากปากของบุ๊กค์


Kwaaah-!


สายน้ำไหลออกมาและก่อตัวเป็นม่านขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้ามังกร


และลมหายใจของมังกรก็ปะทุออกมา


Hwaaak-!


อย่างไรก็ตามลมหายใจทรายของมังกรนั้นถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์โดยม่านน้ำที่บุ๊กค์พ่นออกมาและมันก็กระจายกันไปในอากาศจุดต่างๆ ไอเทมเครื่องราง ‘จิตวิญญาณของเต่า’ ที่ได้รับจากบักค์นั้นได้ติดตั้งไว้กับบุ๊กค์และด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นพลังแฝงที่เขาสามารถใช้ได้


“โอ้…!”


เฮิร์ซยกนิ้วให้เมื่อเขาเมื่อร้องอุทานออกมา


ไคซาร์ก็ยิ้มขณะที่เขายกดาบขึ้นมา


“ทำได้ดี เจ้าหนูลอร์ด นายนี่ค่อนข้างมีประโยชน์”


เอียนหน้าบึ้งเมื่อเขาตอบกลับ


“นายหมายความว่ายังไงว่าฉันมีประโยชน์? มันสมบูรณ์แบบ!”


บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!


หลังจากที่ยิ้ม ไคซาร์กระโดดไปข้างหน้าอย่างทรงพลัง


และด้วยสิ่งนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้กับมังกรทรายเริ่มขึ้น


“ยูฮยอน ไปก่อนเลย!”


“โอเค!”


เฮิร์ซพุ่งไปข้างหน้าขณะที่เขาเริ่มใช้สกิลการป้องกันอันดับสูงสุดของเขา


 


ผู้เล่น ‘เฮิร์ซ’ ได้ใช้สกิล ‘การป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์’

พลังป้องกันและพลังชีวิตของผู้เล่นเฮิร์ซได้เพิ่มขึ้นสามเท่าเป็นการชั่วคราว

ในช่วงเวลาของ ‘การป้องกันอันศักดิ๊สิทธิ์’ พลังชีวิตและพลังป้องกันของสมาชิกปาร์ตี้ใกล้เคียงของผู้เล่น ‘เฮิร์ซ’ จะเพิ่มขึ้น 20%

 


เอียนสั่งคำสั่งต่อ


“ฮิลเลอร์ โปรดมุ่งเน้นการฮิลทั้งหมดให้เฮิร์ซและฟิโอลัน โปรดเริ่มการร่ายเวทย์มนตร์!”


“โอเค!”


เฮิร์ซซึ่งใกล้จะถึงมังกรแล้ว ตามด้วยสกิลที่ยั่วยุ


 


ผู้เล่น ‘เฮิร์ซ’ ได้ใช้สกิล ‘ความเกรี้ยวโกรธของอัศวิน’

พลังป้องกันของผู้เล่น ‘เฮิร์ซ’ เพิ่มขึ้น 1,200 หน่วย

มอนสเตอร์ทั้งหมดภายในระยะ 50 เมตรจะโจมตีผู้เล่น ‘เฮิร์ซ’

 


ด้วยเหตุนั้น มังกรที่เผชิญหน้าอยู่กับไคซาร์ เคลื่อนไปหาเฮิร์ซ


Bang- Ba-bang-!


ลมทรายชนิดหนึ่งที่ถูกยิงออกมาจากปากของมังกรนั้นกระทบกับโล่ของเฮิร์ซ


 


มังกรทรายได้ใช้พลังแฝง ‘หอกทราย’

พลังชีวิตของผู้เล่น ‘เฮิร์ซ’ ลดลง 12,650 หน่วย

 


ข้อความที่โผล่ขึ้นมาเป็นข้อความของระบบที่เอียนหัวหน้าปาร์ตี้เห็นได้เท่านั้น


ในขณะที่ดูค่าความเสียหายที่เห็นในข้อความเอียนก็ประหลาดใจ


‘ว้าว… ถึงแม้ว่าเขาจะเคลือบตัวเองด้วยพลังป้องกันแบบนั้น แต่ความเสียหายกว่า 10,000 หน่วยก็ยังคงเกิดขึ้น’


เริ่มต้นจากตอนที่ใช้ม่านน้ำของบุ๊กค์เพื่อปิดกั้นลมหายใจ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพเช่นน้ำไหล แต่มันก็ไม่จบอย่างง่ายดาย


พลังป้องกันของมังกรนั้นแข็งแกร่งเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นมอนสเตอร์ประเภทบอส พลังชีวิตนั้นมากอย่างเหลือเชื่อจนถึงจุดที่มันทำให้พวกเขาพูดไม่ออก


 


ผู้ติดตาม ‘ไคซาร์’ ได้สร้างความเสียหายให้ ‘มังกรทราย’!

พลังชีวิตของ ‘มังกรทราย’ ลดลง 27,767 หน่วย

พลังชีวิตของ ‘มังกรทราย’ ลดลง 15,755 หน่วย

 


แม้แต่ฟิโอลันผู้ที่ใช้เวทมนตร์ของเธอออกมาอย่างต่อเนื่องก็ต้องประหลาดใจ


“ว้าว ความอดทนของมันจะแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง? มานาของฉันจะหมดเร็วๆนี้แล้ว…”


เฮิร์ซก็เห็นด้วย


“เอฟเฟ็กต์บัฟของฉันจะหมดลงในไม่ช้าเช่นกัน! ฉันยังคงได้รับการฮิลอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อบัฟป้องกันของฉันหมดลง ฉันคิดว่าฉันจะตายอย่างอนาถจากการโจมตีเพียงสองสามครั้ง…”


ในขณะที่โจมตีด้านข้างของมังกรกับไล เอียนก็พึมพำภายในใจ


‘ถ้าอัศวินแห่งราชวงศ์อยู่ที่นี่ จากนั้นเราจะฆ่ามันไปได้นานแล้ว’


อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีความสำคัญยิ่งที่จะต้องโจมตีอีกครั้งในช่วงเวลาที่เขารู้สึกผิดหวังกับเฮลเลี่ยมที่ออกไปเผชิญหน้ากับกองทัพอาณาจักรไคม่อนที่ด้านหน้า เอียนทำงานด้วยมือโดยไม่หยุดพัก


Pung- Pu-pung-!


การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างหวุดหวิด


พลังชีวิตของเฮิร์ซนั้นลดลงไป 20-30% อย่างต่อเนื่องและหากแม้แต่หนึ่งในสกิลการฟื้นฟูของฮิลเลอร์ก็ถูกยกเลิก การต่อสู้ที่อาจพังทลายลงอย่างต่อเนื่องเช่นนั้น


อย่างไรก็ตามไม่มีสมาชิกปาร์ตี้คนใดเสียสมาธิและอดทนอย่างขยันขันแข็ง


“ใกล้แล้ว!”


เช่นเดียวกับเสียงตะโกนของใครสักคนแถบพลังชีวิตของมังกรทรายเริ่มกระพริบเร็วขึ้นเรื่อยๆและเอียนก็บีบความเร็วการโจมตีได้มากเท่าที่จะทำได้


 


พลังชีวิตของ ‘มังกรทราย’ ลดลง 9,824 หน่วย

พลังชีวิตของ ‘มังกรทราย’ ลดลง 915 หน่วย

พลังชีวิตของ ‘มังกรทราย’ ลดลง 4,975 หน่วย

 


เมื่อการจู่โจมออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่ามังกรตัวนั้นจะทุกข์ทรมาณเมื่อเสียงคำรามดังขึ้นไปในอากาศ


Kyaaooh!


หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของกิ้งก่ายักษ์ก็ร่วงลงมาที่พื้นทรายอย่างช้าๆ


จากนั้น ร่างของมังกรทรายค่อยๆเปลี่ยนเป็นแสงสีเทา


ในท้ายที่สุด พวกเขาประสบความสำเร็จในการสังหารมังกรทราย


Thud-!


พร้อมกับเสียงหนักแน่นที่มากพอที่จะสั่นพื้น ระบบข้อความโผล่ขึ้นมาต่อหน้าสมาชิกกิลด์ทั้งหมด


 


ท่านได้ประสบความสําเร็จในการสังหารมอนสเตอร์บอสลับ ‘มังกรทราย’

ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 5,587,798 หน่วย

เมื่อท่านสังหาร ‘มังกรทราย’ ครั้งแรก ชื่อเสียงของท่านเพิ่มขึ้น 30,000 หน่วย

ท่านได้รับฉายา ‘นักสังหารมังกร’

 


เมื่อการต่อสู้ที่ยากลำบากซึ่งพวกเขาอาจถูกสังหารหมู่อย่างแท้จริงจากความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว จบลงที่ได้รับรางวัลที่เหมาะสมสำหรับการกลับไปยังสมาชิกปาร์ตี้และพวกเขาทุกคนต่างก็ยิ้มกว้าง


“ว้าว ดูค่าประสบการณ์นี่สิ เยอะสุดๆไปเลย!”


ฟิโอลันได้รับคฑาเวทมนตร์ระดับ Heroic และยิ้มกว้าง


“ฉันได้รางวัลแจ็คพอต!”


“ฟิโอลันเธอได้อะไร?”


“คฑาที่ดีกว่าคฑาที่ฉันใช้อยู่!”


“โอ้!”


ในขณะที่ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นกับความสำเร็จของการล่ามอนสเตอร์บอส แต่ก็มีข้อความอีกสองข้อความที่โผล่ขึ้นมาเพิ่มเติมจากเอียน


 


ท่านประสบความสําเร็จในการรบกวนการวิวัฒนาการของมังกรทราย

ซินตะมานิของเต่ามังกรทองถูกพบความแข็งแกร่งของมันอีกครั้ง

 


ตามด้วยข้อความ ซินตะมานิก็ลอยอยู่บนอากาศ


และเมื่อร่างยักษ์ของมังกรทรายหดตัว แสงสีขาวออกมาจากมันและถูกดูดเข้าไปในซินตะมานิ


และซินตะมานิส่องแสงประกายออกมา


เอียนเดินไปที่ซินตะมานิ


ตาทั้งสองของเขาเปล่งแสง


‘มันบอกว่าฉันรบกวนการวิวัฒนาการงั้นหรอ?’


เมื่อพิจารณาจากข้อความของระบบดูเหมือนว่าซินตะมานิจะเป็นสื่อกลางในการวิวัฒนาการ


เอียนจ้องไปที่บุ๊กค์


‘นั่นหมายความว่า…?’


บุ๊กค์จ้องกลับมาที่เอียนซึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาจ้องมองด้วยท่าทางที่พูดราวกับว่าเขาไม่เข้าใจเหตุผลของเขา


บุ๊-กค์-? 

 

 


ตอนที่ 149

 

Beep- Beep-beep-beep-beep-!


ฮารินซึ่งมาถึงหน้าห้องสตูดิโอของจินซุงก็กดรหัสล็อคประตูด้วยการเคลื่อนไหวของมือที่ชำนาญและเปิดประตู


เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าจินซุงจะเล่นเกมอยู่ เธอจึงไม่แม้แต่กดกริ่ง


แกร๊ก-


ฮารินที่เปิดประตูแล้วก็เข้ามา ฟุบเตียงของจินซุงที่อยู่ตรงหัวมุม


และเธอก็เริ่มจ้องเขม็งไปที่แคปซูลที่จินซุง


‘จินซุงของฉัน มันถึงเวลาที่เขาจะออกมากินข้าวได้แล้ว…’


ฮารินแต่งตัวค่อนข้างแตกต่างจากชุดปกติ


แน่นอนว่าเธอไม่เพียงแต่งตัวออกมาเพราะเธออารมณ์ดี


‘วันนี้จะไม่ล้มเหลว ฉันจะลากเจ้าคนพิการนี่และออกไปเดทให้ได้’


โดยปกติแล้วเธอไม่ได้แต่งอะไรเลย แต่ฮารินผู้ให้ความสนใจกับการแต่งหน้าของเธอและแม้กระทั่งฉีดน้ำหอมเป็นครั้งแรก ในขณะที่จ้องที่นาฬิกาแขวนอยู่บนผนังด้วยการแสดงออกที่มุ่งมั่น (?)


 


12:47


 


เนื่องจากจินซุงมีนิสัยการกินที่แตกต่างจากคนอื่นๆปกติประมาณ 12:50 ทุกวันเขาออกมาจากแคปซูลของเขาในการกินอาหารกลางวัน


ฮารินกำลังรอสิ่งนั้น“ฉันไปดูกระจกก่อนดีมั้ย? ฉันรู้สึกว่าการแต่งหน้าของฉันในวันนี้ค่อนข้างดี…”


ฮารินพึมพัมขณะที่เธอมองหน้าของตัวเองในกระจกด้วยกระจกพกพา และหลังจากนั้นไม่นาน ไม่ต่างอะไรจากวันอื่นๆ มันเป็นเวลา 12:50 แคปซูลของจินซุงได้เปิดออก


Whiiing-.


ฮารินที่นั่งอยู่บนเตียงลุกขึ้นยืนทันทีทันใด แต่จินซุงดูเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นเธอในขณะที่เขาเดินไปที่โต๊ะเฉื่อยชา


‘เฮ้อ เขาไม่รู้ได้ยังไงว่ามีคนเข้ามาในบ้านของเขา? เจ้าหัวทึบนั่น…!’


ความจริงแล้วความบื้อของจินซุงก็เป็นความผิดเช่นกัน แต่เมื่อเขาออกมาหลังจากอยู่ในแคปซูลเป็นเวลานาน ความจริงที่ว่าความสามารถในการรับรู้โดยรอบของเขาลดลงเป็นความผิดที่แท้จริง


ฮารินรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของจินซุงและควงแขนกับเขา


และจินซุงซึ่งแสดงออกด้วยความงุนงงครึ่งหนึ่งก็ประหลาดใจเมื่อเห็นหน้าตาที่ไม่คาดฝันของฮารินและก็ตะโกน


“อ๊ากก!”


ขณะที่มองจินซุงที่เกือบจะล้มลง ฮารินยิ้มอย่างสดใจขณะที่เธอดึงแขนของเขาขึ้น


“ทำไมตกใจจังล่ะ? ฉันคิดว่านายพูดว่าฉันสามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อซะอีก?”


“นะ นั่นก็จริง แต่…”


จินซุงซึ่งตั้งสติ ถามฮารินอีกครั้ง


“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอมา? ถ้าเธอกำลังจะมาอย่างน้อยเธอควรส่งข้อความมาก่อน”


ฮารินยิ้มขณะที่เธอพยักไหล่


“เซอร์ไพรส์!”


“…”


ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปที่โต๊ะและนั่งลงอีกฝั่งของเตียง


“เธอจะกินข้าวกับฉันหรอ?”


เมื่อจินซุงถาม ฮารินก็ตอบกลับ


“นั่นน่ะ…”


“มีอะไรงั้นหรอ?”


“วันนี้…”


ฮารินที่หยุดพักหายใจได้พูดต่อ


“ฉันวางแผนที่จะลากนายออกจากไคลันโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ”


“อะไรนะ?”


ฮารินยืนขึ้นจากจุดที่เธออยู่และมองหน้าจินซุงขณะที่เธอยิ้มอย่างสดใส


“นายคิดว่าไง? ฉันน่ารักมั้ยวันนี้?”


จินซุงมองไปที่ฮารินด้วยอาการขมขื่น


ลองมาคิดดู รูปลักษณ์ของฮารินซึ่งดูเหมือนมีการรวมตัวกันมากกว่าปกติ ทำให้รู้สึกว่าสวยเป็นพิเศษ


จินซุงพูดติดอ่างขณะที่เขาพยักหน้า


“ชะใช่ น่ารักดี”


“เท่าไหน?”


จินซุงพูดต่อด้วยท่าทางอึดอัดใจ


“มากเลยมั้ง?”


อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงการแสดงออกของเขาที่น่าอึดอัดใจ แต่คำพูดของจินซุงนั้นจริงใจ


มันเป็นเพียงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาประสบสถานการณ์ (?) เช่นนี้เขาจึงไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร


ฮารินมองดูคอมพิวเตอร์ที่อยู่ถัดจากแคปซูลรูปแบบใหม่ของจินซุงขณะที่เธอพูด


“ฉันจะใช้คอมพิวเตอร์ดูอินเทอร์เน็ตในขณะที่ฉันกำลังเล่นอยู่ ดังนั้นอาบน้ำและเตรียมตัวให้พร้อมอย่างรวดเร็วซะ”


“อะไรนะ?”


“แล้วนายคิดว่าฉันมาแต่งตัวให้สวยเพื่อเล่นเกมกับนายหรอ?”


คำที่เขาต้องการจะทำเควสต์ให้สำเร็จเกือบจะออกมาจากปากของจินซุง แต่เขาก็กลืนพวกมันกลับมาอย่างหวุดหวิด


“กระทันหัน…”


อย่างไรก็ตามเมื่อฮารินตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ข้อแก้ตัวดังกล่าวก็ไม่ได้ผล


ฮารินตัดคำพูดของจินซุงขณะที่เธอพูด


“นี่คือคำขอเดท ปาร์คจินซุง ตอนแรกฉันต้องการให้โอกาสนาย แต่ถ้านายได้รับคำขอเดทจากฉันที่ดูเหมือนว่าไปไม่ได้จนกระทั่งไคลันจะล้มละลาย”


เมื่อจินซุงปฏิเสธไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนโง่เหมือนปลาทอง


“…”


“อย่างไรก็ตาม! รีบไปอาบน้ำเร็วๆ!”


ฮารินเข้าหาจินซุงอย่างรวดเร็วและผลักหลังของเขาแล้ว ให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้


“อะ โอเค เข้าใจแล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ ดังนั้นเล่นคอมไปโอเค๊?”


ฮารินยิ้มแบบขี้เล่นขณะที่เธอตอบกลับ


“ถ้านานใช้เวลานานไป ฉันจะเปิดประตูเข้าไปนะ ดังนั้นอาบเร็วๆ!”


จินซุงสวมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดที่เขามีที่บ้านและออกจากบ้านไปกับฮาริน


อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่จุดสำคัญ


เนื่องจากถัดจากฮารินที่มีรูปลักษณ์ที่สดใส จินซุงถูกปกคลุมด้วยเงามืดของเธอและไม่ได้ถูกจับจ้องเลย


“แต่เราจะไปไหนกันฮาริน?”


เมื่อจินซุงถาม ฮารินยิ้มขณะที่เธอตอบกลับ


“แค่ตามฉันมาจินซุง นายไม่มีตัวเลือกวันนี้”


“อะ โอเค”


จินซุงผู้สะดุ้งกับพลังของฮาริน (?) เริ่มตามเธอโดยไม่พูดอะไรเลย


ซินตะมานิที่จะยังคงอยู่ในคลังของเขารบกวนมุมหนึ่งของหัวใจของเขาเล็กน้อย แต่ยังคงมองฮารินที่กำลังจับมือกันแน่นอยู่รอยยิ้มที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ


‘ฮารินน่ารักจริงๆเลย’


จินซุงคิดว่ามีเพียงคนเดียวที่เขาสามารถสละเวลาในการเล่นเกมซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด (?) ของงานประจำวันทั้งหมดของเขาให้ฮาริน


เนื่องจากตอนนี้ในขณะที่จับมือของฮารินและเดินไปกับเธอ หัวใจของเขาสั่นไหวมากกว่าตอนที่เขาได้รับไอเทมหรูหราเป็นรางวัล


เช่นนั้นสถานที่ที่คนสองคนมุ่งหน้าคือสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเขตชานเมืองของกรุงโซล


“เธออยากจะไปสวนสนุกมั้ย?”


เมื่อจินซุงถาม ฮารินพยักหน้า


“ไปสิ ฉันชอบของเล่นจริงๆ!”


จินซุงมองไปรอบๆเครื่องเล่นด้วยการแสดงออกที่น่าตื่นเต้นเช่นกัน


และเขาพูดบางอย่างที่น่าตกใจ


“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่สวนสนุกนะ”


“ยังไงกัน? เป็นไปได้ยังไงกันเนี่ย?”


“แค่… มันจบลงแบบนี้”


“นายหมายความว่ายังไงที่ว่ามันจบลงแบบนี้ มันเป็นเพราะนายคิดว่ามันเป็นการสิ้นเปลืองเวลาที่คุณเล่นเกมงั้นหรอ”


ฮารินอ่านความคิดของจินซุงได้อย่างสมบูรณ์


จินซุงซึ่งไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของ ฮารินได้เกาหลังหัวโดยไม่มีคำพูด


เช่นนั้นคนสองคนที่ซื้อบัตรผ่านไปที่สวนสนุก เริ่มเล่นเครื่องเล่นในอารมณ์ดี


อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน ปัญหาใหญ่ได้ก่อตัวขึ้น


จินซุงผู้ขึ้นรถไฟความเร็วสูง A-Express ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของสวนสนุกก็เริ่มเหงื่อแตก


Rattle- Rattle-.


Deu-reu-reu-reuk-.


ในขณะที่โซ่ม้วนขึ้นช้าๆรถก็เคลื่อนที่ไปยังจุดที่สูงขึ้น


เสียงจินซุงเริ่มสั่น


“ฮะ ฮาริน”


“หืม? มีอะไรหรอ?”


“นะ นี่มัน…”


จินซุงซึ่งอายเกินกว่าจะพูดต่อหน้าฮารินว่าเขากลัว พูดติดอ่าง แต่ฮารินก็รู้ถึงสถานะของเขาทันที


“อะไรเนี่ย นายกลัวงั้นหรอ?”


จินซุงปฏิเสธเมื่อเขาตอบกลับ


“กะ กลัวหรอ! ฉันแค่รู้สึกว่ามันสูงเกินไป… อ๊ากกกก!”


Rattle-.


รถไฟที่ถูกลากขึ้นไปยังจุดสูงสุดนั้นหยุดพร้อมกับเสียงที่ดังกึกก้องและเสียงตะโกนสะท้อนออกมาจากปากของจินซุง


และฮารินที่เห็นอย่างนั้น ส่ายหน้าของเธอ


“ฉันไม่อยากจะเชื่อ”


ดวงตาของจินซุงสั่นไหวเล็กน้อย


ในขณะที่มองดูจินซุงซึ่งจับบาร์ความปลอดภัยอย่างแน่นหนาด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว ฮารินก็หัวเราะ


อย่างไรก็ตาม มันไม่เหมือนว่าจะมีวิธีใดที่จินซุงจะหลบหนีสถานการณ์นี้ได้


เช่นนั้นฝันร้ายของจินซุงก็เริ่มขึ้น


Swaaeeek-!


รถไฟความเร็วสูงแล่นผ่านลมเมื่อเริ่มร่วงลง


ขณะที่หลับตาจินซุงก็ตะโกน


“อ๊ากกกกกกกกก!”


ในอีกด้านหนึ่งด้วยการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ฮารินก็สนุก


“ว๊าาาา!”


ด้วยรูปแบบที่ตรงกันข้ามอย่างสมบูรณ์คนสองคนมีความสุขกับการเล่น


จินซุงคิดถึงสัตว์เลี้ยงของเขาด้วยตาที่ปิดอยู่


‘ฉันคิดถึงบุ๊กค์! พิน ฮัลลิ ไล พวกนายช่วยฉันด้วยยยย’


มันเป็นเรื่องที่ฮารินจะทำเรื่องหยอกล้อให้กับเขาไปตลอดชีวิตถ้าเธอได้ยินมัน แต่มันเป็นความจริงสำหรับจินซุง


จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่หวังว่าเวลาที่เจ็บปวดนี้จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว


‘สำหรับการออกเดทที่จะน่ากลัวอย่างนี้! เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงโสดตลอดไป!’


เพราะเขาไม่สามารถต้านทานสิ่งนี้ได้ ถ้าอย่างน้อยเขาก็ไม่มีความคิดที่ไร้สาระจินซุงยังคิดต่อไปเกี่ยวกับสิ่งอื่นๆและหลังจากผ่านไป 15 นาทีที่รู้สึกเหมือนผ่านไป 15 ชั่วโมงจินซุงก็สามารถก้าวเท้าลงสู่พื้นดินอีกครั้ง


“เอิ้ก อ๊อกก…”


หน้าของเขาซีดโดยสมบูรณ์และขาทั้งสองข้างที่สั่น


ขณะที่มองไปยังจินซุงที่เกือบจะอ้วกออกมา ฮารินก็ขำเขา


“เฮ้ เป็นผู้ชายจะกลัวอะไรอย่างนั้น? นายขึ้นไปด้วยความงุ่มง่ามเมื่อนายขึ้นไปข้างบน”


อย่างไรก็ตาม จินซุงแก้ตัวให้ตัวเอง


“ฮาริน เธอรู้ไหมทำไมฉันถึงชอบเล่นเกม VR?”


“ทำไมล่ะ”


“ความสามารถในการรับรู้ในอวกาศของฉันโดดเด่น”


ฮารินตอบกลับด้วยเสียงที่ตกตะลึง


“มันเกี่ยวข้องกับที่นายกลัวตอนนี้ยังไง?”


“นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อฉันอยู่ที่นั่น ฉันกลัวมากกว่าคนอื่นหลายเท่าฉันรู้ดี”


ในขณะที่มองดูจินซุงซึ่งพูดถึงสถานการณ์แปลกๆที่ไม่สมเหตุสมผล ฮารินก็ส่ายหัว


“ตลกมาก ถ้างั้นความสามารถในการรับรู้อวกาศของฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่กลัว”


จินซุงพยักหน้าขณะที่เขาตอบกลับ


“ใช่นั่นแหละ แม้ว่าเธอจะอยู่บนนั้น เธอก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและมันอันตรายแค่ไหนในที่แห่งนี้”


ด้วยการแสดงออกที่ค่อนข้างจริงจัง จินซุงพูดเหตุผลของเขาออกไป


อย่างไรก็ตามด้วยคำพูดถัดไปของฮาริน การยืนหยัดของจินซุงก็ถูกยกเลิกทันที


“นายนี่ขี้บ่นจังตาลุง ฉันหิวแล้วดังนั้นไปหาอะไรกินกัน


“อะ โอเค…”


จากข้อเท็จจริงที่ว่าฮารินไม่ได้แนะนำให้พวกเขาไปเล่นเครื่องเล่นที่ตรายทันที จินซุงก็ค่อนข้างโล่งใจ


 


* * *


 


“เอมิลี่เธอกำลังบอกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผลิตอาหารที่นี่ใช่ไหม?”


“ใช่แล้ว ชยาครานความจริงแล้วแทนที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ประสิทธิภาพที่แย่เกินไป เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรเกือบสิบเท่าในการผลิตเมืองหลักของเรา”


“อืมม… มันถึงขนาดนั้นเลยหรอ มันเป็นสถานะที่ร้ายแรงกว่าที่ฉันคาดไว้”


กิลด์ไททั่นที่ประสบความสำเร็จในการครอบครองฐานแรกในทวีปกลางหลังจากกิลด์ดาร์ครูน่าวิ่งเข้าสู่ความท้าทายที่ไม่คาดคิด


อย่างแรกเมื่อฐานถูกครอบครองมันจะต้องได้รับการพัฒนา แต่เนื่องจากเป็นฐานที่อยู่บนทะเลทรายที่รกร้างพวกเขาไม่สามารถผลิตทรัพยากรใดๆได้


สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำได้จริงๆก็คือเพิ่มคำสั่งสาธารณะเพื่อล่ามอนสเตอร์ในบริเวณโดยรอบและได้รับของขวัญ แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับของขวัญเนื่องจากไม่มีสถานที่ขายมันก็ไม่มีความหมายที่แท้จริง


แม้ว่ามันจะเย็นนิดหน่อยในเขตตอนเหนือ เนื่องจากเป็นไปได้ที่เครือข่ายภายในอาณาจักรกับระบบการเกษตรขั้นพื้นฐานและเมืองโดยรอบหากพวกเขาเพิ่งตั้งฐานไปยังจุดหนึ่งมันเป็นไปได้ที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามในทวีปกลางไม่มีคำตอบอย่างจริงจัง


ซีลรอนที่อยู่ข้างพวกเขาได้พูด


“ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะดึงทรัพยากรจากฐานหลักและเทลงบนที่นี่”


เอมิลี่พยักหน้า


“แน่นอน เพื่อที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนี้ มีเพียงวิธีการนี้…”


ชยาครานยิ้มอย่างขมขื่น


“นี่เป็นสิ่งที่ฉันคาดหวัง แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะแย่ขนาดนี้”


อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีสำหรับฐานในทวีปกลาง


แม้ว่าเลเวลฐานจะต่ำ แต่คุณภาพของกองกำลังที่สามารถสร้างได้นั้นเหนือกว่าเมืองในภาคเหนือและแม้แต่เลเวลพื้นฐานของบุคคลที่สามารถแต่งตั้งได้เริ่มต้นจาก 130


ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ามันเป็นพื้นที่ที่เชี่ยวชาญในการทำสงคราม เมื่อเลเวลฐานเพิ่มขึ้นเพราะคุณสามารถสร้างเอเจนซี่ที่ฝึกฝน NPC ระดับ Heroic ที่มีร้านขายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทุกประเภทหรือมีความสามารถพิเศษมันน่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ


มันเป็นเรื่องยากจริงๆที่จะตกลงกับฐานในทวีปกลางในตอนแรก แต่เมื่อพวกเขาได้รากฐานมาแล้วก็แน่นอนว่ามันจะคุ้มค่าอย่างสมบูรณ์


ปากของชยาครานซึ่งจมอยู่ในความคิดของเขาครู่หนึ่งเปิดออกอย่างช้าๆ


“ถึงเวลาแล้วที่จะหลั่งไหลเงินทั้งหมดที่เก็บมาจนถึงตอนนี้”


เมื่อชยาครานพูด เอมิลี่พยักหน้าเห็นด้วย


“ถูกต้องค่ะหัวหน้า เราต้องดึงเงินทุนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้และถ้าเราสามารถเพิ่มฐานสองหรือสามฐานในทวีปกลางได้แล้ว มันจะกลายเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”


เมื่อรวบรวมความคิดเห็นแล้ว ชยาครานก็เปิดห้องสนทนาของกิลด์ทันทีและเรียกประชุมผู้บริหารและดำเนินการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว


เมื่อถึงเวลาที่กิลด์ยักษ์ทั้งสองที่ครอบครองฐานอย่างช้าๆก็เริ่มตั้งหลักได้ กิลด์อันดับต้นๆของอาณาจักรลัสเปลก็เริ่มที่จะบุกเข้าไปในทวีปกลางทีละคน


จากภายนอกดูราวกับว่ากิลด์ของอาณาจักรไคม่อนเริ่มครอบครองอยู่ในทวีปกลางอย่างล้นหลาม แต่ก็มีหนทางที่จะมีตัวแปรได้ทุกที่ 

 

 


ตอนที่ 150

 

เอียนซึ่งกลับมาอย่างปลอดภัยจากเดทกับฮารินเข้าสู่เกมทันทีที่เขาล้างมือเสร็จ


และทันทีที่เอียนเข้าสู่ระบบ ห้องสนทนาของกิลด์ก็วุ่นวาย


 


เฮิร์ซ : เฮ้ กลับมาแล้วหรอ? และเดทเป็นยังไงบ้าง?

ฟิโอลัน : ฮารินตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำสิ่งนี้สองสามวันแล้วและในที่สุดเธอก็ประสบความสำเร็จในการลากเอียนออกไปเดท ฉันอิจฉา…

โครบาน : ฟิโอลัน เดทกับฉันมั้ยล่ะ? ฉันจะปฏิบัติกับเธอราวกับเจ้าหญิงเลย

ฟิโอลัน : อ่า ฉันไปเดทกับมอนสเตอร์ดีกว่า…

โครบาน : รุนแรงจัง T.T

มิชเยล : เนื่องจากเอียนมาแล้ว เราไปเริ่มล่ากันเลยดีมั้ย?

เฮิร์ซ : ก็ดีนะ แต่เราต้องสำเร็จเควสต์ก่อน เราต้องไปเจอบักค์

 


เอียนซึ่งอ่านห้องสนทนาของกิลด์อย่างบ้าคลั่ง แสยะยิ้มในขณะที่เขาโพสต์ข้อความในหน้าต่างแชท


 


เอียน : ทุกคนพักผ่อนกันดีแล้วใช่ไหม?

มิชเยล : คำนั้น… ฉันไม่ใช่คนเดียวใช่ไหมที่รู้สักกลัว?

เฮิร์ซ : มิชเยล นายไม่ใช่คนเดียว ฉันก็กลัวนิดหน่อย

ฟิโอลัน : เราจะมุ่งไปข้างหน้าตอนนี้กันเลยมั้ย? อาจจะเป็นสิ่งที่เขาพูดใช่ไหม?

เอียน : ถ้าพักกันหมดแล้ว เราจะไปกันตอนนี้เลยนะ?

เฮิร์ซ : เป็นไปตามที่คาด…

มิชเยล : …

 


แม้ว่าทุกคนจะผ่านความยุ่งยากมามาก พวกเขาใช้หินกลับฐานทันทีและกลับไปที่ดันเจี้ยน


หินกลับฐานเป็นไอเทมที่สมาชิกกิลด์ที่มีฐานสามารถใช้ได้และถ้าใช้ระหว่างการล่ามันเป็นไปได้ที่จะเคลื่อนย้ายไปยังเมืองของกิลด์ที่พวกเขาเข้าร่วมและหากใช้อีกครั้งมันเป็นไอเทมที่ส่งผู้เล่นกลับไปที่จุดเดิม


โดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้หินย้อนกลับในดันเจี้ยน แต่มันเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้หินย้อนกลับในดันเจี้ยนที่ถูกเคลียร์แล้วเช่นนี้


สมาชิกกิลด์ที่เพลิดเพลินกับการพักในเมืองเป็นครั้งแรก เนื่องจากเอียนไม่อยู่ได้เริ่มกลับมาที่ดันเจี้ยนทีละคน


 


เอียน : แต่ปารตี้ที่สองของเรามาถึงทวีปกลางอีกครั้งตอนไหน?

 


ปาร์ตี้ที่สองที่เอียนกำลังพูดถึงคือสมาชิกกิลด์ที่ไม่สามารถขึ้นจตุรัสเวทมนต์ได้และกำลังจะมาถึงทวีปตอนกลางพร้อมกับการเดินทางของกองทัพอาณาจักร


 


คาร์วินและโครบ้านนั้นนำพวกเขา


 


โครบาน : ฉันคิดว่าเราจะถึงประมาณพรุ่งนี้

คาร์วิน : พี่โครบานพูดถูก ถ้าเราเร่งหน่อย เราจะถึงประมาณพรุ่งนี้เช้าและถ้าเราสาย มันก็จะประมาณเที่ยง

เอียน : คาร์วิน ในปาร์ตี้ที่สองมีกี่คน?

คาร์วิน : ประมาณ… 150 คนมั้ง? ไม่สิ มันอาจจะประมาณ 170 คน

เอียน : โอเค ติดต่อเราทันทีที่นายมาถึง เนื่องจากเราจะต้องมาเจอกัน

คาร์วิน : เข้าใจแล้วครับพี่

 


เอียนซึ่งเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆผ่านการแชทได้เริ่มจัดทำแผนภายในหัวของเขา


‘อย่างแรกเมื่อเรากลับไปหาบักค์และทำเควสต์ให้เสร็จจะมีเวลาเหลืออีกประมาณสองวันของบัฟดันเจี้ยนและเมื่อเราเข้าร่วมกับปาร์ตี้ที่สอง นั่นหมายความว่าเราต้องไปเพื่อครอบครองฐานใช่ไหม?’


มันเป็นสถานการณ์ที่เขายอมแพ้ในเควสต์ครอบครองฐานเนื่องจากไม่มีเวลา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขายอมแพ้ในการได้รับฐาน


แม้ว่าพลังการต่อสู้ของพวกเขาจะขาดไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกิลด์ใหญ่อันดับต้นๆ แต่เขาก็วางแผนที่จะได้ฐานสักฐานซึ่งอยู่ในพื้นที่ลับโดยใช้ทุนทั้งหมดและปกป้องมัน


‘ปกติแล้ว มันจะเป็นการยากที่จะปกป้องฐานในทวีปกลาง แต่เนื่องจากเรามีไคซาร์’


ไคซาร์ซึ่งเพิ่มเลเวลผ่านการล่ามาสองสามวันแล้วและตอนนี้อยู่ที่เลเวล 249 นับเป็นความช่วยเหลือที่เยอะมากของเอียน


‘ความภักดีของเขาลดลงมากขึ้นและตอนนี้อยู่ที่ 3 แต่เนื่องจากเขายังไม่ตีฉัน…’


ในขณะที่เอียนกำลังคิดเรื่องต่างๆอยู่ สมาชิกทุกคนในกิลด์ที่ไม่ได้กลับเข้าสู่ระบบและปาร์ตี้ก็สามารถรวมตัวกันได้และปาร์ตี้นั้นก็เริ่มมุ่งหน้าไปหาบักค์


เนื่องจากดันเจี้ยนกว้างและขรุขระ จึงต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับไปอีก


ขณะที่มองไปที่ซินตะมานิที่อยู่ในคลังของเขา เอียนบ่นกับตัวเอง


‘ถ้ามันขึ้นอยู่กับใจของฉัน ฉันก็อยากจะใช้มันกับบุ๊กค์…’


เอียนเปิดข้อมูลของซินตะมานิที่เขาอ่านในตอนเช้าอีกครั้งและตรวจสอบมัน


 


ซินตะมานิของเต่ามังกรทอง

ประเภท – เบ็ดเตล็ด (ไม่ทราบ)


ระดับ – Legendary


จำกัดการสวมใส่ – ไม่สามารถสวมใส่


ความทนทาน – 55/55


คุณสมบัติ – ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงผสานมัน ความสามารถการต่อสู้ทั้งหมดของสัตว์เลี้ยงที่มีความสัมพันธ์กับมังกรจะเพิ่มขึ้น 3%


*ไอเทมที่สามารถใช้งานได้: หากใช้กับสัตว์เลี้ยง ‘สามารถวิวัฒนาการได้’ มันมีความแข็งแกร่งที่จะบังคับให้สัตว์เลี้ยงวิวัฒนาการ มันเป็นไปได้ที่จะใช้กับสายพันธุ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่อาจมีผลข้างเคียง


*ไอเทมเควสต์ : นี่คือไอเทมที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเต่าทองคำ ‘บักค์’ หากใช้หรือสูญหายท่านจะทำเควสต์ล้มเหลวโดยอัตโนมัติและท่านจะได้รับความเกรี้ยวโกรธของบักค์


*นี่เป็นไอเทมของผู้เล่น ‘เอียน’


ไอเทมนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นอื่นหรือขาย และหากว่าตัวละครตาย มันก็จะไม่ดรอป


(แลกเปลี่ยนได้เพียงครั้งแรก)


นี่คือซินตะมานิที่หายากและมีค่า หุ้มด้วยแสงสีทองสดใส


หากขายเป็นไปได้ว่าอาจมีราคาสูงอย่างไม่น่าเชื่อ


 


เท่าที่เห็นจากคำอธิบายซินตะมานิเป็นไอเทมที่สามารถวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงตามเอียนคาดไว้


แน่นอนมันเป็นไปได้เฉพาะในสัตว์เลี้ยงที่มีตัวคุณสมบัติ ‘สามารถวิวัฒนาการได้’ แนบอยู่ แต่สำหรับเอียนตอนนี้ นี่เป็นความสามารถที่ค่อนข้างดี


นี่เป็นเพราะบุ๊กค์ซึ่งยังไม่ได้วิวัฒนาการแม้แต่ครั้งเดียวนั้นอยู่ในความคิดของเขา


เหตุผลที่เขาไม่พิจารณามอนสเตอร์ตัวอื่นนั้นง่ายๆ


เนื่องจากตอนนี้เมื่อไลได้วิวัฒนาการเป็นระดับ Legendary แล้วก็ยังไม่มีสัตว์เลี้ยงตัวไหนสามารถการวิวัฒนาการได้นอกจากบุ๊กค์สำหรับเอียน


‘ฉันคิดว่านี่เป็นโอกาส… แต่อย่างไรก็ตามมันก็รู้สึกว่าโกงนิดหน่อย’


แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขากลัวว่าเขาจะได้รับความเกรี้ยวโกรธของบักค์


นี่เป็นเพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเต่าที่น่าสนใจ แต่ก็มีความลึกลับและสามารถพูดคุยได้เต่าที่ดูคล้ายกับบุ๊กค์ก็ไม่ได้ดูแข็งแกร่งขนาดนั้น


ส่วนที่จูงใจเอียนมากที่สุดเพื่อใช้ซินตะมานินั้นเป็นเพราะความคิดที่ว่ารางวัลที่บักค์จะมอบให้เมื่อทำเควสต์สำเร็จอาจเป็นสิ่งที่ดีอย่างเหลือเชื่อ


หากเป็นเช่นนั้นความกังวลของเขาก็เป็นเพียงเรื่องเดียว


‘รางวัลที่บักค์จะมอบให้มีค่ามากกว่าการวิวัฒนาการของบุ๊กค์หรือไม่?’


อย่างไรก็ตามในขณะที่เอียนเริ่มใกล้บักค์เขาก็แข็งใจไว้


‘มันน่าผิดหวังนิดหน่อย แต่ถ้าเควสต์นี้เสร็จโดยที่ฉันไม่รู้ว่ารางวัลคืออะไร ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถหลับด้วยความอยากรู้ได้’


และในขณะที่สมาชิกปาร์ตี้คนอื่นไม่สามารถรับรางวัลเควสต์ได้เนื่องจากเอียน ส่วนนั้นก็พลักดันเขาเช่นกัน


และหลังจากนั้นไม่นาน ปาร์ตี้ของเอียนได้พบกับบักค์อีกครั้งหนึ่ง


ทันทีที่บักค์เห็นเอียน เขาคลานมาด้วยการต้อนรับ


 


โอ้ เอียน เจ้ากลับมาแล้ว!

 


เอียนผู้สบตากับบักค์ก็ขำออกมา


‘เขาดูเหมือนบุ๊กค์มาก แต่ก็เหมือนการพูดของปู่โอ๊คเลย์’


เอียนซึ่งในไม่ช้าก็คิดว่าบักค์น่ารักก็ดึงซินตะมานิออกจากคลังของเขาและมอบมันให้กับเขา


“นี่ ฉันเอากลับมาแล้ว”


และบักค์ซึ่งได้รับมันและคาบไว้ที่ปากของเขา แสดงท่าทางพึ่งพอใจขณะที่เขาพูด


 


เอียน เจ้าเป็นมนุษย์ที่น่าเชื่อถืออย่างแท้จริง

 


“ห้ะ? ทำไมอ่ะ?”


 


สำหรับเจ้าที่นำซินตะมานิอันเลอค่ากลับมาหาข้าขณะที่ข้าขอโดยไม่มีความโลภ

 


“อ่อ… นั่นน่ะ เนื่องจากมันเป็นของนายอยู่แล้ว”


 


แม้ว่าใครจะรู้ มันก็ไม่ง่ายที่จะควบคุมความปรารถนาภายในใจ เอียนข้าขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเจ้าอย่างแท้จริง

 


เอียนซึ่งตัดการสนทนาอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ถามสิ่งที่เขาอยากรู้


“แต่ว่าบักค์”


 


อะไรงั้นรึ?

 


“ซินตะมานินั้นมีค่าเท่าไหร่สำหรับนายล่ะ?”


บักค์ซึ่งครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง พูดอย่างช้าๆ


 


ข้าไม่รู้แน่ชัด แต่ซินตะมานินี้แลกซื้อขายทองคำประมาณ 50 แท่ง ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่ามันมีค่าเท่าไหร่

 


เมื่อบักค์พูด แน่นอนว่าดวงตาของเอียนและสมาชิกกิลด์คนอื่นๆที่อยู่ถัดจากเขาก็เบิกโพลง


“ทะ ทอง 50 แท่ง?”


“เราไม่ได้ยินสิ่งนี้อย่างถูกต้องใช่มั้ย? มันไม่ใช่เหรียญทอง แต่เป็นแท่งทองคำงั้นหรอ?”


ความประหลาดใจของพวกเขาไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง


เนื่องจากหนึ่งแท่งทองมีมูลค่าทอง 1 ล้านหน่วย


ทอง 50 แท่งหมายความว่ามันมีมูลค่าทอง 50 ล้านหน่วย


แม้ว่าพวกเขาจะขายมันและแบ่งออกเป็นสิบคน มันเป็นไอเทมที่มีมูลค่าอย่างไม่น่าเชื่อจนถึงจุดที่สามารถมีทองได้อย่างน้อย 5 ล้านหน่วย


เอียนก็รู้สึกว่าขาของเขาสูญเสียความแข็งแรง เมื่อเขาเซถลาไปด้านหนึ่ง


“ฉะ ฉันเข้าใจละ”


อย่างไรก็ตาม ไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้


ซินตะมานิถูกงับไว้ที่ปากของบักค์และเควสต์ได้ดำเนินการต่อ


กริ๊ง-!


 


ท่านประสบความสำเร็จคำขอของเต่าทองคำ ‘บักค์’ (เควสต์ลับ)

ระดับการเคลียร์ – S

ท่านได้รับคะแนนพิเศษ 12,000 หน่วย

ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 39,456,000 หน่วย

ท่านได้รับชื่อเสียง 10,000 หน่วย

 


เขาได้รับรางวัลมากมายอย่างเหลือเชื่อ แต่เอียนรู้สึกว่างเปล่าที่ไม่รู้จักขณะที่เขาตรวจสอบข้อความของระบบที่โผล่ขึ้นมา


อย่างไรก็ตามทันใดนั้นต่อหน้าทุกคน ซินตะมานิที่ถูกงับในปากของบักค์เริ่มส่องแสงสดใส


และจากนั้นบักค์เริ่มพูดราวกับว่าเขากำลังพึมพำและหูของทุกคนจะได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน


 


ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะสามารถหาเกียรติที่ลืมไปได้แล้ว

 


Whooong-.


ในขณะที่อยู่ในปากของบักค์ ซินตะมานิก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


ปาร์ตี้ของเอียนเริ่มดูฉากนั้นด้วยการแสดงออกที่ตื่นเต้น


หลังจากนั้นไม่นานแสงสีทองที่ไหลออกมาจากซินตะมานินั้นพันรอบร่างกายของบักค์และเริ่มหมุนอย่างรุนแรง


Hwa-reu-reu-reu-!


คลื่นแสงสีทองพันรอบบักค์โดยรอบดูเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง


ร่างของบักค์ซึ่งมีสีทองอยู่แล้วเริ่มเปล่งประกายมากขึ้นและในที่สุดร่างทั้งหมดของบักค์ก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาว


ไม่ว่าใครจะเห็น มันเป็นฉากลึกลับอย่างไม่น่าเชื่อ


เอียนคิดว่ามันเป็นฉากที่คุ้นเคยซึ่งเขาเห็นมาหลายครั้งแตกต่างจากคนอื่นๆ


‘This… It seems similar to the scene when a Familiar evolves…’


‘นี่… มันดูเหมือนกับฉากที่สัตว์เลี้ยงจะวิวัฒนาการ…’


ร่างกายของบักค์เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อยู่ในแสงและในที่สุดเขาก็กลายเป็นขนาดที่ใหญ่กว่าเรคหรือแม้แต่ฮัลลิ


ขนาดของกระดองของเขาใหญ่ขึ้นและรูปร่างของเขาก็เหมือนกัน อย่างไรก็ตามคอสั้นๆของเขาเหยียดออกเหมือนงูและอีกสองหัวโตขึ้นในแต่ละด้าน ดังนั้นเขาจึงดูเหมือนไฮดรา


‘อะไรวะเนี่ย เขาอาจจะใหญ่มากกว่าดุ๊กเด!’


และตามที่เอียนพูด ร่างของบักค์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


ขาทั้งสี่ของเขาที่มีก้ามแหลมคมโตขึ้นนั้นมีความทนทาน


กระดองยักษ์ของเขามีลวดลายโบราณที่ไม่ทราบแน่ชัด


และแม้แต่ใบหน้ากลมที่ แต่เดิมนั้นก็หายไปและกลายเป็นสามหัวที่มีลักษณะที่คมชัดและเท่ห์


แสงที่ถูกห่อหุ้มไว้รอบบักค์นั้นหายไปอย่างสมบูรณ์ แต่เอียนยังไม่ได้กลับมาในความรู้สึกของเขาและจ้องมองเขาด้วยท่าทางงุนงง


คนแรกที่ทำลายความเงียบนี้ซึ่งมีอยู่ครู่หนึ่งคือบักค์


 


เอียนขอบใจเจ้า ข้าสามารถพบกับเกียรติในอดีต ขอบคุณ

 


เอียนพูดด้วยความงุนงง


“คะ ครับ… มันไปได้ดี ฮ่าฮ่า…”


เอียนจ้องมองที่บุ๊กค์เล็กน้อยซึ่งแขวนอยู่บนหลังของเขาก่อนที่เขาจะจ้องกลับมาอีกครั้งในลักษณะที่ปรากฏของบักค์อีกครั้ง


‘ถ้าฉันใช้ซินตะมานิกับบุ๊กค์ เขาอาจจะเท่ห์แบบนั้นก็ได้?’


เขารู้สึกค่อยๆเจ็บใจอีกครั้ง


อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา ใจที่เจ็บของเอียนหายไปในทันที


 


หัวทั้งสามของบักค์เข้าหาเอียนในขณะที่พวกมันพูด


 


เอียน ในขณะที่ปกป้องความมั่งคั่งของโฮลดรีม ข้าใช้เวลากว่าหนึ่งพันปีในห้องใต้ดินอันมืดมิดนี้

 


“แล้ว?”


 



เนื่องจากวิญญาณอาฆาตของโฮลดรีมได้หายไปแล้ว ข้าก็อยากจะหาอิสระภาพเช่นกัน

 


“…?”


เอียนและบักค์สบตากัน


 


ข้าอยากจะไปกับเจ้า เจ้าจะยอมรับข้ามั้ย?

 


ข้อความระบบโผล่ขึ้นต่อหน้าของเอียน


 


เต่ามังกรทอง ‘บักค์’ ต้องการจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน

ท่านจะรับ ‘บักค์’ เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านหรือไม่? (ท่านกำลังขาดความเป็นผู้นำ แต่จากผลของไอเทม ‘เครื่องประดับเกล็ดมังกร’ ท่านอาจได้รับสัตว์เลี้ยงโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องความเป็นผู้นำ)

!!!อ่านก่อนใครได้ที่เพจ Twinz Traslations!!!

 

 

 


ตอนที่ 151

 

ธงของกิลด์โอ๊คลันปลิวไสวอยู่กลางทะเลทราย


และด้วยผู้เล่นมากกว่าร้อยรายมีทหารกิลด์นับร้อยที่เข้าสู่ทวีปกลางภายใต้ธงนั้น


“เฮ้อ เลเวลของมอนสเตอร์แตกต่างจากโซนอื่นอย่างชัดเจน ฉันคิดว่าเราเตรียมตัวอย่างดี สำหรับเราที่ต้องสูญเสียคนสิบคนไปแล้ว”


เมื่อผู้เล่นอัศวินเพศหญิงพูดซึ่งเป็นหัวหน้าขบวน ลิ่มหล่งพยัดหน้าเล็กน้อยขณะที่เขาตอบ


“ถูกต้องริฮันน่า เนื่องจากช่วยเลเวลมอสเตอร์นั้นสูงเมื่อเทียบกับพื้นที่ล่าอื่นๆที่เรามี”


ริฮันน่าเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งของกิลด์โอ๊คลันรวมถึงนักจัดอันดับและยังเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกผู้บริหารของกิลด์


และเธอรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าหลักของการสำรวจครั้งแรกของทวีปกลาง


บทบาทของลิ่มหล่งคือการช่วยเหลือเธอ


“การพูดแบบนั้น ลิ่มหล่งนายแตกต่างจากผู้เล่าอาชีพแอสซาซินคนอื่นๆอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหัวหน้าถึงให้ความไว้วางใจกับนาย”


“วู้ฮู้ อะไรที่ทำให้เธอพูดอย่างนั้นล่ะ?”


“ความจริงที่ว่าผู้เล่นอาชีพแอสซาซินไม่สามารถแสดงความสามารถของพวกเขาใน PVE ได้อย่างดีเป็นความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว พวกเขาแทบจะไม่มีการโจมตี AoE และร่างกายของพวกเขาอ่อนแอพอๆกับกระดาษสำหรับการต่อสู้แบบประชิด…”


ตามที่เธอพูด อาชีพแอสซาซินเป็นอาชีพที่ไม่เก่งใน PVE มากที่สุด แม้แต่ในการสำรวจทวีปกลางนี้ ความจริงที่ว่ามีการยกเว้นอาชีพแอสซาซินจำนวนมากก็เป็นหลักฐานที่ตรงกันข้ามกัน


ลิ่มหล่งยิ้มขณะที่เขาพูด


“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลหรอ? ถึงมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่เนื่องจากยังมีวิธีเอาชนะพวกมันได้”


อย่างไรก็ตามในขณะที่คนสองคนกำลังพูดคุยเรื่องต่างๆ จากนั้นทหารพรานได้วิ่งกลับมาจากที่ไกลๆ


“ริฮันน่า ฉันกลับมาจากลาดตระเวนแล้ว”


ริฮันน่าพยักหน้าขณะที่เธอตอบกลับ


“ทำได้ดี รายงานให้เราฟังหน่อย”


คำพูดของทหารที่หยุดหายใจสักครู่เพื่อที่จะพูดต่อไป


“ถ้าคุณมุ่งหน้าไปด้านหน้าเป็นเวลาประมาณ 10 นาทีจะมีราชินีแมงป่อง เลเวลของมอนสเตอร์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 160 ถ้าคุณต้องเผชิญหน้ากับพวกมันมีโอกาสสูงที่คุณจะชนะ แต่เลเวลที่แน่นอนของราชินีแมงป่องนั้นไม่สามารถหาได้ มันเป็นอันตรายเกินไป”


“ถ้าเป็นเช่นนั้น แม้ว่าเราจะชนะความเสียหายก็จะมหาศาล”


เมื่อริฮันน่าพูด ทหารคนนั้นพยักหน้า


“ถูกต้องริฮันน่า ดูเหมือนว่ามันจะดีกว่าถ้าอ้อมและไปต่อ”


ลิ่มหล่งที่ยืนอยู่ข้างเธอ ช่วยเหลือเธอ


“รางวัลผู้ค้นพบดันเจี้ยนครั้งแรกรู้สักว่าจะสูญเปล่า แต่ตอนนี้เราต้องรักษาพลังการต่อสู้เท่าที่จะทำได้และยึดครองฐานก่อนริฮันน่า”


ริฮันน่าก็เห็นด้วยกับคำพูดนั้น


“ฉันก็คิดอย่างนั้น”


สายตาของเธอหันกลับไปหาทหาร


“นอกเหนือจากรังแมงป่องแล้ว เราควรจะสามารถไปยังจุดหมายปลายทางได้โดยไม่ยากลำบากใช่ไหม?”


“ถูกต้องครับ”


“ถ้าเราอ้อมไป เวลาที่คาดไว้ว่าเราจะไปถึงคือตอนไหน?”


“ผมคิดว่าอาจจะประมาณหนึ่งในสี่ของวันครับ”


“เอาล่ะ”


เมื่อรายงานของหน่วยลาดตระเวนเสร็จสิ้น กองกำลังของกิลด์โอ๊คลันก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง


จุดหมายของพวกเขาคือฐานที่แนวหน้าที่พวกเขาเคยดูมาก่อน


 


* * *


 


‘ฉันนี่โชคดีจริงๆ!’


เอียนซึ่งกำลังตรวจสอบข้อมูลของ ‘บักค์’ สัตว์เลี้ยงของเขาที่เขาได้รับนั้น ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มของเขาไว้ได้


และอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้รับสัตว์เลี้ยงระดับ Legendary


 


บักค์ (เต่ามังกรทอง)

เลเวล : 150


ประเภท : สัตว์ในตำนาน


ระดับ : Legendary


บุคลิกภาพ : รอบคอบ


ไม่สามารถวิวัฒนาการได้


พลังโจมตี : 2,730 หน่วย


พลังป้องกัน : 3,825 หน่วย


ความว่องไว : 1,575 หน่วย


สติปัญญา : 2,355 หน่วย


พลังชีวิต : 183,300/183,300


พลังแฝง


*ผู้พิทักษ์แห่งทะเลทราย (ติดตัว)


ทุกๆนาทีเกราะป้องกันที่ทำจากทรายจะถูกสร้างขึ้นและมันจะดูดซับความเสียหาย


เกราะป้องกันจะดูซับ 30% ของความเสียหายของพลังชีวิตสูงสุดและจะมีเวลา 20 วินาที


*ป้องกันสมบูรณ์ (เวลาคูลดาวน์ 2 นาที)


จะเข้าสู่สถานะ ‘คงกระพัน’ เป็นเวลา 10 วินาที


เมื่ออยู่ในสถานะ ‘คงกระพัน’ จะไม่ได้รับความเสียหายและจะกลายเป็น ‘ได้รับการยกเว้น (immune)’ ในทุกสถานะ


อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาของการป้องกันสมบูรณ์ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้


*คำอวยพรของเต่ามังกร (เวลาคูลดาวน์ 10 นาที)


เป็นเวลา 2 นาที ความเสียหายที่เป้าหมายที่กำหนดจะได้รับ เต่ามังกรจะได้รับแทน


เต่ามังกรจะได้รับ 150% ของความเสียหายดั้งเดิมที่เป้าหมายที่กำหนดไว้จะต้องได้รับและหากพลังชีวิตของเต่ามังกรลดลงต่ำกว่า 10% สกิลนี้จะถูกปลดออกโดยอัตโนมัติ


*เสียงคำรามของเต่ามังกร (เวลาคูลดาวน์ 2 นาที)


ฝ่ายตรงข้ามในช่วงกว้างจะถูกยั่วยุและมันจะทำให้พวกเขาโจมตีเต่ามังกร สถานะ ‘ยั่วยุ’ จะคงอยู่เป็นเวลา 30 วินาทีและการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกยั่วยุจะลดลง 40%


(เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เล่น ผลกระทบจะลดลงครึ่งหนึ่ง)


สิ่งมีชีวิตในตำนานโบราณที่ปกป้องโบราณวัตถุในสุสานเป็นเวลานาน


มันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ


 


ตามที่คาดไว้ บักค์มีค่าสถานะที่มากซึ่งคล้ายกับไลและพิน


ส่วนที่น่าผิดหวังเพียงอย่างเดียวคือข้อเท็จจริงที่ว่าเขาเป็น ‘ไม่สามารถวิวัฒนาการได้’


‘ถ้าเขาสามารถวิวัฒนาการได้จากระดับ Legendary ฉันจะสามารถทำให้เขาเป็นระดับ Mythological ได้…’


ในกรณีของไล ชื่อ ‘ร่างสมบูรณ์’ ถูกแนบอยู่


นั่นหมายความว่าในหมู่สัตว์เลี้ยงประเภทหมาป่าไม่มีขั้นสูงกว่าของไลที่สามารถวิวัฒนาการได้แล้ว


หากคำเหล่านั้นคิดในทางอื่นในกรณีของเต่ามังกรหรือกริฟฟินก็หมายความว่าเป็นไปได้ว่ามีระดับที่สูงกว่าที่พวกเขาสามารถวิวัฒนาการได้


เป็นเพราะเหตุนั้น เขาจึงผิดหวัง


‘ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ฉันรู้สึกว่าการแท้งค์โดยมีเพียงดุ๊กเดเพียงอย่างเดียวนั่นขาดไป ดังนั้นผลมันจึงออกมาดีจริงๆ’


จำนวนพลังชีวิตที่มากมาย 180,000 หน่วยและพลังป้องกันที่ใกล้เคียงกับ 4,000 หน่วย


อย่างที่คาดไว้ พวกมันมีค่าสถานะเยอะมาก แม้ว่าเขาจะได้รับการพิจารณาในเลเวล 150 ก็ตาม


“ว้าว ยินดีด้วยค่ะท่านลอร์ด บักค์เท่ห์จริงๆ!”


ตาของซีเรียที่เดินไปหาบักค์เปล่งประกายขณะที่เธอลูบกระดองยักษ์ของมัน


เอียนก็ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อตอบกลับ


“ขอบคุณนะซีเรีย”


และฮูนี่ย์ที่มองจากด้านหลังได้บ่น


“โชคดีนี่หว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเก่งขึ้นโคตรไวเพราะโชคของมันนี่เอง”


แม้ในคำพูดประชดของฮูนี่ย์ เอียนก็แค่ยักไหล่


“โชคก็เป็นทักษะเจ้าหนู”


“เหอะ”


และก็มีเต่าตัวหนึ่งที่แสดงสีหน้าไม่พอใจ


บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!


บุ๊กค์จ้องไปที่บักค์ด้วยอาการที่เต็มไปด้วยความอิจฉา


ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่ามันกลายเป็นเรื่องที่ไกลเกินกว่าที่เขาจะดูดีกว่าบักค์ ไม่ว่าเขาจะทานอาหารมากแค่ไหนในฐานะบุ๊กค์นั้นแสดงออกอย่างบูดบึ้งอย่างไม่น่าเชื่อ


เอียนที่เห็นอย่างนั้น แสยะยิ้มขณะที่ลูบหัวของบุ๊กค์


“แกก็น่ารักนะ”


บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!


บุ๊กค์หดเข้าไปในกระดองของมันและเอียนเดินเข้าไปหาบักค์อย่างช้าๆที่น่าภูมิใจ


อย่างไรก็ตามยังมีอีกหนึ่งปัญหา


‘จะว่าไปแล้ว จากนี้ไปฉันไม่สามารถอัญเชิญสัตว์เลี้ยงของฉันทั้งหมดในการต่อสู้ได้’


ความเป็นผู้นำของเขาซึ่งเขาไม่รู้ว่าเขาขาดมาจนถึงตอนนี้เนื่องจากไอเทมและค่าสถานะลับของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว


ต้องขอบคุณเครื่องประดับเกล็ดมังกรของเทมเมอร์ที่ทำให้ การจับสัตว์เลี้ยงนั้นไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีปัญหาในการได้รับ แต่การอัญเชิญนั้นเป็นไปไม่ได้


เอียนเริ่มใช้สมอง


‘แม้ว่าฉันจะใช้เงินทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนไอเทมทั้งหมดของฉัน ฉันก็รู้สึกว่ามันจะยากที่จะครอบคลุมถึงมัน…’


อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นซีเรียซึ่งกำลังพูดคุยอย่างมีความสุขกับบักค์ได้จับตาของเอียน


‘ถ้าเป็นซีเรียล่ะ…!’


เอียนเรียกซีเรีย


“ซีเรีย!”


“ค่ะ ท่าลอร์ด!”


“เธอยังเหลือค่าความเป็นผู้นำไหม?”


ความคิดของเอียนนั้นเรียบง่าย เขาวางแผนที่จะย้ายหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของเขาไปยังซีเรีย


ในขณะที่ซีเรียเป็นผู้ติดตามของเอียนด้วยเช่นกัน ถ้าเขาทำเช่นนั้นเขาจะสามารถจัดการสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของเขาได้


เนื่องจากซีเลียใกล้กับเลเวล 130 แล้วเช่นกัน เธอจะมีค่าความเป็นผู้นำที่เหลืออยู่แน่นอน เนื่องจากสัตว์เลี้ยงเพียงตัวเดียวที่ซีเรียจัดการคือบลูไวเวิร์น’


ซีเรียตอบสนองความคาดหวังของเอียนเธอพยักหน้ารับ


“ค่ะลอร์ด ฉันเหลือค่าความเป็นผู้นำเยอะมาก ทำไมหรอคะ?”


เอียนยิ้มอย่างสดใสขณะที่เขาพูดกับซีเรีย


“ซีเรีย ถ้างั้นจากนี้ไป เธอสามารถดูแลดุ๊กเดได้ไหม? ถ้าเป็นเธอ ฉันรู้สึกว่าสามารถไว้ใจได้”


หากเขาย้ายดุ๊กเดไปยังซีเรีย เขารู้สึกว่าเขาสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่างเพื่อเพิ่มความเป็นผู้นำของเขาและมันจะเป็นไปได้ในการจัดการสัตว์เลี้ยงทั้งหมดของเขา


และแน่นอนว่าซีเรียพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น


“ได้เลยค่ะ ท่านลอร์ด! ขอบคุณมากค่ะ!”


ซีเรียมองไปที่ดุ๊กเดที่ยืนอยู่ด้วยการแสดงออกอย่างมีความสุข


เอียนซึ่งย้ายดุ๊กเดไปยังซีเรียเสร็จสิ้น เริ่มฟื้นฟูและเดินทางอีกครั้ง


ถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มงานเพื่อครอบครองฐาน


 


* * *


 


“โซลิน เธอเคลื่อนไหวอย่างบ้าบิ่นไปแล้ว”


เมื่ออิลาฮันพูด โซลินก้มหัวลงขณะที่เธอตอบด้วยเสียงสลด


“ขออภัยค่ะหัวหน้า ฉันไม่ทราบว่าเป็นอัศวินแห่งราชวงศ์ที่ขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์”


อิลาฮันส่ายหน้า


นี่เป็นเพราะไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจการตัดสินใจของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นการสูญเสียที่ได้รับนั้นใหญ่เกินไป


การสังหารหมู่ของสมาชิกกิลด์อย่างมาก


ความจริงที่ว่ามีช่องว่างในพลังการต่อสู้ของพวกเขาสำหรับวันนั้นมันชัดเจน แต่เมื่อเลเวลของพวกเขาลดลงหนึ่งเลเวล โดยทั่วไปนี่คือการสูญเสียอย่างไม่น่าเชื่อ


ยิ่งไปกว่านั้น ความจริงที่ว่าพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฆ่าอัศวินสักคน ทำให้เขาโกรธมากที่สุด


“เฮ้อ… ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้แล้ว นอกจากที่จะอยู่อย่างระมัดระวังในตอนนี้”


ในฐานะที่เป็นความล้มเหลวในการพัฒนาในแผนของเขาแล้ว อิลาฮันทุ่มไปกับความคิด


‘ฉันวางแผนที่จะครอบครองฐานอย่างน้อยสามฐานก่อนที่จะเริ่ม… แต่ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วแม้ว่าเราจะหักโหม เราก็จะสามารถดูแลได้เพียงสองแห่งเท่านั้น’


กิลด์คู่แข่งของพวกเขาคือกิลด์ไททั่นประสบความสำเร็จในการครอบครองสองฐานและในขณะที่เขาได้รับข้อมูลว่าพวกเขากำลังจะเพิ่มจำนวนอีกหนึ่งฐานเพิ่มเติม เขาเจ็บใจยิ่งขึ้น


‘ถึงกระนั้นในฐานะที่เป็นพวกกิลด์อาณาจักรลัสเปลยังไม่พบจุดที่ถูกต้อง… อย่างน้อยก็ทำให้โล่งอก’


อิลาฮันที่คิดในใจของเขาอยู่ที่นั่นเดาะลิ้นของเขาภายในใจ


กิลด์ตัวแทนที่เป็นตัวแทนของอาณาจักรลัสเปลได้แก่ สเปนดอร์ โอ๊คลันและกิลด์วาเลี่ยน


พวกเขามีความภาคภูมิใจที่พวกเขาเป็นหนึ่งใน 5 กิลด์ที่ดีที่สุด แต่อิลาฮันไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นคู่แข่งของพวกเขา


การตัดสินใจของพวกเขามักจะอยู่ข้างหลังหนึ่งก้าวและพลังการต่อสู้ตามวัตถุประสงค์ก็ลดลง


เพราะประเทศที่พวกเขาเป็นพันธมิตรนั้นแตกต่างกัน พวกเขายังไม่เคยพบกันในที่สมรภูมิ แต่ถ้าพวกเขาไปเจอกันเขาคิดว่าผลลัพธ์จะชัดเจน


สำหรับสงครามดินแดนเนื่องจากความได้เปรียบที่กิลด์ป้องกันมี พวกเขาจึงไม่สามารถชนะได้อย่างง่ายดาย แต่เขามั่นใจในพบังการทำลายพวกเขาทั้งหมดในสงครามพื้นที่ที่จะเกิดขึ้นในทวีปกลางตอนนี้


ต่อหน้าของอิลาฮันที่คิดไปเรื่อยๆขณะที่ปิดตาอยู่ โซลินพูดด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง


“เอ่อ… แต่ว่าหัวหน้าคะ”


อิลาฮันตอบกลับโดยยังคงปิดตาอยู่


“ว่ามา”


“ขณะที่ฉันมาที่นี่หลังจากเวลาที่ฉันไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ ฉันก็ค้นพบสถานที่ที่น่าสนใจ”


อิลาฮันลืมตาเล็กน้อย


“สถานที่น่าสนใจ?”


“ค่ะ ขณะที่พวกกิลด์ไททั่นอยู่รอบๆมัน ฉันไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ แต่มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างอยู่ในนั้นแน่ๆ”


อาการของอิลาฮันเปลี่ยนเล็กน้อย


“โอ้โห สิ่งก่อสร้าง… แล้วเธอเห็นชื่อมันไหม?”


โซลินพยักหน้า


“ค่ะ ฉันตรวจสอบชื่อของมัน มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่ชื่อว่า ‘หอคอยแห่งสงคราม’ ค่ะ”


และทันทีที่ได้ยินคำนั้น อิลาฮันยืนขึ้นจากจุดที่เขาอยู่ทันที


“เวรเอ้ย!”


โซลินซึ่งสะดุ้งตามร่างของเขา ซึ่งเขาเต็มไปด้วยความโกรธ


“มีอะไรหรอคะ?”


ดวงตาของอิลาฮันนั้นแวววาว


‘ชยาคราน แกไม่คิดว่าจะแบ่งปันข้อมูลเลยหรอ?’


กิลด์ไททั่นและกิลด์ดาร์ครูน่าเป็นคู่ปรับคู่ต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงคอยตรวจสอบกันจนถึงตอนนี้


อย่างไรก็ตามเมื่อการบุกเข้าไปในทวีปกลางเป็นการต่อสู้ระหว่างอาณาจักร หัวหน้ากิลด์ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ชยาครานได้ละเมิดสิ่งนั้น


อิลาฮันหันไปหาโซลินอีกครั้ง


“โซลิน”


“ค่ะ หัวหน้า”


“เราต้องไปทันที เตรียมตัวให้พร้อม”


เมื่อเธอเดาได้ว่าอิลาฮันวางแผนจะไปไหน โซลินพยักหน้าขณะที่เธอตอบกลับ


“เข้าใจแล้วค่ะ หัวหน้า”


อิลาฮันเสริมขณะที่เขาเดินหน้า


“รวบรวมสมาชิกผู้บริหารทั้งหมด เนื่องจากพวกเราต้องไปด้วยกัน” 

 

 


ตอนที่ 152

 

หลังจากทำเควสต์เสร็จสิ้น เพื่อฟื้นฟูสักหน่อย ปาร์ตี้ของเอียนก็กระจัดกระจายกันไป


ขณะที่พวกเขาล่าเป็นเวลานานความทนทานของอุปกรณ์ของพวกเขาเกือบจะหมดลงและโพชั่นฟื้นฟูของพวกเขาก็จะหมดลงเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอียน


นี่เป็นเพราะสัตว์เลี้ยงของเขาส่วนใหญ่ต่อสู้เพื่อเขาและสำหรับการฟื้นฟูสัตว์เลี้ยงฮิลเลอร์นั้นก็เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด


สิ่งเดียวที่เขาใช้จริงๆคือโพชั่นฟื้นฟูเวทจิตวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีอยู่บ้าง


แม้หลังจากที่เอียนส่งสมาชิกกิลด์ของเขาออกไป เขาก็ยังคงล่าตัวคนเดียวและต้องขอบคุณสิ่งนั้นที่ทำให้ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย


‘เร็วๆนี้ ฉันอาจจะสามารถไปถึงเลเวล 136’


นับตั้งแต่ทวีปกลางเปิดขึ้น เนื่องจากมีพื้นที่การล่าเลเวลสูงจำนวนมากที่ให้ค่าประสบการณ์เยอะปรากฏขึ้น ความเร็วการเพิ่มเลเวลของผู้เล่นอันดับต้นๆนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน


อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถเทียบเคียงได้กับความเร็วการเพิ่มเลเวลของเอียนและผลที่ตามมาก็คือสถานการณ์ที่เอียนเกือบจะติดกลุ่มอันดับต้นๆ


‘เมื่อฉันตรวจสอบเมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่าเลเวลที่ตัดสำหรับอันดับที่ 100 คือเลเวล 141…’


การจัดอันดับที่เอียนพูดถึงไม่ได้เป็นเพียงการจัดอันดับเฉพาะอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีการจัดอันดับเลเวลผู้เล่นทั่วไปของเซิร์ฟเวอร์เกาหลีด้วย


ต่อหน้าของเอียนผู้ที่ตามหลังอันดับ 100 มาจนสามารถเห็นได้


“ฮ่าๆ เรายังมีพลังและล่าอีกครั้งเลยไหม?”


อย่างไรก็ตาม จากนั้นข้อความระบบที่ดูดความแข็งแกร่งของเอียนโผล่ขึ้นมา


 


– บัฟการค้นพบครั้งแรกทั้ง 7 วันได้หมดลงแล้ว


– จากนี้ไป รางวัลทั้งหมดจะกลับคืนสู่ปกติ


 


หลังจากสมาชิกกิลด์ของเขาออกไปเพื่อการรักษา เอียนก็ออกไปล่าในดันเจี้ยนอีกครั้ง


เอียนที่ตรวจสอบว่าไอคอนบัฟที่อยู่ด้านบนหน้าจอของเขาหายไปก็เดาะลิ้น


“จิ๊… ช่วยไม่ได้แหะ”


เมื่อเอียนบ่น ฮูนี่ย์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ถามทันที


“ในที่สุดเราก็ล่าเสร็จแล้วใช่ไหม?”


เนื่องจากฮูนี่ย์เข้าร่วมกับไคซาร์ เขาจึงกลายเป็นเมนูชุด 2 แถม 1 ในการล่าสัตว์ของเอียนและต้องขอบคุณวงกลมสีดำของฮูนี่ย์ที่ทำให้ผ่านตารางการล่าอย่างหนักของเอียนจนมาถึงจุดสิ้นสุด


“อืมม… เราต้องออกไปข้างนอกและล่าแทนแล้ว ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ”


ฮูนี่ย์ถอนหายใจ


“เฮ้ออ…”


และอัศวินแห่งความตายบัลลัมก็ถอนหายใจถัดจากเขา


 


– อาา… เป็นไปตามที่คาด เจ้ามนุษย์ปีศาจ


 


อย่างไรก็ตาม เอียนไม่แม้แต่จะมองไปที่การบ่นของพวกเขาและเขาก็เดินไปยังทางออกของดันเจี้ยน


ไคซาร์ผู้เห็นเช่นนั้น แสยะยิ้มขณะที่เขาบ่น


“ท่านลอร์ดของพวกเรา แม้ว่าเขาจะขาดในด้านอื่นๆ แต่จิตวิญญาณของเขานั้นเป็นที่ยอมรับได้”


ฮูนี่ย์ทำได้แค่ส่ายหน้า


 


* * *


 


เอียนคิดว่าเขาควรสำรวจที่ต่างๆและในขณะที่เขาค้นหาฐานที่พวกเขาสามารถครอบครองก่อนที่สมาชิกกิลด์คนอื่นจะกลับมา


“แต่ฉันจะเริ่มตรงไหนดี…”


พื้นที่ที่มีเส้นทางที่ซับซ้อนจำนวนมากก็น่าเจ็บปวดเช่นกัน แต่แผนที่ที่เปิดอย่างสมบูรณ์จนถึงจุดที่มองไม่เห็นนั้นเป็นก็โครงสร้างที่ทำให้ผู้เล่นเลือกอย่างลำบาก


ในขณะที่เอียนกำลังบ่นอย่างนั้น บักค์ซึ่งอยู่ถัดจากเขาก็พูด


 


– อืม ข้าจำได้ว่าข้าออกมาบนพื้นเป็นครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว แต่มันคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นเพียงเมื่อวานนี้


 


บักค์ยกหัวทั้งสามขึ้นพร้อมคอยาวราวกับว่าเขากำลังยืด


เอียนผู้หันมามองเขาได้ถาม


“ถ้างั้นบักค์นายอาจจะรู้ภูมิศาสตร์ค่อนข้างดีใช่ไหม?”


บักค์พยักหน้าเมื่อเขาตอบกลับ


 


– ถูกต้องเจ้านาย ข้าไม่รู้ทั้งหมดของทวีปกลาง แต่ข้าจำได้เกือบทั้งหมดของพื้นที่กลาง


 


ตาของเอียนเบิกโพลง


เพราะสิ่งที่เขาต้องการในทันทีคือข้อมูลเกี่ยวกับภูมิศาสตร์


‘ฉันหวังว่าจะมีฐานที่หอมหวานซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง…’


เอียนถามบักค์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง


“บักค์ อย่างไรก็ตามนายพอจะรู้ฐานที่อยู่ใกล้ที่นี่ไหม?”


อย่างไรก็ตาม บักค์ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของเอียนได้


 


– ฐานรึ? ข้าไม่รู้มันคืออะไรเจ้านาย


 


“อืมมม…”


เอียนเกาหลังหัวของเขา


‘เป็นเพราะว่ามันคือคำที่ใช้กับผู้เล่นเพียงเท่านั้นสินะ? ถ้างั้นฉันควรจะอธิบายมันยังไงให้บักค์เข้าใจดี?’


ขณะที่เอียนบ่นเช่นนั้น บักค์พูดอีกครั้งหนึ่ง


 


– อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่เรียกว่าฐานเป็นที่ที่มีคนรวมกันเยอะๆและส่งเสียงดังใช่ไหม?


 


เมื่อบักค์ถาม เอียนรีบพยักหน้า


“มันต้องเป็นอันนั้น ข้าคิดว่าถูกต้อง!”


ขณะมองไปที่เอียนที่มีความสุข บักค์พยักหน้าอย่างช้าๆ


 


– ถ้ามันเป็นที่นั่น สถานที่ที่ข้าจำได้มันไม่ไกลมาก ข้าไม่รู้ว่ามันจะยังอยู่ตรงนั้นไหม เนื่องจากมันก็ผ่านมานานแล้ว


 


อย่างไรก็ตามเอียนก็มั่นใจว่าสถานที่ที่บักค์พูดถึงนั้นเป็นฐาน


“ไปที่นั่นกันเถอะบักค์ นำทางสิ!”


หลังจากบักค์พยักหน้า มันเริ่มไปอย่างช้าๆด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของทัน


 


– รับทราบครับเจ้านาย


 


* * *


 


“มันไม่แปลกที่จะไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ใช่ไหมชยาคราน?”


ที่ปากทางเข้าหอคอยแห่งสงครามที่ตั้งอย่างสง่าผ่าเผย ชายสองคนได้สนทนากันขณะที่เผชิญหน้ากัน


ทั้งสองคนนั้นไม่ใช่คนอื่นนอกจากอิลาฮัน หัวหน้ากิลด์ของกิลด์ดาร์ครูน่าและชยาครานหัวหน้ากิลด์ของกิลด์ไททั่น


จากข้างนอกดูเหมือนว่าพวกเขากำลังแบ่งปันการสนทนากันค่อนข้างมาก แต่ระหว่างพวกเขา มีความกังวลใจอย่างรุนแรงไหลออกมา


เนื่องจากที่นี่เป็นทวีปกลางและในทวีปกลางไม่มีข้อจำกัดในการ PK ในหมู่ผู้เล่นสัญชาติเดียวกัน


หากแม้แต่หนึ่งในสองฝ่ายกำลังพยายามโจมตีก่อน การต่อสู้ขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถควบคุมได้จะเกิดขึ้น


และมันเป็นการต่อสู้ระหว่างกิลด์อันดับที่ 1 และอันดับที่ 2 ผลที่ตามมาจะรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ


ชยาครานได้เริ่มพูดก่อน


“ฮ่าฮ่า อิลาฮันนี่เป็นการเข้าใจผิด นี่เป็นสถานที่ที่เราเพิ่งค้นพบในตอนเช้าเอง ดังนั้นเราจะให้ข้อมูลแก่นายหลังจากนั้นไม่นานเช่นกัน”


“อะแฮ่ม…”


พวกเขาทั้งสองรู้ถึงความตั้งใจของกันและกัน แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นหัวหน้ากิลด์ที่ต้องการเคลื่อนไหวบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างกำไรและขาดทุนอย่างละเอียดพวกเขาจึงใส่ใจอย่างใกล้ชิดต่อการกระทำและคำพูดของพวกเขา


อิลาฮันมองไปที่หอคอยแห่งสงครามเล็กน้อยขณะที่เขาถามชยาคราน


“ถ้าอย่างนั้นมันคงไม่เป็นไรสำหรับเราที่จะใช้มันตอนนี้ใช่มั้ย? หอคอยแห่งสงครามนั่นน่ะ”


ขณะที่มองอิลาฮันผู้ที่พูดด้วยคำที่แข็งแกร่ง ชยาครายไม่ได้ทำอะไรนอกจากพยักหน้า


นี่เป็นเพราะถ้าพวกเขาต้องปะทะกับกิลด์ดาร์ครูน่าในตอนนี้ มันก็มีอะไรที่ต้องสูญเสียมากเกินไป


“แน่นอน อิลาฮัน นายอาจจะมีคะแนนพิเศษเยอะมากที่นายเก็บเอาไว้จนถึงตอนนี้ ดังนั้นนายควรใช้มันเร็วๆนะ”


เมื่อชยาครานเคลื่อนไหวด้วยมือสมาชิกของกิลด์ไททั่นก็เปิดทางเดินทั้งสองข้างและทางเข้าสู่หอคอยแห่งสงคราม เข้าสู่เขตการมองเห็นของอิลาฮัน


“อะแฮ่ม”


อิลาฮันซึ่งจ้องมองที่ชยาครานอยู่พักหนึ่งค่อยๆเริ่มขยับเท้าของเขาและเดินตามสมาชิกกิลด์ดาร์ครูน่าเพื่อเข้าสู่หอคอยแห่งสงครามอย่างรวดเร็ว


 


* * *


 


“บักค์ สถานที่ที่นานพูดถึงคือ… ที่นี่?”


 


– ถูกต้องครับเจ้านาย อย่างที่คาดไว้เมื่อเวลาผ่านไปนานเกินไปไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว หนึ่งพันปีก่อนมันเป็นสถานที่ที่แออัดอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามสถานที่ที่ข้าจำได้คือที่นี่


 


สถานที่ที่ปรากฏต่อหน้าของเอียนคืออาคารขนาดใหญ่ที่กว้างจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง


‘แม้ว่ามองไปแล้ว มันไม่ใช่ฐาน แต่… นี่คืออะไร?’


เอียนตรวจสอบของมูลของอาคาร


 


– เสาการค้าแห่งสงคราม


โพสต์การค้าที่นักรบของทวีปกลางโบราณซื้อและขายสินค้า สามารถซื้อสินค้าในโพสต์การซื้อขายโดยใช้ ‘คะแนนพิเศษ’ และวัตถุโบราณหรืออาหารรวมถึงทองคำและอื่นๆนอกจากนี้ยังสามารถซื้อได้ด้วย ‘คะแนนพิเศษ’


 


และตาทั้งสองของเอียนเบิกโพลง


‘อะ อะไรวะเนี่ย มีสถานที่แบบนี้ด้วยหรอ? ฉันกำลังสงสัยว่าฉันจะใช้คะแนนพิเศษได้ที่ไหน แต่มันคือที่นี่นี่เอง!’


เอียนยังไม่รู้ว่ามี ‘หอคอยแห่งสงคราม’ อยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบสถานที่ที่เขาสามารถใช้คะแนนพิเศษของเขา


ด้วยพื้นที่ตรงกลางของทวีปกลางซึ่งทั้งสองด้านของกองทัพอาณาจักรเผชิญหน้ากันเป็นจุดอ้างอิงหอคอยแห่งสงครามอยู่ทางทิศตะวันตกในขณะที่เสาการค้าแห่งสงครามอยู่ทางทิศตะวันออก


เพราะเหตุนั้นกิลด์ดาร์ครูน่าและกิลด์ไททั่นที่เข้ามาทางตะวันตกจึงได้ค้นพบหอคอยแห่งสงครามขณะที่เอียนสามารถค้นพบเสาการค้าแห่งสงคราม


‘ลองเข้าไปข้างในดูก่อน’


เอียนซึ่งหัวใจของเขามีความสุขในการค้นพบที่น่าตื่นเต้น ขยับเท้าของเขาและก้าวเท้าเข้าไปในทางเข้าของเสาการค้าแห่งสงคราม


เมื่อเขาทำอย่างนั้น ข้อความระบบดังขึ้น


กริ๊ง-


 


– ท่านได้ค้นพบเสาการค้าแห่งสงครามเป็นครั้งแรก


– คะแนนพิเศษของท่านเพิ่มขึ้น 3,000 หน่วย


– ด้วยคะแนนพิเศษที่ท่านได้รับ ท่านสามารถซื้อของข้างในเสาการค้า


– ท่านสามารถเข้าเสาการค้าแห่งสงครามวันละ 30 นาที ท่านต้องการจะเข้าหรือไม่?


 


เอียนพยักหน้าขณะที่เขาพูด


“ฉันจะเข้าไป”


และตามหลังของเอียน ฮูนี่ย์ก็เข้าเช่นกัน


ไคซาร์และซีเรียรวมถึงบัลลัมและคนอื่นๆเข้ามาด้วยเช่นกัน แต่นอกเหนือจากไคซาร์เพราะพวกเขาไม่สามารถรวบรวมคะแนนพิเศษได้มาก เขาไม่คิดว่าจะมีความหมายจริงๆ


‘นี่เป็นสถานที่ที่คุณสามารถซื้อสิ่งต่างๆเช่นไอเทมด้วยคะแนนพิเศษใช่ไหม?’


เมื่อเขามีเวลา 30 นาที เอียนก็เริ่มเข้าไปด้านในของอาคารโดยเร็วที่สุด


และเขาสามารถสรุปสิ่งหนึ่งผ่านสิ่งนั้นได้


‘พวกเขาไม่ขายของอย่างวัตถุโบราณ ส่วนใหญ่จะทำเพื่อให้คุณสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าและอาหาร’


คะแนนพิเศษที่เอียนได้รวบรวมมาจนถึงตอนนี้มีจำนวนมหาศาลถึง 50,000 หน่วย


เขาไม่รู้อย่างแน่ชัด แต่ด้วยสิ่งนี้เขาคาดหวังว่าเขาจะซื้อบางอย่างที่เป็นวัตถุโบราณได้ แต่ก็ผิดหวังเล็กน้อย


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนว่าทรัพยากรจำนวนมากจะขาดหายไปเพื่อสร้างฐานในทวีปกลางที่แห้งแล้งนี้เขามั่นใจว่าเสาการค้าแห่งสงครามซึ่งเป็นสถานที่ที่จะได้รับอาหารจากการต่อสู้จะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่


ขณะที่เอียนคิดต่างๆ ฮูนี่ย์ซึ่งดูไปรอบๆเสาการค้าได้พูดขึ้น


“น่าผิดหวัง ฉันหวังว่ามันจะเป็นหอคอยแห่งสงคราม”


เมื่อฮูนี่ย์พูด เอียนถามด้วยอาการงุนงง


“หอคอยแห่งสงคราม? มันคืออะไร?”


ฮูนี่ย์แสดงสีหน้าให้เห็นว่ากำลังเล่นลิ้น


เอียนเดินเข้ามาหาฮูนี่ย์และเริ่มซักถามเขา


“อะไรกัน? อย่างไรก็ตาม นายไม่คิดจะซ่อนมันใช่ไหม?”


อย่างไรก็ตามก่อนที่ฮูนี่ย์จะตอบเสียงที่แก้ไขความอยากรู้ของเอียนก็ได้ยินมาจากที่อื่น


นั่นเป็นเสียงของไคซาร์


“หอคอยแห่งสงครามเป็นสถานที่ที่นายสามารถซื้อโบราณวัตถุหรือไอเทมด้วยคะแนนพิเศษจากสงคราม มันแตกต่างจากสถานที่นี้เล็กน้อย”


“ฉันเข้าใจละ ทำไมนายเพิ่งมาบอกฉันตอนนี้ล่ะ?”


เมื่อเอียนบ่น ไคซาร์แสยะยิ้มขณะที่เขาตอบกลับ


“แม้ว่านายจะรู้ตำแหน่งของหอคอยแห่งสงครามมันก็อยู่ในที่ที่นายไม่สามารถไปได้”


“ทำไมล่ะ?”


“นั่นเป็นเพราะอยู่ทางฝั่งตะวันตกที่กองทัพของอาณาจักรไคม่อนประจำการอยู่”


“ฉันเข้าใจละ”


สำหรับตอนนี้ความผิดหวังก็เป็นเพียงความผิดหวังและเอียนเริ่มคิดว่าอะไรจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้เสาการค้าแห่งสงคราม


‘ทุกๆ 100 คะแนนพิเศษมันคือ 50 คะแนนอาหาร… ถ้าฉันเทคะแนนพิเศษทั้งหมดที่ฉันมีในตอนนี้ฉันจะสร้างทหารได้กี่คน? หากเป็นการอ้างถึงทวีปทางเหนือฉันคิดว่าฉันจะสามารถเข้าสร้างได้เกือบ 200 คน…’


สำหรับตอนนี้เอียนตัดสินใจหยุดใช้คะแนนของเขา เขารู้สึกว่าเขาควรครอบครองฐานก่อนที่จะตรวจสอบต้นทุนและทำแผนที่ออกมา


‘เนื่องจากฉันจะสามารถกลับมาพรุ่งนี้อีกครั้งอย่างไรก็ตาม’


เอียนมองไปรอบๆ


ต้องขอบคุณภูมิศาสตร์ที่ล้อมรอบด้วยเนินเขาสูงทำให้เขารู้สึกว่าจะไม่ถูกค้นพบโดยกิลด์อื่นๆอยู่พักหนึ่ง


เนื่องจากถ้าไม่ใช่เพราะบักค์ เอียนก็ไม่สามารถหามันได้เช่นกัน


‘ถ้าฉันรู้ว่านี่เป็นกรณีนี้ ฉันควรจะยึดฐานไว้ก่อนแทนที่จะล่าทันทีที่ฉันทำเควส์เสร็จใช่ไหม? ถ้าฉันทำอย่างนั้นฉันก็จะไม่ได้ล้มเหลวในการทำเควสต์ครอบครองด้วยเช่นกัน’


อย่างไรก็ตาม หากเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้ดีว่าเขาจะกลายเป็นเป้าหมายของทหารและกิลด์ของอาณาจักรไคม่อน ดังนั้นเอียนจึงรีบจัดการสิ่งที่แนบมา


‘สำหรับตอนนี้ รอจนกว่าคนอื่นจะเข้าสู่ระบบกลับมา’


เอียนออกมาจากเสาการค้าและเริ่มที่จะย้ายไปยังสถานที่ที่สมาชิกกิลด์และเขาตัดสินใจที่จะพบกัน


อย่างไรก็ตามจากนั้น


ข้อความโลกที่ส่งถึงผู้เล่นทุกคนด้วยหัวเรื่องเดียวกันโผล่ขึ้นมาบนหน้าจอของเอียน


กริ๊ง-


 


– ผู้เล่น ‘อิลาฮัน’ หัวหน้ากิลด์ดาร์ครูน่าได้รับ ‘หน้ากากของมาเจนต้า’


– จากนี้ไป ‘นักรบทะเลทราย’ ซึ่งปรากฏเป็น ‘NPC โดยธรรมชาติ’ ได้สร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับกิลด์ดาร์ครูน่า


– ในฐานะที่เป็นสัญชาติของกิลด์ ‘ดาร์ครูน่า’ เป็นอาณาจักรไคม่อน ตอนนี้นักรบทะเลทรายจะมีความสัมพันธ์เป็นศัตรูกับอาณาจักรลัสเปล 

 

 


ตอนที่ 153

 

ทวีปกลางนั้นกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ


และถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นที่โล่ง แต่มันก็เป็นภูเขาที่ว่างเปล่าและไม่มีเจ้าของ


อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมือนกับว่ามีฐานที่ว่างเปล่าจำนวนมากเช่นกัน


นี่เป็นเพราะหากข้อกำหนดบางอย่างไม่ได้ปฏิบัติตามในตอนเริ่มต้น จากนั้นคะแนนฐานก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นและไม่มีสถานที่มากมายที่ตรงกับจำนวนประชากรและจำนวนทรัพยากรซึ่งเป็นหนึ่งในข้อกำหนด


ในปัจจุบันจำนวนของฐานที่มีอยู่ในทวีปตอนกลางมีประมาณ 50 ฐานที่เกิดขึ้น โดยมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นจุดอ้างอิง


ในความเป็นจริงในกรณีของกิลด์โลตัสซึ่งเพิ่งจะติดอันดับใน 100 อันดับแรกการยึดฐานและการบำรุงรักษาก็ถือว่าเป็นงานที่ยากอย่างไม่น่าเชื่อ


“จินซุง มันคงจะดีกว่าไหมถ้าเรามาดูครั้งหน้า หลังจากที่จำนวนฐานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแล้ว?”


เมื่อเฮิร์ซถาม เอียนส่ายหน้า


“มันจะสายเกินไป เมื่อถึงจุดนั้นช่องว่างระหว่างกิลด์ระดับท็อปกับเราอาจจะกว้างมาก”


ตามที่เฮิร์ซพูด เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนฐานของกิลด์ก็จะเพิ่มขึ้น


เนื่องจากเมื่อฐานที่มีอยู่พัฒนาขึ้น ความหนาแน่นของประชากรจะเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติและเมื่อทรัพยากรมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ มันก็ยังมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อม


อย่างไรก็ตาม เอียนไม่มีความคิดที่จะรอถึงตอนนั้น


เนื่องจากเขาคิดว่าพวกเขารอนานพอแล้ว


และไม่มีแม้แต่การรับประกันว่าพวกเขาจะสามารถยึดฐานได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะพวกเขารอจนถึงตอนนั้น


‘ถ้าเราสามารถอยู่ได้นาน คงไม่มีโอกาสที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว’


หากพวกเขาเพิ่มฐานของพวกเขาในทวีปกลาง พวกเขาจะสามารถเลื่อนขั้นระดับของเมืองโลตัสในทวีปทางตอนเหนือเป็นเมืองขนาดใหญ่


จากหลายมุมมอง ฐานในทวีปกลางมีน่าดึงดูดอย่างไม่น่าเชื่อ


ฟิโอลันถามเอียน


“นี่คือสถานที่ที่หายคิดไว้หรอ?”


เอียนพยักหน้า


“มีฐานที่ดีอยู่ใกล้กับทัพหน้าซึ่งทั้งสองอาณาจักรเผชิญหน้ากัน”


ตาทั้งสองของฟิโอลันเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำเหล่านั้น


“ห้ะ? นั่นไม่ได้อยู่ใกล้กับด้านหน้ามากเกินไปเหรอ? หากผิดพลาดเราต้องถูกนำเข้าไปในการต่อสู้ขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นระหว่างกองทัพทั้งสองอาณาจักร จากนั้นเราจะกลายเป็นเถ้าถ่าน…”


อย่างไรก็ตามเอียนก็คิดถึงส่วนนี้มากพอ เขาก็พยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาขณะที่เขาพูด


“ความเสี่ยงสูงแน่นอน อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อได้เปรียบเช่นกัน”


เฮิร์ซถาม


“ผลดีคืออะไร?”


“อย่างแรก เนื่องจากความเสี่ยงที่ฟิโอลันเพิ่งพูดถึงทำให้อัตราการแข่งขันของกิลด์นั้นต่ำอย่างมาก แม้ไททั่นหรือกิลด์ดาร์ครูน่าอาจจะไม่ต้องการที่จะใช้พลังการต่อสู้เพื่อยึดครองฐานที่ไม่แน่นอน ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องต้านทหารของอาณาจักรไคม่อน”


ฟิโอลันพยักหน้าอย่างช้าๆ


“นายได้ที่ตรงนั้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยข้อได้เปรียบแบบนั้น ไม่ใช่ว่ามันยังขาดข้อดีอยู่ดีอยู่หรอ? เพราะถ้าเราถูกโจมตีโดยทหารของอาณาจักรบ่อยครั้งมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่ในการพัฒนาฐาน มันจะลดลงเป็นเถ้าถ่านตลอดเวลา ดังนั้นจะมีเวลาสำหรับพืชที่จะเติบโตและสำหรับประชากรที่จะเพิ่มขึ้นหรอ?”


เฮิร์ซเห็นด้วยกับคำพูดของฟิโอลันขณะที่เขาพยักหน้า


“ถูกต้อง เราอาจสูญเสียทรัพยากรไปโดยใช่เหตุเพราะถ้าเราไม่มีทรัพยากรมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างกองทหาร”


ความกังวลของคนสองคนนั้นจริงจังมาก


มันไม่ได้จบเพียงเพราะพวกเขาครอบครองฐาน


หลังจากครอบครองพวกเขาจำเป็นต้องบำรุงรักษาและเพื่อสร้างมูลค่าที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่พวกเขาลงทุน พวกเขาต้องการรับประกันความมั่นคง


อย่างไรก็ตามเอียนมีแผน


เอียนพูดอย่างช้าๆ


“เราเพียงแค่ต้องจัดหาทรัพยากรด้วยคะแนนพิเศษ”


การดำรงอยู่ของเสาการค้าแห่งสงครามที่เขาพบ ต้องขอบคุณบักค์ที่ทำให้เอียนมีความคิดเช่นนั้น


เฮิร์ซและฟิโอลันที่ไม่รู้เกี่ยวกับเสาการค้าแห่งสงครามแสดงสีหน้างุนงงและเฮิร์ซถาม


“นายจะจัดหาทรัพยากรด้วยคะแนนพิเศษยังไง? นายพบวิธีที่จะใช้คะแนนพิเศษแล้วหรอ?”


เอียนพยักหน้า


“ใช่ ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่”


และเอียนก็อธิบายความเป็นไปได้ของเสาการค้าแห่งสงครามกับทั้งสองคน


ฟิโอลันที่ได้ยินคำอธิบายทั้งหมดก็พยักหน้า


“แน่นอนว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ควรลอง ถ้าหากมีการจัดหาคะแนนพิเศษมากกว่าการบริโภคอาหาร”


เอียนพยักหน้าขณะที่เขาตอบกลับ


“ถูกต้อง ส่วนนั้นเป็นประเด็นสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตามจากการต้านทหารของอาณาจักรไคม่อาในแนวหน้าอยู่ตลอดเวลา ฉันคิดว่าเราจะไม่ขาดคะแนนพิเศษ”


จากประสบการณ์ของเอียน คะแนนพิเศษจำนวนมากสามารถหาได้จากฆ่าผู้เล่นหรือ NPC ที่เป็นพันธมิตรกับอาณาจักรศัตรูมากกว่ามอนสเตอร์ธรรมดา


เพราะอย่างนั้น เขาจึงพูดอย่างมั่นใจ


“อืมม…”


ทั้งสามคนที่พบทิศทางว่าควรไปที่ไหนต่อไป เริ่มสร้างแผนอย่างละเอียด


หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกกลุ่มที่สองของกิลด์ซึ่งเข้าร่วมกับกองทัพอาณาจักรลัสเปลและประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ทวีปกลาง ทุกคนมาถึงและด้วยพลังการต่อสู้ของพวกเขาทั้งหมดกิลด์โลตัสก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ


จุดหมายของพวกเขาคือฐานที่อยู่ทัพหน้า


 


* * *


 


“โซลิน เธอรู้จักธงนี้ไหม?”


ขณะมองไปที่กลุ่มของผู้เล่นค่อนข้างใหญ่เคลื่อนไหวด้านล่างหุบเขา อิลาฮันแสดงสีหน้างุนงง


เพราะถ้ามันเป็นกิลด์ที่สามารถเข้ามาในทวีปกลางได้ในตอนนี้ มันก็เป็นกิลด์อันดับต้นๆ แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของกิลด์ที่เขาเคยเห็นเป็นครั้งแรก


“ฉันก็… ไม่แน่ใจค่ะหัวหน้า สิ่งที่ฉันแน่ใจคือไม่มีกิลด์ใน 20 อันดับแรกที่มีธงอย่างนั้นค่ะ”


ธงที่โซลินและอิลาฮันมองนั้นไม่ใช่ธงอื่นใดนอกจากธงของโลตัส


และกิลด์โลตัสก็เกิดขึ้นที่ฐานในแนวหน้าและอยู่ในกระบวนการครอบครอง


อิลาฮันแสดงสีหน้าสนใจ


“เปิดรายชื่อกิลด์เลยตอนนี้และหาพวกมัน อย่างน้อยถ้าพวกเขาอยู่ในอันดับ 30 เธออาจจะหามันได้ทันที”


“รับทราบค่ะ หัวหน้า”


อย่างไรก็ตาม โซลินหาสัญลักษณ์ของกิลด์โลตัสค่อนข้างนาน


นี่เป็นเพราะอันดับของกิลด์โลตัสคืออันดับที่ 100


“เอ่อ… หัวหน้าคะ”


“มีอะไร?”


“สัญลักษณ์กิลด์นั่น… มันเป็นสัญลักษณ์ของกิลด์ที่เรียกว่ากิลด์โลตัสค่ะ”


ตาทั้งสองของอิลาฮันเบิกโพลง


“โลตัส?”


“ค่ะ หัวหน้า”


“นี่เป็นครั้งแรกแน่นอนที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับพวกมัน”


“นั่นก็ช่วยไม่ได้ค่ะ เนื่องจากพวกเขาในปัจจุบันอยู่อันดับที่ 107 ในอันดับกิลด์”


“…”


อิลาฮันแสดงสีหน้างุนงง แน่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เบะปาก


เขาเพิ่มความสนใจมากขึ้น


“เราลองโจมตีพวกมันมั้ย? เธอคิดว่ายังไงโซลิน?”


ในปัจจุบันพลังการต่อสู้หลักของกิลด์ดาร์ครูน่านั้นออกมาปกป้องฐานของตัวเอง แต่อิลาฮันคิดว่าพวกเขาสามารถกำจัดกิลด์อันดับที่ 107 ได้อย่างง่ายดายแม้แต่กับปาร์ตี้สอดแนมของพวกเขา


และนั่นก็ไม่ใช่ความคิดที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม โซลินส่ายหน้า


“ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะควบคุมตัวเองในตอนนี้ค่ะ หัวหน้า”


อิลาฮันแสยะยิ้ม


“เพราะว่ากองทัพของราชวงศ์ลัสเปลอยู่ด้านหลังของพวกมันงั้นหรอ?”


In ในทิศทางที่อิลาฮันชี้ไป กองทัพอาณาจักรถูกส่งไปประจำการและโซลินพยักหน้า


“ถูกต้องค่ะ ในการยั่วยุอย่างน้อยที่สุด มันอาจเป็นการต่อสู้ขนาดใหญ่สำหรับตอนนี้ ฉันคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่จะระแวดระวังจนกว่าเราจะสร้างฐานที่ปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบ”


อิลาฮันยิ้มขณะที่เขาพยักหน้า


ความคิดของเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากเธอเช่นกัน


“แต่ว่าเนื่องจากไม่มีประโยชน์ใดๆ แม้ว่าเราจะขโมยฐานนั้นไปเพราะมันจะเป็นฐานกลางสนามรบ… ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นหัวหน้ากิลด์ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาคงจะไร้ความสามารถหรือเป็นแค่เห็บ…”


อย่างไรก็ตามแตกต่างจากอิลฮานผู้เดาะลิ้นของเขา ดวงตาของโซลินก็เปล่งประกาย


‘ถ้าเป็นกิลด์อันดับที่ 100 มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับฐานที่เหมาะสม ดังนั้นพวกเขาอาจจะจงใจใช่ไหม? อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาทำอย่างนั้นจริงๆแล้วจะไม่มีอะไรที่พวกเขาจะได้รับจากที่นั่น’


อิลาฮันเรียกโซลินที่กำลังคิดต่างๆนาๆ


“โซลิน”


“ค่ะ หัวหน้า”


“เนื่องจากดูเหมือนว่ามันจะไม่มีเหตุผลสักนิดที่เราจะเข้าไปยุ่งกับตัวเราเองแล้ว เราจะทดสอบหน้ากากของมาเจนต้าในช่วงโอกาสนี้ไหม?”


เมื่ออิลาฮันพูดคำที่ไม่คาดคิด ตาทั้งสองของโซลินเบิกโพลง


“คุณวางแผนที่จะใช้นักรับทะเลทรายหรอคะ?”


อิลาฮันพยักหน้า


“ถูกต้อง ถ้ามันเป็นไปตามแผนของฉัน ดูเหมือนว่าเราจะสามารถจัดการพวกมันให้เป็นเถ้าถ่านด้วยเพียงนักรบทะเลทราย”


“ฉันคิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีค่ะ หัวหน้า”


โซลินยิ้มอย่างสดในขณะที่เธอก้มหัว


เธอก็อยากจะเห็นพลังของ ‘นักรบทะเลทราย’ ที่กลายเป็นพลังการต่อสู้ใหม่ของพวกเขา


 


* * *


 


‘จอกศักดิ์สิทธิ์ของโฮลดรีม’ ถูกใช้งาน

น้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยพลังแห่งราชาโฮลดรีมทำให้พื้นดินแห้งแล้งอุดมสมบูรณ์

เวลาที่ใช้ในการยึดฐานลดลงอย่างมาก

เวลาที่เหลือจนกว่าจะยึดครองฐาน : 05:24:33

 


ในขณะที่ดูข้อความที่โผล่ขึ้นมาทีหลัง เอียนก็ยิ้มด้วยความพอใจ


“มันเป็นโบราณวัตถุที่น่าทึ่งอย่างมาก”


และในทางกลับกัน เขาก็ยังผิดหวัง


‘ถ้ากิลด์ของพวกเราแข็งเลแกร่งเท่ากับกิลด์ในอันดับที่ 10 เราอาจจะสามารถครอบครองฐานสักสามสี่ฐานเพิ่มเติมผ่านจอกศักดิ์สิทธิ์…’


ถึงกระนั้นความจริงที่ว่าจอกศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ไปอยู่ในมือของอาณาจักรศัตรูก็ถือว่าเป็นการโล่งอกได้อย่างแท้จริง


เอียนหันความสนใจไปหาบุ๊กค์ที่กำลังเล่นอยู่ข้างๆเขา


“บุ๊กค์ แกจะได้ใช้ชีวิตแบบว่างงานแล้วนะ”


บุ๊กค์-?


“แกจะว่างงานเมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากฉันไม่ค่อยไปต่อสู้ใกล้ชิดนั่นแหละ”


บุ๊กค์พยักหน้าด้วยสีหน้ามีความสุข


บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!


“พี่ขอโทษนะ ฉันจะหางานให้แกเร็วไป… รอสักหน่อยนะบุ๊กค์ ฉันจะหางานให้แกเร็วๆนี้”


ด้วยสายตาที่สั่นไหว บุ๊กค์ส่ายหัวอย่างรุนแรง


บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!


บักค์ที่มองพวกเขาอยู่ได้เรียกเอียน


 


เจ้านายครับ

 


“ว่าไงบักค์”


 


ท่านรู้จักบุ๊กค์มากแค่ไหน?

 


“หืมมม…?”


เอียนซึ่งตกตะลึงสักครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามที่ไม่คาดคิด เกาหลังหัวขณะที่เขาตอบ


“อืม… ปกติแล้วเขาเป็นเต่าหัวโตที่ส่งเสียงแปลกประหลาดมั้ง?”


บุ๊กค์ที่โกรธเมื่อตอบอย่างนั้นพุ่งเข้าหาเอียน


บุ๊กค์- บู๊-บุ๊กค์-!


บุ๊กค์โขกหัวใส่คางของเอียนด้วยจิตวิญญาณที่ขุ่นเคือง แต่ไม่มีทางที่จะได้รับความเสียหาย


เอียนผู้แสยะยิ้มได้ถามบักค์


“บักค์ นายรู้จักเกี่ยวกับมันหรอ?”


บักค์พยักหน้า


 


ข้าก็ไม่แน่ใจในตัวเอง แต่เพราะเขาเป็นพี่น้องสายพันธ์เดียวกัน ก็จะมีอย่างสองอย่างที่ข้ารู้

 


ตาของเอียนส่องประกาย


“โอ้ พวกนั้นคืออะไรล่ะ?”


บักค์พูดต่อ


 


ข้าเป็นสายพันธุ์ของทะเลทราย แต่บุ๊กค์เป็นสายพันธ์ของอเวจี เพื่อให้สายพันธุ์ของอเวจีกลายเป็นมังกรเต่า ข้ารู้ว่ามีสองวิธี

 


เมื่อได้ยินคำพูดว่า ‘มังกรเต่า’ อาการของเอียนได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์


‘ถ้ามันกลายเป็นมังกรเต่า เขาอาจจะกำลังพูกถึงการวิวัฒนาการใช่ไหม?’


เอียนรีบถามบักค์อีกครั้ง


“วิธีอะไรหรอ? รีบบอกฉันสิ ฉันต้องการที่จะวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วและบังคับเขา”


จ้อง-


บุ๊กค์จ้องไปที่เอียน แต่เอียนไม่ได้เกรงกลัว


บักค์พูดต่อ


 


วิธีแรกคือการได้รับซินตะมานิของมังกรเต่าและใช้แบบที่ข้าวิวัฒนาการ อย่างไรก็ตาม หากว่าท่านใช้ซินตะมานิของมังกรเต่าเพื่อวิวัฒนาการ ท่านจะไม่สามารถวิวัฒนาการได้ต่อ

 


“การขึ้นสู่สวรรค์…?”


 


ถูกต้อง เพื่อการขึ้นสู่สวรรค์ ท่านต้องประสบความสําเร็จโดยไม่ใช้พลังของซินตะมานิช่วย นี่เป็นเพราะว่าสามารถวิวัฒนาการโดยใช้ซินตะมานิได้ครั้งเดียว แต่ในกรณีที่ท่านใช้ซินตะมานิเมื่อวิวัฒนาการ จากนั้นท่านจะไม่สามารถใช้มันเพื่อการขึ้นสู่สวรรค์ไปได้

 


อย่างไรก็ตาม เอียนแสดงสีหน้างุนงง


นี่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าอะไรคือ ‘การขึ้นสู่สวรรค์’


“อะไรคือการขึ้นสู่สวรรค์? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขึ้นสู่สวรรค์?”


เมื่อเอียนถาม บักค์ตอบอย่างช้าๆ


 


เนื่องจากนี่เป็นเรื่องราวที่สืบทอดกันมาในตำนาน ข้าไม่รู้ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน แต่ข้าได้ยินมาว่ามังกรเต่าที่ประสบความสำเร็จในการขึ้นสู่สวรรค์จะกลายเป็นราชาแห่งมังกรเต่าและสิ่งมีชีวิตเหมือนพระเจ้า ถ้าบุ๊กค์สายพันธุ์ของอเวจีได้ประสบความสำเร็จในการขึ้นสู่สวรรค์ฉันคิดว่าเขาจะกลายเป็นมังกรน้ำที่จะสามารถใช้พลังน้ำได้อย่างอิสระ

 


“โอ้…!”


เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถึงแม้ว่าเขาฟังบักค์โดยไม่เข้าใจจริงๆ เอียนก็รู้สึกได้ถึงระดับที่เหลือเชื่อและปากของเขาก็อ้าปากค้าง


บุ๊กค์?


ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ บุ๊กค์ผู้ที่ไม่สนใจในตอนแรกก็เริ่มสนใจคำพูดของบักค์ขึ้นเล็กน้อย


“ถ้างั้นบอกฉันมาว่าวิธีที่ทำให้บุ๊กค์สามารถกลายเป็นมังกรเต่าโดยไม่ใช่ซินตามานิทำยังไง?”


เมื่อเอียนซักไซร้ บักค์พูดอีกครั้ง


 


เจ้านาย อย่างไรก็ตาม ท่านจำไอเทมที่เรียกว่า ‘จิตวิญญาณของเต่า’ ที่ข้าให้ท่านได้ไหม?

 


เอียนพยักหน้าทันที


นี่เป็นเพราะจิตวิญญาณของเต่าเป็นเครื่องรางที่เขาติดไว้กับบุ๊กค์และใช้งานได้ดี


“ได้สิ แน่นอนว่าฉันจำได้”


 


ท่านสามารถเรียกจิตวิญญาณของเต่าว่า ‘แก่นแท้แห่งพลังงาน’ ที่ข้าเคยทำมาตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ถ้าท่านรวบรวมจิตวิญญาณของเต่าเหล่านี้ทั้งหมดสามอันและหาสถานที่ที่เรียกว่า ‘แท่นบูชาแห่งน้ำ’ จากนั้นบุ๊กค์จะสามารถกลายเป็นมังกรเต่าได้

 


การแสดงออกของเอียนรุนแรงขึ้นเล็กน้อย


นี่เป็นเพราะถ้าเขาบอกว่าเขาต้องการที่เพิ่มเลเวลหรือทำเควสต์ จากนั้นเขาจะวิวัฒนาการบุ๊กค์ได้ แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะได้รับไอเทมที่เรียกว่าจิตวิญญาณของเต่า


“ที่ไหนที่สามารถได้รับจิตวิญญาณของเต่าได้?”


บักค์จ้องไปที่บุ๊กค์ขณะที่เขาตอบกลับ


 


บุ๊กค์สามารถสร้างมันด้วยตัวเขาเองหรือเขาต้องหาเต่าที่สายพันธุ์เดียวกันที่มีของสืบทอดเหมือนกับข้าและรับมันมา

 


เอียนจ้องไปที่บุ๊กค์


“เฮ้ บุ๊กค์ แกมีของสืบทอดไหม?”


บุ๊กค์แสดงสีหน้าตกใจครู่หนึ่ง


บุ๊กค์-?


เอียนซึ่งรู้สึกถึงอะไรบางอย่างนั้น เริ่มกดดันบุ๊กค์


“เฮ้ ถ้าแกมีอยู่รีบเอามันออกมา เขาพูดว่าแกสามารถวิวัฒนาการได้ แกจะสามารถกลายเป็นเต่าที่เท่ห์เหมือนกับบักค์”


อย่างไรก็ตาม บุ๊กค์แสดงสีหน้าเศร้าโศกขณะส่ายหัว


อย่างไรก็ตามจากนั้น เขาพบกับสมาชิกกิลด์วิ่งอย่างเร่งรีบมากจากที่ไกลๆ


“เอียน มีปัญหาใหญ่แล้ว!”


“ว่าไงนะ?”


“นักรบทะเลทรายปรากฎขึ้นมาจากทางตะวันออก!”


เอียนหันไปมองทิศทางที่สมาชิกกิลด์ชี้ไปทางนั้นและมีนักรบทะเลทรายหลายสิบคนกำลังมุ่งหน้าไปยังฐาน


เอียนแสดงท่าทางที่รุนแรงขึ้นเล็กน้อย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม