Strongest Abandoned Son บุรุษผู้ถูกทอดทิ้ง 442-455

 บทที่ 442 : เด็ดมาก


 


ลวี่อิงอิงยังคงคิดอย่างรวดเร็วว่าเธอจะทำให้กู๋ชร่งปล่อยให้พวกเธอไปได้ยังไง ขณะที่เธอตระหนักว่าเด็กหนุ่มที่เธอดึงมานั้นได้เดินขึ้นไปที่กู๋ชร่งแล้ว


 


“ฉันไม่เคยวางแผนที่จะวิ่ง เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะฉันไม่ต้องการที่จะก่อความวุ่นวายในบาร์” เย่โม่พูดอย่างชัดเจน


 


เย่โม่ไม่ต้องการถูกตระกูลเยวียนเข้ามายุ่ง เพราะแผนการของเขาที่กำลังจะดำเนินการ


 


“ฮ่า -” กู๋ชร่งหัวเราะก่อน แต่ไม่ช้าก็หยุดยิ้มเพราะเขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่พูดสุ่มๆ ทันทีที่เขาพูดเสร็จ ก็มีคนตบหน้าและเตะซ้ำแล้วซ้ำอีก ผู้ชาย 2 คนของกู๋ชร่งไม่ได้มีเวลาตอบสนองก่อนที่จะถูกกระแทกลงไปกับพื้น เสียงเดียวที่เขาได้ยินคือกระดูกแตก แต่คนของเขาก็ไม่ได้กรีดร้องออกมา


 


“มึง!” กู๋ชร่งรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว


 


เย่โม่เดินไปที่กู๋ชร่ง และตบเขา


 


กู๋ชร่งถูกตบอย่างแรง มีเลือดอยู่เต็มปากของเขาและหมอบลงกับพื้น เขามองด้วยความกลัว ขณะที่เย่โม่เข้ามาใกล้เขามากขึ้น


 


“พี่เขยกูคือรองอธิบดีกรมตำรวจของเหอเฟิงนะเว้ย มึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก-!”


 


ก่อนที่เขาจะสามารถจบได้ เย่โม่ก็ตบอีกครั้ง พร้อมด้วยฟันหลายซี่ที่หลุดออกมาจากปากของกู๋ชร่ง ในขณะนี้ เขาตระหนักว่าพี่เขยของเขาจะไม่ใช้แบล็คของเขาแล้ว ชาย 2 คนของเขานอนนิ่งอยู่กับพื้นและไม่รู้เลยว่าพวกเขาตายหรือยังมีชีวิตอยู่


 


ถ้าคนนี้ฆ่าคน 3 คนนี้จริงๆ… กู๋ชร่งตัวสั่น ถ้าเขาถูกฆ่าตายแล้ว ไม่ว่าพี่สาวของเขาจะแก้แค้นให้เขา เขาก็จะไม่สามารถกลับมามีชีวิตได้อีกอยู่ดี


 


“อย่าทำฉันเลย ฉันมีเงินเยอะเลยนะ ฉันจะทำให้นายเป็นข้าราชการคนสำคัญของเหอเฟิง…” กู๋ชร่งนึกถึงเหตุผลทุกอย่างที่ทำให้เย่โม่หยุดตีเขา


 


แต่เมื่อเขาพูดอย่างนั้น ชายคนนี้ก็หยุดทำร้ายเขาโดยไม่คาดคิด


 


เย่โม่ที่กำลังจะเตะขากู๋ชร่ง ดึงกลับมาและมองเขาอย่างเย็นชา “พี่เขยของแกก็แค่หัวหน้าตำรวจ รองหัวหน้าที่นั่น เขาจะให้ตำแหน่งสำคัญทางการเมืองกับฉันได้ยังไง?”


 


กู๋ชร่งหายใจได้ง่ายขึ้น แม้ว่าเขาจะถูกตีค่อนข้างหนัก มันก็ดีที่เขาสามารถต่อรองกับคนๆนี้ได้ ตราบใดที่เขาเห็นด้วย กู๋ชร่งก็มีวิธีจัดการกับพวกเขา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู๋ชร่งก็ต้องการหลอกเย่โม่


 


แกร็ก – เย่โม่อยู่เหนือระดับของกู๋ชร่ง เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่กู๋ชร่งคิดได้เพียงแค่มองตาเขา เย่โม่ไม่แม้แต่รำคาญที่จะพูดคุย และเพิ่งเตะไปที่แขนของกู๋ชร่ง แล้วมันก็หักทันที


 


วิญญาณของกู๋ชร่งกำลังจะปลิวไปเพราะความกลัว เขารู้ว่าคนๆนี้มีความกล้าที่จะฆ่าเขาจริงๆ เขาไม่กล้าทำเรื่องนี้แล้วพูดว่า “ฉันมีวิธีจริงๆ ฉันมีหลักฐานกับนายกหนิว ซึ่งฉันสามารถหักหลังเขาได้ ถ้านายใช้สิ่งนี้เพื่อข่มขู่เขา เขาจะเห็นด้วยกับนายอย่างแน่นอน”


 


เย่โม่คิด นายกหนิว? นี่ต้องเป็นชายหัวล้านที่เขาเคยเห็น คนอย่างกู๋ชร่งจะมีหลักฐานเกี่ยวกับเขาได้ยังไง? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่โม่จึงมองอย่างดูถูกเหยียดหยาม “แกคิดว่าแกเป็นใคร? แกจะมีหลักฐานเกี่ยวกับเขาได้ยังไง?”


 


เมื่อเห็นข้อสงสัยของเย่โม่ กู๋ชร่งก็รีบพูดว่า “พี่ใหญ่ จริงๆ แล้วฉันได้สิ่งนี้จากพี่เขยของฉันนะ เขาทำงานให้กับนายกหนิว และทุกครั้งที่เขาทำ เขาจะเก็บหลักฐานไว้ในไดอารี่ของเขา ครั้งหนึ่งฉันไปที่บ้านของพี่เขยและพบมันในคอมพิวเตอร์ของเขา หลังจากนั้นฉันก็คัดลอกมันอย่างลับๆ ตราบใดที่พี่ใหญ่มีความเมตตาต่อฉัน ฉันก็สามารถมอบสิ่งเหล่านี้ให้ได้นะ”


 


ความลับของนายกเทศมนตรีอาจถูกรองหัวหน้าตำรวจจับได้หรอ? นี่ต้องเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญเกินไป


 


กู๋ชร่งคิดว่าชาย 2 คนของเขาถูกฆ่าไปแล้ว และเขาต้องการให้เย่โม่ปล่อยเขาไป เมื่อเห็นว่าเย่โม่ยังคงสงสัยในตัวเขา เขาก็พูดต่อว่า “เป็นเพราะฉันรู้ว่าพี่เขยของฉันมีคอมพิวเตอร์ที่ไม่เคยเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทุกครั้งที่เขาใช้คอมพิวเตอร์เขาจะปิดมัน ฉันคิดว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ต้องมีความลับอยู่ในนั้น ดังนั้นในขณะที่เขาไปห้องน้ำ ฉันก็แอบเข้าไปในห้องของเขาและคัดลอกไฟล์ที่อยู่ในนั้น”


 


เย่โม่เยาะเย้ยและยืนอยู่บนมือที่หักของกู๋ชร่ง “ดวงตาของแกกำลังหลบ ซึ่งหมายความว่าแกกำลังโกหก อย่าโทษฉันเลยนะที่ไม่ให้โอกาสแก ตอนนี้แกไปได้แล้วละ”


 


เมื่อพูดแบบนั้น เย่โม่ก็กำลังจะเตะกู๋ชร่ง


 


กู๋ชร่งเห็นด้วยตาของตัวเองว่าเย่โม่ฆ่าชาย 2 คนของเขาด้วยการเตะได้ยังไง เขาจะให้เย่โม่เตะเขาได้ยังไงละ! เขารีบพูดออกไปอย่างรวดเร็ว “พี่ใหญ่ ฉันจะบอก พี่สาวของฉันบอกให้ฉันทำ เธอคิดว่าพี่เขยของฉันจะหย่ากับเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องการใช้สิ่งนี้กับเขาฉัน ครั้งนี้ฉันพูดเรื่องจริงนะ!”


 


ลวี่อิงอิงยืนนิ่งอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้คาดหวังว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากขึ้นคือความโหดร้ายของเขา เขาฆ่าจริงหรอ? ทั้งสองยังคงไม่ขยับขึ้นมาจนถึงตอนนี้


 


เย่โม่เย้ยหยัน เขาไม่พูดอะไรสักคำ ทันใดนั้นก็มีกริชปรากฏขึ้นในมือของเขาสะท้อนแสงจันทร์จากใต้ต้นไม้ ทำให้กริชเปล่งประกายอย่างเยือกแข็ง


 


กู๋ชร่งลืมว่าเย่โม่ไม่จำเป็นต้องมีอาวุธเพื่อฆ่าเขา เขาคิดว่าเย่โม่กำลังจะฆ่าเขาและกรีดร้องว่า “พี่ใหญ่ ฉันยังไม่ได้ให้หลักฐานแก่คุณ ดังนั้นอย่าฆ่าฉัน! หลักฐานนั้นเกี่ยวกับนายกหนิว มันมีประวัติว่าเขาถูกติดสินบนและความผิดทางการเมือง”


 


เมื่อเห็นว่าเย่โม่ไม่ขยับ กู๋ชร่งก็รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว “1 ปีที่ผ่านมาที่เก็บน้ำของเมืองซีตงถูกทำลายด้วยน้ำ เนื่องจากการก่อสร้างขยะ ซึ่งทำให้หลายหมู่บ้านถูกน้ำท่วม นั่นเป็นเพราะเขา”


 


หืม? เย่โม่จำได้ทันทีว่าซือซิวเล่าให้เขาฟังว่าเขาช่วยคนบางคนให้รอดพ้นจากน้ำท่วมได้ยังไง เป็นงั้นหรอ?


 


“พูดต่อไปสิ” เย่โม่สนใจบางอย่างเนื่องจากเกี่ยวข้องกับซือซิว


 


ในที่สุดเมื่อเห็นเย่โม่สนใจ กู๋ชร่งก็กล่าวอย่างรวดเร็วว่า “นายกเทศมนตรีของเมืองซีตง มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเขามาเป็นครั้งแรก เขาก็ต้องการที่จะทำให้เมืองซีตงเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เขาใช้การเชื่อมต่อของเขาเพื่อรับ 60 ล้านของกองทุนเพื่อสร้างเขื่อนโลหะกักเก็บน้ำ และเคลื่อนย้ายชาวบ้านจากปลายน้ำออกไป”


 


“เนื่องจากกองทุนนี้ต้องผ่านเข้าไปในเมือง นายกหนิวจึงรับเงิน 50 ล้านจากยอดรวมและให้เงินเพียงไม่กี่ล้านเท่านั้น เขายังส่งคนไม่กี่คนไปติดตามความคืบหน้าและในเวลานั้น ซูเหิงก็เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากเจ็บป่วย ดังนั้นอาคารเขื่อนนั้นจึงถูกควบคุมโดยนายกเทศมนตรีอีกคนและประชาชนที่นายกหนิวส่งไป”


 


เมื่อสังเกตว่าเย่โม่กำลังฟังอย่างตั้งใจ กู๋ชร่งก็อธิบายเพิ่มเติมด้วยความกระตือรือล้นที่เพิ่มขึ้น “นายกหนิว ใช้เงินสำหรับวันหยุดพักผ่อนในสหรัฐอเมริกาเ ขานำนักพนันมาด้วย แต่เขาเสียเงินทั้งหมดในลาสเวกัส”


 


ในที่สุด เย่โม่ก็เข้าใจ นายกหนิวต้องการหารายได้จากเงินจำนวนนั้น แต่สูญเสียทุกอย่าง เขื่อนที่สร้างขึ้นด้วยไม่กี่ล้าน ไม่น่าแปลกใจที่มันเป็นการก่อสร้างขยะ


 


“เนื่องจากไม่มีเงินทุนในการสร้างเขื่อน มันเลยเสร็จสิ้นอย่างรีบเร่ง เมื่อซูเหิงออกจากโรงพยาบาล ก็มีพายุฝนก่อนที่เขาจะตรวจสอบการก่อสร้าง ฝนกับเลือดทำให้เขื่อนแตก และนายกหนิวก็โทษทุกอย่างที่ซูเหิงและผู้ช่วยที่เขาส่งไป หลังจากนั้นพวกเขาก็ฆ่าตัวตาย” กู๋ชร่งกล่าวสิ่งนี้และมองเย่โม่อย่างระมัดระวัง เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะเพียงพอที่จะช่วยชีวิตเขาได้หรือไม่


 


เย่โม่เย้ยหยัน ฆ่าตัวตาย? ซูเหิงรู้ว่าเขาถูกจัดฉาก เขาจะไม่มีวันฆ่าตัวตาย ช่วงเวลาที่ซูเหิงเข้าโรงพยาบาลนั้นบังเอิญเกินไป หนิวม๋านเจริงจัดการทั้งหมดนี้ขึ้นมา? เขามีความสามารถมากซะจริงนะ!


บทที่ 443 : ผลิตภัณฑ์ลายเซ็นของตระกูลเยวียน


 


เมื่อเห็นความเงียบอย่างต่อเนื่องของเย่โม่ กู๋ชร่งก็พูดเสริมอย่างรวดเร็ว “เมื่อ 4 ปีก่อน เหตุการณ์อาหารเป็นพิษที่บริษัทเยวียนเป่ย พนักงาน 43 คนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังถูกจัดการโดยนายกเทศมนตรีหนิว ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงรองนายกเทศมนตรี”


 


แม้แต่เรื่องนั่นก็ถูกจัดการหรอ? ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ คุณจะต้องมีความสามารถมาก สิ่งนี้แตกต่างจากการที่เย่โม่ฆ่าในนิกายลี้ลับ ไม่ว่าจะมีกี่คนที่เสียชีวิตในนิกายลี้ลับ รัฐบาลก็ไม่สนใจ


 


อย่างไรก็ตาม เย่โม่จะไม่คาดหวังบางสิ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์อาหารเป็นพิษที่จะถูกปกปิดนี้


 


กู๋ชร่งกล่าวว่า “คนพวกนี้เป็นคนไร้บ้านที่ตระกูลเยวียนไปเจอมาจากทุกที่ ดังนั้นเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น มันเลยไม่สำคัญมากนัก หลายคนยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย”


 


‘ไม่แปลกใจแหะ!’ เย่โม่คิด


 


เดี๋ยวสิ ถ้าตระกูลเยวียนต้องการสร้างเยวียนเป่ยจริงๆ พวกเขาก็แค่ต้องการแรงงานมากกว่า 40 คนเท่านั้นเอง ทำไมต้องเป็นคนไร้บ้านด้วยละ?


 


สร้างฐานที่ใต้ดินหรอ? เย่โม่เข้าใจทันที ผิวเผินแล้วตระกูลเยวียนใช้พวกเขาสร้างเยวียนเป่ย แต่แอบใช้ให้พวกเขาขุดลงไปใต้ดินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสร้างฐานใต้ดิน หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่เปรียบได้กับวิธีการของจักรพรรดิโบราณ


 


“พี่เขยของแกรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง?” เย่โม่ถามต่อไปเรื่อยๆ


 


กู๋ชร่งตอบโดยไม่ลังเลว่า “พี่เขยของฉันเคยเป็นเลขานุการของนายกเทศมนตรี แต่ปีนี้เขากลายเป็นรองหัวหน้าตำรวจ”


 


นั่นไงละ! เย่โม่พยักหน้า


 


“พาฉันไปที่ที่แกเก็บสิ่งที่คัดลอกไว้สิ แกช่วยชีวิตตัวเองได้แล้ว” เย่โม่กล่าว บางสิ่งมันก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเขามากนัก เขาสามารถมอบให้กับซือซิวเพื่อให้เขาก้าวหน้าได้


 


“ครับ อะเอ่อพี่ใหญ่ เกี่ยวกับสองคนนั้นของฉัน…” กู๋ชร่งพึมพำอย่างงงงัน


 


เย่โม่เอ่ยชัดเจน “พวกเขายังไม่ตาย แล้วเมื่อแกกลับมา สิ่งที่แกต้องทำคือฉี่บนหน้าของพวกเขา”


 


กู๋ชร่งรู้ว่าเย่โม่หมายความว่าเขาต้องสาดไปมาด้วย แต่เขาไม่กล้าปฏิเสธ เขากลัวว่าเขาจะตายถ้าเขาทำไปโดนเย่โม่ (T^T)


 


…..


 


กู๋ชร่งไม่ได้อยู่ที่ไกลจากที่หมาย ดังนั้น 20 นาทีต่อมา เย่โม่และลวี่อิงอิงก็กำลังนำดิสก์เก็บข้อมูลออกจากสถานที่ของกู๋ชร่ง หลังจากยืนยันข้อมูลแล้ว เย่โม่ก็ขี้เกียจจะยุ่งกับกู๋ชร่งอีก เขาจึงออกไปพร้อมกับลวี่อิงอิงโดยไม่ได้รักษามือให้


 


เย่โม่เชื่อว่ากู๋ชร่งจะไม่มีความกล้าพอที่จะทำสิ่งนี้ หากพูดออกมา สิ่งนี้จะไม่ดีสำหรับเขาและสำหรับพี่เขยของเขา


 


“มาคุยกันที่บ้านของฉันไหมคะ?” ลวี่อิงอิงมองเย่โม่อย่างคาดหวัง


 


“แน่นอน” เย่โม่ต้องการรู้ว่า ลวี่อิงอิงได้รับดอกหญ้าสีครามของเธอจากที่ไหน ถ้ามีมากขนาดนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับแหล่งเพาะปลูกอีกต่อไป เขาจะสามารถเข้าสู่ขั้นตติยรวมลมปราณได้โดยไม่มีปัญหา


 



 


สถานที่ของลวี่อิงอิงไม่ไกลจากบาร์มากนัก เธอเช่าบ้าน 1 ห้องนอนอยู่แถวนั้น


 


มันเป็นอาคารเก่า ดังนั้นเมื่อเย่โม่มาถึงก็มีเพียงชายชราที่นอนหลับทำหน้าที่เป็นยามและไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ในตึกทั้งตึก แม้แต่ไฟถนนก็เป็นสีเหลืองสลัว


 


ลวี่อิงอิงอาศัยอยู่บนชั้น 3 เมื่อเย่โม่เข้าห้องหลังจากเธอ เขาก็พบว่าแสงไฟก็ไม่ดีมากนัก โชคดีที่พวกเขาอยู่บนชั้น 3 ถ้ามันเป็นชั้น 1 หรือชั้น 2 มันคงจะมีกลิ่นเหม็นอับเหมือนกัน


 


เย่โม่นั่งลงในห้องนั่งเล่น ขณะที่ลวี่อิงอิงเทเครื่องดื่มให้เขา เย่โม่บอกได้เลยว่าเครื่องดื่มนั้นมีดอกหญ้าสีคราม แต่มันก็น่าเสียดายที่เย่โม่ไม่ได้ใช้ เพราะสมุนไพรไม่มีแม้แต่ดอกเดียว


 


แม้ว่าเย่โม่จะผิดหวัง เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าตั้งแต่ที่ลวี่อิงอิงพาเขามาที่นี่ มันต้องเป็นเพราะดอกหญ้าสีคราม ไม่จำเป็นต้องให้เขาถามอะไร ก่อนที่ลวี่อิงอิงจะเริ่มพูด


 


ลวี่อิงอิงก็เทของตัวเองและนั่งลงเผชิญหน้ากับเย่โม่ จากนั้นเธอก็ถามอย่างงงงันว่า “คุณก็รู้ว่ามันเป็นสมุนไพร งั้นคุณก็เป็นผู้ฝึกตนด้วยรึเปล่าคะ?”


 


เย่โม่คิดอยู่ครู่หนึ่ง คำว่า ‘ผู้ฝึกตน’ เป็นคำที่คลุมเครือมาก การทำทักษะต่อสู้โบราณคือการฝึกตน ความจริง (จิตวิญญาณลมปราณ) ก็เป็นการฝึกตนเช่นกัน เมื่อเธอถามคำถามด้วยวิธีนี้ หมายความว่าเธอไม่เข้าใจการฝึกตน


 


เย่โม่ไม่ได้อธิบายความแตกต่างและพยักหน้า “ใช่ผมเป็น”


 


ลวี่อิงอิงได้ยินคำตอบนี้และแทบสำลักเครื่องดื่มของเธอ ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนและคุกเข่าต่อหน้าเย่โม่


 


เย่โมรู้สึกแปลกๆ ลวี่อิงอิงขอร้องด้วยเสียงที่กรีดร้องว่า “ช่วยฉันด้วยเถอะคะ เชียนเปย”


 


เย่โม่ขมวดคิ้วและพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการถาม ก็นั่งลงและพูดเถอะ ผมมีบางอย่างที่จะถามคุณเช่นกัน แต่ถ้าคุณคุกเข่าต่อไปก็ขอโทษด้วยนะ แต่ผมจะกลับละ”


 


ลวี่อิงอิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและนั่งลงบนที่นั่งของเธอ เธอเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ครอบครัวของฉันมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลในเมืองจิง แต่พ่อแม่ของฉันไม่เคยอยู่ที่นั่น ฉันเคยอยู่กับน้องชายและปู่ของฉัน ปู่ของฉันพยายามเป็นหมอการแพทย์แผนจีน เพราะอาจารย์ของเขาได้สอนและได้รับสูตรและวิธีการเพาะสมุนไพร”


 


วิธีการเพาะสมุนไพร? เย่โม่คิดถึงดอกหญ้าสีครามทันที แต่นั่นต้องการจิตวิญญาณลมปราณจำนวนหนึ่งเพื่อความอยู่รอด แม้แต่ในป่ามันก็ต้องเติบโตในสถานที่ที่มีจิตวิญญาณลมปราณ แม้ว่าเขาจะบอกได้ว่าสมุนไพรของลวี่อิงอิงยังไม่ได้มีดอกไม้ แต่ถ้าเธอปลูกเองมันก็น่าประหลาดใจพอแล้ว


 


ลวี่อิงอิงกล่าวต่อ “สูตรนี้เป็นเซรั่มป้องกันหัวใจและต้องใช้สมุนไพรหลาย 10 ชนิด ซึ่งซับซ้อนมากที่จะทำ ดอกหญ้าสีครามเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลัก เมื่อ 4 ปีที่แล้วชายอายุ 50 ปีและ 40 ปีมาหาปู่เพื่อซื้อเซรั่ม คุณปู่ปฏิเสธแต่สิ่งที่เราไม่คาดคิดก็คือพวกเขาจะใจร้ายมาก พวกเขาฆ่าปู่ของฉัน ฆ่าน้องชายและเอาสูตรบรรพบุรุษของเราไป”


 


เย่โม่ถอนหายใจ ลวี่อิงอิงค่อนข้างน่าสงสาร


 


ลวี่อิงอิงกัดฟัน ขณะที่พูดต่อ “การเห่าของสุนัขทำให้ผู้คนในหมู่บ้านรู้และกลัว ทั้งสองออกไปเมื่อฉันกลับมา เห็นได้ชัดว่าปู่ของฉันไม่จะทำ ก่อนที่เขาจะตาย เขาบอกฉันลักษณะของพวกนั้นและบอกฉันว่าถ้าฉันพบใครที่รู้จักดอกหญ้าสีคราม ฉันสามารถขอความช่วยเหลือจากคนๆนั้นได้”


 


“เขาบอกว่าหากไม่พบใครสักคนที่รู้เรื่องนี้ ฉันจะต้องไม่พยายามแก้แค้น คนเหล่านั้นไม่รู้ว่าสูตรนี้ไม่มีส่วนผสมหลักคือดอกหญ้าสีคราม แม้ว่ามันจะยังคงทำงานได้โดยปราศจากมัน แต่มันก็มีศักยภาพน้อยกว่ามาก”


 


“ทำไมต้องเป็นคนที่รู้จักดอกหญ้าสีครามละ?” เย่โม่ถามอย่างไม่รู้ตัว


 


ลวี่อิงอิงสงบลงจากสภาพที่ตื่นเต้น และอธิบายว่า “เพราะอาจารย์ที่ให้สูตรของคุณปู่ของฉันเป็นผู้ฝึกตน และเขาบอกว่ามีเพียงผู้ฝึกตนเท่านั้นที่จะรู้เกี่ยวกับดอกหญ้าสีคราม”


 


ลวี่อิงอิงมองตาเย่โม่หนึ่งครั้งก่อนพูดต่อ ” 3 ปีที่ผ่านมา เซรั่มป้องกันหัวใจของบริษัทเยวียนเป่ยเข้าสู่ตลาดและกลายเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นนำของพวกเขา ในที่สุดฉันก็พบว่ามันเป็นตระกูลเยวียนที่ขโมยไป ฉันเลือกที่จะอยู่ใกล้เหอเฟิง ในแถบที่ใกล้กับตระกูลเยวียน โฆษณาไวน์ดอกหญ้าสีคราม ฉันต้องการดึงดูดคนที่รู้จักดอกหญ้าสีครามและหาวิธีฆ่าเยวียนจรือร่ง”


 


“แต่ใน 3 ปีนี้ฉันไม่ได้พบใครเลย และฉันไม่มีโอกาสฆ่าเยวียนจรือร่ง ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของฉัน ฉันได้พบคุณ คุณปู่ของฉันบอกว่าถ้าฉันพบผู้ฝึกตนที่รู้เกี่ยวกับดอกหญ้าสีคราม ฉันอาจให้วิธีการเพาะปลูกและขอให้เขาแก้แค้นให้กับเราได้”


 


หลังจากพูดสิ่งนี้ ลวี่อิงอิงก็เดินไปที่ห้องและเอาบางอย่างที่มีรูปร่างของจานออกมา “นี่คือการปลูกดอกหญ้าสีคราม คุณจะต้องปลูกเมล็ดในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์และใส่จานถัดจากเมล็ด หลังจากนั้นสมุนไพรก็จะมีชีวิต”


บทที่ 444 : ให้เซี่ยวเหลยออกมาหา


 


“จานค่ายกล?” เย่โม่รับมาและแทบกรีดร้อง เขาได้เห็นจานค่ายกลบนโลกนี้จริงๆ (T^T)


 


มันเป็นแผ่นจานการรวบรวมจิตวิญญาณ จริงๆแล้วมันมีผู้ฝึกตนอยู่จริงหรอ? เป็นคนที่เหมือนเขา คนที่มาจากอาณาจักรแห่งการฝึกตน? หรือเป็นคนที่มาจากนิกายลี้ลับ ซึ่งสามารถสร้างจานค่ายกลเหล่านี้ได้?


 


มีพลังงานเริ่มต้นในจาน แต่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นศิลาจิตวิญญาณหรือไม่เพราะมันเกือบจะหมดแล้ว


 


มันน่าเสียดายพลังงานเริ่มใกล้จะหมด เมื่อมันหมดไปแล้วมันก็จะไร้ประโยชน์ถ้าไม่มีศิลาจิตวิญญาณ


 


มันง่ายที่จะสร้างแผ่นจานแบบเดียวกัน แต่สิ่งสำคัญคือพลังงานการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นแก่นแท้ลมปราณหรือศิลาจิตวิญญาณ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเย่โม่ เมื่อเทียบกับจานค่ายกลนี้มันไม่มีค่าอะไรเลย เพราะเย่โม่สามารถทำมันเองได้ หากเขามีวัสดุยิ่งกว่านั้น เขาจะไม่ต้องการจานค่ายกลเพื่อสร้างมัน


 


ดูเหมือนว่าผู้ฝึกตนมีความเรียบง่ายอย่างที่เขาคิด


 


ลวี่อิงอิงมองอย่างเป็นกังวล เมื่อเธอเห็นเย่โม่อยู่ในห้วงความคิดตัวเอง ขณะจ้องมองที่จาน เธอไม่รู้ว่าเย่โม่จะโจมตีเธอเพราะมันหรือไม่


 


เมื่อเห็นการแสดงออกที่เป็นห่วงของลวี่อิงอิง เย่โม่ก็ยิ้มอ่อนออกมา “จานนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับผม คุณเก็บมันไว้เถอะครับ”


 


การแสดงออกของลวี่อิงอิงเปลี่ยนไป หัวใจของเธอทรุดลง คำพูดของคุณปู่ของเธอไม่ได้เป็นจริง แม้ว่าเธอจะรอที่ย่านเหอเฟิงมานานหลายปีและในที่สุดก็พบคนที่รู้จักดอกหญ้าสีคราม แต่เขาก็ไม่สนใจข้อเสนอของเธอ


 


เมื่อเห็นความผิดหวังของเธอ เย่โม่ก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องการแก้แค้นของคุณหรอก ผมมาเหอเฟิงคราวนี้ก็เพื่อแก้แค้นตระกูลเยวียน ผมจะไม่ปิดบังมันจากคุณ ผมเป็นคนรับผิดชอบบริษัทลั่วเยวียในเมืองอสรพิษ เหตุการณ์ยาความงามเกิดจากตระกูลเยวียน คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ไหมละ? ดังนั้น ในในไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ คุณจะเห็นพวกเขาหายไปจากเหอเฟิง”


 


“คุณเป็นประธานของบริษัทลั่วเยวียหรอคะ? พระเจ้า ยาความงามและยาสุขภาพนั้นมันไม่สมเหตุสมผลเกินไปอะ และคุณเป็นคนที่สร้างมันขึ้นมา? เมื่อฉันเห็นรายงานเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบแล้วฉันก็รู้ว่ามีคนพยายามทำร้ายบริษัทลั่วเยวีย มันเป็นแบบนั้นจริงๆ” ลวี่อิงอิงยืนขึ้นด้วยความดีใจ


 


เธอมีความสุขเพราะเย่โม่สัญญากับเธอว่าจะทำลายตระกูลเยวียน แต่เธอก็ดีใจที่ได้พบกับผู้สร้างบริษัทลั่วเยวีย เขาเป็นบุคคลในตำนาน


 


“งั้นคุณก็ไม่ต้องกังวล เมื่อตระกูลเยวียนถูกทำลาย คุณสามารถบอกนักข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาทำกับครอบครัวของคุณได้เลย” เย่โม่กล่าว


 


ลวี่อิงอิงโค้งคำนับให้เย่โม่อีกครั้ง “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันอาจจะไม่สามารถแก้แค้นได้ตลอดชีวิตเลย”


 


เย่โม่พยักหน้า “อีกไม่นานจานนั้นก็จะใช้งานไม่ได้แล้ว ดังนั้นอย่าใช้มันเพื่อปลูกดอกหญ้าสีคราม สิ่งที่คุณปลูกมันไม่ได้มีแม้แต่ดอกเดียว มันมีค่ายาต่ำมาก”


 



 


หลังจากที่เย่โม่ออกจากบ้านของลวี่อิงอิงไปแล้ว เขาก็ตัดสินใจหานักข่าวที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเพื่อเปิดเผยพวกเขาแล้วมองหาซือซิว เขาจะให้ข้อมูลกับซือซิว และให้เขาไปหาลี่ชุนเฉิง ด้วยวิธีนี้เมื่อหลี่ชุนเฉิงรักษาตำแหน่งของเขาในเหอเฟิงได้ เขาจะจำการทำงานของซือซิวได้ สิ่งนี้แตกต่างจากการช่วยเหลือซือซิวเพราะเย่โม่


 


เย่โม่มีการเปิดรับสื่อน้อย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จักนักข่าวยอดนิยม เขาคิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในปักกิ่งจรังเจวีย หรือ โจ่วอิกัว ซึ่งทั้งสองจะทำ


 


เมื่อคิดเกี่ยวกับโจ่วอิกัว ทันใดนั้นเย่โม่ก็นึกถึงเซี่ยวเหลย ด้วยความคิดเหล่านี้ เย่โม่จึงดึงนามบัตรของเซี่ยวเหลยออกมา เนื่องจากเขารู้จักเซี่ยวเหลยและเธอเป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียงในปักกิ่ง เขาก็อาจเรียกเธอเช่นกัน


 


เมื่อเย่โม่โทรหาเซี่ยวเหลย เขาเพิ่งรู้ว่ามันเป็นเวลาตี 3 แล้ว แต่เนื่องจากเขาได้โทรไปแล้วเขาจะไม่วางสาย


 


เซี่ยวเหลยยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อโทรศัพท์เริ่มดังขึ้น เธอไม่รู้ว่าใครกันที่จะโทรหาเธอในเวลาแบบนี้ คนๆนั้นมีปัญหาหรอ?


 


เซี่ยวเหลยทำงานมาทั้งวันและพักไม่เพียงพอ ดังนั้นแน่นอนว่าทุกคนจะรำคาญที่ได้รับโทรศัพท์อย่างในสถานการณ์ของเธอ


 


แม้ว่าเธอต้องการวางสาย แต่พฤติกรรมการทำงานของเธอทำให้เธอต้องเลือก


 


“นั่นใครคะ?” น้ำเสียงของเซี่ยวเล่ยไม่ดีนัก เนื่องเวลาที่แย่มากๆ


 


เย่โม่รู้ว่านิสัยของเซี่ยวเหลย หากมีข่าวกระสุน เธอจะให้ความสำคัญสูงสุด ดังนั้นเขาไม่สนใจน้ำเสียงของเธอ


 


“ฉันมีข่าวใหญ่ที่นี่ นายกเทศมนตรีของเหอเฟิงฟอกเงิน 10 ล้านและมันส่งผลให้เกิดการก่อสร้างขยะที่ทำลายหมู่บ้านหลายแห่ง มีบริษัทที่กำลังวางแผนจะแพร่กระจายไวรัสเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของตน นักข่าวเซี่ยว คุณสนใจข่าวพวกนี้ไหมครับ?” เย่โม่ยิ้มกรุ่มกริ่ม


 


“อะไรนะ?” เซี่ยวเหลยตกใจกับคำพูดของเย่โม่ เธอเป็นนักข่าวมานานหลายปีแล้ว แต่ข่าวแบบนี้หายากและมันไม่ใช่แค่ข่าวเดียว


 


“คุณเป็นใครคะ? ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้โกหก” เซี่ยวเหลยยังคงความสงบและน้ำเสียงของเธอเย็นชา


 


เย่โม่ยิ้ม “เรารู้จักกัน ฉันจะไม่โกหกเธอ”


 


“คุณเป็นใคร?” เซี่ยวเหลยคิดว่าน้ำเสียงของเย่โม่มันก็คุ้นเคยอยู่ แต่ว่าเป็นใครละ?


 


“ฉันเย่โม่ ฉัน-” ก่อนที่เย่โม่จะพูดว่าเขาอยู่ที่ไหน โทรศัพท์ก็วางสายทันที


 


เซี่ยวเหลยสตั้นไปชั่วขณะ คนที่โทรหาเธอชื่อว่าเย่โม่ คนที่เธอรักข้างเดียวและเขามีภรรยา ทำไมเขาถึงโทรหาเธอตอนกลางดึกแบบนี้? เขาใช้ข่าวเป็นข้ออ้างหรอ? เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีหลายสิ่งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน


 


มือของเสี่ยวเล่ยเริ่มสั่นคลอน เย่โม่กำลังขอให้เธอออกไปในกลางดึก เธอรู้สึกประหลาดใจ


 


ในที่สุด เมื่อเธอตอบสนอง เธอก็พบว่าโทรศัพท์ของเธอตกอยู่บนพื้น ก่อนที่เธอจะคิดได้อีกครั้ง เธอก็โทรกลับไป แต่เธอพบว่าเธอไม่สามารถติดต่อเขาได้ เธอไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของเย่โม่ และเบอร์ของเขามีสัญญาพิเศษหรือยังไง หากเขาไม่ได้ตั้งค่าหมายเลข คนอื่นจะโทรหาเขาไม่ได้


 


“แบตหมด? (-_-)” เย่โม่พูดกับตัวเองและโทรอีกครั้ง


 


เซี่ยวเหลยกังวลและเหงื่อออก เมื่อเย่โม่โทรกลับมาอีกครั้ง เธอก็หยิบขึ้นมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และพูดว่า “เย่โม่คะ คุณอยู่ไหน?”


 


“ฉันอยู่ที่บาร์หวู๋เหอในย่านเหอเฟิง ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอจริงๆ ข่าวพวกนี้เป็นเรื่องจริง ฉันต้องการให้เธอกระจายข่าวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เย่โม่พูดอย่างใจเย็น พยายามไม่ให้เธอเข้าใจผิด


 


“เป็นเรื่องจริงหรอ?” เซี่ยวเหลยสงบลง เธอรู้ว่าเธอกำลังคิดมากเกินไป เย่โม่ดูเหมือนจะรักหนิงชิงเซวีย มากๆ เขาจะถามเธอออกเดทในช่วงกลางดึกได้ยังไงละ? แม้ว่าเขาจะเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นนิ


 


เซี่ยวเหลยตบหัวตัวเองและสงบลง เธอคิดถึงมัน จากนั้นเธอก็ใช้น้ำเสียงที่ช้ากว่าปกติและพูดว่า “เย่โม่ จู่ๆคุณก็จะพูดอะไรแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าคุณไม่มีหลักฐานมันจะมีผลทางกฎหมาย อย่าทิ้งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วย รอจนกว่าฉันจะไปนะ ก่อนที่ฉันจะไปถึง อย่าทำอะไรละ ถึงแม้ว่าคุณจะมีหลักฐาน มันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับนายกเทศมนตรีนะ”


 


“โอเค ฉันจะรอเธอที่บาร์ในตอนเช้านะ” เย่โม่เข้าใจความกังวลของเธอ เธอคงคิดว่าเขาไม่มีหลักฐาน แต่เย่โม่ไม่สนใจ ถ้าเธอไม่กล้าทำ เขาก็จะขอความช่วยเหลือจากลี่ชิวหยาง นี่เป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐาน แต่เขาก็จะยังทำแบบนั้น


บทที่ 445 : ขอความตาย


 


ตามเวลาที่กำหนดเย่โม่มาถึงเมืองซีตง มันเป็นเวลากลางวันแล้ว เย่โม่ไม่รู้ว่าซือซิวอาศัยอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจึงโทรหาเขาและทันทีที่เขาทำ ซือซิวก็รับสาย เขาไม่ได้นอนเลย เย่โม่บอกได้เลยว่าซือซิวไม่ได้นอนในคืนนั้น


 


เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เย่โม่เพิ่งไปที่พักชั่วคราวที่ซือซิวอาศัยอยู่ เมื่อเย่โม่ไปถึงที่นั่นซือซิวและซงเซี่ยวทั๋นก็รอที่ประตูแล้ว


 


“ซือซิว ทำไมนายอาศัยอยู่ในที่แบบนี้ละ? อูเจ่อนี่มันกล้าจริงๆ!” เย่โม่อาจไม่ได้อยู่ในการเมือง แต่เขาจะไม่ยอมให้ซือซิวอยู่ในสถานที่ที่ไม่สะอาดแบบนี้


 


ดวงตาของซือซิวแดงและถุงใต้ตาของเขามีสีดำสนิท ใครก็บอกได้ว่าเขาไม่ได้นอนหลับสนิทมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าทำไมเย่โม่มาเยี่ยมเขาในเวลานี้ เขาก็ไม่ได้ถาม เขาสามารถบอกได้จากการแสดงออกของเย่โม่ว่าเขาโกรธมาก ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับนายกเทศมนตรีอูหรือพี่โจรวปิงหรอกนะ ตอนนี้พวกเขากำลังเดือดร้อนมากด้วย”


 


เย่โม่มาเพื่อทำความเข้าใจว่าอาจมีเหตุผลอื่น อูเจ่อคงไม่กล้าทำแบบนี้


 


หลังจากที่เย่โม่เข้าไปข้างในและนั่งลง ซือซิวก็เริ่มอธิบาย


 


ย้อนกลับไปเมื่อซือซิวมาถึง เขาไม่ได้เข้ารับตำแหน่งเนื่องจากขาดประสบการณ์ ด้วยวิธีนี้เขาไม่สามารถช่วยอูเจ่อในวุฒิสภาได้ ในขณะที่เลขานุการของนายกเทศมนตรีฮงเจาเป็นคนที่ค่อนข้างมีอำนาจปกครอง ก่อนที่อูเจ่อจะมาถึง เขาได้ยึดอำนาจทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเมื่ออูเจ่อปรากฏตัว เขามีเพียงโจรวปิงที่จะช่วยเหลือเขา ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ด้านล่าง


 


หากบริษัทลั่วเยวียไม่พบปัญหาใดๆ อูเจ่อก็อาจยังมีอำนาจอยู่บ้าง แต่มีรายงานว่ายาความงามนั้นมีผลเสีย เนื่องจากบริษัทลั่วเยวียถูกนำเข้ามาโดยอูเจ่อและซือซิว มันจึงเป็นตัวการทำให้สถานการณ์ของพวกเขาเลวร้ายยิ่งขึ้น


 


แม้อูเจ่อจะเป็นคนในตระกูลลี่ เขาก็จะไร้ค่าหากเขาต้องการตระกูลลี่เพื่อช่วยเขาในเรื่องนี้ เมื่ออูเจ่ออยู่คนเดียว สถานการณ์ก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ ลี่ชุนเฉิงไม่สามารถช่วยอูเจ่อได้เช่นกัน เนื่องจากเขาก็มีปัญหาของตัวเอง


 


“งานของฉันตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นโพรงกลวง ทุกอย่างถูกควบคุมโดยคนของฮงเจา และนายกเทศมนตรีหนิวเป็นผู้สนับสนุนของฮงเจา เซี่ยวทั๋นและฉันคุยกันตลอดทั้งคืน เพราะเธอพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฉันเลิกล้มกับตำแหน่ง แต่ฉันยังไม่พอใจ นายช่วยให้ฉันได้ตำแหน่งนี้และฉันไม่ต้องการยอมแพ้ก่อนที่จะเริ่ม” ซือซิวพูดอย่างช่วยไม่ได้


 


เย่โม่พยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่เหตุการณ์เขื่อนของเมืองซีตงจะระงับได้ แม้แต่เลขาฯ ก็เป็นผู้ชายของนายกเทศมนตรีหนิว


 


เย่โม่ตบไหล่ของซือซิว และพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันสามารถแก้ปัญหานี้ให้นายได้ นายรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ของเขื่อนใช่มั้ย? คนที่ช่วยให้นายสามารถลุกขึ้นไปยังตำแหน่งปัจจุบันของนายได้นะ”


 


ซือซิวพยักหน้าทันที “แน่นอนว่าฉันรู้จักทุกคนที่ทำ ถึงกระนั้นก็ตามยิ่งระดับสูงขึ้นก็ระงับมันได้ ฉันสงสัยว่ามันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับนายกเทศมนตรีหนิว แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรโดยไม่มีหลักฐาน สัญชาตญาณของฉันบอกฉันว่านายกเทศมนตรีซูจะต้องถูกใส่ร้าย”


 


เย่โม่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมสัญชาตญาณทางการเมืองของซือซิว


 


“ความสงสัยของนายถูกต้อง ฉันมีหลักฐานการฟอกเงินของนายกเทศมนตรีหนิว” เย่โม่หยิบการ์ดออกมาแล้วบอกซือซิวให้เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์


 


ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซือซิวงงงวยอย่างสมบูรณ์ ข้อมูลนี้เป็นความลับสุดยอดมาก แม้กระทั่งมีแผนการของบริษัทเยวียนเป่ย


 


“เย่โม่ นี่มัน….” เขานึกไม่ออกว่าเย่โม่จัดการเรื่องนี้ได้ยังไง เมื่อวานนี้มีรายงานว่ายาความงามมีผลข้างเคียง แต่ตอนนี้เย่โม่มีสิ่งนี้แล้ว มีหลักฐานเกี่ยวแบบภาพถ่ายครบถ้วน เย่โม่ดูไม่มีเหตุผลอะไรเกินไป เขามีพลังมากเกินไป! บริษัทเยวียนเป่ยจะต่อสู้กับเขาได้ยังไง? ไม่มีอะไรนอกจากการฆ่าตัวตายชัดๆเลย


 


การต่อสู้กับเย่โม่นั้นเป็นการฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน!


 


เมื่อเห็นอย่างนี้ เย่โม่ก็ตบไหล่ของซือซิวและพูดว่า “ฉันคัดลอกข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ของนาย และนายอาจใช้มันได้ตามต้องการ ถ้านายไม่สามารถลุกขึ้นได้ตอนนี้ ฉันจะไม่ช่วยนายอีกแล้ว และนายสามารถมาช่วยฉันได้ที่เมืองอสรพิษนะ”


 


“เย่โม่ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย การพูดว่า ‘ขอบคุณ’ มันไร้ความหมาย แต่ถ้าฉันลุกขึ้นจากนี้ไม่ได้ ฉันก็อาจจะตาย ฉันจะไปเมืองอสรพิษแน่นอน หลังจากที่ฉันได้แก้แค้นแล้ว ฉันจะไปแม้ว่าฉันจะชอบการเมืองก็ตาม แต่เซี่ยวทั๋นไม่” ซือซิวกล่าว


 


เย่โม่พยักหน้า “แล้วนายจะทำอะไรต่อไปละ?”


 


“ฉันจะบอกให้อูเจ่อรู้ก่อน แล้วจึงไปหานายกเทศมนตรีลี่ในเหอเฟิง เขามีปัญหาเมื่อไม่นานมานี้ หากเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เขาจะรู้วิธีใช้มัน” ซือซิวกล่าวทันที เขารู้ว่าอำนาจของเขาต่ำเกินไป ดังนั้นการมอบให้ลี่ชุนเฉิงจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้มันสูงสุดได้


 


“โอเค” เย่โม่มีความสุขกับคำตอบของซือซิว มันแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาโตแล้ว


 


เย่โม่โทรหายวีเมี่ยวตั๋น และส่งวิดีโอที่เขาบันทึกไปให้ และบอกเธอว่าทันทีที่เธอได้รับ เธอจะต้องโพสต์วิดีโอนี้บนเว็บไซต์ทางการของบริษัทลั่วเยวีย


 


ยวีเมี่ยวตั๋นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลังจากที่เย่โม่ออกไปเพียงแค่คืนเดียว เขาก็สามารถจัดการเพื่อให้ได้หลักฐานใหม่นี่มาได้ มีการบันทึกการประชุมไว้อย่างชัดเจนมาก ไม่แปลกใจที่เย่โม่จะบอกเธอหากล้องดีๆให้เขา


 


ยวีเมี่ยวตั๋นสงสัยจริงๆ ว่าเย่โม่อาจยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในขณะที่เขาบันทึก….


 


โดยไม่คำนึงถึงอะไร ด้วยการบันทึกนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไร บริษัทลั่วเยวียก็ปลอดภัย ยวีเมี่ยวตั๋นวางความกังวลของเธอและรู้สึกเคารพเย่โม่อย่างมาก เธอสงสัยจริงๆว่าเขาทำมันได้ยังไง


 


หลังจาก เย่โม่ส่งวิดีโอให้ยวีเมี่ยวตั๋นแล้ว เขาก็ไปที่เหอเฟิงกับซือซิวทันที


 


…..


 


ลี่ชุนเฉิงรู้สึกกดดันอย่างมากเมื่อเขามาที่เหอเฟิง เขาไม่ได้เป็นสมาชิกจริงของตระกูลลี่ แต่ทันทีที่เขามาที่นี่ เขาก็รู้ว่าน้ำในเมืองนี้เชี่ยวกราดมาก


 


หลังจากการประชุมเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็แทบจะไม่สามารถช่วยตัวเองได้ เขาไม่มีอะไรนอกจากเป็นรองนายกเทศมนตรี โชคดีที่เขาเป็นรองเลขาธิการด้วย ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ได้รับโอกาสพูดด้วยซ้ำ


 


ลี่ชุนเฉิงรู้ว่ามันอาจยาก เขาไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากตระกูลลี่ได้ในขณะนี้ เขาเคยเป็นรองนายกเทศมนตรีมาก่อนและต้องขอบคุณลี่ชิวหยางที่ทำให้เขากลายเป็นรองเลขาธิการสำหรับอำนาจกลาง อาจกล่าวได้ว่าเขาได้รับตำแหน่งนี้ทันทีจากกลุ่มของนายกเทศมนตรีหนิว


 


นี่อาจเป็นเพราะตระกูลลี่หรือบางทีนายกเทศมนตรีหนิวกำลังจะถูกย้ายออกไป มิฉะนั้นลี่ชุนเฉิงจะไม่ได้ตำแหน่งนี้


 


อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกัน มันก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าหากลี่ชุนเฉิงสามารถก้าวหน้าได้ดี นายกเทศมนตรีคนต่อไปของเหอเฟิงก็อาจจะเป็นลี่ชุนเฉิง


 


หากเขาได้รับทั้งหมดนี้ และยังไม่สามารถยืนขึ้นสูงได้ เขาจะถือว่าไร้ประโยชน์และอาจถูกตระกูลลี่ทิ้ง


 


ลี่ชุนเฉิงรู้ว่าจุดประสงค์ของการประชุมในวันนี้คือการระงับอำนาจของเขา เนื่องจากความผิดพลาดในการนำบริษัทลั่วเยวียที่ขายยาปลอมเข้ามา


 


ลี่ชุนเฉิงถอนหายใจ เขารู้ว่านายกเทศมนตรีหนิวคนนี้เต็มไปด้วยแผนการมากมาย แต่เขาต้องไป อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากำลังจะจากไป ก็มีคนคาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวที่หน้าประตูของเขา


 


“นายกเทศมนตรีซือ คุณมาที่นี่ได้ยังไงนะ? เกิดอะไรขึ้นในซีตงหรอ?” ลี่ชุนเฉิงรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ดีเลย


 


สถานการณ์ของซือซิวนั้นแย่กว่าเขามาก และเขาก็อยู่ในทีมเดียวกันกับซือซิว มีบางอย่างผิดปกติในซีตงจนทำให้ซือซิวมาเยี่ยมเขาหรอ?


 


ลี่ชุนเฉิงเห็นทันทีว่าแม้ตาของซือซิวก็เป็นสีแดง แต่การแสดงออกของเขาก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น


 


“นายกเทศมนตรีลี่ เราสามารถพลิกโอกาสครั้งนี้ได้แล้วครับ!” ซือซิวไม่สามารถทนต่อตื่นเต้นของเขาได้อีกต่อไป


 


ระดับการรับรู้ทางการเมืองของลี่ชุนเฉิงไม่ใช่สิ่งที่ซือซิวสามารถเปรียบเทียบได้ เขามองไปรอบๆ อย่างรอบคอบก่อนที่จะพูดอย่างใจเย็น “ซือซิวเข้ามานั่งข้างในก่อนเถอะ”


 


จากนั้น ลี่ชุนเฉิงก็พาซือซิวเข้ามาและปิดประตู



บทที่ 446 : ปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว


 


หลังจากดูวิดีโอแล้วลี่ชุนเฉิงก็หยุดนิ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พึมพำกับตัวเองว่า “น่าทึ่ง สุดยอดเลย”


 


“นายกเทศมนตรีลี่ นี่อาจเป็นประโยชน์นะครับ” ซือซิวพูดอย่างมีความสุข


 


ลี่ชุนเฉิงตอบโต้และคว้าแขนของซือซิวด้วยความตื่นเต้น “ซือซิว คุณได้สิ่งนี้มาจากไหนนะ? แบบนี้แล้วพวกเขาจะสู้กลับได้ยังไง? คุณเป็นมือขวาที่ดีจริงๆ”


 


“อืมมม เดี๋ยวนะ ซือซิวคุณได้รับสิ่งนี้มาได้ยังไงนะ? การบันทึกทุกครั้งเต็มไปด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน คุณได้ชุดที่สมบูรณ์มาจากไหน?” ลี่ชุนเฉิงไม่ได้สงสัยว่ามันเป็นของปลอม แต่มันดูสมจริงมาก


 


ซือซิวตื่นเต้นมากทั้งวัน เขาชี้ไปที่วิดีโอของห้องพักของเยวียนจรือร่งและกล่าวว่า “แน่นอนว่ามันเป็น -“


 


“นายน้อยโม่” ลี่ชุนเฉิงตอบโต้ทันที จะมีใครอื่นนอกจากเย่โม่ที่จะได้สิ่งนี้อีกละ? ผู้สนับสนุนของบริษัทเยวียนเป่ยคือนายกเทศมนตรีหนิว และพวกเขาวางแผนต่อต้านบริษัทลั่วเยวียของเย่โม่ เรื่องนี้ทำให้เย่โม่ไม่พอใจและเขามาเพื่อสืบสวน


 


เย่โม่มาเพื่อสืบหรอ? ลี่ชุนเฉิงรู้สึกขนลุก ใช้เวลานานแค่ไหนกันสำหรับเย่โม่ในการค้นหาหลักฐานที่แม่นยำเช่นนี้?


 


เขาแข็งแกร่งแกร่งเกินไป เขาดีใจที่ได้เลือกข้างที่ดีที่สุดก่อน เขาอยู่ฝ่ายเย่โม่เป็นเวลานานแล้ว คนเหล่านี้อาจไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วละมั้ง พวกเขากล้าทำให้โกรธเคืองเย่โม่ได้ยังไงเนี้ย? หากเย่โม่ต่อต้านได้ง่ายๆ ตระกูลซงก็คงไม่หายไปรวดเร็วแบบนี้หรอก ตระกูลชิวเองก็ไม่ต้องการให้ชิวจรงซินไปที่ร้านอาหารเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัว


 


ลี่ชุนเฉิงอยากจะกรีดร้อง มันเป็นความผิดของคุณองนะที่ตาบอด นายกเทศมนตรีหนิว คุณกล้าต่อต้านนายน้อยโม่ได้ยังไง?


 


อืมมมม มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ลี่ชุนเฉิงนึกได้ในทันทีถึงวิธีการในการทำสิ่งต่างๆ ของเย่โม่ เขาฆ่าพวกเขาทั้งหมด ทำไมเขาถึงใช้วิธีที่ซับซ้อนในครั้งนี้ละ? เขามีพลังที่จะจบอย่างรวดเร็วนิ


 


ทำไมเขาถึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดและให้ซือซิวส่งมา?


 


ลี่ชุนเฉิงมีประสบการณ์ในชีวิต ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่าทำไม เย่โม่แตกต่างจากเมื่อก่อน ประการแรกเขามีฐานในเมืองอสรพิษ และมีกลุ่มคนทำงานให้เขา พฤติกรรมในอดีตของเขาไม่เหมาะสมอีกต่อไป แต่ด้วยวิธีนี้มันทำให้ลี่ชุนเฉิงมีความสุขมากขึ้น มันง่ายสำหรับเขาที่จะทำสิ่งต่างๆ ตามกฎ


 


เหตุผลที่สองคือ เย่โม่ต้องการที่จะพัฒนาบริษัทลั่วเยวีย และเขาต้องการที่จะจัดการตระกูลเยวียนอย่างเปิดเผย ถ้าเขาแอบไปที่ตระกูลเยวียนและสังหารหมู่ แม้ว่าเขาจะได้แก้แค้น แต่คนอื่นๆ ก็จะโทษบริษัทลั่วเยวีย


 


เหตุผลที่สามคือ เขาต้องการให้เขาช่วยซือซิว


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลี่ชุนเฉิงก็เดินไปที่ซือซิวแล้วตบไหล่ของเขา “ซือซิว ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปีและเราเป็นเพื่อนกัน ต่อจากนี้แค่เรียกฉันว่า พี่ลี่ แล้วกันนะ ดูสิ่งที่นายให้ฉันในวันนี้สิ ถ้าฉันไม่ได้จัดระเบียบย่านเหอเฟิงใหม่อย่างสมบูรณ์ ฉันจะอยู่เพื่ออะไรละเนอะ”


 


ลี่ชุนเฉิงพูดจากหัวใจของเขา เย่โม่ทำงาน 90% แล้ว ถ้าเขาทำไม่ได้เขาก็อาจตายได้เช่นกัน


 


ซือซิวกล่าวว่า “พี่ลี่ครับ แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงหรอ?”


 


ลี่ชุนเฉิงพูดอย่างมั่นใจ “ฉันจะแย่งอำนาจของนายกเทศมนตรีหนิว เราไม่สามารถพึ่งพาย่านเหอเฟิงได้ฉันจะเรียกนายน้อยลี่ เนื่องจากถูกกำจัดออกไปแล้ว ตำรวจหน่วยปราบปรามก็จะมาเร็วๆ นี้ ฉันไม่คาดหวังหนิวม๋านเจริงจะเป็นพวกหน้าด้านนะ”


 


หลังจากได้ยินรายงานของลี่ชุนเฉิงและรู้ว่าลี่ชุนเฉิงมีหลักฐาน ลี่ชิวหยางก็ขอให้ลี่ชุนเฉิงมอบทุกอย่างให้เขาทันที ในทางกลับกัน เขาจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับเขา


 



 


“มีอะไรหรอ?” ยวีเมี่ยวตั๋นรับสายของลั่วเฟยอย่างสนุกสนาน


 


“ประธานยวีคะ มีคนจากรัฐบาลมาที่นี่คะ เขาต้องการยกเลิกใบอนุญาตขายของเรา บอกว่าเราขายยาปลอมที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ เราจะทำยังไงดีคะ?” ลั่วเฟยพูดอย่างเป็นกังวล


 


ยวีเมี่ยวตั๋นลุกขึ้นยืนทันที คนเหล่านี้ไร้ยางอายจริงๆ สิ่งต่างๆ ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้องและพวกเขาก็มีปัญหาอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าถ้าพวกเขาอยู่ในระดับต่ำ ผู้คนจะคิดว่าบริษัทลั่วเยวียอ่อนแอ หากคนเหล่านี้อยู่ที่บริษัทเฟยยวีแล้ว พวกเขาก็จะมาที่บริษัทลั่วเยวียทันทีเช่นกัน


 


“มีอะไรหรอคะพี่ยวี?” หนิงชิงเซวียเดินเข้าไปในสำนักงานและพบยวีเมี่ยวตั๋นที่มีสีหน้าที่โกรธพร้อมถือโทรศัพท์ เธอรู้แล้วว่าเย่โม่มีหลักฐาน เขาบอกเธอเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน เนื่องจากสิ่งต่างๆ จะได้รับการแก้ไข แล้วทำไมพี่ยวีถึงยังโกรธอยู่ละ?


 


ยวีเมี่ยวตั๋นอธิบายสิ่งต่างๆ แก่หนิงชิงเซวีย หนิงชิงเซวียขมวดคิ้วและรับโทรศัพท์ “อี้เฟย เตรียมการบันทึกการเคลื่อนไหวทุกอย่างของพวกเขา ปล่อยให้พวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาต้องการไป แต่อย่าลืมที่จะจับภาพพวกเขาทุกขั้นตอนและหลังจากที่พวกเขาไป บอกพ่อของฉันให้จัดการแถลงข่าวในรัฐยวีทันที เราจะถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐยวี”


 


ยวีเมี่ยวตั๋นได้ยินสิ่งนี้และถามว่าทำไม


 


หนิงชิงเซวียยิ้มและพูดว่า “คนพวกนี้จะไม่หยุด เนื่องจากพวกเขาไปถึงรัฐยวีแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะมาที่เมืองอสรพิษในไม่ช้าคะ หากพวกเขาจะไม่ก่อให้เกิดปัญหา ก็ให้พวกเขาทำแบบนั้นไปเถอะคะ พี่ยวีรีบโพสต์ประกาศบนเว็บไซต์ของเราดีกว่าคะ บอกว่าจะมีงานแถลงข่าวที่หุบเขากุ้ยหลิน บอกว่ามันเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของยาความงาม และเราจะให้คำตอบอย่างมีความสุขแก่ลูกค้าทั่วโลกคะ”


 


ยวีเมี่ยวตั๋นได้ยินสิ่งนี้และปรบมือเห็นด้วย “ใช่ เราต้องทำแบบนี้ ถ้าเราเพิ่งวางมันลงบนเว็บไซต์ของพวกเรา พวกเขาจะคิดว่าเรากลัว แต่ถ้าเราทำสิ่งนี้ ประธานเย่จะ-”


 


เย่โม่กังวล เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับงานแถลงข่าว เขาเพิ่งบอกให้เธออัปโหลดไปยังสาธารณะเมื่อตอนที่เขาโทรมา


 


หนิงชิงเซวียพูดอย่างใจเย็น “เขากลัวที่จะทำให้เราหนักใจนะค ฉันคิดว่าเขาจะทำแบบเดียวกันแน่นอน แต่มันจะดีกว่าถ้าเราจัดการมันตอนนี้ เพื่อให้สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้คะ”


 



 


เช่นเดียวกับที่หนิงชิงเซวียและยวีเมี่ยวตั๋นคิด ถ้าบริษัทลั่วเยวียไม่ได้โพสต์ประกาศ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่กำลังจะเข้าสู่เมืองอสรพิษจะไม่หยุด ไม่มีใครรู้ว่าบริษัทลั่วเยวียมีการสนับสนุนหรือไม่ ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากเป็นทีมที่เผชิญหน้ากับพวกเขาในเรื่องนี้ ด้วยการประกาศอย่างเป็นทางการของบริษัทลั่วเยวีย ในงานแถลงข่าวเพื่ออธิบายสิ่งต่างๆ พวกเขาได้หยุดการเดินทาง พวกเขาตัดสินใจที่จะตรวจสอบหลังจากนั้น


 


การประกาศครั้งนี้ทำให้โลกตกใจ แม้ว่าจะมีบางกรณีของผลข้างเคียง มันก็มีเพียง 4 คนเท่านั้น หลายคนสงสัยว่าบริษัทลั่วเยวียถูกโจมตี


 


ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของบริษัทลั่วเยวีย ทำให้ทุกคนมีความสุข ซึ่งมันใช้เวลาเพียง 36 ชั่วโมง


 


ทันทีที่มีการประกาศ นักข่าวเกือบทุกคนในประเทศรู้ว่าพวกเขาต้องทำอะไร ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือไปที่หุบเขากุ้ยหลิน แต่มีเพียงไม่กี่เที่ยวบินต่อวัน เนื่องจากความสิ้นหวังและการเจรจาต่อรองอย่างต่อเนื่องของหน่วยงานสื่อ สายการบินจึงเปิดให้บริการเที่ยวบินพิเศษไปยังหุบเขากุ้ยหลิน


 


ในขณะเดียวกัน ยวีเมี่ยวตั๋นและคนอื่นๆ ได้นำเฮลิคอปเตอร์ไปยังอาคารใหม่ของบริษัทลั่วเยวียในหุบเขากุ้ยหลิน



บทที่ 447 : เตรียมการถ่ายทอดสด


 


เมื่อเย่โม่กลับไปที่ย่านเหอเฟิง มันยังเช้าตรู่อยู่ หากลี่ชุนเฉิงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหลักฐานที่เขาให้เขาได้ เขาจะไม่รอเขา


 


ทันทีที่เซี่ยวเหลยมาถึง เขาจะขอให้เธอเปิดเผยต่อสาธารณะ มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างสื่อที่รายงานเรื่องนี้กับลี่ชุนเฉิงรายงานด้วยตัวเอง


 


หากลี่ชุนเฉิงเป็นคนแรกที่เปิดเผย ความสามารถของเขาจะได้รับการยอมรับและหลายๆ คนอาจคิดว่าเขาเป็นนายกเทศมนตรีที่ทำงานให้กับประชาชน หากสื่อรายงานก่อนและจากนั้นเขาก็ทำ ผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาจะน้อยลง


 



 


เซี่ยวเหลยเพิ่งซื้อตั๋วเครื่องบินและเธอก็รอที่จะไปที่สนามบิน เธอรู้ว่าจะมีการแถลงข่าวในกุ้ยหลินเกี่ยวกับบริษัทลั่วเยวีย หากเป็นอย่างอื่น เธอก็คงจะไปที่นั่นโดยไม่ลังเล แต่เย่โม่ได้ขอให้เธอออกไปและเธอก็ทำทุกสิ่งโดยไม่คิดอะไรเลย


 


เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกไร้สมรรถภาพ ถ้ามีงานแถลงข่าวเพียงไม่กี่วันต่อมา เธอก็จะสามารถได้รับข่าวได้คนแรก นอกจากนี้เธอกำลังวางแผนที่จะไปเมืองอสรพิษ และสัมภาษณ์คนบางคน ดูเหมือนว่าเธอจะไปได้หลังจากนั้นซะแล้วสิ


 


มีเครื่องบินค่อนข้างมากที่จะบินไปย่านเหอเฟิงจากปักกิ่ง แต่เย่โม่ก็ไม่ต้องรอนาน เขาเห็นเซี่ยวเหลยผู้แต่งตัวอย่างมืออาชีพเดินเข้ามาในบาร์


 


ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักข่าวในวันนั้น เธอไม่ได้นำสิ่งที่จำเป็นสำหรับการสัมภาษณ์มา


 


มันคือ 8 โมงเช้าและมีคนไม่กี่คนในบาร์ เมื่อเซี่ยวเหลยกำลังสับสนในบาร์ ซึ่งเกือบจะว่างเปล่า แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังออกมาจากด้านหลังของเธอ “เซี่ยวเหลย ทางนี้”


 


ช่วงเวลาที่เซี่ยวเหลยเห็นเย่โม่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความปิติยินดี แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเธอกำลังมาหาเย่โม่ในวันนี้ เธอก็ยังมีความสุขมากเมื่อเธอเห็นเขา เธอต้องการโทรกาเขาหลายครั้ง แต่เธอไม่รู้เบอร์ของเขา


 


“วันนี้ฉันมาหาคุณ แล้วต้องยอมเสียข่าวใหญ่เชียวนะ” เซี่ยวเหลยเดินขึ้นไปหาเย่โม่ราวกับว่าเธอต้องการได้รับค่าชดเชย


 


“มันมีความสำคัญมากที่ผู้สื่อข่าวผู้ยิ่งใหญ่เซี่ยวเรียกขานว่าข่าวใหญ่ เธอช่วยกระจายข่าวให้ฉันได้ไหม?” เย่โม่รู้สึกว่าคราวนี้เขารู้สึกสบายใจที่ได้เห็นเธอมากกว่า แต่ก่อนแม้ว่าเธอจะยังรักเขาอยู่ แต่เธอก็ไม่เคยมีสายตาเหมือนอย่างตอนนั้นอีกต่อไป เธออาจรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว


 


เซี่ยวเหลยยิ้ม “แน่นอน ฉันได้ยินเมื่อเช้านี้ว่า บริษัทลั่วเยวียกำลังจะมีงานแถลงข่าวเกี่ยวกับยาความงาม พวกเขาบอกว่าจะให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ทุกคน คุณคิดว่านี่เป็นข่าวใหญ่ไหม?”


 


เย่โม่รู้สึกงุนงงและพูดอย่างไม่รู้ตัว “ทำไมฉันไม่รู้ละ?” เขาคิดทันทีว่าเป็นความคิดของยวีเมี่ยวตั๋น เธอคงไม่อยากปล่อยบริษัทเยวียนเปยไปง่ายๆ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ดี มันสามารถรองรับรายงานของเซี่ยวเหลยได้


 


เซี่ยวเหลยปิดปากเธอขณะที่หัวเราะ “ฉันเพิ่งได้รับข่าวเมื่อเช้านี้เอง คุณไม่ได้อยู่ในวงการสื่อ คุณจะรู้ได้ยังไง?”


 


เมื่อเห็นว่ารอยยิ้มของเย่โม่เป็นเรื่องแปลกๆ เซี่ยวเหลยจึงหยุด


 


“ฉันเป็นประธานของบริษัทลั่วเยวีย เธอไม่คิดว่าฉันควรรู้เรื่องนี้ก่อนใครหรอ?” เย่โม่ยิ้ม


 


เซี่ยวเหลยกรอกตาไปมา “ตลกดีนะ บอกฉันว่าสิวันนี้คุณต้องการอะไรจากฉัน? คุณเป็นคนช่วยชีวิตของฉัน แค่คำเดียวและฉันก็มาจากปักกิ่งถึงย่านเหอเฟิงเชียวนะ คุณคิดว่าไงละ?”


 


เย่โม่พยักหน้า “น่าเชื่อถือมาก แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะพูดคุยกัน ไปที่ห้องพักเถอะ ฉันจะ -“


 


“อะไรนะ? ห้องหรอ?” รอยยิ้มของเซี่ยวเหลยลดลง เธอไม่คิดว่าเย่โม่เป็นคนแบบนั้น พวกเขาไม่ได้สนิทกันและพวกเขาจะไปเปิดห้องพักที่โรงแรมด้วยกันเนี้ยนะ นี้มันไร้สาระเกินไปมั้ย? แม้ว่าเธอจะมีความประทับใจที่ดีกับเย่โม่ แต่เขาก็แต่งงานแล้ว และแม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งงาน พวกเขาก็ไม่สามารถทำได้ในเร็วๆนี้ด้วย (มโนวววววววว)


 


เย่โม่เห็นสีหน้าของเซี่ยวเหลย และรู้ว่าเธอเข้าใจผิด เขาพูดอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นนะ ฉันกำลังจองห้องพักเพราะบางสิ่งมันไม่สามารถพูดได้ในที่สาธารณะ ฉันบอกเธอว่าฉันรวบรวมหลักฐานบางอย่างใช่มั้ย? ฉันต้องการให้เธอช่วยฉันกระจายมัน (-_-)”


 


เซี่ยวเหลยอายทันที เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี้ย มันน่าอายเกินไป!


 


“คุณมีเรื่องของนายกเทศมนตรีหนิวจริงๆ -” เซี่ยวเหลยหยุดด้วยจิตใต้สำนึก เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถพูดแบบนั้นได้กลางถนน


 


เย่โม่พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร


 


เซี่ยวเหลยรู้สึกว่าเย่โม่กำลังพูดความจริง อย่างน้อยเธอก็บอกได้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น


 


“คุณ – คุณเป็นประธานของบริษัทลั่วเยวียจริงๆ หรอ?” เซี่ยวเหลยเพิ่งจำคำพูดของเย่โม่ได้และการแสดงออกของเธอก็แข็งทื่อไป


 


เย่โม่พยักหน้า “ที่จริงแล้วฉันเป็นประธานของบริษัทลั่วเยวียนะ ไม่ต้องกังวลว่ามันจะไม่เป็นอุปสรรคต่องานของเธอหรอกนะ งานแถลงข่าวที่บริษัทลั่วเยวียก็เป็นการบันทึกเสียงเดียวกันนั้นแหละ”


 



 


ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในห้องพักย่านเหอเฟิง เซี่ยวเหลยตกตะลึงกับทรัพยากรของเย่โม่ เขาให้ชุดการบันทึกวิดีโอที่ชัดเจนและสมบูรณ์แบบให้กับเธอ ซึ่งแต่ละอันจะก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองเลยละ


 


ที่จริงแล้วเย่โม่เป็นใครกันแน่? เธอไม่สามารถเข้าใจได้อีกต่อไป บริษัทลั่วเยวียเป็นบริษัทของเขาจริงๆ พวกเขาเพิ่งถูกโจมตีและเขาก็มีหลักฐานเพียงพอที่จะหมายหัวและจบชีวิตศัตรูของเขาแล้ว….เขามีพลังมากเกินไป


 


เมื่อเห็นเซี่ยวเหลยไม่พูดอะไร เย่โม่คิดว่าเธอกลัวเกินกว่าที่จะเปิดเผยข่าวพวกนี้และพูดว่า “อันที่จริงฉันไม่รู้ว่าบริษัทของฉันกำลังจัดงานแถลงข่าว ถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่เชิญเธอมา ฉันแค่กลัวว่าถ้าสิ่งนี้ได้รับการเปิดเผยในหุบเขากุ้ยหลิน มันจะไม่มีอิทธิพลเท่ากับการทำในปักกิ่งนะ”


 


“ฉันจะทำมัน ฉันจะแจ้งผู้คนจากชาแนลทันทีเพื่อมาที่ย่านเหอเฟิง ฉันจะทำรายงานพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้” เซี่ยวเหลยรู้ทันทีว่าข่าวเหล่านี้มีค่ามากเพียงใด หากช่องข่าวของเธอเป็นช่องแรกที่รายงานสด ความนิยมของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน


 


“แต่ -” เซี่ยวเหลยลังเล มันเป็นเรื่องดีที่จะรายงานบริษัทเยวียนเป่ยที่ล้อมกรอบบริษัทลั่วเยวีย แต่สำหรับกรณีของหนิวม๋านเจริง มันไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้อย่างง่ายดาย เธอรู้ว่ามันเป็นหนึ่งในข้อห้ามในอุตสาหกรรม


 


เย่โม่สามารถบอกได้ว่าเซี่ยวเหลยกังวลแค่เพียงมองหน้าเธอเท่านั้น เขายิ้มและพูดว่า “รายงานตามที่เธอต้องการเลย ไม่ต้องกังวลนี่จะตีพิมพ์ในวุฒิสภาเหอเฟิง ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอะไรเลยไม่มีใครกล้าพูดอะไร ถ้าเธอโชคดี เธออาจจะได้สัมภาษณ์ผู้นำของย่านเหอเฟิงและถ่ายทอดสดด้วยนะ”


 


“ตกลง ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” เซี่ยวเหลยมองเย่โม่ เธอรู้ว่าเย่โม่หมายความว่าเขาได้ให้หลักฐานแก่ศัตรูทางการเมืองของหนิวม๋านเจริงด้ยเช่นกัน


 


เย่โม่กล่าวอีกครั้งว่า “น่าจะมีคนไปสำรวจฐานการวิจัยใต้ดินของตระกูลเยวียนนะ หากทีมภาพของเธอสามารถทำได้ทันเวลา บางทีเธออาจจะได้ถ่ายทอดสดที่นั่นด้วยนะ ^^”


 


หากเยวียนจรือร่งรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลของการท้าทายบริษัทลั่วเยวีย บางทีเขาอาจไม่กล้าเลยก็ได้ แม้ว่าเขาจะมี 100 ชีวิตก็ตาม



บทที่ 448 : เอาไปโดยไม่คาดฝัน


 


เนื่องจากลี่ชุนเฉิงมาสาย การประชุมวุฒิสภาในย่านเหอเฟิงจึงล่าช้าไป 2 ชั่วโมง


 


หนิวม๋านเจริงวางแผนที่จะเตะลี่ชุนเฉิงออกจากเกม ฉะนั้นเขาจะไม่มาได้ยังไงละ? เขาต้องการเห็นความสิ้นหวังของลี่ชุนเฉิงด้วยสายตาของเขาเอง เขาชอบความรู้สึกที่จะบดขยี้คู่ต่อสู้อยู่ใต้ฝ่าเท้า


 


ทันทีที่ลี่ชุนเฉิงมาถึง หนิวม๋านเจริงก็ได้รับข่าว เขาหัวเราะเยาะและพูดกับเลขานุการว่า “เริ่มการประชุม”


 


การประชุมวุฒิสภาส่วนใหญ่เริ่มต้นโดยหนิวม๋านเจริง ในฐานะหัวหน้าเลขาธิการเชียนฟ๋างฮัน เขาเป็นเพียงการแสดง เขาเหลือเวลาอีก 1 ปีจนกระทั่งเกษียณอายุโดยไม่หวังว่าจะได้รับการเลื่อนขั้นใดๆ ดังนั้นในการประชุมทุกครั้ง ทัศนคติของเชียนฟ๋างฮันจึงค่อนข้างคลุมเครือ


 


คนส่วนใหญ่คาดหวังเรื่องนี้อยู่ดี


 


ตามเวลาที่ลี่ชุนเฉิงมาถึง เกือบทุกคนอยู่ที่นั่นแล้วยกเว้นเขา


 


“นายกเทศมนตรีลี่นี้ยุ่งจริงๆนะ! โชคดีที่พวกเราทุกคนว่าง ดังนั้นเราจึงมีเวลารอนายกเทศมนตรีลี่” ทันทีที่ลี่ชุนเฉิงปรากฏตัว เสียงของชรังเย๋าก็ดังขึ้น


 


แต่ไม่มีใครในวุฒิสภาพูดอะไรเลยเพราะพวกเขารู้ว่าชุนเฉิงอาจจะจากไปก่อนที่จะมีเวลาอุ่นที่นั่งของนายกเทศมนตรี ในขณะนี้มันไม่ได้ฉลาดที่จะรุกรานคนที่กำลังจะจากไป ลี่ชุนเฉิงยังไม่แก่ ใครจะรู้ว่าเขาจะสามารถปีนกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง


 


หนิวม๋านเจริงเหลือบมองที่ลี่ชุนเฉิงหนึ่งครั้งก่อนเปิด “การประชุมครั้งนี้จะดำเนินการโดยฉัน เจียงพิงทำบันทึก -“


 


ไม่มีใครคัดค้าน ดังนั้น หนิวม๋านเจริง จึงอยู่เหนือการปกครองมาก


 


แต่ในวันนี้ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้เชียนฟ๋างฮันก็พูดช้าๆ “ฉันจะจัดการประชุมในวันนี้ ไม่นานมานี้นายกเทศมนตรีหนิวน่าจะเหนื่อยล้าไม่น้อยนะ”


 


นี่เป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างยิ่งที่จะเกิดขึ้นในย่านเหอเฟิง


 


ตั้งแต่เชียนฟ๋างฮันมาที่นี้ เขาก็ไม่เคยทำอะไรที่ครอบงำหรือเตรียมกลุ่มของตัวเองเลย


 


เชียนฟ๋างฮันเป็นเหมือนชายชราที่พร้อมจะเข้าหลุม เขาใช้เวลาครึ่งปีในการบอกผู้คนว่าเขากำลังรอที่จะตาย


 


สำหรับใครบางคนเช่นนี้ ซึ่งกำลังจะเกษียณมันไม่คาดคิดสำหรับทุกคนที่เขาเลือกที่จะดำเนินการประชุมในวันนี้


 


เกิดอะไรขึ้นในวันนี้นะ? นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเปล่งประกายหรือมีอะไรบางอย่างงั้นหรอ?


 


แม้แต่ลี่ชุนเฉิงก็ไม่เข้าใจสิ่งนี้ เชียนฟ๋างฮันอยู่ข้างเดียวกับหนิวม๋านเจริงหรอ?


 


หนิวม๋านเจริงรู้สึกถูกเหยียดหยามทันที เขายังคงมีอำนาจปกครองอยู่มาก ในวันนี้เชียนฟ๋างฮันเอาอำนาจของเขาไปโดยไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ เขาคิดว่าถึงแม้ว่าตาแก่นี้จะอยากทำเช่นนี้ เขาก็บอกเขาได้อย่างสบายใจ เขาจะมาตบหน้าของเขาแบบนี้ไม่ได้


 


ทุกคนในที่เกิดเหตุตกอยู่ในความเงียบงัน พวกเขาตั้งใจจะดูว่าลี่ชุนเฉิงจะจากไปได้อย่างไร ตอนนี้มันกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างเชียนฟ๋างฮันและหนิวม๋านเจริง


 


หลังจากโกรธแล้ว หนิวม๋านเจริงก็กำหมัดของเขาไว้โดยคิดว่า ‘แม้ว่าแกจะเกษียณ ฉันก็จะไม่ยอมทำอะไรแบบนี้อีก ไม่งั้นเมื่อแกไป ฉันจะทำงานของฉันที่ย่านเหอเฟิงได้ยังไงละห่ะ? ฉันต้องการการปฏิบัติตามอย่างสมบูรณ์แบบ!’


 


“เลขาธิการเชียน คุณก็อายุมากแล้วนะ และมันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการประชุมที่ค่อนข้างซับซ้อน คุณจะชี้ให้เห็นว่าคุณมีปัญหาอะไรหลังจากการประชุม?” หนิวม๋านเจริงพูดด้วยรอยยิ้ม


 


ลี่ชุนเฉิงไม่คิดว่าเชียนฟ๋างฮันจะทำสิ่งนี้ทันทีเมื่อเขากำลังต่อสู้กับหนิวม๋านเจริง


 


เชียนฟ๋างฮันดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายพื้นฐานของคำพูดของหนิวม๋านเจริง และพูดต่อไปช้าๆ “ฉันเป็นหัวหน้าเลขานุการของเมืองนี้ มีปัญหามากมายจริงๆ หรือเปล่าหรอ? ประชาชนให้งานทั้งหมดแก่เรา ด้วยวิธีนี้นั่นหมายความว่าฉันจะพอใจ ถึงแม้ว่านายกเทศมนตรีหนิวจะมีความสามารถมาก แต่ดวงตาของคุณไม่สดใสเท่าพลเมืองเลยนะ”


 


ความโกรธของหนิวม๋านเจริงลดน้อยลงและเขาก็ตกใจทันที เลขาที่กำลังจะเกษียณใช้ภาษาที่คมกริบเช่นนี้หรอ? สิ่งนี้หมายความว่ายังไง?


 


ไม่เพียงหนิวม๋านเจริงเท่านั้น ทุกคนสั่นไหวเหมือนกัน คำเหล่านั้นหมายถึงอะไร? ทุกคนรู้ว่าหนิวม๋านเจริงกำลังทำอะไร แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร พวกเขาทั้งหมดเพิ่งรู้ว่าพวกเขาประเมินชายชราคนนี้ต่ำเกินไป จริงๆ แล้วเขาเป็นระดับหนึ่งหรือสอง สูงกว่าทุกคนในที่นี้


 


“ฉันสนับสนุนเลขาธิการเชียนฟ๋างฮันในการทำการประชุมนี้” ชุนเฉิงเป็นคนแรกที่ตอบโต้ เขาสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันทีที่เขาจะจัดการหนิวม๋านเจริง เชียนฟ๋างฮันก็ต้องการดำเนินการประชุม นี่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไป


 


หนิวม๋านเจริงมีความรู้สึกไม่ดีจริงๆ เขารู้สึกเหมือนชุนเฉิงค่อนข้างแปลกในวันนี้ เขารู้จักลี่ชุนเฉิงดีมาก ลี่ชุนเฉิงมักจะมีรายละเอียดต่ำและเขาเข้าใจว่านั่นเป็นเพราะเขายังไม่รักษาตำแหน่งของเขา ทำไมเขาถึงสนับสนุนเชียนฟ๋างฮันทันทีและนั่นหมายความว่ายังไงนะ?


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หนิวม๋านเจริงก็ยิ้ม “ฮ่าๆ ในเมื่อผู้อาวุโสเชียนไม่กลัวความเหนื่อยล้า งั้นฉันก็จะพักสักหน่อยแล้วกัน นี่คือเนื้อหาที่ฉันเตรียมไว้เพื่อพูดคุยในที่ประชุม”


 


หนิวม๋านเจริงส่งเอกสารของเขาให้กับเชียนฟ๋างฮัน เพียงเพราะเขาถูกดึงด้วยความประหลาดใจ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำสิ่งที่เขาวางแผนไว้ เขาจะต้องใช้เวลาศึกษาเชียนฟ๋างฮันเสียหน่อยแล้ว หลังจากการประชุมครั้งนี้


 


เชียนฟ๋างฮันไม่แม้แต่จะมองหนิวม๋านเจริง และกล่าวว่า “ฉันยุ่งอยู่กับงานเมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักในวุฒิสภานี้”


 


เชียนฟ๋างฮันไม่ได้ใช้เอกสารที่หนิวม๋านเจริงยื่นให้เขาและบอกว่า “เราจะพูดถึง 3 สิ่งในการประชุมครั้งแรกเกี่ยวกับบริษัทลั่วเยวีย การลงทุนในย่านเหอเฟิง และข่าวล่าสุด เรื่องอื้อฉาวของพวกเขาสำหรับหัวข้อที่สอง….”


 


หนิวม๋านเจริงประหลาดใจอีกครั้ง เขาวางแผนที่จะพูดคุย 2 สิ่งในการประชุมครั้งนี้เท่านั้น สิ่งแรกคือเกี่ยวกับหลี่ชุนเฉิงที่นำบริษัทลั่วเยวียเข้ามาอย่างผิดพลาด แต่ทำไมในตอนนี้ถึงมี 3 เรื่องละ?


บทที่ 449 : ถาม-ตอบ


 


เชียนฟ๋างฮันไม่ได้นึกถึงการแสดงออกที่ไม่แน่นอนของหนิวม๋านเจริง เขาเพียงพูดว่า “สำหรับเรื่องที่สองฉันจะพูดถึงมันหลังจากที่เราเสร็จสิ้นกับเรื่องแรกแล้ว ฉันมีความสุขมากที่ลี่ชุนเฉิงมาเหอเฟิงในทันที เขานำการลงทุนของบริษัทลั่วเยวียมาให้กับชานเมืองซีตง ฉันเชื่อว่าทุกคนรู้ถึงอำนาจของบริษัทลั่วเยวีย ด้วยเหตุนี้เราทุกคนจึงสามารถเห็นความทะเยอทะยานและความสามารถของนายกเทศมนตรีลี่”


 


ทุกคนตกใจและลี่ชุนเฉิงก็เช่นกัน นี่อะไริะ? เขาช่วยลี่ชุนเฉิงหรอ? ถ้าบริษัทลั่วเยวียทำดีเขาก็จะขอบคุณ แต่บริษัทลั่วเยวียมีปัญหาเพราะเรื่องอื้อฉาวเมื่อเร็วๆ นี้ ทำไมเขาถึงช่วยละ?


 


หนิวม๋านเจริงส่งเสียงไอออกมา เขารู้ว่าเขาต้องพูดก่อนที่เชียนฟ๋างฮันจะพูดจบประโยคที่สอง เขากล่าวว่า “ฉันก็มีความสุขมากที่นายกเทศมนตรีลี่นำบริษัทลั่วเยวียเข้ามา แต่ตอนนี้ฉันเป็นห่วง เราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาลุกขึ้นสู่ทั่วโลกในคืนเดียว นี่มันน่าสงสัยมากนะ”


 


“ฉันวางแผนที่จะสืบสวนอย่างเต็มที่ว่าใครเป็นคนแรกและพวกเขาก็นำเข้ามา แต่นายกเทศมนตรีลี่ก็ทำเช่นนั้นโดยไม่มีข้อควรระวังใดๆ เขาไม่มีข้อควรระวังที่เจ้าหน้าที่ของรัฐควรมี หากบริษัทลั่วเยวียสะอาด มันก็ดี แต่พวกเขานำความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนของย่านเหอเฟิง มีผู้เสียชีวิต 6 รายและ 4 รายที่ใบหน้าเสียหาย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขาใช้ยาความงามของบริษัทลั่วเยวีย ซึ่งมี 2 กรณีในย่านเหอเฟิง”


 


“ฉันเสียใจมากที่สิ่งนี้เกิดขึ้น พ่อค้าใจร้ายพวกนี้เป็นเหมือนโรคระบาดสำหรับประเทศของเรา แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลของเราก็ไม่หยุดพวกเขา กลับพวกเขาเปิดประตูให้พวกเขาแทน หัวใจของฉันเจ็บปวดเมื่อฉันเห็นคนเหล่านี้ ประเทศให้คุณอยู่ที่นี่เพื่อให้คุณสร้างสถานที่ที่สงบและกลมกลืนสำหรับผู้คน ไม่ใช่เพื่อให้คุณอบอุ่นเตียงสำหรับศัตรูพืชพวกนี้ แม้ว่าฉันจะเป็นเพียงนายกเทศมนตรี แต่ฉันจะไม่อนุญาตสิ่งนี้”


 


หนิวม๋านเจริงนั่งลงด้วยความพึงพอใจ เขาต้องรอคำพูดของคนอื่นในที่ประชุม จากนั้นเขาก็จะค่อยๆกล่าวโทษลี่ชุนเฉิง เขาจัดครอบครัวของผู้ที่ได้รับความเสียหายให้มาที่นั่นและประท้วง ลี่ชุนเฉิงไม่มีทางจัดการกับมันได้ ทางออกเดียวคือออกจากเหอเฟิง


 


แปะๆๆๆ – สมาชิกหลายคนแม้แต่เชียนฟ๋างฮันปรบมือ


 


“นายกเทศมนตรีหนิว มันเป็นคำพูดที่ดี เราจะไม่อนุญาตให้ศัตรูพืพวกนี้เข้ามาในย่านเหอเฟิง! เราเป็นเจ้าหน้าที่ของประชาชน ถ้าเราขายคนเพื่อผลกำไรบางอย่าง เราจะแตกต่างจากสัตว์ยังไงละครับ” ฮุยชรังพูดด้วยใบหน้าแห่งความชอบธรรม


 


ด้วยสิ่งนี้ ก็มีสมาชิกเพิ่มอีกหลายคนสนับสนุนของพวกเขาสำหรับนายกเทศมนตรีหนิว แต่ความเชื่อมั่นของหนิวม๋านเจริงหายไปจากการแสดงออกของเขา เมื่อเขาเห็นว่ามีเพียง 5 ใน 10 คนที่อยู่ข้างๆเขา มันไม่ปกติ เขามักจะได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 8 คะแนน วันนี้มีนเกิดอะไรขึ้น?


 


เชียนฟ๋างฮันยิ้มและพูดว่า “นายกเทศมนตรีหนิว ถูกต้องแล้วละที่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ได้ทำงานเพื่อคนควรกลับบ้านและใช้ชีวิตเหมือนหนู นายกเทศมนตรีลี่ คุณมีอะไรจะพูดไหมครับ?”


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้ ลี่ชุนเฉิงก็ยิ้ม เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเชียนฟ๋างฮันไม่ใช่แค่หุ่นเชิด ถ้าเขาไม่ทำอะไร เขาคนนั้นก็จะทำอะไรไม่ช้าก็เร็ว


 


ลี่ชุนเฉิงยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ก่อนที่ฉันจะพูดอะไร ฉันจะลงรายการบันทึกสั้นๆ”


 



 


แม้ว่าเหตุผลที่เซี่ยวเหลยมาถึงก็เพราะเธอต้องการที่จะกินอาหารกับเย่โม่ และแม้กระทั่งออกไปข้างนอกและเที่ยวเล่นด้วยกัน แต่หลังจากได้ยินเรื่องนี้เธอก็รู้ว่าข่าวชิ้นนี้เป็นโอกาสที่จะมีความหมายมากสำหรับเธอและช่องของเธอ


 


อาหารมื้อเย็นต้องเลื่อนออกไป ลำดับความสำคัญคือการทำให้ช่องของเธอส่งคนไป เธอเชื่อใจเย่โม่ ถ้าเขาบอกว่านายกเทศมนตรีลี่จะยอมให้สัมภาษณ์ เขาก็จะทำ


 


เย่โม่ไม่มีเวลากินอะไรกับเธอเลย เขาต้องไปดูตระกูลเยวียน แม้ว่าเขาจะทำงานของเขาได้แล้ว แต่หากตระกูลเยวียนค้นพบบางสิ่งบางอย่างและหนีไปในทันที มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะพบพวกเขา


 


…..


 


ในหุบเขากุ้ยหลิน งานแถลงข่าวเริ่มต้นเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น แม้จะมีการแจ้งให้ทราบสั้นๆ แต่ก็มีนักข่าวนับร้อยอยู่ที่นั่น แต่ส่วนใหญ่มาจากปักกิ่ง


 


“ทุกคนคะ ฉันเชื่อว่าเนื่องจากอิทธิพลของบริษัทลั่วเยวีย ทุกคนตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แม้ว่าบริษัทลั่วเยวียของเราจะไม่กล้าพูดถึงว่าเรามีเกียรติ แต่ทุกคนได้เห็นการมีส่วนร่วมกับผู้คนในโลกนี้ พวกเขาใช้วิธีการทุกอย่างเพื่อทำร้ายและบ่อนทำลายบริษัทของเรา” ยวีเมี่ยวตั๋นกล่าวอย่างง่ายดาย


 


“ประธานยวีครับ คุณหมายถึงว่าเรื่องอื้อฉาวเรื่องยาความงามและสุขภาพเป็นเพราะ บริษัทลั่วเยวียถูกโจมตีหรอครับ?” ผู้สื่อข่าวถาม


 


ยวีเมี่ยวตั๋นยิ้มและพูดอย่างมั่นใจ “จริงๆ แล้วนั่นคือสิ่งที่ฉันหมายถึงคะ”


 


ไม่มีใครคาดว่ายวีเมี่ยวตั๋นจะตอบแบบนั้น มันเป็นคำตอบที่คลุมเครือ


 


นักข่าวรายนี้ตกใจมาก หากเขารู้ว่ายวีเมี่ยวตั๋นจะพูดแบบนี้ เขาจะถามคำถามต่อไปแล้ว ใครอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้กัน? แต่ความสับสนของเขาทำให้เขาเสียโอกาส


 


ผู้สื่อข่าวที่อายุมากในวัย 30 ของเธอยืนขึ้น “ประธานยวีคะ ตามที่ฉันรู้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทของคุณทำให้คน 6 คนเสียชีวิตและทำลายใบหน้าของคนอื่นอีก 4 คน ซึ่งดูเหมือนว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นด้วย คุณได้พยายามรับผิดชอบต่อพวกเขาบ้างรึเปล่าคะ?”


 


ยวีเมี่ยวตั๋นจ้องมองนักข่าวและกล่าวอย่างชัดเจนว่า “เหตุผลที่บริษัทของเราสามารถผลิตยาความงามและยาสุขภาพได้ เป็นเพราะมันมีอำนาจในการจัดการกับสิ่งต่างๆ เราจะไม่กล่าวโทษคนอื่น ฉันเห็นว่าผิวของคุณดูนุ่มนวลดีนิคะ ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าคุณมีผิวที่ดีเช่นนี้หรือว่าคุณใช้ยาความงามของเรากันน่า? ถ้าใช่ฉันขอถามนะคะ ทำไมคุณไม่ตายและใบหน้าคุณไม่เละละ?”


 


คำตอบที่คมชัดของยวีเมี่ยวตั๋น ทำให้ทุกคนหัวเราะ


 


ใบหน้าของนักข่าวเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอเปล่งเสียงของเธอดังขึ้นแล้วถามว่า “ประธานยวีคะ ถ้าทุกคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีผลข้างเคียง งั้นโลกนี้ก็คงเกิดความสับสนวุ่นวายแล้วละคะ นอกจากนี้ใครจะรู้ว่าเมื่อไรที่มันจะออกอาการ? แม้แต่มะเร็งก็ยังอยู่เฉยๆ ฉันถามว่า ประธานยวีกำลังตำหนิคนอื่นหรือไม่ ทำไมคุณหลีกเลี่ยงคำถามนี้หรอคะ? หรือคุณจะบอกเราว่าใครเป็นคนวางกรอบบริษัทของคุณ?”


 


ผู้สื่อข่าวตอบกลับอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น


 


“นั่นหมายความว่าคุณสงสัยว่ายาของเราผิดหรือเปล่าคะ?” ยวีเมี่ยวตั๋นถาม


 


ยวีเมี่ยวตั๋นพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ “ฉันขอถามหน่อย เมื่อไหร่หรอคะที่คุณรู้เรื่องนี้? คุณมาจากช่องไหนไม่ทราบคะ?”


 


“เรานักข่าวต้องระวังคนอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ บริษัทลั่วเยวียได้เปิดเผยและฉันได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณไม่จำเป็นต้องถามฉันว่าฉันมาจากช่องไหน ฉันสามารถบอกคุณได้ตรงๆเลยว่าฉันเป็นนักข่าวกลางคืนเหอเฟิง ลู่ชุยหยาง ฉันไม่กลัวการแก้แค้นของคุณหรอคะ” น้ำเสียงของเธอก็ตื่นเต้นมากราวกับว่า บริษัทลั่วเยวียกำลังจะแก้แค้นเธอ


 


ยวีเมี่ยวตั๋นยิ้มเยาะเย้ย “นักข่าวลู่ชุยหยางคะ ในเมื่อคุณตั้งแต่เมื่อวานว่ายาความงามของเรามีปัญหา แล้วทำไมเมื่อเช้านี้คุณถึงใช้มันละคะ?”


 


“คุณ- ไร้สาระน่า ฉันไม่ได้-” ใบหน้าของลู่ชุยหยาง กลายเป็นสีแดงอย่างสมบูรณ์


 


ยวีเมี่ยวตั๋นพูดอย่างเย็นชา “ฉันเป็นประธานของการผลิตยาความงาม ฉันจะไม่รู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของฉันได้ยังไง? หลังจากทานยาความงามอล้วภายใน 6 ชั่วโมงควรมีรอยแดงจางๆ บนผิวรอบคอ เพิ่มความน่าดึงดูดใจของผู้หญิง มันชัดเจนมากสำหรับคุณและเห็นได้ชัดว่าใช้เวลาน้อยกว่า 4 ชั่วโมง หากคุณไม่เชื่อฉัน เราสามารถทดสอบได้เดี๋ยวนี้เลย”


 


ทันทีที่ทุกคนมองลู่ชุยหยาง ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เธอพูดอะไรไม่ออกแล้ว



บทที่ 450 : ต่อสู้ฝ่ายเดียว


 


ยวีเมี่ยวตั๋นพูดเยาะเย้ย “คุณตอบไม่ได้? แน่ละ คุณไม่สามารถตอบได้หรอก เพราะคุณเป็นเพียงตัวหมากของตระกูลเยวียน แล้วคุณมาประกาศว่าคุณห่วงใยคนอื่นได้ยังไง! ฉันคิดว่าคุณใส่ใจเกี่ยวกับเงินที่เข้าบัญชีของคุณว่ามันเท่าไหร่มากกว่านะคะ ตราบใดที่คุณได้รับเงิน ฉันก็ไม่คิดว่าจะไม่มีอะไรที่คุณจะไม่ทำหรอกมั้งคะ”


 


“คุณ ฉันจะฟ้องคุณที่กล่าวหาฉัน!” ใบหน้าของลู่ชุยหยางดูแย่ลงเรื่อยๆ


 


ยวีเมี่ยวตั๋นพูดดูถูก “ทำตามที่คุณต้องการเลย! ไม่เพียงแต่ฉันจะกล่าวหาคุณนะ แต่ฉันยังหมิ่นประมาทบริษัทเยวียนเป่ย ฟ้องฉันทุกอย่างที่คุณต้องการ ไปเลย!”


 


“ประธานยวีครับ ผมไม่ต้องการช่วยเหลือฝ่ายใดทั้งสิ้น แต่ตอนนี้คำพูดของคุณชี้ไปที่บริษัทเยวียนเป่ย คุณหมายถึงว่าพวกเขาเป็นคนโจมตีบริษัทลั่วเยวียหรอครับ? คุณมีหลักฐานหรือไม่ครับ?” ผู้สื่อข่าวจับประเด็นได้อย่างรวดเร็ว


 


ยวีเมี่ยวตั๋นพูดอย่างชัดเจน “เรามักจะเรียกร้องด้วยหลักฐานของเราเสมอแหละคะ ฟางเหว่ย เล่นวิดีโอตอนนี้เลย ฉันเชื่อว่าทุกคนจะเข้าใจว่าทำไมฉันจึงเชิญพวกคุณทุกคนมา”


 



 


ย่านเหอเฟิง


 


สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดหยุดนิ่ง ภาพที่ลี่ชุนเฉิงแสดงให้เห็นนั้นน่าตกใจมาก ผลข้างเคียงของผลิตภัณฑ์ของบริษัทลั่วเยวียถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทเยวียนเป่ย โดยการฉีดเซรั่มละลายเลือดลงในยาความงาม ทำให้ผู้ใช้ 6 คนเสียชีวิตและอีก 4 คนต้องทรมาน


 


สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือพวกเขาสร้างไวรัสติดต่อกันเรียกว่าไวรัสซีรีย์ WQ033 บริษัทเยวียนเป่ยต้องการทำกำไรจากการขายยาปฏิชีวนะให้กับมัน นี่มันมากเกินไป!


 


เกือบทุกคนโฟกัสสายตาของพวกเขาไปที่ชรังฮุย พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเป็นน้องชายของเยวียนจรือร่ง ต้องการใช้สิ่งนี้เพื่อก้าวต่อไปในอาชีพทางการเมืองของเขา


 


“ชรังฮุย มีอะไรจะพูดอีกไหม?” เชียนฟ๋างฮันมองดูชรังฮุยอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เชื่องช้าอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาดูเด็ดขาดมาก


 


เชียนฟ๋างฮันไม่คาดหวังว่าหลักฐานของลี่ชุนเฉิงที่ปล่อยมาจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แม้ว่าเขาจะมีหลักฐานกระจัดกระจาย แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะได้รับหลักฐานที่เด็ดขาดแบบนี้ได้ เพราะผู้สมรู้ร่วมคิดหลบซ่อนอยู่ลึกมาก แต่ตอนนี้ลี่จุนเฉิงได้เอาหลักฐานสำคัญออกมาแล้ว


 


“นี่ สิ่งนี้มัน -” ชรังฮุยเหงื่อออกไปหมด เขาต้องการกล่าวหาพวกเขาว่าพวกเขาใส่ร้ายเขา แต่วิดีโอที่บันทึกไว้นั้นชัดเจนเกินไป มันจะผิดได้ยังไง? เขาไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย


 


มันคือใคร? ใครกันว่ะ? เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาจะปรากฏที่นี่ได้อย่างไร? ชรังฮุยใกล้จะพังพินาศ เขามีความคิดเพียงอย่างเดียวในใจคือ ‘จบแล้ว’


 


หนิวม๋านเจริงดูวิดีโอด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่ได้เก็บความสงบไว้อีกต่อไป ชรังฮุยเป็นน้องชายของเยวียนจรือร่งหรอ? หัวของเขาส่งเสียงพึมพำ ในขณะที่เขารู้ว่าเขาถูกหลอกโดยชรังฮุย นั่นก็คือ พวกเขาใช้เขาเป็นหมาก แต่ก็ตลกดีพอที่เขาคอยช่วยเหลือตระกูลเยวียน


 


มีเพียงความคิดเดียวในใจของหนิวม๋านเจริงในตอนนี้ – เขาเป็นหมู


 


“ชรังฮุย แกมันสัตว์ในคราบมนุษย์! เลขานุการเชียนฟ๋างฮัน นี่เป็นความผิดพลาดของเรา ฉันจะสะท้อนตัวเองทันทีและเรียกคนให้นำชรังฮุยออกไป ฉันทำบาปที่ปล่อยให้ชายคนนั้นอยู่ท่ามกลางเรา -” จี่ตุน ยืนขึ้นและกล่าวว่า


 


เชียนฟ๋างฮันโบกมือ “ไม่ต้องหรอก คนข้างนอกจะพาเขาไป เราจะดำเนินการประชุมของเราต่อ”


 


ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้ ตำรวจ 2 นายพร้อมปืนก็เข้ามาและพวกเขาก็ลากชรังฮุยออกไป


 


อย่างไรก็ตามใันมีมากกว่านั้น หลังจาก 2 คนนั้นก็เหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจนับ 10 คนที่ติดก็เข้ามา!


 


หัวใจของจี่ตุนจมลง ตำรวจนำชรังฮุยออกไปโดยไม่ต้องผ่านแผนกตำรวจ นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ดี เขาเป็นหัวหน้ากรมตำรวจย่านเหอเฟิง แต่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่กันที่ตำรวจจำนวนมากขนาดนี้จึงออกมาข้างนอก


 


พร้อมด้วยตำรวจจำนวนมากในห้อง สิ่งนี้เรียกว่าการประชุมได้ยังไง?


 


ไม่ใช่แค่จี่ตุนเท่านั้นที่คิดเรื่องนี้ ทุกคนก็เช่นกัน ย่านเหอเฟิงจะได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วสิ


 


เชียนฟ๋างฮันดูเหมือนจะไม่สนใจเกี่ยวกับสิ่งที่ทุกคนคิดและกลับไปพูดอย่างช้าๆ “ตอนนี้เรามาคุยกันถึงประเด็นที่สองเถอะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของหนิวม๋านเจริงกับจี่ตุน และหนิวม๋านเจริงทำร้ายชีวิตของชาวบ้านหลายร้อยคน”


 


นี่ไม่ใช่การประชุมอีกต่อไปแน่นอน นี่เป็นการสอบสวน!


 


หนิวม๋านเจริงเหงื่อออก เขารู้ว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ดูดีแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในทันที เขาไม่มีโอกาสโต้กลับ! เขาประเมินเชียนฟ๋างฮันต่ำเกินไป


 


‘ทำร้ายหลายร้อยชีวิต’ หนิวม๋านเจริงไม่จำเป็นต้องคิดนานนักก็รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรณีเขื่อนชานเมืองซีตง แต่เขาจะยังคงยึดมั่นในขอบเขตอำนาจของเขาและรอหลักฐานของเชียนฟ๋างฮัน หากไม่มีหลักฐานเขาก็ยังสามารถตีกลับได้


 


แต่จี่ตุนไม่สามารถรักษามันได้ “ผู้เฒ่าเลขา ถึงแม้จะมีงานของฉันที่ฉันทำได้ไม่ดี แต่ฉันยอมรับการกล่าวหาว่าฉันฟอกเงินไม่ได้”


 


เชียนฟ๋างฮันยิ้ม “นี่ไม่ใช่การกล่าวหา คุณทำมันเอง” จากนั้น เชียนฟ๋างฮันก็ใส่ USB Stick ของเขาลงในช่องเสียบ


 


โปรเจ็กเตอร์แสดงบัญชีทั้งหมดของการฟอกเงินของจี่ตุน และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ รวมถึงหลักฐานว่าเขาได้รับสินบนจากหนิวม๋านเจริง


 


จี่ตุนเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเชียนฟ๋างฮันไม่ทำอะไรเลยมาครึ่งปี เขากำลังรวบรวมหลักฐานและทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจ


 


เมื่อเห็นว่าจี่ตุนถูกจัดการ หนิวม๋านเจริงก็รู้สึกสบายใจ โชคดีที่มันเป็นเพียงหลักฐานนั้น แม้ว่ามันจะเป็นการฟอกเงิน แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์กรณีที่เลวร้ายที่สุด


 


จากนั้นเชียนฟ๋างฮันก็มองหนิวม๋านเจริง และพูดว่า “เหตุผลที่คุณยังไม่ถูกจัดการ เพราะคุณยังไม่ได้เห็นการบันทึกบางอย่าง นายกเทศมนตรีลี่ คุณคิดว่ามีสิ่งที่ชอบธรรม ที่นายกเทศมนตรีหนิวผู้นี้ต้องเห็นหรือไม่?”


 


“แน่นอนครับเลขานุการเชียน” ลี่ชุนเฉิงยิ้ม เขารู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ด้านเดียวในตอนนี้


 


วิดีโอต่อไปนี้ทำให้หนิวม๋านเจริงตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ มันรวมถึงภาพการพนันของเขาในลาสเวกัสด้วย เมื่อเห็นเหตุการณ์อาหารเป็นพิษและฐานใต้ดิน หนิวม๋านเจริงก็รู้ว่านี่เป็นจุดจบของเขา


 


เมื่อเห็นว่าหนิวม๋านเจริงถูกลากออกไปแล้ว เชียนฟ๋างฮันก็แสดงความคิดเห็นอย่างใจคอหดหู่ “นายกเทศมนตรีที่ดีของเรา นายกเทศมนตรีซวีต้องการให้จัดการสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่ได้รับอันตรายจากศัตรูอย่างหนิวม๋านเจริง ขอบคุณสำหรับนายกเทศมนตรีลี่ในครั้งนี้ด้วยนะครับ ถ้ามันไม่ใช่เพราะคุณ เราคงจะไม่สามารถหาข้อมูลได้เร็วขนาดนี้ ฉันขอขอบคุณในนามของประเทศและประชาชนด้วยนะ”


 


ลี่ชุนเฉิงยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดว่า “ผมแค่ทำในสิ่งที่ผทควรทำนะครับ เมื่อเทียบกับงานของเลขานุการเชียน มันไม่มีอะไรมากมายเลยครับ”


 


เชียนฟ๋างฮันโบกมือของเขา “เราปฏิเสธงานของคุณไม่ได้หรอก นั่นคือความจริง ฉันไม่ได้คาดหวังว่านายกเทศมนตรีลี่จะรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมในไม่กี่วันมากกว่าที่ฉันทำในครึ่งปีดู เหมือนว่าตอนนี้เราจะต้องให้ตำแหน่งสำคัญสำหรับคนหนุ่มสาวซะแล้วสิ”


 


เมื่อเชียนฟ๋างฮันหยุดลี่ชุนเฉิงจากการพูดบางอย่าง และเขาก็กล่าวว่า “สิ่งที่สามที่จะกล่าวถึงในวันนี้คือ หนิวม๋านเจริง ฮุยชรัง และจี่ตุนจะถูกปลดออกจากงานของพวกเขาและนายกเทศมนตรีลี่จะทำหน้าที่เป็นนายกเทศมนตรีเหอเฟิงแทนและเลขานุการกลางในเวลาเดียวกัน!”


 


สิ่งที่ตามมาคือเสียงปรบมือ ทุกคนเห็นด้วยอย่างชัดเจน


 


ลี่ชุนเฉิงถอนหายใจ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเย่โม่ เขาสลักไว้ในใจของเขา ไม่ว่าอะไรก็ตาม เขาจะไม่ต่อสู้กับเย่โม่ เขามีวิธี 10,000 ที่จะจบหนิวม๋านเจริง แต่เขาเลือกวิธีที่ซับซ้อนที่สุด เพียงแค่นี้ก็สามารถที่จะทำให้เขาและซือซิวได้รับประโยชน์มากที่สุดแล้ว


 


“โอเค เจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนใหญ่ยังเป็นคนดี ตอนนี้ฉันจะให้ตำรวจล้อมตระกูลเยวียน การประชุมครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับย่านเหอเฟิง สิ่งที่เราต้องทำต่อไปคือเผชิญหน้ากับตระกูลเยวียนบ้านี้ และดูว่าพวกเขาทำอะไรอยู่!” เชียนฟ๋างฮันยืนขึ้นและประกาศด้วยเสียงดังก้อง



บทที่ 451 : ไม่คาดคิด


 


สิ่งที่ทำให้เซี่ยวเหลยมีความสุขอย่างมากคือไม่เพียงแต่จะถ่ายทอดสดที่ช่องของเธอในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขายังจับหนิวม๋านเจริง และคนของเขาก็ถูกพาตัวไปด้วย


 


ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อลี่ชุนเฉิงออกมา เขายอมให้เธอสัมภาษณ์เขาและเชิญช่องของพวกเขาให้ไปยังตระกูลเยวียนด้วยกัน


 


พนักงานทุกคนใน Peacock Channel รู้สึกว่าพวกเขาได้รับโชคอย่างมากในวันนี้ พวกเขาเป็นเพียงช่องข่าวเฉลี่ยทั่วไปในปักกิ่ง แต่ต้องขอบคุณติดต่อของเซี่ยวเหลย พวกเขาสามารถออกอากาศบางสิ่งบางอย่างที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับในเหอเฟิงได้ ไม่แม้แต่ He Feng Channel จะได้ต้องออกอากาศมัน


 


เกือบทุกคนที่สูงขึ้นในเหอเฟิง ตำรวจและนักข่าวที่มาชุมนุมกัน หลายคนมุ่งหน้าไปยังสถานที่ของตระกูลเยวียน


 


ลวี่อิงอิงไว้วางใจเย่โม่ เธอรออยู่ที่ชานเมืองคฤหาสน์ของตระกูลเยวียน เธอไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วยซ้ำไป ซึ่งแน่นอนว่าเย่โม่ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เมื่อเธอเห็นอีกาขนาดใหญ่กำลังจะมา เธอก็รู้ว่าเธอจะต้องแก้แค้น


 


ลวี่อิงอิงลบล้างปีที่เลวร้ายออกไป ในที่สุดเธอก็จะได้แก้แค้น เธอเดินไปที่เซี่ยวเหล่ย ซึ่งเธอพร้อมที่จะบอกทุกอย่างที่เยวียนจรือร่งทำ


 


…..


 


ความรู้สึกตกใจแบบเดียวกันเกิดขึ้นในหุบเขากุ้ยหลินและรัฐยวี วิดีโอของยวีเมี่ยวตั๋นที่เล่นได้ทำให้ทุกคนตกใจ


 


ปัญหาเกี่ยวกับยาความงามและยาสุขภาพที่จริงแล้วเป็นการหลอกลวงของบริษัทเยวียนเป่ย พวกเขาไม่เพียงทำเช่นนี้เพื่อครองตลาดเท่านั้น แต่บริษัทเยวียนเป่ยกำลังจะแพร่กระจายไวรัสอีกด้วย


 


ความโกลาหลครั้งนี้ทำให้เกินการประชุมของบริษัทลั่วเยวียในปักกิ่งครั้งที่แล้ว


 


ทุกคนจ้องมองที่ลู่ชุยหยางอย่างดูถูก เธอไม่เคยคิดเลยว่าบริษัทลั่วเยวียจะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิดีโอที่น่าตกใจนี้ ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาบอกว่าพวกเขากำลังจะให้คำตอบที่ชัดเจนและให้ความสุขกับทุกคนด้วยสิ่งที่ชัดเจนกว่า


 


“ประธานยวีคะ ฉันรู้ว่าบริษัทลั่วเยวียจะไม่ทำเรื่องเลวทรามพวกนั้น ฉันวางใจบริษัทลั่วเยวียนะคะ” นักข่าวคนหนึ่งกล่าวและถามว่า “ประธานยวีคะ ฉันขอสำเนาของคลิปนี้ได้ไหมคะ?”


 


ยวีเมี่ยวตั๋นเย้ยหยัน เธอรู้นิสัยของคนพวกนี้ หากบริษัทลั่วเยวียอยู่ขอบหน้าผา พวกเขาจะมาหาพวกเขาและเตะพวกเขา มันเป็นกฎของป่าในโลกนี้


 


ยวีเมี่ยวตั๋นยิ้มและพูดว่า “คุณสามารถดาวน์โหลดคลิปจากเว็บไซต์ทางการของเราได้เลยคะ ฉันไม่ต้องการรบกวนการทำงานของทุกคน ฉันจะสรุปงานแถลงข่าวละ”


 


เกือบทุกคนรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่า


 


ใช้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อให้คลิปแพร่กระจายไปทั่วประเทศ แต่ช่องของเซี่ยวเหล่ยยังคงเป็นผู้นำ


 



 


งานแถลงข่าวในรัฐยวีได้รับการจัดโดยหนิงจงเฟยและลี่มู่เหม่ย จากนั้นเธอก็ยังปล่อยวิดีโอของแผนกตำรวนที่ขู่ว่าจะเอาใบอนุญาตของพวกเขาออกไป


 


รัฐยวีตกตะลึง เกือบจะทันทีหลังจากวิดีโอถูกปล่อยออกมา รัฐบาลก็ตอบโต้ พวกเขาไล่คนพวกนี้ออกไปอย่างรวดเร็วและคืนสิ่งที่พวกเขาได้รับไป


 


ในขณะนั้น ทุกคนตระหนักว่าบริษัทลั่วเยวียทรงพลังมากเพียงใด จึงไม่มีใครกล้าทำอะไร


 


และพวกเขายังไม่เห็นพลังทั้งหมดของพวกเขา ในช่วงเวลานั้น สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ Peacock News Channel ของปักกิ่ง


 


พวกเขาถ่ายทอดวิธีที่ตระกูลเยวียนได้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ พัฒนาไวรัสและโจมตีบริษัทลั่วเยวีย


 


เยวียนจรือร่งนั่งอยู่ในคฤหาสน์ของเขาด้วยหน้าซีดเผือก เขามองผ่านหน้าต่างขณะที่ตำรวจล้อมรอบคฤหาสน์ของเขา หัวใจของเขาจมลงไปที่ก้น แม้ว่าไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขาได้รับข่าวว่าวิดีโอการประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา มันก็รั่วไหลอย่างรวดเร็ว เขาพยายามติดต่อชรังฮุยและหนิวม๋านเจริง แต่โทรศัพท์ของพวกเขาถูกปิด แม้ว่าเขาคิดว่าพวกเขาอาจอยู่ในการประชุม แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ดี


 


เยวียนจรือร่งยังเชื่อว่าเขาสามารถใช้อำนาจของเขาและเอาชนะมันได้


 


แต่เมื่อเขาได้ยินว่า ชรังฮุย หนิวม๋านเจริงและจี่ตุนถูกนำตัวไปทั้งหมด เขาก็รู้ว่าสิ่งต่างๆ ไม่ดีแล้ว เขาประเมินพลังอำนาจของบริษัทลั่วเยวียต่ำเกินไป เพิ่งผ่านไปเพียงคืนเดียวและพวกเขาก็พลิกทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ


 


เขาต้องการหนีไปทันที แต่เขาก็ตระหนักว่ามันสายเกินไป


 


“เยวียนจรือร่ง คุณถูกล้อมแล้ว ยกมือขึ้นแล้วออกมาซะ” ตำรวจพูดพร้อมไมโครโฟน


 


“ประธานครับ เราถูกเปิดเผยแล้วนะครับ” เยวียนเหว่ยพิงกล่าวอย่างนิ่งเฉย


 


เยวียนจรือร่งมองผู้คนที่อยู่ข้างนอกพร้อมกับใบหน้าสีเขียว เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าใครเป็นคนเปิดเผยเขา ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นเป็นเพียงน้องชายของเขา ลูกชายของเขาและเหว่ยพิง ใครมันจะรั่วไหลข้อมูลออกมากัน?


 


แต่เยวียนจรือร่งรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะคิดเกี่ยวกับมันเรื่องนี้ เขาพูดกับตำรวจที่รออยู่ข้างนอก “เรามีนักวิทยาศาสตร์ 36 คนในคฤหาสน์ของเรา เพียงแค่กดปุ่มของตัวควบคุมนี้ พวกเขาทั้งหมดจะตายทันที ฉันไม่มีเงื่อนไขอะไรนอกจากให้เราออกไปด้วยเฮลิคอปเตอร์และไม่ทำอะไรเราเลย ภายใน 1 ชั่วโมง!”


 


เชียนฟ๋างฮันและลี่ชุนเฉิงเหลือบมองกันและหัวเราะ เขาคิดว่าเขาสามารถหนีไปได้ภายใน 1 ชั่วโมงด้วยเฮลิคอปเตอร์หรอ?


 


เมื่อเชียนฟ๋างฮันต้องการที่จะสั่งให้พลซุ่มยิงจัดการเยวียนจรือร่ง เลขานุการของเขาก็มอบโทรศัพท์ให้เขา หลังจากการโทรสิ้นสุดลง การแสดงออกของเชียนฟ๋างฮันก็ไม่ดีนัก ไม่มีใครรู้ว่าเนื้อหาของการโทรคืออะไร แต่เย่โม่สามารถได้ยินเสียงจากด้านข้างได้เล็กน้อย


 


“เห็นด้วยกับคำพูดของเขา ปล่อยเขาไปตอนนี้ ความปลอดภัยของตัวประกันมีความสำคัญสูงมาก” แม้ว่าเขาจะรู้ว่าสิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล แต่เชียนฟ๋างฮันไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขารู้ว่ามันถูกถ่ายทอดสดอยู่


 


ลี่ชุนเฉิงมองเชียนฟ๋างฮันอย่างสับสน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลย


 


เย่โม่ใช้สัมผัสจิตวิญญาณของเขา


 


เยวียนจรือร่งมีใบหน้าที่เย้ยหยัน เขาพูดกับเยวียนเหว่ยพิงว่า “เตรียมเฮลิคอปเตอร์ เราจะไปทันที ปิงเออร์ ลูก-“


 


เยวียนจรือร่งหยุดพูด ขณะที่เยวียนชีปิงวิ่งออกจากคฤหาสน์ราวกับว่าเขาบ้าไปแล้ว และตะโกนขณะที่เขาวิ่ง “ฉันจะบอกนายทุกอย่าง เมื่อ 1 ปีที่แล้วดาราภาพยนตร์อั๋นรู๋มาที่เหอเฟิงและไม่เห็นด้วยที่จะนอนกับฉัน ฉันฆ่าเธอ เด็กสาว 4 คนที่หายตัวไปในเหอเฟิง เมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกฉันฆ่าด้วย อาจารย์ของฉันบอกว่าฉันสามารถใช้หญิงพรหมจารีเพื่อฝึกตนได้ และฉันยังคิดเรื่องไวรัสด้วย!”


 


เมื่อเห็นเขาในสภาพที่บ้าคลั่งนี้ ทุกคนก็ตกใจ ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเขาถึงยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ยิ่งเขายอมรับมากเท่าไรก็ยิ่งมีคดีที่ไม่ได้ไขชัดเจนขึ้น


 


“ประธานน้อย” เยวียนเหว่ยพิงมองไปที่เยวียนชีปิงด้วยความตกใจ


 


เยวียนจรือร่งพูดอย่างเกลียดชัง “ไอ้ลูกเหี้ยเอ้ย ไม่ต้องไปสนใจมัน ไปกันเถอะ”


 


เยวียนจรือร่งจากไปโดยไม่ลังเล เยวียนเหว่ยพิงมองไปที่เยวียนชีปิงแล้วถอนหายใจ


 


ราวกับว่าเขารู้สึกได้ว่าเยวียนจรือร่งกำลังจะทิ้งเขาไว้ เยวียนชีปิงฟื้นจิตสำนึกของเขาและหันกลับมาตะโกน ในขณะที่วิ่ง “พ่อรอผมด้วย! ผมตายแน่ถ้ายังอยู่ที่นี้!”


 


แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยิน หลังจากครึ่งนาทีเฮลิคอปเตอร์ก็ลอยขึ้นฟ้าและหายไปอย่างรวดเร็ว


 


เยวียนชีปิงทรุดตัวลงบนพื้นและส่งเสียงครำครวญ


 


เยวียนจรือร่งพูดเยาะเย้ยและกดปุ่มควบคุม “ฉันบอกให้คุณตรวจสอบ แต่คุณจะไม่พบอะไรเลย!”



บทที่ 452 : ไม่เป็นสองเท่าของหมู


 


ตู้มมม!! – คฤหาสน์ระเบิดทันที ทิ้งไว้เพียงเมฆเห็ดขนาดใหญ่


 


ทุกคนตกใจ ตำรวจเห็นด้วยกับคำขอของเขา แต่เขายังคงระเบิดคฤหาสน์ของตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าทำไม ถ้ามันเกี่ยวกับการทำลายหลักฐานนั่นก็น่าจะเพียงพอ


 


เย่โม่ไม่ได้คาดหวังว่าพลังของมันจะยิ่งใหญ่เช่นกัน แม้แต่ฐานก็อาจได้รับผลกระทบ


 


“ประธาน ดูเหมือนมันจะไม่ถูกต้องนะครับ” เยวียนเหว่ยพิงกำลังดูที่หน้าจอ


 


“กำจัดการสื่อสารทั้งหมด เข้าสู่โหมดซ่อนตัวและเพิ่มความเร็วของเรา มันไม่สำคัญว่ามันจะถูกหรือผิดตราบใดที่ฐานถูกทำลาย” เยวียนจรือร่งกล่าว


 


เยวียนเหว่ยพิงกล่าวอย่างเป็นกังวลว่า “ฐานของเราไม่ได้ถูกทำลายครับ แต่เป็นขึ้นคฤหาสน์”


 


“อะไรนะ?” เยวียนจรือร่งหาสาเหตุได้ทันทีว่าที่วิดีโอรั่วไหลไปนั่นเป็นเพราะตระกูลของพวกเขาถูกแทรกซึม!


 


ถุ้ย!! – เยวียนจรือร่งถุ้ยเลือดด้วยความโกรธ


 


“บริษัทลั่วเยวีย! ฉันยอมรับว่าฉันดูถูกแก ถ้าฉันไม่แก้แค้นกับเรื่องนี้นะ -” ใบหน้าของเยวียนจรือร่งซีดเหมือนกระดาษขาว เขารู้ว่าเขาแพ้ไปอย่างสมบูรณ์


 



 


ลี่ชุนเฉิงเห็นว่าเชียนฟ๋างฮันไม่ได้พูดอะไรในขณะที่เฮลิคอปเตอร์ออกไปและรู้ทันทีว่านี่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตามไม่ว่าตระกูลเยวียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าตระกูลซงได้หรอ? ดังนั้นเขาไม่ต้องกังวลว่าเยวียนจรือร่งจะจากไป


 


เมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์ออกไปโดยไม่หยุดแม้แต่น้อย เย่โม่ก็เยาะเย้ย นี่เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ นี่คือการปะทะกันระหว่างผู้บังคับบัาที่สูงขึ้น แต่นั่นไม่เกี่ยวข้องกับเขา ใบหน้าของเชียนฟ๋างฮันมันเขียนว่า ‘สิ่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน’


 


คุณจะได้ช็อตขนาดใหญ่ของการทะเลาะวิวาทได้เท่าที่คุณต้องการ แต่ไม่มีทางที่คุณจะหนีจากสายตาฉันได้ ฉันอยากเห็นว่ามีคนช่วยคุณในสถานการณ์เช่นนี้ยังไง คนที่จะพยายามช่วยเยวียนจื่อร่งนั้นก็เป็นเหใือนหมูที่รอถูกย่างกิน


 


เย่โม่ไม่เข้าใจว่าเฮลิคอปเตอร์ของเขาจะเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร มันไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นเฮลิคอปเตอร์ แต่เป็นเครื่องบินไอพ่นแทน


 


เย่โม่ไม่ได้สนใจเรื่องการวิวาททางการเมืองใดๆ เขาจะไม่ปล่อยให้เยวียนจรือร่งไป แม้ว่าเขาจะต้องใช้ยานอวกาศ เย่โม่ก็จะยังคงไล่ล่าเขา


 


…..


 


“ประธาน เราควรหาสถานที่ที่เราจะได้รับยานพาหนะก่อนออกเดินทางดีไหมครับ แม้ว่าเครื่องบินของเราจะดีที่สุดในโลก แต่มันก็ใหญ่เกินไป” เยวียนเหว่ยพิงกล่าวอย่างเป็นกังวล


 


เส้นเลือดของเยวียนจื่อร่งโป่งพอง เขายังคงไม่สามารถระบุได้ว่าใครจะมีอำนาจเช่นนั้นในการย้ายระเบิดทั้งหมดจากฐานไปยังคฤหาสน์ของเขา


 


เขาครอบงำทุกคนตลอดชีวิตของเขา ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้?


 


“ไม่จำเป็น เพราะพวกเขาพวกนั้นจะตามล่าเราไม่ได้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง พวกเขาน่าจะทำได้ ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ฉันก็ควรตายมากกว่าให้สิ่งที่พวกเขาต้องการ” เยวียนจรือร่งกล่าวอย่างโหดเหี้ยม


 


“ประธานครับ แม้ว่าสิ่งนั้นจะสำคัญมาก ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อคืนที่ผ่านมา นอกจากนี้ -” เยวียนเหว่ยพิงหยุดชั่วคราว


 


เยวียนจรือร่งตื่นขึ้นมาจากความโกรธของเขาและพูดว่า “ยังไงนะ?”


 


เยวียนเหว่ยพิงยังคงพูดต่อไป ขณะที่เขาขับเครื่องบิน “เราไม่ได้เป็นตระกูลใหญ่ในปักกิ่ง ถ้าพวกเขากลับคำพูด และไม่สนใจสิ่งที่เรามีละครับ…”


 


เยวียนจรือร่งเรียกสติคืนมา ดังนั้นเมื่อได้ยินอย่างนี้เขาก็พูดหลังจากนั้นครู่หนึ่ง “เหว่ยพิง นายพูดถูก เราต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่าง พวกเขาช่วยเราไม่ได้เพราะเราแข็งแกร่งแค่ไหน เดี๋ยวนะ คนพวกนี้ช่วยฉันสำหรับตอนนี้ แต่พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ฉันเป็นแบบนั้น เหว่ยพิง หาที่จอดทันที เราไม่สามารถขึ้นเครื่องบินลำนี้ได้”


 


“แกนี่ฉลาดจริงๆ ! แต่ตระกูลเยวียนของแกมันไร้ประโยชน์ ไวรัสที่เสร็จสิ้นแล้วได้ถูกมอบให้แก แต่แกไม่สามารถแพร่เชื้อได้ ไอ้พวกไร้ความสามารถ! เป็นแค่บริษัทเล็กๆ ถ้าแกไม่อยากตายทันที จงหยุดเครื่องบินที่เทือกเขาด๋วนเฮงซะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นและดูเหมือนโกรธมาก


 


เยวียนจรือร่งและเยวียนเหว่ยพิงมองผู้พูดที่มุมห้อง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนโง่ พวกเขาก็ยังคงตระหนักว่าพวกเขาถูกหลอกใช้อย่างสมบูรณ์


 


“แกเป็นใครว่ะ!” เยวียนจรือร่งตะโกนทันที


 


การเรียกผลิตภัณฑ์ของบริษัทลั่วเยวียเป็นเพียงความสนใจเล็กน้อยเท่านั้น คนๆเป็นใครกัน? เยวียนจรือร่งใช้คนมาตลอดชีวิตของเขา แต่เขาไม่เคยใช้ตัวเองอย่างเต็มที่เลย


 


“แกไม่จำเป็นต้องถามว่าฉันเป็นใคร แกเพียงแค่ต้องบังคับเครื่องบินตามที่ฉันบอก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สนใจสิ่งนั้น ชีวิตของแกก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้างละนะ” เสียงนั้นพูดขึ้น


 


“ตระกูลเยวียนของเราไปทำให้แกขุ่นเคืองได้ยังไง? แกเป็นคนที่มอบของให้ปิงเออร์ใช่ไหม? ทำไมแกถึงทำอย่างนั้น? ทำไมแกไม่เลือกตระกูลใหญ่เหล่านั้นให้ตกเหวทั้งหมด แต่เป็นเรา” เสียงของเยวียนจรือร่ง เริ่มแย่ลง


 


เสียงเยือกเย็นตอบ “เพราะตระกูลของแกไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น นั่นคือเหตุผลที่ฉันเลือกแก แต่แกเหมือนหมู แกเป็นคนระเบิดคฤหาสน์ของแกแทนฐาน เหตุผลที่ฉันมาหาก็เป็นเพราะแกยังสามารถมีประโยชน์อยู่บ้าง”


 


เยวียนจรือร่งรู้สึกงุนงงและพูดอย่างงี่เง่าว่า “ฉันเป็นหมู ฉันเป็นหมูจริงๆ นั้นแหละ! ฮ่าๆๆ ฉันเป็นหมูหนึ่งครั้ง แต่ฉันจะไม่เป็นหมูสองครั้ง ถ้าฉันไปที่ที่แกบอกฉันจริงๆ ฉันอาจจะตายก็ได้ แกแค่ทำให้ฉันนำสิ่งนั้นมาให้ แม้ว่าฉันจะตาย ฉันก็จะไม่ปล่อยให้แกได้สิ่งที่ต้องการ!”


 


“อืมม แกต้องการความตายเหรอ? คุณไม่ต้องการแก้แค้น?” เสียงในครั้งนี้นุ่มนวลขึ้นมาก


 


การแสดงออกของเยวียนจรือร่งราวบ้าคลั่ง “ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันคือแก แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถแก้แค้นได้ ถ้าฉันฆ่าศัตรูของฉันได้ เหยื่อรายแรกของฉันจะเป็นแก และบริษัทลั่วเยวีย ฉันรู้ว่าแม้หากสิ่งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อฉันมอบสิ่งนี้ให้กับแก ตระกูลเยวียนของเราจะยังคงอยู่ต่อไป เหว่ยพิงไปตายด้วยกันเถอะ บังคับเครื่องบินไปที่ก้อนหินเลย!”


 


เหว่ยพิงตอบอย่างใจเย็น “ครับ”


 


จากนั้นเครื่องบินพุ่งเข้าหาภูเขา


 


เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสียงของผู้พูดก็กระวนกระวายว่า “เยวียนจื่อร่ง แกบ้าไปแล้ว!”


 


“ถูกต้อง ฉันบ้า ฉันสามารถถูกใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่อย่าคิดแม้แต่จะพยายามใช้ฉันในครั้งที่ 2” ทันใดนั้น น้ำเสียงของเยวียนจรือร่งก็สงบลง เขาเพิกเฉยต่อผู้พูดและพูดกับเหว่ยพิงว่า “เหว่ยพิง นายอยู่เคียงข้างฉันมา 10 ปีแล้ว และในที่สุดฉันก็จะพานายไปสู่เส้นทางที่ไม่มีวันได้กลับ ฉันขอโทษนะ”


 


เยวียนเหว่ยพิงยิ้ม “ประธานครับ อย่างที่ผมเคยบอกก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่คุณช่วยชีวิตผมและน้องสาวไว้ ชีวิตของผมก็เป็นของคุณแล้วครับ”


 


“โอเค เหว่ยพิง ฉันอายุมากกว่านาย 2-3 ปี เรียกฉันว่าพี่ใหญ่สิ” น้ำเสียงของเยวียนจรือร่งสงบมากและเขาก็รู้สึกโล่งอกมาก เขารู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็ไม่มีทางออก


 


“พี่ใหญ่!” เยวียนเหว่ยพิงพูดอย่างไม่ลังเล


 


ทันทีที่เขาเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ เฮลิคอปเตอร์ก็ชนเข้ากับภูเขาพร้อมด้วยการระเบิดครั้งใหญ่


 


เย่โม่ที่กำลังติดตามอยู่ใกล้ๆ ในอากาศก็หยุดลง เขาสามารถบอกได้ว่านี่เป็นการฆ่าตัวตาย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเยวียนจื่อร่งยังแสวงหาความตายหลังจากออกมาได้


 


เย่โม่ลงจอดใกล้ซากปรักหักพัง ร่างกายของพวกเขาแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก


 


เย่โม่สแกนสัมผัสจิตวิญญาณของเขาและมั่นใจว่าคนตาย 2 คนคือ เยวียนจรือร่งและเยวียนเหว่ยพิง เย่โม่ไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งสองได้สิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ


 


กล่องเล็กๆ สีทองได้ดึงดูดความสนใจของเย่โม่ เย่โม่คว้ากล่องผ่านทางอากาศและเปิดมัน พื้นที่ด้านในนั้นเล็กมาก นอกเหนือจากคริสตัลที่เหมือนเพชรก็ไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว เย่โม่มองคริสตัลอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนจะเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา ดังนั้นเมื่อเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร เขาจึงเทมันลงในแหวนของเขา


 


นอกเหนือจากนั้น เย่โม่ก็ไม่พบอะไรอีกในสถานที่นั้น ดังนั้นเขาจึงจากไป


 


อีก 1 ชั่วโมงต่อมาเฮลิคอปเตอร์อีกลำก็มาถึงพร้อมกับชาย 3 คนสวมชุดดำ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลยและพุ่งเข้าไปในซากเฮลิคอปเตอร์ ขณะที่พวกเขาเริ่มค้นหา


 


ครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายแก่คนหนึ่งก็พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเสียงรอยเท้าเหมือนกันและดูเหมือนว่ามันจะไม่ถูกค้น มันดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”



บทที่ 453 : อุดมคติของหนิงชิงเซวีย


 


แม้ว่าเขาจะอยู่ในเทือกเขาด๋วนเฮงแล้วและลมปราณก็ดีกว่าที่อื่นๆ แต่เย่โม่ตัดสินใจจะกลับมาหาสมุนไพรจิตวิญญาณในอนาคต ธุระของเขาเสร็จสิ้นแล้ว และเขาต้องการกลับไปที่เมืองอสรพิษเพื่อตรวจสอบ


 


เมื่อเย่โม่มาถึงเมืองอสรพิษ บริษัทลั่วเยวียก็มีชื่อเสียงขึ้นมาอีกครั้ง บริษัทเยวียนเป่ยไม่เพียงถูกเปิดเผยที่โจมตีบริษัทลั่วเยวีย แต่พวกเขายังถูกลบออกจากตลาดในข้ามคืน


 


เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปีที่แล้ว บริษัทนี้ได้เพิกเฉยต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเพื่อทำกำไรมากขึ้น พวกเขาถูกไล่ออกจากตลาดในคืนเดียวและละอายใจ


 


สิ่งที่บริษัทเยวียนเป่ยเคยทำนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทนมผง พวกเขาไม่เพียงแต่ทำร้ายประชาชน แต่ยังเป็นพลเมืองอีกด้วย พวกเขาได้รับผลิตภัณฑ์ที่เป็นดั่งดาว ขโมยมันมาจากครอบครัวหนึ่งหลังจากฆ่าปู่และพี่ชาย พวกมันชั่วร้ายจริงๆ ถ้ามันไม่ได้เกิดขึ้นสำหรับเหตุการณ์นี้และเหยื่ออย่างลวี่อิงอิงที่เปิดเผย พวกเขาคงไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมาของเลือดตระกูลลวี่ว่าเป็นอย่างไร


 


ด้วยแผนของพวกเขาที่จะแพร่เชื้อไวรัส หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้ประกาศว่าเยวียนจรือร่งฆ่าตัวตาย เขาอาจจะถูกประชาชนที่โกรธแค้นกินทั้งเป็น


 


แม้ว่าตระกูลเยวียนจะจบลง แต่พวกเขายังมีโชคที่ยิ่งใหญ่ ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ความมั่งคั่งของพวกเขาถูกยึดโดยรัฐบาลเพื่อประโยชน์สาธารณะและส่วนหนึ่งของมันถูกมอบให้กับผู้เสียหายเพื่อเป็นการชดเชย


 


ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทลั่วเยวียยังมีชื่อเสียงมากขึ้น อีกทั้งผลิตภัณฑ์ของพวกเขายังเป็นที่ต้องการสูงขึ้น


 



 


เมื่อเย่โม่กลับมาที่เมืองอสรพิษ หนิงชิงเซวียก็กำลังรอคอยเขาอยู่เป็นเวลานาน


 


“ฉันอยากกลับไปดูอะไรที่รัฐยวีหน่อยนะ” หนิงชิงเซวียกำลังรอที่จะบอกเขาเรื่องนี้


 


“แค่นั้นหรอ?” เย่โม่ยิ้มและสัมผัสเส้นผมของหนิงชิงเซวียอย่างเบามือ


 


“ฉันต้องการใช้ความพยายามทั้งหมดของฉันในการพัฒนาบริษัทลั่วเยวียหลังจากไปพบพ่อกับแม่นะ ฉันคิดเหมือนพี่ยวี บางทีวันหนึ่งเราก็สามารถเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นเมืองได้ เมืองนี้จะเป็นของเราเท่านั้น และไม่มีใครจะรบกวนเราได้ ฉันชอบวิธีนี้แม้ว่าฉันจะรู้ว่ามันไม่เป็นจริงมากก็เถอะ นี่น่าจะเหมาะกับทุกคนในบริษัทลั่วเยวีย” หนิงชิงเซวียเติบโตขึ้นมาในตระกูลใหญ่และแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีส่วนร่วมในแผนการ และการหลอกลวง เธอก็ยังคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านั้น


 


เธอเกลียดชีวิตแบบนั้น แต่คำแนะนำของยวีเมี่ยวตั๋นเกี่ยวกับบริษัทลั่วเยวียทำให้เธอมีความหวัง


 


หากดินแดนของเมืองอสรพิษสามารถซื้อได้จริงๆ บางทีพวกเขาก็สามารถสร้างสวรรค์ที่นี้ได้ สิ่งสำคัญคือเธอเชื่อเย่โม่ เขาเป็นผู้ฝึกตนอมตะ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นอมตะได้จริง เขาก็ยังสามารถสร้างเมืองได้


 


“ตกลง ฉันสัญญา” เย่โม่คว้ามือของหนิงชิงเซวีย เธอรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะทำให้มันเป็นจริง แต่เขาต้องการเติมเต็มความปรารถนาของเธอ


 


เพื่อที่จะทำเช่นนั้น เขาต้องการพลังอำนาจ หากปราศจากพลังนั่นก็เป็นเพียงแค่ความฝัน บนโลกมันยากเกินกว่าที่จะเพิ่มพลังของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนเพียงคนเดียว แต่ก็ยังยากมาก ยิ่งไปกว่านั้น เย่โม่ไม่พอใจกับดินแดนของเมืองอสรพิษ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอย่างนั้น


 


“ฉันจะพาเธอไปพรุ่งนี้นะ คืนนี้ -” ทันใดนั้น ปากของเย่โม่ก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากของหนิงชิงเซวีย


 


หนิงชิงเซวียรู้สึกว่าใบหน้าของเธออบอุ่นขึ้น เธอชอบความรู้สึกในการจูบกับเย่โม่


 


หลังจากนั้นไม่นาน หนิงชิงเซวียก็เงยหน้าขึ้นมองเขา “พรุ่งนี้ฉันไปเองได้น่า ในอนาคตฉันอาจต้องไปๆมาๆบ่อยๆด้วย นอกจากนี้ฉันอยู่ในขั้นสูงสุดระดับ 1 แล้ว ฉันดูแลได้ นายมีหลายอย่างที่ต้องทำ ฉันให้นายพาฉันไปที่นั่นทุกครั้งไม่ได้หรอก”


 


เย่โม่ยิ้ม แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าลำบากที่จะพาหนิงชิงเซวียไปยังรัฐยวี แต่เขาก็เคารพความคิดเห็นของหนิงชิงเซวีย ตอนนี้เธอสามารถป้องกันตัวเองได้แล้ว


 


“โอเค ฉันจะสอนวิธีใช้บอลไฟคืนนี้นะ ฉันมียาเพิ่มลมปราณด้วย ฉันจะพยายามพาเธอขึ้นขั้น 2 ในคืนนี้แล้วกันเนอะ” เขากล่าว


 


อย่างไรก็ตาม หนิงชิงเซวียโอบแขนของเธอไว้รอบคอของเย่โม่ แล้วพูดว่า “ไว้นายสามารถสอนฉันทีภายหลังดีกว่า คืนนี้ฉันจะอยู่กับนาย”


 



 


เย่โม่และซิลเวอร์ไปส่งหนิงชิงเซวียที่เครื่องบินก่อนที่จะกลับไปที่บริษัท ซิลเวอร์ไม่สามารถถูกนำขึ้นเครื่องบินได้ ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่ที่นี่และให้เย่โม่ดูแลเธอ เนื่องจากหนิงชิงเซวียจะไม่ได้เรียนเรื่องบอลไฟในคืนก่อนหน้านั้น เย่โม่จึงให้ยาเพิ่มลมปราณและยันน์บอลไฟของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


 


เมื่อคืนเขาได้นอนกับหนิงชิงเซวีย แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกัน แม้เย่โม่จะรู้ว่าถ้าเขาต้องการ หนิงชิงเซวียจะไม่ปฏิเสธเขา แต่เขาก็ยังต้องการตามหาลั่วหยิงก่อน เขาอยู่กับลั่วหยิงในทวีปลั่วเยวีย เธอช่วยเขาไว้มากกว่า 1 ครั้ง ยิ่งกว่านั้นเธอเกือบเสียชีวิตเพื่อชีวิตเขาก่อนที่จะส่งเขามาที่นี่


 


เขาเป็นหนี้ลั่วหยิง 2 ดวงวิญญาณที่กลับชาติมาเกิด ดังนั้นในหัวใจของเขาอาจารย์ของเขาจึงอยู่ในที่เดียวกันกับหนิงชิงเซวีย สิ่งหนึ่งที่เย่โม่ไม่ได้กล่าวคือเมื่อเขาสามารถสร้างเมืองได้อย่างที่หนิงชิงเซวียปรารถนา เขาจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขาด้วยกัน


 


หนิงชิงเซวียรู้ว่าเย่โม่กำลังคิดอะไรอยู่ เธอกอดเขาในคืนนั่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้ แต่ก็เพียงพอสำหรับหนิงชิงเซวียแล้ว ตราบใดที่เธออยู่กับเย่โม่ เธอก็มีความสุข ถ้าหนิงชิงเซวียไม่ได้พ่อแม่มาสักพักหนึ่งแล้ว และถ้าไม่มีปัญหาเรื่องบริษัทเฟยยวี ในความเป็นจริงหนิงชิงเซวียก็ไม่อยากจากเย่โม่ไปเลย


 


เย่โม่รู้ว่าเขายังต้องการเพิ่มพลังของเขา เขาไม่สามารถรับทัพได้ทั้งหมด หากแม้แต่ในนิกายลี้ลับ เขาก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน แต่ในนิกายลี้ลับภายในนั้นก็ค่อนข้างซับซ้อน แม้แต่พระหวู่เต๋าก็ยังอยู่กับเขา ใครจะมั่นใจได้ว่าอาจารย์คนเดียวในนิกายลี้ลับภายนอกคือ หวู่เต๋า?


 


ยิ่งไปกว่านั้น เย่โมไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เขามีครอบครัว ภรรยาและเพื่อนของเขา แม้ว่าเขาจะวิ่งหนี พวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย


 


แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปที่นิกายลี้ลับภายใน แต่เย่โม่ก็มั่นใจว่ามีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาและไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการที่จะไปเพิ่มพลังของเขาและค้นหาสมุนไพรจิตวิญญาณ


 


นอกจากนี้ เขายังต้องแก้แค้นนิกายไท่อี้ที่ฆ่าหนิงชิงเซวียด้วยเช่นกัน เขาจะไม่บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


ก่อนที่จะไปยังนิกายลี้ลับภายใน เย่โม่ยังคงต้องการที่จะดูสถานที่ที่จรังจรือฮุยหายไป


 



 


ในเมืองอสรพิษ เย่โม่อยู่ในห้องของเขาเพื่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์ตลอดทั้งวัน ก่อนที่เขาจะจากไป เขาต้องการให้ทุกคนให้ความสำคัญกับเขาในการป้องกันสิ่งประดิษฐ์


 


เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็เก็บมันไว้ในแหวนของเขา เขารู้สึกได้ทันทีหลังจากมีคนเข้ามาในห้อง


 


เย่โม่สั่นสะเทือน ใครเข้าห้องของเขา? เขาเพิ่งจะพบ ตั้งแต่เมื่อไรที่อาจารย์แบบนี้มาถึงเมืองอสรพิษ?


 


“แกคือใคร?” ในทันทีที่เย่โม่ก็หันมา เขาก็เห็นร่างหนึ่งที่หน้าต่าง



บทที่ 454 : กลายพันธุ์


 


คนที่อยู่ริมหน้าต่างดูตกใจมากที่เย่โม่สังเกตเห็นเขาได้และพูดติดอ่างเป็นภาษาจีนว่า “นาย นายพบการมาถึงของฉันหรอ?”


 


“เลิกพล่ามได้ละ บอกฉันมาว่าแกเป็นใครหรือไม่งั้นแกจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกเลย” เย่โม่พูดอย่างเยือกเย็น แม้ว่าบุคคลนี้จะบอกเขาว่าเขาเป็นใคร เย่โม่ก็จะไม่ยอมให้เขาไป ห้องนั้นเป็นของหนิงชิงเซวีย หากเขาไม่ได้ไปที่นั่น หนิงชิงเซวียคงจะเป็นเจอเข้าเอง เย่โม่จะให้คนแปลกหน้าแอบเข้ามาในห้องของเธอได้ยังไง เหตุผลที่เย่โม่ถามก็เพื่อดูว่ามีคนอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่


 


ชายคนนั้นเป็นชาวต่างชาติ เขามีผิวขาวและร่าง


 


แม้ว่าเย่โม่จะมีสัมผัสจิตวิญญาณ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้ตลอด 24/7 แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำ เย่โม่ก็ยังรู้สึกว่ามีใครเข้ามาใกล้เขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นใครและสิ่งนี้ก็ได้แจ้งเตือนเรื่องความปลอดภัยสำหรับเย่โม่


 


ทันทีที่เย่โม่พูด ก็มีชายอีกคนหนึ่งกระโดดเข้ามาข้างใน เขาร่างใหญ่กว่าผู้ชายแรกมาก ชายคนนี่เป็นชายผิวดำ เย่โม่สแกนทันที ซึ่งจริงๆแล้วมีชายคนที่สามอยู่ข้างนอก เย่โม่เย้ยหยัน แต่ยังคงเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


“ไม่มีโอกาส?” ชายคนแรกพูดซ้ำและหัวเราะ จากนั้นเขาก็พูดอย่างขุ่นเคือง “แกบอกว่าเราไม่มีโอกาสเรอะ? แกรู้ไหมว่าฉันสามารถฆ่าแกได้ง่ายๆ ด้วยการโบกมือของฉันนะห่ะ?”


 


ชายอีกคนหนึ่งไม่ขยับหรือพูดอะไรเลย ราวกับว่าเย่โม่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา


 


มีชายผิวขาว 2 คนและชายผิวดำ 1 คน เย่โม่สับสน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาไปขัดแย้งกับชาวต่างชาติ? ทำไมพวกมันต้องการจับชิงเซวีย


 


มีพลังลมปราณแปลกๆ อยู่รอบตัวพวกเขา มันไม่เหมือนคลื่นลมปราณของผู้ฝึกตนหรืออย่างจิตวิญญาณลมปราณของเขา มันบอบบางมาก แต่ก็แข็งแกร่งพอๆ กับพลังของทักษะต่อสู้โบราณ ดังนั้นเย่โม่จึงไม่สามารถตัดสินได้วพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน


 


เอาตรงๆ เย่โม่ไม่เคยเห็นพลังเช่นนี้มาก่อน และเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังฝึกตนอะไรอยู่


 


เย่โม่ถามอย่างเฉยเมยว่า “ฉันไม่รู้จักแก แกมาที่นี่ทำไม?”


 


“แกโชคไม่ดีเลยนะ ทำไมแกถึงอยู่ในห้องของคุณหนิงละเนี้ย? โอ้ แกเป็นผู้ชายของเธอหรอ? คุณหนิงชิงเซวียค่อนข้างสวยเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องห่วง เรามาที่นี่เพื่อเชิญเธอไปที่สำนักงานใหญ่ของเรา แต่มันลำบากมากที่แกรู้เรื่องนี้ ยังไงก็เถอะน่า ถ้าแกบอกเราว่าเธอไปไหน เราจะปล่อยแกไป ^^ ” ชายคนแรกพูดลวกๆ


 


การแสดงออกของเย่โม่เยือกเย็นทันที หนิงชิงเซวียไม่รู้จักคนพวกนี้แน่นอน ทำไมพวกเขาถึงต้องการเธอ? เย่โม่รู้ทันทีว่ามีบางอย่าง อีเดนต้องบอกเรื่องที่หนิงชิงเซวียพูดกับรัฐบาลสหรัฐฯ และตอนนี้พวกเขาต้องการข้อมูลของเธอ เพราะเรื่องนี้เป็นความลับ ทหารสหรัฐฯ จึงต้องการลักพาตัวหนิงชิงเซวีย เพื่อให้ทหารจีนไม่พบ


 


ไม่มีใครที่จะมีจิตใจที่เมตตาจริงๆเลย จิตสังหารปรากฏขึ้นที่เย่โม่ทันที ถ้าเขาฆ่าอีเดนไปมันก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาไม่ได้ฆ่าอีเดนหรือโจรสลัด


 


แม้ว่าเย่โม่จะรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของอีเดน แต่ในยุทธภพคนที่ตายแล้วปลอดภัยที่สุด ชาวต่างชาติสังเกตเห็นจิตสังหารของเย่โม่ และหัวเราะเยาะ “ดูเหมือนว่าคุณหนิงจะบอกแกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นละสิ และแกก็รู้ว่ามันรุนแรงแค่ไหน ถ้าแกเต็มใจที่จะมากับเรา เราสามารถปล่อยให้แกมีชีวิตอยู่ได้นะ”


 


เย่โม่เยาะเย้ย “ฉันอยากให้แกไสหัวไป แต่ตอนนี้แกไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกแล้วละ”


 


ทันทีที่เย่โม่พูด เขาก็กวาดใบมีดสองใบไปที่ชาย 2 คนแล้วตามด้วยบอลไฟ 2 ลูก เขาไม่จำเป็นต้องมีความเมตตาต่อชาวต่างชาติที่โง่เขลาพวกนี้


 


พรึบ – ชายคนแรกหลบการโจมตีที่รุนแรงด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ดังนั้นเย่โม่จึงจัดการแขนของเขาได้เพียงข้างเดียว บอลไฟเปลี่ยนแขนเป็นเถ้าถ่าน แต่มันไม่ได้ทำให้อวัยวะสำคัญของเขาบาดเจ็บ


 


ชายอีกคนหลบวินด์เบลดและบอลไฟอย่างสมบูรณ์ และเขาก็ยิงประกายของสายฟ้ากลับมา


 


นี่เป็นครั้งแรกที่เย่โม่เห็นใครบางคนเร็วเท่ากับสองคนนี้ พวกเขาไม่น้อยไปกว่าจอมยุทธ์เลย


 


การโจมตีแบบสายฟ้านั้นค่อนข้างแข็งแกร่งในยุทธภพ เฉพาะผู้ที่มีรากทางจิตวิญญาณแห่งสายฟ้าก็สามารถใช้ได้ เย่โม่ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นใครบางคนใช้สายฟ้าบนโลกนี่ หัวใจของเขาจมดิ่งลง เขาเคยพบผู้ฝึกตนที่มีรากทางจิตวิญญาณสายฟ้าด้วยหรอ?


 


หากเจอ เย่โม่จะไม่สามารถเอาชีวิตรอดในคืนนั้นได้ แต่ในไม่ช้า เย่โม่ก็พบว่าเขาสามารถหลบสายฟ้าฟาดได้อย่างง่ายดาย มันไม่ได้ล็อคอยู่ในสัมผัสจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง มันกระแทกพื้นและทำให้เกิดรูใหญ่


 


นี่เป็นการโจมตีแบบสายฟ้าหรอ? เย่โม่รู้สึกแปลกๆ เขาไม่เคยเห็นการโจมตีด้วยสายฟ้าที่ไม่ดีเท่านี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนรากทางจิตวิญญาณแห่งสายฟ้าที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถใช้ทักษะสายฟ้าได้ดีกว่านั้นมาก


 


“เขาเป็นประเภทลมและไฟ และเขามาถึงระดับ 4 แล้วด้วย เราจะถอยและขอการสำรอง” ชายผิวขาวที่ไม่ได้เข้ามาพูดภาษาอังกฤษ


 


เย่โม่ตื่นจากความตกใจของเขาและรู้ว่าผู้บุกรุกทั้ง 2 รายกำลังถอย ในเมื่อพวกเขาเข้ามาแล้ว เย่โม่ก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไป สายฟ้าฟาดนั้นไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เขาได้ แต่ถ้าเขาปล่อยมันไป มันจะเป็นหายนะอย่างแท้จริง หากการพัฒนารูปแบบสายฟ้าของพวกเขามาถึงระดับที่แน่นอน แม้แต่เขาก็จะไม่สู้กับพวกนั้นได้


 


ชายคนแรกนั้นเตี้ยกว่าและดูว่องไว ยิ่งกว่านั้นเขารู้ภาษาจีน เย่โม่ขว้างวินด์เบลด 3 ใบตามเขาก่อนที่พวกเขาจะกระโดดออกจากหน้าต่าง ชายคนนั้นที่แขนถูกตัดออกไปแล้ว ด้วยวินด์เบลดอีก 2-3 อัน เขาก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ และตกลงบนพื้น


 


ชายผู้ที่ใช้สายฟ้าสูงและเร็วมาก หลังจากเห็นเพื่อนร่วมทีมของเขาถูกฆ่าตาย เขาก็โยนสายฟ้าอีก 2 ครั้งที่เย่โม่


 


เย่โม่รู้สึกว่าการโจมตีด้วยสายฟ้านั้นอ่อนแอกว่าเมื่อก่อน เขาไม่ควรที่จะหลบมัน ดังนั้นเขาจึงผ่านมันไปและโยนบอลไฟไปที่ด้านหลังของชายคนนั้น


 


เย่โม่คิดว่าเนื่องจากพวกเขาสามารถหลบวินด์เบลดและบอลไฟของเขาได้ พวกเขาก็จะหลบบอลไฟนั้นได้อย่างแน่นอน แต่ทันทีที่เขาใส่วินด์เบลดต่อไป มันก็จะผ่าขาของพวกเขา


 


สิ่งที่เย่โม่ไม่ได้คาดหวังคือคนที่เขาพิจารณาว่าเป็นผู้ฝึกตนสายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดไม่สามารถหลบบอลไฟของเขาได้ ในขณะที่เขาวิ่ง เขาก็เพิ่งถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน


 


เย่โม่งงงวย ทำไมมันง่ายขนาดนั้น? ราวกับว่าเขาใช้พลังมหาศาลในการยกของหนักขึ้นมาเพียงเพื่อจะพบว่ามันกลวงและทำจากพลาสติก


 


ผู้ฝึกตนสายฟ้าฟาดนี่ที่จริงแล้วอ่อนแอหรอ? เย่โม่ส่ายหัว และวางความคิดนั่นลง มันยังมีผึ้งอีก 1 ตัว แต่เมื่อเย่โม่ค้นหาเขา เขาก็ออกไปจากสัมผัสจิตวิญญาณของเขาแล้ว


 


เย่โม่คิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาต้องการให้ซวี่เยวียฮวาทำการตรวจสอบ แต่มีภูเขาล้อมรอบเมืองอสรพิษ มันเป็นไปไม่ได้ที่สถานะปัจจุบันของเมืองอสรพิษจะล็อคคนที่ดีลง


 


เว้นแต่สถานที่นี้จะกลายเป็นเมือง เมืองหรอ? เย่โม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาอาจต้องสร้างเมืองที่นี่


 


เย่โม่เดินไปที่ร่างของผู้ใช้สายฟ้าและไม่รู้สึกถึงว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนสายฟ้าหรือจิตวิญญาณลมปราณ


 


ชายคนนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกเต๋า ถ้าเขาไม่ใช่ เขาจะใช้เวทย์มนตร์สายฟ้าได้ยังไง?


 


การกลายพันธุ์? เย่โม่คิดคำนี้


 


พลังของมนุษย์กลายพันธุ์นั้นอ่อนแอเกินไปสำหรับเขา แม้ว่าเขาจะถูกโจมตี แต่เขาก็จะไม่เจ็บปวด


 


ชาวอเมริกันส่งคนกลายพันธุ์ 2-3 คนไปจับหนิงชิงเซวีย ดูเหมือนว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับองค์กรญี่ปุ่นมากทีเดียว


 


เย่โม่ทำลายศพพวกนั่นลวกๆ และโทรหาหนิงชิงเซวีย



บทที่ 455 : วิหารเก้าจันทราในซากปรักหักพัง


 


หนิงชิงเซวียกำลังจะเข้าสู่ขั้น 2 และมียันต์บอลไฟจำนวนมาก ดังนั้นเธอน่าจะสามารถรับมือกับสายพันธุ์กลายพันธุ์บางตัวได้ นอกจากนี้ยังมีลั่วเฟย ซึ่งเป็นขั้นสีดำเพื่อคอยกำจัด


 


ในคืนนั้น เย่โม่ไปรอบๆ เมืองอสรพิษ 2-3 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบว่ามนุษย์กลายพันธุ์หลบหนีไปได้ยังไง เช้าวันรุ่งขึ้น เย่โม่เรียกเจ้าหน้าที่บริหารทั้งหมดของเมืองอสรพิษออกมา ก่อนที่เขาจะไป เขาจำเป็นต้องมีการประชุมอีกครั้ง


 


ซวี่เยวียฮวาชี้ให้เห็นว่าขั้นตอนแรกสู่ความเป็นอิสระควรจะเป็นจุดเริ่มต้นของหน่วยป้องกันของเมืองอสรพิษ และการจัดตั้งระบบกฎหมายที่เรียบง่าย ดังนั้นพวกเขาจึงคัดลอกระบบกฎหมายของจีน


 


หลังจากแจกจ่ายสิ่งประดิษฐ์ป้องกันแล้ว เย่โม่ก็ถามขึ้นมา “ใครจะรู้เกี่ยวกับการกลายพันธุ์บ้าง?”


 


การกลายพันธุ์? สิ่งเดียวที่คนส่วนใหญ่รู้เกี่ยวกับเย่โม่คือ เขาเก่งในการทำยา ดังนั้นตอนนี้เย่โม่ก็ถามคำถามแปลกๆ ขึ้นมา นี้ทำให้พวกเขาคิดว่า ‘เขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หรอ?’


 


“ฉันรู้มาบ้างคะ” ซวี่เยวียฮวากล่าว


 


“มีการกลายพันธุ์หลายประเภท และแม้ว่าจะไม่ทราบว่ามีกี่คนที่มีความสามารถเชิงรุก แต่เรื่องจริงที่จะพูดถึงจำนวนเพียง 10 ถึง 20 ประเภท ตัวอย่างเช่นสายพันธุ์ไฟ สามารถใช้เปลวไฟได้เพื่อโจมตี แต่ถ้าพวกเขาไม่อยู่ในระดับที่มั่นใจ เปลวไฟจะสร้างความเสียหายเล็กน้อยต่อร่างกายมนุษย์”


 


เธอพูดอีกครั้งว่า “แต่เมื่อพลังของมนุษย์กลายพันธุ์ถูกปลุกให้ตื่นอย่างสมบูรณ์แล้ว มันค่อนข้างจะแข็งแกร่ง ถ้าพูดตามตรง World Mutant Association ได้จัดอันดับระดับพลังงานของมนุษย์กลายพันธุ์เป็น 10 ระดับ สายพันธุ์ไฟ ผู้ที่แทบจะไม่สามารถควบคุมไฟได้ เช่นระดับ 1 หรือเรียกว่า ‘กลายพันธ์ุขั้นต้น’ ระดับสูงสุดคือระดับ 10 ส่วนระดับ 8 และสูงกว่าคือ กลายพันธ์ุขั้นตติย มีพูดกันว่าสายพันธุ์ลมที่มีระดับ 8 จะสามารถบินได้เป็นระยะทางสั้นๆ แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อมูลทางทฤษฎีเท่านั้น”


 


และตอนนี่เย่โม่ก็สามารถพักผ่อนได้แล้ว เขาแน่ใจว่าระดับ 8 นั้นจะเข้าถึงได้ยากมาก แม้เมื่อถึงมันจะคล้ายกับการควบคุมลมของเขามากที่สุด


 


“ในความเป็นจริง ทุกคนมีพลังงานกลายพันธุ์ในพวกเขา แต่สถานการณ์และประเภทอาจแตกต่างกันไปอย่างรุนแรง บางครั้งเราก็เห็นประกายไฟในผู้คนแบบสุ่ม นั่นอาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไฟที่ไม่สามารถควบคุมพลังของพวกเขาได้ มีร่างกายบางประเภทและจำนวนความสามารถที่จะไปถึงระดับ 1 อาจกล่าวได้ว่าการกลายพันธุ์นั้นหายากมากและแต่ละคนก็ถือว่าเป็นสมบัติของชาติ” ซวี่เยวียฮวาอธิบาย


 


“จริงๆ แล้วถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่ามันดีมาก แต่ทุกๆ ประเทศก็มีองค์กรที่กลายพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะรับใช้ชาติของตัวเอง” จังเจียหยันกล่าว


 


ตอนนี้เย่โม่เท่านั้นที่ตระหนักถึงคุณค่าของคนเหล่านั้นที่มาเมื่อคืนนี้ พวกเขาเป็นชนชั้นนำของประเทศและดูเหมือนจะมีไม่มากนัก เขาแค่ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ระดับไหน ดูเหมือนว่าสหรัฐฯจะให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แม้แต่ส่งคนสำคัญแบบนั้นมา


 


หลังจากที่ทุกคนไปแล้ว เย่โม่ก็ถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์กี่คนในประเทศจีน แต่จอมยุทธ์ขั้นปฐพีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการกลายพันธุ์เหล่านั้น แม้ว่าประเทศจีนจะด้อยกว่าทั้งในเรื่องของสติปัญญาและการทหารก็เถอะ


 


ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากการขาดความสามัคคี เย่โม่ได้ทำการวิจัยประวัติศาสตร์จีนและปรากฏว่าสงครามจีนส่วนใหญ่หายไปเนื่องจากตนเองหรือผู้ทรยศ


 


พวกเขามักต่อสู้กันเอง เลือกที่จะให้คนนอกชนะแทนที่จะเป็นคู่ต่อสู้กัน


 


ประเทศจีนยังด้อยกว่าในแง่ของเทคโนโลยี


 


เย่โม่ส่ายหัว


 


เย่โม่ส่งมอบความคิดเหล่านี้ให้กับยวีเมี่ยวตั๋น เขากำลังจะทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จและกลับไปฝึกตนในขณะที่ค้นหาลั่วหยิง


 


…..


 


วิหารสี่ขั้นเก้าจันทรา


 


นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เย่โม่มาที่นี่ ครั้งแรกคือเมื่อเขามาตามหาลั่วหยิง


 


เย่โม่เคยกล่าวว่าเขาจะกำจัดสถานที่ชั่วร้ายนี้


 


มันไม่ใช่ครั้งแรกที่คนของวิหารเก้าจันทราทำตัวน่าโมโห แต่ในอดีตที่ผ่านมาเขายุ่งมากและไม่มีเวลาจัดการกับพวกเขา


 


ถ้าพูดให้ดี วิหารเก้าจันทรานั่นอยู่ในช่วงเขาชิงซาว


 


เมื่อเย่โม่มาที่นี่ในวันนี้ เขาก็แทบจะไม่เชื่อเลยว่านี่คือที่ของวิหารเก้าจันทรา


 


สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเขาวงกตขนาดใหญ่ของโครงสร้าง ตอนนี้มีเพียงเสาหักและผนังแตกพัง ซากปรักหักพังที่ถูกเผามีอยู่ทุกที่


 


เย่โม่ลงมาจากท้องฟ้าสแกนไปรอบๆ ด้วยสัมผัสจิตวิญญาณและในไม่ช้าเขาก็เห็นร่องรอยบางอย่าง ต้องมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่นี่!


 


เมื่อมองไปที่ซากปรักหักพัง เย่โม่ก็จำเหนียชวังชวังได้ขึ้นมา  เย่โม่ไม่ได้ประทับใจอะไรกับเธอมากนัก ถ้าเธอไม่เสี่ยงชีวิตของเธอที่พยายามจะส่งข่าว บางทีเขาอาจจะไม่ได้ช่วยเธอในครั้งนั้นก็ได้


 


เช่นเดียวกับที่เย่โม่ต้องการจากไป สัมผัสจิตวิญญาณของเขาสะดุดเข้ากับห้องใต้ดิน แม้ว่าทางเข้าจะถูกบล็อก เย่โม่ก็ยังสามารถสแกนได้ ประตูมันไม่ได้หนามากนักและมันไม่สามารถปิดกั้นสัมผัสจิตวิญญาณของเขาได้


 


มีศพอยู่ข้างในนั่น มันค่อนข้างหย่อนคล้อย แต่มีชุดเสื้อคลุมสีแดงขนาดใหญ่ติดอยู่


 


เย่โม่นึกถึงเหนียฮงอี้ ผู้หญิงคนนี้อาจเป็รอาจารย์ของเหนียฮงอี้คนนั้น เธอมีเลือดแห้งอยู่ที่มุมปากของเธอ เธออาจจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่กับบางคนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต


 


เธอมีกระเป๋าข้างๆ ซึ่งเป็นหนังสือหนังแกะโบราณ


 


เย่โม่คิดว่ามันจะต้องเป็นวิธีฝึกตนของวิหารเก้าจันทรา เย่โม่ไม่สนใจมันและไม่อยากแม้แต่จะลงไป ห้องหินนั่นดูน่ากลัว มันเป็นสถานที่ที่วิญญาณและผีรวมตัวกัน


 


เย่โม่ส่ายหัวและเมื่อเขาจะไป ก็มีร่าง 3 ร่างเดินลงมาตามเส้นทางภูเขาคดเคี้ยวเล็กๆ อย่างชัดเจนมุ่งหน้าไปยังวิหารเก้าจันทรา


 


เหนียชวังชวัง? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ห่างไกล แต่เย่โม่ก็จำเธอได้


 


ดูเหมือนว่าเม็ดยาบัวจะช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เธอมาทำอะไรที่นี่? เย่โม่ไม่ต้องการเจอเหนียชวังชวัง  ดังนั้นเขาจึงซ่อนตัว


 


เมื่อจิตวิญญาณของเย่โม่สแกนไปทั่ว พวกเขาก็พบว่าเหนียชวังชวังอยู่ต่ำกว่าขั้นสีเหลืองแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอ เธออยู่ขั้นสีเหลืองระดับกลาง ถ้าสิ่งนี้ดำเนินต่อไป บางทีเธออาจจะกลายเป็นคนธรรมดา


 


ชาย 2 คนที่ติดตามเหนียชวังชวังนั้นมีรูปร่างใหญ่มากและมีเครื่องมือขุดด้วย พวกเขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา บางทีพวกเขาอาจไม่เคยฝึกตน เย่โม่สามารถบอกได้ทันทีว่าเหนียชวังชวังต้องการขุดถ้ำที่หญิงชราอยู่


 


“อยู่ที่นี่แหละ ขุดเปิดที่นี่ก่อนเลย” ขณะที่เย่โม่ตกอยู่ในห้วงความคิด เหนียชวังชวังก็ได้พาพวกเขาไปที่ห้องใต้ดินแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม