Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 601-619

 ตอนที่ 601 ครึ่งมารเทียนเซี่ย (3)

โดย

Ink Stone_Fantasy

หม่าอี้หลู่ ลี่เถิง เจี่ยซุ่นติงราชันวิญญาณทั้งสามได้ยินเสียงตะโกนด้วยความโกรธของเทียนทิง ยังคงลังเลเล็กน้อย ถึงออกคำสั่ง อัญเชิญดวงวิญญาณหมวดปีกออกมา !


ดวงวิญญาณของสมาชิกชั้นยอดองค์กรวิญญาณเหมือนกันหมด ต่างเป็นเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงจักรพรรดิขั้นสูงทั้งหมด !


กลุ่มนี้นับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ชั้นยอดที่สุดของเมืองเทียนเซี่ยและแข็งแกร่งที่สุด ฟังคำสั่งของผู้มีอำนาจสูงสุดขององค์กรวิญญาณ !


หลังจากที่เทียนทิงมาเมืองเทียนเซี่ยแล้ว เขาได้กลายเป็นอำนาจหลักของสมาชิกชั้นยอดเหล่านี้ ดวงวิญญาณหมวดปีกของสมาชิกเหล่านี้ เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงจักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งพันพัว ก็เพียงพอที่จะเทียบเท่าพลังกลุ่มที่ต่อต้านดวงวิญญาณราชันขั้นกลางแล้ว บวกกับแต่ละคนยังมีดวงวิญญาณอีกสามตัว เมื่อเทียบกับจำนวนและความสามารถแล้ว พลังต่อสู้ของสมาชิกชั้นยอดองค์กรวิญญาณเหล่านี้เทียบเท่าราชันขั้นสูงแล้ว !


อีกทั้ง เหล่าผู้คุมดวงวิญญาณได้ฝึกความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ผลที่เกิดจากการร่วมมือนี้แข็งแกร่งกว่าราชันขั้นสูงอย่างมาก !


ท่ามกลางถนนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เงาสีทองบินขึ้นฟ้า ราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ทำให้พื้นที่ประตูเมืองนี้เหมือนถูกปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์ !


เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงนับพันตัวบินขึ้นฟ้า ภาพนี้เป็นที่จับตามองของคนทั้งหมดทันที


ขนาดของเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงแต่ละตัวมากถึงสิบเมตร ในตอนที่เหยี่ยวแต่ละตัวกางปีกบินขึ้นฟ้า ขนสีทองที่ติดกัน ก่อเป็นกลุ่มหลายกลุ่มที่บินขึ้นฟ้าอย่างเป็นระเบียบ ไร้ความวุ่นวายใด ๆ มองจากบนพื้นขึ้นไป เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงทั้งหมดได้ปิดฟ้าไว้หมดแล้ว เป็นภาพที่อลังการอย่างมาก !


“เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงเยอะมาก !!!” หลายคนไม่เคยเห็นภาพที่สะเทือนใจแบบนี้มาก่อน ต่างส่งเสียงด้วยความตกใจ


“พวกเรามีหวังแล้ว นั่นเป็นกลุ่มขององค์กรวิญญาณ หนึ่งในกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเทียนเซี่ย !!!”


เห็นได้ชัดว่า หลายคนได้ข่าวเกี่ยวกับกลุ่มเหยี่ยวอาทิตย์อัสดง เห็นเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงทั้งฝูงที่ได้รับการฝึกบินขึ้นฟ้า คาดว่านั่นเป็นกลุ่มขององค์กรวิญญาณไร้เทียมทาน พลังที่ใหญ่ที่สุดขององค์กรวิญญาณในเมืองเทียนเซี่ย!


“ถ้าตอนนั้นข้าผ่านการทดสอบสุดท้ายได้ ข้าคงเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มองค์กรวิญญาณ แต่เสียดายที่บททดสอบกลุ่มองค์กรวิญญาณเข้มงวดอย่างมาก แม้แต่เจ้าวิญญาณห้าร่ายอย่างข้ายังถูกคัดออก เพราะควบคุมดวงวิญญาณไม่ได้ ตอนนี้ได้เห็นพวกเขา อิจฉาจริง ๆ เสียดายที่ตอนนั้นทำไมไม่สมัครสอบอีกครั้ง” ผู้คุมดวงวิญญาณตัวเล็กที่มองจากหลังคาพูดขึ้นอย่างเสียดาย


การปรากฏตัวของกลุ่มองค์กรวิญญาณ เหมือนจะทำให้ผู้คนสบายใจขึ้นมาก


สายตาของคนกลุ่มใหญ่ในเมืองธรรมดามาก พวกเขาต่างคาดเดาสถานการณ์ต่อสู้จากบรรยากาศ การปรากฏตัวอย่างอลังการของกลุ่มเหยี่ยวอาทิตย์อัสดง แทบจะปกคลุมทั้งฟ้า กลิ่นไอของมารนิรยร้ายนิรนามนั้นเหมือนจะถูกดับลง จากสายตาของพวกเขา นี่เหมือนเป็นการปะทะระหว่างความชั่วร้ายและความถูกต้อง สุดท้ายกลุ่มองค์กรวิญญาณจะต้องจับปีศาจร้ายที่ทำลายเมืองนี้ได้แน่นอน !


ในที่สุดเทียนทิงเห็นกองทัพอาทิตย์อัสดงปรากฏตัว จึงถอนหายใจยาว ๆ ออกมา รีบขี่ปักษาแปดปีก บินเข้าไปในกองทัพปกปิดทั่วฟ้าของเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงพันตัว !


เดิมขนาดตัวของปักษาแปดปีกไม่ใหญ่กว่าเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงเท่าไร ปีกสีขาวบริสุทธิ์นั้นกลับหรูหรายิ่ง ตอนอยู่ท่ามกลางเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงพันตัว ยิ่งโดดเด่นมากขึ้น หรูหราสง่างาม !


เทียนทิงได้ครองตำแหน่งผู้นำของกลุ่มองค์กรวิญญาณทันที เขากวาดตามองไปยังครึ่งมารชั่วร้ายที่ตามติดมา เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา !


“อัญเชิญภูตพายุฤดูกาล !” เทียนทิงยกมือข้างหนึ่งขึ้น ตะโกนด้วยร่ายวิญญาณ !


ท่าทีของผู้คุมดวงวิญญาณนับพันในกลุ่มแทบจะพร้อมกันหมด ตอนที่เสียงของเทียนทิงเพิ่งจบลง คนทั้งหมดได้ร่ายคาถาขึ้น ร่างกายปกคลุมด้วยลมอลวน !


กลุ่มองค์กรวิญญาณได้กำหนดดวงวิญญาณของผู้คุมดวงวิญญาณอย่างเข้มงวด การต่อสู้ในอากาศ จำต้องมีดวงวิญญาณเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงกับภูตพายุฤดูกาล ดังนั้น สมาชิกของกลุ่มองค์กรวิญญาณแต่ละคนจะมีภูตพายุฤดูกาลจักรพรรดิขั้นสูงอยู่ !


ภูตพายุฤดูกาลจักรพรรดิขั้นสูงพันตัวรวมตัวกัน พลังต่อสู้ของมันไม่ด้อยกว่าราชันขั้นกลางหมวดลมแน่นอน อีกทั้งถ้าภูตพายุฤดูกาลพันตัวปล่อยทักษะหมวดลมออกมาพร้อมกัน ทับซ้อนด้วยทักษะหมวดลมอีก พลังทำลายล้างของธาตุนี้จะสูงมาก แม้แต่ราชันขั้นสูงยังยากที่จะทนรับได้ !


“พัดมันไปยังเนินเขาหิมะตก !!!” เทียนทิงตะโกน ออกคำสั่งโจมตีไปยังสมาชิกกลุ่มองค์กรวิญญาณทั้งหมด !


บริเวณเนินเขาหิมะตกห่างจากประตูเมืองหลายสิบกิโลเมตร ถ้าภูตพายุฤดูกาลทั้งหมดปล่อยทักษะหมวดลมออกมาพร้อมกัน ต่อให้เป็นจักรพรรดิขั้นสูงก็จะถูกพัดออกไปมากกว่าสิบกิโลเมตร !


ในอากาศ ลมพัดอย่างรุนแรง ลมสีดำเริ่มพัดพาในเมืองแห่งนี้ ทำให้เศษต่าง ๆ พัดพาไปตามเมืองนี้ สิ่งที่ทนต่อแรงลมได้ไม่มากเริ่มเอนเอียง บ้านเรือนที่อ่อนแอได้ถูกพัดปลิวออก !!!


ท่ามกลางอากาศ พลังของหมวดลมรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ภูตพายุฤดูกาลนับพันตัวกำลังตระเตรียมทักษะ ผลของสิ่งนี้ทำให้ท้องฟ้ามัวหมองอย่างมาก !


เผชิญหน้ากับทักษะหมวดลมของภูตพายุฤดูกาลพันตัว ชู่มู่ครึ่งมารกลับลอยตัวอยู่กลางอากาศ เงาสีขาวสันโดษนั้นเผชิญกับเงาสีทองมากมายกับเงาลมนับไม่ถ้วน !


เมื่อกี้ตอนที่ใช้ทักษะฆ่าล้างราชันเขี้ยวได้เสียเวลาเขาไปเล็กน้อย ตอนนี้ชู่มู่ยากที่จะพุ่งเข้าไปในกองทัพขององค์กรวิญญาณแล้ว ส่วนตัวเขาในตอนนี้จำต้องรับมือกับทักษะหมวดลมอันรุนแรงของภูตพายุฤดูกาลครั้งหนึ่ง !


ชู่มู่หยุดลงไม่ใช่ว่าจะยอมแพ้ แต่เพื่อทำการรับมือกับทักษะของสมาชิกนับพันคนขององค์กรวิญญาณ !


ลมอลวนดังขึ้นข้างหู ชู่มู่ครึ่งมารยื่นมือขวาออก เปิดฝ่ามือออก !


ไฟปีศาจลุกโชนขึ้น บริเวณฝ่ามือของชู่มู่ครึ่งมาร เกิดหลุมลึกลับบางอย่างขึ้นช้า ๆ !!!


หลุมนี้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สามารถพบเห็นว่า หลุมบนฝ่ามือของชู่มู่ขยายไปรอบ ๆ กลืนกินฟ้าในยามค่ำคืนไปด้วย !!!


“ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู !!!”


ในที่สุดภูตพายุฤดูกาลได้ขับร่ายสำเร็จแล้ว ทันใดนั้น พายุนับไม่ถ้วนปรากฏท่ามกลางฟ้าในยามค่ำคืน เกรงว่าความสูงของพายุทั้งหมดนี้มากถึงร้อยเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางมากถึงสิบเมตร !!!


ความจริงเส้นผ่านศูนย์กลางของพายุขั้นเก้ามากถึงห้าสิบเมตรได้ แต่เห็นได้ชัดมากว่า พายุที่จักรพรรดิขั้นสูงทั้งหมดนี้ปล่อยออกมาได้ผ่านการควบแน่นพลังมาก่อน !


ต่อให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่สิบเมตร แต่พายุหนึ่งพันอันที่สะเทือนแบบนี้ ถ้าไม่นึกถึงผลรอบนอกของพายุละก็ นี่จะเป็นทักษะที่ปกคลุมพื้นที่หมื่นเมตรได้ !!!


พอจะจินตนาการได้ว่า ทักษะที่ปกคลุมพื้นที่ถึงหมื่นเมตร ตอนที่ยืนมองอยู่บนพื้น ความรู้สึกแบบนั้น เหมือนกำลังอยู่ในโลกแห่งพายุ สิ่งที่รับรู้คือพายุรุนแรงยิ่ง !


ในที่สุด พายุนับพันเริ่มพัดออกไปแล้ว !


ร่องรอยของพายุแต่ละอัน ต่างเล็งไปยังชู่มู่ครึ่งมาร พายุที่อยู่ในเส้นทางเดียวกันจะเกิดการเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งทับซ้อนกับพายุที่พัดออกไปบางอัน ก่อเป็นลมที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น !!!


“โครม !!!”


เนื่องจากเสียงของลมดังเกินไป จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหน่วงยิ่ง !


ในที่สุด พายุหนึ่งร้อยอันด้านหน้าสุดได้ทับซ้อนเข้าด้วยกัน มีพลังเพียงพอจะพัดพาภูเขาทั้งลูกปะทะเข้ากับหลุมที่เปิดออกจากฝ่ามือของชู่มู่นั้น !


เรื่องประหลาดได้เกิดขึ้นแล้ว !


หลังจากที่พายุร้อยอันทับซ้อนกันได้สัมผัสกับหลุมนั้น พลังกลับลดลงทันทีเพียงในเวลาไม่กี่วินาที หายไปในหลุมฝ่ามือข้างขวาของชู่มู่หมด !


ส่วนตัวชู่มู่เอง แค่ไถลไปด้านหลังไม่กี่เมตร !


พายุกลุ่มที่สองตามติดมา เกิดเรื่องแบบเดียวกัน พายุทับซ้อนนับร้อยพอเข้าใกล้แล้วเหมือนจะถูกมิติในฝ่ามือของชู่มู่ดูดเข้าไปหมด ทำให้ชู่มู่ถอยหลังไม่กี่เมตรเท่านั้น !


เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องกันสิบครั้ง หลังจากพายุนับพันที่สะเทือนใจนี้พัดผ่านหมด เหลือเพียงพายุสุดท้ายที่พัดพาชู่มู่ออกไปร้อยกว่าเมตร ผลนี้เห็นได้ชัดกว่า พายุอื่นทำให้ชู่มู่ครึ่งมารถอยออกไม่กี่เมตรเท่านั้น !


เสียงดังมากขึ้น ราวกับฝูงสายฟ้าที่ผ่าลง ทักษะหมวดลมที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างกลับสลายได้แบบนี้ !!!


ความรู้สึกนี้เหมือนมีคลื่นยักษ์พัดพา กางเขี้ยวกางเล็บออก จะคลืนกินทุกสรรพสิ่ง และแล้วตอนที่ถึงพื้นดินกลับกลายเป็นแค่คลื่นเล็ก ๆ …


“เนินเขาหิมะตกอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยเหรอ” ท่ามกลางฟ้าในยามค่ำคืน ชู่มู่ที่ทรงตัวได้จับต้องไปยังเทียนทิง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นปนเยาะเย้ย


เทียนทิงมองไปยังชู่มู่ครึ่งมาร กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเล็กน้อย !


เนินเขาภูเขาหิมะตกนับหลายสิบกิโลเมตรเมื่อเทียบกับไม่กี่ร้อยเมตรที่ชู่มู่ถูกพัดออกไป เป็นความห่างที่มากเกินไปจริง ๆ


เทียนทิงคาดไม่ถึงคือ ความสามารถหมวดลับของครึ่งมารจะกำจัดหมวดลมได้ขนาดนี้ นอกจากหมวดหินที่ต้านทานหมวดลมได้บ้างแล้ว ไม่ว่าหมวดใดที่เผชิญกับการโจมตีของมัน ถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บก็จะถูกพัดออกไปในที่ไกลมาก


สีหน้าของสมาชิกองค์กรวิญญาณแต่ละคนแย่มาก เป็นกลุ่มองค์กรวิญญาณมานานขนาดนี้แล้ว แต่พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกรบพร้อมกัน น้อยครั้งที่จะได้เจอกับการสลายทักษะรวมแบบนี้อย่างง่ายดาย ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ตอนอยู่บนพื้น !


“หมวดทั้งสามของครึ่งมารถึงขั้นสุดแล้ว แม้จะเป็นราชันขั้นสูง แม้แต่ราชันชั้นยอดยังไม่อาจเอาชนะมันได้…”เจี่ยซุ่นติงพูดขึ้น จากน้ำเสียงของเขา เห็นได้ชัดว่า กำลังใช้น้ำมันดับไฟ


เทียนทิงจ้องเขม็งไปยังเจี่ยซุ่นจิง ให้เขาหุบปาก ทว่าในใจของเทียนทิงเอาก็สะเทือนอย่างมาก !


“การโจมตีของพวกเจ้าหมดลงแล้ว ถึงรอบของข้าแล้ว !” ใบหน้าลึกลับของชู่มู่ฉีกยิ้มออกมา !


มืออีกข้างของชู่มู่ยกขึ้นช้า ๆ เปิดฝ่ามือออกเช่นกัน ครั้งนี้กลับยกขึ้นเหนือหัว ฝ่ามือชี้ขึ้นฟ้า คิดจะคว้าฟ้าทั้งผืนไว้ในมือ !


“อย่า…อย่าให้เขาปล่อยทักษะ !!!” สีหน้าของเทียนทิงเปลี่ยนไปทันที ตะโกนขึ้น ให้สมาชิกกลุ่มองค์กรวิญญาณทั้งหมดออกคำสั่งโจมตีกับเหยี่ยวอาทิตย์อัสดง !


หลังจากออกคำสั่ง เทียนทิงได้อัญเชิญราชันขั้นกลางตัวอื่นของตัวเอง ไม่ว่าราชันขั้นสูงพวกนี้จะทำให้ครึ่งมารบาดเจ็บได้หรือไม่ ก็ห้ามให้มันปล่อยทักษะออกมาเด็ดขาด ! 


ตอนที่ 602 ครึ่งมารที่มีสติ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภูตพายุฤดูกาลทั้งหมดได้ปล่อยทักษะออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว คิดจะปล่อยทักษะที่มีผลต่อครึ่งมารได้ คาดว่าต้องใช้เวลาหลายวินาทีในการเตรียม


และในตอนนี้ มีเพียงอาศัยความร่วมมือของเหยี่ยวอาทิตย์อัสดง ถึงจะมีความหวังห้ามชู่มู่ได้


ส่วนดวงวิญญาณระดับราชันของหม่าอี้หลู่ เจี่ยซุ่นติง ลี่เถิง ลำพังการโจมตีของดวงวิญญาณพวกเขาไม่อาจทำให้ครึ่งมารที่มีการป้องกันสูงยิ่งได้รับบาดเจ็บแน่นอน เมื่อรวมกับสมาชิกองค์กรวิญญาณนับพันคน ปล่อยทักษะทับซ้อนกันถึงจะเป็นไปได้


เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีเริ่มเตรียมทักษะหมวดปีกตั้งนานแล้ว หลังจากเทียนทิงออกคำสั่ง เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงนับพันตัวเริ่มเคลื่อนไหว


เงาสีทองแต่ละอันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ไขว้กัน ทำให้มองดูลายตาอย่างมาก !


สิ่งที่ชู่มู่ครึ่งมารเห็นเป็นแค่เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงกำลังเข้าใกล้ตัวเอง ประกายสีทองเหล่านั้นมีพลังฉีกขาดที่รุนแรงมาก การพาดผ่านนับพันแบบนี้ จะทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บแน่นอน อีกทั้งอาจขัดทักษะของตัวเอง


ทว่า ชู่มู่ครึ่งมารไม่กังวล ความคิดรุนแรงของเขาเต็มไปด้วยความทรงจำต่อสู้ของครึ่งมาร ทักษะทั้งหมดของครึ่งมารเขารู้เป็นอย่างดี!


เผชิญหน้ากับการโจมตีของเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงนับพันตัว ฝ่ามือของชู่มู่ที่ต้านทานภูตพายุฤดูกาลยื่นออกกะทันหัน


หลังจากที่ชู่มู่ต้านทานทักษะหมวดลมแล้ว ฝ่ามือนี้กำแน่นมาตลอด ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า ระหว่างนิ้วมือของเขามีลมอลวนล้นออกมา


ทันใดนั้น ฝ่ามือของชู่มู่เปิดออก !


หลุมบนฝ่ามือของชู่มู่ไม่ได้หายไป !


“สะท้อนกลับ !”


ฝ่ามือของชู่มู่ครึ่งมารเปิดออกหมด พลังหมวดลมรุนแรงยิ่งทะลักออกจากหลุมกลางฝ่ามือของชู่มู่ทันที นั่นเป็นพายุอลวนที่ถูกชู่มู่สลายไปก่อนหน้านี้ !


“ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู !!!”


พายุพัดพาอย่างรุนแรง โจมตีไปยังเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงทั้งหมดที่บินเข้ามา !!!


“ทักษะของภูตพายุฤดูกาลถูกเขาตีกลับมาแล้ว !!!” สีหน้าของเจี่ยซุ่นติงซีดขาวทันที นี่เป็นความสามารถสะท้อนกลับของครึ่งมารหมวดลับ เป็นความสามารถลึกลับที่สะท้อนพลังหมวดทั้งหมดได้ !


ความเข้าใจของเจี่ยซุ่นติงที่มีต่อครึ่งมารก็มีอย่างจำกัด จะรู้ได้อย่างไรว่า เมื่อกี้ชู่มู่กำลังสะท้อนทักษะกลับ ตอนนี้เห็นพายุที่เต็มไปด้วยพลังกำลังบุกเข้ามา ดวงตาคู่นั้นของเขาเต็มด้วยความหวาดกลัว !!!


สำหรับราชันวิญญาณที่มีดวงวิญญาณระดับราชันพวกนี้แล้ว ถ้าทักษะหมวดลมกระจายออกละก็ ยังไม่พอที่จะฆ่าพวกเขาในเสี้ยววินาทีได้


และแล้ว เหล่าสมาชิกของกลุ่มองค์กรวิญญาณก็ใช่ว่าจะปลอดภัยได้ โดยเฉพาะภูตพายุฤดูกาลยังยากที่จะปล่อยทักษะป้องกันลมออกมาได้ !


“รวมตัวกัน ! รวมตัวเข้าด้วยกัน !!!” เทียนทิงตะโกนขึ้นทันที !!!


เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงได้กระจายตัวออก ยิ่งกระจายตัว ผลของการโจมตีหมวดลมในพื้นที่กว้างยิ่งดีมากขึ้น หัวหน้าเทียนทิงยังมีสติอยู่


เทียนทิงมีปักษาแปดปีกเป็นหัวหน้า สมาชิกองค์กรวิญญาณเหล่านั้นรีบล้มเลิกการโจมตี รวมตัวไปยังพื้นที่เดิมทันที !


“เก็บปีกครึ่งหนึ่ง” เทียนทิงตะโกนอีกครั้ง !


เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงพันตัวเก็บปีกครึ่งหนึ่งพร้อมกันเป็นระเบียบ ได้รับการฝึกมาอย่างดีจริง ๆ เช่นนี้พวกมันจะรับการโจมตีของแรงลมได้น้อยลงมาก !!!


“โซ โซ โซ โซ โซ !!!”


เสียงของลมเปลี่ยนไปอีกครั้ง กรงเล็บมังกรพายุอลวนพาดผ่าน ทำการกลืนกินกลุ่มสีทองนี้อย่างต่อเนื่อง !!!


“อ๊า อ๊า อ๊า !!!”


สมาชิกองค์กรวิญญาณที่อยู่ด้านนอกสุดถูกพายุพัดออกไปทันที เสียงร้องดังขึ้นกลางอากาศ !


แรงลมที่น่ากลัวแบบนี้ สำหรับสมาชิกกลุ่มองค์กรวิญญาณแล้ว ยิ่งเต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง ดังนั้น ทันทีที่ถูกพัดออกไป คาดว่าจะสลายไปกลางอากาศแน่นอน !


เหล่าสมาชิกองค์กรวิญญาณแต่ละคนต่างก้มหน้าลง หมอบอยู่บนตัวเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงของตัวเองอย่างหวาดหวั่น เสียงคำรามแห่งความตายดังขึ้นข้างหูไม่หยุด !


“ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู !!!”


เสียงลมกลายเป็นเสียงแบบเดิมแล้ว เท่ากับว่าทักษะหมวดลมนี้ได้ลดลงแล้ว


เหล่าสมาชิกที่อยู่ตรงกลางได้ลืมตาในที่สุด แต่ว่าเหล่าสมาชิกที่เหลือสัมผัสได้ว่า กลุ่มลดลงอย่างมาก


ไม่มีใครรู้ว่าเพื่อนในกลุ่มลดลงมากเท่าไร แต่ความหวาดกลัวที่มีต่อความตายได้ครอบงำจิตใจของพวกเขา !


“อย่าสนใจคนเหล่านั้น รีบตั้งกลุ่ม !!!” เทียนทิงเองก็ขี้เกียจสนใจความเป็นความตายของคนที่ถูกพัดออกไป ออกคำสั่งอย่างเลือดเย็น


แม้จะเป็นกลุ่ม แต่พลังของพายุทำให้กลุ่มเกิดการกระจายออกอย่างชัดเจน จะให้ตั้งรูปแบบโจมตีทันทียากมาก


เทียนทิงกวาดตามองไปยังสมาชิกทั้งหมด เห็นพวกเขาชักช้าแบบนี้ จึงตะโกนด่าทันที !


“ไม่ต้องตั้งกลุ่มแล้ว ช้า ๆ หน่อย ยังมีชีวิตรอดไปได้บ้าง ถ้ารวมกัน จะตายหมด !” ในตอนนี้ เสียงบ้าคลั่งของครึ่งมารดังขึ้นในหูของกลุ่มองค์กรวิญญาณแต่ละคน


ชู่มู่ครึ่งมารฉีกยิ้มโหดร้ายออกมา !


เดิมครึ่งมารก็เป็นร่างแห่งการฆ่าล้างอยู่แล้ว อย่าว่าแต่พวกองค์กรวิญญาณ ต่อให้เป็นคนธรรมดา ครึ่งมารที่นองเลือดก็จะไม่ออกมือใด ๆ !


ความชั่วร้ายยังคงเป็นความชั่วร้าย จำต้องกองด้วยศพมหาศาล มิฉะนั้น จะขึ้นไปบนความชั่วร้ายสูงสุดได้อย่างไร


ตอนที่ชู่มู่ปล่อยทักษะพายุสะท้อนกลับ มือที่กำท้องฟ้านั้นไม่ค่อยลดลงมา เท่ากับว่า เมื่อกี้เขาเตรียมทักษะมาตลอด !


“ผนึกสลายฟ้า !”


ในที่สุด ชู่มู่พูดชื่อทักษะนี้ออกมาอย่างเยือกเย็น !!!


ท้องฟ้ากำลังจะถล่ม !!!


เงาทำลายล้างปกคลุมหัวของคนทั้งหมด ราวกับอยู่แค่เอื้อมมือ !


คนทั้งหมดเงยหน้ามองด้วยความสะเทือนใจ ต่อให้บางคนหนีด้วยความกลัว ความจริงหนีไม่หนีก็ไม่มีความหมาย เพราะพลังระดับนี้ปกคลุมพื้นที่นับพันเมตรได้อย่างง่ายดาย ใช้เวลาในการเตรียมทักษะนี้ไม่กี่วินาที ถ้าทักษะนี้พุ่งลงพื้น ดวงวิญญาณต่ำกว่าระดับราชันคงไม่อาจหนีจากผลกระทบของทักษะนี้ได้ !


ท้องฟ้าต่ำลงเรื่อย ๆ ทันใดนั้น รอยแยกสลายฟ้าลึกลับที่เหมือนสายฟ้าพาดผ่านผ่าออก ! สะดุดตาอย่างมาก !


ใบหน้าสีเงินของชู่มู่ครึ่งมารได้กลายเป็นปีศาจ จมูกสีเงินที่เป็นเหลี่ยมชัดเจน มุมปากที่อยู่ในความโค้งดุร้ายที่สุด ดวงตาที่เป็นเนตรลับอันเต็มไปด้วยความโกรธเคืองที่สุด…


เนตรลับของเขามองไปยังรอยแยกนั้น อ้าปากออกช้า ๆ พ่นลำแสงสีขาวออกมา ทะลุฟ้าทั้งผืนนั้น !!!


หลังจากพลังของประกายแสงแล้ว รอยแยกบนฟ้ากว้างและลึกกว่าเดิม !!!


ราวกับมีปีศาจดุร้ายปรากฏบนฟ้าสีดำนับไม่ถ้วน กำลังยื่นกรงเล็บปีศาจอันดุร้ายออก ฉีกเลือดเนื้อออกทั้งเป็น เพื่อเติมเต็มท้องของตัวเอง !


กรงเล็บปีศาจสลายฟ้าปรากฏมากขึ้น เหยี่ยวอาทิตย์อัสดงกับผู้คุมดวงวิญญาณกลับอ่อนแออย่างมากเมื่ออยู่ใต้พลังนี้ หากแค่สัมผัส ตัวจะสลายแน่นอน !!!


“อ๊า อ๊า อ๊า !!! อ๊า อ๊า อ๊า !!!”


“อ๊า อ๊า !!! อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า อ๊า !!!”


เสียงโอดครวญดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมาชิกองค์กรวิญญาณเหมือนตกนรกทั้งเป็น ถูกผนึกสลายฟ้านี้ฉีกเป็นเศษทั้งเป็น !


เลือดเนื้อของผู้คุมดวงวิญญาณกระจายบนฟากฟ้า ขนของเหยี่ยวอาทิตย์อัสดงที่เต็มไปด้วยเลือดสดกระจายออก เศษซากเหล่านั้นลอยลงจากฟ้าราวกับสายฝน เลือดที่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง !!!


หยดเลือดตีบนใบหน้าของผู้คน พวกผู้คุมดวงวิญญาณที่มีความกล้าซึ่งกำลังมองไปยังทั้งหมดนี้นิ่งอึ้ง แขนและขา รวมถึงหัวและเครื่องในที่ขาดออกจากกัน รวมถึงน้ำเลือดต่าง ๆ ที่ตกลงมาราวกับสายฝน ได้ปกคลุมทั้งเมือง !


นี่เป็นภาพที่สะเทือนใจมากเพียงใด !!!


คนนับไม่ถ้วนได้สลบไปท่ามกลางนรกบนดินเลือดเนื้อเหล่านี้ คนนับไม่ถ้วนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับหิน คนนับไม่ถ้วนลืมตามองดูท้องฟ้าที่นองเลือดนี้…


หลังจากผนึกสลายฟ้าชั่วร้ายได้ทำลายความถูกต้องในใจของผู้คนอย่างสิ้นเชิง ผู้คนที่เป็นหนี้บุญคุณเล็กน้อยกับองค์กรวิญญาณมาตลอดหลายปีเห็นคนที่ปกป้องพวกเขาได้ตายอย่างอนาถแบบนี้


บนหลังคา ฝนเลือดตีบนใบหน้าของผู้คุมดวงวิญญาณตัวเล็กคนนั้น ทำให้เขานิ่งอึ้งอยู่กับที่ พูดพึมพำอย่างไร้วิญญาณว่า “ยังดี…ยังดีที่ไม่ผ่าน…ไม่ผ่านบททดสอบของกลุ่มองค์กรวิญญาณ”


ถ้าผู้คุมดวงวิญญาณตัวเล็กผ่านบททดสอบของกลุ่มองค์กรวิญญาณ เขาจะเป็นหนึ่งในสมาชิกเหล่านี้ และจะกลายเป็นหนึ่งในคนที่เลือดเนื้อกระจายแบบนี้ !


ผนึกสลายฟ้า เป็นการฆ่าล้างอย่างสิ้นเชิง !


ส่วนผู้สร้างการฆ่าล้างแบบนี้กลับเป็นเพชฌฆาตที่มืดมัวเหมือนราตรี !


กลิ่นไอชั่วร้ายของเขาลอยผ่านฝนเลือดเเหล่านี้ ลอยไปตรงหน้าเทียนทิง


ดวงวิญญาณของเทียนทิงไม่ตายลง ทักษะผนึกสลายฟ้าของชู่มู่เล็งไปยังกลุ่มองค์กรวิญญาณ เป็นที่พึ่งพาสุดท้ายของเทียนทิง ส่วนจักรพรรดิขั้นกลางสองตัวที่เทียนทิงอัญเชิญออกมาภายหลังกับปักษาแปดปีกที่ถูกผนึกสลายเวหาฉีกปีกไปสามคู่ ไม่สามารถสร้างอันตรายต่อชู่มู่ได้แล้ว


เทียนทิงอยู่บนตัวปักษาแปดปีกที่เหมือนจะตกลงได้ทุกเมื่อ มองดูชู่มู่เดินเข้ามาตัวสั่น


ระหว่างที่กลุ่มองค์กรวิญญาณถูกฆ่าล้าง เทียนทิงได้เสียสติแล้ว ตัวเขาต้องรับผิดชอบต่อแผนร้ายที่ตัวเองคิดไว้ก่อนหน้านี้ ตัวเขาที่อาศัยความอวดดีและความเย่อหยิ่งของราชันขั้นสูงได้หายไปหมดแล้ว !


“เจ้าอยากบอกชื่อของข้าให้พวกเขารู้งั้นหรือ” ชู่มู่เหมือนจะอ่านความคิดของเทียนทิงได้ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย


เทียนทิงหุบปากที่สั่นคลอ…


เทียนทิงอยากพูดชื่อของชู่มู่ออกมาจริง เขาจะบอกคนทั้งเมืองเทียนเซี่ย ชู่เฉิงตำหนักวิญญาณคือครึ่งมารเมืองหลี และเป็นครึ่งมารเทียนเซี่ยนี้ด้วย เมล็ดแห่งหายนะที่กลายเป็นครึ่งมารได้ด้วยตัวเอง !


และแล้ว ตอนนี้เทียนทิงไม่อาจพูดในสิ่งที่อยากพูดได้แล้ว ความกดดันมหาศาลทำให้หัวใจของเขาแทบจะระเบิดออก !


“เจ้า…เจ้า…” เทียนทิงพูดพร้อมร่างที่สั่นไปทั้งตัว เขาอยากพูดอะไรไม่สำคัญสำหรับชู่มู่แล้ว !


“นี่เป็นแค่การเริ่มต้น ในองค์กรวิญญาณมีคนที่สมควรตายอย่างเจ้ามากเกินไป ข้าจะขยี้สมองของพวกเขาทีละคน…” ชู่มู่เดินไปตรงหน้าเทียนทิงแล้ว ใช้มือข้างหนึ่งจับหัวของเทียนทิงไว้ แล้วดึงขึ้นทันที !


ฝนเลือดสงบลงเล็กน้อบ ศพทั้งหมดตกอยู่บนหลังคา ถนน สวน บ่อน้ำ…


กลิ่นคาวปกคลุมครึ่งเมืองเทียนเซี่ย อีกทั้งยังกระจายออกไปเรื่อย ๆ คาดว่าหลังจากนี้ไม่กี่วัน ท่อระบายน้ำของทั้งเมืองเทียนเซี่ยจะเป็นสีแดง รวมถึงแม่น้ำที่ไหลออกไปด้วย…


ผนึกสลายฟ้าไม่ตกถึงพื้นสักเส้น นอกจากหลุมปีศาจร้ายก่อนหน้านี้ที่มีคนได้รับผลกระทบแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือตายลงให้เมืองเทียนเซี่ยมากเท่าไร


และแล้ว ความสะเทือนของการต่อสู้ครั้งนี้กลับทำให้คนนับแสนที่ได้เห็นกับตาเกิดความสะเทือนใจหวาดกลัวอย่างยิ่ง ส่วนสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ ไม่มีใครบอกได้


“ท่านประธาน…ท่านประธาน…เขาถูกปีศาจนั้นจับไว้แล้ว…”


ราชันวิญญาณที่มีความอดทนสูงนั่งนิ่งอยู่กับพื้น มองไปบนฟ้าไกล


ราชันวิญญาณเหล่านี้ไม่มีดวงวิญญาณที่สูงกว่าระดับราชันขั้นกลาง ก่อนที่จะมีกลุ่มผู้คนทรงอำนาจกว่ามาถึง พวกเขาจะไปตายไม่ได้ โดยเฉพาะในตอนที่แม้แต่ท่านประธานที่นั่งทั้งสี่ยังถูกปีศาจนี้จับไว้ราวกับของตาย


“มี…มีคนมาแล้ว !!!”


บริเวณใจกลางเมืองเทียนเซี่ย เงายักษ์ใหญ่สิบกว่าอันกำลังมุ่งหน้ามายังพื้นที่แห่งนี้ด้วยความรวดเร็ว


“เหมือนจะเป็นผู้อาสุโสอำนาจต่าง ๆ และเหล่าผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณ !!!


เหล่าองค์กรวิญญาณที่กระจายตัวเห็นผู้แข็งแกร่งเมืองเทียนเซี่ยมุ่งหน้ามาทันที หลังจากเกิดหายนะแบบนี้แล้ว ยังกล้ามารับมือกับศัตรู คงมีแค่กลุ่มราชันวิญญาณเหล่านี้แล้ว !!!


ในตอนที่ทั้งเมืองได้รับอันตราย เหล่งอำนาจที่ทรงพลังที่สุดในวงการวิญญาณอย่างวังมารนิรย ตำหนักวิญญาณ วังดวงวิญญาณ องค์กรการค้า องค์กรวิญญาณ ประตูธาตุจะร่วมมือกัน เพื่อต่อต้านศัตรูภายนอก


ดังนั้น ในบรรดาเงาสิบกว่าอันนั้น มีผู้อาวุโสตำหนักวิญญาณ ผู้อาวุโสวังมารนิรย ผู้อาวุโสวังดวงวิญญาณ เจ้าตำหนักต่าง ๆ เจ้าโลก และราชันวิญญาณที่ควบคุมแหล่งทรัพยากรอื่น ๆ …


ที่บินอยู่ตรงด้านหน้าสุด คือบุคคลระดับท่านอาวุโสเพียงผู้เดียวในเมืองเทียนเซี่ยแห่งนี้ ท่านอาวุโสหลิ่วแห่งตำหนักวิญญาณ !


ด้านหลังท่านอาวุโสคือที่นั่งทั้งสาม ผู้อาวุโสไห่ชิว ผู้อาวุโสเย้เทา ผู้อาวุโสถิง หลังจากที่นั่งสาม คือบุคคลระดับผู้อาวุโสอื่นของอำนาจทั้งสาม นักวิญญาณเฒ่าเต๋อก็อยู่ในนั้นด้วย


หลังจากกลุ่มผู้อาวุโส คือบุคคลระดับเจ้าตำหนักและเจ้าวัง ผู้ใหญ่เหล่านี้มีราชันขั้นกลาง บางครั้งอาจมีราชันวิญญาณที่ขี่ดวงวิญญาณหมวดปีกบินอยู่รอบกลุ่มเจ้าตำหนักและเจ้าวัง


กลุ่มสุดท้าย คือราชันวิญญาณธรรมดา พวกเขามีราชันวิญญาณขั้นต่ำกับเทียบเท่าราชันวิญญาณ !


ราชันวิญญาณที่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยมีประมาณหนึ่งร้อยคน และครั้งนี้กลับมีราชันวิญญาณเกือบครึ่งปรากฏตัว !!!


และตามที่กลุ่มผู้คนนี้เข้าใกล้ มีราชันวิญญาณที่กระจายอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ของเมืองบินขึ้นฟ้า เข้าร่วมกลุ่มราชันวิญญาณเหล่านี้ !


การต่อสู้สะเทือนโลกนี้ใช้เวลาไม่นานมากนัก เหล่าผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณปรากฏตัวไม่ช้าเกินไป อย่างไรก็ตาม เมืองเทียนเซี่ยนี้กว้างมาก จากบริเวณใจกลางมายังประตูเมืองนี้ต้องผ่านใจกลางเมืองที่รุ่งเรืองที่สุด ด้านในเมือง และสี่เขตนอกเมือง เขตเมืองแต่ละเขตคำนวณจากกิโลเมตร ความเร็วของดวงวิญญาณระดับราชันไวมากเพียงใดก็ไม่อาจมาถึงที่นี่ในเสี้ยววินาทีได้


ส่วนราชันวิญญาณที่กระจายตัวอยู่บริเวณนี้อยู่แล้ว พวกเขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะลงมือ อย่าว่าแต่ให้ความช่วยเหลือ


กลุ่มราชันวิญญาณแบบนี้ ไม่ได้พบเห็นมาเป็นสิบปีแล้ว การรวมตัวของผู้แข็งแกร่ง ก็เพื่อครึ่งมารราชันร้ายที่ปรากฏตัวในเมืองเทียนเซี่ยนี้ !


ความเร็วในการบินของท่านอาวุโสหลิ่วไวที่สุด หนวดขาวทั้งสองพลิ้วไปตามสายลมอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาที่กำลังใช้ความคิดจับจ้องไปยังเงาปีศาจลึกลับที่มีก้อนไฟสีขาวลุกโชน


ต่อให้เป็นท่านอาวุโส ตอนที่เผชิญกับครึ่งมารตัวจริงสายตาของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน หายนะเมื่อสิบกว่าปีก่อนของครึ่งมารยังเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานสำหรับท่านอาวุโสหลิ่ว


ดวงวิญญาณที่ท่านอาวุโสขี่อยู่เต็มไปด้วยพลัง เป็นปักษาเทวดาที่เพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับราชันชั้นยอดแล้ว !


เป็นดวงวิญญาณระดับราชั้นชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้เป็นชู่มู่ครึ่งมารก็ใช่ว่าจะเป็นศัตรูของมัน อีกทั้งมองออกได้ว่า ท่านอาวุโสไม่ได้มีราชันชั้นยอดแค่ตัวเดียว !


“ทุกคนหยุด !” ทันใดนั้น ท่านอาวุโสหลิ่วใช้ร่ายวิญญาณตะโกนขึ้น สั่งให้ราชันวิญญาณทั้งหมดหยุดลง !


จำนวนของราชันวิญญาณในตอนนี้มีมากถึงหกสิบคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งอำนาจใด หลังจากท่านอาวุโสออกคำสั่ง ไม่มีใครกล้าขัด หลังจากที่บินไปด้านหลังท่านอาวุโส พวกเขาก็ไม่กล้ามุ่งไปข้างหน้าแล้ว


“ท่านอาวุโสหลิ่วงั้นหรือ” ไห่ชิวถามด้วยความสงสัย


ในตอนนี้ห่างจากครึ่งมากแค่พันเมตร สำหรับราชันวิญญาณแล้ว ระยะห่างแบบนี้ไม่เท่าไร


และในระยะห่างแบบนี้ ราชันวิญญาณสามารถมองเห็นเงาของครึ่งมารราชันชั่วร้ายได้ชัดเจน มีราชันวิญญาณไม่น้อยพบว่า ด้านล่างของพวกเขาเต็มไปด้วยศพมากมาย สะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม !


“นี่คือครึ่งมาร….”


“บาปของวังมารนิรย”


“ไฟปีศาจ พลังอสูร หมวดลับ สิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่สุดไร้จุดอ่อน เทพปีศาจจากอีกโลกหนึ่ง !” เหล่าราชันวิญญาณของวังมารนิรยแต่ละคนพูดด้วยอารมณ์ที่แปรปรวน


ราชันวิญญาณไม่น้อยไม่เคยเห็นครึ่งมารมาก่อน ตอนนี้ได้เห็นครึ่งมารด้วยระยะที่ใกล้แบบนี้ ยากที่จะบรรยายความสะเทือนใจนี้ได้


“ท่านอาวุโสหลิ่ว ท่านประธานถูกเขาจับเอาไว้ พวกเราไม่กล้าลงมือหรือ” นักวิญญาณเฒ่าเต๋อถามเสียงเบา


ท่านอาวุโสหลิ่วส่ายหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


ไม่ต้องพูดถึงเทียนทิง เขาตายแน่นอน !


ครึ่งมารจะฆ่าเขาเมื่อไร ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของครึ่งมารแล้ว ต่อให้ท่านอาวุโสหลิ่วลงมือในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้


ตอนนี้ ที่ทำให้ท่านอาวุโสกังวลจริง ๆ คือไฟปีศาจแห่งความตายที่รวมอยู่ในมืออีกข้างของครึ่งมาร


ตอนที่ผู้คนกำลังเข้าใกล้ ไฟปีศาจนี้ได้ลุกโชนบนมือของครึ่งมารแล้ว


ทักษะนี้ถ้าปล่อยมายังพวกราชันวิญญาณ อาจไม่ก่อให้เกิดพวกราชันวิญญาณได้มากเท่าไร


แต่ว่าถ้าเขาโยนทักษะนี้ไปยังเมืองเทียนเซี่ยละก็ ไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมา !


“ครึ่งมารมีความสามารถหมวดลับ ต่อให้ความเร็วปักษาเทวดาของข้าจะไวเพียงใด ก็ไม่ทันห้ามเขาโจมตีไปยังชาวบ้านนับไม่ถ้วนในเมืองเทียนเซี่ยได้” อารมณ์ในใจของท่านอาวุโสหลิ่วเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ


สีหน้าของผู้อาวุโสมากมายเคร่งเครียดเช่นกัน


ผู้อาวุโสไห่ชิวพูดขึ้นว่า “เกรงว่าเขาจะโจมตีเมืองเทียนเซี่ย ถ้าปล่อยทักษะออกมาละก็ จะก่อเป็นหายนะในเมืองเทียนเซี่ยแน่นอน !”


พอพูดแบบนี้ออกไป ใจของเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหมดหน่วงขึ้นทันที


ผู้แข็งแกร่งมากมายอย่างพวกเขาอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยแห่งนี้ตลอด สถานการณ์แบบนี้ยังทำให้เกิดหายนะในเมืองเทียนเซี่ยได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเขามีสิทธิได้รับความเคารพคุ้มครองของผู้คนได้อย่างไร จะมีคนนับไม่ถ้วนวิจารณ์พวกเขาแน่นอน !


ในบรรดาผู้อาวุโส สีหน้าของผู้อาวุโสเย้เทาวังมารนิรยซับซ้อนที่สุด เขาลังเลสักพัก ใช้ร่ายวิญญาณพูดกับท่านอาวุโสหลิ่วว่า “ท่านอาวุโส…เจ้ามองออกหรือยัง”


ท่านอาวุโสพยักหน้าช้า ๆ สีหน้าซับซ้อนอย่างมากเช่นกัน ผ่านไปสักพักถึงใช้ร่ายวิญญาณพูดขึ้นว่า “ครึ่งมารนี้ มีสติ…”


ครึ่งมารที่มีสติ !


ครึ่งมารที่เต็มไปด้วยการฆ่าล้าง ทันทีที่ปรากฏตัวจะเต็มไปด้วยพายุนองเลือด แทบไม่รู้จักการข่มขู่ !


ครึ่งมารปรากฏตัวอย่างไร เหล่าผู้แข็งแกร่งที่เป็นท่านอาวุโสกับผู้อาวุโสรู้ดีอย่างมาก นั่นเป็นมารนิรยบางตัวที่กลืนกินวิญญาณของผู้แข็งแกร่งยิ่ง


เพราะความมุ่งมั่นของผู้แข็งแกร่งบางคนที่แข็งแกร่งยิ่ง พวกเขาไม่ยอมให้ตัวเองถูกมารนิรยกลืนกินแบบนี้ ดังนั้น ตอนที่ถูกกลืนกินทีละนิด จะทำการต่อสู้กับวิญญาณของมารนิรย


ส่วนขั้นตอนที่วิญญาณของผู้แข็งแกร่งกำลังดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ก็คือครึ่งมาร !


พูดได้ว่า หากผู้แข็งแกร่งทนต่อความเจ็บปวดที่ถูกกลืนกินวิญญาณทั้งเป็นนั้นได้ อีกทั้งไม่ล้มเลิก ขั้นตอนนี้จะเกิดความแข็งแกร่งขึ้น ชั่วร้ายมากขึ้น พลังเคียดแค้นที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่สุด


ในตอนที่อยู่ในร่างมนุษย์ ความสามารถจะธรรมดาอย่างมาก ในตอนที่อยู่ในภาวะมาร ความสามารถก็จะธรรมดาเช่นกัน มีเพียงตอนอยู่ในภาวะกึ่งมนุษย์กึ่งมารนี้จะแข็งแกร่งที่สุด !


ในตอนเป็นครึ่งมาร มารจะเป็นผู้ควบคุมหลักแน่นอน มิฉะนั้น มารจะไม่กลืนกินวิญญาณของมนุษย์ มนุษย์จะต้องดิ้นรนอย่างมากแน่นอน เมื่อมารจะกลืนกิน ก็ยิ่งไม่สามารถควบคุมร่างกายได้


ดังนั้น ในภาวะครึ่งมาร เท่ากับเป็นปีศาจที่รู้จักแค่การฆ่าล้างอย่างเดียว ไม่มีทางที่จะมีสติแน่นอน


ท่านอาวุโสเป็นคนที่เคยผ่านหายนะครึ่งมารมาก่อน ผู้อาวุโสเย้เทาเองก็รู้เรื่องของมันมาบ้าง พวกเขารู้ว่า ครึ่งมารไม่มีสติ ไม่มีความคิด ไม่มีปัญญา


และแล้ว ที่ทำให้ท่านอาวุโสหลิ่วกับผู้อาวุโสเย้เทาตกใจคือ ครึ่งมารตรงหน้านี้ กลับเป็นครึ่งมารที่มีสติตัวหนึ่ง !!!


เขารู้จักการจับเทียนทิงไว้แต่ไม่ฆ่าทิ้ง เขารู้จักการใช้ชีวิตของผู้คนบริสุทธิ์ในเมืองเทียนเซี่ยเพื่อข่มขู่กลุ่มราชันวิญญาณแข็งแกร่งอย่างพวกเขา


ครึ่งมารที่แท้จริงไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ระหว่างที่ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดพวกมันแทบไม่มีทางใช้ความคิดแน่นอน อย่าว่าแต่จะทำท่าทีแบบนี้ออกมาได้ !


“ท่านอาวุโสหลิ่ว ท่านลอง…ลองใช้ร่ายวิญญาณสื่อสารกับมัน…” ผู้อาวุโสเย้เทาใช้ร่ายวิญญาณพูดขึ้นเสียงเบา


ครึ่งมารที่มีสตินี่ทำให้ผู้อาวุโสเกิดความสะเทือนใจอย่างมาก ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป เหล่าผู้แข็งแกร่งในเมืองว่านเซี่ยงจะต้องตื่นตระหนกแน่ !


ท่านอาวุโสหลิ่วพยักหน้า ตอนที่เผชิญหน้ากับมัน ได้พยายามใช้ร่ายวิญญาณเจรจากับมัน


“พวกเราจะไม่เข้าไป แต่เจ้าก็อย่าทิ้งทักษะนั้นลงไป” ท่านอาวุโสหลิ่วลองใช้ร่ายวิญญาณส่งเข้าหัวของชู่มู่


ชู่มู่ครึ่งมารยืนอยู่ตรงนั้น มือแห่งไฟปีศาจยังคงจับเทียนทิงเกือบตายอยู่ สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มราชันวิญญาณอลังการ แต่ว่าชู่มู่ครึ่งมารไม่ได้พูดอะไร


ในใจของชู่มู่ในตอนนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย นองเลือด ขณะเดียวกัน ยังมีสติที่ใจเย็นอยู่ เขาไม่พูด เป็นเพราะกลัวว่าท่านอาวุโสจะจำเสียงร่ายวิญญาณของตัวเองได้ ต่อจากนี้จะรู้ว่าหลานชายที่เพิ่งรู้จักกันคนนี้เป็นครึ่งมาร


ความลับครึ่งมาร ชู่มู่ไม่อยากให้คนรู้มากเกินไป


“เจ้ามีอะไรที่ต้องการ บอกข้าได้ แค่ไม่ทำลายคนบริสุทธิ์ในเมืองเทียนเซี่ยก็พอ” ท่านอาวุโสหลิ่วพูดด้วยความจริงใจ


ท่านอาวุโสหลิ่วเป็นคนชราตำหนักวิญญาณที่มีความซื่อตรงอย่างมากคนหนึ่ง เขาสนใจประชาชนคนทั้งเมืองเทียนเซี่ยจริง ๆ


ในตอนนี้ เขาจำต้องลดท่าทีของท่านอาวุโสลง เพราะชีวิตของคนนับหมื่น คนนับแสน อาจกลายเป็นเถ้าถ่านเพราะคำพูดประมาทของตัวเองได้


ชู่มู่ครึ่งมารมองไปยังคนชราที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองมากลดตำแหน่งของตัวเองลงแบบนี้ ความดุร้ายในใจก็ลดลงเล็กน้อยบ้างแล้ว


ทว่า ชู่มู่ครึ่งมารยังคงไม่พูดอะไร เขาจับหัวของเทียนทิงเอาไว้ ถอยหลังช้า ๆ ทิศทางที่ถอยออกไปคือด้านนอกเมือง


ท่านอาวุโสหลิ่วเห็นครึ่งมารจะถอยออกไป เดินเข้ามาเล็กน้อย


และในตอนนี้ ไฟปีศาจในฝ่ามือของชู่มู่ลุกโชนขึ้นทันที บังคับให้ท่านอาวุโสหลิ่วต้องรีบถอยหลัง


“ข้าจะไม่เข้าไป ข้าจะไม่เข้าไปแน่นอน” ท่านอาวุโสหลิ่วรีบพูดขึ้น


ท่าทีนี้ของครึ่งมาร ทำให้ท่านอาวุโสหลิ่วพิสูจน์ได้ว่า ครึ่งมารราชันชั่วร้ายนี้มีสติอยู่ อีกทั้งอาจเป็นสติที่ดีมากด้วย !


ตอนที่ 603 ครึ่งมารเมืองหลี? ครึ่งมารเทียนเซี่ย?

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชู่มู่ครึ่งมารเห็นท่านอาวุโสหลิ่วไม่ได้เข้ามาอีก จึงลอยไปด้านหลังอย่างช้า ๆ


“ช่วย…ช่วยข้า…เขาคือ…เขาคือ…” เทียนทิงเห็นกลุ่มองค์กรวิญญาณมุ่งหน้าเข้ามาแล้ว เขาในตอนนี้ยังคงต้องดิ้นรนต่อความตาย


ราชันวิญญาณแต่ละคนไม่กล้าทำอะไร ทำได้แค่มองไปยังประธานเทียนทิงทรงอำนาจในเมื่อวานกลับเหมือนสิ่งหนีตายที่ดิ้นรนอยู่ในมือของครึ่งมาร


แม้แต่ท่านอาวุโสยังไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณเหล่านั้นทำได้แค่ยืนอยู่บนด้านหลังปักษาเทวดาระดับราชันชั้นยอดของท่านอาวุโสมองดูครึ่งมารชั่วร้ายลอยไปด้านหลังทีละนิด….


พวกเขาไม่รู้ว่า ครึ่งมารจะจัดการกับเทียนทิงที่เหลือชีวิตแค่ครึ่งเดียวอย่างไร แต่มั่นใจได้ว่า ประธานเทียนทิงจะต้องมีจุดจบที่อนาถที่สุดแน่นอน


เงาที่มีสายตาเยือกเย็น สันโดษลอยไกลออกไปช้า ๆ กลายเป็นประกายสีขาวเล็ก ๆ ในที่สุด หายไปท่ามกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืน


“ท่านอาวุโส พวกเราไม่ตามไปเหรอ ถ้าครึ่งมารยังอยู่ละก็ ไม่รู้จะมีคนต้องรับเคราะห์อีกมากเพียงใด” เหล่าเจ้าโลกเริ่มถามขึ้นอย่างกังวล


การปรากฏตัวของครึ่งมารแต่ละตัวจะนำมาสู่ความหายนะ ตอนนี้ครึ่งมารหนีออกจากเมืองเทียนเซี่ย ถ้าครึ่งมารไม่ตาย อาจปรากฏตัวสักที่ในอนาคตก็ได้


ในเขตโลก ไม่มีทางที่จะมีผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณมากมายมาจัดการครึ่งมารได้ ดังนั้น ถ้าไม่กำจัดมันก่อน เขตโลกทั้งหมดจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปได้


“หมวดลับจะไม่ทิ้งร่องรอยให้สะกดตามได้ ถ้ามันหนีไปอย่างเต็มกำลัง ต่อให้เป็นปักษาเทวดาของข้าก็ตามมันไม่ทัน” ท่านอาวุโสเองได้ถอนหายใจ


“นี่จะกลายเป็นภัยในภาคหน้าจริง ๆ ครึ่งมารเมืองหลีในตอนนั้นยังไม่ทันได้จัดการ ผ่านมาไม่นาน เมืองเทียนเซี่ยมีครึ่งมารอีกแล้ว” ผู้อาวุโสถิงพูดขึ้น


พูดจบ ผู้อาวุโสถิงกวาดตามองไปยังผู้อาวุโสเย้เทาวังมารนิรย สายตานี้กำลังกล่าวโทษคนของวังมารนิรย พวกเขาเองที่สร้างปีศาจชั่วร้ายแบบนี้ขึ้น


เย้เทาวังมารนริยในตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจสายตาของผู้อาวุโสถิง เขาในตอนนี้กำลังใช้ความคิดอยู่ “ครึ่งมารที่เป็นพวกเดียวกับมังกรจำศีลมรกตในเมืองหลีตอนนั้น คาดว่ามีสติอยู่ ตอนนี้ครึ่งมารในเมืองเทียนเซี่ยนี้มีสติเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นครึ่งมารเดียวกัน”


ครึ่งมารอยู่ได้ทั้งนานและไม่นาน โดยปกติ ถ้าไม่นานมักจะเป็นเพราะมนุษย์ไม่สามารถทนต่อความทรมานนั้นได้อีก เลิกต่อต้าน กลายเป็นมาร นี่จะเป็นเวลาต่อสู้ครั้งหนึ่ง


ถ้านานละก็ ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและวิญญาณที่ไม่ดับของมนุษย์นั้น ต่อสู้กับมารมาตลอด วังมารนิรยเคยมีครึ่งมารต่อเนื่องสิบปีอยู่ !


แน่นอนว่า ครึ่งมารไม่ดับนี้ถูกผนึกไว้ตั้งนานแล้ว มิฉะนั้น ทั้งโลกนี้จะไร้ซึ่งความสงบแน่นอน


“ท่านอาวุโส ตอนนี้พวกเรา…” ราชันวิญญาณทั้งหมดเริ่มถามขึ้น


ราชาหลีหงไม่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ย อำนาจสูงสุดอยู่ที่เทียนทิง เทียนทิงถูกครึ่งมารจับไป ตอนนี้คนทั้งหมดย่อมต้องเชื่อฟังคำสั่งของท่านอาวุโสที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุด


“ผู้อาวุโสแต่ละคนพาราชันวิญญาณห้าคนกระจายไปตามทิศทั้งแปดของเมืองเทียนเซี่ย ไม่ว่าครึ่งมารจะบุกเข้ามาอีกหรือไม่ หนึ่งเดือนนี้ใครก็ห้ามออกจากตำแหน่งของตัวเอง !” ท่านอาวุโสพูดกับราชันวิญญาณทั้งหมด


ท่านอาวุโสหลิ่วเป็นท่านอาวุโสของตำหนักวิญญาณ ปกติแล้ว น่าจะมีเพียงสมาชิกตำหนักวิญญาณที่ต้องเชื่อฟัง


แต่ว่า หลังจากท่านอาวุโสหลิ่วออกคำสั่ง กลับไม่มีใครกล้าขัดขืนคำสั่งนี้


ผู้แข็งแกร่งยังคงเป็นที่เคารพนับถือมาตลอด พลังของปักษาเทวดาท่านอาวุโสคนเดียวก็เพียงพอที่ควบคุมดวงวิญญาณหมวดปีกของคนทั้งหมดได้แล้ว


ในไม่ช้าเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยนี้ได้พาราชันวิญญาณบินไปยังทิศทางทั้งแปดของเมืองเทียนเซี่ย


“ให้คนทำความสะอาดที่นี่ อย่าให้เหลือร่องรอยอะไรก่อนฟ้าสว่าง อย่าให้ภายนอกรู้เรื่องการปรากฏตัวของครึ่งมาร บอกว่ามารนิรยขาวระดับราชันชั้นยอดบุกก็พอ” ท่านอาวุโสกวาดตามองไปยังราชันวิญญาณที่กุมอำนาจเมืองเทียนเซี่ยที่เหลือแล้วพูดกับพวกเขา


“ขอรับ” ราชันวิญญาณเหล่านี้ได้บินลงจากฟ้า เริ่มรวบรวมผู้เฝ้าเมืองในเขตนี้ ให้พวกเขาทำความสะอาดศพที่กระจายในพื้นที่นี้


หลังจากท่านอาวุโสสั่งการคนทั้งหมดแล้ว นั่งอยู่บนหลังปักษาเทวดาแล้วใช้ความคิด


หลังจากผ่านไปสักพัก ท่านอาวุโสหลิ่วเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ กวักมือเรียกคนมา และคนที่มาคือ เจ้าตำหนักหยู่ที่ไม่ได้ไปทำภารกิจเพียงคนเดียว


เจ้าตำหนักหยู่อยู่ด้านหลังกลุ่มใหญ่ ระหว่างนี้ สีหน้าของเจ้าตำหนักหยู่ซับซ้อนมากกว่าคนทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ได้เห็นครึ่งมารเมืองหลีกับครึ่งมารเทียนเซี่ย !


“เมื่อกี้เจ้ามีเรื่องจะพูดใช่ไหม ตอนนี้พูดมา” ท่านอาวุโสหลิ่วกวาดตามองไปยังเจ้าตำหนักหยู่ แล้วพูดขึ้น


“เขาคือครึ่งมารเมืองหลี” เจ้าตำหนักหยู่พูดอย่างมั่นใจมาก


เจ้าตำหนักหยู่ไม่รู้ว่า ครึ่งมารเหมือนกันหมดไหม แต่จากความรู้สึกของเจ้าตำหนักหยู่แล้ว ครึ่งมารเทียนเซี่ยนี้คือครึ่งมารเมืองหลี ความชั่วร้ายแบบนั้น สายตาดุร้ายเยือกเย็นชาญฉลาด…


ท่านอาวุโสหลิ่วก็เดาได้ หลังจากรอให้คืนนี้สงบลงแล้ว จะปรึกษากับผู้อาวุโสเย้เทาอีกครั้ง


“ยังพบอะไรอีกไหม” ท่านอาวุโสหลิ่วเห็นเจ้าตำหนักหยู่เหมือนจะพูดบางอย่าง จึงถามต่อ


เจ้าตำหนักหยู่ลังเล ไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องนี้หรือไม่


ความจริงเจ้าตำหนักหยู่สงสัยว่า ครึ่งมารเมืองหลีมีความเกี่ยวข้องพิเศษกับชู่มู่ วันนี้ได้เห็นอีกครั้ง การคาดเดาของเขานี้จึงมีความมั่นใจมากขึ้น แต่ว่าวัยหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีนี้กลายเป็นครึ่งมารเองได้ อีกทั้งมีพลังแข็งแกร่งอย่างราชันขั้นสูง นี่ทำให้เจ้าตำหนักหยู่รู้สึกเพ้อเจ้อเกินไป


ในที่สุด เจ้าตำหนักหยู่ยังคงส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีแล้ว”


ท่านอาวุโสหลิ่วพยักหน้า หันกลับมามองเจ้าตำหนักหยู่ ใช้ร่ายวิญญาณพูดกับเจ้าตำหนักหยู่” ช่วยจัดการเรื่องหนึ่งให้ข้าหน่อย อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้”


“เชิญท่านอาวุโสสั่ง” เจ้าตำหนักหยู่รีบโค้งคำนับ


ท่านอาวุโสหลิ่วได้ส่งคำพูดด้วยร่ายวิญญาณเข้าไปในหัวของเจ้าตำหนักหยู่


เจ้าตำหนักหยู่ตั้งใจฟังตลอด แต่ในตอนที่เขารู้ว่า ทำเรื่องนี้เพื่อใคร ในใจของเจ้าตำหนักหยู่สะเทือนอย่างมาก ในตอนนี้ยิ่งมั่นใจได้ว่า ชู่มู่มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับครึ่งมาร !




“อ๊า !!!”


บนยอดสูงสุดของประตูโลกมรณะ เสียงร้องสะเทือนดังก้องกังวาน ฟังแล้วชวนขนลุกอย่างมาก !


คนที่ส่งเสียงร้องแบบนี้ได้ คือเทียนทิงที่ถูกชู่มู่ครึ่งมารจับตัวเอาไว้


ชู่มู่ไม่ได้ฆ่าเทียนทิงทันที อยากรู้จากปากของเทียนทิงว่า ยังมีใครที่รู้ความลับของตัวเองอีก


โอกาสของครึ่งมารมีจำกัดมาก ถ้ายังมีคนรู้ความลับอีกละก็ ชู่มู่จะพุ่งเข้าไปในเมืองเทียนเซี่ยอีกครั้งแน่ๆ กำจัดคนนี้ ไม่ทิ้งภัยให้กับตัวเองในวันข้างหน้า


“ไม่…ไม่มีแล้ว…เรื่องนี้…เรื่องนี้เจ้าองค์กรบอกให้ข้าทำ…เขาไม่หวัง…เขาไม่หวังให้ใครรู้…แล้วก็…ต่อให้…ต่อให้เป็นข้า…ก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้น…คืออะไรกันแน่….” เทียนทิงพูดติดขัด เห็นได้ชัดว่า อ่อนแอถึงที่สุดแล้ว


ลองคิดดูว่า ถูกไฟปีศาจระดับราชันขั้นสูงทรมานวิญญาณเกือบครึ่งชั่วโมง จะมีใครทนอยู่อีกได้


“ถ้าอย่างนั้น มีใครบ้างที่รู้ว่า คืนนี้ข้ากับเจ้าจะแลกของกันที่ประตูโลกมรณะ” ชู่มู่ถามอีกครั้ง


ชู่มู่เพิ่มการโจมตีจิตกับเทียนทิง การโจมตีจิตแบบนี้ เทียนทิงไม่มีทางโกหกได้


“เฉินหง…เจี่ย…เจี่ยซุ่นติง…ลี่เถิง…หม่า….หม่าอี้หลู่…มี…มีแค่นี้…” เทียนทิงอยู่ระหว่างความเป็นกับตาย ความทรมานแบบนี้ทำให้เขาไม่มีจิตใจที่คิดจะวางแผนโกงแม้แต่น้อย แต่อยากจะจบชีวิตตัวเองให้เร็วที่สุด


บางครั้งเทียนทิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะมีวันนี้ อีกทั้งยังถูกวัยหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีทรมานแบบนี้


เทียนทิงปิดปากเฉินหงแล้ว เจี่ยซุ่นติง ลี่เถิง หม่าอี้หลู่ ทั้งสามคนนี้ชู่มู่ไม่ปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว ถูกผนึกสลายฟ้าขยี้เป็นเศษหมดแล้ว ปนอยู่กับศพของสมาชิกกลุ่มองค์กรวิญญาณหมดแล้ว


คนที่รู้การแลกเปลี่ยนระหว่างเทียนทิงกับชู่มู่มีแค่นี้จริง ๆ เพราะเทียนทิงจงใจวางแผนร้าย กลัวว่าท่านอาวุโสกับท่านหญิงจะโทษตัวเอง จึงไม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป


เทียนทิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า แผนการที่ตัวเองระวังอย่างมากกลับถูกชู่มู่มองออก อีกทั้งยังเป็นการช่วยชู่มู่กำจัดภัยในภายภาคหน้าด้วย ทำให้ชู่มู่ไม่ต้องเสี่ยงกับการล้อมโจมตีของราชันวิญญาณแล้วยังต้องไปฆ่าล้างในตำหนักเทียนทิงอีก


ก่อนหน้านี้ที่ชู่มู่กับท่านอาวุโสหลิ่วเจรจากันคือ จะให้ตัวเองไปคืนของที่ตำหนักเทียนทิงด้วยตัวเอง ดังนั้น ท่านอาวุโสคิดว่า ชู่มู่อยู่ในตำหนักเทียนทิงมาตลอด


ส่วนเจียจิ้งที่ส่งข่าว ชู่มู่กลับไม่ได้ฆ่าปิดปาก แต่ก่อนที่จะออกมา ได้ให้มั่วเย้เสกคาถาเนตรร้ายสะกดวิญญาณ สลายความทรงจำของเธอ


การสลายความทรงจำแบบนี้ทำได้แค่กับคนที่ร่ายวิญญาณอ่อนแออย่างมาก เดิมเจียจิ้งเป็นแค่ศิษย์วิญญาณตัวน้อยคนหนึ่ง ย่อมต้านทานไม่ได้ หลังจากที่ปล่อยทักษะนี้แล้ว เจียจิ้งคงจะป่วยหนักแน่นอน


“ฆ่า…ฆ่าข้าเถอะ…ไม่…ไม่มีใครรู้…ไม่มีใครรู้แล้ว…ขอร้องละ..ฆ่าข้าเถอะ” เทียนทิงอ้อนวอน


เทียนทิงรู้ว่า ถ้ามีคนรู้ความลับนี้อีก ปีศาจนี้จะไม่ปล่อยเขาแน่นอน เทียนทิงเองก็มั่นใจว่า ไม่มีใครรู้อีก…


หลังจากที่ชู่มู่มั่นใจว่า เทียนทิงไม่ได้โกหก ฝ่ามือเปิดออกช้า ๆ ฉีกยิ้มชั่วร้ายแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้ายังลืมให้อะไรกับข้า”


“นี่…นี่เป็นแหวนจับวิญญาณ ในนี้…ในนี้มีดวงวิญญาณ…ดวงวิญญาณราชันตัวอ่อนนั้น…” เทียนทิงพูดอย่างอ่อนแอยิ่ง


ชู่มู่รับแหวนจับวิญญาณนั้นมา ไม่รีบเปิดออก แต่หยิบแหวนช่องว่างในมือของเทียนทิงมาด้วย มิฉะนั้น จะถูกเปลวไฟของตัวเองเผาจนหมด


ราชันวิญญาณที่มีราชันขั้นสูง และเขาระมัดระวังอย่างมากที่จะเก็บของมีค่าไว้ที่ลึกลับกว่านี้ ในแหวนช่องว่างติดตัวจะต้องมีของมีค่าไม่น้อยแน่นอน


ถ้าชู่มู่เป็นครึ่งมารจริง จะไม่เห็นแก่ของพวกนี้ อย่างไรก็ตาม ผลครึ่งมารของตัวเองหายไป จะต้องฝึกอย่างหนักแล้ว และของที่อยู่ในแหวนช่องว่างของเทียนทิงจะต้องเป็นประโยชน์ต่อตัวเองอย่างมากแน่นอน


ตอนที่ 604 กลุ่มราชันสำรองของชู่มู่

โดย

Ink Stone_Fantasy

วันที่สอง บนยอดเขาประตูโลกมรณะ ศพที่ถูกเผาจนไม่เหลือชิ้นดีถูกผู้เฝ้าเมืองที่กระจายตัวพบเจอ


หลังจากนั้น เหล่าราชันวิญญาณของเมืองเทียนเซี่ยพบว่า บริเวณประตูโลกมรณะซึ่งเป็นประตูต้องห้ามที่มุ่งหน้าไปเมืองมรณะมีร่องรอยที่ถูกพลังหมวดลับเปิดออก!


ประตูโลกมรณะที่มุ่งหน้าไปเมืองมรณะนี้เป็นความลับที่มีเพียงราชันวิญญาณขั้นสูงถึงรู้ ในนั้นมีสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนอยู่


เกิดร่องรอยแบบนี้เป็นเรื่องที่ประหลาดอย่างมาก จึงได้ข้อสรุปของการปรากฏตัวของครึ่งมารได้ว่า


ครึ่งมารนี้พยายามจะเข้าไปในเมืองผนึกมรณะ แต่ตอนที่แตะต้องประตูต้องห้ามนี้ถูกเทียนทิงพบเข้า ประธานเทียนทิงจึงพากลุ่มองค์กรวิญญาณมายังประตูโลกมรณะแห่งนี้ จึงเกิดการสู้รบกับครึ่งมารครั้งใหญ่…


ผลที่ได้หลังจากนั้น ผู้คนมากมายได้เห็นกับตา เทียนทิง ราชันวิญญาณทั้งสามคนและกลุ่มขององค์กรวิญญาณดับหมด


กลุ่มขององค์กรวิญญาณตายอนาถเกินไป อีกทั้งหลายคนได้เห็นฝนเลือดเนื้อนั้นกับตา แม้กลุ่มราชันวิญญาณ และคนของอำนาจต่างๆ ได้รับประกันแล้วว่า จะไม่มีครึ่งมารปรากฏตัวในเมืองเทียนเซี่ยอีก แต่ในไม่กี่วันหลังจากนี้ ยังคงน่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะปิดกั้นอย่างไร ยังคงมีเรื่องการต่อสู้สะเทือนใจในคืนนั้นกระจายออกไปอยู่ดี


ข่าวนี้กระจายไปช่วงหนึ่ง ทั้งเมืองเทียนเซี่ยก็อยู่ในภาวะตึงเครียด คนที่เข้าออกเมืองถูกควบคุมอย่างเข้มงวด



ว่าแต่ในวันนั้น หลังจากชู่มู่จัดการเทียนทิงแล้ว ได้กลับไปยังตำหนักวิญญาณจากอีกทิศทางหนึ่งอย่างไร้ร่องรอยใดๆ


หลังจากกลับไปยังตำหนักวิญญาณ ท่านอาวุโสหลิ่วได้ส่งคนมาตามหาชู่มู่พอดี


ชู่มู่เองได้แต่งข้อแก้ตัวเรียบร้อยแล้ว พูดว่า คืนนั้นตอนที่ไปหาเทียนทิง เขาไม่อยู่ในตำหนัก เลยออกไปเดินเล่นแล้วกลับมายังตำหนักวิญญาณ


ท่านอาวุโสแค่ตรวจสอบความปลอดภัยของชู่มู่ ในเมื่อชู่มู่ไม่เป็นอะไร ก็ไม่ได้ถามมากเกินไป


หลังจากที่ชู่มู่กลับห้องของตัวเอง ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ พักสักครู่ แล้วใช้น้ำแข็งเทพดินปรับร่างกายของตัวเองแล้วหลับไป


หลังจากนั้นไม่กี่วัน เดิมชู่มู่คิดว่า จะใช้พลังของตำหนักวิญญาณทำให้เรื่องนี้แนบเนียนกว่าเดิม โดยเฉพาะห้ามให้คนขององค์กรวิญญาณรู้ว่าก่อนที่เทียนทิงจะตายเขาจับจ้องตัวเองมาตลอด อีกทั้งคนที่ห้ามตัวเองออกจากเมืองก็ต้องกำจัดทิ้ง


ที่ทำให้ชู่มู่ประหลาดใจอย่างมากคือ ตอนที่ชู่มู่คิดจะจัดการคนพวกนี้ พวกนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว


คนเหล่านี้ไม่มีทางที่จะออกจากเมืองเทียนเซี่ยในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ และไม่มีทางที่จะเดาสาเหตุการตายที่แท้จริงของเทียนทิงได้เร็วขนาดนี้ พวกเขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ มีสิ่งเดียวคือ อาจมีคนลงมือจัดการพวกเขาก่อนแล้ว


คนที่จะเสี่ยงช่วยปกปิดความลับให้ตัวเองได้ เกรงว่าจะมีเพียงคนเดียว นั่นคือท่านอาวุโสหลิ่ว


หลังจากนั้น ชู่มู่ได้รู้ความจริงจากเจ้าตำหนักหยู่ หลังจากที่เทียนทิงตายลง ท่านอาวุโสหลิ่วได้แอบใช้พลังทั้งหมดจัดการเรื่องนี้อย่างหมดจด เพื่อป้องกันไม่ให้ชู่มู่ถูกคนขององค์กรวิญญาณสังเกตเห็น


การกระทำแบบนี้ของท่านอาวุโสทำให้ชู่มู่แอบตกใจ หรือว่าท่านอาวุโสหลิ่วจะรู้ว่าตัวเองเป็นครึ่งมารแล้ว หรือจะบอกว่า เขาแค่อาศัยโอกาสนี้เพื่อปกป้องตัวเอง



ไม่ว่าท่านอาวุโสจะรู้ว่า ตัวเองเป็นครึ่งมารหรือไม่ ชู่มู่วางใจได้สักที


เพราะกังวลมาตลอด ชู่มู่ยังไม่ทันได้ดูดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชัน อีกทั้งยังไม่ได้ค้นแหวนช่องว่างของเทียนทิงด้วย


ตอนนี้เรื่องที่เป็นโทษกับตัวเองได้จัดการพอประมาณแล้ว ชู่มู่เองก็จะได้ดูว่าครั้งนี้ได้อะไรมาบ้าง


ดวงวิญญาณตัวอ่อนเป็นตัวเล็กที่เพิ่งฟักออกมาได้ไม่นาน เช่นเดียวกับมังกรจำศีลน้อย ยังไม่ถึงลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่ง


ในตอนนี้เจ้าราชันน้อยตัวนี้กำลังนอนอยู่ในแหวนจับวิญญาณ ไม่รู้ว่าตัวเองผ่านมือของใครต่อใครมาบ้างแล้ว


ชู่มู่สังเกตเจ้าตัวเล็กอย่างถี่ถ้วน รู้สึกว่า เหมือนจะเคยพบเห็นดวงวิญญาณตัวน้อยนี้มาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่าคืออะไร แต่จากกลิ่นไอหมวดลมของมันมั่นใจได้ว่าเป็นราชันธาตุหมวดลมตัวหนึ่ง


“นายท่าน นี่เป็นราชันปีศาจวายุร้ายตัวหนึ่ง ท่านมองไปที่บนหัวของมัน มีทรงขนนกมงกุฎอยู่ใช่ไหม…” ผู้เฒ่าหลีเองมีสายตาที่ดีมาก มองออกทันทีว่า นี่เป็นราชันปีศาจวายุร้ายตัวหนึ่ง


พอผู้เฒ่าหลีพูดแบบนี้ ชู่มู่ถึงเข้าใจทันที ที่แท้คือราชันปีศาจวายุร้าย ตอนที่ตัวเองอยู่เมืองพันวายุได้เจอกลุ่มปีศาจวายุร้ายมาก่อนแล้ว


“ราชันปีศาจวายุร้ายเหรอ” ชู่มู่ถอนหายใจ จากสีหน้าของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่า ดวงวิญญาณราชันตัวอ่อนนี้ไม่ถูกใจเท่าไร


ชู่มู่มีภูตพันวายุเป็นดวงวิญญาณหมวดลมแล้ว แม้ในด้านตระกูลราชันปีศาจวายุร้ายจะแข็งแกร่งกว่าภูตพันวายุอย่างมาก แต่ชู่มู่กลับไม่มีนิสัยเปลี่ยนดวงวิญญาณแบบนี้


อีกทั้ง เดิมชู่มู่ชอบความคล่องแคล่วและทักษะการต่อสู้ของภูตพันวายุมากกว่าอยู่แล้ว แม้ราชันปีศาจวายุร้ายจะแข็งแกร่ง กลับไม่ใช่ดวงวิญญาณหมวดลมที่ชู่มู่ต้องการ


“นายท่าน ไม่สนใจราชันปีศาจวายุร้ายมากเท่าไรใช่ไหม”ผู้เฒ่าหลีพูดขึ้น


“อืม”ชู่มู่พยักหน้า


“เรื่องนี้ง่ายมาก ขายทิ้งได้เลย นายท่านไม่ชอบราชันปีศาจวายุร้ายตัวนี้ แต่มีคนนับไม่ถ้วนที่คลั่งไคล้ตัวมันอย่างมาก! ด้วยราคาของราชันปีศาจวายุร้ายแล้ว น่าจะได้วัตถุวิญญาณราชันหมวดลมหายากได้อย่างไม่มีปัญหา” ผู้เฒ่าหลีบอก


“กลุ่มปีศาจวายุร้ายอยู่ในเมืองภูตพันวายุเช่นกัน แต่จักรพรรดิปีศาจวายุร้ายกลับไม่อยู่ในรายชื่อดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลายเส้นทั้งเจ็ด ความจริงเห็นได้ชัดว่า ถ้าภูตพันวายุเพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับเดียวกับราชันปีศาจวายุร้ายได้ พลังต่อสู้ของภูตพันวายุจะแข็งแกร่งกว่าราชันปีศาจวายุร้ายอีก ดังนั้น ปล่อยราชันปีศาจวายุร้ายตัวนี้ไป เพื่อแลกกับวัตถุวิญญาณที่ทำให้ภูตพันวายุเพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับราชันได้ เป็นทางเลือกที่ฉลาดมากแน่นอน” ผู้เฒ่าหลีพูดต่อ


บ่อน้ำอมตะมีแค่อันเดียว จะต้องให้มังกรจำศีลน้อยกินแน่นอน และถ้าฝึกปีศาจวายุร้ายใหม่ละก็ ต้องเพิ่มจากลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่งใหม่ ต้องใช้เวลาหลายปีมาก


ส่วนภูตพันวายุอยู่ในลักษณะเก้าขั้นกลางแล้ว ถ้าเพิ่มความแข็งแกร่งให้อยู่ในระดับราชันละก็ เชื่อว่าอีกไม่นานชู่มู่จะมีดวงวิญญาณหมวดลมระดับราชันลักษณะสิบ นี่มีความหมายมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด !


“นายท่าน ต่อไปก็ทำให้ภูตพันวายุอยู่ในลักษณะสิบ เพิ่มความแข็งแกร่งให้อยู่ในจักรพรรดิชั้นยอด แล้วใช้วัตถุวิญญาณที่แลกมาเพิ่มความแข็งแกร่ภูตพันวายุ ทำให้อยู่ในระดับราชัน นายท่านจะมีราชันที่มีพลังต่อสู้ลักษณะสิบจำนวนสองตัวแล้ว เจ้าโลกธรรมดาเจอกับนายท่านยังต้องถอย” ผู้เฒ่าหลีพูดด้วยความตื่นเต้น


นึกถึงตอนที่เจ้าโลกหลีมีเทียนเท่าราชันตัวหนึ่งก็มีตำแหน่งไม่ธรรมดาในเมืองหลีแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน ชู่มู่ที่มีดวงวิญญาณราชันมากขึ้น คงเพียงพอที่จะให้เหล่าผู้แข็งแกร่งเคารพนับถือตัวเอง


หลังจากคิดได้ว่า จะจัดการดวงวิญญาณตัวอ่อนราชันนี้แล้ว ชู่มู่ได้หยิบแหวนช่องว่างของเทียนทิงออกมา


ผู้เฒ่าหลีตาดีกว่า ชู่มู่ได้ให้แหวนช่องว่างนี้กับผู้เฒ่าหลีแทน


ผู้เฒ่าหลีเริ่มค้นของที่อยู่ในแหวนช่องว่างอย่างตื่นเต้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงชวนขนลุกของผู้เฒ่าหลี


“นายท่านเอ้ย ของที่อยู่ในแหวนช่องว่างของเทียนทิงนี้ดีกว่าของเด็กสาวทรยศอย่างมาก!”ผู้เฒ่าหลีบอก


ผู้เฒ่าหลีตื่นเต้นแบบนี้ ตาของชู่มู่ย่อมเป็นประกายขึ้นมาทันที อย่างไรนี่ก็เป็นแหวนช่องว่างของราชันวิญญาณคนหนึ่ง ของที่อยู่ในนั้นจะทำให้ความสามารถของชู่มู่เพิ่มขึ้นแน่นอน!


“ในนี้มีเงินสดหนึ่งพันวิญญาณ ไข่มุกราชันหินขั้นสองจำนวนหนึ่งเม็ด ผลึกหมวดหินระดับราชันขั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งเม็ด ยารักษาราชันประมาณหนึ่งร้อยขวด แค่ขายยาพวกนี้ ก็จะมีเงินหลายแสนล้านแล้ว !” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างตื่นเต้นมาก


“ไข่มุกหินเอาไว้ใช้ทำอะไร แล้วก็ราชันขั้นสอง ราชันขั้นหนึ่ง หมายความว่าอย่างไร” ชู่มู่ถามอย่างไม่เข้าใจ


“ก่อนหน้านี้บอกกับนายท่านแล้ว การแบ่งสิ่งของก็แบ่งเป็นเป็นสิบระดับเช่นเดียวกับระดับทาสไปยังระดับจักรพรรดิ และสิ่งที่อยู่ในวงการราชันนี้ จะแบ่งสิบระดับใหม่ เทียบเท่าราชัน ราชันขั้นต่ำ ราชันขั้นกลาง ราชันขั้นสูง ราชันชั้นยอด ระดับทั้งห้า ซึ่งขั้นหนึ่ง ขั้นสอง โดยปกติมักจะหมายถึงวัตถุวิญญาณ ยา ผลึกหิน ผลึกวิญญาณที่เห็นผลชัดเจนเทียบเท่ากับราชัน….”


“ขั้นสาม ขั้นสี่ หมายถึงสิ่งที่มีผลต่อราชันขั้นต่ำ เป็นต้น”


ชู่มู่เองเข้าใจทันที ท่าทางระดับราชันจะแบ่งแยกกับสี่ระดับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง คาดว่าหลังจากนี้ถ้าเจอราชันวิญญาณ ขั้นหนึ่งที่พวกเขาพูดถึงจะไม่ใช่สิ่งที่ใช้เงินไม่เท่าไรก็ซื้อได้…


“นายท่าน ยาพวกนี้ระดับสูงเกินไป เจ้าเก็บไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อใช้ในยามจำเป็นก็พอ ส่วนที่เหลือเอาไปขายทิ้งในตลาด แลกเป็นเหรียญทองนับแสนล้าน แล้วหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณจักรพรรดิขั้นกลาง ยังไม่ถึงลักษณะสิบพวกนี้ให้อยู่ในจักรพรรดิชั้นยอดลักษณะสิบในเวลาอันสั้นก็พอแล้ว…”


“ไข่มุกหินราชันขั้นสอง นี่เป็นของดี รอให้ราชันผีหินผาของนายท่านอยู่ในระดับเทียบเท่าราชันแล้ว ให้มันกินลง ในตอนที่เป็นเทียบเท่าราชัน ถ้าไม่เจอราชันที่มีการโจมตีพิเศษละก็ ใครก็ทำลายการป้องกันของราชันผีหินผาไม่ได้”


“ส่วนผลึกวิญญาณหมวดไม้ราชันขั้นหนึ่ง สิ่งนี้ไม่ต้องให้ข้าพูดเยอะแล้วละมั้ง”


ชู่มู่พยักหน้า ผลึกวิญญาณนี้ เป็นสิ่งที่ราคาไม่ตกแน่นอน ผลึกวิญญาณของดวงวิญญาณราชันเม็ดหนึ่ง ชู่มู่รู้ดีว่าราคาของมันสูงมากเพียงใด


“ผู้เฒ่าหลี ตามที่เจ้าบอกเมื่อกี้ เทียนทิงมีราชันวิญญาณขั้นกลางขั้นสูง ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เขาต้องการน่าจะอยู่ระหว่างขั้นสี่ถึงขั้นแปด ทำไมแหวนช่องว่างของเขาไม่มีวัตถุวิญญาณขั้นสาม” ชู่มู่ถามขึ้น


ผู้เฒ่าหลีได้ยินแบบนี้ โกรธจนหนวดปลิว พูดขึ้นว่า “นายท่าน ท่านไม่รู้จักพอจริง ๆ ท่านคิดว่า วัตถุวิญญาณระดับราชันเหมือนวัตถุวิญญาณสิบขั้นก่อนหน้านี้ที่หาได้ทั่วไปเหรอ” ผู้เฒ่าหลีพูดกับนายท่านด้วยหน้าที่ว่า ต่อให้เป็นวัตถุวิญญาณขั้นหนึ่งขั้นสองแบบนี้ เทียนทิงเองยังรู้สึกเจ็บใจได้ ของของราชันหายากยิ่งกว่ายาก มิฉะนั้น ท่านหญิงจะต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเพื่อตามหาน้ำแข็งเทพดินได้อย่างไร ! วัตถุวิญญาณราชันไม่ใช่สิ่งที่มีได้ทั่วไป ต่อให้เป็นห้องลับเก็บสมบัติของเทียนทิง เกรงว่าอาจไม่มีวัตถุวิญญาณราชันขั้นสามขึ้นไปมากเท่าไร เพราะราชันขั้นสูงสองตัวก็สิ้นเปลืองมากพอแล้ว!”


ชู่มู่พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าหลีกำลังบอกว่า ครั้งนี้ตัวเองจะต้องเสียเงินเยอะมากแล้ว ส่วนมันจะมากเท่าไรกัน ชู่มู่ที่ยังไม่อยู่ในระดับราชันเต็มตัวคงไม่เข้าใจ


“ภูตพันวายุเป็นราชันสำรองแล้ว มังกรจำศีลน้อยก็เป็นราชันสำรองแล้ว หน้าที่หลักต่อจากนี้คือทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอด แล้วทำให้พวกมันอยู่ในระดับราชัน แหะแหะ อีกไม่นาน คาดว่าคนในเมืองเทียนเซี่ยที่จะหาเรื่องนายท่านได้ คงมีไม่กี่คนแล้ว” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างตื่นเต้น


ตอนที่ 605 กลับโลกตะวันตก

โดย

Ink Stone_Fantasy

สิบวันหลังจากเรื่องครึ่งมาร ท่านอาวุโสหลิ่วได้ปรากฏตัวตรงหน้าชู่มู่ในที่สุด


ประโยคแรกที่ท่านอาวุโสหลิ่วถามขึ้นคือ ทำไมชู่มู่ถึงรีบออกจากเมืองเทียนเซี่ย


“ข้าอยากออกไปฝึกตนหน่อย” ชู่มู่ในตอนนี้อยากจะเพิ่มความสามารถของเหล่าดวงวิญญาณอย่างมาก อย่างไรเสีย ช่องว่างจักรพรรดิชั้นยอดสำหรับผู้คุมดวงวิญญาณส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นปัญหาของชู่มู่แล้ว


ท่านอาวุโสหลิ่วได้ยินว่า ชู่มู่เป็นพวกคลั่งการฝึกตั้งนานแล้ว ตอนนี้ได้พูดกับชู่มู่อย่างจริงจัง “หลังจากเทียนทิงตาย ข้าได้แอบจัดการคนขององค์กรวิญญาณ แต่ข้าคิดว่า อีกไม่นาน องค์กรวิญญาณจะส่งคนคนหนึ่งมาแทนที่ตำแหน่งของเทียนทิง เขาจะรับหน้าที่ชิงจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดของเจ้าเช่นกัน”


ชู่มู่พยักหน้า พูดด้วยเสียงเบาว่า “ข้ารู้ ดังนั้น ข้าจึงอยากจากที่นี่ จะไม่ปรากฏตัวในเมืองใหญ่พักหนึ่ง”


ท่านอาวุโสหลิ่วส่ายหัว พูดขึ้นว่า​ “ตัวตนของเจ้าน่าจะยังไม่เปิดเผย เจ้ายังใช้ตัวตนของชู่เฉิงได้อยู่ ไม่กี่วันก่อนข้าได้ข่าว เจ้าองค์กรได้เข้าไปยังเมืองต้องห้ามลำพัง ไม่อยู่ในโลกมนุษย์ของพวกเรา…”


“เข้าไปในเมืองต้องห้ามงั้นหรือ” ชู่มู่ตกใจทันที !!!


ในตอนที่ชู่มู่เดินไปยังเมืองตะวันตก ตำแหน่งทางด้านตะวันตกเฉียงใต้เป็นเมืองต้องห้ามที่ติดกัน และชู่มู่แค่ข้ามผ่านเขตเมืองนั้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าชู่มู่กลับเป็นโลกอลวนของเจ้าโลกที่มีระดับราชันคนหนึ่ง !


ถ้ามองว่า เมืองต้องห้ามเป็นมหาสมุทรละก็ ถ้าอย่างนั้นโลกอลวนของราชันภูตวิญญาณจักรวาลฟ้าที่ชู่มู่ได้เข้าไปนั้นเป็นแค่ชายหาดเล็กๆ เท่านั้น ทะลุผ่านเมืองต้องห้ามแบบนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจมากเพียงใด !


“อืม…บนโลกนี้คนที่ทะลุผ่านเมืองต้องห้ามได้ มีเพียงเจ้าองค์กรคนเดียว” ท่านอาวุโสหลิ่วบอก


“เขา…ทำไมเขาต้องทะลุผ่านเมืองต้องห้าม อีกฝั่งของเมืองต้องห้ามมีดวงวิญญาณพิเศษอะไรเหรอ” ชู่มู่ถามขึ้นทันที


ท่านอาวุโสหลิ่วส่ายหัวพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่เข้าใจ ข้าเองก็ไม่เคยไปยังอีกฝั่งของเมืองต้องห้ามมาก่อน แม้เจ้าองค์กรจะมีความสามารถทะลุผ่านเมืองต้องห้ามได้ แต่ต้องใช้เวลาไม่น้อย จะไม่กลับมาในปีที่จะถึงนี้แน่นอน”


พอท่านอาวุโสหลิ่วพูดแบบนี้ ชู่มู่กลับสบายใจไม่น้อย อีกทั้งแอบภาวนาในใจ หวังว่าเจ้าองค์กรคนนี้ได้เจอสิ่งมีชีวิตนิรนามที่เกินกว่าระดับราชัน แล้วถูกฆ่าตายในเสี้ยววินาที


ในเมื่อปีต่อจากนี้เจ้าองค์กรจะไม่ปรากฏตัว ถ้าอย่างนั้นชู่มู่จะเพิ่มความสามารถได้อย่างสบายใจแล้ว ไม่แน่ หลังจากที่เจ้าองค์กรกลับมา เขาจะส่งบุคคลที่คล้ายกับเทียนทิงมาอีก เกรงว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเองแล้ว


“ทุกครั้งที่เจ้าองค์กรกลับจากการผ่านเมืองต้องห้าม ความสามารถจะเพิ่มขึ้น เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในมนุษยชาติ ไม่รู้กี่ปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับเขา ชู่มู่ เจ้าได้รับพรสวรรค์ผู้คุมดวงวิญญาณของชู่เทียนหมังกับหลิ่วปิงฟง นับว่ามีพื้นฐานที่ดีมาก เจ้าเองก็พยายามอย่างมากในเส้นทางเติบโตนี้ แต่ว่าถ้าเป็นศัตรูกับคนนี้ละก็ อาจเป็นเหมือนพ่อของเจ้า ทำลายชีวิตที่กำลังจะรุ่งเรือง…” น้ำเสียงของท่านอาวุโสหลิ่วทุ้มต่ำลง เขามองไปยังชู่มู่ แล้วพูดต่อ


ท่านอาวุโสหลิ่วไม่หวังว่าชู่มู่จะทำให้เจ้าองค์กรโกรธเพราะดวงวิญญาณตัวเดียว อย่างไรก็ตาม ชู่มู่เป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งจริงๆ และหวังว่าจะได้เข้าไปในผู้แข็งแกร่งชั้นยอดไม่กี่คนของมนุษยชาติ


“ท่านตา วางใจได้ ข้าจะระวังตัวมากขึ้น” ชู่มู่พูดอย่างจริงจัง


ชู่มู่เองก็เข้าใจความหมายของท่านอาวุโสหลิ่ว แต่ว่าให้เขาปล่อยมั่วเย้ไป แล้วเพิ่มความสามารถอย่างไม่สนใจอะไร นี่กลับทำให้ตัวเองเหมือนศพที่เดินได้มากกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรุ่งเรืองในเส้นทางหลังจากนี้


ดังนั้น ต่อให้ตัวเองจะเป็นศัตรูของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในมนุษยชาติ ชู่มู่ก็จะไม่หวั่นไหว


“เฮ้อ ท่าทางเจ้ายังไม่รู้ว่า คนนี้เแข็งแกร่งมากเพียงใด แข็งแกร่งจนตำหนักวิญญาณของพวกเราที่มีอยู่ทั่วโลกยังต้องนอบน้อม….ช่างเถอะ ปีต่อจากนี้เจ้าไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าองค์กรยังไม่พบร่องรอยอะไร บางทีความลับนี้อาจหายไป ในเมื่อเจ้าจะเดินในเส้นทางของตัวเอง ก็ไปเถอะ” ท่านอาวุโสหลิ่วพูดโน้มน้าวชู่มู่ไม่ได้แล้ว


ท่านอาวุโสหลิ่วเองก็ไม่พูดอะไรอีก ตบไหล่ของชู่มู่ แล้วหันหลังจากไป


หลังจากชู่มู่มองเขาจากไป ตัวเองก็กลับไปที่ห้องของเขา


ชู่มู่มักจัดการเรื่องต่างๆ อย่างรวดเร็ว ในเมื่อตัวเองจะเริ่มการเดินทางใหม่ ถ้าอย่างนั้น เช้าวันที่สอง ชู่มู่จะออกเดินทางทันที


ก่อนที่จะไป ชู่มู่เองได้ส่งราชันปีศาจวายุร้ายตัวอ่อนนี้ให้นักวิญญาณเฒ่าเต๋อ ให้เขาหาผู้ซื้อที่ดีให้ตัวเอง เพื่อแลกกับวัตถุวิญญาณหมวดลมที่เพิ่มความแข็งแกร่งภูตพันวายุได้


ตอนที่นักวิญญาณเฒ่าเต๋อรับดวงวิญญาณราชันตัวอ่อนนี้ ก็บ่นตลอด ชู่มู่ให้ตัวเองทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ตลอด ไม่เหมือนผู้อาวุโสแม้แต่น้อย ตัวเขาเป็นเหมือนคนรับใช้ของชู่มู่ชัดๆ


นักวิญญาณเฒ่าเต๋อบ่นก็จริง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งบอกว่า การเพิ่มความแข็งแกร่งภูตพันวายุให้อยู่ในระดับราชันเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าเลือกราชันปีศาจวายุร้ายจริง ๆ


คืนก่อนที่ชู่มู่จะจากไป ได้บอกลาองค์หญิงจิ่งโหลวอย่างเงียบๆ องค์หญิงจิ่งโหลวไม่รู้ยุ่งกับเรื่องอะไรอยู่ หรือจะบอกว่า หลังจากกลับจากด่านที่สิบ องค์หญิงจิ่งโหลวไม่เคยปรากฏตัวอีก


ชู่มู่ไม่เคยเข้าใจผู้หญิงคนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาได้ทักทายแล้ว ชู่มู่ไม่ได้คิดมาก ออกจากเมืองเทียนเซี่ยทันที


วินาทีที่ก้าวออกจากเมืองเทียนเซี่ย ชู่มู่มองไปยังขอบฟ้าที่ติดกับพื้นดิน กลับรู้สึกสบายใจอย่างมาก จึงวิ่งด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปยังที่ราบด้านตะวันตกของเมืองเทียนเซี่ย….




บนพื้นราบสีเขียว สายน้ำสีฟ้าเส้นหนึ่ง ไหลไปตามทางที่คดโค้งอย่างงดงาม…


แม่น้ำทั้งลึกและกว้าง สามารถมองเห็นเรือไม่น้อยที่ไหลไปตามแม่น้ำอย่างเชื่องช้า


เรือส่วนใหญ่เป็นเรือพาณิชย์ ทำการค้าระหว่างโลกตะวันตกกับโลกจั้นหลีมาตลอด


ดินของโลกตะวันตกมีทรัพยากรที่โลกจั้นหลีไม่มี ดินส่วนใหญ่นี้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการสร้างสิ่งก่อสร้างระดับตำหนักต่างๆ ตอนที่เมืองที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำเขตโลกทั้งสองนี้ต้องการสร้างตำหนัก จำต้องใช้กลุ่มพาณิชย์จากโลกตะวันตกนี้ตลอดเวลา


แน่นอนว่า เพราะแม่น้ำเส้นนี้ได้ข้ามผ่านเขตโลกทั้งสอง กลายเป็นแหล่งน้ำของเมืองใหญ่สิบกว่าเมือง และเป็นสาเหตุที่ทำให้สายน้ำยาวนี้กลายเป็นทางจราจรสำคัญ มีคนไม่น้อยที่ต้องการผ่านเขตโลกและต้องการหลีกเลี่ยงอันตรายระหว่างทาง จะเลือกเรือโดยสารที่นี่แทน


อีกทั้งทิวทัศน์ระหว่างทางแม่น้ำนี้งดงามอย่างมาก เป็นหนึ่งในสถานท่องเที่ยวโปรดของวัยหนุ่มสาวมากมาย


เรือโดยสารมีหลายระดับมาก เรือโดยสารปกติจะใช้ดวงวิญญาณหมวดน้ำระดับที่ต่ำมากควบคุมคลื่นน้ำ ดันเรือทวนกระแสน้ำอย่างช้า ๆ


ระดับที่สูงขึ้นหน่อย จะใช้ทักษะของดวงวิญญาณหมวดน้ำที่แข็งแกร่งกว่าเป็นแรงเคลื่อนไหวเรือ


ระดับสูงที่สุดคือเรือโดยสารที่วิ่งไปตามสายน้ำราวกับนักเลงที่วิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างไม่แยแสสิ่งใด โดยปกติจะมีดวงวิญญาณหมวดน้ำฝูงใหญ่ควบคุมคลื่นน้ำ ความเร็วไม่ช้ากว่าเหล่าดวงวิญญาณที่วิ่งบนพื้น


“อ้อ ที่แท้เรือโดยสารเป็นการค้าของตระกูลชู่ น่าสนใจ” บนเรือที่แล่นด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มที่สวมชุดขาวลูบคางของตัวเอง


ตัวเรือไม่เร็วมาก น้ำกระเซ็นขึ้นไม่หยุด ปลิวผ่านข้างตัววัยหนุ่มชุดขาว จนรู้สึกเย็นสบาย


“แหะแหะ เพิ่งรับมือมาก่อนหน้านี้ไม่นาน เพื่อให้ได้สิ่งนี้มา ตระกูลชู่ได้ใช้ผู้แข็งแกร่งหลายคน ถึงบีบบังคับตระกูลหลู่ที่ทำด้านนี้มาก่อนได้” พนักงานขับเรือคนนั้นพูดแนะนำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


พนักงานคนนี้ย่อมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะวัยหนุ่มตรงหน้าคนนี้ได้เหมาเรือระดับสูงสุดคนเดียว


เรือระดับนี้บรรจุคนได้หนึ่งร้อยคน อีกทั้งราคาไม่ธรรมดา พนักงานคนนี้ยังไม่เคยเห็นใครที่กล้าใช้เงินแบบนี้มาก่อน


วัยหนุ่มยืนอยู่ตรงบริเวณที่กั้นไม้ มองไปยังน้ำที่กระเซ็นขึ้น พูดพึมพำ “ในเมื่อเป็นทางผ่าน กลับไปดูที่ตระกูลเถอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็พวกท่านอาด้วย…”


วัยหนุ่มที่เหมาเรือระดับชั้นยอดแบบนี้ย่อมเป็นชู่มู่


หลังจากออกจากเมืองเทียนเซี่ย ชู่มู่มุ่งหน้าไปทางตะวันตกตลอด ถึงเวลาที่ควรจะกลับไปยังเมืองจั้นหลีตามทางแล้ว


แน่นอนว่า เส้นทางที่ชู่มู่เลือกเดินมีความแตกต่างกัน เช่นแม่น้ำตะวันตกนี้ ก่อนหน้านี้ชู่มู่ไม่เคยผ่านมาก่อน


เห็นสายน้ำไหล ชู่มู่เองก็ต้องการพักผ่อนหลังจากเดินทางตลอดหลายคืน ดังนั้น จึงจ้างเรือโดยสารที่เร็วที่สุดขับทวนน้ำ ไปยังต้นน้ำของแม่น้ำนี้ น่าจะเข้าใกล้ฐานการค้าหลักของตระกูลชู่ในเมืองตะวันตกแล้ว


ที่ทำให้ชู่มู่ประหลาดใจอย่างมากคือ หลายปีที่ผ่านมานี้ความสามารถของตระกูลชู่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำการค้าข้ามเขตโลกนี้ได้ แม้จะเป็นแค่การค้ารอง แต่แหล่งน้ำที่เป็นแม่น้ำเชื่อมไปยังเมืองสิบกว่าเมืองนี้ เรือโดยสารเป็นการค้าที่ได้กำไรมหาศาลแน่นอน…


ชู่มู่จำได้ว่า ตระกูลชู่ที่อยู่ในเมืองหวั่งหลัวในตอนนั้น มีการค้าอยู่แค่เมืองระดับขั้นแปดขั้นเก้าเท่านั้น แทบไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้าไปในเมืองขั้นสิบได้ ส่วนตอนนี้ได้ก้าวข้ามผ่านแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่ปี ตระกูลชู่จะเจริญอย่างมาก


“นายท่าน เป็นถึงราชันวิญญาณ อำนาจของเขตโลกยังคงสำคัญมาก ถ้ามีเขตโลกหนึ่ง ทรัพยากรวิญญาณของเขตโลกนี้จะเป็นของนายท่านทั้งหมด ส่วนปริมาณวิญญาณของเขตโลกระดับต่ำที่สุดเพียงพอที่จะเลี้ยงเทียบเท่าราชันวิญญาณตัวหนึ่งได้แน่นอน นายท่านลองคิดจะชิงทรัพยากรของโลกตะวันตกไปได้ ตามการคาดคะเนของข้า ปริมาณวิญญาณในแต่ละเดือนของโลกตะวันตกนี้น่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยวิญญาณ อีกทั้งทรัพยากรวิญญาณหลายแห่งยังไม่ถูกค้นพบ ถ้าถูกค้นพบ จะเป็นจำนวนเงินมหาศาลอีก” ผู้เฒ่าหลีบอก


“แค่หนึ่งร้อยวิญญาณเหรอ ถ้าคำนวณเป็นเงิน เขตโลกหนึ่งได้แค่หนึ่งหมื่นล้านใช่ไหม” ชู่มู่ถามขึ้น


“นายท่าน จะให้คนแก่อย่างข้าพูดกี่รอบ ไม่มีคนโง่คนไหนใช้หนึ่งวิญญาณไปแลกเป็นเงินหนึ่งหมื่นล้าน !วิญญาณกับเงินทองเทียบกันไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน! และตอนนี้ทรัพยากรวิญญาณขาดแคลนอย่างมาก ที่ต่างๆ เต็มไปด้วยภัยมากมาย ระดับราชันสำคัญอย่างมาก คาดว่าในไม่กี่ปีนี้ ถ้าใช้หนึ่งพันล้านแลกกับหนึ่งวิญญาณ ราชันวิญญาณบางคนยอมแลกแน่นอน !


“เดิมราคาของวิญญาณเปลี่ยนแปลงง่ายมากอยู่แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวกับภัยแล้ง หนึ่งวิญญาณแลกกับหนึ่งร้อยล้าน นี่คงเป็นราคาต่ำสุด…” ผู้เฒ่าหลีบอก


“ได้ แม้ตอนนี้ข้ายังมีหนึ่งพันวิญญาณอยู่ แต่แหล่งทรัพย์มั่นคงยังต้องมี มิฉะนั้น หลังจากนี้ ถ้ามีราชันเพิ่มขึ้น จะมีภาระมากขึ้น ข้าจะลองให้ตระกูลแก้ปัญหาวิญญาณนี้ให้ข้า” ชู่มู่บอก


ชู่มู่ในตอนนี้มีความสามารถจะสู้กับเจ้าโลกบางที่ได้บ้าง การช่วยเหลือตระกูลหนึ่งไม่ใช่ปัญหามากเท่าไร


ตอนที่ 606 มังกรจำศีลน้อยลักษณะหนึ่งจอมพลัง

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อได้กลับมาในตระกูล ชู่มู่ดีใจอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตัวเองได้ใช้ชีวิตกับพวกเขามาสิบกว่าปีแล้ว จากไปนานขนาดนี้ ชู่มู่เองคิดถึงจริง ๆ


“ซา ซา ซา”


น้ำสีขาวกระเซ็น มังกรจำศีลน้อยที่หมอบอยู่บนไหล่ของชู่มู่ดีใจยิ่งกว่า กระโดดขึ้นไปบนที่กั้นเอง กรงเล็บอ่อนนุ่มกลับลื่นไถล สุดท้ายมั่วเย้ใช้หางม้วนเจ้าตัวเล็กนี้เอาไว้อย่างเบื่อหน่าย มิฉะนั้น จะตกลงไปในแม่น้ำ


มั่วเย้น้อยไม่ขี้เล่นเท่าไร ส่วนมากจะเห็นแก่กินและนอน หลังจากมังกรจำศีลน้อยเกิดมา มั่วเย้น้อยเหมือนแม่เลี้ยง ต้องคอยดูแล ไม่เช่นนั้นจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กตกไปที่ใดบ้าง


ชู่มู่พลิกฝ่ามือ ในมือมีวิญญาณสองเม็ดที่ผ่องใสอยู่ ก้อนใหญ่นั้นให้มั่วเย้กิน ส่วนก้อนเล็กให้มังกรจำศีลน้อย


ปริมาณอาหารของมังกรจำศีลน้อยไปมาก หลังจากผ่านการชำระล้างด้วยเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกตแล้ว แม้จะเพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับราชัน แต่วิญญาณที่กินกลับไม่ถึงร้อยละหนึ่งของมั่วเย้


เนื่องจากระดับราชันมีพลังที่แข็งแกร่งเกินไป พลังที่มันใช้ไปจึงต้องทดแทนด้วยวิญญาณ ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันไม่มีทางที่จะกินวิญญาณมากขนาดนั้นอยู่แล้ว


ชู่มู่ได้ทำการชำระล้างด้วยเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกตหลังออกจากเมืองเทียนเซี่ยไม่นาน หลังจากชำระล้าง มังกรจำศีลได้เข้าสู่ระดับราชันอย่างสำเร็จ แต่หลับนานมาก เพิ่งตื่นขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้


ตอนนี้มังกรจำศีลน้อยเป็นลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่ง ไม่อ่อนแออย่างตอนที่เป็นทารกแล้ว


มันมีการโจมตีในระดับหนึ่ง ชู่มู่เองก็คิดจะหาบริเวณที่ไม่ชุลมุนเกินไป เพื่อฝึกมังกรจำศีลน้อย


ชู่มู่ได้ให้มังกรจำศีลน้อยกินของอย่างบ่อน้ำอมตะไปแล้ว อีกประมาณสองปี มังกรจำศีลน้อยน่าจะอยู่ในลักษณะสิบได้ แต่ถ้าชู่มู่ให้มังกรจำศีลน้อยต่อสู้บ่อยขึ้น เวลานี้น่าจะลดลงอีก


“ซา ซา ซา”


มังกรจำศีลน้อยบิดตัวสีเขียว ดวงตากลมโตมองไปยังน้ำที่กระเซ็น ท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก สลัดหางของมั่วเย้น้อยออกอีกครั้ง


พนักงานเรือที่อยู่ด้านข้างไม่เคยเห็นดวงวิญญาณพิเศษแบบนี้ ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ท่าน นี่คือดวงวิญญาณอะไรเหรอ มองดูอ่อนเยาว์มาก น่าจะอยู่แค่ลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่งใช่ไหม”


“อืม เพิ่งฟักออกมาไม่นาน” ชู่มู่ตอบ แต่กลับไม่ได้พูดเรื่องกลุ่มของมังกรจำศีลน้อย ถ้าบอกว่านี่เป็นมังกรจำศีลมรกตตัวหนึ่ง คาดว่าพนักงานเรือคนนี้คงตกใจอย่างมาก


ในตอนที่พนักงานเรือกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้น น้ำที่ใหญ่กว่ากระเซ็นขึ้น !!!


พนักงานอึ้งเล็กน้อย ท่ามกลางน้ำที่กระเซ็นขึ้นนั้น งูเหลือมฟันเหล็กที่พอจะกินหัวคนได้ในคำเดียวพุ่งขึ้นมา เห็นลำคอสีแดงของมันได้อย่างชัดเจน !


ขนาดตัวของงูเหลือมฟันเหล็กยาวมากถึงสามเมตร เป้าหมายของมันคือมังกรจำศีลน้อยที่กำลังเล่นอยู่บริเวณที่กั้น !


“ท่าน ระวังด้วย !!!” พนักงานเรือตะโกนขึ้น จะอัญเชิญดวงวิญญาณของตัวเองแต่กลับไม่ทันแล้ว


เมื่อเห็นงูเหลือมฟันเหล็กกำลังจะกัดดวงวิญญาณสีเขียวตัวเล็กนั้นแล้ว พนักงานเรือคนนี้รู้สึกไม่ดีอย่างมาก


ในเมื่อวัยหนุ่มคนนี้ใช้จ่ายแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นดวงวิญญาณของเขาไม่ธรรมดาแน่นอน งูเหลือมฟันเหล็กที่พุ่งขึ้นมาตัวนี้น่าจะเป็นระดับทาสขั้นสูงที่อยู่ในลักษณะสองเข้าใกล้ลักษณะสาม คำเดียวก็กัดดวงวิญญาณลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่งตัวน้อยเป็นเศษได้แล้ว !


พนักงานเรือตะโกนขึ้นแล้ว แต่เขากลับเห็นวัยหนุ่มคนนี้กลับอยู่นิ่ง และฉีกยิ้มออกมา


“ซัวะ !!!”


ทันใดนั้น แสงเย็นเยียบบินผ่าน ความเร็วไวมาก ราวกับดาบที่พุ่งออกไป แม้แต่น้ำที่กระเซ็นขึ้นยังมีรอยที่เหมือนถูกฟันขาดออกจากกัน !


วินาทีต่อมา เลือดกระเซ็นขึ้น ปนไปกับน้ำ สาดลงบนพื้นเรือ


“ป้าบ”


หัวที่น่าเกลียดตกลงมา ฟันที่มีเต็มปากเผยออกมาหมดพร้อมกับเลือดสด


หลังจากเห็นภาพนี้ พนักงานเรือตกใจจนหุบปากไม่ได้ !


เพราะในตอนที่งูเหลือมฟันเหล็กกำลังจะกัดดวงวิญญาณสีเขียวตัวเล็กนี้ กรงเล็บเดียวของดวงวิญญาณสีเขียวนี้ได้ตัดหัวของมันออก !


“นี่…เจ้าตัวเล็กนี่อยู่ลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่งไม่ใช่เหรอ” พนักงานเรือไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็น


ดวงวิญญาณลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่ง กลับฆ่าระดับทาสขั้นสูงเกือบถึงลักษณะสามในเสี้ยววินาทีได้! พลังต่อสู้ต้องสูงมากเพียงใดถึงจะทำได้ !


“ซา ซา ซา ซา”


มังกรจำศีลน้อยส่งเสียงร้องตื่นเต้นขึ้น หลังจากกรงเล็บเดียวทำให้ตกถึงพื้น ตัวมันกลับถูกประกายแสงสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้ เติบโตขึ้นทันที !


เห็นมังกรจำศีลน้อยเติบโตขึ้น ชู่มู่จึงฉีกยิ้มออกมา


คาดว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสามารถของมังกรจำศีลน้อยจะเติบโตลอกคราบอย่างรวดเร็ว !


เดิมพนักงานเรือคิดว่า มังกรจำศีลน้อยซ่อนบางอย่างเอาไว้ ซ่อนลักษณะขั้นที่แท้จริงของตัวเอง แต่เมื่อประกายสีเขียวสาดส่อง ยิ่งทำให้เห็นว่า เจ้าตัวเล็กนี้อยู่แค่ลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่งจริงๆ ทำให้พนักงานเรือคนนี้อึ้งกว่าเดิม เริ่มใช้นิ้วนับ ต้องเป็นดวงวิญญาณระดับใดถึงจะฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองเกือบสองลักษณะในเสี้ยววินาทีได้ !


สำหรับความอึ้งของพนักงานเรือ มังกรจำศีลน้อยยิ่งไม่รู้อะไร ทำท่าทีเหมือนไม่ได้ทำเรื่องที่เก่งมาก เล่นน้ำบนที่กั้นต่อไป…


และในใต้น้ำ งูเหลือมฟันเหล็กตัวอื่นที่คิดจะอาศัยจังหวะน้ำกระเซ็นโจมตีมังกรจำศีล ก็เกิดอาการตกใจจนกระจายตัวออกทันที กลัวว่าเจ้าปีศาจน้อยนี้พุ่งลงมากะทันหัน แล้วฆ่าพวกมันทั้งหมด


“ท่าน ปกติเรือระดับชั้นนำของพวกเราไม่ต้องกังวลงูเหลือมฟันเหล็กพวกนี้ แต่พวกมันอาศัยพื้นที่ใต้น้ำนี้ คอยจ้องจะโจมตีดวงวิญญาณกับคนที่อ่อนแอ ถ้าไม่ป้องกันเอาไว้อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ทว่า ดวงวิญญาณตัวน้อยของท่านนี้…แข็งแกร่งจริงๆ หรือว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิในตำนาน” พนักงานเรือถามอย่างระมัดระวัง


รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ไม่ปลอมเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับเต็มไปด้วยความนับถือต่อผู้แข็งแกร่ง


ระดับจักรพรรดิ ชู่มู่ส่ายหัว ยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีก


ระดับพลังต่อสู้ของมังกรจำศีลน้อยงั้นหรือ


พูดตามตรง ชู่มู่เองก็ไม่รู้ หลังจากที่เจ้าตัวเล็กนี้ผ่านการชำระล้างด้วยเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกต ย่อมอยู่ในระดับราชันแน่นอน ส่วนจะเป็นเทียบเท่าราชัน ราชันขั้นต่ำ หรือราชันขั้นกลาง ชู่มู่ไม่แน่ใจ


ทว่า ผู้เฒ่าหลีได้เตือนชู่มู่จริงจัง ถ้าความสามารถของชู่มู่ยังไม่ถึงระดับราชันวิญญาณก่อนมังกรจำศีลน้อยอยู่ในลักษณะเจ็ด เจ้ามังกรจำศีลน้อยอาจตั้งตนเป็นใหญ่ได้!


ตอนนี้มังกรจำศีลน้อยอยู่ข้างชู่มู่ตลอด ไม่ได้เป็นเพราะสัญญาวิญญาณ แต่เป็นเพราะความสัมพันธ์พิเศษของเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกต ที่ทำให้มังกรจำศีลมองว่าชู่มู่เป็นพ่อของตัวเอง


ในด้านความสามารถ ชู่มู่ได้ทำการประมาณมังกรจำศีลน้อยไว้ พลังต่อสู้ของมังกรจำศีลน้อยลักษณะหนึ่งขั้นหนึ่งอยู่ที่ระดับทาสลักษณะสอง สามารถฆ่างูเหลือมฟันเหล็กเข้าใกล้ลักษณะสามได้ในเสี้ยววินาที โดยหลักเป็นเพราะความแข็งแกร่งของทักษะราชัน


และถ้าคำนวณจากลักษณะสิบละก็ มังกรจำศีลน้อยในตอนนี้ยังอยู่ในระดับเทียบเท่าทาส หลังจากถึงลักษณะสองแล้ว ความสามารถของมันจะเทียบกับระดับแม่ทัพได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นเทียบเท่าแม่ทัพลักษณะสิบ !


นับว่า ในตอนที่ชู่มู่ออกจากเกาะนักโทษในตอนนั้น ดวงวิญญาณทั้งหมดรวมกันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมังกรจำศีลน้อยลักษณะสอง เห็นได้ชัดว่า ถ้ามังกรจำศีลเติบโตขึ้น ความสามารถของมันจะน่ากลัวเพียงใด !


จากลักษณะหนึ่งเติบโตเป็นลักษณะสอง เวลาประมาณสองเดือน ตอนนั้นคงถึงตระกูลชู่แล้ว มังกรจำศีลน้อยน่าจะอยู่ในลักษณะสองแล้ว




ระหว่างที่เดินทางจากเมืองเทียนเซี่ยมายังโลกจั้นหลี ชู่มู่เองก็ไม่ได้ปล่อยตัวตามสบาย ยังคงเดินไปมาในโลกอลวนใหญ่ต่างๆ โดยหลักก็เพื่อฝึกดวงวิญญาณอื่นของตัวเอง


ชู่มู่ในตอนนี้มีเงินเยอะมาก โดยเฉพาะมั่วเย้อยู่ในระดับราชัน ทำให้ได้ทรัพยากรของโลกอลวนง่ายขึ้นมาก


ด้วยการชิงวัตถุวิญญาณอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของมั่วเย้ ความสามารถของเหล่าดวงวิญญาณอื่นของชู่มู่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้น ๆ นี้ ดวงวิญญาณทั้งหมดของชู่มู่อยู่ในลักษณะสิบแล้ว


กินวัตถุวิญญาณขั้นเก้ากับสิบแทนข้าว จะมีเหรอเรื่องข้ามลักษณะไม่ได้


ด้านพลังต่อสู้ เย้ ปีศาจนักรบไม้ จั้นเย้ ภูตพันวายุ อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสูงหมดแล้ว


โดยปกติ ต่อให้เป็นวัตถุวิญญาณราคาสูง ยังต้องใช้เวลาย่อยและซึมซับเพื่อเพิ่มความสามารถของดวงวิญญาณ


และเวลาที่ใช้ย่อยนี้ ทำให้สั้นลงด้วยการต่อสู้ได้ ชู่มู่ได้เข้าไปในโลกอลวนขั้นเก้าอันหนึ่ง แล้วทำการฆ่าล้างอย่างหนัก


ต่อสู้กับฝูงดวงวิญญาณนับพันหมื่นตัว เหล่าดวงวิญญาณได้ต่อสู้อย่างหนักหน่วง วัตถุวิญญาณทีกินอิ่มมากเพียงใดก็ย่อยพอประมาณแล้ว ดังนั้น ความสามารถของเหล่าดวงวิญญาณถึงเพิ่มขึ้นมหาศาลในเวลาอันสั้นนี้ได้


เป็นเพราะที่ชู่มู่กินน้ำแข็งเทพดินก่อนหน้านี้ ภูตเวหาน้ำแข็งยังคงอยู่ในภาวะหลับใหลในตอนนี้ น้ำแข็งเทพดินเป็นวัตถุวิญญาณราชันขั้นสี่ ต่อให้ชู่มู่กินส่วนใหญ่เข้าไปแล้ว แต่ใช้ส่วนน้อยกับดวงวิญญาณระดับราชัน ผลของมันน่าสะพรึงอย่างมาก


การหลับใหลหลายเดือนแบบนี้ ชู่มู่คาดว่า ตอนที่ภูตเวหาน้ำแข็งตื่นขึ้นมาน่าจะอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอดลักษณะสิบแล้ว


ก่อนหน้านี้ชู่มู่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งปีศาจขาวจนอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูงแล้ว เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ปีศาจขาวอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอด ชู่มู่ไม่เพียงแต่ใช้เงินหกหมื่นล้านเหรียญทอง แต่ยังคอยตาหาจักรพรรดิชั้นยอดลักษณะสิบหมวดลับ หมวดไฟ หมวดมืด บังคับเพิ่มความแข็งแกร่ง รวมแล้วใช้เงินไปทั้งหมดหนึ่งแสนล้าน


โดยปกติแล้ว สามหมื่นล้านก็ทำให้จักรพรรดิขั้นสูงแข็งแกร่งจนถึงจักรพรรดิชั้นยอดได้แล้ว แต่นี่มักต้องใช้เวลาชะลอหลายปี


ชู่มู่รอนานขนาดนั้นไม่ได้ ได้ทุ่มเงินหลายเท่า !


การทุ่มเงินหนึ่งแสนล้านแบบนี้ ทำให้ปีศาจขาวในตอนนี้ได้กลายเป็นจักรพรรดิไร้เทียมทานอย่างแท้จริง !


โดยปกติถ้าเจอดวงวิญญาณที่ยังไม่ถึงราชัน แต่กลับเอาชนะไม่ได้ ปีศาจขาวจะรับมือหมด มิฉะนั้นถ้าให้มั่วเย้ลงมือ ชู่มู่จะเสียหายวิญญาณหลายอัน


หลังจากที่ชู่มู่ออกจากเมืองเทียนเซี่ย ได้ทำการจัดการเมืองโลกอีกฝั่ง ในด้านเงินทุน เขาได้จัดการสิ่งที่ได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์จนหมดแล้ว ชู่มู่ได้เงินทั้งหมดสี่แสนล้าน


ตอนที่ได้สี่แสนล้านนี้มา ตาของชู่มู่เป็นประกายทันที ก่อนหน้านี้ไม่นานตัวเขายังวิ่งตามหาเงินไม่กี่ร้อยล้านอยู่ ตอนนี้ได้แสนล้านมาแล้ว แม้แต่ชู่มู่เองยังรู้สึกไม่น่าเชื่อ !


แน่นอนว่า โดยหลักเข้าสู่ระดับราชันแล้ว ชู่มู่เองในตอนนี้น่าจะได้เงินสี่แสนล้านมาไม่ยากมาก


ในสี่แสนล้านนี้ หนึ่งแสนล้านได้นำมาเพิ่มความแข็งแกร่งปีศาจขาวหนึ่งแสนล้านนำมาเพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณทั้งหมดให้อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะสิบ


สองแสนล้านที่เหลือ ชู่มู่ไม่คิดจะใช้ในตอนนี้


เงินพวกนี้ไม่ได้มาง่ายๆ หลังจากเพิ่มความสามารถดวงวิญญาณพอประมาณแล้ว ชู่มู่เองจะเข้าไปในโลกอลวนที่มีระดับสูงขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้ได้วัตถุวิญญาณ อีกส่วนก็เพื่อเพิ่มการต่อสู้ของดวงวิญญาณ ไม่จำต้องใช้เงินหนึ่ง แสนล้านเพื่อทำให้จักรพรรดิขั้นสูงอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอด


ส่วนตัวชู่มู่เอง ความสามารถของเหล่าดวงวิญญาณเพิ่มขึ้น ตอนนี้อยู่ในเจ้าวิญญาณแปดร่าย ถ้าดวงวิญญาณอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอดหมด ชู่มู่น่าจะอยู่ในเจ้าวิญญาณเก้าร่ายได้



 

 

 


ตอนที่ 607

 

ด้วยความเร็วของชู่มู่ในตอนนี้ ถ้าขี่อสูรสายฟ้านิมิตราตรีตรงไปละก็ น่าจะใช้เวลาหนึ่งเดือนก็จะถึงตระกูลชู่ได้


ทว่า ชู่มู่กลับเลือกเส้นทางเขาที่ไม่มีใครกล้าใช้ในโลกจั้นหลีและโลกตะวันตก


เส้นทางเขานี้เป็นเนินเขาของภูเขาจั้นซี ที่นี่เป็นโลกอลวนมหาศาลต่างๆ เนื่องจากในภูเขามีทรัพยากรสมบูรณ์มาก ลักษณะขั้นของดวงวิญญาณต่างๆ จะสูงมาก อีกทั้งก่อตัวเป็นกลุ่ม ถ้าไม่ระวังจะเจอกับฝูงดวงวิญญาณนับร้อยพันได้


โลกอลวนจะต้องมีระดับอยู่ แบบนี้ถึงจะตอบสนองความต้องการในการฝึกของผู้คุมดวงวิญญาณในระดับที่ต่างกันได้ ส่วนภูเขานี้นับว่าเป็นพื้นที่ไม่มีการแบ่งแยกท่ามกลางโลกทั้งสองนี้ ถ้าไม่มีความสามารถมากพอ เข้ามาจะต้องตายมากกว่ารอดแน่นอน


ในเมื่อชู่มู่คิดจะตามหาวัตถุวิญญาณที่ทำให้ดวงวิญญาณของตัวเองเพิ่มขึ้นจนอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอดได้ ภูเขาแห่งนี้มีทรัพยากรสมบูรณ์แบบนี้ เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นพื้นที่ใช้ฝึกของชู่มู่



ชู่มู่ต่างจากผู้คุมดวงวิญญาณอื่น ผู้คุมดวงวิญญาณที่ฝึกตนคนอื่นจะหลีกเลี่ยงการเจอฝูงดวงวิญญาณ


ชู่มู่กลับมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีฝูงอยู่ ถ้าจำนวนการต่อสู้ไม่ถึงพันละก็ ชู่มู่เองยังรู้สึกไม่สะใจมากพอ


อย่างไรก็ตาม โลกตะวันตกกับโลกจั้นหลีเป็นที่เล็ก ๆ ดวงวิญญาณระดับสูงมีไม่มาก ชู่มู่ย่อมใช้จำนวนของดวงวิญญาณทดแทนระดับที่ขาดไปเพื่อให้ได้การต่อสู้ที่เพียงพอ


การฝึกหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชู่มู่เองได้ผลึกวิญญาณหมวดไม้ขั้นสิบมาหนึ่งอัน ผลึกวิญญาณหมวดไม้ขั้นสิบนี้เหมาะที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ปีศาจนักรบไม้อย่างมาก


แน่นอนว่า มีวัตถุวิญญาณแล้ว ถ้าเพิ่มความแข็งแกร่งให้ปีศาจนักรบไม้ในตอนนี้ละก็ ใช่ว่ามันจะเพิ่มระดับขึ้นได้ ต้องรอให้ผ่านไปอีกประมาณสองเดือน มิฉะนั้น ผลึกวิญญาณหมวดไม้ขั้นสิบนี้คาดว่าจะสำเร็จได้แค่ร้อยละสิบ


ในเวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ในภูเขาแห่งนี้ ชู่มู่มักให้มังกรจำศีลน้อยลงมือจัดการสิ่งมีชีวิตลักษณะขั้นอ่อนแอบางตัว และทุกครั้งที่มังกรจำศีลต่อสู้ มั่วเย้ต้องอยู่ข้างตลอด เพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น


ผ่านการต่อสู้ต่อเนื่อง มังกรจำศีลน้อยเติบโตอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ชู่มู่ออกจากภูเขาแห่งนี้ มังกรจำศีลอยู่ในขั้นแปดแล้ว


จากการคาดคะเนก่อนหน้านี้ของชู่มู่ เวลาสองเดือนจะทำให้มังกรจำศีลน้อยอยู่ในลักษณะสอง ตอนนี้เพิ่งผ่านไปแค่เดือนเดียวก็อยู่ในลักษณะหนึ่งขั้นแปดแล้ว ทำให้เห็นผลของการต่อสู้ต่อเนื่องอย่างชัดเจน



หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ชู่มู่ได้เข้าสู่พื้นที่ของเมืองตะวันตกโลกตะวันตก


เมืองตะวันตกเป็นเมืองของโลกตะวันตก หลังจากที่ชู่มู่ออกจากภูเขา ได้เริ่มเก็บข่าวเกี่ยวกับตระกูลชู่


ในเมื่อตระกูลชู่ขยายกิจการไปยังโลกจั้นหลีได้ ถ้าอย่างนั้นคงไม่ได้เป็นตระกูลในเมืองขั้นแปดธรรมดาแล้ว ตอนนี้น่าจะมีชื่อเสียงไม่น้อยในเมืองชั้นสิบ


และแล้ว หลังจากที่ชู่มู่สืบข่าว ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว เมืองตะวันตกมีตระกูลชู่อยู่จริงๆ นับว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งในเมืองตะวันตก ในเมืองระดับกลางของเมืองตะวันตกนี้ล้วนมีกิจการของตระกูลชู่อยู่


ส่วนคนที่จัดการกิจการในเมืองตะวันตกคือชู่หลั่งที่เคยเข้าร่วมการประลองตระกูลพร้อมกับชู่มู่ในตอนนั้น


ชู่หลั่งเป็นคนที่มองการณ์ไกล นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถลำดับต้น ๆ ของวัยหนุ่มในตระกูล ได้ข่าวว่าความสามารถของเขาในตอนนี้นับว่าอยู่ในลำดับต้นของวัยหนุ่มเมืองตะวันตกเช่นกัน


ลักษณะขั้น และระดับของดวงวิญญาณเพิ่มขึ้นโดยการต่อสู้และการฝึกอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่ง อีกส่วนต้องใช้การเสริมด้วยวัตถุวิญญาณ ถ้าบอกว่ากิจการของตระกูลชู่ขยายได้ขนาดนี้แล้ว คาดว่าเหล่าวัยหนุ่มได้ทรัพยากรไม่น้อย ความสามารถย่อมเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว


กิจการของตระกูลชู่ในเมืองตะวันตกนี้คือการซื้อขายหินผลึก ผลของหินผลึกเหมือนกับผลึกวิญญาณ อีกทั้งผลึกวิญญาณมีค่ากว่าเงินทองอีก ราคาของมันจะไม่ตกด้วย


แม้ชู่มู่ไม่รู้เรื่องกิจการเท่าไร แต่พอจะเข้าใจได้ว่า ตระกูลชู่สามารถทำกิจการหินผลึกแบบนี้ได้ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเล็กๆในเมืองขั้นแปดจะเทียบได้


จากที่เห็นมา ตอนนั้นที่ให้ตระกูลย้ายถิ่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ในตอนนี้ ตระกูลได้ทำลายขีดจำกัดเดิม เจริญอย่างมาก


ชู่มู่มาถึงถนนใจกลางเมือง พบตึกร้านหินผลึกสี่ชั้นอย่างรวดเร็ว


ชู่มู่เดินเข้าไปในร้าน พนักงานร้านวิ่งเข้ามาอย่างเป็นมิตร พูดขึ้นอย่างคล่องแคล่วว่า


“ยินดีต้อนรับคุณลูกค้า ร้านของเรามีหินผลึกหมวดต่างๆ มากมาย ชั้นหนึ่งเป็นหินผลึกขั้นหนึ่งถึงสอง ชั้นสองเป็นหินผลึกขั้นสามถึงสี่ ชั้นสามเป็นหินผลึกขั้นห้าถึงหก ชั้นสี่…ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องการหินผลึกระดับใด ในด้านราคา รับรองได้ว่าจะต้องเป็นที่พึงพอใจของคุณลูกค้าแน่นอน…”


“เจ้าของร้านของพวกเจ้าคือชู่หลั่งใช่หรือไม่” ชู่มู่ถามขึ้นตรง ๆ


ของที่อยู่ในขั้นสิบ ไม่เป็นที่สนใจของชู่มู่ในตอนนี้แล้ว นอกจากจะมีเป็นจำนวนมาก


“ขอรับ คุณชายชู่ตอนนี้อยู่ชั้นสี่ คุณลูกค้ามีธุระต้องการเจรจากับคุณชายชู่หรือไม่ ถ้ามีละก็ ข้าน้อยจะรีบไปรายงานเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น ขอให้คุณลูกค้ารอสักครู่” พนักงานตัวน้อยพูดดีเหมือนกัน


แน่นอนว่า โดยหลักแล้วพนักงานเห็นจิ้งจอกเก้าหางตัวน้อยที่งดงามสูงส่งที่หมอบอยู่บนไหล่ของชู่มู่ ดวงวิญญาณแบบนี้แค่มองก็รู้ว่า น่าจะมีราคาแพงมาก คาดว่าคนนี้ต้องเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งแน่นอน


ชู่มู่คิดเล็กน้อย เหมือนว่าหลังจากที่ตัวเองทำการฆ่าล้างในภูเขา ได้ผลึกวิญญาณ หินผลึกมาไม้น้อย จัดการได้พอดี


“ข้ามีผลึกวิญญาณ หินผลึกนับพันชิ้นต้องจัดการ พาข้าขึ้นไปเถอะ” ชู่มู่พูดนิ่ง ๆ


พนักงานตัวน้อยได้ยินอึ้งเล็กน้อย” พันชิ้นเหรอ”


พนักงานย่อมไม่กล้าถามมากเกินไป รีบพาชู่มู่ขึ้นไปชั้นสี่ แอบคิดในใจ ลูกค้ารายใหญ่มาแล้ว !


ชู่มู่เดินขึ้นบันได ตอนที่ถึงชั้นสาม ร่ายวิญญาณของเขาได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง


“เฮ้อ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตอนแรกข้าไม่เห็นด้วยแล้วที่จะให้ตระกูลของเราไปอยู่ที่เมืองเจ็ดสี ทั้งเมืองตะวันตกนี้จะมีใครไม่รู้บ้างว่าที่นั่นมีภัยแร้งอะไรนั่นทุกเมื่อ ตระกูลของเราใช้เงินไปกับการป้องกันพวกนั้นมามากแค่ไหนแล้ว แม้จะได้กำไรสูง แต่เสี่ยงเกินไปจริง ๆ …”


“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ตระกูลของพวกเราเติบโตได้ไวขนาดนี้ ก็เป็นเพราะทรัพยากรของเมืองเจ็ดสี ตอนนี้เกิดปัญหาแล้ว ต้องจัดการให้ได้” เสียงของชายอีกคนหนึ่งดังขึ้น


ตอนที่พูด ทั้งสองเหมือนจะได้ยินเสียงเดิน หยุดพูดทันที


เดินขึ้นมาชั้นสี่ ชู่มู่เห็นชู่หลั่งที่สวมชุดสีเขียวทันที ชู่หลั่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้านข้างมีเสือปีกตัวหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่ น่าจะอยู่ที่ลักษณะแปดเก้า


ด้านข้างชู่หลั่งคือผู้ชายที่มีอายุมากกว่าหน่อยคนหนึ่ง ชู่มู่จำชื่อของชายคนนี้ไม่ได้ แต่น่าจะเป็นลูกหลานรองเช่นเดียวกับชู่หลั่ง


“สหายท่านนี้…” ชู่หลั่งลุกขึ้น สายตาจับจ้องไปยังชู่มู่ กำลังจะพูดตามมารยาท กลับพบว่าชายหนุ่มชุดขาวรูปงามคนนี้ที่คุ้นเคยอย่างมาก


ชู่มู่ฉีกยิ้มออกมา ในตอนที่เข้ามาในเมืองตะวันตก ชู่มู่ได้ให้ผู้เฒ่าหลีเปลี่ยนใบหน้าของตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิมแล้ว แม้จะผ่านไปหลายปี แต่ชู่หลั่งไม่มีทางลืมใบหน้าของชู่มู่ได้


และแล้ว ตอนแรกชู่หลั่งยังสงสัยอยู่ แต่หลังจากนั้น ใบหน้าของเขาเผยความตกใจ และความดีใจออกมา !


“ชู่มู่ เจ้าคือชู่มู่ !” ชู่หลั่งร้องด้วยความตกใจ รีบก้าวมาข้างหน้า !


“ข้าเอง ชู่หลั่ง ไม่เจอกันนานมากแล้ว” ชู่มู่เดินเข้าไป เข้ากอดกับชู่หลั่งแน่น


“เจ้าจริงด้วย ข้า…ข้า…” ชู่หลั่งเองก็ตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร


หลังจากสลายตระกูลหยางในตอนนั้น ชู่มู่ได้เสนอให้ย้ายตระกูล หลังจากนั้นคนของตระกูลไม่เคยเห็นชู่มู่อีก


เดิมชู่หลั่งที่คิดว่าชู่มู่ที่บินสูงขึ้น ไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จะไม่กลับมาตระกูลเล็กๆ นี้อีก ไม่คิดว่า ชู่มู่จะกลับมาจริงๆ นี่ทำให้ชู่หลั่งทั้งดีใจทั้งตื่นเต้น


หลังจากทักทายแล้ว ชู่หลั่งเองได้รีบแนะนำวัยหนุ่มที่อยู่ด้านข้างให้ชู่มู่รู้จัก


วัยหนุ่มคนนี้ชื่อชู่เซิ่งฮวา เป็นลูกหลานรอง หลังจากย้ายมาในเมืองตะวันตก เขาทำงานเป็นอย่างดี ตอนนี้เป็นผู้ช่วยของชู่หลั่ง คอยช่วยเหลือกิจการหินผลึกของชู่หลั่งในเมืองตะวันตกนี้


“ชู่หลั่ง เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ต้นเหตุหายนะเมืองเจ็ดสีคืออะไร” ชู่มู่พูดเรื่องจริงจังทันที


“อ๊า ข้ากำลังจะบอก” ชู่หลั่งตบหัวตัวเอง ในตอนนี้จึงเหล่าปัญหาที่ตระกูลชู่กำลังพบเจอให้ชู่มู่ฟัง


ที่แท้ หลังจากที่ตระกูลชู่ย้ายมา ได้เลือกเมืองเจ็ดสีเป็นที่ตั้งของตระกูล


เมืองเจ็ดสีเป็นเมืองขั้นเก้า ในด้านทรัพยากร พื้นที่ ความสัมพันธ์ดีกว่าเมืองหวั่งหลัวมาก และเมืองตะวันตกยังต้องซื้อทรัพยากรหายากจากที่นี่


เป็นเพราะเมืองแห่งนี้ ทำให้ตระกูลชู่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ


และแล้ว เมืองนี้มีปัญหาใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ มักจะเกิดภัยแร้ง


ภัยแร้งที่ว่า ไม่ใช่การขาดแคลนอาหาร แต่เป็นภัยแร้งงที่ดวงวิญญาณจำนวนมหาศาลทำการกวาดล้าง ทำลายเมืองของมนุษย์ เข้าครอบครองแหล่งทรัพยากรของมนุษย์


ปรากฏการณ์ภัยแร้งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และเมืองเจ็ดสีเต็มไปด้วยหายนะต่าง ๆ อยู่แล้ว จะเกิดการปล้นชิงหลานปี


ในตอนนี้ ตระกูลชู่เพิ่งพัฒนาได้ไม่กี่ปี ก็ได้เจอกับภัยแร้งครั้งใหญ่ ถ้าไม่สามารถต้านทานไว้ได้ จะเสียศูนย์อย่างมากแน่นอน


“นายท่าน ถ้าเมืองเจ็ดสีละก็ ตรงนั้นใกล้กับแหล่งวิญญาณที่ข้าบอกอย่างมาก ที่เกิดภัยแร้งบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะการมีอยู่ของแหล่งวิญญาณนี้” เสียงของผู้เฒ่าหลีดังขึ้นในหัวของชู่มู่


แหล่งวิญญาณที่ผู้เฒ่าหลีบอกกับชู่มู่ลุกลับอย่างมาก อีกทั้งปริมาณที่ผลิตของมันมีเยอะมากในแต่ละครั้ง จากนี้ไปจะมีรายรับมหาศาลในแต่ละเดือนแน่ !


ทรัพยากรโลกตะวันตกขาดแคลนอย่างมาก หนึ่งเดือนก็ได้แค่หนึ่งร้อยวิญญาณ


แต่ผู้เฒ่าหลีบอกว่า แหล่งวิญญาณนั้นอยู่มาหลายปีแล้ว เกรงว่าการผลิตแต่ละครั้งจะได้วิญญาณนับพัน ปริมาณการผลิตในแต่ละเดือนหลังจากนี้ก็จะไม่น้อยลง ถ้าครองแหล่งวิญญาณนั้นได้ละก็ แล้วบริหารให้ดี ต่อให้ชู่มู่นั่งอยู่ในบ้านก็ไม่ต้องกังวลว่า จะเลี้ยงดวงวิญญาณระดับราชันไม่ไหว


เขตโลกทุกแห่ง จะมีแหล่งที่เพิ่มความแข็งแกร่งระดับราชันอย่างจำกัด ปัญหาราชันของภูตพันวายุจัดการแล้ว ปีศาจนักรบไม้ก็เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยผลึกวิญญาณหมวดไม้ราชันเม็ดนั้นได้


แต่ชู่มู่ยังมีเย้ ภูตเวหาน้ำแข็ง ราชันผีหินผา มารนิรยขาวอีก ดวงวิญญาณพวกนี้ต้องให้ถึงระดับราชัน และสิ่งเดียวที่เพิ่มความแข็งแกร่งพวกมันได้ก็คือวัตถุวิญญาณ


วัตถุวิญญาณระดับราชันน้อยยิ่งกว่าน้อย ชู่มู่แทบไม่สามารถหาเจอได้ ทำได้แค่เก็บวิญญาณในปริมาณมาก


วิญญาณเทียบได้กับเงินตราระดับราชัน ถ้าชู่มู่มีพวกมันจะทำการแลกเปลี่ยนกับราชันวิญญาณอื่นได้ ดังนั้น ชู่มู่จำต้องเก็บวิญญาณที่เลี้ยงดวงวิญญาณของตัวเองให้เพียงพอ ขณะเดียวกัน ก็ต้องหาวิญญาณที่มากพอเพื่อแลกวัตถุวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่งด้วย

 

 

 


ตอนที่ 608

 

“ปัญหานี้ข้าจะจัดการให้ ในเมื่อตระกูลอยู่ที่เมืองเจ็ดสี ข้าจะมุ่งหน้าไปเมืองเจ็ดสี” ชู่มู่บอก


ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าหลีบอกว่า แหล่งวิญญาณอยู่ที่เมืองซีหลิน เมืองนี้เชื่อมกับเมืองตะวันตก ชู่มู่ไม่คิดว่า เมืองของตระกูลจะอยู่ในเมืองที่ใกล้กับแหล่งวิญญาณนี้ ถ้าชู่มู่ต้องการวิญญาณในระยะยาว จำต้องช่วยเหลือตระกูลจริง ๆ


“พอดี ที่นี่ยังไม่มีเรื่องอะไร ข้ากลับไปพร้อมกับเจ้าเถอะ คาดว่าทุกคนเห็นเจ้ากลับมา จะต้องดีใจอย่างมาก” ชู่หลั่งบอก


ตอนที่พูด ชู่หลั่งได้ให้ชู่เซิ่งฮวาจัดการเรื่องร้านผลึกนี้


“ในแหวนช่องว่างนี้มีเศษวิญญาณ ผลึกวิญญาณ หินผลึก ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ ที่ข้านำกลับมา” ตอนที่พูด ชู่มู่ได้หยิบแหวนช่องว่างที่ไม่สะดุดตาเท่าไรออกมา


ในแหวนช่องว่างนี้เป็นของเล็กๆ น้อยๆ ชู่มู่มอบแหวนช่องว่างนี้ให้ชู่เซิ่งฮวา


แม้ชู่หลั่งเองก็อยากรู้ว่า ชู่มู่ให้ของขวัญเล็ก ๆ อะไรมา แต่ไม่ได้ถามอีก อย่างไรก็ตาม ของที่ชู่มู่ให้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน


ในตอนนี้ ชู่หลั่งได้ปลุกเสือปีกของตัวเอง คิดจะพาชู่มู่ออกเดินทางไปยังเมืองเจ็ดสีทันที


ชู่หลั่งกับชู่มู่จากไปไม่นาน เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นในร้านหินผลึกทันที


เสียงนี้มาจากชู่เซิ่งฮวา เขาได้ทำใจไว้แล้วระดับหนึ่ง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า จะมีผลึกวิญญาณ หินผลึกนับพันแบบนี้อยู่ อีกทั้งมีผลึกวิญญาณ หินผลึกขั้นแปดสิบกว่าอัน แล้วยังมีขั้นเก้าอันหนึ่งอยู่ !


ร้านค้าไม่เคยได้ค้าขายหินผลึกขั้นเก้ามาก่อน ส่วนใหญ่มักจะส่งเข้าสถานแลกเปลี่ยนเพื่อทำการประมูล นี่ไม่ใช่ของขวัญเล็กๆ แล้ว นี่เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่เหมาร้านใหญ่ทั้งร้านนี้ได้แล้ว !


ในตอนนี้ ชู่เซิ่งฮวาแอบชื่นชม ความสามารถของวัยหนุ่มที่เปลี่ยนชะตาตระกูลนี้อยู่ในระดับที่น่าตกใจมากเพียงใดกัน



ชู่หลั่งมีเสือปีกอยู่ ถ้าบินโดยตรงละก็ น่าจะสะดวกไม่น้อย เดิมชู่หลั่งจะให้ชู่มู่ขี่เสือปีกกลับไปพร้อมกับตัวเอง


และแล้วชู่หลั่งกลับพบว่า อสูรสายฟ้านิมิตราตรีของชู่มู่วิ่งด้วยความช้ายังไวกว่าเสือปีกของเขามาก ทำได้แค่ให้เสือปีกของตัวเองกระพือปีกสุดกำลังตามชู่มู่ไป


ระหว่างทาง ชู่หลั่งได้เล่าเรื่องของตระกูลในปีที่ผ่านมานี้ให้ชู่มู่ฟัง


ด้วยเมืองเจ็ดสี ทำให้ปีที่ผ่านมานี้ตระกูลเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพื้นที่ขั้นแปดหลายแห่งแล้ว


ความสมบูรณ์ของพื้นที่ขั้นแปดนี้ย่อมไม่ต้องพูดถึง อย่างน้อยจะจับดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับจักพรรดิจากในนั้นได้ ต่างจากตระกูลชู่เล็กๆ เมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง


เมื่อได้ครอบครองแหล่งทรัพยากร ตระกูลเองก็ซื้อวัตถุวิญญาณราคาแพงได้แล้ว ความสามารถของรุ่นท่านอาเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ชู่เทียนเหิงเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุด


ดวงวิญญาณของชู่เทียนหมังมีสมรรถภาพที่ไม่แย่ ส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะเจ็ดที่ยากจะข้ามผ่านไปได้ เนื่องจากไม่ได้ทรัพยากรทำให้ความสามารถดวงวิญญาณอยู่ในลักษณะเจ็ดเป็นเวลานาน ไม่สามารถข้ามไปลักษณะแปดได้


แต่ในปีที่ผ่านมานี้ ด้วยวัตถุวิญญาณที่ได้มา บวกกับชู่เทียนเหิงมักสู้กับหายนะของเมืองเจ็ดสีบ่อยครั้ง หนึ่งในดวงวิญญาณหลักได้มีโอกาสเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถของชู่เทียนเหิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีดวงวิญญาณไม่น้อยที่อยู่ในลักษณะสิบแล้ว นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงในเมืองตะวันตก


หลายครั้งผู้คุมดวงวิญญาณก็ต้องอาศัยดวง ทันทีที่ได้มา จะพุ่งทะยานขึ้น


แน่นอนว่า สิ่งที่เรียกว่าดวงมักมาพร้อมกับอันตรายมหาศาลไม่ใช่ทุกคนจะเข้าไปในโลกอลวนบ่อยครั้งอย่างบ้าคลั่งเหมือนชู่มู่ คนปกติ เข้าไปครั้งสองครั้งก็ไม่มีความกล้าอีกแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องดวง…


ชู่เหอ ผู้แข็งแกร่งลำดับที่สองของตระกูลชู่ ชู่เหอเป็นรุ่นวัยหนุ่ม เดิมเขาเป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่มีพรสวรรค์อย่างมากคนหนึ่งอยู่แล้ว ในตอนแรกความสามารถของเขาไม่ด้อยกว่าชู่ซิ่งเท่าไร


เขตเมืองเป็นรองจากเขตโลก คาดว่าความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดน่าจะอยู่ที่จักรพรรดิชั้นยอดลักษณะสิบ อีกทั้งคนที่มีความสามารถแบบนี้มักอยู่ในเมืองเขตโลก ไม่ชอบอยู่ในเมืองเล็กๆ โดยเฉพาะเมืองตะวันตกที่ค่อนข้างไกลและยากจนแบบนี้ อาจไม่มีแม้แต่จักรพรรดิชั้นยอดก็ได้…


ดังนั้น ชู่มู่คาดว่า ดวงวิญญาณตัวใดของตัวเองน่าจะอยู่ในสิบอันดับแรกของความสามารถเขตเมืองนี้แล้ว



เวลาประมาณสามวัน ชู่มู่กับชู่หลั่งได้มาถึงเมืองเจ็ดสีแล้ว


ตอนแรกชู่มู่รู้สึกว่า เมืองเจ็ดสีเป็นถึงเมืองขั้นเก้า เมื่อเทียบกับเมืองหวั่งหลัวขั้นแปดเมื่อก่อนจะต้องเจริญกว่ามาก


และแล้ว ในตอนที่ชู่มู่เห็นเมืองนี้ กลับผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด


เมืองนี้ไม่ได้ดีอย่างที่ชู่มู่คิดไว้ นอกจากกว้างกว่าเมืองขั้นแปดมากแล้ว ในนั้นกลับธรรมดามาก อีกทั้งไม่สามารถใช้คำว่าธรรมดาได้…


ถนนเต็มไปด้วยรอยแยกมากมาย บ้านหินที่เก่าและเตี้ย ฝูงคนที่เสียงดังไร้ระเบียบ แม้แต่กำแพงเมืองที่สำคัญอย่างมาก ยังมีหลายจุดที่เกิดการถล่มชัดเจน


“นี่…แม้ภายนอกเมืองเจ็ดสีจะไม่เท่าไร แต่ยังได้กำไรไม่น้อย” ชู่หลั่งพูดพร้อมฝืนยิ้ม สีหน้าของเขาในตอนนี้ เหมือนญาติที่กลับมาเยี่ยมเยียน แต่บ้านของตัวเองกลับเสียหายอย่างมากจนน่าอับอาย


เมืองตะวันตก ยังคงเทียบกับเมืองหวั่งหลัวของเมืองหลัว หลังจากเห็นภาพนี้ ชู่มู่เองได้เข้าใจแล้ว


ตระกูลได้ตั้งอยู่บนเมืองที่ยากลำบากแห่งหนึ่ง เกรงว่าปีที่ผ่านมานี้ คนในตระกูลคงยากลำบากกว่าหลายสิบปีที่เมืองหวั่งหลัวมาก


เดินไปตามถนนหลักที่เสียหายอย่างหนัก ตลอดทางที่เดินไป ชู่มู่เห็นแต่ร้านค้าที่ทรุดโทรมอย่างมาก การซื้อขายส่วนใหญ่เป็นหินผลึก ผลึกวิญญาณ เศษวิญญาณ และหินแร่พลังงานต่างๆ เห็นได้ชัดว่า ที่นี่เป็นเมืองที่มีทรัพยากรหินแร่ที่สมบูรณ์ มิฉะนั้นด้วยลักษณะทรุดโทรมของเมืองนี้ เกรงว่าคงไม่มีคนจะเข้ามา


“ข้อเสียใหญ่สุดของเมืองนี้คือภัยแร้งและสิ่งมีชีวิตรอบๆ ดุร้ายเกินไป ท่านอาใช้เวลาหลายปีสำรวจมาแล้ว ถ้าจัดการต้นเหตุหายนะรอบๆ ได้ เมืองเจ็ดสีจะเจริญกว่าเมืองตะวันตกแน่นอน อีกทั้งถ้าทำถนนเชื่อมหลายเส้นละก็ พวกเราจะทำกิจการเหมืองแร่ของทั้งเขตโลกได้ ถึงตอนนั้น พวกเราจะเป็นตระกูลอันดับกลางถึงต้นของเขตโลกแล้ว” ชู่หลั่งพูดกับชู่มู่ต่อ


ชู่มู่กำลังจะพูดบางอย่าง ในตอนนี้รถม้าคันหนึ่งที่ขับเข้ามามีหัวยื่นออกมา เธอมองไปยังอสูรสายฟ้านิมิตราตรีของชู่มู่ เผยความสงสัยออกมา


“ชู่หลั่ง คนที่อยู่ข้างเจ้าคือใคร แนะนำหน่อย” หญิงสาวที่ยื่นหัวออกจากรถม้าถามขึ้นทันที


“คนนี้คือชู่มู่ น้องชายที่เป็นญาติสนิทของข้า คุณหญิงเสี่ยวหยุนมาเมืองเจ็ดสีอีกแล้ว ครั้งนี้จะมุ่งหน้าออกล่าที่เขตชื้นวายุอีกเหรอ?”ชู่หลั่งฉีกยิ้มออกมา พูดกับหญิงสาวในรถม้า


“รู้แล้วยังถาม ข้าจะเดินเล่นในเมือง ซื้อของเล็กน้อย เจ้ากลับตระกูลเจ้า บอกพวกเขาว่าข้ามาแล้ว เตรียมของให้เรียบร้อย…”คุณหญิงเสี่ยวหยุนพูดด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย


พูดจบ เธอมองไปยังชู่มู่ ไม่รอให้ชู่หลั่งแนะนำเธอให้ชู่มู่รู้จัก ก็ให้รถม้าเคลื่อนที่ต่อไปแล้ว


รถม้าของผู้หญิงคนนี้เคลื่อนที่โดยปีศาจลูกม้าดาวป่าสองตัว อีกทั้งมีลักษณะขั้นสูงมาก มองจากตรงนี้ก็รู้ว่าเธอมีตำแหน่งไม่ธรรมดาในเมืองนี้


ชู่มู่มองไปยังผู้หญิงคนนั้น กลับไม่พูดอะไร แต่ท่าทีชอบออกคำสั่งของลูกคุณหนูทำให้ชู่มู่ไม่ชอบใจอย่างมาก


“เธอเป็นลูกสาวของเจ้าเมือง เป็นผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มห้าอันดับของเมืองพวกเรา ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง เธอจะมาที่เมืองเจ็ดสี มุ่งหน้าเพื่อออกล่าฝึกฝนที่เขตชื้นวายุ ตอนที่มาจะให้พวกเราต้อนรับ นับว่าเป็นลูกค้าที่สนิทคนหนึ่ง” ชู่หลั่งพูดอธิบาย


“เขตชื้นวายุงั้นหรือ” ชู่มู่ถามขึ้น


“เขตชื้นวายุเป็นหนึ่งในอุปสรรคขยายกิจการของตระกูลพวกเรา ในนั้นมีดวงวิญญาณลักษณะขั้นสูงกลุ่มใหญ่ ตระกูลของพวกเราใช้เงินมหาศาลจ้างคนไปเก็บกวาด มิฉะนั้น จะเกิดอุปสรรคครั้งใหญ่ในด้านการขนส่ง…” ชู่หลั่งบอก


ตอนที่ชู่หลั่งพูดจบ เสียงของผู้เฒ่าหลีดังขึ้นว่า “เขตชื้นวายุนี้อยู่ที่ขอบของบ่อน้ำตะวันตก บ่อน้ำตะวันตกเข้าใกล้เมืองต้องห้ามอย่างมากแล้ว นับว่าเป็นโลกอลวนขั้นเก้าแห่งหนึ่ง…”


“โลกอลวนขั้นเก้า ถ้าอย่างนั้นมันจะมีสิ่งมีชีวิตระดับราชันอยู่ใช่หรือไม่” ชู่มู่รีบถามขึ้น


“อืม ความจริงการแบ่งระดับโลกอลวนไม่เข้มงวดมาก เหมาะกับผู้คุมดวงวิญญาณต่ำกว่าราชัน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้คุมดวงวิญญาณเหล่านี้แล้ว โลกอลวนขั้นสิบคือสูงสุดแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นต้องแบ่งอย่างไร” ชู่มู่ถามขึ้น


“โลกอลวนในบรรดาโลกมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นโลกอลวนสลับซับซ้อน กลุ่มพวกนั้นไม่มีกฎระเบียบที่แท้จริง และในเมืองต้องห้าม กลุ่มดวงวิญญาณใหญ่จะมีการแบ่งอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับอาณาจักรปีศาจวายุร้ายของเมืองพันวายุ อาณาจักรแมลงปีศาจเวหาของเหวดับมังกรหมื่นนั้น”


“และภายใต้รูปแบบอาณาจักรยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘ชนเผ่า’ กับ ‘กลุ่ม’ อยู่”


“ถ้าแบ่งกลุ่มตามแบบนี้ละก็ กลุ่มที่ว่าจะเทียนได้กับเขตเมืองของพวกเจ้า มนุษย์พวกเจ้าแบ่งเขตเมืองออกเป็นสิบระดับ เมืองขั้นสิบเรียกว่า เมืองอาณาเขต ต่ำกว่าขั้นสิบเรียกว่าเมือง เช่นเมืองขั้นเก้า เมืองขั้นแปด…”


“ความจริงนี่เป็นวิธีเรียกของคนทั่วไป เมืองขั้นเก้า เมืองขั้นแปด เมืองขั้นเจ็ดต่างๆ ความจริงควรจะเรียกว่าเมืองอาณาเขตขั้นเก้า ขั้นแปด…พื้นที่ของเมืองในระดับพวกนี้ ควรแบ่งระดับตามเขตเมืองด้วย เช่นเมืองเจ็ดสีเป็นเมืองขั้นเก้า พื้นที่ทั้งหมดของมันจะเป็นเขตเมืองขั้นเก้า”


“กลุ่มขั้นหนึ่ง เทียบได้กับเขตเมืองขั้นหนึ่งของพวกเจ้า คือเมืองขั้นหนึ่งที่พวกเจ้าพูดถึง กลุ่มขั้นเก้า เท่ากับเขตเมืองขั้นเก้าของพวกเจ้า น่าจะเทียบเท่ากับพื้นที่และจำนวนประชากรของเมืองเจ็ดสีซึ่งเป็นเมืองขั้นเก้าได้”


“เหนือกว่าเขตเมืองขั้นสิบ จะเป็นเขตโลกขั้นหนึ่ง เขตโลกขั้นหนึ่งจะเทียบเท่ากับชนเผ่าของสิ่งมีชีวิตขั้นหนึ่ง” ผู้เฒ่าหลีบอก


ในตอนแรกชู่มู่ก็แปลกใจอย่างมาก ทำไมเมืองอาณาเขตหนึ่งเป็นของเขตเมืองเล็กๆ แต่กลับถูกแบ่งอยู่ในลำดับสูงสุดของสิบขั้น ที่แท้เมืองขั้นเก้า ขั้นแปด ขั้นเจ็ดที่ว่าเป็นเขตเมืองที่เล็กกว่า


“หายนะเมืองเจ็ดสี มาจากชนเผ่าขั้นหนึ่งของเทียนเท่าราชันแห่งหนึ่ง !”


“อีกทั้งต้นตอของเขตชื้นวายุ บ่อน้ำตะวันตกน่ากลัวยิ่งกว่า เป็นชนเผ่าขั้นสามของราชันขั้นต่ำตัวหนึ่ง !”


“เขตเมืองเล็กที่เทียบเท่ากับกลุ่มขั้นเก้าแห่งหนึ่ง ไม่มีแม้แต่จักรพรรดิชั้นยอด ถ้าจะเอาชีวิตรอดจากขอบและช่องว่างระหว่างชนเผ่าที่ใหญ่แบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าหวาดระแวงอย่างมาก ทำเงินหลายปีเสร็จแล้วก็รีบเผ่นเถอะ…” ผู้เฒ่าหลีบอก

 

 

 


ตอนที่ 609

 

พอผู้เฒ่าหลีพูดแบบนี้ ชู่มู่ตกใจอย่างมาก


ชนเผ่าขั้นหนึ่งเท่ากับเขตโลกขั้นหนึ่งแล้ว เมืองเจ็ดสีกลับตั้งอยู่บริเวณขอบชนเผ่าแบบนี้ ในภาวะที่ไม่มีความสามารถมากพอ เมืองนี้จะเจริญได้คงเป็นปาฏิหาริย์ !


“ถ้าอย่างนั้นโลกตะวันตกกับโลกจั้นหลีเป็นเขตโลกระดับเท่าใด” ชู่มู่ถามขึ้น


“โลกตะวันตกถ้าไม่รวมประตูเมืองหลัวละก็ จะเป็นเขตโลกขั้นหนึ่งแน่นอน โลกจั้นหลีก็เป็นขั้นหนึ่ง โลกหลัว โลกน้ำแข็งเหนือรอบๆ เป็นเขตโลกขั้นสอง และเขตโลกทั้งสี่อันนี้นับว่าเป็นโลกรวมขั้นสาม”


“พูดให้ง่าย เขตโลกขั้นหนึ่ง ต้องให้เทียบเท่าราชันอย่างน้อยหนึ่งตัวปกครอง เขตโลกขั้นสองมีเทียบเท่าราชันหลายตัว เขตโลกขั้นสามมีราชันขั้นต่ำ เขตโลกขั้นสี่มีราชันขั้นต่ำหลายตัว เขตโลกขั้นห้ามีราชันขั้นกลาง..เช่นเดียวกัน ชนเผ่าก็เป็นแบบนี้…”


ก่อนหน้านี้ชู่มู่ยังไม่เข้าใจระบบพวกนี้ รู้แค่ต้องฝึกอย่างตั้งใจ พุ่งตรงไปอย่างเดียว อีกทั้งยังอยู่ในรุ่นวัยหนุ่มตลอด


ตอนนี้ถึงรู้ว่า ระบบที่ใช้แบ่งเขตเมือง เขตโลก พื้นที่ต่างๆ ของมนุษย์เป็นระบบอย่างมาก อีกทั้งยังเทียบเท่ากับ กลุ่ม ชนเผ่า อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต…


เมืองแห่งหนึ่ง ถ้าตั้งอยู่บริเวณโลกอลวนที่เทียบกันไม่ได้ จะเต็มไปด้วยภัยแน่นอน


และเห็นได้ชัดมากว่า เมืองเจ็ดสีตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบากแบบนี้ สำหรับพื้นที่ชนเผ่าแห่งหนึ่ง จะมีทรัพยากรมหาศาลแน่นอน แหล่งทรัพยากรนี้เทียบได้กับเขตโลกแห่งหนึ่ง แต่ด้านความห่างของความสามารถมากเกินไปจริงๆ อีกไม่กี่ปี เมืองเจ็ดสีนี้จะต้องเปลี่ยนเจ้าเมืองแล้ว


ชู่หลั่งไม่รู้ว่า ชู่มู่กำลังพูดกับผู้เฒ่าหลี จึงพูดต่อว่า


“เดิมจะเก็บกวาดเนินวายุอยู่แล้ว ดังนั้น ตระกูลชู่ของพวกเรายังต้อนรับคุณหญิงเสี่ยวหยุนมาก แม้อารมณ์ของเธอจะไม่ดีเท่าไร” ชู่หลั่งพูดต่อ


ชู่มู่พยักหน้า ไม่ใส่ใจเท่าไร ถามต่อว่า “ชู่ชิ่งกับชู่หยู่กลับมาหรือยัง”


พูดถึงสองคนนี้ สีหน้าของชู่หลั่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่ายหัวพูดว่า “ตั้งแต่พวกเขาถึงเมืองเทียนเซี่ย หลังจากส่งจดหมายให้พวกเรา ก็ไม่มีใครได้ข่าวของสองคนนี้อีก”


“ไม่ได้ข่าวงั้นหรือ” ชู่มู่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา


ชู่มู่จำได้ว่า ชู่ชิ่งกับชู่หยู่จะส่งจดหมายให้ตระกูลเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้ชู่มู่นึกว่าชู่หลั่งจะไม่พูดเรื่องการประลองฟ้าดิน เป็นเพราะยังไม่ได้จดหมาย กลับไม่คิดว่าเวลานานขนาดนี้แล้ว จดหมายของชู่ชิ่งกับชู่หยู่ยังไม่ถึงตระกูล !


ในตอนนี้ชู่มู่ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองเจอกับชู่ชิ่ง ชู่หยู่ที่เมืองเทียนเซี่ย อีกทั้งให้พวกเขาเข้าร่วมตำหนักวิญญาณทั้งหมดนี้ให้กับชู่หลั่งฟัง


ชู่หลั่งฟังแล้วก็ตกใจ พูดขึ้นว่า “พวกเราไม่ได้จดหมายของพวกเขาจริงๆ ยังคิดว่า พวกเขาเจอเรื่องไม่ดี”


“แต่ว่าพวกเขาไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถ้าพวกเขาเข้าร่วมตำหนักวิญญาณละก็ ความสามารถจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก!” ชู่หลั่งพูดด้วยความอิจฉาเล็กน้อย


หลังจบการประลองฟ้าดิน ชู่ชิ่งกับชู่หยู่ได้บอกลากลับตระกูลแล้ว ถ้าพวกเขามีเรื่องที่ทำให้ล่าช้า จะกลับช้ากว่าชู่มู่แน่นอน


ถ้าที่ตระกูลยังไม่ได้จดหมายละก็ เท่ากับว่าพวกเขายังไม่รู้เรื่องการประลองฟ้าดิน ไม่แปลกที่ตอนชู่หลั่งเห็นตัวเอง แม้จะตื่นเต้น แต่ไม่มีอารมณ์อื่นแล้ว…


ชู่มู่ยังแอบแปลกใจ คนที่ได้ขั้นหนึ่งของการประลองฟ้าดินคนนี้ทำไมถึงไม่เกิดความสะเทือนใจ


แน่นอนว่า ชู่มู่ยังคงเป็นห่วงเรื่องจดหมาย หรือว่าคนขององค์กรวิญญาณจะสืบเรื่องตระกูลชู่ได้แล้ว เรื่องนี้ยังต้องสืบให้แน่ชัด


“ในเมื่อพวกเขากลับมาแล้ว น่าจะไม่มีเรื่องอื่น กลับไปที่ตระกูลก่อน ท่านปู่ ท่านอา และพี่น้องต้องคิดถึงเจ้าแน่นอน” ชู่หลั่งบอก


ชู่มู่พยักหน้า ขี่อสูรสายฟ้านิมิตราตรี ทำให้เกิดเสียงร้องนับไม่ถ้วน มุ่งตรงไปยังตำหนักเมืองเจ็ดสีนี้



เรือนตระกูลชู่ไม่สามารถบรรยายด้วยความหรูหราได้ นับว่าเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดสุดในเมืองแห่งนี้ อีกทั้งเมื่อเทียบกับเรือนที่เมืองหวั่งหลัวแล้ว เรือนที่เมืองเจ็ดสีนี้โทรมกว่ามาก


“เกิดภัยแล้งบ่อยครั้ง ต่อให้สร้างเรือนให้ดี ก็อาจถูกทำลายได้ ดังนั้น ปีที่ผ่านมานี้พวกเราคอยซ่อมแซมทีละน้อยไปก่อน” ชู่หลั่งบอก


“ใครเป็นผู้รับผิดชอบวางแผนเมืองนี้” ชู่มู่ถามขึ้น


“ท่านอาสอง” ชู่หลั่งบอก


ชู่มู่พยักหน้า ในเมื่อท่านอาสองมีหน้าที่วางแผนเมือง รอให้ตอนที่ได้เจอกับชู่เทียนหลิง ชู่มู่จะให้เขาสร้างเรือนอย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม เมืองนี้รวมถึงเรือนของตระกูลชู่ทรุดโทรมเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชู่มู่หวังจะเห็น


พอเข้ามาในประตูใหญ่ ตอนที่เดินเข้าสวนด้านหน้า ชู่หลั่งให้คนรับใช้ไปรายงานคนในตระกูลทันทีว่า ชู่มู่กลับมาแล้ว


คนรับใช้ส่วนใหญ่เป็นคนใหม่ ไม่รู้ว่าชู่มู่คือใคร อย่างไรก็ตาม ชู่หลั่งสั่งแล้ว ทำตามก็พอ


ชู่หลั่งพาชู่มู่ไปยังห้องโถงใหญ่ ชู่มู่รู้สึกว่า ในเมื่อจะทำให้ตระกูลเติบโต จำต้องพบคนทั้งหมดจริง ๆ เพื่อจัดการเรื่องทั้งหมดทีเดียว



สวนด้านหลัง ชู่หมิงที่ชราลงอย่างเห็นได้ชัดนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังให้อาหารปลาในบ่อน้ำ


บนไหล่ของชู่หมิงมีดวงวิญญาณเหยี่ยวตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่ สายตาของมันเฉียดแหลมเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ขนาดตัวค่อนข้างเล็ก แต่เป็นสัตว์ดุร้ายแน่นอน


หลังจากผ่านไปสักพัก มีคนรับใช้หลายคนเดินเข้ามา พูดข้างหูชู่หมิง


ชู่หมิงลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ รีบโยนเหยื่อปลาลงไป แล้วเดินไปยังห้องโถงใหญ่ทันที คนรับใช้เหล่านั้นเห็นคนแก่รีบร้อนแบบนี้ ต่างก็เต็มไปด้วยความมึนงง


บนห้อง ชู่เทียนเหิงนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองไปยังด้านนอกด้วยใบหน้าที่เป็นทุกข์


ข้างชู่เทียนเหิงคือชู่เทียนหลิง เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่มีวิธีจัดการ พวกเราต้องพยายามรีบออกจากเมืองนี้แล้ว ไม่มีเมืองนี้ได้ แต่ขาดคนไม่ได้”


“ข้าก็รู้ แต่การเติบโตของพวกเราในปีที่ผ่านมานี้ ได้สร้างศัตรูในเมืองตะวันตกถึงโลกตะวันตกไม่น้อย โดยเฉพาะตระกูลหลู่ จับจ้องพวกเราตลอด ถ้าพวกเราเปลี่ยนเมืองละก็ จะถูกพวกเขาและอำนาจของตระกูลอื่นแก้แค้นแน่นอน” ชู่เทียนเหิงพูดขึ้น


“พี่ใหญ่ ชู่เชียนมีข่าวอะไรบ้างไหม เธอบอกจะพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลชู่หลักมาจัดการไม่ใช่เหรอ” ชู่เทียนหลิงถามขึ้น


“น่าจะใกล้กลับมาแล้ว แต่ในจดหมายบอกว่า ตระกูลชู่หลักในตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่เช่นกัน ชู่เชียนพาผู้แข็งแกร่งกลับมาได้ไม่มาก ที่ประตูเมืองหลัว ได้ให้เทียนเหยินติดต่อแล้ว เชื่อว่าช่วงนี้ เทียนเหยินน่าจะพาผู้แข็งแกร่งประตูเมืองหลัวกลับมา” ชู่เทียนเหิงบอก


ประตูเมืองหลัวกับตระกูลชู่หลักต่างเป็นอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลกตะวันตกนี้ ถ้าได้ผู้แข็งแกร่งจากพวกเขาเข้ามาช่วยเหลือ ปัญหาภัยแร้งปีนี้น่าจะจัดการได้


“หัวหน้ากลุ่ม รองหัวหน้า คุณชายชู่หลั่งบอกว่าคุณชายชู่มู่กลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่” หญิงรับใช้ตัวน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ พูดกับทั้งสองคนด้วยเสียงเบา


ชู่เทียนเหิงเห็นหญิงรับใช้เดินเข้ามา นึกว่าเป็นเรื่องปวดหัวอื่นๆ สะบัดมือ ให้เธอออกไป


และแล้ว ชู่เทียนหลิงได้สติกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ!


“ชู่มู่ !!!”


“ชู่มู่ !!!”


ทั้งสองคนพูดชื่อนี้ออกมาพร้อมกัน สบตากันเสร็จ หัวหน้ากลุ่มทั้งสองรีบลงจากห้องทันที ความนิ่งสงบและสุขุมเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนหายไปอย่างสิ้นเชิง



ในสนามฝึก ชู่อิงกำลังฝึกดวงวิญญาณของตัวเอง ในตอนนี้ คำพูดเดียวของคนรับใช้ทำให้ตาของเธอเป็นประกาย


“ชู่อิง ชู่มู่คือใคร ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ชายที่อยู่ข้างชู่อิงถามขึ้น


ชายคนนี้สวมชุดที่สะอาดสะอ้าน หรูหรา รูปร่างปานกลาง มองดูเหมือนเป็นคนที่มีตำแหน่ง


“ซุนหยวน เขาคืออัจฉริยะของตระกูลพวกเรา ตอนแรกตระกูลพวกเรากับตระกูลหยาง…” ชู่อิงกำลังจะพูดเรื่องในอดีต แต่คิดว่าซุนหยวนเป็นคนนอก เรื่องนี้ไม่เผยออกมาง่ายดายจะดีกว่า ในตอนนี้จึงเปลี่ยนไปชมว่า ชู่มู่อัจฉริยะอย่างไร


“ที่แท้เป็นลูกหลานสายตรงที่ไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องของตระกูลพวกเจ้า ถ้าความสามารถแข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อชู่มู่นี้มาก่อน” น้ำเสียงของชายที่ชื่อซุนหยวนปนความดูถูกเล็กน้อย


เรื่องที่ชู่มู่สั่นคลอนโลกตะวันตกเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว เดิมชื่อเสียงของวัยหนุ่มเป็นแค่กระแส ชู่มู่ที่ไม่ปรากฏตัวมาหลายปี ถูกลืมอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว


ซุนหยวนมาจากโลกจั้นหลี ตอนที่ออกมาฝึกได้เจอกับชู่อิง เขาชอบนิสัยตรงไปตรงมามีเสน่ห์ของชู่อิง และเป็นเพราะซุนหยวนเอง ทำให้ตระกูลชู่ได้กิจการเรือโดยสารมาได้


ดังนั้น ซุนหยวนเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลชู่


ความจริงแล้ว ซุนหยวนมีที่มาไม่ธรรมดามาก อย่าว่าแต่กิจการเรือโดยสาร ต่อให้เป็นกิจการหินผลึกของเขตโลกทั้งสองแห่ง เขาก็เอามาให้ได้ แต่การเผชิญกับตระกูลหนึ่งของเมืองขั้นเก้าแบบนี้ เขาเองก็ขี้เกียจบอกตำแหน่งคุณชายใหญ่องค์กรการค้าของเขตโลกทั้งสองของตัวเองออกมา


ในภาวะที่ปกปิดตัวตน ชู่อิงยังคอยชมว่า ผู้ชายคนนี้เก่งอย่างไรต่อหน้าเขาอีก วัยหนุ่มย่อมแอบไม่พอใจ อีกทั้งชู่อิงไม่ใช่ผู้หญิงละเอียดอ่อนเหมือนคนอื่น ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องโถงใหญ่ ได้พูดถึงชู่มู่ตลอด ไม่ปกปิดความนับถือและความชื่นชอบที่มีต่อชู่มู่แม้แต่น้อย นี่ทำให้ซุนหยวนที่ลดตัวลงและปกปิดตัวตนไม่พอใจเท่าไร


“ในเมื่อเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น เขากลับมาแล้ว เขาคนเดียวก็จัดการปัญหาตระกูลเจ้าได้แล้วงั้นหรือ” ซุนหยวนยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน


“นี่…อย่างไรเขามาคนเดียว ว่าแต่ เจ้าจะส่งคนของเจ้ามาช่วยพวกเราจัดการเรื่องนี้ คนของเจ้าจะมาถึงเมื่อไร” ชู่อิงไม่เห็นความไม่พอใจของซุนหยวน ถามต่อ


“จะมาถึงในไม่กี่วัน” พูดถึงเรื่องนี้ ซุนหยวนกลับฉีกยิ้มออกมา


เพื่อให้ได้ชู่อิงมา ซุนหยวนได้ทุ่มเทอย่างมาก แน่นอนว่าเพื่อให้เกิดผลที่สะเทือนใจยิ่ง เขาจึงไม่เปิดเผยอะไรมาตลอด แต่กลับแอบส่งผู้แข็งแกร่งองค์การค้ามายังเมืองเจ็ดสีเพื่อแก้ปัญหาในครั้งนี้


ซุนหยวนไม่เคยบอกว่า จะมีผู้แข็งแกร่งมากี่คน แต่เพียงแค่บอกว่า ผู้แข็งแกร่งพวกนี้มาถึงเมื่อไร คาดว่าวินาทีนั้นทั้งเมืองเจ็ดสีจะต้องสะเทือนอย่างมากแน่นอน !


ถึงตอนนั้น ซุนหยวนไม่เชื่อว่า ชู่อิงน้อยจะไม่หลงใหลในตัวเขา

 

 

 


ตอนที่ 610

 

นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ คนแรกสุดที่เข้ามาคือท่านปู่ชู่หมิง หลังจากชู่มู่เจอกับท่านปู่แล้ว ทั้งรู้สึกดีใจและรู้สึกเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คนแก่คนนี้อ่อนแอลงเรื่อยๆ แล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่ปี ถ้าเจอกับภัยแร้งแบบนี้ ด้วยความชุลมุนและกังวลใจแบบนี้ หากไม่ระวังอาจจากไปก็ได้


อายุขัยของมนุษย์ทำได้แค่เพิ่มจากการฝึกของตัวเอง โดยปกติต้องถึงระดับราชันวิญญาณ ถึงจะเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น สำหรับชู่หมิงที่ชราลงทุกวัน ชู่มู่เองก็ทำอะไรไม่ได้


ร่างกายของคนแก่อ่อนแอ อีกทั้งยังตื่นเต้นมากเกินไป พูดไม่กี่ประโยคก็เหนื่อยแล้ว ชู่มู่เองได้ให้คนพยุงชู่หมิงกลับไปพักผ่อน


“ร่างกายเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว ตอนงานราตรี…เจ้าคุยกับท่านอาพวกเขาก่อน ช่วงนี้มีเรื่องมากมายในตระกูล…” ชู่หมิงไอเล็กน้อย จากไปอย่างไม่เต็มใจ


ชู่มู่พยักหน้า พยุงคนแก่เดินพักหนึ่งถึงกลับไปยังห้องโถงใหญ่


ตอนที่กลับไปถึงห้องโถง ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงอยู่ที่นั่นแล้ว ตอนที่เห็นชู่มู่ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น


ชู่มู่ทักทายตามมารยาท ท่านอาทั้งสองก็ถามไม่น้อย ชู่มู่ค่อยๆ ตอบ ไม่ปกปิดเท่าไร


“ถ้าอย่างนั้น ความสามารถของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ท่าทางภัยแร้งครั้งนี้พวกเราจะลดภาระได้ไม่น้อย” ชู่เทียนเหิงบอก


ในตอนนั้น ความสามารถของชู่มู่เข้าใกล้ชู่เทียนเหิงมากแล้ว ตอนนี้หลายปีผ่านไป ด้วยความสามารถของชู่มู่ คาดว่าน่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล เพียงแค่ได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลชู่หลักและประตูเมืองหลัว อาจต้านทานภัยแร้งในครั้งนี้ได้


“เรื่องภัยแร้งข้าจะจัดการตั้งแต่ต้นเหตุ ท่านอาใหญ่ อาสองไม่ต้องกังวล” ชู่มู่พูดอย่างจริงจัง


“จะกำจัดต้นเหตุ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายแบบนั้น…” ชู่เทียนเหิงพูดพร้อมส่ายหัวอย่างไร้ทาง


กำจัดต้นเหตุงั้นหรือ ชู่เทียนเหิงอยู่ที่นี่มาหลายปี รู้ถึงความน่ากลัวของต้นเหตุภัยแร้งตั้งนานแล้ว นอกจากเจ้าโลกตะวันตกจะให้ผู้แข็งแกร่งของเขตเมืองใหญ่ต่างๆ เข้าช่วยเหลือ มิฉะนั้น พวกเขาไม่มีทางกำจัดภัยแร้งนี้จากต้นเหตุได้แน่นอน


ส่วนเจ้าโลกตะวันตกกับเจ้าเมืองต่างๆ พื้นที่ของพวกเขาปลอดภัยมาก จะมาช่วยเหลือเมืองเจ็ดสีแบบนี้ได้อย่างไร


ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงต่างเชื่อว่าความสามารถของชู่มู่ในตอนนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงระดับที่พวกเขาไม่กล้าประเมิน แต่เผชิญกับโลกอลวนภัยแร้งที่ต้องใช้ผู้แข็งแกร่งทั้งเขตโลกถึงจะกำจัดได้แบบนี้ พวกเขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าชู่มู่คนเดียวจะทำได้


ชู่มู่กำลังจะพูด ในตอนนี้ กลิ่นหอมกุหลาบพิเศษลอยเข้ามา ชู่มู่ยังไม่ทันได้ชื่นชมกับกลิ่นหอมนี้ หญิงสาวที่มีรูปร่างมากเสน่ห์ได้ยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว


“ฮะฮะ เจ้ากลับมาแล้วจริงด้วย คิดว่าเจ้าลืมตระกูลเล็ก ๆ นี้ไปตั้งนานแล้ว” ชู่อิงตบไหล่ของชู่มู่ พูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจ


ชู่มู่เองก็จำชู่อิงได้ ส่วนนิสัยของชู่อิง ชู่มู่เข้าใจเป็นอย่างดี แค่พยักหน้าเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน ไม่ได้พูดอะไรอีก


“ทำไมรู้สึกว่า เจ้าอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อน ตอนนั้นเยือกเย็นอย่างกับนักฆ่า” ชู่อิงถามขึ้นทันที


อ่อนโยนเหรอ


ใช้คำนี้กับชู่มู่ยังคงเกินไปหน่อย ชู่มู่แค่รู้จักเก็บสีหน้ามากขึ้น ไม่เป็นคนไร้อารมณ์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว


“ไร้มารยาท เป็นผู้หญิงเสียเปล่า ไปนั่งตรงนั้น ไม่อนุญาตให้เจ้าพูดก็ห้ามพูด!” ชู่เทียนเหิงจ้องเขม็งไปยังชู่อิง


ชู่อิงทำท่าทีไม่ชอบใจ แต่กลับไม่กล้าไม่เชื่อฟังชู่เทียนเหิง กลับไปนั่งด้านข้างด้วยความเชื่อฟัง แต่ดวงตาที่เป็นประกายนั้นยังคงจับจ้องไปยังชู่มู่ ต่อให้เธอไม่พูดอะไร ชู่มู่ก็รู้ว่า เธออยากถามตัวเองว่า ความสามารถของดวงวิญญาณตอนนี้เป็นอย่างไร


ชู่เทียนเหิงก็รู้ว่า ชู่มู่เดินทางไกลเพื่อกลับมาที่นี่ ยังไม่ให้เขาได้พักหายใจก็พูดเรื่องภัยแร้งก็คงไม่ดี จึงให้หัวหน้าคนรับใช้หญิงพาชู่มู่ไปพักผ่อนในห้องที่สะอาด รอให้ถึงตอนอาหารเย็นค่อยพูดต่อ


ชู่มู่กลับไม่พักผ่อน หลังจากกลับถึงห้อง ได้ปล่อยมังกรจำศีลขี้เล่นออกมา


เวลาสองเดือนผ่านไปแล้ว ได้ต่อสู้ตลอดในหนึ่งเดือน ตอนนี้มังกรจำศีลน้อยอยู่ในลักษณะสองขั้นสี่แล้ว ความสามารถเข้าใกล้ระดับแม่ทัพขั้นต่ำมากแล้ว


อาศัยตอนที่มีเวลาว่าง ชู่มู่ได้พามังกรจำศีลน้อยไปฝึกในสวน


“ซา ซา ซา”


มังกรจำศีลน้อยก็ชอบออกกำลังกาย หลังจากเห็นหินก้อนหนึ่งในสวน เงาสีเขียวกะพริบ รวมประกายสีเขียวบนกรงเล็บทันที !


ประกายสีเขียวเป็นพลังแห่งมังกร พลังที่มันระเบิดออกมาแข็งแกร่งกว่าพลังของร่างกายมาก !


“บึ้ง !!!”


หินที่สูงเท่าคนถูกมังกรจำศีลน้อยโจมตีเป็นเศษ กระจายไปทั่ว


“บวกกับผลของพลังแห่งมังกร ความสามารถอยู่ในแม่ทัพขั้นต่ำแล้ว รอให้ถึงตอนที่ควบคุมพลังแห่งราชันได้ ความสามารถน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก”


เห็นมังกรจำศีลน้อยระเบิดพลังแบบนี้ในลักษณะสองได้ ชู่มู่เองตื่นเต้นอย่างมาก คาดว่าผ่านไปอีกสักพัก มังกรจำศีลน้อยคงกล้าต่อสู้ในเมืองตะวันตกแล้ว


“กริ๊ง กริ๊ง”


ตอนที่ชู่มู่ฝึกมังกรจำศีลน้อยอยู่ เสียงผ่องใสของภูตเวหาน้ำแข็งดังขึ้นในหัวของชู่มู่


นิ้งตื่นขึ้นมาแล้ว !


ชู่มู่ดีใจมาก รีบร่ายคาถาขึ้น อัญเชิญภูตเวหาน้ำแข็งออกมาตรงหน้าของตัวเอง


ความสามารถของภูตเวหาน้ำแข็งเรียกได้ว่า เพิ่มขึ้นอย่างพุ่งทะยาน ตอนที่ชู่มู่อัญเชิญมันออกมา ทั้งสวนนี้เกือบถูกแช่แข็งหมด ถ้าชู่มู่ไม่ห้ามภูตเวหาน้ำแข็งปล่อยกลิ่นไอออกมาได้ทัน ทั้งเรือนตระกูลชู่จะต้องถูกแช่แข็งแน่นอน


“จักรพรรรดิชั้นยอดลักษณะเก้า!” ชู่มู่ดีใจมาก ท่าทางผลของน้ำแข็งเทพดิน ทำให้ภูตเวหาน้ำแข็งได้ประโยชน์ไม่น้อย ไม่เพียงแต่ข้ามไปยังระดับจักรพรรดิชั้นยอด อีกทั้งยังเติบโตจนถึงลักษณะเก้าขั้นสูงอีก ความสามารถนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก!


จักรพรรดิชั้นยอดลักษณะเก้าขั้นสูง ความสามารถของมันเทียบเท่ากับจักรพรรดิลักษณะสิบขั้นสูงแล้ว และถ้าเพิ่มจากลักษณะเก้าขั้นสูงให้เป็นลักษณะสิบจะไม่ใช่เรื่องยาก


“พื้นที่ของภัยแร้งครั้งนี้น่าจะไม่น้อย อีกไม่กี่วันจะต้องให้เจ้าแสดงฝีมือแล้ว” ชู่มู่ลูบภูตเวหาน้ำแข็งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม


ภูตพันวายุของชู่มู่เน้นโจมตีกลุ่ม แต่พลังทำลายล้างของลมยังคงไม่สามารถเทียบได้กับหมวดน้ำแข็งได้ ภูตเวหาน้ำแข็งยังต้องเป็นกำลังหลัก


“กริ๊ง” ภูตเวหาน้ำแข็งยิ้มอย่างไร้เดียงสา อดใจไม่ไหวที่จะให้ชู่มู่เห็นพลังใหม่ของมัน



ระหว่างอาหารเย็น นอกจากเสี่ยวหยุนกับซุนหยวนแล้ว ชู่มู่รู้จักคนอื่นหมด แต่ละคนเป็นคนกันเองทั้งสิ้น


ชู่เทียนเหิงพูดเรื่องชื่นชมชู่มู่ก่อน แล้วดื่มพร้อมกัน ส่วนคนอื่นต่างรู้ตำแหน่งของชู่มู่ในตระกูลชู่ พวกเขาต่างส่งเสียงไปด้วย


ส่วนเสี่ยวหยุนและซุนหยวนสองคนนี้ ต่างรู้สึกแปลกใจที่ทำไมตระกูลชู่ถึงให้ความสำคัญกับวัยหนุ่มคนหนึ่งแบบนี้ แขกคนสำคัญอย่างพวกเขาสองคนยังไม่ได้รับการต้อนรับแบบนี้


แม้จะเป็นอาหารเย็น แต่เป็นเพราะเรื่องของภัยแร้งเป็นเรื่องฉุกเฉิน ยังคงเลี่ยงที่จะคุยเรื่องนี้ไม่ได้


“ครั้งนี้เป็นภัยแร้งระดับที่เท่าไร ใครมีข่าวแน่นอนไหม” ชู่มู่เองก็รู้สึกว่า นี่เป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน จึงถามขึ้น


“คาดว่าเป็นภัยแร้งขั้นเก้า อีกสามวันน่าจะมีฝูงดวงวิญญาณระดับทาสถูกดวงวิญญาณแข็งแกร่งไล่ต้อนมาที่นี่แล้ว ต่อจากนี้จะมีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นปรากฏตัว” ชู่เทียนเหิงบอก


หลังจากได้ยินว่า เป็นภัยแล้งขั้นเก้า ลูกสาวเจ้าเมืองเสี่ยวหยุนเองก็อดใจที่จะพูดไม่ได้ว่า “ภัยแร้งขั้นเก้า เมืองขั้นเก้าจะสลายแน่นอน ก่อนหน้านี้บอกว่าแค่ขั้นแปดไม่ใช่เหรอ”


ชู่เทียนเหิงยิ้มฝืน ๆ แล้วพูดว่า “ขั้นเก้ายังเป็นการประเมินเผื่อไว้ คุณหญิงเสี่ยวหยุนมาไม่เป็นเวลาจริงๆ”


“น่าจะประมาณวันที่สิบ ภัยแร้งจะเกิดขึ้นจริงๆ”


“ในเมื่อเลือกที่จะอยู่ต่อละก็ ต้องเฝ้าทั้งตะวันตก ออก ใต้ ให้ดี ทิศใต้น่าจะเป็นบริเวณที่โจมตีดุเดือดที่สุด ให้คนของตระกูลพวกเรารับผิดชอบ ประตูเมืองหลัวจะส่งผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งมา ได้ข่าวว่าอยู่ในระดับเจ้าวิญญาณหมด พวกเขาน่าจะมาถึงพรุ่งนี้ ให้พวกเขาช่วยพวกเราเฝ้าตะวันตก ส่วนด้านตะวันออกจะให้ผู้คุมดวงวิญญาณและคนช่วยจากตระกูลชู่หลักที่พวกเราจ้างมารับผิดชอบ…” ชู่เทียนหลินเริ่มแบ่งหน้าที่คร่าว ๆ


ก่อนหน้านี้ได้แบ่งวิธีการเฝ้าเมืองไว้แล้ว แต่ระดับของภัยแล้งเพิ่มขึ้น บวกกับการเข้าร่วมของสมาชิก จำต้องมีการเปลี่ยนแปลง


หลังจากพูดจบ ชู่เทียนหลิงเองก็กวาดตามองไปยังชู่มู่ ถามขึ้นว่า “ชู่มู่ เจ้าคิดว่าอย่างไร”


“ทำไมคนของประตูเมืองหลัวถึงยอมเข้าช่วย” ชู่มู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย


“เรื่องนี้ ท่านอาห้าของเจ้ารู้จักกับคนของประตูเมืองหลัวบางคน แต่ครั้งนี้ก็แปลกมาก ความจริงคนที่ท่านอาห้ารู้จักมีตำแหน่งที่ไม่สูงเท่าไร แต่ครั้งนี้กลับมีผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงหลายคนมา ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนี้ พวกเราก็ไม่กล้าอยู่ที่เมืองเจ็ดสีนี้ต่อ” ชู่เทียนหลิงบอก


“อย่างนั้นหรือ ได้รับการช่วยเหลือก็ดี…” ชู่มู่พูดอย่างมีนัยแฝง


“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดอย่างไร มีวิธีต้านภัยแร้งวิธีอื่นไหม” ชู่เทียนเหิงถามขึ้น


ตอนนี้ตระกูลชู่ต่างยอมรับว่า ชู่มู่เป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุด ย่อมต้องฟังความเห็นของชู่มู่


ชู่มู่ส่ายหัว ไม่ได้เสนอความเห็นอะไร


กองทัพระดับทาสงั้นหรือ มังกรจำศีลน้อยของชู่มู่ต้องการฝึกพอดี มาเท่าไรก็ฆ่าเท่านั้น


ส่วนกองทัพระดับแม่ทัพกับกองทัพระดับผู้นำภัยหลัง ให้ภูตเวหาน้ำแข็ง ปีศาจนักรบไม้ ภูตพันวายุซึ่งเป็นดวงวิญญาณโจมตีแบบกลุ่มมาจัดการก็พอแล้ว ชู่มู่ไม่ได้รู้สึกต้องกังวลอะไร


แต่กลับเป็นการปรากฏตัวของประตูเมืองหลัว ที่ทำให้ชู่มู่รู้สึกไม่ชอบกล


ตามปกติแล้ว อำนาจของประตูเมืองหลัวเกินกว่าโลกตะวันตกแล้ว จำนวนของราชันวิญญาณน่าจะไม่น้อย ประตูเมืองหลัวเองได้รับสมาชิกที่มีความสามารถค่อนข้างแข็งแกร่งเข้ามา ชู่มู่ไม่เข้าใจว่า ทำไมคนของประตูเมืองหลัวถึงขยันส่งผู้แข็งแกร่งมาช่วยเหลือตระกูลชู่ได้


“นายท่าน ไม่ต้องเดาแล้ว หากเป็นเพราะฉิงมางเอ๋อได้นำจดหมายไปยังประตูเมืองหลัว บอกว่าผู้ที่ชนะการประลองฟ้าดินอย่างเจ้าเป็นคนของตระกูลชู่ ประตูเมืองหลัวจงใจเข้ามาเพื่อผูกมิตร หรือไม่ก็ประตูเมืองหลัวมาเพื่อแหล่งวิญญาณอันนั้นที่ข้าบอก ความจริงแล้ว พอผ่านช่วงเวลาหนึ่ง พวกเขาจะมาสืบข่าวที่นี่ แล้วดูว่ามีโอกาสจะได้มาไหม ที่บอกว่าจะเข้ามาช่วยเหลือเมืองเจ็ดสีครั้งนี้อาจเป็นเรื่องโกหก ความจริงก็มาเพื่อสืบข่าว ตามหาแหล่งวิญญาณมากกว่า ข้ารู้สึกว่า อันหลังมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า” ผู้เฒ่าหลีบอก


———————————————————————

 

 

 


ตอนที่ 611

 

ระหว่างมื้อเย็น คนของตระกูลชู่ต่างพูดถึงปัญหาภัยแร้งที่ใกล้เข้ามา ไม่มีใครมีอารมณ์กินอะไร มีเพียงการกลับมาของชู่มู่ถึงทำให้บรรยากาศดีขึ้นเล็กน้อย


แต่ว่าใครก็รู้ว่า ตระกูลชู่ในตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ ต้องจัดการปัญหาก่อน


“ภัยแร้งขั้นเก้า เท่ากับว่าจะมีจักรพรรดิชั้นยอดอย่างน้อยหนึ่งตัวปรากฏขึ้น” ในตอนนี้ ชู่หมิงใช้เสียงที่แหบชราพูดขึ้น


ชู่เทียนเหิงมองไปที่ท่านพ่อของตัวเอง รู้ว่าคนแก่คนนี้ไม่อยากจะปกปิดศัตรูที่จะปรากฏในภัยแร้งครั้งนี้แล้ว


เดิมชู่เทียนเหิงไม่อยากบอกโดยตรง อย่างไรก็ตาม ทำแบบนี้จะทำให้คนที่เฝ้าเมืองหวาดหวั่น ถ้าไม่บอกคนทั้งหมด ให้คนทั้งหมดเฝ้าอยู่ อาจทำให้ทุกคนใช้พลังทั้งหมดออกมาได้


แต่ในเมื่อชู่หมิงพูดกระจ่างแล้ว ชู่เทียนเหิงรู้สึกว่าบอกเอาไว้ยังจะดีกว่า


“จักรพรรดิชั้นยอด…ตระกูลชู่พวกเจ้าจัดการได้ไหม” คุณหญิงเสี่ยวหยุนพูดด้วยความตกใจ


เห็นได้ชัดว่า คุณหญิงเสี่ยวหยุนไม่คิดว่า ภัยแร้งจะสาหัสขนาดนี้ อีกทั้งจะมีดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิชั้นยอดปรากฎตัวขึ้น ในเมืองตะวันตกทั้งหมดนี้ มีแค่ท่านพ่อของเธอถึงจะมีดวงวิญญาณจักรพรรดิชั้นยอด!


ชู่เทียนเหิงและท่านอาของชู่มู่ต่างส่ายหัวอย่างหมดหนทาง


“ต้องขึ้นอยู่กับผู้แข็งแกร่งของประตูเมืองหลัวกับตระกูลชู่หลักแล้ว พวกเราหมดหนทางแล้ว” ชู่เทียนหลิงบอก


ซุนหยวนที่อยู่ด้านข้างเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา เพราะเขาไม่คิดว่า จะมีจักรพรรดิชั้นยอดอยู่ด้วย


ซุนหยวนเองก็ไม่แน่ใจว่า ผู้แข็งแกร่งที่เขาแอบส่งมาจะมีผู้คุมดวงวิญญาณที่มีจักรพรรดิชั้นยอดหรือไม่ ถ้าไม่มีละก็ พวกเขาจัดการภัยแร้งอย่างลำบากเช่นกัน


“จักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัวในภัยแร้งนี้ เป็นสิ่งที่พวกเราตระกูลชู่จัดการไม่ได้ และในกองทัพภัยแร้งระดับทาส กองทัพระดับแม่ทัพ กองทัพระดับผู้นำ กองทัพระดับจักรพรรดิ ความสามารถของกองทัพระดับจักรพรรดิควบกันน่าจะเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดสองตัว กองทัพผู้นำก็เท่ากับจักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัว กองทัพแม่ทัพเท่ากับจักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัว จำนวนของกองทัพระดับทาสก็เทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัว…” ชู่เทียนเหิงพูดกับทุกคน


ผู้คนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที ไม่เข้าใจว่า ชู่เทียนเหิงต้องการจะพูดอะไรจากทั้งหมดนี้


“วิธีประเมินความสามารถแบบนี้ ข้าได้มาจากตระกูลชู่หลัก ภัยแร้งขั้นเก้าเท่ากับกลุ่มขั้นเก้า”


“จักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัวจะปรากฏแน่นอน ภายใต้จักรพรรดิชั้นยอดนั้น มีสิ่งมีชีวิตจักรพรรดิขั้นสูงถึงเทียบเท่าจักรพรรดิ น่าจะมีประมาณสิบกว่าตัว ความสามารถเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอด 2 ตัวได้ เท่ากับว่า เมื่อรวมความสามารถของสิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิทั้งหมดของภัยแร้งขั้นเก้านี้ เท่ากับมีจักรพรรดิชั้นยอดสามตัว!”


คำพูดนี้ของชู่เทียนเหิง ทำให้คนทั้งหมดนิ่งอึ้งทันที!


บนโต๊ะมีประมาณยี่สิบกว่าคน ตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรอีก


ชู่เทียนเหิงเห็นใบหน้าของทุกคนอึ้งขนาดนี้ ราวกับเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว ความจริงในตอนที่เขารู้ความหมายที่แท้จริงของภัยแร้งขั้นเก้า สีหน้าของเขาสิ้นหวังกว่านี้อีก


“สิ่งมีชีวิตจักรพรรดิรวมกันเท่ากับจักรพรรดิชั้นยอดสามตัว ภัยแร้งขั้นเก้านี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!” ในที่สุด ชู่อิงทำลายความเงียบบนโต๊ะ


ชู่เทียนเหิงพูดต่อด้วยรอยยิ้มฝืนว่า “นี่เป็นแค่พลังของระดับจักรพรรดิ ผู้นำจะมีประมาณสามร้อยกว่า ความสามารถรวมกันจะเท่ากับจักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัว ระดับแม่ทัพมีจำนวนสามพันกว่า รวมกันแล้วเท่ากับจักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัวเช่นกัน ระดับทาสจะมีสามหมื่นกว่ากว่า รวมกันแล้วมีพลังเท่ากับจักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งตัวเช่นกัน เท่ากับว่า เวลาครึ่งเดือนนี้พวกเราต้องเผชิญกับพลังของกองทัพที่เทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหกตัว”


เดิมบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ประหลาดอย่างมากแล้ว แต่ละคนอึมครึมอย่างมากแล้ว และในตอนนี้ที่ชู่เทียนเหิงได้บอกเรื่องภัยแร้งขั้นเก้าทั้งหมดออกมา ทำให้คนทั้งหมดนิ่งอึ้งเข้าไปอีก !!!


“นี่…นี่จะจัดการได้อย่างไร !!! ในเมื่อเจ้ารู้ว่า น่ากลัวขนาดนี้ ทำไมไม่รีบบอก รีบออกจากที่นี่ก่อน เจ้าอยากให้คนทั้งหมดตายที่นี่หรือ” คุณหญิงเสี่ยวหยุนลุกขึ้นทันที พูดอย่างใจร้อน


พอคุณหญิงเสี่ยวหยุนพูดแบบนี้ คนอื่นในตระกูลเริ่มท้อแท้แล้ว


พลังที่เทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหกตัว ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิขั้นสูงที่ตระกูลชู่เชิญมามีเท่าที่นับด้วยนิ้วได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว !


ในตอนนี้ ความคิดในใจของคนทั้งหมดเหมือนกันหมด ยังจะกินอะไรอีก ควรรีบเก็บของออกจากที่นี่ก่อน !


“อย่ารุกรน นี่เป็นการรวมพลังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของภัยแร้งในเวลาสิบวัน ภัยแร้งขั้นเก้าไม่ออกจากรังทั้งหมดในวันเดียวหรอก”


“ถ้าภัยแร้งต่อเนื่องสิบวัน ถ้าอย่างนั้นการโจมตีที่ต้องรับในแต่ละวันจะเท่ากับพลังของจักรพรรดิชั้นยอดศูนย์จุดหกตัว เวลาสิบวัน ดวงวิญญาณของทุกคนผลัดกันต่อสู้ได้” ชู่เทียนเหิงเห็นสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป รีบพูดอธิบาย


ชู่เทียนเหิงอธิบายแบบนี้ อารมณ์ของทุกคนถึงผ่อนคลายลง


หากเป็นเช่นนั้นจริง ภัยแร้งไม่มีทางออกจากรังพร้อมกันในคราวเดียว ถ้าเฝ้าเมืองแบบนี้ทุกคนจะพักหายใจได้บ้าง


“คุณหญิงเสี่ยวหยุน ท่านเชิญท่านเจ้าเมืองได้หรือไม่” ชู่เทียนหลิงถามอย่างสุภาพ


เสี่ยวหยุนส่ายหัว” ท่านพ่อของข้าไม่มีทางลงมือเอง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมืองตะวันตกนี้จะชุลมุนยิ่งขึ้น ข้าทำได้มากสุดแค่เชิญผู้ใหญ่สองคนที่มีจักรพรรดิขั้นสูงคนละตัวมาช่วยเหลือเท่านั้น นอกจากนั้นเชิญผู้เฝ้าอีกกลุ่มมาช่วยเหลือ”


“แบบนี้ก็ดีแล้ว รอคนของประตูเมืองหลัวกับตระกูลชู่หลักพรุ่งนี้ ถ้าพวกเขามีผู้แข็งแกร่ง อาจยังมีหวังอยู่บ้าง” ชู่เทียนเหิงฝืนยิ้มออกมา


ตอนที่พูด ชู่เทียนเหิงได้แต่มองไปยังชู่มู่


ความจริง ตลอดที่พูดคุยมีคนไม่น้อยที่คอยสังเกตท่าทีของชู่มู่ โดยเฉพาะชู่เทียนเหิง เขาพบว่า ไม่ว่าตัวเองพูดความจริงเรื่องภัยแร้งหรือถามหาความช่วยเหลือ ชู่มู่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยน นิ่งเหมือนปกติ ราวกับเป็นคนนอก


“ชู่มู่ ทำไมไม่พูดอะไร” ชู่เทียนเหิงอดไม่ได้เอ๋ยปากถามขึ้น


ซุนหยวนกวาดตามองไปยังชู่มู่ พูดกึ่งประชดว่า “หรือว่าจะกลัวจนนิ่งไปแล้ว”


จิตของชู่มู่ไม่อยู่กับตัว เพราะเขาในตอนนี้กำลังคิดหาวิธีจัดการชนเผ่าขั้นหนึ่งที่มีแหล่งวิญญาณนี้ แต่ไม่ใช่กลุ่มขั้นเก้านี้…



เหตุที่ชู่มู่ไม่ได้พุ่งเข้าไปในชนเผ่านั้นทันที ก็เป็นเพราะความสามารถของตัวเองไม่พอ


ชนเผ่าทั้งหมดใหญ่มาก ชู่มู่อาจให้มั่วเย้จัดการเทียบเท่าราชันตัวนั้นได้


แต่เทียบเท่าราชันไม่ใช่ผู้นำที่บ้าคลั่ง จะออกมาให้ชู่มู่ฆ่าโดยตรงได้อย่างไร คาดว่ามันจะส่งลูกน้องนับไม่ถ้วนมาลดพลังต่อสู้ของมั่วเย้…


ราชาจัดการได้ง่าย แต่ลูกน้องนับหมื่นนี่น่ารำคาญเกินไป อีกทั้งราชาจะหลบอยู่หลังลูกน้องพวกนี้แน่นอน คาดว่าจะต้องฆ่าล้างเปิดทางถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้


ตอนที่ชู่เทียนเหิงพูดถึงจำนวนของภัยแร้งขั้นเก้า ชู่มู่เองก็ลูบคางคำนวณจำนวนของชนเผ่าขั้นหนึ่งอยู่


ผู้เฒ่าหลีได้ประมาณจำนวนของชนเผ่าขั้นหนึ่งไว้ว่า ภายใต้พวกมันเทียบเท่าราชันหนึ่งตัว จะต้องมีจักรพรรดิชั้นยอดสามตัวขึ้นไป อีกทั้งภายใต้จักรพรรดิชั้นยอดสามตัวนี้ จะมีจักรพรรดิขั้นสูงกับขั้นกลางประมาณสิบกว่าตัวอีก


แค่จากจักรพรรดิชั้นยอดไปยังจักรพรรดิขั้นสูงนี้ มีจักรพรรดิชั้นยอดสามตัว จักรพรรดิขั้นกลางขั้นสูงสิบตัว ถ้าให้รวมพวกมันไว้ด้วยกัน พลังต่อสู้ของพวกมันจะเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดห้าตัวแล้ว


และจากจักรพรรดิขั้นกลางไปถึงเทียบเท่าจักรพรรดิ จะมีจำนวนประมาณหนึ่งร้อยกว่าตัว ถ้าไม่มีจักรพรรดิชั้นยอดสามตัว คงจัดการไม่ได้แน่นอน


ดังนั้น ในชนเผ่าขั้นหนึ่ง พลังจักรพรรดิทั้งหมดนี้รวมกัน ออกจากรั้งพร้อมกันละก็ จะเท่ากับว่ามีพลังต่อสู้จักรพรรดิชั้นยอดสิบตัว


และจักรพรรดิชั้นยอดสิบตัว จะสู้เทียบเท่ากับราชันปกติได้แล้ว !


ในวงการต่อสู้ดวงวิญญาณของชู่มู่ มั่วเย้ต้องเทียบเท่าราชันตัวนั้นแน่นอน


มารนิรยขาวเป็นจักรพรรดิไร้เทียมทาน จัดการจักรพรรดิชั้นยอดได้มากสุดสามตัว


จั้นเย้ที่ผ่านดวงใจแห่งมังกรหาญกับแตกหักงอกใหม่ จัดการจักรพรรดิชั้นยอดสองตัวได้ไม่มีปัญหา


ปีศาจนักรบไม้ที่ต่อสู้แบบกลุ่มอย่างไร้เทียมทาน ถ้าโยนปีศาจนักรบไม้ไว้ท่ามกลางจักรพรรดิขั้นกลางกับเทียบเท่าจักรพรรดิ ผลของปีศาจนักรบไม้จักรพรรดิขั้นสูงจะเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดได้


ภูตพันวายุกับราชันผีหินผาต้องร่วมมือกัน ราชันผีหินผาทำหน้าที่ป้องกัน คอยต้านทานการโจมตีส่วนใหญ่ และทักษะหมวดลมที่ภูตพันวายุปล่อยออกมาจะทำการฆ่าล้างได้ จักรพรรดิขั้นสูงสองตัวนี้ร่วมมือกัน พลังต่อสู้จะเทียบเท่ากับจักรพรรดิชั้นยอดตัวหนึ่งได้เช่นกัน


พลังทำลายล้างของภูตเวหาน้ำแข็งจักรพรรดิชั้นยอดยิ่งแข็งแกร่ง ถ้าร่วมมือกับราชันผีหินผาละก็ จัดการกองทัพที่เทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดสองตัวได้ไม่มีปัญหา


การต่อสู้แบบกลุ่มของอสูรสายฟ้านิมิตราตรีจะอ่อนกว่าอย่างชัดเจน แต่ด้วยความเร็วของมัน บวกกับเกราะวิญญาณขั้นเก้า ถ้าต่อสู้ในตอนกลางคืนละก็ วิ่งวนกับจักรพรรดิชั้นยอดตัวหนึ่ง มันยังทำการรั้งไว้ได้บ้าง


ดวงวิญญาณทั้งหมดของชู่มู่รวมกัน ไม่สามารถรับมือกับเทียบเท่าราชันตัวหนึ่งได้ แต่ในการต่อสู้กลุ่มจะต่างกัน พลังของพวกมันจะเสริมกันและกัน ต่อต้านกับกองทัพระดับจักรพรรดิได้


แน่นอนว่า ชู่มู่ไม่สามารถอัญเชิญดวงวิญญาณทั้งหมดออกมาต่อสู้พร้อมกัน คิดจะหาโอกาส ก็ต้องยืดเวลาต่อสู้ให้ยาวออกไป


จำนวนของชนเผ่ามหาศาล ชู่มู่แค่ครอบครองพื้นที่บางแห่ง จักรพรรดิทั้งหมดในชนเผ่าก็ไม่มีทางออกจากรังทั้งหมดเพราะมีผู้บุกรุกสามตัว


ต่อให้ออกจากรังทั้งหมด ชู่มู่แค่หนีไป ดวงวิญญาณแค่สามตัว ความคล่องตัวสูง ที่ตามทันก็คงมีแค่เทียบเท่าราชันกับจักรพรรดิชั้นยอด


ดังนั้น ชู่มู่แค่รวมพลังทั้งหมดได้ก็พอแล้ว อัญเชิญพร้อมกันได้หรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่เท่าไร


ปัญหาอยู่ที่ว่า ในชนเผ่ายังมีกองทัพระดับผู้นำ ระดับแม่ทัพ ระดับทาส


จำนวนของระดับแม่ผู้นำจะมากถึงหนึ่งพันต้องมีจักรพรรดิชั้นยอดสามตัวถึงจะจัดการได้


จำนวนของระดับแม่ทัพจะมากถึงหนึ่งหมื่น ต้องใช้จักรพรรดิชั้นยอดสามตัวถึงจะจัดการได้เช่นกัน


จำนวนของระดับทาสน่าจะมากถึงหนึ่งแสน ต้องใช้จักรพรรดิชั้นยอดอย่างน้อยสามตัว


ที่สำคัญที่สุดคือ ระดับผู้นำ ระดับแม่ทัพ ระดับทาสจะต้องเป็นกองหน้าแน่นอน แค่จัดการพวกนี้ พลังของมั่วเย้ระดับราชันอาจไม่เหลือแล้วก็ได้


สิ่งที่ผู้เฒ่าหลีคอยพูดเตือนชู่มู่ตลอดคือ “จะกวาดล้างชนเผ่าขั้นหนึ่งในคราวเดียว ต้องมีเทียบเท่าราชันอย่างน้อยสามตัวออกสู้พร้อมกันถึงจะมีโอกาสชนะได้ ถ้าไม่มีละก็ ต้องวางแผนให้ดี ต้องใช้วิธีอื่นๆ แล้ว”


————————————————————————

 

 

 


ตอนที่ 612

 

“ชู่มู่ ท่านอาใหญ่เรียกเจ้า” ชู่หลั่งที่นั่งอยู่ข้างชู่มู่ดันแขนของชู่มู่เบาๆ


ชู่มู่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ชู่หลั่งดันเขาแบบนี้เขาถึงได้สติกลับมา พบว่าคนทั้งหมดบนโต๊ะกำลังมองตัวเองด้วยสายตาประหลาด


“ทำไมเหรอ” ชู่มู่เบิกตากว้าง กวาดตามองไปที่ผู้คนด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงมองตัวเองแบบนี้


คนอื่นหมดคำพูดทันที ใครเขาจะสติเลื่อนลอยตอนที่ทุกคนกำลังปรึกษาเรื่องสำคัญแบบนี้ สติเลื่อนลอยก็แล้วไป ยังจะถามทุกคนกลับว่า ทำไมเหรอ ประโยคนี้ควรให้ทุกคนถามมากกว่า !


ชู่อิงที่อยู่ด้านข้างกรอกตาขาวทันที พูดตรงๆ ว่า “ท่านอาใหญ่เรียกเจ้าหลายรอบ เจ้าเหมือนวิญญาณหลุดจากร่าง ไม่ตอบใคร กำลังคิดอะไรอยู่ !”


“อ้อ อ้อ” ชู่มู่ถึงมองไปยังชู่เทียนเหิง ถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกับท่านอาใหญ่”


“ไม่มีอะไร แค่ถามความเห็นของเจ้า” ชู่เทียนเหิงบอก


ชู่เทียนเหิงเข้าใจชู่มู่ รู้ว่าชู่มู่ไม่ใช่ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ แต่มองออกว่า เมื่อกี้เขากำลังคิดปัญหาอยู่


“เมื่อกี้ประเมินจำนวนของภัยแร้งขั้นเก้าไว้ที่เท่าไร” เมื่อกี้ตอนที่ชู่มู่กำลังคิดเรื่องปัญหานี้ได้ยินเรื่องนี้บ้าง ตอนนี้ถามขึ้นอีกครั้ง


“ภัยแร้งสิบวันรวมกันเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหกตัว” ชู่เทียนเหิงทวนคำพูดอีกครั้ง


“อืม ถ้าอย่างนั้นดีมาก” ชู่มู่พยักหน้า


ภัยแร้งขั้นเก้าจะออกจากชนเผ่าขั้นหนึ่งแน่นอน ถ้าเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหกตัวละก็ จะลดภาระให้ชู่มู่ไม่น้อย !


“ดีอะไร!” คุณหญิงเสี่ยวหยุนจอมเอาแต่ใจทนไม่ไหวแล้ว พูดกับชู่มู่อย่างไม่เกรงใจ


ชู่มู่แค่ยกหนังตาขึ้น เพิกเฉยต่อคุณหญิงเสี่ยวหยุน พูดขึ้นว่า “เรื่องภัยแร้ง ทุกคนไม่ต้องกังวลมากเกินไป ทำการป้องกันที่ควรทำก็พอ จะไม่มีอะไร”


ชู่เทียนเหิงและคนของตระกูลชู่เห็นชู่มู่มั่นใจขนาดนี้ ได้แต่ฉีกยิ้มออกมาฝืนๆ ชู่อิงจับจ้องไปยังชู่มู่ อยากรู้ว่าชู่มู่มีดวงวิญญาณอะไรกันแน่


“ถ้าอย่างนั้น ความสามารถของเจ้าแข็งแกร่งมากสินะ แม้แต่ภัยแร้งแบบนี้ก็ไม่กลัว” ซุนหยวนยักคิ้วขึ้น มองดูเหมือนเป็นคำพูดที่ไม่ได้ใส่ใจ แต่ความจริงกลับไม่ชอบใจความนิ่งแบบนี้ของชู่มู่มากเท่าไร


ชู่มู่แค่มองไปยังซุนหยวนอย่างเฉยเมย ประหลาดใจที่เหมือนร่ายวิญญาณของเจ้านี่ก็ไม่ต่ำ


ในเมื่อร่ายวิญญาณไม่ต่ำ ความสามารถของเขาก็ไม่เบาแน่นอน ชู่มู่แอบแปลกใจว่า เขามาที่ตระกูลชู่ทำไม ทว่า ตอนที่เขาเห็นสายตาไม่พอใจที่ชู่อิงสนใจเขามากไป ชู่มู่เข้าใจทันที


“เฮ้อ ชู่มู่ เจ้าเพิ่งกลับมา ตระกูลได้เจอกับเรื่องลำบากแบบนี้ จะต้องให้เจ้าช่วยทุกคนจัดการอีก ทำให้ข้าไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ…” ชู่หมิงเห็นท่าทีท้าทายของซุนหยวน ในตอนนี้จึงพูดขัด


“ท่านปู่วางใจได้ ดวงวิญญาณส่วนใหญ่ของข้าอยู่ขั้นจักรพรรดิชั้นสูง ความสามารถต่อสู้กลุ่มแข็งแกร่งมาก น่าจะจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา” ชู่มู่พูดขึ้น


“ถ้าอย่างนั้นก็ดี แบบนั้นก็ดี” ชู่หมิงเห็นชู่มู่จริงจังแบบนี้ จึงพยักหน้า…แต่ว่า พอคิดดี ๆ แล้ว กลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง


“จักร…จักรพรรรดิขั้นสูง!!!”


จักรพรรดิขั้นสูง!!! เมื่อกี้ชู่มู่บอกว่า จักรพรรดิขั้นสูง!!!


ประโยคนี้ ทำให้คนทั้งหมดที่นั่งอยู่ที่นี่อึ้งหมด!


คนที่มีจักรพรรดิขั้นสูงทั้งเมืองตะวันตกน่าจะนับด้วยนิ้วได้ อีกทั้งเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงอย่างมาก แม้แต่ลูกสาวเจ้าเมืองอย่างเสี่ยวหยุนเอง ทำได้แค่เชิญผู้แข็งแกร่งสองคนที่มีจักรพรรดิขั้นสูงตัวเดียวได้เท่านั้น


ถ้าชู่มู่บอกว่าตัวเองมีจักรพรรดิขั้นสูงตัวหนึ่ง คนทั้งหมดจะต้องอึ้งแน่นอน และแล้วชู่มู่กลับบอกว่า “ส่วนใหญ่อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ใครก็เข้าใจความหมายนี้ดี !!!


“ชู่…ชู่มู่ เมื่อกี้ข้าฟังไม่ผิด เจ้าบอกว่า ดวงวิญญาณส่วนใหญ่ของเจ้าอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสูงใช่หรือไม่” ชู่หลั่งนั่งอยู่ข้างชู่มู่ ถามขึ้นคนแรก อีกทั้งยังเน้นเสียง “จักรพรรดิขั้นสูง” อีกหน่อย


ในตอนนี้ คนทั้งหมดมองไปที่ชู่มู่


ชู่มู่กลับพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่ความนิ่งแบบนี้ของชู่มู่ ทำให้คนทั้งหมดรู้สึกสบายใจเกินไป นั่นเป็นถึงจักรพรรดิขั้นสูง!


“สหายคนนี้ เจ้ามีระดับจักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูงจริงเหรอ อีกทั้งยังอยู่ในลักษณะสิบหมดเหรอ” ซุนหยวนถามขึ้นอีกครั้ง


ชู่มู่มองไปยังสีหน้าและสายตาเหลือเชื่อของคนทั้งหมด ได้ฉีกยิ้มเจื่อนๆ ออกมา


และแล้ว พูดเรื่องความสามารถของตัวเองออกมา พวกเขาเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง อย่างน้อยก็เป็นแค่จักรพรรดิขั้นสูง ถ้าบอกว่าจักรพรรดิชั้นยอด อีกทั้งราชัน พวกเขาคงคิดว่าตัวเองป่วยแล้ว


ชู่มู่ไม่ใช่คนที่จะอัญเชิญดวงวิญญาณของตัวเองเพื่อแสดงว่า ตัวเองมีความสามารถแข็งแกร่งมากเพียงใด ดังนั้น ตอนที่พยักหน้า “ส่วนใหญ่อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ไม่คิดว่า จักรพรรดิขั้นสูงจะก่อให้เกิดการตอบสนองแบบนี้


“หึ ข้ากินอิ่มแล้ว” คุณหญิงเสี่ยวหยุนลุกขึ้นทันที ทำท่าทีไม่พอใจอย่างมาก เดินออกจากโต๊ะอาหารก่อน


เสี่ยวหยุนไม่พอใจท่าทีโดดเด่นของชู่มู่อยู่แล้ว ส่วนเรื่อง “ส่วนใหญ่อยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ใครจะเชื่อก็เชื่อ อย่างไรเสีย เสี่ยวหยุนก็ไม่เชื่อ !


ทั้งเมืองตะวันตกนี้ คนที่กล้าพูดคำนี้มีเพียงท่านพ่อของเสี่ยวหยุน วัยหนุ่มที่มาจากไหนไม่รู้ออกมาบอกว่าตัวเองมีความสามารถแบบนี้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน !


ชู่เทียนเหิงมองไปยังชู่มู่ เขาเชื่อว่า นิสัยของชู่มู่ไม่มีทางจะเอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องล้อเล่น และในเมื่อเขาบอกว่ามีจักรพรรดิขั้นสูง เขามีแน่นอน อีกทั้งไม่ได้มีแค่ตัวเดียว


เดิมชู่เทียนเหิงอยากถามต่อ แต่คำนึงถึงยังมีคนอื่นอยู่ที่นี่


ถ้าชู่มู่มีความสามารถแบบนี้จริง เก็บเอาไว้จะดีที่สุด เพราะตระกูลชู่ไม่ได้มีภัยแร้งแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว


“ทุกคนอย่าตื่นตัว ค่อยเจรจาปัญหานี้ทีหลังเถอะ”ชู่เทียนเหิงพูดกับทุกคน


ชู่เทียนเหิงเป็นหัวหน้ากลุ่ม เห็นได้ชัดว่า ไม่อยากให้คนทั้งหมดพูดเรื่องนี้ต่อแต่กลับมีคนไม่น้อยของตระกูลชู่มองไปยังชู่มู่ด้วยความเป็นกันเอง มองออกได้ว่า พวกเขาเชื่อว่า ชู่มู่มีความสามารถแบบนี้จริงๆ !


ชู่อิงเป็นคนแรกที่อดใจไม่ไหวอยากจะถาม และแล้วชู่เทียนเหิงจ้องเขม็งไปที่เธอ เธอทำได้แค่ระงับความอยากของตัวเอง แต่ไม่เคยละสายตาไปจากชู่มู่


สีหน้าของซุนหยวนที่อยู่ด้านข้างไม่ดีเท่าไร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชู่มู่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถแข็งแกร่งจริง ๆ แข็งแกร่งเกินกว่าที่ซุนหยวนคิดเอาไว้ อีกส่วนคือ ดวงตาของชู่อิง ไม่เคยมองเขาตั้งแต่ตอนเริ่มกินข้าว นี่ทำให้ซุนหยวนไม่สบายใจอย่างมาก


“คาดว่าจักรพรรดิขั้นสูงลักษณะแปดเก้า ผู้คุมดวงวิญญาณที่เน้นเพิ่มความแข็งแกร่งไปที่ระดับ แม้คนแบบนี้จะมีน้อย แต่ยังคงมีในโลกใหญ่และเมืองเทียนเซี่ย หึ ถ้าข้าเน้นไปที่ระดับของดวงวิญญาณ ไม่แน่ดวงวิญญาณของข้าอาจอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง” ซุนหยวนแอบทำข้อสรุปแบบนี้ในใจ



หลังจากงานเลี้ยงตอนเย็นเลิกรา ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงได้ดึงชู่มู่ไปก่อน ชู่หลั่ง ชู่อิง พวกสมาชิกวัยหนุ่มต่างมองไปยังชู่มู่ที่จากไปด้วยความผิดหวัง เห็นได้ชัดว่า พวกเขากำลังต้องการความจริงจากชู่มู่


“ชู่มู่ เรื่องที่เจ้าบอกตอนกินข้าวเป็นเรื่องจริงเหรอ” ชู่เทียนหลิงถามขึ้นอีกครั้ง


ไม่ใช่ว่า ท่านอาทั้งสองไม่เชื่อชู่มู่ แต่เป็นเพราะระดับจักรพรรดิขั้นสูงพบยากจริงๆ ทั้งเมืองตะวันตก คนที่มีจักรพรรดิขั้นสูงหนึ่งตัวล้วนเป็นบุคคลสำคัญ


“ท่านอาใหญ่ ท่านอาสอง ครั้งนี้ข้ากลับมาเพราะต้นเหตุของภัยแร้ง ก็คือชนเผ่าขั้นหนึ่ง” ชู่มู่กำลังจะปรึกษาเรื่องนี้กับท่านผู้ใหญ่ทั้งสอง อย่างไรก็ตามกิจการแหล่งวิญญาณต้องให้ตระกูลชู่จัดการ ตัวเองเข้าไปตรงๆ จะไม่ได้รับการช่วยเหลือแน่นอน


“ชนเผ่าขั้นหนึ่งงั้นหรือ นั่นเป็นหลายเท่าของภัยแร้งขั้นเก้าไม่ใช่เหรอ อีกทั้งได้ข่าวว่าเป็นกองทัพใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิตระดับราชัน” ชู่เทียนเหิงพูดด้วยสีหน้าตกใจ


“อืม ในชนเผ่าขั้นหนึ่งมีแหล่งทรัพยากรที่ข้าต้องการ หลังจากนี้อาจต้องให้ท่านอาทั้งสองช่วยข้าจัดการ” ชู่มู่พยักหน้า


“ชู่มู่ เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ตอนนี้แม้แต่กลุ่มขั้นเก้าพวกเรายังจัดการไม่ได้ ชนเผ่าขั้นหนึ่ง…อย่างนั้นต้องให้ผู้แข็งแกร่งโลกตะวันตกลงมือ” ชู่เทียนหลิงบอก


“เรื่องนี้ท่านอาใหญ่ ท่านอาสองไม่ต้องกังวล จักรพรรดิขั้นสูงเป็นแค่รูปแบบต่อสู้ของดวงวิญญาณรองของข้า” ชู่มู่เองก็ไม่ปกปิด อย่างไรเสีย รอให้ตัวเองจัดการชนเผ่าขั้นหนึ่ง ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองก็เดาได้ว่าความสามารถของตัวเองอยู่ในระดับใด


ชู่มู่เพิ่งพูดจบ ต้องทำหน้าหมดหนทางอีกแล้ว เพราะหลังจากที่ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองได้ยินคำพูดนี้ของตัวเอง สีหน้าตกใจอย่างมากถึงมากที่สุด


“ชู่…ชู่มู่ เจ้า…เจ้าอย่าพูดอะไรแบบนี้อย่างสบายใจได้ไหม อายุของท่านอาสอง…มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หัวใจ…อาจทนไม่ไหว!” ชู่เทียนหลิงพูดด้วยความแข็งทื่อ


สำหรับพวกเขาแล้ว จักรพรรดิขั้นสูงนับว่า เป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งยิ่งในเมืองตะวันตกแล้ว ผู้แข็งแกร่งแบบนี้ยังต้องให้ตระกูลชู่ใช้เงินมหาศาลเชิญจากอำนาจต่างๆ ต่อให้อ่อนน้อมอย่างมาก ก็ใช่ว่าจะเชิญผู้แข็งแกร่งพวกนี้มาได้


พูดได้ว่า จุดสำคัญของภัยแร้งครั้งนี้ขึ้นอยู่กับประตูเมืองหลัวกับตระกูลชู่หลักแล้ว อย่างไรก็ตาม จะมีผู้แข็งแกร่งที่มีจักรพรรดิขั้นสูงหลายคนมุ่งหน้ามาที่นี่


ส่วนตระกูลชู่จะพัฒนาต่อไปได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้แข็งแกร่งที่มีจักรพรรดิขั้นสูงเหล่านี้ ! ดังนั้น ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิขั้นสูงแต่ละคน ล้วนเป็นพระใหญ่ที่ตระกูลชู่เชิดชูบูชา !


เดิมท่านผู้ใหญ่ทั้งสองของชู่มู่คิดว่า ด้วยอายุของชู่มู่ มีจักรพรรดิขั้นกลางกลุ่มหนึ่งก็ยากมากๆ แล้ว รวมกันอาจจัดการจักรพรรดิขั้นสูงได้


ที่ทำให้ผู้ชายวัยกลางคนทั้งสองคิดไม่ถึงคือ ชู่มู่กลับมีจักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูง !!!


ตอนอยู่ที่โต๊ะอาหาร จักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูงก็ทำให้หัวหน้ากลุ่มทั้งสองตื่นเต้นอย่างมากแล้ว ถ้าไม่ได้มีคนนอกอยู่ พวกเขาทั้งสองจะตื่นเต้นยิ่งกว่าพวกเด็กๆ อีกแน่นอน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูล


และแล้ว ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงยังไม่ทันได้หยุดความสะเทือนใจจาก “จักรพรรดิขั้นสูงทั้งฝูง” ชู่มู่พูดว่า “จักรพรรดิขั้นสูงเป็นกลุ่มดวงวิญญาณรอง” ทำให้ท่านผู้ใหญ่ทั้งสองสะเทือนใจจนมึนหัวแล้ว !


จักรพรรดิขั้นสูงเป็นรูปแบบการต่อสู้ของดวงวิญญาณรอง !!!


ผู้ชายวัยกลางคนทั้งสองอยู่มาครึ่งชีวิตแล้ว เพิ่งเคยได้ยินคนพูดแบบนี้ออกมาเป็นครั้งแรก !


อีกทั้งยังมาจากวัยหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีของตระกูลชู่ ถ้าเป็นลูกหลานคนอื่นในตระกูลชู่พูดแบบนี้ออกมา ผู้ใหญ่ทั้งสองคนนี้จะต้องสั่งสอนอย่างหนัก แล้วให้เขาสำนึกผิดในความเพ้อเจ้อของตัวเอง


———————————————————-


ตอนที่ 613 การบุกของกองทัพระดับทาส

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชู่มู่อัญเชิญอสูรสายฟ้านิมิตราตรีออกมา ไม่ได้ให้อสูรสายฟ้านิมิตราตรีเก็บซ่อนกลิ่นไอความมืด


อสูรสายฟ้านิมิตราตรีซ่อนกลิ่นไอและความสามารถของตัวเองได้ ดังนั้น ชู่หลั่งและคนของตระกูลชู่จึงไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของมัน


ในตอนที่อสูรสายฟ้านิมิตราตรีปล่อยกลิ่นไอออกมา พลังมืดมหาศาลถาโถมออกมา ทำให้ดวงวิญญาณทั้งหมดในเรือนตระกูลชู่เกิดการสั่นสะเทือน


ในไม่ช้า ดวงวิญญาณทั้งหมดในตระกูลชู่ได้ส่งเสียงขึ้น เกิดความสะเทือนไม่น้อย !


ชู่มู่รีบให้อสูรสายฟ้านิมิตราตรีเก็บกลิ่นไอเอาไว้ มิฉะนั้น จะเกิดผลกระทบที่เกินความจำเป็น


อสูรสายฟ้านิมิตราตรีปล่อยออกมาแบบนี้ ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงจะไม่เชื่อได้อย่างไร ตื่นเต้นจนน้ำตาจะไหลออกมาแล้ว !


ภัยแร้งเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของตระกูลชู่ แค่จัดการได้ ตระกูลชู่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในเมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรสมบูรณ์แบบนี้แน่นอน ไม่แน่ อีกไม่กี่ปีอาจกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองตะวันตกได้ ถ้ามีชู่มู่เข้าช่วยเหลืออีก จะครองโลกตะวันตกนี้ได้ก็ได้



ตอนตกดึกที่ทุกคนเข้านอน ในห้องของหัวหน้ากลุ่มมีเสียงของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น


“เทียนเหิง ทำไมเห็นเจ้ายิ้มทั้งคืน แม้แต่ตอนนอนยังมีความสุข ไม่เห็นเจ้าเป็นแบบนี้นานแล้ว”


“คึคึ ตระกูลชู่ของพวกเราจะทะยานขึ้นฟ้าแล้ว…”



ส่วนชู่เทียนหลิง พลิกตัวบนเตียงทั้งคืน ทุกครั้งที่คิดว่า ชู่มู่มีความสามารถแข็งแกร่งแบบนี้ จัดการปัญหาใหญ่ของตระกูลได้ ชู่เทียนหลิงตื่นเต้นอย่างมาก


นึกถึงตอนแรก ตระกูลชู่ต้องเคารพนอบน้อมต่อผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิขั้นสูงเหล่านั้น เวลาเชิญพวกเขาต้องใช้เงินมหาศาล ยังต้องคอยดูสีหน้าพวกเขาด้วย


ชู่เทียนหลิงรู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่มีจักรพรรดิขั้นสูงพวกนั้นต่างเย่อหยิ่ง ดูถูกตระกูลชู่


พรุ่งนี้พวกคนเหล่านี้น่าจะมาถึงแล้ว คาดว่าคนเหล่านี้ยังจะเชิดหน้าให้ตระกูลชู่เห็นอยู่


ตระกูลชู่เชิญพวกเขาตั้งนานแล้ว ผู้แข็งแกร่งพวกนี้รอให้ใกล้ถึงภัยแร้งค่อยมา ถ้าภัยแร้งมาก่อนกำหนดเล็กน้อย ตระกูลชู่จะต้องเสียหายหมดแน่นอน ดังนั้น ชู่เทียนหลิงแม้จะเชื้อเชิญผู้แข็งแกร่งทั้งหมดอย่างนอบน้อม แต่ไม่พอใจต่อพวกคนที่ดูถูกตระกูลชู่อย่างมาก ๆ


และในตอนนี้ ชู่เทียนหลิงแทบไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ชู่มู่คนเดียว ก็พอจะแทนที่พวกเขาทั้งหมดได้ !



เช้าตรู่ บนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นทราย ชายสี่คนขี่ดวงวิญญาณของพวกเขาเข้าใกล้เมืองเจ็ดสีอย่างสบายใจ


ด้านข้างชายทั้งสี่คน ยังมีหญิงงามอีกคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างรีบร้อน พูดขึ้นอย่างรุนรนว่า “อาจารย์อาทั้งหลาย จะถึงเมืองเจ็ดสีแล้ว พวกเรารีบหน่อยเถอะ”


“ในเมื่อถึงแล้ว ไม่จำต้องรีบขนาดนี้ เจ้าไปตระกูลของเจ้าก่อน บอกกับพวกเขา ปีศาจเสือของข้าวิ่งหลายวันจนเหนื่อยหมดแล้ว ตระกูลของพวกเจ้ามีเศษวิญญาณหมวดอสูรชั้นดีอะไร เตรียมไว้ นอกจากนั้นเตรียมน้ำร้อน ขนของมันสกปรกไปหมดแล้ว มันรักความสะอาดที่สุด น้ำร้อนต้องแช่ด้วยหยดวิญญาณหมวดอสูรจะดีที่สุด” ชายที่มีอายุน้อยที่สุดคนนั้นพูดขึ้น


ชายคนนี้มองดูมีอายุประมาณสามสิบกว่าปี มีหนวดเล็ก ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนพ่อค้าเจ้าเล่ห์


ความจริงฉายาของเขาในตระกูลชู่ก็คือ “พ่อค้าเจ้าเล่ห์” ไม่เพียงแต่ชอบหาเรื่อง อีกทั้งชอบเอาเปรียบคนอื่นอยู่เรื่อย


ถ้าไม่ได้เห็นแก่เฒ่าถู ออกเงินแค่นี้ยังอยากให้พ่อค้าเจ้าเล่ห์อย่างข้ามาที่แบบนี้ ฝันไปเถอะ ตอนนี้พ่อค้าเจ้าเล่ห์กำลังคิดแบบนี้อยู่ในใจ !


ครั้งนี้ตระกูลชู่ออกเงินประมาณสามร้อยล้าน สำหรับพ่อค้าเจ้าเล่ห์สามร้อยล้านนี้ก็ไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ แต่เพื่อสามร้อยล้านนี้ยังต้องมาไกลขนาดนี้ อีกทั้งเรื่องต่อต้านภัยแร้งเป็นเรื่องที่กินแรงอย่างมาก พ่อค้าเจ้าเล่ห์รู้สึกขาดทุนอย่างมาก


ในเมื่อขาดทุน ก็ต้องหาของจากตระกูลชู่มาแทน มิฉะนั้น จะขาดทุนมากกว่าเดิมอีก


ก่อนหน้านี้ชู่เชียนได้แจ้งกับคนที่ตระกูลแล้ว เธอรู้ว่า กว่าจะให้ท่านอาเหล่านี้มาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ท่านอาพ่อค้าเจ้าเล่ห์นี้จะเข้มงวดอย่างมาก แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่ตอบอย่างมีมารยาทว่า “วางใจได้ แค่อาจารย์อาช่วยตระกูลชู่ของเราเราจัดการหายนะครั้งนี้ได้ เขาจะไม่ลืมบุญคุณนี้แน่นอน”


“เจ้าเด็กน้อย ตอนนี้อย่าพูดแบบนี้ พวกเราก็ลงมือตามสถานการณ์ ถ้าภัยแล้งดุร้ายเกินไป แนะนำให้อพยพจะดีกว่า” อาจารย์อาที่อายุมากหน่อยพูดขึ้น


ชู่เชียนเผยสีหน้าลำบากใจออกมา พูดแบบนี้ละก็ เกรงว่าอาจารย์อาเหล่านี้จะกักพลังไว้ ถ้ากักพลังไว้ละก็ คงยากที่จะฝ่าภัยแล้งขั้นเก้าได้จริง ๆ


ชายวัยกลางคนอีกคนขี่หมาป่าพิฆาตตัวหนึ่ง ดวงตาของชายวัยกลางคนนี้มองไปที่ชู่เชียนตลอด บางครั้งยังมองไปยังเอวและด้านล่างของชู่เชียน เห็นได้ชัดว่าอาจารย์อาคนนี้ไม่ธรรมดา


อาจารย์อาคนนี้ชื่อจางอิง เป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านชอบล่วงเกินลูกศิษย์หญิงในตระกูลชู่หลัก ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเขามีความสามารถอยู่บ้าง เกรงว่าทุกคนคงออกมาโจมตีแล้ว


ชู่เชียนสังเกตเห็นตั้งนานแล้วว่า อาจารย์อาคนนี้ไม่ได้มาดี แต่ด้วยความลำบากของตระกูล เธอจำต้องเชิญเขามา อย่างไรทั้งตระกูลชู่หลัก คนที่ยอมช่วยเหลือมีไม่กี่คน นี่ยังเป็นเพราะการออกคำสั่งของเฒ่าถูด้วย มิฉะนั้นชู่เชียนไม่มีทางเชิญผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิขั้นสูงมาได้


ระหว่างที่พูด เข้าใกล้เมืองเจ็ดสีแล้ว อาจารย์อาทั้งสี่ของตระกูลชู่หลักมองไปยังประตูเมืองเจ็ดสีทันที


แต่ว่า ตอนที่เห็นประตูเมือง ใบหน้าของอาจารย์อาเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว ตอนที่เดินเข้าไปในเมือง ยิ่งไม่ปกปิดความไม่พอใจใดๆ


“นี่เป็นเมืองขั้นเก้าที่ไหน นอกจากใหญ่หน่อย เทียบกับเมืองขั้นแปดไม่ได้จริงๆ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้จะไม่มาแล้ว โธ่เว้ย !” พ่อค้าเจ้าเล่ห์พูดขึ้นก่อน ด้วยใบหน้าไม่พอใจ


จางอิงเองก็ยิ้มอย่างประหลาด กวาดตามองไปยังชู่เชียน


“กำแพงเมืองก็ทรุดโทรม จะกันภัยแล้งได้อย่างไร” ผู้คุมดวงวิญญาณอายุมากสุดที่ถักผมเปีย กัวหลี่พูดขึ้น


อาจารย์อาอีกคนหนึ่งยังคงความนิ่งของเขาเอาไว้


ชู่เชียนไม่รู้จะพูดอะไร และไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้แค่เปลี่ยนเรื่องคุย


ชู่เชียนเองก็รู้ปัญหาด้านนี้ของตระกูล เรื่องนี้ดีขึ้นบ้าง แต่อย่างไรนี่เป็นช่วงฉุกเฉิน


“ท่านอาสอง” หลังจากเข้าเมืองไม่นาน ชู่เชียนเห็นชู่เทียนหลิงกับลูกหลานตระกูลชู่ทั้งหมดต้อนรับบนถนน ฉีกยิ้มออกมาทันที


“กลับมาแล้ว คึคึ คาดว่าท่านทั้งหลายคงเป็นผู้แข็งแกร่งตระกูลชู่หลักแล้ว รบกวนท่านทั้งหลายเดินทางไกลมาที่นี่ ข้าชู่เทียนหลิงซาบซึ้งอย่างมาก” ชู่เทียนหลิงลงจากพาหนะของตัวเอง พูดกับทั้งสี่คนอย่างสุภาพ


“พวกข้าเหนื่อยแล้ว พาพวกข้าไปพักผ่อนเถอะ” พ่อค้าเจ้าเล่ห์ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ไม่สบตาชู่เทียนหลิงด้วย ขี่ปีศาจเสือของเขาเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ


เห็นได้ชัดว่า ปีศาจเสือที่พ่อค้าเจ้าเล่ห์ขี่อยู่คือจักรพรรดิขั้นกลาง ทั้งสามคนที่เหลือก็ไม่ต่างกันมาก แม้แต่พาหนะยังเป็นจักรพรรดิขั้นกลาง นี่ทำให้เหล่าลูกหลานตระกูลชู่ส่งเสียงขึ้น


ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ชู่เทียนหลิงจะต้องเต็มไปด้วยรอยยิ้มแน่นอน ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะแสดงท่าทีไม่ดีก็คุ้มค่าแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง


แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เผชิญกับผู้แข็งแกร่งตระกูลชู่หลักที่เย่อหยิ่งแบบนี้ ชู่เทียนหลิงแม้จะยิ้ม แต่กลับคิดในใจ “ทำตัวหยิ่งแบบนี้ หึ ถึงเวลาตอนที่พวกเจ้าที่รับเงินมหาศาลจากพวกเรา แต่ไม่มีประโยชน์เท่าหลานชายข้า ดูสิว่าว่าพวกเจ้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน !”


นึกถึงสีหน้าสับสนและดูแย่ของคนเหล่านี้หลังจากเห็นดวงวิญญาณของชู่มู่แล้ว ชู่เทียนหลิงก็มีความสุข


โต๊ะกินข้าวเมื่อคืนมีแค่คนของตระกูลส่วนใน ชู่เทียนเหิงกับชู่เทียนหลิงได้สั่งคนอื่นไว้ อย่าเปิดเผยความสามารถของชู่มู่ ในนั้นนอกจากชู่เทียนหลิงกับชู่เทียนเหิงแล้ว คนอื่นไม่รู้ว่าชู่มู่มีจักรพรรดิขั้นสูงจริงหรือไม่ ทำได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้


ส่วนลูกหลานที่ออกมาต้อนรับกลับไม่อยู่บนโต๊ะอาหาร พวกเขาไม่รู้ว่าในตระกูลของตัวเองมีผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มอยู่คนหนึ่ง ตอนนี้ได้เห็นผู้แข็งแกร่งที่ขี่จักรพรรดิขั้นกลางมาที่นี่ ต่างตื่นเต้นอย่างมาก ทั้งอิจฉา ทั้งชื่นชม


“ข้ารอผู้แข็งแกร่งประตูเมืองหลัวที่นี่ ชู่จี๋ เจ้าพาชู่เชียนกับท่านผู้ใหญ่ไปพักผ่อนก่อน” ชู่เทียนหลิงบอก


“ขอรับ” ชู่จี๋พาผู้แข็งแกร่งทั้งหลายกลับเรือนอย่างนอบน้อม


“ท่านอาสิง อารมณ์ของอาจารย์อาเป็นแบบนี้จริงๆ …” ชู่เชียนพูดขอโทษชู่เทียนหลิงเสียงเบา


ชู่เชียนรู้สึกผิดในใจ โดยเฉพาะตอนที่เห็นผู้ใหญ่อย่างชู่เทียนหลิงยังต้องลดตัวกับอาจารย์หาเหล่านี้อีก


“ไม่เป็นไร เจ้าก็เหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ ท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าคิดถึงเจ้ามากแล้ว” ชู่เทียนหลิงพูดอย่างไม่ใส่ใจเท่าไร


ชู่เทียนหลิงจะใส่ใจทำไม ตอนนี้ยิ่งสุภาพกับพวกเขามากเท่าไร รอให้ถึงวันที่ลงมือ เจ้าพวกอวดดีพวกนี้ยิ่งอับอาย ชู่เทียนหลิงเองก็เป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ เรื่องแสแสร้งเขาก็ยังรู้ดีอยู่


ชู่เชียนพยักหน้า เดินไปยังเรือนเจ้าเมืองพร้อมกับอาจารย์อาที่ชักสีหน้า


พ่อค้าหลายคนของเมืองเจ็ดสีได้ย้ายออกไปแล้ว ทั้งเมืองนี้ดูเงียบสงบอย่างมาก อาจารย์อาที่มาจากตระกูลชู่หลักซึ่งอยู่เมืองอั่วกู่เจริญแบบนั้นจนชินแล้ว มาถึงที่ทรุดโทรมแบบนี้กะทันหัน จะดีใจได้อย่างไร สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่หันหลังกลับก็นับว่าให้เกียรติตระกูลชู่เล็กๆ นี้มากแล้ว



“โครม”


ทันใดนั้น เสียงประหลาดดังขึ้นจากด้านทิศใต้ของเมือง เหมือนมีกองทัพนับร้อยพัน กำลังวิ่งอยู่บนเนินเขา เส้นทางเขา !


ชู่เทียนหลิงอยู่ประตูเเมืองเหนือ ตอนที่หันกลับไปมอง พบว่าทิศใต้ของเมืองเต็มไปด้วยหมอกควัน ปกปิดเนินเขาที่กว้างขวาง พลังนั้นทำให้ต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ !


“กองทัพระดับทาสปรากฏตัวแล้ว !”


ขุนนางตระกูลชู่ที่อยู่ด้านข้างต่างร้องขึ้นอย่างหวาดกลัว !


ชู่เทียนหลิงยังนับว่าใจเย็นอยู่ พูดขึ้นเสียงนิ่งว่า”แค่กองทัพระดับทาสส่วนหนึ่ง น่าจะเป็นทหารแนวหน้าที่เข้ามาสืบข่าว ไม่ต้องตื่นกลัว หัวหน้ากลุ่มจะจัดการ พวกเราอยู่ที่นี่ต่อก็พอแล้ว”



ข่าวที่กองทัพระดับทาสทยายบุกเข้ามา กระจายมาถึงตระกูลชู่อย่างรวดเร็ว


หัวหน้าชู่เทียนเหิงออกคำสั่งทันที ให้ผู้คุมดวงวิญญาณที่จ้างมาเข้าสู่ภาวะเตรียมตัวทางใต้แล้ว


แม้จำนวนของกองทัพระดับทาสจะใหญ่มาก แต่ตระกูลชู่จัดการได้ไม่ยากมาก ดังนั้น นอกจากตอนเริ่มที่เกิดความชุลมุนเล็กน้อยแล้ว ไม่ได้ส่งผลกระทบเท่าไร



“กองทัพระดับทาสงั้นหรือ มาได้พอดี ให้มังกรจำศีลน้อยฝึกหน่อย นี่เป็นโอกาสอันน้อยที่จะมีระดับทาสล้วนให้ฝึกได้!”


ในสวนบางแห่ง วัยหนุ่มชุดดำฉีกยิ้มออกมา จับจ้องไปยังทางใต้


บนไหล่ของวัยหนุ่มคนนี้ มังกรน้อยตัวอ้วนกำลังตบฝ่ามือ กัดฟันมังกรเล็กๆ นั้นจนเป็นเสียงแกร๊กๆ !


ชู่มู่แอบคิดในใจ มังกรจำศีลน้อยลักษณะสองจัดการระดับทาสลักษณะสิบทั้งฝูง น่าจะสนุกหน่อย



ตอนที่ 614 มังกรจำศีลน้อย ฆ่าล้างกองทัพระดับทาส

โดย

Ink Stone_Fantasy

ทิศใต้ของเมืองเจ็ดสีเป็นเนินเรียบ หลังจากเนินเรียบแล้วจะเป็นกลุ่มภูเขาสีเทาเหลือง


พืชที่อยู่บนภูเขามีน้อยมาก หินและดินจะเป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายมากกว่า ทันทีที่มีฝูงดวงวิญญาณวิ่งมา จะเห็นได้ชัดเจนแน่นอน


เหล่านักรบวิญญาณมากมายบนกำแพงเมืองเห็นดวงวิญญาณระดับทาสนับหมื่นตัวบุกเข้ามา สีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก


นักรบวิญญาณส่วนใหญ่เป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่ตระกูลชู่ว่าจ้าง ความสามารถดวงวิญญาณของพวกเขาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับทาสขั้นสูงลักษณะสิบ มีประมาณหนึ่งพันคน


นักรบวิญญาณแต่ละคนอัญเชิญดวงวิญญาณได้สองตัว ดังนั้น ทั้งหมดจะอยู่ที่ระดับทาสขั้นสูงสองพันตัว แน่นอนว่า เหล่านักรบวิญญาณเปลี่ยนดวงวิญญาณสู้ต่อได้ จึงทำให้พลังต่อสู้ระดับทาสขั้นสูงสองพันตัวยืดเวลาได้มากขึ้น


แต่ว่าเมื่อกวาดตามองไป กองทัพระดับทาสเหล่านี้มีนับหมื่น หนาแน่นอย่างมาก มีพลังมหาศาล แม้มนุษย์จะมีกำแพงเมืองป้องกันไว้ แต่ภาพที่ดุเดือดเต็มไปด้วยฝุ่นแบบนี้ ยังคงให้ความรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก


“ทุกคนไม่ต้องหวาดกลัว ส่วนใหญ่เป็นทาสขั้นกลาง ความสามารถเฉลี่ยของพวกเราสูงกว่าพวกมันขั้นหนึ่ง!” ชู่ซือใช้ร่ายวิญญาณพูดกับทุกคน ให้ทุกคนเกิดความกล้าขึ้นมา


ผู้นำของเหล่านักรบวิญญาณที่จ้างมาคือชู่ซือตระกูลชู่ คนที่ยืนอยู่ด้านข้างผู้คุมดวงวิญญาณทั้งหลายคือหัวหน้าเจิ้งหนาน เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าวิญญาณ


ด้านหลังเจิ้งหนานมีหัวหน้าอีกสิบคน อยู่ในระดับปรมจารย์วิญญาณ


ท่าทีของหัวหน้าเจิ้งหนานนิ่งมาก มีท่าทีของผู้นำ เผชิญหน้ากับกองทัพเสือดำหินที่ถาโถมเข้ามาราวกับน้ำป่าไหลหลาก กลับคงความนิ่งไว้ได้


เสือดำหิน ตระกูลภูตอสูร หมวดอสูร กลุ่มเสือ ระดับแม่ทัพ


แม้กลุ่มเสือดำหินจะอยู่ในระดับแม่ทัพ แต่ยังไม่ถึงลักษณะสิบแม้แต่ตัวเดียว ดังนั้นความสามารถเฉลี่ยจึงอยู่ระหว่างระดับทาสชั้นยอดกับทาสขั้นต่ำลักษณะสิบ ถ้าเสือดำหินทั้งหมดนี้อยู่ในลักษณะสิบ กองทัพนักรบวิญญาณที่จ้างมาจัดการไม่ได้แน่นอน


“อัญเชิญดวงวิญญาณ!”


หัวหน้าเจิ้งหนานใช้ร่ายวิญญาณตะโกนขึ้น


ทันใดนั้น บนและล่างกำแพงเมือง เต็มไปด้วยสีสันลายเส้นอัญเชิญวิญญาณต่างๆ ในเวลาไม่กี่วินาที ดวงวิญญาณสองพันตัวปรากฏขึ้นบริเวณประตูเมืองใต้ เนื่องจากความสามารถเฉลี่ยอยู่ที่ระดับทาสขั้นกลาง พลังไม่ด้อยไปกว่ากองทัพเสือดำหินเท่าไร !


กองทัพเน้นพลังอย่างมาก หลังจากที่เกิดพลัง เหล่านักรบวิญญาณว่าจ้างได้ตะโกนขึ้น ตามด้วยเสียงโห่ร้องของดวงวิญญาณทั้งหมด เกิดความคึกคักทั้งเขตเมืองใต้ทันที !!!



สงครามเริ่มต้นทันที ดวงวิญญาณตระกูลธาตุเริ่มลงมือก่อน ทักษะหมวดต่างๆ ระเบิดลง !


ในไม่ช้า เนินเรียบทางเมืองใต้เต็มไปด้วยเลือดเนื้อที่กระจาย หินและดินฝุ่นที่ฟุ้งคลั่ง ชุลมุนอย่างมาก !


หลังจากเหล่าธาตุปล่อยทักษะออกมา ดวงวิญญาณตระกูลภูตวิญญาณได้พุ่งออก เสียงร้องดังราวกับฟ้าร้อง !!!



ชู่ซือยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดตึก คอยมองสถานการณ์ต่อสู้ทั้งหมด


ชู่ซือเองไม่ค่อยได้เจอกับการต่อสู้ดวงวิญญาณมหาศาลแบบนี้ มองดูดวงวิญญาณนับพันหมื่นตัวที่สู้อย่างดุเดือด เกิดความคลั่งขึ้น ถ้าไม่ได้เป็นเพราะต้องคุมสถานการณ์ทั้งหมด เขาอยากจะกระโดดลงไป ฆ่าล้างพวกสัตว์เดรัจฉานที่คิดจะทำลายกิจการของตระกูลชู่ให้หมด !!!


ตอนที่ชู่ซือกำลังตื่นเต้น ทันใดนั้น รู้สึกว่ามีบางคนเข้าใกล้อย่างไม่รู้ตัว หันกลับไปมอง อึ้งเล็กน้อย


“คุณชายชู่ ท่านมาได้อย่างไร” ชู่ซือฉีกยิ้มออกมาทันที


คนที่เข้ามาคือชู่มู่ในชุดขาว คุณชายชู่ที่อยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้ ชู่ซือนับถือเขาจากใจจริง ความสามารถแข็งแกร่งยิ่ง อีกทั้งยังเก็บตัวอย่างมาก ไม่โอ้อวด ดีกว่าผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มที่อวดดีหลายร้อยเท่า


“ข้ามาจัดการกองทัพระดับทาสส่วนหนึ่ง” ชู่มู่บอก


“คุณชายชู่ พวกนี้เป็นการต่อสู้ระดับทาส จำนวนมาก แต่ยังคงเป็นแค่ตัวประกอบ ท่านเก็บแรงก่อนดีกว่า รอจัดการกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าหลังจากนี้เถอะ”ชู่ซือรู้สึกว่าถ้าให้ชู่มู่ลงมือจะเกินไปหน่อย


“ไม่เป็นไร ข้ามาฝึกดวงวิญญาณใหม่ของข้า” ชู่มู่พูดด้วยรอยยิ้ม ตอนที่พูด ชู่มู่ได้กวาดตามองไปยังฝูงเสือดำหินมหาศาล


ชู่ซือยังไม่ทันได้พูดห้าม ทันใดนั้น ชู่มู่ได้กระโดดลงกำแพงเมือ แล้วพุ่งเข้าไปในการต่อสู้ของกองทัพนักรบวิญญาณกับกองทัพเสือดำหินอย่างคล่องแคล่ว เขาลอยเข้าไปท่ามกลางกองทัพเสือดำในจุดที่หนาแน่นกว่าในชั่วพริบตา


หัวหน้าเจิ้งหนานที่อยู่ด้านข้างชู่ซือพูดด้วยใบหน้าตกใจ” ความสามารถของวัยหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดามาก !”


เป็นถึงหัวหน้ากองทัพ เจิ้งหนานคิดว่า ในตอนที่ไม่ได้อัญเชิญดวงวิญญาณ เขาเองยังไม่สามารถเดินทะลุท่ามกลางกองทัพระดับทาสลักษณะสิบนี้ได้ ถ้าเข้าไปคงจะออกมาไม่ได้ !


“คึคึ นั่นเหรอ เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลของพวกข้า ไม่ใช่รุ่นวัยหนุ่ม!” ชู่ซือพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความภูมิใจ


เจิ้งหนานเห็นผู้แข็งแกร่งอย่างชู่มู่ปรากฎตัว แอบตกใจ เขาจะอัญเชิญดวงวิญญาณใหม่อะไรออกมาต่อสู้


ในเมื่อเป็นดวงวิญญาณใหม่ ยังไม่ถึงลักษณะสิบแน่นอน แต่จากการคาดเดา ดวงวิญญาณใหม่ของชู่มู่น่าจะอยู่ในระดับจักรพรรดิ



กองทัพระดับทาสงั้นหรือ


ต่อให้อยู่ท่ามกลางกองทัพระดับผู้นำ ชู่มู่ก็ทะลุไปมาได้ !


ส่วนระดับทาสที่อ่อนแอยิ่งนี้ ต่อให้ชู่มู่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ปล่อยให้พวกนี้โจมตีตัวเอง เลือดของเขาก็จะไม่ไหลออกมา อีกทั้ง ความสามารถซ่อนกลิ่นไอของชู่มู่ ทำให้เหล่าเสือดำหินไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของชู่มู่ด้วยซ้ำ


“พระเจ้า คนนั้นคือใคร เขายืนอยู่บริเวณที่มีกองทัพทาสมากที่สุด ! นั่น…เขายังเป็นคนอยู่เหรอ”


“เสือดำหินพวกนี้กลับไม่โจมตีเขา เขาทำได้อย่างไร !”


บนที่สูงของกำแพงเมือง นักรบวิญญาณรับจ้างมากมายเห็นชายชุดขาวที่อยู่ท่ามกลางเสือดำหินโดดเด่นเป็นพิเศษ!


รอบตัวเขามีเสือดำหินนับพันหมื่นตัว มนุษย์คนหนึ่งกลับยืนอยู่ท่ามกลางเสือดำหินแบบนั้น นี่เป็นภาพที่สะเทือนใจมากเพียงใด !



“เจ้าตัวเล็ก ลงมือเถอะ ฆ่ามากเท่าไร เจ้าจะเติบโตไวเท่านั้น!” ชู่มู่ตบมังกรจำศีลตัวอ้วนบนไหล่ของตัวเองเบา ๆ


“ซา ซา” มังกรจำศีลน้อยเห็นเสือดำหินมากมายขนาดนี้ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมแยกเขี้ยวเล็กๆ กระโดดลงจากไหล่ของชู่มู่อย่างน่ารัก นั่งลงบนหลังของเสือดำหินตัวหนึ่งทันที


“บึ้ง!!!” ร่างของมังกรจำศีลน้อยเล็กแบบนั้น แต่วินาทีที่กระโดดลงได้ปล่อยน้ำหนักตามความจริงออกมา !


นั่งลงไปแบบนี้ กระดูกของเสือดำหินที่มีความสามารถระดับทาสขั้นกลางตัวนั้นหักทันที นับว่าฆ่าในเสี้ยววินาทีได้แล้ว!


หลังจากฆ่าเสือดำหินตายไปหนึ่งตัว เสือดำหินที่แยกเขี้ยวรอบๆ พบเห็นอันตรายจากมังกรจำศีลน้อยตัวนี้ทันที ต่างโจมตีด้วยความโกรธ


ประกายสีเขียวสาดส่องจากตัวมังกรจำศีลน้อย ประกายนี้ขยายเล็กน้อย ตามการปล่อยของประกาย ร่างของมังกรจำศีลน้อยกำลังขยายใหญ่!


มังกรจำศีลอัมพรมรกตมีคาถามังกรเฉพาะตัว หดร่างให้เล็กลงได้ แต่มังกรจำศีลมรกตไม่มีความสามารถแบบนี้ แต่มังกรจำศีลน้อยได้ผ่านการชำระล้างจากเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกตแล้ว จึงได้ทักษะกลุ่มนี้มาได้


คาถามังกรเป็นการหดตัว มังกรจำศีลน้อยตอนนี้อยู่ในลักษณะสองขั้นสี่ ขนาดตัวที่แท้จริงใกล้เคียงกับส่วนสูงของชู่มู่แล้ว!


ดังนั้น เดิมมังกรจำศีลน้อยยังสูงไม่ถึงข้อต่อของเสือดำหิน หลังจากส่องประกายสีเขียว เสือดำหินกลับมีส่วนสูงถึงแค่เอวของมังกรจำศีลน้อย!


“อาโฮร่ !!!” หลังจากกลับสู่ขนาดตัวเดิม มังกรจำศีลไม่มีคำว่าน่ารักใดๆ กรงเล็บสีเขียวดุร้ายนั้นกวาดไปรอบๆ เสือดำหิน 5 ตัวที่กำลังจะโจมตีมังกรจำศีลน้อยถูกโจมตีจนปลิวออกไป ล้มทับเสือดำหินสิบกว่าตัวถึงหยุดลง


มังกรจำศีลน้อยแทบไม่ได้ปล่อยทักษะออกมา อาศัยพลังของมันทำการกวาดล้างต่อเนื่อง เสือดำหินสิบกว่าตัวที่พุ่งเข้ามารอบๆ ได้กลายเป็นศพบินว่อนไปทั่ว รับการโจมตีของมันแทบไม่ได้ !


“กรงเล็บมังกรมรกต!” ชู่มู่ออกคำสั่ง


มังกรจำศีลน้อยเล็งไปยังบริเวณที่มีเสือดำหินหนาแน่นที่สุด บนกรงเล็บมังกรเกิดเป็นประกายสีเขียวห้าอัน!


“ซัวะ!!!”


ประกายกรงเล็บสีเขียวทั้งห้ากระจายออก เสือดำหินที่อยู่บริเวณเส้นทางโจมตีทั้งห้านี้สลายตัวทันที เกิดเป็นหลุมรอยกรงเล็บใหญ่ท่ามกลางกองทัพเสือดำหินทันที !


“เฮื๊อก กรงเล็บนี้ ฆ่าเสือดำหินอย่างน้อยหนึ่งร้อยตัวได้แล้ว!” หัวหน้าเจิ้งหนานกับหัวหน้าคนอื่นต่างส่งเสียงขึ้น


“ใช่ นี่น่าจะเป็นจักรพรรดิลักษณะหกตัวหนึ่งแล้ว!” ชู่ซือพูดอย่างชื่นชม จากตำแหน่งของเขาเห็นฝูงเสือดำหินเป็นหลุมเล็กๆ ได้กลายเป็นศพกระจายไปทั่ว!


“ถ้าข้ารู้สึกไม่ผิดละก็ นั่นเป็นดวงวิญญาณที่ต่ำกว่าลักษณะห้า”หัวหน้าเจิ้งหนานที่มีสายตาดีเยี่ยมพูดขึ้น


“ต่ำกว่าลักษณะห้า? ต่ำกว่าลักษณะห้าก็ระเบิดความสามารถแบบนี้ออกมาได้ นี่อาจเป็นจักรพรรดิขั้นกลางตัวหนึ่งแล้ว!”ชู่ซือพูดอย่างอิจฉา


ชู่ซือในตอนนี้ทำได้แค่ได้ดวงวิญญาณเทียบเท่าจักรพรรดิตัวหนึ่ง ส่วนชู่มู่เอาจักรพรรดิขั้นกลางออกมาได้ทันที จะให้ชู่ซือไม่อิจฉาได้อย่างไร



“ดี ลองดูการรวมกันของพลังแห่งมังกรกับพลังแห่งราชัน!” ชู่มู่ออกคำสั่งต่อมังกรจำศีลน้อย


“อ๊าว!!!” มังกรจำศีลน้อยส่งเสียงร้องขึ้น ลำตัวแข็งแรงหมุนตัวทันที ปีกที่เกือบจะก่อเป็นร่างกางออกกะทันหัน ลมพัดอย่างแรงทันที พัดเสือดำหินสิบกว่าตัวออกไป !


มังกรจำศีลน้อยเงยหน้าขึ้น พลังแห่งมังกรสีเขียวและพลังแห่งราชันสีฟ้าครามรวมกันในปากของมังกรจำศีลน้อย!


“อาโฮร่!!!”


ประกายมังกรเส้นหนาพ่นออกจากปากของมังกรจำศีลน้อย ก่อเป็นเสาที่งดงาม ทะลุผ่านขนานไปกับพื้น !


ประกายนี้ไร้สิ่งกีดกันใดๆ ต่อให้สัมผัสเสือดำหินมากเพียงใด ได้ทะลุร่างของมันไป จากตำแหน่งใจกลางของเนินเรียบแห่งนี้ไปยังบริเวณที่เข้าใกล้กำแพงเมือง !


ตลอดเส้นทางนี้ รวมถึงผลของพลังที่ถะลักออก มีเสือดำหินอย่างน้อยสามร้อยตัวที่ถูกโจมตี…


และเสือดำหินสามร้อยตัวนี้ได้ล้มลงพร้อมกัน เกิดหลุมใหญ่บนร่างกาย เลือดสดพุ่งออก ตายทันที !!!


การโจมตีนี้งดงามอย่างมาก นักรบวิญญาณรับจ้างที่ให้ดวงวิญญาณตระกูลธาตุปล่อยการโจมตีบนกำแพงเมืองหลายคนได้เห็นกับตาแล้ว ต่างส่งเสียงร้องออกมา เกือบลืมศัตรูที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา


นักรบวิญญาณอย่างพวกเขา แค่จัดการเสือดำหินสิบตัวได้ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว


แต่ทักษะเดียวของคนอื่น ที่ฆ่าเสือดำหินสามร้อยตัวในเสี้ยววินาทีได้ ความแตกต่างของความสามารถนี้ห่างกันมากไปหน่อย


แน่นอนว่า ถ้าเหล่านักรบวิญญาณรับจ้างรู้ว่า ความจริงคนนั้นกำลัง ‘ฝึกเด็กใหม่’ อยู่ จะต้องเสียความมั่นใจมากกว่าเดิมแน่นอน อีกทั้งอาจเสียความมั่นใจอย่างสิ้นเชิงไปเลย !



ตอนที่ 615 ไข่มุกวิญญาณมังกร หมวดวิญญาณ?

โดย

Ink Stone_Fantasy

“พระเจ้า จักรพรรดิขั้นกลางที่ต่ำกว่าลักษณะห้ามีพลังทำลายล้างที่แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ” เหล่าหัวหน้ารับจ้างต่างเบิกตากว้าง


ความจริงให้เหล่าหัวหน้ารับจ้างใช้ดวงวิญญาณหลัก จะฆ่าเสือดำหินสามร้อยกว่าตัวในเสี้ยววินาทีได้อย่างไม่มีปัญหาเช่นกัน แต่นั่นเป็นจักรพรรดิผู้นำลักษณะแปดถึงเก้าแล้ว พวกเขาจะมีหน้าไปเทียบกับดวงวิญญาณตัวอ่อนที่ต่ำกว่าลักษณะห้าของเขาได้อย่างไร


“จักรพรรดิขั้นสูง! ถ้าอย่างนั้นนั่นเป็นดวงวิญญาณจักรพรรดิขั้นสูงตัวหนึ่งแน่นอน!!!” เจิ้งหนานพูดด้วยสายตาที่คลั่งไคล้!


มีเพียงจักรพรรดิขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะระเบิดพลังทำลายล้างแบบนี้ตอนอยู่ต่ำกว่าลักษณะห้า อีกทั้งอาจเป็นผู้แข็งแกร่งในจักรพรรดิขั้นสูงด้วย!


“จักรพรรดิขั้นสูงเหรอ ไม่รู้ชู่มู่ได้ดวงวิญญาณสมบัติล้ำค่าแบบนี้จากที่ใด!” ชู่ซืออิจฉามากกว่าเดิมแล้ว!



การรวมกันของพลังมังกรและพลังราชัน บวกกับทักษะระดับราชัน การโจมตีของประกายมังกรของมังกรจำศีลน้อยนี้ก็เข้าใกล้การโจมตีเต็มกำลังของแม่ทัพขั้นสูงแล้ว ฆ่าล้างทาสขั้นต่ำกับทาสขั้นกลางนี้เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมากแล้ว


แน่นอนว่า นี่เป็นทักษะแข็งแกร่งที่สุดของมังกรจำศีลน้อยแล้ว!


“ผลไม่แย่ ต่อไปยังคงเน้นการโจมตีทั่วไปจะดีกว่า มิฉะนั้น จะเปลืองแรงมากไป” ชู่มู่พูดชมมังกรจำศีลน้อย


“ซาซาซา”มังกรจำศีลน้อยส่งเสียงตอบกลับ


และแล้ว หลังจากเพิ่งตอบกลับ ประกายสีเขียวส่องประกายออกจากตัวมังกรจำศีลน้อยทันที ประกายนี้อ่อนกว่าพลังแห่งมังกรอย่างมาก ประกายที่ปรากฏขึ้นแบบนี้ เป็นที่ชู่มู่คุ้นเคยอย่างมากที่สุดแล้ว มันคือประกายแห่งการเติบโต!


“ลักษณะสองขั้นห้า!!!” ชู่มู่ดีใจทันที และแล้วผลของการฆ่าล้างกลุ่มเห็นได้ชัดมาก แค่ปล่อยทักษะไม่กี่อัน มังกรจำศีลน้อยกลับเติบโตขึ้นอีกแล้ว !


ประกายเกล็ดบนตัวมังกรจำศีลน้อยเงางามขึ้นมาก แม้กรงเล็บยังไม่เปลี่ยนใหม่ แต่แหลมคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าพลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว !


ชู่มู่สังเกตการเปลี่ยนแปลงของมังกรจำศีลน้อย ทันใดนั้น พบว่าระหว่างเขามังกรคู่หนึ่งบนหน้าผากของมังกรจำศีลน้อย กลับมีกระดูกมังกรสีเขียวงอกออกมาเล็กน้อย ท่าทางเงางามเป็นพิเศษอย่างมาก


“นี่คืออะไร” ชู่มู่แอบแปลกใจ ทำไมชู่มู่จำไม่ได้ว่า บนหน้าผากของมังกรจำศีลน้อยมีกระดูกมังกรเล็กเงางามแบบนี้อยู่


“ซา ซา ซา” มังกรจำศีลน้อยเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พยายามใช้มือไปลูบ แต่กลับมีเสือดำหินกลุ่มหนึ่งอาศัยโอกาสนี้โจมตีมังกรจำศีลน้อย


มังกรจำศีลน้องโกรธทันที พุ่งตรงไปหาพวกมัน เกิดการฆ่าล้างนองเลือดอีกครั้ง ต่างจากมังกรที่มีท่าทีใสซื่อเมื่อกี้สิ้นเชิง


“นายท่าน นั่นเป็นไข่มุกวิญญาณมังกรที่มีเฉพาะในมังกรจำศีลอัมพรมรกต เหตุที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตถูกเรียกว่ามังกรอมตะ ยังมีอีกอย่างคือ หลังจากมังกรจำศีลอัมพรมรกตตายไป จะไม่สลายไปทันที ถ้าเจอกับสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับวิญญาณแห่งความตาย พวกมันจะกลายเป็นมังกรวิญญาณ” ผู้เฒ่าหลีบอก


“สิ่งมีชีวิตหมวดวิญญาณ มังกรวิญญาณงั้นหรือ” ชู่มู่ประหลาดใจ


สิ่งมีชีวิตอย่างมังกรวิญญาณเป็นที่พบเห็นได้ยากมาก ได้ข่าวว่าหลายพันปีแล้วก็ไม่เคยมีใครได้พบเห็น จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครมีมังกรวิญญาณมาก่อน !


“และหลังจากที่กลายเป็นมังกรวิญญาณแล้ว ความสามารถของมังกรวิญญาณจะไม่เหมือนตอนมีชีวิตอยู่แน่นอน ความจริงหลังจากกลายเป็นมังกรวิญญาณแล้ว น่าจะกลายเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ความสามารถหลังจากที่กลายเป็นมังกรวิญญาณของมัน จะขึ้นอยู่กับศัตรูที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตฆ่าในตอนที่มันมีชีวิตอยู่”


ผู้เฒ่าหลีรู้ว่า คำพูดเหล่านี้ยากที่จะให้ชู่มู่เข้าใจได้ จึงอธิบายอย่างละเอียดต่อว่า” ไข่มุกวิญญาณบนหน้าผากของมังกรจำศีลน้อยเทียบเท่าไข่มุกรวมวิญญาณอันหนึ่ง ทุกครั้งที่มังกรจำศีลน้อยฆ่าศัตรูตัวหนึ่ง นอกจากว่า วิญญาณของศัตรูจะสลายไปทันที วิญญาณของศัตรูที่ถูกฆ่าตายจะถูกดูดเข้าไปในไข่มุกรวมวิญญาณนี้ ตั้งแต่เกิดจนตาย วิญญาณของศัตรูที่ถูกฆ่าตายจะรวมอยู่ในไข่มุกมังกรวิญญาณของมังกรจำศีลอัมพรมรกตนี้ ทันทีที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตตายลง วิญญาณของตัวมังกรจำศีลอัมพรมรกตเองจะรวมกับวิญญาณเหล่านี้ กลายเป็นมังกรวิญญาณอีกกลุ่ม ความสามารถแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของมังกรวิญญาณไม่เกี่ยวกับร่างมังกรจำศีลอัมพรมรกตเอง แต่เกี่ยวข้องกับจำนวนและความแข็งแกร่งของศัตรูที่มันฆ่าตายตอนยังมีชีวิตอยู่”


“ไข่มุกรวมวิญญาณ มีของประหลาดแบบนี้ด้วย ข้าเองก็เพิ่งเคยได้ยินว่า สิ่งมีชีวิตระดับราชันหมวดวิญญาณเกิดขึ้นด้วยวิธีแบบนี้”ชู่มู่เองก็ประหลาดใจอย่างมาก ถ้าผู้เฒ่าหลีไม่อธิบาย ชู่มู่คงไม่รู้วิธีใช้ไข่มุกวิญญาณมังกรนี้แล้ว


“คึคึ นายท่านอย่าคิดว่า มันธรรมดาแบบนั้น โอกาสที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตจะกลายเป็นมังกรวิญญาณนั้นต่ำมาก นี่ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัยภายนอกและในหลายอย่าง อีกทั้งยังต้องตาย…ตอนถึงเวลาอันควร อีกทั้งความลับนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์แทบไม่รู้ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเจ้านายคนก่อนของข้าได้เห็นกลุ่มมังกรที่มีไข่มุกวิญญาณมังกรกลายเป็นมังกรวิญญาณกับตา ข้าก็ไม่เข้าใจ” ผู้เฒ่าหลีบอก


ชู่มู่มีกำลังเพิ่มพูนความรู้มากมายเกี่ยวกับดวงวิญญาณต่างๆ ทว่า ดวงวิญญาณมีมากราวกับมหาสมุทร ต่อให้มนุษย์จะเจริญมากเพียงใดก็ไม่อาจเข้าใจเรื่องทั้งหมดของดวงวิญญาณได้


“ในเมื่อเป็นเรื่องหลังตาย ถ้าอย่างนั้นไข่มุกวิญญาณมังกรนี้ไม่มีความหมายต่อข้าในตอนนี้เท่าไรแล้ว” แม้ชู่มู่จะประหลาดใจกับการเกิดของมังกรวิญญาณ แต่เขาจะไม่ตั้งข้อสรุปให้มังกรจำศีลน้อยตลอด ให้มันกลายเป็นมังกรวิญญาณ


“แหะแหะ” ผู้เฒ่าหลียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์


พอผู้เฒ่าหลียิ้มแบบนี้ ชู่มู่รู้ว่าไข่มุกวิญญาณมังกรไม่ใช้ทักษะกลุ่มที่ไร้ความหมายแล้ว!


“มังกรจำศีลน้อยสามารถเปลี่ยนวิญญาณเหล่านั้นให้เป็นพลังของตัวเองได้งั้นหรือ” ชู่มู่ถามขึ้นทันที


ผู้เฒ่าหลีส่ายหัว พูดกับชู่มู่ว่า “มังกรจำศีลอัมพรมรกตเป็นหมวดแมลงกับหมวดอสูร อย่างไรเสีย ก็สร้างทักษะหมวดวิญญาณออกมาไม่ได้”


“ถ้าอย่างนั้นต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้วิญญาณที่รวมกันเหล่านี้เป็นพลังได้” ชู่มู่ถามขึ้น


“นายท่าน ทำไมเจ้าลืมการปรับการฝึกของหมวด!” ผู้เฒ่าหลีบอก


“การปรับการฝึกของหมวดงั้นหรือ หมวดตระกูลวิญญาณแห่งความตายนำมาใช้กับสิ่งมีชีวิตได้เหรอ” ชู่มู่ตกใจทันที


หมวดไฟของมั่วเย้น้อยในตอนนั้นเกิดจากการปรับการฝึกของชู่มู่เอง มิฉะนั้น มั่วเย้น่าจะยังอยู่ในหมวดภูตวิญญาณและหมวดอสูร


แต่ว่าในภาวะปกติต้องระวังการเพิ่มหมวดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ดวงวิญญาณต่างกลุ่มจะมีเอกลักษณ์กลุ่มที่ต่างกัน ต้องทำการเพิ่มความแข็งแกร่งเฉพาะถึงจะเห็นผลได้


อีกทั้งถ้าดวงวิญญาณไม่มีพรสวรรค์ในหมวดอีกชนิดหนึ่งละก็ การเพิ่มความแข็งแกร่งของหมวดก็จะล้มเหลว ต่อให้มีพรสวรรค์ การเพิ่มความแข็งแกร่งก็ต้องใช้เงินทุนมหาศาลด้วย


มั่วเย้สามารถแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่องได้ ชู่มู่หวังว่ามันจะมีหมวดไฟเพื่อเพิ่มการโจมตี การเพิ่มความแข็งแกร่งแบบนี้จึงทำให้มั่วเย้น้อยแปรเปลี่ยนตระกูลเป็นปีศาจจิ้งจอกหกหางอัคคีร้ายที่มีพรสวรรค์หมวดไฟ ถ้ายังเป็นจิ้งจอกแสงจันทร์ละก็ การที่ชู่มู่เพิ่มความแข็งแกร่งหมวดไฟให้มันจะไม่มีความหมายมากเท่าไร


ชู่มู่รู้ว่า หมวดต่างๆ เพิ่มเข้าไปทีหลังได้ แต่ไม่เคยได้ยินว่า หมวดผี หมวดศพ และหมวดวิญญาณซึ่งเป็นหมวดของวิญญาณแห่งความตายนี้จะเพิ่มเข้าไปได้ด้วย อย่างไรวิญญาณแห่งความตายเป็นสิ่งที่ตายไปแล้ว ไม่เข้ากันได้ง่ายเหมือนธาตุ


“โอกาสสำเร็จไม่มาก แต่เป็นไปได้แน่นอน เพียงแค่นายท่านมีวัตถุวิญญาณหมวดวิญญาณที่มากพอ มังกรจำศีลอัมพรมรกตถึงจะมีหมวดสองหมวดได้ หลังจากเติบโตถึงลักษณะสิบแล้ว น่าจะไม่มีคู่ต่อสู้ในระดับราชันแล้ว ถ้าเพิ่มหมวดอีกอัน อีกทั้งยังเป็นหมวดวิญญาณที่ลึกลับแบบนี้ ไม่แน่ว่า หลังจากลักษณะสิบแล้ว มีหวังจะได้สัมผัสระดับที่เกินกว่าราชันแล้ว น้อยคนที่จะมีมังกรจำศีลอัมพรมรกตที่แท้จริง และอาจไม่เพิ่มหมวดอื่นให้ ถ้านายท่านเชื่อการวิเคราะห์ของคนแก่ข้าละก็ ก็ลองเพิ่มหมวดวิญญาณนี้อีก มีไข่มุกวิญญาณมังกรอยู่ มังกรจำศีลน้อยที่มีหมวดวิญญาณจะต้องไร้เทียมทานแน่นอน อีกทั้งเกินกว่าพ่อของมันด้วย!” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างมั่นใจ


“สัมผัสระดับเกินกว่าราชัน…” ชู่มู่ฟังแล้วใจพองโตขึ้นมาทันที !


ชู่มู่ก็รู้ว่า มังกรจำศีลน้อยในตอนนี้ยังไม่นับว่าเป็นมังกรจำศีลอัมพรมรกตที่แท้จริง แค่ได้รับการสืบทอดทางสายเลือดเท่านั้น ยังต้องผ่านการเพิ่มความแข็งแกร่งระดับหนึ่งถึงจะกลายเป็นมังกรจำศีลอัมพรมรกตที่แท้จริงได้


ชู่มู่อาจต้องเผชิญกับองค์กรวิญญาณที่เกินกว่าระดับราชัน ดังนั้น จะเป็นไร้เทียมทานในระดับราชันอย่างเดียวไม่พอ การเสนอด้วยความกล้าของผู้เฒ่าหลีแบบนี้ บางทีอาจเป็นเส้นทางเพิ่มความแข็งแกร่งที่ไม่มีผู้คุมดวงวิญญาณคนไหนเคยทำ วินาทีนี้ชู่มู่เริ่มเกิดความหวั่นไหว !


“ถ้าเดิมมีพรสวรรค์ละก็ เพิ่มหมวดรองให้มัน น่าจะต้องใช้ทุนขึ้นครึ่งหนึ่งถึงหนึ่งเท่า แต่ถ้าไม่มีพรสวรรค์ จะเพิ่มหมวดรองให้ละก็ ต้องใช้ทุนสองเท่า ถ้าจะให้หมวดวิญญาณเป็นหมวดหลัก ต้องใช้ทุนหกเท่า


สมมติว่า ดวงวิญญาณบางตัวเป็นราชันขั้นกลาง ทุนหนึ่งเท่าที่ว่า คือวัตถุวิญญาณทั้งหมดที่เพิ่มความแข็งแกร่งจากระดับทาสไปถึงราชันขั้นกลาง


วัตถุวิญญาณก่อนระดับราชันยังพอรับได้ แต่วัตถุวิญญาณหลังจากราชัน น้อยยิ่งกว่าน้อยอีก


“เรื่องนี้ คิดดูก่อนดีกว่า…” ชู่มู่ได้ยินว่า ต้องใช้ทุนมหาศาลหลายเท่าเริ่มปวดหัวแล้ว


ถ้ามังกรจำศีลน้อยเป็นราชันขั้นกลาง จะทำให้หมวดวิญญาณเกิดผลบ้าง อย่างน้อยต้องมีหมวดรอง และการเพิ่มหมวดรองนี้ ชู่มู่จำต้องใช้ทุนเท่ากับการเพิ่มความแข็งแกร่งราชันขั้นกลางสองตัว!


ส่วนการเพิ่มความแข็งแกร่งหมวดหลัก ซึ่งเป็นทุนหกเท่า ชู่มู่เพิ่มความแข็งแกร่งให้มีราชันขั้นกลางได้หกตัว!


ทุนหกเท่าเพื่อเพิ่มหมวดหลักของดวงวิญญาณตัวเดียว อีกทั้งยังหาแหล่งทรัพยากรที่เหมาะสมยากมาก ต้องเพิ่มทุนด้วย แบบนี้ต่อให้เป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่ร่ำรวยมากเพียงใดก็หมดตัวได้!


“ถ้าอย่างนั้นนายท่านต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ผลเกี่ยวกับหมวดหลักและหมวดรอง นายท่านดูจากจิ้งจอกน้อยก็พอแล้ว เดิมระดับของจิ้งจอกน้อยเป็นจักรพรรดิ มันมีหมวดหลักสองอัน หมวดอสูรกับหมวดภูตวิญญาณ อีกทั้งยังมีหมวดรองเป็นไฟ เช่นนี้พลังต่อสู้ของจิ้งจอกน้อยเทียบเท่าราชันขั้นต่ำได้แล้ว”


“ยังมีหวังจะเจอวัตถุวิญญาณราชันขั้นกลางได้ รอให้ถึงราชันขั้นสูงกับราชันชั้นยอด นายท่านจะไม่มีที่หาแล้ว ดังนั้น ถ้าจะเพิ่มขึ้นอีกขั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว และการพัฒนาหลายหมวด เป็นเส้นทางหนึ่งที่ยากลำบาก การทุ่มเทในตอนแรกมหาศาลมาก ผู้คุมดวงวิญญาณอาจล้มได้ง่าย แต่ถ้ายืนหยัดต่อไป ถึงราชันขั้นกลาง ราชันขั้นสูง จะได้เปรียบอย่ามาก”


การเพิ่มหมวดต้องอยู่ในขั้นตอนการเติบโตของดวงวิญญาณ ตอนที่ลอกคราบจากลักษณะหนึ่งจะดีที่สุด ลอกคราบลักษณะสองก็ได้ แต่ให้ดีที่สุด อย่าเพิ่มเกินกว่าลักษณะสาม แบบนั้นต่อให้เพิ่มหมวดรอง ผลจะอ่อนลงมาก


คำพูดนี้ของผู้เฒ่าหลีทำให้ชู่มู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ท่าทางต่อให้ตัวเองมีเงินมากเท่าไรก็ไม่พอให้เหล่าดวงวิญญาณใช้



“อาโฮร่!!!”


มังกรจำศีลน้อยยังคงฆ่าล้างในกองทัพระดับทาสอย่างมีความสุข เกรงว่ามีระดับทาสนับพันตัวตายด้วยกรงเล็บของมังกรจำศีลน้อยแล้ว


แต่มังกรจำศีลน้อยที่กำลังมีความสุขนั้นไม่รู้แน่นอนว่า เจ้าของมันกำลังปวดหัวกับการเพิ่มหมวดวิญญาณของมันอย่างมาก


—————————————————————



ตอนที่ 616 ภัยแร้งครั้งใหญ่ ดวงอาทิตย์สีเลือด

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชู่มู่คอยสังเกต หลังจากที่มังกรจำศีลน้อยฆ่าศัตรูแต่ละตัวแล้ว จะมีวิญญาณพิเศษลอยขึ้น แล้วเข้าไปในไข่มุกวิญญาณมังกร


คนอื่นไม่สามารถสังเกตเห็นวิญญาณนี้ได้ มีเพียงมังกรจำศีลน้อยกับชู่มู่ที่มีวิญญาณเชื่อมกับมังกรจำศีลน้อยถึงจะมองเห็นได้


และผ่านการเชื่อมต่อวิญญาณกับมังกรจำศีลน้อย ชู่มู่เองได้เข้าใจแล้วว่า ในไข่มุกวิญญาณของมังกรจำศีลน้อยได้รวบรวมวิญญาณเข้ามามากเท่าไรแล้ว !


“ช่างเถอะ สู้สักตั้ง!” ชู่มู่กัดฟันแน่น ตัดสินใจเพิ่มหมวดวิญญาณให้มังกรจำศีลน้อยแล้ว !


ของอย่างไข่มุกวิญญาณมังกรนี้พิเศษอย่างมาก อีกทั้งยังได้รวมวิญญาณของศัตรูทั้งหมดที่ฆ่าตายไปด้วย ในเมื่อหมวดวิญญาณจะกลายเป็นหมวดทรงพลังของมัน เพื่อให้ได้มังกรจำศีลที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ชู่มู่ทำได้แค่สู้ตายแล้ว!


“ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นนายท่านต้องหาวัตถุวิญญาณหมวดวิญญาณก่อนที่มังกรจำศีลน้อยลอกคราบจากลักษณะสองไปสาม วัตถุวิญญาณแบบนี้อาจหายากมาก แต่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล น่าจะหาได้” ผู้เฒ่าหลีบอก


ชู่มู่พยักหน้า แต่ในใจกลับกระอักเลือด !


มังกรจำศีลน้อยอยู่แค่ลักษณะสอง นับว่าเป็นดวงวิญญาณตัวอ่อน แรงกายมีจำกัด ก่อนหน้านี้หลังจากปล่อยทักษะ จะเสียแรงกายไม่น้อย การต่อสู้ต่อจากนี้ ได้ฆ่าเสือดำหินระดับทาสประมาณหนึ่งพันตัวอีก


เมื่อรวมแล้ว มังกรจำศีลได้ฆ่าศัตรูประมาณหนึ่งพันห้าร้อยตัว ได้เก็บวิญญาณของระดับทาสประมาณ หนึ่งพันกว่าตัว


แน่นอนว่า วิญญาณเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ หลังจากที่แรงกายของมังกรจำศีลน้อยเหลือไม่มากแล้ว ชู่มู่ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ พามังกรจำศีลน้อยกลับไปยังตำแหน่งด้านบนกำแพงเมือง


ตอนที่ถึงกำแพงเมือง ชู่มู่ได้เก็บมังกรจำศีลน้อยกลับช่องว่างดวงวิญญาณ


มังกรจำศีลน้อยได้ช่วยกำจัดศัตรูมหาศาล ลดภาระให้เหล่านักรบวิญญาณรับจ้างไม่น้อย การต่อสู้ต่อจากนี้น่าจะไม่ยากมาก เหล่านักรบวิญญาณน่าจะกำจัดกองทัพระดับทาสทั้งหมดได้ในตอนเที่ยงวัน


หลังจากชู่มู่เก็บมังกรจำศีลน้อยกลับมาก็ไม่ได้อยู่ต่อนาน หลังจากทักทายชู่ซือแล้ว ตรงไปยังเรือนตระกูลชู่ทันที


หลังจากที่ชู่มู่หันหลังจากไป หัวหน้าเจิ้งหนาน ชู่ซือ รวมถึงหัวหน้าที่อยู่บนตึกต่างมีใบหน้าแข็งทื่อ!


สำหรับผู้คุมดวงวิญญาณมากประสบการณ์ หากประเมินลักษณะขั้นของดวงวิญญาณจากรูปร่างภายนอกกับกลิ่นไอนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ที่มังกรจำศีลน้อยของชู่มู่ตกอยู่ในกองทัพระดับทาส เจิ้งหนาน ชู่ซือและเหล่าหัวหน้ารู้สึกห่างไปหน่อย เดาได้แค่ว่าเป็นดวงวิญญาณต่ำกว่าลักษณะห้า


จากที่ชู่มู่กลับมาเมื่อกี้ หลังจากที่คนพวกนี้เห็นมังกรจำศีลน้อยชัดเจนแล้ว ต่างเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา!!!


“นั่น…นั่น…เป็นแค่ดวงวิญญาณตัวอ่อนที่มีแค่ลักษณะสามโดยประมาณ!!!”


ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้ประเมินว่า ดวงวิญญาณตัวนี้ของชู่มู่เป็นจักรพรรดิขั้นสูง เพราะจักรพรรดิขั้นสูงถึงจะระเบิดความสามารถแบบนี้ออกมาได้


ตอนเห็นใกล้ๆ ในตอนนี้ถึงรู้ได้ว่า นั่นเป็นดวงวิญญาณตัวอ่อนประมาณลักษณะสาม ดวงวิญญาณตัวอ่อนลักษณะสามที่ระเบิดความสามารถแบบนี้ออกมา จะต้องมีระดับสูงมากเพียงใดกันแน่ !!!



ชู่มู่ย่อมไม่รู้ว่า พวกชู่ซือตกใจกับมังกรจำศีลน้อยของตัวเองจนลืมสั่งการต่อสู้แล้ว กลับไปยังตระกูลอย่างสบายใจ


ตอนที่ชู่มู่เพิ่งก้าวเข้าไปในสวนซ้ายมือของเรือน กลับเห็นสาวน้อยรูปงามนั่งอยู่ข้างบ่อน้ำ กำลังหยิบหินที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา โยนลงไปในบ่อน้ำด้วยความโกรธ


ชู่มู่มองไปยังเด็กสาวรูปงามคนนี้ ลังเลเล็กน้อย คิดจะกลับไปยังสวนของตัวเอง ทว่า เด็กสาวคนนี้หันมาพอดี เห็นชู่มู่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าที่เศร้าหมองฉีกยิ้มงดงามออกมาทันที


“พี่ชู่มู่” เด็กสาวน้อยลุกขึ้นทันที ปรากฏตรงหน้าชู่มู่เหมือนเมฆขาวบริสุทธิ์ที่ลอยเข้ามา โอบแขนของชู่มู่ไว้ ทำท่าทีออดอ้อนอย่างมาก


ชู่มู่เห็นว่า เด็กสาวรูปงามที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คือน้องสาวชู่อีซุ่ย ครั้งที่แล้วที่เห็นเธอ เธอยังเป็นแค่สาวน้อยคนหนึ่ง ตอนนี้กลับงดงามสะดุดตา เต็มไปด้วยเสน่ห์


ชู่มู่ฉีกยิ้มเล็กน้อย พูดขึ้นว่า “ทำไมนั่งโกรธอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ”


“หึ ก็พวกคนของประตูเมืองหลัว!!! คนของประตูเมืองหลัวที่พี่สาวพากลับมา อาจารย์อาเหล่านั้นไม่เห็นใครอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย อย่างกับพวกคนขี้ขลาด!” พูดถึงเรื่องนี้ชู่อีซุ่ยโกรธมาก


ชู่มู่เองก็อยากรู้จักคนของประตูเมืองหลัว ในตอนนี้จึงถามชู่อีซุ่ยว่าเกิดอะไรขึ้น


ที่แท้ หลังจากที่ชู่มู่กลับมาไม่นาน ท่านอาห้าของชู่มู่ ชู่เทียนฉีได้พาผู้แข็งแกร่งของประตูเมืองหลัวกลับมาแล้ว


ครั้งนี้ประตูเมืองหลัวมีสิบคน ในนั้นมีวัยผู้ใหญ่ห้าคนและวัยหนุ่มห้าคน ในบรรดาวัยหนุ่มห้าคนนั้น มีคนหนึ่งเรียกตัวเองว่า เป็นเจ้าสำนักประตูเมืองหลัว เป็นผู้แข็งแกร่งแท้จริงที่มีดวงวิญญาณจักรพรรดิชั้นยอดคนหึ่ง ชื่อว่าหลัวชิวฟง!


หลัวชิวฟงมีชื่อเสียงอย่างมากในโลกตะวันตก แม้แต่อาจารย์อาของตระกูลชู่หลักยังต้องเกรงใจเขา


หลัวชิวฟงเองเป็นคนที่เรื่องมาก ทันทีที่ก้าวเข้ามาในตระกูลชู่ได้วิจารย์ตระกูลชู่จนไม่เหลือชิ้นดี


ความสามารถของหลัวชิวฟงแข็งแกร่งยิ่ง คนในตระกูลทำได้แค่เงียบเอาไว้ และภายใต้หลัวชิวฟง ยังมีวัยหนุ่มอีก สี่คนที่เป็นผู้แข็งแกร่งมีจักรพรรดิขั้นสูงอยู่ น้องชายของหลัวชิวฟง หลัวชิวเซิงยิ่งอวดดี บอกว่าดวงวิญญาณตัวเดียวของตัวเองคือความสามารถทั้งหมดของตระกูลชู่รวมกัน


รุ่นผู้ใหญ่ไร้มารยาท วัยหนุ่มประตูเมืองหลัวที่มาด้วยห้าคนนั้นยิ่งกว่า หนึ่งในนั้นมีวัยหนุ่มที่ชื่อหลัวถง ในตอนที่เดินเล่น ได้เห็นความงามของชู่อีซุ่ย จึงพูดจาหยอกล้ออย่างล่วงเกิน ทำให้ชู่อีซุ่ยโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายทำได้แค่สิ่งนี้คือ มาระบายอารมณ์กับบ่อน้ำที่นี่


“พีชู่มู่ ข้ารู้สึกว่า คนของอำนาจใหญ่มาที่นี่ ไม่ได้มาช่วยพวกเรา เหมือนมาหาเรื่อง ท่านพ่อข้ามักบอกให้อดทน อย่างไรเสีย เขาก็มาจากอำนาจใหญ่ มาหาตระกูลเล็กๆ อย่างพวกเราก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ถ้าพวกเรายังต่อต้านพวกเขาอีก ตระกูลจะไม่มีความหวังรับมือกับภัยแร้งแล้ว อีกทั้งเจ้าหลัวถงคิดไม่ดีกับข้า ท่านพ่อข้าก็บอกให้อดทน!”เหมือนว่าในที่สุดชู่อีซุ่ยได้เจอกับคนที่ระบายด้วยได้แล้ว บอกสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาหมด


ชู่มู่คอยปลอบสาวน้อยคนนี้ นึกถึงปัญหาของประตูเมืองหลัวไปด้วย


ประตูเมืองหลัวส่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิชั้นยอดมายังตระกูลชู่กะทันหันแบบนี้ เหมือนจะเกินไป ทำให้ไม่เชื่อไม่ได้ว่าพวกนี้ไม่มีแผนการอื่น


ชนเผ่าขั้นหนึ่งทั้งหมดเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดสามสิบตัว ความสามารถทั้งหมดของภัยแร้งจะเทียบเท่าจักรพรรดิชั้นยอดหกตัว


ส่วนความสามารถของคนประตูเมืองหลัวกลุ่มนี้ก็ไม่เบา ช่วยตัวเองจัดการจักรพรรดิชั้นยอดหลายตัวได้ ความสามารถของชนเผ่าถูกลดลง ชู่มู่จะมีหวังมากยิ่งขึ้น


“คนของประตูเมืองหลัวอวดดีเกินไปแล้ว ต้องสั่งสอนพวกเขาหน่อยแล้ว!” ชู่มู่แอบคิดในใจ



การมาถึงของภัยแร้งเร็วกว่าที่ตระกูลชู่ประเมินก่อนหน้านี้มาก


กองทัพทาสมีจำนวนประมาณสามหมื่น ในวันนั้นจัดการไปแล้วหนึ่งหมื่น ตอนถึงวันที่สาม กลับเกิดภัยแร้งที่มีกองทัพระดับทาสกับกองทัพระดับแม่ทัพพร้อมกัน !


กองทัพระดับแม่ทัพมีทั้งหมดประมาณหนึ่งพัน ส่วนกองทัพระดับทาสมีประมาณหนึ่งหมื่น


กองทัพเหล่านี้ให้นักรบรับจ้างจัดการไม่ได้แน่นอน ตระกูลชู่ได้ให้ผู้แข็งแกร่งที่ว่าจ้างมาหลายปีขึ้นไปบนกำแพงเมือง สู้รบกับกองทัพระดับทาสกับกองทัพระดับแม่ทัพอยู่นอกกำแพง !


การต่อสู้นี้ยืดเวลานานมาก ต่อสู้หลังจากสองวัน พลังมหาศาลของกองทัพถึงเกิดการลดน้อยลงบ้าง


ตอนที่ถึงภัยแร้งวันที่ห้า เดิมกองทัพระดับทาสหนึ่งหมื่นตัวได้ถูกจัดการไปแล้ว เหลือกองทัพแม่ทัพ ห้าร้อยพุ่งเข้ามาในเมืองเจ็ดสี ทำลายการป้องกันของเมืองเจ็ดสีไม่น้อย กำแพงเมืองหลายจุดก็เกิดการถล่ม



จากเช้าตรู่ถึงอาทิตย์ตกดิน การต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ถึงจบลง !


แสงอาทิตย์ตกดินสาดส่องบนเลือดสดที่ไหลไปทั้งในและนอกเมือง ทำให้ร่องรอยหลังการต่อสู้นี้สะเทือนใจมากกว่าเดิม ศพที่กระจายไปตามถนน กำแพงเมือง เนิน และซากปรักหักพังต่างๆ ในนั้นยังมีดวงวิญญาณของมนุษย์อยู่ไม่น้อย บางครั้งยังเห็นศพของผู้คุมดวงวิญญาณได้บ้าง…


ภัยแร้งดุเดือดมากอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่ยังเป็นแค่ระยะเริ่มต้น กองทัพระดับผู้นำกับจักรพรรดิยังไม่ปรากฏ ถึงตอนนั้น ทั้งเมืองเจ็ดสีจะมีเลือดที่ไหลเป็นแม่น้ำ


ภัยแร้งไม่ปล่อยให้มนุษย์มีโอกาสพักหายใจ ในเช้าตรู่ของวันที่หก ผู้คุมดวงวิญญาณได้ส่งสารไปทั่วถนน มีกองทัพที่ใหญ่กว่าบุกจากด้านทิศใต้เข้ามาแล้ว น่าจะมาถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น !


คนของตระกูลชู่คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ภัยแร้งจะดุเดือดขนาดนี้ !


คาดว่าไม่กี่วันหลังจากนี้ จะเป็นภัยแร้งที่รุนแรงที่สุดแล้ว ชู่เทียนเหิงได้ปลุกผู้แข็งแกร่งของประตูเมืองหลัวและตระกูลชู่หลักหลายคืนต่อกัน ให้พวกเขาเตรียมพร้อมรับมือทุกเมื่อ


อาจารย์อาของตระกูลชู่หลักทั้งสี่คนขี้เกียจอย่างมาก เหมือนจะไม่อยากลงมือเร็วขนาดนี้


ส่วนคนของประตูเมืองหลัวยิ่งถือตัว ไม่ปรากฏตัวให้เห็นสักครั้ง แล้วยังประกาศออกมาว่า ถ้ากองทัพระดับจักรพรรดิไม่ปรากฏตัว ก็ไม่ต้องมาเรียกพวกเขา


ไม่ว่าอำนาจทั้งสองจะลงมือหรือไม่ ชู่มู่จะต้องยืนอยู่บนกำแพงเมือง


ความจริงหลายวันที่ผ่านมาชู่มู่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองตลอด ทันทีที่พบว่า มีสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งเกินไป ชู่มู่จะให้อสูรสายฟ้านิมิตราตรีฆ่ามันตายทันที มิฉะนั้น คลื่นลูกต่อไปจะรวมกับคลื่นลูกนี้แน่นอน


“อาจารย์อาทั้งหลาย พวกเจ้ารีบลงมือเถอะ กองทัพผู้นำปรากฏตัวแน่นอน ถ้าพวกเจ้าไม่ลงมือละก็ จะปกป้องเมืองนี้ไม่ได้แล้ว” ชู่เชียนพูดกับอาจารย์อาทั้งหลายด้วยความรีบร้อน


“รู้แล้ว รู้แล้ว ก็แค่กองทัพผู้นำ กลัวอะไร” อาจารย์อาพ่อค้าเจ้าเล่ห์พูดอย่างหมดความอดทน


“แหะแหะ ให้ปีศาจนักรบไม้แสดงฝีมือเถอะ!” จางอิงยิ้มออกมา


ตอนที่จางอิงพูดถึงปีศาจนักรบไม้ ชู่มู่ที่อยู่ด้านข้างกวาดตามองไปยังเจ้าแก่จอมหื่นคนนี้


ชู่มู่จะให้ปีศาจนักรบไม้ลงมือเหมือนกัน คาดว่าปีศาจนักรบไม้ของจางอิงอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูงเหมือนกัน ตอนที่ภัยแร้งครั้งนี้ปรากฏขึ้น จะได้ดูว่า การฆ่าล้างกลุ่มของปีศาจนักรบไม้ของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน !



ตอนที่ 617 รับมือทั้งหมด พลังแห่งปีศาจไม้

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหตุที่ชู่มู่จะให้ปีศาจนักรบไม้ลงมือ เป็นเพราะมันยังตกอยู่ในช่วงชะลอตัวหนึ่งเดือน ในมือของชู่มู่มีผลึกวิญญาณหมวดไม้ขั้นสิบอยู่ ภัยแร้งครั้งนี้รุนแรงแบบนี้ ปีศาจนักรบไม้จะได้รับการฝึกอย่างเต็มที่ ชู่มู่คิดจะให้ปีศาจนักรบไม้เป็นกำลังหลักในครั้งนี้ หลังจากจบแล้วจะลองเพิ่มความแข็งแกร่งให้ปีศาจนักรบไม้


ถ้าปีศาจนักรบไม้อยู่ในจักรพรรดิชั้นยอดได้ละก็ ชู่มู่จะมีหวังกำจัดชนเผ่าได้มากขึ้น


จำนวนของกองทัพผู้นำมีไม่มาก น่าจะประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบตัวทว่า พวกนี้ล้วนเป็นผู้นำที่ถึงลักษณะสิบเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นจักรพรรดิขั้นสูงละก็ พลังต่อสู้ของมันจะเทียบเท่าจักรพรรดิลักษณะเก้าของชู่มู่ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่กองทัพที่จะประหม่าได้


ส่วนกองทัพแม่ทัพที่มาพร้อมกับกองทัพผู้นำมีประมาณห้าร้อยตัว ส่วนกองทัพทาสมีประมาณห้าพันตัว แม้จำนวนจะไม่เท่าวันที่สาม แต่ความสามารถกลับแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก !


กองทัพผู้นำมีการแบ่งกลุ่มที่ชัดเจน ไม่ได้กระจายตัวออกจากกัน อีกทั้งพุ่งเข้ามาด้วยพลังที่เต็มเปี่ยม เดิมตระกูลชู่ได้ตั้งการป้องกันไว้นอกเมือง แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตฝูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามา กลับไม่เหลือชิ้นดี !


“อาจารย์อา กองทัพผู้นำเหล่านั้นมาแล้ว” ชู่เชียนพูดด้วยใบหน้ากังวล


ส่วนเธอเองได้อัญเชิญดวงวิญญาณออกมาคนแรก ความสามารถของดวงวิญญาณที่ปรากฎตัวอยู่ประมาณผู้นำขั้นกลางลักษณะสิบ ในรุ่นวัยหนุ่มนับว่าเป็นที่โดดเด่นอยู่ แต่สำหรับสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว ความสามารถกลับห่างกันมาก ทำได้แค่อัญเชิญดวงวิญญาณโจมตีระยะไกลออกมา ทำการโจมตีผู้นำฝูงใหญ่จากด้านบนของกำแพงเมือง


นอกจากชู่เชียนแล้ว ชู่เหอ ชู่หลั่งและสมาชิกรุ่นวัยหนุ่มทั้งหลายได้ทยอยอัญเชิญดวงวิญญาณออกมาแล้ว!


ความสามารถส่วนใหญ่ของดวงวิญญาณพวกเขาจะอยู่ที่ระดับผู้นำ นอกจากชู่เชียนที่ควบคุมสี่ได้ คนอื่นยังควบคุมสามได้ เมื่อรวมแล้ว พวกเขาทั้งหมดมีผู้นำสิบกว่าตัว เผชิญกับกองทัพจำนวนหนึ่งห้าสิบตัวแล้ว มีประโยชน์จำกัดอย่างมาก


“ตัวเล็กอย่างพวกเจ้า ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ดูข้าให้ดี !” อาจารย์อาเจ้าเล่ห์ยิ้มด้วยความเยาะเย้ย พูดแล้วก็ทำการอัญเชิญคู่ออกมา


อาจารย์อามีจักรพรรดิขั้นสูงหนึ่งตัวกับจักรพรรดิขั้นกลางสามตัว นี่เป็นกำลังหลักที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เมื่อเทียบกับกองทัพผู้นำทั้งหมดแล้ว สูงกว่าไม่น้อย


จางอิง กัวหลี่และอาจารย์อาที่เงียบขรีมมีดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นจักรพรรดิขั้นสูงหนึ่งตัวกับจักรพรรดิขั้นกลางหนึ่ง ตัว


หลังจากทั้งสี่คนอัญเชิญดวงวิญญาณทั้งหมดออกมา พลังพุ่งขึ้นทันที โดยเฉพาะนักรบวิญญาณรับจ้างมากมายและสมาชิกของตระกูลชู่ได้เห็นความแข็งแกร่งหนึ่งต่อสิบของจักรพรรดิทั้งหมดนี้แล้ว ต่างเชิดชูชายแก่เหล่านี้ เผยสีหน้าเคารพนับถือออกมา


“ที่แท้พวกนี้เป็นผู้แข็งแกร่งตระกูลชู่หลัก ขออภัยด้วย” หัวหน้าเจิ้งหนานพูดอย่างนอบน้อม


กองทัพที่เจิ้งหนานจ้างมามีความสามารถจำกัด เกรงว่าทันทีที่กองทัพผู้นำบุกเข้ามา จะสลายไปทันที เสียหายอย่างมาก หลังจากที่ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เข้าร่วมการต่อสู้แล้ว สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที


พ่อค้าเจ้าเล่ห์ จางอิง กัวหลี่ต่างเผยสีหน้าภูมิใจออกมา เห็นได้ชัดว่า พวกเขามีความสุขกับการเป็นที่จับตามองของทุกคน


“ผู้นำประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบตัว แม้จะมีจำนวนมาก แต่ยังจัดการได้ พวกแม่ทัพ ทาสเหล่านั้นพวกเจ้าจัดการก็พอแล้ว ปล่อยพวกผู้นำให้พวกข้าจัดการ” พ่อค้าเจ้าเล่ห์พูดขึ้น


หลังจากพูดจบ พ่อค้าเจ้าเล่ห์ได้ยักคิ้วไปยังชู่เชียน เป็นการบอกว่า พวกข้าช่วยขนาดนี้แล้ว เรื่องหลังจากนี้ตระกูลชู่พวกเจ้าจัดการเองละกัน


“ปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่ผู้นำยังถูกฆ่าตายแบบกลุ่มในเสี้ยววินาที!ดวงวิญญาณของใครเหรอ!!!” ลูกหลานตระกูลชู่หลายคนที่มองดูการต่อสู้บนกำแพงเมืองชี้ไปยังสนามต่อสู้แล้วพูดขึ้น


แม้การต่อสู้จะชุลมุนมาก แต่ดวงวิญญาณที่รับมือทั้งหมดไว้ได้ จะเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะผู้คุมดวงวิญญาณส่วนใหญ่เป็นผู้เฝ้าเขตเมือง หลังจากภาระลดลงแล้ว พวกเขาจะได้รู้ว่า ดวงวิญญาณแข็งแกร่งตัวใดออกมาช่วยเหลือพวกเขา


พอพูดถึงปีศาจนักรบไม้ ใบหน้าของจางอิงสดใสกว่าเดิม ปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นเป็นจักรพรรดิขั้นสูงของจางอิงแน่นอน นั่นเป็นดวงวิญญาณต่อสู้กลุ่มที่มีชื่อเสียงในโลกตะวันตก !


“ปีศาจนักรบไม้ของข้าฆ่าล้างได้มากที่สุดอยู่แล้ว ต่อสู้แค่ครึ่งชั่วโมง มีผู้นำอย่างน้อยสิบตัวกับแม่ทัพสองร้อยกว่าตัวตายด้วยน้ำมือปีศาจนักรบไม้ของข้า”จางอิงแอบคิดอย่างภูมิใจ


ตอนที่กำลังภูมิใจ จางอิงได้กวาดตามองไปยังชู่เชียน


ทว่า จางอิงกลับพบว่า สายตาของชู่เชียนไม่ได้มองไปที่ปีศาจนักรบไม้ของตัวเอง ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ลูกหลานตระกูลชู่ที่ส่งเสียงร้องขึ้น พวกเขาก็ไม่ได้มองไปยังปีศาจนักรบไม้ของตัวเอง แต่กลับมองไปยังอีกตำแหน่งหนึ่งของสนามต่อสู้


“เกิดอะไรขึ้น หรือว่ามีปีศาจนักรบไม้สองตัวเหรอ !” จางอิงอึ้งเล็กน้อย


เมื่อหันกลับไปมอง และแล้วจางอิงเห็นว่า ระหว่างสุดกองทัพผู้นำกับกองทัพแม่ทัพ มีปีศาจนักรบไม้สูงสองเมตรกว่าอีกตัวหนึ่ง


รูปร่างภายนอกของปีศาจนักรบไม้ตัวนี้ไม่สะดุดตาเท่าไร ถูกดวงวิญญาณอื่นกลบได้ง่าย แต่รากที่ทรงพลังของมันกลับเหมือนงูเหลือมบ้าคลั่งสีเขียวหลายร้อยตัว บิดตัวในรัศมีร้อยเมตรอย่างบ้าคลั่ง


แทงทะลุ พันรอบ รัดพร้อมตัดขาด กวาดล้าง ฟาดฟัน ทักษะหมวดไม้ฆ่าล้างกลุ่มต่างๆ ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับแม่ทัพที่อยู่บริเวณใกล้มันตายลงทันที ส่วนสิ่งมีชีวิตระดับผู้นำถ้าหลบไม่ได้ จะตายไปเช่นกัน !


ที่ทำให้จางอิงอึ้งอย่างมากคือ ปีศาจนักรบไม้มีสารพิษอย่างเห็นได้ชัด ได้สาดสารพิษในรัศมีร้อยเมตรแล้ว สารพิษตกค้างเหล่านี้ ทำการฆ่าล้างได้รุนแรงมากขึ้น บางครั้งอาจเห็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสล้มลงอย่างไร้สาเหตุ แล้วตายไปทันที!


“นั่น…นั่นมันปีศาจนักรบไม้ของใคร !” ในที่สุด จางอิงได้ถามขึ้น


ประโยคนี้ของจางอิงทำให้ผู้คนมึนงงอย่างมาก ชู่เชียนพูดขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “นั่นไม่ใช่ปีศาจนักรบไม้ของอาจารย์อาเหรอ พูดตามความจริง ปกติอาจารย์อาจางอิงไม่ค่อยอัญเชิญปีศาจนักรบไม้ออกมาเท่าไร วันนี้ได้เห็นกับตา แข็งแกร่งจริงๆ !”


พอจางอิงถูกชมแบบนี้ เดิมควรจะดีใจอย่างมาก แต่ว่าปีศาจนักรบไม้ของเขาในตอนนี้อยู่ท่ามกลางกองทัพผู้นำอยู่ พลังของมันจะเทียบกับปีศาจนักรบไม้ที่กำลังฆ่าล้างกองทัพใหญ่โตท่ามกลางดวงวิญญาณทั้งหลายลำพังนั้นได้อย่างไร!


ชู่เชียนเห็นจางอิงทำสีหน้าสับสน ได้สติกลับมาทันที ปิดปากเล็กๆ แล้วพูดว่า “หรือว่าไม่ใช่ดวงวิญญาณอาจารย์อา”


จางอิงส่ายหัว


ชู่เชียน ชู่หลั่ง ชู่เหออยู่ด้านข้างหมด หลังจากที่พวกเขารู้ว่า ปีศาจนักรบไม้ที่รับมือทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของอาจารย์อาตระกูลชู่หลัก ต่างกวาดตามองไปยังรอบๆ ด้วยความตกใจ อยากรู้ว่าผู้แข็งแกร่งคนใดอัญเชิญดวงวิญญาณแข็งแกร่งยิ่งแบบนี้ออกมาได้ มันได้ควบคุมให้กองทัพผู้นำอยู่ด้านนอกกำแพงหมดแล้ว


“ว่าแต่ ชู่มู่มีปีศาจนักรบไม้ตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ” ในตอนนี้ชู่เหอเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วกวาดตามองไปยังชู่มู่ที่อยู่ด้านข้าง


“ใช่ ชู่มู่มีปีศาจนักรบไม้ตัวหนึ่งจริง” ชู่หลั่งพยักหน้า ในตอนแรกเขาเหมือนยังไม่ได้สติกลับมา แต่พอนึกให้ดีแล้ว ก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที !


“หรือว่า ปีศาจนักรบไม้ที่ฆ่าแม่ทัพเกือบพันตัวและผู้นำสิบกว่าตัวเป็นของชู่มู่!!!” ชู่หลั่งร้องขึ้นทันที!


————————————————————————



ตอนที่ 618 ปีศาจนักรบไม้ของใคร

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เจ้าเด็กนั่น ล้อเล่นอะไรกัน เขาจะมีดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิขั้นสูงได้อย่างไร!” จางอิงเห็นว่า วัยหนุ่มที่ตระกูลชู่พูดถึงคือใคร ได้กวาดตามองไปยังชู่มู่


อายุของชู่มู่แค่ยี่สิบกว่าปี จางอิงอาจมีอายุมากกว่าเขาสองเท่า เจ้าเด็กแบบนี้จะมีดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิขั้นสูงได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าปีศาจนักรบไม้ของตัวเองไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด!


อาจารย์อาสามคนที่เหลือเองก็กำลังว่างจากควบคุมดวงวิญญาณของตัวเอง เหล่ตามองไปยังชู่มู่เล็กน้อย เช่นเดียวกัน พวกเขาเองก็ยากที่จะเชื่อว่าปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นมาจากวัยหนุ่มคนหนึ่ง


ท่ามกลางการต่อสู้กลุ่ม เดิมทีหมวดไม้ก็ได้เปรียบอย่างมากแล้ว พูดได้ว่า ประโยชน์ของปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นเป็นการรวมกันของจักรพรรดิขั้นกลางสี่ตัวของอาจารย์อาทั้งสี่


ไม่ว่าปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นเป็นของใคร เดิมควรจะเป็นพวกเขาที่ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ กลับมีปีศาจนักรบไม้ที่ทรงพลังชิงตัดหน้าพวกเขา ทำให้ทั้งสี่คนไม่สบายใจอย่างมาก!


ชู่เชียน ชู่เหอ ชู่หลั่งได้คอยสังเกตชู่มู่ พวกเขาพบว่า ชู่มู่เหมือนจะไม่ได้ควบคุมดวงวิญญาณอยู่ แต่แค่ยืนอยู่บนขอบของตึก กวาดตามองไปยังสิ่งมีชีวิตทั้งฝูง


พวกเขาทั้งสามมีดวงวิญญาณของตัวเองที่ต้องควบคุม ไม่สามารถเดินไปถามข้างชู่มู่ ต่อให้ปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นจะลดภาระให้คนทั้งหมดไม่น้อย แต่หากไม่จดต่อก็ยังคงเกิดอุบัติเหตุระหว่างการต่อสู้นี้ได้ง่าย


ส่วนชู่เทียนหลิงที่ควบคุมสถานการณ์บนตึกกลับฉีกยิ้มออกมา เขาไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้


ตั้งแต่ตอนเริ่ม ชู่เทียนหลิงสังเกตเห็นแล้วว่า ปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นถูกชู่มู่อัญเชิญออกมา


ชู่เทียนหลิงรู้ว่า ชู่มู่มีดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิขั้นสูง ต่อให้ทำใจไว้แล้ว ความสามารถฆ่าล้างกลุ่มที่ปีศาจนักรบไม้ของชู่มู่เผยออกมาให้เห็นก็ทำให้ชู่เทียนหลิงชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะปีศาจนักรบไม้ตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิขั้นสูงสี่ตัวของอาจารย์อาทั้งสี่อีก นี่ทำให้ชู่เทียนหลิงรู้สึกว่าครั้งนี้จะได้ชัยแล้ว!



การโจมตีของดวงวิญญาณฝูงนี้กินเวลาหนึ่งวัน พอถึงตอนกลางคืน จึงค่อยๆ สงบลง


กองทัพผู้นำหนึ่งร้อยห้าสิบตัวในตอนแรก ต้องให้นักรบวิญญาณรับจ้างสิบกว่าคนร่วมมือกันถึงจะจัดการสิ่งมีชีวิตหนึ่งตัวได้ นี่จะทำให้การต่อสู้เสียหายยิ่งกว่าเดิม แต่ผลของการต่อสู้กลับดีกว่าที่คิดเอาไว้มาก โดยหลักเป็นเพราะมีจักรพรรดิขั้นสูงสี่ตัวกับจักรพรรดิขั้นกลางสิบสองตัวที่เข้าร่วมการต่อสู้


และรูปแบบการต่อสู้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเจ้าของปีศาจนักรบไม้ที่สะเทือนทั้งสนามคือใครกันแน่!


มีคนได้ประเมินเอาไว้ว่า ผู้นำทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบตัว แม่ทัพห้าร้อยตัว ปีศาจนักรบไม้ตัวเดียวก็จัดการผู้นำห้าสิบตัวแล้ว และในระดับแม่ทัพอย่างน้อยสองร้อยกว่าตัว และระดับทาสมากถึงหนึ่งพันกว่าตัว


การฆ่าล้างกลุ่มภัยแร้งขนาดนี้ นับว่าถูกปีศาจนักรบไม้ฆ่าตายหนึ่งในสามแล้ว !


ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นมาจากการว่าจ้างด้วยเงินมหาศาลของตระกูลชู่ พวกเขาทั้งหมดรวมกันจัดการศัตรูได้หนึ่งในสาม เห็นได้ชัดว่า ปีศาจนักรบไม้ตัวนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด


“ปีศาจนักรบไม้ตัวนี้ต่อสู้ได้ทั้งวัน ผิดปกติจริงๆ” อาจารย์อาเจ้าเล่ห์พูดเสียงเบา


จางอิงชักสีหน้า เขาชอบความรู้สึกที่เป็นที่เคารพและจับตามองอย่างมาก เดิมอาศัยดวงวิญญาณหมวดไม้ เขาพอที่จะกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดซึ่งช่วยเหลือชีวิตนับไม่ถ้วนในสงครามชะตาชีวิตครั้งนี้ได้ และแล้วทั้งหมดนี้กลับถูกปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นตัดหน้าไป ต่อให้ปีศาจนักรบไม้ตัวนี้แข็งแกร่งมากอย่างผิดปกติก็จริง จางอิงก็ไม่เกิดความรู้สึกที่ดีกับมัน อีกทั้งเกิดความไม่ชอบใจเจ้าของมันด้วย


ความจริงพลังต่อสู้ของเหล่าอาจารย์อาทั้งสี่ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม นอกจากจักรพรรดิขั้นสูงแล้ว พวกเขาทุกคนยังมีจักรพรรดิขั้นสูงอีกสามตัว


แต่ว่าต่อให้เป็นจักรพรรดิขั้นสูงหรือจักรพรรดิขั้นกลาง ยังคงได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้กลุ่มได้ง่าย ทันทีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจะอัญเชิญกลับ ให้ดวงวิญญาณรองของพวกมันออกมา


ผลของดวงวิญญาณรองย่อมอ่อนกว่ามาก แต่พลังป้องกันและพลังชีวิตของปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นน่าตกใจยิ่งกว่า ท่ามกลางการต่อสู้ชุลมุนนั้น ต่อสู้ต่อเนื่องทั้งวัน กลับไม่มีใครเห็นบาดแผลบนตัวปีศาจนักรบไม้ตัวนี้ คาดว่าถ้าไม่ได้เป็นเพราะแรงกายที่มีอย่างจำกัด ปล่อยทักษะในตอนหลังน้อยลงแล้ว มิฉะนั้น ปีศาจนักรบไม้ตัวนี้คงจะฆ่าศัตรูได้มากขึ้น!



การต่อสู้เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการกวาดล้าง บรรยากาศค่อยๆ ผ่อนคลายลง


ชู่เชียนเก็บดวงวิญญาณของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า เธอมองไปยังชู่มู่ เดินไปทางเขาช้าๆ


“ชู่มู่…” หลังจากชู่เชียนกลับไปที่ตระกูล ยังไม่เคยได้คุยกับชู่มู่สักคำ


ชู่มู่ยิ้มเล็กน้อย มองไปยังชู่เชียนที่เหนื่อยล้า พูดด้วยความเป็นห่วงว่า “เจ้าดูเหนื่อยมาก”


ผู้คุมดวงวิญญาณทุกคนควบคุมดวงวิญญาณ การต่อสู้ตลอดทั้งวันแบบนี้ ต้องใช้แรงอย่างมากจริงๆ


“ไม่มาก แต่เจ้า…พวกเขาบอกว่า เจ้ากลับมาที่ตระกูลไม่กี่วันก่อน ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว…” ชู่เชียนพูดเสียงเบา


ชู่เชียนพบว่า ชู่มู่กำลังมองมาที่ตัวเองด้วยความอ่อนโยน กลับไม่กล้าสบตาด้วย ใบหน้าซีดขาวเกิดรอยแดงๆเล็กน้อย โชคดีที่เป็นเวลากลางคืน คนอื่นจึงมองไม่เห็น


“มีบางเรื่องต้องจัดการ ก็เลยกลับมา” แผนการเดิมของชู่มูคือมุ่งหน้าไปทางตะวันออกต่อ ถ้าเป็นแบบนั้น จะไม่กลับมาที่ตระกูลเร็วขนาดนี้


กลับมาตระกูลในครั้งนี้เป็นเรื่องนอกความคาดหมาย ชู่มู่เองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ทำได้แค่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับอัญเชิญปีศาจนักรบไม้กลับมา


ชู่เชียนเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ทันใดนั้น เห็นเงาสีเขียวปีนขึ้นกำแพงเมือง เดินเข้ามาช้าๆ ยืนอยู่ด้านหลังชู่มู่


ชู่เชียนอึ้งเล็กน้อย รู้ทันทีว่า นั่นเป็นปีศาจนักรบไม้ที่จัดการศัตรูหนึ่งในสามของสนามทั้งหมด !


ในตอนนี้ ‘เทพเจ้าสงครามปีศาจไม้’ ที่พวกลูกหลานตระกูลชู่กับเหล่านักรบวิญญาณเรียกกันอยู่ด้านหลังชู่มู่ ไม่ต้องพูดอะไรชู่เชียนก็เข้าใจแล้ว!


“ปีศาจนักรบไม้ตัวนี้…เป็นดวงวิญญาณของเจ้าจริงเหรอ!!!” ชู่เชียนอ้าปากเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ


เสียงของชู่เชียนก่อให้เกิดความสนใจจากเหล่าผู้คุมดวงวิญญาณรอบๆ ที่เหนื่อยล้าทันที และแล้วคนทั้งหมดบนกำแพงเมืองเห็นว่า ‘เทพเจ้าสงครามปีศาจไม้’ ได้กลับไปข้างกายเจ้าของเขาแล้ว


และเจ้าของของเขากลับเป็นวัยหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี!


“วัยหนุ่มคนนี้คือใคร ทำไมเก่งขนาดนี้ ดวงวิญญาณตัวเดียวของเขาก็เทียบเท่าผู้แข็งแกร่งตระกูลชู่หลักสี่คนแล้ว!”


“ข้าจำได้ ได้ข่าวว่าเป็นลูกชายของน้องสี่ของหัวหน้ากลุ่ม เป็นหนึ่งในคุณชายที่ออกไปฝึกด้านนอกของตระกูลชู่ เหมือนจะชื่อชู่มู่”


“เมื่อกี้ข้ายังอยากไปด่าเจ้าเด็กนี่ที่ยืนบนกำแพงเมืองไม่ทำอะไร มองอย่างเดียว ใครจะไปรู้ว่าปีศาจนักรบไม้ตัวนั้นเป็นของเขา ดีที่ข้าไม่ด่า ดีแล้ว…” สมาชิกตระกูลชู่คนหนึ่งที่ใช้นามสกุลแยกพูดขึ้น


“ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเทพเจ้าสงครามปีศาจไม้อยู่ข้างเขา ต่อให้ตายไปข้าก็ไม่เชื่อว่า นั่นเป็นดวงวิญญาณของเขา!”


การต่อสู้ทั้งหมด เงาของปีศาจนักรบไม้แข็งแกร่งงดงามที่สุด


ปีศาจนักรบไม้เป็นดวงวิญญาณของผู้แข็งแกร่งท่านใด เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากรู้มากที่สุดตลอดมา


ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว หลังจากรู้ว่า เจ้าของปีศาจนักรบไม้เป็นวัยหนุ่มคนหนึ่ง เสียงร้องดังขึ้นทันทีหลังจากผ่านการต่อสู้อันเหนื่อยล้านี้!


เสียงวิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายคนทั้งหมดรู้แค่ว่า ความจริงอายุของชายคนนั้นไม่น้อยแล้ว แค่ดูอายุน้อยเท่านั้น


แม้แต่ผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองเทียนเซี่ยยังไม่มีดวงวิญญาณแบบนี้อยู่


แน่นอนว่า ไม่ว่าอายุเท่าไร มีดวงวิญญาณแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ เป็นที่น่าเคารพ ควรค่าแก่การนับถือจากคนทั้งหมด!


ส่วนอายุของชู่มู่ ชู่เชียน ชู่หลั่ง ชู่เหอและชู่เทียนหลิงรู้ดีที่สุดแล้ว


ตอนที่ชู่มู่ให้ปีศาจนักรบไม้กินยาฟื้นกำลัง พวกเขาได้ล้อมเข้ามา แต่ละคนไม่เหมือนคนที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างเหนื่อยล้า แต่กลับถามไถ่ด้วยความตื่นเต้น


“เป็นดวงวิญญาณของเจ้าจริงเหรอ ตอนแรกพวกเราไม่เชื่อ!ชู่มู่ เจ้าฝึกอย่างไร ทำไมทำให้ปีศาจนักรบไม้แข็งแกร่งขึ้นในเวลาอันสั้นแบบนี้ได้!” ชู่หลั่งพูดอย่างตื่นเต้นคนแรก


“ความสามารถของปีศาจนักรบไม้ตัวนี้น่าจะอยู่ในห้าอันดับแรกของเมืองตะวันตกของพวกเราแล้ว” ชู่เหอที่ไม่ค่อยพูดกลับพูดออกมาแบบนี้ทันที


จักรพรรดิขั้นสูง ความสามารถดวงวิญญาณของชู่หลั่งกับชู่เหอยังอยู่ในระดับผู้นำ! ห่างกันมากไปแล้ว!!!


อารมณ์ของชู่เชียนยิ่งได้รับกระทบกระเทือนมากกว่าเดิม เธอใช้กำลังอย่างมากเพื่อเชิญอาจารย์อาทั้งสี่จากตระกูลชู่หลักมา คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ชายตรงหน้าคนนี้ต่อสู้ในตระกูลชู่หลักอย่างสะเทือนใจ ความสามารถของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง กลับตัดหน้าอาจารย์อาทั้งสี่ของเธอจนหมด


“สิ่งที่ชู่มู่พูดตอนมื้อเย็นวันนั้นเป็นเรื่องจริงหมด!!!” สายตาของชู่หลั่งตื่นเต้นอย่างมาก อยากจะเปิดช่องว่างดวงวิญญาณของชู่มู่ ดูว่าในนั้นมีดวงวิญญาณแข็งแกร่งอะไรอีก


“ชู่มู่ มื้อเย็นวันนั้นเจ้าพูดว่าอะไร” ชู่เชียนรีบถามขึ้น


“เขาบอกว่า…” ชู่หลั่งกำลังจะพูดด้วยความตื่นเต้น


“อะแฮ่ม ล้อมชู่มู่ทำไม การต่อสู้จบแล้ว รีบกลับไปดูแลดวงวิญญาณของพวกเจ้าไป!” ในตอนนี้ ชู่เทียนหลิงส่งเสียงอย่างเยือกเย็น พูดกับเหล่าลูกหลานตระกูลชู่ที่เริ่มล้อมเข้ามาไม่หยุด!


ลูกหลานตระกูลชู่เหล่านี้ก็อยากรู้ว่า วัยหนุ่มแข็งแกร่งเกินปกติคนนี้พูดอะไรกันแน่ แต่กลับถูกชู่เทียนหลิงขัด


ชู่เทียนหลิงจะไม่ให้ชู่มู่เผยความสามารถออกมาเร็วขนาดนี้ อย่างไรก็ตามอาจารย์อาทั้งสี่ที่ชู่เชียนพามา กับพวกคนเลวของประตูเมืองหลัว ต้องให้พวกเขาเจอดีสักหน่อย !


เมื่อนึกถึงสิ่งที่คนของประตูเมืองหลัวพูดเมื่อคืน ชู่เทียนหลิงโกรธอย่างมาก !


ก่อนหน้านี้ชู่มู่บอกกับชู่เทียนหลิงว่า ประตูเมืองหลัวมีแผนอื่น และแล้วเจ้าพวกนี้ไม่ได้มาดี เดิมชู่เทียนหลิงยังอยากขอบคุณพวกเขาที่เข้ามาช่วยเหลือ แต่ตอนนี้กลับโกรธเคืองพวกเขาอย่างมาก


ดังนั้น ในตอนที่ประตูเมืองหลัวยังไม่ลงมือ ชู่เทียนหลิงจะไม่ให้ชู่มู่เผยความสามารถทั้งหมดออกมา จะทำให้พวกเขาเสียหน้าได้อย่างไร


“อาจารย์อาทั้งหลายช่วยเหลือภัยแร้งขนาดนี้ ชู่เทียนหลิงเป็นตัวแทนของตระกูลชู่ซาบซึ้งอย่างมาก คาดว่าพวกเจ้าคงเหนื่อยแล้ว พวกข้าได้เตรียมยาต่างๆ ที่ดวงวิญญาณของพวกเจ้าต้องการไว้ให้แล้ว…” หลังจากชู่เทียนหลิงตะโกนใส่เด็กๆ แล้ว แสร้งทำเป็นพูดกับอาจารย์อาทั้งหลายอย่างสุภาพ


“ไม่เลย ไม่เลย เรื่องเล็กน้อย เรื่องเล็กน้อย” พ่อค้าเจ้าเล่ห์ได้สติคนแรก ยิ้มอย่างอับอาย สุภาพขึ้นมาก


“คึคึ เรื่องเล็กน้อยจริงๆ รองหัวหน้ากลุ่มเกรงใจเกินไปแล้ว” อาจารย์อาที่เหลือพูดขึ้น


ชู่เทียนหลิงมองไปยังใบหน้าของอาจารย์อาพวกนี้ มีทั้งตกใจ อับอาย โกรธเคือง แต่ไม่มีท่าทีอวดดีและไม่สนใจตระกูลชู่แม้แต่น้อยแล้ว…


นี่ทำให้ชู่เทียนหลิงแอบสะใจอย่างมาก เขารอให้วินาทีนี้มาถึงตั้งแต่วันที่ต้อนรับพวกเขาแล้ว!


————————————————————————



ตอนที่ 619 หวาดระแวง กองหน้าราชันวิญญาณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนกลางคืน เหล่าผู้คุมดวงวิญญาณที่มีความสามารถค่อนข้างน้อยเริ่มให้ดวงวิญญาณตระกูลพืชของพวกเขากวาดล้างสนามรบ เศษวิญญาณ ผลึกวิญญาณ ผลึกอวัยวะภายใน ของเหล่านี้ที่ขุดออกจากศพของดวงวิญญาณล้วนเป็นสิ่งที่นำมาเพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี โดยเฉพาะผลึกวิญญาณ ทันทีที่เจอ เหมือนจะกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน


ผลึกวิญญาณที่เจอจากผู้นำหนึ่งร้อยห้าสิบตัวน่าจะอยู่ที่ขั้นเก้าและขั้นสิบ ถ้ามีสองเม็ดละก็มีมูลค่าหลายร้อยล้าน สำหรับตระกูลชู่แบบนี้ก็ไม่นับว่าเป็นจำนวนที่น้อยเท่าไร


นอกจากเก็บสะสมเศษวิญญาณ ผลึกวิญญาณ ผลึกอวัยวะแล้ว จำต้องกำจัดศพของสิ่งมีชีวิตด้วย มิฉะนั้น กลิ่นคาวเลือดจะลอยออกไปไกลมาก จะทำให้สิ่งมีชีวิตที่กระหายเลือดรวมตัวกันที่นี่ อาจล่อกลุ่มทั้งฝูงมาก็ได้ อย่างไรด้านตะวันตกของเมือง เป็นพื้นที่ชื้นวายุซึ่งเชื่อมต่อกับบ่อตะวันตกที่มีชนเผ่าขั้นสามอยู่!


พื้นที่ชื้นวายุเป็นบ่อน้ำเล็กๆ ภายใต้ต้นหญ้าเล็กๆ สีเขียวเหล่านั้น มักจะมีบ่อน้ำและทะเลสาบที่สะท้อนประกายดาวอยู่


พื้นที่ชื้นวายุนี้มีความชื้นค่อนข้างสูง ฝนตกได้ง่าย ดวงวิญญาณส่วนใหญ่ที่พักอยู่ที่นี่มักจะเป็นพวกสัตว์เลื้อยคลานและกลุ่มแมลงที่ชอบที่ชื้นเย็น


แสงจันทร์สาดส่องจากฟากฟ้า ก่อให้เกิดความสลัว ตอนตกดึก ทั้งพื้นที่ชื้นวายุนี้เต็มไปด้วยความเงียบอย่างประหลาด บางครั้งอาจมีเสียงกรีดร้องที่ทำลายความเงียบนี้ เกิดความรู้สึกชวนขนลุก


ลมเย็นพัดพา ด้านในพื้นที่ชื้นวายุสงบแห่งนี้ มักเห็นเงาสีดำครึ่งตัวบนได้กะทันหัน กินสิ่งมีชีวิตที่กำลังกินน้ำในคำเดียว หลังจากดิ้นรนแล้ว กลับมาเงียบอีกครั้ง


“ครั้งหน้าถ้าใครออกเงินให้ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่ในตอนกลางคืน ต่อให้ออกเงินสองเท่าข้าก็ไม่ทำแล้ว!” บางที่ในพุ่มหญ้า เสียงนี้ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา


“เดิมพื้นที่ชื้นวายุก็ไม่ใช่ที่ปลอดภัยอยู่แล้ว หรือว่าเจ้าไม่เคยได้ยินจากคนอื่นเหรอ จนถึงตอนนี้ ทั้งโลกตะวันตกของพวกเรายังไม่เคยมีใครผ่านพื้นที่ชื้นวายุแล้วเข้าไปด้านในของพื้นที่ชื้นวายุได้”เสียงผู้ชายอีกคนหนึ่งดังขึ้น


“ทั้งโลกตะวันตกเหรอ” เสียงของผู้ชายที่บ่นเมื่อกี้ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ


“ใช่ ทั้งโลกตะวันตก! ไม่เคยมีใครเข้าไปได้ พวกบุคคลสำคัญ เจ้าเมือง รวมถึงเจ้าโลกสูงส่งด้วย…”


“พระเจ้า ถ้าอย่างนั้นพื้นที่ชื้นวายุนี้น่ากลัวเพียงใด…ข้า…ทำไมข้ารู้สึกว่า มีบางสิ่งตรงนั้นกำลังขยับอยู่” ผู้ชายที่บ่นเกิดขนลุกขึ้นทันที


ตระกูลชู่ได้ส่งสองคนนี้มาสำรวจตอนกลางคืน พื้นที่ชื้นวายุเป็นต้นเหตุอย่างหนึ่ง ต่อให้จุดสำคัญจะอยู่ที่เนินทางใต้ พวกเขาก็ไม่อาจไว้ใจที่นี่ได้


“อย่าหลอกตัวเอง บอกมาก็มาได้อย่างไร…” ลูกหลานสำรวจอีกคนหนึ่งพูดอย่างเฉยเมย ตอนที่พูดเขาได้ยื่นหัวออกมา มองไปยังด้านในของพื้นที่ชื้นวายุ


และแล้ว พอกวาดตามองไป สีหน้าของผู้ชายคนนี้แข็งทื่อทันที!


“มีบางอย่างคลานเข้ามาจริงด้วย!” ทั้งสองคนร้องขึ้น รีบอัญเชิญดวงวิญญาณของตัวเอง


“ซ่า!!!”


กรงเล็บสองเส้นพาดผ่าน ผู้ชายที่บ่นเพิ่งอัญเชิญดวงวิญญาณแม่ทัพขั้นกลาง กลับถูกฉีกออกทันที เลือดสดสาดลงบนตัวเขา


ลูกหลานที่เข้ามาสำรวจตกใจอย่างมาก ยังไม่ทันได้หนีไป เงาดำสี่ห้าตัวพุ่งออก แต่ละตัวมีความเร็วสูงมาก ทักษะเดียวก็ฆ่าดวงวิญญาณระดับแม่ทัพของพวกเขาได้แล้ว!


“อ๊า อ๊า!!!”


เสียงร้องดังก้องกังวาน ลูกหลานทั้งสองถูกเงาดำฉีกเป็นเศษทันที


ก่อนที่ลูกหลานสองคนนี้จะถูกฆ่าตาย พวกเขาได้เห็นภาพที่ทำให้ทั้งสองคนไม่กล้าแม้แต่จะหนีไป!


สีดำมืดมัว สิ่งมีชีวิตที่มีกรงเล็บเฉียดแหลมนับพันกำลังเคลื่อนตัวท่ามกลางพื้นที่ชื้นแห่งนี้ เคลื่อนที่ไปข้างหน้าราวกับก้อนเมฆดำบนพื้น!!!


แค่สี่ห้าตัวก็ฆ่าดวงวิญญาณของระดับแม่ทัพของผู้คุมดวงวิญญาณสองคนได้ในไม่กี่วินาทีแล้ว ถ้าอย่างนั้น กองทัพที่ใหญ่โตขนาดนั้น จะเกิดหายนะที่น่ากลัวมากเพียงใด!!!


แสงจันทร์ยังคงสาดส่อง กองทัพที่เหมือนคลื่นดำท่ามกลางราตรีมืดมัวแห่งนี้ กำลังเข้าใกล้ฝูงมนุษย์ทีละนิด แต่ผู้คนนับพันหมื่นในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง กลับไม่รู้แม้แต่น้อย…




เรือนตระกูลชู่เมืองเจ็ดสี


“มันชักจะมากเกินไปแล้ว!!!” ชู่เหอตบโต๊ะทันทีด้วยใบหน้าโกรธเคืองอย่างมาก!


ในบรรดาลูกหลานตระกูลชู่ ชู่เหอพูดน้อยที่สุด อีกทั้งเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุด น้อยครั้งที่จะทำให้เขาโกรธแบบนี้ได้!


คืนนี้ สมาชิกส่วนในของตระกูลชู่ได้ประชุมกันเอง คนที่เข้าร่วมมีเพียงสมาชิกสายตรงของตระกูลชู่เท่านั้น


“ทุกคน ต้องขออภัย แม้ข้าพอเดาได้ว่า ครั้งนี้ที่ประตูเมืองหลัวส่งผู้แข็งแกร่งมา ไม่ธรรมดาแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะยื่นข้อเสนอไร้มารยาทแบบนี้ได้ ข้าพาหายนะมาสู่ตระกูลเอง” ชู่เทียนฉีพูดกับคนทั้งหมดอย่างรู้สึกผิด


ท่านอาห้าของชู่มู่ ชู่เทียนฉีจัดการกิจการของตระกูลในที่อื่นตลอด เขาคอยรักษาความสัมพันธ์ต่างๆ ให้ตระกูล ชู่เทียนฉีเองเป็นคนติดต่อคนของประตูเมืองหลัว…


“น้องห้า ไม่โทษเจ้า” ชู่เทียนเหิงพูดเสียงเบา


“หึ หลังจากช่วยพวกเราต้านทานภัยแร้งได้ พวกเขาจะกุมอำนาจเมืองเจ็ดสี ตระกูลชู่พวกเราอยู่ใต้อำนาจของพวกเขา ช่วยพวกเขาจัดการ ตั้งใจแย่งเมืองของพวกเราไม่ว่า ยังจะให้พวกเราทำงานเพื่อพวกเขาด้วย ล้อเล่นบ้าอะไรกัน!”ชู่เทียนหลิงยิ่งทนไม่ไหว !


เมื่อไม่กี่วันก่อน หลัวชิวฟงของประตูเมืองหลัวได้พูดถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นชู่เทียนหลิงโกรธเคืองอย่างมาก และแล้วในคืนนี้ หลัวชิวฟงได้พูดอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่เยาะเย้ยความอ่อนแอของตระกูลชู่ อีกทั้งยังปนด้วยการข่มขู่ด้วย บอกให้ตระกูลชู่อย่าเอาแต่ใจ ขัดคำสั่งของประตูเมืองหลัว อย่าคิดจะอยู่อย่างสบายใจโลกตะวันตกนี้และรอบๆ นี้ด้วย!


“ชู่มู่ เจ้าเดาถูกแล้ว เจ้าพวกเศษสวะพวกนี้ ไม่ได้มาเพื่อกำจัดภัยแร้งชัดๆ!” ชู่เทียนหลิงพูดต่อ


ความสามารถของประตูเมืองหลัวกว้างขวางมาก ปกคลุมเขตโลกหลายแห่งทางด้านตะวันตก พวกเขาไม่มีทางสนใจความเป็นอยู่ของตระกูลชู่เล็กๆ นี้ อีกทั้งยังส่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิชั้นยอดมา เชื่อมโยงกับปัญหาแหล่งวิญญาณ จะรู้ได้ว่าพวกเขามาเพื่อแย่งชิงแหล่งทรัพยากร


ชู่มู่ก็รู้ดี ถ้าตอนนี้ตัวเองต้องการแหล่งวิญญาณเพื่อเลี้ยงดวงวิญญาณราชันละก็ จะต้องแย่งชิงกับอำนาจที่มีทรัพยากรสมบูรณ์อยู่แล้ว จะเกิดความขัดแย้งกับอำนาจใหญ่อยู่บ้าง


“ท่านอาสอง วันนี้หลัวถงคนนั้นหลุดปากกับข้า เหมือนความสามารถของผู้ใหญ่เหล่านั้นของพวกเขาจะไม่ธรรมดาอย่างที่เข้าใจ” ชู่อีซุ่ยพูดขึ้นเสียงเบา


เดิม ความสามารถของประตูเมืองหลัวยิ่งแข็งแกร่ง ส่งผลกระทบต่อเมืองเจ็ดสียิ่งน้อย เป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่หมาป่าประตูเมืองหลัวฝูงนี้เหมือนจะมาเพื่อกลืนกินตระกูลชู่ ต่อให้เสียเมืองพื้นที่ไป ก็ต้องได้เมืองเจ็ดสีนี้มา ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ตระกูลชู่จะปล่อยเมืองนี้ไป ไม่เป็นแรงงานให้กับประตูเมืองหลัวพวกนี้แล้ว


“อีซุ่ย เจ้าลองหลอกให้เจ้านั่นพูดออกมา เพื่อให้รู้ความสามารถของพวกเขา” ชู่เทียนหลิงบอก เขารู้ว่าชู่อีซุ่ยฉลาดตั้งแต่เด็ก เจ้าหลัวถงอย่าคิดจะเอาเปรียบเธอได้


“อ่อ ได้…” ชู่อีซุ่ยพยักหน้า


ชู่มู่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เริ่ม ตลอดที่ผ่านมาเขายังแปลกใจที่ในเมื่อคนของประตูเมืองหลัวจะมาตามหาแหล่งวิญญาณ ส่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิชั้นยอดแค่คนเดียวมา เหมือนจะไม่พอ ที่แท้ เจ้าพวกนี้ได้ซ่อนความสามารถเอาไว้


อีกทั้งชู่มู่ยังจินตนาการใบหน้าของหลัวชิวฟงกับหลัวชิวเซิงได้ จะต้องมองมาที่ตระกูลชู่ด้วยใบหน้าประหม่า แอบเยาะเย้ยความโง่เขลาของตระกูลชู่ ตัวเขาแค่เผยความสามารถออกมาเล็กน้อยส่วนหนึ่งก็ทำให้ตระกูลเล็กๆ นี้พูดไม่ออกได้


โชคดีที่ชู่มู่ก็อดทนไว้ได้ ไม่เผยความสามารถของตัวเองออกมาง่ายดาย มิฉะนั้น พวกคนของประตูเมืองหลัวจะต้องแอบวางแผนจัดการตัวเองหรือขอกำลังเสริมแน่นอน ถึงตอนนั้นชู่มู่จะจัดการพวกเขาลำบากมากขึ้นแล้ว


“แล้วก็ ผู้ช่วยของซุนหยวนมาถึงแล้ว ชู่อิง ความสามารถของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ชู่เทียนเหิงถามขึ้น


“ข้า…ข้าก็ไม่รู้ เดิมซุนหยวนบอกจะส่งขุนนางประจำตระกูลมา แต่คนที่มากลับเป็นผู้คุมวงวิญญาณวัยหนุ่มคนหนึ่งกับลูกน้องหลายคน ซุนหยวนนอบน้อมต่อวัยหนุ่มคนนั้นอย่างมาก รวมถึงผู้คุมดวงวิญญาณพวกนั้นเป็นลูกน้องของวัยหนุ่ม เรียกพวกเขาว่ารุ่นพี่อะไรนั่น” ชู่อิงบอก


“ซุนหยวนช่วยตระกูลชู่พวกเราให้ได้กิจการเรือเขตโลกทั้งสองมาอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเผยเรื่องที่ว่าตระกูลชู่ของพวกเราจะพัฒนาต่อไปได้หรือไม่ เขาไม่ธรรมดาอย่างที่เขาบอกแน่นอน” ชู่เทียนเหิงบอก


“ซุนหยวนเป็นเจ้าวิญญาณสี่ร่ายคนหนึ่ง ร่ายวิญญาณแบบนี้นับว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของเขตโลกทั้งสองแล้ว คาดว่าจะต้องเป็นบุคคลระดับคุณชายของอำนาจบางอย่าง” ชู่มู่พูดนิ่งๆ


ในเมืองเทียนเซี่ย วัยหนุ่มเจ้าวิญญาณสี่ร่ายน้อยยิ่งกว่าน้อย มาถึงระดับนี้ได้ ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ชู่มู่เดาไว้ตั้งนานแล้ว


“เจ้าวิญญาณสี่ร่าย!!!” ชู่อิงร้องขึ้น


จากที่ชู่อิงเห็น วัยหนุ่มที่อยู่ในระดับเจ้าวิญญาณได้ เก่งกาจอย่างมากแล้ว ยิ่งไม่ถึงพูดถึงเจ้าวิญญาณสี่ร่ายแล้ว! เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ซุนหยวนปิดได้อย่างมิดชิดแบบนี้


“ซุนหยวนน่าจะไม่เป็นโทษต่อพวกเรา คนที่เขาเรียกมา ก็ไม่แน่แล้ว” ชู่มู่บอก


ชู่มู่เคยเห็นคนที่ซุนหยวนส่งมา ชู่มู่เคยเห็นวัยหนุ่มคนนั้น เป็นเจ้าวิญญาณหกร่ายคนหนึ่ง นับว่าสูงจนน่าตกใจ มิน่าซุนหยวนถึงนอบน้อมแบบนั้น


ส่วนลูกน้องสามคนที่วัยหนุ่มพามา ชู่มู่ยังมองไม่ออก แต่ความสามารถของพวกเขาไม่เบาแน่นอน ส่วนเรื่องมาเพื่ออะไร ชู่มู่ยังไม่รู้ชัดแจ้ง


“นายท่าน เมืองเจ็ดสีเล็กๆ แห่งนี้ กลับมีผู้แข็งแกร่งมาจากไหนไม่รู้เยอะแยะ ไม่ต้องบอก ร้อยละเก้าสิบมาเพื่อแหล่งวิญญาณนี้ น่าจะเป็นกองหน้าที่ราชันวิญญาณพวกนั้นส่งมา ช่วงนี้มีภัยแร้งต่อเนื่อง ขณะที่ชนเผ่าขั้นหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามายังพื้นที่ของมนุษย์ พื้นที่ด้านในเผยให้เห็นทั้งหมด น่าจะมีข่าวแหล่งวิญญาณตรงนั้นกระจายออกไปแล้ว ทำให้ราชันวิญญาณพวกนั้นเกิดความสนใจ”ผู้เฒ่าหลีบอก


แหล่งวิญญาณหนึ่งล่อหมาป่าได้เยอะขนาดนี้ ท่าทางแหล่งวิญญาณราชันนี้เป็นที่แย่งชิงจริงด้วย


“หนึ่งพันวิญญาณ น่าจะสร้างราชันสิบในร้อยได้และเอาไว้เลี้ยงราชันตอนไม่ต่อสู้สามปี แหล่งวิญญาณนั้นมีวิญญาณนับพันต่อครั้ง อีกทั้งมากกว่านั้น หลังจากนั้นจะมีวิญญาณนับร้อยในแต่ละเดือน มีความหมายมากเพียงใด นายท่านน่าจะรู้ดี ห้ามให้มันตกอยู่ในมือคนอื่นเด็ดขาด”


เดิมแหล่งวิญญาณน้อยมากอยู่แล้ว ชู่มู่ยังต้องเลี้ยงดูราชันฝูงใหญ่ โดยเฉพาะปัญหาของมังกรจำศีลน้อย ไม่ว่าอย่างไร ชู่มู่ก็จะไม่ปล่อยให้อำนาจอื่นแย่งไป!


————————————————————-

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม