Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 589-600

 ตอนที่ 589 ระบบราชันวิญญาณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ต่อให้ชู่มู่นำเกียรติขั้นสองให้เย้หวันเชิง ทว่า คนในเมืองเทียนเซี่ยต่างรู้ดี วัยหนุ่มผิดธรรมชาติชู่เฉิงตำหนักวิญญาณยังคงเป็นเจ้าของเกียรติสุดท้ายทั้งสอง


เย้หวันเชิงเองก็หน้าด้าน ไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของเขาก็เพื่อรับฟังคำสั่งเสียของอาจารย์ คนอื่นจะพูดอะไรก็ตาม เขาก็ไม่สนใจแล้ว


แน่นอนว่า เย้หวันเชิงได้ตัดสินใจแล้ว หลังจากได้คำสั่งเสียของอาจารย์ จะเริ่มฝึกอย่างหนักแล้ว โดยเฉพาะทุกครั้งที่เห็นชู่มู่ สายตาเจ็บปวดของเขา แสดงให้เห็นถึงอารมณ์อิจฉาอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ตอนที่ตัวเองเจอชู่มู่ในวันข้างหน้าแล้วเขาดูไร้ค่าแบบนี้ ดังนั้น เขาจะสู้สักตั้ง


ชู่มู่เองก็ไม่รู้ว่า คำสั่งเสียอาจารย์ของเย้ชิงจือกับเย้หวันเชิงคืออะไร คาดว่าน่าจะเป็นสมบัติอันล้ำค่า อีกทั้งเย้หวันเชิงเองก็เคยพูดไว้ว่า แค่ได้คำสั่งเสียของอาจารย์มา ไม่แน่อีกไม่กี่ปี ชู่มู่จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว


ประโยคนี้ทำให้ชู่มู่ประหลาดใจอย่างมาก อย่างน้อยเย้หวันเชิงก็รู้ความสามารถของตัวเอง ความสามารถของคนปกติจะยิ่งห่างกันมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ทำให้ชู่มู่ไม่แน่ใจว่า เจ้าเด็กนี่พูดเพ้อเจ้อเกินจริงหรือมีที่พึ่งพาจริง ๆ


เกียรติใหญ่ทั้งสองประกาศในเวลาเดียวกัน ในวันที่สิบหลังจบด่านที่สิบ


หลังจากการแข่งขันจบลง ชู่มู่เองก็ได้พักผ่อนเต็มที่ ดวงวิญญาณอื่นก็ได้ปรับตัวแล้ว มังกรวายุอลวนได้กินดีอยู่ดีตลอดสิบวัน มีเนื้องอกออกมาบ้าง ความสามารถฟื้นกลับมาค่อนข้างไว


มีเพียงหลังจากผ่านการต่อสู้ต่อเนื่อง มั่วเย้กลับขี้เซามากขึ้น ออกมาเดินเล่นในภาวะอาวรณ์บ้าง หมอบอยู่บนไหล่ของชู่มู่ด้วยความง่วง


พฤติกรรมนี้ทำให้ชู่มู่แปลกใจ เพราะว่าหลังจากลอกคราบเป็นระดับราชัน มั่วเย้กลับขี้เกียจ ต่างจากตอนปกติที่เจ้านี่เวลาไม่มีอะไรทำจะไปก่อกวนนู่นนี่นั่น


“ผู้เฒ่าหลี เกิดอะไรขึ้น” ชู่มู่ถามขึ้น


“ปกติมาก ดวงวิญญาณระดับราชันขี้เซาหมด ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกกับเจ้าแล้ว แรงกายของดวงวิญญาณระดับราชันไม่ได้ฟื้นได้จากการพักผ่อน พลังของมันแข็งแกร่งอย่างมาก เท่ากับว่าปริมาณอาหารที่มันกินจะเยอะมาก อีกทั้งพวกมันไม่กินของธรรมดา อย่างแรก เศษวิญญาณน่าจะไม่มีประโยชน์ต่อพวกมันแล้ว”ผู้เฒ่าหลีบอก


“เศษวิญญาณไม่มีประโยชน์แล้วงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นกินอะไร หรือว่ากินผลึกวิญญาณ” ชู่มู่เบิกตาถามขึ้น


เศษวิญญาณเป็นอาหารตลอดกาลของดวงวิญญาณ แต่ทำไมพอถึงระดับราชัน เศษวิญญาณกลับไร้ประโยชน์ และถ้าดวงวิญญาณระดับราชันกินแค่ผลึกวิญญาณ จะรับไหวได้อย่างไร !


ผลึกวิญญาณขั้นเก้าเม็ดหนึ่งมีราคาหลายร้อยล้าน ผลึกวิญญาณขั้นสิบหลายสิบล้าน ส่วนมั่วเย้มีหมวดเยอะขนาดนั้น ยิ่งรับไม่ไหว ราคาของผลึกวิญญาณจะทวีคูณมาก


“หรือว่าเจ้าไม่เห็นว่า วัตถุวิญญาณขั้นสิบ สิ่งของขั้นสิบที่ว่า เจ้าจะได้มาตอนที่อยู่ในระดับจักรพรรดิแล้ว” ตอนที่ผู้เฒ่าหลีพูด มันได้ลูกเคราของตัวเองนั้นด้วย ทำท่าทีกำลังจะสั่งสอน


ประโยคนี้ของผู้เฒ่าหลีเป็นความจริง ตอนที่มั่วเย้อยู่ในจักรพรรดิขั้นกลาง ได้ใช้สิ่งของในขั้นเก้าระดับหนึ่งแล้ว คาดว่าพอถึงจักรพรรดิชั้นยอด น่าจะต้องใช้วัตถุวิญญาณขั้นสิบ สิ่งของขั้นสิบ


“ท่าทางเจ้าจะเข้าใจแล้ว ความจริงการแบ่งขั้นสิบเป็นการแบ่งของระดับที่ต่ำกว่าราชัน ขั้นสิบหมายถึงจักรพรรดิขั้นสูง จักรพรรดิชั้นยอด รวมถึงพลังของทักษะและทักษะด้วย โดยปกติจักรพรรดิขั้นสูงกับจักรพรรดิชั้นยอดจะปล่อยทักษะพลังขั้นสิบออกมาได้ อีกทั้งรวมถึงโลกอลวนก็เป็นแบบนี้ แน่นอนว่า ปกติโลกอลวนขั้นเก้ากับสิบจะมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งถึงระดับราชันอยู่”ผู้เฒ่าหลีบอก


“ถ้าอย่างนั้นหลังจากระดับราชัน มีการแบ่งแบบอื่นอีกไหม” ชู่มู่ถามขึ้นอย่างจริงจัง


“เรื่องนี้ย่อมเป็นธรรมดา อย่างแรก ระดับราชันแข็งแกร่งกว่าระดับจักรพรรดิมากเกินไป วัตถุวิญญาณในขั้นสิบก่อนหน้านั้น แทบจะเพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณระดับราชันได้เล็กน้อย รวมถึงวัตถุวิญญาณที่ทำให้ดวงวิญญาณเติบโตไวขึ้นเหล่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ขายในสถานแลกเปลี่ยนและอำนาจต่าง ๆ เจ้าไม่ต้องไปดูแล้ว คัดออกได้แล้ว” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างผู้มากประสบการณ์


ชู่มู่จ้องเขม็งไปยังเจ้าแก่นี่แล้วพูดขึ้น “ทำไมถึงไร้ประโยชน์ ข้ามีแค่มั่วเย้เหรอ !”


“แคะ แคะ…เกือบลืมไปแล้ว ดวงวิญญาณอื่นของเจ้ายังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ความสามารถห่างกันมากเกินไปแล้ว” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างอึดอัด” อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่ในขั้นสิบ ไม่มีประโยชน์ต่อมั่วเย้มากเท่าไรแล้ว…แน่นอนว่า ผลึกวิญญาณขั้นเก้ากับขั้นสิบนำมากินเป็นข้าวได้…”


“….” ชู่มู่หน้ามืดทันที


ผลึกวิญญาณขั้นเก้ากับสิบล้วนเป็นของที่มีราคาหลายร้อยล้าน เดิมมั่วเย้ก็ชอบกิน ขี้อ้อนอยู่แล้ว ให้มันกินของพวกนี้แทนข้าว อย่างนั้นชู่มู่จะล้มละลายแล้ว !


“ถ้าอย่างนั้นต้องให้ราชันกินอะไรถึงจะเหมาะสม” ชู่มู่ถามขึ้น


“มีสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณ ความจริงวิญญาณมีหลายรูปแบบ ผลึกเครื่องใน เศษวิญญาณ ผลึกวิญญาณที่ผ่านการสลายจากธรรมชาติ แล้วกลายเป็นผลึกพลังงานที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าชนิดหนึ่ง ผลึกพลังแบบนี้มีขายในตลาดเหมือนกัน ราคาไม่ต่างจากผลึกวิญญาณขั้นเก้ากับสิบเท่าไร…”


“วิญญาณมีอย่างจำกัด พูดได้ว่า ในเขตโลกที่ค่อนข้างเล็ก จะมีแหล่งผลิตวิญญาณแค่หนึ่งจุด อีกทั้งอาจทำให้ดวงวิญญาณราชันไม่หิวเท่านั้น” ผู้เฒ่าหลีบอก


“ถ้าวิญญาณไม่พอ ก็กินผลึกวิญญาณแทน…” ชู่มู่ถามต่อ


“ผลึกวิญญาณขั้นเก้ากับสิบกินได้ แต่วิธีนี้เป็นแผนสำรอง ผลึกวิญญาณขั้นเก้ากับสิบเน้นไปทางพลังงาน พูดได้ว่าเหมือนหมันโถที่ทำให้อิ่มถึงอิ่มมากได้ แต่สารอาหารที่ดูดซึมได้จากในนั้นกลับไม่มาก กินเป็นครั้งเป็นคราวไม่เป็นอะไร แต่ถ้ากินเยอะแล้ว จะทำให้พลังของดวงวิญญาณราชันลดลง และดวงวิญญาณราชันแบบนี้ นับว่าเป็นพวกที่แก่แล้ว หรือถ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจะรักษาไม่หาย” ผู้เฒ่าหลีบอก


พลังของผลึกวิญญาณขั้นเก้ากับสิบไม่ใช่ไม่พอ แต่ไม่เหมาะกับนำมาเป็นอาหาร


“หลังจากถึงระดับราชันแล้ว กฎธรรมชาตินี้ยิ่งเผยให้เห็นมากขึ้น หนึ่งในสาเหตุที่สำคัญที่สุดก็เป็นเพราะการแย่งชิงวิญญาณนี้ ส่วนการแลกเปลี่ยนระหว่างราชันวิญญาณ น่าจะนำวิญญาณเป็นสื่อการแลกเปลี่ยน เพราะสิ่งนี้ไม่มีทางที่จะราคาตก ไม่มีดวงวิญญาณราชันตัวใดไม่ต้องกินข้าว” ผู้เฒ่าหลีบอก


“ทำไมเป็นแบบนี้ ดวงวิญญาณราชันกลับมีปัญหาเรื่องอาหารมากขึ้น” ชู่มู่พูดอย่างตกใจ


ดวงวิญญาณระดับราชันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร เหล่าดวงวิญญาณตัวเล็กในป่ากลับจัดการเรื่องอาหารได้ไม่ยาก แต่ดวงวิญญาณระดับราชันกลับต้องกังวลเรื่องอาหาร


ผู้เฒ่าหลีเองก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “กฎของดวงวิญญาณเป็นไปอย่างยุติธรรม สิ่งที่เห็นชัดมากที่สุดคือ ดวงวิญญาณอ่อนแอกินอะไรก็อยู่รอดได้ แต่ดวงวิญญาณราชันกลับไม่ใช่แบบนั้น”


“กฎนี้ทำให้ดวงวิญญาณราชันส่วนใหญ่ครองความเป็นใหญ่ในภูเขาบางแห่ง หรือโลกอลวนของพวกเจ้านั่นเอง”


“อย่างแรก โลกอลวนที่มีดวงวิญญาณระดับราชันอยู่ จะต้องมีทรัพยากรวิญญาณที่สมบูรณ์ ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้ว วิญญาณเกิดจากแหล่งธรรมชาติมากมายของผลึกธาตุ ผลึกเครื่องใน เศษวิญญาณ ผลึกวิญญาณ ผลึกหินต่าง ๆรวมกัน อีกทั้งโอกาสที่จะพบเจอมีไม่มาก เช่นนี้ ระบบนิเวศของโลกอลวนหนึ่งยิ่งสมบูรณ์ยิ่งใหญ่มากเท่าไร โอกาสที่จะมีวิญญาณก็จะมากขึ้นเท่านั้น ปกติดวงวิญญาณราชันจะครอบครองพื้นที่มหาศาล ทำให้กลุ่มดวงวิญญาณอื่นจำยอม แล้วให้กลุ่มเหล่านี้มอบอาหาร และวิญญาณมาให้”


พอผู้เฒ่าหลีพูดแบบนี้ ชู่มู่เข้าใจดวงวิญญาณราชันขึ้นมาบ้างแล้ว


แต่ว่าชู่มู่ประหลาดใจมาก หรือว่าระหว่างดวงวิญญาณราชันจะไม่เกิดการต่อสู้บ่อยครั้งเหรอ มีเพียงการต่อสู้ถึงจะเพิ่มความสามารถ แข็งแกร่งมากขึ้นได้


ในตอนนี้ชู่มู่ได้บอกความสงสัยของตัวเองออกมา


“ดวงวิญญาณราชันก็คือราชัน เป็นเจ้าแห่งเมือง นอกจากจะเกิดการแย่งชิงพื้นที่รุนแรง โดยปกติดวงวิญญาณราชันจะไม่ลงมือ อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์มากเพียงใด ก็จะไม่มีราชันตัวใดบอกว่า ทรัพยากรวิญญาณของตัวเองมีมากพอ อีกทั้ง ยิ่งความสามารถแข็งแกร่ง ยิ่งต้องการวิญญาณมากเท่านั้น และการต่อสู้แต่ละครั้ง ต้องใช้แรงกายอย่างมาก ต่อให้แรงกายของดวงวิญญาณราชันมากกว่าดวงวิญญาณอื่นมาก แต่เจ้าคิดดู ถ้าเผชิญหน้ากับศัตรูนับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นดวงวิญญาณราชันก็จะหมดลงได้เช่นกัน….พวกมันแข็งแกร่งมาก ขณะเดียวกัน กลับไม่เปลืองแรงกายเพื่อการต่อสู้ที่ไร้ความหมาย อีกทั้งไม่ยอมที่จะได้รับบาดเจ็บ เพราะทันทีที่ได้รับบาดเจ็บ ราชันตัวอื่นอาจอาศัยโอกาสนี้เข้ามายึดพื้นที่ แย่งแหล่งทรัพยากร”


ตอนที่ผู้เฒ่าหลีพูด ชู่มู่ก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง


“แน่นอนว่า ถ้ามีผู้คุมดวงวิญญาณละก็ ทั้งหมดนี้จะไม่เหมือนกัน มนุษย์ได้ก่อเป็นระบบการแลกเปลี่ยนที่ใหญ่มาก ถ้าราชันวิญญาณมีเงินละก็ จะซื้อวิญญาณได้ อีกทั้งมนุษย์จะคิดวิธีสร้างและเจอวิญญาณได้ง่ายขึ้นด้วย เช่นนี้ดวงวิญญาณราชันที่ทำสัญญาวิญญาณกับมนุษย์จะต่อสู้บ่อยขึ้น…”


“แต่ว่าต่อให้เป็นดวงวิญญาณราชันแบบนี้ก็อาจทำลายการเงินของผู้คุมดวงวิญญาณได้ อีกทั้งมีผู้คุมดวงวิญญาณบางคนรับภาระนี้ไม่ไหว จำต้องปล่อยดวงวิญญาณราชันไปในที่สุด ดังนั้น นายท่านเจ้าต้องทำใจให้ดี สิ่งที่เรียกว่าวิญญาณ ราคาแพงมากจริง ๆ อีกทั้งหายากมาก” ผู้เฒ่าหลีบอก


“แล้วก็ทำไมคนที่มีดวงวิญญาณราชันมักจะได้ตำแหน่งเร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เจ้าโลก ความจริงเจ้าโลกเป็นพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทรัพยากรวิญญาณจะถูกเจ้าโลกดักไว้หมดอยู่แล้ว เมื่อผ่านการดักไว้แบบนี้ เจ้าโลกมั่นใจได้ว่า ตัวเขาจะเลี้ยงดวงวิญญาณระดับราชันได้แน่นอน นายท่านในตอนนี้ยังไม่รู้ว่า ดวงวิญญาณระดับราชันกินได้ขนาดไหน ผ่านไปสักพักเจ้าจะรู้…แล้วก็ มังกรจำศีลน้อยของท่าน…กินเก่งมากเช่นกัน”


ชู่มู่ยิ้มแบบฝืน ๆ ท่าทางหลังจากนี้ตัวเองต้องหาเงินให้ดวงวิญญาณระดับราชันของตัวเองอย่างบ้าคลั่งแล้ว


สิ่งเดียวที่โชคดีคือ แหวนช่องว่างของเด็กสาวทรยศ ที่มีสิ่งที่คล้ายกับผลึกวิญญาณแต่ก็ไม่ใช่ นั้นคือวิญญาณนั่นเอง วิญญาณเหล่านี้พอจะเป็นปริมาณอาหารของมั่วเย้ได้สองเดือน


ตอนที่ 590 ตำหนักแห่งเกียรติยศ ที่จับตามองของคนนับหมื่น

โดย

Ink Stone_Fantasy

ในภาวะปกติ หนึ่งวิญญาณเป็นปริมาณอาหารหนึ่งวันของระดับเทียบเท่าราชัน ที่น่าตกใจคือ ราคาของหนึ่ง วิญญาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้าน ที่สำคัญที่สุดผู้คุมดวงวิญญาณน้อยคนที่จะนำทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดอย่างวิญญาณไปแลกเป็นเงินทอง


ในเวลาปกติ จะใช้วิญญาณแลกเป็นเงิน ส่วนเงินแทบไม่สามารถซื้อวิญญาณได้ ราคาของมันจะทวีคูณขึ้น อีกทั้งตามที่ทรัพยากรวิญญาณที่ไม่มั่นคง ราคาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วย ในตอนที่ขาดตลาด เคยเกิดเหตุการณ์ที่แม้แต่พันล้านก็ซื้อหนึ่งวิญญาณไม่ได้


หลังจากได้ยินตัวเลขอันน่ากลัวนี้ ชู่มู่นิ่งอึ้งทันที ถ้าอย่างนั้นในการให้อาหารมั่วเย้ชู่มู่จำต้องใช้เงินหนึ่งร้อยล้านทุกวัน อีกทั้งยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ทันที !


ชู่มู่นับว่าเป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่ค่อนข้างมั่งคั่งหลังผ่านการประลองฟ้าดิน ในเวลาปกติตัวเขาไม่มีโอกาสไปได้เงินทุนมหาศาลขนาดนั้น อีกทั้งยังต้องใช้หนึ่งวิญญาณทุกเดือน !


“นี่ยังเป็นแค่การจ่ายเพื่อไม่ให้ดวงวิญญาณระดับราชันหิว ถ้าต่อสู้บ่อยครั้ง หรือคิดจะให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น ต้องใช้เงินมากกว่านี้อีก ดังนั้นก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกกับเจ้าไว้ ผู้คุมดวงวิญญาณหลายคนจะถูกดวงวิญญาณระดับราชันรั้งเอาไว้ อยู่ในระดับเดิมทั้งชีวิต ไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้” ผู้เฒ่าหลีบอก


พอผู้เฒ่าหลีพูดแบบนี้ ชู่มู่เหงื่อตกทันที


ต้องรู้ว่าตัวเขาจะมีดวงวิญญาณระดับราชันสามตัวในไม่ช้านี้แล้ว ถ้าอย่างนั้น ดวงวิญญาณเหล่านี้ไม่ต่อสู้ ชู่มู่ก็ต้องเสียเงินสามร้อยล้านทุกวัน ! ก่อนหน้านี้ไม่นานชู่มู่ยังสู้เพื่อเก็บเงินหลายร้อยล้านนี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นค่าใช้จ่ายรายวันในพริบตา !


“นายท่านไม่ต้องห่วง ผู้คุมดวงวิญญาณต้องผ่านเรื่องแบบนี้ ค่าใช้จ่ายสูงจริง แต่จากไหวพริบของนายท่าน คาดว่าจะมีรายได้มหาศาลเช่นกัน แหวนช่องว่างของผู้หญิงคนนั้นมีวิญญาณประมาณหกสิบอัน ในสองเดือนนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องวิญญาณ หลังจากสองเดือนแล้ว นายท่านต้องจัดการเรื่องอาหารของดวงวิญญาณก่อน” ผู้เฒ่าหลีบอก


หลังจากระดับราชัน ทรัพยากรหายากยิ่ง นี่ทำให้เห็นภาวะปกติที่สุดหลังจากความสามารถแข็งแกร่งขึ้น มิฉะนั้น ไม่ว่าใคร ๆ ก็มีดวงวิญญาณระดับราชันได้ แล้วจะเกิดช่องว่างระหว่างจักรพรรดิกับราชันได้อย่างไร



ผู้เฒ่าหลีพูดเยอะนาดนี้ นับว่าเป็นการเตือนสติชู่มู่


ในเมื่อยังจัดการปัญหาเรื่องอาหารได้ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นวัตถุวิญญาณบางอย่างที่จะเพิ่มความสามารถดวงวิญญาณระดับราชันนี้ จะมีโอกาสน้อยกว่าเดิม คาดว่าต่อจากนี้ ชู่มู่จะเพิ่มความแข็งแกร่งมั่วเย้ให้อยู่ในราชันขั้นกลาง ราชันขั้นสูงจะยากขึ้นมาก อีกทั้งการแข่งขันเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่ง อย่างไรสิ่งที่ชู่มู่จะต้องเผชิญคือผู้แข็งแกร่งมนุษย์และในป่า เจ้าแห่งพื้นที่ !


ปัญหาเหล่านี้ ชู่มู่ไม่คิดก่อน


เพราะประกาศเกียรติของด่านที่สิบจะมาถึงแล้ว


เรื่องที่ชู่มู่ได้รางวัลเกียรติสุดท้ายนี้ ยังเกิดเรื่องอยู่บ้าง บางคนในฝ่ายจัดการประลองคิดจะห้ามชู่มู่เข้าแข่งขัน ไม่ให้เกียรตินี้กับเขา


หลังจากด้วยอำนาจของตำหนักวิญญาณ พวกเขาก็ไม่กล้าไม่ให้ ทั้งหมดนี้เป็นบุญคุณของท่านอาวุโสที่ชู่มู่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน


เกียรติสุดท้ายของการประลองฟ้าดิน คือคนที่เป็นตัวแทนแข็งแกร่งที่สุดของวัยหนุ่ม ตอนที่เหยียบบนเวทีอันเป็นที่จับตามองของคนนับหมื่นนี้ มองไปยังลานกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คน มองไปยังสีหน้าคลั่งไคล้ของผู้คนนับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นชู่มู่ที่มีความนิ่งผิดปกติยังรู้สึกสะเทือนใจบ้าง


ด่านฟ้าดิน เขตโลกสิบกว่าแห่ง ทุกเขตโลกมีเขตเมืองสิบกว่าอัน และภายใต้เขตเมืองนี้ มีเมืองขั้นแปดนับหมื่น


ส่วนตัวเองกลับมาจากเมืองขั้นแปดที่ไม่เป็นที่สนใจที่สุด ค่อย ๆ ก้าวมาจนมีวันนี้ อยู่ในจุดสูงสุดของรุ่นวัยหนุ่มนี้ มีใครจะไม่สะเทือนใจบ้าง


เขาสามารถเป็นที่โดดเด่นในรุ่นวัยหนุ่มได้ ถ้าอย่างนั้นในอนาคต จะก้าวไปในตำหนักสีทองนั้นได้หรือไม่ ชิงบัลลังก์ราชานั้น !


เสียงโห่ร้องราวกับฟ้าร้องดังขึ้นข้างหูชู่มู่ ชู่มู่ได้ยินเสียงของคนนับแสนที่วิพากย์วิจารย์ตัวเอง !


“ชู่เฉิงเป็นใครกันแน่ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครรู้เหรอ หรือว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่มาจากเมืองว่านเซี่ยง”


“ข้าได้ยินมาว่า ชู่เฉิงไม่มีเบื้องหลังอะไร ดวงวิญญาณราชันของเขามาจากเมืองต้องห้ามหมด ตอนอยู่ด่านที่สองได้ยินว่าชู่เฉิงได้บุกเข้าโลกอลวนด่านที่หนึ่งที่มีความยากสูงยิ่ง ได้สมบัติชั้นยอดที่เพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิให้เป็นระดับราชันอันหนึ่ง…เดิมเขามีเวลามากกว่านี้ที่ทำให้ดวงวิญญาณอื่นของเขาแข็งแกร่งขึ้นผ่านดวงวิญญาณระดับราชันตัวนี้ แต่ว่าเป็นเพราะการประลองฟ้าดินที่เร่งรีบ ทำให้เขาต้องรีบกลับมา สุดท้ายจึงนำไม้ตายนี้ออกมา !”


“พูดเพ้อเจ้อไป วัยหนุ่มไม่มีทางเดินไปมาในพื้นที่ของระดับราชันได้ อีกทั้งวัตถุวิญญาณราชันหายากยิ่ง ต่อให้มีก็จะมีดวงวิญญาณระดับราชันเฝ้าอยู่ ชู่เฉิงไม่มีทางได้มาแน่นอน ต่อให้ดักรอกี่ปีก็ไม่มีทาง ดวงวิญญาณระดับราชันนี้เขาได้มาเพราะมีรุ่นก่อนช่วยเขาเพิ่มความแข็งแกร่งแน่นอน”


เรื่องที่ชู่มู่มีดวงวิญญาณระดับราชัน กลายเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันในเมืองนี้ อีกทั้งมีคนไม่น้อยที่แต่งตำนานให้ชู่มู่ แม้แต่ดวงวิญญาณทั้งหมดของชู่มู่ยังอยู่ในตำนานนี้ด้วย สมจริงจนชู่มู่เองยังตกใจ


ส่วนใหญ่เป็นข่าวลือในเมือง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคนธรรมดาอาศัยอยู่ ส่วนเหล่าวัยหนุ่มของวังมารนิรย วังดวงวิญญาณ วังดวงวิญญาณและตำหนักวิญญาณ พวกเขาต่างมีเบื้องหลังที่ทรงอำนาจอยู่ ความสามารถแข็งแกร่งมาก สุดท้ายพวกเขากลับไม่ใช่ผู้ได้เกียรติแม้แต่คนเดียว


ในตำหนักวิญญาณ พวกคนที่เคยร่วมมือกับชู่มู่อย่างซ่างเหิง ถิงหลัน จ้าวเฉิง หลีจ่าน พวกคนที่ชื่นชมชู่มู่เหล่านี้ ต่างแสดงความประทับใจออกมาในตอนที่ชู่มู่ยืนอยู่บนเกียรติสุดท้ายของด่านที่สิบ


“ตอนเห็นเขาครั้งแรก ความสามารถของเขาก็ค่อนข้างโดดเด่นในขั้นที่สาม และแล้วกระโดดข้ามขั้นจนอยู่ในขั้นหนึ่ง…” ถิงหลันรู้จักชู่มู่คนแรก ความสามารถที่ข้ามขั้นเกินจริงแบบนี้ของชู่มู่ทำให้เธอตกใจอย่างมากจริง ๆ


“ฮะ ฮะ ตอนแรกข้าไม่คิดว่า ที่แท้หัวหน้าเป็นบุคคลฝ่ากฎธรรมชาติอย่างโอรสของพวกเรา โอรสของพวกเราเป็นถึงตำนานเทพ ครั้งนี้ชู่เฉิงได้เกียรติสุดท้าย สร้างตำนานเทพอีกอันให้ตำหนักวิญญาณของพวกเราแล้ว หลังจากนี้ต้องเอาอกเอาใจหน่อยแล้ว” จ้าวเฉิงหัวเราะออกมา


นายท่านที่แปดตำหนักวิญญาณฟางเจ๋อ เขามีความสามารถผิดปกติเช่นกัน และแล้วเมื่อเผชิญกับชู่มู่ที่อัญเชิญดวงวิญญาณระดับราชันออกมาได้ เขากลับทำสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา


นายท่านฟางเจ๋อเก็บตัวนานมากแล้ว ความจริงความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าโอรสน้อยวังมารนิรยเจียงอี้เถิงอีก เขาเก็บตัวมาตลอด ก็เพื่อระเบิดความสามารถในด่านที่เก้านี้ แล้วคว้าเกียรติสุดท้ายขั้นสองนี้


และแล้ว เจ้าชู่มู่ปรากฏตัว แม้แต่คนอย่างเขายังต้องถอยออกไป สุดท้ายเกียรตินี้กลับตกอยู่ในมือผู้คุมดวงวิญญาณไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง


“เจ้าชู่เฉิง ต้องผูกมิตรแล้ว” มองดูตำแหน่งเกียรติที่ควรจะเป็นของตัวเองกลับมีคนอื่นยืนอยู่ ฟางเจ๋อเองอัดอั้นเนิ่นนานถึงพูดคำนี้ออกมา


จ่านหงที่ยืนอยู่ข้างนายท่านฟางเจ๋อมีสีหน้าอึดอัดอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า เขาเป็นเพราะไม่รู้จักการมองคน ในช่วงแรกเกิดความขัดแย้งกับชู่มู่ ทำให้เขาเริ่มกังวล คิดอยู่ว่าจะเข้าไปขอโทษตอนไหนดี


จ่านหงเย่อหยิ่งมาตลอด นอกจากนายท่านที่แปดฟางเจ๋อแล้วเขาแทบไม่เคารพคนอื่นเท่าไร ตอนนี้แม้แต่นายท่านที่แปดยังต้องนอบน้อม เขาจะกล้าเห็นต่างเรื่องชู่มู่ได้อย่างไร


ส่วนด้านวังมารนิรย หลังจากสามผู้แข็งแกร่งขั้นสองของวังมารนิรยพ่ายแพ้ให้กับชู่มู่แล้ว พวกเขาทั้งสามคนได้รวมหัวกัน คิดจะสั่งสอนชู่มู่หลังจากจบการประลองครั้งนี้


แต่ว่าชู่มู่ในตอนนี้ได้เข้าสู่ขั้นที่หนึ่ง อีกทั้งในขั้นที่หนึ่งแทบไม่มีคนเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ นี่ทำให้เจียงอี้เถิง ซิงหยาง ลู่ซานหลีตบหน้าตัวเอง


“พวกเจ้าจัดการเถอะ ข้าไม่อยากเข้าร่วมแล้ว ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับคนที่มีดวงวิญญาณระดับราชัน” ลู่ซ่านหลีออกจากแผนการนี้ก่อน


ในตอนที่ฝ่ายตรงข้ามมีแค่มารนิรยขาว จัดการลู่ซานหลีได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ลู่ซานหลีแค้นชู่มู่อย่างมาก แต่เขายังรู้ตัวดี


“หน็อยแน่ ด้วยอำนาจของพวกเราในวังมารนิรย คิดว่าพวกเราใช้เจ้าวัง ผู้อาวุโสจัดการเขาไม่ได้เหรอ” เจียงอี้เถิงเกลียดชู่มู่อย่างมากแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นชู่มู่ยืนอยู่บนเวทีแห่งเกียรติยศขั้นที่หนึ่ง จึงรู้สึกโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา !


“โอรสน้อย…นี่ ข้าก็ไม่เข้าร่วมแล้ว” ซิงหยางพูดเสียงเบา


เจียงอี้เถิงเห็นซิงหยางไม่คิดจะเล่นลับหลัง ยิ่งโกรธมากขึ้น “ขี้ขลาดแบบนี้ ยากที่จะเจริญได้ ไม่กำจัดคนแบบนี้ทิ้ง ต่อไปจะเป็นอุปสรรคให้พวกเราแน่นอน !”


ลู่ซานหลีกวาดตามองไปยังเจียงอี้เถิง ผู้แข็งแกร่งวังมารนิรยที่มีเบื้องหลังไม่มากเท่าไรอย่างซิงหยางอาจกลับเจียงอี้เถิง แต่ตำแหน่งของลู่ซานหลีไม่ต่ำ เขาไม่กลัวเจียงอี้เถิง พูดอย่างเยือกเย็นว่า “อุปสรรคของพวกเรางั้นหรือ เจ้าประเมินตัวเองสูงไปจริง ๆ อีกไม่นาน ไม่กี่ปีเจ้าจะถึงอายุสามสิบแล้ว ตอนนี้วิญญาณของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังมีหวังจะเข้าสู่ราชันวิญญาณหรือได้ดวงวิญญาณระดับราชันก็โชคดีมากแล้ว ส่วนชู่เฉิง เขาไม่มีทางเป็นอุปสรรคของพวกเราแล้ว เพราะพวกเราไม่มีวันจะอยู่ในระดับเดียวกับเขาอีกแล้ว”


ลู่ซานหลีไม่ได้เยาะเย้ยคนอื่นเพื่อเชิดชูตัวเอง แต่เขารู้ดีว่า ความหมายของจักรพรรดิกับราชันต่างกันมาก โดยเฉพาะชู่มู่ในตอนนี้ทะยานขึ้น มีราชันสองตัว เกรงว่าอีกไม่นาน เจ้าโลก เจ้าวัง เจ้าตำหนัก และราชันบางคนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชู่มู่แล้ว ส่วนคนอย่างพวกเขา เกรงว่ายังวนเวียนอยู่ในจักรพรรดิชั้นยอด


พวกเขาทั้งสามคน จากเกียรติสุดท้ายขั้นสองตกลงก้นเหวทันที อีกทั้งต้องคว้าตำแหน่งขั้นสองกลับมา แล้วมุ่งหน้าสู่ขั้นแข็งแกร่งที่สุดในขั้นที่หนึ่ง แล้วเป็นจุดบอดอันใหญ่ที่สุดและโหดร้ายที่สุดระหว่างราชันกับจักรพรรดิ


ระยะห่างกับชู่มู่มหาศาลแบบนี้ นอกจากชู่มู่จะเจอกับอุปสรรคครั้งใหญ่แล้ว พวกเขาไม่มีทางอยู่ในระดับเดียวกับชู่มู่แน่นอน


ความสามารถที่ต่างกันขนาดนี้ เรื่องแก้แค้น ยังจะกล้าพูดอีกเหรอ


ตอนที่ 591 วงการราชัน พันธมิตรของชู่มู่

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ชู่มู่ รอถึงตอนที่ชิงบัลลังก์เจ้าฟ้าดินในครั้งหน้า ข้าจะเก็บบัลลังก์เจ้าไว้ ที่นั่งอสูรทั้งสี่จะให้เจ้า” เย้หวันเชิงยักไหล่ ยืนขึ้นแล้วพูดกับชู่มู่ที่ยืนอยู่บนเวทีเกียรติยศสีทองอร่าม


ชู่มู่มองเขม็งไปยังเย้หวันเชิง ยักคิ้วถามขึ้น “คำสั่งเสียอาจารย์ของเจ้าคืออะไรกันแน่ ที่ทำให้เจ้ากล้าพูดจาแบบนี้”


“แหะ แหะ ความลับ !” เย้หวันเชิงยิ้มอย่างลึกลับ เต็มไปด้วยความมั่นใจ


เย้หวันเชิงไม่บอก ชู่มู่ถามเย้ชิงจือก็ได้


“ที่นั่งทั้งสี่ปรากฏตัวแล้ว” ในตอนนี้เย้หวันเชิงพูดกับชู่มู่เสียงเบา


ชู่มู่มองไปยังชายทั้งสี่ที่สวมชุดหรูหราทันที


คนที่มีอายุมากที่สุดในที่นั่งทั้งสี่คือ ไห่ชิววังดวงวิญญาณ ปลายตามีรอยย่นเล็กน้อย รองลงมาคือเย้เทาวังมารนิรย ต่อมาคือ ผู้อาวุโสถิง คนที่อายุน้อยที่สุดคือ เทียนทิง


ทั้งสี่คนไม่ได้เดินเข้ามาทันที แต่กลับเดินไปยังฝูงผู้คนที่มีตำแหน่งสูงส่งเช่นกันอีกกลุ่ม


“ตำแหน่งของที่นั่งทั้งสี่สูงกว่าผู้ที่มีระดับสิบ คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างเป็นตัวแทนเจ้าโลกในเขตโลกต่าง ๆ ของการประลองเทียนเซี่ยหรือเป็นตัวแทน อีกทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสิบของอำนาจทั้งสี่ พวกเขาแต่ละคนอยู่ในระดับราชันวิญญาณ อีกทั้งมีดวงวิญญาณระดับราชัน” เย้หวันเชิงยืนอยู่บนเวทีกลับไม่นิ่ง แต่พูดคุยกับชู่มู่ตลอด


แน่นอนว่า ระหว่างที่คุย เย้หวันเชิงยังคงเชิดหน้าไปยังลานกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คนด้านล่างด้วย


ชู่มู่มองไปยังเหล่าราชันวิญญาณที่นั่งอยู่ในที่สูง นอกจากเจ้าโลกของเขตโลกต่าง ๆ แล้ว เจ้าตำหนักวิญญาณ เจ้าวังมารนิรย เจ้าวังดวงวิญญาณ ทุกคนอยู่ที่นั่นด้วย เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้เป็นตัวแทนกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองเทียนเซี่ยนี้แล้ว


ชู่มู่ประหลาดใจอย่างมากว่า ทำไมคนเหล่านี้ถึงปรากฏตัวในพิธีเกียรติยศนี้หมด


การประลองฟ้าดินของรุ่นวัยหนุ่มแม้จะอลังการมาก แต่ไม่เป็นจำต้องรวมราชันวิญญาณพวกนี้ด้วย หรือว่าการประลองฟ้าดินยังมีจุดประสงค์อื่นอีกงั้นหรือ


ชู่มู่ย่อมไม่รู้ว่า ผู้แข็งแกร่งระดับราชันวิญญาณที่มารวมตัวที่นี่ ไม่ได้มาเพื่อแสดงความยินดีกับความแข็งแกร่งที่สุดของรุ่นวัยหนุ่ม


ความจริงแล้ว คนด้านในต่างรู้ดี หลังจากจบการประลองฟ้าดินรุ่นวัยหนุ่มปีนี้ จะเป็นการเข้าชิงเสนอชื่อบัลลังก์เจ้าฟ้าดินสิบปีคนต่อ !


เย้หวันเชิงเองก็ไม่รู้ได้ข่าวมาจากที่ใด แต่นำเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับบัลลังก์ฟ้าดินบอกให้กับชู่มู่ ทำให้ชู่มู่เข้าใจทันที มิน่าผู้ที่อยู่ในระดับสิบทั้งหมดได้มาที่นี่แล้ว


บัลลังก์ฟ้าดิน นี่ถึงเป็นเกียรติสูงสุดของการประลองฟ้าดิน ส่วนเกียรติสูงสุดที่ชู่มู่ได้ในตอนนี้อยู่ในระดับวัยหนุ่มเท่านั้น !


“ชู่มู่ เจ้ารู้ขั้นตอนการได้มาของบัลลังก์ฟ้าดินไหม” เย้หวันเชิงถาม


ชู่มู่ส่ายหัว เขาจะรู้ได้อย่างไร


“เป็นแบบนี้ แค่มีดวงวิญญาณระดับราชันลักษณะสิบตัวหนึ่ง จะมีสิทธิ์เข้าชิงบัลลังก์ฟ้าดินได้…” ตอนที่เย้หวันเชิงพูด ได้มองไปยังชู่มู่ด้วยสายตาประหลาด


“เข้าชิง ไม่ได้แปลว่ามีสิทธิ์ แต่ได้รับอนุญาตเข้าชิงเท่านั้น ตรงนี้จะมีสิทธิ์เสนอชื่อหนึ่งสิทธิ์ สิทธิ์เสนอชื่อนี้จะแบ่งรายการเสนอชื่อโดยเจ้าในรุ่นก่อน รายการเสนอชื่อนี้จะไม่อยู่ในมือของทุกคน มันเป็นภารกิจอย่างหนึ่ง คนที่ทำภารกิจนี้สำเร็จถึงจะมีสิทธิ์เสนอชื่อขั้นแรกของบัลลังก์”


“หลังจากสิทธิ์เสนอชื่อขั้นแรกของบัลลังก์ ยังต้องผ่านวิธีคัดเลือกอีก อย่างแรกคือ ชื่อเสียง ถ้ามีชื่อเสียงต่ำไป หรือแย่ไป จะไม่มีสิทธิ์รับเสนอชื่อ ต่อมาเป็นพื้นที่ ปัญหาเรื่องพื้นที่มากไป จะไม่มีสิทธิ์เสนอชื่อเช่นกัน ต่อมาคือความสามารถ หลังจากผ่านเรื่องทั้งหมดแล้ว ถึงจะได้สิทธิ์เสนอชื่อ ผู้ที่ได้รับเสนอชื่อจะมีรูปปั้นปรากฏอยู่ใต้ขั้นบันไดตำหนักเจ้าบัลลังก์ เป็นตัวแทนของเกียรติยศอย่างหนึ่งที่ได้รับการเข้าคัดเลือกสิบปีครั้ง”


“อย่ามองว่าเป็นแค่การเสนอชื่อ เหล่าราชันวิญญาณหลายคนได้หาทุกวิธีทางสิบกว่าปี แต่กลับไม่มีสิทธิเข้าเสนอชื่อแท้จริง”


“หลังจากได้สิทธิเสนอชื่อ จะเข้าชิงที่นั่งทั้งสี่ได้ ที่นั่งทั้งสี่นี้ ต้องดูว่าค้อนใครมีแรงมากกว่ากัน ก็จะเป็นของคนนั้น”


“เจ้าจะเป็นคนเลือกที่นั่งทั้งสี่เอง แต่อาจมีจุดที่พิเศษมากอย่างหนึ่ง” เย้หวันเชิงเน้นน้ำเสียง


ชู่มู่ย่อมมีความสนใจต่อบัลลังก์ฟ้าดินอย่างมาก ในตอนนี้จึงตั้งใจฟังมากขึ้น


“แม้เจ้าจะเลือกที่นั่งทั้งสี่ออกมา แต่ว่าถ้าความสามารถของสี่ที่นั่งไม่เป็นที่พอใจ ตำแหน่งบัลลังก์ก็จะว่างลงเช่นกัน เท่ากับว่า ไม่ใช่ว่าจะมีการเลือกคนหนึ่งเป็นราชาจากสี่ที่นั่ง แต่อาจเป็นในเวลาสิบปีนี้ ที่นั่งทั้งสี่จะถูกคัดออก ตามประวัติศาสตร์แล้ว เคยมีปรากฏการณ์บัลลังก์ว่างห้าสิบปี” เย้หวันเชิงบอก


ชู่มู่ไม่คิดว่า จะมีกฎแบบนี้อยู่ นี่ทำให้ชู่มู่นึกถึงสิ่งที่องค์หญิงจิ่งโหลวเคยบอก ที่นั่งทั้งสี่อาจมีความสามารถต่างจากเจ้ามาก


นอกจากนี้ เย้หวันเชิงได้บอกข่าวที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “สิ่งที่เจ้าได้ไม่ได้อยู่ที่เมืองเทียนเซี่ย แต่อยู่ที่เมืองว่านเซี่ยง” พูดถึงเมืองว่านเซี่ยง สติของชู่มู่เริ่มหลุด


บัลลังก์เจ้าฟ้าดิน ยังห่างอีกมาก อย่างน้อยตัวเองในตอนนี้จะได้รับอนุญาตเข้าไปแข่งขัน แต่คิดจะได้สิทธิ์เสนอชื่อแบบนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้



บนที่นั่งสูง มีราชันวิญญาณหนึ่งร้อยกว่าคน คนเหล่านี้ต่างเป็นเจ้าของพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง


และด้านบนราชันวิญญาณร้อยกว่าคนนี้ คือที่นั่งทั้งสี่ที่กุมอำนาจทั้งหมดของเมืองเทียนเซี่ย ในตอนนี้ที่นั่งทั้งสี่กำลังพูดบางอย่างกับราชันวิญญาณพวกนั้น เนื่องจากพวกเขาใช้ร่ายวิญญาณกันเสียงเอาไว้ ชู่มู่ที่ยืนอยู่บนเวทีแทบไม่ได้ยิน


หลังจากนั้นไม่นาน เหมือนจะแบ่งงานเสร็จแล้ว ราชันวิญญาณส่วนใหญ่ได้เดินจากไป มีบางส่วนที่อยู่ในตำแหน่งของตัวเอง รอให้การประลองฟ้าดินนี้ปิดฉากลงแล้วค่อยจากไป


“พวกเขามาแล้ว คาดว่าน่าจะพูดบางอย่างที่ให้กำลังใจและให้คำอวยพร” เย้หวันเชิงมองไปยังเหล่าราชันวิญญาณที่ยังอยู่ที่นี่ แล้วพูดกับชู่มู่เสียงเบา


และแล้ว ราชันวิญญาณสามสิบกว่าคนลุกขึ้นพร้อมกัน


“เจ้าวังมารนิรยขาว เจี่ยซุ่นติง กล่าวคำอวยพรให้วัยหนุ่มฟ้าดิน !” ตอนที่ราชันวิญญาณคนหนึ่งเดินมาช้า ๆ มีเสียงของฝ่ายจัดการประลองที่มาจากร่ายวิญญาณดังขึ้นทันที


“ท่านเจี่ยที่มีราชันมารนิรยขาวสองตัว !”


“ไม่เห็นเขาพักหนึ่งแล้ว ได้ข่าวว่า เขาเดินทางไปตะวันออก ความสามารถเพิ่มขึ้นมหาศาล ไม่รู้แข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้ว”


“เดิมหมวดของมารนิรยขาวก็แข็งแกร่งมากแล้ว จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้อยู่ในระดับราชันยากกว่าดวงวิญญาณอื่น แต่ถ้าเพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับราชัน พลังต่อสู้ของมันจะแข็งแกร่งอย่างมาก !”


เห็นได้ชัดมากว่า คนนับแสนเคยได้ยินชื่อของเจี่ยซุ่นติงมาก่อน อีกทั้งรู้ว่า ดวงวิญญาณอันมีชื่อเสียงของเขา จากสายตาของแสนคนนี้ได้เห็นความเคารพต่อผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ต่างจากความคลั่งไคล้ที่มีต่อวัยหนุ่มอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเสียงต่อท้าย ไม่มีการยกย่องที่ไร้เหตุผล ยิ่งไม่มีความคึกคะนองที่ปกปิดความอิจฉาเอาไว้ แต่เป็นความเคารพนับถือที่มีต่อผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง !


ชู่มู่ยืนอยู่ตรงนั้น มองไปยังเจี่ยซุ่นติงที่เดินมาทีละก้าว ชายคนนี้มองดูไม่แก่เท่าไร อีกทั้งยังทำให้ชู่มู่รู้สึกว่าเพิ่งพ้นจากรุ่นวัยหนุ่ม


เจี่ยซุ่นติงเดินเข้ามา มองไปยังชู่มู่ด้วยความเย่อหยิ่ง ใช้เสียงที่ได้ยินแค่สองคนพูดขึ้นว่า “วัยหนุ่มที่มีดวงวิญญาณระดับราชัน ตามธรรมเนียมแล้วจะไม่ได้รับการปกป้อง เท่ากับว่า เจ้าไม่นับว่าเป็นวัยหนุ่มแล้ว เตือนเจ้าไว้ก็ดี อย่าป่าวประกาศมากเกินไป”


หลังจากพูดจบ เจี่ยซุ่นติงจากไปทันที ไม่พูดอะไรอีก


คำพูดนี้ทำให้ชู่มู่ไม่เข้าใจอย่างมาก แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือ เจี่ยซุ่นติงไม่เป็นมิตรกับตัวเอง ดวงตาเย่อหยิ่งนั้นไม่มีการปกปิดใด ๆ


คาดว่าเจี่ยซุ่นติงมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับผู้แข็งแกร่งวังมารนิรยที่พ่ายแพ้ให้กับตัวเอง


“เจ้าโลกฟ้า จ้าวฉิงเหอ…” เสียงดังขึ้นอีกครั้งจากประกาศราชันวิญญาณที่เดินมา


โลกฟ้าเป็นเขตโลกใหญ่ที่สุดของด่านฟ้าดินมาตลอด ส่วนตำแหน่งของเจ้าโลกฟ้านี้ก็สูงกว่าเจ้าโลกอื่นอย่างมาก !


ชู่มู่จำได้ว่า จ้าวเฉิงเป็นผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มที่มาจากโลกฟ้า ส่วนเจ้าโลกฟ้านามสกุลจ้าวเหมือนกัน คาดว่าทั้งสองคนนี้มีความเกี่ยวข้องแบบเครือญาติ


เจ้าโลกฟ้าเป็นมิตรกับชู่มู่อย่างมาก ตรงกันข้ามกับเจี่ยซุ่นติง ดวงตาคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อชู่มู่


“หลานชายของข้าเคยบอกว่า เจ้าเป็นหัวหน้าของเขา คึ คึ ต่อจากนี้มีเรื่องอะไร มาหาข้าจ้าวฉิงเหอได้ สำหรับเรื่องที่ไม่เข้าใจในวงการราชัน มาถามข้าได้ อาชีพรองของข้าเป็นถึงนักปราชญ์เชียว” เจ้าโลกฟ้าจ้าวฉิงเหอตบไหล่ของชู่มู่เบา ๆ


“นายท่าน เจ้าโลกฟ้านี่ไม่ธรรมดา อย่างน้อยดวงวิญญาณหลักทั้งห้าเป็นราชัน เจี่ยซุ่นติงเมื่อเทียบกับเขาก็เป็นแค่เศษขยะ” เสียงของผู้เฒ่าหลีดังขึ้นช้า ๆ


ชู่มู่แอบประหลาดใจ ไม่คิดว่าความสามารถของเจ้าโลกฟ้าที่หน้าเหมือนพ่อค้าใจดีคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ จะไม่รับก็ไม่ได้ จึงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ขอขอบคุณเจ้าโลกฟ้าล่วงหน้า”


เจ้าโลกฟ้ายิ้ม พยักหน้าเล็กน้อย แล้วจากไปช้า ๆ ให้คนอื่นขึ้นมาแสดงความยินดี



ผู้คนต่างมองออกได้ ผู้ได้เกียรติครั้งนี้จะได้รับการตอบแทนต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง


ที่ผ่านมา จะมีราชันวิญญาณซึ่งเป็นตัวแทนเข้าไปให้คำอวยพร แต่ในครั้งนี้ กลับมีผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณหลายคนเข้าไปแสดงความยินดี !


ต่อให้ราชันวิญญาณแต่ละคนไม่มีตำแหน่ง ก็เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอด ส่วนราชันวิญญาณที่มีตำแหน่งอยู่ แทบจะคุมอำนาจความเป็นความตายของคนนับพันล้านอยู่


ในตอนนี้มีราชันวิญญาณมากมายแสดงความเป็นมิตรต่อวัยหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ต้องพูดใคร ๆ ก็รู้ว่า อนาคตของชู่เฉิงตำหนักวิญญาณไกลมาก เรียกได้ว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ได้รับเขาเข้าไปด้วยแล้ว !


“นายท่าน ราชันวิญญาณพวกนี้ไม่มองว่า เจ้าเป็นวัยหนุ่มแล้ว แต่เริ่มลากเข้าวงการราชันวิญญาณ รอให้หลังจากนี้เจ้าเข้าใจมากกว่านี้แล้ว จะรู้ว่าพวกวงการราชันจะมีกฎและการแข่งขันลับ ๆ มากมายอยู่” ผู้เฒ่าหลีบอก


ชู่มู่เองก็สัมผัสได้ ตอนอยู่ตำหนักวิญญาณ ชู่มู่ได้เจอบุคคลระดับนี้อยู่บ้าง ในตอนนั้น สายตาของพวกเขาเหมือนเป็นการชื่นชม ให้กำลังใจรุ่นหลัง พวกที่เยือกเย็นหน่อยก็จะยิ้มเล็กน้อย ไม่ใส่ใจเท่าไร


แต่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่า คนเหล่านี้กำลังลากและแสดงความเป็นมิตร ต่อให้เป็นคนที่เป็นมิตรอยู่แล้ว กลับมีท่าทีต่างจากก่อนหน้านี้ ขาดกำแพงพิเศษระหว่างรุ่นก่อนกับรุ่นหลัง แต่เป็นการแสดงความเป็นมิตรแบบพวกเดียวกัน


ตอนที่ 592 ชู่มู่ที่ถูกกักในเมืองเทียนเซี่ย

โดย

Ink Stone_Fantasy

“คนที่มีดวงวิญญาณราชันมีจำกัด จะเพิ่มหรือลดลงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ในภาวะปกติ ราชันวิญญาณจะไม่รับคนใหม่เข้ามาง่าย ๆ เพราะถ้ามีคนเพิ่มเข้ามาแปลว่า ต้องแบ่งมากขึ้น พวกคนที่จากไปเมื่อหนึ่งร้อยคน ความจริงจำหน้าเจ้าได้แล้ว กำลังคิดว่า จะจัดการเจ้าอย่างไร ส่วนคนที่อยู่เพื่อให้คำยินดีกับเจ้า นอกจากเจี่ยซุ่นติงและคนอื่นที่จงใจหาเรื่องแล้ว ราชันวิญญาณยี่สิบกว่าคนน่าจะได้ผ่านนักวิญญาณเฒ่าเต๋อและท่านอาวุโสคนนั้นแล้ว ให้พวกเขารู้ว่า เจ้ามีเบื้องหลังอยู่ ถ้าเจอเรื่องอะไร จะพยายามดูแล เจ้าต้องจำคนเหล่านี้ไว้ ต่อจากนี้คือพันธมิตรของเจ้าแล้ว” ผู้เฒ่าหลีพูดเตือนชู่มู่


ชู่มู่มีความรู้สึกเหมือนได้ก้าวสู่วงการใหม่


ราชันวิญญาณที่เข้ามาหาตัวเองในเมื่อกี้ ชู่มู่เองก็จำได้เป็นอย่างดี จะเรียกว่าเป็นการทำความรู้จักใหม่ก็ไม่เชิง ควรจะเรียกว่าให้ระวังตัวไว้จะดีกว่า


ผู้แข็งแกร่งตำหนักวิญญาณไม่ต้องพูดถึงแล้ว จะดูแลชู่มู่อยู่แล้ว ทว่า ในบรรดาราชันวิญญาณยี่สิบกว่าคนนี้ ราชันวิญญาณตำหนักวิญญาณกลับไม่อยู่ในนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าโลกเขตโลก วังดวงวิญญาณ และราชันวิญญาณทั่วไป


ตำหนักวิญญาณมีสัญลักษณ์ตำแหน่งของตัวเอง ดังนั้น ไม่จำต้องเดินไปตรงหน้าชู่มู่ก็รู้ว่าเป็นพันธมิตรของเขาแล้ว


ส่วนราชันวิญญาณที่จากไปก่อนนั้น ต่อจากนี้ ถ้าชู่มู่เจอกับพวกเขา จะต้องระวังตัวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตอนอยู่ในป่าเขา ถ้าฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาไม่ดีละก็ จะลงมือกับชู่มู่อย่างไม่ลังเล เข้าชิงทรัพย์สินทั้งหมดของชู่มู่



ตอนแรกสุดของการประลองฟ้าดิน เป็นช่วงที่มีคนเยอะที่สุดในเมืองเทียนเซี่ย และตามเวลาที่ดำเนินต่อของการประลองฟ้าดิน มีผู้เข้าแข่งขันถูกคัดออกอย่างช้า ๆ มีหลายคนที่ไม่สามารถรอถึงผลสุดท้ายได้จากไปก่อน


จนถึงพวกคนที่อยู่ถึงตอนสุดท้าย ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยอยู่แล้ว หรือเป็นผู้คนที่อยู่ในเมืองใกล้กับเมืองเทียนเซี่ย พวกเขาย่อมอยากรู้ผลสุดท้ายของการประลองครั้งนี้แน่นอน


ตอนนี้การประลองได้จบลงในที่สุด คนที่ไม่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยก็ควรเก็บของกลับบ้านแล้ว


ชู่ซิ่งกับชู่หยู่ต้องกลับไป ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดจะเขียนจดหมายกลับไปที่บ้าน นำข่าวดีอันใหญ่นี้บอกกับทั้งตระกูล สุดท้ายทั้งสองคนรู้สึกว่า ทั้งสองคนก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้ว แทนที่จะเขียนเป็นจดหมาย ให้พวกเขากลับไปบอกข่าวนี้ด้วยตัวเองเลยจะดีกว่า


ดังนั้น ทั้งสองคนได้บอกกับชู่มู่ ส่วนชู่มู่เองได้ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ๆ อยู่กับพี่ชายทั้งสอง แล้วส่งพวกเขากลับตระกูลชู่ ส่วนตัวเขาเองถ้าได้กลับโลกตะวันตกอีก จะกลับตระกูลชู่อีกแน่นอน


ตระกูลชู่ในตอนนี้กำลังเติบโตในเมืองตะวันตก ได้ข่าวว่ามีธุรกิจบางอย่างกระจายถึงเมืองอั่วกู่แล้ว นับว่าเป็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมานี้ อย่างน้อยโดดเด่นกว่าตอนอยู่เมืองหลัวอีก


เดิมชู่มู่คิดจะตามหาเจ้าโลกตะวันตก ให้เขาช่วยเหลือตระกูลของตัวเอง แต่กลับพบว่า เจ้าโลกตะวันตกเหมือนจะไม่อยู่ในรายการของพันธมิตร อีกทั้งเจ้าโลกหลายเขตโลกที่ค่อนไปทางตะวันตกกลับไม่อยู่ที่นี่ ส่วนหนึ่งพวกเขาไม่คิดจะเสนอชื่อ อีกส่วนเป็นเพราะเหมือนหลายเขตโลกตะวันตกจะเกิดเรื่องขึ้น รายละเอียดชู่มู่ยังไม่รู้เท่าไร


หลังจากบอกลาพี่ชายทั้งสองคน ชู่มู่คิดจะบอกลากับเหล่าวัยหนุ่มของตำหนักวิญญาณ


ชู่มู่ไม่ใช่คนที่ขี้เกียจ และจะไม่ถือตัวเพราะเกียรติการประลองฟ้าดินนี้ เพื่อให้หกปีหลังจากนี้จะจับตัวเด็กสาวทรยศในเมืองว่านเซี่ยงได้ เวลาต่อจากนี้ชู่มู่ต้องพยายามมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเอง


แผนเดิมของชู่มู่คือ หลังจบการประลองฟ้าดินแล้ว จะมุ่งหน้าไปทางตะวันออก มุ่งหน้าไปยังเมืองว่านเซี่ยง


แผนที่มุ่งหน้าไปตะวันออกไม่มีผิด ทว่า ผู้เฒ่าหลีบอกกับชู่มู่ว่าควรอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยนี้ก่อน เพิ่มความสามารถดวงวิญญาณทั้งหมดก่อนค่อยคิดเรื่องออกไปจากเมืองเทียนเซี่ยแห่งนี้ อาศัยแค่มั่วเย้น้อยแล้วมุ่งไปทางตะวันออกจะฝืนมากไป


อีกทั้ง ชู่มู่จำต้องเตรียมอาหารของมั่วเย๋ให้เพียงพอ สิ่งที่เหลือไว้ในแหวนช่องว่างของเด็กสาวทรยศ พอให้มั่วเย้กินแค่สองเดือน อีกทั้งนี่เป็นตอนที่ไม่เข้าร่วมการแข่งขัน ถ้าได้เข้าร่วมการแข่งขันละก็ จะต้องเสียไปสิบวิญญาณ ด้วยสถานการเงินของชู่มู่ในตอนนี้ รับไม่ไหวจริง ๆ ดังนั้น ชู่มู่ต้องจัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำของระดับจักรพรรดิกับระดับราชันนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม ชู่มู่ได้กระโดดข้ามจากจักรพรรดิขั้นสูงไปยังราชันขั้นต่ำโดยตรง ระหว่างนี้มีช่องว่างอย่างมาก จำต้องปรับให้ดี ไม่เพียงแต่ความแตกต่างของความสามารถระหว่างดวงวิญญาณ อีกทั้งยังมีภาวะด้านการเงินที่มากขึ้นด้วย


ก่อนหน้านี้ชู่มู่คุยกับเย้ชิงจือแล้ว จะไปพร้อมกัน


แต่ต่อมาเย้ชิงจือเปลี่ยนใจแล้ว เธอคิดว่า ยังคงตามเย้หวันเชิงไปจะดีกว่า เพราะในคำสั่งเสียของอาจารย์ยังมีหลายอย่างที่ต้องให้เธอไปตามหา ของเหล่านี้กระจายอยู่ในที่ต่างกัน ที่ ๆ จะไปอาจไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกับชู่มู่ก็ได้


“ตอนนี้เจ้ามีดวงวิญญาณระดับราชัน ถ้าจะไปที่ ๆ พวกเราจะไปละก็ จะกลายเป็นภาระของเจ้า ถ้าเจ้าฝึกเองละก็ อาจสะดวกกว่า” เย้ชิงจือบอก


ชู่มู่ไม่ได้กังวลปัญหาเรื่องเป็นภาระ ผู้คุมดวงวิญญาณหน่วยเสริมอย่างเย้ชิงจือจะเป็นภาระได้อย่างไร แค่ชู่มู่รู้สึกว่าที่ ๆ ตัวเองจะไปต่อจากนี้จะอันตรายมากขึ้น พาเย้ชิงจือไปอาจทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น อีกทั้งดวงวิญญาณของเธอยากที่จะได้รับการฝึก กลับรู้สึกว่าไปกับเย้หวันเชิงแล้วสองพี่น้องจะค่อยๆฝึกได้มากกว่า


“ไม่ต้องห่วง หลังจากได้คำสั่งเสียอาจารย์ ความสามารถของพวกเราจะเพิ่มขึ้นไวมาก”เย้ชิงจือยิ้มด้วยความขี้เล่นออกมา


“ข้าไม่อยากให้เจ้าไป” ชู่มู่ดึงมือเล็ก ๆ ของเย้ชิงจือ มองไปที่ตาของเธอ มักรู้สึกว่า ถ้าเย้ชิงจือไม่อยู่แล้วจะขาดอะไรไป


เย้ชิงจือได้ยินแบบนี้ ตกใจทันที แอบมองไปรอบ ๆ พบว่า ไม่มีใครได้ยิน แก้มแดง ๆ จึงค่อย ๆ จางหายไป เขาพูดเสียงเบาว่า “ทุกเมืองที่ข้าผ่าน ข้าจะฝากคำไว้ที่ตำหนักวิญญาณ เจ้าคอยสังเกตก็จะรู้ว่าข้าอยู่ที่ไหนแล้วละ”


“ได้ ข้าจะคอย” ชู่มู่พยักหน้า



เดิมชู่มู่คิดว่า ตัวเองจะเก็บของจากไปก่อน และแล้วเย้ชืงจือกับเย้หวันเชิงไวกว่า กลับบอกลาชู่มู่ตั้งแต่วันที่สองหลังจบเรื่องการประลองฟ้าดินแล้ว


ชู่มู่เองได้ถามเรื่องคำสั่งเสียของอาจารย์จากเย้ชิงจือมาบ้างแล้ว เย้ชิงจือบอกว่า นั่นเป็นสูตรยาที่ซับซ้อนอย่างหนึ่ง วัตถุวิญญาณที่สร้างจากมันจะมีประโยชน์ต่อการเพิ่มความสามารถของดวงวิญญาณ อีกทั้งยังต้องเป็นดวงวิญญาณเฉพาะ ดังนั้น ต่อจากนี้ตอนที่พวกเขาเลือกดวงวิญญาณ จำต้องเลือกตามที่กำหนดไว้แล้ว


ชู่มู่ฟังแล้วเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาฝึกดวงวิญญาณตามคำสั่งเสียของอาจารย์พวกเขาละก็ ความสามารถจะพุ่งทยานแน่นอน


“ชิงจือ รีบไปแบบนี้ไม่ดีเท่าไรหรอก เจ้าดูตอนที่ชู่มู่มาส่งเจ้า เสียใจแค่ไหน” เย้หวันเชิงขี่ปีศาจลูกม้าประกายดาวป่า มองไปยังเย้ชิงจือที่อยู่ด้านข้าง


“อยู่อีกวัน เขาก็จะรู้…” เบ้ชิงจือหันกลับไปมองเมืองเทียนเซี่ยที่หายไปจากสายตาอย่างช้า ๆ


“เห้อ ช่างเถอะ ไปเถอะ ไปเถอะ พี่ชายจะหาวิธีแก้ให้เจ้าเอง” เย้หวันเชิงถอนหายใจ ขี่ปีศาจลูกม้าประกายดาวป่าด้วยความเร็วที่สูงขึ้น


ในหัวของเย้ชิงจือยังนึกถึงชู่มู่อยู่ แต่ยังคงเลือกที่จะจากเมืองเทียนเซี่ยนี้ให้เร็ว ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่



หลังจากเย้ชิงจือจากไป ชู่มู่อ้างว้างอย่างมาก โดยเฉพาะเย้ชิงจือจากไปอย่างเร่งรีบไม่ให้ชู่มู่มีโอกาสได้อยู่กับเธอแม้แต่น้อย


ในเมื่อคนงามไปแล้ว ชู่มู่ก็พูดอะไรไม่ได้ เขาเองก็เริ่มเก็บของ คิดจะใช้ชีวิตฝึกของตัวเองต่อไป


ตามที่ผู้เฒ่าหลีบอก ภารกิจแรกในตอนนี้คือตามหาแหล่งทรัพยากรของวิญญาณ ระหว่างที่ตามหา ให้เพิ่มความสามารถดวงวิญญาณอื่นของตัวเองด้วย


เจ้าวิญญาณร่ายสูงควบคุมเทียบเท่าราชันลักษณะสิบก็เป็นขีดจำกัดแล้ว ดังนั้น ถ้าชู่มู่ยังเพิ่มไม่ถึงระดับราชันวิญญาณ มั่วเย้ที่เป็นจักรพรรดิขั้นต่ำคาดว่าคงยากจะเพิ่มจากลักษณะเก้าเป็นลักษณะสิบได้


ความสามารถของชู่มู่เองก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง ต้องเพิ่มขึ้นให้รวดเร็ว


ชู่มู่ในตอนนี้ห่างจากเจ้าวิญญาณแปดร่ายไม่ไกล อีกไม่นานน่าจะอยู่ในเจ้าวิญญาณแปดร่ายได้แล้ว ส่วนชู่มู่เองมีดวงวิญญาณระดับราชันแล้ว ช่องว่างระหว่างเจ้าวิญญาณกับราชันวิญญาณจะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น คาดว่าอีกไม่นานคงถึงระดับราชันวิญญาณ


สิ่งเดียวที่ชู่มู่กังวลคือ วิญญาณที่มีอุณหภูมิสูง


ก่อนหน้านี้หลิ่วปิงฟงบอกว่า จะเจอกับชู่มู่ที่เมืองเทียนเซี่ย แต่การประลองฟ้าดินจบลงแล้ว หลิ่วปิงฟงยังไม่ปรากฏตัว นี่ทำให้ชู่มู่เองกังวลอย่างมาก


“น้ำแข็งเทพฟ้าดินคืออะไร หายากขนาดนั้นจริงเหรอ” ชู่มู่ถามผู้เฒ่าหลี


“น้ำแข็งเทพดินเป็นผลึกพลังธาตุน้ำแข็งที่สูงกว่าน้ำแข็งแก้วอัญมณี ถ้าเจอต้นกำเนิดของน้ำแข็งเทพดิน จะทำให้พลังต่อสู้ของดวงวิญญาณระดับราชันเพิ่มขึ้นได้ เจ้าน่าจะรู้ดี ในพาวะที่ทรัพยากรวิญญาณของราชันยังขาดแคลน คิดจะได้สิ่งที่เพิ่มพลังต่อสู้ของพวกมันมา เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายาก ดังนั้น ราคาของเทพน้ำแข็งดินจึงสูงมาก”


“ส่วนเหนือกว่าน้ำแข็งเทพดิน คือน้ำแข็งเทพฟ้า ซึ่งเป็นผลึกพลังธาตุน้ำแข็งขั้นหก น่าจะเป็นสิ่งที่สิ่งมีชีวิตเกินกว่าราชันมี อีกทั้งเป็นสมบัติชั้นยอดที่เพิ่มความแข็งแกร่งราชันชั้นยอดหมวดน้ำแข็งให้เกินกว่าระดับราชันได้ ! ด้วยความสามารถของท่านหญิง แทบจะไม่สามารถเจอน้ำแข็งเทพฟ้าได้ แต่น้ำแข็งเทพดินยังมีหวังอยู่” ผู้เฒ่าหลีบอก


ตอนแรกชู่มู่ไม่เข้าใจวงการของระดับราชันเท่าไร พอผู้เฒ่าหลีบอกแบบนี้ ชู่มู่ถึงรู้ว่า น้ำแข็งเทพฟ้าดินเป็นวัตถุวิญญาณที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้สิ่งมีชีวิตระดับราชันได้


อยู่ในระดับราชันแล้ว การเพิ่มขั้นแต่ละครั้ง ตำแหน่งของผู้คุมดวงวิญญาณจะต่างกัน เห็นถึงคุณค่าของน้ำแข็งเทพ !


“ยังดี ร่ายวิญญาณของนายท่านพิ่มขึ้นค่อนข้างไว มิฉะนั้น วิญญาณของท่านที่มีอุณหภูมิสูงแบบนี้ จะเป็นอันตรายต่อชีวิตมาก” ผู้เฒ่าหลีพูดต่อ



ควบคุมวิญญาณที่มีอุณหภูมิสูง ชู่มู่ทำได้แค่เริ่มจากการเพิ่มร่ายวิญญาณ นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยน้ำแข็งเทพฟ้าดิน นี่ต้องขึ้นอยู่กับว่าหลิ่วปิงฟังจะเจอได้หรือไม่


ชู่มู่ไม่คิดปัญหาเหล่านี้อีก หลังจากเก็บของแล้ว ได้ทำตามที่ผู้เฒ่าหลีสั่ง มุ่งหน้าไปทางตะวันตก


ผู้เฒ่าหลีเองก็มีอายุสองร้อยปีแล้ว คนแก่นี้รู้แหล่งทรัพยากรวิญญาณลึกลับแห่งหนึ่ง อยู่ทางตะวันตกของเมืองเทียนเซี่ย ชู่มู่กลับทางนี้ได้พอดี


และแล้ว ในตอนที่ชู่มู่กำลังจะออกจากเมืองเทียนเซี่ย กลับมีคนกลุ่มหนึ่งดักชู่มู่เอาไว้ !


“ข้าออกจากเมืองเทียนเซี่ยไม่ได้ คำสั่งของใคร” ชู่มู่มองไปยังผู้ชายที่มีความสามารถแข็งแกร่งยิ่งพวกนี้ ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ


“คำสั่งของหัวหน้าที่นั่งเทียนทิง ดังนั้น ยังขอให้ท่านชู่กลับเรือนเถอะ” ราชันวิญญาณที่เป็นหัวหน้าได้พูดกับชู่มู่อย่างสุภาพมาก


ตอนที่ 593 เรื่องสะเทือนใจยิ่ง การข่มขู่ของเทียนทิง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชู่มู่ประหลาดใจมาก มองไปยังผู้แข็งแกร่งที่สวมชุดฝ่ายจัดการประลองฟ้าดินเหล่านี้ เริ่มตกใจเหตุในเทียนทิงถึงหาเรื่องตัวเอง


ชู่มู่ย่อมรู้ว่า ถ้าไม่เชื่อฟัง เจ้าพวกคนที่ดูเหมือนสุภาพเหล่านี้จะลงมือแน่นอน ชู่มู่รู้สึกได้ว่า เจ้าพวกนี้แข็งแกร่งมาก บวกกับคนอื่นแล้ว คาดว่าตัวเองจัดการไม่ได้


ในเมืองเทียนเซี่ย อำนาจของตำหนักวิญญาณใหญ่กว่าองค์กรวิญญาณมาก เมืองเทียนเซี่ยก็ปลอดภัยมาก ดังนั้นชู่มู่ไม่กลัวว่า จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเมืองเทียนเซี่ย ในตอนนี้ได้ถอยกลับไป


ความจริง ก่อนหน้านี้ชู่มู่คิดจะอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยสักพัก อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการประลองฟ้าดินยังไม่ได้ให้ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันให้ตัวเอง ชู่มู่ไม่ได้กังวลว่าฝ่ายจัดการประลองจะไม่ให้ แต่ถ้าได้ของมาจะสบายใจมากกว่า


แต่ว่าฝ่ายจัดการประลองฟ้าดินแจ้งว่า ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันอยู่ในขั้นที่เกิดมาได้ไม่นานกำลังปรับตัว ยังไม่สามารถทำสัญญาวิญญาณได้


การเดินทางของชู่มู่ในครั้งนี้ก็เพื่อตามหาทรัพยากร หลังจากได้ทรัพยากรวิญญาณแล้วยังจะกลับมาในเมืองเทียนเซี่ยอีก ถึงตอนนั้นค่อยมารับดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชัน


ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันมีผู้อาวุโสถิงเป็นคนดูแล ชู่มู่ไม่รีบรับไปแล้วจากไป ก็นับว่าเป็นการลดภาระให้ตัวเอง อย่างไรก็ตาม ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันกินวิญญาณเหมือนกัน ถ้ารับมาทันทีจริง ๆ ชู่มู่จะเสียเงินอย่างน้อย สามร้อยล้านต่อวัน ชู่มู่รับไม่ไหวจริง ๆ ดังนั้น เลือกที่จะให้ผู้อาวุโสถิงช่วยตัวเองดูแล


“ได้ ข้ากลับเข้าเมือง ข้าไปไหนในเมืองได้ใช่ไหม” ชู่มู่กวาดตามองไปยังพวกคนเหล่านี้ แล้วถามขึ้น


“ได้ แค่ไม่ออกนอกเมือง ท่านสามารถไปที่ใดก็ได้” ราชันวิญญาณคนนั้นพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


ชู่มู่พยักหน้า ไม่สนใจคนพวกนี้อีก กระโดดขึ้นหลังอสูรสายฟ้านิมิตราตรี กลับเข้าไปในเมืองเทียนเซี่ย


หลังจากสี่คนนั้นเห็นชู่มู่กลับเข้าเมือง รอยยิ้มของราชันวิญญาณหายไปทันที พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยทันที” ยังขี่อสูรสายฟ้านิมิตราตรีระดับจักรพรรดิขั้นกลาง ไม่รู้ได้โชคลาภอะไรมา ทำให้ดวงวิญญาณแข็งแกร่งถึงระดับราชันได้…”



กลับเข้ามาในเมือง สิ่งแรกที่ชู่มู่จะทำคือไปหานักวิญญาณเฒ่าเต๋อ เพราะถ้าตัวเองถูกสั่งห้ามออกนอกเมือง นักวิญญาณเฒ่าเต๋อจะต้องรู้แน่นอน


ตอนเพิ่งกลับเข้ามาในตำหนักวิญญาณ ชายที่มีรูปร่างธรรมดาแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งนี้เดินออกจากตำหนักวิญญาณ ด้านข้างชายคนนี้ยังมีผู้หญิงอีกสองคน


หนึ่งในนั้นคือ ผู้หญิงที่ชู่มู่รู้สึกเยือกเย็นยิ่งในด่านที่สี่ ที่ฝ่ายจัดการประลองเรียกว่าคุณหญิงซาน


คุณหญิงซานเป็นผู้แข็งแกร่งในขั้นที่หนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุใดถึงไม่ได้เข้าร่วมการประลองฟ้าดิน


คุณหญิงซานเห็นชู่มู่เดินมาพอดี เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา


ก่อนหน้านี้คุณหญิงซานไม่พอใจต่อชู่มู่ที่ชอบเสนอหน้ามาก แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า เธอกลับไม่มีท่าทีไม่พอใจนั้นออกมา ตอนที่เห็นชู่มู่เดินมากลับมีสีหน้าแปลกมาก ทำท่าทีเหมือนอยากจะยิ้มเพื่อแสดงความเป็นมิตร แต่กลับไม่รู้จักการเป็นมิตรสักเท่าไร


เห็นท่าทีก่อนและหลังที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงของคุณหญิงซาน ชู่มู่เองก็แอบตลก ท่าทางผู้หญิงคนนี้ห่วงศักดิ์ศรีไม่เบา


คุณหญิงซานไม่เป็นที่ใส่ใจของชู่มู่ แต่ชายที่ท่าทีเย่อหยิ่งคนนั้นกลับทำให้ชู่มู่ตกใจ


คนนี้เองที่คุมขังมังกรวายุอลวนเอาไว้ ศัตรูตัวฉกาจของชู่มู่ เทียนทิง !


มังกรวายุอลวนยังอยู่ในแหวนจับวิญญาณของชู่มู่ เดิมชู่มู่คิดว่า หลังจากออกนอกเมืองแล้ว จะปล่อยมันออกมาในที่สงบ


แต่เทียนทิงออกคำสั่งไม่ให้เขาออกนอกเมือง ชู่มู่กังวลว่า


เจ้านี่มาหาเรื่องตัวเองเพราะมังกรวายุอลวน


“พอดี ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าตามข้ามา” เทียนทิงกวาดตามองไปยังชู่มู่ หลังจากพูดจบเดินไปยังสวนด้านข้างทันที น้ำเสียงไม่เชิงเป็นการสั่ง แต่ท่าทีแบบนี้เหมือนจะให้ชู่มู่ทำตาม


เทียนทิงเป็นคนรุ่นเดียวกับชู่เทียนหมัง อายุของชู่เทียนหมังไม่น้อยแล้ว ถ้าเทียนทิงอยู่รุ่นเดียวกับเขา คาดว่าคงอายุห้าสิบแล้ว


แต่ชายคนนี้กลับมองดูแค่สามสิบกว่า ท่าทีของเขากลับเยือกเย็นอย่างยิ่ง บนหน้ามีไฝชัดเจน ถ้ายิ้มละก็ คาดว่าจะน่าเกลียดมาก จึงไม่เคยมีใครเห็นเขายิ้มมาก่อน


ที่นี่เป็นตำหนักวิญญาณ ชู่มู่เองก็ไม่กลัวว่าเทียนทิงจะเล่นแง่อะไร ในตอนที่เกิดความสงสัยในใจ แต่กลับเดินตามไปด้วยสีหน้านิ่งเฉย


“พวกเจ้ารอที่นี่” เทียนทิงเห็นลูกน้องสองคนตามมา พูดขึ้นอย่างราบเรียบ


คุณหญิงซานกับอีกคนอึ้งเล็กน้อย แต่หยุดเดินทันที ไม่กล้าตามมาอีก


หลังจากเดินเข้ามาในสวนแล้ว เทียนทิงได้สร้างกำแพงร่ายวิญญาณ ป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ยินเรื่องที่สองคนกำลังจะคุย


เขาหันกลับมา ดวงตาเย่อหยิ่งคู่นั้นมองไปยังชู่มู่ด้วยความเฉยเมย


ชู่มู่ใจไม่นิ่ง แต่ก็ไม่หวาดกลัวอะไร มองไปที่เขา เก็บซ่อนความโกรธที่มีต่อชายคนนี้ไว้ในใจเป็นอย่างดี


“เรื่องมังกรวายุอลวนข้าจะไม่ตาม เจ้าอยากปล่อยก็ปล่อยไป” เทียนทิงพูดเข้าเรื่องทันที


ท่าทีและน้ำเสียงนั้นของเทียนทิง เหมือนจะไม่เคยทำเรื่องเกินเหตุบนผนึกนั้น นี่ทำให้ชู่มู่ไม่พอใจอย่างมาก


ท่าทางฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าตัวเองเป็นบุตรชายของชู่เทียนหมัง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ชู่มู่เองก็ไม่จำต้องเกรงใจแล้ว ในตอนนี้ได้ตอบกลับด้วยความเยือกเย็นว่า “นั้นต้องขอบคุณเป็นอย่างมาก”


“ไข่มังกรจำศีลมรกตอยู่กับเจ้าด้วยใช่ไหม” เทียนทิงทำท่าทีเหมือนรู้ทุกอย่าง


ประโยคนี้กลับทำให้ชู่มู่สะเทือนใจอย่างมาก !!!


เขารู้ได้อย่างไรว่า มังกรจำศีลน้อยอยู่กับตัวเอง !!!


เรื่องมังกรจำศีลน้อยเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดคือ ในเมื่อเทียนทิงรู้เรื่องมังกรจำศีลน้อย ถ้าอย่างนั้นต้องรู้เรื่องมั่วเย้แน่นอน !


ถ้าอย่างนั้น เท่ากับว่าเทียนทิงรู้ว่า มั่วเย้มีความสามารถแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง !


“เห็นแก่ท่านอาวุโส มังกรจำศีลมรกตให้เจ้าด้วยก็ได้” เทียนทิงพูดอย่างเรียบ ๆ เห็นได้ชัดว่า ไม่สนใจไข่มังกรจำศีลมรกตเท่าไร


เทียนทิงกวาดตามองไปยังชู่มู่ เห็นสีหน้าของชู่มู่เปลี่ยนไป ทำท่าทีไม่แยแส แอบคิดในใจว่า “เจ้าคิดว่า เจ้าปิดได้มิดชิดมากเหรอ ตอนที่เจ้าเข้าร่วมการประลองฟ้าดินไม่นาน ข้าก็สืบได้ว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่รอดจากเกาะนักโทษแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นเพราะท่านอาวุโสยืดยัดมาตลอดให้จบการประลองฟ้าดินถึงจะให้ข้าเก็บกลับมา ข้าคงจัดการเจ้าเด็กอย่างเจ้าตั้งนานแล้ว !”


ชู่มู่สะเทือนใจอย่างมาก ตลอดที่ผ่านมา ชู่มู่คิดว่าตำแหน่งชู่เฉิงของตัวเองน่าจะไม่ถูกเปิดเผย แต่ไม่คิดว่า เทียนทิงองค์กรวิญญาณกลับรู้เรื่องของโลกตะวันตกเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว หรือว่าเทียนทิงคือผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณที่ไล่ล่ามังกรจำศีลมรกตในตอนนั้นงั้นหรือ


ชู่มู่ก้มหน้า ไม่พูดไม่จา


เห็นชู่มู่ไม่พูดอะไร สายตาของเทียนทิงเผยท่าทีเยาะเย้ยออกมา


เทียนทิงไม่รู้ชอบใจชู่มู่จริง ๆ สาเหตุหลักเพราะชู่มู่คือ ลูกของชูเทียนหมัง แล้วยังอวดดีมาตลอด ถ้าไม่ได้เป็นเพราะท่านหญิงและท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณ เทียนทิงคงลอบฆ่าชู่มู่ไปแล้ว สิ่งที่ควรเอาไปก็ควรเอาไปได้แล้ว


ตอนที่องค์กรวิญญาณสั่ง จะต้องนำสิ่งที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตขโมยไปกลับมาให้ได้ และถ้าไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนี้ เขาคงไม่อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยนี้นานขนาดนี้


ในที่สุด ตอนนี้ก็หาเจอแล้ว กลับถูกท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณพบเจอ ด้วยอำนาจของท่านอาวุโส เพื่อไม่ให้ท่านอาวุโสรู้ความลับในนั้น เทียนทิงเองก็ไม่หน้าฉีกหน้าโดยตรง รอให้จบการประลองฟ้าดินก่อน


และความจริงคำสั่งห้ามชู่มู่ออกนอกเมืองนี้มีผลตั้งนานแล้ว แค่ชู่มู่ไม่สังเกตเห็นมาตลอด


ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงในใจของชู่มู่รุนแรงอย่างมาก เขาเข้าใจแล้วว่า ทำไมก่อนหน้านี้นักวิญญาณเฒ่าเต๋อถึงได้เตือนตังเองแบบนั้น ห้ามเป็นศัตรูกับคนขององค์กรวิญญาณเด็ดขาด คาดว่าคงเป็นเพราะเรื่องนี้


ตัวเขาในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสู้กับองค์กรวิญญาณได้ คาดว่าต่อให้มีท่านอาวุโสลึกลับท่านนั้นกับท่านแม่ของตัวเองคอยคุ้มกัน แต่ด้วยเรื่องของมั่วเย้ องค์กรวิญญาณจะไม่เจรจาด้วยเด็ดขาด อย่างไรมั่วเย้เป็นดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง เทียนทิงอาจได้รับการวานจากเจ้าองค์กรวิญญาณโดยตรง นั่นเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถเกินกว่าราชันวิญญาณ !


ถ้าตัวเองไม่ส่งมอบมั่วเย้ องค์กรวิญญาณจะใช้ทุกวิธีแน่นอน ถึงตอนนั้นใครก็ช่วยตัวเองไม่ได้


แต่จะให้ชู่มู่ส่งมั่วเย้ออกมา ชู่มู่ยิ่งทำไม่ได้ !!!


โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงมังกรจำศีลมรกตตัวนั้นของลี่ฮวัง มั่วเย้ในตอนนี้อยู่ในลักษณะเก้าแล้ว องค์กรวิญญาณจะต้องใช้หยดแห่งความจำล้างวิญญาณของชู่มู่แน่นอน ถ้าอย่างนั้นมั่วเย้จะกลายเป็นเหมือนศพเดินได้เช่นเดียวกับมังกรจำศีลมรกตของลี่ฮวัง !


ชู่มู่เห็นว่ามั่วเย้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตัวเองแล้ว จะส่งมอบมั่วเย้ได้อย่างไร จะให้มั่วเย้เดินไปในเส้นทางเดียวกับมังกรจำศีลมรกตได้อย่างไร ! ห้ามเด็ดขาด !


ชู่มู่ไม่มีทางส่งมอบมั่วเย้เด็ดขาด !!!



เทียนทิงจับจ้องไปยังมั่วเย้ตลอด ในสายตาของเขา ชู่มู่อ่อนแอราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง ดังนั้น เขาไม่กลัวว่า ชู่มู่จะเล่นอะไร กลับจับจ้องไปยังสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของชู่มู่ด้วยความเยือกเย็น


แน่นอนว่า เทียนทิงเองก็ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น ตอนนี้การประลองฟ้าดินจบลงแล้ว เขาจะได้ส่งสิ่งที่ควรได้มาตั้งนานนี้กลับไปยังองค์กรวิญญาณ เรื่องนี้ยืดเวลานานเกินไปแล้ว


ในตอนนี้ น้ำเสียงของเทียนทิงดุร้ายมากขึ้น พูดว่า


“ส่งไข่ดวงวิญญาณออกมา อย่าหวังว่าใครจะช่วยเจ้าได้ บางอย่างไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามีได้ ส่งออกมาให้ไว เจ้าจะพาดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันการประลองฟ้าดิน ไข่มังกรจำศีล แล้วก็ดวงวิญญาณระดับราชันที่เจ้าได้มาจากที่ไหนไม่รู้ไปฝึกอย่างปลอดภัย ถ้าไม่ทำตาม ข้าจะให้เจ้าตายอย่างอนาถ !”


หลังจากพูดจบ ร่ายวิญญาณมหาศาลของเทียนทิงได้ทับเข้ามาทันที นี่เป็นการข่มขู่ชู่มู่ !


ชู่มู่สัมผัสได้ถึงความกดดันมหาศาล เริ่มเวียนหัว !


การกระตุ้นจิตนี้คงอยู่สักพัก ถึงค่อย ๆ เบาลง….


และแล้ว เผชิญหน้ากับความกดันของเทียนทิง ใจของชู่มู่ที่มืดมัวอย่างมากกลับค่อย ๆ ส่องประกายขึ้น !


เพราะจากคำพูดของเทียนทิงรู้ได้ว่า เทียนทิงยังไม่รู้เรื่องการแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง และไม่รู้ว่า สิ่งที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตพาออกจากองค์กรวิญญาณคือมั่วเย้ !


ชู่มู่ดีใจอย่างมากทันที !


ตัวเองอดทนจนทำให้ตัวเขามีทางออกแล้ว !


“ท่าทาง มีแค่เซี่ยกว่างหาน องค์หญิงจิ่งโหลวที่คอยสนใจดวงวิญญาณของตัวเองถึงรู้ว่ามั่วเย้เป็นดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่อง และเจ้าเทียนทิงนี้รู้แค่ว่าไข่ดวงวิญญาณที่มังกรจำศีลอัมพรมรกตพาออกมาอยู่กับตัวเอง ไม่รู้ว่านั่นคือมั่วเย้ !”


“ยังรอดไปได้ ยังไม่ถึงทางตัน !”


ตอนที่ 594 เทียนทิง เจ้ายังไม่ตายเหรอ (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

ความจริงชู่มู่ไม่รู้ เทียนทิงเคยสงสัยมั่วเย้หรือไม่ นี่ยังเป็นเพราะคำพูดบังเอิญของท่านอาวุโสนั้น


ในตอนที่ท่านอาวุโสส่งคนมาแอบปกป้องชู่มู่ หลังจากพบว่า ชู่มู่ถูกเทียนทิงจับจ้องได้เข้ามาห้ามทันที อีกทั้งได้บอกว่า ชู่มู่มีตำแหน่งเป็นนายท่านซึ่งเป็นบุตรของท่านหญิง


ตำแหน่งของท่านหญิงในตำหนักวิญญาณไม่ธรรมดาอย่างมาก อีกทั้งยังรับงานในองค์กรวิญญาณ เป็นดาวยอดในสิบหกนักยอด นับว่าเป็นเจ้านายของเทียนทิง


เจ้าองค์กรเพื่อไม่ให้เรื่องนี้เปิดเผยสู่ภายนอก จึงให้เทียนทิงที่ไม่เป็นที่จับตามองมาทำเรื่องนี้ ถ้าเทียนทิงจะลงมือกับชู่มู่จริง ๆ ด้วยนิสัยของดาวยอดแล้ว เกรงว่าจะฆ่าเขาอย่างไม่ลังเล


เรื่องนี้เป็นการรับคำสั่งของเจ้าองค์กร เจ้าองค์กรบอกว่าเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ เทียนทิงเองบอกได้แค่กับท่านอาวุโสว่า ชู่มู่ได้เก็บสมบัติชิ้นหนึ่งขององค์กรวิญญาณไป จำต้องคืนให้


ตอนที่ท่านอาวุโสถามว่า คือสมบัติอะไร เทียนทิงเองจะตื่นเต้นมากไปไม่ได้ แสร้งทำเป็นนิ่งแล้วบอกว่า เป็นของที่ค่อนข้างสำคัญอย่างหนึ่ง


เทียนทิงรู้ ถ้าตัวเองแสดงท่าทีว่าของสิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เป็นคำสั่งอันสำคัญยิ่งของเจ้าองค์กร ท่านอาวุโสจอมเจ้าเล่ห์จะต้องไปตามสืบอย่างไม่ลังเล ถ้ารั่วไหลละก็ จะเกิดเรื่องยุ่งยากไม่น้อย


และในตอนด่านที่เก้า ชู่มู่ได้อัญเชิญจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ด ดวงวิญญาณระดับราชันออกมา


ในตอนนั้น ท่านอาวุโสเข้าใจทันที ในตอนนั้นแอบคิดว่า สิ่งที่เทียนทิงหมายถึงคงเป็นจิ้งจอกราชันอัคคีสลายโทษทั้งเจ็ดของชู่มู่ตัวนี้


ความคิดของเทียนทิงกลับไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่า เขาสับสนอย่างมาก ไม่แน่ใจอะไรได้ เขาจำได้ว่า เจ้าองค์กรเคยบอกว่า ไข่ดวงวิญญาณนั้นถูกกักเอาไว้ น่าจะไม่ฟักออกมาในสิบปีนี้ แต่จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดระดับราชันตัวนี้ปรากฏตัวกะทันหันเกินไป


ท่านอาวุโสเป็นบุคคลระดับใด ถ้าจะเล่นสงครามจิต เทียนทิงยังอ่อนไปหน่อย


ดังนั้น ในตอนที่ชู่มู่อัญเชิญจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดออกมา ท่านอาวุโสทำท่าทีแน่นิ่งอย่างมาก อีกทั้งพูดหลอกล่อว่า “อืม ท่าทางดวงวิญญาณตัวนั้นมีพรสวรรค์อย่างมาก”


พอท่านอาวุโสพูดแบบนี้ เทียนทิงรู้ทันที จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดนี้อาจเป็นสิ่งที่ท่านหญิงกับท่านอาวุโสให้ชู่มู่


จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดเป็นจักรพรรดิสมบูรณ์แบบ ระดับเจ้าวิญญาณทำสัญญาวิญญาณกับมันได้อีกทั้งจะไม่ทรยศ จิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดนี้หายากยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับทั้งวงการราชันแล้ว สำหรับบุคคลระดับเทียนทิงกลับไม่สะดุดตาขนาดนั้น


ในตอนนั้นเทียนทิงได้มองไปยังท่านอาวุโสกับท่านหญิง กล้าแอบนำดวงวิญญาณเหนือธรรมชาติแบบนี้ให้รุ่นเด็กแบบนี้ นี่เท่ากับเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎของฝ่ายจัดการประลองไม่ใช่เหรอ


เทียนทิงเองเป็นประธานของที่นั่งทั้งสี่ ถ้าดวงวิญญาณบางตัวของรุ่นวัยหนุ่มเป็นการต้องห้ามจากรุ่นผู้ใหญ่ รางวัลนั้นจะต้องถูกยึดแน่นอน


แต่เทียนทิงในตอนนี้ไม่อยากล่วงเกินท่านอาวุโสมากเกินไป เดี๋ยวคนแก่เจ้าเล่ห์จะมองอะไรออก ทำเป็นไม่เห็นก็แล้วกัน


ในเมื่อจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดเป็นสิ่งที่ท่านอาวุโสกับท่านหญิงมอบให้กับชู่มู่ เทียนทิงเองย่อมต้องคัดมั่วเย้ออกไป


ดังนั้น ในตอนที่เทียนทิงบอกให้ชู่มู่ส่งไข่ดวงวิญญาณออกมา ไม่รู้ว่าไข่ดวงวิญญาณที่เจ้าองค์กรจะเอากลับได้ฟักออกมาตั้งนานแล้ว อีกทั้งอยู่เคียงข้างชู่มู่ตลอด กลายเป็นจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดแปรเปลี่ยนตระกูลต่อเนื่องแล้ว !


แน่นอนว่า ชู่มู่เองก็อดทนในเวลาสำคัญได้ ถ้าเทียนทิงข่มขู่แบบนี้ ต่อให้ตายชู่มู่ก็จะไม่ส่งมั่วเย้ออกมาเด็ดขาด ถ้าทำอย่างนั้นเท่ากับเป็นการยอมรับไม่ใช่เหรอ


หลังจากคิดทบทวนอย่างรวดเร็วแล้ว ชู่มู่รู้สึกว่า ต้องยืดเวลาฝ่ายตรงข้ามก่อน พูดกับเทียนทิงว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร ข้ามีแค่ไข่มังกรจำศีล ก่อนหน้านี้ไม่นานมันเพิ่งฟักออกมา”


“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ อย่าพูดเรื่องไข่มังกรจำศีลกับข้า ส่งไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามนั้นออกมา ส่งออกมาทันที มิฉะนั้นข้าจะให้เจ้าตายอย่างอนาถที่สุด !” เทียนทิงพูดอย่างหมดความอดทน !


“ไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามงั้นหรือ ข้าจะมีของแบบนี้ได้อย่างไร !” เวลาที่ควรแสร้งทำชู่มู่แสดงละครได้เป็นอย่างดี ในตอนนี้ เขาได้ทำท่าทีเป็นผู้ถูกต้องออกมา


เทียนทิงโกรธอย่างมากแล้ว คว้าปกเสื้อของชู่มู่ทันที !


สีหน้าของชู่มู่ที่ตกใจในเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่า ของอยู่ในมือของเขา เทียนทิงโง่แค่ไหนก็ดูออก


แต่ในตอนนี้ เจ้าเด็กนี่กลับทำเหมือนไม่รู้ต่อหน้าตัวเอง ไม่ใส่ใจเทียนทิงเกินไปแล้ว หรือว่าเขาคิดว่า ที่นี่เป็นตำหนักวิญญาณเขาจะไม่กล้าลงมือเหรอ !


“เทียนทิง รุ่นหลังไม่รู้เรื่อง สั่งสอนก็พอ ไม่จำต้องใช้ทักษะวิญญาณอะไรหรอก” ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนเข้ามาพร้อมเสียงที่แหบเล็กน้อยดังขึ้น


เทียนทิงอึ้งเล็กน้อย หันกลับไป ถึงพบว่าชายวัยกลางคนที่มีหนวดขาวสองเส้นปรากฏตัวในสวนนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ อีกทั้งยังทำลายกำแพงร่ายวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านั้น แต่เขากลับไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย !


ชายหนวดขาวสองเส้นนี้เกินไปข้างเทียนทิง ใช้มือกดไหล่ของเทียนทิง เป็นการบอกให้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้


สีหน้าของเทียนทิงประหลาดอย่างมาก ได้เก็บความโกรธเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจตัวเอง !


ชู่มู่จับจ้องไปยังชายที่ปรากฏตัวกะทันหันคนนี้ แอบตกใจ อย่างน้อยเทียนทิงก็เป็นถึงคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากราชาในเมืองเทียนเซี่ยนี้ ทำไมประโยคเดียวของชายชราที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน กลับทำให้ความโกรธของเขาหายไปหมด อีกทั้งยังมีท่าทีประหลาดแบบนี้ !


“นายท่าน คนแก่นี่คือ ท่านอาวุโสหลิว ท่าทางเจ้ารอดแล้ว !” เสียงของผู้เฒ่าหลีดังขึ้น


“ท่านอาวุโสหลิว ความสามารถของเขาแข็งแกร่งมากเหรอ” ชู่มู่รีบถามขึ้น


“แข็งแกร่ง ไม่ใช่แข็งแกร่งธรรมดา ! คาดว่าดวงวิญญาณรองของคนแก่นี่ก็ดับเทียนทิงได้แล้ว !” ผู้เฒ่าหลีบอก


รองวิญญาณรองก็ดับเทียนทิงประธานที่นั่งทั้งสี่ได้แล้ว ชู่มู่ตกใจทันที มองไม่ออกว่า ชายชราที่มีใบหน้าใจดีแบบนี้กลับแข็งแกร่งขนาดนี้ !


“เชื่อถือได้ไหม” ชู่มู่ถามอย่างจริงจัง


“เขามีนามสกุลหลิว เจ้ารู้สึกว่าเชื่อถือได้ไหม” ผู้เฒ่าหลีถามกลับ


เมื่อกี้ชู่มู่ตื่นเต้นเกินไป กลับมองข้ามรายละเอียดนี้ไป !


“ตอนนี้เจ้าควรบอกความจริงทั้งหมดให้เขารู้ แบบนี้เขาจะหาวิธีให้เจ้าได้ ถ้าซ่อนไว้มีแต่จะเกิดเรื่องมากกว่าเดิม อย่างไรเสีย เจ้าในตอนนี้ต้องอาศัยเขาถึงจะรักษาจิ้งจอกน้อยไว้ได้ รู้ไว้ว่าเทียนทิงก็ไม่ธรรมดา เขาในตอนนี้อาจไม่รู้ว่าดวงวิญญาณที่มังกรจำศีลมรกตพาออกมาคือจิ้งจอกน้อย แต่ถ้าเจ้าไม่ส่งของที่เหมาะสมออกมา จะเล็งไปยังตัวตนของจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดแน่นอน พอสืบแล้ว จะรู้ร่องรอยการแปรเปลี่ยนต่อเนื่องจากในนั้นทันที !” ผู้เฒ่าหลีบอก


“อืม” ชู่มู่พยักหน้า ในตอนนี้ได้มองไปยังทั้งสองคนนี้โดยไม่พูดอะไร



“ท่านอาวุโสหลิว ข้าเองก็ต้องรอให้หลังจากจบการประลองฟ้าดินถึงกลับไปรายงานองค์กรวิญญาณได้ ดังนั้น ข้ารอให้จบการประลองฟ้าดินอย่างสุภาพแล้วถึงกลับมา ท่านอาวุโสออกมาห้ามในตอนนี้ หรือว่าอยากจะครองสิ่งของของเจ้าองค์กรวิญญาณไว้เป็นของตัวเอง” เทียนทิงระงับอารมณ์ พูดกับท่านอาวุโส


“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น” ท่านอาวุโสฉีกรอยยิ้มเป็นมิตรออกมา เดินไปข้างชู่มู่พูดขึ้นว่า “ชู่เฉิง ตอนที่เจ้าอยู่บนเกาะนักโทษได้เก็บสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้าได้ใช่ไหม”


ท่านอาวุโสจงใจเดินไประหว่างชู่มู่กับเทียนทิง ส่วนหนึ่งก็เพื่อปกป้องชู่มู่ อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อใช้ร่ายวิญญาณเจรจากับชู่มู่


“ข้ายังควบคุมเทียนมิงไว้ได้ แต่ถ้าผู้แข็งแกร่งอื่นขององค์กรวิญญาณปรากฏตัว ไม่เพียงแต่เจ้าจะมีปัญหา พวกเราเองก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ คืนสิ่งที่เป็นขององค์กรวิญญาณกลับไปให้พวกเขาจะดีกว่า” ท่านอาวุโสพูดอย่างจริงจัง


ความจริงท่านอาวุโสก็พอเดาได้ว่า สิ่งที่เจ้าองค์กรต้องการสำคัญอย่างมาก สิ่งที่ท่านอาวุโสทำได้ก็มีเพียงยืดเวลา แต่ถ้าทำให้เจ้าองค์กรโกรธจริง ๆ ใครก็รับผิดชอบความโกรธนั้นไม่ได้


“ไม่ได้ มันทำสัญญาวิญญาณกับข้าแล้ว !” ชู่มู่ใช้ร่ายวิญญาณบอกกับท่านอาวุโสหลิวทันที


สีหน้าของท่านอาวุโสหลิวใจเย็นมาก แต่กลับตกใจที่ว่า “หรือว่าจะเป็นจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดตัวนั้นจริง ๆ


ท่านอาวุโสไม่พูดกับชู่มู่มากเกินไป ถอนหายใจ หันไปพูดกับเทียนทิงว่า “ข้าคุยกับเขาแล้ว วางใจได้ ของของเจ้าองค์กร จะส่งกลับไปให้แน่นอน”


“รออีกงั้นหรือ ท่านอาวุโส เจ้าทำแบบนี้ไม่รู้สึกว่าไม่ใส่ใจเจ้าองค์กรมากไปหน่อยเหรอ !!!” ครั้งนี้ท่าทีของเทียนทิงแข็งกระด้างขึ้น


เทียนทิงรอไม่ได้อีกแล้ว !


“ชู่เฉิงยังเป็นวัยหนุ่มอยู่ ไม่รู้ความสัมพันธ์และอำนาจในนี้ ข้าจะคอยคุยกับเขา เขาจะรู้เอง แล้วส่งออกมาเอง แบบนี้จะได้ไม่ทำให้โกรธเคืองกัน อีกทั้งตอนนี้สิ่งนี้ก็ไม่อยู่กับเขา ชู่เฉิงรู้ว่า สิ่งนี้มีค่ามาก จึงซ่อนไว้แล้ว ยังต้องไปเอากลับมา ถ้าอย่างนั้น เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะนำไปให้ท่านเอง” ท่านอาวุโสหลิวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม


“หึ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของเจ้าองค์กร ถ้าไม่ส่งมอบ ข้าก็ทำได้แค่รายงานเจ้าองค์กร ให้คนแก่เขามาจัดการเอง”เทียนทิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น หันกลับแล้วจากไปทันที


เทียนทิงเองก็ไม่กลัวว่า ชู่มู่กับท่านอาวุโสจะเก็บไว้เอง อย่างไรก็ตาม ของเจ้าองค์กร ใครแตะ คนนั้นก็ต้องตาย รวมถึงท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณด้วย !



เทียนทิงจากไปทันที แน่นอนว่า จากไปด้วยใบหน้าที่โกรธเคืองอย่างมากแน่นอน


ถ้าไม่ได้เป็นเพราะท่านอาวุโสปรากฏตัวกะทันหัน เรื่องนี้คงจัดการได้ตั้งนานแล้ว จำยืดเวลาถึงตอนนี้ได้อย่างไร !


แอบตัดสินใจว่า หลังจากนี้ถ้ามีโอกาส จะต้องสั่งสอนชู่มู่แน่นอน !


หลังจากเทียนมิงจากไป ท่านอาวุโสยืนอยู่ตรงหน้าชู่มู่ กลับสร้างกำแพงร่ายวิญญาณใหม่อีกอัน


“เจ้าน่าจะชื่อชู่มู่ใช่ไหม” ท่านอาวุโสฉีกยิ้มจาง ๆ ออกมา สามารถมองเห็นความเอ็นดูจากสายตาของเขา และสีหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่า ความจริงเขาเองก็อายุมากแล้ว


“อืม” ชู่มู่พยักหน้า มองไปยังชายชราที่มีหนวดสองเส้นคนนี้ ไม่รู้ว่า ควรเรียกเขาว่าอย่างไร เพราะความจริงชู่มู่ก็รู้ว่า ตัวตนท่านแม่ของตัวเองก็น่าสงสารอย่างมาก


“ข้าเป็นพ่อบุญธรรมของท่านแม่ของเจ้า ตอนที่เจ้ายังเล็ก ข้าเคยดูแลเจ้าช่วงหนึ่ง” คนแก่ไม่คุยเรื่องสำคัญ แต่กลับพูดเรื่องพวกนี้กับชู่มู่


“นี่…ข้าจำไม่ได้แล้ว ทว่า ในเมื่อเป็นพ่อบุญธรรมของท่านแม่ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นท่านตาของข้า” ชู่มู่มีความรู้สึกอันดีต่อ” ท่านตา”ของตัวเองอย่างมาก


“ตอนนั้นที่เจ้าอยู่ตำหนักวิญญาณ เหมือนจะมีอายุสามสี่ปี หลังจากนั้น ท่านพ่อของเจ้าก็พาเจ้าจากไป ไปยังโลกตะวันตก ที่นั่นค่อนข้างไกล การติดต่อย่อมน้อยลง ถ้าเจ้ารู้สึกว่า จะต้องเรียกคนแปลกหน้าคนหนึ่งว่าท่านตา เรียกข้าว่าท่านอาวุโสก็ได้” ท่านอาวุโสเองก็มองความคิดของชู่มู่ออก


“ไม่ ท่านตาปกป้องข้าขนาดนี้ ข้าซาบซึ้งอย่างมาก” ชู่มู่เองก็ต้องรู้จักมารยาท


ถ้าเขาไม่ปรากฏตัวได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนั้นชู่มู่คงเกิดเรื่องอย่างมากแล้ว ชู่มู่เองก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก


ท่านอาวุโสได้ยินชู่มู่เรียกตัวเองท่านตา รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้น ท่าทางคำพูดเมื่อกี้ของเขาคงพูดตามมารยาทเฉย ๆ ความจริงเขายังหวังว่า ชู่มู่จะรับท่านตาอย่างเขา


ตอนที่ 595 เทียนทิง เจ้ายังไม่ตายเหรอ (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

คนแก่นั่งคุยกับชู่มู่อย่างอ่อนโยน


ถ้าเป็นปกติ ชู่มู่คงนั่งคุยกับคนแก่เรื่องธรรมดาทั่วไป แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดระดับท่านอาวุโสคนหนึ่ง ชู่มู่แทบไม่เคยได้คุยกับคนในระดับนี้ ระหว่างที่คุยกับท่าน จะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างแน่นอน


แต่แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ชู่มู่มองว่ามั่วเย้สำคัญเท่าชีวิตของตัวเอง จำต้องหาวิธีจัดการปัญหานี้ให้ได้


ท่านอาวุโสหลิ่วมองออกว่า ชู่มู่ใจร้อนอย่างมาก สุดท้ายเขาเองได้ถอนหายใจเบา ๆ พูดกับชู่มู่ว่า “ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ สิ่งที่ข้าให้นักวิญญาณเฒ่าเต๋อบอกกับเจ้า เป็นการให้เจ้าทำใจไว้ก่อน”


“ข้ารู้ แต่ถ้าให้ข้าส่งมอบดวงวิญญาณของข้า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน” ชู่มู่เองก็พูดอย่างจริงจัง


“บางครั้งยังต้องการเจรจาสันติ ครั้งนี้พวกเรามีเหตุผล ตอนที่ข้ามอบดวงวิญญาณเจ้าให้องค์กรวิญญาณ ข้าจะเรียกร้องบางอย่างจากองค์กรวิญญาณ เพื่อชดใช้ความเสียหายของเจ้า จะมีค่ามากกว่าดวงวิญญาณตัวนั้นของเจ้ามาก”ท่านอาวุโสหลิ่วบอก


ชู่มู่ส่ายหัว “ต่อให้เป็นดวงวิญญาณที่เกินกว่าราชัน ข้าก็จะไม่ส่งมอบมั่วเย้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะชดใช้ได้หรือไม่ได้”


ท่านอาวุโสหลิ่วอึ้งเล็กน้อย กลับรู้สึกว่า คำพูดของตัวเองตรงเกินไป ทว่า ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริง ๆ สิ่งที่ท่านอาวุโสหลิ่วทำได้มีเพียงเรียกร้องสิทธิให้ชู่มู่มากขึ้นเท่านั้น


“ดวงวิญญาณมีอีกได้ แต่อย่าตัดหนทางของตัวเองเพราะเรื่องนี้” ท่านอาวุโสหลิ่วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง


ท่านอาวุโสหลิ่วกลัวตรงที่ว่า เขากังวลอย่างมากที่ชู่มู่จะดื้อดันแบบนี้ต่อไป


ท่านอาวุโสหลิ่วก็มองออกได้ว่าจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดเป็นสิ่งที่เจ้าองค์กรต้องการให้ได้ ถ้าเป็นอย่างอื่นละก็ ด้วยจดหมายทรงอำนาจของตำหนักวิญญาณ องค์กรวิญญาณยังคงยอมได้ แต่นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของเจ้าองค์กร เขาไม่มีทางใจอ่อนแน่


“หรือว่าไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ” ใจของชู่มู่หมองลง


ท่านอาวุโสหลิ่วส่ายหัว”ความสามารถของเจ้าสูงมาก คาดว่าอีกไม่กี่ปี เจ้าจะเป็นผู้แข็งแกร่งคนใดคนหนึ่งของวงการดวงวิญญาณ อีกทั้งก้าวสู่ระดับที่สูงกว่า ถ้าเกิดตายไปเพราะเรื่องนี้ เจ้าแทบไม่มีสิทธิไปพูดเรื่องการต่อต้านกับอำนาจขององค์กรวิญญาณ”


“เจ้าอย่ามองเทียนทิงที่ถอยตลอด ที่ให้โอกาสข้าแบบนี้ ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องนี้ไม่เร่งรีบ เขายิ่งทำแบบนี้ยิ่งแปลว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของเจ้าองค์กร เขาไว้หน้าคนแก่อย่างข้า ก็เป็นเพราะไม่อยากให้ข้าเปิดโปง พูดให้ใจร้ายหน่อย ถ้าไม่ส่งดวงวิญญาณตัวนี้ออกมา ดวงวิญญาณอื่นของเจ้าอาจรับผลกรรมไปด้วย แม้ข้าเข้าใจได้ว่า ดวงวิญญาณตัวใดก็เป็นเหมือนชีวิตของเจ้า แต่เจ้าน่าจะต้องรู้จักมองในภาพรวม…” ท่านอาวุโสกลัวว่าชู่มู่จะใจร้อน จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม


“ไม่อยากเปิดโปงงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเทียนทิงปิดปากมาตลอดเหรอ” ชู่มู่ถามเสียงเบา


“อาจจะเป็นแบบนั้น” ท่านอาวุโสหลิ่วมองไปยังชู่มู่ รู้สึกว่าควรให้ชู่มู่คิดอย่างใจเย็นแล้ว


ในตอนนี้ ท่านอาวุโสหลิ่วได้ตบไหล่ของชู่มู่ แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดให้ดี ตอนเย็นข้าจะไปหาเจ้า ถึงตอนนั้น หวังว่าเจ้าจะตัดสินใจอย่างชาญฉลาดแล้ว”


หลังจากพูดจบ หลังจากท่านอาวุโสมองไปยังชู่มู่แล้ว ได้เดินออกจากสวนทางด้านข้าง


อารมณ์ของชู่มู่ในตอนนี้ซับซ้อนอย่างมาก ในหัวใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง ตามหาความหวังอันริบรี่


และแล้ว ถ้าคิดจะต่อต้านละก็ ดวงวิญญาณอื่นของตัวเอง รวมถึงคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเองอาจถูกองค์กรวิญญาณไล่ล่า ชู่มู่ยิ่งเจ็บใจมากขึ้น


“ผู้เฒ่าหลี เจ้าว่าถ้าให้ท่านอาวุโสหลิ่วลงมือฆ่าเทียนทิงทิ้ง เขาจะยอมไหม แล้วก็ได้ยินว่า เทียนทิงได้รับบาดเจ็บตอนสู้กับราชันอสูรเลือดที่เมืองอมตะนั้นด้วย” หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ชู่มู่ได้ถามผู้เฒ่าหลี


“เรื่องนี้ โดยปกติเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ทั้งเมืองเทียนเซี่ย คนที่ฆ่าเทียนทิงได้มีแค่ท่านอาวุโสหลิ่ว เจ้าองค์กรวิญญาณส่งคนมาสืบก็จะรู้ว่าใครเป็นคนลงมือ ถึงตอนนั้นพวกเจ้ายังต้องรับกรรมอยู่ดี ถ้าจะฆ่าเขาละก็ จำต้องอย่าให้สืบได้ ความสามารถของเทียนทิงเป็นอย่างที่เห็น เจ้าไม่สามารถตามหาผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่ยอมเสี่ยงการลงโทษขององค์กรวิญญาณเพื่อฆ่าเทียนทิงแบบนี้ได้” ผู้เฒ่าหลีบอก


ความลับน่าจะอยู่กับเทียนทิงคนเดียว ถ้าบอกว่ากำจัดเทียนทิงได้โดยที่มือตัวเองไม่ต้องเปื้อนเลือด ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่มีใครรู้ !


แต่จะต้องทำอย่างไรถึงจะกำจัดราชันวิญญาณที่มีดวงวิญญาณระดับราชันขั้นสูงได้


ตอนที่เต็มไปด้วยความสงสัย ชู่มู่พบว่า ท่านอาวุโสหลิ่วที่มีหนวดขาวกลับมาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้


ชู่มู่มองไปยังท่านอาวุโสหลิ่ว เผยความสงสัยออกมา


“ข้าเกือบลืมอีกเรื่องที่สำคัญมาก” ท่านอาวุโสหลิ่วบอก



ตำหนักเทียนทิง


เทียนทิงนั่งที่ห้องโถงกว้างสง่า ใบหน้ามัวหมองอย่างมาก


ชายที่สวมชุดสีเทาสองคนชันเข่าอยู่ตรงนั้น หนึ่งในนั้นคือราชันวิญญาณที่ดักชู่มู่ไว้ก่อนหน้านี้


“ท่าน มีคำสั่งอะไรให้ข้าน้อยรับใช้” ราชันวิญญาณร่างอวบคนนั้นถามเสียงเบา


“พวกเจ้าสองคนเป็นลูกน้องที่ภักดีที่สุดของข้าใช่ไหม” เทียนทิงจับจ้องไปยังสองคนนี้


ราชันวิญญาณสองคนนี้มองหน้ากันทันที สมองของคนที่เป็นราชันวิญญาณได้คงไม่โง่ขนาดนั้น เทียนทิงถามแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าจะให้พวกเขาไปทำเรื่องที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้ อีกทั้งห้ามให้มือตัวเองเปื้อนเลือดเด็ดขาด


“แน่นอนขอรับ !” ราชันวิญญาณร่างอวบตอบ


“ข้าเฉินหงภักดีต่อท่านมาโดยตลอด” ชายที่เรียกตัวเองเฉินหงพูดขึ้น


เทียนทิงมองไปยังราชันวิญญาณร่างอวบ เหมือนรู้สึกว่า คนนี้ไม่น่าเชื่อใจมากเท่าไร ในตอนนี้ได้สะบัดมือแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าออกไปก่อน”


ราชันวิญญาณร่างอวบอึ้งเล็กน้อย แอบคิดในใจ “เรื่องดีหรือร้ายกันแน่ ช่างเถอะ อยู่กับเทียนทิงจะมีเรื่องดีได้อย่างไร อย่ายุ่งเยอะเกินไปจะดีกว่า ให้เฉินหงไปจัดการเถอะ”


เฉินหงอยู่ต่อ สิ่งที่เขาคิดในใจไม่ต่างจากคนที่เพิ่งเดินออกไป กำลังเดาว่า เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย


“ข้าอยู่ในเมืองเทียนเซี่ยหลายปีแล้ว รู้ไหมว่าทำไม” เทียนทิงพูดขึ้น


“นี่…ข้าน้อยไม่ทราบ” เฉินหงก้มหน้าพูดขึ้น


“เจ้าไม่จำต้องรู้ทั้งหมดก็ได้ นี่เป็นเรื่องที่เจ้าองค์กรสั่งมา ข้าพูดให้เจ้าฟังเอง…” ตอนที่เทียนทิงพูด ส่องประกายบางอย่างในสายตา


เฉินหงฟังอย่างตั้งใจมาก และแอบดีใจ “เทียนทิงบอกเรื่องสำคัญแบบนี้กับตัวเองได้ นี่เท่ากับว่าวันที่ตัวเองจะได้เป็นใหญ่เป็นโตกำลังจะมาถึงแล้วเหรอ ท่าทางประโยคจริงใจเมื่อกี้ยังได้ผลอยู่ เฉินหงอดใจไม่ไหวที่จะเยาะเย้ยเจ้าอ้วนที่รับมือเรื่องนี้ไม่ได้


“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยได้รู้จักกับเพื่อนพิเศษบางคน คาดว่าพวกเขายินดีลงมืออย่างมาก อีกทั้งจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ”เฉินหงพูดอย่างตั้งใจ


“ดีมาก หลังจากเรื่องนี้สำเร็จด้วยดี จะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งไปยังเขตโลกของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าอยากได้พื้นที่นี้มานานมากแล้วละ” เทียนทิงพูดพลางลูบคาง


เฉินหงได้ยิน รีบคุกเข่าขอบคุณ


พื้นที่ที่เทียนทิงพูดถึง มีแหล่งทรัพยากรวิญญาณขั้นสามหนึ่งอัน ปริมาณวิญญาณที่มันผลิตในแต่ละเดือนเพียงพอที่จะให้ราชันขั้นต่ำต่อสู้ต่อเนื่องได้ นี่เป็นทรัพยากรที่มหาศาลมาก เมื่อมีพื้นที่แห่งนี้แล้ว เฉินหงไม่จำต้องหวาดกลัวใด ๆแล้ว ไม่ต้องกังวลปัญหาของดวงวิญญาณแล้ว อีกทั้งเฉินหงยังนำวิญญาณที่เกินมา ไปแลกกับวัตถุวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่งบางส่วนได้ เพิ่มระดับของดวงวิญญาณ !!!


อยู่ในระดับราชัน หากระดับของดวงวิญญาณเพิ่มขึ้น ตำแหน่งจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง !


“วางใจได้ ข้าน้อยจะชิงไข่มังกรจำศีลเลือดบริสุทธิ์นั้นกลับมาให้ได้ ส่วนเจ้าเด็กชู่เฉิง…” เฉินหงกรอกตา ไม่ได้พูดต่อ


“อืม ออกไปเถอะ” เทียนทิงพยักหน้าอย่างพอใจ


รอยยิ้มของเฉินหงจางลงเรื่อย ๆ ในใจดีใจอย่างมาก


“วัยหนุ่มที่มีความสามารถราชันแค่ตัวเดียวคนหนึ่ง แค่รู้ร่องรอยของเขา จะฆ่าเขาอย่างไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เป็นเรื่องที่ง่ายเหลือเกิน”


แน่นอนว่าเฉินหงก็ไม่โง่ แม้เขาไม่รู้ว่า เบื้องหลังที่แท้จริงของชู่มู่คืออะไร แต่ก็ไม่จำต้องให้เรื่องนี้สืบสาวมาถึงตัวเอง ดังนั้น เขาติดต่อผู้แข็งแกร่ง “เบื้องล่าง” ทันที ให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้


“คาดไม่ถึงจริง ๆ ไข่มังกรจำศีลอัมพรมรกตสายเลือดบริสุทธิ์จะอยู่ในมือเจ้าเด็กนี่ นั่นเป็นกลุ่มมังกรระดับราชั้นขั้นสูง พลังต่อสู้ไม่ด้อยไปกว่าราชันชั้นยอด ถ้าอยู่ในมือข้า เลี้ยงถึงลักษณะสิบ ข้าจะเหยียบเทียนทิงได้อย่างมิดชิดแล้ว ถ้าไม่ระวังอาจทำให้อยู่ในระดับเกินกว่าราชันอย่างมังกรจำศีลอัมพรมรกตได้….คึคึ” เฉินหงยังแอบคิดในใจว่า จะแอบเทียนทิงได้ไหม แล้วเก็บไข่มังกรจำศีลอัมพรมรกตนี้ไว้กับตัวเอง !


ในห้องโถง


เทียนทิงมองดูเฉินหงจากไป กลับฉีกยิ้มออกมา


มีเพียงเจ้าพวกโง่ถึงจะเชื่อว่า มังกรจำศีลอัมพรมรกตจะแยกไข่มังกรจำศีลอัมพรมรกตสายเลือดบริสุทธิ์ออกมา


“รุ่นหลังทั้งหมดของมังกรจำศีลอัมพรมรกตมีเพียงมังกรจำศีลมรกต ผู้สืบทอดที่แท้จริง มาจากการชำระล้างด้วยเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อบรกตเท่านั้น จะมีรุ่นหลังของมังกรจำศีลอัมพรมรกตที่แยกออกมาโดยตรงได้อย่างไร คนโง่ยังคงเป็นคนโง่ แต่จัดการเจ้าเด็กนี้ให้ข้าก็ดี จะได้ไม่เป็นภัยในวันข้างหน้า” เทียนทิงพูดเยาะเย้ย


นึกถึงชู่มู่ที่มีดวงวิญญาณระดับราชันตั้งแต่สมัยรุ่นวัยหนุ่ม นี่ทำให้ใจของเทียนทิงหวาดหวั่น อีกทั้งหลังจากผ่านเรื่องนี้ ชู่มู่จะแค้นเทียนทิงอย่างมากแน่นอน เพื่อไม่ให้ในอนาคตมีปัญหามากมายแบบนี้ จัดการเขาสะตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า !


“ท่านคุณ จัดการเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวมากเสน่ห์คนหนึ่งเดินมาอย่างช้า ๆ เห็นเทียนทิงเหมือนจะอารมณ์ดีอยู่ รีบแนบร่างหอมเข้าไป


“ประมาณหนึ่งแล้ว” เทียนทิงหัวเราะออกมา ใบหน้าเคร่งขรึมเผยความหื่นออกมา ฝ่ามือแนบไปยังหน้าอกหญิงสาวรักสนุกทันทีในห้องโถงนี้




สวนตำหนักวิญญาณ


ท่านอาวุโสหลิ่วเดินมาข้างชู่มู่ ส่งแหวนช่องว่างอันหนึ่งให้ชู่มู่พูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ของเจ้าฝากคนนำมาให้ที่นี่ เป็นเทพน้ำแข็งดินก้อนหนึ่ง บอกว่าวิญญาณของเจ้ามีอุณหภูมิสูงมากผิดปกติ ต้องใช้สิ่งนี้เพื่อชะลอ”


“น้ำแข็งเทพดิน !!!”


ดวงตาของชู่มู่เป็นประกายทันที !


น้ำแข็งเทพดินเป็นสมบัติชั้นดีที่ทำให้ระดับพลังต่อสู้ของดวงวิญญาณระดับราชันเพิ่มขึ้นได้ !!!


ชู่มู่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า หลิ่วปิงฟงได้เจอเทพน้ำแข็งดินหายากยิ่งนี้ได้ ที่สำคัญที่สุด ได้ส่งมาในช่วงเวลาสำคัญที่สุดแบบนี้ด้วย !


ชู่มู่ไม่ได้นำน้ำแข็งเทพดินนี้เพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณของตัวเอง แต่น้ำแข็งเทพดินนี้ลดอุณหภูมิสูงของวิญญาณตัวเองได้โดยตรง !


ทันทีที่อุณหภูมิของวิญญาณละลง ชู่มู่จะใช้พลังที่ไม่กล้าใช้มาตลอดได้ ครึ่งมาร !!!


“เทียนทิง ดูว่าเจ้าจะบ้าเพียงใด อวดดีอีกหรือ ครั้งนี้เจ้าตายแน่ !!!”


พบเจอความหวังท่ามกลางความสิ้นหวัง ทำให้ในใจของชู่มู่ตื่นเต้นทันที !!!


ตอนที่ 596 วางแผน ฆ่าปิดปาก

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนที่อยู่เมืองหลี ปีศาจขาวอยู่แค่จักรพรรดิขั้นกลาง ลักษณะเจ็ด บวกกับผลของเลือดศักดิ์สิทธิ์ ก็ฆ่าล้างทุกอย่างได้แล้ว !


ในวันนี้ มารนิรยขาวอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูง ลักษณะเก้าแล้ว ร่ายวิญญาณของชู่มู่เข้าใกล้เจ้าวิญญาณแปดร่ายแล้ว ความสามารถของครึ่งมารจะแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก บวกกับเลือดศักดิ์สิทธิ์บ่อมรกต จะน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม !


ที่สำคัญที่สุดคือ เทียนทิงยังได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งแทบไม่ป้องกันตัวเอง !


ถ้าสามารถลอบสังหารได้ เกรงว่าเขายังไม่ทันได้อัญเชิญดวงวิญญาณแม้แต่ตัวเดียว ก็คงถูกตัวเองฆ่าตายก่อนแล้ว !


“โอกาสสุดท้ายที่เทียนทิงให้มาเป็นคืนนี้ ถ้าอย่างนั้นลงมือในคืนนี้ !”


ชู่มู่แน่วแน่มาก ในเมื่อจะฆ่า ก็ห้ามลังเลใด ๆ !


แทบไม่มีใครรู้ตัวตนครึ่งมาร ชู่มู่ฆ่าเทียนทิงในร่างครึ่งมาร แล้วให้ท่านอาวุโสสร้างข่าวลือบางอย่าง ถ้าอย่างนั้นการตายของเทียนทิง องค์กรวิญญาณจะไม่ตามสืบแน่นอน ไม่มีใครรู้ความลับนี้ ชู่มู่เองก็ลอยนวลต่อไปได้ !



“นายท่าน ปริมาณของน้ำแข็งเทพดินมีไม่มาก น่าจะให้นายท่านใช้ภาวะครึ่งมารสองครั้งได้ ทว่า ถ้านายท่านจะฆ่าเทียนทิงละก็ ข้าแนะนำให้นายท่านดูดแค่ส่วนหนึ่งของน้ำแข็งเทพดินก็พอ เพื่อมั่นใจว่า ลดอุณหภูมิหลังภาวะครึ่งมารครั้งนี้ได้ ส่วนน้ำแข็งเทพดินที่เหลือเก็บไว้จะดีกว่า เพื่อใช้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตเวหาน้ำแข็งของท่าน” ผู้เฒ่าหลีบอก


ชู่มู่ก็รู้ดี ถ้าตัวเองใช้น้ำแข็งเทพดินละก็ ประโยชน์หลักก็เพื่อลดอุณหภูมิวิญญาณของตัวเอง แม้ภูตเวหาน้ำแข็งจะได้ประโยชน์ด้วย แต่ก็ได้อย่างจำกัด


และถ้านำมาเพิ่มความแข็งแกร่งภูตเวหาน้ำแข็งโดยตรงละก็ พลังต่อสู้ของภูตเวหาน้ำแข็งจะทะยานขึ้นอย่างมาก !


“น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งภูตเวหาน้ำแข็งจนถึงระดับขั้นใดได้” ชู่มู่ถามขึ้น


“แค่นายท่านเพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตเวหาน้ำแข็งเทียบเท่าราชัน แล้วใช้น้ำแข็งเทพดินนี้เพิ่มความแข็งแกร่งต่อ น่าจะอยู่ในระดับราชันขั้นต่ำได้อย่างไม่มีปัญหา สมบัติแบบนี้จะทำให้ราชันวิญญาณเข้าแย่งชิงแน่นอน ไม่รู้ว่าท่านหญิงหาได้จากที่ใด” ผู้เฒ่าหลีบอก


“ราชันขั้นต่ำ !!!” ชู่มู่ดีใจอย่างมาก


เทียนเท่าราชันกับราชันขั้นต่ำเป็นการก้าวข้ามความสามารถอีกอย่าง เท่ากับว่า แค่ตัวเองหาวัตถุวิญญาณที่เพิ่มความแข็งแกร่งภูตเวหาน้ำแข็งให้อยู่ในระดับราชันได้ ถ้าอย่างนั้นตัวเขาจะใช้น้ำแข็งเทพดินนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ภูตเวหาน้ำแข็งอยู่ในราชันขั้นต่ำได้แล้ว !


ตอนนี้ แม้แต่ชู่มู่เองยังรู้สึกอนาคตของตัวเองเต็มไปด้วยความหวัง !


แน่นอนว่า ต้องจัดการปัญหาที่รับมือยากที่สุดนี้ก่อน ไม่ฆ่าเทียนทิงให้ตายพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์


“นายท่าน เพื่อความปลอดภัย เจ้าไปทำความเข้าใจกับดวงวิญญาณหลักทั้งหมดของเทียนทิงก่อน เพื่อจะได้รู้เอาไว้ ท่านจะมีความมั่นใจมากขึ้น” ผู้เฒ่าหลีบอก


ชู่มู่พยักหน้า จำต้องคิดวิธีฆ่าเทียนทิงนี้ภายในหนึ่งวัน และวิธีที่ไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ในขณะเดียวกัน !


จะรู้ความสามารถของเทียนทิงไม่นับว่ายากมาก ชู่มู่เองได้ให้ถิงหลันไปตามท่านอาวุโสถิง


ในไม่ช้า ถิงหลันได้บอกสถานการณ์คร่าว ๆ เกี่ยวกับดวงวิญญาณของเทียนทิงให้ชู่มู่ฟัง ในขณะเดียวกันได้นำข่าวร้ายอย่างหนึ่งมาให้ชู่มู่


“ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันการประลองฟ้าดินตัวนั้นถูกกักไว้กับเทียนทิงงั้นหรือ” ชู่มู่รู้สึกแปลกใจ


ที่แท้เทียนทิงมาถึงตำหนักวิญญาณเอง ก็เพื่อเอาดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันไป !


ในคำพูดนี้เป็นการบอกกับชู่มู่ว่า “ถ้าคืนนี้ไม่ส่งมอบให้ตรงเวลา ชู่มู่อย่าคิดจะได้ดวงวิญญาณตัวอ่อนระดับราชันซึ่งเป็นเกียรติสุดท้ายขั้นหนึ่งแล้ว”




ตำหนักเทียนทิง


เทียนทิงมีลูกน้ององค์กรวิญญาณทั้งหมดเจ็ดคน ลูกน้องทั้งเจ็ดคนนี้ต่างเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีดวงวิญญาณระดับราชัน


ผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณทั้งเจ็ดคนนี้อยู่ในเมืองเทียนเซี่ยมาหลายปี เป็นพลังตัวแทนขององค์กรวิญญาณ ทำการควบคุมอำนาจพื้นที่แห่งนี้


ในบรรดาผู้แข็งแกร่งราชันวิญญาณ จะมีคนหนึ่งที่อยู่ข้างเทียนทิงตลอด เป็นผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณที่ชื่อว่าหม่าอี้หลู่คนหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งคนนี้ควบคุมพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตเมืองเทียนเซี่ย รวมถึงแหล่งวิญญาณหนึ่งในสี่ในพื้นที่ใกล้กับเมืองเทียนเซี่ยแห่งนี้ด้วย


ถ้าเปรียบเทียบวิญญาณเป็นเงินทองละก็ ถ้าอย่างนั้นแหล่งวิญญาณนับว่าเป็นเหมืองแร่ทองคำ ว่าจ้างนักวิญญาณขั้นต่ำแต่รู้จักวิธีเก็บวิญญาณมา จะขุดวิญญาณในจำนวนที่มากเพียงพอในแต่ละเดือน เพื่อให้เหล่าราชันวิญญาณเลี้ยงดูดวงวิญญาณราชันของพวกเขา


เมืองเทียนเซี่ยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ก็เพราะมันเป็นหนึ่งในที่ที่มีแหล่งวิญญาณมากที่สุด


บริเวณที่มีบ่อวิญญาณมาก มักแปลว่ามีระบบนิเวศดวงวิญญาณที่สมบูรณ์ จะมีดวงวิญญาณหลากหลายชนิดปรากฏอยู่ ผู้คุมดวงวิญญาณคิดอยากจะได้ดวงวิญญาณที่ดี จำต้องมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีดวงวิญญาณหลากหลาย ดังนั้น แหล่งวิญญาณก็ไม่ต่างจากบริเวณที่มีดวงวิญญาณมากมาย


หม่าอี้หลู่มีดวงวิญญาณหลักเทียบเท่าราชันสามตัว อายุของเขาไม่น้อย ไม่มีความกล้าที่จะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นจึงปักหลักอยู่ที่เมืองเทียนเซี่ย อาศัยเทียบเท่าราชันสามตัวนี้ และแหล่งวิญญาณที่มั่นคง เขายังคงมีชื่อเสียง ตำแหน่ง อำนาจในเมืองเทียนเซี่ยนี้อย่างมั่นคงได้…


“เจี่ยซุ่นติง ทำไมวันนี้ถึงว่างมาตำหนักท่านเทียนทิงได้” หม่าอี้หลู่พึ่งถวายวิญญาณของเดือนนี้ เห็นเจี่ยซุ่นติงวังมารนิรย จึงอดใจที่จะทักทายไม่ได้


แม้เจี่ยซุ่นติงจะเป็นคนของวังมารนิรย แต่ความจริงมีตำแหน่งอีกอันคือลูกน้องโดยตรงของเทียนทิง


เช่นเดียวกับส่วนในของตำหนักวิญญาณ จะมีผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณแบบนี้ นี่เป็นวิธีที่องค์กรวิญญาณใช้ติดตามอำนาจใหญ่เหล่านี้


เจี่ยซุ่นจิงไม่เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ราชันภูตสายฟ้าของท่านได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าพวกโง่คนไหนที่บอกว่าในมือข้ามีวัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้า”


พูดถึงตรงนี้ เจี่ยซุ่นติงโกรธอย่างมาก เดิมวัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้าเหล่านี้เขาคิดจะนำมาให้ภูตมงกุฎสายฟ้าอลวนของตัวเองใช้ ลองดูว่า ภูตมงกุฎสายฟ้าอลวนจะเพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับเทียบเท่าราชันได้ไหม แม้โอกาสมีเพียงหนึ่งในร้อย วัตถุวิญญาณเหล่านี้เขาใช้เงินไม่น้อยถึงจะได้มา และแล้วตอนนี้จำต้องถวายให้เทียนทิง ให้ราชันภูตสายฟ้าของเขารักษาแผล


“แหะ แหะ เจ้าโชคร้ายจริง ๆ” หม่าอี้หลู่หัวเราะออกมา


“ทำไมเจ้าไม่อยู่ในตำหนักของตัวเอง มาทำอะไรที่นี่” เจี่ยซุ่นติงถามขึ้น


“ข้าก็ไม่รู้ วันนี้จู่ ๆ ท่านก็เรียกข้ากับลี่เถิงมาที่นี่ แต่กลับไม่บอกพวกข้าว่าจะทำอะไร” หม่าอี้หลู่บอก


“ราชันเขี้ยวของเขาก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่แน่จะให้พวกเจ้ากตัญญูเขาสักหน่อย” เจี่ยซุ่นติงส่งเสียงเยือกเย็น


พูดถึงราชันเขี้ยว สีหน้าของหม่าอี้หลู่แย่ลงมาก


ไม่กี่ปีก่อน หม่าอี้หลู่ไม่รู้ว่า เทียนทิงเป็นผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณที่ถูกส่งมาจากเมืองว่านเซี่ยง จงใจหาเรื่องเขา


และในตอนนั้น เทียนทิงได้อัญเชิญราชันเขี้ยวระดับราชันตัวนี้ออกมาตัวเดียว เอาชนะราชันทั้งสามตัวมากประสบการณ์ของเขาหมด


ดังนั้น ตอนที่พูดถึงราชันเขี้ยวตัวนี้ หม่าอี้หลู่ไม่สบายใจทันที อย่างไรก็ตาม พลังต่อสู้ของดวงวิญญาณตัวนั้นน่ากลัวอย่างมากจริง ๆ !


ราชันเขี้ยว ตระกูลภูตวิญญาณ หมวดอสูร กลุ่มราชันเขี้ยว ระดับจักรพรรดิ


เดิมราชันเขี้ยวดุร้ายอย่างมากอยู่แล้ว ลำตัวคล้ายสิงโตและเสือ แต่ส่วนหัวกลับเหมือนหมาป่า มีดวงตาสี่อัน บริเวณไหล่มีกริดกระดูกยักษ์ใหญ่ ตั้งขึ้นได้ นอนราบได้ ต่อให้เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็มีพลังทำลายล้างมหาศาล


จุดเด่นของมันคือ เขี้ยวยักษ์ใหญ่ยาวทั้งสี่นั้น ไม่อาจสลายได้อีกทั้งยังทำลายหินได้อย่างง่ายดาย ราชันเขี้ยวจึงได้ชื่อจากสิ่งนี้


ราชันเขี้ยวเป็นดวงวิญญาณหลักอีกตัวของเทียนทิงที่เพิ่มความแข็งแกร่งจนอยู่ในระดับราชันขั้นสูง ตอนที่เทียนทิงยังไม่ได้ราชันภูตสายฟ้ามา ก็อาศัยราชันเขี้ยวตัวนี้เอาชนะทุกสรรพสิ่ง



“เจี่ยซุ่นติง วัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้าที่เจ้าให้มา เหมาะกับราชันภูตสายฟ้าของข้าพอดี ดีมาก ข้ารับความหวังดีของเจ้าไว้แล้ว นอกจากนี้ ข้ามีบางเรื่องจะปรึกษากับเจ้า เจ้าอยู่ในตำหนักของข้าก่อนเถอะ”เทียนทิงนั่งอยู่ในห้องโถง พยักหน้าไปยังเจี่ยซุ่นติงวังมารนิรยอย่างพึงพอใจ


เจี่ยซุ่นติงฉีกยิ้ม แต่ในใจกลับด่าเทียนทิงผู้แสแสร้งนี้ล้านรอบแล้ว ทำไมถึงเก็บวัตถุวิญญาณหมวดสายฟ้าที่กว่าเขาจะเก็บมาได้แบบนี้ !


เจี่ยซุ่นจิงโค้งคำนับแล้วจากไป มีคนรับใช้หญิงเข้ามานำทาง พอเจี่ยซุ่นติงเข้าไปพักในตำหนักเทียนทิง


ในวันปกติ ตำหนักเทียนทิงจะมีราชันวิญญาณร่างอวบกับเฉินหงคอยเดินตาม แต่วันนี้แปลกไป เทียนทิงให้ราชันวิญญาณสามคนอยู่ในตำหนัก


เทียนมิงเองก็ไม่โง่ ถ้าให้ท่านอาวุโสเห็นไข่ดวงวิญญาณที่ต้องห้ามนั้น ท่านอาวุโสจะรู้ว่าดวงวิญญาณที่อยู่ในนั้นไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าท่านอาวุโสคิดจะครองเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นเทียนทิงเขาจะฆ่าปิดปากแน่นอน


แม้ท่านอาวุโสจะมีโอกาสลงมือกับเขาน้อยมาก ๆ แต่เทียนทิงเองก็ต้องป้องกันไว้ก่อน จึงให้ราชันวิญญาณสามคนนั้นอยู่ในตำหนักของตัวเอง ไม่หวังให้พวกเขาทำอะไร แต่อย่างน้อยก็ให้ท่านอาวุโสรู้ว่าเขาเองก็ตั้งตัวเหมือนกัน


“ท่าน มีคนรับใช้ของตำหนักวิญญาณบอกว่า มาส่งสารแทนชู่เฉิง” ผู้รับใช้คนหนึ่งเข้ามา พูดพร้อมชันเข่า


“พาเข้ามา” เทียนทิงบอก


หลังจากผ่านไปสักพัก หญิงรับใช้ส่วนตัวของชู่มู่เจียจิ้งปรากฏตัวในห้องโถงของตำหนักเทียนทิง หลังจากเห็นเทียนทิง เจียจิ้งเองไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ พูดเสียงเบาว่า “คุณ…คุณชายข้า ให้ข้าส่งสารบอกว่า…ตกดึกแล้วรบกวนท่านมุ่งหน้าไปยังประตูโลกมรณะ เขาจะส่งมอบของกับมือ”


เทียนทิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า “บอกคุณชายเจ้า ให้ส่งมาที่ตำหนักข้าเอง !”


ร่ายวิญญาณของเทียนทิงสูงขนาดไหน น้ำเสียงแบบนี้ ยิ่งทำให้เจียจิ้งหวาดกลัว พูดตอบด้วยใบหน้าซีดขาวว่า “คุณชาย…คุณชายบอกว่า…จะให้ท่านเทียนทิงนำดวงวิญญาณตัวอ่อนราชันการประลองฟ้าดินมาแลก ถ้าท่านเทียนทิงไม่มา…คุณชาย…คุณชายจะเปิดเผยความลับของสิ่งนั้นออกไป”


เทียนทิงตบโต๊ะ ลุกขึ้นทันที !


เจ้าองค์กรสั่งไว้หลายรอบ ในตอนนี้ต้องเก็บเป็นความลับให้ดีมาก ถ้ากระจายออกไป เทียนทิงจะถูกเจ้าองค์กรทำโทษ เทียนทิงไม่คิดว่า เจ้าเด็กนี้กลับใช้สิ่งนี้ขู่ตัวเอง


เจียจิ้งตกใจกับท่าทีนี้ทันที ล้มนั่งกับพื้น ไม่กล้าพูดอะไรอีก


“หึ !” เทียนทิงส่งเสียงอย่างเยือกเย็น สายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังเจียจิ้ง


ผ่านไปเนิ่นนาน เทียนทิงถึงพูดขึ้นว่า “บอกคุณชายเจ้า ข้าจะพาดวงวิญญาณตัวอ่อนไปที่นั่น ถ้าคืนนี้ไม่ส่งมอบ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน !”


เจียจิ้งรีบลุกขึ้น วิ่งออกไปอย่างรีบร้อน


เมื่อก่อนเจียจิ้งยังรู้สึกว่า ประธานที่นั่งทั้งสี่เป็นคนรูปงามสุขุม อีกทั้งยังมีท่าทีของผู้แข็งแกร่ง วันนี้ได้เจอแล้ว เหมือนกับอสูรคลั่งตัวหนึ่ง น่ากลัวอย่างมาก !


หลังจากเห็นหญิงรับใช้หนีไป เทียนทิงยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าเด็กที่มีดวงวิญญาณราชันแค่ตัวเดียว ข้าจะดูว่าเจ้าจะเล่นอะไร อย่าหวังว่าท่านอาวุโสจะลงมือ ข้าไม่ให้เขามีโอกาสลงมือแน่นอน !”


ตอนที่ 597 แผนซ้อนแผน เทียนทิงผู้ชั่วร้าย

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนตกค่ำ ชู่มู่เดินออกจากห้องของตัวเอง ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง เผยให้เห็นไอเย็นเยียบบนตัวชู่มู่


ชู่มู่มีเวลาไม่มาก ดังนั้น หลังจากที่ได้น้ำแข็งเทพดิน เขาใช้ทันที แล้วใช้ร่ายวิญญาณนำมันเข้าไปในวิญญาณ เพื่อควบคุมอุณหภูมิสูงของวิญญาณเอาไว้


โชคดีที่ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่มาก ส่วนผลของน้ำแข็งเทพดินชัดเจนอย่างยิ่ง ถ้ายืดเวลามากเกินไปละก็ ชู่มู่เองจะยากที่จะทำตามแผนของตัวเองได้


หลังจากดูดซึมพลังของน้ำแข็งเทพดินได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ภูตเวหาน้ำแข็งที่มีวิญญาณเชื่อมต่อกับชู่มู่ก็ได้ประโยชน์จากมันไปด้วย


ต่อให้หลังจากที่ชู่มู่ดูดซึมแล้ว ภูตเวหาน้ำแข็งถึงจะได้พลังเล็กน้อยบ้าง แต่อย่างน้อยน้ำแข็งเทพดินนี้ก็เป็นสมบัติชิ้นดีที่นำมาเพิ่มความแข็งแกร่งดวงวิญญาณราชัน ถ้าคนปกติใช้น้ำแข็งเทพดินโดยตรง วิญญาณคงถูกแช่แข็งจนตายได้


หลังจากผลของน้ำแข็งเทพดิน ภูตเวหาน้ำแข็งได้เข้าสู่การหลับใหลทันที จำต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนานเพื่อดูดซึมวัตถุวิญญาณที่มีพลังหมวดน้ำแข็งมหาศาลนี้


คาดว่า หลังจากที่ภูตเวหาน้ำแข็งดูดซึมพลังของน้ำแข็งเทพดินจากวิญญาณของชู่มู่แล้ว พลังต่อสู้จะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน



เทียนทิงเองก็จัดการอย่างระมัดระวัง หลังจากรู้ว่า ชู่มู่ต้องการแลกเปลี่ยนที่ประตูโลกมรณะ เขาเลยเดาว่า ชู่มู่มีแผนแน่นอน จงใจให้เย้เทาวังมารนิรยมุ่งหน้าไปตำหนักวิญญาณ ให้เขารั้งท่านอาวุโสไว้ ไม่ปล่อยให้เจ้าแก่นี่มีโอกาส อีกทั้งบอกให้ชู่มู่ไปลำพังเท่านั้น


เทียนทิงระวังมากเพียงใด ยังคงไม่สามารถป้องกันตัวชู่มู่เองได้


ชู่มู่เองก็ใช้ประโยชน์จากความคิดนี้ของเทียนทิง จงใจให้เทียนทิงสนใจอยู่กับท่านอาวุโส แบบนี้เทียนทิงแค่มั่นใจว่าท่านอาวุโสอยู่ในควบคุมของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาแทบไม่ต้องกังวลเรื่องแลกเปลี่ยนแม้แต่น้อย


เทียนทิงทำแบบนี้ ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่า มีเพียงเทียนทิงคนเดียวที่รู้ความลับเรื่องนี้


เดินออกจากห้อง ชู่มู่อัญเชิญอสูรสายฟ้านิมิตราตรี มุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูโลกมรณะ


ที่ชู่มู่เลือกประตูโลกมรณะ ก็เพื่อให้ผู้คนเกิดภาพลวงตาว่าครึ่งมารนี้มาจากมิติลึกลับ เช่นนี้หลังจากฆ่าเทียนทิงแล้ว องค์กรวิญญาณส่งคนมาก็อยากที่จะสืบถึงตัวเองได้


อย่างไรก็ตาม เดิมครึ่งมารก็เป็นสิ่งที่อันตรายอยู่แล้ว คนขององค์กรสืบอย่างไร ก็ไม่อาจสืบถึงต้นตอของครึ่งมารได้ ยิ่งไม่มีทางสืบได้ว่า ผู้เข้าแข่งขันวัยหนุ่มอย่างชู่มู่จะเป็นครึ่งมารได้ !



ตอนที่ชู่มู่ไปถึงบริเวณประตูเมือง จงใจรอสักพัก


น่าจะรอได้ไม่นาน ผู้เฒ่าหลีวิ่งจากที่ไกลอย่างรีบร้อนทันที


“นายท่าน ในตำหนักเทียนทิงมีราชันวิญญาณประมาณสามคน ต่างเป็นสมาชิกขององค์กรวิญญาณ หม่าอี้หลู่ ขุนนางหลักเมืองเทียนเซี่ย ผู้แข็งแกร่งอิสระ ลี่เถิง แล้วก็ยังมีเจี่ยซุ่นติงวังมารนิรย ความสามารถของสามคนนี้นับว่าเป็นระดับพื้นฐานในวงการราชัน แต่สำหรับนายท่านกลับเป็นศัตรูตัวฉกาจ” ผู้เฒ่าหลีบอก


“ผู้เฒ่าหลี เจ้ารู้สึกว่า คนพวกนี้รู้ความลับไหม” ชู่มู่ถามขึ้น


“กำจัดไปก่อนจะปลอดภัยกว่า เพราะต่อให้พวกเขาไม่รู้ความลับ พวกเขาก็รู้ว่าท่านแลกเปลี่ยนกับเทียนทิงที่นี่” ผู้เฒ่าหลีบอก


ชู่มู่พยักหน้า ตบมั่วเย้บนไหล่ของตัวเองเบา ๆ


มั่วเย้ในภาวะอาวรณ์กระโดดลงจากไหล่ของชู่มู่ แสงจันทร์สาดส่อง ทำให้ขนของมั่วเย้งดงามยิ่งขึ้น


ชู่มู่เองก็รู้ว่า ถ้าเขาไม่ปรากฏตัว เทียนทิงก็จะไม่ปรากฏตัว ในตอนนี้ชู่มู่ให้มั่วเย้น้อยอยู่ที่บริเวณประตูเมืองนี้ ตัวเองตั้งใจวนไปอีกทาง มุ่งหน้าไปยังประตูโลกมรณะ


ประตูโลกมรณะหรือเรียกว่าภูเขาสะท้อนดาบ ชู่มู่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่แน่ชัด แต่เพื่อให้ปกปิดได้ ชู่มู่ยังคงปีนขึ้นยอดเขา รอให้เทียนทิงมาถึง


ด้านตะวันออกของภูเขาสะท้อนดาบ กลุ่มคนที่สวมชุดประหลาดกำลังมุ่งหน้ามายังประตูโลกมรณะอย่างรวดเร็ว


ผู้คนเหล่านี้สวมหน้ากาก สวมชุดสีดำ เห็นได้ชัดว่า ไม่อยากให้คนอื่นรู้ตัวตนของพวกเขา


ดวงวิญญาณที่พวกเขาขี่ธรรมดาอย่างมาก มองดูไม่เหมือนผู้แข็งแกร่งชั้นยอดมาก และแล้ว พวกเขากลับรู้จักซ่อนกลิ่นอายใต้แสงจันทร์ เข้าใกล้ภูเขาสะท้อนดาบอย่างเงียบ ๆ


คนกลุ่มนี้ มีหัวหน้าคือราชันวิญญาณเฉินหง !


เดิมเฉินหงคิดจะร่วมมือกับเพื่อนพิเศษ แล้วหาโอกาสลอบฆ่าชู่มู่ แล้วชิงไข่มังกรจำศีลมรกตบนตัวชู่มู่มา


แต่เทียนทิงบอกเขากะทันหันว่า คืนนี้ชู่มู่จะปรากฏตัวที่ประตูโลกมรณะ ให้เขาพาคนกลุ่มหนึ่งไปจัดการดวงวิญญาณของชู่มู่ เหลือครึ่งชีวิตไว้ อีกทั้งต้องทำให้สะอาด ห้ามทิ้งอะไรไว้


แม้เฉินหงจะเป็นหัวหน้า เขากลับไม่คิดจะลงมือ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาลงมือ ตำหนักวิญญาณตามสืบจะพบเห็นดวงวิญญาณของเขา เขาเฉินหงจะไม่มีวันสงบแน่


“พี่เฉินยุ่น เจ้าวางใจได้ ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่มือใหม่ที่มีความสามารถเทียนเท่าราชันตัวเดียวเท่านั้น ดวงวิญญาณอื่นเป็นแค่ขยะ ท่านแค่กำจัดเขาไม่กี่ญาณก็พอ เจ้าต้องการวิญญาณ ข้าจะมอบให้ในวันที่สองแน่นอน” เฉินหงพูดกับเฉินยุ่นด้านข้างด้วยรอยยิ้ม


ชื่อเฉินยุ่น เกรงว่าหลายคนในเมืองเทียนเซี่ยต่างรู้ดี อีกทั้งเป็นคนที่พูดถึงแล้วสีหน้าทุกคนจะเปลี่ยนไปทันที


เฉินยุ่นเป็นคนชั่วร้ายที่ทั้งตำหนักวิญญาณ วังดวงวิญญาณ วังมารนิรยทั้งสามอำนาจประกาศจับ เมื่อก่อนตอนยังเป็นเจ้าวิญญาณ ได้ทำชั่วร้ายไว้เยอะ มักฆ่าล้างผู้อ่อนแอ อีกทั้งไม่รักษากฎระเบียบใด ๆ ฆ่าล้างสมาชิกวัยหนุ่มของอำนาจต่าง ๆ ทำเรื่องที่ทำให้ผู้คนโกรธเคืองอย่างมาก


เดิมคนที่ถูกประกาศจับแบบนี้ควรจะยากที่จะเคลื่อนไหวได้ กลับไม่รู้ว่าคน ๆ นี้ได้เจอกับใครกันแน่ ถึงได้วัตถุวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่ง ทำให้ได้ดวงวิญญาณระดับราชัน ยิ่งอวดดีทำชั่วมากขึ้น !


ถ้าเฉินยุ่นลงมือละก็ ด้วยชื่อเสียงเลวร้ายของเขา ตำหนักวิญญาณจะไม่สงสัยองค์กรวิญญาณแน่นอน ดังนั้นเรื่องนี้ให้เฉินยุ่นลงมือดีที่สุดแล้ว !


“หึ ก็แค่จับเจ้าคนที่ได้เกียรติสองขั้นก็พอไม่ใช่เหรอ จะอ้าง ๆ อึ้ง ๆ ทำไม !” เฉินยุ่นพูดอย่างไม่พอใจ


“ขอรับ ขอรับ ขอรับ ที่แท้พี่ชายเฉินยุ่นได้ติดตามด้วย ในเมื่อแบบนี้พี่เฉินยุ่นมั่นใจมากขึ้นไหม” เฉินเถิงถามขึ้น


“เจ้าเด็กไม่รู้จักโต มั่นใจ ไม่มั่นใจอะไรกัน รอเก็บศพก็พอ” นัยน์ตาของเฉินยุ่นดุร้ายอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย !


“นี่…นี่ อย่าฆ่าคนจะดีกว่า ฆ่าดวงวิญญาณก็พอ” เฉินหงพูดเสียงเบา


“ยุ่งยากจริง !” เฉินยุ่นสะบัดมืออย่างรำคาญ


เฉินหงเองก็รีบยิ้มขอโทษ


ฆ่าคนงั้นหรือ เฉินหงไม่กล้ารับแน่นอน โดยเฉพาะในตอนที่ท่านอาวุโสหลิ่วยังอยู่ในเมืองเทียนเซี่ย อย่างน้อยชู่มู่ก็เป็นคนของตำหนักวิญญาณ ฆ่าเขา ท่านอาวุโสหลิ่วจะสืบสาวมาแน่ ๆ


เฉินหงกล้าฆ่าชู่มู่ อย่างมากก็แค่ตามหาร่องรอยชู่มู่จากด้านนอก แล้วส่งคนไปสืบ เรื่องที่จะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองเขาไม่ทำแน่นอน


แน่นอนว่า ถ้าเฉินหงรู้ว่าชู่มู่เป็นบุตรของท่านหญิง หลานชายของท่านอาวุโส เขาจะไม่ทำภารกิจนี้แน่นอน แต่เสียดาย ถ้าจะเล่นแง่ เฉินหงสู้เทียนทิงไม่ได้จริง ๆ ทันทีที่จบเรื่อง เฉินหงยังต้องรับกรรมอยู่ดี


“พวกเจ้า สร้างความวุ่นวาย” เฉินยุ่นสั่งลูกน้องของตัวเอง


หลังจากสิบกว่าคนนั้นได้รับคำสั่ง แบ่งเป็นสองกลุ่ม มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต่างกันของประตูโลกมรณะ การเคลื่อนที่ประหลาดมาก



“น่าแปลก ทำไมมีคนสองกลุ่มสู้กันใต้ประตูโลกมรณะ” ชู่มู่มองจากที่สูง กลับเกิดความสงสัยในใจ


ใต้ประตูโลกมรณะ มีดวงวิญญาณประมาณสิบกว่าตัว ความสามารถของดวงวิญญาณเหล่านี้อยู่ประมานจักรพรรดิ


ทั้งสองฝ่ายต่อสู้อย่างรุนแรง ทักษะต่าง ๆ กระจายออก ในไม่ช้าได้ทำให้เหล่าประชาชนและผู้เฝ้าเมืองบริเวณประตูเมืองตื่นตระหนก


ชู่มู่ไม่เข้าใจอย่างมาก ทำไมจุดนัดที่คุยกันไว้ถึงมีบุคคลไร้ตัวตนสองฝ่าย


“แหะ แหะ เจ้าเด็ก ไม่เข้าใจใช่ไหม ให้พี่ชายมาไขข้อสงสัยให้ไหม” ในตอนที่ชู่มู่กำลังสงสัย เสียงเจ้าเล่ห์ดังขึ้นจากด้านล่างภูเขาทันที


ในไม่ช้า ชายชุดดำที่สวมหน้ากากปรากฏตรงหน้าชู่มู่


ชู่มู่ขมวดคิ้ว ผู้ที่เข้ามาไม่เป็นมิตร เห็นได้ชัดว่า เทียนทิงได้เล่นเกมชั่วร้าย !


ชู่มู่ไม่รุกรน แต่ที่ทำให้ชู่มู่สงสัยคือ หรือว่าเทียนทิงไม่อยากได้ไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามเหรอ แต่กลับส่งนักฆ่ามาฆ่าตัวเองงั้นเหรอ


“หรือว่า…เจ้าเทียนทิง ไม่อยู่นิ่งจริง ๆ ด้วย !” ชู่มู่คิดให้ดีแล้ว เข้าใจทั้งหมด !


เจ้าเทียนทิงนี่ น่ากลัวจริง ๆ เกรงว่าต่อให้ตัวเองส่งมอบมั่วเย้ เขาไม่คิดจะให้ตัวเองรอดไปได้ !


“เจ้าเด็ก เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่หรือไร !!!” เฉินยุ่นเห็นเจ้าเด็กนี้กลับเพิกเฉยตัวเอง ตะโกนด้วยความโกรธทันที !!!


“ทั้งสองฝ่ายที่สู้กันด้านล่าง เป็นลูกน้องของเจ้างั้นหรือ” ชู่มู่ถามอย่างใจเย็น


สีหน้าของเฉินยุ่นที่อยู่ใต้หน้ากากแย่มาก


คนกลุ่มด้านล่างเป็นคนที่อยู่ในแผนการของเขา แม้เฉินยุ่นจะเป็นคนชั่วร้าย แต่เขาก็ไม่อยากหาเรื่องคนที่ไม่ควรจะหาเรื่อง


เหล่าลูกน้องพวกนั้นจะทำการต่อสู้ปลอม แล้วโยนศพของอำนาจอื่นไว้ที่นั่น…


ที่ทำให้เฉินยุ่นคาดไม่ถึงคือ เจ้าเด็กนี่มองออกได้เร็วขนาดนี้ การโยนความผิดเป็นเรื่องที่เขาถนัดมาตลอด



บริเวณทิศใต้ของประตูโลกมรณะ


เทียนทิงยืนอยู่บนพื้นที่อันกว้างใต้ท้องฟ้าสีดำ มองไปยังประตูโลกมรณะจากที่ไกล


ครั้งนี้เทียนทิงได้วางแผนที่แม้จะมีช่องโหว่ แต่กลับจัดการทุกอย่างได้


เทียนทิงรู้ว่า เฉินหงจะพา “เพื่อนพิเศษ” ไปฆ่าดวงวิญญาณของชู่มู่ รอให้ “เพื่อนพิเศษ” สั่งสอนชู่มู่ได้พอประมาณแล้ว เขาค่อยปรากฏตัว


ถึงตอนนั้น ดวงวิญญาณของชู่มู่คงถูกฆ่าพอประมาณแล้ว และเฉินหงคงได้แหวนช่องว่างของชู่มู่มาแล้ว


สิ่งที่เทียนทิงจะทำ คือปรากฎตัวด้วยผู้ใหญ่ที่เป็นธรรม ฆ่า”เพื่อนพิเศษ”และเฉินหงที่คิดจะขโมยของของผู้ชนะขั้นหนึ่ง !


ตามด้วย ชิงแหวนช่องว่างของชู่มู่จากเฉินหง


เทียนทิงเชื่อว่า ในนั้นมีไข่ดวงวิญญาณต้องห้ามแน่นอน


และต่อให้ไม่มี เทียนทิงก็ไม่กังวล ข่มขู่ต่อไปก็พอ อย่างไรก็ตาม คนที่ลงมือไม่ใช่เขา อีกทั้งถ้าเขาไม่ปรากฏตัว เจ้าเด็กนั่นอาจถูกฆ่าก็ได้ เขายังได้กลายเป็นผู้ช่วยชีวิตของชู่มู่ด้วย !


แผนนี้ดีมาก แต่มีช่องโหว่ และคงต้องให้เจ้าองค์กรอุดช่องโหว่นี้ให้เทียนทิง


“ไฟปีศาจสีขาวงั้นหรือ หรือว่าเจ้าเด็กนั่นอัญเชิญมารนิรยขาวเหรอ ตลกจริง มารนิรยขาวจักรพรรดิขั้นสูงจะทำอะไรได้” เทียนทิงมองไปยังไฟปีศาจสีขาวที่ลุกโชนบนภูเขาสะท้อนดาบ แล้วพูดพึมพำ


ตอนที่ 598 เป็นศัตรูกับทั้งองค์กรวิญญาณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เทียนทิงแอบไม่ขยับ เขาได้สั่งเฉินหงไว้แล้วว่า ห้ามฆ่าชู่มู่ อีกทั้งจำต้องนำแหวนช่องว่างบนตัวของชู่มู่มาให้ได้


เวลานี้เป็นช่วงที่ดีมาก ถ้าไปเร็วเกินไป เฉินหงจะสั่งสอนชู่มู่ไม่มากพอ นี่ไม่สามารถระงับความโกรธในใจของเทียนทิงได้ ไปช้าเกินก็ไม่ได้ เฉินหงกับเพื่อนพิเศษของเขาจะจากไปแน่นอน


รอนิ่ง ๆ มาสักพักแล้ว เทียนทิงเริ่มเห็นประกายทักษะบนภูเขาสะท้อนดาบหมองคล้ำลงเรื่อย ๆ


พลังระดับราชันแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เป็นเพราะความพิเศษของประตูโลกมรณะ คาดว่าประตูนี้คงสลายเพราะพลังของราชันแล้ว


ดังนั้น ในตอนที่ทุกอย่างเริ่มสงบลง เทียนทิงอดใจที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เดาว่าการต่อสู้น่าจะจบลงแล้ว


ในตอนนี้ เทียนทิงได้ร่ายคาถาขึ้น อัญเชิญราชันเขี้ยวแข็งแกร่งของตัวเองออกมา !


แม้ราชันเขี้ยวจะเป็นดวงวิญญาณหมวดอสูร แต่ยอดเขาแบบนี้ สำหรับราชันเขี้ยวแล้ว แทบไม่ต้องใช้แรงในการปีนแม้แต่น้อย


ในไม่ช้า เทียนทิงทำท่าทีเหมือนใจร้อนอย่างมาก !


เทียนทิงลงมือโหดมาก เพื่อไม่ให้มีใครรอดไป เขาขี่ราชันเขี้ยวไปยังหน้าประตูโลกมรณะก่อน เล็งไปยังพวกคนที่เป็นแค่ตัวละครเหล่านั้น !


จำต้องกำจัดคนเหล่านี้ เทียนทิงจะไม่เหลือร่องรอยที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองไว้ !


ความสามารถของลูกน้องเฉินยุ่นอยู่ในระดับจักรพรรดิเป็นส่วนใหญ่ และทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้อย่างปลอม ๆ แล้วทิ้งศพไปตามพื้น เพื่อโยนความผิดไปยังคนของวังมารนิรย


เฉินยุ่นฉลาดมาก รู้ว่าชู่มู่ไม่ถูกกับเจียงอี้เถิง ลู่ซานหลี ซิงหยาง ดังนั้น จึงโยนศพของสมาชิกวังมารนิรยไว้ที่นี่ บวกกับสร้างร่องรอยการโจมตีของมารนิรย คนของตำหนักวิญญาณย่อมไม่สงสัยพวกเขา


“พอแล้ว ได้แล้วละ พวกเรากลับได้ละ อย่ารอให้เหล่าผู้เฝ้าเมืองมาถึง” ชายที่สวมหน้ากากสีแดงพูดขึ้น


“อืม ถอยเถอะ พี่ชายน่าจะจัดการได้แล้ละ”หัวหน้าของอีกกลุ่มหนึ่งพูดขึ้น


คนกลุ่มนี้ต่างขี่ดวงวิญญาณทั่วไป ในนั้นยังมีมารนิรยเขียวกับมารนิรยฟ้าไม่กี่ตัว มีไว้เพื่อหลอกตา


ความสามารถเฉลี่ยของดวงวิญญาณอยู่ที่ระดับจักรพรรดิขั้นสูง ส่วนดวงวิญญาณของหัวหน้าทั้งสองอยู่ในระดับจักรพรรดิชั้นยอด


“ใคร…ใคร ๆ !” หัวหน้าหน้ากากสีแดงเห็นคนที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทันที


คนนี้ขี่อสูรคลั่งที่แยกเขี้ยวออกมาตัวหนึ่ง ตอนที่กลิ่นไออสูรนั่นพัดพาเข้ามา ทำให้ดวงวิญญาณของคนทั้งหมดเริ่มสั่น !!!


“ราชัน…ระดับราชัน !! นั่นเป็นดวงวิญญาณระดับราชัน !!” คนที่เป็นหัวหน้าและลูกน้องทั้งหมดชะงัดกับพลังนี้ ต่างเผยความหวาดกลัวออกมาบนใบหน้า !!!


เผชิญหน้ากับพวกเด็กอ่อนเหล่านี้ เทียนทิงยิ้มอย่างเยือกเย็น ออกคำสั่งโจมตีต่อราชันเขี้ยวระดับราชันขั้นสูงของตัวเองทันที !!!


ความเร็วของราชันเขี้ยวไวมาก ราชันขั้นสูงนี้แทบไม่ได้ปล่อยทักษะใด ๆ อาศัยแค่การโจมตีด้วยเขี้ยวและกรงเล็บอย่างเดียว ดวงวิญญาณทั้งหมดได้ตายลง เลือดสาดไปทั่ว !!!


ลูกน้องพวกนี้ของเฉินยุ่นแทบไม่มีความสามารถต่อต้านได้ ถูกเทียนทิงฆ่าล้างจนหมด


และในตอนที่ศพต่าง ๆ ล้มลง เหล่าผู้เฝ้าเมืองก็ได้มาถึงในที่สุด ตอนที่หัวหน้าผู้เฝ้าเมืองมาถึง เห็นพวกโจรทั้งหมดตายลง สะเทือนใจอย่างยิ่งเช่นกัน คนเหล่านี้ต่างมีดวงวิญญาณจักรพรรดิขั้นสูง นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งแล้ว !


“เทียนทิง…ท่านเทียนทิง !” หัวหน้าผู้เฝ้าเมืองจำเทียนทิงได้ทันที


เหล่าผู้เฝ้าเมืองเห็นความแข็งแกร่งของสี่ที่นั่ง ต่างชื่นชมอย่างมาก


“โจรพวกนี้มากจากที่ใดก็ไม่รู้ คิดจะเข้าเขตต้องห้าม ข้าขึ้นเขาไปจับหัวหน้าของโจรเหล่านี้ หัวหน้าทั้งสองมากับข้า คนอื่นตรวจดูรอบ ๆ นี้ !” เทียนทิงพูดด้วยท่าทีแน่นิ่ง


เหล่าผู้เฝ้าเมืองรีบพยักหน้า แบ่งเป็นกลุ่มเล็กย่อย เริ่มสำรวจรอบ ๆ ประตูโลกมรณะ


“เหล่าผู้เฝ้ามาแล้ว คาดว่าอีกไม่นานคนของตำหนักวิญญาณก็จะมาด้วย” เทียนทิงฉีกยิ้มออกมา ในตอนนี้ก็ไม่ลังเล ขี่ราชันเขี้ยวทรงพลัง มุ่งหน้าไปยังยอดของภูเขาสะท้อนดาบ !


หัวหน้าทั้งสองตามเทียนทิงไปทันที มองไปยังราชันเขี้ยวของเทียนทิงที่วิ่งขึ้นภูเขาราวกับวิ่งบนพื้นราบด้วยความอิจฉา !



ตอนที่วิ่งไปถึงยอดเขาสะท้อนดาบ การต่อสู้สงบลงแล้ว บนภูเขามีร่องรอยถูกทำลายอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนมากเกินไป


“ท่าทาง เจ้าเด็กชู่เฉิงไม่ได้ต่อต้านนานเกินไปก็ถูกจับไว้แล้ว ถูกทรมานเยอะหน่อยก็ดี แบบนี้จะดีมาก” เทียนทิงฉีกยิ้ม ปล่อยร่ายวิญญาณออกไป ตามหาตำแหน่งของเฉินหง


ในไม่ช้า เทียนทิงได้เจอกลิ่นไอของเฉินหงบริเวณยอดเขา ยอดเขามืดมัว มีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาผ่านหมอก กลับไม่สาดส่องไปยังยอดของประตูโลกมรณะได้


ร่ายวิญญาณของเทียนทิงเจอเงาของเฉินหงกับอีกคนหนึ่ง พบว่าพวกเขาไม่ได้อัญเชิญดวงวิญญาณออกมา ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม


“คาดว่าหลังจากพวกเขาคุมชู่เฉิงได้แล้ว ได้เก็บดวงวิญญาณเอาไว้แล้ว แบบนี้ก็ดี ฆ่าได้ง่ายขึ้น !” เทียนทิงยิ้มออกมา


ในตอนนี้ เทียนทิงเพิ่มความเร็วขึ้น ไม่สนใจมากเท่าไร มุ่งหน้าไปยังเฉินหงกับเฉินยุ่น


จำต้องฆ่าปิดปากสองคนนี้ เทียนทิงกลับไม่ฆ่าพวกเขาทันที จำต้องให้ผู้เฝ้าเห็นว่าตัวเองเป็นคนช่วยชู่มู่


“นั่น…นั่นเหมือนจะเป้นชู่เฉิง วัยหนุ่มเที่ยนเซี่ย เขาเหมือนถูกคนร้ายคุมเอาไว้” หัวหน้าทั้งสองเห็นสถานการณ์บนยอดเขาผ่านความมืดทันที


บนยอดเขา ชู่มู่ถูกพลังจิตของราชันวิญญาณทั้งสองควบคุมเอาไว้ เฉินหงกับเฉินยุ่นได้บังคับให้ชู่มู่อัญเชิญดวงวิญญาณออกมา อีกทั้งส่งมอบแหวนช่องว่าง


ชู่มู่ย่อมไม่อัญเชิญดวงวิญญาณออกมา ส่วนแหวนช่องว่าง ชู่มู่กลับส่งมอบโดยดี


แต่ว่า ในตอนที่เฉินหงพบว่า ในนั้นแทบไม่มีไข่มังกรจำศีลเลือดบริสุทธิ์ที่ตัวเองต้องการ กลับมีเพียงสิ่งแปลกปลอม ยิ่งโกรธมากขึ้น !


“กล้ามาก สร้างกับดักไว้ที่นี่ ทำลายผู้แข็งแกร่งวัยหนุ่มเมืองเทียนเซี่ยข้า ! ไม่เห็นข้าเทียนทิงในสายตาจริง ๆ !!”เทียนทิงเห็นว่า ถึงเวลาแล้ว ตะโกนทันที !


เสียงนี้ได้เพิ่มผลของร่ายวิญญาณ ดังราวกับเสียงสายฟ้า ต่อให้เป็นชาวบ้างที่ประตูเมืองยังได้ยิน !


หัวหน้าทั้งสองคนนี้อึ้งอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ถึงเข้าใจว่า เทียนทิงได้ขี่ราชันเขี้ยวระดับราชันแข็งแกร่งยิ่งตัวนั้นพุ่งตรงไปยังคนร้ายสองคนที่มีร่ายวิญญาณขั้นสูงตั้งแต่เมื่อไร !!!


เฉินหงกับเฉินยุ่นไม่คิดว่า ตัวเองกลายเป็นแค่เครื่องมือ ได้ยินเทียนทิงตะโกนแบบนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันที ! รีบอัญเชิญดวงวิญญาณ !!!


“ไปตาย !!!” เทียนทิงย่อมไม่ปล่อยให้สองคนนี้มีโอกาสเปิดปาก !!!


ราชันขั้นสูง พลังต่อสู้ของมันแทบไม่ใช่ดวงวิญญาณระดับเทียบเท่าราชันของทั้งสองคนนี้สู้ได้ เฉินหงเพิ่งอัญเชิญเทียบเท่าราชันของเขา ราชันเขี้ยวได้พากลิ่นไอหมวดอสูรอันน่ากลัวมาด้วย กรงเล็บที่พอจะสลายภูเขาทั้งลูกตวัดลง ฟาดไปยังเฉินหงอย่างแรง !!!


เฉินหงรีบให้เทียบเท่าราชันของตัวเองปกป้องตัวเอง และแล้ว ความห่างเก้าขั้นเต็ม ๆ เฉินหงกับดวงวิญญาณของเขายังไม่ทันได้ส่งเสียงขึ้น ได้กลายเป็นเศษระหว่างกรงเล็บวายุสีดำนี้แล้ว!


ใบหน้าของเฉินหงหายไปจากกรงเล็บดุร้ายนี้ในท้ายที่สุด จากใบหน้าเจ็บปวดและตกใจของเขา เห็นได้ว่าต่อให้ตาย เขาก็คิดไม่ถึงว่าเจ้านายเทียนทิงของตัวเองจะลงมือกับตัวเองอย่างโหดร้ายแบบนี้ !!!


เฉินยุ่นเห็นสถานการณ์ไม่ดี ขี่เทียบเท่าราชันจะหนีไป !


ราชันขั้นสูงปรากฏตัวขึ้น ต่อให้เฉินยุ่นจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ต้องตายอยู่ดี ระหว่างที่หนีไป เฉินยุ่นได้ด่าด้วยความโกรธที่ถูกคนอื่นหลอก !


เทียนทิงย่อมไม่สลายศพของเฉินยุ่นไป อย่างไรก็ตาม ต้องให้เขารับโทษทั้งหมด ในตอนนี้เขาได้สั่งให้ราชันเขี้ยวฆ่าเฉิยยุ่น จำต้องเหลือศพเอาไว้


หัวหน้าทั้งสองเห็นประธานที่นั่งทั้งสี่เทียนทิงได้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้แล้ว รีบกระโดดออกจากพุ่มไม้ ไปดูท่านทีของชู่มู่


“อ๊า !!!”


เสียงโอดครวญดังขึ้น เทียนทิงได้ฆ่าเฉินยุ่นท่ามกลางความมืด รีบโยนศพไปยังบริเวณที่เห็นได้ชัด


เทียนทิงฉีกยิ้มออกมา ขี่ราชันเขี้ยวกลับมา เดินไปข้างชู่มู่ที่มีสีหน้าซีดขาว


“ท่านเทียนทิง จิตของชู่มู่แค่อ่อนแอหน่อย ไม่มีอะไรมาก โชคดีที่ท่านเทียนทิงมาถึงได้เวลา มิฉะนั้น ไม่กล้านึกถึงเรื่องหลังจากนี้” ผู้เฝ้าทั้งสองต่างมองไปยังชู่มู่ที่มองดูอ่อนแออย่างมาก พูดกับเทียนทิงด้วยความนอบน้อม


สิ่งที่เทียนทิงต้องการคือรอยยิ้มนี้ พยักหน้า มองไปยังชู่มู่ที่มีใบหน้าซีดขาว พูดขึ้นอย่างเรียบ ๆ ว่า “ตอนนี้เจ้าก็เป็นบุคคลเลื่องลือ ทำเรื่องโจ่งแจ้งแบบนี้ เท่ากับให้คนร้ายมีโอกาสไม่ใช่เหรอ ถ้าข้ามาช้ากว่านี้อีกหน่อย เจ้าตายแน่ !”


“เจ้าคิดว่า ข้าจะเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดเหรอ” ชู่มู่พูดประชด


เทียนทิงไม่สนใจว่า ชู่มู่จะเชื่อหรือไม่ คนอื่นเชื่อก็พอ เขาหยิบแหวนช่องว่างที่ได้จากเฉินหงขึ้นมา พูดขึ้นอย่างเรียบ ๆ” นำไข่ดวงวิญญาณมาหรือยัง”


“ไม่” ชู่มู่ตอบ


สีหน้าของเทียนทิงแย่ลง รีบตรวจดูในแหวนช่องว่าง พบว่าในแหวนกลับไม่มีอะไร !


เขาไม่คิดว่า เจ้าเด็กนี้กล้าหลอกตัวเอง กลับไม่นำไข่ดวงวิญญาณมาด้วย !


ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เทียนทิงจำต้องใช้วิธีนี้แล้ว ถ้าท่านอาวุโสมาขัดขวางอีก เขาจะสั่งผู้แข็งแกร่งองค์กรวิญญาณทันที !!!


“เจ้าเด็ก เจ้ากล้าดีจริง คิดว่าความสามารถของตัวเองประสบความสำเร็จอยู่บ้าง ไม่มีศัตรูในโลกนี้แล้วเหรอ เจ้าโง่พอกับพ่อของเจ้าจริง ๆ สุดท้ายยังคงพ่ายแพ้เหมือนกัน !!!” เทียนทิงพูดอย่างดุร้าย


“ทำให้เจ้าองค์กรโกรธ เท่ากับเป็นศัตรูกับทั้งองค์กรวิญญาณ ! ต่อให้เป็นท่านอาวุโสก็อย่าคิดจะมีชีวิตต่อไปได้ ถามเจ้าครั้งสุดท้าย จะส่งมอบหรือไม่ !!!”


หัวหน้าทั้งสองที่พยุงชู่มู่ต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร


เทียนทิงในตอนนี้โกรธจริง ๆ เจ้าเด็กนี้เพิกเฉยตัวเองหลายรอบแล้ว คิดว่ามีท่านอาวุโสอยู่จะทำอะไรก็ได้จริงเหรอ ครั้งนี้ต่อให้ท่านอาวุโสมาจริง เขาก็จะไม่ไว้หน้า !!!


ชู่มู่จับจ้องไปยังเทียนทิง เห็นใบหน้าจอมปลอมนั้นของเทียนทิงได้เผยธาตุแท้ออกมาก็ไม่เป็นที่แปลกใจ


ไม่ต้องพูด ทั้งหมดนี้เป็นไปตามสิ่งที่เทียนทิงสั่งแน่นอน ตอนนี้เทียนทิงกำลังจะลงมืออย่างหมดความอดทนจริง ๆ


“ข้าเกลียดคนที่แน่วแน่มากที่สุด ชู่เฉิง ในเมื่อเจ้าอยากเป็นศัตรูกับทั้งองค์กรวิญญาณ เจ้าจะต้องชดใช้ !!!” เทียนทิงเห็นชู่มู่ยังคงเพิกเฉยตัวเอง ยิ่งโกรธกว่าเดิม !


“เป็นศัตรูกับทั้งองค์กรวิญญาณงั้นหรือ” ชู่มู่ลุกขึ้นช้า ๆ


ในตอนนี้ หัวหน้าที่เต็มไปด้วยความงงยังคิดจะไปพยุงชู่มู่ ทว่า พวกเขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอเย็นเยียบรุนแรงที่กระจายออกจากตัวชู่มู่ !!!


“ข้าจะเป็นศัตรูกับทั้งองค์กรวิญญาณ แล้วจะทำไม !!!”


เสียงของชู่มู่เหมือนไฟที่เย็นเยียบ พุ่งขึ้นทันที ทันใดนั้น ไฟปีศาจรุนแรงที่สุดถาโถมออกจากร่างกายของชู่มู่ ราวกับพายุร้าย ร้อนรุนแรงยิ่ง พลังน่ากลัวอย่างมาก !!!


หัวหน้าทั้งสองคนนี้แทบไม่ทันได้ทำการโต้ตอบ ไฟปีศาจอันน่ากลัวนี้ได้คืบคลานไปบนตัวพวกเขา กลับเผาเสือปีกของพวกเขาจนเป็นเถ้าถ่านทันที !


หัวหน้าผู้เฝ้าเมืองทั้งสองตกใจยิ่ง ตอนที่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ไฟปีศาจได้คืบคลานบนตัวพวกเขาแล้ว เผาพวกเขาเป็นผงเช่นกัน !


ท่ามกลางความมืด ดวงตาสีดำคู่นั้นของชู่มู่ที่นั่งกับพื้นลืมขึ้นช้า ๆ ในตากลับมีไฟปีศาจลึกลับลึกโชนขึ้น !!!


เพื่อไม่ให้เปิดเผยร่างครึ่งมารของตัวเอง ชู่มู่จำต้องฆ่าปิดปาก !


“ฮู ฮู ฮู ฮู ฮู !!!”


ไฟปีศาจอันรุนแรงตึบนหน้าดุร้ายของเทียนทิง เทียนทิงกำลังจะก้าวเข้าไป แต่พลังมหาศาลบนตัวชู่มู่กลับทำให้เขาต้องถอยกลับ แม้แต่ราชันขั้นสูงดุร้ายอย่างราชันเขี้ยวยังไม่กล้าเข้าใกล้ชู่มู่แม้แต่น้อย !!!


“เจ้า !!!” เทียนทิงถูกพลังนี้บังคับให้ต้องถอยหลัง สีหน้าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น !!!


ราชันเขี้ยวระดับราชันขั้นสูงถูกกลิ่นไอนี้ควบคุมเอาไว้ !!!


พลังบนตัวชู่มู่แข็งแกร่งมากเพียงใดกันแน่ !!!


วัยหนุ่มอายุยี่สิบปีคนหนึ่ง ในร่างกายมีพลังที่ทำให้ราชันขั้นสูงถอยกลับได้อย่างไร อีกทั้งยังเป็นพลังที่เทียนทิงไม่เคยเห็นมาก่อน !!!


“นี่…นี่…นี่มัน….” ม่านตาของเทียนทิงขยายเรื่อย ๆ เห็นร่างกายของชู่มู่ถูกไฟปีศาจคลั่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนห่อหุ้มเอาไว้กับตา


ส่วนตัวชู่มู่เหมือนปรอทเหลว นัยน์ตาส่องประกายลึกลับออกมา มองไปแล้วชวนบนลุกอย่างมาก !!!


วินาทีนี้ ในหัวของเทียนทิงเกิดภาพอันสะเทือนใจเมื่อนานมาก ๆ แล้ว !!!


นั่นเป็นปีศาจที่มีเปลวไฟสีขาวเช่นกัน เขาน่ากลัวกว่ามารนิรยขาวหลายร้อยเท่า นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่สุดในโลกที่เกิดจากการรวมตัวของมารนิรยและมนุษย์ !!!


“ครึ่งมาร !!!”


“เป็นไปได้อย่างไร !!! นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน !!!”


เทียนทิงได้เห็นครึ่งมารกับตาเมื่อนานมากแล้ว และก่อนหน้านี้ ครึ่งมารเมืองหลียิ่งทำให้เทียนทิงสะเทือนใจยิ่ง


นั่นเป็นปีศาจชั่วร้ายที่สุดอันเลื่องลือในทั้งโลกดวงวิญญาณ !!!


สิ่งมีชีวิตแบบนี้ ทันทีที่เติบโตขึ้น จะกลายเป็นหายนะอันหนักหนา !


เทียนทิงเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง วัยหนุ่มคนหนึ่งจะกลายเป็นครึ่งมารได้เอง !!!


“องค์กรวิญญาณ สักวันจะต้องถูกข้าชู่มู่ถอนราก” ดวงตาลึกลับของชู่มู่ส่องประกายชั่วร้ายออกมา จับจ้องไปยังเทียนทิงราวกับคนตาย


“เริ่มจากเจ้าก่อน !!!”


ตอนที่ 599 ครึ่งมารเทียนเซี่ย (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ราชันเขี้ยว !!!”


เทียนทิงถอยหลังอย่างรวดเร็ว แทบไม่กล้าเข้าใกล้ชู่มู่ ออกคำสั่งโจมตีไปยังราชันเขี้ยวทันที !!!


ราชันเขี้ยวเงยหน้าขึ้น ส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ


ฟ้าสีดำนี้นี้จมลงหลังจากที่เสียงคำรามราชันดับขึ้น ราชันเขี้ยวอ้าปากใหญ่ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวออก เหมือนกับมีความสามารถกลืนกินผืนดิน กลับดูดเมฆดำเข้าปากของมันอย่างบ้าคลั่ง !!!


ทักษะใด ๆ ของราชันขั้นสูง จะต้องสะเทือนทั่วฟ้าดินแน่นอน พวกผู้คนที่ได้ยินเสียงคำรามนี้ได้รวมตัวประตูเมืองต่างเห็นเมฆดำกำลังเข้าปากของสิ่งมีชีวิตบางตัวที่ภูเขาสะท้อนดาบ ต่างส่งเสียงร้องขึ้น !!!


สำหรับคนปกติแล้ว พวกเขาเคยเห็นพลังที่กลื่นกินฟ้าโดยตรงแบบนี้ที่ไหน


“โฮร่ โฮร่ !!!”


ในที่สุดราชันเขี้ยวสะสมพลังสำเร็จแล้ว พ่นพายุเขี้ยวสีดำไปยังชู่มู่อย่างรุนแรง !!!


พายุนี้ปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดิน แทบจะปกคลุมทั้งภูเขาสะท้อนดาบเข้าไป ท่ามกลางความมัวหมอง เขี้ยวยักษ์ใหญ่ฉีกไปยังภูเขาสะท้อนดาบและท้องฟ้า !!!


เทียนทิงโจมตีไปยังชู่มู่ก่อน เห็นได้ชัดว่า อดทนไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม เทียนทิงรู้ความน่ากลัวของครึ่งมารเป็นอย่างดี !


ส่วนชู่มู่ที่เผชิญหน้ากับการโจมตีของราชันเขี้ยว ร่างกายของเขากลับกลายเป็นสิ่งที่ไร้รูปร่างท่ามกลางทักษะฉีกสลายอันดุร้าย ลอยตัวอย่างนุ่มนวล ราวกับวิญญาณ การโจมตีทั้งหมดของราชันเขี้ยวพาดผ่านข้างตัวเขา ไม่ก่อให้เขาได้รับบาดเจ็บใด ๆ


แต่กลับเป็นชู่มู่ที่ลอยร่างเลือนลางนั้น มุ่งหน้าไปยังราชันเขี้ยวระดับราชันขั้นสูง !


ชู่มู่กำมือทั้งสองแน่น เผชิญกับการโจมตีของราชันเขี้ยว ชู่มู่ไม่สามารถมองข้ามได้ทั้งหมด ส่วนในตอนนี้กำลังจะปล่อยทักษะที่คล้ายกับทักษะซ่อนลมของภูตพันวายุ


ครั้งนี้ชู่มู่ในภาวะครึ่งมารหวังว่า ความสามารถจะแข็งแกร่งกว่าตอนอยู่เมืองหลีหลายเท่า แม้ชู่มู่จะไม่แน่ใจว่า ถึงราชันชั้นยอดได้หรือไม่ แต่จะต้องแข็งแกร่งกว่าราชันเขี้ยวของเทียนทิงหลายเท่าแน่นอน !


ทันทีที่กลายเป็นครึ่งมาร สติของชู่มู่จะถูกกระตุ้น แค่คนที่มีความโกรธแค้นในใจ ตอนที่อยู่ในถาวะครึ่งมาร จะถูกทำให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทั้งคนดุร้ายมากยิ่งขึ้น !!!


ดวงตาของชู่มู่จับต้องไปยังเทียนทิงราวกับราชันยมทูต สีหน้าของเทียนทิงเปลี่ยนไปทันที อีกทั้งไม่กล้าสบตากับชู่มู่ในภาวะครึ่งมาร !!!


“นี่เป็นทักษะปลอม ทำลายมัน !!!” เทียนทิงเห็นชู่มู่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาด้วยทักษะปลอม รีบตะโกนใส่ดวงวิญญาณของตัวเอง


อย่างไรก็ตาม ราชันเขี้ยวเป็นราชันขั้นสูง เผชิญกับการก้าวเดินคล้ายวิญญาณของชู่มู่แบบนี้ กลับทำอะไรไม่ได้ !


ในตอนนี้ดวงตาคู่นั้นของราชันเขี้ยวได้ส่องประกายสีแดงออกมา ปลายกรงเล็บส่องประกายสีแดงเช่นกัน !!!


กรงเล็บแสงสะท้อน !!!


ดวงวิญญาณที่อยู่ในระดับราชันแทบทุกตัว จะมีพลังพิเศษเฉพาะหมวด เช่นเดียวกับมั่วเย้ที่มีผนึกแห่งโทษ !


ส่วนพลังที่ราชันเขี้ยวมีคือแสงสะท้อน ! แสงสะท้อนนี้นับเป็นความสามารถหมวดแสง เทียบกับผลึกพลังธาตุได้ในระดับหนึ่ง !


พลังราชันแบบนี้ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราชันแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิอย่างมาก ต่อให้สมรรถภาพทางกายจะห่างกันไม่ถึงสามขั้น แต่ถ้าบวกกับพลังราชันที่ราชันแต่ละตัวมี ความสามารถห่างกันไม่น้อยกว่าสามขั้นแน่นอน !


การโจมตีหมวดอสูรขอราชันเขี้ยวไม่สามารถทำให้ชู่มู่ได้รับบาดเจ็บแน่นอน ส่วนพลังราชัน แสงสะท้อนนี้กลับโจมตีชู่มู่ได้อย่างชัดเจน


ชู่มู่ครึ่งมารรู้ถึงจุดนี้ทันที ร่างเลือนรางรวมกันอย่างช้า ๆ !


หลังจากรวมกันแล้ว ความเร็วของชู่มู่ครึ่งมารไวขึ้นมาก แสงสะท้อนของราชันเขี้ยวได้กลายเป็นเสาแสงอันหนึ่ง ทะลุความมืดโดยตรง พุ่งขึ้นสุดขอบฟ้า สะดุดตาอย่างมาก !!!


ชู่มู่ได้ใช้เงาปีศาจลับหลบทันที ผ่านเสาเลือดอันน่ากลัวแห่งนี้ไป ไฟปีศาจบนไหล่กลับดับลงทันที !


ชู่มู่มองไปยังไหล่ หลังจากไฟปีศาจดับลงสักพัก มันได้ลุกโชนขึ้นอีกทันที เห็นได้ชัดว่า แม้การโจมตีนี้จะรุนแรงมาก แต่ยังไม่พอที่จะสร้างอันตรายให้ชู่มู่ได้ !


มือทั้งสองของชู่มู่กำกริดสีขาวออกสองด้าน เผชิญหน้ากับราชันเขี้ยวดุร้าย ชู่มู่ได้เหวี่ยงมือทั้งคู่ออก !


ฟาดร้าย !!!


ประกายไฟปีศาจสีขาวสองเส้น ไขว้กัน ราวกับประกายสองอันที่อยู่ระหว่างมิติ พาดผ่านความืด ตวัดผ่านร่างของราชันเขี้ยว !!!


ฟาดร้ายสองเส้นนั้นน่ากลัวอย่างมาก มองจากบริเวณใต้ภูเขา ราวกับรอยสีขาวสองเส้นที่ตัดท้องฟ้าสีดำออกเป็น และยากที่จะฟื้นกลับมาได้ !


ราชันเขี้ยวจะไวมากเพียงใด ก็ไม่อาจหลบฟาดร้ายที่ผ่าลงจากมิติโดยตรงนี้ได้ !


“อ๊าว”


ราชันเขี้ยวส่งเสียงร้องโอดครวญขึ้น ผลึกหินสีดำที่หนาแน้นเกิดเป็นรอยไขว้สองเส้นขัดเจน บนแผลยังมีไอสีขาวอยู่ ไฟปีศาจค่อย ๆ ซึมลงไป ทำการแผดเผาวิญญาณของราชันเขี้ยวในระดับหนึ่ง!


เทียนทิงตกใจอย่างมาก การป้องกันและการโจมตีของราชันเขี้ยวตัวเองเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ภาวะครึ่งมารของชู่มู่กลับมีพลังทักษะที่สะเทือนใจแบบนี้ !


“ดักเขาไว้ !” เทียนทิงรู้ว่า ด้วยความสามารถของตัวเองไม่อาจสู้กับครึ่งมารนี้ได้ !


หลังจากพูดจบ คาถาอัญเชิญคู่ของเทียนทิงได้สำเร็จลง มือทั้งสองของเทียนทิงคว้าอากาศ ลายเส้นอัญเชิญในมือซ้ายค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้น !


ท่ามกลางลายเส้น สิ่งที่ปรากฏออกมาก่อนคือ ขนนกสีขาวหิมะ ขนนี้ติดกันอย่างเป็นระเบียบ ราวกับภาพขนนกราคาแพง !!!


นี่เป็นปีกขนนกสีขาวสี่คู่ !!! ปีกทั้งหมดแปดอัน กางออกท่ามกลางลานเส้นอัญเชิญ เผยกลิ่นไอศักดิ์สิทธิ์ผ่านแสงแดด !


เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นดวงวิญญาณหมวดปีกตัวหนึ่ง จากรูปร่างหรูหรานั้นก็มองออกได้ว่า เป็นราชันหมวดปีกตัวหนึ่ง หมวดรองของมันคือพลังหมวดแสง !


ชู่มู่กวาดตามองไปยังดวงวิญญาณหมวดปีกตัวนี้


ชู่มู่ได้รู้เรื่องดวงวิญญาณหลักของเทียนทิงจากถิงหลันแล้ว สิ่งมีชีวิตปีกขาวแปดอันนี้คือดวงวิญญาณหมวดปีกของเทียนทิง ปักษาแปดปีก ระดับราชั้นขั้นกลาง !


แม้ปักษาแปดปีกนี้จะเป็นราชันขั้นกลาง แต่ความเร็วในการบินของมันกลับไวกว่าราชันขั้นสูงมาก เป็นหนึ่งในดวงวิญญาณหลักของเทียนทิง !


ในเมื่อเทียนทิงอัญเชิญปักษาแปดปีกออกมา ย่อมไม่คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้ แต่จะถอยออกจากที่นี่ !


ภูเขาสะท้อนดาบใกล้กับเมืองเทียนเซี่ยมาก แค่เขาหลบเข้าเมือง เรียกผู้แข็งแกร่งนับพันขององค์กรวิญญาณ อาศัยการล้อมโจมตีของดวงวิญญาณนับไม่ถ้วน ต่อให้พลังครึ่งมารจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ไม่อาจจัดการดวงวิญญาณของผู้แข็งแกร่งในเมืองเทียนเซี่ยได้ !


ส่วนอีกมือหนึ่งของเทียนทิง เป็นดวงวิญญาณตระกูลธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดของเทียนทิง ราชันภูตสายฟ้า !


วินาทีที่ราชันภูตสายฟ้าปรากฏตัวขึ้น รอบ ๆ ภูเขาสะท้อนดาบส่งเสียงฟ้าร้องขึ้น แสงต่าง ๆ ไขว้กัน ก่อเป็นสายฟ้านับไม่ถ้วนที่โจมตีมายังพื้นดินกับภูเขาสะท้อนดาบ ยอดเขาสองข้างของภูเขาสะท้อนดาบสั่นสะเทือน ราวกับจะถูกสายฟ้านี้สลายเป็นเศษ !


“ดักมันไว้ !” เทียนทิงออกคำสั่ง กลับกระโดดขึ้นปักษาแปกปีกอย่างรวดเร็ว บินพุ่งตรงไปยังตำแหน่งในเมืองของเมืองเทียนเซี่ย !


ปักษาแปดปีกส่องประกายแสบตาขึ้นบนตัว ระหว่างที่กางปีกได้ ก็กระโดดขึ้นความสูงร้อยกว่าเมตร กลายเป็นประกายดาวตก พาดผ่านท้องฟ้าในความมืดที่มีสายฟ้าไขว้กันอยู่ !


ชู่มู่เห็นเทียนทิงจะหนีไป ในตอนนี้ได้ใช้เงาปีศาจสลับตำแหน่งต่อเนื่อง เหยียบขึ้นฟ้าโดยตรง ไล่ล่าเทียนทิงท่ามกลางความมืด


ดวงวิญญาณสองตัวที่แข็งแกร่งที่สุดของเทียนทิง ราชันเขี้ยวกับราชันภูตสายฟ้ารีบตามมาทันที ทักษะหมวดอสูรกับทักษะหมวดสายฟ้าโจมตีด้านนอกภูเขาสะท้อนดาบอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ภูเขาสะท้อนดาบสะเทือนอย่างรุนแรง !


ชู่มู่ในภาวะครึ่งมารแค่เข้าใกล้ราชันชั้นยอดอย่างมาก แต่ยังไม่สามารถทำถึงระดับฆ่าราชันเขี้ยวกับราชันภูตสายฟ้าพร้อมกันในเสี้ยววินาทีได้


ถ้าเสียเวลาสู้กับราชันขั้นสูงสองตัวนี้ ด้วยความเร็วของปักษาแปดปีก เทียนทิงบินไปถึงเมืองเทียนเซี่ยแล้วแน่นอน ขอความช่วยเหลือผู้แข็งแกร่งในเมืองเทียนเซี่ย ถ้าอย่างนั้นชู่มู่จะฆ่าเขาลำบากขึ้นมาก


ดังนั้น ชู่มู่มองข้ามทักษะของราชันเขี้ยวกับราชันภูตสายฟ้า ไล่ตามติดเทียนทิง !


“หลุมลมครึ่งมาร !”


ระหว่างนิ้วของชู่มู่เกิดเป็นลมวนสีดำช้า ๆ มิติที่เปิดออกอย่างช้า ๆ


ระหว่างที่เปิดออก ไฟปีศาจครึ่งมารลุกโชนขึ้น กลายเป็นหลุมลมครึ่งมารที่มีพลังกระชากอันรุนแรงยิ่ง !!


หลุมลมสีดำกลายเป็นลายเส้นลม แล้วก่อเป็นมิติบิดเบี้ยวอันเลือนลาง กระชากอากาศรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งกระชากเทียนทิงที่ขี่ปักษาแปดปีกกลับมา !


“โจตีหลุมลม!!”เทียนทิงเห็นทั้งหมดนี้ รีบสั่งราชันขั้นสูงสองตัวของตัวเองทันที !


ราชันขั้นสูงสองตัวนั้นต่างเตรียมทักษะขึ้น สายฟ้าสาดส่องบนตัวราชันภูตสายฟ้า กลายเป็นก้อนสายฟ้ายักษ์ใหญ่อย่างรวดเร็ว ส่งเสียง “ซึ ซึ” หนวกหูกลางอากาศ


ถ้าพลังของก้อนสายฟ้านี้ระเบิดออก จะทำลายเขตพื้นที่มหาศาลได้แน่นอน !


ก้อนสายฟ้านี้บินตรงไปยังหลุมลมที่ชู่มู่เปิดออกอย่างแม่นยำภายใต้การควบคุมของราชันภูตสายฟ้า หลังจากถูกหลุมลมครึ่งมารดูดเข้าไป ระเบิดออกในมิติด้านในหลุมลมครึ่งมารทันที !!!


ประกายสายฟ้าสาดส่อง สะดุดตาอย่างมาก ทำให้พื้นที่บริเวณประตูเมืองสะท้อนเหมือนตอนกลางวัน ในที่สุดหลุมลมยังคงสลายไปอย่างง่ายดาย !


เห็นหลุมลมสลายไป สายตาของชู่มู่เยือกเย็นขึ้นมาก กวาดตามองไปยังราชันเขี้ยวกับราชันภูตสายฟ้าอย่างเฉยเมย !


ดวงวิญญาณสองตัวนี้ก่อกวนแบบนี้ ชู่มู่ครึ่งมารยากที่จะตามเทียนทิงได้ทัน !!!


“ฆ่าดวงวิญญาณของเจ้าก่อน !!!” ใบหน้าชั่วร้ายของชู่มู่ฉีกยิ้มออกมา นั่นเป็นรอยยิ้มที่โหดร้ายอย่างมาก ต่อให้ราชันขั้นสูงเห็นแล้วยังขนลุก !


ชู่มู่ครึ่งมารมีเนตรลับ สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวทั้งหมดของราชันเขี้ยวกับราชันภูตสายฟ้าได้ อีกทั้งยังมองเห็นได้ชัดเจนว่า ราชันภูตสายฟ้าที่แข็งแกร่งกว่าราชันเขี้ยวไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด


เห็นได้ชัดว่า นี่เกิดจากแผลที่ราชันภูตสายฟ้าได้รับก่อนหน้านี้ไม่นาน !


ชู่มู่เล็งไปยังราชันภูตสายฟ้าอันภูมิใจของเทียนทิง


“ไฟปีศาจมิติที่สอง !”


ลำตัวปรอทของชู่มู่หายไปท่ามกลางไฟปีศาจอย่างช้า ๆ อีกทั้ง ชู่มู่ได้กลายเป็นก้อนไฟปีศาจสีขาว !


ไฟปีศาจขยายจากขนาดเท่าตัวคน กลายเป็นไฟปีศาจสีขาวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากถึงสิบเมตร !


ระหว่างที่ไฟปีศาจขยายใหญ่ขึ้น เป็นขั้นตอนที่ครึ่งมารกำลังสะสมพลัง ในตอนที่ไฟปีศาจร้อนระอุมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงยี่สิบเมตรแล้ว เป็นช่วงที่เทียนทิงกำลังหนีจากที่นี่สัมผัสได้ถึงพลังด้านในไฟปีศาจได้อย่างชัดเจน !!!


“นี่มัน…” เทียนทิงมองไปยังไฟปีศาจมิติที่สองนั้นอย่างประหลาดใจ ไม่รู้ว่านี่เป็นพลังอะไรกันแน่ !


ไฟปีศาจมิติที่สองถูกกดทับมาตลอด จนกระทั่งถูกกดจนเหลือหนึ่งเมตร กลายเป็นขนาดที่เท่าหัวใจของมนุษย์


หัวใจเปลวไฟที่มีไฟปีศาจมิติที่สองงั้นหรือ


เทียนทิงเห็นได้ชัดว่า หัวใจเปลวไฟปีศาจมิติที่สองนี้กำลังเต้นอย่างเป็นจังหวะ มองดูเหมือนไม่มีประโยชน์ใด ๆ แต่เทียนทิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของไฟปีศาจมิติที่สองนี้ เหมือนขนาดของไฟปีศาจมิติที่สองเล็กลง แต่พลังที่รวมในนั้นยังอยู่…


“สิ่งที่เหมือนดวงจันทร์นั้นคืออะไร พวกเจ้าเห็นไหม”


“เหมือนจะเป็นดวงจันทร์ แต่กำลังลุกโชน !!!”


“ดวงจันทร์อยู่อีกด้าน นั่นเป็นทักษะอะไรแน่ ๆ แต่ห่างไกลเกินไปมองไม่เห็น”


คนนับพันที่อยู่ใกล้กับประตูเมืองได้มองมาทางนี้แล้ว


การต่อสู้ระหว่างราชัน ทักษะแต่ละอันสะเทือนอย่างมาก ต่อให้ห่างจากประตูเมืองอยู่มาก ต่อให้เป็นกลางอากาศความสูงพันเมตร แต่การต่อสู้นี้ยังคงทำให้คนทั้งพื้นที่สะเทือนอย่างมาก


ในตอนที่ผู้คนกำลังมองว่าสิ่งสีขาวนั้นคืออะไร แสงรุนแรงกว่าแสงอาทิตย์หลายร้อยเท่ากระจายออก ทำให้ผู้คนนับพันที่มองไปบนฟ้าแสบตาอย่างมาก !!!


“โซ !!!”


“โซ!!!”


เสียงมิติที่สองดังขึ้น ไฟปีศาจมิติที่สองระเบิดออกแล้ว !


ไฟปีศาจมิติที่สองที่มีขนาดเท่ากำมือระเบิดออกกลับปล่อยพลังสลายฟ้าดินออกมา ราวกับคลื่นไฟปีศาจยักษ์ที่พัดพาทั่วทั้งฟ้า !


สีขาว ปกปิดทั่วทั้งฟ้าดิน !


ความมืดทั้งหมดกลับถูกไฟปีศาจสีขาวลึกลับนั้นกลืนกิน แม้แต่ดวงจันทร์ที่อยู่ขอบฟ้ายังหมองคล้ำกว่าแสงนี้ ราวกับมีพลังมหาศาลที่ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ร้อยเท่าระเบิดออกท่ามกลางฟ้าในยามค่ำคืนนี้ !!!


ไฟปีศาจ แสงลึกลับนี้ สาดส่องพื้นที่หนึ่งในสี่ของเมืองเทียนเซี่ย ส่วนพลังที่อยู่บนฟ้านั้น ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ภายใต้พลังนี้ แผลของราชันภูตสายฟ้าปลิวออกหมด !!!


เดินราชันภูตสายฟ้าก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ความสามารถของชู่มู่ครึ่งมารเหนือกว่าราชันภูตสายฟ้าอีก ทักษะนี้พุ่งตรงไปยังราชันภูตสายฟ้าเฉพาะ มันจะทนไหวได้อย่างไร


ไฟปีศาจพัดขึ้นฟ้า เหวี่ยงราชันภูตสายฟ้าขึ้นไปบนฟ้าร้อยกว่าเมตร ไฟปีศาจระเบิดแผลของมันออก พุ่งเข้าไปด้านในของร่างกายราชันภูตสายฟ้า แผดเผาวิญญาณของราชันภูตสายฟ้าทันที !!!


“ฮู ฮู ฮู ฮู”


พลังที่พัดพาได้ไปถึงเทียนทิงที่บินไกลออกไปแล้ว วินาทีนี้ เขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง คลื่นไฟปีศาจตีบนหลังของเขา ปักษาแปดปีกบินออกมาไกลขนาดนี้แล้ว ยังคงได้รับผลกระทบจากไฟปีศาจ !


วิญญาณที่ขาดจากกันกระทบเขาทันที ราชันภูตสายฟ้าที่ได้รับบาดเจ็บยังคงไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้ กลายเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางไฟปีศาจบนฟ้าในยามค่ำคืน


สีหน้าของเทียนทิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นี่ไม่เพียงเพราะสัญญาวิญญาณที่ขาดจากกัน แต่เป็นเพราะเขาทุ่มเทให้กับราชันภูตสายฟ้านับไม่ถ้วน เขาไม่คิดว่า ดวงวิญญาณหลักแข็งแกร่งที่สุดของตัวเองจะกลายเป็นเถ้าถ่านด้วยการโจมตีเดียวของครึ่งมารน่ากลัวนี้ได้ !


“บิน !!! บินเร็วขึ้นอีก !!!”


ในที่สุด เทียนทิงกัดฟันแน่น ออกคำสั่งปักษาแปดปีกของตัวเอง !!!


เขามั่นใจได้ว่า หลังจากที่ปล่อยทักษะนี้ออกมา ครึ่งมาต้องใช้เวลาพัก มีเพียงอาศัยช่วงเวลานี้ หนีให้ไกลขึ้น เขาถึงจะมีชีวิตรอดไปได้ !!!


บางครั้ง เทียนทิงยังไม่เชื่อว่าครึ่งมารนี้ได้ปรากฏขึ้น และแล้วความกลัวในใจของเขาทำให้เขารู้ว่า อยู่ที่นี่ต่อไป จะต้องตายแน่นอน การจับจ้องด้วยความแค้นของครึ่งมาร แทบไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในโลกใบนี้ พลังที่มันมีเกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์ที่มีต่อดวงวิญญาณ


สิ่งมีชีวิตแบบนี้ ต่อให้อยู่ในระดับเดียวกัน ก็ไม่มีทางเอาชนะมันได้ อีกทั้งหากไม่ระวังอาจถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีได้ !!!


เทียนทิงยืนหยัดมาก ต่อให้ดวงวิญญาณถูกฆ่าตาย เขาก็ยืนหยัดที่จะหนีไปยังเมืองเทียนเซี่ย !


ไฟปีศาจมิติที่สองที่ชู่มู่ปล่อยออกมาในครั้งนี้น่ากลัวกว่าตอนอยู่เมืองหลีหลายเท่ามาก ตำแหน่งของเขาในตอนนี้สามารถเห็นว่า เมืองเทียนเซี่ยสว่างด้วยทักษะของตัวเอง


เมืองเทียนเซี่ยกว้างขวางอย่างมาก ต่อให้อยู่บนฟ้าก็ไม่สามารถเห็นสุดขอบของเมืองนี้ได้ แต่ทักษะเดียวกลับสาดส่องบริเวณกว้าง เห็นได้ชัดว่าพลังของมันแข็งแกร่งมากเพียงใด


หลังจากปล่อยไฟปีศาจมิติที่สองออกมา ชู่มู่ต้องการพักผ่อนจริง ๆ ดวงตาคู่นั้นของเขาจับจ้องไปยังเทียนทิงที่หนีไปยังเมืองเทียนเซี่ยอย่างเยือกเย็น


เดิมชู่มู่คิดจะพุ่งเข้าไปฆ่าเทียนทิง แต่ดวงวิญญาณราชันสองตัวของเขามีความสามารถไม่อ่อน ตอนนี้ทำได้แค่ฆ่าดวงวิญญาณราชันสองตัวของเขาก่อน แล้วค่อยฆ่าเขา


“หนีไปในเมือง ก็แค่ฆ่าลำบากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น !” ทั้งตัวชู่มู่เต็มไปด้วยความอาฆาต ในเมืองเทียนเซี่ย ใครขวางตัวเอง ชู่มู่ครึ่งมารจะฆ่าอย่างไม่ลังเล ไม่ปล่อยให้มีชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว !!!



“พระเจ้า !!! เงาปีศาจที่ยืนอยู่บนฟ้าคืออะไร !!!”


“เป็นมารนิรยขาวงั้นหรือ แต่เหมือนจะไม่ใช่มารนิรยขาว มารนิรยขาวไม่มีกลิ่นไอแบบนี้ !!!”


ในตอนที่ชู่มู่มุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนเซี่ย คนนับพันบริเวณประตูเมืองส่งเสียงร้องขึ้น เสียงนี้ทำให้เขตพื้นที่รอบเมืองสะเทือนอย่างมาก คนออกจากบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ เงยหน้ามองไปยังฟ้าเหนือเมืองเทียนเซี่ย


ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชันหรือผู้อ่อนแอระดับศิษย์วิญญาณ การตอบสนองแรกในตอนที่เห็นเงาบนฟ้าต่างรู้สึกเหมือนฝันร้าย ความหวาดกลัวที่มีต่อปีศาจ !!!


นั่นเป็นราชันชั่วร้ายตนหนึ่ง หลุมสีดำเป็นฉากหลังของเขา เปลวไฟสีขาวเป็นสีหลักของเขา ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นไอชั่วร้ายที่ไม่อาจเทียมทานได้ !!!


เขายืนอยู่บนฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวสีดำ เป็นผู้ควบคุมความชั่วร้ายทุกอย่าง !


เพียงพอที่จะทำให้เมืองเทียนเซี่ยอันเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่งมากมายสะเทือน !!!


ตอนที่ 600 ครึ่งมารเทียนเซี่ย (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“นั่น…นั่นอสูรยักษ์เหยียบฟ้า เต็มไปด้วยเขี้ยว หรือว่าจะ…หรือว่าจะเป็นราชันเขี้ยวของท่านประธาน !!!”ในตอนนี้ หลายคนเห็นว่า ด้านหลังของเงาราชันปีศาจชั่วร้ายนั้น มีอสูรยักษ์เต็มไปด้วยเขี้ยวตัวหนึ่ง


อสูรเขี้ยวยักษ์ตัวนี้ไม่มีความสามารถการบิน กลับอาศัยพลังอันน่ากลัวของมัน เหยียบขึ้นฟ้า ตามติดเงาชั่วร้ายนั้น !


“ราชันเขี้ยวงั้นหรือ นั่นเป็นดวงวิญญาณหลักหมวดอสูรของท่านเทียนทิงไม่ใช่เหรอ ! ได้ข่าวว่ามันมีความสามารถราชันขั้นสูง !”


“ท่านประธานกำลังสู้กับปีศาจร้ายนิรนามตัวนั้นอยู่ !!!” คนที่มีสายตาดีกว่าเห็นเงาของเทียนทิงทันที


ปีศาจร้ายที่มีไฟปีศาจสีขาวลุกโชนทั้งตัวต้องเป็นราชันแข็งแกร่งแน่นอน ส่วนราชันเขี้ยวอยู่ในราชันขั้นสูง นับว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างราชันกับราชันที่ผู้คนจะไม่ได้เห็นง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม พลังทำลายล้างของราชันรุนแรงมากเกินไป


แต่ในตอนนี้ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะสิ่งมีชีวิตยักษ์ใหญ่สองตัวนี้อยู่บนฟ้าที่สูงมาก ผู้คนจะกล้าเงยหน้ามองได้อย่างไร !



กลางอากาศ ชู่มู่ที่เพิ่งปล่อยทักษะออกมาเผยความโหดเหี้ยมต่อราชันเขี้ยวที่ไล่ตามมา !


มือขวาของชู่มู่กำแน่น ประกายสีขาวเหมือนแสงดาวรวมตัวกัน !


บนหมัดที่มีไฟปีศาจลุกโชนอยู่ คลื่นพิเศษบางอย่างเคลื่อนตัวบริเวณข้อมือของชู่มู่ !


กลุ่มดาวมารนิรย !


ชู่มู่เหวี่ยงหมัดอย่างแรง !!!


ราวกับท้องฟ้าในยามคำคืนได้แตกสลาย แสงดาวสีขาวกระจายไปรอบ ๆ ราวกับดาวตกนับไม่ถ้วนที่พาดผ่านฟากฟ้า อีกทั้งยังมีกลิ่นไอฆ่าล้างด้วย พุ่งตรงไปยังราชันเขี้ยว !!!


ไฟปีศาจที่ยิงเข้ามาเหมือนแสงดาว แต่ละเส้นได้พาดผ่านท้องฟ้าในยามค่ำคืนเกินกว่าครึ่งฟ้า !


จุดดาวแต่ละจุด มีพลังทำลายล้างที่รุนแรง ร่างกายของราชันเขี้ยวถูกโจมตีต่อเนื่อง อีกทั้งหลายจุดยังถูกทะลุโดยตรง แสงดาวที่ทะลุผ่านไปได้ขนานไปกับพื้น ทะลุภูเขาที่ห่างจากเมืองเทียนเซี่ยที่สุด !!!


ร่างกายของราชันเขี้ยวถูกกลุ่มดาวมารนิรยยิงทุละจนเป็นหลุมนับไม่ถ้วน อีกทั้งหลังจากโจมตีบริเวณเขี้ยวที่แข็งแกร่งที่สุด เขี้ยวของมันได้แตกสลายหมด เห็นได้ชัดว่าทักษะนี้มีพลังแข็งแกร่งมากเพียงใด !!!


“ฮู ฮู ฮู !!! ”


ชู่มู่ใช้เงาปีศาจสลับตำแหน่งกะทันหัน ในตอนที่ราชันเขี้ยวส่งเสียงร้องเจ็บปวดจากการโจมตีของกลุ่มดาวมารนิรย ได้ปรากฏเหนือหัวของราชันเขี้ยวอย่างลึกลับ !


ไฟปีศาจลุกโชนขึ้นราวกับแสงอาทิตย์ ชู่มู่ครึ่งมารถูกไฟปีศาจห่อหุ้มเอาไว้ ตกลงจากบริเวณที่สูงทันที ร่างที่เต็มไปด้วยเปลวไฟฟาดลงหัวของราชันเขี้ยวอย่างแรง !!!


“บึ้ง !!!”


ราชันเขี้ยวถูกโจมตีแบบนี้ ตกลงจากฟ้าสูงร้อยกว่าเมตรทันที !!!


“โคร้ม !!! ”


ร่างใหญ่ของราชันเขี้ยวฟาดลงบริเวณบางแห่งในเมือง บ้านเรือนถล่มไปตามเสียงอันรุนแรงนี้ !!!


“บ่อปีศาจร้าย !”


ชู่มู่ครึ่งมารหยุดอยู่กลางอากาศ เขามองไปยังราชันเขี้ยวที่อยู่บนพื้น ร่ายคาถาขึ้นช้า ๆ !


มือทั้งสองของชู่มู่ยกสูงขึ้น ไฟปีศาจวนรอบตัวชู่มู่ก่อเป็นวงแหวนเปลวไฟยักษ์ใหญ่ !


เส้นผ่านศูนย์กลางของวงแหวนนี้กว้างมาก คนที่อยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้น รู้สึกว่าพวกเขาถูกปกคลุมเข้าไปด้วย !


เดิมพลังของราชันก็เต็มไปด้วยทำลายล้างและฆ่าล้าง เห็นทักษะปีศาจร้ายปกคลุมพวกเขาจากบนฟ้า ผู้คนทั้งหมดในเขตพื้นที่นี้เกิดชุลมุนทันที ร่างอัญเชิญดวงวิญญาณของพวกเขา หนีไปยังนอกพื้นที่ทักษะนี้


คนนับพัน อัญเชิญดวงวิญญาณหนีแทบพร้อมกัน คาดว่าถนนทั้งหมดต้องเบียดมาก เขตพื้นที่นี้ชุลมุนอย่างมาก น่ากลัวถึงที่สุด หลายคนเริ่มเสียดายที่ทำไมตัวเองไม่หนีไปตั้งแต่แรก


“มัน…พื้นที่ทักษะของมันกำลังเล็กลง !”


ในตอนที่ผู้คนกำลังหนี ร่ายวิญญาณหนึ่งดังขึ้นทันที !


เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นร่ายวิญญาณของู้แข็งแกร่งบางคนในฝูงคน อย่างไรก็ตาม ถ้าหนีไปอย่างชุลมุนแบบนี้ จะทำให้เกิดความวุ่นวายมากกว่าเดิม มีเพียงการสลายฝูงคนอย่างเป็นระเบียบ ถึงจะป้องกันการบาดเจ็บและการตายได้


แน่นอนว่า ผู้แข็งแกร่งพวกนี้ไม่ได้พูดโกหกเพื่อให้ทุกคนสงบลง เพราะวงแหวนยักษ์ใหญ่ที่ชู่มู่ครึ่งมารสร้างขึ้นกำลังหดเล็กลงจริง ๆ !


ขั้นตอนการหดตัวนี้ช้ามาก แต่กลับมีพลังพิเศษบางอย่างกำลังกดทับจากฟ้าสูงร้อยกว่าเมตรนี้ ไม่ปล่อยให้ราชันเขี้ยวที่อยู่บนพื้นมีโอกาสลุกขึ้นมาได้ !


เทียนทิงที่หนีไกลออกไปเห็นราชันเขี้ยวของตัวเองถูกกดทับอยู่บนพื้น รู้ว่าทักษะนี้ของครึ่งมารน่ากลัวอย่างยิ่ง รีบออกคำสั่งต่อราชันเขี้ยว


ราชันภูตสายฟ้าที่เทียนทิงภูมิใจที่สุดถูกฆ่าตายไปแล้ว ถ้าราชันเขี้ยวถูกฆ่าตายอีก ต่อให้เขามีชีวิตรอดไปได้ ตำแหน่งของเขาจะตกลงมาแน่นอน !


ประกายสีแดงบนตัวราชันเขี้ยวห่อหุ้มร่างของมันเอาไว้ ในตอนนี้ แรงกดดันที่ราชันเขี้ยวได้รับลดลงอย่างมาก ลุกขึ้นมาได้บ้างแล้ว


บนฟ้า ชู่มู่ครึ่งมารเห็นราชันเขี้ยวลุกขึ้นได้ กลับพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไปตายซะ !”


คำพูดของชู่มู่เหมือนคำสาป แรงกดดันแข็งแกร่งขึ้นทันที ราชันเขี้ยวพึ่งจะมีแรงเคลื่อนไหว กลับถูกพลังลึกลับชั่วร้ายนั้นกดลงอีกครั้ง !


“บ่อปีศาจร้าย !!!” มือทั้งสองของชู่มู่กดลงอย่างแรง !


ทันใดนั้น วงแหวนชั่วร้ายที่หดตัวฟาดลง ระหว่างที่ฟาดลงเหมือนได้กดทับพื้นที่ทั้งหมดไปด้วย ก่อเป็นพายุมิติอันรุนแรงยิ่ง พลิ้วไหวกลางอากาศ !


พื้นที่ที่วงแหวนร้ายปกตลุมมีหอส่องไฟสองแห่งและสถานที่เก็บดวงวิญญาณความสูงห้าสิบเมตรแห่งหนึ่ง ตามที่วงแหวนร้ายกดทับลง สิ่งก่อสร้างทั้งสองถูกขยี้เป็นเศษทันที อีกทั้งทรุดตัวลงพื้นหลายร้อยเมตร !


ราชันเขี้ยวทรุดตัวลงไปมากที่สุด ยากที่จะรอดไปได้ !!!


“โซ !!! ”


พื้นดินและถนนถล่มทันที หลุมยักษ์ใหญ่ปรากฏท่ามกลางพื้นที่แห่งนี้ !!!


หลุมนี้ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้งของมัน ไม่มีใครรู้ว่ามันทะลุชั้นหินชั้นดินไปมากเพียงใด และแล้วบริเวณรอบ ๆ หลุมนี้ รอยแยกที่เหมือนแผ่นดินไหวคืบคาบอย่างบ้าคลั่ง !!!


รอยแยกเหล่านี้ คืบคายไปตามถนน ซอกซอย ผ่านบ้านเรือน สวน ร้านค้า ตลอดจนมากกว่าพันเมตร ทำลายเขตรุ่งเรืองของเมือง คนนับหมื่นหวาดกลัวอย่างมาก !!!


ผู้คนนับไม่ถ้วน ใต้เท้าของพวกเขากลับเป็นรอยแยกที่ลึกจนไม่เห็นที่สิ้นสุดซึ่งปรากฏบนถนนที่พวกเขาเดินผ่านทุกวัน !


พลังทำลายล้างแบบนี้ สำหรับคนที่ไม่มีดวงวิญญาณแล้ว นับว่าเป็นหายนะอย่างมาก !


“นั่น…นั่น…นั่นเป็นราชันเขี้ยวของท่านประธาน!!!นั่นเป็นราชันขั้นสูง !!!”


เหล่าผู้คุมดวงวิญญาณที่มีความสามารถแข็งแกร่งหน่อยต่างสะเทือนใจอย่างมาก ในเมืองเทียนเซี่ยนี้ดวงวิญญาณระดับราชันมีแค่ไม่กี่ตัว ด้วยความสามารถที่แตกต่างกัน ในสายตาของผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ราชันเขี้ยวราชันขั้นสูงตัวนี้ของท่านประธานเป็นความแข็งแกร่งที่ยากจะข้ามผ่านไปได้ !


และแล้วราชันเขี้ยวอันเป็นราชันหมวดอสูรของผู้คน กลับถูกทักษะนี้กดทับลงชั้นหินต่อหน้าต่อตาผู้คน ไม่รู้ความเป็นตายร้ายดี !


ความแข็งแกร่งของปีศาจร้ายในยามค่ำคืนสะเทือนทั้งเมือง เดิมผู้แข็งแกร่งที่คิดว่ามีความแข็งแกร่งอยากจะร่วมมือกับท่านประธานเพื่อต่อต้านสิ่งมีชีวิตนิรนามตัวนี้ กลับถอยกลับทันที !


แม้แต่ราชันขั้นสูงยังถูกขยี้ได้อย่างง่ายดายแบบนี้ คนอย่างพวกเขาเข้าไปเท่ากับหาที่ตายไม่ใช่เหรอ


“นี่พวกเรา…ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ข้างบ่อน้ำที่แตกสลาย ชายที่สวมชุดสีเทาคนหนึ่งมองขึ้นฟ้าด้วยความอึ้ง


ชายคนนี้คือหม่าอี้หลู่ที่รออยู่ในตำหนักเทียนทิง แม้แต่เขาในตอนนี้ยังไม่เชื่อสายตาของตัวเอง


ข้างหม่าอี้หลู่คือลี่เถิง เขามองดูมีอายุน้อยกว่า ดวงตาคู่นั้นของเขาเบิกกว้างจนกว้างกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรล้มราชันเขี้ยวที่แข็งแกร่งยิ่งของเทียนทิงได้ !


เจี่ยซุ่นติงสังมารนิรยเงยหน้าขึ้น อ้าปากค้างนานมาก !


เป็นถึงสมาชิกของวังมารนิรย เจี่ยซุ่นติงจะไม่เคยเห็นเงาไฟปีศาจบนฟ้านั้นได้อย่างไร !!!


ดังนั้น ในบรรดาทั้งสามคน ความสะเทือนใจของเจี่ยซุ่นติงซับซ้อนอย่างมาก !!!


นั่นเป็นครึ่งมารที่วังมารนิรยเคารพบูชาราวกับพระเจ้า !!! ครึ่งมารที่เพิ่งปรากฏในเมืองหลีตามข่าวลือเมื่อไม่นาน ทำให้ทั้งวังมารนิรยสะเทือนอย่างมาก เรื่องยังไม่ทันได้สงบลง เมืองเทียนเซี่ยนี้กลับมีครึ่งมารปรากฏอีกครั้ง !!! อีกทั้งยังเป็นครึ่งมารที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า เอาชนะราชันขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย !!!


“เจี่ยซุ่นติง…นี่มัน…นี่เป็นสิ่งมีชีวิตของวังมารนิรยเจ้าใช่ไหม” หม่าอี้หลู่พูดด้วยความอึ้ง


เจี่ยซุ่นติงสะเทือนอย่างมาก จะตอบคำถามของหม่าอี้หลู่ได้อย่างไร แค่ใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยสีสันคลั่งไคล้จับจ้องไปยังครึ่งมารเทียนเซี่ยนั้น !


ด้านหลังราชันวิญญาณทั้งสามคน มีผู้คุมดวงวิญญาณสวมชุดสีดำประมาณหนึ่งพันคน !


พวกนี้คือกำลังหลักขององค์กรวิญญาณในเมืองเทียนเซี่ย เป็นสมาชิกชั้นยอด ๆ !


ทั้งสามคนทำตามคำสั่งของเทียนทิง ดักรออยู่ที่นี่ การปรากฏตัวของคนเหล่านี้เดิมทำเพื่อหยุดท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณเอาไว้ !


แม้พวกเขารู้ว่าคนเหล่านี้ไม่มีทางเป็นศัตรูของท่านอาวุโสตำหนักวิญญาณได้ อีกทั้งเรื่องที่จะดับหมดขึ้นอยู่กับเวลา แต่สมาชิกองค์กรวิญญาณทั้งหมดนี้ ต่อให้ความสามารถของท่านอาวุโสจะแข็งแกร่งมากเพียงใด เขาจะไม่กล้าลงมือกับพลังขององค์กรวิญญาณแน่นอน เพราะนั่นเท่ากับเป็นศัตรูกับทั้งองค์กรวิญญาณ !


ในตอนนี้ สมาชิกชั้นยอดพันคนนี้กำลังมองขึ้นฟ้าด้วยความสะเทือนใจ มองไปยังประธานเทียนทิงที่หนีมาทางนี้อย่างชุลมุน


หลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเขาเห็นคือท่านประธานที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง ไม่เคยเห็นเขาในสภาพนี้มาก่อน !


“พวกเจ้า !!! พวกเจ้ายังไม่ออกมา!!! อยากให้ข้าตายหรือไร !!!”


ในตอนนี้ เสียงร่ายวิญญาณของเทียนทิงดังขึ้นบนฟ้าด้วยความโกรธ !!!


เทียนทิงหนีมาที่นี่อย่างสุดชีวิต ก็เพื่อให้พลังที่คิดจะขัดขวางท่านอาวุโสลงมืออย่างเต็มที่


ตอนนี้ราชันเขี้ยวถูกฆ่าตายแล้ว ดวงวิญญาณระดับราชันขั้นกลางของเทียนทิงเหล่านั้นแทบไม่สามารถหยุดครึ่งมารได้ !

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม