Shoujo Grand Summoning 97-106

 97 ผู้คนที่แอบซ่อนตัวอยู่ และ ผลลัพธ์สุดท้ายล่ะ!

สองสาวอดที่จะรู้สึกอิจฉานิดๆไม่ได้เมื่อเห็นความเชื่อใจที่เขามีต่ออิคารอส มิโคโตะหันหน้าไปอีกทางด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่าเธอก็ยังคงกังวลอยู่ “นายแน่ใจนะว่าอิคารอสจะสู้แบบสามต่อหนึ่งได้น่ะ? ถึงแม้การสู้แบบกลุ่มอิคารอสจะเก่งกว่าเดิม แต่ถ้าเจอคนระดับเดียวกันสามคนพร้อมกัน มันก็ออกจะตึงมือเกินไปรึเปล่า?”


 


“ใช้แล้วหยาน มันอันตายเดินไปนะ…..” ฮินางิคุหันมองไปอิคารอสด้วยความกังวล “นายมั่นใจจริงเหรอว่าอีกฝ่ายจะไม่มียุทธภัณฑ์ฟ้าน่ะ? ถ้าเกิดพวกมันดันมีจริงๆล่ะ? จะทำยังไงถ้าเกิดอิคารอสบาดเจ็บขึ้นมา….”


 


“ไม่ว่าจะทางด้านอาวุธหรือความสามารถที่นายว่ามามันก็แค่การคาดเดาไม่ใช้? ถ้าเกิดอีกฝ่ายมียุทธภัณฑ์ฟ้าหรืออิคารอสที่ถึงแม้จะเก่งขึ้น แต่ก็ยังคงสู้แบบสามต่อหนึ่งไม่ไหว ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะทำยังไง?”


 


อิคารอสที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้เองเธอก็เงยหน้าขึ้นพรวด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ก็แฝงไปด้วยแน่วแน่ “อิคารอส สู้ได้!”


 


ฮินางิคุกับมิโคโตะ หันไปมองอิคารอสที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะหันไปมองวู่หยานอย่างจนปัญญา


 


วู่หยานพูดไม่ออก ภายใต้สายตาของสองสาว ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนได้ทำอะไรที่ผิดมากๆ ดังนั้นวู่หยานจึงรีบเอ่ยปากพูดว่า “พวกเธอพูดก็ถูก ทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้หมด แต่ถึงยังั้น ถ้าอิคารอสสู้ไม่ได้จริงๆ แล้วถ้าเกิดให้เธอกิน ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ ล่ะ? เป็นอมตะตั้งสามชั่วโมงก็คงไม่มีปัญอะไรใช้เปล่า?”


 


“ใช้แล้ว! ยังมียานี้อยู่!” ฮินางิคุกับมิโคโตะหันมามองหน้ากันด้วยความอาย เพราะพวกเธอสองได้ ‘ลืม’ มันไปซะสนิทเลย


 


เห็นภาพนี้ วู่หยานก็ส่ายหัวอย่างขบขัน แล้วพูดทั้งๆมีรอยยิ้มๆว่า “มี ลมหายใจแห่งชีวิต ที่ทำให้เป็นอมตะสามชั่วโมง ถึงแม้อิคารอสจะเสียเปรียบอีกฝ่าย แต่ก็สู้ได้แน่! ดังนั้นสบายใจได้เลย!”


 


ฮินางิคุกับมิโคโตะพยักหน้า ต่อมามิโคโตะก็พูดด้วยสีหน้าสลดว่า “บางครั้งฉันก็คิดนะว่าระบบมันขี้โกงเกินไปจริงๆ มีไอเท็มที่แหกคอกเต็มไปหมด ถ้าใครได้เป็นศัตรูด้วยก็คงพูดได้แค่อีกฝ่ายมันซวยจริงๆ……”


 


ได้ยินคำพูดมิโคโตะ วู่หยานก็หัวเราะร่า ถูกแล้ว! ระบบมันขี้โกงมาก!


 


เอิ่ม….ถึงแม้ว่ามันออกจะมี…นิสัยเสียชอบหลอกเขาอยู่บ่อยๆก็เถอะ…….


 


…………….


 


ในที่สุด เมื่อศพทุกศพโดนดูดของเหลวในร่างไปจนหมด เหลือแค่หนังหุ้มกระดูก วงเวทย์ก็ได้สำแดงพลังที่แท้จริงซักที!!


 


แสงสีแดงดุจเลือดได้ฉายแสงสว่างจ้าไม่ต่างจากพระอาทิตย์ยามพลบค่ำ และหลังจากที่เลือดหยดสุดท้ายไหลเข้าไปในวงเวทย์ ตัววงเวทย์ก็กลับคืนไปสู่สภาพเดินก่อนที่มันจะเปล่งแสง


 


แต่ทว่าถึงจะเห็นแบบนี้ คาร์ลเรียส โมมิลี้ และ ชาร์ลก็ไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจอะไรเลย กลับกันพวกเขายิ่งยิ้มกว้างมีความสุขมากกว่าเดิม จากนั้นก็คลายความระวังไปจนหมด ริมฝีปากโค้งขึ้น สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมา


 


สีหน้าท่างแบบนั้น สามารถอธิบายได้อย่างเดียวว่า พวกมันทำตามแผนสำเร็จแล้ว!


 


และความจริงก็เป็นแบบนั้นจริงๆด้วย!


 


วงเวทย์ได้สูญเสียประกายแสงทั้งหมดไป แต่นี่กลับทำให้แมงมุมราชินีรู้สึกได้ถึงวิกฤติ อารมณ์โกรธทั้งหมดของมันได้เปลี่ยนไปเป็นลางสังหรณ์แห่งความตายจนหมด และตอนนี้เองแมงมุมราชินีก็ได้บ้าคลั่ง


 


ขณะที่วงเวทย์ยังคงไม่มีท่าทีอะไรเกิดขึ้น แมงมุมราชินีได้ใช้โอกาศนี้กระโดดขึ้นไปบนอากาศโดยใช้ขาทุกคู่ของมันกระทืบพื้นเป็นแรงส่งตัวขึ้นไป เพื่อให้มันได้ออกห่างจากวงเวทย์แม้สักนิดก็ยังดี


 


แต่ทว่ามันยังไม่ทันได้มีความสุข ก็มีแรงไร้ตัวตนกดตัวมันที่เป็นถึงแรงค์9และยังมีร่างกายที่ใหญ่โตซึ่งยากต่อการสั่นคลอนก็ได้ถูกกดตัวล่วงหล่นลงไปง่ายๆดุจกระดาษ ลงพื้น ณ จุดเดิมในวงเวทย์…..


 


พวกคาร์ลเรียสทั้งสามมองการดิ้นรนของแมงมุมราชานี พวกเขาก็ฉีกยิ้มเยาะเย้ยออกมา แตกต่างจากสีหน้าหวาดกลัวก่อนหน้านี้ลิบลับ มองรอยยิ้มชั่วๆแบบวายร้ายของพวกมัน วู่หยานก็คลี่ยิ้มเยาะเย้ยออกมาเหมือนกัน


 


ก่อนหน้านี้ที่วงเวทย์ยังไม่ได้แสดงผล แค่แมงมุมราชินีขยับตัวนิดหน่อยพวกเอ็งสามตัวก็รีบวิ่งหนีหางจุกตูดแล้ว แต่พอตอนนี้มีวงเวทย์ช่วยปราบก็รีบทำท่ายังกับชนะแล้วเชียวนะ เหอะๆ พวกเอ็งมันพวกวายร้ายเกรดBชัดๆเลยวะ!


 


แมงมุมราชินียังคงดิ้นรนไม่หยุด อ้าปากส่งเสียงคำรามที่ดังก้องไปทั่ว แต่ไม่ว่ามันจะทำยังไงก็ไม่อายจะขัยบตัวได้แม้แต่นิ้วเดียวยังกับโดนขุนเขากดทับไว้ รู้สึกร่างกายหนักขึ้น ไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่ส่วนเดียว แมงมุมองครักษ์ก็โดนเหมือนกัน ซึ่งตอนนี้พวกมันสองตัวก็ได้นอนแผ่ไปกับพื้นเรียบร้อยแล้ว


 


พวกคาร์ลเรียสหันมามองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะของพวกมันเป็นการส่งสัญญาณรึเปล่า แต่ทว่าหลังจากที่พวกมันหัวเราะ อีกด้านหนึ่งของทางศิลาก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น


 


ไม่นานนัก คงของโรงประมูลก็ปรากฏตัวออกมาให้พวกวู่หยานเห็น แต่สิ่งที่ให้พวกเขาต้องขมวดคิ้ว ก็คือคนที่มามันได้มีแค่คนของโรงประมูล แต่มันยังมีคนอีกสองกลุ่มตามมาด้วย


 


ขบคิดชั่วครู่ วู่หยานก็รู้ทันที


 


‘ตูว่าแล้ว ถ้าโรงประมูลมันมีแรงค์8ถึงสามคนจริงๆ ป่านนี้พวกมันก็คงครอบครองเมืองท่าไปคนเดียวแล้วล่ะ งี้นี่เองยังมีอีกสองฝ่ายร่วมมือกับแผนบัดซบนี้สินะ……’


 


นี่จะโทษวู่หยานก็ไม่ได้ ถึงแม้เขาจะมี ‘ความทรงจำสมบูรณ์’ แต่เขาก็โดนพวกโรงประมูลดึงดูดความสนใจไปหมด จึงไม่ได้ให้ความสนใจกลุ่มอื่น บวกกับเขาสนใจแค่คนที่แรงค์6ขึ้นไป ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตุเห็นอีกสองกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่กับพวกโรงประมูล


 


“คนเลวมักอยู่ด้วยกัน!” เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ท่านประธานเราก็โกรธเกรี้ยวขึ้นทันที เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา


 


วู่หยานมองฮินางิคุด้วยความประหลาดใจปนอึ้งนิดๆ “เธอศึกษาคำพูดคนจีนมาได้ไม่เลวเลยนะ!”


 


ลุงจากโรงประมูลได้เดินออกมาจากฝูงคน มาตรงหน้าพวกคาร์ลเรียส แล้วโค้งตัวให้ให้ด้วยความเคารพ “ท่านทั้งสามทำสำเร็จแล้วหรือขอรับ?”


 


“เรืองแบบนี้ยังต้องให้พูดกันอีกรึ?” คาร์ลเรียสโบกมือราวกับไม่ใส่ใจ ถึงแม้จะพูดด้วยเสียงใจเย็น แต่ถ้าฟังดีๆจะรู้เลยว่าน้ำเสียงที่เขาพูดมันเต็มไปด้วยความพึงพอใจด้วย


 


ลุงเงยหน้ามองไปที่แมงมุมราชินี จึงรู้สึกได้ถึงออร่าความตายและแรงกดดันมหาศาลจากตัวมัน และยังมีเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปทั้งตัว ลุงก็ตัวสั่นด้วยความกลัวเล็กน้อย


 


“คาร์ลเรียส จบชีวิตมันซะ!” โมมิลี้เองสังเกตเห็นแรงกดดันที่แมงมุมราชินีส่งออกมา ทำเอาคนอื่นๆรอบๆตัวเขาแข็งค้างไปหมด คาร์ลเรียสพยักหน้าเห็นด้วย


 


“รู้แล้ว!” ก่อนจะหันไปจัดการ คาร์ลเรียสก็ได้ถลึงตามองไอ้สองคนที่ไม่ให้โอกาศตนโชว์ออฟต่อหน้าลูกน้องเลย จากนั้นก็หยิบเอาก้อนหินเล็กๆสีแดงดุจโลหิตออกมาจากหน้าอก


 


ทั้งสามคนก้าวเดินหลายก้าวเข้าไปใกล้แมงมุมราชินี เห็นมันที่ดิ้นรนไม่หยุดขณะเดียวกันก็มองพวกตนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารกับความโกรธเกลียด ทำเอาพวกเขาทั้งสามขนลุกซู่


 


คาร์ลเรียสส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชาหนึ่งที เมื่อคิดว่าตนยังมากลัวการสัตว์อสูรที่ใกล้จะตายต่อหน้าลูกน้องตน เขาก็รู้สึกขายหน้าทันที “เหอะ เป็นแรงค์9แล้วมันยังไงล่ะวะ จงจำชื่อฉันที่เป็นคนปราบและฆ่าแกด้วยมือตัวเอง คาร์ลเรียสผู้นี้ไงล่ะ!”


 


คำพูดโออ้วดไร้มูลของมัน ทำเอาพวกวู่หยานที่แอบดูอยู่พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งเลย…..


 


ทั้งสามคนต่างก็โยนหินสีเลือดเข้าไปในวงเวทย์จากนั้นก็รียถอยทันที ภายใต้สายตาของแมงมุมราชินี หินก็ได้ลอยไปตกตรงหน้ามัน วินาทีต่อมาหินก็ได้ละเหยกลายเป็นแก๊ส!


 


ในเวลาเดียวกันกับที่หินได้เปลี่ยนเป็นแก๊ส วงเวทย์ก็หมุนวนทันทีราวกับได้รับการกระตุ้น!


 


ตัวอักษรรูนที่สลับซับซ้อนได้เปล่างแสงบนอากาศ กลุ่มควันสีแดงที่แต่เดิมเป็นเลือดของผู้คนที่ตายก็ไปเข้าไปวนรอบแมงมุมทั้งสามตัว จากนั้นก็มีบาเรียสีเลือดพุ่งขึ้นมาจากใต้วงเวทย์ มาปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างในแน่นอนว่าแมงมุมทั้งสามก็ไม่เป็นข้อยกเว้น…..


 


แมงมุมราชินีราวกับรู้ผลลัพธ์ของตน มันได้คำรามออกมาเสียงดังสนั่นชนิดที่ว่าสามารถเขย่าขวัญจิตใจคนที่ได้ยินได้เลย…..


 


“บึ้ม!!!!”


98 เปิดก่อนได้เปรียบ! ฆ่ามันอิคารอสส!!

“บึ้ม!!!!”

เสาแสงสีแดงลุกโชนขึ้นไปบนฟ้า วงเวทย์ราวกับปากกระบอกปืนที่ยิงเลเซอร์ออกมายังไงยังงั้น แต่ทว่ามันกลับไม่ทำลายเพดานหินเลยแม้แต่น้อย ราวกับมันเป็นแค่เสาแสงสีแดงธรรมดา

สามารถได้ยินเสียงร้องของแมงมุมทั้งสามที่อยู่ข้างในเสาแสงได้อย่างชัดเจน

เสียงระเบิดสนั่นโลกดังขึ้นมา ทำให้พวกวู่หยานที่ไม่ทันตั้งตัวต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บขณะที่มือก็จับหูทั้งสองข้างไปด้วย แต่ทว่ามีเพียงแค่อิคารอสคนเดียวที่ยังคงนิ่งเงียบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทำให้วู่หยานต้องตั้งคำถามในใจว่า ‘นี่คุณท่านอิคารอสไม่มีความรู้สึกหรือแค่คูลเดเระเฉยๆกันแน่วะ?’

ส่วนพวกโรงประมูลก็ยืนดูเสาแสงด้วยท่าทางเรียบเฉย นอกจากเสียงร้องอันน่าสงสารที่ดังออกมาจากข้างใน มันไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ทุกอย่างโดนลำแสงปกคลุมไว้หมด

ไม่นานนักพวกคาร์ลเรียสทั้งสามก็อดไม่ไหวตนต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คนข้างหลังเอวก็พร้อมใจกันหัวเราะออกมาด้วยความสุข เพราะตอนนี้ แผนการของพวกเขามันได้สำเร็จลุล่วงแล้ว!

ฟังเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นไม่หยุด ฮินางิคุกับมิโคโตะต่างก็กัดฟันขาวสวยแน่น ที่พวกเธอทำแบบนี้ก็เพื่อข่มใจตนเอง ถ้าไม่ทำแบบนี้พวกเธอก็คงกระโจนออกไปเลาะฟันพวกมันแล้ว!

ตอนนี้สองสาวได้แต่รู้สึกสงสารคนที่ตายไปอย่างสูญเปล่า ไม่เพียงแต่โดนหลอก แม้แต่ตอนที่ตายไปแล้วก็ยังถูกใช้งานต่ออย่างเลือดเย็นอีก อย่างน้อยๆพวกเขาก็มีส่วนรวมที่ทำให้แผนนี้สำเร็จ แต่พวกคนเลวตรงหน้ากลับไม่รู้สึกอะไรเลย…..

กับความไม่พอใจของสองสาว แน่นอนว่าวู่หยานรู้ดี แต่ตอนนี้เขาทำได้แค่นั่งเงียบๆ

เขาไม่ได้มีจิตใจเมตตาเหมือนพวเธอ ที่จะมีความคิดโกรธแค้นแทนคนที่ตายไป แต่ในสายตาเขาพวกมันไม่ได้มีค่าอะไรเลย….ก่อนหน้านี้พวกมันเองก็ทิ้งพรรคพวกไว้เหมือนกันไม่ใช้เหรอ? มันก็เลวกันหมดนี้แหละ…..

แน่นอนว่าวู่หยานเอง ก็รู้ตัวดีว่าตนไม่มีทางเป็นเหมือนฮินางิคุกับมิโคโตะที่แสนดีได้ เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง…..

เสาแสงได้คงอยู่นานเท่าแค่ไหนแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ จนกระทั่งเสียงร้องได้ขาดหายไป วงเวทย์จึงค่อยๆหมุนวนช้าลงพร้อมๆกับลำแสงที่อ่อนกำลังลง จนในที่สุด มันก็หยุดหมุน เสาแสงก็ได้เลือนหายไป….

แมงมุมราชินีกับแมงมุมองครักษ์ต่างก็นอนแน่นิ่งสนิทใจกลางวงเวทย์ ตามตัวพวกมันไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเดิมผิวหนังที่ดำสนิทของพวกมันตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด ดวงตาเองก็มือมนไร้แสงแห่งชีวิต และออร่าแห่งความตายที่ล้อมรอบแมงมุมราชินีก็ได้หายไปจนหมดเช่นกัน…..

ออร่าแห่งชีวิตของพวกมันทั้งสามตัว ได้หายไปจนหมดอย่างไม่เหลือ…….

“ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว!! สมบัติมันเป็นของพวกเราแล้ว!!”

เมื่อเห็นแมงมุมตายหมด ทั้งคนของโรงประมูลและอีกสองกลุ่มต่างก็ส่งเสียงร้องดีใจกันยกใหญ่ราวกับว่าวันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตก็ไม่ปาน

มิโคโตะแทบจะทนไม่ไหว มองดูพวกคนเลวตรงหน้ามีความสุข เธอรู้สึกโกรธมาก โกรธชนิดที่ว่าในอดีตตัวเธอไม่เคยโกรธถึงขั้นนี้เลย

“หยาน เราจะออกไปเลยมั้ย?”

วู่หนานหันไปมองมิโคโตะ แล้วหันไปมองฮินางิคุ ก่อนจะก้มหน้าคิด ครู่ต่อมาเขาก็ยิ้มฝืนๆออกมา

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าจะให้พวกมันหาสมบัติให้เจอก่อน แล้วค่อยออกไปจัดการรวบทระ….เอ่อ จัดการทีเดียวเลย แต่ในเมื่อพวกเธอไม่อยากซ่อนแล้ว งั้นก็…ลุยแม่งโลด!”

ถึงแม้แมงมุมราชินีจะออกมาแล้วก็ตายไปแล้วก็เถอะ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าหลังจากนี้จะมีบอสตัวอื่นโผล่ออกมาอีกรึเปล่าจริงมั้ย?

ให้พวกขยะเปียกนี่เบิกทางให้ก่อน หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรแล้วก็ค่อยไปออกไปรวบดีเดียว นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่เลวเลย

แต่ว่าในเมื่อ มิโคโตะทนไม่ไหวแล้ว แม้แต่ท่านประธานเองตอนนี้ก็ได้หยิบชิโระซากุระออกมาแล้ว เขาก็รู้สึกหงุดหงิดไม่มากก็น้อยเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้…ก็บวกแม่งเลย!

ถ้าเกิดพวกเขาสู้ไม่ได้จริงๆหรือมันมีเกิดอุบัติเหตเกิดขึ้น ก็แค่ใช้ไอเท็มหลบหนีที่แลกมาจากระบบซะก็สิ้นเรื่อง เขาเองก็ไม่เชื่อว่าถ้ามันเกิดมีบอสตัวใหม่โผล่มาไอ้พวกบ้านี่จะสู้ได้ นอกเสียจากไปหลอกคนอื่นมาสังเวลแล้วเปิดใช้วงเวทย์นอกรีตนั่นอีก…..

ในเมื่อตัดสินใจแล้ว วู่หยานก็พูดขึ้นทันที “อิคารอส แรงค์8สามคนั้นฉันฝากเธอจัดการด้วย ถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆก็ดื่มยาที่ทำให้เป็นอมตะเลยนะ เข้าใจมั้ย?”

พริบตาหนึ่ง นัยน์ตาอิคารอสก็ส่องแสงอ่อนๆที่วู่หยานมองไม่เห็นขึ้นแล้วก็หายไป “ค่ะ มาสเตอร์!”

วู่หยานพนักหน้าให้อิคารอส แล้วหันไปมองฮินางิคุกับมิโคโตะ

“ฮินางิคุ มิโคโตะ ฉันฝากเธอดูแลลิลินด้วย! ส่วนฉันจะเป็นคนจัดการไอ้พวกเวรนี่ที่เหลือเอง!”

“ห๊ะ? ทำไมอ่ะ? ฉันเองก็อยากช่วยด้วยนะ!!”

ฮินางิคุอุ้มลิลินขึ้นอย่างเงียบๆ นี่เป็นข้อตกลงที่เธอรับปากไว้ก่อนมาที่นี่แต่แรกแล้ว ว่าตนจะเป็นคนปกป้องลิลินเอง กลับกันมิโคโตะหัวร้อนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดวู่หยาน ขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะใช้ไฟฟ้าช็อตพวกมัน วู่หยานก็พูดขึ้นมาดับฝันเธอทิ้งซะไม่มีชิ้นดีเลย

ได้ยินมิโคโตะพูดประถ้วง วู่หยานก็ถามคำถามจี้ใจเธอทันที

“เธอกล้าฆ่าคนงั้นเหรอ?”

มิโคโตะสะอึก กลืนคำที่จะพูดลงท้องไป แล้วหันมองฝูงคนอีกด้าน ก่อนจะพูดเสียงอ่อนว่า “อย่างน้อยก็ขอให้ฉันช่วยหน่อยเถอะนะ ถ้าแค่อัดมันแต่ไม่ถึงกับฆ่าก็ไม่เป็นอะไรแล้วใช้มั้ยล่ะ?…..”

ได้ยินคำพูดมิโคโตะ วู่หยานก็อึ้งไปไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเลย…. การที่จะอัดพวกมันแต่ไม่ถึงกับฆ่า มันต้องใช้ความพยายามมากกว่าฆ่าอีก ต้องรู้ก่อนว่าโลกนี้มันเต็มไปด้วยพวกน่ารังเกียจ ถึงแม้จะโดนโจมตีจนหมดสภาพ แต่ก็ยังคงคลานกลับขึ้นมาได้อยู่ดี……

มิโคโตะรวบร่วมความกล้าแล้วหันหน้าจ้องเข้าไปในดวงตาของวู่หยาน นี่ทำให้เขาเห็นว่าข้างในแววตามิโคโตะมันเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และยังมีการอ้อนวอนอยู่เล็กน้อยด้วย

“ให้ฉันช่วยเถอะนะ ในหมู่พวกนั้นเองก็มีแรงค์7อยู่ตั้งหลายคน แล้วก็ยังมีแรงค์6ระดับสูงสุดด้วย นายเองก็ยังเป็นแค่แรงค์6 แล้วจะห้าวไปสู้คนเดียวอีกเหรอ? ให้ฉันช่วยนะ ฉัน…ไม่อยากยืนมองดูอยู่เฉยๆ ขณะที่พวกพ้องของตนเองกำลังสู้อยู่หรอกนะ…..”

วู่หยานก้มหน้า แล้วเงียบไป….

มิโคโตะยังคงยืนมองวู่หยานด้วยแววตาคาดหวัง ฮินางิคุเองก็พยักหน้าให้เงียบ ที่เธอไม่พูดอะไร เพราะตัวเองมีหน้าที่อยู่แล้วนั่นก็คือการปกป้องลิลินน้อย ในอนาคตมันยังมีโอกาสให้เธอช่วยเขาอยู่อีกมากมาย ตอนนี้ในใจฮินางิคุเองก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระของวู่หยานเหมือนกัน แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องแข็งแกร่งขึ้นก่อน!

เวลาผ่านไป วู่หยานจึงฝืนยิ้มขึ้นมา

“พวกเธอนี่ชอบกดดันฉันจังนะ……”

…………….

คาร์ลเรียสเดินมาตรงศพแมงมุมราชินี แล้วยกเท้าเตะ ก่อนตะสบถด่าออกมา “ไอ้สัตว์ประหลาดบัดซบเอ้ย แกรู้มั้ยว่าพวกฉันต้องปวดหัววางแผนกันมามากมากขนาดไหนเพียงเพื่อที่จะฆ่าแกน่ะห๊า!? แต่ทว่าสุดท้ายแกก็ตายจนได้ เหอะ สะใจจังโว้ย!”

โมมิลี้มองศพแมงมุมราชินีด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะถอนสายตากลับมา แล้วหันไปมองทางเดินหิน พูดด้วยน้ำเสียงใจร้อนว่า “ตอนนี้ พวกเราก็ไปหาสมบัติได้แล้วใช้มั้ย?”

เมื่อคำว่า ‘สมบัติ’ ถูกพูดขึ้นมา พวกเขาก็เรียกสติที่กำลังดีใจกลับมาได้ ตอนนี้สมบัติมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว! สมบัติที่ขนาดมีแรงค์9ปกป้อง มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!

พวกเขาอดทนรอไม่ไหวแล้ว!

ขณะที่พวกกำลังจะออกเดินทาง ก็ได้มีเงาคนโผล่ออกมาตรงหน้า โดยไร้ซุ่มเสียง ทำให้คาร์ลเรียส โมมิลี้ และ ชาร์ล ช็อค

เบิกตากว้าง เมื่อมองเห็นว่าเงาเป็นของมนุษย์ พวกเขาทั้งสามคนก็อดที่จะก้าวถอยหลังไม่ได้ ขณะเดียวกันใบหน้าก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเชียบ

มีใครบางคนมาอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขากลับไม่รู้งั้นเหรอ?

ถ้าเกิดเมื่อกี้ เงาตรงหน้าลอบโจมตีล่ะก็…….

คิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็ถอยหลังมากกว่าเดิม ด้วยประสาทสัมผัสที่ตื่นตัวเต็มที่

แน่นอนว่าไม่ใช้เพราะพวกเขาปอดแหก แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่คิดจริงๆว่าจะยังมีคนรอดจาก ‘หายนะ’ มาได้ จริงๆถ้าเมื่อกี้พวกตนโดนลอบโจมตีจริงๆ สัญชาติญาณของพวกเขาก็จะส่งเสียงแจ้งเตือนเอง นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไม เงาตรงหน้าถึงเลือกที่จะออกมาเผชิญหน้ากันตรงสินะ?

“แกเป็นใครกัน!” คาร์ลเรียสตะโกนถามเสียงต่ำ โมมิลี้ และ ชาร์ลเองก็ต่างก็จ้องเขม็งไปที่เงาด้านหน้า ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกช็อคไม่ต่างกัน

เพราะเงาตรงหน้าไม่เพียงแต่งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ บนหัวเองก็มีวงแหวนลอยอยู่ด้วย และที่สำคัญ!ด้านหลังเธอมีปีกแสงคู่ใหญ่ด้วย!

นัยน์ตาสีแดงฉ่านจ้องไปที่ทั้งสามคน อิคารอสที่มีใบหน้าไร้อารมณ์ อยู่ๆก็ปลอดปล่อยแรงกดดันมหาศาลออกมา!

“อิคารอส บวกเลย!!”


99 การต่อสู้ของแรงค์8 ยกหนึ่งล่ะ!

นางฟ้า!

นี่คือความประทับใจแรกที่อิคารอสมีต่อพวกเขา!

ด้วยหน้าตาที่งดงามหาใดเปรียบ กับรูปร่างที่ทำให้ผู้ชายที่เห็นรู้สึกเร่าร้อน ปีกแสงคู่ใหญ่ที่กระพือไปมาเบาๆ ผมสีชมพูที่สยายออก และเหนือศีรษะเธอก็มีวงแหวนสีขาวบริสุทธิ์ นี่ทำให้อิคารอสดูมีออร่าศักดิ์สิทธิ์ขึ้น!

ถ้าพวกเอ็งรู้ว่านี่คือรูปร่างอิคารอสในโหมดสู้รบ ไม่รู้ว่าจะคิดยังกันน่ะ? ฮาๆ

แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่รู้ เพราะตอนนี้ทุกคนที่เห็นอิคารอส ถ้าไม่อึ้งก็ต้องช็อคไปกับความสง่างามที่ดูราวกับไม่ใช้มนุษย์….

อิคารอสเองก็ไม่ได้ให้ความนใจว่าคนอื่นจะมองตนเองยังไง ณ ตอนนี้ในหัวเธอ มีแต่คำสั่งของวู่หยาน ดังนั้นสายตาเธอจึงจดจ่ออยู่ที่แรงค์3ทั้งสามคน!

เมื่อยืนยันเป้าหมายสำเร็จ ภายใต้สายตาของทุกคน ริมฝีปากของอิคารอสก็ค่อยๆอ้าออก พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“อิคารอส! โจมตี! ”

สิ้นเสียงอิคารอส บรรยากาศรอบๆตัวเธอก็สั่นสะเทือน ก่อนจะมีโลหะที่ไม่ทราบชนิดโผล่ออกมาด้วยจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ส่วนหัวมันเล็งไปที่ด้านหน้า ผู้คนทั้งสามกลุ่มมองดูโลหะจำนวนมากตรงหน้าสีหน้างุนงง แต่กลับกันพวกคาร์ลเรียาทั้งสามต่างก็หน้าเปลี่ยนสีทันทีที่เห็น!

ขณะที่โลหะไม่ทราบชนิดโผล่ออกมา ในใจพวกคาร์ลเรียสต่างก็รู้สึกถึงวิกฤต พวกเขาเชื่อสัญชาติญาณตนเอง จึงรีบเคลื่อนย้ายตัวหนีออกจากจุดเดิมด้วยความเร็วสูง!

“อาร์เทมิส!!”

เปิดฉากด้วยมิสไซล์เหมือนทุกที อิคารอสอาจจะไม่ได้สังเกตว่าแทบทุกครั้งที่ต่อสู้ เธอมักจะเปิดฉากด้วยมิสไซล์ก่อนเสมอ

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ในเมื่อเธอใช้ ฟอร์เอเวอร์มิสไซล์นำวิถี มันก็หมายความเริ่มต่อสู้แล้วนั่นเอง…..

ทว่าพวกคาร์ลเรียสที่ฉีกตัวหลบออกไปนั้นย่อมไม่รู้จัก ฟอร์เอเวอร์มิสไซล์นำวิถี จึงไม่รู้ว่ามันไม่สามารถหลบได้!

เมื่อเห็นว่ามิสไซล์เลี้ยวตามมา พวกคาร์ลเรียสก็หน้าเปลี่ยนสีทันที รอบนี้พวกเขาทั้งสามต่างก็แยกย้ายกันหนี

มิสไซล์เองก็ไม่ได้ช้าเลย ถ้าเทียบกับมิสไซล์ของจริงแล้วนับว่ามันยังเร็วกว่าเยอะ ถ้าพวกคาร์ลเรียสเป็นคนธรรมดาก็คงโดนมิสไซล์ถล่มไปตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว

เมื่อเห็นว่าฝูงมิสไซล์กระจายตัวออกไปทั้งสามทิศ คราวนี้สีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้งจากตอนแรกแค่ประหลาดใจเป็นช็อค! ดูจากความเร็วที่มันพุ่งมา ถ้าพวกเขาโดนเข้าล่ะก็ มันไม่ใช้เรื่องตลกแน่!

จากตอนแรกที่ช็อคเพราะอยู่ดีๆก็มีสาวสวยเข้าโจมตีตน ตอนนี้มันได้เปลี่ยนเป็นความโกรธเรียบร้อยแล้ว ปกติพวกตนจะเป็นคนโจมตีแล้วอีกฝ่ายจะคนหลบ ทว่าตอนนี้มันได้กลับกัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้แรงค์8ทั้งสามคนที่หยิ่งยโสโกรธได้ยังไง?

“บัดซบ! อย่ามาดูถูกกันนะโว้ย!” คาร์ล(@ขอย่อจากคาร์ลเรียส)คำรามออกมา ก่อนจะมีดาบหนักโผล่ออกมาในมือ เทียบกับดาบปกติแล้วมันไม่ต่างกันเลย แต่ถ้าจะคิดว่ามันเป็นดาบปกติธรรมดาล่ะก็ คนๆนั้นได้ตายอนาถแน่!

ขณะที่คาร์ลมัวแต่เอาดาบออกมา มิสไซล์ก็ได้ไล่จนเกือบจะถึงตัวเค้าอยู่แล้ว คาร์ลสูดลมหายใจเข้าลึก เกร็งกล้ามแขนจนเส้นเลือดปูดโปน ก่อนจะตวัดดาบออกไป ก่อเปิดเป็นคลื่นปราณดาบพุ่งตรงเข้าไปหามิสไซล์!

เห็นแบบนี้ โมมิลี้กับชาร์ลก็หยิบเอาอาวุธของตนออกมาเหมือนกัน ของโมมิลี้เป็นหอกยาวดําทมิฬ ส่วนของชาร์ลเป็นขวานที่มีใบมีดสองด้าน


ยุทธภัณฑ์ดิน!

ภายใต้ฟังก์ชั่นตรวจสอบของระบบ ทำให้วู่หยานสามารถมองระดับของอาวุธทั้งสามคนได้ในพริบตา!

แต่ทว่านี่กลับทำให้วู่หยานโล่งอกไปชั่วครู่ อย่างน้อยๆพวกมันก็ไม่มียุทธภัณฑ์ฟ้า ส่วนที่ว่าทำไมเขาถึงโล่งอกไปชั่วครู่น่ะเหรอ? นั่นเป็นเพราะวู่หยานยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีไพ่ตายอะไรเก็บไว้อีกรึเปล่านะสิ….

เขาเองก็ไม่ได้มีเวลามานั่งชมการต่อสู้ระหว่างแรงค์8 เพราะตอนนี้ได้มีกลุ่มนักรบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าโกรธๆราวกับหมาบ้า ยังกับจะให้เวลาเขานั่งดูสบายๆเลย

พวกเขาจะไม่โกรธจนเป็นบ้าได้ไงใช้มั้ย? หลักจากผู้หญิงที่ดูราวกับนางฟ้าโผล่มา ก็ได้มีเด็กหนุ่มผมดำกับเด็กสาวผมสีน้ำตาลปรากฏตัวออกมายืนดูนางฟ้ากับนายท่านทั้งสามของพวกตนสู้ และไม่ว่าพวกเขาจะตะโกนถามไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งว่า ‘แก/นาย/เธอเป็นใคร’ ก็ไม่ได้คำตอบกลับมา พวกเขาโดนเมินสนิท

ถ้าใครหน้านไหนโดนเมินเหมือนอากาศแบบนี้แล้วยังอารมณ์ดี ได้โปรดไสหัวออกมาให้เห็นหน่อย!

ขณะที่พวกนักรบกำลังโถมเข้ามา เหล่านักเวทย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เริ่มท่องคาถา เห็นภาพนี้วู่หยานก็ปวดหัวจี๊ดเลย

พวกนักเวทย์นี่เป็นอะไรที่เขาหนักใจที่สุดเลย ถ้าเกิดบังเอิญโดนเวทย์ไปสักดอกหนึ่งคงโดนดาบฟันรัวๆต่อมาแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะมีเกราะมังกรไร้ลักษณ์ที่สามารถป้องกันการโจมตีที่ต่ำกว่าแรงค์6ลงมาได้ แต่ที่นี่มันมีแรงค์6เต็มไปหมดเลยนี่น่า!

ถอนหายใจหนักๆ วู่หยานหันหน้าไปหาสาวน้องข้างตัว “มิโคโตะ ดูท่าสู้แบบกลุ่มพวกเราจะเสียเปรียบนะ”

ได้ยินคำพูดวู่หยาน มิโคโตะหันมองกองทัพนักเวทย์ด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหยิบเอาขวดยาออกมาแล้วยกขึ้นมาดื่มสองสามอึก

วู่หยานเองก็ทำแบบเดียวกัน เขาหยิบขวดยาออกมาแล้วยกกระดกดื่มพรวดๆอย่างรวดเร็ว ดื่มเสร็จเขาก็ยิ้มร่าทันทีขณะที่มือก็โยนขวดยาทิ้งไป แล้วหันไปสบตากับมิโคโตะ ก่อนที่จะ…พุ่งเข้าไปหาฝูงนักรบที่วิ่งเข้ามา!

…………….

อีกด้านหนึ่ง

เจอกับอิคารอสที่สามารถบินได้อย่างอิสระ พวกคาร์ลก็ปวดหัวจี๊ด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถบินได้ชั่วครู่ด้วยการใช้ปราณ แต่ก็ไม่สามารถบินได้อย่างคล่องแคล่วแบบอิคารอส

สกิลการบินผาดโผนที่อิคารอสแสดงให้ดูยิ่งทำให้พวกเขางุนงง นอกจากนักเวทย์แรงค์7ที่มีเวทย์บิน และไม่มีไอเท็มช่วย แล้วใครจะไปบินได้อิสระเสรีอย่างอิคารอสกันล่ะ?

บางทีคงมีระดับครึ่งก้าวเทวะ(แรงค์10)ที่จะสามารถเหินหาวได้เหมือนเดินดิน ไม่งั้นต่อให้แรงค์9มาเองก็คงบินไม่ได้อย่างเธอเลยมั้ง….

จริงๆว่าวู่หยานก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่า การที่สามารถบินไปมาได้อย่างไร้ขีดจำกัดของอิคารอสจะสามารถทำให้อีกฝ่ายปวดหัวได้ถึงขนาดนี้ บวกกับท่าโจมตีระยะไกลของเธอ บางทีอิคารอสอาจจะชนะไปได้โดยไม่กินยา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ เหมือนเขากับมิโคโตะก็ได้…..

ทำลายมิสไซล์ ด้วยยุทธภัณฑ์ดิน สีหน้าของทั้งสามคนดำมืดเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธและยังเจือปนไปด้วยความจนปัญญาด้วย…..

“ไอ้พลังที่สามารถท่องทะยานไปบนฟ้าได้ นี่มันช่างร้ายกาจจริงๆ แล้วยังไอ้ก้อนเหล็กที่บินได้นี่อีก แม่งเอ้ย ผู้หญิงคนั้นเป็นใครกันแน่วะ หรือว่าจะเป็นสัตว์อสูร? เป็นไปไม่ได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสัตว์อสูรทีจะมีรูปร่างแบบมนุษษย์ หรือจะเป็นสัตว์อสูรระดับครึ่งก้าวเทวะ? ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้อีก ถ้าเป็นงั้นจริง ก็ไม่เห็นจะเป็นต้องปล่อยไอ้เศษเหล็กนี่มาเลย แค่ขยับมือพวกเราก็ตายแล้ว!”

คาร์ลกำลังมึนหัวกับมิสไซล์ที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุดขณะที่ปากก็สาปแช่งอิคารอสไปด้วย หลังจากที่เขาใช้อาวุธในมือทำลายมิสไซล์ไป วินาทีต่อมาก็จะมีมิสไซล์ชุดใหม่เข้ามาแทนอีก วนแบบนี้เรื่อยๆ

ชาร์ลกระโดดเข้ามายืนข้างๆคาร์ล โมมิลี้ก็ทำแบบเดียวกัน ทั้งสามคนรวมตัวกันอีกครั้ง ชาร์ลรีบพูดขึ้นว่า “เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่! พวกเรามาแบ่งหน้าที่กัน ให้คนหนึ่งคอยอยู่รับโลหะบินได้ อีกคนก็ช่วยเปิดเส้นทาง และคนสุดท้ายมุ่งหน้าเข้าไปโจมตี!”

คาร์ลกับโมมิลี้พยักหน้าเห็นด้วยทันที มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วในตอนนี้ เป็นแบบนี้ต่อไปในไม่ช้าพวกเขาก็จะใช้ปราณจนหมด สุดท้ายก็โดดยัยนางฟ้านี้ฆ่าแน่!

เมื่อตกลงกันได้ ชาร์ลก็ใช้ขวานสองมือกวัดแกว่งทำลายฝูงมิสไซล์ทิ้งทันที เมื่อทำลายหมดคาร์ลกับโมมิลี้ก็พุ่งทะยานตัวไปหาอิคารอส

อิคารอสกระพริบตา แล้วปล่อยมิสไซล์ไปอีกชุด เป็นเพราะระยะทางมันสั้นลงกว่าเดิม เพียงแค่พริบตามิสไซล์ก็ไปถึงต่อหน้าทั้งสองคน!

“ฉีกนภา!!”

โมมิลี้แทงหอกในมือออกมา ปราณจำนวนมหาศาลมารวมตัวกันที่ปลายหอก โมมิลี้กระตุ้นปราณ ก่อนจะมีลำแสงยิงออกไปจากส่วนหัวของหอก พุ่งเข้าทำลายมิสไซล์ไปจนหมด!

คาร์ลฉีกยิ้มกว้าง ทะยานตัวขึ้นมาอยู่เหนือหัวอิคารอส ก่อนที่จะฟันดาบลงไปสุดแรง!


100 การต่อสู้ของแรงค์8 ยกที่สองล่ะ!

ใบดาบขนาดยักษ์ฟันลงมาใส่เธออย่างไร้ปราณี ด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วง ทำให้ผมอิคารอสกระพือออก เห็นได้ชัดเลยว่าการโจมตีนี้มันรุนแรงขนาดไหน!

“อีจิส!”

ตัวคาร์ลและดาบยักษ์ของเขาหยุดนิ่งอยู่เหนือศีรษะอิคารอส คาร์ลเบอกตากว้างด้วยความช็อคทันที เขาส่งปราณเข้าไปในดาบมากกว่าเดิม แต่ทว่ามันกลับไม่สงผลอะไรขึ้นเลย! ดาบยังคงหยุดนิ่งเหมือนเดิม!

คาร์ลมองลงไปด้วยสีหน้าสงสัย ภาพที่เห็นคือมีบาเรียโปร่งแสงปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอิคารอส ได้หยุดการโจมตีของเขา!


คาร์ลหน้าเปลี่ยนสี สูดลมหายใจเข้าแล้วยกดาบขึ้นก่อนจะฟันลงไปอีกครั้ง ผลก็คือ….มันยังถูกหยุดไว้เหมือนเดิม!

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้โอกาสโจมตีอีกรอบ อิคารอสยกเลิก ‘แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์’ แล้วหมุนตัว360องศาใช้ปีกด้านหลังตบใส่คาร์ลจนปลิว!

ทันใดนั้น โมมิลี้ก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าเธอแล้วแทงหอกเข้ามา ในขณะเดียวทางด้านหลังอิคารอส ชาร์ลก็จามขวานใส่!

นัยน์ตาสีแดงของอิคารอสหดตัวลง ด้วยการกระพือปีกตัวเธอก็พุ่งทะยานขึ้นข้างบน หลบการโจมตีของทั้งสองคนได้ แต่น่าเสียดายที่ตรงจุดที่อิคารอสบินขึ้นไปได้มาร์ลลอยตัวรออยู่แล้ว…..

รวบร่วมปราณในร่างอย่างบ้าคลั่ง แล้วส่งเข้าไปในดาบ ทำให้มันเรืองแสงสีแดงขึ้น คาร์ลมองอิคารอสที่บินขึ้นมาหาถึงที่ แล้วฉีกยิ้มโรคจิตออกมา “ฉันล่ะอยากรู้จริงๆว่าไอ้โล่โปร่งใสนั่น มันจะป้องกันวิชาที่แข็งแก่งที่สุดของฉันได้ไหม!!”

“ตัดวิญญาณโลหิต!!!”

นัยน์ตาอิคารอสที่แต่เดิมก็แดงอยู่แล้วพอมันสะท้อนคลื่นดาบสีแดงตรงหน้าก็ยิ่งทำให้มันดูแดงเข้มมากกว่าเดิม ภายใต้การโจมตีนี้ อิคารอสทำได้แค่เรียกอีจิสขึ้นมา

เผชิญหน้าการโจมตีอันทรงพลังที่สุดของแรงค์8 บาเรียของเธอสามารถต้านได้เพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่จะแตกละเอียด!

วิชาของคาร์ล ยังคงตรงเข้าไปหาอิคารอส!

ถึงแม้อีจีสจะไม่สามารถป้องกันท่านี้ของอีกฝ่ายได้ แต่ทว่ามันก็ทำให้พลังมันลดน้อยถอยลงไปเยอะ

อิคารอสยกมือขึ้น ในฝ่ามือเธอมีแอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์ขนาดเล็ก ดุจดังโล่มันได้ป้องกันการโจมตีที่เหลือของคาร์ลจนหมด!

“อะไรกัน!”

เอาจริงๆเขายังไม่ทันได้มีความสุขกับการที่ตนสามารถทำลายกระดองเต่าอีกฝ่ายได้เลย กลับโดนกระดองเต่าเวอร์ชั่นมินิป้องกันไว้ต่ออีก คาร์ลรับไม่ได้พูกให้พูกคือเขาไม่อยากเชื่อว่าท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของตนจะโดนป้องกันเอาไว้แบบนี้…..

อิคารอสกำหมัดน้อยๆแล้วซัดตู้มเข้าใส่ใบหน้าคาร์ล ส่งตัวเขาตัวปลิวไปอีกครั้ง คาร์ลเรียสที่น่าสงสาร เมื่อกี้ก็โดนปีกตบจนปลิว คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นโดนหมัดตรงหน้าแทน….

ชาร์ลกับโมมิลี้เห็นฉากนี้สีหน้าก็ดิ่งลงทันที ในหมู่พวกเขา คาร์ลเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และท่าตักวิญญาณโลหิตก็เป็นกระบวนวิชาที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกเขาเช่นกัน แต่กลับไม่สามารถสร้างบาดแผลอะไรให้กับเธอได้เลย นี่…อย่าบอกนะว่าอีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ?

“อาร์เทมิส!”

ปล่อยฝูงมิสไซล์ไปอีกครั้ง ถ้ามองจากด้านนอกจะเห็นเหมือนฝูงยุงที่ไล่ตามคนไม่มีผิด ทำให้ทั้งสามคนอดที่จะรู้สึกหนังชาวาบไม่ได้ ถึงแม้มันจะน่ารำคาญเหมือนยุง แต่ถ้าโดนขึ้นมามันไม่จบง่ายๆอย่างแค่โดนดูดเลือดแน่!

รีบกระโดดตัวหลบ และแน่นอนว่ามันก็ได้เลี้ยวตัวกลับมาบินจี้ก้นพวกเขาอีกครั้ง พวกคาร์ลทั้งสามจึงทำได้แค่ปล่อยกระบวนท่าทำลายมัน ตอนนี้สภาพพวกเขาดูอเนจอนาถมาก

ด้านล่างไหลออกไปเล็กน้อย วู่หยานที่กำลังง่วนอยู่กับการฆ่าคน เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็ประหลาดใจระคนดีใจ

บอกตามตรง การที่ให้อิคารอสไปสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่แรงค์เดียวกันกับเธอพร้อมกันถึงสามคน เขาก็ไม่ได้มีความมั่นใจมากนัก ถ้าไม่ใช้เพราะว่าเขามียาลมหายใจแห่งชีวิต กับคัมภีร์คริสตัล วู่หยานก็คงไม่ส่งอิคารอสไปลุยคนเดียวแบบนี้

แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นหนึ่งรุมสาม แถมยังเล่นจนอีกฝ่ายไม่สภาพไม่ต่างจากขอทาน…..สมแล้วจริงๆที่เป็นราชินีแห่งท้องฟ้า! ยูเรนัสควีน!

หลังจากจบเรื่องนี้ เขาคงต้องให้รางวัลอิคารอวหน่อยล่ะ….อืม..ต้องให้ให้ได้…….

ไม่รู้ว่ารางวัลที่ว่าคืออะไร วู่หยานถึงได้ยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันแบบนี้ และนี่ทำให้นักรบที่อยู่ใกล้ๆตัวสั่น มีความคิดอยากจะหนีผุดขึ้นมา…..

“ไม่มีทางกเลือกแล้ว สู้กันบนฟ้าพวกเราเสียเปรียบเต็มประตูบวกกับไอ้โล่น่ารำคาญนั่นอีก พวกเราต้องรวมพลังกัน!”

หนึ่งในสามหน่อตะโกนขึ้นเสียงดัง ราวกับกลัวว่าอิคารอสจะไม่ได้ยิน…..

ฝืนตัวใช้ปราณบังคับให้ตัวบิน ทั้งสามคนแยกย้ายกันไปล้อมรอบอิคารอสทั้งสามด้าน

ระหว่างทางก็ทำลายที่บินตามมาจนหมด เมื่อไปถึงตัวอิคารอสก็ใช้วิชาทันที!

“ฉีกนภา!!”

“ถล่มพิภพ!!”

“ตัดวิญญาณโลหิต!!”

สามคน สามท่าไม้ตาย จากทั้งสามทิศใส่อิคารอส ถ้าโดนเข้าไป แม้แต่อิคารอสก็ยังต้องเจ็บหนัก!

นัยน์ตาอิคารอสเรืองแสงขึ้น ขณะที่เธอกำลังคำนวณค่าพลังโจมตีของแต่ล่ะคน ก่อนที่เปิดใช้อีจิสขึ้นปกคลุมทั้งตัวเธอ

“ตู้ม!!!”

พริบตาต่อมา วิชาของทั้งสามคนก็ระเบิดใส่แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์!

วู่หยานกับมิโคโตะหัวใจเต้นผิดจังหวะไปชั่ววูบ จากนั้นจึงจริงจังขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองพยายามเพิ่มความเร็วในการจัดการศัตรู เพื่อที่ตนจะได้ไปช่วยอิคารอสอีกแรง

“แกร๊ก…ตู้ม!”

เสียงต่อมาคือเสียงแตกกระจายของอีจิส พวกคาร์ลทั้งสามเห็นดังนี้ก็ยิ้มดีใจทันที เพิ่มแรงแขนขึ้นหลายส่วนขณะที่ยังคงโจมจีเข้าหาอิคารอส!

“อิคารอส!” ฮินางิคุที่กำลังกอดลิลินน้อยขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื่อคลุม มองสถานการ์บนฟ้าทำให้เธออดที่จะรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้

วิชาทั้งสามใกล้ตัวเข้ามามากจนอิคารอสไม่มีเวลาหลบ นัยน์ตาเธอเรืองแสงก่อนที่จะกระพือปีกขึ้น!

“ไร้ประโยชน์!”

เมื่อคิดว่าสาวน้อยตรงหน้าคิดจะใช้ปีกบินหลบพวกตน ทั้งสามคนก็ยิ้มกว้างทันที ตอนนี้เธอกำลังโดนล้อมทั้งสามทิศ แล้วยังคิดว่าจะหนีพ้นอีกเหรอ?

ทั้งสามเร่งความเร็วขึ้นอย่างไร้ความเมตตาทันที ส่งท่าไม้ตายของตนใส่ผู้หญิงตรงหน้า…..

“บึ้ม!!”

ได้ยินเสียงนี้ นัยน์ตาวู่หยานหดตัวลงกัดฟันแน่น วินาทีต่อมาเขาก็ปล่อย ‘ดาราพลิกสวรรค์’ ใส่นักรบตรงหน้า แล้วรีบเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบน

แต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาอึ้งไป ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

อิคารอสใช้ปีกแสงของทั้งสองของเธอปกคลุมร่างกาย ป้องกันการโจมตีจากทั้งสามคน!!

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!!” คาร์ลแทบจะเป็นบ้าเมื่อเห็นว่าท่าโจมตีที่แรงที่สุดของตนโดนป้องกันได้อีกแล้ว

โมมิลี้กับชาล์รถ่ายเทปราณลงไปเพิ่ม แต่ก็ยังคงไม่อาจะทำลายปีกแสงนี่ได้ มันราวกับเป็นป้องปราการเหล็กไหลยังไงยังงั้น ไม่ว่าจะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่อาจเคลื่อนปีกตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย….

เอาจริงๆถ้าเกิดอิคารอสใช้ปีกแสงรับการโจมตีไว้แต่แรกล่ะก็ ปีกเธอคงโดนทำลายไปแล้ว

แต่น่าเสียดายที่โลกใบนี้มันไม่มีคำว่าถ้า เพราะก่อนหน้านี้อิคารอสได้ใช้อีจิสป้องกันไว้ก่อน ถึงแม้บาเรียเธอจะแตกมันก็สามาถบันทอนพลังของอีกฝ่ายไปได้ไม่น้อย ดังนั้นลำพังแค่ปีกจึงสามารถป้องกันพลังที่เหลืออยู่ได้โดยไม่ถูกทำลายไป

คิดได้แบบนี้ ทั้งสามคนก็ถอนอาวุธขึ้นมาเพื่อที่จะได้ใช้วิชาใส่อิคารอสอีกครั้ง พยายามที่จะฆ่านางฟ้าตรงหน้าให้ได้

อิคารอสเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะที่สยายปีกแสงออกไปกว้างกว่าเดิม ด้วยกระพือปีกแสงยักษ์ ทำให้พวกคาร์ลทั้งสามที่พึ่งจะยกอาวุธโดนตบจนกระเด็น……


ตอนที่ 101 : SGS บทที่ 101 – การต่อสู้ของแรงค์8 ยกที่สามล่ะ!

“อาร์เทมิส!!”

ขณะที่ทั้งสามคนยังคงปลิวไปตามแรงตบ อิคารอสก็ได้ปล่อยมิสไซล์ออกไปซ้ำโดยไม่ให้เวลาตั้งตัว พริบตาต่อมามันก็ได้ไปถึงทั้งสามคน!

พวกคาร์ลหน้าซีด ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วนพวกเขาทำได้แค่ยกยุทธภัณฑ์ดินของตนขึ้นมาบังด้านหน้า มิสไซล์ได้ระเบิดใส่ยุทธภัณฑ์ดิน ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ทั้งสามคนบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้พวกเขากระเด็นไปไกลกว่าเดิม……..

บอกได้เลยว่าตอนนี้ไอ้สามหน่อนี่เสียเปรียบสุดๆที่โดนอิคารอสทิ้งระยะห่างขนาดนี้ ต่องรู้ก่อนว่าอิคารอสถนัดสู้ระยะไกล ส่วนพวกมันถนัดระยะประชิด……

ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น ทั้งสามคนโดนอิคารอสปล่อยมิสไซล์ใส่ไม่หยุด……

ตอนนี้เหรือน่านฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีของพลังปราณกับมิสไซล์ที่บินว่อนเต็มไปหมด และช่วงหนึ่งที่จะมีลูกหลงของพลังจากทั้งสองฝ่ายบินไปใส่กำแพงหินเกิดหลุมไม่ก็เกิดรอยตัดเต็มกำแพง ทำให้ผู้คนที่สู้อยู่บนพื้นต้องแอบตัวสั่นไปด้วยความกลัวว่าเมื่อไหร่….พลังมันจะหล่นโดนตนเอง….

บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม !บึ้ม!!!….

การต่อสู้ระหว่างอิคารอสกับคาร์ลเรียส โมมิลี้ ชาร์ล ได้ผลัดเปลี่ยนกันไปเป็นฝ่ายรุกและรับไม่หยุด และเสียงระเบิดเองก็ดังขึ้นเรื่อยๆด้วย ถ้าไม่เป็นเสียงมิสไซล์ของอิคารอสระเบิดก็จะเป็นเสียงโจมตีของทั้งสามคนที่แทบทุกครั้งจะถูกอิคารอสป้องกันไว้ได้หมด…..

วนลูปแบบนี้ไม่หลายครั้งหลายคราแล้ว ต่างฝ่ายก็กินกันไม่ลง…

“บัดซบ!!”

ถึงแม้อิคารอสจะได้เปรียบในด้านระยะกับเชี่ยวชาญในการสู้หลายคนพร้อมกัน แต่พวกคาร์ลก็ได้เปรียบในด้านจำนวน หลังจากสู้กันมานานพอสมควรพวกเขาก็รู้แล้วว่าอิคารอสอยู่แรงค์เดียวกันกับพวกตน!

ทั้งๆที่แรงค์เดียวกัน แต่พวกเขาที่มีถึงสามคนกลับไม่สามรถเอาชนะได้ซักที ไม่เพียงแค่เอาชนะไม่ได้แต่พวกเขายังโดนอีกฝ่ายโจมตีกลับมาจนสภาพอนาถไม่ต่างอะไรไปจากยาจก! นี่ทำให้ทั้งสามคนโกรธจนเกือยจะกระอักเลือด….

นอกจากความสามารถในการบินกับยุทธภัณฑ์ที่มากกว่าหนึ่ง นอกนั้นมันก็แทบไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกตนเลยไม่ใช้หรือ? ถ้างั้นอีกฝ่ายก็น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับพวกตนที่แรงค์เดียวกันและยังมียุทธภัณฑ์ดินอยู่ด้วยถูกมั้ย?

แต่ทว่า…นางฟ้าตรงหน้ากลับทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มัน…เป็นจริงขึ้นมาแล้ว!

คาร์ล ชาร์ล และ โมมิลี้ไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ แต่ที่พวกเขารู้แน่ๆก็คือเธอไม่ได้แข็งแกร่งมากกว่าคาร์ลมากเท่าไหร่เลย แล้วทำไมเธอถึงสามารถสู้กับพวกตนพร้อมกันได้แบบนี้ล่ะ!?

จากความสงสัยก็ได้ถูกแทนที่ด้วยความอิจฉาอันลึกล้ำ…..

ทำไมกัน? ทำไมเธอถึงทำได้? ทั้งๆที่พวกเราก็แรงค์เดียวกันแท้ๆ อย่าบอกนะว่าไอ้ความสามารถบินที่พวกตนไม่มีจะทำให้เธอเก่งขึ้นถึงขั้นนี้?….

นี่เป็นคำถาม ที่พวกเขาจะไม่ได้คำตอบไปตลอดชีวิต……

ภายใต้การสนับสนุกจากอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดและความอิจฉา พวกคาร์ลต่างก็โจมตีแรงขึ้นเร็วขึ้นด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง ทำให้อิคารอสโดนกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าอีกฝ่ายคิดว่าเธอทรงพลังเพราะการโจมตีของพวกตนโดนป้องกันหมด งั้นความคิดของอิคารอสก็ง่ายกว่านั้นมาก

อิคารอสที่พึงปีกและความสามารถในการกับสู้คนหลายคนของตน ถึงสามารถเผชิญหน้ากับพวกคาร์ลได้ แต่ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปเธอก็ยิ่งเหนื่อยล้าขึ้น!

จากที่ผ่านมา อีกฝ่ายอาจจะคิดว่าการโจมตีของตนได้ถูกเธอป้องกันไปหมดทุกครั้ง ทำให้เธอดูเหมือนไร้เทียมทาน แต่ทว่าความจริงมันกลับกันเลย

เมื่อ แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์ ถูกทำลายเธอก็จะใช้ปีกป้องกัน ถึงแม้จากสายตาคนภายนอกจะเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรเลย แต่เอาจริงๆแล้วได้มีพลังโจมตีส่วนหนึ่งของทั้งสามคน ถูกส่งผ่านจากปีกมาถึงตัวอิคารอส!

ดังนั้นจึงมีแค่อิคารอส ที่รู้ว่าการโจมตีของอีกฝ่ายไม่ได้ไร้ผลไปเสียทั้งหมด…..

จริงๆสิ่งนี้วู่หยานก็ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว เพราะถึงเขาจะมั่นใจในตัวอิคารอสมาก แต่ถึงยังไงอีกฝ่ายก็แรงค์เดียวกับเธอและยังมีถึงสามคน ถึงอิคารอสจะได้เปรียบจากเรื่องปีกและความสามารถในการสู้แบบกลุ่ม แต่ถ้าจะหวังให้อิคารอสชนะบอกเลยว่ามันยากมาก…..

ตอนแรกวู่หยานก็คิดว่าจะให้อิคารอสคอยถ่วงเวลาไว้ จนเขาจัดการอ่อนนี้เสร็จ ก็จะได้ร่วมมือกันสู้!

ถึงแม้วู่หยานกับมิโคโตะ จะเทียบไม่ได้กับแรงค์8ทั้งสามคน แต่ตราบใดที่มียา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ คอยตอดพวกแม่งไปเรื่อยๆมันก็ต้องชนะล่ะน่า!

แต่ทว่า อิคารอสไม่ได้คิดแบบนี้ด้วย!

สามคนตรงหน้าเป็นศัตรูของมาสเตอร์ สิ่งที่คุกคามมาสเตอร์ ต้องถูกกำจัด!!

นี่คือความคิดของอิคารอส!

วู่หยานไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร แต่ถึงเขาจะรู้เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะยังไงในตัวอิคารอสก็ยังมียา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ ถ้าสถานการณ์มันวิกฤตจริงๆ เธอก็แค่ดื่มมันซะ แค่นี้สถานการณ์ก็พลิกกลับแล้ว!

แถม อิคารอสเองก็ยังไม่ได้เอาจริงด้วย!

ใช้ข้อได้เปรียบจากปีกและความสามารถในการสู้คนหลายคน อิคารอสถึงสามารถสู้ในระดับที่สูสีกับแรงค์8ถึงสามคนได้ แต่ว่านะมันก็ใช้ว่าอิคารอสจะมีข้อได้เปรียบแค่สองนี้ซะเมื่อไหร่ล่ะ

ถูกแล้ว! พวกวู่หยานรู้ว่า อิคารอสยังมีไพ่ตายที่เป็นข้อได้เปรียบสูงสุดของเธออยู่!

เจอทั้งสามคนรุมอีกคั้ง ภายใต้สถานการณ์เป็นตาย แต่อิคารอสก็ไม่ได้ร้อนรน เปิดใช้อีจิสป้องกันพลังส่วนใหญ่ และใช้ปีกป้องกันพลังที่เหลือ ก่อนจะสะบัดปีกตบพวกมันจนกระเด็นไปอีกครั้ง!

แต่ทว่าครั้งนี้อิคารอสกลับไม่ได้ยิงมิสไซล์ใส่ เธอได้ยื่นมือซ้ายออกมาด้านหน้า แล้วจับความว่างเปล่า วินาทีต่อมาก็มีคันธนูรูปร่างแปลกประหลาดอันใหญ่ ที่มีผิวสีดำมันวาวดุจถูกย้อมด้วยหมึกชั้นดีปรากฏออกมาในมืออิคารอส!!

“ทุกคนระวังตัวด้วย! ยัยผู้หญิงน่าตายนั่นมันหยิบเอายุทธภัณฑ์ออกมาแล้ว!!”

เห็นยุทธภัณฑ์ในมืออิคารอส ชาร์ลก็หน้าเปลี่ยนสี ตะโกนบอกคาร์ลกับโมมิลี้ จากนั้นทั้งสามคนต่างก็เปิดประสาทสัมผัสระวังภัยเต็มที่ มองธนูในมืออิคารอสตาไม่กะพริบ

แม้แต่พวกเขาที่เป็นแรงค์8ยังมียุทธภัณฑ์ดินแค่ชิ้นเดียว แต่อีกฝ่ายที่ดูราวกับนางฟ้ากลับมีทั้งโลหะบินได้และบาเรียแปลกๆ สิ่งที่ทำให้คาร์ลช็อคคือทั้งหมดนี่เป็นยุทธภัณฑ์หมด แม้แต่ควร์ลที่เปิดโรงประมูลยังไม่มีปัญญาหามาใช้มากขนาดนี้เลย….

อิคารอสไม่สนว่าอีกฝ่ายจะคิดอะไร มือซ้ายจับธนู ส่วนมือขวาเธอก็ค่อยๆดึงไปด้านหลัง วินาทีต่อมาก็มีแสงสีม่วงปรากฏขึ้น ก่อนจะค่อยๆขึ้นรูปเป็นลูกธนูไปพร้อมๆกับการเคลื่อนไหวของมือเธอ ณ ตอนนี้ลูกธนูได้ขึงบนคันธนูแล้ว….


แสงสีม่วงไหลไปทั่วธนู ในเวลาเดียวกันตรงปลายลูกธนูก็มีมีลำแสงสีดำก่อตัวขึ้น พลังแห่งการทำลายล้างแผ่ออกมาจากลูกธนู ซึ่งตอนนี้ได้ถูกเล็งไปที่พวกคาร์ลเรียสแล้ว!

มองดูภาพที่เกิดขึ้น คาร์ลเรียส ชาร์ล และ โมมิลี้ต่างก็เบิกตากว้าง และพริบตาต่อมาผมทุกเส่นบนหัวพวกเขาก็ลุกขึ้นเป็นเส้นตรงหมด!

แสงสว่างในนัยย์ตาอิคารอวแข็งตัว วินาทีต่อมาเธอก็ปล่อยมือ ลุกธนูที่อาบไปด้วยแสงสีดําทมิฬก็พุ่งตรงไปหาทั้งสามคน!

“อพอลโล!!!”

เหี้ยแล้ว! อันตราย อันตราย อันตราย อันตราย โครตอันตราย!!!

ในหัวพวกเขาเต็มไปด้วยคำพูดนี้ดังขึ้นไม่หยุด มองดูลูกธนูที่ปลายเป็นลำแสงสีดำ พวกคาร์ลต่างก็หน้าซีดเผือด ความรู้สึกเย็นวาบถูกส่งตัวจากกระดูกสันหลังถึงสมองทันที!

“หลบ! หลบเร็วเข้า!!”

คาร์ลแหกปากตะโกนออกมา แล้วรีบกระโดนตัวหลบไปด้านข้างด้วยความเร็วที่สูงที่สุดเท่าที่ทำได้

ชาร์ลกับโมมิลี้ที่ได้สติจากเสียงตะโกน สีหน้าก็กลายเป็นน่ากลียดทันที ก่อนจะระเบิดปราณออกมาทั้งหมด แล้วกระโจนตัวหลบไปด้วยความเร็วที่เกินขีดจำกัดของตนเอง!

ทั้งสามคนไม่คิดแม้แต่จะป้องกัน เนื่องจากสัญชาตญาณได้ร้องเตือนพวกเขาว่า ถึงแม้จะใช้วิชาปราณที่รุนแรงที่สุดขึ้นมาต้าน บทสรุปก็คือความตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

ต้องพูดเลยว่า พวกเขารอดมาได้เพราะสัญชาตญาณจริงๆ…..

ลูกธนูสีดำพุ่งเฉียวพวกเขาไป แล้วบินตรงเข้าไปปักพื้นดินด้วยความเร็วเกินจินตนาการ….

“ตู้ม!!!!!!”

พริบตาต่อมา พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่รอบๆ หรือเป็นอะไร ต่างก็หายวับไปหมดโดยไม่เหลือเศษซาก สายลมได้โหมกระหน่ำ และตรงพื้นดินก็ได้ถูกทำลาย……


ตอนที่ 102 : SGS บทที่ 102 – ยูเรนัสซิสเต็มส์ มาแล้วล่ะ!

“นะ….นี่มันออกจะ….”

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า วู่หยานกับมิโคโตะก็หันมามองหน้ากันและกัน ในแววตาทั้งสองคนมีความคิดเหมือนกันคือ….โครตโชคดี! ที่ตัวเองไม่โดนลูกหลงไปด้วย ทั้งคู่ถอนหายใจด้วยความโล่งขณะที่มือก็ยกขึ้นมาจับหน้าอก

คาร์ลเรียส ชาร์ล และ โมมิลี้ กำลังยืนอ้าปากค้าง มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าความช็อค

พวกเขาเห็นภาพอะไรกันแน่?

คำตอบคือ พวกเขาเห็นพื้นหินที่แม้ว่าจะผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วงมาหลายต่อหลายครั้งก็ยังทำได้แค่เกิดริ้วร้อยเล็กๆน้อยๆ หินที่แข็งแรงทนทานถึงขั้นนี้ ณ ตอนนี้ตรงจุดที่โดนลูกศรเข้าไปมัน….ได้หายไปหมดแล้ว!

ไม่เพียงแต่พื้นหิน แม้แต่ผู้คนที่กำลังสู้กับกับวู่หยานและมิโคโตะ ก็ได้พบเจอความตายที่โหดเหี้ยม เพราะมันเล่นไม่เหลือร่ายกายหรือศพพวกเขาไว้เลยนะสิ! มัน…ได้หายไปหมดโดยไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว! และสิ่งที่มาแทนที่ก็คือหลุม..หลุมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าร้อยเมตร! หลุมยักษ์ยังไงล่ะ!

“อึก…” ท่ามกลางความเงียบนี้ อยู่ๆก็มีเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นไม่หยุด เป็นเสียงของคนที่บังเอิญไม่ได้อยู่ตรงจุดที่ลูกศรลง จึงรอดตายมาได้ แน่นอนว่านั่นรวมไปถึงพวกคาร์ลเรียสทั้งสามคนด้วย…..

ท่านี้ของอิคารอส ได้คร่าชีวิตผู้คนที่กำลังสู้กับวู่หยานและมิโคโตะไป อย่างต่ำก็70%แล้ว!

พวกที่เหลือต่างก็มีบาดแผลน้อยใหญ่ตามตัวจากที่สู้กับพวกวู่หยานไม่ก็โดนลมพัดจากแรงระเบิดจนปลิว และยังมีผู้คนบางส่วนที่โดนมิโคโตะน็อคเอาท์ไปแต่ไม่ได้โดนฆ่าแค่ทำให้ลุกขึ้นมาสู้ต่อไม่ได้ แต่ด้วยดวงที่ซวยๆสุดจึงตายไปเพราะอพอลโลแล้ว!

ถ้าวู่หยานกับมิโคโตะไปได้กินยาลมหายใจแห่งชีวิต บางทีถ้าไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส แน่นอนว่าถ้าพวกเขาไม่ได้กินยาลมหายใจแห่งชีวิต อิคารอสก็จะไม่มีทางเลือกยิงอพอลโลแน่นอน!!

นึกถึงนักรบที่เมื่อกี้ยังปะดาบด้วยกัน แต่ตอนนี้กลับ……วู่หยานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่

‘ถึงแม้อิคารอสจะซื่อและไร้เดียงสาก็เถอะ แต่ต่อจากนี้ทางที่ดี..เราอย่าไปเล่นอะไรบ้าๆใส่เธอจะดีกว่าแฮะ….ไม่งั้นวันหนึ่งชีวิตน้อยๆดวงนี่ก็อาจจะหาไม่…..’

“ยะ…ยัยสัตว์ประหลาดนั่น…”

ณ เวลานี้ในหัวพวกคาร์ลไม่ได้มีความรู้สึกโกรธหรืออิจฉาเหลืออยู่แล้ว ความรู้สึกพวกนี้ได้โดนการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของอิคารอส บดขยี้จนหมด!

และสิ่งที่มาแทนที่ความรู้สึกเหล่านั่นก็คือ…ความกลัว….

ต้องรู้ก่อนว่า ในชีวิตพวกเขา สิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนหวาดกลัวถึงขั้นนี้มีแต่แมงมุมราชินีตัวเดียวเท่านั้น…..

พลาดเป้าไป อิคารอสได้ยกแขวเรียวบางของตนไปที่ธนูอีกครั้ง…..

“หยุดเธอซะ! อย่าปล่อยให้เธอมีโอกาสใช้ไอ้ยุทธภัณฑ์นั่นอีกครั้ง!”

คาร์ลเรียาและอีกสองคนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเมื่อเห็นท่าทางของอิคารอส ธนูอันนั่นและพลังทำลายล้างขาดนี้ย่อมเป็นยุทธภัณฑ์ฟ้าระดับสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

เพื่อหลบลูกศรดอกเมื่อกี้ พวกเขาได้ใช้ปราณที่มีไปถึง50% และผลจากการฝืนใช้ปราณเกินขีดจำกัดทำให้ร่างกายพวกเขารับไม่ไหว ในตอนนี้ทั้งสามคนรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว แต่ถึงแบบนั้นเมื่อกี้พวกเขาก็เรียกได้ว่าหลบได้แบบหวุดหวิด ถ้ามันมาอีกดอกล่ะก็……

คิดถึงตรงนี้พวกคาร์ลก็ไม่กล้าจินตนาการต่อ โดยไม่สนใจสภาพร่ายกายตนเอง ทั้งสามคนเร่งเร้าลมปราณในร่างออกมาอย่างบ้าคลั่ง! แล้วพุ่งตัวเข้าหาอิคารอส!

การจะยิงศรอีกดอกมันต้องใช้เวลา ทั้งจากการขึ้นคันศร เล็ง และยังต้องควบแน่นพลังไปที่หัวลูกศรอีก ถึงแม้มันจะใช้เวลาไม่นานแต่มันก็ยังมีอยู่ ถ้าเป็นตัวพวกคาร์ลเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ย่อมไม่มีทางป้องกันทัน

แต่ทว่าในเวลานี้ ภายใต้การคุกคามถึงชีวิต ทั้งสามคนปลดปล่อยแรงฮึดออกมา โดยไม่สนว่าร่างกายตัวเองจะปริแตกเนื่องจากฝืนใช้ปราณมากเกินไป พวกเขาเข้าโจมตีอิคารอสอย่างบ้าคลั่ง!

ดังนั้น โดยไม่รอให้มือของอิคารอสสัมผัสคันธนู ทั้งสามยกอาวุธของตนขึ้นตวัดใส่เธอ ทำให้อิคารอสต้องยกธนูขึ้นมาป้องกัน…..

เคร้ง!

บล็อกการโจมตีของทั้งสาม ทำให้อิคารอสโดนดันกลับไปด้านหลัง เงยหน้ามอง สิ่งที่เธอเห็นคือดวงตาแดงก่ำสามคู่ที่กำลังมองมาที่ตนอย่างมาดร้าย ขณะที่มือก็ไม่หยุดกวัดแกว่งอาวุธโจมตีเธอ!

เปิดใช้แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์ทันที ป้องกันการโจมตีได้อีกครั้ง ต้องรู้ก่อนว่าอีจิสของอิคารอสมันทนทานมากกถึงขั้นต้องให้ทั้งสามคนรวมพลังกันใช้วิขาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนถึงจะทำลายอีจิสลงได้ ดังนั้นการโจมตีธรรมดาย่อมไม่สามารถทำลายได้

แต่ทว่าเวลานี้ พวกคาร์ลไม่ได้สนใจอะไรแล้ว ตราบใดที่ตนหยุดโจมตีไอ้ลูกศรน่าสะพรึงกลัวนั้นก็จะถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้พวกเขาไม่มีความมั่นใจแต่น้อยเลยว่าจะหลบพ้น!

ดังนั้น ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ทั้งสามคนต่างก็ไม่หยุดกวัดแกว่งยุทธภัณฑ์ดินในมือ โจมตีใส่แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์ของอิคารอส!

เนื่องจากกำลังเปิดใช้อีจิสอยู่ อิคารอสจึงไม่สามรถใช้อพอลโลได้ แม้แต่อาร์เทมิสก็ไม่สามารถใช้ได้ สิ่งที่ทำได้มีแต่เปิดใช้อีจิสขณะที่ถอยไปด้วย และมองหาโอกาสในการใช้อพอลโลอีกครั้ง

แต่พวกคาร์ลทั้งสามคนย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้อิคารอสมีเวลาง้างคันศร เมื่ออิคารอสถอยพวกเขาก็จะตามไปติดๆ คอยโจมตีใส่อีจิสไม่หยุด

ไม่ใช้ว่าพวกเขาไม่อยากใช้วิชายุทธ แต่ถ้าพวกเข้าใช้ อีกฝ่ายก็จะใช้ธนูนรกแตกด้วย เมื่อถึงตอนนั้น ฝ่ายที่จะตายก็จะเป็นพวกตน!

ดังนั้น ถึงมันจะดูเปล่าประโยชน์ แต่พวกเขาก็ทำได้ยื้อต่อไปแบบนี้……

ขณะที่พวกคาร์ลกับอิคารอสสู้กันอย่างดุเดือด ทางฝั่งวู่หยานกับมิโคโตะก็ได้จัดการศัตรูหมดแล้ว ขณะนี้ทั้งสองคนกำลังมองขึ้นไปทางอิคารอสตาปริบๆ

ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันบินไม่ได้อ่ะ……

ถึงแม้วู่หยานจะลแกเปลี่ยนไอเท็มที่ช่วยให้บินได้ชั่วคราวจากระบบ แต่กับการต่อสู้ระดับนี้เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้!

ดังนั้น จึงทำได้แค่ยืนมองส่งกำลังใจให้ ‘อิคารอสสสส สู้ๆนะ!’……

อิคารอสเองก็สังเกตเห็นแล้วว่าทางฝั่งมาสเตอร์ได้จัดการเสร็จแล้ว แล้วหันไปมองคนสามคนตรงหน้าที่โมตีไม่หยุด อิคารอสราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ จึงเก็บธนูในมือลงไป….

คาร์ลเรียส ชาร์ล กับ โมมิลี้เมื่อเห็นดังนี้ก็อึ้งไป มือก็ชะงักค้างกลางอากาศ ทำไมอยู่ดีๆถึงได้เก็บยุทธภัณฑ์น่ากลัวนั้นไปล่ะ?

พวกคาร์ลไม่ได้รู้เลยว่า กำลังจะมีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวกว่านั้นออกมา……

ปีกแสงด้านหลังอิคารอส จู่ๆก็กางขึ้น วินาทิต่อมาปีกแสงก็ได้แยกตัวออกมาเป็นเส้นแสง12เส้น!

เห็นภาพนี้ พวกคาร์ลก็ยิ่งุนงง แต่ในเมื่อมีโอกาส พวกเขาก็จะไม่ปล่อยไป รวบรวมลมปราณในร่างแล้วใช้วิชายุทธทำลายอีจิสลงไป แต่ทว่าเห็นแบบนี้นัยน์ตาวู่หยานก็เปร่งกระกาย!

เป็นเพราะ ภาพนี้เขา…ได้ดูมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วยังไงล่ะ!

เขารู้ว่านี่คือ อิคารอสในโหมดที่แข็งแกร่งที่สุด!

“เชื่อมต่อ!”

สิ้นเสียงอิคารอส เส้นแสงทั้งสิบสองก็ได้โค้งงอไปด้านหลัง ทันใดนั้นด้านหน้าของเส้นแสงก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น เส้นแสงได้เชื่อมต่อเข้าไปข้างใน จากนั้นมันก็ได้หายไปราวกับเส้นแสงได้เชื่อมต่อกับความว่างเปล่า!

วินาทีต่อมาก็มีประกายแสงแวบออกมาจากจุดที่เส้นแสงได้เชื่อมต่อ และสิ่งที่ตามมาคือคลื่นกระแสไฟฟ้ากระจายตัวออก ก่อนจะมีเงาอะไรบางอย่างขนาดมโหฬารปรากฏขึ้นมาตรงด้านหลังอิคารอส!

“นะ…นั่นเธอกำลังทำไรอยู่กัน….”

เห็นอะไรแปลกๆเกิดขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่เมินมันไป เนื่องจากได้บทเรียนเกือบตายจากรอบเมื่อกี้มาแล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงเกิดลางสังหรณ์อัปมงคลขึ้น….

มองดูคาร์ลกับอีกสองคน ใบหน้าไร้อารมณ์ของอิคารอสได้มีความเย็นชาเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เธอไขว้แขนขึ้นแล้วตวัดลงมา จากนั้นด้านหลังเอิคารอสก็มีปากกระบอกหน้าตาแปลกๆหลายอันยื่นออกมาจากความว่างเปล่า!

“ยูเรนัสซิสเต็มส์!”

“นั่นมันบ้าอะไรกันวะ!”

ปากกระบอกอันใหญ่ที่ปรากฏออกมา ทำเอาพวกคาร์ลที่ใจไม่ดีอยู่แล้วก็เริ่มหน้าเสีย พวกเขาแอบคิดในใจว่าวันนี้วันเดียวพวกตนก็ได้ใจหายใจคว่ำมามากกว่าที่เคยตลอดชีวิตนี่มาอีก เมื่อมองดูอะไรแปลกๆดานหลังอิคารอส พวกคาร์ลก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“นี่มัน….เครื่องบินรบ!” มิโคโตะแม้แต่ฮินางิคุที่ซ่อนตัวอยู่ต่างก็ทำสีหน้าช็อคอ้าปากค้างเหม่อมอง ดูอิคารอสที่เปิดใช้ยูเรนัสซิสเต็มส์

“เทียบกับเครื่องบินรบแล้ว ยูเรนัสซิสเต็มส์ของอิคารอส จะเป็นป้อมปราการลอยฟ้ามากกว่า!”

วู่หยานพูดด้วยสีหน้าขบขัน ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็ได้เห็นของจริงๆซะที!

ได้ยินเสียงวู่หยาน มิโคโตะก็หันไปถามว่า “ยูเรนัสซิสเต็มส์? งั้นนี่ก็คือยุทธภัณฑ์ฟ้างั้นสิ?”

เมื่อเห็นวู่หยานพนักหน้า มิโคโตะก็หันไปมองเครื่องบินรบด้านหลังอิคารอสอีกครั้ง ริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะกระตุก

“ไม่คิดเลยว่า….”


ตอนที่ 103 : SGS บทที่ 103 – พลังอันเหนือชั้น และ ฉากจบของแรงค์8ทั้งสามคนล่ะ!

“เคอร์เคอิส!” (มิสไซล์ นําวิถี รุ่นอัพเกรดหรือตี+1ก็ได้)


มิสไซล์เวอร์ชั่นมินิปรากฏขึ้นมารอบตัวอิคารอส เห็นภาพนี้พวกคาร์ลรีบบินถอยทันที


“อย่าบอกนะว่ามันเป็นแค่ยุทธภัณฑ์ที่ไว้ยิงเศษเหล็กบินได้พวกนี้?”


เมื่อเห็นว่ามันมีแค่เหล็กบินได้ออกมา พวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก กับเศษเหล็กบินพวกเขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย จะกลัวก็แต่อีกฝ่ายจะงัดเอาอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างธนูนรกแตกนั่นออกมา


อนิจจัง พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเมื่อเทียบกับอพอลโลแล้ว ยูเรนัสซิสเต็มส์นั่นน่ากลัวกว่าเยอะ!


บางทีอาจจะเป็นเห็นท่าทางสบายใจของอีกฝ่าย อิคารอสจึงโบกมือ จากนั้นมิสไซล์จำนวนนับไม่ถ้วนด้านหลังเธอก็บินเข้าใส่พวกคาร์ลทั้งสาม!


เมื่อเห็นจำนวนมิสไซล์ที่เรียกได้ว่าเยอะจนน่ากลัว ทั้งสามคนก็หน้าซีดรีบหันหลังบินหนีทันที ระหว่างบินก็คอยทำลายมิสไซล์ไปด้วย แต่ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาก็ตะมีมิสไซล์อันใหม่มาแทนที่อันที่ถูกทำลายไป!


ตอนนี้ทั้งสามอยากร้องไห้ออกมาจริงๆ ก่อนหน้านี้ถึงแม้ไอ้เหล็กบินได้พวกนี้มันจะน่ารำคาญสุดๆ แต่มันก็แค่นั้น มันไม่สามารถทำอะไรพวกเขาที่มียุทธภัณฑ์ดินได้!


แต่ว่าเมื่อจำนวนเปลี่ยน มันก็กลายเป็นหนังคนละม้วนแล้ว ถ้าตอนนี้พวกเขายังคิดว่ามันยังไม่สามารถทำอะไรตนได้ งั้น…อีกไม่นานต่อจากนี้ทั้งสามคงได้ไปนอนคุยกับแมงมุมราชินีแล้วล่ะ…….


ขบฟันแน่นมองตรงไปที่อิคารอสที่อยู่ห่างไกลออกไป พวกคาร์ลโดนบีบให้ถอยไม่หยุด ควบแน่นปราณในร่างแล้งส่งไปที่ยุทธภัณฑ์ของตน…..


เมื่อถอยไปถึงจุดๆหนึ่ง ทั้งสามคนก็ปล่อยวิชายุทธ์ออกมาพร้อมกัน ทำลายมิสไซล์ที่บินเข้ามาหาตนจนหมด พวกคาร์ลอ้าปากหอบหายใจด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย


พวกเขาสามารถรู้ได้เลยว่าปราณในร่างมันเหือดแห้งไปเกือบหมดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่างกายที่สะบักสะบอมทั่วทั้งตัวเนื่องจากการฝืนใช้ปราณเกินขีดจำกัดเมื่อกี้ ด้วยสีหน้ามืดครึ้ม ทั้งสามคนมองอิคารอสด้วยแววตาที่อันแน่นไปด้วยความเกลีดชัง!


นี่ก็ไม่แปลกอะไร เพราะขณะที่พวกเขากำลังจะได้สมบัติอยู่แล้ว กลับมีใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาขวาง แถมยังเล่นอัดพวกเขาซะไม่มีชิ้นดีแบบนี้ จึงไม่แปลกที่ทั้งสามคนจะโกรธเกลี้ยวราวกับว่าอีกฝ่ายได้ฆ่าบุพการีของตน


ตอนแรกพวกเขาก็สงสัยว่าอีกฝ่ายอาจะเป็นผู้พิทักษ์สมบัติอีกตนหนึ่งก็ได้ แต่ทว่าเมื่อเห็นวู่หยานกับมิโคโตะยืนอยู่ท่ามกล่างซากศพของลูกน้องตนเอง พวกเขาก็เข้าใจทันที!


ผู้พิทักษ์ห่าเหวอะไรกันละ มันก็แค่โจรขโมยสมบัติอีกลุ่มหนึ่งเท่านั้นแหละ!!


ด้วยแรงฮึดจากความอารมณ์โกรธเกลียด ทั้งสามก็อ้าปากคำรสมลั่นก่อนที่จะพุ่งเข้าหาอิคารอส ณ ตอนนี้พวกเขาได้หลงลืมเรื่องอพอลโลไปแล้ว


อิคารอสมองอีกฝ่ายที่บินเข้ามาหาตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ด้วยการกระดิกนิ้วหนึ่งที แท่งที่ยืนออกมาด้านหน้าก็เริ่มควบแน่นลำแสง เมื่อเธอโบกมือ ลำแสงหลายเส้นก็ได้ยิงออกไป!


“!!!” เลเซอร์มันเร็วเกินไป เพียงแค่พริบตามันก็มาถึงตัวพวกเขา!


ถูกโจมตีโดยเลเซอร์ คาร์ล ชาร์ล และ โมมิลี้ต่างก็อ้าปากพ่นกองเลือดออกมา นี่ทำให้ทั้งสามคนที่กำลังหัวร้อนใจเย็นลง….


แน่นอนว่า ราคามันแพงไม่ใช้น้อยเลยล่ะ……


เห็นร่างทั้งสามร่างร่วงหล่นลงไปด้านล่างจากเลเซอร์ของตน อิคารอสก็ไม่มีแม้แต่อาการชะงักค้างหรือความเมตตาอะไร เพราะเธอคือแองเจิ้ลรอยด์ คือยูเรนัสควีนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการเข่นฆ่า ในอดีต ชีวิตที่ถูกพรากไปด้วยน้ำมือเธอ ถึงแม้จะไปถึงร้อยล้านแต่ก็มากกว่าสิบล้านแน่นอน!


ดังนั้นถึงแม้อิคารอสจะไร้เดียงสา แต่กับสิ่งที่เรียกว่าามเมตตาเธอไม่มีมันอย่างแน่นอน!!


เธอโบกมืออีกครั้ง มิสไซล์ก็ปรากฏออกมาก่อนจะบินเข้าไปหาทั้งสาม ก่อนที่ร่างอีกฝ่ายจะได้ทันแตะพื้น ฝูงมิสไซล์จำนวนมหาศาลก็ได้ระเบิดใส่ร่างพวกเขา!


“ตู้ม!!” “ตู้ม!!” “ตู้ม!!”……..


เสียงระเบิดยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิสไซล์ส่วนหนึ่งที่ไม่โดนเป้าหมายก็จะไประเบิดรอบๆแทน ทำให้พื้นหินที่แต่เดิมก็เต็มไปด้วยหลุมบ่ออยู่แล้วยิ่งเละเทะมากกว่าเดิม


“สำเร็จแล้ว!”


มิโคโตะยิ้มออกมาด้วยสีหน้ามีความสุข จนเธออดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แถมตรงหน้าผากเธอก็มีเส้นสายฟ้าแล่นไปมาด้วย นี่ทำให้วู่หยานสงสัยว่าตกลงเธอดีใจหรือเพราะคันไม้คันมือกันแน่…..


ทว่าวู่หยานไม่ได้ออกอาการโอเวอร์เหมือนมิโคโตะ เพราะถึงแม้มิไซล์อิคารอสจะแรงจริง แต่ถ้าจะบอกว่าอีกฝ่ายตายด้วยของแค่นี้เขาคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อแน่นอน


‘เฮ้ พวกเอ็งเป็นถึงแรงค์8เลยนะ คงไม่คิดจะตายไปง่ายๆแบบนี้ใช้มั้ย…..’


วินาทีต่อมาความคิดวู่หยานก็เป็นจริง!


พื้นที่โดนมิสไซล์ถล่มไป เต็มไปด้วยกลุ่มควัน แต่ทว่ามันก็ไม่ได้อยู่นานนัก ทันใดนั้นก็มีเงาสามร่างโผขึ้นมา พวกคาร์ลที่มือถือยุทธภัณฑ์ที่กำลังอัดแน่นไปด้วยปราณ จากนั้นพวกเขาก็ชี้ไปที่อิคารอส!


“อย่าคิดว่าพวกเราทำได้แค่โจมตีระยะประชิดนะโว้ย! นังบ้าเอ้ย!!” เสื้อผ้าทั้งสามคนได้เปลี่ยนเป็นผ้าขี้ริ้วซึ่งเต็มไปด้วยรอยขาดไม่ต่างจากขอทานแถมมันยังเป็นสีแดงซึ่งมาจากเลือดสดของพวกเขาที่ตอนนี้กำลังไหลออกมาจากแทบจะทั่วทุกจุดในร่างกาย จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าพวกเขาได้รับดาเมจไปไม่น้อยจากฝูงมิสไซล์เมื่อกี้


คาร์ลเรียสหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง จากนั้นทั้งสามก็กู่ร้องแล้วเอายุทธภัณฑ์มารวมกัน


ทันใดนั้นปราณของทั้งสามคนก็ได้รวมตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อ จากตอนแรกที่เป็นแค่ปราณอ่อนกำลังก็ยกตัวสูงขึ้นไปสู่ระดับใหม่! ในไม่ช้าก็มีแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปล่อยออกมาจากยุทธภัณฑ์ของพวกเขา!


เดิมที วิชายุทธ์ของนักรบที่ใช้โจมตีระยะไกลก็ไม่มีมากอยู่แล้ว แต่ในฐานะที่เป็นผู่เชี่ยวชาญแรงค์8พวกเขาย่อมมีมัน….


แต่แค่ว่าพลังมันจะอ่อนจากวิชายุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาอยู่หนึ่งระดับ คำถามแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะในเมื่อมันแรงน้อยกว่า?


ตอนนี้ การจะเข้าใกล้ตัวอีกฝ่ายมันทำไม่ได้ง่ายๆอีกแล้ว ดังนั้นทั้งสามคนจึงคิดอีกวิธีหนึ่งออก นั่นก็คือการรวมพลังของวิชายุทธ์!


แน่นอนว่า ไม่มีวิชายุทธ์อะไรที่จะผสานพลังได้ แต่ผลของการที่พวกเขาฝืนประสานคือร่างกายยิ่งบาดเจ็บหนักกว่าเดิม แต่พวกเขาคิดว่าในเมื่อปล่อยไว้ยังก็ต้องตายอยู่แล้ว งั้นไม่สู้เดิมพันกับการโจมตีนี้ไปเลยล่ะ!


ปราณจำนวนมหาศาลได้รวมตัวกันที่ยุทธภัณฑ์ทั้งสาม รอบๆตัวพวกเขาเกิดลมพายุขึ้น พัดเศษหินกระจัดกระจายไปทั่ว


วู่หยานกับมิโคโตะถอยออกไปจนถึงจุดปลอดภัย ถึงแม้ทั้งสองจะกินยาลมหายใจแห่งชีวิตไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงถอยหนีออกมาด้วยสัญชาตญาณที่ตอบสนองจากอันตราย จากนั้นทั้งสองก็เงยหน้ามองไปที่สนามรบ


แต่ทว่าการเคลื่อนไหวของวู่หยานและมิโคโตะก็ราวกับเป็นระฆังส่งสัญญาณเริ่ม ขณะที่ทั้งสองถอย แรงกดดันและปราณของพวกคาร์ลก็ได้พุ่งไปถึงจุดสูงสุด!


จากนั้นทั้งสามคนก็ยกมือที่ถือยุทธภัณฑ์ขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็ฟันลงไปทางอิคารอส!


ปราณอันทรงพลังได้ถูกปล่อยออกมาจากยุทธภัณฑ์ของทั้งสามคนไปทางอิคารอสด้วยความเร็วสูง การโจมตีนี้เมื่อเทียบกับวิชายุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาแล้วนับว่าแรงกว่าเยอะมาก!


แต่น่าเสียดาน ที่อิคารอสไม่ได้สนใจมัน เธอเมินสนิท….


กับคลื่นปราณที่ทรงพลัง เชื่อได้เลยว่าไม่ว่าใครก็ต้องกลัวแน่นอน แต่อิคารอสกลับยือมองด้วยแววตาสงบนิ่งไม่มีวีแววของความกลัวเลยแม้แต้น้อย


แต่ว่าเห็นแบบนี้ พวกคาร์ลก็มีความสุขทันที กับการโจมตีนี้พวกเขามั่นใจมาก


เมื่อคลื่นดาบมาถึงตรงหน้า ในที่สุดอิคารอสก็เคลื่อนไหว เธอยกหัวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นแท่งทั้งหมดก็ได้ยื่นออกมาด้านหน้าอิคารอส ก่อนจะปล่อยบาเรียเรืองแสงออกมา!


วินาทีต่อมา ปราณดาบก็ได้มาถึง มันเข้าปะทะกับบาเรีย ทว่ามันก็ต้านได้ไม่นานนักก่อนที่จะโดนบาเรียสะท้อนกลับไป!


“เป็นไปไม่ได้!!!”


เพิ่งตะโกนออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งวิพวกเขาก็โดนโจมตีด้วยปราณดาบของตน หลังเสียง ‘ตู้ม’ ทั้งสามคนก็ร่วงลงไปกองกับพื้นขณะที่ปากก็กระอักเลือดสดๆไปด้วย บนพื้นเจิงนองเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลทั่วทั้งตัวพวกเขา


อิคารอสโบกมือไปด้านล่าง จากนั้นบาเรียก็สั่นเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นลำแสงสีชมพูขนาดใหญ่ยักษ์ยิงไปกองเลือดซึ่งมีพวกคาร์ลนอนอยู่!


ขณะที่คาร์ลเรียส ชาร์ล และ โมมิลี้กำลังนอนซึมซาบไปกับความเจ็บปวดที่ถูกส่งออกมาจากทั่วทั้งตัว แสงเลเซอร์ขนาดยักษ์ก็ได้ตกลงมาใส่ เปลี่ยนทั้งสามคนให้กลายเป็นขี้เถ้า จากนั้นขี้เถ้าก็กลายเป็นควันสลายไป……


ตอนที่ 104 : SGS บทที่ 104 – ตอนนี้พวกเราก้าวเท้าออกมาจากหมู่บ้านผู้เล่นมือใหม่แล้วล่ะ!

วู่หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะ ต่างก็ตกอยู่ในภวังค์อึ้งทึ้ง(เสียว)กันหมด ไม่เว้นแม้แต่วู่หยานที่มั่นใจในตัวอิคารอสมาตั้งแต่แรกเริ่ม


ของจริงที่เห็นด้วยลูกตาตัวเองกับที่เห็นผ่านหน้าจอคอม คิดว่ามันเทียบกันได้มั้ยล่ะ?


เสาแสงขนาดใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ราวกับเป็นเสาค้ำสวรรค์ ไม่เพียงแต่ลำแสงนี้ได้ลบพวกคาร์ลจนหายไปไม่เหลือแม้แต่เศษซาก แต่มันยังได้ประทัปตราเข้าไปในความทรงจำของพวกวู่หยานด้วย


มิโคโตะทำหน้าเหม่อลอยนึกถึงเสาแสงเมื่อกี้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเรลกันที่ตนเองภาคภูมิใจนักหนา บางทีมันก็คงไม่ได้ดีเด่อะไรเลย……


ขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา มิโคโตะก็ได้ส่ายหัวทันที เธอยังต้องไปช่วยเหล่าน้องสาว แล้วจะมาถอดใจยอมแพ้แบบนี้ได้ยังไงกัน!


ความคิดอันมืดมนในใจเธอ ณ ตอนนี้ มันก็ได้ถูกแทนที่ด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงแล้ว!


วันหนึ่ง เรลกันของฉันต้องสามารถเป็นอย่างลำแสงนั้นได้แน่! ไม่สิ….ต้องเหนือกว่านั้น!


ทันใดนั้น รอบตัวมิโคโตะก็ระเบิดกระกายสายฟ้าออกมาอย่างบ้าคลั่ง เส้นกระแสไฟฟ้ายิ่งมายิ่งไหลเร็วขึ้นเร็วขึ้น และยังเร็วขึ้นไม่หยุด! จนในที่สุดมันก็ได้ส่องแสงสว่างออกมาจนบดบังร่างของมิโคโตะ!


มิโคโตะที่อยู่ๆก็ปลอยกระแสไฟฟ้าออกมา ทำให้วู่หยานกับฮินางิคุสะดุ้งเฮือก เวลาผ่านไปเส้นสายฟ้ายิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ และมันยังไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรูแม้แต่พวกวู่หยานก็ยังโดนสายฟ้าโจมตี!


วู่หยานหน้าเปลี่ยนสี รีบยกมือขึ้นมาบล็อคกระแสไฟฟ้า ถ้าเป็นตามปกติเขาที่มีพลังพิเศษแบบเดียวกับมิโคโตะย่อมควบคุมไฟฟ้าพวกนี้ได้ แต่ทว่าตอนนี้เขากลับ…ทำไม่ได้!


กระแสไฟฟ้าไดไหลไปทั่วร่างวู่หยาน ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังรู้สึกชาอยู่ดี ตอนนี้นิ้วสักนิ้วยังขยับไม่ได้เลย บนใบหน้าของวู่หยานเผยให้เห็นความช็อคอย่างชัดเจน!


เพราะว่าก่อนหน้านี้ มันไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น…..


กระแสไฟฟ้าพวกนี้ เทียบกับกระแสไฟฟ้าที่แรงที่สุดของมิโคโตะ นับว่ายังแรงกว่าหลายเท่า!


แถมดูจากสีหน้าที่จนปัญญาของมิโคโตะ แสดงว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำ


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฮินางิคุที่พาตัวเองไปหลบอยู่ด้านหลังวู่หยานเอ่ยปากถามขึ้นมา เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆมิโคโตะถึงได้ ‘คลั่ง’


วู่หยานขมวดคิ้ว มองดูมิโคโตะที่ปล่อยแรงกดดันอันหนักหน่วงออกมาไม่หยุด ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างออก


“บางที…มิโคโตะคงกำลังเลื่อนแรงค์อยู่!”


“เลื่อนแรงค์?” ฮินางิคุได้ยินแบบนี้ก็ทำสีหน้าตกใจ ส่วนมิโคโตะก็อึ้งไปก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยสีหน้ามีความสุข


มิโคโตะมองดูไฟฟ้ารอบตัว ก่อนจะหลับตาลงพยายามควบคุมมัน ในไม่ช้าเธอก็เริ่มควบคุมมันได้ นี่ได้พิสูจน์ว่าการคาดเดาของวู่หยานเป็นความจริง!


ใช้เวลาไม่นาน มิโคโตะก็เก็บกระแสไฟฟ้าเข้าไปในตัวจนหมด สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของตน มิโคโตะก็ลืมตาขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข “จริงด้วย! ฉันรู้สึกได้เลย ถึงแม้ว่าพลังพิเศษของฉันมันยังเลเวล5อยู่ แต่มันแข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะ!”


“ดูเหมือนว่าเธอจะเลื่อนเป็นแรงค์8ได้แล้วนะ!” เห็นมิโคโตะมีความสุข วู่หยานก็พลอยมีความสุขไปด้วย ถึงแม้ภายในใจเขาคิดว่าไม่ช้าก็เร็วยังไงเธอก็ต้องแรงค์อัพอยู่แล้ว แต่ว่ากับมิโคโตะแล้วเธอแคร์มันมาก เพราะตามที่เดาไว้แอคเซลาเรเตอร์เองก็เป็นแรงค์8!


และการที่เธอเลื่อนเป็นแรงค์8 ก็หมายความว่าเธอมีพลังพอที่จะสู้กับแอคเซลาเรเตอร์แล้ว!


แล้วนี่จะไม่ให้มิโคโตะ ที่ในหัวคิดแต่จะช่วยเหล่าน้องสาวอยู่ตลอดเวลามีความสุขได้ยังไงล่ะ!


“ไม่ใช้แค่มิโคโตะนะ หยานนายเองก็เลเวลอัพด้วย ฉันเองก็เหมือนกัน!”


ฮินางิคุที่กำลังอุ้มลิลินอยู่ ได้เปิดฟังก์ชั่นตรวจสอบของระบบไปที่ร่างของวู่หยาน ก่อนจะกลับมามองตัวเอง แล้วพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็รีบเช็คทันที จริงด้วย ตอนนี้เขาเลื่อนเป็นแรงค์7แล้ว!


ไม่ใช้แค่เขา แม้แต่ท่านประธานเองก็เลื่อนขึ้นมาเป็นแรงค์7แล้วเหมือนกัน! นี่มันโครตกำไรเลยวะเฮ้ย!


แรงค์8สามคน แรงค์7อีกสิบคน และพวกแรงค์ต่ำกว่านี้อีกบาน การที่วู่หยานจะเลื่อนเป็นแรงค์7และมิโคโตะเลื่อนเป็นแรงค์เป็น8จึงไม่ใช้เรื่องน่าแปลกใจอะไร


แต่กับฮินางิคุที่แต่เดิมมีเลเวลไม่สูงมาก ไอ้พวกตัวประกอบพวกนี้นับได้ว่า ‘ช่วย’ เธอได้เยอะมาก!


ตอนนี้ กลุ่มของวู่หยาน มีแรงค์8สองคน แรงค์7อีกสอ และบวกกับมาสคอตน้อยอีกหนึ่ง ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าคงอ้าปากค้างแน่นอน แน่นอนว่านั่นเป็นกรณีที่พวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงพลังของพวกเขาล่ะนะ……


เอาแค่สิ่งที่ได้ตอนนี้ ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีสมบัติ พวกเขาก็ถือว่าได้มาโครตคุ้มแล้ว!


แต่ว่านะ…..ทำไมตอนพี่สาวเรลกันแรงค์อัพถึงได้มีเอฟเฟคอลังการงานสร้างออกมาแบบนี้ แต่พอหันมาดูตัวเอง….แม่งเงียบกริบ! ไม่มีเชี่ยไรเกิดขึ้นเลยยย ทำไมเป็นงี้วะ! ฮืออ


ฮึก….นี่มันสองมาตรฐานหว่า……


“มาสเตอร์คะ….”


อิคารอสที่คืนร่างกลับมาเป็นโหมดปกติแล้ว ได้บินลงมายืนตรงด้านหน้าทุกคน วู่หยานจึงเอื่อมมือไปลูบหัวเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ต้องรบกวนเธอแล้ว ขอบคุณมากอิคารอส!”


อันนี้เรื่องจริง ถ้าไม่มีอิคารอส มันคงไม่ได้จบง่ายแบบนี้แน่ พูดได้เลยว่าผลลัพธ์นี่อิคารอสมีผลถึง80%!!


อิคารอสได้ยินคำพูดวู่หยาน ก็ผลุบตาลงต่ำก้มหน้าลง สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออันอบอุ่นบนศีรษะตน แม้แต่หัวใจเธอยังพลอยรู้สึกอบอุ่นไปด้วย ทำให้อิคารอสต้องหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นอันหายากนี้อย่างอดไม่ได้


หลังจากนั้นก็เริ่มงานทำความสะอาด พวกวู่หยานได้ลงมือกำจัดซากศพทิ้งและทำลายร่องลอยเลือดจนหมด จากนั้นจึงเอาผ้าเช็ดหน้าที่ปิดตาลิลินน้อยออก ด้วยแบบนี้เองโลลิน้อยที่ร่าเริงแจ่มใส ลิลินจึงหวนกลับมาสู่สนามแล้ว


ถึงแม้จะบอกว่าทำความสะอาดสนามรบ แต่อะไรที่มีประโยชน์พวกเขาก็เหลือไว้ ต้องพูดเลยว่ามันทำให้พวกเขาประหลาดใจปนดีใจจริงๆ มียุทธภัณฑ์หลักประมาณ30ชิ้น และยังยุทธภัณฑ์ดินของพวกคาร์ลอีก3ชิ้น ทั้งหมดนี่คือรายได้ของเขาล่ะ!


นอกจากนี้มันยังมีของเล็กๆน้อยๆบางอย่างด้วย อาทิเช่นเหรียญทอง วู่หยานจึงต้องจำยอมรับไปด้วยความ(ไม่)เต็มใจ เขาโยนพวกมันลงแหวนมิติหมด


ส่วนยุทธภัณฑ์หลัก30ชิ้น และยุทธภัณฑ์ดิน3ชิ้น ได้ถูกวู่หยานเปลี่ยนมาเป็นแต้มอุปกรณ์หมด! ได้มาถึง50,000แต็มไอเท็ม!


จากนั้นวู่หยานก็ลองแลกเปลี่ยนกับศพของแมงมุมราชินีและสองแมงมุมองครักษ์ดู ปรากฏว่าแม่งได้ด้วยววะเฮ้ย! ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้มาอีก600,000แต้มไอเท็ม รวย! บอกเลยว่าตอนนี้ตู โค-ร-ต-ร-ว-ย! ฮาๆ


ต้องรู้ก่อนว่า พวกแมงมุมหินที่ตายเป็ยเบือนั่นวู่หยานไม่สามารถแลกเป็นแต้มได้ เขาจึงไม่ได้หวังว่าบอสของพวกมันจะแลกได้……


เก็บของที่ได้ลงแหวนมิติหมด ตอนนี้ปากวู่หยานได้อ้าออกกว้างแทบไม่ต่างจากฮิปโป เขาได้ทั้งเลเวลได้ทั้งทรัพย์สินเงินทอง แล้วเขาจะไปบ่นอะไรได้อีกล่ะ? ตอนนี้ในสายตาวู่หยาน พวกคาร์ลทั้งสามได้เปลี่ยนเป็น ‘คนดี’ ไปเรียบร้อยแล้ว….


ต่อมา วู่หยานก็เปิดระบบ เพื่อตรวจสอบสเตตัส….


 


ชื่อ : วู่หยาน


ความสามารถ : ปรมาจารย์ดาบ ปรมาจารย์อาหาร ความจำสมบูรณ์ ดาราพลิกสวรรค์ Electro Master LV.4


อุปกรณ์ : นิเอโทโนะ โนะ ชานะ(C) เกราะมังกรไร้ลักษณ์(C)


ซัมมอน : มิซากะ มิโคโตะ คัตซึระ ฮินางิคุ อิคารอส


แต้มอุปกรณ์ : 71,000


แต้มไอเท็ม : 8,800,000


แต้มอบิลิตี้ : 101,000


แต้มอัญเชิญ : 120,000


เลเวล : 65


 


ชื่อ : มิซากะ มิโคโตะ


ความสามารถ : Electro Master LV.5 (กระแสไฟฟ้า)


พลัง : B


ความอึด : B


ความเร็ว : A


จิตใจ : A


อุปกรณ์ : ไม่มี


Level : 70


 


ชื่อ : คัตซึระ ฮินางิคุ


ความสามารถ : ไม่มี


พลัง(พละกำลัง) : B


ความอึด : B


ความเร็ว : A


จิตใจ : B


อุปกรณ์ : ชิโระซากุระ(ระดับC)


Level : 60


 


ชื่อ : อิคารอส


ความสามารถ : โหมด ‘ยูเรนัสควีน’


พลัง(พละกำลัง) : A


ความอึด : B


ความเร็ว : A


จิตใจ : A


อุปกรณ์ : อาร์เทมิส (ระดับC) อีจิส ‘แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์’ (ระดับC) อพอลโล (ระดับC) ยูเรนัสซิสเต็มส์ (ระดับB)


Level : 78


 


ถ้าเมินไอ้ตัว ‘B’ ที่ชวนให้คนอยากพูดตบมุขออกไปล่ะก็ มันก็ดีทุกอย่างเลยล่ะนะ แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่เขาสงสัยคือชิโระซากุระของท่านประธานทำไมอยู่ดีๆมันถึงได้เลเวลอัพด้วยวะ? ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันยังระดับD(ยุทธภัณฑ์หลัก) อยู่เลย!


หลังจากถามระบบไป มันก็ตอบกลับมาว่า เป็นเพราะฮินางิคุไม่มีอบิลิตี้เลย ตอนที่อัญเชิญออกมาสเตตัสก็ถือว่าต่ำมาก ดังนั้นระบบเลยช่วยยกระดับชิโระซากุระให้!


นี่มัน…เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเลยวะ! อำกันเล่นปะเนี่ย!?


 


@ข้างล่างนี้เป็นสเตตัสก่อนสู้ของพวกวู่หยาน……จะสอบแล้วโว้ยย อีกไม่กี่วันเอง ไฟลนสุดๆ


 


ชื่อ : วู่หยาน


ความสามารถ : ปรมาจารย์ดาบ ปรมาจารย์อาหาร ความจำสมบูรณ์ ดาราพลิกสวรรค์ Electro Master LV.4


อุปกรณ์ : นิเอโทโนะ โนะ ชานะ(C) เกราะมังกรไร้ลักษณ์(C)


ซัมมอน : มิซากะ มิโคโตะ คัตซึระ ฮินางิคุ อิคารอส


แต้มอุปกรณ์ : 21,000


แต้มไอเท็ม : 8,100,000


แต้มอบิลิตี้ : 101,000


แต้มอัญเชิญ : 120,000


เลเวล : 50


 


ชื่อ : มิซากะ มิโคโตะ


ความสามารถ : Electro Master LV.5 (กระแสไฟฟ้า)


พลัง : C


ความอึด : C


ความเร็ว : B


จิตใจ : A


อุปกรณ์ : ไม่มี


Level : 69


 


ชื่อ : คัตซึระ ฮินางิคุ


ความสามารถ : ไม่มี


พลัง(พละกำลัง) : C


ความอึด : D


ความเร็ว : C


จิตใจ : C


อุปกรณ์ : ชิโระซากุระ(ระดับD)


Level : 35


 


ชื่อ : อิคารอส


ความสามารถ : โหมด ‘ยูเรนัสควีน’


พลัง(พละกำลัง) : A


ความอึด : B


ความเร็ว : B


จิตใจ : A


อุปกรณ์ : อาร์เทมิส (ระดับC) อีจิส ‘แอบโซลูทดีเฟนซ์สเฟียร์’ (ระดับC) อพอลโล (ระดับC) ยูเรนัสซิสเต็มส์ (ระดับB)


Level : 77


 

 

 


ตอนที่ 105

 

หลังจากถามระบบไป มันก็ตอบกลับมาว่า เป็นเพราะฮินางิคุไม่มีอบิลิตี้ไว้ป้องกันตัวเลย ดังนั้นระบบเลยช่วยยกระดับชิโระซากุระให้


แต่ทว่าวู่หยานไม่ได้ตื่นเต้นดีใจเหมือนสองสาวตรงหน้า ตรงกันข้ามเขากำลังขมวดคิ้วด้วยสีหน้าหวาดระแวง!


ประสบการณ์มากมายในอดีตได้สอนเขามาว่า ระบบมันเป็นสิบแปดมงกุฎ! เป็นจอมตอแหล! มันไม่มีทางใจดีแบบนี้แน่!


ดังนั้น บทสนทนาปัญญาอ่อน ในมุมมองของคนอื่นจึงเริ่มต้นขึ้น…..


“ระบบ เอ็งแน่นะว่าเป็นเพราะฮินางิคุอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเลยช่วยอัพเกรดชิโระซากุระให้น่ะ?”


“ถูกต้อง!”


“ไม่จำเป็นต้องให้ฉันจ่ายคืน? อย่างเช่นแต้มอะไรพวกนี้…..”


“นี่คือการตัดสินใจส่วนตัวของระบบ ดังนั้นยูสเซอร์ไม่จำเป็นต้องจ่าย!”


“หรือฉันต้องจ่ายด้วยอย่างอื่น?”


“ไม่!”


“แน่นะ?”


“แน่!”


“เอ็งไม่ได้กำลังวางแผนลับหลังอะไรไว้ใช่มั้ย?”


“ยูสเซอร์ โปรดอย่าได้ใส่ร้ายระบบ! ระวังระบบจะฟ้องร้องกลับ!”


“ฟ้องร้องน้องสาวแกสิ! ฮึ่ม เอาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเอ็งจะฟ้องร้องยังไง!”


“ยูสเซอร์ โปรดอย่าได้ป้ายสีระบบ! ระวังระบบจะแบนไอดียูสเซอร์!”


“เหอะ เอ็งไม่รู้จะไปฟ้องกับใครล่ะสิ แล้วตอนนี้ถึงได้หันมาขู่แบนไอดีฉันสินะ? แบนตูดตูนี่! แกจะไปมีปัญญาแบนไอดีอะไรฉันได้วะ!”


“วู่หยาน!”


“อะไร! ทำมาเป็นขึ้นเสียง! เอาดิ ต่อให้แกแบนไป มันจะส่งผลกระทบต่อฉันสักเท่าไหร่กันเชียววะ!”


“ต่อจากนี้ไป ยูสเซอร์จะไม่สามารถใช้ระบบการอัญเชิญได้อีก!”


“ห๊ะ? ดะ..เดียว! ช้าก่อน!ผมผิดไปแล้วคร้าบบ ยกโทษให้ผมด้วย ฮืออ…..”


………………………..


แน่นอนว่า ชิโรซากุระไม่สามารถอัพเกรดได้อย่างไร้ขีดจำกัด หลังจากระบบบอก พวกเขาก็เข้าใจว่า สูงสุดที่ชิโระซากุระอัพเกรดได้คือ อุปกรณ์ระดับB หรือ ยุทธภัณฑ์ฟ้า ถ้าต้องการอัพเกรดมันให้สูงขึ้นไปมากกว่านี้ก็ต้องจ่ายแต้มที่สมน้ำสมเนื้อให้พอกับเงื่อนไข!


ถึงแม้จะอัพถึงแค่ยุทธภัณฑ์ฟ้าแต่วู่หยานก็พอใจมากแล้ว ต้องรู้ว่านี่…ระบบมันอัพให้ฟรี! ใครหน้าไหนล่ะที่มันจะไม่ชอบของฟรี? แถมตัวฮินางิคุเองก็ผูกพันกับมันมากด้วย บางทีต่อให้ไม่สามารถอัพเกรดได้ เธอก็คงใช้มันไปเหมือนเดิมแม้ว่าจะเต็มใจซื้อดาบใหม่ให้ก็ตาม…..


มาล่า(ปล้น)สมบัติ แต่ทั้งๆที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงามัน ตอนนี้เขาก็ได้กำไรมากขนาดนี้แล้ว มากซะจนเขาอยากอ้าปากหัวเราะดังๆสักสิบครั้ง!


“เน เน โอนี่จัง เรารีบไปตามหาสมบัติกันเถอะ….” รู้ว่าคนไม่ดีโดนกำจัดหมดแล้ว ลิลินน้อยก็คึกคักทันที สมบัติลับ คำๆนี้กับเด็กตัวเล็กๆแล้วมันมีแรงดึงดูดไม่ใช้น้อยเลยล่ะ……


“ใช่แล้ว สมบัติของจริง เรายังไม่ได้ไปเอาเลยนี่นา…..”


เงยหน้าขึ้นมองตรงที่ทางเดินหินด้านหน้า แล้วหันกลับมามองฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส แล้วก็ ลิลิน ก่อนจะฉีกยิ้มออกมาโบกมือขึ้น


“ไปกัน!”


เดินไปตามทาง พวกเขาไม่ได้เดินเร็วนัก เพราะใครจะไปรู้ล่ะว่าข้างหน้ามันจะอันตรายอะไรดักรออยู่อีกรึเปล่า


การระวังก็เป็นสิ่งจำเป็น ตลอดทางเดิน ถึงแม้จะไม่มีแมงมุมศิลาโผล่ออกมาอีก และไม่มีผู้พิทักษ์สมบัติโหดๆโผลออกมา แต่ว่ากับมีกับดักเยอะมากซะจนทำให้คนที่เห็นหัวชาวาบ


แต่สิ่งที่ทำให้พวกวู่หยานต้องนึกขอบคุณตัวเองในใจคือ ก่อนหน้านี้เขากับมิโคโตะได้ดื่มยา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ ไปซึ่งผลของมันก็ยังไม่หมดฤทธิ์ด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้มีกี่ชีวิตก็ไม่พอ ตายหมดแน่!


แน่นอนว่าเพราะเหตุนี้ วู่หยานกับมิโคโตะจึงต้องรับหน้าที่เดินอยู่หน้าสุดไปตามระเบียบ และตอนนี้เองทั้งสองคนก็ได้โดนกับดักไปแล้วมากกว่าร้อยครั้ง!


มองดูวู่หยานกับมิโคโตะที่เดินตกลงไปนวงเวทย์ ฮินางิคุก็ถอยหลังกรูดทันที เธอนึกขอบคุณตัวเองที่อ่อนแอจึงไม่ต้องออกไปสู้ ทำให้ไม่ได้กินยา ‘ลมหายใจแห่งชีวิต’ ไม่งั้นป่านนี่เธอคงต้องเป็นแบบสองคนตรงหน้า……


ไม่เพียงแต่ฮินางิคุ มิโคโตะเองตอนนี้ก็แทบจะประสาทแดกแแล้ว ถึงแม้ร่างกายจะไม่ได้รับบาดเจ็บหรือได้บาดแผลอะไร แต่กับสภาพจิตใจพวกเขา มันโดนเยอะมากจนใกล้จะบ้าแล้ว…..


นาทีนี้เอง มิโคโตะก็เริ่มรู้สึกเสียใจ ถ้าตอนนั้นเธอไม่ห้าวอยากจัดการพวกมัน แทนที่จะปล่อยให้พวกมันมาเดินรับกับดักแทนก็คงจะดีกว่านี้…..


วู่หยานกับมิโคโตะที่เดินนำด้านหน้าด้วยท่าทางหดหู่ ตอนนี้ทั้งสองอยากร้องไห้มากๆ แต่ทว่าในตอนนี้เองทางออกก็ได้ปรากฏออกมาด้านหน้าพวกเขา!


มันเป็นห้องโถงที่ทำมาจากหินทั้งหมด เหมือนทางเดินหินก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือมันกว้างมาก แถมผิวกำแพงมันดูยังเรียบเนียนสุดๆด้วย!


ภายในห้องโถงมีโต๊ะกลมอยู่ ซึ่งบนโต๊ะก็มี กล่องสามกล่อง และลูกแก้วคริสตัลอีกหนึ่งลูก


นอกจากที่ว่ามาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเลย!


ใช่แล้ว ไม่มีเลย!


วู่หยาน ฮินางิคุ กับ มิโคโตะอึ้งไปแทบจะพร้อมๆกัน ส่วนลิลินบนใบหน้าเล็กๆนั้นได้เขียนคำว่า ผิดหวัง เอาไว้อย่างชัดเจน


พวกเขาฝ่าอุปสรรคมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ศพเป็นภูเขา มอสเตอร์ กับดัก การโดนหลอก พวกเขาฝ่าทั้งหมดที่ว่ามาแทบตาย จนมาถึงที่เก็บสมบัติ!


ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่กองสมบัติ ภูเขาทองคำหรืออัญมณี แต่กลับเป็นโต๊ะหินโง่ๆกับกล่องสามกล่องและลูกคริสตัลที่ดูไม่มีค่าอะไรเลย นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น!


เสี่ยงชีวิตเข้ามาอย่างยากลำบาก แต่กลับเจอแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงอยากเป็นบ้าใช่มั้ย?


แต่กลุ่มพวกเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงแม้จะสนใจสมบัติแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกคาร์ลทั้งสามคน คงคลั่งแล้วเข้าไปหาลูกน้องตัวเองแน่…….


เหตุผลที่พวกเขามาคือ คริสตัลก่อนหน้านี้ที่ให้แต้มอัญเชิญวู่หยานถึงสองแสน และเขาได้ยินมาว่าคริสตัลมันถูกเอาออกมาจากที่นี่ ดังนั้นวู่หยานจึงมาวัดดวงเผื่อเจออีกสักอัน ดังนั้นถึงไม่เจอสมบัติเขาก็ไม่ได้เศร้าใจอะไร


แต่แน่นอนว่า ความผิดหวังย่อมมีแต่มันก็แค่เล็กน้อย เพราะถึงยังไงกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ มันก็ไม่ง่ายเลย……


“ทำไมที่นี่ถึงดูไม่เหมือนห้องเก็บสมบัติเลยล่ะ?”


ฮินางิคุที่ถึงแม้จะเห็นห้องว่างเปล่าแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะการมาครั้งนี้เธอเก็บเกี่ยวได้เยอะมากจากแรงค์4โดดมาแรงค์7 บวกกับตัวเธอเองก็ไม่ได้สนใจสมบัติมาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้บ่นอะไร


ส่วนมิโคโตะก็ผิดหวังเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอได้คาดหวังว่าจะเจอสมบัติ บวกกับต้องฝ่าดงกับดักมามากมาย แต่กลับไม่ได้อะไรเลย แล้วแบบนี้จะให้เธอไม่ผิดหวัง?


ดูจากจุดนี้ พี่สาวเรลกันยังคงเป้นเด็กจริงๆ……


ส่วนวู่หยาน เขานั้นใจเย็นมาก…..


เขา ที่โดนหลอกหลวงมามากมาย จึงค่อนข้างชินชาแล้ว แต่ถึงแม้จะชิน ถ้าทำได้วู่หยานก็ไม่อยากโดนหลอกเหมือนกัน…..


มองดูกล่องทั้งสามกับลูกคริสตัลบนโต๊ะกลม วู่กยานก็ใช้ความคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าไม่มีนะ ดูไอ้กล่องสามกล่องนั่นสิ บางทีอาจจะเป็นสมบัติ?”


พูดถึงตรงนี้ วู่หยานก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงพอตัวเลยล่ะ ที่นี่ที่มีแรงค์9แมงมุมราชินีเป็นผู้พิทักษ์ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีอะไร แถมจากที่ดูมาก็ดูเหมือนว่าที่นี่ยังไม่เคยมีใครเข้ามาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นไอ้กล่องสามกล่องกับคริสตัลตรงหน้าจึงดูน่าสงสัยมาก!


ได้ยินคำพูดวู่หยาน ฮินางิคุกับมิโคโตะก็มีสีหน้าดีใจทันที พวกเขาทั้งสามคนรีบเดินมาตรงโต๊ะกลมทันที แล้วมองดูกล่องทั้งสาม


กล่องทั้งสามกล่อง ดูธรรมดามากไม่ต่างอะไรจากกล่องปกติ และข้างบนมันมีตัวอักษณสลักเอาไว้ และตัวอักษรนี่ก็ทำให้สีหน้าผิดหวังของพวกเขาหายวับไปทันที


 


กล่องแรก เขียนไว้ว่า ‘จงเปิดมัน หากเจ้าต้องการทรัพย์สมบัติที่เทียบเคียงได้กับทองคำทั้งหมดบนโลกใบนี้’


 


กล่องสอง เขียนไว้ว่า ‘จงเปิดมัน หากเจ้าต้องการอำนาจที่มากที่สุดบนโลกใบนี้’


 


กล่องสาม เขียนไว้ว่า ‘จงเปิดมัน หากเจ้าต้องการพลังอันเป็นที่สุดของโลกใบนี้’


 


กล่องทั้งสามที่นอกจากข้อความที่ว่ามาก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากกล่องธรรมดาอีก แต่นี่ก็ทำให้พวกวู่หยานไม่กล้ามองพวกมันเป็นกล่องธรรมดาแล้ว!


เชื่อได้เลยว่า ไม่ว่าใครก็ต้องเป็นเหมือนกัน!


ถ้าสิ่งที่ข้อความว่าไว้ มันเป็นจริง งั้นกล่องทั้งสามก็สามารถให้ทุกอย่างที่ไม่ว่าใครก็ต้องการได้หมด!


เงินตรา! อำนาจ! พลัง!


นอกจากพวกนี้แล้ว ยังมีอะไรที่สามารถดึงดูดได้มากกว่านี้อีกมั้ยล่ะ?


บางที คนไม่ปกติคงเลือกที่จะไม่สนใจ แต่ต้องขอโทษมากๆขอโทษจริงๆที่วู่หยานไม่ใช่คนพวกนั้น


เหรียญทอง? ตูรักมัน! ตอนนี้กระเป๋าสตางค์เขาถือว่าดีกว่าตอนที่ยังเป็นโอตาคุอยู่มาก สมัยนั้นเขายังต้องมานั่งเป็นห่วงเลยว่าจะมีข้าวมื้อต่อไปกินมั้ย ดังนั้นเขาจึงถือว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมี


อำนาจ อันนี้เขารู้สึกเฉยๆ เขาไม่ใช่ผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานอะไร ที่เขาชอบ(รัก)ก็คือสาว2D ‘อำนาจแล้วไงวะ มันจะไปสำคัญมากว่าสาวน้อยได้ยังไงล่ะจริงมั้ย?’


แต่ทว่า พลัง มันดึงดูดวู่หยานได้อย่างแท้จริง!!

 

 

 


ตอนที่ 106

 

ในฐานะที่เป็นผู้มาจากต่างโลกอันทรงเกียรติ เขาเคยอ่านนิยายแนวตัวเอกถูกส่งไปต่างโลกมามากมาย เพราะงั้นวู่หยานถึงเข้าใจความเป็นจริง!


ผู้ที่มาจากต่างโลกเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ และในเมื่อมาจากต่างโลกก็หมายความว่าเป็นพระเอก ดังนั้นเอ็งต้องมีพลัง! ไม่งั้นก็เป็นได้แค่ตัวประกอบกากๆ!


ไม่ว่าเอ็งจะโดนส่งมาแบบวิญญาณ มาเป็นตัวเลย หรือส่งมาแบบเกิดใหม่ ไม่ว่าแบบไหนท้ายสุดแล้วเอ็งก็ต้องมีไฝ่หาพลัง!ถึงจะเป็นราชันย์ที่แท้จริง!


แน่นอนว่ามันต้องมีกรณีพิเศษอยู่ด้วย……


บางคนอาจจะโดนส่งมาต่างโลกพร้อมพรจากพระเจ้า ทำให้เอ็งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกตั้งแต่แรก แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นนะสิ! เพราะงั้นวู่หยานถึงโหยหาพลัง!


ถึงแม้ว่าวู่หยานจะสามารถเก็บออมแต้มอัญเชิญ แล้วจากนั้นก็ซัมมอนสามน้อย2Dที่โครตOPมาสนับสนุนตนก็ได้ ให้พวกเธอพิชิตโลกให้ ขณะที่เขานั่งจิบชารออย่างสบายใจ


ถึงแม้พูดเหมือนง่าย จริงๆมันติดตั้งแต่เขาไม่มีแต้มอัญเชิญมากขนาดนั้นอยู่แล้วล่ะนะ แต่เหตุผลหลักคือการที่ต้องหลบอยู่หลังผู้หญิง ให้พวกเธอออกหน้าปกป้องตัวเอง ขอโทษทีเถอะตูรับไม่ได้โว้ยยยย!!!


ดังนั้น ไม่ว่าจะเงินตราจะดีแค่ไหน หรืออำนาจมันจะเย้าเยวนเพียงใด แต่มันก็เทียบไม่ได้กับพลัง!


แน่นอนว่าถึงแม้วู่หยานจะไฝ่หาพลังมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีทางหันเข้าไปด้านมืดแน่นอน ถ้าเจ้ากล่องนี่มันหลอกเขาหรือให้พลังชั่วๆมา วู่หยานก็ไม่ลังเลที่จะฟันมันอย่างไม่เสียใจ!


นอกจากวู่หยาน สายตาของฮินางิคุกับมิโคโตะต่างก็จดจ้องอยู่ที่ กล่อง ‘พลัง’


ไม่ต้องพูดถูงมิโคโตะเลย เธอเป็นคนที่ใชอบยอมแพ้คนอื่นอยู่แล้ว ในเมืองแห่งการศึกษาเธอก็เป็นถึงเลเวล5ที่อยู่เหนือผู้คนหลายล้าน แถมเธอยังชอบไปท้าคนอื่นต่อสู้อยู่บ่อยๆด้วย ถึงแม้มิโคโตะจะไม่ได้แคร์พลังมากมายอะไร แต่เทียบกับอำนาจและเงินตรา พลังมันดึงดูดเธอได้มากกว่า


แต่ว่ามิโคโตะในตอนนี้ได้มีเหตุผลที่ต้องแข็งแกร่งขึ้นแล้ว นั่นก็คือช่วยเหล่าน้องสาว เพราะยังไงซะถ้าไม่ครอบครองพลังอันแข็งแกร่งแล้วเธอจะไปช่วยน้องสาวได้ยังไงล่ะจริงมั้ย?


และสำหรับฮินางิคุ เธอเองก็คิดเหมือนกับอีกสองคนว่า พลังมันสำคัญมากกว่าอำนาจและเงินทอง


ดังนั้นตอนนี้หนึ่งหนุ่มสองสาวจึงพอกันจดจ้องกล่องที่เขียนว่าพลังกันอย่างไม่วางตา ส่วนอิคารอส รายนั้นกำลังยืนนิ่งๆอยู่ด้านข้าง สำหรับอิคารอสแล้วนอกจากแตงโมก็คงไม่มีอะไรที่จะดึงดูดความสนใจเธอได้เลยล่ะมั้ง….?


แล้วลิลิน? หลังจากถูกความจริงที่ว่าไม่มีสมบัติตีแสกหน้าเข้า เธอก็หันเหความสนใจไปที่ลูกคริสตัลซึ่งเปร่งกระกายแสงงดงาม มากกว่ากล่องแข็งๆที่ดูไม่น่ารักเลย……


“มาเปิดมันกันเถอะหยาน แล้วลองดูของข้างไหนกัน….”


มิโคโตะที่กำลังคึกคักอยากดูว่าจะมีอะไรอยู่ข้างไหนกล่อง ในมือเธอปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา นี่ทำให้วู่หยานคิดในใจ ‘เฮ้ๆ เปิดกล่องธรรมดา มันจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าด้วยเหรอไง?…..’


แน่นอนว่า ถึงแม้ในใจจะตบมุขไป แต่เขาก็คาดหวังกับกล่องพวกนี้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน


ขยับมือเปิดไปที่กล่อง ‘พลัง’ และเมื่อเห็นของข้างในวู่หยานก็อึ้งไป


“แหวนเหรอ?” ฮินางิคุกับมิโคโตะพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่มองดูแหวนโบราณสีดำสนิท


“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…..” หยิบแหวนขึ้นมา แล้วเขย่ามันไปมา


“น่าจะเป็นแหวนมิติ……”


“ดูเร็วเข้า ข้างไหนมันมีอะไรกันแน่” มิโคโตะรู้สึกอยากรู้แบบสุดๆ ว่าข้างในแหวนมันมีอะไร ที่ถึงขนาดโม้ว่าทำให้คนที่ครอบครองแหวนนี้จะมี ‘พลังอันเป็นที่สุดของโลกใบนี้’


อยู่ๆวู่หยานก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าตามแนวของโลกนี้ของข้างในแหวนก็คงหนีไม่พ้นของจำพวกไอเท็มเร่งความเร็วในการบ่มเพาะพลัง วัตถุดิบหายาก วิชายุทธ์อันทรงพลัง สมบัติสวรรค์ หรือไม่ก็ยุทธภัณฑ์โหดๆ


แต่ไอ้คำพูดที่ว่า ‘พลังอันเป็นที่สุดของโลกใบนี้’ เป็นอะไรที่กระตุ้นความสนใจของวู่หยานได้ สมบัติสวรรค์ วิชายุทธ์ หรือยุทธภัณฑ์อะไรที่มันจะช่วยให้คนได้โหดถึงขนาดนั้นอยู่ในด้วยเหรอ?


ทว่าวินาทีต่อมา ใบหน้าวู่หยานก็แข็งค้าง เขาก้มหน้าลงต่ำทำให้ผมร่วงลงปิดดวงตา ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเห็นสีหน้าเขา แต่พวกเธอสามารถเห็นออร่าความไม่พอใจแผ่ออกมาจากตัวเขาได้อย่างชัดเจน……


“หยาน…” แม้แต่คนนิสับห้าวๆกล้าหาษอย่างพี่สาวเรลกันและท่านประธาน ในเวลานี่เองยังต้องค่อยๆพูดอย่างระมัดระวัง พวกเธอยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอรู้สึกกลัววู่หยาน


ออร่าดำมืดของวู่หยานหายไปในพริบตา เขาเงยหน้าขึ้น ขณะตายังคงมองแหวนในมือด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แน่นอนว่าถ้าคุณทำเป็นมองไม่เห็นเส้นเลือดที่ปูดบวมบนหน้าผาก井เขาอ่ะนะ


“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าข้างในมันจะว่างเปล่า?”


สองสาวที่คุ้นเคยกับวู่หยาน จึงรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องโดนอะไรบางอย่างสะเทือนใจมา ไม่งั้นไม่มีทางเป็นแบบนี้…..


“ไม่เป็นไรหรอก….” สูมลมหายใจเข้าลึก วู่หยานจึงใจเย็นลง แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่มือยังกำแหวนไว้


“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าข้างในมันว่างเปล่ารึเปล่า เป็นเพราะ..ฉันเปิดไอ้แหวนบัดซบนี่ไม่ได้!”


“เปิดไม่ได้?” ในที่สุดสองสาวก็เข้าใจว่าทำไมวู่หยานถึงได้หัวเสียขนาดนี้


“ทำไมเปิดไม่ได้ล่ะ?”


“ใช่ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเปิดไม่ได้” วู่หยานพูดออกมาขณะที่ขบฟันแน่น เขามองแหวนในมือเขม็งราวกับอยากจะกลืนมันลงท้องให้รู้แล้วรู้รอด นี่ทำให้ฮินางิคุกับมิโคโตะตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกไป


ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง วู่หยานพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ปาไอ้แหวนเน่าๆนี่ทิ้ง จากนั้นเขาก็หันไปมองอีกสองกล่อง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา


ในเมื่อแหวน ‘พลัง’ มันเปิดไม่ได้ แล้ว ‘อำนาจ’ กับ ‘ทรัพย์สมบัติ’ ล่ะ?


อย่าบอกนะว่า……


คิดถึงตรงนี้วู่หยานก็สั่นทันที รีบเอื้อมมือเข้าไปเปิดกล่อง อย่างที่คิดเลยมีแหวนสองวงสีขาวกับสีทองอยู่ข้างในกล่อง


มองดูแหวนทั้งสอง วู่หยานหยิบมันขึ้นมา จากนั้นไม่นาน เขาก็เงียบไป


“นี่อย่าบอกนะว่า แหวนมิติสองวงนั้นก็เปิดไม่ได้น่ะ….”


ฮินางิคุพูดถึงตรงนี่ วู่หยานก็ระเบิดออร่าโกรธออกมา ทำให้ฮินางิคุหุบปากทันที แล้วไปยืนอยู่ข้างหลังมิโคโตะอย่างว่าง่าย นี่ทำให้มิโคโตะยิ้มแห้งๆออกมา


อยากร้องไห้ แต่มันไม่มีน้ำตา…..


ดี ห้องหินที่ไม่มีสมบัติ เขายังพอรับได้…


แต่ทำไมถึงได้วางไอ้กล่องเชี่ยนี้ไว้? แถมยังอธิบายไว้ซะอลังการ แต่พอเอาเข้าจริงกลับเปิดไม่ได้ซะงั้น!?


นี่เอ็งคิดจะเยาะเย้ยพวกเราใช่มั้ย?


วู่หยานเงยหน้ามองฟ้า(เพดาน)แล้วถอนหายใจ ในใจคิดอยากจะเอาปืนไประเบิดสมองเจ้าของกล่องพวกนี้ แต่ทว่าหลังจากนี้อีกนาน นานมากๆ ตัววู่หยานในอนาคตจะอยากจูบคนที่ทิ้งแหวนไว้ให้สักสองสามฟอด……


วู่หยานพูดไม่ออก เขารู้สึกเสียใจจริงๆ หันไปมองฮินางิคุกับมิโคโตะที่กำลังพูดคุยกับเสียงเบาด้วยหัวข้อที่ว่า ต้องทำยังไงวู่หยานถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม


บทสรุปที่ได้คือ ให้มิโคโตะช็อตวู่หยานสักสองสามครั้ง…..


สองสาวพยักหน้าให้กัน จากนั้นขณะที่มิโคโตะกำลังเตรียมปล่อยกระแสไฟฟ้า ฮินางิคุที่บังเอิญหันไปมองข้างในกล่อง ทันใดนั้นดวงตาเธอก็เปล่งกระกายวิบวับ รีบอ้าปากตะโกนเรียกวู่หยาน


“หยาน! มาดูนี่เร็ว! ข้างในกล่องมีตัวอักษรสลักไว้ด้วย!”


“ห๊ะ? มีตัวอักษร?” สติเขาถูกเสียงเรียกของฮินางิคุดึงกลับมาจากความเศร้า วู่หยานมองเข้าไปในกล่อง ‘อำนาจ’ จากนั้นเขาก็ช็อคไป


 


‘ถึงบุคคลใดก็ตามที่เข้ามาถึงที่นี่ได้ แหวนวงนี้ไม่สามารถทำลายได้ และยังไม่ใช่แหวนมิติ แต่คนที่มีแหวนวงนี้จะสามารถควบคุมจักรวรรดิไอย์ลูได้ จักรวรรดิไอย์ลูจะเป็นของเจ้า!’


 


วู่หยาน ฮินางิคุ กับ มิโคโตะหันมามองหน้ากันและกันด้วยแววตาว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนไม่เชื่อที่ข้อความว่ามา ที่สามารถครอบครองจักรวรรดิไอย์ลูได้ขอเพียงแค่มีแหวนนี่


“ในเมื่อกล่องนี้ยังมีข้อความทิ้งไว้ งั้นกล่องอื่นก็น่าจะมีด้วย ลองดูกัน….”


หลังจากไม่สามารถหาความหมายจริงๆที่ข้อความว่ามาได้ วู่หยานจึงยอมแพ้ที่จะใช้เซลล์สมองคิดไปมากกว่านี้ จากนั้นเขาก็หันไปมองกล่องอื่น โดยเริ่มจากกล่อง ‘พลัง’


 


‘ถึงบุคคลใดก็ตามที่เข้ามาถึงที่นี่ได้ แหวนวงนี้เป็นแหวนมิติ ตราบใดที่เจ้าสามารถเปิดมันได้ สิ่งที่อยู่ข้างในจะทำให้เจ้าสามารถอยู่เหนือกว่าผู้คนทั้งหมดบนโลกใบนี้! ส่วนวิธีเปิด จงไปหา ราชาแห่งจักรวรรดิไอย์ลู เขาจะบอกเจ้าทุกอย่าง!’


 


“ให้ไปหาราชา?” วู่หยานไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาอธิบายอารมณ์ความรู้สึกณตอนนี้ของตนดี เขาได้แค่แอบตบมุขในใจแล้วจึงหันไปมองกล่อง ‘ทรัพย์สมบัติ’


 


‘ถึงบุคคลใดก็ตามที่เข้ามาถึงที่นี่ได้ ต้องการสมบัติของข้าน่ะเหรอ? ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ! ไปหาเอาเลย! กุญแจน่ะ ข้าเอาสมบัติทั้งหมดไปทิ้งใว้ในแหวนวงนี้แล้ว!’


 


“……….”


“ระบบ เอ็งแน่ใจนะว่านอกจากฉันแล้วไม่มีคนที่มาจากต่างโลกคนอื่นอีก?”


“ยูสเซอร์ ระบบมีเพียงแค่หนึ่ง และมีเพียงแค่ระบบที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนจากต่างมิติหรือโลกอื่นได้ ดังนั้นยกเว้นแต่ตัวยูสเซอร์เองแล้ว ก็จะไม่มีทางมีผู้ข้ามมิติคนอื่นอีก!”


“งั้น แกช่วยบอกฉันทีสิว่าทำไม ลุงราชาโจรสลัด โกล์ด ดี โรเจอร์ ถึงได้ข้ามมิติมาอยู่โลกซิลวาเรียได้ฟะ!”


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม