Scholar’s Advanced Technological System 88-94

 ตอนที่ 88 ฉันประทับใจ


 


 


ความสามารถในด้านการจัดระเบียบองค์กรของเจ้าอ้วนอู๋นั้นน่าประทับใจมาก


 


ลู่โจวยังหาคนที่จะให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดด้านกฏหมาย เพื่อร่างสัญญาและอื่นๆ แต่เจ้าอ้วนอู๋ก็ได้จัดทีมสตาร์ทอัพให้เขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


ทีมประกอบด้วยคนสิบสองคน มีตั้งแต่สาขาธุรกิจไปจนถึงสาขาซอร์ฟแวร์และยังมีกระทั่งสาขากฏหมาย นอกจากนี้ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะ! แม้ว่าจะมีนักศึกษาปีหนึ่งผู้กระตือรือร้นที่อยากมาวิ่งเต้นให้ด้วยก็เถอะ…


 


อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็น


 


ประเด็นคือพวกเขาต่างเป็นแรงงานฟรี!


 


ลู่โจวไปถามเรื่องค่าจ้างของคนพวกนี้ แต่เจ้าอ้วนอู๋ก็แค่ยิ้มแล้วอธิบายให้เขาฟัง “แจกใบปลิว ติดตั้งเราเตอร์ จัดพัสดุ…นายคิดว่านักศึกษาพาร์ทไทม์พวกนี้ทำเพื่อเงินเหรอ? เงินพันหยวนต่อเดือนพวกเขาใช้ไม่พองั้นเหรอ?”


 


เจ้าอ้วนอู๋ส่ายหน้าแล้วตอบกับตัวเอง “แน่นอนว่ามันเพียงพอ”


 


อันที่จริงลู่โจวอยากขัดเจ้าอ้วนอู๋มากว่า ‘ไม่ มันไม่พอ’ อย่างไรก็ตามเขาก็เก็บมันเอาไว้ เพราะเขาไม่อยากฉีกหน้าอู๋ต้าไห่ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เจ้าอ้วนอู๋พูดต่อ


 


“ไปลองถามดูเลยว่าพวกเขาอยากทำงานพาร์ทไทม์ไปทำไม คำตอบ 80% จะสรุปได้เป็นสามกลุ่ม เบื่อ อยากได้ประสบการณ์ชีวิต อยากฝึกฝนตนเอง”


 


เจ้าอ้วนอู๋กล่าวต่อ “ที่นี่คือมหาลัยจินหลิง มีอัจฉริยะอยู่มากมาย พวกเขาอาจไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับนาย แต่มันก็ยังมีอัจฉริยะทั่วไปอยู่มากมาย ทุกคนแค่อยากทำงานเพื่อเงินงั้นเหรอ? เปล่าเลย! อันที่จริงมันเป็นเวทีสำหรับพวกเขา! โอกาสที่จะแสดงผลงาน!”


 


“ฉันบอกพวกเขาไปว่าฉันเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจและเรากำลังทำโปรเจ็คที่ยิ่งใหญ่ ถ้าโปรเจ็คนี้ประสบความสำเร็จ มันก็อาจกลายเป็นยูนิคอร์นตัวถัดไปของวงการเทคโนโลยี จากนี้ไปเราเป็นทีม เราเป็นครอบครัว เราเป็นผู้ก่อตั้ง…ฉันแต่เตรียมเวทีให้พวกเขา!”

(ผู้แปล : ยูนิคอร์นก็คือ สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ)


 


“ถ้าโปรเจ็คเราล้มเหลว เราก็จะล้มเหลวไปด้วยกัน แต่ถ้าเราประสบความสำเร็จ…”


 


เจ้าอ้วนอู๋หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวต่อ “…งั้นมันก็ไม่สายเกินไปที่จะมอบผลประโยชน์ให้พวกเขาบ้าง”


 


เจ้าอ้วนอู๋อธิบายประโยชน์เหล่านั้นให้ลู่โจวฟังอย่างละเอียด


 


“ถ้ามันถูกเราก็แค่จ่ายเงินไป ไม่งั้นเราเลี้ยงมื้อค่ำ ไปเที่ยว สร้างสมาคมหรือมอบโอกาสสร้างเส้นสายให้พวกเขา นั่นดีกว่าการมอบเงินให้เสียอีก”


 


หลังจากได้ยินแบบนั้น ลู่โจวก็ประหลาดใจ


 


ฉันประทับใจมาก


 


ก่อนที่เจ้าอ้วนอู๋จะเซ็นสัญญา ลู่โจวก็คิดว่าเจ้าอ้วนอู๋เป็นแค่นักศึกษาที่แก่กว่าที่คอยดูแลเขา เขาไม่รู้เลยว่าเจ้าอ้วนอู๋จะมีประสบการณ์มากแบบนี้


 


ตอนแรก ตอนที่เจ้าอ้วนอู๋พูดถึงเหตุผลที่ทำพาร์ทไทม์ ลู่โจวคิดว่ามันไร้สาระ…


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเขามาคิดดูแล้วมันยอดเยี่ยม!


 


รูมเมทเขาช่วยเขาติดตั้งเราเตอร์และพวกเขาก็ไม่ได้ทำเพื่อเงิน พวกเขาทำเพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิต! สุดท้าย มีแต่ลู่โจวคนเดียวเท่านั้นที่ทำเพื่อเงิน


 


ลู่โจวกล่าว “การเรียนคณิตทำให้นายเสียพรสวรรค์โดยสูญเปล่า”


 


เจ้าอ้วนอู๋แหงนมองท้องฟ้าอย่างโศกเศร้า เพราะเขาเห็นด้วยกับมัน “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”


 


ลู่โจวกล่าว “ฉันหมายความว่านายควรไปขายของ”


 


เจ้าอ้วนอู๋ “…”


 


…..


 


และแล้ว[สมาคมแคมปัสเทรนด์]ก็ถูกก่อตั้งขึ้น


 


ตามที่เจ้าอ้วนอู๋บอก การมี’สมาคม’ทำให้พวกเขาดูเป็นทางการมากขึ้น พวกเขาสามารถหลอกนักศึกษาใหม่มาทำงานให้พวกเขา และในขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถยืม’ทรัพยากรสาธารณะ’ของมหาลัยได้อีกด้วย


 


เนื่องจากเจ้าอ้วนอู๋ถูกขึ้นบัญชีดำไม่ให้สร้างสมาคม ดังนั้นลู่โจวจึงไปสร้างแทน


 


ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ หลินอวี่เซียงเป็นคนที่ทำให้


 


ในที่สุดลู่โจวก็ได้สัมผัสถึงข้อดีของการมีคอนเน็คชั่น คนอื่นต้องใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อผ่านขั้นตอนการสร้างและสังเกตอีกเป็นเดือน ในขณะที่เขาแตกต่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากสมาคมเขามีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง มันมีโอกาส 90% ที่สภานักศึกษาจะยุบสมาคมเขา


 


อย่างไรก็ตามหลินอวี่เซียงช่วยเขาและสมาคมก็ผ่านมาได้ทันที…


 


ดังนั้นสมาคมจึงถูกก่อตั้งขึ้น


 


ประธานสมาคมคือลู่โจวและรองประธานก็คืออู๋ต้าไห่


 


ส่วนทีมงานทั้งสิบสองคนที่อู๋ต้าไห่หามา ทุกคนต่างก็เป็นผู้จัดการ


 


ท้ายที่สุดแล้วคำแหน่งของสมาคมก็แต่งตั้งขึ้นมาเอง พวกเขาไม่ได้ต้องจ่ายเงิน


 


ลู่โจวอดถามเจ้าอ้วนอู๋ไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงมีประสบการณ์ทำอะไรแบบนี้ เจ้าอ้วนอู๋ก็ตอบกลับมาอย่างลวกๆ “ฉันเคยทำคล้ายๆแบบนี้มาก่อน อย่างสมาคมบุกเบิกกิจการของมหาลัยจินหลิง สมาคมพนักงานพาร์ทไทม์เป็นต้น”


 


เขากล่าวต่อ “การทำอะไรแบบนี้มีประโยชน์มากมาย นายจะสามารถรับสมัครคนได้อย่างง่ายดายเมื่อนายทำสมาคมใหม่ จากนั้นนายก็จะสามารถทำให้คนพวกนี้ทำงานฟรีได้มากมายด้วยการบอกว่าเป็นการช่วยเหลือสมาคม บวกกับเรามีตราประทับอย่างเป็นทางการของบริษัท ดังนั้นเราจึงใช้แรงงานของพวกเขาได้ด้วยข้ออ้างฝึกงาน ในระยะสั้นมันมีข้อดีมากมาย”


 


ลู่โจวถาม “นายเคยทำมาก่อน? เกิดอะไรขึ้นกับสมาคมนาย?”


 


เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “…มันถูกอาจารย์ฝ่ายกิจการสังคมปิด…”


 


ลู่โจว “…”


 


มหาลัยจะไม่อนุญาตให้นักศึกษามีส่วนร่วมกับกิจกรรมนอกมหาลัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงิน เนื่องจากถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับเงินเกิดข้อผิดพลาด ถ้ามันมีปัญหา ทางมหาลัยต้องรับผิดชอบ


 


อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนอู๋บอกลู่โจวว่าสมาคมแคมปัสเทรนด์นั้นไม่เป็นไรแน่นอน มันไม่เหมือนกับสมาคมพาร์ทไทม์ของเขา กิจกรรมทั้งหมดของสมาคมอยู่ในมหาลัย แถมมันยังไม่จำเป็นต้องติดต่อกับคนนอกสมาคม มันจึงไม่เป็นปัญหาเลย


 


นอกจากนี้นี่ยังเป็นโปรเจ็คในโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการของนักศึกษามหาลัย มีผู้นำของมหาลัยที่สนับสนุนโปรเจ็คนี้ ตราบใดที่ไม่มีปัญหาใหญ่ อาจารย์จากฝ่ายกิจการสังคมจะไม่’ไร้เหตุผล’แบบนั้นแน่นอน


 


ด้วยเวลาบุหรี่หมดหนึ่งมวล เจ้าอ้วนอู๋ก็อธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้ลู่โจวฟัง


 


เรื่องนี้ทำให้ลู่โจวมั่นใจเช่นกันว่าเจ้าหมอนี่มีพรสวรรค์


 


แม้ว่ามันจะเป็นพรสวรรค์อีกแบบนึงก็ตาม…


 


ฉันไม่รู้จริงๆว่าเจ้าหมอนี่เข้ามหาลัยจินหลิงได้ยังไง


 


วันที่สองหลังจากก่อตั้งสมาคม คำสั่งที่สองของเจ้าอ้วนอู๋ที่บอกทาสทั้งสิบสองคน…เอ้ย ผู้จัดการทั้งสิบสองคนก็คือให้ไปพบกันที่ร้านเมนูปลา


 


ลู่โจวไม่เคยคิดถึงวิธีใช้เงินของบริษัทเลย ตอนนี้มันเป็นเจ้าอ้วนอู๋ที่วางแผนการใช้จ่ายของบริษัท


 


การใช้จ่ายครั้งแรกคือการกินดื่มด้วยงบพันหยวน


 


เงินมาจากบัญชีของบริษัท แต่ตอนที่เจ้าอ้วนอู๋จ่าย เขาแสร้งทำเหมือนกับควักออกมาจากกระเป๋าตนเอง นี่เป็นหนึ่งในลูกไม้ของเจ้าอ้วนอู๋ ถ้าต้องการให้คนอื่นช่วย คนๆนั้นก็ต้องทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนติดหนี้เขา


 


ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ ผู้นำต้องเลี้ยงข้าวพนักงานทุกคน


 


เงินพันหยวน นั่นเป็นรายจ่ายทั้งเดือนของนักศึกษา!


 


แม้ว่าพวกเขาจะมีปัญหากันในอนาคต แต่คนเหล่านี้ก็จะไม่มีวันลืมข้าวมื้อนี้


 


ความเหนียวแน่นในทีมคืออะไร?


 


นี่แหละคือความเหนียวแน่นในทีม!


 


เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เจ้าอ้วนอู๋ก็ลุกขึ้นยืนแล้วยกถ้วยขึ้น


 


“ทุกคนตรงนี้ล้วนมาจากสถานที่ที่แตกต่างกัน แต่มหาลัยจินหลิงทำให้เราได้พบกัน มันเป็นโชคชะตาที่พาเรามาอยู่ด้วยกัน การทำธุรกิจร่วมกันก็เป็นโชคชะตาเช่นกัน! ไม่สำคัญว่าเราจะประสบความสำเร็จไหม อย่างน้อยเราก็ได้พยายามทำตามความฝัน!”


 


“ชน ดื่มเพื่อธุรกิจของเรา!”


 


“ดื่ม!”


 


ตอนแรกคนพวกนี้ไม่รู้จักกัน พวกเขาแค่เคยทำงานพาร์ทไทม์กับเจ้าอ้วนอู๋เท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังเจอฤทธิ์แอลกอฮอร์ ทุกคนต่างใกล้ชิดกันมาก


 


ลู่โจวนั่งข้างเจ้าอ้วนอู๋และเริ่มคิด


 


ไม่มีทางเลยที่ฉันจะเรียนรู้ความสามารถของเขา…


 


ตามแผนที่วางไว้ ประธานลู่โจวลุกขึ้นยืนแล้วแนะนำตนเอง


 


เมื่อลู่โจวนั่งลง ทุกคนก็ลุกตามแล้วแนะนำตัวเองอย่างกระตือรือร้น


 


หลังจากนั้นตำแหน่งของแต่ละคนก็ถูกกำหนด ณ โต๊ะอาหาร


 


สำหรับบริษัทเล็กๆแบบนี้ นอกจากผู้จัดการบริษัท มีตำแหน่งสำคัญอีกสองตำแหน่ง หนึ่งคือผู้จัดการผลิตภัณฑ์(product manager)ที่รับผิดชอบในด้านการดำเนินการของแอพ ส่วนอีกหนึ่งคือผู้จัดการฝ่ายเทคนิคที่รับผิดชอบในการอัพเดทและปรับปรุงแอพ


 


ผู้จัดการผลิตภัณฑ์คือหยวนลี่เหว่ย เขาเป็นนักศึกษาปีสามคณะบริหารธุรกิจ แม้ว่าเขาจะเป็นนักศึกษาปริญญาตรี แต่เขามีประสบการณ์ช่วยศาสตราจารย์ออกแบบเว็บไซต์ เขามีชื่อเสียงในคณะบริหารธุรกิจ ต้องขอบคุณเจ้าอ้วนอู๋ พวกเขาถึงได้เขามาร่วมด้วย


 


ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคชื่อหรงไห่ เขาอยู่ในคณะวิศวกรรมซอร์ฟแวร์ เขาเชียวชาญภาษา Python ภาษา C++ และภาษา Java ทักษะการพัฒนาซอร์ฟแวร์ของเขาแย่กว่าเพื่อนร่วมทีมการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของลู่โจวไปเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่เลวเลย เขายังถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะ


 


จากนั้นนักศึกษาออกแบบก็จะทำหน้าอินเตอร์เฟสผู้ใช้ นักศึกษากฏหมายก็จะให้คำปรึกษาด้านกฏหมาย นักศึกษาการตลาดก็จะช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์วางแผนและวิเคราะห์ตลาดตลอดจนถึงเสนอแนวคิดที่น่าสนใจเพื่อทรมาณคนเขียนโค้ด…


 


ส่วนพวกคนที่ไม่มีประโยชน์ ส่วนใหญ่จะวิ่งเต้นให้คนอื่นและไปรับสมัครคนใหม่เข้าสมาคม บางคนที่รู้สึกไร้ประโยชน์ก็จะออกจากสมาคม


 


ใครจะสนคนพวกนั้นกัน?


 


มหาลัยจินหลิงไม่ได้ขาดคนมีพรสวรรค์


 


พวกเขาขาดเวที…


ตอนที่ 89 การประชุมครั้งแรก


 


 


มื้อค่ำจบลง ตามแผนต่อหน้าทุกคน ลู่โจวจะปฏิเสธข้อเสนอหารเงินของเจ้าอ้วนอู๋ กลับกันเขาเดินไปจ่ายเงินแทน


 


จากนั้นกลุ่มคนเมาก็กลับมหาลัย


 


หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไป ลู่โจวก็พูดกับเจ้าอ้วนอู๋ “ฉันคิดว่ามันไม่ดีเลย”


 


เจ้าอ้วนอู๋หัวเราะแล้วกล่าว “สตาร์ทอัพ 90% ต่างก็ทำแบบนี้ เราถือว่าเป็นคนใจดี นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าเราไม่แบ่งผลประโยชน์ให้พวกเขาสักหน่อย ถ้าเรื่องนี้ยังขัดต่อศิลธรรมของนาย นายก็แบ่งหุ้นให้พวกเขา แต่ฉันคิดว่านายไม่ควรทำแบบนั้น มันไม่มีความหมาย และมันอาจแว้งมากัดนายได้ในภายหลัง”


 


ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร


 


เจ้าอ้วนอู๋รับผิดชอบด้านการดำเนินการของบริษัท ดังนั้นลู่โจวจึงควรฟังที่เจ้าอ้วนอู๋กล่าว


 


ลู่โจวรู้ตัวว่าเขาไม่เหมาะกับงานนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นการดีสุดถ้าเขาไม่เข้าร่วม


 


ส่วนการแบ่งหุ้น…


 


มันดูไร้ความหมาย


 


ถ้าพวกเขาไม่ได้ทุนจากนักลงทุนผู้ใจดี หุ้นของพวกเขาก็จะไร้ประโยชน์


 


…..


 


วันที่สองหลังจากมื้อค่ำนั้น เจ้าอ้วนอู๋ยืมห้องเรียนแล้วเริ่มประชุม[สมาคมแคมปัสเทรนด์]ครั้งแรก


 


หัวข้อหลักของการประชุมคือการวิเคราะห์ตลาดและผลิตภัณฑ์


 


ทุกคนต้องคิดไอเดีย ระดมสมอง และหาวิธีรักษาผู้ใช้หลายแสนคน วิธีที่ดีที่สุดการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับแคมปัสเทรนด์


 


เกือบทุกคนต่างก็มีพลังเหลือล้น พวกเขานำโน๊ตบุ๊คมาแล้วเตรียมบันทึกการประชุม


 


เมื่อเจ้าอ้วนอู๋เดินเข้ามาในห้องเรียน เขาก็นำถุงพลาสติกสองใบติดมือมาด้วย จากนั้นเขาก็แจกเอเนอร์จี้ดริงค์ให้ทุกคน เมื่อเขาแจกเสร็จ ลู่โจวก็เดินขึ้นเวทีแล้วประกาศเริ่มการประชุม จากนั้นเขาก็มอบโพเดียมให้ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ หยวนลี่เหว่ย หยวนลี่เหว่ยเป็นอัจฉริยะที่ไม่ต้องสอบเข้าปริญญาโท


 


“เพื่อประหยัดเวลา ผมจะตรงเข้าประเด็นเลย” หยวนลี่เหว่ยกล่าวพร้อมกับเอามือพักไว้บนโพเดียม


 


“…ผู้ใช้แคมปัสเทรนด์ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาลัย ผู้ใช้กลุ่มนี้ในผลิตภัณฑ์บนอินเตอร์เน็ตถือได้ว่าเป็นผู้ใช้ที่มีคุณภาพสูง พวกเขามีความสามารถในการยอมรับสิ่งใหม่ๆได้อย่างรวดเร็ว มีทักษะการเข้าสังคมสูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีพลังการบริโภคสูงกว่าเฉลี่ย ส่วนสำคัญที่สุดก็คือมีศักยภาพที่จะพัฒนากลายเป็นผู้ใช้ระดับไฮเอนด์”


 


หยวนลี่เหว่ยยืนตัวตรง เขาดันกรอบแว่นก่อนจะพูดต่อ “มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะสร้างฐานผู้ใช้คุณภาพสูงนี้ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำกำไรตอนนี้! ภารกิจแรกของเราคือการเพิ่มกิจกรรมของผู้ใช้! มันไม่ใช่แค่ฐานผู้ใช้ที่ประเมินมูลค่าของแอพ จำนวนผู้ใช้งานรายวันก็สำคัญเช่นกัน!”


 


“…โดยสามัญสำนึกแล้ว แนวคิดของนักศึกษามหาลัยและซอร์ฟแวร์การจองตั๋วรถไฟนั้นเข้ากันไม่ค่อยได้ อย่างน้อยสำหรับผม จำนวนครั้งที่ผมเปิดซอร์ฟแวร์จองตั๋วจะไม่เกินสิบครั้งต่อปี ไม่ว่าเราจะอัพเกรดบริการจองตั๋วให้ดีแค่ไหน มันก็ไม่ได้สร้างความแต่งต่างมากนัก เพราะผู้ใช้ไม่ได้ใช้แอพอยู่เป็นประจำ”


 


“ข้อเสนอของผมคือการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่และไม่จำกัดตัวเองกับการจองตั๋วอีกต่อไป”


 


“ถ้าใครมีความคิดดีๆ เชิญพูดมาได้เลย”


 


ผู้จัดการปรบมือ เจ้าอ้วนอู๋กับลู่โจวก็ทำตามเช่นกัน


 


มืออาชีพ!


 


ลู่โจวคิดในใจ


 


นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจเก่งในด้านการตลาดและการดำเนินการผลิตภัณฑ์


 


ผู้ติดตามส่วนใหญ่บนเว่ยป๋อของลู่โจวเป็นนักศึกษามหาลัย นอกจากนี้ตอนที่เขาสร้างแอพ มันเป็นช่วงนักศึกษากลับมหาลัยพอดี ดังนั้นเขาจึงพัฒนาฟังก์ชั่นมากมายให้นักศึกษา และด้วยเหตุนี้ เขาจึงมองข้ามหลักการตลาดมากมาย


 


หลังจากหยวนวิเคราะห์การตลาดและความต้องการ ลู่โจวก็เข้าใจทันทีว่าเขามีปัญหามากแค่ไหน


 


นักศึกษาปีหนึ่งยกมือขึ้นแล้วเสนอ “ถ้าเราเพิ่มฟังก์ชั่นตารางเรียนล่ะ? หลักสูตรของมหาลัยเป็นปัญหามากกว่าของมัธยมปลาย นอกจากนี้บางครั้งก็มีเปลี่ยนคาบเรียนอีก”


 


หยวนลี่เหว่ยไม่ได้ตัดสินไอเดียนี้ทันที กลับกันเขาแค่ยิ้มแล้วใช้ชอล์คเขียนไอเดียลงบนกระดานดำ


 


ซอร์ฟแวร์ที่คล้ายๆแบบนี้มีอยู่แล้ว แต่การคัดลอกฟีเจอร์ที่คล้ายกันจากซอร์ฟแวร์อื่นไม่ใช่เรื่องแปลกในอุตสาหกรรมซอร์ฟแวร์


 


การสนทนาเริ่มเข้มข้นขึ้น


 


อีกคนแนะนำ “ทำไมเราไม่เพิ่มบันทึกวิชาล่ะ? การถ่ายรูปพาวเวอร์พ้อยนั้นยากเกินไป การบันทึกรูปลงในคลังก็ลำบากเช่นกัน ถ้ามีฟังก์ชั่นกล้องในซอร์ฟแวร์ ผู้ใช้สามารถถ่ายรูปแล้วบันทึกรูปเป็นวิชาๆไป…”


 


แม้ว่าในทางทฤษฏี นักศึกษาสามารถดาวน์โหลดพาวเวอร์พ้อยจากอาจารย์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจ พวกเขาจะถ่ายรูปหน้าสำคัญเอา


 


นี่ทำให้มีรูปภาพมากมายถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์ นอกจากนี้เนื่องจากนักศึกษามีหลักสูตรเรียนมากมาย รูปภาพจึงมั่วไปหมดและหาได้ยาก


 


แววตาของลู่โจวเปล่งประกาย


 


ฟีเจอร์นี้ดี


 


แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันทำได้…


 


หยวนลี่เหว่ยยังไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มต่อแล้วพยักหน้าก่อนที่จะเขียนไอเดียลงบนกระดานดำ


 


หลังจากนั้นก็มีไอเดียมากมายเริ่มปรากฏออกมา


 


ยกตัวอย่างเช่นบางคนก็แนะนำให้เพิ่มโมเดลย่อยของ’แคมปัสนิวส์’ที่ผู้คนจะสามารถแชร์ข่าวและเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่เกิดขึ้นในมหาลัย มันอาจเป็นแพล็ตฟอร์มเผยแพร่ข่าวสาธารณะเช่นกัน ยกตัวอย่างถ้าใครทำหนังสือหายหรือทำบัตรอาหารหาย พวกเขาก็จะโพสต์ลงบนแอพ…มันจะสะดวกยิ่งกว่าการโพสต์ลงบนฟีดข่าววีแชท


 


การสนทนายังดำเนินต่อไป ไม่นานพวกเขาก็สรุปว่าข่าวมหาลัย อีเว้นท์และข้อมูลงานสามารถโพสต์ได้เช่นกัน


 


แน่นอนพวกเขาต้องระมัดระวังข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมด้านการเงิน พวกเขาต้องหารือรายละเอียดนี้ในภายหลัง


 


เมื่อจบการสนทนา ไอเดียก็มีเกือบเต็มกระดานดำ


 


เมื่อพวกเขามองดูฟีเจอร์ต่างๆบนกระดาน ก็มีคนเอ่ยถามขึ้นมา “เราจะยังเรียกมันว่าแคมปัสเทรนด์?”


 


ลู่โจวก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ทันที


 


นั่นสิ เรายังควรเรียกมันว่าแคมปัสเทรนด์หรือ?


 


ซอร์ฟแวร์จองตั๋วรวมกับตารางเรียน บันทึกวิชา ข่าวมหาลัย อื่นๆ มันไม่เข้ากันนัก


 


แม้แต่ตอนที่เผชิญกับคำถาม หยวนลี่เหว่ยก็ไม่ได้ตกใจ เขาดันกรอบแว่นแล้วกล่าว “เห็นได้ชัดว่าแอพแคมปัสเทรนด์จะเป็นมากกว่าซอร์ฟแวร์จองตั๋ว ดังนั้นผมขอเสนอให้เปลี่ยนชื่อ”


 


เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็หันไปมองลู่โจว


 


ในฐานะประธานสมาคมแคมปัสเทรนด์ งานสำคัญแบบนี้ย่อมต้องให้ลู่โจวตัดสินใจ


 


ลู่โจวไม่ได้ตอบ แต่เขาเริ่มคิดอย่างรอบคอบ


 


ประมาณหนึ่งนาทีผ่านไป…


 


ขณะที่หยวนลี่เหว่ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ลู่โจวก็พลันพูดออกมา


 


“มีเหตุผล”


 


เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “งั้นเราจะเปลี่ยนชื่อเป็น…แคมปัสแอสซิสแตนท์(Campus Assistant)!”


ตอนที่ 90 คิดเข้าข้างตัวเองเป็นอาการป่วย


 


 


ลู่โจวไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนชื่อแอพเท่านั้น แต่เขายังเปลี่ยนชื่อสมาคมและบริษัทอีกด้วย


 


แอพแคมปัสแอสซิสแตนท์จะได้รับการอัพเดทรอบแรก หลังจากอัพเดท แอพจะมีชื่อว่า’แคมปัสแอสซิสแตนท์ 1.0′!


 


แคมปัสแอสซิสแตนท์ที่ผ่านการอัพเดทแล้วจะมีฟังก์ชั่นแคมปัสเทรนด์ทั้งหมด นี่หมายความว่าพวกเขาจะต้องโยกย้ายและแก้โค้ดหลักและทำหน้าอินเตอร์เฟสผู้ใช้ใหม่


 


อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ลู่โจวคนเดียวที่ลงสนามรบ แต่เขามีทีมอยู่ด้านหลังเช่นกัน


 


ส่วนโค้ดส่วนใหญ่ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค หรงไห่ ทำเสร็จไปแล้ว นอกจากนักศึกษาซอร์ฟแวร์ปีสามสองคน มีนักศึกษาซอร์ฟแวร์ปีหนึ่งที่เขียนอัลกอลิทึ่มง่ายๆและแก้ปัญหาบางอย่างด้วยเช่นกัน


 


การออกแบบอินเตอร์เฟสผู้ใช้เป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ออกแบบด้วยตนเอง ลู่โจวค้นพบว่าหยวนลี่เหว่ยเคยได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศในการแข่งขันนวัตกรรมธุรกิจมหาลัยระดับประเทศ ดังนั้นเขาจึงนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ


 


ตามการตัดสินใจในการประชุม ‘แคมปัสแอสซิสแตนท์’จะถูกสร้างใหม่ตามสไตล์ที่เรียบง่ายที่แคมปัสเทรนด์มี อินเตอร์เฟสหลักจะถูกแบ่งเป็นห้าโมดูล แต่ละโมดูลก็คือตารางเรียน บันทึกวิชา แผนการเรียน แคมปัสเทรนด์และแคมปัสมู้ด(campus mood)


 


นอกจากสี่ฟังก์ชั่นที่พูดในการประชุม แผนการเรียนถูกเพิ่มเข้ามาภายหลัง ฟังก์ชั่นนี้ถูกก๊อปมาจากแอพ’กลายเป็นนักเรียนอัจฉริยะ’ มันจะช่วยล็อคโทรศัพท์ตามเวลาที่ตั้งไว้และมันจะช่วยให้นักเรียนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำมีสมาธิ ฟังก์ชั่นนี้จะทำให้ไม่เกิดสถานการณ์อย่างการที่นักศึกษาไปอยู่ในห้องสมุดทั้งวันโดยไม่ได้ทำอะไรเลย


 


อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างแคมปัสแอสซิสแตนท์และกลายเป็นนักเรียนอัจฉริยะก็คือแอพแคมปัสแอสซิสแตนท์จะไม่ล็อคกล้องของโทรศัพท์ ด้วยวิธีนี้ผู้ใช้ยังสามารถใช้โทรศัพท์ถ่ายโน๊ตได้อยู่


 


แม้ว่าฟังก์ชั่นใหม่ทั้งสี่จะดูซับซ้อน แต่งานที่ต้องทำนั้นไม่ได้ยุ่งยากเลย โค้ดจำนวนมากสามารถคัดลอกมาจากต้นแบบและหอสมุดโค้ด อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่หรงไห่บอกลู่โจว


 


หรงไห่รับผิดชอบส่วนของ’ตารางเรียน’และ’บันทึกวิชา’ ส่วนที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อยอย่าง’แคมปัสมู้ด’กับ’แผนการเรียน’ลู่โจวจะทำด้วยตนเอง


 


ลู่โจวใช้แต้มทั่วไป 200 แต้มเพื่อพัฒนาโมดูลวันแรกโดยปราศจากความลังเล เขาใช้ระบบแก้ไขตรงส่วนที่ยากๆ ด้วยการใช้ระบบเข้าช่วย สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือการคัดลอกโค้ดจากสมองลงในคอมพิวเตอร์


 


แต้มทั่วไปเขาเหลืออยู่ 975 แต้ม


 


…..


 


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สายลมฤดูใบไม้ล่วงพัดผ่านไป เดือนตุลาคมผ่านไปอย่างเงียบๆ ไม่นานมันก็เป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของปี


 


เดือนพฤศจิกายน เมื่้อการบรรยายคณิตวิเคราะห์ 3 จบลง เอกคณิตก็มีบรรยากาศชื่นมื่น


 


แน่นอนนี่ไม่ใช่เพียงเพราะคาบคณิตวิเคราะห์หมดแล้วเท่านั้น


 


มันมีอีกเหตุผลที่สำคัญ นั่นก็คืองานแสดงประจำปีของมหาลัย งานแสดงร้องเพลงฤดูใบไม้ร่วง กำลังจะเริ่มต้นขึ้น


 


หัวหน้าห้องทุกคนจะมีใบลงทะเบียนอยู่ในมือและเดินไปทั่วหอพักเพื่อถามว่ามีใครอยากเข้าร่วมไหม จากปากอาจารย์ผู้รับผิดชอบ แต่ละห้องต้องมีนักศึกษาไปลงทะเบียนออดิชั่นอย่างน้อยหนึ่งคน แต่ละสมาคมต้องส่งอย่างน้อยสองคน หลังจากนั้นสภานักศึกษาจะเลือกคนที่ดีที่สุดเพื่อแสดง


 


เนื่องจากอิทธิพลของการแสดง บรรยากาศที่คึกคักก็เหมือนโรคระบาด แพร่ไปทั้งมหาลัย


 


สำหรับเหล่าคนโสดแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่จะแสดงความสามารถพิเศษ


 


ณ ทางเดินตามอาคาร ข้างทะเลสาบ หรือแม้แต่ใกล้ๆป่า…


 


มีเสียงเพลงดังออกมา


 


ณ หอพัก 201 ก็เช่นเดียวกัน


 


สือช่างขอให้หัวหน้าห้องลงชื่อเขา จากนั้นเขาก็หยิบกีตาร์ออกมาแล้วร้องเพลงที่เปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า


 


หวงกวงหมิงกำลังเล่นโทรศัพท์ แต่แล้วเขาก็ทนไม่ไหว นานๆทีเขาจะร้องเพลงไม่กี่ประโยคโดยหวังว่ามันจะแก้ไขระดับเสียงของสือช่าง


 


ส่วนหลิวรุ่ย เขาสวมที่อุดหูและกำลังเรียนฟิสิกส์ เพราะเขาไม่สนใจงานแสดงร้องเพลงฤดูใบไม้ร่วงนี่เลย…


 


ลู่โจวก็เช่นกัน เขาไม่สนใจงานนี้เลย อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะสวมหูฟัง เขาก็ได้ยินเสียงเสียดหูอยู่ดี เขากวาดสายตาดูแถวโค้ด เขากำลังตรวจสอบโค้ดของ’ทีมงานโปรแกรมเมอร์’เพื่อหาข้อผิดพลาดและปรับปรุงเท่าที่เป็นไปได้


 


ทันใดนั้นเอง QQ เขาก็กระพริบ


 


เมื่อลู่โจวมองมุมขวาล่าง เขาก็เห็นข้อความจากหวังเสี่ยวตง เขาจึงเปิดอ่าน


 


[งานแสดงร้องเพลงฤดูใบไม้ร่วง ฉันจะสารภาพรักกับเธอ]


 


ไม่แปลกใจเลยที่หมอนี่เป็นอัจฉริยะ ข้อความเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากข้อมูล


 


ลู่โจวถอนหายใจแล้วพิมพ์ไปห้าคำ


 


[ขอให้นายโชคดี]


 


ฉันจะพูดอะไรได้อีก?


 


ภารกิจฆ่าตัวตาย?


 


อำลา?


 


ถ้าหมอนี่มีความกล้าบ้างแล้วสารภาพรักกับเธอช่วงซัมเมอร์ หรือก่อนการแข่งขัน บางทีอาจมีความหวังเล็กน้อย


 


แต่ตอนนี้…


 


มีโอกาสอยู่เหรอ?


 


ผู้หญิงคนนี้เข้าใจผู้ชายดีเกินไป เธอไม่สามารถสร้างสัมพันธ์กับใคร เธอจะชักใยผู้ชายเสมอแล้วเล่นกับพวกเขา…


 


นอกจากวันที่เธอเหนื่อยและพบคนดีในที่สุด


 


มันอธิบายได้ยากว่าชายคนนั้นต้องดีแค่ไหน


 


ใครจะรู้


 


เขาจะต้องหล่อและมีพรสวรรค์อย่างน้อยครึ่งนึงของฉันใช่ไหม?


 


โชคร้าย…


 


ลู่โจวส่ายหน้า แทนที่ออกความเห็น เขากลับมาตรวจสอบโค้ดต่อ


 


เขาไม่เก่งเรื่องความรู้สึก


 


สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการวิเคราะห์ไปเรื่อย


 


หวังเสี่ยวตงไม่ได้ตอบ บางทีเขาอาจได้รับความกล้าจากการตอบของลู่โจวแล้ววางแผนสารภาพรักอย่างพิถีพิถัน


 


ซีนสารภาพรักนั้นคงเลวร้าย…


 


ลู่โจวจินตนาการไม่ออกเลย


 


ทันใดนั้นเองไดอาล็อกบอกซ์ของเสี่ยวไอก็กระพริบ


 


ลู่โจวเปิด


 


เสี่ยวไอ : [คำถาม สารภาพรักคืออะไร?]


 


ลู่โจวส่ายหน้าแล้วยิ้มก่อนจะพิมพ์ลงไป


 


[มันเป็นความรัก]


 


[ท่านรักฉัน?]


 


ลู่โจว “…”


 


[…ฉันไม่ได้บอกให้อ่านข้อมูลแชทของฉันใช่ไหม? ไปวิเคราะห์ข้อความกลุ่มไป]


 


ลู่โจวกดปุ่มเอนเทอร์


 


บัดซบ นึกดูสิ มันเรียนรู้การหลงตัวเอง…บางทีมันอาจเรียนรู้จากผู้หญิงไร้ยางอายในกลุ่มแชท


 


พัดลมในเครื่องหมุนดังหึ่งๆอยู่หลายครั้งเหมือนกับว่ามันกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง


 


หลังจากนั้นสักครู่ เสี่ยวไอก็ตอบ


 


[ค่ะ นายท่าน (เศร้า.jpg)]


 


ลู่โจว “???”


 


อะไรนะ? มันฉลาดขนาดนี้แล้ว?


 


มันใช้อิโมจิได้ด้วย?


 


แน่นอนลู่โจวรู้ว่าที่จริงเสี่ยวไอใช้การวิเคราะห์ตามบริบทแล้วตัดสินใจว่าภาพนี้เหมาะสมที่สุด


 


ส่วนเสี่ยวไอจะเข้าใจความหมายของภาพจริงไหมนั้น…


 


เขารู้สึกกังขา


 


ลู่โจว [อย่าส่งรูปมากนัก มันใช้งานซีพียูมากขึ้นจนทำให้ฉันช้าลง]


 


เสี่ยวไอ [ค่ะ นายท่าน (เศร้า.jpg)]


 


ลู่โจว “…”


ตอนที่ 91 ภารกิจวิจัยฟิสิกส์?


 


 


เช้าวันต่อมา ลู่โจวได้รับสายจากศาสตราจารย์ถัง ดังนั้นเขาจึงไปตึกวิจัย


 


ทันทีที่เขาเข้าไปในออฟฟิศศาสตราจารย์ถัง เขาก็เห็นอาจารย์ฟิสิกส์ของเขา ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินอยู่ในห้องด้วย


 


นี่คือ?


 


“ทำไมเธอถึงยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ มานั่งสิ” ศาสตราจารย์ถังกล่าว จากนั้นเขาก็วางขวดสูญญากาศลงแล้วยิ้ม “ช่วงนี้เธอทำอะไร?”


 


“ส่วนใหญ่ผมทำแคมปัสแอสซิสแตนท์…”


 


ลู่โจวยิ้ม จากนั้นเขาก็ทักทายศาสตราจารย์หลี่หรงเอินอย่างสุภาพก่อนจะนั่งลงบนโซฟา


 


ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นไงบ้าง? มีการพัฒนาขึ้นบ้างไหม?”


 


ลู่โจวกระแอมเสียงเบาก่อนจะตอบ “เหมือนเดิมครับ…”


 


จนถึงตอนนี้มันยังไม่มีการพัฒนาอะไรใหญ่ๆเลย แต่ยังไม่ได้ปล่อยอัพเดท ดังนั้นใครจะรู้?


 


สมมุติแอพล้มเหลว…


 


“ศาสตราจารย์ถังเรียกผมมาทำไมเหรอครับ?”


 


ลู่โจวรีบเข้าประเด็น


 


“อาจารย์ไม่ได้เป็นคนอยากเจอเธอ” ศาสตราจารย์ถังกล่าวพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “เป็นศาสตราจารย์หลี่ ช่วงนี้เขาวิจัยวิทยาศาสตร์แล้วเจอคอขวด เขาอยากให้อาจารย์หาผู้เชี่ยวชาญไปช่วย อันที่จริงอาจารย์ก็อยากช่วยเขาเองนะ แต่อาจารย์ยุ่งกับโปรเจ็คของตัวเองมาก อาจารย์มาลองคิดดู นักศึกษาปริญญาเอกและปริญญาโทส่วนใหญ่ที่อาจารย์รู้จักไม่ได้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์หน้าที่เท่าเธอ แต่อาจารย์ไม่รู้ว่าศาสตราจารย์หลี่จะพอใจไหม”


 


ศาสตราจารย์หลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ฮ่าๆ ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้น? คุณส่งนักศึกษาอันดับหนึ่งของสาขาคณิตศาสตร์ให้ฉัน ฉันต้องอ้าแขนต้อนรับอยู่แล้ว!”


 


อ่า คุณชมผมเกินไปแล้ว!


 


ภายนอกลู่โจวยังคงถ่อมตัวอยู่ ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วกล่าว “ศาสตราจารย์ คุณยกยอผมเกินไป ผมไม่ใช่อันดับหนึ่งของสาขา”


 


นักศึกษาปริญญาโทสองคนที่กำลังวิจัยไม่ได้พูดอะไรเลย แต่พวกเขากลอกตามองบน


 


บัดซบ ทำไมคุณถึงแสร้งถ่อมตัวได้ห่วยแบบนั้น กลัวคนอื่นมองไม่ออกรึไง?


 


เวรเอ้ย!


 


“เอาล่ะ เลิกถ่อมตนได้แล้ว” ศาสตราจารย์ถังทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมา เขากล่าวต่อ “เธอแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก พูดมาตรงๆ เธอจะทำโปรเจ็คนี้ไหม? อาจารย์หาคนอื่นได้”


 


“ครับ! แน่นอน” ลู่โจวกล่าวและตอบตกลงทันที จากนั้นเขาก็ถาม “ผมขอถามได้ไหมว่าโปรเจ็คนี้เกี่ยวกับอะไร?”


 


มีโอกาสไม่มากนักที่นักศึกษาปริญญาตรีจะเข้าร่วมโปรเจ็ควิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาขาคณิตศาสตร์ที่เงินทุนแน่นอยู่แล้ว ดังนั้นโปรเจ็ควิจัยจึงมีความต้องการระดับสูง ถ้านักศึกษาปริญญาตรีสามัญอยากทำงานในแล็บ พวกเขาก็ต้องขอร้องศาสตราจารย์


 


แน่นอนว่ามีโปรเจ็ควิจัยวิทยาศาสตร์ไม่มากนักในสาขาคณิตศาสตร์ อย่างไรก็ตามความมีประโยชน์ของคณิตศาสตร์ นักศึกษาคณิตศาสตร์จำนวนมากจึงมีโอกาสเข้าร่วมโปรเจ็คจากสาขาอื่นๆ


 


โปรเจ็คที่มีความต้องการมากที่สุดมาจากสาขาฟิสิกส์


 


ทุกคนรู้ว่าสาขาฟิสิกส์มหาลัยจินหลิงมีโปรเจ็ควิจัยมากที่สุด และมีเงินทุนมากที่สุด ตั้งแต่ฟิสิกส์นิวเคลียร์ไปจนถึงวัสดุกึ่งตัวนํา ตั้งแต่โปรเจ็ควิจัยระดับประเทศไปจนถึงโปรเจ็คที่ร่วมมือกันของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นโปรเจ็คไหนก็สร้างผลลัพธ์ที่ทรงค่า!


 


ด้วยเหตุนี้เมื่อนักศึกษาปริญญาโทสองคนได้ยินว่าลู่โจวได้รับเชิญไปร่วมโปรเจ็ควิจัยฟิสิกส์กับศาสตราจารย์หลี่หรงเอิน พวกเขาจึงอิจฉามาก


 


ทุกคนรู้ว่าศาสตราจารย์หลี่หรงเอินเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวิจัยนาโนคาร์บอน


 


สถาบันนี้ถือเป็นสถาบันที่ได้รับเงินทุนมากที่สุดในมหาลัยจินหลิง!


 


อย่างไรก็ตามเจ้าหนูลู่โจวคนนี้มีคุณสมบัติเกินกว่าที่พวกเขาจะอิจฉาได้


 


ได้รับข้อเสนอจากมหาลัยนิวยอร์กตั้งแต่ปีหนึ่ง เพราะวิทยานิพนธ์ SCI และยังแก้ไขปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลกได้ตอนปีสอง ลู่โจวนำหน้านักศึกษาปริญญาโททั้งสองไปแล้ว


 


ศาสตราจารย์หลี่ยิ้มแล้วกล่าว “งานวิจัยเกี่ยวกับการใช้ท่อนาโนคาร์บอน(carbon nanotube)เปลี่ยนแปลงคุณภาพของวัสดุผสมซีเมนเบส! ส่วนใหญ่ใช้ในการควบคุมอุทกภัย ป้องกันภัยพิบัติ การถมดินและแท่นสะพาน เป็นต้น โปรเจ็คนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมณฑลเจียงซูและกองทุนวัสดุศาสตร์ การเข้าร่วมโปรเจ็คนี้จะเป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าในอนาคตของเธอมาก”


 


ใช้ท่อนาโนคาร์บอนเปลี่ยนแปลงคุณภาพของวัสดุผสมซีเมนเบส?


 


มันฟังดูยอดมาก


 


ลู่โจว “ศาสตราจารย์หลี่ ผมไม่คุ้นเคยกับวัสดุศาสตร์ ศาสตราจารย์บอกผมได้ไหมว่าผมต้องทำอะไร?”


 


ศาสตราจารย์หลี่ยิ้มแล้วกล่าว “ไม่ต้องห่วง ทุกคนเริ่มจากศูนย์ ส่วนเธอจะทำอะไร เมื่อถึงเวลาอาจารย์จะแบ่งงานให้เอง ให้พูดเจาะจงก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลสเปกตรัมอินฟาเรดฟูเรียร์ที่ถูกเก็บสะสมไว้”


 


แค่นั้น?


 


ลู่โจวถอนหายใจด้วยความโล่งอก


 


นั่นมันง่ายมาก เพราะเขาเชี่ยวชาญการวิเคราะห์หน้าที่


 


ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วกล่าว “ไม่มีปัญหา! ผมจะทำ ผมจะรายงานให้อาจารย์ตอนไหน?”


 


“งั้นมาเริ่มตอนนี้เลย” ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินกล่าวแล้วลุกจากโซฟา จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วกล่าวกับศาสตราจารย์ถัง “งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้ว ฉันขอยืมนักศึกษาที่มีค่าของคุณก่อนนะ!”


 


“ฮ่าๆ ไม่ต้องเกรงใจ เชิญเลย แค่จำไว้ว่าต้องคืนตัวเขากลับมาก็พอ!” ศาสตราจารย์ถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


…..


 


สถาบันวิจัยนาโนคาร์บอนของมหาลัยจินหลิงถูกตั้งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือของวิทยาเขต อยู่ถัดจากเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงรายไปหอดูดาว


 


ใครจะคิดล่ะว่าห้องแล็บที่มีอุปกรณ์หลายร้อยล้านจะอยู่ในอาคารที่น่าเกลียดนี้?


 


อย่างน้อยลู่โจวก็คาดไม่ถึง


 


เขาไม่เคยมาส่วนนี้ของวิทยาเขต


 


“นี่คือสถาบันวิจัยนาโนคาร์บอนของมหาลัยเรา ดูจากภายนอกมันค่อนข้างน่าผิดหวังใช่ไหม?” ศาสตราจารย์หลี่พูดติดตรก


 


ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ผมไม่ได้ผิดหวัง แต่ดูจากข้างนอกมันค่อนข้างธรรมดา”


 


“ความลึกลับที่ไม่ธรรมดามักจะถูกซ่อนอยู่ในสิ่งที่ธรรมดา เช่นเดียวกับสิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่ตอนนี้ เศษกราไฟท์ที่สามารถมองเห็นได้ทุกที่ มันอาจเบากว่าน้ำ มันอาจหนักกว่าเหล็ก…ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการวิจัยของเรา มันขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะปรับความสัมพันธ์ระหว่างอนุภาคเล็กๆเหล่านั้นอย่างไร”


 


ขณะที่เดินไปที่ทางเข้าหลักของสถาบัน ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินก็พูดเรื่องฟิสิกส์กับลู่โจว


 


มันไม่มีความแตกต่างระหว่างการตกแต่งภายในของสถาบันและอาคารเรียนปกติ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือไม่มีห้องเรียน มีแต่ห้องที่มีป้ายต่างๆ และห้องแล็บที่มีอุปกรณ์ต่างๆนาๆ


 


เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ทดลองที่ทันสมัยที่แสดงอยู่ที่นี่ อุปกรณ์ทดลองที่ลู่โจวเคยเห็นมาเป็นเหมือนของเล่นของเด็ก


 


หลังจากศาสตราจารย์หลี่หรงเอินพาลู่โจวมาที่ทางเข้า เขาก็พบนักศึกษาปริญญาโทผอมสูงที่กำลังสวมเสื้อโค้ทห้องแล็บ


 


“เสี่ยวหลิว พาเขาไปเดินรอบๆแล้วช่วยให้เขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม อาจารย์ยังมีเรื่องต้องทำ อาจารย์จะกลับไปที่วิทยาเขตก่อน เมื่อเธอได้ข้อมูล เธอก็ส่งมาให้อาจารย์ทางเมลล์”


 


“ครับ ศาสตราจารย์หลิว” นักศึกษาปริญญาโทที่ชื่อเสี่ยวหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


หลังจากศาสตราจารย์หลี่หรงเอินส่งลู่โจวให้เสี่ยวหลิว เขาก็จากไป


 


เสี่ยวหลิวดันกรอบแว่นแล้วยื่นมือออกมาและกล่าว “ฉันแซ่หลิว ชื่อโป เรียกฉันว่าหลิวโปก็พอ!”


 


“ลู่โจว” ลู่โจวกล่าวและจับมือ เขาเสริม “หลิวโป ยินดีที่ได้พบ!”


 


“ฮ่าๆ ลู่โจวใช่ไหม? สวัสดี สวัสดี ฉันเคยได้ยินชื่อนายมาก่อน” หลิวโปกล่าว จากนั้นเขาก็ปล่อยมือแล้วทำท่าทางต้อนรับ “เชิญทางนี้”


 


ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ตรงทางเดิน หลิวโปก็เริ่มเล่าเรื่องสถานการณ์ของสถาบันให้ลู่โจวฟัง


 


มันเป็นเหมือนชื่อที่บอกกลายๆ หัวข้อการวิจัยหลักของสถาบันวิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่วัสดุนาโนคาร์บอน งานวิจัยโปรเจ็คย่อยเช่น ท่อนาโนคาร์บอน ฟูลเลอรีนและแกรฟีน


 


จากที่หลิวโปกล่าวมา อุปกรณ์ออปโตอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์ตรวจจับโฟโตอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกผลิตมา 99 เครื่อง ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อรบกวนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพัลส์และความเสียหายของส่วนประกอบ ส่วนข้อมูลเฉพาะ มันเป็นความลับ แม้แต่หลิวโปก็ไม่ทราบ


 


นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยสาธารณะมากมาย ยกตัวอย่างการวิจัยเกี่ยวกับการยับยั้งเนื้องอกโดยใช้ PFC NP(perfluorocarbon nanoparticles) ไม่นานมันก็ให้ผลลัพธ์ที่ทำให้เกิดแนวคิดใหม่สำหรับการรักษามะเร็ง


 


ทั้งหมดนี้เป็นโปรเจ็ควิจัยที่ล้ำสมัย


 


หลิวโปพูดถึงโปรเจ็คของตนอย่างลวกๆ


 


“โปรเจ็คที่เรากำลังทำอยู่ไม่ได้น่าตกใจเหมือนโปรเจ็คอื่น มันเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ดังนั้นมันจึงสำคัญมาก! แน่นอนนายไม่ต้องกดดันมากไป นายต้องวิจัยด้วยจิตใจที่สงบ นายไม่อาจเร่งรีบได้”


 


เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าห้องแล็บ หลิวโปก็มองกลับมาหาลู่โจว จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วกล่าว “ถึงแล้ว เราทำงานกันที่นี่แหละ!”


ตอนที่ 92 ความสำคัญของความเชื่อในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์


 


 


“…ส่วนใหญ่เราจะทดลองกับที่นี่ แต่มีอุปกรณ์จำนวนมากอยู่ในวิทยาเขตเก่า บางครั้งเมื่อฉันอยากทดลองอะไรบางอย่าง ฉันก็ต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปที่นั่น แต่ทุกวันนี้ดีขึ้นแล้ว ทั้งแล็บจากที่นั่นถูกย้ายมานี่แล้ว”


 


“เราจำเป็นต้องเดินทางๆบ่อยๆหรือ?” ลู่โจวถาม


 


“ไม่ต้อง” หลิวโปกล่าว เขายิ้มแล้วกล่าวต่อ “ฟูเรียร์อินฟราเรดสเปคโตรสโคปีทำเสร็จแล้ว นายไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับการทดลอง นายแค่ต้องช่วยเราวิเคราะห์ข้อมูลการทดลอง เดี๋ยวจะมีคนเอาโต๊ะมาให้นาย จากนี้ไป นายเป็นสมาชิกทีมของโปรเจ็ควิจัยของเรา!”


 


ปลิวโปเปิดประตูออฟฟิศ


 


ที่ฝั่งซ้ายของห้อง มีชายสวมเสื้อยืดหัวเกลี้ยงเกลากำลังหันหน้าเข้าหาประตูห้องแล็บ เขากำลังเล่นกับอุปกรณ์ที่เหมือนเครื่องปริ้นส์ เขาไม่ได้สังเกตเห็นคนที่เข้ามาเลย


 


หลิวโปพาลู่โจวเดินมาแล้วสะกิดไหล่ของชายคนนี้ เมื่อชายคนนี้หันหน้ามา หลิวโปก็ยิ้มแล้วกล่าว “ฉันจะแนะนำให้นายรู้จัก เขาคือเฉียนจ้งหมิง นายจะเรียกรุ่นพี่เฉียนก็ได้”


 


“รุ่นพี่เฉียน ยินดีที่รู้จัก!”


 


เฉียนจ้งหมิงดูแข็งทื่อไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่ได้เป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดีเท่าหลิวโป


 


เขามองลู่โจวแล้วกล่าว “นายคือลู่โจวจากเอกคณิต?”


 


“ครับ” ลู่โจวตอบด้วยรอยยิ้ม


 


เฉียนจ้งหมิงพยักหน้าแล้วกล่าว “นายรู้วิธีใช้แมตแล็บไหม?”


 


“นิดหน่อยครับ”


 


“นิดหน่อยก็พอแล้ว” เฉียนจ้งหมิงกล่าวและพยักหน้า เขาหยิบ USB จากโต๊ะก่อนจะเอาให้ลู่โจวแล้วกล่าว “มีเอกสารและแนะนำเบื้องต้นอยู่ในนี้ รวมถึงแบบฟอร์มที่เราขอสมัครรับทุนวิจัย พอนายอ่านเสร็จ นายจะมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับงานวิจัยของเรา…เอ้อ อย่าอัพโหลดบนโลกออนไลน์ล่ะ”


 


แม้ว่ามหาลัยในประเทศส่วนใหญ่จะร่วมมือกันในด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่พวกเขาก็ยังแข่งกันเอง โปรเจ็ควิจัยที่คล้ายๆกันก็ถูกทำโดยมหาลัยอื่นเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วคนๆแรกที่ค้นพบการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ก็จะได้รับความดีความชอบไปทั้งหมด


 


การแข่งขันกันระหว่างห้องแล็บก็ดุเดือดเช่นกัน เพราะใครที่ค้นพบมันเป็นคนแรกก็จะได้รับความดีความชอบไปทั้งหมด


 


ด้วยเหตุนี้ สิ่งแรกที่หัวหน้าโปรเจ็คหลายคนทำตอนตื่นนอนก็คือการค้นคว้าโปรเจ็คที่คล้ายๆกันเพื่อหาว่ามีใครลอกเลียนแบบไปหรือไม่


 


“แค่นี้?” ลู่โจวถามขณะถือ USB


 


“ตอนนี้ก็มีแค่นี้แหละ ตัวอย่างใหม่พึ่งมาถึง และข้อมูลยังรวบรวมไม่เสร็จ มันค่อนข้างช้า เราเลยจะไปเอาพรุ่งนี้” เฉียนจ้งหมิงจับจมูกแล้วกล่าว


 


“ข้อมูลสเปกตรัมอินฟราเรดฟูเรียร์รวบรวมที่ไหน? ในวิทยาเขตเก่าหรือ?”


 


รุ่นพี่เฉียนชี้ลงไปที่เท้าแล้วกล่าว “ตรงนี้”


 


“ตรงนี้?”


 


ลู่โจวมองไปรอบๆและไม่เห็นอุปกรณ์เจ๋งๆเลย


 


อย่างน้อยมันก็น่าประทับใจน้อยกว่าห้องแล็บข้างๆ


 


“ถูกต้อง” เฉียนจ้งหมิงกล่าวและพยักหน้า จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เครื่องปริ้นส์ที่ดูล้าสมัยแล้วกล่าว “นี่ไง”


 


“นี่อะเหรอ?!” ลู่โจวอ้าปากค้างแล้วมองดูอุปกรณ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่จะเป็นอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย


 


“ใช่แล้ว” เฉียนจ้งหมิงกล่าวและพยักหน้า มันราวกับว่าเขาเดาได้ว่าลู่โจวกำลังคิดอะไร เขาจึงกล่าว “เทนเซอร์-2(TENSOR-II) ฟูเรียร์ทรานส์ฟอร์มอินฟราเรดสเปกโตรสโคปี(Fourier Transform Infrared Spectroscopy)เกรดวิจัย ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัทบรูเกอร์(Bruker)ประเทศเยอรมัน กระจกทองคำในตัวมีการสะท้อนแสงสูงกว่ากระจกอลูมิเนียม 6.5% มันมีการต้านออกซิไดซ์ที่แข็งแกร่ง ประสิทธิภาพการออปติคอลที่มีเสถียรภาพ…”


 


ลู่โจวฟังเขาพูดด้วยสีหน้ามึนงง


 


แม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องในช่วงซัมเมอร์ แต่เขาก็ไม่ได้แตะต้องหนังสือเฉพาะทางแบบนี้


 


“เอาล่ะๆ เลิกขู่เด็กได้แล้ว” หลิวโปกล่าวพลางตบบ่าของชายคนนี้แล้วหัวเราะให้ลู่โจว “บางทีเจ้าหมอนี่ก็พูดมากไปนิด ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เราจะไปรวบรวมข้อมูลฟูเรียร์อินฟราเรดสเปกโตรสโกปีมาเป็นตัวอย่างใหม่ ถ้านายสนใจ นายก็มา แต่ต้องตื่นเช้าๆ เราจะไปแปดโมงตรง”


 


“ทำไมถึงเร็วขนาดนั้นล่ะ? มีเหตุผลอะไรไหม?” ลู่โจวถามด้วยความสงสัย


 


หลิวเปากล่าว “เรายืนยันว่าอุณภูมิในตอนเช้านั้นเหมาะสม แต่จากนั้นเราก็ปรับแอร์แล้วพบว่ามันไม่ได้สร้างความแตกต่าง…เอ่อ เราไม่รู้เหมือนกัน พูดง่ายๆเราเชื่อว่าการทดลองตอนแปดโมงจะทำให้เรามีอัตราความสำเร็จที่สูงขึ้น”


 


ความเชื่อนี่มันอะไรกัน?


 


ลู่โจวอึ้ง


 


ทำไมความเชื่อถึงสำคัญในการทดลองทางวิทยาศาสตร์?


 


เอ่อ?…


 


…..


 


ลู่โจวตรวจสอบบัค(bug)เสร็จแล้ว บวกกับหยวนลี่เหว่ยกับหรงไห่ดูแลแคมปัสแอสซิสแตนท์อยู่ เขาจึงต้องทำอะไรมากนัก


 


เมื่อลู่โจวกลับมาที่หอพักพร้อมกับUSBที่รุ่นพี่เฉียนมอบให้ เขาก็คัดลอกเอกสารลงในคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มอ่านอย่างระมัดระวัง


 


สามเดือนก่อน ช่วงซัมเมอร์ เนื่องจากภารกิจ ลู่โจวจึงอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับโปรเจ็ควิจัยมาบ้าง อย่างไรก็ตามหนังสือเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นความรู้พื้นฐาน มันไม่ได้ลงลึกนัก


 


คาร์บอนนาโนทิวป์เป็นสาขาที่ค่อนข้างชั้นสูง สาขานี้พัฒนาอยู่เสมอ ถ้าใครอยากเข้าใจสาขานี้อย่างลึกซึ้ง คนๆนั้นก็ต้องอ่านวิทยานิพนธ์เป็นจำนวนมาก


 


โปรเจ็ควิจัยของศาสตราจารย์หลี่หรงเอินเกี่ยวกับการค้นพบการประยุกต์ใช้คาร์บอนนาโนทิวป์ที่หลากหลายกว้างขวาง


 


คาร์บอนนาโนทิวป์ผนังชั้นเดียวถูกปรับปรุงให้กระจายตัวได้ง่ายในตัวทำละลายมีขั้วอย่างน้ำ แอลกอฮอล์และไดเม็ทธิลฟอร์มาร์ไมด์ในรูปแบบคอลลอยด์ เนื่องจากคุณสมบัติเหล่านี้ คาร์บอนนาโนทิวป์จึงเริ่มถูกศึกษาโดยนักวิจัยมากมายโดยถือเป็นวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ยุคถัดไป การประยุกต์ใช้วัสดุผสมก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประยุกต์ใช้นาโนทิวป์ในอุตสาหกรรมซีเมนต์และผลิตเหล็กก็กลายเป็นกระแสเช่นกัน…


 


อย่างน้อยก็ในประเทศ


 


หลังจากอ่านหนังสือยื่นคำร้องเงินทุน ลู่โจวก็เปิดโฟลเดอร์ที่เก็บเอกสาร


 


เนื่องจากรุ่นพี่เฉียนเตรียมวิทยานิพนธ์ที่จำเป็นให้เขาอ่านแล้ว มันจึงช่วยเขาร่นเวลาไปอย่างมาก


 


ขณะที่เขาอ่านวิทยานิพนธ์ เขาก็พบว่าวิทยานิพนธ์ประมาณ 30% มาจากมหาลัยจินหลิง


 


ลู่โจวคิดว่ามหาลัยจินหลิงยังคงน่าทึ่งอยู่


 


มีมหาลัยที่ดีกว่ามหาลัยจินหลิงในเรื่องการวิจัยวัสดุกลุ่มคาร์บอนคือมหาลัยเยี่ยนและอาจเป็นมหาลัยสุ่ยมู่เท่านั้น


 


แน่นอนแม้ว่าจะมีงานวิจัยที่คนรุ่นก่อนเตรียมไว้ แต่มันก็ยังมีปัญหาทางเทคนิคมากมายที่ต้องแก้ไข ปัญหาที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดก็คือคาร์บอนนาโนทิวป์ ในฐานะฟิลเลอร์ระดับนาโน มันไม่สามารถกระจายกันอย่างสม่ำเสมอภายในเมทริกซ์หรือจับตัวกันอยู่ในเมทริกซ์ จากนั้นหลังจากการกระตุ้น ความแข็งแกร่งของวัสดุเมทริกซ์ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น กลับกันคุณสมบัติโดยธรรมชาติของวัสดุเมทริกซ์ได้รับความเสียหายแทน


 


คอขวดที่ทีมวิจัยที่นำโดยศาสตราจารย์หลี่หรงเอินพบเหมือนจะเป็นสิ่งนี้


ตอนที่ 93 ผู้แพ้ที่มีความสามารถ


 


 


ลู่โจวใช้เวลาอ่านวิทยานิพนธ์ทั้งวัน กว่าลู่โจวจะปีนขึ้นไปนอน หลิวรุ่ยก็นอนกรนไปแล้ว


 


วันต่อมา ลู่โจวตื่นแต่เช้า


 


เขาไปโรงอาหารแล้วซื้อซาลาเปามาสองลูกก่อนจะไปห้องแล็บตรงเวลา


 


เมื่อเขามาถึง เขาก็เห็นรุ่นพี่เฉียนกับหลิวโปเริ่มทำงานกับอุปกรณ์แล้ว


 


งานของพวกเขาวันนี้คือการวาด FTIR สเปกตรัมของแต่ละตัวอย่างโดยฟูเรียร์อินฟราเรดสเปกโทรสโกปีและบันทึกการดูดซึมสูงสุดของหมู่ฟังก์ชั่นต่างๆและพันธะเคมีในปฏิกิริยาการควบแน่นขั้นต้นของตัวอย่างการดัดแปลงคาร์บอนนาโนทิวป์


 


“…งานวิจัยของเราส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความสามารถการละลายของคาร์บอนนาโนทิวป์ในซีเมนต์และปรับปรุงพันธะระหว่างคาร์บอนนาโนทิวป์กับวัสดุผสม” รุ่นพี่เฉียนกล่าวและแนะนำให้ลู่โจวขณะทำการทดลอง “แต่เราไม่ได้มองความคืบหน้าการทดลองในแง่ดีนัก ศาสตราจารย์หลี่น่าจะบอกนายแล้วว่าเราเจอคอขวด…”


 


ลู่โจวที่ดูอยู่ข้างๆเอ่ยถาม “ปัญหาอยู่ไหน?”


 


“ปัญหาคือข้อมูลที่เราคำนวณโดยใช้เครื่องวิเคราะห์ฟูเรียร์เอนฟราเรด ดูนี่สิ” รุ่นพี่เฉียนกล่าวและชี้ไปที่ภาพ FTIR ที่พึ่งพิมพ์ออกมา จากนั้นเขาก็ถาม “นายเห็นไหม?”


 


ลู่โจวข่มความรู้สึกอยากใช้แต้มทั่วไปและเพ่งดูกระดาษ A4 ที่ยังอุ่นๆอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่เรียนรู้จากวิทยานิพนธ์ที่อ่านเมื่อวานได้ เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างและเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับภาพนี้


 


“ลักษณะพิเศษสูงสุดของตัวอย่างซีเมนต์หมายเลข 2 ผิดปกติไหม?” ลู่โจวถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ


 


“ถูกต้อง แต่ก็ไม่ถูกนัก” รุ่นพี่เฉียนกล่าวและพยักหน้า เขาชี้ไปที่ภาพ FTIR แล้วกล่าวต่อ “ตัวอย่างหมายเลข 2 คือตัวอย่างซีเมนต์ที่ผสมกับคาร์บอนนาโนทิวป์ 1 และทดสอบตามคุณสมบัติเชิงกลของวัสดุ เป็นผลให้ตัวอย่างที่สองของเราทำงานได้ค่อนข้างดีในการทดสอบการต้านทานแรงอัด แต่ประสิทธิภาพในการทดสอบแรงดึงนั้นไม่น่าพอใจนัก จากข้อมูลลักษณะพิเศษสูงสุดที่อายุ 6-10 ชั่วโมงในภาพ FTIR ตอนแรกเราคิดว่าวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ขัดขวางกระบวนการพอลิเมอไรเซชันของซิลิกาเตตราฮีดรอน(silicon tetrahedron)ของเจลแคลเซียม ซิลิเกต ไฮเดรต ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของโพรงในซีเมนต์ที่อยู่ในระยะสุดท้ายของปฏิกิริยาการควบแน่น”


 


“แล้วปัญหาอยู่ตรงไหน?” ลู่โจวถามด้วยความสงสัย “ผมหมายถึง…เนื่องจากเรารู้เหตุผลว่าทำไมความต้านทานแรงดึงของตัวอย่างที่ 2 ถึงไม่เป็นที่น่าพอใจ เราแก้มันได้ไหม?”


 


“มันไม่ใช่ตัวอย่างนั้น” รุ่นพี่เฉียนตอบด้วยสีหน้าโง่งม จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “เราพยายามหลายวิธีแล้ว รวมถึงการใช้เมลามีนเป็นสารตั้งต้นของไนโตรเจน และบดคาร์บอนนาโนทิวป์ในเครื่องบดแบบลูกบอลภายใต้สูญญากาศ โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนการผลิต พื้นผิวของคาร์บอนนาโนทิวป์ถูกเปลี่ยนแปลง…แต่จากข้อมูลการทดสอบแรงดึงของตัวอย่างหมายเลข 27 กับหมายเลข 28 ผลลัพธ์ก็แย่พอกัน”


 


ลู่โจวเข้าใจว่าส่วนใหญ่มันเป็นยังไง แต่เขาก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหา


 


เขาพยักหน้าแล้วถาม “คุณอยากให้ผมทำอะไร?”


 


รุ่นพี่เฉียน “เพื่อหาทางแก้ เราจึงทำการทดลองไปมากมายแล้ว เงินทุนยังพอให้เราทดลองเพิ่มอีกสองครั้ง แต่ไม่กี่วันก่อน เราได้รู้ว่าห้องแล็บวัสดุศาสตร์อาจแซงหน้าเราไปแล้ว เราต้องรีบ”


 


รุ่นพี่เฉียนเงียบไปชั่วครู่แล้วถอนหายใจ


 


“เราต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ โดยเฉพาะเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์หน้าที่และช่วยเราวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองเหล่านี้เพื่อดูว่าเราจะหาเบาะแสที่มีค่าได้ไหม มันคงดีถ้าเราหาได้ว่าวัสดุซีเมนต์คาร์บอนนาโนทิวป์แค่ไหนถึงมีผลจากปฏิกิริยาการควบแน่น ฉันวิเคราะห์หน้าที่ผ่านการเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ฉันยังไม่รู้ว่าจะวิเคราะห์ข้อมูลนี้ยังไง ฉันต้องขอฝากความไว้วางใจให้กับผู้เชี่ยวชาญอย่างนาย”


 


เช่นเดียวกับสาขาคณิตศาสตร์ไม่มีหลักสูตรของฟิสิกส์วัสดุ สาขาฟิสิกส์ประยุกต์ก็ไม่มีหลักสูตรการวิเคราะห์หน้าที่เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วจำนวนคนที่มีปริญญาตรีสองใบก็เป็นส่วนน้อยนิด ส่วนใหญ่จะเรียนรู้ด้วยตนเองตามทิศทางการวิจัยเมื่อขึ้นปริญญาโท


 


หลังจากคิดสักครู่ ลู่โจวก็กล่าวอย่างจริงจัง “ผมรับประกันไม่ได้ว่าผมจะประสบความสำเร็จ แต่ผมจะพยายาม…คุณต้องการผลเมื่อไหร่?”


 


“ยิ่งเร็วยิ่งดี ไม่ใช่ว่าฉันรอไม่ได้…แต่ได้ในสามวันจะดีที่สุด” รุ่นพี่เฉียนกล่าวหลังจากลองคิดคำนวณดู จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “หลังจากสามวัน ไม่ว่าจะมีผลลัพธ์หรือไม่มี ฉันก็หวังว่าอย่างน้อยนายจะมารายงานความคืบหน้าให้ฉัน”


 


ลู่โจวพยักหน้าแล้วกล่าว “ผมจะพยายามให้ดีที่สุด”


 


หลังจากลู่โจวได้รับมอบหมายงานจากรุ่นพี่เฉียน เขาก็ไปห้องสมุด


 


แม้ว่าเสี่ยวโปจะให้โต๊ะทำงานในห้องแล็บ แต่ห้องแล็บมันดูวังเวงเกินไป


 


ลู่โจวชอบบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาในห้องสมุด


 


เมื่อเขานั่งลงท่ามกลางเหล่าผู้ที่กำลังเรียนอยู่ แม้ว่าเขาจะอยากอู้ เขาก็คงรู้สึกผิด


 


นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ…


 


ห้องสมุดทำให้เขานึกถึงความรู้สึกถึงการเข้าสู่ห้วงสมาธิไม่มากก็น้อย


 


ลู่โจวไปห้องถ่ายเอกสารแล้วปริ้นส์ข้อมูลการทดลองและวิทยานิพนธ์ที่จำเป็นทั้งหมด


 


การวางเนื้อหาที่จำเป็นไว้บนโต๊ะเรียนกลายเป็นนิสัยตอนเรียนของเขาไปแล้ว


 


ไม่ว่ายังไงการถ่ายเอกสารก็สามารถขอคืนเงินได้จากทุนวิจัย


 


เมื่อลู่โจวพบที่ในมุมห้องสมุด เขาก็นั่งลง เขาเคาะปากกาบนกระดาษและพร้อมที่จะเริ่มเขียน


 


อย่างไรก็ตาม…


 


สิบนาทีผ่านไป


 


เขาก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหว


 


อืมมม…


 


ฉันควรเริ่มตรงไหน?


 


สีหน้าของลู่โจวดูน่าเกลียด


 


ถ้ามีสูตรที่แน่นอนที่จะใช้หรือแม้แต่เป้าหมายที่ชัดเจน เขาก็คงคิดได้ว่าเริ่มตรงไหน อย่างไรก็ตามสถานการณ์การวิจัยในห้องแล็บไม่ได้พบปัญหาอะไร แต่พวกเขาขอให้เขาช่วยหาบัค


 


เขานึกถึงสิ่งที่รุ่นพี่เฉียนพูด


 


ไม่มีทางที่ฉันแก้ปัญหานี้ได้ ฉันจะกลายเป็นผู้แพ้ที่มีความสามารถ…


 


ลู่โจวมองข้อมูลแล้วเกาหัว


 


ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่างานนี้ยากกว่าที่เขาคิดไว้


 


…..


 


เช่นเดียวกับรถที่บริโภคน้ำมัน อาหารก็เป็นสิ่งที่มอบพลังงานให้แก่คน


 


แม้แต่อัจฉริยะก็ต้องกินข้าว


 


ลู่โจวนั่งอยู่ในห้องสมุดจนถึงเที่ยง เขาจ้องมองแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่าแล้วสบถ เขาโยนปากกาลงบนโต๊ะแล้วไปโรงอาหาร


 


ในโรงอาหาร ลู่โจวบังเอิญพบกับศาสตราจารย์ถัง เขารับอาหารแล้วนั่งฝั่งตรงข้ามเขา


 


เมื่อศาสตราจารย์ถังเห็นลู่โจว เขาก็ยิ้มแล้วถาม “เธอรู้สึกยังไงบ้าง?”


 


“มันยากมาก! มันยากกว่าโจทย์คณิตศาสตร์บริสุทธิ์อย่างมาก” ลู่โจวตอบ


 


“มันสมควรยากแหละ” ศาสตราจารย์ถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือวิจัย เนื่องจากเธอเรียนคณิตศาสตร์ประยุกต์ มันจึงมีโอกาสมากมายที่เธอจะพบโปรเจ็คที่คล้ายๆกันในอนาคต”


 


“ศาสตราจารย์ ได้โปรด ช่วยมอบไอเดียอะไรก็ได้ให้ผมหน่อยได้ไหม?” ลู่โจวถามและถอนหายใจ


 


“ฉันให้ไอเดียเธอไม่ได้ เธอต้องคิดเอง แต่อาจารย์มอบคำแนะนำให้เธอได้” ศาสตราจารย์ถังกล่าวและหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าเธอเข้าร่วมการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์หรอกหรือ? นึกถึงความรู้สึกในตอนนั้นสิ”


 


ลู่โจวเลิกคิ้วแล้วคิดอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าแล้วกล่าว “มันต่างกันโดยสิ้นเชิง เหตุผลที่ปัญหาการบินและอวกาศเปลี่ยนเป็นโจทย์คณิตศาสตร์ได้เป็นเพราะสุดท้ายแล้วมันเป็นปัญหาฟิสิกส์และมีสูตรคำนวณ บวกกับพวกเขามอบข้อมูลให้ผม…”


 


“จริงๆแล้วมันเหมือนกัน” ศาสตราจารย์ถังกล่าวและส่ายหน้า “ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ของยานอวกาศ หรือการเคลื่อนตัวของอนุภาค หรือการเปลี่ยนแปลงของหมู่ฟังก์ชั่น…ในแง่ของคณิตศาสตร์ มันก็เหมือนๆกัน ข้อมูลทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปก็สามารถขุดออกมาได้ และมีกฏที่สามารถคำนวณออกมาได้ การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ก็สร้างขึ้นมาได้ อาจารย์คิดว่าเธอหาไม่เจอเพราะเธอยังพยายามไม่หนักพอ คิดให้มากขึ้น สังเกตให้มากขึ้น อาจารย์เชื่อว่าเธอจะพบเค้ารางแน่นอน”


 


ลู่โจวเริ่มคิด


 


ศาสตราจารย์ถังยิ้มให้ลู่โจวแล้วพยักหน้า


 


เด็กหนุ่มคนนี้คู่ควรแก่การสั่งสอน


ตอนที่ 94 นายทำได้หรือไม่ได้


 


 


หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จ ลู่โจวก็กลับไปนั่งที่ห้องสมุด


 


เขานึกถึงคำพูดของศาสตราจารย์ถังแล้วอ่านข้อมูลอย่างใจเย็น เขาเริ่มเข้าสู่โหมดห้วงสมาธิ


 


แบบจำลองทางคณิตศาสตร์…


 


เขาเคาะปากกาเบาๆและกวาดสายตามองทั่วกระดาษที่ปรินส์ออกมา


 


ข้อมูลที่รุ่นพี่เฉียนให้มานั้นครอบคลุม แต่ข้อมูลก็ยุ่งเหยิงมากเช่นกัน


 


ข้อมูลที่ไร้ประโยชน์จะไม่เป็นประโยชน์ต่อนักวิจัย กลับกันมันจะเป็นอุปสรรคต่อความจริงแทน


 


“ปัญหาคือวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์จะมีผลต่อปฏิกิริยาไฮเดรชันในตอนต้นเมื่อรวมเข้ากับซีเมนต์ ดังนั้นมีเพียงข้อมูลจากตัวอย่างที่สองเท่านั้นที่มีประโยชน์”


 


“ภาพ FTIR ของตัวอย่างหมายเลข 2 หมายเลข 4 และหมายเลข 27 แสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการทำงานของพื้นผิวของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ ข้อมูลการทดลองจากตัวอย่างหมายเลข 24 ถึงหมายเลข 28 นั้นลบได้…”


 


ลู่โจวขยำกระดาษหลายแผ่นและโยนมันลงถังขยะ จากนั้นเขาก็เขียนสูตรสองบรรทัดลงกระดาษ


 


[Di={k2CMe/(2dμ)}·(2Pw/ρw)]


 


[Vi=(2Pw/ρw)^n]


 


ลู่โจวมองสูตรสองแถวนี้แล้วมีรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า


 


นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี…


 


ถ้าเขาถูกขอให้ลงลึกในเรื่องผลกระทบของคาร์บอนนาโนทิวป์ เขาก็ทำได้ อย่างไรก็ตามเขาถูกขอให้ขุดข้อมูลจากภาพ FTIR และใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์เพื่อค้นหาแพทเทิร์น นั่นเขายังทำได้


 


เวลาค่อยๆผ่านไป ท้องฟ้านอกหน้าต่างก็ค่อยๆมืดลง


 


ลู่โจวใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายเพื่อรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจนเสร็จและสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อย่างเรียบง่าย


 


แบบจำลองทางคณิตศาสตร์นี้ประกอบด้วยพารามิเตอร์ของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ต่ออัตราปฏิกิริยาไฮเดรชันของซีเมนต์ อุณหภูมิของปฏิกิริยา คุณสมบัติเชิงกล ลักษณะสูงสุดของ FTIR เป็นต้น นอกจากนี้มันยังมีความสัมพันธ์และสหสัมพันธ์ระหว่างพารามิเตอร์


 


ลู่โจวได้ใช้วิทยานิพนธ์ที่เขาตีพิมพ์ในวารสารเชิงทฤษฏีและคณิตศาสตร์ประยุกต์นานาชาติโดยตรง ในวิทยานิพนธ์ เขาเขียนทฤษฏีทั่วไปหลายเรื่องเกี่ยวกับการแปลงฟูเรียร์แบบผกผัน โดยไม่คาดคิดด้วยการใช้วิทยานิพนธ์ ปริมาณการคำนวณจะลดลง


 


เมื่อแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ถูกสร้างขึ้น ความยากของปัญหาก็ลดลงอย่างมาก


 


ลู่โจวเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วบิดขี้เกียจ


 


เมื่อเขาเหลือบไปเห็นอินเตอร์เฟสแมตแล็บบนหน้าจอ จู่ๆเขาก็ตระหนักได้


 


ต่อไปเขาจะเขียนโค้ดแบบจำลองนี้ลงในโปรแกรม!


 


เมื่อเขาทำเสร็จ เขาก็สามารถใช้พลังของคอมพิวเตอร์เพื่อขุดข้อมูล’ที่มองไม่เห็น’


 


…..


 


ดูเหมือนกับว่าลู่โจวกลับไปอยู่ในสภาพเดิมตอนที่เขาเขียนวิทยานิพนธ์ข้อคาดการณ์ของโจว ในเวลาสามวัน ทั้งหมดที่ลู่โจวจะทำก็คือการไปหอพัก ห้องสมุดและโรงอาหาร


 


อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะทำงานแบบนี้ เย็นวันที่สามลู่โจวพึ่งสร้างแบบจำลองชุดที่สองเสร็จ เขาใช้อัลกอริทึมแบบเรียกซ้ำเพื่อหาว่าวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์เท่าไหร่ถึงส่งผลต่ออุณหภูมิของปฏิกิริยาเมื่อไฮเดรตเข้าไปในซีเมนต์ในแต่ละขั้นตอน


 


เขายังคงมีพารามิเตอร์ที่ทราบค่าสามตัวที่ต้องคำนวณ


 


ลู่โจวพึ่งทำโปรเจ็คนี้เสร็จไป 60%-70% เท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามงานที่เหลือนั้นง่ายมากเพราะเขาก็แค่ต้องคำนวณ


 


เมื่อถึงห้าโมงครึ่ง ลู่โจวก็โยนปากกาลงบนโต๊ะแล้วไปโรงอาหาร


 


ขณะที่เขากำลังเดิน รุ่นพี่เฉียนก็โทรหาเขา


 


ทันทีที่เขารับสาย ก็มีน้ำเสียงที่ฟังดูกระตือรือร้นดังมาจากปลายสาย


 


“ความคืบหน้าเป็นไงบ้าง?”


 


ลู่โจวกลั้นหาว เขาลูบจมูกแล้วกล่าว “ขอเวลาอีกสองวัน ผมจะทำเสร็จในสองวันแน่นอน”


 


การแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์กึ่งวิทยาศาสตร์ก็ยังยากเทียบกับโปรเจ็ควิจัยทางวิทยาศาสตร์ประเภทนี้ไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือลู่โจวไม่มีเพื่อนร่วมทีม เขาต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ไปจนถึงเขียนโปรแกรมและเขียนวิทยานิพนธ์


 


ตอนที่เขาแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เขายังมีโปรแกรมเมอร์อัจฉริยะที่ช่วยเขาทำ SAS และทำกราฟ แถมเขายังมีเพื่อนร่วมทีมเอาอาหารมาให้


 


ลู่โจวอดคิดถึงไม่ได้


 


ฉันว่าเธอยังค่อนข้างมีประโยชน์…


 


“…นายทำได้หรือไม่ได้?” รุ่นพี่เฉียนถาม น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความกังขา


 


มันไม่ใช่เพราะเขากังขาความสามารถทางคณิตศาสตร์ของลู่โจว ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็พิสูจน์ข้อคาดการณ์ของโจว


 


อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งทางคณิตศาสตร์ไม่สามารถประยุกต์ใช้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้โดยตรง คนมากมายมีส่วนร่วมในการวิจัยจำนวนบริสุทธิ์มาทั้งชีวิต แถมทักษะทางคณิตศาสตร์ของพวกเขาก็ล้ำสมัย อย่างไรก็ตามไม่ว่ายังไงความสำเร็จของพวกเขาก็มีแค่สาขาคณิตศาสตร์บริสุทธิ์เท่านั้น


 


แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้ความถนัดของตนเองได้


 


แม้จะเป็นอย่างนั้น รุ่นพี่เฉียนก็ไม่อยากเห็นลู่โจวทำพลาด


 


ลู่โจวตอบ “โอ้ รุ่นพี่จะรู้ในอีกสองวัน”


 


“…”


 


น้ำเสียงของลู่โจวฟังดูมั่นใจมาก


 


แม้ว่ารุ่นพี่เฉียนจะยังสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร


 


เนื่องจากเขารอมาสามวันแล้ว ทำไมเขาจะรออีกสองวันไม่ได้ล่ะ?


 


สิ่งเดียวที่ทำให้เขากับศาสตราจารย์หลี่หรงเอินรู้สึกไม่สบายใจก็คือความเงียบของมหาลัยจื่อ ทั้งสองมหาลัยต่างก็วิจัยเกี่ยวกับ’วัสดุคอมโพสิตคาร์บอนนาโนทิวป์’ แม้แต่วัสดุพื้นฐานในโปรเจ็คของมหาลัยจื่อก็เป็นซีเมนต์ มันจึงเหมือนมหาลัยจื่อซุกซ่อนสิ่งที่ยิ่งใหญ่เอาไว้


 


มันทำให้รุ่นพี่เฉียนกับศาสตราจารย์หลี่หรงเอินตื่้นตระหนก


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากโปรเจ็คของพวกเขาติดอยู่ที่คอขวด…


 


เมื่อลู่โจววางสาย เขาก็เดินไปโรงอาหาร ขณะที่เขายัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋า โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง


 


เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วสังเกตว่าเป็นเจ้าอ้วนอู๋ที่โทรมา


 


ลู่โจวหยิบบัตรอาหารแล้วรูดบัตรกับเครื่องอ่านบัตรเพื่อซื้อบีบัมบับ จากนั้นเขาก็รับสาย


 


“ฮัลโหล?”


 


เจ้าอ้วนอู๋ “นายทำอะไรอยู่? ฉันไม่เห็นนายสักพักแล้ว”


 


ลู่โจวกล่าว “ฉันกำลังวิจัยโปรเจ็คของเอกฟิสิกส์ มันเกี่ยวข้องกับวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์”


 


เจ้าอ้วนอู๋ “วิจัยวัสดุนาโนทิวป์? สุดยอด!”


 


ลู่โจวถาม “นายรู้จักเหรอ?”


 


เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มแล้วกล่าว “มีการย้ายห้องแล็บเมื่อปีที่แล้วใช่ไหม? ฉันกับคนงานเป็นคนไปติดตั้งเราเตอร์ที่นั่นเอง”


 


ลู่โจว “…”


 


เจ้าอ้วนอู๋กระแอมแล้วกล่าวต่อ “ไม่ว่ายังไงบ่ายพรุ่งนี้ ฉันอยากพาคนงานของสมาคมไปประชุมเพื่อหารือแผนการโฆษณาของเวอร์ชั่นใหม่ นายว่างมาประชุมกับเราไหม?”


 


“ไม่ ฉันไม่ว่าง ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก” ลู่โจวกล่าวขณะยัดบัตรอาหารลงในกระเป๋า จากนั้นเขาก็รับบีบิมบับแล้วกล่าว “นายประชุมเองได้ไหม?”


 


เจ้าอ้วนอู๋กล่าว “ลูกพี่ใหญ่ นายทิ้งฉันแบบนี้ไม่ได้นะ”


 


ลู่โจวรู้สึกไม่ดีเช่นกัน แต่เขาไม่ว่างจริงๆ “เอ่อ ฉันขอมอบเวทีนี้ให้นาย บวกกับฉันอาจมอบคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ สู้ๆ! CEO ในอนาคต!”


 


เจ้าอ้วนอู๋ “…”


 


เขารู้ว่าเขามีคุณสมบัติเป็นCEO


 


อย่างไรก็ตามคำพูดของลู่โจว…


 


ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนฉันเคยได้ยินคำพูดพวกนี้มาก่อน?


 


…..


 


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็ผ่านไปสองวันแล้ว


 


ลู่โจวมองดูกองเอกสารที่ถูกซ้อนกองกันอยู่มุมโต๊ะ


 


มันตีหนึ่งแล้ว


 


หลังจากห้องสมุดปิด เขาก็ถือโน๊ตบุ๊คแล้วหาห้องเรียนทำงาน ในที่สุดเขาก็ทำขั้นตอนสุดท้ายเสร็จ


 


เขาเสียสละไปมากสำหรับโปรเจ็ควิจัยนี้


 


ลู่โจวป้อนชุดข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์แล้วคำนวณขั้นสุดท้ายให้เสร็จ


 


หลังจากนั้นเขาก็ใส่ข้อมูลลงในสูตร…


 


ทันใดนั้นลู่โจวก็จ้องมองแผ่นกระดาษแล้วตัวแข็งทื่อ


 


เขาจ้องมองตัวเลขบนกระดาษและตัวเลขบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ


 


α=0?


 


เป็นไปไม่ได้!


 


ไม่ เดี๋ยวนะ…


 


ฉันจะคิดอีกมุมมอง


 


ถ้าการคำนวณของเขาถูกต้อง ผลลัพธ์ของ α พารามิเตอร์ก็เท่ากับ 0 จริงๆ


 


นี่หมายความว่า…


 


เมื่อคาร์บอนนาโนทิวป์ถูกรวมเข้ากับซีเมนต์ มันก็จะไม่มีผลต่อปฏิกิริยาของไฮเดรชั่น!


 


อะไรเนี่ย…

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม