Scholar’s Advanced Technological System 95-101

 ตอนที่ 95 นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย


 


 


แปดโมงเช้า…


 


ลู่โจวใช้เวลาทั้งคืนเพื่อจัดระเบียบงานลงในวิทยานิพนธ์ จากนั้นเขาก็ไปห้องแล็บแล้วมอบงานห้าวันที่คุ้มค่าให้แก่รุ่นพี่เฉียน


 


จากนั้น…


 


“เป็นไปไม่ได้!” รุ่นพี่เฉียนกล่าวและตบวิทยานิพนธ์บนโต๊ะ เขาตอบอย่างรุนแรง “กลไกการเพิ่มความแข็งแรงของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์คือการให้การเกิดนิวเคลียสผลึกเมทริกซ์เพื่อผลิตภัณฑ์ไฮเดรชั่นและลดอุปสรรค ผลิตภัณฑ์ไฮเดรชั่นง่ายต่อการเปลี่ยนรูปร่าง!”


 


“นายค้นคว้ามาตั้งนาน แล้วตอนนี้นายมาบอกฉันว่ามันไม่มีผล? มันจะไม่มีผลในปฏิกิริยาไฮเดรชั่นระยะแรกได้ไง! นายเห็นเอกสารที่ฉันมอบให้ไหม!”


 


“นายต้องคำนวณพลาดแน่ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”


 


“มันเป็นคณิตศาสตร์” ลู่โจวกล่าว ลู่โจวไม่พอใจที่ได้ยินว่าผลลัพธ์ของเขาถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปราณี เขาสนับสนุนการโต้แย้งด้วยเหตุผล “ผมไม่รู้ว่ารุ่นพี่สังเกตเห็น FTIR ของตัวอย่างที่ 4 ไหม ในแผนภูมิ ช่วง 8 ถึง 12 ชั่วโมง ความเร็วการย้ายตำแหน่งของคุณสมบัติสูงสุดที่ 800~1025ซม.^-1 ปกติแล้วมันก็เหมือนตัวอย่างคาร์บอนนาโนทิวป์ที่ถูกเจือปนและตัวอย่างธรรมดา! นี่มันหมายความว่าไง?”


 


ลู่โจวมั่นใจในการคำนวณของตน


 


เมื่อเขาค้นพบปัญหานี้ เขาก็คำนวณใหม่อย่างน้อยสามครั้ง!


 


ทัศนคติที่แข็งกร้าวของลู่โจวทำให้รุ่นพี่เฉียนประหลาดใจ จากนั้นอารมณ์ของรุ่นพี่เฉียนก็อ่อนลง


 


เขาจ้องมองแผนภูมิเป็นเวลานาน


 


การถกเถียงระหว่างทั้งสองทำให้ลู่โจวที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆทำการวิเคราะห์ตัวอย่าง


 


หลังจากได้ยินบทสนทนา หลิวโปก็จ้องมองกระดาษ A4 บนโต๊ะด้วยสีหน้าขบคิด


 


“วัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ไม่มีผลต่อปฏิกิริยาไฮเดรชั่นของซีเมนต์ในช่วงแรกๆ? นี่มันน่าเหลือเชื่อ ถ้าข้อสรุปนี้ถูกต้อง มันอาจทำได้กระทั่งตีพิมพ์เป็นผลงานวิจัยแยกต่างหาก”


 


“ฉันเห็นด้วย มันน่าเหลือเชื่อ” รุ่นพี่เฉียนกล่าวและพยักหน้า จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าแล้วกล่าว “จากมุมมองของพลวัตโมเลกุล นี่มันเป็นไปไม่ได้ ด้านข้างของคาร์บอนนาโนทิวป์มีความละเอียดสูงมาก…”


 


ลู่โจวยกข้อโต้แย้งออกมาโต้ “แต่นี่เป็นเพียงหนึ่งในข้อโต้แย้งหลายๆเรื่อง บางทีมันอาจไม่ถูกต้อง…”


 


ลู่โจวมองทั้งสองคุยกันและไม่ได้พูดอะไร เขากระทั่งไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดมาเลย


 


มันคล้ายกับสถานการณ์ที่ลู่โจวพูดเรื่องทฤษฏีการผกผันที่ดีที่สุดของฟังก์ชั่นเชิงเส้นเพื่้อทั้งสอง พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย


 


ลู่โจวมองทั้งสองคุยกันแล้วเริ่มคิด


 


ฉันว่าฉันต้องเพิ่มระดับความรู้ของตัวเอง


 


การเข้าสู่ขอบเขตการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้วยระดับคณิตศาสตร์ปริญญาตรีนั้นไม่เพียงพอ…


 


ไม่งั้นถ้าเขาได้รับพิมพ์เขียวจากระบบไฮเทค เขาจะไม่เข้าใจด้วยซ้ำ


 


อันที่จริงถ้าลู่โจวเข้าใจฟิสิกส์วัสดุ เขาก็จะรู้ว่าแวดวงวิชาการระดับโลกไม่มี’ข้อสรุปที่ชัดเจน’เกี่ยวกับกลไกของคาร์บอนนาโนทิวป์ของวัสดุคอมโพสิต


 


แม้ว่าการเพิ่มคาร์บอนนาโนทิวป์ลงในวัสดุอย่างเหมาะสมจะทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งของวัสดุ แต่เรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดยการทดลองหลายต่อหลายครั้ง ยกตัวอย่างเลเซอร์อัลลอยด์และการสังเคราะห์กระบวนการชุบแข็ง / เหล็ก 4 # ความแข็งของคอมโพสิตจะไปถึง HRC69…


 


อย่างไรก็ตามวิธีทำแบบนี้ของคาร์บอนนาโนทิวป์ในปัจจุบันอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานทางทฤษฏี ดังนั้นถ้าใครเห็นคำอธิบายที่แตกต่างกันในหนังสือที่ต่างกัน เราก็ไม่ควรแปลกใจ เพราะสิ่งนี้ยังไม่ได้’ข้อสรุป’


 


สิ่งที่รุ่นพี่เฉียนเชื่อคือมันเป็นหนึ่งในข้อคาดการณ์สำคัญเกี่ยวกับกลไกเสริมความแข็งแกร่งของคาร์บอนนาโนทิวป์ของวัสดุซีเมนต์


 


ส่วนข้อคาดการ์นี้ถูกต้องนั้น…


 


พูดตามตรง เขาไม่รู้เช่นกัน ไม่ว่ายังไงเขาก็ใช้มันเป็นข้อสรุป


 


ถ้าการคำนวณของลู่โจวถูกต้อง งั้นนี่ก็จะเป็นตัวอย่างค้านที่มีประสิทธิภาพอย่างไม่ต้องสงสัย


 


ถึงกระนั้นนี่เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันเกินไป มันเหลวไหลเกินไป!


 


หลังจากนั้นสักครู่ หลิวโปกับรุ่นพี่เฉียนก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ทั้งคู่ต่างก็มองลู่โจว


 


หลังจากนั้นรุ่นพี่เฉียนก็พูด


 


“ฉันตอบนายไม่ได้ทันที…ฉันจำเป็นต้องทดลอง”


 


“ถ้านายคำนวณถูก”


 


“มันจะเป็นการค้นพบครั้งสำคัญ!”


 


ลู่โจวถามทันที “สำคัญแค่ไหน?”


 


หลิวโปยิ้มแล้วกล่าว “ฉันไม่รู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนเหมือนกัน แต่มันสำคัญต่อการวิจัยวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ มันจะเป็นส่วนช่วยนักวิจัยคนอื่นอย่างมาก แน่นอนคุณค่าทางวิชาการไม่ได้สูงเท่าโจทย์คณิตศาสตร์ที่นายแก้ได้”


 


ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าวอย่างเขินๆ “นั่นมันไม่จริงเลย”


 


“นายพูดเรื่องอะไร? มันมีแต่ถูกกับผิด มันจะมีจริงไม่จริงยังไง?” หลิวโปกล่าว เขายิ้มและส่ายหน้า “เหมือนอย่างรุ่นพี่เฉียนกล่าว เรายังคงต้องทำการทดลองเพิ่มเติมก่อนที่เราจะมอบคำตอบที่ชัดเจนให้นายได้ นอกจากนี้นายช่วยอะไรหน่อยได้ไหม?”


 


ลู่โจวถาม “ช่วย?”


 


รุ่นพี่เฉียนกระแอมแล้วกล่าว “เกี่ยวกับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ นายช่วยเผยแพร่มันหลังจากโปรเจ็ควิจัยของเราเสร็จได้ไหม? เพราะเราไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวที่ทำการวิจัยเรื่องนี้ มหาลัยจื่อก็…”


 


ถ้าลู่โจวเผยแพร่การวิจัยนี้ ศัตรูก็อาจจะใช้มันเพื่อเอาเปรียบพวกเขา!


 


มันเป็นไปได้!


 


แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องผิดศิลธรรม แต่รุ่นพี่เฉียนก็ต้องขอร้องแบบนี้ ไม่งั้นงานวิจัยครึ่งปีของเขาจะไร้ค่า


 


“เรื่องนี้? ได้ครับ” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่แยแส


 


ลู่โจวค้นพบบทสรุปนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเขาไม่มีข้อมูลที่หลิวโปกับรุ่นพี่เฉียนให้มา เขาก็คงไม่ได้เขียนสูตรพวกนี้ และแน่นอนว่าเขาก็คงไม่ได้ข้อสรุปที่ไม่คาดฝันนี้


 


ชื่อของนักวิจัยทั้งสองก็สมควรระบุไว้ในแถวที่สองและสามบนวิทยานิพนธ์


 


ถึงอย่างนั้นลู่โจวก็ยังพิจารณาความเห็นของพวกเขา


 


นี่เป็นเรื่องของความสุภาพและความซื่อสัตย์


 


เฉียนจ้งหมิง “ช้าสุดสิ้นเดือนหน้า เร็วสุดสิ้นเดือนนี้! ฉันสัญญากับนายว่าฉันจะทำให้เสร็จ จากนั้นนายจะตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ก็ไม่มีปัญหา”


 


ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ผมไม่รีบ ถ้าผมตีพิมพ์ได้เมื่อไหร่ก็บอกผมละกัน”


 


อันที่จริงลู่โจวทำแบบนี้ เขาต้องยอมรับความเสี่ยง ท้ายที่สุดแล้วถ้าคนอื่นได้ข้อสรุปเดียวกันในกรอบเวลานี้ ความทรมาณตลอดห้าวันของเขาก็จะสูญเปล่า


 


อย่างไรก็ตามเขาต้องมองภาพรวมให้มากขึ้น


 


นอกจากนี้ความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก…


 


เกี่ยวกับเรื่องสำคัญนี้ รุ่นพี่เฉียนโทรหาศาสตราจารย์หลี่หรงเอินทันที


 


ศาสตราจารย์หลี่ไม่ได้พูดอะไรมากนักทางโทรศัพท์ กลับกันเขาแค่บอกให้รุ่นพี่เฉียนนำวิทยานิพนธ์ของลู่โจวกับตัวอย่างแล็บไปที่แล็บวิทยาเขตเก่า


 


ถ้าข้อสรุปทางคณิตศาสตร์ของลู่โจวถูกต้อง งั้นพวกเขาก็ทำการทดลองมาผิดมาตลอด


 


อย่างไรก็ตามมันยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง!


ตอนที่ 96 นี่มันถูกต้อง!


 


 


ณ ห้องเรียนในตึกเอ…


 


การประชุมสมาคมแคมปัสแอสซิสแตนท์ครั้งที่สี่จบลงแล้ว ระหว่างการประชุม พวกเขาก็คุยกันถึงการเปิดตัวเวอร์ชั่นอัพเดท


 


เหมือนครั้งที่แล้ว ประธานลู่โจวไม่ได้อยู่ในที่ประชุม เป็นรองประธานอู๋ต้าไห่และผู้จัดการผลิตภัณฑ์หยวนลี่เหว่ยมาแทนที่ บางทีมันเป็นเพราะการที่ผู้ก่อตั้งไม่อยู่ที่ประชุม ขวัญกำลังใจจึงตกต่ำ


 


ท้ายที่สุดแล้วทุกคนต่างก็ทำงานกันในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา นักพัฒนากำลังเขียนโค้ด วิศวะก็กำลังยุ่ง แม้แต่คนที่วิ่งเต้นทำธุระให้ก็มีเรื่องต้องทำ


 


แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะกระตือรือร้นในการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยที่มีสีสัน แต่ไม่ใช่ทุกคนกระตือรือร้นกับชีวิตที่วุ่นวาย เมื่อความกระตือรือร้นของผู้ประกอบการค่อยๆหายไป เสียงโอดครวญก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


 


“…สถานการณ์ทั่วไปเป็นแบบนี้”


 


“จบการประชุม”


 


หยวนลี่เหว่ยโยนชอล์คบนโพเดียม เขาพยักหน้าให้อู๋ต้าไห่แล้วลงจากเวที


 


เจ้าอ้วนอู๋ขึ้นบนโพเดียม เขาปรบมือแล้วยิ้ม


 


“ทุกคนทำงานมาหนัก หิวแล้วใช่ไหม? ประธานจองโต๊ะที่ร้านเมนูปลาแล้ว ไปทานกันเถอะ”


 


ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือคนงานต้องไม่จ่ายเงิน


 


หลังจากได้ยินคำพูดของเจ้าอ้วนอู๋ ในที่สุดพวกเขาก็ขวัญกำลังใจ


 


พอพวกเขามาคิดดู นอกจากเวลาแล้ว พวกเขาไม่ได้จ่ายอะไรเลย พวกเขาไม่ต้องจ่ายค่าสมัครด้วยซ้ำ


 


ต่อให้พวกเขาไม่เข้าสมาคม เวลาส่วนใหญ่ของพวกเขาก็จะเสียไปกับการเล่น LOL มาทำอะไรที่มีความหมายแบบนี้ดีกว่า ยกตัวอย่างนักศึกษาซอร์ฟแวร์เด็กใหม่สองสามคนที่ทำงานกับหรงไห่ ตอนแรกพวกเขาไม่รู้อะไร แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มได้ภาษา C++ พื้นฐานแล้ว


 


อย่างไรก็ตามถึงกระนั้น…


 


มนุษย์ก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์เป็นตัวขับเคลื่อน


 


พวกเขามาถึงร้านอาหาร แต่เมื่ออาหารมาถึง ประธานก็ยังไม่มา บางคนก็อดถามไม่ได้


 


“ประธานอยู่ไหน? เขาไม่มาเหรอ?”


 


“ลู่โจวมีเรื่องต้องทำ เขากำลังทำโปรเจ็ควิจัยฟิสิกส์ รอก่อนสักสองสามวัน” อู๋ต้าไห่กล่าว จากนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นด้วยรอยยิ้ม “มา ดื่ม”


 


แม้ว่าคนที่ถามเมื่อกี้จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก


 


หลังจากทั้งกลุ่มทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็เดินไปทางหน้าประตูมหาลัยและทุกคนก็แยกย้ายกลับหอพักตน


 


คนที่ถามชื่อหลี่รุ่ยเจ๋อ เขาอยู่คณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ปีหนึ่ง ที่อยู่ข้างๆเป็นเพื่อนเก่าเขา เว่ยเฟิง พวกเขาได้พบกับเจ้าอ้วนอู๋ตอนทำงานพาร์ทไทม์และถูกเจ้าอ้วนอู๋ชักชวนให้เข้าร่วมสมาคมแคมปัสแอสซิสแตนท์


 


แม้ว่าทั้งสองจะเข้าร่วมสมาคมโดยคิดว่ามันจะเป็น’ธุรกิจที่ดี’ แต่หลังจากผ่านมาสองสัปดาห์ หลี่รุ่ยเจ๋อก็ค่อนข้างเหนื่อย


 


การหายตัวไปของประธานเป็นหนึ่งในหลายๆปัยจัยเท่านั้น ความไม่พอใจของเขาถูกสะสมมานานแล้ว เขาได้แสดงความไม่พอใจในระหว่างกิจกรรมของสมาคมหลายครั้ง


 


อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ บวกกับพวกเขาอยู่กันเอง เขาจึงเริ่มบ่นให้เพื่อนเก่าฟัง


 


“เราทำงานเขียนโค้ดเขียนโปรแกรมกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย…แล้วเขาทำอะไรอยู่?”


 


เว่ยเฟิงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ เขาเข้าใจเหตุผลที่เจ้าอ้วนอู๋บอกและไม่ได้รู้สึกอะไรในใจ


 


ท้ายที่สุดแล้วเขาเข้าร่วมสมาคมด้วยเป้าหมายอยากเรียนรู้ เขาทำโปรเจ็คกับหรงไห่และเรียนรู้การเขียนอัลกอริธึมง่ายๆ เขารู้สึกว่าเขาได้เรียนรู้ไปมาก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังไว้


 


ส่วนเรื่องหาเงิน…


 


พูดตามตรงเขาไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ


 


“…ประธานมีโปรเจ็ควิจัยต้องทำ ช่วงนี้เขาอาจยุ่งก็ได้ ฉันคิดว่ามันยังพอเข้าใจได้ นอกจากนี้เขายังเขียนโค้ดไปมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักหน่อย”


 


เมื่อหลี่รุ่ยเจ๋อเห็นเพื่อนไม่เห็นด้วยกับเขา เขาก็ไม่พอใจ


 


“เฮอะ ฉันต้องไปอ่านพีชคณิตขั้นสูงอีก ทำไมฉันจะยุ่งบ้างไม่ได้? ใครบ้างที่ไม่ยุ่ง?”


 


เว่ยเฟิงไม่ชอบพูดลับหลังคนอื่น ดังนั้นเขาจึงตบหลังเพื่อนแล้วกล่าว “เอาล่ะๆ รุ่ยเจ๋อ นายเมาแล้ว”


 


“ฉันไม่เมา” หลี่รุ่ยเจ๋อกล่าวแล้วเรอ เขาปัดมือของเว่ยเฟิงปออกแล้วกล่าว “ฉันแค่รู้สึกไม่ดี…”


 


ถูกต้อง เขารู้สึกไม่ดี


 


และมันไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกไม่ดี…


 


…..


 


เจ็ดวันหลังส่งวิทยานิพนธ์ไปวิทยาเขตเก่า ผลการทดลองก็ออกมาในที่สุด


 


ข้อสรุปที่ได้นั้นเกินกว่าความคาดหวังของทุกคน


 


แน่นอน’ทุกคน’รวมถึงหลิวโป เฉียนจ้งหมิงและศาสตราจารย์หลิวหรงเอิน และแม้แต่นักศึกษาปริญญาเอกที่ศาสตราจารย์หลิวพามาด้วย แต่นั่นไม่รวมถึงลู่โจว


 


ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็มั่นใจในความสามารถในการคำนวณของตนเองมาก เขาตรวจทานการคำนวณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าข้อมูลที่ได้มาถูกต้อง งั้นการคำนวณของเราก็ถูกต้อง!


 


“ไม่น่าเชื่อ…”


 


“ข้อสรุปถูกต้อง”


 


“วัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ไม่มีผลต่อปฏิกิริยาไฮเดรชั่นในอายุเริ่มต้นเมื่อรวมเข้ากับซีเมนต์!”


 


“ถ้าข้อสรุปนี้เป็นจริง งั้นการทดลองของเราก็ผิดพลาด กุญแจสำคัญในการแก้ความต้านทานแรงดันของตัวอย่างหมายเลข 2 ไม่ได้อยู่ในปฏิกิริยาไฮเดรชั่นในอายุเริ่มต้น แต่มันมาจากที่อื่น”


 


ลู่โจวถาม “ผมอะไรอย่างอื่นให้ผมช่วยไหม?”


 


รุ่นพี่เฉียนส่ายหน้าแล้วกล่าว “ตอนนี้ไม่มี…เราต้องทำการทดสอบซ้ำโดยปรับปริมาณการใช้วัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ แต่นายพึ่งช่วยเราประหยัดเวลาวิจัยไปสองเดือน”


 


ลู่โจวนึกถึงเอกสารที่เขาอ่าน เขาคิดแล้วกล่าว “ผมมีคำแนะนำ ผมควรพูดไหม?”


 


“บอกมาเลย!” รุ่นพี่เฉียนกล่าวอย่างจริงจัง


 


“ครั้งก่อนผมได้อ่านวิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้ มันเกี่ยวกับการกระจายตัวในน้ำของคาร์บอนนาโนทิวป์จากมหาลัยตง ผมได้นำข้อมูลการทดลองไปใส่ในแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ผมทำไว้ก่อนหน้านี้แล้วคำนวณใหม่ แล้วพบก็พบเรื่องที่น่าสนใจ…ทำไมรุ่นพี่ไม่ลองทดสอบปริมาณคาร์บอนนาโนทิวป์ในช่วง 0.4wt%-0.5wt% ล่ะ?”


 


“0.4 ถึง 0.5?” รุ่นพี่เฉียนถาม เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าว “เราลอง 0.6-0.8 แล้ว…ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ แผนการในปัจจุบันของเราจึงสูงกว่า 1…0.4-0.5 มันน้อยไปไหม?”


 


“เพราะงั้นผมจึงได้แค่แนะนำ” ลู่โจวยักไหล่ จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “เนื่องจากผมช่วยให้รุ่นพี่ประหยัดเวลาทดลองไปมาก ทำไมรุ่นพี่ไม่ลองทำตามคำแนะนำผมล่ะ?”


 


ถ้ามันเป็นก่อนหน้านี้แล้วรุ่นพี่เฉียนได้ยินคำแนะนำจาก’คนนอก’ เขาคงไม่เก็บมาใส่ใจ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้มันแตกต่างกัน การคำนวณของลู่โจวได้รับการพิสูจน์โดยการทดลอง และรุ่นพี่เฉียนก็เชื่อเขามาก


 


รุ่นพี่เฉียนพยักหน้าแล้วกล่าว “ตกลง…ฉันจะเอาคำแนะนำของนายไปให้ศาสตราจารย์หลี่ เอ้อ นายส่งเอกสารที่นายอ่านมาให้ฉันได้ไหม?”


 


“ไม่มีปัญหา ผมจะส่งให้รุ่นพี่ทางอีเมลล์”


 


ทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของลู่โจวในกระเป๋าก็ดังขึ้น


 


“ขอโทษครับ ผมต้องรับสายนี้”


 


“ไม่เป็นไร ฉันต้องไปวิทยาเขตเก่าแล้ว” รุ่นพี่เฉียนกล่าวแล้วมองดูนาฬิกา “ไว้เจอกัน”


 


ลู่โจวเดินออกไปที่ระเบียงแล้วรับสาย


 


เมื่อสายติด ก่อนที่ลู่โจวจะได้พูด เสียงของเจ้าอ้วนอู๋ที่ฟังดูเป็นกังวลก็ดังขึ้นมา


 


“ลู่โจว มีปัญหาแล้ว!”


ตอนที่ 97 นายไม่มาไม่ได้


 


 


มีใบลาออกห้าใบวางอยู่บนโต๊ะ


 


ลู่โจวมองเจ้าอ้วนอู๋ที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน


 


ก็ได้


 


ฉันว่าทาสสิบสองคนกลายเป็นเจ็ดแล้ว…


 


ลู่โจวรับใบลาออกแล้วชำเลืองมอง


 


หลี่รุ่ยเจ๋อ?


 


อืม…


 


ฉันไม่รู้จักเขาเลย


 


“นี่เป็นความผิดของฉัน” เจ้าอ้วนอู๋กล่าว เขาดับบุหรี่แล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะ เขาถอนหายใจ “ฉันแค่ต้องการคนงานเพิ่ม แต่ฉันลืมเรื่องปัญหาภายใน”


 


“มันไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียว มันเป็นความผิดของฉันเหมือนกัน” ลู่โจวกล่าวขณะวางใบลาออกลง เขาถอนหายใจเบาๆแล้วกล่าว “มีใบลาออกห้าใบ ฉันจำชื่อพวกนี้ไม่ได้สี่ชื่อ นอกจากนี้ฉันยุ่งอยู่กับงานวิจัย ฉันสนใจไม่พอ…”


 


ในฐานะประธานสมาคม การไม่รู้ชื่อของสมาชิกสมาคมเป็นการเคลื่อนไหวที่โง่เขลา


 


นอกจากนี้พวกเขายังไม่ได้เป็นแค่สมาชิกสมาคม พวกเขาเป็นเพื่อนอีกด้วย


 


บางที…


 


เขาคงไม่เหมาะกับการบริหารธุรกิจจริงๆ


 


ลู่โจวถาม “ผลกระทบใหญ่ไหม?”


 


เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ผลกระทบค่อนข้างใหญ่ ปีหนึ่งสองคนออกไปไม่ได้มีผลกระทบอะไรใหญ่นัก แต่อีกสามคนที่ออกไปค่อนข้างมีความสำคัญ ตอนนี้เรามีแค่หรงไห่กับนักศึกษาปีหนึ่งอีกคนที่เขียนโปรแกรม…”


 


การอัพเดทกำลังจะปล่อยตัว แต่จู่ๆก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พวกเขาอาจต้องเลื่อนวันเปิดตัวการอัพเดท


 


นอกจากนี้มันยังไม่ใช่แค่เรื่องของการอัพเดท


 


ที่มันร้ายแรงกว่านั้นก็คือเรื่องขวัญกำลังใจโดนกระทบ


 


ลู่โจวคิดแล้วกล่าว “โทรหาคนที่เหลือให้มาประชุม…ช่างมันเถอะ ฉันจะไปจองโต๊ะร้านเมนูปลา”


 


“ตกลง” เจ้าอ้วนอู๋กล่าวและพยักหน้า จากนั้นเขาก็เดินออกจากออฟฟิศ


 


…..


 


หน้าประตูมหาลัย ที่ร้านเมนูปลา…


 


ร้านเดิม แต่เวลาเปลี่ยน ครั้งนี้รวมอู๋ต้าไห่กับลู่โจว มีเพียงเก้าคนเท่านั้น


 


ครั้งนี้ลู่โจวรินเบียร์เองแล้วลุกขึ้นยืน


 


“คุณอาจสังเกตกันแล้วว่าเราเสียสหายไปห้าคน”


 


“อันที่จริงตอนที่ผมสร้างสมาคมนี้ขึ้นมา ผมก็บอกแล้วว่าถ้าใครรู้สึกแปลกแยก ก็ออกไปได้เลย พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนกัน แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทีมนี้ได้ ในฐานะผู้ก่อตั้ง นี่เป็นความผิดของผม”


 


“นับตั้งแต่ก่อตั้งสมาคม มันก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ทุกคนใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อธุรกิจของเรา ผมคิดว่าก่อนเปิดตัวการอัพเดท ผมต้องพูดอะไรบางอย่าง”


 


“วันนี้ผมพาทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อพูดถึงสิ่งนึง”


 


“ผมตั้งใจจะใช้หุ้น 20% เป็นรางวัล”


 


“แน่นอน ตอนนี้หุ้นนี้ไร้ค่า แคมปัสแอสซิสแตนท์ยังไม่มีผลกำไร แถมยังเป็นหนี้อยู่ครึ่งล้าน ดังนั้นหุ้น 20% นี้จะถูกมอบให้หลังได้รับเงินทุนจากนักลงทุนผู้ใจบุญ”


 


“มันขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของแต่ละคน ทุกคนจะได้รับจำนวนหุ้นที่แตกต่างกัน ผมสัญญาว่าจะตัดสินอย่างยุติธรรม”


 


ลู่โจวมองทุกคนขณะกล่าวเรื่องนี้


 


หลังจากนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นแล้วดื่มจนหมดแก้ว


 


…..


 


การรวมทีมเป็นหนึ่งเดียวกันยากมากกว่าการคิดไอเดียทางธุรกิจหรือทำพาวเวอร์พ้อยเสียอีก


 


โชคดีการพึ่งพา’หุ้น’และ’นักลงทุนผู้ใจบุญ’จึงทำให้ขวัญกำลังใจของทีมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง


 


ถัดไปคือการส่งมอบสัญญาทั้งสองนี้


 


หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ ลู่โจวก็กลับไปหอพักแล้วเอนตัวพิงระเบียง เขาจ้องมองลู่วิ่งแล้วครุ่นคิด


 


เขาคิดถึงแคมปัสแอสซิสแตนท์แล้วรู้สึกรำคาญอย่างอธิบายไม่ได้


 


มันเหมือนกับว่าเขาได้พบโจทย์คณิตศาสตร์ที่เป็นไปไม่ได้


 


เขาไม่พบปัญหาแบบนี้มานานแล้ว


 


เป็นไปตามคาด…


 


เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการแล้ว เขาเหมาะกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่า


 


บางทีหลังจากได้รับทุนจากนักลงทุนผู้ใจบุญ ฉันจะหาโอกาสเปลี่ยนหุ้นเป็นเงิน


 


ลู่โจวอยู่ที่ระเบียงสักพัก เขาถอนหายใจแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเริ่มพูดกับตัวเอง “…มันเป็นเพราะฉันทนไม่ไหวแล้ว?”


 


ด้วยงานวิจัยที่ตึงเครียดสูงถึงห้าวันบวกกับการเปิดตัวการอัพเดทแคมปัสแอสซิสแตนท์ เขาจึงรู้สึกหมดไฟ เขาคิดถึงคำแนะนำของคุณนายหยางแล้วพิจารณาอย่างจริงจัง


 


บางทีเขาควรพิจารณาความสมดุลของงานและการพักผ่อน


 


เวลานั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก สือช่างที่สวมเสื้อกีฬาเดินเข้ามาพร้อมกับบาสเกตบอล


 


“โจว บอลไหม? เรายังขาดคนนึง”


 


หลี่เทากับเถียนจวินยืนอยู่ข้างหลัง ทั้งสองก็สวมชุดกีฬา


 


ลู่โจวอยากบอกว่าไม่สนใจ แต่เขาก็เปลี่ยนความคิดแล้วโพล่งออกมา “รอแปป ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”


 


เขาหันหลังกลับเข้าห้อง จากนั้นก็หยิบชุดกีฬาออกมาจากตู้ เมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่รองเท้าเสร็จ ลู่โจวก็ตามพรรคพวกไปที่สนามบาส


 


…..


 


วิ่ง ชู้ต ดังค์…


 


ก็ได้ ลู่โจวดังค์ไม่ได้ มากสุดเขาก็ทำได้แค่รีบาวด์


 


พวกเขาแค่เล่นกันขำๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้กำหนดตำแหน่ง


 


บางครั้งลู่โจวก็อยู่ที่เส้นจุดโทษ บางครั้งเขาก็อยู่ที่เส้นสามแต้ม


 


สำหรับเขาแล้ว คะแนนไม่สำคัญ เขาแค่อยากระบายและอยากได้เหงื่อ


 


หลังจากเล่นแบบฮาล์ฟคอร์ตไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมก็เหนื่อยกันมาก โดยเฉพาะกับลู่โจว เขาตัวเปียกหยั่งกับพึ่งตกสระมา

(ผู้แปล : ฮาล์ฟคอร์ต คือ การเล่นแบบครึ่งสนาม แป้นเดียว)


 


“มาพักกันเถอะ!”


 


สือช่างตะโกนขณะถือบอลอยู่แล้วทุกคนก็เห็นด้วย


 


ลู่โจวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาล้มตัวนอนบนพื้นไม้และอ้าปากหอบหายใจ เขารู้สึกพึงพอใจอย่างอธิบายไม่ได้


 


เขาไม่ได้รู้สึกพึงพอใจแบบนี้มานานแล้ว


 


สือช่างซื้อน้ำมาสองขวดแล้วนั่งข้างลู่โจว จากนั้นเขาก็เอาน้ำขวดนึงไปวางไว้บนหัวลู่โจวแล้วถาม “เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม?”


 


ขวดเกือบล้มลงแล้ว ดังนั้นลู่โจวจึงคว้าขวดไว้แล้วกลอกตามองสือช่าง จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าว “รู้สึกดีขึ้นหมายความว่าไง?”


 


“อารมณ์” สือช่างกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “นายไม่ได้มีอะไรในใจหรอกเหรอ? ทำไมนายไม่พูดออกมาล่ะ?”


 


“ฉันแค่ยุ่งเกินไป ฉันไม่ได้เป็นไร”


 


“นั่นมันไม่สมเหตุสมผล” สือช่างกล่าวและส่ายหน้า


 


“…หมายความว่าไงไม่สมเหตุสมผล?”


 


ขณะที่ลู่โจวจ้องมองสือช่าง จู่ๆเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี


 


สัญชาตญาณบอกเขาว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโว


 


สือช่างหัวเราะแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “จากประสบการณ์ของฉัน เมื่อผู้ชายมีสีหน้าอย่างนาย มันจะเป็นเพราะผู้หญิง”


 


ลู่โจว “…”


 


สือช่างเห็นว่าลู่โจวไม่ได้ตอบ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาพูดถูก เขาถอนหายใจแล้วกล่าว “เรายังเด็ก ใครบ้างไม่เคยอกหัก? ถนนยังอีกยาวไกล อย่าเศร้าเพราะผู้หญิงคนเดียวเลย”


 


ลู่โจว “???”


 


เชี่ย เนื้องอกในสมองสือช่างเริ่มใหญ่ขึ้นอีกแล้ว


 


เมื่อลู่โจวกำลังจะด่าสือช่าง จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น


 


ลู่โจวรับสายแล้วถือโทรศัพท์ค้างไว้


 


“ฮัลโหล?”


 


“ฉันเอง!”


 


เสียงของเฉินยู่ซานดังผ่านโทรศัพท์


 


ลู่โจวปรับลมหายใจแล้วถาม “ว่าไง?”


 


“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากถามว่าบ่ายพรุ่งนี้นายว่างไหม?”


 


“ผมว่าง”


 


“โอ้! ดีเลย” เฉินยู่ซานกล่าวขณะนั่งอยู่ในหอพักของตน จากนั้นเธอก็กล่าวด้วยแววตาเปล่งประกาย “ฉันกับเพื่อนได้ตั๋วหนังมาสองใบที่งานมหาลัย เราจะไปดูด้วยกัน แต่เธอทิ้งฉัน นายอยากไปดูหนังไหม?”


ดูหนัง?


 


 


เข้าท่า


 


ลู่โจวได้ยินมาว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลงานใหม่ของโนแลน มันพึ่งเปิดตัวเร็วๆนี้ ลู่โจวตั้งหน้าตั้งตารอดูตั้งแต่เห็นเทรลเลอร์หนัง แต่เขาก็ยุ่งมากจนเกือบลืมไปเลย


 


เพอร์เฟ็ค เขาอยากผ่อนคลายอยู่พอดี


 


“ตกลง พรุ่งนี้บ่ายสองผมจะไปหาที่หน้าประตู”


 


“นายต้องมานะ! มีคนเทฉันแล้ว นายจะเทฉันไม่ได้! ว่าแต่ทำไมนายถึงหอบล่ะ?”


 


ลู่โจว “ผมกำลังเล่นบาส”


 


เฉินยู่ซานประหลาดใจ “นายเล่นบาสเป็นด้วยเหรอ?”


 


ลู่โจวตอบ “ผมก็แค่เล่นไปเรื่อย ไว้คุยกันใหม่”


 


“โอ้ โอเค ฉันต้องท่องศัพท์แล้ว บ้าย บาย”


 


“บาย”


 


ลู่โจววางสายแล้วยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า เขาจ้องมองสือช่างแล้วถาม “นายพูดว่าอะไรนะ?”


 


สือช่างมองลู่โจวแล้วเงียบ เขาไม่อยากพูด…


ตอนที่ 98 นี่มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย


 


 


จินหลิงเข้าฤดูหนาวแล้ว และอุณหภูมิก็ลดลง


 


นี่เป็นช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของปี


 


ณ เวลาบ่ายสองหน้าประตูมหาลัย เฉินยู่ซานยืนอยู่ใต้ต้นอู่ถง เธอสวมเสื้อสีน้ำตาล กางเกงเอวสูงคู่กับรองเท้าบูทยาวถึงเข่า แม้ว่าเธอจะไม่ได้สูงหกฟุต แต่ขาเธอก็ดูเหมือนคนสูงหกฟุต


 


นี่คือสิ่งที่เรียกว่าวิชวลเอฟเฟคใช่ไหม?


 


ลู่โจวตระหนักทันที


 


เมื่อเฉินยู่ซานสังเกตเห็นลู่โจว แววตาของเธอก็เปล่งประกายแล้วโบกมือให้เขา


 


ลู่โจวสะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คไว้ด้านหลัง เมื่อเขาเดินเข้าไปหาเธอ เขาก็ถาม “เราจะไปดูหนังที่ไหน?”


 


เฉินยู่ซานโบกตั๋วหนังสองใบที่อยู่ในมือแล้วกล่าว “อี้ต๋าพลาซ่า! แล้วนายเอากระเป๋าโน๊ตบุ๊คมาทำไม?”


 


ลู่โจวตอบอย่างสัตย์จริง “ตอนเช้าผมไปอยู่ห้องสมุดมาอยู่พักนึง แล้วก่อนมาที่นี่ผมก็ไม่ได้กลับหอพัก”


 


แม้ว่าเขาจะทิ้งกระเป๋าไว้ในห้องสมุดได้ แต่เสี่ยวไออยู่ในโน๊ตบุ๊ค เขาจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะทิ้งโน๊ตบุ๊คไว้ในที่สาธารณะ


 


เฉินยู่ซานมีสีหน้าพ่ายแพ้ เธอกลอกตามองต้นอู๋ถงแล้วถอนหายใจ “รุ่นน้องน้อย นายทำให้ฉันกดดันมาก”


 


ลู่โจวไม่รู้จะตอบยังไง


 


เขารู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะตอบยังไง เขาก็ถูกเกลียด


 


จะดีที่สุดถ้าเขาปิดปากเงียบ


 


ทั้งสองเรียกแท็กซี่ เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง ทั้งคู่ก็เริ่มคุยกัน


 


เนื่องจากทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเขาจึงมีเรื่องให้พูดมากมาย


 


พวกเขาพูดกันถึงชีวิตมหาลัย การสร้างอาคารหอพักใหม่ กิจกรรมนอกหลักสูตรและเรื่องอื่นๆ ยี่สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และทั้งสองก็มาถึงปลายทาง


 


จากนั้นพวกเขาก็ไปที่จุดขายตั๋วแล้วมองดูเวลาฉาย


 


พวกเขามองดูหนังที่กำลังฉาย แล้วลู่โจวก็เอ่ยถาม “คุณอยากดูอะไร?”


 


เฉินยู่ซานตอบอย่างไม่ลังเล “ฮอนเตดโร้ด(Haunted Road)”

(ผู้แปล : หนังสยองขวัญของจีน)


 


ขณะที่เธอกล่าว แววตาของเธอก็เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น


 


เธอตั้งหน้าตั้งตารอดูหนังสยองขวัญเรื่องนี้ตั้งแต่เห็นเทรลเลอร์ครั้งแรกเลย แต่มันก็น่ากลัวเกินไปที่จะมาดูคนเดียว


 


ตอนแรกเธอวางแผนที่จะดูหนังเรื่องนี้กับรูมเมท แต่รูมเมทของเธอกลัวเกินไปแล้วทิ้งเธอ


 


เฉินยู่ซานหาคนไปดูด้วยไม่ได้ด้วยความสิ้นหวัง สุดท้ายเธอก็นึกถึงนักศึกษาที่ช่วยวิชาคณิตศาสตร์เธอ


 


“ตกลง” ลู่โจวกล่าวแล้วพยักหน้า เธอพูดกับคนขายตั๋ว “ฮอนเตดโร้ดหนึ่งใบ อินเตอร์สเตลลาร์(Interstellar)หนึ่งใบ”


 


เฉินยู่ซาน “???”


 


คนขายตั๋วมองลู่โจวก่อนจะมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเธอก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วถาม “อะแฮ่ม คุณอยากคิดใหม่ไหม?”


 


ลู่โจวอึ้ง “คิดใหม่เรื่องอะไร?”


 


คนขายตั๋วยิ้มแล้วกล่าว “คิดใหม่ คิดใหม่!”


 


ลู่โจว “???”


 


เชี่ย? คุณจะขายตั๋วรึเปล่า?


 


เฉินยู่ซานเดินเข้ามาเงียบๆแล้ววางบัตรกำนัลสองใบบนเคาน์เตอร์ก่อนจะกล่าว “ฮอนเตดโร้ดสองใบ”


 


คนขายตั๋วยิ้มแล้วกล่าว “เยี่ยม”


 


ลู่โจว “???”


 


เมื่อลู่โจวตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เฉินยู่ซานก็รับตั๋วสองใบมาแล้ว และเธอก็เอาตั๋วใบนึงให้ลู่โจว


 


บัตรกำนัลถูกใช้ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนกลับแล้ว


 


ลู่โจวมองตั๋วหนังในมือแล้วถอนหายใจ


 


มันไม่ใช่ว่าเขากลัวหนังสยองขวัญ เขาแค่ไม่สนใจหนังแนวนี้


 


เขาดูหนังเรื่อง’The Ring’แล้วยังผล็อยหลับได้ หนังสยองขวัญเด็กๆแบบนี้มันง่ายเกินไปสำหรับเขา


 


ดูเหมือนเขาต้องรอจนถึงครั้งต่อไปถึงจะได้ดูหนังไซไฟสุดฮิตของโนแลน


 


เฉินยู่ซานเห็นว่าลู่โจวไม่ได้พูดอะไร เธอจึงกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อย “เอาน่า เลิกงอนเถอะ ไว้ครั้งหน้าฉันจะดูอินเตอร์สเตลลาร์กับนาย”


 


“ผมไม่ได้งอน ผมไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น” ลู่โจวถอนหายใจแล้วเก็บตั๋วหนัง เขามองดูเวลาแล้วกล่าว “ผมจะไปซื้อป๊อปคอร์น คุณอยากได้อะไรไหม?”


 


ท้ายที่สุดแล้วเนื่องจากเขาเป็นเศรษฐีแล้ว เขาจึงใจกว้างขึ้นหน่อยนึง


 


อย่างน้อยเขาก็ไม่ขี้เหนียวเมื่อมันเกี่ยวกับอาหาร


 


ดวงตากลมโตคู่งามของเฉินยู่ซานเบิกกว้าง “นายแน่ใจเหรอว่านายจะกินป๊อปคอร์นได้…”


 


ลู่โจวประหลาดใจ “…มีปัญหาอะไรหรือ?”


 


“ไม่ ไม่มีอะไร” เฉินยู่ซานกล่าวและส่ายหน้าด้วยความนับถือ เธอกล่าวเสริม “ซื้อกินเองก็พอ ฉันไม่หิว”


 


ลู่โจวพยักหน้าแล้วไปที่เคาน์เตอร์


 


เขาซื้อป๊อปคอร์นกับโค้ก


 


หลังจากซื้อของกิน พวกเขาก็เข้าโรงหนังที่มีคนแน่นโรง


 


ภายใต้การรบเร้าอย่างต่อเนื่องของเฉินยู่ซาน ลู่โจวก็เดินนำหน้าเธอขณะถือโค้กกับป๊อปคอร์นในมือ


 


เขาไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองไหม แต่เขารู้สึกว่าผู้คนกำลังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ


 


อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่สนใจ กลับกันเขาโยนป๊อปคอร์นเข้าปากแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้และรอหนังเริ่มเงียบๆ


 


ไม่นานอินโทรก็เริ่มเล่น เสียงเพลงเปียโนที่ไพเราะและฟังดูสนุกสนานก็ดังขึ้น แล้วค่อยๆฟังดูมืดมน


 


ผู้คนรอบตัวพวกเขาก็เลิกกระซิบกระซาบแล้วจ้องมองหน้าจอพร้อมกับกลั้นลมหายใจ มีแต่ลู่โจวคนเดียวเท่านั้นที่กินได้ตลอดทั้งเรื่อง


 


แน่นอนมันเป็นเพราะเขาไม่สนใจ


 


อย่างน้อยลู่โจวก็ยังตามพล็อตหนังทันอยู่


 


หนังเกี่ยวกับคนปกติเจ็ดคนที่จะไปงานแต่งงาน แต่แล้วพวกเขาก็พบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ พวกเขาพูดสิ่งที่ไม่เคารพต่อผู้ตายและแม้แต่ถ่ายรูปอุบัติเหตุเพื่อความสนุก


 


สรุปสั้นๆก็คือพวกเขารนหาที่ตาย เมื่อรถพวกเขาพังในพื้นที่ชนบท พวกเขาจึงตัดสินใจพักอยู่ในรถ พวกเขากระทั่งถ่ายรูปและแม้แต่ใส่แคปชั่นว่าพวกเขาจะไม่ตายตรงนี้


 


จากนั้น…


 


ทุกคนก็ตาย


 


ลู่โจวได้ยินเสียงกรี๊ดใกล้ๆ ยิ่งเขาดูเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกแปลกใจมากเท่านั้น


 


พล็อตเรื่องนี้…


 


ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือน…


 


มันคล้ายกับไฟนอลเดสทิเนชั่น(Final Destination)?


 


เช่นเดียวกับผู้ชมคนอื่นๆรอบตัว เฉินยู่ซานก็อดกรี๊ดไม่ได้


 


อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ถอย


 


เธอกลัวแทบตาย แต่เธอก็ยังอยากรู้อยากดู สายตาของเธอจ้องมองตรงไปที่จอ ดวงตากลมโตของเธอเปี่ยมไปด้วยความกลัวและความตื่นเต้น มือของเธอจับอยู่บนแก้มพร้อมที่จะเอามาปิดตาได้ทุกเมื่อ…


 


ลู่โจวเหลือบมองเธอ


 


ผู้หญิงคนนี้…


 


เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?


 


หนังดำเนินต่อไป เมื่อมันมาถึงเนื้อเรื่องหลัก เสียงกรีดร้องก็ดังทั่วโรง


 


ลู่โจวกินป๊อปคอร์นแล้วตามด้วยโค้ก เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้เขาแค่อยากเข้าห้องน้ำ


 


อย่างไรก็ตามเฉินยู่ซานกรี๊ดอยู่ข้างๆ ผู้คนรอบตัวกำลังสงสัยว่าเธอเสียสติไปแล้วหรือยัง


 


ในที่สุดหนังก็มาถึงฉากจบ


 


ถ้ามองมุมมองอื่น เพลงไม่เลวเลย สำหรับหนังสยองขวัญในประเทศแล้ว มันไม่เลว ตอนจบของหนัง เหตุการณ์ทั้งหมดถูกเปิดเผยว่ามันเป็นแค่ความฝัน


 


ท้ายที่สุดแล้วจุดเด่นของหนังสยองขวัญไม่ใช่ตอนจบ แต่เป็นเนื้อเรื่อง


 


พูดตามตรง เรื่องสยองขวัญที่ถูกสร้างขึ้นในยอดนักสืบจิ๋วโคนันยังทำให้ลู่โจวกลัวมากกว่าหนังสยองขวัญเหล่านี้อีก


 


แน่นอนเขากำลังพูดถึงเวอร์ชั่นทีวี ไม่ใช่เวอร์ชั่นเดอะมูฟวี่


 


หลังจากพวกเขาออกมาจากโรงหนัง เฉินยู่ซานก็เงียบราวกับสูญเสียจิตวิญญาณไป สีหน้าเธอซีดขาวและน่ากลัว แถมยังเดินเหมือนไม่มีแรงอีก


 


หลังจากออกนอกโรงหนังไป มันก็เหมือนกับว่าจิตวิญญาณของเธอกลับมาแล้ว เธอถอนหายใจแล้วเอามือมาวางบนอก “ฉันกลัวแทบตาย…”


 


ลู่โจวโยนแก้วเปล่ากับถังป๊อปคอร์นลงถังขยะแล้วกล่าว “มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยจริงเหรอ?”


 


เฉินยู่ซานมองลู่โจวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แน่นอนว่ามันน่ากลัว! นายไม่เห็นด้วยเหรอ?”


 


ลู่โจวกล่าว “แต่ผีไม่มีจริงหนิ?”


 


“ฉันรู้ว่ามันไม่มีจริง แต่นายไม่คิดว่าการที่จู่ๆผู้หญิงก็ปีนออกมา มันน่ากลัวเหรอ? หน้าเธอเต็มไปด้วยเลือด…” เฉินยู่ซานกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ


 


ลู่โจวคิดแล้วก็ยังไม่คิดว่ามันน่ากลัว กลับกันเขากล่าวอย่างหัวดื้อแทน “แต่ทั้งหมดเป็นของปลอม…”


 


เฉินยู่ซาน “…”


ตอนที่ 99 อัจฉริยะทุกคนเป็นแบบนี้เหรอ?


 


 


ลู่โจววางแผนกลับมหาลัยทันทีหลังจากดูหนังเสร็จ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเฉินยู่ซานบอกจะเลี้ยงข้าวเย็น เขาจึงตัดสินใจไปกับเธอ


 


ยังมีเวลาพักนึงกว่าจะถึงเวลามื้อเย็น ดังนั้นทั้งสองจึงหาร้านสตาร์บัคส์ในอี้ต๋าพลาซ่าแล้วเข้าไปพักอยู่ในร้าน


 


หลังจากเฉินยู่ซานสั่งกาแฟสองแก้ว พวกเขาก็นั่งอยู่ที่มุมร้านด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นเธอก็ถาม “ช่วงนี้นายทำอะไรอยู่?”


 


ลู่โจวตอบ “ผมพึ่งทำโปรเจ็ควิจัยของฟิสิกส์เสร็จ ช่วงนี้ผมเลยไม่ได้ทำอะไรมาก แล้วคุณล่ะ? เตรียมสอบเข้าปริญญาเอกไปถึงไหนแล้ว?”


 


เฉินยู่ซานยิ้มที่มุมปากแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไปได้สวย!”


 


ลู่โจวมองเธอด้วยความประหลาดใจ “มั่นใจขนาดนั้นเชียว? แล้วคุณสมัครเรียนมหาลัยไหน?”


 


“คณะบริหารธุรกิจของมหาลัยเยียนจิง! เป้าหมายของฉันคือการได้รับ MBA จากมหาลัยเยียนจิงและมหาลัยวอร์ตัน”


 


“1+2? น่าประทับใจ งั้นพอคุณเรียนจบ คุณก็จะปริญญาสองใบ”


 


เฉินยู่ซานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ฉันไม่เลวเลยใช่มั้ย?”


 


แม้ว่าเธอจะแค่ล้อเล่น แต่เธอก็ยังรู้สึกดีที่ได้รับคำชื่นชมจากอัจฉริยะ


 


ลู่โจว “ดีๆ แล้ววิชาคณิตของคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”


 


มันดีกว่าไปเรียนต่างประเทศ ไม่ว่ามันจะเป็น’1+2’หรือ’1+1’หรือ’2+2′ ปกติแล้วทางมหาลัยจะมีโครงการร่วมมือกับสถาบันต่างประเทศ เราสามารถเข้าไปเรียนกับภาคเรียนปกติ


 


อย่างไรก็ตามการเข้ามหาลัยเยียนไม่ใช่เรื่องง่าย


 


เมื่อเฉินยู่ซานได้ยินลู่โจวสงสัยความสามารถด้านคณิตศาสตร์ของเธอ เธอก็แย้งด้วยความไม่พอใจ “วิชาคณิตของฉันใช้ได้เลย! มันก็แค่ว่าเมื่อฉันเริ่มเรียนใหม่ ฉันจะลืมไปบ้างบางหัวข้อ”


 


ลู่โจวดูเธอเถียงแล้วรู้สึกขบขัน “งั้นผมจะทดสอบคุณ ถ้าในกรณีของ L เป็นเส้นโค้งปิดเชิงเดี่ยว คุณสมบัติของค่าโคชีคืออะไร?”


 


เฉินยู่ซานเหมือนจะพูดไม่ออก


 


“…แม้ว่าฉันจะไม่ได้อ่านหนังสือคณิตศาสตร์มามากนัก แต่เลิกหลอกฉันได้แล้ว แต่นี่เป็นการวิเคราะห์เชิงซ้อนใช่ไหม? ฉันไม่ได้เรียนเรื่องนี้”


 


ห๊ะ?


 


ฉันคิดว่าเธอพูดถูก


 


ลู่โจวรู้สึกอาย เขากระแอมแล้วกล่าว “โอ้ เป็นความผิดผมเอง ผมจะคิดโจทย์อื่น”


 


เฉินยู่ซานเอามือปิดหู “ฉันไม่ฟัง! ฉันเรียนพีชคณิตขั้นสูงจบแล้ว! มันพอแล้ว!”


 


เมื่อลู่โจวเห็นรีแอคชั่นเวอร์ๆของเฉินยู่ซาน เขาก็ช็อค เขาคิด ‘เราแค่คุยกัน ทำไมคุณถึงทำตัวเวอร์ขนาดนี้? ถ้าคุณไม่อยากฟังก็ไม่เป็นไรสักหน่อย…’


 


ผู้คนรอบข้างอาจเข้าใจผิด…


 


คู่รักที่นั่งข้างพวกเขากำลังมองมาทางพวกเขา


 


ผู้หญิง “อัจฉริยะทุกคนคบกันแบบนี้เหรอ?”


 


ผู้ชาย “ไม่ ดูเหมือนอัจฉริยะจะคบกับนักศึกษาโง่…มันแปลกเล็กน้อย”


 


แววตาของผู้หญิงเปล่งประกาย “เดี๋ยวนะ ชายคนนั้น…ลู่โจว? จากเอกคณิต?”


 


ผู้ชายมองเขาแล้วกล่าว “เชี่ย! งั้น…มันก็ไม่ใช่นักศึกษาโง่ที่คบกับอัจฉริยะ แต่เป็นเทพนักศึกษาคบกับนักศึกษาโง่”


 


ผู้หญิงลูบคางแล้วกล่าว “พอคุณพูดแบบนั้น มันก็ฟังดูโรแมนติกไม่เบา”


 


ลู่โจว “…”


 


นี่มันหมายความว่ายังไง?


 


ชายโสดมาสตาร์บัคส์ไม่ได้เหรอ?


 


สนใจเรื่องของตัวเองไปเถอะ!


 


เมื่อเฉินยู่ซานได้ยินบทสนทนาที่หยาบคายของพวกเขา เธอก็หน้าแดงและขบฟันกรอดๆ เธอกล่าวด้วยความโกรธ “ฉันไม่ใช่นักศึกษาโง่! ฉันได้เกรดเฉลี่ย 4.7 ไอ้บ้า!”


 


…..


 


ตอนเย็น พวกเขาก็กลับไปที่วิทยาเขต


 


เนื่องจากลู่โจวได้ผ่อนคลายตลอดทั้งบ่าย เขาจึงรู้สึกสบายใจมาก เขาไม่กลับไปที่หอพักด้วยซ้ำ เขาตรงไปยังห้องสมุดแทน


 


โปรเจ็ควิจัยฟิสิกส์ทำให้เขาสนใจที่จะค้นคว้าคาร์บอนคลัสเตอร์อย่างมาก เขาพบว่าการใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาจริงนั้นน่าสนใจมาก


 


มันเป็นเหมือนเหมืองทองคำที่กำลังรอให้เขาไปค้นหา


 


ลู่โจวโหลดวิทยานิพนธ์บางอย่างลงในคอมพิวเตอร์แล้วเริ่มอ่านวิทยานิพนธ์เหล่านั้น


 


เวลานี้เอง ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่อง’สมองท่านว่างเปล่าเกินไป ไปเรียนเพิ่มซะ’ที่ระบบพูดถึงแล้ว


 


ถ้าเขาไม่อ่านหนังสือที่ระบบลิสมาให้ยาวเหยียด เขาก็คงไม่เข้าใจวิทยานิพนธ์เหล่านี้ ไม่ต้องพูดถึงข้อมูลไฮเทคในฐานข้อมูลของระบบ


 


ในช่วงสองสัปดาห์ถัดมา ลู่โจวมักจะไปกลับระหว่างห้องสมุดกับหอพัก


 


แน่นอนเมื่อมีตัวอย่างใหม่ออกจากห้องแล็บ เขาก็ยังไปช่วยวิเคราะห์ข้อมูล


 


เนื่องจากวิทยานิพนธ์อันก่อนของเขา รุ่นพี่เฉียนจ้งหมิงกับหลิวโปจึงนับถือลู่โจวอย่างยิ่ง


 


ทุกครั้งที่ลู่โจวมาห้องแล็บเพื่อช่วยพวกเขาวิเคราะห์ข้อมูลฟูเรียร์อินฟาเรดสเปคโตรสโคปี พวกเขาก็จะพูดประมาณ ‘พี่ลู่ เชิญ’ หรือ ‘พี่ลู่ ทางนี้’ มันเริ่มทำให้ลู่โจวเขินหน่อยๆ


 


เมื่อเขาว่าง เขาก็จะมาคุยเรื่องคาร์บอนนาโนทิวป์กับรุ่นพี่เฉียน


 


ลู่โจวพบว่าชายคนนี้เป็น’พวกคลั่งอุปกรณ์’


 


เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาพูดถึงอุปกรณ์ล้ำสมัย ชายคนนี้ก็จะพูดไม่หยุด เขาพูดกระทั่งโต๊ะทดลอง


 


มันก็ยังต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ลู่โจวมีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ที่มีค่าและราคาแพงแบบนี้


 


ยกตัวอย่างห้องแล็บข้างๆ เตาเผาอุณหภูมิสูงแบบท่อสูญญากาศ CVD ที่ใช้เตรียมคาร์บอนนาโนทิวป์ คาร์บอนนาโนทิวป์ที่ใช้กันทั้งสถาบันวิจัยก็ทำมาจากอุปกรณ์ตัวนี้ ราคานำเข้าเจ้าตัวนี้คือแสนยูโร


 


พวกเขาไม่เพียงแต่จะมีอุปกรณ์ผลิตคาร์บอนนาโนทิวป์เท่านั้น แต่พวกเขายังมีอุปกรณ์ปรับพื้นผิวคาร์บอนนาโนทิวป์อีกด้วย อุปกรณ์อันนั้นมีราคาเกือบเท่าบ้านหลังนึง


 


เมื่อไหร่ที่ลู่โจวได้ยินรุ่นพี่เฉียนโม้ให้ฟัง เขาก็อดรู้สึกประทับใจไม่ได้


 


ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปัญญาวิจัยวิทยาศาสตร์


 


หลังจากรู้ว่าลู่โจวสนใจในการเตรียมคาร์บอนนาโนทิวป์ รุ่นพี่เฉียนก็ทำตัวเหมือนเป็นตัวแทนแลกเปลี่ยน ตั้งแต่’การเตรียมตัวเร่งปฏิกิริยาโลหะทรานซิชัน’ไปจนถึง’การทำให้คาร์บอนนาโนทิวป์บริสุทธิ์’ เขาตรวจทานอกระบวนการทั้งหมดกับลู่โจว


 


ในที่สุดลู่โจวก็มีโอกาสได้เห็นสิ่งที่วิจัยกันมานานกว่าครึ่งเดือน


 


แน่นอนเขาต้องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน


 


และแล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็สิ้นเดือนแล้ว


 


ในที่สุด ในวันสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ก็มีข่าวดีมาจากห้องแล็บวิทยาเขตเก่า…


ตอนที่ 100 สรุป!


 


 


ลู่โจวกำลังทานบะหมี่อยู่ในโรงอาหาร แต่แล้วจู่ๆศาสตราจารย์หลี่หรงเอินก็โทรมา เวลานี้เขายังคิดถึงวิทยานิพนธ์จากวารสารวัสดุศาสตร์และวิศวกรรมที่เกี่ยวกับการคำนวณเชิงทฤษฏีของการเคลื่อนย้ายกึ่งอิเล็กตรอนของกราฟีนอยู่เลย


 


“เฮ้ ลู่โจว”


 


“ครับ?”


 


“เธอตีพิมพ์วิทยานิพนธ์นั้นได้เลย”


 


“เอ๊ะ”


 


“อาจารย์หมายถึง ตอนนี้เราได้ส่งรายงานขั้นสุดท้ายให้หน่วยงานระดับสูงเพื่อยื่นคำร้องรายงานข้อสรุปแล้ว!”


 


“…?!”


 


ในที่สุดลู่โจวก็ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาผุดลุกจากเก้าอี้จนทำให้คู่รักที่นั่งข้างเขาตกใจ


 


เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เขากำโทรศัพท์แน่นแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและสั่นเทา “เรา…ประสบความสำเร็จ?”


 


ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินยิ้มแล้วตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ใช่! เธอพูดถูก! เราประสบความสำเร็จแล้ว!”


 


ลู่โจวรีบถาม “อัตราส่วนเท่าไหร่?”


 


“0.47wt% เธอคาดเดาได้ถูกต้อง! อัตราส่วนที่ดีที่สุดของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ต่อซีเมนต์คือระหว่าง 0.4 และ 0.5 ไม่ใช่มากกว่า 1wt% เราทำพลาดจากประสบการณ์ แต่มันหลีกเลี่ยงได้” ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินกล่าวด้วยอารมณ์


 


“ศาสตราจารย์หลี่ช่วยส่งวิทยานิพนธ์อัตราส่วนการผสมของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ให้ผมได้ไหม?”


 


“แน่นอน อาจารย์ส่งให้เธอทางอีเมลล์แล้ว” ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


ลู่โจววางสายแล้วรีบทานบะหมี่ให้หมด จากนั้นเขาก็ตรงไปยังห้องสมุด


 


เขานั่งในห้องสมุดแล้วรีบเปิดอีเมลล์บนคอมพิวเตอร์ เมื่อเขาดาวน์โหลดวิทยานิพนธ์เวอร์ชั่น PDF เสร็จ เขาก็รีบหาส่วนที่เกี่ยวกับอัตราส่วน


 


“…เมื่อปริมาณวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์คือ 0.5wt% ความต้านทานแรงอัดและความต้านทานแรงดึงของซีเมนต์จะเพิ่มขึ้น 47.1% และ 34.2% ตามลำดับ”


 


ในที่สุดปัญหาทางเทคนิคอันสุดท้ายนี้ก็ได้รับการแก้ไข ปัญหาทั้งหมดก็มาถึงข้อสรุปที่ประสบความสำเร็จ


 


มันไม่ใช่แค่อัตราส่วนของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ต่อวัสดุซีเมนต์เบส แต่ยังปรับแต่งประสิทธิภาพพื้นผิวของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ และแม้แต่การออกแบบกระบวนการการผลิตอีกด้วย ปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไขทั้งหมดในระหว่างโปรเจ็ควิจัยนี้ แต่ลู่โจวไม่ได้เกี่ยวข้องกับส่วนอื่น


 


เมื่อสิ้นสุดโปรเจ็ควิจัยที่นำโดยทีมของศาสตราจารย์หลี่หรงเอิน พวกเขาก็สามารถตีพิมพ์วิทยานิพนธ์อย่างน้อยห้าเรื่องและจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีได้อีกสองฉบับ


 


ถ้าลู่โจวจำถูก โปรเจ็คนี้ไม่เพียงแต่จะได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวัสดุศาสตร์และวิศวกรรมแห่งชาติ กับ กองทุนกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับมณฑลเท่านั้น แต่มันยังได้รับการลงทุนจากบริษัท จ้งซานซินฉายอีกด้วย


 


เมื่อถึงเวลา ศาสตราจารย์หลี่จะแบ่งงานวิจัยออกเป็นสองส่วนและส่งรายงานสรุปผลเป็นสองฉบับ อย่างแรกจะเป็นกระบวนการวิจัยแนวตั้งและอีกอันเป็นกระบวนการวิจัยแนวนอน


 


นอกจากวิทยานิพนธ์ที่ตีพิมพ์ สิทธิบัตรทั้งสองควรเป็นของจ้งซานซินฉาย


 


ถัดไปคือการส่งวัสดุที่ใช้และรับเงินทุนเพื่อปิดบัญชี คืนเงินวิจัย แล้วควรรอการตอบกลับจากเจ้าหน้าที่ของโปรเจ็ค…


 


อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ต้องสนใจเรื่องยุ่งยากพวกนั้น มีคนที่ได้รับมอบหมายอยู่ในห้องแล็บที่รับผิดชอบเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว


 


ลู่โจวเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ


 


งานวิจัยอันยาวนานในที่สุดก็จบลง


 


อย่างไรก็ตามเขารู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปอย่างอธิบายไม่ได้


 


มันเป็นเหมือนหินก้อนใหญ่ที่ถูกยกออกไปจากอก แต่เขาคิดถึงแรงกดทับของหินก้อนนั้น


 


เมื่อลู่โจวอ่านวิทยานิพนธ์อีกครั้ง เขาก็ประหลาดใจที่พบชื่อของตนเองอยู่ในรายชื่อผู้เขียน


 


เห็นได้ชัดว่าการมีส่วนร่วมของเขาในวิทยานิพนธ์ได้รับการยอมรับจากสมาชิกโปรเจ็คทุกคน แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นห้องแล็บที่วิทยาเขตเก่า แต่เขาก็ยังได้รับการประเมิณอย่างสูง


 


เขาคลายกำปั้นแล้วส่ายหัวทันที จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์


 


“การต่อสู้ของฉันยังไม่จบ…ฉันยังเหลือวิทยานิพนธ์ SCI อีก”


 


ขั้นตอนสุดท้าย!


 


เขาเปิดโปรแกรมเวิร์ดแล้วนิ้วของเขาก็กดคีย์บอร์ดระรัว


 


[การวิเคราะห์ฟูเรียร์ทรานสฟอร์มอินฟาเรดสเปคโตรสโคปีและวิธีทางคณิตศาสตร์เพื่อหาผลของวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ที่มีต่อปฏิกิริยาไฮเดรชั่นของซีเมนต์ในอายุเริ่มต้น]


 


[บทคัดย่อ : ปฏิกิริยาไฮเดรชั่นของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์และตัวอย่างคาร์บอนนาโนทิวป์ที่ถูกปรับแต่งตอนอายุเริ่มต้นที่ถูกดัดแปลงโดยใช้วิธี FTIR ด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์อย่างการวิเคราะห์หน้าที่ แบบจำลองทางคณิตศาสตร์จึงถูกสร้างขึ้น มันสรุปได้ว่าวัสดุคาร์บอนนาโนทิวป์ไม่ได้มีผลต่อปฏิกิริยาไฮเดรชั่นในช่วงอายุเริ่มต้นเมื่อนำมันมาผสมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์]


 


[บทนำ…]


 


…..


 


ลู่โจวใช้เวลาทั้งวันเพื่อพิมพ์วิทยานิพนธ์ เมื่อเขาทำเสร็จ เขาก็นำมันไปห้องแล็บ


 


เมื่อเขาเข้าไปในห้องแล็บ รุ่นพีเฉียนก็เหมือนเสียสติไปแล้ว เขากอดลู่โจวแล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้น “เราทำได้! ลู่โจวเราทำได้!”


 


“ครับๆ ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้ว!”


 


ในที่สุดลู่โจวก็หลุดจากการกอดของรุ่นพี่เฉียน อย่างไรก็ตามจากนั้นหลิวโปก็ยิ้มแล้วกางแขนเดินเข้ามา โชคดีที่ลู่โจวหลบทัน


 


ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินยืนอยู่ข้างๆมองดูพวกคนหนุ่มสาวด้วยรอยยิ้ม


 


เขารอให้ความตื่นเต้นลดลงแล้วค่อยเอ่ยขึ้นมา


 


“เธอทำวิทยานิพนธ์เสร็จแล้วเหรอ?”


 


“เสร็จแล้วครับ”


 


ลู่โจวหยิบ USB ออกมา แต่ก็ถูกศาสตราจารย์หลี่ปฏิเสธ


 


“เธอไม่ต้องเอามาให้อาจารย์ดูหรอก อาจารย์อ่านฉบับร่างที่เธอส่งให้แล้ว มันไม่มีปัญหา เธอทำวิจัยทั้งหมดด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอก็ตีพิมพ์โดยใช้ชื่อตัวเองเถอะ”


 


“ผมจะทำแบบนั้นได้ไง? ข้อมูล…”


 


ศาสตราจารย์หลี่ยิ้มแล้วกล่าว “งั้นก็เขียนชื่อหลิวโปกับเฉียนจ้งหมิง ข้อมูลฟูเรียร์อันฟาเรดสเปกตรัมเป็นทั้งสองรวบรวมมา หรือเธอจะใส่ชื่ออาจารย์เป็นคนที่สี่ก็ได้ มันไม่สำคัญต่ออาจารย์หรอก ไม่ว่ายังไงที่อาจารย์หวังก็คือเธอมาเป็นนักศึกษาปริญญาโทของอาจารย์มากกว่า”


 


ลู่โจวยิ้มอย่างลำบากใจและไม่ได้ตอบอะไร


 


นี่เป็นคำตอบที่ยากจะตอบได้


 


ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบศาสตราจารย์หลี่ เหตุผลหลักคือเขาไม่ได้คิดถึงทิศทางที่เขาอยากจะเรียนในอนาคต


 


ศาสตราจารย์หลี่ยิ้มแล้วเปลี่ยนหัวข้อ “การคำนวณวิสดุศาสตร์เชิงคำนวณเป็นสาขาสหวิทยาการที่เกิดขึ้นใหม่ วารสารวัสดุศาสตร์ทั่วๆไปไม่ได้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบสาขานี้ อาจารย์แนะนำให้เธอเลือกส่งวิสดุศาสตร์เชิงคำนวณของต่างประเทศ แม้ว่าปัจจัยกระทบที่อาจารย์เห็นครั้งล่าสุดจะมีเพียง 2.2 แต่อิทธิพลของวารสารไม่สามารถวัดได้โดยปัจจัยกระทบเพียงอย่างเดียว”


 


“ส่วนลายเซ็นของวิทยานิพนธ์ ใส่ชื่อของเธอคนเดียวก็พอ เธอไม่ต้องสนใจอาจารย์ ด้วยความช่วยเหลือของทีม อาจารย์ตีพิมพ์สาขานี้สาขาเดียวก็ห้าเรื่องแล้ว จะตีพิมพ์เพิ่มไปทำไม?”


 


ศาสตราจารย์หลี่ไม่ได้คุยโว ทีมของเขาได้รับเงินทุนเป็นอย่างดี แถมความสามารถในการวิจัยของพวกเขาก็แข็งแกร่ง พวกเขาส่งวิทยานิพนธ์เฉลี่ยอย่างน้อย 10 ฉบับต่อปีแล้ว


 


ศาสตราจารย์หลี่ไม่ได้ให้ความสนใจกับตำแหน่งชื่อผู้เขียนของวิทยานิพนธ์มากนัก


 


ส่วนชื่อผู้เขียนคนที่สี่…


 


สภาพแวดล้อมทางวิชาการของในประเทศนั้นแตกต่างจากของต่างประเทศ มีเพียงชื่อผู้เขียนคนแรกเท่านั้นที่สำคัญ คนที่สองและสามอาจมีความหมายต่อนักศึกษาปริญญาโท แต่สำหรับศาสตราจารย์อย่างเขา มันไม่มีประโยชน์เลย


 


ศาสตราจารย์สนใจแค่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเท่านั้น


 


พวกของอย่างสิทธิบัตร


 


ลู่โจวยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ศาสตราจารย์หลี่ก็ขัดจังหวะเสียก่อน


 


“เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องวิชาการกันเถอะ อาจารย์จองโต๊ะที่โรงแรมจื่อจินซานแล้ว อาจารย์จะขับรถเอง เราทำงานมาทั้งปี คืนนี้เรามาฉลองกันเถอะ อาจารย์จะเลี้ยงเอง ไม่ต้องเกรงใจ”


 


หลิวโป “ศาสตราจารย์หลี่ ขอบคุณครับ! ศาสตราจารย์ใจกว้างมาก!”


 


รุ่นพี่เฉียนก็ตะโกน “6666” เช่นกัน


 


รอยยิ้มปรากฏบนหน้าลู่โจว แต่สีหน้าเขาแปลกๆเล็กน้อย


 


เดี๋ยวนะ…


 


คืนนี้ไม่ใช่ว่ามีประกวดร้องเพลงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิเหรอ?


 


เขาสัญญาณกับสือช่างว่าจะไปให้กำลังใจ


 


เอิ่ม…


 


ช่างเถอะ ฉันเทเขาละกัน


 


สำหรับลู่โจวแล้ว การไปทานอาหารกับศาสตราจารย์ในโรงแรมใหญ่น่าดึงดูดมากกว่าการมายืนอยู่ในโรงยิมของมหาลัย


ตอนที่ 101 ผลงานเล็กๆน้อยๆ


 


 


และแล้วลู่โจวก็เทสือช่างทั้งแบบนี้


 


เกือบห้าโมงเย็น ลู่โจวก็ขึ้นรถของศาสตราจารย์หลี่ พวกเขาอยู่บนรถราวยี่สิบนาทีก่อนจะถึงที่หมาย


 


โรงแรมจื่อจินซานตั้งอยู่ริมเขา มันดูสวยงามจริงๆ ทั้งขนาดและสภาพแวดล้อมโดยรอบก็ไร้ที่ติ เราสามารถเห็นทั้งภูเขาและป่าต้นอู่ถงได้จากลานจอดรถ


 


ลู่โจวไม่รู้ว่าโรงแรมกี่ดาว แต่มูลค่าของโรงแรมหลายร้อยล้านแน่นอน


 


หลังจากลงจากรถศาสตราจารย์หลี่ เขาก็ยืนรออยู่ข้างๆเพื่อนทั้งสอง


 


ลู่โจวมองไปยังกลุ่มคนที่สวมชุดสูท มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขามาโรงแรมหรูแบบนี้ เขาเอ่ยถาม “เราไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจริงหรือ?”


 


หลิวโปยิ้มแล้วกล่าว “ไม่จำเป็น นักวิจัยไม่ต้องเป็นทางการนัก ตราบใดที่นายไม่สวมรองเท้าแตะ…อันที่จริงนายจะใส่รองเท้าแตะก็ได้ อย่างมากศาสตราจารย์หลี่ก็จะวิพากษ์วิจารณ์นายเล็กน้อย”


 


ลู่โจวมองไปที่ทางเข้าแล้วกล่าว “พวกนั้นเป็นคนที่อยู่ในทีมของโปรเจ็คใช่ไหม?”


 


รุ่นพี่เฉียนจ้งหมิงดันกรอบแว่นแล้วกล่าว “คนที่ใส่เสื้อผ้าสบายๆอ่ะใช่ ไม่ใช่คนใส่สูท สังเกตได้ง่ายมาก”


 


ลู่โจวถาม “แล้วคนที่ใส่สูทล่ะ?”


 


หลิวโปยิ้มแล้วกล่าว “เป็นคนทุกประเภท ยกตัวอย่างข้างศาสตราจารย์หลี่คือหลิววั่นซาน ประธานบริษัทจ้งซานซินฉาย ตรงนั้นเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทวัสดุก่อสร้างจินหลิง ฉันจำชื่อเขาไม่ได้ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นคนใหญ่คนโตกันทั้งหมด”


 


ลู่โจวมองดูเสื้อผ้าของศาสตราจารย์หลี่ มันไม่ใช่เสื้อผ้าสบายๆหรือชุดสูท แต่มันเป็นแบบกึ่งๆทางการ


 


อืม…


 


ลู่โจวอดถามไม่ได้ “ทำไมคนระดับสูงแบบนี้ถึงมาที่นี่ล่ะ?”


 


หลิวโปยิ้มแล้วกล่าว “โปรเจ็ควิจัยของเราได้รับการลงทุนโดยบริษัทจ้งซานซินฉาย จ้งซานซินฉายกับบริษัทวัสดุก่อสร้างจินหลิงเป็นหุ้นส่วนกัน นายเคยได้ยินกลยุทธ์เส้นทางสายไหมรึเปล่า?”


 


ลู่โจวพนักหน้า


 


เขาก็ติดตามข่าวอยู่


 


“ซัพพลายเออร์วัสดุสองเจ้ามีโปรเจ็คใหญ่ที่มีมูลค่ากว่าสองพันล้านในโปรเจ็คโครงสร้างพื้นฐานในปากีสถาน งานวิจัยของเราเกี่ยวกับคอมโพสิตซีเมนต์เบสที่ดัดแปลงจากคาร์บอนนาโนทิวป์เรื่องความต้านทานความสึกหรอและทดสอบประสิทธิภาพเชิงกลที่ดำเนินการได้ค่อนข้างดี มันอาจช่วยพวกเขาลดค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านหยวน” หลิวโปกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉย


 


สองพันล้าน!


 


ลู่โจวประหลาดใจ


 


เขาไม่ตระหนักเลยว่างานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเขาจะมีผลกระทบต่อเงินทุนมหาศาล


 


แม้ว่าผลงานในโปรเจ็ควิจัยของเขาจะเล็กน้อย แต่เขาก็ยังมีส่วนช่วย!


 


ลู่โจวช็อค


 


สองพันล้านนี้…


 


มันคงจะดีถ้าเขาได้ส่วนแบ่ง


 


ต่อให้ฉันได้ 0.25% มันก็มากพอที่จะทำให้เขาทำภารกิจของระบบสำเร็จ


 


หลิวโปตบไหล่ลู่โจวแล้วยิ้ม “เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ เราเป็นนักวิจัย นายอยากไปเที่ยวไหน?”


 


รุ่นพี่เฉียนตอบ “ฉันอยากไปดูสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ฉางอัน ฉันจะได้ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าด้วย”


 


หลิวโป “เชี่ย สุสานดียังไง? ไปแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับฉันไหม? เฒ่าหลี่บอกว่าเรายังมีเงินทุนวิจัยเหลืออยู่บ้าง และเราก็ใช้มันได้ตามใจชอบ! แล้วนายล่ะลู่โจว?”


 


ลู่โจวกล่าวอย่างจนปัญญา “ผมมีสอบ ผมไปไม่ได้”


 


“ฉันเกือบลืมเลย นายยังเรียนปริญญาตรีใช่ไหม? ยุ่ง?” หลิวโปกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าว “ทำไมนายไม่จบการศึกษาเลยล่ะ? คลาสปริญญาตรีจะสอนอะไรนายได้? มาแล็บฟิสิกส์วัสดุของเราสิ ศาสตราจารย์หลี่ใจดีมาก”


 


ลู่โจวกระแอมเบาๆ “ผมจะลองไปคิดดู”


 


ไม่นานกลุ่มคนที่หน้าทางเข้าก็เริ่มเข้ามาในโรงแรม


 


หลิวโปตบไหล่ของลู่โจวแล้วเดินไปที่ประตู


 


ตั้งแต่ชั้นสองของโรงแรม ที่โถงที่สอง มีพรมแดงปูยาวไปตลอดทางตั้งแต่หน้าลิฟท์ไปจนถึงทางเข้าห้องประชุม มันเป็นเหมือนการประชุมประจำปีของบริษัท แต่มันฟุ่มเฟือยกว่าคำอธิบายของศาสตราจารย์หลี่ไปไกล


 


หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในห้องประชุม ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินก็โบกมือให้พวกเขาแล้วส่งสัญญาณให้ลู่โจวเดินมา เขามองชายที่อยู่ข้างๆแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม


 


“นี่คือเด็กที่ฉันบอกคุณ อัจฉริยะจากสาขาคณิตศาสตร์ของมหาลัยจินหลิง คนที่พิชิตปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก ลู่โจว เขาเป็นคนที่ทำให้โปรเจ็คของเราดำเนินไปได้อย่างราบรื่น…ลู่โจว มานี่ อาจารย์จะแนะนำให้เธอรู้จัก ท่านนี้คือประธานบริษัทจ้งซานซินฉาย คุณหลิววั่นซาน”


 


“คุณหลิว สวัสดีครับ” ลู่โจวทักทายแล้วจับมือเขาด้วยความสุภาพ


 


“ยินดีที่ได้พบ เธอนี่เองลู่โจว ฉันเคยอ่านข่าวเรื่องของเธอ แม้แต่เหรินเหรินไดอารี่ก็ชื่นชมความสำเร็จของเธอ” หลิววั่นซานกล่าวและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันก็เป็นศิษย์เก่าเหมือนกัน”


 


ลู่โจวถามด้วยความประหลาดใจ “คุณหลิว คุณก็จบมาจากมหาลัยจินหลิงหรือครับ?”


 


“คณะเศรษฐศาสตร์ รุ่น 94” หลิววั่นซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะว่าไป ฉันยังจำคลาสพีชคณิตขั้นสูงของเฒ่าถังได้อยู่เลย”


 


รุ่นที่ 94!


 


ลู่โจวคำนวณ คนๆนี้แก่กว่าเขาอย่างน้อย 20 ปี


 


ฉันไม่รู้เลยว่าเฒ่าถังสอนคณิตมากว่า 20 ปีแล้ว!


 


เนื่องจากเขาเป็นศิษย์เก่า พวกเขาจึงมีเรื่องให้พูดกันมากมาย นอกจากนี้หลิววั่นซานก็เป็นคนที่น่าสนใจเช่นกัน


 


แม้ว่าเขาจะอ้วนลงพุง สวมนาฬิกาทอง และมีสีหน้าดูโกรธๆ แต่เมื่อลู่โจวคุยกับหลิววั่นซาน เขาก็พบว่าคนๆนี้เป็นคนที่มีวัฒนธรรมมาก


 


อย่างน้อยทัศนคติของเขาก็น่าเคารพ พูดอีกนัยนึง เขาไม่ได้ทำตัวเหมือนประธานผู้ร่ำรวยเลย ลู่โจวแปลกใจที่เขาพูดกับอีกฝ่ายได้


 


อย่างไรก็ตามบทสนทนาที่น่าพึงพอใจก็อยู่ได้ไม่นาน


 


จากนั้นมันก็มาถึงบทสนทนาที่ลู่โจวเกลียด


 


หลิววั่นซานยิ้มแล้วกล่าว “เอ้อ ฉันได้ยินศาสตราจารย์หลี่พูดเรื่องโปรเจ็คผู้ประกอบการที่เธอกำลังทำอยู่? มันเรียกว่าแคมปัสเทรนด์ใช่ไหม?”


 


พูดให้ถูกมันชื่อแคมปัสแอสซิสแตนท์แล้ว แต่พวกเขายังไม่ได้เปิดตัวการอัพเดท ดังนั้นชื่อของแอพยังไม่ได้เปลี่ยนไป


 


ลู่โจวพยักหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ “ครับ”


 


หลิววั่นซานยิ้มแล้วถาม “เป็นไงบ้าง?”


 


ลู่โจว “…”


 


เราไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม?


 


คนงานสิบสองคนของเขากลายเป็นเจ็ดคน เขามีโปรแกรมเมอร์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่ และพวกเขายังอยู่ห่างไกลจากการปล่อยตัวการอัพเดท…


 


แม้ว่าลู่โจวอยากจะก่นด่า แต่เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า “มันก็ดีครับ ผู้ใช้เติบโตขึ้นถึงล้านคน จากความคิดเห็น ระบบจองตั๋วของเราทำงานได้เป็นอย่างดี”


 


ส่วนเรื่องผู้ใช้ไม่ใช้งานและเงินกู้น้อยลง…


 


นั่นคืออะไร


 


ไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง


 


“มีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนล้านคน? ไม่เลว” หลิววั่นซานกล่าวและมองลู่โจวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ถาม “เธอได้นักลงทุนผู้ใจบุญยัง?”


 


“ยังครับ แต่เราติดต่อกับนักลงทุนสองสามคนแล้ว มันน่าจะไม่นาน” ลู่โจวตอบอย่างสุภาพ


 


เจ้าอ้วนอู๋กับหยวนลี่เหว่ยกำลังดำเนินการนำเสนอพาวเวอร์พ้อยและเข้าร่วมการประชุมมาเกือบครึ่งเดือน แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้อะไรเลย


 


พูดตามตรง ลู่โจวเกือบยอมแพ้กับสตาร์ทอัพนี้แล้ว


 


เขาแค่หัดเขียนแอพ แต่เขาไม่รู้เลยว่ามันจะมีปัญหาขนาดนี้


 


หลิววั่นซานเลิกคิ้วแล้วถาม “เธอตั้งใจหาทุนมากแค่ไหน?”


 


ลู่โจวคิดแล้วกล่าว “ประมาณสองล้าน”


 


หลิววั่นซานพยักหน้าแล้วกล่าว “สองล้านไม่น้อยไปหน่อยเหรอ? ฉันรู้จักเพื่อนนักลงทุนอยู่หลายคน พวกเขาไม่สนใจข้อเสนอสองล้านเลยด้วยซ้ำ การลงทุนขั้นต่ำของพวกเขาคือ 5-6 ล้าน”


 


ลู่โจวกระแอมแล้วกล่าว “สองล้านก็พอแล้วครับ ค่าโฆษณาของเราประมาณ 2 แสนต่อเดือน และเราได้ลดค่าใช้จ่ายการดำเนินการอย่างอื่นให้น้อยที่สุด ผมคาดว่าเราจะมีผู้ใช้ถึงสองล้านคนในช่วงครึ่งหลังของปี จากนั้นเราค่อยเพิ่มจำนวนเงิน”


 


“ไม่เลว ฉันว่าเธอคงมีแผนอยู่ในใจแล้ว” หลิววั่นซานกล่าว เขายิ้มแล้วพยักหน้า เขาคิดสักครู่ก่อนจะกล่าว “โอเค ฉันจะลงทุน 5 ล้าน”


 


“…”


 


ลู่โจว “???”


 


ห๊ะ? ฉันหูฝาดไปรึเปล่า?

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม