Scholar’s Advanced Technological System 81-87

 ตอนที่ 81 ลู่โจวแอบสังเกต


 


 


พูดตามตรง ลู่โจวไม่ได้เตรียมใจสำหรับชื่อเสียงนี้เลย


 


ชั่วข้ามคืน แฟนคลับบนเว่ยป๋อของเขาทะลุไปแสนคน ผู้นำมหาลัยปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีและแม้แต่เลขาของเมืองก็มาจับมือเขา สถานีโทรทัศน์จินหลิงนัดสัมภาษณ์เขา แถมสื่อต่างประเทศก็กำลังมา…


 


คืนที่สอง ลู่โจวได้รับสายจากพ่อ


 


พ่อไม่ได้ถามเขาว่าทานข้าวหรือยังหรือทำอะไรอยู่ กลับกันเขาถาม…


 


“ลูก ข้อคาดการณ์ของโจวคืออะไร?”


 


เมื่อลู่โจวได้ยินคำพูดของพ่อ เขาก็เกือบทำโทรศัพท์หล่น


 


“โอ้ พ่อเริ่มเรียนคณิตศาสตร์ตั้งแต่ตอนไหน?”


 


“ไม่ พ่อไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์ เบื้องบนของโรงงานบอกพ่อว่าลูกแก้ข้อคาดเดาของโจวอะไรสักอย่างแล้วอยากมอบรางวัลให้ลูก…พ่อไม่เข้าใจ”


 


ลู่ปังกั๋วงงมาก


 


ปกติเขาไม่ค่อยได้อ่านข่าวหรือเล่นโซเชียลนัก ดังนั้นเขาย่อมไม่รู้ว่าโลกภายนอกเกิดอะไรขึ้น


 


ช่วงเวลาที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตเขาคือตอนที่ลูกชายเขาเข้ามหาลัยดีๆได้ โรงงานกระทั่งมอบซองแดงให้เขา 500 หยวน


 


ถึงกระนั้นผู้จัดการของโรงงานก็ไม่ได้มาขอบคุณเขาด้วยตนเอง อย่างมากผู้จัดการก็มาแสดงความยินดีกับเขาลวกๆ อย่างไรก็ตามครั้งนี้มันไม่ใช่แค่เบื้องบนของโรงงาน เป็นเลขาโรงงานมาด้วยตนเอง!


 


สำหรับพนักงานธรรมดาในโรงงานของรัฐ เลขาก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง


 


ลู่โจวคิดสักพักแล้วหาทางอธิบายข้อคาดการณ์ของโจวไมได้ “โอ้…พ่อ ผมจะอธิบายยังไงดี? มันเป็นปัญหาทางวิทยาศาสตร์” เขาเสริม “พ่อไปหาหนังสือพิมพ์เหรินเหรินไดอารี่ของเมื่อวานได้ไหม? มันน่าจะมีอธิบาย”


 


“อะไรนะ…พ่อไปหาอะไรนะ?! ลูกออกหนังสือพิมพ์ด้วย?!” ลู่ปังกั๋วกล่าวด้วยแววตาเบิกกว้าง


 


“ครับ ผมจะออกทีวีในอีกสองวัน แต่มันเป็นสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในเมืองจินหลิง พ่อดูไม่ได้ นอกจากนี้มหาลัยจะมอบโบนัสให้ผมอีก เมื่อเงินมาถึง ผมจะโอนเงินส่วนนึงเข้าบัญชีพ่อ”


 


ลู่โจวนึกได้ว่าคณบดีฉินบอกว่าข่าวจะถูกรายงานในรูปแบบของการแจ้งข่าว ดังนั้นการสัมภาษณ์ของเขาจึงถูกตัดเหลือ 15-30 วิ


 


“โอนเงินอะไร? ลูกไม่ต้องห่วงเรา ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ! พ่อไม่ได้แก่ขนาดนั้น! เก็บเงินไว้ อย่าใช้สุรุ่ยสุร่าย เก็บไว้ซื้อบ้าน!” ลู่ปังกั๋วกล่าว เมื่อเขาได้ยินว่าลูกจะออกทีวี เขาก็ยิ้มกว้าง


 


แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูข่าวหรืออ่านหนังสือพิมพ์ แต่เขารู้ว่าการได้ออกทีวีไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้


 


ลู่โจวยิ้มแล้วกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงรองเท้าและเสียงเปิดประตูผ่านทางโทรศัพท์


 


เขารู้ทันทีว่าเสี่ยวถงกลับบ้านแล้ว


 


วันเสาร์เรียนครึ่งวัน เนื่องจากเธอไม่ได้เรียนพิเศษ นี่จึงเป็นเวลาเดียวที่เธอจะคุยกับลู่โจวได้


 


“พ่อ หนูขอโทรศัพท์!”


 


เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก่อนที่โทรศัพท์จะถูกเสี่ยวถงแย่งไป


 


“พี่!”


 


“เสี่ยวถง เป็นไงบ้าง?” ลู่โจวถามด้วยรอยยิ้ม


 


“ไม่เลว ไม่เลว! พี่ ลู่โจวจากมหาลัยจินหลิงเป็นพี่จริงเหรอ?” เสี่ยวถงถาม น้ำเสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและความชื่นชม


 


“จะเป็นใครไปได้อีก?” ลู่โจวถามอย่างจำใจ


 


เสี่ยวถงถือโทรศัพท์แล้วกล่าว “พี่ พี่เป็นไอดอลของหนู! เมื่อกี้ อาจารย์คณิตของหนูกำลังโม้เรื่องพี่ในห้อง อาจารย์บอกว่าพี่เป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ที่สุดของเขา เขาบอกว่าเขารู้พรสวรรค์ของพี่จากการตรวจข้อสอบพี่!”


 


ลู่โจวคิดสักครู่ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าว “เฒ่าหม่า?”


 


เสี่ยวถงกล่าวด้วยความตื่นเต้น “ใช่ เป็นเขา!”


 


ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “อ่อ เขาเป็นอาจารย์ของพี่”


 


ลู่โจวจำไม่ได้เลยว่าเฒ่าหม่าเคยพูดแบบนี้กับเขา ถ้าเฒ่าหม่าพูดแบบนั้นจริง เขาต้องพูดเกินจริงแล้ว ในโรงเรียนมอปลาย ลู่โจวเป็นประเภทนักเรียนธรรมดา แม้ว่าเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันบ้าง แต่เขาไม่เคยได้รางวัลอะไรเลย


 


ระหว่างการแข่งขันกับสอบ พลังส่วนใหญ่ของลู่โจวถูกใช้ไปกับการสอบ


 


แววตาของเสี่ยวถงเปล่งประกายระยิบระยับ “พี่ หนูชื่นชมพี่มาก! ตอนนี้หนูนับเป็นน้องสาวของนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ไหม?”


 


อ่า เธอชมฉันเกินไปแล้ว


 


แม้แต่ฉันก็ชื่นชมตัวเองเช่นกัน


 


ลู่โจวหัวเราะแล้วกล่าว “แน่นอน ดังนั้นเราต้องเรียนคณิตศาสตร์ให้ดี เราต้องไม่ทำให้สมองอัจฉริยะของเราเสียเปล่า”


 


“คณิตหนูไม่ได้แย่! เดือนก่อนหนูสอบได้ 120 คะแนน!” เสี่ยวถงเถียง


 


“ถ้าเราอยากเข้ามหาลัยดีๆ 120 คะแนนยังไม่พอ! ทำให้ดีที่สุด พี่จะรออยู่ที่มหาลัยจินหลิง”


 


เสี่ยวถงกล่าวอย่างมั่นใจ “ค่ะ! หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุด!”


 


ลู่โจววางสายแล้วจากระเบียงกลับเข้าไปในหอพัก


 


หวงกวงหมิงและสือช่างต่างก็รีบทำการบ้านฟิสิกส์ หลิวรุ่ยทำการบ้านเสร็จแล้ว เขากำลังใช้มือข้างนึงถือโทรศัพท์และมืออีกข้างถือปากกา เขากำลังคิดหนักและจ้องมองแผ่นกระดาษ


 


ลู่โจววางคอมพิวเตอร์บนเตียง เขากำลังปีนไปบนเตียงและสอนเสี่ยวไอ แต่แล้วจู่ๆหลิวรุ่ยก็โยนปากกาทิ้งไว้ข้างๆแล้วเกาหัว


 


“โจว ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจกระบวนการพิสูจน์ของนาย?”


 


หลิวรุ่ยยอมรับแล้วว่าลู่โจวไปถึงระดับที่ต่อให้เขาใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไปไม่ถึง อย่างไรก็ตามในใจของเขา เขายังคงไม่เต็มใจเล็กน้อยที่จะยอมรับความพ่ายแพ้


 


เรามาจากหอพักห้องเดียวกัน เรายังได้คะแนนช่วงมอปลายใกล้กัน แถมของฉันยังสูงกว่า ทำไมในหนึ่งปีมันถึงมีช่องว่างใหญ่ขนาดนี้?


 


เขาไม่เคยอ่านวิทยานิพนธ์บนโลกออนไลน์ แต่ครั้งนี้เขาอ่านวิทยานิพนธ์ของลู่โจวทั้งวัน


 


เขาไม่อยากเข้าใจ กลับกันเขาแค่อยากรู้ความแตกต่างระหว่างเขากับลู่โจว


 


อย่างไรก็ตาม…


 


ความจริงทำให้เขาสิ้นหวัง


 


เขาไม่เข้าใจหนังสือที่ลู่โจวอ่าน และตอนนี้เขาไม่เข้าใจแม้แต่สิ่งที่ลู่โจวกำลังเขียน


 


ลู่โจวนอนบนเตียงแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ เขากล่าวลวกๆ “ธรรมดา ทฤษฏีจำนวนไม่ได้สอนในคลาสปริญญาตรี เมื่อนายได้เรียนทฤษฏีจำนวนตอนปริญญาโท นายจะเข้าใจ ถ้านายสนใจ ฉันแนะนำให้นายเริ่มจาก[พีชคณิตนามธรรม] นายสามารถเรียนพวกทฤษฏีกาลัว(Galois theory) มันจะเพียงพอที่จะสนับสนุนนายให้เข้าใจทฤษฏีจำนวนเชิงพีชคณิต ถ้าฉันจำถูก นายจะได้เข้าเรียนคลาสนี้ตอนปีสาม”


 


หลิวรุ่ย “…”


 


จู่ๆหลิวรุ่ยก็รู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ดีเลยที่จะพูดเรื่องคณิตศาสตร์กับเจ้าหมอนี่


 


หวงกวงหมิงและสือช่างหันมามองแล้วแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจให้เขา


 


ลู่โจวไม่สนใจว่าหลิวรุ่ยคิดอะไรอยู่ เขาเปิดคอมพิวเตอร์แล้วมองดูประวัติแชทบัญชีรอง QQ


 


ไม่แปลกใจเลย กลุ่มคณิตศาสตร์ส่งข้อความมา 99+


 


เสียนจง : [คุณได้ข่าวไหม? ท่านเทพเอกคณิตของเราแก้โจทย์คณิตศาสตร์ระดับโลก! นอกจากนี้ท่านเทพยังอยู่ในกลุ่ม! ! !]


 


เดย์เดย์ : [สหาย มุมมองจากตรงนั้นเป็นไงบ้าง? (ร้องไห้)]


 


เค่อตู้ : [ฉันได้ยินมาแต่เช้าแล้ว]


 


ฉางชิง : [ไอดอล!]


 


เดย์เดย์ : [ท่านเทพแข็งแกร่งมาก น่ากลัวเหลือเกิน! เขาได้รับรางวัลการแข่งขันการสร้างแบบจำลองระดับประเทศเมื่อเร็วๆนี้ ตอนนี้เขาพิสูจน์โจทย์คณิตระดับโลกอีก เกียรติยศทั้งหมดถูกเขาเอาไป คนอื่นจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร…]


 


เค่อตู้ : [ท่านเทพไม่เคยตอบเราเลย…(ร้องไห้)]


 


ชูชู : [บางทีท่านเทพอาจยุ่ง? (กระอักกระอ่วน)]


 


เดย์เดย์ : [บางทีเขากำลังสังเกตเราอยู่ในความมืดแล้วกำลังคิดว่า ไอ้พวกนักศึกษาโง่! (ร้องไห้)]


 


ลู่โจว “…”


 


พวกนายแค่พูดแล้วเพิ่มแถบความคืบหน้าฉันก็พอ ทำไมพวกนายต้องพูดถึงฉันด้วย


 


ลู่โจวปิดหน้าต่างแชทอย่างเงียบๆ


 


แถบความคืบหน้าไม่ได้เพิ่มในอัตราที่คงที่ แม้ว่าข้อความจะอยู่ที่ 99+ ทุกวัน แต่บางครั้งแถบก็จะเต็มในหนึ่งวัน บางครั้งแถบก็จะไม่ขยับเลยทั้งวัน


 


ลู่โจวคาดว่าเหตุผลที่ทำไมถึงแตกต่างกัน มันเกี่ยวข้องกับแนวคิด’เอนโทรปีของข้อมูล’


 


ทฤษฏีสารสนเทศคือบิดาของทฤษฏีเอนโทรปี ตอนแรกมันถูกเสนอโดยคลาวด์ อี แชนนอนในปี 1948 เพื่ออธิบายความไม่แน่นอนของข้อมูล ด้วยแนวคิดเทนโทรปีของข้อมูล จำนวนข้อมูลที่มีอยู่ในชิ้นส่วนข้อมูลสามารถคำนวณออกมาได้


 


ลู่โจวเดาว่าหลักการอัพเกรดของเสี่ยวไอคือการวิเคราะห์ข้อความจำเพาะผ่านอัลกอริทึม มันสามารถเรียนรู้ตรรกะมนุษย์และคิดผ่านบทสนทนา


 


ยิ่งชิ้นส่วนข้อมูล’มีประโยชน์’มากเท่าไหร่ มันก็จะช่วยอัพเกรดได้มากเท่านั้น ข้อความแชทที่ไร้ประโยชน์อย่างพวกสแปมหรือสติ๊กเกอร์จะไม่ช่วยเพิ่มแถบความคืบหน้า กลับกันมันจะชะลอความเร็วประมวลผลข้อความแทน


 


ลู่โจวเริ่มคิด


 


“…ถ้าฉันเอาเสี่ยวไอใส่ในเทียนเหอ1(Tianhe-1)แล้วเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลแคชแชทของเพนกวิ้น มันจะอัพเกรดเต็มในทีเดียว?”


(ผู้แปล : เทียนเหอ 1 คือซูเปอร์คอมพิวเตอร์)


 


แน่นอนเขาแค่คาดเดา


 


เงื่อนไขการอัพเกรดระดับสูงกว่านี้อาจเปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะสามารถอัพเกรดเสี่ยวไอจนเต็ม แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะใส่เทคโนโลยีที่ไม่มีใครรู้จักนี้บนอินเตอร์เน็ตได้ไหม


 


นอกจากนี้…


 


เขารู้สึกว่าระบบต้มเขาเสมอ เขากลัวว่าสาขาเทคโนโลยีของเขาจะต้มเขาเข้าสักวัน


 


“ใครจะสนล่ะ ฉันจะคอยดู ฉันจะไม่คิดถึงเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น” ลู่โจวกล่าวและส่ายหน้า เขาคลิกตรงแถบความคืบหน้าเพื่อรับแต้มประสบการณ์


 


[สาขาเทคโนโลยี (ปัญญาประดิษฐ์) ประสบการณ์+100]*3


 


[ประสบการณ์วิทยาการสารสนเทศ +100]*3


 


วิทยาศาสตร์หลัก : วิทยาการสารสนเทศ ระดับ 1 (400/10000)


 


สาขาเทคโนโลยี : ปัญญาประดิษฐ์ ระดับ 1 (400/1000)


 


เขาได้ก้าวเดินอีกก้าวใหญ่ไปสู่การเพิ่มระดับปัญญาประดิษฐ์


 


อย่างไรก็ตามเขายังห่างไกลจากการเพิ่มระดับวิทยาการสารสนเทศ


 


ฉันจะได้รับแต้มประสบการณ์ 10,000 แต้มเมื่อไหร่…


ตอนที่ 82 ไปฟังบรรยายไม่ได้ด้วยซ้ำ


 


 


เช้าวันต่อมา คาบสมการเชิงอนุพันธ์สามัญคาบแรกจะเริ่มขึ้น


 


เมื่อลู่โจวมาห้องเรียน เขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ


 


ห้องหนึ่งและห้องสองมักเรียนด้วยกัน นักศึกษาสองห้องกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน ห้องเรียนจึงเต็มไปด้วยคน


 


เมื่อลู่โจวตระหนักว่าเขาเริ่มถูกแววตาหลายคู่จ้องมองมา เขาก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย


 


ที่แย่กว่านั้นก็คือ สายตาเหล่านั้นมาพร้อมกับเสียงกระซิบ


 


“ว้าว ลู่โจวจากเอกคณิตห้องหนึ่ง!”


 


“เทพนักศึกษาที่ได้คะแนนคณิตวิเคราะห์และพีชคณิตขั้นสูงเต็ม!”


 


“ใครจะสนใจเรื่องคะแนนสอบพวกนั้น! เขาพิสูจน์ข้อคาดการณ์ในหนังสือ ได้คะแนนเต็มเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา!”


 


“ฉันขอเพิ่ม มันเป็นหนังสือระดับปริญญาโท…”


 


“เฮ้ อย่าอิจฉานักเลย ฉันได้ยินว่าชายคนนี้อยู่มหาลัยตลอดช่วงซัมเมอร์ เรากำลังเล่นLOLกันในขณะที่ชายคนนี้อ่านหนังสือทั้งวัน”


 


“พระเจ้า…”


 


“ฉันกำลังสั่น!”


 


เชี่ย พวกแกเงียบกันหน่อยได้มั้ย


 


แม้ว่า…ฟังพวกเขาพูดจะรู้สึกไม่เลวก็เถอะ


 


อาจารย์เข้าห้องมาแล้ว


 


ลู่โจวรู้จักศาสตราจารย์ที่เดินเข้ามา มันเป็นศาสตราจารย์หลิวเซี่ยงผิงจากการแข่งขันสร้างแบบจำลองของเขา


 


ศาสตราจารย์มีสไตล์การมาเข้าคลาสเรียนที่เป็นเอกลักษณ์ เขาจะไม่มาช้าหรือเร็วไปแม้แต่วินาทีเดียว


 


“ทำไมเธอถึงยืนอยู่ตรงนั้น? คาบจะเริ่มแล้ว ไปหาที่นั่ง” ศาสตราจารย์หลิวกล่าวและยิ้มให้ลู่โจว เขาวางขวดสูญญากาศไว้บนโพเดียม


 


“ครับ ผมพึ่งมา”


 


ลู่โจวยิ้มอย่างอายๆ เขารีบเหลือบมองหลังห้องแล้วพบรูมเมททั้งสามนั่งอยู่ห่างกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถหาที่นั่งใกล้กันได้ ลู่โจวหาที่นั่งไม่เจอเลย ดังนั้นเขาจึงจะไปเอาเก้าอี้จากห้องอื่น


 


เวลานั้นเองนักศึกษาชายที่นั่งอยู่แถวหน้าก็พลันลุกขึ้นยืนแล้วเก็บข้าวของบนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ทำท่าเชิญ


 


“เชิญนั่งเลยครับ”


 


ลู่โจวตอบ “ไม่ ไม่จำเป็น ผมจะไปเอาเก้าอี้จากห้องข้างๆ”


 


“ไม่ๆๆ ผมจะไปเอาเก้าอี้ แค่จำไว้ว่าให้ผมยืมสมุดของคุณก็พอ!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างดื้อรั้น


 


ฉันจะให้คุณยืมสมุด ตราบใดที่คุณสมุดมาตรงเวลา


 


อย่างไรก็ตามปัญหาไม่ได้อยู่ตรงสมุด


 


ปัญหาคือลู่โจวกลัวการนั่งข้างหน้า! เขาจะถูกทุกคนรอบข้างสนใจ ถ้าเขาส่งเสียงอะไรนิดหน่อย ทุกคนก็จะมองเขา…


 


ความรู้สึกที่ไม่มีความเป็นส่วนตัวนั้นน่ากลัวมาก


 


ลู่โจวไม่ได้นั่ง กลับกันเขาไปเอาเก้าอี้ห้องข้างๆทันทีก่อนจะนั่งลงข้างหวงกวงหมิง


 


คนพวกนี้จะไม่หันมามองเขาระหว่างเรียนใช่ไหม?


 


ศาสตราจารย์หลิวเซี่ยงผิงยิ้มให้เขาและไม่ได้พูดอะไร


 


เสียงกริ่งดังและเมื่อคาบเรียนเริ่ม ศาสตราจารย์หลิวก็เปิดพาวเวอร์พ้อยแล้วยิ้ม “เปิดหนังสือไปหน้าบทนำ”


 


ขณะที่คนอื่นหยิบหนังสือออกมา ลู่โจวก็กำลังเปิดหน้า[การเรียนรู้ของเครื่องจักร] เขาเริ่มศึกษาอัลกอริทึมขั้นสูงที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะเพื่อปรับแต่งและสอนปัญญาประดิษฐ์


 


โดยไม่มีความช่วยเหลือจากแคปซูลสมาธิ มันเป็นเรื่องยากที่จะเรียนหนังสือทั้งเล่มในครั้งเดียว เรื่องดีคือเมื่อเขายกระดับวิชาหลัก มันไม่เพียงแต่จะเพิ่มความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้เท่านั้น แต่มันยังเพิ่มความสามารถในการดูดซับความรู้ด้วย


 


จนถึงตอนนี้ เขาได้อ่านหนังสือหนาๆนี้ไปครึ่งเล่มแล้ว


 


อย่างไรก็ตามเมื่อเขาตรวจสอบโค้ดของเสี่ยวไอเมื่อคืน เขาก็ยังพบหลายสิ่งที่ไม่เข้าใจ ระดับความรู้ของเขาต่ำเกินไป


 


ศาสตราจารย์หลิวยังคงบรรยายอยู่บนเวที


 


“…โจทย์ระดับมัธยมปลายบอกให้เธอหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลขที่ทราบค่าและไม่ทราบค่า เพื่อทำรายการสมการที่ไม่ทราบค่าและแก้มัน”


 


“ในการทำงานจริง เรามักพบปัญหาที่แตกต่างจากสมการเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง ยกตัวอย่าง หากต้องการค้นหาการเคลื่อนไหวของสสารภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง มันจำเป็นต้องหากฏการเคลื่อนที่ ยกตัวอย่างในการบินอวกาศ จรวดถูกขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ เพื่อหาวงโคจรของการบิน เราต้องได้รับฟังก์ชั่นวิเคราะห์จากข้อมูลที่มีอยู่ แทนที่จะคำนวณสิ่งที่ไม่รู้โดยฟังก์ชั่นที่รู้จากโจทย์”


 


“สมการเชิงอนุพันธ์สามัญเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก มันมีการใช้งานที่สำคัญในหลายสาขา ตั้งแต่การควบคุมกลไกอัตโนมัติไปจนถึงการคำนวณขีปนาวุธของของจรวดมิซไซล์ของเครื่องบิน และแม้แต่ความเสถียรของปฏิกิริยาเคมี!”


 


ศาสตราจารย์หลิวยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ดังนั้น พวกเธอเอกคณิตควรให้ความสนใจกับคลาสนี้ ถ้าเธอทำได้ไม่ดีก็อย่าบอกคนอื่นว่ามาจากคลาสของฉัน! มันน่าอายเกินไป!”


 


ศาสตราจารย์หลิวเป็นคนที่น่าสนใจ ดังนั้นการบรรยายของเขาก็ค่อนข้างน่าสนใจ เขาสามารถอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย


 


แม้แต่หวงกวงหมิงที่ไม่ค่อยสนใจเรียนก็ปิดโทรศัพท์แล้วมองดูพาวเวอร์พ้อยบนหน้าจออย่างตั้งใจ เขากระทั่งพิมพ์ลงไปในโน๊ตบุ๊คของตน


 


ความเร็วของคลาสในมหาลัยนั้นเร็วมากและศาสตราจารย์หลิวก็ไม่มีข้อยกเว้น ความเร็วการบรรยายของเขาเกือบเร็วกว่าการพลิกหน้าหนังสือเสียอีก


 


เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจดเนื้อหาในคลาส แค่ฟังทันก็ดีพอแล้ว นักศึกษาถ่ายรูปไม่หยุดราวกับว่าพวกเขามางานประชุมเทคโนโลยีอะไรสักอย่าง


 


ผ่านไปครึ่งคาบแล้ว คำนิยามพื้นฐานและการตีความทางเรขาคณิตของสมการเชิงอนุพันธ์และการแก้ปัญหาในบทแรกจบลงแล้ว ต่อไปคือบทย่อยหนึ่งของบทที่สองของวิธีอินทิกรัล สมการเชิงอนุพันธ์แม่นตรง


 


ความยากเพิ่มขึ้นทันที


 


ความรู้ใหม่มากมายถูกโยนให้นักศึกษา แม้ว่าศาสตราจารย์จะลดความซับซ้อนและอธิบายทุกอย่าง แต่พวกนักศึกษาโง่ก็ยังเหมือนถูกครอบงำ


 


“ทฤษฏีจบไปค่อนข้างมาก ฉันเชื่อว่าพวกเธอไปทบทวนได้ด้วยตัวเอง มาลองทำโจทย์กันเถอะ” ศาสตราจารย์หลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเปิดพาวเวอร์พ้อยไปยังหน้าถัดไปแล้วกล่าว “ใครที่แก้โจทย์นี้ได้ ขึ้นมาหน้ากระดานเลย”


 


[จงหาว่า {y2/(xy)2-1/x}dx+{1/y-x2/(xy)2}dy=0 เป็นสมการที่เหมาะสมหรือไม่แล้วแก้สมการนี้]


 


ดวงตาของลู่โจวกำลังพิจารณาโจทย์บนพาวเวอร์พ้อย เขาคิดว่ามันง่ายมาก เขาจึงอ่านหนังสือต่อ


 


อย่างไรก็ตามสำหรับนักศึกษาคนอื่นๆมันไม่ง่ายเลย


 


นี่เป็นคลาสแรกของพวกเขา และคนส่วนใหญ่ก็อ่านมาแค่บทแรกเท่านั้น พวกเขายังไม่ได้อ่านบทสอง ขณะที่คนส่วนใหญ่จ้องไปที่’สมการเชิงอนุพันธ์แม่นตรง’ด้วยสีหน้างงงวย มีอัจฉริยะหลายคนที่หยิบปากกามาเขียนบนกระดาษ


 


สองนาทีต่อมา ทั้งห้องก็ยังอยู่ในความเงียบ


 


“ทำไมไม่มีใครยกมือเลย?” ศาสตราจารย์หลิวถามด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวติดตลก “พวกเธอล้วนเป็นนักศึกษาจากมหาลัยจินหลิง พวกเธอควรแก้โจทย์นี้ได้ใช่ไหม?”


 


นักศึกษาที่กำลังนั่งอยู่แถวหน้ายิ้มเยาะแล้วพูดเสียงอ่อน “เทพนักศึกษาไม่ได้ยกมือ ใครจะกล้ายกมือล่ะ?”


 


หลายคนที่นั่งข้างหน้าพยักหน้า


 


บางคนก็คิดออกแล้ว แต่ไม่มีใครกล้ายกมือ


 


ศาสตราจารย์หลิวแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไร เขาหัวเราะแล้วกล่าว “ไม่มีใครแก้ได้เลย? ฉันเดาว่าต้องมอบแรงจูงใจสักหน่อยใช่ไหม? โอเค! ฉันจะให้ 10 คะแนนกับคนที่แก้โจทย์นี้ได้”


 


แม้ว่าลู่โจวจะยังอ่านหนังสือการเรียนรู้ของเครื่องจักร(machine learning) แต่เขาก็ยกมือขึ้นทันที ความเร็วการยกมือของเขาทำให้หวงกวงหมิงช็อค


 


อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ได้สนใจหวงกวงหมิง กลับกันเขาจ้องมองไปที่พาวเวอร์พ้อยแทน


 


10 คะแนน!


 


มันโคตรง่าย คะแนนฟรีชัดๆ!


 


ศาสตราจารย์หลิวไม่ได้สนใจลู่โจวด้วยซ้ำ เขายิ้มแล้วกล่าว “เอามือลง! 10 คะแนนนี้ไม่ใช่ของเธอ ไม่ว่ายังไงเธอก็สอบได้คะแนนเต็ม อะไร? เธออยากได้คะแนน 110 เต็ม 100 เหรอ?”


 


ลู่โจว “…”


 


นักศึกษาอ้าปากค้าง


 


อัจฉริยะมั่นใจอยู่แล้วว่าเขาจะได้คะแนนเต็ม?


 


ลู่โจวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและลดมือลง


 


เวลานี้ สิ่งเดียวที่ลู่โจวอยากพูดก็คือ ‘บัดซบ’


ตอนที่ 83 ฉันไม่เชื่อ


 


 


แน่นอน ลู่โจวไม่ได้ตำหนิศาสตราจารย์หลิว


 


ศาสตราจารย์หลิวอาจรู้ว่าคลาสเขาค่อนข้างไร้ประโยชน์ต่อฉัน เขาไม่อยากทำให้ฉันเสียเวลาเปล่า เขาอาจหมายความว่าฉันไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนก็ได้?


 


แต่ถ้าฉันไม่ได้คะแนนเต็มล่ะ…


 


ลู่โจวรู้สึกว่ามันมีโอกาสน้อย


 


เนื่องจากลู่โจวออกจากเกม ห้องเรียนจึงกระตือรือร้นกันมากขึ้น หลัวรุ่นตง อัจฉริยะอันดับสองของห้องรีบคำนวณผลลัพธ์อย่างรวดเร็วแล้วยกมือตอบโจทย์


 


[…]


 


[…คือสมการเชิงอนุพันธ์แม่นตรง]


 


[วิธีที่แก้โจทย์ทั่วไปคือ : lny/x+xy/(xy)=C]


 


ศาสตราจารย์หลิวยิ้มแล้วออกความเห็นสั้นๆ “ไม่เลว”


 


เสียงกริ่งดังขึ้น


 


ศาสตราจารย์หลิวเป็นคนตรงเวลา เขาจบคำพูดทันทีที่กริ่งดัง จากนั้นเขาก็เลิกคลาส


 


นักศึกษาในห้องเรียนเก็บข้าวของแล้วรีบไปโรงอาหาร


 


สำหรับสองเดือนแรกของปี โรงอาหารจะเต็มไปด้วยคน นักศึกษาปีหนึ่งน้องใหม่มีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษและพวกเขาจะขโมยอาหารดีๆก่อนที่นักศึกษาเก่าจะไปถึง มันน่ากลัว


 


ลู่โจวก็ไปโรงอาหารพร้อมกับฝูงชนเช่นกัน เขาฉลาด เขาจึงไม่ไปพื้นที่บริการด้วยตนเอง กลับกันเขาไปที่หน้าต่างเคาน์เตอร์บิบิมบัปแทน


 


จากนั้น…


 


เขาก็ถูกจำได้


 


“เชี่ย นั่นลู่โจว!”


 


“เชิญก่อนเลยครับ”


 


“อัจฉริยะ คุณยังใช้สมุดพีชคณิตขั้นสูงของคุณอยู่ไหม? ผมอยากซื้อต่อ…อย่างน้อยผมขอเอาไปสำเนาได้ไหม? ผมจะจ่าย!”


 


“นักศึกษา ฉันได้ยินว่าคุณได้คณิตวิเคราะห์กับพีชคณิตขั้นสูงเต็ม คุณมีเทคนิคการเรียนไหม?”


 


เหล่านักศึกษาปีหนึ่งกระตือรือร้นกันเหลือเกิน พวกเขากระทั่งปล่อยให้ลู่โจวแซงคิว ลู่โจวคิด ‘ฉันแค่อยากกินข้าว ไม่ใช่แบบนี้…’


 


ทำไมพวกเขาถึงถ่ายรูปฉัน! พอแล้ว!


 


ในที่สุดหลังจากเขาซื้อข้าวเสร็จ เขาก็พบมุมเงียบๆนั่ง


 


ขณะที่เขานั่ง โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น


 


มันเป็นสายจากคณบดีหลู่ ทันทีที่ลู่โจวรับสาย เขาก็ได้ยิน “ลู่โจว มีสัมภาษณ์ตอนบ่าย เดี๋ยวมาที่ตึกวิจัยด้วย”


 


เมื่อลู่โจวได้ยินคำว่า’สัมภาษณ์’ เขาก็รู้สึกปวดหัวทันที


 


“คณบดีหลู่ เรายกเลิกสัมภาษณ์ได้ไหม?”


 


คณบดีหลู่แปลกใจ “ทำไมล่ะ?”


 


“คณบดีหลู่ ความสนใจที่มากเกินไปของสื่อทำให้ชีวิตประจำวันและการเรียนของผมได้รับผลกระทบ ผมคิดว่าศาสตราจารย์ถังพูดถูก นักวิชาการต้องมุ่งเน้นกับการศึกษาและหลีกเลี่ยงชื่อเสียง” ลู่โจวกล่าวอย่างมั่นคง


 


ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากได้ชื่อเสียง


 


แต่มันเป็นเพราะเขากลัว


 


สองครั้งก่อน เขาเป็นกระแสในช่วงซัมเมอร์ และเมื่อมหาลัยเปิดเทอม กระแสก็หายไปแล้ว


 


อย่างไรก็ตามครั้งนี้เขาถูกสื่อให้ความสนใจตั้งแต่ต้นเทอม เขาเป็นเหมือนแพนด้ายักษ์ในสวนสัตว์ เมื่อรวมกับการส่งเสริมของมหาลัย ไม่มีใครในมหาลัยที่ไม่รู้ว่าลู่โจวคือใคร


 


ช่วงพักกลางวัน มีหญิงสาวสองคนมาคุยกับเขา มีนักศึกษาสามคนมาขอวีแชทเขาและมีนักศึกษาอีกสี่คนที่ถามว่าเขาสนใจเข้าร่วมสมาคมหรือคลับ


 


มีกระทั่งนักศึกษาสาวปริญญาโทที่ถามว่าเขาอยากร่วมมือกับเธอทำวิทยานิพนธ์ SCI ไหม


 


ลู่โจวรำคาญ เขาจึงตอบเธอด้วยวิธีรุนแรง “ไม่สนใจ ขอบคุณ!”


 


คณบดีหลู่กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “นี่…ฉันเข้าใจความลำบากของเธอ ฉันสัญญาว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย! นอกจากนี้การสัมภาษณ์นี้จะมอบรางวัลให้ด้วย เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่มา?”


 


ลู่โจวถาม “รางวัล?”


 


“ไม่ใช่ว่าคณบดีฉินบอกเธอแล้วเหรอ? จินหลิงไดอารี่และรองประธานธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมจะมาด้วย เงินรางวัล…”


 


“ผมเข้าใจแล้วครับคณบดีหลู่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”


 


ลู่โจววางสายแล้วรีบทานข้าว เขาไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วิเดียว เขาเดินไปตึกวิจัยทันที


 


…..


 


วันต่อมา พาดหัวข่าวของจินหลิงไดอารี่ทำให้ทุกคนช็อคอีกครั้ง


 


[นักศึกษาอายุยี่สิบปีในมหาลัยจินหลิงพิชิตปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก ได้รับรางวัลล้านหยวน!]


 


ข่าวนี้มีรูปของลู่โจวและอาจารย์ใหญ่สวี่กำลังถือเช็คธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่ด้วย


 


ชื่อเสียงของเขากำลังจะซาลงก็ถูกจุดไฟขึ้นมาอีกครั้งด้วยเช็คล้านหยวน


 


เมื่อทุกคนเห็นเลขศูนย์แถวยาว พวกเขาก็ประหลาดใจ


 


[พระเจ้า ให้เงินล้านหยวนแก่โจทย์! ได้เงินมาง่ายมาก!]


 


[โจทย์ละคืน 100 คืนก็ได้ 100 ล้าน ฉันคิดว่าฉันพบวิธีหาตังแบบใหม่แล้ว (หัวสุนัข)]


 


[ฉันจะเรียนคณิตศาสตร์ตั้งแต่วันนี้ ฉันจะปิดเครื่องโทรศัพท์ ไม่มีอะไรหยุดฉันได้!]


 


[มหาลัยจินหลิงร่ำรวยเหลือเกิน…]


 


[ท่านเทพ! ! ! (หัวใจ) (หัวใจ) (หัวใจ)]


 


[วิทยานิพนธ์ปริญญาโทของผมเกี่ยวกับการพิสูจน์กฏการกระจายตัวของจำนวนเฉพาะของแมร์แซน ผมทำมาครึ่งปีแล้ว แต่ตอนนี้ข้อคาดการณ์ถูกพิสูจน์แล้ว งานของผมไร้ประโยชน์! ผมอยากสูบบุหรี่อยู่เงียบๆ (ร้องไห้) (ร้องไห้)]


 


[เราจำเป็นต้องหานักจิตวิทยาให้เมนต์บน]


 


[แม้ว่าคุณจะพยายามสุดความสามารถ คุณก็ไม่มีทางทำได้ดีกว่าคนอื่น (สุนัข) (สุนัข)]


 


การสนทนาแบบนี้ไม่ได้มีเพียงบนเว่ยป๋อเท่านั้น แต่มันระบาดไปช่องคอมเมนต์ของบล็อคไปจนถึงเว็บบอร์ดหนังสือพิมพ์รายใหญ่ทุกเจ้า


 


ข่าวถูกรีโพสต์บนเว็บบอร์ดมหาลัยเยี่ยน


 


[มหาลัยจินหลิง? มหาลัยจินหลิงมีสาขาคณิตศาสตร์ด้วยเหรอ? มันไม่ใช่มหาลัยฟิสิกส์เหรอ?]


 


[ฉันอ่านวิทยานิพนธ์นั้นแล้ว ผู้เขียนคืออัจฉริยะ! น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มามหาลัยเยี่ยน]


 


[ที่ปรึกษาปริญญาเอกเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเมื่อวาน เห็นได้ชัดเลย ตอนที่ศาสตราจารย์เริ่นไปมหาลัยจินหลิงเพื่อบรรยาย เริ่นจ่างหมิงก็เห็นทันทีว่าลู่โจวไม่ธรรมดาและพยายามโน้มน้าวเขาให้มามหาลัยเยี่ยน]


 


[แล้วเป็นไง?]


 


[ไม่รู้สิ ฉันเดาว่าเขาไม่มา คนเก่งแบบเขา เขาคงมองหามหาลัยอย่างพรินซ์ตันหรือสแตนฟอร์ด!]


 


แน่นอนไม่ใช่ทุกคนที่อิจฉาและประทับใจ มีการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก บางคนบอกว่ารางวัลมากเกินไป บางคนก็บอกว่าสื่อปั่นกระแสคุณค่าของข้อคาดการณ์ของโจวมากไปและปั่นกระแสหลอกให้ประชาชนมองสภาพแวดล้อมทางการศึกษาในปัจจุบันในแง่ดีมากเกินไป มันเป็นการขัดขวางการปฏิรูปทางการศึกษา…


 


อย่างไรก็ตามคนที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วการมีทฤษฏีที่ตั้งชื่อจากคนจีนก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจของชาติ


 


นี่เป็นสิ่งที่ฝ่ายโฆษณาใช้โปรโมทลู่โจว


 


ลู่โจวตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์เป็นอย่างดี


 


ผู้ติดตามเว่ยป๋อของเขามาถึงสองแสนคนแล้ว ข้อความที่ส่งเข้ามามี 99+


 


ครั้งนี้ไม่มีใครขอให้เขาเขียนวิทยานิพนธ์ แต่กลับกัน…


 


[ลู่โจว คุณมีแฟนยัง?]


 


[ลู่โจว คุณเดทออนไลน์ไหม?]


 


[ลู่โจว คุณเดทไหม? ฉันแต่งหญิงได้]


 


ลู่โจว “???”


 


มันก็แค่ข่าว ทำไมคนพวกนี้ถึงเวอร์วังกันนัก?


 


“น่าปวดหัวจริงๆ”


 


ลู่โจวแสร้งทำเป็นไม่เห็นข้อความ ขณะที่เขากำลังปิดเว่ยป๋อ เขาก็จำได้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดี


 


แววตาเขาเปล่งประกาย นิ้วเขาพิมพ์บนหน้าจออย่างรวดเร็ว เขาพิมพ์โฆษณา’แคมปัสเทรนด์’ก่อนจะส่งไป


 


เขารอชั่วครู่ด้วยความพึงพอใจ


 


จากนั้นลู่โจวก็รีเฟชรเว่ยป๋อแล้วอ่านคอมเมนต์


 


เขาช็อค


 


[แอพนี้ไม่ได้อัพเดทมาเป็นเดือนแล้ว มันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? (ยิ้ม)]


 


[เถ้าแก่ลู่เดินเข้ามาในร้าน ทุกคนหัวเราะใส่เขาแล้วกล่าว “เถ้าแก่ลู่ คุณโฆษณาบนเว่ยป๋ออีกแล้ว?” เถ้าแก่ลู่ไม่ได้ตอบ เขาพูดกับพนักงานว่า “ขอโฆษณาหนึ่งอัน” เขาหยิบเงินออกมาเป็นมัดๆแล้วผู้คนก็ตะโกนใส่ “แอพคุณตายแล้ว!” เถ้าแก่ลู่กล่าว “พวกคุณโกหกทำไม…” “เราไม่ได้โกหก! แอพของคุณอยู่ล่างสุดของแรงค์กิ้ง” เถ้าแก่ลู่โกรธมาก เส้นเลือดเขาปูดโปน “มันอยู่ล่างเพราะ…มันไม่ใช่ช่วงของมัน!” จากนั้นเถ้าแก่ลู่ก็พยายามพิสูจน์ประสิทธิภาพของแอพด้วยคำพูดอย่าง “มันยังไม่ถึงวันหยุด” หรือ “นักศึกษาไม่ได้ใช้รถไฟ” ทุกคนก็เริ่มหัวเราะใส่เขา…]


 


[เฉินตู๋ซิ่ว โปรดนั่งลง คุณกำลังบังกระดานดำหลู่ซวิ่น!]


 


[เวลาเดียวเท่านั้นที่อัจฉริยะเข้าเว่ยป๋อ นั่นคือตอนที่เขาเป็นกระแส]


 


[ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว แม้แต่อัจฉริยะก็มีข้อบกพร่อง]


 


[เงินล้านหยวนจะอยู่ได้นานแค่ไหนเชียว!]


 


[ได้โปร กลับไปเรียนคณิตศาสตร์]


 


[ชายคนนี้โพสต์แค่โฆษณา ไม่เคยตอบข้อความเลย เลิกติดตาม]


 


ลู่โจว “???”


 


เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?!


 


ทำไมคนพวกนี้ถึงว่าฉัน?


 


บางทีเป็นเพราะฉันลืมทำของแถม?


 


คนพวกนี้โลภมาก!


 


ลู่โจวไม่พอใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าผู้คนเรียกแอพเขาว่าแอพตาย


 


ตายหมายความว่ายังไง?


 


มันตายยังไง?


 


มันเป็นเพราะฉันยุ่ง ฉันเลยไม่ได้ทำงาน!


 


นอกจากนี้ผู้ใช้ก็ยังอยู่ มันก็แค่การใช้งานแอพมันต่ำ…นักศึกษาแบบไหนกันที่จะใช้รถไฟทุกวัน?


 


บัดซบ!


 


ลู่โจวไม่อยากเชื่อ


 


เขาจะประสบความสำเร็จ


ตอนที่ 84 ไม่สมควรรับเกียรตินี้


 


 


คณบดีหลู่ไม่ได้โกหกลู่โจว การสัมภาษณ์เช็คล้านหยวนนั้นเป็นการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นแม้ว่าบนโลกออนไลน์จะยังพูดเรื่องลู่โจวกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีสื่อที่เข้ามามหาลัยและรบกวนชีวิตประจำวันเขา


 


ต่อมาลู่โจวก็พบว่าทางมหาลัยขัดขวางการสัมภาษณ์ไปหลายครั้ง สื่อไม่กี่สื่อที่มาสัมภาษณ์เขาล้วนมาจากบริษัทสื่อที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพล นักนักข่าวอิสระเล็กๆเข้ามามหาลัยไม่ได้ด้วยซ้ำ


 


ท้ายที่สุดแล้วมหาลัยมีไว้เรียน


 


การประชาสัมพันธ์ที่พอดีจะช่วยเพิ่มชื่อเสียงของมหาลัยและเพิ่มความนิยม อย่างไรก็ตามถ้ามหาลัยไม่รักษาสมดุลให้ดี มันจะรบกวนความเงียบสงบของมหาลัยและทำลายการเรียนของนักศึกษา ผู้นำของมหาลัยล้วนตระหนักเรื่องนี้ดี


 


ลู่โจวไปธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมวันเสาร์ ภายใต้การดูแลของประธานธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรม เขาก็ขึ้นเงินล้านหยวน


 


ลู่โจวปฏิเสธพวกคนขายประกันและผลิตภัณฑ์ทางการเงินแล้วรีบออกจากธนาคารอย่างรวดเร็ว เขาเข้าแอพ DiDi แล้วรู้สึกวิงเวียน เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงความฝัน


 


เขาไม่เคยรวยขนาดนี้มาก่อน


 


เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้เงินยังไง


 


ฉันว่าฉันต้องเก็บมันไว้?


 


รถจอดหน้ามหาลัย ลู่โจวเปิดโทรศัพท์ตรวจสอบเลขศูนย์ในบัญชีธนาคารเป็นล้านครั้ง หัวใจของเขาก็เต้นเป็นล้านครั้งต่อวินาที


 


“…ฉันมีเงินล้านแล้ว ฉันว่าฉันขาดสี่ล้านเท่านั้นถึงเสร็จภารกิจสอง”


 


ลู่โจวรีบสงบใจตัวเองแล้วเอาโทรศัพท์เก็บไว้ในกระเป๋าก่อนจะเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร


 


เขาเข้าไปทานอาหารกลางวันที่ร้านเล็กๆแห่งหนึ่ง และเมื่อเขากลับมหาลัย มันก็บ่ายสองแล้ว


 


เขาจำได้ศาสตราจารย์ถังโทรมา ดังนั้นก่อนกลับหอพัก เขาจึงไปหาศาสตราจารย์ถังที่ออฟฟิศในตึกวิจัย


 


เมื่อเขามาถึง ลู่โจวก็เคาะประตู เขาได้ยินเสียง”เข้ามา” เขาจึงเปิดประตูเข้าไป


 


เมื่อศาสตราจารย์ถังเห็นลู่โจว เขาก็ยิ้มแล้วกล่าว “เดี๋ยวนี้เธอค่อนข้างดังแล้วนะ”


 


ลู่โจวหัวเราะเขินๆแล้วกล่าว “ศาสตราจารย์ โปรดอย่าชมผมเลย สื่อน่ารำคาญมาก…”


 


นักศึกษาปริญญาโทสองคนในออฟฟิศกำลังทำวิจัย พวกเขากลอกตามองบนแล้วตัดสินใจเมินลู่โจว


 


รำคาญ?


 


ให้ฉันล้านนึง ฉันจะจัดการปัญหาให้คุณ!


 


คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณโชคดีแค่ไหน!


 


ศาสตราจารย์ถังหยิบขวดสูญญากาศแล้วจิบน้ำชาก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้? เธอดูค่อนข้างมีความสุขออก ไปเข้าวงการบันเทิงไหม?”


 


ลู่โจวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร


 


“เอาล่ะ เดี๋ยวอาจารย์มีสอน อาจารย์ไม่หยอกเธอแล้ว มาเข้าประเด็นกันเถอะ” ศาสตราจารย์ถังกล่าว เมื่อเขาเห็นว่าลู่โจวไม่ได้ตอบอะไร เขาก็หยุดล้อเล่น เขากล่าวเสริม “อาจารย์มีคำเชิญมา มันมาจากมหาลัยพรินซ์ตัน จะมีประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติในเดือนกุมภาในพรินซ์ตัน เธอได้รับเชิญให้ไปรายงานทางวิชาการเกี่ยวกับการศึกษาของเธอ”


 


ลู่โจวถามอย่างสับสน “การประชุมทางวิชาการ?”


 


ศาสตราจารย์ถังยิ้มแล้วกล่าว “ถูกต้อง ความก้าวหน้าทางวิชาการขึ้นอยู่กับการสื่อสาร เธอควรรับโอกาสนี้ เพราะมันดีต่อตัวเธอ การประชุมนี้มีอิทธิพลอย่างสูงในสาขาทฤษฏีจำนวนระดับโลก เธอเป็นนักศึกษาปริญญาตรีคนแรกของมหาลัยที่ได้รับคำเชิญนี้ ดังนั้นเธอควรยอมรับมัน มหาลัยจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เธอ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้!”


 


แม้ว่าลู่โจวจะใช้โอกาสนี้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานของเขา แต่เขาก็ยังได้กำไรมาก


 


ลู่โจวรับจดหมายเชิญจากศาสตราจารย์ถังแล้วพยักหน้า


 


“งั้นผมจะไปเตรียมตัว”


 


ศาสตราจารย์ถังกล่าว “นำวิทยานิพนธ์ของเธอไปแก้ไขเล็กน้อย เขียนคำพูดให้มันเรียบง่ายและกระชับ โฟกัสที่ส่วนถามตอบ นักวิจัยคณิตศาสตร์หลายคนอาจจะถามคำถามเธอเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม!”


 


“ผมเข้าใจ…งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ลู่โจวกล่าวและพยักหน้า


 


“อย่าพึ่งไป มีอีกเรื่อง” ศาสตราจารย์ถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เลขาหลิวได้แนะนำเธอให้เข้าร่วมการคัดเลือกสิบอันดับเยาวชนจีนที่โดดเด่น ไม่รู้ว่าเธอจะถูกรับเลือกไหม แต่อย่างน้อยก็มีโอกาส”


 


สิบอันดับเยาวชนจีนของจีนที่โดดเด่น!


 


ม่านตาของลู่โจวหดตัวลง


 


เขาเคยได้ยินแคมเปญการคัดเลือก’สิบอันดับเยาวชนจีนที่โดดเด่น’มาก่อน มันถูกก่อตั้งร่วมกันโดยสหพันธ์เยาวชนจีนและได้รับการสนับสนุนโดยสิบองค์กรข่าวขนาดใหญ่ จุดประสงค์คือการสร้างเยาวชนที่มีความสามารถมาเป็นแบบอย่างให้คนหนุ่มสาว มันพึ่งมีมาประมาณสิบปีเท่านั้น


 


มันมีอิทธิพลมากพอๆกับเหรียญห้าสี่เยาวชนจีน!

(ผู้แปล : ห้าสี่ คือ 4 พฤษภา)


 


ลู่โจวกลั้นหายใจ หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมาจากอก แต่เขาก็รีบสงบใจตัวเอง


 


อย่างแรกเลยมันยังเป็นคำถามอยู่ว่าการพิสูจน์ข้อคาดการณ์ของโจวนั้นคู่ควรแก่การได้รับรางวัลหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วรางวัลนี้ก็ไม่ได้มีไว้ให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ มันมีไว้ให้ทุกวงการทั่วประเทศและมันยังรวมถึงการสนับสนุนทางสังคม


 


ยิ่งกว่านั้นรางวัลนี้อาจได้รับอิทธิพลทางการเมือง ดังนั้นมันจึงไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ตาเห็น


 


ถ้าลู่โจวมีเหรียญฟิลด์ เขาคงมีโอกาสชนะสูง


 


สองคือโลกนี้ไม่มีของฟรี


 


ครั้งก่อนที่เลขาหลิวมาที่มหาลัยเพื่อแสดงความยินดีกับลู่โจว จริงๆแล้วมันแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่รัฐบาลมีไว้ให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ครั้งนี้จู่ๆเลขาหลิวก็เลือกลู่โจวให้เข้าสิบอันดับเยาวชนจีนที่โดดเด่น มันอาจไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้น


 


ลู่โจวใจเย็นลงเล็กน้อย


 


เขาไม่ได้กังขาใน IQ ของตน


 


แต่…


 


EQ ของเขานั้น เขาไม่แน่ใจ


 


ลู่โจวไม่ได้ตอบอะไร เขายิ้มแล้วถามด้วยความเคารพ “ศาสตราจารย์มีคำแนะนำอะไรไหม?”


 


ศาสตราจารย์ถังยิ้มแล้วกล่าว “คำแนะนำ? ขึ้นอยู่กับว่าอนาคตเธออยากอยู่เส้นทางไหน ถ้าเธออยากเข้าการเมือง นี่เป็นวิธีที่ดีที่เธอจะได้เข้าสู่วงการ เลขาหลิวสามารถช่วยเธอในอาชีพทางการเมืองในอนาคตและเธออาจได้เป็นตัวแทนที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาล ส่วนเธอจะไปได้ไกลแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอ”


 


ลู่โจวเงียบ


 


แทนที่จะกังวล ศาสตราจารย์ถังก็แค่นั่งดื่มชาเงียบๆ


 


หลังจากนั้นสักครู่ ลู่โจวก็พลันยิ้มแล้วส่ายหน้า “ผมเกรงว่าการเมืองไม่เหมาะกับผม”


 


ในฐานะลูกที่มีพ่อทำงานให้กับรัฐ ข้อเสนอนี้ค่อนข้างน่าดึงดูด ถ้าเขาคว้าโอกาสนี้ไว้ มันก็จะมีถนนที่มีแสงไฟรออยู่ตรงหน้าเขา ผู้นำมหาลัย ประธานสมาคมวิทยาศาสตร์จีนล้วนเป็นไปได้


 


อย่างไรก็ตามลู่โจวรู้ตัวเองดี


 


เขาคุ้นกับการทำในสิ่งที่อยากทำ การเมืองอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ


 


“ดูเหมือนเธอจะรู้ตัวเอง เธอดูไม่ใช่คนที่จะเล่นการเมือง” ศาสตราจารย์ถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาวางขวดสูญญากาศลงบนโต๊ะแล้วมองลู่โจว เขากล่าวพร้อมกับพยักหน้า “เนื่องจากเธอตัดสินใจแล้ว เธอควรปฏิเสธ แค่จำไว้ว่าปฏิเสธให้มันดูสุภาพก็พอ”


 


ลู่โจวคิดแล้วกล่าว “ผมเป็นนักศึกษา ผมไม่รู้อะไรมากนัก ผมไม่สมควรรับเกียรตินี้…ผมตอบแบบนี้เป็นไงครับ?”


 


ศาสตราจารย์ถังยิ้มแล้วตอบ “ฉลาดนี่”


ตอนที่ 85 กลายเป็นว่ามีผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือ


 


 


ณ โรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมจินหลิง มอห้า ห้องสอง พวกเขากำลังเรียนคณิตกันอยู่


 


อาจารย์บอกให้ตัวแทนห้องส่งกระดาษข้อสอบคืนมา ในขณะเดียวกันเขาก็หยิบเอากระดาษของนักเรียนโดดเด่นมาชื่นชม


 


“หานเมิ่งฉี 130 คะแนน คะแนนของเธอในช่วงสองสามเดือนมานี้พัฒนาขึ้นมาอย่างมาก แต่อย่าทะนงตนล่ะ ให้พยายามต่อไป” อาจารย์เฉินกล่าว หานเมิ่งฉีพยักหน้าแล้วรับกระดาษข้อสอบ


 


หานเมิ่งฉียิ้มที่มุมปากแล้วกลับมานั่งประจำที่


 


นักเรียนที่นั่งข้างเธอมองเธอด้วยความประหลาดใจ


 


มันไม่ใช่เพราะ 130 คะแนน


 


ในห้องของพวกเขา คะแนนเท่านี้อย่างมากก็อยู่ในค่าเฉลี่ย


 


ความประหลาดใจที่แท้จริงก็คือมันเป็นหานเมิ่งฉีที่ได้คะแนนเท่านี้!


 


คะแนนคณิตศาสตร์ปีแล้วของเธอคือเกือบตก แต่วันนี้เธอได้ 130!


 


การพัฒนานี้ใช้เวลาน้อยกว่าสามเดือน!


 


จะมีอะไรน่าตกใจกว่านี้อีก?


 


เมื่ออาจารย์เฉินเห็นหานเมิ่งฉี เธอก็พยักหน้าด้วยความโล่งอก


 


ตั้งแต่การสอบประจำเดือนก่อนปิดซัมเมอร์ มันก็เหมือนกับว่าหานเมิ่งฉีกลายเป็นคนอื่น คะแนนคณิตศาสตร์ของเธอเพิ่มสูงขึ้น เธอได้คะแนนจากสองหลักเป็นสามหลัก


 


อาจารย์เฉินสอนมาหลายปีแล้ว มันหาได้ยากที่เขาจะได้เห็นพัฒนาการแบบนี้


 


หานเมิ่งฉีรู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นของเธอประหลาดใจ และแม้ว่าเธอจะเขิน แต่หน้าเธอก็มีรอยยิ้มกว้าง


 


ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยรู้สึกเหมือนมีที่อยู่ทั้งที่บ้านและโรงเรียน


 


อย่างไรก็ตามช่วงนี้เธอพบว่าจริงๆแล้วเธอชอบโรงเรียน


 


มันไม่ใช่เพราะเธอรักการเรียน


 


มันเป็นเพราะเธอรู้สึกดีที่ได้เห็นสายตาสับสน ความประหลาดใจและชื่นชมจับจ้องมา!


 


หลังจากเรียนเสร็จ หานเมิ่งฉีก็คัดลอกโจทย์ที่เธอทำผิดในหนังสือ นี่เป็นงานที่ลู่โจวมอบให้เธอทำและงานนี้ก็จะกลายเป็นนิสัยของเธอตลอดสามเดือนมานี้


 


ทันใดนั้นเองก็มีหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าเดินมาถามอย่างอายๆ “เมิ่งฉี ครูสอนพิเศษของเธอแซ่ลู่ใช่ไหม?”


 


หญิงสาวคนนี้เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่เมิ่งฉีมีในคลาสคณิตศาสตร์ เมิ่งฉีเรียกเธอว่าเสียวหรั่นและพวกเธอจะคุยกันทุกเรื่อง


 


หานเมิ่งฉีพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ทำไมหรอ?”


 


เสียวหรั่นถาม “เขาเป็นนักศึกษามหาลัย?”


 


หานเมิ่งฉีพยักหน้าของเธอต่อ เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ใช่…”


 


“เขามาจากมหาลัยจินหลิง?”


 


“ใช่ๆ เข้าเรื่องได้แล้ว เลิกทำให้ฉันเสียเวลาสักที” หานเมิ่งฉีกล่าวพลางกลอกตามองบน


 


เสี่ยวหรั่นแบบบอกบู๊นจีน “เธอไม่ได้เข้าไปดูเว่ยป๋อเหรอ?”


 


ทันใดนั้นเองหานเมิ่งฉีก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “ไม่ ผู้หญิงคนนั้นยึดโทรศัพท์ฉัน เธอก็รู้”


 


อย่างไรก็ตามเสียวหรั่นไม่ได้สังเกตสีหน้าที่ดูไม่สบายใจของหานเมิ่งฉี เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกล่าว “รอแปป ฉันจะเอาข่าวนี้ให้เธอเห็น”


 


หานเมิ่งฉีจ้องมองเธอแล้วกล่าว “เธอสนใจข่าวตั้งแต่ตอนไหนกัน? เธอไม่อ่านข่าวซุบซิบของดารานักร้องหนิ”


 


“ฉันให้ความสนใจกับข่าวที่เป็นกระแสด้วยโอเคมั้ย? เอาล่ะดูนี่สิ” เสียวหรั่นตอบและส่งโทรศัพท์ให้หานเมิ่งฉี


 


มันเป็นข่าวจากหัวกั๋วชิงเหนียน


 


เมื่อหานเมิ่งฉีเห็นชื่อบัญชี เธอก็ไม่ได้สนใจนัก อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นหัวข้อ แววตาเธอก็เบิกกว้างทันที


 


[นักศึกษามหาลัยอายุราวยี่สิบปีจากมหาลัยจินหลิงได้พิชิตปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก และได้รับรางวัลล้านเหรียญจากมหาลัย!]


 


[…]


 


[ที่มา : จินหลิงไดอารี่]


 


เสียวหรั่นรีบถาม “เป็นเขาใช่ไหม?”


 


“ไม่ นี่เป็นไปได้ยังไง?” หานเมิ่งฉีอ้าปากค้าง เธอประหลาดใจมากที่หุบปากไม่ได้


 


มันไม่ใช่ว่าเธอสงสัยในความสามารถของลู่โจวนะ…


 


มันเป็นเพราะเธอไม่เคยคิดเลยว่าคนสอนพิเศษที่มาบ้านเธอทุกวันหยุดสุดสัปดาห์จะเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่แก้ปัญหาระดับโลก


 


หานเมิ่งฉีกลืนน้ำลาย เธอใช้นิ้วโป้งไถจอแล้วอ่านคอมเมนต์


 


[…ทุกคนคำนับนักศึกษาอัจฉริยะ]


 


[นักศึกษาอัจฉริยะคนนี้บ้ามาก]


 


[ท่านเทพ ฉันอยากมีลูกกับคุณ]


 


หานเมิ่งฉีเลิกคิ้ว


 


นี่มันอะไร!


 


หน้าด้าน!


 


เขามีแฟนอยู่แล้ว!


 


แม้ว่าเธอไม่เคยได้รับการยืนยันจากลู่โจวหรือลูกพี่ลูกน้องเธอ แต่เธอเชื่อเสมอว่าพวกเขาคบหากัน ไม่มีคำอธิบายอื่นอีกแล้วที่จะอธิบายว่าทำไมเขาถึงสนใจเรื่องการเรียนของเธอนัก ทั้งๆที่ครูสอนพิเศษคนอื่นๆทนเธอไม่ได้


 


“โอ้ ฉันกำลังสงสัยเลยว่าทำไมคะแนนคณิตศาสตร์ของเธอถึงสูงขึ้นมาก เป็นเพราะผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยนี่เอง” เสียวหรั่นกล่าวและมองหานเมิ่งฉีด้วยความอิจฉา จากนั้นเธอก็ถาม “เขายังจะสอนพิเศษเธออยู่ไหม?”


 


หานเมิ่งฉีโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว “ใช่ ทำไมไม่ล่ะ?”


 


เสียวหรั่นเงยหน้าแล้วถาม “แต่ เขามีเงินล้านแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องมาทำงานเป็นครูสอนพิเศษแล้วใช่มั้ย?”


 


หัวใจของหานเมิ่งฉีบีบรัด


 


เธอไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย


 


เธอพูดถูก…


 


ถ้าลู่โจวไม่ต้องการเงิน เขาจะยังมาสอนคณิตศาสตร์ฉันไหม?


 


ทุกครั้งที่เขามาสอนพิเศษฉัน ฉันก็ทำตัวเหมือนเด็ก แถมเขายังต้องทำกับข้าวให้ฉัน รับฟังเธอบ่นเรื่องที่โรงเรียน…


 


ใครๆก็รำคาญใช่ไหม?


 


นอกจากนี้ คนอย่างเขาต้องมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ


 


ริมฝีปากหานเมิ่งฉีสั่นเครือ “เขา…อาจจะมา”


 


เธอไม่มั่นใจเลย


 


เสียวหรั่นเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน


 


เธอไม่แน่ใจว่าทำไมเพื่อนสนิทเธอถึงกลายเป็นแบบนี้


 


…..


 


แม้ว่าลู่โจวจะมุ่งมั่นที่จะทำให้แอพแคมปัสเทรนด์ใหญ่ขึ้นและเอาชนะพวกที่มาว่าเขา แต่เขาไม่รู้จะทำธุรกิจยังไง


 


แต่ก่อนคณบดีหลู่จะมาถามเขาเป็นครั้งคราวว่าโปรเจ็คเขาเป็นยังไง แต่ตอนนี้คณบดีหลู่ไม่ได้ยกเรื่องนี้มาพูดเลย


 


เมื่อเทียบกับการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลก แอพไม่มีอะไรเลย


 


มหาลัยไม่ใช่ธนาคารหรือธุรกิจ ผู้นำมหาลัยไม่ได้ดูสเตทเม้น! พวกเขาดูที่ผลลัพธ์ของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์! แม้ว่าโปรเจ็คผู้ประกอบการของนักศึกษาจะประสบความสำเร็จ แต่มันก็ไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับการแก้ปัญหาระดับโลก!


 


ไม่ใช่คณบดีหลู่คนเดียวเท่านั้นที่คิดแบบนี้ แต่หัวหน้าคณบดี คณบดีฉิน ก็คิดแบบนี้เช่นกัน คณบดีฉินยังคงพูดเป็นนัยๆให้ลู่โจวปิดบริษัทแล้วใช้เงินที่เหลือชำระเงินกู้บางส่วน ส่วนเงินกู้ที่เหลือก็หักทิ้งไป ลู่โจวไม่จำเป็นต้องจ่ายด้วยซ้ำ


 


การขาดทุนก็เป็นหนึ่งในบทเรียนของผู้ประกอบการ ลู่โจวควรมุ่งเน้นทางวิชาการแล้วรับเหรียญฟิลด์มาให้ได้ แบบนั้นไม่ดีกว่าหรือ?


 


อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่พอใจกับการได้รับเกียรติเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเหรียญจะดี แต่ลู่โจวอยากได้เงิน


 


แม้ว่าลู่โจวจะไม่สนใจกับการบริหารบริษัท แต่เขาสนใจเรื่องเงิน!


 


นอกจากนี้เขาอาจต้องเผาเงินจำนวนมากไปกับระบบเฮงซวยนี่ จากภารกิจที่ระบบมอบให้ เห็นได้ชัดว่าระบบมีความทะเยอทะยาน


 


การค้นพบเทคโนโลยีและการสร้างรายได้จากมันไม่อาจแยกออกจากกันได้ มันเป็นเรื่องที่ว่าใครจะเลือกอะไรแสวงหาอะไร


 


ลู่โจวดูออกเลยว่าตัวเขาจะตัดสินใจยังไงในอนาคต


 


ดังนั้นเขาจึงวางแผนไปขอคำแนะนำจากบุคคลที่ประสบความสำเร็จ


 


=======


ตอนที่ 86 เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ


 


 


วันอาทิตย์ ลู่โจวไปบ้านของคุณนายหยางเพื่อสอนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์ให้หานเมิ่งฉีตามปกติ


 


ทันทีที่คุณนายหยางเดินออกนอกประตูไป หญิงสาวก็ดึงแขนเสื้อของลู่โจวแล้วถาม “ฉันได้ยินมาว่านายแก้ข้อคาดการณ์ของโจวได้เหรอ?”


 


ลู่โจวมองหญิงสาวแปลกๆแล้วพยักหน้าก่อนจะกล่าว “ใช่ นั่นเป็นข่าวอาทิตย์ที่แล้ว”


 


เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเมิ่งฉีก็ขบฟันเล็กน้อยแล้วกระซิบ “งั้น…นายจะไม่สอนคณิตให้ฉันแล้วใช่ไหม?”


 


ลู่โจวถาม “ทำไมผมจะไม่สอนล่ะ?”


 


หานเมิ่งฉีพูดเสียงเบา “นายมีเงินล้านแล้ว…นายยังทำงานพาร์ทไทม์อีกเหรอ?”


 


ตรรกะแบบไหนกัน? บนโลกนี้มีเรื่องอย่างมีเงินมากไปด้วยเหรอ?


 


ไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นเงินที่หาได้ง่าย


 


การเรียนนั้นสนุก แต่ลู่โจวไม่ใช่เครื่องจักร เขาไม่สามารถเรียนตลอดทั้งวัน เพราะเขาจะเหนื่อย


 


การสอนพิเศษก็เหมือนวิธีผ่อนคลายอย่างนึงสำหรับลู่โจว เขาสามารถนึกถึงโจทย์ง่ายๆแล้วเปลี่ยนมายด์เซ็ตเปลี่ยนอารมณ์ขณะหาเงินไปด้วย แล้วทำไมเขาจะไม่ทำล่ะ?


 


ลู่โจวถอนหายใจ เขาหยิบหนังสือแล้วเอามาเคาะหัวเธอเบาๆ “เลิกพูดเหลวไหล เงินไม่ได้หากันง่ายๆ อย่าทำให้แม่เสียเงินเปล่าแล้วตั้งใจเรียน เอาสมุดที่จดข้อผิดพลาดกับกระดาษข้อสอบล่าสุดออกมา”


 


หานเมิ่งฉีจ้องมองลู่โจวอย่างไม่พอใจ


 


อย่างไรก็ตามเธอนึกได้ว่าเธอยังต้องการความช่วยเหลือของเขา ดังนั้นเธอจึงหยิบสมุดกับข้อสอบจากกระเป๋าเงียบๆ


 


ลู่โจวรับสมุดจดข้อผิดพลาดจากหานเมิ่งฉีเพื่อตรวจสอบสถานการณ์เดือนนี้ของเธอ


 


โดยรวมแล้วถือว่าไม่เลว อย่างน้อยหลังจากลู่โจวอธิบายโจทย์ เธอก็ไม่ทำผิดอีก


 


ขณะที่ลู่โจวกำลังตรวจสอบกระดาษข้อสอบ หานเมิ่งฉีก็กระแอมแล้วถาม “ฉันอยากให้นายสอนเคมีฟิสิกส์…ได้ไหม?”


 


ลู่โจวครุ่นคิดก่อนจะให้คำตอบเธอ “ได้ แต่ผมไม่คุ้นเนื้อหามัธยมปลายของเจียงซู ผมกลัวว่าผมจะสอนเธอมากไม่ได้ อย่างมากผมตอบคำถามให้เธอได้บางข้อ”


 


ลู่โจวได้ยินมาว่ากฏการสอบที่มณฑลเจียงซูแตกต่างจากที่เคยสอบมา นอกจากคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษ พวกเขาเลือกวิชาอื่นได้สี่วิชา


 


นอกจากนี้ยังมีสอบจำลอง สะสมคะแนนและอื่นๆ มันยุ่งยากมาก


 


ลู่โจวเคยได้ยินมาจากหลี่เทา เพราะเป็นคนจินหลิง

(ผู้แปล : จินหลิงอยู่ในมณฑลเจียงซู)


 


หานเมิ่งฉีกล่าวเป็นเชิงเข้าใจ “ไม่ต้องห่วง แค่นี้พอแล้ว”


 


จากนั้นลู่โจวก็ถาม “เธอสมัครมหาลัยไหน? เธอมีเป้าหมายไหม?”


 


“ฉันอยากเข้ามหาลัยจินหลิง…” หานเมิ่งฉีกล่าว เธอหยุดสักพักแล้วกล่าวเสริม “…มันเป็นเพราะฉันสัญญากับลูกพี่ลูกน้องว่าฉันจะเข้ามหาลัยเดียวกับเธอ”


 


ลู่โจวมองเธอด้วยแววตามึนงง เขาคิดว่าเธอจะพูดแบบ ‘ฉันไม่สน ขอแค่อยู่ห่างจากผู้หญิงคนนั้นก็พอ ฉันอยากไปต่างประเทศด้วยซ้ำ’ เขาไม่คิดเลวว่าคำตอบของเธอจะเป็นมหาลัยจินหลิง


 


แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดเสียงดัง


 


ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็มีความใฝ่ฝันเป็นของตนเอง


 


“ถ้าผมจำไม่ผิด ความต้องการนักศึกษาของมหาลัยจินหลิงคือคนที่มีเกรด A สองวิชา เธอต้องขยันให้มากๆ” ลู่โจวกล่าวลวกๆ


 


หานเมิ่งฉีพยักหน้าอย่างจริงจังและพูด “อึ้ม! ฉันจะตั้งใจ!”


 


…..


 


หกโมงเย็น สอนพิเศษจบลงแล้ว


 


ลู่โจวสวมผ้ากันเปื้อนและทำอาหารสามจาน เขาอยากขอบคุณคุณนายหยาง แต่เขาไม่มีปัญหาซื้ออะไรให้เธอ อย่างน้อยที่เขาทำให้เธอได้ก็คือการทำอาหารให้ลูกสาวเธอ


 


พอเขาทำเสร็จ เขาก็วางอาหารไว้บนโต๊ะก่อนที่จะแขวนผ้ากันเปื้อนไว้ที่ประตูห้องครัว


 


หกโมงครึ่ง หยางตันอวิ๋นก็กลับมาถึงบ้าน


 


เมื่อเธอเดินเข้ามาแล้วได้กลิ่นอาหาร เธอก้มองลู่โจวด้วยสีหน้าประหลาดใจ


 


ลู่โจวยิ้มแล้วถาม “คุณอยากทานด้วยกันไหม? ผมทำพอทานสามคน”


 


หยางตันอวิ๋นยิ้มแล้วตอบ “ตกลง ขอบใจ ฉันจะไปเอาข้าว”


 


หานเมิ่งฉียิ้มเยาะและเธอเดินไปห้องน้ำโดยไม่ได้พูดอะไร


 


บนโต๊ะอาหารเงียบเช่นเคย


 


ถ้าเป็นแค่สองคน หานเมิ่งฉีจะจ้อไม่หยุด อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีแม่อยู่ด้วย เธอจึงไม่สนใจที่จะพูดคุยและทานข้าวของตนเองอยู่เงียบๆ


 


ตอนแรกลู่โจวคิดว่าเป็นเพราะผลการเรียนของหานเมิ่งฉี ความสัมพันธ์แม่กับลูกจะดีขึ้น


 


อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะมองโลกในแง่ดีไป


 


ทุกครอบครัวมีปัญหาของตนเอง…


 


ลู่โจวอยากหลีกเลี่ยงความเงียบที่กระอักกระอ่วนนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจถามคำถาม


 


มันเป็นเรื่องของแอพแคปปัสเทรนด์


 


เขาอยากฟังคำแนะนำจากคนที่ประสบความสำเร็จอย่างคุณนายหยาง


 


หลังจากหยางตันอวิ๋นฟังคำถามของลู่โจว เธอก็ถาม “เธอทำแอพ?”


 


“ใช่ครับ”


 


“เธอทำการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์รึยัง?”


 


ด้วยความประหลาดใจของลู่โจว คุณนายหยางจึงไม่ได้ถามเรื่องมีผู้ใช้กี่คนหรือซอร์ฟแวร์เป็นไง กลับกันเธอถามคำถามนี้แทน


 


ลู่โจวคิดก่อนจะส่ายหน้าแล้วกล่าวอย่างสัตย์จริง “ยังครับ”


 


ถ้าเขากำลังประชุมหาผู้ร่วมทุน เขาคงไม่ซื่อสัตย์ขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้อยู่ในการประชุมและเขาก็กำลังพยายามเรียนรู้ เขาจึงพูดตามความจริง


 


คุณนายหยางคิดแล้วกล่าว “จากมุมมองนักลงทุนของฉัน ฉันสามารถบอกเธอถึงตรรกะขั้นพื้นฐาน การลงทุนที่ดีต้องมี N+1 มากกว่ามาตรฐานอุตสหกรรมเสมอ”


 


“N+1?”


 


“ใช่แล้ว 1 นี่คือค่านวัตกรรมของเธอ” คุณนายหยางกล่าวและพยักหน้า จากนั้นเธอก็พูดต่อ “แน่นอนมันยังไม่เพียงพอ นักลงทุนจะดูโปรเจ็คอื่นที่คล้ายกับของเธอ มีแต่นวัตกรรมใหม่ๆเท่านั้นที่จะทำให้เท้าของคุณเดินเข้าสู่ประตู”


 


คุณนายหยางหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “เรื่องแรกที่จะพูดเป็นเรื่องของการวิเคราะห์อุตสาหกรรมและโอกาสทางตลาด อย่าพูดถึงส่วนแบ่งการตลาด นั่นมันไร้ประโยชน์ ยุคคนโง่มีเงินนั้นจบลงแล้ว ตอนนี้ถ้าเธออยากระดมทุน เธอก็ต้องแสดงด้านที่น่าประทับใจ เธอต้องใช้คำสั้นๆแต่น่าดึงดูดเพื่อทำให้นักลงทุนเห็นจุดเด่นในโปรเจ็คของเธอ นั่นเป็นส่วน+1เช่นกัน”


 


เอ่อ มันดูซับซ้อนมาก


 


อย่างไรก็ตามลู่โจวฟังอย่างตั้งใจ


 


เขาไม่อาจเรียนเรื่องแบบนี้ได้ในคาบเรียน


 


“เมื่อเธอเข้าใจส่วน +1 แล้ว งั้นถัดไปคือการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างถ้าฉันเป็นนักลงทุน เธอก็ต้องบอกฉันอย่างชัดเจนว่าผู้ใช้เธออยู่ไหน มีผู้ใช้กี่คน มีคู่แข่งกี่คน คู่แข่งอยู่ไหน เป็นต้น นอกจากนี้สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดก็คือผลิตภัณฑ์ของเธอจะทำกำไรได้เท่าไหร่”


 


หยางตันอวิ๋นมองตรงเข้าไปในแววตาของลู่โจว


 


ดวงตาที่เฉียบแหลมของเธอทำให้ลู่โจวกลั้นใจ


 


โชคดีที่แรงกดดันนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว


 


คุณนายหยางจิบน้ำซุปแสนอร่อยก่อนจะวางช้อนเบาๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย”


 


ลู่โจวพยักหน้าเงียบๆ


 


โปรเจ็คนี้เป็นแค่การฝึกฝนก่อนที่มันจะกลายเป็นกระแสอย่างอธิบายไม่ได้ ถ้ามันไม่เป็นกระแส ศาสตราจารย์จางจากสาขาซอร์ฟแวร์ก็คงไม่มีทางสังเกตโปรเจ็คนี้ ศาสตราจารย์จางไม่มีทางให้เขาเปิดบริษัท[แคมปัสเทรนด์คอปอเรชั่นจำกัด] หรือไม่มอบสินเชื่อทางธุรกิจ 500,000หยวนแก่เขา…


 


เมื่อเขาทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปกับการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เขาก็โยนแอพทิ้งไปข้างๆ หลังจากที่เขากลับมา ช่วงนักศึกษากลับมามหาลัยก็หมดลงแล้ว และผู้ใช้ก็ลดลงโดยสิ้นเชิง


 


ดังนั้นทุกคนบนเว่ยป๋อจึงวิพากษ์วิจารณ์แอพ แม้ว่าลู่โจวจะไม่ชอบคำวิจารณ์ แต่มันก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผลจนเกินไป มันมีเหตุผลว่าทำไมนักลงทุนถึงไม่ติดต่อหาเขา…


 


“อันที่จริงหลังจากฟังคำอธิบายโปรเจ็คของเธอ ฉันก็อยากถามเธอ ถ้าผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ทำไมเธอถึงทำแค่ตั๋วรถไฟเท่านั้น? ปีนึงนักศึกษาจะซื้อตั๋วรถไฟมากแค่ไหนเชียว? จะรักษาจำนวนผู้ใช้ยังไง? แล้วถ้าบริษัทซอร์ฟแวร์อย่าง QQ หรือ zhibao ทำระบบจองตั๋วโดยตรงล่ะ? เธอคิดว่าแอพของเธอจะไปรอดหรือ? ฉันไม่คิดอย่างนั้น พวกเขาดีกว่าและมีทรัพยากรมากกว่าเธอ”


 


เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่ง ในไม่กี่นาทีเธอก็ทำให้ลู่โจวอึ้งได้แล้ว…


 


จู่ๆลู่โจวก็ตระหนักว่าเขาดูถูกอุตสหกรรมเทคโนโลยีเกินไป


 


คุณนายหยางพูดต่อ “แน่นอน โปรเจ็คของเธอยังสดใส เธอดีกว่านักพัฒนาส่วนใหญ่ เพราะส่วนใหญ่จะสร้างตัวต้นแบบแล้วไปหานักลงทุน ถ้าเธอไม่สนใจบริหารบริษัท เธอก็คิดเรื่องจ้างผู้จัดการได้ แต่ฉันไม่แนะนำ สำหรับบริษัทที่ยังอยู่ในช่วงก่อตั้ง ไม่มีใครรู้เรื่องโปรเจ็คดีกว่าเธอ นอกจากนี้ไม่มีผู้จัดการที่มีความสามารถที่แท้จริงคนไหนทำงานให้กับบริษัทเล็กๆที่ไม่มีอะไรเลยของเธอหรอก”


 


คุณนายหยางพูดอย่างตรงไปตรงมา


 


อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่รู้สึกโดนดูถูกเลย ท้ายที่สุดแล้วเขารู้สถานการณ์บริษัทตนเองดี


 


ลู่โจวครุ่นคิดก่อนจะถามอย่างจริงจัง “แล้วคุณมีคำแนะนำดีๆไหม?”


 


“ความสามารถและพลังของคนๆนึงมีจำกัด ถ้าแบบนั้นทำไมเธอไม่หาคนที่มีความคิดแบบเดียวกันมาทำโปรเจ็คนี้ร่วมกันล่ะ? มีศาสตราจารย์วิจัยวิทยาศาสตร์มากมายในมหาลัยจินหลิงที่มีบริษัทเป็นของตนเอง ฉันรู้จักคนนึงที่วิจัยวัสดุศาสตร์ และฉันก็คิดว่าบริษัทเขาจดทะเบียนแล้ว ทำวิจัยทางวิทยาศาสตร์กับการหาเงินไม่ได้ขัดแย้งกันเสมอไป กุญแจสำคัญคือการหาสมดุลที่ดีแล้วรู้ว่าเธอเก่งและไม่เก่งอะไร”


 


ลู่โจวเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพยักหน้า “ผมจะเก็บคำแนะนำของคุณไปคิดอย่างจริงจัง”


 


การสนทนานี้เป็นประโยชน์ต่อเขามาก


 


อย่างน้อยหลังจากนี้เขาก็รู้เส้นทางปกติที่จะเดินไปต่อแล้ว


 


คุณนายหยางยิ้มและพยักหน้าเห็นชอบ


 


เมื่อหานเมิ่งฉีเห็นว่าแม่เธอกำลังคุยกับลู่โจว เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอกระซิบ “คุณไม่พูดเรื่องธุรกิจบนโต๊ะอาหารได้ไหม?”


 


คุณนายหยางตกใจกับคำพูดของลูกสาว เธอหยุดพูดทันที


 


แม้ว่าลู่โจวจะเป็นคนนอกและไม่อยากมีเอี่ยวด้วย แต่เขาก็ยังอดรู้สึกเศร้าไม่ได้


 


มันเป็นอย่างที่คุณนายหยางพูด พลังของคนเรามีจำกัด มันมีชนะบ้าง แพ้บ้างตามสถานการณ์


 


อย่างไรก็ตามมีคนมากแค่ไหนที่สามารถค้นหาสมดุลระหว่างพลังกับการยอมแพ้?


 


แม้แต่นักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จก็มีข้อบกพร่อง


 


ข้อบกพร่องของเธอก็คือครอบครัว…


ตอนที่ 87 ดึงคนมาเข้าร่วม


 


 


หลังจากลู่โจวออกจากบ้านคุณนายหยาง เขาก็ครุ่นคิดเป็นเวลานาน


 


พลังของคนมีจำกัด ไม่ต้องพูดถึงเขาไม่สนใจบริหารธุรกิจ


 


เขาเป็นนักวิชาการ เขาแค่ต้องทำงานของตนให้ดี่ ส่วนเรื่องบริหารบริษัท เขาให้คนที่เก่งด้านนั้นจัดการไป


 


เขารู้สึกว่าสนามรบของเขาอยู่ในห้องแล็บ ไม่ใช่การประชุม มันไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ CEO แน่นอน


 


เฉินยู่ซานเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ความสามารถในการบริหารของเธอนั้นบริษัทสูงระดับไว้บริหารบริษัทระยะกลางถึงสุดท้าย บริษัทสตาร์ทอัพ[แคมปัสเทรนด์]เล็กๆของเขาไม่มีที่ว่างให้เธอ ไม่ต้องพูดถึงเธอกำลังเรียนปริญญาโท เธอไม่มีเวลามาช่วยลู่โจว


 


ลู่โจวกลับหอพักแล้วคิดเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะคิดถึงคนๆนึงในที่สุด จากนั้นเขาก็เดินไปที่ระเบียงแล้วโทรศัพท์


 


เมื่ออีกฝ่ายรับสาย ก็มีเสียงชายอ้วนดังผ่านโทรศัพท์มา “เฮ้ ลู่โจว มีไร?”


 


ลู่โจวยิ้มแล้วกล่าว “พี่อู๋ ช่วงนี้นายปั้มเงินที่ไหน?”


 


“ปั้มเงินอะไร ฉันแค่ทำโปรเจ็คเล็กๆเพื่อวิ่งเต้นให้คนอื่น ฉันต้องแสดงความยินดีกับนาย อนาคตจะมีเทพอีกคนอยู่ในรายชื่อศิษย์เก่าของมหาลัยจินหลิง เข้าประเด็นเถอะ นายยังอยากทำงานพาร์ทไทม์อยู่เหรอ? ฉันไม่จ้างนาย!” เจ้าอ้วนอู๋คำราม


 


“ไม่ใช่” ลู่โจวกล่าว เขายิ้มแล้วกล่าว “ฉันแค่อยากถาม นายสนใจทำเงินด้วยกันไหม?”


 


เจ้าอ้วนอู๋หยุดไปชั่วครู่ เขาคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะถาม “…แคมปัสเทรนด์?”


 


ลู่โจว “ใช่”


 


“เอางี้ไหม? เรามาเจอกัน เราควรคุยกันต่อหน้า”


 


ลู่โจวคิดแล้วรู้สึกว่ามันมีเหตุผล


 


มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาเสียค่าโทรศัพท์แบบนี้


 


“ตกลง พรุ่งนี้ห้าโมง มาเจอกันนอกหน้าร้านเมนูปลาใกล้ประตูมหาลัย”


 


…..


 


วันต่อมา ห้าโมงเย็น ลู่โจวมาตรงเวลา เมื่อเขาเห็นเจ้าอ้วนอู๋ที่กำลังสวมเสื้อยืดสีดำนั่งอยู่ที่ม้านั่ง เขาก็โบกมือให้


 


ลู่โจวมองเสื้อยืดแล้วกล่าว “นายใส่แค่เสื้อยืด? นายไม่หนาวไง?”


 


มันปลายเดือนตุลาและถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แม้แต่ตัวลู่โจวเองก็ใส่แจ็คเก็ตแล้ว


 


“ฉันอ้วน ฉันทนหนาว ฉันชอบช่วงฤดูหนาวเหมือนกัน” เจ้าอ้วนอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาดึงเก้าอี้แล้วกล่าว “มานั่งสิ ฉันสั่งปลาย่างให้แล้ว นายอยากสั่งอะไรนายก็สั่ง พอปลามา เราจะได้ดื่มคุยกัน”


 


ลู่โจวกล่าว “ดื่มชากันเถอะ เราไม่ควรดื่มตอนพูดเรื่องธุรกิจ”


 


เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มแล้วกล่าว “ได้ เอาที่นายสบายใจ”


 


เจ้าอ้วนอู๋ค่อนข้างเป็นคนดี เขาคอยดูแลลู่โจวตอนที่ลู่โจวยังทำงานพาร์ทไทม์ ดังนั้นเมื่อลู่โจวมีโอกาสดีๆแบบนี้ เขาจึงนึกถึงเจ้าอ้วนอู๋ทันที


 


แน่นอนนั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำไมเขาถึงคิดถึงเจ้าอ้วนอู๋ เหตุผลที่แท้จริงที่ลู่โจวพบเขาก็คือความสามารถของเจ้าอ้วนอู๋ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความฉลาดทางอารมณ์และทักษะการจัดระเบียบองค์กรของเจ้าอ้วนอู๋


 


ทักษะทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งที่ลู่โจวขาด


 


“จะว่าไป ฉันก็เคยใช้แอพแคมปัสเทรนด์เหมือนกัน มันค่อนข้างมีประโยชน์กับการคาร์พูล” เจ้าอ้วนอู๋กล่าว


 


เมื่ออาหารมาถึง เขาก็รินชาให้ลู่โจวกับตัวเองก่อนจะยิ้มแล้วกล่าว “สถานีรถไฟในบ้านเกิดของเรา…มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียก DIDI ที่นั่น แท็กซี่ธรรมดาต่างก็ขับผ่านสถานีรถไฟไป เราใช้ได้แต่แท็กซี่เถื่อน แต่ก่อนแท็กซี่เถื่อนจะเริ่มดึงตัวผู้โดยสาร แต่ตอนนี้ฉันได้ตั้งทีมคาร์พูลบนรถไฟช่วยให้ฉันประหยัดเงินไปเยอะ นอกจากนี้ฉันยังสามารถทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาที่เรียนที่อื่น ฉันค่อนข้างอิจฉาสมองของนาย ฉันไม่เคยคิดถึงอะไรแบบนี้มาก่อน”


 


ลู่โจวยิ้มแล้วตอบ “ฉันแค่ฝึกทำไปเรื่อย”


 


“เขียนโค้ดทำแอพไปเรื่อยแล้วมีผู้ใช้เป็นแสน ฉันเข้าใจแล้ว พอฉันเอาตัวเองไปเทียบกับอัจฉริยะอย่างนาย ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้เรียนอะไรเลย” เจ้าอ้วนอู๋กล่าว เขาส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ เขาเติมถ้วยชาแล้วยิ้ม “พูดมา นายมาทำไม? เข้าประเด็นเลย”


 


“นายสนใจทำโปรเจ็คนี้ด้วยกันไหม?”


 


“นายอยากให้ฉันเข้าร่วมบริษัท?” เจ้าอ้วนอู๋ถาม เขามองลู่โจวด้วยสีหน้าประหลาดใจ


 


ลู่โจวพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่”


 


เจ้าอ้วนอู๋ไม่ได้ยอมรับทันที กลับกันเขาถาม “ทำไมถึงเป็นฉัน?”


 


“ให้ฉันพูดตรงๆเลย?”


 


เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มแล้วกล่าว “พูดมาเถอะ มีแค่เราสองคน จะอ้อมค้อมไปทำไม?”


 


“อันที่จริงเป็นเพราะฉันไม่มีพลังพอที่จะทำ นอกจากนี้ฉันไม่มีทักษะการจัดการองค์กร นอกจากนี้นายไม่เพียงแต่จะไม่สอบปริญญาโทเท่านั้น นายยังมีประสบการณ์อีกด้วย” ลู่โจวกล่าว เขายิ้ม “แน่นอน สัญชาตญาณของฉันเป็นเหตุผลหลัก”


 


“สัญชาตญาณเป็นเหตุผลหลักของนาย?” เจ้าอ้วนอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะถาม “งั้นบอกแผนนายมา นายอยากให้ฉันทำอะไร?”


 


“พูดง่ายๆก็คือ ฉันอยากขยายโปรเจ็คแคมปัสเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นได้เงินทุนแล้วขายหุ้นสู่สาธารณะหรือขายตัวแอพ มันก็ต้องมีมูลค่ากระดาษที่สวยงามและคงทน ฉันยอมรับว่าธุรกิจไม่เหมาะกับฉัน ฉันชอบวิจัย ดังนั้นฉันต้องหาคนที่มีทักษะการจัดระเบียบองค์กรและประสบการณ์การปกครองที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยฉัน”


 


เจ้าอ้วนอู๋พยักหน้าแล้วกล่าว “งั้นนายอยากจ้างฉันไปบริหารบริษัท?”


 


“ใช่แล้ว” ลู่โจวกล่าวแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “ฉันให้ตัวเลือกนายสองตัวเลือก”


 


“หนึ่งคือหลังจากระดมทุนจากนักลงทุนที่ใจดี ฉันจะแบ่งหุ้นแคมปัสเทรนด์ 5% ของฉันให้นาย พอเราขายบริษัท นายก็จะได้ 5% ของยอดขาย เราเขียนสัญญากันได้”


 


“ส่วนอีกตัวเลือก ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้นาย เดือนละแปดพันบวกโบนัส”


 


ลู่โจวจ้องมองอีกฝ่ายแล้วถาม “นายจะเลือกอันไหน?”


 


เจ้าอ้วนอู๋เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็หลับตาเริ่มคิด


 


ถ้านายหาเงินทุนจากผู้ลงทุนที่ใจดีไม่ได้ งั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงหุ้น 5% ถ้าบริษัทบนอินเตอร์เน็ตไม่ได้รับการช่วยเหลือด้านเงินทุน สุดท้ายก็ต้องตายลง อย่างไรก็ตามถ้านายหานักลงทุนที่ใจดีมาได้ บริษัทก็จะมีมูลค่าอย่างน้อยล้านหยวนและ 5% ของมันก็เป็นเงิน 50,000 หยวนแล้ว


 


ส่วนตัวเลือกที่สอง มันปลอดภัยกว่า 8000 หยวนบวกโบนัส สำหรับนักศึกษาจบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้จบมาจากเอกคณิต เงินเดือนเท่านี้ไม่เลวเลย ไม่ใช่ว่านักศึกษาเอกคณิตทุกคนจะเปลี่ยนความรู้ของตนเองเข้าวอลล์สตรีทได้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีค่ามากแค่ไหน


 


ถ้าฉันเลือกตัวเลือกที่สอง…


 


นั่นคงไม่ใช่ฉัน


 


เจ้าอ้วนอู๋คิดประมาณครึ่งนาที จากนั้นเขาก็ลืมตาแล้วพูด “ฉันเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ฉันไม่อยากทำงานจนตาย ฉันจะเลือกข้อแรก”


 


“ฉันคิดไว้แล้วว่านายจะเลือกข้อนี้” ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาแล้วกล่าว “จากนี้ไป เราเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ”


 


เจ้าอ้วนอู๋จับมือลู่โจวแล้วยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ฉันหวังว่าเราจะร่วมมือกันอย่างมีความสุข!”


 


“ร่วมมือกันอย่างมีความสุข!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม