Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi 91-97
ตอนที่ 91
“เอาหล่ะ, ของฟังรายงานหน่อยซิ”
ท่านพ่อตัดเข้าประเด็น
ท่านพ่อกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยกันกับฟรานซ์, นายกรัฐมนตรี, ที่ยืนอยู่ข้างๆเขา คนที่กำลังเผชิญหน้ากับพวกเขาอยู่มีแค่ฉันกับลีโอ
ลีโอถูกขอให้รายงานที่สภาองคมนตรีในฐานะผู้ตรวจสอบแต่เขากลับขอประชุมเป็นการส่วนตัวกับท่านพ่อเพื่อรายงานแทน
ตอนแรกฉันตั้งใจจะชิ่งแต่ท่านพ่อบอกว่ามันจะเป็นปัญหาเอาได้และให้ฉันอยู่ต่อ บางทีเขาน่าจะอยากถามฉันเรื่องท่านพี่ลีเซกับเยอร์เกนถัดจากนี้
“ครับ ถ้างั้นข้าขอเริ่มรายงานเลยนะครับ พูดโดยสรุปเลยก็คือ, เรื่องที่ประชาชนทางใต้ตกเป็นเหยื่อขององค์กรลักพาตัวนั้นได้รับการยืนยันแล้วครับและน่าจะมีขุนนางทางใต้มาเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ว่านี้ด้วย”
“…..แล้วยังไงต่อ”
“ครับ ศูนย์กลางของปัญหานี้คือชั้นใต้ดินในคฤหาสน์ของลอร์ดเมืองบัสเซา มันถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการสำหรับองค์กรลักพาตัวซึ่งพวกมันเอาไว้ใช้กักขังเด็กกับผู้หญิงที่จับตัวมา ข้าได้ยืนยันเรื่องนี้ผ่านคำให้การจากเด็กที่ช่วยเอาไว้ได้ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าอย่างน้อยเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ที่ปกครองบัสเซาก็เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้”
หลังจากรูที่เชื่อมต่อกับโลกปีศาจถูกปิด, คฤหาสน์ก็ปรากฎขึ้นมาตามเดิมพร้อมกับชั้นใต้ดินของมัน
มันไม่ได้ถูกกลืนเข้าไปแต่น่าจะเป็นถูกแทนที่มากกว่า
และก็ต้องขอบคุณเรื่องนี้, พวกเราจึงได้พบหลายๆอย่างหลังจากที่ทำการสืบค้น
“แล้ว? ซิทเทอร์ไฮม์นั่นอยู่ที่ไหน?”
“เขาตายแล้วครับ จากคำบอกเล่าของอัศวินที่รู้จักเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์, ดูเหมือนว่าร่างของปีศาจที่ซิลเวอร์ต่อสู้ด้วยจริงๆแล้วเป็นร่างของเขาครับ ปีศาจตัวนั้นน่าจะยึดร่างของเขาไปหลังจากที่ตัดหัวทิ้ง”
“…..”
ท่านพ่อมองออกไปข้างนอกอย่างเงียบๆ
เขาน่าจะไม่อยากฟังแต่เขาก็ต้องฟัง
ฉันได้ฟังรายละเอียดจากลีโอมาพอสมควรแต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้ยังมีเบื้องลึกอีกมาก
“องค์ชายลีโอนาร์ด ข้าได้ยินมาว่าคนที่อัญเชิญปีศาจจริงๆแล้วเป็นเด็กที่สามารถหนีมาได้ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนหรอครับ?”
“….พวกเราแกล้งจำลองการตายของพวกเด็กๆแล้วให้ท่านพี่ลีเซส่งพวกเด็กๆไปที่ชายแดนตะวันออกผ่านเส้นทางที่ปลอดภัยครับ ตอนนี้พวกเขาอยู่ภายใต้การคุ้มกันของกองทัพตะวันออก พี่สาวของเด็กที่เป็นต้นตอของเหตุการณ์เองก็อยู่ที่นั่นด้วย แถมพี่สาวคนนั้นยังเป็นนักผจญภัยซึ่งเป็นคนแรกสุดที่เอาเรื่องนี้มาร้องเรียนกับพวกเราด้วยครับ”
ใช่แล้ว, ตอนนี้, ลินเฟียอยู่ที่ชายแดนตะวันออก
เธอไปอยู่ที่นั่นเพื่อดูแลน้องสาวของเธอและพวกเด็กๆที่ถูกช่วยเอาไว้
ตัวเธอรู้สึกเป็นห่วงพวกเด็กๆและลีโอก็ตัดสินใจส่งเธอไปที่นั่นอย่างพอดิบพอดี ดูเหมือนเธอจะบอกว่าซักวันนึงเธอจะกลับมาเข้าร่วมกับพวกเราอย่างแน่นอนแต่เมื่อไหร่นั้นยังไม่อาจตัดสินใจได้
ถึงยังไง, ตัวตนของพวกเด็กๆก็ทำให้เหตุการณ์นี้ซับซ้อนยิ่งขึ้น
“ทำไมถึงจำลองการตายของพวกเขาหล่ะ? เจ้าคิดว่าข้าจะลงโทษเด็กพวกนั้นหรอ?”
ท่านพ่อถามด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยพอใจ
เหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมานั้นเกิดขึ้นจากการที่พวกเด็กๆอัญเชิญปีศาจ พวกเขาเป็นทั้งเหยื่อและตัวการ นี่คือสาเหตุที่ท่านพ่อมีเหตุผลในการลงโทษพวกเขา
อย่างไรก็ตาม, นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ลีโอจำลองการตายของพวกเด็กๆ
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ, มันเป็นเพราะพวกเราเจอเอกสารที่น่าสงสัยบางอย่าง”
จากนั้นลีโอก็ส่งกระดาษแผ่นนึงให้กับฟรานซ์
กระดาษมีคราบแดงคล้ำของเลือดเปื้อนอยู่ มันถูกพบในชั้นใต้ดินดังนั้นมันน่าจะเป็นเลือดของคนที่พยายามจะกำจัดมัน
“นี่มัน……!?”
ท่านพ่ออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจในตอนที่เขาได้รับเอกสารจากฟรานซ์
ในตอนที่เขาแสดงมันให้ฟรานซ์ดู, เขาก็ขมวดคิ้วให้กับเนื้อหาของมันอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ในนี้คือคู่มือ
มันคือวิธีการสร้างอาวุธด้วยการผสานเด็กที่มีพลังแข็งแกร่งกับเด็กที่มีความสามารถในการขยายพลังของคนอื่นเข้าด้วยกัน
มันคือเอกสารที่อธิบายวิธีการพวกนั้น
พูดอีกนัยนึงก็คือ, เหตุการณ์ที่คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นทางใต้นั้นสามารถสร้างเกิดขึ้นใหม่ในประเทศอื่นได้ ด้วยเหตุนี้เองมันจึงสามารถสันนิษฐานได้ว่ามีคนในประเทศนี้ที่คิดแผนการพวกนั้นขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น, ยังมีคำๆนึงที่ปรากฎขึ้นหลายครั้งในเอกสารฉบับนี้ด้วย
“วิธีการแบบนี้….. ‘กองทัพ’คิดจะทำจริงๆหรอ…..?”
“จากเอกสาร, มันบอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่าการทดลองนี้เป็นคำขอจากกองทัพของเรา กองทัพตะวันออกปลอดภัยเนื่องจากท่านพี่เป็นคนคุมอยู่แต่พวกเราไม่สามารถเชื่อใจเจ้าหน้าที่ทหารคนอื่นในเรื่องนี้ได้, นี่คือสาเหตุที่พวกเราตัดสินใจจำลองการตายของพวกเด็กๆเพื่อป้องกันจากการถูกตามล่าและถูกใช้ในฐานะอาวุธครับ โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“ถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดดีแล้ว แต่ว่า, จากเอกสาร, ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นแค่การทดลอง ถ้าสันนิษฐานว่าพวกมันรวบรวมเด็กมาเพราะพวกมันถูกขอให้ทำการทดลองพวกนี้ก็คงไม่ผิดสินะ”
“หากพูดด้วยผลลัพธ์, ก็คงถือว่าสำเร็จครับ ถ้าพวกมันสามารถสร้างเหตุการณ์แบบนี้ในประเทศอื่นได้ก็คงจะเป็นโอกาสบุกรุกที่ดีสำหรับพวกเราแล้ว ปีศาจที่ถูกอัญเชิญมาในเหตุการณ์นี้มีพลังที่น่ากลัวจริงๆ แต่ว่า, เนื่องจากจักรวรรดิมีบ้านผู้กล้าหาญอยู่ด้วย, ดังนั้นคงไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”
ใช่แล้ว นี่คือแผนการบุกรุก
และมันก็ไม่ใช่แค่เพราะท่านพ่อไม่มีความตั้งใจที่จะเริ่มบุกรุกใครเขาก็เลยไม่ได้รับแจ้ง มีคนกำลังเตรียมการบุกในอนาคตของตัวเองและนี่ก็คือการเตรียมการไปสู่สิ่งนั้น
นี่คือสิ่งที่สามารถตีความได้จากเอกสาร
“กอร์ดอนงั้นหรอ……”
“ข้ามีเรื่องอื่นที่อยากรายงานเป็นการส่วนตัวด้วยครับ”
“ยังมีอีกสินะ…..”
“โชคไม่ดี, ในขณะที่กำลังต่อสู้กับมอนส์เตอร์ทางใต้นั้น, ข้าได้ฟังคำสั่งเสียจากอัศวินคนนึงของเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ ถ้าพวกเราเชื่อเรื่องราวของเขา, ดูเหมือนว่าเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์นั้นจริงๆแล้วถูกข่มขู่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการลักพาตัว ซึ่งก่อนที่พวกเราจะไปถึงนั้น, เขาได้ตัดสินใจช่วยเหลือเด็กๆและลุกขึ้นมาต่อกรกับคนลักพาตัวครับ”
“งั้นหรอ…..พูดอีกอย่างก็คือ, องค์กรลักพาตัวมีอำนาจมากพอที่จะคุกคามลอร์ดได้สินะ”
“ครับ มีความเป็นไปได้ว่าจะมีขุนนางที่มีอำนาจคอยหนุนหลังพวกมันอยู่ บางที, ขุนนางทุกคนที่อยู่ทางใต้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
ยิ่งขุดลงไปลึกเท่าไหร่, ความมืดก็ยิ่งเปิดเผยออกมามากขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่าใครที่แปดเปื้อนความมืดนี้จะต้องถูกลงโทษ ถึงยังไง, ถ้าความมืดกระจายมากเกินไป, จักรวรรดิก็อาจจะทนรับไม่ไหวอีกก็ได้
อย่างไรก็ตาม, ถึงแม้ว่าจะไม่อยากปล่อยมันเอาไว้, แต่ก็ต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมในการเปิดเผยความมืดเช่นนี้
“นี่มันชักจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ ไม่ว่าจะเป็นคำขอจากกองทัพให้สร้างอาวุธมนุษย์ผ่านองค์กรลักพาตัวหรือความเป็นไปได้ที่ขุนนางทางใต้จะเกี่ยวข้องด้วย, พวกเราต้องเลือกภัยคุกคามที่พวกเราต้องจัดการก่อน”
“นี่คือเหตุผลที่ข้าอยากฟังการตัดสินใจของฝ่าบาทครับ”
“…..”
ท่านพ่อเงียบไปพักนึงแล้วหันมามองฉัน
ฉันมีความรู้สึกไม่ดีดังนั้นฉันจึงหันซ้ายหันขวาอยู่หลายรอบแต่ท่านพ่อก็ยังยิงคำถามนี้มาให้ฉัน
“เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำยังไงดี? อาร์โนลด์?”
“ทำไมถึงมาถามข้าหล่ะครับ…..”
ฉันถอนหายใจแล้วเริ่มคิด
แต่ไม่ว่าฉันจะคิดยังไง, ฉันก็ยังไม่เจอคำตอบที่เหมาะสม
ถ้าพวกเราเริ่มขุดคุ้ยกองทัพ, พวกเราก็จะขัดแย้งกับกอร์ดอนและถ้าพวกเราเริ่มสืบสวนขุนนางทางใต้, พวกเราก็ต้องรับมือกับซานดร้าอีก
มันจะปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเราถ้าสรุปเหตุการณ์นี้ด้วยความพ่ายแพ้ของปีศาจทางใต้
อย่างไรก็ตาม……
“ท่านไม่อยากฟังคำตอบที่ปลอดภัยสินะครับ?”
“แน่นอน”
“เห้อ…..”
หลังจากถอนหายใจออกมา, ฉันก็ได้ข้อสรุป
อย่างไรก็ตาม, คำตอบนี้มันดีแล้วจริงๆหรอ?
แต่ไม่ว่ายังไง, ฉันก็ต้องตอบออกไปอยู่ดี
“ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเราปล่อยกองทัพไว้ก่อนจะดีกว่าครับ คำขอสร้างอาวุธมนุษย์จากองค์กรลักพาตัวเป็นอาชญากรรมที่อภัยไม่ได้ก็จริงและพวกเราก็ต้องสืบให้ได้ว่าพวกเขาคิดจะเอาอาวุธพวกนี้ไปใช้ทำอะไร แต่ว่ารากเหง้าของปัญหาในครั้งนี้คือขุนนางทางใต้ ถ้าพวกเราจัดการเรื่องนี้อย่างขอไปทีและขุนนางทางใต้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม…..อย่างเลวร้ายที่สุดพวกเราก็อาจจะถูกก่อกบฎได้ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็ต้องจัดการกับกบฎ, ซึ่งพวกเราต้องใช้กองทัพในการปราบปรามพวกเขา การสืบสวนค่อยจัดการหลังจากที่พวกเราทำให้พวกเขาอ่อนแอก็ได้ ถึงยังไงถ้าพวกเราทำกลับกันพวกเราก็อาจจะไม่สามารถตอบโต้กับกบฎทางใต้ได้อย่างเหมาะสมครับ”
“จัดการทั้งคู่ไปพร้อมๆกันสินะ ถ้าทำแบบนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเตรียมมาตรการพิเศษรองรับเอาไว้ พวกเราแค่คอยสังเกตการกระทำของกองทัพและคิดมาตรการที่เหมาะสม ถ้าพวกเขาเริ่มทำอะไรที่เป็นอันตรายพวกเราก็จะสามารถสืบสวนพวกเขาได้แต่ถ้าไม่พวกเราก็สามารถปล่อยพวกเขาเอาไว้จนกว่าจะจัดการอีกปัญหานึงให้เรียบร้อยก่อนได้ ข้าคิดว่าเป็นข้อเสนอที่ดีนะ”
“….ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจเลิกทำตัวเป็นคนไร้ความสามารถแล้วงั้นหรอ?”
ฉันส่ายหัวให้กับคำพูดของท่านพ่อ
ขอโทษนะ, แต่ฉันจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยแกล้งทำตัวไร้ความสามารถกับท่านพ่อด้วย
ฉันก็แค่ไม่กระตือรือร้นเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม, พวกเราไม่สามารถจัดการกับปัญหานี้ด้วยการทำตัวแบบนั้นได้
“ข้าไม่เคยได้ฟังเรื่องสำคัญอะไรข้าก็เลยแค่รับฟังเอาไว้เฉยๆครับ แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้มันหยั่งรากลึกมาก แถม, ลีโอเองก็อาจจะคิดข้อสรุปเดียวกันได้ตั้งนานแล้ว…..แต่ว่า, เขาอาจจะไม่สามารถพูดออกมาได้เมื่อพิจารณาจากสถานะของเขาครับ”
“…..นี่เจ้าคิดว่าข้าจะมองว่าเขากำลังใช้ข้อเสนอของตัวเองเพื่อความได้เปรียบในสงครามผู้สืบทอดหรอ?”
“จะมีคนคิดแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ครับ การที่ข้าพูดนั้นก็ไม่ดีเหมือนกันแต่มันจะแย่ยิ่งกว่าถ้าลีโอพูดออกมาด้วยตัวเอง
ในตอนที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น, ท่านพ่อก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ฟรานซ์เองก็มองเหมือนกับว่ารู้สึกประทับใจอยู่
ในขณะนั้นเองฉันก็สบตากับลีโอ เขาบอกขอบคุณผ่านทางสายตาและฉันก็ยักไหล่เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร
จากนั้น, ท่านพ่อก็สรุปการประชุม
“พวกเราจะปล่อยเรื่องนี้เอาไว้เฉยๆไม่ได้ ลีโอนาร์ด, เจ้าทำการสืบสวนเหตุการณ์ทางใต้ต่อไป พอมีเงื่อนงำให้ตามต่อใช่ไหม?”
“จากคำบอกเล่าของอัศวิน, เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ได้ฝากจดหมายเอาไว้กับคนๆนึงที่ชื่อว่ารีเบคก้า ข้าตั้งใจจะเริ่มตามหาเธอก่อนครับ”
“เข้าใจหล่ะ เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์….เขาทิ้งจดหมายเอาไว้สินะ”
ความจริงที่ว่าเขามีจดหมายฝากฝังเอาไว้กับใครซักคนนั้นก็หมายความว่าเขากำลังมองหาโอกาสกลับตัว
ท่านพ่ออาจจะไม่สามารถยกโทษให้กับสิ่งที่เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ทำลงไปได้แต่เขาเองก็มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นของตัวเองเหมือนกัน
“จะว่าไป, อาร์โนล์ด มีอะไรเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของสองคนนั้นรึเปล่า? มีอะไรคืบหน้าไหม?”
“เอ๊ะ?”
นี่จะคุยเรื่องนี้ตอนนี้เลยหรอ?
ด้วยการเถียงกลับไปแบบนั้นในใจ, ฉันก็บอกเขาว่าทั้งสองคนมีความคืบหน้าอยู่บ้าง
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น, ท่านพ่อก็ขมวดคิ้วอย่างโจ่งแจ้งแล้วเริ่มเทศน์
อ้ากก, สุดท้ายก็จบแบบนี้หรอเนี่ย? ให้ตายเถอะ…..
ในขณะที่เฝ้าภาวนาให้การเทศน์จบไวๆ, ฉันก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ตอนที่ 92
“อย่างนี้นี่เอง, แบบนั้นมันภัยพิบัติชัดๆเลยนะครับ”
“ใช่ไหมหล่ะ? สองคนนั้นรับมือยากมากจนข้าอยากให้ใครซักคนชื่นชมข้าที่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ด้วยถึงแม้ว่ามันจะแค่เล็กน้อยก็เถอะ”
ในขณะที่บทสนทนาเช่นนี้ดำเนินอยู่ในห้องของฉัน, ฉันก็มองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ
แต่ละอย่างนั้นมีรายละเอียดสำคัญเขียนเอาไว้และมีเครื่องหมายสีแดงถูกทำเอาไว้ที่เอกสารแต่ละแผ่นด้วย
ซึ่งสัญลักษณ์พวกนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าเรื่องที่เขียนเอาไว้ในเอกสารได้รับการแก้ไขแล้ว
ในช่วงที่ฉันไม่อยู่, ฟีเน่ได้ทุ่มเทอยากหนักและทำหน้าที่ตรวจสอบพวกมัน เอกสารพวกนี้พูดได้เลยว่าเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของฟีเน่
“รับชาไหมคะ”
“ขอบใจนะ”
ฟีเน่รินชาดำให้ฉันด้วยรอยยิ้มกว้างแล้วเสิร์ฟให้พร้อมกับขนม
นี่คืองานที่เธอไม่ยอมส่งมอบให้เซบาส
เซบาสเองก็ไม่ได้พยายามจะเสนอความช่วยเหลืออีกแล้วและรับชาจากเธออย่างเชื่อฟัง
“หืม? ฟีเน่ ปัญหานี้คลี่คลายไปแล้วหรอ?”
“อ้ะ, หมายถึงคดีปล้นใช่ไหมคะ ขอโทษด้วยค่ะแต่หลังจากสืบสวนมาหลายๆอย่าง, ข้าคิดว่าพวกเราพักคดีนี้ไปก่อนดีกว่า……”
“พักหรอ?”
“เดี๋ยวข้าเป็นคนอธิบายเองครับ”
พอพูดจบ, เซบาสก็จิบชาดำของเขาอย่างสง่างามแล้วเริ่มอธิบาย
สรุปง่ายๆ, มีพ่อค้าส่วนนึงมาหาพวกเราและขอความช่วยให้จัดการกับโจรคนนึง
อย่างไรก็ตาม, พอสืบดูดีๆ, ดูเหมือนว่าพวกพ่อค้าจะเป็นพวกน่าสงสัยที่มีแต่ข่าวเสียๆ
อีกความจริงที่ถูกค้นพบก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่พ่อค้าพวกนี้ถูกปล้น จะมีเงินและของมีค่ากระจายไปให้คนที่เมืองชั้นนอก
ยิ่งไปกว่านั้น, จากข้อมูลที่เห็น, ดูเหมือนโจรจะมีลักษณะเหมือนเด็ก อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนแม้กระทั่งการ์ดเมืองกับทหารจากกองรักษาการเมืองหลวงก็จับโจรไม่ได้
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเหตุผลที่พวกเขามาหาขุมอำนาจของลีโอเพื่อขอความช่วยเหลือโดยแลกกับสัญญาว่าจะร่วมมือกับพวกเรา”
“โจรที่สามารถหลบเลี่ยงการ์ดเมืองและทหารรักษาการณ์เมืองหลวงได้ จะให้จับโจรแบบนี้คงต้องใช้กำลังคนเยอะอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ, แถมถ้าเราจับเขาความไม่พอใจของผู้คนจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเหตุนี้เอง, ข้าก็เลยแนะนำให้ท่านฟีเน่เลื่อนการเคลื่อนไหวของเราไปก่อน”
“เข้าใจหล่ะ ดูเหมือนจะเป็นคนที่น่าสนใจอยู่นะ”
กองรักษาการณ์เมืองหลวงกับการ์ดเมืองนั้นไม่ใช่พวกเพิกเฉยต่อหน้าที่
ต่อให้เหยื่อเป็นพ่อค้าที่ชั่วร้าย, พวกเขาก็จะไม่ปล่อยคดีแบบนี้ไป มันเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่สำหรับโจรที่สามารถหนีการตามจับอย่างจริงจังของพวกเขาด้วย
“เป็นนักฆ่ารึเปล่า?”
“ข้าว่าไม่น่าใช่ครับ ตัดสินจากสภาพของที่เกิดเหตุและคำให้การของพยานแล้ว, กลไกการทำงานของโจรนั้นค่อนข้างบุ่มบ่าม ข้าคิดว่าไม่น่าใช่ผลงานของคนที่ถูกฝึกเป็นนักฆ่าหรอกครับ น่าจะเป็น,”
“นักผจญภัยสินะ?”
“ครับ พิจารณาจากวิธีการที่หยาบๆและบุ่มบ่ามแล้ว, ข้าเชื่อว่าน่าจะเป็นผลงานของนักผจญภัยแรงค์สูง”
อย่างไรก็ตาม, ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีนักผจญภัยแรงค์สูงคนไหนที่ดูเหมือนเด็กเลย
แต่, ความจริงที่ว่าโจรสามารถหลบเลี่ยงกองทหารรักษาการณ์ของเมืองหลวงและการ์ดเมืองได้ก็ยังคงอยู่
“ลีโอจะตามหาผู้หญิงที่ชื่อว่ารีเบคก้าที่มีความสัมพันธ์กับเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ ทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับเธอก็คือเป็นอัศวินหญิงที่อยู่ช่วงวัยรุ่นกลางๆ”
“ชื่อรีเบคก้าก็ใช้กันเยอะอยู่ นี่คงจะไม่ใช่งานง่ายๆนะครับ”
“นั่นสินะ ที่เป็นปัญหายิ่งกว่าก็คือ, พวกเราไม่สามารถใช้วิธีการที่โจ่งแจ้งในการตามหาเธอได้ พวกเราจะยอมให้ขุมอำนาจอื่นรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่ว่า, ถ้าขนาดขององค์กรลักพาตัวใหญ่เท่ากับที่พวกเราคิดไว้ตอนนี้พวกมันก็น่าจะตามล่าเธออยู่”
“นั่นสินะครับ, พวกนั้นคงรู้ว่าลอร์ดบัสเซาตัดสินใจขัดขืนพวกเขาเพราะพวกนั้นคงจะมีหูมีตาอยู่ทุกที่”
ถ้าพวกเขาได้รับรายงานว่าหนึ่งในอัศวินที่ไว้ใจของลอร์ดออกไปจากบัสเซา, พวกเขาจะต้องตามล่าเธอแน่ๆ
ถึงยังไงวัตถุประสงค์ของเธอก็มองออกง่ายๆอยู่แล้ว
“เป้าหมายของเธอคือการเข้าหาจักรพรรดิอย่างแน่นอน เธอพกจดหมายเอาไว้กับตัวซึ่งน่าจะเป็นจดหมายสารภาพของลอร์ด ถ้ามันไปถึงมือของท่านพ่อการกระทำผิดของขุนนางทางใต้ก็จะถูกเปิดเผย พวกเราต้องหาตัวรีเบคก้าคนนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ในการที่จะทำแบบนั้นพวกเราจำเป็นต้องเกณฑ์คนเพิ่ม, ถูกไหมครับ?”
“ใช่ ครั้งนี้ลินเฟียไม่ได้อยู่กับพวกเราและข้าก็อยากได้คนที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ถ้าเป็นไปได้, คงจะดีที่สุดถ้าพวกเรามีใครซักคนที่มีพลังพอที่จะจัดการกับนักฆ่าได้หรือไม่ก็ขอเป็นนักฆ่าที่สามารถทำงานให้พวกเราจากเงามืดได้”
“ไม่คิดว่าความต้องการมันมากเกินไปหน่อยหรอครับ”
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้สำเร็จพวกเราก็ต้องใช้คนที่มีความสามารถประมาณนั้น ไม่มีวิธีไหนแล้วที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับขุมอำนาจของเราได้ดีกว่าวิธีนี้”
“แต่พวกเราจะไปเกณฑ์คนแบบนั้นได้ยังไงหล่ะคะ?”
พอได้ฟังคำถามของฟีเน่, ฉันก็ชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
“พวกเรารู้จักคนที่ตรงคุณสมบัติอยู่แล้วแถมยังว่างอยู่ด้วยนะ”
พอพูดจบ, ฉันก็ออกเดินทางในทันที
“ให้ตายเถอะ……เจ้าดึงข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ในวันที่การกักบริเวณถูกยกเลิกพอดีเลยเนี่ยนะ…..?”
เอลน่าบ่นภายใต้ฮู้ดคลุมหน้าของเธอ
ด้วยการขอร้องจากท่านพี่, ลีโอ, และเยอร์เกน การกักบริเวณของเอลน่าจึงถูกยกเลิก อย่างไรก็ตาม, เธอยังไม่สามารถกลับเข้าภาคีอัศวินหลวงได้ หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, ในเมื่อไม่มีหน้าที่ให้ปฏิบัติ, ตอนนี้เอลน่าจึงว่างอยู่
“ขอโทษนะ, แต่พวกเรามีกำลังคนไม่พอจริงๆ ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนที่มีความสามารถอยู่เฉยๆได้หรอก”
“แต่, ให้ข้ามาคุ้มกันสินค้าของพ่อค้านิสัยไม่ดีเนี่ยนะ……”
“ไม่ต้องห่วงหน่า พวกเราจะกำจัดเขาในตอนที่เสร็จเรื่องนี้แล้ว”
“จริงนะ?”
“เซบาสน่าจะแอบลักลอบเข้าไปในออฟฟิศของพวกเขาแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะคว้าหลักฐานบางอย่างได้แล้วส่งมอบให้การ์ดเมืองไปแล้วหล่ะ
“ถ้าแบบนั้นก็โอเค”
เอลน่ามองเกวียนด้วยสีหน้าโล่งอก
ตอนนี้พวกเรากำลังขนย้ายสินค้าของพ่อค้านิสัยไม่ดีที่ว่าอยู่ ตอนนี้สินค้าได้รับการคุ้มกันจากเอลน่าพร้อมด้วยคนคุ้มกันอื่นๆจากขุมอำนาจของพวกเรา ตอนแรกพ่อค้าเสนอที่จะส่งคนของพวกเขามาด้วยแต่พวกเราก็บอกไปว่ามันไม่จำเป็น
ถึงยังไงมันก็คงจะเป็นปัญหาเอาได้ถ้าพวกเขาอยู่กับพวกเรา ถ้าพวกเขาเป็นหนึ่งในพ่อค้ารายใหญ่ของเมืองหลวงจักรวรรดิพวกเขาก็คงจะยืนกรานที่จะส่งคนของตัวเองมาด้วยแต่ครั้งนี้พวกเรากำลังจัดการกับพ่อค้าชั้นกลาง
พวกเขาฝากสินค้าของพวกเขาเอาไว้กับพวกเราอย่างเชื่อฟังเนื่องจากพวกเขาโดนปล้นหนักมากและบริษัทของพวกเขาก็ไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างปกติอีกต่อไป
แต่ก็นะ, ดูเหมือนว่าพ่อค้าพวกนี้จะได้รับของผ่านวิธีการสกปรกบางอย่างดังนั้นพวกเขาจึงโทษอะไรไม่ได้นอกจากตัวเอง
ฉันแกล้งทำตัวเป็นพ่อค้าแล้วยืนอยู่เกวียนหน้าสุด
“เอาหล่ะ…..ออกเดินทางได้! ฟังให้ดีนะ, เจ้าพวกโง่! ห้ามปล่อยให้สินค้าของข้าถูกขโมยหล่ะ! จงปกป้องสินค้าของข้าด้วยชีวิตของพวกเจ้า! ของพวกนี้มีค่ายิ่งกว่าชีวิตที่ต่ำต้อยของพวกเจ้าอีกรู้เอาไว้ซะด้วย!”
ในขณะที่แกล้งทำตัวเป็นพ่อค้านิสัยไม่ดี, พวกเราก็เดินทางไปตามถนนเวลากลางคืนของเมืองหลวงจักรวรรดิ
พวกเราขนของพวกนี้มาจากคลังไปที่ร้านค้าแต่การโจมตีน่าจะมาในระหว่างการขนย้าย
พวกเขาสามารถทำการเคลื่อนย้ายสินค้าในช่วงกลางวันได้แต่ดูเหมือนว่าจะมีสินค้าบางตัวที่เสี่ยงเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายเวลากลางวันด้วย
ด้วยเหตุผลนี้เอง, พวกเราจึงดำเนินการที่เมืองหลวงจักรวรรดิในช่วงเวลากลางคืน
“ตั้งสติให้ดีหน่อย! อย่าแม้แต่คิดที่จะแอบงีบเชียวหล่ะ! ไม่อยากได้ค่าจ้างแล้วรึไง!?”
“เห้อ…..จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆหรอ?”
“มันทำให้ข้าดูเหมือนคนนิสัยไม่ดีใช่ไหมหล่ะ?”
“อา, ถ้าข้าไม่รู้จักเจ้าอาจจะหลงเชื่อจริงๆก็ได้”
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของเอลน่าอย่างพึงพอใจ
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วหล่ะ
ถึงยังไงถ้าโจรรู้สึกผิดสังเกตเขาก็อาจจะไม่ยอมปรากฎตัวก็ได้
ในขณะที่ฉันกำลังคิดเช่นนี้, คนคุ้มกันสองคนที่เดินนำหน้าพวกเราก็ล้มฟุบลงไปอย่างกระทันหัน
“มาจนได้สินะ”
“เป็นพ่อค้าหนุ่มหรอเนี่ย? เจ้าหนู, ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ทิ้งของของเจ้าแล้วรีบเผ่นไปซะ”
พอพูดจบ, ชายตัวเล็กที่สวมฮูดคลุมก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับหอก อย่างไรก็ตาม, สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่นั้นมีแค่น้ำเสียงของเขา
ส่วนสูงของเขาน่าจะแค่ประมาณ 100 เซนติเมตรเท่านั้น หอกในมือของเขายังสูงกว่าเขาอีก
ถ้าฉันมองแค่ร่างกายอย่างเดียวเขาก็คงดูเหมือนเด็กจริงๆแต่น้ำเสียงของเขานั้นแก่กว่าฉันมาก อะไรกันเนี่ย? ความรู้สึกแปลกๆนี่มัน
“เจ้าคือโจรที่คอยทำลายธุรกิจของข้าในช่วงนี้สินะ?”
“สินค้าของเจ้าหรอ ล้อเล่นรึไง? โจรในที่นี้ก็คือเจ้าต่างหากหล่ะ ข้าแค่เอาของที่เป็นของข้ากลับคืนมาเท่านั้น”
“ข้ารับของพวกนี้มาอย่างถูกกฏหมายนะ”
“หรอ ถ้างั้นก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว ตอนนี้ข้าจะชิงของพวกนี้มาจากเจ้า!”
จากนั้นชายคนนั้นก็กระโดดเข้าใส่ฉัน
ซึ่งเอลน่าก็พุ่งเข้ามาปกป้องฉันแล้วป้องกันการโจมตีที่คมกริบของชายคนนั้นเอาไว้ได้
“หืม? รับหอกของข้าได้ด้วยหรอเนี่ย ฝีมือไม่เบาเลยไม่ใช่รึไง?”
“ข้าเองก็ไม่ได้รับการโจมตีที่คมกริบแบบนี้มาตั้งนานแล้วเหมือนกัน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถสูสีกับท่านลีเซล็อตต์ได้แต่ดูเหมือนข้าจะได้ลบล้างความเสียใจกับเจ้าที่นี่แทนสินะ”
พอพูดจบ, เอลน่าก็กระหน่ำโจมตีแล้วกดดันชายคนนั้นกลับไป
คนคุ้มกันคนอื่นๆเองก็พยายามที่จะเคลื่อนไหวแต่เอลน่าก็ห้ามพวกเขาเอาไว้
“ไม่ต้องเข้ามา! มาก็มีแต่จะขวางมือขวางเท้าเปล่าๆ!”
“เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งใช้ได้เลยนี่ ชักถูกใจแล้วสิ ถึงยังไงถ้ามีแต่แมลงเม่าก็คงจะทำลายความสนุกกันซะเปล่าๆ”
พอพูดจบ, ชายคนนั้นก็ตั้งหอกขึ้น
จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าออมมือไม่ได้แล้วนะเพราะฉะนั้นอย่าพลาดตายไปซะหล่ะ”
“นั่นมันคำพูดของข้าต่างหาก ถ้าเกิดเจ้ามาตายที่นี่มันจะมีปัญหากับข้าเอาได้เพราะฉะนั้นพยายามรักษาชีวิตเอาไว้ให้ดีหล่ะ”
“เหอะ…..ช่างโง่จริงๆ!!”
ด้วยสัญญาณนี้เอง, การประลองความเร็วก็เริ่มขึ้น
แรงลมจากการปะทะกันแต่ละครั้งได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารที่อยู่รอบๆ นี่เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เอลน่าต้องเอาจริงเลยหรอ? หมอนี่เป็นใครกันแน่เนี่ย?
ชายคนนี้กลบจุดด้อยเรื่องระยะโจมตีที่สั้นของเขาด้วยหอกและกระหน่ำโจมตีใส่เอลน่าอย่างงดงาม นี่เขาเป็นคนแคระหรืออะไรแบบนั้นรึเปล่า? ไม่สิ, เขาตัวเล็กเกินไป
ในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่, เอลน่าก็แทงหอกใส่ชายคนนั้น
ซึ่งเขาก็เอี้ยวตัวหลบมันได้หลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามาหาฉันอย่างกระทันหัน
“ขอโทษนะแม่หนู, แต่นี่มันไม่ใช่การดวล! ย้ากก!!”
ในขณะที่ตะโกนออกมาแบบนั้น, หอกของชายคนนั้นก็พุ่งตรงมาหาฉัน
อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าเอลน่าจะคาดเอาไว้แล้วและเตะตัดขาชายคนนั้นด้วยการเตะกวาด
“อ่อนหัด!”
“อะไรกัน!?”
เอลน่าโจมตีเขาที่เสียการทรงตัวแต่เขาก็สามารถใช้หอกรับการโจมตีของเธอเอาไว้ได้แล้วถูกซัดกระเด็นไปไกล
ชายคนนั้นถูกซัดกระเด็นเข้าไปในกองฟางที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เยี่ยมมาก”
“ไม่ใช่ นี่มันแปลกๆนะ”
“แปลกหรอ?”
“คิดจะดูถูกข้ารึไง ต่อสู้กับข้าทั้งๆที่ยืนอยู่บนของแบบนั้นเนี่ยนะ”
พอมองไปที่เขา, ฉันก็เห็นแท่งไม้สองแท่งกลิ้งออกมาจากชายคนนั้น
อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่บนไม้พวกนั้นตลอดการต่อสู้? แถมยังรับมือกับเอลน่าได้ด้วยนี่นะ?
ไม่หน่า, ถ้าเอาไม้พวกนี้ออกไปแล้ว, เขาไม่ยิ่งตัวเตี้ยลงไปอีกรึไง?
ในตอนที่คำถามพวกนี้ผุดขึ้นมาในหัว, ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นมาจากกองฟาง
อย่างไรก็ตาม, รูปลักษณ์ของเขานั้นห่างไกลจากสิ่งที่ฉันจินตนาการเอาไว้จริงๆ
“เล่นกันซะหนักเลยนะ, แม่หนู”
“……”
“…..”
“หืม? อะไร?”
เจ้าตัวน่าจะยังไม่รู้ตัว
ตอนนี้ฮู้ดคลุมของเขาเลื่อนลงมาแล้วและแท่งไม้ที่เขายืนอยู่ก็ไม่มีดังนั้นตัวตนที่แท้จริงของเขาจึงถูกเปิดเผย
ซึ่งตัวตนของเขาก็คือ,
“ลูกหมีหรอ?”
“เหวอ!? ซวยแล้ว!?”
แม้ว่าการพูดของเขาจะปกติ, แต่รูปลักษณ์ของเขาก็คือหมีตัวเล็กๆนั่นเอง
ขนปุยๆสีน้ำตาล, ดวงตาสีดำ, รูปลักษณ์ของเขาดูไม่ต่างจากหมีตัวนึงเลย
ชายคนนั้นสวมฮู้ดกลับไปแต่มันก็สายเกินไปแล้ว
มันดูบ้าบอมาตั้งแต่แรกแล้วที่มีคนยืนบนขาเสริมในขณะที่เอาฮู้ดคลุมหน้าตัวเองเอาไว้ ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเขาไม่เหลือความคุกคามอยู่เลย
“ชิ! ช่วยไม่ได้นะ! วันนี้ข้าจะยอมปล่อยไปก็แล้วกัน!”
“อ้ะ! กลับมานี่นะ!”
“อย่าไปไล่เขา”
เอลน่าดูไม่พอใจในตอนที่ฉันห้ามเธอ
ดูเหมือนว่าเอลน่าอยากจะล้างตากับเขาแต่เธอก็ยอมหยุดเนื่องจากเธอเข้าใจดีว่าเราบรรลุจุดประสงค์แล้ว
มันน่าตกใจก็จริงแต่พวกเรารู้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็คือการตามหาเขา
จากการเคลื่อนไหวของเขาที่จะแจกจ่ายของที่ขโมยมากับเงินไปยังเมืองชั้นนอก, พวกเราจึงรู้พื้นที่ปฏิบัติการของเขา
“ตอนนี้กลับกันก่อนเถอะ แล้วก็เอาตัวคนที่หมดสติไปไว้บนเกวียน”
ฉันออกคำสั่ง
ด้วยความไม่พอใจที่ยังค้างคาอยู่, เอลน่าจ้องมาที่ฉันแล้วหันไปมองตรงทิศที่ชายคนนั้นหายตัวไป
ดูเหมือนการปะทะในครั้งนี้จะจุดไฟในฐานะนักรบของเธอเข้าแล้วสินะ
“ถ้าจับเขาได้ต้องให้ข้าล้างตากับเขานะ”
“นั่นมันขึ้นอยู่กับเขาไม่ใช่รึไง”
ในขณะที่คุยกันเรื่องนี้, พวกเราก็เริ่มออกเดินทางกลับผ่านถนนยามค่ำคืนของเมืองหลวง
ตอนที่ 93
ที่เมืองชั้นนอกสุดของเมืองหลวงจักรวรรดิ
ฉันมาเยี่ยมที่โรงฝึกของไกด้วยกันกับฟีเน่
“ไง, ไก”
“อ้าว, อัล ท่านฟีเน่ด้วย, เข้ามาเลยครับ! เชิญเข้ามาเลย!”
การดูแลให้การต้อนรับของเขานั้นผิดปกติมากจนแก้มของฉันกระตูกในขณะที่เดินเข้าไปข้างในโรงฝึก
วันนี้ไม่มีเด็กอยู่ข้างในโรงฝึกเลย
“วันหยยุดหรอ?”
“เฮ้อ, ก่อนหน้านี้ข้าได้สอนเด็กไปไม่กี่คนแต่พวกเขาเลิกไปตั้งแต่ช่วงสายๆแล้ว”
“ทำไมหล่ะ?”
“ช่วงนี้, มีคนเล่นเป็นโจรใจบุญแล้วเอาของมาแจกเยอะแยะ ก็นะ, มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกแต่ตอนนี้มีคนไม่ดีกำลังมองหาโจรคนนั้นอยู่หน่ะสิข้าก็เลยให้พวกเด็กๆรีบกลับบ้าน ถึงยังไงข้างนอกมันก็อันตรายหล่ะนะ”
“เข้าใจหล่ะ ถ้าแบบนั้นก็ไม่เป็นไร พวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาโจรใจบุญที่ว่าเนี่ยแหล่ะ พอมีเบาะแสไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“ไม่อะ, ไม่มีเลย”
ไกพูดในขณะที่หลบตา
เขารู้อะไรบางอย่างจริงๆสินะ
ด้วยการถอยหายใจออกมาเบาๆ, ฉันก็เล่าแผนการลับของเราให้ไกฟัง
“เมื่อคืนเซบาสไปเอาหลักฐานการกระทำผิดจากพวกพ่อค้านิสัยไม่ดีมาได้และพวกเราก็ได้ส่งมันให้กับการ์ดเมืองแล้ว พวกนั้นจะถูกจับกุมในเร็วๆนี้แต่คนต่อไปก็คือตาของโจรคนนั้น การขโมยยังไงก็เป็นการขโมยอยู่ดีไม่ว่าจะขโมยมาจากใครก็ตาม ถ้าเขาไม่มีคนคุ้มครองหล่ะก็เขาโดนจับแน่ๆ”
“…..เจ้าไม่ได้จะมาจับเขาใช่ไหม?”
“ข้าดูเป็นคนซื่อตรงขนาดนั้นเลยรึไง?”
“ก็นะ, ไม่เลยซักนิด”
ในตอนที่พูดออกมาแบบนั้นไกก็ยื่นมือออกมาแล้วนั่งลงในท่าขัดสมาท
จากนั้นหลังจากที่พึมพำอะไรบางอย่างอยู่ซักพัก, เขาก็หันมามองฉัน
“ในช่วงที่เจ้ากับลีโออยู่นอกเมืองหลวงจักรวรรดิ, พวกพ่อค้าขี้โกงก็เริ่มรังแกชาวเมืองชั้นนอกสุด, แล้วขโมยของต่างๆไปมากมาย พวกมันน่าจะมีความคิดที่จะชิงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในระหว่างที่พ่อค้ารายใหญ่ทุกคนกำลังแข่งขันกันในสงครามผู้สืบทอด เพราะแบบนี้แหล่ะโจรผู้นี้ก็เลยไม่เลือกวิธีการแล้วจัดการกับเจ้าพวกนั้นเพื่อเอาของและเงินทั้งหมดที่พรากไปจากพวกเรากลับคืนมา สำหรับชาวเมืองชั้นนอกสุด, เขาก็คือผู้กล้านั่นแหล่ะ”
“ข้าเข้าใจ พวกเราไม่ได้คิดจะทำอะไรไม่ดีกับเขาหรอก”
“ท่านอัลแค่มีเรื่องที่อยากจะให้คนๆนั้นช่วยหน่ะค่ะ ช่วยบอกพวกเราเถอะนะคะว่าจะไปเจอเขาได้ที่ไหน พ่อจะรู้อะไรบ้างไหมคะ?”
“……ข้าก็ไม่รู้ละเอียดหรอกแต่มีที่นึงที่น่าจะเป็นไปได้”
“ที่ไหน?”
“มันมีบ้านร้างอยู่หลังนึง, ช่วงนี้พวกเด็กๆเริ่มเอาอาหารไปให้ที่นั่น”
“งั้นหรอ ช่วยพาข้าไปที่บ้านหลังนั้นได้ไหม?”
“ก็ได้อยู่หรอกแต่ชาวเมืองชั้นนอกสุดกำลังปกป้องเขาอยู่ ถ้าไม่ระวังให้ดีคนที่นี่อาจจะก่อม็อบก็ได้นะ, รู้อยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก”
ในขณะที่พูด, ฉันก็มองฟีเน่
เมื่อเห็นแบบนี้, ฟีเน่ก็พยักหน้าตอบอย่างกระตือรือร้น
ไกที่ไม่เข้าใจว่าพวกเราจะทำอะไรนั่งอึ้งแต่พวกเราก็ไม่ได้บอกอะไร
“ทุกคนคะ! พวกเราเอามาเยอะเพราะฉะนั้นไม่ต้องเบียดกันเข้ามานะคะ!!”
ฟีเน่พูดในขณะที่ยืนอยู่ข้างหน้าชาวเมืองชั้นนอกสุดด้วยชุดผ้ากันเปื้อน
มีพนักงานกับการ์ดของบริษัทอะจินยืนล้อมรอบเธอ แล้วก็มีอัศวินจำนวนนึงคอยยืนคุ้มกันอยู่ใกล้ๆด้วย
“เจ้าแจกจ่ายอาหารเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนสินะ แล้วก็ทำได้สำเร็จด้วยการใช้เจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินด้วย”
“ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้หรอก”
“หืม? จะจริงรึ?”
“นี่เป็นการชดเชยให้พวกเขา พวกพ่อค้าขี้โกงได้ทำการลักขโมยและคุกคามคนจนของเมืองหลวงจักรวรรดิ, ด้วยการพรากงานและของมีค่าไปจากพวกเขา ตอนนี้พวกเรารู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว, พวกเราก็เลยตั้งใจจะชดเชยให้พวกเขา”
“ไม่ใช่ประเทศชดเชยแต่เป็นพวกเจ้าไม่ใช่รึไง?”
“วางใจเถอะหน่า บริษัทไอจินเป็นคนออกเงินทั้งหมด นี่ถือเป็นการโฆษณาสำหรับพวกเขาและมันก็ยังช่วยเผยแผ่ความใจดีของลีโอด้วย มันเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เอาจริงๆ, ถ้าเจ้าจะเอาเรื่องแบบนี้ไปปรึกษาที่ปราสาทก็ได้นะแต่มันคงต้องใช้เวลาก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนไหวได้”
“อย่างนี้นี่เอง ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายสินะ”
ในตอนที่พูดออกมาเช่นนี้, ฉันกับไกก็มุ่งหน้าไปที่บ้านร้าง, ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ในวันนี้ของพวกเรา
หลังจากที่เดินไปได้ซักพัก, บ้านไม้โทรมๆก็เข้ามาในทัศนวิสัย
“ข้าจะเข้าไปก่อน”
“ระวังด้วยหล่ะ เขาเป็นคนที่สู้กับเอลน่าได้อย่างสูสีเชียวนะ ไม่สิช่างมันเถอะ, ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเริ่มการต่อสู้กับเขาซักหน่อย”
เพื่อไม่ให้ทำให้เขาตื่นตระหนก, ที่นี่จึงมีแค่ฉันกับไก
เอลน่าคงบอกว่าข้าเตรียมการมาดีแล้วแต่ถ้าพวกเราทำให้เขาระวังพวกเราขึ้นมาทุกอย่างก็อาจจะสูญเปล่าได้
ยิ่งไปกว่านั้น, ฉันมั่นใจว่าพวกเราจะไม่เป็นอะไร
“ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่นะ”
“ไม่อยู่หรอ?”
พอได้ยินไก, ฉันก็เข้ามาในบ้าน
ที่แห่งนี้ดูเหมือนมีคนอาศัยอยู่จริงๆและมันก็ไม่ผิดที่จะบอกว่าไม่มีคนอยู่ที่นี่ เพราะที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ใช่มนุษย์มาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ว่า, อย่างไรก็ตาม
“……”
“…….”
มีตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆนั่งอยู่บนชั้นวางของ
ขนสีน้ำตาลและดวงตากลมโต, ไม่ว่าจะมองยังไง, นี่ก็ดูเหมือนตุ๊กตาสัตว์จริงๆ
อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เมื่อวานนี้สามารถเป็นไปได้ในวันนี้
ฉันเริ่มพูดคุยกับโจร
“โดนจับได้เต็มๆเลยนะเลิกทำแบบนี้เถอะ”
“…….”
“หืม? นี่เจ้าคิดจะแกล้งทำตัวเป็นตุ๊กตาหมีไปเรื่อยๆจริงหรอ?”
“น, นี่……..อัล เจ้าไม่เป็นไรนะ? ไหงจู่ๆถึงไปเริ่มคุยกับตุ๊กตาแบบนั้น”
ด้วยเหตุผลบางประการ, ไกมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ
ถ้าเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ก็แสดงว่าเจ้าบ้านี่โง่ใช้ได้เลยหล่ะ
“ช่วยเงียบซักพักนึงได้ไหม?”
“เอ๊ะ? อา, ได้…..เจ้าแค่อยากคุยกับมันใช่ไหม……”
นี่เขากำลังเข้าใจผิดอยู่ใช่ไหม? เอาเถอะ, เอาที่สบายใจแล้วกัน ถึงยังไงตอนฉันรู้ฉันก็รู้สึกประหลาดใจจริงๆ
ฉันมองไปรอบๆห้อง ถ้าเจ้านี่คิดจะแกล้งทำตัวเป็นตุ๊กตาฉันก็มีวิธีจัดการอยู่เหมือนกัน
“ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่สินะ น่าเสียดายข้าว่าข้าขอกินของพวกนี้แทนเจ้าก็แล้วกัน”
ฉันคว้าขนมปังชิ้นนึงที่อยู่ทางซ้ายของโต๊ะแล้วกัดมันโชว์ต่อหน้าเขา
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ขนมปังคุณภาพสูง, แต่การกินให้คนอื่นดูก็ยังคงทำให้มันดูน่าอร่อยมาก
ฉันรู้สึกว่าสีหน้าของหมีตัวเล็กๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่เขาโกรธกับเรื่องแค่นี้หรอเนี่ย เอาเถอะ, กดดันเขาอีกซักหน่อยแล้วกัน
“มาแนะนำตัวกันซักหน่อยไหม ข้าชื่ออัล อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ เจ้าชายลำดับแปดของประเทศนี้ ข้าแกล้งปลอมตัวเป็นเหยื่อล่อเพื่อจับเจ้าเมื่อวาน”
“อ, อัล…..เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ?”
“น่ารำคาญจริง, เงียบไปก่อนเถอะหน่า”
“……ก็ได้ ถึงยังไงการแนะนำตัวก็ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรื่องแบบนี้จริงๆหล่ะนะ”
ไกมองมาที่ฉัน, สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสาร
ไอ้หมอนี่, จริงๆเลย…..
ฉันเกือบจะเอาอาหารมากินโชว์ต่อหน้าไกแทนแต่น่าเสียดาย, เป้าหมายของฉันในตอนนี้ไม่ใช่เขา
ฉันหันกลับไปมองเจ้าหมีต่อ
“คนไม่ดีที่เจ้าจัดการด้วยได้ถูกจับกุมแล้ว ถ้าสืบสวนเรื่องนี้ต่อไปอีกรายถัดไปก็คือเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะขโมยมาจากใคร, แต่ขโมยก็ยังถือว่าเป็นขโมยวันยังค่ำ หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ, ข้ามาที่นี่เพื่อเชื้อเชิญเจ้า มาร่วมมือกับข้าสิ ถ้าทำแบบนั้นเจ้าจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้า
“อ๋อ,เข้าใจหล่ะ เจ้ากำลังฝึกสิ่งที่จะเอามาพูดกับโจรคนนั้นสินะ ขอโทษที, ข้าคิดว่าเจ้าเพี้ยนไปแล้วก็เลยเริ่มรู้สึกสงสารเจ้า”
“เงียบเถอะหน่า ข้ากำลังพูดกับเจ้านี่อยู่”
“ขอโทษที…..อืม, ขอโทษจริงๆนะ…..”
ฉันไม่สนใจไกที่กำลังมองฉันราวกับว่าฉันหมดทางเยียวยาแล้วและพุ่งความสนใจไปที่หมี
คนๆนี้เป็นคนที่บุกโจมตีพวกเราเมื่อวานนี้อย่างไม่ต้องสงสัย มันคงจะยอดเยี่ยมไปเลยถ้าเขาสนใจข้อเสนอของฉันแต่มันยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากเขาเลย
ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีกึ่งมนุษย์ที่ดูเหมือนหมีพูดได้มาก่อนดังนั้นต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังรูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้แน่ และอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาระวังตัวถึงขนาดนี้ด้วย
ฉันต้องหาวิธีซื้อใจเขาให้ได้สินะ
แล้วฉันควรจะทำยังไงดีหล่ะ? ฉันจะทำให้เขายอมเปิดใจกับฉันได้ยังไง?
ในขณะที่กำลังคิดหาวิธีอย่างหนัก, ประตูก็เปิดออก
จากนั้น, ฟีเน่ก็โผล่มา
“ท่านอัล, ท่านไก คุณโจรอยู่ที่นี่ไหมคะ?”
“ไม่อะ, ดูเหมือนตอนนี้เขาจะไม่อยู่นะ”
ฉันถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปช่วงสั้นๆในระหว่างที่ฟีเน่กับไกกำลังพูดคุยกัน
และในตอนที่ฉันหันกลับมามองเจ้าหมีนั้นเอง, เขาก็หายไปจากชั้นวางแล้ว
ซวยหล่ะ!? เขาฉวยโอกาสหนีในตอนที่ฟีเน่เปิดประตู!!
ฉันคิดแบบนั้น, แต่ในตอนที่ฉันหันไปมองฟีเน่
ก็มีภาพที่คาดไม่ถึงอยู่ตรงนั้น
“สวัสดีครับ, คุณผู้หญิงผู้เลอโฉม……การที่เราได้มาพบกันวันนี้ต้องเป็นเพราะโชคชะตาแน่ๆ ช่วยบอกชื่อของท่านให้ข้าทราบจะได้ไหมครับ?”
“อ้ะ, เป็นคุณหมีที่น่ารักจังเลย ข้าชื่อฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ค่ะ”
ฟีเน่บอกชื่อของเธอด้วยรอยยิ้มสดใส
แต่ปฏิกิริยาแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ?
หรือว่าปกติแล้ว,
“ม, หมีพึ่งจะพูดออกมาอย่างงั้นหรอ!?”
“ข้าก็บอกแล้ว เจ้านี่แหล่ะโจรที่ว่า”
“เป็นเรื่องจริงหรอเนี่ย…..ขอโทษนะ, ข้ากำลังคิดจะไปปรึกษากับลีโออยู่เลยว่าพวกเราจะทำอะไรเพื่อเจ้าได้บ้างไหม”
“เจ้านี่จริงๆเลย……เอาเถอะ ตอนนี้ข้ามีธุระกับเจ้านี่”
“แล้วท่านชื่ออะไรคะ?”
“ข้ามีชื่อว่าซิกมันด์ ไอส์เลอร์ เพื่อของข้าเรียกกันว่าซิก เพราะฉะนั้นโปรดเรียกข้าว่าซิกเถอะนะครับ, ท่านฟีเน่”
หลังจากได้ฟังชื่อของเขา, สีหน้าของฉันกับไกก็เปลี่ยนไป
พวกเราสองคนมองหน้ากัน การที่พวกเราตอบสนองพร้อมกันแบบนี้, แสดงว่านี่ไม่ใช่การเข้าใจผิด
“มีนักผจญภัยแรงค์ S ที่ใช้ชื่อเดียวกันอยู่ใช่ไหม?”
“อา, ในบรรดานักผจญภัยในทวีปของเรา, ซิกมันด์เป็นที่รู้จักในฐานะมือหอกที่แข็งแกร่งที่สุด”
“หืม? รู้จักข้าในฐานะนักผจญภัยงั้นรึ ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าทำอะไรได้ก็รีบๆไสหัวไปซะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับคุณผู้หญิงผู้งดงามคนนี้”
ซิกพูดออกมาเช่นนั้นแล้วหันไปหาฟีเน่ด้วยรอยยิ้ม
ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขามาก่อน การแทงของเขานั้นถูกขนานนามว่าเร็วขั้นเทพและเป็นที่รู้กันว่าไม่สามารถหลบได้ เขาเป็นนักรบที่ถูกรู้จักในฐานะคนที่แข็งแกร่งมากๆในการต่อสู้ระยะประชิด
ถ้านับแค่ทักษะ, เขาคืออันดับท็อปห้าในบรรดานักผจญภัยที่มีทักษะมากที่สุด
แต่ว่า, ยังมีอีกข่าวลือเกี่ยวกับเขา
“ข้าได้ยินมาว่าซิกมันด์เป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อและมีชื่อเสียงในเรื่องชอบควงผู้หญิงพร้อมกันหลายคน แต่ว่า, เมื่อประมาณหกเดือนก่อน, ซิกมันด์ก็หายตัวไป ยิ่งไปกว่านั้น, เขาน่าจะเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรอ…….?”
“คงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องผู้หญิงหล่ะมั้ง”
แน่นอนว่า, มนุษย์ไม่สามารถกลายเป็นหมีได้
ถ้าเจ้านี่เป็นตัวจริงเขาก็น่าจะเปลี่ยนตัวเองด้วยเวทมนตร์หรือยาบางอย่าง แต่ฉันคิดว่าเขาคงไม่สามารถเปลี่ยนกลับร่างเดิมได้ตามความต้องการของตัวเอง บางทีอาจจะมีอะไรซักอย่างเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงก็ได้
ในขณะที่ทำการคาดเดาอยู่, ฉันก็เหยียบซีกที่พยายามจะเข้าไปกอดฟีเน่เอาไว้
“อั้ก!?”
“นี่, เจ้าเสือผู้หญิง ตอบคำถามของข้ามา”
“เจ้าทำอะไรข้า, ไอ้หนู!? นี่เจ้าตำช้าถึงขนาดเหยียบหมีตัวเล็กน่ารักอย่างข้าโดยไม่มีความปราณีเลยงั้นรึ?
“แต่เดิมแล้วเจ้าเป็นมนุษย์ไม่ใช่รึไง”
“ได้ยินไหมครับ!? ท่านฟีเน่! ไอ้หมอนี่มันกำลังรังแกข้า~”
เขาพูดออกมาเช่นนั้นแล้วพยายามเข้าไปกอดฟีเน่อีกแต่ฉันก็เอาปลอกคอที่เตรียมมาไปคล้องคอซีกเอาไว้
มันคือหนึ่งในของล้ำค่าของท่านทวด มันไม่สามารถถอดออกได้เว้นเสียแต่ว่ามีกุญแจที่ฉันมี
“นี่มันอะไรกันเนี่ย? เจ้าพยายามจะทำลายความน่ารักของข้าหรอ!? เอาไอ้เจ้าสิ่งนี้ออกไปจากข้านะ!!”
“มันเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ เจ้าถอดมันไม่ออกหรอกถ้าไม่ใช้กุญแจพิเศษ เอาจริงๆข้าก็ไม่อยากใช้หรอกนะแต่เจ้าทำให้ข้าไม่มีทางเลือก”
“หา! อะไรหล่ะนั่น! มันเป็นความล้มเหลวของเจ้าต่างหากหล่ะที่ไม่ยอมล่ามโซ่กับเจ้าสิ่งนี้ด้วย ข้าสามารถวิ่งหนีไปพร้อมกับมันได้อยู่แล้ว!”
พอพูดจบ, ซีกก็พยายามหนีออกไปข้างนอก
แม้ว่าจะเป็นลูกหมี, แต่การเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วด้วยสองเท้าของเขานั้นเหลือเชื่อจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น, เขาค่อนข้างเร็วด้วย ร่างของเขาค่อยๆห่างออกไปไกล
“แล้ว? อุปกรณ์เวทมนตร์นี้มีผลยังไงหล่ะ?”
“รอดูไปเดี๋ยวก็เข้าใจเอง”
ในขณะที่มองซีกซึ่งกำลังหนีด้วยสองเท้าของเขา, ตอนนี้เขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งด้วยสี่เท้าที่มีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น, การเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงไปเรื่อยๆจนเข้าขั้นคลาน
แม้ว่ามันจะดูน่าขบขันจากมุมมองของคนอื่น, แต่นี่คือพลังของปลอกคอนี้ ยิ่งห่างจากผู้ถือกุญแจไปไกลเท่าไหร่, ร่างกายก็จะยิ่งหนักขึ้นเท่านั้น
หลังจากรอไปได้ซักพัก, ซีกก็เดินไหล่ตกกลับมา
“ตอนนี้จะยอมร่วมมือกับพวกเราแล้วใช่ไหม? แถมมันก็ดีกว่าถูกจับไม่ใช่รึไง?”
“ครับ…..ช่วยอนุญาตให้ข้าได้ร่วมมือกับท่านด้วยเถอะ…..”
“แต่ท่านอัลคะ ถ้าให้สวมปลอกคอนี้เอาไว้มันจะไม่สะดวกถ้าให้เขาไปตามหาคนให้พวกเราไม่ใช่หรอคะ? ยิ่งไปกว่านั้น, เขาก็ดูน่าสงสารยังไงไม่รู้สิ”
“คนถือกุญแจสามารถปรับแต่งน้ำหนักได้ แล้วเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปสงสารหรอก ไอ้หมอนี่มันไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น”
“ทำไมหล่ะคะ!? ตอนนี้เขาอาจจะมีร่างกายแบบนี้แต่เขาก็ทำเพื่อชาวเมืองชั้นนอกอย่างเต็มที่นะคะ!”
“นั่นสินะ ถ้างั้นบอกข้ามา, ไอ้นั่นคืออะไรกัน?”
ฉันชี้ไปยังของที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าที่อยู่ตรงมุมห้อง
ฉันรู้ตั้งแต่ก่อนมาที่นี่แล้ว
ของที่เจ้านี่ขโมยมานั้นถูกนำกลับมาให้ชาวเมืองชั้นนอกทุกคนแต่เขาได้ขโมยเงินมาจากพ่อค้าและจำนวนของที่ส่งกลับคืนก็ไม่ตรงกับจำนวนที่เขาขโมยมาด้วย
ฉันดึงผ้าออก
ที่นั่น, มีเงินจำนวนมากถูกซ่อนเอาไว้ข้างใต้
“ถ้าพยายามจะช่วยผู้คนจริงๆก็ควรจะคืนเงินทั้งหมดให้กับเหยื่อไม่ใช่หรอ?”
“ก็นะ…….สำหรับเรื่องนี้ การเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมแบบฟรีๆมันก็ต้องมีบ้าง……”
ฉันมองซีกที่กำลังหลบตาในขณะที่พูดออกมาเช่นนี้
ด้วยกันกับไก, ฉันได้ยึดเงินคืนมาทั้งหมด
จากนั้น, ซีกก็เข้ามาเกาะขาของฉัน
“ยกโทษให้ข้าเถอะ! ข้าจะใช้เงินนี้เพื่อขอให้เจ้าหญิงของประเทศนี้ทำลายคำสาปให้ข้า! ไหว้หล่ะนะ~คิดว่าช่วยคนแก่ก็ได้!”
“เจ้าหญิงที่ว่า, หมายถึงซานดร้าหรอ?”
“ใช่, ใช่ เจ้าหญิงผมสีเขียวที่แผ่กลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกไม่ดีออกมา”
“ถ้างั้นก็ตัดใจซะเถอะ เธอชอบศึกษาเวทมนตร์ต้องห้ามจริงๆแต่เธอไม่ช่วยคนหรอกนะ เธอจะใช้การรักษาเป็นข้ออ้างเพื่อทดลองเจ้า”
“อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนั้นสิ……แต่ว่า, เจ้ารู้เรื่องดีนี่ เจ้าเป็นเจ้าชายจริงๆหรอ?”
“อา, ใช่ ก่อนหน้านี้ก็แนะนำตัวไปแล้วไม่ใช่หรอ?”
“ก็นะ, คือเจ้าไม่มีกลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นเลยซักนิดข้าก็เลยคิดว่า, ไม่อะ, ไม่มีทางหรอก”
ด้วยเหตุผลบางประการ,
แม้ว่าฉันจะเคยชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว, แต่พอออกมาจากปากของเจ้านี่, มันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดอยากบอกไม่ถูก
ด้วยความคิดนี้เอง, ฉันก็อุ้มซีกขึ้นมา
ฮื่ม, แบบนี้ก็ดูค่อนข้างน่ากอดอยู่ไม่ใช่หรอ?
“หยุดเลยนะ! ข้าไม่มีงานอดิเรกถูกผู้ชายกอด!”
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ มันจะดูแปลกเอาได้ถ้าคนเห็นลูกหมีเดินไปทั่วในขณะที่สวมปลอกคอเพราะฉะนั้นช่วยแกล้งเป็นตุ๊กตาซักพักนึงละกัน พวกเราจะไปคุยรายละเอียดกันที่ปราสาท
“ไม่!! อ้ะ! ท่านฟีเน่! ถ้าท่านลูบข้าแบบนั้นหล่ะ—ก็!!”
“นุ่มนิ่มจังเลย”
“โอ๊ะ! ขนนี่ให้ความรู้สึกดีจริงๆ”
“หยุดเลยนะ! ผู้ชายไม่ควรสัมผัสข้าแบบนั้น! ข้าสงวนเอาไว้ให้ผู้หญิงน่ารักๆเท่านั้น! หยุ—!”
หลังจากที่ฟีเน่กับไกลูบเขาไปทั่ว, ฉันก็อุ้มซีกที่หมดสภาพกลับไป
ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากขนของเขานั้นฟินมากๆ ในขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะให้คริสต้ากับริต้าได้มาเล่นกับเขาในภายหลัง, ฉันก็พาซีกขึ้นรถม้าไป
ตอนที่ 94
“ห้องของเจ้ายอดเยี่ยมไม่เบานี่ สมกับเป็นเจ้าชายจริงๆ”
“ก็นะ, ขอบใจ ตอนนี้, ขอฟังเรื่องราวของเจ้าหน่อย ไปทำยังไงถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้?”
ในขณะที่ฟีเน่เริ่มเตรียมชาให้พวกเรา, ฉันก็ถามคำถามเขา
ซิกก้มหน้าลงด้วยสีหน้าจริงจังแล้วก็,
“มันเป็นเรื่องเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ข้าได้เจอกับผู้หญิงคนนึงในป่า”
“เข้าใจหล่ะ แสดงว่าเป็นความผิดของเจ้าเองสินะ”
“ข้ายังไม่ได้อธิบายอะไรเลยนะ!?”
“ไม่ต้องฟังเรื่องราวข้าก็พอบอกได้แล้ว! เจ้าพยายามจะล่วงเกินเธอใช่ไหมหล่ะ!?”
“ยังซักหน่อย! ข้าถูกเปลี่ยนเป็นแบบนี้ก่อนที่จะได้แตะต้องเธอด้วยซ้ำ!”
ซิกเตะโต๊ะอย่างเจ็บใจ
ความรู้สึกสิ้นหวังนี้สามารถสัมผัสได้จากสีหน้าของเขา
เจ้านี่ชอบผู้หญิงขนาดนี้เลยหรอ
“เห้อ….แล้ว? ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ทำแบบนี้กับเจ้าหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก เป็นพี่สาวของเธอหน่ะ…..”
“ก็นะ, ถ้ามีแมลงร้ายมาเข้าใกล้น้องสาว, มันก็เป็นธรรมดาที่คนเป็นพี่จะปกป้องนั่นแหล่ะ”
“ไม่ใช่ซักหน่อย! ข้าถูกเปลี่ยนเป็นแบบนี้หลังจากที่ถูกให้กินยาแปลกๆต่างหากหล่ะ! ข้าเองก็คิดว่าเธอโกรธที่ข้าเล็งน้องสาวของเธอเหมือนกันแต่เธอแค่บอกกับน้องของเธอว่าข้าเป็นแบบนี้ดูน่ารักกว่า! เธอเปลี่ยนให้ข้าเป็นแบบนี้เพราะเธอคิดว่าลูกหมีน่ารักกว่ายังไงหล่ะ!!”
ซิกเริ่มร้องไห้แต่เขาพูดคำว่าน่ารักออกมาเยอะมากบางทีจริงๆแล้วเขาอาจจะชอบรูปลักษณ์นี้ก็ได้
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่เปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นหมีแค่เพราะเธอคิดว่าเขาจะน่ารักกว่า นี่หัวของเธอปกติรึเปล่านะ
“แล้วเจ้าไปป่าที่ไหนหล่ะ?”
“นั่นมัน….ความลับหน่ะ ข้าไปที่นั่นตามคำไหว้วาน”
ซิกหลบตา
สมแล้วที่เป็นนักผจญภัยแรงค์สูง, ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักผจญภัยที่น่ายกย่องในแง่นี้นะ
เขาไต่ขึ้นมาถึงแรงค์ S แต่เขาก็ต้องมาหยุดชะงักแค่เพราะความบ้าผู้หญิง
“ชาเสร็จแล้วค่ะ”
“โอ้, ชาของท่านฟีเน่! ขอบคุณนะครับ!”
“เจ้าดื่มได้ด้วยหรอ?”
“ได้สิ! ข้ากินได้เหมือนคนปกตินั่นแหล่ะ สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแค่รูปลักษณ์นี้เท่านั้น”
“แสดงว่าเจ้าไม่ได้เป็นแค่ตุ๊กตาหมีสินะ”
“ร่างกายของข้าแค่ดูเหมือนตุ๊กตาหมีเท่านั้น อูย! ฟู่ว ฟู่ว”
ซิกพยายามจะดื่มชาแต่เขาก็ขมวดคิ้วแล้วรีบเป่ามัน
ฉันเองก็ลองดืมเหมือนกันแต่ชาไม่ได้ร้อนขนาดนั้น หรือว่านี่จะเป็นลักษณะของหมีทั่วไป? นี่อาจจะเป็นเรื่องยากจนน่าประหลาดใจก็ได้สินะ
“เกี่ยวกับเรื่องวิธีคืนร่างของเจ้า, ข้าจะลองหาทางดูให้”
“หืม? เจ้ามีเบาะแสหรอ?”
“ซิลเวอร์น่าจะพอรู้อะไรบ้าง”
“…..นี่เจ้ารู้จักกับซิลเวอร์หรอเนี่ย!?”
เขาหยุดเป่าชาแล้วมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก, เพราะนั่นคือตัวฉันเองยังไงหล่ะ
เอาเถอะ, ถึงยังไงฉันก็บอกเขาไม่ได้อยู่แล้ว, โกหกเขาไปตามความเหมาะสมแล้วกัน
“ก็นะ, มันก็ใช่อยู่หรอก ซิลเวอร์กำลังร่วมมือกับข้าและน้องชายของข้าในหลายๆเรื่อง ข้าจะขอให้เขาช่วยเรื่องของเจ้าด้วย ก็รอดูไปก่อนละกัน แต่อย่าหวังมากหล่ะโอเคไหม? เพราะยาไม่ใช่สาขาที่ซิลเวอร์เชี่ยวชาญ”
“ยังไงก็ขอบคุณนะ! ถ้าเป็นนักผจญภัยสวมหน้ากากคนนั้นหล่ะก็เขาน่าจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับมันจริงๆก็ได้”
“โอเค, ซิก ถ้างั้นข้าขอยืนยันกับเจ้าหน่อย พวกเราจะให้เจ้ามาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเราและถามซิลเวอร์เกี่ยวกับวิธีคืนร่างของเจ้าให้เป็นปกติ ในทางกลับกัน, เจ้าจะต้องให้ความร่วมมือกับเรา ตกลงไหม?”
“โอเค! ไม่มีปัญหา ว่าแต่เจ้าช่วยถอดไอ้นี่ออกไปซักทีได้ไหม?”
พอพูดจบเขาก็ชี้ไปที่ปลอกคอของเขา
แต่ว่าฉันยังไม่อยากถอดมันเลย
“ไม่ได้”
“ทำไมหล่ะ!?”
“ข้าจะปล่อยเอาไว้แบบนั้นเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ทำเรื่องแปลกๆ”
“ไม่จริงหน่า!? แบบนี้มันเกินไปแล้ว! ท่านฟีเน่คร้าบบ~!”
จากนั้นซิกก็กระโดดขึ้นเล็กน้อยพยายามที่จะกอดฟีเน่, ฟีเน่เองก็เตรียมรับเขาแต่ในขณะที่ตัวเขากำลังลอยขึ้นไป, ซิกก็ตกลงมาอย่างกระทันหัน
“อั๊ก!!”
“นี่แหล่ะสาเหตุที่ข้าจะปล่อยปลอกคอเอาไว้กับเจ้าแบบนั้น”
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ? คุณซิก”
“หน, หนอยยย……”
ปลอกคอหนักขึ้นในทันที
เพราเหตุนี้เองซิกจึงตกลงไปที่พื้น
ซิกที่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้นั้น, จ้องมาที่ฉันในขณะทีกางเล็บของเขาออกมาเหมือนกับสัตว์กินเนื้อที่ดุร้าย
“ถ้างั้นจะถอดมันด้วยตัวเอง! ส่งกุญแจมาให้ข้าซะ!!”
พอพูดจบ, ซิกก็วิ่งมาหาฉันแล้วคว้าแขนของฉันเอาไว้
ตอนนี้สภาพของเขาดูเหมือนหมีโคอาล่ามากกว่าหมีแล้ว
“เป็นไงหล่ะ! ตอนนี้ยอมแพ้รึยัง!?”
“อะไรของแกเนี่ย?”
“….เอ๊ะ? ข้าไม่หนักหรอ?”
“สำหรับเจ้ามันจะหนักจนแทบขยับตัวไม่ได้ ส่วนข้าเองก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักเหมือนกันแต่เป็นน้ำหนักเบาๆแต่เดิมของเจ้ายังไงหล่ะ”
ในขณะที่พูดออกมาเช่นนั้น, ฉันก็เพิ่มน้ำหนักให้ซิกต่อ
ฉันรู้สึกได้แค่ว่าที่แขนของฉันหนักเหมือนมีเด็กคนนึงมาเกาะแขนแต่ตอนนี้ซิกใกล้จะตกลงไปแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้จะโดนไปขนาดนี้, แต่ซิกก็ยังใส่แรงเพิ่มเข้าไปในแขนของเขาแต่เนื่องจากแขนของเขาสั่นแรงมาก, แสดงว่าเขาน่าจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
“บ้าจริง…..อย่าคิดนะว่าแค่นี้จะชนะข้าแล้ว! ข้าจะชิงกุญแจมาจากเจ้าให้ได้แล้วให้เจ้าได้ลิ้มรสแบ—อั๊ก!!”
ในตอนที่พูดไปได้กลางประโยค, แขนของซิกก็หลุดจากแขนของฉัน, แล้วซิกก็กระแทกกับพื้นเรียบๆด้วยสภาพหน้าคะมำ
เขายังพยายามจะลุกขึ้นมาอยู่ดังนั้นฉันจึงเพิ่มน้ำหนักเข้าไปอีก
“มีอะไรจะพูดไหม?”
“ขอโทษครับ, ได้โปรดลดน้ำหนักลงเถอะครับ”
“ดี”
ในตอนที่พูดออกมาแบบนั้น, ฉันก็คลายน้ำหนักที่กดทับเขา
อย่างไรก็ตาม, ซิกก็กระโดดเข้าใส่ฉันราวกับว่าเขารอโอกาสนี้อยู่
“เสร็จข้าหล่ะ!”
“ไม่อะ, เจ้าต่างหากหล่ะ”
“อ-อ้ะ!!?? แอ๊ก!”
ซิกที่กระโดดเข้าใส่ฉันร่วงลงไปเอาหน้ากระแทกใส่พื้นจากความสูงที่มากกว่าเดิม เขาส่งเสียงแปลกๆออกมาแล้วก็ไม่ขยับเขยื้อนอีก
ฉันคิดว่าเขาน่าจะอยู่แบบนั้นไปซักพัก
“เรียกข้าในตอนที่เจ้ายอมร่วมมือด้วย แล้วก็อยู่เงียบๆไปจนกว่าเจ้าตัดสินใจที่จะทำแบบนั้นหล่ะ”
“….ครับ”
หลังจากการพูดคุยกันสั้นๆนี้, ฉันก็ย้ายตัวไปหางานเอกสารของฉัน ส่วนซิกก็คลานไปตามพื้นอย่างช้าๆแล้วพยายามกลับไปนั่งบนเก้าอี้
ในระหว่างทาง, เขาพยายามมองใต้กระโปรงของฟีเน่ดังนั้นฉันจึงเพิ่มน้ำหนักใส่เขาอีกสามเท่า ซิกส่งเสียงร้องออกมาแล้วนิ่งไปตรงนั้นแต่ฉันก็ตัดสินใจว่าจะปล่อยเอาไว้แบบนี้เพื่อเป็นการลงโทษ
แม้ว่าเขาจะกลายเป็นลูกหมีเขาก็ยังคงเป็นนักผจญภัยแรงค์ S ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาแข็งแกร่ง แต่ฉันเริ่มคิดจริงๆแล้วว่านี่ฉันพึ่งดึงตัวปัญหาเข้ามาเป็นพวกรึเปล่า
แต่ก็ช่างเถอะ, ทั้งหมดที่ฉันต้องทำก็คือใช้งานเขาหล่ะนะ
ฉันคิดเช่นนี้ในขณะที่จิบชาของฟีเน่
“นี่เจ้าหนู ที่เจ้าออกตามหาข้าก็เพราะเจ้ามีงานให้ข้าไม่ใช่หรอ?”
“ก็นะ, นี่ข้ายังไม่ได้บอกเรื่องงานหรอ?”
“คูจัง! หมีตัวนี้พูดได้ด้วยหล่ะ!”
“ว้าว, นุ่มนิ่มจังเลย….รู้สึกดีสุดๆ”
“นี่เจ้าอยากให้ข้ามาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเนี่ยนะ!!!?”
ซิกประท้วงในขณะที่ทำหน้าโกรธเหมือนหมี
อย่างไรก็ตาม, พอเห็นคริสต้ากับริต้าเล่นกับเขาแบบนี้มันทำให้ดูไม่น่ากลัวเลย
เนื่องจากริต้ากับคริสต้าเข้ามาเล่นที่นี่, ฉันก็เลยให้ซิกเป็นเพื่อนเล่นของพวกเธอ
ดูเหมือนว่าซิกจะไม่ได้บ้าผู้หญิงไปซะทั้งหมด, เด็กผู้หญิงดูจะไม่ใช่สายของเขา เพราะเหตุนี้เอง, จึงไม่มีอะไรต้องกังวลต่อให้คริสต้ากับริต้าสัมผัสตัวเขาก็ตาม เขาก็แค่ทำให้มันรู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นปัญหาสำหรับเขาแต่เขาก็ไม่ได้โกรธเด็กหรืออะไรเลย
“นี่, คุณหนู ถึงจะอยู่ในสภาพนี้, แต่ข้าก็ยังเป็นมนุษย์นะ”
“โห! ริต้าเองก็อยากเป็นหมีบ้างจัง!”
“แต่เจ้าเป็นหมีนี่…..”
“ไม่, ฟังข้าสิ!”
จากนั้นเขาก็ถูกลากไปทั่วและถูกลูบไปทั้งตัว
หลังจากถูกเล่นมามากแล้ว, ซิกก็พยายามอ้อนวอนพวกเธอแต่ทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะฟังเขาเลยซักนิด
ถึงยังไงตอนนี้พวกเธอก็ยังเป็นเด็กและเขาก็เป็นลูกหมี แถมรูปลักษณ์ของเขาเองก็น่ารักและสัมผัสก็นุ่มนิ่มด้วย, ดังนั้นแน่นอนว่า, พวกเธออยากจะเลี้ยงเขา
“เดี๋ยวอีกซักพักข้าก็จะเสร็จงานแล้วในระหว่างนั้นก็เล่นกับพวกเด็กๆไปก่อนนะ”
“งานเนี่ยนะ…..เจ้าหนู, ผู้คนเรียกเจ้าว่าเจ้าชายไร้ค่าไม่ใช่รึไง? เจ้าควรจะเป็นพวกไร้ความสามารถและทำตัวขี้เกียจไปวันๆไม่ใช่หรอ? อ้ะ-! อย่าดึงข้าพร้อมกันสิ! ข้า—กำลังจะ—ขาด—!!”
“ข่าวลือไม่ผิดหรอก แต่งานมันมีเยอะมากจนถึงขั้นที่คนไร้ค่าอย่างข้าก็ต้องทำงานด้วยก็แค่นั้นเอง”
“แสดงว่ามันไม่ใช่เพราะเจ้าทำไม่ได้แต่แค่เจ้าไม่ทำสินะ เจ้านี่อยู่ในสถานะที่น่าอิจฉาชะมัด, บ้าจริงเชียว”
“ถึงยังไงเจ้าชายก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายได้โดยไม่ต้องทำงานนี่นะ ในเมื่อข้าเกิดในครอบครัวที่ดีมันก็คงจะสูญเปล่าถ้าไม่ตามใจตัวเองให้เต็มที่ใช่ไหมหล่ะ”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น, ฉันก็จัดสรรข้อมูลต่างๆที่เซบาสรายงานฉัน
ส่วนใหญ่มันก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรได้มากนักแต่มันก็มีช่วงเวลาที่ข้อมูลพวกนี้สามารถนำมาใช้ได้เหมือนกัน
นับจากนี้ไปฉันต้องตามหารีเบคก้าและสนับสนุนขุมอำนาจจากในเงามืด ข้อมูลคือเส้นชีวิตของฉัน
งานพวกนี้ไม่สามารถละเลยได้
“การที่เจ้าพยายามหนักถึงขนาดนี้เพื่อให้น้องชายได้เป็นจักรพรรดิก็แสดงว่าเจ้าเป็นพี่ชายที่ดีใช้ได้เลยนี่ อ้ะ! หยุดเล่นตรงตานะ! ตรงตาไม่ได้!”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรที่มันยุ่งยากเลย ข้าก็แค่ใช้ความพยายามตามสมควร ถึงยังไงถ้ากลุ่มอื่นชนะข้าก็อาจจะถูกประหารก็ได้นี่นะ”
“ถ้าแบบนั้นเจ้าหนีไปด้วยตัวเองก็ได้นี่ ไม่ว่าเจ้าจะดูไร้ค่าแค่ไหน, เจ้าก็ทำแบบนั้นได้ไม่ใช่รึไง”
“ก็นะ, ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้หรอก”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น, ฉันก็มองคริสต้ากับริต้า
ถ้าฉันหนี, ฉันก็ต้องพาเด็กพวกนี้ไปกับฉันด้วย นับจากนี้ไปขุมอำนาจจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆและใหญ่ขึ้นในขณะเดียวกันนั้นสิ่งที่ฉันต้องปกป้องก็จะเพิ่มขึ้นเหมือนกัน
การหนีอาจจะเป็นวิธีการที่เป็นไปไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
“เข้าใจหล่ะ….เจ้าเองก็เป็นคนอ่อนโยนไม่เบานี่”
“อยากพูดอะไรก็พูดเถอะ”
“ก็นะ, ข้าไม่ได้เกลียดคนอย่างเจ้าหรอก แต่จำเรื่องนี้เอาไว้นะ ถ้าเจ้ามอบหมายงานให้ข้า, ข้าก็จะทำตามวิธีของข้า เจ้าจะมาบ่นทีหลังไม่ได้เข้าใจใช่ไหม?”
คำพูดของเขาจะดูเท่มากถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าริต้ากับคริสต้ากำลังดึงหูทั้งสองข้างของเขาและทำให้หน้าของเขายืดเป็นรูปร่างแปลกๆ
คำว่าเกินจริงอาจจะไม่พอที่จะอธิบายสภาพของเขาในตอนนี้
“เอาเถอะ, ข้าฝากเรื่องวิธีการเอาไว้กับเจ้าละกัน ข้าจะรับผิดชอบเองไม่ว่าเจ้าจะอยากทำอะไรก็ตาม ตราบใดที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่พึงพอใจได้ข้าก็จะไม่บ่นอะไร”
“เยี่ยม ถ้างั้นก็เอาตามนี้แหล่ะ นี่! หยุดดึงหูของข้าได้แล้ว! อย่างน้อยก็ช่วยเล่นมือหรือไม่ก็ขาของข้าจะได้ไหม!”
“แล้วก็อีกเรื่องนึง, อย่าเอาปัญหาเรื่องผู้หญิงมาหาข้าหล่ะเข้าใจนะ?”
“ถึงยังไงตอนนี้ข้าก็อยู่ในสภาพแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากอยู่แล้ว แต่ก็นะ, อาจจะมีผู้หญิงคนสองคนมาตกหลุมรักข้าก็ได้, ถ้าเป็นแบบนั้นก็อย่ามาโทษว่าเป็นความผิดของข้าก็แล้วกัน”
ซิกพูดเรื่องแบบนั้นออกมาในขณะที่ถูกดึงมือทั้งสองข้างและตอนนี้เขาก็กำลังลอยอยู่กลางอากาศ
เอาเถอะ, อย่างน้อยก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนมาตกหลุมรักซิกในสภาพนี้หรอก
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้ากังวลเพราะฉะนั้นเจ้าก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เอาหล่ะ, ข้าเสร็จงานแล้ว คริสต้า, ริต้า วันนี้จะเล่นอะไรดีหล่ะ?”
“ซิก……!”
“ริต้าอยากเล่นวิ่งไล่จับ! ซิกเป็นนะ!”
“เอาสิ! เกมส์จะจบในทันทีเลยหล่ะ! นี่! ทำให้ข้าหนักขึ้นแบบนี้มันไม่ยุติธรรมไม่ใช่รึไง!?”
“เจ้าเล่นกับเด็กนะเพราะฉะนั้นก็ต่อให้หน่อยสิ”
“เจ้าพูดแบบนั้นแต่ตัวเองก็เล่นด้วยไม่ใช่รึไง!? ไอ้ขี้โกง!?”
ในขณะที่ปล่อยซิกซึ่งติดอยู่กับพื้นเพราะน้ำหนักเอาไว้, ฉันก็พาคริสต้ากับริต้าหนีห่างจากเขา
ตอนที่ 95
ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ซิกเข้าร่วมกับขุมอำนาจของเรา
ฉันได้ส่งคนไปรวบรวมข้อมูลในเมืองหลวงจักวรรดิ สิ่งที่ฉันกำลังค้นหาอยู่ก็คือคนที่ดูไม่คุ้นหน้าหรือพวกหน้าใหม่ที่เข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิ แน่นอนว่า, ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตามหารีเบคก้า
“แล้ว? ยังไม่ถึงตาของข้าอีกหรอ?”
“ไม่, ยังก่อน จะถึงตาของเจ้าก็ต่อเมื่อพวกเรายืนยันได้แล้วว่ารีเบคก้าเข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิแล้ว”
“สำหรับเรื่องนั้น, เธอจะมาที่นี่จริงๆหรอ?”
ฉันพยักหน้าให้กับคำถามของซิกโดยไม่ลังเล
เธอเป็นอัศวินที่หนีไปได้อย่างรอบคอบหลังจากที่เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ฝากฝังจดหมายของเขาเอาไว้กับเธอ รายละเอียดของจดหมายนั้นจะต้องเป็นคำสารภาพไม่ผิดแน่
และถ้าเป็นแบบนั้นจุดหมายของเธอก็คือเมืองหลวง
ถ้าขุนนางทางใต้เกี่ยวข้องกับคดีนี้คนๆเดียวที่เธอจะยื่นคำร้องได้ก็คือจักรพรรดิ
“เธอจะต้องมาที่เมืองหลวงจักรวรรดิอย่างแน่นอน”
“เจ้าดูมั่นใจจังเลยนะ เอาเถอะ, ข้าก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่เจ้าจะตามหาคนที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้ายังไงกัน?”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาหรอก พวกเราถามข้อมูลหน้าตาของเธอมาจากคนที่รู้จักเธอในบัสเซาแล้วและให้ทำภาพหน้าตรงขึ้นมาด้วย มันน่าจะมาถึงวันนี้แหล่ะ”
“เตรียมการดีใช้ได้เลยไม่ใช่หรอ?”
“มันเป็นคำแนะนำของน้องชายข้า ไม่ใช่ข้า”
“โฮ่, สมกับเป็นเจ้าชายผู้กล้า เขาทำงานละเอียดจริงๆ”
“แน่นอน, เขาให้คำแนะนำนี้มาก็เพราะเขาคาดเอาไว้แล้วว่าเหตุการณ์จะพัฒนาไปแนวนี้ แต่ว่า….ลีโอรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบเธอ เขาน่าจะอยากปกป้องผู้หญิงที่ชื่อรีเบคก้าคนนี้”
เอิร์ลเดนนิส ฟอน ซิทเทอร์ไฮม์ได้ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านพวกเขาก็เพราะรู้ว่าลีโอกำลังมา บางทีน่าจะมีความขัดแย้งในองค์กรของพวกเขามาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่กระตุ้นเขาก็คือการมาถึงของลีโอ
ลีโอคิดว่าถ้าเขาไปเร็วขึ้นอีกซักนิดหรือเลือกที่จะอาศัยอยู่ในบัสเซา, บางทีมันน่าจะสามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นั้นได้
ถ้าเป็นลีโอหล่ะก็เขาจะต้องรู้สึกอยากรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ
“เขาเป็นคนอ่อนโยน อ่อนโยนเกินไป”
ซิกทำสีหน้าเบื่อหน่าย
ก็นะ, มันก็จริงนั่นแหล่ะ ฉันเองก็คิดว่าลีโอไม่ควรกังวลเกี่ยวกับมันขนาดนั้น
แต่นั่นคือลีโอ
“บางครั้ง, ความอ่อนโยนก็ช่วยคนได้นะ”
“ก็อาจจะ แต่ถ้าทำตัวอ่อนโยนครึ่งๆกลางๆมันจะเป็นการเปิดช่องโหว่วเอาไม่ใช่รึไง?”
ซิกชี้จุดอ่อนด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม
สมแล้วที่เป็นนักผจญภัยระดับสูง เขาจะเข้มงวดกับเรื่องเหล่านี้
นักผจญภัยนั้นมักจะเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้าย ต่อให้พวกเขาสูญเสียพรรคพวกไป, พวกเขาก็ต้องกำจัดมอนส์เตอร์ให้ได้ ถ้าพวกเขายอมถอดใจจากคำขอเพียงเพราะเรื่องนั้น, ทุกสิ่งที่ทำมาก็จะสูญเปล่า
นักผจญภัยเก่งในเรื่องการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
“ไม่ต้องห่วง ความอ่อนโยนของลีโอมันเข้าขั้นบ้าเลยหล่ะ มันไม่ใช่ความอ่อนโยนครึ่งๆกลางๆอย่างแน่นอน”
“เป็นข้าคงไม่พูดแบบนั้นหรอก……”
“ข้ารู้ แต่จะไม่มีการเปิดช่องว่างเพราะเรื่องนั้นแน่ การที่ข้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อรับรองไม่ให้มันเกิดขึ้น”
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ข้าไม่อยากทำเรื่องห่ามๆแค่เพราะลูกค้าอ่อนโยนเกินไปเข้าใจใช่ไหม? ข้าจะไม่รับผิดชอบชีวิตของคนอื่นนอกจากข้า โดยเฉพาะตอนนี้”
“แค่นั้นก็พอแล้ว รีเบคก้าน่าจะซ่อนตัวอยู่หลังจากที่เธอเข้ามาในเมืองหลวง คนที่ไล่ตามเธอน่าจะเป็นนักฆ่าของซานดร้า บางทีผู้เข้าชิงตำแหน่งคนอื่นๆอาจจะส่งโจรไปตามล่าเธอด้วย ถึงยังไงถ้าพวกเขาสามารถชิงจดหมายมาได้พวกเขาก็สามารถต่อรองกับลีโอได้ ข้าอยากได้ใครซักคนที่เคลื่อนไหวได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมเช่นนี้และเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสม, ซิก”
ไม่ว่าซานดร้าจะเกี่ยวข้องโดยตรงรึเปล่า, ขุนนางทางใต้ก็ถือเป็นฐานอำนาจสำคัญของเธอ เธอจะไม่ยอมให้มีคนไปโจมตีพวกเขาแน่ๆ ด้วยเหตุนี้เอง, การกำจัดรีเบคก้าและทำลายจดหมายนั่นจึงเป็นการแก้ปัญหาที่เร็วที่สุดและแน่นอนที่สุด ซึ่งสำหรับพวกเราก็คือในทางตรงกันข้าม ดังนั้นไม่ว่ายังไง, จดหมายของรีเบคก้าก็คือกุญแจสำคัญในการกำจัดซานดร้า
นี่คือสาเหตุที่ถ้าเกิดเธอเข้ามาในเมืองหลวง, เธอจะตกเป็นเป้าของหลากหลายขุมอำนาจอย่างแน่นอน
โครงสร้างอำนาจจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการต่อสู้เพื่อรีเบคก้านี้
มันมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ซานดร้าหลุดออกจากสงครามผู้สืบทอดด้วยเรื่องนี้
และถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ, ก็ถือเป็นก้าวใหญ่สู่บัลลังก์สำหรับพวกเรา
“นี่, เจ้าหนู ข้าขอแนะนำวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่ข้าคิดได้ตอนนี้จะได้ไหม?”
“ให้พวกเขาสู้กันเองสินะ? พวกเราแค่ดูอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้พวกเขาปะทะกันเองจากนั้นพวกเราก็ค่อยชิงตัวรีเบคก้าและจดหมายไปในจังหวะสุดท้าย”
“อะไรกัน เจ้าเองก็คิดได้อยู่แล้วนี่ ทำไมถึงไม่ทำซะหล่ะ?”
ก็นะ, แม้กระทั่งซิกก็ยังถามฉัน
แน่นอนว่ามันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด
แถมด้วยเซบาสกับซิกโอกาสที่มันจะสำเร็จก็ยังสูงด้วย อย่างไรก็ตาม, ถ้าพวกเราจะทำแบบนั้น, ก็หมายความว่าพวกเราจะใช้รีเบคก้าเป็นเหยื่อล่อ
“ถ้าเจ้าเป็นรีเบคก้า, เจ้าจะส่งจดหมายให้คนที่ปรากฎตัวขึ้นมาตรงหน้าในช่วงจังหวะสุดท้ายไหมหล่ะ?”
“ก็คงจะส่ง ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องยุ่งยาก และข้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันแถมมันยังมีแต่จะเรียกหาอันตรายมาหาข้าด้วย”
“แนวคิดของเจ้ากับเธอมันไม่เหมือนกัน เธอเป็นอัศวิน วัตถุประสงค์ของเธอน่าจะเป็นการฟื้นฟูเกียรติให้เอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ เธอจะไม่มีวันยอมส่งจดหมายให้กับคนที่เธอไม่ไว้ใจ ไม่ว่าเธอจะต้องเสี่ยงแค่ไหน, จดหมายนั้นก็ยังมีค่ากว่าชีวิตของเธอ สำหรับเธอ, จดหมายฉบับนี้คือความภาคภูมิใจของเธอ”
“ให้ความสำคัญกับความภาคภูมิใจมากกว่าชีวิตของตัวเองนี่นะ? น่าตลกชะมัด”
“ใช่, มันเป็นเรื่องที่น่าตลก ไม่ว่ายังไง, ชีวิตของตัวเองก็สำคัญที่สุด แต่ว่า, อัศวินเป็นคนที่เลือกความภาคภูมิใจมากกว่าชีวิตจนน่าหัวเราะเลยหล่ะ นี่คือหลักการของพวกอัศวิน พวกเขาไม่เหมือนพวกเรา”
เราไม่สามารถทำอะไรด้วยความภาคภูมิใจได้
ความภาคภูมิใจไม่ได้ทำให้แข็งแกร่งขึ้นหรือทำให้อิ่มท้อง
แต่อัศวินก็มักจะเชิดชูความภาคภูมิใจอยู่เสมอ
“ความภาคภูมิใจไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิต, แต่สิ่งที่ไม่จำเป็นนี้สามารถดึงดูดผู้คนได้ ความภาคภูมิใจของอัศวินไม่ได้เป็นแค่สำหรับบุคคลเดียว มันคือสิ่งที่หลอมรวมกัน ผู้หญิงคนนั้นเองก็แบกรับความภาคภูมิใจของเอิร์ลซิทเทอร์ไฮม์ ดังนั้นถ้าเธอไม่ไว้ใจลีโอ, เธอก็จะไม่ยอมส่งจดหมายให้หรอก”
“พวกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยุ่งยากจังเลยนะ, พวกอัศวินเนี่ย”
“ถึงเจ้าจะพูดแบบนั้นแต่เจ้าเองก็มีความภาคภูมิใจในฐานะนักผจญภัยไม่ใช่รึไง?”
“ไม่อะ, ภูมิใจที่ได้เป็นนักผจญภัยเนี่ยนะ”
“จริงรึเปล่า? ข้ารู้จักนักผจญภัยที่พกความภาคภูมิใจเอาไว้อยู่หลายคนนะรู้ไหม?”
นักผจญภัยเป็นอิสระ ดังนั้น, สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำด้วยตัวเองจะไม่มีวันแปรเปลี่ยน
นอกจากความมุ่งมั่นนี้, ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขานั้นไร้กฏเกณฑ์จนน่ากลัวดังนั้นพวกเขาจึงดูเหมือนพวกไร้กฏหมายแต่ถึงอย่างนั้นนักผจญภัยส่วนใหญ่ก็มีกฏเหล็กอยู่
พวกเขาจะรู้สึกรับผิดชอบต่อคำร้องขอที่พวกเขาได้รับมา ถ้าพวกเขาไม่ทำตามนั้นชื่อเสียงของพวกเขาก็จะตก นี่คือสาเหตุที่พวกเขาไม่มีวันทำแบบนั้น
ความจริงที่ว่าซิกไม่เคยพูดเรื่องป่าที่เขาไปก็แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็มีความภาคภูมิใจในฐานะนักผจญภัย แน่นอนว่ามันคงจะดีสำหรับเขากว่าถ้าเขาบอกพวกเราเกี่ยวกับมันแต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะไม่บอก
ฉันรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งจากจุดนี้
“เห้อ สำหรับข้า, นักผจญภัยที่น่าภาคภูมิใจนั้นไม่ใช่นักผจญภัยเลยซักนิด”
พอพูดจบ, ซิกก็หยิบแก้วชาขึ้นมาจ่อที่ปากของเขาแล้วจิบชาดำเข้าไป
จากนั้น, ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ประตูก็เปิดออก
“ขออนุญาตครับ ท่านอาร์โนลด์”
“มีอะไรหรอ? เซบาส?”
“ภาพหน้าตรงมาถึงแล้วครับ นอกจากนี้พวกเรายังได้รับรายงานว่ามีคนหน้าตาคล้ายกับข้อมูลเข้ามาในเมืองหลวงด้วย”
“งั้นหรอ…..”
ฉันรับภาพหน้าตรงมาจากเขา
ผมสีน้ำตาลจนเกือบส้มยาวประบ่าพร้อมกับสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยพลัง
ฉันบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนสวย แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ภาพหน้าตรงเท่านั้น
ฉันแสดงภาพนั้นให้ซิกดู
จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มไม่หวั่นกลัวออกมา
“ดีเลยนี่, ตามหาคนสวยแบบนี้มีกำลังใจกว่าตามหาพวกมอนส์เตอร์เยอะเลย โชคดีแล้วสิ”
พอพูดจบ, ซิกก็เตรียมออกเดินทางพร้อมกับภาพหน้าตรง
แต่ฉันก็หยุดเขาเอาไว้แล้วขอให้เซบาสเอาของบางอย่างมา
“นี่ นี่, เจ้ายังมีอะไรมายับยั้งข้าเพิ่มอีกหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก ถ้าถือหอกแบบนั้นมันก็ดูจะไม่ค่อยสะดวกใช่ไหมหล่ะ?”
“ก็นะ, มันก็ใช่อยู่หรอก”
ไม่นานนักนักเซบาสก็กลับมาพร้อมกับแท่งเล็กๆในมือของเขา
ความยาวของแท่งนี้ประมาณ 30 เซนติเมตร ในตอนที่ฉันได้รับมาจากเซบาส, ฉันก็กดปุ่มที่แท่งนั้น, แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นหอกยาวสองเมตร
“โฮ่?”
“มันคืออุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถแปลงสภาพได้ เป็นยังไงหล่ะ?”
ฉันทำให้หอกกลับไปอยู่ในสภาพเดิมแล้วโยนไปให้ซิก
ซิกรับมันแล้วเปลี่ยนเป็นหอกอีกครั้ง
“เบาไปนิด…..แต่ก็เอาเถอะ, ข้าว่ามันก็ไม่เลว”
ในขณะที่พูด, ซิกก็ควงมันอย่างสบายๆ
แม้ว่าห้องจะเต็มไปด้วยของต่างๆมากมาย, แต่เขาก็เหวี่ยงไม่โดนพวกมันเลยซักชิ้น
จากนั้นซิกก็หยุดควงหอกแล้วแทงออกไปในทันที
ปลายหอกหยุดอยู่ตรงหน้าแก้วชาที่ซิกดื่มเมื่อสักครู่นี้
“เป็นหอกที่ดี แล้วมันมีชื่อว่าอะไรหล่ะ?”
“หอกเวทมนตร์ [ทำลาย] ถ้าเจ้าชอบก็เอาไปใช้ได้ตามสบายเลย”
“โอเค, ถ้างั้นขอเอาไปใช้หล่ะ—อ้ะ, แล้วก็…”
ซิก, ที่กำลังจะออกจากห้อง, หยุดฝีเท้าของเขาเอาไว้
ในอีกด้านนึง, เซบาสก็ออกจากห้องไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไร
“ถ้าข้าช่วยชีวิตเธอไม่ได้….ข้าจะให้ความสำคัญกับจดหมายแทนโอเคไหม?”
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าให้เจ้าเลือกวิธีการได้เลย?”
“อย่ามาบ่นข้าทีหลังก็แล้วกัน จดหมายนั่นจะถือเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งสำหรับข้า เข้าใจนะ?”
“ข้าหน่ะไม่อะไรหรอก แต่ว่า…..”
“แต่อะไร?”
ฉันมองตรงไปที่ซิก
ซิกถามฉันหลังจากที่เขาทำการตัดสินใจแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้, ฉันเองก็ต้องตอบเขาด้วยการตัดสินใจของฉัน
“เจ้าต้องทำให้มั่นใจ ข้าจะไม่ยกโทษให้ถ้าเจ้าไม่พยายามช่วยเหลือเธอเลย จงช่วยเธอด้วยพลังทั้งหมดของเจ้า แต่ถึงขนาดนั้นแล้วยังช่วยเธอไม่ได้ก็ค่อยให้ความสำคัญกับจดหมายเป็นที่หนึ่งแทน”
ฉันออกคำสั่งในขณะที่วางศอกทั้งสองข้างลงบนโต๊ะแล้วประสานมือเข้าด้วยกัน
บางทีเขาคงคิดไม่ถึงว่าจะได้รับความรู้สึกคุกคามที่รุนแรงเช่นนี้จากฉัน, ดวงตาของซิกเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
จากนั้น
“อย่างนี้นี่เอง, เจ้าเองก็มีสายตาที่ยอดเยี่ยมอยู่นี่ เข้าใจหล่ะ รอฟังผลลัพธ์ได้เลย”
“ขอบใจนะ”
พอพูดจบ, ซิกก็เดินออกจากห้องตามเซบาสไป
ลีโอเองก็ยังตามหารีเบคก้าอยู่แต่การเคลื่อนไหวหลักๆในเรื่องนี้น่าจะเป็นเซบาสกับซิก
ใครก็ตามที่ได้ตัวรีเบคก้าจะสามารถตัดสินอนาคตของสงครามผู้สืบทอดได้
นับจากนี้ไป, กลางคืนจะเป็นสนามหลักของพวกเราไปพักนึง
ฝ่ายอื่นๆเองก็คงเตรียมรับการนองเลือดเอาไว้แล้วเหมือนกัน
นี่คือสาเหตุที่พวกเราต้องชนะ
“ตอนนี้, ข้าคงต้องขอให้เจ้าออกจากเวทีในเร็วๆนี้นะ ซานดร้า”
ตอนที่ 96
ในช่วงที่เซบาสกับซิกเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่พวกเราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับรีเบคก้า
ในเมืองหลวงจักรวรรดิ, ขุมอำนาจต่างๆกำลังเริ่มเคลื่อนไหว
“องค์หญิงซานดร้า ได้โปรดให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วยเถอะครับ”
นักล่าถูกส่งมาจากองค์กรลักพาตัวให้มาที่เมืองหลวงและขอความช่วยเหลือจากซานดร้า
พวกเขามีกันห้าคน และเป็นนักฆ่าที่เก่งที่สุดที่องค์กรมี นอกจากพวกเขา, ยังมีนักล่าอีกส่วนนึงที่แทรกซึมเข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิ องค์กรได้ทำทุกอย่างเพื่อตามหาตัวรีเบคก้า
จดหมายของรีเบคก้าสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้องค์กรได้ และมันยังร้ายแรงกับขุนนางทางใต้และซานดร้าที่มีกำลังสนับสนุนหลักจากทางใต้ด้วย
“ได้สิ, ข้าคงจะมีปัญหาเอาได้ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางทางใต้กับองค์กรถูกเปิดเผย กุนเธอร์”
“ครับ, นายหญิง”
กุนเธอร์, นักฆ่าที่เคยหมายเอาชีวิตอัลโค้งคำนับซานดร้าจากระยะไกลๆ
ข้างหลังเขาคือนักฆ่าที่ซานดร้าเกณฑ์มาจากทั่วโลก พวกเขามีจำนวนประมาณ 20 คน
“จงใช้ทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะได้จดหมายนั่น”
“ตามประสงค์ครับ แต่ว่า….ข้ากังวลอยู่เรื่องนึง, นายหญิง”
“ลีโอนาร์ดสินะ? เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเขาหรอก ลีโอนาร์ดไม่ค่อยมีนักฆ่าให้ใช้งาน ที่เจ้าต้องกังวลก็มีแค่เซบาสเตียนเท่านั้น, คนที่ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านเพียงคนเดียวของอาร์โนลด์”
“นั่นก็เรื่องนึงครับ แต่ว่า, เรื่องที่ข้ากังวลก็คือขุมอำนาจขององค์ชายกอร์ดอน”
“เรื่องอะไรเกี่ยวกับกอร์ดอนหล่ะ? ข้าไม่คิดว่าเจ้าสมองกล้ามนั่นเป็นศัตรูที่พวกเราต้องระวังหรอกนะ”
สิ่งที่ซานดร้าพูดนั้นถูกต้อง
ตามข้อมูลที่มีอยู่, กอร์ดอนไม่มีคนที่เหมาะสมกับงานลอบเร้นเลย
อย่างไรก็ตาม, จากข้อมูลที่กุนเธอร์รวบรวมมาได้ไม่นานนี้, ความเข้าใจนั้นได้รับการแก้ไขแล้ว
“อันที่จริง….ข้าได้รับข้อมูลมาว่าเขาเริ่มก่อตั้งหน่วยลอบเร้นที่ทำการฝึกฝนมาอย่างลับๆครับ”
“ในกองทัพเนี่ยนะ?”
“ครับ”
“ไม่ว่าเขาจะทำอะไร, กอร์ดอนจะสามารถสร้างหน่วยที่มีฝีมือดีได้จริงๆหรอ?”
“ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นหน่วยที่ไม่เป็นทางการครับ, นายหญิง ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการของหน่วยนั้นจะถูกเรียกตัวมาที่เมืองหลวงจักรวรรดิเมื่อไม่นานนี้ด้วย”
“และเป้าหมายของพวกนั้นก็คงเป็นจดหมายแน่ๆสินะ…..”
ซานดร้าเขย่าขาในขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
ในขณะที่ใช้มือเท้าคางเอาไว้, เธอก็มองดูดวงอาทิตย์ที่เริ่มตกข้างนอก
เมืองหลวงจักรวรรดิจะถูกปกคลุมด้วยความมืดยามค่ำคืนในเร็วๆนี้และการต่อสู้ก็จะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน
ถ้าเธอแพ้ในการต่อสู้นี้, ซานดร้าจะได้รับความเสียหายหนักที่สุด ฐานสนับสนุนทางใต้ของเธอจะหายไป
นักเวทย์จากหลากหลายแห่งในโลกนี้จะยังคงสนับสนุนซานดร้าต่อแต่นั่นก็แค่ระดับบุคคล สงครามผู้สืบทอดไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างผู้เข้าชิงแต่ยังรวมถึงขุมอำนาจของพวกเขาด้วยและขุมอำนาจที่อ่อนแอจะไม่มีทางรักษาบัลลังก์เอาไว้ได้
ในส่วนของลีโอนั้นมีดยุคไคลเนลต์คอยหนุนหลังอยู่, และเธอจะสูญเสียอำนาจไปอย่างมีนัยสำคัญถ้าเธอสูญเสียดยุคครูเกอร์ที่เป็นคนสนับสนุนเธอ
“แสดงว่ากอร์ดอนพยายามจะแซงหน้าข้าในจุดนี้ให้ได้สินะ”
“สำหรับองค์ชายเอริคข้าคิดว่าครั้งนี้เขาคงจะสังเกตดูจากข้างสนามครับ”
“ถ้าเป็นเอริคก็คงจะตามนั้นแหล่ะ เขาไม่มีวันทำให้มือสกปรกจนกว่าจะถึงที่สุดจริงๆ เขาน่าจะรอให้พวกเราตีกันเองจนเหนื่อย แต่นี่คือโอกาสของพวกเรา ถ้าพวกเราสามารถชิงจดหมายนั้นกลับมาได้ข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องฐานสนับสนุนของข้าอีก”
‘ที่สำคัญกว่านั้น, ข้าห่วงเรื่องการทดลองร่างกายนั้นมากกว่า’
ซานดร้าพึมพำในใจ ส่วนตัวแล้ว, นี่คือสิ่งที่สำคัญกับเธอยิ่งกว่า สำหรับซานดร้า, สิ่งที่เธอต้องการเพื่อให้ได้รับชัยชนะในสงครามผู้สืบทอดนี้ไม่ใช่อำนาจทางการทหารหรือขุมอำนาจของเธอแต่เป็นศาสตร์ต้องห้ามของเธอ
ถ้าเธอทำการทดลองศาสตร์ต้องห้ามนี้สำเร็จขุมอำนาจของเธอก็จะไม่จำเป็นอีกต่อไป จะไม่มีใครที่สามารถขัดขืนซานดร้าได้
ทุกคนจะยอมคุกเข่าให้เธอเอง นี่คือโลกในอุดมคติของซานดร้า
“กุนเธอร์ สำหรับตอนนี้, ไปตามหาจดหมายที่ผู้หญิงคนนั้นถืออยู่ซะ แต่ห้ามแตะต้องเธอนะ”
“แบบนั้นจะไม่เป็นอะไรหรอครับ, นายหญิง?”
“ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้สมุนของลีโอนาร์ดกับกอร์ดอนต่อสู้กันเองไปก่อน พวกเราคอยจัดการพวกนั้นในตอนที่อ่อนแอลงแล้ว”
“ตามประสงค์ครับ”
ตอนนี้มีนักฆ่าและนักติดตามจำนวนมากที่องค์กรเกณฑ์เข้ามาในเมืองหลวงจักรวรรดิ
ถ้าเธอเรียกรวมพวกเขาทุกคนเธอก็น่าจะสามารถชนะได้ผ่านวิธีการที่รุนแรงแต่ซานดร้าไม่อยากทำให้จำนวนนักฆ่าของเธอลดลงไปอีก
นี่คือสาเหตุที่เธอให้คำแนะนำแบบนี้และกุนเธอร์ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเลยเหมือนกัน
ตั้งแต่แรกแล้ว, เธอไม่เคยคิดว่ารีเบคก้าจะถูกเจอตัวได้ง่ายๆเนื่องจากเธอหนีจากนักล่าขององค์กรมาได้ถึงขนาดนี้และยังสามารถเข้ามาในเมืองหลวงได้อีก
“เอาหล่ะ, ไปได้แล้ว ถ้าเกิดจำเป็นต้องต่อสู้ขึ้นมาข้าก็ไม่ถือสาไม่ว่าเจ้าจะต้องฆ่าใครไปก็ตาม”
“รับทราบครับ ถ้างั้นข้าขอตัวลา”
พอพูดจบ, กุนเธอร์ก็หายไปด้วยกันกับนักฆ่าที่อยู่ข้างหลังเขา
นักล่าที่องค์กรส่งมาเองก็หายตัวไปก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวเหมือนกัน
พอเหลืออยู่แค่ห้องอันว่างเปล่า, ซานดร้าก็ยิ้มออกมา
“ถ้าข้าชิงจดหมายนั้นมาไม่ได้…..ดูเหมือนว่าข้าจะต้องทิ้งท่านลุงสินะ แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมหล่ะ? ถึงยังไงมันก็เพื่อทำให้ข้าได้เป็นจักรพรรดินี”
ซานดร้าพึมพำเช่นนั้นออกมาด้วยรอยยิ้มอันบ้าคลั่ง
….
“เห้ย เห้ย, นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกันเนี่ย?”
ซิกที่ออกมาด้วยกันกับเซบาสพึมพำในขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงตัวตนมากมายกำลังเคลื่อนไหวไปทั่วในระหว่างที่กำลังนอนเหยียดอยู่บนหลังคา
ตอนนี้เป็นเวลากลางดึกแล้ว มันแปลกมากที่มีคนจำนวนขนาดนี้เคลื่อนไหว
“ต้องเป็นนักฆ่าขององค์หญิงซานดร้าแน่นอนครับ”
“หมดนี่เลยหรอ?”
“พวกเขาน่าจะมีนักฆ่าที่ได้รับการฝึกฝนมาและนักล่าที่ถูกส่งมาล่าตัวท่านรีเบคก้าด้วย พวกเขามีจุดมุ่งหมายร่วมกันดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าพวกเขาจะร่วมมือกัน”
“เจ้าพูดแบบนั้นแต่ฝั่งเรามีแค่สองคนเองไม่ใช่รึไง?”
“นี่ไม่ใช่สงครามเพราะฉะนั้นพวกเขาคงเอาจำนวนมาชิงความได้เปรียบไม่ได้หรอกครับ ซิกกับข้าน่าจะเพียงพอที่จะรับมือกับพวกเขา”
“เจ้านี่พูดง่ายจังเลยนะ…..”
ซิกถอนหายใจแล้วมองไปรอบๆ
การหาตัวรีเบคก้าคืองานที่น่าท้อใจเพราะขนาดศัตรูส่งคนหาทั่วขนาดนี้ก็ยังไม่เจอเธอเลย
“แต่….การที่นักล่ามารวมตัวกันแบบนี้, ดูเหมือนว่าเธอจะมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแล้วจริงๆสินะ?”
“เธอน่าจะมีพรรคพวกด้วย และถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราเองก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเหมือนกัน”
“มันคงจะเป็นปัญหาเอาได้ถ้าเธอคิดว่าพวกเราเป็นศัตรู แต่ไม่ว่ายังไง, ก่อนอื่นก็ต้องหาที่อยู่ของเธอให้ได้ก่อนหล่ะนะ”
พอพูดจบ, ซิกก็ลุกขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม, มีกระแสลมแรงพัดมาในเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี
มันคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับมนุษย์แต่ลมนี้ก็ผลักร่างกายของซิกจนเสียหลัก
“อ้ะ”
ซิกส่งเสียงออกมาสั้นๆแล้วลื่นจากหลังคา
“!!??”
ซิกกรีดร้องแบบไม่มีเสียงในขณะที่สามารถหลีกเลี่ยงการตกลงไปได้ด้วยการใช้มือคว้าส่วนที่ยื่นออกมาของบ้านเอาไว้
“เห้อ…..เกือบไปแล้วสิ”
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“อา, ไม่เป็นไร……ซะที่ไหนเล่า!?”
นอกจากซิก
ชามที่วางเอาไว้บนส่วนที่ยื่นออกมาของบ้านกำลังแกว่งไปมา
จากนั้นมันก็ร่วงตามแรงโน้มถ่วงและตกลงไป
แล้วมันก็แตกพร้อมกับส่งเสียงดังลั่น
“…….”
“……”
เซบาสกับซิกมองชามที่แตกอย่างเงียบๆตามสันชาตญาณ
ในขณะที่พวกเขาทำแบบนั้น, ตัวตนทั้งหลายก็มารวมกันรอบตัวพวกเขา
“นั่นไงหล่ะ มันเป็นความผิดของลม ใช่แล้ว, ลมผิดเต็มๆเลย”
“เห็นด้วยครับ”
พอพูดจบ, ทั้งสองก็เพ่งสมาธิแล้วเตรียมอาวุธของพวกเขา
เซบาสเอามีดของเขาออกมาในขณะที่ซิกเปลี่ยน ‘ทำลาย’ ให้กลายเป็นหอกแล้วปีนขึ้นไปบนหลังคา
ในตอนที่ทั้งสองเตรียมตัวเสร็จแล้ว, คนสามคนก็กระโดดขึ้นมาบนหลังคาห
อย่างไรก็ตาม, พวกเขาทั้งสามก็ร่วงลงไปพร้อมกับโดนมีดของเซบาสแทงที่หว่างคิ้ว
“ฝีมือไม่เบานี่”
“พวกเขายังเข้ามาอยู่นะครับ”
มีคนปีนขึ้นมาบนหลังคาเพิ่มแต่ครั้งนี้ซิกเป็นคนเหวี่ยง ‘ทำลาย’ เขากระแทกคนนึงตกลงไปและฟันคอหอยของอีกคนนึง จากนั้นก็กระโดดไปที่หลังคาอีกหลังแล้วเข้าไปหาคนสุดท้าย
“หมีหรอ!?”
“ใช่แล้ว”
พอพูดจบ, ซิกก็ทะลวงใบหน้าของชายคนนั้น
ชายคนนั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้องแล้วก็ได้ตายจากไป
“ขอโทษที แต่หมีตอนกลางคืนมันดุนะ”
“เป็นทักษะหอกที่งดงามมาก ไม่นึกเลยว่าท่านจะสามารถแสดงพลังได้มากขนาดนี้ด้วยร่างกายแบบนั้น”
“เจ้าก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ, ขนาดแก่แล้ว, ก็ยังฝีมือใช้ได้อยู่ไม่ใช่หรอ?”
“เป็นเกียรติที่ได้ยินเช่นนั้นครับ แต่จำนวนขนาดนี้ก็ยังคงมากเกินไปอยู่ดี”
“นั่นสินะ ถ้างั้นใช้แผนบีกันเถอะ”
“แผนบีหรอครับ?”
เซบาสที่ไม่เคยได้ยินแผนนั้นพึมพำออกมาอย่างงงงวยแต่ซิกก็แค่ปีนขึ้นไปบนหลังของเซบาส
ในตอนที่เขาเกาะไหล่ของเซบาสแล้ว, เขาก็พูดออกมาอย่างน่าไม่อาย
“เจ้าแบกข้าแล้วหนีไง”
“ท่านนี่ใช้งานคนแก่เก่งไม่เบาเลยนะครับ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวหลังจากนี้ข้าจะนวดไหล่ให้นะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า, ถ้างั้นก็คงต้องรบกวนท่านด้วย”
พอหัวเราะออกมา, เซบาสก็หนีออกจากฉากด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา
หลังจากนั้น, ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวในเมืองหลวงอีกเลย
ไม่มีขุมอำนาจไหนได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ในศึกราตรีแรก
ซึ่งความจริงนี้ก็ได้กระตุ้นทุกขุมอำนาจ
รีเบคก้าซ่อนตัวได้เก่งมาก, หรือว่าเธอกำลังร่วมมือกับคนที่มีความสามารถ?
แต่ไม่ว่าแบบไหน, มันก็เห็นได้ชัดว่าคนที่ถือจดหมายนั้นไม่ใช่คนที่โง่ๆซื่อๆ
ตอนที่ 97
“พวกนั้นมีเยอะจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยข้าคงถูกจับตัวไปแล้ว ขอบใจนะโซเนีย”
รีเบคก้า, ที่กำลังมองออกไปยังเมืองหลวงจากหน้าต่างโรงเตี๊ยมที่เธอเข้าพัก, เรียกโซเนียในตอนที่เธอเข้ามาในห้อง
พอได้ยินเช่นนี้, โซเนียก็ถอดฮู้ดออกแล้วยิ้มให้
“ไม่หรอก, ไม่ต้องห่วง พวกเราจะอยู่ด้วยกันในตอนที่เจอปัญหาถูกไหม แล้วข้าเองก็มีธุระในเมืองหลวงด้วย”
รูปลักษณ์ของโซเนียในตอนที่ถอดฮู้ดออกนั้นงดงาม
ผิวของเธอมีสีขาวหิมะ, ผมสีม่วงอ่อนของเธอยาวประบ่า และดวงตาสีม่วงอมแดงของเธอเองก็ให้ความรู้สึกน่าค้นหา
หูของโซเนียยาว อย่างไรก็ตาม, พวกมันไม่ได้ยาวเท่ากับของเอลฟ์
ครึ่งเอลฟ์
ไม่ได้เป็นทั้งเอลฟ์หรือมนุษย์ คงพูดได้เลยว่าพวกเขาเป็นตัวตนที่ไม่สมบูรณ์แบบและค่อนข้างถูกคนนอกจักรวรรดิดูหมิ่น
โซเนียเป็นหนึ่งในครึ่งเอลฟ์แต่รอยยิ้มสดใสของเธอนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกแบบนั้นเลย
“ในเมื่อพวกนั้นเห็นรีเบคก้าที่เมืองชั้นนอกประมาณช่วงเที่ยง, พวกนั้นก็น่าจะตามหาอยู่แถวนั้นไปซักพัก มันน่าจะซื้อเวลาให้พวกเราได้อยู่แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่มั่นคง”
“นั่นสินะ…..ข้าต้องรีบไปให้ถึงปราสาท”
“เจ้าได้รับฝากฝังจดหมายมาจากลอร์ดของเจ้าใช่ไหม?”
“ใช่ ข้าต้องเอามันไปให้ฝ่าบาท……เพื่อที่การตายของนายท่านจะได้ไม่สูญเปล่า…..”
รีเบคก้าก้มหน้าลงอย่างเศร้าสลด
ในระหว่างทางมาถึงเมืองหลวงจักรวรรดิ, เธอได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นทางใต้มาแล้ว
ปีศาจปรากฎตัวขึ้นและบัสเซาก็กลายเป็นสนามรบโดยมีลีโอ, ลีเซลอตต์และนักผจญภัยที่เป็นคนที่กอบกู้เหตุการณ์นี้
พอได้ฟังข่าว, รีเบคก้าก็เลิกหวังว่าเดนนิสจะมีชีวิตรอด
ถ้าเป็นการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองก็ว่าไปอย่าง, แต่เธอไม่อาจเชื่อได้ว่าเดนนิสจะรอดจากการต่อสู้ที่มีปีศาจมาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ว่า, รีเบคก้าก็ไม่เคยหยุดเดินหน้า มันเป็นเรื่องง่ายที่จะจมปรักกับความเศร้าแล้วยอมตัดใจแต่หลังจากนั้นเธอจะไม่สามารถหาความหมายของการสละชีวิตของเดนนิสได้อีกถ้าเธอหยุดตอนนี้
“ข้าจะส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้ถึงมือขององค์จักรพรรดิและเปิดโปงการกระทำผิดของขุนนางทางใต้ นายท่านของข้าถูกข่มขู่เขาก็เลยต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย….แต่ถึงอย่างนั้น, เขาก็พยายามทำสิ่งที่ถูกต้องในตอนสุดท้าย ถ้าผู้คนไม่รู้ถึงเรื่องนั้น, ศักดิ์ศรีของนายท่านก็จะด่างพร้อย”
“เจ้าชื่นชอบเขาจริงๆนะ นายท่านของเจ้าหน่ะ”
รีเบคก้าพยักหน้าให้กับคำพูดของโซเนียอย่างเงียบๆ
เธอคิดว่าเขาเป็นเหมือนกับพ่อของเธอ ที่เธอกลายเป็นอัศวินก็เพราะเธออยากทำอะไรซักอย่างเพื่อเดนนิส
อย่างไรก็ตาม, ในท้ายที่สุดแล้ว, เธอก็ไม่อาจตายพร้อมกันกับเขาได้
“ข้า…..ข้าจะสะสางความผิดหวังของนายท่าน จากนั้นก็จะแก้แค้นขุนนางทางใต้ที่คุกคามและต้อนเขาจนจนมุม”
“……ข้าจะไม่พูดอะไรถ้านั่นคือสิ่งที่รีเบคก้าต้องการทำแต่ตอนนี้เจ้าควรให้ความสำคัญกับวิธีไปถึงปราสาทให้ได้อย่างปลอดภัยมากกว่านะ”
พอพูดจบ, โซเนียก็มองออกไปข้างนอก
นักฆ่ากำลังดักซุ่มอยู่ทั่วเมืองหลวงที่ถูกปกคลุมในความมืด
การต่อสู้ทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของจักรวรรดิ, สงครามผู้สืบทอด จดหมายของรีเบคก้าซึ่งเชื่อมโยงกับมันโดยตรงนั้นคือสิ่งที่ทุกขุมอำนาจปราถนา
จนถึงตอนนี้, เธอสามารถสลัดนักล่าได้ด้วยการร่วมมือกับรีเบคก้าแต่มันจะไม่ใช่อีกต่อไปเมื่ออยู่ในเมืองหลวงจักรวรรดิ
“พวกเราจำเป็นต้องวางแผน ว่าแต่, มีราชวงศ์องค์ไหนที่เจ้าไว้ใจไหม?”
“ข้าก็ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเขามากนัก, แต่ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายลีโอนาร์ดน่าจะเป็นคนที่เหมาะสมนะ”
“องค์ชายผู้กล้าที่โด่งดังคนนั้นสินะ แต่ข้าคิดว่าพวกเราคงติดต่อเขาโดยตรงไม่ได้ง่ายๆหรอก เขาเป็นผู้ตรวจสอบที่ถูกส่งไปทางใต้ดังนั้นเขาจึงเป็นเจ้าชายที่รีเบคก้าน่าจะติดต่อไปมากที่สุด, เมื่อเป็นแบบนี้นักล่าก็น่าจะคอยจับตาดูรอบตัวเขาอยู่ ถ้าเจ้าไปถึงตัวเขาเมื่อไหร่, เจ้าก็อาจจะถูกจับได้ในทันที”
โซเนียวิเคราะห์สถานการณ์
เธอจำเป็นต้องตามติดเหตุการณ์ของสงครามผู้สืบทอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับโซเนีย
ค่ายไหนเชื่อมโยงกับดยุคคนไหนและพวกเขาจะทำการเคลื่อนไหวยังไง, การที่ต้องมาคิดทั้งหมดนี่ทำให้โซเนียถอนหายใจออกมา
“สำหรับตอนนี้, พวกเราคงไม่มีทางเลือกนอกจากหนี ช่วงนี้เจ้าชายลีโอนาร์ดก็น่าจะตามหารีเบคก้าอยู่เหมือนกัน”
“ข้าก็หวังว่าอย่างนั้น……”
“ตอนนี้หลากหลายอำนาจกำลังเคลื่อนไหวอยู่ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเองก็กำลังตามหาเจ้า ปัญหาน่าจะอยู่ที่ว่าเขาจะจัดการมันยังไงแล้วเขาระดมคนมาได้มากแค่ไหน ตอนนี้, เมืองหลวงเต็มไปด้วยนักฆ่า ถ้าเจ้าถูกพวกนั้นเจอตัว, พวกนั้นก็อาจจะฆ่าเจ้าในทันทีก็ได้”
“ยังมีปัญหาเรื่องที่ว่าเขามีอำนาจพอที่จะปกป้องพวกเราได้รึเปล่าด้วยนะ”
“นั่นสิ สำหรับตอนนี้, เพื่อให้รู้เรื่องทั้งหมดนั่นพวกเราจำเป็นต้องหนีต่อไปอีกซักสองสามวัน อย่างเลวร้ายที่สุด, ข้าก็พอมีไพ่ตายอยู่แต่มันเป็นสิ่งที่รีเบคก้าอยากจะหลีกเลี่ยงอย่างแน่นอน, และข้าก็ไม่อยากทำด้วย”
รีเบคก้าขมวดคิ้วให้กับคำพูดของโซเนีย
เธอเจอกับโซเนียในระหว่างทางมาเมืองหลวงจักรวรรดิ โซเนียนั้นมีความลึกลับมากมายแต่เธอก็ได้รับความช่วยเหลือจากโซเนียมาจนถึงตอนนี้
เธอได้สนับสนุนรีเบคก้าด้วยเวทมนตร์ของเธอและคิดหาวิธีหลีกเลี่ยงพวกนักล่าจนเข้ามาถึงเมืองหลวงจักรวรรดิ มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเชื่อได้สำหรับเธอที่เธอจะรู้สึกว่าแผนการของโซเนียนั้นทำให้เธอเสียเปรียบ
รีเบคก้าพยายามเปิดปากถามเธอแต่ว่าโซเนียก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วตัดประเด็น
“นอนกันซักพักเถอะ ว่าแต่ใครจะเป็นคนเฝ้ายามคนแรก?”
“เอ๊ะ? อา, ถ้างั้น, ข้าขอเป็นคนแรกละกัน”
“ได้สิ ถ้างั้นขอฝากเจ้าด้วยนะ”
พอพูดจบ, โซเนียก็ทิ้งตัวลงเตียงแล้วหลับตา
ความสามารถในการนอนหลับได้ในทันทีคือทักษะที่จำเป็นทั้งกับคนในกองทัพและนักผจญภัย
อย่างไรก็ตาม, รีเบคก้าไม่นึกเลยว่าโซเนียจะเป็นเหมือนกัน แต่ว่า, มันก็ยังมีจุดสังเกตอีกมากมายที่ทำให้เธอคิดว่าโซเนียนั้นคุ้นเคยกับกลยุทธ์และการวางแผนดังนั้นรีเบคก้าจึงไม่สามารถทำความเข้าใจตัวตนของโซเนียได้
แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโซเนียนั้นเป็นมิตร
“ข้าไว้ใจเจ้านะ”
รีเบคก้าพูดแบบนั้นแล้วเริ่มสอดส่องพื้นที่รอบๆ
….
“องค์ชาย—! องค์ชายอาร์โนลด์!”
“หืม? อ้ะ, ขอโทษที”
อัลขอโทษเพราะเขากำลังสลึมสลือ
เบื้องหน้าอัลก็คือเอิร์ลแลงไฮม์, ที่กำลังรวบรวมขุนนางที่อยากสนับสนุนลีโอในเมืองหลวงจักรวรรดิ
เขายังอยู่ในวัยสามสิบต้นๆดังนั้นเขาจึงถือว่าค่อนข้างหนุ่ม เขาเป็นคนที่ชื่นชอบนิสัยของลีโอและเลือกที่จะสนับสนุนลีโอด้วยกันกับนายพลโดมินิค
ลักษณะเด่นของเขาก็คือขุนนางสวมแว่น บางทีเขาน่าจะผ่านการฝึกฝนมาบ้างเพราะเขาดูไม่ค่อยหวั่นกลัวเมื่อเทียบกับขุนนางคนอื่นๆ การประเมินของอัลในตัวเขาก็คือว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดีหรือไร้ความสามารถ ข้อเสียเดียวก็คือว่าในบางครั้งเขาก็ไม่รู้จักยืดหยุ่นได้
“ให้ตายเถอะ, หัดใส่ใจบ้างสิครับ ท่านรู้รึเปล่าว่าองค์ชายลีโอนาร์ดกำลังตามหารีเบคก้าอยู่? ถ้าท่านมีเวลางีบก็ช่วยตั้งใจฟังรายงานหน่อยเถอะครับ”
“โทษที, โทษที”
อัลยิ้มให้เอิร์ลแลงไฮม์ที่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างเจื่อนๆในขณะที่นวดรอบตาของเขาเพื่อขจัดความง่วง
มันผ่านมาสามวันแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มตามหารีเบคก้า ซึ่งก็ยังไม่มีขุมอำนาจไหนที่สามารถระบุตำแหน่งของเธอได้
ส่วนสาเหตุนั้นก็ชัดเจน ข้อมูลการพบเห็นเธอจากที่ต่างๆนั้นเห็นได้ชัดว่ามันแปลก
เนื่องจากมีคนมากมายมารวมกันเพื่อออกตามหาเธอ, การต่อสู้ระหว่างพวกเขาจึงเกิดขึ้นมากกว่าความคืบหน้าในการค้นหา
และในท้ายที่สุดแล้ว, มันก็กลายเป็นว่าไม่ได้ออกตามหาเธอเลย
รายงานยิบย่อยเกี่ยวกับการพบเห็นเธอนั้นน่าจะเป็นเหยื่อล่อด้วย อัลอ่านออกว่ามันคือความพยายามจากฝั่งเธอเพื่อให้ไม่มีใครระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเธอได้
ในการรับมือกับเรื่องนี้, อัลได้ให้คำแนะนำกับเซบาสและซิกตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้นอนเลย เพราะเหตุนี้เอง, เขาจึงหาเวลางีบๆสั้นๆในตอนนี้
“บารอนบอร์แมน, ที่พวกเราพยายามหลอกล่อให้มาอยู่ขุมอำนาจของพวกเราดูไม่น่าจะยอมมาง่ายๆครับ แต่เดิมแล้วเขาเป็นคนที่เคลื่อนไหวด้วยเงินจำนวนมากจากองค์ชายกอร์ดอนดังนั้นข้าคิดว่าเขาคงจะไม่เปลี่ยนใจเว้นเสียแต่ว่าพวกเราสามารถเสนอเงินจำนวนมากกว่าได้”
“นั่นสินะ”
“เห้อ….แค่นั้นเองหรอครับ?”
ความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดนี้สะท้อนผ่านสายตาของเอิร์ลแลงไฮม์ในขณะที่เขาถอนหายใจ
อัลพึมพำว่าเขาไม่ควรหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว อัลไม่มีสิทธิตัดสินใจดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องแปลกที่เขาเข้ามาหาเขาด้วยเรื่องนี้
แต่ว่า, เอิร์ลแลงไฮม์ก็ยังคงถามเขาด้วยคำถามแบบนี้
“องค์ชายอาร์โนลด์ ข้าขอถามหน่อย”
“ว่าไงหล่ะ?”
“ท่านคิดว่าพวกเราจะดึงบารอนบอร์แมนมาอยู่ฝั่งเรายังไงดี? ช่วยบอกสิ่งที่ท่านคิดให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”
แค่สิ่งที่ฉันคิดสินะ, อัลพึมพำในใจ
มีความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดในสายตาของเอิร์ลแลงไฮม์ อัลรู้จักสายตาพวกนี้เป็นอย่างดี
พวกมันคือสายตาของคนที่ไม่สามารถเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ได้และพยายามปล่อยมันออกมา และเป้าหมายของการปลดปล่อยก็มักจะเป็นอัล
ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรไป, เขาก็จะปัดมันตกเพื่อที่เขาจะได้ปล่อยความหงุดหงิดออกมาอยู่ดี
อัลเฮ้อในใจ ปัญหามันอยู่ที่ว่าเจ้าตัวนั้นไม่ได้ทำมันอย่างมีสติ
“พวกเราก็แค่เพิ่มเงินไปไม่ได้หรอ?”
“เห้อ….ช่วยใช้สมองของท่านซักหน่อยเถอะครับ”
หลังจากถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย, เอิร์ลแลงไฮม์ก็เข้าสู่โหมดเทศน์
ด้วยความที่คิดว่ามันยุ่งยากน่ารำคาญ, อัลก็เลยแค่แกล้งทำเป็นฟังเขา
“ช่วยกรุณาฟังด้วยนะครับ มีความแตกตางในด้านอำนาจทางการเงินระหว่างพวกเรากับองค์ชายกอร์ดอน เพราะว่าจำนวนบริษัทที่คอยเก้อหนุนพวกเรานั้นแตกต่างกัน, พวกเราไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วยการใช้แค่เงินอย่างเดียว อย่างน้อยก็โปรดเข้าใจในเรื่องนี้ด้วย ท่านเป็นพี่น้องฝาแฝดกับองค์ชายลีโอนาร์ดเพราะฉะนั้นในตอนที่องค์ชายลีโอนาร์ดไม่อยู่, ต่อให้มันจะแค่ชั่วคราว, ท่านก็ถือว่าเป็นหัวหน้าของขุมอำนาจเรานะครับ”
“โทษที, โทษที ข้าจะระวังให้มากกว่านี้”
“นี่ท่านเข้าใจจริงๆใช่ไหม……ท่านนอนไม่พอก็เพราะท่านเอาแต่เที่ยวเล่นในตอนกลางคืนไม่ใช่หรอครับ? ได้โปรดหยุดใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วช่วยน้องชายของท่านให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ”
พอพูดจบ, เอิร์ลแลงไฮม์ก็โค้งคำนับแล้วเดินออกจากห้องไป
อย่างไรก็ตาม, ในทันทีที่เขาออกจากห้อง, จู่ๆเอิร์ลแลงไฮม์ก็สะดุดแล้วล้มลงไป
แต่ว่าตรงนั้นไม่น่าจะมีอะไรที่ทำให้เขาสะดุดได้
มีคำถามลอยอยู่ในหัวของเอิร์ลในขณะที่เขาลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกไป
“ซิก เลิกแกล้งได้แล้ว”
อัลหันไปมองซิกที่กำลังเข้ามาในห้อง
ซิกปีนขึ้นมาบนโต๊ะและบอกอัลว่าเอิร์ลไม่ได้เจ็บตัว
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ข้าได้ยินเสียงบ่นของเจ้านั่นดังมาตั้งแต่ข้างนอกเลยนะรู้ไหม? อย่างน้อยก็ให้ข้าทำแบบนี้ไม่ได้รึไง?”
ด้วยการใช้จังหวะช่วงที่เอิร์ลแลงไฮม์ออกจากห้อง, ซิกก็เข้ามา จากนั้นเขาก็ตั้งใจสกัดขาเอิร์ลแรงไฮม์ด้วยความตั้งใจ
ให้ตายเถอะ
อัลพึมพำ
“เขามาจากขุมอำนาจของพวกเราเพราะฉะนั้นมันไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรนักถ้าเขาเห็นเจ้าแต่ช่วยอย่าทำตัวให้มันเด่นเกินไปจะได้ไหม”
“ก็ได้, ก็ได้, ข้าจะระวัง แล้ว? เจ้าคิดแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปของพวกเราได้รึยัง?”
“ข้าจะคิดหลังจากที่เห็นรายงานการพบเจอวันพรุ่งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารีเบคก้าอยู่ซักที่นึงใกล้กับตำแหน่งพวกนี้เพราะฉะนั้นข้าจะคำนวณย้อนดูจากตรงนั้น”
“แย่จังเลยนะ น้องชายของเจ้าได้รับการสรรเสริญแค่เพราะเขาอยู่กับลูกน้องและออกตามหาทั่วเมืองหลวงตรงๆอย่างโง่เง่าในขณะที่เจ้าอยู่ที่นี่คอยระดมสมองแต่ก็ยังถูกเหยียดอีก แบบนี้นี่ลำบากแย่เลย”
“การค้นหาของลีโอก็จำเป็นเหมือนกัน ตราบใดที่พวกเราไม่มีเงื่อนงำว่าเธออยู่ที่ไหน, การค้นหาของเขาก็มีประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น, ถ้าลีโอออกไปหาเธอด้วยตัวเอง, รีเบคก้าก็จะรู้ด้วยว่าจะเจอเขาได้ที่ไหนในกรณีที่เธออยากติดต่อกับพวกเรา”
ลีโอไม่ได้โง่
เขารู้ว่าเคลื่อนไหวยังไงถึงจะมีประสิทธิภาพ
และงานหลังฉากมันก็เป็นงานของฉันอยู่แล้ว เมื่อคิดแบบนี้, อัลก็สดชื่นขึ้น
“พวกเราจะต้องเจอเธอในเร็วๆนี้แหล่ะ ถึงยังไงยื้อศึกยามค่ำคืนต่อไปเรื่อยๆแบบนี้มันก็ไม่มีความหมายอะไร”
“นั่นสินะ, ขอฝากเจ้าด้วยแล้วกัน เด็กสาวคนนั้นดูเหมือนจะเล่นซ่อนหาเก่งใช้ได้เลยด้วย ถ้าเจ้าสามารถบีบพื้นที่การค้นหาเพื่อพวกเราได้พวกเราก็จะหาตัวเธอมาให้เจ้าได้อย่างแน่นอน”
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของซิก, แล้วเอาแผนที่เมืองหลวงจักรวรรดิออกมาจากโต๊ะ
เครื่องหมายที่ทำสัญลักษณ์เอาไว้คือรายงานการพบเห็นรีเบคก้าทั้งหมดจนถึงตอนนี้ พวกมันกระจายตัวอย่างไม่เป็นระเบียบดังนั้นจึงไม่สามารถอ่านรูปแบบได้
“ดูเหมือนว่ารีเบคก้าจะมีนักกลยุทธ์ฝีมือดีอยู่ข้างกายแต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเธอจะเล่นกับพวกเราได้ถึงขนาดนี้”
ในขณะที่กำลังคิดว่ามันเป็นปัญหาขนาดไหน, อัลก็มองไปยังสถานที่ที่รีเบคก้าน่าจะซ่อนตัวอยู่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น