Rise of The Undead Legion 51-70

 51 สร้างความกลัวให้พวกมัน !

เดฟ กำแก่นดันเจี้ยนในมือไว้แน่น


มอนเตอร์ทีเกิดมาในดันเจี้ยนนั้นตัดสินจากที่ว่าดันเจี้ยนนั้นอยู่ที่ไหนทางภูมิประเทศและผลจากตำแหน่งต่างๆโดยรอบ


ตอนที่ดันเจี้ยนปนเปื้อน อันเดตจะเกิดมาแทนที่มอนสเตอร์แบบเดิม


ที่คือโบสถ์ที่ปกติแล้วจะมีมอนสเตอร์ประเภทมัมมี่ มันเป็นอันเดตอยู่แล้วแต่พวกมันไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของ Undead King


เดฟได้ใช้งานแก่นดันเจี้ยนและมีแจ้งเตือนโผล่มาตรงหน้าเขา


[ Temple of the Black Skull Order ถูกยึดไว้โดยเขตอันเดต ]


ดันเจี้ยนและมอนสเตอร์ด้านในได้เปลี่ยนไป


มอนสเตอร์ด้านในดันเจี้ยนยังคงรูปลักษณ์เดิม


ดันเจี้ยนยกระดับขั้น +1


เลเวลมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน + 50 เลเวล


มินิบอสไม่ทำงาน Ancient Black Skull


มินิบอสตัวใหม่ Sir Zax – Level 200 [Death Knight Lieutenant]


บอสดันเจี้ยนตัวเดิมไม่สามารถใช้งานได้ มอนเตอร์ระดับบอสได้ถูกนำเข้ามาแทนที่


Musta Krakish – Level 300 [Death Knight]


ตอนที่เดฟปัดแจ้งเตือนทิ้งและพุ่งเข้าไปข้างในต่อ เขาก็ยากที่จะเดินต่อไปได้เพราะดันเจี้ยนได้เริ่มทำการปรับเปลี่ยน กำแพงนั้นได้หลอมรวมกันและพื้นได้กลายเป็นกองกระดูกและเนื้อเน่า เสาได้กลายเป็นสีดำ การเปลี่ยนแปลงนี้มีความเร็วแตกต่างกันไปและสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงก็สิ้นสุดลงพร้อมกับกระบวนการที่เสร็จสิ้น โบสถ์แห่งนี้สุดท้ายก็ได้เปลี่ยนเป็นวังแห่งความตายลอยอยู่เหนือทะเลทรายรอบๆ


มันได้มีแจ้งเตือนเพิ่มขึ้นมาอีกเกี่ยวกับดันเจี้ยน


[ คุณได้ปรับเปลี่ยนดันเจี้ยน ( ขั้น 2 ) ]


[ คุณจะได้รับคะแนนรายเดือน 2,000 คะแนนสำหรับดันเจี้ยนและการปรับดันเจี้ยน ผู้เล่นทุกคนที่ตายในดันเจี้ยนจะให้ 20 คะแนน ถ้าแก่นดันเจี้ยนได้รับความเสียหายโดยผู้เล่นคนอื่นรึองค์ประกอบอื่นๆ ดันเจี้ยนจะกลับไปเป็นสภาพเพิมและคุณจะเสียคะแนนที่ได้รับประจำเดือนไป มีแค่ผู้เล่นที่ครอบครองแก่นดันเจี้ยนเท่านั้นที่จะเห็นแก่นดันเจี้ยนได้ ]



บอสได้ปรากฏตัวข้างๆเดฟตรงที่ใจกลางวงกลมที่ Drahma เคยอยู่


[ Musta Krakish -Death Knight ]


เลเวล : 300


คลาส : บอส


HP : 250,000


พลังป้องกัน : 12,000


ดูดซับเวทย์ 8,000


สกิล : { Bound Servitude : บังคับศัตรูแบบสุ่มให้โจมตีเพื่อนตัวเองเป็นเวลา 10 วินาที }


{ Damnation Beyond Death : คนที่ตกอยู่ตายด้วยฝีมือของบอสจะกลายเป็น Skeleton Captain เพื่อรับใช้บอส }


{ Forced Duel : บังคับทำการต่อสู้แบบ 1 v 1 ระหว่างบอสกับผู้เล่นแบบสุ่มเป็นเวลา 10 วินาที ไม่มีอะไรที่เข้ามาขัดได้ ! ( ผลลงโทษมีผล ) }


สมาชิกของดินแดนอันเดต


เขามีดาบกับโล่และสมเกราะสีดำซึ่งมีร่องรอยสีแดงเต็มไปทั่วเกราะ เดฟไม่มั่นใจว่าจุดสีแดงเหล่านั้นคืออะไรแต่มันดูคล้ายกับเลือด


” อันเดตน้อย ! ” – Death Knight พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเคารพ – ” แกช่วยเจ้านายฉันจากพวก Black Skull ฉันซาบซึ้งจริงๆ ฉันจะปกป้องที่นี่ไว้ในนามของราชาของเราและของแก่ด้วย จงแข็งแกร่งขึ้นและทำให้ตัวเองเป็นผู้ผจญภัยที่ไม่รู้จักความตาย ” – Death Knight พยักหน้าขอบคุณเดฟ


” ขอบคุณ อัศวิน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงได้มาอยู่ที่นี่ นายอาจจะตายได้ ฉันไม่สงสัยในความแข็งแกร่งหรือความกล้าของนาย นายน่ะเป็น Death Knight ที่แข็งแกร่งแต่มันต้องมีสิ่งสำคัญที่นายสามารถทำได้ สำคัญกว่าการเฝ้าห้องดันเจี้ยนนี่ “


” ไม่ อันเดตน้อย หน้าที่นี้ราชาให้ฉันมาเอง ตอนที่นายขึ้นมาถึงระดับฉันได้ นายจะได้รับหน้าที่แบบนี้ด้วย ปกป้องสุสานคือวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งของเรา ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่ตายที่นี่จะถูกส่งไปยังดินแดนแห่งความตายเพื่อรับใช้ Undead King นายจะเข้าใจมัน จากนี้ฆ่าพวกบุกรุกและขี้ขลาด มีหน้าที่มากมายรอนายอยู่ในอนาคต ” – Death Knight พูดขึ้นมาก่อนจะจบบทสนทนา


เดฟ ถอยกลับมา เขาไม่ได้มีอะไรต้องทำที่นี่อีก เขาเข้าใจว่าทันทีที่เขาระดับสูงขึ้นมาเขาจะได้ภารกิจที่ยากขึ้นมากกว่าการฆ่าผู้เล่นซึ่งจริงๆแล้วมันถือว่าเป็นการพักผ่อนสำหรับเดฟ เพราะมันน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆกับการฆ่าผู้เล่นแต่รางวัลที่เขาได้มาก็ถือว่าค่อนข้างดี


ด้วย xp ที่ได้จากการปล่อย Drahma เดฟจึงเลเวลเพิ่มขึ้นเป็น 65


[Anti-Bully Bauble] ที่เขาได้มาลบความกังวลเรื่องจะโดนผู้เล่นเลเวลสูงรุมฆ่า บอสเลเวล 580 นั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว บางทีบอสอาจจะมาช่วยเขาในบางเควสที่เกินเลเวลก็ได้ บางทีมันอาจจะช่วยในดันเจี้ยนเกินเลเวลก็ได้


เดฟตัดสินใจที่จะถอยและไปรวมกลุ่มก่อน บวกกับเขาต้องการตรวจดูคำสัญญาของ Drahma สำหรับรางวัลที่เตรียมให้เขาไว้ที่ร้านค้า


[คุณได้รับ 25 คะแนน ]


” หือ ? “


Musta Krakish ได้พูดขึ้นมา – ” ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งได้บุกเข้ามาในดันเจี้ยน พวกมันยังไม่ได้เตรียมตัวรับมือสำหรับดันเจี้ยนนี้ “


ความสงสัยปะทุขึ้นในใจเขา เดฟตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักหน่อย เขากับอันเดตที่เหลือเดินไปตามทางในดันเจี้ยนเพื่อดูผู้บุกรุก


ตอนที่ไปถึงห้องมินิบอส อันเดตของเดฟก็ได้เข้าตำแหน่งซุ่มโมตีในทางเดินและ เดฟก็ได้มองเข้าไปในห้อง


” มินิบอสอยู่ไหน …” – เดฟ สงสัยและมองไปรอบๆห้อง มันไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น เขามองลงไปก่อนจะหยุดแล้วจากนั้นก็เกิดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าของเขา


ไม่กี่นาทีต่อมาพวกผู้เล่นก็ได้เดินข้ามาในห้องบอสจากทางเดิน


เดฟยิ้มในตอนที่เห็นพวกนั้น พวกนั้นเป็นสมาชิกของกิลด์ Heaven’s Dawn พวกเดียวกับที่สู้กับกิลด์ย่อยของ Blood Rage ที่ทางเข้าดันเจี้ยน


ปรากฏว่าเพื่อนของ Sublime Spirit เลเวล 380 นั่นยื้อพวกนี้ไว้ได้ไม่นาน


” นี่มันต่างจากที่ฉันเคยเห็นในวิดีโอมา ” – แทงค์พูดขึ้นมา


” ใช่ มันมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ทั้งดันเจี้ยนเปลี่ยนไปจากเดิม “


” อ่ะ ! ดูตรงนั้นสิ ! ” – พรีสสาวตะโกนออกมาด้วยความกลัว


พวกเขาไม่เห็นอะไร….


” เดี๋ยว มัน…ไม่สิ มันอยู่ตรงนั้น ! “


กำแพงขยับได้แต่ไม่มีทางที่ใครจะเห็นมันได้โดยตรง มันเหมือนกับแค่คลื่นกระเพื่อมเล็กน้อยเท่านั้น กำแพงทำขึ้นจากระดูกและเนื้อ หน้าที่โผล่ออกมาแล้วหายไปซึ่งเผยให้เห็นถึงความน่ากลัว ร่างมากมายทั่วกำแพงได้เข้ามารวมตัวกันซึ่งดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก


พวกผู้เล่นพากันมองไปที่กำแพงที่กำลังขยับ พวกเขาตะลึง พวกเขาไม่ได้เห็นตัวตนไหนที่โผล่มาจากทางเดินตรงกันข้ามเลยในตอนแรก


นักฆ่าหันเหความสนใจจากกำแพงตอนที่เห็นใครบางคนหรือบางอย่างเดินตัดห้องเข้ามาหาพวกเขา


พวกนั้นพากันเกาหัวและกระพริบตาด้วยความสับสน ผู้เล่นที่เหลือต่างก็พากันอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ ตกใจและตื่นตัวกับอันเดตที่เดินเข้ามาโดยได้สติจากเสียงของนักฆ่า


พวกนั้นต่างก็มองไปที่อันเดตที่เดินเข้ามาหาพวกเขา


แต่อันเดตหนวดนั้นได้หยุดเมื่อมาถึงใจกลางห้อง พวกผู้เล่นมองเขาอย่างระวัง กำแพงนั้นเกือบทำพวกเขาหลอนจนสลบและตอนนี้มีอันเดตเดินเข้ามาหาพวกเขา บางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นกับดันเจี้ยนแห่งนี้


” ไอ้นี่ดูคุ้นๆ ” – แทงค์มองไปที่อันเดตหนวดพร้อมกับจับดาบด้วยความกังวล


เดฟ ยิ้มแล้วเอามือไขว้หลัง


” มันก็แค่อันเดตเลเวล 65 “


” เฮ้ย ! ไม่ใช่ว่าเขาเหมือนไอ้นั่นหรือไง Mr.Skeletal น่ะ ? ” – แทงค์ถาม


ทุกคนรู้จักอันเดตหนวดผู้โด่งดังจากวิดีโอ นี่ไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ในการฆ่าเขาเลย


” ใช่ ! เขานั่นเอง ! นี่มันเจ๋งชะมัด ถ้าเราฆ่าเขาได้ เราก็จะเปิดอีเวนต์อันเดต ! ” – หัวหน้าปาร์ตี้พูดขึ้นแล้วก้าวออกมาข้างหน้า


” เดี๋ยวก่อน “


นักฆ่าตะโกนเอาแต่สบถตั้งแต่ที่เห็นเดฟ เขาไม่ชอบที่จะถูกขังไว้ในห้องมินิบอสแห่งนี้


” มีบางอย่างผิดปกติ ” – เขาพูดขึ้นแล้วโน้มตัวไปข้างหน้ามองไปรอบๆห้อง


จากการฝึกและอาชีพของนักฆ่า นักฆ่านั้นระวังและสงสัยทุกคนและทุกอย่าง พวกเขารู้ดีกว่าใครว่ามันส่งผลเสียขนาดไหนหากไม่ทันระวังตัวหรือถูกชักนำเข้าสู่กับดัก ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเลย


นักฆ่ารู้สึกอึดอัด เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่เขาตรวจจับอะไรที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ได้ ดันเจี้ยนนี้ยากกว่าที่คิดเอาไว้และเขาไม่ต้องการจะเดินเข้ามาในสถานการณ์ที่ทำลายพวกเขาได้ การกลับไปเกิดแล้ววิ่งกลับมาใหม่นั้นถือว่าแย่พออยู่แล้ว


เดฟไม่ต้องการให้ปริศนาในห้องนี้ถูกเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงพูดออกมา – ” อันเดตปกครองที่นี่ พวกมีชีวิตต้องตาย ! “


เดฟกระทืบพื้นแล้วสั่งการออกมา – ” ตื่น ! ” “


พื้นดินสั่นไหวพร้อมกับมีกีบเท้าสีดำโผล่ขึ้นมาจากพื้นแล้วกลืนกินพวกกระดูก เมื่อรวมตัวกันกลายเป็นตัวตนพร้อมกับมีกระดูกมายมายที่มันกลืนกินไหลวนอยู่ในร่างสไลม์ของมัน ร่างนั้นเริ่มสูงและกว้างขึ้นเรื่อยๆ มันยังคงทำการกลืนกินกระดูกต่อไปและประกอบตัวกันเป็นยักษ์สไลม์กระดูก เบเฮมอธกระดูกที่เป็นอันเดตซึ่งไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้แต่มีกระดูกนับสิบอันที่เป็นแขนของมันแทน


ถ้าเดฟไม่ได้มองลงไปที่พื้นห้องตะกี้ เขาคงมองข้ามมันไปแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ใช้สกิลติดตัวที่แผ่ตัวเองไปกับพื้นห้อง


มันเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเดฟที่จะเข้ามาในห้องนี้ แค่เพียงคำพูดไม่กี่คำและการกระทืบพื้นเพื่อปลุกสไลม์ตัวนี้


เดฟพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว – ” อยู่หรือตายขึ้นอยู่กับพลังของแกแต่รู้ว่าเราจะยึดครองดินแดนทั้งหมด….สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องตาย ! “


จากนั้นเขาก็วาร์ปหนีไป หายไปพร้อมกับแสงที่ส่องประกายขึ้นมา


เดฟได้กลับไปโผล่ที่โลกอันเดตอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะได้เดินไปข้างหน้าเขาก็ได้รับแจ้งเตือนถึงคะแนนที่เพิ่มขึ้นมา มินิบอสนั้นแกร่งเกินไปสำหรับปาร์ตี้พวกนั้น


เขายิ้มก่อนจะเดินไปที่ร้านค้า มันมีไอเท็มรอเขาอยู่และเขาก็จะไปรับรางวัลของเขา


52 [Earrings of The Unbridled Zealot]

เดฟถามกับเจ้าของร้านว่าอีกฝ่ายมีของให้เขาหรือไม่


” เอ้ย มีของขวัญให้นายจาก Undead Lord ” – คนขายหลังเคาเตอร์ได้พึมพำออกมาและค้นกล่องอัญมณีพูดขึ้นมา


” งั้นนายก็เป็นอันเดตน้อยที่สร้างผลงานให้กับราชาและดินแดนนี้ ” – เขายิ้มจนเผยฟันเหลืองของเขา – ” ฉันดีใจนะที่นายเลือกร้านฉัน ฉัน Dikenz พ่อค้าผู้ต่ำต้อย ” – มันพูดขึ้นพร้อมกับโค้งให้


มันได้ส่งตุ้มหูหินสีแดงเลือดก้อนเล็กๆให้กับเดฟ


[ Earrings of The Unbridled Zealot ]


ประเภท : เครื่องประดับ


คำอธิบาย : ตุ้มหูของสมาชิกเผ่าเบอร์เซิคเกอร์โบราณที่บูชา Mad God สมาชิกเพียงคนเดียวของเผ่าที่ยังรอดและอยู่มาถึงทุกวันนี้คือ Drahma


ข้อกำหนด : เสร็จสิ้นเควส A call for help


โบนัส : Vit +200, Str +100, Agi +100, Wis +100, Dex +100, Mana +1,000


สกิลเองลักษณ์ : { Zealot : เปลี่ยน DN(ลดดาเมจ) และ MA(ดูดซับเวทย์) ทั้งหมดเป็นเลือดและเพิ่มดาเมจที่ได้รับ 100% , Str +100, Agi +100, Dex +100 สำหรับเลือดทุกๆ 10% ที่เสียไป


สเกล : Legendary


ในเกมนี้ผู้เล่นสามารถใส่เครื่องประดับอย่างสร้อย, ตุ้มหูและแหวนในมือแต่ละด้านได้


เดฟสงสัยว่าสกิล {Zealot} นั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้ Drahman คลุ้มคลั่งและไม่มีเหตุผลในดันเจี้ยน


มันเป็นอุปกรณ์ทีดี่แต่มันก็มีอันตรายในตัวของมันด้วย


มันจะทำให้ผู้ใช้ได้รับดาเมจเป็นสองเท่า เขาคงต้องตายหากไม่มีสเตตัสในการป้องกัน


ตุ้มหูนี้ถือว่าทรงพลังแม้ว่าจะไม่มีสกิลที่ให้มาโดยนั่นคือสเตตัสที่มันให้ที่น่าทึ่งซึ่งทำให้เขาทำดาเมจเพิ่มขึ้นได้หลายเท่า…


เดฟใส่มันก่อนจะหันกลับไปหาเจ้าของร้าน


” ฉันต้องการของอย่างอื่นด้วย “


เดฟได้ซื้อเกราะอกและถุงมือเพิ่ม


[Chestplate of the order of the Fallen Black Knights]


ประเภท : เกราะอก


คำอธิบาย : ชิ้นส่วนของเกราะที่หลอมขึ้นเพื่ออัศวินที่ถูกทำลายไปนานแล้ว พวกเขาสามารถที่จะสู้สุดใจเพื่อที่จะกำจัดอันเดต


คำสั่งนั้นได้จบลงด้วยความเศร้า Undead King ได้สาปพวกนั้นให้กลายเป็นอันเดตสิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุด


ข้อกำหนด : เลเวล 60, Str 200, Agi 100, Dex 100


โบนัส : Vit + 800, ต้านทานดาเมจ 4%, ลดดาเมจ 500, ดูดซับเวทย์ 120


คลาส : Rare



[ Greaves of the order of the fallen Black Knights ]


ประเภท : ถุงมือ


คำอธิบาย : ชิ้นส่วนของเกราะที่หลอมขึ้นเพื่ออัศวินที่ถูกทำลายไปนานแล้ว พวกเขาสามารถที่จะสู้สุดใจเพื่อที่จะกำจัดอันเดต


คำสั่งนั้นได้จบลงด้วยความเศร้า Undead King ได้สาปพวกนั้นให้กลายเป็นอันเดตสิ่งที่พวกเขาเกลียดที่สุด


ข้อกำหนด : เลเวล 60, Str 200, Agi 100, Dex 100


โบนัส : Vit + 500, ต้านทานดาเมจ 4%, ลดดาเมจ 400, ดูดซับเวทย์ 100


คลาส : Rare


รางวัลจากการช่วย Drahma นั้นให้ถึง 1,500 คะแนน หลังจากที่ซื้อถุงมือกับเกราะอกแล้ว เขาก็ยังเหลืออีก 100 คะแนน


เดฟได้ทำการตรวจสอบสเตตัสตัวเองหลังจากที่ใส่อุปกรณ์ทั้งสองชิ้น


[ ชื่อ : Death Stroke


เลเวล : 65


เผ่า : มนุษย์ ( อันเดต)


Health : 17,200+(820)


Mana : 2300 +(115)


Stamina( ค่าแรง ): ไม่จำกัด


Rage/Focus: 100


Intelligence 260 +(13)


Wisdom 310+(15.5)


Dexterity 260 (+13)


Agility 260 +(13)


Vitality 1802


Strength 260 +(13)


Magic Absorbtion ( การดูดซับเวทย์ ) : 560


Damage Nullification ( ลดดาเมจ ) : 1,600


Immunity ( ต้านทาน ) : 14% +(0.7)%


HP Regen ( ฟื้นฟูเลือด ) : 0.1/sec +(0)


Mana Regen (ฟื้นฟูมานา) : 1.1/sec +(0)


Stamina Regen ( ฟื้นฟูแรง ) : +∞


Rage/Focus (ค่าโฟกัส/ความคลั่ง) : 1/วินาที


ฉายา : ฉันรู้ทุกอย่าง ! ]


ด้วยไอเท็มใหม่ที่ใส่เข้าไป สเตตัสของเดฟถือว่าน่าประทับใจสำหรับตัวละครเลเวล 65


Undead King นั้นคือหัวหน้าสูงสุด มันหัวหน้า 7 ตัวที่เป็นคนสั่งการทัพ มันมีนายพล 7 ตัวซึ่งเป็น Abyssal Knight ที่อยู่ภายใต้ราชา แต่ละตัวสั่งการกองทัพที่มีนักรบมากว่า 100 ล้านตัว


แต่ละหน่วยนั้นจะมี Doom Knight 100 ตัว, Death Knight 10,000 ตัว, Skeletal Captian 1,000,000 ตัวและพวกโครงกระดูกระดับสูงและธรรมดาประมาณ 100 ล้านตัว


เดฟตรวจสอบที่นายพลและเห็นว่าจริงๆแล้วมันมี 8 ตัว 3 ตัวนั้นดูแปลกเล็กน้อยเพราะ 2 ใน 3 ตัวนั้นมีชื่อและหนึ่งตัวที่เขียนไว้ว่า Exile ( ถูกขับไล่ ) ไปแล้ว


Gehna เป็น Arch Lich ที่สั่งการหน่วยเวทย์ซึ่งเดฟรู้ดีเพราะมันเขียนบอกเอาไว้ เดฟรู้จากเควส [Treachery] ที่เขาได้ไปช่วย Du-Raza ที่เป็นลูกน้องของ Gehna


ตัวที่สองคือ Dalga มันเป็นผู้นำของนักรบแนวหน้า เขารู้จักมันผ่านเควส [A Call for Help] ที่ไปช่วย Drahma เอาไว้


ส่วนนายพลที่โดนขับไล่ไปนั้นเป็นหน่วยกองโจร เมื่อเขาโดนขับไล่ ลูกน้องเขาเองก็โดนขับไล่ไปด้วย เดฟรู้จักแค่คนเดียวที่โดนขับไล่ออกไปนั่นคือ Deadra


” งั้นกองทัพอันเดตก็มีสมาชิกประมาณ 8 ร้อยล้านตัวซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นกองทัพใหญ่แต่เทียบกับผู้เล่น 2 พันล้านคนแล้วถือว่าเป็นกองทัพที่เล็กอยู่ “


” ตำแหน่งของ Deadra ยังว่างอยู่….ถ้าฉันได้ตำแหน่งนี้มาด้วยการปีนไปจนถึงตำแหน่ง Abyssal Knight นั้นคงจะง่ายกว่าการปีนไปในตำแหน่งอื่น อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องไปสู้เพื่อแย่งใครมา ฉันอาจจะได้รับความช่วยเหลือเพื่อได้มันมาก็ได้ ” – เดฟคิด


[ Rioushak ]


ระดับ : Skeleton Captain


เลเวล : 120


HP : 25,000


กันดาเมจ 1,500


ดูดซับเวทย์ 200


” ฉันใส่ได้แต่ฉันต้องเลเวลถึง 100 ก่อนเพราะผลลงโทษเรื่องเลเวลที่ต่างกัน แม้ว่าฉันจะใส่เกราะจาก Black Knights order เต็มเซ็ตแต่เพราะเลเวลที่ต่างกันมากกว่า 20 เลเวล ดาเมจของฉันก็จะลดลงและดาเมจมันก็จะเพิ่มขึ้น นี่ไม่ต้องพูดถึงค่ากันดาเมจของมันที่สูง ฉันอาจจะสร้างแม้แต่รอยที่เกราะมันไม่ได้ด้วยซ้ำ “


เดฟ เดินไปดูพื้นที่ของ Skeleton Captain ที่เขาเข้าไปไม่ได้ในตอนนั้น – ” เมื่อฉันถึงขั้น Skeleton Captain ฉันจะออกจากดินแดนอันเดตได้ “


” ฉันน่าจะขายชุดเดิม มันใช้งานมานานแล้วแต่ตอนนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเมื่อใส่เซ็ต Fallen Knight Order Armor ได้แล้ว ฉันอาจจะได้เงินจากมันมาก็ได้….เงินเก็บของฉันก็ลดลงทุกวันๆ


จากนั้นเขาก็เปิดหน้าต่างภารกิจและถูกส่งไปเพื่อทำภารกิจอีกรอบ


53 พบกับเพื่อนเก่า

อย่างที่คาดเอาไว้ เดฟพบว่าตัวเองอยู่ในสุสาน มันเป็นหนึ่งในสุสานที่เขาถูกส่งมาในภารกิจแรก สุสานที่ใกล้กับชายแดนตะวันตกของกิลด์ Devastators


” ที่นี่อีกแล้วเหรอ ? บางทีฉันอาจจะหาบางอย่างเพื่อช่วยตัวเองในการเก็บ xp ได้ละมั้ง “


เดฟมองไปรอบๆและพบกับกลุ่มผู้เล่นสามคนที่สู้กับพวก Skeleton Elites น่าแปลกใจที่เขาจำพวกนั้นได้


ฮันเตอร์ แทงค์และพรีสที่ชื่อ Perfect Shot, Human Fortress และ….. Pussy Flanker


เดฟหัวเราะออกมาอีกครั้งตอนที่เขาอ่านชื่อพวกนี้โดยเฉพาะกับชื่อพรีส


Perfect Shot นั้นเลเวลสูงที่สุดคือ 45 และอีกสองคนเลเวล 42 พวกนี้มาอยู่ในเขตที่เลเวลต่ำกว่าตัวเอง ที่นี่ไม่ได้เป็นภัยต่อเขาและไม่ค่อยให้ค่า xp มากเท่าไหร่ ในทางกลับกันแล้วเขาก็ยังเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจผู้เล่นทั้งสามคน


ท่าทีของทั้งสามคนค่อนข้างตรงกันข้าม


” เหี้ย นั่นเขา ! ” – Human Fortress ชี้แล้วพูดขั้น – ” เร็วเข้า ! รีบติดต่อกิลด์ ! “


เดฟขมวดคิ้วพร้อมกับปากที่บิดเบี้ยวไป


“ใช่ นายทำเลย เรียกหัวหน้าพวกนายมาเพื่อที่พวกเขาจะได้มาคอยเช็ดน้ำมูกให้นายเอาสิ น่าสมเพชจริงๆเลย ” – เสียงหัวเราะของเดฟดังก้องจากโพรงในหัวกะโหลกของเขา


” มาตกลงกัน ฉันจะจัดการพวกนายสามคนด้วยตัวคนเดียว ฉันจะไม่ใช้ลูกน้อง ” – เดฟท้าทั้งสามคน


” ไม่มีทางเว้ย ! “- Human Fortress พูดขึ้น – ” เราไม่ได้โง่ นายเลเวลสูงกว่าเราและนายจะใช้ลูกน้องโจมตี ” – Human Fortress ตะโกนออกมาพร้อมถอยหลังกลับไป


” ฉันโจมตีทันทีเลยก็ได้ ” – เดฟพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับ Ghoul สองตัวของเขาที่วิ่งออกไปด้านข้างทั้งสามคน


” หยุดก่อน ! ” – Perfect Shot พูดขึ้น – ” งั้นก็ตกลง เรารับคำท้า ” – เขาพูดขึ้น


” นี่ไง ผู้ชาย…หรือผู้หญิงที่มีความกล้ากับตัว นี่แหละที่ฉันอยากจะเห็น “


เดฟสั่งให้ลูกน้องถอยกลับไป


” นายจะทำอะไร ? “- Pussy Flanker ถามขึ้นมา เขามองไปรอบๆอย่างกังวลในตอนที่อันเดตทั้งสิบตัวล้อมพวกเขาเอาไว้อยู่


” นายมีความคิดที่ดีก่วานี้มั้ยล่ะ ? เขาโจมตีเราโดยไม่ต้องเตือนได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะมีฝีมืออยู่บ้างแต่นี่เป็นการต่อสู้แบบ 3v1 เราควรรับคำท้า ” – Perfect Shot พูดพร้อมกับดื่มยาเพิ่ม DEX


” เหี้ย ! ” – Human Fortress ตะโกนออกมา


” อย่างน้อยๆเราก็โพสต์วีดีโอสู้นี่ที่บล็อกของเราได้ ” – Pussy Flanker พูดขึ้นมา – ” คิดดูสิถ้าเราชนะได้ เราก็จะมีสาวๆมากมายมาติดตาม ! ” – หน้าที่เพ้อฝันโผล่ขึ้นมาที่ใบหน้าของเขา


อีกสองคนมองเขาด้วยท่าทีสงสาร


” มาสิ ‘ สาวๆ ‘ เริ่มตอนไหนก็ได้ที่พวกนายต้องการ ” – เดฟพูดขึ้นแล้วยกดาบกับโล่ขึ้นมา


Perfect Shot ถอยกลับไปไม่กี่เมตรและ Pussy Flanker เองก็ถอยกลับไปอยู่ข้างๆ


เดฟพุ่งเข้าไปหาพรีสนี่เป็นกลยุทธพื้นฐานที่ต้องจัดการตัวฮีลก่อน


{ Anchor Hall } – Human Fortress ใช้สกิลออกมา


เดฟฮึดฮัดและไม่สนใจสกิลท้าทาย เขายังคงมุ่งหน้าเข้าไปหาพรีสต่อ


” ไอ้โง่เอ้ย ! เขาเป็นผู้เล่น สกิลขู่ใช้ไม่ได้ผลกับเขาหรอก ! ” – Perfect Shot พูดขึ้นมาและยิง {Binding Arrow} เข้าใส่เดฟ


” เหี้ย ! ฉันไม่รู้นี่หว่า ! “- Human Fortress พูดขึ้นมาแล้วใช้ {Charge} เพื่อพยายามที่จะขัดจังหวะเดฟ


เดฟได้ปะทะกับแทงค์ด้วยการใช้ { Rising Slash} ได้เวลาเหมาะเจาะ ช่วงเวลาอมตะได้ทำให้ผลของสตั้นท์นั้นถูกลบไป เขาตอบโต้ด้วย { Destructive Smash} เดฟสามารถทำให้ Human Fortress สตั้นท์ได้


{Warrior’s Will} – Human Fortress ใช้สกิลออกมาลบผลสตั้นท์


เดฟได้ใช้ { Death Grip} อีกรอบเพื่อเปลี่ยนให้แทงค์กลายเป็นตัวละครที่ไร้ประโยชน์ไม่สามารถทำอะไรได้ในเวลา 5 วินาที


เดฟใช้โอกาสนั้นวิ่งเข้าหาพรีสที่ซึ่งตอนนี้กำลังใช้สกิลฮีลเข้าใส่เขาอยู่


[-268 ]


สกิลฮีลนั้นทำอะไรเดฟไม่ได้มากเพราะการดูดซับเวทย์ของเขา


” โอ้เหี้ยเอ้ย ! ” – Pussy Flanker สบถออกมาพร้อมกับเดฟที่ใช้ {Twin Strike} เลียนแบบการโจมตีธรรมดา


[-2,300 ]


เลือดของพรีสมีทั้งหมด 6,000 การโจมตีของเดฟนั้นลดเลือดพรีสไปถึง 1/3 สเตตัสที่เพิ่มขึ้นมาของเขาได้แสดงออกมาผ่านตัวเลขดาเมจ


เดฟโบกมือพร้อมกับมีหัวกะโหลกสีแดงพุ่งเข้าใส่พรีส จากนั้นเขาก็หันกลับแล้วใช้ {Stampede} โจมตีใส่ Perfect Shot


หัวกะโหลกส่องแสงสีแดงน่ากลัวออกมาแล้วพุ่งไปที่ไหล่ของพรีสโดยไม่ได้ทำดาเมจอะไร แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรเขาได้แต่เขาก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่


{Breaking Shot} – ฮันเตอร์พยายามที่จะขัดจังหวะการพุ่งของเดฟ


ธนูนั้นทำได้แค่ลดเลือดเขาเท่านั้น เดฟไม่ได้สะเทือนเลยสักนิดและฮันเตอร์ก็ไม่ได้มีเวลาที่จะหนีพร้อมกับเดฟที่ชนเขาเข้า


[-2,890 ]


นี่มันเกือบครึ่งของเลือดฮันเตอร์เลยทีเดียว


{Stampede} ไม่อาจที่จะขัดจังหวะได้ ถึงมันจะหยุดได้โดยบางอย่างที่มีขนาดใหญ่พออย่างกำแพงก็ตาม


” ทนไว้ ฉันจะฮีลนายเอง ! ” – Pussy Flanker ตะโกนขึ้นมาแล้วเริ่มใช้สกิลของตัวเอง


เดฟไม่ได้หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เขาแค่เก็บดาบไว้ในช่องเก็บของแล้วดีดนิ้ว


มันมีแสงสีแดงที่ส่องประกายออกมาพร้อมกับเสียงระเบิดดังก้อง พรีสกระเด็นออกไปเพราะแรงระเบิดจนทำให้สกิลฮีลนั้นถูกขัดจังหวะ


[-860 ]


เดฟทำการเรียกอาวุธออกมาอีกครั้งและฟันเข้าใส่ Perfect Shot


[-700 ]


{Blink} — ฮันเตอร์โผล่ไปอยู่ข้างๆพรีส


ถึงมันจะดูเหมือนว่านานแต่มันผ่านไปแค่ไม่กี่วินาที ตอนนี้ผลการชาของแทงค์นั้นเกือบจะหมดเวลาลงแล้ว


เดฟได้ใช้สกิลเกือบทั้งหมดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงยกแหวนของตัวเองขึ้นแล้วตะโกนออกมา {Royal Decree}


อัศวินในเกราะทองสองตัวได้โผล่ออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่พรีส


” นี่มันโกงชัดๆ ! ” – Human Fortress สบถออกมาก่อนจะใช้สกิลเพื่อดึงความโกรธล่ออัศวินผีออกจากฮีลเลอร์


เดฟตามไปทันฮันเตอร์และโจมตีใส่อีกฝ่าย ส่วนพรีสนั้นพยายามที่จะฮีลเลือดฮันเตอร์ให้ฟื้นคืนกลับมา


” มันเป็นสกิลอันเชิญ ฉันไม่ได้ใช้อันเดตของฉันนิ “


เดฟโจมตีฮันเตอร์ลดเลือดไปเรื่อยๆ Perfect Shot ใช้สกิลหนีอย่าง {Blink} และ { Breaking Shot} ไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะสร้างระยะห่างกับเดฟได้


” บ้าเอ้ย พลังป้องกันเขาสูงเกินไป ! ” – Perfect Shot บ่นออกมาในตอนที่เลือดเขาลดลงจนถึงขั้นวิกฤต


[+500 ]


ตัวเลขสีเขียวโผล่ขึ้นมาบนตัวฮันเตอร์แต่ค่าตัวเลขสีแดงที่สูงกว่าก็ตามมาติดๆ


” แกนี่มันน่ารำคาญดีนะ ” – เดฟ พูดขึ้นพร้อมกับเหวี่ยงมืออีกครั้งก่อนจะมีหัวกะโหลกปรากฏขึ้นมา


” สกิลหัวกะโหลกอีกแล้ว ” – พรีสพูดขึ้น


เดฟไม่ได้ใช้มันกับพรีส ตาของเขาเป็นประกายขึ้น


ตูม !


เขาใช้สกิลนี้กับ Perfect Shot ทำให้อีกฝ่ายกระเด็นออกไปและเดฟก็ใช้ {Twin Strike} ตามมาติดๆและจบชีวิตอีกฝ่ายไป


[ คุณได้ฆ่าผู้บุกรุก +20 คะแนน ]


” อ่ะ ฮันเตอร์ที่แข็งแกร่งของฉันตายไปซะแล้ว ” – เดฟเยาะเย้ยออกมาก่อนจะหันกลับมา


” เหี้ย …ไอ้บ้านี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ…” – พรีสพูดขึ้น เขาตัวสั่นแล้วนึกถึงหัวกะโหลกที่พุ่งเข้าไประเบิดที่หน้า Perfect Shot


ดาเมจที่เดฟทำได้นั้นถือว่ามหาศาล ปาร์ตี้นี้ไม่สามารถกันมันได้หรือฮีลได้เร็วพอ


” มาจัดการกันต่อดีมั้ย ? ” – เดฟเดินหน้าด้วยท่าทีผ่อนคลายราวกับว่ากำลังจะไปทำเรื่องง่ายๆที่ปกติมักจะทำอยู่แล้วซึ่งก็คือเอาขยะไปทิ้ง


แทงค์ตอนนี้กำลังยื้ออยู่กับอัศวินผีสองตัวอยู่


พรีสตอนนี้กำลังพยายามจะเว้นระยะห่างกับเดฟ แต่เดฟรับดาเมจที่อีกฝ่ายทำได้ง่ายๆและเดินหน้าต่ออย่างไม่เกรงกลัว


” เหี้ย เขามีเลือดเท่าไหร่กันแน่ ? ” – พรีสตะโกนออกมา การโจมตีของเขายากที่จะลดเลือดของ เดฟได้


คูลดาวน์ของ {Stampede} สิ้นสุดลงและ เดฟก็ได้ใช้สกิลขัดจังหวะการวิ่งหนีของพรีส พรีสถอนหายใจออกมาก่อนที่จะยอมแพ้แต่เขาก็ใช้ทุกอย่างที่ตัวเองมีออกมา


เขายิ้มแล้วยกมือขึ้นราวกับจะบอกว่า ‘ ฉันจะโดนจัดการแล้วมันยังไง ? ‘ – ” เฮ้ย ฉันคงต้องเอาไปโม้ว่าฉันได้สู้กับ Mr.Skeletal ผู้โด่งดัง “- เขาพูดขึ้นในตอนที่เขาเลือดลดลงไปเป็น 0


[ คุณได้ฆ่าผู้บุกรุก +20 คะแนน ]


” ฮ่ะ ! Pussy Flanker ได้คะแนนเต็มไปกับความเท่ของเขา ” – เดฟพูดขึ้น


เดฟ มองไปที่แทงค์และอัศวินทั้งสองตัวที่กำลังสู้กันอยู่ แทงค์นั้นตกที่นั่งลำบากแล้ว


เดฟ ได้ใช้ {Spectral Bomb} อีกครั้งและส่งมันเข้าหา Human Fortress


หัวกะโหลกพุ่งเข้าไปหา Human Fortress และโจมตีอีกฝ่ายที่หลัง


แทงค์มองมาที่ เดฟพร้อมกับเลือดเขาที่ลดลงมาถึงช่วงวิกฤต


” นี่เป็นการต่อสู้ที่ดี ” – เดฟพูดขึ้น


” ไม่เชิง เราทำสุดฝีมือแล้วว่ะ เหี้ย แกมันแข็งแกร่ง “


” อ่ะ ความแข็งแกร่งมาพร้อมกับเลเวลพวก โอ้ ดูเหมือนว่าจะมีบางคนอยากเข้ามาสู้ด้วยแหะ ” – เดฟพูดขึ้นแล้วมองผ่าน Human Fortress ไป


หน้าของ Human Fortress เริ่มแสดงความหวังออกมาและเขาหันกลับไปเห็นแค่รอยยิ้มของหัวกะโหลกสีแดงที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ


” ฮี่ฮี่ แค่หยอกเล่นน่ะ ” – เดฟพูดขึ้นพร้อมกับยกมือก่อนจะกางนิ้วออก


สิ่งสุดท้ายที่ Human Fortress ได้ยินคือเสียงดีดนิ้วของเดฟ


[ คุณได้ฆ่าผู้บุกรุก +20 คะแนน ]


” มันสนุกดี เอาล่ะ เล่นมาพอแล้ว ฉันต้องหาดันเจี้ยนเพื่อหาของสะสมเพิ่ม…” – เดฟพูดขึ้เนก่อนจะเดินหน้าต่อพร้อมกับทีมอันเดตที่เดินตามเขามาติดๆ


54 แพทซ์ใหม่!

เดฟได้ทำการค้นหากว่าครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่พบมอนสเตอร์ที่เขาจะใช้เก็บเลเวลได้ เขากำลังคิดจะยอมแพ้และกลับไปที่ดินแดนอันเดตแต่ตอนนั้นมันก็ได้มีมอนสเตอร์กลุ่มใหม่เกิดขึ้นมา


ท้องฟ้าเปล่งแสงพร้อมกับพื้นที่รอบตัวเดฟที่เริ่มสว่างขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองเดฟก็ได้เห็นข้อความที่เขียนไว้บนท้องฟ้า


[ประกาศจากเซิฟเวอร์ : ยินดีกับ Devastators ที่ได้ First Clear ในดันเจี้ยน Pits of Despair ]


[ ผู้เข้าร่วม : Warlord, Valentine, Jericho-Satan Slayer..]


” หืม ในที่สุดพวกเขาก็ทำได้ “


ข้อความยินดีนี้ยังคงแสดงอยู่บนท้องฟ้าเพื่อให้ทุกคนได้เห็น เดฟกลับไปล่ามอนสเตอร์ที่เกิดใหม่ต่อ


สักพักเดฟก็เงยหน้าขึ้นท้องฟ้าในตอนที่ระดับแสงบนท้องฟ้าได้เปลี่ยนไปพร้อมกับมีข้อความใหม่เข้ามาแทนที่อันเดิม


[ ประกาศจากเซิฟเวอร์ : ใน 30 นาทีเกมจะปิดลงเพื่อติดตั้งแพทซ์ใหม่ โปรดไปที่จุดเซฟหรือหยุดสิ่งที่ทำอยู่ ผู้เล่นที่อยู่ในดันเจี้ยนนั้นจะได้รับการเซฟและเริมต้นใหม่ได้ไม่ว่าจะออกจากส่วนไหนของดันเจี้ยนก็ตาม


ระยะเวลาแพทซ์ : 72 ชม.(เวลาจริง)


โปรดตรวจสอบฟอรั่มเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับแพทซ์ใหม่ ]


” หือ นี่มันคาดไม่ถึงเลย ฉันจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินเรื่องเกมที่ปิดตัวลงเพื่อทำการแพทซ์ “


เดฟตัดการเชื่อมต่อและไปทำอะไรกิน ตอนนี้มันดึกแล้วและไม่ค่อยมีอะไรให้เขาทำมากนัก


เขานั่งอยู่หน้าคอมพร้อมกับมาม่าแล้วดูไปที่ตัวอธิบายแพทซ์


[ แพทซ์ 2.0 การเคลียร์ดันเจี้ยน Pit of Despairs ครั้งแรกคือจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงในเกม การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อกลไกการเล่นและเนื้อเรื่อง


การเปลี่ยนแปลง :


กลไกการต่อสู้


จนตอนนี้กลไกลการต่อสู้ในเกมนั้นจำกัดอยู่ที่การใช้การโจมตีโดยตรง, การโจมตีธรรมดา, การตอบโต้และการบล็อค


ผลของการกระทำเหล่านั้นจะลบได้ทางอ้อมโดยการใช้ไอเท็มอย่างยาหรือสกิลที่มีบัพหรือดีบัฟอย่างฮีลหรือควบคุม


แพทซ์ 2.0 ได้เพิ่มกลไกการต่อสู้ใหม่ขึ้นมาซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง


การหลบหลีก


ผู้เล่นและมอนสเตอร์มีตัวเลือกในการหลบการโจมตี การหลบได้สำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบรวมถึงเลเวล, ความสามารถติดตัว, สกิลและสเตตัส


อีกอย่างแล้วการหลบหลีกนั้นจะส่งผลอย่างใหญ่หลวงกับสมดุลของเกม ลดจำนวนการโจมตีที่สำเร็จในช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ ของอื่นๆที่เทียบเท่ากับการหลบหลีกจะลดค่าดาเมจจากระยะเวลานั้นๆ


มันมีโอกาส 30% ที่จะลดผลของการฮีลเพื่อชดเชยผลของการหลบหลีก จำนวน HP ที่ได้รับจากสกิลฮีลนั้นจะลดลง 30% และเพิ่ม HP กับการฟื้นฟูมานาจากสกิล 30% ด้วย


ค่าแรงจะมีบทบาทสำหรับผู้เล่น ระดับค่าแรงของตัวละครจะเพิ่มขึ้นมา 10%


คูลดาวน์สำหรับ {Block} เปลี่ยนจาก 5 วินาทีเป็น 10 วินาที


Dexterity


Dexterity จะส่งผลต่อการตอบโต้และการเคลื่อนไหวของตัวละคร


อาชีพที่โฟกัสค่า Dexterity จะส่งต่อการหลบหลีกได้มากกว่าอาชีพอื่นๆ


ค่าดาเมจที่ทำได้ของฮันเตอร์นั้นจะลดลงเพื่อชดเชยกับการหลบหลีก


การใช้กลไกลการล็อคเป้าจะมีทางเลือก อาชีพสายฮันเตอร์จะสามารถเล็งได้ด้วยตัวเอง


ค่าดาเมจในส่วนต่างๆ


การโจมตีที่หัวหรือจุดสำคัญจะทำดาเมจได้มากกว่าการโจมตีที่แขนรึขา มันมีข้อยกเว้นสำหรับกฎยกตัวอย่างเช่นมอนสเตอร์ที่ไม่ได้มีรูปร่างและจุดอ่อนและการโจมตีที่ทำให้เกิดดีบัฟอย่างเช่นเลือดไหลและพิการ


ทะลุการป้องกัน


อาวุธทุกชิ้นที่เลเวลมากก่วา 100 จะมีการยกระดับการโจมตีทะลุการป้องกัน


คุณสมบัติการทะลุนี้จะไม่สนใจค่าพลังป้องกันของผู้เล่นและมอนสเตอร์


เพื่อปรับการทะลุให้สมดุล แทงค์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงกับตัวละคร


ค่าเลือดของแทงค์จะถูกคำนวณโดยให้เลือด 20 หน่วยสำหรับทุกค่าที่เพิ่ม VIT ขึ้นมา


การโจมตีคริติคอล/ทำให้เซ


ตอนที่ทำให้ศัตรูเซได้ การโจมตีครั้งต่อไปรวมถึงการโจมตีธรรมดาแต่สกิลนั้นจะมีโบนัสดาเมจ 50% นี่ใช้ได้แค่เพียงครั้งเดียวสำหรับการเซแต่ละครั้ง


อัตราคริติคอลนั้นไม่ได้กำหนดไว้ที่ 1% สำหรับทุกการโจมตี


ไอเท็มที่เพิ่มคริติคอลจะถูกเพิ่มเข้ามาในเกม


รูน


รูนจะเป็นไอเท็มเพิ่มพลังแบบใหม่ในเกม รูนนั้นดรอปได้จากมอนสเตอร์หรือเป็นรางวัลจากเควส


รูนสามารถเพิ่มหรือทำการปรับแต่งคุณสมบัติและผลต่างๆได้


รูนไม่สามารถทับซ้อนกันได้และผู้เล่นใส่รูนได้ถึง 6 ชิ้น


มันมีระดับของรูนที่ไม่เปิดเผย, ระดับพลังและผลของมัน ข้อมูลเกี่ยวกับรูนนั้นสามารถเรียนรู้ได้จากการพูดคุยกับ NPC นักเวทย์ในเกม


ความต่างของเลเวล


ผู้เล่นจะไม่ได้รับค่า xp กับการฆ่ามอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำกว่าตนเอง 20 เลเวลหรือสำหรับการฆ่าบอสหรือมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่าตัวเอง 40 เลเวล


กลไกลนี้จะถูกใช้กับผู้เล่นที่ใช้ปาร์ตี้แบบผสม สมาชิกที่เลเวลสูงที่สุดในปาร์ตี้นั้นจะถูกนำมาใช้ตัดสินแทนทั้งกลุ่ม


ฟีเจอร์ใหม่ของเกม


ความรู้สึกเจ็บและการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว


ความเจ็บตอนนี้ใช้งานได้แล้ว ผู้เล่นสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ ตอนนี้ระบบได้ตั้งค่าไว้ที่สูงสุด


เสียงและการรับรู้รอบตัวนั้นมีเพื่อทำให้สมจริงมากขึ้น


ยกตัวอย่างเช่นแทนที่จะเป็นเพียงภาพจำลอง ผลของการกลัวนั้นจะลดการเคลื่อนไหวของร่างกายตามค่าความกลัวของผู้เล่น


สเกลไอเท็ม


อาวูธ Rare และ Legendary ตอนนี้ใช้งานได้แล้ว


ก่อนหน้านี้การอัพเกรดหรือเพิ่มเสกลของไอเท็มจะเริ่มจากไอเท็มที่มี่ระดับหรือค่าคุณสมบัติที่ต่ำในแบบและคุณภาพเท่าเดิม


การยกระดับไอเท็มนั้นแยกประเภทต่างกันได้ ผู้ใช้ต้องตัดสินใจเองว่าจะอัพเกรดมันยังไง


มีหลายสกิลที่ถูกปรับไปกับแพทซ์นี้ ผู้เล่นทุกคนจะได้รับแจ้งเตือนส่วนตัวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ


สำหรับข้อมูลการเปลี่ยนแปลงทั่วไปของเกมนั้นสามารถอ่านได้ที่โน๊ตของแพทซ์ ]


เดฟนั่งลงและอ่านข้อมูลต่างๆจนมาม่าของเขาอืด


มันไม่ใช่แค่แพทซ์แต่นี่มันเหมือนเกมใหม่ทั้งหมด !


เขาได้สติกลับมาตอนที่โทรศัพท์เขาดังขึ้น


เดฟไม่รู้จักเบอร์ที่โทรมา


ปกติแล้วเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายฝากข้อความไว้แต่เพราะบางเหตุผล เขาได้รับสายนั้น


” ฮัลโหล ? “


” คุณโครงกระดูกใช่มั้ย ? ฉันเอง ! Lone Arrow ! ” – เสียงผู้หญิงดังขึ้นมา – ” นายเห็นข้อมูลแพทซ์หรือยัง ? มันโคตรน่าสนใจเลย “


โง่ ! เขาให้เบอร์กับเธอ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ? !


” อืม ” – เดฟ กระแอมออกมา – ” ฉันก็ว่างั้น ทั้งเกมน่ะต่างไปจากเดิม “


” ใช่ บอกฉันที อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องใช้ระบบล็อคโง่ๆแบบเดิมอีก ” – เธอพูดขึ้น


เดฟ ไม่ได้ใช้อาวุธระยะไกลแต่เขาเดาว่าการยิงนั้นคงยากถ้าไม่มีระบบล็อคเป้า…มันยังมีให้เลือกอยู่


” เธอมั่นใจในการยิงของเธอจังนะ “


” ใช่ จริงๆแล้วฉันใช้ปืนเก่งกว่าน่ะ ” – เธอหัวเราะออมา – ” แต่มันก็เกือบๆเหมือนกัน “


มือของเขาเย็นไปทันทีตอนที่ได้ยินคำว่าปืน ความคิดของเขาย้อนกลับไปตอนที่อยู่โรงบาลเมื่อไม่นานมานี้


” เฮ้ ยังอยู่หรือเปล่า ทำไมเงียบไปล่ะ ? ปืนน่ะแค่ล้อเล่น ! จริงๆนะ เออ ใช่สิ มีดน่ะขายได้แล้วนะและฉันก็อยากจะส่งส่วน


Chapter 55: คำสัญญาเก่า


ด้านทางฝั่งตะวันออกของบ้านหรูในแมนฮัตตัน เด็กสาวกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดบิดตัวไปมาและคุยโทรศัพท์อยู่


” งั้นนนนน ก็เอาเลขบัญชีนายมาสิ …” – เธอพูดขึ้นพร้อมกับเอามือม้วนผมสีม่วงสั้นๆของเธอ


ถ้าเดฟได้มาเห็นหน้าของเธอจริงๆเขาจะพบว่าหน้าของเธอเหมือนกับตัวละครในเกม


เธอน่ะกำลังคุยกับผู้เล่นที่เป็นอันเดตหนวดอยู่


” ฉันจะให้บัญชีไปเพื่อ เธอส่งเงินให้ฉันทางนั้นก็ได้ ” – เดฟ ตอบกลับ


เธอคิดว่าเขาโง่หรือไง ? ด้วยเลขบัญชีของเขา เธอน่ะสามารถหาทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้ เธอคงต้องล้อมันเล่นแน่ๆ….


” ชิ นายนี่ไม่ตลกเลย ” – เธอหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง – ” ฉันไม่บอกตัวตนนายหรอก ฉันน่ะโพสต์เบอร์นายลงบนวิดีโอก็ได้ถ้าฉันอยากทำเรื่องแบบนั้น นายก็รู้นิ “


” อย่าทำแบบนั้นเลย ฉันเองก็ช่วยเธอด้วย เราต่างคนต่างได้นิ “


” ก็จริง มันเป็นธุรกิจแต่ไม่เอาน่า นายไม่อยากเห็นว่าสาวสวยที่นายเจอในเกมหน้าจริงๆเป็นยังไงเหรอ ? ” – เธอถามต่อด้วยน้ำเสียงกวนๆ


” มันไม่มีค่าสำหรับฉัน เธอไม่กลัวหรือไงว่าฉันอาจจะเป็นพวกฆาตกรโรคจิต ? ” – เขาแหย่กลับ


” หึหึ มันก็คุ้มอยู่ดี ฉันจะบอกได้ว่าฉันเจอกับคุณโครงกระดูกผู้ลึกลับ แม้ว่าฉันจะกลายเป็นศพก็ตามเถอะ ” – เธอพูดขึ้น


” อ่ะ งั้นก็เอาตามนี้ ฉันจะเป็นคนที่ลึกลับต่อไป “


” ก็ได้ นายจะได้ส่วนแบ่งในไม่ช้าแต่ฉันต้องไปเก็บเวเลเพิ่ม นายจะกลับไปเล่นต่อมั้ย เราจะได้ลงดันเจี้ยนด้วยกันอีกมั้ย ? “


” ใช่ ทำไมจะไม่ล่ะ เราทำแบบนั้นได้ เธอกลับไปเกิดที่ไหน ? “


” ใน Meldiva อาณาจักรทางเหนือ ” – เธอตอบกลับ


” อืม ค่อนข้างไกลเลย…ฉันจะบอกเธอละกันว่าฉันอยู่ที่ไหนตอนกลับเข้าไปและอย่าเอาใครมาด้วย ฉันคงไม่ต้องอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีเรื่องแบบนั้นขึ้นมา….” – เดฟตอบกลับ


” ว๊าว นี่ฟังดูเหมือนขู่เลยนะ ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันไม่เอาใครไปยุ่งกับการเดทของเราหรอก ” – เธอเถียงกลับก่อนจะตัดสายไป


เดฟมองไปที่โทรศัพท์ของเขาด้วยความสับสน เขาไม่ค่อยได้คุยกับผู้หญิง อย่างมากก็แค่คุยกับพนักงานร้านของชำ


เขาไม่เข้าใจผู้หญิง เขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไรหรือพูดอะไรแม้แต่ในเรื่องง่ายๆก็ตาม คำพูดของเขามักจะผิด สิ่งที่เขาพูดและทำนั้นมักจะดูผิดพลาดไปหมด


นี่คือความจริงที่เขาไม่ได้สงสัยหลังจาก….เจอเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดมาหลายครั้ง


มุมมองของเดฟในฐานะและการศึกษาของเขาได้ส่งผลต่อการเข้าหาผู้หญิง เขาเป็นคนเจียมตัว


แต่เมื่ออยู่กับ Lone Arrow มันกลับต่างไปจากเดิม เขาพูดได้อย่างชัดเจน เขาไม่ได้ต้องการอะไรจากเธอหรือคาดหวังอะไรนอกจากเรื่องร่วมมือกันซึ่งส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่ายอย่างเท่าเทียม


ตอนที่พวกเขาลงดันเจี้ยนด้วยกัน มันไม่สำคัญว่า Lone Arrow จะเป็นใคร เธอจะอายุมากหรืออ้วนหรือไม่ก็ตาม….เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นด้วยหลังจากที่ได้ยินเสียงเธอผ่านโทรศัพท์


เขาไม่ได้คาดหวังอะไรจากความสัมพันธ์ของเขากับเธอ


เขารับโทรศัพท์และคุยกับเธอเหมือนที่เขาคุยกับเพื่อน ทุกอย่างเหมือนกับที่เพื่อนทำกัน…..ยกเว้นแค่เรื่องการพูดถึงเรื่องเดท


เขาส่ายหน้า การลงดันเจี้ยนกับเธออีกไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา…มันยิ่งดีเข้าไปใหญ่แต่อย่างน้อยก็ต้องระวังตัวบ้าง


เพราะเขาเข้าใจนิดๆว่าการคุยกับผู้หญิงนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะโง่พอที่จะเชื่อใจใครไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ


ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ตำแหน่งในเกมของเขากับเธอไปจนกว่าที่พวกเขาจะพบกันอีกครั้ง


เดฟลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่ห้องน้ำเล็กๆก่อนจะรีบอาบน้ำ จากนั้นเขาก็ได้ไปทำอาหารเช้าหรืออย่างน้อยก็พอเรียกมันได้ว่าเป็นอาหารเช้า


โทรศัพท์เขาสั่นก่อนจะมีแจ้งเตือนโผล่ขึ้นมา มันเป็นอีเมล์ที่บอกว่ามีเงินเข้า 250 ดอลลาร์


” โอ้ ดีแหะ “


” แต่ฉันต้องการเงินเพิ่มอีกเยอะ ของที่ได้จากมอนสเตอร์นั้นคงทำเงินได้ไม่มาก บางทีถ้าฉันขายของที่ได้ซื้อจากร้านคะแนนที่ไม่มีขายที่อื่นแล้วฉันคงทำเงินได้เยอะโดยเฉพาะถ้าฉันเข้าไปประมูลมันได้ด้วย “


เดฟออกจากบ้านแล้วออกไปเดินเล่นเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง เดฟรู้ว่าชีวิตเขาว่างเปล่าแค่ไหนหากไม่ได้ทำงานหรือเล่นเกม


เขาคิดหลายอย่าง รวมไปถึงชายสองคนที่เขาเจอที่โรงพยาบาลด้วย


ถ้าเขาไม่ได้ช่วยผู้หญิงในรถคนนั้น…..


แต่อาจนี้ได้ทำให้เขาได้มาเล่นเกมที่เปลี่ยนชีวิตของเขาให้ดีขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะไม่ได้ดีที่สุดแต่อนาคตของเขาก็ยังเป็นเรื่องไม่แน่นอน


เดฟโบกมือเมื่อเห็นคลีเมนไทด์กำลังเปิดร้านของเธอ


” สวัสดีตอนเช้า เดฟนายน่าจะแต่งตัวให้ดูหนุ่มกว่านี้หน่อยนะ ผู้หญิงน่ะชอบผู้ชายมีสไตล์แต่อย่ามากเกินไปล่ะ เราคงไม่อยากให้พวกเธอคิดว่านายเป็นเพื่อนสาวหรอกนะ ฮี่ฮี่ ” – เธอแหย่พร้อมกับเปิดร้านไปด้วย


เดฟใส่กางเกงยีนส์ตัวเดิมทุกวัน ส่วนเสื้อที่เขามีไม่กี่ตัวก็ใส่สลับกันไปเรื่อยๆ


เดฟยิ้มให้กับเธอ


” พ่อหนุ่ม นายน่าจะเริ่มหางานได้แล้ว ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาเริ่มรับคนทำงานที่….”


เขารีบขัดเธอขึ้นมา -” อ่ะ คุณคลีเมนไทด์ ผมหางานได้ในอินเตอร์เน็ตแล้ว ” – หวังว่าเธอจะหยุดพูดเรื่องนี้ได้


เธอเป็นคนดี แต่เธอน่ะดีเกินไปในบางครั้งและสนิทกับเขามากๆด้วยซึ่งมันทำให้เดฟกังวล


สำหรับเขาแล้ว การอยู่อย่างสันโดษถ้าไม่ใช่เรื่องต่อต้านสังคม การพูดคุยกับคนอื่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดยกเว้นแค่กับราฟเพื่อนตอนเด็กของเขา


” ดี ขยันเข้าล่ะ ! และเปลี่ยนชุดซะบ้าง หาชุดดีๆใส่ก่อนจะเริ่มงานด้วย ” – เธอพูขึ้นแล้วชี้เสื้อผ้าเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า


” ได้ครับ ได้ ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับเกาหัวซึ่งเป็นนิสัยติดตัวที่เขาทำตอนรู้สึกอึดอัด


” งั้นวันนี้มีอะไรขายบ้าง ? ” – เขาถามพร้อมกับเดินดูของในร้าน เขากำลังหาเดินหาส้ม ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินชื่อของตัวเอง


” เฮ้ ! เดฟ ? ” – มันเป็นเสียงของผู้หญิง


ใจของเดฟหล่นวูบ หน้าของเขานิ่งไป เขาหันกลับมาและเห็นหน้าเธอที่มองมาที่เขาด้วยสีหน้าดีใจพร้อมกับจับมือกับชายอีกคนอยู่


เธอดูสวยผมดำยาวและสายตาที่ดูอบอุ่น เธอใส่กระโปรงสั้นกับเสื้อคลุมและรองเท้าส้นสูงพร้อมกับถือกระเป๋าที่ดูแพง


ชายที่เธออยู่ด้วยอายุประมาณ 30 ปีทั้งสูงและหุ่นดี เขาใส่ชุดสูทที่ทำให้เขาดูเหมือน CEO หรือไม่ก็นักลงทุน


” แอนนา ” – เดฟพึมพำออกมา


” เกิดอะไรขึ้นกับนาย ? ” – เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น่ารังเกียจนิดๆและมองไปที่ขากับแขนของเขา


คลีเมนไทด์ กำลังจะพูดบางอย่างแต่เดฟก็ส่ายหน้าให้กับเธอและหันกลับเตรียมที่จะเดินออกจากร้าน


” เฮ้ ! เดี๋ยวก่อน ทำไมนายต้องเดินหนีไปด้วย ? ” -เธอพูดขึ้นพร้อมกับเดินตามเดฟมา ก่อนจะจับไปที่ไหล่ของเขา


” เธอต้องการอะไร ? ” – เดฟพูดขึ้นพร้อมกับสลัดมือเธอออก


” เฮ้ ! ระวังท่าทีแกด้วย นี่เป็นคู่หมั้นของฉัน อย่าทำตัวหยาบคาย ” – ชายคนนั้นพูดขึ้น


” ฉันไม่อยากคุยกับเธอ แอนนาหรือคู่หมั้นของเธอด้วย ” – เดฟพูดขึ้นมา


” ไม่เอาน่า เดฟมันนานแล้วนะตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งที่แล้ว ทำไมนายถึงทำแบบนี้ ? “


” ฉันเคยบอกเธอแล้ว ฉันไม่อยากคุยกับเธอ “


” ก็ได้ เห็นว่านายรีบ เผื่อว่านายไม่ได้ข่าว จะมีรวมรุ่นในอีก 3 เดือน “


” ฉันได้ข่าวแล้ว ฉันไม่สนใจ ” – เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริงๆ


แอนนาถอนหายใจออกมา – ” นายดูเศร้านะ มันก็แค่บังเอิญที่ฉันมาเจอนายที่นี่ นายน่าจะทำตัวเป็นมิตรดูบ้างนะ ” – เธอพูดต่อ – ” แต่ดูเหมือนว่านายจะไม่เปลี่ยนไปเลย “


ในตอนที่เธอหันกลับเพื่อจะเดินกลับไป เธอก็พูดทิ้งท้ายเอาไว้ – ” นายจะทำตามสัญญาได้ยังไง ? “


ชายในชุดสูทมองเยาะเย้ยมาที่เดฟ ก่อนจะเดินตามเธอไป


เดฟได้ยินคำว่า ‘ สัญญา ‘ ที่เขาเคยพูดกับเธอไว้ตอนเด็ก มันทำให้เขาปวดหัวขึ้นมาและตัดสินใจที่จะกลับห้อง เขาส่ายหน้าพร้อมกับพยายามจะกลับไปที่ห้อง เขาแค่ออกมาสูดอากาศแท้ๆ…


Chapter 56: วันที่น่าเบื่อ


เดฟนอนอยู่บนเตียงของเขา – ” ฉันไม่ได้ซื้อของด้วยซ้ำ….บ้าเอ้ย เรื่องซวยชัดๆ “


เขาจำสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวและเริ่มคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้


” ฉันต้องจัดการเรื่องนี้ ฉันถือของไม่ได้ด้วยซ้ำ เอ็นได้รับความเสียหาย มันน่าจะรักษาได้แต่ฉันไม่มีเงิน “


” อ๊ากกก ! เบื่อชะมัด ! ” – เขาตะโกนขึ้นมา


เขาเปิดเครื่องเล่นและเข้าไปดูการต่อสู้ระหว่าง Drahman และผู้เล่นคนอื่น


” ทีมเวิร์คของพวกนี้ต้องพัฒนาแต่ Sublime Spirit รู้ว่าต้องใช้สกิลยังไง …” – เดฟวิเคราะห์การต่อสู้


” นี่คือส่วนที่ฉันเข้ามา ฮี่ฮี่ ” – เขาหัวเราะพร้อมกับคิดตามสิ่งที่เกิดขึ้น


เดฟทำการตัดต่อวิดีโอแล้วตั้งชื่อมันว่า ‘ ระวังตัวไว้ตลอด ‘


เขาเพิ่มคำอธิบายลงไป ‘ เราไม่รู้หรอกว่าโครงกระดูกจะแทงด้านหลังตอนไหน ‘ ก่อนจะโพสต์วีดีโอลงไป


เกือบจะในทันทีนั้นวิดีโอนี้ก็ฮิตติดกระแสทันที Mr.Skeletal ได้ผู้ติดตามจำนวนมาก


ในไม่กี่นาทีก็มีคอมเมนต์ด่าเริ่มโผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เขาจะอ่านทัน ส่วนมากแล้วด่ากับการกระทำของเขา


แต่เขาไม่ได้สนใจ – ” ติดกระแสยังไงก็ถือว่าติดกระแส “


เขาค้นไปตามเว็บไซต์เพื่อหาวีดีโอที่น่าสนใจ


มีวีดีโอหนึ่งที่แสดงฉากตอนที่กลุ่มผู้เล่นได้เจอกับมินิบอส


วิดีโอเริ่มเล่นด้วยการที่เขาพูดขึ้นก่อนจะกระทืบพื้นและจากนั้นก็หายไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายไม่กี่คำ


วีดีโอถูกตัดไปในมุมของสไลม์ยักษ์ที่มีกระดูกครอบคลุมทั้งตัวเป็นเกราะให้ จากนั้นฉากสุดท้ายก็เกิดขึ้น มินิบอสเริ่มโจมตีและกำจัดผู้เล่นด้วยสกิลที่คาดเดาไม่ได้


ผู้เล่นพวกนั้นเริ่มแตกตัวออก พวกนั้นทนได้ไม่กี่วินาที การโจมตีของพวกนั้นลดเลือดมินิบอสไม่ถึง 10% ก่อนที่พวกเขาจะตาย


เดฟยิ้มและมองไปที่ฉากนั้นพร้อมกับมือที่ทำการลูบคางไปด้วย


” ฉันสงสัยจริงๆว่าฉันจะได้คะแนนต่อวันกี่คะแนนโดยเฉพาะหลังจากแพทซ์ใหม่นี่ด้วยแล้ว ผู้เล่นเลเวลสูงไม่สนใจดันเจี้ยนเลเวลต่ำๆถ้าพวกเขาไม่ได้อะไรจากการสู้กับบอสที่เลเวลต่ำกว่าเยอะๆ “


” ผู้เล่นเลเวลต่ำส่วนมากจะมาหาที่ตายที่ดันเจี้ยนใหม่ของฉัน มันมีแต่เพิ่มคะแนนให้กับฉัน “


เดฟยิ้มแล้วหัวเราะออกมา เขาเกือบเอามือถูกันด้วยความดีใจ…แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะทำแบบนั้นแค่ในเกมเท่านั้น


เดฟคลิกไปที่วีดีโอต่อไปและมองดูเขาที่เผชิญหน้ากับผู้เล่นสามคนที่ซึ่งมีเลเวลเฉลี่ยประมาณ 40


” โอ้ มันพวกนั้นนิที่อยู่ในสุสาน “


คอมเมนต์ส่วนมากเข้าข้างสามคนนั้นและวิเคราะห์สกิลของเดฟ สกิลทั้งหมดของเขา เดฟ ถึงกับต้องคิ้วขมวด


” บ้าเอ้ย ฉันไม่ทันคิดว่าแสดงสกิลทั้งหมดออกไป สกิลเดียวที่ฉันเหลืออยู่ที่จะทำให้พวกนั้นแปลกใจได้คือ {Zealot} ฉันต้องระวังให้มากกว่านี้….และหาสกิลเพิ่มให้เร็วที่สุด “


มันถือว่ากินเวลาน้อยแต่ก็สนุกดีและยังเท่อีกด้วยที่จะจบการต่อสู้ด้วยวิธีนี้


มันเหมือนกับการประกาศว่า ‘ อย่ามาหาเรื่อง Mr.Skeltal นะโว้ย ‘


เขาคิดเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อไปทำอะไรกิน


” พระเจ้า สามวัน ! ฉันล่ะอยากบ้าตาย “


เขานั่งตรงหน้าจอคมและดูหนังเก่าๆพยายามที่จะฆ่าเวลา


เดฟทำการค้นหาแผนที่เกมเพื่อหาสุสานตอนที่เขาล็อคเอาท์จากตอนอัพเดต เขายิ้มออกมาเมื่อพบว่ามีดันเจี้ยนอยู่ใกล้ๆแถวนั้น


Dark Threading คือชื่อของดันเจี้ยนและมันมีชั้นบันไดวนอยู่ มีมอนสเตอร์เกิดขึ้นมาตามขั้นบันได พวกมันเป็นมอนสเตอร์ตัวใหญ่อย่างพวกมนุษย์หมาป่า


รอยยิ้มของเดฟเริ่มหายไป – ” เหี้ย ฉันเกลียดพวกมนุษย์หมาป่า…”


บางทีอาจจะเพราะได้ยินจากเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพวกมันหรืออาจจะเพราะการดูหนังของพวกมันมาตอนที่เขายังเด็ก


เขาจำได้ว่าเขาเคยดูหนังพวกนี้ตอนที่เขายังเด็กมากๆ เขาตัวสั่นและต้องหลับตาตอนที่คนธรรมดาได้เปลี่ยนเป็นปีศาจที่ชั่วร้ายก่อนจะเริ่มฆ่าคน


” ที่นี่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับดินแดนอันเดตแต่มีคำอธิบายถึงมันแค่เล็กน้อย ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ฉันเดาว่าฉันต้องทำภารกิจให้ดินแดนอันเดตต่อไปเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม “


จากนั้นเขาก็นอนและวันนั้นก็ได้ผ่านพ้นไป


เดฟไม่มีอะไรทำนอกจากต้องหมกตัวอยู่กับความเบื่อของตัวเอง เขาดูวีดีโอ, สั่งอาหารและนอนเพื่อฆ่าเวลา


ในที่สุด 3 วันก็ผ่านพ้นไป 10 นาทีก่อนที่เซิฟเวอร์จะเปิด เดฟก็ได้รับโทรศัพท์จาก Lone Arrow


” เฮ้ ! นายบอกฉันมาสิว่านายอยู่ไหน ? “- เธอเกือบตะโกนใส่หูเขา


” ใจเย็นๆสาวน้อย ! ฉันจะอยู่ที่สุสาน Femurs Only ที่ทางเหนือของอาณาจักรของ Devastators เธอวาร์ปมาฉันจะไปรอเธอยู่ใกล้ๆดันเจี้ยน Dark Threading โอ้ เอาคบไฟมาด้วย …เอามาเยอะๆเลย ! ” – คำพูดสุดท้ายนั้นเขาเน้นเสียงด้วย


” ได้ ได้ ฉันเดาว่า Mr.Skeletal ผู้แข็งแกร่งคงกลัวความมืดสินะ ” – เธอหัวเราะ


” ไม่ ! ” – เขารีบปฏิเสธ – ” พวกมนุษย์หมาป่าเกลียดไฟและเราต้องมองเห็นด้วยเวลาเราจะเดินไปไหน “


แม้แต่เดฟก็ยังคิดว่ามันเป็นข้อแก้ตัวที่ดูง่อยๆ


เดฟได้ใช้เวลาที่เหลือไปกับการกินอาหารของเขา


เซิฟเวอร์กลับมาเปิดอีกครั้งและเดฟก็รีบวิ่งเข้าไปล็อคอินอย่างกับคนติดเกม


ในตอนที่เขาเข้าไปในเกม มันก็มีข้อมูลและแจ้งเตือนโผล่มาตรงหน้าเขา


[ แพทซ์ 2.0 ]


[ บางสกิลของคุณถูกปรับ ]


[ { Destructive Smash : เพิ่มเวลาสตันท์เป็น 2 วินาที}, { Twin Strike : คูลดาวน์ลดลงจาก 60 เป็น 30 วินาที }, { Stampede : เพิ่มดาเมจและลดคูลดาวน์เพื่อปรับสมดุลให้เข้ากับการหลบหลีก ดาเมจ 300% ของอาวุธ} ]


” หืม แค่นี้ ? ฉันคิดว่าจะมีมากกว่านี้ซะอีก “


จากนั้นเขาก็ได้เรียก AI ของเกม – ” Alfred “


Alfred โผล่ขึ้นมาตรงหน้าเขาทันทีและมองมาที่เดฟอย่างใจเย็น


” ว่าไง ? ” – Alfred ถามกลับ


” เพราะการจำกัดตำแหน่งของฉัน ฉันจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปหาผู้แนะนำเพื่อเรียนรู้สกิล ฉันเล่นแบบมีประสิทธิภาพไม่ได้ถ้าไม่มีสกิลพื้นฐาน “


Alfred พยักหน้า – ” ดินแดนอันเดตสร้างขึ้นมาให้กับผู้เล่นเลเวลสูงกว่าเจ้าตอนนี้ที่จะเข้าไป ดังนั้นสถานการณ์ของเจ้าตอนนี้จึงยังไม่ถูกเอามาคิด ข้าจะสร้างผู้แนะนำให้เจ้าในพื้นที่ที่คุณเข้าไปได้ ครั้งหน้าตอนที่เจ้าอยู่ในดินแดนอันเดต เจ้าจะพบผู้แนะนำ ขอบคุณสำหรับข้อมูลในครั้งนี้ ” – เขาพูดจบก่อนจะหายไปโดยไม่เปิดโอกาสให้เดฟได้ตอบกลับ


” น่าผิดหวังจริงๆ ฉันคิดว่าฉันจะได้สกิลจากที่นี่แท้ๆ …แต่ฉันกลับไปตอนนี้ไม่ได้ ฉันต้องไปพบกับ Lone Arrow “


เดฟกับทีมอันเดตรออยู่ใกล้กับดันเจี้ยน ทางเข้านั้นเป็นถ้ำ ถ้ำที่มืดสนิทเหมือนกับปากหมาป่าที่อ้ากว้างอยู่


นี่คือทางเข้าของดันเจี้ยน Dark Threading มีเสียงหอนและคำรามดังออกมาจากทางเข้าซึ่ง


มันทำให้เขาขนลุก


แม้ว่าจะมีภูมิต้านทานความกลัวแต่ใจของเดฟก็ยังเต้นรัวกับความคิดที่ว่าต้องไปเจอกับฝันร้ายในวัยเด็กของเขา


Chapter 57: Dark Threading Dungeon


เดฟยืนรออยู่ตรงหน้าถ้ำเข้าดันเจี้ยน สุสานนั้นอยู่หลังเขาไปเพียงไม่กี่เมตร มันมีต้นไม้ที่สูงสีดำที่แผ่เงาอันน่ากลัวออกมา เขาได้ยินเสียงใบไม้ที่สั่นไหวด้านหลังเขาและเมื่อเขาหันกลับไป มันก็ได้มีเอลฟ์สาวสมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น


” เฮ้ ” – Lone Arrow พูดขึ้นพร้อมกับมองมาที่เดฟกับอันเดตของเขาอ


” โอ้ นายเลเวลเพิ่มขึ้นเร็วดีนิ “- เธอพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเดฟ เลเวล 68 แล้ว


” เธอเองก็เหมือนกัน ” – เดฟพูดขึ้นในตอนที่ตรวจสอบ Lone Arrow


Lone Arrow, เลเวล 55 ฮันเตอร์


” ฉันเก้บเลเวลคนเดียวมาตลอดแต่มันน่าเบื่อสุดๆ ” – เธอพูดพร้อมกับใช้มือม้วนผมตัวเองด้วยท่าทีน่ารัก


” งั้นเราเข้าไปเลยมั้ย ? ” – เธอถามขึ้นมา


” ฉันก็คิดแบบนั้นอยู่แต่เราต้องทำบางอย่างก่อน ” – เดฟพูดขึ้นและมองไปที่ Lone Arrow


” ทำอะไร ? ” – เธอถามกลับ


” เราต้องปรับตัวเข้ากับการหลบหลีกแบบใหม่ เธอเหมือนลืมไปว่าเราไม่สามารถโจมตีมอนสเตอร์โดยไม่เสี่ยงที่จะล้มเหลวได้และในเวลาเดียวกันเราก็สามารถหลบการโจมตีที่เข้ามาได้ ยังไงซะเราก็ไม่มีพรีสในปาร์ตี้และการรับดาเมจนั้นคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักโดยเฉพาะด้วยเลเวลของดันเจี้ยนนี้ด้วย “


” อ่ะ ก็จริง ฉันพอรู้มาบ้างเกี่ยวกับดันเจี้ยนนี้แต่ฉันบอกว่ารู้ทุกอย่างคงไม่ได้ มันคงเสี่ยงที่จะเขาไปโดยไม่ปรับตัวเข้ากับกลไกใหม่ “


” ไม่ต้องกังวล ฉันจำจุดที่สำคัญได้ เราแค่ต้องหามอนสเตอร์มาทดสอบดู ” – เดฟตอบกลับพร้อมกับมองหาเหยื่อ


” มันมีอันเดตระหว่างทาง เราควรใช้มันลองดูดีมั้ย ? ” – เธอพูดขึ้น


เดฟมองหน้าเธอก่อนจะชี้ไปที่กลุ่มเขา


” ฉันโจมตีอันเดตไม่ได้ ” – เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าแบบว่า ‘ นี่เธอล้อเล่นหรือเปล่า ?’


” อ่ะ ฉันผิดเอง ” – เธอหัวเราะ – ” งั้นเราจะทำยังไง ? “


” ไปหามอนสเตอร์อื่นรอบๆก่อน มันน่าจะมีตัวอื่นอยู่บ้าง ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปหลังดันเจี้ยนเพื่อหาบางอย่าง


Lone Arrow และทีมอันเดตเดินตามหลังเขาไปจนกระทั่งไปถึงที่โล่งด้านหลังถ้ำ


มันเป็นพื้นที่ผาซึ่งมีเสือดำอยู่หลายสิบตัว เสือดำพวกนี้เลเวล 30 โดยดูจากชื่อพวกมันแล้วพวกมันน่าจะแข็งแกร่งกว่าเสือดำทั่วไป


” มันคงจะดีที่สุดถ้าเราลองดูกับมอนสเตอร์พวกนี้ ฉันจะลงมือก่อน ” – เดฟพูดขึ้นพร้อมกับเดินหน้า


ทันใดนั้นเสือดำสามตัวก็ได้เข้าโจมตีเขา เดฟถอยกลับมาค่อยๆปรับตัวกับการเคลื่อนไหวของตัวละคร


เสือดำตัวแรกพุ่งเข้าใส่เดฟและเขาก็สามารถก้าวหลบไปข้างๆได้อย่างง่ายดาย ส่วนมอนสเตอร์ทำได้เพียงแค่โจมตีอากาศ เกือบจะทันทีที่ เดฟได้ทำการโจมตีใส่ที่หลังของมันจนทำให้มันเซ จากนั้นเขาก็ได้ใช้ { Spectral Bomb } จนลดเลือดของมันได้ 2/3


” นายแน่ใจนะว่านายไม่ใช่นักเวทย์ ? ” – Lone Arrow ถามขึ้นมาเมื่อเห็นค่าดาเมจของเขา


” นี่เพราะแพทซ์ใหม่ การทำให้ศัตรูเซได้จะทำให้การโจมตีครั้งต่อไปมีโบนัส 50% ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับหลบการโจมตี


” นี่ดูเหมือนง่ายเลยแหะ ” – เดฟพูดขึ้นแล้วทำการหลบเสือดำที่พุ่งเข้ามาราวกับว่าเขาปรับตัวเข้ากับกลไกใหม่ได้แล้ว


” จริงๆแล้วนี่มันดูน่าสนุกดีแหะ ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าดีใจ ยังไงซะเขาก็อยู่ในสภาพโครงกระดูกที่มีเสียงแหบแห้งซึ่งทำให้คนที่ได้ยินขนหัวลุกได้ – ” เธอก็น่าจะลองดู ” – เขาพูดพร้อมกับเล่นกับพวกเสือดำไปด้วย


” ได้ ” – Lone Arrow พูดขึ้นและกระโดดเข้าหาเหยื่อ เกือบจะทันทีเธอก็เข้าใจมันและไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว


” นี่มันดีกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะ ล่อศัตรูน่าจะเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ฉันต้องใช้สกิลเพื่อรักษาระยะเอาไว้แต่ตอนนี้ฉันสามารถสลัดศัตรูได้โดยไม่ต้องใช้สกิลเลยด้วยซ้ำ ” – เธอพูดขึ้นพร้อมกับโดดหลบไปรอบๆ


” เอาล่ะ ได้เวลาจบเรื่องนี้แล้ว ฉันคิดว่ามันคงยากขึ้นกว่าเดิม ” – เดฟพูดขึ้นพร้อมกับจัดการมอนสเตอร์ตรงหน้า


เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วป่าพร้อมกับอันเดตหนวดที่จัดการเหยื่อของเขา


หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเสือดำทั้งสามตัวก็ได้ตายไป


” เอาล่ะ ได้เวลาทดสอบอย่างอื่นแล้ว ! ” – เดฟ พูดขึ้นพร้อมกับสั่งโครงกระดูกของเขาตัวหนึ่งเดินหน้าเข้าไปหาเสือดำอีกตัว


เขาเลือกนักธนูอันเดตให้ไปเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์แต่ไม่ว่าเดฟจะลองยังไงก็ตาม นักธนูนั้นก็ไม่อาจจะหลบเหมือนที่เดฟต้องการได้แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังได้ลองและหลบการโจมตีอยู่ได้บ้าง


” ดูเหมือนว่า AI ของอันเดตมันจะต่ำ ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด


” นายหมายความว่าไง ? “- Lone Arrow ถามขึ้นมาในตอนที่จัดการมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายของเธอ


” ฉันควบคุมอันเดตให้หลบไม่ได้แต่มันจะพอหลบได้ด้วยตัวเองอยู่บ้าง “


” ฉันว่ามันน่าจะเป็นปัญหาต่ออนาคตอีก ” – เธอพูดขึ้นพร้อมกับเริ่มคิดเรื่องนี้จริงจังขึ้น


” บางทีอาจจะไม่ เมื่อฉันยกระดับขึ้นมา ฉันก็จะมีลูกน้องมากขึ้นกว่าเดิม การเสียลูกน้องหนึ่งหรือสองตัวที่หลบการโจมตีไม่ได้คงไม่ใช่เรื่องต้องมาคิดมาก “


” โอ้ นายจะมีลูกน้องเพิ่มอีกเหรอ ? นั่นคงจะน่าสนใจดี ! ฉันอยากเห็นแล้วสิ ” – เธอพูดขึ้นด้วยตาที่เป็นประกาย


” เฮ้อ ฉันไม่เคยเห็นใครมาตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้เลย ….เอาล่ะ ไปได้แล้ว เราน่าจะปรับตัวกับกลไกใหม่ได้เมื่อเราเข้าไปในดันเจี้ยน ” – เขาพูดขึ้นแล้วเดินไปที่ถ้ำ


เมื่อเดฟมาถึงตรงทางเข้า เขาก็ได้ยินเสียงของคนดังขึ้นมา


พวกนั้นเป็นผู้เล่นที่หัวนั้นมีชื่อของกิลด์ย่อย Devastators พวกนั้นเพิ่งเข้าไปในดันเจี้ยนแต่เดฟ ยังไม่ได้มีโอกาสตรวจสอบเลเวลพวกนั้น


” มีคนอื่นมาด้วย ” – เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หันกลับมามองที่ Lone Arrow


” ทำไมนายถึงมองฉันแบบนั้น ? ” – Lone Arrow ถามขึ้นมา – ” ฉันไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ซะหน่อย ” – เธอพูดขึ้น – ” ฉันไม่อยากให้คนอื่นมายุ่งกับการลงดันเจี้ยนของเรา นายน่าจะเริ่มเชื่อใจฉันบ้างได้แล้วนะ ” – เธอพูดพร้อมกับเม้มปาก


” ฉันไม่ได้พูดอะไรนี่….ถึงยังไงมันก็ไม่สำคัญ เราจะตามพวกนั้นไป ถ้ามันเสี่ยงฉันจะใช้การจบภารกิจและทิ้งเธอไป ” – เขาพูดขึ้น


” พระเจ้า นี่ไม่ดีเลยนะ ! นายนี่ชั่วดีนะ ! นายจะทิ้งสาวสวยไว้เพียงลำพังในถ้ำที่มืดมิด ! ถ้าเกิดเรื่องแย่ๆกับฉันล่ะ ! ” – เธอพูดขึ้นแต่มันฟังดูไม่เหมือนว่าเธอจะโกรธเดฟเลย มันเหมือนกับ….อ้อนมากกว่า


‘ เธอต้องเป็นพวกชอบโดนทรมาน ‘ เดฟนึกถึงตอนที่เธอโดนล่ามโซ่ไว้เมื่อครั้งที่แล้ว


” เอาล่ะ ไปได้แล้ว ” – เขาพูดขึ้นแล้วเดินหน้าต่อ


แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปในถ้ำก็ได้มีคนแคระโผล่มาตรงหน้า นั่นคือคนแคระที่เป็นของกิลด์ Devastators ที่จะเก็บค่าเข้าดันเจี้ยน เขาได้ทำหน้าหลอกคนแคระแต่ตอนที่คนแคระมองไปที่ เดฟนั้น หน้ามันก็ได้ซีดและมันก็ได้หมดสติล้มลงกับพื้นทันที


” หน้านายนี่น่าเกลียดจนทำให้คนแคระสลบได้เลย…” – Lone Arrow พูดขึ้นพร้อมทั้งพยายามกลั้นหัวเราะ


” เฮ้อ….อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องจ่ายค่าเข้า เธอน่าจะดีใจนะ ! ” – เดฟพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในถ้ำ


ถ้ำนี้มืดสนิทและนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเดฟถึงได้บอกให้ Lone Arrow เอาคบไฟมาด้วย Lone Arrow เอาคบไฟแต่ก่อนที่เธอจะได้จุดมัน เดฟก็ส่ายหน้าและพูดขึ้น – ” ไม่ใช่ตอนนี้…มันจะบอกตำแหน่งเรา ดูนั่นสิ ” – เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่บันได


ไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้านั้นมีไฟสองอันโผล่ออกมาให้เห็น


” พวกนั้นคือคนที่เข้ามาก่อนหน้าเรา ” – เดฟพูดขึ้นและมองลงไปตามบันได – ” ถ้าเราจุดไฟที่นี่ พวกนั้นก็จะเห็นเรา “


” ได้ แล้วเราจะลงไปด้านล่างยังไง ? มันมืดเกินไป ” – เธอพูดขึ้น


” มันก็ควรจะมืดแหละ ชื่อดันเจี้ยนก็บอกอยู่แล้วแต่ฉันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแม้แต่ในที่มืดก็ตาม ” – เขาพูดขึ้น


” ก็นายเป็นอันเดตนิ สิ่งมีชีวิตกลางคืน ฉันก็แค่เอลฟ์น้อยน่ารัก ฉันต้องการแสง ” – เธอพูดแหย่เดฟ


” รออยู่ที่นี่ก่อน อีกแปปหนึ่งฉันจะกลับมา ” – เขาพูดขึ้นแล้วเอาคบไฟไปจาก Lone Arrow ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างเพียงลำพัง


บันไดนี้ทำขึ้นจากหินและด้านข้างนั้นก็เป็นเหวลึกที่ซึ่งคงเป็นภัยถ้าใครตกลงไป


เมื่อเดฟเข้าไปใกล้ผู้เล่นสองคนนั้น เขาก็ได้เห็นนักผจญภัยสองคนกำลังฆ่ามอนสเตอร์อยู่


” พวก ฉันต้องบอกเลยว่าโคตรแย่เลยที่ที่นี่บังคับให้ใช้คบไฟ ฉันใช้โล่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ….” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับพยายามสลัดมอนสเตอร์


” พวก หยุดบ่นได้แล้ว มันไม่ได้ยากอะไรสักหน่อย ” – ชายอีกคนที่ถือดาบพูดขึ้นพร้อมกับโจมตีมนุษย์หมาป่าที่สูงสามเมตร


หน้าตาของมนุษย์หมาป่านั้นทำให้เดฟต้องขนหัวลุก


‘ ฉัน ! ฉัน ! เกลียดมนุษย์หมาป่าจริงๆ ! ‘ เขาคิดกับตัวเองแล้วกำหมัดแน่นเข้าไปตรวจสอบผู้เล่นทั้งสองคน


Pain Killer, เลเวล 115 แทงค์


Monsoun11, เลเวล 120 นักดาบ


หน้าของเดฟหม่นลงตอนที่เช็คเลเวลของทั้งคู่ ดันเจี้ยนนี้น่าจะเป็นดันเจี้ยนเลเวล 80 สองคนนี้ไม่น่าจะมาที่นี่ได้


แต่บางอย่างก็ทำให้เดฟสนใจขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นอยู่ห่างกันเล็กน้อย


” เอาล่ะ Night Boar จะเข้ามาแล้ว พยายามอย่ายืนตรงกลางไม่งั้นแล้วมันจะชนนายให้กระเด็นไปด้านข้าง ” – Monsoun11 พูดกับเพื่อนตัวเอง


” ฉันรู้น่า ไม่จำเป็นต้องมาบอกหรอก ” *- Pain Killer พูดขึ้นพร้อมกับเดินห่างออกไปอีก


เดฟจำ Night Boar ได้เพราะเขาจำทุกอย่างเกี่ยวกับดันเจี้ยนตอนที่ค้นหาข้อมูลตอนเซิฟเวอร์ปิด มันเป็นมอนสเตอร์ซึ่งเกิดในดันเจี้ยนนี้และมันจะพุ่งเข้าชนใส่ผู้เล่นที่ยืนอยู่ตรงกลางบันไดให้ตกลงไปที่เหวด้านข้าง


เดฟยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มลูบหนวดตัวเอง สักพักเขาก็ได้สร้างหัวกะโหลกสีแดงขึ้นมาแล้วสั่งให้มันลอยไปหาหนึ่งในผู้เล่นสองคนนั้น


Chapter 58: เล่นนอกเกม


อากาศเริ่มหยุดนิ่งไปเหมือนกับอยู่ใจกลางตาพายุ มันมีเสียงแค่เพียงเล็กน้อยเหมือนกับเสียงกลองที่ดังขึ้นจากส่วนลึกของดันเจี้ยน


” มันมาแล้ว Killer ! อยู่ให้ห่างจากตรงกลางแล้วระวังตัวด้วย ! ” – Monsune11 ตะโกนอขึ้นมาแล้วขยับไปที่ขอบบันได


” รู้น่า ! ” – Pain Killer ตรวจสอบตำแหน่งตัวเองแล้วมองไปที่ขอบบันได จากนั้นเขาก็เดินออกไปอีกสองก้าว แทนที่จะมืดสนิทนั้นมันกลับมีแสงสว่าง…มันมีบางอย่างพุ่งเข้ามาหาเขาจากหุบเหว


” นี่มันบ้าอะไร ? “


กะโหลกที่ส่องแสงพุ่งออกมาจากขอบบันไดพุ่งเข้าใส่เขา


เขาถึงกับต้องถอยกลับไปเพื่อตรวจสอบมัน


” เฮ้ย แกทำอะไรวะ ? มันกำลังมานะโว้ย ! “- Monsune11 ตะโกนขึ้นมา


” มีหัวกะโหลกเข้ามาหาฉันจากอีกด้าน ! “


” อยู่ใกล้ๆขอบสิวะ ! ” – Monsune11 ตะโกนขึ้นมา


จากนั้น Monsune11 ก็เห็นแสงจากเหวข้างตัวเขา – ” เฮ้ย ! มันมีหัวกะโหลกที่นี่ด้วย ! “


กีบเท้าของหมูป่าโผล่มาพร้อมกับหมูป่าที่พุ่งขึ้นมาจากบันได


[ Rogue Boar of the abyss ]


เลเวล : 250


HP : 300,000


สกิล : { Stampede }


เดฟ มองไปที่หมูป่าที่เข้ามาใกล้ผู้เล่นรอจังหวะที่เหมาะ


ตอนนี้แหละ


เขาดีดนิ้วแล้วยิ้มออกมา


หัวกะโหลกทั้งสองอันระเบิดออกมา แรงระเบิดนั้นอัดผู้เล่นเข้าไปขวางทางหมูป่าจนทำให้พวกนั้นต้องเซเพราะสกิล พวกเขามองไปที่หมูป่าด้วยท่าทีหมดหนทาง


พวกเขากระเด็นไปที่เหวที่มืดมิดพร้อมกับกรีดร้องออกมา


ตอนนั้นเดฟได้ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็เห็นว่าหมูป่านั้นไม่ได้ลดความเร็วลงเลยและเขาก็ยืนขวางทางมันอยู่


” เหี้ยแล้ว ! ” – เขารีบหันกลับไปวิ่งหนี


” เหี้ย เหี้ย เหี้ย ! ” – เมื่อรู้ว่ามหูป่าจะตามทัน เขาก็ได้ใช้สกิล { Stampede} เพื่อที่จะเร่งความเร็วตัวเอง เขาอาจจะช้ากว่ามันแต่ก็พอซื้อเวลาได้บ้าง….


ก่อนที่มันจะได้เข้าใกล้เขา เขาก็เริ่มตะโกนอกมาซ้ำๆ – ” หลีกทาง !ขยับไปที่ขอบ ! “


ตอนที่เขาเห็น Lone Arrow ที่โบกมือให้เขา เขาทำตัวเหมือนคนบ้า – ” นี่นายไปเจออะไรมา — บ้าเอ้ย ! ” -* เธอรีบหันกลับแล้ววิ่งขึ้นไปตามบันได


” นี่นายทำบ้าอะไรเนี้ย ! ” – เธอตะโกนออกมาพร้อมกับหันหน้าไปมองเดฟที่ตอนนี้ตามเธอทันแล้ว


เขาไม่ได้ตอบเธอ เขาแค่สั่งให้ทุกคนหลีกออกจากเส้นทางของหมูป่า ถ้าเธอไม่รู้ว่าเขาตะโกนแบบนี้เพราะอะไร งั้นมันก็คงสายไปแล้วสำหรับเธอ


ตอนที่ Lone Arrow และอันเดตของเขาขยับไปที่ขอบบันไดแล้ว สกิลของเดฟก็ได้สิ้นสุดลงและเขาก็ได้หยุดลงไปด้วย


เขาหอบและหันกลับมามองหมูป่าที่พุ่งเข้ามา เขาขยับตัวไปติดขอบบันไดและมองไปที่หมูป่าที่พุ่งผ่านไปแต่กลับกันหมูป่ากลับมองมาที่เขาแทน


” โอ้ ไม่เอาน่า ! แกล้อเล่นใช่มั้ย ! ” – เขาตะโกนออกมา


Lone Arrow ใช้ธนูยิงไปที่หมูป่าแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ส่งผลอะไร ก่อนที่หมูป่าจะได้พุ่งหาเดฟ เดฟก็ได้ก้าวไปข้างๆแล้วหันกลับมาใช้ใสกิล { Rising Strike } กับ { Spectral Bomb } เขาไม่ได้หวังว่ามันจะทำดาเมจอะไรแต่มันช่วยให้เขาเป็นอมตะในตอนวิกฤตได้ หมูป่ากระเด็นออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิดและเดฟก็ได้ดีดนิ้วส่งหัวกะโหลกไปข้างๆหัวของหมูป่า การระเบิดนี้ทำให้หัวของมันหันไปหาขอบและทำให้มันกระเด็นจนตกเหวไปเอง


แต่สกิลที่มันมีตอนนี้ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่กลางอากาศ การพุ่งของมันในที่สุดก็สิ้นสุดลงและมันก็ได้ตกลงไปพร้อมกับเสียงร้องที่ดูหงุดหงิด


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


..


เดฟมองไปที่หน้าต่างแจ้งเตือน


เขาเลเวลเพิ่มมาเป็น 71 และค่าคะแนนสเตตัส 86 หน่วย มันมีแจ้งเตือนตั้งแต่ตอนที่เขาไปเจอหมูป่า มับอกว่าเขาคะแนนเพิ่มมา 40 คะแนนจากการจัดการผู้เล่นสองคนก่อนหน้านี้ให้ตายได้


Lone Arrow มองไปที่สเตตัสตัวเองแล้วก็ต้องอึ้ง


” มันเจ๋งชะมัด ! ฉันไม่คิดว่าจะเลเวลเพิ่มขึ้นได้จากการช่วยนาย นี่แค่โจมตีไม่กี่ครั้งเอง ! “


” เธอเลเวลเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ ? ” – เดฟ ถาม


” 10 นายล่ะ ? ” – เธอถาม


” 6 หมูป่านั่นเลเวลสูงกว่าบอสอีก ” – เขาจำได้ว่าบอสเลเวลประมาณ 80


Lone Arrow ยักไหล่ – ” บางทีมันไม่น่าจะฆ่าหมูป่านั่นได้ หมูป่านั่นอาจจะถูกลงไว้ที่นี่เพื่อทำให้คนกลัวและให้ระวังตัวอยู่ตลอด “


” ถ้าเราฟาร์มมันได้ล่ะ มันจะช่วยให้เราเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลายเท่าเลยนะ ” – เขาพูดขึ้น


Lone Arrow มองไปรอบๆ – ” เดี๋ยวนะ มีบางอย่างผิดปกติ “


” อะไร ? “


” ของไง ! ” – เธอพูดขึ้นพร้อมกับความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นมา


เดฟ มองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบอะไร


” มันต้องตกลงไปด้านล่างกับมอนเตอร์แน่ เธออยากลงไปดูมั้ยล่ะ ? ” – เขายิ้ม


” ไม่ล่ะ ไปต่อกันเถอะ “


” อื้อ ได้เวลาลงไปข้างล่างเพื่อไปหาบอสแล้ว ” – เดฟพูดขึ้น


ก่อนที่พวกเขาจะเดินหน้า เดฟก็ได้สั่ง Bud ( Ghoul ตัวหนึ่งที่เขาตั้งชื่อให้ ) กับโครงกระดูกตัวหนึ่งให้มาถือคบไฟ พวกเขาเดินหน้ากันต่อจนไปถึงจุดที่เดฟได้จัดการผู้เล่นสองคนก่อนหน้านี้


” เอาล่ะ ผู้เล่นสองคนนั่นช่วยเราด้วยการเคลียร์ทางไว้จนถึงจุดนี้ จากนี้เราต้องสู้กับพวกมอนสเตอร์เองแต่ฉันไม่อยากโดนล้อมระหว่างพวกนั้นกับมอนสเตอร์ถ้าพวกนั้นกลับมาที่นี่อีกหลังจากที่เกิดใหม่ ดังนั้นเราถึงต้องรีบ “


เขาเดินนำหน้าทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้ Lone Arrow ได้เลือก


พวกเขาเดินลงไปต่อรวดเร็วที่สุดเท่าที่อันเดตจะทำได้


เสียงหอนจากไกลๆทำให้เดฟต้องหยุดชะงักไปบ้าง เขาสั่งให้ Bud เดินหน้าไปแทนที่เขา


Lone Arrow หัวเราะออกมาเมื่อเห็นแบบนั้น -” ตลกดีนะที่ฝูงหมาพวกนี้ทำให้นายกลัวแบบนี้ได้ “


” หมา ?! รอจนกว่ามันจะกัดหัวเธอขาดละกัน ” – เขาเถียงกลับ


พวกเขาเดินหน้ากันต่ออีกครั้งและไม่นานก็ได้ยินเสียงกรงเล็บที่กระทบกับพื้นดังเข้ามาใกล้พวกเขา สัตว์อสูรที่มีฟันที่น่ากลัวตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า แสงจากคบไฟนั้นทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม


เดฟรีบทำการตรวจสอบมอนสเตอร์ทันที


[ Malformed Werewolf ]


เลเวล : 70


HP : 20,000


ดาเมจ : 1,500-2,000


กันดาเมจ 350


ดูดซับเวทย์ 350


สกิล : {Howl: ทำให้ศัตรูเซและทำให้ถอยหลังกลับไป }


{ Maul : ฉีกกระชากเป้าหมายทำดาเมจ 300% }


ครึ่งหนึ่งของผิวและเนื้อนั้นเน่าหรือหายไปแล้วจากตัวของมันเหลือทิ้งไว้เพียงกระดูกและเครื่องในเผยออกมาให้เห็น


เดฟกลัวอยู่แล้วและตอนนี้เขายิ่งควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ เขาเตรียมตัวรับมือความกลัวนี้มาแล้วแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังทำให้เขาควบคุมได้อ่อนแรงลง


” จะมีอะไรแย่ไปกว่ามนุษย์หมาป่าอีก ? อันเดตหมาป่าหรือไง ! ” – เดฟ ตอบคำถามตัวเองด้วยเสียงแหลมสูง เขาขยับมาอยู่ด้านหลังอันเดตของเขา


‘ ฉันจะมาเจอพวกแบบนี้แค่ครั้งเดียว ให้ Lone Arrow กับอันเดตของฉันรับมือกับมันแทนก็แล้วกัน พวกนั้นต้องการฝึกฝนและต้องการ xp อยู่แล้วนี่ ‘


จากนั้นก็มี Malformed Werewolves อีกสามตัวโผล่ออกมาจากความมืด


Chapter 59: ดินแดนมนุษย์หมาป่า


เดฟพุ่งเข้าไปต่อสู้พร้อมกับกรีดร้องไปด้วย – ” ไอ้เวรราฟ กับไอ้มนุษย์หมาป่าโง่เง่าของเขา ! ” – เขาใช้ { Stampede }เล็งไปที่มนุษย์หมาป่าตัวใหม่ เขาผลักมันจนกระเด็นไปข้างๆก่อนจะใช้ { Spectral Bomb} ตามไปอีก


เขาดีดนิ้วเป่ามันให้กระเด็นแล้วตะโกนออกมา – ” Lone Arrow ! เป่าให้มันตกลงไป ! “


Lone Arrow ยิง {Breaking Shot} เพิ่มแรงระเบิดจากหัวกะโหลกทำให้หมาป่าตกลงจากบันได


หมาป่าที่เหลือสามตัวคำรามออกมาด้วยความหงุดหงิดกับเพื่อนของมันที่ตายไป


พวกมันได้พุ่งเข้าใส่เดฟ


{Rising Strike} ถูกใช้ออกมาและเขาก็เป็นอมตะได้ในช่วงที่ใช้สกิลและถอยกลับมาได้ทัน


กลุ่มมอนสเตอร์รับดาเมจจากสกิลและต้องหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม


พวกมันคำรามออกมาด้วยความบ้างคลั่งและหิวกระหาย


” ไอ้เวรราฟ ! ” – เขานึกถึงตอนที่ราฟยังยืนกรานให้เขาดูหนังสยองขวัญที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าและยิ่งตอนฮัลโลวีนที่ ราฟแต่งชุดมนุษย์หมาป่ามาหลอกเขาอีก เดฟไม่เคยเอาชนะความกลัวจากมนุษย์หมาป่าได้เลยตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้ความจริงนั้นได้ถูกพิสูจน์แล้ว


ทีมอันเดตได้เข้าล้อมมอนสเตอร์ทั้งสามตัวเอาไว้ มนุษย์หมาป่าพยายามปลีกตัวออกห่างจากคบไฟ


” พวกมันกลัวไฟ ! ใช้คบไฟเพิ่ม ! ” – เขาสั่งการทีมของเขา


Lone Arrow โยนคบไฟให้กับอันเดตทันที


หนึ่งใน Ghoul ของเดฟที่ตัวสูงที่สุดรับคบไฟไป


มอนสเตอร์ถอยหลังกลับไปพร้อมกับคำรามออกมาด้วยความกลัวในดวงตาของมันแต่สัญชาตญาณของมันก็ยังสั่งให้มันโจมตี


หนึ่งในนักเวทย์ของเขาไม่ได้จับคบไฟแต่ชี้คทาแล้วยิงลูกไฟออกไปใส่มอนสเตอร์แทนที่จะใช้สายฟ้าเหมือนปกติ….


ลูกไฟลุกไหม้ขนของมันและมอนสเตอร์ก็เริ่มคลั่งเพราะเปลวไฟ มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเริ่มโจมตีทุกอย่างรอบตัว


[ หนึ่งในลูกน้องของคุณพบเส้นทางในด้านเวทย์ +20 คะแนน ]


” โว๊ะ ! งั้นแกก็เรียนสกิลได้นี่นา ! ” – เดฟตะลึง – ” ดีมกา ! เผาพวกมันเลย Bone ! ” – เดฟตั้งชื่อนักเวทย์ตัวนั้นของเขา


นักเวทย์นั้นเหมือนจะภูมิใจและเริ่มยิงไฟใส่มนุษย์หมาป่าเร็วขึ้นกว่าเดิม


ไฟที่ยิงออกมานั้นไม่ได้ทำดาเมจอะไรมากมายแต่ก็เพียงพอทำให้พวกมนุษย์หมาป่ากลัวได้


สักพักมอนสเตอร์ที่กระจายตัวกันอยู่นั้นก็เริ่มตายกันไปทีละตัวๆ


ตอนที่พวกนั้นตายกันหมดแล้ว เดฟก็ได้ไปเก็บเขี้ยวที่พวกมันดรอปลงมาและส่งครึ่งหนึ่งให้กับ Lone Arrow


เธอยิ้มแล้วรับมันไว้ก่อนจะถามขึ้นมา – ” นี่เป็นแบบที่ฉันคิดหรือว่านายกลัวมันจริงๆ ? “


” ฉันไม่ได้กลัว ! ” – เดฟตอบกลับทันที


” โอ้ ใช่สิ Mr.Skeletal ผู้ยิ่งใหญ่ไม่กลัวอะไรอยู่แล้วนี่เนอะ “


ใช้เวลาสักพักกว่าที่พวกเขาจะลงมาแล้วได้ยินเสียงกลุ่มมนุษย์หมาป่าเยอะกว่าเดิมที่เดินเข้ามา


เดฟใช้เวลานานกว่าเดิมในการสู้ ในที่สุดพวกเขาก็จบชีวิตของพวกมอนสเตอร์เหล่านั้นได้พร้อมกับเสียงกรีดร้องของเดฟ


หลังจากที่พบกับมนุษย์หมาป่ามากมายหลายแบบ ในที่สุดพวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่จุดล่างสุด ตรงหน้าพวกเขามีประตูขนาดใหญ่ที่มีคบไฟปักอยู่โดยรอบ ประตูนี้ยังคงมืดมิด แสงจากคบไฟนั้นไม่อาจจะเผยรูปร่างของประตูได้หมด


ไม่ว่าแสงจะสาดไปที่ไหน มันจะปรากฏภาพวกของสัตว์อสูรที่น่ากลัวออกมา


มนุษย์หมาป่า, มังกร, สัตว์ทะเล, เต่ายักษ์และอื่นๆอีกมากมาย


มีมนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูที่กว้างกว่า 200 เมตร มันไม่เหมือนกับมอนสเตอร์ตัวอื่นที่พวกเขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้


มันมีขนสีเงินและมีคอที่ยาวกว่า


แขนของมันใหญ่พอๆกับท่อนไม้พร้อมกับไหล่ที่หนาและอกที่กว้าง


มันเหมือนคนมากว่ามอนสเตอร์ตัวอื่นๆ ส่วนที่เป็นสัตว์นั้นน้อยกว่าตัวอื่นๆ


แต่ตาที่แดงกล่ำของมันเป็นเครื่องหมายว่ามันได้เสียความคิดของมันไปนานแล้ว


[ Richar Silver-mane (บอส) ]


เลเวล : 80


HP : 25,000


ลดดาเมจ 1,000


ดูดซับเวทย์ 500


สัตว์อสูรจากยุคโบราณ เป็นพันปีแล้วที่ Richar ได้หาทางกลับบ้านจนกระทั่งในที่สุดก็ได้มาอยู่หน้าประตูนี้ก่อนจะพบว่าเขาไม่อาจจะเข้าไปได้ เขายืนรอยอยู่ที่นี่มาโดยตลอดด้วยชีวิตที่น่าเศร้า….


” นี่มันไม่น่าถ่ายไว้เลย ” – Lone Arrow พูดขึ้น


” ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? “


” หมูป่าก่อนหน้านี้เลเวลสูงกว่ามันมาก ไอ้นี่ไม่มีค่าพอที่จะถ่ายเอาไว้ ” – Lone Arrow มองไปที่มนุษย์หมาป่าที่สูงกว่า 6 เมตร


” ตำนานของมันน่าสนใจดี ประตูนั้นต้องปกป้องความลับบางอย่างไว้อยู่ ” – เดฟพูดขึ้นพร้อมกับเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆ มันมีรูปร่างที่คุ้นตา บนภาพที่สลักเอาไว้ที่มุมหนึ่งของประตูนั้นเป็นวังกระดูก….


เดฟได้ยินเสียงตะโกนจากด้านบน


” นั่น ! “


เขาเงยหน้ากลับไปมองและพบคบไฟสองอันที่กำลังลงมาจากด้านบน Pain Killer กับ Monsune11


” แย่จริง…กลับเป็นว่าตอนจบคงไม่ได้น่าเบื่อแบบที่เธอคิด ! ฉันหวังว่าตอนนี้เธอคงพอใจแล้วสินะ ” – เขาพูดขึ้นพร้อมกับชักดาบออกมาและเตรียมทีมของเขาเพื่อรับการต่อสู้


Chapter 60:โลกใต้ดิน!


Lone Arrow มองไปที่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้า


” เราเอาชนะพวกนั้นไม่ได้ เลเวลพวกนั้นสูงเกินไปสำหรับเรา แม้ว่าพวกนั้นจะไม่ฆ่าเราแต่มอนสเตอร์ก็จะฆ่าเรา ” – เธอกังวล


” เราต้องหางทางออกจากที่นี่ ” – เดฟตรวจสอบบอสอีกครั้งหวังว่าเขาจะทำเหมือนเหตุการณ์ของ Drahma ได้อีกแต่ชื่อของมอนสเตอร์ก็ยังคงเป็นสีแดงซึ่งบ่งบอกว่าเป็นศัตรูกับเขา


เราคงหนีไปไม่ได้ถ้าไม่สู้


Lone Arrow หันกลับมาและมองเข้ามาที่ตาของเขา


” ฆ่าฉันแล้วนายค่อยใช้การจบภารกิจ ” – เธอเชิดหน้าขึ้น


” อะไรนะ ? ! “


” ทั้งเกมน่ะเล็งแค่นาย ถ้านายถูกฆ่า เควสใหญ่ของนายก็จะจบแต่ถ้านายฆ่าฉัน นายก็สามารถหนีกลับไปดินแดนอันเดตได้ “


เธอเป็นเพื่อนลงดันเจี้ยนที่ดี ไม่ได้มีคนมากมายนักที่จะยอมเสียสละตัวเองแบบนี้ แม้แต่ในเกมจำลองก็ตาม


” ฉันทำได้….” – เขาพูดขึ้นช้าๆ – ” แต่ฉันไม่อยากทำมัน ไปที่ห้องบอสก่อน ฉันอยากเข้าไปดูภาพสลักที่ประตูใกล้ๆ “


เดฟเรียก Boyz มากาเขาและจากนั้นก็เดินหน้าไปที่ห้องบอสด้วยกันกับมัน


เขาส่งอันเดตเพื่อไปล่อบอสและเขากับ Lone Arrow นั้นได้เดินอ้อมไปที่ประตู


Pain Killer และ Monsune11 รีบวิ่งลงมาด้านล่างพยายามจับตาดูเดฟและ Lone Arrow


ใบหน้าของพวกเขาเหมือนรู้บางอย่าง จากนั้นก็มีสีหน้าโกรธและโลภตามมา


” พวกนั้น ! ผู้เล่นสองคนที่จัดการดันเจี้ยน Ice Palace ! ” – Pain Killer รีบไล่ตามและทิ้งคบไฟที่ไม่จำเป็นทิ้งก่อนจะใส่โล่ของตัวเอง


” โคตรเฮงเลย Pain การฆ่ามันจะทำให้เราเข้าออกส่วนอีเวนต์ได้ “


” แต่พวกนั้นจะไปไหน ? ” – Pain Killer ที่อยู่ด้านหน้าเดินวนรอบตัวบอสกับอันเดตที่สู้กันอยู่


” ฉันว่าแล้ว ! ” – เดฟพูดขึ้นมา ภาพสลักอันหนึ่งแสดงให้เห็นวังกระดูกในดินแดนอันเดต บางทีมันอาจจะเป็นวิธีที่พวกเขาจะหนีไปได้


เขาเอื้อมมือไปจับภาพ ตอนที่นิ้วเขาสัมผัสกับหิน ประตูก็ได้เปล่งแสงออกมา เขาถอยกลับมาพร้อมกับเอามือปิดตาตัวเอง


[ เงื่อนไขครบกำหนด : สมาชิกของเผ่าจากโลกใต้ดิน


เป็นมิตรกับตัวตนระดับ Epic ( หรือสูงขึ้นไปอีก ) จากโลกใต้ดิน !


ทำข้อเสนอกับนรกของโลกใต้ดิน


สัมผัสประตูเพื่อเปิดการทำงาน ]


[ ยินดีด้วย ! คุณได้เปิดเส้นทางไปสู่โลกใต้ดิน ]


บอสละสายตาจากอันเดตและมองมาที่ประตูที่ส่องแสง มันกรีดร้องออกมาและเริ่มวิ่งอย่างสิ้นหวังมาที่ประตูโดยไม่สนใจพวกอันเดตและการโจมตีเลยสักนิด


Richar วิ่งมาที่ประตูราวและทำการกระโดดพุ่งเข้ามาที่หินที่ส่องแสงอยู่แทนที่จะไปโจมตีกลับเมื่อได้รับดาเมจ แสงนั้นสว่างมากขึ้นและเงาของบอสก็เริ่มหลอมรวมเข้ากับประตูหิน


แสงจากประตูหม่นลงและในที่สุดก็ดับไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือภาพใหม่ที่ประตูซึ่งเป็นรูปของบอสสลักลงไปบนหิน


[ ประกาศจากเซิฟเวอร์ ! ทางสู่โลกใต้ดินได้ถูกเปิดออก xp สำหรับ 72 ชม.จะเพิ่มเป็นสองเท่าสำหรับผู้เล่นทุกคนในโลกใต้ดิน ทางเดินจะเปิดออก 3 วัน (เวลาในเกม) คุณต้องการให้ผู้เล่นคนอื่นเห็นการค้นพบครั้งแรกของคุณในประวัติศาสตร์ของเกมหรือไม่ ? (คุณสามารถเปลี่ยนคนหลังจากนี้ได้ ) Y/N ? ]


” ไม่ ! ” – เดฟพึมพำออกมา


[ ด้วยการเปิดเส้นทางสู่โลกใต้ดินนี้จะทำให้คุณได้รับรางวัลดังนี้ :


[ Cape of the Scavenger ] ( สามารถรับได้จากทุกร้านในดินแดนอันเดต )


+100,000 คะแนน ]


ประตูยังคงส่งเสียงแตกร้าวออกมา ฝุ่นหล่นลงมาพร้อมกับคบไฟที่สั่นไหวและก็มีเส้นโผล่มาที่ใจกลางประตูแยกประตูออกเป็นสองส่วนก่อนที่ประตูทั้งสองข้างจะเปิดเข้าไปข้างใน


ประตูที่เปิดออกมานั้นเผยให้เห็นห้องขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีแม้แต่ประตูหรือหน้าต่างแต่พื้นหินส่วนมากจะหลุดลุ่ยไปเหลือแต่เพียงกำแพงหิน ที่ปลายห้องมีรูวนซึ่งมีแต่ความมืดมิด


” เหี้ยแล้ว ! ” – Pain Killer ตะโกนขึ้นมา เขาอ่านที่ประกาศและพบประตูมิติเมื่อมองผ่านประตูที่เปิดออกมานั้น จากนั้นเขาก็ได้มองไปที่ศัตรูสองคน


” เอาล่ะ ! ” – เขาฮึดฮัดออกมา – ” ส่งข้อความหาหัวหน้ากิลด์ เราจะฆ่าอันเดตหนวดกับนังเอลฟ์นั่นแล้วรับส่วนขยายนี้ไป “


ข้อความที่เซิฟเวอร์ประกาศนั้นไม่ได้บอกตำแหน่งของทางเข้า การฆ่าอันเดตหนวดจะให้รางวัลกับพวกเขาอย่างงามแต่ตำแหน่งทางเข้าโลกใต้ดินนั้นคือสมบัติของจริง พวกเขาจะได้ส่วนแบ่งสำหรับการ ‘ ค้นพบ’นี้แต่ถึงยังไงมันก็มีโอกาสน้อยที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เล่นที่รวยที่สุดในเกม


ทั้งสองคนเช็คอุปกรณ์และสกิลของตัวเองก่อนจะตัดสินใจจัดการกับตัวน่ารำคาญสองคนนี้


เดฟมองลงไปในรูนั้นพยายามมองหาบางอย่าง เขากระโดดเข้าได้ มันไม่เหมือนประตูตอนที่ฆ่าผู้เล่นที่เปิดขึ้นมาโดยระบบ เขาเกลียดที่จะต้องมาเสี่ยงดวงแบบนี้แต่….


Lone Arrow มองไปที่ผู้เล่นสองคนที่เข้ามาด้วยสีหน้าที่แสดงความหวาดกลัว


” พวกนั้นมาแล้ว ถ้านายมีแผน ก็ใช้ตอนนี้เลย ! ” – เธอเร่ง


เดฟไม่ได้ตอบกลับ เขาหันกลับมาแล้วจับมือเธอไว้ก่อนจะมองไปที่เธอ เธอกำลังจะสลัดมือเขาแต่เขากลับกระโดดและดึงเธอเข้าหลุมดำไปด้วย


[ คุณได้เข้าสู่โลกใต้ดิน ]


[ xp ทั้งหมดจะเป็นสองเท่าในเวลา 72 ชม.]


[ อัตราดรอปนั้นสูงที่สุดในการฆ่าครั้งแรก ]


[ โลกใต้ดินนั้นสามารถเข้าได้แค่ครั้งเดียวในแต่ละครั้งที่เส้นทางเปิดออก ]


[ ถ้าคุณตาย คุณจะไปเกิดใหม่ที่จุดเกิดนอกโลกใต้ดิน ]


พวกเขาได้ตกลงไปในความมืดมิดซึ่งดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปหลายชั่วโมงแต่จริงๆแล้วผ่านไปไม่ถึงนาที การตกของพวกเขามาพร้อมกับเสียงกรีดร้องโดยส่วนมากเป็นเสียงของเดฟซะมากกว่า


มีแสงส่องประกายขึ้นมาก่อนจะกลายเป็นแสงสีส้อมหม่นๆ ผู้เล่นสองคนมองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก


พวกเขามองไปที่แสงนั่นและเริ่มพบรายละเอียดต่างๆมากขึ้น สุดท้ายพวกเขาก็มองเห็นได้ แสงนั้นมาจากน้ำตกลาวาที่ไหลอยู่ด้านล่างพวกเขา


” นี่มันไม่ดีเลย ! ” – เดฟยังคงกรีดร้องต่อไป


แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ตกลงไปในบ่อลาวา แรงบางอย่างที่ลึกลับก็ได้หยุดการตกของพวกเขาเอาไว้และดึงพวกเขาออกจากบ่อลาวา พวกเขาได้ไปยืนที่หินข้างๆกับบ่อลาวาแทน


เดฟมองไปรอบๆ หินที่พวกเขายืนอยู่นี้เป็นสีดำสนิท แม่น้ำลาวานั้นไหลมาจากบ่อใหญ่ราวกับรากต้นไม้ที่ส่องแสงไปตามพื้น แสงจากลาวานี้ไม่ได้ให้แสงสว่างออกไปไกลนักแต่เขาไม่สามารถเห็นกำแพงในจุดที่เขายืนอยู่ได้หรือแม้แต่เพดานก็ตาม


บางอย่างในความมืดเริมขยับและเดฟก็ถอยกลับมาทันทีเพราะทุกอย่างที่นี่อาจจะฆ่าเขาได้ทันที ก้อนหินเริ่มรวมตัวกันจนมีขนาดเท่ากับภูเขาก่อนจะสลัดตัวเองจากการหลับใหล มันหันกลับมามองที่พวกเขาอย่างประทับใจจากดวงตาที่ทำจากลาวา เพราะว่ามันยังไม่ได้มีท่าทีที่เป็นศัตรูกับพวกเขาเดฟจึงลองตรวจสอบมันดู


[ Gate Guardian Ramsha, Warden of the entrance to the Underworld ]


เลเวล : ???


HP : ???


ลดดาเมจ ???


ดูดซับเวทย์ ????


อย่าหาเรื่องอะไรก็ตามที่เฝ้าประตูที่นำไปสู่นรกที่แม้แต่พระเจ้าก็ยังไม่กล้าทำ


อย่างน้อยมันก็มีชื่อเป็นสีเขียว มันเป็น NPC ที่เป็นมิตร


” สวัสดีนักรบ ” – ผู้พิทักษ์นั้นได้พูดขึ้นมาและมองมายังผู้เล่นสองคนที่ตัวเล็กจ้อย


” มันนานมาแล้วตั้งแต่ที่มนุษย์ได้มายืนอยู่ตรงหน้าข้า ” – มันส่งเสียงผ่านฟันที่ทำขึ้นจากหิน


” พวกเจ้าต้องทำ ” – ในที่สุดมันก็ได้พูดขึ้นมาต่อ


” ข้ามีบางอย่างให้พวกนายช่วยสำหรับการเก็บกวาด “


[ Clean-up ]


Ramsha ได้ให้หน้าที่เก็บกวาดกับคุณ


เควสฆ่า


ฆ่าปิศาจทั้งหมดตอนที่คุณอยู่ในโลกใต้ดิน


เวลา : 3 วัน


เดฟ กับ Lone Arrow พากันมองหน้ากันด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย พวก Lesser Devil นั้นมีเลเวลเริ่มต้นที่ 250 เป็นอย่างน้อย พวกเขาสองคนจะทำตามเควสที่บ้าคลั่งของ Ramsha ได้ยังไง ? เลเวลของพวกเขาต่างจากมอนสเตอร์อย่างน้อยก็ 200 เลเวล


” มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเรา ” – เธอกระซิบ


” ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คือโลกใต้ดิน แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับอีเวนต์อันเดต อีเวนต์อันเดตน่าจะเปิดออกตอนที่ผู้เล่นเลเวลถึง 500 “


” งั้น อะแฮ่ม เราได้เปิดมันก่อนกำหนดและตอนนี้ — ” – Lone Arrow ต่อยไปที่ไหล่ของเขา


” โอ๊ย ! เธอเป็นบ้าอะไร ? “


” นี่น่ะเป็นความผิดนายเลย ! นายจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง ? “


เดฟฟังเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นจากไกลๆ เขาเงยหน้าขึ้นและพบว่าวพวกมันกำลังตกมาที่บ่อลาวา Pain Killer กับ Monsune11 ตามพวกเขามา


” เราต้องหนี ! ” – เขาพูดขึ้นและทำตามที่พูดทันที


Lone Arrow กำลังเตรียมที่จะเถียงต่อจนถูกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง


เธอตะโกนออกมาทันที – ” ฉันจะฆ่านาย ! ” – จากนั้นเธอก็ได้วิ่งตามเดฟไปทันที


Lone Arrow วิ่งตามเขาได้ทันอย่างรวดเร็ว เดฟดีใจที่เมื่อเธอวิ่งมาคู่กับเขาแม้ว่าเธอจะต่อยเขาอีก แต่อย่างน้อยเธอก็ต่อยมาที่ไหล่ ดังนั้นดาเมจจึงไม่ได้มากมายอะไร


Monsune11 และเพื่อนไม่ได้หยุดตก ถ้าพวกนั้นส่งข้อความหากิลด์ก่อนที่จะโดดลงมา งั้นผู้เล่นเป็นพันคนคงตามพวกเขามา ทุกคนคงต้องอยากจบชีวิตอันเดตหนวดและเพื่อนของเขาแน่


พวกนี้มีจุดยืนของตัวเอง


เดฟไม่ได้ต้องการจะฆ่า Lone Arrow แต่ถึงเธอเข้ามาด้วยแทน….


” ลดความเร็วลงหน่อย ฉันคิดว่ามีบางอย่างอยู่ข้างหน้าเรา ” – Lone Arrow พูดขึ้น


มัน…มันเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์แต่สูงและตัวใหญ่ ใหญ่พอกับหุ่นยนต์ในหนัง


ใช่ ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน แน่นอนว่ามันเป็นปีศาจที่มีขาเป็นแกะ มีเขาและหาง….ครบทั้งหมด


ปีศาจกำลังนั่งกินเหยื่อของมัน มันใช้เขี้ยวคมๆฉีกเหยื่อออก มันลดมือลงมาแล้วเริ่มเคี้ยวจนทำให้เดฟเห็นว่าของที่อยู่ในมือมันนั้นคืออะไร


ปรากฏว่านั่นคือ Richar บอสตัวตะกี้ มันไม่ได้รับการต้อนรับอย่างมีความสุขเท่าไหร่นัก


” อ่ะ ซวยแล้วไง…”


Chapter 61: ตูม !


Lone Arrow ตรวจสอบสิ่งมีชีวิตตรงหน้า


[ Greater Chaos Demon ]


เลเวล : 400


HP : 400,000


ลดดาเมจ 45,000


ดูดซับเวทย์ 35,000


สกิล ????


ปีศาจนั้นไม่ได้แสดงท่าทีอะไรตอนที่ทั้งสองทำการตรวจสอบ มันยังคงทำการกินมนุษย์หมาป่าต่อไป


” นี่เราจะทำยังไงกันดี ? ” – Lone Arrow ถามขึ้นมา


เธอมองกลับไปด้านหลังและมองหาผู้เล่นสองคนที่ตามมา


” เราสู้มันไม่ได้แต่ดูตรงนั้นสิ ” – เดฟชี้ไปที่บางอย่างด้านหลังปิศาจ


มันมีอุโมงค์อยู่


มอนสเตอร์ตรงหน้านี้เป็นตัวกรองเลเวล มันคงมีความตายรอไว้สำหรับผู้เล่นเลเวลต่ำที่จะเข้ามาในโลกใต้ดิน เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม มันจึงมีปีศาจถูกวางไว้ที่ทางเข้าแห่งนี้


” ไปเถอะ ” – เขาเดินหน้าเข้าหาปีศาจ


Lone Arrow ลังเลและมองไปรอบๆเพื่อหาผู้เล่นสองคนนั้นอีกครั้ง


เขาอาจจะมีแผน ฉันเอาด้วย ยังไงซะมันก็ดีกว่ารอผู้เล่นสองคนนั้นมาจัดการเรา


ตอนที่พวกเขาเข้าไปในระยะความโกรธของปิศาจและทำให้มันคำรามออกมานั้น


” ใช้ {Blink} เพื่อเข้าไปที่ถ้ำ ฉันจะล่อปีศาจ ! ” – หวังว่าจะซื้อเวลาได้บ้าง เดฟได้ใช้ {Royal Decree} ในการเรียกอัศวินผีออกมาจากแหวนของเขา


อัศวินสองตัวรับคำสั่งจากเดฟและเข้าโจมตีปิศาจล่อมันออกห่างจากเดฟและ Lone Arrow


Lone Arrow รอจนเห็นว่าปิศาจถูกอัศวินผีล่อไป จากนั้นเธอก็ได้ใช้ {Blink} ในการวาร์ปผ่านปีศาจและวิ่งเข้าไปที่ถ้ำ


เมื่อความโกรธของปีศาจล็อคไปที่อัศวินผี เดฟก็วิ่งตาม Lone Arrow ไปทันที


ปีศาจอ้าปากของมันกว้างแล้วปล่อยลูกไฟสองอันออกมา


ลูกไฟอัดเข้าไปที่อัศวินผีและทำให้พวกมันกลายเป็นเถ้าไปในทันที


ตาของเดฟเบิกกว้าง Lone Arrow ยังไม่ได้เข้าไปที่อุโมงค์เลยและเขาก็ยังอยู่ห่างจากอุโมงค์ด้วยซ้ำ


ปีศาจหันกลับมาหาเขาแล้วคำรามออกมาด้วยความโกรธก่อนจะเปิดปากของมันแล้วร่ายลูกไฟ ลูกไฟสองอันถูกยิงออกมาจากปากมัน ครั้งนี้มันพุ่งเข้าใส่เดฟ


” เกิดอะไรขึ้นกับคูลดาวน์ของมัน ? !! ” – เดฟตะโกนขึ้นมา ขาเขาไม่ได้หยุดวิ่งเลยสักนิด


เขาหันหน้ากลับไปมองลูกไฟที่เข้ามาและได้ใช้ {Rising Strike} เพื่ออาศัยช่วงอมตะในการรับดาเมจที่เข้ามา การใช้สกิลนี้ก็เพื่อปกป้องตัวเองแต่ไฟนั้นก็ยังเผาผิว, ผมรวมถึงหนวดเขาด้วย


ในตอนที่เดฟเซนั้น ความคิดชั่วร้ายก็โผล่มาในหัวเขา เขาได้ใช้ {Spectral Bomb} โดยวางมันไว้ที่พื้น เขายิ้มออกมาแล้วเริ่มวิ่งไปที่ถ้ำต่อ


ปีศาจยังคงร่ายลูกไฟออกมาดังเดิม


Monsune11 และ Pain Killer ได้เข้ามาที่ลานแห่งนั้น พวกนั้นมองปีศาจด้วยสายตาพอใจแต่สุดท้ายก็ยังเดินหน้าเข้ามาในระยะความโกรธของปิศาจ


ในที่สุดเดฟก็หลุดออกนอกระยะความโกรธของปีศาจและปีศาจนั้นก็เริ่มหยุดร่ายสกิลที่ยังร่ายไม่เสร็จของมัน


” ไม่ใกล้เคียงเลยไอ้น้อง ! ” – เดฟตะโกนขึ้นมา


” จ้า ใช่เลย ! นายนี่กลิ่นเหมือนผมไหม้เลย ! ” – เธอย่นจมูกด้วยท่าทีรังเกียจ


เดฟไม่ได้ตอบอะไรกลับเธอไป เขาเองก็ช่วยเธอไว้ด้วย ดังนั้นเธอควรจะต้องขอบคุณเขาต่างหาก


เดฟมองกลับมาที่ปิศาจและจุดที่ Monsune11 และ Pain Killer ที่อยู่นอกระยะความโกรธของปีศาจ


” เธอเห็นผู้เล่นสองคนนั่นมั้ย ? “


” อื้อแต่พวกนั้นไม่จำเป็นต้องฆ่าปีศาจ “


ปีศาจที่ไม่มีเป้าหมายในการโจมตีนั้นต้องกลับไปยังตำแหน่งเดิม


” ถ้าพวกนั้นไม่เสี่ยงบ้าง พวกเราคงได้กลับบ้านเก่าและถ้าพวกเขาต้องเสี่ยง ปีศาจนี่แหละที่จะจัดการพวกเขา ” – เดฟมองไปที่ผู้เล่นสองคนนั้น


” เราควรไปได้แล้ว ดูสิ มันมีแสงออกมาจากล่างอุโมงค์ด้วย ” – Lone Arrow ชี้


เดฟมองตามและพบกับแสงตามที่เธอบอกแต่เขาก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นมา – ” ไม่ รอดูอยู่ที่นี่ก่อน ฉันว่าฉันรู้สึกสังหรณ์ดีๆกับเรื่องนี้ “


Pain Killer ได้เข้ามาในระยะความโกรธของปีศาจและทำให้ปีศาจเริ่มทำการโจมตีแต่ Pain Killer นั้นได้ใช้สกิลทำให้เขาเป็นอมตะกันดาเมจจากลูกไฟสองลูกของปีศาจเอาไว้ได้


เดฟไม่รู้ว่าสกิลที่ Pain Killer ใช้ออกมาคืออะไรแต่เขารู้ว่าสกิลอมตะทั้งหมดนั้นจะมีคูลดาวน์ที่นาน อีกฝ่ายจะไม่สามารถใช้สกิลได้อีกเร็วๆนี้แน่


Pain Killer ดื่มยาลบความโกรธในตอนที่ Monsune11 ได้เข้ามาในระยะความโกรธของปีศาจและทำการโจมตีมันด้วย {Wind-Cleave}


รอยยิ้มของเดฟกว้างขึ้นในตอนที่ทั้งสองคนเข้ามาใกล้ทางเข้า


พวกนี้ได้ใช้กลยุทธ์พื้นฐานในการสลับค่าความโกรธ ผู้เล่นคนหนึ่งจะเดินเข้าหามอนสเตอร์และทำการโจมตีเพื่อสร้างความโกรธ ผู้เล่นอีกคนจะเข้ามาและโจมตีบอสในตอนที่ผู้เล่นคนแรกดื่มยาลบความโกรธ เมื่อผู้เล่นคนแรกอยู่ห่างพอแล้วเขาก็จะทำการโจมตีและผู้เล่นคนที่สองก็จะดื่มยาลบความโกรธเข้าไป จากนั้นก็ทำแบบเดิมซ้ำๆจนออกนอกระยะของมอนสเตอร์ได้ มันเหมือนกับการวิ่งเล่นไล่จับ


มันเป็นไปตามแผน ความคิดนี้อาจจะฟังดูง่ายแค่ต้องทำซ้ำๆแต่มันต้องใช้การร่วมมือและการกะเวลากันอย่างดี


เมื่อเข้ามาใกล้พอที่จะเห็นอันเดตหนวดและเอลฟ์สาวแล้ว Pain Killer ก็ได้ตะโกนออกมา – ” พวกแกต้องตายที่นี่ ! ” – เขาเองก็เชื่อแบบนั้นแต่เขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาแปลกๆแต่เขาไม่รู้ว่าทำไม


เดฟดีดนิ้ว


[-321]


ปีศาจทำการร่ายลูกไฟเสร็จแล้ว


[-89 000]


แน่นอนว่ามันทำให้อีกฝ่ายตายทันที


[ คุณได้ฆ่าศัตรู +20 คะแนน ]


Pain Killer กลายเป็นเศษแสงและปีศาจก็ได้หันไปหา Monsune11


สักพักกลุ่มแสงก็แทนที่ตำแหน่งของ Monsune11


“นายนี่มัน…เจ้าเล่ห์จริงๆ ” – Lone Arrow ยิ้มออกมาให้กับเดฟอย่างชื่นชม


” แค่ทำตามพวกนั้น ! ” – เขาหันกลับแล้วเดินเข้าไปในถ้ำต่อ


” เธอมีคบไฟอีกมั้ย ? ” “


” นี่ ” – Lone Arrow โยนคบไฟให้กับเขา


เดฟเดินหน้าต่อโดยมีคบไฟในมือ


” เราจะทำยังไงถ้าพวกนั้นส่งคนมาเพิ่ม ? “


” ฉันเพิ่งได้คะแนนมา ดังนั้นการกลับไปดินแดนอันเดตก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ” – เขามองไปที่ตัวเลือกจบภารกิจก่อนสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปทันที


” เวรแล้ว “


” อะไร ? “


” ไอ้เกมนี่มันปั่นหัวฉันแล้ว ! “


ตัวเลือกจบภารกิจใช้งานไม่ได้


” ฉันกลับไปไม่ได้….”


Chapter 62: [Drahma The Unfettered]!


ที่สำนักงานของ Devastators มีการประชุมถูกจัดขึ้นโดยมี Valentine และ Warlord เป็นผู้นำซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อจะแบ่งบันข้อมูลและคิดกลยุทธ์สำหรับการประกาศอีเวนต์โลกใต้ดิน


” เรามีเวลาแค่สามวันในเกมและเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ตรงไหน ! ” – คนที่พูดคือหัวหน้ากิลด์ย่อยที่ใส่เกราะอดาเมนไทด์และมีค้อนสองอันไขว้อยู่ที่หลัง


Valentine นั้นเป็นตัวประสานงาน – ” เราได้สั่งการให้สมาชิกทุกคนทำการค้นหาแล้ว ตอนที่เราพบประตู เราจะเคลื่อนย้ายเต็มกำลัง “


Warlord ส่งข้อความส่วนตัวหา Valentine – ” แล้วจากสายเราล่ะ ? มีข้อมูลอะไรบ้างมั้ย ? “


” ไม่ กิลด์อื่นก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรรึพวกเขาไม่ได้เปิดเผยมันออกมาในตอนนี้ ฉันตั้งไว้ให้รับแต่ข้อความสำคัญ…”


เพราะมีเรื่องวุ่นมากมายเกิดขึ้นรอบตัว Valentine ถึงกับต้องกุมขมับแล้วถอนหายใจออกมา สักพักเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วพยักหน้าให้กับ Warlord


เมื่อเห็นหัวหน้ากิลด์ย่อยรอบตัวพากันเถียงกัน Valentine ก็ตะโกนขึ้นมา -” เราได้ตำแหน่งแล้ว ประตูนั้นอยู่ที่ดันเจี้ยน Dark Treading “


หัวหน้ากิลด์ย่อยพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบบนั้น -” นี่ไง ! มันอยู่ในอาณาจักรทางเหนือ ! “


Warlord ส่งข้อความหา Valentine อีกครั้ง – ” ฉันคิดว่าดันเจี้ยนนั่นก็เป็นแค่เหวและห้องบอสแปลกๆ “


ในห้องนั้นเริ่มีการพูดคุยถึงเรื่องประตูและวิธีรับมือกับเรื่องนี้


” เงียบ ! ” -Warlord ตะโกนขึ้นมาและทำให้ห้องเงียบไปทันที


” ฟังนะ เราต้องลงมือแล้ว ! กลุ่ม A ต้องเตรียมตัวเพื่อไปลงดันเจี้ยนทันที ! กลุ่ม B รออยู่ที่นี่เพื่อดูแลบ้าน กลุ่ม C เตรียมหากลยุทธแล้วตามลงไปสนับสนุนเราทันที “


” การประชุมจบแล้ว ไปได้ ! “


ลงมือเต็มกำลัง ! หัวหน้ากิลด์ย่อยพากันส่งข้อความหาลูกกิลด์ตัวเองแล้วรีบออกจากห้องประชุมกันทันที


Valentine ทำการอัพเดตข้อมูลให้กับ Warlord ต่อ – ” โลกใต้ดินนั้นเข้าไปอีกไม่ได้หลังจากที่ตายแล้ว มันจะทำให้เรากลับมาที่จุดเซฟ ฉันได้ส่งทีม B ไปคุ้มกันตำแหน่งเกิดใหม่แล้ว “


Warlord สั่งการออกมา – ” เราจะไปกับกลุ่ม C โดยให้พวกนั้นนำ ใช้พวกนั้นล่อมอนเตอร์ มันจะช่วยกลุ่ม A จากกับดักและการโจมตีต่างๆได้ “


Valentine ตอบกลับ – ” แน่นอน มันมีประสิทธิภาพมากกว่า…และชดเชยให้กับพวกที่เสียสละด้วยยากับอุปกรณ์ใช่มั้ย? หัวหน้ากิลด์ ? “


” ใช่ แน่นอน วางแผนได้ดี ขอบคุณ Valentine ” – Warlord รู้ว่าบางครั้งเขาก็โฟกัสไปที่เป้าหมายมากเกินไปจนลืมนึกถึงคนรอบตัว


Valentie เอาสองนิ้วไปกดที่ขมับอีกครั้ง – ” รายงานจากมอนสเตอร์หน้าทางเข้า มันเป็นมอนสเตอร์เลเวล 400 พวกสมาชิกระดับต่ำของเราคงช่วยอะไรไม่ได้ “


..


Lone Arrow เดินไปตามพื้นหิน เธอบ่นออกมาอยู่ตลอด พื้นดินที่นี่มันไม่เรียบและคบไฟก็ให้แสงสว่างได้ไม่มากนัก Lone Arrow สัญญากับตัวเองว่าจะซื้อสกิลกหรือไอเท็มที่ดีกว่าคบไฟนี่มา….สำหรับครั้งหน้า


” นายรู้มั้ย มันดูไม่สุภาพบุรุษเลยนำที่นายจะเดินหนีฉันแบบนี้ ” – เธอเถียงกับเดฟ


” ฉันไม่เคยบอกนิว่าฉันเป็นสุภาพบุรุษ ” – เดฟ เถียงกลับ -” เผื่อว่าเธอจะไม่รู้นะ คนอื่นในเกมกำลังไล่ล่าเราอยู่ เราต้องรีบเดินหน้าต่อ ” – เขาเริ่มเดินเร็วขึ้นไปอีก


” หือ นายกังวลขนาดนั้นเลยหรือไง ? ทำไมนายถึงคิดว่าทุกคนคิดจะมาจัดการนาย ? “


” การประกาศของเซิฟเวอร์ เธอจำได้มั้ยล่ะ ? มันเหมือนกับเอาเป้ามาปักที่หัวเราแล้ว ผู้เล่นสองคนตายนั้นจะบอกกิลด์ตัวเองเกี่ยวกับที่นี่ ฉันเดาว่าเรามีเวลาก่อนพวกนั้นสักชั่วโมง “


” งั้นมันจะมีประโยชน์อะไรกับการเดินหน้าต่อ ? มันมีมอนสเตอร์เลเวลสูงอยู่ด้านหน้าและผู้เล่นด้านหลัง ตอนนี้เราอยู่คั่นกลาง ! “


” มอนสเตอร์ไม่ใช่ปัญหา มันเป็นผู้เล่นต่างหากที่ฉันกังวล “


” มอนสเตอร์เลเวล 250 ไม่ใช่ปัญหาได้ยังไง…? “


เดฟหันกลับมาตอบเธอและ…เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอ อกเขาก็เริ่มสั่นไหวพร้อมกับความคิดที่สับสน


นี่ตัวจริงเธอเป็นแบบนี้หรือเปล่า ? ของจริงป่ะเนี้ย ?


Lone Arrow เดินเข้ามาใกล้ – ” ฮัลโหลลลล ควบคุมตัวเองหน่อยพวก “


” อ่ะ ใช่สิ เราพูดถึงไหนกันแล้วนะ ? “


” ฉันถามว่าทำไมนายถึงไม่กังวลถึงมอนสเตอร์ “


” ฉันมีวิธีของฉัน ” – เขาตอบกลับแล้วยิ้มออกมา


เดฟออกไปจากอุโมงค์ก่อน เขามองไปรอบๆเผื่อว่าจะมีอันตราย ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นท้องฟ้าที่มีจันทร์เป็นเสี้ยวอยู่ด้านบน ความคิดของเขาก็เหมือนจะพังทลายลงไป ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน


เขาคิดว่าโลกใต้ดินนี้เป็นระบบถ้ำแต่เมื่อเห็นท้องฟ้าที่คุ้นตา ท้องฟ้าเดียวกับที่เขาได้เห็นที่วังกระดูก ความคิดของเขาก็ได้เปลี่ยนไป


ดันเจี้ยน Dark Treading นั้นอยู่ส่วนเหนือสุดของอาณาจักรตะวันตก ฉันอยู่ที่ชายแดนอาณาจักรตะวันตกตอนที่ฉันเข้าไปในดินแดนอันเดตครั้งแรก มันคงต้องใช้เวลาในการเดินทางอย่างมาก คนอื่นๆคงเหมือนกัน


” นี่ใช่ท้องฟ้าเดียวกับวีดีโออันแรกของนายหรือเปล่า ? “


” ใช่แต่ฉันไม่คิดว่าเราจะอยู่ใกล้กับวังกระดูก ดูนั่นสิ ” – เขาส่งสัญญาณมือทันที


แสงจากดวงจันทร์เผยให้เห็นที่ราบกว้างใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา พื้นดินที่นี่เป็นที่รกร้างจากหินภูเขาไฟและเถ้าถ่านภูเขาไฟ


ฝูงสัตว์ที่เคลื่อนไหวไปมานี้ทำให้พวกเขาต้องตื่นตัว


เดฟจำวีดีโอสารคดีที่เขาเคยดูมาได้ วีดีโอนั้นอธิบายถึงฝูงควายจำนวนมากปกคลุมที่ดินไปทั่วทุกที่


ต้องขอบคุณที่มันไม่ได้เกิดเรื่องแบบนั้นที่นี่และควายนั้นดูเหมือนแพะที่มีขนหนาๆที่เป็นสีเลือดแทน


สัตวตัวที่ใกล้กับอุโมงค์ที่สุดเห็นพวกเขาและหันหัวกลับมามองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ


เดฟไม่ชอบวิธีทีสัตว์นั้นมองพวกเขาและเขาก็ได้ทำการตรวจสอบมันทันที


[ Capra Infernis (Demonic) ]


เลเวล : 150


HP: 80,000


ลดดาเมจ 2,000


ดูดซับเวทย์ 1,000


สกิล : {Charge}, { Impale}


เหี้ย เลเวล 150 ต่ำกว่า Greater Demon ตั้งเยอะแต่มันมีเป็นพันตัวเลย


ฝูงแพะเริ่มหันกลับมามองที่พวกเขา เมื่อมีมอนสเตอร์พวกแรกๆเริ่มลงมือ ตัวอื่นก็เริ่มหันกลับมาตามด้วย กีบเท้าขนาดใหญ่ของมันกระทืบไปที่พื้นจนทำให้พื้นดินสะเทือน พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา


ฝูงแพะกำลังวิ่งมาหาพวกเขา…และพวกมันมีฟันที่แหลมคม ฟันที่สามารถเคี้ยวได้แม้กระทั่งแก้ว


มันก็ดูสมเหตุสมผลดี ที่นี่ไม่พืชโตขึ้นมาได้ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกมันต้องกินเนื้อ


เขารีบเอาไอเท็มออกมาจากช่องเก็บของทันที


ฉันไม่อยากใช้มันเร็วแบบนี้แต่มันจำเป็นเมื่อเข้ามาอยู่กลางฝูงมอนสเตอร์นี่


” เอ่อ เราต้องออกจากที่นี่ Mr.Skeletal ” – Lone Arrow ถอยกลับมาทางถ้ำ


” ไม่ต้องกังวล ฉันจัดการเอง ” – เดฟใช้งานเพชรพร้อมกับมีแสงสีแดงส่องประกายออกมาจากไอเท็ม


” นายรู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนที่คนพูดแบบนั้นในหนัง ? ” – มันดูไม่เหมือนว่าฝูงแพะพวกนั้นจะหยุด เธอรีบทิ้งตัวออกห่างไปยังทางถ้ำที่พวกเขาออกมา


” ทำดาเมจได้แล้วไม่งั้นแล้วเธอจะไม่ได้ xp เลยนะ “


เธอมองมาที่เขาด้วยสายตาสงสัย คำพูดที่เขาตอบกลับมานี้ไม่ได้ทำให้เธอสบายใจขึ้นเลย


แสงที่ส่องออกมาจากเพชรนั้นเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ


เพชรแตกออกก่อนที่แสงนั้นจะหายไป


[ คุณได้ใช้ {Anti-Bully} ]


{Anti-Bully มีระยะเวลา 4 ชม. คูลดาวน์ 24 ชม. ตัวตนที่อัญเชิญมานี้จะไม่ได้รับผลจากการฮีล ! }


มีรอยตัดมิติโผล่ขึ้นตรงหน้าพวกเขา มีมือสองข้างจับไปที่รอยแตกนั้นก่อนจะฉีกรอยแตกนั้นให้เปิดออก


มีเท้าก้าวออกมาจากรอยแตกเหยียบลงไปที่พื้นหิน ร่างขนาดใหญ่โผล่ตามออกมาจากรอยแตกกระทืบพื้นตรงหน้าของมัน


[ Drahma the Berserker มาตามสัญญา ]


[ Drahma the Unfettered ]


เลเวล 550


อาชีพ : เบอร์เซิคเกอร์


ขั้น : Mythic


ระดับ : Doom Knight


ความอันตราย : เป็นมิตร


สกิล : ???


HP : ???


พลังป้องกัน : ???


Drahma คือหนึ่งในหน่วยทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตอันเดต เขาคอยรับคำสั่งจาก Abyssal Knight Dalga โดยตรง


หลังจากที่ Undead King หายตัวไป Drahma ถูกจับไว้โดย Black Skull เขาทนทุกข์,รับการทรมานและทดสอบมาหลายปีก่อนที่จะคุ้มคลั่งเพราะหัวใจที่ถูกชิงไป


พรจาก Undead King ทำให้เขายังมีชีวิตแต่ก็ต้องทนรับการทรมานต่อไป ความคลั่งที่สั่งสมมาหลายปีได้ให้พลังกับเขา


แม้ว่าฉันจะถูกความคลั่งครอบคลุมแต่ฉันจะเอาแกไปกับฉันด้วย


” มันมาทำอะไรที่นี่ ! ” – Lone Arrow รีบถอยห่างจากยักษ์ใหญ่นั่นทันทีแล้วมองไปที่หน้ากระดูกของเดฟ


” ไม่ต้องกังวล เขาเป็นเพื่อนฉันเอง ฉันช่วยเขาออกมา เขาก็มาตอบแทนไงล่ะ “


” ข้ามาตามสัญญาแล้ว เจ้าอันเดตน้อย เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไร ? ” – Drahma ถามกับเดฟ เขายกกระบองเหล็กพาดไปที่ไหล่ตัวเอง


เขาเลเวลเพิ่มขึ้นมา 50 เลเวลและฉายาของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย


” สวัสดี Drahma เรามาที่โลกใต้เดินเพื่อหนีจากผู้เล่นที่ล่าเราอยู่ พวกนั้นกำลังลงมาบางทีอาจจะมาทั้งกองทัพ เราไม่มีพลังพอที่จะเดินหน้าไปในโลกใต้ดินนี้ได้ด้วยกำลังของตัวเอง นายช่วยเราหน่อยได้มั้ย ? “


” ไม่ต้องกลัว ข้ามาที่นี่ก็เพื่อนเจ้า เพื่อนตัวน้อย “


Drahma เหวี่ยงกระบองของตัวเองฟาดเข้าใส่พวกแกะที่โชคร้ายกลุ่มแรก


Chapter 63: กิลด์เดินหน้า!


มีแจ้งเตือนโผล่มาที่จอของเดฟ


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


..


เดฟเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะการฆ่าของ Drahma


Drahma ได้เหวี่ยงกระบองของมันทำให้ฝูงแพะมากมายต้องล้มตาย


เดฟได้ใช้ {Spectral Bomb} สำหรับการทำดาเมจแบบ AOE โจมตีเข้าใส่หลายเป้าหมายและได้ xp สำหรับการสนับสนุน Drahma ตอนที่ฆ่าฝูงมอนสเตอร์ ถ้าเขาทำดาเมจมอนสเตอร์แม้แต่เพียงหลักเดียว เขาก็จะได้ xp มาตอนที่มอนสเตอร์นั้นตาย


เท่าที่ เดฟรู้มา ไม่มีผู้เล่นคนไหนในเกมที่ใช้ NPC ในการเก็บเลเวลได้ นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง NPC ระดับบอสเลย


ฉันอยากให้ Boyz อยู่ที่จริงจังแหะ พวกนั้นจะได้เลเวลจากการฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้


Lone Arrow มองไปที่ Drahma ที่เดินหน้าฆ่าฝูงมอนสเตอร์ จังหวะการฟาดกระบองเข้าใส่มอนสเตอร์นั้นเหมือนกับการเกี่ยวข้าวเลย


” บ้าเอ้ย ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ! “


เธอถึงธนูออกมาแล้วยิงเข้าใส่แพะก่อนที่ Drahma จะก้าวออไปข้างหน้าและเหยียบมอนสเตอร์ให้แบนราบก่อนที่จะตายไป


ตอนแรกเธอกลัวแต่เพราะความอยากได้ xp นั้นเอาชนะความกลัวนี้ได้ เธอยิงธนูเข้าใส่พวกมอนสเตอร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่มือจะขยับได้ เธอไม่ได้เล็งด้วยซ้ำและไม่ได้สนใจจะใช้สกิลด้วย เธอรู้แค่ว่าเธอจะได้ xp จากมอนสเตอร์ที่เธอโจมตีใส่


” นายเลเวลเท่าไหร่แล้ว ? ” – เธอถามเดฟ เธอมองไปที่ขีด xp ของตัวเองที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


” 72 “


” เกินไปแล้ว ! ฉันเลเวล 66 ฉันเลเวลเพิ่มขึ้นมา 4 เลเวลในเวลาแค่ไม่กี่นาที ! ” – เธอดี๊ด๊าขึ้นมาทันที


เดฟยิ้มและโยน {Spectral Bomb} เข้าใส่ฝูงแพะและระเบิดมันจนทำให้พวกมันต้องเซ


Drahma ลงมือตามทันทีด้วยการกระทืบพื้นและสร้างคลื่นกระแทกที่สร้างหอกหินโผล่ขึ้นมาจากพื้น ฝูงแพะรอบๆพากันตกตายไปเพราะหอกหินเหล่านั้น


” 73 “


Drahman ได้ทำการฆ่าฝูงแพะนับพันในเวลาไม่กี่นาที มันเร็วซะจนพวกเขาทำดาเมจช่วยได้ไม่ถึง ¼ ของมอนสเตอร์ทั้งหมด ตอนนี้เดฟเลเวล 76 แล้ว เขาได้มา 3 เลเวลจากการฆ่าครั้งนี้ Lone Arrow ได้มา 4 เลเวล ตอนนี้เธอเลเวล 70 ได้อย่างรวดเร็ว


” ขอบคุณ Drahma ” – เดฟพูดขึ้น


” ข้าจะอยู่กับเจ้าอีกสักพัก เพื่อน ทำภารกิจเจ้าต่อ ข้าจะคอยคุ้มกันเอง ” – Drahma ตอบกลับ


” ดี ! เพิ่มเลเวลกันให้มากกว่านี้ ! ” – Lone Arrow ปรบมือและเกือบที่จะเต้นไปมาด้วยความดีใจ


” จำได้มั้ยว่ามีกิลด์ใหญ่ล่าตัวเราอยู่ “


” แล้วไง ? นายมีแผนว่ายังไงล่ะ ฆ่ามอนสเตอร์อีกสักฝูงหรือสองฝูง สาวน้อยคนนี้อยากได้ xp ! “


เดฟมองออกไปที่ปลายขอบฟ้าแล้วคิดหาแผน เขาพยายามจะไม่หัวเราะกับคำพูดของเธอ เขารู้ว่าจุดอ่อนของเธอตอนนี้คือ xp ที่ได้มาฟรีๆ


” ฉันไม่รู้ แต่ดูนั่นสิ ” – ในที่สุดเขาก็ตอบกลับและชี้ไปที่หุบเขา


มันมีภูเขาลุกหนึ่งโผล่มาจากบึง มันสูงกว่าภูเขาอื่นๆ ยอดเขาของมันแทงทะลุเมฆขึ้นไป


เดฟยักหไหล่ – “ภูเขานั่นดูพิเศษ ไปที่นั่นกันดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น “


เดฟเดินนำหน้าโดยมี Lone Arrow เดินตามมาติดๆแต่ก็ต้องผงะถอยกลับมาในตอนที Drahma มาขัดเธอไว้โดยใช้นิ้วของเขามากันเธอเอาไว้


” Drahma เธอเป็นเพื่อน ! “


” นายเป็นเพื่อนกับสิ่งมีชีวิตงั้นเหรอ? “


เดฟรู้ว่าคนตายกับคนเป็นนั้นไม่ควรจะอยู่ด้วยกัน คำถามของ Drahma นั้นแฝงความหมายไว้หลายอย่าง


” เธอเป็น….คนที่ฉันรู้จักจากที่อื่น “


” เธอเป็นคนจากชีวิตก่อนของเจ้างั้นเหรอ ? แปลก มีอันเดีตไม่กี่ตัวที่จดจำตอนที่มีชีวิตได้แต่ถ้าเธอเป็นเพื่อนเดฟ งั้นเธอก็จะเป็นเพื่อนของข้าด้วย ” – เขาดึงมือกลับไปทันที


” สาวน้อยเผ่าเอลฟ์ สวัสดี ข้า Drahma the Unfettered “


ก่อนที่พวกเขาจะได้ตอบอะไรกลับ Drahma ก็ได้อุ้มทั้งสองขึ้นไว้บนฝ่ามือ


” ด้วยขาสั้นๆของพวกนาย มันคงใช้เวลานานกว่าจะถึงภูเขานั่น ฉันจะอุ้มพวกเจ้าเอง “


ไม่ต้องเดาเลยว่าการเดินทางแบบนี้จะทำให้เดินทางได้ไวกว่ามากแต่พวกผู้เล่นที่ตามหลังมาก็จะตามรอยพวกเขาได้


การเดินของ Drahma ทุกก้าวนั้นทำให้แผ่นดินสั่นไหวพร้อมทิ้งรอยเท้าขนาดใหญ่เอาไว้ที่พื้น


คงไม่เป็นไรถ้าเวลาของ Drahma ยังไม่หมดตอนที่คนอื่นตามทันแต่ก่อนที่เวลานั้นจะหมด พวกเขาคงต้องรีบหนีรึบางทีอาจจะต้องก่อนหน้านั้นด้วย


เดฟมองออกไปและพบกับภูเขาตรงหน้า ท้องฟ้าที่เป็นรอยแยกพร้อมกับดวงจันทร์ที่เหมือนโดนหักทิ้งอยู่บนหัวพวกเขา


นี้อาจจะเป็นแค่ภาพจำลองแต่มันทำให้เขารู้สึกสบายเหมือนกับเขาเป็นคนที่นี่


กลุ่ม C ของ Devastators ได้มาถึงที่ดันเจี้ยน Dark Treading และเข้าร่วมกับกลุ่ม A เตรียมพร้อมที่จะลงมาที่โลกใต้ดิน


ทุกกิลด์ใหญ่ในเกมนั้นมีเครือข่ายข้อมูลที่ดีและมีสายลับอยู่แทบทุกที่ ดังนั้นการลงมือเต็มกำลังของ Devastators นั้นคงไม่ถูกมองข้ามไปแต่กลยุทธ์ของ Devastators ได้ถูกกิลด์อื่นๆคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว


กลุ่ม C ได้เอาเสบียงและอุปกรณ์ต่างๆในการเดินทัพครั้งนี้ ทุกคนใน Devastators ได้เปิดเส้นทางจนมาถึงหน้าทางเข้าและสร้างข่ายการป้องกันเอาไว้ พวกเขาพากันทำกับดักและโครงสร้างเพื่อป้องกันผู้บุกรุกที่ตามมา


ไม่นานหลังจากที่กลุ่ม C มาถึง ปาร์ตี้ผู้เล่นพันคนก็เข้าไปในดันเจี้ยน พวกเขาเป็นหน่วยแนวหน้าที่เป็นกลุ่มผู้เล่นเลเวลต่ำซึ่งจะถูกส่งไปเพื่อเปิดทางก่อน เลเวลเฉลี่ยของพวกนี้อยู่ที่ 150 แต่หน่วยเล็ก 5 คนของพวกนั้นจะมีผู้เล่นเลเวล 200-300 เป็นหัวหน้า ทุกคนในพันคนนี้ล้วนแต่สมัครใจเพื่อประโยชน์ของกิลด์และพวกเขาก็ยังพอมีโอกาสรอดในโลกใต้ดินด้วยแต่ถึงยังไงความเสี่ยงนี้ก็เพื่อผลประโยชน์และชื่อเสียงของตัวเอง


Warlord ยืนอยู่กับพวกกลุ่ม A รออยู่ด้านนอกทางเข้าดันเจี้ยน หัวหน้ากิลด์ย่อยและพวกระดับสูงยืนอยู่ที่นั่นกับเขาด้วย


ดันเจี้ยน Dark Threading อยู่ในการควบคุมของ Devastator ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของเกม อีกสองกิลด์ Blood Rage และ Heaven’s Dawn นั้นยังทำสงครามกันอยู่แต่ถ้าพวกนั้นบอกให้หยุดรึแย่กว่านั้นคือการร่วมมือกันขัดขวาง Devastators มันคงมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ในดันเจี้ยนแน่ แม้ว่าจะล้มเหลวในการยึดดันเจี้ยนจาก Devastators แต่คงต้องมีการต่อสู้ในการลงไปยังโลกใต้ดินแน่


ผู้เล่นคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กับ Warlord ได้พูดขึ้นมา – ” Warlord ! เราจะลงไปกันตอนไหน ? ! “


นี่คือหนึ่งในผู้ลงทุนใหญ่ของกิลด์


” อีกไม่นาน Satan Slayer เรารอข่าวจากพวกที่บุกไปที่ประตูอยู่ เมื่อพวกนั้นเคลียร์พื้นที่ให้แล้ว เราจะลงไป ไม่ต้องกังวล เราจะเป็นพวกแรกที่เอาเควสนี้และฆ่าบอส “


Satan Slayer ไม่สามารถปกปิดความหงุดหงิดกับการอยากเข้าร่วมอีเวนต์ใหม่นี้ได้


Warlord ส่งข้อความหา Valentine – ” ชิ ไอ้บ้านี้ เหมือนกับเด็กที่อยากแย่งของเล่นฉิบหาย “


Valentine เดินเข้ามาหาในชุดเกราะสีชมพูทั้งชุดและพูดกับนักลงทุน – ” ฉันรู้ว่าเราต่างก็อยากจะลงไปสำรวจและหาของ เราต้องทำตามขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยและผลประโยชน์ เราส่งกลุ่ม C เพื่อไปเปิดทาง พวกนั้นจะเดินหน้าไปก่อนเพื่อตรวจสอบพื้นที่เพราะที่นี่เข้าไปซ้ำอีกไม่ได้ จนกว่าพวกนั้นจะรายงานกลับมาและรอเราที่โลกใต้ดิน เราจะอยู่ที่นี่ อีกอย่างแล้วมันก็เป็นการปกป้องทางเข้าเอาไว้ด้วย เราจะให้คนเฝ้าที่ประตูไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัยของเราตอนลงไปโลกใต้ดิน ” – Valentine พูดขึ้น


แขกพิเศษมองไปที่เกราะของ Valentine แล้วรีบเดินหนี เกราะสีชมพูนี้เป็นชุดเซ็ตและสีนั้น Valentine ก็เป็นคนเลือกเอง สีที่เขาเลือกทำให้คนรอบตัวเขาไม่มั่นใจว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่


Valentine เลือกเล่นเป็นการ์เดี้ยนที่เป็นอาชีพสายสนับสนุน มีแทงค์หลายแบบที่เน้นเรื่องการป้องกันและสกิลที่ล่อกับเพิ่มความโกรธของมอนสเตอร์หรือดึงมอนสเตอร์จากคนอื่นมาสนใจตัวเอง


การ์เดี้ยนนั้นเด่นเรื่องสกิลควบคุม บทบาทหลักของพวกเขาคือปกป้องเพื่อนจากการโจมตีของมอนสเตอร์ แม้ว่าการ์เดี้ยนั้นจะไม่ใช่แทงค์จริงๆแต่พวกเขาก็สามารถเติมเต็มบทบาทแทงค์รองได้


ในเกมนี้มีผู้เล่นที่เก่งหลายคนที่มีอุปกรณ์ดีๆใส่และยังใช้สกิลการ์เดี้ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีไม่กี่คนที่ทำหน้าที่แทงค์ได้อย่างสมบูรณ์โดยที่ตัวเองไม่ใช่สายแทงค์จริงๆ


ผู้เล่นที่คิดหาวิธีและกลยุทธ์สำหรับการ์เดี้ยนให้กลายเป็นแทงค์ได้อีกทั้งยังทำให้อาชีพนี้โด่งดังขึ้นมาได้ก็คือ Valentine


Valentine นั้นมีการสืบทอดคลาส A หนึ่งในการสืบทอดที่ทรงพลังที่สุดในเกมแต่ยิ่งได้รับชุดเซ็ตนี้มาก็ยิ่งทำให้เขาโด่งดังขึ้นไปอีก


Valentine พบกับ Warlord ในเกม พวกเขาเป็นผู้เล่นใหม่ที่บังเอิญมาปาร์ตี้ด้วยกัน การเล่นของ Valentine และอาชีพการ์เดี้ยนนั้นเข้ากับ Warlord ได้เป็นอย่างดีจนสร้างความเชื่อใจกันและกลายเป็นตำนานในหมู่ผู้เล่น เอาง่ายๆคือ Valentine ไม่เคยปล่อยให้ Warlord ทำ OT เกินเขาได้ซึ่งทำให้ Warlord ที่เล่นบทบาทตัวทำดาเมจไม่ต้องกังวลเรื่องค่าความโกรธเมื่อรู้ว่ามีการ์เดี้ยนคอยปกป้องเขาอยู่


” ฉันจำตอนที่ลงดันเจี้ยนนี้ได้ ไอ้หมูบ้านั่นฆ่าเราตั้งหลายครั้ง ” – Warlord ยิ้มออกมา


” ตอนนั้นก็ดีนะ ” – Valentine พูดขึ้น


” ใช่ แล้วเราก็ได้กลับมาที่นี่อีก ตอนนี้มันต่างไปจากเดิมแล้ว ” – Warlord นึกย้อนกลับไปแต่เขาก็ได้สติกลับมาทันทีเพราะหน้าที่ในตอนนี้


” ไม่จำเป็นต้องไปคิดถึงอดีตหรอก Warlord การต่อสู้กับ Greater Chaos Demon กำลังจะเริ่ม ฉันตรวจสอบขั้นตอนของคนอื่นแล้ว มันคงไม่ได้ท้าทายอะไรมากสำหรับกลุ่ม A แต่กลุ่ม C คงได้ผลประโยชน์จากระดับความต่างของเลเวลและพวกเขาก็ต้องฝึกในการปรับตัวเข้ากับระบบการหลบหลีกด้วย “


” ฉันเข้าใจ “- Warlord ตอบกลับ – ” ถ้าเราไปเจอกรณีเลวร้ายเข้า สกิลเปลี่ยนร่างของฉันก็คูลดาวน์เสร็จแล้ว ” – Warlord ตบไปที่ขวานของตัวเอง


” ฉันก็เหมือนกัน หวังว่าเราจะช่วยพวกนั้นได้จากบอสที่เราหาเจอได้หรือไม่ก็จากกิลด์อื่นได้ ” – Valentine พูดขึ้น


ทั้งสองคนรอคอยข่าวที่อัพเดตอย่างใจจดใจจ่อ


Chapter 64: เพิ่มเลเวลอย่างรวดเร็ว


Drahma เดินเข้าไปตามหุบเขาราวกับยักษ์ที่ไม่อาจจะหยุดยั้งได้ พื้นดินสั่นไหวทุกก้าวที่มันเดินหน้าและทำให้ลาวาไหลปะทุขึ้นมา ยักษ์นี้อุ้มโครงกระดูกกับเอฟล์สาวไว้ในมือข้างหนึ่งปลอดภัยจากหินที่กระเด็นขึ้นมาจากพื้น


เดฟรู้สึกว่าเขากำลังยืนอยู่บนแผ่นดินที่สั่นไหวไปมา


” เฮ้ มีข่าวร้าย “


เดฟหันกลับไปมองเธอ


” เพื่อนฉันส่งข้อความส่วนตัวมา Devastators เคลื่อนไหวแล้ว กิลด์นั้นได้ส่งผู้เล่นมาหมื่นคนลงมาที่ดันเจี้ยน Dark Threading ” – Lone Arrow พูดขึ้นด้วยความกังวล


เดฟยักไหล่ – ” ก็เหมือนกับที่ฉันคาดเอาไว้ ทุกคนต้องการโลกใต้ดินแม้ว่าประตูนี้จะเปิดแค่สามวันก็ตาม “


มือเขาลูบไปที่หนวดพร้อมกับทำท่าคิด


” เราต้องล่วงหน้าไปก่อนที่พวกนั้นจะแห่กันมาที่นี่ เราเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆไม่ได้ เราต้องหาที่ที่พวกนั้นจะตามล่าเราไม่ได้ ดินแดนอันเดตคงเป็นที่หนึ่ง “


” มันจะดีกว่าถ้าเราข้ามภูเขาที่นี่ไปได้ บางทีเราอาจจะหาดินแดนอันเดตนั่นเจอ “


” อันเดตน้อย ที่นี่น่ะอยู่ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกันกับเขตอันเดตจริง เจ้าบอกว่าเราจะหนีไปที่นั่นแต่ระยะทางระหว่างบ้านเรากับที่นี่ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเดินทางแม้ว่าจะมีข้าช่วยก็ตาม “


เดฟพยักหน้า ข้อมูลที่เชื่อถือได้นี้มีประโยชน์แม้ว่าจะเป็นข่าวร้ายก็ตาม การเข้าไปยังเขตอันเดตนั้นไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไปอย่างน้อยมันก็ให้ความปลอดภัยกับพวกเขาทันทีไม่ได้


Drahma ยังคงพูดต่อ – ” ไม่นานฉันก็จะจากนายไป นี่ไม่ใช่ตัวเลือกของข้าแต่เพราะพลังที่ดึงข้ามาหาเจ้า “


Drahma ฮึดฮัดแล้วบอกบางอย่างออกมา – ” ที่นี่บางทีอาจจะทั้งดินแดนนี้นั้นเต็มไปด้วยพลังงานปีศาจ ข้าไม่สามารถเรียกกองทัพของข้ามาช่วยเจ้าได้เลย ข้ากลัวว่าเจ้าต้องอกจากที่นี่โดยไม่ได้อะไรจากดินแดนนี้ “


เดฟรู้ว่าพลังปีศาจที่ว่าคือคำจำกัดความที่ระบบเกมตั้งขึ้นมา


” พูดถึงพลังปีศาจแล้ว ผู้พิทักษ์ Ramsha ก่อนหน้านี้ได้ให้หน้าที่กับเรา ให้ฆ่าปีศาจมากที่สุดเท่าที่ทำได้ “


เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากอกของ Drahma – ” Ramsha ไอ้หินแก่นั่นยังคงต้องการสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เสมอ “


ด้วยเวลาแค่ 3 วันในโลกใต้ดิน พวกผู้เล่นคงยุ่งอยู่กับการต่อสู้และหาของ โลกนี้ทำให้หลงได้ง่ายๆ แม้ว่าพวกนั้นจะตามหาพวกเขาแต่มันก็คงเป็นงานที่ยากในการหาพวกเขาเจอ


แต่รอยเท้าของ Drahma นี่สิที่จะนำความตายมาหาพวกเขา ฮ่ะ !


พวกเขามาถึงที่ริมบึง มันดูไร้ชีวิตชีวา ผิวน้ำแน่นิ่งและกลิ่นเน่ากับกำมะถันก็ลอยขึ้นมาจากน้ำสีเขียว


Lone Arrow เอามือปิดจมูกทันที – ” เหม็นจริงๆ ! “


” ไม่ได้แย่เท่ากับถุงเท้าของราฟหรอก ” – เดฟกระซิบ


” ใครคือราฟ ? ” – Lone Arrow ถาม


” เพื่อนฉัน เขาเป็นสมาชิกของ— “


เดฟหยุด เขาเกือบให้ข้อมูลที่จะนำไปสู่ตัวจริงของเขา


” ช่างเถอะ ” – เขาพูดขึ้น


Drahma เดินลงไปในน้ำจนทำให้คลื่นกระจายทุกก้าวที่เดิน


เมื่อเดินมาได้ถึงครึ่งทาง ก็มีมอนสเตอร์ที่เหมือนกับไดโนเสาที่มีหัวเป็นงูสองหัวโผล่ขึ้นมาจากน้ำ มันแยกเขี้ยวและแผ่หัวทั้งสองของมันออกราวกับขู่ คอของมันถูกกระบองฟาดเข้าใส่จนทำให้มันจมกลับไปในน้ำ


นี่คือความตื่นเต้นเดียวในการเดินข้ามแม่น้ำและในที่สุด Drahma ก็เดินขึ้นฝั่งได้


ที่ภูเขาเดฟได้มองไปรอบๆและไม่ค่อยพบมอนสเตอร์อยู่โดยรอบ ยกเว้นแค่ต้นไม้แปลกๆไม่กี่ตัว คนเราอาจจะคิดว่ามันไม่มีชีวิตที่นี่


Drahma ยังคงเดินหน้าต่อจนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้าสิ่งที่เหมือนถ้ำขนาดใหญ่


” ตรงนั้น ” – Drahma พูดขึ้นและมองไปที่ทางเข้าถ้ำ – ” นายมั่นใจนะว่าจะเดินหน้าต่อ ? ฉันชื่นชมกับความทะเยอทะยานที่อยากแข็งแกร่งขึ้นแต่ฉันไม่อยากให้นายต้องตาย “


เดฟประทับใจตัว Drahma ตั้งแต่ที่เขาปลดปล่อยยักษ์นี่ออกมาได้ เบอร์เซิคเกอร์นี้เหมือนจะผูกพันธ์กับเขาหรืออย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ AI ต้องการให้เดฟเชื่อ


” ขอบคุณทีเป็นห่วง Drahma “


Lone Arrow ขัดขึ้นมา – ” Devastator เพิ่งจะเอาชนะปีศาจที่เฝ้าทางเข้าเอาไว้ได้ “


เดฟพยักหน้า – ” มันมีทางเดียวสำหรับเราแล้ว เดินหน้าต่อ “


Drahma เดินเข้าไปในถ้ำต่อทันที


กำแพงถ้ำแห่งนี้มีสิ่งที่ส่องแสงสลักเอาไว้ภายในกำแพง


” เพชร ! ” – ตาของ Lone Arrow เป็นประกายขึ้นมาทันที


” อะไรนะ ? ” – เดฟถาม


” พวกนี้คือเพชร ! ” – Lone Arrow พูดขึ้น แม้ว่าเธอจะตื่นเต้นแต่เธอก็ยังแสดงท่าทีผิดหวังออกมา


” เธอไม่ใช่นักขุดเหมืองนี่ เธอจะเสียใจไปทำไม ? “


Lone Arrow เข้าไปตรวจสอบเพชรก้อนหนึ่งใกล้ๆแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง


” แม้ว่าฉันจะเป็นเพชรแต่ของพวกนี้ขุดออกมาไม่ได้….มันมีไว้แค่ให้แสงสว่างที่นี่ “


พวกเขาเดินทางกันต่อในถ้ำที่มีแสงสลัวจากเพชรที่ฝังอยู่ในกำแพง


” มนุษย์นี่พูดมากจริงๆ ” – Drahma ฮึดฮัดออกมา – ” คนตายไม่ได้ใช้ประโยชน์จากของพวกนี้ “


เสียงกรีดร้องดังออกมาจากส่วนลึกในถ้ำจนทำให้เดฟต้องขนลุก


เดฟเห็นเงาสิ่งมีชีวิตมากมายบินออกมาจากส่วนลึกภายในถ้ำมุ่งหน้าเข้ามาหาเขา


เดฟตรวจสอบมอนสเตอร์ตัวแรกทันที


[ Gargoyle (ปิศาจ) ]


เลเวล : 95


HP : 75,000


ลดดาเมจ 2,000


ดูดซับเวทย์ 100


พวกการ์กอยเหล่านี้ไม่อาจจะพัฒนาตัวเองออกไปได้และถูกสาปให้อยู่ในรูปลักษณ์เช่นนี้และโชคชะตาของพวกมันคือพวกต่ำสุดในหมู่ปีศาจ


แม้ว่าจะค่อนข้างอ่อนแอแต่ก็มีจำนวนมากทดแทนพลังที่ขาดหายไป


พวกมันคือมนุษย์หินที่มีปีกเหมือนกับค้างคาวและเขาที่หน้าผาก


Drahma ได้วางเดฟกับ Lone Arrow ลงไปที้พื้นก่อนจะเหวี่ยงกระบอกงเปลี่ยนพวกมอนสเตอร์กลายเป็นฝุ่น


เดฟได้ใช้ {Spectral Bomb} และปล่อยกะโหลกเข้าใส่ฝูงการ์กอยจากนั้นก็ได้ทำการจุดระเบิด ส่วน Lone Arrow นั้นได้ยิงธนูเข้าใส่พวกมอนสเตอร์ทีละตัวๆ


เสียงการระเบิด พวกการ์กอยส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำ


เลเวลของ Drahma นั้นสูงซะจนพวกมอนสเตอร์เหล่านี้ทำดาเมจแม้แต่หลักเดียวกับเขาไม่ได้


ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเดฟก็ได้รับแจ้งเตือน


[ เลเวลสกิล {Spectral Bomb} เพิ่มขึ้นมาเป็นเลเวล 5 การใช้งานสกิลแต่ละครั้งจะเรียกระเบิดขึ้นมาได้ 2 ลูก ]


สกิลนี้ทำให้เดฟร่ายมันออกมาได้สองเท่าต่อนาทีโดยมีคูลดาวน์ 30 วินาที


” สวยสิ ! “


เดฟได้ทำการร่าย {Spectral Bomb}ทันทีที่มันคูลดาวน์เสร็จ


หัวกะโหลกสองอันโผล่มาตรงหน้าเดฟ มันส่องแสงออกมามากกว่าเดิมและดูชั่วร้ายกว่าแต่ก่อน เขาได้ส่งระเบิดนั้นเข้าใส่กลุ่มมอนสเตอร์ทันที


ด้วยหัวกะโหลกที่เพิ่มมาสองเท่านี้ก็ทำให้เขาได้ xp เป็นสองเท่าไปด้วย


Drahma เหวี่ยงกระบองของเขาทำลายมอนสเตอร์ที่เดฟทำการโจมตีเพิ่ม xp ที่เขาได้รับมา


พวกการ์กอยนี้ไม่ได้เกิดเร็วเท่ากับอัตราการฆ่าของ Drahma สุดท้ายแล้วการต่อสู้นี้ก็ค่อยๆจบลง


เดฟเห็นจุดแสงที่แตกกระจายในหมู่การ์กอยที่ตายไป เขาคุกเข่าลงไปแล้วหยิบมันขึ้นมา มันมีหน้าต่างแจ้งเตือนโผล่มาตรงหน้าเขา


[ Uncut Diamond ( วัสดุสร้าง ) ]


” Lone Arrow ฉันมีข่าวดีให้เธอ “


เขาเอาเพชรในมือยื่นไปให้เธอดู – ” เรารวยแล้ว ! “


Chapter 65: แบ่งของ


ตาของ Lone Arrow เป็นประกายขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแล้วพุ่งเข้าไปแย่งเพชรในมือของเดฟ


เธอตะโกนใส่เขา – ” นายรู้มั้ยว่ามันมีค่าเท่าไหร่ ? “


” ไม่รู้ ” – เขาเคยไปที่ห้องประมูลแค่ครั้งเดียวเพื่อซื้อยาหายตัวก่อนจะได้รับเควสสืบทอดของเขามา


” เพชรน่ะคือวัสดุสร้างระดับสูง ! ” – เธอเริ่มค้นศพมอนสเตอร์ที่ตายไปอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าพวกมันจะหายไปและเอาเพชรออกมาจากตัวพวกมัน – ” การสร้างอาวุธระดับสูงนั้นจะใช้เพชรและนักเวทย์นั้นจะใช้มันในการร่ายเวทย์ “


Drahma นั้นยืนพิงกระบองของตัวเองและมองผู้เล่นทั้งสองที่ทำการค้นศพมอนสเตอร์ด้วยสีหน้าไร้กังวล


เดฟยักไหล่ – ” โลกใต้ดินนี้น่าจะมีไว้สำหรับผู้เล่นเลเวลสูง พื้นนี้อาจจะมีไว้สำหรับอีเวนต์ การแบ่งมันให้กับปาร์ตี้ที่ลงมาทั้งหมดนั้นอาจจะถือว่าดีแต่มันคงไม่มากพอ “


เขาทำการค้นหาตามศพพวกมอนสเตอร์อย่างถี่ถ้วน – ” เราโชคดีแล้ว ด้วยการที่มี Drahma อยู่ด้วย การจัดการพวกมอนสเตอร์ก็ไม่ใช่ปัญหาและเนื่องจากมันมีแค่เราไม่ใช่ปาร์ตี้แบบเต็มๆ เราก็จะได้สมบัติก้อนโตมา “


” ใช่สิ เกี่ยวกับเรื่องนั้นเราจะแบ่งของกันยังไง ? นายเรียก Drahma มา ดังนั้นของทั้งหมดนี่ก็น่าจะเป็นของนาย —-“


” เราจะแบ่งกัน 50/50 ” – เขาขัดเธอขึ้นมา


Lone Arrow มองไปที่เดฟด้วยท่าทีขอบคุณ


มันดูยุติธรรมดี พวกเขาเป็นเพื่อนที่ลงดันเจี้ยนด้วยกัน นอกจากนี้แล้วเดฟก็ต้องการคนที่จะไปขายเพชรให้กับเขา เขาคิดเรื่องการขายเพชรให้กับพ่อค้าในดินแดนอันเดตแต่ Drahma บอกว่าเพชรนั้นไม่ได้มีค่าอะไรและไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับอันเดต


หลังจากที่เก็บเพชรทั้งหมดจากสนามรบแล้ว เขาก็ได้ส่งเพชรทั้งหมดให้กับ Lone Arrow เพื่อว่าจะเอาไปขาย


Lone Arrow รับมันมาแล้วเก็บเพชรทั้งหมดใส่ในช่องเก็บของ


เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหบๆ – ” เพชรที่ยังไม่เจียระไนทั้งหมด 225 ก้อน ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเพชรที่ขายนะ ราคามันก้อนละพันเชียว “


” โว้ววว ! นั่นเท่ากับ 225,000 ดอลเลยนะ “


” ใช่ มันก็มีเงินพอที่จะเอาซื้อของได้ “


พอซื้อของ ? นี่เธอกำลังจะรวยนะ


” นายจะทำยังไงกับส่วนแบ่งของนาย ? ซื้อของดีๆให้แฟน ? “


” ฉันไม่มีแฟน ช่างเถอะ ฉันจะฝากเข้าธนาคารก็แล้วกัน “


” น่าสงสาร ! ฉันไม่คิดว่า Mr.Skeletal ที่โด่งดังจะโสด “- เธอแหย่ขึ้นมา


” มันก็เหมือนกับที่เธอพูดไว้ แม้แต่คนแคระก็ยังสลบตอนที่เห็นว่าฉันน่าเกลียดแค่ไหน “


” ใช่ นายนี่มันน่าเกลียดจริงๆแต่ฉันก็ยังรักนาย ! “


เดฟอึ้งไป คำพูดพวกนี้มันมาได้ยังไงกัน …?


เดฟส่ายหน้าและเดินหน้าต่อโดยมี Lone Arrow เดินตามมา


อุโมงค์นำลงไปด้านล่างลึกลงเรื่อยๆ อากาศที่นี่เริ่มร้อนขึ้น


” เพื่อนเธอได้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในกิลด์บ้างหรือเปล่า ? “


” ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย เดี๋ยวฉันถามเขาดู ” – เธอพูดขึ้นแล้วเอานิ้วไปจ่อที่ขมับตัวเอง


ไม่นานเธอก็ลืมตาแล้วส่ายหน้า – ” พวกเขาแยกกันเป็นกลุ่มและกระจายตัวที่ทางเข้า หนึ่งในนั้นมุ่งหน้ามาทางเรา “


” เรื่องมันดูจะหนักขึ้นนะสำหรับพื้นที่หลักของเกม Heaven’s Dawn กับ Blood-Rage พักการต่อสู้และร่วมมือกัน กองทัพของพวกเขาเดินหน้ามายังดันเจี้ยน Dark Threading สถานการณ์ดูแย่ขึ้นเรื่อยๆ


เดฟเอามือลูบหนวด – ” Devastators คงไม่ยอมให้กิลด์ใหญ่กิลด์อื่นเข้ามาในดันเจี้ยนแน่ นี่เป็นอาณาเขตของพวกเขา พวกเลเวลสูงของ Devastators คงยุ่งอยู่กับการป้องกันผู้บุกรุก “


” นั่นส่งผลดีกับเรา ยิ่งข้างบนวุ่นวายมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีเวลาที่จะหาของกับเก็บเลเวลมากเท่านั้นและหวังว่าเราจะหาทางออกจากเรื่องวุ่นๆนี่ได้ “


เขาต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางและความกังวลต่างๆ – ” แล้วปาร์ตี้ที่มุ่งหน้ามาที่นี่ล่ะ พวกเขามีกันกี่คน ? เลเวลของพวกเขาล่ะ ? “


” ใจเย็นๆ เพื่อนฉันไม่ได้อยู่ปาร์ตี้นั้น ” – เธอจับไปที่ขมับตัวเองอีกครั้ง


เสียงกระทืบเท้าไปตามหินเตือนพวกเขาว่ามีบางอย่างกำลังเข้ามา


” มันกำลังมา ! ” – เดฟตะโกนและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้


กรรรจ์!!


มอนสเตอร์ที่ตัวห่อหุ้มด้วยไฟปรากฏตัวขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่พวกเขา


[ Demonic Snake-beast ]


ประเภท : ปิศาจระดับสูง


เลเวล : 350


ประเภทมอนเตอร์ : Desolate Beast


ระดับความอันตราย : ☠ ☠ ☠


ดาเมจ : 35,000-40,000


HP : 350,000


ลดดาเมจ 35,000


ดูดซับเวทย์ 25,000


สกิล :


{ Titan Carapace: เพิ่มพลังป้องกันของมอนสเตอร์ขึ้น 3 เท่าทุกครั้งที่เสียเลือดไป 20% เป็นเวลา 20 วินาที }


{ Rolling Stone: โมตีด้วยการโยนหินใส่เป้าหมายแบบสุ่ม ทำดาเมจโดยตรง 25,000 หน่วย }


{ Thorn Mail(ติดตัว) : สะท้อนดาเมจกายภาพที่ได้รับ 5% กลับไปใส่ผู้โจมตีโดยตรง }


Lone Arrow ถึงกับต้องผิวปาก – ” โว๊ะ มอนสเตอร์ระดับ Desolator ! “


Drahma หมุนกระบองแล้วพุ่งเข้าใส่ปิศาจทิ้งทั้งสองคนไว้ด้านหลัง


” ใช่ มันเป็นปีศาจระดับสูงด้วย ลองจัดการมันเพื่อเอา xp มาแต่เราต้องอยู่ห่างจากมันเพื่อความปลอดภัย ” – เขาถอยกลับมาที่ทางอุโมงค์แล้วร่ายสกิล { Spectral Bomb }


Drahma ทำการโจมตีใส่เกราะที่เหมือนกับกระดองเต่าของมอนสเตอร์ซ้ำๆ ทุกการโจมตีนั้นจะทำให้มอนสเตอร์เซและทำให้มันกระเด็นเด้งไปมากับกำแพง


Drahma ไม่ได้รับดาเมจจากกระดองเต่าเพราะความต่างของเลเวลถึง 200 เลเวล


รอยแตกปรากฏที่เปลือกของมอนสเตอร์และเลือดมันก็ลดลงเรื่อยๆ


เมื่อเลือดลดจนถึงจุดวิกฤต มันก็ได้หดตัวเข้าไปในกระดองแล้วเริ่มหมุนตัว มันหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆและปล่อยเปลวไฟออกมา กระดองนั้นเริ่มเป็นภาพเบลอและเริ่มหมุนเร็วจนมีเสียงเหมือนเครื่องบินเจ็ท จากนั้นมันก็มีหินที่ถูกยิงออกมาใส่เดฟ


มอนสเตอร์มันรำคาญหัวกะโหลกของเขาและตัดสินใจว่าถ้ามันจะต้องตาย มันจะลากคนไปกับมันด้วย


” อ่ะ ทำไมต้องเป็นฉันด้วยวะ ! ” – เดฟร้องออกมา


มอนสเตอร์ยังคงชนกับกำแพงไม่หยุด มันเด้งไปมาระหว่างกำแพงกับพื้นดินและทำให้การหมุนของมันสิ้นสุดลง


หัวที่คล้ายงูของมันโผล่ออกมาเพราะความโกรธ ตอนนี้มันเป็นเหยื่อที่สามารถจัดการได้ง่ายแล้ว


Drahma ฟาดลงไปใส่หัวที่ไร้การป้องกันทำลายเกราะที่ท้องของมันด้วยจนทำให้กระดองนั้นแตกกระจายไปตามพื้น


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


..


แจ้งเตือนเลเวลเพิ่มนั้นเด้งขึ้นมาอย่างบ้างคลั่ง เดฟดีใจขึ้นอีกครั้งกับยักษ์สุดโกงที่เขาเรียกออกมา


” ดูสิ ! ” -Lone Arrow ชี้ไปที่เต่าปีศาจที่ตายไป


” อ่ะ ใช่สิ ! ของ ! ” – เดฟเดินหน้าไปตรวจสอบของที่ดรอปลงมา


[Crystalline Carapace (วัสดุสร้าง)]


[ Plastron Fragments (วัสดุสร้าง)]


[ แบบร่างสำหรับ Crytal Armor (Epic) ]


[ Xuanwu Rune (Medium Tier) ]


[ Flood-Dragon rune (Medium Tier) ]


Chapter 66: อดีต ?


” นายเจออะไร ? ” – Lone Arrow ถามขึ้นมา


เขาเอาไอเท็มให้เธอดู


” อู้ว แบบร่าง ! ” – เธอตรวจสอบมันทันที


[ แบบร่างเกราะเซ็ต ระดับ Epic ]


[ Crystal Longgui Armor ( เต็มเซ็ต )]


วัสดุ :


Large Exo-skeleton fragment of Crystal Longgui X 3


Moonstone ingots X 50


Gold Shards X 25


Black Meteorite Steel ingots X 30


Diamonds X 20


Cured demon hide X 4


ระดับความต้องการในการสร้าง : Master Forgesmith


” นี่มันแบบร่างของเกราะระดับ Epic ทั้งเซ็ต ! นายน่าจะเก็บเพชรเอาไว้สร้างมัน “


” แบบร่างมันทำอะไรได้ ? ” – เดฟถาม เขายังคงถือว่าเป็นผู้เล่นใหม่และไม่คุ้นกับกลไกที่ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้มากนัก


” แบบร่างน่ะมีข้อกำหนดและส่วนประกอบในการสร้างไอเท็ม เพื่อที่จะทำให้มันเป็นเกราะที่สมบูรณ์ มันจึงไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว นายเอาไปประมูลเอาเงินมหาศาล มันจะมีราคามากกว่าเพชรที่มีทั้งหมดเอาไปขายรวมกันอีก มากกว่าเยอะเลยแหละ หรือไม่ก็นายเอาให้กับช่างระดับสูงในการสร้างเกราะให้นายก็ได้ ช่างระดับสูงจะทำมันให้ฟรีๆ บ้าเอ้ย พวกเขาต้องจ่ายเงินให้นายเพื่อให้พวกเขาทำเกราะให้นาย เพื่อที่จะได้แบบร่างนี้ไป “


” ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ ? ” – เดฟยังไม่เข้าใจว่าทำไมใครถึงยอมบ้าจ่ายเงินเพื่อกับแบบร่างธรรมดาแบบนี้


” คิดดูสิ ! ถ้ามีแค่ช่างคนเดียวในเกมที่สร้างเกราะนี้ได้ เขาหรือเธอก็จะเป็นผู้ผลิตมันได้แค่คนเดียว อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีแบบร่างอย่างอื่นที่ดีเท่ากับอันนี้ถูกพบ มันจะทำให้เขารวยทั้งในเกมและนอกเกมเลยด้วย “


” เธอรู้จักใครที่ใช้แบบร่างนี้สร้างไอเท็มให้กับเราได้มั้ย ? “


” ฉันมีเพื่อนที่เป็นช่างระดับสูง หนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดในเกมของฉัน ปกติแล้วเขาจะตื่นเต้นถ้าได้ยินแผนพวกนี้เข้าแต่เกราะนี้เทียบไม่ได้กับเซ็ตที่โฟกัส Dex ของฉัน ดังนั้นเราจึงต้องการมันแค่ชุดเดียว “


เดฟมองไปที่ของที่ต้องใช้สร้างเกราะนี่ เขาเริ่มคิดตาม – ” ครั้งหน้าเธอลองติดต่อเขาดูว่าแบบร่างนี้มีค่ากับเขาแค่ไหนและเขาต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะสร้างมันให้กับฉันได้ “


เขามองลงไปตามอุโมงค์เพื่อดูว่ามีอะไรรอพวกเขาอยู่ – ” ฉันเองก็ได้เศษของกระดองมันมา แบบร่างนี้ต้องการเศษกระดอง 3 ชิ้นเพื่อทำเกราะ เราต้องฆ่าเต่าปีศาจเพิ่มเพื่อหามันมาเพิ่ม “


” ใช่ ฉํนไม่คิดวามันจะเป็นปัญหาหรอก ” – Lone Arrow มองไปที่ Drahma – ” ใช่มั้ย พวก ? “


” พวกมันเป็นสัตว์ที่ไร้สมองไม่มีค่าที่จะท้าทายฉันได้ ” – เขาตอบกลับ


ตาของ Lone Arrow เป็นประกายขึ้นมาและมองไปที่ Drama ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง


” อ่ะ เธอคิดอะไรอยู่ ? ” – เดฟถาม


” ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไว้ฉันจะบอกทีหลัง “


เธอเปลี่ยนเรื่องทันที – ” แล้วเรื่องรูนนั่นล่ะ ? “


เดฟโยนรูนชิ้นหนึ่งให้เธอตรวจสอบพร้อมกับที่เขาตรวจสอบรูนอีกชิ้น


[ Xuanwu Rune (Medium Tier) ]


– ป้องกัน –


แก่นของสิ่งมีชีวิตในตำนานี่อัดแน่นกลายเป็นรูน


VIT +1,000


ลดคูลดาวน์ของ{Bastion} ลง 5 วินาที


รูนส่วนอก


ไม่สามารถใส่กับรูนความเร็วหรือโจมตีได้


” นี่มันทำให้เกมไม่สมดุล ! ” – เดฟมองไปที่รูนพร้อมกับคิดสิ่งเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้น


” ใช่ มันเป็นตัวเปลี่ยนเกม ” – เธอโยนรูนกลับไปให้เดฟ เพื่อให้เขาตรวจสอบมัน


[ Flood-Dragon Rune (Medium Tier) ]


– ความฉลาด –


แก่นของสิ่งมีชีวิตในตำนานี่อัดแน่นกลายเป็นรูน


รูนส่วนถุงมือ


ไม่สามารถใส่กับรูนเพิ่ม Strength ได้


” พวกนักเวทย์คงอยากได้มันมาก “


” เราเป็นพวกแรกที่พบรูนแต่เราไม่ได้แจ้งเตือนอะไรจากเกมหรือรางวัลจากระบบเลย ” – เดฟ บ่น


” นายไม่ได้รางวัลจากทุกอย่างหรอกนะ “


เธอพยายามปลอบเขา – ” ดูสเตตัสที่รูนให้สิ นั่นก็ถือว่าเป็นรางวัลแล้ว ! “


” ฉันใช้พวกมันไม่ได้ มันคนละด้าน ” – เดฟส่ายหน้าและส่งมันให้กับ Lone Arrow


” เอาไปขายซะ พวกมันน่าจะได้ราคาดี “


Lone Arrow เก็บรูนพวกนั้นก่อนจะหยุดแล้วเอามือจ่อที่ขมับตัวเอง


” เพิ่งได้ข้อความมา พวกกิลด์พบเรือที่ชายฝั่งและกำลังทำการข้ามแม่น้ำ มีมอนสเตอร์เข้าโจมตีพวกเขา พวกนั้นฆ่ามอนสเตอร์ไปได้ตัวหนึ่งแล้วได้รูนจากมัน มันเหมือนกับรูนที่เราได้แต่ระดับต่ำกว่า “


เดฟมองไปที่เวลาที่เหลืออยู่ของ Drahma ที่เริ่มลดลงเรื่อยๆ


” มีผู้เล่นกี่คนที่แม่น้ำ ? “- เขาถาม


Lone Arrow ส่งข้อความและจบการสนทนา – ” ฉันจะบอกนายทีหลัง “


” อะไร ? “


” พวกนั้นสงสัยว่าทำไมฉันถึงถามเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าเราอยู่ที่นี่ ช่างเถอะ มันน่าจะมีสัก 20 คน เลเวลสูงสุดอยู่ที่ 350 เป็นบีสมาสเตอร์ “


เดฟ รู้ว่า Drahma สามารถจัดการผู้เล่น 20 คนนั้นได้ง่ายๆแต่ถ้าเรื่องบอสตัวนี้รั่วไหลออกไปภายนอก ทุกคนคงแห่งกันมาที่นี่เพื่อจะจัดการกับบอสตัวนี้ นี่ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะได้ฆ่าเขาเลย


” Drahma เราต้องเดินหน้าให้เร็วกว่านี้ “


Drahm รีบเดินหน้าทันทีจนทำให้เดฟกังวลว่าถ้ำมันจะถล่มลงมาทับพวกเขา


เดฟได้ยินเสียงหอนขึ้นอีกรอบ ครั้งนี้เต่าสองตัวเดินหน้ามาหาพวกเขา


มอนสเตอร์ทั้งสองตัวได้พุ่งเข้าหาเดฟด้วยสกิลของมันราวกับลูกข่างที่หมุนเข้าใส่


Drahma ก้าวไปข้างหน้ากันพวกมันเอาไว้ เขาเหวี่ยงกระบองอัดให้ลูกข่างทั้งสองชนเข้ากับกำแพง เดฟได้ยินเสียงแตกของกระดองมันจากการอัดเข้ากับหินและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่ดังก้องไปทั่วถ้ำ


” หึ โฮมรันโว๊ย ” – เดฟฮึดฮัด


เดฟ และ Lone Arrow ได้ใช้ { Spectral Bomb } กับ {Binding Arrow} เข้าใส่มอนสเตอร์ ด้วยวิธีนี้เมื่อ Drahma กำจัดมอนสเตอร์ทิ้ง พวกเขาก็จะได้ xp และของทั้งหมด


” นี่มันโกงชะมัด ” – Lone Arrow พูดขึ้น เธอรู้สึกสงสารพวกมอนสเตอร์ที่ตายไป


” มันไม่ได้โกงหรอก มันเรียกว่าให้บอสช่วยเก็บเลเวลให้ไงและมันโคตรเจ๋งเลยด้วย ! “


มีเต่าแค่ตัวเดียวที่ยังใช้ { Rolling Stone} เข้าโจมตีเป้าหมายแบบสุ่ม Lone Arrow เป็นเป้าหมาแต่เธอหนีมาได้ด้วยสกิล {Blink} และ Drahma ก็ได้จบการต่อสู้ด้วยการหวดกระบองทำลายกระดองเต่าของมัน


เดฟผิดหวังขึ้นมาทันที มอนสเตอร์สองตัวนี้ดรอปของออกมาน้อยกว่าตัวแรก


” เราได้เปลือกมาแค่สองอันและรูนอันเดียว “


เขาเอารูนให้ Lone Arrow ดู – ” แต่รูนนี่มีไว้ใส่กับหมวก “


[ Xuanwu Rune (Medium Tier) ]


— ป้องกัน —


แก่นของสิ่งมีชีวิตลึกลับที่อัดแน่นเป็นรูน


VIT +1,000


ลดคูลดาวน์ของ {Warrior’s Will} ลง 5 วินาที


รูนส่วนหมวก


ไม่สามารถใส่กับรูน Agility ได้


” มันมีปรับสกิลต่างจากเดิม พวกแทงค์คงต้องยอมตายเพื่อการลดคูลดาวน์ของสกิล {Warrior’s Will} แน่ ” – เธอพูดขึ้น


” ใช่แต่เราต้องการอุปกรณ์ดีๆในการใช้พวกมัน ฉันยังไม่เห็นไอเท็มที่มีช่องไว้สำหรับใส่รูนเลย ” – เขาเก็บรูนลงไป – ” เอาล่ะ เดินหน้าต่อ “


เดฟกังวลและมองไปที่เวลาที่หน้าจอของเขา


[ Anti-Bully ]


เวลาที่เหลือ 01:56:03


เวลาของ Drahma เริ่มนับถอยหลังลงไปเรื่อยๆ ชัดแล้วว่าพวกเขาคงจะเสียความช่วยเหลือจาก Drahma ไป เดฟอยากจะจัดการเชื่อต่อตอนที่โลกใต้ดินปิดตัวลง ไม่งั้นแล้วเขาก็จะเสี่ยงกับการถูกพบและโดนฆ่า


เดฟส่ายหน้าและมองไปยังของที่พวกเขาเพิ่งเก็บมา


พวกเขาได้รูนป้องกันมา 5 ชิ้นและรูนจากงูน้ำก่อนหน้า 4 ชิ้น


” รูนไม่ได้ปรับสกิลพิเศษ ปรับแค่สกิลพื้นฐาน ” – เดฟบอกกับ Lone Arrow


” มันก็ยังถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดี รูนที่ปรับสกิลพิเศษนั้นคงถือว่าทำให้สมดุลเกมเสียไปได้เลย “


พวกเขาเดินหน้าจนมาถึงจุดที่เหมือนกับจุดสิ้นสุดอุโมงค์และก้าวออกไปในล้านกว้างที่เหมือนกับหุบเขาขนาดใหญ่ แม่น้ำลาวาไหลผ่านหุบเขาด้านล่างและมีสะพานหินที่ทอดระหว่างแม่น้ำลาวาไปยังอีกด้านที่ซึ่งมีอุโมงค์อีกแห่งปรากฏให้เห็นที่กำแพงผาอีกด้าน


ลาวาด้านล่างสะพานนั้นดูผิดปกติ มันต้องมีบางอย่างภายใต้ลาวานี้อย่างแน่นอน


Drahma พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้น – ” นี่….. “


เดฟมองไปที่ Drahma แล้วต้องแปลกใจกับท่าทีที่ผิดปกติ เขาไม่มั่นใจว่าบอสต้องการทำอะไร Lone Arrow เองก็ด้วย เธองสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวแทงค์ที่มีค่าของเธอ


ก่อนที่เขาจะได้ถาม Drahma ก็ได้พูดออกมา – ” แสดงตัวออกมา Zola ! “


เสียงเขาดังก้องไปทั่วหุบเขาและสะท้อนกลับมาหาพวกเขา ผิวของลาวาสั่นไหวและมีเสียงพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน


เดฟและ Lone Arrow มองไปที่ Drahma จากนั้นก็มองหน้ากัน ทั้งสองต่างก็สงสัยว่า Drahma กำลังทำอะไร


ผู้หญิงหน้าตาสวยงามโผล่ขึ้นมาจากลาวาว เธอไม่ได้ทำให้ลาวานั้นสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เธอมีเกล็ดสีแดงทั่วตัวยกเว้นแค่ส่วนท้อง ผมสีแดงของเธอนั้นยาวปกคลุมจนถึงอกของเธอ


เขาสีทองงอกจากขมับของเธอซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอันตราย


เธอมีส่วนบนเป็นผู้หญิงแต่ชัดแล้วว่าส่วนที่เหลือที่อยู่ใต้ลาวานั้นไม่ใช่ เดฟเห็นครีบหินตอนที่เธอเอามือมาเท้าคางและมองมาที่พวกเขา


” Drahma ที่รัก นายหนีออกมาจากคุกได้ อะไรพานายมาที่นี่….อีก ? ” – เธอพูดและมองมาที่ยักษ์


Drahma ตอบกลับด้วยการกัดฟันแน่น – ” ฉันคิดว่านี่มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ฉันถูกเรียกมาที่นี่แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับฉัน “- เขาจับกระบองแน่นกว่าเดิม


มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นระหว่างมอนสเตอร์ทั้งสองตัว จากนั้นเดฟก็คิดออก พวกนี้เคยมีอดีตร่วมกัน !


Chapter 67: ศัตรูมีอยู่ทุกที่


เดฟตรวจสอบผู้หญิงตรงหน้า ปีศาจนางเงือกนั้นมีชื่อเป็นสีเขียว ดังนั้นเธอจึงไม่ใช่ศัตรู


[ Zola ]


เลเวล : 400


Ancient-Demoness (Epic Tier)


ระดับความอันตราย : เป็นมิตร


HP : 400,000


ลดดาเมจ 50,000


ดูดซับเวทย์ 80,000


คนรักเก่าของ Drahma the Berserker แม่มดที่ทรงพลัง ความกระหายในพลังของเธอทำให้เธอโดนสาปอยู่ในสภาพนี้


เดฟมองไปที่ Drahma และมองไปที่ปีศาจสาว ก่อนจะหันกลับมาที่ Drahma – ” บ้าเอ้ย นี่เธอเป็นแฟนเก่านายงั้นเหรอ ? “


” ใช่ Zola เป็นคนรักเก่าของข้า ” – Drahma พูดขึ้นพร้อมกับแก้มที่ดูเปลี่ยนสีไป


Lone Arrow มองไปมาระหว่างทั้งสองและแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา


” ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะ….นายรู้ใช่มั้ย ” – เธอหัวเราะ


” หยุดเลย ! ฉันไม่อยากรู้ ” – เดฟพูดขึ้น


” เกิดอะไรขึ้นที่นี่ Drahma ? ” – เดฟถาม


แทนที่จะตอบกลับ ยักษ์นั้นกลับเดินไปที่ริมแม่น้ำแล้วคุกเข่าลงไป เขาเอื้อมมือลงไปในลาวาก่อนที่นางเงือกจะโดดขึ้นมาในอ้อมแขนเขาพันตัวรอบแขนเขาเอาไว้ เธอใช้ร่างกายส่วนบนพิงที่แขนของ Drahma เอาไว้


” การตัดสินใจของเธอน่ะเห็นแก่ตัว ” – Drahma พูดขึ้นอย่างเศร้าๆ


” นายไปกับ Death King ด้วยเหตุผลของตัวเอง นายจากไปก่อน “- เธอตอบกลับ


” ฉันไม่ได้มีทางเลือก ความตายของเผ่าฉัน…ครอบครัวฉันและพี่น้องฉัน…มีแค่ราชาเท่านั้น ” – Drahma พูดขึ้น


” อะไรที่ผ่านแล้วก็ให้มันผ่านไป ทำไมนายถึงได้มาอยู่ที่นี่ ? กับพวกอันเดตน้อยและมนุษย์ ? ” – นางเงือกถามและมองไปที่เดฟกับ Lone Arrow


เดฟตอบกลับทันที – ” เราเป็นเพื่อนของ Drahma และเรามาที่นี่เพราะภารกิจ เธอจะให้เราผ่านไปได้มั้ย ? “


” เจ้ามีกลิ่นที่ต่างออกไป เจ้าต้องมาจากโลกภายนอก…โลกใต้ดินคงจะเปิดออกแล้วสินะ ? ” – เธอพันรอบนิ้วของ Drahma เอาไว้แล้วแหย่ยักษ์นั่นพร้อมกับถามผู้เล่นทั้งสอง


” ใช่ มันเปิดออกแล้วและมันจะมีคนนอกเข้ามาอีก ” – เดฟตอบกลับ


” โอ้ มันนานแล้วนะตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ฉันได้กินเนื้อมนุษย์….นั่นใครกัน ? นั่นใช่พวกนั้นมั้ย ?” – หญิงสาวพูดขึ้นแล้วมองไปที่ Lone Arrow ราวกับว่าเธอเป็นอาหาร


เดฟเดินมาขวางหน้า Lone Arrow เอาไว้แล้วพูดขึ้น – ” ไม่ เธอไม่ใช่อาหาร อย่างน้อยก็สำหรับตอนนี้ ยังไงซะก็มีนักผจญภัยมากมายกำลังมาที่นี่และฉันเห็นว่าเธอกับ Drahma เอ่อ…..รู้จักกัน ฉันไม่ได้สงสัยในพลังของเธอแต่จำนวนคนน่ะเอาชนะความกล้าได้ เธอน่าจะออกจากที่นี่ไปซะ “


Drahma วาง Zola ลงที่เดิมก่อนจะตอบกลับ – ” เธอทำไม่ได้ “


” ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? “- Lone Arrow ที่รู้สึกว่าถูกทิ้งไว้คนเดียวถามขึ้นมา


” เธอออกจากบ่อนี้ไม่ได้นานนัก…..” – Drahma วางนางเงือกลงไปในบ่อแล้วตอบกลับ


” งั้นเธอก็ซ่อนตัวอยู่ในบ่อนี้ได้ ไม่จำเป็นที่เธอต้องตายอย่างไร้ความหมาย “


” โอ้ นายจะมาสนใจอะไร นายทำให้ฉันนึกถึง Drahma สมัยก่อนเลย ” – นางเงือกพูดขึ้น


บรรยากาศเริ่มแปลกไปเรื่อยๆจน เดฟต้องกระแอมออกมาแล้วพูดขึ้น – ” เราต้องไปแล้ว Drahma เราช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว “


เวลานับถอยหลังไปเรื่อยๆ


ความกดดันนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เดฟรู้ว่ามันมีกลุ่มผู้เล่นตามพวกเขามา แม้ว่าพวกเขาจะจัดการพวกนั้นได้แต่มันก็จะมีคนรู้ถึงตัวตนของเขาที่นี่และพวกนั้นก็จะเข้ามาเพื่อหวังว่าจะฆ่าเขาและเปิดอีเวนต์อันเดต


Drahma ลุกขึ้นยืนและเดินหน้าต่อโดยมีเดฟกับ Lone Arrow ที่ซึ่งหันไปมองนางเงือกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตามไป


” เฮ้ Mr.Skeletal นายรู้เรื่องสองคนนั้นมั้ย ? ” – เธอถาม


” ฉันไม่รู้ ฉันไม่มีเวลาไปสนใจด้วย เราต้องเดินหน้าให้เร็วกว่านี้ ” – เขาตอบกลับแล้วเดินหน้าต่อ


” ชิ ไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลย “- Lone Arrow พึมพำ


สะพานข้ามบ่อน้ำนี้ยากที่จะพอสำหรับร่างขนาดใหญ่ของ Drahma ต้องขอบคุณที่มันไม่ถล่มลงไป เดฟเดินตาม Drahma ไปโดยมี Lone Arrow ตามมาด้วย


เมื่อมาถึงที่ปลายสะพาน กำแพงที่มีร้อยร้าวก็เริ่มแตกออกเปิดทางให้กับพวกเขา


” ลึกเข้าไปมีปีศาจที่แข็งแกร่งอยู่ ฉันคิดว่าฉันเอาชนะมันได้แต่ฉันไม่มั่นใจว่าพวกนายจะปลอดภัยหรือเปล่า ” – Drahma พูดขึ้น


” ไม่ต้องกังวล ฉันจะพยายามเอาตัวรอดเอง ” – เดฟพูดขึ้น เขาไม่มีตัวเลือกอยู่แล้ว การอยู่ที่นี่ก็มีแต่รอให้กลุ่มผู้เล่นเข้ามาหาตัว เมื่อไม่มีตัวเลือกในการออกจากที่นี่ เขาก็ได้แต่ต้องเดินหน้าต่อ


เขามีตัวเลือกเดียวคือการเดินหน้าต่อ, การเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาตัวรอดจากมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งรึอยู่ที่นี่เพื่อพบกับความตายจากกลุ่มผู้เล่นที่ตามมา


” กล้าหาญจริงๆ ” – Drahma พูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปในประตู


เมื่อทุกคนเข้ามาด้านใน เดฟ ก็ได้ยินเสียงลมที่พัดโหยหวนดังขึ้นจากในรู


” มันมีทางออกที่นี่ มันอาจจะเป็นอีกด้านของภูเขาที่เราเข้ามา ” – เดฟพูดขึ้น


” เราต้องเอาชนะอะไรก็ตามที่อยู่ที่นั่นก่อนที่จะเรียกมันว่าทางออกได้ ” – Lone Arrow ค้านขึ้นมา เธอมองไปที่สีหน้าของ Drahma และรู้ว่าพวกเขาเริ่มตึงเครียดกันเพิ่มขึ้นแค่ไหน


” มอนสเตอร์ที่อยู่ที่นี่คือเจ้าของปีศาจทั้งหมดที่เราเจอมาก่อนหน้านี้ มันคือ Demon Lord และค่อนข้างที่จะแข็งแกร่ง ” – Drahma พูดขึ้นแล้วเดินไปตามทางเดิน ทุกก้าวที่เขาเดินจะทำให้ถ้ำแห่งนี้สั่นไหว


” นายเหมือนจะไม่สนใจความมืดแล้วนี่ ? ” – เดฟพูดขึ้น เขาจำได้ว่า Lone Arrow บ่นมากแค่ไหนตอนที่เข้ามาในดันเจี้ยนตอนแรก


” นายอยากให้ฉันทำยังไง ? มันไม่ใช่ความผิดฉันนี่ที่พวกอันเดตนายทำคบไฟฉันเสียเปล่าไป…ฉันก็แค่ปรับตัว ” – เธอพูดพร้อมกับใช้นิ้วม้วนผมตัวเอง


” มันไม่ได้เสียเปล่า! มันเป็นกลยุทธ์ ! มนุษย์หมาป่าน่ะเกลียดไฟ ! ” – เขาเถียงกลับพยายามแสดงจุดยืน


” ได้จ้า พ่อนักเทคนิค ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดก็ได้มั้ยหล่ะ ” – Lone Arrow หัวเราะคิกคัก


อยู่ๆเดฟก็ได้หยุดจน Lone Arrow เดินเข้ามาชนเขา เธอเอามือถูจมูกตัวเองแล้วพูดขึ้น – ” อะไร ? “


” ดูข้างหน้าสิ ” – เดฟพูดขึ้น


มันมีแสงที่ปลายอุโมงค์ที่พวกเขาเดินอยู่ แสงนั้นมาจากท้องฟ้า


” นั่นทางออกเหรอ ? ” – Lone Arrow ถาม


” ฉันไม่คิดแบบนั้น….” – เดฟตอบกลับ


Drahma ออกไปก่อนและพูดขึ้นมาทันที – ” ระวังด้วย ดูเหมือนว่าเรื่องมันค่อนยุ่งยากหน่อย ! ” -เขาพูดก่อนจะเอากระบองพาดที่ไหล่ตัวเอง


มันมีลานกว้างที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าพันฟุต มันมีรูปร่างเหมือนกับสนามต่อสู้ที่มีกำแพงหินสูง พื้นดินเป็นสีดำที่ซึ่งเห็นรอยแตกเต็มไปหมด รอยแตกเหล่านี้เปล่งแสงสีแดงจากลาวาออกมา


บนกำแพงนั้นมีสิ่งมีชีวิตนับพันนั่งและบินอยู่ พวกมันเหมือนกับปีศาจที่พวกเขาเคยสู้มาตอนที่เข้ามาในถ้ำและได้เพชรจากพวกมัน


ใจกลางสนามต่อสู้นั้นมีร่างหนึ่งยืนอยู่ เขาสูงแค่ครึ่งเดียวของ Drahma เขาแผ่ออร่าปีศาจออกมาจากตัวและเขาสีดำที่ด้านข้างหัวที่มีความยาวอย่างน้อย 10 เมตร เขามีตาที่แดงกล่ำและเขี้ยวที่แหลมคม


ผิวของเขาคล้ายกับพื้นหิน มันมีไฟพุ่งออกมาตามรอยแตกของตัว


สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นจำนวนแขน เขามี 4 แขน อีก 2 แขนโผล่ออมาจากไหล่ราวกับใบมีดและเท้าทั้งสี่ข้าง


” ยินดีต้อนรับสู่ที่ที่ต่ำต้อยของข้า ! ดูเหมือนว่า Ramsha จะส่งพวกที่มีค่ามา ! ” – ปีศาจคำรามออกมา


Ramsha นั้นคือมอนสเตอร์ตัวแรกที่เขาพบตอนที่เข้ามาในโลกใต้ดิน มันเป็นผู้พิทักษ์ของที่นี่และอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด มันยังให้เควสกับเดฟ ในการฆ่าปีศาจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


Drahma เดินเข้าไปก่อน เกือบจะทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับค้างคาวก็ได้พุ่งเข้ามาจากข้างๆ


” เอาชนะพวกนี้ก่อน ก่อนที่จะมีโอกาสมาสู้กับข้า ! ” – ปีศาจพูดขึ้นแล้วหลอมรวมตัวเองไปกับพื้นหิน


” มันมักจะเป็นแบบนี้ตลอด เมื่อไหร่ก็ตามที่อยากสู้กับบอส บอสจะส่งพวกลูกน้องมาก่อนเสมอ…” – เดฟพูดพร้อมกับหักนิ้วตัวเองเตรียมพร้อมที่จะสู้


” ถ้าไม่ใช่แบบนั้นมันก็ไม่สนุกสิ ” – Lone Arrow พูดขึ้นมา


” มันไม่สำคัญหรอก ยิ่งศัตรูเยอะ xp ก็ยิ่งเยอะและของก็มากขึ้นไปด้วย ! ” – เดฟตะโกนกลับมา


” นั่นคือทั้งหมดที่นายคิดหรือไง ของเนี้ยนะ ? นายไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของสาวน้อยคนนี้หรือไง ? “- Lone Arrow แหย่


” ของพวกนี้คือความฝันสำหรับผู้ชาย ! ” – เดฟตะโกนออกมาแล้วพุ่งออกไปตามหลัง Drahma เข้าโจมตีมอนสเตอร์ตรงหน้า


Lone Arrow ได้แต่หัวเราะออกมาแล้วเริ่มยิงธนูเข้าใส่มอนสเตอร์


ตอนนั้นปาร์ตี้กิลด์ได้ผ่านบึงพิษมาได้แล้วและได้เข้าไปในถ้ำที่เดฟและ Lone Arrow อยู่แล้ว


Chapter 68: ความบาดหมาง


ผู้เล่น 25 คนได้เข้ามาในถ้ำ


ปาร์ตี้ Devastators ต่างก็พากันเหนื่อยและเผยให้เห็นถึงสีหน้าแห่งความยากของการต่อสู้ พวกเขาเสียคนไปเยอะสำหรับการข้ามแม่น้ำ ผู้เล่นพวกนั้นไม่อาจจะกลับเข้ามาใหม่ได้


Devastators จึงส่งผู้เล่นชุดต่อมาให้ลงมาในดันเจี้ยน


” บอส แผนว่าไง ? “


แทงค์ Blaster ตอบกลับจากในหมู่ผู้เล่นที่เหลืออยู่ – ” เรากำลังจะเดินหน้า Mongo เราเสียคนไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เรามีฮีลเลอร์แค่คนเดียว…นี่ไม่ต้องพูดถึงบีสเทมเมอร์อีกคน ” – Blaster หันกลับมาชี้ไปที่ผู้เล่นอีกคน


บีสเทมเมอร์เป็นอาชีพเรียกใช้สัตว์ในเกมซึ่งรู้ถึงนิสัยพวกเขาดี ความแปลกพวกนั้นเป็นทั้งของจริงและความคิดด้วยและมักจะถูกผู้เล่นคนอื่นล้อ


แต่แม้ว่า Mongo จะแปลก แทนที่จะใส่เกราะธรรมดา Mongo กลับใส่ชุดที่มีรูปแบบสีสันสดใส กงเล็บ, เขี้ยวและหัวกะโหลกแปลกๆนั้นทำให้เขาดูสะดุดตาขึ้นมา


Blaster พูดต่อ – ” พูดไปแล้วงั้นนายก็ส่งสัตว์ของนายไปสอดส่องแนวหน้าให้เราหน่อย “


Mongo ตอบกลับ – ” เอ่อ บอส ฉันไม่อยากเสียสัตว์เลี้ยงตัวสุดท้ายไปนะ ไม่อยากเสียมันก่อนที่ตัวอื่นๆจะคูลดาวน์เสร็จแล้วฉันค่อยเรียกมันออกมาใหม่ได้ “


” ฉันเข้าใจแต่อย่างน้อยสัตว์เลี้ยงนายก็เกิดใหม่ได้ เราน่ะทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่ที่นี่ในโลกใต้ดิน ทำมันซะ ” – Blaster สั่งการออกมา


บีสเทมเมอร์ได้แต่กัดฟันแล้วเรียกหมาป่าผีออกมา


แก๊สลอยอออกมาวนรอบมือเขาราวกับทำการทักทายและจากนั้นก็พุ่งลงไปที่อุโมงค์ตามคำสั่งของบีสเทมเมอร์


ไม่นานหมาป่าผีนั้นก็กลับมา


” มันบอกว่าไม่มีอันตรายอยู่ด้านหน้า ” – Mongo รายงาน


” เอาล่ะทุกคนอยู่ประจำตำแหน่ง เดินหน้าต่อ ! ” – Blaster พูดขึ้น


ผู้เล่นตระหนักได้ว่าถ้ำแห่งนี้มีแสงเพราะพวกอัญมณี หินที่ล้ำค่าซึ่งอยู่ที่กำแพงนั้นทำให้ตาของพวกเขาเป็นประกายและเพิ่มความโลภในใจ


ผู้เล่นคนหนึ่งวิ่งไปที่กำแพงพร้อมกับมีพลั่วโผล่ขึ้นมาก่อนจะเหวี่ยงพลั่วใส่กำแพงใกล้ๆกับเพชรก้อนหนึ่ง พลั่วนั้นเด้งกลับมาพร้อมกับประกายไปและเสียงที่ฟังดูน่าผิดหวัง


” บ้าเอ้ย ฉันเป็นคนเหมืองเลเวลสูง ฉันน่าจะขุดมันได้สิ นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ” – ชายคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยท่าทีผิดหวัง


” มันมีข้อจำกัด เดินหน้าต่อเถอะ นี่เป็นเขตใหม่ เหตุผลเดียวที่เราไม่ได้ของดีมาเพราะเราเดินหน้ากันช้าไงล่ะ “- คนแคระคนหนึ่งบ่นขึ้นมา


” Rodrigue พูดถูก เดินหน้าต่อเถอะ ” – Mongo เร่ง


” ไม่ เราจำเป็นต้องเดินหน้าช้าๆและระวังตัว คอยเช็คดูว่ามีกับดักรึเปล่า ” – Blaster พูดขึ้น


” ถ้าทำแบบนั้นเราคงไม่ได้อะไรกลับไป ฉันว่าผู้เล่นอีกกลุ่มคงนอนกลิ้งกับของที่พวกนั้นได้มา ! ” – Rodrigue บ่น


” ฉํนไม่ยอมให้ใครต้องกลับไปเกิดใหม่ด้วยการแห่ไปข้างหน้าอย่างประมาทหรอกนะ กิลด์ของเราจัดกันเป็นกลุ่ม…..ถ้านายไม่อยากทำตามคำสั่งคนอื่น นายก็ไปปรึกษาเรื่องนี้ดูและขัดคำสั่งดูก็ได้ ตอนเรากลับไป ฉันมั่นใจว่า Valentine คงยินดีรับคำบ่นจากนายแน่ “


” บ้าไปละ Didrik กล้ายิ่งกว่านายอีก บ้าเอ้ย นายนั่นแหละที่ทำให้เขาโดนฆ่าที่บึงตะกี้ ฉันไม่ตามคนขี้ขลาดหรอกนะ ไม่อีกต่อไปแล้ว พวก ไอ้เขาเขียวนี่มาที่นี่ก็เพื่อตัวเอง เขาทำให้ทุกคนโดนฆ่าที่บึงและตอนนี้พยายามกันไม่ให้เราทำสิ่งที่เราอยากจะทำ “


หน้าของ Blaster แดงเพราะความโกรธ – ” Didrik สั่งให้เราไล่ตามงูน้ำ Didrik และคนที่เหลือจะยังอยู่กับเราถ้าเราขึ้นฝั่งได้แทนที่จะคอยสู้กับมอนสเตอร์ตอนอยู่บนเรือ Didrik ไม่ฟังคำพุดูดฉัน ฉันไม่เห็นด้วยกับเขาแต่ก็ยังทำตามคำสั่งเขาอยู่ ! ฉันสู้โดยเสี่ยงชีวิตตัวเองเหมือนกับคนอื่นๆ “


” ฉันไม่เห็นว่านายทำอะไรที่สนับสนุนเราเลย ที่ฉันเห็นก็มีแค่นายที่วิ่งหนี…ไอ้เขาเขียว ” – ออคคนหนึ่งพูดขึ้น


” พวกเรา ไปกันเถอะ ” -Rodrigue บอกเพื่อนตัวเอง – ” มากับฉันและฉันการันตีได้ว่าเราจะได้ของที่น่าทึ่งกลับมา อยู่กับไอ้ขี้แพ้นี่มีแต่จะพลาดของไป ฉันได้ยินว่ากลุ่มที่นำหน้าเราไปสู้กับมอนสเตอร์โหดๆเข้าแล้วได้ xp มามหาศาลรวมถึงของระดับ Epic ด้วย พวกนั้นถึงกับได้รูนมาด้วย “


Blaster ไม่คิดที่จะอธิบายต่อและทำเป็นไม่ได้ยิน


” ฉันคงบังคับให้ใครอยู่ต่อไม่ได้ถ้าพวกนายเลือกที่จะไป งั้นจบเรื่องนี้กัน ใครที่จะอยู่กับปาร์ตี้กิลด์และใครที่ต้องการเดินหน้าเอง ? “


Blaster ไม่เชื่อว่าจะมีใครคิดตามคนหัวร้อนแบบ Rodrigue โดยเฉพาะหากดูจากข่าวลือที่พูดคุยกันมา เขาเป็นคนผิดแท้ๆ


ผู้เล่นกว่า 20 คนไปรวมตัวกันรอบคนแคระ


“เห็นมั้ย Blaster คนรู้ว่าใครเป็นผู้นำที่แท้จริง แต่นายน่ะกลับกัน นายแค่ต้องการเล่นให้มันปลอดภัย ” – Rodrigue ยืดอกพูดขึ้นมา


” ไว้เจอกันที่ห้องโถง ไอ้ขี้แพ้ ! “


พวกที่แยกตัวเดินลงไปในอุโมงค์อย่างรวดเร็วปล่อย Blaster, Mongo และอีกสามคนที่ซึ่งดูไม่มั่นใจว่าตัวเองเลือกถูกเอาไว้


” บ้าเอ้ย ! ” – Blaster สบถออกมา


” นายน่าจะส่งรายงานเรื่องนี้และรับคำสั่ง ” – Mongo พูดขึ้น


” พวกระดับสูงกำลังเตรียมตัวลงมากันอยู่ เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญพอให้พวกเขาสนใจในตอนนี้ เราเดินหน้ากันต่อแบบช้าๆและมั่นคงกันดีกว่า อย่าไปแตะต้องอะไรก่อนเช็คว่ามันใช่กับดักรึอุโมงค์ลับรึเปล่า “


” ได้เลยบอส ” – Mongo พูดขึ้น


ผู้เล่นทั้งห้าเริ่มเดินหน้ากันต่อช้าๆ


Blaster เกลียดที่ต้องรับหน้าที่นี้ ไม่มีใครอยากที่จะเป็นผู้นำของคนที่สงสัยการตัดสินใจของเขาและมองข้ามเหตุผลทั้งหมด เขาก็แค่อยากทำภารกิจให้เสร็จและทำให้ทุกคนปลอดภัยแต่พวกนั้นต้องการชื่อเสียงและของจนทำให้ทุกอย่างปั่นป่วนรวมถึงความปลอดภัยของพวกเขาด้วย


Blaster เช็คตามหินย้อยที่อาจจะตกลงมาตอนที่ Mongo พูดขึ้น


” เวรเอ้ย Rivera เสร็จไปแล้ว ” – Mongo ด่าออกมา


” อะไร ? ” – Blaster ถาม


” ดูหน้าจอสิพวก พรีส Rivera เขาเพิ่งตาย “


Blaster ดูไปที่หน้าต่างปาร์ตี้บนหน้าจอและพบว่ามีไอคอนสีดำแสดงถึงผู้เล่นที่ตายไป


” มันมีอีกคนแล้ว ! เลือดของพวกเขาลดลงเร็วมาก พวกนั้นต้องสู้กันอยู่แน่ ! “


” มอนสเตอร์ที่คล้ายกับเต่าโจมตีปาร์ตี้ เลเวล 350+ “- นักธนูพูดขึ้น เขาเอาสองนิ้วจ่อที่ขมับตัวเองและสื่อสารกับคนหนึ่งในพวกที่แยกตัวไป


” เราจะไปช่วยพวกนั้น ไปกัน ! ” – Blaster พูดขึ้น ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าเต็มกำลังไม่ได้คอยระวังตัวแบบเดิมอีกแล้ว


ไม่ถึงนาทีพวกเขาก็ได้มาถึงถ้ำเก่าๆและพบว่าคนที่แยกตัวมานั้นอยู่ใจกลางการต่อสู้


” ถอย ! เรารับมือเอง นี่มันของของเราเว้ย ! ” – Rodrigue ตะโกนขึ้นมา


Blaster ไม่ได้มีเวลามาเถียงกับคนโง่


Blaster พุ่งเข้าไปแล้วใช้ { Piercing-Blow } ด้วยดาบสองมือของเขา


แรงได้แผ่ออกมาจากดาบและทำให้พวกมอนสเตอร์กระเด็นออกไป มันเปิดโอกาสให้คนแคระได้ถอยกลับไปอยู่ด้านหลังเพื่อนคนหนึ่งซึ่งหนีจากความสนใจจากมอนสเตอร์ได้


” นักธนู ! ถอย พวกแทงค์เข้าไป ! คอยสลับกันตอนที่เลือดต่ำแล้วออกมาฮีล จากนั้นค่อยเข้าไปสู้ใหม่ ! ” – Blaster รีบจัดการทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเพิ่มค่าความโกรธของตัวเองและลดค่าความโกรธของผุ้เล่นคนอื่นๆแต่มันก็ไม่ได้ผล เขาไม่ได้มีดาเมจมากพอที่จะดึงให้มอนสเตอร์มาสนใจได้….


” ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงค่าความโกรธ มันมีสกิลโจมตีแบบสุ่มอยู่ ! ” – เลือดของออคตอนนี้เป็นสีแดงแล้ว


Blaster ได้แต่ตะโกนออกมา


Blaster ตะโกนขึ้น – ” ทุกคน รุมมัน ! ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจัดการมัน ! “


ผู้เล่นทุกคนไม่สนใจว่าเลือดตัวเองเหลืออยู่แค่ไหนได้ใช้สกิลที่แรงที่สุดที่ตัวเองมีเข้าใส่มอนสเตอร์


มอนสเตอร์ใช้สกิลโจมตีและหมุนตัวของมันเล็งไปที่ผู้เล่นโจมตีใกล้ที่อยู่หลังสุด


นักธนูได้ใช้สกิลหลบของตัวเองแล้วยิงธนูออกมาใส่เต่าที่หมุนเข้ามาและในที่สุดก็ฆ่ามันได้


Blaster มองกลับไปที่ Rodrigue – ” นี่แลหะสิ่งที่จะเกิดขึ้นตอนพวกนายเลือกที่จะแยกออกมาเอง ! “


” นายทำให้ 7 คนต้องตาย นายคงตายก่อนที่นายจะจัดการมันได้ ” – Blaster ตะโกนขึ้นมา


” เราไม่ได้ตายสักหน่อยและเราก็ได้ของกลับมาด้วย แต่อัตราดรอปนี่มันแย่ชะมัด ไม่ใช่ว่าพวกมอนสเตอร์ต้องดรอปทุกอย่างตอนที่โดนฆ่าครั้งแรกหรือไง ? เราได้รูนแค่อันเดียว มันไม่มีค่าสำหรับฉันด้วย ” – คนแคระบ่น


” นายควรจะเรียกเราตอนที่นายเห็นมอนสเตอร์ ถ้ามันมีมากกว่า 3 ตัวล่ะ ? เรารับความผิดพลาดแบบนี้ไม่ได้ ! ” – Blaster พูดขึ้นมา


” เอาน่าทุกคน ใจเย็นๆ ” – ออคพูดขึ้น – ” เราเข้าใจแล้ว เราจำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน Blaster คือผู้เล่นที่เลเวลสูงสุดที่นี่ เราต้องการดาเมจของเขา “


” ตามใจละกัน ” – Rodrigue พูดขึ้น


ปาร์ตี้เดินหน้ากันต่อจนกระทั่งมาถึงบึงลาวาที่มีสะพานหิน


” ค่อยๆเดินหน้า ชัดแล้วว่าที่นี่เหมาะสำหรับการซุ่มโจมตี ” – Blaster พูดแล้วค่อยๆเดินไปที่บึง ชัดแล้วว่ามันมีอันตรายซ่อนอยู่ในบึงลาวาแห่งนี้


Chapter 69: Dalmadoth


ทั้งสามได้ออกจากอุโมงค์เข้าไปในถ้ำหินขนาดใหญ่ที่กำแพงสูงกว่าความสูงของ Drahma หลายเท่า


เพดานมันเปิดโล่ง ! เดฟเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านบนหัวเขา


ถ้ำนี้สร้างมาเป็นสนามต่อสู้ที่มีการเพิ่มภูมิประเทศเข้าไป ที่ใจกลางนั้นมีสิ่งที่เหมือนกับหลุมซึ่งมีเปลวไฟพุ่งออกมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองไปที่ก้นหลุมแต่มันก็มีแสงสีแดงส้มส่องประกายออกมาจากหลุมนั่น


โอ้เหี้ยละ ! เราอยู่ที่ใจกลางภูเขาไฟ มันหมายความว่าหลุมนี้คือที่ระบายลาวาซึ่งจะมีหินร้อนจำนวนมากที่ระเบิดออกมาตามช่วงเวลาของมัน


ใช่ มันไม่ได้รู้สึกสบายเลยสักนิด Lone Arrow ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ มันมีแต่จะเพิ่มความกังวลของเธอ


สนามต่อสู้นี้เป็นภูเขาไฟซึ่งเป็นเขตดันเจี้ยนอีกแห่ง ที่นี่มีไว้เพื่อผู้เล่นเลเวลสูงเป็นร้อยคนร่วมมือกัน ปกติแล้วดันเจี้ยนต้องมีบอส บางครั้งมันจะมีลูกน้องมาด้วยซึ่งเป็นส่วนท้าทายส่วนสุดท้าย


มอนสเตอร์ที่รวมตัวกันเป็นฝูงได้พุ่งเข้ามาโจมตีใส่พวกเขา


Drahma เหวี่ยงกระบองของเขาอัดใส่มอนสเตอร์และฆ่าพวกมันเป็นร้อยตัวไปทันทีและทำให้บาดเจ็บไปหลายตัว นี่มันเพิ่มระดับความโกรธของเขาขึ้นมาอย่างมากซึ่งทำให้เดฟ และ Lone Arrow โดนพวกมอนสเตอร์มองข้ามไปและตั้งใจโจมตีแต่ยักษ์เพียงตัวเดียว


เดฟตัดสินใจใช้สกิลที่พัฒนาขึ้นมาอย่าง { Spectral Bomb } เพื่อเพิ่ม xp ของตัวเอง


ปาร์ตี้จะได้รับ xp กลับมาเมื่อไหร่ก็ตามที่สมาชิกนั้นฆ่ามอนสเตอร์ xp ส่วนมากจะเป็นของผู้เล่นที่ทำการโจมตีแรงที่สุด ส่วนที่เหลือจะแบ่งตามระดับความอันตรายที่ผู้เล่นสร้างในระหว่างการต่อสู้


กลไกนี้ก็เพื่อให้ผู้เล่นเพิ่มค่าความโกรธของตัวเองเพื่อให้ได้รับ xp มา บางอาชีพอย่างอาชีพสายสนับสนุนอย่างบาร์ทและฮีลเลอร์นั้นโจมตีโดยตรงไม่ได้แรงนัก พวกเขามักจะอยู่แนวหลังกับพวกโจมตีระยะไกล….ถ้าพวกเขาไม่อยากลับไปเกิดใหม่


ระบบ xp นั้นจัดการสร้างความโกรธให้พวกเขาระหว่างที่สู้และให้รางวัลกับพวกเขาผ่านการสนับสนุน


ดังนั้นแม้ว่า Drahman จะฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดแต่การโจมตีที่เดฟกับ Lone Arrow ทำนั้นก็ถือว่าเป็นการสนับสนุนได้


แต่ถึงแม้จะได้เปอร์เซ็นต์แค่น้อยนิดจากส่วนแบ่ง xp จำนวนมหาศาลนี้แต่มันก็ยังมีเสียงอันไพเราะดังขึ้นมาในหูของเดฟ


[ เลเวลเพิ่ม ]


” ในที่สุดก็ถึงแล้ว ! ใช่ ฉันใช้มันได้แล้ว ! ” – เดฟตะโกนออกมาอย่างกับคนบ้า


เขาเก็บมีดของตัวเองไว้ในช่องเก็บของแล้วดึงดาบยาวออกมาแทน


เดฟได้ดาบนี้มาจากผู้พิทักษ์ในดันเจี้ยน Ice Palace หลังจากที่ Lich Du’Razha ฆ่าผู้พิทักษ์ไป


เขาทำการตรวจสอบดาบที่ส่องแสงที่เขาใส่อยู่


[ Swords of Mercy ]


ประเภท : อาวุธ


อาวุธที่สร้างขึ้นโดยช่างโบราณ


ดาบนี้แบ่งเป็นสองเล่มได้เมื่อจำเป็น


ดาเมจ : 320-400


การใช้งาน : แรงกาย 50 ( 75 ตอนที่แบ่งออก )


ข้อกำหนด : STR 100, AGI 100, DEX 100, WIS 100, เลเวล 80


โบนัส :


{ Double Slash: ดาเมจ 200% ฟันเป็นรูปตัว X ทำดาเมจแบบ AOE สามารถทำดาเมจเป็นเส้นตรงใส่ศัตรูทุกตัวที่อยู่ในระยะ 3 ม. }


{ Soul Burn : ใช้วิญญาณส่วนหนึ่งของผู้ใช้ (HP -100/วินาที) เพื่อเพิ่มดาเมจของดาบ 50% }


สเกล : S-STR ( ในรูปแบบดาบเดียว )


A-DEX ( ในรูปแบบสองดาบ )


คลาส : Unique


Lone Arrow ยิงธนูเข้าใส่การ์กอยแล้วถามออกมา – ” นายดูดีใจนะ มีเรื่องอะไรกัน ? “


” ฉันเลเวลเพิ่มแล้ว ตอนนี้ฉันสามารถใช้ดาบนี่ได้แล้ว ” – เขายกดาบขึ้นแสดงสมบัติของเขา


แสงสีทองที่ส่องออกมาจากดาบนั้นทำให้รู้สึกว่ามันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเมื่ออยู่ในมือของอันเดตแล้วช่างดูตัดกันซะเหลือเกิน


ปีศาจตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ Drahma มันเซกลับไปราวกับว่าชนเข้ากับกำแพงก่อนจะสะบัดหน้าของมัน


เมื่อเห็นโอกาสที่จะได้ทดลองของเล่นใหม่ เดฟก็ได้พุ่งเข้าไปหาปีศาจนั้น ด้านหลังเขา Lone Arrow ต้องอ้าปากค้างกับความบ้าของเขา


ในตอนที่เดฟเข้าไปใกล้ ดาบนั้นก็ได้แยกออกจากกันและเขาก็ถือมันไว้ในมือแต่ละข้าง


การคิดค่าดาเมจของเขาตอนนี้ขึ้นอยู่กับ DEX แทนที่จะเป็น STR


ทันทีที่เข้าไปในระยะ เดฟก็ไม่สเสียเวลาทดสอบสกิล {Double Slash}


เขาฟันเป็นรูปตัว x ออกไปเข้าใส่ปิศาจ


[-220]


” น่าสงสารแหะ ” – Lone Arrow หัวเราะออกมา


” ฉันแปลกใจที่ฉันทำดาเมจมันได้ถ้าดูจากค่าลดดาเมจและการต้านดาเมจของความต่างจากเลเวล “


” นายจัดการมันไม่ได้ด้วยซ้ำแม้ว่ามันจะเซจากการป้องกันของ Drahma ผลการเซเพิ่มดาเมจให้นายถึง 50% ” – Lone Arrow พูดขึ้น


” หึ ช่างเถอะ ! ” – เดฟละสายตาจากเอลฟ์สาวแล้วพึมพำออกมา – ” ระบบเกมเฮงซวย ” – ก่อนจะหันกลับไปหาเหยื่อเพื่อทดสอบของเล่นของเขาต่อ


” อย่าไปไกลเกิน นายจะดึงความโกรธมาแล้วเราจะรับมือไม่ไหว ” – Lone Arrow ตะโกนขึ้น


” ไม่ต้องกังวล ฉันรับมือได้น่า ! ” – เขาหันหัวกลับมาตะโกน


เขายังคงพยายามทำดาเมจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


Drahma จัดการฆ่ามอนสเตอร์ราวกับแมลงวัน มอนสเตอร์ส่วนมากถูกเขาฆ่าตายในการโจมตีครั้งเดียว พวกเต่างูที่มาเป็นกลุ่มนั้นต้องออกแรงเพิ่มหน่อยเพราะค่าเลือดและพลังป้องกันที่สูงของมัน


เดฟวิ่งไปรอบๆอย่างกับคนบ้าพยายามโจมตีมอนสเตอร์ให้ได้มากที่สุดพร้อมกับมอนสเตอร์ที่ตายไปและของที่ดรอปลงมา เขาเก็บเศษกรอดอง รูนและไอเท็มมากมายไปด้วย


” หน้านายนี่ดูน่าขนลุกชะมัดเลย ” – Lone Arrow มองไปที่เขาด้วยความกังวลเหมือนกับตอนที่มองเข้าไปในตาที่เกือบจะเน่าแล้ว


” ของที่ดรอปมาคือความฝันของผู้ชาย ! ” – เดฟค้อนกลับไปและแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา


” ใช่ ฉันก็ชอบมันแต่มันไม่มากพอกับการเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับของพวกนี้ ” – Lone Arrow พูดขึ้น


” ฉันล่ะอยากให้ Boyz อยู่ที่นี่ด้วย พวกนั้นจะได้เก็บของทุกอย่างและฉันสามารถอยู่เฉยๆและได้รับ xp มาด้วย….ฉันคิดถึงพวกนั้นชะมัด ” – แต่มือของเขาก็ไม่ได้หยุดที่จะเก็บของเลย


” ใช่สิ มันเกิดอะไรขึ้นกับอันเดตของนาย ? “


” ฉํนสั่งให้พวกนั้นถ่วงผู้เล่นสองคนเอาไว้ทีทางเข้าตอนที่ฉันดึงเธอเข้ามาในประตู “


” การเสียสละของพวกนั้นจะไม่เสียเปล่า ฉันจะสวดให้กับวิญญาณพวกเขา ” -Lone Arrow ล้อเลียน


” ฉันคิดว่ามันคงส่งผลเสียมากกว่าผลดีนะ จำได้มั้ย พวกนั้นเป็นอันเดตโว้ย ” – เขาหัวเราะออกมา


เดฟยังคงวิ่งไปรอบๆคอยเก็บของจากมอนสเตอร์ที่ Drahma ฆ่าไป ตอนนี้ช่องเก็บของของเขาเริ่มเต็มขึ้นเรื่อยๆ


เมื่อเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวที่หางตา เขาก็หยุดแล้วเก็บ [ Demon Pelt ] ขึ้นมา


” เฮ้ Lone เธอจำปีศาจตัวโตนั่นได้มั้ย ? ” – เขาถามขึ้น


” ปีศาจสี่แขนน่ะเหรอ ? “


” ใช่ ไอ้นั่นแหละ ” – เขาพูดขึ้น


” แน่นอน ขอได้สิ มันน่ากลัวชะมัดจนฉันล่ะอยากเปลี่ยนกางเกงในเลย “


” ฉันว่าเธอไปหาซื้อแพมเพิสมาใส่ก็ดีนะ ” – เขาชี้


” โอ้ ไอ้บ้านี่ “


ปีศาจโผล่ออกมาจากหลุมพร้อมกับลาวาที่ไหลออกมาจากผิวของมัน


” ดูเหมือนว่าฉันจะประมาทแกเกินไป Drahma ” – ปีศาจคำรามออกมา


มันยังเหลือมอนสเตอร์รอบๆกว่าร้อยตัวโดยมี Drahma ยืนอยู่ที่ใจกลางสนามต่อสู้


[ Dalmadoth ]


เลเวล : 500


ปิศาจโบราณระดับสูง


มอนสเตอร์ระดับ Mythic


ระดับความอันตราย : ☠ ☠ ☠ ☠


HP : 1,000.000


ดาเมจ : 60,000-80,000


ลดดาเมจ 60,000


ดูดซับเวทย์ 50,0000


สกิล : { Magma-Throw: โยนลูกบอลลาวาใส่พื้นที่เป้าหมาย ทำความเสียหาย 50% ในพื้นที่รัศมี 5 ม. ลาวานี้จะยังทำดาเมจต่อไปเป็นเวลา 10 วินาที }


{ Demon’s Call : เรียก Demon Maw ที่ทำดาเมจ 10% ของเลือดเป้าหมายโดยเป็นดาเมจโดยตรง }


{ Call to Arms : เรียกลูกน้องปีศาจออกมาแบบสุ่มโดยมีจำนวนเท่ากับผู้เล่นในสนามรบ }


{ Berserk Mode : ทุกๆการเสียเลือด 10% จำให้มีดาเมจเพิ่มขึ้น 10% }


ผู้พิทักษ์เขตแรกของโลกใต้ดิน


Dalmadoth เป็นปีศาจเฒ่าที่ซึ่งเป็นผู้นำมาแต่โบราณในการคุกคามโลก หลังจากที่ถูกไล่กลับมาที่โลกใต้ดิน กองทัพของโลกใต้ดินก็ได้ถูกจัดขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะบุกโลกอีกครั้ง


” บ้าไปแล้ว “


” สเตตัสมัน…โคตรโกงเลย “- Lone Arrow กรีดร้องออกมา


สกิลของบอสก็เกินไปหน่อย ยิ่งมีเลือดที่โคตรจะสูงด้วยอีก….นี่มันตัวทำลายปาร์ตี้ชัดๆ


” แม้แต่บอสตัวสุดท้ายของ Pit of Despair ก็ยังไม่ได้มีเลือดมากขนาดนี้ ! “


” Dalmadoth ! ” -Drahma ตะโกนขึ้นมา – ” แกไม่ควรจับต้องเขา ! วันนี้คือวันตายของแก ! ” – เขายกกระบองขึ้นแล้วพุ่งออกไปข้างหน้า


เดฟเข้าใจจากคำพูดนี้ว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับการจองจำ Zola


ผิวของบอสเปล่งแสงออกมากว่าวินาทีและก็มีมอนสเตอร์สามตัวโผล่ออกมาใจกลางสนามต่อสู้


บอสได้ใช้ {Call To Arms} แต่มันไม่ได้เป็นภัยต่อกลุ่มพวกเขามากนัก Drahma ไม่ได้สนใจการ์กอยพวกนั้น พวกมันเลเวลน้อยเกินไปที่จะทำดาเมจเขาได้


เขาพุ่งผ่านเต่าไปแล้วโจมตีมันจนลดเลือดมันไปได้ 1/3 จากนั้นก็ใช้เท้ากระทืบมัน มันไม่ได้มีโอกาสที่จะใช้สกิลก่อนที่จะตายด้วยซ้ำ


เดฟไม่ได้สนใจมอนสเตอร์ที่ถูกเรียกออกมาและวิ่งเข้าไปเก็บหินสีดำที่ส่องแสงออกมาที่พื้นที่เต่าเพิ่งตายไปตะกี้


” นายจะไปไหน ! ” – Lone Arrow ยิงธนูใส่การ์กอยพยายามเอาค่า xp จากการสนับสนุน


เดฟ ยิ้มอกอมาแล้วเก็บเศษกระดองอีกอัน จากนั้นเขาก็เห็นอุกกาบาตพุ่งตรงเข้ามาหาเขา


มันคือสกิลของบอส { Magma-Throw }


” อ่ะ ซวยละ ! “


Chapter 70: ของดรอป!


เดฟได้ใช้ { Rising Strike } เพื่อหลบการโจมตี


เดฟจำได้ว่าสกิล {Magma Throw} ของบอสนั้นกินพื้นที่ 10 เมตร เขารู้ว่าถึงแม้จะหลบการโจมตีแรกได้แต่มันก็ยังทำดาเมจต่อซึ่งฆ่าเขาได้ มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ค่าแต่นั่นคือทั้งหมดที่เขาทำได้ เขารู้ว่าเขาคงซวยแล้วและไม่อาจะทำอะไรเพื่อแก้ไขมันได้


ตอนนั้นเขายังอยู่กลางอากาศ ในตอนที่เขาตกลงไปที่พื้น เขาคงต้องตายอย่างแน่นอน


[-150]


ดาเมจโผล่มาที่หัวของเดฟ จากนั้นก็มีระเบิดเกิดขึ้นทำให้เขากระเด็นออกไปข้างๆหลบพื้นที่ของสกิลบอสได้


ความร้อนของลาวาทำให้เดฟต้องตัวสั่น


” ขะ ขอบคุณ ! ” – เขาพูดขึ้น


” ฉันบอกนายแล้วไง โลภมากมีแต่จะทำให้นายโดนฆ่า ! นายจะทำยังไงถ้าฉันไม่ช่วยนายไว้ ! “


” ใช่ ขอบคุณ “


” ถอยกลับมา ปล่อย Drahma จัดการกับบอส ! ” -Lone Arrow ยิงทำดาเมจเข้าใส่บอสเพื่อรับประกันว่าจะได้ xp กลับมา


เดฟ ได้ใช้ {Spectral Bomb} เข้าไปโจมตีบอสแล้วถอยไปในระยะปลอดภัย


ขนาดของ Drahma ทำให้บอสดูเหมือนคนแคระ ทุกการโจมตีเขาจะทำให้บอสกระเด็นไปตามพื้นและทำให้ลาวากระจายออกมา


บอสลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธก่อนจะพุ่งเข้าหา Drahma อย่างไม่เกรงกลัว


Drahma ปัดการโจมตีราวกับยุงเข้ามาตอมและอัดบอสกลับไปด้วยกระบองของเขา ทำให้มันกระเด็นไปตามพื้นราวกับว่าวที่โดนตัดสาย


ค่าดาเมจนั้นเกินกว่าเลือดที่เดฟมี


” เราควรซื้อป็อปคอร์นมาดู นี่มันเหมือนหนังยักษ์สู้กับยักษ์เลย! ” – Lone Arrow พูดขึ้น


” ฉันมีความคิดดีกวานั้น ทำไมไม่ — “


ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงคนจากด้านหลัง


เขาหันกลับไปและพบกลุ่มผู้เล่นที่เข้ามาในสนามต่อสู้


” อ่ะ ซวยละ มีคนมา ! ” – เดฟพูดขึ้น


นี่คือกลุ่มจาก Devastators ที่เข้ามาในถ้ำตามหลังเดฟมา Drahma ได้กำจัดมอนสเตอร์ตามทางไปแล้วและเพราะแบบนั้นพวกนี้จึงข้ามาที่นี่ได้โดยไม่พบกับปัญหามากนัก


Drahma กำลังอัดกับบอสอยู่แต่คนแคระในปาร์ตี้นั้นกลับมองมาที่ตำแหน่งของเดฟแล้วพูดขึ้น – ” ดูตรงนั้นสิ ไอ้โครงกระดูกนั่นไง ! “


ผู้เล่นประมาณ 20 คนหันกลับมามองโครงกระดูกผู้โด่งดัง


” ซวยแล้วไง หนี ! ” – เดฟ ตะโกนขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปหา Drahma


” โอ๊ย ไม่ใช่ว่านายวิ่งไปผิดทางหรือไง ? ” – Lone Arrow ตะโกนขึ้นมาแต่เธอก็ยังคงวิ่งตามเดฟ ไปอยู่


” ฉันมีแผน ! หวังว่าจะได้ผลนะ ! “


พวก Devastators วิ่งไล่ตามเดฟและ Lone Arrow ด้วยสายตาที่แสดงความโลภ


Drahma ดูเหนือกว่าในการต่อสู้ ต้องขอบคุณความต่างของเลเวล เขามีเลือดมากกว่าบอส 30% และตอนนี้บอสเหลือขาแค่ข้างเดียวด้วย


เดฟและ Lone Arrow เข้าไปในระยะความโกรธของบอสและมันก็ได้ใช้สกิลออกมา


{Call to Arms} ซึ่งได้เรียกปีศาจสองตัวออกมาในสนามรบ


เดฟและ Lone Arrow ได้เข้าไปใกล้กับมอนสเตอร์ที่กำลังจะพุ่งเข้ามาเพื่อโจมตีทั้งคู่


เดฟได้ใช้ {Block} และตามด้วย {Counter} เพื่อทำให้มอนสเตอร์ที่เข้ามาหาต้องเซ


เขาตามด้วย {Spectral Bomb} เพื่อทำให้มันกระเด็นออกไป


Drahma หันกลับมาแล้วใช้กระบองจัดการมอนสเตอร์ตัวนั้นและถูก {Magma Throw} โยนใส่เพราะไขว้เขว


{Magma Throw} ทำดาเมจใส่ Drahma อย่างหนักแต่เขาก็กัดฟันทนรับมันไว้


” ขอบคุณ ! ” – เดฟพูดขึ้นและยังคงอยู่ใกล้กับ Drahma


Lone Arrow รีบใช้ {Blink} เพื่อหนีการชนของมอนสเตอร์และขยับเข้าไปใกล้เดฟ


มอนสเตอร์นั้นไม่ได้หยุดและมุ่งหน้าไปหาปาร์ตี้อีกฝั่งแทนเมื่อพบเป้าหมายใหม่


Lone Arrow ไม่ได้ทำการโจมตีมอนสเตอร์ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ดึงความโกรธเข้าหาตัว


สำหรับกลุ่มผู้เล่น 20 คนนั้นกลับกัน หนึ่งในนั้นได้ใช้สกิลโจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์


” ไอ้โง่ ! ” – คนแคระตะโกนขึ้นมา


มันสายเกินไปแล้ว มอนสเตอร์ได้ล็อคความโกรธไปที่นักเวทย์และพุ่งเข้าใส่เขา


ปาร์ตี้ได้สลัดการโจมตีของมอนสเตอร์ในเสี้ยววินาทีและจากนั้นก็ได้เข้ามาในระยะของบอส


” ดูสิว่าเราเจออะไร เฮ้ Blaster ฉันบอกนายแล้ว บางครั้งเราก็ต้องเสี่ยงเพื่อจะได้รางวัลมา เห็นอันเดตนั่นมั้ย ถ้าเรายังคอยแต่ระวังเราคงไม่มีทางมาถึงที่นี่เพื่อฆ่าเขาได้ทันหรอก ” – คนแคระพูดขึ้น


ชายที่ชื่อ Blaster นั้นดูรำคาญกับคำพูดของคนแคระและไม่ได้ตอบกลับ


เขามองไปที่เดฟด้วยสีหน้าซับซ้อนและเห็นอันเดตหนวดมองมาที่เขา


เดฟรู้จักคนที่ชื่อ Blaster ….


มันคือราฟเพื่อนสมัยเด็กของเขา


ปาร์ตี้นี้เข้ามาใกล้ Drahma ขึ้นเรื่อยๆ


พวกนั้นลังเลเพราะขนาดตัวของยักษ์ที่สู้กันอยู่ พวกนั้นคิดว่าการต่อสู้นี้เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยน พวกเขาไม่ค่อยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ และไม่อาจเชื่อมต่อความเป็นไปได้ที่ว่าเดฟจะมี Drahma คอยช่วยได้


” ดูนั่น เขาอยู่ใกล้กับการต่อสู้ของบอส เราต้องฆ่าเขา ไม่งั้นบอสสักตัวคงฆ่าเขาก่อนเราแน่ ” – คนแคระพูดขึ้น


ไม่มีใครเห็นว่ามีมอนสเตอร์แค่สองตัวที่ถูกเรียกออกมาตอนที่ทั้งสองเข้าไปในระยะของบอส


ทันใดนั้นมอนสเตอร์กว่า 20 ตัวก็โผล่ขึ้นมาซึ่งมีเต่าหัวงู 6 ตัว ส่วนที่เหลือนั้นเป็นกระทิงและการ์กอย


” เหี้ยอะไรวะ ! ” คนแคระร้องออกมาเมื่ออยู่ๆก็มีเต่าหัวงูเข้าโจมตีเขา


ผู้เล่นเริ่มใช้สกิลออกมาเพื่อหลบพวกมอนสเตอร์หวังว่าจะพลิกการต่อสู้นี้ได้


เดฟและ Lone Arrow หันกลับไปมองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่อีกฝั่ง


” นายรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่มั้ย ? ” – เธอถาม


” ใช่ บอสตัวนี้มันน่ารำคาญ เอาจริงๆแล้วสกิล {Call to Arms} จะบังคับให้ผู้เล่นเข้าต่อสู้กับมันด้วยจำนวนที่จำกัด ยิ่งมีผู้เล่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งยากเท่านั้นและผู้เล่น 20 คนนั้นโง่ที่ไม่ตรวจสอบบอสก่อนจะพุ่งเข้ามา….”


ผู้เล่นเริ่มตายกันไป บางพวกจัดการมอนสเตอร์ได้ แรดนั้นฆ่าได้ง่ายแต่พวกการ์กอยนั้นจำป็นต้องใช้สกิลเพื่อยิงมันลงมา สำหรับเต่าแล้ว….สกิลโจมตีแบบสุ่มของมันนั้นทำให้พวกนั้นไม่อาจจะป้องกันแนวหลังได้


ด้วยการที่ขาดพรีสและอาชีพสายสนับสนุนอยู่แล้ว พวกเขาจึงยื้ออยู่ได้ไม่นาน


แทงค์ตายอย่างน่าอนาถเพราะขาดการฮีลและระดับความอันตรายที่พวกเขาเจอ


Blaster ทำได้ยอดเยี่ยมกับการรับมือเต่าสองตัวแต่ไม่นานเขาก็กลายเป็นเศษแสงไป


นี่ทำให้เดฟถอนหายใจออกมาซึ่ง Lone Arrow ก็เห็นมัน


” นายรู้จักคนนั้นงั้นเหรอ ? “


” บางที…แต่ตอนนี้เรามีปัญหาตรงหน้า ! ” – เดฟพูดขึ้น – ” เธอเห็นมั้ยละ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดได้ก่อนที่พวกเขาจะตาย…และเมื่อเป็นแบบนั้นเรานี่แหละที่จะตายเป็นพวกต่อไป Drahma ปกป้องเราจากทุกอย่างไม่ได้โดยเฉพาะสกิลเล็งเป้าหมายแบบสุ่มของเต่า “


มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เดฟจัดการหลบมันได้บ้างแต่มันก็มีมอนสเตอร์เยอะเกินไปที่เขาจะหลบได้


คนสุดท้ายในปาร์ตี้อีกฝั่งที่ตายคือคนแคระ


จากมอนสเตอร์ 20 ตัวนั้นมีเต่า 5 ตัวที่ยังเหลือเลือดกว่าครึ่งและการ์กอยสองตัว พวกมันหันกลับมาและเดินหน้าเข้าหาเดฟและ Lone Arrow


” ฉันก็เดาว่างั้น ” – Lone Arrow พูดขึ้น


มีการปะทะครั้งใหญ่เกิดขึ้นด้านหลังเขา


เดฟได้ยินเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ตอนที่หันกลับไป Drahma ยังคงยืนอยู่พร้อมกับบาดแผลทั่วตัวและความคลุ้มคลั่งที่เพิ่มขึ้นมา


Drahma เหลือเลือดแค่ 20% แม้ว่าจะเลเวล 550 แต่เขาก็ยังได้รับดาเมจจากบอสเลเวล 500 อยู่


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


[ เลเวลเพิ่ม ]


..


[ประกาศจากเซิฟเวอร์ บอสโลกตัวแรก Dalmadoth ถูกกำจัดแล้ว !]


[ กองกำลังปีศาจได้ถูกผลักดันกลับไปยังโลกใต้ดิน มันเป็นหน้าที่ของคุณในการจัดการสิ่งที่คุณเริ่ม ]


[ เขตโลกใต้ดินเขตที่สองจะเปิดใน 2 ชม.ตามเวลาเกม ]


[ คุณอยากจะทิ้งชื่อไว้ในสถิติโลกหรือไม่ ? Y/N ]


เดฟพึมพำตอบกลับ ‘ ไม่ ‘


เขาไม่ต้องการให้ชื่อตัวละครเขารู้กันทั่วโลก


[ผู้เล่น Lone Arrow ช่วยในการเอาชนะ Dalmadoth และกำจัดบอสโลกตัวแรก ]


[ โปรดชื่นชมกับนักผจญภัยที่กล้าหาญในสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้ ! ]


Lone Arrow ก็ช่วยในการจัดการบอส ดังนั้นเธอจึงได้สิทธิในการบันทึกชื่อไว้ในเกม ยังไงซะ เดฟก็ได้รังเกียจอะไร จริงๆแล้วเขาดีใจกับเธอด้วยซ้ำ น่าเศร้าที่เขาใช้ชื่อตัวเองไม่ได้


ฉันต้องเพิ่มเลเวลให้มากกว่านี้…..


” ทำไมนายไม่ลงชื่อเอาไว้ล่ะ ? ” – เธอถาม


” เธอก็รู้อยู่แล้วนี่ ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้ชื่อตัวละครของฉัน มันจะเกิดปัญหาตามมา ” – เขาพูดขึ้น


เมื่อคิดถึงตอนที่เขายกระดับขึ้นมาได้ในดินแดนอันเดต เขาก็จะสามารถเดินทางออกไปยังโลกภายนอกได้ การบอกตัวตนของเขาคงจะสร้างปัญหาที่เขาไม่ต้องการเข้าสู่ตัว


” อันเดตน้อย ” – Drahma กัดฟันพูดขึ้น


” ฉันอยู่กับนายที่นี่ไม่ได้แล้ว ฉันต้องไปพักที่วัง ” – เขาพูดขึ้นก่อนจะกลายเป็นเศษแสงแล้วหายไปมุ่งหน้าสู่ทางตะวันออก


เวลาของ Drahma หมดลงพอดี


..


” ฉันเดาว่าเราให้ Drahma คอยช่วยไม่ได้แล้ว ” -Lone Arrow พูดขึ้น


เดฟดูผิดหวังแต่ก็ยังซาบซึ้ง หากไม่มี Drahma เขาคงไม่มีทางมาถึงตรงนี้ได้


” ฉันคิดว่ามันจบการผจญภัยแล้ว เราควรกลับกันได้แล้วแต่ก่อนอื่นมาดูกันว่าบอสดรอปของอะไรบ้าง ! ” – เดฟ พูดขึ้นแล้วเดินไปที่ศพของบอส


เมื่อจับตัวบอส เดฟก็ได้ไอเท็มจำนวนมหาศาลกลับมา


[ แก่นดันเจี้ยนระดับสูง ]


[ หนังสือสกิล {Demon’s Call} ]


[Demon-Buster (ธนู) ]


[ Demonic Eye (วัสดุสร้างในตำนาน) ]


[ Broken Undead-King’s Helmet ( ไอเท็มเควสพิเศษ)]


2,000 ทอง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม