Rise of The Undead Legion 161-167

 Chapter 161 : การจัดการที่ดิน


โซว์ ได้พา เดฟ มายังโรงแรม 4 ดาวในแมนฮัตตันและทำการจองห้องพัก 1 อาทิตย์โดยห้องนี้มีแคปซูลอยู่ในตัว


โซว์ ใช้บัตรของเธอจ่ายค่าห้องเพราะเงินประมูลของ เดฟ นั้นยังคงอยู่ในเกมอยู่แต่เธอบอกให้เขาเลี้ยงข้าวเธออีกมื้อ


เดฟ ตกลงที่จะพา โซว์ ไปกินข้าวมื้อเย็นครั้งหน้า โซว์ ได้กลับไปหลังจาที่บอกลาและ เดฟ ก็ได้กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง


เดฟ แปลกใจกับความหรูหราของห้อง แค่การตกแต่งภายในห้องก็หรูหรา เตียงขนาดใหญ่และนุ่มกว่าที่เขาเคยนอนมาก่อน ในตู้เสื้อผ้านั้นมีผ้าเช็ดตัวและชุดคลุมซึ่งปักตราของโรงแรมเอาไว้รวมไปถึงผ้าขนหนูที่พับไว้อย่างดี


ห้องน้ำนั้นใหญ่กว่าห้องเดิมของเขาอีก มันมีทั้งอ่างน้ำและฝักบัวในพื้นที่ปิด ที่กำแพงนั้นมีอ่างน้ำที่ใหญ่พอสำหรับ 4 คนและมีฝักบัวแยกออกไป อ่างล้างหน้าสองอันและกระจกที่ฝังอยู่ในกำแพงอีกด้านโดยพื้นยังมีส่วนทำความร้อนด้วย ห้องนี้มีเครื่องทำความร้อนของตัวเองด้วย


ที่สำคัญที่สุดเขาสามารถล็อคอินเข้าไปในเกมจากห้องนี้ได้ มันมีแคปซูลติดตั้งไว้ข้างๆกับเตียงเพื่อให้เขาเข้าเล่นเกมได้


เขาทำการสั่งอาหารก่อนที่จะรีบอาบน้ำแล้วใส่ชุดคลุมรอจนกว่าจะมีเสียงเคาะประตู อาหารถูกเข็นเข้ามาในห้องโดยพนักงานโรงแรม


หลังจากที่กินอาหารเสร็จซึ่งอาหารนี้แน่นอนว่าดีกว่าอาหารของโรงบาลที่เขาต้องทนมาตลอดหลายวัน จากนั้น เดฟ ก็เข้าไปนั่งแคปซูลก่อนที่จะล็อคอินเข้าไปภายในเกม


เดฟ โผล่มาที่ Moria โดยคำสั่งฆ่าตอนนี้ยังคงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจากหัวของเขา เขาได้กลับไปเป็นอันเดตโดยใช้ความสามารถของแหวนและจากนั้นก็ได้ทำการฉีกคัมภีร์วาร์ปโผล่กลับไปที่ป้อมปรากการ เขามองไปรอบๆแล้วมุ่งหน้าไปยังประตูวาร์ปเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังดินแดนอันเดต เขาเปิดหน้าต่างการจัดการแล้วเลือกไปยังที่ดินที่ราชาให้เขามา มันอยู่ไม่ไกลจากวังนัก มันอยู่ข้างๆกับพื้นที่ที่อันเดตตัวอื่นๆเป็นเจ้าของ


เดฟ ได้เรียก Stinger ออกมาจากแผงจัดการแล้วขึ้นขี่บอกให้มันมุ่งหน้าไปยังที่ดินผืนนั้น


ใช้เวลาสักพัก เดฟ ก็ได้มาถึงที่ดินของตัวเอง ตอนที่อยู่ที่นั่นเขาก็ได้เห็นกิ้งก่าที่กำลังกินสมุนไพรและดื่มน้ำจากแม่น้ำในที่ดินผืนนั้น


พื้นที่นี้อุดมสมบูรณ์และมีป่าพร้อมกับแม่น้ำไหลผ่าน เขาเปิดหน้าต่างจัดการขึ้นมาแล้วไล่ดูราคาวัสดุต่างๆที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้างทีนี่ มันมีทั้งแผงกั้น, ร้านค้าและแมนชั่น มันถึงกับมีคอกให้สำหรับพวกกิ้งก่าด้วย


แต่ก่อนที่เขาจะได้สร้างอะไรนั้นเขาต้องทำการซื้อแบบร่างก่อน


เดฟ ไล่ดูราคาและวัสดุที่เขาต้องการ วัสดุทั้งหมดนั้นสามารถเก็บได้จากพื้นที่ของตัวเอง เขาไม่ต้องซื้ออะไรจากด้านนอก


ไม้นั้นสามารถเก็บได้จากป่าและเปลี่ยนมันเป็นแผ่น หินนั้นสามารถนำมาตัดเป็นก้อนเพื่อนำไปสร้างตึกหินได้ เขาต้องการแค่ช่างหินในการมาจัดการหินเหล่าเพื่อเป็นวัสดุในการสร้างตึก


เดฟ ได้เรียกโครงกระดูกออกมากว่าร้อยตัวจากแผงจัดการและสั่งให้พวกนั้นไปตัดไม้ในป่าแต่พวกนั้นกลับมองมาที่เขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เดฟ ได้เรียก Bud ออกมาและบอกให้ Ghoul อธิบายให้พวกโครงกระดูกนั้นรู้ว่าเขาต้องการอะไร


” ตัด ตัด คน…ได้ สับสับ มอนเตอร์ ได้ สับสับที่ไม่ใช่ศัตรู…ไม่ ” – Bud ยักไหล่ Bud นั้นเริ่มพูดพอเข้าใจได้หลังจากที่พัฒนาขึ้นมา


” รอที่นี่เดี๋ยวนะ ” – เดฟ สั่งการอันเดตแล้วขี่กลับไปที่เมือง


” เฮ้ Dikenz ” – เดฟ เรียก


” อ่ะ ลูกค้าคนโปรดของฉัน “


” ฉันอยากซื้อแบบร่างสำหรับการจัดการที่ดิน นายมีอะไรบ้าง เอามาดูหน่อย “


” แน่นอน ” – Dikenz ส่งรายชื่อแบบร่างที่มีให้ เดฟ ดู ราคาของแต่ละแบบเริ่มที่ 10,000 คะแนน


เดฟ เลื่อนลงไปเรื่อยๆและทำการซื้อแบบร่างสำหรับค่ายทหารและคอก


เขายังซื้อแบบร่างของแมนชั่นมาด้วย


มันมีแบบร่างมากมายในรายชื่อแต่พวกมันยังเป็นสีเทาอยู่


” ทำไมฉันถึงซื้อแบบร่างของหอคอยเวทย์ไม่ได้ ? ” – เดฟ ถาม


” มันเพราะนายไม่ได้มีนักเวทย์ระดับสูงในหน่วยของนาย นายต้องมีลิซรึนักเวทย์ที่อยู่อย่างน้อยก็ขั้น Death Knight ถึงได้มีหอคอยเวทย์ได้ พวกคลังธนูก็เหมือนกัน เพราะนายเป็นพวกต่อสู้ระยะใกล้แล้วก็เป็น Death Knight แล้วนายถึงได้ซื้อค่ายทหารได้ “


เดฟ ได้พบของสองอย่างในรายชื่อที่ดูแปลก อันแรกคือแบบของสุสานที่มีรูปปั้นซึ่งล้อมรอบไปด้วยกำแพงหินสูง แบบที่สองนั้นคือรัวและประตูสุสานที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งมีต้นไม้อยู่ภายใน ปุ่มซื้อของสองอย่างนี้ไม่ได้เป็นสีเทา ดังนั้นแบบทั้งสองนั้นเขาจึงสามารถซื้อมันได้แต่พวกมันมีไว้ใช้ทำอะไร ?


Chapter 162 : ไปเก็บเลเวล !


” พวกนี้มันอะไร ? ” – เขาถาม Dikenz


” หลุมศพที่เป็นสถานที่พักผ่อนของ Dunlord พวกเขาจะฝึกและพักในนี้ “


” แล้วสุสานล่ะ ?”


Dickenz พูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจและมองไปรอบๆ


จากนั้นเขาก็โน้มตัวมาหาแล้วกระซิบ – ” มันเป็นเขตของ Dullahan นายไม่ควรเข้าไปที่นั่น ! “


เดฟ ซื้อแบบร่างของหลุมศพและสุสานมา Dunlord นั้นเป็นกองกำลังหลักของทีมเขาและเขาต้องใช้คะแนนที่มีเพื่อให้มั่นใจว่าพวกนี้จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด


สำหรับสุสานของ Dullahan แล้ว — แม้ว่า Dikenz จะเตือนแต่เขาก็ยังสงสัยว่ามีอะไรด้านในนั้นและต้นไม้ข้างในก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน เขาหวังว่าจะรับ Dullahan เข้าทีมเพิ่ม เขารู้สึกว่ามันเป็นอันเดตที่ลึกลับที่มีส่วนสำคัญสำหรับการเติบโตของกองทัพเขา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาอาจจะทำให้ Dullahan เป็นมิตรกับเขาให้ได้มากที่สุด


เขามองไปที่พวกแบบร่างที่เป็นสีเทา บางอันอาจจะเป็นส่วนที่น่าสนใจแต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าแล้วกดปิดหน้าต่างนั้น เขาต้องมีสมาธิกับส่วนที่เขาสามารถสร้างได้ในตอนนี้


” มันมีวิธีฝึกพวกคนในหน่วยให้เก็บทรัพยากรสำหรับการก่อสร้างอย่างไม้รึหินรึเปล่า ? อีกอย่างแล้วเรื่องตึก ฉันฝึกพวกมันให้สร้างตึกได้รึเปล่า ?”


” นั่นน่ะเป็นเรื่องง่ายๆ นายต้องมีคนฝึกอาชีพที่นำการฝึกพวกนั้น ฉันแนะนำครูฝึกให้นายได้แต่มันต้องใช้เวลากว่าที่พวกนั้นจะเรียนรู้ได้แต่นายควรเริ่มสร้างได้ด้วยการจ้างคนมาแล้วก็ทำการฝึกไปด้วย “


” เท่าไหร่ ? “


” 20,000 คะแนนต่อคนตัดไม้และคนฝึกการตัดไม้และ 30,000 คะแนนสำหรับคนฝึกตัดหิน “


” ได้ แต่ฉันถามหน่อยว่าต้องใช้เวลาฝึกนานแค่ไหน ? “


” บางทีอาจจะ 7 วัน นั่นคือดีที่สุดแล้ว “


” ดี จ้างพวกนั้นให้ฉันหน่อย “


” เรียบร้อย นายจะพบพวกนั้นรอรับคำสั่งในที่ของนาย “


” นายจ้างพวกมืออาชีพได้ด้วยรึเปล่า ?”


” แน่นอน “- Dikenz ถูมือกัน – ” ฉันสามารถจ้างช่างหิน, ช่างไม้และคนตัดไม้มาให้ได้ “


” เท่าไหร่ ? “


” 50 คะแนนต่อชั่วโมงต่อคนตัดไม้และช่างไม้ ส่วนช่างหินน่ะ 100 คะแนนต่อชั่วโมง”


” ฉันอยากจ้างช่างหินสัก 10 คน ช่างไม้กับช่างตัดไม้อย่างละ 10 คน “


” พวกนั้นต้องการที่พักของตัวเองด้วย ” – Dikenz พูดขึ้นหลังจากที่หักคะแนนของ เดฟ ไปแล้ว


” ซึ่งราคา 10,000 คะแนนแต่ข่าวดี พวกเขาสามารถสร้างมันขึ้นด้วยตัวเองได้ “


” ให้พวกนั้นทำงานก็พอ “


” อีกอย่างแล้วลูกค้าคนโปรด ฉันแนะนำว่านายควรเพิ่มร้านค้าไว้ในที่ของตัวเอง “


” และนั่นราคาเท่าไหร่ ….?”


” ใช่ ไม่มีอะไรในชีวิตที่ได้มาฟรีๆ นั่นจะราคา 5,000 คะแนน “


เดฟ แปลกใจกับราคาที่ต่ำแบบนี้แต่มันก็ดูมีเหตุผลที่จะมีร้านค้าในที่ของตัวเองซึ่งจะทำให้ง่ายกว่าเดิมสำหรับซอมบี้หน้าเลือดที่จะขูดรีดเอาคะแนนของเขาไปและไม่ต้องสงสัยเลยว่า Dikenz ก็ยังคงได้กำไรแม้ว่าราคามันจะต่ำแบบนี้


หลังจากที่ทำการจัดการทุกอย่างแล้ว เดฟ ก็เหลือคะแนน 210,000 ในบัญชี


เดฟ เดินทางกลับมายังที่ดินตัวเองบนหลัง Stinger ระหว่างทางเขาได้ผ่านร้านใหม่ของ Dikenz ซึ่งถูกสร้างจนเสร็จขึ้นมาในที่ดินของเขา เขาส่ายหน้า มันมีกระท่อมเล็กๆตั้งอยู่ราวกับใยแมงมุมรอคอยที่จะดึงเอาคะแนนจาก เดฟ รึใครก็ตามที่หลุดเข้าไป


อันเดตกว่า 30 ตัวที่ถือค้อน, ขวานขนาดต่างๆพาดไว้ที่ไหล่ตัวเองยืนอยู่ใกล้กับทีมอันเดตของเขา ทุกคนต่างก็รอคำสั่งจากเขา


เดฟ ได้ให้แบบร่างกับคนงานแล้วสั่งให้พวกนั้นเริ่มทำการสร้างทันที


มีแจ้งเตือนโผล่มาตรงหน้า เดฟ ถาม เดฟ ว่าเขาต้องการก่อสร้างขึ้นในที่ของเขารึเปล่า


ตอนที่ เดฟ กดตกลงเขาก็ได้ภาพพื้นที่ในมุมมองสูงมาและระบบก็ให้ความสามารถเขาในการจัดวางตำแหน่งตึกต่างๆตามที่เขาจัดวาง เดฟ ได้เลือกเขตตรงกลางใกล้กับแม่น้ำในการวางตำแหน่งแมนชั่น เขาวางค่ายทหารสองแห่งไว้ฝึกทีมอันเดตของเขา อันหนึ่งอยู่ทางขวาและอีกอันอยู่ทางซ้ายของแมนชั่น


เขาเลือกวางหลุมศพของ Dunlord ไว้ที่ปลายป่าด้านหลังแมนชั่น เขาเอาคอกสำหรับกิ้งก่าไว้ใกล้กับแม่น้ำ เพราะเหตุผลบางอย่างสุสานของ Dullahan นั้นจึงถูกวางลึกไว้ในป่า เขาส่ายหน้า Dog นั่นเรื่องมากจริงๆ


ตอนที่เขากดปุ่มตกลงยืนยันในการสร้าง สายตาเขาก็กลับมาเป็นปกติ โครงสร้างต่างๆเริ่มปรากฏขึ้นมาในที่ที่เขาได้เลือกและมีต้นไม้หลายต้นที่ถูกเคลื่อนย้ายออกไปจนเหลือแต่พื้นที่เปล่า


ช่างตัดไม้เริ่มเดินหน้าไปที่ป่าและเริ่มตัดไม้ ส่วนช่างไม้นั้นเริ่มวัดพื้นที่ตึกและช่างหินก็เริ่มเดินไปดูรอบๆเพื่อหาที่ที่เหมาะสำหรับการหาหิน


เดฟ ได้สั่งการครูฝึกสองคนสอนโครงกระดูกของเขาให้เรียนรู้วิธีการหาวัสดุต่างๆ


เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็ได้ฉีกคัมภีร์วาร์ปและวาร์ปไปยังป้อมปราการ


‘ ฉันต้องเก็บเลเวลให้มากกว่านี้ สงครามกับพันธมิตรปิศาจนางฟ้ากำลังใกล้เข้ามา ‘


เดฟ อยากเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ เขาต้องเป็นคนสำคัญในสงครามที่กำลังจะมาถึง ใช่ จัดการพวกโบสถ์กับปิศาจ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงไอเท็มและ xp ที่จะได้


เดฟ กดโทรหาคนในรายชื่อติดต่อของตัวเอง


” โซว์ เธออยู่ในเกมรึเปล่า ? “


” เดฟ ! ไม่ ฉันเพิ่งถึงบ้าน ทำไม ? “


” ฉันจะไปเก็บเลเวลสักหน่อย เธอสนใจมั้ย ?”


” สนสิ ! โครงกระดูกกับ Lone Arrow ได้กลับมาร่วมมือกันอีกครั้งแล้ว ” – จากนั้นเธอก็เริ่มร้องเพลงกรอกหูเขา


” ฮี่ ดี ! ฉันจะรอเธออยู่ที่ Undead Frontier ใกล้กับประตูวาร์ปละกัน คัมภีร์วาร์ปที่ฉันให้เธอไปจะพาเธอไปที่นั่น เขตสามของดันเจี้ยนโลกน่ะอันตรายเกินไปและฉันก็ยังสำรวจเขตสองได้ไม่เท่าไหร่ นอกจากป้อมปราการกับเหมืองแล้วเรายังมีที่ไปสำรวจอีกเยอะ เราอาจจะเจอดันเจี้ยนที่นี่นก็ได้ “


” ได้เลย เดฟ ฉันจะล็อคอินเข้าไปแล้ว ” – โซว์ พูดขึ้นแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องตัวเองพร้อมกับวางสาย


Chapter 163 : พายุเขาวงกต


เดฟได้มาถึงที่ Undead Frontier และรอ โซว์ล็อคอินเข้ามา ตอนที่เธอปรากฏตัวขึ้นนั้นเขาก็ได้ทักทายเธอและส่งคัมภีร์วาร์ปอีกอันให้กับเธอ


โซว์มีเกราะใหม่ เกราะหนังสีฟ้าเขียวที่เข้ากับรูปร่างของเธอ


อันเดตมองไปที่โซว์ด้วยท่าทีอคติที่มีต่อสิ่งมีชีวิตแต่เพราะเดฟอยู่ด้วย พวกนั้นจึงไม่ได้โจมตีเธอ มันเป็นเรื่องน่ารำคาญสายตาที่เห็นมนุษย์ในดินแดนของอันเดตแต่ Kis’Shtiengbrah คือคนที่เธอเชื่อใจและเธอก็จะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเขา


” เอาล่ะ เดฟวันนี้เราจะไปไหน ? “


” ไปที่ป้อมปราการ ฉันยังสำรวจพื้นที่รอบๆไม่เสร็จเลย เราอาจจะเจออะไรน่าสนใจก็ได้ “


” อู๊ว ป้อมในวิดีโอนั่นน่ะเหรอ ? นั่นโคตรสุดยอดเลยตอนที่นายยึดมันได้ ฉันยังไม่เชื่อว่านายหนีจากมอนสเตอร์นั่นได้ยังไง “


โซว์นั้นไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะใช้ประตูวาร์ปของอันเดต ดังนั้นเธอจึงต้องใช้คัมภีร์วาร์ปเอา


เดฟไปก่อน ตัวละครของเขาหายไป ตอนที่เขาหายไปนั้นอันเดตก็เริ่มมองมาที่โซว์ด้วยความอคติมากกว่าเดิม บางตัวถึงกับเดินเข้ามาหาเธอด้วย


โซว์ รีบฉีกคัมภีร์วาร์ปแล้วปรากฏตัวขึ้นที่ด้านในกำแพงของป้อมโดยมีอันเดตอยู่รายล้อม บางตัวกำลังคุ้มกันประตูอยู่ บางตัวกำลังฝึกอยู่และพากันทำงานต่างๆ


เดฟนั้นยืนอยู่ข้างๆ โซว์ ด้านหลังเขานั้นมี Dunlord สองตัว


” เราต้องขี่พวกนี้ไป ” – เดฟพูดแล้วโดดขึ้นหลัง Stinger ก่อนจะชี้ไปที่ Dunlord อีกตัว – ” เธอขี่ตัวนี้ “


” จริงเหรอ ? ! ” – โซว์ถามย้ำ


เธอโดดขึ้นหลัง Dunlord อีกตัว Dunlord 1ตัวนั้นดูหงุดหงิดและรำคาญที่ต้องมาแบกมนุษย์


” ว๊า ! นายดูดุจังเลย ! แต่ก็น่ารักดีนะ ! “- โซว์ยังคงชมพาหนะของเธอแล้วลูบไปที่หลังมัน


Dunlord ฮึดฮัดออกมาก่อนที่จะยอมสงบลง


” เขาชื่ออะไร ? ” – โซว์ถามเดฟ


” อ่ะ เขายังไม่มีชื่อ เธอตั้งชื่อเขาได้ถ้าเธอต้องการ “


” อืม งั้นเอาเป็น Pincher เพราะนายมีก้ามที่ใหญ่ ดีมั้ย ? “


เดฟถึงกับกุมขมับ


‘ เห้อ ! เซนส์การตั้งชื่อของเธอนี่แย่ยิ่งกว่าฉันอีก ‘


แต่ Dunlord ของ โซว์ นั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้รังเกียจชื่อนี้ เขาถึงกับเริ่มเต้นไปมานิดๆด้วย


” ดี งั้นจากนี้นายก็คือ Pincher “


เดฟส่ายหน้าและบอกให้ Stinger เดินหน้าออกจากป้อมปราการ


ทั้งสองได้เดินทางไปที่ราบและมุ่งหน้าไปยังเนินเขาใกล้ๆ พวก Dunlord และอันเดตยืนอยู่อย่างเป็นลำดับคอยระวังตัวตลอด


” ว๊าว มีอันเดตอยู่เยอะจริงๆ พวกนี้เป็นอันเดตของนายงั้นเหรอ ? ” – โซว์ถาม


” ใช่ พวกนี้เป็นของฉันทั้งหมด ! ” – เดฟพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดูภูมิใจ เขาเร่งให้ Stinger เดินหน้าเร็วขึ้นไปอีก


” โว๊ว จริงเหรอ ? “


เดฟได้ให้ Stinger หยุดอยู่ตรงหน้าทีมอันเดต


” อันเดต ! เราจะเดินหน้าไปทางใต้ ! ” – เดฟสั่งการออกมา


อันเดตตคะโกนกลับมาเป็นเสียงเดียวกันและเริ่มเดินหน้าไปทางใต้


เดฟได้เดินนำหน้าและมี โซว์ตามมาติดๆ


” นั่นอะไร ? ! ” – โซว์เห็นอันเดตแบบใหม่ในหมู่ทีมอันเดต


” โอ้ นั่น Dog the Dullahan เขาขี่ Basilisk ซึ่งเขาได้จับมันมา ” – นี่ยังเป็นจุดที่เดฟเจ็บใจอยู่


โซว์ได้ทำการตรวจสอบกิ้งก่าแล้วก็ต้องตาเบิกกว้าง


” นั่นมันเกินไปแล้ว กิ้งก่านี่มีตั้งหลายสกิล ! “


” ใช่ กิ้งก่านี่น่ะแข็งแกร่ง ฉันว่าจะเลี้ยงพวกมันอยู่ ฉันอาจจะใช้มันเป็นพาหนะได้ พวกมันถือว่าเป็นรถถังดีๆนี่เอง “


Ghoul บนหลัง Dunlord ได้เดินเข้ามาหาโซว์


” เอลฟ์สาวสุดสวย…ยินดี…ต้อนรับ….กลับมา “


” แล้วสุดหล่อนี่เป็นใคร ? ” – โซว์ชมกลับเมื่ออันเดตชมเธอออกมา


” นี่คือ Bud เขาคือพวกอันเดตแรกๆของฉัน เธออาจะจำเขาไมได้เพราะเขาพัฒนามาหลายครั้งแล้ว “


” สวัสดี Bud นายก็ดูเท่ดีนิ ! ” – โซว์ได้ใช้ผีดิบเงาทันที


เดฟสาบานได้เลยว่าเขาเห็น Bud หน้าแดงจากคำชมของ โซว์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้


” งั้นยังไงต่อเดฟ ? เราจะไปที่ไหนเป็นพิเศษรึเปล่า ? “


” ฉันยังไม่ได้สำรวจทางใต้มากนัก ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าเราจะไปหาอะไร อย่างน้อยๆเราก็หามอนสเตอร์เพื่อเก็บเลเวล “


” ทำไมไม่ไปเขตสามของดันเจี้ยนโลกล่ะ ? “


” ชิ ฉันจะไม่กลับไปที่นั่นสักพัก ที่นั่นน่ะอันตราย เราต้องสู้กับมอนสเตอร์เป็นพันๆตอนที่จะไปที่นั่น “


” เป็นพันเลยเหรอ ? “


” ใช่ บางทีอาจจะเป็นหมื่นเลยก็ได้ ฉันจะส่งวิดีโอให้เธอ เธอจะได้ดูมันเองตอนที่เราเดินทาง “


หลายครั้งที่หน่วยสอดแนมได้กลับมารายงานว่าพบกับเสือเงาแต่เดฟไม่ได้สนใจที่จะไล่ล่ามอนสเตอร์อ่อนๆ โซว์ ได้ดูวิดีโอมอนสเตอร์หมาที่เดฟส่งมาให้เธอ


” นั่นมันเจ๋งดีแต่ก็เสี่ยง เดฟนายอาจจะตายและเสียทุกอย่างได้นะ “


” ฮี่ ใช่สิ ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องการจะเสียการสืบทอดตอนตายอีกต่อไปแล้วรึสิทธิในดินแดนอันเดตก็ด้วย แม้แต่ส่วนอีเวนต์อันเดตก็ไม่ได้เกี่ยวกับการตายของฉันอีกแล้ว “


” อะไรนะ ? ” – โซว์ถึงกับต่อยที่แขนเขา – “นี่สำหรับที่ทำให้ฉันเป็นห่วง ! ” – จากนั้นเธอก็ต่อยเขาอีกครั้ง – ” และนี่สำหรับการที่นายไม่บอกฉันจนถึงตอนนี้ ! “


อันเดตได้ยินคำอุทานแรกของเธอและเริ่มมองไปรอบๆเพื่อหาศัตรูรวมไปถึงเตรียมตัวการป้องกันการโจมตี ตอนที่โซว์ต่อยเดฟอีกครั้ง พวกนั้นก็ไม่มั่นใจว่าต้องตอบรับยังไง


เนื่องจากหัวหน้า Death Knight ของพวกเขาเอามือถูแขนแล้วยิ้มออกมา อันเดตก็เริ่มไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นจากเอลฟ์สาวและทำการเดินหน้าต่อ


ต่อมาโซว์ก็ได้อุทานออกมา – ” เฮ้ ดูตรงนั้นสิ ! “


เดฟมองตามที่ โซว์ ชี้และพบกับเสาสูงสีดฟ้า บางอันนั้นยังอยู่ดี บางอันนั้นพังลงมาแล้วพร้อมกับเศษหินที่กระจายไปทั่ว


ทีมอันเดตเดินหน้าไปที่เสานั้น


ทั้งเดฟและโซว์ต่างก็ได้รับแจ้งเตือน


[ คุณเป็นพวกแรกที่พบกับ Storms Labyrinth


การฆ่ามอนสเตอร์ด้านในนี้จะมีโอกาส 100% ที่จะได้ไอเท็มที่ดีที่สุด]


โซว์ตัวสั่นเพราะความตื่นเต้น – ” นี่มันดันเจี้ยน เดฟ ! ดันเจี้ยน ! แล้วทางเข้ามันอยู่ไหน ? ! “


เดฟเองก็มองหาทางเข้าดันเจี้ยนแต่เขาก็ไม่เห็นอะไรนอกจากเสาพวกนั้น


มีเสาเพียงคู่เดียวที่ยังคงเชื่อมต่อกันและทีมอันเดตก็ได้เดินผ่านมันไป ในตอนที่เดินผ่านเสาประตูนั้นมาได้สายตาเขาก็พร่ามัวและโลกรอบตัวก็มืดมิดลง


เขามองกลับไปและตระหนักได้ว่าเสาสองต้นนั้นคือประตูที่นำไปสู่อีกที่


ตอนนี้พวกเขาเดินอยู่บนพื้นที่ปูด้วยหินแทนที่จะเป็นพื้นดินธรรมดา


ถนนหินนี้นำไปสู่ประตูที่ทำขึ้นจากทองและผิวของมันก็ตกแต่งด้วยเพชรหลากสีแต่สิ่งที่ทำให้ เดฟสนใจคือรูปปั้นขนาดเท่ากับ Drahma สองตัวที่ยืนอยู่ในแต่ละฝั่งของประตู


ตัวที่อยู่ด้านขวาเป็นคนผมแดง, ตัวที่มีอวบหนาพร้อมกับกล้ามเนื้อรวมไปถึงกล้ามท้องแน่น อีกตัวนั้นหัวล้านโดยมีพุงเหมือนกับรูปปั้นพุทธรูป เขาถือถุงพาดไว้ที่ไหล่และคอพร้อมกับสนับมือที่มีหนามที่ต้นแขนกับหมัด ทั้งสองตัวใส่เข็มขัดผ้าคาดไว้ที่กลางตัว


น่าแปลกที่มีห่วงเหล็กรอบตัวรูปปั้นนั้นซึ่งรอบๆห่วงเหล็กนั้นเป็นกองเล็กๆ ในมือของรูปปั้นนั้นมีไม้กองขนาดใหญ่ พวกนี้ดูเหมือนว่าจะรับหน้าที่ในการตีกลอง


” ฉันรู้จักพวกนี้ ! ” – โซว์พูดขึ้นแล้วมองไปที่รูปปั้นทั้งสอง – ” จากตำนานแล้วคนพวกนี้คือ Raijin กับ Fujin พวกนี้คือผู้ปกป้องประตูของอีกโลก ! “


” ฉันประทับใจนะ มาหวังกันว่าพวกมันจะเป็นแค่รูปปั้นละกัน หวังว่าพวกมันจะมีไว้ประดับที่นี่เฉยๆไม่ใช่เกิดมีชีวิตขึ้นมาโมตีเรา นั่นคงเป็นเรื่องแย่แน่ “


เดฟเดินเข้าไปที่ประตูพร้อมกับจับตาดูรูปปั้นโดยหวังว่าพวกมันจะไม่ขยับ


ในตอนที่อยู่ห่างจากประตูไม่กี่ก้าว ประตูนั้นก็ได้เปิดออกเอง ใจของเดฟหล่นวูบทันที – ” อ๊า ! น่ากลัวจริงๆ “


เขามองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อมองหาว่าจะมีบางอย่างโดดมาใส่เขารึเปล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไร เขาก็ได้ยักไหล่แล้วให้ Stinger เดินหน้าต่อโดยมี โซว์ กับอันเดตของเขาเดินตามไป


หลังจากที่สมาชิกคนสุดท้ายของทีมอันเดตเดินผ่านประตูไป ประตูนั้นก็ค่อยๆปิดตัวลง ดังนั้นมันจึงไม่มีใครเห็นว่ารูปปั้นทั้งสองตัวนั้นได้หันหน้ามามองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก่อนที่จะเกิดเสียงหัวเราะดังก้องขึ้นมา


Chapter 164 : ยักษ์ตาเดียว


ทางเดินยาวทอดไปข้างหน้า พื้นและกำแพงนั้นทำขึ้นมาจากหินอ่อนสีเทาขัดอย่างดี มีคริสตัลที่ฝังไว้ตามกำแพงเพื่อให้แสงสว่างกับห้องโถงนี้


เดฟให้สัญญาณอันเดตด้านหลังเขาให้หยุด


มันมีทางแยกสามทางเลือกอยู่ตรงหน้า


” ยังไงต่อเดฟ ? “


เดฟไม่รู้ว่าต้องเลือกทางไหน เขาจึงหันหน้าไปถาม Bud


” Bud นายได้กลิ่นอะไรมั้ย? “


” เลือดเก่า….ทุกที่…อันตราย….ทุกที่ Kishtingbrah…เชื่อ Bud งั้นเหรอ ? “


” ฉันเชื่อนายBud “


” Bud พาทีม….ซ้าย…. Dog พาทีม….ขวา…หัวหน้าพาทีม….กลาง “


” โว๊ว Bud เขาเติบโตด้วย เขาฉลาดขึ้นแล้วก็พูดเข้าใจขึ้นเรื่อยๆแหะ “


เดฟตัดสินใจที่จะทำตามแผนของผีดิบ


” เอาล่ะ Bud นายกับ Spark พา 3 ทีม ไปหาบอสตามทางที่นายเลือก Dog พาไป 4 ทีม ส่วนที่เหลือมากับฉัน “


Bud หันไปหา โซว์ ด้วยท่าทีอายๆก่อนจะยิ้มออกมา – ” เอลฟ์สุดสวย ….ไปกับ Bud มั้ย ? “


โซว์ หัวเราะแล้วตีแขนผีดิบ – ” นายนี่ปากหวานดีนะ ! บางทีอาจจะเป็นครั้งหน้า Bud บางคนต้องพึ่งหัวหน้าที่ไม่เกรงกลัวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา “


” อือ ” – ผีดิบพยักหน้าตอบรับ


เดฟ มองไปที่ทั้งสองแล้วอ้าปากจะพูดบางอย่างแต่ก็ส่ายหน้าอออกมา


‘ นี่บ้าอะไร ? ! นี่ Bud จะกีดกันฉันรึไง…? ช่างเถอะ เก็บเลเวลกันดีกว่า ‘


” เอาล่ะพวก เดินหน้าต่อได้ “


หัวหน้าทีมได้พาทีมอันเดตของตัวเองแยกไปตามแต่ละทาง


เดฟ กับ โซว์ อยู่ที่ทางแยกตรงกลาง หลังจากที่เดินมาได้สักพักพื้นดินก็เริ่มลาดลงไป


ห้องโถงนั้นอยู่ที่ปลายทางเดิน ในตอนที่เข้าไปใกล้นั้นราวกับอยู่พื้นดินก็ทรุดลงไป


‘ กับดักมันทำงานแล้วยังไม่คืนตัวกลับมารึเปล่า ? ‘


พวกเขาเดินไปที่ประตูแล้วมองผ่านเข้าไปในห้องขนาดใหญ่แต่แทนที่พวกเขาจะอยู่ในพื้นระดับเดียวกันนั้น พวกเขากลับอยู่ที่ระดับความสูงของเพดาน พื้นนั้นอยู่ไกลจนไม่อาจจะมองเห็นได้ชัดเจน


เสาหักๆวางเรียงกันอยู่ที่กำแพงห้อง แต่ละอันนั้นสูงขึ้นมาเรื่อยๆราวกับเป็นบันได พวกเขาต้องกระโดดไปที่เสาแต่ละต้นกันแทน ระยะห่างระหว่างเสานั้นอยู่ในระยะที่อันเดตสามารถกระโดดลงไปได้แต่ไม่อาจจะกลับขึ้นมาได้แน่


” ฉันเดาว่าเราต้องลงไป ทุกคนกระโดดได้ใช่มั้ย ? “


เดฟหันกลับไปหาอันเดต


พวกนั้นต่างก็พยักหน้าตอบรับเขา


” เอาล่ะ ไปกันเถอะ ! “


Stinger ได้พุ่งออกไปข้างหน้าแล้วโดดไปที่เสาที่ใกล้ที่สุด จากนั้นเมื่อรักษาการทรงตัวได้เขาก็ได้วิ่งและโดดไปยังเสาต้นที่สอง


อันเดตเริ่มทำการกระโดดตามมา เสาพวกนี้กว้างพอที่จะให้อันเดตจำนวนหนึ่งอันได้


ตอนที่ Stinger และ Pincher ลงไปยืนที่เสาต้นที่สาม พวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธดังขึ้นมาจากด้านล่าง


เดฟรีบสั่งการทุกคนให้หยุดอยู่กับที่ Stinger เดินไปที่ปลายเสาเพื่อให้ เดฟ มองลงไปด้านล่างได้ ตอนนี้เขามองเห็นพื้นดินของห้องได้แล้วแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังที่จะเห็น


ยักษ์ตาเดียวผิวสีน้ำตาลมองกลับมาที่เขาด้วยตาดวงเดียวของมัน


เขาเห็นมันและโชคร้ายที่ได้กลิ่นมันด้วยแต่เขาก็ยังอยู่ไกลเกินไปที่จะตรวจสอบมันได้


มันมีความสูงเท่ากับ Dunlord 3 ตัวและมีกล้ามเนื้อกับเขาที่งอกออกมาจากหน้าผากด้านบนดวงตาของมัน


รอบๆข้อมือมันนั้นมีกุญแจมือสองอันที่มีโซ่ตรึงไว้กับลูกบอลเหล็กสองอัน


ยักษ์เริ่มคำรามเข้าใส่ เดฟ จากนั้นมันก็ได้เหวี่ยงบอลเหล็กอัดเข้าที่เสาค่อยๆทำให้หินแตกไปทีละนิดๆ


” เหี้ย ! มันคงฆ่าเราได้ก่อนที่เราจะลงไปข้างล่าง ! ทุกคน ขยับได้แล้ว ! “


ตอนที่ Stinger เดินทางมาได้ครึ่งทาง เดฟ ก็ได้มองกลับขึ้นไป ตอนนี้อันเดตทุกตัวอยู่บนเสาแล้ว มีแค่ไม่กี่ตัวที่เพิ่งโดดจากประตูมายังเสาต้นแรก นั่นคือตอนที่บอลเหล็กของยักษ์ได้ฟาดทำลายเสาต้นแรกลงมาได้ มันเริ่มถล่มลงมาซึ่งทำให้ใจของ เดฟ เต้นรัวเพราะความเป็นห่วงอันเดตของเขา


อันเดตพวกนั้นกลับโดดมายังเสาต้นที่สองทันโดยไม่ได้มีความกลัวในใจแต่พวกนั้นไม่ได้ไปยืนบนเสา พวกนั้นแค่เกาะอะไรก็ตามที่สามารถเกาะได้ ส่วนมากแล้วเกาะตามลำต้นของเสา น้อยตัวหนักที่โชคร้ายซึ่งไม่อาจจะเกาะเสาเอาไว้ได้ จากนั้นพวกนั้นก็เริ่มไต่ลงมาจากเสาเหมือนกับแมงมุมที่ไต่ลงมาจากด้านบน


ก่อนที่ฝุ่นและหินจะสงบตัวลง ยักษ์ก็ได้หันกลับมาสนใจเสาต้นต่อมา บอลเหล็กของมันฟาดอัดเข้ามาที่เสาด้วยจังหวะที่มั่นคงและรุนแรง


แต่พลังโจมตีของยักษ์นั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากังวลที่สุด อันเดตที่เหลือนั้นได้เรียนรู้จากการกระทำของเพื่อนมันและยอมแพ้กับการโดดลงบันไดตามปกติ พวกนั้นกลับโดดไปยังอีกเสาก่อนจะเริ่มเกาะตามเสาแล้วปีนลงมาราวกับกองทัพมด Dunlord เองก็เริ่มใช้วิธีเดียวกันนี้ในการไต่เสาลงมา


ไม่นานยักษ์ก็พบกับการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์นี้แล้วเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา การโจมตีของมันได้หยุดลง มันมองไปรอบๆพยายามตัดสินใจว่าจะทำลายเสาต้นไหนดี อันเดตนั้นมีอยู่ทั่วทุกที่ มันยากที่สมองเล็กๆของมันจะตัดสินใจได้ ตอนที่อันเดตโครงกระดูกตัวแรกได้มาถึงที่พื้นแล้ววิ่งเข้าใส่ยักษ์เพื่อโจมตีนั้นโครงกระดูกนั่นก็ถูกบอลบเหล็กฟาดกระเด็นเข้าไปยังเสาที่อยู่ใกล้ๆ


อันเดตตัวอื่นๆเริ่มมาถึงที่พื้นแล้ววิ่งเข้าใส่ยักษ์ตาเดียว


จากนั้น Dunlord ก็ได้ลงมาถึงพื้นและเข้าระยะการยิงหน้าไม้


” ยิง ! ” – เดฟสั่งการออกมาในตอนที่ Stinger ได้ลงมาถึงพื้น


ยักษ์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดตอนที่หน้าไม้ยิงใส่ตัวมัน


Pincher ที่กำลังไต่อยู่บนเสานั้นได้รับคำสั่งจากโซว์ให้โดดลงมาที่พื้น ในตอนที่กระโดดอยู่นั้น โซว์ได้ใช้ {Penetrating Shot} เล็งไปที่ตาของยักษ์ด้วย


” กินนี่ซะ ! “


ธนูปักเข้าที่ตาของยักษ์และทำให้มันร้องอกมาอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดและเจ็บปวด มันเริ่มระบายอารมณ์ด้วยบอลเหล็กของมัน


โซว์ยังคงทำการโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยการให้ Pincher เข้าออกระยะความโกรธของยักษ์และหลบการโจมตีของยักษ์ไปด้วย


เดฟประทับใจกับวิธีของเธอแต่เขาเองก็ยังใช้ {Spectral Skull} ในการระเบิดเข้าใส่หน้ายักษ์อย่างต่อเนื่องแล้วทำให้มันติดดีบัฟตาบอดเข้าไปอีก


เขาได้ใช้ {Aura} และโดดขึ้นหลังของยักษ์ก่อนจะโจมตีมันด้วยกำปั้นของเขา อันเดตตัวอื่นเข้ามาร่วมโจมตีด้วยโดยการปีนขึ้นมาตามตัวยักษ์แล้วใช้อาวุธของมันเข้าโจมตีใส่ตัวยักษ์


ยักษ์ไม่นานก็ต้องตกอยู่ภายใต้การรุมโจมตีของอันเดตซึ่งทำให้มันยากที่จะขยับตัวได้


ตอนที่ Dunlord ตัวที่เหลือลงมาถึงพื้น พวกนั้นก็ได้พุ่งเข้าใส่ยักษ์ทันที


ซอมบี้สองตัวได้เกาะที่ขาขวาของยักษ์แต่เมื่อเห็นว่า Dunlord ตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาทางนั้น พวกมันก็ได้โดดออกทันที


Dunlord ชนเข้ากับขาของยักษ์แล้วใช้ก้ามของมันหนีบเข้าที่เส้นเอ็นที่ขาเพื่อตัดเส้นเอ็นออกจนทำให้ยักษ์นั้นล้มลงไปกับพื้นและบดขยี้อันเดตที่โชคร้ายซึ่งโดดออกมาไม่ทันไปด้วย


เดฟคว้าเอาเขาของยักษ์แล้วดึงตัวเองขึ้นจากหลังของมันก่อนจะกระโดดมาอยู่ที่ด้านหน้า


” อย่าให้มันลุกขึ้นยืน ! ” – เดฟสั่งการออกมาและอันเดตก็ได้ใช้อาวุธแทงเข้าไปที่ตัวยักษ์เพื่อทำให้มันเจ็บปวดขึ้นไปอีก


ตอนที่ Dunlord 20 ตัวได้ทำการล้อมยักษ์เอาไว พวกมันก็เริ่มกระหน่ำโจมตีลดเลือดของยักษ์ลงเรื่อยๆ


ก่อนที่เดฟจะได้ตรวจสอบมอนสเตอร์นั้นมันก็ตายไปแล้ว เขาได้รับแจ้งเตือนถึง xp ที่ได้มา จากนั้นก็เดินหน้าไปตรวจสอบของที่ดรอปลงมา


[Cyclopian Eye(วัสดุสร้าง)] x1


[ Prisoner’s Iron weighted shackle (อาวุธ หายาก) ] x2


[Stone Tablet] x1


เดฟ ได้ทำการตรวจสอบ [ Prisoner’s Iron weighted shackle]


[ Prisoner’s Iron weighted shackle]


ประเภท : อาวุธ


ลูกบอลเหล็กที่ใช้กับโซ่และจำกัดการเคลื่อนไหวของนักโทษแต่พวกที่มีแรงมหาศาลนั้นสามารถใช้มันเป็นอย่างอื่นได้…อย่างการฟาด !


ดาเมจ : 2,500-3,000


การใช้งาน : ค่าแรง 500


ข้อกำหนด : Str 600, เลเวล 350


โบนัส : Dex -100, Agi -100,


{Ball Throw : โยนบอลเหล็กออกไปเหมือนกับปืนใหญ่ได้}


{Steel Tempest : หมุนบอลเหล็กรอบตัวผู้ใช้จนทำให้เกิดผลการผลักกระเด็น เป้าหมายจะได้รับดาเมจเพิ่มขึ้น 50% ทุกครั้งที่โจมตีสำเร็จในตอนที่หมุนอยู่ }


สเกล : S-Str


คลาส : Rare


” ถือว่าเป็นอาวุธที่ดีแต่แย่หน่อยที่มันลดค่า Dex กับ Agi ไม่งั้นแล้วมันคงดีมากสำหรับสาย Str “


[Stone Tablet]


หนึ่งในจารึกมากมายที่ใช้ไว้ปลดล็อคทางเดินลับใน Storms Labyrinth


” นายได้อะไรมา ? ” – โซว์ถาม


เดฟเอาไอเท็มให้กับเธอดู


” จารึกนี้มันลึกลับ เราน่าจะเก็บมันไว้ก่อนที่จะรู้ว่าอะไรคือทางเดินที่เปิดออกมาได้ “


” อื้อ เดินหน้ากันต่อเถอะ “


” แล้วกลุ่มอื่นล่ะ ?” – โซว์ถาม


” รอเดี๋ยวนะ ” – เดฟได้เปิดหน้าต่างจัดการอันเดตขึ้นมานแล้วเช็คสเตตัสของทีมอื่นๆ


” ดูเหมือนว่า Dog จะสู้เสร็จแล้ว ทีมของเขากำลังฟื้นตัวและไม่มีใครตาย ทีมของ Bud กำลังสู้อยู่ เลือดและจำนวนของพวกเขาก็ยังคงที่ ฉันไม่เห็นว่าต้องมีอะไรกับพวกนั้น “


” ดี หวังว่าจะมารวมตัวกันได้ก่อนที่เราจะไปสู้กับบอส “


” อื้อ มาดูกันว่าดันเจี้ยนนี้จะมีอะไรอยู่อีก “


หลังจากที่ทั้งทีมทำการฮีลและฟื้นฟูตัวเองแล้วพวกเขาก็ได้เดินผ่านประตูที่อยู่ระดับพื้นของห้อง มันมีทางเดินอีกทางที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพวกเขาอีก


Chapter 165 : อันเดตเข้ารุม


พวกเดฟเดินหน้าไปต่อทางเดินอย่างระมัดระวังจนโผล่มาในห้องที่มีสามประตูซึ่งอยู่ที่กำแพงฝั่งตรงกันข้าม


ใจกลางห้องนั้นเป็นรูปปั้นดินเรียงรายเอาไว้ พวกมันเป็นทหาร แต่ละตัวนั้นมีมือทั้งสองข้างที่จับดาบปักจ่อลงไปที่พื้น


เดฟ นึกได้ว่าเคยเห็นภาพแบบนี้ตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาไม่ได้อ่านเรื่องนั้นเพียงเพราะว่าภาพมันสวย เขาจำเนื้อเรื่องมันได้ที่พูดถึงกองทัพเทอราคอตต้า


” ตอนนี้อะไรอีก ? ” – โซว์ ถาม


เดฟตรวจสอบรูปปั้นเหล่านั้น


[Ancient Warrior of the Middle Realm]


เลเวล : 250


ระดับ : Epic


HP : 250,000


ลดดาเมจ : 20,000


ดูดซับเวทย์ : 5,000


สกิล : ไม่มี


รูปปั้นที่ถูกแช่เข็งรอที่จะรับใช้ลอร์ดของพวกเขาอีกครั้ง


” เราจะจัดการกับรูปปั้นพวกนี้ เส้นทางน่าจะเปิดออกตอนที่เราจัดการพวกมันเสร็จ “


เดฟได้สั่งการทีมของเขาให้เดินหน้าเข้าหารูปปั้น


ตอนที่ Stinger เข้าไปในระยะความโกรธของรูปปั้นตัวแรก รูปปั้นทั้งหมดก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้วยกดาบขึ้นมายกเข้าใส่ Dunlord พร้อมกัน


‘ นี่มันไม่น่าจะเป็นปัญหามากมายอะไร ‘


” Dunlord สองตัวต่อรูปปั้นหนึ่งตัว ” – เดฟ สั่งการออกมาและ Dunlord ทุกตัวก็ได้พุ่งเข้าสู่การต่อสู้


Dunlord ตัวแรกที่พุ่งเข้าใส่รูปปั้นพร้อมกับได้คีบอีกฝ่ายไว้ด้วยก้ามของมันแล้วโยนรูปปั้นอัดเข้ากับกำแพง


ทหารดินอัดกับกำแพงพร้อมกับแตกที่ดังขึ้น ร่างของมันนั้นเผยให้เห็นดินเหนียวภายในแต่มันไม่ได้แตกกระจายออกมา


[-85,000]


‘ โว๊ว ดาเมจสูงจริงๆ งั้นพวกนี้ก็คงอ่อนแอต่อการทำดาเมจแบบปะทะ’


” ได้เวลากระหน่ำแล้ว ทุกคน ! พวกนี้อ่อนแอต่อการปะทะ ! “


เดฟ ได้กระโดดขึ้นด้วย {Immortal Apparition} ข้ามหัว Stinger ไปก่อนจะเข้าโจมตีที่หัวของรูปปั้นดินตัวหนึ่งด้วยกำปั้นของเขา


เปลวไฟได้ปะทุออกมาจากกำปั้นกลืนกินทหารดินเอาไว้


หัวของมันเกดรอยแตกแต่มันก็ยังคงตอบโต้ด้วยดาบของมัน เมื่อเห็นอันตรายในตอนที่ลงไปที่พื้น เดฟก็ได้ไขว้มือกันรับการโจมตีที่เข้ามาปัดดาบที่โจมตีเข้าสู่ตัวก่อนจะใช้หมัดเสยเข้าใส่หน้าทหารดินจากช่องว่างที่มันเปิดในตอนที่โจมตี


หมัดอีกหมัดได้อัดเข้าที่หัวของรูปปั้นทำให้รอยแตกนั้นเพิ่มขึ้นไปอีกและทำให้จมูกนั้นยุบลงไป


Stinger และ Dunlord ตัวอื่นได้เข้าร่วมการต่อสู้ ไม่นานทหารดินก็ได้กลายเป็นเศษดินไป


ในตอนที่รูปปั้นตัวหนึ่งตายไป DUNLORD ที่เอาชนะทหารดินตัวนั้นได้ก็ได้ขยับไปช่วยเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นแบบนี้เรื่อยๆจนพวกเขาชนะได้


” มันก็ไม่ยากเท่าไหร่ ” – เดฟพูดขึ้น – ” แต่พวกมันไม่ดรอปไอเท็มอะไรเลย “


โซว์เดินเข้าไปดูที่ประตูทั้งสามบาน


เดฟเดินเข้าไปหาเพื่อดูที่นั่นด้วย


ประตูนี้ทำขึ้นจากหินซึ่งใหญ่พอที่ Dunlord จะเดินผ่านไปได้แต่มันก็เหมือนกับที่โซว์พูดไว้ มันไม่ได้มีลูกบิดรึแม้แต่รูกุญแจเลย


เดฟพยายามที่จะผลักมันแต่ก็ได้ยินเสียงครืนดังขึ้นมาแทน ประตูในอีกฝั่งของห้องกลับเปิดออก ในเวลาเดียวกับก็มีหินมาปิดประตูที่พวกเขาเข้ามา


” หือ ชัดแล้วว่ามีบางคนรึบางอย่างที่ไม่ต้องการให้เรากลับไปทางนั้น “


เดฟและทุกคนได้ทำการพักเพื่อฟื้นฟูเลือดพร้อมทั้งให้พาราดินนั้นทำการฮีลให้กับ Dunlord และนักเวทย์ที่ทำการฮีลให้อันเดต


” เอาล่ะ ลุกได้แล้ว มาดูกันว่าใครรึอะไรที่อยากจะพบกับเรา “


พวกเขาเดินหน้ากันไปตามประตูที่เปิดออกเมื่อตะกี้


” พวกที่อยู่ทางอื่นทำอะไรกันอยู่ ? ” – โซว์ถาม


เดฟตรวจสอบแผงจัดการและพบว่าเลือดของทีมอื่นๆนั้นกำลังเพิ่มขึ้นและลดลงเรื่อยๆ


” ดูเหมือนว่าพวกนั้นกำลังสู้อยู่ “


” นายคิดว่าเราจะไปเจอกับพวกนั้นด้านหน้ารึเปล่า ? “


” ฉันก็หวังแบบนั้น ถ้าไม่เจอ ฉันเรียกวกนั้นกลับมาตอนที่อยู่ในดินแดนอันเดตตอนที่เราจัดการกับบอสเสร็จได้อยู่แล้ว ” – เดฟตอบ


” หยุด ! ” – โซว์ ตะโกนขึ้นมา – ” กระเบื้องนั่นดูแปลก ” – โซว์ บอกว่ากระเบื้องแผ่นหนึ่งนั้นสูงกว่าแผ่นอื่นรอบๆเล็กน้อย


เดฟมองไปรอบๆ มันมีรูเรียงตามกำแพงซึ่งบางทีอาจจะเป็นกับดักหอกรึธนู เขาได้ตะโกนออกมา – ” ห้องโถงนี้มีกับดัก ทุกคนเดินระวังด้วย ! “


จากนั้นเขาก็ได้สั่งการให้อันเดตตัวหนึ่งไปยืนอยู่หน้ากระเบื้องนั้นเพื่อเป็นเครื่องหมายบอกให้คนอื่นๆเดินเลี่ยงมัน


พวกเขาเดินหน้าต่อช้าๆพร้อมกับทำการตรวจสอบกับดักไปด้วย สุดท้ายพวกเขาก็ได้ยินเสียงน้ำไหลและไม่นานก็พบกับประตูและปลายห้องโถงที่ปรากฏขึ้นมา


ตอนที่ไปถึงประตูนั้น พวกเขาก็พบกับฉากที่สวยงาม


พวกเขาไม่ได้เห็นกำแพงรึเพดานในห้องนี้แต่มันดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นป่าและมีแม้แต่น้ำตกอยู่ด้วย


แต่สิ่งที่สะดุดตาจริงๆนั้นคือคางคกยักษ์สองตัวที่อยู่ใจกลางห้องซึ่งกำลังร้องใส่กันอยู่ ถุงลมที่คอของมันนั้นพองออกแล้วยุบลงไปตามเสียงร้องของมัน


ตัวหนึ่งมีผิวสีฟ้า อีกตัวนั้นมีสีเขียวซีด


[Lightning Toad]


เลเวล : 420


ระดับ : Epic


HP : 350,000


ลดดาเมจ : 25,000


ดูดซับเวทย์ : 25,000


สกิล :


{Electro Shock : ส่งระเบิดสายฟ้าออกจากตัวทุกทิศทางช็อตทุกเป้าหมายและทำให้สตันท์ 2 วินาที สกิลนี้จะทำดาเมจ 10,000 หน่วยในระยะ 20 ม.}


{Electric Bubble : ล้อมเป้าหมายด้วยวงแหวนสายฟ้า ทำให้เป้าหมายสตันท์และขังเป้าหมาย 20 วินาที มันทำดาเมจทั้งหมด 30,000 หน่วย }


{Lightning Whip: คางคกสายฟ้าใช้ลิ้นของมันโจมตีทำดาเมจสายฟ้าและสตันท์เป้าหมาย 2 วินาที ทำดาเมจเพิ่มจากเดิม 30%}


คำอธิบาย : คางคกสายฟ้านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตหายากที่เกิดมาจากพายุสายฟ้าขนาดใหญ่ มันกินสายฟ้าและใช้พลังสายฟ้าเป็นอาวุธ


[Lightning Toad]


เลเวล : 410


ระดับ : Epic


HP : 350,000


ลดดาเมจ : 25,000


ดูดซับเวทย์ : 25,000


สกิล :


{Poison Breath : หายใจเอาหมอกพิษออกมาเป็นเวลา 20 วินาที ทำดาเมจพิษ 3,500 หน่วย/วินาที }


{Poison Bubble : คายแก๊สพิษใส่เป้าหมาย สตันท์เป้าหมาย 20 วินาทีและทำดาเมจเป้าหมาย 3,000 หน่วย/วินาที }


{Sticky Tongue : ฟาดแล้วบีบรัดเป้าหมาย ทำดาเมจโดยตรง 10,000 หน่วย ถ้าเป้าหมายติดพิษดาเมจจะเป็นสองเท่า }


คำอธิบาย : คางคกพิษที่กลายพันธ์จากการอาศัยอยู่ในที่ที่เหมืองที่มีพิษมากที่สุด


” เอาล่ะ โซว์ นี่คงยากกว่าพวกหุ่นดินสักหน่อย นี่แผนนะ เธอต้องนำ Dunlord ไปฆ่าคางคกสายฟ้า เมื่อจัดการเสร็จแล้วค่อยมาช่วยฉันจัดการคางคกพิษ “


” ทำไมเราต้องแยกกันด้วย ? ” – โซว์ถาม


” เราจะสู้กับมันด้วยผลความต่างทางเลเวล พวกที่ทำดาเมจได้มากคือพวก Dunlord อันเดตน่ะต้านทานต่อพิษแต่ Dunlord ไม่ใช่ เมื่ออันเดตกับฉันรับมือกับคางคกพิษเพื่อดึงมันให้เธอและ Dunlord จัดการกับคางคกสายฟ้า จากนั้นค่อยมาช่วยกันจัดการกับคางคกพิษ “


” ทำไมนายไม่เอา Dunlord ไปครึ่งหนึ่งเพื่อโจมตีคางคกพิษล่ะ ? “


” เธอจะทำดาเมจต่อวินาทีได้น้อยกกว่าเดิมและยิ่งใช้เวลานานกว่าเดิมที่จะฆ่าคางคกสายฟ้าได้ อีกอย่างแล้ว Dunlord ที่ฉันเอามาก็จะติดพิษไปด้วยซึ่งมันเพิ่มความเสี่ยงที่พวกนั้นจะตาย Dunlord เป็นตัวโจมตีมอนสเตอร์เลเวลสูงให้เราในดันเจี้ยนนี้ “


” โอเค เดฟพอมีเหตุผล ฉันจะพยายามแม้ว่าฉันจะเลเวลต่ำกว่ามาก็เถอะ “


” เลเวลไม่สำคัญหรอก พยายามจัดการคางคกนั่นให้ได้ ทำให้มันตาบอดรึเซด้วยสกิลของเธอ มันจะช่วยให้ Dunlord จัดการมันได้เร็วขึ้น “


” ได้ เดฟฉันพร้อมแล้ว “


” เอาล่ะ Dunlord ไปกับ Lone Arrow และ Pincher พวกอันเดตมากับฉัน ! ” – เดฟเดินหน้าก่อนแล้วดึงความสนใจจากคางคกพิษ


เดฟได้ใช้ {Spectral Skull} ระเบิดเข้าใจกลางหน้าของมันจนทำให้มันถึงกับตัวเซ


คางคกกลับมายืนแล้วร้องออกมาด้วยความโกรธ มันอ้าปากของมันกว้างยิ่งกว่าเดิมแล้วยิงลิ้นออกมาราวกับกระสุนปืนใหญ่เข้าใส่เดฟ เดฟเอียงตัวไปข้างๆหลบการโจมตีของลิ้นแล้วเดินล่อคางคกพิษออกไปข้างๆ


อันเดตเดินหน้าเข้ามาโจมตีคางคกในตอนที่ทำได้แต่ดาเมจที่พวกมันทำได้นั้นเป็น 0 ไม่ก็แค่หลักเดียวเท่านั้น


” ดึงความสนใจมันไว้ พวก ! “


ระหว่างตอนนั้นเอง Dunlord ก็ได้จัดการลดเลือดของคางคกสายฟ้าไปด้วยจนตอนนี้ลดลงมา 10% แล้ว


คางคกทั้งสองร้องออกมาด้วยความโกรธจนเสียงก้องไปทั่วทั้งห้องพร้อมกับเสียงสายฟ้าที่เกิดขึ้นจากการโจมตีที่ดังขึ้นอยู่เรื่อยๆ


Chapter 166 : [Dai-Tengu]!


Dunlord ภายใต้การนำของโซว์ในที่สุดก็จัดการกับคางคกสายฟ้าได้


พวกนั้นไม่ได้หยุดพักและรีบเข้ามาร่วมมือกับอันเดตที่กำลังพยายามต่อต้านการโจมตีของคางคกสายฟ้าอยู่


อันเดตนั้นต้านทานพิษได้และคางคกเองก็ไม่ค่อยได้รับดาเมจจากอันเดต ดังนั้นพวกเขาจึงเหมือนกับอยู่ในสภาวะนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว


แต่ไม่นานหลังจที่ Dunlord ได้เข้ามาร่วมสู้ด้วยแล้ว เวลาสุขสบายของคางคกก็ได้หมดลง


” มันก็ไม่ยากเท่าไหร่ ” – โซว์ พูดขึ้นตอนที่เธอกับ Pincher เข้าร่วมการต่อสู้


” แล้วรายงานความเสียหายล่ะ ? ” – เดฟถาม


” ฉันเสีย Dunlord ไปหนึ่งตัว ” – โซว์หลบสายตาเดฟ


เดฟยักไหล่ – ” การสูญเสียเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการต่อสู้ ฉันดีใจนะที่เสียแค่ตัวเดียว “


” เอาล่ะพวก ! ทุกคนฮีล ฉันจะไปตรวจสอบของ “


เดฟแตะไปที่ตัวคางคกพิษและพบกับไอเท็มสามอย่าง


[Skill Book Poison Breath] x1


[Stone Tablet] x1


[Venom (รูน)] x1


‘ ดีเลย ฉันมีรูนพิษอยู่แล้ว ‘


” เฮ้ โซว์ รับไว้ ” – เดฟโยนรูนให้กับโซว์


” ขอบคุณ ! ” – โซว์ได้ใช้รูนกับธนูของเธอซึ่งทำให้มันส่องแสงสีเขียวออกมา


” มาดูกันว่าอีกตัวมันจะดรอปอะไร ฉันหวังว่าจะมีหนังสือสกิลอยู่ด้วย “


[Skill Book Electroshock] x1


[Stone Tablet] x1


[Shock (รูน)] x1


เดฟ ตรวจสอบรูนและหนังสือสกิล


[Skill Book Electroshock]


ทำให้การโจมตีต่อไปนั้นชาเป้าหมายเป็นเวลา 5 วินาที คูลดาวน์ 3 นาที มีโอกาส 50% ที่จะใช้ได้ผลกับบอส


การชานั้นไม่อาจจะลบได้ด้วยเวทย์รึสกิลได้


[Skill Book Poison Breath]


ปล่อยควันพิษออกมาในพื้นที่เป้าหมายลดระยะการมองเห็นและทำให้เป้าหมายเสียเลือด 500 หน่วย/วินาที เพิ่ม Agi 50%/วินาที ระยะเวลา 20 วินาที คูลดาวน์ 20 นาที


[Shock (รูน)]


มีโอกาส 10% ที่จะทำให้เกิดการช็อตและทำให้เป้าหมายชาเป็นเวลา 2 วินาทีในทุกๆการโจมตี มีโอกาส 50% ที่ใช้ได้ผลกับบอส


” เฮ้ โซว์ เธอเอาของพวกนี้ไป ” – เดฟส่งหนังสือสกิลให้กับเธอ


” เดฟ ไม่ มันมากไป กองทัพนายน่ะทำทุกอย่าง ฉันแค่มาด้วยเฉยๆ ” – โซว์รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนกับเธอไม่สมควรได้ของพวกนี้


” ฉันจะเอารูนช็อต หนังสือสกิลนี้จะใช้ได้ผลกับสายอาชีพเธอ เธอสามารถเพิ่มผลช็อตใส่ธนูและสกิลพิษที่เพิ่มความเร็วของเธอได้ ฉันเน้นสาย str มันคงไม่ได้ผลดีเท่าไหร่ถ้าใช้กับฉัน ฉันเลยไม่ค่อยต้องการมันเท่าไหร่ “


” ไม่ หนังสือสกิลสองอันมันมากไป อย่างน้อยก็อันเดียวก็พอแล้ว “


” ฉันมีสกิลเยอะแล้วและเรายังเคลียร์ดันเจี้ยนไม่เสร็จเลย มันอาจจะมีหนังสือสกิลอื่นอีก “


” ได้ ขอบคุณมากเดฟ ! “- โซว์อ่านหนังสือสกิลและได้รับสกิลเข้าสู่ตัว


” ฉันหาทางออกจากที่นี่ไม่ได้เลย ” – โซว์พูดขึ้น


” ใช่ งั้นก็กลับไปจากทางที่เรา “


พวกเขาพากันเดินกลับไปที่ห้องที่ได้สู้กับทหารดิน ในตอนที่อันเดตตัวสุดท้ายเดินผ่านประตูมายังห้องนี้ ประตูที่นำไปสู่ป่าคางคกก็ค่อยๆปิดลงพร้อมกับประตูบานใหม่ที่เปิดออก


” ดูเหมือนว่าเราต้องจัดการในแต่ละห้องให้ได้ก่อนที่จะเปิดห้องใหม่ได้ ” – โซว์พูดขึ้น


เดฟได้พาทีมเขาเดินหน้าต่อโดยเขาอยู่บนหลัง Stinger


พวกเขาเดินหน้าไปตามทางเดินใหม่อย่างระมัดระวังพร้อมคอยมองหากับดักตามทางจนกระทั่งมาพบกับประตูที่อยู่ปลายทางเดิน


ห้องที่ปลายทางเดินนี้ใหญ่กว่าห้องป่าคางคก ตรงหน้าพวกเขานั้นมีภูเขาเล็กที่โผล่ขึ้นมาพบกับท้องฟ้าแทนที่จะเป็นเพดาน


ที่บนภูเขานั้นมีเจดีย์สามชั้นสีแดง ที่หลังคาบนชั้นสูงสุดนั้นมีร่างหนึ่งที่นั่งอยู่หันมามองพวกเขา


เขารึมันนั้นใส่เกราะซามูไรและถือดาบคันตาน่าฝักสีดำซึ่งเหน็บไว้ข้างตัว


ภายใต้หมวกมีหน้ากากจมูกยาวสีแดงปกปิดใบหน้าเอาไว้ ด้านหลังเขานั้นมีปีกขนดำ


” เท็งงุ ! ” – โซว์อุทานออกมา


” เธอจามรึไง ….? ” – เดฟตอบกลับไม่มั่นใจว่าเธอจามรึเปล่า


” ไม่ นั่นมันเทพพิทักษ์ภูเขา มันอยู่ในตำนานของญี่ปุ่น พวกมันคือหมาเทพที่คอยปกป้องภูเขา ในตำนานบอกว่าพวกนี้คือผู้ส่งสารของสงครามและมีความแข็งแก่งที่น่ากลัว “


” เขาดูไม่เหมือนหมาสงครามสำหรับฉันเลย ไปดูใกล้ๆกันเพื่อที่เราจะได้ตรวจสอบเขาได้ ” – เดฟพูดขึ้น


เดฟ เร่ง Stinger ให้เดินหน้าไปตามทางที่นำไปสู่ภูเขา


ในตอนที่ Dunlord ก้าวเท้าไปที่ภูเขา เท็งงุก็ได้ลุกขึ้นยืนและกางปีกออก นกตัวน้อยที่เกาะที่จมูกของมันได้บินหนีไปทันที


เดฟได้ตรวจสอบมันทันที


[Dai-Tengu]


เลเวล : 450


ระดับ : Mythic


HP : 800,000


ดาเมจ : 45,000-60,000


ลดดาเมจ : 35,000


ดูดซับเวทย์ : 25,000


สกิล :


{Dimensional Cut : อยู่ในท่าไออิโอแล้วดึงดาบฟันออกมาในแนวราบตัดผ่านทุกอย่าง ถ้าเป้าหมายโดนการจมตี พวกนั้นจะตายทันทีโดยไม่สนว่าจะใช้สกิลปกป้องอะไร }


{Feather Storm : เท็งงุได้สะบัดปีกเพื่อสร้างพายุขนดำกระหน่ำลงมาใส่พื้นที่รัศมี 30 ม. เป้าหมายที่โดนขนโจมตีจะได้รับดาเมจ 2,000 หน่วยและลดผลการฮีลลง 50% จากทุกด้าน }


{Dragon Ball : เท็งงุห่อหุ้มตัวเองด้วยพายุไฟและยิงลูกบอลไฟออกมา เป้าหมายที่โดนโจมตีจะได้รับดาเมจ 20,000 หน่วยและระเบิดจากสกิลนั้นจะเผาไหม้พื้นที่รัศมี 5 ม.รอบๆและทำดาเมจ 5,000 เป็นเวลา 5 วินราที }


{War Tengu : ตอนที่เลือดเหลือน้อยกว่า 50% มันจะเข้าสู่ระยะที่สอง สกิลทุกอย่างจะพัฒนาขึ้นและผลของมันจะเปลี่ยนไป }


คำอธิบาย : เท็งงุนั้นเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์แต่ก็ยังเป็นผู้ส่งสารในสงคราม พวกมันคือผู้ปกป้องดินแดนและไม่มีทางแสดงความปราณีต่อผู้บุกรุก


” ใช่ มันเป็นผู้ส่งสาร โซว์ ระวังด้วย นี่น่ะแข็งแกร่งกว่าพวกคางคก “


โซว์ มีเลเวลต่ำที่สุดในห้องนี้ แค่โจมตีเฉียดๆเธอก็ตายได้แล้ว


” เอาล่ะพวก เตรียมพร้อม ! “


อันเดตเข้าไปใกล้ที่ภูเขาและเท็งงุก็ได้พูดด้วยเสียงราวกับชายแก่


” นักรบแห่งความตาย เดินเข้ามาในภูเขานี้อีกฉันจะนำพาความตายมาให้พวกนาย ! “


” โอ้ มันพูดได้ด้วย เฮ้ปู่จมูกโต เอาของที่นายมีให้เราแล้วก็ตายไปด้วยเถอะ ” – โซว์ตอบกลับด้วยเสียงสาวน้อยขี้เล่น


เท็งงุไม่ได้สนใจคำพูดเธอ เขาแค่เดินลงมาตามถนนของภูเขา


” ไม่มีประโยชน์ที่จะมาพูดคุยกัน แค่ฆ่าเขาก็พอ ” – เดฟร่ายสกิลพร้อมกับหัวกะโหลกสองอันที่โผล่ขึ้นมาตรงหน้า


” พวกนายหาเรื่องใส่ตัว ” – เท็งงุพูดขึ้นในตอนที่หัวกะโหลกพุ่งเข้าหาตัว


เดฟดีดนิ้วพร้อมกับระเบิดหัวกะโหลกตรงหน้าเท็งงุแต่อีกฝ่ายนั้นกลับหายไปจากสายตา


” เหี้ย เขาเร็วจริงๆ ! ” – เดฟแปลกใจ


เท็งงุปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเดฟและชักดาบออกมาโจมตีตั้งใจจะตัดหัวเดฟออก


เดฟตอบโต้ตามสัญชาตญาณยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อกันการโจมตี


[-55,115]


พลังจากการโจมตีนี้ทำให้เดฟได้กระเด็นออกจากหลัง Stinger กลิ้งตกภูเขาไป


โซว์ อึ้งกับการโจมตีที่รวดเร็วแบบนี้


” โจมตี ! ” – เดฟตะโกนสั่งการ


Dunlord ยกหน้าไม้ขึ้นแล้วยิงเข้าใส่เท็งงุแต่เท็งงุนั้นแค่กางปีกแล้วกันลูกดอกพร้อมกับแสดงความเร็วที่น่าทึ่งอีกรอบ


” เราต้องทำให้เขาช้าลง ! ” – โซว์พูดขึ้น


” ได้เวลาใช้สกิลช็อตแล้ว ! ” – เดฟตะโกนขึ้นมาแล้ววิ่งกลับเข้าไปในเขตต่อสู้


เท็งงุได้โผล่มาที่อันเดตระดับสูงแล้วทำการฆ่าด้วยการตัดหัวในทุกๆการโจมตี


” โจมตี ! ” – เดฟสั่งการแล้วใช้ {Immortal Apprition} เพื่อวาร์ปไปด้านหลังเท็งงุ


[เป้าหมายต้านทานความกลัว]


เดฟไม่ได้สนใจแจ้งเตือนและกระทืบเท้าขวาลงเพื่อใช้ {Death Surge}


คลื่นสีดำได้แผ่ออกไปข้างหน้าแล้วห่อหุ้มตัวเท็งงุเอาไว้ทำให้การเคลื่อนไหวของมันลดลง


” ตอนนี้แหละ โซว์ ! “


โซว์ ใส่ลูกธนูใช้ {Electro Shock} ก่อนจะเล็งแล้วยิงออกไป ธนูนั้นถูกยิงออกไปพร้อมกับสายฟ้า เท็งงุได้ยกดาบขึ้นมาฟันธนูนั้นออกเป็นสองส่วน


” มันไม่แฟร์เลย ! ” – โซว์ร้องออกมา


” เหี้ย ! ” – เดฟพูดขึ้น


เท็งงุได้ก้าวถอยกลับไปแล้วหัวหน้าไปหาเดฟ


เท็งงุอยู่ในท่าชักดาบ ขีดการร่ายได้โผล่มาบนหัวของมัน


” ถอยกลับไป ! ทุกคนถอย ! “


เดฟโดดออกเพื่อหลบการโจมตีที่กำลังจะพุ่งเข้ามา


Dunlord ทุกตัวหนีได้อย่างเฉียดฉิวแต่มีอันเดตบางตัวที่เร็วไม่พอ


ตาของเท็งงุเบื้องหลังหน้ากากนั้นเป็นประกายสีแดงขึ้นมาชั่วขณะแล้วตะโกนออกมา – ” พวกที่กล้าบุกเข้ามายังที่ดินนี้ ด้วยสิทธิของฉัน เท็งงุผู้ยิ่งใหญ่ ความพยายามที่สูญเปล่าจะจบไปด้วยดาบนี้ ! “


มือของเท็งงุนั้นกำแน่นรอบดาบแล้วดึงดาบออกมา…ในเสี้ยวพริบตาเขาก็เก็บดาบเข้าฝัก


ลมอันรุนแรงได้พัดเอาทรายและหินทั้งห้องให้กระจายขึ้นมา


ทุกอย่างตรงหน้าเท็งงุนั้นถูกฟันผ่าครึ่ง แม้แต่ตัวมิติเองก็ยังถูกฟันผ่าออก ทันใดนั้นครึ่งหนึ่งของห้องก็เริ่มแยกออกจากอีกส่วนหนึ่งเหมือนกับแตงโมงที่โดนผ่าออกจากกัน


จากนั้นห้องก็เริ่มสั่นก่อนจะกลับมาเป็นปกติ สองส่วนที่แยกจากกันตะกี้ได้กลับมารวมตัวกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


เดฟเห็นอันเดตที่เร็วไม่พอที่จะหลบการโจมตีได้ ร่างกายของพวกนั้นโดนผ่าเป็นสองส่วน พวกนั้นไม่ได้มีแม้แต่โอกาสที่จะกรีดร้อง


เดฟตะโกนออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่เท็งงุ


เขาได้ใช้สกิลที่ไม่ได้ใช้มานานอย่าง {Death Grip}


[{Death Grip} ถูกต้านทาน ]


” เหี้ยเอ้ย ! ” – เดฟตะโกนออกมาแล้วต่อยใส่เท็งงุด้วย {Decimating Smash} เข้าใส่จมูกของมัน


เท็งงุสตันท์ไปเพียงไม่นานซึ่งนานพอที่ Dunlord จะยิงลูกดอกใส่ได้ ครั้งนี้เท็งงุนั้นเซจากแรงกระแทกจากลูกดอกแต่ละลูกก่อนจะกลายเป็นกระสอบทราย ดาเมจนัน้ไม่ได้สูงเพราะความต่างจากเลเวลแต่มันก็ยังพอทำดาเมจได้และมันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าพอใจ


โซว์ ปีนกลับขึ้นมาใช้ {Penetrating Shot} ยิงเข้าใส่เท็งงุและสตันท์มันไว้เพิ่ม


เดฟ ได้เปลี่ยนถุงมือเป็นดาบกับโล่ เขาใช้ {Shield Charge} ในการพุ่งอัดเข้าใส่เท็งงุ


พวกเขายังคงทำการสลับกันสตันท์เท็งงุเพื่อกันไม่ให้เท็งงุใช้ปีกได้และทำให้อีกฝ่ายยังคงอยู่ที่พื้นอยู่


” Stinger กดเขาลงไป ! “


Stinger เดินเข้ามาแล้วล็อคขาเท็งงุไว้ด้วยก้ามขอมัน ปีกนั้นตีออกมาอย่างรุนแรงเข้าใส่ Dunlord แต่ Dunlord ก็ไม่ได้สนใจอะไร


การโจมตีของเดฟนั้นทำดาเมจอะไรไม่ได้ บางครั้งเมื่อไหร่ก็ตามที่สกิล {Commander} ทำงาน อันเดตที่โชคดีก็จะจัดการโจมตีใส่เท็งงุได้ มีแค่เพียง Dunlord ที่ไม่ได้รับผลต่างทางเลเวลซึ่งสามารถทำดาเมจใส่มินิบอสได้


เท็งงุกระพือปีกด้วยความหงุดหงิดอีกครั้ง ครั้งนี้มันสามารถลาก Stinger ขึ้นไปบนอากาศได้พร้อมมันด้วย


” Stinger ปล่อย ! ” – เดฟสั่งการและมนุษย์แมงป่องก็ได้คลายก้ามขอมันออกตกลงมาที่พื้นได้รับดาเมจจากการตกไม่มากนัก


เท็งงุบินสูงขึ้นไปแล้วเริ่มตีปีกเร็วขึ้นจนเร็วเหมือนกับปีกนก อากาศรอบปีกเริ่มหมุนวน ท้องฟ้าเริ่มสั่นคลอนและเปิดออกก่อนที่จะมีเมฆดำปรากฏขึ้นมา จากนั้นเมฆนั้นก็เริ่มมีขนเหล็กสีดำกระหน่ำโจมตีเข้าใส่พวกอันเดตซ้ำๆ


” เหี้ย การต่อสู้นี้คงกินเวลานานแน่ ! “


Chapter 167 : นี่ยังไม่ใช่ร่างสุดท้ายด้วยซ้ำ !


เดฟได้ฟาดโล่เข้าใส่พื้นดินจากนั้นก็ก้มลงแล้วใช้ {Block} ท้องฟ้านั้นมืดลงพร้อมกับพายุขนเหล็กที่กระหน่ำลงมาโดยแต่ละอันนั้นต่างก็ปะทะเข้ากับโล่พร้อมเสียงที่ดังขึ้นมา


ขนที่ยิงกระหน่ำลงมานั้นราวกับกระสุนปืนที่สามารถเฉือนเนื้อและกระดูกได้อย่างง่ายดาย


Dunlord นั้นก็ไม่ยกเว้น พวกมันได้ใช้กงเล็บขอตัวเองเป็นโล่แต่ก็ยังได้รับดาเมจอยูดีแม้ว่าจะมีเปลือกเล็บที่หนาก็ตาม


โชคดีที่พรีสและพาราดิน, หน่วยฮีลเลอร์นั้นอยู่ไกลจากเขตต่อสู้


สุดท้ายแล้วฝนเหล็กก็ได้หยุดลง เดฟได้โผล่ออกมาจากโล่เพื่อตรวจสอบความเสียหายของทีมเขา


” โซว์ ! ” – เขาตะโกนขึ้นมา เขามองหาร่างที่ไม่ขยับซึ่งนอนอยู่ที่พื้น พยายามหาตัวเอลฟ์สาว เธอเลเวลต่ำที่สุดในกลุ่มและแน่นอนว่าเลือดที่มีนั้นคงไม่รอดจากการโจมตีนี้แน่


เดฟกังวลว่าเธออาจจะตายไป


” ฉันไม่เป็นไรเดฟ ฉันใช้ {Blink} หนีมาได้ เกือบไปแล้ว ! “


“นี่มันพายุจริงๆ ฮี่ฮี่ เอาล่ะ ! มันกลับมาแล้ว ” – เดฟเตือนเมื่อเห็นเท็งงุที่วนกลับมา


เท็งงุชักดาบออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าโจมตีซอมบี้ที่เลือดเป็นสีแดง


เท็งงุนั้นตัดซอมบี้ที่ใกล้ตายออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็ได้เปลี่ยนเป้าหมายไปยังอันเดตอีกตัวแล้วทำการโจมตี


เดฟได้พุ่งเข้าไปสู้ในตอนที่เท็งงุได้ทำการฆ่าอันเดตอยู่ เขาพุ่งเข้าไปจากด้านหลังแล้วชนเข้ากับเท็งงุแต่มันไม่อาจจะทำดาเมจอะไรได้


” นายทำอะไร เดฟ ? ความต่างทางเลเวล จำได้มั้ย ! ” – โซว์เตือนเขาแล้วใช้ {Binding Arrow} เพื่อทำให้เท็งงุช้าลงไป


” สกิลดาบ ! ” – เดฟตะโกนขึ้นมา – ” ฉันทำลายเกราะเขาได้ มันจะทำให้ง่ายกว่าเดิมที่ Dunlord จะฆ่าเขาด้วยวิธีนี้ ! “


เดฟได้ใช้ดาบนั้นโจมตีอีกครั้ง


เท็งงุที่หงุดหงิดกับการที่เดฟโจมตีเขาได้เหวี่ยงดาบไปมาซ้ำในแนวนอนเพื่อสร้างระยะห่าง เดฟได้ใช้ {Stampede} ในการกันผลจาการกระเด็นก่อนจะพุ่งเข้าหาเท็งงุเพื่อลดช่องว่าง เขาได้ใช้เกราะของตัวเองรับการโจมตีที่รุนแรงเอาไว้


[-65,555]


เขารับการโจมตีพร้อมกับชนเข้ากับเท็งงุและทำให้อีกฝ่ายสตันท์ไป Dunlord ได้ยิงห่าธนูเข้าไปใส่ทันทีและเดฟก็ได้โจมตีอีกสองรอบก่อนที่ผลสตันท์จะหมดไป


เท็งงุสะบัดปีกของมันก่อนจะทะยานกลับขึ้นไปบนฟ้า


” อย่างกับฉันจะปล่อยให้แกทำแบบนั้นอีก ! “


เดฟได้ใช้ {Death’s Descent} และกระโดดขึ้นไปลากเท็งงุกลับลงมาที่พื้น


” ฉันเอง ! ” – โซว์ พูดขึ้นแล้วใช้ {Ice Shard Arrow Barrage} มือของเธอนั้นขยับด้วยความเร็วที่น่าทึ่งยิงฝูงธนูนับสิบออกไปในไม่กี่วินาที ธนูนั้นกลับเป็นเศษน้ำแข็งตอนที่ปะทะเข้ากับเท็งงุและมีน้ำแข็งเกาะที่เกราะของมันในทุกที่ที่ลูกธนูปะทะ


” ฮีลฉัน ! ” – เดฟตะโกนบอกนักเวทย์ พวกนั้นเริ่มยิงคำสาปและเวทย์ใส่เขาค่อยๆเพิ่มเลือดของเขาทีละนิดๆ


เดฟได้กลับไปโจมตีเท็งงุอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้ใช้ {Shield Bash} เท็งงุได้กลับไปติดสตันท์อีกรอบปล่อยให้เดฟโจมตีได้อีกหลายครั้ง


” ฉันจะหมดสกิลแล้ว ! ฉันต้องการโจมตีอีกสองครั้ง ! ” – เดฟ ตะโกนขึ้นมา


” ขยับไปทางขวา ! ของจริงจะมาแล้ว ! ” – โซว์ ปล่อยลูกธนูพร้อมกับใช้ {Bombarda} ลูกธนูนั้นกลายเป็นสีแดง ในตอนที่เธอยิงลูกธนูออกไปนั้นมันได้ส่งเสียงราวกับไฟถูกจุดขึ้นมา


เดฟได้พุ่งหลีกไปทางขวาพร้อมกับลูกธนูที่พุ่งผ่านเขาไปแล้วระเบิดเกราะของเท็งงุทำให้มันเซ


” ดี ! “- เดฟพุ่งเข้าไปตามแล้วใช้ดาบตัดเป็นแนวนอน การตัดนี้เขาได้ใช้สกิลของอุปกรณ์ {Mountain Cleaver} ซึ่งทำให้เขาโจมตีได้อีกครั้งทันทีแม้ว่าเขาจะไม่อยู่ในท่าโจมตีก็ตาม


[ คุณได้สร้างดีบัฟ {Embrittle} โจมตีใส่ที่เกราอีกครั้งจะลดเกราะเป้าหมาย 50%]


” ชิมนี่ดู ! ” – เดฟได้ใช้สกิลดาบ {Concussive Blow} และใช้ดาบฟาดลงมาราวกับเหวี่ยงท่อนไม้


[ เกราะชำรุด ]


” Dunlord จัดการเขาซะ ! ” – เดฟสั่งการพร้อมกับรีบถอยออกมา


ลูกไม้ของ Dunlord ตอนนี้ทำดาเมจได้กว่า 5,000 หน่วยต่อครั้งและนั่นก็เพิ่มผลการเซเข้าไปอีก


” เจ้าเล่ห์จริงๆ ! “


” บ้าเอ้ย ไอ้เท็งงุนี่โคตรโกงเลย สกิลที่มันมีแล้วความเร็วอีก ! ฉันต้องใช้สตันท์ทุกอย่างที่มีเพื่อโจมตีต่อเนื่อง 10 ครั้งให้เกราะแตกเนี้ย “


เดฟย้ายไปที่แนวหลังกับหน่วยสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูเลือดของตัวเองโดยปล่อยให้ Dunlord นัน้ทำการยิงหน้าไม้เข้าใส่เท็งงุที่ตอนนี้กำลังบินอยู่


” เราต้องดึงมันกลับมาในระยะ ใช้ผลการช้า, สตันท์, แช่แข็ง ทุกอย่างที่มีทันทีที่มันคูลดาวน์เสร็จ “


เท็งงุได้รับบาดเจ็บภายใต้การระดมโจมตีจาก Dunlord บวกกับบางครั้งที่ เดฟ และ โซว์ ได้ใช้สกิลเข้ามาช่วย ตอนนี้เท็งงุจึงเริ่มตกที่นั่งลำบาก


เท็งงุพบโอกาสในตอนที่ไม่ตกในดีบัฟอื่นฟันผ่าผีดิบใกล้ๆออกเป็นสองส่วน


Dunlord สอตัวนั้นตายไปแล้วและเท็งงุก็ยังเหลือเลือดกว่า 60% สำหรับอันเดตตัวอื่นๆแล้ว เดฟ ได้กัดฟันแน่นและเริ่มสั่งให้โจมตีหนักกว่าเดิม


เขาจะแทงค์ให้กับอันเดตบางตัวโดยใช้โล่ของเขาในการกันและความสามารถที่มีเพื่อช่วยอันเดตหนึ่งรึสองตัว


การโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเท็งงุก็เพียงพอจะฆ่าทุกคนได้ยกเว้นเพียง Dunlord โซว์ นั้นต้องระวังอย่างมากในการหลบการโจมตีที่เข้าหาเธอ


เวลานับถอยหลังโผล่มาที่หัวเท็งงุอีกรอบและเริ่มทำท่ามือออกมา


ไฟได้ปะทุออกมาจากตัวเท็งงุกลืนกินพื้นที่รอบตัว เขายกมือขวาขึ้นพร้อมกับพายุไฟที่รวมตัวเป็นลูกบอลยิงเข้าใส่ Dunlord ที่อยู่ใกล้ที่สุด


เดฟตะโกนออกม้าด้วยความสิ้นหวัง – ” ม่ายยยยย ! “


แต่ลูกไฟนั้นเร็วเกินไป ลูกไฟได้ปะทะกับ Dunlord ลดเลือดไปมหาศาลพร้อมกับฆ่าอันเดตที่อยู่ใกล้ๆไปด้วย


” บ้าเอ้ย ! มินิบอสนี่แข็งแกร่งเกินไป ! ” – เดฟสบถออกมา


เลือดของเท็งงุเหลือ 50% ในตอนที่จัดการ Dunlord อีกตัวไปได้


เดฟเปลี่ยนดาบกับโล่ไปใช้ถุงมือและใช้ {Aura} เปลี่ยนพื้นที่โดยรอบเป็นทะเลไฟ


{Decimating Smash} นั้นคูลดาวน์เสร็จแล้ว ดังนั้นเขาจึงกระโดดขึ้นแล้วใช้มันสตันท์ใส่เท็งงุและเปิดโอกาสให้ Dunlord ได้โจมตีศัตรู


Dunlord บางตัวนั้นถึงกับเข้ามาใกล้แล้วโจมตีเท็งงุด้วยหางพิษจนสร้างดาเมจพิษได้


เดฟ ได้ใช้ {Infernal Tornado} หมุนรอบตัวเท็งงุ


แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำดาเมจอะไรแต่ผลการเซนี้ก็ช่วยสำหรับดาเมจของพวกที่เหลือ


โชคดีในตอนที่หมุนอยู่นั้นรูนของถุงมือได้ทำงาน {Shock} และ {Venom} ได้ทำให้เท็งงุตกที่นั่งลำบากมากกว่าเดิม


เท็งงุได้โอกาสหนีและได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า


” ระวัง มันจะมีพายุขนเหล็กอีก ” – เดฟพูดขึ้นแล้วเตรียมที่จะใช้ {Vertical Slash} เพื่อหนีจาการโจมตี


” ไม่ ! เขาเพิ่งใช้ {Feather Storm} ไป ! ” – โซว์ตะโกนขึ้นมา – ” เขากำลังจะเข้าระยะสอง ! “


” เหี้ยแล้วไง ! “

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม