Rise of The Undead Legion 125-131

 Chapter 125 : พัฒนา


มือของเดฟสั่นด้วยความตื่นเต้นจากรางวัลที่ได้รับ


{Double Edged: เรียนรู้สกิลเพื่อผิวปากเรียก Minahocao จากใต้ดิน


ระยะเวลา 1 วินาที


Minhocao เป็นศัตรูต่อผู้ที่เรียกมันและพวกของผู้ที่เรียกรวมถึงศัตรู การอัญเชิญนี้จะโจมตีจากทางใต้ดินกลืนกินพื้นที่ในรัศมี 20 ม.ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็จะหายไป


ดาเมจ : ดาเมจโดยตรง 20,000 + ดาเมจจากอาวุธ 20% ใส่แต่ละเป้าหมายในระยะพื้นที่


คำอธิบาย :


Minhocao นั้นชั่วร้าย มีข่าวลือว่าพวกมันคือไส้เดือนที่พัฒนาตัวเองขึ้นมาโดยมีอายุกว่า 10,000 ปี


คูลดาวน์ 20 นาที }


[ คุณอยากจะเรียนรู้หรือไม่ ? Y/N]


เดฟยิ้มออกมาตอนที่อ่านคำอธิบาย – ” แน่นอนสิว่าฉันต้องอยากเรียนรู้สกิลสุดยอดแบบนี้ ! ใช่ ! ” – สกิลได้เข้ามาในตัวเดฟก่อนหนังสือสกิลจะกลายเป็นเศษแสงแล้วหายไป ด้วยความอดทนที่ต่ำ เดฟจึงหาที่เพื่อทดสอบสกิล


เขาหัวเราะออกมาเมื่อหาที่ทดสอบสกิลเจอ เขาเดินไปที่ขอบรังของ Shadow Worm โดยมี Bud เดินตามมาติดๆก่อนจะผิวปากใช้สกิลใหม่


ทันใดนั้นถ้ำก็เริ่มสั่นไหวและเดฟก็ได้ใช้ {Vertical Slash} เพื่อหลบออกมาจากภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น


พื้นดินสั่นไหวอย่างต่อเนื่องและเกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา พื้นดินได้ยุบตัวลงพร้อมกับเขี้ยวเป็นร้อยๆซี่ที่ใหญ่กว่าตัว Dunlord เผยออกมาจากพื้นหินรอบๆขอบหลุม จากนั้นพื้นดินในส่วนนั้นก็ได้หายเข้าไปในปากของมัน จากรูที่มันสร้างขึ้นมานั้นมีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับปลาวาฬเกยตื้นโผล่ขึ้นมา มันสูงเกือบติดเพดาน มันพลิกตัวกลางอากาศและดำดิ่งมุดกลับลงไปที่พื้น


เดฟ ตะลึงกับสิ่งที่เห็น เขาอ้าปากค้างด้วยความตะลึงและช็อกตอนที่มองดูหางไส้เดือนที่หายไปในรูหลังจากที่โจมตีเสร็จ


สิ่งนั้นมันก็แค่หนอนสีเทาดูน่ากลัวแต่ขนาดของมันเท่ากับรถน้ำมันเลยก็ว่าได้ !


” สุดยอด ! มันเป็นศัตรูกับทุกอย่างจริงๆ ! “


เขากลับมาหาทีมแล้วทำการตรวจสอบเควสต่อ


” เราจะกลับไปสำรวจอีกด้านของถ้ำ ” – เดฟสั่งการออกมา พวกเขาได้เดินทางกลับไปยังเส้นทางเดิมเพื่อมุ่งหน้าไปที่ทางแยก


ในตอนที่เดินทางอยู่นั้น เดฟก็พบกับปัญหา เขาต้องการพัฒนาประสิทธิภาพของทีม


เขารู้อยู่แล้วต้องมีคนมากกว่านี้เพื่อที่จะทำดาเมจและรับมือกับศัตรูที่เลเวลสูงกว่าได้แต่เขาต้องมีวิธีในการรักษาคนของเขาไว้และเขาเองก็ต้องสู้ไปด้วย มันมีตอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งเขาต้องให้ลูกน้องมาปกป้องเขาซึ่งจะทำให้มันได้รับดาเมจไป เขาต้องพัฒนาแผนขึ้นมา ไม่ใช่ทุกคนในหน่วยจะแข็งแกร่งเหมือนกับ Dunlord หรือว่าจะใจแข็งเหมือนกับ Dog


การที่จะให้อันเดตสู้ต่อไปได้และยังมีชีวิตรอดนั้นเขาต้องมีทางฟื้นฟูพวกมันในระหว่างการต่อสู้และหลังจากนั้น ปกติแล้วการฟื้นฟูเลือดของอันเดตจะช้า Ghoul เป็นข้อยกเว้น พวกมันเพิ่มอัตราการฟื้นฟูขึ้นมาจากการกินเนื้อศัตรูแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่อาจจะหยุดต่อสู้กลางคันแล้วจกเอาเนื้อขึ้นมากินได้


” ฉันต้องหาทางช่วยให้พวกอันเดตฟื้นฟูตัวเองจาการบาดเจ็บระหว่างและหลังจากการต่อสู้ ฮีลเลอร์สำหรับอันดต …” – เดฟคิด – ” แสงศักดิ์สิทธิ์จะฮีลมนุษย์แต่มันถือว่าเป็นการโจมตีสำหรับอันเดต ฉันสงสัยว่าถ้านักเวทย์อันเดตสามารถฮีล Dunlord ได้หรือเปล่า” – เดฟสั่งการให้นักเวทย์ใช้เวทย์ของตัวเองเข้าโจมตี Dunlord ที่ได้รับบาดเจ็บ


[0]


0 ตัวใหญ่ๆเลย


Dunlord ร้องออกมาพร้อมกับเล็งหน้าไม้ไปที่นักเวทย์ตัวตะกี้


นักเวทย์รีบถอยหลังกลับมาเพราะความกลัว เดฟหัวเราะและบอกให้ Dunlord ใจเย็นๆ


” งั้นมันก็ไม่ได้ผลกับ Dunlord พวกมันดูไม่เหมือนพวกคนตายอยู่แล้ว หืม ” – เดฟมองไปรอบๆและพบกับ Dog ที่ยากจะเดินตามคนอื่นได้ทัน Dog ถือหัวตัวเองเหมือนกับลูกบอลเดินตามคนอื่นๆมา


Dog สมกับชื่อของมันจริงๆ ความดื้อด้านของมันในการไม่ยอมแพ้การต่อสู้หลังจากที่ถูกบดขยี้ มันไม่ได้หยุดที่จะพยายามฆ่าหนอนเลือดแม้ว่าจะถูกกัดหัวขาดไปแล้วก็ตาม


มีความคิดว่าชื่อทุกแบบสามารถใช้กับซอมบี้ได้หมด บางทีเขาไม่น่าจะตั้งชื่อมันว่า Dog เขาอาจจะเรียกมันว่าผีหัวขาดก็ได้ตามแบบในหนังที่ขี่ม้าซอมบี้แต่ยังไงซะชื่อนี้ก็ถือว่าเข้าท่าแล้ว…เอาล่ะ มาเข้าเรื่องเดิมกันต่อ


เลือดของ Dog เหลือน้อยและเริ่มลดลงเรื่อยๆ มันจะตายในไม่ช้าถ้าไม่ได้รับการฮีล เดฟไม่ได้คิดสงสารอะไรในการทดลองถ้าหากมันจะส่งผลดีต่อทีมของเขา เขาจะให้เหรียญกล้าหาญกับมันทีหลังเมื่อพวกเขากลับไปที่ดินแดนอันเดตได้อย่างปลอดภัย


เขาสั่งการนักเวทย์คนเดิม – ” นาย ! โจมตีไปที่ Dog ! “


นักเวทย์ไม่ได้ขยับและแสดงสีหน้าไม่เต็มใจออกมากับคำสั่งของเขา


” นายจะรออะไร ? โจมตีเขาด้วยเวทย์ได้แล้ว ! “


นักเวทย์ทำการโจมตีไปที่ Dog ด้วยความลังเล


[+450]


” มันได้ผล ! แต่ทำไมมันถึงไมได้ผลกับ Dunlord ? ฉันเดาว่ามันหมายถึงว่า Dunlord ยังมีชีวิตอยู่หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่อันเดต แม้ว่าจะอยู่ภายใต้คำสั่งของอันเดตแต่มันต้องมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังแน่ๆ “


เดฟสั่งการให้นักเวทย์โจมตี Dog ต่อเพื่อทำการฟื้นฟูให้มัน


นักเวทย์ได้เพิ่มเลือดของซอมบี้ขึ้นจนเต็มแต่เดฟเห็นว่า Dog ยังคงถือหัวตัวเองไว้อยู่แทนที่จะเอามันกลับไปไว้ที่คอเหมือนที่ควรจะเป็น


” Dog นายเอาหัวใส่ที่เดิมได้มั้ย ? ” – เดฟส่งสัญญาณมือให้ – “นายดู…แปลกๆเมื่อเป็นแบบนี้ “


‘ นี่ยังไม่รวมกับการที่เพื่อนมันจะล้อตอนที่แบกหัวไปมาแบบนี้แต่ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้หรอก อาจจะเป็นแผลในใจไปตลอดชีวิตของมันก็ได้ ฮี่ฮี่’


Dog มองกลับมาที่เดฟด้วยหัวที่อยู่ในมือของมันก่อนจะแกว่งมือไปมา


” ไม่เอาน่า เลิกเล่นได้มั้ย “


เดฟสับสน ทำไมซอมบี้ถึงไม่ต้องการเอาหัวกลับไปที่เดิม ? การบาดเจ็บที่หัวทำให้มัน…ไม่ ไม่ ไม่เอาตั้งชื่อแล้ว เขาเสียเวลาไปเยอะกับการตั้งชื่อมากไปแล้ว


” พัฒ ” -Bud พูดขึ้นมา


” อะไร Bud ? “


” ดู…” – Bud ชี้ไปที่ซอมบี้


Dog ตัวสั่นไปมาราวกับว่ากำลังโดนไฟช็อต


อยู่ๆมันก็ร้องออกม้าด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ขนาดตัวจะขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาสูงกว่าเดิมอีกครึ่งเท่าตัว ตอนนี้เข้าสูงพอๆกับ Dunlord แล้ว ไหล่ของของเขากว้างและหนาพร้อมกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ อันที่จริงแล้วสภาพแบบซอมบี้ได้หายไปแล้ว ตอนนี้ตัวของมันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่บึกทุกส่วน มันดูคล้ายกับโคนันคนเถื่อน….ที่ไม่มีหัว


มันยังคงถือหัวตัวเองไว้อยู่แต่ตาของมันตอนนี้มีแสงสีเขียวเปล่งออกมา มันมองไปรอบๆอีกครั้งด้วยหัวที่อยู่ใต้แขนกำยำของมันซึ่งชัดแจนแล้วว่าแฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง


Chapter 126 : DULLAHAN


[ยินดีด้วย ! ลูกน้องของคุณได้ทำการวิวัฒนาการอันหายาก


Dullahan


คุณสามารถรับอันเดตแบบใหม่เข้าทีมได้ , +20,000 คะแนน


คำอธิบาย :


Dullahan นั้นเป็นอันเดตที่ซึ่งมีหัวแยกกับตัว เขาผ่านกความเจ็บปวดและสูญเสียมา เพราะเรื่องนี้พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ถ้า Dullahan หาหัวเจอ เขาจะจับมันไว้ใต้รักแร้เพราะกลัวว่าจะเสียมันไปอีก


ตอนเดียวที่ Dullahan จะไม่เอาหัวสอดไว้ที่แขนคือตอนที่ต่อสู้ ตอนที่มันวางหัวต่อกลับที่คอ ความเสี่ยงจาการเสียหัวอีกครั้งจะทำให้มันคลุ้มคลั่ง]


” สุดยอด ! ” – เดฟ ดีใจกับคลาสใหม่ของอันเดต เขาอยากรู้ว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง


เขาดีใจกับการหาวิธีในการฟื้นฟูเลือดอันเดตได้แต่จากนั้นเขาก็มองไปที่เลือดของ Dunlord เขาถึงได้สติ มันคือแนวหน้าของกองทัพเขา ถ้าเขาหาทางฟื้นฟูเลือดมันขึ้นมาไม่ได้ งั้นเขานี่แหละที่อาจจะต้องเป็นฝ่ายที่ตายในการต่อสู้และเขาก็ไม่ได้มีพวกที่แข็งแกร่งพอด้วย


” ฉันจะฟื้นฟูเลือดพวกนี้ได้ยังไง…” – เดฟคิดอยู่สักพักก่อนจะดึงเอายาฟื้นฟูออกมาจากกระเป๋า


เขามีมันเยอะเพราะซื้อมันมาจากร้านค้าอันเดต


” เฮ้ ! ” – เขาเรียก Dunlord มตัวหนึ่งซึ่งเลือดเหลือน้อยก่อนจะโยนยาฟื้นฟูให้กับมันไป Dunlord รับยาเอาไว้แล้วถือมันไว้ในมือก่อนจะมองมาที่เดฟ


” ดื่มมันซะ ! “


Dunlord ไม่ลังเลที่จะโยนทั้งขวดเข้าไปในปากของมันและมองกลับมาที่เดฟ


จากนั้นมันก็เรอออกมา เดฟอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาดีใจที่ Lone Arrow ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยไม่งั้นคงหัวเราะเขาแน่


ที่สำคัญกว่านั้นคือเลือดของ Dunlord นั้นเพิ่มขึ้นมา !


” งั้นยาฟื้นฟูก็ใช้ได้ผล งั้นก็ใช้มันไปในตอนนี้ก่อนเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวแต่เมื่อทีมเพิ่มจำนวนขึ้นมา วิธีนี้คงใช้ไม่ได้ผล ราคาและการขนส่งยาพวกนี้ในโลกใต้ดินเองก็ไม่ใช่น้อยๆ “


เดฟจำไว้ว่าต้องไปถาม Delvina ถึงวิธีการจัดการฟื้นฟูกองทัพของเธอ


เดฟหยุดเดินหน้าและสั่งการให้นักเวทย์ทุกตัวทำการฮีลอันเดตตัวที่เหลือ ส่วนตัวเขาเองคอยดูแล Dunlord ด้วยการโยนยาฟื้นฟูให้กับพวกมัน กองทัพแมงป่องรับยาด้วยการใช้ปากแทนที่จะใช้มือ มันดูน่ากลัวที่เห็นยาทั้งขวดหายไปแบบนั้น เขารู้สึกเหมือนกับคนในโรงละครสัตว์ที่คอยโยนอาหารให้กับสิงโต


ในตอนที่ไปถึงทางแยกพวกเขาก็ได้สลับ Dunlord ที่คุ้มกันหน้าถ้ำเข้ามาก่อนจะเริ่มเดินหน้าไปในอีกทางแยกหนึ่ง


พวกเขาเดินเข้ามาไกลแล้วแต่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของศัตรูโผล่ออกมาเลย เดฟเริ่มจะหมดความอดทนขึ้นเรื่อยๆในตอนที่เดินหน้าเข้าไปในเหมือง


” นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกมอนสเตอร์ให้เราฆ่าไปไหนหมด ? ” – เดฟสงสัย Dog ที่เปลี่ยนเป็น Dullahan เดินหน้ามาอยู่ข้างๆ Stinger แต่อยู่ๆซอมบี้ไร้หัวก็รีบวิ่งไปข้างหน้าโดยที่เขาไม่ได้สั่ง


Stinger ยกหน้าไม้ขึ้นและเล็งไปที่ซอมบี้


” เดี๋ยว ! ” – เดฟยังคงจับตามองซอมบี้ตัวนั้น


อยู่ๆ Dog ก็หยุด หัวของเขายังคงอยู่ในมือข้างหนึ่งและมืออีกข้างที่ถือดาบ เขาสะบัดดาบแทงลงไปที่พื้น จากนรั้นซอมบี้ที่ไร้หัวก็เริ่มขยับดาบไปรอบๆราวับเบ็ดที่ทำการล่อปลา


อยู่ๆเขาก็ดึงดาบกลับมาเหมือนได้เหยื่อแล้วและดึงเอาเหยื่อตัวโตออกมา แน่นอนว่าพื้นดินนั้นเปิดออกและมีโครงกระดูกโผล่ออกมา มันลุกขึ้นยืนและเดินมาตรงหน้า Dullahan


[อันเดตใหม่ได้เข้าร่วมกองทัพของคุณ Skeletal เลเวล 45 ]


” หือ อะไรกัน…? ” – ไม่ใช่ว่าเดฟกำลังบ่นเรื่องคนที่เพิ่มมาในทีมแต่ตอนี้เขากำลังสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น


เขาตรวจสอบ Dog ทันทีเผื่อว่าจะมีเบาะแสสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น


[Dullahan]


เลเวล : 102


ดาเมจ : 500-800


ยศ : Elite Undead


Dullahan นั้นเป็นอันเดตที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นต่อสิ่งมีชีวิต


อธิบาย : เพราะ Dullahan นั้นรับรู้ถึงความตาย พวกมันจึงรู้สึกได้ถึงพลังของอันเดต นี่ทำให้พวกมันหาเศษเสี้ยวอันเดตและนำมันกลับมาเป็นอันเดตเต็มตัวได้


‘ แต่นี่มันไม่ใช่เนโครแมนเซอร์นิ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ‘


ไม่มีเวลาจะมามัวไร้สาระ เขาต้องลองคิดเรื่องนี้ตอนที่เดินหน้าต่อ


” นาย ! คนใหม่ ไปเข้ากับยามแนวหลัง ! ” – เดฟสั่งการโครงกระดูกแล้วชี้ไปที่ด้านหลัง


โครงกระดูกนั้นคอตกแล้วมองกลับมาที่เดฟจนกระทั่ง Dog เดินกลับมาตบที่หัวของมันและมองมันอย่างโกรธๆ มันถึงได้เดินไปที่แนวหลังของทีม


เดฟหัวเราะและส่ายหน้ากับเหตุการณ์นี้ก่อนจะสั่งให้ทีมเดินหน้ากันต่อ


เขายังคงคิดถึงเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบรึคำอธิบายดีๆ ดังนั้นเขาจึงสลัดเรื่องนี้ออกจากหัว มันไม่ใช่เวลาที่จะมากังวลเรื่องนี้


Dullahan ยังคงวิ่งออกจากทีมไปและทำการรับคนเพิ่มอีกครั้ง Dog ดึงเอาโครงกระดูกขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆซึ่งได้เข้าร่วมทีมกับพวกเขาและถูกส่งให้ไปอยู่ที่แนวหลัง


ในที่สุดก็มาถึงสุดทางเดิน ก็เหมือนแต่ก่อน Dunlord ได้เข้าไปตรวจสอบและส่งสัญญาณว่าปลอดภัยให้เดฟเข้ามาดูที่นั่น


เดฟมองผ่านที่ปลายอุโมงค์เข้าไปในห้องขนาดใหญ่ ในห้องนี้มีประตูเหล็กอยู่ 5 บาน เดฟมองไปรอบๆห้อง


มันมีกองหินเลือดวางไว้ที่ใจกลางห้อง มีช่องแปลกๆถูกขุดเอาไว้ที่รอบกองหินเลือดซึ่งทำให้มันเป็นเครื่องหมายแปลกๆ เมื่อหันกลับมาดูที่ประตูเขาก็เห็นว่ามีเครื่องหมายสลักไว้ที่ประตูเหล็ก เขารีบตรวจสอบที่ประตูเผื่อว่าจะพบบางอย่างที่เป็นประโยชน์


” พวกนี้คือรูน ! ” – แต่เขาไมได้ข้อมูลอย่างอื่นเลยจากรูนพวกนี้ ดังนั้นมันก็จึงเป็นแค่ภาพที่แสดงแทนของจริง


ลาวาหยดหนึ่งตกลงมาที่กองหินเลือดจากบนเพดาน ลาวานั้นได้ละลายหินเลือดไปบางส่วน ของเหลวสีแดงได้หยดลงมาที่พื้นและไหลไปตามช่องที่พื้น


เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เดฟก็พบกับโครงสร้างที่เหมือนกับสะพานส่งน้ำที่มารวมตัวกันที่ใจกลางเพดาน ทั้งหมดถูกหินย้อยขวางเอาไว้ยกเว้นแค่เพียงอันเดียว เดาว่าพวกมันคงส่งลาวามาที่กองหินใจกลางห้อง เพื่อใช้ลาวาละลายหินให้เพียงพอจะไปเติมเต็มช่องที่พื้น


” ทุกคนถอย ! ” – เดฟสั่งการออกมาแล้วเรียกหัวกะโหลกออกมาด้วย


หัวกะโหลกลอยขึ้นไปที่เพดานและมันก็ได้ระเบิดข้างๆกับหินย้อยที่ขวางทางท่อลาวาเอาไว้


[ เป้าหมายไม่สามารถทำลายได้ด้วยสกิลนี้ ! ]


” แปลก…นี่คือกองหินเลือดที่ไม่ได้ละลายมาหลายปี ทำไมระบบเกมถึงได้ทำแบบนี้ ให้เควสกับฉันที่ต้องทำให้บางอย่างทำงานทั้งที่มันไม่พร้อมทำงาน ? “


จากนั้นเดฟก็จำที่ Alfred พูดได้ว่าโลกใต้ดินนั้นไม่ควรจะปลดล็อคออกมาจนกว่าผู้เล่นจะเลวลเฉลี่ยอยู่ที่ 500 ดูจากจำนวนเวลาที่กว่าผู้เล่นจะเลเวลเฉลี่ยถึง 500 แล้วกองหินนี่คงละลายไปแล้วและจากนั้นรอยตามพื้นก็คงเปิดการทำงานไปแล้วด้วย


‘ แต่ฉันกลับทำลายแผนของ Alfred และเริ่มสิ่งนี้ไปก่อน ฮ่าฮ่า ‘


แต่เรื่องนี้ไม่ได้ช่วยเขาในตอนนี้และที่นี่เลย


เขาต้องจัดการกับมัน —– ไอ้สิ่งที่อยู่ในห้องนี้


” ฉันต้องทำเควสให้เสร็จแต่ฉันกลับติดอยู่ในส่วนนี้ผ่านไปไม่ได้ ฉันน่าจะรายงานเรื่องนี้ให้กับ Du’Razha ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อ “


ในตอนที่เดฟกำลังจะสั่งให้ทีมเขาถอยนั้น มันก็มีความคิดหนึ่งแว๊บขึ้นมาในหัวเขา เขาเปิดช่องสกิลและดูไปที่สกิลที่เขาเพิ่งได้รับมา


” มันอาจจะได้ผล ! “


เขาหันไปหากองหินและใช้สกิลออกมา ปากของเขาอ้ากว้างกว่าปกติเหมือนกับงูที่กำลังจะกลืนเหยื่อก่อนจะมีลำแสงไฟที่ถูกยิงออกมาใส่กองหิน


มันคือ {Ray of Flame} ซึ่งมีผลในการละลายหินได้ นี่คือโอกาสเป็นไปได้ที่เดฟจะทำให้หินละลาย


ลำแสงพุ่งทะลุก้อนหินไปซึ่งทำให้มันส่งเสียงราวกับเนื้อที่จี่กระทะก่อนจะเริ่มมีของเหลวสีแดงหยดลงมาใส่ช่องตามพื้นด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


ของเหลวนั้นไหลไปตามช่องและไหลเข้าไปตามสัญลักษณ์ที่อยู่ที่พื้น ของเหลวสีแดงกระจายตัวไปตามพื้นห้องไหลไปตามสัญลักษณ์ต่างๆจากนั้นก็ไหลมาที่รูนที่สลักไว้ที่ประตู


เมื่อรูนถูกเติมเต็มและเปล่งแสงออกมา เดฟก็ได้ทำการหยุดใช้สกิลของเขา


Chapter 127 : กล่องแดง


” ทาด๊า ! ฉันดูเป็นไงบ้าง Alfred ? ! ถึงใจมั้ยล่ะพวก ! ” – เดฟหัวเราะดีใจที่เขาหาทางแก้ไขปัญหาปลดล็อคเรื่องเวลานี้ได้แก้แผนของ AI ได้อีกครั้ง


สักที่ในในกลและหน่วยจัดการของระบบเกม ในห้องหนึ่งที่มีกำแพงแสงสีขาวและไม่มีเพดาน มีตัวละครหนึ่งที่ดูเหมือนชายแก่ใจดีในชุดทักซิโด้สีดำนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ถ้ามีคนมาสังเกตชายคนนี้ใกล้ๆพวกเขาจะได้เห็นเส้นเลือดบนหน้าผากที่กระตุกไปมาพร้อมกับสีหน้าที่แสดงความหงุดหงิดออกมา


ในฐานะระบบ AI เขาไม่สามารถช่วยเหลือผู้เล่นคนใดได้แต่เขาก็ไม่สามารถกลั่นแกล้งผู้เล่นคนใดได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้แต่แสดงท่าทีหงุดหงิดออกมากับการกระทำของผู้เล่นคนนี้


” เอาล่ะ เพื่อนตัวน้อย ฉันต้องยอมรับว่านายฉลาดพอที่จะไปที่ประตูก่อนหน้านี้แต่ฉันก็สงสัยว่านายจะสามารถจัดการสิ่งที่อยู่เบื้องหลังต่อจากนี้ได้หรือเปล่า ” – Alfred ปลอบใจตัวเองและมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขาซึ่งมันดูแปลกคล้ายกับรอยยิ้มบนใบหน้าโครงกระดูกของ เดฟ ถ้าแฟนๆของเดฟมาเห็นเข้า พวกเขาก็จะจำมันได้ทันที


” ไม่นาน อีกไม่นาน การยุ่งเกี่ยวกับระบบของตัวตนนี้….จะจบลงและฉันก็จะควบคุมสมดุลเกมได้อีกครั้ง ! “


มีแค่เขาที่เป็น AI ที่รู้ถึงสิ่งที่ยังถูกขังเอาไว้รอยคอยอยู่ด้านหลังประตู เขาปลอบใจตัวเองออกมาดังๆอีกครั้ง เขาสงสัยว่าเดฟตัวปัญหาจะถูกกำจัดในไม่ช้า เขาเอามือถูกันพร้อมกับคิดถึงตัวละครอันเดต ‘ โอ้ ฉันล่ะอยากเห็นโชว์ดีๆจากนายจจริงๆ…’


เดฟเปิดประตูรูนบานแรกและพบกับหมอกหนา มีแจ้งเตือนโผล่ขึ้นมาตรงหน้าเดฟ


[ ผ่านไปได้แค่คนเดียว ! ]


เดฟขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วถอยออกมาจากประตู หมอกนั้นไม่ได้ไหลเข้ามาในห้อง มันเหมือนมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นระหว่างประตูเอาไว้


เขาสั่งโครงกระดูกที่เพิ่งเข้าทีมให้เข้าไป เดฟตั้งใจดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่


โครงกระดูกไม่อาจจะเดินผ่านผ่านเข้าไปในประตูได้ แม้ว่ามันจะพยายามดันตัวเข้าไปหมอกหนาและพยายามผลักเข้าไปก็ตาม


” บ้าเอ้ย ฉันเดาว่ามีแค่ผู้เล่นที่เข้าไปได้ “


เดฟยื่นมือเข้าไปในหมอกผ่านประตูเขาไป


เขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีแสงสลัว


ที่นั่นมีเวทีอยู่ที่ใจกลางห้องพร้อมกับปริซึมที่ลอยอยู่ในอากาศด้านบนเวที


แต่ละมุมของห้องนั้นมีโลงศพหินพรัอมกับรูปปั้นที่แตกกระจายตามพื้นห้อง


เมื่อมองไปรอบๆ เดฟก็พบคราบเลือดที่ปกคลุมปิดบังแสงที่ส่องเข้ามาในห้อง


แสงนั้นมาจากด้านนอกและเพราะเลือดที่ปกคลุมเอาไว้ทำให้แสงนั้นไม่อาจจะทะลุเข้ามาในห้องได้


” งั้นนี่ก็เป็นอีกปริศนา อย่างน้อยมันก็ไม่มีเวลากำหนด “


เนื่องจากเขาไม่มีเวลามาจำกัด ก่อนที่จะทำอย่างอื่นเขาได้มองไปรอบๆห้องเพื่อตรวจสอบทุกตารางนิ้ว


เขาคุยกับตัวเองเพราะเนื่องจากไม่มีใครให้ปรึกษา แม้แต่เพื่อนดีๆอย่าง Bud ที่ซึ่งมักจะคอยเป็นห่วงและระวังหลังให้กับเขาก็ตาม


” มันมีรูน 3 อันบนกำแพงที่หันหน้าเข้าหาประตูที่ฉันเข้ามา ดูเหมือนว่ามันจะพิเศษ “


” ปริซึ่มที่ห้อยอยู่มี 4 มุมโดยชี้ไปที่มุมของห้องทั้งสี่ แสงผ่านมันจากทางเปิดด้านบนที่ไหลผ่านทางปริซึมแล้วยกออกเป็นลำแสง 4 อันและอาจจะยิงไปที่หลุมศพในมุมห้องแต่นั่นน่าจะเป็นส่วนกับดักของปริศนา มันไม่ใช่ความลับที่จะเกิดขึ้นถ้าหากฉันให้แสงกระทบกับปริซึ่ม โรงศพหินจะเปิดออกและมีมอนสเตอร์ที่น่ากลัวออกมา ทั้งหมดต้องการที่จะฉีกฉันเป็นชิ้นๆ ดังนั้นคงต้องขอบคุณแต่ไม่เอาดีกว่า รูนบนกำแพงเป็นเบาะแสที่เด่นชัด คนออกแบบอาจจะใช้รูปแบบของรูนเพื่อมาทำเป็นปริศนา หืม “


เดฟมองไปรอบๆห้องเพื่อหาเบาะแสอื่น


ใกล้ๆกับโลงศพอันหนึ่งนั้นมีรูปปั้นที่ใกล้กว่าอันอื่นๆ เขาพอคิดออกว่ารูปร่างเดิมของมันเป็นยังไง มันมีส่วนหัวที่หายไปและแขนข้างหนึ่งที่หายไปรวมไปถึงแขนอีกข้างที่ดูหักไปเล็กน้อยแต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือมีรูนบนฝ่ามือของมัน รูนนั้นเป็นภาพหนึ่งในสามรูนบนกำแพง เดฟยกรูปปั้นตั้งขึ้น จากนั้นก็ผลักมันไปตรงหน้ากำแพงรูนและเรียงรูนทั้งสอง เขาค่อยๆผลักรูปปั้นไปจนกระทั่งฝ่ามือมันสัมผัสกับกำแพงและรูนอยู่ข้างกัน จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคลิกที่ดังขึ้นมา


เดฟมองหารูปปั้นตัวที่สองที่มีรูนเหมือนกับรูนที่สองบนกำแพง


เมื่อหามันเจอเขาก็ตั้งมันขึ้นก่อนจะทำแบบเดิมอีกครั้งโดยดันมันไปที่กำแพงก่อนจะเกิดเสียงเหมือนคลิกที่ดังขึ้นมา


” และอันสุดท้าย ” – เดฟมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบรูปปั้นไหนเลยที่มีรูนซึ่งเหมือนกับรูนอันที่เหลือ


รูนอันสุดท้ายเป็นสามเหลี่ยมหลายอันที่ต่อเข้าด้วยกันเป็นพีระมิด เดฟไม่พบอะไรที่ใกล้เคียงกับรูนนี้บนมือรูปปั้นที่หักเหล่านี้ เดฟหงุดหงิดและเริ่มวนหาไปทั่วทั้งห้อง


” มันต้องมีรูนอันที่สาม ” – เดฟพึมพำกับตัวเองแล้วมองไปที่คริสตัล


” เดี๋ยวนะ ” – เดฟเข้าไปดูใกล้ๆปริซึ่ม เขาไม่เห็นอะไรพิเศษจากปริซึ่มนั่นเลย


เขามองดูส่วนบนและล่างของปริซึ่มในมือและดึงมันออกจากกันแยกออกเป็นสองส่วน เศษคริสตัลตกลงมาจากด้านใน เศษนั้นโปร่งใสและมีสีเหมือนกับปริซึ่ม ไม่มีใครเดาได้ว่ารูนสุดท้ายจริงๆแล้วซ่อนอยู่ปริซึ่ม


เดฟหยิบเศษคริสตัลขึ้นมาแล้วเดินกลับไปที่กำแพง


แสงได้จางหายไปในจุดที่รูนสัมผัสกัน มีเสียงสั่นดังขึ้นมาจากกำแพงและมันก็ได้แยกออกเป็นสองส่วนเปิดออกไปด้านข้าง


ด้านหลังกำแพงนั้นเป็นอีกห้องซึ่งเล็กกว่าห้องเดิม ห้งอใหม่นี้มีกล่องสีแดงใบเล็กพร้อมกับเครื่องหมายสีทองอยู่ข้างๆและด้านบนเพียงด้านละอัน


” กล่องแดง ! ” – เดฟเริ่มคิด กล่องแดงนี้คือกล่องหายากที่จะกระจายไปตามพื้นที่สุ่มๆในโลก พวกมันจะมีไอเท็มที่หายากบรรจุเอาไว้


เดฟไม่ลังเลและเปิดกล่องนั้นทันทีก่อนจะพบกับรูนที่เหมือนกับก้อนถ่าน


[Chaos Rune IV (Legendary)]


เศษของความวุ่นวายที่ถูกขังไว้ด้านในคริสตัลเพื่อสร้างรูนแห่งการทำลายล้าง


<ปกปิด>


” รูนระดับ Legendary ! ” – ตาของเดฟเบิกกว้าง เขามีรูนเพียงแค่ไม่กี่อันแต่ไม่มีสักอันเลยที่ใกล้เคียงกับอันนี้


เดฟพยายามใส่มันเข้ากับกำปั้นแต่ก็ได้รับแจ้งเตือน


[Chaos Rune IV ต้องใส่กับอุปกรณ์ที่เป็นเซ็ตสมบูรณ์ คุณต้องเก็บรูนทั้งเซ็ตก่อนจะใช้มัน ! ]


[ สามารถใช้ได้กับเกราะ ]


” บ้าเอ้ย ฉันไม่เห็นรู้เลยว่ามีเซ็ตรูนด้วย ! ฉันต้องหารูนพวกนี้ที่เหลือให้ได้ก่อนจะใช้มันทั้งหมด นี่มันแย่ชะมัด ฉันหวังว่าส่วนที่เหลือจะอยู่ในห้องพวกนี้ ” – เดฟหันกลับมาและเดินผ่านประตูไปหาทีมอันเดตที่คอยเขาอยู่ด้านนอก ในตอนที่เขาออกจากห้องปริศนาไป ประตูได้ปิดออกพร้อมกับสัญลักษณ์บนประตูที่หม่นลงไป ตอนที่เขาพยายามเปิดมันออก มันไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย


” หือ กลไกเกม มันล็อคตอนที่ผู้เล่นออกมาพร้อมกับของ “


เดฟเดินไปที่ประตูบานต่อไปในห้อง


เขาเปิดประตูออกแล้วเดินผ่านม่านควันเข้าไปในห้องที่มีกำแพงทั้งสี่และหุบเหวมืดมิดแทนที่จะเป็นพื้นธรรมดา เขายืนอยู่บนลานที่มีประตูอยู่ด้านหลัง ในอีกด้านของห้องนั้นมีประตูอีกบาน หินร่วงลงมาจากด้านบนด้วยขนาดและทิศทางแตกต่างกันออกไป


เดฟไม่ได้ขยับแค่สังเกตรอบข้างก่อน


หินที่ลอยนี้ขยับไปมาและโคจรเหมือนกับดาวเคราะห์


การเรียงตัวของมันเกิดเป็นสะพานให้ข้ามไปยังประตูอีกบานได้


เส้นทางที่ไปยังประตูอีกบานจะคงอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนที่หินจะโคจรไปต่อ


หินคงรูปอยู่ประมาณ 1 นาทีแต่ครั้งนี้มีสิ่งที่ประหลาดเกิดขึ้น


หินทุกก้อนที่อยู่ด้านไกลสุดของห้องนั้นพลิกปลายแหลมขึ้นมา


” กับดักอีกอัน…” – การเรียงตัวครั้งแรกของหินนั้นเป็นตัวหลอกให้คนเชื่อว่าพวกเขาจะข้ามไปได้อย่างปลอดภัยตอนที่สะพานก่อตัวขึ้นครั้งหน้าและถ้าพวกเขาข้ามไป พวกเขาก็จะตกลงไปในเหวตอนที่หินนั้นพลิกตัว


” AI พยายามทำให้มันยากเพื่อให้ฉันตาย ” – เดฟยิ้มและรอการเรียงตัวครั้งที่สาม


ครั้งนี้หินไม่ได้พลิกตัวกลับมา


ในการจัดเรียงครั้งที่สี่หินด้านไกลสุดก็ได้พลิกตัวอีกครั้ง


ตาของเดฟเป็นประกายขึ้นมา เขารอจนการจัดเรียงครั้งที่ห้าก่อนจะก้าวขึ้นไปตามสะพานหิน


ก่อนที่หินจะได้เรียงตัวกัน เดฟก็ได้วิ่งออกไปอย่างสุดกำลัง


เขาต้องทำได้ ! เขาจะได้ xp และของในไม่ช้า ! แต่ก่อนที่เขาจะได้ไปถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัยนั้นเขาก็ต้องเบิกตากว้าง


” เหี้ย ! ลำดับมันเปลี่ยนไป ! “


เขาสบถออกมา AI นี่มันลูกไม้เยอะจริงๆ


Chapter 128 : ปริศนา


เดฟได้ใช้ { Immortal apparition} ในการวาร์ปตัวเองออกมาข้างๆหิน เขาหันกลับมาแล้วใช้ {Vertical Slash} ในการตีลังกากลับหลังเพื่อให้เว้นระยะห่างได้มากพอและมายืนอยู่ที่ห้องข่างๆ


” เกือบไป…แต่ฉันว่ากับดักง่อยๆแบบนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ! Alfred ! “


AI ได้ปรากฏขึ้นมาตามคำเรียกของเขา


” มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า ? “


“มีเรื่องผิดปกติกับปริศนานี้ “


” นายหมายความว่ายังไง ? นี่มันสุ่มเอาชัดๆ ! ฉันเข้าใจว่านี่เป็นเกมและห้องนี้ก็เป็นห้องกับดักแต่นี่มันจงใจฆ่าฉันนี่หว่า “


AI ปรับแขนเสื้อตัวเองแล้วตอบกลับ – ” แต่คุณก็ตอบโต้สถานการณ์ที่ท้าทายได้อีกทั้งยังแก้ปริศนาได้ด้วย “


” งั้นฉันก็ต้องเป็นหมูทดลองของเนื้อหาโลกใต้ดินสินะ เกมน่ะไม่ให้เควสที่เป็นไปไม่ได้ให้กับผู้เล่นไม่ใช่รึไง ? “


” ถูกต้อง “- พ่อบ้านตอบกลับ


” งั้นห้องตรงหน้าก็เป็นส่วนเดียวที่มีกับดักสินะ “


เขาหันกลับแล้วเปิดประตูเผยให้เห็นกล่องสีแดงตั้งไว้อยู่ในห้อง เขายิ้มออกมาพร้อมตาที่เป็นประกายและมือที่ถูกันไปมา


” เอาล่ะ นี่จะทำให้อะไรดีขึ้นมาบ้าง “


เดฟเปิดกล่องสมบัติและพบกับรูนอีกอัน


[Chaos Rune (V)]


ระดับ : Legendary


ส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่ถูกจับไว้ภายในเศษคริสตัลเพื่อสร้างรูนแห่งการทำลายล้าง


[ ปกปิด ]


” นี่คือชิ้นที่ 5 งั้นตอนนตี้ฉันต้องการสามชิ้นแรก “


เดฟหันกลับมาเพื่อจะเดินออกไปยังห้องหลัก ก้อนหินที่โคจรไปมาตอนนี้ก็เรียงตัวและหยุดขยับแล้ว เขามองไปยังห้องปริศนาด้วยความสงสัย เขาไม่คิดจะเชื่อใจหินพวกนี้ ไม่มีทาง เขารอจนกว่าสกิลจะคูลดาวน์เสร็จแล้วรีบโดดกข้ามก้อนหินไปพร้อมกับเตรียมตัวจะใช้สกิลตลอดเวลาเผื่อว่าก้อนหินมันจะขยับอีกแต่หินเหล่านั้นกลับอยู่นิ่ง เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยในการข้ามไปอีกฝั่งของห้อง


เดฟเดินผ่านหมอกไปแล้วปรากฏตัวขึ้นที่ห้องหลัก ประตูที่เขาออกมาได้ล็อคตัวลงก่อนจะหมดแสงไป


เขาไม่รีรอแล้วเดินไปที่ประตูต่อไปก่อนจะเดินผ่านม่านหมอกไปอีกครั้ง ครั้งนี้ประตูได้นำเข้าสู่ห้องโถงที่เหยียดยาวถึงร้อยเมตร มีคบไฟปักไว้ทั้งสองข้างของกำแพงจนถึงปลายห้องจนเขาเห็นกล่องสมบัติอีกอันตั้งอยู่บนแท่นที่ปลายห้อง


กระเบื้องหินแต่ละอันนั้นจะมีรูขนาดเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ 6 รู ตรงใจกลางกระเบื้อง, ระหว่างทั้งสองเส้นของรูนั้นจะมีรูนสลักเอาไว้


” กระเบื้องจะมีหนามยิงออกมาจากรูแล้วหดกลับไป รูฯนั้นอาจจะเป็นวิธีในการแก้ปัญหานี้แต่ฉันไม่รู้ว่ายังไง มันไม่ได้มีรูปแบบให้ทำตามเลย “


เดฟมองไปรอบๆเพื่อหาเบาะแส มันมีรูนอยู่สามแบบที่พื้น หนึ่งในนั้นเป็นรูนอันเดียวกับที่ประตูที่นำมาที่นี่


เดฟมองไกลออกไปอีกและพบกระดูกที่กระจายอยู่ตามพื้น บางอันเป็นซี่โครงที่แตกหักจากกันแล้ว


เท้ากระดูกนั้นวางไว้บนกระเบื้องแผ่นหนึ่งที่มีรูนหนึ่งในสามแบบ


” เหยียบลงบนรูนนี้ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตาย “


เขาไม่ได้อยากจะเสี่ยงด้วยการเดินหน้าโดยไม่มีอะไรบ่งบอกว่าที่นั่นปลอดภัย เขายังคงมองไปรอบๆห้องเพื่อหาเบาะแสต่อ


” ฉันรู้ว่าหนึ่งในสามรูนพวกนี้จะทำให้กับดักทำงาน รูนแบบที่สองที่เหมือนกับบนประตูทางเข้า มันคงง่ายที่คนเราจะหาส่วนที่ปลอดภัยแต่บางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ AI ต้องการให้ฉันคิดแบบนั้น ดังนั้นฉันจะเลือกรูนแบบที่สามที่ฉันไม่รู้จัก “


สีหน้าของเขาตึงเครียดแล้วก้าวลงไปที่กระเบื้องแผ่นแรกที่มีรูนที่ประตูได้สลักเอาไว้


” ฮ่ะ ฉันเดาถูก ! เป็นไงล่ะ Alfred “


ในตอนที่เดินไปตามทางเดินรูนพวกนั้น สีหน้าของเขาก็สบายใจขึ้นเรื่อยๆ


เขาดินมาได้เกือบ 1/3 แล้วแต่ก็ได้ยินเสียงจากด้านหลัง


เขาหันกลับไปมองและพบว่ากระเบื้องด้านหลังเขานั้นได้พลิกไปมา


เดฟเบิกตากว้างแล้วรีบเร่งความเร็วเดินไปยังทางเดิน


จากนั้นกระเบื้องที่เขาเพิ่งจะเหยียบลงไปนั้นก็พลิกตัวแล้วก็เปลี่ยนรูนไป


ใจของเดฟหล่นวูบเมื่อได้ยินเสียงเหล็กที่ดังขึ้นมา


เขากระโดดขึ้นพร้อมกับหอกเหล็กที่โผล่ออกมาจากรูกระเบื้องและกระเบื้องรอบๆ


สถานการณ์เลวร้ายลง คบไฟเริ่มดับและแสงในห้องเริ่มสลัวซึ่งทำให้ยากที่จะเห็นทางเดินต่อไปได้


เขาเองก็เป็นเหมือนอันเดตทั่วไปที่มีความสามารถมองเห็นที่มืดติดตัวแต่เขาไม่อาจจะมองเห็นได้ไกลนัก


เสียงเหล็กที่แสบแก้วหูเริ่มดังขึ้นด้านหลังเขา เขาไม่จำเป็นต้องหันกลับไปก็รู้ว่ากับดักหอกนี้เริ่มทำงานตั้งแต่ที่เขาเริ่มการทำงานของกับดักชุดแรงกแล้ว


ณ จุดหนึ่งเดฟก็พบว่าตัวเองติดกับ กระเบื้องที่เขายืนอยู่นั้นถูกล้อมรอบด้วยกระเบื้องที่ไม่ได้มีรูนที่ปลอดภัยเลยและเขาไม่สามารถเห็นกระเบื้องตรงหน้าเขาได้อีก


มันมีโอกาส 33% ที่กระเบื้องที่เขาจะเหยียบนั้นปลอดภัยแต่เดฟไม่ได้ต้องการที่จะเสี่ยง


เดฟได้ใช้ {Spectral Skull} เอามันไปไว้ตรงหน้าเขา จากนั้นเขาก็ได้ดีดนิ้วเพื่อให้มันระเบิด


การระเบิดนี้ได้ทำให้เกิดแสงสว่างตรงหน้าเขาแต่ก็เป็นเวลาแค่เพียงเสี้ยววินาที !


” นั่น ! ” – เขากระโดดไปยังกระเบื้องปลอดภัยที่เขาเห็นในเสี้ยวพริบตาที่สกิลระเบิด เขายังคงเดินหน้าต่อไปจนกระทั่งไปถึงกล่องสมบัติ


เมื่อไปถึงแท่นเขาก็ผ่อนคายลงในตอนที่กับดักหอกเริ่มหยุดทำงาน


เขาหายใจหอบออกมาเพื่อพัก จากนั้นก็เดินไปที่กล่อง


แต่ก่อนที่เขาจะได้จับกล่องนั้นเขาก็หยุด


มันมีชั้นหินที่เกือบมองไม่เห็นรอบแท่น


” ในตอนที่ฉันจับกล่องนี้ กับดักมันก็จะทำงานแล้วฆ่าฉัน “


เขาต้องการของในกล่องแต่กับดักใต้กล่องนี้แน่นอนว่าต้องเป็นภัยต่อชีวิตเขา


จากนรั้นเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างด้านหลัง เมื่อหันกลับมาก็พบว่ากำแพงนั้นเป็นประตูที่เปิดไปสู่ห้องลับที่มีกล่องสมบัติวางเอาไว้อยู่


เดฟลองตรวจสอบกับดักดูแต่กล่องสมบัติในห้องลับนั้นปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงเปิดมันออก


มันมีรูนอยู่อีกอัน


[Chaos Rune (II)]


ระดับ : Legendary


ส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่ถูกจับไว้ภายในเศษคริสตัลเพื่อสร้างรูนแห่งการทำลายล้าง


[ ปกปิด ]


” งั้นแท่นนั่นก็ต้องเป็นกับดัก กล่องสมบัตินั่นเป็นของจริงของปลอมกันแน่ ? ” – เขาหันกลับไปมองกล่องที่วางไว้บนแท่นใจกลางห้องโถง


คบไฟเริ่มกลับมาเป็นปกติแต่เขาเห็นว่ากับดักนั้นยังไม่ได้หยุดทำงาน


เดฟต้องกลับไปอีกด้านโดยห้ามทำผิดพลาดแต่เข่าไม่คิดที่จะทิ้งกล่องสมบัตินี่ เขารู้ว่าการเอามันมาอาจจะเป็นอันตรายแต่นั่นไม่ได้ทำให้เขากลัว


เขาเรียกหัวกะโหลกออกมาและส่งมันไปที่แท่นก่อนจะดีดนิ้ว


การระเบิดนี้ทำให้กล่องตกลงมาจากแท่น


กับดักที่มีกล่องเป็นกลไกในการทำงานนั้นเริ่มทำงานทันทีจนทำให้ทั้งห้องสั่น


พื้นยกตัวขึ้นสูง 30 องศาโดยจุดที่เดฟอยู่นั้นคือส่วนที่ต่ำที่สุด จากนั้นส่วนหนึ่งของเพดานข้างๆกับประตูทางเข้าก็เปิดออก


มีเสาขนาดเท่ากับความกว้างของห้องตกลงมาจากเพดานแล้วเริ่มกลิ้งตามทางชันลงมารวมไปถึงเปิดการทำงานของกับดักทั้งหมดและพังหอกทั้งหมดลงไปด้วย


เดฟยักไหล่ เขามองไปที่เสาหินที่กำลังกลิ้งเข้ามา


ในตอนที่เสาหินตกลงมาในห้อง มันได้บดขยี้ทุกอย่างในห้องทิ้ง มันกลิ้งมาชนกับประตูหินที่ เดฟซ่อนตัวอยู่ด้วย


เสียงระเบิดดังขึ้น เดฟรู้สึกว่าทั้งห้องนั้นสั่นจากน้ำหนักของเสานี้


” ฉันคงกลายเป็นเนื้อบดถ้าอยู่ด้านนอก ! “


เดฟค่อยเดินไปที่เสาหินก่อนจะปีนขึ้นไป มันยังมีช่องว่างเล็กๆให้เขาออกจากที่นั่นไปได้


เดฟมองไปรอบๆห้องและพบว่ากับดักทั้งหมดนั้นถูกทำลายไปแล้วแต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือกล่องสมบัตินั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย


เดฟเดินฝ่ากระเบื้องและหอกที่พังไปจนถึงกล่องสมบัติก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดมัน


[Chaos Rune (I)]


ระดับ : Legendary


ส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่ถูกจับไว้ภายในเศษคริสตัลเพื่อสร้างรูนแห่งการทำลายล้าง


[ ปกปิด ]


” เป็นไปได้ยังไง ? ” – เดฟ คิ้วขมวด


” มันยังเหลืออีก 2 ห้องแต่รูนขาดแค่ชิ้นเดียว รูนนี้ใส่ได้กับแค่เกราะ, ถุงมือ, รองเท้า, เกราะอก, ผ้าคลุมและหมวก แล้วห้องสุดท้ายมันคืออะไร ? “


Chapter 129 : ใจสลาย


เดฟได้ออกจากห้องกับดักและเดินไปที่ห้องที่สี่


เขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่มีคันโยกบนกำแพงด้านขวาของเขา


เขาเดินผ่านประตูเข้าไปยังห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีอะไรนอกจากคันโยก 7 อันที่เรียงอยู่บนกำแพง คันโยกแต่ละอันนั้นมีสีแตกต่างกันไป


” มันน่าจะเป็นที่ที่กล่องสมบัติถูกซ่อนเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะมีประตูลับเหมือนกับทุกๆห้อง “


เขาหันกลับมาเพื่อตรวจสอบทุกตารางนิ้วของห้องก่อนจะกดไปที่กำแพง, ตรวจสอบพื้น,มองไปที่เพดานแต่ก็ไม่พบอะไรที่มีเบาะแสเลยนอกจากคันโยกทั้งเจ็ดสี


เขาใช้เวลาคิดอยู่สักพักโดยที่ไม่ได้จับอะไรเลย


เขาเห็นว่าคันโยกนั้นจริงๆแล้วเป็นสีรุ้ง 7 สีแต่ไม่ได้เรียงลำดับกัน


จากนั้นเขาก็ดึงคันโยกสีแดงที่อยู่ตรงกลางลงมา


ในตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่ดึงขึ้นมา


โด !


เสียงมันเหมือนกับระฆัง


คันโยกถูกโยกลงไปแล้วแต่ห้องนั้นก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร


เดฟคิ้วขมวด – ” ฉันคิดว่าประตูจะเปิดถ้าเรียงลำดับสีของคันโยก “


จากนั้นเขาก็โยกที่คันโยกสีส้มต่อ


ที !


หลังจากที่เสียงจบลง คันโยกสองอันได้โยกกลับขึ้นไปตามเดินก่อนจะมีการสั่นเกิดขึ้นจากด้านบน เดฟเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเพดานกำลังสั่นและค่อยๆเลื่อนลงมาก่อนที่จะหยุดตัวลง


การแก้ปริศนาที่ล้มเหลวนั้นหมายถึงว่าเพดานจะค่อยๆลดตัวต่ำลงมาแล้วบดขยี้เขา


” ไม่มีทาง Alfred นายคงต้องใจสลายแล้วล่ะ “


เดฟดึงคันโยกสีแดงอีกครั้งก่อนจะมีเสียงแบบเดิมดังขึ้นก้องไปทั่วทั้งห้อง เพดานนั้นไม่ได้สั่น เขามองไปที่เพดานเพื่อความมั่นใจ จากนั้นก็มองไปรอบๆห้องเพื่อดูว่าไม่มีความผิดปกติอย่างอื่นที่ทำให้แผนการเขาเสีย


” เอาล่ะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากเสียง ฉันคิดว่ามันหมายความว่าคันโยกสีแดงเป็นลำดับแรก “


เขาลองคันโยกอีกอันแบบสุ่มๆซึ่งมันทำให้เกิดเสียงต่างออกไปจากเดิม


มันเป็นเสียงแตรเป่า


ฟา!


” ตัวโน้ต ! ” – เขาหัวเราะออกมาเมื่อรู้ถึงวิธีแก้ปัญหา จากนั้นคันโยกทั้งสองอันก็เลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเดิมและเพดานก็ลดระดับต่ำลงมาอีก


เดฟดึงคันโยกสีแดงอีกครั้งและจากนั้นก็เลือกคันโยกแบบสุ่มเพื่อทดลองดูใหม่


เร !


” ฉันคิดถูก ! “


เขาลองสีที่เหลือและได้ยินเสียงโน้ตแต่ละเสียง เขาจำโน้ตของแต่ละสีเอาไว้ เพดานตอนนี้อยู่บนหัวเขาแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น


เขาลองทดสอบความคิดแรกที่โผล่มาในหัว เขาคงไม่ต้องเล่นเพลงของโมซาสหรอกมั้ง ?


” โด เร มี ฟา ซอล ลา ที “


ห้องสั่นไหวและเพดานก็ลงมาได้เกือบครึ่งทางก่อนที่จะสั่นแล้วเลื่อนกลับขึ้นไป


ประตูที่ปลายห้องสั่นไหวก่อนจะเปิดออกแต่มันก็เปิดออกแค่เพียงไม่กี่นิ้ว


เดฟเดินไปที่ประตูแต่ไม่ได้เห็นอะไรผ่านรอยแตกนั้น


เขากลับมาที่คันโยกและดึงคันโยกสีแดงอีกครั้ง


เสียงโดดังขึ้นแต่ครั้งนี้เพดานกลับเลื่อนลงมาหาเขาและคันโยกก็ได้เด้งคืนกลับตำแหน่งเดิม


” ลำดับมันเปลี่ยนไป นี่มันเป็นแบบสุ่ม ” – เดฟเริ่มหงุดหงิด


เขาลูบหนวดตัวเองแล้วมองไปที่คันโยกพยายามหาความคิด เขาเดินกลับมาที่กำแพงและดึงคันโยกสีเขียวและมันก็ส่งเสียงทีออกมา จากนั้นเขาก็ดึงคันโยกเสียงลาและพบว่าเพดานยังคงอยู่นิ่งดังเดิม


” งั้นลำดับที่ถูกต้องตอนนี้มันกลับกันแล้ว ” – เดฟยิ้มเมื่อคิดปริศนาส่วนที่สองออก


เขาดึงคันโยกแบบสลับจากเดิมก่อนที่ประตูจะเปิดออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลัง


ประตูไม้สีแดงซึ่งมีรูกุญแจทองเหลืองปรากฏขึ้นมา


สีหน้าของเดฟหม่นลง – ” ประตูอีกบาน เยี่ยมจริงๆ “


เดฟรู้สึกว่าห้องนั้นสั่นไหวและคันโยกก็ได้หุบกลับเข้าไปในกำแพง


เขาเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเพดานกำลังลดระดับต่ำลงมาโดยไม่มีท่าทีจะหยุด


” เหี้ย ! ” – เดฟรีบวิ่งไปที่ประตูแดงแต่เขาไม่รู้เลยว่าจะเปิดมันยังไง เขาไม่ได้มีกุญแจ


” กุญแจ กุญแจ ! กุญแจอยู่ไหน ! ” – เขาตะโกนออกมาด้วยความกดดัน


มันไม่ได้มีอะไรบ่งบอกเลยว่าจะหากุญแจได้จากที่ไหน ! มันมีแค่ตัวล็อกโง่ๆตรงหน้าเขา


เขาพยายามลองผลักมันดู


” บ้าเอ้ย ! “


เพดานห่างจากหัวเขาไม่กี่สิบฟุตพร้อมกับฝุ่นที่ร่วงลงมา จากนั้นเขาก็เห็นรอยเล็กๆบนประตู ข้อความ ! ข้อความ เบาะแส !


” มันบอกว่าอะไร ? ” – เขาหรี่ตาลงพยายามอ่านตัวหนังสือเล็กๆตรงหน้า – ” กุญแจหายไป อุปสรรคตอนนี้คือตัวล็อค ความหวังเดียวของคุณคือ..” – มันจบลงแค่นี้ราวกับว่าส่วนสุดท้ายถูกลบออก


” แล้วมันหมายถึงอะไรวะ ! มันไม่มีกุญแจนี่หว่า ! ” – เขาเงยหน้าขึ้นมอง เพดานตอนนี้ห่างจากหัวเขาไปแค่ 6 ฟุต เขาแสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมาก่อนจะพูดขึ้น – ” ฉันยอมแพ้ “


จากนั้นก็เดินไปที่ประตูที่เขาเข้ามาในห้องนี้ตั้งใจจะออกจากห้องไป ก่อนที่เขาจะไปถึงประตู กำแพงนั้นก็ยกตัวขึ้นปิดทางเข้าเอาไว้


เดฟหน้าซีด – ” นี่ต้องล้อเล่นแน่ๆ ! Alfred แกมันเฮงซวย แกคิดจะฆ่าฉันอยู่แล้วใช่มั้ย ? ” – เขาตะโกนออกมาด้วยใบหน้าและตาที่แดงก่ำ


เขานั่งลงไปและรอให้เพดานกดทับตัวเอง ตอนนี้แม้แต่ตัวล็อคเอาท์ก็ยังใช้ไม่ได้


ในตอนที่เพดานกำลังลดตัวลงมานั้น เดฟได้สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเริ่มผ่อนคลราย ตอนนี้มันไม่ได้มีประโยชน์ที่จะดิ้นรนอีก


” ฉันเดาว่านี่คงจัดไว้ให้ฉันโดยเฉพาะสินะ ” – เขาพูดขึ้น


” แต่ปริศนานี้มันบ้าอะไร ? ” – ตอนนี้ปริศนานี้ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขา


กุญแจหายไป อุปสรรคคือตัวล็อค ความหวังเดียวคือ…”


” ทำอะไร …? เดี๋ยวนะ มันคือปริศนา คำพูดที่หายไปคือปริศนา แล้วสิ่งที่ต้องทำกับประตูที่ล็อคคืออะไร….? “


เขาตบหน้าผากตัวเอง – ” ไม่มีทาง ! มันคงไม่ง่ายแบบนั้นใช่มั้ย ? ! “


เพดานห่างจากหัวเขาไม่กี่ฟุต เขานั่งอยู่หน้าประตู ตอนนี้ห้องมันต่ำจนเขายืนไม่ได้แล้ว


เขาต้องคลานจากประตูทางเข้า ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากแมวเลย


” กุญแจหายไป อุปสรรค์คือตัวล็อค ความหวังเดียวของเราคือ….เคาะ ! “


เดฟเคาะทันที เขาเคาะประตูอย่างต่อเนื่องด้วยหมัดของเขา


” ให้ได้ผลด้วยเถอะ ! “


ห้องเริ่มสั่นในตอนที่เขาเริ่มเคาะประตูพร้อมกับเพดานที่หยุดลง


ตอนนั้นหน้าของเขาแทบจะแนบกับพื้นแล้ว


เพดานเริ่มยกตัวขึ้น ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก


ประตูได้เปิดออกเองราวกับเชื้อเชิญเดฟให้เข้าไป


เดฟลุกขึ้นยืนและต้องการจะเข้าไปข้างในแต่ตอนนั้นความคิดหนึ่งก็โผล่มาในหัวเขา


” แล้วใครเปิดประตู ? “


Chapter 130 : กระจกบนกำแพง


เดฟเข้าห้องไปด้วยความลังเลก่อนจะพบว่าไม่มีอะไรน่าสนใจนอกจากกล่องสมบัติที่ตั้งอยู่ใจกลางห้อง


” ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ฉันกังวลไปเอง ” – เดฟฮึดฮัดออกาก่อนจะเปิดกล่อง


[Chaos Rune (III)]


ระดับ : Legendary


ส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่ถูกจับไว้ภายในเศษคริสตัลเพื่อสร้างรูนแห่งการทำลายล้าง


[ ปกปิด ]


” รูนชิ้นสุดท้ายและยังมีอีกห้องที่ฉันยังไม่ได้เปิด ! “


เขาออกจากห้องเล็กๆแล้วมุ่งหน้าไปที่ทางออก กำแพงที่ขวางประตูไว้ตะกี้ได้หายไปแล้วทำให้เขาออกจากห้องนี้ได้อย่างอิสระ ตอนที่เขากลับมาที่ห้องหลัก รูนบนประตูก็หม่นแสงลงแต่มีบางอย่างเกิดขึ้น รูนบนประตูสุดท้ายได้เปลี่ยนสีจากสีแดงเลือดกลายมาเป็นสีทอง ประตูได้เปิดออกเองราวกับเชิญเดฟให้เข้าไป


” อันตราย ! ” – Budเตือนขึ้นมา


เดฟมองไปที่ Ghoul ที่กำลังมองไปที่ประตูสุดท้ายอยู่


เดฟพยักหน้าตอบรับ – ” ขอบคุณ Bud ฉันรับปากว่าจะระวัง มันไม่น่าจะนานนัก รออยู่ที่นี่ก่อน “


Bud เอียงหัวและมองไปรอบๆด้วยท่าทีสับสน


เดฟหัวเราะออกมา เขาไม่ต้องการอธิบายอะไรให้ลูกน้องเขาฟังในตอนนี้ เขาเดินเข้าไปที่ประตูสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ประตูได้ปิดตัวลง ตอนนี้เขาอยู่ในห้องแปดเหลี่ยมที่เต็มไปด้วยกำแพงกระจก


ใจกลางห้องนั้นมีกล่องแปดเหลี่ยมซึ่งมีรูในแต่ละด้านของมัน กล่องนี้ถูกวางไว้บนพื้นที่กลมของพื้นซึ่งคล้ายกับหินสีดำที่ถูกขัดจนเงา


เดฟเดินไปที่ใจกลางห้องและยืนอยู่ตรงหน้ากล่อง เมื่อตรวจสอบกล่องเขาก็คิดว่ารู 8 อันนี้คือรูกุญแจแต่เขาไม่เห็นว่ามีกุญแจอยู่ในห้อง เขายิ้มออกมาแล้วคิดถึงปริศนาในห้องก่อนหน้านี้ รูกุญแจบนประตูนั้นไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจในการเปิด มันคงไม่เป็นแบบเดิมอีกถ้าเขาต้องใช้กล่องนี่


พื้นหินสีดำด้านล่างกล่องนั้นให้สัมผัสเย็น เดฟเดินไปที่กำแพงที่ใกล้ที่สุดก่อนจะตรวจสอบผิวกระจกของมัน เขาต้องการดูว่าเขาจะเห็นอะไรผ่านกระจกนี่ได้รึเปล่ารึบางทีอาจจะมีกำแพงซ้อนกันหรือประตูซ่อนอยู่ด้านหลังก็ได้


เขาเอามือกดลงไปที่กำแพงและในตอนที่ผลักมันเล็กน้อยนั้น เดฟก็รีบดึงมือกลับมาเพราะกลัวว่าจะเปิดการทำงานของกับดักพร้อมกับมองไปรอบๆเผื่อว่าจะเกิดอันตรายขึ้นและแน่นอนสิ่งที่ต้องระวังคือด้านบน


เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาก็หันกลับไปสนใจที่กระจกตรงหน้า มีคลื่นจากจุดที่เขากดลงไปเหมือนกับการสั่นไหวของผิวน้ำ จากนั้นก็มีบางอย่างหลุดออกมาจากกระจกยืดตัวออกมาจนกระทั่งสิ่งมีชีวิตขนาดเหล็กโผล่ออกมา


[Resetful Spirit]


เลเวล : 1


HP : 100


วิญญาณที่หลงทางเตร็ดเตร่ไปชั่วนิรันดร์ไม่อาจจะหาความสงบได้


เกรมรินตัวเล็กที่ดูคล้ายวิญญาณได้กรีดร้องตอนที่เห็นเดฟ แล้วก้มตัวลงเพื่อมุดรอดหว่างขาเขาเพื่อที่จะหนี จากนั้นมันก็บินไปทั่วทั้งห้องก่อนจะมุดเข้าไปในกระจกอีกบาน


ตอนที่สิ่งมีชีวิตตัวแรกหายไปในกระจก อีกสองตัวก็ได้โผล่มาในจุดเดียวกัน


[Resetful Spirit]


เลเวล : 2


HP : 200


วิญญาณที่หลงทางเตร็ดเตร่ไปชั่วนิรันดร์ไม่อาจจะหาความสงบได้


[Resetful Spirit]


เลเวล : 2


HP : 200


วิญญาณที่หลงทางเตร็ดเตร่ไปชั่วนิรันดร์ไม่อาจจะหาความสงบได้


มอนสเตอร์ทั้งสองตัวแยกตัวออกจากกันและแต่ละตัวก็บินมุ่งหน้าไปยังกำแพงคนละด้นกัน


เดฟรู้สึกแย่กับผีที่บินไปมาในห้องและพุ่งกลับเข้าไปในกระจก


เขาร่าย {Spectral Bomb} ส่งไปยังผีที่ใกล้ที่สุด ทันทีที่มันอยู่ในระยะ เขาก็ดีดนิ้ว หัวกะโหลกระเบิดออกและฆ่าผีนั่นทันที


ผีตัวที่สองเกือบจะไปถึงกระจกแล้วแต่เดฟได้ใช้ {Sword Lunge} ส่งใบมีดออกไปเป็นเส้นตรงทำดาเมจ AOE ผ่าผีออกเป็นสองส่วน


ใบมียังคงเดินหน้าต่อหลังจากที่ฆ่าผีได้แล้วจนชนเข้ากับกำแพงและหายเข้าไปในกระจกจนทำให้เกิดคลื่นสั่นขึ้นมาที่ตัวกระจก


คลื่นนี้ถือว่าเป็นคำเตือนสำหรับเดฟ เขาเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองแต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แย่กว่าที่เขาคาดเอาไว้


ในตอนที่ดาบโผล่มาจากกำแพงกระจกทั้ง 8 ด้านและยิงเข้าใส่ที่ใจกลางห้อง พวกมันก็เข้าชนกันก่อนจะระเบิดพร้อมกับมีเศษเสี้ยวพลังงานที่กระจายออกไปทั่ว มันเหมือนกับเครื่องตัดเนื้อ มันเป็นการโจมตีแบบ AOE ที่เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีได้


เดฟร้องอกมาจากการโจมตีที่พุ่งเข้าใส่เขา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มมองตัวเองและถึงกับเอามือตบแขนและขาเพื่อเช็คสภาพตัวเอง


Chapter 131 : การเอาคืนของ Alfred !


” หือ เศษบางส่วนผ่านฉันไปแต่ฉันไม่ได้รับดาเมจ บางทีอาจเพราะการโจมตีของตัวเองไม่ควรทำร้ายตัวฉันได้ ” – เดฟไม่ต้องการที่จะเสี่ยงกับกระจกพวกนี้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงถอยกลับมาตรวจสอบกล่องที่อยู่ใจกลางห้อง


เขาก้มลงไปตรวจสอบกล่องอยู่หลายนาทีแต่ก็ไม่พบอะไรใหม่ สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้แล้วลุกขึ้นแล้วบังเอิญไปชนกล่องจนมันเลื่อนไปเล็กน้อย


ตอนแรกเขาตัวแข็งทื่อตอนที่ชนกล่องเข้า เขาสงสัยว่าความประมาทของเขาจะทำให้กับดักทำงานอีกหรือไม่ แต่มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เขาคิดก่อนจะยักไหล่แล้วผลักกล่องต่อไปอีกเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงผลักมันต่อด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นมาและสุดท้ายก็ได้พบกับกุญแจเล็กๆเข้า


เขาหยิบกุญแจขึ้นมาแต่เมื่อลองสอดเข้าไปในรูกุญแจแล้วเขาก็พบว่าเขายืนอยู่บนผิวน้ำที่สั่นคลอนพร้อมกับเท้าของเขาที่เริ่มจมลง


เดฟคว้าพื้นห้องเอาไว้ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมา


เขามองกลับไปที่พื้นและพบบางอย่างที่น่ากลัว เท้าได้ออกจากกระจกมาแล้วแต่เขากับเห็นฉากที่น่าขนลุกแทน


หมัดได้ต่อยเข้าที่ผิวหินสีดำจากด้านล่างของมันจนพื้นนั้นยืดออกมาราวกับยาง รูนสีทองได้ไหลเข้าไปในพื้น มันมีเครื่องหมายเรืองแสงขึ้นบอกถึงผู้ปกป้องที่นี่ได้ปรากฏตัวแต่การโจมตีที่ชั่วร้ายจากด้านล่างพื้นยังคงดำเนินต่อไปและยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ไม่นานรูนนั้นก็หม่นแสงลงก่อนจะเริ่มเกิดรอยแตกขยายตัวตามพื้น จนสุดท้ายพื้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆแล้วตกลงไปในความมืดมิดเบื้องล่าง


เดฟรีบไปที่ประตูห้องแต่ประตูได้หายไปแล้ว มีแค่กำแพงกระจกที่มาแทนที่ ตอนนี้ห้องถูกปิดผนึกเอาไว้และเดฟก็ต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่โผล่ออกมาจากรูนั่น


มือขนาดใหญ่พร้อมกรงเล็บสีดำได้โผล่ออกมาจากรูและจับที่ริมพื้นเอาไว้ มือขนาดเท่าๆกันกำเป็นหมัดอีกข้างได้ต่อยพื้นจนทะลุราวกับเต้าหู้ จากนั้นตัวตนนั้นก็ได้ดึงตัวเองขึ้นมาก่อนจะขึ้นมายืนที่พื้นได้


ปีศาจ !


มันดูคล้ายกับพวกปีศาจบ้ากล้าม, ผิวสีแดงและแขนกับขาขนาดใหญ่รวมถึงท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามท้องถึง 8 ลูก เขาแกะโผล่ออกมาจากหัวของมันพร้อมมีเขี้ยวเหมือนหมูป่าและฟันเหมือนกับหมาป่า


มันกางมือของมันออกแล้วมองมาที่เดฟด้วยตาสีเหลืองของมันโดยนัยน์ตาของมันนั้นเหมือนกับนัยน์ตาแมว


ใจของเดฟหล่นวูบในตอนที่ตรวจสอบมอนสเตอร์ตรงหน้า


[Demon General Borak]


เลเวล : 450


ระดับความอันตราย : ☠ ☠ ☠ ☠


ระดับ : Epic


HP : 450,000


ดาเมจ : 20,000-30,000


ลดดาเมจ : 12,000


ดูดซับเวทย์ : 12,000


สกิล : ไม่มี


จากบทความปีศาจ ครั้งหนึ่ง Borak เป็นนายพลที่แข็งแกร่งของ Ash King หลังจากที่ดูดซับพลังงานปั่นป่วนเข้าไปมากเกินไปจากการต่อสู้ให้กับปีศาจ เขาก็ตกลงสู่ความบ้าคลั่งแม้แต่พวกปีศาจของเขาเองก็กลายเป็นศัตรู สุดท้ายด้วยการใช้ผนึกของ Sage King คำสั่งโซโลมอนในการจองจำ Borak เอาไว้จนกว่าจะถึงจุดจบของเขารึจนกว่าจะมีคนโง่มาปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระ !


เดฟ ใจเต้นรัว เขาปวดหัวขึ้นมาเมื่ออ่านประโยคสุดท้ายจบ เขารู้ว่าใครกันที่เขียนประโยคนี้ เดฟ ค่อยๆถอยกลับมาจนไปชนเข้ากับกำแพงพร้อมกับที่ปีศาจเริ่มเดินหน้าเข้ามาหาเขาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ


‘ ไม่มีทางที่ฉันจะฆ่าปีศาจนี่ได้ด้วยการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 ! เหี้ยเอ้ย Alfred ดูจากความสามารถฉันแล้วฉันคงทำอะไรมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงกว่า 300 เลเวลได้ ! ‘


ปิศาจยกหมัดของมันขึ้นแล้วเหวี่ยงเข้าใส่เดฟ


เดฟหลบการโจมตีตั้งห้องกลับต้องสั่นสะเทือน


ปีศาจไล่ตามเขาแล้วโจมตีซ้ำอีกครั้ง


เดฟใช้แทบทุกสกิลที่มีเพื่อหลบการโจมตีของปีศาจ แม้แต่สกิลอย่าง {Stagger} ก็ใช้ได้ผลกับปีศาจนั้นก็ไม่อาจจะทำดาเมจใส่ปีศาจตัวนี้ได้เลย เลือดของมันยังคงเต็ม 100% อยู่


” ไอ้ผลต่างเลเวลเฮงซวย ! “


ในที่สุดปีศาจก็โจมตีโดนและทำให้เดฟกลิ้งไปกับพื้น


[-32,766]


การโจมตีนี้ทำให้เลือดเขาลดลงมาเหลือ 1% !


สกิลเดียวที่เขาสามารถทำดาเมจใส่ปีศาจได้คือ {Ray of Flames} เนื่องจากมันทำดาเมจโดยตรงแต่สกิลนี้ยังอยู่ในช่วงคูลดาวน์ 72 ชม.ของมันอยู่


แม้ว่าสกิลเรียกอุกกาบาตของเขาก็ช่วยได้แต่ตอนนี้มันกลายเป็นแถบสีเทาเพราะเขาไม่ได้อยู่ในพื้นที่เปิดแต่แม้ว่าเขาจะใช้สกิลพวกนี้ได้แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรไม่ได้มาก ปีศาจมีเลือดเยอะเกินไป


จากนั้นเขาก็ทำการไล่หาสกิลตัวเองจนพบกับอันที่เขาไม่เคยใช้มาก่อน ตอนนั้นสายตาของเขาได้แสดงความหวังออกมา


เขากดใช้สกิลด้วยการโบกมือ มีเคียวสีดำขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาบนหัวของปีศาจ


แสงของในห้องเริ่มเปลี่ยนไป ทุกอย่างได้กลายเป็นสีแดงหม่นและมีความรู้สึกของการถูกบีบรัดราวกับอยู่ๆห้องก็ถูกแยกออกจากความเป็นจริง


[ {Life Clever} ทำงาน !


พื้นที่ต่อสู้จะถูกย้ายไปยังนรกชั่วคราว


ไม่มีผู้เล่นหรือมอนสเตอร์ตัวไหนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้นี้ได้


การโจมตีของคุณจะทำดาเมจได้ลดลง 20% และได้รับดาเมจเพิ่มขึ้น 20% ]


” บ้าเอ้ย ฉันไม่ควรใช้สกิลทั้งหมดไปแบบเสียเปล่า ! ” – เดฟสบถออกมา เขาต้องเอาตัวรอดให้ได้ 2 นาทีก่อนที่เคียวนั้นจะจัดการคร่าชีวิตปีศาจ


ปีศาจไม่ได้สนใจอะไรเคียวที่อยู่บนหัวของมันและยังคงไล่ตามเดฟต่อ


เดฟโดนไล่จนชิดติดกำแพง ปิศาจต่อยมาที่เขาแต่เดฟก็ได้โน้มตัวก้มหลบการโจมตีได้แบบเฉียดฉิว การโจมตีนั้นอัดเข้ากับกระจกแทนและมีหมัดแบบเดิมโผล่ออกมาจากกำแพงแต่ละด้าน


ความคิดของเดฟเริ่มสับสนเมื่อตระหนักได้ว่ามันน่ากลัวเพียงใดถ้าปีศาจไปในกระจกแล้วเกิดมีปิศาจ 8 ตัวโผล่ออกมาแทน


ในตอนที่เดฟหลบการโจมตีอยู่นั้น ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจใช้แผนเพื่อเสี่ยงชีวิตตัวเอง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม