Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก 180-199

 180 ข้อดีและข้อเสีย

ผู้ค้าวัตถุดิบเหล่านี้ต่างรู้สึกเหมือนโดนทำให้ขายหน้าจากการขายวัตถุดิบให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปในราคาที่ต่ำ แล้วตอนนี้ก็ต้องซื้อกลับมาในราคาที่สูงขึ้น พวกเขานั้นต่างไม่อยากที่จะให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เลย


ดังนั้น, พวกผู้ค้าวัตถุดิบเหล่านี้จึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ตราบเท่าที่ไม่มีฟิวเจอร์กรุ๊ปมาสั่งซื้อวัตถุดิบ


และผลของมันคือ, มีเหล่านักข่าวที่ต้องการที่จะรู้เรื่องนี้ แต่กลับไม่สามารถหาคนที่ให้ข่าวนี้ได้เลย ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าวัตถุดิบพวกนี้มาจากบริษัทไหน แต่เมื่อไปสอบถามพวกเขาเกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว, พวกเขาต่างก็ปฏิเสธที่จะให้คำตอบบอกว่าเป็นความลับทางธุรกิจ


ดังนั้น, เรื่องที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั่นสามารถทำเงินได้เท่าไรนั้น ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป แต่ทว่าจากการประเมิณพบว่าเงินที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปทำได้นั้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 150 พันล้านดอลล่าร์


ไมโครซอฟท์, บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ได้สร้างสิ่งต่างๆไว้มากมายในหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 400 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ, และแอปเปิ้ลมีมูลค่าบริษัท มากกว่า 500 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ


ส่วนบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีมูลค่าบริษัทเท่าไรนั้น, ยังไม่มีใครคำนวนออกมาตอนนี้ เพราะลำพัง 2 เทคโนโลยี อย่างไฟฟ้าชีวภาพบำบัดและเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนแล้ว ก็ทำให้ไม่มีใครสามารถประเมินมูลค่าของบริษัทนี้ได้


และสิ่งที่ทำให้ผู้คนถึงกับพูดอะไรไม่ออกคือ บริษัทที่ใหญ่ถึงขนาดนั้นกลับบริหารด้วยคนเพียงคนเดียว นั่นคืออู๋ฮ่าวเหริน, ชายที่รวยที่สุดในโลก เรื่องนี้แพร่ออกไปทั่วเว็บบอร์ด


จากการวิเคราะห์ของคนในเว็บบอร์ดพบว่า, มีหลายคนที่เปิดหมวดรับสมัครในเว็บของฟิวเจอร์กรุ๊ปมากขึ้นอย่างกระทันหัน และมีจำนวนผู้คนที่อยากจะสมัครเข้าทำงานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปมากขึ้นเรื่อยๆ


แต่สำหรับชาวต่างชาตินั้นหมดสิทธิ์, เพราะจนถึงทุกวันนี้ ทางบริษัทก็ยังไม่ได้มีนโยบายเปิดรับสมัครพนักงานต่างชาติ


หลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินได้รับการแจ้งเรื่องนี้มาจากจี้ เขาจึงมองดูที่เว็บไซต์และคิดว่า เขาควรจะติดประกาศรับสมัครคนงานสำหรับการก่อสร้างหยวนหมิงหยวน


และในขณะเดียวกัน, ก็น่าจะติดประกาศรับสมัครคนทำเกมส์, อนิเมชั่น และ ภาพยนตร์ไว้ด้วย


หลังจากที่ลองคิดดู, เขาก็น่าจะติดประกาศรับสมัครบุคลากร R&D ในปัจจุบันบริษัทนั้นขาดแคลนบุคลากร R&D มาก, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้ดีว่าเขานั้นอาจจะไม่สามารถที่จะพัฒนาบางผลิตภัณฑ์ในขั้นต่อไปหลังจากนี้ได้ เพื่อการนี้เขาจึงจำเป็นที่จะต้องจ้างบุคลากร R&D มาทำงานให้บริษัทบ้าง


อย่างเช่นเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนนั้น, การพัฒนาขั้นต่อของผลิตภัณฑ์นี้ ไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลของจี้ ดังนั้น ถ้าเขาจะพัฒนาเครื่องผลิตไฟฟ้าต่อ, เขาก็จำเป็นที่จะต้องพัฒนาต่อด้วยตัวเอง


และสถานการณ์เช่นนี้, ก็จะมีมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ตามการพัฒนาของบริษัท ก็จะเป็นอะไรที่อู๋ฮ่าวเหรินไม่สามารถที่จะจัดการเองได้ด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไป


นอกจากนี้,

เขายิงติดประกาศรับสมัครตำแหน่งสำคัญๆอีก 2 ตำแหน่งอย่าง ผู้จัดการทั่วไป และ CEO เพื่อมาช่วยเขาจัดการดูแลเรื่องของบริษัท


เขานั้นพบว่าการจัดการดูแลบุคลากรในปัจจุบันนั้น ยุ่งเหยิงมาก และบริษัทนั้นก็ไม่มีคนที่มีความสามารถที่จะมาจัดการเรื่องนี้ด้วย


ทันทีที่มีประกาศการจ้างงานปรากฏออกมา ทั่วทั้งเว็บบอร์ดต่างก็ฮือฮา และมีกระแสผู้สมัครหลั่งไหลเข้ามาแบบไม่รู้จบ แต่น่าเสียดาย, ถ้าคุณต้องการที่จะสมัครเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป ก่อนอื่นคุณจะต้องผ่านการทดสอบของฟิวเจอร์กรุ๊ปเสียก่อน แล้วจากนั้นคุณถึงจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้มีความสามารถของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้


ซึ่งความยากนั้นได้รับการยืนยันจากผู้สมัครครั้งก่อนๆว่า มันไม่ง่ายที่จะผ่าน เรียกได้ว่ามีโอกาสแค่ 3.5% จากผู้สมัคร 100 คน มีผู้สอบผ่านเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้น


สำหรับเรื่องการโกง, นอกเสียจากคุณจะมีคนที่เก่งจริงๆมาช่วยคุณเท่านั้น เพียงแค่เวลาในการตอบคำถามในคอมพิวเตอร์ก็แทบไม่พอแล้ว


แน่นอนว่า, มีคนจำนวนมากมายให้การสนใจ แต่ติดปัญหาอยู่ตรงที่ว่าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นตั้งอยู่ในอำเภอเล็กๆและห่างไกล, และปัญหาเรื่องที่พักของพนักงานจึงเป็นเรื่องทำให้เหล่าผู้สมัครปวดหัว


และยังมีอุปสรรคอีกอย่างสำหรับหลายคนคือ พวกเขาต้องพิจารณาว่าพวกเขาจะสามารถปรับตัวกับชีวิตน่าเบื่อในอำเภอเล็กๆได้หรือไม่


แน่นอนว่า, สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถแต่ยากจน, การรับสมัครงานแบบนี้ถือว่าเป็นข่าวดีมาก


หลังจากที่ประกาศการรับสมัครเหล่านี้ออกไปแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็คิดว่าไม่น่าจะมีเพิ่มเติมอะไรอีก


หลังจากที่กลับมาที่บ้าน, เมื่อเขาได้เข้าระบบซองแดงไป ทันใดนั้นเขาก็พบว่าระบบซองแดงนั้นมืดดำสนิท และไม่สามารถเข้าห้องไหนได้เลย


มันทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา หลังจากที่ทดลองทำโน่นนี่อยู่สักพัก และพบว่ามันไม่สำเร็จ อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้ออกจากระบบซองแดง


“มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ!”


ตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร เพราะเขาไม่รู้ว่าความลับเรื่องระบบซองแดงของเขานั้น ถูกพบโดยเทียนหยูกรุ๊ปแล้ว หรือว่าระบบซองแดงแค่ปิดตัวเพื่ออัพเดทเท่านั้น


จากการอนุมานแล้ว, มีความเป็นไปได้ที่จะปิดอัพเดทสูงกว่า, แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบันของระบบซองแดงนั้น ก็ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นเป็นกังวลอยู่ดี


ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ, มันก็จะหมายความว่าระบบซองแดงนั้นจะไม่สามารถใช้ได้อีกในอนาคต


เขาส่ายหัวไปมา, ก่อนจะปลอบประโลมตัวเองและพูดขึ้น “ถึงแม้ว่าจะใช้ไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ, ลำพังข้อมูลที่อยู่ในจี้ก็ยังสามารถที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของโลกขึ้นไปได้อีกระดับหนึ่ง”


แต่ถ้าเป็นแบบนี้, สำหรับอู๋ฮ่าวเหริน ผู้ซึ่งรู้เกี่ยวกับอวกาศอนาคตและความอันตรายของจักรวาล, แน่นอนว่า เขานั้นไม่สามารถที่จะยอมรับเทคโนโลยีของโลกในระดับนี้ได้


เขาส่ายหัวอีกครั้ง, ไม่มีทางเลือกอื่น, สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือรอเท่านั้น


อู๋ฮ่าวเหรินที่นอนไม่หลับ, ก็ได้เข้าระบบฐานข้อมูลของจี้และศึกษาความรู้เหล่านั้น


หลังจากที่หลับไปได้ 2 ชั่วโมงในคืนนั้น, อู๋ฮ่าวเหรินผู้มีตาแบบแพนด้าก็ตื่นขึ้นมา แล้วทดลองเข้าระบบซองแดง


แต่น่าเสียดาย, ที่มันยังคงมืดสนิทอยู่, ราวกับเป็นแบล็คโฮล ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้สึกผิดหวัง


“เกิดอะไรขึ้นลูกรัก? ขอบตาดำม่วงเชียว เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอจ๊ะ?”


“ผมไม่เป็นไรครับแม่ เสี่ยวชานไปโรงเรียนแล้วเหรอครับ?”


“ไปแล้วจ๊ะ, อู๋เชิงมารับไปแต่เช้าแล้วล่ะ”


อู๋ฮ่าวเหรินไม่อยากไปที่บริษัทในวันนี้ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ, เขาก็เดินขึ้นไปบนหัวเขาหลังบ้าน, ก่อนจะเอนตัวลงนอนที่เนินเขา, นอนมองดูท้องฟ้าสีฟ้า


เมื่อเขาหลับมาจากบนเขา, ความทุกข์ของเขาก็ได้จางหายไป, และจิตวิญญาณของเขาก็คืนกลับมา


เขาจึงไปที่บริษัทในช่วงบ่าย, เขามองดูที่ประกาศรับสมัครงานที่ประกาศไว้เมื่อคืน ก็พบว่าผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกแย่กับสถานที่ตั้งบริษัทของเขาที่อยู่ในอำเภอหยุนหลง


มีผู้คนมากมายที่ต้องการที่จะเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่ปัญหาติดอยู่ที่พวกเขานั้นอยากที่จะใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ และไม่อยากจะใช้ชีวิตในอำเภอบ้านนอกอย่างหยุนหลง


เมื่อเห็นข้อมูลแล้ว, เขาจึงเช็คสถานการณ์การสมัครงาน ก็พบว่า, มีคนจำนวนมากที่ผ่านการทดสอบการรับสมัครตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีคนสมัครตำแหน่งอื่นๆเลย


ซึ่งทำให้เขาเข้าใจว่า สิ่งที่เขาต้องโฟกัสต่อไปไม่ใช่การพัฒนาบริษัท, แต่เป็นการพัฒนาความบันเทิงในชีวิตของพนักงานในบริษัท, ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขโดยด่วน


“จี้, เรื่องการก่อสร้างหอพักของพนักงานไปถึงไหนแล้ว?”


ภาพวาดดีไซน์ของเขตหอพักปรากฏขึ้นมาบนจอคอมพิวเตอร์ อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่า โครงการในระยะที่หนึ่งและระยะที่สองได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนระยะที่สามเพิ่งไปได้แค่ครึ่งเดียว, ส่วนระยะที่ 4, 5 และ 6 นั้นยังเพิ่งเริ่ม, แต่ก็เริ่มดำเนินการพร้อมกันทั้งหมด


แน่นอนว่า, หลังจากตอนนั้น ทั้งบริษัทก่อสร้างทั้งสองแห่งได้ขยายบริษัทและรับพนักงานเพิ่ม


“ในระยะแรกและระยะที่สองสร้างมาได้เรียบร้อยดี, แต่ก็ยังไม่ได้แก้ไขเรื่องของที่พักของพนักงานทั้งหมดอยู่ดี, แล้วยังมีเรื่องของการขาดแคลนสถานที่บันเทิงอีก”


หลังจากที่คิดแล้ว, เขาก็เดินออกมาข้างนอกห้องและแจ้งพนักงานในบริษัททุกคนว่าให้ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุม


ไม่นานนัก, ห้องประชุมก็เต็มไปด้วยผู้คน ทุกคนต่างมองมาที่อู๋ฮ่าวเหรินอย่างสงสัย พวกเขาไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น, เพราะในคราวนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายถูกขอให้เข้ามารวมกันในห้องประชุม”


“เอาล่ะ พวกเรามารวมตัวกันในห้องประชุมเพื่อปรึกษากันเรื่องอนาคตของพื้นที่พักอาศัยของพวกคุณ นี่คือแบบแปลนต่างๆ พวกคุณสามารถที่จะคุยกันและเลือกปรับแต่งพวกมันได้ และหลังจากที่พวกคุณได้เลือกไว้แล้ว, มันก็จะเริ่มดำเนินการสร้างทันที”


ทุกคนต่างมึนงง พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะถูกเรียกมาที่นี่เพื่อถกกันเรื่องแบบนี้, แต่พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นกันขึ้นมาทันใด


“มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หอพักที่ออกแบบโดยหัวหน้านี่ โคตรหรูหราเลย!”


“นั้นเป็นเพราะว่าพวกเรามีบอสที่ดียังไงล่ะ ดูนี่สิ, มีโรงเรียนด้วยล่ะ ดูเหมือนหัวหน้าเอาปัญหาทั้งหมดมา พิจารณาล่ะ, อย่ามัวแต่มึนงงล่ะ รีบๆเลือก พวกเอาจะได้เข้าไปอยู่กันได้ไวๆ”


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูเหล่าลูกน้องที่กำลังปรึกษากัน แล้วหลบมุมมานั่งคนเดียว, ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองดูแบบแปลนของบริษัทและพบว่าสงสัยเขาคงจะต้องซื้อที่ดินเพิ่มเสียแล้ว


181 ที่พักพนักงาน

แน่นอนว่า, การเลือกแบบนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น, โดยเฉพาะตัวเลือกของสิ่งก่อสร้างสาธารณะ, เพราะว่าความคิดของชายและหญิงนั้น แน่นอนว่ามันไม่สามารถที่จะมีความเห็นตรงกันได้


อู๋ฮ่าวเหรินที่หลบมุมไปนั่งดู ก็เห็นคนหัวเราะออกมาขณะที่ถกเถียงกัน โดยเฉพาะพวกผู้ชาย, ส่วนผู้หญิงต่างก็ทำหน้าแดงเขินอาย, และในที่สุดการพูดคุยก็สงบลงไป


ไม่นานนัก, แผนแรกก็เสร็จออกมาจากเสียงเชียร์ของผู้หญิง ในขณะที่แผนที่สอง แน่นอนว่ามาจากทางผู้ชายเยอะกว่า, และในที่สุดแบบแปลนก็ออกแบบเสร็จสิ้น


“นี่คือ 2 แบบแปลนที่เลือกเสร็จแล้วสินะ, แล้วก็พวกคุณสามารถจัดใส่เครื่องอำนวยความสะดวกไว้ในอาคารหอพักได้ด้วยนะ, แล้วก็เรื่องการตกแต่งภายใน คุณจะให้บริษัทตกแต่งให้ หรือว่าพวกคุณจะเลือกกันเองดีล่ะ?”


“หัวหน้าคะ, พวกเราเลือกเองได้ด้วยเหรอคะ?”


“ก็มีแบบให้อยู่นะ ลองดูข้างล่าง พวกคุณสามารถเลือกได้ตามต้องการเลย, หลังจากเลือกเสร็จแล้วก็เลือกหมายเลขห้องที่ต้องการจะอยู่ ส่วนของหอพักน่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้พวกคุณเข้าอยู่ในอีกครึ่งเดือนล่ะนะ”


ในเวลานี้, อู๋ฮ่าวเหรินได้เลือกวัสดุตกแต่งภายในแบบไร้สารเคมีเป็นพิษอย่างดีที่สุดไว้ให้, เพื่อให้มั่นใจว่าหลังจากที่ตกแต่งภายในเสร็จแล้วพนักงานของเขาจะสามารถเข้าอยู่ได้ในทันที


“จริงด้วยสิ, สำหรับเรื่องการตกแต่งภายใน, พวกคุณสามารถไปเลือกในอินเตอร์เนทก็ได้นะ, เลือกเสร็จแล้วก็ปุ่มยืนยัน กลับไปที่บ้านปรึกษากับครอบครัวให้เรียบร้อยก่อน, ถ้าเลือกตอนนี้คนที่บ้านอาจจะไม่ชอบก็ได้”


หลังจากที่ออกมาจากห้องประชุม, อู๋ฮ่าวเหรินก็เดินออกมานอกอาคาร, แล้วไปดูที่เขตของหอพักเพื่อมองดู ก่อนจะโทรหาหลี่เหวินหัว


ทำไมไม่โทรหานายอำเภอน่ะเหรอ? อู๋ฮ่าวเหรินพบว่าแบบนี้มันจะเป็นการไวกว่า ถ้าติดต่อหาคนที่สามารถจัดการเรื่องแบบนี้ให้ได้ในทันทีกว่านายอำเภอ


นายอำเภอนั้นจำเป็นต้องรายงานต่อคนที่ระดับสูงกว่าก่อน แต่ถ้าเป็นหลี่เหวินหัวเขาจะรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบน, และพวกเบื้องบนก็จัดการให้ได้ในทันที


“มีอะไรให้ผมช่วยงั้นเหรอ, หัวหน้าใหญ่?”


“ผมดูๆแล้ว ดูท่าบริษัทของเราจำเป็นที่จะต้องขยายออกไปอีกน่ะครับ, แล้วก็ผมเองก็อยากจะสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนที่นี่ด้วยนะครับ, ผมเลยอยากจะขอที่ดินเพิ่มอีกหน่อยน่ะครับ”


“ได้สิ คุณเลือกบริเวณที่อยากจะได้เลยนะ จากนั้นก็ส่งแผนที่มาให้ผม, แล้วเดี๋ยวผมจะแจ้งคุณกลับไปอีกที”


“ตอนนี้ผมออกมาข้างนอกอยู่ เดี๋ยวอีกสักพักผมส่งไปให้นะครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินมุ่งตรงไปที่ห้องแล็บที่อยู่ใกล้ๆ หลังจากที่เข้าไปในห้องแล็บแล้ว ก็ให้จี้ฉายแผนที่จำลองบริเวณรอบๆขึ้นมา


จากนั้นก็ใช้นิ้วของเขาวาดจุดที่ต้องการลงไป คราวนี้เขาจำเป็นที่จะซื้อที่ดินเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นบริเวณที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่, และที่ดินต้องเป็นของทางรัฐ เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง


แล้วก็, เขาตั้งใจที่จะตัดถนนจากตรงนี้ผ่านไปยังหยวนหมิงหยวนที่กำลังก่อสร้างหนานชาน, ซึ่งถ้าสำเร็จ ทั้งบริษัทก็จะเชื่อมต่อกันทั้งหมด ซึ่งมันจะช่วยได้มากสำหรับแผนการพัฒนาเมืองของเขา


ตอนนี้พวกพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ได้ออกมาจากห้องประชุมหลังจากที่คุยกันเรื่องของการก่อสร้างบริเวณหอพักของพนักงานเสร็จแล้ว, ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่อำนวยความสุขสำหรับพวกเขา


“เมื่อเขตหอพักแก้ไขและตกแต่งเสร็จแล้ว, ฉันก็ไม่ต้องใช้ชีวิตแยกกันอยู่กับภรรยาและลูกๆอีกแล้ว”


“ใช่เลย, เหตุผลที่ลังเลในตอนแรกก็เพราะเรื่องที่ต้องแยกกันอยู่กับครอบครัวนี่แหละ”


“รีบๆเลือกเข้าล่ะ พวกเราจะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในหอพักได้เร็วขึ้น มันดูน่าอยู่กว่าข้างนอกตั้งเยอะ”


“ได้, เดี๋ยวผมจะส่งไปให้ภรรยาเดี๋ยวนี้แหละ ให้เธอได้ลองเลือกดู”


ไม่นานนัก, แผนการสร้างหอพักของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ได้ถูกอัพขึ้นบนอินเตอร์เนท เมื่อได้เห็นหอพักที่ดูหรูหราและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน, ทำให้คนจำนวนมากต่างก็สงบใจไม่ได้


“นี่มันที่พักสำหรับพนักงานธรรมดาจริงๆเหรอเนี่ย, ไม่ใช่ บ้านพักตากอากาศที่สร้างโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปหรอกนะ?”


“ฮ่า ฮ่า, ภรรยาของฉันที่ทำงานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ป เธอเพิ่งจะส่งรูปถ่ายมาให้ มันเป็นเรื่องจริง แล้วพวกสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้ก็ให้พนักงานเป็นคนเลือกกันเองด้วย, แถมทางฟิวเจอร์กรุ๊ปยังจ่ายค่าตกแต่งภายในให้อีกด้วย, ดูนี่สิ นี่คือแบบแปลนการตกแต่งภายใน พวกเราสามารถเลือกแบบแปลนได้ด้วยตัวเองอีกด้วยนะ”


“ไม่ได้การแล้ว, ดูเหมือนตอนนี้ฟิวเจอร์กรุ๊ปยังกำลังรับสมัครพนักงานอยู่ ฉันต้องมองหาตำแหน่งที่เหมาะสมกับฉันดูบ้างละ”


ในตอนนี้เองที่เริ่มมีคนบางคนที่มีวิสัยทัศน์ ได้เริ่มลงมือซื้อที่ดินรอบๆฟิวเจอร์กรุ๊ป เพื่อดำเนินการก่อสร้างกันอย่างลับๆ


เพื่อที่ในอนาคต, บริษัทสามารถทำเงินได้มาก, พวกพนักงานก็ย่อมที่จะได้รับเงินเดือนและโบนัสที่สูงขึ้น, ดังนั้นกำลังการซื้อของคนพวกนี้นั้น ก็ไม่ต้องพูดถึงเลย


ดังนั้นไม่สำคัญแล้วว่าอำเภอหยุนหลงจะเคยเป็นอย่างไร แต่ด้วยฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว อำเภอนี้ก็กลายเป็นสถานที่ๆน่าไปอยู่ขึ้นมาทันที


ชั่วขณะนั้น, ก็มีคนโทรศัพท์เข้ามายังบริษัทนายหน้าในอำเภอหยุนหลงดังอย่างต่อเนื่องไม่หยุด โดยที่เหล่าพนักงานไม่ได้รู้อะไรกับเรื่องนี้เลย


“นายอำเภอครับ, นี่คือข้อมูลที่พวกเราเพิ่งคำนวณออกมาครับ นี่คือที่พักอาศัยจำนวนมากที่คาดการณ์ไว้ในอำเภอของเราในช่วงเวลานี้ครับ, ซึ่งล้วนแล้วซื้อโดยคนจากนอกอำเภอของเราในราคาที่สูง ในตอนแรก, พวกเราคิดว่ามันเป็นของพวกพนักงานในบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป, แต่ตอนนี้ดูเหมือนน่าจะเป็นพวกนักธุรกิจหรือพ่อค้า ที่ต้องการจะมาหากำไรมากกว่าครับ”


“ประกาศกลับไป, ยกเว้นบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป, บริษัทอื่นๆที่ต้องการจะซื้อที่ดินจะถูกปฏิเสธ แล้วก็ที่ดินบริเวณรอบๆของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ริมอ่างเก็บน้ำก็ให้จัดการผนวกรวมเข้าไว้ด้วยกัน


เขาสามารถมาเป็นนายอำเภอของที่นี่ได้ แน่นอนว่าต้องมีคนคอยหนุนหลังเขาอยู่ และคนที่คอยช่วยเหลือเขาและเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่เป็นอย่างดี หากเป็นไปได้ด้วยดี, เขาก็น่าจะไม่มีปัญหาเรื่องเลื่อนขั้นแน่นอน


ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ พวกคนที่หนุนหลังเขาอยู่นั้น สัญญาว่าจะเลื่อนขั้นให้เขา


ตอนนี้จึงเป็นโอกาสแล้ว ศักยภาพของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นก็ได้โชว์ออกมาให้เห็นแล้ว มันก็เป็นเวลาที่เขาจะต้องทำงานบ้างแล้ว


ถึงแม้ว่าภาษีส่วนใหญ่ที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้จ่ายให้นั้นพวกเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทว่าภาษีที่เหลือก็เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะใช้และพัฒนาอำเภอแล้ว


พวกนักลงทุนเองที่มองเห็นเรื่องนี้, ดังนั้นพวกเขาจึงรีบมาสังเกตการณ์ว่าพวกเขาจะหากำไรได้จากที่นี่หรือไม่ ขณะที่ๆยังไม่มีใครจับจองหรือทำอะไร


ในตอนนี้, พวกคนที่เคยไม่คิดจะสมัครงาน เนื่องด้วยปัญหาจำพวก เรื่องของที่พักและแวดล้อมหลังจากย้ายไปแล้วนั้น


ด้วยสวัสดิการ บวกกับเงินเดือนที่สูง, มันก็มีค่ามากพอที่จะให้เสียสละเรื่องพวกนั้นแล้ว


จำนวนคนที่สมัครเข้าทำงานก็ได้เพิ่มขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งบางตำแหน่งก็มีคนแย่งกันมากกว่างานข้าราชการเสียอีก


ยกตัวอย่าง, สองตำแหน่งที่อู๋ฮ่าวเหรินต้องการอย่าง ผู้ดูแลการก่อสร้างและผู้จัดการทั่วไป มีจำนวนผู้สมัครมากถึง 500 คน และยังมีคนสมัครสองตำแหน่งนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทุกนาที


มีเพียงตำแหน่ง CEO ที่มีผู้สมัครเป็นจำนวนน้อยมาก เพราะตำแหน่งนี้ถ้าไม่มีฝีมือถึงจริงๆ หรือมีความสามารถที่โดดเด่น, ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะสมัครตำแหน่งนี้


ส่วนตำแหน่ง R&D น่ะเหรอ, มันออกจะตลกด้วยซ้ำ ที่มีพวกศาสตราจารย์บางคนที่สอนในมหาลัยหรือพวกนักวิจัยบางคนที่มาเข้าร่วมสมัครงานตำแหน่งนี้


ยิ่งไปกว่านั้น, ยังมีนักวิจัยต่างชาติ ที่ออกมาเรียกร้องและต้องการให้รับสมัครโดยไม่แบ่งเชื้อชาติ เพราะพวกเขาก็ต้องการที่จะทำงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย


อัจฉริยะย่อมดึงดูดนักวิจัยมากมายให้มาหา ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ แต่คุณเองก็ต้องการที่จะทำงานภายใต้คนเหล่านั้น ซึ่งมันอาจจะทำให้ชื่อของคุณถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ด้วยก็ได้


หลังจากที่คุยกับหลี่เหวินหัวเรื่องของที่ดินเสร็จ, จื่อหยงก็ได้โทรศัพท์มาหา


“ฮ่าฮ่า, ขอบใจนายมาก สำหรับเรื่องในคราวนี้, สถาบันของเรากอบโกยเงินได้เป็นจำนวนมากเลยล่ะ”


“คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอกน่า, แล้วที่โทรมาหาผม เพราะเรื่องนี้งั้นเหรอครับ?”


“เปล่า, ยังมีเรื่องอื่นอีก นายไม่ต้องการที่จะสร้างโรงผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานความร้อนบ้างเหรอ? ตอนนี้นายน่าจะยังไม่มีบุคลากรที่มีความสามารถในด้านนี้ คิดว่ายังไงถ้าทางสถาบันวิจัยของเราจะช่วยนายก่อสร้างมันขึ้นมา”


“สถาบันของคุณน่ะนะ!”


อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกอึ้งๆไปชั่วขณะหนึ่ง สถาบันวิจัยของคนๆนี้ดูเหมือนจะสถาบันวิจัยเรื่องอาวุธของทางรัฐโดยเฉพาะ แล้วทำไมพวกเขาถึงคิดที่จะมาช่วยสร้างโรงผลิตไฟฟ้าให้เขากันนะ


“ใช่แล้ว, สถาบันของเราต้องการที่จะทำงานให้นายเป็นการส่วนตัว ถ้าเป็นบริษัทอื่นต่อให้พวกเราจะอยากทำมากแค่ไหนก็คงไม่ได้รับอนุญาติ แต่ถ้าเป็นบริษัทของนายแล้ว ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน”


อู๋ฮ่าวเหรินนิ่งคิดไปสักพักหนึ่งและพูดขึ้นมา, “ตกลง, ส่งคนของคุณมาได้เลย ผมเองก็ต้องการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้รวดเร็วที่สุดเหมือนกัน


“ตกลงแล้วนะ งั้นเดี๋ยวข้าจะได้ไปบอกผอ.ให้”


ปล่อยให้คนพวกนี้ทำให้ก็ดี, อู๋ฮ่าวเหรินจะได้วางใจ, อย่างน้อยๆพวกเขาก็ผลิตอาวุธให้กองทัพมามากมาย, ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุแน่นอน


182 การอัพเดทเสร็จสิ้น

หลังจากที่โทรคุยกับจื่อหยงเสร็จสิ้น อู๋ฮ่าวเหรินก็มองดูราคาวัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงในตลาดระหว่างประเทศแล้วส่ายหัว ประเทศเหล่านี้เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว เจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนนั้นมันไม่ได้วิเศษวิโสขนาดนั้นเสียหน่อย


 


อย่างเรื่องของรถพลังงานไฟฟ้าน่ะ, อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าพวกเขาน่าจะลองคิดเรื่องการจะติดตั้งเจ้าเครื่องนี้ในรถพลังงานไฟฟ้าดูใหม่นะ


 


ข้อเสียของเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนคือไฟฟ้าที่ผลิตออกมาได้นั้นจะไม่สูงพอที่จะใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟมากๆได้ ยิ่งไปกว่านั้น, จะผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ ก็ต่อเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเท่านั้น


 


ถ้าเอาไปใช้ชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็พอได้อยู่, แต่ว่าถ้าเจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนเนี่ยถ้ามีขนาดเล็กเกินไป ก็ชาร์จไฟไม่เข้าแน่นอน


 


ดังนั้น, มันจึงสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กๆเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ๆก็ไม่ต้องพูดถึง


 


แน่นอนว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขึ้นมา, โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ทะเลทราย ความต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนที่มาก จะมีส่วนทำให้การผลิตไฟฟ้าของเจ้าเครื่องนี้เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ, ซึ่งให้ผลที่ดีกว่าโซลาร์เซลล์เสียอีก


 


ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าถ้าโรงผลิตไฟฟ้าแบบนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว ค่าไฟฟ้าจะต้องลดลงอย่างแน่นอน


 


หลังจากที่นัดแนะอะไรเสร็จหมดแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกจากบริษัท


 


หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ, เขาก็ได้ทดลองเข้าระบบซองแดงอีกครั้ง, ซึ่งเขานั้นก็ไม่ได้หวังว่าจะเข้าได้


 


แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลังจากที่ภาพโหลดหายไป เขาก็เข้ามาในระบบซองแดงได้


 


ซึ่งคราวนี้ไม่ได้กลายเป็นสถานที่มืดๆแล้ว แต่สีสันของระบบซองแดงดูสดใสขึ้นเล็กน้อยขึ้น


 


เขาลองเช็คดูแล้วก็สงสัยขึ้นมา ระบบซองแดงดูไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไร ระบบซองแดงไม่ได้อัพเดทหรอกเหรอ?


 


ด้วยความสงสัย, เขาจึงเข้าไปยังกลุ่มเลเวลหนึ่ง แล้วลองถามคนพวกนั้นดู


 


“มาแล้วรึ พ่อค้าของเก่า มาดูคำอธิบายการอัพเดทเร็วเข้า คุณไม่ต้องกังวลเรื่องของการอัพเลเวลแล้ว แต่ว่าคุณไม่สามารถส่งหยกโบราณในซองแดงในกลุ่มเลเวลต่ำๆได้แล้วนะ”


 


“หืม, เปลี่ยนระบบการประเมิณของเก่าใหม่แล้วเหรอ?”


 


“ใช่แล้ว, ตอนนี้ในระบบซองแดง ได้มีระบบประเมิณค่าสิ่งของแบบพิเศษขึ้นมา เพื่อประเมิณค่าเหรียญพลังงานกับสิ่งของที่พิเศษเหล่านั้น”


 


อู๋ฮ่าวเหรินทำการลองอ่านดูแล้วก็พบว่ามีระบบการประเมิณค่าสิ่งของแบบที่พวกเขาพูดกันจริงๆ เขาจึงได้ลองใส่หยกโบราณลงไป


 


ไม่นานนัก,


ก็มีข้อมูลแสดงการวินิจฉัยอายุและวัสดุของหยกโบราณขึ้นมาโชว์อยู่ด้านบนและมีค่าของเหรียญพลังงานแสดงอยู่ด้านล่าง


 


“แล้วก็, หยกโบราณแบบนี้มีค่าถึง 5.6 ล้านเหรียญพลังงาน และไม่สามารถส่งซองแดงให้กับกลุ่มเลเวล 5 ลงไปได้!”


 


“เขาจึงได้ทดสอบส่งเหรียญทองแดงที่เหลือลงไปอีกครั้ง คราวนี้ค่าของเหรียญนี้ แม้จะมีค่าต่ำมาก แต่ก็มีค่ามากกว่า 200 เหรียญพลังงาน


 


เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินลองมาคิดดูแล้ว, และพบว่าระบบแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย, แต่เมื่อมองภาพรวมแล้ว ก็ถือได้ว่ามีผลประโยชน์กับเขาอย่างมาก อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของการอัพเลเวลซองแดงในอนาคต


 


แต่ทว่า ถ้าเหรียญทองแดงที่มีค่าถึง 200 กว่าเหรียญพลังงานแบบนี้ถูกส่งซองแดงไป มันจะมีคนไม่มากที่อยากจะฉกซองแดงจากเขาน่ะสิ


 


อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่าคนที่เคยฉกซองแดงเขาไปนั้นบอกว่า พวกเขาจะมาชดเชยให้กับเขาทีหลัง, เพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีเหรียญพลังงานมากพอที่จะชดเชยให้เขา


 


ซึ่งเขาเองก็ได้ปฏิเสธไป อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดทุนแต่อย่างใด เพราะว่าเดิมทีเป็นของที่เขาต้องให้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนด้วยซ้ำ


 


หลังจากที่เข้าใจเรื่องของระบบประเมิณค่าของเก่าแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินจึงกลับเข้ามาในกลุ่มอีกครั้ง และถามขึ้น “จะว่าไปผมจำได้ว่าพวกคุณเคยพูดถึงระบบพิเศษ กับคนจากอารยธรรมอื่นนี่ แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นมีใครพูดถึงกันเลย”


 


“ระบบพิเศษ, ดูเหมือนมันจำเป็นที่ต้องทำเงื่อนไขอะไรบางอย่างก่อน, และยังไม่มีใครลองปลดล็อคเงื่อนไขดูด้วย ส่วนเรื่องของอารยธรรมอื่น, ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกสักพักพวกเทียนหยูกรุ๊ปถึงจะผลิตเครื่องขนถ่ายพลังงานขนาดใหญ่ได้สำเร็จ, ถ้าปราศจากเจ้าเครื่องนั้นแล้ว ต่อให้พวกอารยธรรมอื่นเข้ามาร่วม พวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะส่งซองแดงให้ได้อยู่ดี


 


โอเค, พอจะเข้าใจคร่าวๆแล้ว หลังจากที่ศึกษาการอัพเดทของระบบซองแดงแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัวและเข้าไปยังกลุ่มเลเวล2 แล้วลองเทกองเหรียญทองแดงที่เหลือใส่ลงไปในซองแดงดู


 


เขามองดูที่การอัพเดทใหม่ มันมีค่าเกือบถึง 100,000 เหรียญพลังงาน ดูเหมือนเขาจำเป็นที่จะต้องหาของโบราณพิเศษใหม่ๆเสียแล้ว


 


ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ดูเหมือนจะไม่มีคนสนใจเหรียญทองแดงของเขามากนัก โดยเฉพาะคนที่ได้ไปแล้ว, 3 คนที่เคยฉกซองแดงเขาไป


 


“สวัสดี, พ่อค้าของเก่า พวกเราไม่ต้องการเหรียญทองแดงของคุณหรอกนะ พวกเราขอเปลี่ยนเป็นของโบราณอย่างอื่นได้ไหม?”


 


“เอาไว้ผมเจอของโบราณอย่างอื่นก่อนก็แล้วกันและส่งให้พวกคุณละกัน ถ้าผมเจอแล้วล่ะนะ”


 


ในตอนนี้เอง, ที่ช่างยนต์ได้พูดขึ้นมา, “พ่อค้าของเก่า, คุณยังไม่เจอเครื่องมือโบราณที่คุณสัญญากับผมไว้อีกเหรอ?”


 


“อ๊ะ! ผมลืมไปเลย ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย, เอางี้นะ เดี๋ยวผมจะลองมองหาดูให้ใหม่ แล้วส่งมาให้คุณนะ”


 


อู๋ฮ่าวเหรินพูดอะไรไม่ออก เพราะเขานั้นลืมมันไปจริงๆ, พรุ่งนี้เขาต้องลองไปที่ไซต์งานก่อสร้างเพื่อไปมองหาดู พวกเขาน่าจะเจอกล่องเครื่องมือเก่าๆเยอะแยะและขอมาซักชุดนึง


 


จริงๆแล้วคนพวกนี้, ยังจะมีเครื่องมืออะไรที่ไม่สามารถทำได้ในยุคนั้นอีกนะ พวกนั้นจะมีเครื่องมือที่ดีกว่าในโลกตอนนี้แล้วแท้ๆนะ บางทีอาจจะเอาไปเก็บไว้เป็นเครื่องลางหรือสะสมไว้เป็นของโบราณก็ได้


 


“มีพวกคุณคนใดต้องการของโบราณในโลกยุคโบราณอีกไหม? บอกผมมาก็ได้นะ ผมจะช่วยลองมองหาดูให้”


 


ชีวิตในอดีตก็พูดขึ้นมาทันที: “พวกหนังพิเศษในยุคโลกโบราณ, มันจะมีพวกพร็อบโมเดลต่างๆที่ใช้ในการแสดง ยกตัวอย่างเช่น, รถที่สามารถเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ หรือสามารถปล่อยพลังพิเศษออกมาได้ คุณช่วยหาของแบบนั้นมาให้ผมหน่อยได้ไหม?”


 


มึนตึ๊บเลย, ของพวกนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องไปที่ฮอลลีวูดแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก ของพวกนั้นมันของที่ใช้ถ่ายทำหนังมาร์เวลแล้วล่ะ


 


“ได้ๆ, ผมจะลองหามาให้ก็แล้วกันนะ”


 


“ถ้าฉันบอกให้คุณหาน้ำหอมมาให้ มันจะยากไปสำหรับคุณมั๊ยนะ?, เอาเป็นว่าถ้าคุณมีเวลาก็ช่วยลองมองหาอะไรที่เกี่ยวกับน้ำหอมมาให้ฉันหน่อยละกันนะ” สาวเจ้าสเน่ห์พูดขึ้นบ้าง


 


เอาจริงๆ ที่นี่ก็มีน้ำหอมมากมายเลยล่ะนะ แต่อู๋ฮ่าวเหรินไม่เคยคิดที่จะส่งไปให้ในซองแดง เพราะว่าเขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าน้ำหอมที่ถูกเก็บไว้ในขวดได้ยาวนานขนาดนั้นได้อย่างไร โดยที่ไม่ระเหยไปหมดเสียก่อน


 


ของบางอย่างสามารถให้ได้ด้วยการหาเหตุผลมาอ้าง แต่สำหรับของบางอย่างที่ถ้าส่งแล้วหาเหตุผลมาอ้างไม่ได้ ตัวตนของเขาจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน


 


“พ่อค้าของเก่า, ช่วยผมมองหาของโบราณจำพวกอักษรวิจิตรและศิลปะโบราณให้หน่อยสิ พวกคนมีอายุเขาชื่นชอบกัน, จริงด้วย ผมมีของจะให้นะ คิดซะว่าเป็นของขวัญที่ได้พบกันครั้งแรกละกัน ผมไม่ได้เข้ามาที่นี่นานมากแล้ว”


 


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูชายคนนั้น, เขามีชื่อว่าเจ้าแห่งศิลปะ และดูเหมือนว่าเขาจะเคยอยู่ที่นี่มาก่อน


 


“เจ้าแห่งศิลปะเองรึ ลมอะไรหอบมาได้เนี่ย?” ชีวิตวันวานถาม


 


“ลมอะไรล่ะ ผมมีงานต้องทำน่ะ, แล้วเจ้าพวกจากกาแล็คซี่ฝานเทียนมันเป็นบ้ากันไปแล้ว พวกมันต้องการที่จะข้ามกาแล็คซี่แห่งความตายกัน, ผมเลยถอนตัวออกมาก่อน”


 


“เข้, เจ้าพวกนั้นคิดว่า คุณเป็นนักผจญภัยที่เคยผ่านกาแล็คซี่แห่งความตายมารึไง ที่นั้นน่ะแม้แต่พวกอารยธรรมชั้นสูงเอง ยังไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้เลยนะ”


 


อู๋ฮ่าวเหรินที่กำลังฟังบทสนทนาและดูเหมือนพอจะจับใจความได้ว่า ที่ยุคนั้นก็มีอาชีพนักผจญภัย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเอาชีวิตรอดบนโลก


แต่ว่า, พวกเขาต้องผจญภัยไปในทะเลแห่งดวงดาว, และเผชิญหน้ากับภูมิภาคดวงดาวที่โหดร้าย


 


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูที่ของที่เขาส่งมา ดูแล้วน่าจะเป็นเขาของสัตว์ประหลาดอะไรสักอย่าง มันยาวประมาณ 1 เมตรและดูเรียบตรงมาก มันดูราวกับดาบ


 


“สิ่งนี้คืออะไรเหรอครับ?”


 


“เขาของสัตว์ประหลาดเขาดาบน่ะ, ตอนที่ผมผจญภัยอยู่บนดาว ก็บังเอิญเจอกับสัตว์พวกนี้กำลังอพยพย้ายถิ่นฐานกัน, และผมก็ได้ล่าพวกมันไปบางส่วน”


 


ฟังจากน้ำเสียงของเขา, ดูเหมือนเจ้าสัตว์ประหลาดเขาดาบนี้น่าจะคล้ายๆกับกลุ่มวัวกระทิงอพยพบนโลก แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่คิดที่จะถามออกไป


 


“ตกลงครับ, ผมจะลองมองหางานวิจิตรศิลป์และงานศิลปะโบราณดูให้นะครับ”


 


อู๋ฮ่าวเหรินพบว่าการหาของโบราณให้คนอื่น ดูเหมือนจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการส่งของโบราณไปให้แบบสุ่มๆ


 


หลังจากที่สนทนากับคนพวกนี้ต่ออีกสักพัก อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกมาจากระบบ ดูเหมือนเขาจะต้องหาวิธีรวบรวมของโบราณพวกนี้เสียแล้ว


183 เจ้าแห่งอุตสาหกรรม

มาถึงที่บริษัทในตอนเช้า, อู๋ฮ่าวเหรินก็เดินไปที่ไซต์ก่อสร้างและเดินดูไปรอบๆ ก่อนที่จะซื้อกล่องเซ็ตเครื่องมือที่ใช้งานแล้วต่อจากช่างเครื่องคนหนึ่ง, ซึ่งก็ถือได้ว่าสิ่งที่ช่างยนต์ได้ขอเขาไว้เป็นอันเสร็จสิ้น


เมื่อนึกถึงสายตาที่ช่างเครื่องมองเขาเมื่อตะกี๊แล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อกี๊มันช่างดูโง่ๆเสียจริง, บางทีเขาคงต้องมองหาใครซักคนมาช่วยเขาเรื่องนี้แล้ว


ณ เวลา 10 โมงเช้า, จื่อหยงก็ได้โทรมาและบอกว่าเขาได้พาคนมารออยู่ที่หน้าบริษัทแล้ว แต่ถูกกันไม่ให้เข้าโดยรปภ.


อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้บอกให้รปภ.ไปตามคนขับรถมา แล้วให้พาพวกเขาทั้งหมดไปที่ส่วนของโรงงาน


จื่อหยงลงมาจากรถมาและมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆ ก่อนจะพูดขึ้น “โรงงานของคุณกว้างขวางจริงๆเลยนะ ใช้เวลาตั้ง 2 นาทีเพื่อเดินทางจากประตูใหญ่จนมาถึงที่นี่”


“ไม่หรอก, ผมเกรงว่ามันจะไม่พอเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่สร้างให้ใหญ่ขนาดนี้น่ะ ดูนั่นสิ, เดิมทีผมเป็นที่เผื่อเอาไว้สำหรับเก็บวัตถุดิบ แต่ตอนนี้มันเกือบไม่พอใช้ด้วยซ้ำ”


ตอนนั้นเอง, ที่หลังรถมีผู้คนในชุดเครื่องแบบทหารทยอยลงมาจากรถ พวกเขาต่างก็สงสัยเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้


แต่หลังจากที่หันหน้ามาเจออู๋ฮ่าวเหริน, บางคนก็มีแววตาที่เปล่งประกาย, ราวกับเจอผู้หญิงสวยงาม ซึ่งนั่นทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกเกรงๆ


“ผมขอแนะนำพวกคุณให้รู้จัก, นี่คืออู๋ฮ่าวเหริน, นักประดิษฐ์อัจฉริยะที่พวกคุณอยากจะพบมาตลอด พวกคุณจะเรียนรู้ทักษะจากเขาได้มากเท่าไรในเวลานี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกคุณแล้วนะ”


ทันทีที่จื่อหยงพูดแนะนำจบ, ก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาและพูดขึ้น “คุณอู๋ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเจียงเสี่ยวชวน, เป็นหัวหน้าทีมนี้ครับ ผมจะนำทีมของผมทำภารกิจนี้ให้ลุล่วงครับ”


เมื่อมองดูการกระทำของคนๆนี้แล้ว, เขาปฏิบัติเหมือนกับว่าได้รับคำสั่งมาจากกองทัพ, อู๋ฮ่าวเหรินจึงรู้สึกผิดหวังหน่อยๆ คนแบบนี้นั้นไม่ง่ายที่จะเข้าหาด้วย, แต่ว่าพวกเขาก็เป็นคนที่จริงจังมากในการทำงาน


“สวัสดีครับ”


“ดูนั่นสิ, หัวหน้าทำเป็นขึงขังอีกแล้ว นายคิดว่าคราวนี้เขาจะทำไปได้นานแค่ไหน?”


“5 นาที”


“ดูจากสภาพของหัวหน้าแล้ว ผมให้นาทีเดียว”


“30 วิเลยเอ้า”


ทันทีที่คนสุดท้ายพูดจบ, อู๋ฮ่าวเหรินก็มองไปที่คนตรงหน้าเขาอย่างประหลาดใจ, ในตอนนี้เขาอยู่ในสภาพหย่อนยานแล้ว


จื่อหยงมองมาที่อู๋ฮ่าวเหรินทำหน้าเหมือนช่วยไม่ได้, ก่อนที่เขาจะเตะไปที่ขาของเจียงเสี่ยวชวน แล้วพูดขึ้น “เมื่อสักครู่ เขาแค่เสแสร้งทำน่ะ, เจ้าหมอนี่ในสถาบันน่ะนะ ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าเล่ห์มาก คนที่เจอเขาครั้งแรกก็มักจะถูกหลอกด้วยท่าทางแบบตะกี้”


“น้องอู๋, คำสั่งจากทางกองทัพก็จบไปแล้วล่ะนะ เอาล่ะ, ตอนนี้ผมเป็นลูกจ้างของคุณแล้วนะ มาดูกันซิว่า ผมจะเพลิดเพลินไปกับผลประโยชน์ของบริษัทคุณได้ไหมนะ?”


มองดูท่าทางของคนๆนี้แล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าบุคลิกแบบนี้นั้นดีกว่าบุคลิกจริงจังแบบเมื่อกี้เสียอีก คนแบบนี้ง่ายที่จะคบหาด้วย, แต่ว่ายากที่ให้จะให้มารับใช้


เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่สนชายคนนั้นและพูดขึ้น “ไปกันเถอะ ผมจะพาพวกคุณไปดูและทำความรู้จักกับเครื่องจักรการผลิต”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้เตรียมพร้อมสำหรับวัตถุดิบที่จะใช้ผลิตไว้แล้ว สิ่งที่พวกเขาจะต้องทำคือผสมวัตถุดิบเหล่านั้นเข้าด้วยกัน, จากนั้นก็สร้างขึ้นมา แล้วใส่เข้าไปในเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อน


แต่เนื่องจากโครงการนี้นั้นไม่ได้มีขนาดเล็ก, ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินจะต้องทำด้วยตัวเอง เขาคงจะต้องจ้างช่างเทคนิคจำนวนมากช่วยกันทำขึ้นมา โดยปราศจากการช่วยเหลือจากหุ่นยนต์


ภายนอกโรงงานค่อนข้างที่ดูธรรมดาๆนั้น, แต่สำหรับภายในโรงงานนั้น พวกมืออาชีพเหล่านี้เห็นแล้วก็รู้สึกได้ในทันที


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูพวกเขา สำหรับที่โรงงานนี้แล้ว มันต่างจากห้องแล็บที่อยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไรที่เขาเก็บซ่อนไว้ความลับ


“เดินชมดูได้เลยนะครับ ถ้าพวกคุณมีอะไรหรือสิ่งไหนไม่เข้าใจ, ก็มาหาผมแล้วถามได้เลยครับ”


เมื่อได้ยินเช่นนี้, ผู้คนต่างก็แยกกันตัวกันออกไป และมองดูเครื่องจักรที่ดูราวกับหลุดออกมาจากในนิยายข้างในโรงงาน


“โอ๊ะ, เดี๋ยวนะ, เจ้าพวกนี้คือเครื่องมือจักรกลงั้นรึ?”


“มันคือเครื่องมือจักรกลนั่นแหละ มีอะไรงั้นรึ?”


จื่อหยงและอู๋ฮ่าวเหรินเดินเข้ามาหาและมองดูหัวหน้าทีมเจียงเสี่ยวชวนอย่างสงสัย


“เครื่องมือจักรกลพวกนี้มันต่างจากเครื่องที่ผมเคยเห็นก่อนหน้านี้ พวกมันดูเที่ยงตรงกว่าและมีฟังชั่นการทำงานมากกว่า


“มันแตกต่างกันจริงๆนั่นแหละ, เครื่องมือจักรกลพวกนี้คือรุ่นปรับปรุง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของความเที่ยงตรง”


“ขอผมทดลองใช้หน่อยได้ไหม?”


“ได้สิ, ยังไงเสีย เจ้าเครื่องมือจักรกลพวกนี้ก็จำเป็นต้องให้พวกคุณเป็นคนควบคุมและทำชิ้นส่วนขึ้นมาในอนาคตอยู่แล้ว”


อู๋ฮ่าวเหรินมองท่าทางของคนพวกนี้แล้ว ก่อนที่จะหันไปถามจื่อหยงที่ไม่พูดอะไรมาสักพักแล้ว “คนพวกนี้ไม่ใช่คนจากหน่วยข่าวกรองใช่มั๊ย?”


“หน่วยข่าวกรอง?, คนพวกนี้ก็ได้รับการฝึกการต่อต้านการจารกรรมมาอยู่ล่ะนะ เพราะมันเป็นงานของพวกเขา ที่ต้องรับผิดชอบด้านการผลิตในสถาบันวิจัย เมื่อพวกเขามักถูกส่งให้ไปทำงานในสถานที่ต่างๆ จึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับแวดล้อมในการทำงานได้ดี”


หลังจากนั้นสักพัก, เจียงเสี่ยวชวนรีบวิ่งมาหาอู๋ฮ่าวเหรินด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจและพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น, “งานช่วยคุณสร้างโรงผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนในครั้งนี้ผมขออะไรอย่างอื่นตอบแทนเลยก็ได้ ผมขอให้คุณช่วยมอบเครื่องมือจักรกลพวกนี้ให้กับพวกเราทีเถอะนะ”


“ให้พวกคุณ? ไม่ได้หรอก, เครื่องมือจักรกลพวกนี้มันค่อนข้างสร้างยาก ถ้าพวกคุณอยากได้, พวกคุณก็สร้างกันขึ้นมาเองก็แล้วกัน”


“พวกเราสร้างขึ้นมาเองแน่, แต่พวกเราไม่มีเทคโนโลยีที่จะสร้างมันขึ้นมาน่ะสิ เทคโนโลยีเหล่านี้พวกเราถูกสั่งห้ามนำเข้าจากพวกต่างประเทศ, ถึงแม้พวกเราจะอยากสร้างมันก็ตามที”


จื่อหยง, ที่อยู่ข้างๆเขาก็ได้ตอบสนองขึ้นมาทันที ตัวเขานั้นคิดว่าเครื่องมือจักรกลที่เขาได้ไปเมื่อคราวก่อนนั้น คือดีที่สุดที่อู๋ฮ่าวเหรินมีแล้ว แต่หลังจากที่ผ่านไปนาน, ดูเหมือนความสามารถของคนๆนี้จะเพิ่มขึ้นไปอีก


“เจ้าหนูบอกข้ามาสิว่า, เจ้าเครื่องมือจักรกลพวกนี้ ล้ำหน้าที่สุดแล้ว?”


ในตอนนี้, อู๋ฮ่าวเหรินก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนเทคโนโลยีของจีนนั้นจะถูกสั่งห้ามนำเข้าโดยต่างประเทศ เครื่องจักรที่เที่ยงตรงมากมายนั้นไม่สามารถนำเข้าได้จากต่างประเทศ


จึงไม่แปลกที่คนพวกนั้นที่เอาแบบภาพร่างของเขาไปในตอนนั้น ถึงได้ดูตื่นเต้นนัก, ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาได้เทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดไป, แต่เป็นเพราะพวกเขาได้เทคโนโลยีการผลิตเครื่องมือจักรกลที่แม่นยำไปต่างหาก


เมื่อพูดถึงการสูญเสียแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้สึกได้ว่าเขาได้สูญเสียครั้งใหญ่ โดยที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลย

ไม่ใช่ทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดหรือวัสดุเส้นใยพืช แต่กลับเป็นเทคโนโลยีการผลิตเครื่องมือจักรกลที่แม่นยำต่างหากที่เขาได้ให้ไป


มันทำให้เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อยขึ้นมา, ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่เคยพูดอะไรถึงเรื่องนี้เลยจนถึงตอนนี้


อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้แกล้งทำเป็นตกใจและถามกลับไป, “เทคโนโลยีพวกนี้มันนำเข้ามาได้ไม่ใช่รึไง พวกคุณไม่รู้งั้นหรือ?”


“ใช่, แน่นอนว่าพวกเราก็รู้เรื่องนี้ แต่ปัญหาคือพวกเรานั้นไม่สามารถนำเข้าเทคโนโลยีพวกนี้ได้ พวกเขาหวงแหนและปิดกั้นข้อมูลพวกนี้มาก”


“ผมคิดว่าพวกเรามีเทคโนโลยีพวกนี้ในประเทศจีนแล้วเสียอีก ก็ได้, ผมจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกนี้ทีหลังละกัน เครื่องมือจักรกลแบบไหนที่พวกคุณอยากจะผลิตขึ้นมาเองกันล่ะ?”


อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าในอนาคต, เขาควรที่จะสนใจเรื่องที่ไม่สำคัญแบบนี้ให้มากขึ้น โชคยังดีที่ว่า, พื้นฐานการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมที่ผลักดันโดยจี้นั้น แม้จะไม่ล้ำหน้าไม่มากนัก, แต่มันก็ดีกว่าเทคโนโลยีของต่างชาติแน่นอน


ในเมื่อพวกเขาสามารถยอมรับเรื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดได้, ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา พวกเขานั้นคิดว่าเทคโนโลยีเหล่านี้นั้นขโมยมาจากต่างประเทศด้วยการใช้เทคโนโลยีแฮกมารึไงนะ


ขณะที่จื่อหยงกำลังรายงานนี้ไป, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นฮือฮามาจากด้านนั้น


“จะว่ายังไงดีล่ะ? ดูพวกคุณจะตื่นเต้นที่ได้เห็นเจ้าเครื่องนี้มากกว่าเห็นสิ่งประดิษฐ์อีกนะ”


“แน่นอนสิ, คุณรู้มั๊ยว่าเจ้าเครื่องที่แม่นยำและเที่ยงตรงแบบนี้น่ะเรียกได้ว่าเจ้าแห่งอุตสาหกรรมของเทคโนโลยีการผลิตเลยนะ? มันมีบางชิ้นส่วนที่พวกเราไม่สามารถทำได้มาก่อน แต่ด้วยเจ้าเครื่องนี้พวกเราสามารถทำมันได้แล้ว! โดยเฉพาะการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมการทหาร เรียกได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่เลยล่ะ”


อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว มันเป็นเพราะอิทธิพลของเขาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการทหาร มันเหมือนใกล้จะเป็นเรื่องจริงแล้วที่ว่าอีกไม่นานกำลังทหารของเราจะสามารถทัดเทียมกับต่างชาติได


จากข้อมูลในเรื่องนี้, ก็ได้มีกองกำลังพิเศษได้ถูกส่งมาเพื่อพาตัวจื่อหยงกลับไป ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก


CF:บทที่ 184 การพัฒนากลางทะเล


จื่อหยงกลับไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่คนพวกนี้, ซึ่งหลังจากที่รู้เรื่องเครื่องจักรนี้แล้ว ทัศนคติที่มีต่ออู๋ฮ่าวเหรินของพวกเขานั้น เรียกได้ว่านับถือกันเลยทีเดียว


สำหรับคนที่อยู่ในวงการการผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหารแล้ว, พวกเขานั้นรู้ดีกว่าประเทศจีนนั้น ยังมีจุดอ่อนอยู่ที่เครื่องจักรกลที่มีความแม่นยำสูง และด้วยข้อมูลที่จะที่อู๋ฮ่าวเหรินจะมอบให้นั้น ก็เป็นอะไรที่สำคัญต่อการแสดงโชว์อุตสาหกรรมของจีน


ชิ้นส่วนมากมายที่พวกเขาต้องการนั้นจำเป็นต้องนำเข้ามา, แต่ด้วยเครื่องมือจักรกลที่แม่นยำสูง พวกเขาจะสามารถขจัดเรื่องที่ต้องพึ่งพาต่างประเทศไปได้เลย และไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินซื้อของจากพวกเขา


แน่นอนว่า, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้เมินเฉยต่อเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดว่าเครื่องมือจักรกลที่มีความแม่นยำสูงพวกนี้จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจีนมากขนาดนี้


กลับมาที่ห้องแล็บ, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นพูดอะไรไม่ออก เขาไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องผิดพลาดในระดับเล็กน้อยแบบนี้ได้


จี้ได้อธิบายให้เขาฟังว่า อุปกรณ์พวกนี้คือการแสดงถึงอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน เขานั้นคิดถึงแต่เรื่องการแสดงผลงานของตัวเอง แต่ลืมไปว่าตัวเขาเองก็อยู่ในประเทศเดียวกัน


“จี้, คุณตั้งใจที่จะไม่เตือนผมเรื่องนี้ใช่ไหม?”


“ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น, แต่มันก็เป็นเรื่องดีกับคุณไม่ใช่เหรอ?”


“เรื่องดี?”


อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ถ้าเครื่องมือจักรกลพวกนี้มันล้ำหน้ามากเกินไป ฉันรู้สึกเริ่มกลัวขึ้นมา


“ใช่แล้ว, ถ้าคุณคิดที่จะจัดแสดงเทคโนโลยีพวกนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดแสดงในบริษัทของตัวเอง เช่นเดียวกับเรื่องของ A.I. คุณได้ให้โปรแกรมพื้นฐานกับพวกเขาก่อน แล้วให้พวกเขาวิจัยกันขึ้นมาเอง, แทนการมอบเทคโนโลยีด้าน A.I. ให้กับพวกเขาโดยตรง ทั้งสองแนวคิดนี้ให้ผลต่างกันสิ้นเชิ้ง”


“คุณหมายความว่า, ผมจะต้องช่วยเหลือประเทศ เพื่อยกระดับของอุตสาหกรรม และยกระดับอุตสาหกรรมของทั้งโลกงั้นสินะ”


อู๋ฮ่าวเหรินพอที่จะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ถ้าเขาต้องการที่จะทำให้เทคโนโลยีของโลกนั้นทัดเทียมกับพวกในอวกาศได้นั้น, ดูเหมือนเขานั้นจะไม่สามารถทำได้โดยเพียงลำพัง


ถ้าวันหนึ่งเขาต้องการที่จะติดต่อกับอารยธรรมนอกโลกพวกนั้นขึ้นมา การที่เขาแข็งแกร่งเพียงผู้เดียวนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


ในอนาคตนั้น, จะต้องมีสงครามในอวกาศแน่นอน ความจริงที่ว่ามนุษยชาติต้องหลั่งเลือดนั้นเป็นเรื่องที่ยืนยันได้อย่างดี หากปราศจากการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากแล้ว ถ้าอารยธรรมมีความสามารถสูสีกัน ก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน


“ผมเข้าใจละ ผมรู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ”


สำหรับเรื่องของการช่วยเหลือต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นมานั้น, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นหาได้มีจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและแรงบรรดาลใจที่ดีงามแต่อย่างใด แต่สำหรับของการช่วยทำให้ประเทศของเขาแข็งแกร่งขึ้นมานั้้น, เขานั้นไม่ได้ติดขัดอะไรแต่อย่างใด


เขานั้นไม่ได้รักอะไรในประเทศนี้


แต่เขานั้นรักผู้คนในประเทศที่เลี้ยงดูเขามา


“งั้นเราก็มาทำกันเถอะ, จี้ รวบรวมข้อมูลและดูว่าเราจะสามารถที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางการทหารและเพิ่มศักยภาพในการรบได้อย่างไรบ้าง แล้วก็ เรื่องของการป้องกันบนเกาะเป็นอย่างไรบ้าง?”


อู๋ฮ่าวเหรินนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขานั้นปล่อยให้จี้จัดการมาโดยตลอด แต่เขาไม่ได้มีเวลามาดูเรื่องนี้เลย


“ตราบเท่าที่ไม่ใช่ประเทศพวกนั้นเข้ามาโจมตี, ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการจัดการกับโจรสลัด ฉันได้ซื้อวัตถุดิบบางส่วนด้วยบัญชีนอกประเทศ แล้วจัดส่งพวกมันมาเพื่อสร้างป้อมปืนต่อต้านอัตโนมัติเพิ่มเติมค่ะ”


มองดูภาพถ่ายที่จี้ให้มา, อู๋ฮ่าวเหรินก็แปลกใจที่เขาเห็นคนกำลังก่อสร้างบ้านอยู่


“คนพวกนี้มาได้อย่างไร?”


“มีงานบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้โดยใช้หุ่นยนต์, ดังนั้นฉันจึงจ้างคนมาสร้างบ้านและโครงสร้างพื้นฐานบนเกาะให้”


“ที่ผมถามน่ะ, คือคุณจ้างคนมาทำงานได้อย่างไร?”


อู๋ฮ่าวเหรินสงสัยมาก มีหุ่นยนต์เพียงแค่ 4 ตัวบนเกาะ และจี้คงไม่สามารถใช้หุ่นยนต์ไปจ้างคนมาได้แน่ๆ


“มันง่ายมากค่ะ ก็แค่จ่ายเงินให้กับพวกนายหน้า พวกเขาก็จัดการปัญหาทุกอย่างให้ฉันเอง”


เมื่อได้ยินที่จี้ตอบมา, อู๋ฮ่าวเหรินก็ลองคิดดู และคิดว่ามันน่าจะทำได้จริงๆ จี้ไม่จำเป็นต้องไปพบกับใคร, สิ่งที่ต้องทำคือจ่ายเงินจ้างนายหน้าให้ช่วยเขาซื้อวัตถุดิบต่างๆและจ้างคนมาทำงาน นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ


“ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ถูกแล้วที่ปล่อยให้นายจัดการเรื่องนี้, ถ้าผมจัดการเรื่องนี้เอง คงจะแก้ปัญหาไม่ได้ไวขนาดนี้”


จี้ไม่ได้สนใจอู๋ฮ่าวเหริน เขารู้ว่าคนๆนี้คงจะลืมเรื่องนี้ไปสนิทเสียแล้ว


“จริงด้วยสิ คุณสามารถใช้ตัวตนนอกประเทศของคุณเพื่อติดต่อกับสถาบันวิจัยนอกประเทศได้สินะ บางที่เราอาจจะใช้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนี้ได้”


อู๋ฮ่าวเหรินต้องการที่จะดูว่าจี้นั้นจะสามารถช่วยเขาได้หรือไม่ เรื่องของการพัฒนากองกำลังนอกประเทศ ถ้ามันสำเร็จ มันก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับเขา


การสร้างโพรงกระต่าย 3 โพรง, จงอย่าสร้างแค่ 3 โพรง แต่จงสร้างไว้เผื่ออีกโพรงเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้นมา


นอกจากนี้, อู๋ฮ่าวเหรินเองก็คิดว่าอาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยบางอย่าง เพื่อทำงานจัดแสดงใต้ทะเล


“จี้, คุณโอนเงินที่ได้จากการขายวัตถุดิบไปยังบัญชีนอกประเทศเหลือไว้เพียง 700 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ รวมถึงเงินปันผลจากวัสดุใยพืช”


อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่านี่น่าจะเป็นความคิดที่ดี เช่นเดียวกับทีมีคนเคยพูดไว้อดีตว่า เมื่อผู้คนเงินฝากเงินเอาไว้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลหรือให้คนอื่นได้


“เงินส่วนนึงเอาไว้ใช้โชว์ศักยภาพของกองกำลังบนเกาะกลางทะเลให้ได้เห็น, ส่วนที่เหลือเอาไปเข้าตลาดหุ้นเพื่อทำเงินในภายหลัง”


“ได้, ฉันจะให้หุ่นยนต์ขับเรือรบใต้น้ำออกไป” จี้กล่าว


อู๋ฮ่าวเหรินเห็นด้วย แต่เรือรบดำน้ำจะดีจริงเหรอ เขาก็ไม่กล้าถามกลับไป เพราะจี้นั้นคิดทำอะไรฉลาดกว่าเขาเสียอีก


กลับมายังโรงงาน, ตอนนี้ทหารพวกนั้นน่าจะคุ้นเคยกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงานกันบ้างแล้ว และมีบางคนที่เริ่มปฏิบัติงานแล้ว


อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกพอใจมากกับความสามารถของคนพวกนี้ อย่างว่าขนาดชิ้นส่วนของมิสไซล์กับเครื่องบินรบยังสร้างกันได้ กะอีแค่ชิ้นส่วนเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนทำไมพวกเขาจะทำกันไม่ได้


เขามั่นใจว่าเมื่อใดที่โรงผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนที่โรงงานเขาเสร็จสิ้น ตราบเท่าที่ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนั้นหลายประเทศจะต้องมาพบกับเขาเพื่อขอซื้อสิทธิบัตรเทคโนโลยีอันนี้แน่


ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนตามข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาได้


แต่ทว่า, เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนของเจ้าเครื่องนี้, จำเป็นที่จะต้องใช้การอ้างอิงจากเครื่องผลิตไฟฟ้าที่มีใหญ่มาก


อย่างไรก็ตาม จากการแข่งขันที่ดุเดือดเรื่องวัตถุดิบในตลาดระหว่างประเทศนั้น, ทำให้ไม่มีประเทศไหน มาคุยกับเขาเรื่องของสิทธิบัตรเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนเลย


อู๋ฮ่าวเหรินไม่คิดว่า เมื่อเจียงเสี่ยวชวนทำงานนั้น เขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย โชคดีที่ เขาไม่ใช่คนอย่างที่อู๋ฮ่าวเหรินคิด, ไม่เช่นนั้นคงต้องให้จื่อหยงเปลี่ยนคนให้ใหม่แล้ว


เมื่อเขากลับมาที่อาคารหลัก, เขาก็ได้รับแบบแปลนเลือกหอพัก ซึ่งเลือกกันเสร็จหมดแล้ว, ถ้าเป็นเช่นนี้ เขาก็จะได้ติดต่อไปยังบริษัทที่รับหน้าที่ตกแต่งให้เริ่มงานได้


“หัวหน้าครับ, เมื่อสักครู่มีการติดต่อมาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งแจ้งมาว่าคนจากแผนกวิจัยการจัดสวนจะมาถึงที่นี่พรุ่งนี้ครับ แล้วก็จะมีผู้เชี่ยวชาญที่เคยบูรณะราชวังต้องห้ามมาร่วมด้วยครับ”


“โอ้, งั้นเดี๋ยวอีกสักพัก ผมจะติดต่อกลับไปเอง”


เขาโทรหาจื่อหยง และพบว่าเขาเพิ่งออกมาจากสถาบันวิจัย เขาได้ติดต่อคนพวกนี้ไว้ให้จริงๆ ไม่สิ, จริงๆต้องบอกว่าเขาได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมมหาลัยของเขา, ซึ่งได้ช่วยเขาได้เรื่องนี้


“ก่อนอื่นเลย เตรียมเรื่องที่พักให้พวกเขาก่อน แล้วก็แจ้งไปยังบริษัทที่รับหน้าที่ตกแต่งสวนที่รับงานของเรา, และบอกให้พวกเขาส่งคนมาที่นี่ ผมจะได้บอกแผนก่อสร้างให้พวกเขา


“ได้ครับหัวหน้า, ผมจะจัดการให้ครับเดี๋ยวนี้ครับ”


เรื่องของการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนนั้น อู๋ฮ่าวเหรินต้องการที่จะคุยกับพวกเขาในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน และหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร


หลังจากที่คิดได้แบบนั้น, เขาก็วิ่งไปที่ห้องจัดแสดงและเปิดเครื่องฉายภาพจำลองเพื่อให้แสดงภาพของหยวนหมิงหยวนที่ตรงกลางห้อง


มันน่าจะเป็นการที่ดีกว่าที่จะฉายให้เห็น “สวนแห่งสวนทั้งหมื่น” ให้ได้ชม, ถ้ามันไม่ได้ถูกเผาในตอนนั้้น, ก็คงจะมีเหลือให้เห็นถึงทุกวันนี้


น่าเสียดาย, ที่อู๋ฮ่าวเหรินทำได้เพียงแค่สร้างสวนขึ้นมาใหม่เท่านั้น ถ้ามีบันทึกเก็บเอาไว้ ก็ยังมีทางที่จะลอกเลียนแบบขึ้นมาได้


แต่ปัญหาคือในหลายๆจุดไม่มีบันทึกเอาไว้เลย, จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลียนแบบของเดิมขึ้นมาได้


อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวและถอนหายใจ บางทีอาจจะมีคนบนโลกอนาคตที่คัดลอกข้อมูลของหยวนหมิงหยวนแบบเดียวกับที่เขาทำบ้างก็ได้

—————————–


CF:บทที่ 185 การฉกซองแดงที่แท้จริง


ในตอนค่ำ อู๋ฮ่าวเหรินได้นำกล่องเครื่องมือเก่าจากไซต์ก่อสร้างที่จะให้ช่างยนต์กลับมาด้วย


มันช่างดูไร้ค่าจริงๆ มันมีค่าแค่ 25 เหรียญพลังงานเท่านั้น, ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับส่ายหัว ดูเหมือนแผนที่ชาญฉลาดนี้จะไม่เวิร์คเท่าไร


เรื่องอย่างนี้มันเป็นความพิเศษในอาชีพของแต่ละคน เขาอาจจะสนใจสิ่งนี้, แต่คนอื่นอาจจะไม่อยากที่จะสะสมมัน


แต่ทว่า, เมื่อเขาเข้าระบบซองแดงมา หลังจากการอัพเดทระบบซองแดง ดูเหมือนว่าระบบการส่งซองแดงแบบเจาะจงคนจะถูกเอาออกไปแล้ว นั่นหมายความว่า, ในอนาคตนอกจากเหรียญพลังงานแล้ว, ของทุกสิ่งจะถูกส่งในกลุ่มซองแดงจะเป็นแบบสาธารณะแล้ว


จากเรื่องนี้บอกอู๋ฮ่าวเหรินได้ว่า, ในอนาคตไม่ว่าเขาจะส่งซองแดงให้คนอื่น หรือคนอื่นส่งซองแดงให้เขา คนอื่นจะสามารถฉกซองแดงของเขาได้


มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขา, เพราะว่าพวกคนอื่นๆในระบบซองแดงนั้น เร็วกว่าเขามาก


อย่างในตอนนั้น, ตอนที่มีการแจกน้ำหอมหลากหลายขวดในกลุ่มนั้น อู๋ฮ่าวเหรินฉกมาไม่ได้เลยซักซอง


ดูเหมือนในอนาคต, ถ้าเขาต้องการที่จะฉกซองแดง, เขาคงสามารถฉกได้แต่ซองที่ไม่มีใครต้องการ


เข้าไปในกลุ่มเลเวลหนึ่ง, คนพวกนี้โผล่กันมาเป็นครั้งคราวกันจริงๆ ตอนนี้ในกลุ่มมีคนออนไลน์อยู่ไม่กี่คนเท่านั้น


“ชาวไร่, ผมกำลังมองหาเมล็ดพันธุ์แบบนี้อยู่ พอจะหาให้ผมหน่อยได้มั๊ย?”


“รอแปบนึง เดี๋ยวผมหาให้นะ”


ในช่วงเวลานี้, อู๋ฮ่าวเหรินได้เมล็ดพันธุ์จำนวนมากมาจากชาวไร่, ซึ่งบางเมล็ดก็ได้นำมาทดลองปลูกในเครื่องปลูกผัก แต่ทว่าพลังงานของเจ้าเครื่องนั้นก็ใกล้จะหมดแล้ว เขาคงจะต้องหาซื้อหินพลังงานระดับต่ำๆจากพ่อค้าพลังงานเสียแล้ว


“พวกคุณได้ยินเรื่องที่เทพธิดาหลิงหยิ่งได้ให้การช่วยเหลือพวกอารยธรรมวิญญาณที่เป็นปรปักษ์กับอารยธรรมพาลอสแล้วบุกไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ของอารยธรรมพาลอสเพื่อชิงอะไรบางอย่างกลับมา?” จู่ๆคนขี้เมาก็พูดขึ้นมา


“ล้อเล่นรึเปล่า?” คนขุดแร่พูดขึ้นมาอย่างตกใจ “แดนศักดิ์สิทธิ์ของอารยธรรมพาลอสเนี่ยนะ, ที่นั่นมีม่านพลังป้องกันอยู่นะ, จะบุกเข้าไปได้อย่างไร!”


“ฮ่าฮ่า, มันเป็นเรื่องจริง พวกอารยธรรมวิญญาณได้ใช้อุปกรณ์พิเศษช่วยให้หลิงหยิ่งสามารถเจาะผ่านม่านพลังป้องกันเข้าไปได้ ตอนนี้พวกอารยธรรมพาลอสได้แจ้งไปยังสหพันธรัฐแห่งอวกาศให้ลงโทษอารยธรรมวิญญาณกับอารยธรรมมนุษย์ของเรา, แต่แย่หน่อยนะ ที่พวกเขาเคยทำแบบเดียวกันนี้กับพวกเราและให้เหตุผลแก้ต่างมาก่อน และดูเหมือนตอนนี้เหตุผลนั้นจะย้อนกลับเข้าตัวพวกเขาเองแล้ว” ชายชุดเกราะพูดอย่างตื่นเต้นบ้าง


“มันช่างฟังดูรู้สึกดีจริงๆ ที่คนพวกนี้ได้โดนเองเสียบ้าง,

ถึงฉันจะไม่รู้หรอกนะว่า เกิดอะไรขึ้นกับเทพธิดากันแน่”


“ฉันได้ยินมาว่าน่าจะยังอยู่ที่อารยธรรมวิญญาณ คงจะกลับมาไม่ได้จนกว่าพายุเรื่องนี้จะสงบลงล่ะนะ พ่อค้าของเก่า, รู้ข่าวนี้ของเทพธิดาแล้ว จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”


“เอาจริงๆ, ผมก็ยังสงสัยอยู่เลยว่า ทำไมเธอถึงต้องเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ของอารยธรรมพาลอสด้วยนะ, ที่นั่นจะต้องอันตรายมากแน่ๆ”


“มันอันตรายสุดๆเลยล่ะ ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาได้ถูกฆ่าตายแน่นอน, เลยเป็นที่สงสัยว่า ทำไมเธอถึงต้องไปที่นั่น, อาจจะมีอะไรข้องเกี่ยวกับเรื่องที่อารยธรรมพาลอสได้โจมตีเทพสงครามในครั้งนั้นแน่ๆ”


“มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึ?”


“ไม่มั่นใจเหมือนกัน ฉันได้ยินมาว่าเทพสงครามเองก็ไม่ได้อยากจะเอ่ยถึงมันเท่าไร”


อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกหมดหนทาง เขาคิดว่าตัวเขานั้นอยู่ไม่ไกลจากคำตอบมากแล้ว ซึ่งบางทีนี่อาจจะเป็นหนทางรักษาหลิงเมิ่งเสวี่ยก็เป็นได้ แต่น่าเสียดายที่เบาะแสสำคัญทั้งหมดนั้น น่าจะอยู่กับเทพสงคราม


ตอนนี้เขาทำได้แต่รอเท่านั้น จนกว่าหลิงหยิ่งจะกลับมา, ถ้าฉันสามารถติดต่อเธอได้ ฉันก็น่าจะได้คำตอบของเรื่องนี้


“พ่อค้าพลังงาน, คุณพอจะมีหินพลังงานบ้างไหม? ส่งซองแดงมาให้ผมหน่อยสิ?”


“ได้สิ, จะเอาเท่าไรล่ะ?”


“เอาเท่าไรเหรอ? ขอเยอะๆเลยละกัน พวกผักที่ปลูกไว้กำลังจะงอกแล้วน่ะ”


หลังจากนั้นไม่นานก็มีซองแดงถูกส่งออกมา แต่ก่อนที่อู๋ฮ่าวเหรินจะคว้าไว้ได้ มันก็หายไปเสียแล้ว


“เฮ้, คนขี้เมา, คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”


“ฉกซองแดงยังไงล่ะ!”


“คุณไม่เห็นรึไงว่ะ นั่นน่ะเป็นแค่หินพลังงานระดับต่ำที่ถูกส่งมาจากพ่อค้าพลังงานนะ คุณยังจะฉกอีกเหรอ?”


“ฮ่าฮ่า, ข้าก็แค่อยากให้นายเคยชินกับมันซักหน่อย คุณรู้มั๊ย? ทำไมพวกเราถึงถูกปิดระบบส่งซองแดงแบบเจาะจงคนกัน นั้นก็เพื่อให้ประสบความสำเร็จที่แท้จริงของระบบซองแดงยังไงล่ะ, ในอนาคตยกเว้นซองแดงที่ไม่มีใครต้องการแล้ว ซองแดงอื่นๆจะต้องถูกฉก แม้แต่คนจากอารยธรรมอื่นอย่างแน่นอน”


อู๋ฮ่าวเหรินถามขึ้นอย่างสงสัย, “คุณหมายความว่ายังไง?”


“ฉันได้ยินมาว่าในตอนที่กำลังเจรจากันอยู่นั้น มีพวกบางอารยธรรมได้เสนอความคิดออกมา หลังจากที่พวกอารยธรรมพวกนั้นเข้ามาแล้ว, ระบบซองแดงจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่จะสามารถถูกฉกโดยคนอื่นได้”


“ไม่นะ, หมายความว่าแม้แต่ของโบราณของพ่อค้าของเก่าก็อาจจะถูกฉกได้อย่างงั้นรึ” มนุษย์ชุดเกราะพูดถามกลับไป


“ถูกต้องแล้ว ข้าได้ยินมาจากเพื่อนของข้าที่อยู่อารยธรรมอื่น พวกคุณจะต้องตั้งใจให้มากกว่านี้ ซองแดงที่พวกคุณต้องการจะต้องเร็วขึ้นมากกว่าเดิม”


อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกได้เลยว่า วันแห่งหายนะของเขากำลังจะมาเยือนแล้ว เขาจะไม่สะดวกสบายเหมือนแต่ก่อนแล้ว


แต่พ่อค้าพลังงานก็พูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “ถ้ามันเป็นเรื่องจริง, อัตราการอัพเลเวลก็จะสูงขึ้นไปอีกในอนาคต, แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไม่มีใครฉกซองแดงของเราด้วย”


หลังจากที่พูดจบ, คนๆนี้ก็ส่งซองแดงหินพลังงานมาให้อีกครั้ง, อู๋ฮ่าวเหรินที่เตรียมพร้อมจะคว้าซองแดงอีกครั้ง แต่ก็พลาดอีกจนได้


“ฮ่าฮ่า, ฉันก็ลองบ้างดีกว่า, รู้สึกดีจริงๆ เวลาที่ได้ฉกของที่คนอื่นต้องการได้ มันช่างรู้สึกแตกต่าง” จ้าวแห่งรถบินได้ที่อยู่ๆก็โผล่ออกมาฉกซองแดงไปพูดขึ้นบ้าง


“ตอนนี้ผมล่ะอยากที่จะต่อยพวกคุณจริงๆ!”


พ่อค้าพลังงานส่งซองแดงมาให้อีกครั้ง, อู๋ฮ่าวเหรินจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ


“แก!”


“จ้า, จ้า, พวกเราจะมีสมาชิกซองแดงมากขึ้นในช่วงเวลานี้ ก่อนอื่นเลย พวกเราจะต้องทำตัวให้เคยชินและฝึกซ้อมกับความรู้สึกนี้ไว้ เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่เสียหน้าเมื่อต้องเจอกับพวกอารยธรรมอื่น” สุดหล่อโคตรเจ๋งได้พูดบางอย่างออกมาทำให้อู๋ฮ่าวเหรินอยากจะกระอักเลือดออกมา


“พวกคุณจะปล่อยให้ผมฉกซองแดงหินพลังงานได้รึยัง?”


คราวนี้ในที่สุดก็ไม่มีใครแย่งฉกซองแดงไป อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกผิดหวังหน่อย ดูเหมือนเขาจำเป็นจะต้องฝึกหัดไว้จริงๆ


แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะทำยังไงมือของเขามันก็ไม่ไวพอซักที แม้แต่พลังสมาธิของเขาก็ยังสู้คนพวกนี้ไม่ได้เลย ทำให้การตอบสนองของเขาสู้คนอื่นไม่ทันเลย


“พ่อค้าของเก่า, นายจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้นะ ข้าได้ยินมาว่าบางอารยธรรมที่มาเข้าร่วมน่ะ มาจากอารยธรรมที่ต่ำกว่าเรามากก็มีนะ ถึงแม้ตอนนั้นพวกเราจะไม่ฉกคุณ พวกเขาก็จะฉกไปอยู่ดี”


“ฉันรู้แล้ว ฉันจะฝึกคุณจนกว่าจะถึงเวลานั้นดีกว่า ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะฉกสู้ใครเขาไม่ได้”


แล้วเกมการฉกซองแดงที่แท้จริงก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง มีหลายคนที่สลับกันมาฉกซองแดง แล้วจากนั้นทุกคนก็มาเข้าร่วมการฝึกฉกซองแดงในระดับที่ราวกับว่ากำลังฉกซองแดงกันจริงๆ


จากที่สุดหล่อโคตรเจ๋งว่ามา, ในกลุ่มเลเวลต่ำๆนั้น จะไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการฉกซองแดงเท่าไร แต่เมื่อขึ้นไปสู่เลเวลสูงๆแล้ว, จะต้องพึ่งพาการฉกมากขึ้น เพราะสิ่งของส่วนใหญ่ในกลุ่มเลเวลสูงๆนั้น มักเป็นของดีที่หาได้ยากมาก


หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้แล้ว เขาก็นึกถึงยานอวกาศสมรรถนะสูงขึ้นมา


จากที่สุดหล่อโคตรเจ๋งกล่าว อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้สึกได้ว่าพวกกลุ่มเลเวลสูงๆนั้น สำหรับเขาแล้ว, นี่อาจจะเป็นก้าวแรกของการดวลในระบบซองแดงของเขาก็เป็นได้


ของดีๆใครๆก็อยากฉก ช่างมันเถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงแม้จะฉกได้ขยะที่ไม่มีใครต้องการมา แต่ทว่าของพวกนั้นก็มักจะล้ำสมัยมากกว่าบนโลกอยู่ดี


อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวและออกจากระบบซองแดง ดูเหมือนว่าหลังจากที่คนจากอารยธรรมพวกนั้นเข้ามาร่วมแล้ว ชีวิตของเขาน่าจะไม่ง่ายอีกต่อ


ในตอนเช้า, เขาได้เอาหินพลังงานที่ได้มาเมื่อคืนออกมา แล้วไปที่ห้องเรือนกระจกแล้วเติมพลังงานลงไปในเครื่องปลูกผัก


มีพืชผลมากมายปลูกไว้ในนั้น ครอบครัวของเขาก็รู้ว่าเขานั้นกำลังศึกษาพืชพันธุ์อยู่ ดังนั้นจึงได้มีห้องเรือนกระจกอยู่ที่หลังบ้าน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเขาแล้ว แม้แต่ครอบครัวก็ห้ามเข้าไป


แม้แต่เสี่ยวชานเคยอยากจะเขาไปดูด้วยความสงสัย, ก่อนที่เธอจะถูกแม่ดุในเวลาต่อมา

—————————-


CF:บทที่ 186 ความเสียใจของผู้เชี่ยวชาญ

ทันทีที่เข้ามาในบริษัท เขาพบว่าบรรยากาศมันผิดปกติ ทุกทีเวลาที่เข้ามาในบริษัท ทุกคนจะหัวเราะอย่างร่าเริง ทำไมวันนี้บรรยากาศมันช่างดูเงียบเหงานัก

“หวังหลาน, เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทในวันนี้”

“ประธานคะ, มีกลุ่มคนเข้ามาที่นี่เมื่อเช้าค่ะ ดูเหมือนว่าเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมโบราณจากปักกิ่งจะไปพูดขัดใจอะไรพวกผู้จัดการบางคนเข้าน่ะค่ะ สภาพบริษัทก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”

“คุณหมายถึงศาสตราจารย์จากปักกิ่งที่จะมาสร้าง พระราชวังฤดูร้อนให้เราน่ะหรือ?”

“ใช่ พวกเขานั่นแหละค่ะ”

“ผมเห็นพวกเขาละ ผมจะไปดูหน่อยว่าพวกเขาไปทำอะไรให้ใครขัดใจได้อย่างไร?”

อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกสับสนนิดหน่อย พวกนั้นมาถึงที่นี่ไม่ทันไรก็มีปัญหากับคนในบริษัทเสียแล้ว

ภายในเขตหอพัก อู๋ฮ่าวเหรินไปพบกับศาสตราจารย์ทั้งห้าคนจากปักกิ่งซึ่งกำลังประเมินสิ่งก่อสร้างต่างๆภายในเขตที่พักพนักงานอยู่

เขารู้ว่าก่อนหน้านี้่เกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากฟังเรื่องมาสักพัก เขาก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นสาเหตุ

เมื่อวานนี้ พวกคนในบริษัทพึ่งจะทำการเลือกแผนงานก่อสร้างสำหรับพื้นที่พนักงานซึ่งได้รับความเห็นชอบจากผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองบริษัทก่อสร้างที่รับทำแล้ว แต่น่าเสียดายที่ว่า ตอนนี้มีศาสตราจารย์สองคนที่กำลังค้านกับพวกเขาเรื่องการแผนการก่อสร้างในพื้นที่เขตมันจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลได้อย่างไร

ทว่า หลังจากฟังเรื่องราวมาสักพัก อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว คนพวกนี้คงทำวิจัยเรื่องสถาปัตยกรรมสวนแบบโบราณมามากเกินไป มัวแต่สนใจเรื่องภาพลักษณ์ ไม่สนใจเรื่องการใช้งานจริงเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีการก่อสร้างรูปแบบพิเศษบางอย่างซึ่งถึงมันจะไม่ได้แย่อย่างที่พวกเขาว่ากันนั้น เพราะมันมองไม่ออกจากภายนอก

ถ้ายึดตามการก่อสร้างที่พวกเขาบอกแล้ว นอกจากจะไม่ได้ทำให้ดีขึ้นกว่าตอนนี้แล้ว จะทำให้ผู้คนที่จะเข้ามาอยู่อาศัยที่นี่ในอนาคตรู้สึกอึดอัดไปด้วย

“มาแล้วหรือครับ ท่านประธาน”

มีคนเห็นอู๋ฮ่าวเหรินยืนอยู่ไม่ไกลจึงได้เรียกเขา แล้วทุกคนหันมามองเป็นทางเดียว

“ท่านประธานในตำนานคนนั้นเองสินะ แผนการก่อสร้างพวกนี้ เป็นของคุณงั้นหรือ?”

“ใช่ครับ มันเป็นแผนการก่อสร้างที่ผมวางไว้เอง”

“แผนการก่อสร้างของคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูที่รูปภาพนี่สิ ถ้าคุณดำเนินการตามแผนงานนี้จริง ๆ มันจะดูไม่มั่นคงแถมยังส่งผลถึงภาพลักษณ์โดยรวมด้วย แถมจากการออกแบบนี่ สระว่ายตรงนี้มันจะสร้างได้ยังไงกัน? ควรจะย้ายมาตรงนี้ดีกว่าจะได้ดูเข้ากันดีกว่า”

อู๋ฮ่าวเหรินยืนฟังเงียบ ๆ

แล้วให้จี้บันทึกเรื่องที่พวกเขาพูดเอาไว้

ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งห้านั้น อีกสามคนไม่ได้พูดอะไร แต่ดูท่าทางอึดอัดพอสมควร เหมือนอยากจะบอกอะไรกับอีกสองคนนั้นแต่ก็พูดไม่ออก

งานวิจัยหลักของพวกเขาเป็นสถาปัตยกรรมโบราณ งานศึกษาสถาปัตยกรรมสมัยใหม่นี้รู้เพียงผิวเผินเท่านั้น

เหตุผลหลักที่ถูกเชิญมาที่นี่ก็เพราะคนเชิญกับอิทธิพลของฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้น

ต้องให้พวกเขารู้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น เรื่องที่เขาต้องการจะสร้างเลียนแบบพระราชวังฤดูร้อนนั้น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่จะทำจริงๆ

สรุปคือ พวกเขามาพร้อมกับนักศึกษา และเหตุผลที่มาไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน คนนึงมาเพื่อที่จะได้ไปสอนนักศึกษา อีกคนนึงมาดูว่าพวกเขาจะสร้างสิ่งที่เป็นความน่าเสียดายของอารยธรรมจีนด้วยมือของพวกเขาเองได้หรือไม่

ในระหว่างทาง พวกเขาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวของฟิวเจอร์กรุ๊ปจากพวกนักศึกษาไปบ้างแล้ว

ในตอนนี้ พวกเขาก็พบว่าอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้พูดอะไรออกมาและได้แต่จ้องมองพวกนั้นอย่างสงสัย จนในที่สุดทั้งสองคนก็หยุดพูด

“ผมขอบอกก่อนละกันว่า ต่อให้เปลี่ยนไปผลก็เหมือนเดิม”

“พวกคุณทั้งสองพูดจบแล้วสินะครับ ผมจะพาไปดูจุดที่พวกคุณพวกคุณบอกให้แก้ไขกันให้เห็นชัดๆ”

อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้อธิบายอะไรให้กับพวกเขาเช่นกัน เขาผายมือเชื้อเชิญแล้วเดินนำไปยังรถอย่างมีมารยาท

เขาแน่ใจแล้วว่าเถียงกับคนพวกนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ ต้องพาไปดูให้เห็นกับตาเท่านั้น

ผู้จัดการบางคนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ พอได้เห็นท่าทีของท่านประธานก็พากันหัวเราะออกมา

เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างงุนงง พวกเขาขึ้นรถพร้อมกับอู๋ฮ่าวเหรินไปยังห้องจัดแสดง

พอได้เห็นสภาพของห้องจัดแสดง พวกเขาต่างก็ตกใจกันอย่างที่คิดไว้ พวกเขาไม่คิดว่าภายนอกกับภายในนั้นจะต่างกันถึงเพียงนี้

“นี่คือห้องจัดแสดงที่สร้างโดยประธานของพวกเรา ซึ่งประกอบไปด้วยตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปที่กำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาต่อไปในวันข้างหน้า สิ่งเหล่านี้คือเครื่องฉายภาพเสมือนจริงซึ่งคุณสามารถทำการจำลองรูปแบบการเปลี่ยนแปลงได้ตามที่พวกคุณคิดไว้ได้” โจ้วหลานอธิบาย

พร้อมกับที่อู๋ฮ่าวเหรินเปิดการทำงานของเครื่องเอาไว้ จากนั้นก็คลิ๊กบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า

ทันใดนั้น อุปกรณ์ฉายภาพก็เริ่มแสดงภาพโครงการที่เพิ่งจะถูกพูดถึงโดยพวกศาสตราจารสถาปัตยกรรมแบบโบราณทั้งสองคนภายในห้องจัดแสดง

เมื่อภาพแผนการปรับปรุงแผนแรกปรากฎขึ้น สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองก็เปลี่ยนไป พวกเขาได้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว

ยิ่งภาพของสถานที่และสิ่งก่อสร้างเปลี่ยนไปเท่าไหร่ พวกเขายิ่งรุ้สึกอับอาย เดิมทีพวกเขานั้นศึกษาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม ถึงแม้ว่าจะเน้นไปทางสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม แต่พวกเขาก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับสถานปัตยกรรมสมัยใหม่มาพอสมควร

ไม่งั้นแล้ว คงไม่สามารถที่จะมองดูภาพวาดเหล่านั้นแล้วตั้งคำถามขึ้นมาได้มากมายได้

หนึ่งในศาสตราจารย์ที่ไม่พูดอะไรเลยในตอนนั้นพูดขึ้นมา “พวกคุณทั้งสองคนคงเข้าใจแล้วสินะ ว่าทำไมพวกเราทั้งสามคนถึงไม่ประเมินอะไร”

“คุณรู้อยู่แล้วสินะ!”

“ทีแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอก แต่พอมองภาพรวมเข้าด้วยกัน ผมได้เห็นจุดที่แตกต่าง นอกจากนี้ พวกเรายังไม่คุ้นเคยกับแผนงานของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่แบบนี้เท่าไหร่ ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณทั้งสองควรเลิกทำตามใจตัวเองก่อน ถ้าพวกคุณยังไม่ยอมเข้าใจอีกก็มีแต่จะเสียหน้ามากขึ้นเท่านั้น”

ถ้าพวกเราไม่มาดูภาพรวมทั้งหมดนี้พร้อมกัน ก็น้อยคนนักที่จะเห็นความวิเศษที่อยู่ในแผนการดำเนินงานที่ จี้ กับ อู๋ฮ่าวเหริน ได้วางแผนกันเอาไว้

ทว่า เมื่อสิ่งก่อสร้างทุกอย่างปรากฏขึ้นมาแล้ว ก็จะได้เห็นถึงความสมเหตุสมผลของแผนผังนี้ พอผู้ดำเนินงานจากบริษัทก่อสร้างทั้งสองบริษัทได้เห็นแผนนี้แล้วต่างก็ยอมรับในการออกแบบของอู๋ฮ่าวเหริน

“จากทางด้านข้าง มีดอกไม้สวย ๆ แล้วทางด้านหน้าก็เป็นรูปทรงที่แปลกตา เป็นการออกแบบที่ยึดตามท้องฟ้าได้อย่างแยบยล ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ “

“ขอโทษนะครับ ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบสถานที่แห่งนี้กัน?

“แบบแปลนการก่อสร้างของบริษัททั้งหมด ทำโดยท่านประธานของพวกเราครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินเดินมาและพูดขึ้น “เอาจริงๆ ผมก็แค่ใช้คอมพิวเตอร์ให้สร้างแบบแปลนขึ้นมาน่ะครับ, ไม่ได้มีวิธีอะไรเป็นพิเศษ”


“เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์, มันสุดยอดขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าแบบนี้ต่อไปในอนาคตก็คงไม่ต้องมีนักออกแบบกันแล้ว?”


“แน่นอนครับว่า นักออกแบบยังมีความจำเป็นอยู่ คอมพิวเตอร์เองก็ได้พื้นฐานมาจากสิ่งก่อสร้างจริงๆมาคำนวณ สิ่งประดิษฐ์และผลงานต่างๆก็ล้วนแล้วแต่ออกมาจากฝีมือของมนุษย์ทั้งสิ้น คอมพิวเตอร์ก็ออกแบบแปลนโดยมีพื้นฐานจากสิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นนั่นแหละครับ แน่นอนว่า, ของที่สมบูรณ์แบบเกินไปนั้นมันไม่ดีหรอกครับ ความไม่สมบูรณ์นี่แหละที่สุดยอด”


ศาสตราจารย์ทั้ง 5 คน ผงกหัว, เป็นธรรมดาที่ผู้คนต่างก็ต้องการให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างว่า อะไรคือนักสถาปัตยกรรมที่แท้จริง


เขามองดูศาสตราจารย์ทั้งสองคน ก่อนจะหันไปบอกกับเหล่าผู้จัดการให้กลับไปทำงานกันแล้ว ก่อนจะหันมาพูด, “ที่ผมเชิญพวกคุณมาร่วมงานด้วยครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้มาช่วยผมคอยดูแลการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนนี้ เพราะผมกังวลว่าพวกคนงานนั้นจะไม่คุ้นเคยงานแบบนี้ แต่ศาสตราจารย์ทั้ง 5 คนก็ดูชำนาญในงานนี้ดีนะครับ ดูเหมือนพวกคุณจะวิจัยเรื่องของหยวนหมิงหยวนกันมาบ้าง”


“แน่นอน, เนื่องจากพวกเราศึกษาเรื่องของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม, พวกเราย่อมที่จะศึกษาเรื่องของหยวนหมิงหยวนด้วย มันไม่ได้มีแค่เอกลักษณ์ของอารยธรรมจีนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของต่างประเทศอีกด้วย, ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สุดยอดของจีนโบราณและปัจจุบัน รวมถึงศิลปะการแต่งสวนของต่างชาติด้วย, แต่ก็น่าเสียดายที่ภูมิปัญญาและสิ่งที่ตกผลึกจากหยาดเลือดและเหงื่ออันนี้, เหลือไว้เพียงแต่ซากปรักหักพังดั่งเช่นทุกวันนี้”


มองดูสีหน้าของพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินเข้าใจว่าพวกเขานั้นต่างก็เสียใจที่ศิลปะอันล้ำค่านี้ ผลงานชิ้นเอกของมนุษยชาติถูกทำลายลง


“ศาสตราจารย์ครับ, ผมมีแบบแปลนจำลองจากข้อมูลที่มีอยู่ พวกคุณน่าจะได้เห็นมันก่อนนะ”


เมื่อได้ยินที่อู๋ฮ่าวเหรินพูด พวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้น พวกเขาอยากจะเห็นประสิทธิภาพของเครื่องฉายภาพจำลองเหมือนกัน

—————————


CF:บทที่ 187 ทำให้ดีที่สุด


ท่ามกลางสายตาของศาสตราจารย์ทั้ง 5 คนแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินได้เปิดเครื่องฉายภาพทั้งหมดในห้องจัดแสดง


ไม่นานนัก, สิ่งที่ฉายอยู่ในห้องจัดแสดงก็ได้เปลี่ยน, มีซุ้มปรากฏขึ้นในห้องนั้น ถ้าไม่มีอะไรผิดไป, มันก็น่าจะไม่ต่างกับพระราชวังหยวนหมิงหยวนของจริง


“มันไม่น่าเชื่อ, มันช่างน่าประทับใจจริงๆ! มันจะออกมาเป็นแบบนี้สินะ ถ้าสร้างเสร็จแล้ว?”


ส่วนทั้งสองคนนั้น ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ได้แต่ยืนอ้าปากค้าง มองดูซุ้มดอกบัวและทิวทัศน์รอบที่ดูวิจิตรและสง่างามนี้ จนพวกเขารู้สึกอยากที่จะไปคุยกับกองทัพพันธมิตรอังกฤษ-ฝรั่งเศสมันซะตอนนี้เลย


“มันช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ผลงานชิ้นเอกเยี่ยงนี้ กลับถูกเผามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน, เหลือเอาไว้เพียงแค่ซากปรักหักพังเท่านั้น”


“ฉันหวังว่าในชาตินี้, ฉันอยากจะเห็นสวนที่งดงามขนาดนี้ ปรากฏขึ้นมาบนโลกนี้อีกครั้งจัง”


“ทุกท่านครับ, ผมคิดว่าพวกคุณจะได้เห็นมันอีกครั้งแน่, ตราบเท่าที่พวกคุณตกลงจะช่วยผมน่ะครับ”


ในตอนนี้, ทั้ง 5 คนมองมาที่อู๋ฮ่าวเหรินด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ในเมื่อเขาสามารถรวบรวมข้อมูลที่มี และสร้างภาพจำลองแบบนี้ขึ้นมาได้, นั่นหมายความว่าเขาเองก็ตั้งใจที่จะสร้างหยวนหมิงหยวนจำลองขึ้นมาจริงๆ


“เจ้าต้องการให้พวกข้าทำอะไรก็ว่ามา? ข้าขอใช้ชีวิตอันชรานี้ ร่วมสร้างไปกับเจ้าด้วย”


“ใช่แล้ว, ตราบเท่าที่พวกเรายังมีประโยชน์อยู่, ก็ขอให้บอกมาได้เลย”


อู๋ฮ่าวเหรินกำลังต้องการความร่วมมือแบบนี้แหละ, ด้วยความร่วมมือของคนพวกนี้ เขาจะสามารถหาคนมาเข้าร่วมได้อีกแน่นอน


“นี่คือข้อมูลการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนและปัญหาที่ผมพบในตอนนี้ พวกคุณคือผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ พวกคุณพอจะช่วยผมแก้ปัญหานี้ได้ไหม?”


แน่นอนว่า, อู๋ฮ่าวเหรินไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสนี้ เขานั้นกำลังขาดแคลนคนมีความสามารถในด้านนี้ เช่นพวกงานแกะสลัก หรืออะไรที่ไม่สามารถใช้เครื่องจักรเข้าช่วยได้


เมื่อศาสตราจารย์ทั้งห้าคนกลับมายังที่พัก ก็พบกับพวกลูกศิษย์ที่ตามพวกเขามาและสุมหัวกันรอกันอยู่ในนั้น


“ศาสตราจารย์ครับ, พวกคุณได้พบคุณอู๋ฮ่าวเหรินแล้วใช่ไหมครับ? พวกเราจะไปที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เมื่อไรครับ?”


“ศาสตราจารย์, ผมได้ยินมาว่าประธานบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นยังดูหนุ่มมาก จริงรึเปล่าครับ?”


“…”


เมื่อได้ฟังคำถามของของพวกลูกศิษย์แล้ว เขาก็เข้าใจว่าอิทธิพลของประธานหนุ่มคนนั้นมีมากแค่ไหน


“พอแล้ว,

ไม่ต้องถามอีก เดี๋ยวพวกเธอก็ได้เห็นเอง, ตอนนี้พวกเธอจงตั้งใจแล้วไปเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้นมา เดี๋ยวฉันจะส่งข้อมูลไปให้ แล้วให้พวกเธอช่วยกันตั้งใจดูกันให้ดีๆ อย่าให้มหาวิทยาลัยเราต้องเสียหน้าอีก”


ศาสตราจารย์สองคนที่เหมือนตบหน้าตัวเองในวันนี้ ไม่อยากให้ลูกศิษย์ของพวกเขามาทำในสิ่งที่ผิดพลาดเช่นเดียวกับพวกเขา ถ้าลูกศิษย์ของพวกเขาได้ไปที่โซนก่อสร้างที่พักแล้วไปชี้แนะแบบที่พวกเขาทำอีก, มันคงเป็นอะไรที่น่าอับอายมาก


“แล้วก็นะ, พวกคุณจงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรับศึกยาวนานในครั้งนี้ พวกเราได้ตกลงที่จะร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปในการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนแล้ว”


“อ๊ะ! อาจารย์, คราวนี้จะไม่เหมือนคราวที่แล้วใช่มั๊ยครับ? ที่ได้แค่ค่าครองชีพเท่านั้น ใช่มั๊ยครับ?”


“คราวที่แล้วมันเป็นอุบัติเหตุน่า แต่คราวนี้พวกเธอจะได้เป็นพนักงานชั่วคราวของฟิวเจอร์กรุ๊ป พวกเขาจะจ่ายให้ก็ต่อเมื่อพวกเธอได้แสดงฝีมือของพวกเธอ, พวกเขาจะจ่ายให้ตามความสามารถของพวกเธอ”


“เยี่ยม! ผมได้เป็นพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว”


ถึงจะรู้ว่าได้เป็นแค่พนักงานชั่วคราวของฟิวเจอร์กรุ๊ป, แต่พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของเงินเดือน หลังจากที่ได้เห็นพวกพนักงานฟิวเจอร์กรุ๊ปได้อวดกันในเรื่องของเงินเดือน, ที่ทำให้คนจำนวนมากต่างก็ต้องอิจฉา ยิ่งสวัสดิการยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย


“พอก่อน, พอก่อน, มาดูข้อมูลพวกนี้กันก่อน งานนี้เป็นงานที่พิเศษมาก ถ้าฉันพบว่าใครที่ไม่ตั้งใจทำงานนี้และขี้เกียจ จะมาโทษฉันไม่ได้นะถ้าให้ไม่จบการศึกษาน่ะ”


หลังจากที่อธิบายให้ลูกศิษย์ได้ฟังแล้ว ทั้งห้าคนก็ออกมานั่งที่ห้องรับรองใกล้ๆ, และมีคนหนึ่งพูดขึ้นมา


“พวกเราติดต่อศาสตราจารย์หลี่กันเถอะ ในเมื่อพวกนั้้นบอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา, พวกเราก็หาคนมาเพิ่มกันเถอะ”


“งั้นก็ลุยกันเลย ชวนมาให้หมดเท่าที่พวกคุณจะทำได้ งานคราวนี้พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเงินทุนเหมือนคราวนั้น พวกเราจะต้องทำออกมาให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียดายในภายหลัง”


ทั้ง 5 คนนี้มีเครือข่ายที่สุดยอดเพียงไหนนั้น? ศาสตราจารย์อย่างพวกเขานั้นมีลูกศิษย์ลูกหาไปทั่วโลก และมีเพื่อนไปทั่วโลกเช่นกัน


ในตอนนั้นเอง, วงการก่อสร้างและบูรณะสิ่งก่อสร้างประวัติศาสตร์ก็ต้องสะเทือนไปทั่วทั้งประเทศจีน ราวกับว่ามีแผ่นดินไหว


ใครที่ได้รับสายพวกเขา ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่สามารถที่จะไปได้, แต่สัญญาว่าพวกเขาจะติดต่อกลับไปแน่นอน ส่วนคนที่ยังว่างอยู่นั้นพวกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าพวกเขาจะได้ไปร่วมสร้างหยวนหมิงหยวน


แล้วก็สำหรับเหล่านักแกะสลักที่มีชื่อมากมายต่างก็ถูกเชิญให้มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย


นี่คือสิ่งที่อู๋ฮ่าวเหรินต้องการ เขาไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนี้ได้, แต่คนพวกนี้สามารถทำได้


หลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินกลับมาที่ออฟฟิศ, เขาก็ได้ส่งแบบแปลนการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนและส่งตำแหน่งที่เขาต้องการต้องการให้ด้วย


อย่างไรก็ตาม การรับสมัครงานครั้งนี้พิเศษมาก เขารับทุกคนตราบเท่าที่เกี่ยวข้องกับงานด้านประติมากรรมแล้ว เขาคิดว่าพวกเขาน่าจะสามารถทำงานนี้ถ้ามีความสามารถที่ดีพอ


ยิ่งไปกว่านั้น, เขานั้นคิดที่จะเชิญบริษัทก่อสร้างจากต่างชาติมาร่วมด้วย, เพราะมีบางส่วนที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบทางตะวันตกซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างของจีนนั้น ไม่ถนัดในเรื่องนี้


ในเมื่อเขาต้องการให้งานในครั้งนี้ออกมาดีที่สุด เขาจำเป็นที่จะต้องหาบริษัทก่อสร้างที่ดีที่สุด เพื่อให้งานก่อสร้างพยวนหมิงหยวนเป็นไปได้อย่างไวที่สุด ซึ่งตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินกำลังมองหาบริษัทก่อสร้างที่ว่าอยู่


ในขณะเดียวกันนั้นเอง ณ ที่ว่าการอำเภอหยุนหลงก็กำลังมีการประชุมกันอยู่ ซึ่งกำลังประชุมในเรื่องของการพัฒนาและการก่อสร้างในอำเภอหยุนหลง ที่เกี่ยวข้องกับฟิวเจอร์กรุ๊ป


“พวกเราสามารถที่จะสร้างศูนย์การค้าและธุรกิจทันสมัยได้ที่นี่ โดยอาศัยฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นศูนย์กลาง และที่หนานชาน พวกเราจะสร้างสิ่งก่อสร้างแบบโบราณขึ้นที่นั่น โดยอาศัยโครงการก่อสร้างหยวนหมิงหนวนของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นเป็นศูนย์กลาง”


“แผนการนี้เหมาะสมดีมากครับ ในช่วงปีที่ผ่านมานี้, มีนักลงทุนจำนวนมากต่างที่ติดต่อมายังสำนักงานส่งเสริมการลงทุนของเรา และต้องการที่จะซื้อที่ดินรอบๆฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อสร้างอาคารพาณิชย์ครับ ซึ่งพวกเราก็แค่จัดการวางแผนให้แล้วให้พวกเขาไปดำเนินการกันเอง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนเงินของพวกเราไปได้ด้วยครับ”


“และตัวเมืองเก่าก็จำเป็นที่จะต้องปรับปรุงใหม่ ถ้าพวกเราปล่อยทิ้งเอาไว้ แล้วพวกเขามาเห็นสถานการณ์ของเมืองใหม่ อาจจะเกิดการต่อต้านขึ้นมาได้เพราะเมืองของพวกเขามีขนาดเล็กกว่า”


“ถ้าเช่นนั้นก็รายงานต่อเบื้องบน เพื่อให้เขาดูและอนุมัติ จากนั้นก็คิดแผนการก่อสร้างมาให้เร็วที่สุด”


“นายอำเภอครับ, ผมคิดว่าพวกเราควรจะติดต่อไปยังฟิวเจอร์กรุ๊ปนะครับ มีข่าวเข้ามาว่าทางฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เชิญศาสตราจารย์ทั้ง 5 คนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งมา เพราะเรื่องของการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนครับ”


“โอ้, มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยงั้นสินะ, ถ้างั้นพรุ่งนี้คุณไปที่บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป แล้วถามเขาว่ามีอะไรจะแนะนำเรื่องการพัฒนาอำเภอหยุนหลงไหม?”


คนพวกนี้ต่างก็รู้ดีว่าเทศมณฑล(อำเภอ)หยุนหลงนั้นกำลังจะกลายเป็นเขต(อำเภอ)หยุนหลงในอนาคตอันใกล้นี้ โดยยึดตามการพัฒนาของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องที่จะเปลี่ยนให้เทศมณฑลหยุนหลงกลายเป็นเขตหยุนหลงแต่อย่างใด เขาคิดแค่ว่าเขาจะสร้างเมืองของเขาเองขึ้นมา


แต่ทว่าในปัจจุบัน, เนื่องการอิทธิพลของฟิวเจอร์กรุ๊ป อำเภอหยุนหลงได้เตรียมพร้อมที่จะสร้างเขตชุมชนแห่งใหม่ใกล้ฟิวเจอร์กรุ๊ป


ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่ดินในอำเภอหยุนหลงนั้นก็ได้มีการขึ้นราคามากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องด้วยจำนวนของนักเสี่ยงโชคที่หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ


มีบางคนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ด้วย, ซึ่งจุดประสงค์ของพวกเขาก็เดาง่ายมาก แค่ซื้อบ้านและที่ดินให้ได้มากที่สุดก่อนที่คนอื่นจะไหวตัวทันเท่านั้น


ถ้าไม่ใช่เพราะอำเภอหยุนหลงนั้น ได้มีการสั่งห้ามการก่อสร้างในพื้นที่, จึงได้มีคนจำนวนมากต่างก็ลังเลและกลัวที่จะทำอะไรบนพื้นที่ของอำเภอหยุนหลง


อู๋ฮ่าวเหริน, ผู้ซึ่งกลับมายังออฟฟิศหลังจากที่ไปที่เขตโรงงานมา ก็ได้พบกับข่าวดี เนื้่อเรื่องของเกมส์ในส่วนแรกนั้นเสร็จได้เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว และกำลังรอให้เขาไปดูชม และให้ความคิดเห็น ก่อนที่จะเอาไปอัพโชว์ในเว็บไซต์ต่อไป

———————————


CF:บทที่ 188 การ์ตูนจีน


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นตกใจกับความเร็วและกังวลเรื่องของคุณภาพงานของคนพวกนี้


มองไปยังกลุ่มคนที่กำลังเข้ามา ซึ่งพวกเขาต่างก็มองมาที่เขา แล้วมีสีหน้าแปลกๆเหมือนกำลังกลัวอะไร อิมเมจของเขาในบริษัทก็ออกจะเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย เขาไม่ได้มีบรรยากาศเหมือนเป็นประธานบริษัทด้วยซ้ำ


“นั่ง, นั่ง, ทุกคนเชิญนั่งลงก่อน พวกคุณคิดว่ากำลังเจอกับเสืออยู่รึไง? ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”


หัวหน้าทีมของพวกเขาชื่อเก๋าเล่อ ตอนนี้เขาอายุเลข 3 แล้ว ตัวเขานั้นสูงใหญ่ ซึ่งไม่คิดเลยคนแบบเขาจะมาเป็นนักวาดการ์ตูน เหมาะที่จะเป็นนักมวยมากกว่า


และตอนนี้เอง เก๋าเล่ยก็ได้พูดขึ้นมา “หัวหน้าครับ, พวกเราไม่ได้กลัวหัวหน้าหรอกครับ แต่กำลังกังวลมากกว่า, กังวลว่าคุณจะไม่พอใจกับผลงานของเราน่ะครับ”


“ไม่ต้องกังวลหรอก, ถึงแม้งานพวกคุณจะไมผ่าน คุณก็เอากลับไปแก้ใหม่ได้นี่ ค่อยๆใช้เวลาไปและไม่ต้องรีบร้อนผลิตผลงานก็ได้”


“หัวหน้าครับ, ยิ่งคุณพูดแบบนั้น พวกเราก็ยิ่งสร้างผลงานออกมาเร็วขึ้นเท่านั้น คุณรู้มั๊ย ทางบริษัทให้เงินเดือนและการดูแลที่ดีขนาดนี้ มันทำให้พวกเรารู้สึกลำบากใจเล็กน้อย”


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูการ์ตูนที่พวกเขาวาดขึ้นมา แล้วเหมือนจะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง


เขามองไปยังสีหน้าที่กำลังเป็นกังวลของคนพวกนี้, แล้วหันกลับไปอ่านหนังสือการ์ตูน ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่หากเทียบกับตัวต้นแบบที่จี้ได้ให้เขาไว้แล้ว การ์ตูนที่พวกเขาวาดขึ้นมานั้นยังไม่ถูกต้องนัก


ไม่มีปัญหาในเรื่องของเค้าโครงเรื่อง และบทสนทนาก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี, แต่ติดอยู่ในเรื่องของความรู้สึก


เขาคิดอยู่สักพักหนึ่ง เมื่อเขาเห็นรูปของการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนในคอมพิวเตอร์ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เขาได้พูดคุยกับศาสตราจารย์ในวันนี้, ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจแล้วว่าจุดที่ผิดจริงๆแล้วมันอยู่ตรงไหน


ปิดหนังสือการ์ตูน, อู๋ฮ่าวเหรินมองมาที่กลุ่มคนและถามขึ้น “พวกคุณเคยวาดรูปจีนแบบดั้งเดิมไหม?”


“เคยวาดมาก่อนครับ”


“ดี เมื่อพวกคุณกลับไปนะ, พวกคุณไปวาดทุกสิ่งที่วาดด้วยวิธีการวาดแบบจีนดั้งเดิมเท่าที่พวกคุณจะคิดได้ แล้ววาดด้วยการวาดแบบจีนดั้งเดิม แล้วจำไว้ว่าห้ามเลียนแบบงานวาดญี่ปุ่น พวกคุณจะวาดยังไงก็ได้ ไม่ต้องสนเรื่องต้องวาดให้คนอื่นพอใจด้วย”


เมื่อคนพวกนั้นเดินออกมาจากออฟฟิศ, พวกเขาต่างก็สงสัยว่า อะไรคือการ์ตูนจีน


นี่คืองานที่อู๋ฮ่าวเหรินได้ผลักดันให้พวกเขาทำให้สำเร็จ พวกเขาจะต้องวาดออกมาเป็นการ์ตูนจีนแทนที่จะเลียนแบบการ์ตูนญี่ปุ่น


“ลูกพี่ครับ, ที่หัวหน้าพูด หมายถึงให้พวกเราใส่ความเป็นจีนลงไปให้มากกว่านี้งั้นเหรอครับ?”


“ไม่น่าใช่….”


เก๋าเล่อเปิดอ่านการ์ตูนในมือของเขาอีกครั้ง, ราวกับว่าเขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่หัวหน้าพูดคืออะไร เนื้อหาของเรื่องนี้นั้นมีต้นแบบมาจากตำนานของจีน


แต่พวกเขากลับเพิกเฉยในจุดนี้ และพยายามวาดเลียนแบบให้ออกมาในรูปแบบของการ์ตูนญี่ปุ่น


แล้วก็ท่านประธานเคยบอกไว้ชัดเจนแล้วว่าการ์ตูนอันนี้จะถูกทำขึ้นให้เป็นอนิเมชั่น และภาพยนตร์ แล้วเป็นเกมส์ในที่สุด


“พวกเรากลับไปที่สตูดิโอและไปวาดใหม่กันเถอะ คราวนี้พวกเราจะเปลี่ยนการทำงานของพวกเราใหม่และทำงานร่วมกัน แล้วก็เปลี่ยนวิธีการวาดของพวกเราด้วย”


“ลูกพี่ครับ, มันจะดีเหรอครับ พวกเราเคยทำแบบนั้นมาก่อน, แต่สุดท้ายพวกเราก็ถูกปฏิเสธ”


“คนพวกนั้นเป็นอดีตไปแล้ว ซึ่งเขาแตกต่างจากหัวหน้าคนปัจจุบันของเรา พวกนั้นต้องการให้พวกเราทำเงินให้เขา พวกเขาจึงได้สั่งให้พวกเราวาดออกมา ในรูปแบบที่คนทั่วไปกำลังนิยม ซึ่งพวกนั้นต่างจากหัวหน้าคนใหม่ของเรา เขานั้นไม่ได้ต้องการให้พวกเราทำเงิน”


มองดูพวกลูกน้องที่เหมือนจะไม่เข้าใจ เก๋าเล่อจึงพูดอธิบาย “หัวหน้าน่ะ ต้องการให้พวกเราเปลี่ยน จากแบบที่พูดเมื่อกี้ พวกเราจะไม่ใช้มันอีก หัวหน้าต้องการให้งานของพวกเราออกมาในรูปแบบที่เป็นของจีนเอง ให้เป็นการ์ตูนจีน มากกว่าที่จะไปเลียนแบบการ์ตูนของประเทศอื่น”


มองดูพวกเขา, ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจแล้วความคิดที่พวกเขาเคยยึดถือตอนอยู่ในวงการนั้น พวกเขาจะต้องทิ้งมันแล้วเปลี่ยนแปลงซะ


เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาหุนหันพลันแล่นคิดขึ้นมาในปีที่แล้วนั้นจะมาได้ถึงขนาดนี้ และเขาไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเติมเต็มความฝันของเขาได้หรือไม่


อู๋ฮ่าวเหริน ซึ่งกำลังนั่นอยู่ในออฟฟิศนั้น ก็ส่ายหัวของเขา, จริงๆแล้ว การ์ตูนออกสู่โลกอินเตอร์เน็ทนั้นมันก็ดูเป็นแบบดั้งเดิมดี


แต่น่าเสียดาย เพราะเขาไม่คิดว่าของแบบนั้นจะเป็นแบบที่เขาต้องการ มิฉะนั้นแล้ว เขาคงจะจ้างนักวาดการ์ตูนที่มีชื่อเสียงมาวาดให้ไปแล้ว, จากเค้าโครงเรื่องที่เขาได้ออกแบบไว้ งานวาดจะต้องออกมาดีกว่านี้


แล้วคนพวกนี้ที่เขาได้จ้างมานั้น เหตุผลหลักก็เพราะงานก่อนหน้าของพวกเขา อู๋ฮ่าวเหรินพบว่าพวกเขาวาดออกมาได้ในรูปแบบการวาดจีนมาก


“จี้, ที่นายเคยบอกว่าผมไม่ใช่คนที่ดื้อรั้นนั้น ตอนนี้ผมคงต้องบอกปฏิเสธว่าไม่ใช่ซะแล้ว”


“สำหรับคุณมันไม่นับ เพราะคุณมีเงินทุนที่จะทำได้ต่างหากล่ะ, สำหรับคนที่ไม่สามารถแม้แต่จะหากินได้นั้น แบบนั้นถึงจะเรียกว่าดื้นรั้น”


“ฮ่าฮ่า, มันไม่สำคัญหรอกว่าจะมีใครมาชอบมันหรือไม่, แต่ถ้ามันสามารถที่จะกระตุ้นวงการการ์ตูนจีนได้ คุณบอกว่าถ้าผมจัดการประกวดแบบนี้เพื่อเป็นการกระตุ้น บางทีผมอาจจะให้กำเนิดกลุ่มนักวาดการ์ตูนสไตล์จีนขึ้นมาก็ได้นะ?”


อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจมาก บางครั้งเงินก็สามารถทำให้ผู้คนมีแรงจูงใจขึ้นมาได้


หลังจากที่จัดการเรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัดและเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนเสร็จแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ตัดสินใจที่จะพัฒนาวงการที่อ่อนแอของจีน


เช่นวงการ ภาพยนตร์ ละครทีวี เกมส์ และอื่นๆ, ในกรณี้นี้ เกิดจากเทคโนโลยีที่ผลักดันวงการพวกนี้นั้นยังมีขนาดเล็กมาก ซึ่งมันน่าจะบรรเทาได้หากมีเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์เข้ามาช่วย


ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เขานั้นยังไม่พร้อมที่จะดึงเอาเทคโนโลยีขั้นสูงออกมา, ถ้าเขาจะผลิตอะไรขึ้นมา เขาต้องศึกษาในห้องแล็ปก่อน แทนการหยิบออกมาตรงๆ


เมื่อเขาเดินออกมาจากออฟฟิศ เขาก็พบกับเว่ยหมิงกำลังส่งเครื่องดื่มให้กับพนักงานในบริษัท


“หัวหน้าครับ นี่เครื่องดื่มที่พวกเราผลิตออกมาครับ และนี่คือผลทดสอบของเครื่องดื่มของเราครับ เครื่องดื่มแบบนี้ ผมเชื่อว่าใครที่ได้เห็นข้อมูลนี้ต่างก็ต้องตื่นเต้นแน่ๆครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินรับผลการทดสอบมาและอ่านดู แต่เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร ในทางตรงข้าม เขากลับขมวดคิ้วด้วยซ้ำ ซึ่งมันต่างจากคำอธิบายในข้อมูลตอนแรก ดูเหมือนมันจะขาดสารอาหารอะไรบางอย่างเพราะสิ่งแวดล้อมรอบๆหรือเปล่านะ


“พวกเราสามารถผลิตมาได้เท่าไร?”


“ประมาณ 2.3 ล้านขวดครับ, ไม่นับที่บริษัทของเรานำมาบริโภคแล้วครับ”


“ดี, แบ่งออกมาบางส่วนแล้วขายพวกมันให้หมดซะ คุณสามารถประชุมคิดราคาและเลือกราคาที่เหมาะสมเองได้เลยนะ แล้วแต่คุณเลย, พวกเรามีร้านค้าเป็นของตัวเองแล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องส่งไปที่ร้านสะดวกซื้อก็ได้”


เว่ยหมิงผงกหัว เขารู้สึกว่าเจ้าเครื่องดื่มนี้มันจะต้องเป็นที่รู้จักกันไปทั่วแน่ๆ แล้วมันจะต้องนำผลกำไรมาสู่บริษัทอย่างมหาศาล


“หัวหน้าครับ, ผมต้องการที่จะซื้อที่ดินเพื่อปลูกกล้วยไม้สีม่วงเพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตครับ”


ตอนนี้เขาได้เป็นผู้จัดการด้านการผลิตเครื่องดื่มแล้ว, และเขานั้นจะต้องมีชื่อเสียงขึ้นมาบ้างอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจะต้องไม่เป็นเพียงแค่ผู้ดูแลอีกต่อไป ดังนั้น, เขาพร้อมแล้วที่จะช่วยบริษัทพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ และรักษาตำแหน่งผู้จัดการด้านเครื่องดื่มเอาไว้


“แน่นอน, ถ้าคุณต้องการจะทำเครื่องดื่มโดยเฉพาะแล้ว ผมจะให้เมล็ดพันธุ์พิเศษแก่คุณ”


“ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนครับ ผมสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ลุล่วงครับ”


เว่ยหมิงตื่นเต้นเล็กน้อย เขาคิดว่าหัวหน้านั้นได้เลิกคิดเรื่องของโรงงานผลิตเครื่องดื่มไปแล้ว, จากสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดและเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อน เช่นเดียวกับวัสดุเส้นใยพืช, ผลประโยชน์ที่ได้จากโรงงานเครื่องดื่มนี้มันช่างน้อยนิดมาก


แต่ไม่คาดคิดว่า, หัวหน้าจะยังคงสนับสนุนเขาและยังให้เมล็ดพันธุ์พิเศษแก่เขาด้วย


เขาจึงตัดสินใจที่จะไปคุยกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับอำเภอหยุนหลงในเร็วๆนี้ รวมถึงชาวไร่ในพื้นที่รอบๆด้วย เพื่อที่จะทำสัญญาปลูกพืชสำหรับใช้ทำเครื่องดื่ม


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ได้สนใจและไม่ได้รู้เลยว่า เพราะการสนับสนุนของเขาในวันนี้ ได้ทำให้บริษัทผลิตเครื่องดื่มนั้นได้สุดยอดขึ้นมา และกลายมาเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มระดับโลก


CF:บทที่ 189 ลุยเลย


หลังจากที่เขาเดินทางกลับบ้านจากบริษัท, ตอนที่จะลงจากรถเพื่อเข้าไปในหมู่บ้าน ก็พบว่าหน้าจอโทรศัพท์เปิดอยู่ ซึ่งมีข้อความเข้ามาจากจี้


หลังจากที่อ่านดู, สีหน้าของอู๋ฮ่าวเหรินก็เปลี่ยนไป เขาไม่คิดว่าประเทศพวกนั้นจะมาเริ่มดำเนินการในตอนนี้


เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน, เขาบอกกับแม่ว่าจะขอเข้าห้องก่อน แล้วจากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์


“จี้, พวกนั้นเริ่มทำกันจริงๆแล้วเหรอ?”


“ทำแล้ว จากข้อมูลที่ฉันตรวจพบ, พวกเขาเริ่มที่จะขนส่งอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดกันแล้ว”


“พวกเขาผลิตออกมาเท่าไร?”


“150 ล้านเครื่องค่ะ”


หลังจากที่ได้ยิน, อู๋ฮ่าวเหรินแทบไม่อยากจะเชื่อ บริษัทของเขานั้น สามารถผลิตได้แค่ 80 ล้านเครื่องทั้งๆที่ใช้เวลานานมากขนาดนั้นแท้ๆ, แต่พวกเขากลับผลิตได้ 150 ล้านเครื่อง พวกเขาทำกันได้อย่างไร?


“พวกเขาผลิตผลิตภัณฑ์มาเป็นจำนวนมากโดยใช้เวลาสั้นๆได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขาผลิตออกมาตอนนี้ พวกเขาไม่กลัวว่าผมจะเอาเรื่องพวกเขาหรือยังไง?”


“รัฐบาลของพวกเขาในตอนนี้ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้แล้ว ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดให้ได้โดยไว ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ พวกเขาจึงได้รีบผลิตผลิตภัณฑ์ออกมา ส่วนเรื่องของกำลังการผลิตนั้น พวกเขามีเครื่องจักรการผลิตเยอะกว่าของคุณมาก”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นคงจะมีความสุขกับถ้าพวกเขาตายเสียได้ก็ดี, แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยมขนาดนั้น


“ปล่อยให้ข่าวออกไปก่อน อย่าปล่อยให้พวกเขาขายผลิตภัณฑ์ออกไปได้เป็นอันขาด”


ถ้าผลิตภัณฑ์ขายออกไปแล้ว ปัญหาจะไม่ได้ตกอยู่กับรัฐบาล, แต่จะเป็นคนธรรมดาๆที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปต่างหาก


คนพวกนี้ฉลาดมาก, คนที่ขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับรัฐบาลพวกนั้น เป็นแค่ประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งเท่านั้น


ทันทีที่พวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์ชุดนี้เสร็จ พวกเขาก็จะหาสถานที่ใหม่เพื่อที่จะดำเนินการผลิตต่อ, อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่สามารถไล่ตามพวกคนที่ซื้อได้


——————————————————


ในเวลานี้เอง, บนเกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง, ตัวแทนจากประเทศต่างๆได้มารวมตัวกันเพื่อฉลองและปรึกษากันว่าจะย้ายฐานการผลิตไปไว้ที่ไหนต่อ


เดิมทีอเมริกาหวังที่จะกอบโกยเพียงผู้เดียว, แต่น่าเสียดายที่ สุดท้ายแล้วผลประโยชน์ต้องแบ่งกัน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็หัวหน้า”


“ฮ่าๆๆ,

พวกคุณว่า, เจ้าหนูนั่นแห่งฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ทำแบบนี้กับพวกเรา จะทำสีหน้ายังไงเมื่อได้ทราบถึงเรื่องนี้กันนะ? ผมคิดว่ามันจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนั้นแน่ๆ”


“ข้าไม่รู้หรอกว่า หมอนั่นจะทำสีหน้าอย่างนั้น, แต่มันคงจะน่าเกลียดมากแน่ๆ”


“ดื่มให้กับชัยชนะของพวกเรา”


วางแก้วไวน์ลง, คนอังกฤษก็พูดขึ้นมา “เสียดายหน่อยตรงที่, เรื่องของวัตถุดิบที่เจ้าหนุ่มนั่นกับรัฐบาลจีนรวมหัวกัน, ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนนั้น พวกเราไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ด้วย”


“ใช่ ผู้ชายคนนี้มันเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ เขาสามารถผลิตเจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้านี้ได้โดยใช้เวลาสั้นๆ แล้วยังบอกด้วยว่าขณะที่กำลังศึกษาระบบการทำงานของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพอยู่, ก็บังเอิญค้นพบเจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้านี่ขึ้นมาได้”


“น่าเสียดายที่, หากดูจากความสามารถของคนๆนี้แล้ว เขาคงจะไม่ยอมร่วมมือกับพวกเราง่ายๆแน่”


แล้วจู่ๆคนอเมริกาก็พูดขึ้นมา “ช่วงนี้พวกคุณได้ข่าวที่น่าสนใจมาจากหน่วยข่าวกรองของพวกคุณมั่งไหม?”


“ข่าวเกี่ยวกับหมอนั่นอย่างงั้นเหรอ?”


อเมริกันผงกหัวและมองดูคนในห้องว่าพวกเขานั้นมีใครได้ยินข่าวนี้บ้างหรือไม่ ถ้าไม่, เขาจะได้ไม่พูดถึงข่าวนี้


ญี่ปุ่น, ที่ทำราวกับว่าไม่มีเรื่องของเครื่องบินเกิดขึ้นนั้น ได้ตามน้ำและพูดขึ้น “เรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อย่างงั้นหรือ?”


“ไม่, ไม่ เรื่องของคอมพิวเตอร์พวกคุณน่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว ผมกำลังพูดถึงเรื่องของเครื่องจักรอุตสาหกรรมต่างหาก” มองดูสีหน้าของพวกเขาที่สงสัยแล้ว อเมริกาจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดเรื่องนี้


“แต่ว่า, ผมได้ยินมาว่าพวกเขานั้นเพิ่งจะค้นพบอะไรบางอย่างเรื่องของวิทยาการคอมพิวเตอร์ล่ะนะ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังวิจัยกันเรื่องของ A.I.”


“ในด้านนี้, ไม่ใช่ว่าอเมริกาเป็นผู้นำได้ด้านนี้หรอกเหรอ” คนอังกฤษพูดขึ้นมาพร้อมกับเอียงแก้วไวน์ไปมา


“บางทีพวกเขาอาจจะล้ำหน้าพวกเราไปแล้วก็ได้”


เมื่ออเมริกาพูดขึ้นมาแบบนั้น ทุกคนก็หัวเราะ


เยอรมันที่ไม่ได้หัวเราะด้วยก็ถามขึ้นมา “ข่าวที่คุณพูดว่าเกี่ยวกับเครื่องจักรอุตสาหกรรมนั้น เกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องมือกลสินะ”


ทุกคนหันไปมองเยอรมันอย่างสงสัย, ทำไมเขาถึงจู่ๆก็ถามคำถามนั้นขึ้นมา แต่ทว่า ตอนที่ทุกคนได้ยินถึงเรื่องของเทคโนโลยีเครื่องมือกลนั้น ทุกคนต่างก็ตั้งใจฟังขึ้นมาทันที


“คุณก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกันงั้นหรือ?”


“พอจะได้ข่าวมาบ้าง แต่ก็ยังได้แค่สงสัย, ยังไม่ได้ยืนยันข่าวนี้”


ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังขบคิดในเรื่องนี้ ทำให้คนอื่นๆที่เหลือรู้สึกร้อนรนใจขึ้นมา เพราะเรื่องของเครื่องจักรกลนั้น ถือได้ว่าเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมและความแม่นยำเครื่องจักร


“พวกคุณทั้งสองคนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่?”


ทั้งสองคนต่างก็จิบไวน์, แล้วก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก และไม่ได้สนใจคนอื่นๆที่กำลังอยากรู้ด้วย


“มันก็แค่ข่าวที่ยังไม่ได้ยืนยัน ซึ่งพวกคุณควรจะกลับไปถามหน่วยข่าวกรองของพวกคุณดูจะดีกว่า เอาล่ะ เรามาคุยกันเรื่องแบ่งสรรวัตถุดิบครั้งต่อไปกันดีกว่า”


มองทั้งสองคนที่ไม่ต้องการที่จะพูดแล้ว คนอื่นๆก็รู้ดีกว่าเปล่าประโยชน์ที่จะถามอีก แล้วคิดว่าเมื่อกลับไป ค่อยไปถามเรื่องนี้จากหน่วยข่าวกรองจะดีกว่า


“ครั้งนี้พวกคุณเป็นฝ่ายผลิตวัตถุดิบมาให้มากขึ้นนะ พวกเราให้เทคโนโลยีแล้ว และเพราะเรื่องนี้ พวกเราได้สูญเสียเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมาก เพราะต้องเข้าไปลึกมาก”


อเมริกาเผยให้เห็นรอยยิ้มขึ้นมา, และสีหน้าของคนอื่นก็ซีเรียสขึ้นมา ราวกับว่าพวกเขานั้นเป็นศัตรูกัน


ทว่าในความเป็นจริง พวกเขาก็เป็นศัตรูกันจริงๆนั่นแหละ ไม่ว่าใครต่างก็อยากที่จะเสียให้น้อยที่สุดแต่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดที่นี่


“ไม่ ไม่ คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะ ต่อให้คุณไม่ได้เป็นคนให้เทคโนโลยีมา พวกเราก็หาทางเอาเทคโนโลยีการผลิตมาได้เองอยู่ดีแหละน่า แล้วคุณก็ได้ค่าชดเชยไปยังไม่พออีกเหรอ” คนฝรั่งเศสพูดโต้ตอบกลับไป


“ผมคิดว่าคราวหน้าคุณตอนที่คุณจะซื้อผลิตภัณฑ์จากประเทศนั้น ทั้งผลประโยชน์ที่คุณได้ และเงินควรจะตกเป็นของประเทศนั้นมากกว่า, เอาเป็นว่า เพื่อความยุติธรรม วัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้สำหรับประเทศของคุณ พวกคุณก็ควรจะเป็นคนออกด้วยตัวของพวกคุณเอง” คนญี่ปุ่นกล่าวเสริม


พวกเขานั้นสูญเสียไปอย่างมากกับการจัดสรรปันส่วนในคราวที่ผ่านมา


“ถ้าอย่างนั้นผมคิดว่าน่าจะยุติธรรมกว่า ถ้าทุกคนจะทำเงินในประเทศของตัวเอง”


คนอังกฤษเสนอขึ้นมาบ้าง เพราะว่าถึงแม้พวกเขาจะทะเลาะกันไป พวกเขาก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี


เมื่อคนที่เหลือเห็นแบบนี้แล้ว, พวกนั้นรู้ดีว่าผลสรุปของเรื่องนี้มันออกมาแต่แรกแล้ว และพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้ด้วย พวกเขาได้แต่ยอมรับเพื่อเข้าร่วมการจัดสรรผลประโยชน์ครั้งนี้


หลังจากนั้น คนพวกนี้จึงเริ่มที่แบ่งผลิตภัณฑ์กันในตอนแรกตั้งใจที่จะแบ่งประเทศละ 15 ล้านเครื่อง จากนั้น แต่แล้วก็ถกเถียงกันเรื่องผลประโยชน์ขึ้นมาอีก


ในตอนนี้เอง ราวกับเป็นหมาป่าหิวโหย พวกเขานั้นต่างไม่มีใครยอมใครขึ้นมา


“ไม่ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเรา ถ้าเป็นแบบนั้น, ประเทศของเราก็จะเหลือแค่ 10 ล้านเครื่องเองน่ะสิ ถ้าเกิดแบ่งกันแบบนี้”


ญี่ปุ่นเริ่มที่ลังเลขึ้นมา จากสถานการณ์ในตอนนี้ หากต้องแบ่งออกไปเรื่อย พวกเขาย่อมที่จะสูญเสียมากขึ้นเรื่อยๆ และคราวต่อไปที่พวกเขาผลิตผลิตภัณฑ์นั้น ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้ย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้อีก แน่นอนว่าพวกเขาย่อมจะต้องการส่วนแบ่งที่มากขึ้นจากคราวถัดไป


ในห้องประชุมนั้น, เริ่มเสียงดังกันมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเหล่านี้ต่างก็เรียกร้องที่จะได้ส่วนแบ่งมากที่สุด แล้วเอาส่วนน้อยให้กับประเทศอื่น


ในขณะที่พวกเขากับถกเถียงกันอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีคนเข้ามาจากข้างนอกอย่างหืดหอบ และตะโกนขึ้น “เข้าไป ไปดู, ออนไลน์, บนเวบไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป ข่าวที่เพิ่งประกาศออกมา พวกเราจบแล้ว พวกเราตกหลุมพรางที่ถูกวางไว้อย่างดีโดยเจ้าหมอนั่นแล้ว”


เหล่าผู้คนที่ทะเลาะกันอยู่ในห้องนั้น ต่างก็เงียบกันขึ้นมาทันใด มีคนที่ดูบึกบึนเดินเข้าไปหาเขา ดึงเสื้อเขาขึ้นมาและถามขึ้น “อะไรคือจบ? กับดักที่คุณรู้มาคืออะไร?”


“บนอินเตอร์เนท ในเว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป, พวกคุณเข้าไปดูก็จะรู้เอง ซึ่งมันเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่พวกเราผลิตนี่แหละ”


ทุกคนจึงรีบออกไปข้างนอก เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ สัญญาณต่างๆถูกสกัดกั้นไว้หมด พวกเขาจึงได้รับข้อความหรือข่าวอะไรเลย

———————————


CF:บทที่ 190 กับดัก


ข่าวที่อู๋ฮ่าวเหรินประกาศออกมาทางเว็บไซต์ของบริษัทนั้นง่ายมาก ถ้าอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่ไม่ได้ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป ขอให้ทุกคนตรวจสอบดูให้แน่ใจก่อนว่ามันใช้ได้หรือไม่หลังจากที่ซื้อไป ถ้ามันไม่สามารถใช้ได้ โปรดเข้ามายังเว็บไซต์ของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อสั่งซื้อรหัสเปิดใช้งาน


และสำหรับราคาของรหัสเปิดใช้งานนั้น อู๋ฮ่าวเหรินได้ตั้งเอาไว้ให้เท่ากับราคาสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อเป็นการขุดหลุมฝังคนพวกนั้น


ไม่ว่าพวกเขาจะขายเครื่องของพวกเขาเท่าไรก็ตาม ผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องจ่ายรหัสเปิดใช้งาน


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นตั้งใจที่จะให้พวกเขานั้นเป็นคนจ่ายเงิน, เว้นแต่จะมีคนที่ยอมเสียเงินมากขนาดนั้น เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์แล้วซื้อรหัสเปิดใช้งาน


แต่ไม่ว่าอย่างไหน สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นผู้ชนะ เขาไม่ต้องเสียเงินซักแดงในการผลิต 150 ล้านเครื่อง, เสียเพียงแค่แบบแปลนเครื่องจักรการผลิตให้คนพวกนั้นเท่านั้น


เมื่อข่าวนี้ได้ประกาศออกมา หลายๆคนไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร บางคนก็เริ่มตั้งข้อสงสัยว่า มีคนอื่นที่สามารถผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดได้นอกจากฟิวเจอร์กรุ๊ปอีกเหรอ?”


พวกเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้น เมื่อรู้ว่าแผนของพวกเขาไม่ดีแน่แล้ว เมื่อพวกเขาได้รับข่าว


พวกเขาจึงรีบโทรศัพท์ติดต่อ และถามดูว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมานั้นใช้ได้หรือไม่ และภาวนาให้ไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิด


ขณะที่รอผลกลับมานั้น พวกเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง สีหน้าก็ซีดเผือดราวกับว่ากำลังจะตาย, ในตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า พวกเขากำลังตกหลุมพรางของเจ้าหนุ่มนั่นอยู่


ผลิตภัณฑ์ 150 ล้านเครื่อง, เมื่อรวมกับค่าเครื่องจักรการผลิต รวมถึงค่าใช้จ่ายของวัตถุดิบและคนงาน, ทั้งหมดรวมกันก็คือเสียค่าลงทุนกันไปมากกว่า 2 ล้านๆดอลล่าร์สหรัฐ หรือแบ่งออกได้ราวๆประเทศละ 2แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ


และถ้าปรากฏว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนั้นเป็นไปตามที่ว่ามา เงินทั้งหมดของพวกเขาก็จะสูญเปล่า


ในเวลานี้ พวกคนบนเกาะนั้นต่างก็แยกย้ายกลับที่พักของตัวเอง และเริ่มโทรศัพท์ติดต่อหาข้อมูล และในขณะเดียวกันก็เปิดเว็บไซต์ของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อดูข่าวที่ว่า


เมื่อพวกเขารู้ว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนั้นไม่สามารถใช้การได้ คนพวกนั้นก็มีสภาพราวลูกโป่งแตก


ทั้งความสำราญ การเลี้ยงฉลอง การทะเลาะ และการเยาะเย้ย เมื่อสักครู่ราวกับว่าการตบหน้าพวกเขาให้รู้ว่าพวกเขานั้นเป็นเพียงคนโง่


พวกเขาแค่วางกับดักเอาไว้ แต่พวกเขานั้นก็โง่ที่ตกลงไปในกับดักนั้น แล้วยังเลี้ยงฉลอง และหัวเราะให้กับคนที่วางกับดักพวกเขา


เรือทั้งหมดที่ขนส่งผลิตภัณฑ์มายังที่เกาะแห่งนี้นั้น พวกเขานั้นไม่อยากที่จะตรวจสอบผลิตภัณฑ์เลย


ในตอนที่ผลิตนั้น, พวกเขาก็ตรวจเช็คแล้วว่าผลิตภัณฑ์นั้นสามารถใช้งานได้ ทำไมตอนนี้ถึงจู่ๆก็ใช้การไม่ได้ก็ไม่รู้?


เรือบรรทุกสินค้าทั้ง 5 ลำ เข้าสู่ท่าเรือ เหล่าเจ้าหน้าที่กับคนของพวกเขาต่างก็รีบร้อนมาราวกับเป็นบ้า


พวกเขาเปิดกล่องใส่ผลิตภัณฑ์ขึ้นมาและเริ่มการตรวจสอบ, ทีละเครื่องพวกเขาใส่มันไว้ที่ข้อมือของพวกเขา จากนั้นก็ถอดออกแล้วเขวี้ยงมันลงบนพื้น


อารมณ์ของพวกเขาแย่ลงเรื่อยๆ สีหน้าของพวกเขาก็แย่ลงเรื่อยๆเช่นกัน, จนท้ายที่สุด เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ได้แต่ยืนค้างเป็นรูปปั้นอยู่บนเรือ


พวกเขารู้แล้วว่า มันจบแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!


ข่าวได้แพร่กระจายออกไปในเหล่าเจ้าหน้าที่ที่รู้ถึงแผนการนี้, ไม่มีทางที่พวกเขาจะจัดการอะไรกับสถานการณ์นี้ได้ เพราะมันเป็นของผิดกฏหมาย ถ้ามีใครซักคนไปเรียกร้องอะไรขึ้นมา ก็คงเป็นความคิดที่โง่มากๆ


คนเหล่านี้จึงเริ่มรวบรวมนักวิจัยและเริ่มถกเถียงกัน, และเงินที่ลงทุนไปก็ไม่ใช่เงินของพวกเขา แต่เป็นเงินที่ยืมมา


ถ้าปล่อยเรื่องนี้ให้ประชาชนได้รับรู้เรื่องนี้เข้าละก็ มันจะเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้แน่ๆ และท้ายที่สุดทางรัฐบาลก็จะผลักภาระให้พวกเขาต้องออกมารับผิดชอบกับปัญหานี้แน่ๆ


“ตอนนี้หนทางเดียวคือต้องไปติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ป ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ มันก็จะต้องเป็นอู๋ฮ่าวเหรินผู้ซึ่งเป็นผู้ที่ผลิตและผลักดันเจ้าเครื่องนี้”


“แล้วเราจะไปพบได้อย่างไร? ในเมื่อผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตมาพวกนี้มันเป็นของเถื่อน, ยิ่งไปกว่านั้น จากสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกนั้นน่าจะรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนผลิตเจ้าอุปกรณ์พวกนี้ และรอให้พวกเราขนของไปให้พวกเขาที่หน้าประตูเท่านั้น”


“ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากคนในประเทศ ที่ทำให้พวกเราต้องรีบเตรียมวางขายผลิตภัณฑ์ล่วงหน้านี่ละก็นะ แต่ถ้าจะผลิตต่อไป เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของแต่ละประเทศ ผลของมันอาจจะแย่ลงไปมากกว่านี้ก็ได้”


ในตอนนั้นเอง ยังไม่ถือว่าสิ้นหวังซะทีเดียว เพียงแต่จะต้องมีใครบางคนจะต้องออกมาชดใช้กับในเรื่องนี้


“ตอนนี้ที่ต้องคิดไม่ใช่เรื่องที่ว่าเราฝ่าฝืนกฏหมายหรือไม่ แต่พวกเราจะทำอย่างไรต่างหาก? ในปัจจุบันพวกเราจ่ายกันไปแล้ว 5แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐกับผลิตภัณฑ์พวกนี้ รวมถึงพวกเครื่องจักรพวกนั้นด้วย ก็ประมาณ 8แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ พวกเราก็พอที่จะจัดการขายให้อยู่ในราคาที่ต่ำสุดได้มั๊ย? ถ้าเป็นแบบนั้น อย่างน้อยพวกเราก็จะสูญเสียกันไปไม่เกิน 1 ล้านๆดอลล่าร์สหรัฐ”


“ปัญหาคือพวกเรายืมเงินเหล่านี้มานี่สิ ถ้าสุดท้ายแล้วเกิดขาดทุนขึ้นมา ผมคิดว่าพวกคุณน่าจะรู้นะว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นต่อไป”


เงินของพวกเขาส่วนใหญ่นั้นมาจากการยืม เพราะมีบางคนคัดค้านเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาเงินออกมาจากกองคลัง


ถ้าเกิดสุดท้ายแล้วเกิดขาดทุนขึ้นมาจริงๆ คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยกเว้นคนที่มีกองทัพหนุนหลังอยู่ คงจะต้องตายทั้งหมด


ในขณะที่เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดรวดร้าวที่สุดของคนพวกนี้ อู๋ฮ่าวเหรินก็กำลังทานข้าว แล้วไปนอนเล่นที่เตียง นอนดูข้อมูลที่จี้ให้มา


“จี้, คุณคิดว่าคนพวกนี้เขาจะทำยังไงต่อไป? ในเมื่อผลิตภัณฑ์ของพวกเขาขายไม่ได้แล้ว”


“มันคงจะอีกไม่นานที่พวกเขาจะมาหาคุณค่ะ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้”


อู๋ฮ่าวเหรินหัวเราะ, ในคราวนี้ เขาอาจจะแก้ไขปัญหาในการผลิตที่ช้ามากๆได้ก็ได้ คนพวกนั้นมีเครื่องจักรตั้งมากมาย


“เรามาทำสัญญาที่เข้มงวดกันหน่อยดีกว่า คราวนี้พวกเขาอาจจะไม่รู้สึกปวดหัวใจแล้ว หรือบางทีอาจจะเป็นอีกก็ได้”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นต้องการที่จะทำสัญญากับพวกเขา ซึ่งเนื้อหาในสัญญานั้น จะทำให้คนพวกนั้นถึงกับต้องกระอักเลือดอย่างแน่นอน


———————————————————-


ฉันไม่คิดว่ากลุ่มคนพวกนั้นจะมาเร็วมากขนาดนี้ นี่เพิ่งจะ 9 โมงเช้าในวันถัดมาเองนะ, ฉันก็รับโทรศัพท์โทรมาจากหลี่เหวินหัวว่า มีหลายประเทศได้ส่งข้อความผ่านมาทางรัฐบาลว่า พวกเขาจะส่งคนมาคุยกับเขาเรื่องการร่วมมือในเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด


มองดูความหมายของคนพวกนี้แล้ว ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะได้ใช้ทางรัฐกดดันเขา แต่เสียใจด้วยนะ มันไม่ได้ผลกับฉันหรอกนะ


จึงให้หลี่เหวินหัวบอกกับพวกเขาว่า ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลา และจะไม่คุยเรื่องของการร่วมมือกับตัวแทนจากประเทศเหล่านั้น


ปล่อยให้พวกเจ้าหน้าที่จัดการเรื่องนี้กันเองดีกว่า คอยดูประเทศที่มาขอความร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น อีกไม่นานคงจะรู้เรื่องนี้เองและรายงานกลับมา


“คุณคงเห็นนะว่า ประเทศที่มาขอความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นประเทศที่เคยปฏิเสธที่จะทำสัญญากับฟิวเจอร์กรุ๊ปในครั้งก่อน”


“ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่? ไม่งั้นพวกเขาคงไม่มาขอความร่วมมือแบบนี้”


“เมื่อคืนนี้ มีข้อความแปลกๆปรากฏขึ้นที่เว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป, พอมาวันนี้ พวกเขาก็เคลื่อนไหวแบบนี้, ก็เป็นไปได้ว่าคนพวกนี้คือคนที่แอบผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดกันอย่างลับๆยังไงล่ะ?”


“มันเป็นไปได้ว่าเรื่องที่แบบแปลนและเครื่องจักรโดนขโมยไปนั้นจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาแน่ๆ ถ้าพวกเขาสามารถผลิตอุปกรณ์ออกมาได้จริงๆ ก็คงเป็นฝีมือพวกเขานั่นแหละ”


เจ้าหน้าที่บางคนถ้าได้รู้เรื่องนี้เข้าคงต้องหัวเราะแน่ๆ พวกเขาน่าจะเข้าใจได้ทันทีว่าคนพวกนี้โดนกับดักเข้าเสียแล้ว


อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้น ถึงแม้จะมีที่ผลิตโดยกองทัพก็จริงอยู่, แต่จำเป็นต้องเปิดใช้งานโดยบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปก่อนถึงจะสามารถใช้การได้ คนพวกนี้อยากที่จะแอบผลิตขึ้นมาใช้เอง แล้วก็ตกหลุมพรางที่วางไว้ของเจ้าหนูนั่น


“ถ้าอย่างงั้น ก็ให้ความร่วมมือกับทั้่งคู่หน่อยละกัน ส่งข้อความปฏิเสธกลับไปให้พวกเขา แล้วไม่ต้องบอกอะไรทั้งนั้น, ปล่อยที่เหลือให้บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปจัดการเอง”


เมื่อกลุ่มคนพวกนั้นได้รับข่าวว่า อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่มีเวลาและปฏิเสธที่จะพบกับพวกเขา ถ้าตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินอยู่ที่นี่ คงจะถูกพวกเขาฉีกทิ้งเป็นชิ้นๆแน่ๆ

——————————-


CF:บทที่ 191 สร้างเขตชุมชนใหม่


แม้อู๋ฮ่าวเหรินจะไม่ได้อธิบายข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไว้บนอินเตอร์เนทก็จริง, แต่ก็คงพอจะเดากันได้ไม่ยาก


มีเศรษฐีบางคนต้องการที่จะขายผลิตภัณฑ์เถื่อน แล้วพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อขอซื้อรหัสเปิดใช้งาน


แต่ทว่า, หลังจากที่ได้เห็นราคาเปิดใช้งานเครื่องแล้ว คนพวกนี้จึงหุบปากกันทันที


เนื่องจากราคานั้นเท่ากับราคาที่ซื้อจากฟิวเจอร์กรุ๊ปโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น ทางบริษัทยังไม่รับรองคุณภาพและปัญหาของข้อมูลของผลิตภัณฑ์เถื่อนอีกด้วย


ถ้าเป็นเช่นนี้, จะไม่มีใครซื้อผลิตภัณฑ์เถื่อนอีกแน่นอน แต่ถ้าไม่มีข่าวอะไรออกก่อน, บางที่คนพวกนี้อาจจะยังพอขายผลิตภัณฑ์ไปได้บ้างแล้ว


หลังจากที่อยู่ที่บริษัทอยู่ได้สักพัก อู๋ฮ่าวเหรินพร้อมด้วยศาสตราจารย์ทั้ง 5 คนและเหล่าลูกศิษย์ที่ชื่นชมตัวเขาเป็นอย่างมาก ก็ได้ไปที่เขตก่อสร้างหยวนหมิงหยวนในหนานชาน


มีเครื่องจักรกำลังทำงานอยู่ที่นี่ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องปรับสภาพหน้าดินและเคลียร์พื้นที่ตามแผนที่อู๋ฮ่าวเหรินได้มอบหมายไว้


มองดูโครงการสิ่งก่อสร้างขาดใหญ่แล้ว ศาสตราจารย์ทั้ง 5 คนก็ผงกหัวของเขาและชื่นชมอย่างจากก้นบึ้งของหัวใจ


“ศาสตราจารย์เก๋อครับ คุณเห็นการก่อสร้างทะเลสาบตรงนั้นมั๊ยครับ, ผมอยากให้คุณช่วยให้คำแนะนำตรงจุดนั้นให้หน่อยครับ”


“ได้, ได้ เอ้าพวกเธอตามฉันมา พวกเราไม่ได้มาที่นี่เฉยๆ โชว์ให้ท่านประธานดูหน่อยว่า พวกเราสามารถทำอะไรได้”


ศาสตราจารย์และเหล่าลูกศิษย์ของเขา หลังจากที่ได้รับหมวกนิรภัยก็พากันเดินไปที่บริเวณที่กำลังขุดกันอยู่


ขณะที่พวกเขาเดินไป ก็ได้ถามเหล่าทีมวิศวกรเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นี่ ความคืบหน้าของการขุดเจาะและแผนปรับปรุงสถานที่ของพวกเขา


คนพวกนี้แม้จะไม่เก่งเท่านักขุดเจาะมืออาชีพอย่างพวกเขาในด้านของการปฏิบัติก็จริง แต่คนพวกนี้ก็ไม่มีปัญหาในด้านของวิธีการและการออกแบบอย่างแน่นอน


อู๋ฮ่าวเหรินยืนและมองดูอยู่สักพัก หลังจากที่ผ่านไปได้ 10 นาที จากเดิมที่ไซต์ก่อสร้างนั้นสับสนวุ่นวายก็กลายเป็นเรียบร้อยและประสิทธิภาพการทำงานก็เพิ่มขึ้นด้วย


เขามองเห็นนักศึกษาคนหนึ่งปีนลงไปที่บริเวณขุดเจาะ เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยตัวเขาเอง


“ดูนั่นสิ ท่านประธานอู๋, พวกลูกศิษย์ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปว่าศาสตราจารย์ของพวกเขาเองเลยใช่มั๊ยล่ะ?”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นพบว่า คนพวกนี้ไม่ใช่พวกนักศึกษาที่วันๆเอาแต่อ่านตำราหาความรู้แล้วไม่เคยลงมือทำอะไรเลย


ไม่ว่าจะเป็นอย่างเรื่องของอุปกรณ์วัด หรือเครื่องมือที่พวกคนงานมืออาชีพใช้กัน พวกเขาเองก็มีความรู้ในระดับหนึ่ง และใช้ได้อย่างชำนิชำนาญ


ฉันจึงเดินไปรอบๆไซต์ก่อสร้าง, เมื่อฉันเดินกลับมา ก็พบว่าเหลือแต่ศาสตราจารย์ทั้ง 5 คนแล้ว มีเพียงพวกลูกศิษย์ที่ยังลงไปลุยงานอยู่


“ศาสตราจารย์ครับ, พวกลูกศิษย์นี่ พวกคุณเคยพาพวกเขาทำงานในไซต์ก่อสร้างมาก่อนหรือครับ?”


“แน่นอนสิว่าต้องเคยพาไปอยู่แล้ว คุณคิดจริงๆเหรอว่าพวกเขาจะจบการศึกษาได้ด้วยการเรียนจากในตำราเขียนรายงาน แล้วทำการทดลองนิดหน่อยแค่นั้น! ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เมื่อใดที่พวกเขาจบการศึกษาไป ก็มีแต่จะสร้างชื่อเสียให้เราเท่านั้น”


“พวกเราเคยรับเอาโปรเจ็คมาทำบ้างเป็นบางครั้ง เช่นช่วยออกแบบสวนแบบดั้งเดิมอะไรแบบนั้น แล้วเราก็เอางานพวกนี้มาให้พวกเขาทำเป็นข้อสอบ ถ้าไม่ได้ลงมือทำจริงแล้วศึกษาเอาแต่ทฤษฎี มันก็เป็นเพียงแค่กระดาษเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรดี”


“ถ้างั้นผมฝากตรงนี้ให้พวกคุณละกันนะครับ, ถ้าพวกคุณขาดเหลืออะไร ก็แจ้งไปที่คนคุมโครงการที่อยู่ที่นี่ได้เลย พวกเขาจะช่วยเหลือและจัดแจงให้เองครับ, แต่ถ้ามีปัญหาอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้จริงๆ ก็ติดต่อมาหาผมได้เลยนะครับ”


มองดูศาสตราจารย์ทั้งห้าคนและหัวหน้าทีมของบริษัทก่อสร้างกำลังปรึกษากันเรื่องของการสร้างกันอยู่นั้น อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้โล่งใจ ตอนแรกเขาก็กลัวว่าศาสตราจารย์พวกนี้จะเก่งกันแต่ปากเท่านั้น และทำอะไรไม่ได้ แล้วสุดท้ายก็จะสั่งการกันแบบคนตาบอด


แต่ตอนนี้ดูเหมือนศาสตราจารย์และเหล่านักศึกษาพวกนี้มีความสามารถและความรู้เชิงปฏิบัติกันอย่างแท้จริง จึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาจะต้องอยู่ที่นี่เลย


กลับไปที่บริษัท เขาก็พบเว่ยหมิงและผอ.กรมโยธาของอำเภอกำลังคุยอะไรกันบางอย่างที่บริเวณห้องโถงรับรอง, เมื่อพวกเขาเห็นฉันกลับมา ทั้งคู่ก็ยืนขึ้น


“ผอ.เหลียงมาที่นี่ มีธุระอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?”


“สวัสดีครับท่านประธานอู๋, ผมมาที่นี่เพราะมีเหตุผลหลักคือเรื่องของการสร้างเขตชุมชนแห่งใหม่ขึ้นน่ะครับ”


“ถ้างั้น พวกเราไปคุยกันที่ห้องประชุมกันดีกว่ามั๊ยครับ?”


เว่ยหมิงแยกตัวออกไป ส่วนอู๋ฮ่าวเหรินกับผอ.เหลียงก็เดินไปที่ห้องประชุมที่ชั้นหนึ่ง


“ก่อนอื่นเลย, ผมไม่เข้าใจว่าเขตชุมชนใหม่ที่ผอ.เหลียงพูดถึงมันคืออะไร?”


เหลียงหงหมิงหยิบเอาเอกสารที่เตรียมมาออกมาจากในกระเป๋าของเขาซึ่งมีรูปถ่ายจำนวนมากรวมอยู่ด้วย


“ดูนี่นะครับ ประธานอู๋, รูปถ่ายเหล่านี้คือพื้นที่รอบๆของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปครับ”


เขาเปิดแผนที่ขึ้นมาแล้วพูดต่อ “พวกเรากำลังจะสร้างเขตชุมชนแห่งใหม่ขึ้นทางตอนใต้ของฟิวเจอร์กรุ๊ปครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่คิดว่าอำเภอหยุนหลงนั้นจะสร้างเขตชุมชนขึ้นใกล้ๆกับฟิวเจอร์กรุ๊ป, เขามองดูแผนที่แล้ว ก็คิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาติดขัดอะไรกับการพัฒนาของบริษัทในอนาคต พวกเขาได้เหลือที่ว่างไว้ให้เพียงพอสำหรับการพัฒนาของฟิวเจอร์กรุ๊ป


“แบบแปลนนี้ดีมากครับ บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปของเราก็จะให้การสนับสนุนกับทางอำเภออย่างเต็มที่ครับ พวกคุณต้องการความช่วยเหลืออะไรจากเราหรือเปล่าครับ?”


สำหรับอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี, ด้วยเขตชุมชนแห่งใหม่นี้ จะทำให้พนักงานในบริษัทมีตัวเลือกหลังเลิกงานมากขึ้นในอนาคต


“พวกแค่ต้องการถามจะถามว่าทางบริษัท ต้องการอะไรเป็นพิเศษในอนาคตไหมครับ? ถ้าเกิดมีอะไรต้องการ พวกเราก็จะร่วมมือสร้างร่วมกับทางบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปให้ครับ”


“สิ่งที่ต้องการ! ผมไม่มีอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษในเขตชุมชนใหม่นี้หรอกครับ พวกคุณสามารถสร้างตามแผนของพวกคุณได้เลยครับ”


“ผมได้ยินมาว่าทางฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เชิญศาสตราจารย์ด้านสถาปัตยกรรมจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งมาสินะครับ, พวกเราต้องการให้พวกเขาให้คำแนะนำเรื่องการวางแบบแปลนเขตชุมชนใหม่ของเราหน่อยได้ไหมครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่ผอ.มาที่นี่ในวันนี้แล้ว, เขานั้นตั้งใจที่จะให้ศาสตราจารย์ทั้งห้าคน วางแบบแปลนสร้างเขตชุมชนแห่งใหม่ให้พวกเขาฟรีๆนั่นเอง”


ก็จริงอยู่ที่ว่า มันค่อนข้างมีปัญหามากที่จะหาใครซักคนช่วงวางแบบแปลนกับเรื่องอย่างนี้ เขานิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก็พลันคิดมีความคิดอะไรขึ้นมา


“ผอ.เหลียงครับ ช่วยรอผมอยู่ที่นี่ซักแปบได้ไหมครับ ผมจะให้คำตอบที่คุณพึงพอใจแน่นอน”


“ไม่มีปัญหาครับ ไม่มีปัญหา”


อู๋ฮ่าวเหรินรีบเดินไปที่ลิฟท์และไปที่ออฟฟิศของเขา


“จี้, ช่วยวาดแบบแปลนรอบๆฟิวเจอร์กรุ๊ปที่เราเคยออกแบบกันไว้วันนั้นให้หน่อยสิ…..ใช่ อันนี้แหละ ช่วยปริ้นท์แบบแปลนอันนี้ออกมาให้ที”


มองดูแบบแปลนแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ยิ้มขึ้นมา ซึ่งเดิมทีอันนี้คือแผนการก่อสร้างฟิวเจอร์กรุ๊ปและบริเวณรอบๆในความคิดของเขาร่วมกับจี้ แต่ไม่ได้คิดที่จะสร้างขึ้นมาจริงๆ”


หลังจากที่เดินลงมาจากชั้นบน อู๋ฮ่าวเหรินก็เดินเข้าไปในห้องประชุม มองดูผอ.เหลียงที่กำลังร้อนใจและพูดขึ้น “ผอ.เหลียงครับ ช่วยดูอันนี้ให้หน่อยครับ”


“แบบแปลน! ประธานอู่ครับ นี่คือแบบแปลนที่ออกแบบโดยบริษัทคุณงั้นเหรอครับ?”


“ใช่ครับ, แต่ผมคิดว่ามันค่อนข้างไร้ประโยชน์ เพราะผมไม่คิดว่าจะมีการสร้างเขตชุมชนขึ้นมาใหม่ในอำเภอ”


“ประธานอู๋ครับ, ผมขอแบบแปลนนี้กลับไปได้หรือไม่ครับ?”


“ได้สิ, มันเป็นของคุณแล้ว ถ้าคุณสามารถสร้างเขตชุมชนแห่งใหม่ได้ตามในแบบแปลนนี้ มันจะส่งผลดีให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปอย่างมากครับ


ผอ.เหลียงออกไปอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าเขานั้นจะพึงพอใจกับแบบแปลนนี้มาก จนอู๋ฮ่าวเหรินต้องหัวเราะออกมา


ถ้าพวกเขาทำตามแบบแปลนนั้นสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาจริงๆ มันก็จะช่วยเรื่องของแผนการในอนาคตของเขาอย่างมาก


ยิ่งไปกว่านั้น, เมืองใหญ่แห่งใหม่ก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ มันก็จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของพนักงานในบริษัทดีขึ้น


“เว่ยหมิง, คนกำลังทำอะไรอยู่ไหม?”


“หัวหน้าครับ, ผมอยากจะถามคุณว่า ผมควรจะตั้งราคาขายเครื่องดื่มที่ทำมาจากผลของกล้วยไม้ม่วงเท่าไรดีครับ?”


“ก็แล้วแต่คุณเลย ผมเองก็ไม่รู้หรอกจะขายเท่าไรดี ว่าแต่เครื่องดื่มพร้อมจะวางขายแล้วเหรอ?”


“ใช่แล้วครับ, เครื่องดื่มชุดแรกถูกส่งออกไปเมื่อวานนี้ และน่าจะถูกส่งไปถึงที่ร้านค้าในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้กำลังรอเรื่องของราคาและวางจำหน่ายครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่คิดว่าเขาจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ เขาจึงพูดขึ้น “ผมว่าผมบอกไปแล้วนะว่า เรื่องของเครื่องดื่มผมให้คุณรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว, ในเมื่อคุณได้เข้าไปคลุกคลีกับวงการเครื่องดื่มขนาดนี้แล้ว ผมคิดว่าคุณน่าคุ้นเคยกับเรื่องนี้มากกว่าผมเสียอีกนะ”


เว่ยหมิงพูดขึ้นอย่างมีความสุข “ได้ครับหัวหน้า พวกเราจะตั้งราคากันเอง เมื่อถึงตอนนี้คุณอย่าตกใจก็แล้วกันครับ!”


มองดูเว่ยหมิงที่รีบวิ่งออกไป อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัว แค่เครื่องดื่มจะมีอะไรให้ตกใจกัน

————————


CF:บทที่ 192 เครื่องดื่มราคาแพง


ขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางปฏิเสธคนพวกนั้นอยู่นั้นเอง, ไม่คาดคิดว่า ทันทีที่เขาได้รับโทรศัพท์จากหลี่เหวินหัวในตอนบ่ายนั้น คนพวกนั้นจะได้เดินทางมาถึงกันแล้ว


ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขานั้นกำลังขวางทางเข้าออกของบริษัทเอาไว้ อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นจะเปล่าประโยชน์ก็เถอะ


เพื่อจัดการกับคนพวกนี้, เขาอยากให้คนพวกนั้นได้ลิ้มรสชาติให้เต็มที่


อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้ทำเป็นไม่สนใจ เขาจึงได้ไปที่โรงงานผลิตเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนและดูการทำงานของทหารพวกนั้นในการผลิตเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อน


คนพวกนี้ทำงานของพวกเขากันอย่างจริงจังมาก, ถึงแม้เขาจะเดินเข้าไป แต่ก็ไม่มีใครหันมาคุยกับเขาเลย ทุกคนทำงานกันอย่างขมักเขม้น


อู๋ฮ่าวเหรินมองหาเจียงเสี่ยวชวนที่อยู่ข้างใน, คนๆนี้กำลังประกอบส่วนที่ยากที่สุดของอุปกรณ์ตัวดูดซับพลังงาน, มองการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว ก็บอกได้ว่าเขานั้นมีฝีมือมาก


ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วมองดูเขาอยู่สักพัก จนกระทั่งเขาถึงขั้นตอนการทำไดอะแฟรมบนแผ่นวัสดุ จึงได้พูดขึ้นมา “ผู้กองเจียง, เป็นอย่างไรบ้าง? คุณพบเจอตรงไหนยากบ้างไหม?”


เจียงเสี่ยวชวนเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับอู๋ฮ่าวเหริน จึงได้วางเครื่องมือในมือเขาลง จากนั้นก็ชี้ไปที่ชิ้นส่วนที่ทำเสร็จแล้วจึงพูดขึ้น “เจ้าตัวดูดซับความร้อนนี่มันสามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเองได้ไหม?”


“คุณหมายถึงเอาวัสดุชั้นนอกออกมาแล้วใช้มันอย่างเดียวได้ไหมสินะ?”


“ใช่ วัสดุชิ้นนั้น ข้าคิดว่ามันน่าจะเอามาใช้ทำเครื่องยนต์ของเครื่องบินได้น่ะ”


อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวแล้วพูดตอบ “มันจะไม่มีประโยชน์อะไร ถ้ามีมันเพียงอย่างเดียว, ตัวแผ่นวัสดุพวกนี้มีหน้าที่ร่วมมือกับตัวทำปฏิกิริยาภายใน, ถ้าไม่มีตัวทำปฏิกิริยา มันก็จะเป็นแค่แผ่นโลหะธรรมดาๆเท่านั้น”


เจียงเสี่ยวชวนรู้สึกผิดหวัง เขาคิดว่าเขาได้พบวัสดุดีๆขึ้นมาซะแล้ว แต่กลับคิดผิดซะอย่างงั้น


“ตอนที่ข้าได้ศึกษาเจ้าเครื่องนี้ ก็พบว่าความเร็วในการแปลงพลังงานของมันนั้นช้ามาก มีวิธีที่จะเร่งความเร็วในการแปลงพลังงานไฟฟ้าของมันไหม?”


“ก็มีอยู่ ตราบเท่าที่คุณทำให้อุณหภูมิของมันเปลี่ยนแปลงได้ไวขึ้น มันก็จะสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าได้ไวขึ้นเช่นกัน แต่ทว่าวิธีนี้มันได้ไม่คุ้มเสีย จุดเด่นของมันจริงๆคือมันสามารถใช้ความร้อนในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพกว่าแผงโซลาร์เซลล์แค่นั้นแหละ”


แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีหลายๆประเทศกำลังศึกษาและตั้งใจที่จะใช้เจ้าเครื่องนี้ในกองทัพ


แต่น่าเสียดายที่ว่า, พวกเขาก็พบว่าความเร็วในการแปลงพลังงานของเจ้าเครื่องนี้นั้นมันช้ามาก ลักษณะเก่าของเจ้าเครื่องนี้จริงๆคือ มันสามารถแปลงพลังงานจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและปล่อยออกมาเป็นพลังงานไฟฟ้า


ยิ่งไปกว่านั้น อายุการใช้งานของเจ้าเครื่องนี้ก็ยาวนานด้วย


มันเป็นแหล่งไฟฟ้าของการพัฒนาแบบยั่งยืน และเหมาะกับอุปกรณ์สาธารณะที่ใช้ไฟฟ้าน้อยอย่างโคมไฟถนน


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นคิดที่จะจ้างนักวิจัยมาทำงานในด้านนี้ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของการย่อส่วนเจ้าเครื่องนี้ และใช้มันเป็นเครื่องชาร์จไฟแบบพกพา


หลังจากที่ออกมาจากโรงงาน เขาก็ขับรถกลับบ้าน


อีกทางด้านหนึ่ง เว่ยหมิงกับทีมผลิตเครื่องดื่มของเขาก็ปรึกษากันในเรื่องของราคาเครื่องดื่ม


“นี่คือผลการทดสอบของเครื่องดื่มต่าง พวกคุณจะเห็นได้ว่า ผมเองได้ลองตรวจสอบเครื่องดื่มที่ราคาแพงที่สุดในโลกมาแล้ว ขอให้ทุกคนดูและเปรียบเทียบ”


ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะมีความคิดในใจของพวกเขาเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อดูราคาของเครื่องดื่มแล้ว ประกอบกับข้อมูลของวัตถุดิบที่ใช้ทำ


“ผู้จัดการเว่ย เครื่องดื่มสปอร์ตดริงค์พวกนี้มีราคามากกว่า 400 หยวน จนถึง 500 หยวนเลยครับ เรายังไม่ต้องพูดถึงราคาของไวน์นะครับ ด้วยเครื่องดื่มกล้วยไม้ม่วงในปัจจุบันของพวกเรา อย่างน้อยมันก็มีคุณค่าทางอาหาร ที่อาจจะมากกว่าสปอร์ตดริงค์สองขวดนั้นด้วย”


“ถ้างั้นราคาของพวกเราก็ควรจะมากกว่าของพวกเขา แล้วพวกเราจะขายออกเหรอ?”


เว่ยหมิงเคาะโต๊ะด้วยมืออ้วนๆของเขา ทำให้ทุกคนหันมาสนใจเขา ก่อนจะพูดขึ้น “มันไม่สำคัญหรอกว่าจะขายได้หรือไม่ได้ หัวหน้านั้นตั้งใจว่าจะเอาเครื่องดื่มนี้ให้เป็นสวัสดิการของพนักงานในบริษัทของเราเท่านั้น, แต่ทว่าถ้าเป็นแบบนั้นต่อไป พวกคุณคงได้ถูกไล่ออกแน่ ถ้าโรงงานผลิตเครื่องดื่มของบริษัทเราไม่มีการพัฒนาอะไรเลย”


“ดังนั้นหัวหน้าและผมจึงได้ตั้งใจที่พัฒนาโรงงานผลิตเครื่องดื่มของเราและทำให้โรงงานเครื่องดื่มของบริษัทเรายิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง ซึ่งนั่นจะเป็นกุญแจสำหรับการก้าวเข้าสู่วงการอุตสาหกรรมเครื่องดื่มของพวกเรา”


ทุกคนจึงได้หยุดการพูดคุย ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่า ถ้าการผลิตเครื่องดื่มนี้ไปได้ไม่สวยแล้ว จะทำให้โรงงานยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?


“ผู้จัดการเว่ย, ในเมื่อถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็เจือจางเครื่องดื่มเพื่อทำให้ราคาต่างกันก็ได้นี่คะ ราคาของเครื่องดื่มก็จะได้ไม่แพงเกินไปด้วย


“มันทำได้ก็จริงอยู่ แต่มันอาจจะมีผลในเรื่องของรสชาติได้ แต่ทว่า มันก็น่าโอเคอยู่นะ ถ้าจะทำให้รู้ว่ารสชาตินั้นต่างกันไปตามราคาของเครื่องดื่ม


“จริงด้วยสิ ถ้างั้นเอางี้สิ, ราคาของเครื่องพวกนี้ก็ตั้งไว้ที่ 500 หยวน, แล้วหลังจากนี้ ก็เจือจางมันทั้งหมด จำนวนของผลิตภัณฑ์ก็จะได้เพิ่มขึ้นด้วย, จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะขายเครื่องดื่มหมดไวด้วย”


“ถ้าจะเอาแบบนั้น ฉันจะได้ไปแจ้งเรื่องของผลการทดสอบทั้งหมดบนเว็บไซต์ของบริษัท ราคาจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ: 500, 200, 100 และ 50 หยวน พวกเราไม่จำเป็นต้องโฆษณาชวนเชื่อด้วย”


สำหรับเครื่องดื่มของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว มันไม่จำเป็นต้องโฆษณาชวนเชื่อ พวกเขากล้าที่จะพูดออกมาตรงๆ เพราะเบื้องหลังของพวกเขาคือบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก


เมื่อผู้คนได้เข้ามาอ่านเว็บบอร์ดก็พบว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นได้แจ้งเรื่องผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ของพวกเขา และมันคือเครื่องดื่มชิ้นแรกที่ผลิตโดยบริษัทผลิตเครื่องดื่ม, ที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึง


ถ้าไม่มีหมวดเครื่องดื่มบนเว็บไซต์ของบริษัทแล้ว พวกเขาคงลืมไปแล้วว่าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเองก็ผลิตเครื่องดื่มด้วย


“บ้าชะมัด ใครจะไปจ่ายวะ? ที่แพงที่สุดราคาสูงถึง 500 หยวนต่อหนึ่งขวด และที่ถูกที่สุดมีราคาแค่ 50 หยวนเท่านั้น มันเป็นเครื่องดื่มอวดรวยชัดๆ!”


“แต่ถ้าเป็นอะไรที่บริษัทนั้นขาย, ฉันว่าจะลองไปหาซื้อดูนะ, ผลิตภัณฑ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะต้องคุ้มกับราคาแน่นอน”


“มีผลการทดสอบติดอยู่ด้วยแน่ะ, นี่มันเครื่องดื่มจริงๆเหรอเนี่ย ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใช่มั๊ย?”


“ข้อมูลพวกนี้คงไม่ใช่ของปลอมหรอกนะ, มันดูเว่อร์เกินจริงไปแล้ว!”


“ของปลอม! คุณคิดว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น จำเป็นต้องทำข้อมูลปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกคุณด้วยเหรอ? ผมว่าจะลองซื้อแบบที่แพงที่สุดดู อยากรู้เหมือนว่าจะอร่อยสมราคามั๊ย?”


ตอนแรกบุคลากรในแผนกเครื่องดื่มต่างก็รู้สึกกระวนกระวาย เมื่อได้เห็นเสียงตอบรับจากในเว็บบอร์ด แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็โล่งใจออกมา, แต่โชคดีที่ เครื่องดื่มของบริษัทได้ห่อหุ้มด้วยแสงของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อในข้อมูล, ยิ่งไปกว่านั้น จากความคิดเห็นในเว็บบอร์ด ก็มีฮีโร่จำนวนมากที่บอกจะลองซื้อแบบราคาที่แพงที่สุดให้ด้วย


และสำหรับคนที่เคยไปที่หมู่บ้านซุยฉุยเพื่อดูดอกกล้วยไม้ม่วงนั้น หลังจากที่ได้เห็นผลการทดสอบแล้ว ก็เข้าใจได้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของดอกไม้นั้น


“เพื่อที่จะผลิตเครื่องดื่มกล้วยไม้ม่วงพวกนี้ จึงได้ปลูกพวกมันที่บ้านเกิดของคุณอู๋ฮ่าวเหรินเหรอเนี่ย ฉันล่ะอยากย้อนเวลากลับไปตอนนั้นจัง ฉันไม่คิดเลยว่าดอกไม้ที่สวยขนาดนั้น ผลของมันจะมีราคามากถึงเพียงนี้”


“ได้ข่าวว่าตอนนี้มีแบบที่แพงสุดขายในร้านแล้ว มีใครสนใจจะไปลองซื้อมาซักขวดพรุ่งนี้แล้วมาทดสอบว่าเป็นจริงตามในข้อมูลรึเปล่าไหม?”


ยังมีผู้คนที่ยังสงสัยในข้อมูลอยู่ แต่เว่ยหมิงไม่สนใจ เขานั้นว่าหวังว่าจะมีคนที่คิดจะทดลองดื่มมากกว่านี้อีก, ข้อมูลพวกนี้เองก็ไม่ได้มาจากสถาบันวิจัยสถาบันเดียว แต่เป็นผลจากหลายๆสถาบันวิจัย ซึ่งรวมถึงข้อมูลจากการทดสอบในระดับชาติอยู่ด้วย


แต่เพราะราคาเครื่องดื่ม ทำให้ไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากนัก แต่ถ้าตั้งใจอ่านที่ถกเถียงกันในเว็บบอร์ดแล้ว


ถ้าเครื่องดื่มเป็นจริงตามในข้อมูล ราคาเครื่องดื่ม 500 หยวนนั้น ก็ถือว่าไม่แพงซะทีเดียว ยังมีคนอื่นที่ขายน้ำแบบนี้ในราคาที่สูงลิบลิ่วแบบนี้อีก ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับยาบำรุงกำลัง


เมื่อพนักงานของฟิวเจอร์กรู๊ปในเห็นข้อมูลเครื่องดื่มในเว็บไซต์ของบริษัทแล้ว และมองไปที่เครื่องดื่มสวัสดิการที่แจกจ่ายให้โดยบริษัทบนโต๊ะทำงานแล้ว พวกเขาก็เข้าใจว่า ตราบเท่าที่เป็นสวัสดิการของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ดีกับพวกเขาหรอก

———————


CF:บทที่ 193 เครื่องดื่มที่บ้าคลั่ง


ตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินได้เห็นราคาของเครื่องดื่มนั้นก็เป็นเวลาค่ำแล้ว, เขาส่ายหัวแล้วยิ้ม, เขาไม่คิดว่าเว่ยหมิงนั้นจะตั้งราคาไว้สูงซะขนาดนี้


ฉันคิดว่าถ้าพ่อแม่ของฉันรู้ว่าเครื่องดื่มที่เขาดื่มอยู่ทุกวันนี้มีราคาสูงถึงขนาดนี้ พวกเขาคงได้ลังเลที่จะดื่มเป็นแน่


ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของฉันจะรู้ว่าฉันนั้นมีเงินก็จริง แต่พอใช้จ่ายเงินเยอะๆทีไร พวกเขาก็จะทำสีหน้ากังวลทุกทีไป, อย่างเช่นตอนที่ฉันออกไปซื้อของกับพวกท่านเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันนั้นซื้อข้าวของมาหลายอย่าง, แต่เมื่อถึงตอนที่ฉันจะจ่ายเงิน พวกเขาก็บอกว่าฉันซื้อของแพงมากเกินไป


สงสัยคราวหน้า, เมื่อฉันคิดจะออกมาซื้อของคงจะต้องชวนลิ่วหมิงเยว่กับหวังหลานไปด้วยแล้ว ถึงแม้แม่ของฉันจะคิดว่ามันแพงมากเกินไป แต่ก็คงไม่กล้าที่จะพูดต่อหน้าสองสาวเป็นแน่


เข้าระบบซองแดงไป ช่วงหลายวันมานี้ฉันได้ฉกของมาได้หลายอย่าง ตอนนี้ของเลยรกไปหมด ซึ่งของบางอย่างอู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้


“มีอะไรน่าสนใจมั่งไหม?”


เจ้าแห่งรถบินได้ส่งข้อความมา: “พ่อค้าของเก่ามาแล้วรึ มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้วล่ะ ฉันได้ยินมาว่าอารยธรรมอื่นที่ได้เข้าระบบซองแดงได้ทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบซองแดงเป็นอารยธรรมแรกแล้ว เทียนหยูกรุ๊ปกำลังตรวจสอบบัคครั้งสุดท้ายกันอยู่ แล้วอีกไม่นานก็จะได้เริ่มของอารยธรรมอื่นต่อ”


“น่าเสียดาย, ที่ช่วงนี้ฉันจะต้องไปดูดวงดาวแห่งใหม่ที่เพิ่งค้นพบ เลยอดได้ปะทะกับคนจากอารยธรรมอื่นเลย”


พ่อค้าพลังงานพูดขึ้น, “จะว่าไป เห็นนายออกบุกเบิกดาวทุกวันเลยนะ ไม่ใช่ว่าเป็นนักบุกเบิกของสหพันธ์หรอกเรอะ?”


“ไม่ใช่หรอก เป็นแค่นักบุกเบิกธรรมดาๆนี่แหละ, เอาไว้คราวหน้าฉันกลับมา ฉันจะเอาของที่หาได้เฉพาะในดวงดาวนั้นมาฝากก็แล้วกัน”


“ถ้าเกิดในอนาคตพบดวงดาวที่มีหินพลังงานล่ะก็ บอกให้รู้บ้างนะแล้วเดี๋ยวฉันจะส่งซองแดงตอบแทนไปให้”


ขณะที่หลายคนกำลังคุยกันถึงเรื่องของอารยธรรมที่กำลังเชื่อมต่อเข้ามานั้นเอง สุดหล่อโคตรเจ๋งก็ได้ส่งรูปบางอย่างมา ซึ่งดูเหมือนน่าจะเป็นซองแดง เมื่อพวกเขาได้เห็นจำนวนเหรียญพลังงานที่ต้องใช้ในการฉกซองแดงแล้ว, ทำเอาทุกคนอึ้งไปเลย


“สุดหล่อโคตรเจ๋ง, นายส่งรูปนี้มา อย่าบอกนะว่า นายไปถึงเลเวล 9 แล้ว!” มนุษย์ชุดเกราะพูดถามอย่างตกใจ


“เพิ่งจะเลเวล 6 เองเฟ้ย, หลังจากเลเวล 6 ขึ้นมาแล้ว มันก็ยากที่จะอัพเลเวลแล้ว แล้วก็ตามที่เห็นในรูป นี่คือซองแดงที่ใส่อุปกรณ์ทำผมของพวกอารยธรรมชั้นสูงที่เพิ่งเชื่อมต่อเข้ามาใหม่”


จู่ๆนักวิจัยก็โผล่ออกมา “นี่มันน้ำยาฟื้นฟูชีวิตที่สามารถใช้ฟื้นฟูพลังงานชีวิตได้นี่ จากที่เล่าแล้ว เจ้าพวกอารยธรรมชั้นสูงพวกนี้มันสุดยอดขนาดไหน ที่ส่งของแบบนี้มาเป็นซองแดงได้นี่ แล้วต้องใช้ถึง 2,100 เพชรพลังงาน ถึงจะฉกซองแดงนี้ได้ ตอนนี้มีใครที่มีเพชรพลังงานขนาดนั้นมั่งรึยัง?”


“ได้ยินมาว่ายังไม่มีใครที่มีเพชรพลังงานมากถึงขนาดนั้นในปัจจุบัน แถมยังมีแค่ไม่กี่คนที่ไปถึงเลเวล 9

เพชรพลังงานส่วนใหญ่ได้จากการแลกกับเทียนหยูกรุ๊ปได้ก็จริง แต่ได้ยินมาว่ามีใครบางคนได้ส่งสุดยอดเรือรบใส่เข้าไปในซองแดงและส่งมันไปยังกลุ่มเลเวล 9 เพื่อหาเพชรพลังงานเพิ่มแล้ว”


อู๋ฮ่าวเหรินจ้องมองบทสนทนาเรื่องของน้ำยาฟื้นฟูชีวิตต่ออีกสักพัก ก่อนที่จะส่ายหัว, สำหรับเขาแล้วมันเป็นที่มีแรงดึงดูดที่ร้ายกาจมาก, แต่น่าเสียดายที่เลเวล 9 นั้น มันเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเขา แล้วยิ่ง 2,100 เพชรพลังงานด้วยแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าส่งทั้งโลกเข้าไปในระบบซองแดงแล้วยังจะพอรึเปล่า?


ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกมาจากระบบซองแดง ฟังพวกเขาคุยกันแล้วมันรู้สึกอึดอัดเปล่าๆ


ให้จี้ส่งข้อมูลมา, แล้วเขาก็เริ่มอ่านข้อมูลแนะนำเรื่องของหุ่นยนต์ในฐานข้อมูล เขาต้องการที่จะศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์และออกท่องท้องฟ้าดวงดารา


——————————————————————


เมื่อวานนี้, หลังจากที่ข่าวเรื่องของเครื่องดื่มในเว็บไซต์ของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ถูกเผยแพร่ออกไป, ในเช้าวันนี้ ก็มีรถบางคันได้มาจากรออยู่ที่หน้าร้านค้าเฉพาะอย่างของฟิวเจอร์กรุ๊ปในหลายๆเมือง


ในเวลา 8 โมงครึ่ง, ประตูหน้าร้านก็ได้เปิดขึ้นมา แต่ยังไม่ทันทีพนักงานจะได้ทันตั้งตัว ก็มีบางคนเดินเข้ามาหา


“ผมขอซื้อน้ำกล้วยไม้ม่วงที่ราคาขวดละ 500 หยวนหน่อยครับ”


พนักงานขายของก็รู้สึกตกใจอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะพูดขึ้นมา, “รอซักครู่นะคะ, คุณลูกค้า เดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้นะคะ”


หลังจากที่จิบไปหน่อยนึง คนๆนั้นก็กระดก “อึก อึก” ทีเดียวหมดขวด แล้วสักพักก็เหมือนว่าเขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


เขาควักบัตรเครดิตออกมาแล้วพูดขึ้น: “สิบขวด ไม่สิ, เอามาร้อยขวดเลย, ขออย่างดีที่สุดด้วย แล้วก็ให้ใครขนเอาไปไว้ที่รถผมให้ทีนะ”


เมื่อรปภ.ทั้งสองคนช่วยขนเครื่องดื่มทั้งร้อยขวดเสร็จขึ้นรถที่จอดข้างนอกเสร็จแล้ว พนักงานขายก็มองมาที่ใบเสร็จ สมองของเธอก็รู้ตึ้อขึ้นมาทันใด, ซึ่งเธอได้ขายออกไปแล้วถึง 1 ใน 10


สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พนักงานขายรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน, ในตอนเที่ยง เหลือเพียงแค่ 24 ขวดจาก 1,000 ขวดที่เตรียมไว้ เพราะคิดว่าน่าจะขายออกยาก


คนที่เข้ามาซื้อนั้น หลังจากที่ซื้่อไปแล้วขวดนึง ก็จะซื้อเพิ่มอีกขั้นต่ำก็คนละ 10 ขวด


มันขายออกดีมาก ชนิดที่ว่าในตัวเมืองใหญ่ๆ คนที่มาทีหลังนั้นไม่สามารถที่จะหาซื้อได้เลย


เมื่อสถานการณ์ขายได้รู้ถึงหูของเว่ยหมิงเข้า, เขาก็คิดว่าเขาได้ตัดสินใจผิดพลาดไปแล้ว และจำเป็นต้องยืนยันถึงสามครั้งถึงจะเชื่อว่าเป็นความจริง เครื่องดื่มหนึ่งล้านขวดนั้น ทั้งหมดเป็นแบบที่วางขายในราคา 500 หยวน ตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่ 300,000 กว่าขวดเท่านั้น


และส่วนใหญ่ที่เหลือก็จะเป็นตัวเมืองเล็กๆที่มีกำลังซื้อต่ำ, ส่วนในตัวเมืองใหญ่ๆนั้นขายหมดสต็อคไปเรียบร้อยแล้ว


ในตอนนี้เอง, ในเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ป หลายคนต่างก็ออกมาโวยวาย บอกว่าให้เอาออกมาขายเพิ่มอีก


บางคนที่มาสาย ยังไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าตาของขวดเลย, มันขายหมดแล้วด้วยซ้ำ


เนื่องมาจากมีพวกเศรษฐีบางคน ได้ออกมาเหมาเครื่องดื่มหมดไปรวดเดียว โดยที่ไม่ให้คนอื่นได้มีโอกาสได้ลิ้มลองด้วยซ้ำ


จากเหตุการณ์นี้, เว่ยหมิงจึงได้เรียกคนที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมด้วนเพื่อหารือว่าจะจัดการกันอย่างไร ในตอนนี้พวกเขาเหลือแบบที่เจือจางแล้วอีกเพียง 1.5 ล้านขวดเท่านั้น


มันไม่จำเป็นต้องเจือจางเลยด้วยซ้ำ พวกมันสามารถขายออกได้ทั้งหมด


แต่ทว่า พวกเขาจะทำอย่างไรต่อไปดี? เขาเพิ่งจะติดต่อไปที่อำเภอหยุนหลงเพื่อกว้านซื้อที่เอง จะมาลงมือปลูกตอนนี้ก็ไม่ทันการแล้ว


“ผู้จัดการเว่ย, พวกเราก็ให้พวกเขารอจนกว่าจะผลิตเครื่องดื่มล็อตใหม่เสร็จดีกว่าไหมครับ”


“ถ้าเช่นนั้นก็ติดประกาศไป แล้วก็ไม่ต้องเจือจางเครื่องดื่มที่เหลือแล้ว ส่งพวกมันทั้งหมดไปที่ร้านค้าเฉพาะให้หมดเลย, แล้วก็สำหรับพวกร้านในตัวเมืองที่มีกำลังซื้อต่ำก็ให้โยกย้ายบางส่วนไปยังร้านค้าในตัวเมืองที่มีกำลังซื้อสูงไปก่อน”


ทันทีที่ข่าวได้ถูกประกาศออกไปบนเว็บไซต์ของบริษัท ทุกคนต่างก็รู้สึกตกตะลึง ไม่คิดว่าของแบบนี้จะขายหมดไวได้ขนาดนี้


“มันไวไปหน่อยมั๊ย เป็นแค่เครื่องดื่มเองนะ ดูเหมือนฉันจะต้องลองไปใหม่ตอนเช้าวันพรุ่งนี้ซะแล้ว ถ้าไม่งั้น กว่าจะมีมาให้ซื้ออีก ก็ต้องรอตั้ง 3 เดือนโน่นแน่ะ”


“มีใครได้ซื้อไปบ้างรึยัง? บอกฉันทีสิว่าเครื่องดื่มเป็นจริงตามที่เขียนไว้ในข้อมูลไหม? ฉันไปที่้ร้านค้าเฉพาะในตอน 9 โมงเช้าของวันนี้ และพอไปถึงก็พบว่ามันขายหมดแล้ว”


“เรื่องของรสชาติ, บอกได้เลยว่าคุณต้องลองชิมมันให้ได้เลย ส่วนเรื่องของคุณค่าทางอาหาร พรุ่งนี้ข้อมูลถึงจะปรากฏออกมา ผมได้เอาเครื่องดื่มไปให้ให้คนรู้จักเอาไปทดสอบที่ห้องแล็บแล้ว”


“เกือบไปแล้ว, ฉันเพิ่งไปซื้อมาสิบขวดเมื่อเช้า เดี๋ยวไว้จะไปลองดูพรุ่งนี้ให้ว่ายังพอมีเหลือมั๊ย ฉันอยู่ในตัวเมืองเล็กๆ น่าจะไม่มีใครมาแย่งหรอกมั๊ง”


“ถ้ามีใครอยู่ในตัวเมืองเล็กๆ ไปที่ร้านค้าเฉพาะแล้วซื้อมาให้ผมลองบ้างสิ เดี๋ยวผมให้เพิ่มอีก 100 หยวนต่อขวดเลยเอ้า”


แน่นอนว่า ในเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น มีพูดกันถึงเรื่องของพวกเศรษฐีที่ชอบซื้อเหมา และบอกว่าคนที่ทำแบบนี้ให้ช่วยนึกถึงคนที่ยังไม่ได้ซื้อด้วย


และมีคนพวกนี้บางคนได้โทรศัพท์ไปบอกคนในร้านค้าเฉพาะว่า แค่ขวดเดียวก็ได้ ช่วยจองไว้ให้ขวดนึง แล้วเดี๋ยวจะส่งคนมาเขาทีหลัง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครซื้อตัดหน้าไป


มีหลายคนที่ไม่เข้าใจความคิดของพวกเศรษฐีพวกนี้, แต่พวกเขารู้ว่าเครื่องดื่มนี้ จะต้องทำเงินให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นพันล้านแน่, ซึ่งอาจจะเร็วกว่าไปปล้นเงินมาเสียอีก


เมื่อเว่ยหมิงได้รู้ถึงจำนวนเงินที่เขาทำได้จากการขายเครื่องดื่มนั้น, เขาก็กระโดดตัวลอยเลยทีเดียว หนึ่งล้านขวด ราคา 500 หยวนต่อขวดก็จะเป็น 500 ล้านหยวน หากขายที่เหลืออีก 2,500,000 ขวดที่เหลือก็จะเป็นเงิน 1,250 ล้านหยวน


ในตอนแรก, เขาคิดว่าจะมีคนจำนวนน้อยที่จะมาซื้อเจ้าเครื่องดื่มนี้ และคงจะดีถ้าขายออกซักแสนขวด แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะคิดผิดเสียแล้ว


แล้วถ้าพวกแบบเจือจางแล้วขายได้ล่ะก็ เขาก็จะทำเงินได้อีก 300 ล้านหยวนให้กับบริษัท ถึงแม้ว่ามันจะเทียบกับอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดไม่ได้ก็ตาม แต่มันก็จะกลายเป็นตำนานสำหรับวงการเครื่องดื่มไป

———————


CF:บทที่ 194 การวิจัยหุ่นยนต์


การทำกำไรได้มหาศาลในครั้งนี้ ก็นำพามาซึ่งเงินโบนัสที่สูงขึ้นของเว่ยหมิงและพรรคพวก ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกไม่อยากออกจากฟิวเจอร์กรุ๊ป


เมื่อได้เห็นอนาคตของโรงงานผลิตเครื่องดื่ม ก็เหมือนเป็นแรงผลักดันของเว่ยหมิงให้เพิ่มขึ้นไปอีก คนๆนี้จึงได้ไปหาอู๋ฮ่าวเหรินที่ออฟฟิศ และอธิบายสถานการณ์การขายให้ฟัง และได้ขอเมล็ดพันธุ์จากอู๋ฮ่าวเหรินเพิ่ม


หลังจากที่ได้รับคำตอบตกลงจากอู๋ฮ่าวเหริน เขาก็บอกว่าจะกลับมาหาที่ออฟฟิศใหม่พรุ่งนี้เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ ก่อนที่จะเขาจะเดินทางออกไปยังที่ว่าการอำเภออีกครั้ง เพราะเขารู้สึกว่าที่ดินที่เคยติดต่อทำสัญญาไว้ครั้งก่อนมันยังน้อยเกินไป เขาจึงตั้งใจที่จะทำสัญญาซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นอีก


ในเว็บไซต์ของบริษัทเองได้ประเมินเครื่องดื่มชนิดนี้ไว้สูงมาก มีหลายคนที่คิดว่าเจ้าสิ่งนี้เรียกเครื่องดื่มไม่ได้หรอก มันเป็นยาบำรุงด้วยซ้ำ


แน่นอนว่ายังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังรอดูผลการทดสอบออกมาก่อน แล้วถึงจะประเมิน


ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรกับข้อมูลที่อ้างมา ทางบริษัทจะต้องมีปัญหาขึ้นมาและชื่อเสียงของบริษัทก็จะตกลงฮวบฮาวแน่นอน


และที่ตลกคือในส่วนของเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับต่างประเทศ ก็ได้มีเศรษฐีต่างชาติจำนวนมาก ที่อยากจะลิ้มลองเครื่องดื่มนี้


ดังนั้น พวกเขาจึงได้เรียกร้องและหวังว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะส่งออกเครื่องดื่มนี้ไปยังต่างประเทศเพื่อที่จะได้หาซื้อได้


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่สนใจเรื่องของการขายเครื่องดื่มมากเท่าไรนัก ในสายตาของเขา ผลกำไรแค่นี้เขาเมินเฉย


ในเวลานี้, หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับคนในซองแดงเมื่อคืนเสร็จ เขาก็ศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์ วันนี้เขาจึงได้เข้าห้องแล็บตั้งแต่ตอนบ่ายและเริ่มทำการวิจัยและผลิตชิ้นส่วนของหุ่นยนต์


คราวนี้, สิ่งที่เขาจะทำจะไม่ใช่หุ่นแบบโบราณที่เดินไม่ได้แล้ว แต่จะเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถเดินได้จริงและมีความคล่องแคล่วในระดับหนึ่ง


อู๋ฮ่าวเหรินได้ตั้งใจที่จะเลียนแบบข้อต่อกระดูกของมนุษย์ในการทำส่วนข้อต่อ และก็ติดตั้งระบบกันสะเทือนแม่เหล็กลงไปเพื่อลดการเสียดสีของข้อต่อด้วย


“จี้, คุณคิดว่าหุ่นยนต์ที่ฉันทำรอบนี้จะสำเร็จไหม?”


“ไม่”


“ทำไมล่ะ?”


“เพราะคุณไม่ได้คิดถึงเรื่องของระบบพลังงานที่จำเป็นของหุ่นยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้ระบบกันสะเทือนแม่เหล็กเพื่อลดการเสียดสีนั่น?”


“อ้า, จริงด้วยๆ ลืมคิดซะสนิทเลย”


อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกอายขึ้นมาทันใด เขาไม่ได้ทำตามข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลของจี้


ในการสร้างหุ่นยนต์ เขาต้องการที่จะรู้ว่าตัวเขาเองมีความสามารถหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าตัวเขาเองจะไม่มีความสามารถด้านนี้เอาเสียเลย


จี้ได้ฉายภาพข้อมูลของหุ่นยนต์ที่เสร็จสิ้นแล้วออกมา เพื่อแสดงให้อู๋ฮ่าวเหรินดูว่าหุ่นยนต์ที่พลังงานไม่เพียงพอจะเป็นอย่างไร มันช่างดูเหมือนคนเมา


“มันคงไม่แย่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ฉันรู้สึกว่าถ้าหุ่นยนต์มีพลังงานมากพอ ก็น่าจะทำให้มันเดินเหมือนคนก็ได้”


จี้ทำเป็นไม่สนใจเขา ก่อนที่จะแกะชิ้นส่วนทั้งหมดของหุ่นยนต์ออกมาแล้วทำการเปลี่ยนบางชิ้นส่วนข้างใน ไม่นานนัก หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของอู๋ฮ่าวเหริน


“ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีบนโลกในปัจจุบัน สามารถผลิตหุ่นยนต์ได้แค่แบบนี้เท่านั้น ถ้าคุณต้องการที่จะผลิตหุ่นยนต์ให้มีขนาดเท่ากับมนุษย์นั้น เทคโนโลยีนั้นยังไม่เพียงพอ แน่นอนว่า ถ้าคุณต้องการที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่อืดอาดและเชื่องช้า ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”


อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาจึงได้เริ่มศึกษาข้อมูลที่จี้ได้แสดงขึ้นมา


ปัญหาที่ยากที่สุดที่เขาพบคือปัญหาเรื่องของการเคลื่อนไหว มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าที่จะทำให้หุ่นยนต์ที่มีขนาดเท่ามนุษย์นั้นมีพลังงานใช้เพียงพอ


ในการแก้ปัญหาเรื่องของการพลังงานไม่พอใช้นั้น หนทางที่ง่ายที่สุดคือการสร้างหุ่นยนต์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วติดตั้งตัวกำเนิดพลังงานเข้าไปสองตัว


ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไม ในตอนแรก มนุษย์นั้นถึงไม่คิดสร้างหุ่นยนต์ เพราะติดเรื่องของพลังงานไม่เพียงพอนี่เอง จนกว่าเทคโนโลยีนิวเคลียร์จะถูกย่อส่วนลงมาได้ หุ่นยนต์จึงสามารถสร้างขึ้นมาได้


อู๋ฮ่าวเหรินยอมแพ้ให้กับความคิดของเขา และเริ่มผลิตชิ้นส่วนตามแบบแปลนที่คำนวณออกมาโดยจี้


เขาพบว่าหุ่นยนต์ตัวหนึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีมากมายรวมเข้าไว้ด้วยกัน และเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดเลยคือ เรื่องของพลังงานและปัญญา


ส่วนเรื่องของเทคโนโลยีในการทำหุ่นรบนั้น มันซับซ้อนเสียยิ่งกว่าการทำหุ่นยนต์เสียอีก เพียงแค่ระบบควบคุมกับระบบประมวลผลที่ต้องใช้แล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่กล้าที่จะเอาออกมาใช้ในปัจจุบันแล้ว


เขานั้นพบว่าเอ๊กโซสเกลเลตันนั้น ถือเป็นสุดยอดชุดเกราะแห่งอนาคตที่สามารถทำได้ตราบเท่าที่สามารถย่อส่วนเทคโนโลยีนิวเคลียร์ลงได้เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน


แต่ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ หรือหุ่นรบ หรือสุดยอดชุดเกราะ, เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องการพลังงานมหาศาล เพื่อที่จะให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้ โดยเฉพาะเรื่องของพลังงานที่ต้องใช้ในการลดแรงเสียดสีระหว่างโลหะ


แม้แต่ในอนาคตก็ไม่มีโลหะชนิดไหนที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องของแรงเสียดทานได้อย่างหมดจดเลย หุ่นยนต์จึงจำเป็นต้องกำจัดแรงเสียดทานด้วยการใช้พลังงานแทน


ยกตัวอย่างเช่น วิธีสนามแม่เหล็กที่เขาเพิ่งใช้ไป, วิธีไฮดรอลิก(ชลศาสตร์) และวิธีสเฟียริคัลไดนามิก(พลศาสตร์ทรงกลม) ก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้พลังอย่างต่อเนื่องทั้งหมด


มันยังเป็นเรื่องยากสำหรับอู๋ฮ่าวเหรินที่จะทำชิ้นส่วนของหุ่นยนต์ขึ้นมาได้ ซึ่งชิ้นส่วนพวกนี้ต้องการความแม่นยำที่สูงมาก เรียกได้ว่าแทบจะต้องไม่มีความผิดพลาดเลย ถ้าเกิดชิ้นส่วนมีปัญหาขึ้นมา หุ่นยนต์ก็จะพังเสียหายได้


โชคยังดีที่ ด้วยการช่วยเหลือของจี้ ชิ้นส่วนจำนวนมากไม่จำเป็นต้องผลิตด้วยฝีมือของเขา แต่เป็นฝีมือของเครื่องจักรที่ควบคุมโดยจี้แทน


อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว เมื่อเขามองดูหุ่นยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานที่ยังคงอยู่ในระบบซองแดง ถ้าต้องการจะใช้หุ่นยนต์พวกนี้อย่างเปิดเผยแล้ว อย่างน้อยเขาจำเป็นที่จะต้องพัฒนาหุ่นยนต์ให้ได้ใกล้เคียงกับหุ่นพวกนั้นเสียก่อน


หุ่นยนต์ที่เขากำลังสร้างในตอนนี้นั้นจะใช้เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งเครื่องยนต์นั้นอู๋ฮ่าวเหรินตั้งใจที่จะซื้อมา ถ้าเขาคิดจะทำขึ้นมาเองแล้ว เขาต้องการอุปกรณ์มากมาย


แน่นอนว่า ถ้าเข้าสร้างมันขึ้นมาเอง เขาสามารถพัฒนาให้อุตสาหกรรมเครื่องยนต์นั้นล้ำหน้าและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้


แต่เพื่อไม่ให้เป็นข่าวใหญ่ อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปและเตรียมที่จะซื้อเครื่องยนต์มาสองเครื่องแทน


นั่นคือสิ่งที่เขาใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายวันนี้ในห้องแล็บ ในตอนนี้ห้องแล็บเต็มไปด้วยชิ้นส่วนหุ่นยนต์มากมาย


ขณะที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์อยู่นั้น ตัวแทนจากประเทศต่างๆก็ได้เดินทางมาถึงโดยเครื่องบินแล้ว


บางทีหลังจากที่ถูกปฏิเสธโดยอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว พวกเขาจึงได้เดินทางมาที่นี่กัน เป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องการจะคุยแบบที่ไม่มีใครรู้ จึงได้เดินทางมาโดยไม่แจ้งรัฐบาล


เหมือนกับว่าคนพวกนี้ต้องการคุยกับอู๋ฮ่าวเหรินเป็นการส่วนตัว แต่ว่าการเดินทางของเขานั้นก็ถูกจับตามองผ่านคนจากบุคลากรที่เกี่ยวข้องอยู่ดี


เมื่อคนพวกนี้มาถึงอำเภอหยุนหลง พวกเขายังไม่ได้ไปหาอู๋ฮ่าวเหรินทันที พวกเขาอยู่รอที่โรงแรมในอำเภอก่อน แล้วจึงเริ่มสืบหาเรื่องราวของอู๋ฮ่าวเหริน


พวกเขานั้นไม่ได้โง่ ถ้าพวกเขาไปแบบไม่รู้อะไรเลย อู๋ฮ่าวเหรินย่อมที่จะไม่สนใจพวกเขาแน่นอน


หลังจากที่ขวางทางเข้าออกอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอะไรเลย


ดังนั้นพวกเขาจึงได้เตรียมตัวให้พร้อมศึกษาดูว่าอู๋ฮ่าวเหรินชอบอะไรจะได้เตรียมของขวัญเอาไว้ก่อนแล้วจะได้ให้เขาตอนที่ได้เจอกับอู๋ฮ่าวเหริน


แต่แล้วพวกเขาก็รู้สึกท้อแท้ เพราะคนที่ส่งออกไปหาข้อมูลนั้น ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรกลับมาเลย


พูดอีกอย่างคือ ไม่มีใครเลยที่รู้เลยว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นชอบอะไร นอกจากนี้ยังมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักกับอู๋ฮ่าวเหริน มีเพียงคนในที่ว่าการอำเภอหยุนหลงไม่กี่คน รวมถึงคนในฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้น


สุดท้ายแล้วคนพวกนี้ก็คว้าน้ำเหลว, แต่พวกเขาก็ยังมีความคิดอื่นๆที่จะช่วยประเทศของพวกเขาไว้ได้แม้จะต้องอ้อมค้อมก็ตาม

———————


CF:บทที่ 195 เข้าใจผิด


กลุ่มผู้คนได้ทำการโอนข้อมูลของพนักงานทั้งหมดในฟิวเจอร์กรุ๊ปและครอบครัวของอู๋ฮ่าวเหริน แล้วตรวจสอบทีละคนๆ เพื่อตามหาคนที่จะช่วยพาพวกเขา เข้าไปถึงตัวอู๋ฮ่าวเหรินได้


“สมิธ, ผมคิดว่าพวกเราควรจะเริ่มจากคนเหล่านี้ก่อน ดูพวกคนกลุ่มนี้สิ, พวกเขาคือกลุ่มคนที่เข้าทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่ตอนที่บริษัทตั้งใหม่ๆ โดยเฉพาะคนชื่อหลิวเมย์หรู ผู้ที่รับผิดชอบด้านการเงินของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดแล้ว”


“ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะเริ่มจากครอบครัวของเขา นั่นน่าจะเป็นหนทางที่ง่ายกว่า”


“แต่ฉันได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านเล็กๆนั่น มีการคุ้มกันที่แน่นหนาอยู่ พวกเราเข้าไปไม่ได้ง่ายๆแน่”


“เอางี้สิ ไหนๆพวกเราแต่ละคนก็มีแผนของตัวเองอยู่แล้ว, งั้นพวกเราก็แยกย้ายไปทำตามที่ตัวเองคิด แบบนั้นจะทำให้พวกเรามีโอกาสสำเร็จมากขึ้นนะ”


“งั้นก็เริ่มปฏิบัติการกันเถอะ”


บางทีคนพวกนี้จะพูดอะไรที่กำกวมมากไปหน่อย ทำให้คนที่คอยจับตาดูพวกเขาอยู่เกิดความเข้าใจผิด


“ผู้กอง, ผู้กองครับ นี่ผมเสี่ยวเฮย์นะครับ มีบางอย่างผิดปกติกับพวกคนที่ผมจับตาดูอยู่ครับ พวกเขามาที่นี่ไม่ได้แล้วไม่ได้เจอกับอู๋ฮ่าวเหริน พวกเขาจึงคิดที่จะลักพาตัวอู๋ฮ่าวเหรินครับ”


“อะไรนะ ลักพาตัว! คุณไม่ได้เข้าใจผิดแน่นะ ยืนยันตัวตนของพวกเขารึยัง? พวกเขากล้าที่จะลักพาตัวกันอย่างโจ่งแจ้งเลยงั้นรึ?”


“ในปัจจุบันยังไม่ชัดเจนครับ แต่นี่คือบทสนทนาของพวกเขาที่ผมบันทึกเอาไว้ ผู้กองลองฟังดูนะครับ”


หลังจากที่ผู้กองได้ฟัง, เขาก็ยังสงสัยอยู่ เขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนเหล่านี้ได้เลย แต่พอจะบอกได้ว่าคนพวกนี้ไม่สามารถที่จะทำอะไรอย่างนั้นแบบโจ่งแจ้งได้แน่ แล้วพวกเขาจะทำอะไรกันแน่ล่ะ?


“จับตาดูพวกเขาเอาไว้, ถ้ามีอะไรผิดสังเกต ก็ให้พาตัวพวกเขากลับมาได้เลย”


“เข้าใจแล้วครับ, ผู้กอง”


ไม่น่าแปลกใจเลยว่าที่คนเหล่านี้จะสงสัยพวกเขา, เพราะตั้งแต่ที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็เริ่มที่สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับอู๋ฮ่าวเหริน และตามสืบคนรอบตัวและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเขา


หลังจากที่ออกมาจากโรงแรม ก็ได้มีบางคนได้นั่งรถเดินทางไปยังหมู่บ้านซุยฉุ่ย มีบางคนนั่งรถไปยังสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ป และก็มีบางคนที่ออกไปติดต่อกับพนักงานที่ออกมาทำงานอยู่ข้างนอกบริษัท


คนพวกนี้ดูเหมือนจะรู้การเคลื่อนไหวของบุคลากรของฟิวเจอร์กรุ๊ปชัดเจน ซึ่งนั่นทำให้พวกคนที่คอยจับตาดูพวกเขานั้นเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก


“บ้าจริง, ไอ้พวกต่างชาติพวกนี้ พวกมันช่างกล้านัก ไม่เห็นหัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย”


“ใช่แล้ว,

ดูหมอนั่นสิ ขนาดอยู่ในที่โจ่งแจ้งขนาดนี้ ต่อหน้าต่อตาพวกเรา ยังกล้าที่จะติดต่อผู้คนแบบนี้ได้อีกนะ, จะว่าไป ผู้กองยังไม่อนุมัติการจับคนพวกนี้อีกเหรอ?”


“พวกเขาไม่ต้องการให้พวกเราจัดการกับคนพวกนี้ พวกเขาได้ส่งคนที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจจับสายลับมาคอยจับตาดูพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว หน้าที่ของพวกเราตอนนี้คือคุ้มครองคนในฟิวเจอร์กรุ๊ปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”


“ฉันล่ะไม่ชอบพวกเขาเลยจริงๆ ปล่อยให้พวกเขามาทำยุ่มย่ามในประเทศของเราได้ทุกวันแบบนี้ คนพวกนี้มันน่าจะถูกจับแล้วฆ่าทิ้งให้หมดจริงๆ”


แน่นอนว่า กลุ่มคนที่สายลับกลุ่มนี้จับตาดูเป็นเพียงแค่บุคลากรระดับล่าง แน่นอนว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะต้องถูกจับตาดูอยู่ หลังจากที่ภารกิจนี้เสร็จสิ้น พวกเขาก็พร้อมที่จะกลับประเทศ


วันนี้ พนักงานที่เพิ่งเลิกงานนั้นรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกๆ พวกเธอรู้สึกว่าเหมือนมีคนแปลกๆอยู่รอบๆตัวพวกเขาอยู่


“คุณรู้สึกมั่งไหมว่าช่วงนี้มีคนต่างชาติเยอะผิดปกตินะวันนี้ ดูนั่นสิเขาจ้องมองมาทางพวกเราตลอดเลย” ทั้งสองคนที่ทำงานอยู่แผนกการเงินกำลังทานอาหารอยู่ในโรงแรม ซึ่งพวกเธอทั้งสองคนก็พบว่ามีชาวต่างชาติกำลังมองมาทางพวกเธออยู่ตลอดเวลา


“ดูเหมือนจะจริงนะ วันนี้มีคนมาโรงแรมนี้เยอะจัง มันไม่เงียบสงบเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คราวหน้าย้ายร้านดีกว่าไหม?”


อีกทางด้านหนึ่ง หลิวเมย์หรูกำลังมองดูรถที่จอดอยู่ที่หน้าประตูของบ้านเธอ ซึ่งทำให้เธอสงสัย เพราะเธอจำไม่ได้ว่าในครอบครัวของเธอนั้น มีใครที่ซื้อรถแบบนี้


“สวัสดีครับ, คุณหลิวเมย์หรู ผมชื่อไมค์ ลองแมน ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลอังกฤษครับ”


“สวัสดีค่ะ, มีอะไรให้ฉันช่วยรึเปล่าคะ?” หลิวเมย์หรูก็ยื่นมือของเธอออกไปหมายที่จะจับมืออย่างสุภาพ


เมื่อไมค์เห็นท่าทางของหลิวเมย์หรูแล้ว เขาก็รู้ดีว่าเขาจะต้องแสดงการให้เกียรติต่อหลิวเมย์หรู พวกจึงได้จับมือของเธอและก้มลงจูบที่มือของเธอ


แต่นั้นก็ทำให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น โรคคุณนายสะอาดของหลิวเมย์หรูก็ทำงานขึ้นมาทันทีทันใด เธอรีบชักมือของเธอกลับมาแล้วเตะไปข้างหน้าเต็มแรง


เจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาคอยคุ้มครองนั้น เมื่อได้เห็นเหตุการณ์แล้ว พวกเขานั้นคิดว่าไมค์นั้นได้เริ่มลงมือแล้ว จึงได้รีบออกมาจากรถกันทันที


ไมค์นั้นลงไปนอนกองปวดไข่ ส่วนหลิวเมย์หรูไม่ได้ทำอะไร เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนที่ไมค์จะถูกจับกดลงไปนอนกับพื้นโดยพวกเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด


“คุณหลิวเมย์หรูครับ คุณไม่ต้องกังวลนะครับ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้เองครับ ขอให้คุณเข้าไปทำใจให้สงบในบ้านก่อนนะครับ”


หลิวเมย์กรูมองดูคนพวกนี้และยื่นสมุดเล็กๆออกมาโชว์ ซึ่งก็ไม่ช่วยให้เธอเข้าใจสถานการณ์อยู่ดี


และไมค์ที่นอนกองอยู่กับพื้นนั้น เพราะอาการปวดที่ไข่ ทำให้เขาไม่สามารถอธิบายอะไรได้ เขาจึงถูกคนพวกนั้นพาตัวไปขึ้นรถ


ยังไม่ทันที่จะหมดวัน หลังจากที่คนพวกนั้นพาตัวไมค์ขึ้นรถไป และให้คนนึงพาเธอเข้าไปส่งในบ้าน เธอจึงคืนสติได้ขึ้นมา


“ไม่ใช่เมื่อกี้นี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอกเหรอ?”


หลิวเมย์หรูมองดูที่มือของเธอและคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงเธอจะไม่มั่นใจเท่าไร แต่น่าจะเป็นการเข้าใจผิดกันแน่ๆ


คนอเมริกาที่ชื่อสมิธซึ่งได้ขับรถไปที่หมู่บ้านซุยฉุ่ยนั้น ต้องเจอกับโศกนาฏกรรมยิ่งกว่าอีก ซึ่งไม่รู้เลยว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจอดรถไว้กลางทาง แล้วเดินอ้อมเขาเพื่อเข้าไปยังหมู่บ้านซุยฉุ่ย


บางทีเขาอาจจะต้องการหลีกเลี่ยงการคุ้มกัน แล้วเดินอ้อมเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ทว่าเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ที่หมู่บ้านซุยฉุยนั้นมีตระกูลหลิงอาศัยอยู่ด้วย นอกจากครอบครัวของอู๋ฮ่าวเหริน


แน่นอนว่า ฐานะของตระกูลหลิงในกองทัพนั้น ถือว่าเป็นตัวตนที่พิเศษมาก, และผลก็คือ คนๆนี้ถูกจับโดยทหารที่ออกลาดตระเวณอยู่บนเขา


เมื่อตอนที่เขาถูกส่งให้พวกเจ้าหน้าที่ๆคอยจับตาดูเขานั้น ดูเหมือนไมค์จะโดนซ้อมโดยทหารพวกนั้นเพื่อสอบสวนจนสลบไป


หลังจากที่กลุ่มคนพวกนั้นถูกส่งมาที่สถานีตำรวจในอำเภอหยุนหลง มีเพียงไม่กี่คนที่โชคดีรอดไปได้ นอกนั้นถูกจับหมด


“ผู้กองครับ, ดูเหมือนพวกเราจะทำอะไรผิดไปรึเปล่าครับ?”


“หมายความว่าอย่างไรรึ?”


“ผมได้สอบสวนคนพวกนี้แล้ว เป้าหมายของพวกเขาคือเข้าพบประธานบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่ดูเหมือนจะเป็นเพราะปัญหาอะไรบางอย่าง คุณอู๋ฮ่าวเหรินปฏิเสธที่จะพบพวกเขาครับ พวกเขาเลยต้องการที่จะเข้าพบคุณอู๋ฮ่าวเหรินด้วยวิธีนี้”


ผมจะฟ้องพวกคุณ พวกคุณละเมิดสิทธิมนุษยชน ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากอเมริกา พวกคุณไม่มีสิทธิที่จะมาขังผมไว้แบบนี้”


“ผมเป็นเจ้าหน้าที่จากอังกฤษนะ ผมเข้าประเทศของคุณอย่างถูกกฏหมาย พวกคุณไม่มีสิทธิที่จะมาจับผม”


ฟังคนพวกนี้ตะโกนออกมาจากด้านใน ผู้กองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา บางทีเรื่องคราวนี้เขาอาจจะทำผิดพลาดจริงๆก็ได้


“ขอผมรายงานสถานการณ์ให้เบื้องบนก่อนละกัน พวกคุณก็คอยจับตาดูคนพวกนี้ไว้ บางทีพวกเขาอาจจะติดต่อกับพวกสายลับก็ได้


แต่ถ้าคนพวกนี้ไม่ติดต่อกับพวกสายลับเลย พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับคนพวกนี้ได้ ซึ่งมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากในการจัดการกับคนพวกนี้


แต่ถ้าคนพวกนี้ลักลอบติดต่อกับสายลับ ก็เป็นข้ออ้างให้พวกเขาจัดการกับคนพวกนี้ได้ โดยไม่ต้องสนว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ก็ตาม ซึ่งใช้เป็นเหตุผลในการจับกุมคนเหล่านี้ได้


ในช่วงที่ผ่านมานี้ มีสายลับมากมายจากประเทศต่าง, มาเพราะเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ทำให้คนพวกนี้หลั่งไหลเข้ามาที่อำเภอเล็กๆแห่งนี้


ทุกๆวัน จะต้องมีสายลับไม่ต่ำกว่า 50 คน ที่เข้ามาเพื่อยืนยันเรื่องข่าวของฟิวเจอร์กรุ๊ปจากพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปเอง


เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินทราบข่าว เขาก็รู้สึกแปลกๆ เขาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะเข้ามาหาเขาด้วยวิธีการนี้


อู๋ฮ่าวเหรินได้แจ้งอย่างชัดเจนแล้วว่า พวกเขาไม่ต้องการที่จะพบกับพวกเขาในช่วงนี้ สำหรับคนพวกนี้แล้ว เขาตั้งใจที่จะกดดันพวกเขาให้ถึงที่สุด


ที่เขาไม่พบกับคนพวกนี้เป็นเพราะว่ารัฐบาลของพวกเขานั้นได้ละเลยที่จะทำตามสัญญาของเขา แล้วคนพวกนี้ก็ยังมาก่อปัญหาอีก เขาคงจะต้องรอจนกว่าคนพวกนี้จะลดความถือดีของตัวเองลง


เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงจะไม่ต่อรองในสัญญาอีกแล้ว

————————-


CF:บทที่ 196 กล้ำกลืนฝืนทน


เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป จึงมีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ แต่พนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็รู้สึกได้ว่าแปลกๆ, เมื่อพวกเขามาทำงานในวันต่อมา พวกเขาก็ต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้


แต่ทว่า ความสนใจของพวกเขานั้นกลับถูกดึงดูดโดยสิ่งที่เกิดขึ้นในเว็บบอร์ดมากกว่า


ในเช้านี้ คนจำนวนมากได้พบผลทดสอบบางอย่างปรากฏขึ้นมาในเว็บบอร์ด แน่นอนว่าเป็นผลทดสอบของเครื่องดื่มของฟิวเจอร์กรุ๊ป


จากข้อมูลในเอกสารนี้ เหล่าคนที่รอคอยผลของข้อมูลถึงกับพบว่ามันเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้


“ไม่มีใครพูดอะไรถึงสิ่งที่ผิดปกติในข้อมูลกันหน่อยเหรอ ดูข้อมูลพวกนี้สิ มันเกินยิ่งกว่าผลการทดสอบที่แปะไว้ก่อนหน้าอีกนะ, แต่ตอนนี้ฉันไปหาซื้อมาซักขวดที่ร้านค้าเฉพาะก่อนล่ะ ราคาแค่ 500 หยวนเอง ของล้ำค่าแบบนี้ก็ต้องราคาแบบนี้แหละ”


“นี่มันเป็นแค่เครื่องดื่มจริงๆเหรอ! ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพที่ผลิตโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปหรอกเรอะ?”


“มันก็เป็นเครื่องดื่มจริงๆนั่นแหละ, มันไม่มีส่วนผสมอะไรอย่างอื่นนอกจากน้ำ”


“ไม่ได้การละ ผมต้องออกไปหาซื้อบ้างแล้ว นี่มันดีกว่าดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังเสียอีกนะ ผมได้ยินมาว่ารสชาติดีมากด้วย”


ผลการทดสอบนี้ทำให้บางคนที่มีกำลังทรัพย์พอจะซื้อได้แต่ยังลังเลอยู่นั้น ออกไปลองหาซื้อมาดื่มบ้าง


ดูเหมือนว่าเครื่องดื่มที่เหลือนั้นอีกไม่นานก็คงจะขายหมด, ส่วนพนักงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น แต่ละคนต่างก็เผยยิ้มออกมา บางคนก็รู้สึกโล่งอก เพราะว่าพวกเขานั้นได้รับเครื่องดื่มพวกนั้นมาหลายกล่อง


พวกเขานั้นไม่รู้ว่าตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินตัดสินใจเลือกดอกกล้วยไม้ม่วงนั้น นอกจากพวกมันจะเป็นดอกไม้ที่สวยงามแล้ว เขายังสนใจเรื่องที่ผลของมันนั้นสามารถเพิ่มสมรรถนะของร่างกายอย่างช้าๆด้วย


แต่ทว่า อาจเป็นเพราะมีอะไรที่เปลี่ยนไป อาจจะเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ที่ทำให้คุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะของร่างกายนั้นหายไป


แต่ก็เป็นเพราะข้อมูลเหล่านี้ ที่ทำให้เครื่องดื่มของฟิวเจอร์กรุ๊ปตอนนี้ร้อนแรงขึ้นมา คนทั่วไปต่างก็คิดว่าราคาของมันนั้นแพงเกินไป ถึงแม้มันจะมีคุณสมบัติช่วยบำรุงร่างกาย แต่ถ้าคุณสมบัติไม่ดีจริง ก็ไม่มีใครอยากจะดื่ม


แต่สำหรับคนรวยแล้ว ตราบเท่าที่ดื่มแล้วมันเห็นผลจริง พวกเขาก็ไม่สนใจหรอกถึงแม้ราคาขวดละ 500 หยวนก็ตาม

เช่นเดียวกับน้่ำแร่ แม้ว่าคุณสมบัติของมันจะไม่ดีเท่าที่โฆษณา แต่มันก็เห็นผลอยู่


แต่ทว่า, หลังจากที่ข้อมูลพวกนี้ปรากฏออกมา สถาบันที่เกี่ยวข้องกับทางด้านกีฬาต่างก็ออกมาให้ความสนใจกับเครื่องดื่มนี้ พวกเขาจะต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าเครื่องดื่มนี้จะไม่เป็นการผิดกฏของการกีฬาหรือไม่


ถ้าไม่,

พวกเขาคงจะต้องไปติดต่อเพื่อหารือและขอความร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว


อีกด้านหนึ่ง ผลสรุปของการจัดการพวกคนต่างชาติที่ถูกจับไว้เหล่านี้ก็ออกมา


คนพวกนี้ทั้งหมดจะต้องถูกส่งตัวกลับมายังเมืองจีน เพื่อไม่ให้สายลับหนีไปได้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ตามที แต่พวกเขาก็ถูกสั่งให้จับกุมตัวเอาไว้


และถ้าจะปล่อยพวกเขาไป พวกเจ้าหน้าที่ต่างชาติพวกนี้ก็จะเป็นปัญหาและยังยากที่จะจัดการอีกด้วย


มีบางแผนกที่กำลังรอให้พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้กลับมายังเมืองจีน แล้วใช้เรื่องของเหตุการณ์ในครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ แต่น่าแปลก หลังจากที่พวกเขากลับมาแล้วกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีกเลย ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ที่เตรียมพร้อมจะจัดการกับเรื่องนี้รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดปกติ


ในตอนที่คนพวกนี้ถูกส่งตัวกลับมาที่จีนนั้น ในตอนแรก, พวกเขานั้นก็ตั้งใจที่จะก่อความวุ่นวายเพื่อเรียกร้องกับทางการ


แต่ทว่า ถ้าพวกเขานั้นไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะถ้าเรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้นถูกเปิดเผยขึ้นมา แล้วมันจะเป็นพวกเขานี่แหละที่จะซวย


ตอนนี้พวกเขาจำเป็นที่จะต้องปกปิดทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้แต่เก็บความโกรธไว้ และกล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น


ถึงแม้มันจะเจ็บปวด แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้


เมื่อตัวแทนของแต่ละประเทศได้มารวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขานั้นต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขานั้นจะต้องถูกส่งกลับไปยังประเทศของตัวเอง รวมถึงพวกสายลับที่เกี่ยวข้องด้วย


“เอายังไงดี? ตอนนี้การกดดันอย่างหนักมายังพวกเรา ถ้าพวกเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พวกเราต้องตกเป็นแพะรับบาปในเรื่องนี้แน่ๆ”


“ปัญหาตอนนี้คือ พวกเราไม่สามารถกลับเข้าไปในจีนได้อีกแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปเจอกับเขาได้อีก”


“แล้วถ้าส่งคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเราเข้าไปแทนล่ะ, จะว่าไป สมิธ, คราวก่อนที่คุณชะลอเวลาเพื่อลดแรงกดดันในประเทศนั้น ดูเหมือนว่าตอนนั้น คุณจะส่งโฮวาร์ด โยลไปเจรจากับเขาใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นคุณพอจะส่งโฮวาร์ด ให้ไปช่วยเจรจาให้อีกครั้งหน่อยได้ไหม?”


“หมอนั่นมันเป็นผีดิบชัดๆ, คราวที่แล้วเขาก็เรียกร้องเงินเป็นจำนวนมาก ถ้าผมให้เขาดำเนินการเรื่องนี้อีก เขาได้สูบเงินจากพวกเรามหาศาลแน่ๆ


“มันก็ยังดีกว่าที่พวกจะต้องหลุดจากตำแหน่งแล้วไปเข้าคุกล่ะนะ คุณช่วยบอกให้เขาไปอีกครั้งได้ไหม ให้เขาช่วยพวกเราเจรจากับคนๆนั้น”


สมิธลังเลอยู่พักหนึ่ง, แต่สุดท้ายเขาก็ตกลง ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถขาดได้ ถ้าพวกเขาไม่รีบหาทางแก้ไข เขาจะต้องถูกพวกนักลงทุนพวกนั้นฉีกทิ้งเป็นชิ้นๆแน่


เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้รับโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นโฮวาร์ดที่โทรมาหาเขา เรื่องของการเปิดจองของประเทศอเมริกาในเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งตอนนี้เขานั้นได้เข้าใจถึงตัวตนของคนๆนี้แล้ว


เขาจึงตัดสินใจที่จะพบกับคนๆนี้ เพื่อจะได้รู้เรื่องของสถานการณ์ด้วย ซึ่งเขาสงสัยว่าคราวที่แล้วนั้นคนๆนี้อารมณ์ดีหรือไม่?


หลังจากวางสายไป อู๋ฮ่าวเหรินก็ขังตัวเองอยู่ในห้องแล็บ เพื่อศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์ต่อ


“จี้ คิดว่าไงบ้าง? มันดูใหญ่กว่ารูปของหุ่นยนต์ที่คุณโชว์ให้ผมดูอีกนะ?”


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูชิ้นส่วนขาที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ และพบว่ามันใหญ่มาก ซึ่งต่างจากที่เขาเห็นตอนแรก


“ฉันเพิ่งเช็คเรื่องของระบบพลังงาน และพบว่าเครื่องยนต์ที่คุณซื้อมานั้นสามารถส่งกำลังให้ได้อย่างต่อเนื่อง ฉันจึงได้เพิ่มขนาดของหุ่นยนต์เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น”


“ถ้าเช่นนั้น หุ่นยนต์ที่สร้างกันตอนนี้ มันจะมีขนาดใหญ่สักแค่ไหนล่ะ?”


“ก็สูงราวๆ 4 เมตรค่ะ”


เมื่อได้ยินถึงเรื่องของความสูง อู๋ฮ่าวเหรินก็ตะลึงก่อนจะถามด้วยเสียอ่อยๆ “คุณมั่นในไหมว่า หลังจากที่ประกอบหุ่นในห้องแล็บนี้เสร็จแล้ว หุ่นยนต์มันจะออกจากที่นี่ได้น่ะ”


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูประตูทางเข้าที่สูงถึง 3 เมตร และรู้สึกว่ามันอันตรายมากๆ


จี้ได้ฉายภาพจำลองให้อู๋ฮ่าวเหรินดู ซึ่งภาพจำลองนั้นได้ฉายให้เห็นวิธีการเอาหุ่นยนต์ตัวนั้นออกจากห้องแล็บ เนื้อหาในวิดีโอได้ทำให้ความกังวลของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นหายไป


ถึงแม้หุ่นจะมีขาดเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่เรื่องของการเคลื่อนไหวแล้ว มันเกือบจะเทียบเท่ากับมนุษย์ ซึ่งการงอข้อต่อของหุ่นยนต์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร


หุ่นยนต์ตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มา เป็นเพราะต้องใช้ตัวกำเนิดพลังงานถึงสองตัว ทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้ไม่แพ้แล้ว


แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้ติดตั้งอาวุธลงไป เพราะเขานั้นมีจุดประสงค์บางอย่างในการสร้างหุ่นยนต์ครั้งนี้อยู่


หลังจากที่ไปตรวจดูความคืบหน้าของทีมพัฒนาคอมพิวเตอร์ อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัว ดูเหมือนว่าเรื่องของระบบควบคุมหุ่นยนต์นั้น ยังจำเป็นที่จะต้องให้เขาทำให้สำเร็จด้วยตัวเขาเอง


เขานั้นไม่คาดหวังว่าระบบควบคุมที่ล้ำยุคมากขนาดนั้น แต่เขาก็คาดหวังอย่างมากกับการวิจัยพื้นฐานของระบบ A.I. ของพวกบุคลากรระดับชาติพวกนั้น


อย่างเช่นเรื่องของการทำให้หุ่นยนต์สำหรับต่อสู้สามารถตอบสนองหลังจากที่พบสถานการณ์บางอย่างในการต่อสู้ได้


ซึ่งโปรแกรมแบบนี้ มักพบเห็นได้บ่อยในเกมส์ที่เน้นแข่งขันในปัจจุบัน, แต่ทว่า อู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้คาดหวังที่จะให้หุ่นยนต์นั้นสามารถเลือกวิธีที่ดีที่สุดและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วกว่านี้


อีกด้านหนึ่งของประเทศมีสถาบันวิจัยทางทหารที่เป็นความลับอยู่ ซึ่งพวกเขาเองก็ได้ทำการวิจัยเรื่องนี้อยู่เช่นกัน แต่พวกเขานั้นรุดหน้ากว่าอู๋ฮ่าวเหรินเสียอีก ซึ่งเขาได้ทำการวิจัยกันเรื่องของหุ่นยนต์กันเสร็จแล้ว


ตอนนี้ที่พวกเขาต้องการคือระบบควบคุมหุ่นยนต์ หลังจากที่การวิจัย A.I. นั้นสำเร็จผลแล้ว พวกเขาจึงได้เริ่มวิจัยกันเรื่องนี้ต่อ


แต่ทว่าจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น มันยังไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่าเรื่องของการใช้งานแบบปกตินั้นจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็พบปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อจะใช้ในการสู้รบ


“ศาสตราจารย์ครับ พวกเราควรจะเชิญคุณอู๋ฮ่าวเหรินให้มาดูดีไหมครับ เขาเชี่ยวชาญเรื่องของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาก เขาน่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของA.I.ด้วย”


“ขอผมไปรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบนก่อน ในปัจจุบัน โครงการการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์นี้ยังเป็นความลับอยู่ ต้องรอดูว่าเบื้องบนจะอนุญาตให้เขามาเข้าร่วมโครงการนี้ได้ไหม?”


“ศาสตราจารย์ครับ ผมขอรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบนเองครับ”

————————–


CF:บทที่ 197 สมาชิกที่สิ้นหวัง


ผ่านมาได้ 3 วันแล้วจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น อู๋ฮ่าวเหรินที่กำลังอยู่ในห้องแล็บตั้งแต่เช้านั้น กำลังง่วนอยู่กับการประกอบหุ่นยนต์, หลังจากที่ได้รับการติดต่อมาจากเบื้องบนแล้ว เขาจึงได้รู้ว่าสมาชิกรัฐสภาของอเมริกากำลังจะมาหาเขา


แต่สถานที่นัดพบในครั้งนี้ไม่ใช่ที่ว่าการอำเภอแล้ว แต่เป็นสำนักงานใหญ่ของฟิวเจอร์กรุ๊ปแทน


เมื่อโฮวาร์ดได้พบกับอู๋ฮ่าวเหริน เขานั้นมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับยื่นมือของเขาออกมาหา ดูเหมือนเขาจะกระตือรือร้นมาก


“คุณอู๋ฮ่าวเหรินครับ ผมรู้สึกยินดีที่ได้พบกับคุณอีกครั้งนะครับ คราวนี้ผมมีของฝากเล็กน้อยจากอเมริกามาด้วย หวังว่าคุณจะชอบนะครับ”


มองไปที่ของขวัญของชายคนนี้ อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับตกใจ เพราะราคามันแพงมาก มันช่างเป็นหม้อทองเหลืองที่ดูละเอียดละอ่อนมาก


“ขอบคุณมากครับ ผมชอบมันมากเลย, เชิญเข้ามาด้านในก่อนครับ”


“คุณอู๋ครับ การก่อสร้างของที่นี่ดีมากเลยครับ โดยเฉพาะอาคารนี้ คนออกแบบจะต้องเก่งมากแน่ๆ”


ฟังจากที่เขาพูดแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นสงสัยว่าก่อนที่ชายคนนี้จะมาที่นี่นั้น เขาคงจะตระเตรียมข้อมูลเหล่านี้มาเป็นอย่างดีแล้ว เขาต้องการที่จะประจบฉันแน่ๆ


โชคไม่ดีที่ เขาไม่รู้ว่าคนที่ออกแบบอาคารนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนออกแบบซะทีเดียว แต่เป็นอาคารที่ฉันเคยเห็นจากแบบแปลนในอนาคตแล้วเอามาใช้เท่านั้นเอง


อู๋ฮ่าวเหรินยิ้มตอบแล้วถามเขากลับ “ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมท่านสมาชิกวุฒิสภาถึงได้มายังที่นี่ในวันนี้ แต่ผมว่าคงไม่ได้มาเพื่อพูดคุยเรื่องการเปิดระบบสั่งจองเพียงอย่างเดียวแน่ๆ”


“แน่นอนครับว่า จุดประสงค์ที่ผมมาในคราวนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นอย่างเดียว, ผมเชื่อว่าคุณอู๋น่าจะรู้ถึงสถานการณ์ภายในประเทศของเราดีอยู่แล้ว, ในปัจจุบัน คนพวกนั้นไม่มีเสียงสนับสนุนจากประชาชนแล้ว ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของพวกเราฝ่ายที่สนับสนุนจะร่วมมือกับคุณ”


นักการเมืองก็ยังคงเป็นนักการเมืองอยู่วันยังค่ำจริงๆ พวกเขาสามารถพูดโกหกได้โดยไม่กระพริบตาจริงๆ มันช่างดูเป็นธรรมชาติมาก ดูท่าจะเตรียมการมาเป็นอย่างดีจริงๆ


เข้าไปในห้องประชุม อู๋ฮ่าวเหรินได้บอกให้ทุกคนออกไปก่อน เพราะสิ่งที่จะออกมาจากปากของชายคนนี้นั้นจะต้องไม่มีความจริงอย่างแน่นอน


“ท่านส.ว., บอกจุดประสงค์ในการมาจริงๆได้แล้วล่ะครับ? แล้วก็ตอนที่คุณมาในครั้งก่อน ผมนั้นยังสงสัยในตัวตนของคุณอยู่ ตอนนี้คุณพอจะบอกผมได้รึยังล่ะครับ?”


โฮวาร์ดรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขายิ้มให้กับอู๋ฮ่าวเหรินและตอบกลับไป “คุณอู๋กำลังพูดเรื่องตลกอะไรอยู่ครับเนี่ย? ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภานะครับ และตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคไหนด้วย ผมนั้นทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอเมริกาครับ และจุดประสงค์เรื่องการมาของผมในครั้งนี้ก็เพื่อจะเจรจากับคุณเรื่องของการเปิดให้สั่งจองเท่านั้นเองครับ”


“โอ้, ดูเหมือนผมคงจะคิดมากเกินไป, ในเมื่อท่านส.ว.มาที่นี่เพื่อเจรจาเรื่องการเปิดการสั่งจอง งั้นเราก็มาคุยเรื่องนี้กันเถอะครับ”


“จริงๆก็ไม่มีอะไรยาก ตราบเท่าที่ท่านเซ็นสัญญาฉบับนี้

ผมก็จะเปิดระบบการสั่งจองให้ท่านทันที คิดว่าอย่างไรบ้างครับ ท่านส.ว.?”


ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะเล่นละครหรอกเหรอ? งั้นผมก็จะคุณเล่นเสียให้พอใจ, ถ้าระบบการสั่งจองของอเมริกาถูกเปิดขึ้นมาจริงๆ คนพวกนั้นย่อมจะต้องซวยอย่างแน่นอน เพราะสินค้าของพวกเขามันจะขายไม่ออกอีกเลย


โฮวาร์ดหยิบหนังสือสัญญาขึ้นมาดูและอ่านอย่างตั้งใจ เขาทำท่าทีราวกับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่มาเพื่อเจรจาจริงๆ


ถ้าไม่รู้จักตัวตนจริงๆของเขามาก่อน อู๋ฮ่าวเหรินคงถูกหลอกโดยเขาอย่างแน่นอน


“คุณอู๋ครับ, สัญญาของคุณมันค่อนข้างจะโหดร้ายไปหน่อยนะครับ, คุณเองก็น่าจะรู้เกี่ยวกับราคาของวัตถุดิบในตลาดระหว่างประเทศดีอยู่แล้วนะครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอกสำหรับพวกเราที่จะยอมเซ็นสัญญาฉบับนี้ครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินหยิบหนังสือสัญญาอีกฉบับขึ้นมาจากด้านข้างก่อนจะโยนมันไปให้เขาแล้วพูดขึ้น: “แน่นอน, มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเซ็นสัญญาฉบับนั้นกับคุณ, เพราะคุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเซ็นสัญญาฉบับนั้นด้วยซ้ำ ผมคิดว่าสัญญาฉบับนี้น่าจะเหมาะสมกับคุณกว่า, และถ้าคุณไม่ตกลงที่จะเซ็นสัญญาฉบับนี้ คุณก็ไม่ต้องพูดอะไรกับผมอีก ผมไม่มีเวลาว่างมากพอจะมาต่อร้องต่อเถียงกับคุณหรอก ยังมีการทดลองอีกเยอะในห้องแล็บที่รอผมให้ไปทำให้เสร็จ”


มองดูโฮวาร์ดที่กำลังอึดอัดใจ อู๋ฮ่าวเหรินจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนที่จะนั่งลงแล้วนึกถึงเรื่องของการทดสอบหุ่นยนต์


โฮวาร์ดมองดูหนังสือสัญญาอีกฉบับที่อู๋ฮ่าวเหรินให้เขามา แล้วทันใดนั้นเขาก็สงบลง, แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หายไป


“คุณอู๋ฮ่าวเหรินครับ มีหนังสือสัญญาฉบับนี้แค่ฉบับเดียว ไม่มีฉบับอื่นแล้วเหรอครับ?”


“ดูเหมือนว่าท่านส.ว.จะเลิกเล่นละครตบตาแล้วสินะครับ มีหนังสือฉบับนี้ฉบับเดียวเท่านั้นแหละครับ, คุณจะเอากลับไปโชว์ให้พวกคนที่ส่งคุณมาดูก็ได้นะครับ, แล้วบอกพวกเขาด้วยว่า ถ้าพวกเขาไม่ตกลง ก็ปล่อยให้พวกเขาคิดหาวิธีจัดการกับสิ่งของที่อยู่ในมือของพวกเขาเองละกัน, แล้วพวกเขาก็จะสูญเสียยิ่งกว่า หนึ่งล้านๆดอลล่าร์แน่นอน, ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขาหรอกมั๊ง?”


“คุณอู๋ครับ, คุณไม่คิดเหรอว่าสัญญาฉบับนี้ของคุณมันโหดร้ายเกินไปบ้างเหรอครับ ผมไม่คิดว่าจะมีใครเห็นด้วยกับสัญญาฉบับนี้หรอกนะครับ”


มองดูสีหน้าของโฮวาร์ดที่สงบแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัว ซึ่งเดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ใช่การเผชิญหน้าที่ยุติธรรมเท่าไรอยู่แล้ว


“ในเมื่อพวกคุณเลือกที่จะทำแบบนั้น พวกคุณก็ควรจะคิดนะว่า มันคือสิ่งที่พวกคุณจะต้องชดใช้เมื่อพวกคุณทำผิดพลาด ทางเราไม่ได้คำนึงถึงแต่เรื่องของผลกำไรหรอกครับ แต่นี่คือบทลงโทษของคนที่ทำผิดต่างหาก, ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของพวกเขานั้นก็เป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย แต่ผมก็ยังใจดีพอที่จะไม่แถลงการณ์เรื่องนี้ออกไป แล้วนี่ผมยังไม่ได้รวมถึงบริษัทพวกนั้นด้วยนะ”


โฮวาร์ดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อลองคิดดูแล้ว เขาบอกว่าถ้าเขาแถลงการณ์ออกไป, ก็แสดงว่าเขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ?”


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ โฮวาร์ดก็รู้สึกเสียใจกับคนพวกนั้นขึ้นมา พวกคนที่กำลังรอเขาอยู่


เมื่อคิดถึงสิ่งที่อู๋ฮ่าวเหรินทำเมื่อตอนที่เขามาในคราวก่อน เขาก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมา เขาคิดว่าเขานั้นเจรจาเรื่องการยืดระยะเวลาออกไปได้สำเร็จ แต่จริงๆแล้วในตอนนั้น กับดักได้เริ่มถูกวางไว้แล้วต่างหาก ด้วยการให้เวลาพวกเขาผลิต


โฮวาร์ดถอนหายใจ, แล้วมองมาที่อู๋ฮ่าวเหริน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “คุณอู๋ คุณชนะแล้ว, คุณเป็นนักแสดงตัวจริง และผมนั้นถูกหลอกใช้โดยคุณ, ถึงแม้ในเกมส์นี้ ผมจะเป็นเพียงคนกลางที่ได้เงินก็เถอะนะ แต่ผมก็จะขอบอกคุณไว้ก่อนเลยว่า ยังไงพวกเขาก็คงไม่เห็นด้วยกับสัญญาฉบับนี้หรอกครับ”


“ดูเหมือนท่านส.ว.เองก็เป็นผู้ชนะในเกมส์นี้ด้วยสินะครับ, และผมก็คิดว่าพวกเขานั้นก็น่าจะยอมเห็นด้วยกับสัญญาฉบับนี้นะครับ เพราะผมเชื่อว่าพวกเขานั้นไม่อยากที่จะไปใช้ชีวิตที่เหลือในคุกหรอกครับ, หรือบางทีอาจจะเจอพวกนายทุนที่บ้าๆบางคนจบชีวิตของพวกเขาก่อนที่จะได้เข้าไปในคุกเสียด้วยซ้ำ”


“แล้วก็บอกพวกเขาให้รีบหน่อยนะครับ, มิฉะนั้นแล้ว เมื่อไรที่ผมเปิดให้สั่งจองขึ้นมาได้จริงๆขึ้นมา พวกเขาก็จะหมดโอกาสแล้วครับ”


โฮวาร์ดลุกขึ้นยืน เขานั้นรู้ว่าสิ่งที่อู๋ฮ่าวเหรินทำนั้นมันถูกต้องแล้ว แล้วคนพวกนั้นก็จนแต้มแล้วด้วย ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากประชาชนในประเทศแล้ว ยังต้องเจอกับนายทุนที่พวกเขาก็ยืมเงินมาอีกต่างหาก พวกนั้นต่างหากคือปีศาจที่แท้จริง


“คุณอู๋ครับ, ผมนั้นดีใจจริงๆ ที่ผมไม่ได้เข้าร่วมกับพวกเขา มิฉะนั้นแล้ว ผมเองก็จะเป็นแบบพวกเขาไปด้วยแน่ๆ, ในตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลยที่จะต่อกรกับคนที่เป็นอัจฉริยะจริงๆ”


อู๋ฮ่าวเหรินอยู่นั่งต่อ และไม่ไปส่งโฮวาร์ดกลับ หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป


เขาเดินออกจากตึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแล้วพูดขึ้นกับตัวเอง “อากาศดีจังเลยน้า วันนี้คงจะเป็นวันที่ดีจริงๆ บางทีพวกเราอาจจะทำหุ่นยนต์ให้เสร็จสมบูรณ์ในวันนี้ก็ได้นะ”


เขาเข้าไปในห้องแล็บ ในปัจจุบัน หุ่นยนต์นั้นได้เสร็จสมบูรณ์ไปเยอะแล้ว ขาดแต่เพียงส่วนหัวเท่านั้น


เข้าไปในห้องแล็บ, สั่งให้จี้เปิดการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมด อู๋ฮ่าวเหรินก็เริ่มลงมือทำงานอย่างจริงจัง


มีหัวโลหะขนาดใหญ่ยักษ์ ห้อยไว้อยู่กลางอากาศ ซึ่งมันดูแปลกๆ, ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดที่จะติดหัวลงไปหรอก, แต่ภายหลังเขาคิดว่าเจ้าสิ่งนี้มันเหมือนของเล่นขนาดใหญ่ ดังนั้นมันจะดูเท่ห์กว่าถ้าติดหัวลงไป


มีฉากโลหะที่จับยึดประครองหุ่นทั้งตัวเอาไว้ อู๋ฮ่าวเหรินหยิบเอาสายมาเชื่อมต่อเข้ากับชิปแล้วเชื่อมเข้ากับคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจึงเริ่มทำการโอนย้ายเข้าไป


ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่รวบรวมมาจากอินเตอร์เน็ท ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการต่อสู้ แล้วจากนั้นข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกคัดกรองโดยคอมพิวเตอร์นิรนัย, เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ดีที่สุดออกมา


ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวที่ทำให้มั่นใจว่าเมื่อหุ่นยนต์ต้องทำการต่อสู้แล้ว พวกมันจะฆ่าศัตรูด้วยวิธีการที่ดีที่สุดได้


แน่นอนว่า อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าในปัจจุบัน คงไม่มีศัตรูที่จะมาต่อกรกับเจ้าตัวโตตัวนี้ได้แน่ ดังนั้นมันจึงเป็นได้เพียงของเล่นชิ้นโตเท่านั้น

————————-


CF:บทที่ 198 หุ่นยนต์


เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกมาจากห้องแล็บ, ซึ่งตอนนี้ เขาได้ติดตั้งส่วนหัวลงไปแล้ว


มองดูเจ้าตัวโตที่มีความสูงถึง 4 เมตร และมีโลหะที่เงางาม เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา, ที่เหลือก็จะเป็นเรื่องของการพ่นสีแล้ว ซึ่งจี้น่าจะช่วยเขาทำให้เสร็จได้


แต่จริงๆแล้ว หุ่นยนต์แบบนี้ เมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ขนาดเท่ามนุษย์ที่อยู่ในช่องเก็บของแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากเศษเหล็กเลย ไม่ได้พูดถึงเรื่องของวัตถุดิบนะ แต่เป็นเศษเหล็กจริงๆ


แต่ทว่า, หุ่นที่เขาสร้างขึ้นมาเองนี้มันทำให้เขารู้สึกต่างออกไป มันทำให้เขารู้สึกถึงความประสบความสำเร็จ


ในตอนค่ำ, หลังจากที่ได้เข้าระบบซองแดงไป อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่ามีอารยธรรมอื่นได้เชื่อมต่อเข้ากับระบบซองแดงเข้ามาเพิ่มอีก ซึ่งทั้งหมดเป็นอารยธรรมชั้นสูง ที่จะอยู่ในเลเวล 9


เทียนหยูกรุ๊ปนั้นได้เร่งมือสร้างเครื่องเชื่อมต่อ เพื่อที่จะให้แล้วเสร็จในเวลาอันสั้น


สำหรับพวกคนในอารยธรรมชั้นสูงแล้ว ทำให้พวกคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันต้องสิ้นหวังไปตามๆกัน ซึ่งจากที่ได้ยินมา ดูเหมือนพวกเขาจะเจอซะอ่วมเลย


อู๋ฮ่าวเหรินได้ยินมาจากในกลุ่มว่า มีบางคนได้ฉกของดีจากพวกอารยธรรมชั้นสูงไปบ้างแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินสงสัยว่า พวกอารยธรรมชั้นสูงนั้นต้องการเหรียญพลังงานไปทำไม? มันไม่น่าจะแลกเปลี่ยนเป็นของพิเศษได้นี่นา?


แล้วก็ยังมีอีกข่าว ซึ่งน่าจะเป็นที่เรื่องเกี่ยวกับหลิงหยิ่ง มีข่าวว่าพวกอารยธรรมวิญญาณนั้นจะเผชิญหน้ากับพวกอารยธรรมพาลอสแล้ว หลังจากที่ผ่านเรื่องที่อารยธรรมวิญญาณสามารถสะสางปัญหากับอารยธรรมพาลอสได้แล้ว, เธอก็น่าจะเดินทางกลับมา


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้สึกได้ว่าการที่หลิงหยิ่งสามารถไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์ของอารยธรรมพาลอสได้นั้น จะต้องมีทางกองทัพหนุนหลังอยู่เป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นจากข่าวได้เขาได้ยินมา อู๋ฮ่าวเหรินนั้นสงสัยว่าการที่หลานสาวเพียงคนเดียวของเทพสงครามนั้นไปยังอารยธรรมพาลอสได้นี่ ทำไมถึงไม่มีใครออกมาเคลื่อนไหวอะไร


ส่วนในวันนี้ตอนที่เขาไปที่กลุ่มเลเวลสอง เขาก็โดนเจ้าแห่งศิลปะเร่งเร้าให้หางานศิลป์โบราณให้เขาไวๆ ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินคิดถึงปัญหาเรื่องของโบราณขึ้นมา


ดูเหมือนเขาจะต้องหาทางเพื่อหาของโบราณเสียแล้ว, มิเช่นนั้นเขาคงไม่ได้อัพเลเวลแน่!


—————————————————————-


ในตอนประชุมเช้าของบริษัท อู๋ฮ่าวเหรินได้ชมการทำงานเว่ยหมิง และได้มอบเมล็ดพันธุ์บางอย่างให้เขา


นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมานี้ ด้วยการช่วยเหลือของศาสตราจารย์ทั้งห้าคน ก็ได้มีคนที่มีความสามารถที่สุดยอดด้านสถาปัตยกรรมโบราณมาเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นมีความสุขมาก


ตอนนี้มีพนักงานในบริษัทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปซักที อู๋ฮ่าวเหรินพบว่าการที่เขาต้องมาจัดการบริหารเองแบบนี้มันช่างวุ่นวายซะจริงๆ


ในตอนนี้เขามีงานมากมายที่จะต้องทำ และหนึ่งในนั้นคือ การต้องนั่งเซ็นของกองเอกสารเป็นตั้งทุกวันก่อนที่เขาจะได้ทำงานของตัวเอง


เรื่องของ R&D ก็ยังไม่ได้จัดการ งานวิจัยส่วนใหญ่ของเขาก็ล้วนมาจากจี้ แต่ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ขายและเรื่องของการพัฒนาของบริษัทแล้ว เขาจำเป็นที่ต้องจัดการเองอยู่


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ได้เก่งในเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ได้จี้ช่วยเหลือละก็ ป่านนี้คงจะมีเรื่องตลกร้ายมากมายไปแล้ว


แต่โชคดีที่ การจัดการบริษัททุกวันนี้ค่อนข้างง่าย ทุกๆวัน การจัดการเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้น ส่วนใหญ่ก็สามารถจัดการได้โดยผู้จัดการของแผนกนั้นๆเอง


หลังจากที่เซ็นกองเอกสารเสร็จหมดแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกจากออฟฟิศ แล้วได้สั่งการเลขาไว้ ก่อนที่จะออกไปที่ห้องแล็บ


เปิดประตูเข้าไปแล้วมองดูหุ่นยนต์ที่ตั้งตระหง่ายอยู่เบื้องหน้า ตอนนี้ไม่เป็นสีของโลหะแล้ว แต่มันการเป็นหุ่นยนต์ที่เท่ห์เหมือนกับออฟติมัส ไพรม์


แขนสีดำ, หัวสีเงิน แล้วบอดี้สีฟ้า นี่มันของเล่นขนาดยักษ์ชัดๆ


“จี้, เจ้าสิ่งนี้มันไม่ขยับเลยอะ นายไม่ได้ทำอะไรพังใช่ไหม?”


ถ้าจี้เป็นมนุษย์ เขาคงมองอู๋ฮ่าวเหรินด้วยสายตาแบบมองคนโง่อยู่แน่นอน


“ไม่, ในโปรแกรมนั้น ฉันได้ติดตั้งระบบป้องกันเอาไว้ด้วย ถ้าคุณไม่ได้ออกคำสั่งอะไร มันจะได้แต่ยืนนิ่งๆและไม่ตอบสนองอะไร”


อู๋ฮ่าวเหรินมองดูคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าเขา นี่คืออุปกรณ์สำหรับใช้สั่งการหุ่นยนต์ ตราบเท่าที่มีคำสั่งการมา หุ่นยนต์จะทำงานตามคำสั่งโดยการเลือกแผนการที่ดีที่สุดที่บันทึกไว้ในฐานข้อมูล


ไม่แปลกใจเลยที่ คนพวกนั้นบอกว่าพวกหุ่นยนต์สู้รบนั้น มีหน้าที่ไว้ใช้ขนส่งเสบียงเท่านั้น เพราะทันทีที่ศัตรูสามารถตัดการติดต่อจากระบบสั่งการของคุณได้แล้ว หุ่นยนต์ก็จะทำงานตามคำสั่งสุดท้ายอย่างเดียวเท่านั้น


ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ตราบเท่าที่คุณไม่เผชิญหน้ากับพวกหุ่นยนต์ซึ่งๆหน้า ก็จะเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการหุ่นยนต์พวกนี้


แต่ทว่าสำหรับโลกยุคปัจจุบันนั้น อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าถ้าเขาสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาอีกซักร้อยตัว แล้วสั่งให้พวกมันไปโจมตีซักประเทศดู มันคงเป็นอะไรที่สุดยอดมากแน่ๆ


แน่นอนว่า การจะทำแบบนั้นได้ มันจำเป็นที่จะต้องติดตั้งอาวุธลงไปเสียก่อน เช่นเดียวกับตัวกำเนิดไฟฟาถาวรอย่างพลังงานนิวเคลียร์


หุ่นยนต์ที่เขาสร้างขึ้นมาตอนนี้นั้น, ถ้ามันทำงานเต็มพิกัดแล้ว พลังงานจะหมดลงภายใน 10 นาทีเท่านั้น


อู๋ฮ่าวเหรินคลิกที่ปุ่มเริ่มงานที่คอมพิวเตอร์ ทันใดนั้นเองก็เสียงคำรามดังขึ้นมาราวกับเสียงรถยนต์และกล้องที่ติดอยู่ที่หัวก็ฉายภาพที่หน้าจอคอมพ์


“ออกไปข้างนอกได้”


หุ่นยนต์ตอบสนองในทันที เหมือนกับคนที่เพิ่งตื่นนอน กล้องฉายภาพรอบก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังที่ประตูของห้องแล็บ


อู๋ฮ่าวเหรินถือโน้ตบุ๊คขึ้นมาแล้วเดินตามหุ่นยนต์ไป เขาอยากที่จะรู้ว่าเจ้าตัวโตจะเดินออกจากประตูที่สูงแค่สามเมตรไปได้อย่างไร?


“ใช้ได้เลย มันฉลาดมาก หุ่นยนต์วิ่งไล่สัตว์ได้ไหม?”


“ได้ ตอนที่ออกแบบไว้ ในรูปแบบนี้ ความเร็วที่ได้จะสูงที่สุด ซึ่งเหมาะสมเมื่ออยู่ในสถานะไล่ตาม


เขายืนมองดูเท้าโลหะขนาดใหญ่เดินย่ำลงบนพื้น ซึ่งก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ อู๋ฮ่าวเหรินรู้ดีว่าอีกสักครู่คงได้มีคนมาตื่นเต้นกับพวกเขาที่นี่แน่ๆ


สำหรับหุ่นยนต์ตัวนี้ เขานั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังอะไร เนื่องจากมันไม่ได้ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำยุคอะไร


ถ้าจะมีก็คงเป็นเรื่องของระบบควบคุมเท่านั้น ซึ่งจริงๆทางประเทศก็ได้ศึกษาเรื่องนี้ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว เขาก็แค่ปรับแต่งเพิ่มเท่านั้น


แต่เนื่องจากที่ห้องแล็บนี้มีขนาดเล็กมากเกินไป อู๋ฮ่าวเหรินจึงไม่กล้าที่จะปล่อยให้หุ่นยนต์วิ่งเต็มกำลัง จึงได้แต่ทดลองเดินเพียงอย่างเดียว


ซึ่งเขาก็พบว่าไม่มีปัญหาอะไร มันเคลื่อนไหวคล่องแคล่วดีมาก ราวกับไม่ใช่การเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์สูงถึง 4 เมตรเลย


การเคลื่อนไหวของเจ้าตัวโตนั้นทำให้คนจำนวนมากนั้นตกใจ ผู้คนที่มาดูโมเดลของเกมในห้องจัดแสดงอยู่นั้นก็ได้มายังที่นี่


เหล่าทหารที่กำลังทำเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนอยู่นั้นต่างก็วิ่งออกมาดู แม้แต่เหล่ารปภ.ที่กำลังเดินตรวจตราอยู่ก็ต้องแห่กันมาดูเช่นกัน


“เสียงอะไรน่ะ?”


“ดูเหมือนเสียงจะมาจากทางห้องแล็บของท่านประธานนะ มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?”


“เร็วเข้า ทุกคน, เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านประธานล่ะ”


ความเร็วของรปภ.พวกนี้ดุจดั่งสายลม ดูเหมือนว่าคนพวกนี้น่าจะมาจากหน่วยลาดตระเวณมาก่อน จึงวิ่งมายังห้องแล็บของอู๋ฮ่าวเหรินกันได้อย่างว่องไว


แต่ทว่า, เมื่อพวกเขามองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าห้องแล็บแล้ว จึงตกใจและควบคุมแรงเฉื่อยของร่างกายที่เคลื่อนมาอย่างเร็วให้หยุดไว้ได้ไม่ทันจึงได้ล้มลงไป


ผู้คนที่ตามมาทีหลัง, เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่หน้าห้องแล็บ ต่างก็ตกตะลึง บ้างก็ไม่คาดฝัน


เจียงเสี่ยวชวนก็ได้ไปที่ห้องแล็บพร้อมด้วยกลุ่มช่างเทคนิค ยืนมองเหมือนเป็นคนบ้า และจ้องมองมาที่หุ่นยนต์ขนาดยักษ์


ส่วนผู้คนที่มาจากห้องจัดแสดงก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทั้งพู่กันและกระดานวาดภาพในมือของพวกเขาหล่นลงมากองกับพื้นหมดแล้ว


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นกะไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีคนแห่มาดู แต่ในตอนนี้เขากำลังจ้องดูข้อมูลที่ปรากฏบนจอโน้ทบุ๊คอยู่ และไม่มีเวลาสนใจคนอื่น


แน่นอนว่า, ในตอนนี้คนอื่นๆกำลังยืนทื่อกันอยู่และยังไม่ได้ตอบสนองอะไร ปล่อยให้อู๋ฮ่าวเหรินทดสอบต่อไปโดยไม่มีคนกวน


จนกระทั่งมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา ซึ่งปลุกทุกคนที่อยู่ในภวังค์ให้ตื่น


“หุ่นยนต์!”

————————


CF:บทที่ 199 กังฟู


เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมานั้นไม่ได้มาจากใครอื่น แต่เป็นลิ่วหมิงเยว่ผู้ซึ่งออกมาจากตึกใหญ่ ซึ่งเสียงกรีดร้องของเธออย่างกับเป็นคลื่นใต้เสียงอย่างไงอย่างงั้น


ทำให้ผู้คนตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ก่อนที่จะวิ่งไปหาอู๋ฮ่าวเหรินที่กำลังยืนดูหุ่นยนต์อยู่


“มันเป็นหุ่นยนต์จริงๆด้วย หัวหน้าสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาล่ะ!”


“นี่มัน, โคตรเท่ห์ไปเลย! แต่ว่าถ้าเผลอไปโดนเหยียบเข้านี่ ได้กลายเป็นมีทโลฟแน่นอน”


“เหลือเชื่อ มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ แม้แต่หุ่นยนต์ก็ยังถูกสร้างขึ้นมาได้, ที่เขาหายเข้าไปในห้องแล็บนานๆช่วงนี้ ก็เพื่อสร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาเองหรอกเหรอ?”


เจียงเสี่ยวชวนรู้สึกตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นหุ่นยนต์ที่นี่ มันเป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ซึ่งรู้สึกเหมือนสมองของเขาถูกกระแทกเข้าอย่างจัง


ในความประทับใจของเขา, ดูเหมือนทางประเทศก็กำลังศึกษาวิจัยเรื่องนี้กันอยู่ ไม่สิ, ต้องบอกว่าหลายประเทศต่างก็กำลังศึกษาเรื่องนี้, แต่ทว่า สำหรับหุ่นยนต์ตัวใหญ่แบบนี้ ยังไม่มีประเทศไหนพัฒนาขึ้นมาได้สำเร็จเลย


อู๋ฮ่าวเหรินหยุดหุ่นยนต์แล้วหันกลับมามองฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเขา


“หัวหน้าครับ คุณสร้างเจ้านี่ขึ้นมาเหรอครับ”


“จะบ้าเหรอ ของแบบนี้ถ้าไม่ได้สร้างโดยหัวหน้าแล้ว จะเป็นใครได้อีก เป็นนายรึไง, โคตรเท่ห์ไปเลยหัวหน้า ขอผมถ่ายรูปกับมันได้มั๊ยครับ?”


“หนูขอถ่ายด้วยค่ะ”


เหล่าพนักงานมองมาที่อู๋ฮ่าวเหรินด้วยความหวังว่าเขาจะยอมตกลงด้วย


มองดูบอดี้ใหญ่ยักษ์แล้วและหัวสุดเท่ห์ของหุ่นยนต์แล้ว มันช่างเหมือนหุ่นยนต์ที่อยู่ในหนังจริงๆ โดยเฉพาะภาพที่ฉายขึ้นมาบนหน้าจอจากกล้องที่ติดไว้, มันช่างยอดเยี่ยม ราวกับหลุดมาจากหนังไซไฟซักเรื่องจริงๆ


“พวกคุณถ่ายรูปได้ตามต้องการเลย ผมสร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาเอามันส์เฉยๆ ซึ่งมันก็ออกมาได้ไม่เลวนัก เดี๋ยวเอาไว้ผมทดสอบระบบฟังชั่นอื่นๆทีหลังก็ได้”


มองดูอู๋ฮ่าวเหรินที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป เจียงเสี่ยวชวนจึงพูดขึ้นอย่างตั้งใจ: “ประธานอู๋ เรื่องของหุ่นยนต์ตัวนี้ ผมว่าอย่าเพิ่งเผยแพร่ออกไปจะดีกว่า”


ในความคิดของเขา ของแบบนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ ซึ่งจะต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับ เผยแพร่ออกไปไม่ได้


อู๋ฮ่าวเหรินมองมาที่เขา, แน่นอนว่าพอจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดอยู่ แล้วพูดขึ้นมาว่า: “ผมเข้าใจน่าว่าคุณต้องการจะสื่ออะไร แต่เจ้าสิ่งนี้น่ะมันไม่สร้างผลกระทบอะไรขนาดนั้นหรอกต่อให้มันถูกเผยแพร่ออกไป เมื่อก่อนก็เคยมีแบบนี้ อเมริกานั้นไม่ได้ต้องการที่จะโฆษณาอะไร เพียงแต่ตอนที่เขาสามารถวิจัยเรื่องของเครื่องบินโดรนได้นั้น ก็มีการเผยแพร่เป็นวิดีโอออกมา”


เขาชี้มาทางหุ่นยนต์และพูดขึ้น “เจ้าสิ่งนี้เองก็เผยแพร่ออกไปได้เช่นกัน,

มันไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวขนาดนั้น มันเป็นได้แค่ ของเล่นชิ้นใหญ่ที่ดูน่ากลัวไปหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วมันมีจุดอ่อนอยู่เยอะมากเลย ใช้แค่กับระเบิดต่อต้านรถถังก็พังมันได้แล้วครับ”


หุ่นยนต์ตัวนี้ยังเรียกได้ว่าห่างไกลจากหุ่นยนต์รบจริงๆที่อู๋ฮ่าวเหรินต้องการจะสร้างมาก ซึ่งหลักๆก็เป็นเรื่องของวัตถุดิบ ความคล่องตัว และเทคโนโลยี


แน่นอนว่าด้านพลังทำลายของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ก็ยังคงมีอยู่ มันเหมาะมากสำหรับการใช้รื้อถอนอาคารและเคลื่อนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่


จุดประสงค์หลักของอู๋ฮ่าวเหรินที่สร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาก็เพื่อแสดงให้เห็นพัฒนาการของหุ่นยนต์และเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาและวิจัยหุ่นขนาดเท่ามนุษย์ในอนาคต และอีกเหตุผลก็เพื่อเอาไว้ใช้เคลื่อนย้ายหรือถือสิ่งของ ซึ่งมันจะสะดวกกว่าการใช้เครื่องจักรทำให้


“ตะ, แต่…”


เจียงเสี่ยวชวนไม่สามารถที่จะหาเหตุผลมาทักท้วงเขาได้, เขาจะพูดอะไรได้ ในเมื่อมันเป็นผลงานวิจัยของเขา ซึ่งใครจะมีสิทธิที่จะไปทักท้วงอะไรได้


“ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ? พวกเราก็แค่ถ่ายรูปกัน ถึงแม้มันจะถูกโพสท์ลงบนโลกออนไลน์ออกไป, แต่ผู้คนก็คงคิดว่ามันเป็นแค่โมเดลอะไรแบบนั้น ถ้าคุณเซิร์จในอินเตอร์เนท มีรูปถ่ายโมเดลหุ่นยนต์แบบนี้เยอะแยะไปค่ะ”


เป็นพนักงานหญิงคนหนึ่งของบริษัทออกมาพูดต่อต้าน เรื่องที่คนๆนี้ออกมาห้ามไม่ให้ถ่ายรูป ซึ่งทำให้เธอทนไม่ไหว ถึงแม้เขาจะเป็นทหาร แต่ก็มาห้ามไม่ให้เธอถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับหุ่นยนต์ไม่ได้


“ผู้กองครับ, ผมคิดว่าคุณควรจะรายงานเรื่องนี้ออกไปนะครับ ถึงแม้มันจะเป็นอะไรที่คนอื่นวิจัยก็เถอะครับ”


เจียงเสี่ยวชวน ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจึงออกจากที่นั่นเพื่อไปรายงานเรื่องนี้


จริงๆแล้ว เขานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรายงานเลย เรื่องในคราวนี้ เพราะได้มีคนรายงานออกไปแล้ว เพราะมีคนมากมายที่ทางประเทศได้ส่งมาแฝงตัวอยู่ในหมู่รปภ.


จากการจับตาดูของจี้ อู๋ฮ่าวเหรินจึงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้ล้ำเส้นมามากเกินไป เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคนพวกนี้


ในเวลานี้เอง, จู่ๆลู่เผิงเฟยก็ถามขึ้นมา “หัวหน้าครับ หุ่นยนต์ตัวนี้ทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากวิ่งกับกระโดดแบบเมื่อกี๊อีกมั๊ยครับ? มันสามารถแปลงร่างแบบในหนังได้มั๊ยครับ?”


“ลุงลู่ค่ะ คุณดูหนังมากไปแล้วนะคะ, ถ้ามองจากลักษณะของหุ่นตัวนี้แล้ว มันทำแบบในหนังไม่ได้หรอกค่ะ แม้แต่อาวุธก็ยังไม่ได้ถูกติดตั้งไว้เลย มันดูเหมือนหุ่นยนต์ที่ตั้งแสดงอยู่ตามงานจัดแสดงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่า แค่มีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นเองค่ะ” เด็กน้อยคนหนึ่งพูดออกมาอย่างฉะฉาน


ที่พูดออกมานั้นทำให้ลู่เผิงเฟยนั้นรู้สึกอายขึ้นมา, เมื่อสักครู่ เขานั้นตื่นเต้นมากจึงได้คิดและพูดแบบนั้นออกไป


“หุ่นยนต์ตัวนี้ไม่ได้ทำได้แค่วิ่งและกระโดดเท่านั้นหรอกน่า แต่มันยังใช้วิชากังฟูได้ด้วยนะ เดี๋ยวผมจะโชว์ให้ดูเอง”


ในเวลานี้อู๋ฮ่าวเหรินเองก็ต้องการที่จะทดลองดูว่าข้อมูลเรื่องกังฟูที่เขาใส่เข้าไปนั้นจะสามารถใช้การโดยหุ่นยนต์ได้หรือไม่


“กังฟูเหรอคะ? หัวหน้าคะมันไม่ยากเกินไปสำหรับหุ่นยนต์ตัวใหญ่ขนาดนี้ที่จะใช้ท่าเตะเหรอคะ? มันจะทำได้เหรอคะ?” โจ้วหลานมองไปที่หุ่นยนต์ยักษ์และถามอย่างสงสัย


อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้อธิบายอะไร เขากำลังใส่คำสั่งให้หุ่นยนต์อยู่


ทันใดนั้นเอง หุ่นยนต์ก็ฉีกขาออกมา อยู่ในท่ายืนม้าแบบกังฟู แล้วจากนั้นก็เริ่มชกหมัดตรงออกไป ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นแล้วตวัดตบลงที่พื้นตรงหน้า


มองดูพื้นคอนกรีตที่อยู่ตรงใต้เท้าของหุ่นยนต์ เกิดเป็นหลุมเล็กๆขึ้นมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที และทำให้ทุกคนเข้าใจได้ในทันทีว่านี่มันไม่ใช่ของเล่นแล้ว


ถ้าพลังทำลายเช่นนี้ใช้กับผู้คนขึ้นมา คงได้ตายอย่างแน่นอน


แม้แต่พวกทหารเองยังต้องตกตะลึงกับพลังทำลายของมัน แต่หุ่นยนต์ในตอนนี้จะไม่ได้น่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่ถ้ามันติดตั้งอาวุธหนักขึ้นมาเมื่อใด พวกเขาถูกฆ่าหมดแน่


มองดูหุ่นยนต์ที่ใหญ่และเทอะทะแบบนี้ กระโดดขึ้นจากพื้น แล้วเตะกลางอากาศได้ มันทำให้ทุกคนตกใจมาก


เมื่อหุ่นยนต์ตกลงมา พื้นซีเมนต์ก็ได้แตกพังไปหมด ดูเหมือนว่าจะต้องซ่อมพื้นตรงนี้ซะแล้ว


5 นาทีต่อมา ขณะที่หุ่นยนต์กำลังจะชกออกไปได้สักพัก มันก็เริ่มเคลื่อนไหวแปลกๆ แล้วก็หยุดนิ่งไปซะอย่างงั้น


“เอ๋, เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันไม่ขยับล่ะ?”


“มันไม่ขยับจริงๆด้วยแฮะ เป็นอะไรไปนะ?”


อู๋ฮ่าวเหรินมองมาที่หน้าจอแสดงข้อมูลในโน้ทบุ๊คและพูดขึ้นแบบเขินๆ “พลังงานหมดน่ะ หุ่นยนต์ตัวนี้มันต้องใช้พลังงานเยอะมาก เมื่อต้องทำท่วงท่าแบบนั้น”


เขาพบว่าจากเดิมที่คำนวณไว้ว่าจะใช้งานได้ซัก 10 นาที แต่กลับกลายเป็นว่าใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้นก็ใช้พลังงานจนหมดเกลี้ยงแล้ว ดูเหมือนว่าถ้าปัญหาเรื่องของพลังงานยังไม่ได้ถูกแก้ไขล่ะก็ เจ้าหุ่นนี่ก็จะใช้ได้แค่ 10 นาทีเท่านั้น


“หัวหน้าครับ, หุ่นยนต์ตัวนี้จะกลายมาเป็นสินค้าของฟิวเจอร์กรุ๊ปงั้นเหรอครับ?”


“ตอนนี้ยังไม่หรอก อย่างที่ผมบอกไป หุ่นยนต์ตัวนี้ผมสร้างมาเล่นๆเท่านั้น, แต่ว่าหุ่นยนต์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมกับบ้านเรือนนั้น มันจะถูกวิจัยและสร้างในอนาคตนี่แหละ”


ในตอนนี้เองเจียงเสี่ยวชวนก็ได้เดินมาหาและพูดขึ้น “ท่านประธานอู๋ครับ พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในหน่อยได้มั๊ยครับ”


“ได้สิ”


อู๋ฮ่าวเหรินปิดระบบของหุ่นยนต์และล็อคคอมพิวเตอร์ไว้ เพื่อกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา


ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้านในห้องแล็บ ปล่อยให้ฝูงชนยืนมองหุ่นยนต์ต่อไป


“ประธานอู๋ครับ ยังไงผมก็ยังหวังว่าคุณจะไม่เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป แล้วก็แผนกวิจัยของประเทศซึ่งกำลังวิจัยเรื่องหุ่นยนต์กันอยู่เหมือนกัน ต้องการที่จะเชิญคุณมาดูการวิจัยที่ผ่านมาของพวกเขา ซึ่งคิดว่าคุณอาจจะสนใจน่ะครับ”


“โอ้, ทางประเทศเองก็วิจัยหุ่นยนต์เหมือนกันเหรอครับ เขาวิจัยกันไปถึงไหนกันแล้วล่ะครับ”


“ผมเองก็ไม่มั่นใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ผมเพิ่งได้ยินมาว่าเพิ่งจะมีการค้นพบครั้งใหญ่เมื่อเร็วๆนี้เอง ดูเหมือนว่าส่วนหนึ่งจะมาจากความดีความชอบของท่านประธานอู๋ด้วย”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกเขานั้นกำลังวิจัยเรื่องหุ่นยนต์กันอยู่ แต่คงยังติดในเรื่องของระบบควบคุม และการค้นพบเรื่องของ A.I.นั้น ทำให้พวกเขาสามารถสร้างตัวควบคุมขึ้นมาได้


“เอาสิ, ผมเองก็อยากจะไปเห็นเหมือนกัน ขอผมชมเทคโนโลยีของประเทศนี้ในด้านนี้หน่อยเถอะ บางทีผมอาจจะเอามาปรับใช้อะไรได้”


“ถ้าอย่างงั้นประธานอู๋ครับ, ได้โปรดเตรียมตัวให้พร้อม แจ้งกลับไปยังครอบครัวให้เรียบร้อย แล้วอีกสักครู่จะมีคนมารับคุณไปที่สถาบันวิจัยครับ”


อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่คิดว่าจะต้องไปเดี๋ยวนี้เลย เขาจึงได้รีบไปอธิบายและฝากงานต่างๆให้พนักงานในบริษัท

————————

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม