Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 277.1-279.2

ตอนที่ 277.1

 

    หมอเทวดาโม่แน่ใจว่าบิดาและบุตรชายเมิ่งคู่นี้ตั้งใจทำสิ่งนี้ แต่แล้วจะอย่างไร


       บิดาและบุตรชายตระกูลเมิ่งคู่นี้ไม่พอใจที่จะพบหมอเทวดาโม่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดออกมาโดยตรง เพื่อปฏิเสธความตั้งใจของบุคคลผู้หนึ่ง มันจึงมีหลายวิธีที่จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะรับความช่วยเหลือจากหมอเทวดาโม่  


       เมื่อเผชิญกับการปฏิเสธของผู้นำตระกูลเมิ่ง ที่เกือบจะเป็นแบบตรงไปตรงมา รอยยิ้มของหมอเทวดาโม่ จึงแข็งทื่อขึ้น เขารู้ว่ามันจะยิ่งทำให้เขาดูน่าสมเพชถ้าเขาจะยิ่งพยายามต่อไป แต่ใจเขาไม่อยากจากไป


       หากมีคนอื่นแย่งผู้ป่วยของเขาไป หมอเทวดาโม่จะไม่โกรธ ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็ไม่ใช่วิธีการของเขาที่จะปล้นคนไข้ของคนอื่นมา แต่มันคือหลิน ชูจิ่ว


       นี่ไม่ใช่ครั้งแรก!


       เสี่ยวเทียนเหยา เสี่ยวจื่ออัน และตอนนี้ก็เป็นเมิ่ง ซิวเหยียน ผู้ป่วยที่สำคัญทั้งสามคนนี้ถูก หลิน ชูจิ่ว ปล้นไป และทุกครั้งที่นางขโมยผู้ป่วยของเขาไป เขาจะจบลงด้วยสถานการณ์ที่น่าสังเวช


       คราวนี้เมิ่ง ซิวเหยียน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา หมอเทวดาโม่ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าถ้าหลิน ชูจิ่วรักษาโรคของเมิ่ง ซิวเหยียน ได้อย่างสมบูรณ์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา


“มันจะไม่ดีแน่” ผู้คนรู้ว่าเขาซื้อเด็กทารถที่ถูกทอดทิ้งจำนวนมากมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง แต่เขาไม่สามารถออกมาอธิบายตัวเองได้


       เขาไม่ต้องการที่จะล้มลงไปพร้อมกับเรื่องเหล่านั้น


       หมอเทวดาโม่ลังเลมาก แต่เขาจะทำอะไรได้ในคุก?


       หมอเทวดาโม่ ถอนหายใจอย่างหนักและจากไปพร้อมกับหลังที่งอลงเล็กน้อย…


       หลิน ชูจิ่ว ไม่ไปพบหรือพูดคุยกับเสี่ยวเทียนเหยา เมื่อเธอกลับมาที่ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เธอเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเอง ดังนั้นแม้ว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะมีอิทธิพลอย่างมากในชีวิตของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้มาบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่คุ้นเคยกับการต้องรายงานผู้อื่น


       ในทางกลับกันถ้าเสี่ยวเทียนเหยาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหลิน ชูจิ่ว เขาก็แค่ต้องเรียกองครักษ์เงาของเขา แต่…


       วันนี้ เสี่ยวเทียนเหยา อารมณ์เสียมาก!


       หลิน ชูจิ่ว ผู้หญิงคนนั้นไม่มีจิตสำนึกของการเป็นภรรยาแม้แต่น้อย


       เช่นเดียวกับเมื่อคืนที่ผ่านมา เสี่ยวเทียนเหยาก็ไปที่ห้องของ หลิน ชูจิ่วอีก แต่เขาไปช้าเล็กน้อยถ้าเทียบกับเมื่อคืนนี้ เมื่อเขามาถึงผมของหลิน ชูจิ่วก็แห้งแล้ว


       เมื่อเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาในห้อง หลิน ชูจิ่วก็นั่งอยู่บนเตียงและอ่านหนังสือ เมื่อเห็นเสี่ยวเทียนเหยา เข้ามาข้างในหลิน ชูจิ่วก็เงยหน้าขึ้นและพูดขึ้น“ท่านกลับมาแล้วหรือ”


       หลังจากพูดจบ เธอก็กลับไปอ่านหนังสือต่อไป


       เธอชอบเสี่ยวเทียนเหยา แต่เธอก็ไม่ต้องการสูญเสียความเป็นตัวเอง สิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในรถม้าเพราะบรรยากาศมันดีเกินไป อย่างไรก็ตามหากเสี่ยวเทียนเหยา ไม่ต้องการที่จะเล่นกับเธออีกต่อไป เธอก็ยังคงต้องการที่จะอยู่อย่างมีเหตุมีผลต่อไป


       หนังสือทางการแพทย์ในมือของ หลิน ชูจิ่ว ไม่มีชื่อเสียง มันเป็นหนังสือทางการแพทย์ทั่วไปที่สามารถซื้อได้ในร้านหนังสือ แต่มันสามารถให้ความรู้พื้นฐานของเธอ


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ได้ใส่ใจกับทัศนคติที่เฉยเมยของหลิน ชูจิ่ว เขาเดินไปหานางอย่างสง่างาม จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาและช้าขึ้น “ชูจิ่ว เจ้าออกไปข้างนอกมา แล้วเจ้าไม่มีอะไรที่จะพูดกับเปิ่นหวางหรือ?”


       ร่างสูงของเสี่ยวเทียนเหยา ปิดกั้นแสงไฟไปทันที หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถอ่านหนังสือต่อไปได้ ดังนั้นเธอจึงต้องวางมันลงและถามด้วยความงุนงงขึ้น“ ท่านต้องการให้ข้าพูดอะไร?”


       น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก รูปแบบการหายใจของเขาเป็นปกติ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนเสี่ยวเทียนเหยากำลังโกรธ


       เธอทำอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจหรือ?


“เกี่ยวกับตระกูลเมิ่ง เจ้าไม่คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกับเปิ่นหวางหรือ?” เมื่อเห็นใบหน้าที่สงสัยของ หลิน ชูจิ่ว เขาก็รู้ว่า หลิน ชูจิ่ว ไม่ทราบว่าตัวเองทำอะไรผิด


       แน่นอนว่านางนั้นโง่เขลา


“ ไม่ใช่ว่าท่านรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลเมิ่งแล้วหรือ?” หลิน ชูจิ่วไม่คิดว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะปล่อยให้เธอออกไปคนเดียว เขาจะต้องส่งคนไปติดตามเธอไปอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะอย่างไรเธอกับเสี่ยวเทียนเหยาก็อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน


       เสี่ยวเทียนเหยา นั่งลงข้างๆ หลิน ชูจิ่วและพูดขึ้น “เปิ่นหวางต้องการได้ยินจากปากเจ้า”

 

 

 


ตอนที่ 277.2

 

“ อย่างที่ท่านทราบอยู่แล้วว่าข้าสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของเมิ่ง ซิวเหยียน ได้ แต่ตระกูลเมิ่งยังอยู่ในช่วงของการพิจารณา” หลิน ชูจิ่วขยับไปด้านข้างให้เสี่ยวเทียนเหยาได้มีพื้นที่ที่กว้างขึ้น


“ อืมม” เสี่ยวเทียนเหยาพยักหน้าไม่มีร่องรอยของความโกรธบนใบหน้าซึ่งทำให้หลิน ชูจิ่วงงงวยมาก


       เสี่ยวเทียนเหยาไม่ขยับเข้าไปใกล้ เขาแค่ยื่นมือออกมาและลูบหัวของหลิน ชูจิ่ว“ ชูจิ่ว จำเอาไว้ว่าเจ้าเป็นภรรยาของเปิ่นหวาง”


       น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและช้าเหมือนก่อนหน้า แต่กลับมีกลิ่นอายที่อันตรายตามมา หลิน ชูจิ่ว ขยับกลับไปอีกโดยไม่รู้ตัว“ข้าจำได้ไม่เคยลืม”


       เธอจะลืมได้อย่างไร …


       หากเธอไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นเสี่ยวหวางเฟย เธอกับเสี่ยวเทียนเหยาก็จะไม่ได้พบกันในชีวิตนี้


       เสี่ยวเทียนเหยาเป็นคนที่อันตรายมาก มันจะดีกว่าที่จะอยู่ให้ห่างไกลจากเขา อย่างไรก็ตามเธอเป็นภรรยาของเขา เธอไม่สามารถซ่อนตัวจากเขาได้ เธอไม่สามารถหนีจากความอ่อนโยนที่มีเป็นครั้งคราวของเขาได้เช่นกัน


“ดี” เสี่ยวเทียนเหยาพูดขณะที่มือของเขาขยับไปที่แก้มของเธอจนมาถึงคอของเธอ“ในอนาคตอย่าทำในสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้เปิ่นหวางไม่มีความสุข”


       หลิน ชูจิ่ว เหลียวดูมือที่อยู่บนคอของเธอ ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเทียนเหยาจึงทำตัวผิดปกติ


       เขาหึงหรือ?


       หลิน ชูจิ่ว ก้มหัวลงเพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยวเทียนเหยา เห็นรอยยิ้มบนดวงตาของเธอ เธอไม่ได้ให้คำตอบกับเขา


       หากเธอต้องการเป็นหมอ เธอจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่สามารถให้คำตอบในเชิงบวกกับเสี่ยวเทียนเหยาได้ อย่างไรก็ตามในสายตาของเสี่ยวเทียนเหยา ความเงียบของเธอนั้นแสดงว่าเธอเห็นด้วย สำหรับรางวัล เสี่ยวเทียนเหยาจึงให้สัญญาขึ้น“สำหรับการเชื่อ เปิ่นหวางจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ”


       น่าเสียดาย หลิน ชูจิ่ว ยังไม่ได้ให้คำตอบออกไป เพราะเธอเชื่อว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะไม่ให้สิ่งที่เธอต้องการ … …

*


       ข่าวที่ว่าตระกูลเมิ่งได้ปฏิเสธการมาเยี่ยมของหมอเทวดาโม่มาถึงหูฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้กำลังมองดูรายงานในมือของเขาก่อนจะพูดขึ้น“ เขาไม่สามารถแม้แต่จะทำเรื่องง่ายๆได้ แล้วเขาจะมีประโยชน์อะไร?”


       หัวหน้าสายลับคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว อย่างไรก็ตามฮ่องเต้ไม่ยอมให้เขารอดไปได้ง่ายๆ ก่อนจะถามขึ้น “คนของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังที่โจมตี หลิน ชูจิ่ว อยู่ที่ไหน? เจ้าค้นพบพวกเขาแล้วหรือยัง?” พรสวรรค์ทางการแพทย์ของ หลิน ชูจิ่ว นั้นดีมาก อย่างไรก็ตามข้อได้เปรียบนี้ก็กลายเป็นข้อเสียของนาง


“ยังพ่ะย่ะค่ะ” ลมหายใจของหัวหน้าสายลับแรงขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้เขาต้องพบกับความล้มเหลวในการทำภารกิจของเขา


“ ไร้ประโยชน์” ฮ่องเต้ไม่พอใจมากจริง ๆ แต่เขาก็ยังข่มความโกรธเอาไว้และถามขึ้น“แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังเล่า? เจ้าพบเบาะแสใหม่หรือไม่?”


       หัวหน้าสายลับส่ายหัวแล้วคำนับลง“ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ต่างก็เสียชีวิตลง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ฆ่าตัวตายเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ปมทั้งหมดจึงถูกทำลาย” พวกเขาต้องการตรวจสอบ แต่พวกเขาไม่พบอะไรเลย


“ปมทั้งหมดถูกทำลายหรือ? เจ้าสามารถพูดคำเหล่านั้นกับประชาชนได้หรือไม่? ” กองทัพแนวหน้าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย ประชาชนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้งฮ่องเต้จึงหงุดหงิดเป็นอย่างมากกับเรื่องนี้


“ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสายลับเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว


“เจ้าสมควรตายจริงๆ” ถ้าไม่ใช่เพราะความภักดีและความสามารถของเขา ฮ่องเต้คงฆ่าเขาจริงๆ


“เห็นแก่ความภักดีของเจ้า เจิ้นจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าต้องตรวจสอบว่าเสี่ยวหวางเย่ให้ความสำคัญกับเสี่ยวหวางเฟยมากแค่ไหน หากเจ้าล้มเหลวอีกครั้ง เจ้าไม่จำเป็นต้องมาพบเจิ้น ”


       เขาต้องการจะดูว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะทำอะไรเพื่อหลิน ชูจิ่ว และนอกจากนี้หากปราศจาก หลิน ชูจิ่ว ตระกูลเมิ่งจะสามารถปฏิเสธหมอเทวดาโม่ได้อีกหรือไม่?


“ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมจะทำงานนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสายลับรอดพ้นมาจากความตายของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงแอบโล่งใจอยู่อย่างเงียบๆ แต่สำหรับเสี่ยวหวางเฟยนะหรือ?


       เขาเพียงแค่รู้สึกเสียใจแทนนางเท่าเพียง…… 

 

 


ตอนที่ 278.1

 

   นายน้อยตระกูลฮวาและองค์ชายของอดีตพระราชาแห่งแคว้นใต้เซี่ยวรุ่ย ยังไม่หายขาด ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการรักษาแก่หลิน ชูจิ่ว เสี่ยวเทียนเหยาจึงสั่งให้ซู่ฉานำพวกเขาเข้ามาอยู่ในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ เพื่อที่มันจะได้ประหยัดเวลาของ หลิน ชูจิ่วลง


       วันนี้มีเด็กสองคนที่เธอต้องตรวจดูอาการก่อนในตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ดังนั้นหลิน ชูจิ่วจึงทำมันแต่เช้า หลังจากตรวจอาการของคุณชายน้อยและเซี่ยวรุ่ย แล้วหลิน ชูจิ่วก็ไปที่โรงหมอ


       หลังจากได้รับการดูแลอยู่สองสามวัน สุขภาพของเด็กๆ ที่ถูกทอดทิ้งก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นและโรงหมอก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เด็ก ๆ ได้รับการรักษา แต่ปัญหาอื่นๆ ก็กำลังตามมา


       เด็กๆ เหล่านี้ที่ถูกทอดทิ้งเป็นเด็กจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังจึงมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวหวางเย่จะดูแลพวกเขาต่อไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเขาได้ แต่พวกเขากลัวว่าฮ่องเต้จะใช้เรื่องนี้เพื่อสร้างปัญหาให้กับเสี่ยวหวางเย่


       มันเป็นเหมือนกับการที่แมวกำลังล้อเล่นกับหนู แต่หนูกลับไม่ชอบเหตุการณ์ที่มีเสียงดังแบบนี้ เสี่ยวเทียนเหยา สามารถจัดการกับเด็กๆ เหล่านี้ได้ แต่เด็ก ๆ ที่ถูกทอดทิ้งคนอื่น ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง จากสถานที่อื่น ๆ ล่ะ?


       มีสถานที่อื่นๆ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังอยู่อีกนับร้อยแห่ง ทั่วแคว้นตะวันออก ใครจะรู้ว่ามีเด็กที่ถูกทอดทิ้งอีกกี่คน? เสี่ยวหวางเย่จะดูแลพวกเขาทั้งหมดได้หรือ?


       นั่นคือสิ่งที่อีกฝ่ายจะต้องมุ่งเป้าไปที่มัน สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการกล่าวหาว่าเสี่ยวหวางเย่ไม่มีความยุติธรรมและทำให้เขาดูเป็นคนหน้าซื่อใจคด ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่จะสามารถเผชิญหน้ากับมันได้หรือ?


       ตำหนักเสี่ยวหวางฟู่มีเงิน แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ทุกแห่ง พวกเขาไม่มีความร่ำรวยที่สามารถเปรียบเทียบได้กับคลังของวังหลวง และเมื่อเป็นเช่นนั้นตำหนักเสี่ยวหวางฟู่จะล้มเลวในการสนับสนุนพวกเขา

*

       เมื่อเห็นว่าเด็กที่ถูกทอดทิ้งส่วนใหญ่ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว ผู้ดูแลโรงหมอก็ถามขึ้น“ หวางเฟย ท่านวางแผนที่จะจัดการกับเด็กๆ เหล่านี้อย่างไรเมื่อพวกเขาฟื้นตัวเต็มที่แล้ว”


“หวางเย่ พูดว่าอย่างไร?” หลิน ชูจิ่ว ก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน แต่เธอไม่สามารถคิดอะไรออกเลย


       เรื่องแบบนี้ควรจะเป็นราชสำนักที่จะต้องตัดสินใจ และกำลังของเธอก็ จำกัดมาก


“หวางเย่กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นธุระของหวางเฟย ดังนั้นหวางเฟย จึงมีอำนาจเต็มที่ในการดูแลเรื่องนี้ขอรับ” ผู้ดูแลโรงหมอพูดขึ้นอย่างขมขื่น


       แน่นอน เขาถามความคิดเห็นของพ่อบ้านเฮ้าและเสี่ยวหวางเย่มาแล้ว ก่อนที่เขาจะกล้าพูดคำเหล่านั้นกับ หลิน ชูจิ่ว


“ข้าเป็นผู้รับผิดชอบอย่างเต็มที่หรือ?” เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แล้วเสี่ยวเทียนเหยา ทำแบบนี้ได้อย่างไร?


       หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถเข้าใจเสี่ยวเทียนเหยาเลย สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ทำไมเขาถึงมักจะผลักเธอออกไปอยู่เสมอ เมื่อเธอคิดว่าเสี่ยวเทียนเหยา ชอบเธอ


       เมื่อวานนี้เองที่เขาบอกว่าเธอควรจำไว้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขา ดังนั้นทำไมวันนี้เขาจึงปล่อยให้เธอรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่คนเดียว?


       มีก้อนหินก้อนใหญ่ที่กดอยู่บนหัวใจของหลิน ชูจิ่ว แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะแสดงมันบนพื้นผิวหน้าของเธอ เธอพยักหน้าให้กับผู้ดูแลโรงหมอและบอกว่าเธอรู้แล้ว


       หลิน ชูจิ่ว นั่งอยู่ในห้องโถงหลักเป็นเวลานาน เธอไม่เข้าใจเสี่ยวเทียนเหยา เธอรู้สึกว่าเธอต้องการพูดคุยกับเขาอย่างจริงจัง


       มีหมอคนอื่น ๆ อยู่ในโรงหมอ โดยทั่วไปแล้ว หลิน ชูจิ่ว จึงไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่าง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจกลับไปหาเสี่ยวเทียนเหยาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ แต่เธอก็ต้องการเข้าใจทัศนคติของเขาที่มีต่อเธอ เธอไม่ต้องการที่จะจบลงในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างเช่นครั้งที่แล้วและได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง


       หลิน ชูจิ่ว เรียกพ่อบ้านเฮ้า และให้เขาเตรียมรถม้า แต่เมื่อเธอกำลังจะเข้าไป หญิงสาวคนหนึ่งก็วิ่งเข้าหาเธอแล้วตะโกนออกมาจากที่ไกลๆ“ คุณหนู …คุณหนู…บ่าวเป็นคนรับใช้ของตระกูลเหมิ่งเจ้าค่ะ”


       จากระยะไกลๆ สาวรับใช้ที่ตะโกนถูกทหารของเสี่ยวหวางฟู่หยุดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลังจากที่นางพูดคำเหล่านั้นออกมา นางก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวจากพวกเขา ทหารคุ้มกันยังคงรอคำสั่งของ หลิน ชูจิ่ว


       หลิน ชูจิ่ว หยุดและหันกลับมาแล้วพูดขึ้น“เจ้าเป็นคนรับใช้ของตระกูล เหมิ่งหรือ? เกิดอะไรขึ้น”


       หญิงสาวคนนั้นคำนับอยู่บนพื้นและพูดอย่างรีบร้อนขึ้น“ คุณหนู ฮูหยินชราล้มป่วย บ่าวไปที่ตำหนักเเสี่ยวหวางฟู่ แต่เมื่อบ่าวได้ยินว่าคุณหนูอยู่ที่นี่ บ่าวจึงรีบมาที่นี่เจ้าค่ะ”


“ท่านยายของข้าป่วยหรือ” สีหน้าของหลิน ชูจิ่วเปลี่ยนไปทันที จากนั้นเธอก็ถามอย่างประหม่าขึ้น“ เกิดอะไรขึ้น” 

 

 


ตอนที่ 278.2

 

“ บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ บ่าวรู้แค่ว่าจู่ๆ ฮูหยินชราก็หมดสติไป จากนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งของฮูหยินชราก็ขยับไม่ได้เจ้าค่ะ”หญิงสาววิ่งมาตลอดทางดังนั้นนางจึงหอบ


       หลิน ชูจิ่ว หันไปหาคนรับรถม้าและพูดขึ้น“ ไปที่จวนกั่วกงฟู”


       เนื่องจากได้ฟังอาการของฮูหยินชรา หลิน ชูจิ่ว จึงช่วยไม่ได้ที่จะสั่งให้คนรับรถม้าเร่งม้าให้เร็วขึ้น เมื่อคนรับม้าถูกหลิน ชูจิ่วเร่ง เขาก็ตีแส้ของเขาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานพวกเขามาถึงจวนกั่วกงฟู


       เมื่อรถม้าหยุด หลิน ชูจิ่ว ก็รีบกระโดดลงทันที จากนั้นเธอก็รีบเดินออกไป


       หวางเฟย ทำไมท่านถึงได้ทำกิริยาไม่งานเช่นนี้? ท่านไม่กลัวหวางเย่จะทิ้งขว้างท่านเลยหรือ?


*ปัง ปัง ปัง*


       ทหารคุ้มกันของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่เคาะประตูขึ้นเสียงดัง เมื่อผู้คนในตระกูลเหมิ่งที่กำลังรอคอย หลิน ชูจิ่ว อยู่ได้ยินเสียง พวกเขาก็รีบออกมาเปิดประตูทันที


       เมื่อประตูถูกเปิดออก หลิน ชูจิ่ว ก็ก้าวเข้าไปข้างในและรีบพูดขึ้นทันที“ พาข้าไปพบท่านยายของข้า”


       เท้าของ หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้หยุด เธอเดินอย่างรีบร้อนไปที่เรือนของฮูหยินชรา พี่น้องตระกูลเหมิ่งทั้งสามคนและฮูหยินของพวกเราต่างก็รออยู่ในห้องโถงแล้ว ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นหลิน ชูจิ่วเดินเข้ามา ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นราวกับว่าพวกเขาเห็นผู้ช่วยชีวิต พวกเขาไม่ได้รีบรออีกต่อไป ก่อนจะรีบเดินมาข้างหน้าแล้วพูดขึ้น “ชูจิ่วเร็วเข้าท่านแม่กำลังรอเจ้าอยู่”


“เจ้าค่ะท่านลุง” หลิน ชูจิ่วไม่แม้แต่จะแสดงความเคารพ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องทันที


ข้างในห้องนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นยา นอกจากหญิงชราแล้วก็ยังมีแม่นมอยู่อีกคน เมื่อแม่นมเห็นหลิน ชูจิ่วเดินเข้ามา แม่นมก็ทักทายหลิน ชูจิ่วขึ้นทันที“ คุณหนู ฮูหยินชรากำลังรอท่านอยู่”


“ท่านยาย เกิดอะไรขึ้น?” หลิน ชูจิ่วก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าอยู่ต่อหน้าฮูหยินชรา แล้วเวลาไม่นานผลการวินิจฉัยจากระบบการแพทย์ก็ออกมา: โรคหลอดเลือดอุดตัน


       โรคหลอดเลือดอุดตัน ผู้ป่วยจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่จะไม่ตาย


“ ท่านยาย…” น้ำตาของหลิน ชูจิ่วไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้


       สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมจู่ๆ ฮูหยินชราถึงได้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตันขึ้นได้ ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกัน นางยังมีสุขภาพที่ดีมาก……


“ชู…จิ่ว…” ร่างกายครึ่งหนึ่งของฮูหยินชรา ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มีเพียงปากอีกครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่ยังขยับได้ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถคายคำพูดออกมาได้อย่างสมบูรณ์ และทุกครั้งที่นางจะอ้าปากน้ำลายของนางก็จะไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง


“ ท่านยาย ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าอยู่นี่ ท่านจงทำใจให้สบาย ข้าจะรักษาท่านเอง ” ครั้งแรกที่หลิน ชูจิ่วรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในยุคนี้มันเป็นเพราะหญิงชราคนนี้


       หญิงชราผู้นี้มอบความรักที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวและไม่มีเงื่อนไขใดๆ ให้กับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทนหาผลประโยชน์จากนางและคำนวณถึงแต่ผลได้ เมื่อเห็นว่าหญิงชรานอนอยู่บนเตียงแบบนี้ หลิน ชูจิ่วก็รู้สึกเศร้ามาก


“กล่องยาของข้า ข้าจะกลับไปเอากล่องยาของข้า ท่านยายรอข้าอยู่ที่นี่ ก่อน” หลิน ชูจิ่วปล่อยมือของฮูหยินชราและกำลังจะออกไปข้างนอก แต่ฮูหยินชราก็ปฏิเสธที่จะปล่อยเธอไป


“ อ่า…อ่า…” ฮูหยินชราเปิดปาก แต่นางก็ไม่สามารถคายคำพูดแม้แต่คำเดียวออกมาได้ ดังนั้นนางจึงมองไปที่แม่นมแทน


       แม่นมคือคนสนิทของฮูหยินชรา นางจึงสามารถเข้าใจฮูหยินชราได้เพียงแค่มองตากัน ดังนั้นนางจึงพยักหน้าแล้วหันไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะหยิบกล่อนที่อยู่ข้างในออกมา


       ฮูหยินชรากะพริบตาแล้วแม่นมก็ส่งกล่องให้ หลิน ชูจิ่ว“คุณหนู นี่คือสิ่งที่คุณหนูใหญ่ทิ้งไว้ให้กับท่าน มันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ฮูหยินชราต้องการจะมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่านเมื่อหนึ่งร้อยปีผ่านไปแล้วเท่านั้น แต่ฮูหยินชราก็มาล้มป่วยในวันนี้ ฮูหยินชรากลัวว่านางจะไม่สามารถทนต่อโรคภัยของนางได้ นางจึงวิตกกังวลและอยากจะมอบมันให้กับท่าน”


“ท่านแม่ทิ้งบ้างอย่างไว้ให้ข้าด้วยหรือ?” หลิน ชูจิ่วรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ความประหลาดใจนี้ก็มาพร้อมกับความไม่สบายใจ


       อะไรคือสิ่งที่หญิงชราต้องการจะมอบให้เธอหลังจากผ่านไปแล้วถึงหนึ่งร้อยปี?

 

 

 


ตอนที่ 279.1

 

   เมื่อฮูหยินชราได้มอบกล่องให้ หลิน ชูจิ่ว แล้ว นางก็ดูโล่งใจมาก มือของนางที่กำลังคว้าเสื้อของ หลิน ชูจิ่ว นั้นคลายออก แต่นางยังคงกระพริบตาอยู่


       เมื่อแม่นมเข้าใจฮูหยินชรา นางก็พูดกับหลิน ชูจิ่วว่ามันความหมายว่าอย่างไร“ คุณหนู ฮูหยินชราขอให้ท่านนำสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา”


       ตอนนี้ตระกูลเหมิ่งต่างก็เต็มไปด้วยโกลาหลและความกังวล ฮูหยินชราก็มาล้มป่วยลง หลิน ชูจิ่ว รู้สึกละอายใจที่จะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับกล่อง ผู้คนที่อยู่ข้างนอกอาจคิดว่าเธอเอาข้าวของของฮูหยินชราไป


       ในขณะนี้ฮูหยินชราเองก็คิดแทนหลิน ชูจิ่ว อยู่


“ได้” หลิน ชูจิ่ว ต้องการจะรักษาหญิงชราก่อน แต่เธอไม่สามารถปัดความเมตตาของแม่นมออกไปได้


       มีแม่กุญแจติดอยู่บนกล่อง แล้วแม่นมก็หยิบลูกกุญแจออกมาจากคอของของฮูหยินชรา และส่งมอบให้กับ หลิน ชูจิ่ว


*คลิก*


       เมื่อเปิดกล่องออก เธอก็เห็นตราประทับสีเข้มและตัวอักษรสีเหลือง จดหมายดูเหมือนจะถูกเขียนขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน


       ตราประทับแทบจะไม่สามารถมองออกได้อีกต่อไป แต่มันมีขนาดเท่าฝ่ามือและค่อนข้างหนัก ด้านหน้าของตราประทับถูกแกะสลักด้วยคำว่า “หลิน” ในขณะที่ด้านตรงข้ามถูกแกะสลักด้วยดอกไม้จำพวกหนึ่งที่หลิน ชูจิ่วไม่รู้จัก


       ที่ปิดผนึกจดหมายนั้นถูกทำขึ้นจากน้ำตาเทียน ดังนั้นเมื่อเห็นแวบแรกก็รู้ว่ามันไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อน ข้างหน้าตัวอักษรมีคำเขียนเอาไว้ว่า”ถึงลูกของข้า ชูจิ่ว จากบิดาและมารดาของเจ้า” ด้วยลายมือจะเห็นได้ว่าผู้เขียนนั้นเป็นผู้หญิง


       หลิน ชูจิ่ว ไม่รีบเร่งที่จะเปิดจดหมาย หลังจากรับตราประทับและจดหมายมาแล้ว เธอก็ออกไปข้างนอกห้องเพื่อเอากล่องยาของเธอ


       อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอออกมา เธอก็ถูกพี่น้องของตระกูลเหมิ่งทั้งสามคนและฮูหยินของพวกเขาหยุดเอาไว้


“ ชูจิ่ว ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” นี่คือสิ่งที่พี่น้องทั้งสามของตระกูลเหมิ่งเป็นห่วง


“ ชูจิ่ว ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าต้องช่วย……” ในทางกลับกันนี้คือสิ่งที่ฮูหยินทั้งสองของตระกูลเหมิ่งพูด แต่พวกนางก็ถูกขัดจังหวะโดย เหมิ่ง ซื่อ“ ให้พวกเราถามสถานการณ์ของท่านแม่ก่อน”


“ สถานการณ์ของท่านยายแย่มาก ข้าจะไปเอากล่องยา” หลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้


       เหมิ่ง ซื่อต้องการให้คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆเขาไปเอา แต่หลิน ชูจิ่วตรงไปข้างหน้าแล้วเข้าไปในรถม้าด้วยตัวเอง


       หลังจากปิดประตูและหน้าต่าง หลิน ชูจิ่ว ก็ได้นำยารักษาโรคหลอดเลือดสมองอุดตันออกมาจากในระบบการแพทย์ จากนั้นเธอก็วางไว้ในกล่องยาของเธอ


       ใบหน้าของหลิน ชูจิ่ว ดูเย็นชาในขณะที่เธอออกมา ร่างกายของเธอก็เปล่งบรรยากาศเยือกเย็นออกมา ดังนั้นเมื่อเธอกลับมาจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเธอ


       ในสมัยปัจจุบัน กรณีของโรคหลอดเลือดสมองอุดตันยังคงรักษาได้ยาก หลิน ชูจิ่ว ทำได้แค่ทำให้หญิงชรารู้สึกสบายขึ้นเท่านั้น


       หลังจากให้ยาแก่หญิงชราแล้ว หลิน ชูจิ่วก็รู้สึกว่าหญิงชราดูดีมากขึ้นและอารมณ์ของนางก็ค่อนข้างดี


       และหลังจากที่หญิงชราดื่มซุปโสมแล้ว หลิน ชูจิ่วก็ฉีดยากล่อมประสาทให้นาง เธอต้องการให้ฮูหยินชรานอนหลับและพักผ่อน จากนั้นเธอก็บอกให้แม่นมดูแลหญิงชราดีๆ


“ ชูจิ่ว ท่านแม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” นอกห้องพี่น้องตระกูลเหมิ่งทั้งสามคนกับฮูหยินของพวกเขากำลังรออยู่


       หลิน ชูจิ่ว คนที่ดูเหนื่อยมากพูดขึ้น“ สภาพของท่านยายคงตัวแล้ว แต่ข้าเกรงว่าท่านยายคงจะต้องนอนอยู่แต่บนเตียงเท่านั้น”


       สายตาของพี่น้องตระกูลเหมิ่งกลายเป็นสีแดง แต่พวกเขาก็รู้ถึงสถานการณ์ของนางมาก่อนแล้ว ดังนั้นหลังจากฟังครั้งที่สอง พวกเขาจึงไม่ได้เศร้าขนาดนั้น พวกเขาเพียงแค่พูดขึ้น“ท่านแม่ไม่เป็นไรแล้ว”


       ไม่เป็นไรหรือ?


       นางจะไม่เป็นไรได้อย่างไร?


ยกเว้นเพียงหัวของนาง นางก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย พวกเจ้าบอกว่านี้ไม่เป็นไรหรือ?

 

 

 


ตอนที่ 279.2

 

  อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดคำเหล่านั้น หลิน ชูจิ่ว เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเธอ แล้วถามขึ้น: “ทำไมจู่ๆ ท่านยายถึงมีอาการชัก? เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเธอเห็นฮูหยินชราครั้งสุดท้ายนางก็ดูแข็งแรงดี นางไม่ได้แสดงอาการของโรคหลอดเลือดสมองอุดตันเลยแม้แต่น้อย


       เมื่อ หลิน ชูจิ่ว พูดจบแล้วน้ำตาของฮูหยินสามก็ไหลลงมา “ ชูจิ่ว ท่านแม่ ท่านแม่……” ฮูหยินสาม ไม่สามารถส่งเสียงที่ชัดเจนหรือพูดประโยคที่สมบูรณ์ออกมาได้


       หลิน ชูจิ่ว ไม่เข้าใจสถานการณ์ในทันที แต่เธอก็แน่ใจว่ามันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่“ ในที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”


“ ลูกพี่ลูกน้องของเจ้า…….” ฮูหยินสามกล่าวว่าเป็นการเปิดประเด็น ในขณะที่สะอื้น ในทางตรงกันข้ามฮูหยินรองก็ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของสามีของนาง ฮูหยินใหญ่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นกระบอก และพี่น้องตระกูลเหมิ่งทั้งสามคนต่างก็มีใบหน้าที่ดูเหมือนพวกเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง


“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” หลิน ชูจิ่วถามอีกครั้ง ฮูหยินใหญ่ กัดริมฝีปากของนาง ก่อนจะส่ายหัวอย่างมั่นคง แล้วพูดขึ้น“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยามนี้ก็เนิ่นนานแล้ว เจ้าควรกลับได้แล้ว”


“ ข้าไม่ได้โง่ ในเมื่อทุกคนมีใบหน้าเช่นนี้ แล้วข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ใบหน้าของทุกคนดูเศร้าหมองมาก แล้วจะไม่มีอะไรได้อย่างไร


“ชูจิ่ว ……” ฮูหยินใหญ่ เปิดปากของนาง แต่ก็ถูกฮูหยินสามขัดจังหวะขึ้น“ชูจิ่ว มันมี มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นมากมาย ลูกพี่ลูกน้องคนของเจ้าประสบอุบัติเหตุ พวกเขาต่างก็หายไปหมด”


       ลูกชายของฮูหยินรอง เป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลเหมิ่ง  


       นอกเหนือจากฮูหยินใหญ่ แล้วคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพวกเขาพูดมันออกมา


“ ท่านหมายความว่าอย่างไร ที่บอกว่าพวกเขาหายไปทั้งหมด?” ความคิดชั่วร้ายมากมายนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในใจของหลิน ชูจิ่ว เหมิ่ง ซื่อ พยักหน้าเพื่อยืนยันการคาดเดาของ หลิน ชูจิ่ว จากนั้นก็พูดขึ้น“ มันเหมือนกับสิ่งที่เจ้าคิด พวกเขาถูกลักพาตัว อีกฝ่ายส่งมือของลูกพี่ลูกน้องทั้งสามของเจ้ามาพร้อมกับเครื่องประดับหยกของพวกเขา”


“พวกมันต้องการอะไร?” หลิน ชูจิ่วไม่มีความประทับใจใดๆ กับลูกพี่ลูกน้องทั้งสามของเธอ ดังนั้นแม้ว่าเธอจะดูเป็นกังวล แต่เธอก็สามารถถามคำถามออกมาได้อย่างใจเย็น


“หลังจากสามวัน พวกมันต้องการให้เจ้าไปที่หุบเขาลม เจ้าต้องไปคนเดียว” มันเป็นตัวเลือกระหว่างหลานชายและหลานสาวของตระกูลเหมิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ฮูหยินชราไม่ต้องการให้ หลิน ชูจิ่ว มามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงเตือนบุตรชายทั้งสามของนางว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้กับ หลิน ชูจิ่ว ก่อนที่นางจะหมดสติไป


“ ชูจิ่ว …ช่วยลูกพี่ลูกน้องของเจ้าด้วย ช่วยพวกเขาด้วยเถิด” ฮูหยินรองและฮูหยินสามคุกเข่าลงต่อหน้า หลิน ชูจิ่ว พวกนางรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ผิด แต่… …


       พวกเขาเป็นลูกของพวกนาง


       ฮูหยินใหญ่ ก็อยากจะพูดเช่นกัน แต่เมื่อนางนึกถึงคำพูดของฮูหยินชราก่อนหน้านี้ นางก็เลือกที่จะอดทนแทน


       ฮูหยินชรา บอกนางว่าตอนนี้นางเป็นเสาหลักของครอบครัว ในฐานะเสาหลักนางไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้


“ชูจิ่ว เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา เราจะแก้ปัญหากันเอง” ฮูหยินใหญ่กดความเจ็บปวดในหัวใจของนางลงไปและพูดโดยปราศจากอารมณ์ใดๆ ขึ้น


       หนึ่งในทั้งสามก็มีลูกของนางอยู่ด้วย


       “พี่สะใภ้……” เมื่อฮูหยินรองและฮูหยินสามได้ยินคำพูดของนาง พวกนางก็ยิ่งรู้สึกสิ้นหวัง


       เหตุใดพี่สะใภ้ของพวกนางถึงเป็นเช่นนี้?


“พวกเจ้าลืมสิ่งที่ท่านแม่พูดแล้วหรือ” ดวงตาของฮูหยินใหญ่เต็มไปด้วยน้ำตา แต่นางก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกมันไหลออกมา


       นางจำคำสอนของฮูหยินชราได้ ผู้ชายในตระกูลเหมิ่ง จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในเรือน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้หญิงของตระกูลเหมิ่งที่จะต้องยืนหยัดให้ได้


       ดังนั้นฮูหยินรองและฮูหยินสามจึงรีบปิดปากลงทันที พี่น้องทั้งสามของตระกูลเหมิ่งก็ก้มหัวลงและไม่กล้ามองไปหลิน ชูจิ่ว


       พวกเขาไม่ต้องการให้ หลิน ชูจิ่ว บาดเจ็บ แต่… …


       พวกเขาไม่สามารถคิดถึงวิธีอื่นได้อีกแล้ว!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม