Princess Medical Doctor องค์หญิงแพทย์ผู้เชียวชาญ 268.1-270.2

ตอนที่ 268.1

 

   ซู่ฉาเป็นคนที่ฉลาดและมีระเบียบวินัยมาก เขาไม่ได้พยายามเข้าใกล้โจว เหอ นอกเหนือจากการมองไปที่โจว เหอ ในตอนแรก เขาก็ไม่ได้มองเขาอีกเลย เขายืนอยู่เหมือนไม้และทำในสิ่งที่ผู้ช่วยกำลังทำอยู่จริงๆ


       แล้วโจว เหอ ก็มีความสงบมาก เขารู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหลิน ชูจิ่ว เขายังรู้ด้วยว่าชายผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนเรียบง่ายอย่างที่เห็น แต่เขาไม่รู้ว่าเขามาหาเขาหรือไม่


       โจว เหอ กลัวที่จะแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาไม่ได้เข้าใกล้ซู่ฉา และทำเพียงยืนอยู่นิ่งๆ เหมือนเขาเท่านั้น


       หลิน ชูจิ่ว ให้การรักษาด้วยการฝังเข็มแก่เด็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนยาและหยิบยาที่เธอเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา “ยาสีขาว 3 เม็ด กิน 3 ครั้ง ต่อหนึ่งวัน ยาสีเหลือ 1 เม็ด กิน 3 ครั้งต่อหนึ่งวัน ยาสีฟ้า 2 เม็ด กิน 2 ครั้งต่อหนึ่งวัน”


ยาไม่เหมือนกัน ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงสอนให้โจว เหอให้รู้อย่างชัดเจน โจว เหอ ยึดมั่นในคำแนะนำและเก็บรักษายาไว้ในร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง“ขอบคุณฮูหยินน้อย” หลิน ชูจิ่ว ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของนาง ดังนั้นโจว เหอ จึงไม่กล้าเรียกหลิน ชูจิ่วว่าเสี่ยวหวางเฟย


“ อย่าพูดถึงมันเลย การช่วยชีวิตพวกเจ้าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น” หลิน ชูจิ่วพยักหน้าให้โจว เหอและลูบหัวเด็กชาย“ข้าจะกลับมาอีกครั้งหลังจากสองวันเพื่อดูพวกเจ้า”


“ข้าไม่สบาย พี่สาวจะกลับมา……” เด็กน้อยเริ่มพูด แต่ก็ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามหลังจากรอยแดงและบวมบนใบหน้าของเขาหายไป เขาก็ดูน่ารักและน่าชังมาก


“ อืม พี่สาวจะกลับมา” หลิน ชูจิ่ว ไม่สามารถพูดได้ว่าเธอรักเด็ก แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดเขาเช่นกัน เหตุผลที่เธอดูแลเด็กๆ มากมายในเวลาเดียวกันคือเธอคุ้นเคยกับตอนที่เธอยังเป็นเด็กกำพร้า หลิน ชูจิ่ว เกลียดเด็กที่มีเสียงดัง แต่เธอก็ชอบเด็กที่มีมารยาทดี


       เมื่อโจว เหอ เห็นว่าน้อยชายเริ่มพึ่งพาหลิน ชูจิ่ว เขาก็พูดขึ้น“เซี่ยวรุ่ย ชอบฮูหยินน้อยมาก” มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นเซี่ยวรุ่ยชอบคนผู้หนึ่งได้ขนาดนี้


“เซี่ยวรุ่ยเด็กดี” ชื่อของเด็กนั้นไม่ธรรมดา คนธรรมดาไม่สามารถใช้ชื่อเช่นนี้ได้


       เด็กสองคนซ่อนทักษะการต่อสู้ของพวกเขาได้ค่อนข้างดี ไม่น่าแปลกใจที่คนเหล่านั้นพบกับความล้มเหลวในการค้นหาพวกเขา


“เขาเป็นเด็กดีจริงๆ” ซู่ฉาซึ่งเงียบมานานแล้วในที่สุดก็เปิดปากพูดขึ้น“ ฮูหยิน มังกรและงู กำลังรวมตัวกันอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งนี้ ท่านต้องการที่จะพาเซี่ยวรุ่ยไปอยู่โรงหมอที่เด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง อยู่หรือไม่ขอรับ?”


       หลังจากพูดจบ ซู่ฉา ก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างคนใจกว้าง ในขณะที่มองไปที่โจว เหอ


       หลิน ชูจิ่ว รู้ว่าเป้าหมายของซู่ฉา คือโจว เหอ เธอไม่มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขา แต่แน่นอนว่าเธอก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะขัดขวางเขาเช่นกัน ดังนั้น หลิน ชูจิ่ว จึงโยนปัญหานี้ไปให้โจว เหอในทันที“ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”


“โรงหมอ? โรงหมอที่รองรับเด็กที่ถูกทอดทิ้งจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เช่นนั้นหรือ?” โจว เหอถูกถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ถ้ามันเป็นสถานที่นั้นจริงก็จะปลอดภัยกว่าโรงเตี้ยมแห่งนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวหวางเฟยรู้ถึงตัวตนของพวกเขาหรือไม่


       หากพวกเขารู้ มันจะไม่เป็นเหมือนการจับแกะหรอกหรือ?


“ ใช่ มีเด็กจำนวนมากอยู่ที่นั่นและมีหมอด้วย หากน้องชายของเจ้าอยู่ที่นั่น ฮูหยินน้อยก็ไม่จำเป็นต้องไปๆกลับๆ” ซู่ฉายิ้มขึ้นอย่างอบอุ่น แต่เขาก็ยังไม่สามารถซ่อนธรรมชาติของสุนัขจิ้งจอกของเขาเอาไว้ได้ หลิน ชูจิ่ว ไม่ต้องการเห็นหน้าของซู่ฉา ดังนั้นเธอจึงเก็บของไปอย่างเงียบ ๆ


       โจว เหอ ไม่ได้ให้คำตอบในทันที เขาก้มหัวลงแล้วคิด…


       ซู่ฉาไม่ได้บังคับโจว เหอ หลังจากที่เขาพูดคำพูดของเขาแล้ว เขาก็ยืนอยู่ข้างหลังหลิน ชูจิ่ว พยายามทำตัวให้สงบเข้าไว้ การลักพาตัวเด็กหนุ่มไม่ใช่ธรรมชาติของเขา


       หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัวของเธอแล้วส่งกล่องยาไปให้กับฉิวฉี ที่ยืนอยู่ข้างๆ “เราควรจะไปได้แล้ว”


“ขอรับฮูหยินน้อย” ซู่ฉาตอบอย่างไม่วุ่นวายใจ เขาเพียงแค่พูดกับโจว เหออีกครั้งในขณะที่หลิน ชูจิ่วกำลังจะก้าวออกจากธรณีประตูไป“พวกเจ้าต้องการจะไปด้วยกันหรือไม่? การเปลี่ยนสถานที่จะสะดวกกว่าหากมีรถม้า”



 

 

 


ตอนที่ 268.2

 

“ เรา……” โจว เหอยังคงลังเลอยู่


       เขาเพิ่งค้นพบว่ามีคนกำลังตามหาพวกเขา หากไม่มีบิดาของเขาแล้วพวกเขาทั้งสองจะหนีจากการตามล่าของศัตรูได้อย่างไร ดังนั้น……


       โจว เหอจึงมองไปที่ซู่ฉาและมองไปที่ทิศทางที่หลิน ชูจิ่ว ยืนอยู่ เขายังลังเลอยู่เล็กน้อย


       เขาไม่แน่ใจว่าคนสองคนนี้จะเชื่อถือได้หรือไม่


       เขาไม่รู้ว่านำหนักเสี่ยวหวางฟู่น่ากลัวกว่าฮ่องเต้แคว้นใต้คนปัจจุบันหรือไม่


       เขาไม่รู้ว่าเขาจะเสียใจกับการเลือกของเขาหรือไม่ …


       เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


       โจว เหอกำกำปั้นของเขาแล้วก้มศีรษะลง เพื่อไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอและความไม่สบายใจของเขา


       คนของหลิน ชูจิ่ว ออกไปแล้ว แต่โจว เหอและซู่ฉา ก็ยังคงนิ่งเงียบอยู่ หัวใจของหลิน ชูจิ่ว คาดเดาว่าโจว เหอกลัวที่จะประสบกับปัญหา เขาต้องการไปกับพวกเขา แต่เขาก็เป็นกังวลเช่นกัน


       หลิน ชูจิ่ว ถอนหายใจและหันหลังกลับมา “ถ้าเจ้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง  ตอนนี้เจ้าก็น่าจะรู้ถึงตัวตนของข้าแล้ว การพักรักษาตัวอยู่ในโรงหมอจะปลอดภัยกว่าโรงเตี้ยมแห่งนี้ เพราะมีทหารอยู่ทุกที่ เจ้าและเซี่ยวรุ่ยสามารถไปจากสถานที่แห่งนั้นได้ทุกเวลา ข้าสัญญากับเจ้าว่าจะไม่มีใครหยุดเจ้าได้”


“ฮูหยิน…ไม่ใช่ เสี่ยวหวางเฟย ท่านกำลังพูดความจริงหรือ?” ดวงตาของโจว เหอสว่างขึ้นและจ้องมองไปที่หลิน ชูจิ่ว ดูเหมือนจะตัดสินว่านางพูดความจริงหรือไม่


“ข้าไม่มีเหตุผลที่จะโกหกเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าและเซี่ยวรุ่ยไม่ใช่คนธรรมดา แต่ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร การรักษาพวกเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวตนของพวกเจ้า ชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเขาคือคนของตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ แต่ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อเขาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้า” หลังจากที่เธอพูดจบ หลิน ชูจิ่วก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมา ทหารคุ้มกันที่อยู่นอกห้องไม่ได้จากไป พวกเขาทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบฟัง


“ เจ้าก็ได้ยินคำพูดของหวางเฟยแล้ว นางไม่รู้จริงๆว่าพวกเจ้าเป็นใคร การรักษาพวกเจ้าก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ข้าแค่ตรวจสอบพวกเจ้าสองคนเพราะหวางเฟยของเรากำลังดูแลพวกเจ้าอยู่ ข้าจึงต้องตรวจสอบเล็กน้อย” เมื่อหลิน ชูจิ่วเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขาแล้ว ซู่ฉาก็ไม่รู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย เขากลับไปนั่งบนเก้าอี้แล้วพูดขึ้นช้าๆ


“ท่านวางแผนที่จะทำอะไร” โจว เหอยืนเฝ้าอยู่หน้าเตียงกลัวว่าซู่ฉาจะทำร้ายเซี่ยวรุ่ย


“ข้าวางแผนที่จะทำอะไรหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถช่วยเด็กคนนั้นได้จริงๆหรือ? เจ้าควรจะดีใจที่ได้พบกับหวางเฟยของเรา มิฉะนั้นตอนนี้เจ้าคงจะอยู่ในน้ำมือขององค์ชายห้า หนาน นู๋หลี่ไปแล้ว” ตอนนี้แคว้นทางใต้ส่งองค์ชายห้ามาเพื่อตามหาพวกเขา แล้วโจว เหอจะยังสามารถที่จะซ่อนตัวอยู่ได้หรือ?


“ หนาน นู๋หลี่หรือ? เขามาที่แคว้นตะวันออกจริงๆ หรือ?” สีหน้าของโจว เหอเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหันกลับมาและกอดเซี่ยวรุ่ยเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที


“ พี่ชาย ข้าเจ็บ…” เซี่ยวรุ่ยซึ่งยังเด็ก ยังไม่เข้าใจอะไรแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือเขาอึดอัดมาก


“เซี่ยวรุ่ย พี่ชายไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเจ้า เราต้องไปจากที่นี่แล้ว” หัวใจของโจว เหอกระโดดขึ้น แม้ว่าเขาจะกดความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ แต่เขาก็ยังทำให้เซี่ยวรุ่ยเจ็บอยู่เล็กน้อย


“เจ้าไม่สามารถหนีไปได้ หนาน นู๋หลี่นั้นอยู่ในเมืองหลวงแล้ว หากข้าไม่ได้ช่วยพวกเจ้าอยู่ในเงามืด เขาคงจะได้พบพวกเจ้าแล้ว” ซู่ฉายืนขึ้น แต่เขาไม่ได้ขวางทางของโจว เหอ


       เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะไปกับเขา เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่น


“ท่านต้องการให้ข้าทำอะไร” โจว เหอรู้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ได้หากเขาพึ่งความสามารถของเขาเอง ดังนั้นหากมีความหวังเขาจะไม่ปล่อยมันไป


       เซี่ยวรุ่ยเป็นสายเลือดสุดท้ายของราชวงศ์เซี่ยว เขาต้องทำให้เขาปลอดภัย


“ข้าต้องการให้เจ้าทำอะไรอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเด็กตัวเล็ก ๆ สองคนอย่างพวกเจ้าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง? ถ้าหวางเฟยของเราไม่ช่วยพวกเจ้าเอาไว้ ข้าก็คงจะไม่มาพบพวกเจ้าสองคน”


       หลังจากซู่ฉาพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอก เขาไม่ได้รอ โจว เหอด้วยซ้ำ ……

 

 

 


ตอนที่ 269.1

 

  โจว เหอ ประสบกับหลายสิ่งหลายอย่างในสองปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเหตุผลที่เขากลายเป็นคนที่ระมัดระวังอย่างมาก จิตใจของเขามีความมั่นคงและเป็นผู้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นๆ แต่ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเขายังเด็ก ดังนั้นต่อหน้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าอย่างซู่ฉาเขาจึงไม่มีโอกาสชนะ


       ในที่สุดก็ไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โจว เหอ เลือกที่จะออกเดินทางไปกับซู่ฉา และพักอยู่ในโรงหมอที่พวกเขากำลังจะไปซึ่งเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและเงียบสงบ


       เกี่ยวกับเรื่องนี้หลิน ชูจิ่วไม่ได้พูดอะไรอีก โจว เหอ ดูแลเซี่ยวรุ่ยเป็นอย่างดี ในขณะที่หลิน ชูจิ่วมองดูเด็กทั้งสอง


“ขอบคุณฮูหยิน” โจว เหอ ผู้ที่อุ้มเซี่ยวรุ่ยหดตัวอยู่อีกมุมหนึ่งของรถม้า


       เขาควรจะขอบคุณ หลิน ชูจิ่ว ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ซู่ฉาจะไม่ใช้วิธีอ่อนโยนเช่นนี้ เซียวหวางเย่จะไม่ใส่ใจที่จะปกป้องพวกเขา ท้ายที่สุดการส่งพวกเขาไปยังศัตรูนั้นมีประโยชน์มากกว่า


“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”หลิน ชูจิ่วส่ายหัวของเธอแล้วจ้องมองไปที่เซี่ยวรุ่ย ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย หลิน ชูจิ่วช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจหลังจากมองดูเขา


       เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอโชคดีหรือไม่ แต่เธอพบกับบุคคลที่ไม่ธรรมดามากมายเมื่อใดก็ตามที่เธอช่วยผู้ป่วยเอาไว้


       แม้ว่าเขาจะเลือกที่จะไปกับซู่ฉา แต่โจว เหอก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่ เขาไม่สบายใจมากเขาจึงอุ้มเซี่ยวรุ่ยเอาไว้ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่พูดอะไรอีก ตรงกันข้ามเซี่ยวรุ่ยกลับเอาแต่มองหลิน จิ่วซู่เท่านั้น


ในไม่ช้ารถม้าก็เข้าถึงที่โรงหมอ หลิน ชูจิ่วกล่าวอำลากับเซี่ยวรุ่ย จากนั้นเธอก็หยิบกล่องยาของเธอแล้วจากไปพร้อมกับซู่ฉา ที่ตามหลังมา


“ท่านยังต้องการที่จะตามข้าอยู่อีกหรือ” งานของเขายังไม่เสร็จอีกหรือ


“ถ้าข้าจากไปครึ่งทาง พวกเขาจะสงสัยมากขึ้นไปอีก” ซู่ฉารู้สึกเหมือนเขาเป็นคนใจดีมากกับการทำงานของเขาในวันนี้ นั่นเป็นสาเหตุที่หวางเฟย ของพวกเขาไม่ควรโกรธ ใช่ไหม


“ โอ้……” หลิน ชูจิ่วเพียงแค่พูดขึ้นสั้นๆ ก่อนจะเข้าไปข้างใน


       อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจซู่ฉายังคงถามขึ้น“ หวางเฟย ท่านโกรธหรือไม่?” ถ้าเขาทำให้หวางเฟยโกรธ เสี่ยวเทียนเหยา จะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน


“ข้าไม่โกรธ” หลิน ชูจิ่ว ไม่โกรธจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เสี่ยวเทียนเหยาไว้หน้าของเธอเพียงพอแล้ว


       ด้วยความสามารถของเสี่ยวเทียนเหยา มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะพาตัวของโจว เหอและเซี่ยวรุ่ย ไปอย่างลับ ๆ ดังนั้นดูเหมือนว่าเสี่ยวเทียนเหยา จะกำลังบอกให้เธอรู้ว่านี่เป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่


       เมื่อค่ำคืนมาถึง เธอจะต้องให้รางวัลกับเขา!


       เมื่อพูดถึงเรื่องรางวัล หลิน ชูจิ่วก็ช่วยไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องจูบเมื่อคืนนี้


       เมื่อคิดถึงว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาจูบกันอย่างไร ใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มขึ้น มันจะดีมากถ้าพวกเขาทำอย่างนี้ต่อไป


       พวกเขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พวกเขาสามารถทำมันไปช้าๆได้ …


       ซู่ฉาซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างหลังมองดูรอยยิ้มบนในหน้าที่เยือกเย็นของหลิน ชูจิ่ว เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาก็ช่วยไม่ได้ที่จะส่ายหัว : ผู้หญิงมีความไม่แน่นอนเช่นเคย


       เมื่อหลิน ชูจิ่วเข้าไปในโรงหมอก็มีคนรีบมาหาเธอทันที“หวางเฟยเด็กบนเตียงที่17 ริมฝีปากของเขามีเลือดออก หมอคนอื่นๆ ไม่กล้ารักษาเขา โปรดรีบไปตรวจสอบสภาพของเขาด้วยขอรับ”


       เด็กบนเตียงที่17 เพิ่งได้รับการผ่าตัด เด็กๆ เหล่านี้ไม่มีชื่อ ดังนั้นหลิน ชูจิ่ว จึงทำได้เพียงใช้หมายเลขแทนตัวพวกเขาได้เท่านั้น


“ได้ ข้าจะไปดูเขาเดี๋ยวนี้” เมื่อพูดถึงงาน หลิน ชูจิ่วก็มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้นทันที เมื่อเห็นสิ่งนี้ซู่ฉาก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกงงงวย หวางเฟยเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนที่เขารู้ว่าสามารถเปลี่ยนสีหน้าของพวกนางได้ในทันทันใด


       ในขณะที่ซู่ฉายังคงงงงันอยู่นั้น หลิน ชูจิ่วก็เดินเข้าไปในห้องอีกห้อง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างมือ เธอหยิบยาใส่เข้าไปในกล่องยาแล้วไปที่แผนกผู้ป่วยทันที


       เมื่อซู่ฉาได้สติอีกครั้ง เขาก็เดินตามนางไป แต่เขาก็ถูกเด็กรับใช้หยุดเอาไว้“ หวางเฟย บอกว่า ท่านต้องสวมเสื้อผ้าที่สะอาดก่อนเข้าไปในห้องก่อนเจ้าค่ะคุณชาย”


       แม้ว่าซู่ฉาจะนั่งในรถม้ามาตลอดทาง แต่เสื้อผ้าและรองเท้าของเขาก็โดยฝุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นมันจึงถือว่าไม่สะอาด

 

 

 


ตอนที่ 269.2

 

“ มีเสื้อผ้าใหม่และรองเท้าใหม่ที่ข้าสามารถใส่ได้หรือ?” ซู่ฉาเห็นด้วย แต่ก็ถามถึงแต่ของใหม่ๆ!


       เขาเป็นคุณชายหนุ่ม เขาไม่เคยต้องสวมเสื้อผ้าที่คนอื่นใช้แล้วมาก่อน


“มีเสื้อคลุมและรองเท้าที่ท่านสามารถใส่ทับเสื้อผ้าด้านในได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวพาซู่ฉาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เมื่อเขากลับมา หลิน ชูจิ่ว ก็จัดการบาดแผลของเด็กเสร็จแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องกินความสูญเสียอีกครั้ง


       มันเรื่องบ้าอะไรกัน!


       ซู่ฉารู้สึกเหมือนปีนี้มันไม่ใช่ปีของเขา เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว?


       เขาต้องพลาดกับมันทุกครั้ง …


“ดูแลเอาใจใส่เขาเป็นพิเศษในตอนกลางคืน อย่าปล่อยให้เขาได้รับบาดเจ็บอีก หากเจ้าไม่สามารถเฝ้าดูเขาได้ตลอดเวลา ก็ลองมัดมือของเขาเอาไว้ “หลิน ชูจิ่ว พูดพร้อมกับบรรจุสิ่งของของเธอ


“เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบ หลังจากพบว่าเด็กบาดเจ็บก็ไม่มีใครอยากดูแลเด็กอีกเนื่องจากความกลัว พวกเขากลัวที่จะถูกลงโทษ แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจะได้รับเพียงการตำหนิเท่านั้น?


“ ให้ความสำคัญกับเขาเป็นพิเศษ ข้าจะไปเปลี่ยนยาของเด็กคนอื่น ๆ ” หลิน ชูจิ่วไม่ได้อยู่ในกุมารเวชศาสตร์นานแล้ว เธอรู้ดีว่าการดูแลเด็กนั้นยากกว่าการดูแลผู้ใหญ่ มีคนไม่มากที่ชอบทำงานในโรงพยาบาล ดังนั้นความประมาทจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้


       หลังจากเปลี่ยนยาให้กับเด็กๆ แล้ว หลิน ชูจิ่วก็วัดอุณหภูมิร่างกายของเด็ก ๆ และตรวจสอบความคืบหน้าของการรักษาบาดแผล สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่ หลิน ชูจิ่ว ทำเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ซู่ฉาตามติดหลิน ชูจิ่ว ไปทุกแห่ง ตอนแรกๆ เขาก็สนุก แต่หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเบื่อ


       หลังจากเดินกลับไปกลับมา ได้ลงมืออะไรเพียงเล็กน้อยและเรียนรู้สองสามอย่าง ชีวิตแบบนี้ไม่น่าสนใจสำหรับซู่ฉา ผู้ที่เผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาเสียส่วนใหญ่ เขาจึงพบว่ามันน่าเบื่อมาก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าความอดทนของหวางเฟยนั้นมีมากแค่ไหน  


       อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าสิ่งต่าง ๆ ที่หวางเฟย เขียนนั้นน่าสนใจ ทุกสถานการณ์ถูกเขียนลงไปบนกระดาษ สถานการณ์เมื่อวานและของวันนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะสับสน


       บางที ถ้าเขาจดบันทึกแบบนี้เกี่ยวกับการทำงานของพวกเขาในแต่ละงานและความก้าวหน้าของความแข็งแกร่งของคนของเขา เขาจะสามารถมอบหมายงานที่เหมาะสมให้กับความสามารถของพวกเขาได้มากขึ้น ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะลดความผิดพลาดลงและจะสะดวกกว่าในการจัดส่งคนออกไป


       เขาต้องไปพบเสี่ยวเทียนเหยา ในเย็นวันนี้!


       ด้วยความรู้ที่ได้รับมานั้นไม่น้อยเลยทำให้ซู่ฉาอารมณ์ดี หากก่อนหน้านี้เขาหดหู่ใจแต่ตอนนี้เขาถึงขนาดต้องการอาสาที่จะช่วย


“ท่านหรือ? ไม่ได้ ข้ามีการผ่าตัดในบ่ายวันนี้ ท่านไม่สามารถช่วยข้าได้ “หลิน ชูจิ่ว รู้ดีว่าซู่ฉา ต้องการติดตามเธอทั้งวัน เธอไม่ได้ต่อต้านแนวคิดนี้ แต่เธอจะใช้ยาตะวันตกในการผ่าตัด แต่ยาในโรงหมอกลับเป็นยาจีนทั้งหมด


       แน่นอนว่ายาเหล่านั้นไม่ใช่ใบสั่งยาของเธอ สิ่งเหล่านี้ถูกกำหนดโดยหมอที่จ้างมาโดยส่วนตัวของเสี่ยวเทียนเหยา เธอมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการแพทย์แผนตะวันตกและจีน แต่การใช้ยาจีนในการผ่าตัดนั้นแน่นอน……มันต้องเป็นเรื่องตลกมาก!


“ผ่าตัด? มันคืออะไรหรือ?” ดวงตาของซู่ฉาเปล่งประกายสดใสขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าการผ่าตัดแบบนี้น่าสนใจกว่าตอนเช้าของวันนี้มาก บางทีคราวนี้ความปรารถนาของเขาที่จะได้เห็นว่าหลิน ชูจิ่ว ให้การรักษาที่น่าอัศจรรย์แก่ผู้คนได้อย่างไรจะเป็นจริงแล้ว


“ข้าจะตัดต่อริมฝีปากกระต่ายเท่านั้น ไม่ใช่ว่าท่านได้เห็นมาแล้วคนหนึ่งเมื่อเช้านี้หรือ?” หลิน ชูจิ่วไม่ต้องการอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม


       ซู่ฉาไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงต้องการเข้าร่วมความสนุก“ขอข้าดูได้หรือไม่?”


“ไม่ได้!”หลิน ชูจิ่ว ส่ายหัวอย่างแน่วแน่ จากนั้นเธอก็ดึงรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะไม่ยิ้มออกมา เธอไม่ได้รอให้ซู่ฉาเปิดปากของเขาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังและจากไปทันที


       ในเวลาเดียวกันฮ่องเต้ ผู้เพิ่งจะเสร็จสิ้นการประชุมก็ได้มาหารือเพิ่มเติมกับเสี่ยวเทียนเหยาตามลำพัง หลังจากที่ฮ่องเต้พูดจบเสี่ยวเทียนเหยาก็ตอบกลับด้วยคำเพียงคำเดียว”แล้วแต่ท่าน!”


       หลังจากนั้น เขาก็หันหลังและจากไป การกระทำของเขาเหมือนกับหลิน ชูจิ่วไม่มีผิด!

 

 

 


ตอนที่ 270.1

 

 เหตุผลที่เสี่ยวเทียนเหยาจากไปตั้งแต่เช้าก็คือการพูดคุยเกี่ยวกับมือสังหารที่พยายามทำร้ายหลิน ชูจิ่ว


       ศาลยุติธรรมพบเบาะแสบางอย่าง แต่เบาะแสนั้นไม่สมบูรณ์สำหรับเสี่ยวเทียนเหยา


       ศาลยุติธรรมให้คำตอบกับเสี่ยวเทียนเหยาว่า พวกเขาพบว่ามันเกี่ยวข้องกับคนที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง จุดประสงค์ไม่เพียงแต่ต้องการจะหยุดเสี่ยวเทียนเหยาในการเจาะลึกลงไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังเท่านั้น แต่ยังเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เพียง แต่พบกับความล้มเหลวสำหรับเป้าหมายของพวกเขา แต่ยังทำให้กลุ่มของพวกเขาเป็นที่สะดุดตายิ่งขึ้นไปอีก เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ก็ถูกเปิดเผยออกมาด้วยเช่นกัน


       หลังจากพูดอะไรหลายอย่าง เจ้าหน้าที่ของศาลยุติธรรมก็จบคำพูดของเขาด้วยการพูดขึ้น“ ตราบใดที่เราพบคนที่อยู่เบื้องหลัง เราจะรู้ว่าใครต้องการทำร้ายเสี่ยวหวางเฟย”


       เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ เสี่ยวเทียนเหยา ก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกดูถูกพวกเขา แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเสี่ยวเทียนเหยาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาพูดเพียงสิ่งเดียวเมื่อฮ่องเต้ถามความคิดของเขา“กระหม่อมเชื่อฝ่าบาท”


       เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเสี่ยวเทียนเหยามีความภักดีสูงสุดต่อฮ่องเต้ แต่ผู้คนต่างก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ


       คำพูดของเจ้าหน้าที่ของศาลดูเป็นไปได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ มาได้ ในความเป็นจริง พวกเขาต้องการให้เสี่ยวเทียนเหยา ตรวจสอบผู้คนที่อยู่เบื้องหลังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง พวกเขาจะมีความสุขมากถ้าเสี่ยวหวางเย่ จะสามารถหาผีพวกนั้นพบ


       แต่แน่นอนว่าผู้คนที่อยู่ในท้องพระโรงของฮ่องเต้จะไม่พูดมันออกมาโดยตรง พวกเขาเพียงแค่พูดคำพูดที่ซ่อนความหมายเอาไว้เท่านั้น ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเสี่ยวเทียนเหยาไม่มีความตั้งใจที่จะจัดการกับคดีนี้ ฮ่องเต้จึงพยายามเปิดเผยสิ่งอื่นแทน


       เมื่อการประชุมในท้องพระโรงในตอนเช้าจบลง ฮ่องเต้ก็พูดคุยเรื่องนี้กับเสี่ยวเทียนเหยา ตามลำพัง“ เทียนเหยา แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนนอกจากการเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะมือสังหารต้องการที่จะทำร้ายหลิน ชูจิ่ว ตอนนี้เรื่องของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ถูกเปิดเผย คนที่อยู่เบื้องหลังจะไม่ยอมปล่อยหลิน ชูจิ่วไป เพื่อความปลอดภัยของนาง เจิ้นว่าเราต้องหาคนที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง ให้เร็วที่สุด”


       ตอนนี้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง ฮ่องเต้จึงพูดถึงความคิดของเขาออกมาโดยตรง


       ผู้คนที่อยู่เบื้องหลังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังนั้นไม่ใช่คนธรรมดาที่จะตรวจสอบ ต้องใช้เวลาและความพยายามในการค้นหาเรื่องนี้ ฮ่องเต้ไม่ต้องการเสียกำลังคนและทรัพยากรของเขาไปกับเรื่องนี้ นอกจากนี้เขายังต้องการให้เสี่ยวเทียนเหยายุ่ง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสนใจมองไปที่เหตุการณ์ในแนวหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่เขาผลักดันเรื่องนี้ให้กับเขา


       อย่างไรก็ตามหากเสี่ยวเทียนเหยา ทำตามคำสั่งของฮ่องเต้เขาก็คงจะไม่ใช่เสี่ยวเทียเหยาแล้ว


“ ฝ่าบาท กระหม่อมเชื่อว่าท่านจะค้นพบมันในไม่ช้า” เสี่ยวเทียนเหยาทำตัวเหมือนเขาไม่ได้ยินคำใบ้ของฮ่องเต้ เขาผลักเรื่องนี้กลับมาอย่างขาวสะอาด


       เกี่ยวกับกรณีนี้เขาสามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ทำไมเขาต้องรับคดีนี้ไปด้วย? ใครจะไม่รู้ว่าตอนนี้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง เป็นราวกับมันร้อน ใครก็ตามที่ตรวจสอบมันจะถึงวาระของความโชคร้าย


       หัวคิ้วของฮ่องเต้ขมวดขึ้นและใบหน้าของเขาก็เริ่มเศร้าหมองลง“ เทียนเหยา ราชสำนักกำลังมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ทางแนวหน้า เจิ้นหวังว่าเจ้าจะรับช่วงคดีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังต่อ”


“ ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกไม่สบายและไม่สามารถรับภารกิจที่สำคัญเช่นนี้ได้” เสี่ยวเทียนเหยาใช้ร่างกายเป็นข้ออ้าง“ กระหม่อมเดินได้ แต่ไม่สามารถยืนได้นาน กระหม่อมสามารถล้มป่วยได้ทุกเวลา ดังนั้นกระหม่อมจึงขอให้ฝ่าบาททรงเข้าพระทัย”


       ในความเป็นจริงเสี่ยวเทียนเหยา นั้นแข็งแรงมาก เขาเพียงแค่โกหกเท่านั้น


“ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของหวางเฟย เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าไม่สนใจ?” ฮ่องเต้ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะแสร้งทำเป็นไม่สบาย


       หรือว่าเขาค้นพบแล้วว่าใครเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทัง?


“กระหม่อมไม่สนใจ” หลังจากเสี่ยวเทียนเหยาพูดจบ เขาก็กล่าวคำอำลาต่อฮ่องเต้“ฝ่าบาทเวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว กระหม่อมคงไม่รบกวนเวลาของฝ่าบาทอีกต่อไป กระหม่อมทูลลา”


       หลังจากนั้นไม่ว่าฮ่องเต้จะมีความสุขหรือไม่ เขาก็หันหลังและจากไป …

 

 

 


ตอนที่ 270.2

 

  ฮ่องเต้ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะหยิ่งยโสถึงเพียงนี้ เมื่อเขาไล่ตามเขาไปยังท้องพระโรงเสี่ยวเทียนยเหยาก็หายไปแล้ว ฮ่องเต้โกรธมากจนไม่สามารถรอที่จะควักดวงตาของเขาออกมาได้“เจ้าคิดว่าหากไม่มีเจ้า เราจะไม่สามารถเอาชนะสงครามได้หรือ? เราจะชนะอย่างแน่นอน เจิ้นจะทำให้แน่ใจว่าโดยปราศจากเจ้าแล้ว ผู้ใต้บัญชาการของเจิ้นสามารถที่จะปกป้องแคว้นนี้ได้!”


ที่ตำหนักของฮ่องเฮา นางได้รู้ว่าเสี่ยวเทียนเหยาและฮ่องเต้ตกอยู่ในสภาพที่กดดันกันอีกครั้ง ด้วยสิ่งนี้นางจึงช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นเล็กน้อย“ ถ้าเสี่ยวหวางเย่จะไม่แทรกแซง สิ่งต่างๆก็จะง่ายขึ้นมาก”


       ชายชราที่อยู่ใกล้กับมามาก็ยิ้มขึ้นเมื่อเขาได้ยิน“ฮ่องเฮา โปรดวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ เราได้จัดการกับเรื่องนี้แล้ว พวกเขาจะไม่สามารถสืบหาสายลับของเราพ่ะย่ะค่ะ”


“เปิ่นกงเชื่อในฝีมือของท่าน แต่ช่างน่าเสียดาย” ฮ่องเฮาถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นอีก“ ข้าต้องการเตรียมการเพิ่มเติมสำหรับองค์ชายเจ็ดของข้า แต่ตอนนี้ข้ากลัวว่าเราจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว”


       ตอนนี้ พวกเขาถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด พวกเขาไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้!


       หลังจากเสี่ยวเทียนเหยา ออกจากวัง เขาก็ไม่ได้กลับไปยังตำหนักเสี่ยวหวางฟู่ แต่เขากลับสั่งให้รถม้าตรงไปที่โรงหมอแทน


       ในโรงหมอ ซู่ฉาผู้ซึ่งถูกปฏิเสธในการให้เข้าดูการผ่าตัดกำลังรออยู่นอกห้องผ่าตัด ในขณะที่เขาก้มลงและวาดวงกลมด้วยใบหน้าที่เศร้าสลด อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินเสียงของเสี่ยวเทียนเหยา เขาก็ลุกขึ้นทันทีและพูดขึ้น“ หวางเย่ ท่านมาด้วยหรือ?”


“เป็นอย่างไรบ้าง” เสี่ยวเทียนเหยาเดินเข้ามาด้านในและนั่งในตำแหน่งประธานอย่างเป็นธรรมชาติ เขาทำตัวเหมือนเป็นเจ้านายของสถานที่นี้อย่างสมบูรณ์แบบ


“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ซู่ฉาดูเหมือนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย แต่ตามความเป็นจริง เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความเคารพ


       ต่อหน้าคนอื่น ซู่ฉาไม่เคยลืมตัวตนของเขา


       เสี่ยวเทียนเหยาโบกมือแล้วพูดขึ้น“ ดีมาก เจ้าไปได้แล้ว”


“ตอนนี้เลยหรือ?” ตอนนี้เขาไม่มีประโยชน์แล้ว เขากำลังจะถูกโยนทิ้งหรือ?


       มันช่างเศร้าเหลือเกิน!


“หรือไม่เช่นนั้น?” เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ซู่ฉา อย่างเย็นชา ซู่ฉารู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้เขาต้องการที่จะจากไปในทันที“ข้าจะไปแล้วๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย” คนใจร้าย!


       เมื่อซู่ฉาจากไป เสี่ยวเทียนเหยาก็เรียกผู้ดูแลโรงหมอมาพบ“ เสี่ยวหวางเฟยอยู่ที่ไหน”


“เรียนเสี่ยวหวางเย่ เสี่ยวหวางเฟยอยู่ทางปีกฝั่งตะวันตก เสี่ยวหวางเฟยสั่งว่าไม่ให้รบกวนขอรับ” หลังจากผู้ดูแลโรงหอมพูดจบ เขาก็ก้มศีรษะลงทันที เขาไม่กล้ามองไปที่เสี่ยวเทียนเหยาแม้แต่น้อย


       เขากลัวจะต้องตาย … …


       หัวคิ้วของเสี่ยวเทียนเหยาขมวดขึ้น แต่เขาก็ไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็ปล่อยผู้ดูแลโรงหมอไป … …


       ในปีกฝั่งตะวันตกมีเพียงหลิน ชูจิ่วเท่านั้นที่มีอยู่ที่นั่น เพื่อที่จะปกปิดการมีอยู่ของระบบการแพทย์หลิน ชูจิ่ว จึงลดการใช้ยาแผนปัจจุบันในโรงหมอให้น้อยที่สุด และเธอไม่เคยปล่อยให้คนแปลกหน้ามาพร้อมกับเธอในระหว่างการผ่าตัด


       ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิน ชูจิ่วทำการผ่าตัดคนเดียว ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับมันแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำการผ่าตัดได้สำเร็จก่อนที่มันจะมืด


       การผ่าตัดตอนนี้เป็นกรณีสุดท้ายในบรรดาเด็กที่มีปากกระต่าย หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว หลิน ชูจิ่ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย


“ดูแลเด็กคนนี้ให้ดี อย่าให้แผลเขาเปิด” เมื่อหลินชูจิ่วส่งเด็กออกไป เธอก็แนะนำซ้ำแล้วซ้ำอีก


“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปากรับประกันซ้ำแล้วซ้ำอีกกับหลิน ชูจิ่ว แม้ว่าหวางเฟยของพวกเขาจะพูดอย่างมีเมตตา แต่ถ้าหากนางทำผิดพลาดซ้ำ ๆ นางก็จะไม่ใจอ่อนเช่นกัน


       เมื่อหลิน ชูจิ่ว ผ่าตัดเสร็จ เธอก็คิดจะไปเยี่ยมทารกที่มีอาการปอดบวม อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เธอก้าวออกมาจากห้องผู้ดูแลโรงหมอก็เข้ามาขวางทางของเธอเอาไว้


“มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?” หลิน ชูจิ่วถาม


       ผู้ดูแลโรงหมอพยักหน้าอย่างรีบร้อน ก่อนจะพูดขึ้น“หวางเฟย หวางเย่มารอท่านนานกว่าสองชั่วยามแล้วขอรับ”


“หวางเย่อยู่ที่นี่หรือ?” ดวงตาของหลิน ชูจิ่วสว่างขึ้น “ เขาพูดอะไรหรือไม่?”


       หลิน ชูจิ่ว ยอมรับว่าเธอมีความสุขมากที่ได้ยินว่าเสี่ยวเทียนเหยา มาหาเธอ เธอพบว่ามันน่ารักอยู่ไม่น้อย


       เมื่อเธอยังเรียนและทำงานในชีวิตก่อน เธอมักจะอิจฉาเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มีแฟนมารับและมาส่งที่ทำงาน แม้ว่าการที่เขาจะมารอถึงสองชั่วยามจะฟังดูไร้สาระ แต่เธอก็…มีความสุขจริงๆ!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม